Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขใจที่ได้อ่าน ๒

สุขใจที่ได้อ่าน ๒

Description: สุขใจที่ได้อ่าน ๒

Search

Read the Text Version

สขุ 'ใจท’ี่โตอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทีด่ งี ามเอาไว้วา่ จะไปทใ่ี ด ต่างจากผทู้ ีต่ ง้ั ใจเอาไว้อย่างแนว่ แน่ มเี ปาหมายชัดเจนว่าเราจะทำสิง่ ใด จะเป็นอะไร จะไปใหถ้ ึงไหน บุคคลในกรณหี ลังน้ี ยอ่ มมีโอกาสเป็นไปได้สงู ในการบรรลถุ งึ ท่ีหมายไดเ้ รว็ กว่า ทง้ั ได้รับความลำบากนอ้ ยและไมต่ ้องเสียเวลามาก ขอ้ คดิ พจิ ารณาทีน่ า่ มากล่าวสนับสนนุ น้พี อจะเปน็ สิ่งทชี่ ีใ๋ ห้เหน็ ถงึประโยชนแ์ ละความพิเศษของคำวา่ ตัง้ ใจ ไต้แจม่ ชัดมากขึ้นทเี ดยี ว เม่อื จะต้ังใจ ใหน้ ึกกอ่ นเสมอว่า ตอ้ งใหใ้ จมที ่ีตง้ั อนั ดี ใจจะไดม้ ีความมนั่ คง ทัง้ จะทำอย่างอื่นเพมิ่ เตมิ ก็จะเปน็ ไปไดโี ดยสะดวก ทำให้เกดิความเช่อื มนั่ จิตใจและร่างกายจะมคี วามพร้อม มคี วามมั่นใจในตนเองสูงมสี มาธิท่ีดีในการปฏบิ ตั งิ าน ข้อน้ีก็เขา้ กันไดในหลักของเหตผุ ลการเรมิ่ ต้นทด่ี คี อื การลงทนุ สร้างเหตทุ ่ีดี ผลทีจ่ ะออกมาย่อมเป็นไปในทางทดี่ ี เบ้ืองตน้ ที่ว่าตั้งใจนั้น จะเอาใจไปต้งั ไว้ตรงไหน จึงจะจดั ว่าเปน็ อนัต้ังใจดี ตรงนตี้ ้องทราบถึงสภาวะของใจเสยี กอ่ นว่าเปน็ เช่นไร เปน็ รปู ธรรมหรอื เปน็ นามธรรม ใจน้ันจัดเป็นนามธรรมที่ตงั้ ของใจจงึ ตอ้ งเป็นนามธรรมและนามธรรมซ่ึงจะเป็นท่ีต้ังอนั ม่ันคงของใจกค็ ือ ธรรมะทเ่ี รยื กวา่ อธษิ ฐานธรรมแปลว่า ธรรมท่คี วรตงั้ ไว้ในใจ แปลให้ง่ายก็คือ ธรรมอันเปน็ ทต่ี ั้งของใจ ซ่งึในทีน่ ้หี มายถงึ การ!]กใจให้มีคุณลกั ษณะท่ดี งี ามพรอ้ ม ๔ ประการ คอื ๑ . ปญั ญา แกใจใหร้ ับร ู้ส่งิ ท คี่ วรร ู้ สงิ่ ท ี่เปน็ ความรใู้ นโลกม ีอยู่มากมายหลายสาขาวชิ าการ แต่ส่งิ อนั เปน็ ความร้ขู น้ั พ้ืนฐานทีค่ วรแกใจให้ร้ใู นส่งิ ทคี่ วรรู้โดยสรุปมี ๓ เรอื่ ง คือ - อายโกศล รทู้ างเจรญิ คอื รจู้ ักเสาะแสวงหาแหลง่ ข้อมลู ที่ดีมปี ระโยชน์ รูจ้ ักรับข้อมูล เพื่อการศึกษา ให้เกดิ สตปิ ัญญา มีโลกทัศน์กว้างไกล รจู้ กั แยกแยะได้ รบั เอาขอ้ มูลข่าวสารทีม่ ีสาระรูจ้ กั คบคนท่ีควรคบ เชน่คบหาสมาคมกบั ทา่ นผรู้ คู้ อื บัณฑิต ผ้คู อยซ้ฃี ุมทรัพยใหบ้ ัณฑิตคือผู้ที่ดำเนินชีวิตอยูบ่ นหนทางทีย่ งั ประโยชน์ใหเ้ กดิ ขน้ึ แก่ตนและผ้อู ่นื คบบณั ฑิตมีแต่พาใหห้ าผล นำความสุขความเจริญมาใหแ้ ก่ตนตลอดเวลา๑๙๖

สขใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพ่ือชวี ติ ที่ดีงาม - อปายโกศล ร้ทู างทมี่ ีโทษได้,แก่ อบายมุข ควรหลีกหนใี ห้ห่างไกลอบายมุขนั้น ผ!ู้ ดเขา้ ไปแตะตอ้ งเกีย่ วข้องแล้ว จะทำใหท้ รัพย์สิน อวยั วะชวี ติ ซือ่ เสียง ต้องฉบิ หาย ตอ้ งเสือ่ มไปอยา่ งหมดเนอื้ หมดตัว ในโลกแหง่ยุคข่าวสาวขอ้ มูลทไี่ ร้พรมแดน ต้องไตร่ตรองระมดั ระวงั ใหม้ าก ต้องร้จู ักสกดั กั้นแยกแยะไม่รับเอาข่าวสารข้อมลู ท่เี ป็นขยะเขา้ มาสู่ตัวของเรา - อุปายโกศล รวู้ ธิ หี ลกี เลย่ี งทางเส่ือม เดนิ ตามทางเจรญิ นัน่ คือเมือ่ ศึกษารู้แล้ววา่ สง่ิ ใดหริอการปฏิบัติเซ่นไร เม่ือเข้าไปเกี่ยวข้องหรือปฏบิ ตั ิเข้าแลว้ จะทำให้เสียเวลา เสยี สขุ ภาพ เลยี งาน รวมไปถงึ ทำให้เกิดการขาดความน่าเชือ่ ถึอ กห็ ลีกเลย่ี งงดเว้นจากทางทีจ่ ะนำตวั ของเราไปสคู่ วามเสื่อมเหล่านน้ั ปฏิบตั ิตัวอยูใ่ นทางท่ีดงี าม ทางท่ีก่อให้เกดิ ความนา่ เช่อื ถือ เป็นที่เคารพรักใคร่ของคนทัว่ ไป การ!ไกใจให้รบั รู้ ใหม้ ปี ัญญา คอื ใหม้ คี วามรู้ใน ฅ ระดบั ดว้ ยกันไดแ้ ก่- รจู้ ำ จบั ประเด็นไต้ คลอ่ งปาก ขึ้นใจ ขบแตก แยกไตซ้ ัด- ร้แู จ้ง คอื ความร้เู กดิ จากความคดิ - ร้จู รงิ ดว้ ยภาวนา ทำใหม้ ขี ้นึ โดยเกิดจากประสบการณ๊!จที่มีปญั ญา เป็นใจฉลาดมีเหตุผล ๒. สัจจะ แกใจใหม้ คี วามจริงคือจะทำสงิ่ ใดกใ็ ห่ไดจ้ รงิ และต้องประคบั ประคองไว้ไมให้ออกไปจากเง่ือนไข ๒ ประการ คือ มปี ระโยชน์ และถกู ตอ้ งเป็นธรรมใจท่ีมสี จั จะ จะเปน็ ใจทมี่ แี ก่น ม่ันคง ดำรงอยใู่ นความสัตย์ความจริงทไ่ี ม,ทำให้ตนเองและผ้อู ืน่ ตอ้ งเดอื ดร้อน จรงิ อยู่ในหลกั การมเี หตุมผี ล ถกู ต้องตามทำนองคลองธรรม จาคะ ผกเจเห่รู้จักเสยสละ*ะ3| 6 เไ หร ' ่ม^ ีการกI า่ ยเท คอร้จู กั สละทง๘*1 I / เ^’๓. ฤ ฤ ฯ ^ ฯ ^ ^ -- ^ ‘ะ^ส่งื ที่เปน็ ข้าศกึ แก่ความจรงิ ใจ ข้าศกึ ทม่ี าซัดขวางต่อการปฏบิ ตั ใิ นความจรงิ ใจจะมาปรากฏใน ๒ รูปแบบ คอื ๑๙๗

สขุ ใจท่ไี ค้อ่านสารธรรมเพื่อชีวติ ทดี่ งี าม - เปน็ วตั ถุ ยใุ หโ้ กรธ แหย่ใหโ็ กรธ ย่วั ให้หลง เซ่นรปู ที่ไม่สวยบ้างรปู ทีส่ วยๆ บ้าง หรือสงิ่ ทีม่ ีค่าเปน็ ทรพั ยส์ ินเงนิ ทอง - อารมณ์ ได้แก่ กเิ กส คือความเศร้าหมองทเ่ี กดิ ในใจของเรา มีความทอ้ แทใ้ จ น้อยใจ ความเกียจคร้าน ความรษิ ยาอาฆาตผู้อ่นื การ'ฝึก'ใจให้มีจาคะเปน็ ทต่ี ัง้ ใจจะเป็นใจทสี่ ะอาด ไม่หมักหมม ไม่ตอ้ งอารมณด์ า้ งอนั จะทำให้เคร่งเครยี ด เปน็ ทุกขภ์ ายหลัง ๔. อปุ สมะแกใจใหม้ ีความสงบ ทีต่ ้งั อนั สำคัญของใจ คอื ความสงบเพราะสขุ อน่ื ย่ิงกว่าความสงบไม่มี การจะเหน็ ประโยชนข์ องความสงบได้เด่นชดักด็ อ้ งอาศัยขอ้ เปรยี บเทยี บเปน็ เคร่ืองพิจารณา ในทีน่ '้ี ขอ'ให,้พจิ ารณาถึงนา้ํซ่งึ เราไดส้ ัมผัสใกล้ชิดอยเู่ ป็นประจำ น้าํ ที่ถูกกระแสลมพัดใหก้ ระเพื่อมจะมีผลคือขุ่น ไม่อาจเหน็ อะไรภายใตใิ ด้ ถา้ เปน็ ทางโดยสาร กเ็ ปน็ ทางโดยสารที่ไมส่ ะดวก อันตราย ใจทถ่ี กู กระแสกเิ ลสปน่ ให้ป่วน จะมผี ลคอื ข่นุ มวัไม่เห็นเหตุผล เป็นอันตรายต่อตนเองและผอู้ น่ื การแกใจให้สงบเป็นส่งิ ท่ีดีงาม เม่อื ใจสงบแลว้ กจ็ ะทำใหด้ วงจติ แจม่ ใส เกดิ สตปิ ญั ญา สุขมุ รอบคอบมีเหตผุ ล จะขบคดิ ตดั สินใจ กระทำการสง่ิ ใดก็ไมผ่ ดิ พลาด ก่อให้เกดิ ประโยชน์สำหรบั ใชค้ รองตน ครองคน และครองงานไดเ้ ป็นอยา่ งดี วิธีปฏบิ ัติเพ่อื แกใจให้สงบสามารถกระทำไดด้ ้วยการควบคุมใจให้อยใู่ นอารมณ์เดยี วการแกสตกิ ำหนดรอู้ าการทกุ อยา่ งของตัว กำหนดลมหายใจเขา้ -ออกการไหวพ้ ระสวดมนต์ ท่องบน่ สาธยายธรรม ฐานคอื ที่ตง้ั น้จี ัดไดว้ า่ เป็นสงิ่ ท่ีสำคัญ สงิ่ ตา่ งๆ ที่มฐี านเปน็ ทตี่ ั้งดีย่อมมคี วามมนั่ คง จะเสริมสรา้ งสิง่ ใดก็เป็นท่ีวางใจได้ และเจรญิ ไดต้ ลอดสายใจของคนเรากเ็ ช่นกัน เมอ่ื แกหดั พฒั นาใหต้ ั้งอยบู่ นฐานคอื ปัญญา สจั จะจาคะ และอปุ สมะแลว้ ก็ชอื่ ว่ามีฐานเปน็ ที่ต้งั ดี มคี วามม่ันคง เป็นใจท่ีมีพลงั ควรแกก่ ารงาน เป็นอุปกรณช์ ัน้ เยี่ยมที่สามารถผลกั ตนั ใหส้ ิ่งทีม่ งุ่ หมายใหง้ านทุกอย่างสมั ฤทธิผลไดโี ดยไมเ่ หลอื วสิ ยั๑๙๘

สุขใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ติ ทีด่ ีงาม ผู้มุง่ หวงั ตั้งใจเพอ่ื ก้าวไปส่จู ุดมงุ่ หมายอนั ใด ถา้ ยังไมบ่ รรลถุ งึ ส่งิท่มี ุ่งหมายน้นั หรือฝืนไวไกลแต่ยังไปไมถ่ งึ ดวงดาว ก็อย่าพ่ึงหมดกำลังใจชีวติ คือการตอ่ สู้ ศัตรูคือยากำลงั อปุ สรรคคอื หนทางแห่งความสำเรจ็ อนั ดีหลกั สจั ธรรมมอี ยู่วา่ สง่ิ ทัง้ หลายเกิดมาแต่เหตปุ จั จยั ต้องทบทวนตรวจสอบดถู ึงเหตปุ จั จยั ทีเ่ ราไตก้ ระทำไว้ ซึ่งจะเอ้ืออำนวยให่ไต้มี ให่ไตเ้ ปน็ ในสง่ิ ท่ีตั้งใจน้นั วา่ มีครบสมบูรณแ์ ล้วหรอื ยงั ถา้ ยังไม,มตี ้องเรง่ ขวนขวาย เพราะถา้ อดีตไม,ขยัน ปีจจุบนั ไม่เร่งขวนขวาย อนาคตไมต่ อ้ งทำนาย ขอให้ระล ึก ถ ึงห ล กั ค ิด ข อ งใจ ท ป่ี วงป ราช ญ ท์ งั้ ห ล าย ได ใ้ ช ้ป ระค ับ ป ระค อ งสอนใจสอนตวั จนหลุดพน้ จากหนทางทม่ี ดี มัวไตป้ ระสบกับความเจริญในหน้าท่กี ารงาน และการดำเนินชวี ติ ตามลขิ ติ บทประพันธ์ ว่า เกิดเป็นคน ควรหวงั อยา่ ยงั้ หยุด มริ ู้สุด ส้นิ หวัง ตังมาดหมาย หวังไวเ้ กิด หวงั ยั่งยืน มดิ นี คลาย ปราชญ ท์ ัง้ หลาย สมหวัง เพราะตงั้ ใจ ๑๙๙

สขุ ใจท่ีได้อา่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทดี่ ปี ่ามโ ด ย . . . พ ัน เ อ ก ส ม ค ิด ส ว ย ล ้าํ“ปัญญาคือทรัพยอ์ ันประเสริฐ” ทรพั ย์ท่ีถือว่ามคี า่ อยา่ งย่งิ และสามารถนำติดตวั เราไปได้อย่างสุดแสนจะสบาย ท้ังปลอดภยั จากอนั ตรายต่างๆ ทรพั ย์น้ันกค็ ือปัญญาพระพทุ ธศาสนาจดั ปญั ญาวา่ เป็นทรพั ยอ์ นั ประเสรฐิ เรยี กว่า อริยทรัพย์ในหมคู่ นดว้ ยกนั ทา่ นกลา่ วว่าสตรีมีความสวยเปน็ ทรพั ย์ บุรุษมวี ชิ าความรู้หรือปัญญานนั่ เองเปน็ ทรพั ย์ปญั ญาเปน็ เครื่องประดบั อันงดงามของนกั ปราชญ์ ปญั ญ าจัดเป น็ บ ารมขี อ้ ห น ง่ึ ในบรรดาบารมีท้ังสิบ ถา้ เรานับเรียงตามลำดบั จะเห็นว่าปัญญาบารมีอยใู นขอ้ ท่สี ่ี ผ้ทู ดี่ ้องการพัฒนาตนใหส้ งู ส,งสู่ความเปน็ คนพิเศษจนขา้ มพนั จากความเปน็ ปุถชุ นถ้าวฃึน้ ไปส'ูความเป็นอริยะ ชนะกเิ ลสบรรลุพระอรหันตใํ ดม้ รรคผลนิพพาน จะตอ้ งหมัน่ !]กฝนพฒั นาตนด้วยการส่งั สมปัญญาบารมคี วบค'ู กนั ไปกับบารมีในขอ้ อ่นื ๆ สำหรับด้านของความโดดเด่นจะเห็นไดว้ ่าปัญญาโดดเด่นในดา้ นความฉลาดหลกั แหลม ความองอาจสามารถปรบั ปรงุ พัฒนาตนให้เหมาะสมเปน็ ที่นิยมยกยอ่ งของคนในสังคมตา่ งๆ โดยเฉพาะคือ สามารถบรหิ ารตนบรหิ ารคน บรหิ ารงาน รวมถึงทรพั ยากรอื่นๆ ให้บรรลุสู่เปาั หมายอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ปญั ญาเป็นคุณธรรมสำคัญท่ีสุด ปัญญาเปน็ ประธานแหง่ ธรรมทั้งหลาย พระพุทธเจ้าตรสั ว่า ปญญา หิ เสฏฐา กสุ ลา วทนฺติ นก.ขตตฺ ราชารวิ ตารกานํ ปราชญ์ทง้ั หลายกลา่ วว่า ปัญญาประเสริฐที่สุด เหมือนพระจนั ทร์เด่นทีส่ ดุ ในหม่ดู าว คนมีปัญญาสามารถใช้ปัญญาแสวงหาทรัพย์ไดโดยไมย่ าก ขอ้ น้ีมีคำประพนั ธท์ น่ี ักปราชญแ์ ตง่ รบั รองไวว้ ่า ท รัพ ยน์ ี้ม ิไกล ใค รป ัญ ญ าไวหาได้บน่ าน ท่ัวแควน้ แดนดนิ มีสน้ิ ทกุ สถาน ผ้ใู ดเกยี จครา้ นบ่พานพบเลย๒ ๐๐

สุขใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ิตที่ดีงาม คนเราตัง้ ตัวไดเ้ พราะอาศัยปญั ญาซง่ึ เปน็ ทรัพยภ์ ายใน ปญั ญาเป็นปจั จัยใชแ้ สวงหาทรัพย์ภายนอกได้ และทำให้คนตัง้ ตนได้ แมว้ ่าจะมีทรัพยภ์ ายนอกเป็นด้นทนุ ไม,มาก ช้อนี้มีเรอ่ื งเก่าทเ่ี ล่าขานกนั มาเปน็คติสอนใจ ใชเ้ ปน็ บทเรยี นชีวิตไดเ้ ปน็ อย่างดี ท่ีว่าเป็นอยา่ งดีเพราะเปน็การศึกษาจากชีวติ จริงของคน น่นั คอื ชวี ติ ของมะกะโท ชายผูน้ ้เี ป็นบุตรของพ่อคา้ มีภูมลิ ำเนาอย่บู ้านเกาะวาน แขวงเมืองเมาะตะมะ ตอนที่เขามีอายุยา่ งเขา้ ๑๔ - ๑๕ ปีไดเ้ ชา้ มาทำการค้าขายทก่ี รุงสุโขทยั ซึ่งเป็นสมยั ของสมเด็จพระร่วงเจา้โดยฝากตัวอาศยั อยู่กับนายชา้ งของลมเด็จพระรว่ งเจ้า อาศัยที่เปน็ คนสติปญั ญาดที ้ังขยันหม่ันเพียรไม่เกียจครา้ นในการงาน ช่วยงานต่างๆ ของนายขา้ ง จึงทำใหเ้ ปน็ ทรี่ กั ใคร่พอใจของนายชา้ งเป็นอย่างมาก อยู่มาวนั หนง่ึสมเด็จพระรว่ งเจ้าเสดจ็ ไปทีโ่ รงช้างทอดพระเนตรเหน็ มะกะโทกำลงั กวาดหญา้ ชา้ งอยู่ ขณะนัน้ ไดท้ รงคายพระสลาบว้ นพระโอษฐพ์ รางทอดพระเนตรเหน็ เบีย้ ๆ หน่งึ จึงตรัสว่าลูกรามญั น้อยจงเก็บเอาเบี้ยไว้ พระดำรสั น้นั เปน็พระเมตตาอย่างหาทส่ี ดุ มิได้ มะกะโทมีความชุม่ ช่นื หวั ใจและยินดีเปน็ อยา่ งยิ่งเมื่อได้เบยี้ พระราชทานแลว้ จงึ นำไปซ้อื เมล็ดพันธผ์ กั กาดมาปลกู ครั้นตอ่มาผกั กาดท่ปี ลูกไว้ก็เจริญงอกงาม มะกะโทจงึ เลือกเกบ็ และรวบรวมเอาไว้ถวายสมเด็จพระรว่ งเด้า เม่ือคราวพระองค์เสดจ็ ทอดพระเนตรขา้ ง พระรว่ งเดา้ทรงทราบว่ามะกะโทนำเอาเบย้ี เบย้ี เดียวทพี่ ระราชทานใหไ้ ปขยายผล ได้ผักกาดที่สวยงามดว้ ยความสามารถของตน จงึ ทรงโปรดปราน ทรงรบั มาชุบเล้ยี งทรงแต่งตั้งจนไดเ้ ป็นถึงขุนวัง มะกะโทไดต้ ้งั ใจรบั ราชการเปน็ อย่างดีและในสมยั ตอ่ มาสมเดจ็ พระรว่ งเจา้ ไดพ้ ระราชทานนามวา่ พระเจา้ ฟา้ รั่วและพระราชทานเครือ่ งราชกกธุ กัณฑแ์ ละพระราชทานพระราชธดิ าของพระองคใ์ หก้ ับพระเจา้ ฟ้ารว่ั เร่ืองนี้เป็นตวั อยา่ งของชวี ติ คนท่เี ร่มื ดน้ ดว้ ยดน้ ทุนน้อยแตอ่ าศัยสติปัญญาดี มิความขยนั ไมเ่ กียจคร้าน จึงสอบผา่ นอปุ สรรคตา่ งๆ ไปสคู่ วามสำเรจ็ ไดด้ ้วยดี ในสังคมท่ีเป็นไปอยใู่ นปัจจบุ ันนถ้ี ้าเราพจิ ารณาดูตามหลกั คำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้ว จะเห็นได้วา่ คนทเี่ กดิ มามคี วามคดิ ดี มีความฉลาด ๒๐๑

