สขุ ใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชวี ิตที่ดีงามโดย....คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ควาบเบา” เช่ือว่าทกุ ท่านคงเคยเห็นคนเมา แต่กน็ ้อยคนอย่ทู ่ีจะไปแยกแยะดวู า่ เมามกี ่ชี น้ั กี่ประเภท คงทราบกนั เป็นส่วนมาก กเ็ ร่ืองเมาสุรา แลว้ เดินโซเซ พูดจาเอะอะ อย่างที่เราเคยเห็นน่นั แหละ แต่ทางพระท่านจัดความเมาของคนไว้ ๓ ชั้น คอื มโท ปมาโท และ อุมมาโท มโท แปลว่า เมา ตรงตัว ปมาโท กศ็ ัพท์เดียวกันกบั มโท แตเ่ อาป ไปนา้ํ หน้าเขา้ ป แปลว่า ทั่ว เพราะฉะนัน้ คำวา่ ปมาโท แปลว่า เมาทวั่หรือเมาทั่วไป เมาชั้น ๓ คอื อมุ มาโท ก็ศัพทอ์ ยา่ งเดียวกัน คือ มโท น่ันเองแต่มี อุ นำหน้า อุ ตัวน้ี แปลว่า ขนึ้ ก็ได้ แปลวา่ สูง ก็ได้ เพราะฉะนั้น คำวา่อมุ มาโท นี้ ขอแปลว่า เมาสูง หรือเมาสดุ ขีด ไวก้ ่อนหาคำแปลเหมาะ ๆ ยังไม่ได้ ตกลงเมา มอี ยู่ ๓ ชัน้ คือ มโท เมา ปมาโท เมาทว่ั และอุมมาโท เมาสงู อาการทเ่ี รียกว่า เมา เปน็ อยา่ งไร ใครเคยเมาอะไรบ้าง? นึกถึงเรื่องเมาทวั่ ๆไปเลยี ก่อน คนเราเมาได้หลายอยา่ ง เช่น เมาเหลา้ คอื กินเหล้าเข้าไปมากจนประสาทเลอื ดลมวปิ รติ ไปเน้ือตัวโงนเงนเรียกว่า เมาเหล้า เมารถ เมาเรอื เช่น บางคนโดยสารรถ หรือเรอื พอรถออกกเ็ มาอาเจยี น เมาคลนื่ กร็ ้ายเหมือนกนั เวลาโดยสารเรอื ไปในทะเล พอเรอื โดนคลื่น ก็เมาอาเจยี นออกหมด ในไสใ์ นทงุ ไมม่ เื หลือ รบั ประทานอะไรกไ็ ม,ได้ เรยี กว่าหมดสนกุ เอาทีเดียว ไมเ่ มาดกี วา่ เมาตามทีว่ า่ มาน้ี เรยี กวา่ เมานอก ความเมาตั้งขนึ้ ทปี่ ระสาทส่วนร่างกาย คือประสาทถกู กระทบให้มึน แลว้ เลยเมาเรียกว่ามึนเมา “เมานอก” อยา่ งน้ี ยังไม่ตรงกบั เมาทดี่ ้องการพดู ถึงในท่ีน้ีเมา ในท่นี ี้คอื “เมาใน” เมาใจ สุนทรภ่กู ลา่ วไว้ว่า ไม่เมาเหล้า แล้วเรา ยังเมารัก สุดจะหัก หา้ มจิต คดิ ไฉน อนั เมาเหล้า เข้าสาย กห็ ายไป แต่เมาใจนี้ ประจำ ทกุ ค่าํ คนื๙๖
สุขใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ิตที่ดีงาม ท่านเหน็ หรือยังวา่ เมาใจนี้ ประจำทกุ คาคืน เมาใจนแ่ี หละ เป็นลักษณะเมาของอุปกิเลส เวลาใจมนั เมาแลว้ มนั เกดิ ความงุนงง งงงวย ซมึเซอะ ทรงตวั ไมอ่ ยู่ คล้าย ๆ เมาคล่ืนเหมอื นกนั ใจมนั ไปเท่ียวกนิ อะไรเขา้ ถงึ ได้เมา? ก็แลว้ แต่ของทจ่ี ะทำให้ใจเมามากกวา่ ของทที่ ำใหก้ ายเมาหลายเท่านัก พวกเด็กๆ บางคนเมาเทีย่ วบางคนเมาเลน่ บางคนเมาหนังสอื อ่านเลน่ เมาการ์ตนู พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆบางคนก็เมาเพื่อน เมาคู่รัก เมานํา้ ตก เมาบางปู เมาบางแสน เมาหนัง เมากิน พวกคนโต บางคนเมาหมากรกุ เมาสโมสร เมาบิลเลยี ด เมาไพ่ เมามา้เมาบา้ นใหม่ เมายศ เมาอำนาจ เมาชอ่ื เสียง คดิ ดเู องกแ็ ลว้ กนั มสี ารพัดเมาเมาอย่างนีแ้ หละ ทเี่ รียกว่า เมาใจ ลักษณะก็เหมือนๆ กนั คอื เมานอกหรอืเมากาย เมากายมนั ทำใหเ้ ดนิ โซเซ เดินไม่ตรงทาง บางทกี ็แ'วะผิดทางเอาทีเดียว ลงไดร้ ่างกายมนั เมาแลว้ นั่งก็ไม่ตรงท่ีจะนงั่ ยนื ก็ไม่ตรงทีย่ ืน ดอ้ งมืเย้ือน'ไปนิดๆ บางทีก็ผดิ ท่หี มายมากเกิน1ไป ถงึ กับตอ้ งทำปฐมพยาบาลเดินก็ไม่ตรงทีห่ มายจะเดนิ จะพดู กไ็ ม่ตรงทหี่ มายจะพูด ลงได้เมาแลว้ เรียกว่าทำอะไรตรงทหี่ มายยากเต็มที พวกเมาใจกเ็ หมอื นกัน ลงไดใิ จเมาแลว้ ก็แย่ที่หมายยกั เยอื้ งไปหมด เด็กๆ ทีเ่ มาการเล่น ควรท่จี ะตรงไปโรงเรยี น ซ่ึงเปน็ ท่หี มายของเดก็ แตล่ งได้เมาเลน่ แล้ว ก็มักจะไปสาย บางทีก็1ไป1ไม่ถงึโรงเรยี นเลยมันเซถลาไปเสียที่อนื่ เดก็ ทเ่ี มาหนงั สอื อา่ นเลน่ กเ็ หมือนกนับางทนี ง่ั อยใู่ นหอ้ งเรยี น อุตสา่ หซ์ ุกหนังสืออ่านเลน่ เขา้ ไปแอบดู หุม้ ปกเสยี ใหมบ่ า้ ง เสยี บไว่ในหนังสืออ่ืนบ้าง บางทีกซ็ กุ ไว้ในล้ินชกั 'โตะ๊ ทำเป็นน่ังกม้ หน้าดูตำราพลางครูเสียบ้าง ตามแต่ใครจะเมา จุดหมายจรงิ ๆ อยทู่ ่เี รียนแต่ถ้าใจมันเมาเลยี แลว้ กเ็ ซถลาออกนอกท่ีหมายเหมือนกัน นเ่ี ดก็ เมาใจผ ใู ห ญ ่เมาใจยิง่ เซไปไกล คนท ี่เมาหมากรุก จะเดินไปทำงาน บางทเี ซไปอยู่ศาลาวดั เสียตั้งครง่ึ วัน คนที่เมาบลิ เลียด เยน็ จะเดินกลบั บ้านก็เดนิ เซเขา้ โรงบิลเลยี ดเสยี จนส่ที มุ่ ห้าทุ่มจงึ ไดเ้ หน็ หนัาลูกเมยี เมาไพ่กเ็ หมือนกัน ถงึ เวลาควรจะเข้าครัว เตรยี มตวั ปรนนิบตั ิลูก ปรนนบิ ัตสิ ามี ตามหนา้ ท่ี กเ็ ซไปฟุบสนิ้ สติอยใู่ นวงไพ,เสียตงั้ ครึ่งค่อนวนั เมายศ เมาอำนาจ กเ็ หมือนกัน คดิ ดูเอาเองเถอะ ถ้าคิดเสยี บา้ งจะได้ความแจ่มซัด
สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ !!วิฅทดี่ งี าม รวมความวา่ ความเมา มันทำให้เสียอย่อู ยา่ งหนงึ่ ทีส่ ำคญั คือมนั ทำให้เซออกจากท่หี มาย ใม่ตรงที่หมาย ปนี ผาหนา้ ไม้ ถา้ ยิงได้แม่น คือกระสุนหรือลูกธนูพุ่งไปถูกตรงที่หมายจงึ เรียกว่าปนี ดี ถา้ เลง็ เทา่ ไรๆ แฉลบออกนอกเปา้ ทกุ ที เป็นไซไมไ่ ด้ เอาไปใช้รบทัพจับศึกก็คงแพ้เขาป่นปหี มด รถเรอื กเ็ หมอื นกนั หางเสอื พวงมาลัยต้องอยู่ที่ หักช้ายต้องไปซา้ ย หกั ขวาตอ้ งไปขวา ตรงตามท่เี ราหมาย จงึ จะเปน็ รถดีเรอื ดี ถ้าเซถลาออกนอกทหี่ มายเสยี เร่ือยกแ็ ย่ ต้งั ทห่ี มายไว้ทบี่ างปู ผลท่ีสดุ ก็ตอ้ งเซไปนอนอย่โู รงพยาบาลอะไรอย่างนี้ ใช้ไมไ่ ต้ ศาสตราอาวุธ และเครือ่ งใชไ้ มส้ อย ทกุ อย่างมนั ตอ้ งใชไ้ ตต้ รงท่หี มาย ตรงเปาั ตรงจุด จงึ จะดี คนเรากเ็ หมือนกนั การบริหารชวี ติ ของเรา และการบรหิ ารงานของสว่ นรวม มนั ก็มีจุดหมาย มีเปา็ เลง็ เหมือนกัน ตื่นเช้าลา้ งหนา้ อาบน้าํแตง่ ตัว ไปโรงเรียน ไปทำงาน เรยี นหนงั สือ ทำงาน กลบั บ้าน พดู จาสนทนากบั ลูกเมียดีๆ ถา้ เป็นเด็กกอ็ า่ นหนังสือ ทำการบา้ น อยา่ งนเ้ี ป็นตน้ เรยี กวา่เปา็ หมาย หรอื จุดหมาย ใน'วัน'หน5้ี ๆ เราตอ้ งควบคมุ ตัว หรือขับข่ีตัวของเราใหต้ รงกบั จุดหมาย อย่างนี้จึงจะดี งานก็ดี คนก็ดี บา้ นเมอื งก็ดี ทกุ คนทร่ี จู้ กัควบ คุมตัวให ้ตรงจุดห มายตรงเป า้ เล็ง จัดเปน็ คนดี เหมอื นปนี ดีหนา้ ไม้ดี ท่วี ่ามาแล้ว ทา่ นผูฟ้ ้งลองพิจารณาดูวา่ เป้าหมายของทา่ นเองคอื อะไรทา่ นจะเลง็ เปา้ ไหน แลว้ ต่อจากเป้านั้นแล้ว ท่านจะเล็งเป้าไหนต่อไปอีกเปา้ หมายชีวิตของเรามันมตื ่อเนอ่ื งกนั เป็นทอด ๆ อย่างน้ี ทนี ี้ ความเมา ท่ีว่าน้ี มันเปน็ เครือ่ งทำให้คนเซถลาออกนอกเป้าเรากะวา่ จะเลง็ ท่ีเป้านัน้ แต่พอเกดิ ความเมาขน้ึ มันทำใหเ้ ราเซถลาไปเสยีอกี ทางหนึง่ ถ้าจะเปรยี บความเมา ก็เหน็ จะตอ้ งเปรยี บกบั ฃี๋โคลน คนที่บ้านอย่ใู นตรอกลกึ ๆ หรอื คนบา้ นสวนบ้านนาร้จู ักกนั ดี ข่โี คลนเฉอะแฉะตามทางเดนิ เวลาเดนิ แล้วมนั จะทำให้เราหกล้ม บางทีล้มหกคะเมนไปจริงๆพอจะเหยียบลงตรงน้ี เทา้ เกดิ ถลาไปตรงน้ัน ว่าจะเหยียบตรงน้นั เกดิ แฉลบตอ่ ไปตรงโนน้ เราก็เสยี การทรงตัว ผลทีส่ ุดกน็ อนวัดถนนเลย น่าโมโหจริง
สขใจทึ่ไดอ้ ่าน สารธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ีดปี ๋ามเรื่องถนนมโี คลน อยา่ งนอ้ ยกท็ ำใหค้ นเดินชกั ช้าไม่ทนั กาลทันเวลา เคยเดินได้ช่ัวโมงละ ๔ - ๕ กโิ ลเมตร แต่ถา้ โดนทางลืน่ เชา้ เดนิ ชวั่ โมงละ ๒- ๓ กโิ ลเมตรก็แทบไมไ่ ด้ พูดง่ายๆ ทำอะไรไมท่ ันซาวหา้ นเขา ทา่ นผูฟ้ ้งครบั ความเมาใจกเ็ หมอื นกับโคลนล่ืนน่ันแหละ คือมันทำให้คนไม1ตรงที่หมาย แฉลบไปทางโนน้ ถลาไปทางนี้ น่าเวยี นหวั พลาดท่าเลยหกคะเมนเอาจริง ๆ คนท่ไี ด้คคู่ รองประเภทเมา ครูทไ่ี ดน้ กั เรยี นประเภทเมา สมภารทไี่ ดล้ ูกวัดประเภทเมา ผู้บังคบั บญั ชาท่ไี ด้ทหารประเภทเมาไวีในหนว่ ย นายดา้ งทไ่ี ดล้ กู จา้ งประเภทเมา คนพวกนีแ้ ย่ตามๆ กนั เหมือนคนเดนิ ทางลืน่ ทางมีโคลนต้องคอยระมัดระวังเน้ือตัวเปอี นเปรอะพลาดหกล้มทงั้ ยนื เห็นอยู่มากมายหลายเร่อื งหลายรายมาแลว้ ไม่ต้องยกตวั อย่างก็ได้ และความเมานี้ แม้จะไมถ่ งึ กบัทำใหเ้ ราแวะออกนอกทาง แตม่ ันกท็ ำให้ความก้าวหนา้ ตอ้ งซงกั ชกั ช้า ไม่ทนัคนอ่ืน ระวงั ใหด้ ี ตามตัวอยา่ งที่ว่ามาแลว้ เช่น นักเรียนเมาหนังสืออ่านเลน่ เมาหนังสอื การ์ตนู จนสืมตำราเรียน เมาเพื่อนจนลืมครูบาอาจารย์ผลทีส่ ดุ กเ็ กิดเป็นคนชกั ชา้ ตกโหล่ ความรูโ้ มท่ ันเพอ่ื นๆ คนที่ตงั้ ครอบครวัหรอื ทำการงาน หาความเจรญิ กา้ วหน้า ถา้ เกิดเปน็ คนเมา ล่ืนซ้ายลืน่ ขวากจ็ ะกลายเป็นคนชา้ เจริญกา้ วหนา้ ไมท่ ัดเทียมคนอืน่ คนทม่ี คื 'วามเมาน่นัไม่ผิดอะไรกบั ทางล่นื ลำบากลำบนจรงิ ๆ เหนอ่ื ยท้ังตัวเหน่ือยท้ังใจ ใครเป็นอยา่ งวา่ น้ี ก็คดิ อา่ น ลาดยางมะตอยใหต้ ัวเองเสยื ห้างก็ดีเหมือนกนั จะได้หายล่ืน พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผบู้ งั คับบัญชา จะได้สบายใจวธิ ีแก้เมา ทนี เ้ี ราลองมาดวู ิธีแกค้ วามเมา หรือถอนความเมาดหู า้ ง เมาทางกาย เชน่ เมาเหล้า เมาเรือ เมาคล่นื เหลา่ น้ี เขาถอนกนั ดว้ ยยา เชน่ กินของเปรีย้ วๆ หรอื ใช้ของร้อนๆ ก็มื ทำให้สร่างเมา ส่วนเมาใจน้ัน มนั เปน็ เร่อื งลกึ มาก ไมใช่อาการวปิ รติ แค่ประสาทหรือแคส่ มองเหมือนเมาทางกาย แต่มนั แลน่ ลกึ เช้าไปถึงใจ มนั แทรกเชา้ ไปในจิตใจทเี ดยี ว เพราะฉะนน้ั ใช้ยาช้างนอกถอนไม่สำเร็จ เสยี ยาเปลา่ ๆ
สขุ ใจท่ีใดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชีวติ ท่ดี ีป้าม การถอนความเมา จงึ ต้องถอนกนั ที่จติ ใจ คือใจของเราตามธรรมดาท่ีเราใช้คิดนกึ อะไรอยู่ทกุ วนั นี้ จิตใจของเราจะคิดอา่ นเปน็ ระเบียบกเ็ พราะเรามหี ลกั ยึดหลกั เชน่ หลักเรียน หลักบวช หลกั งาน หลกั ครอบครวัหลักทหาร เปน็ ต้น หรอื ทเี่ รยี กว่า เปา้ เล็ง ตามท่กี ล่าวมาแลว้ ใจเราจะคิดอะไรๆ ลักรอ้ ยอยา่ งพันอยา่ งกไ็ ดแ้ ตต่ ้องมหี ลกั อยา่ ท้ิงหลกั พูดง่ายคอื อย่าลืมสงิ่ ทีเ่ ป็นหลกั จรงิ ๆ ถ้าท้ิงหลกั ก็เรยี กวา่ ใจลอย ถา้ เปน็ ของทีผ่ กูไว้กับหลกั แลว้ ทิ้งหลัก เรียกว่าหลกั ลอย ของทุกอยา่ ง จะมีระเบียบหรอื สำเรจ็ผลตามความมงุ่ หมายกเ็ ฉพาะท่ีมนั ไม่ทง้ิ หลัก ถา้ ลงไดล้ อยแลว้ แย่ ในหน้าว่าว ตอนเย็นๆ ทท่ี ้องสนามหลวง มคี นเล่นว่าวเตม็ ไปหมด เวลาผา่ นไปลองสังเกตดซู คิ รบั ว่า ว่าวทโี่ ตล้ ม ลอยโฉบอยู่บนอากาศทุกตวั มเี ชือกลา่ มไวก้ ับหลัก คือคนเล่น ท้ิงนั้น สวยงามมาก แตถ่ า้ ว่าวตวั ใดขาดจากหลัก ที่เรียกวา่ว่าวลอย จะมอี าการหมนุ เคว้งไปตามลม ทา่ ทางดไู ม,ได้ เรือลอยก็เหมอื นวา่ วลอย หลุดจากหลักแลว้ กเ็ ควง้ 1โป'ไม่มีท่หี มาย ววั ควายท่หี ลุดจากหลักก็เร่รอ่ นไปเชา้ ไรเ่ ข้านาคนอนื่ เจา้ ของตามเสียคา่ ปรับใหใม1หวาดไมไ่ หวของก็ดี สัตว์ก็ดี ทมี่ ันจะเสีย เสียตรงทล่ี อยจากหลักน่ีแหละ ถา้ ยงั ตดิ หลักอยู่ยงั พอคอ่ ยยงั ชว่ั พอหลดุ จากหลักก็เคว้ง ใจของคนเรากเ็ หมือนกัน ตราบใดทีย่ งั ติดหลกั อยู่ ยากดมี จี นกพ็ อแก้ แต่พอหลดุ จากหลกั ความเมาก็เกิด ความเมาเกิดตรงน้เี อง ตรงที่ใจลอยจากหลกั น่ีแหละ เช่น คนท่ีมกื ารเรยี นเปน็ หลกั เกิดไมไ่ ด้คดิ ถงึ การเรียน ทิ้งการเรียนก็เกิดความเมา คือเมากบั การเล่น เมากบั การเทย่ี ว เมากับ เรืองรักๆ ใค ร ่ๆ แล้วแตจ่ ะไปปะทะเช้าท่ไี ห น เห ม อื น ว่าวลอย แล้วแต่ลมจะพดั ไป ทา่ นผฟู้ ง้ เหน็ แลว้ หรอื ยัง จงั หวะท่ีความเมาจะเกดิ คือตรงท่ใี จเราลอยจากหลกั น้ันเอง ของต่างๆ ท่ีมันจะแปรเปล่ียน ผดิ รูปผิดร่าง มันก็เสียตรงทล่ี อยตัวน่แี หละ เชน่ ตู้ เดมิ ตงั้ หันหนา้ มาทางน้ี ถา้ จะหันมันไปทางอื่นต้องยกใหม้ ันลอยจากพื้นเสียก่อน พอมันลอยแลว้ จะหนั ไปทางไหนก็ได้วิธีเปลยี่ นแปลงคนกเ็ หมอื นกัน ตามหลกั จติ วทิ ยา ต้องทำให้ใจลอยเสยี ก่อนเช่นจะใซให้เขาทำงานให้ กพ็ ดู ยก ท่เี รียกว่า ยอ ให้ใ,'จลอย แลว้ ก็ใชโ้ ต้ จะ๑๐๐
สขุ ใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพ่ือชีวติ ท่ีด้ป๋ามขอความรักจากสาวๆ ก็ตอ้ งชม เช่น วา่ คณุ สวยทีส่ ุดใจดีท่ีสุด นา่ รักทีส่ ดุแลว้ แตจ่ ะวา่ กะวา่ พอใจลอยแล้ว จงึ ขอความรัก นวี่ ่าตามหลักทางจติ นะคือคนเรานี้ พอใจลอยแลว้ ก็เควง้ เปน็ โอกาสที่ความเมาจะแทรก เสรจ็ แล้วก็เริม่ เปะปะไปตามเร่ือง เมื่อว่ามาถงึ ตอนนี้ ก็เปน็ การชีใ้ ห้เห็นถงึ ขอ้ ปฏบิ ตั เิ พอื่ กนั เมาหรอื ถอนความเมา ไดแ้ ลว้ คือจงยึดหลักไวเ้ สมอ ทกุ วนั นี้ งานทเ่ี ปน็ หลักบรหิ ารชีวติ ของเรามอี ะไรบัาง จงยึดไว้ อย่าลืม จงฝกื ใฝ่สนใจกบั งานหลกัของเราไวเ้ สมอ อยา่ ใหใ้ จลอยเสีย เป็นพ้นภัย และคนทค่ี วามเมาเล่นงานอยแู่ ลว้ กถ็ อนความเมาเสยี ด้วยการเริ่มจับงานหลกั ให้กระซบั แนน่ เขา้ จะเลน่จะเทย่ี ว จะกนิ กอ็ ยา่ ใหถ้ งึ กบั ให้หลกั ลอย องค์สมเด็จพระสัมมาลัมพุทธเจา้สอนคำบรกิ รรมกนั ความเมาไวว้ ่า “เวลาล่วงไปๆ บดั นเ้ี ราทำอะไรอย”ู่นีเ่ ปน็ เครอ่ื งเตือนไมใหต้ วั ลอย ( 5) 0 0 * )
สุขใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชวี ติ ทด่ี งี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ ความตัองการ” อาการของจิตใจอย่างหนงึ่ ทสี่ ามารถเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมของคนให้เป็นไปตา่ ง ๆไดอ้ าการท่วี ่านี้ คอื “ความด้องการ” ความจริงเปน็ เพยี งอาการอย่างหน่งึ ของจิตเท่านั้น ไม,นา่ จะยกเอามาพูดให้เปน็ เรอ่ื งเป็นราวคดิ อย่างนีก้ ไ็ ด้ แตย่ งั ไมถ่ ูกต้องนัก เรอื่ งความต้องการน้ี จะวา่ เป็นเรอ่ื งเลก็ก็เลก็ ถ้าจะวา่ ใหญก่ ใ็ หญ่ เกอื บรอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ตข์ องคนท่ที ำความผิดตา่ งๆให้หนงั สอื พมิ พล์ งข่าวอย่เู ป็นประจำ ก็เปน็ ฤทธ้ีเดชของความต้องการทง้ั นั้น ความต้องการ ตรงกบั ภาษาซาวบ้านวา่ ความอยาก คอื อยากไต้นน่ั อยาก'ใต้น่ี หรอื อยากเป็นนน่ั อยากเป็นนี่ ความอยากนี้พูดใหส้ ุภาพหนอ่ ยว่า ความปรารถนา หรอื ความตอ้ งการ ทำไมคนเราจงึ มคี วามต้องการ เหน็ จะไม่ต้องพดู เพราะรูก้ นั อยู่แลว้ เพราะว่ารา่ งกายเนื้อตวั ของคนเรา มันมคี วามบกพร่องอยูในตวั ตอ้ งไตข้ องอื่นเข้ามาปรนปรือ คนเราชอบอ่ิม แตใ่ นตวั เราก็ไมม่ คี วามอ่มิ ต้องหาขา้ วหานํา้ จากภายนอกมาทำใหอ้ ิ่ม ไม่มีใครอ่ิมในตวั ไต้ เราชอบความอรอ่ ย แต่ความอรอ่ ยในตวั เราเองกไ็ มม่ ี ฒท่จี ะทำให้ตัวเราอร่อย มนั ตอ้ งเอามาจากคนอน่ื สตั วอ์ ่ืน และส่ิงอื่น ซ่งึ อยู่นอกตวั ทง้ั นั้น เช่นใตจ้ ากเนอ้ื สตั ว์ เน้ือปลาผัก ขา้ ว และอืน่ ๆ ซงึ่ ล้วนแต่ไมม่ ีอยใู่ นตวั เราเองเลย ตับไตไลพ้ งุ ในตวั เรากม็ ี แต่มนั ไม่อรอ่ ยสำหรบั เรา มันไปอร่อยสำหรบั สตั วก์ นิ เนอื้ อยา่ งอน่ืช้นั ทส่ี ุด ลมซงึ่ มีไวส้ ำหรบั หายใจไมให้ตาย กต็ ้องสูดเอามาจากขา้ งนอกท่ีมอี ยู่ในตัวเราเองไมพ่ ออยากรวู้ ่าพอหรอื ไม่พอลองปิดปากปดิ จมูกดสู กั ห้านาทีก็ร้วู ่าพอหรือไมพ่ อ๑๐๒
สขุ ใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพื่อช ีว ิต ทีด่ งี าม ในแง่ความเพลิดเพลินก็เหมอื นกัน เรามตื าไว้สำหรับดรู ูปสวย ๆแต่รูปสวยๆ กม็ ีอย่นู อกตัว เรามีหูไว้สำหรบั พเั งเสียงเพราะๆ แต่เสียงเพราะๆกม็ อื ยนู่ อกตวั เรามีจมกู ไว้สดู กล่ินหอม แต่ในตวั เราก็ไม1มอี ะไรหอมหอมมนั อยู่ท่ีอ่ืนทง้ั นั้น ไมเ่ ฉพาะแตร่ ่างกาย แม้ทางใจก็เหมอื นกัน จำเปน็ตอ้ งไดอ้ ะไรจากนอกตวั อีกหลายสงิ หลายอยา่ ง ตวั เรามนั ไมเ่ ตม็ มันพรอ่ งมนั ยังขาด เพราะมนั ขาดนแ่ี หละมนั จึงเกดิ ความต้องการ คอื อยากไตม้ าปะตรงท่ีมนั ขาด อยากไต้มากลบตรงทมี่ ันไม่เตม็ ความตอ้ งการเป็นพ้นื เพแห่งความรสู้ ึกของคนทว่ั ไป มดี ้วยกนั ทั้งนน้ั คนทไี่ ม่ตอ้ งการอะไรเลย ก็คอืคนตายแล้วเท่านั้นไปดูท่ีหลงั วัดมกฎุ กษตั รยิ าราม หรอิ หลังวดั โสมนัสวหิ ารก็ได้ ท่านเหลา่ น้นั เลกิ ตอ้ งการแลว้ โลงไม้ลกั ก็ไม่ว่า โลงไมย้ างกไ็ มต่ ิ อะไร ๆกไ็ ต้ แต่คนเปน็ น้ี มคี วามต้องการด้วยกนั ทกุ คน เรื่องความตอ้ งการน้ีใครๆก็มีเหมือนกัน แต่ความตอ้ งการเหมือนกนั นั่นแหละมีหลายชนิดดีก็มี ไม่ดีก็มื ความต้องการที่ว่าดีหรือไมด่ ีนัน้ ดูไต้หลายแง่ คอื ดลู ่งิ ท่ีต้องการกไ็ ต้ ดูวธิ ที จ่ี ะเอาสิง่ น้ันมาก็ไต้ ถา้ สิ่งที่ต้องการหรอื วธิ ีทีจ่ ะเอาของนน้ั เปน็ การชั่วการตํ่า ความตอ้ งการนัน้ เรยี กวา่ ความตอ้ งการเสยี หาย ใซไมไ่ ต้ คอื ตอ้ งการสง่ิ ทีไ่ ม่ดี ดไี ม่ตอ้ งการ ไพลไ่ ปตอ้ งการสิง่ ท่ไี มด่ ี แตอ่ ย่าลืมว่า ทว่ี ่าไม่ดีๆ น้ัน อาจไม่ดโี ดยวตั ถุกไ็ ต้ เชน่ พอ่ แม่ครูบาอาจารย์สอนอยู่ทุกๆ วันว่า คบคนชวั่ ไมด่ ี กย็ งั ตอ้ งการจะเอาคนช่วั คนเลวมาเปน็ เพ่ือน นเี่ รืยก1ว่า ไมด่ โี ดยวัตถุ ทว่ี า่ ไมด่ ีโดยวธิ ีการนั้น หมายความว่าทางวตั ถุดี เช่น ตอ้ งการสร้อยทองคำลักเสน้ หนงึ่ แตห่ าเอาโดยวิธีขโมยอยา่ งน้ี สรอ้ ยทองคำไม่เสีย เป็นของดจี ริง แตไ่ ปเสียทีว่ ิธีหาสายสรอ้ ยทองคำ คอื วิธีขโมยเอา เป็นวธิ ที ีไ่ ม่ดี ความตอ้ งการ ซ่งึ เปน็ ความรูส้ ึกในใจนี้ เปน็ เคร่อื งส่องใหเ้ ห็นความดีความไม่ดขี องผู้นัน้ เหมือนอยา่ งแมลงภูก่ บั แมลงวนั มคี วามตอ้ งการตา่ งกนัแมลงภ่ตู ้องการของสูง พวกดอกไม้สวยๆ หอมๆ แต่เจา้ แมลงวันตอ้ งการของเน่าของเหม็น ถ้าเจอเข้าเปน็ ไม่ยอมไปไหน เพราะความตอ้ งการของมนั ๑๐๓
ส'ุ ยใจที่ได้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ทด่ี งี ามต่างกันนน่ั เอง ทำใหค้ กั ดีศ้ รีในตัวของสตั ว์ทัง้ สองต่างกัน เรานึกถึงแมลงภู่ดว้ ยความนยิ มชมชอบ แต่นกึ ถงึ แมลงวันด้วยความเหยยี ดหยามและรงั เกยี จความตอ้ งการของคนเรากเ็ หมอื นกนั คนเรามหื ูมตื ามืปากมฟี นั เหมอื นกนัแตค่ วามตอ้ งการในใจของแตล่ ะคน ย่อมจำแนกบคุ คลน้ันๆ ใหต้ า่ งกัน ความทุกขข์ องคนเราก็เก่ียวกบั ความตอ้ งการนี้ อาจจะไมเ่ ก่ียวกับปัญหาทีว่ า่ เป็นความต้องการชนิดดหี รอื ไม่ดี ความตอ้ งการดๆี วิเศษๆน่แี หละ อาจทำให้คนร้องไหไต้ ทำใหค้ นอยากตายไต้ ทำให้ฆ่าตวั ตายก็ไต้ ความทุกขข์ องคนเราท่ีสำคัญอย่างหนึง่ ในชีวติ คอื อยากไต้อะไรไมส่ มความตอ้ งการ ก็เป็นทกุ ข์ นกั เรยี นอยากสอบไต้อันดับที่ ๑ แต่ปรากฏว่า สอบไตอ้ นั ดบั ท้ายๆ ก็เสียใจ บางคนถงึ กับกนิ ไมไ่ ตน้ อนไม่หลบั หนมุ่รักลาว แตส่ าวปฏเิ สธไม่รบั รักตอบ กเ็ สยี ใจ บางรายถึงกับฆ่าตวั ตายประชดรกั พ่อแมเ่ ล้ียงลกู ปรารถนาให้ลกู เปน็ คนดี ตงั้ ใจเรยี นหนังสือ แตล่ ูกกลบัชอบคบเพอ่ื นช่ัว ชอบเที่ยวเตร่ และหนักไปกว่านัน้ คอื หลงไปเสพยาเสพตดิผเู้ ปน็ พ่อแม่ก็เสยี ใจมาก มพื อ่ แมบ่ างรายกล้มุ ใจกับเรือ่ งนี้ แก้ปญั หาไม่ตกเครยี ดมาก และลงท้ายแกป้ ญั หาผิดทางด้วยวธิ หี นคี วามเปน็ จรงิ ฆา่ ตวั ตายเพื่อไม,ต้องรับรู้กับปญั หาทกุ สิ่งทุกอย่างทเี่ กิดข้ึน ส่วนความสุขใจสบายใจจะมืขึ้นไต้ เพราะความเหมาะสมกนั ของสองสงิ่ คอื ความตอ้ งการของเรา กบั ส่ิงทเี่ ราต้องการ - เราตอ้ งการบ้าน ความตอ้ งการเปน็ ฝ่ายหน่งึ บ้านเป็นฝา่ ยหนึง่ - เราต้องการเงนิ ความต้องการเป็นฝา่ ยหนง่ึ เงนิ เปน็ อกี ฝา่ ยหน่งึ ถา้ ท้ังสองฝา่ ยไต้ลัดไต้สว่ นกันพอดี ตอ้ งการร้อนกไ็ ต้รอ้ น ตอ้ งการเยน็ กไ็ ตเ้ ย็น ตอ้ งการเปรี้ยวไตเ้ ปร้ยี ว ต้องการหวานไต้หวาน ต้องการเปรย้ี วๆ หวานๆ ก็ไตเ้ ปรี้ยว ๆ หวานๆ สมกนั พอดอี ยา่ งน้ี ก็หมดเรอ่ื งหมดปญั หา๑๐๔
สหุ ใจทไี่ ด้อา่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่ีดงี าม ทเี่ ป็นเร่ือง เปน็ ปัญหา คอื เกิดทกุ ข์ขนึ้ กต็ รงที่วา่ เจา้ สว่ นทง้ั สองน้ีมันไม่เหมาะเจาะกันตอ้ งการสน้ั ไตย้ าว ต้องการขาว ไตด้ ำ ต้องการคนนน้ัไพล่มาไตค้ นนี้ ความทุกข์เกดิ ตรงนี้ ทกุ ข์ตรงท่ีว่า ส่ิงท่ีไดํไมเ่ หมาะกบั ความตอ้ งการ แลว้ จะแกอ้ ยา่ งไร วธิ ีแก้ไห้หายทุกข์ ก็คอื จัดสว่ นทง้ั สองน้ใี ห้เหมาะเจาะกัน คอื จดั ความต้องการให้เหมาะกบั สิง่ ท่ีไดวํ ธิ หี นง่ึ อกี วิธหี นง่ึคือจดั สิ่งทไ่ี ดํใหม้ าเหมาะกบั ความต้องการ “ความต้องการ” คอื ความอยากไต้อย่างน้ันอย่างน้ี ใครเป็นคนสรา้ งข้ึนมา ตวั เราเองใช่ไหมเปน็ ผู้สรา้ งความตอ้ งการขึ้นมา ความต้องการของใครก็คนน้ันแหละเป็นคนสรา้ ง แต่ส่ิงทเ่ี ราอยากไดม้ าสนองความตอ้ งการของเรานน้ั คนอ่นื เขาทำใหร้ วมความวา่ - ความตอ้ งการ เปน็ ส่ิงทีเ่ ราสรา้ งขนึ้ - ส่วนส่ิงที่ต้องการ เปน็ สิ่งที่คนอ่ืนสรา้ งให้ สมมติวา่ มีนายคนหนงึ่ อยวู่ า่ งๆ ก็ควักเอาดินเหนยี วขน้ึ มาปันเป็นชาม ปนั ไปตามใจชอบ ปากกลม ปากแบน ปากบิด ปากเบยี้ ว แลว้ แต่จะนึก ครน้ั ปนั เสร็จแล้วกอ็ ยากไตฝ้ าชามมาปิด แตต่ ัวเองทำฝาไมเ่ ปน็ จงึไปเทีย่ วเดินหาชอื้ ในท้องตลาด หาไปทกุ ตรอกทุกซอกทุกมมุ ก็ไม่ได้ฝาที่พอดีกับชามทต่ี วั ปันขน้ึ หาเทา่ ไรๆ กไ็ มไ่ ด้ เลยเสียอกเสียใจ เปน็ ทกุ ขท์ ุกข์เพราะหาฝาชามทเี่ หมาะกับชามไมไ่ ด้ ท่านผ้ฟู ังคดิ วา่ ควรจะแก้ฝ่ายไหนคือจะแก้ชามที่แกปนั ขึ้นเอง หรอื จะแก้ทอ้ งตลาดใหส้ ร้างฝาท่เี หมาะๆ มาขายใหแ้ ก ชามเป็นสิ่งทแี่ กควกั ดินเหนียวมาปนั ข้นึ เอง สว่ นฝาเป็นสงิ่ ทท่ี ำมาจากรอ้ ยทิศพันทาง ทางที่ดีแกควรจะแกช้ ามของแกเอง ยุบมันเสยี แลว้ปนั ข้นึ ใหม่ แล้วก็เวลาจะปนั ถ้าแกจะชำเลอื งดทู อ้ งตลาดเสยี กอ่ นวา่ เขามีฝากีแ่ บบกข่ี นาด แลว้ ปันชามข้นึ ใหม้ นั เหมาะกับแบบของเขา มนั ก็ส้นิ เรือ่ งปันชามเสรจ็ ก็หาฝามาปิดได้ เร่ืองความตอ้ งการก็เหมีอนกนั ความตอ้ งการเป็นสิ่งทเ่ี ราสรา้ งมันขน้ึ เอง ถา้ เราจะยุบมนั เสีย แล้วสร้างมันใหม่ กไ็ ม่มีใครเขาวา่ อะไร เหมือน ๑๐๕
สุขใจที่ไดอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชีวิตทตี่ งี ามชามทเี่ ราปันขนึ้ กบั มอื น่ันแหละ ส,วนสิ่งที่เราต้องการน่ัน เหมือนฝาชามในท้องตลาด ถ้าเราเองหลบั หูหลบั ตาปันชาม แลว้ จะไปโมโหทอ้ งตลาดว่าไม่มืฝาขายใหม้ นั กไ็ มเ่ ข้าท่า การทจี่ ะแกใ็ หม้ นั ลงกนั ก็ไมม่ ืจุดไหนเหมาะเท่ากบัแถ้ที่ความต้องการของเราเอง เพราะเป็นส่ิงที่เราเองสรา้ งมนั ขึ้น สว่ นสิ่งที่เราต้องการนั่น คนอ่ืนเป็นผู้สรา้ ง และมตี ้งั หลายสบิ หลายร้อยคน การที่เราจะตอ้ งการผ้าเชด็ หนา้ ลักผนื หน่งั อึดใจเดยี วกต็ อ้ งการเสร็จ แตผ่ า้ เช็ดหนา้ ๑ผนื ทจี่ ะมาสนองความตอ้ งการใหเ้ รา ลองคิดดูสิ-วา่ ต้ังแต่เป็นเสน้ ด้าย จนมาเป็นผ้าเชด็ หน้าอยู่ในกระเป้าเรา ต้องพึ่งคนทำกสี่ บิ ก่รี อ้ ยคน ตงั้ แตช่ า่ งปนั ดา้ ย ช่างฟอก ช่างกรอ ช่างทอ ชา่ งยอ้ ม ช่างเยบ็ แลว้ ยงั มพี วกยก พวกขน พวกหาบพวกหาม ตกเข้าไปเท่าไรแลว้ น่นั คอื พวกสนองความตอ้ งการใหเ้ รา เราปนั ชามคนเดียว แต่คนตงั้ รอ้ ยทำฝาปดั ชามให้เรา ลองคดิ ดูชิ'วา่ ขณะที่ทา่ นน่ังอย่นู ้ี สิง่ ของต่างๆ ในตัวเราเด๋ยี วนี้ ต้องใชค้ นทำเท่าไร อยา่ ลืมวา่แกงชามเดียวทท่ี ่านตอ้ งการจะรับประทานน่ัน ทา่ นสรา้ งความต้องการอึดใจเดียวเสรจ็ คือเพยี งแตนกวา่ “ฉันจะกนิ ตม้ ยำอร่อย ๆ” เท่าน้ี แตแ่ ม่ครวั ตอ้ งใช้เวลาหลายร้อยอึดใจ ท่จี ะทำตม้ ยำอรอ่ ย ๆ มาใหเ้ ราไดส้ นองความตอ้ งการ ฝา่ ยต้องการมักจะชอบเอาเปรยี บฝ่ายสนองอยู่เสมอ บางทีแม่บา้ นเขางอ้ งอนให้สรา้ งความต้องการเสยี ดว้ ยวา่ “คณุ พี่, วนั น้ีตอ้ งการจะทานอะไร” พ่อเจา้ ประคณุ เกดิ เล่นตัว บอกวา่ “อะไร ๆ ก็ได”้ ฝ่ายแมบ่ ้านก็กลัวจะหา “ฝา” มาไมเ่ หมาะกบั “ตัวชาม” อตุ สา่ ห์ซัก อยากจะรวู้ า่ คณุ พ'ี่ จะปนั ชามแบบไหน “คุณพ่,ี คณุ พบี่ อกมาลักอย่างซิว่าต้องการจะทานอะไร”ฝ่ายคณุ พี่ถกู เรง่ ใหป้ นั ชามก็ซกั จะโมโห เลยบอกวา่ “โธ!่ บอกแล้ววา่ อะไรๆกไ็ ด้ ถามอยู่ไต้” คนเรามันเปน็ เสียอย่างนแี้ หละ เขาอยากจะรหู้ นอ่ ยว่าจะปนั ชามแบบไหน จะไดป้ ันฝาใหม้ นั เหมาะ ๆ เท่าน่ันเอง โมโหอยไู่ ด้ เรื่องความตอ้ งการของคนเราน้ี เป็นปัญหาใหญ่ พระท่านสอนว่า“โลกพร่องอยู่เปน็ นติ ย์ ไม่รจู้ ักอมิ่ เปน็ ทาสของความอยาก (คอื ความต้องการ)” ความตอ้ งการนีถ้ า้ เป็นความตอ้ งการทีไ่ ม่เป็นประโยชนแ์ ละ 6 ) 0 เ)
สขุ ใจท่ีใด้อา่ น สารธรรมเพ่ือชีวติ ทส่ี งื ามไม่เปน็ ธรรม กจ็ ะนำความเสอ่ื มเสียมาสูต่ วั เราได้ ปัญหาทุกอย่างที่เกดิ ขึ้นในชาตบิ า้ นเมืองของเรา ไมว่ า่ จะเปน็ เรื่องยาเสพติด ปัญหาโรคเอดส์ ปญั หากดขท่ี างเพศในเด็ก ปัญหาใช้แรงงานเด็ก ปัญหาทุจรติ คอร์รปั ชัน เป็นตน้สาเหตกุ ม็ าจากความต้องการที่ไมเ่ ป็นประโยชน์และไม่เปน็ ธรรมทัง้ สิน้ เพราะฉะนนั้ การแก้ปญั หาท้ังหลายบรรดามใี นโลกน้ี ตอ้ งแกท้ ่ีความตอ้ งการของตวั เองใบ้เปน็ ความตอ้ งการทเี่ ป็นประโยชน์และเป็นธรรม ๑๐๗
