สขุ ใจที่ไดอ้ ่านสารธรรมเพ่อื ชวี ิตทดี่ ปี า่ ม ๙. ธมั มสั สวนามัย คือ บญุ สำเรจ็ ดว้ ยการฟ้งธรรม ไดแ้ ก่ การฟังธรรมและนำข้อธรรมมาประพฤติปฏิบัติให้พน้ ทุกข์ ๑๐. ทฏิ ฐชุกัมม์ คือ การทำความเห็นให้ตรงเปน็ สัมมาทิฏฐิเช่ือในธรรมและการตรัสรขู้ องพระพุทธเจา้ ทงั้ หลาย ในบรรดาสิง่ ท่ีอาจชว่ ยเราไดในโลก ไมม่ ีอะไรจะวิเศษเทา่ กับบุญเลย คนบางคนชว่ ยเราได้อยา่ งมากกเ็ พยี งชว่ งระยะเวลาจากเปลไปสหู่ ลมุ ฝงื ศพเทา่ น้ัน แตบ่ ุญทเี่ ราทำไว้มากๆ น้ีจะชว่ ยเราได้ตั้งแต่กอ่ นเกดิ เกดิ แล้วยงั ตามช่วย ตายแลว้ ยงั ตามชว่ ย แมก้ ารบรรลจุ ดุ หมายสงู สดุ ทางพระพทุ ธศาสนา คอื การบรรลุพระนพิ พาน บุญนี้เทา่ น้นั ท่ชี ว่ ยเรา บญุ กิรยิ าวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้ เป็นวิธที ำบญุ ในทางพระพุทธศาสนาซ่งี พุทธศาสนกิ ซน สามารถประพฤติปฏบิ ัติในข้อใดขอ้ หน่งึ ได้ตามอธั ยาศยั ซึ่งล้วนแต่เปน็ บ่อเกดิ แห่งบญุ เป็นทางแหง่ การส่ังสมบญุ ท้ังน้นัขอใหต้ งั้ ใจประพฤตปิ ฏบิ ตั ิเทา่ น้นั ก็จะเปน็ บญุ กศุ ลทั้งส้นิ เมอื่ ทราบชดั บอ่ เกิดแห่งบุญ คือ บญุ กิรยิ าวตั ถุ ๑๐ ประการ เช่นนี้แลว้ ควรทจ่ี ะเรง่ รบี ทำบุญทำความดีบ่อยๆตามอธั ยาศยั ตามโอกาสอำนวยทส่ี ามารถจะทำได้ และเมือ่ บญุ หรือความดีท่ที ำไว้น้ันมากพอสมควร บุญนัน้กจ็ ักบันดาลใหป้ ระลบความสุขความเจริญทั้งในภพนี้ และภพหนา้๒๔๖
สขุ ใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ิตทด่ี ีงาม โ ด ย . . . พ ัน ต ร ี พ ล ว ัฒ น ์ จ ำ ป า ด ุม “ผูกนาใจคน” การทคี่ นเรามีใจไม1ตระหนี่ รู้จกั โอบอ้อมอารี เออื้ เฟิอเผื่อแผ่ไมเ่ ปน็ คนใจแคบ มีใจกวา้ งขวาง สามารถบริจาคสิ่งของของตนเปน็ ทาน เผือ่ แผ่ให้ผอู้ ื่นได้รับความสขุ ความสะดวกสบาย การให้เชน่ น้ีย่อมชว่ ยสมานไมตรจี ติ สร้างมติ รภาพ ทำใหป้ ระสบผลท่ตี นเองจะพงึ เห็นไดห้ ลายประการด้งพระพุทธพจนท์ ่วี า่ ผู้ใหย้ ่อมเป็นทีร่ กั คนเปน็ อนั มากยอ่ มคบหาเขาเกียรติยศและบรวิ ารยศย่อมเจริญ ผ!ู้ ม่ตระหนี่เป็นผ้อู งอาจ ไมเ่ ก้อเขินเข้าสู่สมาคม การผกู นา้ํ ใจคนไมจ่ ำเปน็ จะดอ้ งใหส้ ิ่งของมากมาย จะใหอ้ ะไรหรือจะชว่ ยเหลือใคร ควรชว่ ยเหลือเทา่ ทจ่ี ะช่วยได้ เทา่ นกี้ เ็ หน็ นาํ้ ใจแลว้ การพูดจาออ่ นหวาน ไพเราะดีงาม สามารถเสรมิ สรา้ งไมตรีจติ สว่ นวาจาเปน็พษิ หรอื วาจาหยาบคาย อาจทำใหเ้ สียมิตรได้ คนจะผกู นํา้ ใจคน ตอ้ งพูดจาไพเราะออ่ นหวาน ฟงั แลว้ สบายหู สบายใจ กา้ พดู หยาบคายต่อกนั นอกจากจะเสยี มิตรแลว้ อาจเสยี ทรพั ยด์ ว้ ย บางคร้งั พูดไมด่ อี าจถกู ทำร้ายร่างกายถึงกับเสียชวี ิตได้ ส่วนคำพดู ทไี่ พเราะออ่ นหวาน สามารถผกู น้าํ 'ใจคน'ไว้ได้การพูดจงึ ต้องระวังวา่ พดู ไปแล้วจะทำลายมิตรหรอื ไม่ ถ้าเป็นไปในทางทำลาย ไมค่ วรพูด แตถ่ า้ เป็นการสร้างสรรค์ไห้เกดิ มิตรภาพ จึงควรพูด ดงั นั้น กอ่ นพดู ควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาตวั เราเป็นเครื่องเปรียบเทยี บว่าคำพดู เชน่ นี้ ถ้าเราเป็นผ้ฟู งั จะพอใจไหม ถา้ เราไมช่ อบ เขาคงไมช่ อบเหมือนกัน ประพฤตสิ ง่ิ ที่เป็นประโยชนแ์ ก่ผูอ้ ื่น ตอ้ งเป็นคนสรา้ งประโยชน์ ทำตัวให้เปน็ ประโยชน์ จะอยู่ที่ไหนก็ทำตวั ใหเ้ ป็นประโยชน์ท่นี ั่น จะอยู่กบั ใครก็ทำตวั ใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ กเ่ ขาท่ีนัน่ อยา่ งนแี้ ลว้ ย่อมมีคนตอ้ งการ เพราะคนท่ีทำสง่ิ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ เปน็ ทตี่ ้องการทงั้ น้ัน ๒๔๗
สขุ ใจท่ีได้อ่านสารธรรมเพ่ือชีวติ ท่ีดีงาม ประโยชน์ หมายถึง ส่ิงท่ีต้องการ ถ้าไมมประโยชน์ มักไม,มีใครต้องการ การผกู น้าํ ใจคน ตอ้ งทำตนให้เป็นคนมีประโยชน์ จึงจะเปน็ ที่ตอ้ งการของคนหมูม่ าก การวางตนเหมาะสมคือ เราอยใู่ นสถานะอย่างไร ก็วางตนให้เหมาะสม เป็นเจ้านายกเ็ ป็นเจา้ นายทเี่ หมาะสม ให้ลกู นอ้ งเคารพนบั ถือเปน็ ลูกน้องกเ็ ปน็ ลกู นอ้ งทเ่ี หมาะสม มีความเคารพนบั ถอื เช่อื ฟง้ ผบู้ ังคบับญั ชา ทำให้ผู้บงั คับบญั ชามเี มตตากรุณา มไี มตรีจิตตอบ เป็นพ่อก็เหมาะสมท่เี ป็นพอ่ เปน็ แม่กเ็ หมาะสมทเี่ ป็นแม่ เป็นเพือ่ นกเ็ หมาะสมท่ีเปน็ เพอื่ นทำไต้อยา่ งนีจ้ งึ มคี นรกั มีมติ รมาก ไมม่ ีคนรงั เกียจ เพราะวางตัวไต้เหมาะสมไม่มีขอ้ น่าตำหนิ ถา้ เราวางตวั เหมาะสมกจ็ ะผกู น้าํ ใจคนไว!้ ต้ แตถ่ า้ วางตวั ไมเ่ หมาะสมเช่น เปน็ เจ้านาย วางตัวไมเ่ หมาะสม เอาแตอ่ ำนาจ ไมม่ ีเมตตากรณุ า เปน็ลูกนอ้ งก็อวดดีกับเจา้ นาย อยา่ งน้กี ไ็ ม่ไต้รบั ความร่วมมอื แน่ ถา้ ธรรมะเหลา่ น้มี ีอยูในบุคคลใด บคุ คลนัน้ กจ็ ะมีคนรักคนชอบมีมติ รมากมาย ไม1มีศตั รู การท่ีคนเราจะดำเนินชวี ิตได้อยา่ งมคี วามสขุสามารถสร้างความเจรญิ ให้ตนเองและประเทศชาติ ควรอบรมบม่ นสิ ยั ใหม้ ีธรรมะเหล่าน้ีไว้ประจำตวั ประจำใจ เพื่อเปน็ เครื่องมอื ผกู น้ัาใจคนทัง้ หลายให้มาเป็นมิตร๒๔๘
สขุ ใจทไ่ี ด้อา่ น สารธรรมเพ่ือชวี ิตท่ีดีปา๋ ม โ ด ย . . . พ นั ต ร ี พ ล ว ฒั น ์ จ ำ ป า ด ุม “ แสงสว่างคือ0โนค8ท” พดู ถงึ ปัญญา คิดวา่ ใครๆ กค็ งรูจ้ ัก แต่จะมีใครสักกี่คนที่นำปญั ญามาใซ่ให้เกดิ ประโยชน์ ปัญญาเป็นนามธรรม มแี ต่เพยี งชอื่ ไม่ปรากฏตวั ตนให้เหน็ คนส่วนมากรจู้ ักปัญญา ก็เพียงผลท่ปี รากฏ เซ่น เหน็ นกั เรียน นกั ศึกษาคนไหนเรียนเกง่ เรยี นจบไว ก็เรียกคนน้นั วา่ ปญั ญาดี ใครที่จำอะไรเก่ง จำแมน่กว็ า่ คนนัน้ ปญั ญาดี ความจริงแลว้ ท่ีกลา่ วมาน้ันเป็นผลของปญั ญาท้ังสิ้นไมใชต่ วั ปัญญา ปญั ญา คือ รอู้ ารมณ์ ตดั สนิ อารมณท์ เ่ี กดิ ข้นึ กับใจ มี ๓ ประเภทคือ ๑ . ปญั ญาท ต่ี ิดตัวมาแต่กำเนิด ๒. ปัญญาท่ีเกิดจากความนกึ คดิ ๓. ปัญญาทเี่ กิดจากการสง่ั สมอบรมให้มขี ึ้น เม่ือพิจารณาปญั ญาท้ัง ๓ ประเภทน้แี ล้ว จะเห็นว่าคนเราทุกคนลว้ นมีปัญญาด้วยกันท้ังนน้ั มปี ัญญาทตี่ ดิ ตัวมาต้งั แต่เกิด ครั้นเกิดมาแล้วใครจะมีปญั ญามากน้อยแค,ไหนข้ึนอยูก่ ับปัญญาทเี่ กดิ จากความนกึ คดิและปญั ญาทเี่ กิดจากการส่ังสมอบรมให้มีขึ้น ผูใดรู้จักคดิ ใหม้ ากๆ ไดร้ บัการสง่ั สมอบรมมามาก ก็มีปัญญามากปัญญาเป็นเคร่อื งส่องสว่าง คนจะประกอบกิจการส่งิ ใดไดต้ อ้ งอาศัยแสงสว่าง ถา้ ไม1มีแสงสว่าง กไ็ มส่ ามารถจะทำอะไรได้ คนเราถา้ ปราศจากปญั ญา กเ็ หมอื นอยู่ในทม่ี ดี ทำอะไรไม่ไดเ้ ลย ฉะนนั้ พระพุทธเจา้ จงึ ตรสั ว่า ปญั ญาเปน็ แสงสว่างในโลก ปญั ญาย่อมมีทัง้ คุณและโทษ สดุ แท้แตผ่ 'ู้ นำเอา'ไป,ใช้ ถ้านำเอาไปใชในทางที่ดี มีประโยชน์ ก็จะก่อใหเ้ กดิ คุณ แตถ่ ้านำเอาไปใซ่ในทางท่ไี มด่ ี ไม่มปี ระโยชน์ ๒๔๙