สุขใจทึ่ได้อา่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ีดงี ามหลกั แหลม คนเช่นวา่ น้กี ็คือคนทเ่ี คยคบหาสมาคมกบั บัณฑิต เคยสัง่ สมในด้านปญั ญามาก่อน สัง่ สมมามากจนถึงขนาดเรียกว่าเปน็ ปญั ญาบารมีก็มี คุณธรรมขอ้ นีจ้ ะเป็นกำลังสนับลนนุ ส่งเสรีมให้คนผู้น้ันเกิดมาเปน็ คนมีสตปิ ญั ญาดี มปี ฏิภาณไหวพรบิ ดี มคี วามฉลาดแตกฉานในดา้ นตา่ งๆ เปน็บุคคลประเภททีเ่ รียกว่าอเนกประสงค์ สามารถแกปั ญั หาให้ตนเองและคนอืน่ ได้ เป็นท่พี ึ่งใหแ้ กต่ นเองและผู้อ่นื ได้ พระพทุ ธเจ้าเมื่อครัง้ เสวยพระชาตเิ ป็นพระมโหลถกไ็ ด้สัง่ สมป ญั ญ าบ ารม อี ยูต่ ลอดเวลา พอมาถึงพระชาติสดุ ทา้ ยไดต้ รสั รู้เป็นพระพทุ ธเจ้าก็ปรากฏว่าพระองคท์ รงแตกฉานรอบรู้โลกทงั้ ปวงใครมปี ัญหาขอ้ ขัดขอ้ งอะไรนกึ ไม่ออกกม็ าทูลถามพระพุทธเจ้า พระองค์กจ็ ะทรงตอบปัญหา'ใหแ้ กผ่ ทู้ ท่ี ลู ถาม ผู้ทีม่ าทลู ถามก็ได้รบั ความเขา้ ใจหายสงสยั ใช้ชวี ิตถกู ดอ้ งได้บรรลุธรรมตามความปรารถนาของตน พระพทุ ธเจ้าเปน็ ผมู้ ปี ัญญาอย่างลึกซึ้งสามารถตอบปญั ญาใหแ้ ก่เทวดาและมนษุ ย์ได้ พระพทุ ธเจ้าไดร้ บั การถวายพระนามวา่ สตถา เทวมนุสุสานํ เปน็ ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทัง้ หลาย ในการเสริมความข้อน้ฃี องดตวั อย่างของปัญหาทม่ี นษุ ย์ทูลถามพระพุทธเจา้ ไว้ แตจ่ ะนำเสนอใหเ้ หน็ถงึ ปญั หาท่ีเทวดาทลู ถามพระพุทธเจ้า โดยมีประเด็นปัญหาทที่ ้าวลกั กเทวราชทลู ถามวา่ “พวกเทพ มนษุ ย์ อสรู นาค คนธรรพ์ และหม1ู สตั ว์อน่ื ๆจำนวนมากมอี ะไรเป็นเครือ่ งผูกมัดเอาไว้จึงยงั คงมีเวรถกู ลงโทษ มีศัตรู ถูกเบียดเบียนและจองเวรกันอยู่ พระพทุ ธเจ้าตรสั ตอบวา่ เพราะมีอิสสา (ความรษิ ยา) และมัจฉรยิ ะ (ความตระหน)ี่ เป ็น เคร่อื งผกู มดั เอ าไว”้ เรอื่ งนี้มาในสกั กปญั หสูตร ทีฆนกึ ายมหาวรรค ความสำคัญของปัญญาหรอื ทีเ่ ขม้ ขน้ จนเปน็ ปัญญาบารมีนั้นสามารถนำมาปรับใชแ้ ก้ปญั หาไดใ็ นสังคมทกุ ระดบั ช้นั ถึงประเดน็ ตรงน้ีจึงอยู่ทวี่ ่าคนในสงั คมต่าง ๆ ตอ้ งช่วยกนั สง่ เสริมในเรอ่ื งการศึกษาหาความรู้ทถ่ี ูกตอ้ งใหแ้ ก'ตน และคนอ่ืน การสัง่ สมปัญญาศึกษาดใู หด้ จี ะเห็นวา่ มวี ธิ ีส่ังสมได้หลายประการ สำหรบั พระพทุ ธศาลนาไดแ้ สดงแนวทางเอาไว้ให้โดย๒ ๐๒

สขุ ใจทไี่ ด้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ท่ีดง้ ามสอนใหส้ ่ังสมปญั ญาจนเขม้ ข้นถึงข้ันเป็นปัญญาบารมไี ด้ด้วยการฟ้ง คดิ และทำจิตภาวนา โดยในขน้ั ตอนของการสั่งสมน้ัน มีซื่อเรยี กทางวชิ าการ ดงั น้ี ๑ . สุตมยปัญญา ปญั ญาเกดิ จากการฟงั สง่ั สมให้เกิดปัญญาไดด้ ้วยการฟงั การฟงั เปน็ เรือ่ งทีไ่ ม่ยาก ไม่ตอ้ งลงทนุ มาก คนสมัยเกา่ ใช้อปุ กรณข์ อ้ ท่ี ๑ น้ีเปน็ อุบายในการสัง่ สมปัญญา เพราะข้อมูลท่ีเราจะไตร้ บัจากผ้รู ้จู ากครูบาอาจารย์ต้องอาศัยการถา่ ยทอดจากปากส,ู หูตามยุคสมยัจวบถึงปัจจบุ นั ความหมายของสตุ มยปัญญา ไดข้ ยายกว้างออกไปถึงการอ่านการศกึ ษาทง้ั ในโรงเรยี นและนอกโรงเรยี น และสง่ิ สำคญั ของการฟ้งท่ีจะใหเ้ กดิ ปัญญากม็ เี ง่อื นไขเข้ามาประกอบดว้ ย นัน่ คอื ต้องฟังในเรื่องที่เปน็กศุ ล มีประโยชนแ์ กต่ น และคนอืน่ และการฟงั ตอ้ งต้งั ใจฟงั ให้ดจี งึ จะเกดิปัญญา ข้อนมี้ ีพุทธพจน์รบั รองไว้วา่ สุสฺสูสํ ลภเต ปณญฺ ํ ต้ังใจฟงั ทำให้เกดิปญั ญา การฟังทำใหเ้ กิดปญั ญา ขอ้ น้เี ราตอ้ งยอมรับวา่ กวา่ เราจะมีปญั ญาและมายนื อยู่ตรงจุดนี้ไต้ เราต้องผ่านการฟังมามาก ฟังคำสอนจากพ่อแม่จากครอู าจารย์ ท่านทงั้ หมดนี้ช่วยสอนช่วยอบรมเรามาโดยตลอด ตง้ั แต่ขั้นอนุบาลผา่ นชนั้ ประถมจนจบชัน้ มัธยม ชัน้ อดุ ม เรยี กวา่ เราฟังกันมาตลอดชวี ติ ถึงอย่างไรกต็ ามปญั ญาก็ยงั ไม่หมดไปจากโลกน้ี เราสามารถหาปัญญาทเี่ กิดจากการฟังไปได้!ม่จบสนิ้ คนที่ไม่ชอบฟัง ไม่ชอบศกึ ษาเล่าเรียนไมช่ อบแสวงหาวิชาความรู้ ถ้าใครปฏิบตั เิ ช่นนีแ้ สดงวา่ ผู้นนั้ ปดิ ก้นั ปญั ญาไม่ให้เข้ามาหาตัวของเรา ซึ่งเท่ากับเปน็ การปดิ ก้ันทางมาแหง่ ทรัพย์นัน่ เอง ตอ้ งรีบปรับทัศนคตเิ สียใหม่ หันมาเปิดประตตู ้งั ใจฟงั สนใจใฝ่เรียนรสู้ ู้กบั ความเกยี จคร้าน สอบใหผ้ ่านอุปสรรค เข้าให้ถงึ หลักของการสง่ั สมปญั ญา ให้มีใจยนิ ดีในการสั่งสมสุตมยปญั ญา ๒. จินตามยปญั ญา ข้อน้ีหมายถงึ ปญั ญาความรอบรู้ทเี่ กดิ ขึน้ ได้เพราะการคดิ เพราะการวเิ คราะห์ขอ้ มูลต่างๆ ทีร่ บั มาจากการฟังการอ่านรวมไปถงึ การเหน็ ลุตมยปัญญาเปรยี บเหมอื นการรับประทานอาหารในขั้นตกั ใส่ปาก ส่วนจินตามยปญั ญาเปรยี บเหมอื นการเคย้ี วอาหารใหล้ ะเอียดเม่อื เค้ียวเสร็จก็กลืนลงไป คนบางคนฟงั เรื่องอะไรแลว้ เชอ่ื ทันทโี ดยไมท่ ัน ๒ ๐๓

สขุ ใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทดี่ ีงามพิจารณา ข้อนี้ทา่ นเปรียบว่าเหมอื นกับคนกินอาหารโดยท่ไี ม,ทันเค้ียวตรงน้ีต้องระวังใหด้ ี การพินิจพิจารณาไตรต่ รองเรือ่ งทฟี่ ้งหรอื เรอ่ื งท่ีอ่านรวมถึงการตรวจสอบแหล่งขา่ วแหล่งข้อมูลหรอื หนังสอื อา้ งองิ เหลา่ นี้จดัอยใู่ นกระบวนการของจินตามยปัญญา คนทีม่ จี ินตามยปัญญาจะเป็นคนท่มี ืหลกั ในการคดิ คือจะมืหลกั คิดแบบโยนโิ สมนสิการ คิดถกู ต้องแยบคาย หลักที่ว่านจี้ ะมกื ระบวนการคิดไปตามลำดบั ๔ ขั้น คือ ๑ . อปุ ายมนสิการ คดิ ถกู ว ธิ ี ๒. ปถมนสิการ คิดมรี ะเบยี บ ๓. การณมนสิการ คิดมีเหตผุ ล ๕. อปุ ปาทกมนสิการ คดิ เปน็ กุศล คดิ ให้ถกู ให้ดีมรี ะเบยี บ มีเหตุผล คดิ ใหเ้ ป็นกุศล คดิ แล้วไตบ้ ญุไตค้ วามฉลาด ไต้ปัญญา สรุปรวมความว่าคดิ ไปในทางทีส่ ร้างสรรคอ์ ยา่ ไปคิดสนั้ อยา่ ไปคดิ อกุศล เปน็ บาปเป็นกรรม ทำลายชีวิต ต้องคดิ ในทางดีเขา้ 1ไวเั ลมอ ขอ้ นเ้ี ป็นอปุ กรณ์ทีส่ ำคญั ของการส่งั สมปญั ญา ๓. ภาวนามยปญั ญา หลักข้อที่ ๓ น้หี มายถึงวา่ คนจะมีปัญญาความรอบร้ใู หล้ ึกซ้งึ และกวา้ งขวางต้องทำภาวนามยปญั ญาให้เกิดขน้ึภาวนามยปญั ญา หมายถึง ความรอบร้ทู ีเ่ กิดโดยประสบการณ์จากภาคปฏบิ ตั หิ รือลงมอื กระทำจริง ๆ มืผลงานเป็นรูปธรรมเปน็ ความรทู้ ่ีแปรจากภาคทฤษฎสี ,ู ภาคปฏิบตั ิ ซึง่ ความแนน่ อนตรงนี้กค็ อื ว่าเบอ้ื งตน้ ของการปฏบิ ัติอาจต้องมีลองผิดลองถกู แตเ่ มือ่ ไต้ลงมือปฏบิ ตั พิ ัฒนาจนมที ักษะในเรอ่ื งตา่ ง ๆ แล้ว กจ็ ัดวา่ มืภาวนามยปัญญา นักเรยี นทไี่ ด้รบั การแกสอนจนสามารถทำแบบแกหดั ไดข้ อ้ นีเ้ ป็นการพฒั นาในขั้นภาวนามยปญั ญาการลรา้ งปัญญาด้วยการทำภาวนามยปัญญาในส่วนของการปฏบิ ตั ธิ รรมเราสามารถทำได้ตามหลกั การงา่ ย ๆโดยการทำสมาธแิ กอบรมสมถกรรมฐานวปิ ัสสนากรรมฐาน ไหว้พระสวดมนต์ จติ เปน็ กุศลเจริญงอกงามข้นึ ด้วย๒๐๔

สขุ 'ใจทใี่ ต้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทด่ี ปี ่ามศลี สมาธิ ปัญญา ภาวนามยปัญญาจดั เป็นอุปกรณ์ทส่ี ำคญั ข้อหนึ่งในการส่งั สมปญั ญา ทำให้เกิดความสมบูรณ์ไนการสั่งสมปัญญา จากขอ้ ความตามท่ีนำเสนอมา จะเห็นได้วา่ ปญั ญานนั้ เป็นสิ่งที่สำคัญตอ่ การเดนิ ทางของชวี ิตตงั้ แตเ่ รม่ิ ด้นไปจนถึงเข้าสพู่ ระนิพพาน หลกัท่ีสำคญั ในเบ้ืองดน้ ของการส่ังสมปญั ญาก็ศอี ตอ้ งมคี วามรกั ปักใฝใ่ ครในการศกึ ษา ตอ้ งแสวงหาโอกาสในการเรียนรอู้ ยตู่ ลอดเวลา แมใี นเบ้อื งด้นจะมีโอกาสได้ศกึ ษาเล่าเรียนมามาก ภายหลงั กอ็ ย่าประมาทคืออยา่ คิดว่า “ความรู้เทา่ นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรบั เราเรยี นไปก็เท่านัน้ ” คนท่ปี ระมาทปล่อยตัวไปตามสบาย ในไมข่ า้ ความร้ทู มี่ ีอยเู่ ดิมก็จะหลง ๆ ลมื ๆ ความร้!ู หมก่ ไ็ ม่ศึกษาเพม่ิ เติม ตกอยใู่ นลกั ษณะของคนทวี่ ่ิงแข่งขนั ตอนสตาร์ทเรม่ิ ด้นทางก็ดี แต่พอไปถึงกลางทางรู้สกึ เหนื่อยเลยหยดุ เสีย คนทวี่ ิ่งมาทหี ลงั เขา้ ก็แซงขนึ้ หนา้ คว้าเอาแซมปไ๋ ปครองสบาย เกิดเปน็ คนอย่าหมดอาลยั ในชวี ติ ต้องสู้ชีวิต พิชติงาน ประสานไมตรี มีคณุ ธรรม และทส่ี ำคัญอย่าเปน็ คนจนทรัพย์ภายใน ต้องหมั่นขยนั หาทรพั ยท์ ปี่ ระเสรแิฐ9 ภายใน น่นั คอื ป ัญ ญ&/ า ทางพระพ9ุทธศาสนาจัดว่าปญั ญาคือทรพั ย์อันปร ญัะเสหรแาร่ ิฐ เป็นอร ิยทร V ีไว้ไมอ่ ับจนแม้บางค®' รง้ั' 1'V จะประสบกับป ช วี ติ บ้าง แต พั ย์ภายในใครม คอื มที รพั ย ค่ นท่มี ีปญั ญา ์อันประเสริฐภายในจะไมท่ ำลายตัวเอง หากแตจ่ ะใช้ปัญญาพิจารณาหาทางแกใ็ ขข้อบกพร่องต่างๆ ของตน แกใิ ขในส่งิ ท่ีฟม่ เพเื อยลดความเปน็คนหน้าใหญใ่ จโตเพม่ิ ความขยนั ให้มากข้นึ ทำงานอดิเรกเพอื่ หารายไดเ้ สรมิไม่เพิม่ เติมหนี้ใหม่ ในที่สดุ หนีเ้ ก่าบางเบา หนี!้ หม,ไม,กอ่ ไม่เพิ่มกจ็ ะเสริมสควรา้ามงแฐสร่ าวนสั ะดีไสด!้รนา้ ลงตงั ควั มใหปม้ ีคญั วญามาทเ1จ่เี รรา®ญิ 'มมีอแรีฐ่ ยาู่จนะะเปม็นั่นเคคงรดื่อำงรเชงตดิ นชูรอักย‘บษูใ่ นาตทนางทแำหให่ง ้เราสอบผา่ นอุปสรรคขวากหนามขา้ มพ้นไปสคู่ วามสำเร็จในหน้าทีก่ ารงานและการดำเนนิ ชวี ิตนคี่ ือความคักดสึ๋ ทธขึ๋ องปัญญา พระพทุ ธศาลนารับรองวา่ ปญั ญาคอื ทรพั ยอ์ นั ประเสรฐิ ๒๐๕

สุขใจทีไ่ ด้อา่ นสารธรรมเพื่อซีวฅิ ท่ีดีงามโ ด ย . . . พ นั โ ท ไ ช โ ย น าม น น ท ์ “ สามัคคีธรรมนำสุข” ข้นึ ชอื่ ว่าความสขุ แล้วย่อมเปน็ ท่ปี รารถนาของทุกคน ทุกสงั คมทกุ เชือ้ ชาติ และทุกศาสนา อย่าวา่ แต่คนเลย แมแ้ ต่สัตว์ดิรัจฉานก็ยังปรารถนาความสุขกนั ทง้ั นนั้ และเหตุปจั จยั ที่จะก่อให้เกดิ ความสฃุ ก็มีมากมายหลายประการ แต่ในทนี่ ้จี ะขอนำเหตุปจั จยั เฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่าน้ันมาเสนอ ซีง่ 'จรงิ ๆ แลว้ เหตุปัจจยั หรือหลกั ธรรมในทางพระพุทธศาสนาที่เก่ยี วกับความสขุ กม็ มี ากมายเช่นกัน แตใ่ นทน่ี จี้ ะขอนำเอาเฉพาะธรรมะข้อวา่ ความสามัคคมี าเสนอ เพราะความสามคั คเี ปรยี บไดก้ บั รม่ ใบใหญ่ท่ีจะคมุ้ กนั แดดฝนให้สังคมได้ หากซ่ีแตล่ ะซขี่ องรม่ ยงั แขง็ แรงดีอยู่ และใบรม่ ก็ยังไม,ขาด ก็เช่อื ว่ายังสามารถคมุ้ แดดฝนให้สังคมได้ ในสว่ นธรรมะท่ชี ื่อวา่สามคั คีธรรมกเ็ ชน่ กนั ตราบใดคนในสงั คมยงั ประพฤติปฏิบตั ิในสามคั คธี รรมสงั คมนัน้ ยังมีความสขุ และความเจรญิ อยู่ตราบน้นั เกยี่ วกบั เร่อื งความสามัคคีน้พี ระพุทธองคไดต้ รัสไว้มากมายซ่งึ ลว้ นแตโ่ ยงไปหาความสุขทงั้ น้ัน เชน่ สมคั คาบัง ตะโป สโุ ข ซ่งึ แปลว่า ความเพียรของผู้พรอ้ มเพรยี งกนัก่อให้เกิดความสขุ สขุ า ลงั ฆัสละ สามัคคี ความพ ร้อม เพ รยี งของห มูค่ ณ ะก่อให ้เกดิความสุข เปน็ ด้น และในพระไตรปฎิ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน ตอนท้ายพทุ ธอปทานสรุปไว้ ๓ ขอ้ โดยเฉพาะข้อที่ ๒ กลา่ วไว้ว่า “ท่านทัง้ หลายจงเหน็ ความวิวาทโดยเป็นภัย และเหน็ ความไมว่ วิ าทโดยเกษมแล้ว จงสมัครสมานกัน กลา่ ววาจาออ่ นหวานแก่กนั นีเ้ ปน็ อนศุ าลนิของพระพุทธเจ้า”นค้ี ือ'ขอ้ ความบางตอนจากคมั ภรี ์อปทาน ซึ่งไดิใหค้ วามสำคัญกับสามคั คีธรรมมาก๒ ๐๖

