สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชีวิตที่ดีงาม ภรรยาที่ดีนน้ั ได้ซื่อวา่ เป็นแม่ศรเี รือน เปน็ เสมือนรากแก้วของต้นไมน้ น่ั คอื ตน้ ไมท้ ่ีมืรากแกว้ จะก่อให้เกิดความมน่ั คงแผไ่ พศาลบ้านท่ขี าดแม่บ้านขาดแม่ศรีเรอื นท่ีดีกเ็ หมือนต้นไมข้ าดรากแกว้ ไมม่ ั่นคงดำรงตนอยู่ลำบาก สามีทา่ นใดทำการสงเคราะห์ดแู ลภรรยาได้เปน็ อย่างดี สามที า่ นนน้ั จะได้รบั ความเลื่อมใสจากคนทั่วไป แมแ้ ต่เทวดาก็ยังเล่อื มใสคนที่เลยี้ งดภู รรยาดูแลภรรยาดี ดังในเร่ืองของทา้ วสกั กเทวราช ทีต่ รัสกับมาตุลีมีข้อความปรากฏอยู่ในปฐมสักกนมสั สนสตู ร ทตุ ิยวรรคสักกสงั ยตุ ว่า“ มาตลุ ี คฤหัสถ์เหล่าใดทำบ ุญ มศี ลี เปน็ อบุ าสกเลย้ี งภ รรยาโดยธรรมเรานอบนอ้ มคฤหสั ถ์เหลา่ นนั้ ” ลำหรับภรรยา เมื่อไตร้ บั การสงเคราะห์ดแู ลจากขอ้ ปฏบิ ัตขิ องสามีดังกลา่ วแลว้ เม่ือประสงคจ์ ะทำหน้าทข่ี องตนใหด้ ที ี่สดุ ตอ้ งปฏิบตั ิหน้าท่ีตอ่ สามี ๕ ประการด้วยกนั คอื ๑. จดั การงานในบา้ นเรยี บรอ้ ย ๒. สงเคราะห์ญาตทิ ่ังสองฝา่ ยดว้ ยดี ๓. ไม่ประพฤตินอกใจ ๔. รกั ษาทรัพยท์ ีส่ ามหี ามาไดไว่ให้ดี ๕. ขยนั ไม่เกยี จคร้านในการงานทง่ั ปวง นอกจากนแี้ ล้ว ทา่ นผรู้ ซู้ ง่ึ มีประสบการณผ์ า่ นวัยผา่ นชีวติ มานานไดก้ ล่าวถึงขอ้ ปฏบิ ัติของภรรยาเอาไวว้ า่ ภรรยาตอ้ งทำกจิ ของครอบครวั ไมใ่ ห้ขาดตกบกพร่องน่นั คือจะตอ้ งมี ๔ เกง่ และ ๔ ยอด ประการแรกมี ๔ เกง่ คอื - เก่งครัว เก่งทำกบั ขา้ ว ทั่งคาวหวาน งานครวั สะอาด - เก่งคลัง เก่งดา้ นการเงนิ การทองการเศรษฐกิจรู้จกั คดิ ใขจ้ า่ ยประหยัด ๑๙๑
สขุ ใจท่ีได้อ่านสารธรรมเพอื่ !!วิตท่ีดงี าม - เกง่ ช่าง ร้จู กั เยบ็ ปักถกั ร้อย ปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงเครอื่ งแต่งบ้านแต่งเรอื น เครอ่ื งแต่งกาย ใหเ้ ปน็ ระเบียบเรียบร้อย สวยงามน่าดนู ่าชม -เกง่ พยาบาลรู้วธิ ีพยาบาลขน้ั ตน้ เจบ็ ปว่ ยเลก็ ๆน้อยๆไม่ตอ้ งไปหาหมอใหเ้ สยี เวลา ๔ ยอด คือ - ยอดหา สรรหาส่ิงท,ี เป็นประ'โยชน์ แสวงหาบญุ ไม่หมกมนุ่ ในอบายมุข หม่ันหางานทำหาเงนิ หาอาหารการกนิ - ยอดทำ ทำงานเก่ง ดี เรยี บร้อย งานครัว ปรงุ อาหารอร่อยมีรสโอชาน่ารับประทาน - ยอดคำ พดู จาอ่อนหวานไพเราะน่าฟัง โอภาปราศรยั ด้วยมติ รไมตรี - ยอดใจ มีจิตใจเต็มเปียมด้วยเมตตาปรานี มคี ุณธรรม นอกจากขอ้ ปฏบิ ัตดิ ังกล่าวนีแ้ ลว้ สามตี อ้ งใหก้ ำลงั ใจภรรยาดว้ ยต้องขยันหารายได้ลดรายเสียหา่ งไกลจากอบายมุขทกุ ชนดิ หว่ งบ้าน ห่วงลูกห่วงภรรยา ต้องประพฤตปิ ฏิบัตติ นให้ตง้ั ม่นั อยูใ่ นหลกั ธรรม ๕ ประการ คือ ๑ . สัจจะ ซื่อสตั ย์ต่อถัน เปน็ คนซื่อตรงมน่ั คง ไม,หลอกลวงไม่กลับกลาย เปน็ สามภี รรยาถนั จรงิ ๆ ไมใช่เป็นเลน่ ๆ ถา้ เป็นไม,จรงิ เป็นเล่นๆ เดีย๋ วกเ็ ลกิ ต้องมีสัจจะ จรงิ ใจตอ่ ถัน ๒. ทมะ รู้จกั ขม่ จิตใจตนเองได้ ปกี ตนเองให้มีสมรรถภาพพรอ้ มที่จะทำมาหากนิ รบั ผดิ ชอบต่อครอบครวั ได้ ๓. ขันติ อดทนอดกลั้นต่อเหตุการณต์ า่ งๆ อดทนสู้กับความยากลำบากในการทำงาน อดทนต่อความปว่ ยไข้อดทนต่อความเจ็บใจในเมื่อผูอ้ ่ืนทำให้ไมพ่ อใจ๑๙๒
สุขใจที่ไดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตท่ีดีงาม ๔. จาคะ เลียสละ คอื มนี ํ้าใจเอ้อื เพื้เอเผอ่ื แผช่ ว่ ยเหลือกนั และสงเคราะหผ์ อู้ ่นื ตามสมควรแก่ฐานะแกโอกาส สละอารมณ์ทข่ี ุ่นขอ้ งหมองใจรจู้ กั ให้อภัยกันและกนั ต้อง!เกปล่อยวาง และทำใจเอาไว้บา้ ง วนั น้เี ราอย่ใู ต้ทอ้ งฟ้า วนั หน้าอยูใ่ ตฝ้ าโลง นอกจากข้อปฏิบตั ิดงั กล่าวน้ีแล้ว ทา่ นผเู้ ป็นสามี คือเป็นผู้มีหน้าท่ดี แู ลบุตรและภรรยา เป็นหัวหน้าครอบครัวจะตอ้ งหลกี เลย่ี งและมหี ลักในทางท่ีด-ี นัน่ คือ ๑ . หลกี เลย่ี ง จากการเอาเปรียบภรรยาดว้ ยการหนไี ปหาความสขุคนเดียว ๒. มหี ลกั คือ หนั กลับมาชิงความไตเ้ ปรยี บภรรยาในต้านตา่ งๆเชน่ คสู่ ามีภรรยาทตี่ ้องทำงานนอกบา้ นด้วยกัน เมอื่ เลกิ จากงานกลับมาถงึ บา้ นสามตี ้องชงิ ความไตเ้ ปรียบภรรยาดว้ ยการ-กวาดบ้านก่อน-ถูบา้ นกอ่ น-ลา้ งจานก่อน-หงุ ข้าวก่อน-แชเ่ ส้อื ผ้าก่อน-ซักเสือ้ ผ้ากอ่ น ทำไต้เชน่ นี้แลว้ก็จะเห็นภรรยาย้มิ และมีความสุข ถา้ อยากเหน็ ภรรยายม้ิ และมคี วามสขุต้องลองปฏบิ ัตดิ ู เม่อื ปฏิบตั แิ ล้ว ท่านกจ็ ะเหน็ วา่ ความสุขเลก็ ๆ ความสขุนอ้ ย ๆ ในครอบครัวน้นั หาไดไ้ ม่ยากเลย เมื่อกล่าวตามหลักธรรมะ พระท่านสอนว่าให้เชื่อกฎของการกระทำและผลของการกระทำลง่ี ทีท่ ำไปแลว้ ยอ่ มเปน็ ผลงาน สามีท่านใดท่ปี ฏิบัติตนดังกล่าวน้ี ก็ช่อื ว่าเป็นผทู้ ีม่ ผี ลงานเมือ่ ทำไปนานๆ ถงึ ช่วงงบประมาณถึงส้ินปี ก็ลองใหค้ ณะกรรมการคอื ลกู ๆ ช่วยกันพิจารณาดวู า่ ระหวา่ งพอ่ กับแมน่ ั้น ปนี ้ี!ครควรจะไตส้ องขั้น กน็ ับไตว้ ่าเป็นผลงานทีน่ า่ สนใจไปอีกแบบหนงึ่ นะครบั ข้อปฏิบตั ติ ามทก่ี ลา่ วมาน้ี เมือ่ นำไปปฏิบตั ิไตด้ คี รบสมบรู ณ์แล้วกเ็ ป็นความดีงามของผูป้ ฏบิ ตั ิ ท้งั กอ่ เกิดความสขุ แก'คนใกล้เคยี งโดยเฉพาะการสงเคราะห์ดแู ลภรรยาตามหลกั คำสอนทางพระพุทธศาสนานัน้ ๑๙๓
สุขใจท่ไี ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชีวิตท่สี ืป๋ามทา่ นจดั วา่ เป็นอุดมมงคลแก,ผู้ปฏบิ ตั ิ เพราะเหตทุ วี่ า่ การลงเคราะหก์ นัด้วยการยึดเหนย่ี วน้ําใจของกนั และกันเอาไว้ ทำให้เกดิ ความเข้าใจกนัรู้ใจ กนั ไวใ้ จ กัน ครองรกั ครองเรอื นกนั ได้นานม่ันคงครอบครัวมคี วามสขุมีความพรอ้ มและสะดวกตอ่ การสร้างหลักฐานของครอบครัว กายและใจไดร้ บั การพัฒนาให้มีความสะอาด สวา่ ง สงบ เป็นสขุ อยตู่ ลอดเวลาพระพทุ ธเจ้าตรสั รับรองไวว้ ่า....ทารสฺส สงฺคโห เอ ตม ฺม งคฺ ล มุตฺตมํการสงเคราะห์ (ดแู ล) ภรรยา เปน็ มงคลอันสงู สดุ ฯ๑๙๔
สขุ ใจที่ได้อา่ น สารธรรมเพอื่ ชวี ิตทีด่ งี าม โดย...พนั เอก สมคิด สวยลาํ้ “ ตง้ั ไจ” ทำอะไร ตงั้ ใจ ทำให้ดีตงั้ ใจนี้ มชี ัย ไปกวา่ คร่ึงส้ชู ีวติ พิชตี งาน ไมพ่ รน่ั พรึงเปน็ ที่หนง่ึ สขุ สมหวัง เพราะตั้งใจ ตัง้ ใจ เปน็ คำพดู ทีเ่ ข้าใจง่าย พูดกนั บ่อยครัง้ ฟงั กันมานาน เด็กก็ฟังเข้าใจ ผู้ใหญก่ ฟ็ ้งเขา้ 'ใจ เวลาจะทำอะไร ผ้[ู หญ่หรอี ผู้'นำ'ในการประกอบพิธีกรรมนัน้ ๆจะบอกให้ตง้ั ใจ เช่น ต้ังใจทำบญุ ตง้ั ใจไหว้พระสวดมนตต์ ้ังใจลด ละ เลิกอบายมุข ตั้งใจศกึ ษาเล่าเรียน ตั้งใจทำงานให้ดี รวมความกค็ อืจะทำ จะเป็นในตำแหน่งหน้าทใี่ ด กต็ ั้งใจทำ ต้ังใจเป็นใหด้ ี บางทมี ผี 'ู้ ทำงานบกพร่อง กจ็ ะได้รับคำตำหนิจากท่านผูร้ ู้ว่าให้ตง้ั ใจทำงานใหด้ ี ตัง้ ใจ ไดก้ ลายเป็นคำท่มี ีพลงั มหศั จรรย์ในการประกอบภารกจิสำหรบั ดำเนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คม ใหส้ ามารถเปน็ ไปในทางทีด่ ีงามได้ ขอ้ คิดพิจารณาถงึ ความมหัศจรรย์ของคำวา่ ต้ังใจ นีส้ ามารถจะพิสูจน์ได้ตามหลักการง่ายๆ คือ ๑ . ทกุ ครั้งท ีม่ ีค'วามต้ังใจ จติ ยอ่ มม กี ารเปล่ียนแปลง ตงั้ ใจท ำ ด ี จิตยอ่ มเปลีย่ นไปในทางท่ดี ี ตั้งใจทำช่ัว จติ ย่อมเปลีย่ นไปทางทชี่ ัว่ ๒. การกระทำสง่ิ ใดโดยต้งั ใจไว้ ยอ่ มสำเรจ็ ผลเร็วกวา่ การกระทำโดยไมต่ ง้ั ใจไว้ เชน่ บคุ คลที่เดนิ ออกจากบา้ นไปเร่อื ยๆ โดยไม่มเี ปา้ หมายไมไ่ ด้ตง้ั ใจวา่ จะไปทีใ่ ด กรณีอยา่ งน่ใี หเ้ ดนิ ทั้ง1วัน ท้งั เดือน ท้ังปี หรอื เดินจนตาย กไ็ ปไมถ่ ึงไหน และก็กำหนดไม1ไดว้ า่ จะถึงเมื่อไร เพราะไมไ่ ด้ต้ังใจ ๑๙๕
ส'ุ ยใจทีใ่ ด้อา่ นสารธรรมเพ่ือชีวิตที่ดีงามเอาไว้ว่าจะไปทใี่ ด ต่างจากผ้ทู ีต่ ้งั ใจเอาไวอ้ ย่างแน่วแน่ มเี ปา้ หมายชดั เจนว่าเราจะทำสิง่ ใด จะเป็นอะไร จะไปใหถ้ ึงไหน บคุ คลในกรณีหลงั นี้ ย่อมมีโอกาสเปน็ ไปได้สูงในการบรรลถุ งึ ท่ีหมายได้เรว็ กวา่ ท้ังไดร้ ับความลำบากนอ้ ยและไมต่ ้องเสียเวลามาก ขอ้ คดิ พิจารณาทนี่ ำมากลา่ วสนับสนุนน้พี อจะเปน็ สิง่ ที่ซใึ๋ ห้เหน็ ถึงประโยชน์และความพเิ ศษของคำว่า ต้งั ใจ ไดแ้ จม่ ชดั มากฃน้ึ ทีเดยี ว เมอ่ื จะต้งั ใจ ให้นกึ ก่อนเสมอวา่ ต้อง'ให้ใ'จมที ตี่ งั้ อันดี ใจจะไต้มีความมัน่ คง ทัง้ จะทำอย่างอื่นเพ่ิมเตมิ ก็จะเปน็ ไปไดีโดยสะดวก ทำให้เกิดความเชื่อมั่น จติ ใจและรา่ งกายจะมีความพรอ้ ม มคี วามมัน่ ใจในตนเองสูงมสี มาธิท่ดี ีในการปฏบิ ัตงิ าน ขอ้ นีก้ เ็ ขา้ กนั ไดในหลักของเหตผุ ลการเร่มิ ตน้ทดี่ ีคอื การลงทนุ สรา้ งเหตทุ ่ีดี ผลที่จะออกมาย่อมเป็นไปในทางท่ีดี เบื้องตน้ ท่วี า่ ตัง้ ใจน้ัน จะเอาใจไปต้งั ไว้ตรงไหน จงึ จะจดั วา่ เป็นอนัตงั้ ใจดี ตรงนตี้ อ้ งทราบถงึ สภาวะของใจเสียก่อนวา่ เปน็ เชน่ ไร เปน็ รปู ธรรมหรอื เป็นนามธรรม ใจน้ันจัดเป็นนามธรรมที่ตัง้ ของใจจงึ ต้องเปน็ นามธรรมและนามธรรมซึ่งจะเปน็ ที่ต้งั อันมั่นคงของใจกค็ ือ ธรรมะท่เี รยี กวา่ อธษิ ฐานธรรมแปลวา่ ธรรมทค่ี วรตั้งไว่ในใจ แปลให้ง่ายก็คอื ธรรมอันเปน็ ทตี่ ้ังของใจ ซง่ึในที่น้ีหมายถึงการแกใจให้มีคุณลักษณะที่ดงี ามพร้อม ๔ ประการ คอื ๑. ปญั ญา แกใจให้รบั รู้สิง่ ท ่ีควรร ู้ ส่งิ ท เี่ ป็นความร!ู้ นโลกม อี ยู่มากมายหลายสาขาวชิ าการ แตส่ ิง่ อนั เปน็ ความรู้ขัน้ พื้นฐานที่ควรแกใจให้รใู นสงิ่ ทค่ี วรรโู ดยสรุปมี ๓ เรอื่ ง คอื - อายโกศล รู้ทางเจรญิ คอื รจู้ กั เสาะแสวงหาแหล่งข้อมลู ที่ดีมีประโยชน์ รู้จักรับขอ้ มลู เพ่ือการศกึ ษา ให้เกดิ สติปญั ญา มโี ลกทัศนก์ ว้างไกล รจู้ กั แยกแยะได้ รบั เอาขอ้ มลู ข่าวสารที่มสี าระรจู้ ักคบคนทีค่ วรคบ เชน่คบหาสมาคมกับท่านผู้รคู้ อื บณั ฑติ ผู้คอยช้ขี มุ ทรพั ย๊!หบ้ ัณฑติ คือผู้ท่ีดำเนนิชีวติ อยบู่ นหนทางทีย่ งั ประโยชน์!ห้เกิดขน้ึ แก่ตนและผอู้ น่ื คบบณั ฑิตมีแต'่ พาใหห้ าผล นำความสุขความเจรญิ มาให้แก่ตนตลอดเวลา๑๙๖
สขุ ใจทีไ่ ค้อา่ น สารธรรมเพอื่ ชีวติ ทคี่ ป้ า๋ ม - อปายโกศล รทู้ างทีม่ โี ทษไดแ้ ก่ อบายมุข ควรหลกี หนีใหห้ ่างไกลอบายมขุ น้นั ผ[ู้ ดเขา้ ไปแตะต้องเกี่ยวขอ้ งแลว้ จะทำให้ทรัพยส์ นิ อวยั วะชวี ติ ช่อื เสียง ตอ้ งฉบิ หาย ตอ้ งเส่อื มไปอยา่ งหมดเนือ้ หมดตัว ในโลกแห่งยคุ ขา่ วสาวขอ้ มูลทีไ่ รพ้ รมแดน ตอ้ งไตร่ตรองระมัดระวังใหม้ าก ต้องรู้จกัสกัดกน้ั แยกแยะไม่รับเอาข่าวสารขอ้ มลู ทเี่ ป็นขยะเขา้ มาสู่ตัวของเรา - อุปายโกศล รวู้ ิธีหลีกเล่ียงทางเสอื่ ม เดินตามทางเจรญิ นัน่ คอืเม่อื ศึกษาร้แู ลว้ ว่าส่งิ ใดหรือการปฏิบตั เิ ซ่นไร เมอ่ื เขา้ ไปเก่ียวข้องหรือปฏบิ ตั ิเข้าแล้ว จะทำใหเ้ ลยี เวลา เลยี สุขภาพ เลยี งาน รวมไปถงึ ทำให้เกิดการขาดความนา่ เชื่อถือ กห็ ลกี เล่ียงงดเว้นจากทางทจ่ี ะนำตัวของเราไปสคู่ วามเสอ่ื มเหล่าน้นั ปฏบิ ัตติ ัวอยใู่ นทางที่ดงิ าม ทางทก่ี ่อให้เกิดความน่าเช่อื ถือ เป็นที่เคารพรกั ใครข่ องคนทวั่ ไป การ็เ]กใจใหร้ ับรู้ ให้มีปญั ญา คอื ใหม้ ีความรใู น ต ระดับ ดว้ ยกันไดแ้ ก่ - ร้จู ำ จบั ประเด็นได้ คลอ่ งปาก ขน้ึ ใจ ขบแตก แยกได้ซดั - รแู้ จง้ คอื ความรูเ้ กดิ จากความคดิ - รู้จรงิ ดว้ ยภาวนา ทำใหม้ ีขึน้ โดยเกดิ จากประสบการณ1๊ จทีม่ ีปัญญา เป็นใจฉลาดมีเหตุผล ๒. สจั จะ แกใจใหม้ คี วามจริงคอื จะทำส่ิงใดก็ให้ได้จริง และต้องประคับประคองไวไิ มใ่ หอ้ อกไปจากเง่อื นไข ๒ ประการ คือ มปี ระโยชน์ และถูกตอ้ งเปน็ ธรรมใจท่ีมีสจั จะ จะเป็นใจที่มแี ก่น ม่ันคง ดำรงอยูใ่ นความสตั ย์ความจรงิ ทีไ่ ม1ทำให้ตนเองและผูอ้ น่ื ตอ้ งเดอื ดร้อน จรงิ อยใู่ นหลกั การมีเหตุมผี ล ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ๓ . จาคะ แกใจใหร้ ู้จกั เสยี สละ ใหม้ กี ารถา่ ยเท คอื รจู้ ักสละท้ิงสื่งท่เี ป็นขา้ ศกึ แกค่ วามจริงใจ ข้าศึกทมี่ าซดั ขวางตอ่ การปฏิบตั ใิ นความจริงใจจะมาปรากฏใน ๒ รปู แบบ คอื ๑๙๗
สุขใจทไึ่ ด้อ่านสารธรรมเพือ่ ชวี ิตที่คงี าม - เป็นวัตถุ ยใุ หโ้ กรธ แหยใหโ้ กรธ ย่วั ให้หลง เซน่ รปู ทไ่ี ม่สวยบา้ งรปู ท่ีสวยๆ บา้ ง หรือสิ่งท่ีมีคา่ เป็นทรัพย์สนิ เงินทอง - อารมณ์ ได้แก่ กเิ กส คือความเศรา้ หมองท่เี กดิ ในใจของเรา มีความท้อแท้ใจ น้อยใจ ความเกียจครา้ น ความริษยาอาฆาตผอู้ ืน่ การ!เกใจใหม้ จี าคะเป็นที่ตงั้ ใจจะเป็นใจทสี่ ะอาด ไม่หมกั หมม ไมต่ อ้ งอารมณด์ า้ งอนั จะทำใหเ้ ครง่ เครยี ด เปน็ ทุกขภ์ ายหลงั ๔. อุปสมะ!เกใจใหม้ ีความสงบ ทต่ี ้งั อนั สำคัญของใจ คือความสงบเพราะสขุ อ่ืนยั่3กว่าความสงบไมม่ ี การจะเห็นประโยชนข์ องความสงบไดเ้ ด่นชดักต็ อ้ งอาศยั ข้อเปรียบเทยี บเปน็ เครือ่ งพิจารณา ใน'ท่นี ้'ี ขอ'ให'้ พจิ ารณาถึงนา้ํซึ่งเราไดส้ ัมผสั ใกลช้ ดิ อยเู่ ปน็ ประจำ น้ําท่ีถูกกระแสลมพัดให้กระเพ่อื มจะมีผลคือขนุ่ ไมอ่ าจเหน็ อะไรภายใตไ่ ด้ ถ้าเป็นทางโดยสาร กเ็ ปน็ ทางโดยสารทีไ่ มส่ ะดวก อันตราย ใจทถ่ี กู กระแสกิเลสปันใหป้ ่วน จะมีผลคือขนุ่ มัวไมเ่ ห็นเหตผุ ล เป็นอนั ตรายตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน การ!เกใจให้สงบเปน็ สง่ิ ที่ดงี าม เมอื่ ใจสงบแล้วก็จะทำใหด้ วงจิตแจม่ ใส เกดิ สตปิ ญั ญา สุขุมรอบคอบมเี หตุผล จะขบคดิ ตดั สินใจ กระทำการสิงใดกไ็ มผ่ ดิ พลาด กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์สำหรับใชค้ รองตน ครองคน และครองงานไดเ้ ป็นอย่างดี วิธปี ฏิบตั ิเพอ่ื !เกใจให้สงบสามารถกระทำไดด้ ว้ ยการควบคุมใจใหอ้ ยูใ่ นอารมณ์เดยี วการ!เกสติกำหนดรูอ้ าการทุกอยา่ งของตัว กำหนดลมหายใจเขา้ -ออกการ'ไหว'้ พระสวดมนต์ ท่องบน่ สาธยายธรรม ฐานคือท่ตี ้ังนจ้ี ัดได้ว่าเปน็ สง่ิ ท่สี ำคญั สงิ่ ต่างๆ ทม่ี ฐี านเปน็ ท่ตี ั้งดียอ่ มมคี วามมนั่ คง จะเสริมสร้างสิง่ ใดกเ็ ป็นทว่ี างใจได้ และเจริญได้ตลอดสายใจของคนเรากเ็ ซน่ กัน เมื่อ!เกหัดพัฒนาให้ต้ังอยู่บนฐานคือ ปญั ญา สจั จะจาคะ และอปุ สมะแล้ว กซ็ ือ่ ว่ามฐี านเป็นทตี่ ั้งดี มีความมน่ั คง เป็นใจทม่ี ีพลัง ควรแกก่ ารงาน เปน็ อปุ กรณช์ ั้นเยยี่ มทีส่ ามารถผลกั ตนั ให้ส่ิงทม่ี งุ่ หมายใหง้ านทุกอยา่ งสมั ถทุ ธผิ ลไดโี ดยไมเ่ หลือวิสยั๑๙๘
สุข'ใจทีไ่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทดี่ งี าม ผมู้ ุ่งหวังตัง้ ใจเพอ่ื กา้ วไปสจู่ ุดม่งุ หมายอนั ใด ถา้ ยงั ไมบ่ รรลถุ งึ สง่ิทีม่ งุ่ หมายนนั้ หรอื ฝนื ไวใกลแตย่ งั ไปไม่ถึงดวงดาว กอ็ ยา่ พงึ่ หมดกำลังใจชีวิตคอื การต่อสู้ ศตั รูคอื ยากำลงั อปุ สรรคคือหนทางแห่งความสำเร็จอันดีหลกั สจั ธรรมมอี ย่วู ่า สงิ ทง้ั หลายเกิดมาแตเ่ หตปุ ัจจยั ต้องทบทวนตรวจสอบดูถงึ เหตปุ จั จัยท่ีเราไต้กระทำไว้ ซงึ่ จะเอ้อื อำนวยให่ไต้มี ให่ใตเ้ ป็นในสิ่งท่ีตง้ั ใจน้นั วา่ มีครบสมบรู ณ์แล้วหรอื ยงั ถา้ ยงั ไม่มีต้องเรง่ ขวนขวาย เพราะถ้าอดีตไมข่ ยัน ปจั จบุ ันไม่เร่งขวนขวาย อนาคตไมต่ อ้ งทำนาย ขอให้ระลกึ ถึงหลักคดิ ของใจท่ีปวงปราชญ ์ท้ังหลายได้ใชป้ ระคับประคองสอนใจ สอนตวั จนหลดุ พ้นจากหนทางที่มดี มัวไต้ประสบกับความเจริญในหนา้ ที่การงาน และการดำเนนิ ชวี ิต ตามลขิ ติ บทประพันธ์ ว่า เกดิ เปน็ คน ควรหวงั อยา่ ย้งั หยดุ มริ สู้ ดุ ส้นิ หวงั ดังมาดหมาย หวังไวเ้ กิด หวงั ย้งั ยนื มิคืนคลาย ปราชญท์ ้ังหลาย สมหวัง เพราะต้งั ใจ ๑๙๙
สขุ ใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ท่ีดปี ๋ามโดย...พันเอก สมคิด สวยล้ํา“ ปณั คะภคอื กรผั ยอ์ นั ประเสรฐิ ” ทรพั ยท์ ี่ถอื วา่ มีคา่ อย่างย่งิ และสามารถนำติดตัวเราไปได้อยา่ งสุดแสนจะสบาย ทัง้ ปลอดภยั จากอนั ตรายตา่ งๆ ทรัพยน์ ัน้ ก็คอื ปญั ญาพระพุทธศาสนาจดั ปัญญาว่าเป็นทรพั ยอ์ นั ประเสรฐิ เรียกวา่ อรยิ ทรัพย์ในหมู่คนด้วยกัน ทา่ นกล่าววา่ สตรีมคี วามสวยเปน็ ทรัพย์ บุรษุ ม'ี วิชาความรู้หรือปญั ญานน่ั เองเป็นทรพั ย์ ปัญญาเป็นเครอ่ื งประดับอันงดงามของนักปราชญ์ ปญั ญาจัดเป็นบารมขี ้อหนึง่ ในบรรดาบารมีทง้ั สบิ ถ้าเรานบัเรยี งตามลำดับจะเห็นว่าปัญญาบารมีอยใู นขอ้ ทีส่ ี่ ผทู้ ด่ี อ้ งการพัฒนาตนใหส้ งู สง่ ส,ู ความเป็นคนพิเศษจนข้ามพันจากความเปน็ ปถุ ชุ นก้าวข้ึนไปสู,ความเป็นอริยะ ชนะกิเลสบรรลุพระอรหันตได้มรรคผลนพิ พาน จะต้องหมัน่ !เกฝนพฒั นาตนด้วยการสง่ั สมปญั ญาบารมคี วบคู1กนั ไปกบั บารมีในขอ้ อนื่ ๆ สำหรับด้านของความโดดเด่นจะเหน็ ได้วา่ ปัญญาโดดเด่นในด้านความฉลาดหลกั แหลม ความองอาจสามารถปรับปรงุ พฒั นาตนให้เหมาะสมเปน็ ทนี่ ิยมยกยอ่ งของคนในสงั คมต่างๆ โดยเฉพาะคอื สามารถบริหารตนบรหิ ารคน บรหิ ารงาน รวมถงึ ทรพั ยากรอื่นๆ ใหบ้ รรลลุ เู่ ปา้ หมายอยา่ งมีประสิทธิภาพ ปญั ญาเปน็ คุณธรรมสำคัญที่สุด ปญั ญาเป็นประธานแหง่ ธรรมท้งั หลาย พระพุทธเจา้ ตรสั วา่ ปณฺญา หิ เสฏฐา กุลลา วทนฺติ นก.ขตฺตราชารวิ ตารกานํ ปราชญท์ งั้ หลายกล่าววา่ ปญั ญาประเสรฐิ ทสี่ ุด เหมือนพระจนั ทร์เด่นทสี่ ุดในหม่ดู าว คนมปี ญั ญาสามารถใช้ปญั ญาแสวงหาทรพั ยไ์ ดโดยไมย่ าก ขอ้ นี้มีคำประพนั ธท์ ีน่ ักปราชญ์แต่งรบั รองไวว้ า่ ทรพั ยน์ ้ีมไี กล ใครปญั ญ าไวหาได้บน่ าน ทว่ั แควน้ แดนดิน มสี ้นิ ทกุ สถาน ผ้ใู ดเกียจคร้านบ่พานพบเลย ๒ ๐๐
สุขใจทไ่ี ด้อ่าน สารธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ดี ีงาม คนเราตั้งตัวได้เพราะอาศยั ปญั ญาซ่งึ เปน็ ทรัพย์ภายใน ปัญญาเปน็ ปจั จยั ใช้แสวงหาทรพั ยภ์ ายนอกได้ และทำใหค้ นต้ังตนได้ แม้วา่ จะมีทรพั ยภ์ ายนอกเป็นต้นทนุ ไม,มาก ชอ้ นี้มเี ร่อื งเก่าทเ่ี ล่าขานกันมาเปน็คตสิ อนใจ ใช้เป็นบทเรียนชีวติ ไดเ้ ปน็ อย่างดี ที่วา่ เป็นอยา่ งดีเพราะเป็นการศกึ ษาจากชวี ิตจริงของคน น่ันคอื ชีวิตของมะกะโท ชายผนู้ เ้ี ป็นบตุ รของพ่อค้า มภี มู ลิ ำเนาอยู่บ้านเกาะวาน แขวงเมืองเมาะตะมะ ตอนท่เี ขามีอายยุ า่ งเขา้ ๑ ๔ - ๑๕ ปีไดเ้ ชา้ มาทำการค้าขายทกี่ รงุ สุโขทัย ซง่ึ เป็นสมยั ของสมเด็จพระรว่ งเจา้โดยฝากตวั อาศยั อยกู่ บั นายช้างของสมเดจ็ พระร่วงเจ้า อาศัยท่ีเปน็ คนสติปัญญาดที ง้ั ขยันหมน่ั เพียรไมเ่ กียจครา้ นในการงาน ชว่ ยงานตา่ งๆ ของนายข้าง จงึ ทำใหเ้ ปน็ ทรี่ ักใครพ่ อใจของนายชา้ งเป็นอยา่ งมาก อย่มู าวนั หน่ึงสมเด็จพระรว่ งเจา้ เสด็จไปท่ีโรงชา้ งทอดพระเนตรเห็นมะกะโทกำลงั กวาดหญ้าขา้ งอยู่ ขณะนัน้ ไดท้ รงคายพระสลาบ้วนพระโอษฐ์พรางทอดพระเนตรเหน็ เบ้ีย ๆ หนง่ึ จงึ ตรัสว่าลกู รามัญน้อยจงเกบ็ เอาเบ้ียไว้ พระดำรสั นน้ั เปน็พระเมตตาอย่างหาท่ีสุดมิได้ มะกะโทมคี วามชุ่มชน่ื หวั ใจและยินดเี ปน็ อยา่ งยิง่เมื่อได้เบี้ยพระราชทานแลว้ จงึ นำไปซือ้ เมลด็ พันธผุ ักกาดมาปลูก คร้ันตอ่มาผกั กาดที่ปลูกไวก้ ็เจริญงอกงาม มะกะโทจึงเลือกเกบ็ และรวบรวมเอาไว้ถวายสมเด็จพระร่วงเจา้ เมือ่ คราวพระองค์เสดจ็ ทอดพระเนตรขา้ ง พระร่วงเจ้าทรงทราบวา่ มะกะโทนำเอาเบย้ี เบย้ี เดยี วทพ่ี ระราชทานให็ไปขยายผล ได้ผักกาดที่สวยงามดว้ ยความสามารถของตน จงึ ทรงโปรดปราน ทรงรับมาซุบเล้ยี งทรงแตง่ ตง้ั จนไดเ้ ปน็ ถึงขุนวัง มะกะโทไดต้ ้ังใจรับราชการเป็นอยา่ งดีและในสมัยตอ่ มาสมเด็จพระรว่ งเจ้าได้พระราชทานนามว่า พระเจา้ ฟา้ รัว่และพระราชทานเคร่ืองราชกกุธภณั ฑแ์ ละพระราชทานพระราชธิดาของพระองค์ให้กบั พระเจา้ ฟา้ รวั่ เรอื่ งน้เี ป็นตัวอย่างของชวี ิตคนท่ีเรม่ื ต้นด้วยดน้ ทุนนอ้ ยแตอ่ าศัยสติปญั ญาดี มีความขยัน ไม่เกียจคร้าน จึงสอบผา่ นอุปสรรคตา่ ง ๆ ไปสู่ความสำเรจ็ ไดด้ ้วยดี ในสงั คมทเี่ ปน็ ไปอยใู่ นปัจจุบันนี้ถา้ เราพจิ ารณาดูตามหลกั คำสอนทางพระพทุ ธศาสนาแล้ว จะเห็นไดว้ ่าคนท่เี กดิ มามิความคดิ ดี มีความฉลาด ๒๐๑
สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชีวติ ท่ดี งี ามหลกั แหลม คนเชน่ ว,านึก็คอื คนทีเคยคบหาสมาคมกบั บัณฑติ เคยลังสมในด้านปัญญามาก่อน สัง่ สมมามากจนถงึ ขนาดเรียกวา่ เปน็ ปัญญาบารมีก็มี คณุ ธรรมขอ้ นี้จะเป็นกำลังสนบั สนุนสง่ เสริมใหค้ นผนู้ ้ันเกดิ มาเป็นคนมีสติปญั ญาดี มีปฏิภาณไหวพริบดี มีความฉลาดแตกฉานในด้านตา่ งๆ เป็นบุคคลประเภททเี รียกวา่ อเนกประสงค์ สามารถแกป้ ญั หาใหต้ นเองและคนอื่นได้ เปน็ ทพี ึง่ ใหแ้ ก'ตนเองและผูอ้ ่นื ได้ พระพุทธเจ้าเมอื่ คร้ังเสวยพระชาติเปน็ พระมโหลถกไ็ ดส้ ัง่ สมป ญั ญ าบ ารม ีอยูต่ ลอดเวลา พอมาถงึ พระชาตสิ ดุ ทา้ ยไดต้ รัสร้เู ปน็พระพทุ ธเจา้ กป็ รากฏวา่ พระองค์ทรงแตกฉานรอบรโู ลกทงั้ ปวงใครมปี ญั หาข้อขดั ขอ้ งอะไรนึกไมอ่ อกกม็ าทูลถามพระพุทธเจา้ พระองค์ก็จะทรงตอบปญั หา'ให้แกผ่ ูท้ ี่ทลู ถาม ผทู้ ม่ี าทูลถามกไ็ ด้รบั ความเขา้ ใจหายสงสัย ใชช้ ีวิตถกู ตอ้ งได้บรรลธุ รรมตามความปรารถนาของตน พระพทุ ธเจา้ เป็นผมู้ ีปญั ญาอย่างลกึ ซ้งึ สามารถตอบปญั ญาให้แก่เทวดาและมนุษยไ์ ด้ พระพุทธเจา้ ได้รบั การถวายพระนามว่า สตถฺ า เทวมนุสสุ านํ เปน็ ศาสดาของเทวดาและมนษุ ย์ทง้ั หลาย ในการเสริมความขอ้ นีข้ องดตัวอยา่ งของปญั หาท่ีมนุษยท์ ูลถามพระพุทธเจา้ ไว้ แตจ่ ะนำเสนอให้เหน็ถึงปัญหาท่เี ทวดาทูลถามพระพทุ ธเจา้ โดยมีประเด็นปญั หาท่ีทา้ วลกั กเทวราชทลู ถามวา่ “พวกเทพ มนษุ ย์ อสรู นาค คนธรรพ์ และหมสู่ ัตว์อื่นๆจำนวนมากมอี ะไรเปน็ เคร่ืองผกู มดั เอาไว้จึงยังคงมีเวรถูกลงโทษ มีศตั รู ถกูเบียดเบียนและจองเวรกนั อยู่ พระพุทธเจ้าตรสั ตอบว่าเพราะมีอสิ สา (ความริษ ยา) และมจั ฉรยิ ะ (ความตระหน)ี้ เป น็ เครอ่ื งผ กู ม ดั เอาไว้” เรอ่ื งนีม้ าในสักกปัญหสตู ร ทีฆนกิ ายมหาวรรค ความสำคญั ของปัญญาหรือทเ่ี ข้มข้นจนเปน็ ปัญญาบารมนี ั้นสามารถนำมาปรบั ใชแ้ กป้ ญั หาไดใ็ นสงั คมทุกระดบั ชน้ั ถงึ ประเด็นตรงน้ีจึงอยู่ทว่ี ่าคนในสังคมต่าง ๆ ตอ้ งช่วยกนั ล่งเสริมในเรื่องการศึกษาหาความรู้ทถี่ ูกตอ้ งให้แกต่ น และคนอนื่ การสั่งสมปัญญาศกึ ษาดูใหด้ ีจะเห็นวา่ มวี ธิ ีส่งั สมได้หลายประการ สำหรบั พระพทุ ธศาสนาได้แสดงแนวทางเอาไว้ใหโ้ ดย1อ๐1อ
สุขใจทไ่ี ดอั ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ท่ดี ีงามสอนใหส้ ัง่ สมปญั ญาจนเขม้ ขน้ ถึงขั้นเป็นปญั ญาบารมีได้ด้วยการฟัง คิด และทำจิตภาวนา โดยในข้ันตอนของการสง่ั สมน้ัน มีช่อื เรียกทางวชิ าการ ด้งนี้ ๑ . สุตมยปัญญา ปัญญาเกดิ จากการฟงั สง่ั สมใหเ้ กิดปญั ญาไดด้ ้วยการฟงั การฟงั เป็นเร่ืองทีไ่ มย่ าก ไม่ตอ้ งลงทุนมาก คนสมยั เกา่ ใช้อุปกรณข์ อ้ ท่ี ๑ นเี้ ปน็ อบุ ายในการสงั่ สมปัญญา เพราะขอ้ มลู ท่ีเราจะได้รบัจากผูร้ ู้จากครบู าอาจารยต์ อ้ งอาศยั การถ่ายทอดจากปากส,ู หูตามยคุ สมัยจวบถึงปจั จบุ ันความหมายของสตุ มยปัญญา ไดข้ ยายกวา้ งออกไปถงึ การอา่ นการศึกษาทงั้ ในโรงเรยี นและนอกโรงเรียน และสิง่ สำคญั ของการฟงั ท่ีจะใหเ้ กิดปัญญาก็มเี งอ่ื นไขเขา้ มาประกอบดว้ ย นน่ั คอื ต้องฟังในเรอ่ื งทเี่ ป็นกุศล มีประโยชน์แกต่ น และคนอ่ืน และการฟงั ตอ้ งตัง้ ใจฟงั ให้ดจี งึ จะเกิดปญั ญา ข้อนม้ี ีพุทธพจนร์ บั รองไวว้ ่า สุสฺสูสํ ลภเต ปณฺญํ ตั้งใจฟังทำให้เกิดปัญญา การฟงั ทำให้เกิดปัญญา ขอ้ นี้เราตอ้ งยอมรับวา่ กวา่ เราจะมีปัญญาและมายืนอย่ตู รงจุดน้ีได้ เราต้องผ่านการฟงั มามาก ฟังคำสอนจากพ่อแม่จากครูอาจารย์ ท่านท้งั หมดนช้ี ว่ ยสอนช่วยอบรมเรามาโดยตลอด ต้งั แต่ข้ันอนุบาลผา่ นขนั้ ประถมจนจบข้นั มธั ยม ข้นั อุดม เรียกว่าเราฟงั กนั มาตลอดชีวิต ถงึ อยา่ งไรก็ตามปญั ญากย็ งั ไม่หมดไปจากโลกนี้ เราสามารถหาปัญญาทเ่ี กดิ จากการฟงั ไปได้!มจ่ บส้ิน คนที่ไม่ชอบฟัง ไม่ชอบศกึ ษาเล่าเรียนไม่ชอบแสวงหาวชิ าความรู้ ถ้าใครปฏบิ ัติเชน่ น้ีแสดงว่าผู้นนั้ ปดิ กน้ั ปญั ญาไม1ให้เขา้ มาหาตัวของเรา ซึ่งเท่ากับเปน็ การปดิ กั้นทางมาแหง่ ทรพั ย์นนั่ เอง ตอ้ งรบี ปรบั ทัศนคติเสยี ใหม่ หนั มาเปดิ ประตตู ง้ั ใจฟงั สนใจใฝเ่ รียนรู้สู้กบั ความเกยี จครา้ น สอบให้ผา่ นอปุ สรรค เข้าใหถ้ ึงหลักของการสัง่ สมปญั ญา ให้มีใจยนิ ดใี นการส่ังสมสุตมยปญั ญา ๒. จนิ ตามยปญั ญา ข้อน้ีหมายถึงปญั ญาความรอบรู้ทเ่ี กดิ ข้ึนได้เพราะการคดิ เพราะการวิเคราะห์ขอ้ มลู ต่างๆ ท่รี ับมาจากการฟงั การอา่ นรวมไปถึงการเห็น สุตมยปัญญาเปรียบเหมือนการรบั ประทานอาหารในขน้ัตกั ใส,ปาก ส่วนจินตามยปญั ญาเปรยี บเหมือนการเคีย้ วอาหารให้ละเอยี ดเมอ่ื เคีย้ วเสร็จกก็ ลนื ลงไป คนบางคนฟังเรอ่ื งอะไรแลัวเช่ือทนั ทโี ดยไม,ทนั ๒ ๐๓
สขุ ใจทใ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ทีค่ ีงามพิจารณา ขอ้ นี้ท่านเปรยี บวา่ เหมอื นกับคนกินอาหารโดยทีไ่ มท่ นั เคย้ี วตรงนต้ี อ้ งระวังให้ดี การพนิ จิ พจิ ารณาไตร่ตรองเรือ่ งทฟ่ี ง้ หรือเร่อื งท่ีอา่ นรวมถงึ การตรวจสอบแหล่งข่าวแหล่งขอ้ มูลหรอื หนงั สอื อ้างองิ เหล่านีจ้ ัดอยูโ่ นกระบวนการ'ของจนิ ตามยปัญญา คนทีม่ ีจินตามยปญั ญาจะเป็นคนที่มหี ลักในการคดิ คอื จะมีหลักคดิแบบโยนโิ สมนสิการ คิดถกู ตอ้ งแยบคาย หลกั ทีว่ า่ นจ้ี ะมกื ระบวนการคิดไปตามลำดบั ๔ ข้ัน คอื ๑ . อุปายมนสิการ คิดถกู ว ธิ ี ๒. ปถมนสิการ คิดมรื ะเปยี บ ๓ . การณมนสกิ าร คดิ มีเหตผุ ล ๔. อุปปาทกมนสกิ าร คิดเป็นกุศล คดิ ให้ถกู ให้ดมี ืระเบยี บ มเี หตุผล คิดให้เป็นกศุ ล คดิ แลว้ ไต้บุญไดค้ วามฉลาด ได้ปญั ญา สรุปรวมความวา่ คิดไปในทางทีส่ ร้างสรรคอ์ ยา่ ไปคดิ ส้นั อยา่ ไปคิดอกุศล เป็นบาปเปน็ กรรม ทำลายชีวติ ตอ้ งคดิ ในทางดีเขา้ ไว้เสมอ ข้อนีเ้ ป็นอุปกรณท์ ่ีสำคญั ของการส่ังสมปัญญา ๓. ภาวนามยปญั ญา หลกั ข้อท่ี ๓ น้หี มายถงึ ว่าคนจะมีปัญญาความรอบรูใหล้ กึ ซงึ้ และกวา้ งขวางต้องทำภาวนามยปญั ญาให้เกิดขนึ้ภาวนามยปัญญา หมายถึง ความรอบร้ทู ่เี กิดโดยประสบการณจ์ ากภาคปฏบิ ตั หิ รือลงมือกระทำจรงิ ๆ มผี ลงานเป็นรปู ธรรมเปน็ ความรทู้ ่ีแปรจากภาคทฤษฎีสู1ภาคปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ความแน่นอนตรงน้กี ็คอื ว่าเบอ้ื งตน้ ของการปฏิบตั อิ าจตอ้ งมีลองผิดลองถกู แตเ่ มื่อไต้ลงมือปฏิบตั ิพัฒนาจนมที กั ษะในเรื่องต่างๆ แล้ว กจ็ ัดว่ามีภาวนามยปญั ญา นักเรยี นท่ไี ด้รบั การแกลอนจนสามารถทำแบบแกหดั ไต้ขอ้ นเ้ี ป็นการพัฒนาในข้นั ภาวนามยปญั ญาการสรา้ งปัญญาด้วยการทำภาวนามยปญั ญาในสว่ นของการปฏิบัติธรรมเราสามารถทำได้ตามหลักการงา่ ย ๆโดยการทำสมาธิแกอบรมสมถกรรมฐานวปิ สั สนากรรมฐาน ไหวพ้ ระสวดมนต์ จติ เปน็ กุศลเจริญงอกงามขึ้นดว้ ย๒๐๔
สขุ ใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทีด่ ีงามศลี สมาธิ ปญั ญา ภาวนามยปัญญาจดั เปน็ อปุ กรณท์ ี่สำคัญขอ้ หนึง่ ในการสั่งสมปัญญา ทำใหเ้ กดิ ความสมบรู ณ!์ นการสงั่ สมปญั ญา จากขอ้ ความตามทีน่ ำเสนอมา จะเหน็ ได้วา่ ปญั ญานนั้ เปน็ สง่ิ ท่ีสำคญั ต่อการเดนิ ทางของชวี ติ ตงั้ แต่เริม่ ดน้ ไปจนถงึ เข้าสพู่ ระนิพพาน หลักที่สำคัญในเบ้ืองตน้ ของการสั่งสมปญั ญากศ็ อี ตอ้ งมคี วามรักฝึกใฝใ่ ครใ่ นการศึกษา ต้องแสวงหาโอกาสในการเรียนรอู้ ยู่ตลอดเวลา แมใี นเบอ้ื งตน้ จะมีโอกาสได้ศกึ ษาเลา่ เรยี นมามาก ภายหลังก็อย่าประมาทคืออย่าคิดว่า “ความรู้เทา่ นี้ก็เพยี งพอแล้วสำหรบั เราเรยี นไปก็เทา่ น้ัน” คนที่ประมาทปล่อยตัวไปตามสบาย ในไมข่ ้าความรทู้ ่ีมอี ยเู่ ดมิ ก็จะหลงๆ ลืมๆ ความรใู้ หม่ก็ไมศ่ ึกษาเพม่ิ เติม ตกอย่!ู นลกั ษณะของคนท่วี ง่ิ แข่งขนั ตอนสตาร์ทเริม่ ต้นทางกด็ ี แตพ่ อไปถึงกลางทางร้สู ึกเหนอ่ื ยเลยหยดุ เสีย คนที่วงิ มาทีหลังเขา้ ก็แซงขึน้ หนา้ ควา้เอาแซมปไ๋ ปครองสบาย เกดิ เป็นคนอยา่ หมดอาลยั ในชวี ติ ตอ้ งสชู้ วี ติ พิชติงาน ประสานไมตรี มคี ณุ ธรรม และที่สำคัญอย่าเปน็ คนจนทรัพยภ์ ายใน ตอ้ งหม่ันขยนั หาทรพั ยท์ ปี่ ระเสรฐิ ภายใน น่นั คือ ปัญญา ทางพระพุทธศาสนาจัดว่าปญั ญาคือทรพั ยอ์ ันประเสรฐิ เปน็ อริยทรัพยภ์ ายในใครมีไว้ไม่อับ'จนแมบ้ างครัง้ จะประสบกับปญั หาชวี ติ บา้ ง แต่คนทีม่ ีปญั ญา คือมีทรพั ย์อนั ประเสรฐิ ภายในจะไม่ทา่ ลายตัวเอง หากแตจ่ ะใชป้ ญั ญาพจิ ารณาหาทางแกไขขอ้ บกพรอ่ งต่างๆ ของตน แก่ไขในสิ่งท่ฟี ม่ เฟิอยลดความเปน็คนหนา้ ใหญ่ใจโตเพม่ิ ความขยนั ใหม้ ากข้นึ ทา่ งานอดิเรกเพ่อื หารายได้เสรมิไม,เพ่มิ เติมหนั!้ หม่ ในท่สี ดุ หนเ้ี กา่ บางเบา หน!้ี หมไ่ ม,ก่อไมเ่ พมิ่ ก็จะเสรมิสร้างฐานะ สรา้ งตวั ใหม้ คี วามเจริญมีฐานะมั่นคงดำรงตนอยู่ในทางแห่งความสวัสดีได้!นสังคม ปัญญาท่ีเรามอี ยจู่ ะเป็นเครื่องเชิดชรู กั ษาตนทา่ ให้เราลอบผ่านอปุ สรรคขวากหนามข้ามพ้นไปสคู่ วามสำเรจ็ ในหน้าทก่ี ารงานและการดำเนินชีวิตน่ึคอื ความศกั ด๋สี ทธืข่ องปญั ญา พระพทุ ธศาสนารับรองว่าปัญญาคือทรัพยอ์ นั ประเสริฐ ๒๐๕
สขุ ใจทไ่ี ด้อา่ นสารธรรมเพ่ือชีวติ ที่ดีงามโดย...พันโท ไชโย นามนนท์ “ สามคั คธี รรมนำสขุ ” ข้ึนซื่อวา่ ความสขุ แล้วยอ่ มเปน็ ที่ปรารถนาของทุกคน ทุกสงั คมทกุ เช้ือชาติ และทกุ ศาสนา อย่าว่าแตค่ นเลย แมแ้ ตส่ ตั วด์ ริ จั ฉานกย็ งั ปรารถนาความสขุ กนั ทงั้ นนั้ และเหตปุ ัจจยั ท่ีจะก่อให้เกดิ ความสุขกม็ มี ากมายหลายประการ แต่ในท่นี จ้ี ะขอนำเหตุปจั จัยเฉพาะในพระพทุ ธศาสนาเท่านัน้มาเสนอ ซ่งึ จริงๆ แลว้ เหตุปัจจัยหรอื หลกั ธรรมในทางพระพทุ ธศาลนาท่ีเกยี่ วกบั ความสุขก็มีมากมายเซ่นกัน แต่ในท่ีนจ้ี ะขอนำเอาเฉพาะธรรมะข้อว่า ความสามัคคีมาเสนอ เพราะความสามัคคเี ปรยี บไดก้ ับร่มใบใหญ่ที่จะคุ้มกนั แดดฝนใหส้ ังคมได้ หากซ่แึ ต่ละซีข่ องรม่ ยงั แข็งแรงดอี ยู่ และใบร่มก็ยังไม1ขาด ก็เชอื่ วา่ ยงั สามารถคมุ้ แดดฝนใหส้ ังคมได้ ในสว่ นธรรมะทช่ี ่อื ว่าสามคั คธี รรมก็เซ่นกัน ตราบใดคนในสังคมยงั ประพฤติปฏิบัตใิ นสามัคคธี รรมสงั คมน้นั ยังมีความสขุ และความเจรญิ อย่ตู ราบนัน้ เก่ยี วกับเรื่องความสามคั คีน้ีพระพุทธองค์ไดต้ รัสไวม้ ากมายซึ่งลว้ นแตโ่ ยงไปหาความสขุ ทงั้ น้ัน เซ่น สมคั คานงั ตะโป สโุ ข ซงึ่ แปลว่า ความเพยี รของผูพ้ รอ้ มเพรียงกันกอ่ ให้เกิดความสขุ สขุ า สงั ฆัสสะ สามัคคี ความพ รอ้ ม เพ รยี งของห มคู่ ณ ะกอ่ ให เ้ กดิความสขุ เปน็ ตน้ และในพระไตรปิฎก ฃทุ ทกนกิ าย อปทาน ตอนท้ายพุทธอปทานสรปุ ไว้ ๓ ขอ้ โดยเฉพาะขอ้ ท่ี ๒ กลา่ วไว้ว่า “ท่านทงั้ หลายจงเหน็ ความววิ าทโดยเปน็ ภยั และเหน็ ความไม่ววิ าทโดยเกษมแลว้ จงสมคั รสมานกนั กลา่ ววาจาอ่อนหวานแก่กัน นเี้ ปน็ อนุศาสนิของพระพุทธเจ้า”นคี้ อื 'ขอ้ ความบางตอนจากคมั ภีร์อปทาน ซึง่ ไดให้ความสำคัญกับสามคั คธี รรมมาก ๒ ๐๖
สุขใจทไี่ ด้อา่ น สารธรรมเพ่อี ชวี ิตทีด่ ีงาม ทกี่ ลา่ วมานีเ้ ป็นการแสดงเหตุปจั จยั แหง่ ความสุขตามหลักธรรมของศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ซ่งึ โดยภาพรวมแลว้ เรากจ็ ะเห็นว่าพระพุทธศาสนาไดใหค้ วามสำคัญกับสามคั คีธรรมจรงิ ๆ และแมพ้ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั กท็ รงใหค้ วามสำคญั กบั หลกั ธรรมขอ้ นมี้ าก ดงั เราจะไดย้ นิ พระราชดำรัสทีต่ รัสไว้เสมอวา่ “ใหร้ รู้ กั สามัคค”ี ทงั้ นก้ี ด็ ว้ ยทรงเล็งเหน็ว่าสามัคคธี รรมนแี่ หละที่จะเปน็ เหตุใหพ้ สกนกิ รของพระองคม์ คี วามสุข เป็นอนั วา่ เราเริ่มยอมรับแล้วว่า คำวา่ สามัคคธี รรมน้ี มีความสำคัญ และเป็นเหตุปจั จยั กอ่ ใหเ้ กิดความสุขไดจ้ ริง ทนี ้ีมีปญั หาอยวู่ า่ ภาพของความสามัคคี กบั ภาพของการแตกสามัคคี และผลของทัง้ สองอยา่ งนี้เหมอื นกนั หรือตา่ งกนั อย่างไร มวี ธิ ีปลูกฝงื บำรุงรกั ษาต้นสามัคคใี ห้งอกงามขึ้นได้อย่างไร จะไต้ขยายต่อไป ตวั อยา่ งไกลตัว เซ่น เรื่องนกกระจาบพนั ตัวถกู ตาข่ายนายพรานครอบไว้ ตกใจกะทนั หนั บินพรอ้ มกนั ทง้ั พันตวั ก็สามารถยกตาข่ายหนีไปได้ รอดชวี ติ ท้งั หมด ภาพท่นี กบนิ หนีพรอ้ มกันนเ้ี รืยกวา่ ภาพของความสามคั คี เป็นกายสามคั คี ส่วนจติ จะสามัคคดี ว้ ยหรอื เปล่าไมท่ ราบ แต่ทกุ ตวั มีจุดหมายเหมือนกนั คือ เอาตวั ให้รอด ผลของการบินพรอ้ มเพรียงกันคือรอดชีวิตมาได้ ทนี ีม้ าดูเร่อื งแตกสามัคคกี ็จากเรอ่ื งเดยี วกันนแ่ี หละ คอืเมอ่ื นกกระจาบพากนั รอดมาได้แล้ว ต่างก็อวดดีอวดเดน่ กัน บอกวา่ ที่รอดตายมาคราวนเ้ี พราะฉนั ตวั เดียวแท้ ๆ ถ้าฉันไม่บินพวกแกตายหมด ตวั อ่ืนก็พดู เหมอื นกัน ความคิดแตกแยกออกเป็นพัน พอนายพรานทราบความแตกแยกกไ็ ปดกั ตาขา่ ยอกึ ทีนเี้ งียบกริบ ไมม่ ตี ัวไหนบิน ต้องลองกำลงั กันทีละตวั ๆ ว่าตวั ไหนคือตัวท่บี นิ เก่งและแข็งแรงทสี่ ดุ กวา่ จะครบพันตวันายพรานก็อุบเอาไปทงั้ หมดเลย นีค้ ีอภาพของการแตกสามคั คี และผลของการแตกสามคั คีก็คอื ตายทง้ั หมด และอึกเรอื่ งหนง่ึ ซึ่งเป็นอนสุ สตเิ ตอื นใจชาวพุทธเราไตด้ ีท่ีสุดเก่ยี วกับสามัคคคี ือ เรือ่ งภกิ ษุซาวเมอื งโกลัมพี ท่ีมาของพระพทุ ธรูปปาง ๒๐๗
สุขใจทไี่ คอ้ ่านสารธรรมเพ่ือชวี ิตทีด่ ีงามวดั ป่าเลไลยก์ เป็นพระพทุ ธรปู ประทับน่งั ห้อยพระบาท มีลิงถวายรงั ผงึ้ มีช้างถวายกล้วย เวลาเหน็ พระปางนี้ฃอให้นกึ ถึงสามคั คธี รรม เร่อื งยอ่ มีอยวู่ ่า มพี ระสองรูปทะเลาะกันเรื่องน้ําลา้ งสว้ ม แต่เนือ่ งจากพระสองรปู น้ีมีลูกศษิ ย์ลกู หาเยอะ อีกรูปเปน็ พระธรรมกถึก อีกรูปเป็นพระวนิ ยั ธร จงึ มกี ารถือหางกัน จากอาจารย์ลามไปหาลูกศษิ ย์ จากลกู ศิษย์ลามไปหาโยมอุปัฏฐากของแต่ละฝ่าย แม้พระพทุ ธองคจ์ ะทรงแนะนำให้หนั หน้าเข้าหากันสามคั คกี นั ก็ไม่มฝี า่ ยใดยอม จนในทส่ี ดุ พระองค์ตอ้ งเสดจ็ออกจำพรรษาอย่ใู นปา่ องคเ์ ดียว มีช้างกับลงิ คอยอุปฏั ฐาก พอถงึ ขน้ั นแ้ี ล้ว ไอร้อนของการแตกสามคั คีกเ็ ริม่ ปรากฏ ญาตโิ ยมไปวดั ไมเ่ ห็นพระพุทธองคก์ ็เสียใจ เพราะทราบวา่ พระพทุ ธองค์เสดจ็ หนีไปอยปู่ า่ แลว้ และเหตทุ เ่ี สดจ็ หนีไปอยปู่ า่ ก็เพราะพระสงฆแ์ ตกสามัคคกี นั จึงพากนั ทรมานพระไมไ่ หว้ไม่ถวายอาสนะไมถ่ วายอาหารโดยวิธีการนี้ เพียงสอง-สามวันเท่านั่น พระที่ทะเลาะกนั ก็ยอมขอขมาอภยั กนัหันหนา้ เข้าหากัน ลดมานะละทิฏฐิ แตกตอ้ งเปน็ อยู่อย่าง‘ฝืดเคืองต้งั สามเดือนเพราะญาตโิ ยมไม่ใส่บาตรตราบเทา่ ทย่ี งั ไม่ไต้พบพระพทุ ธองค์ จากเรือ่ งทน่ี ำมาเล่าโดยย่อนี้ สว่ นหน่งึ กเ็ พ่ีอกันลืมสำหรบั ทา่ นท่ีเคยได้ยนิ ได้ฟงั มาแลว้ เวลาเหน็ พระปางวัดปา่ เลไลยกก์ ็จะได้นึกถงึสามคั คธี รรม อกี ส่วนหน่งึ กเ็ พอี่ ใหเ้ ห็นผลรา้ ยของการแตกสามคั คี ดือถา้คนใหญ่แตกกบั คนใหญ่มันก็จะลามออกไปมากอย่างเร่อื งนี้ทา่ นว่าออกจากพระสองรูปลามไปถงึ พรหมโลกช้นั อ กนษิ ฐโนน่ แหละ พอแตกออกไปแลว้ผลเสยี ก็ตามมามากมายอย่างผลเบาะ ๆ เพราะนา้ํ ข้นเดยี วทพ่ี ระธรรมกถึกกับพระวนิ ัยธรไต้รบั กค็ ีอ อดขา้ วตลอดพรรษา ทนี ี้มาดูตัวอยา่ งใกลต้ ัวเราบา้ ง เซ่นในครอบครวั เรา ถ้าพอ่ แมล่ ูกรกั ใคร่กันดีกท็ ำให้ครอบครัวมีความสขุ ดื ถา้ ในครอบครัวพ่อชอบทะเลาะกับแม่ทุกวัน พ่อแมก่ ไ็ ม่มคี วามสขุ หรือพอ่ แม่รักใคร่กันดื แต่ลกู ชอบทะเลาะกัน๒๐๘
สุขใจทีไ่ ด้อ่าน สารธรรมเพื่อชีวติ ท่ีดีงามทุกวนั ครอบครวั กไ็ ม1มคี วามสขุ อีก เพราะคนในครอบครวั นน้ั เชอ่ื มโยงสัมพันธ์กนั ยอ่ มมผี ลกระทบถึงกนั ทั้งในทางสขุ และทุกข์ ถา้ จะมองใกล้เขา้ มาอกี นิด ดทู ตี่ ัวเรา ดูซิ1วา่ ถ้าแตกสามคั คีกนั แลว้จะเกดิ อะไรข้ึน เท้ามันบอกเพ่ือนว่า พวกเราทั้งหลาย เราเปน็ ขข้ี า้ ท้องมานานแล้วมนั ไม่ทำงานอะไรเลยคอยแต่จะกนิ อยา่ งเดียว เดนิ มันไม่เดิน จบัก็ใขม้ ือจบั เค้ียวก็ใขป้ ากเค้ียว ต่อไปนเ้ี ราจะไมเ่ ป็นขึ้ขา้ มนั อีกแลว้ มันอยากกนิ อะไรใหม้ นั ไปหากินเองเถอะ ต้งั แต่นัน้ มาท้ังมอื ท้ังเท้าก็ไม่ออกไปไหนเลยคอยให้ท้องออกไปเดินหาอาหารกนิ เอง แตพ่ ออดอาหารนานเข้าก็ทนไม่ไหวทง้ั เทา้ ทัง้ มือปรกึ ษากันว่าฉนั ทนไม่ไหวแล้ว เรามาร่วมมอื ร่วมเทา้ คลานไปหาอาหารมาใส,ทอ้ งเหมอื นเดิมเถอะ จะได้มีแรงอยู่ต่อไป เราทรมานทอ้ งก็เหมือนทรมานตวั เองนนั่ แหละ และอีกอยา่ งทอ้ งเขากท็ ำหนา้ ทย่ี อ่ ยอาหารเพ่ือส่งสารอาหารมาหลอ่ เลีย้ งพวกเรานี่แหละไปๆ หิวจะตายอย่แู ลว้ ทนี ีก้ ม็ าถึงประเดน็ สำคญั ทค่ี ือตวั ศัตรูของสามัคคธี รรม หรือที่เรียกวา่ สามัคคีเภท การแตกสามัคคี เสร็จแลว้ จะไดป้ ราบพืน้ ท่ีใจให้ราบเรียบเพอ่ื ปลกู ตน้ สามคั คธี รรมลง พร้อมกบั รดนํ้าพรวนดิน จะไดน้ ำสุขใหส้ ังคมไทยเราอย่างแทจ้ รงิ ศัตรตู วั สำคญั ของความสามัคคีทม่ี ักกล่าวถึงเสมอ คือคำว่า ทฏิ ฐิหรือความคดิ ความเหน็ น่แี หละ เพราะถ้าความคดิ ความเห็นตรงกนั เสมอกนัอย่างท่วี ่า ทฏิ ฐิสามัญญตา กไ็ มม่ ปื ญ้ หาอะไร แต่ถ้าขดั แย้งกันเม่อื ไรก็ย่งุเมอ่ื น้นั ทรี่ กั กเ็ ป็นรา้ ง ทีห่ า่ งกเ็ ปน็ หา่ งหนกั ขึ้นเฉพาะคำว่า ทิฏฐิ นั้น มคื วามหมายในทางไม่ดี ทั้งภาษาพระภาษาคน ภาษาพระทา่ นว่าเปน็ กเิ ลส เซน่ ทิฏฐกิ ิเลส คอื ความเหน็ ที่เศรา้ หมองขุ่นมัว ไม่สดใส ไมส่ ามารถเห็นอะไรตามเป็นจรงิ มืสาเหตุมาจากโมหะกเิ ลส ความลุ่มหลงอกี ทีหนึง่ เพราะลุ่มหลงจงึ กลายเป็นความเหน็ ท่ีผิดสว่ นภาษาคนกว็ า่ อยา่ ถือทีภฐมิ านะเลย หรือ1ว่าลดทิภฐลิ งเสียบา้ ง แสดงว่า6-1.19 6-1,19 ๒๐๙
สุขใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพีอ่ ซวี ฅิ ที่ดปี ๋ามทิฎฐไิ มดเขาจึงไมใหถ้ ือ ถา้ จะใหค้ ำว่าทฏิ ฐิเปน็ ความดีกจ็ ะตอ้ งเอาไปบวกเข้ากบั คำว่า สัมมา เชน่ คำว่า สัมมทิฏฐิ แปลวา่ ความเหน็ ถูก อำนาจของทฏิ ฐิ หรอื ตัวบนั่ ทอนชอนไชต้นสามคั คีธรรม เมอ่ื ตวั นี้เกิดขน้ึ ทีใ่ ด ต้นสามัคคีธรรมที่เคยงามกจ็ ะเห่ยี วเฉา ทีเ่ หย่ี วเฉาแลว้ กจ็ ะตายเม่อื ตาย ความสขุ ทจี่ ะเกดิ จากความสามัคคีก็พลอยตายตามไปดว้ ย กลายเปน็ ได้รับความทกุ ขแ์ ทน เมอื่ รเู้ ชน่ นีแ้ ล้วจะแก้อยา่ งไร วิธีแก้ก็แกท้ ่ตี ัวทิฎฐินั่นแหละ เปน็ ท่ีทราบดแี ลว้ วา่ ตวั ทฏิ ฐิเกดิ ข้ึนเพราะขาดความซดั เจนในการมองเห็น หรอื เหน็ไม่ตรงตามความเปน็ จรงิ วิธีแก้จงึ ตอ้ งใช้ปัญญา คือศึกษาใหเ้ ข้าใจซัดเจนในแตล่ ะเรอ่ื งทเี่ ราเกีย่ วข้อง ยึเกเป็นคนมเี หตผุ ล ไมเ่ อาอารมณ์เหนือเหตุผลยดึ พระบรมราโชวาทท่ีว่า รรู้ ก้ สามัคคี เขา้ ไว้ รืเกความมีเมตตาต่อกนั ใหค้ ดเสียว่าในวัฏสงสารอันยาวไกลน้ี คนทีไ่ มเ่ คยเป็นพ่เี ปน็ น้อง เปน็ พ่อเป็นแม่กันไม่มีเลย ทกุ คนลว้ นเคยเปน็ ญาติกนั มาท้ังน้นั และอนาคตก็ยงั จักต้องเป็นญาตกิ ันและท่ใี กล้ตัวทสี่ ุดคือ สูดลมหายใจจากอากาศเดียวกันเป็นที่ดำรงชีวิต จะคิดถือโทษโกรธเคอื งกันทำไม รูจ้ กั ใหอ้ ภยั กนั หัดมองกนั ในแงด่ ีแมค้ นอ่ืนเขาจะมสี ่วนไมด่ อี ยบู่ ้าง เราอย่าไปจำเอาจำเอาแตส่ งิ่ ดีๆของเขาตังทีท่ ่านพทุ ธทาสภกิ ขุแตง่ เปน็ คำกลอนไว้ว่า เขามสี ่วนเลวบา้ งช่างหวั เขา จงเลือกเอาสิ่งดเี ขามอี ยู่ เป็นประโยชนไ้ ลกบา้ งยังน่าดู ส่วนทชี่ ั่วอยา่ ไปร้ขู องเขาเลย ฯ และท่สี ำคัญอันสดุ ท้ายคือ รู้จกั ใหค้ วามสำคญั แก'คนอนื่ บา้ งเคารพความคดิ เห็นของกนั และกนั ถ้าทำได้ดงั นต้ี น้ สามัคคธี รรมกจ็ ะนำสขุให้อยา่ งแนน่ อน๒๑๐
สุข'ใจที่ได้อา่ น สารธรรมเพ่อื ชีวติ ทีด่ ีปา่ ม โดย...พันโท ไชโย นามนนท์ “ ธรรมโอสถ” ในการดำรงชพี ของคนเราน้นั ปัจจยั สำคญั อย่างหน่ึงซง่ึ จะขาดเสียมไิ ด้น่ันก็คือ ยารักษาโรค เพราะรา่ งกายของเราเปน็ รงั แหง่ โรค ดงั พุทธภาษติ วา่ อิท0 สรีรํ โรคนิทธํ ซงึ่ แปลวา่ ร่างกายนี้เปน็ รงั แหง่ โรค เชน่ มีตาก็เปน็ โรคตา มีหูก็เปน็ โรคหู มีตับกเ็ ปน็ โรคตับ เป็นต้น ด้วยเหตนุ ้ไี ม,วา่ทางโลกหรอื ทางธรรม เมื่อจะบญั ญตั ิปัจจยั ทจี่ ำเป็นสำหรับมนษุ ย์แลว้ จำตอ้ งพ่วงยารกั ษาโรคต่อท้ายไวด้ ้วยเสมอ เพ่อื ใช้บรรเทาความทกุ ขท์ ีเ่ กิดขึน้ กับรา่ งกายของคนเรา อันวา่ โรคภยั ไขเ้ จ็บทเี่ กิดข้นึ กบั ร่างกายของเราน้ี มสี าเหตมุ าจากทางกายอย่างหนึง่ เช่น การกระทบ กระแทก แตกหัก หรือการกนิ อาหารบ้างจากทางใจอยา่ งหนึง่ ซง่ึ เกิดจากกเิ ลสบา้ ง ถา้ เป็นโรคที่มสี าเหตุมาจากทางกายก็บรรเทาหรือเยยี วยาด้วยสมนุ ไพรหรือยาแผนปัจจบุ นั แต่ถ้าเปน็ โรคทเี่ กิดจากกเิ ลสภายในใจก็ต้องแก้หรอื บรรเทาดว้ ยธรรมโอสถ หรอื ยาธรรม เนื่องจากบทความนใี้ หัชอื่ วา่ ธรรมโอสถคอื ยาธรรมะ เป็นยาสำหรบั รกั ษาโรคทางใจ จึงขอพดู เฉพาะโรคทางใจ และวิธีการใชธ้ รรมะเยยี วยาเทา่ นัน้ จะไม่ขอพดู ถงึ โรคทีเ่ กดิ จากทางกาย โรคอะไรบา้ งท่เี กดิ จากกเิ ลสในใจโรคที่เกดิ จากกิเลสในใจเท่าท่พี คประมวลหาความสมั พนั ธ์กับทางกายมาได้ดังน้ี ๑. โรคปวดหัว ค น เราเม ือ่ มคี วาม โลภ ม ากเกดิ ขึ้น กค็ ดิ หาวิธีการที่จะได้ส่งิ ทปี่ รารถนามา เมอ่ื ไม่ไดส้ มใจอยากกป็ วดหวั อยา่ งท่ีพระทา่ นวา่ปรารถนาส่ิงใดแลว้ ไมไตส้ งิ่ น้ันย่อมเป็นทกุ ข์ หรอื บางคนโกรธมาก ๆ กป็ วดหัวเหมอื นกนั ( ร ิ) ( ร ิ)
สุขใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ิตที่ดีงาม ๒. โรคนอนไม่หลับ คนเราเมอ่ื มีความโลภเกิดข้นึ ก็จะคิดหาวธิ ีการท่ีจะไดส้ ิ่งทีป่ รารถนามา และคิดมากกวา่ คนท่ไี ม่โลภจงึ เป็นเหตใุ หห้ ลบั ไม่ลงเปน็ โรคนอนไม่หลบั คนโกรธมากๆ กน็ อนไมห่ ลับเหมอื นกนั ๓ . โรคหวั ใจจิตใจของคนโลภหรอื คนโกรธยอ่ มเป็นจติ ใจทีร่ มุ่ รอ้ นซงึ่ เปน็ ผลกระทบตอ่ หัวใจทำใหห้ วั ใจเกดิ โรคได้ ๕. โรคกระเพาะอาหาร คนท่ีมีจิตใจเครง่ เครยี ด ไมว่ า่ จะเกิดจากความวิตกกังวล หรอื ความโลภ ความโกรธทเ่ี กนิ ขนาด ยอ่ มมผี ลกระทบตอ่ระบบการยอ่ ยอาหาร ทำใหเ้ กดิ เป็นโรคกระเพาะอาหารได้ ทย่ี กมาสามสิ่ตัวอย่างนี้ลว้ นแลว้ แตท่ างการแพทยย์ อมรบั แล้วว่ามสี ว่ นสัมพันธ์กนั จงึ สรปุ ได้ว่าใจท่ีมีกเิ ลสย่อมเป็นเหตใุ หเ้ กดิ โรคทางกายได้ วธิ แี กโ้ รคทางใจทำอยา่ งไร ธรรมะไดช้ ่อื ว่าเป็นยาขนานเอกในการแกโรคอนั เกดิ จากสรรพกิเลสได้ แตเ่ น่ืองจากธรรมะในพระพุทธศาลนามีมากถงึ (ะ๙ ,๐๐0 พระธรรมขนั ธ์ หากจะพรรณนามาท้ังหมดในท่ีนี้คงไมไ่ หว จะขอพดู ถึงธรรมะเฉพาะท่เี ก่ียวกับการเยียวยาโดยตรง นนั่ ก็คอืบทโพชฌงค์ ๗ ซ่งึ มีตำนานวา่ เม่อื คร้งั พระโมคคลั ลานะกับพระมหากสั สปะเปน็ ไข้พระพทุ ธองคท์ รงลวดโพชฌงค์ ๗ใหฟ้ ้งก็หายจากไข้ แม้พระพทุ ธองค์ทรงพระประชวรก็ตรสั สง่ั ใหพ้ ระจุนทะสวดให้ฟ้งกท็ รงหายจากการประชวรและดว้ ยตำนานนี้เอง พระสงฆจ์ ึงนยิ มนำมาลวดใหญ้ าตโิ ยมที่ปว่ ยไข้ฟง้ เผอ่ื จะหายตามตำนาน ทำไมบทโพซเมงค์ ๗ จงึ รกั ษาโรคได้ หากพจิ ารณาตามหมวดธรรมทเี่ รืยงขอ้ กันไว้ก็จะได้ตงั นีค้ ือ ๑. สติ ความระลึกได้ กน้ สติปฏั ฐานส)่ี๒. ธมั มวิจยั ความเลือกเฟ้นธรรม (วจิ ัยรูป-นาม) ๓. วริ ิยะ ความบากบนั่ตอ่ เนือ่ ง (ลัมมปั ปธาน ๕) ๕. ปีติ ความอมิ่ ใจ ๕. ป้สลัทธิ ความรำงบั แห่งจติ๖. สมาธิ ความมีใจตงั้ มนั่ ๗. ความวางใจเป็นกลาง เมอื่ แบ่งกำลังธรรมทั้ง ๗ ขอ้ นอ้ี อกเป็นกำลังนำ และกำลังหนนุ ก็จะได้ตงั นี้ ธัมมวิจยั . วิรยิ ะ. ปีติเป็นกำลังนำ ส่วนปสั ลัทธ.ิ สมาธิและคเุ ไ เกชาเปน็ ตวั หนุน สำหรับสตเิ ป็น๒๑๒
สขุ ใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ งี ามตวั ตรวจตราความสมาเสมอของกำลงั นำและกำลังหนุน หากจะยอ่ สว่ นลงเปน็ สมถะกบั วปิ ัสสนาก็ได้ คอื กำลังหนุนเปน็ สมถะ กำลังนำเปน็ วปิ สั สนารวมความวา่ ธรรมโอสถขนานน้กี ค็ อื ยาสมถะกับวปิ ัสสนาน่ันเอง เหลา่พระอรหันตท์ ้งั หลายเปน็ ผผู้ า่ นการเจริญสติมาจนหมดกเิ ลสแลว้ อยูม่ าทา่ นป่วยเปน็ ไข้ เพราะสาเหตทุ างกาย เม่ือไดฟ้ งั เสียงคำวา่ สติธมั มวิจยั เทา่ น้นัจติ ทา่ นก็ถงึ อัปปนาได้และหลดุ พ้นจากความบีบคน้ั ทางกายได้ เหมือนขา้ งศกึตกหลม่ ฉุดยงั ไงก็ไมข่ ้ึน แตพ่ อไดย้ นิ เสยี งกลองศกึ ก็สามารถข้นึ จากหลม่ ได้โดยงา่ ย จากเหตผุ ลตังกลา่ วมาจงึ เช่อื ไดว้ า่ บทโพซฒงค์ ๗ ลามารถชว่ ยให้พระโมคคลั ลานะและพระมหากัสสปะ่ หายจากไขไดจ้ ริง สว่ นชาวบา้ นท่วั ไปยังรับรองไม่ไดว้ า่ หายหรอื ไม่ ตอ้ งขึ้นอยกู่ บั ศรทั ธา ถ้าศรัทธามากก็สามารถทำจติ ผ้ฟู ง้ ใหแ้ นบแน่นและหลุดพ้นจากทุกขเวทนาได้ เพราะศรทั ธาก่อให้เกิดปีติ ปตี ิทำลายทุกขเวทนาได้ อานภุ าพของธรรมโอสถ หากจะกล่าวถึงผลของธรรมโอสถหรอืยาธรรมเพียงแค'รักษาโรคเจ็บไขไ้ ด้ปว่ ยตังท่กี ล่าวมาแลว้ ก็คงไม่คุ้มกบั ท่ีพระพุทธองค์ทรงแสวงหาเปน็ เวลานานแสนนาน เพราะจุดประสงคห์ ลกัจริง ๆ ท่พี ระพุทธองคท์ รงค้นหาธรรมโอสถกค็ อื เพ่อื ชว่ ยสรรพลัตว่ไหห้ ลดุ พน้จากทกุ ขท์ ัง้ ปวง ส่วนการใช้บรรเทาโรคภยั ไข้เจ็บทีเ่ กดิ ขึน้ นัน้ เปน็ ผลพลอยได้เหมือนปลกู ขา้ วแตไ่ ด้ฟางใหค้ วายกินดว้ ย ดงั น้ันไม1วา่ พระหรือโยมหากตอ้ งการผลของธรรมโอสถควรเลง็ ผลการปฏิบัตไิ ปท่ีความหลดุ พน้ จากตัวตนโดยมีสมถะวปิ สั สนาเปน็ เครอื่ งเทียมใจเหมือนโคคูเ่ ทยี มเกวียน เมื่อเกดิทกุ ขเวทนาข้นึ ก็กำหนดรู้ หากทกุ ขเวทนาหนกั มากกก็ ำหนดให้หนักลงไปทำบ่อยๆ การทำบ่อยๆ ทำให้จติ ใจมอื ำนาจท่เี รืยกว่า วสี เมอื่ ทุกขเวทนาเกดิ ข้ึนไมว่ ่าในส่วนใดของรา่ งกาย เพ ยี งเอ าจ ติ ไป แ ต ะเฉ ย ๆ ทุกขเวทนาก็หายไปทันที เปน็ อนั ได้อานสิ งสท์ ันตาเห็นของธรรมโอสถ สว่ นการหลดุ พน้กค็ อ่ ยบำเพญ็ ไปเร่อื ย ๆ เมอ่ื อนิ ทรยี แ์ กก่ ล้ากจ็ ะเป็นไปเอง ๒๑๓
สุขใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพี่อชวี ิตท่ีดีงาม ธรรมโอสถนอกจากจะอำนวยประโยชนโ์ สตถผิ ลให้กบั ผู้ปฏิบตั ิโดยตรงแลว้ ยังอำนวยประโยชนไ์ หก้ บั ปิยชนลม้ พนั ธชนด้วย ทำใหก้ ารดำเนินชีวิตเปน็ ไปด้วยความราบรนื่ ดงี าม จงึ เปน็ การสมควรแล้วทท่ี ่านท้ังหลายจะไดก้ ินยาธรรมโอสถ ซงึ่ เป็นทง้ั ยากัน และยาแก้ทวี่ า่ กนั นั้นคือ กันสรรพกิเลสอันเปน็ เซีอ้ โรคทางใจมใิ ห้เข้าสูใจ ท่วี า่ แก้คือ ฆ่าเช้อื กิเลสทง้ั หลายที่มอี ยแู่ ล้วในใจใหห้ มดไป ก่อนจบธรรมโอสถกอ็ ยากจะฝากว่าบรรดายาท่ีมใี นโลกนี้หากจะสรุปลงเป็นขนานใหญๆ่ ก็คงได๒้ ขนาน คอื ยาสำหรบั แกโ่ รคทางกายควรเรยี กวา่ โลกโอสถ ส่วนยาที่แก่โรคทางใจ เรียกวา่ ธรรมโอสถ ในสว่ นโลกโอสถนน้ั ผู้รับประทานทานเข้าไปแล้วไมด่ ้องทำอะไร ตวั ยามันจะทำปฏิกริ ยิ าเอง ส่วนยาธรรมโอสถ ผรู้ ับประทาน (ศึกษา) แลว้ ต้องปฏิบตั ิตามที่ไดศ้ ึกษามาตวั ยาจงึ จะออกฤทธฉิ้ ะนัน้ ผูป้ ระสงค์ผลของธรรมโอสถจงึ ควรประพฤติธรรมดว้ ยจึงจะไดผ้ ลของยา๒๑๔
สุขใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวิตท่ีดปี า่ ม โดย...พนั โท บวรวทิ ย์ ไชยศิลปึ “ การสวดมนตเ์ ผอ่ื สขุ ภาผ” สุขภาพเปน็ เร่ืองที่จำเปน็ และสำคญั อยา่ งย่ิงสำหรับชวี ติ มนษุ ย์หากมนษุ ยม์ ีสุขภาพรา่ งกายและจิตใจทีแ่ ขง็ แรงและสมบรู ณ์ชีวิตย่อมดำเนินไปไดอ้ ยา่ งสะดวกสบายและมีความเปน็ ปกตสิ ุข แตใ่ นทางตรงกันข้าม หากรา่ งกายกับจติ ใจหรืออยา่ งใดอย่างหนึง่ ทำงานไมป่ กติ ขาดตกบกพรอ่ งในบางส่วนหรอื หลายๆ สว่ น ชีวิตยอ่ มไมเ่ ปน็ สขุ มีความทุกข์เดือดร้อนมาแทนท่ี น่ันก็คอื สขุ ภาพ ทีแ่ ปลกันว่า ความเปน็ ผูม้ ีความสขุ ได้ลดนอ้ ยถอยลงหรือหมดสิ้นไป มนษุ ยเ์ ราจงึ จำเป็นตอ้ งแสวงหาอุปกรณ์หรอื เคร่อื งมือในการเสรมิ สรา้ งสุขภาพ รกั ษาสขุ ภาพ และพัฒนาสขุ สภาพหรือร่างกายและจติ ใจของตนเองให้เจริญรงุ่ เรอื งและมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา เซ่นการกินเพอ่ื สขุ ภาพ, การออกกำลังเพอื่ สุขภาพ, การเต้นรำเพ่อื สุขภาพ,การว่ิง-การเดนิ เพ่อื สขุ ภาพ และการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมอื่นๆ เพอ่ื สขุ ภาพ ในการเสริมสรา้ งสขุ ภาพนน่ั นอกจากเราจะเสริมสร้างกันในทางกายภาพแลว้ อีกทางหนง่ึ ที่สำคญั ย่งิ ทีเ่ ราไมอ่ าจมองขา้ มไดก้ ็คือ “การเสรมิสร้างสขุ ภาพทางจิตใจ” ซงึ่ กระทำได้ดว้ ยการพัฒนาจติ ใจ เชน่ การไหวพ้ ระสวดมนต์ การเจริญจติ ภาวนา ปฏบิ ัตธิ รรมกรรมฐาน กำหนดสติให้ไดข้ ณะปัจจุบนั เดนิ จงกรม น่ังสมาธิ ตามเวลาอันสมควรหรือตามวฒุ ภิ าวะของแต่ละบคุ คลท่สี ามารถปฏบิ ัติไดด้ ว้ ยตนเอง เพราะฉะนน่ั “การสวดมนต”์ จงึเป็นการเสริมสรา้ งสุขภาพไดอ้ ีกทางหนง่ึ ด้วย การสวดมนต์เพือ่ สขุ ภาพ คืออะไร? เราจะสวดมนต์เพื่อสุขภาพได้อย่างไร? (คือสวดมนตบ์ ทใดบา้ งเพ่ือรกั ษาสุขภาพ) และอะไรคืออานิสงส์ของการลวดมนตเ์ พ่อื สุขภาพ? ๒๑๕
สุขใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชีวิตทีด่ งี าม ประการแรก “การสวดมนตเ์ พอื่ สุขภาพคอื อะไร” การสวดมนต์เพอื่ สขุ ภาพ ก็คือ การกลา่ วสาธยายพรรณนาคณุ หรือสรรเสรญิ คุณของพระธรรมคำสั่งสอนทางศาสนา หรอื กล่าวสดุดยี กยอ่ งเกียรตคิ ุณพรรณนาพระคุณของพระศาสดาหรอื สาวกอืน่ ๆ ของพระองคท์ า่ นให้ปรากฏ เพอ่ืยึดถือเปน็ สรณะท่พี ง่ื และแนวทางในการปฏบิ ัตหิ รอื ประยุกต์ใชีในชวี ิตประจำวนั ส่วนการสวดมนต์เพือ่ สขุ ภาพในทางพระพทุ ธศาสนา มลี ักษณะเดน่ คือ การสวดสาธยายมนตห์ รอื การสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรตั นตรัยคือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ซง่ึ เป็นสรณะอนั เกษมสูงสดุ ของชาวพุทธท้งั หลาย เพอ่ื วตั ถุประสงค์ ๔ ประการ คอื ๑ . เพือ่ ปอ้ งกันภัยทย่ี ังไม่เกดิ ขนึ้ ๒. เพอื่ ขจดั ภัยทเ่ี กดิ ขึน้ แลว้ ๓ . เพื่อเสริมสรา้ งความสงบสุขให้เกดิ ข้นึ ๔. เพ่ือรกั ษาความสงบสขุ ทเ่ี กดิ ข้นึ แลว้ มใิ ห้เสอ่ื มคลาย การสวดมนต์จึงเปน็ การสรา้ งพลังอำนาจหรือความเขม้ แขง็ ทางด้านจิตใจไดเ้ ป็นอยา่ งดยี ง่ิ เมื่อจติ ใจมีสภาพเข้มแข็ง-แข็งแรง-สมบรู ณ์ และมีพลงั ขึ้นมาแล้ว สขุ ภาพทางดา้ นจิตใจย่อมเกดิ ขนึ้ อย่างแนน่ อน ประการทีส่ อง “เราจะสวดมนตเ์ พ่อื สขุ ภาพไดอ้ ยา่ งไร” และ“เม่อื สวดมนต์เพื่อสุขภาพไดแ้ ลว้ จะไดร้ บั อานสิ งสอ์ ะไรบัาง?” ในข้อน้ีพระโบราณาจารย์ได้รวบรวมเรอ่ื งการสวดพระปรติ รหรือการสวดมนตบ์ ทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั อานิสงสเ์ ฉพาะบทเพอ่ื ประยกุ ต!์ ชไี ว้เป็นอเนกประการ ดังจะขอยกตัวอย่าง เฉพาะในหนงั สอื “เจ็ดตำนาน” มาเลา่ สกู่ นั ฟ้งดังน้ี ๑. เมตดปรติ ร หรือ กรณียเมตตสตู ร ทขี่ ้ึนดน้ บทว่า “กรณียมตุถกลุ เลน ยนฺตํ สนตุ 0 ปทํ อภสิ เมจฺจ” เปน็ ต้น มบี ทดัดสวดตรงกลางว่า“เมตฺตญจ สพพฺ โลกสมฺ ึ มานสมภฺ าวเย อปริมาณํ ” เปน็ ต้น เหมาะสำหรับการเจรญิ จิตภาวนาแล้วแผเ่ มตตา โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ผทู้ ี่มีความกระวนกระวาย๒๑๖
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวติ ที่ดีป๋ามทางจติ กระสับกระส่าย ผดุ ลุกผดุ นงั่ นอนไมค่ ่อยหลับ มกั ผวาต่ืนแลว้ ตกใจอยู่เป็นประจำทุกวัน จะทำใหน้ อนหลับเปน็ สุข ตื่นนอนก็เป็นสขุ ไม,ฝืนร้ายเปน็ ท่รี กั ทั้งเหลา่ มนุษยแ์ ละอมนุษย์ เทวดากช็ ว่ ยดูแลศัตรา ยาพษิ และไฟไม,แตะต้อง จติ ต้งั ม่นั ไตเ้ ร็ว ใบหนา้ ผอ่ งใส ไมห่ ลงตาย และหากยังไมบ่ รรลุธรรมอนั ย่ิงใหญ่ กจ็ ะเข้าถงึ พรหมโลก นี่คืออานสิ งส์ของการสวดมนต์บทกรณยี เมตตสตู ร ๒. ขน้ ธปริต? คือ บทสวดท่ขี ึน้ ต้นว่า “วริ ูปฦเฃหิ เม เมตตฺ ํ เมตตฺ ํเอราปเถหิ เม” เปน็ ต้นบทน้!ี ชส้ วดเพอ่ื ป้องกันภยั ต่างๆ อนั เกดิ จากอสรพษิและสตั วร์ ้ายท้ังหลาย ท้ังสตั ว์ ๔ เท้า สัตว์ ๒ เท้า สัตวไ์ ม่มีเทา้ และสตั ว์ทมี่ ีเท้าเปน็ จำนวนมาก โดยเฉพาะในเวลาที่เดินไปปา่ เขาลำเนาไพร ตามท้องไร่ท้องนา หรือในถ่นิ ที่อยู่ของสัตวเ์ หล่าน้ี ใหแ้ ผเ่ มตตาจติ แลว้ สวดมนต์บทน้ี ด้วยจิตทเ่ี ปน็ กุศลจะไตผ้ ลดีนกั แล ๓ . ใมรปริต? คือ บทสวดท ข่ี ึ้นตน้ วา่ “อเุ ทตยณฺ'จฦขุมา เอกราชาหริสฺสวณฺโณ ปฐวิปป่ ภาโส ต0 ต0 นมสสฺ ามิ หรสิ สวณณฺ ”ํ เปน็ ต้น ใชเ้ ปน็บทสวดสำหรับป้องกนั ภัยจากผทู้ ่คี ืดรา้ ย เพือ่ ม่งุ ทำลายเรา ๔. อาฏานาฏิยปริตร คอื บทสวดท่ีขน้ึ ต้นวา่ “วิปสฺสสิ ฺสนมตฺถุจก;ขุมนุตสสุ สริ มี ,โต” เปน็ ต้น ใชเ้ ป็นบทสวดสำหรบั ป้องกนั ภัยจากพวกอมนุษย์ เชน่ ภตู ผี ปศี าจ และเพ่ือขจดั ทุกข์ บำรงุ สุข ทำใหม้ ีสขุ ภาพดีทั้งรา่ งกายและจติ ใจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงคือความสงบสุข ๕. โพ'ชฒังค'ปริต? คอื บทสวดทีข่ ึ้นต้นว่า “โพซฺฌงฺโค สตสิ งขาโตธม.มาน0 วจิ โย” เป็นตน้ ใชเ้ ป็นบทสวดเพ่อื การเรยี นร้เู ร่ืององคค์ ณุ แหง่ การตรสั ร้ธู รรม ๗ ประการ คือ สต,ิ ธรรมวจิ ยั , วิรยิ ะ, ปีต,ิ ปสั สทั ธ,ิ สมาธิ และอุเบกขา ช่วยให้รอดพ้นจากอุปสรรคทัง้ ปวง ทำใหม้ สี ุขภาพดีและมอี ายยุ นื ๖. ชัยปรติ ร คอื บทสวดทีข่ น้ึ ต้นว่า “มหาการุณโิ ก นาโถ หติ ายสพฺพปาณนี ํ ปูเรตุ'วา ปารมี สพ.พา ปต.โต สมโพธมิ ุต.ต0” เป็นตน้ ใชเ้ ป็นบทสวดต่อจากบทพาหุง ทำใหป้ ระสบชัยชนะ และมคี วามสขุ สวสั ดี ๒๑๗
สุขใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพ่ือชวี ิตท่ดี ีป่าม ๗. รตั นปริตร หรอื รตั นสูต? คอื บทสวดท่ีขนึ้ ต้นว่า “ยานธีภูตานิ สมาคตานิ” เปน็ ต้น และมีบทตัดสวดในตอนกลางว่า “ยงกิณุจิ วิตตุ ํอิธ วา หุร0วา สค.เคสุ วา ยํ รตนํ ปณีต0” เปน็ ต้นใชเ้ ปน็ บทสวดเพือ่ ให้รอดพน้จากอุปสรรคอนั ตรายทั้งปวง และใหไต้รบั ความสวสั ดี ๘. วัฏฏกปรติ ร คือ บทสวดท่ีข้ึนตน้ วา่ “อตถฺ ิ โลเก สลี คุโณ สจฺจํโสเจยย นุท.ทยา” เป็นต้น ใช้สวดภาวนากอ่ นออกจากบ้าน ออกจากทีพ่ ักภาวนาก่อนนอน ชว่ ยป้องกันไฟไหมีโดยธรรมชาติและป้องกันอบุ ตั ิเหตไุ ต้ ๙. มังคลปริตร หรอื มงคลสูตร เปน็ บทสวดที่วา่ ด้วยมงคลชวี ติ๓๘ ประการ มีการไม่คบคนพาล คบแตบ่ ณั ฑติ และการบูชาคนทคี่ วรบชู าเป็นต้น ซง่ึ จดั วา่ เป็นมงคลชวี ิตอันสูงสดุ ในชวี ติ มนุษย์ เมอ่ื สวดมนตภ์ าวนามงคลสูตรนีแ้ ลว้ จะทำใหป้ ราศจากอปุ ัทวนั ตรายและเกดิ ความเป็นสิริมงคลในชีวติ ๑๐. ธชคั คปรติ ร หรอื ธช้คคสูตร เป็นสตู รท่ีว่าด้วยการศึกสงครามมีการสู้รบ ทำใหเ้ กิดภัยอนั ตรายน่าหวาดกลัวและหวาดหวน่ั พระพุทธเจา้ ไต้ทรงแนะนำว่า เมื่อตกอยู่ในภาวะคบั ขนั อันตรายจนนา่ หวาดกลัว ใหรืบสวดบทเจรญิ พระพุทธคุณ คอื อติ ปิ โิ ส ภควา หากยังไมห่ าย ใหล้ วดสรรเสริญพระธรรมคณุ ว่า สวาๆขาโต ภควตา ธม.โม เปน็ ตน้ หากยงั ไมห่ ายอกี กใ็ ห้สวดสรรเสริญพระลังฆคณุ ต่ออกี ว่า สปุ ฎิปนฺโน ภควโต สาวกสง.โฆ เปน็ ตน้จนจบ แล้วกจ็ ะหายจากความหวาดหว่ันหรอื ความหวาดกลัวน้นั เอง เพราะฉะนั้น ธซคั คสูตร ก็คอื ทมี่ าของบทสวดสรรเสริญพระคณุ ของพระพุทธเจา้พระธรรม และพระสงฆน์ ั่นเอง ๑๑. องั คลุ ิมาลปรติ ร คอื บทสวดทขี่ ้ึนตน้ ว่า “ยโตหํ ภคนิ ี อรยิ ายชาตยิ า นาภชิ านามิ” เป็นต้น เป็นบทสวดทีซ่ ว่ ยปอ็ งกันอปุ สรรคอนั ตรายตา่ ง ๆและเป็นบทสวดโดยเฉพาะสำหรบั สตรีมีครรภ์ เพอื่ ให้คลอดบตุ รงา่ ย ดงั ท่ีพระองคุลมิ าลเถระไตเ้ คยปฏิบตั มิ าแล้วในครงั้ พทุ ธกาล ทำใหห้ ญิงทต่ี กใจกลวัสามารถคลอดบตุ รไดโดยง่ายและปลอดภัย๒๑๘
สุขใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ือชีวิตทีด่ ีงาม ๑๒. อภยปริตร คือ บทสวดทขี่ ้นึ ตน้ วา่ “ยนทฺ ุนนฺ มิ ติ ตฺ ํ อวมงคลญจ โยจามนาโป สกณุ สฺส สทโฺ ท”เป็นต้น เปน็ บทสวดท่ชี ว่ ยให้ไมฝ่ นื ร้าย นอนหลบัสบาย ทำใหพ้ น้ จากภยั พบิ ตั ิทั้งปวง ตามตัวอยา่ งท่ีกล่าวแลว้ นี้ สามารถพิสจู นไ์ ด้ด้วยตนเอง ถา้ผสู้ วดมนต์หรือสวดพระปรติ รตงั กล่าวแล้ว มีองคค์ ณุ หรือคุณสมบตั ขิ องผสู้ วดมนต์ครบทุกประการ กลา่ วคอื ๑. มเี มตตาจิต คือ จติ ประกอบดว้ ยเมตตามงุ่ หวงั ประโยชน์สุขต่อผ้อู นื่ ด้วยความบรสิ ทุ ธ้ื[จ ๒. สวดไตถ้ กู ตอ้ งตามอักขรนิยม คือ สวดถกู ต้องตามอกั ขระ ท้ังสระและพยัญชนะ อนั เป็นภาษาบาลหี รือทีเ่ รียกว่า มคธภาษา ซึง่ เป็นภาษาทางพระพุทธศาสนา หรอื ภาษาของพระพทุ ธเจ้า ๓. สวดไม่เลยี อกั ขระ ไมท่ ำพยัญชนะและสระใหผ้ ดิ พลาด ๔. รคู้ วามหมายของบทสวด คือ แปลความหมายได้ และสามารถนำไปประยกุ ตํใช่ในชีวติ ประจำวนั ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ อนั เปน็ ตวั ชวี้ ัดหรอื ข้อบ่งชถ้ี ึงความสำเร็จในการประยุกต!์ ชห้ ลกั พุทธธรรมในชีวติ ประจำวนั แม้ผู้ฟังการสวดมนตห์ รือบทสวดพระปรติ รเอง ก็ตอ้ งมีองคค์ ณุ ถึง๓ ประการ ดว้ ยเช่นกัน คอื ๑. ต้อง1โมเ่ คยกระทำอนนั ตรยิ กรรม กรรมอนั หนกั ย่ิง ๕ อยา่ ง คือฆ่าบิดา ฆา่ มารดา ฆ่าพระอรหันต์ กระทำโลหติ ปุ บาท และทำลงั ฆเภท- ยุยงใหส้ งฆแ์ ตกกัน ๒. ไม่เป็นคนมจิ ฉาทิฏฐิ - มคิ วามเหน็ ผดิ ต้องเปน็ คนมีสัมมาทฏิ ฐิ -ความเห็นชอบ เช่น เห็นวา่ กรรม และผลแหง่ กรรม หรอื กฎแห่งกรรมมจี ริง ๓. มคี วามศรทั ธาเช่ือมั่นในอานุภาพของพระปรติ รหรอื บทสวดนัน้ ๆ ว่าสามารถให้ผลสำเร็จได้จริง ๒๑๙
สุขใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพอ่ี ชวี ติ ท่ีดีงาม เพราะฉะนั้น จึงเป็นอันกลา่ วได้,ว่า ผ้หู มนั่ สาธยายพระปรติ ร หรอืหม่ันสวดมนตอ์ ยู่เป็นประจำ ย่อมได้รบั ผลานิสงสเ์ ป็นอเนกประการ เป็นตน้วา่ คลาดแคลว้ จากอปุ สรรคอันตราย หายจากโรคภยั ไขเ้ จ็บ ประสบความสวสั ดี มคี วามสขุ ความเจริญรงุ่ เรือง ได้รับชยั ชนะ มสี ขุ ภาพดี และมีอายยุ ืนดังทพี่ ระพทุ ธองคไตต้ รสั ไวว้ า่ “เธอจงเจริญพุทธานลุ ตภิ าวนาทย่ี อดเยีย่ มในภาวนาธรรม เพราะผเู้ จรญิ ภาวนาน้ี จะสมปรารถนาทุกประการ” และว่า “อมนษุ ย์ทตี่ ้องการจะทำรา้ ยผูเ้ จรญิ เมตตา ย่อมประสบภยั พิบัตเิ อง เหมอี นคนใชม้ อื จับหอกอันคม จะไดร้ ับอนั ตรายจากการจับหอกอันน้นั ฉะน้นั ” นีแ่ หละ คอื อานภุ าพแห่งการลวดมนต์ ทำใหป้ ราศจากทุกขโศกโรคภยั อุปทิ วันตรายทั้งปวง ชว่ ยใหถ้ ึงความสขุ สวสั ดใี นทีท่ ุกสถานและในกาลทุกเมอ่ื จึงอยากเชญิ ชวนทุกท่านวา่ “เรามาลวดมนตเ์ พือ่ สุขภาพกันเถอะ”ไอ๒ 0
สุขใจทไี่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทดี่ ีปา๋ ม โดย...พันโท บวรวทิ ย์ ไชยศลิ ปี“ จดุ เทยี บแหง่ ชวี ติ ”เปลวเทยี นละลายแทง่ เพอ่ื เปลง่ แสงอนั อำไพชีวิตมลายไป เหลอื สง่ิ ใดทงิ้ แทนไว้สว่ นท่ีไร้สาระ ยงั ไม,สายเกนิ แกไขชีวติ เหลอื เพยี งใด ควรภูมใิ จไดท้ ำดี ธรรมะเปน็ แสงสว่างแห่งชีวติ ยามทช่ี ีวิตทา่ นตกอยใู่ นทมี่ ืด ขอให้จดุ เทยี นแห่งชีวิตไวิในใจ ให่ใจนัน้ สวา่ งไสวอยู่ด้วยแสงเทียนแหง่ ธรรมะ ถ้าจะชีวิตเปรยี บเหมอื นเรือทีก่ ำลังแล่นอยกู่ ลางทะเลคอื โลกใหญ่ใบนี้แลว้ บางคร้งั ก็ราบเรียบ เรือแลน่ ไปอย่างราบรื่น บางครั้งมคิ ลืน่ ลมพดัพาให้ปนั ปว่ น ดังนนั้ คนที่ไมร่ จู้ กั ความเป็นไปของทะเล ยอ่ มต้งั อยใู่ นความประมาท ย่อมจะแลน่ เรือไปในทะเล ด้วยความไม่ราบรื่นมีเส่ียงภัยอยตู่ ลอดเวลา อาจอบั ปางลงกลางทะเลได้ เพราะโลกใบใหญท่ ่ีเหมือนทะเลน้ี มีเร่ืองท่ตี ้องศกึ ษามากมาย การใช้ชีวติ อยู่ในโลกยอ่ มประสบกบั ความตื่นเตน้ เสมอบางครงั้ กน็ ่าตกใจ เศรา้ ใจ บางคร้ังก็ดใี จ เพราะความเปลยี่ นแปลงของโลก เร่ืองของโลกท่ีเราตอ้ งประสบ มี ๒ อย่าง ซงึ่ เกดิ ข้ึนกับเราทกุ คนอยา่ งหลกี เส่ยี งไม,ได้ หรอื อย่างไมม่ ีข้อยกเวน้ คอื ๑ . ฝา่ ยที่เราชอบใจ๒. ฝา่ ยทีเ่ ราไม่ชอบใจ เราจะอยู่ยบั โลกอยา่ งไร เพราะชีวติ หนึ!มพ่ น้ เร่อื งของโลก ๑ . การรูจ้ ักยอมรบั ดว้ ยการมสี ติกำหนดรู้ตามความเปน็ จริง จนจิตยอมรับว่าเป็นเรอ่ื งธรรมดาอย่างนนั้ เกิดขน้ึ แก่ทุกคนไม่ใชเ่ กิดข้ึนเฉพาะเรา ๒. การรูจ้ กั ปรับตวั เมื่อมนั เกดิ ขึ้นแลว้ ต้องรูจ้ กั ปรับตวั ใหเ้ หมาะสมยับสถานการณ์ ๒๒๑
สุขใจทีไ่ ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวติ ที่ดงี าม ๓ . การเตรยี มใจ ตอ้ งแกฝนจติ ใจให้ร เู้ ทา่ ทัน นำเอาเรื่องของโลกมาเปน็ แบบอยา่ งอุทาหรณ์ เพราะแกฝนจติ ใจตลอดเวลา ผลอันสูงสุดของชวี ติ กค็ อื การไต้รับส่งิ ท่ีนำปรารถนา ชวี ติ ไม่ตกเปน็ ทาส เป็นอิสระอยา่ งแท้จรงิ แต่ถา้ หากชวี ติ กำหนดไม่ดี กจ็ ะมีแตเ่ ร่อื งเลวรา้ ย และประลบกับปัญหา ซึ่งเปน็ ความทุกข์ ความเดอื ดรอ้ น เพราะการอยูร่ ว่ มกนั ในสังคม เปน็เรอื่ งท่ียากทีเ่ ราจะทำทกุ อยา่ งให้เป็นท่ีพอใจของทุกคน พระท่านจงึ บอกว่าการดำเนนิ ชีวิตทก่ี ำหนดไม่ดี ตงั้ ตวั ไตย้ ากและนำความทกุ ขม์ าให้ ตงั น้นั การดำเนนิ ชีวติ จะตอ้ งมจี ุดยนื คอื ตงั้ จุดยืนหรอื เปัาหมายไวใิ นใจ หรอื จุดเทยี นให้ลอ่ งแสงสว่างไวิในจิตใจ ชวี ติ จะมคี วามมน่ั คง เดินไมห่ ลงทาง เดินไปถกู ทาง เหมอื นกับทหารท่ีแกเดินทางไกล จำเป็นตอ้ งมีแผนทีแ่ ละเขม็ ทศิ ไวค้ อยเป็นเครือ่ งบอกทศิ ทาง วา่ ไปถูกทางหรอื ไม่ จดุ ยนืทวี่ า่ นไี้ มใช่ลำแข้งของตวั เอง แต่หมายถงึ คณุ ธรรมท่จี ะตอ้ งต้ังใหม้ ไื วิในจติ ใจพระท่านว่า อธษิ ฐานธรรม คือคุณธรรมทจี่ ะตอ้ งต้ังไว้ทจ่ี ิตใจ เพื่อเป็นเครือ่ งดำเนินชีวติ ใหเ้ กดิ ความมั่นคง คอื ๑ . ปญั ญา (การแกดำรงชวี ติ ใหร้ บั ร สู้ ิ่งท ่ีควรร)ู้ ม ิไต้หมายถึงปริญญาบัตร ประกาศนยี บัตร แตห่ มายถึง - อายโกศล รจู้ ักทางแห่งความเจริญกา้ วหนา้ - อปายโกศล รู้จักทางแหง่ ความเส่ือมฉิบหาย - อุปายโกศล รูว้ ธิ ีการหลีกเลยี่ งทางแหง่ ความเสอ่ื ม และเลอื กเดนิ ทางที่มืความเจริญกา้ วหน้า ๒. สัจจะ (แกให้มิความจริงใจ) ทัง้ จรงิ ใจตอ่ ตนเอง และต่อผู้อ่นื ๓ . จาคะ (แกใจใหม้ กี ารเสียสละ) รจู้ ักถ่ายเทท้งั วตั ถุ และอารมณ์ ๔. อุปสมะ (แกใหใ้ จมิความสงบ)๒๒๒
สขใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทีด่ ปี า๋ ม เอาความดี เปน็ แกนกลาง ทางชวี ติเอาความคดิ เปน็ เครอื่ งช่วย อำนวยผลเอาแรงงาน เป็นกลไก ภายในตนจะเป็นคน มีคณุ คา่ ราคางามเมอื่ ชีวิต ผิดหวัง มาตงั้ ใหม่อย่าท้อใจ ในชีวิต เม่อื ผิดหวงัชัว่ แม้มี ดคี งมา อย่าพะวงัเรามาต้งั ชีวติ ใหม่ คงไดด้ ี ๒๒๓
สุขใจที่ใดอ้ ่านสารธรรมเพื่อชวี ิตทค่ี ีป๋ามโดย...พนั โท สำราญ มณีปรุ“ ความตระหนน่ี ำความวบิ ตั มิ าให”้ พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ในกรงุ สาวตั ถี ทรงปรารภอานนทเศรษฐีตรัสพระธรรมบทพระคาถา ท่ี ๖๒ นีไ่ นกรงุ สา1วัตถี มเี ศรษฐีผ้หู นงึ่ ซ่ืออานนท์ แม้ว่าอานนทเศรษฐีผู้นี'้ จะมีทรพั ยม์ ากถึง ^๐ โกฏิ แต่เขามีความตระหนใึ่ มเ่ คยบรจิ าคสง่ิ ใดใหแ้ กใครเลย ทา่ นเศรษฐไี ด้แตส่ อนบุตรของตน ผชู้ อื่ ว่า มลู สริ ิ เนอื งๆ วา่“เจ้าอย่าได้สำคญั ว่า ทรพั ย์ {๔๐โกฏินีม้ าก อยา่ ไดใหท้ รัพย์ทม่ี ีอยู่นี้ แตค่ วรสรา้ งทรพั ย์ไหมให้เกดิ ข้ึน มฉิ ะนน้ี แลว้ ทรัพย์ของเจ้าก็จะหมดส้ินไป” ทา่ นเศรษฐไี ดน้ ำทรัพย์ไปฝงื ไว้ ๕ แห่งในบรเิ วณบ้าน แตไ่ มย่ อมบอกท่ฝี งื ของขุมทรัพยน์ ัน้ แก่บตุ รของตน ตอ่ มหาเศรษฐกี ไ็ ดเ้ สียชีวติ ลง อานนทเศรษฐีเม่อื เสียชวี ติ แลว้ กไ็ ดไปถือกำเนิดในครรภ์ของหญงิจัณฑาลผหู้ นง่ึ ในหมู่บา้ นของคนจณั ฑาล ไม่ไกลจากกรงุ สาวตั ถี นบั ต้งั แต่มที ารกมาถือกำเนดิ ในครรภ์ คนในหม,ู บ้านนัน้ ก็มีรายไดล้ ดลง พวกคนจัณฑาลนนั้ คดิ ว่า จะต้องมีคนกาลกัณณีอยใู่ นหมขู่ องพวกตนแนๆ่ จึงแบ่งคนจณั ฑาลออกเปน็ ๒ กลุ่มเพ่อื กำจดั คนกาลกรรณนี ั้นออกไปตามกระบวนการเฟน้ หาคนกาลกรรณี ในที่สดุ ก็ไดบ้ ทสรุปว่า หญิงที่ต้งั ครรภ์นนั้ จะต้องเป็นคนกาลกรรณี นางจึงถกู ขบั ไลอ่ อกไปจากหม่บู า้ นนัน้ เม่ือบตุ รคลอดออกมา ก็เปน็ ทารกท่ีมีหบา้ ตานำเกลียดและเปน็ คนกาลกรรณีจรงิ ๆวนั ใดนางไปขอทานคนเดยี ว วันนัน้ นางก็จะไดส้ ง่ิ ของ แต่ถา้ วนั ใดนางนำบุตรไปขอทานด้วย วันนน้ั นางกจ็ ะไม่ไดอ้ ะไร ดังนัน้ เมื่อบุตรเติบโตพอทีจ่ ะขอทานโดยลำพงั ได้ นางจงึ นำภาชนะใสม่ อื บุตรแลว้ บอกใหไ้ ปขอทานตามลำพัง ทารกอดีตอานนทเศรษฐีก็เดินขอทานผา่ นไปทางบ้นเดิมของตน เกดิ ระลึกชาติของตนได้จึงเดนิ เข้าไปในบ้านหลังนั้น เม่อื พวกลกู ๆ ของมูลสิรเิ ศรษฐี๒๒๔
สุขใจทไี่ ดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชีวติ ท่ีดงี ามเหน็ ทารกจณั ฑาลเดินเขา้ ไปในบา้ นก็ตน่ื ตระหนกตกใจรอ้ งไหก้ ันโกลาหลพวกคนใซใดเ้ ข้ามาทบุ ตีทารกอดีตอานนทเศรษฐี แลว้ นำออกไปโยนไว้ท่ีกองขยะนอกบ้าน ขณะนั้น พระศาสดามีพระอานนทเ์ ป็นผู้ติดตามเสด็จบณิ ฑบาตผ่านมาถงึ ท่ตี รงนน้ั พอดไี ด้ตรสั บอกพระอานนท์ไหไ้ ปตามมูลสริ ิเศรษฐีออกมาฟา้ เมือ่ มูลสิรเิ ศรษฐีออกมาฟา้ แล้ว พระศาสดาไดต้ รสั ว่า ทารกจณั ฑาลผู้นคี้ ืออดีตบิดาของมูลสริ เิ ศรษฐีในอดตี ชาติ แตม่ ูลสิรเิ ศรษฐีไม่เช่ือ พระศาสดาจงึ ทรงทำการพิสจู นํ!ดยตรสั บอกให้ทารกจัณฑาลนั้นบอกขุมทรพั ย์ ๕ แห่งที่ถูกฝงื เอาไว้เหล่านั้น พอทารกจณั ฑาลบอกไดถ้ กู ตอ้ งมลู สิริเศรษฐจี งึ ยอมรับความจรงิ และไดม้ ายอมรับนบั ถอื พระศาสดาประกาศตนเปน็ อบุ าสกในพระพุทธศาสนา จากน้นั พระศาสดาได้ตรสั พระธรรมบท พระคาถาท่ี ๖๒ ว่า ปุตตฺ ามตฺถื ธนมตฺถื อิติ พาโล วิหณฺญติ อต.ตา หิ อตฺตโน นตถฺ ิ กุโต ปุตตฺ า กโุ ต ธนํ ฯ คนพาล (คนโง)่ เดอื ดรอ้ นว่า เรามบี ตุ ร เรามีทรัพย์ที่จรงิ ตนของตนยังไม่มเี ลย บุตรจะมจี ากไหน ทรพั ยจ์ ะมีจากไหน ๒๒๕
สทุ ใจทใี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชีวิตท่ีดงี ามโดย...พนั ตรี อรุณ สุภะโกศล “ ความเชอ่ื และหลกั ปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ไหกั งึ จดุ มงุ่ หมายสงู สดุ ของคาสบาตา่ ง ๆ” หลกั ความเชอ่ื เรื่องจดุ มงุ่ หมายสงู สุดและหลักปฏบิ ัติเพ่อื ใหถ้ งึจุดมุง่ หมายสงู สดุ ของศาสนาทีย่ งั มีผ้นู ับถือในปัจจุบัน ท่ีจะกล่าวถึงในท่นี ี้มีทั้งหมด ๑๑ ศาสนา เร่ืมจากศาสนาทมี่ ถี ่นิ กำเนดิ ในประเทศอนิ เดียมีศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู เซน พทุ ธ และชกิ ข์ เปน็ ศาสนาสายหน่ึงท่ีมอี ิทธิพลตอ่ กนั และกัน ตอ่ มาเป็นศาสนาทีม่ ถี ่ินกำเนดิ ในประเทศจนี มศี าสนาเต๋าและขงจอ้ื ท่มี ีลกั ษณะรว่ มกันในฐานะที่เปน็ รากฐานทางวฒั นธรรมของจนีสายต่อมา คือ สายอาหรบั ทมี่ ีอิทธิพลต่อกนั อยา่ งมาก คือ ศาสนายวิ ครสิ ต์และอิสลาม และศาสนาพเิ ศษอีกศาสนาหนงึ่ คอื ศาลนาโซโรอัสเตอร์ ซึ่งแปลกกวา่ ศาสนาอื่นในถน่ิ น้ีทมี่ ีลกั ษณะทางดา้ นความเชอื่ คล้ายกับศาสนาพราหมณ์ สุดท้ายที่ญ่ปี ่น ซ่งึ มศี าสนาเดยี ว คือ ศาสนาชินโต อันเปน็ รากฐานทางวัฒนธรรมของญปี่ น่ ศาสนาทัง้ หมดท่กี ล่าวมานี้ มหี ลักความเชือ่ เร่อื งจุดม่งุ หมายสงู สุดอยทู่ ใ่ี ด ก็จะมีหลกั ปฎิปติทีจ่ ะนำไปสทู่ ่นี ้นั ดงั จะกล่าวตอ่ ไปนี้ ๑. ศาสนาที่มีจุดมุ่งหมายสงู สุดอ ย ทู่ แ่ี ดนอันเป็นบรมสุข มีหลักธรรมอนั เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ิที่จะทำใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิตามไปสู่จดุ มุง่ หมายสงู สุดนัน้มี ๕ ศาสนา คือ ๑.๑ ศาสนาเซน มจี ุดมุ่งหมายสงู สุดอยู่ที่แดนสิทธาลยั อนั เป็นแดนบรมสขุ ชัว่ นริ นั ดร์ มีหลกั ธรรมอนั เปน็ ข้อปฏิบัติเพอื่ ไปสู่แดนสิทธาลยัน้ัน โดยการปฏิบัตติ ามหลกั รัตนะ หรือแก้ว ๓ ประการ คือ ลัมยคั ทรรศนะ๒๒๖
สขุ ใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพอื่ ชวี ติ ทีด่ ีป่ามความเห็นชอบ สัมยัคซญาณ ความรู้ชอบ และสัมยคั จรติ ความประพฤติชอบ เปน็ ต้น ๑.๒ ศาสนาซิกข์ มีจุดม่งุ หมายสูงสุดอยูท่ ่ภี มู สิ ตั ยขัณฑ์อนั เปน็ แดนบรมสุขชว่ั นิรนั ดร มีหลกั ธรรมอันเปน็ ข้อปฏบิ ัตเิ พ่ือไปสู,ภูมิสตั ยขัณฑน์ นั้ โดยการปฏบิ ตั ติ ามหลกั ๔ ประการ คือ สามัคคี เสมอภาคศรัทธา และความรัก เปน็ ต้น ๑ . ต ศาสนายวิ ม จี ุดมงุ่ หมายสูงสุดอยทู่ ส่ี วรรค์ อันเป็นอาณาจกั รของพระเจา้ เพอ่ื มชี ีวติ นิรนั ดร มีหลักธรรมอันเปน็ ข้อปฏิบตั เิ พือ่ให้ถงึ สวรรค์นั้นโดยการปฏิบตั ิตามพระบญั ญัติ ๑๐ ประการ และพระบญั ญตั ิเกีย่ วกับความรัก เปน็ ตน้ ๔๑ . ศาสนาครสิ ต์ มจี ุดมุง่ หมายสงู สุดอยทู่ ี่สวรรค์ อนั เปน็อาณาจกั รของพระเจา้ เพอ่ื มีชวี ติ ช่ัวนิรนั ดร มีหลักธรรมอันเปน็ ขอ้ ปฏิบัติเพือ่ใหถ้ ึงสวรรค์นน้ั โดยการปฏิบตั ติ ามพระบัญญัติ ๑๐ ประการ และพระบัญญัติเกี่ยวกับความรกั ดงั ศาสนายิว แตไ่ ต้ขยายให้กว้างข้นึ ๑.๕ ศาสนาอิสลาม มจี ุดมุ่งหมายสงู สดุ อย่ทู ี่สวรรค์ อนั เป็นสถานทที่ ีพ่ ระอัลลอฮฺ ทรงสรา้ งไวิให้ เพ่อื ความสขุ ชวั่ นิรนั ดร มีหลักธรรมอันเปน็ ข้อปฏบิ ัติเพอ่ื ไปส1ู สวรรคน์ ้ัน โดยการปฏบิ ัติตามหลกั ศรัทธา ๖ประการ และหลกั ปฏบิ ัติ ๕ ประการ และพระบัญญตั เิ ก่ยี วกบั ความรกัเป็นตน้ ๒. ศาสนาทมี่ ีจดุ มงุ่ หมายสงู สดุ อยู่ทีก่ ารเข้ารวมกับส่งิ สงู สุดทตี่ นแยกออกมา มีหลักธรรมอนั เปน็ ขอ้ ปฏิบตั ทิ ีจ่ ะทำให้ผู้ปฏิบตั ติ ามไปสู,จุดมงุ่ หมายสูงสดุ นน้ั มี ๒ ศาสนา คอื ๒.๑ ศาสนาพราหมณ์ มีจดุ มงุ่ หมายสูงสดุ อยู่ทีก่ ารเข้าร่วมกบัปรมาตมนั ที่ตนแยกออกมา มหี ลักธรรมอนั เปน็ ข้อปฏบิ ัตเิ พือ่ ให้ไตเ้ ข้าไปรวมกับปรมาตมันนน้ั โดยการปฏบิ ตั ติ ามหลักอาศรม ๔ ขัน้ มีพรหมจารีคฤหัสถ์ วนปรัสถ์ และลนั ยาสี เป็นต้น ๒๒๗
สุขใจทไ่ี ด้อา่ นฬารธรรมเพ่ือชีวิตที่ดีงาม ๒.๒ ศาสนาเตา๋ มีจุดมุ่งหมายสูงสดุ อยทู่ ่กี ารเขา้ รว่ มกับเตา๋อันเปน็ อุดมธรรม มีหลักธรรมอันเปน็ ขอ้ ปฏบิ ัติเพ่ือเข้ารว่ มกบั เต๋า โดยการปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมชาติ ใหเ้ ห็นความบรสิ ุทธฃองตน เปน็ ตน้ ต. ศาสนาท่ีมจี ดุ มุง่ หมายสงู สดุ อยทู่ ก่ี ารเป็นเทพเจา้ ตามบรรพบุรษุ ของตน มีหลักธรรมอันเปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ิท่จี ะทำให้ผู้ปฏบิ ัตติ ามไปสู่จดุ มุง่ หมายสงู สุดนัน้ มี ๒ ศาลนา คือ ต.6) ศาสนาขงจอื๊ มจี ดุ มุ่งหมายสงู สุดอยู่ทก่ี ารไปเกดิ เป็นเทพเจา้ ตามบรรพบุรษุ ของตน มีหลกั ธรรมอนั เปน็ ข้อปฏบิ ัติเพื่อไปเป็นเทพเจ้า โดยการปฏิบตั ติ ามหลกั จรยิ ธรรมทางสังคม มกี ารปฏบิ ัตติ ามหนา้ ที่ของตนให้ดี เปน็ ตน้ ต.๒ ศาสนาชินโต มีจุดมุ่งหมายสูงสดุ อยทู่ ี่การไปเปน็ เทพเจา้ตามบรรพบุรษุ ของตน มีหลักธรรมอนั เป็นข้อปฏิบตั ิเพื่อจะไดไปเปน็ เทพเจา้โดยการปฏบิ ตั ใิ ห้จิตใจของตนเบิกบาน บริสุทธ สะอาด ถูกต้อง และเท่ียงตรงเปน็ ตน้ ๔. ศาสนาที่มีจดุ มุ่งหมายสูงสุดอยทู่ ก่ี ารได้กลบั มาเกดิ ใหม่เพื่อจะได้เปน็ มนษุ ย์ดังเดิม มศี าสนาเดยี ว คอื ศาสนาโซโรอสั เตอร์ เปน็แนวคดิ ทแี่ ตกตา่ งจากกล่มุ อื่น ถือได้ว่ามีพฒั นาการน้อยท่สี ุด มหี ลักธรรมอนั เป็นข้อปฏบิ ัติเพอ่ื จะไต้กลบั มาเกดิ เป็นมนุษยไ์ หม' โดยการปฏบิ ัติตามหลกั ศลี ธรรม ๓ คอื ทำดี พูดดี และคิดดี เปน็ ตน้ ๕. ศาสน าที่มีจดุ มุ่งห มายสูงสดุ อยูท่ ก่ี ารสน้ิ อาสวะกเิ ลสทัง้ หลาย บรรลนุ พิ พาน ไมก่ ลับมาเวียนวา่ ยตายเกดิ อกี มศี าสนาเดียวคอื พระพทุ ธศาสนา มีหลักธรรมอนั เป็นขอ้ ปฏบิ ตั เิ พื่อบรรลุนพิ พานโดยการปฏิบัตติ ามหลกั ไตรสิกขา คือ ศลี สมาธิ และปัญญา เป็นตน้ไอ๒๘
สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ือชีวติ ทด่ี เี ฑม โดย...พันโท เกรียงไกร จันทะแจ่ม “ ความประหยดั ” ในปจั จุบันนี้ สภาพการณ์ทางสังคมไทยเราไม,คอ่ ยปกติสุขนักเนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเรายงั อยใู่ นภาวะทรงตัวไมเ่ ทเื่ องฟเู หมือนยคุ กอ่ น ๆ ทำใหค้ นไทยทุกคนต้องปรับตัวปรับใจใหเ้ ข้ากบัสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ในฐานะทคี่ นไทยส่วนมากเป็นชาวพทุ ธ ไม่ควรลืมทขี่ องธรรมทางพุทธศาลนามาประยุกตใ็ ชใ่ นชีวติ ประจำวนั ซึง่ คุณธรรมเหลา่ น้นั สามารถชว่ ยแก่ปญั หาชวี ติ ไต้ มีคณุ ธรรมขอ้ หน่งึ ที่ควรนำมาใช่ในสถานการณเ์ ซน่ ทุกวันนี้ คอืการประหยดั ซง่ึ เป็นคุณธรรมข้อหนึ่งในคุณธรรม ๔ ข้อ ของทฎิ ฐธัมมกิ ตั ถะ๕ ซง่ึ เปน็ คุณธรรมทพ่ี ระพุทธเจา้ ทรงสอนใหศ้ าสนิกชนนำมาประพฤติเพือ่ก่อให้เกิดประโยซนใ่ นชาตนิ ี้ ลกั ษณะของประหยดั นัน้ ขอแยกกล่าวเป็น ๓ ประการ คอื ๑ . ประหยดั กนิ ๒. ประหยัดใช้ ๓. ประหยดั ใจ ประหยดั กิน เรื่องกนิ เปน็ เรือ่ งสำคัญเรือ่ งหนึ่งของคนเราบางคนคือวา่ เรือ่ งกนิ เป็นเรื่องใหญจ่ นพูดกันว่ากองทพั เดนิ ไต้ด้วยทอ้ ง หมายความวา่ จะทำงานอะไรกแ็ ล้วแต่ต้องกนิ ให้อ่ิมเสยี ก่อน หรือต้องกินก่อน งานถงึจะเดิน แมก้ องทัพจริงๆ กเ็ ช่นกนั การส่งกำลังบำรุงโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินถือวา่ เปน็ ภารกิจสำคญั สมยั กอ่ นเราเรยี กกองเสบียง กองเสบียงนี้หากถกู ขา้ ศึกทำ โอกาสแพม้ มี ากทีเดียว ๒๒๙
สธุ ใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพอื่ ชวี ิตทด่ี งี าม ในเรื่องการกินน้ี พระพทุ ธเจ้าตรัสไวว้ ่า โภชเน มตั ตัญโปตุ า แปลว่าให้ร้จู กั ประมาณในการบริโภค หรอื รู้ถา้ ประมาณในการกนิ กนิ แตพ่ อดี กินแตพ่ อเล้ยี งอตั ภาพ กนิ เพ่ือบรรเทาความหิว มิใชก่ นิ เพอื่ สนองตอบความอยาก พระศรีญาณโสภณ วดั พระราม ๙ กาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานครกลา่ วถงึ เรื่องการกินไวด้ ังนี้ ๑. คำนวณกอ่ นซื้อ ซ้อื ของให้เป็น ๒. กินอาหารมคี ณุ ภาพ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งซ้อื ราคาแพง หรือร้านอาหารดัง ๆ ๓ . ปรุงอาหารให้พอดีกนั คน ๕. ดักข้าว ๒ คร้ัง เพ่ือมใิ หก้ นิ แล้วอาหารเหลอื ๕. ใข้ข้อนกลางดักอาหาร ปอ็ งกันการตดิ เชือ้ ๖. กนิ ขา้ วไมให้เหลอื ติดจานไม่ทิง้ อาหารทเี่ หลอื แม้เพียงเศษเล้ียว ๗. กินแลว้ เก็บใหถ้ กู ที่ มิใชป่ ล่อยท้ิงใหเ้ ป็นภาระคนอ่ืน ๗. ใหม้ คี วามสขุ ในการกิน มีอารมณ์ย้ิมแยม้ แจ่มใสขณะกิน สิง่ ท่ีพงื่ ระวังในเร่อื งประหยัดกิน คอื การกินสงิ่ ทไ่ี ม่มปี ระโยชน์ตอ่รา่ งกาย บางอยา่ งมีโทษต่อรา่ งกาย เชน่ การดื่มสรุ า การสูบบุหรี่ เป็นต้นส่ิงเหล่านี้หากเรางดเว้นไดจ้ ะประหยัดเงนิ ไตม้ าก ประหยดั ใข้ของใช่ในบา้ นหรือของใชส้ ว่ นตวั หากเรามวี ิธีการใด ๆก็ตาม ทจ่ี ะใช้ของน้ันให้นานท่ีสดุ เราก็จะประหยดั เงนิ ไต้อกี ทางหนึ่ง ในตา่ งประเทศเขาใช้ระบบรไื ชเคิล นำเอาของทใ่ี ชแ้ ล้วมาให้เป็นทำประโยชน์ซึ่งช่วยประหยดั เงินไต้มาก ในบ้านเราอาจไม่ตอ้ งทำถึงขนาดน้ัน เพียงแต่ใช่ใหม้ นั คุ้มค่าก็นา่ จะพอใจแล้ว มิใชว่ า่ ใชเ้ พียงครงั้ ลองคร้ังเปล่ยี นใหมแ่ ลว้ใช้ตามแฟชัน่ นิยมอะไรทำนองนัน้ ค่านิยมบางอยา่ งหากไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่ตรงกบั วัฒนธรรมไทย เราไม่ควรนำมาใช่ในบ้านเมอื งเรา ไม่ควรเป็นตวั อยา่ ง๒๓๐
สขุ ใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ิตทดี่ ง้ ามในทางไม1ประหยัด อย่าลมื วา่ คนจะงาม งามนกใ'จใชใ่ บหน้า คนจะสวย รวยจรรยา ใช่ตาหวาน วตั ถสุ ิ่งของใช้เป็นส่วนประกอบเท่านั้น งามจติ ใจ งามกวา่ทกุ อย่าง หากจติ ใจภายนอกงาม ทกุ อย่างจะงามตามไปเอง ประหยดั ใจ เม่อื จติ ใจงดงาม จิตใจมีสันโดษยินดตี ามท่ีได้ พอใจตามทีม่ ี เราจะมคี วามสุขมากขนึ้ กวา่ เดิม ทีเ่ รามีความทุกขใ็ จ ไมค่ ่อยสบายใจเพราะเราไม่ประหยดั ใจ ปลอ่ ยใจไปตามอารมณ์ท่ีนำปรารถนาหรือความอยาก จริงอยู่ ทกุ คนยังมคี วามอยากอยู่ ตราบใดท่ยี งั ไม่บรรลอุ รหันต์ แต่ถา้เรากระทำทกุ อยา่ งไปตามความอยาก เราจะพบกบั ความทุกขค์ วามเดอื ดใจแนน่ อน เพราะตัดขาดความอยากของมนษุ ย์เรานั้นไม่เตม็ ไดด้ ้วยอิฏฐารมณ์ต่าง ๆ ดังพระพทุ ธดำรัสที่ว่า จติ ใจยอ่ มไมเ่ ตม็ ด้วยตัณหาความอยากในอิฏฐารมณ์ มหาสมุทรไม่เตม็ ดว้ ยน้าํ ท่ไี หลมาจากแมน่ ้าํ ในทิศทง้ั สี่ ฉนั ใด จติ ใจมนษุ ยย์ ่อมไม่เตม็ดว้ ยตณั หาความอยาก ฉันนน้ั เพราะฉะน้ัน หากตอ้ งการใชช้ วี ิตของเรามีความสุข ควรจะมีคณุ ธรรมข้อสันโดษ ยินดตี ามที่ไต้ พอใจตามที่มหี รอื รู้จกั พอ ไม,ยนิ ดีไม่ปรารถนาในส่งิ ท่ีเกนิ ฐานะเกนิ ความสามารถของเรา คนที่ไม,ร้จู กั พอจะไม่รจู้ ักคำว่า “รวย” คิดแตว่ ่าเรายังจนอยูร่ ่ําไป ทำให้ตอ้ งดิน้ รนแสวงหาต่อไม่มสี นิ้ สุด ผลท่ไี ด้รับคอื ตนเองเดอื ดรอ้ นลำบาก ไมพ่ บความสขุ สักทิ อยากพบกับความสุขต้องรจู้ ักพอ ถ้าไมร่ ู้จักพอจะพบแต่ความทุกข์ ความเดือดรอ้ นใจตลอดไป ตังมีกลอนสอนใจทีว่ า่ ความไมพ่ อใจจนเป็นคนเข็ญ พอแลว้ เปน็ เศรษฐีมหาศาล จนทั้งนอกท้งั ในไม่ได้การ จงคดิ กันแกจ้ นเป็นคนพอ ๒๓๑
สุขใจทไ่ี ดอ้ ่านสารธรรมเพ่ึอชวี ติ ทด่ี งี าม อยากรวยต้องรจู้ ักพอ และประหยดั อดออมบางคนทำมาหากินขยนั ขันแขง็ แตไ่ ม,ประหยดั อดออมหามาไตเ้ ท่าไรใช้หมด อย่างนคี้ งไม่มีโอกาสรวยครับ ลักษณะการประหยัดนัน้ มิใซ่วา่ รัดเขม็ ขัดจนไมย่ อมชอื้ อะไรกนิ เลย เราต้องประหยัดในสิงทคี่ วรประหยัด ไม่'ใช'้ จ'ายฟม่ เทีเอยเกินความพอดีหรอื เกินความตอ้ งการ การใช้จา่ ยควรพิจารณาว่าอะไรควรช้อื อะไรไม1ควรชอ้ื ชือ้ แต่สงิ่ ที่มีประโยชนเ์ ท่านนั้ ควรแบ่งส่วนในการใชจ้ ่ายให้ดีอะไรควรซื้อ อะไรควรเก็บ ส่วนทต่ี อ้ งช้อื กต็ ้องซื้อ ส่วนท่ตี ้องเก็บก็ต้องเก็บสุนทรภู่ กวีเอกของไทย เขยี นกลอนสอนใจ เรอื่ งประหยดั ไว้ว่า มีสลงึ พึงบรรจบใหค้ รบบาท อย่าให้ขาดส่งิ ของต้องประสงค์ มีนอ้ ยใช้นอ้ ยค่อยบรรจง อย่าใชจ้ า่ ยลงใหม้ ากจะยากนาน ไมค่ วรชอ้ื อย่าไปพไิ รช้อื ใหเ้ ปน็ ม้อื เป็นคราวทั้งคาวหวาน ยามพ่อแมแ่ กเ่ ฒา่ ชรากาล อยา่ ปล่อยท่านให้อดรนั ทดใจ๒๓๒
สุขใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ท่ดี งี าม โดย...พันโท เกรยี งไกร จนั ทะแจ่ม “ สวยไดด้ ว้ ยศลี ” มวลดอกไมต้ ่างๆในโลกน้แี ม้จะมมี ากมายหลายชนิดแตเ่ มอื่ จะแยกเปน็ ประเภทใหญ่ ๆ อาจแบง่ ได้ ๕ ประเภท คอื ๑ . มีสแี ละทรวดทรงสวยงาม ทั้งมกี ลิ่นหอม ๒. มีสแี ละทรวดทรงสวยงาม แตม่ ีกลนิ่ เหม็น ๓. มสี แิ ละทรวดทรงไมส่ วยงาม แดม่ ีกลิน่ 'หอม ๕. มสี แี ละทรวดทรงไม่สวยงาม ทั้งมีกลน่ิ เหม็น ดอกไมท้ ี่มีสแี ละทรวดทรงสวยงาม ทง้ั มกี ลน่ิ หอม ย่อมเปน็ทีป่ รารถนา และตอ้ งการของคนท้ังหลาย เพื่อนำไปเป็นเคร่อื งบูชาสักการะส่ิงทีต่ นเคารพนับถือ หรอื เพ่อื ประดับเส้อื ผา้ และรา่ งกาย ดอกไม้ท่มี สี ีและทรวดทรงไมส่ วยงาม แต่*]กล่ินหอม คนทง้ั หลายก็ยังปรารถนาและตอ้ งภาร เพอ่ื นำเอาไปอบสง่ิ ต่างๆ เซ่น เสอื้ ผ้า เป็นต้นให้มกี ลน่ิ หอม ดอกไมท้ ีม่ สี แี ละทรวดทรงสวยงาม แต่มกี ล่นิ เหมน็ คนคงไตแ้ ตม่ องดหู า่ งๆไมก่ ลา้ เขา้ ไปใกล้เพราะรังเกียจกลิน่ ดอกไม'้ ที่มีสแี ละ'ทรวดทรง'ไม,สวยงาม ท้ังยงั มกี ลน่ิ เหม็น คนทง้ั หลายย่อมไมอ่ ยากมอง และไม่อยากเขา้ ใกล้ มวลมนุษย่ไนโลกนี้กเ็ ซ่นเดียวกัน อาจจะแบ่งไต้ ๕ ประเภท คอื ๑. มรี ปู รา่ งสวยงาม ทั้งมคี วามประพฤติดี ๒. มรี ูปรา่ งสวยงาม แตม่ ีความประพฤตไิ มด่ ี ๒๓๓
สุขใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพื่อชวี ิตทคี่ ีงาม ๓ . ม ีรปู ร่างไมส่ วยงาม แต่ม คี วามประพฤติดี ๔. มรี ปู รา่ งไม่สวยงาม ท้งั มคี วามประพฤตไิ มด่ ี คนทีม่ รี ูปรา่ งสวยงาม ท้งั มคี วามประพฤติดี ยอ่ มเปน็ ทร่ี ักใคร่เคารพนบั ถือ บชู า ของคนทัง้ หลาย เปรยี บเหมอื นดอกไมท้ ี่มีสีและทรวดทรงสวยงาม ทงั้ มีกลิ่นหอม คนที่มรี ปู ร่างสวยงาม แตม่ คี วามประพฤตไิ มด่ ี คนทั้งหลายคงมองดูดว้ ยสายตา หรอื จะคบหาสมาคมกเ็ พียงแตส่ ่วนภายนอกเทา่ นั้น คงไมม่ ใี ครรกั ใคร่ เคารพนับถือ บชู า ด้วยส่วนลกึ ของดวงใจ เปรยี บเหมอื นดอกไม้'ท่ีมีสีและ,ทรวดทรงสวยงาม แต่มกี ล่ินเหมน็ ทค่ี นไดแ้ ตม่ องดหู ่างๆไมใครก่ ล้าเข้าใกล้ เพราะรังเกยี จกล่ินเหมน็ คนทม่ี ีรปู รา่ งไม่สวยงาม แตม่ ีความประพฤติดี กย็ งั มีคนอยากคบหาสมาคมใกล้ชดิ สนิทสนม แม้ผู้ใหญก่ ็ไวใจเรียกใช้สอย เปรียบเหมอื นดอกไมท้ ี่มีสีและทรวดทรงไมส่ วยงาม แตม่ ีกลิ่นหอม คนยงั มคี วามตอ้ งการเอาไปอบส่งิ ตา่ ง ๆ ของเขาใหม้ ีกลิ่นหอม คนท่มี รี ูปรา่ งไม่สวยงาม ท้ังมีความประพฤตไิ มด่ ี คนทั้งหลายท้งั รังเกียจ และมคี วามกลัวภัยอนั ตราย ไม่กล้าเข้าใกล้ เปรียบเหมือนดอกไม้ทมี่ ีสิและ,ทรวดทรง1ไม่สวยงาม ท้งั มีกล่ินเหม็น คนทัง้ หลายทัง้ ไม่อยากดู และไมอ่ ยากเข้าใกล้ คนทม่ี รี ปู ร่างสวยงาม หรือไม่สวยงามน้นั คงแกไขอะไรไมไ่ ด้ เป็นมาอยา่ งไรกต็ ้องเป็นอย่างนนั้ คดิ เสียวา่ เปน็ เรอื่ งบญุ ทำกรรมสร้าง ส่วนจติ ใจน้นั ถึงแมว้ า่ มักจะเป็นไปตามพื้นเพเดิม ที่เรยี กว่า นิสัยบ้าง จรติ บ้างอธั ยาศยั บา้ ง ลนั ดานบา้ ง ก็ตาม แตพ่ ระพทุ ธศาสนามองมนษุ ย์ส่วนใหญ่ว่าเป็นเวไนย คอื พอแนะนำในทางดีไต้ ฉะนนั้ คนทมี่ คี วามประพฤติไมด่ ี ย่อมสามารถแกไขให้กลับมคี วามประพฤติดี เหมอื นของท่ไี มม่ กี ล่นิ หอมในตัวเลยยังอบให้มกี ลน่ิ หอมได้๒๓๔
สขุ ใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพื่อชวี ติ ทืด่ งี าม อนั การจะทำให้ความประพฤติที่ไมด่ กี ลับกลายเปน็ ความประพฤติที่ดีขนึ้ จำเปน็ ตอ้ งมขี อบเขตขีดคน่ั ไว้ควบคมุ เปรียบเหมือนจะใหน้ าํ้ ไหลไปทางไหน ก็ขุดคลองท่ีมขี อบคนั กัน้ นํา้ เอาไว้ เพอ่ื ให้นํ้าไหลไปทางนัน้ ฉะนน้ันักปราชญ์ทงั้ หลาย มอี งคส์ มเด็จพระสัมมาส้มพุทธเจา้ เปน็ ตน้ ผมู้ ีค'วามกรุณาที่จะส่ังสอนให้คนตัง้ อยใู่ นคุณธรรม จึงไตป้ ัญญตั แิ บบแผนแหง่ ความประพฤติที่ดีเอาไว้ การต้งั ใจประพฤติตามปัญญตั ิน้ัน เรียกวา่ ศีล ศลี นัน้ เป็นเส้นบรรทดั สำหรับใหค้ นประพฤตคิ วามดีไตค้ งท่ีเปรียบเหมอื นคนที่หดั เขยี นหนังสอื ตอนแรกตอ้ งอาศัยเสน้ บรรทดั หนังสือท่เี ขยี นจงึ มแี ถวท่ีตรง ถา้ ไมม่ เี ส้นบรรทดั แถวหนังสือ จะคดขึ้นคดลงเหมือนงเู ลอ้ื ย แตเ่ มอ่ื เขาเขียนจนชำนาญแลว้ กเ็ ขียนไปไตโ้ ดยไม1ตอ้ งอาศัยเส้นบรรทัด ฉนั ใด คนผ้แู รกเริ่มจะประพฤติความดี กฉ็ นั นัน้ ถา้ ไม่มีอะไรเปน็ แนวทาง ใจก็จะออกไปนอกทาง ในท่สี ุดก็นำพาการกระทำและคำพดูไปสู,ทจุ ริต คือความประพฤติไมด่ ีดังเดมิ ถ้ามศี ีลเปน็ แนวทางขอบเขตขีดคนั่เอาไว้ให้ใจคิดตามแนวทางนน้ั หรือภายในขอบเขตขดี คั่นนัน้ กจ็ ะนำพาการกระทำและคำพดู ใหห้ า่ งไกลจากการเบียดเบยี นกนั ท้งั ทางร่างกาย ทรพั ยส์ ินและเกียรตยิ ศช่อื เสียง นี่คือสันติสุขท่ีแทจ้ ริงของโลกมนุษย์ และเมอ่ื มสี ันติสุขแสว้ จะพฒั นาอะไร กย็ ่อมไม่ยากเลย น้ีเปน็ ประโยชนแ์ ห่งการปญั ญัติศีล ความหมายแห่งศีล สีละ ทา่ นผรู้ อู้ ธบิ ายความหมายไวห้ ลายนัยดงั นี้ ๑. สลิ ะ แปลวา่ ความปกติ หมายความว่า ควบคมุ ความประพฤติทางกาย วาจาใหอ้ ยู่ในสภาพปกติ คอื เรียบร้อย ดีงาม พนั จากความเบยี ดเบยี นกัน และหมายความว่า สามารถรองรับความดชี ัน้ สูงทกุ อยา่ งเหมอื นแผ่นดินรองรบั ของหนกั มภี ูเขา มหาสมุทร เป็นต้น เอาไว่ได็โดยไมม่ คี วามผิดปกตอิ ะไร ๒. สิระ แปลวา่ ศีรษะ หมายความวา่ เป็นยอดของความดี เปรยี บเหมือนศรี ษะเปน็ อวยั วะส่วนสูงทส่ี ดุ ของร่างกาย ๒๓๕
ส ฃุ ใ จ ท ่ใึ ค อ้ ่า นสารธรรมเพ่อี ชีวติ ทึ่ดีงาม ต. สสี ะ แปลวา่ ยงิ่ ใหญ่ หรือมคี วามสำคัญ หมายความว่า ศลีเหมือนเป็นแมข่ องความดที ง้ั หลายท้งั ปวง ขาดศลี เสียแล้ว ความดีอะไรก็เกดิ ขน้ึ ไม่ได้ ๔. สตี ละ แปลว่า มคี วามเยน็ หมายความวา่ ศีลสร้างความรม่ เยน็ ให้แก่จติ ใจผูร้ ักษา และสรา้ งความรม่ เย็นให้แกส่ ังคมมนษุ ย์ ๕. สวิ ะ แปลว่า ความปลอดภยั หมายความว่า ศลี สร้างความไม,มีภัย ความไม่มีเวร และความไมเ่ บยี ดเบียนใหแ้ ก่สงั คมมนษุ ย์ ทำใหเ้ กดิสันตสิ ุขอยา่ งแห้จรงิ กุศลธรรมเปน็ เหตุเกิดแห่งศลี ศลี จะเกดิ ขน้ึ ได้เพราะอาศยั กุศลธรรม ๒ ประการ คอื ๑. หริ ิความละอายแก่ใจ ในการทำบาปทุจริต เหมือนคนรงั เกยี จสง่ิ สกปรกมีคูถเปน็ ด้น ไม่ปรารถนาจะจบั ต้องเพราะกลวั เปอี นมอื ๒. โอตตปั ปะ ความสะดุ้งกลัวต่อผลแหง่ การทำบาปทจุ รติ เหมอื นคนกลวั ความร้อนของไฟไมก่ ล้าไปจบั ต้องไฟ ศีล เม่อื เกดิ ขึ้นแลว้ ยอ่ มกำจดั กเิ ลสท่เี ป็นเหตใุ หล้ ว่ งละเมิดออกมาทางกาย วาจา เหมอื นก้อนหินท่หี บ้ หญ้าอันโผลอ่ อกมาจากแผ่นดนิ เอาไว้การปรากฏตัวของศีล คือ ความสะอาดทางกาย วาจา และใจ หมายความว่าคนผมู้ ืศีลย่อมไมท่ ำ ไม,พดู และไม่คิดรา้ ยทำลายใคร สิง่ ทเ่ี ป็นเหตใุ หศ้ ีลขาด ศีลท่สี มาทานกด็ ี ทีเ่ ป็นการงดเว้นเฉพาะหนา้ ก็ดี ยอ่ มขาดเพราะเหตุ ๕ ประการ คอื ๑. ลาภ ๒. ยศ ๓. ญาติ ๔. อวัยวะ ๕. ชวี ิต หมายความวา่ ทีค่ นรักษาศีล'ไวไ้ มไ่ ต้ หรอื ทำผดิ ศีลก็เพราะมเี หตุทัง้ ๕ ประการน้มี าเกย่ี วขอ้ ง เช่น คนอยากได้ทรพั ย์ จงึ ขโมย ปล้น หรอื ทจุ ริตคอรร์ ัปชนั อยากได้ยศจึงโกหก หลอกลวงเจ้านาย และใสร่ า้ ยปา้ ยสีผ้อู ่นื รักตัวกลัวตาย หรือรักภรรยา บุตรธดิ า จึงทำผดิ ศลี เช่น ฆา่ สตั ว์ หรือพูดโกหก หลอกลวง เปน็ ต้น๒๓๖
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชีวติ ทด่ี ีปา๋ ม รกั ษาศีลไดเ้ พราะคิดถึงสปั ปรุ สิ านสุ สตธิ รรม บุคคลย่อมรักษาไว้!ด้ หรือไม่ลว่ งละเมดิ ศีล เพราะคดิ ถึง และยึดม่นัสปั ปุริสานุสสติธรรมว่า พึงสละทรัพย์ เพอ่ื รักษาอวยั วะ พงึ สละอวยั วะเพือ่ รกั ษาชีวติ พึงสละท้งั ทรพั ย์ อวัยวะ และชีวติ เพื่อรกั ษาธรรม เซน่พระเจา้ สุตโสมโพธสิ ัตว์ เป็นตวั อยา่ ง พระเจา้ สตุ โสมโพธิสัตว์ ถูกนายโปรสิ าทจับตัวไปเพอ่ื ฆ่าบชู ายญัและกินเนอ้ื เป็นอาหาร พระโพธิสตั ว์ขอโอกาสเพอ่ื ไปทำตามสัญญาที่ใหไ้ ว้แก่พราหมณ์คนหนงึ่ เสร็จแลว้ จะกลบั ไปใหฆ้ ่าตามประสงค์ นายโปริสาทได้ปล่อยไปตามคำขอรอ้ ง เม่ือพระโพธสิ ัตว์ทำตามสัญญาท่ีให้ไว้แก่พราหมณ์เสร็จแลว้ ไดก้ ลับไปหานายโปรสิ าทโดยยอมเสียชีวติ แต่ไม่ยอมผิดศีลข้อมุสาวาท คอื ไม่ยอมเสยี สตั ย์ ความดีของศลี ศลี ควบคมุ ความประพฤตทิ างกาย วาจา ให้อยูในสภาพท่ีเรียบร้อย ดงี าม พน้ จากการเบียดเบียนกนั ศีล ทำให้คนมคี วามประพฤตทิ างกาย วาจา ใจ สะอาด ศลี กอ่ ให้เกิดความสขุ ความเจรญิ ตา่ ง ๆ แกม่ วลมนุษย์ ศลี ใหค้ วามไม'มภี ยั ไม'มีเวร และความไมเ่ บียดเบยี นกนัเท่ากับเป็นตัวสรา้ งสนั ติสุขทแ่ี ท้จริง เพราะฉะนนั้ องค์สมเด็จพระสมั มาสัมพุทธเจา้ จึงทรงสอนว่า“ ศลี เป็นเยี่ยมในโลก” ตังซ่อื เรื่องในวันน้ีว่า “ สวยไดด้ ว้ ยศลี ” ๒๓๗
สุขใจทไี่ ดอ้ ่านสารธรรมเพื่อชีวติ ทดี่ งี ามโดย...พนั ตรี อรุณ สภุ ะโกศล “ ความซอ่ื สตั ย”์ ความซื่อสัตย์ ตรงกบั ภาษาบาลวี ่า “ สจั จะ” ในฆราวาสธรรมหมายถงึ ความจริง รเี อตรง ซอื่ สตั ย์ จรงิ ใจ พดู จรงิ ทำจรงิ ในเบญจธรรมหมายถึง ความสัตย์ ความซือ่ ตรง มาคู่กับศีลขอ้ ท่ี ๔ ในพจนานกุ รมใหค้ วามหมายว่า ความซ่อื สตั ย์ หมายถึง ความประพฤติตรงและจริงใจไม,คดิ คิดทรยศ ไม,คดโกงและไม'หลอกลวงหรอื เราอาจจะพดู งา่ ย ๆ ว่าคนที่ซ่อื สตั ย์ กค็ อื คนท่ีเป็นคนตรง ประพฤติส่งิ ใดกด็ ว้ ยนา้ํ 'ใส'ใจจริง ความชือ่ สัตยเ์ ปน็ คุณธรรมที่จำเป็นต่อทกุ สงั คมจึงต้องมกี ารปลกู ฝงั คนในสงั คมให้ปฏิบัติ อนั จะเปน็ การปอ้ งกันไม,ให้สังคมวนุ่ วายไม,เอารดั เอาเปรยี บกัน และไมเ่ หน็ แก่ตัว ความชอื่ สัตยม์ ีหลายอยา่ ง ดังนี้ ๑. ความซอื่ สตั ยต์ อ่ ตนเอง เชน่ ตั้งใจไวว้ า่ จะอา่ นหนังลีอ เพอ่ืสอบเขา้ มหาวิทยาลัยให้ไต้ กต็ ัง้ ใจทำตามน้นั จนลอบเข้ามหาวิทยาลัยไต้หรอื ตง้ั ใจจะทำงานเพื่อให้ไต้สองขั้น กท็ ำอย่างตง้ั ใจ จรงิ จงั จนไต้สองขั้นในทางตรงกันข้าม หากขาดความซ่ือสัตยต์ อ่ ตนเอง ไมท่ ำตามท่ีตง้ั ใจไว้ในระยะยาวก็จะกลายเป็นคนขาดระเปยี บ กลายเป็นคนทำอะไรไม่ประสบความสำเรจ็ ในชีวิต ตวั อยา่ งของคนทไี่ ม่ซื่อสตั ย์ตอ่ ตนเองที่รู้จกั กนั ดี คอื เรือ่ งเด็กเลีย้ งแกะ ทีร่ ้องตะโกนใหช้ าวบา้ นมาช่วย วา่ จะมีหมาป่ามากินแกะ แตก่ ลายเปน็ ว่าเด็กโกหก และหัวเราะเยาะทหี่ ลอกคนอ่ืนไต้ ต่อมาเมอ่ื มหี มาป่ามาจรงิ ๆ ตะโกนเทา่ ไรก็ไมม่ ีใครเชอ่ื เพราะคดิ วา่ เปน็ การโกหกอกี ในทีส่ ดุ เด็กก็ต้องสญู เลียแกะไป การโกหก การไม่ชือ่ สัตยต์ ่อตนเองเป็นสง่ิ ไมด่ ี คนเราจงึ ต้องมีความช่ือสัตยท์ ัง้ การกระทำและคำพดู จึงจะเป็นทเี่ ช่อื ถอื ของผอู้ ่นืและไม่เปน็ ดงั สำนวน “เดก็ เลยี้ งแกะ” ที่รูก้ ันวา่ หมายถึง คนที่ชอบพูดโกหกหลอกลวง หรอื พดู จาเหลวไหล เช่อื ไมไ่ ต้๒๓๘
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพอื่ ชวี ติ ท่ีดีงาม ๒. ความซ่ือสตั ยต์ ่อครอบครัว เซ่น ซื่อตรงต่อภรรยา ไม,ไปมีความสมั พันธก์ บั หญงิ อืน่ อนั จะเป็นการสร้างปัญหาครอบครัว กอ่ ให้เกดิความไมไ่ วว้ างใจต่อกัน ต. ความซ่อื สตั ยต์ ่อหนา้ ทก่ี ารงาน เซ่น ขา้ ราชการไม่ใช้อำนาจในทางมชิ อบ ไม่ทจุ ริตหรอื แสวงหาผลประโยชนแ์ กต่ นเองหรือครอบครัว อนั จะก่อให้เกิดความเสียหายแก'การบรหิ ารราชการแผ่นดิน ดงั พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมอื่ ๒๓พฤษภาคม ๒๔๙๖ ว่า “ขา้ พเจ้าใครข่ อให้ทา่ นท้ังหลายจงม่ันอยใู่ นความซอื่ สตั ย์สจุ ริต ถอื เอาประโยชน์ส่วนรวมเปน็ ทีต่ ง้ั เพราะคุณธรรมอันนีเ้ ปน็มลู ฐาน อนั ลำคญั ทจ่ี ะยังความเจริญ และความเป็นปีกแผ่นแก่สงั คม เป็นบอ่ เกดิ แหง่ ความสามัคคีกลมเกลยี ว ความซื่อสตั ย์ท่ีวา่ น้ี หมายถึง ความสจุ รติ ชอื่ ตรงต่อหน้าท่ีการงาน ต่อตนเองและต่อผูอ้ น่ื ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง มเี จตนาบรสิ ุทธี้ไมเ่ อารดั เอาเปรียบ ลำหรับท่านที่ใช้วิชากฎหมาย ย่อมกินความถงึการรักษาความเป็นธรรม ไม่บดิ เบอื น ความหมายของตวั บทกฎหมาย เพ่อืประโยชน์ของตนเองด้วย ความซื่อสัตย์สุจรติ จะเป็นเสมือนหนง่ึ เกราะคมุ้ ภัยแก่ท่านตลอดไป...” ๔. ความซ่อื สตั ยต์ อ่ มติ ร คนทเี่ ป็นมติ ร ต้องพ่ึงพาอาศยั กนั ความเป็นมติ รจะคงอยไู่ ดน้ านกต็ ้องมิความชือ่ สตั ย์ ไมค่ ดิ คดทรยศตอ่ กนั หากไม,ช่ือสตั ยต์ ่อกันแลว้ ยอ่ มจะแตกความสามคั คี ทำให้เปน็ คนไรม้ ติ ร ๕. ความซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ เป็นส่ิงลำศัญที่ประชาชนในชาติต้องมิ เพราะหากชาติอยูไ่ ม่ไต้ ประชาชนในชาติกอ็ ยไู่ ม่ได้ หากชาติลม่ สลาย ประซาซนในชาตกิ จ็ ะไร้แผน่ ดิน ประชาชนในชาติจึงตอ้ งซอ่ื สัตย์ต่อประเทศชาติ ดว้ ยการรักษาระเบียบ มิวนิ ัย ปฏบิ ัติตามกฎหมาย เปน็ ต้นดังเรือ่ งพันท้ายนรสิงห์ ในสมัยสมเดจ็ พระเจา้ เสือแหง่ กรุงศรอี ยุธยา เสดจ็ลงเรอื พระทนี่ ่งั เอกชัย เพอ่ื ไปประพาสทรงเบด็ เม่ือเรอื พระท่นี ั่งมาถึงตำบลโคกขาม เมืองสาครบรุ ี ซึง่ เปน็ คลองคดเค้ยี ว พันท้ายนรสิงห์ นายทา้ ยเรอื ๒๓๙
สุขใจที่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพ่อึ ชีวิตท่ดี งี ามไม1สามารถคดั ท้ายได้ทัน เรือพระทน่ี ัง่ จึงซนกงิ่ ไม้หักตกนํ้า จึงด้องโทษประหาร แตพ่ ระเจา้ เสือเหน็ ว่าเปน็ เรอ่ื งสดุ วสิ ัย จึงพระราชทานอภัยโทษให้ถงึ สองครั้ง พนั ทา้ ยนรสงิ หก์ ลับขอใหป้ ระหารตน โดยยอมตายเพอ่ืรกั ษากฎมณเฑยี รบาล ทำใหป้ ัจจบุ ันยงั มศี าลพนั ทา้ ยนรสิงหอ์ ยทู่ ่จี งั หวดัสมทุ รสาคร บรเิ วณทเี่ กิดเหตกุ ารณ์ดงั กล่าว เพ่อื เป็นอนสุ รณ์สถานใหอ้ นชุ นรุ่นหลงั นึกถึงคุณงามความดขี องทา่ น ซ่งึ แมจ้ ะเปน็ เพยี งนายทา้ ยเรือ แต่ก็ประพฤตติ นเป็นแบบอย่างแกล่ กู หลาน ความซ่ือสัตย์มีความสำคญั ตอ่ สงั คมเปน็ อย่างมากคนทอ่ี ย่รู ว่ มกนัในสังคม ตอ้ งมีความซ่อื ตรง มีความชื่อสัตย์ มีความจรงิ ใจต่อผอู้ นื่ ไม,เป็นคนคดในขอ้ งอในกระดกู ไม่มีลบั ลมคมในตอ่ กนั พดู คำใดตอ้ งทำตามทพ่ี ูดไมโ่ กหกหลอกลวงกนั ตอ้ งพดู หรือแสดงออกไปตามความจริง คนซอื่ ตรงเปน็ คนมเี กียรติ ท่คี นอนื่ ให้ความเคารพและให้การยกยอ่ งว่าเป็นคนดี คนคดโกงไมซ่ อื่ สัตย์เป็นบุคคลไมน่ ่าคบ ผ้ใู ดประพฤติปฏิบัติความชือ่ สตั ย์ ย่อมไต้รับการยกยอ่ งสรรเสริญว่าเป็นคนมีเกยี รติ ไตร้ บั ความไว้วางใจ ไต้รบั การยอมรบั และเช่ือถอื ความชอื่ สตั ย์จงึ เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งทคี่ นในชาติต้องมีผ้ปู ระกอบกจิ การทมี่ ีความช่ือสัตย์ยอ่ มมีแต่ความเจรญิ กา้ วหนา้ ผู้เป็นลูกจ้างก็เปน็ ที่ตอ้ งการของนายจา้ ง และจะมคี วามเจริญก้าวหนา้ ในงานที่ทำ คนท่ีได้รับการรืเกมาใหม้ คี วามซื่อสัตย์ มกี ารเตรยี มตัวที่จะเป็นผู้รับผิดชอบลงั คมในภายหน้า ย่อมจะไตร้ บั แต่งตงั้ ใหเ้ ป็นระดับหวั หน้า เปน็ ผบู้ ริหาร ทงั้ ภาครัฐและเอกชน ความช่อื สัตย์เป็นคณุ ธรรมพ้ืนฐานใหป้ ฏบิ ัติคุณธรรมอ่ืน ๆ ได้สำเร็จ เพราะ ๑. ความซ่อื สตั ย์สรา้ งให้คนม ีระเบียบวนิ ัย เพราะเม่อื ซอื่ สตั ยต์ อ่ตนเองกจ็ ะเกดิ ความเชื่อมน่ั ในตนเองและจริงใจต่อตนเอง ผ้อู น่ื เห็นก็เคารพยกย่อง อยากคบคา้ สมาคมและให้ความไว้วางใจ๒๔๐
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288