สุขใจท่ไึ ดอ้ ่านสารธรรมเพื่อช วี ติ ทีด่ งี ามก็จะก่อใหเ้ กดิ โทษ ปัญญาทถ่ี ูกนำไปใช้ต้องมกี ารกระทำไวในใจโดยอบุ ายอันแยบคายคอยกำกบั หมายความว่า ก่อนจะใชป้ ัญญาตอ้ งกำหนดไว้ในใจถึงสิง่ ทจี่ ะทำนัน้ แจกแจงโดยละเอียด ใหเ้ หน็ วา่ ส่ิงไหนผดิ สิงไหนถกูส่ิงไหนมีประโยชน์ สิง่ ไหนไม,มปี ระโยชน์ สิ่งไหนเปน็ คณุ สิ่งไหนเปน็ โทษแล้วจึงใชป้ ัญญาตดั สนิ เลอื กทำแต่สง่ิ ทช่ี อบ ท่ีดี ท่ีถูก ท่ีควร เมอื่ ทำไต้เช่นนี้การกระทำนัน้ กจ็ ะเปน็ ไปในทางทีด่ ี มปี ระโยชน์ ก่อใหเ้ กดิ คุณ ตอ้ งระวังอย่าใหม้ โี มหะ ความหลงไมร่ ูจ้ รงิ กำกับ ปัญญาทมี่ โี มหะเปน็ ตัวช้นี ำ จะเป็นปัญญาทง่ี มงาย โมหะเปน็ ตัวปิดบงั ทางแห่งความเห็นชอบ คนมีปัญญาถกู โมหะชน้ี ำมักจะเป็นคนหลงผิดเปน็ ชอบเสมอ ดังนน้ั จะทำส่ิงใดควรใช้ปัญญาให้มาก ๆ เพื่อกนั ความผิดพลาดอนั จะพึงมี จะลงมือทำส่ิงใดต้องคิดให้รอบคอบถึงผลดี ผลร้าย ผลไต้ผลเสยี กอ่ น แล้วจงึ ค่อยลงมือทำ เมอื่ ทำไปแลว้ จะไดใี ม'ต้องมาน่งั เสยี ใจในภายหลัง คนท่ใี ชป้ ัญญาทำทุกสง่ิ ทุกอยา่ งเปรียบเสมอื นคนท่เี ดนิ ทางกลางคนืมีคบไฟสอ่ งนำทางสว่างไสว เดินไปตามแสงไฟนั้นยอ่ มปลอดภยั ตรงกนั ข้ามคนท'ี ทำอะไรไมใช้ปญั ญา เปรียบเสมือนคนทเ่ี ดินทางในกลางคืน ไม่มีแสงไฟนำทาง เดินไปทา่ มกลางความมืด เปน็ อนั ตรายอยา่ งยงิ่๒๕๐
สุขใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทดี่ ปี า๋ ม โ ด ย . . . ร ้อ ย เ อ ก ว รี พ น ธ ์ บ ตุ ร น า ม“ ธรรบบูณขั้บพื้นฐานของชีวิต” วันท่ี ๑๐ ธันวาคมของทกุ ปเี ป็นวันรัฐธรรมนญู คอื วันทเี่ ราซาวไทยท้ังหลายได้รบั พระราชทานรัฐธรรมนูญ - ธรรมนญู การปกครองราชอาณาจกั รไทยมาเปน็ เวลา ^๐ กว่าปแี ล้ว ในทีน่ จี้ งึ ใคร่ขอนำเสนอเร่ือง“ธรรมนญมนุษยข์ นั้ พื้นฐาน” เพอ่ื เปน็ แนวทางในการดำเนินชีวติ ของเรา -ท่านท. งั้ หลาย‘มิ ‘‘' จ ิ ในฐานะผฬ ู่ด้ ำรงตนอยใู่ นสังคมเดยี วกนั คือ “สังคมไทย” หรือประเทศไทยอนั เป็นท่ีรักยิง่ ของเราทง้ั หลาย ก่อนอื่นกต็ ้องตั้งคำถามก่อนว่าธรรมนูญมนษุ ย์ข้นั พนื้ ฐานคอื อะไร มีกี่อยา่ ง อะไรบา้ ง และธรรมนญู มนุษย์นมี้ ีผลดตี ่อสงั คมอยา่ งไร ธรรมนญู มนษุ ย์ขั้นพื้นฐาน คือ กฎเกณฑห์ รือกฎระเบียบเบื้องต้นทวั่ ไปของมนุษย์Iนสังคมทจ่ี ะพงึ ปฏิบตั ิตอ่ กัน หรืออยรู่ ว่ มกันได้อย่างสันตสิ ุข มอี ยู่ ๓ ประการคือ ๑ . ไม่เบยี ดเบยี นกนั ๒. หมั่นสร้างความดี และ ๓. มชี ีวิตเหมาะสม หรือจะกลา่ วแบบรวบยอดก็ได้ว่า ธรรมนูญมนษุ ย์ขน้ั พนื้ ฐาน คอืไมเ่ บยี ดเบียนกนั -หม่นั สร้างความดี-มชี วี ิตเหมาะสม ประการแรก “ไม่เบียดเบียนกัน” การเบยี ดเบียนเป็นบอ่ เกิดของความขดั แย้งและปญั หาท้ังปวง มนษุ ย์ผู้อย่รู ว่ มกันในสงั คมจงึ ไมค่ วรเบ ยี ด เบ ยี น กัน ไม ว่ ่าจะเป ็น การเบ ียด เบ ยี น กัน ด ว้ ยกๆย การเบ ยี ดเบ ียน กนัดว้ ยวาจาคือคำพูด หรือจติ คิดที่จะเบยี ดเบียนกัน การไม่เบียดเบียนมีอยู่๒ ลกั ษณะ คอื ไม่เบยี ดเบียนผูอ้ น่ื และไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง ในเร่อื งของการไม1เบียดเบียนผอู้ นื่ น้นั มีข้อท่ีควรปฏบิ ตั คิ อื ไม่เบยี ดเบยี นผู้อยูเ่ หนอื ตนไดแ้ ก่ ผ้บู งั คบั บญั ชา, ผู้มีพระคณุ เช่น บิดามารดา ๒๕๑
สขุ ใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทด่ี งี ามครบู าอาจารย์, ผูป้ ระพฤตดิ ปี ระพฤติชอบทัง้ หลาย เซ่น สมณะ พราหมณ์หรอื นกั บวชผูท้ รงศลี ทรงธรรม ซงี่ เปน็ บุญเขตหรือเนื้อนาบญุ ของหมมู่ นุษย์ขอ้ ต่อไปคือ ไม,เบยี ดเบียนผอู้ ยเู่ สมอตน ไดแ้ ก่ มิตรสหาย เพ่อื นพ้อง ญาติพื่นัอง ญาตธิ รรม รวมท้งั เพ่อื นร่วมงาน เพ่อื รว่ มกิจกรรม เพ่อื นร่วมคิดเพือ่ ร่วมความเหน็ เพอ่ื นรว่ มเหตกุ ารณ์ เพอ่ื นร่วมสถานการณ์ และเพือ่ นร่วมสังคมผอู้ ยกู่ ินด้วยกัน เรา-ทา่ นทงั้ หลายเหลา่ นี้ ไม่ควรเบยี ดเบยี นกนัครับ และข้อสดุ ท้ายคือ ไมเ่ บยี ดเบยี นผ้อู ยูต่ ากวา่ ตน ไดแ้ กไ่ ม่เบียดเบียนผู้Iต้บงั คับบญั ชา ไม่เบยี ดเบียนศิษยห์ รือนิสติ นกั ศกึ ษา นักเรยี นผูท้ ี่ตนสงั่ สอนใหไ็ ดร้ บั ความเดือดร้อนไมเ่ บียดเบยี นบตุ รธิดา หรอื ลูกหลานของตนให็ไดร้ ับความทุกขย์ าก ลำบากกาย ลำบากใจ และไมเ่ บียดเบียนบรวิ ารซนคนใกล้ชิด หรือคนสนิทของตนใหไ็ ด้รบั ความขดั ขอ้ งหมองใจต่าง ๆ นานาการไม่เบยี ดเบยี นผู้อืน่ จึงเปน็ การไม่สรา้ งปญั หาใหเ้ กดิ ขึน้ แก,ผ้อู นื่ เป็นการไม,สร้างความทกุ ข์ยากลำบากใหเ้ กดิ ขึน้ แก่ผอู้ นื่ และเป็นการไม่สร้างความเดอื ดร้อนให้เกดิ ขน้ึ แกผ่ ูอ้ ่ืน ไม,รบกวนผอู้ น่ื ไมก่ ล่นั แกล้งผูอ้ ืน่ ไมข่ ัดแยง้ กบัผอู้ ืน่ ไม่ทำผ้อู น่ื ให้เสียหายหรอื ประลบเคราะหก์ รรมตา่ ง ๆ นานา มนุษย์ผู้อยู่ร่วมกันในสังคมทุกสงั คม ท้งั สงั คมใหญแ่ ละสังคมยอ่ ย จงึ ควรระมัดระวังสังวรมใิ ห้เกิดการเบยี ดเบียนกนั ทัง้ การเบียดเบยี นทางกาย ซ่งึ ตอ้ งใช้อวัยวะรา่ งกายไปทำรา้ ยกนั ใช้วตั ถสุ ง่ิ ของจนกระท่ังอาวธุ ไปทำรา้ ยหรือทำลายกนัทัง้ การเบียดเบียนกนั ด้วยวาจาคอื คำพดู ซงึ่ อยู่ในลักษณะของพฤติกรรมทไ่ี มพ่ ึงประสงค์ เซน่ คำดา่ คำสอ่ เสยี ด คำพดู เพ้อเจ้อไรส้ าระ และคำเท็จอันไม่เป็นจรงิ แต่ทส่ี ำคัญทสี่ ดุ ที่มนุษย์ เราควรแกปฏิบตั แิ ละหักหา้ มไวก้ อ่ นกศ็ อึ “หา้ มใจไว้ก่อน อย่าได้คดิ เบยี ดเบยี นผ้อู ื่นเลย” ข้อควรระวังต่อไปคือ “ไม,เบียดเบียนตนเอง” บางคนเกดิ ความทอ้ แท้พา่ ยแพต้ ่อชีวิต คิดสั้น อยากจะทำลายตัวเอง อยากจะกล่ันแกลง้ ตวั เองอยากจะทำให้ตัวเองไดร้ บั ปัญหา คือความทุกขย์ ากลำบาก และความเดือดร้อนต่างๆ นานา เพอ่ื ประชดประชันสงั คม ดว้ ยความน้อยอกน้อยใจ๒๕๒
สขุ ใจที่ไดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชวี ิตทต่ี ีงามเพราะไมได้ดงั ใจประสงค์ ปรารถนาส่ิงใดแตไมได้สิ่งนน้ั หรอื ไม่ปรารถนาสิ่งใดแต่กลับได้สง่ิ นน้ั สิง่ ที่ได้และสิ่งที่ไมไ่ ด้ จงึ เปน็ บ่อเกิดของความไมถ่ กู อกไม่ถูกใจ กลายเป็นอารมณท์ ไี่ ม่น่าปรารถนา เพราะฉะน้นั เพอ่ื เปน็ การปอ้ งปรามและป้องกันตนเองให้หลดุ พ้นจากความคดิ เหน็ ทีผ่ ิด ๆ เป็นมจิ ฉาทิฐนิ ี้จงึ เห็นควรให้หมมู่ นษุ ย์ผู้อยูร่ ่วมกันในทุกสังคม ไดโปรดลด ละ เลิก การเบยี ดเบยี นตนเอง การประชดประชันตนเอง การทำตนเองใหเ้ ดือดร้อน เพอื่เป็นการประท้วงสงั คม มนุษย์เราไม่ควรทำร้ายตนเอง ไม่ควรปดิ กัน้ ตนเองในการกระทำความดื ไม่ควรกลัน่ แกลง้ ตนเอง และไม่ควรเข่นฆา่ หรือทำร้ายตนเอง โดยสรุปคือ อย่าทรมานตัวเอง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานทงั้ หลาย เซน่ สนุ ัข และแมว รวมท้ังสัตวเ์ ลก็ สัตว์นอ้ ย ซ่ึงเป็นสง่ิ มชี วี ติ เรากไ็ ม่ควร เบยี ดเบียนเขาให้!ด้รับความเดือดร้อนหรอื ความทกุ ข์น่คี ือธรรมนุญมนษุ ยข์ ัน้ พนื้ ฐานในหัวขอ้ แรก คอื “ไม่เบยี ดเบียนกนั ”ฟ ^้ ' จิ ฬ่ธรรมนูญมนษุ ย์ขัน้ พื้นฐานประการท่สี องคือ “หม่ันสร้างความด”ี มีอธบิ ายวา่ มนุษย์ทั้งหลายจะสามารถดำรงชวี ติ อย่ใู นสังคมรว่ มกันไดก้ ็ด้วยพลังแหง่ ความดขี องกนั และกนั ดว้ ยผลหรอื อานสิ งส์แห่งความดีของกันและกันเป็นเดิมพัน ถา้ มนุษยแ์ ตล่ ะคนไม่ทำความดีร่วมกนั แล้ว มนษุ ยจ์ ะอยู่รว่ มกนั ได้อย่างไร มนษุ ย์คงด้องสญู พันธุมนษุ ย์ เพราะมนุษย์!ม,พากันทำความดี ความดีเท่านัน้ ท่ีจะช่วยจรรโลงชีวติ ของมนษุ ย์!ห้อย่รู ่วมกนั ได้ดว้ ยความร่มเย็นเปน็ สุข และสามารถดำรงตนและเผา่ พนั ธขุ องตนใหอ้ ยู่ในโลกนไี้ ด้อีกนานเท่านาน เผา่ พนั ธุของหมู่มนษุ ย์จงึ ตอ้ งฝากไว้กับความดีทมี่ นษุ ย์กระทำ ก็วตั ถปุ ระสงค์ของการกระทำความดนี ้นั มอี ยู่ ๒ ประการคือ การกระทำความดเี พ่อื ตนเอง กับการกระทำความดเี พื่อผูอ้ ่นื หรอืเพ่ือสังคมสว่ นรวม และการกระทำความนกี้ ม็ ี'วิธ,ีท ำอ ยู่ ๓ ทาง คอื ท างกายทางวาจา และทางใจ การกระทำความดีทางกาย คือ การใช้อวัยวะร่างกายของเราเปน็ เคร่ืองมอื ในการกระทำความดี ดว้ ยการเว้นการกระทำทีไ่ ม่ควรทำ คอืการเบยี ดเบียนเข่นฆา่ ซงึ่ กันและกัน การสกั ทรัพย์ การทจุ รติ มจิ ฉาชีพ ๒๕๓
สุขใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อี ชีวติ ที่ดงี ามการประพฤตผิ ดิ ในกาม แลว้ กระทำหรอื ประพฤติในสิ่งทีค่ วรประพฤติ ดว้ ยการบำเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อผอู้ ื่น สร้างความเจรญิ รุง่ เรืองใหเ้ กดิ ข้นึในลงั คม สร้างสรรคส์ าธารณประโยชน์เพ่อื สงั คมส่วนรวมดว้ ยความบรสิ ุทธ!จโดยไม'หวังผลตอบแทนอันเป็นการทดแทนและสนองคุณตอ่ แผน่ ดินหรือบ้านเกดิ เมืองนอนของเรา เซน่ ในเมอื งไทยของพี่นอ้ งประชาชนคนไทยทุกคนนี้ เมื่อเรารกั ประเทศไทย เราหวงแหนประเทศไทย เราก็ดอ้ งช่วยกนัพัฒนาชาตไิ ทยดว้ ยการปฏิบตั ิดังน้คี อื ๑. เวนั สิ่งทีค่ วรงดเวัน คอื การทีค่ นไทยทกุ คนทกุ ภมู ภิ าคของประเทศไทย ไม,ทำร้ายคนไทยดว้ ยกัน และไม่ทำลายประเทศไทย แลว้ ตัง้ ใจกระทำความดี ในข้อตอ่ ไป คอื ๒. ประพฤติสงิ ท่คี วรประพฤติ ไดแ้ ก่ คนไทยทุกคนตา่ งชว่ ยกันจรรโลงเมืองไทยเข้าไว้ ช่วยกนั พัฒนาประเทศไทยของเราใหเ้ จริญรุ่งเรอื งใหค้ นไทยทุกคนได้มืการอยู่ดีกินดี มีเศรษฐกิจท่พี อเพยี ง สามารถดำรงตนอยู่ในประเทศไทยไดอ้ ยา่ งสงบสขุ การกระทำความดดี ว้ ยกาย คอื การใช้ร่างกายกระทำความดี มีมากมายหลายสถานไม่สามารถจะพรรณนาในรายละเอยี ดไดท้ ั้งหมด แต่ก็มืแนวยดึ ถือปฏิบัตอิ ยูก่ ค็ อื ให้!ช้อวัยวะร่างกายของเรากระทำความดใี ห้มากทีส่ ดุ เท่าทจ่ี ะกระทำได้ เพอื่ ประโยชนต์ นประโยชน์ทา่ นในวนั ข้างหนา้ ตอ่ ไปคอื การกระทำความดที างวาจา ได้แก่ การใช้คำพดู ในเชงิปฏิบตั ิใน ๒ ลักษณ ะ คอื ๑) เวน้ ส่ิงที่ควรเวน้ ไดแ้ ก่ ใหเ้ ว้นจากการกลา่ วคำเท็จ เว้นจากการกลา่ วคำหยาบ เว้นจากการกลา่ วคำสอ่ เสียด และเวน้ จากการกล่าวคำเพ้อเจอ,ไร้'สาระ แล้วให้ปฏิบตั ิในหนทางตอ่ ไปคือ ๒) ประพฤตสิ ิ่งท่คี วรประพฤติ ได้แก่ การกลา่ วคำสตั ยจ์ รงิ การกล่าวคำอ่อนหวาน คำไพเราะ และการกล่าวคำอันประกอบดว้ ยประโยชน์๒๕๔
สขุ ใจที่ได้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ิตทีด่ ีงามคือการพดู ในแนวสรา้ งสรรค์ - พดู เพีอ่ ให้เกิดความเจรญิ - พูดเพอ่ี ใหเ้ กดิความมน่ั คง และการกระทำความดีข้อสดุ ท้าย ซง่ึ อยภู่ ายในเรา-ทา่ นทง้ั หลายมองไม่เห็น สมั ผัสแตะตอ้ งไม่ได้ แต่ก็มอี ยูใ่ นชวี ติ มนุษย์เราคอื การทำความดีทางใจ ใช้จติ ใจ เป็นเคร่ืองมอื หรืออุปกรณไ็ 'นการกระทำความดี โดยการปฏิบัติใน ๒ หนทาง ดังกล่าวมาแลว้ คอื ๑) เวน้ ส่งิ ที่ควรเว้น ได้แก่ อยา่ ไปคดิ ละโมบโลภมาก อย่าอยากได้จนเกินขอบเขต อยา่ คิดเบียดเบียนพยาบาทปองรา้ ยผอู้ นื่ และสำคญั ที่สดุคอื อยา่ คดิ ผดิ -อย่าเห็นผดิ แลว้ คิดในหนทางปฏิบตั ทิ ี่ถูกต้องตอ่ ไปคอื ๒. 1เระพฤติสิ่งท่ีควร1เระพฤติ ได้แก่ ใหเ้ ราคิดในสิง่ ท่คี วรคิดนั่นเองเช่น คิดเพ่ีอกระทำความดีทางกาย คิดเพี่อกระทำความดที างวาจา และคิดเพ่ีอกระทำความดที างใจโดยการหมัน่ ‘ผิกปฏบิ ตั ฝกื ฝนอบรมจิตใจของเราให้หายข่นุ มวั ให้เปน็ จิตใจที่ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เป็นจติ ใจทีส่ ะอาด สวา่ ง และสงบไรม้ ลพษิ ในจิตใจ มีแตค่ วามสด'ใส และแจ่มใสตลอดทง้ั วันและคืน คือ ตลอดกาลและตลอดไป ยอดของการกระทำความดนี ี้จึงอยทู่ ี่การชำระจิตใจของเราใหใ้ สสะอาดและบริสทุ ธ้ีผุดผ่องน่ันเอง การหมนั่ สรา้ งความดี จงึ เป็นเหตุให้เกิดชีวิตทเี่ หมาะสม เพราะชวี ติ ทีเ่ หมาะสม กค็ อื การดำรงตนอยูใ่ นทางทช่ี อบทีค่ วร ทำให้มนุษย์มคี วามสะอาดกาย สะอาดวาจา และสะอาดใจ ซึง่ เปน็ ผลสบื เนอ่ื งมาจากการสร้างความดีดงั กล่าวมา จงึ กล่าวไตว้ า่ ธรรมนูญมนุษยข์ ั้นพ้ืนฐานทง้ั ๓ ประการคอื ไม,เบยี ดเบียนกัน หมัน่ ลรา้ งความดี และมชี ีวติ เหมาะสม นับว่าเป็นคุณธรรมสำคญั ทมี่ นุษย์ในสังคมทกุ หมู่เหล่าจะตอ้ งถอื เป็นแนวทางในการประพฤติปฏบิ ตั ใิ ห้ดำรงตนอยใู่ นสงั คมไต้อย่างสันติสขุ สืบต่อไป
สขุ ใจท่ีได้อา่ นสารธรรมเพี่อชวี ติ ที่ดีงามโดย...ร้อยเอก วีระเสน พรมปาน “ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” ความโง่กบั ความฉลาดเป็นของคู่กนั ความโงเ่ ปน็ ฝา่ ยเสยี ความฉลาดเปน็ ฝา่ ยดี ไม่มีใครอยากโง่ มีแตอ่ ยากฉลาดท้ังน้นั แตบ่ างครัง้ ความโง่มักเกิดข้ึนโดยทีเ่ ราไม่ร้สู ึกตวั ก็มี ความฉลาดก็เช่นเดียวกัน บางคร้ังกเ็ กดิ ข้ึนโดยทเี่ ราไม่รสู้ ึกตัว เรยี กวา่ สบจงั หวะพอดี ท้งั ความโง่และความฉลาดเกิดมาจากอะไร? เกิดมาจากกฎแห่งกรรมทแ่ี ตล่ ะคนได้กระทำไวแ้ ตอ่ ดตี ทผี่ า่ นมา ตงั้ แตว่ านนเ้ี ดือนที่แลว้ ปีท่แี ลว้หรอื ภพท่แี ล้ว แตส่ ่ิงทีน่ ่าคดิ มากท่สี ดุ ก็คือ “บางคนโงในเรอื่ งท่ีฉลาด” คอื เรือ่ งทค่ี วรรู้ควรเห็นควรทำความเขา้ ใจ ควรเอาใจใส่ ควรประพฤติปฏบิ ตั คิ อื ควรทำจรงิ ๆ แต่กลับทำเป็นโงไ่ ม่ยอมทำกับอีกประเภทหนึง่ คอื “เป็นคนฉลาดในเรื่องที่โง”่ หมายความวา่ เปน็ คนทมี่ ีความเฉลยี วฉลาดปราดเปรอ่ื งมากมีความรู้มาก แตท่ ำอะไรไมค่ อ่ ยสำเรจ็ ไปทำอะไร ทไ่ี หน เม่ือไร อยา่ งไรกม็ กั จะสรา้ งความขัดแย้งและความยุง่ ยากใหเ้ กิดข้นึ เลมอ มากด้วยโครงการมากด้วยหลักการ มากดว้ ยวธิ ีการ มากด้วยวิชาการ ทำไปกไ็ ร้คา่ เสยี เวลาเปลา่ ๆ มัวแตบ่ ้าหอบฟาง ทำอะไรไม่ทนั เขา นึกวา่ เรานฉี่ ลาด แต่...โง่ โอ...ความรทู้ ่วมหัวเอาตวั ไม่รอด๒๕๖
สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชีวติ ท่ดี ีงาม โดย...พนตรี สุดใจ วงละคร “ บุญ-บาป” อาการ คอื สภาพท่ีเรียกวา่ บญุ หรอื บาป คืออะไรกันแน?่ ปญ้ หาน้ีมผี ู้ตอบหลายประการ เซ่น ตอบวา่ บญุ คือความสุข และบาปคอื ความทกุ ข์และวา่ บญุ คอื สวรรค์ บาปคือนรก ความจริงกเ็ ปน็ คำตอบทีใ่ ชใต้ แม้จะไมต่ รงทีเดียวแตก่ ใ็ กลเ้ คยี งอยมู่ าก แตล่ ้าพจิ ารณากันให้ละเอียดแลว้ สขุ ทุกข์หรือนรกสวรรคน์ นั้ เปน็ ผลบุญและผลบาป บญุ บาปนนั้ เราดทู ่อี าการของจติ บุญ คือความสะอาดหรือความผุดผ่องแหง่ จิต การที่จิตไตค้ วามสะอาดเพ่ิมขน้ึ ไต้ความบรสิ ทุ ธผดุ ผ่องเพิ่มขึน้ เรียกว่าไตบ้ ุญ การกระทำที่ทำใหจ้ ิตไตค้ วามสะอาดผุดผ่อง รียกว่า ทำบญุ ทว่ี ่าไตบ้ ญุ บุญนน้ั ไม่ใชว่ ่าไตบ้ ุญมาจากวัด หรือพระเอาบุญมาจา่ ยให้ ความจรงิ บุญเกดิ ขน้ึ ในจติ ของผทู้ ำนนั้ เอง จติ เปรยี บเหมือนผ้า การทำบญุ เปรียบเหมอื นการชกั ผ้า สว่ นบญุทีไ่ ตก้ เ็ ปรียบเหมือนความสะอาดท่เี กิดขนึ้ แก,ผา้ ทช่ี ัก ความขาวสะอาดท่ีเกิดขึ้นแก'ผ้าหลังจากทเ่ี ราชักแล้วนนั้ จะวา่ มาจากไหนกไ็ ม่ถูก ความขาวสะอาดทีผ่ งชกั ฟอกก็ไมุ่มี ความขาวสะอาดทีน่ ํา้ กไ็ ม่มี ทต่ี วั คนชกั ก็ไม,มีแต่ว่าเม่ือเอาผ้าขยก้ี บั นํ้าผงชักฟอกแลว้ มนั เกิดมอี าการขึน้ มาอยา่ งหน่งึในผา้ นัน้ ทเี่ ราเรียกว่า ความสะอาด เม่อื ผา้ ผืนใดมคี วามสะอาดแลว้ กเ็ ปน็ผา้ มีราคา ใชก้ ารไต้ดกี ว่าผา้ สกปรก ใช้นงุ่ ห่มกส็ บาย ขายกไ็ ตร้ าคาดี ความสบายและไตร้ าคาดนี ้ัน เป็นผลเกดิ จากความสะอาดอกี ทีหนึง่ เรื่องบุญก็คลา้ ยๆ กับเรือ่ งความสะอาด ตา่ งแต่วา่ เป็นความสะอาดของจติ ใจ บญุ ไม่ไต้มใี นข้าว บุญไมใ่ ช่อยใู่ นบาตรพระ แต่วา่ เม่ือเราตักขา้ วใส่บาตรพระ บญุ เกดิ ขน้ึ ในใจของเราเอง เหมือนขยี้ผา้ กับนํ้าผงชักฟอก บาป กต็ รงกันข้ามกบั บุญนั่นเอง บาป หมายถึง ความสกปรกเศรา้ หมองท่ีเกดิ ขนึ้ ในจติ เวลาเราทำความชั่วที ใจก็เศร้าหมองที ทำบ่อย ๆใจก็ยง่ิ เศรา้ หมองมากเช้า ขอทำความเขา้ ใจว่า บาป'ไม\"ใต้เกดิ จากทีอ่ ่นืในปีนกไ็ ม่มบี าปในคนทีเ่ ราเกลยี ดก็ไม่มีบาป แต่เมือ่ เราเอาปีนไปยงิ คนตายใจของเรากเ็ ศรา้ หมองลงไป เรยี กวา่ ไตบ้ าป ๒๕๗
สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพึ่อชีวติ ทด่ี ปี า๋ มโ ด ย . . . พ นั ต ร ี ส ุด ใ จ วงล ะค ร “ ท ำอย่างไร ผระธรรมจึงจะชว่ ยเรา” พระธรรม เป็นองค์อันหนง่ึ ในรัตนะทั้งสาม คือ พระพุทธเจา้พระธรรม และพระสงฆ์ ในรตั นะ ๓ อยา่ งนี้ เนือ้ แท้ของศาสนาคือพระธรรมคำวา่ ธรรมะ คลุมความหมายของคำวา่ ศาสนาไว้ทง้ั หมด มคี นอยู่เป็นอันมากที่หวังพง่ึ พระธรรมโดยการออ้ นวอน ขอใหพ้ ระธรรมเป็นทพ่ี ึ่ง แตต่ นเองไม่ได้ปฏิบัติธรรม ความหวงั พึ่งเพียงเท่านก้ี ็ดีอยู่ แต่ยงั ไมเ่ ข้าถงึ จุดมงุ่ หมายแท้ คนที่หวังเพยี งเท่านี้ มกั จะมคี วามรูส้ ึกคลา้ ย ๆ กบั วา่ พระธรรมมีเนอื้มตี วั เลอ่ื นลอยไปมาได้ อาจหนจี ากคนนไ้ี ปอย่กู ับคนทัน้ ถา้ ใครกราบไหว้ออ้ นวอนบ่อย ๆ ก็เข้าไปรุมลอ้ มคอยชว่ ยเหลอื คิดไปเสยี อย่างน้ี พอเข้าใจอยา่ งนี้ ก็พากนั ต้งั หน้าอ้อนวอนโดยเฉพาะอยา่ งยิงเวลามภี ัยมาถงึ ตัว เชน่เป็นความขึ้นโรงขึ้นศาลเกดิ เรื่องแลว้ จงึ จะคิดถงึ พระธรรม ขอให้พระธรรมชว่ ยกอ่ นหนา้ นัน้ ไมค่ ดิ ถึงธรรมะ ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ความจริง ธรรมะช่วยเราได้จริงๆ แตไ่ มใชเ่ พียงข้นั นี้ การพึง่ พระธรรมนัน้ เราต้องเขา้ ใจว่า พระธรรมก็คอื ความดี ธรรมะกค็ อื ความดี ความถูกต้อง การกระทำท่ดี แี ละถูกนั่นแหละคอื ธรรมะ การปฏบิ ตั ธิ รรมะกค็ ือเราจะทำอะไรๆ ก็ตามเลอื กทำแต่ท่ีดแี ละถูกต้องเท่านัน้ถา้ ผิดหริอเสีย อยา่ ทำ เม่อื เราทำดี ทำถกู การกระทำน้นั จะปรงุ ตวั เราให้ดขี นึ้ เมอ่ื ตัวเราดขี น้ึ แล้ว ความดีในตวั เราน่ันแหละจะเปน็ ท่พี ่ึงของเราอีกทีหน่งึ คือเราทำความดี ความดปี รุงตวั เราใหด้ ีข้ึน เม่ือตวั เราดีแลว้ เรากไ็ ด้พึ่งตัวเรานนั่ เอง เหมอื นอยา่ งทวี่ ่า คนเราตอ้ งพง่ึ อาหาร แตว่ ิธีพง่ึ อาหารน้ัน ไม่ไชใหอ้ าหารหมูเหด็ เป็ดไกม่ ารวมกนั ช่วยเรา วิธีพึง่ อาหารน้นั เราต้อง๒๕๘
สขุ ใจท่ีใดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ีอชวี ติ ท่ีดีงามกนิ อาหารเข้าไปในตัว แลว้ อาหารน้นั จะแปรรูปมาเป็นเนอื้ ตวั เลือดลมของเรา จะทำตัวเราใหอ้ ้วนท้วนแข็งแรงข้นึ เสร็จแล้วเรากพ็ ่ึงความแข็งแรงหรอืพง่ึ ร่างกายของเรานน่ั เอง เรื่องพ่ึงธรรมก็เหมอื นกนั เราตอั งแกหัดตัวเราตามหลักธรรมนน้ั ๆหลักง่ายๆ กค็ ือ ตอ้ งทำถูกและทำดเี สมอ เสร็จแลว้ การกระทำของเราเองจะปรุงตัวเราเองให้ดขี ึน้ ปรุงใจให้ซอ่ื สตั ย์สุจริต ปรงุ ปากให้ออ่ นหวาน ปรงุกริ ิยามารยาทใหเ้ รียบรอ้ ย รวมความว่า ทำใหต้ ัวเรานืด้ ีขนึ้ แล้วเราก็ไต้พ่งึความดใี นตวั เรา ตรงตามหลักที่วา่ ตนเป็นทพ่ี ึ่งของตน การพ่งึ อย่างน้ี แทนท่ีพระธรรมจะช่วยเรา แต่เพียงวา่ เมื่อมีใครคดิ ร้ายเอาปนี ยงิ กใ็ หแ้ คล้วคลาดไม่ใชเ่ พยี งเทา่ น้ัน แตพ่ ระธรรมไต้ชว่ ยเรามากกวา่ นั้น คือช่วยใหเ้ ราเป็นคนไม่มศี ัตรทู ี่'จะคิดเอาปีนมายงิ เสียดว้ ย,ช้าํ การท่ีเรามศี ตั รูคอยดกั ยงิ แตว่ า่ ยิงเราไม่ถูกกบั การที่เราไม่มใี ครคดิ ร้ายเลย เปน็ ชวี ิตทม่ี ีความสุขต่างกนั มาก บางทา่ นอาจท้อใจว่า เราเองก็ลอู้ ุตสา่ หป์ ฏบิ ตั ธิ รรม มีศีลมธี รรมแตก่ ็ยงั มีคนตัง้ ตัวเปน็ ศตั รูจงเกลียดจงซังต่าง ๆ เรือ่ งนตี้ อ้ งเขา้ ใจวา่ คนยังมกี เิ ลสก็ย่อมมีการกระทบกนั บา้ ง แมแ้ ตพ่ ระพทุ ธองคก์ ไ็ ม,พน้ ท่จี ะถกูพระเทวทต้ คิดทำร้าย นกั ธรรมะจะตอ้ งมองเพอ่ื นมนษุ ย!์ นโลกนื!้ นลกั ษณะที่ว่า เขาเปน็ เพ่ือนร่วมทุกขก์ ับเรา และทุกคนถูกไฟกิเลสเผาใจอยู่ เช่น ถูกความโกรธ ความโลภ ความริษยา เผาลนหัวใจจนร้อนวิ่งไปวิง่ มาก็อาจชนเราเขา้ บา้ งก็ไต้ ตามปกติคนท่ยี ังทำบาป มกั จะไปกระทบฝา่ ยที่หยุดทำบาปฝา่ ยผู้ผิดธรรม มักจะเป็นฝา่ ยกระทบผู้ประพฤตธิ รรม ทำนองเดยี วกบั คนที่เดนิ หรือวิง่ ย่อมเป็นฝ่ายกระทบคนยนื หรอื นง่ั อยกู่ ับท่ี เพราะฉะนัน้ เม่อืเราถกู กระทบ จงใหอ้ ภยั และสงสารเขา ในฐานะท่เี ขาถูกกิเลสบางอยา่ งเผาใจจนต้องวิ่งพลา่ นมากระทบเราเข้า ตัวเราก็เหมอื นกัน ถา้ ปลอ่ ยให้กิเลสเผาใจมาก ๆ ประเดย๋ี วกว็ ิงไปเที่ยวทำความเดือดร้อนใหซ้ าวบา้ นเขา้ บา้ งเหมือนกนัตอ้ งระวัง ๒๕๙
สุขใจทไ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพ่ีอชวี ติ ที่ดปี า่ มโ ด ย . . . พ ัน ต ร ี ส ุช า ต ิ ส ม ม า ต ร แขงด( ( 1 1 ' การแขง่ ดี เป็นเรอ่ื งดี หรือเสีย ขอใหท้ า่ นผู้อ่านทกุ ท่านกรุณาพจิ ารณาให้ดี การแขง่ ดีน้นั ทา่ นหมายถงึ การท่ีเราจะทำความดีแขง่ คนอืน่ โดยคดิ หาทางทำใหค้ นอ่ืนเสียหายควบไปดว้ ย ทำดใี หต้ วั และในโอกาลเดยี วกันกท็ ำเสยี ใหค้ นอน่ื ดว้ ย ทำอยา่ งนเี้ รียกวา่ แขง่ ดี เช่น อยากใหต้ ัวมีช่ือเสยี งเหมอื นเขา ในโอกาสเดยี วกบั ทหี่ าชือ่ เสียงใหต้ ัวน้นั ก็หาทางใหร้ า้ ยเขาไปด้วย ไมใช่เพียงแต่ทำความดแี ขง่ กัน เช่น นกั เรยี นตา่ งคนตงั้ ใจเรียน ต่างคนหมายจะสอบเอาทีห่ นงึ่ ใหไ้ ด้ กมั หนัากัมตาเรียนตามหน้าที่ของตน ไมไ่ ด้ปดั แขง้ ปัดขาใคร อยา่ งนไ้ี มใช่การแข่งดี หรือเราเห็นคนอ่ืนมีความร้คู วามสามารถดี แล้วพยายามขะมักเขม้นทำตัวให้เก่งอยา่ งเขาด้วยบรสิ ุทธื้1จ อย่างน้ีกไ็ มเ่ ป็นการแขง่ ดี เปน็ ความขยันหมน่ั เพียร พระพุทธองค์ก็ทรงสรรเสริญ ตัวอยา่ งการแขง่ ดี เช่น พระเทวทตั คร้ังเมอื่ พระพทุ ธเจ้ายงั ทรงพระชนม์อยู่ เสดจ็ ไปเทศนาส่งั สอนประซาซน มีคนเคารพเลือ่ มใสมาก เป็นพระศาสดาเอก พระเทวทตั เกิดอยากจะแข่งศวามดีเดน่ กับพระพุทธเจา้และไดด้ ำเนินการหลายวิธีท่ีจะทำใหพ้ ระเกียรตขิ องพระพทุ ธเจา้ เสื่อมเสียจนกระทงั่ พยายามปลงพระชนม์ ในโอกาสเดยี วกนั ก็หาทางแสดงตวั ให้คนอื่นเห็นว่าดดี ้วย การกระทำของพระเทวทัตนี้เป็นลกั ษณะการแขง่ ดโี ดยตรง ขอ้ เสยี ของการแข่งดี คอื คนแขง่ ดเี ป็นคนทำงานสองอย่างควบกันคือทำดีกบั ทำเสยี ในขณะเดยี วกนั ทำดีใหต้ วั และทำเสียใหค้ นอื่น การที่เราทำเสียให้คนอน่ื นน้ั เราผู้'ทำนแี่ หละเปน็ คนเสีย และเสยี กอ่ นผ้ถู ูกทำ คือเร่มิ เสียต้งั แตค่ ดิ วา่ จะทำ คร้นั ทำเขา้ ตัวเองกเ็ สยี ก่อน เหมอื นเราควักโคลนขวา้ งใส'คนอื่น มอื เราดอ้ งเบื้เอนกอ่ น คือเบ้ืเอนตั้งแต่ควกั สว่ นคนถูกขวา้ งน้นั เปอี นทหี ลัง คอื เบื้เอนตอนท่ีขว้างแล้ว การทำชัว่ ใส่คนอืน่ กเ็ หมอื นกันตวั ผู้ทำนน่ั แหละชว่ั ก่อน เสยี ก่อน๒ ๖๐