สุขใจท่ใี ด้อา่ น สารธรรมเพอื่ ชีวิตทีส่ งื าม ทกี่ ลา่ วมานเี้ ป็นการแสดงเหตุปจั จยั แห่งความสุขตามหลกั ธรรมของศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ซ่งึ โดยภาพรวมแลวั เรากจ็ ะเหน็ ว่าพระพุทธศาสนาได้!ห้ความสำคัญกบั สามัคคีธรรมจรงิ ๆ และแมพ้ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวกท็ รงใหค้ วามสำคญั กบั หลกั ธรรมข้อนี้มาก ดังเราจะได้ยินพระราชดำรัสที่ตรสั ไวเ้ สมอวา่ “ใหร้ ูร้ กั สามัคค”ี ทั้งน้กี ็ดว้ ยทรงเล็งเหน็วา่ สามคั คธี รรมน่ีแหละท่จี ะเปน็ เหตใุ ห้พสกนิกรของพระองค์มคี วามสุข เปน็ อันว่าเราเรมิ่ ยอมรบั แลว้ วา่ คำวา่ สามคั คธี รรมน้ี มคี วามสำคญั และเป็นเหตุปจั จยั ก่อใหเ้ กิดความสุขได้จรงิ ทีนม้ี ปี ัญหาอยวู่ า่ ภาพของความสามคั คี กบั ภาพของการแตกสามัคคี และผลของทั้งสองอย่างนี้เหมือนกนั หรือตา่ งกันอย่างไร มวี ิธีปลูกฝืงบำรงุ รกั ษาตน้ สามัคคใี หง้ อกงามขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร จะไดข้ ยายต่อไป ตวั อยา่ งไกลตวั เซ่น เรื่องนกกระจาบพนั ตวั ถูกตาข่ายนายพรานครอบไว้ ตกใจกะทันหนั บินพร้อมกนั ทง้ั พันดวั ก็สามารถยกตาขา่ ยหนีไปได้ รอดชวี ติ ทั้งหมด ภาพทนี่ กบนิ หนพี ร้อมกนั น้เี รยี กวา่ ภาพของความสามคั คี เป็นกายสามัคคี ส่วนจิตจะสามัคคดี ว้ ยหรอื เปล่าไม่ทราบ แตท่ กุ ตัวมีจุดหมายเหมือนกันคอื เอาตัวให้รอด ผลของการบินพรอ้ มเพรยี งกันคือรอดชีวติ มาได้ ทีนี้มาดเู รอื่ งแตกสามัคคกี จ็ ากเรอ่ื งเดียวกนั น่แี หละ คอืเมอ่ื นกกระจาบพากนั รอดมาได้แลว้ ตา่ งก็อวดดีอวดเด่นกนั บอกว่าท่ีรอดตายมาคราวน้เี พราะฉันตวั เดียวแท้ ๆ ล้าฉันไมบ่ ินพวกแกตายหมด ตัวอน่ืก็พดู เหมอื นกนั ความคิดแตกแยกออกเป็นพัน พอนายพรานทราบความแตกแยกก็ไปดกั ตาข่ายอกี ทนี เ้ี งียบกรบิ ไมม่ ตี วั 1โหนบิน ตอ้ งลองกำลังกันทลี ะตวั ๆ วา่ ตัวไหนคอื ตวั ทบ่ี ินเก่งและแข็งแรงทสี่ ดุ กว่าจะครบพันตัวน ายพ ราน ก็อุบ เอาไป ท งั้ ห ม ดเลย น ค้ี ีอภาพ ของการแตกสามัคคี และผลของการแตกสามคั คกี ็คือตายท้งั หมด และอกี เร่อื งหนงึ่ ซึ่งเป็นอนุสสติเตือนใจซาวพุทธเราได้ดีท่สี ดุเกี่ยวกบั สามคั คคี ือ เร่ืองภกิ ษุชาวเมืองโกสัมพี ท่มี าของพระพทุ ธรูปปาง ๒๐๗

สุขใจทไ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทดี่ งี ามวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระพุทธรูปประทับน่ังหอ้ ยพระบาท มีลิงถวายรังผ้ึง มีช้างถวายกลว้ ย เวลาเหน็ พระปางนี้ขอใหน้ ืกถงึ สามัคคธี รรม เรอ่ื งย่อมอี ยู่วา่ มพี ระสองรูปทะเลาะกันเร่ืองนาํ้ ล้างสว้ ม แต่เน่ืองจากพระสองรูปน้ีมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ อกี รปู เป็นพระธรรมกถึก อกีรูปเปน็ พระวนิ ยั ธร จงึ มีการถอื หางกนั จากอาจารย์ลามไปหาลกู ศิษย์ จากลกู ศิษย์ลามไปหาโยมอุปฏั ฐากของแตล่ ะฝา่ ย แม้พระพทุ ธองค์จะทรงแนะนำให้หนั หนาั เชา้ หากันสามคั คีกนั ก็ไมม่ ฝี ่ายใดยอม จนในที่สุดพระองค์ตอ้ งเสด็จออกจำพรรษาอย่ใู นปา่ องคเ์ ดยี ว มชี า้ งกับลิงคอยอปุ ัฏฐาก พอถงึ ข้ันนี้แลว้ ไอร้อนของการแตกสามคั คีกเ็ รมิ่ ปรากฏ ญาตโิ ยมไปวัดไมเ่ หน็ พระพทุ ธองค์ก็เสียใจ เพราะทราบวา่ พระพทุ ธองค์เสดจ็ หนไี ปอยู่ปา่ แล้ว และเหตทุ ่ีเสด็จหนไี ปอยปู่ ่ากเ็ พราะพระสงฆแ์ ตกสามคั คกี ัน จึงพากันทรมานพระ ไม่ไหวไ้ มถ่ วายอาสนะ ไมถ่ วายอาหาร โดยวธิ ีการน้ี เพียงสอง-สามวันเทา่ นน้ั พระทีท่ ะเลาะกนั ก็ยอมขอขมาอภยั กันหนั หนำเช้าหากัน ลดมานะละทิฏฐิ แตก่ ต็ ้องเป็นอย่อู ยา่ ง'ฝืดเคอื งตั้งสามเดอื นเพราะญาตโิ ยมไมใส่บาตรตราบเท่าทีย่ งั ไมไ่ ดพ้ บพระพทุ ธองค์ จากเรือ่ งทน่ี ำมาเลา่ โดยยอ่ น้ี สว่ นหนง่ึ กเ็ พอ่ื กนั ลมื สำหรับท่านท่ีเคยไดย้ ินได้ฟงั มาแล้ว เวลาเหน็ พระปางวัดปา่ เลไลยก์ก็จะได้นกึ ถงึสามัคคธี รรม อกี สว่ นหนงึ่ กเ็ พื่อใหเ้ หน็ ผลร้ายของการแตกสามัคคี คอื ถ้าคนใหญ่แตกกับคนใหญ่มนั ก็จะลามออกไปมากอย่างเรือ่ งนีท้ า่ นว่าออกจากพระสองรูปลๆผไปถึงพรหผใลกช■ั้ นเอกนษิ ฐไ์ ป•นเแหละ พ อแต กออกไป แล้วผลเสียกต็ ามมามากมาย อยา่ งผลเบาะ ๆ เพราะนัา้ ขนั เดียวทพ่ี ระธรรมกถกึกบั พระวินัยธรไต้รบั กค็ ือ อดข้าวตลอดพรรษา ทีน้ีมาดตู วั อยา่ งใกลต้ วั เราบา้ ง เชน่ ในครอบครวั เรา ถา้ พอ่ แมล่ ูกรกั ใครก่ ันดีกท็ ำใหค้ รอบครวั มีความสุขดี ถ้าในครอบครวั พอ่ ชอบทะเลาะกบัแมท่ กุ วนั พ่อแม่กไ็ ม่มคี วามสุข หรือพ่อแมร่ ักใครก่ นั ดี แตล่ กู ชอบทะเลาะกนั๒๐๘

สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชีวติ ที่ดีงามทกุ วนั ครอบครัวก็ไม,มคี วามสขุ อกี เพราะคนในครอบครัวนั้นเชอ่ื มโยงสมั พันธ์กนั ยอ่ มมผี ลกระทบถึงกันทงั้ ในทางสขุ และทุกข์ ถา้ จะมองใกล้เข้ามาอกี นิด ดูท่ีตวั เรา ดชู ิวา่ ถ้าแตกสามคั คกี นั แล้วจะเกดิ อะไรขนึ้ เท้ามันบอกเพ่อื นวา่ พวกเราท้งั หลาย เราเปน็ 'ขขี้ า้ ทอ้ งมานานแลว้ มนั ไมท่ ำงานอะไรเลยคอยแตจ่ ะกินอย่างเดยี ว เดินมนั ไมเ่ ดนิ จบัก็ใชม้ ือจบั เคี้ยวกใ็ ซป้ ากเคยี้ ว ต่อไปนเ้ี ราจะไม่เปน็ ขขี้ า้ มนั อกี แลว้ มนั อยากกินอะไรใหม้ นั ไปหากนิ เองเถอะ ตง้ั แตน่ น้ั มาทงั้ มือทง้ั เทา้ ก็ไมอ่ อกไปไหนเลยคอยให้ท้องออกไปเดนิ หาอาหารกนิ เอง แตพ่ ออดอาหารนานเข้าก็ทนไมไ่ หวทั้งเท้าท้ังมอื ปรกึ ษากันว่าฉันทนไม่ไหวแลว้ เรามารว่ มมือร่วมเทา้ คลานไปหาอาหารมาไล่ทอ้ งเหมอื นเดมิ เถอะ จะได้มแี รงอยตู่ อ่ ไป เราทรมานท้องกเ็ หมอื นทรมานตวั เองนน่ั แหละ และอีกอยา่ งท้องเขาก็ทำหนา้ ทีย่ ่อยอาหารเพ่ือล่งสารอาหารมาหล่อเลย้ี งพวกเรานี่แหละไปๆ หวิ จะตายอยู่แลว้ ทีนีก้ ม็ าถงึ ประเดน็ สำคัญทค่ี ือตัวศัตรขู องสามคั คธี รรม หรือท่ีเรียกวา่ สามคั คีเภท การแตกสามัคคี เสร็จแลว้ จะไดป้ ราบพืน้ ทใ่ี จให้ราบเรยี บเพ่อื ปลูกด้นสามคั คีธรรมลง พรอ้ มกบั รดน้าั พรวนดนิ จะได้นำสุขใหส้ งั คมไทยเราอยา่ งแทจ้ ริง ศัตรูตวั สำคัญของความสามคั คีทม่ี กั กลา่ วถงึ เสมอ คือคำวา่ ทฏิ ฐิหรอื ความคดิ ความเห็นนแ่ี หละ เพราะถ้าความคิดความเหน็ ตรงกัน เสมอกันอย่างทวี่ า่ ทฏิ ฐิลามญั ญตา ก็ไม่มปี ัญหาอะไร แต่ถา้ ขัดแยง้ กันเมอ่ื ไรกย็ ่งุเมื่อนัน้ ทีร่ กั ก็เปน็ ร้าง ที่ห่างกเ็ ป็นหา่ งหนกั ขน้ึ เฉพาะคำวา่ ทฏิ ฐิ น้นั มคี วามหมายในทางไมด่ ี ทั้งภาษาพระภ าษ าค น ภ าษ าพ ร ะ ท ่าน ว ่าเป น็ ก ิเล ส เช่น ท ิฏ ฐกิ ิเล ส ค ือ ค ว าม เห น็ ท ี่เศรา้ หมองข่นุ มวั ไมส่ ดใส ไมส่ ามารถเหน็ อะไรตามเป็นจริง มีสาเหตุมาจากโมหะกิเลส ความลุ่มหลงอกี ทหี นงึ่ เพราะลุ่มหลงจงึ กลายเปน็ ความเห็นท่ีผิดสว่ นภาษาคนก็วา่ อย่าถือทฏิ ฐมิ านะเลย หรอื ว่าลดทีฏฐิลงเสยี บา้ ง แสดงว่า ๒๐๙

สุขใจทไี่ ดอ้ ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ทดี่ ีงามทฏิ ฐิไม,ดีเขาจงึ ไมใ่ หถ้ อื ถ้าจะให้คำวา่ ทฏิ ฐิเปน็ ความดีกจ็ ะตอ้ งเอาไปบวกเข้ากบั คำวา่ สัมมา เช่น คำวา่ สมั มทฎิ ฐิ แปลวา่ ความเหน็ ถกู อำนาจของทฏิ ฐิ หรอื ตัวบ่ันทอนซอนไชต้นสามคั คธี รรม เมอ่ื ตัวนี้เกดิ ข้นึ ที่ใด ตน้ สามัคคีธรรมท่ีเคยงามก็จะเห่ียวเฉา ทเ่ี ห่ยี วเฉาแลว้ ก็จะตายเม่อื ตาย ความสขุ ที่จะเกิดจากความสามคั คกี พ็ ลอยตายตามไปต้วย กลายเป็นไตร้ บั ความทกุ ข์แทน เมอื่ รเู้ ชน่ นี้แลว้ จะแก้อย่างไร วธิ ีแถ้ก็แถท้ ตี่ ัวทฎิ ฐินัน่ แหละ เป็นท่ีทราบดแี ล้วว่าตวั ทฎิ ฐเิ กิดขน้ึ เพราะขาดความซัดเจนในการมองเห็น หรือเห็นไมต่ รงตามความเป็นจรงิ วธิ ีแกจ้ งึ ตอ้ งใช้ปัญญา คีอศึกษาใหเ้ ขา้ ใจชดั เจนในแต่ละเรอ่ื งที่เราเกย่ี วขอ้ ง ยเึ กเป็นคนมีเหตุผล ไม่เอาอารมณ์เหนือเหตผุ ลยดึ พระบรมราโชวาททวี่ า่ รรู้ ักสามคั คี เข้าไว้ แกความมเี มตตาต่อกนั ใหค้ ดิเสยี ว่าในวัฏสงสารอนั ยาวไกลน้ี คนทไ่ี มเ่ คยเป็นพเี่ ป็นน้อง เป็นพอ่ เป็นแมก่ นัไมม่ เี ลย ทุกคนล้วนเคยเปน็ ญาตกิ ันมาทง้ั นน้ั และอนาคตก็ยังจกั ตอ้ งเป็นญาตกิ ันและท่ีใกลต้ วั ทีส่ ดุ คอื สดู ลมหายใจจากอากาศเดียวกนั เป็นทด่ี ำรงชวี ติ จะคดิ ถอื โทษโกรธเคอื งกนั ทำไม รู้จกั ให้อภยั กนั หัดมองกนั ในแง่ดีแม้คนอืน่ เขาจะมสี ว่ นไมด่ อี ยบู่ ้าง เราอยา่ ไปจำเอาจำเอาแตส่ งิ่ ดีๆ ของเขาตังที่ทา่ นพุทธทาสภกิ ขแุ ต่งเปน็ คำกลอนไวว้ ่า เขามีสว่ นเลวบา้ งชา่ งหัวเขา จงเลือกเอาสิงดีเขามีอยู่ เปน็ ประโยชน์โลกบ ้างยังน่าดู สว่ นที่ชวั่ อยา่ ไปรูข้ องเขาเลย ฯ และทส่ี ำคญั อันสดุ ทา้ ยคอื รู้จกั ใหค้ วามสำคญั แก,คนอนื่ บ้างเคารพความคิดเหน็ ของกนั และกัน ถา้ ทำไต้ตงั นีต้ น้ สามคั คีธรรมก็จะนำสขุให้อยา่ งแนน่ อน๒๑๐

สขใจท่ีไค้อา่ น สารธรรมเพ่ีอชวี ิตที่ดีงามโ ด ย . . . พ นั โ ท ไ ช โ ย น าม น น ท ์“ ธรรบโอสถ” ในการดำรงชีพของคนเราน้นั ปัจจัยสำคญั อยา่ งหนงึ่ ซึ่งจะขาดเสียมไิ ด,นั่นก็คอื ยารักษาโรค เพราะรา่ งกายของเราเปน็ รังแหง่ โรค ดงั พทุ ธภาษิตวา่ อิทํ สรรี ํ โรคนทิ ธํ ซึง่ แปลวา่ รา่ งกายนเี้ ปน็ รังแหง่ โรค เซ่น มีตาก็เปน็ โรคตา มหี ูก็เปน็ โรคหู มีตบั ก็เป็นโรคตับ เปน็ ตน้ ดว้ ยเหตนุ ้ีไมว่ า่ทางโลกหรือทางธรรม เมื่อจะบัญญ้ติปจั จยั ทจี่ ำเป็นสำหรับมนษุ ย์แลว้ จำตอ้ งพว่ งยารักษาโรคตอ่ ท้ายไว้ดว้ ยเสมอ เพอ่ื ใชบ้ รรเทาความทกุ ข์ทเ่ี กดิ ขึ้นกบัรา่ งกายของคนเรา อันวา่ โรคภัยไข้เจ็บท่ีเกิดขนึ้ กับรา่ งกายของเราน้ี มสี าเหตมุ าจากทางกายอย่างหนงึ่ เซ่น การกระทบกระแทก แตกหกั หรอื การกินอาหารบ้างจากทางใจอยา่ งหนงึ่ ซ่ึงเกดิ จากกิเลสบ้าง ถ้าเปน็ โรคทมี่ สี าเหตมุ าจากทางกายกบ็ รรเทาหรือเยียวยาดว้ ยสมุนไพรหรือยาแผนปจั จุบนั แตถ่ ้าเป็นโรคทเ่ี กิดจากกเิ ลสภายในใจกต็ อ้ งแกห้ รือบรรเทาด้วยธรรมโอสถ หรือยาธรรม เนื่องจากบทความนใ้ี หชั อ่ื วา่ ธรรมโอสถคือยาธรรมะ เป็นยาสำหรบั รกั ษาโรคทางใจ จึงขอพดู เฉพาะโรคทางใจ และวธิ ีการใช้ธรรมะเยยี วยาเทา่ นน้ั จะไมข่ อพูดถงึ โรคทเี่ กดิ จากทางกาย โรคอะไรบ้างที่เกิดจากกิเลสในใจโรคท่ีเกิดจากกิเลสในใจเทา่ ทพี่ อประมวลหาความสัมพันธ์กับทางกายมาได้ตงั นี้ ๑ . โรคปวดหวั คนเราเมือ่ ม ีความโลภมากเกิดขึ้น ก ็คดิ หาว ธิ ีการท่ีจะไดส้ ิงที่ปรารถนามา เม่อื ไมไ่ ดส้ มใจอยากกป็ วดหวั อย่างทีพ่ ระท่านว่าปรารถนาสง่ิ ใดแลว้ ไมใตส้ ิงนน้ั ยอ่ มเป็นทุกข์ หรอื บางคนโกรธมาก ๆ กป็ วดหวัเหมอื นกนั เ36)0)

สุขใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ที่ดีงาม ๒. โรคนอนไม่หลับ คนเราเม่อื มคี วามโลภเกิดข้ึนกจ็ ะคดิ หาวธิ กี ารทีจ่ ะไดส้ ง่ิ ทีป่ รารถนามา และคดิ มากกวา่ คนท่ไี มโ่ ลภจึงเปน็ เหตุใหห้ ลบั ไม่ลงเปน็ โรคนอนไมห่ ลบั คนโกรธมากๆ กน็ อนไมห่ ลับเหมีอนกนั ๓. โรคหัวใจ จิตใจของคนโลภหรือคนโกรธย่อมเป็นจติ ใจท่ีรมุ่ รอ้ นซึ่งเปน็ ผลกระทบต่อหัวใจทำใหห้ ัวใจเกดิ โรคได้ ๔. โรคกระเพาะอาหาร คนทม่ี จี ิตใจเคร่งเครยี ด ไม่ว่าจะเกิดจากความวิตกกงั วล หรือความโลภ ความโกรธทเี่ กินขนาด ยอ่ มมผี ลกระทบตอ่ระบบการย่อยอาหาร ทำใหเ้ กิดเป็นโรคกระเพาะอาหารได้ ทีย่ กมาสามสต่ี ัวอยา่ งน้ลี ัวนแล้วแตท่ างการแพทยย์ อมรบั แล้วว่ามีล่วนสัมพันธก์ ันจึงสรปุ ไดว้ า่ ใจท่ีมีกิเลสย่อมเป็นเหตใุ ห้เกิดโรคทางกายได้ วิธีแกโ้ รคทางใจทำอยา่ งไร ธรรมะไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ยาขนานเอกในการแกโรคอันเกิดจากสรรพกเิ ลสได้ แต่เนอ่ื งจากธรรมะในพระพุทธศาลนามีมากถงึ ๘ ๕ ,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ์ หากจะพรรณนามาทงั้ หมดในท่นี ค้ี งไม่ไหว จะขอพดู ถงึ ธรรมะเฉพาะทเ่ี กี่ยวกับการเยยี วยาโดยตรง นัน่ ก็คือบทโพซฌงค์ ๗ ซง่ึ มีตำนานว่า เม่อื คร้งั พระโมคคัลลานะกับพระมหากสั สปะเปน็ ไขพ้ ระพุทธองค์ทรงสวดโพซฌงค๗์ ใหฟ้ งั กห็ ายจากไขแ้ มพ้ ระพทุ ธองค์ทรงพระประชวรกต็ รสั สั่งให้พระจนุ ทะสวดใหฟ้ ้งกท็ รงหายจากการประชวรและด้วยตำนานนเ้ี อง พระสงฆจ์ งึ นิยมนำมาสวดใหญั าติโยมที่ปว่ ยไขัฟงั เผ่ือจะหายตามตำนาน ทำไมบท'โพชฒงค์ ๗ จึงรักษาโรคได้ หากพจิ ารณาตามหมวดธรรมท่ีเรียงข้อกันไว้ก็จะได้ตงั น้คี อื ๑ . สติ ความระลึกได้ กน้ สตปิ ฎิ ฐานส)ี่๒. ธมั ม'วจิ ัย ความเลอื กเฟ้นธรรม (วิจัยรปู -นาม) ๓. วิริยะ ความบากบ่นัตอ่ เน่ือง (ล้มมัปปธาน ๔) ๔. ปตี ิ ความอม่ิ ใจ ๕. ปสิ สทั ธิ ความรำงบั แห่งจิต๖. สมาธิ ความมีใจต้ังม่นั ๗. ความวางใจเปน็ กลาง เมอื่ แบง่ กำลงั ธรรมท้ัง ๗ ขอ้ นอ้ี อกเป็นกำลังนำ และกำลงั หนุนกจ็ ะได้ตงั น้ี ธัมมวิจัย. วริ ยิ ะ. ปตี ิเปน็ กำลงั นำ สว่ นปฟ้ ิลทั ธิ. สมาธแิ ละอเุ บกขาเป็นตัวหนนุ สำหรับสติเปน็๒๑๒

สขใจท่ีไค้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทีด่ ีงามตัวตรวจตราความสมาเสมอของกำลังนำและกำลังหนุน หากจะย่อสว่ นลงเปน็ สมถะลบั วิปัสสนาก็ได้ คอื กำลงั หนุนเปน็ สมถะ กำลังนำเป็นวปิ สั สนารวมความว่าธรรมโอสถขนานน้กี ค็ อี ยาสมถะลบั วปิ สั สนานน่ั เอง เหลา่พระอรหันต์ทงั้ หลายเป็นผู้ผา่ นการเจรญิ สติมาจนหมดกิเลสแล้ว อยู่มาทา่ นป่วยเปน็ ไข้ เพราะสาเหตุทางกาย เม่อื ได้ฟังเสยี งคำวา่ สตธิ ัมมวจิ ัย เท่านัน่จิตท่านกถ็ ึงอัปปนาไดแ้ ละหลดุ พ้นจากความบบี คั้นทางกายไดเ้ หมอื นขา้ งศกึตกหลม่ ฉุดยังไงกไ็ ม่ขึ้น แตพ่ อได้ยินเสียงกลองศึกกส็ ามารถข้ึนจากหล่มได้โดยงา่ ย จากเหตุผลดังกล่าวมาจึงเชอื่ ได้วา่ บทโพชฌงค์ ๗ สามารถช่วยให้พระโมคคัลลานะและพระมหาลัสสปะหายจากไขได้จริง สว่ นซาวบา้ นทั่วไปยังรบั รองไม่ไดว้ ่าหายหริอไม่ ต้องขน้ึ อยู่ลบั ศรทั ธา ถา้ ศรทั ธามากก็สามารถทำจติ ผู้ฟ้งใหแ้ นบแน่นและหลุดพ้นจากทุกขเวทนาได้ เพราะศรัทธากอ่ ให้เกดิ ปีติ ปตี ทิ ำลายทุกขเวทนาได้ อานภุ าพของธรรมโอสถ หากจะกลา่ วถงึ ผลของธรรมโอสถหรอืยาธรรมเพยี งแค,รักษาโรคเจบ็ ไขได้ป่วยดงั ทีก่ ล่าวมาแลว้ ก็คงไมค่ มุ้ ลับที่พระพุทธองคท์ รงแสวงหาเปน็ เวลานานแสนนาน เพราะจุดประสงคห์ ลกัจรงิ ๆ ที่พระพุทธองค์ทรงด้นหาธรรมโอสถกค็ อื เพอื่ ช่วยสรรพสตั ว๊!ห้หลดุ พน้จากทุกข์ท้ังปวง สว่ นการใช้บรรเทาโรคภัยไข้เจบ็ ทเ่ี กดิ ข้นึ นนั่ เปน็ ผลพลอยได้เหมือนปลกู ข้าวแตไ่ ดฟ้ างใหค้ วายกนิ ด้วย ดังนัน่ ไม,ว่าพระหรอื โยมหากตอ้ งการผลของธรรมโอสถควรเล็งผลการปฏิบัตไิ ปทค่ี วามหลดุ พ้นจากตัวตนโดยมีสมถะวปิ สั สนาเปน็ เคร่ืองเทียมใจเหมอื นโคคู่เทียมเกวยี น เมือ่ เกิดทกุ ขเวทนาขึ้นก็กำหนดรู้ หากทกุ ขเวทนาหนกั มากกก็ ำหนดให้หนกั ลงไปทำบอ่ ยๆ การทำบอ่ ยๆ ทำให้จิตใจมีอำนาจทเี่ รยื กวา่ วสี เมอื่ ทุกขเวทนาเกดิ ขึ้นไมว่ า่ ใน สว่ นใด ของร่างกาย เพียงเอาจิตไปแตะเฉ ย ๆ ทกุ ขเวทนาก็หายไปทนั ที เป็นอันได้อานสิ งส์ทนั ตาเหน็ ของธรรมโอสถ สว่ นการหลุดพน้กค็ ่อยบำเพญ็ ไปเรอื่ ย ๆ เมอ่ื อินทรยี แ์ กก่ ลา้ ก็จะเป็นไปเอง ๒๑๓

สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพี่อชวี ิตท่ีดีงาม ธรรมโอสถนอกจากจะอำนวยประโยชน์โสตถิผลให'กบั ผู้ปฏบิ ัติโดยตรงแลว้ ยงั อำนวยประโยชนไ์ ห้กบั ปยิ ซนสมั พนั ธชนดว้ ย ทำให้การดำเนนิ ชีวิตเป็นไปดว้ ยความราบร่นื ดีงาม จึงเป็นการสมควรแลว้ ที่ทา่ นทั้งหลายจะได้กนิ ยาธรรมโอสถ ซ่งึ เป็นทั้งยากัน และยาแกท้ ี่ว่ากนั นน้ั คอื กันสรรพกเิ ลสอนั เปน็ เชอ้ื โรคทางใจมิให้เขา้ ส่ใู จ ทีว่ ่าแก้คอื ฆ่าเชือ้ กเิ ลสท้งั หลายท่มี ิอยูแ่ ลว้ ในใจใหห้ มดไป ก่อนจบธรรมโอสถก็อยากจะฝากว่าบรรดายาทีม่ ีในโลกน้หี ากจะสรปุ ลงเปน็ ขนานใหญ่ๆ กค็ งได้๒ ขนาน คือ ยาลำหรับแกโ่ รคทางกายควรเรยี กว่า โลกโอสถ สว่ นยาทแี่ กโ่ รคทางใจ เรียกวา่ ธรรมโอสถ ในส่วนโลกโอสถน้ัน ผู้รับประทานทานเขา้ ไปแล้วไม่ตอ้ งทำอะไร ตวั ยามนั จะทำปฏกิ ิริยาเอง สว่ นยาธรรมโอสถ ผ้รู บั ประทาน (ศึกษา) แลว้ ต้องปฏิบตั ติ ามที่ไดศ้ กึ ษามาตวั ยาจงึ จะออกฤทธฉ้ี ะนนั้ ผูป้ ระสงคผ์ ลของธรรมโอสถจงึ ควรประพฤติธรรมดว้ ยจงึ จะได้ผลของยา๒๑๔

สุ'ยใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ิตที่ดงี าม โ ด ย . . . พ ัน โ ท บ ว ร ว ทิ ย ์ ไ ช ย ศ ลิ ป ื “ การสวดบนต'เผื่อสุขภ!ผ” สขุ ภาพเปน็ เรื่องทจ่ี ำเปน็ และสำคัญอย่างย่ิงสำหรบั ชีวิตมนษุ ย์หากมนษุ ย์มีสุขภาพร่างกายและจิตใจท่ีแข็งแรงและสมบูรณ์ชวี ิตยอ่ มดำเนินไปไดอ้ ยา่ งสะดวกสบายและมีความเปน็ ปกติสุข แต่ในทางตรงกันขา้ ม หากร่างกายกับจติ ใจหรออย่างใดอยา่ งหน่ึงทำงานไม่ปกติ ขาดตกบกพร่องในบางสว่ นหรือหลายๆ ส่วน ชวี ิตย่อมไม่เป็นสุข มีความทุกขเ์ ดอื ดรอ้ นมาแทนที่ นน่ั ก็คือ สขุ ภาพ ทแ่ี ปลกนั วา่ ความเป็นผู้มีความสุข ไดล้ ดน้อยถอยลงหรอื หมดส้นิ ไป มนษุ ย์เราจึงจำเปน็ ต้องแสวงหาอุปกรณ์หรือเครื่องมีอในการเสริมสรา้ งสขุ ภาพ รักษาสขุ ภาพ และพฒั นาสขุ สภาพหรือรา่ งกายและจติ ใจของตนเองใหเ้ จรญิ ร่งุ เรอื งและมีประสทิ ธภิ าพอยตู่ ลอดเวลา เซ่นการกนิ เพือ่ สุขภาพ, การออกกำลังเพอื่ สุขภาพ, การเตน้ รำเพือ่ สุขภาพ,การวิ่ง-การเดนิ เพื่อสุขภาพ และการปฏิบตั ิกจิ กรรมอืน่ ๆ เพอ่ื สุขภาพ ในการเสริมสร้างสขุ ภาพนน่ั นอกจากเราจะเสริมสร้างกันในทางกายภาพแล้ว อีกทางหน่งึ ทส่ี ำคญั ยิ่งท่เี ราไม่อาจมองขา้ มไดก้ ค็ ือ “การเสริมสรา้ งสขุ ภาพทางจติ ใจ” ซึ่งกระทำไดด้ ว้ ยการพัฒนาจติ ใจ เซ่น การไหวพ้ ระสวดมนต์ การเจรญิ จติ ภาวนา ปฏิบตั ิธรรมกรรมฐาน กำหนดสตใิ ห้ได้ขณะปจั จบุ ัน เดินจงกรม นั่งสมาธิ ตามเวลาอนั สมควรหรอื ตามวฒุ ภิ าวะของแตล่ ะบุคคลท่ีสามารถปฏิบตั ิไดด้ ว้ ยตนเอง เพราะฉะนั่น “การสวดมนต์” จงึเปน็ การเสรมิ สร้างสขุ ภาพได้อีกทางหนึ่งดว้ ย การสวดมนตเ์ พอื่ สขุ ภาพ คอื อะไร? เราจะสวดมนต์เพ่ือสุขภาพไดอ้ ย่างไร? (คือสวดมนตบ์ ทใดบา้ งเพ่ือรักษาสขุ ภาพ) และอะไรคืออานิสงสข์ องการสวดมนต์เพือ่ สุขภาพ? ๒๑๕

สุขใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ี ชีวิตทดี่ ีงาม ประการแรก “การสวดมนตเ์ พือ่ สขุ ภาพคอื อะไร” การลวดมนต์เพอ่ื สุขภาพ ก็คอื การกลา่ วสาธยายพรรณนาคุณหรือสรรเสรญิ คุณของพระธรรมคำสง่ั สอนทางศาสนา หรอื กล่าวสดดุ ยี กยอ่ งเกยี รตคิ ณุ พรรณนาพระคณุ ของพระศาสดาหรือสาวกอนื่ ๆ ของพระองค์ท่านใหป้ รากฏ เพอื่ยดึ ถือเปน็ สรณะท่พี ่งึ และแนวทางในการปฏิบัตหิ รือประยุกตใ์ ซในชีวติประจำวัน สว่ นการสวดมนตเ์ พื่อสขุ ภาพในทางพระพุทธศาสนา มีลกั ษณะเดน่ คือ การสวดสาธยายมนตห์ รอื การสวดมนต์สรรเสรญิ คณุ พระรตั นตรยัคือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ซ่ึงเป็นสรณะอนั เกษมสงู สุดของซาวพุทธทัง้ หลาย เพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ ๔ ประการ คือ ๑. เพอื่ ปอ็ งกนั ภัยทีย่ ังไม่เกิดขึน้ ๒. เพือ่ ขจัดภยั ที่เกดิ ข้นึ แลว้ ๓. เพือ่ เสรมิ สรา้ งความสงบสขุ ให้เกิดขึ้น ๕. เพอ่ื รกั ษาความสงบลุขท่เี กิดขนึ้ แล้วมีใหเ้ ส่อื มคลาย การสวดมนต์จงึ เป็นการสรา้ งพลังอำนาจหรือความเข้มแข็งทางดา้ นจติ ใจได้เปน็ อยา่ งดยี ่งิ เมอื่ จติ ใจมีสภาพเขม้ แข็ง-แขง็ แรง-สมบูรณ์ และมพี ลังขน้ึ มาแล้ว สุขภาพทางดา้ นจิตใจยอ่ มเกดิ ขึ้นอย่างแน่นอน ประการท่สี อง “เราจะสวดมนต์เพอ่ื สขุ ภาพไดอ้ ยา่ งไร” และ“เม่ือสวดมนตเ์ พือ่ สุขภาพไดแ้ ลว้ จะไดร้ บั อานสิ งส์อะไรบ้าง?” ในข้อน้ีพระโบราณาจุารยไึ ด้รวบรวมเร่อื งการสวดพระปรติ รหรือการสวดมนตบ์ ทต่าง ๆ พรอ้ มทั้งอานิสงสเ์ ฉพาะบทเพ่ือประยุกต์!ซไวิ'เป็นอเนกประการ ดังจะขอยกตวั อย่าง เฉพาะในหนงั สอื “เจ็ดตำนาน” มาเลา่ สกู่ ันฟังดังนี้ ๑ . เมตตปรติ ร หรอื กรณียเมตตสดู ร ทีข่ น้ึ ด้นบทวา่ “กรณยีมตฺถถุสเลน ยนตุ 0 สนุตํ ปท0 อภิสเมจุ'จ” เป็นด้น มบี ทตัดสวดตรงกลางวา่“เมตตฺ ญจ สพพฺ โ่ ลกสฺมี มานสม.ภาวเย อปริมาณํ ” เป็นดน้ เหมาะสำหรบั การเจริญจติ ภาวนาแลว้ แผ่เมตตา โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ผู้ที่มคี วามกระวนกระวาย๒๑๖

สุขใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพ่ีอชีวิตทด่ี ีปา๋ มทางจติ กระสับกระส่าย ผุดลุกผดุ น่งั นอนไมค่ อ่ ยหลบั มักผวาตน่ื แล้วตกใจอยเู่ ปน็ ประจำทุกวนั จะทำให้นอนหลับเปน็ สขุ ตน่ื นอนก็เปน็ สขุ ไม,ฝนื ร้ายเปน็ ทีร่ กั ท้งั เหล่ามนุษยแ์ ละอมนษุ ย์ เทวดาก็ชว่ ยดูแลศัตรา ยาพิษ และไฟไมแ่ ตะต้อง จติ ตัง้ มั่นไต้เรว็ ใบหนา้ ผ่องใส ไม่หลงตาย และหากยังไม่บรรลุธรรมอันย่ิงใหญ่ กจ็ ะเข้าถึงพรหมโลก นีค่ อื อานิสงสข์ องการสวดมนต์บทกรณยี เมตตสูตร ๒. ขันธปริตร คอื บทสวดทขี่ นึ้ ต้นว่า “วิรปู ๆเฃหิ เม เมตต0 เมตฺตํเอราปเถหิ เม” เป็นตน้ บทนเ้ี ข้สวดเพ่ือป้องกันภัยต่างๆ อนั เกดิ จากอสรพษิและสัตวร์ า้ ยทัง้ หลาย ทัง้ สัตว์ ๔ เท้า สัตว์ ๒ เท้า สตั ว์ไม่มเี ท้าและสัตว์ท่มี ีเท้าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเวลาท่เี ดินไปป่าเขาลำเนาไพร ตามทอ้ งไร่ทอ้ งนา หรอื ในถ่ินทีอ่ ยขู่ องสตั ว์เหล่าน้ี ให้แผ่เมตตาจติ แลว้ สวดมนต์บทน้ี ด้วยจิตทีเ่ ป็นกศุ ลจะไตผ้ ลดนี กั แล ๓ . โม?ปริตร คอื บทสวดท ขี่ นึ้ ตน้ วา่ “อุเทตยญ'จฦ[ขมุ า เอกราชาหรสิ ฺสวณฺโณ ปฐวปิ ปภาโส ตํ ต0 นมสฺสามิ หริสสฺ วณณฺ ี” เปน็ ต้น ใชเ้ ป็นบทสวดสำหรับป้องกันภัยจากผทู้ ่คี ดิ รา้ ย เพ่ือมงุ่ ทำลายเรา ๔. อาฏานาฏยิ ปริตร คอื บทสวดท่ีข้ึนตน้ วา่ “วิปสสฺ สิ ฺสนมตถจกขมนตฺ สฺส สริ มี 'โต” เป็นตน้ ใช้เปน็ บทสวดลำหรับปอ้ งกันภัยจากพวกอมนุษย์ เชน่ ภูต ผี ปีศาจ และเพ่อื ขจดั ทกุ ข์ บำรุงสุข ทำให้มีสุขภาพดีท้ังร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างย่งิ คอื ความสงบสขุ ๕. โพชฌังคปริตร คือ บทสวดที่ขึน้ ต้นวา่ “โพชฌุ งโฺ ค สตสิ งขาโตธม.มาน0 วิจโย” เปน็ ตน้ ใช้เป็นบทสวดเพ่ือการเรยี นรเู้ ร่อื งองค์คณุ แห่งการตรสั รู้ธรรม ๗ ประการ คือ สต,ิ ธรรมวิจยั , วิริยะ, ปีติ, ปัสสทั ธิ, สมาธิ และอุเบกขา ชว่ ยใหร้ อดพ้นจากอุปสรรคทงั้ ปวง ทำใหม้ ีสขุ ภาพดแี ละมอี ายุยืน ๖. ชยั ปริตร คือ บทสวดทีข่ ึ้นตน้ วา่ “มหาการุณีโก นาโถ หิตายสพพฺ ปาณีน0 ปเู รตวฺ า ปารมี สพ.พา ปตฺโต สมโพธมิ ตุ .ต”ํ เป็นต้น ใชเ้ ปน็บทสวดตอ่ จากบทพาหงุ ทำให้ประสบชัยชนะ และมคิ วามสุขสวสั ดี ๒๑๗

สุขใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพ่ึอชวี ิตทีด่ ปี ่าม ๗. รัตนปริตร หรอื รัตน{ฐตรุ คือ บทสวดทขี่ ้นึ ต้นว่า “ยานีธภูตานี สมาคตาน”ิ เปน็ ตน้ และมีบทตัดสวดในตอนกลางวา่ “ยงฺกิณฺจิ วติ ฺตํอิธ วา หุร0วา สคเฺ คสุ วา ย0รตนํ ปณตี 0” เปน็ ต้นใช้เปน็ บทสวดเพ่ือให้รอดพน้จากอุปสรรคอันตรายทัง้ ปวง และใหไ้ ดร้ ับความสวสั ดี ๗. วัฏฏกปริตร คอื บทสวดที่ขนึ้ ต้นว่า “อตฺถิ โลเก สลี คโุ ณ สจฺจํโสเจยยุ นุทฺทยา” เปน็ ต้น ใชส้ วดภาวนากอ่ นออกจากบา้ น ออกจากที่พ้กภาวนากอ่ นนอน ช่วยปอ้ งกนั ไฟไหมโี ดยธรรมชาติและป้องกันอุบตั เิ หตุไต้ ๙. ม'ี งคลปรติ ร หรือ มงคลสูตร เปน็ บทสวดที่วา่ ด้วยมงคลชวี ิต๓๗ ประการ มีการไมค่ บคนพาล คบแต่บัณฑติ และการบูชาคนท่คี วรบูชาเป็นต้น ซ่งึ จัดวา่ เป็นมงคลชวี ติ อนั สูงสดุ ในชีวติ มนษุ ย์ เมอ่ื สวดมนตภ์ าวนามงคลสูตรนแ้ี ล้ว จะทำใหป้ ราศจากอุปัทวันตรายและเกดิ ความเป็นสิรมิ งคลในชีวติ ๑๐. ธชัคคปริตร หรือ ธชัคคสตู ร เป็นสตู รทว่ี ่าด้วยการศึกสงครามมีการสูร้ บ ทำให้เกิดภยั อันตรายน่าหวาดกลวั และหวาดหวั่น พระพทุ ธเจ้าได้ทรงแนะนำว่า เมอ่ื ตกอยูในภาวะคบั ขันอันตรายจนนา่ หวาดกลวั ให้รบี สวดบทเจรญิ พระพุทธคณุ คอื อติ ิปใิ ส ภควา หากอังไมห่ าย ให้สวดสรรเสริญพระธรรมคุณว่า สวากุขา'โต ภควตา ธมโม เปน็ ต้น หากอังไม่หายอกี กใ็ ห้สวดสรรเสริญพระลังฆคณุ ต่ออกี ว่า ลุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงโฆ เปน็ ตน้จนจบ แล้วก็จะหายจากความหวาดหวั่นหรอื ความหวาดกลัวนนี้ เอง เพราะฉะนั้น ธซคั คสตู ร กค็ ือทม่ี าของบทสวดสรรเสริญพระคณุ ของพระพุทธเจา้พระธรรม และพระสงฆ์นน่ั เอง ๑๑. องั คุลมิ าลูปริตร คือ บทสวดท่ขี ้ึนตน้ ว่า “ยโตห0ภคินี อรยิ ายชาติยา นาภซิ านามิ” เปน็ ตน้ เปน็ บทสวดทชี่ ว่ ยปอ้ งกันอุปสรรคอนั ตรายตา่ ง ๆและเปน็ บทสวดโดยเฉพาะสำหรบั สตรีมคี รรภ์ เพ่อื ให้คลอดบุตรงา่ ย ตังที่พระองคุลมิ าลเถระได้เคยปฏิบัตมิ าแล้วในครง้ั พทุ ธกาล ทำให้หญิงทตี่ กใจกลัวสามารถคลอดบตุ รไดโี ดยงา่ ยและปลอดภัย๒๑๘

สุขใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่ือชีวติ ทต่ี งี าม ๑๒. คภ?II เรติ ร คือ บทสวดทข่ี น้ึ ต้นวา่ “ยนทฺ นุ นฺ ิมิต.ต0อวมงคลณจฺ โยจามนาโป สกุณสฺส สท.โท”เป็นตน้ เปน็ บทสวดที่ชว่ ยใหไ็ มฝ่ นื รา้ ย นอนหลบัสบาย ทำใหพ้ น้ จากภัยพิบัตทิ งั้ ปวง ตามตัวอย่างที่กล่าวแลว้ นี้ สามารถพสิ จู น์ไดด้ ้วยตนเอง ถ้าผสู้ วดมนต์หรอื สวดพระปริตรดังกลา่ วแล้ว มอี งคค์ ณุ หรือคุณสมบตั ขิ องผู้สวดมนต์ครบทุกประการ กล่าวคอื ๑. มเี มตตาจติ คอื จติ ประกอบด้วยเมตตามุ่งหวังประโยชนส์ ขุต่อผ้อู ่ืน ด้วยความบริสุทธ!๋ึ จ ๒. สวดไต้ถกู ต้องตามอกั ขรนิยม คือ สวดถูกต้องตามอกั ขระ ทัง้สระและพยญั ชนะ อนั เปน็ ภาษาบาลหี รือที่เรยี กวา่ มคธภาษา ซงึ่ เป็นภาษาทางพระพุทธศาสนา หรือภาษาของพระพทุ ธเจา้ ๓ . สวดไมเ่ สียอักขระ ไม่ทำพยัญชนะและสระให้ผดิ พลาด ๔. รู้ความหมายของบทสวด คือ แปลความหมายได้ และสามารถนำไปประยุกตใ็ ช่ในชีวิตประจำวันไต้อย่างมปี ระสิทธิภาพ อันเปน็ ตวั ชี้วดัหรอื ข้อบ่งช้ีถงึ ความสำเร็จในการประยุกต่ไซห้ ลักพุทธธรรมในชีวิตประจำวัน แมผ้ ู้ฟ้งการสวดมนต์หรือบทสวดพระปริตรเอง กต็ ้องมอี งค์คณุ ถึง๓ ประการ ด้วยเช่นกัน คอื ๑ . ตอ้ งไม่เคยกระทำอนันตรยิ กรรม กรรมอนั หนกั ยิ่ง ๕ อย่าง คือฆา่ บดิ า ฆา่ มารดา ฆา่ พระอรหันต์ กระทำ'โลหิตปุ บาท และทำลังฆเภท- ยยุ งให้สงฆ์แตกกัน ๒. ไม่เป็นคนมจิ ฉาทฏิ ฐิ - มคิ วามเหน็ ผิด ตอ้ งเปน็ คนมสิ มั มาทฏิ ฐิ -ความเห็นชอบ เชน่ เหน็ วา่ กรรม และผลแหง่ กรรม หรอื กฎแหง่ กรรมมีจรงิ ๓. มคี วามศรัทธาเชอ่ื มน่ั ในอานภุ าพของพระปริตรหรอื บทสวดนน้ั ๆ ว่าสามารถให้ผลสำเร็จได้จริง ๒๑๙

สขุ ใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชีวิตทดี่ ีงาม เพราะฉะน้ัน จงึ เปน็ อนั กลา่ วไดว้ า่ ผหู้ มน่ั สาธยายพระปรติ ร หรอืหมั่นสวดมนต์อยเู่ ปน็ ประจำ ย่อมได้รบั ผลานิสงส์เป็นอเนกประการ เป็นด้นว่า คลาดแคล้วจากอุปสรรคอนั ตราย หายจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ ประสบความสวัสดี มีความสขุ ความเจริญรุ่งเรอื ง ไดร้ ับชัยชนะ มสี ขุ ภาพดี และมีอายุยืนดงั ท่ีพระพทุ ธองคไ์ ดต้ รัสไว้วา่ “เธอจงเจริญพทุ ธานสุ ตภิ าวนาที,ยอดเยี่ยมในภาวนาธรรม เพราะผู้เจริญภาวนานี้ จะสมปรารถนาทกุ ประการ” และวา่ “อมนษุ ย'์ ท่ีต''องการจะทำรา้ ยผูเ้ จรญิ เมตตา ยอ่ มประสบภัยพบิ ัตเิ อง เหมีอนคนใชม้ อื จบั หอกอนั คม จะได้รับอนั ตรายจากการจบั หอกอนั นน้ั ฉะนั้น” นแ่ี หละ คืออานภุ าพแห่งการสวดมนต์ ทำใหป้ ราศจากทุกฃโ์ ศกโรคภัย อปุ ทั วนั ตรายท้งั ปวง ชว่ ยใหถ้ งึ ความสุขสวัสดีในท่ีทกุ สถานและในกาลทกุ เมื่อ จงึ อยากเชญิ ซวนทกุ ทา่ นวา่ “เรามาสวดมนต์เพ่อื สขุ ภาพกันเถอะ”๒๒0

สุขใจทไี่ ด้อ่าน สารธรรมเพี่อชีวติ ท่ีดปี ่าม โ ต ย . . . พ ัน โ ท บ ว ร ว ิท ย ์ ไ ช ย ศ ลิ ป ี“ จุดเกียนแห่งชีวิต”เปลวเทียนละลายแทง่ เพ่ือเปลง่ แสงอนั อำไพชีวิตมลายไป เหลอื สิง่ ใดทิ้งแทนไว้สว่ นที่ไร้สาระ ยังไม่สายเกินแกไ้ ขชีวิตเหลอื เพียงใด ควรภูมิใจไดท้ ำดี ธรรมะเปน็ แสงสวา่ งแหง่ ชวี ติ ยามทช่ี วี ติ ท่านตกอยู่ในท่มี ืด ขอให้จุดเทียนแห่งชวี ติ ไวใิ นใจ ใหใ้ จนั้นสวา่ งไสวอยดู่ ้วยแสงเทยี นแหง่ ธรรมะ ถ้าจะชีวติ เปรยี บเหมอื นเรอื ที่กำลงั แล่นอย่กู ลางทะเลคอื โลกใหญ่ใบนี้แลว้ บางคร้งั กร็ าบเรียบ เรอื แลน่ ไปอย่างราบรืน่ บางครง้ั มีคลืน่ ลมพัดพาให้ปน่ ปว่ น ดังนัน้ คนที่ไม่รู้จกั ความเป็นไปของทะเล ย่อมต้งั อยใู่ นความประมาท ย่อมจะแลน่ เรอื ไปในทะเล ดว้ ยความไม่ราบรื่นมเี สย่ี งภยั อยู่ตลอดเวลา อาจอับปางลงกลางทะเลได้ เพราะโลกใบใหญ่ทีเ่ หมือนทะเลนี้ มีเร่ืองท่ีต้องศกึ ษามากมาย การใชช้ ีวติ อยูใ่ นโลกยอ่ มประสบกับความตื่นเต้นเสมอบางครงั้ ก็น่าตกใจ เศรา้ ใจ บางครั้งกด็ ีใจ เพราะความเปลี่ยนแปลงของโลก เรอื่ งของโลกท่เี ราตอ้ งประสบ มี ๒ อย่าง ซงึ่ เกดิ ข้นึ กบั เราทกุ คนอยา่ งหลีกเล่ียงไมไ่ ด้ หรืออย่างไมม่ ชื อ้ ยกเว้น คอื ๑ . ฝา่ ยที่เราชอบใจ๒. ฝ่ายทเี่ ราไมช่ อบใจ เราจะอยกู่ ับโลกอย่างไร เพราะชวี ิตหนไี ม่พันเรอ่ื งของโลก ๑ . การรูจ้ กั ยอมรับ ดว้ ยการมีสติกำหนดรู้ตามความเป็นจรงิ จนจิตยอมรบั วา่ เปน็ เรือ่ งธรรมดาอย่างนน้ั เกดิ ขนึ้ แกท่ ุกคนไมใ่ ช่เกดิ ขึน้ เฉพาะเรา ๒. การรูจ้ กั ปรบั ตัว เมื่อมนั เกดิ ข้ึนแล้ว ตอ้ งร้จู กั ปรบั ตวั ใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ ๒๒๑

สุซใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพ่ีอชีวติ ท่ดี ีงาม ๓. การเตรยี มใจ ตอ้ งแกฝนจติ ใจใหร้ เู้ ทา่ ทนั นำเอาเรอื่ งของโลกมาเป็นแบบอย่างอทุ าหรณ์ เพราะแกฝนจิตใจตลอดเวลา ผลอันสงู สดุ ของชวี ิต ก็คอื การไตร้ ับส่งิ ทน่ี ำปรารถนา ชีวิตไมต่ กเป็นทาส เปน็ อิสระอย่างแทจ้ ริง แตถ่ า้ หากชวี ิตกำหนดไมด่ ี ก็จะมีแตเ่ รือ่ งเลวรา้ ย และประสบกบัปญั หา ซง่ึ เป็นความทกุ ข์ ความเดอื ดร้อน เพราะการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม เป็นเรอื่ งท่ียากทีเ่ ราจะทำทุกอยา่ งใหเ้ ปน็ ที่พอใจของทุกคน พระทา่ นจงึ บอกวา่การดำเนนิ ชวี ติ ทีก่ ำหนดไม่ดี ต้งั ตัวได้ยากและนำความทุกข์มาให้ ดังนั้น การดำเนนิ ชีวติ จะตอ้ งมจี ุดยืนคอื ตงั้ จดุ ยนื หรอื เป้าหมายไว่ในใจ หรือจุดเทยี นให้สอ่ งแสงสว่างไวิในจติ ใจ ชีวติ จะมีความมั่นคง เดินไม1หลงทาง เดนิ ไปถกู ทาง เหมอื นกบั ทหารทแ่ี กเดนิ ทางไกล จำเปน็ ตอ้ งมีแผนทีแ่ ละเข็มทิศไวค้ อยเป็นเครอื่ งบอกทศิ ทาง ว่าไปถกู ทางหรอื ไม่ จุดยืนท่วี า่ นไม่ใชล่ ำแข้งของตวั เอง แต่หมายถงึ คุณธรรมท่ีจะตอ้ งตั้งให้มีไวใิ นจติ ใจพระท่านวา่ อธิษฐานธรรม คือคุณธรรมที่จะตอ้ งตง้ั ไวท้ ี่จติ ใจ เพ่ีอเปน็ เครอ่ื งดำเนนิ ชีวติ ให้เกิดความม่ันคง คอื ๑. ปัญญา (การแกดำรงชีวติ ใหร้ บั รสู้ ิง่ ที่ควรร)ู้ มิได้หมายถงึปรญิ ญาบัตร ประกาศนียบตั ร แตห่ มายถึง - อายโกศล รจู้ ักทางแหง่ ความเจริญกา้ วหนา้ - อปายโกศล รู้จักทางแหง่ ความเสอื่ มฉบิ หาย - อปุ ายโกศล รูว้ ิธกี ารหลกี เลยี่ งทางแหง่ ความเส่อื ม และเลือกเดินทางทมี่ คี วามเจรญิ ก้าวหน้า ๒. สจั จะ (แกใหม้ ีความจริงใจ) ทงั้ จรงิ ใจตอ่ ตนเอง และตอ่ ผู้อ่นื ๓. จาคะ (แกใจใหม้ ีการเสียสละ) รู้จกั ถา่ ยเททงั้ วตั ถุ และอารมณ์ ๕. อุปลมะ (แก'โหใ่ 'จมีค1วามสงบ)๒๒๒

สขใจที่ไดอ้ ่าน สารธรรมเพ่อื ชีวิตทด่ี งี าม เอาความดี เป็นแกนกลาง ทางชีวติเอาความคดิ เปน็ เครื่องช่วย อำนวยผลเอาแรงงาน เปน็ กลไก ภายในตนจะเปน็ คน มีคุณค่า ราคางามเม่อื ชวี ติ ผดิ หวัง มาตัง้ ใหม่อยา่ ทอ้ ใจ ในชวี ติ เมอ่ื ผดิ หวังชั่วแมม้ ี ดคี งมา อย่าพะวงัเรามาต้ัง ชีวิตใหม่ คงได้ดี ๒๒๓

สขุ ใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพอื่ !!วิตทสี่ งื ามโ ด ย . . . พ ัน โ ท ส ำ ร า ญ ม ณ ปี ร ุ“ ความตระหนี่นำความวิบัติมาใหั” พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยใู นกรุงสาวัตถี ทรงปรารภอานนทเศรษฐีตรัสพระธรรมบทพระคาถา ที่ ๖๒ น้ี!นกรุงสา1วัตถี มีเศรษฐีผหู้ นึ่งชือ่ อานนท์ แมว้ ่าอานนทเศรษฐีผูน้ จ้ี ะมที รัพยม์ ากถงึ ^๐ โกฏิ แต่เขามีความตระหนี!่ ม่เคยบรจิ าคสิง่ ใดใหแ้ ก่ใครเลย ท่านเศรษฐไี ดแ้ ตส่ อนบตุ รของตน ผู้ชื่อว่า มูลสริ ิ เนอื ง ๆ ว่า“เดา้ อย่าไดส้ ำคัญว่า ทรพั ย์ ^๐ โกฏนิ ้ีมาก อย่าไดใหท้ รพั ยท์ ีม่ อี ยนู่ ้ี แตค่ วรสรา้ งทรพั ยไ์ หมใหเ้ กิดข้ึน มฉิ ะน้นั แลว้ ทรัพยข์ องเดา้ กจ็ ะหมดสิน้ ไป” ท่านเศรษฐไี ดน้ ำทรพั ย!์ ปฝืงไว้ ๕ แห่งในบรเิ วณบา้ น แต่1ไมย่ อมบอกท่ฝี งื 1ของขุมทรัพยน์ ้ันแก่บุตรของตน ตอ่ มหาเศรษฐีกไ็ ด้เสยี ชวี ิตลง อานนทเศรษฐเี มือ่ เสียชีวิตแล้วกไ็ ดไปถอี กำเนิดในครรภข์ องหญิงจัณฑาลผหู้ น่งึ ในหม,ู บ้านของคนจัณฑาล ไมไ่ กลจากกรุงสาวัตถี นบั ตง้ั แต่มที ารกมาถอี กำเนดิ ในครรภ์ คนในหม,ู บ้านนนั้ กม็ ีรายไดล้ ดลง พวกคนจัณฑาลนัน้ คิดว่า จะตอ้ งมีคนกาลกัณณีอยูใ่ นหมขู่ องพวกตนแนๆ่ จงึ แบง่คนจณั ฑาลออกเปน็ ๒ กล่มุ เพ่อื กำจดั คนกาลกรรณีน้ันออก1ไปตามกระบวนการเฟนิ หาคนกาลกรรณี ในที่สุดกไ็ ดบ้ ทสรปุ วา่ หญิงที่ต้ังครรภ์นัน้ จะตอ้ งเป็นคนกาลกรรณี นางจงึ ถกู ขบั ไล่ออกไปจากหมู่บา้ นนนั้ เม่ือบุตรคลอดออกมา ก็เป็นทารกท่ีมีหนาั ตานำเกลียดและเป็นคนกาลกรรณีจริง ๆวันใดนางไปขอทานคนเดยี ว วันนั้นนางก็จะไดส้ ิง่ ของ แตถ่ ้าวันใดนางนำบตุ รไปขอทานด้วย วนั น้นั นางก็จะไม่ไดอ้ ะไร ดังน้นั เมือ่ บตุ รเตบิ โตพอท่ีจะขอทานโดยลำพงั ได้ นางจงึ นำภาชนะใสม่ อี บตุ รแล้วบอกให้ไปขอทานตามลำพัง ทารกอดตี อานนทเศรษฐกี ็เดนิ ขอทานผ่านไปทางบ้านเดิมของตน เกิดระลกึชาติของตนไดจ้ งึ เดนิ เขา้ ไปในบ้านหลังนัน้ เม่อื พวกลูกๆ ของมลู สิรเิ ศรษฐีเอไอ๔

สธใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพื่อชวี ิตทด่ี ีป้ามเห็นทารกจัณฑาลเดนิ เขา้ ไปในบ้านก็ตื่นตระหนกตกใจรอ้ งไหก้ นั โกลาหลพวกคนใซไดเ้ ข้ามาทบุ ตีทารกอดตี อานนทเศรษฐี แล้วนำออกไปโยนไว้ที่กองขยะนอกบา้ นขณะน้ัน พระศาสดามพี ระอานนท์เป็นผ้ตู ิดตามเสด็จบณิ ฑบาตผา่ นมาถงึ ที่ตรงน้นั พอดไี ด้ตรัสบอกพระอานนท์ไห้ไปตามมลู สริ เิ ศรษฐีออกมาฟา้ เมอ่ื มลสิริเศรษฐีออกมาฟ้าแล้ว พระศาสดาไดต้ รัสวา่ ทารกจณั ฑาลผนู้ คืออด'บ่ ีตบดิ าของฬ ่ มูลสริ ิเศรษฐใี นอดตี ชาติ แต่มลู สิรเิ ศรษฐี'บ ่ ‘บ ^่ ‘บ ่ ฬ ิไม่เชื่อ พระศาสดาจึงทรงทำการพิสูจนโ่ ดยตรสั บอกใหท้ ารกจณั ฑาลนนั้ บอกขมุ ทรพั ย์ ๕ แหง่ ที่ถูกฝิงเอาไว้เหลา่ นั้น พอทารกจัณฑาลบอกไดถ้ กู ต้องมลู สิรเิ ศรษฐจี ึงยอมรับความจรงิ และไดม้ ายอมรับนบั ถอื พระศาสดาประกาศตนเป็นอบุ าสกในพระพทุ ธศาสนาจากน้นั พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาท่ี ๖๒ วา่ปุตุตามตถฺ ิ ธนมตถุ ิ อติ ิ พาโล วิหณ.ญติอตฺตา หิ อตตุ โน นตถุ ิ กโุ ต ปตุ ตุ า กโุ ต ธนํ ฯ คนพาล (คนโง)่ เดือดรอ้ นวา่ เรามบี ตุ ร เรามีทรัพยท์ ่จี ริงตนของตนยงั ไมม่ ีเลย บุตรจะมีจากไหน ทรพั ยจ์ ะมจี ากไหน ๒๒๕

สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ท่คี งี ามโดย...พันตรี อรุณ สุภะโกศล “ ความเชื่อและหลักปฏิบัติ เผื่อไหกั งึ จุดม่งุ หมายสงู สดุ ของคาสบาต่าง ๆ” หลกั ความเชื่อเรอ่ื งจุดมงุ่ หมายสงู สดุ และหลกั ปฏบิ ตั เิ พ่ือให้ถงึจดุ ม่งุ หมายสงู สุดของศาสนาท่ยี งั มผี นู้ ับถือในปัจจุบนั ท่จี ะกลา่ วถงึ ในท่นี ี้มีท้งั หมด ๑๑ ศาสนา เรม่ิ จากศาสนาที่มถี น่ิ กำเนดิ ในประเทศอนิ เดยีมีศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เชน พุทธและซิกข์ เป็นศาสนาสายหนึง่ ทีม่ ีอทิ ธิพลต่อกันและกนั ต่อมาเป็นศาสนาทม่ี ถี ิ่นกำเนิดในประเทศจีน มศี าสนาเต๋าและขงจ้ือ ที่มลี กั ษณะร่วมกันในฐานะทเ่ี ป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของจนีสายต่อมา คือ สายอาหรับ ท่ีมอี ทิ ธ'ิ พลต่อกนั 'อยา่ งมาก คือ ศาสนายวิ ครสิ ต์และอิสลาม และศาสนาพเิ ศษอกี ศาสนาหนึ่ง คอื ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ซ่ึงแปลกกวา่ ศาสนาอน่ื ในถนิ่ น้ี ที่มลี ักษณะทางดา้ นความเช่ือคล้ายกับศาสนาพราหมณ์ สดุ ทา้ ยที่ญี่ปนุ ชึง่ มศี าสนาเดยี ว คอื ศาลนาชินโต อันเปน็ รากฐานทางวัฒนธรรมของญ่ีปน่ ศาลนาทงั้ หมดที่กล่าวมานี้ มหี ลักความเชือ่ เรื่องจดุ มงุ่ หมายสงู สดุ อยทู่ ใี่ ด กจ็ ะมีหลักปฏบิ ัติทีจ่ ะนำไปสู่ท่ีนี้น ดงั จะกลา่ วตอ่ ไปนี้ ๑. ศาสนาที่ม'ี จดุ มงุ่ หมายสูงสุดอยทู่ ี่แดนอันเป็นบรมสุข มีหลกั ธรรมอนั เปน็ ข้อปฏบิ ตั ทิ ีจ่ ะทำให้ผ้ปู ฏิบัตติ ามไปสจู่ ุดมุง่ หมายสูงสดุ นัน้มี ๕ ศาสนา คอื ๑.๑ ศาสนาเซน มจี ดุ มงุ่ หมายสูงสุดอยทู่ ่ีแดนสิทธาลยั อนั เปน็แดนบรมสขุ ชว่ั นิรันดร มหี ลักธรรมอนั เป็นขอ้ ปฏิบัตเิ พ่ือไปสแู่ ดนสิทธาลัยนั้น โดยการปฏบิ ตั ติ ามหลักรัตนะ หรือแกว้ ๓ ประการ คือ ลัมยัคทรรศนะ๒๒๖

สอใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ท่สี ืงามความเหน็ ชอบ สมั ยคั ชญาณ ความรู้ชอบ และสัมยคั จรติ ความประพฤติชอบ เปน็ ตน้ ๒๑ . ศ าส น ารเิ กข้ มีจุดมงุ่ หมายสูงสุดอยู่ทีภ่ ูมสิ ัตยข้ณฑ์อันเป็นแดนบรมสขุ ชว่ั นิรันดร มหี ลกั ธรรมอนั เปน็ ขอ้ ปฏิบตั ิเพ่อื ไปสู่ภูมิลัตยขัณฑน์ น้ั โดยการปฏิบตั ติ ามหลัก ๔ ประการ คือ สามคั คี เสมอภาคศรทั ธา และความรกั เปน็ ตน้ ๑ .©1 ศาสนายวิ มจี ุดม่งุ หมายสงู สดุ อยทู่ ี่สวรรค์ อนั เปน็อาณาจักรของพระเจ้า เพ่อื มชี วี ิตนริ นั ดร มีหลักธรรมอนั เปน็ ขอ้ ปฏบิ ัติเพือ่ใหถ้ งึ สวรรคน์ ั้นโดยการปฏิบัตติ ามพระบญั ญัติ ๑๐ ประการ และพระบัญญัติเกีย่ วกับความรกั เปน็ ตน้ ๑.๔ ศาสนาคริสต์ มีจดุ ม่งุ หมายสูงสุดอย่ทู ่สี วรรค์ อนั เป็นอาณาจกั รของพระเจ้า เพ่ือมชี วี ติ ช่วั นิรันดร มีหลกั ธรรมอนั เป็นข้อปฏิบตั เิ พื่อใหถ้ งึ สวรรค์นั้นโดยการปฏิบัติตามพระบัญญัติ ๑๐ ประการ และพระบญั ญัติเกี่ยวกับความรกั ดงั ศาสนายวิ แตไ่ ต้ขยายให้กว้างขนึ้ ๑.๕ ศาสนาอิสลาม มจี ดุ ม่งุ หมายสงู สุดอยทู่ ส่ี วรรค์ อนั เป็นสถานท่ีท่พี ระอลั ลออฺ ทรงสรา้ งไวใิ ห้ เพอ่ื ความสุขชัว่ นริ ันดร มหี ลักธรรมอันเปน็ ขอ้ ปฏิบัติเพอื่ ไปสูส่ วรรค์น้นั โดยการปฏิบตั ติ ามหลกั ศรทั ธา ๖ประการ และหลักปฏิบัติ ๕ ประการ และพระบัญญัตเิ กย่ี วกับความรกัเป็นต้น ๒. ศาสนาทม่ี ีจดุ มุง่ หมายสูงสุดอย่ทู ีก่ ารเข้ารวมกับสิง่ สงู สดุทตี่ นแยกออกมา มีหลักธรรมอนั เป็นขอ้ ปฏบิ ัตทิ จ่ี ะทำให้ผู้ปฏิบัติตามไปสู่จดุ มุ่งหมายสูงสุดนัน้ มี ๒ ศาสนา คอื ๒.๑ ศาสนาพราหมณ์ มจี ุดมงุ่ หมายสงู สุดอยทู่ ก่ี ารเขา้ รว่ มกบัปรมาตมนั ที่ตนแยกออกมา มีหลักธรรมอนั เป็นข้อปฏบิ ตั เิ พ่ือใหใ็ ต้เข้าไปรวมกบั ปรมาตมันนนั้ โดยการปฏิบตั ติ ามหลกั อาศรม ๔ ขั้น มพี รหมจารีคฤหสั ถ์ วนปรัสถ์ และลันยาสี เปน็ ตน้ ๒๒๗

สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพีอ่ ชีวติ ที่ดปี า่ ม ๒.๒ ศาสนาเต๋า มจี ุดมงุ่ หมายสงู สดุ อย่ทู ีก่ ารเข้ารว่ มกบั เต๋าอันเป็นอุดมธรรม มีหลักธรรมอนั เป็นขอ้ ปฏิบัติเพอ่ื เขา้ ร่วมกบั เต๋า โดยการปฏบิ ัตติ ามหลักธรรมชาติ ให้เห็นความบริลทุ ธีข้ องตน เป็นตน้ ต. ศาสน าท ่ีม จี ุด ม ุง่ ห ม ายสูงสุด อ ย ทู่ ่กี ารเป น็ เท พ เจ้า ตามบรรพบุรุษของตน มหี ลกั ธรรมอันเปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ่จี ะทำใหผ้ ปู้ ฏิบัตติ ามไปสู่จดุ มุง่ หมายสูงสุดนนั้ มี ๒ ศาสนา คือ ต.๑ ศาสนาขงจือ๊ มีจดุ มงุ่ หมายสูงสุดอยทู่ ก่ี ารไปเกิดเป็นเทพเจ้าตามบรรพบุรษุ ของตน มีหลกั ธรรมอันเป็นขอ้ ปฏิบัติเพอื่ ไปเปน็เทพเจ้า โดยการปฏบิ ตั ติ ามหลักจรยิ ธรรมทางลงั คม มกี ารปฏิบตั ิตามหน้าท่ีของตนใหด้ ี เป็นต้น ต.๒ศาสนาอีนโต มจี ดุ ม่งุ หมายสูงสุดอยู่ทีก่ ารไปเป็นเทพเจา้ตามบรรพบุรษุ ของตน มีหลักธรรมอนั เป็นข้อปฏิบัตเิ พือ่ จะไดไปเป็นเทพเจา้โดยการปฏบิ ัตใิ หจ็ ติ ใจของตนเบิกบาน บรสิ ุทธ สะอาดถูกต้อง และเที่ยงตรงเปน็ ตน้ ๔. ศาสนาท่มี ีจดุ มุ่งหมายสูงสดุ อ ย ู่ท่ีการได้กลับมาเกดิ ใหม่เพือ่ จะได้เปน็ มนษุ ย์ดังเดมิ มีศาสนาเดยี ว คือ ศาสนาโซใรอสั เตอร์ เปน็แนวคดิ ทแี่ ตกต่างจากกลมุ่ อ่นื ถือไต้วา่ มพี ฒั นาการน้อยทสี่ ุด มหี ลักธรรมอนั เปน็ ขอ้ ปฏบิ ัติเพ่อื จะไดก้ ลับมาเกิดเป็นมนษุ ย์ใหม่ โดยการปฏิบตั ิตามหลกั ศีลธรรม ๓ คือ ทำดี พูดดี และคดิ ดี เปน็ ตน้ ๕ . ศ า ส น า ท มี่ ีจ ดุ ม งุ่ ห ม า ย ส ูงส ดุ อ ย ทู่ ี่ก า ร ส ้นิ อ าส ว ะ ก เิ ล สทัง้ หลาย บรรลุนิพพาน ไมก่ ลับมาเวียนว่ายตายเกิดอกี มีศาสนาเดยี วคอื พระพทุ ธศาสนา มหี ลกั ธรรมอันเป็นขอ้ ปฏบิ ัติเพอื่ บรรลนุ พิ พานโดยการปฏบิ ัติตามหลักไตรสกิ ขา คอื ศีล สมาธิ และปีญญา เปน็ ตน้ไอ๒๘

สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทดี่ งี ามโ ด ย . . . พ นั โ ท เ ก ร ีย ง ไ ก ร จ นั ท ะ แ จ ม่“ ความประหยัด” ในปัจจุบันน้ี สภาพการณ์ทางสงั คมไทยเราไม1ค่อยปกติสุขนกัเน่ืองจากฐ(*9านะทางเศรษฐ^ กิจของประเทศไทยเรายังอย‘บู่ในภาวะทรงตัวไม่เพีเ่ องฟูเหมอื นยุคก่อนๆ ทำใหค้ นไทยทุกคนต้องปรบั ตวั ปรบั ใจให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ในฐานะท่คี นไทยส่วนมากเป็นชาวพุทธ ไมค่ วรลืมทีข่ องธรรมทางพทุ ธศาสนามาประยุกตใ์ 'ซในชีวิตประจำวัน ซงึ่ คณุ ธรรมเหลา่ น้นั สามารถชว่ ยแก่ปญั หาชีวิตไต้ มคี ุณธรรมข้อหน่งึ ทคี่ วรนำมาใซในสถานการณเ์ ชน่ ทกุ วันนี้ คือการประหยดั ซ่ึงเป็นคุณธรรมข้อหนงึ่ ในคุณธรรม ๕ ขอ้ ของทฏิ ฐธมั มิกตั ถะ๕ ซงึ่ เปน็ คณุ ธรรมทพ่ี ระพทุ ธเจ้าทรงสอนใหศ้ าสนกิ ชนนำมาประพฤตเิ พือ่กอ่ ให้เกิดประโยซน!ั นชาตนิ ี้ ลักษณะของประหยดั นัน้ ขอแยกกล่าวเปน็ ๓ ประการ คอื ๑. ประหยดั กิน ๒. ประหยัดใข้ ๓. ประหยดั ใจ ประหยัดกนิ เรื่องกนิ เปน็ เรือ่ งสำคัญเรอื่ งหน่งึ ของคนเราบางคนคอื ว่าเร่ืองกนิ เปน็ เรอ่ื งใหญจ่ นพูดกนั ว่ากองทัพเดินไต้ด้วยทอ้ ง หมายความว่า จะทำงานอะไรก็แล้วแต่ตอ้ งกนิ ให้อ่ิมเสยี ก่อน หรือตอ้ งกินก่อน งานถึงจะเดิน แมก้ องทัพจรงิ ๆ ก็เช่นกนั การส่งกำลังบำรงุ โดยเฉพาะเร่ืองอาหารการกินถอื วา่ เป็นภารกจิ สำคัญ สมัยกอ่ นเราเรยี กกองเสบียง กองเสบยี งน้ีหากถูกขา้ ศกึ ทำ โอกาสแพ้มมี ากทีเดียว ๒๒๙

สุขใจทีไ่ ด้อ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ติ ที่ดงี าม ในเร่ืองการกนิ น้ี พระพทุ ธเจา้ ตรสั ไว,ว่า โภชเน มัตตัญณตุ า แปลวา่ ให้รูจ้ ักประมาณในการบรโิ ภค หรือรู้ถ้าประมาณในการกนิ กนิ แต่พอดี กินแต่พอเลีย้ งอตั ภาพ กนิ เพ่อื บรรเทาความหิว มิใชก่ ินเพื่อสนองตอบความอยาก พระศรีญาณโลภณ วดั พระราม ๙ กาญจนาภเิ ษก กรุงเทพมหานครกลา่ วถึงเรอื่ งการกินไว้ดงั นี้ ๑ . คำนวณกอ่ นซือ้ ซื้อของให้เปน็ ๒. กินอาหารมคี ุณภาพ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งซือ้ ราคาแพง หรอื รา้ นอาหารดงั ๆ ๓ . ปรงุ อาหารให้พอดีกนั คน ๕. ดักข้าว ๒ คร้ัง เพอ่ื มใิ ห้กนิ แลว้ อาหารเหลือ ๕. ใชช้ ้อนกลางดกั อาหาร ปอ้ งกันการติดเชื้อ ๖. กนิ ขา้ วไมใหเ้ หลือติดจานไม่ทง้ิ อาหารทีเ่ หลือแม้เพยี งเศษเสยี้ ว ๗. กนิ แล้วเก็บให้ถกู ท่ี มิใชป่ ล่อยท้ิงใหเ้ ป็นภาระคนอ่ืน ๗. ให้มีความสขุ ในการกิน มีอารมณ์ย้ิมแยม้ แจม่ ใสขณะกิน สิ่งท่พี ื่งระวังในเรื่องประหยัดกิน คอื การกินส่ิงทีไ่ ม่มปี ระโยชนต์ อ่ร่างกาย บางอยา่ งมีโทษต่อรา่ งกาย เช่น การดมื่ สรุ า การสบู บหุ รี่ เป็นต้นสิง่ เหล่าน้หี ากเรางดเว้นไต้จะประหยดั เงนิ ไตม้ าก ประหยดั ใช้ ของใช่ในบ้านหรอื ของใช้สว่ นตัวหากเรามีวธิ ีการใด ๆกต็ าม ท่ีจะใชข้ องนั้นให้นานท่สี ุด เราก็จะประหยดั เงนิ ไต้อีกทางหนึ่ง ในตา่ งประเทศเขาใช้ระบบรีไซเคลิ นำเอาของที่ใชแ้ ล้วมาให้เป็นทำประโยชน์ซึง่ ช่วยประหยดั เงนิ ไต้มาก ในบา้ นเราอาจไมต่ อ้ งทำถงึ ขนาดนัน้ เพียงแต่ใช่ใหม้ นั ค้มุ ค่ากน็ ่าจะพอใจแลว้ มใี ชว่ ่าใชเ้ พียงคร้ังสองคร้ังเปล่ียนใหม่แล้วใช้ตามแฟชน่ั นยิ มอะไรทำนองนน้ั ค่านยิ มบางอย่างหากไม่ถูกต้อง หรอื ไม่ตรงกบั วัฒนธรรมไทย เราไม,ควรนำมาใช่ในบ้านเมืองเรา ไม,ควรเปน็ ตวั อยา่ ง๒ ๓๐

สฃใจทีใ่ ดอั า่ น สารธรรมเพ่ือชวี ิตที่ดงึ ามในทางไม,ประหยดั อยา่ ลืมวา่ คนจะงาม งามนํ้าใจใชใ่ บหนา้ คนจะสวย รวยจรรยาใช่ตาหวาน วัตถสุ ่งิ ของใช้เปน็ ส่วนประกอบเทา่ นัน้ งามจติ ใจงามกว่าทุกอย่าง หากจติ ใจภายนอกงาม ทกุ อย่างจะงามตามไปเอง ประหยัดใจ เม่อื จติ ใจงดงาม จติ ใจมสี นั โดษยนิ ดีตามที่ได้ พอใจตามที่มี เราจะมคี วามสุขมากขึน้ กวา่ เดิม ทเี่ รามคี วามทุกข์ใจ ไมค่ ่อยสบายใจเพราะเราไม,ประหยดั ใจ ปลอ่ ยใจไปตามอารมณท์ น่ี ำปรารถนาหรือความอยาก จรงิ อยู่ ทกุ คนยงั มีความอยากอยู่ ตราบใดท่ยี ังไม่บรรลอุ รหันต์ แต่ถา้เรากระทำทกุ อยา่ งไปตามความอยาก เราจะพบกับความทุกข์ความเดือดใจแนน่ อน เพราะตดั ขาดความอยากซองมนุษย์เรานั้นไมเ่ ต็มไดด้ ้วยอฏิ ฐารมณ์ตา่ ง ๆ ตงั พระพุทธดำรัสที่ว่า จิตใจยอ่ มไม่เต็มด้วยตณั หาความอยากในอฏิ ฐารมณ์ มหาสมทุ รไมเ่ ต็มดว้ ยนํ้าทไ่ี หลมาจากแม่นาํ้ ในทศิ ทั้งส่ี ฉนั ใด จติ ใจมนษุ ย์ย่อมไมเ่ ต็มดว้ ยตณั หาความอยาก ฉนั นัน้ เพราะฉะนั้น หากตอ้ งการใชช้ วี ติ ของเรามคี วามสุข ควรจะมีคุณธรรมช้อสนั โดษ ยนิ ดตี ามท่ีได้ พอใจตามทีม่ ีหรอื รู้จักพอ ไม,ยนิ ดีไม่ปรารถนาในสิง่ ท่เี กินฐานะเกินความสามารถของเรา คนที่ไม่รู้จกั พอจะไม1รู้จักคำว่า “รวย” คดิ แต่วา่ เรายังจนอยรู่ าั๋ ไป ทำให้ตอ้ งด้ินรนแสวงหาตอ่ไม่มสี นิ้ สดุ ผลทีไ่ ดร้ บั คอื ตนเองเดือดรัอนลำบาก ไม่พบความสุขสกั ทีอยากพบกับความสขุ ต้องร้จู กั พอ ถา้ ไม่รจู้ กั พอจะพบแตค่ วามทุกข์ ความเดอื ดร้อนใจตลอดไป ตงั มกี ลอนสอนใจท่ีว่า ความไม่พอใจจนเปน็ คนเข็ญ พอแลว้ เปน็ เศรษฐีมหาศาล จนทงั้ นอกทัง้ ในไมไ่ ด้การ จงคดิ กนั แกจ้ นเป็นคนพอ ๒๓๑

สุขใจท่ไี ด้อา่ นสารธรรมเพ่ือ!!วติ ท่ีดีงาม อยากรวยตอ้ งรจู้ ักพอ และประหยดั อดออมบางคนทำมาหากินขยันขนั แข็ง แตไ่ ม,ประหยัดอดออมหามาไต้เทา่ ไรใชห้ มด อยา่ งนค้ี งไมม่ ีโอกาสรวยครับ ลักษณะการประหยดั นนั้ มิใชว่ ่ารดั เข็มขัดจนไมย่ อมซ้ืออะไรกินเลย เราต้องประหยดั ในสงิ ท่ีควรประหยัด ไมใช้จ่ายพ่มเพอิ ยเกินความพอดหี รอื เกินความต้องการ การใชจ้ ่ายควรพิจารณาว่าอะไรควรซื้อ อะไรไมค่ วรซ้ือ ซอ้ื แต่สงิ่ ทมี่ ีประโยชนเ์ ทา่ น้นั ควรแบ่งสว่ นในการใช้จ่ายให้ดีอะไรควรซื้อ อะไรควรเก็บ สว่ นที่ตอ้ งซื้อก็ต้องซ้ือ ส่วนทตี่ อ้ งเก็บก็ต้องเก็บสนุ ทรภ,ู กวเี อกของไทย เขียนกลอนสอนใจ เร่อื งประหยดั ไวว้ ่า มีสลงึ พึงบรรจบใหค้ รบบาท อยา่ ใหข้ าดสงิ่ ของตอ้ งประสงค์ มนี อ์ ยใช้นอ้ ยคอ่ ยบรรจง อยา่ ใช้จา่ ยลงใหม้ ากจะยากนาน ไมค่ วรซอ้ื อย่าไปพิไรซ้อื ให้เปน็ มอ้ื เปน็ คราวทง้ั คาวหวาน ยามพ่อแมแ่ ก่เฒา่ ชรากาล อยา่ ปล่อยทา่ นให้อดรันทดใจ๒ ๓๒

