สขุ ใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ทด่ี งี าม นายแพทย์ประเวศ วะสี แพทย์ผูเ้ ชี่ยวชาญ โรคเลอื ดผเู้ คยรับรางวัลแมกไซไซ ก็ได,เขียนบทความลงในวารสารหมอซาวบา้ น รายงานวา่นายแพทยอ์ อสเตรเลยี คนหนึ่ง ชื่อ ดร.เมยี รส์ นใจทีจ่ ะไซวธิ ฝี กึ คนไข้ทป่ี ว่ ยดว้ ยโรคมะเรง็ จนเกนิ กวา่ โรงพยาบาลจะรักษาได้ โดยใบ้ทำสมาธิ ไมใชย้ าใด ๆชว่ ย หลงั จาก‘ฝกึ สมาธิทุกวัน ปรากฏวา่ คนไข้หลายคน‘ฝึกได้ผล อาการดขี ึ้นอย่างไม1นา่ เชอ่ื บางรายมะเรง็ ยุบหายไปอยา่ งเด็ดขาดเป็นท่นี า่ อศั จรรย์คนท่เี ปน็ มะเร็งแล้วหายด้วยวธิ นี ี้ รายหนึง่ ถงึ กลา่ วว่า “ในชีวติ ฉนั ไม่เคยพบความสขุ อย่างช่วง ๖ เดอื น ทีแ่ ล้วเลย” อีกคนหน่ึงกล่าวว่า “ฉนั ดีใจท่ีเป็นมะเรง็ เพราะการเป็นมะเร็งชกั นา่ ใบพ้ บการทำสมาธิ การทำสมาธิทำใบ้ใจฉนั มคี วามสุข จึงต้องขอบคณุ มะเร็ง” จากหลักฐานของนักวทิ ยาศาสตรแ์ ละนกั การแพทยท์ ่กี ลา่ วมาแล้ว สอดคล้องกับศาสนาพทุ ธ เพราะศาสนาพุทธ ถือวา่ ร่างกายของคนเราประกอบด้วย ๒ ส่วน คอื กายกับใจ กายกบั ใจจะสมบูรณ์ ได้นนั้ จะตอ้ งประกอบด้วยหลกั ศีลธรรมอนั เป็นหลกั ปกตขิ องมนุษยโ์ ลก ตรงกับคำกล่าวของหลวงพอ่ พุทธทาส ทกี่ ล่าวว่า “ศีลธรรมไม่กลบั มา โลกาจะวนิ าศ” ซงึ่หลกั ทน่ี ักวทิ ยาศาสตร์และนักการแพทย์ ท่กี ลา่ วมานน้ั กต็ รงกบั หลกั การทำบญุ ในพระพทุ ธศาสนา ดือ ทาน ศลี ภาวนา นั่นเอง กองทัพบกเองก็เลง็ เหน็ ความสำคัญของเรอ่ื งการพัฒนาจติ ใจนี้เปน็ อย่างมาก จึงได้มอบหมายให้ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบกได้นำกำลงั พลและครอบครัว ไปฝกึ สมาธิโดยปฎิบ้ติตามแนวทาง สติปฏั ฐานสี่ณ ศนู ย์พัฒนาจิตใจกำลงั พลกองทพั บก วดั อมั พวนั อำเภอพรหมบุรีจงั หวดั สงิ ห์บุรี และวัดตาลเอน อำเภอบางปะหนั จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยาเริ่มฝกึ มาตงั้ แต่ พ.ศ.๒๕๒๙ ปลี ะ ๙ รุ่น และจนถึงปจั จบุ ันไต้ผลเป็นท่ีนา่ พอใจอยา่ งยง่ิ อนั ท่ีจรงิ เรื่องการทำดที างพระพทุ ธศาสนาทีม่ ีศัพท์เรียกเฉพาะวา่บญุ กรยิ าวัตถุนนั้ ตามตวั อักษรแล้วดูเหมือนจะแยกกนั เดด็ ขาด เพราะทา่ นแบง่ ไวัเปน็ ๓ อย่าง คือ
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ือชีวติ ที่ดีงาม๑ . ทานมยั บญุ สำเร็จด้วยการให้ทาน๒. ศีลมัย บุญสำเร็จดว้ ยการรักษาศีล๓. ภาวนามยั บญุ สำเร็จด้วยการเจรญิ ภาวนา แตใ่ นทางปฏิบัตแิ ล้ว ทง้ั ๓ ประการนี้เปน็ สิง่ เกื้อกลู กันปฏิบตั ิพร้อมกนั เซน่ คนจะให้ทาน ก็มาจากจิตใจที่ประกอบด้วยความเมตตากรณุ าซึ่งกเ็ ป็นเร่อื งของศลี นนั่ เอง และขณะใหท้ านกจ็ ะมีจติ ใจสงบเยอื กเย็นนนั่กเ็ ปน็ เรื่องของสมาธิหรือภาวนามัย คนทรี่ กั ษาศีล ก็ไม่คดิ จะทำร้ายใคร ก็แสดงว่าได้บำเพญ็ อภัยทานไปด้วย และจติ ใจกส็ งบได้เร็ว เพราะไม่มจี ติ ใจทีเ่ ปน็ ศตั รูกบั ใคร ยิง่ ผ้ทู บี่ ำเพญ็ จิตภาวนาดว้ ยแล้วเรอื่ งทาน เรอ่ื งศีลแทบไมต่ ้องพูดถงึ เพราะมันจะเกดิ ข้ึนเองโดยอัตโนม่ติ เน่อื งจากการบำเพ็ญภาวนาทำใหเ้ กดิ ปัญญารูจ้ ริงเหน็ จรงิ ตามหลักสัจธรรม ดังนนั้ ชาวพทุ ธจงึ ควรมคี วามมนั่ คงหนกั แน่นในเรอ่ื งกรรม คือตอ้ งทำดว้ ยตนเอง แลว้ ผลมันจะเกิดตามมา ทำดตี ้องไดด้ ที ำชวั่ ต้องได้ชวั่อยา่ ไปหลงคอยวาสนาฟ้าดนิ ประทานเพราะเปน็ เร่อื งเลือ่ นลอยขาดเหตผุ ล เปน็ อนั วา่ ถ้าเราทำควบคูก่ ันไปท้งั ร่างกายและจติ ใจ คอื ทำงานอยา่ งสมา่ั เสมอขยนั ออกกำลังกาย มีจิตใจอ่มิ เอิบในกศุ ลความดีทไี่ ด้สร้างสมไว้ มีความชนื่ ชมยนิ ดใี นคณุ ความดขี องผอู้ ่ืน ตลอดจนรูจ้ ักทำจติ ใจให้สงบเป็นสมาธิอยเู่ นืองนิตยแ์ ล้ว ร่างกายของผนู้ ัน้ จะไดร้ ับรางวัลเปน็ เจ้าของรา่ งด้วยการทำใหเ้ กดิ ความสบาย คลายความเครยี ด ตลอดจนเพิม่ ภูมคิ ุ้มกันโรคใหแ้ ก'ร่างกาย เปน็ ผลให้สุขภาพดี อายยุ ืน ไม่แกเ่ ร็ว ชวี ติ กจ็ ะมีคุณภาพอยากไดด้ ี ไมท่ ำดี นัน้ มมี ากดแี ต่อยาก หากไมท่ ำ น่าขำหนออยากไดด้ ี ตอ้ งทำดี อยา่ รีรอดีแตข่ อ รอแตด่ ี ไมด่ เี ลย
สขุ ใจทไึ่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชีวติ ทีด่ ีป๋ามโดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ ความปรารถนาดขี องชวี ติ ” ความปรารถนาดีของชวี ติ ซงึ่ เราท่านมักจะได้ยินถ้อยคำที่กลา่ วกนั ในเดือนมีนาคมเสมอ กค็ อื ...มาถึงมนี า...แล้ว ไม่จน...เพราะมีแลว้ ได้ทำประโยชนอ์ ยา่ งจรงิ จงั ไม,ผดิ เลยทจ่ี ะกล่าวอกี ครงั้ วา่ “ไมม่ คี วามยากจนในหม่คู นทีข่ ยนั ” แต่ท่ีจะเสนอในเบอ้ื งต้นนีก้ ่อนก็คือ หาก “มที รพั ย์ ไตย้ ศและมีมิตร ไมตร”ี เพยี ง ๓ อย่างน้ี ก็ถือว่า เป็นการได้ความปรารถนาทดี่ ีของชีวิตส่วนหน่งึ แลว้ กลา่ วได้วา่ การมีทรพั ย์ การไดย้ ศ การไดม้ ติ รไมตรี ถอื เปน็ ความปรารถนาสงู สดุ ของทกุ ชีวติ และความสมปรารถนาในทรัพย์ ยศ และไมตรีกถ็ อื เป็นบ่อเกดิ และศนู ยร์ วมแห่งความดที ี่ทกุ ชีวติ ต่างปรารถนา ซ่งึ ความดีท่ที กุ ชวี ติ ปรารถนา โดยรวม มีอยู่ ๓ ช้ัน คือ หน่ึง ดีนอก บอก “สินทรพั ย์” นบั วา่ ใช่ สอง ดีใน เรอื ง “วชิ า” สงา่ ศรี สาม “คณุ ธรรม” เป็นเคร่อื งหมาย ว่าในดี สามช้ันน้ี บง่ คณุ ค่า “หน้าตาคน ห น า้ ของคน เรานน้ั ทางพ ระพ ุทธศาสน าทา่ นแสดงไวิโดยรวมว่ามี ๓ หนา้ คือ หนง่ึ หนา้ นอก บอกความงาม ความสดใส สอง หนา้ ใน ไขความดีศรีสง่า สาม หน้าที่ ชี้สามารถ เต็มอตั รา ทง้ั สามหน้า คือ “คณุ คา่ หนา้ ตาคน”เพราะ “หนา้ นอกบอกความงาม” โบราณไทยทา่ นจึงสอนลกู หลานไทยของท่านมาอยา่ งดีโดยตลอดวา่ “ลกู หลานเอย...หนจู งทำหน้าใหง้ าม แต่อย่าทำให้งามหน้า” และบอกดว้ ยวา่ ใหม้ ี “พระ” ไวท้ ใี่ จเพ่ือเปน็ สิรมิ งคล
สุธใจทไี่ ด้อา่ น สารธรรมเพี่อชีวติ ท่ีดงี ามแก,ชีวติ ซง่ึ พระทเ่ี สริมสิรมิ งคลให้ “หนา้ นอกบอกความงาม” ได้เตม็ ทีก่ ็มีอยู่ ๓ องค คอ ๑ . พ?ะอมย้มิ คือยมิ้ แยม้ แจม่ ใส มใิ ชย่ ิ้มเยาะ ยิ้มหยัน หรอื ยมิ้ เย้ย ๒. พระดอกนัวตูม คือการร ้'ู ท ี่สงู ท่ตี าํ่ ร ู้ทหนา้ ร้ทู ีหลัง รรู้ กั ร ูเ้ ขา้ ใจรูใ้ ห้อภัย รูใหเ้ กียรติ ร้ใู ห้โอกาส และรทู้ ่จี ะปรารถนาดตี ่อกนั อย่างจรงิ ใจ ๓. พระหลังค่อน คอื มีความเคารพนอบนบผูเ้ จรญิ กว่าดว้ ยวฒุ ิอนั ไดแ้ ก่ความเจรญิ ทง้ั ๓ ประการ ๓ .๑ ชาตวิ ฒุ ิ คอื ผทู้ เ่ี จรญิ โดยชาตติ ระกูล มกี ำเนิดอันสูงส่งจากการได้ประพฤตแิ ละปฏิบตั ใิ นพระคณุ ธรรมทางพระศาสนา ชอบที่จะยินดีกบั ดีท่ีทุกคนได้ไม่มหี นอนแหง่ ความรษิ ยาไว้เปน็ ตวั แสดงความเนา่ ในหรือฝา่ มือท่ีมีแผลไว้สำหรับตน กับทกุ คน ทุกที่ และทุกเหตุการณ์ ไม,ยอมประพฤตติ นให้ตา เพราะโดยปกตผิ ูท้ ร่ี ษิ ยาผูอ้ ่ืน ซงึ่ ชอบทจ่ี ะดึงผู้อนื่ ให้ตกตํ่ามกั จะต้องอยใู่ นท่ีต๋าั กวา่ เสมอ ด้วยผลแหง่ ความเป็นคนที่ให้เกียรติ และให้โอกาสแก'ทุกคนตังไดก้ ล่าวมา จงึ ไดร้ ับผลคอื ได้ถือกำเนิดในตระกลู อันสูงท้งั ด้วยภาวะและฐานะอนั แสดงความเจริญและสมบรณ์พรอ้ ม ฬ ่ V ‘บ ๓ .๒ วยั วฒุ ิ คือผทู้ ่ีเจริญโดยอายุวยั และไดว้ างตนไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับวยั ทง้ั ภาวะ และฐานะที่ควรแก'การยกย่อง ช่ืนชม และมใิ ช่ - สงู เดน่ เพียงเพราะ แข็งโด่ - เติบโต เพยี งเพราะ กนิ ขา้ ว - แกเ่ ฒา่ เพยี งเพราะ อย่นู าน ซึ่งหากเป็นดงั นัน้ อายุทไ่ี ด้มามาก กค็ งเป็นเพยี งแค' “ตัวเลข”เทา่ นั้น
สขุ ใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชีวติ ที่ดปี า๋ ม ๓.๓ ๆณ,วฒุ ิ คือผทู้ ี่เจริญดว้ ยความดี ความรู้ และความสามารถ ดังทพ่ี ระเดชพระคณุ เจา้ ประคุณ สมเดจ็ พระมหาธีราจารย์เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เจา้ อาวาสวดั ชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรงุ เทพมหานคร ได้เมตตาฝากเปน็ ธรรมคำพรํ่าสอนกลุ บตุ รกุลธิดาไวัตอนหน่งึ วา่“- อ่อนน้อมถอ่ มตน ทำใหค้ นกา้ วหนา้- เย่อหยงิ่ จองหอง ทำให้คนลา้ หลัง- อยากใหญ่ ใหห้ ัดทำตัวเล็ก- อยากฃึ้นทส่ี ูง อย่าลืมมองท่ตี า - เพราะร้วู า่ นก1ไมม่ ีขน คนไม่มภี มู ิรู้ ไมม่ ีภมู ิธรรม ไม่มีความภูมิฐาน ไมม่ ีหลักเกณฑ์ ไม่มหี ลักการ ไม,มีหลกั ฐาน ไมม่ ีหลักแหล่งไม่มหี ลกั ธรรมย่อมจะไม,อาจหาญยืนหยดั และนำตนเองข้ึนส'ู ทสี่ ูงเองได้เพราะ “หน้าในบอกความด”ี ทุกชีวิตจงึ ควรไดต้ ระหนักในความมรี าศขี อง“หนา้ ใน” ซึ่งฐานท่ีจะถ่อให้เกดิ ความมีราศขี อง “หนา้ ใน” ประการหนง่ึ ซง่ึสำคัญอยา่ งยิ่ง กค็ อื “การมกี ารศกึ ษา” เพราะ- การศกึ ษาทด่ี ี ย่อมเป็นทม่ี า แห่งการงานทีด่ ี- การงานทดี่ ี ย่อมเป็นท่มี า แห่งทรพั ย์สมบัติทด่ี ี- ทรัพยส์ มบตั ิทด่ี ี ยอ่ มเปน็ ทมี่ า แห่งความสขุ และความสำเร็จที่ด”ี โดยรวมการศกึ ษา จึงเปน็ ทม่ี าแหง่ ความดขี องชวี ิต เหตุนโ้ี บราณไทยทา่ นจงึ ว่า พอ่ แมเ่ ม่อื รักและปรารถนาดีตอ่ ลกู อย่างแห้จรงิ มกั จะสอนลูกๆ ดังภาษิตคำกลอนของบณั ฑิตน้ีที่วา่ เกดิ มาเป็นคน หนังสือเป็นด้นวชิ าหนาเจา้ หากแม้นไม่รู้ อดสอู ายเขา เพ่อื นฝงู เยาะเย้า ว่าเงา่ ว่าโง่ บางคนเกิดมา ไม่รวู้ ิชา เคอะอยจู่ นโต ไปเป็นข้าเขา เพราะเขาเง่าโง่ บา้ งเปน็ คนโซเที่ยวฃอก็มี แม้นรู้วชิ า ประเสริฐนักหนา ชูหนา้ ราศี จะไปแห่งใด มีคนปรานียาก1ไร้ไมม่ สี วสั ดมี งคล
สุขใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชีวิตที่ดงี าม ฉะน้นั เมอ่ื “หน้าในบอกความดี”โบราณไทยจึงย้ําถงึ การแสวงหาการศึกษา เพราะ “รากฐานของตกึ คอื อฐิ รากฐานของชวี ติ คอื การศึกษาและก็ยงั รวมไปถงึ การไดใช้ศิลปะ และวิทยาการ ทีศ่ กึ ษามาให้เหมาะสมกับกาละ คือ เวลา เทศะ คือ สถานท่ี อปุ ธิ คือสมรรถนะและความเหมาะสมตลอดถึง ปโยคะ คอื วิธกี ารอันดงี ามแก,เรอื่ งและเหตกุ ารณน์ ้นั ทัง้ นีเ้ พอื่สร้าง “คุณภาพชีวิตทด่ี ีงาม” ทั้งส่วนตนและสว่ นรวมคือสังคม เพอื่ ไดเ้ ปน็ อยู่รว่ มกนั อย่างมีความสุข ดังบทเตือนใจทบี่ ัณฑิตทา่ นฝากไวด้ ้วยความรักและปรารถนาดีในเรื่องของการศกึ ษาและประโยชนจ์ ากการใช้การศกึ ษาน้ที ี่ว่า“ขน้ึ ช่ือว่าวชิ า ต้องศึกษาทกุ อย่างไปแตว่ ่าอย่าพึงใช้ ทุกอย่างไปทศี่ กึ ษาทำใดถูกใจคน น่ันคือผลของวชิ า” ซ่ึงเม่อื ทำได้ดังนี้ ผลทงั้ หมดจะสง่ ไปถึง “หน้าที่บอกความสามารถ”ทันที
สขุ ใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพือ่ ชวี ิตทดี่ ีงามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “หนา้ ทก่ี บั คณุ ธรรม” เมื่อพูดถึงหนา้ ท่ีแล้วเช่อื วา่ ทกุ ท่านคงเคยได้ยนิ และอาจไดย้ ินบ่อยด้วย และดูเหมอื นวา่ พอไดย้ ินแล้วกจ็ ะเขา้ ใจไดท้ นั ทีโดยไม1ต้องมใี ครอธบิ ายใหฟ้ ัง แตในความเป็นจรงิ แล้ว เรานา่ จะด้องทำความเขา้ ใจใหช้ ัดกวา่การคาดเดาเอาจะเป็นการดี เพราะการคาดเดา จะเป็นการด่วนสรุปเกินไปซึง่ ผลของการด่วนสรุป มักจะเป็นการตัดสินใจผดิ เมอื่ ตดั สินใจผิดการกระทำก็ผดิ เมอื่ การกระทำผิด ผลของการกระทำก็พลอยผิดไปดว้ ย เมื่อผลผดิ เสียแล้ว การหวังทจ่ี ะได้รบั รางวัลจากผลของการกระทำกอ็ าจไรผ้ ล อยา่ งการทำงานของข้าราชการ บางคนบน่ วา่ ทำงานแทบตายแตไ่ ม่ได้สองขัน้ ซ่งึเป็นรางวัลท่คี วรจะได้รบั ตอ่ จากผลของการทำหน้าที่ แตป่ รากฏวา่ ไมไ่ ด้อาจเป็นเพราะเขาด่วนสรุปเรอ่ื งหนา้ ทีม่ ากเกินไป จงึ ทำใหพ้ ลาดจากผลและรางวลั จึงอยากจะหยบิ ยกเรอ่ื งนี้มาใหท้ า่ นได้ช่วยกันพจิ ารณา เม่อื พดู ถึงคำว่าหน้าทก่ี ็จะมคื ำว่าสทิ ธมิ าเกยี่ วข้องห้าง เชน่ สิทธิและหน้าท่ี หรือคำวา่ อำนาจหา้ ง เช่น “อำนาจหนา้ ท”ี่ คำว่า สทิ ธิ แปลตรงศัพทแ์ ลว้ ก็แปลว่า ความสำเรจ็ แต่เมอ่ื ไปบวกกับคำวา่ หน้าที่ แลว้ ความก็บังคบั ให้แปลวา่ อำนาจ เราจงึ มกั ใข้คำว่า “อำนาจหน้าท”่ี ซง่ึ ความหมายก็คือ มีอำนาจในการทำหน้าท่ีน้ันๆ แต่คนไมเ่ ขา้ ใจมกั จะเอาคำว่า สิทธิไปไข้ในความหมายว่า ค่าจ้างรางวัล เมอ่ื คำนี้มาคกู่ ับคำวา่ หน้าที่ เชน่ ผมเปน็ภารโรง มีหนา้ ที่ ๑-๓ และผมกไ็ ด้ทำหนา้ ทต่ี าม๑-๓ ครบถว้ นแล้วผมต้องมีสทิ ธิไดส้ องข้นั เป็นด้น สทิ ธใิ นความหมายนจี้ ึงเปน็ ลกั ษณะการทวงค่าจา้ งรางวลั หากจะพดู ถงึ หนา้ ที่ใหช้ ัดกค็ งทิ้งคำวา่ บทบาทไม,ได้ เพราะคำว่าหนา้ ทเี่ ป็นคำบงั คบั ใหม้ กี ารแสดงบทบาทในเรือ่ งน้ัน ๆ จนบางคร้ังเรากใ็ ช้ควบกนั ว่า“บทบาทและหนา้ ท่ี”
สุขใจที่ใตอ้ ่าน สารธรรมเพอื่ ชวี ติ ท่ดี ีปา่ ม คำว่าหน้าทีโ่ ดยความหมายในภาพรวม คือขอ้ บงั คบั ให้ทำในเรอื่ งนนั้ ๆ เซ่นทหารท่ีเปน็ อนุศาสนาจารย์มีเลข ชกท. คือความชำนาญการทางทหาร &๓๑๐ มีหน้าทด่ี ังนี้ คือ หนา้ ทีท่ วั่ ไป ปฏบิ ตั ิการหรอื อำนวยการเก่ยี วกบั การศาสนาและให้คำแนะนำแก,ผูบ้ ังคบั บัญชาในปัญหาทง้ั ปวงเก่ยี วกับศาสนา และขวญั หน้าทีเ่ ฉพาะ ปฏบิ ัตกิ ารเกีย่ วกับการบริการทางศาสนา และวางโครงการใหท้ หารมโี อกาสได้ปฏิบัตศิ าสนกจิ เซน่ การเย่ยี มฺ เยียนผู้เจ็บป่วยและนักโทษทหาร การช่วยเหลือและประสานงานในการดำเนนิ การใหท้ หารมีขวัญดี การมีส่วนในการอบรมผู้คัดเลือกเขา้ มาเปน็ ทหาร และทำการบรรยายอบรมเกย่ี วกบั ศาสนา และการตดิ ตอ่ ประสานงานกบั องค์การสงเคราะหต์ า่ งๆ เซน่ สภากาชาด หรอื วดั ในท้องถ่ิน เปน็ ดน้ แม้องคก์ รหรือกลุ่มคนเล็กๆ เซ่นชมรมเด็กวดั เป็นดน้ เขาก็มีการกำหนดบทบาทหน้าที่ใหก้ ันทำ เซน่ นาย ก. มหี น้าท่ีล้างกระโถนนาย ข. มหี น้าทลี่ ้างบาตรพระ เปน็ ตน้ เมื่อมีหน้าท่ีแลว้ ทุกคนกต็ ้องมีอำนาจในการทำหนา้ ท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมายอย่างเตม็ ที่ เรียกว่า “อ ำน าจ เต ม็ ”เซน่ ผใู้ หญบ่ ้านมีอำนาจเตม็ ในหนา้ ทป่ี กครองดูแลลกู บา้ น ผกู้ ารกรมมีอำนาจเตม็ ในหนา้ ที่ปกครองดูแลผู้ใตบ้ งั คับบัญชาระดับกรม เป็นต้นเมือ่ ผู้!หญบ่ าั นก็ดี ผกู้ ารกรมกด็ ี ไดท้ ำหน้าทสี่ มบูรณก์ ็ไดช้ ่ือวา่ ได้ทำหน้าที่“เตม็ อำนาจ” คนผมู้ อี ำนาจเตม็ และได้ทำหน้าทเี่ ต็มอำนาจ เขาผูน้ ั้นควรไดร้ บัการยกย่องอยา่ งสูง ส่วนผู้มอี ำนาจเต็ม แตท่ ำหนา้ ทไ่ี มเ่ ตม็ อำนาจทำหนา้ ท่ีอยา่ งมีเลศนยั มีผลประโยชนอ์ นั ไม่ชอบธรรมแอบแฝงถือวา่ ปฏบิ ตั ิหน้าทบ่ี กพร่อง ในยคุ ปจั จบุ ันคนเรามคี วามมกั ใหญใ่ ฝ่สูงทะเยอทะยานอยากไต้ตำแหนง่ หนา้ ท่ใี หญ่โต อยากมอี ำนาจเต็ม แตแ่ ทบจะไมม่ ีใครเลยไดท้ ำหน้าที่เต็มอำนาจ สุดทา้ ยใหญ่แบบลูกโป่งพองลม มอี นั ต้องแตกดับไปในทสี่ ดุ หากจะโยงคำว่า อำนาจเต็ม กับคำวา่ เตม็ อำนาจ นีเ้ ข้าหาหลกั เศรษฐกิจ
สุหใจทีไ่ ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ที่คีป๋ามพอเพียงชองพระเจ้าอยู่หวั กเ็ ข้าไดอ้ ย่างสนิท ในความเปรยี บเทยี บวา่ นายไก่มีเงนิ ๒๐ บาท สามารถซ้ือกว๋ ยเตย๋ี วได้อม่ิ หนง่ึ ถอื ว่าเตม็ อำนาจแลว้ สว่ นนายไข่ มเี งินพันบาทอยากไดเ้ กินอำนาจเงนิ พันบาท จึงซือ้ หวยไปพนั บาทผลสุดทา้ ย ก๋วยเตย๋ี วก็ไม่ไดก้ ินเงินกเ็ สีย เรยี กว่าอยากไดอ้ ำนาจเต็มแต่ไม่ทำเตม็ อำนาจ หรีอทำเกนิ อำนาจ สรุปก็คอื คนในปัจจบุ นั มงุ่ เสวยผลมากกวา่มุ่งสรา้ งเหตทุ ่ีถูกกับผล หน้าทเ่ี ปลีย่ นแปลงได้หรือไม่ ตอบว่าได้ ข้นึ อยกู่ ับสถานการณ์และเหตปุ ัจจัยเชน่ หน้าที่ทหารเมอื่ สมยั มี ผกค. กด็ ้องบงั คบั ไว้วา่ มีหน้าท่ีในการปราบปราม ผกค. ดว้ ย ถึงช่วงหนึ่งสมัยหนึง่ ก็เปล่ียนไปว่า มหี น้าที่ในการปราบปรามจลาจลดว้ ย ถงึ ชว่ งหนง่ึ สมัยหนงึ่ กเ็ ปลี่ยนไปวา่ มหี นา้ ท่ีในการพัฒนาประเทศด้วย เปน็ ด้น ซึง่ กข็ ึน้ อยู่กบั เจตนารมณข์ องประชากรของประเทศนนั้ ๆ จึงไม่เปน็ เรอื่ งแปลกอะไรท่ีขา้ ราชการแต่ละเหลา่ จะปรบัเปลยี่ นบางหน้าท่ี หากการปรบั เปลย่ี นนั้นเป็นไป เพื่อความผาสุกแหง่ปวงชน และเหมาะสมดว้ ยกาลเทศะ เพราะหน้าท่ีทุกหน้าทที่ ีก่ ำหนดกนั ขึน้มา สว่ นใหญ่แลว้ ก็เพอ่ื ความผาสุกแหง่ หมู่คณะทงั้ สนิ้ สว่ นความไมผ่ าสุกน้นัแมจ้ ะไมม่ ีใครไปกำหนดหน้าท่!ี ห้กม็ คี นคอยจ้องทำอยแู่ ล้ว เช่น การค้ายาเสพติดการทุจริตคอรร์ ัปชันเหล่านไี้ มม่ ใี ครไปกำหนดหน้าท่ใี ห้เขาทำ แตก่ ็ยังมคี นพยายามทำท้งั ทท่ี ำไปแลว้ จะด้องถกู จับ ถกู ประหารชวี ิต เขากไ็ ม่ขยาดขลาดกลวั เราจึงมีหน้าท่ีให้ตำรวจคอยจับ มหี น้าทใ่ี ห้ศาลคอยพพิ ากษาเป็นดน้ การกำหนดหน้าทีต่ อ้ งให้สอดคล้องกับเป็าหมาย หมายความวา่ในกลุ่มนัน้ สงั คมนนั้ เขามเี ปา็ หมายรว่ มกนั อยา่ งไร และมใี ครเปน็ ผ้อู าสาท่ีจะทำเปัาหมายนั้นใหส้ ำเร็จ และจะสำเร็จไดโดยวธิ ใี ด คำวา่ โดยวิธใี ดนีแ้ หละท่สี ังคมนน้ั จะต้องนำมาเขยี นกำหนดเป็นหน้าที่ ๑ , ๒, ๓ ให้ผอู้ าสาได้นำไปปฏบิ ัติ เช่น หมบู่ ้านสนั ติสขุ มีความมุ่งหวงั ที่จะเห็นลกู หลานอา่ นออกเขียนได้ ก็ได้คดั เอา นายบุญมี มสี ฃุ ผเู้ คยผา่ นการบวชเรียนมาก่อน เป็นผู้อาสาสอนใหโ้ ดยให้มีหนา้ ท่ีดงั น้ี ๑ - ๒ - ๓ เมือ่ จบกระบวนการแลว้ ปรากฏวา่
สุข'ใจท'ี่ ใต้'อ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทดี่ ีงามเดก็ ทกุ คนอ่านออก เขียนไดต้ ามความมุ่งหมายของซาวบา้ นสันติสุข นนั้ คอืผลของการทำหน้าทีเ่ ต็มอำนาจของ นายบุญมี ชาวบา้ นมาระลึกถงึ บญุ คุณของ นายบุญมี แลว้ อยู่กนั ไม่เป็นสขุ หากไมไ่ ดบ้ ูชาคุณ นายบุญมี ทท่ี ำให้ลูกหลานอา่ นออก เขยี นได้ จึงพรอ้ มใจกันจัดใหล้ ูกหลานไดไ็ หวค้ รู และมอบของให้นายบญุ มี อย่างเตม็ กำลัง คือเตม็ อำนาจท่ซี าวบ้านมี ตวั อยา่ งทย่ี กมาน้ีคอื กระบวนการในการกำหนดหนา้ ทีใ่ หส้ อดคลอ้ งกับเป้าหมายจนถงึผลสดุ ทา้ ยทพ่ี ่วงมาคอื รางวัลซ่งึ นอกหน้าท่ี แต่ถกู บังคับใหม้ ีด้วย อำนาจแหง่ คณุ ธรรมในใจของชาวบา้ น แม้หน้าทีข่ ้าราชการอ่ืน เช่น ทหาร ตำรวจหรืองานเอกซน กเ็ ช่นเดียวกัน ย่อมไมท่ ง้ิ หลักการน้ี มหี น้าทแ่ี ลว้ ไมท่ ำหน้าที่ มีผลเป็นอยา่ งไร ประเด็นน้ีตอ้ งแยกออกเป็นสองคำตอบ คือ ๑. หนา้ ที่น้นั ชอบธรรมหรือไม่ ๒. ผ้ปู ฏิบตั ิมีความชดั เจนเพยี งใด ข้อแรกหนา้ ท่ีชอบธรรมหรือไม่ ทำไมต้องมคี ำถามน้ี เพราะท่านพทุ ธทาสก็เทศนเ้ สมอว่า ธรรมะคอื หน้าท่ี แต่ในความเปน็ จรงิ แลว้ หากผ้นู ำกลุม่ ชนไปกำหนดหนา้ ที่ให้เราทำในส่งิ ทผี่ ิดกฎหมาย หรอื ศลี ธรรมแลว้หนา้ ที่นนั้ กไ็ มค่ วรได้ช่อื วา่ ธรรมะ และเราก็ไมค่ วรปฏบิ ตั ิ แต่หากเป็นหน้าที่อนั ชอบธรรมเชน่ ครูมหี น้าที่สอนหนังสือ ให้ความรู้นกั เรยี น กต็ ้องทำ ลา้ไมท่ ำ ขาด ลา เป็นประจำ เข้าบ่อนไก่ เล่นไฮโล กม็ หี วงั ถูกไล่ออก สำหรับคำตอบท่ี ๒ คือ ความเข้าใจในหน้าที่ทีม่ ีผลสำคัญเหมอื นกนั เพราะล้าไม,เข้าใจทำผิดไปแล้ว ผลเสียกต็ ้องเกิดขึ้น เชน่ ซาวสวนฝากหนา้ ท่ีรดนาํ้ ตน้ ไม้ไวก้ บั ลิง ๆไม่เขา้ ใจวิธีการ แตม่ ใี จรกั ในหนา้ ที่ เม่ือจะลงมือปฏบิ ัติ แทนที่จะตกั น้าํ รดเลย มันกถ็ อนต้น1ไมขี้'นม'าดกู อ่ น,วา่ รากยาวสัน้ 'ขนาด1โหน ลา้ รากยาวก็ตอ้ งรดน้ําเยอะ ล้ารากส้นั ก็รดน้ํานอ้ ย ถอนขึน้ มาดูแล้วก็ผงิ ไว้เหมอื นเดิมพ ร้อม กบั รดน าํ้ ให้ส ม ด ุล ก ับ ค ว าม ย าว ข อ งราก ในท สี่ ุด ด้นไม ก้ ต็ าย น ค่ี อืผลของความไม่ชัดเจนในหน้าที่ พดู เรอ่ื งหนา้ ที่มาพอสมควร แตย่ ังจบไมไ่ ดห้ ากไม่ไดพ้ ดู ถึงคณุ ธรรม เพราะหนา้ ที่นัน้ เปรียบเหมอื นเปลอื กของตน้ ไม้ ส่วนคุณธรรม
สุขใจทีไ่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชีวติ ทีด่ งี ามเปรยี บเหมอื นแก่นของตน้ ไม้ แก่นนีแ่ หละเป็นท่ีมงุ่ หมายของทุกคน ปีจจุบนัทุกวงการ ทุกสังคม เรยี กรอ้ งคณุ ธรรม จริยธรรมกนั มากเหลอื จนมหี ลายโรงเรยี นข้นึ ปรชั ญาโรงเรียนวา่ “ความรู้คคู่ ณุ ธรรม” คุณธรรมคอื อะไร ทำไมจึงเรียกหากนั นกั จกั หาไต้ทไ่ี หน คำถามเหลา่ นี้เป็นล่ิงท่ีเราจะต้องคยุ กนั ตอ่คำวา่ คณุ ธรรม ในพจนานกุ รม ใหค้ วามหมายวา่ หมายถึงสภาพคณุ งามความดี พูดส้นั ๆ ก็คอื ความดงี ามนนั่ แหละ เซน่ ความเมตตา กรณุ า มุทิตาอุเบกขา ความมสี ติ มีสมาธิ ความกตัญณู เป็นต้นนน่ั แหละ ซึ่งมมี ากมายนกัมากพอๆ กับความไมด่ ี ไม่งาม แลว้ จะหาไต้ทีไ่ หน ความดีงามทัง้ หมดที่กล่าวมานเี้ ป็นนามธรรม ฉะนน่ั การจะหาความดีงามท้งั หลายท้งั ปวงน้ี จงึไม1ต้องไปหาทอี่ ่นื หาท่ีใจน้ันแหละ ต้นไมภ้ ูเขามันไมม่ ี แต่ใจท่ีไปเห็นตน้ ไม้ภูเขาแลว้ เกดิ ความคิดเกือ้ กลู สร้างสรรค์ น่นั แหละคอื คณุ ธรรม แตถ่ ้าใจไปเห็นตน้ ไม้ แล้วอยากตดั มาขาย เห็นภเู ขาแลว้ อยากทำลายมาขายใหไ็ ด้เงนิเยอะๆ นนั่ แหละคอื ความไมด่ ีไม่งามไม่จัดเป็นคุณธรรม ทนิ ้ีกค็ งจะถงึ ประเดน็ ทมี่ ุ่งหมายแลว้ ว่า ทำไมจึงตง้ั ซ่ือว่า หนา้ ที่กบั คุณธรรม คำตอบกค็ อื เนอื่ งจากมนษุ ยเ์ ป็นสตั ว์สงั คม แต่ละสังคมต้องมีผนู้ ำ และผูน้ ำทีด่ ีจำเป็นต้องมที ัง้ หน้าทแ่ี ละคุณธรรม ส่วนมากผู้นำมักจะเข้าใจผดิ วา่ เราจะต้องบังคบั สัง่ ให้คนอนื่ ทำโน่นทำนี่ อยากทำอะไรก็บังคับเอา จนผูถ้ ูกบังคับผ่ายผอมอดตาหลบั ขับตานอนทำตามคำสัง่ จนลืมดูแลครอบครัว เพราะคดิ ว่าต้องทำหน้าท่ใี หด้ ีทส่ี ุดตามท่ีนายส่งั สดุ ทำยครอบครวั ลม่ สลาย น่คี อื การเน้นทค่ี ำวา่ หน้าท่ี ด้วยความเขา้ ใจผิด มนษุ ย์ม ิใซ เ่ ค รอื่ งจ ัก รม ีค วาม รสู้ กึ ม คี ว าม เม อื่ ย ล ้า ม ีค ว าม ถ ว ิล ห าพ ่อ แ ม ล่ กู แ ถ ้วเมยี ขวัญ แต่เม่ือถกู อ้างหนา้ ท่ีมาบังคับ ความรกั ความผกู พันในครอบครัวก็ถกู เผาผลาญให้เหือดแหง้ ดว้ ยไฟคือความโลภในบำเหนจ็ รางวลั และยศตำแหนง่ ที่สูงข้นึ ชีวิตมนุษย์ตาดำๆ แท้ๆ กลับไรค้ วามหมาย สังคมไทยขาดคุณธรรมไม่ได้ ทา่ นผู้ฟังคงภูมิใจในคำพูดอ้นทรงเกียรติท่โี ลกมอบให้แกถ่ ่ินสยามวา่ “ยม้ิ สยาม” ซ่ึงเป็นมรดกท่ีบรรพบรษ
สขุ ใจท่ีใตอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทด่ี ีงามทา่ นสรา้ งไว้ แต่ปัจจุบนั คำวา่ หน้าทก่ี ำลังบดบังรอยย้ิมสยาม ไทยไดน้ ามความเป็นไทยเตม็ ภาคภูมิเพราะคุณธรรม หากคณุ ธรรมแหง้ เหอื ดไปเม่ือใดความเปน็ ไทยกค็ งแหง้ เหือดไปเม่ือนั้น กลายเป็นความเป็นทาสแทน คอืทาสความโลภ ความโกรธ ความหลง ถงึ เวลาแล้วทีเ่ ราทง้ั หลายจะได้หันหนา้เข้าหากัน เอน็ ดชู ่วยเหลือผูน้ อ้ ยเต็มอำนาจของผู้!หญ่ (เต็มใจ) ผู้นอ้ ยเคารพชว่ ยเหลอื ผ!ู้ หญเ่ ตม็ อำนาจทีผ่ ู้นอ้ ยจะทำได้ เอาใจเขามาใสใจเรา เรารักสขุเกลียดทกุ ขเ์ ทา่ ใด เขากร็ ักสขุ เกลียดทกุ ขเ์ ทา่ น้ัน สภาพจิตใจทเ่ี ป็นอย่างนี้ของท้งั สองฝ่ายซ่งึ มิไดเ้ ขยี นไว!้ นบทบาทและหน้าท่ี นแี่ หละคือคุณธรรม ดว้ ยวิธกี ารคดิ อย่างนข้ี องเราทั้งหลาย และพยายามถ่ายโอนกระแสความคดิ เช่นน้ใี ห้กวา้ งไกลออกไป ๆ สงั คมไทยเรากจ็ ะมีรอยยิ้มท่ีสดใสยิ่งกวา่ เดมิ เปน็ สงั คมที่ หน้าที่กบั คุณธรรมจับมือกัน เหมือนตน้ ไม้มีทั้งเปลือกและแก่น หน้าทีเ่ หมือนเปลอื กคณุ ธรรมเหมอื นแกน่ แม!้ ทยเราจะเปน็ ประเทศท1ี่ไมร่ ํ่ารวยดจุ อารยประเทศ แตถ่ า้ ไพร่ฟา้ หน้าใส มนื ั้าใจต่อกนั ทง้ั ผ!หฌ่และผน้ ้อย เรากจ็ ะอย่รว่ มกนั อยา่ งมีความสฃตลอดไป
สขุ ใจทีไ่ ด้อา่ นสารธรรมเพ่ือชวี ิตท่ดี ีงามโดย....คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ ความรอน” เม่อื พดู ถึงความรอ้ น หากจะแยกประเภทสาเหตุท่ีเกดิ ใหญ่ ๆ ก1็ ด้๒ ประเภท คือ ๑ . ความร้อนทเี่ กิดจากเหตภุ ายนอก เช่น จากแสงแดด จากไฟ เปน็ ตน้ ๒.ความร้อนจากภายใน ได้แกค่ วามรอ้ นทเี่ กดิ จากกเิ ลสตณั หาในบรรดาความรอ้ นทัง้ ๒ ประการน้ี ความรอ้ นทเ่ี กดิ จากภายนอกยงั พอมีคณุ ประโยชน์อยบู่ า้ ง เชน่ แสงแดดชว่ ยใหก้ ารตากผา้ แหง้ งา่ ย ชว่ ยในการสงั เคราะหแ์ สงของตน้ ไมช้ ว่ ยใหน้ ้ํากลายเป็นไอแลว้ กลน่ั ตวั เปน็ ฝน เป็นต้นส่วนความรอ้ นท่ีเกิดจากไฟก็ยังช่วยให้การหุงตม้ อาหารสำเรจ็ ไต้ หนา้ หนาวก็ช่วยให้อุ่นไต้ เปน็ ต้น แต่ความรอ้ นทีเ่ กดิ จากกเิ ลสตัณหาในจติ ใจคนเรานี้มีแตจ่ ะใหโ้ ทษอยา่ งเดยี ว ในที่นี้จะกลา่ วถงึ ความรอ้ นท่ีเกิดจากเหตุภายในเฟ ้อฤเหเ9^ตุ ดV ร'นูจุ'^ํกหนV า้ คI า่ ตาช^ ดั เจนจะ เต้ปตุ V *ตุ อ็ งก^ ันบรรเทาตเุ ตV ถ้ กู ตV อ้ ง ตเุ มเฤเหV้รมุแผดเผาเราร่วมกับความร้อนภายนอกท่ีกำลังแผดเผาอยใู่ นขณะนี้ หลายท่านอาจจะเคยไต้ยินเร่อื งสงกรานตใ่ นแต่ละปี ซงึ่ มีตำนานสงกรานตเ์ กีย่ วกบั เร่อื งศรี ษะห้าวมหาพรหม ท่ีกลา่ ววา่ มคี วามร้อนมากถงึขนาดตกลงในมหาสมทุ ร นํ้าก็จะแห้ง ตกลงในดนิ ไฟก็จะไหม้ โยนข้ึนไปในอากาศฝนก็จะแล้ง จากตำนานตอนนี้แสดงว่าศรี ษะห้าวมหาพรหมร้อนมากถา้ หากจะเชื่อตามตำนานในลักษณะนีก้ ค็ งไมไ่ ตป้ ระโยชน์เตม็ ที่ จงึ ใคร่ขอไขปริศนาธรรมตามหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา เผอื่ จะมที างปฏิบตั ิไต้บา้ ง หากจะเปรียบศีรษะหา้ วมหาพรหมตามตำนานสงกรานต์ กับหลกัธรรมในทางพระพทุ ธศาสนาแลว้ กเ็ ปรียบไต้กบั หลักพรหมวิหารธรรม ๔ประการ คอื เมตตา กรุณา มทุ ิตา อเุ บกขา มี ๔ ประการเทา่ กับจำนวนหน้าของห้าวมหาพรหมท่เี รยี กวา่ พรหม ๔ หน้า ที่กล่าวว่าศีรษะของห้าวมหาพรหมถ้าตกลงในมหาลมุทร นํ้าจะแหง้ นา่ จะเปรียบไตก้ บั การที่หลกั พรหมวิหารธรรมตกไปจากมหาสมทุ ร ซ่งึ จะลง่ ผลใหเ้ กดิ การทำลายลา้ ง
สขุ ใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่คี ีงามทรพั ยากรทางน้ําอยา่ งไร้ความปรานขี อ้ ที่ว่าถา้ ศรี ษะทา้ วมหาพรหมตกไปในแผ่นดินไฟจะไหมโลกนน้ั นา่ จะเปรยี บไดก้ บั ขอ้ ว่าถ้าศรี ษะท้าวมหาพรหมตกไปจากแผน่ ดิน แผ่นดนิ จะลุกเปน็ ไฟ ขอ้ ท่วี า่ ถ้าศีรษะทา้ วมหาพรหมตกไปในอากาศ ฝนจะแล้งนน้ั เปรียบไดก้ ับขอ้ ที่ว่า ถ้าหลักพรหมวหิ ารธรรมตกไปจากอากาศก็จะเกดิ ฝนแลง้ สรปุ แลว้ หากจะแบง่ การเปรยี บเทียบมหาสมุทร แผน่ ดิน และอากาศเทา่ กบั คนช้ันตาํ่ ช้ันกลาง ชน้ั สูง และศรี ษะทา้ วมหาพรหมเปรียบได้กบั หลกั พรหมวหิ ารธรรมแล้ว กไ็ ด้ความว่า หากพรหมวิหารธรรมหลดุ หรือตกไปจากคนกลุ่มใด คนกลมุ่ น้นั จะประสบกบั ภาวะรมุ่ รอ้ นถงึ กับเหือดแหง้และมอดไหมไปในทส่ี ดุ ถา้ ถอื ตามมตนิ ้ีกเ็ ป็นอนั เชอ่ื ไดว้ า่ คำว่า ศรี ษะท้าวมหาพรหมตกไปในนนั้ ท่ถี กู ต้องดอ้ งเป็นตกไปจาก เซน่ ตกไปในมหาสมทุ รเปน็ ตกไปจากมหาสมทุ ร ทีนี้ ลองมาพจิ ารณาดูว่า ทำไมพรหมวิหารธรรมจงึ เป็นหลักธรรมสำคัญทผี่ ดงุ สงั คมใหอ้ ยู่อยา่ งรม่ เย็นเป็นสขุ ได้ ปญั หาน้หี ากจะวเิ คราะห้ให้เหน็ เนือ้ ธรรมชดั เจนแลว้ เราอาจเปรยี บหสักพรหมวิหารธรรมทั้งสี่กบั หวั ใจทง้ั สี่ห้องของเราไต้ คอื ห้องท่ี ๑ เป็นห้องเมตตา คอื ความรกั ความปรารถนาดีต่อตนเอง และผอู้ ื่น เพ่อื ใหต้ นเองและผูอ้ น่ื เปน็ สขุ หอ้ งท่ี ๒ ห้องกรุณาคือความคิดท่จี ะช่วยเหลอื เกือ้ กลู ผูอ้ น่ื ให้เขาได้ดีมสี ขุ ไม่คดิ ซาํ้ เตมิ เมื่อเหน็เขาตกทุกข์1ได้ยาก ห้องท่ี ๓ ห้องมทุ ิตา ความพลอยยินดเี มื่อเหน็ คนอน่ื ไดด้ ีมีสุข และหอ้ งที่ ๕ ห้องอุเบกขา ความวางใจเปน็ กลางในอารมณ์ เมือ่ จติ ใจของเราแต่ละคนมีหสกั พรหมวิหารธรรมประจำทั้ง ๔ ห้องเซน่ นจ้ี ติ ใจของเราจะสงบเย็นด้วยอำนาจแหง่ เมตตา เม่อื จติ ใจของแตล่ ะคนตา่ งก็สงบเยน็ ผลโดยรวมกย็ ่อมท ำให ส้ ังคม ลงบ เย็น ไป ด้วย ปจั จุบนั นี้ นอกจากเราจะเจอกบั สภาพของอากาศที่รอ้ นอบอา้ วหรืออาจเรียกวา่ ถงึ ชน้ั ระอแุ ล้ว เรายังเจอกับสภาพสงั คมระอุอกี ด้วย ระอุเพราะความร้อนทีอ่ อกมาจากภายในใจของแตล่ ะคน เซ่น ความเหน็ แก่ตัว ๕๙
สุ'ยใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ที่ดีงามหรอื ความเห็นแก'ไดโดยไม่คำนึงถงึ ว่าจะไดส้ ิ่งทตี่ อ้ งการน้นั มาโดยวธิ ใี ดทจุ รติ หรือสุจริต จึงเป็นเหตใุ ห้มีการคา้ ยาบ้า ยาเสพตดิ ฉ้อโกง ทุจรติคอร์รัปชนั ฉกชงิ ว่งิ ราวหรอื อาจถึงขนั้ ปล้นฆา่ เจ้าทรัพย์ เพือ่ ให็ใต้สิง่ ของท่ีต้องการมา นีก่ เ็ ป็นเพราะไฟของความโลภเผาผลาญจิตใจ ทำใหร้ มุ่ ร้อนจนเป็นผลรา้ ยตอ่ ตนเอง และสงั คม คนท่มี งุ่ คดิ แต่จะได้เพื่อตนเองโดยไม่คำนึงถงึ หลกั ศีลธรรม หรอื กฎหมายของสังคมนนั้ ไดช้ อ่ื ว่าทำลายตนเองเปน็ อนั ดบั แรก คอื ทำลายศีลธรรมจรรยาอนั เป็นเคร่อื งรบั ประกันความเปน็มนุษย์ของตนเองให้หมดไป เมอ่ื ศลี ธรรมจรรยาซ่ึงเปรยี บเสมือนเสาหลักของสังคมถูกทำลายไปตนเองก็จะถูกเสาหลกั น้ัน แหละลม้ ทับในท่ีสดุ ท่ีกล่าวมานี้อยากให้พิจารณาดคู วามร้อนทเี่ กดิ จากเหตุภายในวา่ มผี ลรา้ ยตอ่ ตนเองและสังคมขนาดไหน และถา้ หากดวงใจแตล่ ะดวงขาดพรหมวหิ ารธรรม ซงึ่ เปรียบเสมือนพรหมศรี ษะขาดแลว้ สงั คมทเี่ ราอาศยัอยนู่ ี้จะเรา่ รอ้ นขนาดไหน พูดถงึ ความร้อนผมขอนำเร่อื งหนงึ่ มาเล่าเป็นขอ้ คิดให้ทำนได้พิจารณา ช่งื กจ็ ำมาอกี ทีหนงึ่ เรื่องย่อมือยวู่ ่า นักปราชญ์ทำนหนง่ึเดินไปพบช่างแกะสลกั หินอย่สู ามคนท่ามกลางแสงแดดทีร่ อ้ นระอุ เหงือ่ไหลไคลย้อยกันหมด นักปราชญเ์ ดนิ ไปถามช่างคนแรกวา่ ทำอะไร? ชา่ งคนแรกตอบดว้ ยความโมโหวา่ แกะสลักหิน ไม1เหน็ เรอ๊ ะ/นกั ปราชญ์ยิ้มแล้วกเ็ ดินจากไป ไปเจอชา่ งคนที่ ๒ นักปราชญก์ ็ถามว่า ทำอะไร? ช่างสลักหินคนท่ีสอง ตอบวา่ เอ่อ/ทำมาหากิน นกั ปราชญอ์ มยม้ิ แลว้ กเ็ ดนิ จากไป ไปถามชา่ งแกะสลกั คนที่สามว่า กำลงั ทำอะไร? คนทีส่ ามตอบอยา่ งตน้ื ตนั ใจวา่โฮ../ขา้ พ เจา้ กำลงั สร้างม ห ๆวิห าร ทา่ นจะคดิ อย่างไรเมือ่ ไดพ้ งิ คำตอบจากคน ๓ คน ทำงานอย่างเดียวกันในอากาศทีร่ ้อนอบอา้ วเหมอื นกนั ได้คา่ จา้ งเท่ากนั แตม่ อื ย่างหนง่ึทแี่ ตกตา่ งกันคือจดุ มงุ่ หมายของผู้กระทำ คนแรกทำด้วยคดิ วา่ ทำตามคำสง่ัซึ่งรสู้ กึ วา่ ถูกบังคบั ให้ทำ เหมอื นคนเราทีถ่ กู ความรูส้ กึ อยากเอาความดไิ ปอวดเขาจึง!]นทำความดี ประเภทนย้ี ังร้อนทง้ั ข้างนอกท้งั ข้างในอยู่ คนทีส่ องทำงานเพือ่ ให้ได้เงิน ประเภทน้ีกย็ ังอนั ตรายอยู่ เพราะเหน็ แกผ่ ลตอบแทน๖๐
สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทด่ี งี ามมากเกนิ ไป อาจทำให้ลมื คำนึงถงึ กฎศลี ธรรมจรรยา อาจตอ้ งคา้ ยาเสพติดทจุ ริตคอร์รัป'ชนั เลน่ การพนนั ขันต่อ ประเภทนกี้ ็ยงั ตกอย่ภู ายใต้อำนาจของความร้อนทมี่ าจากเหตขุ ้างในอยู่ สว่ นคนที่สาม ทำงานเพอ่ื งานเพ่ีอความดีงามของสังคม เพ่ือฝาก‘ฝมื ือไวใหเ้ ป็นอนุสรณ์ กบั อนุชนรนุ่ หลงั จากเรือ่ งท่เี ล่ามาน้ีพอจะไคค้ ตวิ ่า แม้แดดจะรอ้ นเพียงใด อากาศจะอบอ้าวขนาดไหน หากจิตใจรม่ เย็นแลว้ ยอ่ มทำใหเ้ รารสู้ ึกสบาย และไต้กำไรชีวิต อย่างคนท่คี ิดอยา่ งสร้างมหาวิหาร เขาไตค้ ่าจา้ งดว้ ย ไต้ความสุขใจดว้ ย สขุ 'ใจท1ี่โตม้ ี'โอกาสฝาก'ฝมอื ไวใ้ น'โลก แตล่ า้ คิดอยา่ งชา่ งคนแรกกแ็ ทบไมไ่ ตอ้ ะไรเลย เปน็ ความคิดท่ีตบี ตันเร่ารอ้ น จากเร่ืองน้จี ึงไตข้ อ้ สรุปว่าสุขหรือทกุ ข์ ร้อนหรอื เย็น เอาใจวดั จงึ จะตัดสินไต้ ฉะน้ีนในชว่ งท่อี ากาศร้อนอบอ้าวเซ1นน้ีกไ็ ดโปรดหลบร้อนเขา้ ไปอยใู่ นหัวใจพรหมวหิ ารธรรมคือ เมตตา กรณุ า มทุ ิตา อเุ บกขาแลว้ ทา่ นจะรสู้ ึกเยน็ สบาย
สุขใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ท่ดี งี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ คัมภีร์ชีวิต” “เป ด ค ัม ภ ีร์ ชวี ติ ค ิด ว า ง แ ผ น เขยี นแบบแปลน ส'ู ทาง ท ่ีส รา้ งส รรค ์ ท ุก ก ้า ว ย ่า ง วางคมั ภ ีร์ ห น ีท า ง ต ัน ทกุ ความย่น สำเรจ็ ได ้ ดว้ ยค มั ภ ีร”์ ชวี ติ คือการเดนิ ทาง “เดนิ ไป กา้ วไป” แลว้ แตใครจะเดนิ ไปก้าวไปไดก้ ีม่ ากน้อย บางคนเดนิ ไปได้ ๕๐ ปี ๖๐ ปี ๗๐ ปี บางคนเดนิ ไปไดถ้ ึงรอ้ ยกวา่ ปี แตบ่ างคนเดินไปไดแ้ ค่ ๒๐- ๓๐ ปี ก็ต้องหยุดเดนิ คือ ต้องจากโลกน!ี้ ปเสยี ตั้งแตเ่ มอื่ มอี ายยุ ังน้อยๆ ซาํ้ รา้ ยท่สี ดุ บางคนเกดิ มายงั ไมท่ ันเดนิ ได้ดว้ ยช้ําไป กพ็ ลันตอ้ งจากไปตั้งแตแ่ บเบาะวยั ทารก เพราะอะไรจงึ เปน็ เซ่นนี้?เพราะกฎแห่งกรรม “ย0 กมมฺ ํ กรสิ สติ กลยฺ าณํ วา ปาปก0 วา ตสสฺ ทายาโทโหติ บุคคลกระทำกรรมใดไว้ จะดหี รอื ชวั่ กต็ าม ยอ่ มเป็นทายาทคอื เจา้ ของแหง่ กรรมนั้น “อย่างหลกี เลี่ยงมิได้ นคี่ ือหลกั คำสอนอันเป็นคำสอนหลกัในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งมุ่งเนน้ ให้ทกุ คนละช่ัว - ทำดี - มไี จสะอาด เหมอื นตกั น้าั สกปรกออกจากโอง่ แลว้ เอานํ้าดีใส่เข้าไป ทำใหน้ า้ํ นัน้ เปน็ น้ําทส่ี ะอาดปราศจากสิง่ ทีเ่ ปน็ พิษ จนสามารถใช้เปน็ นัา้ ดมื่ น้ําใช้!ด้เป็นอย่างดี แต่การที่คนเราจะละช่ัว - ทำดี - มใี จสะอาดไตน้ ้ัน จะต้องมีเครอ่ื งมอื หรอื อุปกรณ์ในการดำเนินการจงึ จะทำไดส้ ำเรจ็ ให่ได้ผลดีเปน็ รปู ธรรมที่เด่นชดั เครื่องมือหรืออุปกรณด์ งั กลา่ วนี้คืออะไร คือ “คัมภีรช์ วี ติ ” ซง่ึ เปน็ เสมือนหน่ึงเขม็ ทศิช่วยชีท้ ศิ ทาง ในการเดินทางของมนุษยท์ งั้ หลาย เขม็ ทิศ ชท้ี ิศทางในการเดนิ ทางไดฉ้ นั ใด คัมภีร์ชวี ติ ก็ยอ่ มชีท้ ิศทางในการดำเนินชีวิตได้ฉันนั้นตา่ งก้นแต่ว่า เขม็ ทิศเป็นรปู ธรรม สามารถสมั ผสั แตะต้องมองเห็นไดด้ ้วยมังสจักษุ คอื นัยนต์ า สว่ นคมั ภรี ช์ วี ติ เป็นนามธรรม สัมผัสแตะตอ้ งมองไม่เหน็ แตย่ ่อมรไู ดด้ ว้ ยจติ ใจและพิสูจน์ กนั ได้ด้วยพฤติกรรมหรอื การกระทำของแตล่ ะบุคคล ท่ไี ดแ้ สดงออกมาให้ปรากฏในภายนอก เรยี กวา่ นามธรรมย่อมอาศยั รูปธรรมเปน็ เคร่ืองปรากฎ๖๒
สขุ ใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพีอ่ ชีวิตทตี่ ีงาม ถ้าจะเปรียบเทียบใหซ้ ดั เจนอีกประเด็นหนงึ่ พอมองเห็นไดก้ ็คอื การกอ่ สร้างอาคารสถานท่ี เชน่ ตึกใหญๆ่ หรีอแม้แต่บ้านพักสักหลังหนึ่งนายช่างวิศวกรและสถาปนกิ จะต้องออกแบบแปลน คอื เขยี นแบบการกอ่ สร้างอาคารนัน้ ๆให้สำเร็จกอ่ น เขียนให้ถูกต้องได้มาตรฐานตามเกณฑ์ทเี่ จา้ ภาพหรอื เจา้ ของกำหนดให้ เมือ่ ผา่ นการตรวจแบบและไต้รับอนุญาตแลว้ จงึ จะสามารถนำแบบแปลนนัน้ ไปใหด้ ำเนนิ การกอ่ สร้างไต้ ฉันใดกด็ ีชวี ิตคนเราแตล่ ะคนกฉ็ นั น้ันเหมือนกัน ต้องให้ช่างคือบิดามารดา เปน็ นายช่างผอู้ อกแบบ เขยี นแบบแปลนชีวติ ใหล้ ูกเต้าเหล่าหลานไต้เดนิ ทางไปในทางที่ถกู ต้อง เหมาะสม เพอ่ื ให้!ตผ้ ลดีคมุ้ คา่ สมกบั การลงทนุ ในวันขา้ งหนา้เชน่ เขยี นแบบชวี ิตให้ลูกเดินในตา้ นการศกึ ษา ใหล้ กู ไตศ้ ึกษาเล่าเรยี นตัง้ แต่การศกึ ษาภาคบงั คบั ไปจนถึงการศึกษาชนั้ สงู ในระดับปริญญาตรี-โท-เอกรวมทั้งการศกึ ษาในเชงิ ปฏิบัติ คือการศึกษาวิชาชพี เพือ่ นำเอาความรนู้ ั้นๆไปประกอบอาชพี ในเชิงการค้าและในเชิงธุรกจิ ไตอ้ ยา่ งเต็มที่ หรืออาทิพ่อแมเ่ ขยี นแบบชวี ิต ใหล้ ูกในต้านการพฒั นาเสริมสร้างลักษณะอุปนิสยัท่พี ึงประสงค์ทางคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและศลี ธรรมอันดีงามทางสังคม โดยการปลูกฝงื แนวความคิด อุดมคติ อบรมสั่งสอนใหล้ ูกของตนเปน็ คนดมี ศี ีลธรรมมคี วามอดทน มีความขยันหม่นั เพียร ตั้งใจศกึ ษาเล่าเรยี น ตั้งใจทำงาน - ทำหนา้ ที่ของตนให้ดี ให้ลูกๆ ไต้ดำรงตนอยูใ่ นเลน้ ทางชีวติ หรอื แนวทางที่พงึ ประสงค์ของสงั คม วิธีการดังกลา่ วแล้วน้กี ็เปน็ ตัวอย่างของการเขยี นแบบชีวติ ใหล้ กู เดินโดยนายช่างคนสำคัญคอื พอ่ แม่ นอกจากพอ่ แมแ่ ลว้ นายช่างคนอน่ื ๆ ก็มอี ีก เชน่ ครบู าอาจารย์ ผปู้ กครอง ผซู้ ้แี นะและผแู้ นะนำพร่าํ สอนทั้งห่ ลาย แตล่ ะท่านแต่ละคนลว้ นมีสว่ นในการเขียนแบบแปลนชีวติ ใหเ้ รา - ท่านทง้ั หลาย ไต้นำไปดำเนนิ 'ชวี ิตในทศิ ทางท่ถี ูกตอ้ งและเหมาะสมดว้ ยกันท้ังสิน้จึงเปน็ อนั กลา่ วไตว้ า่ คัมภรี ์ชีวิต หรือแบบแปลนในการดำเนนิ ชีวติ มีความจำเปน็ และสำคญั อย่างยงิ่ สำหรับชีวติ มนษุ ย์ในทกุ รปู นามและในทุกรูปแบบไมว่ ่าท่านจะอยใู่ นวัยใด วัยเด็ก วัยกลางคน หรอื วยั ผ!ู้ หญ่ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในอาชพี ใด อาชพี รบั ราชการ อาชพี รับจ้าง อาชพี ซาวไร่-ซาวนา ทำการ ๖๓
สุขใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชวี ิตทด่ี งี ามเกษตร อาชีพกอ่ สร้าง หรืออาชีพส่วนตวั อน่ื ใด ไม่ว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งหน้าทใี่ ด เปน็ ผู้นำ ผบู้ รหิ าร ผูอ้ ำนวยการ ผ้จู ัดการ ผูด้ ำเนินการ ผู้รบั ใช้ผ้ใู 'ห้บริการ ทำหน้าทีเ่ ป็นพอ่ เปน็ แม่ เปน็ ลูกหลาน เป็นบริวารชน หรอื เป็นคนทมี่ ีหน้าทีอ่ นื่ ใด ทุกท่านทกุ คน ลว้ นตอ้ งใช้คัมภีร์ชีวิตในการเดินทางหรอืในการดำเนินชีวิตทั้งลนิ้ เม่อื จะเดนิ ทางกใ็ หเ้ ปิดคัมภรี ์ดกู ่อนว่าจะใชค้ มั ภีร์น้ีอยา่ งไร เม่อื เดินทางไปแล้ว เกิดปัญหาหรอื อปุ สรรคข้อขัดชอ้ งประการใดกใํ ห้เปดิ คมั ภรี ์ชีวติ ดกู ่อนวา่ มันเปน็ เพราะเหตุใด อะไรคอื สาเหตขุ องปญั หาเราจะแกป้ ญั หานน้ั ๆ ไต้อยา่ งไร อะไรคอื วธิ กี ารแก้ปัญหา ศกึ ษาหาวิธีการแลว้ ก็ดำเนินการแก้ปญั หาจนประสบผลสำเรจ็ นกี่ ็ตอ้ งเปิดคัมภรี อ์ กี เซน่ กนั สาระสำคญั ของคมั ภีร์ชีวติ คอื อะไร คอื ธรรมะ ธรรมะในกรณนี ้ีก็คือหลกั คำสอนในการดำเนนิ ชีวิตนนั่ เอง เมื่อใช้ธรรมะช้อนน้ั ๆ ไดเ้ ปน็อยา่ งดีแลว้ ชีวติ จะดำเนนิ ไปในทศิ ทางท่พี ึงประสงคไื ดอ้ ยา่ งนำอัศจรรย์นีค่ ือธรรมะเป็นอศั จรรย์ หรอื คำสอนเปน็ อศั จรรย์ ซ่งึ ขึ้นอยกู่ บั การปฏบิ ตั ิอยา่ งจรงิ จังของแตล่ ะบคุ คลเป็นสำคัญ ยกตัวอยา่ งเซ่น จะทำงานนี!้ หส้ ำเร็จจะต้องใชธ้ รรมะขอ้ ใดบา้ ง เซน่ การท่ผี ูบ้ รรยายธรรมะ กว่าจะนำมาเสนอต่อทา่ นผอู้ า่ นได้ กต็ ้องใช้ธรรมะหลายช้อเหมอื นกัน แมเ้ ราจะมเี วลาคนละ๒๙ ช่ัวโมงเท่าเทียมกนั แต่การแบง่ ลันปันสว่ นเวลาของแตล่ ะคนน้นัมากนอ้ ยไม่เหมือนกนั ไมอ่ ยากจะใชค้ ำว่า มเี วลาน้อยแตม่ ภี ารกจิ หรือหนา้ ท่ีการงานมากมายเหลอื หลาย จะเขียนบทความน้ีได้แต่ละครัง้ ตอ้ งจดั สรรเวลา จัดแลว้ จดั อีก กวา่ จะลงตวั ได้ แมแ้ ตค่ รั้งนก้ี ็ต้องตนื่ นอนตง้ั แต่ต ีส าม ค ร ึ่ง เข ยี น บ ท ค ว าม น ้ี'ใน 'ช ว่ ง ต สี ถี่ ึง ห ก โม ง เช า้ จ งึ ส ำ เร จ็ ร ปู เป ็นบทความมาอา่ นให้ทา่ นไดอ้ ่านทุกถว้ นหนา้ นก่ี ็ตอ้ งใช้ธรรมะ ธรรมะ'ขอ้ ท่ี ๑คือ สติปิจจยตา - ความเป็นผู้มสี ตเิ ป็นปจั จัย ตอ้ งกำหนดสตใิ ห้ดี ใหไดข้ ณะปัจจุบนั อยู่กบั งานเขยี นทที่ ำอยู่น้ันไมให้ลอ่ งลอยหรอื ส่งใจไปในที่อืน่ ธรรมะขอ้ ที่ ๒คือ ขนั ติ - ความอดทน ถามวา่ เหน่อื ยไหม? เหนอ่ื ยแน่นอน ง่วงนอนไหม?ง่วง หิวไหม? หวิ แต่ต้องอดทนเพอ่ื ความสำเรจ็ ของเม็ดงาน และธรรมะขอ้ สำคัถมท่ ี่สดท่ีจะชว่ ยใหเ้ ขียนบทความนโี้ ต้สำเร็จก็คอื ปณั ณา - ความรอบร้
สุขใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทดี่ ปี า๋ มหรือภมู ิปัญญาของผเู้ ขยี น ผู้เขียนต้องมคี วามรอบรูท้ งั้ ทางโลกและทางธรรมพรอ้ มท้งั ประสบการณ์การเรียนรู้ ทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม อยา่ งน้อยท่ีสดุกต็ อ้ งเขียนแบบโครงสรา้ งของเรองนก้ี ่อน จงึ จะเขียนเป็นบทความได้ นัน่ กค็ อืแนวบรรยาย นนั่ เอง ตวั อยา่ งอ่นื ๆ เซน่ -. - จะศกึ ษาเล่าเรียนให้ประสบผลสำเร็จจะตอ้ งใช้ธรรมข้อใด? ใช้อิทธิบาท ๔ คอื ฉันทะ - พอใจเรยี น, วิริยะ - ขยนั เรยี น, จติ ตะ - ตงั้ ใจเรยี นและวิมังสา - ใชป้ ัญญาเรียน - จะเป็นพอ่ คา้ แม่ขาย จะใชธ้ รรมะข้อใด? ใชป้ าปณิกธรรม ๓ประการ คอื จักขุมา - มีตาดี มคี วามรอบรู้เรอื่ งการคา้ ขายน้ันๆ ไค้ด,ีวธิ โู ร - จดั การคา้ ขายให้ดี ทำการคา้ อยา่ งมรี ะบบและเป็นระเบียบ รู้ทนุ รกู้ ำไรทำการคา้ แล้วต้องมีกำไรอย่าให้ขาดทนุ และ นิสสยสมั ปันโน - ถงึ พร้อมดว้ ยนสิ สัย คอื ต้องรเู้ ขา - รู้เรา รู้ลูกค้า เอาใจลกู คา้ ต้อนรับลกู คา้ ให้ดีให้มีจติ วทิ ยาการคา้ เป็นเครอ่ื งมอื ทำการค้าครับ แลว้ ท่านจะร่ืารวยโดยท่วั หน้ากัน อกี ตัวอย่างหนงึ่ ซ่งึ ไมพ่ ึงปรารถนาเลย คอื “ความตาย” ก่อนจะตายกต็ อ้ งใช้ธรรมะเซน่ กนั คอื ใชส้ ติกำหนดจับขณะปัจจุบันใหไ้ ต้ ขม่ทกุ ขเวทนาอนั เกดิ จากความเจ็บปวดให้ได้ ดว้ ยอานภุ าพของ พระกรรมฐานท่ที ่านเจริญ ไต้แลว้ นั้น จะท ำให ท้ า่ น มีความส ขุ ใจกอ่ น ตาย สคุ ติปาฏิกังขา - มสี ุคติเปน็ ทีห่ วังไต้ น่ีแหละเขม็ ทศิ ชี้ทิศทางเดนิ แต่ทางดำเนนิ ชวี ิตใหค้ มั ภีรช์ ีวิตเป็นผซู้ ที้ ศิ ทาง “ชวี ติ น้ี มเี คลด็ ลบั ไมอ่ บั ใขคอ ย ู่บ น โ ล ก มหี ลักใจ ไดค้ กั ดศรีพลกิ วิกฤต เป ็น โ อ ก า ส ปราชญ ย์ นิ ดีพ ลิก ค มั ภ ีร์ ชวี ิต คกั ดิ้ลิทธี้จริง
สุขใจท่ใี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชวี ิตทดี่ งี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ จุดศูนย์รวมแห่งสกาวธรรม” เม่ือวา่ ถึงเร่ืองลตั วบ์ กทั้งหลายแล้ว ชา้ งจัดเป็นสัตวท์ ใี่ หญท่ ี่สุดโดยเฉพาะเทา้ ของช้างยอมเป็นท่รี วมลงของรอยเทา้ สัตวท์ ัง้ ปวง ไมว่ ่าจะเปน็สัตว์เลก็ สัตวน์ อ้ ย หรอื สตั วใ์ หญ่ประเภท'ใดกต็ ามที เมือ่ วดั รอยเท้ากันแล้วรอยเทา้ ช้างย่อมใหญก่ วา่ รอยเทา้ สตั วท์ งั้ ปวง ฉนั ใดก็ดี หลกั ธรรมคำสอนในทางพระพทุ ธศาสนาหรือหลักสภาวธรรมทงั้ หลาย ก็ฉันนน้ั เหมือนกัน ยอ่ มมหี ลกั ธรรมที่สำคญั ย่ิงใหญ่ และเป็นจดุ ศูนยร์ วมแหง่ ธรรมะหรอื สภาวธรรมทงั้ ปวง ก็หลักสภาวธรรมท่ีเปน็ ศูนย์รวมแหง่ ธรรมท้งั ปวงนน้ั คืออะไร คอือปั ปมาทธรรม อปั ปมาทะ แปลว่า ความไมป่ ระมาท ความไมป่ ระมาทคอื อะไรคือ การไม่อย่ปู ราศจากสติ - ความระลกึ ได้ ในทกุ สถานการณห์ รอื ในท่ีทุกสถานและในกาลทุกเมอื่ ดงั พระพทุ ธพจน์ทวี่ า่ สติ สพพฺ ตฺถ ปตฺติยาแปลวา่ เราต้องใชส้ ตกิ ำกับในทท่ี ุกสถานและในกาลทกุ เม่ือ เมือ่ ทำไดเ้ ช่นน้ีภารกจิ ตามหนา้ ท่ที ไ่ี ด้รบั มอบหมายจึงจะประสบผลสำเร็จหรือมผี ลดีเป็นรูปธรรมที่เดน่ ซดั ปัญหาท่นี ่าจะถามต่อไปกค็ ือวา่ อัปปมาทธรรมน้ี เราจะใช้กบั ใคร ใช้เมื่อใด และจะใชไ่ ดอ้ ยา่ งไร จงึ จะเกิดประโยชน์ ปัญหาขอ้ แรกวา่ อปั ปมาทธรรมนจี้ ะใชก้ บั ใคร หรอื ว่าใครท้างที่จะต้องนำไปประยุกส์ใช้ ตอบว่า คนทกุ คน มน ุษยท์ กุ ห มเู่ ห ล่า จะด้องใช้อปั ปมาทธรรมนี้ โดยไม'มชี อ้ ยกเวน้ มนษุ ย์ทุกรปู ทกุ นาม ทุกเพศทุกวยัตั้งแตแ่ รกเกดิ จนกระท้งั กอ่ นตาย จะต้องใช ้ธรรมะชอ้ น้ี ถามวา่ จะใชเ้ ม่ือใดหรอื เวลาใด ตอบว่า ใชไ่ ด้ทกุ เวลา ทงั้ เชา้ สาย บา่ ย เยน็ คาคืน ตลอดกาลและตลอดไป ใชไ่ ดท้ ุกอริ ยิ าบถ ทง้ั ยนื เดิน นัง่ และนอน แม้กระทัง่ เวลาหลับกด็ อ้ งหลบั ด้วยความไมป่ ระมาท กล่าวโดยย่อคอื
สุขใจทใ่ึ ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชีวิตท่ีดีงาม “ยืนดว้ ยความไม่ประมาท เดินด้วยความไมป่ ระมาท น่งั ดว้ ยความไม่ประมาท นอนดว้ ยความไม1ประมาท” ยืนอยา่ งไร จึงจะซอ่ื ว่า ยนื ดว้ ยความไมป่ ระมาท ตอ้ งยืนด้วยสติคือใชส้ ติกำหนดขณะ ปจั จุบนั ในขณะทเ่ี รากำลงั ยืน ให้เรารตู้ ัวเราอยู่ตลอดเวลาท่เี รายนื ว่าเรายืนถกู ตอ้ งแล้วหรือยัง ยืนในทีท่ ่สี มควรแล้วหรือยงั ยนืไดด้ ี ยืนได้มั่นคงแล้วหรอื ยงั ในขณะท่ีเรายืน เราเป็นสุขหรอื เปน็ ทุกขอ์ ย่างไรให้เราร้ขู ณะปัจจุบนั ทเี่ รายืน กลา่ วโดยยอ่ คือต้องยืนใหเ้ หมาะสม เวน้ โทษของการยืน คอื ต้องไมย่ นื ใหผ้ ิดท่ี ไมย่ ืนใหผ้ ดิ กาล และไมย่ นื ให้ผิดพลาดเมือ่ เราใช้สติกำหนดการยืนของเราไดข้ ณะปจั จบุ นั อยู่อยา่ งนี้ เราก็จะโชคดีมสี ขุ ประสบผลสำเรจ็ ในอริ ิยาบถยืน ตอ่ ไปคือการเดิน เดนิ อยา่ งไรจงึ จะชื่อว่า เดนิ ด้วยความไม่ประมาท ต้องเดนิ ด้วยความเป็นผู้มีสตเิ ปน็ ปัจจยั จงึ จะซอื่ ว่าเดินดว้ ยความไมป่ ระมาท กล่าวคอื เราจะตอ้ งใชส้ ติเป็นตวั กำหนดในขณะทีเ่ ท้าของเรากำลงั ก้าวชา้ ยที - ขวาที หรือขณะทเี่ รากำลงั เดินไปช้างหน้า ใหใ้ ช้สตกิ ำหนดรู้ขณะปัจจบุ ันเชน่ กันวา่ เรากำลังเดนิ และตอ้ งรู้ด้วยวา่ เราเดนิ ถูกตอ้ ง - เหมาะสมแลว้ หรือยัง เราเดนิ ไปในทที่ เี่ ขาใหเ้ ดินหรือเปลา่ เดนิ ไปในทางท่เี ขาให้เราเดนิ หรอื เปลา่ เราเดนิ ไปท้นเวลาท่ีเขากำหนดหรอื ไม่ เวลานแ้ี ละทีต่ รงน้ี เราเดนิ ไดแ้ ล้วหรือยัง บทสรปุ ของการเดินด้วยความไม่ประมาทกค็ ือ เดินในท่ีทค่ี วรเดนิ เดนิ ในเวลาทค่ี วรเดิน เดนิ ด้วยอาการหรืออากปั กริ ยิ าทคี่ วรเดินเดนิ ใหถ้ ูกตอ้ งและเดนิ ใหเ้ หมาะสม หรือเรยี กอกี อย่างหนึ่งว่าสำรวมระวังเร่อื งการเดิน สำรวมอิริยาบถเดิน ตอ่ ไปกๆรน่งั น่งั อย่างไรจงึ จะซ่อื ว่ๆ นง่ั ด้วยความไม่ประมาท ต้องน่ังด้วยสตเิ ซ่นกันครบั คอื ต้องมสี ตกิ ำหนดอริ ยิ าบถนงั่ นั่งใหด้ ี น่งั ให้ถูกต้องนง่ั ให้เหมาะสม น่ังในท่ีทค่ี วรน่งั นั่งในเวลาทคี่ วรน่งั น่ังกับคนท่ีควรนั่ง นง่ัให้มีความสุข อย่าไปนงั่ ในทท่ี ไี่ ม่ควรนัง่ อย่านัง่ ในเวลาทไี่ มค่ วรน่ัง อยา่ น่งักบั คนทีไ่ มค่ วรน่ัง และอยา่ นงั่ ดว้ ยความทุกข์ทรมาน ต้องเว้นโทษในการนง่ั
สขุ ใจทไ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพอื่ ชีวติ ท่ดี ีงามการนั่งของเราจึงจะนงั่ ไดถ้ กู ต้อง เหมาะสมและมีความสุขในการนั่ง โบราณทา่ นบอกวา่ ใหด้ ูตาม้าตาเรอื เสียกอ่ นค่อยน่งั เพราะถา้ นั่งผิดที่ น่ังผดิ คน นง่ัผิดกาลเวลา หรอื นั่งไมด่ ีแล้ว มนั จะมีความทุกขแ์ ละต้องเดอื ดรอ้ นกนั ต่าง ๆนานา แล้วแต่โทษของการนงั่ อนั เปน็ ตัวเหตนุ นั่ ๆ และอกี อริ ยิ าบถหน่ึงคอื การนอน นอนอยา่ งไรจึงจะช่อื ว่านอนดว้ ยความไมป่ ระมาท เม่ือพดู ถงึ เร่อื งการนอน คนเรานอนแตกตา่ งกนั ออกไป บางคนก็นอนเรยี บรอ้ ยดี บางคนก็นอนไม่เรียบรอ้ ย บางคนพอนอนหลบัเท่าน่นั ก็ติดเคร่อื งยนตข์ นาดยกั ษแ์ ถมติดเทอรโ์ บอกี ด้วย เล่นเอาผทู้ ีน่ อนอยูใ่ กล้เคยี งตอ้ งสะดุ้งต่นื มาฟ้งเสียง พลอยนอนไมห่ ลบั ไปด้วย บางรายพอหลบั ได้ท่กี บ็ ่นพมึ พำพดู กบั คนน่นั พดู กบั คนนี้ แถมเทศนาสง่ั สอนคนอื่นไดด้ ้วย เล่นเอาพรรคพวกตอ้ งต่นื ขนึ้ มาขอโชคขอลาภกนั เป็นการใหญ่ น่ีคอื ตวั อย่างพฤติกรรมการนอนของคนท่นี อนด้วยความประมาท ขาดสตใิ นการนอน เพราะฉะนน่ั การนอนดว้ ยความ ไมป่ ระมาท ก็คอื การนอนด้วยความเปน็ ผมู้ สี ตินนั่ เองใชส้ ตกิ ำหนดขณะปจั จุบันของการนอน เม่ือจะนอนท่านใหน้ อนหงาย มือชา้ ยวางไว้ท่ีทอ้ งตรงที่พองและยบุ มือขวาทบั มือชา้ ยใชส้ ติกำหนดลมหายใจเช้า-ออก ตามลมหายใจเช้า ตามลมหายใจออกเช้าใหส้ ุด ออกใหส้ ดุ เช้ากร็ ูอ้ อกกร็ ูใ้ ห้สติอย่ตู รงนีเ้ ปน็ ร้อยครั้งพนั ครัง้ หรือรอ้ ยหนพันหน อยา่ ใหส้ ติหน!ี บัใหน มดั สต!วก้ ับทอ้ งของตัวเองให!้ ด้ กำหนดสติเช่นน้!ี ปเรอื่ ย ๆ จนกว่าจะหลับ แมเ้ วลาจะหลบั ก็ให้รไู ดด้ ว้ ยว่าเราหลบั ในขณะท่ีทอ้ งพองหรอื ยบุ ถงึ เวลาทก่ี ำหนดไว้เราจะตื่นได้เอง โดยไมต่ อ้ งใช้น าฬ กิ าห รอื ค น ม าป ล ุกให ต้ ่นื กระท ำได ้เช่น น ้ี ป ฏ ิบ ตั ิไดเ้ ชน่ น ้ี จะท ำให ้ผ ีความสุขในการนอน จะไม,ฝนื ร้าย จะไมน่ อนละเมอเพอั ฝนื จะไม่ดิ้นทรุ นทุรายในเวลานอน จะไม่สรา้ งความเดอื ดร้อนใหต้ นเอง และผู้อนื่ในเวลานอน นค่ี อื การนอนดว้ ยความไมป่ ระมาท ท้ังหมดนี้เปน็ อริ ยิ าบถหลกั สว่ นอริ ิยาบถรองอ่นื ๆ ซ่งึ ตอ้ งอาศยัอิริยาบถหลักคอื ยนื เดิน น่ัง นอน ด้งกล่าวมากเ็ ช่นกนั เราตอ้ งใช้สติกำหนดขณะปจั จุบนั ของอริ ยิ าบถน่ันๆ ต้วย เช่น อิรยิ าบถกิน อริ ิยาบถด่ืม
สุขใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ซีวฅิ ทีด่ ีงามอริ ยิ าบถทำ อริ ยิ าบถพดู แม้แตค่ วามคดิ หรือจิตใจของเราเอง เราก็ตอ้ งใช้สติเป็นตัวกำหนดรูท้ กุ ๆ ขณะด้วย เชน่ กนั การแสดงพฤติกรรมหรือปฏกิ ริ ิยาของอริ ยิ าบถนั้น ๆ จึงจะใชป้ ระโยชนไ์ ดด้ ีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผลสมความมงุ่ หมาย หรือวตั ถปุ ระสงค์ของการใช้อิริยาบถตามทไ่ี ด้กำหนดไว้เป็นการสว่ นตวั และสว่ นรวมนัน้ ๆ เช่น ในอริ ยิ าบถกนิ เราตอ้ งกนิ ดว้ ยความไมป่ ระมาท ใช้สตเิ ป็นตวั กำหนดในการกนิ ให้รู้จักประมาณ'ไนการ,กนิ กินของทคี่ วรกิน อยา่ กินของทไ่ี มค่ วรกนิ กินในเวลาทีค่ วรกนิ อย่ากนิ ในเวลาที่ไมค่ วรกนิ กนิ ให้พอประมาณ อยา่ กนิ ให้เกินประมาณ กินดว้ ยความสำรวมระวงั อยา่ กนิ ดว้ ยความสนุกสนานร่าเริงหรือกนิ ดว้ ยอำนาจกิเลสตัณหาแตเ่ พียงอย่างเดียว จงเว้นโทษของการกินจงเติมคุณค่าให้กบั การกนิ กินมากเกนิ ไปยอ่ มเป็นทุกข์กนิ นอ้ ยเกินไปก็เป็นทุกข์ กินแตพ่ อดีจึงจะมีสุฃ กินให้สนกุ มันเลยทุกขถ์ นัดจงประหยัดเร่อื งการกนิ ชีวติ จึงจะอยู่ดีมสี ุข เราอยา่ เปน็ ทาสของความหวิแตจ่ งเป็นนายของความหิว กนิ เพียงเพ่อื ประทังชีวิตนไี้ วิใชป้ ระโยซน!้ ห้ได้มากๆ กพ็ อแลว้ อยา่ กนิ ใหเ้ ปลา่ ประโยชน์หรอื กินใหเ้ สียประโยชนก์ นั เลยครบั กนิ ดี มสี ขุ โรคภัยไขเ้ จบ็ ไมเ่ บียดเบียน กนิ ไม่ดี มที ุกข์ โรคภัยไข้เจ็บเบยี ดเบียนและตายเร็วครับ เพราะฉะน้ัน หลักคำสอนจงึ มไี ว้เพือ่ เตอื นสติเราว่า “โภชเน มตฺตณณฺ ุตา” ใหร้ จู้ ักประมาณในการกิน’’ มใื ซ่ โภชเน มัตตัญณตุ ุงคอื เอาแต่พุงเป็นใหญ่ และอีกอิรยิ าบถรองอยา่ งหนึง่ คือ อิรยิ าบถพดู ซง่ึ ตอ้ งให้วาจาคอื คำพดู ออกจากปากของเราเอง เรากต็ อ้ งพูดด้วยความไม่ประมาทด้วยเช่นกนั ต้องใชส้ ตกิ ำหนดในขณะทเ่ี รากำลังพดู ใหร้ ูต้ วั อยตู่ ลอดเวลาในขณะท่ีเรากำลงั พูด พดู สงิ่ ทค่ี วรพูด อยา่ พูดสิง่ ท่ีไมค่ วรพูด พูดในทท่ี ่คี วรพูด อยา่พดู ในท่ที ไ่ี มค่ วรพดู พดู กับคนที่ควรพดู อย่าพูดกับคนที่ไมค่ วรพดู ให้รู้จักประมาณในการพูด อย่าพูดเกินประมาณ พดู ในเวลาท่คี วรพูด อย่าพูดในเวลาท!ี่ มค่ วรพูด พดู ในสิ่งทจี่ ะก่อให้เกดิ ประโยชน์ อย่าพดู ในสง่ิ ทจี่ ะก่อให้เกิดโทษโดยสรปุ คือ พูดใหเ้ ปน็ มงคล อยา่ พดู ในเร่อื งที่ไม่เปน็ มงคล ๖๙
สุขใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทด่ี งี าม“สุภาสิตา จ ยา วาจา เอตม.มงฺคลมุตฺตม0- วาจาสภุ าษิตเป็นมงคลอนั สูงสุดในชีวติ ” ถา้ จะถามอีกวา่ อปั ปมาทธรรม คอื ความไมป่ ระมาทน้ี จะ'ใชโ้ ต้อย่างไร กต็ อบได้อย่างที่กล่าวมาแล้ววา่ ใชไ้ ด้กบั ทุกคน ใชไ้ ด้[นท่ีทกุ สถานหรือทกุ สถานการณ์ และใชีไดในกาลทกุ เมอ่ื ทุกภารกิจ ทุกหนา้ ที่ ทกุ การงานท่เี ราทำ เราต้องใชอ้ ัปปมาทธรรม คอื ความไมป่ ระมาทนี้เปน็ ธรรมะเครือ่ งช่วยเหลอื ให้ประสบผลสำเร็จได้ทุกกรณี เพราะอัปปมาทะ คอื ความไมป่ ระมาท ได้แก่ การดำรงตนอยดู่ ว้ ยความเปน็ ผู้มสี ตเิ ป็นสว่ นแห่งกุศลธรรมทีพ่ งึ เจรญิ พึงทำใหเ้ กิดมฃี ึ้นในจิตใจ และพงึ ยดึ ถอื ไว้เป็นแนวทาง แหง่การประพฤตปิ ฏิบัติในชีวติ ประจำวนั สว่ นอกุศลธรรมนอกนี้ คือ ปมาทะแปลวา่ ความประมาท ย่อมเปน็ ด้นเหตุของความหายนะ ดังพทุ ธภาษติ ท่วี ่า“ปมาโท มจจฺ ่ใุ น ปท0 - ความประมาทเป็นหนทางแหง่ ความตาย” ในเรือ่ งของปมาทะ คอื ความประมาทนี้ ทา่ นช้ีให้เห็นวา่ คนที่ประมาทยอ่ มเป็นเหมือนคนท่ตี ายแล้ว ท้ังๆ ท่ียังม1ีชวี ิตอยู่ แตก่ ็ตอ้ งถงึ แก่ความตาย ตายจากอะไร ตายจากคุณงามความดี คือไม่มคื ณุ งามความดีพอจะเปน็ ทพี่ ึง่ ได้ ตายจากสังคม คอื ตอ้ งกลายเปน็ คนที่สงั คมรงั เกยี จ เป็นคนท่เี ช้าสังคมไม่ได้หัวเดยี วกระเทยี มลีบ ถูกถบี ออกจากสงั คม น่แี หละตายทัง้ เป็นและอย่างหนงึ่ คอื ตายจากโลกน้ไี ปโดยเปล่าประโยชน์ในขณะทีม่ ชี ีวติอยู่ มไิ ด้ทำคุณงามความดอี ะไรไว้เลย ทำชวี ติ ให้สญู เปลา่ เป็นโมฆชวี ิต มิใช่สุชวี ติ คือ ชวี ติ ที่ดี คนจะมาเผาเขายังหายาก นบั ประสาอะไรกบั อนสุ าวรีย์แหง่ ชีวติ ท่ีเขาจะสรา้ งให้ คงเปน็ เร่ืองที่เปน็ ไปไม,ได้ น่แี หละคนท่ีประมาทที่เป็นเหมอื นคนตายแลว้ คอื ตายทงั้ เป็น ในโอกาสนจ้ี ึงใคร่ขอเชิญชวนท่านทง้ั หลาย ไดโี ปรดน้อมนำเอาหลกั ธรรมสำคญั คอื อปั ปมาทะ - ความไม,ประมาท อันเปน็ จดุ ศูนยร์ วมแห่งสภาวธรรมทงั้ ปวงนไี้ ปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิในชีวติ ประจำวนั ให้เกิดหิตานหุ ติประโยชน์ เป็นความสงบสุขและความเจรญิ รงุ่ เรืองโดยทัว่ หนา้ กัน
สุขใจที่ได้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ที่ตีป้าม โดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ บญุ นำกรรมแต่ง” ปจั จบุ ันนี้สภาวะทางสังคมไม,คอ่ ยปกติสุขนกั มักมเี หตกุ ารณ์สะเทอื นขวญั ส่ันจติ ใจเกดิ ข้นึ เป็นระยะ ๆ ทงภาย'ในและภายนอกประเทศภายนอกประเทศเรมิ่ ต้ังแต่สหรฐั อเมริกาถกู ผูก้ ่อการร้ายขบั เคร่อื งบินชนตึกเวิลด์เทรด และแพนตากอนหรือตึกกระทรวงกลาโหม เป็นเหตใุ ห้สหรฐั อเมรกิ าตอ้ งนำเครอื่ งบนิ ไปทงิ้ ระเบดิ ทป่ี ระเทศอฟั กานิสถาน เกิดสงครามย่อยๆ ขนึ้ ในโลก ส่วนเครื่องบนิ ตกน้ีนเกิดข้นึ ทวั่ โลกเปน็ ระยะเช่นกัน ภายในประเทศไทยเรากม็ เี หตุการณ์สะเทอื นขวัญเกดิ ข้นึ มากมายไมแ่ พ้ตา่ งประเทศ คลังระเบิดบ้าง โรงงานแก๊สระเบิดบา้ ง ทำให้เกิดความสูญเสยีชวี ติ และทรพั ย์สินพอสมควร เหตุการณท์ ไี่ ม่น่าจะเกิดอีกอย่างคอื คนคล่ังยาบ้าแล้วทำรา้ ยชวี ิตคนอื่น เกิดข้ึนบอ่ ยมากในสังคมไทยเรา เหตุการณต์ ่าง ๆ เหล่านหี้ ากเรานำมาเทยี บเคียงกบั เหตุการณ์!นชีวติ จริงของเรา ก็ไม่นา่ หนักใจ เพราะมันเป็นธรรมชาตขิ องชีวิต คอื นาวาชีวิตของคนเราแตล่ ะคนนั้น ไมร่ าบเรียบราบรน่ื ตลอดเวลาครับ เหมอื นเราขึน้ เรือออกทะเลจรงิ ๆยอ่ มพบเจอคล่นื ทะเลมากบ้างนอั ยบ้างทะเลที่ราบเรียบตลอดวันตลอดปีนั้นไมเ่ คยมี ชวี ติ จรงิ ของคนเราก็เซน่ กัน ยอ่ มพบเจอเหตกุ ารณป์ กตบิ ้าง ไม่ปกตบิ า้ ง สมหวงั บา้ ง ผิดหวังบา้ งเป็นธรรมดา เพราะธรรมชาติของชีวิตเป็นอยา่ งน้ี แตท่ ุกส่งิ ทกุ อยา่ งท่เี กดิ ขน้ึ มาน้ันมนั มีเหตุปัจจยั ใหเ้ กดิ หรอื มเี หตุมีผลของมัน ทะเลมคี ล่ืนลมกเ็ พราะมีลมพายลุ มมรสุมพัดผา่ นมา ชีวิตคน เรามีเห ตุการณ ผ์ ดิ ปกติเกิดขึ้น หรือพ บปญั หาพ บอุปสรรค ก็เพราะอาศยั เหตุปจั จัยใหเ้ กิด ใหเ้ ราไตพ้ บไตป้ ระสบ เหตุปัจจัยท่ีวา่ นี้ คือกรรม พระท่านเรียกวา่ กรรมเกา่ แตง่ ให้เกดิ หรือบญุ นา่ กรรมแต่ง เราเคยกระทำส่ิงใดไวใ้ นอดตี สงิ่ นน้ั ก็จะมผี ลสะทอ้ นถงึ ตวั เราในปัจจุบัน กรรมที่เราเคยกระทำไวด้ ลบนั ดาลให้เกดิ เปน็ เหตุปัจจยั ให้เกดิ บางคนเมื่อพบ
สขุ ใจท่ีได้อ่านสารธรรมเพื่อชีวิตทคี่ งี ามเหตุการณ์รา้ ยในชีวิต มักจะโทษคนอืน่ หรอื สิง่ อืน่ วา่ เปน็ ผ้ทู ำให้เราเคราะห์รา้ ยไมใชห่ รอก ส่ิงทเี่ กิดขนึ้ ในชีวติ เราน้นั กรรมของเราเปน็ ผู้ส่ัง ให้เปน็ ไปทงั้ ส้นิ ดงั คำโคลงโลกนติ ิทีก่ รมสมเด็จพระเดชาติศร พระราชโอรสพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย รชั กาลท่ี ๒ ทรงนิ,พนธไว'้ วา่อยา่ โทษไทท้าวทว่ ย เทวาอยา่ โทษสถานภูผา โลกกวา้ งอยา่ โทษหมวู่ งศา ญาติมติ รโทษแตก่ รรมเองสรา้ ง ส่งให้เป็นเอง พระสมั มาสม้ พุทธเจา้ ตรสั สอนเรื่องนไี้ วว้ า่ กมฺมุนา วตตฺ ติ โลโกสตั ว์โลกยอ่ มเป็นไปตาม กรรม หมายความวา่ กรรมเป็นผสู้ ่งั หรอื ดลบนั ดาลสตั ว์โลกให้เป็นไปตามนนั้ยาทิสํ วปเต พชี ํ ตาทสิ ํ ลภเต ผล0บคุ คลหวา่ นพชื เชน่ ใด ย่อมไดร้ บั ผลเชน่ น้นักลุยาณการื กลุยาณํ ปาปการื จ ปาปก0 บุคคลกระทำกรรมดี ย่อมไดร้ บั ผลดี กระทำกรรมชั่ว ยอ่ มไดร้ บัผลช่ัว พระพทุ ธดำรัสเหลา่ นี้เปินสัจธรรมทัง้ สน้ิ ตัวอยา่ งมมี ากมายตัวอย่างง่ายๆ ในชวี ติ เรา หากเราขยันทำมาหากินไม1เกียจคร้านทำงานเราก็'จะมกี นิ มใี ช้ แมไิ มร่ ื่ารวยแตก่ ็พออยู่ได้ ไม่ถึงกบั อดอาหารตาย ตรงกนัข้าม หากเราเกยี จครา้ นในการประกอบอาชพี ยอ่ มยากจนไม่พอกนิ ไมพ่ อใช้แน่นอน สุดท้ายอาจจะขอทานเขากนี กไ็ ด้ ทุกอยา่ งในชีวติ เรา จึงอยทู่ ตี่ วั เราเป็นผสู้ ัง่ เปน็ ผู้ดลบันดาล หรืออยทู่ ่กี รรมการกระทำของเราเอง นิยมเรียกกันว่า “กรรมลิขิต” กรรมเป็นผ้ลู ขิ ติ ใหช้ วี ิตเราเปน็ ไปตามนั้น เนื่องจากแตล่ ะคน
สขุ ใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตที่ดงี ามกระทำกรรมมาไม่เหมือนกัน พฤติกรรมของแตล่ ะคนจึงแตกต่างกัน กรรมเปน็ ผู้ลิขิตให้บคุ คลแตกตา่ งกนั มิใชส่ ิ่งศกั ดสี้ ทิ ธ้ื เทวาอารกั ษ์ หรือภูตผีปศี าจดลบันดาลแต่อยา่ งใด ดงั พระพุทธพจน์ทว่ี ่า กมฺมํ สตฺเต วิภ ซ ติ กรรมเปน็ผู้จำแนกสัตวท์ ้งั หลายใหแ้ ตกตา่ งกนั เม่ือเราทราบว่า สตั วโํ ลกยอ่ มเป็นไปตามกรรมหรอื บุญบาปท่ีตนทำไว้ กรรมเป็นผ้จู ำแนกสัตว์โลกใหแ้ ตกตา่ งกนั บคุ คลกระทำกรรมดียอ่ มไดร้ ับผลดี กระทำกรรมชวั่ ยอ่ มได้รบั ผลชว่ั เชน่ นี้ เราควรสรา้ งสมแตก่ รรมดี ๆ เพราะกรรมดนี น้ั นอกจากจะสง่ ผลให้เราเป็นสขุ แล้ว ยังสง่ ผลให้คนอื่น โดยเฉพาะคนใกล้ชิดพลอยมคื วามสุขไปด้วย มีพอ่ แมด่ ี ลูกกม็ ีความสขุ มลี ูกดี พ่อแม่กม็ ีความสขุ มีครูอาจารยด์ ี ศิษยก์ ็มีความสุข มีศิษยด์ ีครอู าจารย์ก็มคิ วามสุข มีผู้'บังคบั บัญชา มหี วั หนา้ ดี ผ้!ู ติ'บังคบั บัญชา หรือลูกนอ้ งก็มีความสุข พอสรปุ ได้ว่าความสขุ ความทกุ ข์ท้งั ปวงบญุ นำกรรมแตง่ ทงั้ สน้ิกรรมเป็นผู้ลิขิตชวี ิต กรรมท่ีตนเองสร้างส่งให้เปน็ เอง ดังคำกลอนสอนใจของนกั ปราชญ์ที่วา่การทาดิ นน่ั แหละดีการทำดี ฤกเวลา ค่ามหันต์การทำดี ถกู คน ผลอนนั ต์การทำดี ด้วยความหมั่น ท่านว่าดี
สุขใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพ่อื ชีวิตทีค่ งี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ ธรรมะของผู้กล้า” เม่ือพูดถงึ ผูก้ ล้าหรอื คนกลา้ แล้ว เราก็อาจนกึ ถึงอนสุ าวรยี ์ของวรี บรุ ษุ ทั้งหลายในแผน่ ดินไทยเรา ซ่ึงมี'ให้เห็นอยมู่ ากมาย เซน่ พระบรมราชานุสาวรยื ์สมเดจ็ พระนเรศวรหาราช เปน็ ต้น ความกลา้ อยา่ งนีเ้ ป็นความกล้าทม่ี ีประโยชน์ต่อคนหมมู่ าก นา่ ยกยอ่ ง แตป่ จั จุบันนมี้ คี วามกล้า และคนกลา้ทเ่ี ป็นศตั รูตอ่ ความสงบสขุ ของแผ่นดินอยูม่ าก เซ่น กลา้ ทีจ่ ะทำทจุ ริตคดิ คดต่อแผน่ ดินอันเป็นถ่ินมาตภุ มู ขิ องตน เซน่ การคา้ ยาเสพตดิ การประพฤติผดิกฎหมายและหลักศีลธรรมอันดีงามของพระศาลนา เป็นตน้ ผู้ท่ที ำเซ่นนี้ได้ถอื วา่ เป็นผกู้ ลา้ เหมือนกนั แต่เป็นประเภทกลา้ ในทางเสือ่ ม เป็นความกลา้ทสี่ งั คมไมต่ อ้ งการ มีคนกลา้ ประเภทน้ีอยูท่ ี่ใด มคี วามทุกข์ทน่ี ่ัน เพราะเหตุทปี่ จั จบุ ันนี้คนกล้าประเภทหลงั นี้มีมากข้ึน จงึ อยากปลุกจิตวญิ ญาณของผูก้ ล้าประเภทแรกข้ึนมาบา้ ง เพอ่ื รักษาแผน่ ดนิ แม่ของเราไวอ้ ย่างสันตสิ ขุ ภายใต้รม่ เงาของพระพทุ ธศาสนา และรม่ พระบารมแี ห่งพระมหากษตั รยิ าธริ าชเจา้ ซนชาติไทยไต้ช่ือว่าเป็นชาตินกั รบ และคณุ สมบตั ิที่นกั รบขาดไมไ่ คค้ อื ความกล้าหาญ เพราะนักรบแม้จะมี'ฝืมีอ และอาวธุยุทโธปกรณม์ ากมายขนาดไหน หากนกั รบเป็นผ้ขู ลาดเขลาเบาปัญญาแล้วยอ่ มพา่ ยแพในท่สี ดุ ความกลา้ เปน็ คุณสมบตั ขิ องใจอย่างหนึง่ ซง่ึ ตรงข้ามกับความกลัว ถ้าหากใจเกดิ ความกล้าข้นึ มา ความกลัวกอ็ ย่ไู มไ่ ต้ แต่ถ้าความกลวั เกิดขึ้นในใจเมื่อใด ความกล้าก็อยูไ่ ม่ไตเ้ ชน่ กัน เหมอื นความมีดกบั ความสวา่ งไมม่ ีทางจะอยูร่ ว่ มกนั ไต้ แตกคอยแย่งทก่ี ันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกลางวันกับกลางคนื แตเ่ รือ่ งของใจพิเศษกวา่ เร่ืองภายนอกมากนัก ตรงท่ีถ้าหากเราปลกู ผงิ และเพมิ่ พูนความกลา้ ขน้ึ ไตเ้ ตม็ ท่แี ล้ว ความกลวั ย่อมถูกกำจดัออกไปไดตลอดกาล
สขุ ใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทีต่ ีงาม สำหรบั หลักธรรมทจ่ี ะเปน็ ตวั สง่ เสริมให้เกิดความกลา้ และพัฒนาให้เพ่ิมพูนไพบูลยน์ ้ี ทางพระพทุ ธศาสนามีศัพทห์ รือชดุ ของธรรมอยวู่ ่าเวสารัชซกรณธรรม ซงึ่ แปลวา่ ธรรมอันเปน็ เหตใุ หเ้ กิดความกลา้ หาญ ซึ่งมี๕ ข้อด้วยกนั คือ ๑ . สทั ธา ความเชือ่ มน่ั ความปักใจเช่อื แต่ว่าความเช่ือนี้หากไมจ่ ำกดั ลงไปกย็ อ่ มเป็นอันตรายทั้งตอ่ ตนเองและส่วนรวมทงั้ น้ัน เพราะมคี นจำนวนไมน่ ้อยปลงใจเชื่อว่า ความตายคือการดับทกุ ข์ทง้ั ปวง จงึ ฆ่าตวั เองบา้ ง ฆ่าผอู้ น่ื บา้ ง ตงั นัน้ ความเชื่อท่ีประสงคใ์ นที่นจ้ี งึ จำกัดลงทีห่ ลักความเชอ่ื ๔ ประการของพระพุทธศาสนา คือ ๑.๑ เชอื่ ในความตรสั รูข้ องพระพทุ ธเจา้ (ตถาคตโพธสิ ทั ธา) ๑.๒ เชอื่ เรือ่ งกรรม (กม้ มสัทธา) แลแ เก แลพ ๐1 ลอแ(วก.คือความเชอ่ื เรอื่ งกฎแห่งการกระทำวา่ ทำดตี ้องบังเกดิ เปน็ ผลดี ทำชวั่ ต้องบงั เกดิ เป็นผลช่วั แก่ผกู้ ระทำอยา่ งแนน่ อน การสาดนํา้ เยน็ ขน้ึ เหนือหวั น้ันทกุ คนแมแ้ ตเ่ ดก็ ก็ย่อมตอบได้ว่า นํา้ เย็นยอ่ มหล่นลงมารดศรี ษะของผู้สาดแน่นอนเพราะนํ้าไมส่ ามารถหลดุ ลอยไปในอากาศได้ ในขณะเดียวกนั หากเขาโยนก้อนหินข้นึ เหนือหวั คำตอบก็เหมือนกับสาดนํ้าเยน็ ขึ้นเหนือหวั ๑.๓ เช่ือเรอ่ื งผลของกรรม (วิปากสทั ธา) แลแ เท แลพ 0แ ©ส601;คอื ความเชอ่ื วา่ ความสุขเป็นผลทีเ่ กิดมาจากการทำกรรมทดี่ ี ส่วนความทกุ ข์ย่อมเป็นผลทเ่ี กิดมาจากการกระทำกรรมทีไ่ มด่ ี หรืออกศุ ลกรรม และ ๑.®: เชอ่ื วา่ สตั ว์ หรอื คนแต่ละคนมกี รรมเปน็ ของตนเอง(ก้มมัสสกตาสัทธา) หลักความเชอ่ื นมี้ รี ายละเอยี ดมาก แต่สรปุ วา่ ขอใหม้ คี วามเชอ่ื มัน่วา่ พระพุทธเจา้ เป็นผู้ตรัสร้จู รงิ ทำชัว่ เกิดเป็นผลชัว่ แก่ผ้ทู ำจรงิ ตงั ที่เราเคยได้ยนิ พุทธภาษติ ทว่ี ่า กลั ยาณการื กลั ยาณงั ปาปการื จะ ปาปะกงั ซ่งึ เราแปลกันตดิ ปากวา่ ทำดไี ดด้ ี ทำชัว่ ได้ชวั่ นั่นแหละ เชอื่ ไดต้ ังนี้จึงเป็นความเชื่อท่ถี กู ธรรม เมอื่ เชอ่ื ถูกธรรม ความกล้าทเี่ กิดขนึ้ ยอ่ มเป็นความกลา้ ทถ่ี ูกทาง ๗๕
สขุ ใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ิตท่ีคงี าม หลักความกลา้ ข้อท่ี ๒ คือ สลี ะ โดยหลักการคอื ศลี ๕ ขอ้ ทีเ่ รารบั กันแทบทกุ วนั และกข็ าดกนั แทบทุกวันนน่ั แหละ โดยเนื้อหาหมายถึงภาวะทางกายใจทเ่ี ป็นปกติ คำว่าปกตภิ าษาอังกฤษเขาใช้วา่ กอโ๓สเ พอเอาความปกตมิ าเปน็ เกณฑข์ องลงั คมเขาก็ใช้[ห้ลั้นเขา้ วา่ แอทาา ซงึ่ เราแปลกนั วา่ปทสั ฐาน ซ่งึ โดยเนื้อหาแลว้ กค็ ือ ศลี ๕ ของพระพุทธศาสนาน่ีเอง หลักความกล้าขอ้ ที่ ๓ พาหุสจั จะ ความเปน็ ผสู้ ดบั ตรับฟังมาก แต่โดยเน้อื แท้แล้วต้องกลา่ วว่า ความเปน็ ผ้ผู ่านประสบการณม์ ามาก เพราะบางคนแม้จะอ่านมากฟงั มากแตข่ าดประสบการณต์ รง กย็ งั ขลาดเขลาอย่นู นั่ เอง หลกั ความกลา้ ข้อท่ี ๔ วริ ยิ ารัมภะ ตามศัพท์ทา่ นแปลวา่ ปรารภความเพียร แตโดยเน้อื ธรรมแลว้ ตอ้ งแปลวา่ ความตื่นตวั อยูเ่ สมอ เพราะคำว่าวิริยะ นื้มีค1วามหมาย1ว่า กลา้ ว่า หมัน่ รวมอยดู่ ัวยกนั เมื่อคนมคี วามกลา้ความหมั่นรวมอย่ใู นตัวกต็ ้องเป็นคนทต่ี น่ี ตัววอ่ งไว ไมอ่ ย่นู ่งิ เปน็ ธรรมดา หลักความกลา้ ข้อที่ ๕ ปญั ญา คอื ความรู้ชดั ในเหตุผลกลไกของปัญหาความรตู้ ลอดสายตัน กลาง ปลาย ของปญั หา รวมความว่าผูก้ ล้าตามพระพทุ ธประสงคน์ ่นั จะตอ้ งมีธรรมอันเป็นเหตุใหเ้ กดิ ความกลา้ ๕ประการตังกลา่ วมาแล้ว ดงั น้ัน จึงอยากเชญิ ชวนท่านผ้ฟู ังที่เคารพทุกท่านไดห้ มัน่ แกฝนในหลักเวสารัชชกรณธรรมทัง้ ๕ นอ้ื ยู่เป็นนิตย์ จติ ใจจะไต้กลา้ หาญเข้มแขง็ อย่างถูกธรรม และถกู ทาง เพราะหลักท้งั ๕ น้ี หากจะกล่าวใหถ้ กู แล้วกค็ ือหลกั ไตรสิกขาในพระพุทธศาสนาน่นั เอง อาจกลา่ วเป็นคำคลองจองไดว่า แกให้ ทน ฝนให้ แหลม แต่งแต้มให้ สวยงาม แกใหท้ นต้วยอำนาจของสมถะหรอื สมาธิ ในทน่ี ืม้ ีตัวสทั ธากับวริ ยื ารมั ภะเป็นตวั สนับสนนุ สมาธโิ ดยตรงอยู่แล้ว คนมีสมาธิ จิตใจจะมคี วามทนทานสงู แม้รา่ งกายกพ็ ลอยมีความทนทานไปดว้ ย ไม'เจ็บออด ๆ แอด ๆเป็นคนฃ้ีโรค เทยี วแตห่ าหมอ
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ ีปา่ ม ฝนใหแ้ หลมดว้ ยวิปัสสนา ในทน่ี ี้ มตี ัวพาหุสัจจะ และปัญญา เป็นอปุ กรณ์ฝนจิตให้มีความแหลมคมจนสามารถแทงทะลุถึงกฎพระไตรลกั ษณ์อนั ได้แก่ อนิจจัง ความไม,เท่ยี ง ทุกขัง ความเป็นทกุ ข์ และอนตั ตา ความไม่มีตวั ตนแก่นสารทเ่ี ทย่ี งแห้ถาวร อย่แู ลว้ แตง่ แตม้ ใหส้ วยงามดว้ ยศลี ใน'ท่นี ี้กม็ ีคำ'ว่า ศลี ยนื พืน้ อยูข่ ดั เจนแลว้ ซงึ่ ไม่ว่าทางโลกหรอื ทางธรรม ต่างกย็ กย่องวา่ ศีล เป็นเครอื่ งแตง่ ตัวทีส่ ามารถแต่งกายวาจาให้งดงามได้ ยิง่ กว่าเครื่องแต่งตวั ใด ๆ ดังพระพทุ ธพจน์ว่า สลี 0อาภรณ์ เสฏฐ0ความหมายกศ็ อี ศีลเป็นเครื่องแต่งตวั ชน้ั ยอดสดุ หรือศลี เป็นสุดยอดแหง่ เครือ่ งแต่งตวั ก1ด้ เมอ่ื แต่งตวั ด้วยศลี นอกจากจะมีความงามปรากฏทก่ี ายวาจาแล้วท่านยงั จะมคี วามสุขจนถึงแก่ชราดว้ ย ดงั พระพทุ ธพจนว์ า่สขุ ํ ยาวชรา สีล0 ศีลนำใหเ้ กิดสขุ จนแก1ชรา หากเชือ่ ว่าภพหนา้ มีจริงกส็ ่งใหถ้ งึ สุขในภพหนา้ ไดด้ ว้ ย ดังคำสรปุ อานิสงส์ศลี ที่เราได้ยินกันทุกครั้งท่ีรับศีลวา่ สเิ ลนะ สคุ ติง ยนั ติ ศีลเป็นคุณธรรมส่งให้ถึงสคุ ตใิ นสมั ปรายภพ แมป้ ัจจุบันยงั พอมีคนดอี ยมู่ ากกจ็ ริง แตค่ นดกี ็ยงั ขาดความกล้าหาญทจ่ี ะต้านทานคนไม,ดีซงึ่ นับวนั จะทวมี ากขึน้ จึงทำ'ให้คน'ไม,ดไี ด้ใจ กดฃ่ีขม่ เหงคนดี เบยี ดเบยี นคนดไี ปเกอื บทกุ สว่ นของสังคมไทย ซ่งึ นบั วนั แต่คนไม่ดีจะไดพ้ วกมากขน้ึ ๆ จนสามารถบญั ญตั เิ อาสิง่ ไมเ่ ป็นธรรมมาเขยี นว่าเป็นธรรมแล้วนำมากดขขี่ ม่ เหงไพร่ฟา้ ข้าแผน่ ดนิ ของพระเจา้ อยู่หัวผูเ้ ปน็พระมหาธรรมกิ ราชเจา้ นำความรอ้ นพระหย้ มาสู่พระองคผ์ ้ทู รงธรรม จนเป็นเหตุให้มีพระราชดำรสั ว่า ในบา้ นเมอื งน้นั มที ้งั คนดี และคนไม่ดี การท่ีจะทำใหค้ นทุกคนเป็นคนดนี ้นั เปน็ เรอื่ งทท่ี ำได้ยาก เราจงึ ควรยกย่องคนดีให้มีอำนาจ กำราบคนไมด่ อี ยา่ ให้มีอำนาจ คงถงึ เวลาแล้ว ทเี่ ราทั้งหลายจะไดถ้ เึ กฝนอบรมตนในหลกัเวสารัชชกรณธรรม หรือธรรมะที่จะทำใหเ้ กดิ ความกลา้ หาญ เพอื่ ตา้ นทานคนไมด่ ี และทำลายความไมด่ ีท้งั ปวง เรากำลังอยู่ในห้วงวกิ ฤตของแผน่ ดนิแผ่นดนิ แมข่ องเรากำลงั ตอ้ งการกำลงั เพ่ือยบั ยัง้ และปราบปรามอธรรม ๗๗
สุขใจที่ได้อ่านสารธรรมเพอื่ ชีวติ ท่ดี งี ามและรกั ษาธรรมะท่แี ท้จรงิ ไว้เป็นสมบตั ิของแผน่ ดินใหไ้ ดก้ ินได้ปฏบิ ัตถิ งึชัว่ ลกู ช่วั หลาน ดังน้นั เราจงมาร่วมมือรว่ มใจ แกจิตให้ทน ฝนจิตให้แหลมแตง่ แตม้ ตัวใหส้ วยงามดว้ ยอำนาจสมถะวิปสั สนา และศลี กนั เถิด เราจะได้ช่ือว่า เป็นวรี บรุ ษุ ของแผ่นดนิ เย่ียงบรรพบุรุษไทยในอดตี ขอให้คิดเสยี ว่าแมืใครไมห่ าญ ข้าก็จะด้านอธรรมเอง ดังทีส่ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชได้ตรัสเป็นคำคลอ้ งจองไวว้ า่กูปกปอ้ ง ขอบข้ณฑะ สมี าพระสยาม เทวา บญั ชาไว้กรุงศรี เคยคลกุ คล เป็นสีเลอื ดแผ่นดนิ เคย ลุกเดอด เลือดโลมไหลไทยจะตอ้ ง คงนาม ความเปน็ ไทยไมม่ ใี คร ตัวของก จะลเ้ อง.
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวิตที่ดีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ กางสายกลาง” ทางสายกลางสายท่ี ๑ หรือองคม์ รรคที่ ๑ คือ สมั มาทิฏฐิ ความเหน็ ชอบนน้ั เป็นความเหน็ ชอบเกย่ี วกบั ศีลธรรม หรอื ความเห็นเก่ยี วกับความประพฤตทิ างกาย วาจา ใจของคน ไมใชค่ วามเหน็ อยา่ งอนื่ เชน่ ความเห็นเกย่ี วกบั ดนิ ฟ้าอากาศ หรอื วิชาการปกครอง เศรษฐกจิ และการเมืองเป็นต้น แม้คนเราจะมคี วามเข้าใจ ความสามารถในการประดษิ ฐค์ ดิ ค้น 63หรือการปฏิบัติ จดั ทำไดด้ แี ละถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ก็ยังไม,ไต้ซอ่ื วา่ เป็นสมั มาทฏิ ฐิ เพราะสมั มาทฏิ ฐิ ความเหน็ ชอบนนั้ หมายเอาเฉพาะความเหน็ ชอบในทางศลี ธรรมเท่านัน้ มูลเหตุทพ่ี ระพทุ ธเจา้ เมอ่ื ทรงแสดงทางสายกลางหรือมรรคมอี งค์๘ พระองคจ์ ะทรงยกทิฏฐิ คอื ความเห็นข้ึนก่อน เพราะทิฏฐิความเห็นน้ีมีอทิ ธิพลมากโลกที่เกิดความสบั สนวุ่นวายกนั อยใู่ นปัจจุบันนกี้ เ็ พราะอิทธพิ ลของความเหน็ ทีไ่ มต่ รงกัน สัมมาทฏิ ฐิ ความเหน็ ชอบ เมื่อวา่ ตามลกั ษณะหรือชนั้ ของความเหน็ ชอบแล้วแบ่งออกไดเ้ ป็น ๓ ลกั ษณะ หรอื ๓ ชน้ั คือ ชั้นท่ี ๑ คอื ความเหน็ ชอบในทางโลก ชัน้ ท่ี ๒ คือความเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรม และ ชนั้ ที่ ๓ คอื ความเหน็ ชอบสงู สดุ ชั้นที่ ๑ ความเห็นชอบในทางโลก หรอื ความเห็นชอบเกีย่ วกบั ธรุ ะกิจการงานทว่ั ไป ความเห็นชอบดว้ ย ขอ้ บังคบั ระเบียบแบบแผนก็ดี ความเห็นเซน่ นีจ้ ัดเป็นเห็นชอบ แตเ่ ปน็ ความเห็นทวั่ ๆ ไป เปน็ ความเหน็ ชอบเบื้องด้น มีประโยชน็!นทางการงาน การสงั คมทว่ั ไป คน'ทม่ี ีค'วามคิดความเหน็เปน็ ปกติ คอื มีเหตผุ ลชอบด้วยระเบียบแบบแผน ไมด่ ้ือ ไม่รนั้ อวดดีถอื ดี
สขุ ใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพอึ่ ชวี ติ ท่ดี ปี า้ มไมถ่ ือความคิดเหน็ ของตนเปน็ ใหญ่ แต่ถือความจำเปน็ ของงานเปน็ หลกัไม1ขัดขวางระเบยี บแบบแผนอนั ดีของหมู,คณะ ความเหน็ ทำนองน้ี คือลกั ษณะของความเหน็ ชอบช้นั ทีห่ น่งึ แม้จะยังไมส่ งู แต่กม็ ปี ระโยชน[นทางครอบครวั การงานและลังคมการอย่รู ่วมกนั เปน็ อย่างมาก ในครอบครัวท่ีเราอย่รู ว่ มกนั การงานที่เราทำร่วมกัน ลังคมทเี่ ราอยู่ร่วมกัน หากทกุ คนมีความเห็นชอบและปฏบิ ต้ ิชอบตอ่ กัน ชีวิตเราก็จะพบความสขุ การงานก็นา่ ทำการคบหาสมาคมกันก็มปี ระโยชน์ เท่านี้ก็ยงั ไม,เพยี งพอต่อทุกคน เพราะยงั ขาดรากฐานอันสำคญั ทจี่ ะเป็นหลักยดึ รากฐานอันน้ันก็ไดแ้ ก่ความเหน็ ชอบชัน้ ทส่ี อง ช้นั ท่ี ๒ ความเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรม ซ่ึงสามารถสอนใจคนผูอ้ ยู่ในครอบครวั ในการงานในสังคม ใหร้ ้สู กึ มีความละอาย ไม่เหน็ แกได้รจู้ กั เผื่อแผ่แก'คนอืน่ รู้ว่าผูใดมีพระคุณ ตนควรระลกึ ถึงและตอบแทนคณุ ท่าน เชน่ นเี้ รยี กวา่ เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม เปน็ ความเห็นชอบเขา้ แนวธรรมะ คนเราบางคนมีความรู้ความสามารถทำงานดี มีความเห็นเก่ียวกับวชิ าการหรอื งานในหนา้ ท่ดี ี มีเหตผุ ล แต่อาจมคี วามเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรมก็ได้ เช่นเหน็ วา่ คนเราจะได้ดีหรอื ช่ัวกอ็ ยู่ทโ่ี ชคลางผสิ างเทวดา ไมใช่อยทู่ ่กี รรมดหี รือกรรมชว่ั ของตนเอง ทำดแี ต่1ไม,มีคนเห็นก็'ไร้ประโยชน์ ทำชวั่ เม่อื ไมม่ คี นเห็นกไ็ ม่มโี ทษ ทีเ่ ป็นอยา่ งน้ีกเ็ พราะความเห็นผดิเปน็ เคร่อื งชี้นา่ ไม,ไดท้ ำดอี ะไร ก็แย่งเอาความดขี องคนอื่นไปอวดวา่ ตนเปน็ คนทำ สว่ นโทษหรอื ความผดิ น้ันทำแล้วปกปดี ไว้ เพราะเขามีความเห็นผิดว่า ถงึ แม้ผดิ แต่เม อื่ ไม ม่ คี น เห น็ ก็ไม ม่ ีโท ษ อ ย่างน ี้เรยี ก ว ่า ความเห็นผดิจากทำนองคลองธรรม บางคนทำงานดีมคี วามสามารถเก่งกลา้ แตม่ ีความเห็นออกนอกลู่นอกทางของธรรมะในท่สี ดุ ก็ไปไมร่ อด เนอ่ื งจากความเห็นผิดของตนพาไปซง่ึ หาไดง้ ่ายมากในสังคมปัจจบุ ันน้ี๘๐
สขุ ใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ิตท่ีดงี าม ความเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรมนัน้ เปน็ เรื่องเข้าใจไดง้ ่ายมากเพราะมผี ลคือความสขุ ทผี่ ้ปู ระพฤตปิ ฏิบตั ิพึงได้ เซ่นเหน็ วา่ ทำดไี ด้ดีทำช่ัวได้ช่วั บิดามารดา เป็นผู้มพี ระคณุ ครูอาจารย์ หรือผูอ้ ปุ การะเป็นผูม้ ีพระคณุ อบายมุขเปน็ ทางแห่งความพนิ าศ ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย เหลา่ นีเ้ ปน็ ความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม ถึงแม้จะยังไม่ถงึ ขนั้ เปน็ ความเหน็ ชอบชั้นสงู แตก่ ็สามารถทำใหช้ วี ติ มีความสงบสุขราบรนื่มากยง่ิ ขนึ้ ความสุขความเจรญิ อันเกิดจากความเหน็ ชอบในขั้นน้ี จะม่นั คงถาวร แตก่ ็ยงั ไมป่ ลอดภัย หรือมีอิสระเพยี งพอสำหรับตัวเรา เพราะยงั ถกูรบกวนจากขา้ ศกึ คือ กิเลสอยู่ตลอดเวลา ทำให่ใจเราบินปว่ น สับสนวุ่นวายไม่มีที่สิน้ สุด บางครง้ั ทำให้อยากได้ของหรอื รปู สวย ๆ งาม ๆ บางคร้ังทำให้โกรธอยากฆา่ อยากทำรา้ ยคนอนื่ บางครง้ั ก็นกึ นอ้ ยใจในวาสนาของตนเองบางคร้ังอยากไดม้ าไข้มากๆ ท่ีมีอยู่น้ียงั นอ้ ยไป นอกจากน้คี วามเป็นอิสระของเราก็ไมม่ ี เพราะเรายังเป็นทาสแหง่ อารมณ์ เม่ือเป็นเซ่นน้ี ความเหน็ ชอบในขนั้ ท่สี องน้ี จงึ ยังไมเ่ พียงพอท่ีจะทำใหช้ วี ิตใหม้ คี วามสขุ สดช่ืน ไมส่ ะดุ้งสะเทอื นได้ แต่ความเหน็ ชอบชน้ั สงู สดุ ในทางสายกลางนเ้ี ท่านนั้ จงึ จะช่วยได้ ชัน้ ที่ ๓ ความเห็นชอบสงู สุด ไดแ้ กค่ วามเห็นชอบในองคม์ รรคและมรรคสมงั คี ไดแ้ ก่ เห็นอริยสัจ ๕ คำว่า อรยิ สจั แปลว่าของจรงิ ทีท่ ำให้ผเู้ หน็ แลว้ พ้นจากขา้ ศกึ คือกิเลส ก็คือเป็นผปู้ ระเสรฐิ หริอบรสิ ทุ ธึ๋น่นั เอง ของ'บ ่ 'บ ่ ฬ ่ จิจรงิ ๕ อยา่ งนนั้ คือ ทุกข0 อริยสจจุ ํ ของจรงิ คือทุกข์อยา่ งหนึ่ง ทกุ ขสมุทโยอรยิ สจจํ ของจรงิ คอื เหตใุ หเ้ กิดทกุ ขอ์ ยา่ งหนง่ึ ทกุ ขนิโรโธ อรสิ จจํ ของจริงคอื ความดบั ทกุ ข์อย่างหนง่ึ ทกุ ขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยลจ'จ0 ของจรงิ คอืทางที่จะดำเนินไปสู่ความดบั ทกุ ข์อย่างหนึง่ การเหน็ ของจริง อย่างนี้ ชื่อว่าเห็นชอบสงู สุด ผ้!ู ดจะเห็นอะไรทว่ี ่าเลิศ เช่นมตี าทิพย์มองเหน็ นรกสวรรค์ หรือมคี วามรคู้ วามฉลาดมากมายสกั ปานใดก็ตาม ถ้ายงั ไมไ่ ดม้ าเหน็ ของจริง ๕ อย่างน้แี ล้ว ผู้น้นั กย็ งั ไม่ช่ือว่า
สขุ ใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่ดี ีงามเปน็ สมั มาทฎิ ฐิ เทวดาผูอ้ ยบู่ นช้นั สวรรคพ์ ระพรหมผู้อยู่บนชัน้ พรหม เสวยทพิ ยสมบัติ มีความสุขสมบูรณม์ ากมายเพยี งใดกต็ าม ถ้าเทวดาและพรหมเหล่านัน้ ยังไม่มาเหน็ ของจรงิ ๔ อย่างน้ี ก็ยังหาซือ่ วา่ มคี วามเห็นชอบอันสูงสดุ ไม, แต่ถ้าผIู้ ดแมเ้ ปน็ คนธรรมดาสามญั อยา่ งเราๆ ท่านๆ นี่แหละมาเหน็ ของจรงิ ๔ อยา่ งน้ี ด้วยการเหน็ ด้วยใจ หรอื เห็นดว้ ยตาปัญญา หรือด้วยการตรสั ร้ ผ้นั้นก็กลายเป็นผู-ประเสริ5 คือเปน็ อริยบคคลไปทนั ที เพราะเป็นผู้ทพ่ี ้นแล'บ ้ว่'บ จ่ ากความทกุ ข์ •คบ่ วามโศกฬใ่นโลกน้ี โดยปจระการทั้งปวง ความเห็นชอบ ๓ ชั้นท่ีได้กลา่ วมานี้ พอที่จะทำใหเ้ ห็นชัดเจนได้ชั้นท่ี ๑ เปน็ ความเหน็ ชอบในทางโลก ซง่ึ สามารถทีจ่ ะสรา้ งความสขุ ความเจรญิ แบบชาวโลกของเราไดบ้ ้างพอสมควร ชน้ั ที่ ๒ เปน็ ความเห็นชอบเขา้แนวธรรมะ ซ่งึ สามารถอำนวยความสุข ความเจริญ ความราบรน่ื ของชีวติได้มากยง่ิ ข้ึน แต่ยงั ไมถ่ งึ ชั้นหมดทกุ ข์ ชั้นที่ ๓ เปน็ ความเหน็ ช้นั องค์มรรคเป็นลักษณะของทางสายกลางที่แทจั ริง พอจะไดเ้ ห็นแล้วว่า ทางสายกลางหรือมรรคมีองค์ ๘ คือ วิธีทจี่ ะดำเนนิ ไปส่คู วามดบั ทุกข์ มีสมั มาทฎิ ฐิ ความเห็นชอบเป็นขอ้ ที่ ๑ และสมั มาสมาธิ ความตงั้ ใจชอบเป็นขอ้ ท่ี สำหรบั สัมมาทิภฐิ ความเห็นชอบนี้ก็ไดพ้ ูดถึงรายละเอียดและความหมายมาพอสมควรแลบ -่ )ฬ ่้ว ซึ่งอาจจะทำให้ทา่ นผูฟ้ ังได้เข้าใจได้รูถ้ งึ ความหมาย และรวมถงึ การประพฤตปิ ฏิบัติตามแนวทางของสมั มาทฎิ ฐิ คือความเห็นชอบ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ซ่งึ พอจะสรปุ ให้ท่านฟังในวนั นีไ้ ด้วา่ ความเห็นชอบนัน้ มอี ยู่ ๓ ชนั้ ด้วยกนั คือ ๑. ความเหน็ ชอบในทางโลก ได้แกค่ วามเห็นชอบตามระเบียบแบบแผน หรอื ประเพณอี ันดี หมายความว่า ของดีมีอย่อยา่ ง1ไร กเ็ ห็นว่าควรเทดิ ทูนรักษาไว้ เชน่ ระเบยี บการปกครองประเทศชาติ ศีลธรรมของศาสนา สถาบนั พระมหากษตั ริย์ เป็นสมบตั อิ นั ลา้ํ คา่ ควรท่ีคนไทยทกุ คนจะชว่ ยกนั รักษาไว้
สุขใจทืใ่ ด้อ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทีด่ ีงาม ๒. ควรเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรม คอื เห็นว่า ทำดไี ดด้ ี ทำช่วัไดช้ ว่ั บญุ บาปมีจรงิ พ่อแมม่ บี ญุ คณุ ครูอาจารย์ ผอู้ ปุ การะ มีบญุ คณุ และรวมไปถงึ ความเหน็ ชอบในธรรมทส่ี งู ขึ้นไปอกี หนอ่ ย คือเห็นตามธรรมดาของสงั ขารวา่ มีเกิดขน้ึ ในเบ้อื งดน้ ต้ังอยูใ่ นทา่ มกลาง และแตกดับไปในที่สดุ ๓. ความเหน็ ชอบชนั้ สงู สดุ คอื ความเหน็ ชอบในองคม์ รรคหรือทางสายกลางทที่ ่านฟังอยูน่ ้ี เป็นความเห็นในกำลังรวมของมรรคท่เี รียกวา่มรรคสมงั คี คือมรรคทงั้ ๘ รวมเขา้ เป็นอนั หน่งึ อันเดียวกัน มีกำลงั แก่กลา้และฆ่ากเิ ลสได้ ความเหน็ ชอบชน้ั สูงสดุ น้ี เม่อื จะยอ่ ลงอีก ก็ได้แก่ ความเหน็อรยิ สจั ๔ คือ เหน็ ทกุ ข์ เหน็ เหตุให้เกิดทุกข์ เห็นความดับทกุ ข์ และเห็นวิธีท่ีจะดำเนินไปถึงความดับทุกข์ ๘๓
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชวี ติ ทีด่ งี ามโดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ ยันต์เกราะเพชร” ระยะน้ีติดตามขา่ วคราวจากสอ่ื มวลซนตา่ ง ๆ จะพบว่ามีการทุจรติคอรร์ ัปชนั แพรร่ ะบาดไปหลายวงการ การเปดิ เผยของสอื่ มวลชนก็เปน็ เกราะปอ้ งกันไดท้ างหน่ึงในการปอ้ งกันการทุจรติ คอรร์ ปั ชัน เพราะรูว้ ่าถ้าพลาดพลั้งทำส่งิ ทท่ี ุจรติ ประพฤตมิ ชิ อบไปเมื่อใด หากถูกจบั ไดห้ รอื ถกู เปดิ เผยก็ตอ้ งตกเป็นจำเลยของสงั คม เป็นนักโทษในสายตาของชาวบ้าน เสียหายต่อวงศต์ ระกลู วงศาคณาญาติกพ็ ลอยได้รับผลกระทบไปดว้ ย จึงขอนำเสนอเรื่องยันต์เกราะเพชรทส่ี ามารถจะปอ้ งกนั อนั ตรายท่ีเกดิ จากการทจุ รติ คอรร์ ปั ชันได้ พดู ถงึ ยนั ต์ ตอ้ งอธิบายความหมายกนั เลก็ น้อย คำว่า ยันต์ ตามพจนานุกรมทา่ นวา่ ยันต์ เปน็ คำนาม หมายถึง รปู ตา่ ง ๆ เขยี นลงบนแผ่นโลหะ หรอื ผา้ เปน็ ด้น และลงอกั ขระหรอื เลขใช้เปน็ ของขลงั , โดยปริยายหมายถึง ส่งื ที่มลี ายเช่นนั้น เชน่ เสอ้ื ยันต์ โดยสรปุ ก็คือเคร่อื งป้องกนั ภยั พิบตั ิท่จี ะมาถึงตวั ถา้ ใครมยี ันต์ไวแ้ ลว้ จะรอดปลอดภยั อันตรายตา่ ง ๆ กไ็ ม่สามารถจะมากล้าํ กราย แมแ้ ต่ศาตราวุธต่าง ๆ ยันต์ก็จะชว่ ยป้องกันไดห้ มด ดังนนั้ บรรพบรุ ษุ นักรบไทยสมัยโบราณจงึ นยิ มสักยันต์ ลงอกั ขระไวก้ ับตวั บนศรี ษะบ้าง หนา้ อกบา้ งแผ่นหลงั บ้าง แขนขาบ้าง เพราะเชอื่ มน่ั ว่า จะสามารถป้องกันศาตราวุธของมคี มตา่ งๆ ได้ ทส่ี ุด กระท่งั ผลี าง มารรา้ ย ถา้ ใครมยี นั ตแ์ ปะไวใ้ นท่ีอันเหมาะสมกจ็ ะสามารถป้องกนั ไดเ้ ชน่ กนั เมอื่ หลายปีกอ่ นโน้น มีหลวงปูรปู หน่งึ ทา่ นมีวชิ าอาคม นยั วา่ท่านไม่ต้องเขยี นยนั ตล์ งอกั ขระแต่อย่างใด เพยี งแตน่ ัง่ ภาวนา บรกิ รรมคาถาแล้วกเ็ ป่าออกไป ทา่ นเรยี กวา่ “เปา่ ยนั ต์เกราะเพชร” ไดร้ บั ความเชือ่ ถือศรทั ธาจากประชาชนมาก เพราะง่ายดี ไม,ต้องเจ็บตัวเหมอื นกับสกั ยันต์
สุขใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพอื่ ชีวิตท่ดี ีปา่ มลงอักขระ เพียงแต่นงั่ สงบจิต รอการเป่าจากหลวงปกู พ็ อแล้ว และยันตน์ ั้นไมใ่ ชย่ ันต์ธรรมดา แตเ่ ป็นเครือ่ งป้องกันชั้นเยย่ี มเหมอื นเกราะเพชร จึงเรียกช่อื วา่ “ยนั ต์เกราะเพชร” ความจริง ตัวป้องกันอันตรายจากภยั พบิ ตั ไิ ด้อยา่ งแทจ้ รงิ ก็คือธรรมะ เพราะธรรมะยอ่ มคุ้มครองรกั ษาผปู้ ระพฤตธิ รรม ใหแ้ คล้วคลาดจากอนั ตรายทั้งปวง พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อย่หู วั พระปิยมหาราชทรงน'ิ พนธไว'้ ว่า ความรู้คู่เปรียบด้วย กำลัง กายแอ สุจรติ คู่เกราะบัง ศาสตรพ์ อ้ ง ปัญญาประดุจตัง อาวธุ คุมสติตา่ งโลป่ ้อง อาจแกลว้ กลางสนาม สนามชวี ติ คือความเปน็ อยู่ในสังคมโลกมนษุ ยน์ ้ตี ่างดน้ิ รนต่อสู้อย่ตู ลอดเวลา ซ่งึ มกั พูดกันเสมอว่า ชีวติ คือการตอ่ สู้ ศัตรูคอื ยากำลงับางท่านถงึ กบั อุปมาว่า ปลาเปน็ ย่อมว่ายทวนกระแสนํ้าเสมอ ในการตอ่ สู้ของชวี ติ น้นั เราดอ้ งมอี ะไรบ้าง จากบทพระราชนพิ นธ์บทนี้ เราจะพบว่าตอ้ งมืกำลังกายคือความร,ู้ ต้องมีอาวุธคือปัญญา, ตอ้ งมีโล่ป้องกัน คือสติ และต้องมีเกราะบงั ศาตราวุธที่จะมาถึงตัว คอื สุจริต ตังน้ัน เกราะท่ีจะปอ้ งกันเถึยรติยศชอื่ เสียง ป้องกนั ความเสอื่ มเลียจากอาวุธ คอื การตรวจสอบจากประชาชนไต้อย่างแท้จรงิ คอื ความสจุ ริตความสุจรติ จงึ เปน็ เหมอื นเกราะเพชรป้องกันใหผ้ ู้ประพฤตสิ ุจรติ ไตพ้ บแต่ความสุขความเจรญิ สุจรติ แปลตามพยญั ชนะว่า ความประพฤติดี ความประพฤติงาม, ความประพฤตงิ า่ ย คือความประพฤติใดที่กอ่ ใหเ้ กดิ ดี งาม ง่าย
สุขใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ งี ามความประพฤตินน้ั คอื สุจริตในทางตรงกนั ข้าม ความประพฤติใดทีก่ อ่ ให้เกิดความชัว่ เกดิ ความเลวทราม และเกิดความยากลำบาก ความประพฤตินน้ัเรียกวา่ ทุจริต ในทางพระพุทธศาสนา กลา่ วถึงความสุจริตและทจุ รติ ในตัวมนุษย์วา่ เกดิ อย่ใู นไตรทวารคอื กายวาจาใจ โดยเรยี กศพั ทว์ ่าประพฤตดิ ีทางกายเรยี ก กายสุจรติ ประพฤตดิ ีทางคำพูดเรียกวา่ วจสี ุจรติ ประพฤตดิ ีแม้แตใ่ นใจท่านเรยี กว่า มโนสุจริต ในทางตรงขา้ ม ถา้ ประพฤตชิ ่วั ก็เรยี กเปน็ ทจุ ริต คอืกายทุจรติ วจที จุ ริต และมโนทุจริต แต่คำกล่าวน้ี เมื่อมาอยูในภาษาไทยภาษาซาวบา้ น ความหมายกก็ วา้ งออกไป คอื ความสุจริต มักใช้กบั คำวา่ ซ่อื สัตย์ เป็น ซอื่ สัตย์สจุ รติ ,ส่วนทจุ รติ มักใช้ค่กู บั คำวา่ ทจุ รติ คดโกง หรอื ทุจรติ คอร์รปั ชนั ซ่งึ ความหมายกใ็ กลเ้ คยี งกนั และสง่ เสริมกัน กล่าวคอื สุจริต ก่อให้เกดิ ความซ่ือสตั ย์ ผู้!,ดประพฤติสุจริต ผูน้ ัน้ ย่อมซื่อสัตย์, ตรงขา้ ม ทุจรติ ก่อให้เกดิ การคดโกง,ผ[ู้ ดประพฤติทุจรติ ผู้นนั้ ยอ่ มคดโกง มนั เป็นคำที่มาคกู่ ันอย่างน้ี ในเซิงบริหารทรัพยากร ทา่ นกล่าววา่ ไดค้ นโง'แตซ่ ือ่ สัตยส์ จุ ริตดกี ว่าไดค้ นฉลาดแต่คดในชอ้ งอในกระดูกเปน็ ผู้บรหิ าร เพราะคนคดย่อมนำความวบิ ัติมาล่สู ังคมไดม้ าก โบราณกล่าวว่าได้ คดเอาไว้ทำตะขอ เหล็กงอเอาไวท้ ำเคียว แตค่ นคดเสียอยา่ งเดยี วใช้อะไรไม่ไดเ้ ลย ยงิ ได้คนคดมาร่วมงานเปน็ ทีมยง่ิ อนั ตรายกันใหญ่ มีนิทานเกๆ่ ๆ เรืองหนิง ท า่ น เล่าวา่ เศรษฐีทา่ นหนึง่ มีทรพั ย์สมบัติมหาศาล, เล้ียงเสอื ไว้ตวั หนึ่งเปน็ เสอื หนุ่ม ตวั ท่านตอ้ งบรหิ ารงานมากมายไมค่ ่อยมีเวลาว่าง, จงึ จา้ งคนหนง่ึ มารบั หนา้ ที่เป็นผ้เู ลย้ี งเสอื , ท่านคำนวณดูแลว้ วา่ เสอื ตวั นีก้ นิ เนือ้ วันละหนึ่งบาทก็พออ่มิ ไตต้ ลอดวนั ยามวา่ งกจ็ ะแวะเวยี นมาเยยี่ มดูเปน็ การพักผอ่ นคลายเครยี ด แรกๆ เสือก็อว้ นพีดอี ยู่หรอกระยะหลังสังเกตเหน็ วา่ มนั โซลงไป เขา้ ใจไปว่าคนเล้ียงอาจจะดแู ลไม่ท่ัวถงึคงต้องทำงานอน่ื ๆ บ้าง จงึ จ้างคนท่ี ๒ มาช่วยดแู ลเลย้ี งเสอื อีกแรงหนึ่ง,
สขใจท่ีได้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ท่ดี ีงามแต่พอคนท่ี ๒ มารบั งาน เจา้ คนแรกกม็ าพดู ว่า อยากมเี งินใชไ้ หม ถ้าอยากมีเงินใช้ใหอ้ ย่เู ฉยๆ คนที่ ๒ ยังงงๆ อยจู่ ึงว่า เพราะเหตุใด เจา้ คนแรกขยายความวา่ เปน็ ความลับ คนท่ี ๒ จึงไม,พดู อะไร แล้วกม็ ีเงินใชไ้ ด้เรื่อยๆ ถือเป็นรายไดพ้ ิเศษนอกเหนอื จากเงนิ เดอื นท่ีเศรษฐีจา้ ง วันหนึ่ง เศรษฐีไปเย่ียมดเู สืออกี ยงิ่ ทกุ ขไ้ จหนักเขา้ ไปอกี แทนจะคลายเครยี ด กลบั เพ่ิมความเครียดเขา้ ไปอกี เพราะเสือตัวนน้ั ซูบผอมลงไปจนเสยี รปู เสียทรง ไมม่ ีความสง่างามอยู่เลย จงึ คิดว่า สองคนนี้คงงานหนักดูแลไมท่ ั่วถึง จึงจา้ งคนที่ ๓ คนที่ ๔ มา'ช่วยกันดูแลเลย้ี งเสือ เจา้ คนแรกและคนท่ี ๒ กพ็ ดู ซักซวนคนท่ี ๓ คนท่ี ๔ วา่ อยากมีเงนิ ใช้ไหม ถา้ อยากมเี งินใช้ให้อยเู่ ฉยๆ พอถามว่า เพราะเหตใุ ด เขากบ็ อกวา่ เปน็ ความลับ อีกเจ็ดวันต่อมาท่านเศรษฐมี าดเู สือวา่ อว้ นหว้ นสมบูรณ์ดแี ล้วหรือยงั แต่พอเหน็ เสอื เข้าก็รอ้ งไห้ ปรากฏว่าเสอื ตายแลว้ ทำไมเสือจะไม่ตายล่ะครบ ก็จ้างคนเลี้ยงทคี่ ดโกงมาทำงาน, เศรษฐีจ่ายเงิน ๑ บาท เจา้ คนแรกกเ็ มม้ ไว้ ๑ สลึง ทกุ วัน, จ้างคนที่ ๒ มา มนั ก็เมม้ ไว้อกี ๑ สลึง ทุกวนั ,พอมารวมทมี ท้ังคนท่ี ๓ คน ท่ี ๔ เขา้ มันจะเหลืออะไร ท่านเศรษฐีจึงบันทกึ ไว้เป็นอนสุ รณแ์ ก,เสือตวั นั้นวา่จา่ ยเงนิ หนึ่งบาทซ้อื มงั สานายหน่ึงเลยี้ งพยคั ฆา ไป่อ้วนสอง สาม ลี่ นายมา กำกบั กนั แอมันซัดสส่ี ว่ นถว้ น บาทส้นิ เสือตาย ได้เห น็ ความ สญู เสียเสือตัวน แ้ี ลว้ รูส้ ึกอยา่ งไร ทรพั ยากรทังห ลายอันเปน็ ของแผ่นดนิ ย่อมเหมอื นเสือตัวนนั้ ประชาชนผู้เปน็ เจ้าของทรพั ยากรในแผ่นดินนี้ กเ็ หมอื นเศรษฐี ผู้บริหารทรัพยากร ไม,ว่าจะในระดับใด ย่อมเหมือนคนรบั จา้ งเล้ยี งเสอื ของเศรษฐี ก็ได้แต่หวังว่า เสือจะอ้วนพสี งา่ งามเป็นหน้าเปน็ ตาให้กับประซาชนผเู้ ป็นเจา้ ของและประชาชนผู้เป็นเจา้ ของ
สขุ ใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพ่อื !!วิตท่ดี ีงามเสือน้ีแหละจะทำการตรวจสอบคนเลย้ี งเสอื ถา้ ใครมียนั ตเ์ กราะเพชร คือความซ่ือสัตยส์ จุ ริต ความซื่อสตั ย์สุจริตนนั่ แหละจะปกป้องคมุ้ ครองใหท้ ่านมีแต่ความสขุ ความเจรญิ มีเกยี รติยศซ่อื เสียงปรากฏในแผ่นดนิ ดังพระพุทธภาษิตวา่ “ธม0มจารี สุข0 เสติ ผปู้ ระพฤติธรรมยอ่ มอยู่เย็นเป็นสุข”
สุขใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพื่อชวี ิตท่ดี ีป่าม โดย....คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ หลกั ธรรม เพื่อความบนคงของชีวิต” ความปรารถนาอันสูงสุดในชวี ิตมนุษยเ์ รากค็ อื “การอยดู่ ี กินด”ีมนุษยท์ กุ คนตอ้ งการความสมบรู ณ์พนู สุขในชวี ิตด้วยกันทง้ั นั้น แตก่ ารอย่ดู ีกนิ ดี หรือความสมบรู ณพ์ นู สขุ นัน้ เป็นตวั ผลของความสำเร็จซ่งึ มาจากตวั เหตอุ นั เป็นบ่อเกดิ เรมิ่ แรกท่มี นษุ ยท์ ุกคนจะตอ้ งสรา้ งเหตใุ หด้ ี เพื่อความสำเร็จของผลท่ีงดงาม ถา้ มนุษย์สามารถสรา้ งเหตุท่ดี ไี ด้ ผลกไ็ ม,จำเปน็ ที่จะต้องแสวงหา ผลจะเปน็ ปจั จัยเกดิ ข้นึ มาเอง เพราะเหตุเปน็ ตวั กำหนดให้เกดิ กลา่ วคอื ถา้ สรา้ งเหตดุ ี ผลย่อมดีถ้าสร้างเหตุเสยี หรอื ไม่ดี ผลกย็ ่อมเสีย หรือไม่ดไี ปด้วยเชน่ กนั ตรงกับหลักการในทางพระพุทธศาสนาท่ีว่า“เย ธม.มา เหตุป.ปภ'วา” แปลวา่ “ธรรมท้ังหลายมเี หตุเปน็ แดนเกดิ ” คอื ทุกสิง่ทุกอย่างทป่ี รากฏผลประจักษ์ชัดแลว้ นี้ ลว้ นมีบอ่ เกดิ มาจากตัวเหตทุ ี่บคุ คลน้ันๆ ได้กระทำไวแ้ ลว้ ทั้งสิ้น เพราะฉะน้นั ทุกคนจงึ จำต้องสรา้ งเหตใุ ห้ดี ซึง่จะเป็นตัวกำหนดผล คอื การอย่ดู ี กนิ ดี หรือความสมบรู ณ์พนู สุขใหเ้ กิดข้ึนแก,ชวี ิตของแตล่ ะบุคคล เม่ือทกุ คนมกี ารอยดู่ ี กนิ ดี หรือมีความสมบรู ณ์พูนสขุ ในชวี ิต กน็ บั ได้ว่า “ชีวติ มคี วามม่ันคงแลว้ ” ชวี ิตของมนษุ ย์จะมคี วามมัน่ คงได้ก็เพราะมีหลักธรรมข้ันพนื้ ฐานเปน็ สว่ นประกอบเบอื้ งต้นเปน็ มรรคาใหม้ วลมนุษยไ์ ดน้ ำไปเป็นแนวทางในการประพฤติปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจำวัน หลักธรรมท่ีจะกล่าวน้ี เรยี กช่ือวา่“บญุ กิรยิ าวัตถุ” หรือหลักการกระทำความดี, วธิ กี ารกระทำความดี, แนวทางหรือหนทางในการทำความดี มีอยู่ ๓ ประการ คอื ทาน - การให,้ ศลี - การควบคุมพฤตกิ รรมของตนเอง และ ภาวนา - การ‘ฝกื ฝนอบรมตนเองในทางที่ชอบ
สขุ ใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่ีดีงาม ประการแรก “ทาน-การให”้ มี ๒ ลักษณะ คอื อามิสทาน-ใหด้ ว้ ยวตั ถสุ ่งิ ของและธรรมทาน- ใหด้ ้วยธรรมะหรอื คำสอน, คำแนะนำ คนเราต้องร้จู ักคำวา่ “ให”้ เลียบา้ ง มิใซร่ ูจ้ ักแต่คำวา่ “รับ”หรอื “เอา” เทา่ นั้น “ให”้ เปน็ คำพูดทฟ่ี ังง่าย แตค่ ่อนขา้ งปฏิบตั ิกันไดย้ าก เพราะคนเราชอบรบัมิชอบให้ แต่ถา้ จะให้แลว้ ก็มักจะหวงั ผลตอบแทนแทบทุกราย หลักการให้ทีแ่ ทจ้ รงิ นั้น ตอ้ งไม่หวงั ผลตอบแทน เปน็ การให้เปล่า คอื ให้เพ่อื การกุศล,ใหเ้ พอ่ื การสงเคราะห์ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู หรอื ให้เพื่อการอนื่ ใดทเี่ ป็นการให้ด้วยจติ อันเปน็ กุศล ทง้ั อามิสทาน และธรรมทาน การให้ท่ีบริสุทธีเ้ ปน็ การผูกมิตรไมตรีอย่างแทจ้ รงิ เชน่ การใหก้ ารลงเคราะหช์ ่วยเหลอื ผู้ตกทกุ ข!ตย้ ากในคราวประสบภัยต่าง ๆ, การให้คำแนะนำพรา่ สอนในทางที่ชอบทคี่ วรอันเปน็ แนวทางใหผ้ !ู้ ตร้ ับคำแนะนำนำไปประพฤติปฏิบัติจนปรากฏผลดีเปน็ รูปธรรมทีเ่ ด่นชดั ตัวอยา่ งเชน่“พอ่ แมให้ลูก” ทำให้เกิดความรกั ความอบอนุ่ และความผกู พันอยา่ งแนบแนน่“ครบู าอาจารย์!ห้ศิษย”์ ทำใหศ้ ิษย์มคี วามเจรญิ ร่งุ เรืองในด้านตา่ งๆ และ“ผบู้ ังคบั บญั ชาให้แกผ่ ้!ู ต้บังคับบญั ชา” ทำให้เกิดผลดีในการทำงาน และก่อเกิดความรกั ความผกู พนั อีกด้วย จึงใคร่ขอเชญิ ชวนทกุ ทา่ นได้ทำความดีดว้ ย ทาน คอื การให้ เป็นประการแรก ประการท่สี อง “ศลี - การรักษากายวาจาให้เรียบรอ้ ย” หรอื วิธกี ารควบคุมพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในสภาวะปกติ หรอื ปกติภาพทางกายและวาจา” เมื่อพระให้องค์ศลี จบแล้ว ท่านกล่าวว่า ลเี ลน สคุ ตึ ยนฺต,ิ สีเลนโภคสมฺปทา, สเี ลนนพิ ฺพุตี ยนฺติ ตสฺมา ลีลํ วโิ สธเย ได้!จความว่า “คนเราจะอยู่ดีมสี ุฃกเ็ พราะศีล, จะร่าร'วยก็เพราะศลี , จะมีความรม่ เย็นเป็นสุขได้ก็เพราะศลี เพราะฉะนน้ั จงึ ต้องมศี ลี ” จึงกลา่ วไต้ว่า ศีลเป็นบ่อเกิดของการอย่ดู ีกินดี ศลี เปน็ สาเหตุของความรา่ รวยและศีลเป็นตน้ เหตุของความ๙๐
สุขใจทไ่ี ด้อ่าน สารธรรมเพ่อื ชีวิตท่ีด้งามร่มเยน็ ทุกคนจงึ ตอ้ งมีศลี หรอื รกั ษาศลี ใหด้ ี อย่าใหข้ าดตกบกพร่องหรอืดา่ งพรอ้ ย โดยเฉพาะศีล ๕ อันเปน็ พน้ื ฐานของความเปน็ มนุษย์คือ ไมฆ่ ่าสัตว,์ไมส่ กั ทรัพย์, ไม่ประพฤตผิ ดิ ในกาม, ไม่กลา่ วคำเท็จ และไม่ดม่ื สรุ าหรอืเสพสงิ่ เสพตดิ ใหโทษ จึงขอเชิญซวนทุกทา่ นได่โปรดรกั ษาศีล ถอื ศลี หรอืมีศลี กนั ทุกถ้วนหน้า สงั คมจะไดไี มเ่ ดอี ดรอ้ น ประการสดุ ท้ายคอื “ภาวนา - การ'ฝกึ ฝนอบรมจิตใจตนเอง”หรือ “การพฒั นาจิต” นน้ั เปน็ ส่งิ สำคญั ประการหนง่ึ ในชวี ติ ของมนษุ ย์ เพราะภาวนา เป็นอาหารใจท่ที ุกคนจะตอ้ งรบั ประทานเซ่นเดียวกับอาหารกายคอื ข้าวปลาอาหารหวานคาวชนิดต่างๆ การ‘ฝึกอบรมปฏิบัติธรรมกำหนดสติใหเ้ ป็น “สตปิ ัจจยตา คือความเปน็ ผูม้ ีสติเป็นปจั จยั ” เปน็ การพฒั นาขีดความสามารถของมนุษย์ในด้านจติ ใจไต้ดที สี่ ุด โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการเจรญิ จิตภาวนาดว้ ยการกำหนดลมหายใจ เขา้ - ออก มีสตกิ ำหนดรู้ขณะปจั จุบันอยตู่ ลอดเวลาในขณะปฏิบตั ธิ รรม หายใจเขา้ ก็รู้ หายใจออกก็รู้ ร้ทู ุกคร้ังทหี่ ายใจเข้า - ออก ปฏบิ ัติไดเ้ ซน่ น้ี ทำใหเ้ กิดสมาธิ - จิต ต้งั มัน่และปัญญา - ความรอบรู้ หรือแสงสวา่ งภายใน เปน็ ความรู้แจง้ ในสจั ธรรมจงึ ขอเชญิ ชวนทกุ ท่านไดโ่ ปรดเจรญิ จิตภาวนาน่งั สมาธิปฏบิ ตั ิธรรมเป็นประจำทุกวนั ให้ลมดังคำกล่าวท่ีวา่ “ปฏบิ ตั ธิ รรมวนั ละนิด จิตแจ่มใส” เมอ่ื เราปฏิบัติได้เซ่นน้ี เรากจ็ ะเป็นคนมบี ุญติดตัว มีความดปี ระจำชวี ิต ชีวติ ของเราจะมัน่ คง และเจริญร่งุ เรืองสืบไปนานเทา่ นาน อนั จะเป็นผลดยี ิง่ ทั้งแตต่ ัวเราครอบครวั และสงั คมสว่ นรวมเป็นอเนกประการ
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ ่านสารธรรมเพือ่ !!วติ ท่ีดีงามโดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ ประโยชน์สงกรานต์” ประเพณแี ละวัฒนธรรมของแต่ละชาตแิ ตล่ ะภาษาเท่าทเ่ี คยเหน็เคยพบมา ล้วนแตม่ ีอิทธิพลอยู่เหนอื จติ ใจของคน เพราะตา่ งคนตา่ งยดึ ถอืว่า นนั่ เป็นประเพณ-ี เป็นวัฒนธรรมของเรา หากเราไมป่ ระพฤติปฏบิ ตั ติ ามแล้ว เท่ากบั เราขาดอะไรไปอย่างหนึง่ ไมส่ บายใจ ตะขิดตะขวงใจ และรสู้ ึกละอายแกใจตอ่ บุคคลอน่ื ๆ ทีเ่ ขาพากันประพฤตปิ ฏบิ ัติตามวฒั นธรรมประเพณีอย่างเรียบรอ้ ยและราบรื่น แถมท่าด้วยความเตม็ อกเตม็ ใจ ยมิ้ แย้มแจ่มใส ด้วยสามัญสำนึกของความเป็นไทย โดยเฉพาะชาวไทยพุทธไดท้ ำบญุ ตกั บาตรแด่พระสงฆส์ ามเณร ทำบุญอทุ ิศกรวดนํา้ ไปใหแ้ ก่บรรดาญาติมิตรผ้ลู ่วงลับไปแลว้ ในปรโลก ในบรรดาผู้ท่ลี ่วงลับ1ไปแล้ว ถา้ ท่านเหลา่ นนั้ ไปเกิดในสุคตภิ พความเป็นอยู่ของทา่ นก็คงสุขกาย-สบายใจ มีท่อี ย่ทู ก่ี ินพรัง่ พร้อม จงึ ไม่นา่เป็นห่วง เพราะคำว่า สุคติ ก็แปลว่า คตทิ ่ีดอี ยู่แล้ว คือไปดไี มมัทกุ ข์ ตดิ ตามอยอู่ ย่างสุขเกษมเปรมปรีด้ี ทา่ นเหล่าน้ี แมเ้ ราจะไมท่ ำบุญอุทศิ ไปให้ ท่านก็เป็นอยู่ไดแ้ ละอยดู่ ีดว้ ย ถา้ บงั เอิญวา่ ญาตมิ ิตรของเรา หลงั จากลม้ หายตายจากมนุษยโ์ ลกแล้ว ไปเกดิ ในทคุ ตภิ พ เซน่ อบายภูมิ เปน็ ต้น ภพเหลา่ น้ีเป็นภพท่มี คี วามเป็นอยทู่ ่ีแรน้ แคน้ อ ด อ ยาก ทกุ ขย์ าก เต็มไปด้วยโทษทัณ ฑ ต์ า่ งๆ ไมว่ า่ งเวน้ไม่มีความทรมานใดๆ เทา่ กบั ทุกขท์ รมานในทุคติ เพราะคำวา่ ทคุ ติ กแ็ ปลว่าไปไม,ดี คอื ไปลำบาก อย่ลู ำบาก ทีก่ ินทีอ่ ยู่ไม่มคี วามสะดวกสบายเลยทกุ อย่างมีแต่ทุกข์ๆ ตลอด ขอให้ดูตัวอยา่ งเร่ืองขุนช้างขนุ แผน ทก่ี ลา่ วถงึความทกุ ขย์ ากตอนติดคุกว่า ขนุ แผนวา่ กอู ยู่ไมไ่ ต้ ในคุกใหญ่มนั ยากแคน้ แสนเข็ญ เหมือนอยู่ในนรกตกทัง้ เป็น ไม,ว่างเวน้ โทษทัณฑล์ ักวนั เอย
สุขใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ที่ดีง'าม น่ีขนาดโทษในเมืองมนษุ ย์หนกั ขนาดน้ีแลว้ โทษทัณฑI็ นนรกจริง ๆจะหนักขนาดไหน ตามท่ขี นุ แผนเปรยี บเทียบว่า อยใู่ นคกุ เหมอื นตกนรกทั้งเปน็ ไมม่ ีความสุขสบายเลย ดงั น้นั การทำบญุ สุนทานตา่ งๆ ท่ีเรากรวดนาํ้ อทุ ิศไปให้ท่านเหล่านัน้ เพ่อื ขจดั ทุกข์บำรงุ สุขแกท่ ่านเหลา่ นนั้ โบราณทา่ นเคยกลา่ วไวว้ า่ในเทศกาลสำคัญเชน่ นี้ทางยมบาลท่านปลอดปล่อยสตั วน์ รกหรอื วญิ ญาณนรกไดักสบั มารบั สว่ นบุญสว่ นกศุ ล ที่บรรดาวงศาคณาญาตใิ นโลกทำบุญอุทศิ ไปให้ เม่อื ได้รบั แลว้ กอ็ นโุ มทนาส่วนบุญนัน้ ๆ ทำใหท้ า่ นเหลา่ นน้ั ได้บริโภคอาหารทพิ ย์ หายหิวโหยจากความอดอยาก ร่างกายสมบูรณ์ มีเครื่องแตง่ กายสวมใส่ ไดร้ บั ความสุขสบายขนึ้ ทา่ นทัง้ หลายลองคิดดู บรรดาวญิ ญาณเหล่านน้ั จะมืโอกาสไดร้ บัความสุขสบายมากนอั ยขนาดไหน ข้ึนอยู่กับญาตมิ ติ รในโลกมนุษยท์ ำบญุอุทศิ ให้ หากญาติมติ รไม่ทำบุญอทุ ิศไปให้ วิญญาณเหลา่ นน้ั หมดโอกาสทจ่ี ะไดร้ ับความสขุ สบาย ไมม่ ือาหารทิพยบ์ รโิ ภค ไม่มเื ครอ่ื งนงุ่ หม่ สวมใส่เพราะอะไร? เพราะในอบายภมู ินน้ั ไม่มอี าชีพ การทำไร่ ไถนา ค้าขายเกษตรกรรม และการเลย้ี งสตั ว์ เป็นดน้ คอยอาศยั ใบบุญและรอรบั บญุ กศุ ลทญี่ าตมิ ติ รในโลกมนษุ ยอ์ ทุ ศิ ไปให้เทา่ นัน้ ดงั นัน้ พอถึงวันสำคัญในเทศกาลเช่นนี้ วญิ ญาณเหส่าน้ันก็ตงั้ หน้ารอรับส่วนบญุ จากบรรดาญาตมิ ิตรด้วยใจจดใจจ่อ ถ้าญาติมิตรไม1ทำบุญอทุ ิศไปให้ ก็จะรสู้ กึ ผิดหวงั เศร้าสรอ้ ยเดินคอตกกลบั ไปด้วยความหิวโหยตามเดิม หลงั จากการทำบญุ สุนทานตามประเพณแี ลว้ เรายงั มกี ารสรงนาํ้พระพุทธ พระสงฆ์ สามเณร นัยวา่ เพอ่ื ถวายความร่มเยน็ แดพ่ ระสงฆ์องค์สามเณรใหค้ ลายรอ้ น และเทศกาลสงกรานตป์ นี รี้ อ้ นจริงๆ อานิสงส์การถวายนำสรงแดพ่ ระ ทา่ นว่าจะทำใหช้ วี ติ ความเป็นอย่ขู องเรา มคี วามร่มเยน็ เป็นสขุ ตลอดไป
สขุ ใจที่ไดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทีด่ ีงาม ลกั ษณะคนไทยเรา ทำอะไรไม่เคยทิง้ พระและห่างพระ จะเรยี กวา่คนไทยมพี ระอย่ใู นหัวใจกไ็ ม่ผิดจะสงั เกตไดว้ า่ สถานทีใ่ ดอยูห่ ่างวัดวาอารามจะเกิดความวา้ เหว่ ไมอ่ บอนุ่ ใจ ขาดทพี่ ึ่งทางจติ ใจ โดยเฉพาะคนไทยท่ไี ปอยู่ในตา่ งแดน ถึงกบั บน่ วา่ อยหู่ า่ งไกลพระ ไม่มีโอกาสทำบุญสนุ ทรทาน เมอ่ืมพี ระไทยไปเยี่ยมจะเกิดความดอี กดใี จ เหมือนพชื ไดน้ ํา้ ฝน เมอื่ ไดท้ ำบุญแลว้ ชืน่ อกชื่นใจ เหมือนคนกระหายน้าํ ยามเหนือ่ ย ยามแลง้ ไดด้ ื่มน้ําเย็นๆสักแก้ว รูส้ กึ ชนื่ ฉํา่ ใจ ดังสวรรคโปรด หลงั จากนั้น ก'็ จะมีการรดนัา้ ดำหัวญาตมิ ติ รผ้ใู หญ่ทีต่ นเคารพน ับ ถ อื ป -ู ย ่าต า -ย าย พ ่อ -แ ม ่ แม้แต่ครู อาจารยผ์ เู้ คยประสิทธ้ปี ระสาทความรใู้ ห้ เสร็จแลว้ ให้ของขวญั ข้าวของ เงนิ ทอง และเครอื่ งนงุ่ หม่ ตามสตกิ ำลงั และฐานะ เสยี งปจู ๊ะ ยา่ จ๋า ตาครบั และคำอวยพรท่ีลูกหลานให้ว่า ขอให้คณุ ปู - คุณยา่ -คุณตา - คณุ ยาย หรือพ่อแม่ จงปราศจากโรคภยัมรี ่างกายแขง็ แรง อยเู่ ปน็ ร่มโพธ๋ึทองของลูกหลานนานแสนนาน เพ่ือเปน็ขวญั และกำลังใจ ดแู ลว้ ในขณะน้ัน คนแก-่ คนเฒา่ อยู่ทำมกลางแวดลอ้ มด้วยบรรดาลกู ๆหลานๆ (และเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ)เหมือนกับดาวล้อมเดือนทำให้คุณปู คุณย่า คุณตา คณุ ยาย ทัง้ หลายแหล่ เกิดความปตี ิ เอบิ อ่มิ ใจช่นื ใจต่อการกระทำของลูกหลาย จนบางทา่ นน้าํ ตาคลอเบา้ ดว้ ยความตนื้ ตันใจ เหมอื นได้โอสถทพิ ยม์ าชโลมหวั ใจใหช้ นื่ ฉาํ่ และยาอายุวฒั นะขนานเอก คลายเหงา ว้าเหว่ ช่ืนฉา่ํ เหมือนปลาไดน้ า้ํ พชื ไดฝ้ น นแ่ี หละที่พระทา่ นว่า อายุ วรรณ สุข พละ อย่างแหจ้ ริง เพราะคนแก่ เฒา่ อายยุ ืนผวิ พรรณดฃี ึน สขุ กายสบายใจ กำลังใจเพ ม่ิ พ นู เพ ราะลกู ห ลาน ช่วยเยียวยารักษาให้ จากข้อความทีก่ ล่าวมาขา้ งดน้ เปน็ จดุ สำคัญในการบญุ สงกรานต์อนั เป็นเทศกาลข้ึนปีใหม่ของไทย ได้ประโยชน์หลายประการ คือ ๑ . เพื่อทำบุญอุทศิ ให้เปตซนผ ูล้ ่วงลบั ไปแล้ว ๒. เปน็ การบำรงุ พระสงฆส์ ามเณร ผ้ดู ำรงศาสนาเท่ากับเปน็ การ
สุขใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื !!วติ ที่ดปี า่ มเพมิ่ กำลงั แกพ่ ระสงฆส์ ามเณร ๓ . เปน็ การตอบแทนบุพการี คือ ป ู ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และญาติมติ รท่ีเคารพนบั ถอื ๔. เป็นการรวมญาติมิตร อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอนั เปน็ ความสามคั คีและความอบอ่นุ ในหมวู่ งศาคณาญาติ ซ่งึ ไม่มที ไี่ หนในโลกจะดีเท่าเรา ๕. เป็นการรกั ษาวัฒนธรรมประเพณขี องชาติให้ดำรงคงอยู่ และเท่ากบั เปน็ การสาธิต-ประซาลมั พนั ธใ็ ห้เยาวชนของชาติไดร้ ู้ ได้เห็น ความดงี ามของประเพณวี ฒั นธรรมของชาติดว้ ยความภาคภมู ใิ จ ๖. เปน็ การร่ืนเริง บนั เทิงใจ ทำให้หายเหนือ่ ยและคลายเครยี ดจากการที่ตอ้ งเหนด็ เหนอื่ ยกับหน้าทก่ี ารงานมาตลอดปี ตามท่กี ล่าวมาเบือ้ งดน้ เปน็ เร่ืองราวเกยี่ วกับสงกรานต์!,นบางสว่ นและที่พอมองเหน็ ได้ง่าย ๆ เพราะมีความเปน็ ไปอยู่แลว้ และประเพณีสงกรานต์นับวา่ มอี ิทธิพลต่อจิตใจหรอื เหนือจติ ใจของซนในชาติอย่างแท้จรงิ มีอะไรเปน็ เหตุทีว่ า่ อย่างนัน้ เหตุทีใ่ หก้ ล่าวอย่างน้ัน เหน็ ไดช้ ัดเจนจากการเตรยี มการตา่ งๆ ตงั้ แตส่ ่วนราชการ องค์กรเอกชน บรษิ ทั ห้างร้านตา่ งๆ อนุญาตใหม้ วี ันหยดุ ใหค้ วามรว่ มมอื เตรยี มการรบั มือเนอ่ื งในวนัสงกรานต์ ทง้ั การจัดประเพณีสงกรานต์ มิใชท่ ำแตเ่ ฉพาะจดุ ใดจดุ หนงึ่ ของประเทศ แตเ่ ป็นการทำพรอ้ มกนั ทั่วประเทศ แมแ้ ตใ่ นพระบรมมหาราชวังกม็ ีพธิ ี,ทำบุญสงกรานต์ ประเพณสี งกรานต์ถอื ไดว้ า่ เปน็ ยอดแห่งวฒั นธรรม เพราะเป็นการแสดงออกจากจติ ใจ ดว้ ยความกระตอื รอี รน้ กอ่ นถึง1วันสงกรานต์และแสดงถึงความ ร่าเรงิ เบ กิ บ าน ย้มิ แย้มแจ่มใส เม่อื วันสงกรานต์มาถงึ จะวา่ แต่คนเลยทเ่ี บกิ บานแจ่มใส แมแ้ ตผ่ ที ง้ั หลายแหลก่ ็พลอยสุขสดชนื่ อ่ิมหนำสำราญจากการทำบุญของญาติมติ รในวนั สงกรานต์ เรยี กวา่ คนกไ็ ด้ ผีก'็ ได้พระเณรเถรชี ล้วนแต่ด'ี ไปหมด นแ่ี หละประโยชนข์ องประเพณลี ะ่ ดังน้ันคำวา่ ผ๐ ผ/๓ ๐ ผ เ\1๐ (วบแ7 บคธ (วก! ผ๐ อบ17บก!ก ผ(ว ผ/\71๐ผ จึงยังคงมคี วามหมายตลอดกาล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281