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชวี ิตท่ดี ีปา๋ ม ข้อเสยี อีกประการของการแข่งดี คอื เปน็ การทำลายตัวเอง ไม่ใช่ช่วยตัว เพราะคนผคู้ ิดแขง่ ดนี ้ัน ความนกึ คิดไมป่ กติ แนวความคิดไมเ่ ปน็ระเบยี บ เพราะความที่อยากจะแข่งกับเขานัน้ ก็เป็นการแข่งผลข้นั สุดท้ายเลยทีเดยี ว ไม่ไดค้ ดิ ทำเหตใุ หส้ มกบั ผล ตามปกตขิ องทุกสิ่งทุกอยา่ งจะข้นึ ไปถึงจดุ ดจี ุดเด่นไดจ้ ะตอ้ งเปน็ ไปตามวถิ ที างของสงิ่ นัน้ ตนั ไม้มีดอกงาม บานสะพรั่งน่าซม ไมใ่ ช่ว่าปบุ ปับจะเป็นอยา่ งนัน้ ได้ มันจะต้องเดินมาตามทางของมัน ตัง้ แต่มีดน้ เลก็ ๆ แล้วงอกงามข้ึนจนกระทัง่ มีดอกตมู แล้วจึงกลายเป็นดอกบานสวยงามนา่ ชม น่ีวิถีทางของดอกไมง้ าม เราเหน็ สตั วใ์ หญ่ เชน่ชา้ งมา้ ก็ดอ้ งเขา้ ใจว่าทม่ี ันใหญโ่ ตอย่างน้นั ม้นก็เริ่มมาจากด้นทางของมันเหมือนกนั ต้งั แตเ่ กดิ ข้ึนเป็นตัวเล็กๆ แลว้ โตขนึ้ ๆ กระดูกใหญข่ ้ึน เนอ้ื มากข้นึ หนงั หนาขึ้น ใหญข่ ึ้นตาม ๆ กนั ทกุ ส่วน มนั จึงใหญอ่ ยา่ งทเี่ ราเหน็ การแข่งดี เป็นเหมือนการแข่งความงามสดุ ทา้ ยของดอกไม้ หรือแข่งความใหญ่โตขั้นสดุ ท้ายของช้างทีเดียว ไม่ก้าวไปตามลำดับข้ัน คนคดิ แขง่ ดี เขามักจะไมร่ ู้จักประมาณตัว ทำในสง่ิ ท่ไี มค่ วรทำ ทำไม่เหมาะ ทำไมน่ า่ ดู แม้จะเป็นคนมีความร้แู ละมคี วามชำนาญ กม็ กั จะพลาดเพราะมวั เอาใจไปไวก้ ับการแขง่ หนกั เขา้ ไม่ใชอ่ ยากเหน็ ความดีของตวั แต่กลายเปน็ อยากจะเห็นความพ่ายแพย้ ่อยยับของคนอื่น คือของคู่แข่ง คนเราถา้ จิตใจยงั ตา จนเห็นความพินาศยอ่ ยยบั เป็นของนา่ ดูแล้วใจกช็ ่ัวเศรา้ หมอง โทษของการแขง่ ดีกบั คนอน่ื นั้น ท่ีสำคญั คือ ทำใหค้ นอ่นื ขาดความนยิ มนับถอื ในตวั และเป็นจดุ เรม่ิ ด้นแหง่ การแตกสามคั คีของหมู่คณะ การทำความดี ความเด่นนน้ั พระพทุ ธเจา้ ทรงสรรเสริญเป็นความดีแต่ทกุ คนก็ควรจะต้ังหนา้ ทำ ความดีในเส้นทางของตน อย่าไดไปมุ่งแต่ทจ่ี ะแยง่ ดี ปดแขง้ ปดขาคนอ่ืน สอ่ นสิ ยั วา่ เปน็ คนอยากดีคนเดยี ว ๒๖๑
สุขใจทีไ่ ดอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชวี ติ ทีด่ งี ามโ ด ย . . . ร ้อ ย เ อ ก ว รี เ ส น พ รม ป าน “ ความตัองการ” มอี าการของจิตใจบางอยา่ งทสี่ ามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนให้เปน็ ไปต่างๆ ได้ อาการท่วี ่าน้ี คอื “ความตอ้ งการ” เกอื บรอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ตข์ องคนท่ที ำความผิดตา่ ง ๆใหห้ นังสือพิมพ์ลงขา่ วอยูเ่ ป็นประจำก็เป็นฤทธ้เี ดชของความตอ้ งการท้ังน้ัน ความตอ้ งการ ตรงกบั ภาษาซาวบา้ นว่า ความอยาก คอื อยากได้นัน่อยากไดน้ ่ี หรอื อยากเป็นน่ัน อยากเป็นน่ี ความอยากน้ีพดู ใหส้ ุภาพหนอ่ ยว่าความปรารถนา หรือความตอ้ งการ ทำไมคนเราจงึ มคี วามตอ้ งการ เห็นจะไม่ต้องพูด เพราะร้กู ันอย่แู ลว้เพราะวา่ ร่างกายเนอ้ื ตัวของคนเรา มนั มีความบกพร่องอยู่ในตวั ต้องได้ของอื่นเขา้ มาปรนเปรอ คนเราชอบอ่มิ แต่ในตัวเรากไ็ ม่มีความอมิ่ ตอ้ งหาข้าวหาน้ําจากภายนอกมาทำใหอ้ ่ิม ไมม่ ีใครอิม่ ในตัวได้ เราชอบความอร่อยแต่ความอร่อยในตวั เราเองกไ็ มม่ ี ล่งี ทีจ่ ะทำใหต้ วั เราอร่อย มนั ต้องเอามาจากคนอื่น สัตว์อน่ื และสิ่งอื่น ซ่งึ อยู่นอกตัวทงั้ นั้น เชน่ ไดจ้ ากเน้ือสตั ว์เน้ือปลา ผัก ขา้ ว และอืน่ ๆ ซง่ึ ล้วนแต่ไม่มีอยูในตวั เราเองเลย ตับไตไลพ้ ุงในตัวเรากม็ ี แตม่ ันไมอ่ รอ่ ยลำหรบั เรา มันไปอร่อยสำหรับสตั ว์กนิ เน้ืออยา่ งอื่นช้นั ท่สี ุด ลมซึง่ มีไวล้ ำหรับหายใจไมใหต้ าย กต็ อ้ งสูดเอามาจากขา้ งนอกท่ีมอี ยูโ่ นตัวเราเอง,ไม,พอ อยากรูว้ ่าพอหรือไม่พอ ลองปดิ ปาก ปดิ จมูกดูสักห้านาที ก็ร้'ู วา่ พอหรอื 'ไมพ่ อ ความตอ้ งการ ที่ว่าดหี รือไมด่ ีนนั้ ดไู ดห้ ลายแง่ คือ ดสู งิ่ ที่ตอ้ งการกไ็ ด้ ดวู ธิ ีที่จะเอาส่งิ นั้นมาก็ได้ ถ้าสิ่งท่ตี อ้ งการ หรือวธิ ีทจี่ ะเอาของน้ันเปน็ การชว่ั การตา ความตอ้ งการนนั้ เรียกวา่ ความต้องการเสยี หาย ใชไม่ได้คอื ตอ้ งการสิง่ ท่ไี มด่ ี ดไี มต่ อ้ งการ ไพลไ่ ปต้องการสิงทีไ่ ม,ดี แต่อย่าลืมว่า๒๖๒
สขุ ใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพื่อชีวติ ท่ดี ีงามทว่ี ่าไมด่ ี ๆ นั้น อาจไม่ดีโดยวัตถุก็ได้ เชน่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ สอนอยู่ทุกว่ีทุกวนั ว่า คบคนชวั่ ไมด่ ี กย็ งั ต้องการจะเอาคนชั่วคนเลวมาเปน็ เพื่อนนีเ่ รียกวา่ ไมด่ ีโดยวตั ถุ ทว่ี า่ ไมด่ โี ดยวธิ กี ารน้ัน หมายความว่า ทางวัตถดุ ี เช่นต้องการสรอ้ ยทองคำสักเส้นหน่งึ แต่หาเอาโดยวธิ ขี โมย อยา่ งน้ี สร้อยทองคำไมเ่ สยี เปน็ ของดีจริง แต่ไปเสยี ทว่ี ิธีหาลายสร้อยทองคำ คือวธิ ขี โมยเอาเปน็ วิธีทไี่ ม่ดี ความสขุ ใจสบายใจจะมขี ึ้นได้ เพราะความเหมาะสมกนั ของสองสง่ิคือ ความต้องการของเรา กับสิ่งท่ีเราต้องการ วิธแี กัความทุกขท์ ีเ่ กิดจากความตอ้ งการ คอื ขจดั ความต้องการให้เหมาะกับสิง่ ทีไ่ ดีวธิ ีหนง่ึ อกี วธิ ีหนึ่งคือ จัดสิ่งท่ไี ดใ้ ห้มาเหมาะกบั ความตอ้ งการความตอ้ งการเปน็ สิ่งที่เราสรา้ งขึน้ สว่ นส่ิงท่เี ราตอ้ งการนนั้ คนอนื่ เป็นผู้สร้างเพราะฉะน้ัน เราต้องแก้ความตอ้ งการของเรา ใหต้ รงกับสงิ่ ทีค่ นอน่ื สร้าง ไมใช่ไปแก้สิง่ ทคี่ นอนื่ สรา้ งให้มาตรงกบั ความต้องการของเรา พระท่านสอนว่า“โลกพรอ่ งอย่เู ปน็ นติ ยไ์ มร่ ู้จักอิม่ เป็นทาสของความอยาก (คอื ความตอ้ งการ)” ความตอ้ งการน้ี ถ้าเป็นความตอ้ งการท่ีไม1เป็นประโยชนแ์ ละไมเ่ ปน็ ธรรม ก็จะนำความเสื่อมเสียมาสตู่ ัวเราไดป้ ิญหาทุกอย่างทเ่ี กดิ ข้ึนในชาติบา้ นเมืองของเรา ไมว่ ่าจะเปน็ ปิญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาเรอ่ื งโรคเอดส์ปัญหาการกดขี่ทางเพศในเดก็ ปญั หาใชแ้ รงงานเดก็ ปญั หาทจุ รติ คอรร์ ปั ชนัเปน็ ต้น สาเหตุก็มาจากความต้องการท่ไี มเ่ ป็นประโยชน์และไมเ่ ป็นธรรมทั้งส้นิเพราะฉะน้นั การแกป้ ญั หาท้งั หลายบรรดามีในโลกนี้ ต้องแกท้ ค่ี วามตอ้ งการของตวั เอง ใหเ้ ป็นความตอ้ งการทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละเปน็ ธรรม ๒๖๓
สุ'ขใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทดี่ งี ามโ ต ย . . . พ นั ต ร ี ส ุช า ต ิ ส ม ม า ต ร “ การดูหมี่บ” คำไทยเราทีว่ า่ ดูหมนิ่ ดูถูก ดูแคลน มคี วามหมายใกลเ้ คียงกัน การดหู มน่ิ เป็นอาการทางจติ ใจ คีอการท่ใี จของเราเหน็ คนอนื่ ว่าช่ัวช้าเลวทรามกวา่ ตัวพดู งา่ ยๆ คือนกึ เหยียดหยามเขา ในโลกน้มี สี ัตวท์ ม่ี ีชีวิตและมใี จครองอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น เสอืชา้ ง จระเข้ ปลา งเู หลือม งเู หา่ ไก่ เป็ด และอน่ื ๆ ตัวเราเองกเ็ ปน็ สตั ว์โลกชนิดหนึง่ เปน็ ประเภทคนคอื เกดิ มาเป็นคนและได้มาพบปะรจู้ ักกบั คนด้วยกนัอีกหลายคน ที่บังเอญิ เกดิ มาในโลกเดยี วกันและในยุคเดยี วกัน ใครจะเป็นอะไรก็ตาม เป็นพลทหาร เป็นนายทหาร เปน็ นายจา้ ง เป็นลูกจา้ ง พืน้ เพจรงิ ๆก็คือเป็นประเภทคนด้วยกนั คนทเี่ กดิ มาเป็นคนแล้วจะเปน็ คนดีในหมู่คนดว้ ยกนั ไดจ้ ะต้องรู้จกัทำสองอยา่ งคอื รบั กับให้ ต้องเป็นทงั้ รับ เปน็ ท้งั ให้ รบั คอื รบั จากคนอน่ื เช้ามาใสต่ วั เช่น รับคำลอน รับความรรู้ บั การชว่ ยเหลือ รับการเคารพ รบั ความเป็นมิตร รบั ความกรณุ าปรานี ให้ คอื แจกจ่ายออกจากตัวเราไปให้คนอื่น เชน่ ให้วชิ าความรู้ใหก้ ารช่วยเหลือ ใหก้ ารออ่ นน้อม ใหม้ ติ รภาพ ใหค้ วามเมตตากรุณา ให้ความย้มิ แยม้ แจม่ ใล การดูหม่นิ คนอน่ื น้ัน เป็นอุปสรรคท้งั ตอ่ การใหแ้ ละการรับ ระหวา่ งตัวเรากับคนอนื่ คนทด่ี หู มิ่นคนมักต้งั ข้อรังเกยี จข้ึนในคนอนื่ ว่า เขาเลวอยา่ งนน้ั เขาต้าั อยา่ งน้ี เห็นคนอืน่ ว่าไมค่ ู่ควรทีเ่ ราจะให้ เชน่ จะใหค้ วามอ่อนนอ้ มหรอื จะให้ความนับถอื หรือแม้จะให้การสนทนาปราศรัย ก็เหน็ ว่าเขาไม่ควรทเี่ ราจะให้ เมื่อเห็นวา่ เขาไม่คคู่ วรแกท่ ่ตี ัวจะใหแ้ ล้วก็เลยไมไ่ ดีให้ เมื่อไมให้มนั ฝ่ายรับกเ็ หมอื นกัน เห็นคนอนื่ เปน็ คนตา่ํ ชา้ เลวทรามจนไม่คู่ควรทีต่ ัว๒๖๔
สุขใจทีไ่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชวี ิตทดี่ งี ามจะรับความเคารพนับถือจากเขาก็รังเกยี จ จะรบั ความเปน็ มิตรจากเขาก็รังเกียจ จะรบั ฟิงความคดิ ความเห็นของเขาก็รังเกียจ ช้ันทส่ี ุดจะรับคำส่งั สอนตักเตือนจากเขากร็ ังเกียจ คือเม่ือเห็นเขาเปน็ คนเลวทรามเสยี แล้วกเ็ ลยรังเกียจทจ่ี ะรับ เม่ือรงั เกยี จแลว้ ก็เลยไม,ไดร้ บั สรุปว่า การดหู มื่นคนอ่ืนน้ันมันตดั เส้นทางแห่งความดี ความเจริญท้งั สองทาง คือ ทางรับและทางให้ และความดี ความเจริญจะเข้ามาสู่ตัวเราได้ ก็โดยทางทง้ั สองนี้เทา่ นนั้ เมอ่ื ตดั เสียทงั้ สองทางแล้วกห็ มดดี หมดเจริญ การดถู กู ดูหมน่ิ กัน เปน็ รอยรัาวแห่งสังคมทุกชนั้ คนเราไมว่ ่าจะรกั กันแค่ไหน ถ้าถกู อีกฝ่ายหน่ึงแสดงกิรยิ าวาจาดูถกู เหยยี ดหยามเสียแลว้ความรัก ความนบั ถอื กจ็ ืดจางลงทันที ชัน้ ทีส่ ุดแมแ้ ตผ่ ัวเมยี กนั หรือญาติพีน่ ้องกนั ถ้ามีการดหู ม่ินเหยยี ดหยามกนั กย็ ากทจ่ี ะยึดเหนี่ยวนั้าใจกันไวไ่ ด้เพราะฉะนั้น พุทธองคจ์ ึงทรงพราสอนวา่ ไมให้ดหู มิ่นกนั การคิดดหู ม่นิ คนอ่ืนนัน้ ผู้ท่เี สยี หายจรงิ ๆ ก็คอื ตวั ผู้ดูหมนิ่ น่ันเองขอ้ น้ตี อ้ งระวังคือ เมือ่ เรามฐี านะสงู ขึ้น ความรู้สงู ข้นึ ยศสงู ขึน้ ตำแหน่งสงูข้ึน หรอื รํา่ รวยมากขนึ้ พอเราเกดิ เมาความสูงของตวั เอง การคิดดูหม่ินกม็ ักจะเข้ามาแทรก คอื มนั ทำใหเ้ ราเห็นวา่ คนอนื่ ตํ่าข้าลง เซน่ ตัวเป็นขา้ ราชการกม็ องเห็นชาวไร่ชาวนาเปน็ คนตํ่า หนักเข้ากเ็ หน็ เพ่ีอนๆ ตาลงไป หนักเข้าไปอีกแม้แต่ครอู าจารยข์ องตนเองก็ดูหม่นื ทรี่ า้ ยที่สุด ดูหมน่ื กระทง้ั พ่อแมบ่ ังเกิดเกลา้ของตวั เอง ใหเ้ ห็นไปวา่ พ่อแมต่ าตอ้ ยกวา่ เรา คนประเภทน้ี เรยี กวา่ ต้นไม้ลืมต้น คือต้นไมซ้ ่งึ เกดิ จากพ้นื ดิน ไดน้ ํ้าได้ปยุ จากดนิ จนกระทง้ั สงู ขน้ึ ๆกระท้งั ปลายของมันไปเกลอื กกลว้ั อยกู่ ับอากาศกลางหาว เลยเผลอตวั ไปวา่ตวั เองเปน็ วงศ์วารของก้อนเมฆ ของดาวเดอื น เหน็ แผ่นดนิ เปน็ 'ของตา่ํ ตอ้ ยแล้วคิดจะถอนรากข้นึ ไปจากดนิ เสียให้พ้น ฉะนั้น คนทดี่ ูถูกคนอื่น ก็คอื คนท่ดี ถู กู ตวั เองน่นั เอง จึงใหร้ ะวงัการดหู มนื่ คนอ่นื นน้ั ไมด่ ี จงเตือนตัวอยู่เสมอว่า เมือ่ ตัวเองยังเป็นคนอยู่กจ็ งอยา่ ดหู มนิ่ คนด้วยกนั เป็นอนั ขาด เพราะการดหู มนื่ คนอน่ื นน้ั ทำให้ตวั เราเองทรุดต่าํ ลงทุกที ๒๖๕
สขุ ใจที่ได้อ่านสารธรรมเพ่ึอชีวติ ที่ดงี าม โ ด ย . . . ร อ้ ย โ ท พ ร ส ว ร ร ค ์ จ ัน โ ป ร ด “อาบกุ 'าผของ'โมรปรติ ร” ในอดตี กาล พระโพธิสตั วเ์ กดิ เป็นนกยูงมีขนสที องงดงามมากอาศัยอยู่บนเขาสงู ชือ่ ทัณฑกหริ ญั บรรพต นกยูงโพธสิ ัตว์น้ันระมัดระวังรักษาตวั เปน็ อย่างมาก ท่ีอยู่อาศัยจึงลี้สบั และไกลจากถิน่ มนุษย์ ถึงอย่างนัน้ นกยูงกย็ ังรา่ ยมนตรส์ ำหรบั คมุ้ ครองป้องกันตัวใหป้ ลอดภยั ทุกเชา้ เยน็ เมือ่ พระอาทติ ยอ์ ุทยั นกยูงจะบนิ ไปจบั ทีย่ อดเขาลูกนั้น เพ่งดูพระอาทติ ย์กำลงั ขึ้น พลางรา่ ยมนตรน์ มสั การพระอาทิตย์อทุ ัยวา่ อเุ ทตะยญัจักขมุ า เอกกะราชา เป็นตน้ ตลอดจนกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้าทง้ั หลายซง่ึเสดจ็ ปรนิ ิพพานไปแล้วในอดตี เพือ่ เปน็ เครอื่ งคุ้มครองรกั ษาให้ปลอดภัยในถนิ่ ทท่ี ่องเทย่ี วไปหาอาหารในเวลากลางวัน พอตกเยน็ นกยงู ก็จะบนิ ไปจบั ที่ยอดเขาทัณฑกหริ ัญบรรพต แลว้ ร่ายมนตร์นมัสการพระอาทิตย์ที่กำลังอสั ดงว่า อะเปตะยญั จักขุมา เปน็ ต้น กล่าวนมัสการพระพุทธเจ้าท้งั หลายซึ่งเสด็จปรนิ พิ พานไปแลว้ ในอดตี ตลอดจนนมสั การคุณของพระองค์ แล้วก็เข้านอนเพอื่ เป็นเครอ่ื งคุม้ ครองปอ้ งกันรักษาตนให้ปลอดภยั ในถนิ่ ทอ่ี ยู่อาศัย ดว้ ยอานภุ าพแห่งพระปรติ รทีน่ กยูงนมัสการเซ่นนีเ้ ป็นกจิ วัตรทุกวนั เช้าเยน็ มีไต้ขาด จึงทำใหน้ กยงู แคล้วคลาดปลอดภัยตลอดมา วนั หน่ึง พรานป่าคนหนงึ่ เท่ียวลา่ สัตว!์ ปจนถึงถน่ิ นน้ั ได้เห็นยงู ทองบนยอดเขาน้นั โดยบงั เอญิ เม่ือกลับมาบา้ นจึงบอกลกู ชายของตนใหท้ ราบไว้ต่อมาพระราชเทวขี องพระเจา้ พาราณสพิ ระนามวา่ เขมา ทรงสุบนิ ว่าได้เหน็ นกยงู ทองแสดงธรรมใหพ้ ระองค์ฟง้ ครัน้ ตนื่ บรรทมจึงทูลพระราชสวามีให้ทรงทราบ แลว้ พระนางกท็ ูลบอกพระประสงค์จะฟงั ธรรมของนกยงู ทองพระราชาจึงตรัสถามเหลา่ อำมาตยว์ า่ มนี กยูงทองอย่จู ริงหรอื อำมาตยท์ ูลว่า พวกพราหมณ์คงจะทราบ จงึ ตรัสถามพราหมณพ์ วกพราหมณ์รบั รองว่าเคยไดย้ ินมาว่านกยูงทองน้นั มอี ยู่จริง แต่ไม,ทราบแหล่งทอี่ ยูอ่ าศยั พวก๒๖๖
สขุ ใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่ดี ีงามพรานป่าคงพอจะรู้ พระองคจ์ ึงมีรับสง่ั ให้เรยี กประชมุ บรรดาพรานปา่ทงั้ หลาย แล้วตรสั ถามถงึ เรอ่ื งนกยงู ทอง บุตรของพรานปา่ คนนนั้ กก็ ราบทลู ให้ทรงทราบว่า นกยงู ทองมอี ยจู่ ริง พ่อของตนเคยเห็นนกยงู ทองตัวหนงึ่ อาศยัอยทู่ ภี่ เู ขาทณั ฑกหริ ัญบรรพต พระองคจ์ งึ รบั สง่ั ใหบ้ ุตรพรานปา่ ไปจบั มาถวายเป็นๆ พรานน้นั เทีย่ วไปในป่าเสาะแสวงหาถิ่นท่อี ยแู่ ละทลี่ งหาอาหารของนกยงู จนพบแล้วจงึ ไปวางบ่วงในท่ีนน้ั ด้วยอานุภาพแหง่ มนตรแ์ ม้นกยูงจะเหยยี บบ่วงทนี่ ายพรานดกั ไว้ บว่ งก็ไม่คล้องเท้า นายพรานพยายามดักอยู่ถ งึ ๗ ปี โดยมิได้กลับบ้านเพราะกลวั ตอ้ งพระราชอาญา แตก่ ็ไม่สามารถจับนกยูงทองได้ และแคล้วคลาดบ้าง บว่ งไม่แล่นบา้ ง ในที่สุดนายพรานคนนัน้ก็ถึงแก่ความตายอยกู่ ลางป่านนั้ พระนางเขมาราชเทวี เมอื่ ไม่ไตฟ้ ้งธรรมจากนกยูงทองดังพระประสงคก์ ต็ รอมพระทัยส้นิ พระชนม่ไป พระเจ้าแผ่นดนิ ทรงผกู อาฆาตว่าพระราชเทวตี อ้ งสิ้นพระชนมเ์ พราะนกยูงทองตัวนัน้ จงึ มีรับสั่งให้จารกึแผ่นทองคำวา่ “มีนกยูงทองตัวหน่งึ อาศัยอยู่บนยอดเขาท้ณฑกหิรัญบรรพตหากผใู ดไดก้ นิ เนอ้ื ของมัน ผู้น้นั จะมอี ายุยืนไมแ่ ก,และไมต่ าย” และใหบ้ รรจุใส่หบิ ทองเกบ็ 1ไว้ เมื่อพระราชาองคน์ นั้ ส้ินพระชนม์แลว้ พระราชาองค์อืน่ขนึ้ ครองราชยส์ ืบต่อมา ได้ทราบความในจารกึ แผ่นทองนน้ั มพี ระประสงคท์ ีจ่ ะมีพระชนมายยุ ีน ไมแ่ ก,และไม่ตายดงั ในจารกึ จงึ รบั ส่ังให้พรานอีกคนหน่ึงไปจบั นกยงู ทองตวั น้นั แม้พรานคนนน้ั จะพยายามลกั เทา่ ใด ก็ไม่สามารถจบันกยงู ทองตวั น้นั ไต้ จนในทสี่ ดุ ตนเองกต็ ้องมาทงิ้ ชีวติ อยู่กลางป่าเช่นเดยี วกับพรานคนก่อน เหตกุ ารณ์เปน็ ดงั นืต้ อ่ มาโดยทำนองเดยี วกนั ถงึ พระเจ้าแผน่ ดนิ ๖ พระองค์ ครั้นถงึ สมยั พระราชาองค์ที่ ๗ ครองราชย์ พระองค์กร็ บั สงั่ให้พรานปา่ ไปจบั นกยงู ทองตวั น้นั มาตามจารกึ นายพรานคนนัน้ ปัญญาหลักแหลม ไปสังเกตการณ์อยหู่ ลายวันจึงรู้ว่าทนี่ กยูงตัวน้ีไมต่ ิดบว่ ง เพราะร่ายมนตร์ปอ้ งกันตนกอ่ นแลว้ ออกหากิน จึงไม่มใี ครสามารถจบั ได้ นายพรานคิดว่าหากสามารถจบั ก่อนท่ีนกยูงจะรา่ ยมนตร์ก็น่าจะจับได้ เมื่อคดิ ดงั นี้ ๒๖๗
สุขใจทีไ่ ด้อ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทดี่ ีปา่ มแล้วก็กลบั เข้าป่าไปจบั นกยูงตวั เมยี ตัวหนึ่งมาเลี้ยงไว-จนเซอ่ื ง หดั ให้ฟอ้ นรำขบั ร้องจนชำนาญดีแลว้ กอ็ ุ้มนางนกยงู ไปแต่เข้าตรู่ ก่อนเวลาท่ีนกยูงทองจะร่ายมนตรจ์ ึงปกั หลกั ตกั บว่ งไว้ และปล่อยนางนกยูงรำแพนสง่ เสยี งรอ้ งรับอรณุ อยกู่ ้องปา่ พอนกยงู ทองได้ยนิ เสียงนางนกยงู กเ็ กดิ ความกระลันกระลบั กระส่ายเร้ารอ้ นรัญจวนใจด้วยอำนาจกเิ ลส ไมส่ ามารถร่ายมนตร์ตามท่ีเคยปฎบิ ตั ิมา บนิ ถลาไปหานางนกยูงโดยเร็ว เลยตดิ บว่ งท่พี รานดกั ไว้ พรานจับนกยูงทองไปถวายพระเจ้าแผน่ ดิน พระองคท์ อดพระเนตรเห็นรปู ร่างของนกยูงทองนัน้ แล้วพอพระทัย และทรงโปรดปรานมาก ทรงลืมท่จี ะเลวยเนอ้ื นกยูงนน้ั เสยี สน้ิ โปรดใหเ้ ตรยี มทไ่ี วส้ ำหรบั นกยงู ทอง นกยูงทองได้ทูลถามพระราชาว่า มหาราชเจา้ พระองค์รบั สงั่ ใหจ้ บั ขา้ พระองคเ์ พราะเหตไุ รพระราชาตรัสว่า ได้ทราบวา่ ผูใดได้กนิ เนือ้ ของเจ้า ผนู้ ัน้ จะไมแ่ ก่และไม่ตายเราปรารถนาจะได้กินเนื้อของเจ้าแลว้ ไมแ่ กแ่ ละไมต่ ายจึงให้จับเจา้ มา นกยงู ทองกราบทลู ว่า มหาราชเจา้ ผทู้ ่ไี ดก้ นิ เนื้อขา้ พระองค์จะไม'แก1และไม่ตาย แต่ตวั ขา้ พระองค์สิด้องตาย พระราชาตรสั วา่ ถูกแล้วเจา้ ต้องตาย ถา้ เจา้ ไม,ตายแล้วจะกินเนือ้ ได้อย่างไร นกยูงทองกราบทูลวา่เมื่อขา้ พระองคย์ ังตอั งตาย ก็แลว้ ทำไมคนที่กนิ เนื้อของขา้ พระองค์จะไมต่ ายเล่า พระราชาตรัสวา่ มีจารกึ บนั ทึกไวว้ า่ เจา้ มีขนสิทอง ผใู้ ดไดก้ ินเน้อื ของเจา้แล้วจะไม่แกแ่ ละไมต่ าย นกยูงทองกราบทูลวา่ มหาราชเจ้า ทขี่ ้าพระองคเ์ กิดมามขี นเปน็ สีทองนมื้ ใิ ช,จะเกิดขึน้ เองโดยไม,มเี หตุ ในอดตี ชาติ ข้าพระองค์เกิดเป็นพระเจ้าจกั รพรรดิอยใู่ นนครน้ีแหละ ข้าพระองคร์ กั ษาศลี ๕ เป็นนจิและชักชวนอาณาประชาราษฎรใํ นพระราชอาณาเขตใหร้ กั ษาศีลดว้ ย เม่ือขา้ พระองค์ตายไปจึงได้เกดิ ในสวรรคช์ ัน้ ดาวดงึ สอ์ ย่จู นส้ินอายุ ในภพนน้ัแล้วจึงมาเกิดในกำเนดิ นกยูงนื้ เพราะผลแห่งอกุศลกรรมบางอยา่ งตามมาใหผ้ ล ทีข่ นขา้ พระองคเ์ ป็นสีทองกด็ ว้ ยอานุภาพแห่งศลี ๕ ท'ี่ ได้รกั ษาแต่'ชาติก่อนน้นั พระราชาตรัสถามวา่ เจา้ กล่าวว่าเจ้าเคยเกดิ เป็นพระเจา้ จกั รพรรดิครองราชยอ์ ย่ใู นพระนครนี้ กค็ ำท่เี จา้ กลา่ วน้เี ราจะเชื่อไดอ้ ย่างไร จะมใี ครเปน็ พยาน'ได้'บา้ ง๒๖๘
สขใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชีวติ ท่ดี ีป๋าม นกยงู ทองกราบทูลวา่ ขา้ แต่มหาราชเจา้ เม่ือเป็นพระเจ้าจกั รพรรดคิ รองราชยอ์ ยูในพระนครนี้น้นั ขา้ พระองค์นัง่ รถประดับดว้ ยแกว้๗ ประการ สามารถเหาะไปในอากาศได้ รถดันนั้นขา้ พระองคใื หฝ้ งื จมไว้ใต้สระโบกขรณี ขอพระองค์จงรับส่ังให้กรู้ ถดันนัน้ ขึน้ มาเถดิ รถน้ันจักเปน็สกั ขพี ยานของข้าพระองค์ พระราชาส่ังใหไิ ขนํา้ ออกจากสระ แลว้ ให้จัดการกูร้ ถขนึ้ มาได้ จงึ ทรงเชือ่ คำพระโพธิสัตว์ พระโพธสิ ตั ว์แสดงธรรมแกพ่ ระราชาว่า นอกจากพระนิพพานแล้วสงิ่ ทั้งหลายล้วนปรงุ แตง่ ข้นึ มีความไม,คงทนถาวร มเี ถิดข้ึนแลว้ กเ็ สอื่ มไปตามธรรมชาติ แลว้ ทูลขอให้พระองคต์ ั้งอยใู่ นศีล ๕ พระราชา ทรงเลื่อมใสมากทรงบูชาพระโพธสิ ตั วด์ ว้ ยราชสมบัติ ด้วยการยกราชสมบตั ใิ ห้ครอบครองพระโพธสิ ตั ว์รับแลว้ ก็ถวายคนื แด่พระราชา อยอู่ กี ๒ - ๓ วัน ถวายโอวาทพระราชาให้ตง้ั อยใู่ นความไม่ประมาท แลว้ ก็บินกลับไปสู่ทัณฑกหริ ัญบรรพตอนั เปน็ แหล่งท่อี ยอู่ าศยั ของตนตามเดมิอานภุ าพการปอ้ งกัน โมรปรติ ร เป็นพระปริตรทก่ี ล่าวถึงคุณของพระพทุ ธเจ้าในอดตีท้ังหลาย แล้วนอ้ มเอาพระพุทธคณุ ใหเ้ กิดเป็นพทุ ธานุภาพปกปอ้ งคุ้มครองใหม้ คี วามสวสั ดี แคลว้ คลาดปลอดภัย การสวดโมรปรติ รกเ็ พอื่ ให้เกดิ ความเปน็ สิรมิ งคล แคลว้ คลาด ปลอดภยั จากภยนั ตรายท้ังหลาย แมศ้ ตั รูมงุ่ ร้ายก็ไมอ่ าจทำอันตรายได้ ผู้ท่ีถูกใส,ความเป็นคดีฟ้องรอ้ งท่านใหส้ วดบทนี้ในบทขดั ตำนาน ทา่ นไดป้ ระพนั ธเ์ ปน็ คาถาแสดงอานภุ าพโมรปริตรไว้ ดังนี้ “ พวกพรานไพร แมพ้ ยายามอยู่ช้านาน กไ็ มอ่ าจจบั พระมหาโพ ธสิ ตั ว์ ผู้กำสงั บำเพ ญ็ โพ ธิสมภารได้ เราทงหลายจึงสวดพระปรติ รอนั เรียกวา่ พรหมมนต์ น้ันเทอญ ” ๒๖๙
สุขใจท่ีไคอ้ ่านสารธรรมเพอ่ี ชีวติ ท่คี ง้ ามโ ด ย . . . ร ้อ ย โ ท ส ฺธ รี ช า ต ิ ศ ร โี ร จ น า น ุร ัก ษ ์ “ยศ ย่อมเจรญิ ยงิ่ แก่บคุ คลผู้มีความขยันหมั่นเพียร มีสติ มีการงานสะอาด ใครค่ รวญแล้วจงึ ทำ มคี วามสำรวมระวงั มคี วามเปน็ อยูโดยธรรมและมคี วามไมป่ ระมาท” ยศ เปน็ ที่ปรารถนาของคนทั่วไป เป็นเหตใุ หส้ ำเรจ็ ประโยชน่ไนหนา้ ท่กี ารงานของตน เป็นทย่ี กย่องนับถอื ของบุคคลในสงั คม ช่วยส่งเสรมิให้ชีวติ สงู ขนึ้ กว่าพื้นฐานเดมิ ตามลำดับ จำแนกไว้ ๓ ประการ ไดแ้ ก่ ๑ . อสิ ริยยศ ยศ คือ ความเป็นใหญ่ได้รับการยกยอ่ งให้มยี ศศกั ดี้มตี ำแหนง่ ๒. ปรวิ ารยศ ยศ คอื ความเป็นผมู้ บี ริวาร มบี รวิ ารสำหรบั ช่วยเหลอื ๓. เกียรตยิ ศ ยศ คือ ความเป็นผมู้ ซี ่อื เสียง มีคุณความดีแผ'่ ไปทวั่ ทกุ ทศิ ยศ ๓ ประการท่ีกล่าวมาน้ี จะเกดิ มขี ึ้นได้ต้องประกอบดว้ ยคุณธรรม ๗ ประการ คือ ๑ . ความขยนั หมัน่ เพียร คอื จะตอ้ งมีความขยันหม่ันเพียรในกจิ การงาน ต า่ ง ๆ เพ ราะจะท ำให ้เกดิ ค วาม รูค้ วาม ส าม ารถ ท ำให ม้ งี าน มีทรัพย์สมบัติ ๒. มสี ติ คือ ตอ้ งรู้ตวั ระวังอยเู่ สมอในเรอื่ งท่ีคดิ ในกิจทท่ี ำ และในคำทพ่ี ูด ๓. มีการงานสะอาด คอื การงานทุกชนิดจะตอ้ งวางอยู่บนรากฐานของศลี ธรรม มีความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ มคี วามบรสิ ุท'ธ'ยุติธรรมเปน็ตวั นำหนา้ เพ่ีอความเจริญรงุ่ เรอื งก้าวหน้าทงั่ แกต่ นและสังคมสว่ นรวม๒๗๐
สุขใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพอื่ ชีวติ ทีด่ งี าม ใคร่ครวญกอ่ นแลว้ จึงทำ คอื การทำงานอยา่ งใดอย่างหนึ่งจะตอ้ งรูก้ อ่ นที่จะลงมือทำ ไมใชท่ ำก่อนแล้วค่อยรทู้ ีหลงั ซึง่ มกั จะสร้างปัญหาอย่เู สมอๆ งานทุกอย่างจึงต้องใครค่ รวญ วางแผนกอ่ นทำ ๕. สำรวมระวังดี คอื จะต้องระวงั กาย วาจา และใจ ใหต้ ัง้ มนั่อยูใ่ นศีลและคณุ ธรรม ๖. มคี วามเปน็ อยโู่ ดยธรรม คือ มีชีวิตความเปน็ อยู่อย่างถกู ต้อง ดว้ ยการทำความดี ละเว้นความชว่ั ทุกชนิด และทำจิตใจให้ผ่องใส ๗. มีความไม่ประมาท คอื ต้องไม,เลนิ เล่อ ไมเ่ ผอเรอปล่อยสติ รู้เท่าทนั เหตกุ ารณ์อยูต่ ลอดเวลา โดยเฉพาะเมือ่ ได้ลาภ ไดย้ ศ ได้ความสรรเสรญิ ไดค้ วามสขุ แล้วไม่ควรมัวเมา ไมค่ วรหลงใหล เพราะสง่ิ ที่ได้รับน้ันสามารถท่จี ะเกิดได้ ดบั ได้ เจรญิ ได้ และเส่อื มได้เหมอื นกัน คุณธรรม ๗ ประการนม้ี ีอยู่ในบคุ คลใดยอ่ มเปน็ เหตุใหเ้ กดิ ยศ คอืความยกยอ่ งนับถอื แก่บคุ คลน้นั สว่ นผทู้ ่ี1ไม่ประพฤติตามคุณธรรมดงั กลา่ วมายศที่ยังไม่มกี เ็ กิดขน้ึ ไมไ่ ด้ แมท้ ่มี อี ยู่แล้วย่อมเสื่อมหายไป เพราะยศเปน็โลกธรรมประการหนึง่ มคี วามเกดิ ขน้ึ ต้งั อยู่ และเสือ่ มไป ไมเ่ ท่ยี งแทแ้ นน่ อน ยศจึงนับว่าเป็นเครือ่ งประดบั ชีวิตทีส่ ำคัญ และไม่ไดเ้ กดิ ขน้ึ เองแก่ใครๆ ตามใจปรารถนาไม่ไดเ้ กิดจากการซื้อขายไมไ่ ด้เกดิ จากการแสวงหาที่ทุจรติ ผิดศีลธรรม แตจ่ ะเกิดมไี ดเ้ พราะความขยนั หม่ันเพยี รในการศกึ ษาและประกอบธุรกิจการงานทีด่ ี มีความไมป่ ระมาทในการดำรงชีวิต ๒๗๑