สขุ ใจท่ีใดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ดี !ี !ามโ ด ย . . . พ นั โ ท เ ก ร ยี ง ไ ก ร จ นั ท ะ แ จ ม่“สวยได้ด้วยศลี ” มวลดอกไมต้ ่างๆในโลกนี้แม้จะมมี ากมายหลายชนิดแตเ่ ม่ือจะแยกเป็นประเภทใหญ่ ๆ อาจแบ่งได้ ๔ ประเภท คอื ๑ . มีสแื ละทรวดทรงสวยงาม ทง้ั มกี ล่ินหอม ๒. มีสแี ละทรวดทรงสวยงาม แตม่ ีกลิ่นเหม็น ๓. มสี แี ละทรวดทรงไม่สวยงาม แตม่ กี ลนิ่ หอม ๕. มสี แิ ละทรวดทรงไม่สวยงาม ท้งั มกี ล่ินเหมน็ ดอกไมท้ ่มี ีสแี ละทรวดทรงสวยงาม ทงั้ มกี ลน่ิ หอม ย่อมเปน็ท่ปี รารถนา และตอ้ งการของคนท้ังหลาย เพ่ือนำไปเป็นเครือ่ งบชู าสกั การะล่งิ ทีต่ นเคารพนับถือ หรือเพอื่ ประดบั เสอ้ื ผา้ และรา่ งกาย ดอกไม้ทีม่ ีสแี ละทรวดทรงไม่สวยงาม แต่มกี ล่นิ หอม คนท้ังหลายก็ยังปรารถนาและตอ้ งภาร เพอ่ื นำเอาไปอบสิ่งต่างๆ เช่น เสอื้ ผ้า เป็นตน้ให้มีกลิน่ หอม ด อ กไม ท้ ่มี ีสแี ละท รวด ท รงสวยงาม แต่มกี ลนิ่ เหม็น คนคงไดแ้ ต่มองดหู า่ งๆไม่กล้าเขา้ ไปใกลเ้ พราะรงั เกียจกลิน่ ดอกไมท้ ีม่ สี แี ละทรวดทรงไมส่ วยงาม ท้ังยงั มีกล่ินเหมน็ คนท้งั หลายยอ่ มไม่อยากมอง และไมอ่ ยากเขา้ ใกล้ มวลมนษุ ยใ์ นโลกน้กี เ็ ชน่ เดียวกัน อาจจะแบ่งได้ ๕ ประเภท คอื ๑ . มีรปู ร่างสวยงาม ทง้ั มีความประพฤตดิ ี ๒. มรี ปู ร่างสวยงาม แตม่ ีความประพฤติ1โมด่ ี ๒ ๓๓

สุขใจทีไ่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือซวี ิตทีด่ งี าม ๓ . ม รี ูปรา่ งไม่สวยงาม แต่ม คี วามประพฤติดี ๔. มีรูปร่างไมส่ วยงาม ทั้งมคี วามประพฤตไิ ม่ดี คนท่ีมีรูปรา่ งสวยงาม ทั้งมคี วามประพฤติดี ย่อมเป็นที่รักใคร่เคารพนบั ถอื บูชา ของคนท้งั หลาย เปรยี บเหมอื นดอกไม้ท่มี สี ีและทรวดทรงสวยงาม ทง้ั มีกลนิ่ หอม คนท่มี รี ปู ร่างสวยงาม แตม่ คี วามประพฤตไิ ม่ดี คนท้ังหลายคงมองดูด้วยสายตา หรือจะคบหาสมาคมก็เพียงแต่ส่วนภายนอกเทา่ น้นั คงไมม่ ีใครรกั ใคร่ เคารพนบั ถอื บูชา ดว้ ยส่วนลึกของดวงใจ เปรยี บเหมือนดอกไม้ที่มีสแิ ละทรวดทรงสวยงาม แตม่ กี ลนิ่ เหมน็ ทคี่ นได้แต่มองดหู า่ งๆไม่ใคร่กลา้ เข้าใกล้ เพราะรงั เกย็ จกลนิ่ เหมน็ คนท่มี ีรูปร่างไมส่ วยงาม แต่มคี วามประพฤติดี กย็ งั มคี นอยากคบหาสมาคม ใกล้ชิด สนทิ สนม แม้ผใู หญ่ก็ไวใจเรียกใชส้ อย เปรียบเหมอื นดอกไมท้ ่มี ีสีและทรวดทรงไมส่ วยงาม แตม่ กี ลิน่ หอม คนยังมีความต้องการเอาไปอบสง่ิ ตา่ ง ๆ ของเขาให้มกี ล่ินหอม คนท่ีมีรูปรา่ งไมส่ วยงาม ทั้งมคี วามประพฤตไิ ม่ดี คนทงั้ หลายท้งั รังเกียจ และมคี วามกลวั ภัยอนั ตราย ไมก่ ล้าเขา้ ใกล้ เปรียบเหมอื นดอกไม้ท่มี สี แี ละ,ทรวดทรง'ไมส่ วยงาม ท้งั มกี ล่นิ เหมน็ คนท้ังหลายทง้ั ไมอ่ ยากดู และไมอ่ ยากเขา้ ใกล้ คนทม่ี รี ปู ร่างสวยงาม หรือไม่สวยงามนัน้ คงแกไขอะไรไม่ได้ เป็นมาอยา่ งไรกต็ ้องเป็นอย่างนั้น คดิ เสยี วา่ เปน็ เรอ่ื งบญุ ทำกรรมสรา้ ง สว่ นจติ ใจน้นั ถงึ แม้วา่ มักจะเป็นไปตามพื้นเพเดมิ ทีเ่ รยี กวา่ นิสัยบา้ ง จริตบา้ งอธั ยาศยั บา้ ง สันดานบ้าง กต็ าม แตพ่ ระพทุ ธศาสนามองมนุษยส์ ว่ นใหญว่ า่เป็นเวไนย คอื พอแนะนำในทางดีได้ ฉะน้นั คนที่มคี วามประพฤตไิ ม่ดี ยอ่ มสามารถแกไขให้กลับมีความประพฤติดี เหมอื นของทไี่ มม่ กี ลิ่นหอมในตัวเลยยังอบใหม้ ีกลน่ิ หอมได้๒๓๔

สุขใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพ่ีอชีวิตทีด่ งี าม อันการจะทำใหค้ วามประพฤติท่ไี มด่ ีกลับกลายเป็นความประพฤติทด่ี ขี ึ้น จำเป็นต้องมขี อบเขตขดี ค่นั ไว้ควบคมุ เปรียบเหมือนจะใหน้ ้าํ ไหลไปทางไหน กข็ ุดคลองทมี่ ีขอบคันกนั้ น้าํ เอาไว้ เพอ่ื ให้นา้ํ ไหลไปทางน้ัน ฉะนั้นนักปราชญท์ ้ังหลาย มีองค์สมเดจ็ พระสมั มาส้มพุทธเจา้ เป็นต้น ผู้มคี วามกรณุ าทจ่ี ะสงั่ สอนใหค้ นตง้ั อยใู นคณุ ธรรม จึงไดบ้ ญั ญตั แิ บบแผนแหง่ ความประพฤติทด่ี ีเอา1ไว้ การตง้ั ใจประพฤตติ ามบัญญตั ินัน้ เรียกว่า ศลี ศลี นัน้ เป็นเส้นบรรทัดสำหรับใหค้ นประพฤติความดไี ดค้ งท่ีเปรียบเหมือนคนทีห่ ัดเขียนหนังสือ ตอนแรกต้องอาศัยเส้นบรรทัด หนงั สือทีเ่ ขยี นจงึ มีแถวท่ตี รง ถา้ ไม่มเี ส้นบรรทดั แถวหนังสอื จะคดขน้ึ คดลงเหมอื นงเู ลื้อย แตเ่ มื่อเขาเขยี นจนชำนาญแลว้ ก็เขียนไปไดโดยไม,ต้องอาศัยเสน้ บรรทัด ฉนั ใด คนผแู้ รกเรม่ิ จะประพฤตคิ วามดี ก็ฉันนั้น ถ้าไมม่ ีอะไรเป็นแนวทาง ใจกจ็ ะออกไปนอกทาง ในทส่ี ดุ กน็ ำพาการกระทำและคำพูดไปสทู่ จุ ริต คือความประพฤตไิ ม่ดีดังเดิม ถ้ามืศีลเปน็ แนวทางขอบเขตขีดค่ันเอาไวใ้ ห้ใจคิดตามแนวทางน้ัน หรือภายในขอบเขตขีดคั่นนัน้ ก็จะนำพาการกระทำและคำพดู ใหห้ ่างไกลจากการเบียดเบยี นกันท้งั ทางร่างกาย ทรัพย์สินและเกียรติยศซ่อื เสยี ง นี่คือสนั ติสขุ ทแ่ี ท้จริงของโลกมนุษย์ และเม่ือมีสนั ตสิ ุขแลว้ จะพฒั นาอะไร กย็ ่อมไม่ยากเลย นเ้ี ปน็ ประโยชนแ์ หง่ การบญั ญตั ิศีล ความหมายแหง่ ศีล สีละ ทา่ นผู้รู้อธบิ ายความหมายไวห้ ลายนยัดงั น้ี ๑ . สีละ แปลวา่ ความปกติ หมายความว่า ควบคุมความประพฤติทางกาย วาจาให้อยู่ในสภาพปกติ คือ เรยี บร้อย ดีงาม พนั จากความเบยี ดเบียนกนั และหมายความว่า สามารถรองรบั ความดีช้นั สงู ทกุ อย่างเหมือนแผน่ ดนิ รองรบั ของหนัก มืภูเขา มหาสมทุ ร เป็นต้น เอาไว่ใดโี ดยไม่มคื วามผิดปกตอิ ะไร ๒. สริ ะ แปลวา่ ศีรษะ หมายความว่า เปน็ ยอดของความดี เปรยี บเหมือนศีรษะเปน็ อวัยวะสว่ นสงู ที่สุดของร่างกาย ๒๓๕

สุขใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพ่อื ช ีวิต ทด่ี งี าม 6า. สีสะ แปลว่า ย่ิงใหญ่ หรอื มคี วามสำคญั หมายความว่า ศลีเหมอื นเป็นแม่ของความดที งั้ หลายทง้ั ปวง ขาดศีลเสียแล้ว ความดีอะไรก็เกิดขึ้นไมไ่ ด้ ๔. สตี ละ แปลว่า มคี วามเย็น หมายความวา่ ศลี สรา้ งความรม่ เยน็ ใหแ้ ก่จิตใจผู้รกั ษา และสร้างความร่มเย็นให้แกส่ ังคมมนษุ ย์ ๕. สวิ ะ แปลว่า ความปลอดภยั หมายความวา่ ศีล สรา้ งความไมม่ ภี ัย ความไม่มเี วร และความไม่เบียดเบียนให้แก่สงั คมมนษุ ย์ ทำใหเ้ กิดสนั ติสุขอย่างแท้จริง กศุ ลธรรมเปน็ เหตุเกดิ แห่งศีล ศลี จะเกดิ ข้นึ ได้เพราะอาศยั กุศลธรรม ๒ ประการ คอื ๑ . หิริความละอายแกใจ ในการทำบาปทุจรติ เหมอี นคนรงั เกยี จสิ่งสกปรกมคี ูถเป็นด้น ไมป่ รารถนาจะจบั ตอ้ งเพราะกลัวเปอี นมีอ ๒. โอตตัปปะ ความสะดุ้งกลวั ต่อผลแห่งการทำบาปทจุ ริต เหมอื นคนกลัวความร้อนของไฟไม่กลา้ ไปจับตอ้ งไฟ ศลี เม่อื เกดิ ขน้ึ แลว้ ย่อมกำจัดกเิ ลสท่ีเป็นเหตุใหล้ ว่ งละเมดิ ออกมาทางกาย วาจา เหมอื นกอ้ นหนิ ทที่ บั หญ้าอันโผลอ่ อกมาจากแผน่ ดนิ เอาไว้การปรากฏตัวของศลี คอื ความสะอาดทางกาย วาจา และใจ หมายความวา่คนผู้มีศีลยอ่ ม1ไมท่ ำ ไมพ่ ดู และไมค่ ดิ รา้ ยทำลายใคร ส่งิ ที่เปน็ เหตใุ ห้ศลี ขาด ศีลท่สี มาทานก็ดี ทเ่ี ป็นการงดเว้นเฉพาะหน้ากด็ ี ย่อมขาดเพราะเหตุ ๕ ประการ คือ ๑. ลาภ ๒. ยศ ๓. ญาติ ๔. อวยั วะ ๕. ชีวิต หมายความวา่ ท่คี นรักษาศีลไวิใม,ไต้ หรือทำผดิ ศีลก็เพราะมเี หตุทั้ง ๕ ประการนี้มาเกี่ยวข้อง เชน่ คนอยากได้ทรัพย์ จึงขโมย ปล้น หรือทจุ รติ คอรร์ ัปชนั อยากไดย้ ศจงึ โกหก หลอกลวงเจ้านาย และใสร่ ้ายป้ายสผี อู้ ื่น รกั ตัวกลวั ตาย หรอืรกั ภรรยา บตุ รธิดา จึงทำผิดศลี เช่น ฆา่ สัตว์ หรือพดู โกหก หลอกลวง เปน็ ดน้๒๓๖

สขใจท่ีได้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ท่ีดปี ๋าม รกั ษาศลี ไดเ้ พราะคดิ ถึงสปั ปุริสานสุ สตธิ รรม บคุ คลยอ่ มรักษาไว้!ด้ หรอื ไม่ล่วงละเมดิ ศลี เพราะคิดถึง และยึดมนั่สปั ปรุ ิสานสุ สตธิ รรมวา่ พงึ สละทรัพย์ เพื่อรกั ษาอวยั วะ พงึ สละอวยั วะเพอื่ รกั ษาชีวติ พึงสละทง้ั ทรัพย์ อวยั วะ และชวี ิต เพ่ือรักษาธรรม เซ่นพระเจ้าสตุ โสมโพธสิ ตั ว์ เป็นตวั อย่าง พระเจ้าสตุ โสมโพธสิ ตั ว์ ถกู นายโปริสาทจบั ตัวไปเพอ่ื ฆ่าบชู ายญัและกนิ เนื้อเป็นอาหาร พระโพธิสตั ว์ขอโอกาสเพอื่ ไปทำตามสญั ญาที่ใหไ้ ว้แก่พราหมณค์ นหนง่ึ เสร็จแลว้ จะกลบั ไปใหฆ้ ่าตามประสงค์ นายโปรสิ าทได้ปล่อยไปตามคำขอร้อง เมอ่ื พระโพธิสัตว์ทำตามสัญญาทใี่ หไ้ ว้แกพ่ ราหมณ์เสร็จแล้ว ได้กลบั ไปหานายโปรสิ าทโดยยอมเสยี ชวี ิต แตไ่ ม่ยอมผดิ ศีลขอ้มสุ าวาท คอื ไม่ยอมเสยี สตั ย์ ค ว า ม ด ีข อ ง ศ ลี ศีล ควบคุมความประพฤตทิ างกาย วาจา ใหอ้ ย่ใู นสภาพที่เรยี บรอ้ ย ดงี าม พ้นจากการเบียดเปยี นกัน ศีล ทำให้คนมีความประพฤติทางกาย วาจา ใจ สะอาด ศลี กอ่ ให้เกดิ ความสุขความเจรญิ ต่าง ๆ แกม่ วลมนุษย์ ศีล ใหค้ วามไม,มภี ัย ไม,มเี วร และความไมเ่ บยี ดเบียนกันเทา่ กบั เปน็ ตัวสร้างสันติสขุ ทแ่ี ท้จริง เพราะฉะนั้น องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พุทธเจา้ จึงทรงสอนวา่“ ศลี เปน็ เยย่ี มในโลก” ดงั ช่ือเร่ืองในวนั น้วี า่ “ สวยได้ดว้ ยศีล” ๒๓๗

สขุ ใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ ปี ่ามโ ด ย . . . พ นั ต ร ี อ ร ุณ ส ุภ ะ โ ก ศ ล “ ความซื่อสัตย์” ความชอ่ื สตั ย์ ตรงกับภาษาบาลวี า่ “ สจั จะ” ในฆราวาสธรรมหมายถงึ ความจริง ชอื่ ต รงช่อื สัต ย ์ จรงิ ใจ พดู จริงทำจริง ในเบญจธรรมหมายถงึ ความสตั ย์ ความซ่อื ตรง มาคกู่ บั ศีลข้อที่ ๔ ในพจนานกุ รมใหค้ วามหมายวา่ ความช่ือสัตย์ หมายถึง ความป ระพ ฤติต รงแล ะจรงิ ใจไม ,คิดคดิ ทรยศ ไม,คดโกงและไม,หลอกลวงหรอื เราอาจจะพูดง่าย ๆ วา่ คนที่ชื่อสัตย์ กค็ ือ คนทเ่ี ป็นคนตรง ประพฤติสิง่ ใดก็ดว้ ยนาํ้ ใสใจจริง ความซ่ือสัตยเ์ ป็นคุณธรรมทจ่ี ำเป็นต่อทุกสงั คมจึงตอ้ งมีการปลกู ฝงั คนในสังคมให้ปฏบิ ตั ิ อนั จะเปน็ การปอ้ งกันไม1ใหส้ ังคมวนุ่ วายไมเ่ อารดั เอาเปรียบกนั และไมเ่ ห็นแก,ตัว ความซอื่ สัตยม์ ีหลายอย่าง ตงั น้ี ๑ . ความชือ่ สตั ยต์ อ่ ตนเอง เซน่ ตัง้ ใจไว้วา่ จะอา่ นหนงั สอื เพือ่สอบเขา้ มหาวิทยาสยั ให้ไต้ กต็ ั้งใจทำตามนนั้ จนลอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หรอื ตั้งใจจะทำงานเพ่ือใหไ็ ตส้ องขั้น กท็ ำอย่างตั้งใจ จริงจัง จนไตส้ องข้ันในทางตรงกันข้าม หากขาดความซ่ือสตั ยต์ ่อตนเอง ไมท่ ำตามทีต่ ัง้ ใจไว้ในระยะยาวกจ็ ะกลายเป็นคนขาดระเบียบ กลายเป็นคนทำอะไรไมป่ ระลบความสำเรจ็ ในชีวิต ตัวอยา่ งของคนทีไม่ชอี สตั ย์ต่อตนเองทรี่ จู้ กั กนั ดี คอื เรื่องเดก็เลี้ยงแกะ ท่ีร้องตะโกนให้ชาวบัานมาชว่ ย วา่ จะมีหมาปา่ มากนิ แกะ แตก่ ลายเปน็ วา่ เดก็ โกหก และหวั เราะเยาะทีห่ ลอกคนอน่ื ไต้ ตอ่ มาเมื่อมหี มาปา่ มาจรงิ ๆ ตะโกนเท่าไรกไ็ ม่มีใครเชือ่ เพราะคดิ ว่าเป็นการโกหกอีกในทีส่ ุดเดก็กต็ ้องสูญเสยี แกะไป การโกหก การไมซ่ ่อื สัตย์ต่อตนเองเปน็ ลงิ ไมด่ ี คนเราจึงตอ้ งมีความซื่อสัตย์ทั้งการกระทำและคำพดู จงึ จะเปน็ ทเ่ี ชื่อถือของผู้อนื่และไมเ่ ป็นดงั สำนวน “เด็กเลีย้ งแกะ” ทร่ี กู้ ัน1วา่ หมายถึง คนทีช่ อบพดู โกหกหลอกลวง หรอื พดู จาเหลวไหล เชอ่ื ไม่ไต้๒๓๘