สขุ ใจทึไ่ ตอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชีวิตท่ีดงี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ กฐนิ ” คำว่า “กฐนิ ” เป็นคำภาษาบาลี แตเ่ ราเอามาเรียกมาใช้จนคุ้นกลายเปน็ ภาษาไทย พอพดู ถึงคำว่ากฐิน เปน็ อนั เข้าใจกนั กฐนิ นัน้ เปน็ ช่อืไมช้ นิดหนึง่ ซงึ่ เป็นอปุ กรณส์ ำหรบั ขงึ ผา้ เป็นสี่เหล่ยี มขึงผา้ ให้ตงึ เพอ่ื เยบ็ ทำเปน็ จวี ร แบบสมัยโบราณท่เี คร่อื งเย็บปก้ ถกั ร้อยยงั ไม่มี ทา่ นเรยี กไม้ชนดิ นี้วา่ “ไมส้ ะดงึ ” แต่เดิมทีการทำจวี ร พระตอ้ งหาผา้ เอง เย็บเอง ย้อมเองหมดมีความลำบากมากกว่าจะไตผ้ ้าแต่ละผนื ต่างกบั เดยี๋ วนี้มคี วามสะดวกสบายมาก เพราะมวี างจำหนา่ ยอยู่ทวั่ ไป เหตุท่จี ะเกดิ มกี ารทอดกฐินนนั้ เรอื่ งมีอยูว่ า่ ภกิ ษซุ าวเมอื งปาฐาหรอื ปาวาจำนวน ๓ ๐รปู ไตเ้ ดินทางจากเมืองปาฐาเพ่อื มาเฝาื พระพุทธเจ้าณ พระเซตวันมหาวิหาร เมืองสา1วตั ถี แต่พอมาถงึ เมืองสาเกตก็เข้าฤดฝู นเลยตอ้ งพำนักจำพรรษาอยูท่ ่ีเมีองสาเกต เม่ือออกพรรษาแล้วกร็ ีบเดนิ ทางตอ่ ไปยงั เมอื งสาวัตถึ ตอ้ งกรำฝนทนแดดไปตลอดทาง สบง จีวรตา่ งซมุ่ โซกไปด้วยนา้ํ ฝน พระพุทธองคท์ รงเห็นความลำบากตรากตรำของภิกษุเหลา่ นั้นจงึ เรียกประชมุ ภกิ ษุสงฆ์ แลว้ ตรัสอนุญาตตัง้ แต่นั้นเปน็ ตน้ มา คอื ใหภ้ ิกษุรบั ผา้ กฐินเลยี กอ่ น ท่ังน้เี พราะเหตวุ ่าแมจ้ ะออกพรรษาแล้ว แต่ฝนกย็ ังไม่ขาดเสยี ทเี ดยี ว นางวิสาขามหาอบุ าสกิ า ไดร้ บั พทุ ธานุญาตและไตถ้ วายผา้ กฐินเป็นคนแรก การทอดกฐนิ เปน็ กาลทาน คือมกี ำหนดและจำกดั เวลา ไม่เหมือนผ้าป่าหรือทานทว่ั ไปท่ที อดหรือถวายไดึโดยไม่เลือกสมัย ตามพระวนิ ยักำหนดกาลไว้ คอื ตั้งแตแ่ รม ๑ คา เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค์า เดือน ๑๒ มีกำหนดเวลาเพยี ง ๑ เดือน ผูม้ จี ติ ศรทั ธาเลือ่ มใสใครจ่ ะทอดกฐนิ กใ็ ห้ทอดไดใี นระยะน้ี แตท่ อดกอ่ นหรือหลงั จากนี้หาเปน็ กฐินไม่(ร)ิ 0 (ฬ
สขุ ใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพื่อชวี ิตที่ดปี •๋ เม ในกาลทานสุตตคาถา คาถาว่าดว้ ยการบำเพ็ญทานตามกาลสมัยไดพ้ รรณนาถงึ คุณสมบัติของผ้นู ำและผ้ตู าม และผลท่ีจะพงึ ได้โนการบำเพญ็ทานตามกาลสมยั เชน่ กฐิน ไว้ พอสรุปใจความได้วา่ ทายก คอื ผ้มู ีหน้าทท่ี ีจ่ ะชักชวนผู้อ่ืนให้มาร่วมทำบญุ ทำกุศลทายกจะตอ้ งมธี รรมะหรือคณุ สมบัติ ๔ ประการ คอื ๑. สปัญญา เปน็ ผ้มู ปี ญั ญา รอบรใู้ นกิจการทางพระศาสนา รวู้ า่อะไรเป็นกศุ ล เป็นอกุศล อะไรเปน็ บุญ อะไรเป็นบาป ๒. วทัญณู เป็นผูม้ ปี กติฉลาดในการพดู ร้จู ักชกั ซวนใหผ้ คู้ นทง้ั หลายเห็นด้วยคลอ้ ยตาม สมคั รใจมาทำบุญทำกุศลรว่ มกับตน ๓. วีตมจั ฉรา เปน็ ผไู้ ม่เห็นแก่ตัว คอื ไม่ตระหนี่ คนท่เี หน็ แกต่ วัย่อมทำประโยชน์ส่วนรวมไมไ่ ด้ หากเอาผู้ทโ่ี ลภมากอยากจดั มาเป็นผู้นำ ก็รังแต่จะเอาเปรียบ ทำใหก้ ารงานนั้นมวั หมอง ยอ่ มไม1เปน็ ไปเพ่อื ความเจริญศรัทธาของสาธุชน อกี ประการหนงึ่ หากผู้นำตระหนีถ่ เี่ หนียว ไมย่ อมทำดแี ต่ชักชวนให้ผู้อ่ืนเสียสละ กจ็ ะเขา้ ลักษณะทวี่ ่า “ตัวผอมมาบอกขายยาผแี ม,่หม้ายผวั หนีมาอวดดบี อกยาเสนห่ ”์ ก็ไม่มีประโยชน์ ๔. กาเลนะ ทนิ น้ง อริเยสุ ฯ เปน็ ผมู้ คี วามเลอ่ื มใสในพระอรยิ เจา้หรือกิจการเพ่ือความเปน็ อริยซน การทำบญุ หรือถวายทานอย่างอน่ื ในทางพระพทุ ธศาสนา ได้อานิสงสเ์ ฉพาะทายกทายกิ าผถู้ วาย สว่ นปฏคิ าหก คอื ผู้รบั ได้แตป่ จั จัยไทยธรรมที่เจ้าภาพถวายหามีอานสิ งสถ์ งึ พระผรู้ บั ไมแ่ ต่บญุ กฐินนี้ เป็นบญุพเิ ศษเพราะมปี ระโยชนเ์ กือ้ กูลตกถึงพระผรู้ บั กฐนิ ด้วย มอี านสิ งส์ไดผ้ อ่ นผนัทางพระวนิ ัยถงึ ๕ ประการด้วยกนั คอื ๑. ไปไหนโดยไม,ดอ้ งบอกลาพระภิกษดุ ้วยกนั (แตโ่ ดยมารยาทกค็ วรบอกลา) ๑๐๙
สุขใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ิตทด่ี ีงาม ๒. เดินทางไปไหนไดโ้ ดยไมต่ อ้ งเอาไตรจวี รไปครบสำรับ ๓. ฉันอาหารล้อมวงกนั ไต้ ๔. เก็บอดเิ รกจวี รไวไชใต้ ๕. ลาภทเ่ี กิดขน้ึ ในทีน่ ้ันเป็นของเธอ สำหรบั ผ้ทู อดกฐิน ยอ่ มไตร้ ับอานิสงส์มากมาย ยอดบญุ กุศลที่โบราณถอื ว่า เกดิ มาท้งั ทตี อ้ งทำให้มใี หไ้ ต้ มี ๓ อยา่ งคอื ๑. ฟงั เทศน์มหาชาติครบ ๑๓ กัณฑ์ ๒. ไต้บวชลกู บวชหลาน ๓ . ไต้ทอดกฐนิ กฐินน้นั เป็นบุญพิเศษกวา่ บญุ อยา่ งอน่ื และมีอานิสงส์มาก เพราะฉะนน้ั เมื่อถงึ ฤดกู าลทอดกฐนิ จงึ มผี ู้นยิ มทอดกฐินกันมาก เฉพาะชาวไทยเราปรากฏตามประวตั วิ ่าไต้นยิ มทอดกฐินกันมานานตั้งแต่สมยั สโุ ขทัยเป็นราชธานี ซึ่งเปน็ ยุคท่ีพระพุทธศาสนาแบบลงั กาวงศ์ เขา้ มาประดษิ ฐานในประเทศไทย คอื ราวปีพทุ ธศักราช ๑๔๒๐ รัชสมยั พ่อขุนรามคำแหงมหาราชซ่ึงปรากฏหลกั ฐานในประชมุ ศลิ าจารกึ ประเทศไทย ความตอนหน่งึ วา่ “.....พ่อชุนรามคำแหงเลา้ เมอื งสโุ ขทยั นท้ี งั้ ซาวแมช่ าวเลา้ ท่วยปวัทว่ ยนาง ลูกเลา้ ลูกชนุ ทงั้ ส้นิ ท้ังหลาย ท้งั ผู้ชาย ทัง้ ผู้หญงิ ฝูงVไ'วยมศื รทั ธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทกุ คน เมอื่ ออกพรรษา กรานกฐินเดือนหนงึ่ จึงแลว้ กรานกฐนิ มีพนมหมาก มีพนมดอกไม้ มหี มอนนัง่ หมอนนอนบริพารกฐนิ ดังน.้ี ...” แม้ในยคุ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ยคุ กรุงธนบรุ ี และยคุ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์นี้ ซาวไทยไตเ้ ชิดชกู ารทอดกฐินวา่ เปน็ พธิ บี ุญอันสำคญั ประจำปีตลอดมาพระบาทสมเดจ็ พระเล้าอยหู่ วั ไตเ้ สด็จพระราชดำเนนิ ไปถวายผ้าพระกฐินเปน็ พระราชจริยาวัตรทุกๆ พระองศ์ และทกุ ๆ ปี ไม่มีเวน้ โดยไตเ้ สด็จ(ริ)(ร)ิ 0
สุขใจท่ีไดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ือชีวติ ทด่ี ีงามพระราชดำเนนิ ไปถวายผ้าพระกฐนิ ดว้ ยพระองคเ์ องบ้าง โปรดเกลา้ ฯ ใบ้พระราชวงศ์ องคมนตรี หรือบุคคลผ'ู้ หนง่ึ ผู้ใดเสด็จ'โป หรือไปถวายแทนพระองคบ์ ้าง ตามหมายของสำนกั พระราชวัง มกี ำหนด ๑๖ พระอารามซงึ่ เรียกวา่ พระกฐนิ หลวงพระอารามหลวงนอกจากนี้ ทรงพระราชทานผ้าพระกฐินใบ้กระทรวง ทบวง กรม องค์การ สโมสรสมาคม หรอื เอกชนผมู้ เี กยี รตติ า่ ง ๆนำไปถวาย คณะบคุ คลทไ่ี ดร้ บั ผา้ พระกฐนิ พระราชทานแล้ว กไ็ ดบ้ ริจาคทรพั ย์สมทบโดยเลดจ็ พระราชกุศลตามศรทั ธา กฐินประเภทนเ้ี รืยกว่า พระกฐนิ พระราชทาน นอกจากนย้ี ังมเี อกซน สมาคม บ้างรา้ น บรษิ ัท และคณะสามัคคีเปน็ เจ้าภาพนำผา้ กฐนิ ไปถวายตามวดั ต่างๆ ท่ไี ม่ใช่พระอารามหลวงทั่วพระราชอาณาจกั ร กฐินประเภทนจี้ ดั เป็นกฐนิ ราษภร์ หรอื กฐนิ สามัคคี63 63 4-1 63 ( ส )ุ ( ส ๊)ุ ( ร ุ)
สุ'ยใจทไ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชีวิตท่ีดงี ามโดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ ความยุติธรรมอยู่กี่ใหบ” หลายทา่ นนอกจากจะเคยใช้คำถามนส้ี ำหรบั ตวั เราเองบ้างสำหรับผอู้ ืน่ บ้างมาแล้ว อาจจะครงั้ หน่งึ หรอื หลายครัง้ ก็เป็นไป คำตอบก็คงจะแตกต่างกนั ออกไปแล้วแตก่ รณี แตบ่ างกรณีอาจจะหาคำตอบไม่ได้เลย ก็ใหค้ ิดเสียวา่ มันเป็นกฎแห่งกรรมกแ็ ลว้ กนั ครับ ความยตุ ิธรรม คืออะไร? อะไรคอื ลาเหตุของความไม่ยตุ ิธรรม? เราจะสรา้ งความยุตธิ รรมไดอ้ ย่างไร? ใครบ้างท่จี ะต้องใช้ความยตุ ิธรรม? และ อะไรคอื อานิสงสข์ องการมีความยตุ ิธรรม? ประการแรก “ความยุตธิ รรมคืออะไร ?” ความยุตธิ รรมก็คือความเทยี่ งธรรม, ความชอบธรรม, ความชอบดว้ ยเหตุผล และความไม,เอนเอยี งเช้าช้างใดช้างหนง่ึ หรอื อาจจะกล่าวอีกลักษณะหนง่ึ ก็คอื ความเป็นผมู้ ี'ใจเป็นกลาง วางเฉยไดในเร่อื งน้ันๆได้แก่ ความเปน็ ผ้!ู มห่ ว่นั ไหวเอนเอยี งไปช้างใดขา้ งหนึ่ง หรือฝ่ายใดฝา่ ยหนงึ่ จนตอ้ งเสยี ความเป็นธรรม ประการตอ่ ไป “อะไรคือลาเหตขุ องความไม่ยตุ ิธรรม?” ความไม่ยุตธิ รรมอนั เปน็ อกศุ ลธรรมท่ตี รงกนั ข้ามกบั ความยุตธิ รรม มีสาเหตเุ กิดมาจากอกุศลธรรมคอื อคติ - ความลำเอียง ๔ ประการ ได้แก่ ๑. ฉันทาคติ - ความลำเอียงเพราะความชอบพอกนั ขอ้ นเ้ี กิดขน้ึ มากสำหรับคนทไี่ ม่เท่ยี งธรรม เช่น พอ่ แมร่ กั ลกู ไม่เทา่ เทยี มกัน โดยรักลกู คนเล็กมากเกนิ ไป รกั จนหลง จนท่าใหเ้ สียความเปน็ ธรรม เจ้านายหรือ(ร)ิ (ร)ิ 1*3
สขุ ใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ซีวิตทดี่ งี ามผบู้ ังคบั บัญชารักลกู น้อง หรือผ้!ู ต้บงั คบั บัญชามากเกินไป รักไม่เท่าเทียมกนั ให้เฉพาะคนคนเดยี ว คือคนทีต่ นรกั และคนทต่ี นโปรดปรานหรอื คนทีค่ อยเอาใจ คนทอ่ี ยูใ่ นลักษณะของการประจบประแจง ให้เฉพาะคนที่ทำคุณประโยชนห์ รอื ทำผลประโยชน!้ ห้ ในทางทีน่ อกลู่นอกทาง เพอื่ เป็นส่ิงตอบแทนในทางท่ผี ดิ ๆ ให้เฉพาะคนของตนและพวกของตน นีแ่ หละฉันทาคติ - ลำเอียงเพราะความชอบพอกัน ๒. โทลาคติ - ความลำเอียงเพราะความไม่ชอบพอกัน ขอ้ นเี้ ปน็ส่ิงที่ตรงกันขา้ มกับข้อที่๑ คอื ฉันทาคติโทสาคติ-ลำเอยี งเพราะไม่ชอบพอกันน้มี ีอยู,แก,ผู้!ด ผนู้ ้นั จะเปน็ คนที่ลอุ ำนาจแก'โทสะ มักมองคนในแง่ร้ายผูกโกรธ มักจองเวร มองหาวธิ กี ารแกแ้ ค้น หรอื วิธกี ารกล่นั แกล้ง ทำใหค้ นอนื่เดอื ดรอ้ นอยู่เสมอ เขาเรียกวา่ “คนมองโลกในแง่รา้ ย” ลกั ษณะทเี่ ด่นซัดคือเป็นคนเจา้ อารมณ์ คนเซ่นน้เี ป็นผู้นำก็ไมส่ งา่ งาม เปน็ ผู!้ หณก่ ็ไมส่ ง่างามเป็นผู้อำนวยการหรอื ผู้ล่ังการก็ไม,สงา่ งาม เพราะความโกรธหรือโทสะนี้เปน็ บอ่ เกิดแหง่ ความสูญเสีย เซน่ สญู เสียเกียรติยศ ซื่อเสยี ง สญู เสยี ความรักความจริงใจ และสูญเสียความยตุ ธิ รรม เป็นต้น ๓. โมหาคติ - ความลำเอยี งเพราะความล่มุ หลง หมายถงึความลำเอยี งท่เี กดิ จากความไมร่ แู้ จ้งเห็นจรงิ ในสรรพสิง่ ท่ีเกดิ ขึ้น คนโง่เขลาเบาปญิ ญาก็เกิดโมหาคตไิ ต้ แมแ้ ต่คนผ้ทู รงภมู ปิ ญั ญามคี วามรอบร้เู ฉลยี วฉลาดปราดเปรอื่ ง กม็ ีสทิ ธิเกดิ โมหาคติไค้เซน่ กนั เพราะเกง่ แตค่ วามรู้คอืวิชาการ แต่จรณะ คอื ความประพฤติปฏิบตั ชิ อบนน้ั ออ่ นแอไปหน่อย จึงเป็นบคุ คลประเภทเก่ง แตไ่ มด่ ี คนเราจะต้องดีดว้ ย เก่งดว้ ย จงึ จะเปน็ คนดีศรสี ังคม เพราะฉะน้ัน โมหาคติ - ความลำเอียงเพราะความลมุ่ หลง หรอืความโง่เขลาเบาปัญญานี้ จึงเกดิ ขึน้ ไดก้ บั คนทกุ ระดับ โมหาคตเิ กดิ ขน้ึ แก่ผ!ู้ ด ผ้นู นั้ ย่อมเป็นคนมิดบอด มิตาแตห่ ามแี ววไม่ มองไมเ่ หน็ สจั ธรรม เซ่นคนตาบอดมองไม่เหน็ จะไปไหนทีก็ตอ้ งมผิ นู้ ำทาง ถ้าจะถามว่า หลงอะไรห้าง กต็ อบได้ว่า หลงไดท้ กุ เรอื่ ง หลงได้ท้ังนนั้ เซน่ นายหลงลูกนอ้ ง พ่อแม่หลงลกู ครบู าอาจารย์หลงลูกศษิ ย์ ผัวหลงเมีย - เมียหลงผัว จนกระทัง่(ร)ิ (ริ) (ก)้ 1
สุขใจท่ีได้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตทีด่ ปี า่ มคนหลงตัวเอง หลงกนั จนหวั ปกั หัวป๋า หลงถลำเขา้ ไปในอบายมุข เส่ือมทรามจนกระท่งั เอาชวี ิตไม่รอด ต้องเส่ือมลาภ เสยี ยศ เลียสรรเสริญ และเลียสุขนอนเปน็ ทกุ ข์ สะดุ้งโหยงอย่ตู ลอดเวลา ๕. ภยาคติ - ความลำเอียงเพราะความกลวั เป็นความลำเอยี งประเภทสดุ ท้ายท่ีทำให้เลียความยตุ ิธรรม เสยี ความเปน็ ธรรม เพราะความเกรงกลัวตอ่ อำนาจวาลนาบารมีของผอู้ ืน่ กลัววา่ ความผดิ จะมาถงึ ตน กลวัว่า ตนเองจะเดือดรอ้ น กลัวตนเองจะเลยี ผลประโยชน์ กลัวว่าตนเองจะเลยี เปรยี บ เป็นต้น แลว้ กป็ ระพฤตลิ ำเอยี งเพราะความกลัวนี้ โดยการโยนความผิดหรือเดอื ดรอ้ นไปใหผ้ ู้อนื่ เป็นการสรา้ งกรรมสร้างเวรให้ผอู้ ื่นเขาเดือดร้อนแท้ ๆ คนทีค่ วรลงโทษกไ็ มล่ งโทษ, คนที่ไมค่ วรลงโทษกับลงโทษแทน คนท่ีควรใหค้ ุณกไ็ มให้คุณ แตก่ ลับไปให้คณุ แก่คนทไี่ ม่ควรให้ เพราะความเกรงกลัวต่างๆ นานา ตงั กล่าวแล้วนั้น น่แี หละ ภยาคติ - ความลำเอียงเพราะความกลัว อกศุ ลธรรม คืออคติ - ความลำเอียงทงั่ ๕ ประการน้ี จึงเปน็บ่อเกิดของความไม่ยตุ ธิ รรม ครับ ปญั หาประการตอ่ ไป “เราจะสรา้ งความยตุ ิธรรมไต้อย่างไร?”ตอบไตง้ ่าย ๆ วา่ “ตอ้ งสรา้ งเสรมิ ด้วยคุณธรรมของผ้ใู หญ่ ผ้นู ำหรือผอู้ ำนวยการผู้สั่งการ” เรยี กซื่อวา่ พรหมวหิ ารธรรม มี ๔ ประการ ดือ ๑. เมตตา - ความรกั ใคร่ ความรักเป็นบอ่ เกิดของความสามคั คีความรกั และความสาม ัคคี เป น็ บ อ่ เกดิ ของความ ดีท กุ ป ระการ เมตตาธรรมเปน็ ธรรมะที่ช่วยคมุ้ ครองโลก คอื มวลมนษุ ยใหอ้ ยู่เย็นเป็นสขุ ในทีท่ ุกสถานและในกาลทกุ เม่ือ ที่ไดมคี วามรกั ท่นี ่นั ยอ่ มมีความสงบสขุ ท่ใี ดมีความสงบสขุท่ีน่ันยอ่ มมีความรม่ เย็น มกี ารอยู่ดืกนิ ดื เมตตา - ความรกั ใคร่ จึงเปน็คณุ ธรรมขัน้ พ้ืนฐานขอ้ แรกของการมคี วามยุตธิ รรม ๒. กรุณา - ความสงสารคดิ จะชว่ ยเหลือเก้อื กลู ผูอ้ นื่ ให้ท้นทกุ ข์หรือแนวคดิ ทจ่ี ะชว่ ยแกป้ ญั หาใหผ้ อู้ ่ืน คุณธรรมข้อนมี้ ีความจำเปน็ และ(ริ)(ริ)(2.
สุขใจทีไ่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชวี ติ ท่ดี ีปา๋ มสำคัญมาก สำหรับผู้นำ ผู้ใหญ่ ผูอ้ ำนวยการ หรอื ผูส้ ่งั การ ที่จะต้องหมั่นสราั งเลริมให้เกิดมีในชวี ิตจติ ใจ ชนดิ ท่ีวา่ “ขาดไม่ไต”้ หรอื “ขาดฉันแลว้ เธอจะร้สู กึ ”วิธกี ารปฏบิ ัตธิ รรมะขอ้ น้ี กิคอื ตอ้ งพยายามหมน่ั ผกั ฝนอบรมจติ ใจตนเองให้เปน็ คนท่มี องโลกในแง่ดีใหเ้ หน็ ความดีของผ้อู น่ื ใหเ้ หน็ ปญั หาคือความทุกข์ความเดอื ดรอ้ นของผอู้ ่นื แล้วรีบวางแผนดำเนนิ การชว่ ยเหลือเก้ือกูลหรือแกป้ ญั หานนั้ ๆ ใหส้ ำเรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี โดยไม่หวงั สง่ิ ตอบแทน ๓. มทุ ิตา - ความพลอยยินดี หรือการแสดงความยนิ ดีตอ่ ผลสำเรจ็หรอื ความเจรญิ รุง่ เรอื งของผู้อน่ื โดยไมป่ ระพฤตติ นเป็นคนอจิ ฉารษิ ยา เม่อืผอู้ น่ื ไต้ดื ตอ้ งเป็นคนที่ทำใจให็ไต้ เมื่อเขาไต้ดี เราตอ้ งยินดี จึงจะถูกตอ้ งเหมาะสมครับ วธิ กี ารแสดงความยินดีนัน้ อาจกระทำในรูปแบบของรปู ธรรมที่สามารถสมั ผัส แตะต้องไต้ หรอื นามธรรมท่ีสัมผัสแตะตอ้ งไม,ได้กิไต้ เชน่ในลักษณะของการใหข้ วญั กำลังใจ เป็นตน้ ๕. อุเบกขา - ความวางเฉยหรือการวางตนเปน็ กลางในเรื่องนนั้ ๆนีแ่ หละยอดความยุติธรรม เม่อื เกดิ เร่ืองขนึ้ จนเหลอื บ่ากวา่ แรง เหลอื ภาวะวสิ ัยทเี่ ราจะแกไขไต้แล้ว ก็ตอ้ งวางเฉย ปล่อยใหเ้ รื่องมันไปตามกรรม หรือกฎแห่งกรรม เพราะเราเองกชิ ่วยอะไรไมไ่ ต้แล้ว ทำให็ไม่ไต้แล้ว เกนิ ขีดความสามารถหรือเกินขอบเขตของกฎระเบยี บทางสังคมแล้ว จงึ ตอ้ งปล่อยไหไ่ ปตามกรรม แล้วพยายามทำใจไห่ไต้ จะไตส้ บายใจดี ไม,มปี ญั หา ปัญหาขอ้ ต่อไป “ใครบา้ งทจี่ ะตอ้ งไข้ความยุติธรรม?” ตอบไต้เลยวา่“ทกุ คน” ครบั คนทุกคนจะตอ้ งมีความยุตธิ รรมอยใู่ นจติ ใจของตนเองเสมอแม้แต่ตัวเราเองกิต้องมคี วามยุติธรรมสำหรบั ตวั เราเองดว้ ย มิไซ'ใช้ตวั เราเองจนเกินขอบเขตใช้ตวั เราเองมากจนเกินไป ทำงานไม่ยอมพกั ผอ่ น ทำงานโดยไม,คำนงึ ถึงสขุ ภาพของตวั เอง อยา่ งน้จี ดั วา่ เป็นการทรมานตนคงไม่ผดิต้องให้ความยตุ ธิ รรมกับตัวเราเองด้วย นับประสาอะไรกบั คนท่เี ราจะตอ้ งใหค้ วามยุตธิ รรมแกเ่ ขา และเขากใิ หค้ วามยุติธรรมแกเ่ ราด้วยเชน่ กนั เพราะฉะนัน้ ผูท้ จี่ ะตอ้ งใช้ความยุตธิ รรมจึงควรจัดเปน็ คู่ๆ ไตด้ งั ตวั อย่างต่อไปนี้ (5 ) (ร )ิ (^
สขุ ใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทค่ี งี าม คทู่ ่ี ๑ ผู้บงั คบั บัญชา ใหค้ วามยุตธิ รรมแก,ผู้!ต้บงั คบั บัญชา คู่ที่ ๒ พ่อแม'ใหค้ วามยตุ ธิ รรมแก่ลกู ๆ คู่ท่ี ๓ ครบู าอาจารย์ใหค้ วามยุติธรรมแก่ศิษยานศุ ษิ ย์ คู่ที่ ๔ มติ รสหายใหค้ วามยุติธรรมแก่หมมู่ ิตรสหายด้วยกนั คทู่ ่ี ๕ สามี - ภรรยา ใหค้ วามยตุ ิธรรมแก่กนั และ คู่ท่ี ๖ เจา้ หน้าทบี่ ัานเมือง ผู้ตดั สนิ คดคี วาม และผทู้ ีเ่ กี่ยวข้อง ให้ความยตุ ธิ รรมแก่ผตู้ อ้ งคดีความ และปัญหาขอ้ สุดทา้ ย “อะไรคอื อานสิ งส์ของความยุติธรรม?”ตอบได้ว่า ความสงบสุข ความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย และความเป็นธรรมในสงั คม คอื อานิสงสห์ รอื ผลดขี องการมคี วามยุตธิ รรม “ยตุ ธิ รรมกันเถิดจะเถดิ สุข”(ร)ิ (ริ)
สขุ ใจทไี่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทด่ี ปี า๋ ม โดย...คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ผลังของมนุษย์” ถา้ จะมีคำถามวา่ มนษุ ยเ์ ราอยู่รอดได้ดว้ ยอะไร? คำตอบท่ีงา่ ยๆและรวบยอดกค็ อื “มนษุ ย์เราอยู่รอดได้ดว้ ยพลังหรอื กำลงั ” มนุษย์เราจงึ ต้องทรงพลงั มีพละกำลัง ทง้ั กำลงั กายและกำลังใจ จึงจะสามารถมีชวี ิตอยไู่ ด้ ในดา้ นร่างกาย มนษุ ย์เราต้องรับประทานอาหารทีม่ ปี ระโยชน์ตอ่ร่างกาย ท้ังอาหารหวาน อาหารคาว และนํ้าดม่ื ที่สะอาดบรสิ ุทธ้ใี นปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสม รา่ งกายจึงจะเจริญเตบิ โต และดำรงสภาพลังขารสว่ นที่เป็นรปู ธรรมไวใิ ด้ รับประทานมากเกินไปกไ็ ม่ดี น้อยเกินไปกไ็ มด่ ี ตอ้ งใหพ้ อดีๆ รับประทานของทไ่ี มด่ กี เ็ กิดโทษ รับประทานของทด่ี จี งึ จะเกิดประโยชน์ รบั ประทานใหต้ รงเวลา ก็เกดิ คณุ ประโยชน์ แตห่ ากรับประทานผิดเวลาหรอื ลว่ งเลยเวลา ก็ย่อมเกิดโทษโดยสรุปในเรอื่ งรับประทานอาหารจงึ มีหลกั คำสอนเปน็ แนวทางปฏิบตั ไิ วว้ า่ “โภชเน มตั ตัญญตา” แปลว่า“ใหร้ ู้จกั ประมาณในโภชนะ คอื การรับประทาน” กล่าวได้ว่า ในเรอ่ื งการรบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพรา่ งกายหรอื เพือ่ ใหร้ ่างกายของเรามีพละกำลงั เปน็ บคุ คลทท่ี รงพลังได้น้นั ตอ้ งรบั ประทานอาหารดังน้ี ๑ . อาหารด ี ม ปี ระโยชนถ์ ูกหลกั อนามัย ๒. นํ้าดมื่ ดี สะอาด บรสิ ทุ ธ ไม่มีโทษเจอื ปน ๓. ม ีประมาณ รจู้ กั ประมาณในการรบั ประทาน ถกู กาลเวลา รับประทานใหต้ รงเวลาของอาหาร เซน่ เซา-กลางวนั -เยน็ ๑๑๗
สขุ ใจที่ไดอ้ ่านสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทด่ี งี าม “อาหารดี, นํ้าดมี่ ดี, มปี ระมาณ, ถูกกาลเวลา” ท่องจำไวป้ ฏิบตั ใิ ห้ไดส้ ุขภาพร่างกายจะได้แข็งแรง มีพละกำลังท่ีเขม้ แข็ง ทำงานได้อยา่ งเตม็ ท่ี แต่มนุษยเ์ รายังตอ้ งมพี ละกำลงั ท่ีสำคัญยิ่งอีกอยา่ งหนึ่ง ท่ีเราจะต้องดูแลเอาใจใส่ และใหค้ วามสนใจเปน็ พิเศษก็คอื “กำลงั ใจ” อนั เปน็ พละ-กำลังภายในโดยเฉพาะเรือ่ งขวญั กำลังใจ เป็นเรื่องท่ีจำเป็นและสำคัญมากคนเราอยูไ่ ดด้ ้วยขวัญกำลงั ใจทีด่ เี ปน็ สว่ นหนง่ึ พสิ ูจนไ์ ดในตอนทีป่ ระลบปญั หาข้อยุ่งยากว่นุ วายตา่ งๆ จนเกดิ ความท้อแท้หรอื หดหูใ่ จ อยู่ในภาวะถดถอย ไมส่ ้งู าน ไม,สูก้ ารใด ๆ บางคนถึงกบั นอนรอวันตาย หรือคดิ จะฆ่าตวั ตายกม็ ี แตพ่ อไดร้ บั ขวญั กำลงั ใจ มีผูม้ าพดู คยุ ปลอบ'ใจ ใหก้ ำลังใจ เพอ่ืต่อสู้กบั ปัญหาชวี ติ ตอ่ ไป กก็ ลบั ทืเ้ นคืนชพี มีความสดชน่ื ขน้ึ มาอีกคร้งั หนึ่งเหมือนตายแล้วเกดิ ใหม่ กล่าวได้วา่ พละกำลังทางด้านจิตใจสำคัญมากย่อมเปน็ ตวั ช้วี ดั ได้เป็นอยา่ งดวี ่า เราจะมชี วี ิตรอดหรือไม่ และจะสามารถดำรงชีพอยู่ไดอ้ กี กี่มากนอ้ ย ไมแ่ พพ้ ละกำลงั กายทกี่ ล่าวแล้วน้ันเลย เราจึงจำเป็นต้องใหอ้ าหารแก่จติ ใจดว้ ย จติ ใจของเราซงึ่ เปน็ นามธรรม จงึ จะไดร้ ับการพฒั นาให้มชี ดี ความลามารถทสี่ งู ขน้ึ จนอาจทำงานได้เตม็ ท่ี ในทางพระพุทธศาสนา มีธรรมโอสถ อนั เป็นยาขนานเอกไวิให้เรา-ท่านทัง้ หลายได้ประยุกต์ไซในชวี ติ ประจำวัน เกย่ี วกับเรือ่ งการสรา้ งขวัญกำลังใจ หรอื มพี ลังใจอยหู่ วั ข้อหนงึ่ มชี อื่ ว่า “พลธรรม-ธรรมะอนั เปน็ กำลงั ”๕ ประการ คอื “ศรัทธา, วริ ยิ ะ, สต,ิ สมาธิ และปญั ญา” ประการแรก “ ศรทั ธา” แปลวา่ “ความเช่อื ” แบ่งออกได้เป็น๒ ลักษณะ คือ ศรทั ธาญาณสัมปยตุ เป็นความเชอ่ื ทีป่ ระกอบด้วยเหตุผลท่ถี กู ตอ้ งเหมาะสมและเป็นธรรม เช่นเชอ่ื เรอื่ งกฎแห่งกรรมทว่ี า่ ทำดไี ดด้ ีทำชว่ั ไดช้ ัว่ จริง เชื่อเรือ่ งผลของการกระทำว่า เมอ่ื ทำเหตุไว้อย่างไร กย็ ่อมไดร้ ับผลอันสมควรแก,เหตุน้ันๆ เป็นธรรมดา เช่อื เรือ่ งพฤตกิ รรมของมนุษย์ว่ามนุษยเ์ รามีกรรมเป็นของตัวเอง ใครทำอะไรไว้ ก็ยอ่ มไดร้ ับผลของกรรมน้นั อย่างแน่นอน ท้ังผลของกรรมดีและกรรมช่วั มนุษย์เราจงึ ต้องละเวน้(ร)ิ (9) (*0
สขุ ใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวิตท่ีดงี ามความช่ัวแลว้ พยายามสรา้ งลมความดีใหม้ าก ๆ และเช่อื เรอื่ งการตรสั รหู้ รือภมู ิปญั ญาของพระพทุ ธเจ้า วา่ หลกั ธรรมคำสอนทั้งหลายของพระพุทธองค์สามารถเอือ้ อำนวยคณุ ประโยชน์แก่ผปู้ ฏิบัติตามไดอ้ ย่างแท้จรงิ ตามสมควรแก่เหตุปจั จัย ของผ้ปู ระพฤติปฏบิ ตั ิเปน็ รายบุคคล ซงึ่ ไม่สามารถจะกระทำความดีหรือความช่ัวแทนกนั ได้เลย ผูไ้ ดทำ ผนู้ ั้นย่อมไดร้ บั ผล ผ้ไู ดไม,ทำผ้นู ้ันยอ่ มไม่ได้รับ เหมือนเราหิวขา้ ว เราตอ้ งรบั ประทานเองครับจงึ จะอ่มิจะให้ผอู้ ่ืนรับประทานแทนคงไมไ่ ด้ อกี ลักษณะหนึง่ เรยี กว่า ศรทั ธาญาณวปิ ปยตุ เป็นศรัทธาความเชื่อทีต่ รงกนั ข้ามเป็นฝ่ายอกศุ ล ไม่ดี ไมง่ าม ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม,เหมาะสมเปน็ ความเชื่อผิด ๆ เปน็ ความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรมหรือเห็นผิดเปน็ ชอบเช่อื ส่งิ ทไ่ี มค่ วรเชอ่ื เชอ่ื เร่อื งไร้สาระ เปน็ ความเช่ือแบบงมงาย จึงไม1ควรยึดถือปฏิบตั ิตาม ประการที่ ๒ “วิริยะ” แปลว่า “ความเพียร” คนเราจะตอ้ งมีความขยันหม่ันเพียร ในการประกอบอาชีพ หรือหนา้ ทีก่ ารงาน ตามภารกิจท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทงั้ งานหลัก งานรอง หรอื งานอดเิ รก ต้องขยัน ทำงานให้ถูกงาน ทำงานใหเ้ ปน็ งาน และทำงานใหไ้ ดง้ าน ทำงานใหถ้ กู งาน คือตอ้ งทำงานใหถ้ กู ต้อง ตรงกบั หนา้ ท่ีของตน“รบั งานแล้วทำท้นที และใหด้ ที ่ีสดุ ” น่คี ือหัวใจของการทำงาน ทำงานให้เปน็ งาน คอื ตอ้ งทำงานน้นั ๆ ตามลำดบั ขนั้ ตอน ให้สำเรจ็ เรยี บรอ้ ยไปดว้ ยดีให้ไต้ผลตามวตั ถปุ ระสงค์ของงานทีไ่ ด้ตัง้ ไว้ และทำงานใหไ้ ด้งาน คอื ต้องทำงานเพือ่ งานจรงิ ๆ มืไชท่ ำงานเพ่อื เงนิหรอื เพอ่ื ผลตอบแทนในรปู อ่นื ใดเปน็ สำคัญ เราตัง้ ใจทำงานเปน็ การสรา้ งเหตทุ ดี่ ีแลว้ สว่ นผลของงานมใิ ชห่ น้าที่ของเราทจ่ี ะตอ้ งแสวงหา มันเปน็หน้าทข่ี องผูอ้ ิน่ หรอื ส่ิงอืน่ ที่จะต้องให้ผลตอบแทนเรา ด้วยความสุจรติและยตุ ธิ รรม ๑๑๙
สุขใจทีไ่ ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ตทดี่ ีงาม ประการที่ ๓ “สต”ิ แปลวา่ “ความระลึกได”้ คนเราจะตอ้ งมสี ติอยู่กบั ตัวตลอดเวลา จึงจะเอาชีวติ รอด หากประมาทพลาดพลง้ั หรอื พลง้ัเผลอลมื ตัวลมื ตนเม่อื ใด เม่อื นนั้ ความทกุ ขห์ รือความเดอื ดรอ้ น จะเกดิ ขึ้น ประการท่ี ๕ “สมาธิ” แปลวา่ “ความต้งั ใจม่นั ” เป็นผลมาแต่ข้อที่๓ ดือสติ-ความระลกึ ได้ซ่ึงเป็นตัวคอยกำกับดูแลชวี ิตของเราให้อยใู่ นสภาวะปกติ มาโดยตลอด สมาธเิ กดิ จากการปฏิบตั ทิ างจติ ใจ ดว้ ยการกำหนดสติหมน่ั ผึเกฝนอบรมจิตภาวนา ใหเ้ ป็นธมั มานธุ ัมมปฏิบตั ิ ดือการปฏิบตั ธิ รรมอันสมควรแก่ธรรม ปฏิบตั ธิ รรมะ และปฏบิ ัตชิ อบธรรม ในทีท่ ุกสถานและในกาลทุกเมอื่ คนที'มสี มาธิดี ยอ่ มสามารถทำงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพย่อมมจี ติ ใจมั่นคง หนกั แนน่ ในสภาวธรรมและอารมณ์ทงั้ ปวง เปน็ ผู้ม;ีจติไมห่ วั่นไหว ในอารมณ์ โลภ โกรธ หลง หรือสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ประการที่ ๕ “ปีญ ญ า” แปลวา่ “ความรอบรู้” ดือร!ู้ หร้ อบในส่งิทค่ี วรและไมค่ วร เพ่อื ปฏบิ ัติตามพระบรมราโชวาททว่ี ่า “ใหเ้ ว้นสิ่งทค่ี วรเว้นและประพฤติสง่ิ ทค่ี วรประพฤติ” น่ีแหละมีปญั ญารู้รกั ษาตัวรอดเป็นยอดเอย น้ดี ือ “พลงั ของมนุษย์” ทีม่ ีพสานภุ าพมาก จึงขอซวนเชิญทกุ ทา่ นได้ชว่ ยกันสรรคส์ ร้างพลงั ให้เกดิ ขนึ้ ท้งั กำลงั กายและกำลงั ใจ ตังกลา่ วแล้วนนั้ โดยทั่วหนัากนั๑๒๐
สขุ ใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่ีดีงาม โดย...คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก“ ประผฦติสุจริตธรรมงาบประจำของชวี ติ ”“เครอื่ งหมายถูก เติมไวในชีวติ สุจรติ ติดไว!้ นใจมนั่ใหถ้ ูกตอ้ ง เท่ยี งธรรมเปน็ สำคัญ จะผลักดนั ชีวิต ถกู ทิศทางดุจเกราะปีองภัยพาล ที่รานรกุ เพราะเดนิ ถกู ครรลองไมห่ มองหมางจะอยู่สุขอยูเ่ ย็น ไม่เวน้ วาง และอยอู่ ย่างผูช้ นะอธรรมเอย ฯ” ในโลกแหง่ การใช้ชวี ิตของเราเพ่อื พฒั นาศกั ยภาพและคณุ ภาพกด็ ี ในโลกแห่งการใชช้ วี ติ รว่ มกับผ้อู น่ื ท่ีเรียกว่าสงั คมก็ดี “สุจรติ ธรรม” นับวา่จำเปน็ และสำคญั มาก เพราะจะคอยประสานส่งเสรมิ ให้การอยูร่ ว่ มกันและให้ชวี ิตของผู้มีสุจริตธรรม ดำเนนิ ไปด้วยดี ไรอ้ ุปสรรคปญั หาเพราะทกุกิจกรรมของชวี ิต หากเปน็ ไปหรอื เกี่ยวช้องกับทจุ รติ ธรรม ซงึ่ มคี วามหมายตรงกันข้ามกับสุจรติ ธรรมแลว้ ความหมน่ หมอง ความอปั ยศ ความยุ่งยากหรอื ความสบั สนวุ่นวาย ยอ่ มเกิดข้ึน เป็นความทกุ ขบ์ ีบคัน้ ทั้งแก่ตนเองและผู้ทีเ่ กย่ี วชอ้ งนานาประการ ถามว่า ทำอยา่ งไรจึงเรยี กวา่ มีสุจริตธรรม? ตอบว่า ต้องมีหลกั ในการควบคมุ จิตใจ เป็นแนวประพฤติปฏิบัติใหเ้ ปน็ 1ปใน,ทางทด่ี ที ่ี,ชอบ หลักที่วา่ นีค้ ืออะไร? คือ “สจั จะ” “สัจจะ” แปลวา่ ความสตั ย์ ความซือ่ สัตย์ ความซ่ือตรง ความเป็นคนม่นั คง ไม่กลับกลอก ไม่หลอกลวง ในทางปฏิบัติควรทราบวา่ สัจจะมี ๓ ลักษณะ คือ “จริง ตรง แท้” คนที่มีสจั จะ ย่อมเป็นคนจริง เปน็ คนตรงและเปน็ คนแท้ ๑๒๑
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ ่านสารธรรมเพื่อชวี ิตทด่ี ีป่าม ความเป็นคนจริง มีอยู่แก,ผู้!ด ผ้นู ัน้ ย่อมมคี วามขยนั หม่นั เพยี รต้งั ใจปฏิบตั ิหน้าที่ของตน ด้วยความจริงจังและจริงใจ ทำงานท่เี ปน็ จรงิทำงานที่สจุ รติ ทำดว้ ยความเปน็ ธรรม ยุติธรรม และด้วยความโปรง่ ใสไม่ประพฤตินอกลนู่ อกทาง ทำเฉพาะส่งิ ที่เป็นหนา้ ท่ขี องตน ไม่แทรกแซงภารกจิ หรอื หน้าท่ขี องผูอ้ ื่น ความเป็นคนตรง มอี ยแู่ กผ่ ู!้ ด ผนู้ นั้ ยอ่ มตง้ั ใจปฏิบตั หิ นา้ ที่ของตนดว้ ยความซื่อตรงไม่คดโกง หรอื หลบลหี้ นงี าน เป็นคนไม่องู้ านไมห่ ลบงานกล่าวคือ เปน็ คนตรงต่อเวลา ตรงตอ่ สถานท่ี ตรงต่อบุคคล ตรงตอ่ ภารกิจท่ีไดร้ บั มอบหมาย และตรงตอ่ ความดอี นั เป็นวัตถุประสงค์หลักของงาน และความเป็นคนแท้ มีอยแู่ ก่ผู!้ ด ผู้นนั้ ยอ่ มเปน็ คนแทๆ้ มิใช่คนเทยี ม เช่น เป็นพอ่ แมท่ ่แี ทจ้ ริง เพราะไดท้ ำหนา้ ท่ีของพอ่ แม่เพื่อลูก อย่างดีทีส่ ดุ แล้ว, เป็นลกู ทแี่ ท'้ จริง เพราะได้ทำหนา้ ท่ีของความเป็นลูก ตอ่ พอ่ แม่อย่างดที ีส่ ุดแลว้ , เปน็ ครูบาอาจารย์ทแ่ี ทจ้ รงิ เพราะไดห้ ม่นั อบรมสงั่ สอนศษิ ย์ ด้วยความเป็นธรรมแลว้ และเปน็ ผบู้ ังคบั บญั ชาทแ่ี ทจ้ รงิ เพราะได้ทำหน้าที่ของความเป็นผู้บงั คบั บญั ชา อย่างดที สี่ ุดแล้ว คำถามต่อไปมีอย่วู า่ เราควรตัง้ สัจจะไว้อย่างไรบาั ง? ตอบวา่ ตอ้ งตั้งสจั จะไว!้ น ๕ สถานะ คือ สจั จะตอ่ หนา้ ท,ี่ สจั จะต่อการงาน, สจั จะตอ่ วาจา, สจั จะตอ่ บคุ คล และสัจจะต่อความดี ประการแรก “สจั จะตอ่ หนา้ ท”ี่ คอื การทค่ี นเราจะต้องรักษาหน้าที่ของตนให้ดี ต้องพฒั นาเพืม่ พูนขีดความสามารถในหน้าท่ขี องตนให้เจริญกา้ วหน้า โดยไม่หยดุ นิ่งอย่กู ับท่ี เชน่ มีหน้าทีเ่ ปน็ ผบู้ รหิ าร กต็ ้องต้ังใจทำหน้าทบี่ ริหารงาน บรหิ ารคน และบริหารตนใหด้ ที ส่ี ดุ เพื่อความสัมฤทธผิ ลของงานเป็นประการสำคัญ ประการที่ ๒ “สัจจะต่อการงาน” คือการที่คนเราจะตอ้ งตง้ั ใจทำงานของตน ทง้ั งานหลกั และงานรอง ทำให้ดี ทำให้เต็มที่ ทำใหส้ ำเรจ็ให้!ด้ผลเตม็ เมด็ เต็มหน่วย มผี ลดใี นรูปธรรมท่ีเดน่ ชัด๑๒๒
สุขใจทไี่ ด้อ่าน สารธรรมเพ่ือชีวติ ท่ีดีงาม ประการที่ ๓ “สัจจะต่อวาจา” คอื การทเ่ี รา-ท่านทั้งหลาย จะตอ้ งเคารพยดึ มัน่ ในวาจา คือคำพูดของตนเอง มีสัจจะ-ความจริงต่อวาจา ตามคำม่ันสัญญาทีไ่ ด!หไ้ วั อาจจะเป็นคำพดู การเขียน หรือสญั ญาณอนื่ ใดกไ็ ต้ซง่ึ เร่อื งวาจา คือคำพดู น้ีเป็นสิง่ ทส่ี ำคญั มาก “เมอ่ื ก่อนพูด เราเป็นนายมัน”แต่ “พอพูดจบแล้ว มันจะเปน็ นายเรา” ทันที จงึ ตอ้ งระมัดระวงั เรื่องการพดูให้มากทส่ี ดุ โดยมหี ลกั ยดึ คือ สจั จะตอ่ วาจาดังกลา่ วแล้ว ประการท่ี ๔ “สัจจะตอ่ บคุ คล” คอื การที่คนเราจะต้องมีสัจจะตอ่ กนั มีความซ่อื สัตย์ตอ่ กัน มีความจริงใจตอ่ กัน หรอื มคี วามซื่อตรงต่อกัน เซ่น - สามี ภรรยา ตอ้ งมีความซ่ือตรงตอ่ กนั - พ่อแม่กบั ลูก ตอ้ งมคี วามซือ่ สัตย์ตอ่ กัน - ผบู้ ังคบั บัญชา กับผู้!ตบ้ งั คับบญั ชา และเพอ่ื นร่วมงาน จะตอ้ งมีความจรงิ ใจต่อกัน - นายจ้างกบั ลกู จ้าง หรือผู้รับจา้ ง ผ้รู ับใช้ ต้องมสี ัจจะตอ่ กัน - ผู้บริหาร-ผนู้ ำ กับผตู้ าม ผู้รับสนองงานต้องมคี วามจริงจงั และจริงใจต่อกัน ประการสดุ ท้าย “สัจจะต่อความดี” ช้อนน้ี บั เป็นยอดของสจั จะ-ความจรงิ คือการทท่ี กุ คนจะตอ้ งตัง้ ใจกระทำความดีในชีวิตประจำวันแตล่ ะวันให้มากที่สดุ เท่าท่ีจะกระทำไต้ เพื่อเป็นการแสวงบญุ เพ่มิ พูนบญุ บารมใี ห้กับตัวเอง จะไตเ้ ป็นคนดีศรีสังคม เปน็ คนทส่ี ังคมตอ้ งการ คนดยี อ่ มดงึ ดดู คนดีและสง่ิ ดีๆ มาสูต่ น จึงเปน็ อันกลา่ วไตว้ า่ “สัจจะหรือจรงิ ต่อความด”ี ย่อมเปน็ ยอดของสจั จะทงั้ ปวง ซ ืง่ ม ีห ลายลักษ ณ ะ เซ่น - ตดั สนิ ใจเลอื กกระทำในทางท่ดี เี สมอ เมื่อเกิดมที างเลือกหลายทาง - เป็นผู้พอใจทีจ่ ะปรับปรงุ ตนเองใหด้ ีขนึ้ รังเกียจความชัว่ ชา้เลวทรามทงั้ หลาย ๑๒ ๓
สขุ ใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ซวี ิตที่ดีงาม - หมนั่ แสวงหาความดีความชอบ ในทางทช่ี อบท่คี วร และ - สนบั สนุนใหค้ นอืน่ ไดม้ โี อกาสกระทำความดี เป็นด้น เม่ือจะกล่าวถงึ อานิสงส์หรือผลแหง่ การประพฤติสจุ รติ ธรรม ดังกล่าวแล้วน้ี ก็พอจะแสดงใหเ้ ห็นได้วา่ ผู้มลี ุ'จริตธรรมเปน็ ปกติ จะประกอบกจิใดๆ ก็ยอ่ มจะประสบผลสำเร็จ ในกิจนั้นๆ ดังวตั ถปุ ระสงค์ มคี นใหค้ วามเมตตาปราณี ดว้ ยให้กำลังใจ สนบั สนุนอยเู่ นืองนติ ย์ ยอ่ มมีชีวติ อยูท่ ำมกลางความสขุ อันเกดิ จากการทำงาน และใช้ชีวิตทั่วไปองอาจกลา้ หาญในทกุชมุ ชน มีผวิ พรรณผ่องใส มีจิตใจเบิกบาน เปน็ ทรัพยากรบคุ คลท่มี ีคุณภาพของสงั คม ชมุ ชน และประเทศชาติ เปน็ ตวั อย่างชวี ิตท่ดี ฃี องอนชุ นคนรุ่นหลงั ให็ได้ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตาม สืบทอดแนวจรรยา ให้เปน็ แนวประพฤติทางจริยธรรม หรือเปน็ มรดกทางธรรมต่อไปนานเท่านาน สุจรติ ธรรม จงึ เปน็ ธรรมะท่ชี ่วยยกระดบั คณุ ภาพชวี ิตของมนษุ ย์!นสังคมให้สูงขึ้น เพราะเปน็ ตัวควบคมุ กาย วาจา ใจ ของผปู้ ระพฤติ ให้อยูใ่ นครรลองคลองธรรม ทงั่ ตวั ผปู้ ระพฤตเิ อง กย็ ังสามารถให้ความเคารพตนเองได้ ไม่จำต้องกลา่ วถึงผู้อื่นที่เขา้ มาสมั ผสั ชวี ติ ของผู้มสี ุจรติ ธรรม จงึ สมควรเป็นอยา่ งย่งิ ทีเ่ รา-ท่านทั้งหลายจะนอ้ มนำสุจรติ ธรรมนเี้ ชา้ มาส,ู ชีวติ และยกให้เป็นงานประจำของชวี ิต ตราบนริ นั ดร เพราะข้อพิเศษประการหนึ่งของสจุ ริตธรรม กด็ อี จะชว่ ยป้องกนั ภยนั ตราย และอุบัตภิ ัย จากทั่วทุกทิศประดจุ เกราะป้องกันศาสตราวธุ ทุกชนดิ ย่งิ กว่าเกราะใดๆสมดงั บทพระราชนิพนธํในพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชที่วา่ “ความรคู้ ูเ่ ปรยิ บดว้ ย กำลงั กายแฮ สจุ ริตคือเกราะบงั ศาสตรพ์ อ้ ง ปัญญาประดจุ ดัง อาวธุ กุมสตติ ่างโล่ป้อง อาจแกล้ว กลางสนาม ฯ”๑๒๔
สขุ ใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตที่ดงาม โดย...คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ประเผโปีลอยกระทง” “ลอยกระทง” หมายถึงประเพณบี ชู ารอยพระพทุ ธบาท, แสดงความสำนกึ ในบุญคุณแหลง่ น้ําอนั มคี วามสำคัญต่อการดำรงชวี ติ และเป็นการบูชาพระแมค่ งคาตามความเช่อื แตโ่ บราณ ด้วยดอกไม้ธูปเทียนประกอบกับสิง่ ประดิษฐจ์ ากธรรมชาติ ประเพณลี อยกระทง เป็นประเพณีทม่ี มี าแตเ่ กา่ กอ่ นและเป็นประเพณที ่ีมกี ารละเลน่ สนกุ สนานครกึ ครืน้ แม้ในอดีตก็ได้มปี ระเพณีลอยกระทงมาแล้ว กระแสความเชือ่ เกยี่ วกับพิธลี อยกระทงมีอะไรบา้ งจะได้คดั นำมาเสนอใบพ้ อเหมาะกับเวลาดงั น้ี ว่ากันว่าประเพณลี อยกระทงทีน่ ิยมปฏบิ ตั ิกนั อยู่ในปัจจบุ ันนม้ี ีมาจากความเชอ่ื ๒ ลาย คอื ลายหนง่ึ ไดม้ าจากคตพิ ราหมณ์ ซึง่ พวกพราหมณ์นยิ มทำกนั เพีอ่บชู าพระผูเ้ ปน็ เจ้า คอื พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุอยใู่ นทา่ มกลางสมุทร นยิ มทำกนั ในวนั ขึน้ ๑๕ คา เดือน ๑๑ หรอื 'ใน'วันข่ ึ้น ๑๕ คา เดอื น ๑๒ เปน็ ๒ระยะ อกี สายหน่ึง ถือว่าพิธลี อยกระทงน้ี กระทำเพอี่ เป็นพทุ ธบชู าในท่ี ๓ แห่งดว้ ยกันคือ ๑ . เปน็ การบูชารับเสดจ็ พระพุทธเจ้า ครง้ั เสดจ็ ลงมาจากสวรรค์ชน้ั ดาวดงึ สค์ ราวทเ่ี สดจ็ ขึ้นไปแสดงธรรมโปรดพระพทุ ธมารดา ๒. เพือ่ บชู าพระเกศแกว้ จุฬามณีบนสวรรค์ และ ๓. เพอี่ บูชารอยพระพุทธบาท ตามเร่อื งที่ว่าคร้งั หนง่ึ พญานาคทูลอาราธนาพระพทุ ธเจา้ ไปแสดงธรรมในนาคพิภพ คร้ันแล้วเม่อื จะเสดจ็ กลบั ๑๒๕
สขุ ใจทใี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตท่ีดงี ามพญานาคมีความรกั และอาลัยในพระพทุ ธองคม์ าก อยากจะไดข้ องสิง่ ใดส่งิ หนงึ่ ไว้เป็นอนสุ รณ์ เพ่ือจะไดล้ ักการบูชา จงึ ทูลขอสิง่ ของทีจ่ ะเกบ็ ไว้ลักการบชู าลักอย่างหนงึ่ ลมเด็จพระสัมมาลมั พุทธเจ้า ทรงประดษิ ฐานรอยพระพทุ ธบาทไว้ทห่ี าดทราย ฝืงแม่นา้ํ นมั มทานที ฝงู นาคทง้ั หลายจงึ ได้ลักการบชู ารอยพระพทุ ธบาทนนั้ แทนองค์พระสัมมาลัมพุทธเจา้ ด้วยเหตนุ ้ีการลอยกระทง จงึ ถอื วา่ เพื่อบชู ารอยพระพทุ ธบาท ดงั คำบชู าท่ีกลา่ วในขณะบชู ากร็ ะบุไว้ชัดเจนวา่ ขา้ พเจา้ ขอน้อมบชู ารอยพระบาทของสมเด็จพระมหามนุ เี จา้ อนั ประดษิ ฐานอยู่ ณ หาดทรายแหง่ แม่นาํ้ นัมมทานทีโนน้เปน็ ดน้ สำหรบั ประเพณลี อยกระทงในประเทศไทยเรานัน้ ตามตำนานกล่าวว่ามีมาแตส่ มัยสุโขทัยเป็นราชธานี ดงั ทเ่ี ราไดท้ ราบกันอยเู่ กยี่ วกบัน างน พ มาศพ ระส น มของพ ระร่วง ท คี่ ิดป ระดษิ ฐก์ ระท งดอกบ วัลอยตามสำน้าํ ไหล พระรว่ งทรงโปรดปราน จึงตรสั ว่า “แต่นีส้ บื ไปเบ้ืองหน้าโดยลำดบั กษัตรยิ ไ์ นสยามประเทศ ถงึ กาลกำหนดนักขัตฤกษว์ นั เพ็ญเดือน ๑๒ ใหท้ ำโคมลอย เป็นรูปดอกบวั อุทิศสักการบชู าพระพุทธบาทณ ฝงิ แมน่ ้ํานัมมทานที ตราบเท่ากลั ปาวสาน” รวมความว,าในคตขิ องซาวพุทธแลว้ การลอยกระทงนน้ั มีจุดม่งุ หมายเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ซ่ึงประดิษฐาน ณ หาดทรายนัมมทานทีนัน่ เอง ตรงจดุ น้ีมีสิ่งทีช่ วนให้คิดอยูป่ ระการหนงึ่ คือ เมือ่ พญานาคทลู ขอส่งิ ทีเ่ ป็นอนสุ รณ์จากพระพุทธองคน์ ้ัน พระพุทธองค์จะได้ประทานสง่ิ ของอย่างอน่ื กห็ ามิได้ แต่ทรงประทานรอยพระบาทแทนสง่ิ อ่นื ข้อนี้หากพิจารณาให้ดแี ลว้ จะเหน็ ว่าการทพี่ ระพทุ ธองคไ์ ดป้ ระทานรอยพระบาทไว้นนั้ ก็เพ่ือให้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวติ เป็นแนวทางปฏิบตั ิสำหรบัอนุชน ม'ิ ใช่ประทาน'ไว้เพ่อื ความคักด้สี ิทธีอ้ ะ'ไร หากเพอ่ื ให้เจรญิ รอยตามพระยุคลบาท นอกจากจะบูชารอยพระพุทธบาทดงั กลา่ วแลว้ เรายังมคี วามเชอื่ วา่เป็นการขอขมาแม่พระคงคาหรือแมน่ ้ําสำคลอง ท่เี ราไดอ้ าศยั อาบ ชำระล้าง๑๒๖
สุขใจทไี่ ตอ้ ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ิตทด่ี ปี า่ มตลอดจนท้ิงส่งิ ของปฏกิ ลู ลงในนํา้ เมอ่ื ครบรอบ ๑ ปี กจ็ ะมพี ิธีขอขมากันทีหนง่ึ เป็นการแสดงความเคารพ ตอ่ แมน่ ้ําลำคลองทไี่ ดอ้ าศัยมาตลอดทิง้ ปี แนวความคดิ นคี้ นโบราณไดส้ ั่งสอนกันไวด้ มี าก ท่านสอนให้เรามคี วามเคารพในแมน่ ้ําลำคลอง ใหใ้ ชแ้ ม่น้ําลำคลองด้วยความสำนกึ ในบุญคณุ ไมใช้ในลักษณะท่กี ่อให้เกดิ สงิ่ ปฏกิ ูล การลอยกระทงแม้จะกระทำกนั เพียงปีละครัง้ แต่อย่างน้อยก็เป็นการเตอื นสติ ใหเ้ ราได้ระลึกถงึ ความสำคญั ของส่ิงแวดลอ้ ม ใหเ้ ราได้เอาใจใส่ ดว้ ยวธิ กี ารอยา่ งนี้ เรากจ็ ะได้สิง่ แวดลอ้ มที่ดีมีแม่นํา้ ลำคลองทใี่ สสะอาด ลกู หลานสามารถว่ายเล่นได้ปปู ลาอาศยั อย่ไู ด้มีแหลง่ อาหารเพิม่ ขนึ้ แต่ถา้ เราไมให้ความสำคัญตอ่ ส่งิ แวดล้อม ไมม่ ีความสำนกึ ในบุญคุณ เราก็จะใช้แมน่ ำลำคลองแบบไมค่ ำนงึ ถงึ ผลกระทบเซ่นกันดงั ท่เี ป็นปญ้ หาอยูในปจั จุบันนีค้ ือ ปญั หานา้ํ เนา่ น้าํ เสีย เป็นตน้ ทั้งนีล้ ว้ นเป็นผลสะทอ้ นจากการกระทำของมนุษย์ท้ังสนิ้ อีกกระแสความเชื่อหนงึ่ ช่งื มีเฉพาะบางกลุม่ ชนมีความเชอ่ื ว่าการลอยกระทงคือการทำพธิ ปี ดั เป่าเคราะห์ร้าย โรคภยั ไข้เจ็บในตวั ลงใส่ในกระทงแล้วให้ลอยไปตามนํ้า หากเราปรับความเชอ่ื ในลกั ษณะนม้ี าเป็นการต้ังสจั จะ เลกิ ละวาง สงิ ไมด่ ีท้งั ปวง คอื ทง้ิ สงิ่ ทไี่ ม,ดที งั้ ปวง ท่เี คยทำมาให้ลอยไปกบั กระทง ก็น่าจะเกิดประโยชนก์ บั ตัวผ้ลู อยเองไม่น้อย เชา้ หลัก“ ลอยกระทงทัง้ ที ลอยสิง่ ไมด่ ไี ปดว้ ย” หากจะรวบรัด คัดเอาสาระจากการลอยกระทง ตามที่กลา่ วมาแลว้ ก็จะไดป้ ระเด็นสำคัญ ๆ ทีน่ ่าสนใจดังน้ี ๑. ด้านศาสนา สำหรบั ผู้ที่น้บถึอพระพุทธศาสนา ก็จะได้บชู ารอยพระพุทธบาท ในวนั เพ็ญเดอื นสิบสองร่วมกัน เปน็ การอนรุ กั ษป์ ระเพณที ่ีดงี ามของไทยไว้ดว้ ย ๒. ด า้ น ธ รร ม ช าต ิ ส ง่ิ แวดลอ้ มแมน่ ํ้าลำคลองถือวา่ เป น็สิ่งแวดลอ้ มที่สำคัญอันหนึง่ ของมนษุ ยท์ ไี่ ด้พ่งึ พาอาศยั แมน่ ํ้าจะยังคงความสะอาดสดใส และปลอดภยั กข็ น้ึ อยกู่ บั มนุษย์ผูอ้ าศัยว่าจะเหน็ ความสำคัญ ๑๒๗
สุขใจท่ีได้อ่านสารธรรมเพือ่ ซวติ ทด่ี งี ามขนาดไหน การที่เรามปี ระเพณีขอขมาแมน่ ํา้ ก็ถอื ไดว้ า่ เราไดใหค้ วามสำคัญกับสง่ิ แวดล้อม ทำ'ให้เรามแี ม่-นา้ํ ลำคลองท่ีสะอาด และการทจ่ี ะนำวสั ดุมาทำกระทงสำหรับลอย กฃ็ อใหค้ ัดเอาเฉพาะวัสดุธรรมชาตทิ ่ยี อ่ ยสลายได้ เช่นด้นกลว้ ย เป็นต้น หรอื วสั ดุทเี่ ก็บทำลายได้ง่าย ๓. ประเดน็ สดุ ท้ายจากความเชอื่ ทีว่ า่ ลอยกระทงเพ่อื ลอยส่ิงท่ไี ม่ดีใหห้ ลดุ ลอยออกไปจากตัวหากปรับเปลี่ยนเปน็ ว่า เพ่อื ลอยความประพฤติท่ีไม,ดอี อกจากตวั โดยการพยายามลด ละ เลิกส่งิ ท่ไี มด่ ี ไม,งาม ความประพฤตทิ ี่ไม,ดีไม,งาม ในขณะเดียวกัน กพ็ ยายามสร้างสรรคห์ มน่ั ทำแต่สิ่งทีด่ ีงาม ทง้ั ทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ตนเอง และทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม การกระทำในลักษณะอย่างน้ี ก็ยอ่ มจะเกิดประโยชน์ท้งั ในสว่ นประเพณี พิธีการและส่วนตัวเปน็ อย่างยิง่ ทงั้ หมดที่กล่าวมา เกี่ยวกบั การลอยกระทงน้ี มใี ห้เลือกจุดม่งุ หมายถงึ ๓ ข้อ สุดแท้แต่ทา่ นจะเลอื กลอยเพ่ือจุดประสงคไ์ นขอ้ ใด หรือจะเลือกเอาหมดท้งั ๓ ขอ้ ก็สามารถทำได้ เพราะการบชู ารอยพระพุทธบาทก็ดีการขอขมาแม่พระแม่พระคงคาก็ดี หรอื การลอยสิ่งทไี่ ม่ดีออกจากตวั ก็ดีล้วนแตเ่ ป็นความดีแกผ่ กู้ ระทำทงั้ สน้ิ แต่ไม่วา่ ทา่ นจะลอยเพือ่ จุดประสงค!์ ดก็ขอใหค้ ำนึงถงึ วสั ดทุ ่ีจะนำไปลอยดว้ ยว่าจะมีผลกระทบตอ่ แมน่ าํ้ สำคลองหรือไม่ เดี๋ยวจะเป็นการไปเพิ่มสิ่งปฏิกูลแกแ่ ม่น้าํ ลำคลองโดยไม่รู้ตัว๑๒๘
สขใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวติ ทดี่ ีงาม โดย...คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก“ ผลังธรรมชาชีวิต” ท กุ เส้น ท างท ีก่ ้าวไป ใน โลกน ี้ บางครง้ั มีปญั หานา่ ปวดหวัใหต้ ืน่ เต้น ให้หวั่นไหว ใหห้ วาดกลัว บา้ งฆ่าตัวหนีภัยใจระทมจงึ เหม าะสมพ ทุ ธองคท์ รงเน้นยาํ้ ใหรีบ ทำป ระกน้ ภัยเอาไวข้ ม่เสริมพลงั เอาไว้ใหอ้ ดุ ม จ ะ ส ุข ส ม ท ุก ว ัน เพ ร า ะ ม ่ัน ใ จ ชีวิตของผู้ใดมพี ลังธรรมะ คอื มีธรรมะเป็นกำลัง ชวี ติ ของผู้น้นั ย่อมเป็น'ชีวิตที่มีพลงั ในชวี ิตของคนเรานี้ หนีไม่พ้นทจ่ี ะตอ้ งประสบกับความทกุ ข์ความเศร้าหมอง ความผดิ หวงั นานาประการ ซงึ่ สืบเนือ่ งมาจากสาเหตุนานาประการเชน่ เดยี วกันใครในโลกนี้ทมี่ ีพละกำลงั สามารถทจ่ี ะตา้ นทานปอ้ งกนัหรือแกไข ความทกุ ข์เหลา่ นน้ั ไต้ กน็ บั วา่ โซคดมี าก ใครทมี่ ีพละกำลังน้อย ก็ตอ้ งทุกข์ทนกบั ความป่วนปน่ หว่นั ไหวใจเศร้าอยอู่ ย่างต่อเนือ่ ง เสมอื นคนที่ร่างกายออ่ นแอ ลามวันดีสวี่ ันไขโ้ อกาสที่ควรจะมคี วามสุขสนกุ สนาน กต็ อ้ งมาปว่ ยกระเสาะกระแสะ พลาดความสขุ ไปอย่างนา่ เสียดาย ใจท่ีออ่ นแอ ไรพ้ ลัง กจ็ ะเข้าขา่ ยลามวันดีสีว่ นั เศร้าเหมอื นกัน มีสิง่ ต่าง ๆ มารมุ เรา้ ให้ทกุ ข์ ใหเ้ ดอื ดร้อนใจไมร่ จู้ บ พระพุทธองคไ็ ด้ทรงชีแ้ นวทางในการสรา้ งพลงั ของชวี ิต เพือ่ เปน็หลกั ประกันความสุข ปอ้ งกันทกุ ขภ์ ยั มาเบียดเบยี นชวี ติ ใหห้ วัน่ ไหว และสามารถดำเนนิ ชวี ิตอย่ไู ดีในโลกน้อี ย่างมัน่ อกม่ันใจไรก้ ังวล แนวทางทวี่ า่ นีก้ ็คือ พลธรรม - ธรรมะทช่ี ว่ ยให้เกดิ พลงั หรอื กำลัง๔ ประการ คือ ๑๒๙
สขุ ใจทไ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทีด่ ีปา่ ม ๑. ปญั ญ าพละ กำลังปญั ญา ๒. วิริยพ ละ ก ำ ล ัง ค ว า ม เ พ ีย ร กำลังสจุ รติ ต. อนวัชซพละ ๔. ลังคหพละ ก ำ ล ัง ก า ร ส ง เ ค ร า ะ ห ์ กำลงั ทั้ง ๔ ประการน้ี เม่ืออบรมให้เกิดมโี นจิตใจอย่างสมบูรณแ์ ล้วจะเปน็ หลกั ประกันให้พบแต่ความเจริญกา้ วหน้า กล้าเผชญิ ปญั หาชวี ติทกุ กรณี อย่างมั่นคงองอาจ ไม่เลยี ฟอร์ม มาดคู วามหมายของพลงัแต่ละข้อกันนะครับ ๑ . ปัญญาพละ กำลังปญั ญา ไดแ้ ก่ การที่มีความรู้ ความเข้าใจถูกต้องชัดเจน ในเรือ่ งราวและกจิ การท่ตี นเกี่ยวขอ้ ง ตลอดไปถึงสภาวะอันเปน็ ธรรมดาของโลกและชีวิต คนทมี่ ีปัญญาและคนที่ใช้ปญั ญาในการดำเนินชวี ติ จึงเป็นผู้ท่มี ีชวี ติ อยหู่ า่ งไกลความทุกข์และปัญหาตา่ งๆ ท่ีทำให้ชวี ติ ว่นุ วายลับสน เพราะเปน็ คนท่รี จู้ กั รู้จริงในสิง่ ที่ทำ และรูช้ ัดลึกลาํ้ ในส่ิงที่เกดิ กับชีวิต ว่ามลี ำดบั ข้ันตอนอย่างน้ีๆ รวู้ ิธีจดั การกับทุกกรณี ว่าทำอยา่ งไรปัญหาจะลด ทำอย่างไรปัญหาจะเพิม่ ปญั หาใดควรได้รับการแก่ไขกอ่ น - หลัง มองชีวติ แบบทะลปุ รโุ ปรง่ ไม่จมปลกั ดกั ดานอย่กู ับเร่อื งใดเรอื่ งหนึ่ง ท่ที ำใหจ้ ิตใจไรอ้ สิ รภาพ หากทำงานใดกท็ ำแบบพถิ ีพิถนั ไม่สุกเอาเผากิน มีเหตุมีผล ตอบคำถามได้ทกุ ขั้นตอน สิ่งใดท่ยี งั ไม่เขา้ ใจ ก็แสวงหาความเข้า'ใจ'จากผ้รู ู้ผู้มีประสบการณ์ แลว้ นำมาใซในกิจการงานทท่ี ำ งานกจ็ ะก้าวหนา้ และชวี ิตกป็ ลอดภยั ๒. วริ ิยพละ กำลังความเพียร ได้แก่ การเป็นผทู้ ป่ี ระกอบกิจการงานตา่ ง ๆ ทง้ั หน้าทห่ี ลักและหน้าท่ีรอง ดว้ ยความบากบ่นั พยายาม ไม่ทอดทิ้งหรอื ย่อหยอ่ นท้อถอยตลอดเวลา มีจิตใจเปน็ นักสู้ ไมย่ อมแพแ้ กป่ ัญหาชีวติ แบบงา่ ย ๆ และเช่ือในความเพียรของตนว่าลามารถจะฝา่ ดา่ นความทุกข์ต่างๆ ได้โดยปลุกใจอยูเ่ สมอว่า “วิริเยน ทุกขมจั เจติ บคุ คลจะล่วงทุกฃได้๑๓๐
สุขใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชวี ิตที่ดีงามกด็ ้วยความเพยี ร” หากเป็นนกั มวย ก็เป็นนักมวยประเภททเ่ี รียกวา่ ขยันออกอาวธุ ท้งั หมดั เท้าเขา่ ศอก เกบ็ แต้มไปเรื่อย คู่ต่อส้ทู ีร่ อจงั หวะชน้ั เซงิ บางทีจงั หวะชนั้ เซงิ กไ็ ม่มาตามนดั แพ้มวยขยนั มาเยอะแลว้ ครับ ในเร่อื งของการงาน การดำเนินชวี ติ การทำมาหากนิ นภี่ ็เหมือนกันครบั ตอ้ งขยนั ตอ้ งบากบน่ัและต้องพยายาม ในยุคที่ค่าครองชพี สงู ข้ึนเรื่อยๆ การขับเคลื่อนชีวติในการทำมาหากนิ ก็ต้องเพมิ่ แรงขับด้วย เพอ่ื ชีวิตของตนและคนทตี่ ้องดูแลจะสามารถอยไู่ ตอ้ ยา่ งสะดวกสบายไร้อุปสรรค งานประจำทที่ ำอยู่ เงินเดอื นที่ไต้รับอาจไม่เพียงพอกบั การเลีย้ งดคู นในครอบครัว หรือ พอแต่ไมเ่ หลอืเลย ก็ต้องเพิ่มแรงขบั เพอื่ หารายไต้จากงานอดเิ รกมาจุนเจอื และเผอ่ื ขาดใหก้ บั ชีวิต เม่อื รายไต้มพี อและมเี หลอื การดำเนินชีวติ กเ็ ป็นไปอยา่ งม่ันใจไม่หวาดหวั่น หากจะมเี หตใุ หต้ ้องใชเ้ งินแบบฉุกเฉิน กพ็ ร้อมทกุ สถานการณ์ ต. อนวชั ชพละ กำลังสุจรติ ได้แก่ การเปน็ ผู้มีความประพฤติและหนา้ ท่ีการงานทส่ี ุจรติ สะอาดบริสทุ ธ!รใ้ ทษภยั ไม่มีขัอทีใ่ ครจะติเตียนไต้ ความประพฤตทิ ่ีสจุ ริต ทง้ั ทางกาย ทางวาจา และทางใจ จะทำใหท้ ุกส่งิทท่ี ำ ทุกคำท่อี า้ ง ทุกแนวทางทีค่ ิด มปี ระสทิ ธิภาพ และมปี ระสทิ ธผิ ล ทำอะไรคนกเ็ ชื่อมอื เชอื่ ความสามารถ พูดอะไรคนกเ็ ช่ือน้ําคำ คิดอะไรคนก็เชื่อแนวความคดิ เพราะเปน็ คนท่ที ำ พูด คิด ดว้ ยความบริสทุ ธยตุ ิธรรมปราศจากความลำเอียง ความสจุ รติ นี้เองจะเป็นพลงั ท่ีสำคญั ที่ทำให้พบแต่ความเจรญิ รงุ่ เรืองในชีวิตและ หนา้ ทีก่ ารงาน คนท่ไี มส่ จุ ริต อาจปกปดิ ความอัปยศไต้ชั่วระยะเวลาหนงึ่ เมือ่ ความจรงิ เปิดเผย ความหายนะ ก็ว่ิงเขา้ มาหาแบบจโู จมจนต้ังตวั ไม่ติดเลยครบั ดังน้ัน พลงั แห่งสจุ ริต จงึ ควรมีไว!นชวี ติ ๔. สังคหพละ กำลงั การสงเคราะหไ์ ด้แก่ การชว่ ยเหลือเกอ้ื กลู ทำตนใหเ้ ป็นประโยชนแ์ กเ่ พื่อนมนุษย์ เป็นสมาชิกทมี่ คี ณุ ประโยชนข์ องชุมซนของลงั คม คนผู้มีจติ ใจเปียมไปด้วยการสงเคราะห์ จึงเปน็ คนท่มี ีเสน่ห์ เป็นคนน่ารกั ใครทเี่ ข้ามาเกีย่ วขอ้ งก็เมตตารกั ใคร่เอ็นดู การประสานสัมพันธ์ในดา้ นการงานกเ็ ป็นไปอย่างปลอดโปรง่ โลง่ สบายไร้อปุ สรรค ซึง่ การลงเคราะห์นี้ (ร)ิ 6โ)(ริ)
สุทใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชวี ติ ที่ดีงามบำเพญ็ ใหเ้ กิดมีในชีวติ ไดโดยไม,ยากครับ เพยี งแค่ “รูจ้ กั ใหแ้ บง่ ปัน รจู้ ักเลอื กสรรถอ้ ยคำ รู้จกั ทำประโยซนํไนวงกว้าง และรจู้ กั วางตนไดเ้ หมาะลม”เท่าน้ีก็นับวา่ มีหัวใจรู้จกั สงเคราะห์เก้อื กูลเพ่อื นมนษุ ย์ เพราะเราเกิดมาเปน็มนุษยม์ สี งั คม ก็ด้องพงึ่ พาอาศยั กันอยู่ราํ่ ไบ่ ใครทค่ี ดิ จะเป็นฝา่ ยรับไม่คิดจะเป็นผใู ห์ใครเลย กอ็ ย่าหวังว่าจะไดร้ บั สิง่ ดี ๆ จากเพอื่ นมนษุ ย์เลยครบัเพราะผูใหย้ ่อมเป็นทร่ี ัก ผ!ู้ มใ่ ห์ใครเล่าจะมารัก พลงั แหง่ ธรรมะทง้ั ๔ ประการน้ี จะเป็นตัวช่วยขบั เคล่อื นชวี ติของคนเรา อยา่ งมีจุดหมาย และมพี ลงั เราปรารถนาส่ิงใด หากมพี ลงั ท้ัง๔ ประการนีเ้ ขา้ ไปชว่ ยสนับสนนุ เชอื่ ได้เลยว่าสง่ิ ทปี่ รารถนาจะลมั ฤทธิผลแนน่ อน และทำนท่ีมีชีวติ ทเ่ี ต็มไปดว้ ยอปุ สรรคปัญหาและความทกุ ขใ้ จลองนอ้ มนำพลงั ธรรมะทั้ง ๔ ประการน้ี เข้ามาสู,ชีวติ ดสู ิครบั ชีวติ เราจะเปลีย่ นแปลงไปในทางทีด่ ขี ้ึน ขอเพยี งแค'เชอื่ ในศกั ยภาพของตนว่า!เกฝนพฒั นาได้ พลังทง้ั ๔ ประการน้ี จะเปลี่ยนแปลงชวี ติ เราได้ สรา้ งปญั ญ าทกุ ครงั้ เม่อื พลง้ั พลาด อย่าใหข้ าดความขยนั เม่ือปันใฝ สจุ รติ งานทีท่ ำ กำชบั ใจ รจู้ กั ใหเ้ อ้ือเม่เื อรู้เกอ้ื กูล พลธรรม จะนำใจให้กลา้ หาญ สขุ สำราญ ได้เออ้ื มไม่เสื่อมสูญ แม้ลาลบั ดับไปไม่ขาดทนุ ยอ่ มมลี น้ ไดต้ ๋วั ใจไปนพิ พาน ฯ๑๓๒
สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทีด่ ีป๋าม โดย...คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ความสุขเา!ม่ควรเสี่ยง” อันความสขุ ใครใครก็ใฝห่ า ใหช้ ีวิตมีชีวายง่ิ กวา่ นี้ แต่ความสุฃทเ่ี สาะหามายินดี อาจจะมที กุ ข์ภยั ช่อนไว้พราง คดิ จะสขุ ถา้ จะเสีย่ งเพยี งตระหนัก วา่ สุขนักมโี ทษภัยอะไรบ้าง คดิ ฉลองต้องเฉลยี วเที่ยวระวัง จะสขุ อย่างปลอดภยั ไรก้ งั วล อีกไมน่ านกจ็ ะถงึ ช่วงเวลาแห่งความสุฃท่ีหลายคนรอคอยแลว้สำหรบั เทศกาลส่งทา้ ยปเี ก่าต้อนรบั ปใี หม่ กับวนั หยดุ ตดิ ต่อกันหลายวันบางทา่ นอาจจะมกี ารวางแผนเพอื่ แสวงหาความสขุ ในช่วงปใี หม่น้ภี ันแล้วเปน็ ตน้ วา่ จะไปเทย่ี วทีไ่ หนดี จะไปฉลองปีใหม่ทไี่ หนดี หรอื จะไปสงั สรรค์บนั เทิงกบั ใคร และทไ่ี หนดี ภาพท่วี าดเอาไวใิ นใจ อาจจะเป็นการเพลินซมแหลง่ ธรรมชาติทส่ี วยงาม สดุ เหวยี่ งกับความสนุกสนานตามสถานบันเทิงในยามราตรี หรอื กลบั บ้านเกดิ ไปเยีย่ มญาติและคนที่รัก แตล่ ะภาพท่วี าดเอาไว้ สว่ นใหญก่ ็มุ่งหมายไปท่ีความเพลิดเพลินเจรญิ ใจ ความสขุ ใจและความประทบั ใจ แน่นอน ความสุขคอื สิ่งทมี่ นษุ ยท์ กุ คนในโลกน้ีปรารถนา ทั้งความสขุทางกาย และความสุขทางใจ ซง่ึ จัดว่าเปน็ สขุ สากลของคนทง้ั โลก เพือ่จะเป็นสีง่ ท่หี ล่อเลี้ยงทง้ั ชีวติ และจติ ใจใหม้ แี รงดำรงอยู่ และถ้าวตอ่ ไปบนเส้นทางสายชีวิต คนเราจึงรกั สขุ เกลียดทุกข์เหมือนๆ กัน อะไรท่ีจดั ว่าเป็นความทกุ ข์ของชีวติ กพ็ ยายามขจดั ออกไปโดยอาศัยความรูส้ ติปัญญา มาเสรมิ ทพั ให้กบั ชีวิต ซงึ่ จะชว่ ยให้เหน็ ชอ่ งทางแกท้ กุ ข!์ ดโี ดยไม่ยาก และอะไรท่จี ัดว่าเป็นความสขุ กพ็ ยายามด้ินรนแสวงหา เพื่อจะไตม้ าไวค้ รอบครอง แต่คำวา่ “ความสขุ ” ของโลกิยชน-เชน่ เราทา่ นทง้ั หลาย ในฐานะยงั เป็นปถุ ชุ น ๑๓ ๓
สุขใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ดี ปี า๋ มถอื วา่ ยังไม่เปน็ “มาตรฐาน” หรอกครบั เน่อื งจากวา่ บางส่งิ ทช่ี าวโลกเขายอมรบั ว่า “สุข” แตพ่ อใครบางคนไดป้ ระลบเขา้ กอ็ าจจะไม่ “สุข” ดงั ว่าก็ได้ และอาจ'จะกลายเป็นทุกข1์ไปเลยกม็ ี จงึ เปน็ ภารกจิ อันหนง่ึ ของชวี ิต ที่ต้องแสวงหาสติปัญญามาประดบั ไว้ เพ่อื คอยตรวจสอบความสขุ ทั้งหลายที่ชวี ิตโหยหานั้น ว่าอยใู่ นภาวะเสีย่ งภัยหรอื ไม่ หรือความสุขท่ีใฝฝ่ นื นั้น มีภยัซอ่ นพรางหรือเปล่า จึงมีคำถามเกิดขน้ึ วา่ ความสุขอยา่ งไรท่ไี ม1ควรเส่ยี ง คำตอบก็คอื ความสขุ ทมี่ ีภาวะเส่ียงภยั คอื เส่ียงต่อความหายนะ และเสยี่ งตอ่ความเสอ่ื มเสีย เทศกาลปีใหมน่ ้ี สงี่ ทเี่ ราคิดวา่ น่าจะเปน็ ความสขุ ลองตรองดใู หด้ ีนะครบั วา่ มีเปอรเ์ ซน็ ตค์ วามสุฃทีแ่ ทจ้ รงิ มากน้อยแค1ไหน หรือว่ามีภาวะเสย่ี งภยั ที่มากกวา่ อย่าลมื ว่า ความสขุ ระดับชาวบา้ นของเราท่านทง้ั หลายต่อใหส้ ขุชาบซงึ้ สุขสดุ เหวยี่ งอยา่ งไร ก็'จัดเปน็ ,เลกยิ สขุ สุขระดบั ซาวโลก ซ่งึ เปน็ ความสุขทไี่ ม่จึรังย่ังยนื อะไร แตเ่ มือ่ เรา ยงั ตอ้ งอยูบ่ นโลกนี้ มวี ิถสื งั คมท่เี กย่ี วข้องกับมนุษย์ทกุ ระดับ จงึ ปฏเิ สธไม,ไต้ ทจี่ ะยอมรบั ความสุขทงั้ หลายทง้ั ปวงที่ชาวโลกยอมรบั กนั แม้ว่าเป็นความสุขลมุ่ ๆ ดอนๆ ชวั่ ครูช่ ั่วยามก็ตามที เพียงแตว่ ่าต้องระวังความสุฃทอ่ี าจมาพรอ้ มกบั ความเส่ยี ง ความสขุ ท'่ี ว่านม้ี ี ๖ประการ คือ ๑ . ความสุขในการดม่ื นา้ํ เมา รวมทั้งยาเสพตดิ และสารเสพตดิทุกชนิด เม่อื เราไปตงั้ ความรสู้ กึ ไว้ท่นี ัา้ เมาและส่งิ เสพตดิ ว่าเป็นตัวสรา้ งความสขุความเพลิดเพลินใหแ้ ก่เราได้ เรากจ็ ะเพลินไปตามอำนาจของสง่ิ เหล่าน้ี ให้เคลิบเคลมิ้ จนลมื ทุกข์ และลืมนึกถงึ โทษภยั ท่ีจะตามมา รวมทัง้ เรือ่ งเศรษฐกิจและสขุ ภาพของตวั เราเอง ขณะดื่ม ขณะเสพ เรากอ็ าจจะเปยี มสุฃ แต่หลังจากนัน้ จะกลายเปน็ ความเหงาหงอยและระทมทกุ ข์ รวมท้ังปญั หาอื่นๆ๑๓๔
สุขใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่ีดีงามตามมาอกี ยิ่งถา้ เมามายจนกระทงั่ ควบคมุ สติไวไม่อยู่ ความหายนะเกนิ จะประเมินไดจ้ ึงมโี ครงการหลายๆโครงการ ออกมารณรงค็ใหร้ ะมดั ระวงั ตัวเชน่ โครงการเมาไม่ขบั เป็นด้น ๒. ความสุขในการเที่ยวเตร่ หาความสขุ สำราญทางรา่ งกายตามอำนาจของกิเลสที่เรียกรอ้ ง หากแสดงออกโดยไมม่ จี ติ สำนึกทดี่ ี ก็อาจจะหมายถงึ การตอ้ งคดีอาญา เพราะไปข่มขืน กระทำชำเรา กักขงั -หนว่ งเหน่ียวพรากผู้เยาว์ หรือไม่ป้องกนั กอ็ าจตดิ โรครา้ ย กลายเป็นคนเสียอนาคตไปไดีในทสี่ ดุ ๓. ความสุขในการร่ืนเริง ท่ีไหนที่เขาว่ากนั วา่ สนกุ ก็ไปคลุกไปเคล้าไปเย้าไปยวน ไม่ใครค่ รวญก็อาจจะตรม เพราะความสนกุ สนานร่นื เริง เปน็ความตอ้ งการระดับพื้นฐานของจิตใจมนุษย์ ที่เมอ่ื มีบรรยากาศท่ีชักนำแลว้อาจถลำไปสู่ความหลงระเรงิ ลืมตวั และปล่อยตวั ปลอ่ ยใจ กลายเปน็ ความมัวเมา ลมื ฐานะลืมคกั ดศ๋ึ รี ลืมความดที เี่ คยรักษา เสียผ้เู สียคน เสยี ช่ือเสยี งไปในทส่ี ดุ เพราะสนกุ จนลืมตวั ม่ัวจนลมื ตน กย็ ่อมเสยี คนได้ง่ายดาย ต้องสนกุ แตพ่ อตวั ไมม่ ั่วจนลืมตน คา่ ของคนก็คงเดิม ๔. ความสุขในการเลน่ การพนัน ลงทนุ น้อยแตห่ วงั ให้ไดผ้ ลมากและใชร้ ะยะเวลาสั้นๆ จึงทุ่มให้การพนันชชี้ ะตาชวี ติ การพนนั ทกุ ประเภทจึงมเี สน่ห็ให้คนเดินเชา้ ไปหาและติดใจ ไดบ้ า้ ง เสยี บา้ ง หรือไดบ้ ้างเสียบ่อย ก็ไมเ่ ปน็ อปุ สรรค เพราะความหวังที่จะรวยทางลดั ยงั คงมอี ยู่ ก็หวังต่อไป และมีเท่าไร กท็ ุม่ ไมอ่ ้ัน สดุ ทา้ ยก็ไมม่ ใี ห้อั้น ไมม่ ีใหท้ ุ่ม เพราะคำว่าเส่ยี ง เพยี งคำเดียว ๕. ความสุขในการคบคนชว่ั การเลอื กคบคนจัดว่าเป็นรสนยิ มอย่างหน่ึง และเปน็ ตวั บง่ ชไี้ ด้อยา่ งหนึ่งว่า คนๆ นัน้ มิบุคลิกลักษณะเช่นไรเพราะ “คบคนเซ่นไร ยอ่ มเปน็ คนเช่นนั้น” การคบคนช่ัว ท่งั ทร่ี ดู้ 'ี วา่ เปน็คนชวั่ แตกคบดว้ ยความเต็มใจ ดว้ ยความชอบสว่ นตวั เชน่ คบนักเลง ด้วยเหน็ ว่าเขาใจถึงดี ใจกล้าดี คบคนท่ที ำตัวขวางโลก หลุดโลก ด้วยเห็นว่า ๑๓๕
สุขใจท่ไี ดอ้ ่านสารธรรมเพ่อื ชวี ิตท่ดี งี ามแปลกดี บ้าดี สดุ ทา้ ยก็บ้า และแปลกเหมอื นคนทค่ี บ แม้จะมคื วามสุขจากการได้คบ แตจ่ ดุ จบกต็ อ้ งระทม เพราะคนดๆี และกฎหมายของบ้านเมืองไม่ยอมรับนนั่ เอง ๖. ความสขุ ในการเลี่ยงงาน ทำงานโดยไร้จิตวิญญาณ วันไหนหนีงานได้ รู้สกึ เปน็ สขุ ทัง้ ท่คี วามจริงแลว้ กำลงั เดินเขา้ หาความทกุ ข์ เพราะงานท่สี ะสมเป็นดนิ พอกหางหมู จะมาตอกย้าํ และถามหาความรบั ผดิ ชอบของเราใหป้ วดหวั และจะรูส้ ึกวา่ งานหนักขนึ้ เร่ือยๆหรอิ ถ้าเป็นงานราชการกท็ ำแบบเขา้ ชามเยน็ ชาม เรอ่ื ยเปอี ยไร้พลงั โดยถอื หลกั “ไม่หลบ ไม่อู้ ก็ส้!ู มไ่ หว” พอยศ ตำแหน่งไม่ขยับ กน็ ั่งบ่นโทษชะตาฟา้ ดิน จงึ เป็นภาพที่น่าสังเวชใจ เมอื่ เหน็ ผ้ทู อี่ ยูในเครือ่ งแบบอนั ทรงเกียรติ แตเ่ หยยี ดหยามงานทไี่ ดร้ บั และพยายามหลบ พยายามเลี่ยง จะดีกวา่ ไหม ถ้าเราจะลามารถสรา้ งความภูมิใจ และพอใจกบั งานให็ไดม้ ากถึงมากทส่ี ุด “โดยทำงานให้เปน็ สขุ และเป็นสุขเมือ่ ทำงาน” ความสุขทงั้ ๖ ประการ ดงั กล่าวมานี้ จัดว่าเปน็ ความสุขทีอ่ ยูในภาวะเล่ียง ต่อความหายนะ ท่านท่ีมงุ่ ความเจรญิ ในชวี ิตและการงาน ควรหลกี ใหไ็ กลและจำให้ขน้ึ ใจว่า “จะสุขท้งั ที อย่ามีเสีย่ งภัย จะสบ ายทงั้ ที อยา่ ม ีเสี่ยงท ุกข์ ใครค่ รวญ ทุกครง้ั ท่ีมีความสขุ และอยา่ สนุก จนเสยี่ งภัย ฯ ”๑๓ ๖
สขุ ใจท่ไึ ด้อ่าน สารธรรมเพ่ือชีวติ ทด่ึ งี าม โดย...พ้นเอก วสิ ทิ ธิ วิไลวงศ์ “ ศีลธรรมจำเซนอย่างไร” คำว่า “ ศลี ธรรม” ออกจะเปน็ คำพดู ที่ซินหูมาก ยง่ิ ทุกวนั นี้ทุกมุมโลกกำลังเรียกร้องต้องการศีลธรรม ศีลธรรมเป็นของจำเป็นสำหรับโลกอย่างไร นี่คอื จุดปญั หาท่ีจะนำเสนอในทนี่ ้ี จากการศึกษาประวัติศาสตร์ เราจะเหน็ ไต้วา่ แตโ่ บราณกาลจนถึงปจั จุบนั โลกของเราภายใต้ดวงอาทติ ยน์ ้ี มนษุ ย์ไม่เคยแยกกนั อย่ตู ามลำพังความจำเป็นในต้านสืบเผา่ พันธุ ตามลัญชาตเวค และความจำเปน็ ในตา้ นการครองชีพตามถิน่ ฐานและตามยคุ ตามสมยั บงั คับใหม้ นษุ ยต์ ้องรวมกนั เปน็หม่คู ณะ หรอื ติดตอ่ กัน แม้จะอยู่ตา่ งถิน่ ท้งั นเี้ พอื่ แลกเปลยี่ นผลประโยชน์จากกันและกนั และลี่งท่เี ป็นอุปกรณ์แก,ความสุขตามปรารถนา ปรมิ าณของมนษุ ยเ์ พม่ิ ขนึ้ เพียงใด การรวมพรรครวมพวกและการติดตอ่ ยอ่ มขยายวงกวา้ งข้นึ เพียงนน้ั เป็นความจรงิ ทีว่ า่ มนษุ ย์ยอ่ มมจี ติ ใจตา่ งกนั อันเป็นผลแสดงออกทางกายและวาจา ซึง่ ขดั ตอ่ สิทธิและผลประโยชนข์ องกนั และกัน ฉะนน้ัการอยู่ร่วมกนั กด็ ี การติดต่อกันก็ดี ยง่ิ ขยายวงกว้างขนึ้ เพียงใด ระเบยี บแบบแผนสำหรบั ปฏิบตั ิต่อกนั ทง้ั ในตอ่ หนา้ และลับหลังย่อมเปน็ ล่ีงท่จี ำเป็นทจ่ี ะสรา้ งให้มากและม่ันคง รดั กมุ ยิ่งข้ึนเพียงนนั้ กลา่ วโดยสรปุ สงั คมของมนุษยเ์ จรญิ ขน้ึ เพียงใด ความต้องการระเบียบแบบแผน อนั เปน็ เครื่องประคองเกลียวสมั พนั ธแ์ หง่ สังคมใหก้ ระชับข้นึ ก็มมี ากเพยี งน้นั ทั้งน้เี พอื่รักษาสวัสดิภาพของสังคม และลงวนไวซ้ ึง่ สันติสขุ ของมวลมนษุ ยไ์ ห้คงอยู่ค,ู กบั โลก แมส้ งั คมจะเคยขาดสวัสดีภาพและโลกจะเคยปราศจากสนั ตสิ ุขมาแลว้ นบั คร้ังไม่ถ้วนก็ตาม แต่ก็กลบั คนื คงสู่ปกตภิ าพไต้ทุกคร้งั และโลกก็ยงั คงเป็นโลกตราบจนทุกวันนี้ ทัง้ มนษุ ย์ก็คงเพม่ิ ปริมาณมากข้นึ ทุกวนั ๑๓๗
สขุ ใจท่ีได้อา่ นสารธรรมเพอื่ ชีวิตทีด่ ีปา่ มน่นั เพราะอำนาจของระเบียบแบบแผนซงึ่ มวลมนษุ ย!์ ,ดเ้ ทดิ ทูนยดึ ถอื เสมอื นหนึง่ บิดามารดาของสังคม หรือผปู้ กครองทย่ี ิง่ ใหญ่ ระเบยี บแบบแผนนปี้ วงปราชญ์หลายช่ัวคนไดค้ ดิ บญั ญัตแิ ละแตง่ ตงั้ ขึน้ เพอื่ ให้เปนี สรณะของโลกให้มวลมนุษยไึ ดย้ ดึ ถือปฏิบตั ิ พาตนให้ประสบความสวสั ดี ระเบยี บนี้เป็นท่รี ู้จกั กันทว่ั ไปวา่ ได้แก่ศีลธรรม ศลี ธรรมน้อี าจแสดงออกในรูปแหง่ ศาสนาจารืต ประเพณี วัฒนธรรม และอนื่ ๆ อกี ซงึ่ แม้จะผดิ แผกแตกต่างกนัไปบ้างตามท้องถนิ่ เพอ่ื ความเหมาะสมแกเ่ หตกุ ารณ์และ สงิ่ แวดลอ้ มก็ตามแตส่ ารตั ถะทมี่ ุ่งหมายย่อมตรงกนั ศลี ไดแ้ ก่การระวังรักษากาย วาจาให้อย่ใู นขอบเขต เพือ่ ไม่ใหก้ ารพูดและการทำล่วงล้ําสิทธแิ ละผลประโยชน์ของผอู้ ่ืน และเปน็ เคร่อื งรงั้ ความสมาเสมอในสงั คม หรือเป็นมารยาททดี่ ีของภาคแี ห่งสงั คม ธรรมะ ไดแ้ ก่ คณุ เครื่องอบรมจิตใจให้ประณ ตี ขึ้นไปโดยลำดับ เพอื่ ปลกู ความรกั ความสามคั คีให้แก่สังคม ตลอดจนการเลียสละอย่างใหญห่ ลวงเพือ่ ประโยชนส์ ว่ นรวม ศีลธรรมนเี้ ปน็ รากฐานแห่งสงั คมท่ดี ี สงั คมใดไมมศลี ธรรมเปน็รากฐาน สังคมนัน้ ยอ่ มถึงความทรุดโทรม กล่าวโดยสังเขป เสถียรภาพของสังคมขึ้นอยกู่ บั ศีลธรรม ศีลธรรมนี้เป็นเครอ่ื งคา้ํ ประกนั สวัสดีภาพของโลกโลกจะดำรงอยไู่ ด้ และจะเจริญจนถงึ ที่สดุ กเ็ พราะศลี ธรรม ศรีอารยยุคท่ีพุทธศาสนิกชนกำลงั รอคอย ก็คงหมายถึงยุคทีโ่ ลกเจริญดว้ ยศีลธรรมนเ้ี องตกว่า สวัสดภี าพก็ดี สถาพรภาพกด็ ี สนั ตภิ าพก็ดี ของโลกลว้ นข้ึนอย่กู บัศลี ธรรม ถา้ ขาดศลี ธรรมแลว้ โล ก ก็ถึงความพนิ าศ ความพินาศอยา่ งใหญ ่หลวงของโลก ตามทีพ่ ทุ ธศๆสนากล่ๆวถึง คือ มคิ สัญ ญ ี (การที่มนษุ ย์สำคญั กนั เองว่าเปน็ เสมือนสตั ว)์ กอ่ นท่ไี ฟประลยั กลั ปจ๋ ะลา้ งโลกกด็ ียคุ มหาวนิ าศตามที่ศาสนาพราหมณก์ ล่าวถึง คือกลียุคก็ดี จะปรากฏแกโลกกต็ ่อเมอ่ื มวลมนุษย์ขาดศีลธรรมอยู่ ตราบนัน้ กย็ ังไม,ปรากฏ ศลี ธรรมเท่านัน้ ทที่ ำใหม้ นุษยเ์ ปน็ ผูป้ ระเสรฐิ กวา่ สัตวส์ มช่อื ถ้ามนษุ ย์ไร้ศลี ธรรมแล้วจะแปลกอะไรกับพวกนั้น ทัง่ อาจจะถูกขนานนามเชน่ นั้นเลีย อีกขอ้ นี้จะเห็นได้จากประชามติของ ชาวไทยท่มี ักขนานนามผ้ใู รศ้ ีลธรรมว่า “เสือ” ฉะน้นั๑๓๘
สุขใจทไี่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพอื่ ชวี ติ ท่ดี ีป๋ามศลี ธรรมจึงเป็นคุณสมบัตทิ ส่ี ำคัญทส่ี ุดของมนุษย์ เปน็ สง่ิ ท่จี ำเป็นทีส่ ดุทม่ี นษุ ย์จะตอ้ งสร้างให้มใี นตน เพ่อื เป็นสัญลักษณแ์ ห่งความเป็นมนุษย์ ศีลธรรมน้ี ปวงปราชญท์ กุ ยคุ ทุกสมยั ได้รบั รองแลว้ ว่าดจี ริงสามารถอำนวยความสุขความเจรญิ ใหแ้ ก1โลก และมนุษย!์ ด้ยอมปฏิบัติตามมาแต่โบราณกาล ท้ังไดเ้ หน็ ผลประจกั ษม์ าแลว้ ใครจะเชอ่ื วา่ โลกนม้ี ีพระผ้สู รา้ งกต็ าม กค็ งไมเ่ ป็นการผิดท่จี ะเชือ่ วา่ โลกน้มี ีศลี ธรรมเปน็ พระผู้บรบิ าลรักษาและมรี ษิ ยาอาธรรม์เป็นพระผทู้ ำลาย เพราะเมตตาปรานีเปน็ ธรรมะ อปุ ถมั ภ์คาํ้ ซูโ่ ลก (โลโกปต.ถมภุ ิกา เมตฺตา) สว่ นรษิ ยาอาธรรม์ทำลายโลก ขอ้ พิสจู น์น้ไี ตจ้ ากผลที่ปรากฏมาแล้ว ในอดีตและกำลังปรากฏอยู่ในปัจจบุ นั อ าจจะม ีผ้'ู ค ดิ วา่ โลกท ุกวนั น เ้ี ป น็ โลกแห ่งวทิ ยาศาส ตร์วิทยาศาสตรท์ ้งั สาขากายภาพและชีวภาพได้เจริญขน้ึ มาก นกั วทิ ยาศาสตร์อาจสรา้ งเครอื่ งอุปโภคบริโภคใหพ้ อแก่ความตอ้ งการของมนษุ ย!์ ดยไม่ต้องแกง่ แย่งถนั อาจสร้างอาวุธที่ร้ายกาจทส่ี ดุ เพอ่ื ปราบปรามการแกง่ แย่งถันซึ่งหากจะมีขึน้ และนักนติ ศิ าสตร์อาจจะตรากฎหมายข้ึนเพ่อื ปัองกนั ผู้ทุจริตไต้อยา่ งสมบูรณโ์ ดยไมต่ ้องอาศัยศลี ธรรม ฉะน้นั ศีลธรรมจงึ ไม่เปน็ ส่ิงจำเป็นสำหรบั สมยั น้ี และสมัยต่อไปความคิดเซน่ นเ้ี ป็นเพียงการคาดคะเน ซ่งึ อาจจะไม่สำเร็จก็ได้ แต่ถา้ นกั วทิ ยาศาสตร์สามารถสร้างเครือ่ งอปุ โภคบรโิ ภคไต้มากจริงแลว้ เราเช่ือแนห่ รอิ วา่ จะพอแกค่ วามต้องการของมนษุ ย์ เพราะความต้องการของมนษุ ย์ไม่มขี ดี คั่น นอกจากสิง่ ท่จี ำเป็น ก็ยังตอ้ งการสง่ิ ที่ฟม่ เพอี ยและใครจ่ ะสะสมไวิให้เป็นกรรมสิทธฃองตนโดยไมจ่ ำกัดปรมิ าณฉะนน้ั จงึ เป็นสิ่งทีเ่ ปน็ ไปไตย้ ากทีจ่ ะกำจดั ความต้องการหรือสร้างความพอให แ้ ก ม่ น ษุ ย์ โดยกๆรเพ่ิมให้ซึง่ ปริมๆณ ของวตั ถุ เหมอื นเพ ิ่มเชือ้ ใหไ้ ฟ เม่ือเป็นเซน่ น้ันการแกง่ แย่งกนั คงเปน็ สิง่ ท่ีหลกี ไม่พน้ จากการแกง่ แยง่ กนั ไต้หากจะมผี สู้ รา้ งอาวุธ ดังท่ีกลา่ วน้ันไตจ้ ริง กย็ ังเชอื่ ไมไ่ ด้วา่ อาวุธนัน้ จะมีอำนาจปอ้ งกนั และห้ามปรามการแก่งแย่งของมนษุ ยไ์ ต้ โดยไม่มีอาวุธทยี่ งิ่ ไปกว่าการลบลา้ ง เพราะวทิ ยาศาสตรย์ ังไมห่ ยดุ ชะงกั เพยี งเทา่ น้ัน ยังคงกา้ วหน้า ๑๓๙
สขุ ใจที่ได้อ่านสารธรรมเพือ่ ชีวิตที่ดงี ามอย่เู รอ่ื ยไป ไม,มวี แ่ี ววจะส้ินสุดเพยี งไร อาวธุ ทด่ี กี ว่าคงเกิดขนึ้ เสมอ ยุคน้ีเป็นยุคแหง่ ปรมาณู ตราบใดท่ีโลกยงั ไมม่ อี าวธุ ท่ดี ียิ่งไปกวา่ ระเบดิ ปรมาณูตราบน้ันระเบดิ ปรมาณกู ็คงยงั ครองอำนาจไปก่อน แตเ่ ราม่ันใจแล้วหรอื ว่าจะไม่มีอาวธุ ทด่ี ยี ่งิ ไปกวา่ นี้ ถา้ เราเชือ่ ในความกา้ วหน้าของวทิ ยาศาสตร์ ก็ควรเชอ่ื ดว้ ยวา่ ตอ่ ไประเบิดปรมาณูจะหมดอำนาจ หรอื เมอื่ มันแพรห่ ลายไปทกุ ประเทศแล้ว จะมีอำนาจปราบปรามหา้ มกันได้อย่างไร รงั แต่จะเปน็ชนวนใหเ้ กิดการแกง่ แยง่ กนั เร็วยง่ิ ขึ้นเสยี อกี ฉะนน้ั จึงเปน็ ส่งิ ทีเ่ ปน็ ไปไดย้ ากท่จี ะปอ้ งกันและปราบปรามการแกง่ แย่งของมนุษย์ดว้ ยอาวธุ ท่รี า้ ยท่ีสดุ กลับจะเป็นการกอ่ เวรหนักข้นึ เราคงไมล่ มื พระพุทธภาษิตวา่ “ แต่ไหนแตไ่ รมาเวรย่อมไมร่ ะงับด้วยการจองเวร แต่ระงบั ได้ด้วยการไมม่ ีเวร” ศลี ธรรมเทา่ นั้นทจ่ี ะมีอำนาจยับยง้ั การแกง่ แยง่ และการจองเวรกันได้ อนึง่ ถา้ นักนิตศิ าสตร์สามารถตรากฎหมายขึน้ ได้จรงิ ตามที่กล่าวนัน้ กฎหมายนั้นก็ไม,สามารถบงั คับจติ ใจของมนุษย์ได้เหมือนศีลธรรมเพราะกฎหมายเปน็ เพียงคำสั่งหรอื คำบังคบั ไมใช่ คำสอน ส่วนศีลธรรมเป็นทั้งคำสั่งและคำสอน กฎหมายมีแต่พระเดชไมม่ ีพระคุณ สว่ นศลี ธรรมมีทงั้ พระเดชและพระคุณ กฎหมายมคี นกลวั แต่นอ้ ยคนจะเกรงหรอื เคารพส่วนศลี ธรรมมีทั้งคนกลัว คนเกรงและคนเคารพฉะน้ัน จึงเปน็ การยากทโี่ ลกจะมแี ตเ่ พยี งกฎหมาย ไม่มศี ีลธรรมเปน็ คู่กันไป จรงิ อยวู่ ิทยาศาสตรส์ ามารถผลติ เครื่องอุปโภคบริโภคให้ทนั ความต้องการของมนษุ ยส์ ามารถสรา้ งเวชภัณฑใ์ หท้ ันกบั ความเปล่ยี นแปลงของโรค สามารถอำนวยความสะดวกในการคมนาคมใหอ้ ยา่ งทนั ใจ และสามารถอำนวยความสขุ สบายมากอย่างในการครองชพี ให้แก,มนุษยอ์ ยา่ งคาดไมถ่ งึแตว่ ทิ ยาศาสตรไ์ ม่ให้ความอุ่นใจแกม่ นษุ ยใ์ นด้านสันติสุข วิทยาศาสตร์ยง่ิ ถา้ วหนา้ ไปเพียงใด ดูเหมือนขวญั ของมนุษยย์ ิ่งจะสนั่ จะสะเทอื นขึน้ เพียงนนั้ ลันตสิ ุฃประหนึง่ ว่ายิง่ จะห่างไกลออกไปจากโลก สงครามยง่ิ คืบคลานเข้ามาใกล้ และปรากฏว่ามบี อ่ ยครั้งข้นึ ในช่วั ระยะกาลไม่นาน สว่ นศีลธรรมทำความอุ่นใจใหแ้ ก'มนุษย์ สร้างสันตสิ ุขใหแ้ ก่โลก วทิ ยาศาสตรม์ งุ่ สร้าง๑๔๐
สุขใจทใี่ ต้อ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวติ ทดี่ ีงามความเจรญิ ในดา้ นวตั ถุ ไมน่ ำพาตอ่ ความเจรญิ ในด้านจติ ใจ ส่วนศีลธรรมสร้างความเจรญิ ในส่วนจติ ใจใหแ้ ก,มนษุ ย์ฉะนั้นวทิ ยาศาสตรก์ บั ศลี ธรรมจึงควรคกู่ ันไป วทิ ยาศาสตร์เจริญขนึ้ เพยี งไร ศลี ธรรมก็ควรเจริญขนึ้ เพียงนนั้ความเจริญใหด้ ้านวัตถุก้าวไปไกลเพียงใด ความเจรญิ ในดา้ นจิตใจก็ควรก้าวไปให้ไกลเพยี งน้ันโลกจะหมนุ ไปหาความเจรญิ เพียงไรกต็ าม ความดอ้ งการในด้านศีลธรรมก็จำดอ้ งให้มีปริมาณมากขึ้นขนานกนั ไป ฉะนน้ั ศีลธรรมจึงเป็นของจำเปน็ สำหรบั โลกทกุ ยคุ ทุกสมยั ดงั เหตผุ ลท่ไี ด้กล่าวมาแล้ว (ริ)6?(ร!ิ )
สุขใจที่ได้อ่านสารธรรมเพ่อี ชีวิตท่ดี ีงามโดย...พันเอก วิสิทธิ วิไลวงศ์ “ วงจรชีวิต” “ชีวิตของคนเรามีการเกดิ ขน้ึ ตัง้ อยู่และดับไปเปน็ ธรรมดา เกดิ ขึ้นแลว้ ย่อมดับไปดำรงชีวิตอย่ไู ดกั ส็ บาย” นีค่ อื สจั ธรรมแหง่ ชีวิตของมนุษย์ที่ตอ้ งตกอยูใ่ นไตรลกั ษณ์ คือ อนจิ จัง - ทกุ ขงั - อนตั ตา โดยทวั่ หนา้ กันทุกรูปทุกนามโดยเสมอเหมอื นกันไม่มขี ้อยกเว้นไมว่ า่ จะยากดมี ีจน ดบั แค้นแสนสาหสั หรอื อบุ ตั ิเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐกี ็ตามที ยอ่ มหนีไมพ่ น้ กฎแห่งธรรมชาตินที้ ี่จะตอ้ งทรงไวซ้ ่งึ สภาพความเป็นจริง คือ เกิด - แก่ - เจ็บ - ตาย อนิจจัง คอื ชวี ติ ทไ่ี ม่เที่ยงแท้แนน่ อน ทกุ ขงั คือ ชีวิตทท่ี นไตย้ ากต้องทนทุกข์อยู่รา่ํ ไปและอนตั ตา คอื ชวี ติ ท่ีบงั คบั บัญชาไม,ไต้ สัจธรรมแห่งชีวิตดังกลา่ วแลว้ น้ี จึงเปน็ ของจริงหรอื เป็นความแทจ้ ริงตามธรรมชาติของสิง่ มีชีวิต ทั่งคน สัตว์ และพชื พันธตุ า่ งๆ โดยภาพรวมเรยี กวา่ “ สงั ขาร”คอื ธรรมชาติทไ่ี ตร้ บั การปรุงแต่ง เซ่น คน ไต้รับการปรุงแตง่ ตามสายพันธุให้เกดิ เปน็ คน จนเจริญเติบโตเรอ่ื ยมาตามลำดับ โดยเฉพาะในเรื่องของคนน้ี จะขอกล่าวเน้นใหเ้ ห็นถึงความเปลี่ยนแปลงตามลำดบั ของวงจรชีวติ ดังนี้ วงจรชวี ิตอนิจจงั ส ภ าพ ข อ งม น ษุ ย ์เร ่มื ต ้งั แ ต ่ค ล อ ด แ ล ้ว อ ย ่รู อ ด เป น็ ท าร ก เจริญเตบิ โตเรอื่ ยมาเขา้ สู่วัยเด็ก วยั ผใู้ หญ่ วยั ชรา และเข้าสู่ภาวะแห่งมรณะ คอืความตายตามลำดบั สภาพของสังขารเมื่อเกดิ ใหมๆ่ ก็ยงั อ่อนแอ ยงั ไม'แขง็ แรง ยงั ช่วยเหลือตวั เองไมไ่ ต้ ต้องมผี ู้''ช่วยคือ ผ้เู ลยี้ งดู เซน่ บดิ า มารดาและผู้ปกครอง เปน็ ตน้ ค่อยๆ เจรญิ รงุ่ เรอื ง แขง็ แรงข้ึนเร่อื ยๆ ตามลำดบัพอเจริญเตบิ โตถึงขดี สูงสุดหรือเตบิ โตจนสดุ ทแ่ี ล้วกจ็ ะค่อย ๆ ทยอยลดต้าัลงๆ คอื คอ่ ยถอยแรงลงมาเรอ่ื ยๆ แก'ตวั ลงตามลำดับ จนถงึ ภาวะหมด๑๔๒
สขใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทีด่ ีงามแรงทจี่ ะตอ่ สใู นชีวติ อกี ตอ่ ไป นัน่ หมายถึง ความเสือ่ มโทรมทางสงั ขารเข้ามาเยือนแล้ว เรา - ทา่ นท้ังหลายตอ้ งเตรียมรับกนั ให้ดี รา่ งกายของเราทง้ั โดยอนโุ ลม - ตามลำดบั และปฏิโลมคอื ทวนลำดับ ยอ่ มตกอยใู่ นภาวะอนิจจังทงั้ สิ้น เซน่ ผม1[นศรี ษะ เมอื่ ก่อนนนั้ ดกดำเปน็ เงางาม แตเ่ ด๋ียวนเ้ี หย่ี วเฉามีรงั แคแถมหงอกโดยสว่ นมาก ถ้าจะถอนผมหงอกกนั แล้วคงไมเ่ หมาะนา่ จะถอนผมดำมากกว่า เพราะผมดำมนี อ้ ยกวา่ ผมหงอก เพราะอะไร เพราะผมมนั ตกอยใู นอนจิ จัง - ไม,เทย่ี งแทแ้ น่นอน ดวงตา/นัยน์ตา/สายตา เมื่อกอ่ นอยใู่ นสภาพดีมาก ใชง้ านไต้ดีจริงๆ ท้ังมองระยะใกล้และมองระยะไกลไมต่ อ้ งสวมแวน่ ตา แต่พอมาถงึปจั จุบันความครํา่ คร่าของสงั ขารก็มาเยอื น ทำใหส้ ายตาสนั้ บ้าง สายตายาวน้าง สายตาเอยี งนา้ ง เจบ็ ตาขัดเคืองตา และตาผเ้ าฟางหรอื มดี มัว เปน็ ต้นเลยต้องตดั แว่นตาใส่กันทกุ ถ้วนหน้าลำหรับคนสงู อายุ ผมู้ ี1วัยต้ังแต่ ๓๐ - ๔0ปี เปน็ ตน้ ไป ตอ้ งขยับรอบของแวน่ ตาขน้ึ ไปเรือ่ ยๆ จาก ๑๐๐ เปน็ ๑๕๐เป็น ๒๐๐ - ๒&๐ - ๓๐๐ ขยบั ไปเร่อื ยา น่แี หละอนจิ จังของน้ยนต้ าหรือสายตาไมเ่ ท่ยี งเลยจริง ๆ ต่อไปเป็น หู หรือ โสตประสาท เมื่อก่อนเสียงดงั ฟง้ ชดั ไตย้ นิ ไต้เต็มทบ่ี รบิ ูรณ์ ไม,ผิดเพ้ยี น ทุกวันนีฟ้ ง้ อะไรไมค่ อ่ ยไตย้ นิ ตอ้ งพูดดงั ๆ หรอืตะโกนดงั ๆ จึงจะไต้ยนื บางครัง้ ต้องตะแคงหฟู ้ง เพราะฟังไต้ถนัดชดั ดที ่ีหขู า้ งเดียว หรอื บางรายก็อนจิ จังเกนิ ไป คอื หหู นวกก่อนวัยอันควร ตอ่ ไปเป็น 1เากและฟนั เม่ือแรกเรม่ิ ฟันย่อมจะค่อยๆ งอกมาทลี ะซี่ ใช้งานไดดั ี พอสมควรแกก่ าลเวลาแล้วธรรมชาตกิ เ็ รยี กคืน ฟันแท้ก็ค่อยๆ หักไปทลี ะชๆี่ อกี เซน่ กัน ต้องใช้ฟันปลอมกันทั้งปาก ถอดงา่ ย ล้างง่ายใซไต้ง่าย แต่ลำบาก เพราะผดิ ธรรมชาติ เม่อื ฟันเสื่อมสภาพ ปากและรมิ ริ]ปากก็ยอ่ มเส่อื มสภาพตามไปดว้ ย พรอ้ มทั้ล้ินซงึ่ อยูในปาก เปน็ ตวั คอยรบั รส ๑๔ ๓
สุ'ยา.จที่ไค้อ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวิตทด่ี ีงามและคอยกระดก หรอกระดุกกระดกิ ตะหวัดไปตะหวดั มา หดเข้า ยืดออกทำให้พูดได้ ส่ือความหมายได้นานาประการ มนั กพ็ ลนั เส่ือมสภาพไปตามลำดับด้วย กินไม่ค่อยอร่อย ลิน้ ไม่ค่อยจะรู้รส พูดไม่ค่อยถนดั หรอื พูดไม่คอ่ ยชัดเหมอื นกบั เดก็ หดั พูด ออ้ ๆ แอ้ๆ ส่นั เครือคลา้ ยคนเมา พยายามพูดส่ือความหมาย แต่ไม่คอ่ ยจะไดค้ วาม เพราะลนิ้ มันเสอ่ื มสภาพหรอื ทำงานไม่ไดต้ ามปกติ น่กี ็อนิจจังอกี เซน่ กัน ตัวอย่างตอ่ ไปคอื มอื และเทา้ พรอ้ มทง้ั แขนและขา เมือ่ กอ่ นแรกเกิดยังออ่ นแอ ทำงานไมไ่ ด้พอแขง็ แรงเตบิ โตขึ้นมาเรือ่ ย ๆ ก็เร่ิมทำงานไดต้ ามลำดบั พอทำงานไดเ้ ต็มท่ลี ักพกั หนึ่งแล้ว ก็คอ่ ย ๆ อ่อนแรงลงมาเรอ่ื ย ๆจนกระทัง่ เขา้ สวู่ ยั ชรา ทำอะไรไม่คอ่ ยได้ จะเดนิ จะนั่ง จะนอน กด็ ้องมืคนคอยพยงุ ลกุ พยุงนัง่ พยุงนอน เหมือนตอนเด็ก ๆ เลย อนจิ จัง มนั เป็นระบบหมนุ เวยี น เกดิ ขน้ึ - ตัง้ อยู่ - ตับไป อกี วาระหนึ่ง เป็นภพใหม่ ชาตใิ หม่ต่อไป ตัวอยา่ งสุดทา้ ยของอนจิ จังก็คือ ระ11Iเการกินและกา?1ข1ั เกา่ ยชีวติ เมอื่ แรกเรม่ิ เปน็ ทารก ต้องมีคนป้อนข้าว ป้อนน้ํา และใหน้ ํ้านม พร้อมทงั้ชว่ ยเหลอื ในเรื่องของการขบั ถ่าย พอเตบิ โตขึน้ แข็งแรงแลว้ ก็ช่วยตวั เองไดม้ าโดยตลอด ไม,ร้สู กึ ว่ามนั เป็นอนิจจงั แตพ่ อเขา้ สู่วัยชรา หรอื สังขารมันอ่อนลา้ อนจิ จังกป็ รากฏชดั ช่วยเหลือตนเองไมไ่ ด้ ตอ้ งมีคนคอยช่วยปอ้ นข้าว ป้อนน้ํา ให้ดื่มนม และคอยช่วยเหลือในเรื่องของการขับถ่ายอีกวาระหนึ่ง ทั้งๆ ท่คี วามดำรงอยู่ของสังขารก็รา่ งกายอันเดิมชีวติ ของคนคนเดิมน่นั แหละ แต่มนั เปลย่ี นแปลงไปแลว้ วงจรชีวติ ประการสุดทา้ ยประการต่อไป พกู 'ขัง - ความเปน็ ทกุ ข์เมอื่ ทนได้ยาก เปน็ ความลำบากของสงั ขารร่างกายเป็นผลสะทอ้ นมาจากอนิจจังน่ันเอง เมอ่ื มนั ไมเ่ ทย่ี งแทแ้ นน่ อน มันกย็ อ่ มเป็นทกุ ข์ ทัง้ ทกุ ขก์ ายและทุกขใ์ จ ใครทนได้ อดได้ก็ประเสริฐและพอจะเปน็ สุข ใครอดไม่ได้ ทนไม่ได้ ก็ยาแยแ่ ละ เปน็ ทกุ ข์ ทา่ นผู้ฟิงลองนกึ มองตามสภาพของอนจิ จังที่กล่าวแล้วกีโด้ครับ ท่เั ,ดเป็นอนจิ จงั ทีน่ ่ันยอ่ มเปน็ ทกุ ขค์ ือไม่สบาย เชน่ ผมหงอก(ร)ฺ & (^
* สขใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชีวติ ท่ดี งี ามหรอื คนั ศรี ษะกเ็ ป็นทุกข์ หนา้ ตาเปน็ รอยเหยี่ วย่นบนใบหน้า หรือทเ่ี รียกวา่ รอยตีนกา ก็เปน็ ทกุ ข์ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอยี ง ตามองอะไรไม,ค่อยเหน็ ตาผเ้ าฟาง หรือตามดื บอดกเ็ ป็นทุกข์ หฟู ้งเสียงไม1ค่อยซัดหอู ้ืออึง หรือแม้กระทัง่ หูหนวกก็เป็นทุกข์ ทัง่ ปากและฟนั พร้อมท้ังลิ้นใชง้ านไมไ่ ด้ตามปกติเพราะมันเส่ือมสภาพ กเ็ ป็นทกุ ข์ มือไม้แขนขาอวยั วะตา่ งๆของร่างกาย ทำงานตามปกติไม,ได้ก็เป็นทกุ ข์ แค'รบั ประทานอาหารไม่ได้ตามปกติ ระบบขับถา่ ยทำงานผดิ ปกติ แค่น้กี ็,ทกุ ข์มากแลว้ นแ่ี หละ ทุกขงัความเปน็ ทกุ ขข์ องร่างกาย ซ่ึงเราไม,อยากมอื ยากเป็น ไม่อยากได้ แต่บดั นี้เราได้มันแล้ว เปน็ ทกุ ขไ์ หม วงจรชวี ิตประการสดุ ทา้ ย อนัตตา■ ไม'มตี ัวตนหรอื บงั คับบัญชาไม'ได้ เปน็ ผลสืบเนือ่ งมาจากอนจิ จงั และทกุ ขังเชน่ เดยี วกัน เม่อื สงั ขารไมเ่ ทีย่ งและเปน็ ทกุ ข์ มนั กย็ ่อมเปน็ อนตั ตาเปน็ เร่อื งธรรมดา คือ ไมส่ ามารถทจ่ี ะบงั คับบญั ชาได้วา่ อย่าเกดิ อย่าแก่ อยา่ เจบ็ และอย่าตาย เส้นผมก็บังคบั ไม่ไดว้ า่ อย่าหงอกใบหน้าก็บงั คับไม่ไดว้ า่ อยา่ งเห่ียวยน่ เป็นรอยตีนกาตาหรอื นัยน์ตาก็บังคับไมไ่ ดว้ า่ สายตาอย่าส้นั อยา่ ยาว อยา่ เอนเอยี ง หรืออยา่ เสยี หาย จมกู ก็บังคับไม่ได้วา่ อย่าเส่ือมสภาพ หูก็บังคับไม่ได้ว่าหอู ย่าหนวก หูอย่าอือ้ อึง อวยั วะในสงั ขารรา่ งกายทุกชิ้นส่วน เราไมส่ ามารถบงั คับให้มันเปน็ ไปอย่างทต่ี ้ังใจได้เลย พอจะบังคับไดบ้ ้างก็บางคร้งั บางคราวหรือในโอกาสอนั สมควรแกก่ ารใชง้ านเท่านั้น แม้แต่สรรพสิ่งทัง่ ท่เี ปน็ รปู ธรรมและนามธรรม ทีเ่ กิดขน้ึ แก'หมมู่ นุษย์ กไ็ ม่เทย่ี งแท้แนน่ อน ยอ่ มเปน็ ทุกขแ์ ละเป็นอนตั ตาเหมอื นกนัเชน่ เรื่องของโลกธรรม๒ ฝ ่า ย ๔ ค*ู่ ะ-ประการกเ็ ช่นเดยี วกนั เมือ่ มลื าภก็ยอ่ มเลอ่ื มลาภ มียศถาบรรดาศก้ ดต้ี ำแหนง่ หน้าท่กี ต็ ้องเลอื่ มสูญไปจากส่งินเ้ี ช่นกัน บางครง้ั ได้รบั คำยกย่องสรรเสรญิ แตบ่ างทีต'้ องถกู นินทา'ว่ารา้ ยจนอารมณ์หงดุ หงดิ เอาชวี ิตแทบไม'อยู่ โดยสรปุ ชวี ติ ยอ่ มมทื งั่ สขุ และทุกข์คละเคลา้ กันไป แลว้ แต่ใครจะมืสขุ มากสุขนอ้ ย หรือทกุ ข์มากทกุ ข์น้อยประการใด ๑๔๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281