สุขใจท่ไึ ด้อ่านสารธรรมเพึอ่ ชวี ติ ทีด่ ีงามโ ด ย . . . ร อ้ ย โ ท ส ธุ รี ช า ต ิ ศ ร โี ร จ น า น รุ กั ษ ์ “ ข้อที่เม่ควรประผฦติ” ผหู้ วังความเจรญิ ควรประพฤติปฏิบตั ใิ ห้เป็นไปในทางทชี่ อบ มีปญั ญาพิจารณาว่าอะไรเป็นทางเส่ือมก็พึงละเว้น มงุ่ หาแตท่ างที่เจรญิทางที่ชอบ ประกอบด้วยประโยชน์ มีสติสมั ปชญั ญะ ตรวจตราให้รอบคอบประกอบด้วยเหตผุ ล ทำความเหน็ ใหเ้ ทย่ี งตรง ทำความประพฤติปฏิบัติใหเ้ ป็นเครื่องนำประโยชน์มาใหแ้ ก,ตนและผอู้ ่นี ไม่เปดิ โอกาสให้ผู้!ดกล่าวลว่ งเกินว่า เป็นผบู้ กพร่องในความประพฤติ พระพทุ ธเด้าทรงแสดงขอ้ ทไี่ มค่ วรประพฤติ ๒ ประการ คือ ประการท่ี ๑ ไม1พงึ เสพธรรมอันเลว ธรรมท่เี ลวในปัจจุบันนมี้ ีมากมาย เซ่น ทจุ ริต ๓ ประการ คอื ประพฤติชั่วทางกาย ประพฤตชิ ัว่ ทางวาจา และประพฤตชิ วั่ ทางใจ ประพฤติช่วั ทางกาย แบง่ ออกเป็น ๓ ประการคือ เบียดเบียนชวี ิตและความสุขของผูอ้ ื่น เบียดเบียนเอาทรัพยส์ มบตั ิเบยี ดเบียนเชอ้ื สาย สกุลวงศ์ ประพฤติชั่วทางวาจา แบ่งออกเปน็ ๕ ประการ คอื กล่าวเท็จหักราญประโยชนผ์ อู้ ื่น พดู ทำลายความสามัคคี กล่าวคำเสยี ดสีให้ชาํ้ ใจกล่าวคำเหลวไหลไม่เปน็ ประโยชน์ ประพฤติชวั่ ทางใจ แบ่งออกเป็น ๓ ประการ คอื อยากได้ของผอู้ นื่ มาเป็นของตน ผกู ใจเจบ็ อาฆาตพยาบาท จองลา้ งจองผลาญ เห็นทางทีผ่ ิดคิดว่าชอบ วา่ ถูกต้อง ประการท่ี ๒ ธรรมของคนพาล จัดว่าเปน็ ธรรมท่เี ลว เพราะเปน็ธรรมของคนโง่เขลาเบาปญั ญา ไมป่ ระกอบด้วยปัญญา วจิ ารณญาณที่หยัง่ รู้ถงึ ความผดิ ชอบชั่วดี เซ่น๒๗๒
สุขใจทไึ่ ด้อ่าน สารธรรมเพ่ือชีวิตทดี่ งี าม ความไม,รูจ้ กั เหตุ วา่ เหตนุ เี้ ปน็ ทางนำไปสู่สขุ เหตุน้ีเปน็ ทางนำไปสู่ทกุ ข์ ความไมร่ ูจ้ กั ผล เห็นตนวา่ มคี า่ กวา่ ฐานะท่ีเป็นอยู่ ความไม่รจู้ ักตน ไมร่ ้จู กั สถานภาพของตนเองในด้านความรู้ความสามารถ และคุณธรรม ความไม่รู้จกั ประมาณในการแสวงหาหรือบริโภคใช้สอยทรพั ย์สมบตั ิ ความไม่ร้จู ักกาละทจ่ี ะประกอบกิจใหเ้ หมาะสมกบั กาลสมยั ความไมร่ จู้ กั ประชุมซนซงึ่ ตนเองจะต้องเชา้ ไปเก่ียวช้อง ความไมร่ จู้ กั เลือกคบหาสมาคมแตค่ นดี เมื่อรู้ขอ้ ที่ไม่ร้คู วรประพฤติ ๒ ประการนีแ้ ล้ว จงึ ทรงแสดงข้อท่คี วรประพฤติ ๒ ประการ คอื ประการที่ ๑ ควรประพฤติธรรมท่ดี ี ท,ี เปน็ ประโยชนเ์ ก้อื กูลและความสขุ ทัง้ แก'ตนและผูอ้ ่ืน ไดแ้ ก่ สุจรติ คือ ความประพฤตชิ อบด้วยกาย วาจา ใจ ประการที่ ๒ควรประพฤติธรรมที่คนดปี ระพฤติกัน เรียกวา่ สัปปุรสธรรมไดแ้ ก่ ความเป็นผูร้ ้จู กั เหตุ ความเปน็ ผู้รจู้ ักผล ความเปน็ ผ้รู ู้จักตน ความเปน็ผรู้ ู้จกั ประมาณ ความเป็นผ้รู ู้จกั กาลเวลา ความเป็นผู้รู้จักประชมุ ซนบรษิ ทัท่เี กี่ยวข้อง ความเป็นผูร้ ู้จกั เลือกคบหาสมาคมแตค่ นดีด้วยเหตุน้ี ผูห้ วงัความสขุ ความเจรญิ ก้าวหน์าในชวี ติ พงึ หลกี เลีย่ งข้อทีไ่ ม่ควรประพฤติเลือกปฏิบัตแิ ต่ขอ้ ทคี่ วรประพฤติ ๒๗ ๓
สุขใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตทดี่ งี าม โ ด ย . . . ร อ้ ย โ ท ส ุธ รี ช า ต ิ ศ ร โี ร จ น า น รุ ัก ษ ์ “ คุณธรรมผู้นำ” ประเทศชาตบิ า้ นเมืองจะมคี วามสงบ ประชาชนอยกู่ ันอย่างมีความสขุ ได้จะต้องมืผู้นำท่ีดี มีคณุ ธรรม มีความคิดก้าวหนา้ ฉลาด สามารถในการจดั กจิ การงานตา่ งๆ ของชาตบิ า้ นเมือง ทำใหช้ าติบ้านเมืองเจริญรุ่งเรอื ง รดุ หนา้ เท่าเทียมนานาอารยประเทศ ดงั ภาษติ ท่ีว่า “ผนู้ ำดี เปน็ ศรีแกช่ าติ ผนู้ ำเฉลยี วฉลาด ประเทศชาตริ ุ่งเรือง” เป็นตน้ ผนู้ ำท่ีดจี ะต้องมคี ณุ ธรรม ๘ ประการ ประการท่ี ๑ อดทน หมายถึง หา้ มจิตใจ หรอื ไมแ่ สดงกิรยิ าท่ีไม,ดีออกมา เม่ือไดพ้ บกับเหตุการณ์อันไมน่ ่าพงึ พอใจต้องมคี วามอดทนไม่หนุ หันพลันแล่น เช่น ในขณะที่ทำการงาน ก็อดทนต่อความยากลำบากไม่เหน็ แกค่ วามเหนด็ เหนือ่ ย อดทนต่อความเจบ็ ไขไต้ปว่ ย ไมท่ รุ นทุรายจนเกนิ ไป และอดทนต่อความเจ็บใจ ในเม่อื คนอน่ื ทำสิ่งที่ไมน่ ่าพอใจใหแ้ กต่ น ประการท่ี ๖ เปน็ นกั สู้ หมายถงึ เปน็ ผมู้ ีความเข้มแข็ง กล้าหาญหนกั เอาเบาสู้ ม่งุ ความสำเรจ็ กิจการงานเปน็ ทีต่ งั้ ไมห่ ลงคำยอ ไม่ห้อคำติม่งุ ม่นั ฝา่ ฟน้ อุปสรรคปัญหาตา่ ง ๆ ปฏิบตั งิ านทุกอยา่ งใหบ้ รรลเุ ปา็ หมาย ประการที่ (ท เป็นผ้ตู นื่ หมายถึง เป็นคนต่ืนตัว ว่องไวต่อปญั หาตลอดเวลา มคี วามคิดกาั วหน้ารเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ มีความคดิ ยดื หยนุ่ รวมท้ังมีวสิ ัยทัศน์ที่กว้างไกล สามารถท่ีจะนำความคดิ ออกมาใชใ้ ห้ทนั ตอ่ สถานการณ์และเหตกุ ารณ์ทเี่ กิดขึน้ เฉพาะหน้า ประการที่ ๔ ขยันหมนั่ เพยี ร หมายถงึ มีความวริ ยื อตุ สาหะมีความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เปน็ ทาสของความเกยี จครา้ น มีความกระตือรอื รน้ อยูต่ ลอดเวลา๒๗๔
สขุ 'ใจทใี่ ต้อ่าน สารธรรมเพอื่ ชีวติ ท่คี งี 'าม ประการท่ี ๕ เมตตากรุณา หมายถึง มคี วามเออ้ื เฟิอเผ่อื แผ่ชว่ ยเหลือเก้ือกูล โอบอ้อมอารใี นลักษณะสงเคราะห์ อนุเคราะห์ หรอื บูชาคณุ ความดี แลว้ แตเ่ วลา สถานท่ี และบคุ คล มีความรกั และความหวงั ดีเป็นท,ี ต้ัง ประการที่ ๖ ยุติธรรม หมายถงึ มคี วามเท่ียงธรรม เสมอภาคในคนทุกประเภท ไมแ่ บ่งแยกพวกเขาพวกเรา ไมม่ อี คติ คือ ความลำเอยี ง๔ อย่าง คือ ลำเอยี งเพราะความรกั ลำเอยี งเพราะความโกรธ ลำเอียงเพราะความกลวั และลำเอยี งเพราะความหลง การพิจารณาเล่อื นตำแหน่งกพ็ ิจารณาจากความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมความดี ประการที่ ๗ หมนั่ ตรวจตรากจิ การงาน หมายถึง การสอดสอ่ งดแู ลการงานอยูเ่ สมอ เม่อื พบขอ้ บกพรอ่ งกร็ ีบแกไข และต้องตรวจตราดูลำดบั ความสำคญั ของงานว่า งานไหนควรทำก่อนหลงั งานไหนควรทำเองงานไหนควรแบง่ มอบหมายให้คนอื่นรับผิดชอบ รวมทัง้ ตอ้ งร้จู ักแบง่ งานใหถ้ กู กบั คนท่ีมีความรู้ ความสามารถในเรอ่ื งไหน กม็ อบหมายเร่อื งนั้นใหท้ ำ ประการท่ี ๘ ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ หมายถงึ มีความซ่อื ตรง มั่นคงอยใู นศีลธรรม มคี วามซ่ือสัตย์ต่อตนเองและผู้อืน่ มคี วามสจุ รติ ทางกาย ทางวาจาและทางใจ ผู้นำท่สี ามารถปฏิบตั ไิ ต้ ยอ่ มเปน็ ที่รกั ของหมชู่ น และ1โต้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม ความดีมาเป็นบรวิ ารอยเู่ สมอ สามารถบริหารประเทศชาตใิ หเ้ จริญรงุ่ เรอื ง รุดหน้าเท่าเทียมนานาประเทศไต้ ๒๗๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281