สุขใจทไี่ ดัอา่ น สารธรรมเพีอ่ ชีวิตที่ดงื าม ๒. ความซ่อื สตั ยต์ อ่ ครอบครวั เช่น ซือ่ ตรงตอ่ ภรรยา ไมไ่ ปมีความสัมพนั ธ์กบั หญิงอน่ื อนั จะเปน็ การสร้างปัญหาครอบครัว ก่อให้เกดิความไม่ไวว้ างใจตอ่ กัน ต. ความซอื่ สัตย์ต่อหนา้ ทกี่ ารงาน เชน่ ขา้ ราชการไมใชอ้ ำนาจในทางมิชอบ ไมท่ ุจรติ หรอื แสวงหาผลประโยชนแ์ ก่ตนเองหรอื ครอบครวั อันจะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแกก่ ารบริหารราชการแผน่ ดนิ ดงั พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรของมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เมอ่ื ๒๓พฤษภาคม ๒๕๙๖ ว่า “ขา้ พเจ้าใคร่ขอให้ทา่ นทั้งหลายจงมัน่ อยใู่ นความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต ถอื เอาประโยชน์สว่ นรวมเป็นทีต่ งั้ เพราะคุณธรรมอนั น้เี ปน็มูลฐาน อนั สำคัญทจี่ ะยังความเจรญิ และความเป็นปีกแผน่ แกส่ ังคม เปน็บ่อเกดิ แหง่ ความสามคั คีกลมเกลียว ความซือ่ สตั ย์ทว่ี า่ น้ี หมายถึง ความสจุ รติ ซือ่ ตรงตอ่ หน้าท่กี ารงาน ตอ่ ตนเองและต่อผู้อืน่ ที่เกีย่ วขอ้ ง มีเจตนาบริสุทธ1ี้ไมเ่ อารัดเอาเปรยี บ สำหรับท่านทีใ่ ชว้ ิชากฎหมาย ยอ่ มกินความถึงการรักษาความเปน็ ธรรม ไม่บดิ เบือน ความหมายของตวั บทกฎหมาย เพอื่ประโยชน์ของตนเองดว้ ย ความซอ่ื สตั ย์สุจริตจะเปน็ เสมอื นหนึ่งเกราะคุ้มภัยแกท่ า่ นตลอดไป...” ๔. ความซื่อสตั ย์ต่อมิตร คนท่ีเป็นมิตร ตอ้ งพึ่งพาอาศัยกัน ความเปน็ มติ รจะคงอยู่ได้นานก็ต้องมีความซอ่ื สัตย์ ไมค่ ิดคดทรยศตอ่ กัน หากไม่ซ่อื สัตยต์ ่อกันแลว้ ย่อมจะแตกความสามัคคี ทำให้เปน็ คนไรม้ ติ ร ๕. ความ ซอ่ื สตั ยต์ ่อป ระเท ศชาติ เปน็ สิ่งสำคัญทปี่ ระชาชนในชาตติ ้องมี เพราะหากชาตอิ ยูไ่ ม่ไต้ ประชาชนในชาติก็อยไู่ มไ่ ด้ หากชาติล่มสลาย ประชาชนในชาติกจ็ ะไรแ้ ผน่ ดนิ ประชาชนในชาติจงึ ตอ้ งซือ่ สตั ย์ตอ่ ประเทศชาติ ดว้ ยการรักษาระเบยี บ มวี นิ ัย ปฏบิ ัติตามกฎหมาย เปน็ ตน้ดงั เรอ่ื งพันท้ายนรสงิ ห้ ในสมยั สมเด็จพระเจ้าเสอื แหง่ กรงุ ศรีอยุธยา เสด็จลงเรือพระที่น่งั เอกชัย เพื่อไปประพาสทรงเบด็ เมื่อเรอื พระท่ีน่งั มาถึงตำบลโคกขาม เมอื งสาครบรุ ี ซงึ่ เป็นคลองคดเค้ยี ว พันทา้ ยนรสิงห์ นายท้ายเรือ ๒๓๙

สุ•ขใจทีไ่ ตอ้ ่านสารธรรมเพือ่ ชวี ติ ท่ีดงี ามไม,สามารถคดั ทา้ ยได้ทนั เรือพระทน่ี ง่ั จึงชนก่ิงไม้หกั ตกน้ํา จึงต,'อง'โทษประหาร แต่พระเจ้าเสอื เหน็ ว่าเปน็ เรอ่ื งสดุ วิสัย จึงพระราชทานอภยั โทษใหถ้ ึงสองคร้งั พนั ทา้ ยนรสงิ ห์กลับขอใหป้ ระหารตน โดยยอมตายเพ่ือรักษากฎมณเฑียรบาล ทำให้ปัจจุบันยังมศี าลพนั ทา้ ยนรสงิ หอ์ ยทู่ จี่ งั หวัดสมุทรสาคร บรเิ วณทเ่ี กดิ เหตุการณ์ดังกล่าว เพ่อื เปน็ อนุสรณส์ ถานให้อนชุ นรนุ่ หลังนึกถึงคณุ งามความดีของท่าน ซง่ึ แมจ้ ะเปน็ เพยี งนายทา้ ยเรือ แตก่ ็ประพฤติตนเปน็ แบบอยา่ งแก่ลูกหลาน ความซอื่ สตั ย์มคี วามสำคัญตอ่ ลงั คมเปน็ อยา่ งมากคนที่อย่รู ่วมกนัในสังคม ตอ้ งมีความซอ่ื ตรง มีความซือ่ สตั ย์ มคี วามจรงิ ใจตอ่ ผู้อื่น ไมเ่ ป็นคนคดในข้องอในกระดกู ไม่มลี ับลมคมในตอ่ กัน พูดคำใดตอ้ งทำตามทพ่ี ดูไม่โกหกหลอกลวงกนั ต้องพูดหรอื แสดงออกไปตามความจริง คนช่ือตรงเป็นคนมีเกยี รติ ทคี่ นอื่นให้ความเคารพและให้การยกยอ่ งวา่ เป็นคนดี คนคดโกงไมช่ อ่ื สตั ยเ์ ปน็ บคุ คลไม่น่าคบ ผูใ้ ดประพฤตปิ ฏบิ ัตคิ วามช่อื สตั ย์ ยอ่ มไต้รับการยกยอ่ งสรรเสริญว่าเป็นคนมเี กียรติ ได้รับความไว้วางใจ ไต้รบั การยอมรบั และเช่ือถือ ความช่ือสตั ย์จึงเป็นคณุ ธรรมอยา่ งหนง่ึ ทค่ี นในชาตติ อ้ งมีผปู้ ระกอบกิจการทม่ี ีความชื่อสตั ย์ย่อมมแี ตค่ วามเจริญกา้ วหน้า ผู้เป็นลกู จา้ งก็เปน็ ทต่ี อ้ งการของนายจา้ ง และจะมีความเจรญิ ก้าวหน้าในงานทท่ี ำ คนท่ีไดร้ ับการรืเกมาให้มีความช่อื สัตย์ มีการเตรียมตวั ท่จี ะเปน็ ผรู้ ับผดิ ชอบสังคมในภายหนา้ ย่อมจะไดร้ ับแต่งตัง้ ใหเ้ ปน็ ระดบั หวั หนา้ เป็นฝับริหาร ทั้งภาครัฐและเอกซน 'ป แร่ ความชอื่ สตั ยเ์ ป็นคณุ ธรรมพนื้ ฐานใหป้ ฏิบัติคณุ ธรรมอนื่ ๆ ได้สำเรจ็ เพราะ ๑ . ความชอ่ื สัตย์สรา้ งใหค้ นม รี ะเบียบวินัย เพราะเมอื่ ชือ่ สัตย์ตอ่ตนเองกจ็ ะเกดิ ความเช่ือมน่ั ในตนเองและจรงิ ใจตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่ืนเห็นก็เคารพยกย่อง อยากคบค้าสมาคมและใหค้ วามไวว้ างใจ๒๔๐

สขุ ใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ิตท่ีดีงาม ๒. ความช่ือสตั ย์ชว่ ยขจัดปัญหาการทุจรติ คอรร์ ัปชนั ได้ คนในสงั คมมแี ตค่ วามจรงิ ใจต่อกนั การหักหลงั คดโกงกัน เพอื่ ประโยชนข์ องตนเองก็จะไม่มี ๓. ความชอื่ สตั ยช์ ว่ ยให้ครอบครัวมคี วามมั่นคง มคี วามสขุ กจ็ ะสง่ ผลใหส้ ังคมและประเทศชาติมคี วามมั่นคงและเจริญร่งุ เรือง ความไม1ชื่อสัตย์ของคนในชาติ เปน็ อปุ สรรคทส่ี ำคญั อยา่ งหนงึ่ทีท่ ำใหป้ ระเทศของเราไม่สามารถพัฒนาใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ เหมอื นประเทศอ่นื ๆ เพราะคนไทยขาดความชือ่ สตั ย์ขาดความจรงิ ใจตอ่ บา้ นเมอื ง เห็นได้จากการทุจรติ คอร์รัปชนั ในโครงการตา่ ง ๆ ของรฐั ไม่ว่าจะทำกิจการใด กม็ ีการโกงกนิ ทัง้ สน้ิ ทุกรัฐบาลพยายามป้องกนั ปราบปราม แต่ก1็โม่'ได้'ทำ'ไห้การทจุ ริตเบาบางลง ในบางประเทศ เช่น ญ่ปี น่ มกี ารสง่ เสรมิ ใหค้ นในชาติมคี วามช่ือสัตย์ ใหถ้ ือเกียรติเป็นสงิ่ ท่ีมีค่า จึงทำใหค้ นญ่ีป่นมีความซ่ือสตั ย์ตอ่ กัน รกั ษาคำพดู รกั ษาเวลา และมคี วามรับผดิ ชอบ ประเทศของเราจะพัฒนากา้ วหน้า และมคี วามเจรญิ ทวั่ ทกุ ภูมภิ าค คนไทยมีความเป็นอยู่ดีข้นึถว้ นหน้า กด็ ว้ ยความชอ่ื สัตย์สุจริต ดงั น้นั ความชื่อสตั ย์เป็นคุณธรรมท่ตี ้องส่งเสริมให้มีการปฏบิ ัติใหม้ าก เป็นความดีท่ี'ไมต่ าย ชื่อกนิ ไมห่ มด คดกนิ ไม่นาน คนในสงั คมต้องยกยอ่ งคนท่ีมีความช่อื สตั ย์ ทุกคนต้องพัฒนาคณุ ธรรมความช่อื สัตย์ให้มีในตนเอง ยกย่องคนท่ีมีความซือ่ สตั ยไ์ ม่คอร์รปั ชนั ใหม้ หี น้ามตี าทางสงั คมเพ่อื สรา้ งสรรค์สังคมให้นา่ อยู่ สังคมจะสงบสขุ คนในสงั คมจะไวใ่ จกนั ได้ เพราะความชื่อสัตย์คนที่มีความช่ือสตั ยย์ ่อมไตร้ บั ความเชอื่ ถอื และมเี กยี รติ ทุกคนจงึ ควรทำหนา้ ท่ีด้วยความชอื่ สตั ย์ อนั จะส่งผลดตี ่อประเทศชาติ ความชอื่ สัตยจ์ ึงเป็นคณุ ธรรมทีส่ ำคญั ย่งิ ดงั พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เม่อื ๑๒ มถิ ุนายน ๒๔๙๗ วา่ ทา่ นท้งั หลายทส่ี ำเร็จการศึกษา และจะได้ออกไปประกอบการงานเรม่ิ ต้นชวี ติ ใหมข่ อง ๒๔๑

สขุ ใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพ่อื ชีวิตทีด่ ีงามทา่ นนัน้ ข้าพเจ้าขอฝากคติไวเ้ ป็นเครื่องกำกับใจ มีคณุ ธรรมขอ้ หนึ่งทสี่ ำคัญซ่ึงท่านต้องปฏิบตั ิอย่างเคร่งครดั อยเู่ สมอ คอื ความสตั ย์สุจริต ประเทศบา้ นเมอื งจะวฒั นาถาวรอย่ไู ด้ ก็ย่อมอาศยั ความสตั ยส์ จุ ริตเปน็ พืน้ ฐานท่านทง้ั หลายจะออกไปรบั ราชการก็ดี หรอื ประกอบกจิ การงานส่วนตัวกด็ ี ขอใหม้ ่ันอยู่ในคุณธรรมทัง้ ๓ ประการคอื สจุ ริตตอ่ บา้ นเมือง สจุ รติต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ทา่ นจงึ จะเป็นผทู้ ่คี วรแกก่ ารสรรเสริญของมวลชนทว่ั ไป ข้าพเจา้ ขอแสดงความยินดตี ่อท่านทง้ั หลาย ในเกียรตทิ ่ีท่านได้รับ ณ ท่ามกลางสันนบิ าตน้ี และขอใหท้ า่ นจงรำลกึ ถึงเกยี รตินี้ และรักษาไว้ด้วยความสตั ยส์ ุจรติ ให้สมกับพทุ ธภาษิตวา่ “คนยอ่ มไดเ้ กยี รติคอืช่ือเสยี ง เพราะความสตั ย์”๒๔๒

สุขใจที่ได้อ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวติ ที่ดีงามโ ด ย . . . พ ัน ต ร ี อ ร ณุ ส ุ/ 1 ะ โ ก ศ ล“ ความกตักะ)ญ” ความกตญั ญ คอื ความรูค้ ุณ หมายถงึ ความเป็นผู้มีใจกระจา่ งมีสตปิ ญั ญาบริบูรณ์ รู้อปุ การคณุ ผ้อู น่ื กระทำแลว้ แกต่ น เชน่ เลย้ี งดูสั่งสอนให้ทพ่ี กั ให้งานทำ ฯลฯ ยอ่ มระลึกถงึ ดว้ ยความซาบซ้ึงอยู่เสมอ ไม,ลืมอุปการคณุ นัน้ เลย อีกนยั หนึง่ ความกตญั ณู หมายถึง ความรบู้ ญุ หรือรู้อปุ การะของบุญทีต่ นทำไวแ้ ล้ว ร้วู ่าทีต่ นเองพนั จากภัยอนั ตรายท้ังหลายได้ดีมสี ขุ อยู่ในปัจจบุ ันก็เพราะบุญท้ังหลายทเ่ี คยทำไวใ้ นอดตี สง่ ผลให้จึงไม่ลมื อุปการะของบุญนน้ั เลย และสร้างสมบญุ ใหมใ่ หย้ ิ่ง ๆ ข้นึ ไป คนตาบอด ย่อมมองไมเ่ ห็นโลก แม้ดวงอาทติ ยจ์ ะส่องสวา่ งอยู่ฉนั ใด คนใจบอด ย่อมไม่มคี วามกตญั ญูแมจ้ ะได้รบั ความเมตตากรณุ าจากผ้อู ปุ การคณุ ฉันนัน้ สิง่ ที่ควรกตัญญ แบง่ ได้เป็น ๕ ประการ คอื ๑. กตัญญตอ่ บุคคล คือ ใครกต็ ามที่เคยมพี ระคณุ ต่อเรา จะต้องกตัญญูรูค้ ณุ ท่าน ติดตามระลึกถึงเสมอ พยายามหาโอกาสตอบแทนคณุทา่ น โดยเฉพาะพระพทุ ธเด้า พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูอปุ ชั ฌาย์อาจารย์ และพระมหากษัตรยิ ท์ ที่ รงทศพิธราชธรรม ๒. กตญั ณ ูต่อสตั ว์ คือ สัตว์'ท่ีมคี ุณต่อเรา เช่น ช้าง ม้า วัว ควายทีใ่ ชง้ าน จะต้องใชด้ ว้ ยความเมตตากรณุ าปรานี ไม่เฆย่ี นตมี นั จนเหลือเกนิอยา่ ใชง้ าน ห น ักจน เป น็ การท รม าน แล ะเล ยี้ งด ใู ห ้อ าห ารอ ย ่าให ้อ ด อ ยาก ให ้ไดก้ ินไดน้ อน ไดพ้ กั ผอ่ นตามเวลา ต. กตัญ ญ ต่อสิง่ ของ คือ ของสิ่งใดกต็ ามทม่ี คี ณุ ต่อเรา เซ่นหนังสือธรรมะ หนงั สือเรียน สถานศึกษา วดั ต้นไม้ ฯลฯ จะตอ้ งปฏบิ ตั ิตอ่ ๒๔๓

สขุ ใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือช วี ิต ท่ดี ปี า๋ มสงิ่ เหลา่ น๋ใี ห้ดีไม่ลบหลดู่ แู คลนไมท่ ำลาย ดงั คำกล่าวท่วี ่า “ผูใดพำนักอาศยันัง่ นอนใต้รม่ เงาของตน้ ไมใ่ ดแล้ว ยังขนื หักกิ่งลดิ กา้ นรานใบ เด็ดยอดขดุ รากถากเปลอิ ก ผู้นัน่ ซ่อื วา่ ทำร้ายมติ ร เปน็ คนชวั่ ชา้ เลวทราม จะมีแต่อัปมงคลเปน็ เบื้องหนา้ ” ๔. กตญั ณูตอ่ บญุ คือ รวู้ ่าคนเราเกิดมามอี ายยุ ืนยาว รา่ งกายแข็งแรง ผวิ พรรณดี สติป็ญญาเฉลียวฉลาด มีความสุขความเจรญิ มที รพั ยม์ ากกเ็ น่อื งมาจากผลของบญุ ทกุ อยา่ งสำเร็จไตด้ ว้ ยบุญ จงึ มีความรคู้ ุณของบุญมิความอ่อนนอ้ มในตัว ไมด่ ูถกู บญุ ตามระลึกถงึ บุญเก่าใหจ้ ติ ใจซ่มุ ช่นื และไมป่ ระมาทในการสร้างบุญใหม่ให้ยง่ิ ๆ ขนึ้ ไป ๕. กตญั ญต่อตนเอง คือ รวู้ า่ รา่ งกายน้ีเปน็ อุปกรณส์ ำคญั ท่เี ราจะไตอ้ าศัยใซในการทำความดี สรา้ งบุญ เพ่ือความสขุ ความเจรญิ กา้ วหนา้แกต่ นเอง จงึ ทะนุถนอมดแู ลรา่ งกาย ไมท่ ำลายดว้ ยการกินเหล้า เสพสิง่ เสพตดิเทยี่ วกลางคืน และไม่นำร่างกายไปประกอบกรรมชั่ว เชน่ ฆา่ สัตว์ สกั ทรัพย์อนั เป็นการทำลายตนเอง อานสิ งสค์ วามกตญั ณมู ี ๗ ประการ คอื ๑ . ทำใหร้ ักษาคณุ ความด ีเดิมไว์ใต้ และสรา้ งคณุ ความดใี หม่ไตอ้ ีก ๒. ทำให้เกิดสติ ไม่ประมาท และเกิดหิริโอตตัปปะ ๓. ทำให้เกดิ ขันติ และจติ ใจผอ่ งใส มอง'โลก'ในแง่ดี ๔. ทำใหเ้ ปน็ ทสี่ รรเสริญของคนดี มีคนอยากคบหาสมาคม ๕. ทำให้ทงั้ มนษุ ย์และเทวดาอยากชว่ ยเหลอื ๖. ทำใหไิ ม่มีเวร ไม่มีภัย และลาภผลทง้ั หลายเกดิ ข้ึนโดยง่าย ๗. ทำใหบ้ รรลมุ รรคผลนพิ พานได็โดยง่าย (เ&(^

สขุ ใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทีด่ ปี ่ามโด ย ...พ ัน ต รี พ ล ว ัฒ น ์ จำป าด มุไห้“ บ ญุ น ำด ”ี คำว่า บญุ หมายถงึ ธรรมชาติอย่างหนึ่งท่เี กิดข้ึนท่ใี จ ธรรมชาตทิ ่ีชำระจิตใจใหส้ ะอาดใหผ้ ่องใส มผี ลไดแ้ ก่ความสุขท่ีเกดิ ทางใจ บุญเกิดไดห้ ลายทาง เรยี กวา่ บญุ กิรยิ าวตั ถุ ๑๐ ดังนี้ ๑ . ทานมัย คอื บญุ สำเรจ็ ดว้ ยการบรจิ าคทาน ไดแ้ ก่ วัตถุสงิ่ ของใหธ้ รรมะเปน็ ทาน เรียก ธรรมทานให้อภัย เรียก อภยั ทาน ๒. ศลี มัย คือ บุญสำเร็จดว้ ยการรกั ษาศีล ได้แก่ การปฏิบตั ติ ามข้อหา้ มตามทท่ี รงบญั ญตั ิในพระปาติโมกข์เพ่อื กำจัดกเิ ลส ต. ภาวนามยั คือ บญุ สำเร็จดว้ ยการเจริญภาวนา ได้แก่ การปฏิบัตใิ จเพื่อกำจัดกเิ ลส แบ่งเป็นสมถภาวนา และวปิ สั สนาภาวนา ๔. เวยยาวัจจมยั คอื บญุ สำเรจ็ ดว้ ยการชว่ ยเหลอื กจิ การสงฆ์และภาระพระศาสนา ๕. อปจายนมัย คือ บุญสำเรจ็ ด้วยการมีกริ ยิ าออ่ นน้อมถ่อมตนตอ่ ผูใ้ หญ่ ผู้มพี ระคุณและคนทวั่ 1ไป ๖. ปัตตทิ านมยั คอื บุญสำเรจ็ ดว้ ยการอทุ ศิ สว่ นบุญให้แกญ่ าติผลู้ ว่ งลบั ไปแล้ว ๗. ปตั ตานุโมทนามยั คือ บญุ สำเรจ็ ดว้ ยการแสดงอนุโมทนาในสว่ นบุญร่วมกบั ผู้อน่ื ๘. ธมั มเทศนามยั คือ บุญสำเร็จดว้ ยการแสดงธรรม ได้แก่ การอธิบายบรรยายธรรมะให้แก่ผู้ร่วมโลกทร่ี ่วมทุกข์ เกดิ แก่ เจ็บ ตาย ไอ0^(3เ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook