Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขใจที่ได้อ่าน ๒

สุขใจที่ได้อ่าน ๒

Description: สุขใจที่ได้อ่าน ๒

Search

Read the Text Version

สขุ ใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ท่ดี ีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ กาลเวลา” เมอื่ พดู ถงึ กาลเวลา ในทางพระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธเจ้าได-ตรัสเกยี่ วกบั เรอื่ งกาลเวลาวา่ กาลเวลายอ่ มกลืนกินสรรพสัตว์พรอ้ มทัง้ ตัวมนั เอง แสดงใหเ้ ห็นว่าทกุ สิ่งทุกอยา่ งถกู กาลเวลากลนื กินไปทั้งสน้ิ อาณาจักรอันยง่ิ ใหญ่ พระเจ้าจักรพรรดิผูเ้ กรยี งไกร พระบรมศาสดาผูย้ ง่ิ ใหญท่ ั้งหลายลว้ นถกู กาลเวลากลนื กินไปแล้วทง้ั สิ้น คงเหลอื แต่ร่องรอยใหไ้ ด้สบื ค้นศกึ ษาคนโบราณจึงตงั้ เปน็ ปริศนา เพ่ือทายกันเล่นๆ วา่ พญายักษ์ตนหนงึ่ นา มีตาสองขา้ ง ข้างหนง่ึ สวา่ งขา้ งหนง่ึ ริบหร่ี มีปาก ๑๒ ปาก มฟี นั ไม่มาก ปากละ๓๐ ซี่ กลืนสัตวท์ ัว่ ปฐพี พญายกั ษต์ นน้ีมีช่อื ว่าอะไร ท่านแก้วา่ ยกั ษต์ น'นม้ี ตี า ๒ ข้าง ข้างหน่งึ สว่าง คอื ตาวนั (กร่อนเปน็ ตะวัน) ขา้ งหนงึ่ รบิ หร่ีคือ ตาคนื , มปี าก ๑๒ ปาก คือ ปีหน่งึ มี ๑๒ เดือน,มฟี นั ,ไมม่ ากปากละ ๓๐ ช่ี คอื เดอื น ๑ มี ๓๐ วัน กลนื กินสรรพสัตว์ทวั่ ปฐพีพญายักษต์ นนมี้ ชี ่อื วา่ อะไร คำตอบสุดท้ายกค็ อื กาลเวลานั่นเอง สรปุ วา่ เราท่านทุกคนถูกกาลเวลาคอื พญายักษ์ตามกลนื กินอยตู่ ลอดเวลา เพอื่ ใหเ้ หน็ ซัดเจน ขอยกอทุ าหรณเ์ ปน็ ข้อเปรียบเทยี บว่าพญายักษท์ ่านล่งบรวิ ารมาติดตามเก็บเราอยตู่ ลอดเวลา ดูเหมอื นจะมาคอยรบั ใช้เราอย่างวันนี้ ตง้ั แต่เทย่ี งคืนเปน็ ดน้ มา ไมว่ ่าเราจะหลับบนเตยี งนอนอนั แสนสบาย หรือจะยงั คงฉลองเทศกาลสง่ ท้ายปีเก่าตอ้ นรับปใี หมก่ นั อยู่กต็ าม พญายักษท์ า่ นส่งบรวิ ารของท่านตนหนึ่งชอ่ื อาทิตยม์ าโค้งคำนบั เราทีป่ ลายเตียง รายงานตวั วา่ ยนิ ดีรับใช้ จากนนั่ กต็ ดิ ตามเราตลอดท้ังวนั พอถึงเวลา๒(ะ•นาฬกิ านายอาทิตย์กโ็ ค้งคำนับอำลาจากไปจากนน่ั นายจันทร์เข้ามาโคง้ คำนับรบั ใช้เราตอ่ จนถงึ ๒®: นาฬิกา นายจันทร์กโ็ ค้งคำนบั ลาจากไป นายองั คารก็มาเข้าเวรแทน คอยรับใชเ้ รา จบจากนายอังคาร กเ็ ป็นนายพุธ ๔๑

สุขใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่คี งี ามจบจากนายพธุ กเ็ ปน็ นายพฤหัส นายศุกร์ นายเสาร์ ตามลำดับ และดๆูก็เหมอื น เปน็ คนใจดีเสยี เหลือเกิน มาอยู่คอยรับใช้เราทงั้ วนั เราจะมอบของขวัญรางวัลอะไรให้ กบ็ อกว่า ไมต่ อ้ งการ ขอไปมือเปล่า แตค่ ิดดใู หดั ีเถอะบริวารของพญายกั ษ์เขามาเกบ็ เอาสมบัตทิ ่ีมคี า่ ท่ีสดุ ของเราไป ในหนงั สอื หิโตปเทศ พา่ นบอกว่าสมบตั ขิ องมนุษยม์ ื๕ ประการ คือ ๑. อายุ ๒. กรรม ๓. ทรัพย์ ๔. วทิ ยา และ ๕. ความตาย อายุเป็นสมบตั ปิ ระการแรกของมนุษยแ์ ละเป็นสมบตั ิที่สำคญัมนษุ ยห์ วงแหนท่ีสุด คราวคบั ขนั อยใู นภาวะอันตราย จมนํา้ ไฟไหม้ โจรปล้น ทรัพยส์ มบัติชนิ้ อ่นื ยอมสละทง้ิ หมดส้ินเพียงเพื่อต้องการชีวติ คอือายุ นน่ั แหละเอาไว้ เพราะล้าสิ้นชีวติ ก็หมายความว่าหมดอายุน่ันเองกเ็ พราะตอ้ งการรักษาอายใุ ห้ยนื ยาว นแี่ หละจึงต้องมีโรงพยาบาล ต้องมีหมอ แมท้ ี่สดุ กเ็ พราะตอ้ งการรกั ษาอายุ จึงตอ้ งมหี อ้ งครัวหงุ หาอาหารเพ่ือต่ออายุ มองในแง่ยารกั ษาโรค ยายอดปรารถนาก็คือ ยาอายวุ ฒั นะ หรือยาทที่ ำใหอ้ ายุยนื แมใ่ นที่สุดเมือ่ คิดอะไรไมอ่ อก ล้าอยากมอี ายุยืนก็ไปทำพธิ ีสะเดาะเคราะหต์ ่อชะตา หรือทำบุญตอ่ อายุ ช้อยนื ยัน เรอ่ื งอายเุ ป็นสมบัตสิ ำคญั ของสัตวม์ ีชีวติ แมใ่ นทางศาสนาพา่ นก็ยืนยนั ดูไต้จากศลี , ศลี ทุกประเภทจะเร่มิ ตน้ ทชี่ ้อหา้ มฆ่าสตั ว์ตดั ชีวติ ทวี่ า่ ปาณาตปิ าตา เพราะล้าฆ่าสตั วต์ ัดชวี ติ กค็ ือตัดอายุ เม่อื หมดอายแุ ลว้ ศลี ขอ้ อ่ืนๆ กไ็ มต่ อ้ งพูดถงึ แมใ่ นทางธรรม เวลาพระสวดมนต์อำนวยพร กเ็ ริ่มท่ีอายุ เชน่ บทมงคลจักรวาลวา่ อายวุ ัฑฒโก ธนวฑั ฒโกสริ วิ ั,ทฒ'โก ยสวัฑฒโก พลวฑั ฒโก วัณณวัฑฒโก สขุ วฑั ฒโก หรือบทวา่อายโุ ท พลโท ธโี ร วณั ณโท เป็นตน้ กเ็ ริ่มต้นที่อายุก่อน หรือแม่ในโอกาสมงคลต่างๆ เชน่ วนั เกิด วนั ขึ้นปใี หม่ ลา้ จะอวยพรตว้ ยจตรุ พธิ พรชัยท้ัง๔ ประการ กเ็ ริ่มท่ี อายุ ก่อน แลว้ จึง วรรณะ สุขะ พละ พ่านเชอื่ ไหมว่า สมบัตขิ องมนุษย์คืออายุ ที่เราหวงแหนและมคี วามสำคณั มากมายขนาดน้ี พณายักษพ์ า่ นล่งบรวิ ารมาตามเก็บไปแล้ว

สขุ ใจทึไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพื่อชวี ติ ทด่ี งี ามคนละเทา่ ๆ กนั นายอาทิตยเ์ กบ็ อายขุ องเราไป ๒5: ชั่วโมง นายจันทร์เอาไปอีก ๒๔ ช่ัวโมง นายองั คาร นายพุธ นายพฤหัส นายศกุ ร์ นายเสาร์ กเ็ อาไปอกี คนละ ๒๙ ชั่วโมง หมนุ เวยี นกันมาเก็บเอาสมบตั ิช้นิ แรกที่เราหวงแหนท่ีสุดไปวนั แลว้ วันเลา่ ถ้าอายขุ องเราเป็นเหมอื นเสน้ เชอื กยาว ๑๐๐ เมตรแล้วมีคนมาตดั เอาไปทุกวนั วนั ละนว้ิ ๆ ไม่นานก็คงหมด คิดในแง่มมุ นิ้ปเี ก่าทำให้เราหมดอายุไปอีกปีหรอื ๓๖๔ วนั ปใี หม่เราก็คงตอ้ งประคับประคองอายขุ องเราตอ่ ไปให้ยืนยาวทส่ี ุดเทา่ ทจี่ ะทำได้แต่แน่นอน สุดท้ายพญายักษ์ท่านกเ็ ก็บรวบยอดหมดทั้งตวั ทงั้ ชีวติ นั่นคอิสมบัติประการสดุ ทา้ ยของมนษุ ย์คอื ความตาย พระพุทธดำรัสเตอื นสติ ตรัสว่า วันคืนล่วงไป ๆ ขณะนี้เราทำอะไรอยู่ สรปุ ทา้ ยทรงเตอื นวา่ ทา่ นทัง้ หลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชนผ์ ูอ้ ื่นใหถ้ งึ พร้อมด้วยความไมป่ ระมาทเถิด นั่นกห็ มายความวา่ สาระของชวี ิตคือการได้ทำประโยชนช์ ีวติ ท่ีไรป้ ระโยชน์ ไรค้ ณุ คา่ ทา่ นเรยี กว่า โมฆบรุ ุษ อย่างไรกต็ าม กาลเวลาก็เป็นเร่อื งของกาลเวลา ปีใหม่กเ็ ปน็ เร่อื งสมมติ ขอให้เราปรับตวั ปรบั ใจกับการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา รักษาอารมณIหเ้ ปน็ ปกติ เราก็จะอยูอ่ ย่างมคี วามสขุ มคี ำประพนั ธ์บอกว่า วันพร่งุ น้ี อยูไ่ กล ยงั ไม่เกดิ ชา่ งมันเถิด อย่าร้อน ไปกอ่ นไข้ วันวานน้ี ผา่ นแลว้ ใหแ้ ลว้ ไป อย่าเอาใจ ไปขอ้ ง ทัง้ สองวัน ทำวันนี้ใหส้ ดช่ืน ระร่นื จติ อยา่ ไปคิดหนา้ - หลัง มาคลงั่ ฝนื สงิ่ ทีแ่ ล้ว แล้วไป ให้แล้วกนั ส่งิ ทฝี่ นื ยงั ไม่มา อย่าอาวรณ์

สขุ ใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ฅิ ท่ีดีงามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ กฎแหง่ กรรม ใบแงข่ องวทิ ยาศาสตร”์ กฎแห่งกรรม เป็นหลักสำคัญทางพระพุทธศาสนาว่า “ทำดไี ดด้ ี ทำชว่ั ไดช้ ัว่ ” นน้ั คนส่วนใหญม่ กั จะเข้าใจกันวา่ การทำดหี รอื การทำชวั่ จะมีผลตอ่ สภาพชีวติ ความเปน็ อยขู่ องผกู้ ระทำ “กรรม” นั้น เซน่ มผี ลใหช้ ีวติ ร่งุ เรืองมีซ่อี เสียง มลี าภ หรอื ตกตา ยากจน ตอ้ งอบั อายขายหนา้ แลว้ แตช่ นิดของการกระทำหรอื “กรรม” เซน่ กรรมดหี รือกรรมช่วั อันเป็นเหตุ แตจ่ ะมใี ครบา้ งเชอื่ วา่ การทำดีหรอื ทำชว่ั จะมีผลตอ่ รา่ งกายโดยตรง เห็นผลไดีในปัจจบุ นั น้ี เซน่ บคุ คลทีช่ อบชว่ ยเหลอื ผ้อู ่นื จะมีอายุยนื บคุ คลทลี่ ะเว้นจากการเบยี ดเบียนสตั ว์ดว้ ยการบริโภคอาหารจากพชื จะปลอดภัยจากโรคร้ายต่าง ๆ เซ่นโรคหวั ใจ โรคเบาหวาน และมะเรง็ บคุ คลที่เจรญิ สมาธิภาวนาเปน็ ประจำจะมีภมู คิ ุ้มกนั โรคสงู สุขภาพดี แกช่ ้า บคุ คลท่ีอยู่โดดเดย่ี ว ไมช่ อบคบหาสมาคมกบั ใคร มกั จะมีอายสุ ั้น บุคคลท่มี อี ารมณ์หงดุ หงดิ ง่าย มองคนในแงร่ า้ ย คดิ รา้ ยตอ่ ผู้อ่ืน จะมีภูมิคุ้มกันโรคตา สุขภาพไม่ดี หรือเคร่งเครยี ดเปน็ ประจำ มกั จะอายสุ ้ัน บคุ คลท่นี ยิ มบรโิ ภคเนีอ้ สตั ว์เป็นประจำ จะมคิ วามเส่ยี งต่อการเป็นโรครา้ ย เซ่น โรคหวั ใจ เบาหวานมะเรง็ เป็นตน้ บดั นก้ี ารศกึ ษาคันคว้าวจิ ยั ตามแนวทางวิทยาศาสตร์ และวงการแพทย์เริม่ ปรากฏชัดขึ้นว่าไมใช่เร่ืองเหลวไหล ไรส้ าระ แต่เป็นเรอ่ื งจริงท่ีเปน็ ไปแล้วและพสิ ูจนไ์ ด้ นอกจากนยี้ ังพบวา่ “ความเครียด” เป็นตน้ เหตใุ ห้เกดิ โรคตา่ ง ๆ ได้หลายชนิดทพ่ี บกนั เปน็ ประจำ เซน่ ความดันโลหติ สงู ไขมันในเส้นเลือดสูง เสน้ เลือดหัวใจตีบตัน ทำใหห้ ัวใจส้มเหลวโรคเบาหวานกำเริบสิง่ เสพตดิ เซน่ สรา บหร่ี กท็ ำให้เครียดไดเ้ ซน่ กัน

สฃใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชีวติ ที่ดีงาม เมอ่ื เช้ือโรคเขา้ สรู่ า่ งกายเพราะความเครียดเหลา่ นี้ ร่างกายของคนเราจงึ ไมอ่ าจตา้ นทานไวได้ทำให้เปน็ โรคง่าย ร่างกายจึงอ่อนแอ อายไุ ม่ยืน ตวั อยา่ งท่ีเหน็ กนั บอ่ ย ๆ ระยะใกลจ้ ะสอบปลายปีนัน้ นกั เรยี นนกั ศึกษามกั จะเจ็บปว่ ยกันมากเพราะเครง่ เครยี ดกับการเตรยี มตวั สอบไล่ จึงเป็นโรคแพอ้ ากาศกนั ง่าย คนทที่ ำงานหนกั สมอง แมัวา่ จะเปน็ งานเบาตอ่ รา่ งกายแต่ก็กอ่ ให้เกดิ ความเครียดกนั มาก ลา้ ไม่รจู้ กั ปรบั จติ ใจกม็ ักจะเปน็ โรคเครียดอนั จะติดตามมาดว้ ยโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคมะเรง็ การด้นคว้าวิจัยอีกเรอ่ื งหน่งึ ที่ค้นพบวา่ ความอ่มิ เอบิ ปีติ ยินดีในจติ ใจ มีผลดีตอ่ รา่ งกายกค็ ือการ ออกกำลังกายแบบไม่รุนแรง แตอ่ อกอย่างต่อเนือ่ งนานพอสมควร ท่เี รียกว่า “แอโรบิก” เซ่น การเต้นเป็นจงั หวะประกอบเลียงเพลง การเดนิ เรว็ การวิง่ ช้าๆ การขบั ขร่ี ถจักรยานไมเ่ ร็วนกัการวา่ ยนํา้ ช้า ๆ การกระโดดเชือก เปน็ ตน้ จะมสี ารชนิดหน่งึ เรยี กว่า “เอน็ ดอร็พน้ ”(ธกชอเๅวเาเก) อันเปน็ ของเหลวกล่ันออกมาจากตอ่ มใตส้ มอง ของมนุษย์หรือแม้แตก่ าร ดูละครทวี ีเรอ่ื งชีวติ ของผบู้ ำเพ็ญความดี ก็จะเกิดความปตี ิเอบิ อ่มิ ถงึ แมต้ ัวเองมิไต้ทำความดีนนั้ ๆ แต่ความชนื่ ชมยินดกี ท็ ำให้สารชนิดนี้หลง่ั เข้าสู่กระแสโลหิตได้ สาร “ เอ็นดอรพน็ ”(&า6อ ๆ ว[า!ก) ม คี วามสำคัญหรือมคี ณุ สมบตั ิด ีเด่นอย่างไร? การศกึ ษาวิจัยของวงการแพทยพ์ บวา่ สารชนดิ น้ี เมอื่ หล่ังออกมาจากท่อใต้สมองสู่กระแสเลือดจะมผี ลให้รา่ งกายรู้สกึ สบายคลายเครียดเพราะรา่ งกายผลติ ขน้ึ มาไตเ้ อง ทำให้หายปวดเมื่อย คนที่ออกกำลงั กายดงั กล่าวขา้ งตน้ จงึ มกั จะเกิดการ “ติด” คอื อยากกระทำช้าํ เซน่ นกั วง่ิ เมื่อถงึ เวลากอ็ ยากไบว่ ง่ิ เพราะว่งิ เสรจ็ แล้วกร็ ู้สึกสบาย นอกจากนัน้ การออกกำลงั กาย ทำให้รา่ งกายแข็งแรงอกี ดว้ ย แพทยย์ ังแนะนำว่าการออกกำลังกายท่ีเหมาะสม เซน่ คนวัยอายุ ๕๐ ปี ออกกำลังใหห้ วั ใจเตน้ ๑๒๐ คร้งั ตอ่ นาทีจะมีผลทำใหร้ ่างกายกระฉับกระเฉง มีพละกำลงั ดีร่างกายจะแข็งแรง

สุ'ยใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ทดี่ งี าม นายแพทย์ประเวศ วะสี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรคเลือดผ้เู คยรบั รางวัลแมกไซไซ กไ็ ด้เขียนบทความลงในวารสารหมอซาวบา้ น รายงานวา่นายแพทย์ออสเตรเลยี คนหนง่ึ ซอ่ื ดร.เมยี ร์สนใจที่จะไชวธิ แี กคนไฃ้ที่ปว่ ยด้วยโรคมะเรง็ จนเกนิ กวา่ โรงพยาบาลจะรกั ษาไดโ้ ดยใหท้ ำสมาธิไมใช้ยาใดๆชว่ ย หลังจาก!]กสมาธทิ ุกวนั ปรากฏว่าคนไขห้ ลายคน!เกได้ผล อาการดขี ึ้นอย่างไม1น่าเชือ่ บางรายมะเร็งยบุ หายไปอยา่ งเดด็ ขาดเปน็ ท่ีน่าอศั จรรย์คนท่ีเปน็ มะเรง็ แล้วหายดว้ ยวธิ ีน้ี รายหน่งึ ถงึ กล่าววา่ “ในชวี ติ ฉนั ไมเ่ คยพบความสุขอย่างช่วง ๖ เดอื น ท่แี ลว้ เลย” อีกคนหนึง่ กลา่ วว่า “ฉันดใี จทเี่ ปน็มะเรง็ เพราะการเปน็ มะเรง็ ชักนา่ ใหพ้ บการทำสมาธิ การทำสมาธิทำให้ใจฉันมคี วามสุข จึงต้องขอบคุณมะเรง็ ” จากหลกั ฐานของนกั วทิ ยาศาสตร์และนักการแพทยท์ ี่กลา่ วมาแลว้ ลอดคลอ้ งกบั ศาสนาพทุ ธ เพราะศาสนาพทุ ธ ถอื ว่าร่างกายของคนเราประกอบดว้ ย ๒ สว่ น คอื กายกับใจ กายกบั ใจจะสมบรู ณ์ ไดน้ น้ั จะตอ้ งประกอบดว้ ยหลกั ศีลธรรมอันเป็นหลักปกตขิ องมนษุ ย์โลก ตรงกับคำกลา่ วของหลวงพ่อพุทธทาส ทกี่ ลา่ วว่า “ศีลธรรมไมก่ ลับมา โลกาจะวินาศ” ซงึ่หลักทน่ี ักวทิ ยาศาสตรแ์ ละนกั การแพทย์ ที่กลา่ วมานั้นก็ตรงกบั หลกั การทำบญุ ในพระพุทธศาสนา คอื ทาน ศลี ภาวนา นัน่ เอง กองทพั บกเองกเ็ ลง็ เหน็ ความสำคัญของเร่อื งการพฒั นาจิตใจนี้เปน็ อย่างมาก จึงไดม้ อบหมายให้ กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศกึ ษาทหารบกได้นา่ กำลงั พลและครอบครัว ไป!]กสมาธิโดยปฏบิ ัตติ ามแนวทาง สตปิ ิฏฐานส่ีณ ศนู ยพ์ ัฒนาจิตใจกำลังพลกองทพั บก วดอัมพวนั อำเภอพรหมบุรีจงั หวดั สิงห์บุรี และวัดตาลเอน อำเภอบางปะหนั จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยาเริม่ !]กมาตง้ั แต่ พ.ศ.๒๕๒๙ ปลี ะ ๘ รุน่ และจนถงึ ปจั จบุ ันได้ผลเป็นท่ีนา่ พอใจอยา่ งยิ่ง อนั ทีจ่ รงิ เร่อื งการทำดที างพระพทุ ธศาสนาท่มี ศี ัพทเ์ รยี กเฉพาะว่าบุญกริยาวตั ถุนัน้ ตามตวั อกั ษรแลว้ ดูเหมอื นจะแยกกันเดด็ ขาด เพราะทา่ นแบง่ ไวเ้ ปน็ ๓ อยา่ ง คอื

สุขใจที่ได้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่ีดีงาม๑. ทานมยั บญุ สำเร็จด้วยการให้ทาน๒. ศลี มัย บญุ สำเรจ็ ดว้ ยการรักษาศลี๓. ภาวนามยั บญุ สำเร็จดว้ ยการเจรญิ ภาวนา แตในทางปฏบิ ตั แิ ล้ว ทัง้ ๓ ประการนีเ้ ปน็ ส่ิงเก้ือกูลกันปฏบิ ตั ิพร้อมกนั เซน่ คนจะให้ทาน กม็ าจากจติ ใจทปี่ ระกอบด้วยความเมตตากรุณาซ่งึ กเ็ ป็นเรอื่ งของศีลนน่ั เอง และขณะให้ทานก็จะมีจิตใจสงบเยือกเยน็ นน่ัก็เปน็ เร่ืองของสมาธหิ รือภาวนามยั คนทีร่ ักษาศลี ก็ไม่คดิ จะทำรา้ ยใคร ก็แสดงว่าไดบ้ ำเพ็ญอภัยทานไปด้วย และจติ ใจกส็ งบไดเ้ รว็ เพราะ,ไม่มจี ติ 'ไจที่เป็นศัตรูกับใคร ยิ่งผู้ท่บี ำเพ็ญจติ ภาวนาดว้ ยแลว้ เรื่องทาน เรอื่ งศีลแทบไม่ตอ้ งพูดถึง เพราะมันจะเกดิ ขึ้นเองโดยอตั โนมตั ิ เน่ืองจากการบำเพ็ญภาวนาทำใหเ้ กดิ ปัญญารู้จริงเหน็ จรงิ ตามหลกั สัจธรรม ดงั น้นั ซาวพุทธจงึ ควรมคี วามมั่นคงหนกั แนน่ ในเรื่องกรรม คือต้องทำด้วยตนเอง แล้วผลมันจะเกิดตามมา ทำดตี ้องไดด้ ที ำช่วั ต้องไดช้ ว่ัอยา่ ไปหลงคอยวาสนาฟ้าดินประทานเพราะเป็นเร่ืองเลอ่ื นลอยขาดเหตุผล เป็นอันวา่ ถ้าเราทำควบคกู่ นั ไปทัง้ รา่ งกายและจติ ใจ คอื ทำงานอยา่ งสม่าั เสมอขยันออกกำลังกาย มจี ติ ใจอิ่มเอิบในกศุ ลความดที ่ีได้สรา้ งสมไว้ มคี วามชื่นซมยินดีในคณุ ความดขี องผู้อื่น ตลอดจนร้จู กั ทำจติ ใจให้สงบเป็นสมาธอิ ยเู่ นอื งนติ ยแ์ ล้ว ร่างกายของผู้นัน่ จะได้รับรางวัลเปน็ เจา้ ของร่างด้วยการทำให้เกดิ ความสบาย คลายความเครียด ตลอดจนเพิม่ ภูมิคมุ้ กันโรคใหแ้ กร่ ่างกาย เป็นผลใหส้ ุขภาพดี อายุยืน ไม่แก่เรว็ ชีวิตก็จะมคี ณุ ภาพอยากไดด้ ี ไมท่ ำดี น่นั มีมากดีแตอ่ ยาก หากไม่ทำ น่าขำหนออยากไดด้ ี ต้องทำดี อยา่ รีรอดแี ต่ขอ รอแตด่ ี ไม่ดีเลย ๔๗

สุขใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ซวี ติ ท่ีดีงามโดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ ความปรารถนาดขี อง55ต” ความปรารถนาดขี องชวี ติ ซึง่ เราท่านมักจะไดย้ ินถ้อยคำทกี่ ล่าวกนั ในเดือนมีนาคมเสมอ ก็คือ...มาถึงมีนา...แลว้ ไมจ่ น...เพราะมีแล้วได้ทำประโยชนอ์ ย่างจริงจัง ไมผ่ ดิ เลยที่จะกล่าวอกี ครงั้ วา่ “ไมม่ ีความยากจนในหมูค่ นทข่ี ยนั ” แตท่ จ่ี ะเสนอในเบอื้ งดน้ นกี้ ่อนก็คือ หาก “มที รพั ย์ ได้ยศและมมี ติ ร ไมตรี” เพยี ง ๓ อย่างนี้ กถ็ ือ1วา่ เปน็ การไดค้ วามปรารถนาท่ีดีของชีวิตสว่ นหนึ่งแล้ว กล่าวได้ว่า การมีทรัพย์ การไดย้ ศ การได้มิตรไมตรี ถือเป็นความปรารถนาสงู สุดของทกุ ชีวติ และความสมปรารถนาในทรพั ย์ ยศ และไมตรีกถ็ อื เป็นบ่อเกดิ และศนู ย์รวมแหง่ ความดที ที่ กุ ชีวิตตา่ งปรารถนา ซ่ึงความดีทีท่ กุ ชวี ติ ปรารถนา โดยรวม มอี ยู่ ๓ ชนั้ คอื หนงึ่ ดีนอก บอก “สินทรัพย”์ นับว่าใช่ สอง ดใี น เรือง “วิชา” สง่าศรี สาม “คณุ ธรรม” เปน็ เครอื่ งหมาย ว่าในดี สามชั้นนี้ บง่ คุณคา่ “หน้าตาคน ห น า้ ของคน เรานี้น ทางพ ระพ ทุ ธศาสน าทา่ นแสดงไวโิ ดยรวมว่ามี ๓ หน้า คอื หนงึ่ หนา้ นอก บอกความงาม ความสดใส หนา้ ใน ไขความดีศรีสง่า สา!;! หน้าท่ี ชีส้ ามารถ เตม็ อตั รา ท้งั สามหนา้ คอื “คณุ คา่ หนา้ ตาคน”เพราะ “หนา้ นอกบอกความงาม” โบราณไทยทา่ นจึงสอนลกู หลานไทยของท่านมาอยา่ งดโี ดยตลอดวา่ “ลูกหลานเอย...หนูจงทำหน้าใหง้ าม แต่อย่าทำใหง้ ามหน้า” และบอกด้วยวา่ ให้มี “พระ” ไวท้ ใ่ี จเพอื่ เปน็ สิรมิ งคล

สขุ ใจท่ไี ด้อ่าน สารธรรมเพ่อื ชีวติ ทค่ี ีป๋ามแก'ชวี ติ ซึ่งพระท่ีเสริมสริ ิมงคลให้ “หน้านอกบอกความงาม” ไดเ้ ตม็ ที่ก็มีอยู่ ๓ องค คอ ๑ . พระอมย้ิม คือยมิ้ แยม้ แจ่มใส มใิ ช่ยม้ิ เยาะ ยิม้ หยัน หรือย้มิ เยย้ ๒. พระดอกบวั ตุม คคื การรทู้ ีส่ งู ที่ตํ่า รทู้ ีหน้ารทู้ หี ลงั รู้รักรู้เขา้ ใจรู้ใหอ้ ภัย รู้ใหเ้ กียรติ ร้ใู หโ้ อกาส และรทู้ ่จี ะปรารถนาดตี อ่ กนั อย่างจริงใจ ๓ . พระหลงั อ่อน คือมีความเคารพนอบนบผ้เู จรญิ กวา่ ด้วย1วฒุ ิอันไดแ้ ก่ความเจรญิ ทง้ั ๓ ประการ ๓.๑ ชาติคฒุ ิ คอื ผู้ทเี่ จรญิ โดยชาติตระกูล มกี ำเนิดอนั สูงส่งจากการได้ประพฤตแิ ละปฏิบตั ใิ นพระคุณธรรมทางพระศาสนา ชอบท่จี ะยินดีกบั ดีทท่ี กุ คนได้ไม่มหี นอนแห่งความรษิ ยาไวเ้ ปน็ ตวั แสดงความเนา่ ในหรือฝา่ มือทมี่ ีแผลไวส้ ำหรับตน กบั ทุกคน ทกุ ที่ และทุกเหตกุ ารณ์ ไม่ยอมประพฤติตนใหต้ า เพราะโดยปกติผูท้ ่ีรษิ ยาผ้อู ่ืน ซึง่ ชอบทจี่ ะดึงผูอ้ ื่นใหต้ กตา่ํมักจะต้องอย่ใู นท่ีตากว่าเสมอ ด้วยผลแหง่ ความเป็นคนทีใ่ หเ้ กยี รติ และให้โอกาสแกท่ ุกคนดังไดก้ ล่าวมา จงึ ได้รับผลคือได้ถือกำเนิดในตระกูลอนั สงูทง้ั ดว้ ยภาวะและฐานะอันแสดงความเจรญิ และสมบรู ณ์พรอ้ ม ๓.๒ วัยๅเฒิ คือผู้ท่เี จรญิ โดยอายวุ ัย และไดว้ างตนไดอ้ ย่างเหมาะสมกับวยั ทัง้ ภาวะ และฐานะที่ควรแก,การยกย่อง ช่นื ชม และมใิ ช่ - สูงเดน่ เพียงเพราะ แข็งโด่ - เติบโต เพยี งเพราะ กินข้าว - แก'เฒา่ เพยี งเพราะ อย่นู าน ซ่ึงหากเปน็ ดงั น้ัน อายทุ ่ไี ดม้ ามาก ก็คงเป็นเพยี งแค่ “ตัวเลข”เทา่ นัน้

ส'ุ ยใจทไี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชีวติ ท่ีดงี าม ๓.๓ คณุ วุฒิ คือผทู้ ี่เจริญด้วยความดี ความรู้ และความสามารถ ดังทพ่ี ระเดชพระคุณเจ้าประคณุ สมเดจ็ พระมหาธรี าจารย์เจ้าคณะใหญห่ นกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เจา้ อาวาสวดั ชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ได้เมตตาฝากเป็นธรรมคำพรํ่าสอนกุลบุตรกลุ ธดิ าไว้ตอนหน่งึ ว่า “- อ่อนนอ้ มถ่อมตน ทำใหค้ นก้าวหน้า - เยอ่ หยงิ่ จองหอง ทำใหค้ นล้าหลงั - อยากใหญ่ ให้หัดทำตวั เลก็ - อยากข้นึ ท่สี ูง อย่าลมื มองท่ตี า - เพราะรู้ว่า นก1โม่มขี น คนไม่มภี ูมิรู้ ไมม่ ภี มู ิธรรม ไม่มีความภูมฐิ าน ไมม่ ีหลักเกณฑ์ ไมม่ ีหลักการ ไม่มีหลักฐาน ไมม่ ีหลักแหลง่ไม1มีหลักธรรมย่อมจะไม,อาจหาญยนื หยัดและนำตนเองข้ึนสทู่ ส่ี งู เองได้เพราะ “หน้าในบอกความด”ี ทุกชีวติ จึงควรได้ตระหนักในความมรี าศขี อง“หน้าใน” ซึง่ ฐานที่จะกอ่ ให้เกิดความมรี าศีของ “หน้าใน” ประการหน่ึงซง่ึสำคัญอยา่ งยิ่ง กค็ อื “การมกี ารศกึ ษา” เพราะ - การศึกษาทด่ี ี ยอ่ มเป็นทมี่ า แหง่ การงานท่ีดี - การงานทดี่ ี ยอ่ มเป็นท่ีมา แห่งทรัพยส์ มบัตทิ ่ีดี - ทรัพย์สมบัติทด่ี ี ยอ่ มเปน็ ที่มา แหง่ ความสขุ และความสำเร็จที่ดี” โดยรวมการศกึ ษา จึงเปน็ ทมี่ าแห่งความดีของชวี ติ เหตุนโ้ี บราณไทยทา่ นจงึ วา่ พอ่ แมเ่ มอื่ รักและปรารถนาดตี ่อลูกอยา่ งแห้จรงิ มกั จะสอนลูกๆ ดงั ภาษิตคำกลอนของบัณฑติ นีท้ ่วี า่ เกิดมาเปน็ คน หนังสอื เปน็ ตน้วชิ าหนาเจา้ หากแม้นไมร่ ู้ อดสอู ายเขา เพอ่ื นฝงู เยาะเย้า ว่าเงา่ ว่าโง่ บางคนเกดิ มา ไม่รู้วิชา เคอะอยูจ่ นโต ไปเป็นขา้ เขา เพราะเขาเงา่ โง่ บา้ งเป็นคนโซเทย่ี วขอกม็ ี แม้นรวู้ ิชา ประเสริฐนกั หนา ชูหนา้ ราศี จะไปแห่งใด มคี นปรานียากไรไมม่ ีสวสั ดีมงคล๕๐

สุขใจท่ไี ด้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ทดี่ เี ฑม ฉะน้ัน เมื่อ“หน้าในบอกความดี”โบราณไทยจงึ ยาํ้ ถึงการแสวงหาการศกึ ษา เพราะ “รากฐานของตกึ คอื อฐิ รากฐานของชีวิต คอื การศกึ ษาและกย็ งั รวมไปถงึ การไดใี ช้ศิลปะ และวิทยาการ ทศ่ี กึ ษามาใหเ้ หมาะสมกับกาละ คอื เวลา เทศะ คอื สถานท่ี อุปธิ คือสมรรถนะและความเหมาะสมตลอดถงึ ปโยคะ คือวิธกี ารอนั ดงี ามแก่เรอ่ื งและเหตุการถ!นั้น ทัง้ นี้เพีอ่สรา้ ง “คณุ ภาพชีวิตทด่ี งี าม” ทัง้ สว่ นตนและสว่ นรวมคือสงั คม เพอื่ ไดเ้ ปน็ อยู่รว่ มกันอยา่ งมคี วามสุข ดังบทเตอื นใจทีบ่ ณั ฑิตทา่ นฝากไวด้ ้วยความรกั และปรารถนาดีในเร่ืองของการศึกษาและประโยชน์จากการใช้การศกึ ษานที้ ีว่ ่า“ขึ้นซ่ือวา่ วชิ า ตอ้ งศกึ ษาทกุ อยา่ งไปแต่ว่าอยา่ พึงใช้ ทกุ อยา่ งไปท่ศี กึ ษาทำใดถูกใจคน น่นั คอื ผลของวิชา” ซึง่ เม่ือทำไดด้ งั นี้ ผลทัง้ หมดจะสง่ ไปถงึ “หน้าท่ีบอกความสามารถ”ทันที

สขุ ใจทไี่ ดอ้ ่านสารธรรมเพีอ่ ชวี ิตทีด่ งี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ หนา้ ทก่ี บั คณุ ธรรม” เมอ่ื พดู ถงึ หนา้ ที่แลว้ เชื่อว่าทุกทา่ นคงเคยได้ยนิ และอาจไดย้ ินบ่อยด้วย และดเู หมอื นวา่ พอไดย้ นิ แล้วกจ็ ะเข้าใจได้ทันทโี ดยไม1ตอ้ งมใี ครอธิบายให้ฟัง แตใ่ นความเป็นจรงิ แล้ว เราน่าจะต้องทำความเขา้ ใจให้ซัดกวา่การคาดเดาเอาจะเป็นการดี เพราะการคาดเดา จะเปน็ การดว่ นสรปุ เกนิ ไปซงึ่ ผลของการด่วนสรปุ มกั จะเป็นการตัดสนิ ใจผดิ เมอ่ื ตดั สนิ ใจผดิ การกระทำก็ผิด เม่อื การกระทำผดิ ผลของการกระทำกพ็ ลอยผดิ ไปด้วย เมื่อผลผิดเสยี แลว้ การหวงั ทจ่ี ะไดร้ บั รางวลั จากผลของการกระทำก็อาจไรผ้ ล อย่างการทำงานของข้าราชการ บางคนบน่ วา่ ทำงานแทบตายแดไ่ ม,ไดส้ องขน้ั ซึง่เปน็ รางวลั ทคี่ วรจะไดร้ บั ตอ่ จากผลของการทำหนา้ ที่ แดป่ รากฏว่าไม่ได้ อาจเป็นเพราะเขาดว่ นสรปุ เรอ่ื งหน้าท่ีมากเกินไป จึงทำใหพ้ ลาดจากผลและรางวัล จึงอยากจะหยิบยกเร่ืองน้มี าให้ทา่ นไดช้ ว่ ยกันพจิ ารณา เม่ือพูดถึงคำว่าหน้าท่ีก็จะมีคำว่าสทิ ธิมาเก่ียวขอ้ งบา้ ง เชน่ สทิ ธิและหน้าที่ หรอื คำวา่ อำนาจบา้ ง เชน่ “อำนาจหนา้ ที่” คำว่า สิทธิ แปลตรงศัพทแ์ ล้วก็แปลวา่ ความสำเร็จ แดเ่ มือ่ ไปบวกกับคำว่า หนา้ ท่ี แลว้ ความก็บงั คับใหแ้ ปลวา่ อำนาจ เราจงึ มกั ใซคั ำว่า “อำนาจหนา้ ท”่ี ซ่ึงความหมายก็คีอ มอี ำนาจในการทำหนา้ ทน่ี ั้นๆ แด่คนไม่เข้าใจมกั จะเอาคำว่าสิทธิ ไปใช้ในความหมายว่า ค่าจา้ งรางวลั เมื่อคำน้มี าคู่กบั คำวา่ หนา้ ท่ี เช่น ผมเป็นภารโรง มหี นา้ ท่ี ๑-๓ และผมก็ไดท้ ำหน้าท่ตี าม๑-๓ ครบถว้ นแล้วผมต้องมสี ิทธไิ ดส้ องขั้น เป็นต้น สิทธิในความหมายน้ีจงึ เป็นลักษณะการทวงค่าจา้ งรางวลั หากจะพูดถึงหน้าท่ีใหซ้ ัดกค็ งทิ้งคำวา่ บทบาทไมไ่ ด้ เพราะคำว่าหนา้ ทเ่ี ป็นคำบังคบั ให้มกี ารแสดงบทบาทในเรอื่ งนั้น ๆ จนบางครั้งเรากใ็ ช้ค ว บ ก ัน ว ่า “บทบาทและหน้าท”ี่

สขุ ใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ท่ีดีงาม คำวา่ หน้าท่โี ดยความหมายในภาพรวม คอื ข้อบังคบั ใหท้ ำในเรื่องน้นั ๆ เซ่นทหารทเ่ี ป็นอนศุ าสนาจารย์มีเลข ชกท. คอื ความชำนาญการทางทหาร (1:๓๑๐ มหี นา้ ทีด่ งั นี้ คอื หน้าทท่ี วั่ ไป ปฏบิ ัติการหรืออำนวยการเกีย่ วกบั การศาสนาและให้คำแนะนำแก่ผ้บู ังคับบญั ชาในปญั หาทั้งปวงเกยี่ วกับศาสนา และขวัญ หนา้ ทีเ่ ฉพาะ ปฏบิ ัติการเกี่ยวกับการบรกิ ารทางศาสนา และวางโครงการให้ทหารมโี อกาสไดป้ ฏิบตั ิศาลนกิจ เซ่นการเยยี่ มฺ เยยี นผู้เจบ็ ป่วยและนกั โทษทหาร การชว่ ยเหลอื และประสานงานในการดำเนนิ การให้ทหารมีขวัญดี การมีสว่ นในการอบรมผ้คู ัดเลอื กเข้ามาเปน็ ทหาร และทำการบรรยายอบรมเกีย่ วกบั ศาลนา และการติดต่อประสานงานกบั องคก์ ารสงเคราะห์ตา่ งๆ เซน่ สภากาชาด หรอื วัดในห้องถิน่ เป็นตน้ แม้องค์กรหรือกลุม่ คนเลก็ ๆ เซ่นชมรมเดก็ วดั เป็นด้นเขาก็มีการกำหนดบทบาทหนา้ ที่ให้กันทำ เซน่ นาย ก. มหี นา้ ท่ีลา้ งกระโถนนาย ข. มหี นา้ ทล่ี ้างบาตรพระ เป็นดน้ เม่ือมีหน้าทแี่ ลว้ ทกุ คนกด็ อ้ งมีอำนาจในการทำหนา้ ทที่ ่ีได้รบั มอบหมายอย่างเตม็ ท่ี เรยี กว่า “อ ำน าจ เต ็ม ”เซ่น ผ้!ู หญ่บาั นมอี ำนาจเต็มในหนา้ ที่ปกครองดแู ลลูกบ้าน ผ้กู ารกรมมอี ำนาจเตม็ ในหน้าที่ปกครองดูแลผู!้ ดบ้ ังคับบัญชาระดับกรม เปน็ ดน้เมื่อผู้!หญ่บัานกด็ ี ผู้การกรมก็ดี ได้ทำหนา้ ที่สมบูรณก์ ็ได้ซื่อวา่ ไดท้ ำหนา้ ท่ี“เต็มอำนาจ” คนผมู้ ีอำนาจเต็ม และได้ทำหน้าท่เี ต็มอำนาจ เขาผ้นู ้นั ควรไดร้ ับการยกยอ่ งอยา่ งสงู สว่ นผู้มีอำนาจเต็ม แตท่ ำหน้าทีไ่ ม่เต็มอำนาจทำหนา้ ท่ีอยา่ งมเี ลศนัย มผี ลประโยชน์อนั ไมช่ อบธรรมแอบแฝงถือว่าปฏบิ ัติหนา้ ที่บกพร่อง ในยุคปัจจุบันคนเรามคี วามมักใหญ่ใฝ่สูงทะเยอทะยานอยากได้ตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต อยากมีอำนาจเตม็ แตแ่ ทบจะไม่มีใครเลยได้ทำหน้าท่ีเต็มอำนาจ สุดทา้ ยใหญแ่ บบลกู โปง่ พองลม มีอนั ด้องแตกดบั ไปในท่ีสุด หากจะโยงคำวา่ อำนาจเตม็ กับคำว่า เต็มอำนาจ น้ีเขา้ หาหลักเศรษฐกิจ

สุขใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ งี ามพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวก็เข้าไดอ้ ย่างสนทิ ในความเปรยี บเทยี บว่า นายไก่มีเงนิ ๒๐ บาท สามารถซ้ือก๋วยเต๋ียวไดอ้ ่มิ หน่งึ ถอื วา่ เตม็ อำนาจแล้ว สว่ นนายไข่ มีเงินพนั บาทอยากไดเ้ กนิ อำนาจเงนิ พันบาท จึงซ้ือหวยไปพนั บาทผลสดุ ท้าย ก๋วยเตีย๋ วก็ไมไ่ ดก้ ินเงินกเ็ สยี เรียกว่าอยากได้อำนาจเตม็ แตไ่ มท่ ำเต็มอำนาจ หรีอทำเกินอำนาจ สรปุ ก็คือคนในปัจจุบันมุ่งเสวยผลมากกวา่ม่งุ สร้างเหตุที่ถูกกบั ผล หน้าทเี่ ปลี่ยนแปลงไดห้ รือไม่ ตอบวา่ ได้ ขึ้นอย่กู บั สถานการณ์และเหตุปจั จัยเซ่นหนา้ ทที่ หารเมอื่ สมัยมี ผกค. กต็ ้องบงั คับไวว้ า่ มีหนา้ ท่ีในการปราบปราม ผกค. ดว้ ย ถงึ ชว่ งหน่งึ สมัยหนึง่ ก็เปลยี่ นไปวา่ มหี นา้ ที่ในการปราบปรามจลาจลดว้ ย ถึงช่วงหน่ึงสมัยหนงึ่ ก็เปลยี่ นไปวา่ มหี น้าที่ในการพัฒนาประเทศดว้ ย เป็นต้น ซึ่งกข็ ึน้ อยกู่ บั เจตนารมณ์ของประชากรของประเทศน้ันๆ จึงไม่เป็นเรอื่ งแปลกอะไรทขี่ ้าราชการแต่ละเหล่า จะปรบัเปลย่ี นบางหน้าท่ี หากการปรบั เปลย่ี นน้นั เปน็ ไป เพอ่ื ความผาสุกแห่งปวงซน และเหมาะสมด้วยกาลเทศะ เพราะหนา้ ทท่ี ุกหนา้ ท่ีท่กี ำหนดกันข้นึมา สว่ นใหญ่แล้วกเ็ พ่อื ความผาสุกแห่งหมคู่ ณะท้ังสิ้น ส่วนความไม่ผาสุกนั้นแม้จะไม่มใี ครไปกำหนดหนา้ ทไ่ี หก้ ็มคี นคอยจ้องทำอยูแ่ ล้ว เช่น การค้ายาเสพตดิการทจุ รติ คอรร์ ัปชนั เหลา่ นไี้ มม่ ใี ครไปกำหนดหน้าที่ใหเ้ ขาทำ แตก่ ็ยังมคี นพยายามทำท้ังที่ทำไปแลว้ จะต้องถูกจับ ถูกประหารชวี ิต เขาก็ไมข่ ยาดขลาดกลัว เราจึงมหี นา้ ทใี่ ห้ตำรวจคอยจับ มหี นา้ ทีใ่ หศ้ าลคอยพพิ ากษาเปน็ ตน้ การกำหนดหนา้ ท่ตี ้องให้สอดคลอ้ งกบั เป้าหมาย หมายความวา่ในกลุ่มน้ัน สังคมนน้ั เขามีเป้าหมายร่วมกันอย่างไร และมใี ครเปน็ ผู้อาสาที่จะทำเปา้ หมายนัน้ ใหส้ ำเร็จ และจะสำเรจ็ ไดโดยวธิ ใี ด คำว่า โดยวธิ ีใดน้แี หละทส่ี งั คมน้ันจะตอ้ งนำมาเขยี นกำหนดเป็นหนา้ ที่ ๑ , ๒, ๓ใหผ้ ู้อาสาไดน้ ำไปปฏิบตั ิ เชน่ หม่บู า้ นสันตสิ ขุ มีความม่งุ หวังทีจ่ ะเห็นลกู หลานอา่ นออกเขยี นได้ กไ็ ด้คดั เอา นายบญุ มี มสี ุขผ้เู คยผ่านการบวชเรียนมากอ่ น เปน็ ผอู้ าสาสอนให้โดยใหม้ ีหนา้ ท่ีดังนี้ ๑ - ๒ - ๓ เมอื่ จบกระบวนการแล้วปรากฏว่า

สุขใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทด่ี ีปา๋ มเดก็ ทกุ คนอ่านออก เขยี นไดต้ ามความมุง่ หมายของซาวบ้านสันติสุข นน้ั คอืผลของการทำหนา้ ที่เต็มอำนาจของ นายบญุ มี ชาวบา้ นมาระลกึ ถึงบุญคุณของ นายบญุ มี แล้วอยกู่ นั ไม่เปน็ สขุ หากไม่ได้บูชาคณุ นายบญุ มี ทีท่ ำใหล้ ูกหลานอา่ นออก เขียนได้ จึงพรอ้ มใจกนั จดั ให้ลกู หลานไดไ็ หว้ครู และมอบของให้นายบุญมี อย่างเต็มกำลัง คอื เตม็ อำนาจทช่ี าวบา้ นมี ตวั อย่างทีย่ กมานคี้ ือกระบวนการในการกำหนดหน้าทใ่ี ห้สอดคล้องกับเปา้ หมายจนถงึผลสดุ ท้ายทพ่ี ว่ งมาคือ รางวัลซ่งึ นอกหน้าที่ แต่ถกู บงั คบั ใหม้ ีดว้ ย อำนาจแหง่ คณุ ธรรมในใจของชาวบา้ น แม้หนา้ ที่ขา้ ราชการอืน่ เซน่ ทหาร ตำรวจหรอื งานเอกซน กเ็ ซน่ เดียวกัน ยอ่ มไม่ทง้ิ หลกั การนี้ มีหนา้ ทีแ่ ล้วไม,ทำหนา้ ที่ มีผลเป็นอยา่ งไร ประเดน็ น้ตี อ้ งแยกออกเป็นสองคำตอบ คอื ๑. หนา้ ทน่ี ัน้ ชอบธรรมหรือไม, ๒. ผปู้ ฏบิ ตั ิมีความชดั เจนเพียงใด ขอ้ แรกหน้าที่ชอบธรรมหรอื ไม่ ทำไมตอ้ งมคี ำถามนี้ เพราะทา่ นพุทธทาสกเ็ ทศน์เสมอว่า ธรรมะคอื หนา้ ที่ แต่ในความเปน็ จรงิ แล้วหากผนู้ ำกล่มุ ซนไปกำหนดหน้าที่ให้เราทำในสิ่งท่ีผดิ กฎหมาย หรือศลี ธรรมแล้วหน้าที่น้นั กไ็ มค่ วรไดช้ อื่ ว่าธรรมะ และเราก็ไมค่ วรปฏิบตั ิ แต่หากเปน็ หน้าท่ีอันชอบธรรมเซน่ ครมู ีหนา้ ท่ีสอนหนงั สอื ให้ความรู้นกั เรยี น ก็ต'ิ'องทำ ถา้ไม,ทำ ขาด ลา เปน็ ประจำ เข้าบอ่ นไก่ เล่นไฮโล ก็มีห'วงั ถูก'ไลอ่ อก สำหรับคำตอบท่ี ๒ คือ ความเขา้ ใจในหนา้ ท่ีท่มี ีผลสำคญั เหมือนกัน เพราะถา้ ไม่เขา้ ใจทำผิดไปแลว้ ผลเสียกต็ ้องเกิดขนึ้ เซ่น ชาวสวนฝากหน้าท่รี ดนา้ํ ตน้ ไม้ไว้กับลงิ ๆ ไมเ่ ขา้ ใจวิธกี าร แต่มใี จรักในหน้าที่ เม่อื จะลงมือปฏบิ ตั ิ แทนท่ีจะตกั นา้ํ รดเลย มันก็ถอนตน้ ไม่ขนึ้ มาดกู ่อนว่ารากยาวสน้ั ขนาดไหน ถ้ารากยาวกต็ ้องรดนํา้ เยอะ ถา้ รากส้นั กร็ ดน้าํ น้อย ถอนขึ้นมาดูแลว้ กผ็ ิงไว้เหมือนเดมิพ ร้อม กับ รด นาใหส้ ม ด ุล ก ับ ค วาม ยาวข อ งราก ในท สี่ ุด ตน้ ไมก้ ต็ ๆย น่คี อืผลของความไม่ชัดเจนในหน้าท่ี พดู เรื่องหนา้ ท่ีมาพอสมควร แต่ยงั จบไมไ่ ด้หากไมไ่ ดพ้ ดู ถงึคณุ ธรรม เพราะหน้าที่นัน้ เปรียบเหมอื นเปลอื กของตน้ ไม้ สว่ นคุณธรรม

สขุ 'ใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชวี ติ ทด่ี ปี ๋'เมเปรียบเหมือนแกน่ ของต้นไม้ แก่นนีแ่ หละเป็นทีม่ งุ่ หมายของทุกคน ปจั จบุ ันทุกวงการ ทกุ สงั คม เรยี กร้องคณุ ธรรม จรยิ ธรรมกันมากเหลือจนมหี ลายโรงเรยี นขนึ้ ปรัชญาโรงเรยี นว่า “ความรคู้ ู่คุณธรรม” คณุ ธรรมคืออะไร ทำไมจึงเรียกหากันนัก จกั หาไดท้ ่ไี หน คำถามเหลา่ นเ้ี ปน็ ส่ิงทเ่ี ราจะต้องคุยกนั ตอ่คำวา่ คุณธรรม ในพจนานุกรม ใหค้ วามหมายวา่ หมายถึงสภาพคณุ งามความดี พดู สน้ั ๆ กค็ ือ ความดงี ามนัน่ แหละ เชน่ ความเมตตา กรุณา มทุ ติ าอุเบกขา ความมสี ติ มีสมาธิ ความกตญั ญู เปน็ ตน้ น่นั แหละ ซึง่ มีมากมายนักมากพอๆ กับความไม่ดี ไม่งาม แลว้ จะหาไตท้ ่ีไหน ความดงี ามทั้งหมดท่ีกล่าวมานเี้ ปน็ นามธรรม ฉะน้ันการจะหาความดงี ามท้ังหลายทงั้ ปวงนี้ จึงไม่ต้องไปหาทีอ่ ่ืน หาท่ีใจนนั้ แหละ ตน้ ไม้ภเู ขามนั ไม่มี แตใ่ จท่ไี ปเห็นตน้ ไม้ภูเขาแลว้ เกดิ ความคดิ เกอ้ื กูลสร้างสรรค์ นน่ั แหละคือคณุ ธรรม แต่ถา้ ใจไปเหน็ ตน้ ไม้ แล้วอยากตัดมาขาย เหน็ ภูเขาแล้วอยากทำลายมาขายใหไ็ ดเ้ งนิเยอะๆ น่ันแหละคือความไมด่ ีไมง่ าม ไมจ่ ดั เป็นคณุ ธรรม ทีนก้ี ค็ งจะถึงประเด็นทมี่ ุง่ หมายแลว้ วา่ ทำไมจงึ ตั้งซอื่ วา่ หน้าท่ีกับคณุ ธรรม คำตอบก็คอื เนอ่ื งจากมนุษยเ์ ปน็ สัตวส์ งั คม แต่ละสังคมต้องมีผนู้ ำ และผู้'นำที่ด'ี จำเปน็ ตอ้ งมีท้ังหนา้ ท่ีและคุณธรรม ส่วนมากผูน้ ำมักจะเขา้ ใจผดิ ว่า เราจะต้องบงั คับสง่ั ใหค้ นอนื่ ทำโนน่ ทำน่ี อยากทำอะไรกบ็ ังคับเอา จนผู้ถกู บังคบั ผ่ายผอมอดตาหลับขบั ตานอนทำตามคำส่ังจนลมื ดูแลครอบครัว เพราะคิดว่าต้องทำหน้าทใ่ี หด้ ที ่ีสดุ ตามทน่ี ายสง่ั สดุ ทา้ ยครอบครัวลม่ สลาย นค่ี อื การเนน้ ทค่ี ำวา่ หน้าท่ี ดว้ ยความเขา้ ใจผิด มนุษย์ม ิใช ่เค รอื่ งจ ัก ร ม ีค ว าม ร ู้ส กึ ม ีค ว าม เม ื่อ ย ล า้ ม คี ว าม ถ ว ลิ ห าพ ่อ แ ม ่ล ูก แ ก ว้เมียขวัญ แต่เม่อื ถกู อ้างหน้าท่ีมาบงั คบั ความรกั ความผูกพนั ในครอบครัวก็ถูกเผาผลาญใหเ้ หอื ดแห้งดว้ ยไฟคือความโลภในบำเหนจ็ รางวัล และยศตำแหนง่ ทีส่ ูงขึน้ ชีวติ มนษุ ยต์ าดำๆ แท้ๆ กลบั ไรค้ วามหมาย สังคมไทยขาดคณุ ธรรมไมไ่ ด้ ท่านผู้ฟ้งคงภมู ิใจในคำพูดอ้นทรงเกียรติท่โี ลกมอบให้แก่ถิ่นสยามว่า “ย้ิมสยาม” ซึง่ เปน็ มรดกที่บรรพบรษ

สขุ ใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพื่อชวี ติ ท่ดี ้ปา้ มท่านสรา้ งไว้ แต่ปจั จุบนั คำวา่ หน้าทีก่ ำลังบดบงั รอยยิม้ สยาม ไทยได้นามความเป็นไทยเต็มภาคภูมเิ พราะคณุ ธรรม หากคณุ ธรรมแห้งเหือดไปเมื่อใดความเปน็ ไทยก็คงแหง้ เหอื ดไปเมอื่ น้ัน กลายเปน็ ความเปน็ ทาสแทน คือทาสความโลภ ความโกรธ ความหลง ถึงเวลาแล้วที่เราทั้งหลายจะได้หนั หนา้เข้าหากนั เอ็นดูช่วยเหลอื ผู้นอ้ ยเต็มอำนาจของผู!้ หญ่ (เต็มใจ) ผ้นู ้อยเคารพชว่ ยเหลือผู้!หญเ่ ตม็ อำนาจท่ผี ู้นอ้ ยจะทำได้ เอาใจเขามาใสใจเรา เรารักสขุเกลยี ดทุกข์เทา่ ใด เขาก็รักสขุ เกลยี ดทุกข์เทา่ น้ัน สภาพจติ ใจที่เปน็ อยา่ งน้ีของท้ังสองฝ่ายซึ่งมไิ ด้เขียนไว่ในบทบาทและหนา้ ท่ี น่ีแหละคือคณุ ธรรม ดว้ ยวิธีการคิดอย่างน้ขี องเราท้งั หลาย และพยายามถ่ายโอนกระแสความคดิ เชน่ นใ้ี ห้กว้างไกลออกไป ๆ ลังคมไทยเรากจ็ ะมรี อยยม้ิ ที่สดใสยง่ิ กวา่ เดมิ เปน็ ลงั คมที่ หน้าทีก่ บั คุณธรรมจบั มอื กัน เหมือนตน้ ไม้มีทงั้ เปลอื กและแกน่ หน้าทเ่ี หมือนเปลือกคณุ ธรรมเหมอื นแกน่ แม้!ทยเราจะเปน็ ประเทศท1ี่ไม่รํา่ รวยดุจอารยประเทศ แตล่ ้าไพร่ฟา้ หนา้ ใส มืนํา้ ใจต่อกนั ทั้งผใหณแ่ ละผ้นอ้ ย เรากจ็ ะอยร่ ว่ มกันอย่างมีความสฃตลอดไป

สุขใจทีไ่ ด้อา่ นสารธรรมเพอ่ื ซวี ิตทีค่ ีป่ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ ความรอั น” เมอื่ พดู ถึงความรอ้ น หากจะแยกประเภทสาเหตุทีเ่ กดิ ใหญ่ ๆ ก็ได้๒ ประเภท คือ ๑. ความรอ้ นท่ีเกดิ จากเหตภุ ายนอก เช่น จากแสงแดด จากไฟ เป็นดน้ ๒.ความรอ้ นจากภายใน ไดแ้ ก่ความร้อนท่เี กิดจากกเิ ลสตัณหาในบรรดาความรอ้ นท้งั ๒ ประการน้ี ความร้อนทเี่ กดิ จากภายนอกยงั พอมีคุณประโยชนอ์ ยู่บา้ ง เช่น แสงแดดชว่ ยให้การตากผา้ แหง้ ง่าย ชว่ ยในการสงั เคราะหแ์ สงของตนั ไมช้ ่วยให้นํ้ากลายเป็นไอแล้วกลน่ั ตวั เป็นฝน เป็นด้นสว่ นความร้อนที่เกิดจากไฟกย็ งั ชว่ ยใหก้ ารหงุ ตม้ อาหารสำเรจ็ ไดห้ นา้ หนาวกช็ ่วยให้อ่นุ ได้ เปน็ ด้น แต่ความร้อนทเ่ี กดิ จากกเิ ลสตณั หาในจิตใจคนเราน้ีมีแต่จะใหโ้ ทษอย่างเดยี ว ในที่น้จี ะกลา่ วถงึ ความร้อนทเี่ กดิ จากเหตุภายในเฟ้อเห้เด้รจู ํกหนา้ ค่าตาชดั เจนจะ เด้ปอ็ งกนั บรรเทาเต่ถูกตอ่ ง เมเหรุมแผดเผาเราร่วมกับความรอ้ นภายนอกท่ีกำลังแผดเผาอย่ใู นขณะนี้ หลายท่านอาจจะเคยไดย้ ินเรอ่ื งสงกรานตใ์ นแต่ละปี ซง่ึ มตี ำนานสงกรานตเ์ กย่ี วกบั เร่อื งศีรษะห้าวมหาพรหม ทก่ี ลา่ วว่ามคี วามร้อนมากถึงขนาดตกลงในมหาสมุทร นํ้าก็จะแหง้ ตกลงในดนิ ไฟกจ็ ะไหม้ โยนข้นึ ไปในอากาศฝนก็จะแล้ง จากตำนานตอนน้แี สดงวา่ ศีรษะห้าวมหาพรหมร้อนมากถา้ หากจะเชือ่ ตามตำนานในลกั ษณะนีก้ ็คงไม่ได้ประโยชน์เตม็ ที่ จึงใครข่ อไขปริศนาธรรมตามหลักธรรมในทางพระพทุ ธศาสนา เผื่อจะมที างปฏบิ ัติได้บา้ ง หากจะเปรยี บศรี ษะหา้ วมหาพรหมตามตำนานสงกรานต์ กบั หลกัธรรมในทางพระพทุ ธศาสนาแล้ว กเ็ ปรยี บได้กับหลกั พรหมวิหารธรรม ๕ประการ คอื เมตตา กรณุ า มุทิตา อุเบกขา มี ๔ ประการเท่ากับจำนวนหน้าของหา้ วมหาพรหมทเ่ี รียกวา่ พรหม ๕ หนา้ ทกี่ ลา่ วว่าศรี ษะของห้าวมหาพรหมถ้าตกลงในมหาสมทุ ร น้าํ จะแหง้ นา้ จะเปรียบได้กบั การที่หลักพรหมวหิ ารธรรมตกไปจากมหาสมทุ ร ซึ่งจะลง่ ผลให้เกดิ การทำลายลา้ ง

สธใจท่ีได้อ่าน สารธรรมเพือ่ ชวี ติ ทีด่ ีปา่ มทรพั ยากรทางน้าํ อย่างไรค้ วามปรานีข้อทว่ี า่ ถ้าศีรษะท้าวมหาพรหมตกไปในแผน่ ดินไฟจะไหมโลกน้นั นา่ จะเปรยี บได้กับ ข้อว่าถ้าศรี ษะทา้ วมหาพรหมตกไปจากแผ่นดนิ แผน่ ดนิ จะลกุ เปน็ ไฟ ขอ้ ที่ว่าถา้ ศีรษะทา้ วมหาพรหมตกไปในอากาศ ฝนจะแลง้ นัน่ เปรยี บไดก้ ับขอ้ ทว่ี า่ ถา้ หลกั พรหมวหิ ารธรรมตกไปจากอากาศกจ็ ะเกิดฝนแลง้ สรุปแลว้ หากจะแบ่งการเปรียบเทียบมหาสมทุ ร แผน่ ดนิ และอากาศเทา่ กบั คนช้ันตา ชนั้ กลาง ชัน้ สงู และศรี ษะทา้ วมหาพรหมเปรยี บได้กับหลกั พรหมวิหารธรรมแลว้ กไ็ ดค้ วามวา่ หากพรหมวหิ ารธรรมหลุด หรอืตกไปจากคนกลมุ่ ใด คนกลุ่มนนั้ จะประสบกับภาวะรุ่มร้อนถงึ กบั เหอื ดแห้งและมอดไหมไปในท่สี ดุ ถา้ ถอื ตามมตนิ ้ีก็เป็นอันเช่ือไดว้ า่ คำวา่ ศรี ษะท้าวมหาพรหมตกไปในน้นั ทีถ่ กู ต้องตอ้ งเป็นตกไปจาก เชน่ ตกไปในมหาสมุทรเป็น ตกไปจากมหาสมทุ ร ทีน้ี ลองมาพิจารณาดวู า่ ทำไมพรหมวหิ ารธรรมจงึ เป็นหลักธรรมสำคญั ท่ีผดุงสงั คมใหอ้ ยอู่ ยา่ งรม่ เยน็ เป็นสุขได้ ปญั หานีห้ ากจะวเิ คราะห์ให้เหน็ เน้ือธรรมซดั เจนแลว้ เราอาจเปรียบหลักพรหมวิหารธรรมทัง้ สี่กับหัวใจทง้ั สี่หอ้ งของเราได้ คือหอ้ งท่ี ๑ เปน็ หอ้ งเมตตา คอื ความรักความปรารถนาดิตอ่ ตนเอง และผู้อนื่ เพ่ือใหต้ นเองและผู้อน่ื เป็นสขุ หอ้ งที่ ๒ ห้องกรณุ าคือความคดิ ที่จะช่วยเหลือเกอ้ื กลู ผูอ้ นื่ ใหเ้ ขาได้ดิมสี ขุ ไมค่ ดิ ซา้ํ เตมิ เม่ือเหน็เขาตกทกุ ขใ้ ด้ยาก หอ้ งที่ ๓ หอ้ งมทุ ติ า ความพลอยยินดเี มือ่ เหน็ คนอื่นได้ดีมสี ขุ และห้องที่ ๔ ห้องอเุ บกขา ความวางใจเป็นกลางในอารมณ์ เมื่อจิตใจของเราแตล่ ะคนมีหลักพรหมวหิ ารธรรมประจำทั้ง ๔ หอ้ งเชน่ น้จี ิตใจของเราจะสงบเยน็ ด้วยอำนาจแห่งเมตตา เม่ือจติ ใจของแตล่ ะคนต่างก็สงบเย็น ผลโดยรวม กย็ ่อม ท ำให ้สงั คมสงบ เยน็ ไป ด้วย ปัจจุบันนี้ นอกจากเราจะเจอกับสภาพของอากาศทีร่ อ้ นอบอัาวหรืออาจเรยี กว่าถงึ ชั้นระอแุ ล้ว เรายังเจอกบั สภาพลงั คมระอุอกี ดว้ ย ระอุเพราะความร้อนทอ่ี อกมาจากภายในใจของแต่ละคน เชน่ ความเห็นแก่ตัว

สขุ ใจทึ่ใด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชีวติ ทดี่ ีงามหรือความเหน็ แก1ไดโดยไม'คำนึงถึงว่าจะได้สง่ิ ทีต่ ้องการน้นั มาโดยวธิ ีใดทุจริต หรือสจุ รติ จงึ เปน็ เหตุให้มกี ารด้ายาปาั ยาเสพตดิ ฉอ้ โกง ทุจรติคอร์รัปชัน ฉกชิงวงิ่ ราวหรืออาจถึงขนั้ ปล้นฆา่ เจ้าทรพั ย์ เพ่อื ให็ใตส้ ง่ิ ของทต่ี ้องการมา นก่ี ็เป็นเพราะไฟของความโลภเผาผลาญจิตใจ ทำให้รมุ่ รอ้ นจนเป็นผลร้ายต่อตนเอง และสังคม คนที่มุ่งคิดแตจ่ ะไตเ้ พอื่ ตนเองโดยไม่คำนึงถึงหลกั ศีลธรรม หรอื กฎหมายของสังคมน้ัน ไต้ช่ือว่าทำลายตนเองเป็นอนั ดบั แรก คอื ทำลายศีลธรรมจรรยาอันเป็นเคร่อื งรบั ประกนั ความเปน็มนษุ ยข์ องตนเองให้หมดไป เมอ่ื ศลี ธรรมจรรยาซ่งึ เปรยี บเสมือนเสาหลกั ของสงั คมถูกทำลายไปตนเองกจ็ ะถกู เสาหลักนน้ั แหละล้มทบั ในที่สดุ ท่ีกลา่ วมานีอ้ ยากให้พจิ ารณาดูความร้อนท่ีเกดิ จากเหตุภายในวา่ มีผลร้ายต่อตนเองและสงั คมขนาดไหน และถา้ หากดวงใจแตล่ ะดวงขาดพรหมวหิ ารธรรม ซึง่ เปรียบเสมือนพรหมศรี ษะขาดแล้ว สังคมท่ีเราอาศัยอยนู่ จ้ี ะเรา่ ร้อนขนาดไหน พดู ถึงความร้อนผมขอนำเร่ืองหนง่ึ มาเลา่ เป็นข้อคดิ ใหท้ ำนได้พจิ ารณา ซึ่งก'็ จำมาอีกท,ีหนง่ึ เรื่องยอ่ มีอยวู่ ่า นกั ปราชญ์ทำนหนึ่งเดินไปพบชา่ งแกะสลักหินอยสู่ ามคนท่ามกลางแสงแดดทีร่ อ้ นระอุ เหงื่อไหลไคลย้อยกนั หมด นักปราชญ์เดนิ ไปถามช่างคนแรกว่า ทำอะไร? ช่างคนแรกตอบด้วยความโมโหวา่ แกะสลกั หนิ ไม,เห็นเรอ๊ ะ/นักปราชญ์ยมิ้แลว้ ก็เดินจากไป ไปเจอช่างคนท่ี ๒ นกั ปราชญก์ ถ็ ามวา่ ทำอะไร? ชา่ งสลักหนิคนที่สองตอบว่า เอ่อ/ทำมาหากนิ นักปราชญอ์ มยิ้มแลว้ กเ็ ดินจากไป ไปถามชา่ งแกะสลักคนท่ลี ามวา่ กำลงั ทำอะไร? คนที่สามตอบอยา่ งตนื้ ตันใจวา่โอ../ขา้ พ เจา้ กำลงั สร้างมหๆวหิ าร ทา่ นจะคดิ อยา่ งไรเม่ือไต้พงิ คำตอบจากคน ๓ คน ทำงานอย่างเดียวกนั ในอากาศทรี่ ้อนอบอ้าวเหมอื นกันไตค้ ่าจา้ งเท่ากัน แต่มือยา่ งหนึ่งที่แตกต่างกนั คอื จุดมุง่ หมายของผูก้ ระทำ คนแรกทำดว้ ยคดิ วา่ ทำตามคำสงั่ซง่ึ รู้สกึ ว่าถูกบังคับใหท้ ำ เหมอื นคนเราท่ถี กู ความรสู้ กึ อยากเอาความดไี ปอวดเขาจงึ !]นทำความดี ประเภทน้ยี ังร้อนท้ังขา้ งนอกท้ังขา้ งในอยู่ คนท่สี องทำงานเพ่อื ใหไ้ ตเ้ งนิ ประเภทนีก้ ย็ งั อันตรายอยู่ เพราะเหน็ แก่ผลตอบแทน๖๐

สุขใจทีไ่ ด้อา่ น สารธรรมเพื่อชีวติ ทดี่ ีงามมากเกินไป อาจทำให้ลืมคำนึงถึงกฎศลี ธรรมจรรยา อาจต้องค้ายาเสพติดทุจริตคอรร์ ปั ชนั เลน่ การพนนั ขนั ต่อ ประเภทน้ีกย็ ังตกอยูภ่ ายใตอ้ ำนาจของความรอ้ นที่มาจากเหตุข้างในอยู่ ส่วนคนท่ีสาม ทำงานเพ่ืองานเพ่ือความดีงามของสังคม เพื่อฝาก!]มือไวให้เปน็ อนุสรณ์ กบั อนุชนรนุ่ หลงั จากเร่ืองทีเ่ ลา่ มานี้พอจะไตค้ ตวิ า่ แม้แดดจะร้อนเพียงใด อากาศจะอบอา้ วขนาดไหน หากจติ ใจร่มเย็นแลว้ ยอ่ มทำให้เรารู้สึกสบาย และไค้กำไรชวี ิต อยา่ งคนทค่ี ิดอยา่ งสร้างมหาวหิ าร เขาไดค้ ่าจ้างดว้ ย ได้ความสุขใจดว้ ย สขุ ใจท่ีได้มืโอกาสฝาก!]มือไวใ้ นโลก แต่ถ้าคดิ อยา่ งช่างคนแรกก็แทบไมไ่ ดอ้ ะไรเลย เป็นความคดิ ทต่ี ีบตันเรา่ ร้อน จากเร่อื งนี้จงึ ไดข้ อ้ สรปุ วา่สุขหรอื ทุกข์ รอ้ นหรอื เยน็ เอาใจวดั จึงจะตัดสนิ ได้ ฉะนัน้ ในชว่ งทีอ่ ากาศร้อนอบอา้ วเชน่ น้ีกไ็ ดโี ปรดหลบร้อนเข้าไปอย่ใู นหวั ใจพรหมวิหารธรรมคอื เมตตา กรณา มหติ า อเบกขาแล้ว ท่านจะร้สึกเยน็ สบาย

สขุ ใจท่ใี ดอั ่านสารธรรมเพอี่ ชีวติ ทด่ี ีงามโดย....คณะอนุศาสนาจารยท์ หารบก “ คมั ภรี ช์ วี ติ ” “เป ีด ค มั ภ รี ์ ชีวติ คดิ วางแผน เขยี นแบบแปลน สทู่ าง ท ่ีส ร ้า ง ส ร ร ค ์ ท ุก ก า้ วยา่ ง วางค ัม ภ รี ์ ห น ีท า ง ต นั ทุกค'วามปน ส ำเรจ็ ได้ ด ้วยค มั ภ รี ์’’ ชีวติ คอื การเดินทาง “เดินไป ก้าวไป” แลว้ แตใ่ ครจะเดนิ ไปก้าวไปไดก้ ม่ี ากน้อย บางคนเดนิ ไปได้ ๕๐ ปี ๖๐ ปี ๗๐ ปี บางคนเดนิ ไปไดถ้ งึ ร้อยกวา่ ปี แตบ่ างคนเดนิ ไปไดแ้ ค่ ๒๐- ๓๐ ปี กต็ ้องหยุดเดนิ คอื ตอ้ งจากโลกน!ี้ ปเสยี ต้ังแต่เมื่อมีอายุยังนอ้ ยๆ ซาํ้ รา้ ยทส่ี ุด บางคนเกิดมายังไมท่ ันเดินได้ด้วยซาํ้ ไป ก็พลนั ตอ้ งจากไปต้งั แต่แบเบาะวัยทารก เพราะอะไรจงึ เป็นเซน่ น้ี?เพราะกฎแห่งกรรม “ย0 กมมฺ ํ กริลสฺ ติ กลยาณํ วา ปาปก0 วา ตสสุ ทายาโทโหติ บคุ คลกระทำกรรมใดไวั จะดีหรอื 'ชว่ั กต็ าม ย่อมเป็นทายาทคอื เจ้าของแหง่ กรรมนั้น “อยา่ งหลีกเลีย่ งมไิ ด้ นี่คือหลักคำสอนอนั เปน็ คำสอนหลกัในทางพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ มุ่งเนน้ ให้ทุกคนละชั่ว - ทำดี - มีใจละอาด เหมือนตกั นํา้ สกปรกออกจากโอง่ แลว้ เอานํา้ ดีใสเ่ ข้าไป ทำให้น้ํานั้นเป็นนา้ํ ท่สี ะอาดปราศจากสิ่งท่เี ป็นพิษ จนสามารถ'ใช้เปน็ 'นํ้าด่ืมนา้ํ ใ'ชีได้เปน็ 'อย่างดี แตก่ ารท่ีคนเราจะละชั่ว - ทำดี - มีใจสะอาดได้น้นั จะตอ้ งมีเครอ่ื งมอื หรืออุปกรณ์ในการดำเนินการจงึ จะทำไดส้ ำเร็จให้ได้ผลดเี ปน็ รูปธรรมที่เดน่ ชดั เครอื่ งมือหรอื อปกรณด์ ง้ กลา่ วน้ีคอื อะไร คือ “คัมภรี ์ชีวิต” ซึง่ เปน็ เสมอื นหนึ่งเข็มทศิชว่ ยชีทิศทาง ในการเดนิ ทางของมนษุ ยท์ งั้ หลาย เข็มทศิ ชที้ ิศทางในการเดินทางไดฉ้ นั ใด คมั ภีร์ชวี ติ กย็ ่อมซ้ที ิศทางในการดำเนนิ ชีวิตได้ฉันนนั้ตา่ งกนั แต่ว่า เขม็ ทิศเป็นรูปธรรม สามารถสมั ผสั แตะต้องมองเหน็ ได้ด้วยมงั สจกั ษุ คือนยั นต์ า ส่วนคัมภรี ช์ ีวิตเป็นนามธรรม สัมผสั แตะต้องมองไม่เหน็ แตย่ ่อมรไู ดด้ ว้ ยจิตใจและพิสูจน์ กนั ไดด้ ้วยพฤตกิ รรมหรือการกระทำของแต่ละบุคคล ทไ่ี ดแ้ สดงออกมาใหป้ รากฏในภายนอก เรียกวา่ นามธรรมยอ่ มอาศัยรูปธรรมเปน็ เครอ่ื งปรากฏ๖๒

สุขใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวิตทดี่ ง้ าม ถ้าจะเปรยี บเทยี บให้ซัดเจนอกี ประเด็นหนง่ึ พอมองเห็นไดก้ ค็ ือ การกอ่ สรา้ งอาคารสถานท่ี เช่น ตกึ ใหญ่ๆ หรอื แมแ้ ต่บ้านพกั สักหลงั หน่งึนายช่างวศิ วกรและสถาปนกิ จะตอ้ งออกแบบแปลน คอื เขยี นแบบการกอ่ สร้างอาคารนน้ั ๆให้สำเร็จกอ่ น เขียนให้ถกู ตอ้ งไตม้ าตรฐานตามเกณฑ์ที่เจ้าภาพหรอื เจ้าของกำหนดให้ เมอื่ ผา่ นการตรวจแบบและไตร้ ับอนญุ าตแลว้ จึงจะสามารถนำแบบแปลนนัน้ ไปใหด้ ำเนินการก่อสร้างไต้ ฉันใดกด็ ีชวี ติ คนเราแต่ละคนกฉ็ นั นน้ั เหมือนกนั ตอ้ งให้ช่างคอื บิดามารดา เป็นนายช่างผอู้ อกแบบ เขยี นแบบแปลนชวี ติ ใหล้ ูกเต้าเหล่าหลานไต้เดินทางไปในทางท่ีถกู ตอ้ ง เหมาะสม เพ่อื ให้!ต้ผลดีคุม้ ค่าสมกับการลงทุนในวนั ข้างหน้าเช่น เขียนแบบชวี ิตใหล้ กู เดินในตา้ นการศกึ ษาให้ลกู ไต้ศึกษาเล่าเรียนต้ังแต่การศกึ ษาภาคบงั คบั ไปจนถงึ การศกึ ษาชนั้ สงู ในระดับปริญญาตร-ี โท-เอกรวมท้ังการศึกษาในเชิงปฏบิ ตั ิ คอื การศกึ ษาวิชาชพี เพื่อนำเอาความรนู้ นั้ ๆไปประกอบอาชพี ในเชงิ การค้าและในเซิงธรุ กิจไต้อย่างเต็มที่ หรืออาทิพ่อแมเ่ ขยี นแบบชีวิต ให้ลกู ในต้านการพัฒนาเสริมสร้างลักษณะอุปนิสัยที่พึงประสงค์ทางคุณธรรม จรยิ ธรรมและศีลธรรมอันดงี ามทางสงั คม โดยการปลูกฝืงแนวความคดิ อุดมคติ อบรมสัง่ สอนใหล้ ูกของตนเปน็ คนดมี ศื ีลธรรมมีความอดทน มคี วามขยันหม่นั เพียร ตั้งใจศึกษาเลา่ เรียน ต้ังใจทำงาน - ทำหน้าที่ของตนให้ดี ใหล้ ูกๆ ไตด้ ำรงตนอยูในเส้นทางชีวิต หรอื แนวทางท่ีพึงประสงค์ของสังคม วิธีการดงั กล่าวแลว้ นก้ี เ็ ป็นตัวอย่างของการเขียนแบบชีวิตใหล้ กู เดนิ โดยนายชา่ งคนสำคัญคอื พอ่ แม่ นอกจากพ่อแมแ่ ล้ว นายช่างคนอน่ื ๆ กม็ อี ีก เชน่ ครบู าอาจารย์ผ้ปู กครอง ผชู้ แ้ี 'นะและผู้แนะ'นำพร่ําสอนทง้ั หลาย แต่ละทา่ นแต่ละคนลว้ นมสี ว่ นในการเขยี นแบบแปลนชวี ติ ให้เรา - ทา่ นท้ังหลายไตน้ ำไปดำเนนิ ชวี ิตในทศิ ทางท่ถี ูกตอ้ งและเหมาะสมดว้ ยกันท้งั สน้ิจึงเป็นอนั กล่าวไตว้ า่ คมั ภีร์ชีวิต หรือแบบแปลนในการดำเนนิ ชวี ติ มีความจำเป็นและสำคัญอย่างย่ิง สำหรับชีวติ มนุษย!์ นทุกรปู นามและในทกุ รปู แบบไมว่ า่ ท่านจะอยู่ในวัยใด วยั เด็ก วัยกลางคน หรือวัยผู้ใหญ่ ไม,ว่าทา่ นจะอยู่ในอาชีพใด อาชีพรบั ราชการ อาชีพรบั จา้ ง อาชีพซาวไร-่ ชาวนา ท่าการ

สุขใจท่ใี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชีวิตที่ดีงามเกษตร อาชีพกอ่ สร้าง หรืออาชพี สว่ นตวั อ่นื ใด ไม่ว่าทา่ นจะอยู่ในตำแหนง่หน้าทใี่ ด เปน็ ผู้นำ ผ้บู ริหาร ผอู้ ำนวยการ ผู้จัดการ ผู้ดำเนินการ ผูร้ บั ใช้ผูใ้ ,หบ้ รกิ าร ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ พอ่ เปน็ แม่ เปน็ ลูกหลาน เปน็ บริวารชน หรอื เปน็คนทีม่ หี นา้ ทีอ่ นื่ ใด ทุกทา่ นทุกคน ล้วนต้องใช้คมั ภีร์ชีวิตในการเดนิ ทางหรอืในการดำเนินชวี ิตทัง้ สิ้น เม่อื จะเดนิ ทางก็ใหเ้ ปดิ คัมภีรด์ ูกอ่ นว่าจะใชค้ มั ภรี ์นี้อยา่ งไร เม่อื เดนิ ทางไปแล้ว เกิดปัญหาหรืออุปสรรคข้อขดั ชอ้ งประการใดกใ็ ห้เปดิ คมั ภีรช์ ีวิตดกู ่อนว่ามนั เป็นเพราะเหตุใด อะไรคือสาเหตุของปญั หาเราจะแก้ปัญหานัน้ ๆ ไตอ้ ยา่ งไร อะไรคือวิธีการแก้ปัญหา ศึกษาหาวิธีการแล้วกด็ ำเนนิ การแกป้ ัญหาจนประสบผลสำเรจ็ น่ีก็ต้องเปิดคัมภรี อ์ กี เชน่ ก้น สาระสำคญั ของคัมภีร์ชีวิตคอื อะไร คือ ธรรมะ ธรรมะในกรณนี ก้ี ็คอื หลักคำสอนในการดำเนนิ ชีวิตน่นั เอง เมอื่ ใช้ธรรมะขอ้ น้ัน ๆ ไตเ้ ป็นอยา่ งดีแล้ว ชีวติ จะดำเนินไปในทิศทางทีพ่ ึงประสงคไ็ ต้อย่างนา่ อศั จรรย์น่คี ือธรรมะเปน็ อศั จรรย์ หรือคำสอนเปน็ อศั จรรย์ ซึ่งขนึ้ อยู่กบั การปฏบิ ตั ิอยา่ งจริงจังของแต่ละบุคคลเป็นสำคญั ยกตวั อย่างเซ่น จะทำงานนี้!หส้ ำเร็จจะตอ้ งใช้ธรรมะข้อใดบ้าง เชน่ การทีผ่ ู้บรรยายธรรมะ กว่าจะนำมาเสนอตอ่ทา่ นผ้อู า่ นไต้ ก็ต้องใชธ้ รรมะหลายขอ้ เหมือนกัน แม้เราจะมีเวลาคนละ๒๔ ช่วั โมงเท่าเทยี มกนั แตก่ ารแบง่ สันปนั สว่ นเวลาของแต่ละคนนนั้มากนอ้ ยไม่เหมอื นกัน ไมอ่ ยากจะใช้คำวา่ มเี วลาน้อยแต่มีภารกิจหรอืหน้าท่ีการงานมากมายเหลอื หลาย จะเขยี นบทความนไ้ี ต้แต่ละครงั้ ต้องจดั สรรเวลา จัดแล้วจัดอกี กวา่ จะลงตัวไต้ แม้แต่คร้งั นีก้ ต็ อ้ งตนื่ นอนตง้ั แต่ต ีส า ม ค ร งึ่ เข ีย น บ ท ค ว าม น ้ีใน ช ่ว ง ต ีส ีถ่ งึ ห ก โม ง เช ้า จ ึง ส ำ เร ็จ ร ปู เป น็บทความมาอ่านให้ท่านไต้อา่ นทุกกว้ นหนา้ น่ีกต็ ้องใชธ้ รรมะ ธรรมะข้อที่ ๑คอื สติป็จจยตา - ความเปน็ ผมู้ ีสติเป็นปจั จยั ตอ้ งกำหนดสตใิ ห้ดี ใหได้ขณะปัจจุบนั อยู่กับงานเขยี นทีท่ ำอย่นู ัน้ ไมใ่ ห้สอ่ งลอยหรือสง่ ใจไปในทีอ่ นื่ ธรรมะข้อที่ ๒คือ ขนั ติ - ความอดทน ถามว่าเหนอ่ื ยไหม? เหนอ่ื ยแน่นอน งว่ งนอนไหม?งว่ ง หิวไหม? หวิ แต่ต้องอดทนเพ่ือความสำเร็จของเม็ดงาน และธรรมะข้อสำคัญท่สี ดุ ทจี่ ะชว่ ยให้เขยี นบทความน!้ื ตส้ ำเร็จก็คอื ปัญญา - ความรอบรู้

สขุ ใจที่ไดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ที'ดีงามหรอื ภมู ปิ ัญญาของผ้เู ขยี น ผู้เขยี นตอ้ งมคี วามรอบร้ทู ัง้ ทางโลกและทางธรรมพรอ้ มทง้ั ประสบการณ์การเรียนรู้ ทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม อย่างน้อยที่สุดกต็ ้องเขียนแบบโครงสร้างของเรื่องนี้ก่อน จงึ 'จะเขยี นเปีนบทความ1โต้ น่ันกค็ ือแนวบรรยาย นน่ั เอง ตัวอยา่ งอน่ื ๆ เซ่น -. - จะศึกษาเล่าเรียนให้ประสบผลสำเร็จจะต้องใช้ธรรมข้อใด? ใช้อิทธบิ าท ๔ คอื ฉนั ทะ - พอใจเรียน, วิรยิ ะ - ขยันเรียน, จิตตะ - ตั้งใจเรยี นและวิมังสา - ใช้ปญั ญาเรียน - จะเป็นพ่อค้าแมข่ าย จะใชธ้ รรมะขอ้ ใด? ใช้'ปาปณิกธรรม ๓ประการ คอื จักขุมา - มีตาดี มคี วามรอบรูเ้ ร่ืองการค้าขายนน้ั ๆ ไค้ด,ีวิธูโร - จดั การค้าขายให้ดี ทำการค้าอย่างมรี ะบบและเปน็ ระเบยี บ รูท้ ุน รู้กำไรทำการคา้ แล้วต้องมกี ำไรอยา่ ใหข้ าดทนุ และ นิสสยสมั ปันโน - ถงึ พร้อมด้วยนิสสยั คือ ต้องรเู้ ขา - รเู้ รา รลู้ กู คา้ เอาใจลูกคา้ ตอ้ นรบั ลกู ค้าใหด้ ีใหม้ ีจติ วิทยาการคา้ เป็นเครือ่ งมีอทำการค้าครบั แล้วท่านจะร่ืารวยโดยท่ัวหนา้ กัน อีกตัวอย่างหน่ึงซง่ึ ไม'พงึ ปรารถนาเลย คอื “ความตาย” กอ่ นจะตายกต็ อ้ งใช้ธรรมะเซ่นกนั คือใชส้ ติกำหนดจับขณะปัจจุบันให้ไค้ ข่มทกุ ขเวทนาอน้ เกิดจากความเจบ็ ปวดใหไ้ ต้ ด้วยอานภุ าพของ พระกรรมฐานทีท่ ่านเจริญ ไค้แล้วนัน้ จะท ำให ท้ า่ น มคี วามส ุขใจก่อน ตาย สคุ ติปาฏกิ ังขา - มสี ุคติเป็นทหี่ วงั ไต้ น่แี หละเขม็ ทิศชี้ทศิ ทางเดนิ แตท่ างดำเนนิ ชีวิตใหค้ ัมภีรช์ ีวติ เปน็ผ้ชู ้ี'ทศิ ทาง “ช ีว ติ น ี้ ม เี คล ด็ ลับ ไมอ่ บั โชคอยบู่ นโลก มีหลกั ใจ ไ ด ้ค ัก ด ศ ร ีพ ล ิก ว ิก ฤ ต เปน็ โอกาส ป ราช ญ ์ยนิ ด ีพ ล ิกค มั ภ รี ์ ชวี ิต คกั ดีส๋ ทธีจ๋ รงิ ”

สขุ ใจท่ไี ดอ้ ่านสารธรรมเพื่อชวี ิตทคี่ ีงามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ จดุ ศนู ยร์ วมแหง่ สกาวธรรม” เม่อื ว่าถึงเร่ืองลัตว์บกท้ังหลายแลว้ ช้างจัดเป็นสัตวท์ ีใ่ หญ่ทีส่ ุดโดยเฉพาะเทา้ ของช้างยอมเปน็ ที่รวมลงของรอยเท้าสัตวท์ ัง้ ปวง ไม่ว่าจะเป็นสัตวเ์ ล็กสัตว์นอ้ ย หรือสตั วใ่ หญ่ประเภทใดก็ตามที เมอ่ื วัดรอยเทา้ กันแลว้รอยเทา้ ช้างยอ่ มใหญก่ วา่ รอยเทา้ สัตวท์ ัง้ ปวง ฉันใดกด็ ี หลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาลนาหรือหลกั สภาวธรรมทัง้ หลาย ก็ฉันน้ันเหมอื นกนั ย่อมมหื สกั ธรรมท่สี ำคญั ยิ่งใหญ่ และเป็นจุดศนู ย์รวมแหง่ ธรรมะหรือสภาวธรรมทง้ั ปวง กห็ ลกั สภาวธรรมท่ีเป็นศนู ย์รวมแหง่ ธรรมทง้ั ปวงน้นั คอื อะไร คอือัปปมาทธรรม อปั ปมาทะ แปลว่า ความไม่ประมาท ความไมป่ ระมาทคืออะไรคือ การไม,อยู่ปราศจากสติ - ความระลึกได้ ในทุกสถานการณห์ รือในท่ีทุกลถานและในกาลทกุ เม่ือ ดงั พระพุทธพจน์ท่วี ่า สติ ลพพตถฺ ปตฺตยิ าแปลว่า เราตอ้ งใชส้ ติกำกบั ในท่ที ุกสถานและในกาลทกุ เม่อื เมอ่ื ทำได้เช่นน้ีภารกิจตามหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจงึ จะประสบผลสำเรจ็ หรอื มีผลดเี ปน็รูปธรรมทเ่ี ด่นชัด ปัญหาทนี่ ่าจะถามต่อไปก็คอื ว่า อัปปมาทธรรมน้ี เราจะใชก้ ับใคร ใชเ้ มือ่ ใด และจะใชไ่ ด้อยา่ งไร จึงจะเกิดประโยชน์ ปัญหาข้อแรกว่า อปั ปมาทธรรมนจ้ี ะใช้กบั ใคร หรือวา่ ใครบา้ งท่ีจะต'องนำ'ไปประยกุ ตไซ้ ตอบวา่ คนทกุ คน มนษุ ย์ทุกหมเู่ หลา่ จะต\"ิ 'อง'ใช้อปั ปมาทธรรมน้ี โดย1ใม1มีขอ้ ยกเวน้ มนษุ ย์ทกุ รปู ทกุ นาม ทุกเพศทุกวยัต้ังแตแ่ รกเกิดจนกระท้งั ก่อนตาย จะตอ้ งใชธ้ รรมะข้อน้ี ถามวา่ จะใช้เมื่อใดหรอื เวลาใด ตอบว่า ใชไ่ ดท้ ุกเวลา ทั้งเชา้ สาย บา่ ย เย็น คาคนื ตลอดกาลและตลอดไป ใชใ่ ตท้ ุกอริ ยิ าบถ ท้งั ยีน เดิน นง่ั และนอน แม้กระทั่งเวลาหลบั กต็ อ้ งหลับด้วยความไม่ประมาท กลา่ วโดยยอ่ คอื๖๖

สุขใจทไ่ี ด้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ท่ีดงี าม “ยืนดว้ ยความไม1ประมาท เดนิ ด้วยความไมป่ ระมาท นัง่ ดว้ ยความไม่ประมาท นอนด้วยความไม่ประมาท” ยนื อย่างไร จงึ จะชือ่ ว่า ยนื ดว้ ยความไมป่ ระมาท ตอ้ งยนื ด้วยสติคือใชส้ ตกิ ำหนดขณะ ปัจจบุ ันในขณะทเ่ี รากำลงั ยืน ให้เรารูต้ วั เราอย่ตู ลอดเวลาท่ีเรายนื วา่ เรายนื ถูกต้องแล้วหรือยัง ยนื ในทท่ี ี่สมควรแลว้ หรอื ยัง ยนืได้ดี ยนื ไดม้ ัน่ คงแลว้ หรอื ยังในขณะที่เรายืน เราเปน็ สุขหรอื เปน็ ทกุ ข์อยา่ งไรใหเ้ ราร้ขู ณะปัจจุบนั ที่เรายนื กล่าวโดยย่อคอื ตอ้ งยืนให้เหมาะสม เว้นโทษของการยนื คือ ต้องไมย่ ืนใหผ้ ดิ ที่ ไมย่ ืนให้ผิดกาล และไม่ยืนให้ผดิ พลาดเมื่อเราใช้สตกิ ำหนดการยืนของเราได้ขณะปจั จุบนั อยู่อย่างนี้ เราก็จะโซคดีมีสขุ ประสบผลสำเรจ็ ในอิริยาบถยนื ต่อไปคือการเดิน เดนิ อยา่ งไรจงึ จะชอ่ื ว่า เดนิ ดว้ ยความไม,ประมาท ตอ้ งเดนิ ด้วยความเป็นผ้มู ีสติเป็นปจั จยั จึงจะช่ือว่าเดนิ ดว้ ยความไม,ประมาท กล่าวคอื เราจะต้องใชส้ ติเปน็ ตัวกำหนดในขณะท่เี ทา้ ของเรากำลังก้าวซ้ายที - ขวาที หรอื ขณะทเี่ รากำลงั เดนิ ไปข้างหน้า ใหใ้ ชส้ ตกิ ำหนดรู้ขณะปจั จบุ นั เซน่ กันวา่ เรากำลังเดนิ และต้องร้ดู ว้ ยวา่ เราเดินถูกต้อง - เหมาะลมแล้วหรอื ยงั เราเดินไปในท่ที เ่ี ขาใหเ้ ดินหรือเปลา่ เดนิ ไปในทางท่ีเขาใหเ้ ราเดินหรอื เปล่า เราเดนิ ไปท้นเวลาทเ่ี ขากำหนดหรอื ไม่ เวลาน้แี ละทต่ี รงน้ี เราเดนิ ไดแ้ ล้วหรือยงั บทสรุปของการเดนิ ดว้ ยความไมป่ ระมาทกค็ ือ เดนิ ในท่ีทีค่ วรเดนิ เดินในเวลาที่ควรเดนิ เดนิ ด้วยอาการหรืออากัปกริ ิยาท่คี วรเดนิเดินใหถ้ ูกต้องและเดินใหเ้ หมาะสม หรอื เรยี กอีกอย่างหนงึ่ ว่าสำรวมระวังเรอื่ งการเดิน สำรวมอริ ยิ าบถเดนิ ตอ่ ไปการนั่ง น ่ังอยา่ งไรจงึ จะชื่อว่า น งั่ ด้วยความไมป่ ระมาท ตอ้ งนัง่ ด้วยสติเช่นกันครบั คือต้องมีลตกิ ำหนดอริ ิยาบถนงั่ นั่งให้ดี น่ังใหถ้ กู ตอ้ งน่ังให้เหมาะสม นง่ั ในทที่ ่ีควรนัง่ นั่งในเวลาท่ีควรนั่ง นัง่ กบั คนท่คี วรนั่ง นง่ัใหม้ คี วามสขุ อยา่ ไปนงั่ ในที่ทไ่ี ม่ควรนง่ั อย่านั่งในเวลาทไ่ี มค่ วรนง่ั อยา่ น่งักับคนทีไ่ ม่ควรน่ัง และอย่านง่ั ดว้ ยความทกุ ข์ทรมาน ตอ้ งเวน้ โทษในการนั่ง

สุขใจทไ่ี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ึอ!!วติ ทีด่ ปี ้ามการน่ังของเราจงึ จะน่งั ได้ถูกต้อง เหมาะสมและมีความสุขในการน่งั โบราณท่านบอกวา่ ใหด้ ูตาม-ีาตาเรอื เสยี ก่อนค่อยน่ัง เพราะถา้ น่ังผดิ ทน่ี งั่ ผิดคน นัง่ผิดกาลเวลา หรอื นั่งไม่ดแี ล้ว มนั จะมคี วามทุกขแ์ ละตอ้ งเดอื ดร้อนกันตา่ ง ๆนานา แลว้ แต่โทษของการน่ังอันเป็นตวั เหตนุ น้ั ๆ และอีกอริ ยิ าบถหนึ่งดอื การนอน นอนอย่างไรจึงจะชื่อว่านอนดว้ ยความไมป่ ระมาท เมอ่ื พดู ถงึ เร่อื งการนอน คนเรานอนแตกต่างกันออกไป บางคนกน็ อนเรียบรอ้ ยดี บางคนกน็ อนไมเ่ รยี บร้อย บางคนพอนอนหลบัเท่านั้นก็ตดิ เครื่องยนต์'ขนาดยักษ์แถมติดเทอรโ้ บอกี ดว้ ย เลน่ เอาผทู้ ี่นอนอยู่ใกลเ้ คยี งต้องสะดุ้งตืน่ มาฟงั เลยี ง พลอยนอนไม่หลับไปดว้ ย บางรายพอหลับไดท้ ่ีกบ็ น่ พึมพำพดู กบั คนน้นั พูดกบั คนน้ี แถมเทศนาสัง่ สอนคนอ่นืได้ดว้ ย เลน่ เอาพรรคพวกตอ้ งตืน่ ขึ้นมาขอโชคขอลาภกนั เปน็ การใหญ่ นี่ดือตวั อย่างพฤติกรรมการนอนของคนที่นอนดว้ ยความประมาท ขาดสติในการนอน เพราะฉะน้นั การนอนดว้ ยความ ไม่ประมาท กด็ ือ การนอนด้วยความเป็นผ้มู ีสตนิ ัน่ เอง ใชส้ ตกิ ำหนดขณะปัจจบุ ันของการนอน เม่ือจะนอนทา่ นให้นอนหงาย มอื ซา้ ยวางไว้ท่ีท้องตรงทีพ่ องและยุบ มือขวาทับมือซา้ ยใช้สตกิ ำหนดลมหายใจเข้า-ออก ตามลมหายใจเข้า ตามลมหายใจออกเข้าให้สุด ออกให้สุด เข้าก็ร้อู อกก็รใู้ ห้สตอิ ยตู่ รงนเ้ี ปน็ รอ้ ยคร้งั พนั ครงั้ หรอืรอ้ ยหนพันหน อยา่ ให้สตหิ นี!ป!หน มดั สต!ว้กบั ทอ้ งของตวั เองให้!ด้ กำหนดสติเชน่ นี!้ ปเรอื่ ย ๆ จนกวา่ จะหลับ แมเ้ วลาจะหลบั ก็ให้รไู ดด้ ้วยวา่ เราหลบั ในขณะที่ท้องพองหรือยุบ ถึงเวลาทีก่ ำหนดไวเ้ ราจะต่นื ไดเ้ อง โดยไมต่ อ้ งใช้น าฬ กิ าห รือค น ม ๆป ลุกให ต้ ่นื กระท ำได เ้ ช่น น ี้ ปฏ ิบ ตั ิได้เชน่ น ้ี จะท ำให ม้ ีความสุขในการนอน จะไม,ฝนื ร้าย จะไมน่ อนละเมอเพ้อฝนื จะไมด่ ้นิทุรนทรุ ายในเวลานอน จะไม่สร้างความเดอื ดรอ้ นให้ตนเอง และผู้อ่ืนในเวลานอน นี่คือการนอนด้วยความ1ไม่ประมาท ท้ังหมดนี้เปน็ อิรยิ าบถหลกั สว่ นอริ ิยาบถรองอน่ื ๆ ซ่งึ ต้องอาศยัอริ ิยาบถหลักดอื ยืน เดนิ นงั่ นอน ดงั กล่าวมาก็เซน่ กนั เราตอ้ งใช้สติกำหนดขณะปัจจบุ ันของอิรยิ าบถน้นั ๆ ด้วย เซ่น อริ ิยาบถกิน อริ ิยาบถด่ีม

สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่ือชวี ติ ที่ดีป๋ามอริ ิยาบถทำ อิรยิ าบถพูด แมแ้ ต่ความคิดหรอิ จติ ใจของเราเอง เรากต็ ้องใชส้ ติเป็นตัวกำหนดรู้ทกุ ๆ ขณะด้วย เชน่ กัน การแสดงพฤติกรรมหรอื ปฏิกิรยิ าของอริ ิยาบถนนั้ ๆ จึงจะใชป้ ระโยชนไ์ ดด้ ปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสมความมงุ่ หมาย หรอื วัตถุประสงคข์ องการใช้อิรยิ าบถตามทีไ่ ดก้ ำหนดไว้เป็นการสว่ นตวั และส่วนรวมนนั้ ๆ เชน่ ในอริ ิยาบถกนิ เราต้องกนิ ด้วยความไมป่ ระมาท ใชส้ ติเปน็ตวั กำหนดในการกนิ ใ,ท้รุ ้จู กั ประมาณ'ในการ'กิน กินของที่ควรกนิ อยา่ กินของที่ไม่ควรกิน กนิ ในเวลาทค่ี วรกิน อย่ากินในเวลาท่ไี ม่ควรกนิ กนิ ให้พอประมาณ อยา่ กินให้เกินประมาณ กินดว้ ยความสำรวมระวงั อย่ากนิ ดว้ ยความสนุกสนานร่าเรงิ หรอื กนิ ดว้ ยอำนาจกิเลสตัณหาแต่เพียงอย่างเดยี ว จงเว้นโทษของการกนิ จงเตมิ คุณคา่ ให้กบั การกิน กินมากเกนิ ไปย่อมเปน็ ทุกข์กนิ น้อยเกินไปกเ็ ปน็ ทุกข์ กนิ แตพ่ อดีจงึ จะมสี ุข กินใหส้ นุกมันเลยทกุ ข์ถนัดจงประหยัดเรอื่ งการกนิ ชีวติ จึงจะอยดู่ ีมสี ุข เราอยา่ เป็นทาสของความหิวแตจ่ งเป็นนายของความหิว กนิ เพียงเพอ่ื ประทงั ชีวิตนี้ไวใิ ช้ประโยชน์ไหใต้มาก ๆ ก็พอแลว้ อย่ากนิ ให้เปลา่ ประโยชนห์ รอื กินใหเ้ สียประโยชนก์ ันเลยครบั กนิ ดี มีสขุ โรคภยั ไขเ้ จ็บไมเ่ บียดเบียน กินไม่ดี มที กุ ข์ โรคภยั ใช้เจบ็เบียดเบยี นและตายเรว็ ครบั เพราะฉะน้นั หลักคำสอนจึงมไี วเ้ พ่อื เตือนสติเราวา่ “โภชเน มตฺตณณฺ ตุ า” ใหิรจู กประมาณในการกิน” มี!ช่ โภชเน มัตตญั ณตุ ุงคอื เอาแตพ่ ุงเป็นใหญ่ และอีกอิริยาบถรองอยา่ งหน่งึ คือ อิริยาบถพดู ซึง่ ตอ้ งใหว้ าจาคือ คำพูดออกจากปากของเราเอง เราก็ต้องพดู ด้วยความไมป่ ระมาทด้วยเชน่ กนั ต้องใชส้ ติกำหนดในขณะทีเ่ รากำลังพูด ให้รู้ตวั อยตู่ ลอดเวลาในขณะที่เรากำลงั พูด พดู สิง่ ทคี่ วรพูด อยา่ พูดสิง่ ท่ไี มค่ วรพดู พูดในที่ท่ีควรพูด อยา่พูดในทที่ ่ใี มค่ วรพูด พูดกบั คนท่คี วรพูด อย่าพดู กบั คนท่ไี มค่ วรพูด ใหร้ ู้จกัประมาณในการพูด อย่าพดู เกนิ ประมาณ พูดในเวลาทค่ี วรพดู อย่าพดูในเวลาท่ี!มค่ วรพูด พดู ในสิ่งทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ อย่าพูดในสงิ่ ท่จี ะกอ่ ให้เกดิ โทษโดยสรปคือ พดใหเ้ ป็นมงคล อยา่ พดในเรื่องทไ่ี ม่เปน็ มงคล

สุหใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชีวติ ท่ีดงี าม“สภุ าสติ า จ ยา วาจา เอตมุมงคฺ ลมุต.ตมํ - วาจาสภุ าษิตเปน็ มงคลอันสงู สุดในชีวติ ” ถ้าจะถามอีกวา่ อปั ปมาทธรรม คือ ความไม่ประมาทน้ี จะใชีใต้อยา่ งไร กต็ อบไต้อยา่ งท่ีกลา่ วมาแลว้ วา่ ใชีไตก้ ับทกุ คน ใชไี ดใี นท่ที กุ สถานหรือทุกสถานการณ์ และใชไี ดในกาลทุกเม่อื ทุกภารกิจ ทุกหนา้ ท่ี ทุกการงานที่เราทำ เราต้องใช้อปั ปมาทธรรม คอื ความไม่ประมาทน้ีเป็นธรรมะเครอ่ื งช่วยเหลอื ใหป้ ระลบผลสำเรจ็ ไตท้ กุ กรณี เพราะอัปปมาทะ คอื ความไมป่ ระมาท ไตแ้ ก่ การดำรงตนอยู่ด้วยความเปน็ ผู้มสี ติเป็นส่วนแหง่ กศุ ลธรรมทีพ่ ึงเจริญ พึงทำใหเ้ กิดมฃี ้นึ ในจติ ใจ และพงึ ยึดถือไว้เปน็ แนวทาง แห่งการประพฤตปิ ฏิบัติในชวี ิตประจำวัน ส่วนอกุศลธรรมนอกน้ี คือ ปมาทะแปลว่า ความประมาท ยอ่ มเปน็ ตน้ เหตุของความหายนะ ดงั พทุ ธภาษติ ท่วี ่า“ปมาโท มจฺจุใ่ น ปทํ - ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย” ในเรือ่ งของปมาทะ คอื ความประมาทน้ี ท่านชี้ให้เหน็ ว่าคนท่ีประมาทยอ่ มเป็นเหมอื นคนท่ีตายแล้ว ท้งั ๆ ท่ยี งั มี1ชีวิตอยู่ แตก่ ต็ ้องถึงแก่ความตาย ตายจากอะไร ตายจากคณุ งามความดี คือไมม่ ืคณุ งามความดีพอจะเปน็ ทพี่ ่งึ ไต้ ตายจากสงั คม คอื ต้องกลายเป็นคนทส่ี ังคมรงั เกยี จ เปน็คนทเ่ี ช้าสงั คมไม่ไตห้ ัวเดียวกระเทียมลบื ถูกกีบออกจากสังคม น่ีแหละตายทงั้ เปน็ และอย่างหนง่ึ คือตายจากโลกนไ้ี ปโดยเปล่าประโยชน์ในขณะทม่ี ชื วี ติอยู่ มิไต้ทำคุณงามความดอี ะไรไวเ้ ลย ทำชวี ิตใหส้ ญู เปล่า เปน็ โมฆชีวิต มิใช่สชุ วี ิต คือ ชวี ิตที่ดี คนจะมาเผาเขายังหายาก นบั ประลาอะไรกับอนุสาวรีย์แหง่ ชีวติ ที่เขาจะสร้างให้ คงเปน็ เรื่องท่ีเปน็ ไปไม่ไต้ นแี่ หละคนท่ีประมาทที่เป็นเหมอื นคนตายแล้ว คือตายทั้งเป็น ในโอกาลนจ้ี งึ ใครข่ อเชิญชวนท่านทัง้ หลาย ไดโํ ปรดนอ้ มนำเอาหลกั ธรรมสำคัญ คอื อัปปมาทะ - ความไม,ประมาท อันเปน็ จุดศนู ยร์ วมแหง่ สภาวธรรมท้งั ปวงนี้ ไปประพฤติปฏบิ ต้ ใิ นชีวิตประจำวัน ให้เกดิ หติ านหุ ติประโยชน์ เป็นความสงบสขุ และความเจรญิ รุ่งเรอื งโดยทว่ั หนา้ กัน

สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชีวติ ที่คีงาม โดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ บ โุ นชากรรมแตง่ ” ปัจจุบันนีส้ ภาวะทางสังคมไม1ค่อยปกตสิ ขุ นกั มกั มเี หตุการณ์สะเทอื นขวัญสั่นจติ ใจเกดิ ข้นึ เป็นระยะ ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกประเทศภายนอกประเทศเรมิ่ ตั้งแต่สหรฐั อเมริกาถกู ผูก้ อ่ การรา้ ยขับเครอื่ งบินชนตกึ เวลิ ด์เทรด และแพนตากอนหรือตกึ กระทรวงกลาโหม เป็นเหตุให้สหรฐั อเมริกาตอ้ งนำเครอื่ งบนิ ไปทง้ิ ระเบิดที่ประเทศอัฟกานสิ ถาน เกดิสงครามย่อยๆ ขึ้นในโลก ส่วนเครื่องบนิ ตกนนั้ เกิดขน้ึ ท่ัวโลกเป็นระยะเซน่ กันภายในประเทศไทยเรากม็ เี หตุการณส์ ะเทอื นขวญั เกิดขึน้ มากมายไม่แพ้ต่างประเทศ คลังระเบดิ บา้ ง โรงงานแก๊สระเบดิ บ้าง ทำใหเ้ กิดความสูญเสยีชวี ติ และทรพั ย์สนิ พอสมควร เหตกุ ารณ์ทไี่ มน่ ่าจะเกดิ อีกอย่างคือ คนคลั่งยาบา้ แลว้ ทำรา้ ยชีวติ คนอืน่ เกดิ ข้ึนบ่อยมากในสงั คมไทยเรา เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ เหล่าน้ีหากเรานำมาเทยี บเคยี งกับเหตกุ ารณ์[นชีวิตจรงิ ของเรา กไ็ ม่นา่ หนักใจ เพราะมันเปน็ ธรรมชาติของชีวติ คอื นาวาชีวิตของคนเราแตล่ ะคนน้ัน ไม่ราบเรียบราบรน่ื ตลอดเวลาครบั เหมอี นเราขึน้ เรอื ออกทะเลจริง ๆ ยอ่ มพบเจอคลื่นทะเลมากบ้าง นอ้ ยบ้างทะเลทร่ี าบเรยี บตลอดวันตลอดปีนน้ั ไม่เคยมี ชวี ติ จรงิ ของคนเราก็เช่นกนั ยอ่ มพบเจอเหตกุ ารณ์ปกตบิ ้าง ไมป่ กติบ้าง สมหวังบา้ ง ผดิ หวังบ้างเป็นธรรมดา เพราะธรรมชาติของชวี ติ เป็นอย่างนี้ แตท่ กุ สงิ ทกุ อยา่ งที่เกดิ ขน้ึ มานั้นมนั มเี หตุปจั จยั ใหเ้ กิด หรอื มเี หตมุ ีผลของมัน ทะเลมคี ล่ืนลมกเ็ พราะมีลมพายลุ มมรสมุ พัดผ่านมา ชวี ติ คนเรามเี หตุการณผ์ ดิ ปกติเกิดข้ึน หรือพบปญี หาพบอุปสรรค ก็เพราะอาศยั เหตปุ จั จัยใหเ้ กดิ ใหเ้ ราไดพ้ บไตป้ ระสบ เหตปุ ัจจยั ท่ีวา่ นี้ คือกรรม พระทา่ นเรยี กวา่ กรรมเกา่ แต่งให้เกิด หรือบญุ นำกรรมแตง่ เราเคยกระทำส่งิ ใดไวใิ นอดตี สงิ่ น้ันกจ็ ะมีผลสะทอ้ นถงึ ตวั เราในปจั จุบัน กรรมทเี่ ราเคยกระทำไวด้ ลบนั ดาลให้เกดิ เปน็ เหตุปจั จัยให้เกิด บางคนเมือ่ พบ

สุขใจทึ่ไดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชีวิตท่ดี ีงามเหตุการณร์ า้ ยในชีวิต มักจะโทษคนอืน่ หรือสงิ่ อนื่ วา่ เป็นผู้ทำใหเ้ ราเคราะห์ร้ายไมใช่หรอก สง่ิ ทีเ่ กิดขึน้ ในชวี ติ เราน้นั กรรมของเราเป็นผู้สงั่ ใหเ้ ป็นไปทัง้ ส้ิน ดังคำโคลงโลกนิตทิ ี่กรมสมเดจ็ พระเดชาติศร พระราชโอรสพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย รัชกาลท่ี ๒ ทรงนิ,พนธไว'้ วา่ อย่าโทษไททา้ วท่วย เทวา อย่าโทษสถานภูผา โลกกวา้ ง อยา่ โทษหมู่วงศา ญาตมิ ติ ร โทษแตก่ รรมเองสรา้ ง ล่งใหเ้ ปน็ เอง พระสมั มาส้มพุทธเจา้ ตรัสสอนเรอื่ งนไี้ วว้ ่า กมฺมุนา วตฺตติ โลโกสตั วโ์ ลกยอ่ มเปน็ ไปตาม กรรม หมายความวา่ กรรมเปน็ ผสู้ ั่งหรอื ดลบนั ดาลสัตวโ์ ลกให้เปน็ ไปตามนน้ั ยาทิสํ วปเต พซี ํ ตาทิสํ ลภเต ผล0 บุคคลหวา่ นพชื เชน่ ใด ยอ่ มไดร้ บั ผลเชน่ น้นั กล.ยาณการี กล.ยาณํ ปาปการื จ ปาปก0 บุคคลกระทำกรรมดี ยอ่ มได้รบั ผลดี กระทำกรรมช่วั ย่อมได้รับผลชว่ั พระพุทธดำรัสเหล่าน้เี ปน็ สจั ธรรมทั้งส้ิน ตวั อย่างมิมากมายตวั อย่างงา่ ยๆ ในชีวติ เรา หากเราขยันทำมาหากนิ ไม่เกียจครา้ นทำงานเรากจ็ ะมิกนิ มีใช้ แมิไมร่ ื่ารวยแตก่ ็พออยูไ่ ด้ ไม่ถึงกับอดอาหารตาย ตรงกนัข้าม หากเราเกยี จคร้านในการประกอบอาชีพ ยอ่ มยากจนไมพ่ อกนิ ไมพ่ อใช้แนน่ อน สุดท้ายอาจจะขอทานเขากินก็ไดท้ กุ อยา่ งในชีวติ เรา จงึ อย่ทู ่ตี ัวเราเปน็ ผสู้ ง่ั เปน็ ผู้ดลบันดาล หรอื อย่ทู กี่ รรมการกระทำของเราเอง นยิ มเรียกกันว่า “กรรมลิขติ ” กรรมเปน็ ผลู้ ิขติ ให้ชวี ิตเราเป็นไปตามน้ัน เน่ืองจากแตล่ ะคน๗๒

สุขใจทไ่ี ด้อา่ น สารธรรมเพ่ือชีวติ ทดี่ ี!!ามกระทำกรรมมาไม,เหมือนกัน พฤตกิ รรมของแตล่ ะคนจงึ แตกต่างกนั กรรมเป็นผลู้ ขิ ิตใหบ้ ุคคลแตกต่างกนั มใิ ช่สิ่งศักด๋ึสทธเี้ ทวาอารกั ษ์หรอื ภูตผีปศี าจดลบนั ดาลแต่อย่างใด ดังพระพุทธพจน์ท่ีวา่ กมมฺ ํ สตฺเต วภิ ซติ กรรมเปน็ผจู้ ำแนกสัตว์ทงั้ หลายให้แตกตา่ งกัน เมอ่ื เราทราบว่า สัตว๒์ กยอ่ มเป็นไปตามกรรมหรอื บุญบาปท่ีตนทำไว้ กรรมเป็นผ'ู้ จำแนกสัตว์โลก'ให้แตกตา่ งกัน บคุ คลกระทำกรรมดีย่อมไดร้ ับผลดี กระทำกรรมชวั่ ยอ่ มไดร้ ับผลชวั่ เช่นน้ี เราควรสร้างสมแตก่ รรมดี ๆ เพราะกรรมดนี น้ั นอกจากจะส่งผลใหเ้ ราเปน็ สขุ แล้ว ยงั สง่ ผลให้คนอ่ืน โดยเฉพาะคนใกลช้ ดิ พลอยมีความสุขไปด้วย มีพอ่ แมด่ ี ลกู กม็ ีความสขุ มลี ูกดี พอ่ แม่กม็ คี 'วามสุข มีครอู าจารยด์ ี ศิษย์กม็ ีความสุข มศี ิษย์ดีครอู าจารยก์ ็มีความสุข มผี ู้,บงั คับบญั ชา มีห้วหนา้ ดี ผู!้ ดบ้ งั คบั บัญชา หรือลกู นอ้ งก็มีความสขุ พอสรปุ ได้วา่ ความสขุ ความทุกขท์ ง้ั ปวงบญุ นำกรรมแต่งทงั้ สน้ิกรรมเป็นผูล้ ิขติ ชีวิต กรรมทีต่ นเองสร้างสง่ ใหเ้ ปน็ เอง ดงั คำกลอนสอนใจของนกั ปราชญ์ท่วี ่าการทำดี ถกู ดี น่ันแหละดีการทำดี ถกู เวลา คา่ มหนั ต์การทำดี ถกู คน ผลอนันต์การทำดี ดว้ ยความหมั่น ท่านว่าดี

สขุ ใจท่ีได้อา่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ิตพด่ื ีป๋'เมโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ ธรรมะของผกู ลา้ ” เมอ่ื พูดถึงผกู้ ลา้ หรือคนกลา้ แล้ว เราก็อาจนึกถงึ อนุสาวรียข์ องวีรบรุ ุษทงั้ หลายในแผน่ ดินไทยเรา ซง่ึ มใี หเ้ หน็ อยมู่ ากมาย เช่น พระบรมราชานุสาวรืย์สมเดจ็ พระนเรศวรหาราช เป็นตน้ ความกลา้ อยา่ งน้ีเปน็ ความกลา้ทมี่ ีประโยชนต์ ่อคนหม่มู าก นา่ ยกยอ่ ง แต่ปจั จุบนั น้ีมีความกลา้ และคนกล้าท่เี ป็นศัตรตู ่อความสงบสุขของแผ่นดนิ อยมู่ าก เชน่ กล้าทจี่ ะทำทุจริตคิดคดตอ่ แผ่นดนิ อันเป็นถน่ิ มาตุภมู ขิ องตน เชน่ การคา้ ยาเสพติด การประพฤตผิ ดิกฎหมายและหลักศลี ธรรมอนั ดงี ามของพระศาสนา เปน็ ตน้ ผทู้ ี่ทำเชน่ นไี้ ต้ถือว่าเปน็ ผกู้ ลา้ เหมอื นกัน แต่เปน็ ประเภทกล้าในทางเส่ือม เป็นความกลา้ที่สังคมไม่ตอ้ งการ มีคนกล้าประเภทนีอ้ ยทู่ ีใ่ ด มคี วามทุกขท์ ีน่ ่ัน เพราะเหตทุ ่ีปจั จบุ นั นีค้ นกลา้ ประเภทหลังนีม้ ีมากขึ้น จงึ อยากปลกุ จติ วิญญาณของผกู้ ล้าประเภทแรกข้นึ มาบา้ ง เพอ่ี รักษาแผ่นดนิ แม่ของเราไวอ้ ยา่ งสันติสขุ ภายใต้ร่มเงาของพระพทุ ธศาสนา และร่มพระบารมีแห่งพระมหากษตั ริยาธริ าชเจา้ ชนชาตไิ ทยไดซ้ อ่ื ว่าเปน็ ชาตนิ ักรบ และคุณสมบัติท่นี ักรบขาดไมไ่ ต้คือความกลา้ หาญ เพราะนักรบแมจ้ ะมแี มือ และอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายขนาดไหน หากนักรบเป็นผขู้ ลาดเขลาเบาปญั ญาแล้วย่อมพ่ายแพในท่ีสดุ ความกล้าเป็นคณุ สมบตั ิของใจอยา่ งหนึ่ง ซึ่งตรงขา้ มกบั ความกลัว ถ้าหากใจเกิดความกล้าขึน้ มา ความกลัวก็อยู่ไมไ่ ด้ แต่ถ้าความกลวั เกดิขึน้ ในใจเมือ่ ใด ความกลา้ กอ็ ยู่ไมไ่ ด้เช่นกัน เหมือนความมีดกับความสวา่ งไมม่ ีทางจะอยรู่ ว่ มกนั ไต้ แตก่ ็คอยแย่งที่กนั อยูต่ ลอดเวลาเหมอื นกลางวันกบั กลางคนื แตเ่ รอ่ื งของใจพเิ ศษกว่าเร่ืองภายนอกมากนัก ตรงทีถ่ ้าหากเราปลกู ผิงและเพม่ิ พนู ความกล้าขนึ้ ไดเ้ ต็มที่แลว้ ความกลัวยอ่ มถูกกำจัดออกไปไดตลอดกาล

สขใจท่ีได้อา่ น สารธรรมเพ่ือชวี ติ ท่คี งี าม สำหรบั หลักธรรมทจ่ี ะเปน็ ตัวส่งเสริมใหเ้ กดิ ความกล้า และพฒั นาใหเ้ พิม่ พนู ไพบูลย์น้ี ทางพระพทุ ธศาสนามศี ัพท์หรือชุดของธรรมอยวู่ า่เวสารชั ซกรณธรรม ซงึ่ แปลว่าธรรมอันเปน็ เหตุใหเ้ กิดความกลา้ หาญ ซ่งึ มี๕ ขอ้ ด้วยกัน คือ ๑ . สทั ธา ความเซีอ่ มัน่ ความปักใจเช่อื แต่วา่ ความเช่ือนีห้ ากไมจ่ ำกดั ลงไปก็ย่อมเปน็ อนั ตรายทั้งต่อตนเองและส่วนรวมท้ังน้นั เพราะมีคนจำนวนไม่ห้อยปลงใจเช่อื ว่า ความตายคือการดับทกุ ข์ทง้ั ปวง จึงฆา่ ตวั เองบ้าง ฆา่ ผู้อื่นบา้ ง ดงั นั้น ความเชอ่ื ท่ีประสงค์ในทนี่ ้ีจึงจำกัดลงท่หี ลักความเชอื่ ๕ ประการของพระพทุ ธศาลนา คือ ๑.๑ เช่ือในความตรสั รู้ของพระพทุ ธเจ้า (ตถาคตโพธิสทั ธา) ๑.๒ เชอื เรืองกรรม (กมั มสทั ธา) เ3ลแ เก บลผ (วไ 80อ๐่ ก.คอื ความเชอ่ื เรื่องกฎแหง่ การกระทำวา่ ทำดีต้องบงั เกดิ เปน็ ผลดี ทำชว่ั ต้องบงั เกิดเป็นผลชวั่ แก่ผกู้ ระทำอย่างแน่นอน การสาดนํ้าเยน็ ข้นึ เหนอื หัวนน้ัทกุ คนแมแ้ ต่เดก็ กย็ อ่ มตอบไดว้ า่ น้าํ เย็นยอ่ มหลน่ ลงมารดศีรษะของผูส้ าดแน่นอนเพราะน้ําไมส่ ามารถหลดุ ลอยไปในอากาศได้ ในขณะเดยี วกนั หากเขาโยนก้อนหนิ ข้ึนเหนือหวั คำตอบก็เหมือนกับลาดน้าํ เยน็ ขนึ้ เหนือหวั ๑.๓ เช่อื เรอื่ งผลของกรรม (วปิ ากสัทธา) โ7ฌ่ไ เก 13ฬ/ 0 ไ©ส601:คือความเชื่อว่าความสุขเป็นผลท่ีเกิดมาจากการทำกรรมทด่ี ี ส่วนความทุกข์ยอ่ มเปน็ ผลที่เกิดมาจากการกระทำกรรมท่ีไม่ดี หรอื อกศุ ลกรรม และ ๑.๔ เชอ่ื ว่าสตั ว์ หรอื คนแตล่ ะคนมีกรรมเปน็ ของตนเอง(ก้มมลั สกตาสทั ธา) ห ลักความ เชอื่ น ้มี รี ายละเอยี ดม าก แตส่ รุปว่า ขอให้มีความเชื่อมนั่ว่าพระพทุ ธเจ้าเปน็ ผ้ตู รัสรู้จริง ทำช่ัวเกิดเป็นผลชั่วแก่ผทู้ ำจริง ดังทีเ่ ราเคยได้ยนิ พุทธภาษิตท่วี ่า กัลยาณการื กัลยาณัง ปาปการื จะ ปาปะกัง ซง่ึ เราแปลกันตดิ ปากว่า ทำดีได้ดี ทำชัว่ ได้ชั่วนน่ั แหละ เชื่อได้ดงั นจ้ี ึงเปน็ ความเช่อืทถี่ กู ธรรม เม่อื เชือ่ ถูกธรรม ความกล้าท่เี กดิ ขน้ึ ย่อมเปน็ ความกล้าทถี่ กู ทาง

สุขใจท่ใี ด้อา่ นสารธรรมเพอื่ ชีวติ ทด่ี งี าม หลักความกล้าขอ้ ที่ ๒ คอื สลี ะ โดยหลกั การคือ ศลี ๕ ขอ้ ท่เี รารบั กันแทบทุกวัน และกข็ าดกันแทบทุกวนั น่ันแหละ โดยเน้ือหาหมายถงึภาวะทางกายใจที่เป็นปกติ คำวา่ ปกติภาษาอังกฤษเขาใช้วา่ กอ!-๓ฟ พอเอาความปกติมาเปน็ เกณฑ์ของลังคมเขากใ็ ช [หส้ นั้ เขา้ วา่ ผอโ๓ ซ่ึงเราแปลกนั ว่าปทสั ฐาน ซง่ึ โดยเน้อื หาแลว้ กค็ ีอ ศีล ๕ ของพระพุทธศาลนานเ่ี อง หลักความกลา้ ขอ้ ที่ ๓ พาหุสจั จะ ความเป็นผสู้ ดับตรับฟ้งมาก แต่โดยเน้ือแทแ้ ลว้ ตอ้ งกลา่ วว่า ความเปน็ ผ้ผู า่ นประสบการณ์มามาก เพราะบางคนแมจ้ ะอ่านมากฟงั มากแต่ขาดประสบการณ์ตรง กย็ ังขลาดเขลาอยนู่ ่นั เอง หลกั ความกล้าขอ้ ท่ี ๔ วริ ยิ ารมั ภะ ตามศพั ทท์ า่ นแปลว่า ปรารภความเพียร แดโดยเนอื้ ธรรมแลว้ ต้องแปลวา่ ความต่นื ตวั อย่เู สมอ เพราะคำว่าวิริยะ นมื้ คี วามหมายว่า กลา้ ว่า หมนั่ รวมอยู่ด้วยกัน เมอ่ื คนมคี วามกลา้ความหม่นั รวมอย่ใู นตวั ก็ต้องเปน็ คนทต่ี ่ืนตัวว่องไว ไมอ่ ยู่นั่งเปน็ ธรรมดา หลักความกลา้ ข้อที่ ๕ ปัญญา คอื ความรูช้ ดั ในเหตผุ ลกลไกของปญั หาความรตู้ ลอดสายตน้ กลาง ปลาย ของปญั หา รวมความว่าผูก้ ลา้ตามพระพทุ ธประสงค์นืน้ จะต้องมีธรรมอันเปน็ เหตุให้เกดิ ความกล้า ๕ประการดังกลา่ วมาแลว้ ดงั นั้น จงึ อยากเชญิ ซวนท่านผ้ฟู ังทีเ่ คารพทกุ ท่านไต้หม่นั !เกฝนในหลักเวสารชั ซกรณธรรมท้ัง ๕ น้ือย่เู ป็นนติ ย์ จิตใจจะไต้กล้าหาญเขม้ แขง็ อยา่ งถกู ธรรม และถูกทาง เพราะหลักทั้ง ๕ น้ี หากจะกล่าวให้ถกู แลว้ กค็ อื หลักไตรสิกขาในพระพทุ ธศาสนานน่ั เอง อาจกล่าวเปน็คำคลองจองไดวา่ แกให้ ทน ฝนให้ แหลม แต่งแตม้ ให้ สวยงาม แกใหท้ นด้วยอำนาจของสมถะหรอื สมาธิ ในท่ีน้มื ีตัวสัทธากบัวริ ยิ ารัมภะเปน็ ตัวสนับสนนุ สมาธโิ ดยตรงอยู่แลว้ คนมีสมาธิ จติ ใจจะมีความทนทานสงู แมร้ ่างกายกพ็ ลอยมีความทนทานไปต้วย ไมเ่ จ็บออด ๆ แอด ๆเป็นคนขโ้ี รค เทียวแต่หาหมอ

สุธใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่ือซวี ติ ท่ดี ปี ๋าม ฝนใหแ้ หลมด้วยวิปสั สนาในทน่ี ี้ มีตวั พาหสุ ัจจะ และปญั ญา เปน็อุปกรณ์ฝนจติ ให้มคี วามแหลมคมจนสามารถแทงทะลถุ งึ กฎพระไตรลักษณ์อนั ได้แก่ อนิจจงั ความไม่เท่ียง ทกุ ขัง ความเปน็ ทุกข์ และอนตั ตา ความไมม่ ีตัวตนแก่นสารทเี่ ท่ยี งแท้ถาวร อยู่แล้ว แต่งแต้มใหส้ วยงามดว้ ยศลี ในที่นก้ี ็มคี ำว่า ศีล ยนื พ้นื อยชู่ ดั เจนแล้ว ซ่ึงไม,วา่ ทางโลกหรอื ทางธรรม ต่างกย็ กย่องวา่ ศีล เปน็ เครื่องแตง่ ตัวทส่ี ามารถแตง่ กายวาจาให้งดงามได้ ย่ิงกว่าเครือ่ งแตง่ ตัวใด ๆ ตงั พระพทุ ธพจน์ว่า สีล0อาภรณ์ เสฏฐํ ความหมายกค็ ือ ศลี เป็นเครอื่ งแต่งตัวชนั้ ยอดสุด หรอืศีลเปน็ สุดยอดแห่งเครือ่ งแต่งตัวกโี ด้ เมอื่ แตง่ ตัวด้วยศีล นอกจากจะมคี วามงามปรากฏท่ีกายวาจาแลว้ ท่านยงั จะมคี วามสุขจนถึงแกช่ ราดว้ ย ตังพระพุทธพจนว์ ่าสุฃํ ยาวชรา สลิ ํ ศีลนำใหเ้ กิดสุขจนแก1ชรา หากเชอื่ ว่าภพหนัามจี รงิกส็ ง่ ให้ถงึ สขุ ในภพหนาั ไต้ด้วย ตงั คำสรปุ อานสิ งสศ์ ีลท่ีเราได้ยินกันทุกครง้ั ท่ีรับศีลวา่ สเี ลนะ สุคตงิ ยันติ ศลี เปน็ คณุ ธรรมสง่ ใหถ้ ึงสุคตใิ นสมั ปรายภพ แม้ปัจจบุ นั ยงั พอมีคนดอี ยู่มากกจ็ ริง แตค่ นดกี ย็ ังขาดความกล้าหาญทีจ่ ะตา้ นทานคนไม,ดซี ่งึ นบั วนั จะทวีมากข้ึน จึงทำให้คนไม่ดไี ด้ใจ กดขี่ข่มเหงคนดี เบียดเบยี นคนดไี ปเกอื บทุกสว่ นของสังคมไทย ซงึ่ นบั วนั แต่คนไมด่ จี ะไดพ้ วกมากขึ้น ๆ จนสามารถบัญญตั ิเอาส่ิงไมเ่ ปน็ ธรรมมาเขียนว่าเป็นธรรมแล้วนำมากดขข่ี ม่ เหงไพร่ฟ้าขัาแฝนดินของพระเจ้าอยู่หัวผูเ้ ปน็พระมหาธรรมกิ ราชเจ้า นำความรอ้ นพระทย้ มาส่พู ระองค์ผู้ทรงธรรม จนเป็นเหตุให้มพี ระราชดำรัสว่า ในบ้านเมืองนน้ั มีทั้งคนดี และคนไมด่ ี การที่จะทำใหค้ นทุกคนเปน็ คนดนี ้ัน เป็นเรอื่ งที่ทำไต้ยาก เราจึงควรยกย่องคนดีใหม้ อี ำนาจ กำราบคนไม่ดีอยา่ ใหม้ ีอำนาจ คงถงึ เวลาแล้ว ทีเ่ ราท้งั หลายจะไดผ้ ่กฝนอบรมตนในหลักเวสารัชซกรณธรรม หรือธรรมะทีจ่ ะทำใหเ้ กิดความกล้าหาญ เพ่อื ตา้ นทานคนไมด่ ี และทำลายความไม่ดที ัง้ ปวง เรากำลงั อยู่ในหว้ งวกิ ฤตของแผ่นดนิแผ่นดนิ แม่ของเรากำลังตอ้ งการกำลงั เพ่ือยบั ยัง้ และปราบปรามอธรรม ๗๗

สุขใจทีไ่ ด้อ่านสารธรรมเพือ่ ชีวติ ทดี่ ีงามและรักษาธรรมะท่ีแทจ้ ริงไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องแผ่นดนิ ใหไ้ ดก้ ินไดป้ ฏบิ ัตถิ ึงชว่ั ลูกช่วั หลาน ดังนั้น เราจงมารว่ มมือร่วมใจ แกจิตใหท้ น ฝนจติ ให้แหลมแต่งแตม้ ตวั ให้สวยงามด้วยอำนาจสมถะวปิ ัสสนา และศลี กันเถดิ เราจะได้ซ่อื ว่า เป็นวีรบรุ ุษของแผ่นดนิ เยี่ยงบรรพบุรษุ ไทยในอดีต ขอให้คดิ เสียวา่แมใื ครไมห่ าญ ข้าก็จะตา้ นอธรรมเอง ดงั ท่ีสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชไต้ตรัสเป็นคำคล้องจองไว้ว่า กปู กปัอง ขอบฃณั ฑะ สีมา พระสยาม เทวา บญั ชาไว้ กรุงศรี เคยคลกุ คล เปน็ สีเลอื ด แผน่ ดนิ เคย ลุกเดอด เลอื ดโลมไหล ไทยจะตอ้ ง คงนาม ความเปน็ ไทย ไม่มี'ไคร ตัวของก จะลเ้ อง.๗๘

สุขใจท!,ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื !!วิตท่ดี ปี า๋ ม โดย....คณะอนุศาสนาจารย์ทหารบก “ ทางสายกลาง” ทางสายกลางสายท่ี ๑ หรอื องคม์ รรคที, ๑ คือ สัมมาทฎิ ฐิ ความเหน็ ชอบนนั้ เปน็ ความเหน็ ชอบเก่ยี วกับศีลธรรม หรือความเหน็ เก่ยี วกับความประพฤตทิ างกาย วาจา ใจของคน ไมใชค่ วามเห็นอย่างอ่นื เชน่ ความเห็นเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ หรอื วิชาการปกครอง เศรษฐกิจ และการเมืองเป็นต้น แม้คนเราจะมืความเขา้ ใจ ความลามารถในการประดิษฐ์คิดคน้หรอื การปฏบิ ัติ จดั ทำได้ดีและถูกต้องตามหลักวชิ าการ กย็ งั ไม,ได้ซอื่ วา่ เป็นสัมมาทิฎฐิ เพราะสมั มาทิฏฐคิ วามเหน็ ชอบน้นั หมายเอาเฉพาะความเห็นชอบในทางศีลธรรมเทา่ นัน้ มลู เหตทุ ่พี ระพทุ ธเจ้าเมอ่ื ทรงแสดงทางสายกลางหรอื มรรคมีองค์๘ พระองค์จะทรงยกทิฏฐิ คอื ความเห็นขนึ้ ก่อน เพราะทิฎฐิความเหน็ นมี้ ือทิ ธพิ ลมากโลกท่ีเกดิ ความสบั สนวุ่นวายกันอยู่ในปจั จบุ ันนก้ี ็เพราะอทิ ธพิ ลของความเหน็ ทไ่ี ม่ตรงกัน สมั มาทฎิ ฐิ ความเหน็ ชอบ เม่อื ว่าตามลักษณะหรือช้นั ของความเห็นชอบแล้วแบ่งออกได้เปน็ ๓ ลกั ษณะ หรอื ๓ ชั้น คือ ชนั้ ท่ี ๑ คอื ความเหน็ ชอบในทางโลก ชัน้ ที่ ๒ คอื ความเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรม และ ช้ันท่ี ๓ คือความเหน็ ชอบสงู สดุ ชัน้ ท่ี ๑ ความเหน็ ชอบในทางโลก หรือความเห็นชอบเกย่ี วกบั ธุระกิจการงานท่ัวไป ความเห็นชอบดว้ ย ขอ้ บังคับ ระเบยี บแบบแผนก็ดี ความเห็นเช่นนจี้ ัดเป็นเห็นชอบ แต่เปน็ ความเห็นท่ัวๆ ไป เป็นความเหน็ ชอบเบ้อื งต้น มปี ระโยชนึ!นทางการงาน การสังคมท่ัวไป คนที่มืความคดิ ความเห็นเป็นปกติ คอื มีเหตุผลชอบด้วยระเบียบแบบแผน ไมด่ ือ้ ไมร่ ้ัน อวดดีถือดี

สหุ ใจที่ไต้อา่ นสารธรรมเพ่ือชวี ติ ที่ดีงามไมถ่ ือความคิดเหน็ ของตนเปน็ ใหญ่ แต่ถือความจำเปน็ ของงานเป็นหลกัไม1ขัดขวางระเบยี บแบบแผนอันดขี องหมู1คณะ ความเหน็ ทำนองน้ี คอืลกั ษณะของความเหน็ ชอบชัน้ ท่ีหน่งึ แม้จะยงั ไมส่ ูง แต่ก็มปี ระ'โย'ชน็ไน'ทางครอบครัว การงานและสังคมการอยรู่ ว่ มกนั เป็นอยา่ งมาก ในครอบครวั ท่ีเราอยู่ร่วมกัน การงานท่ีเราทำร่วมกัน สังคมที่เราอยู่รว่ มกนั หากทุกคนมคี วามเหน็ ชอบและปฏิบีตชิ อบต่อกัน ชวี ิตเราก็จะพบความสุข การงานกน็ า่ ทำการคบหาสมาคมกันกม็ ีประโยชน์ เทา่ นี้กย็ งั ไม่เพยี งพอต่อทุกคน เพราะยังขาดรากฐานอันสำคญั ท่จี ะเปน็ หลกั ยดึ รากฐานอนั นั้นกไ็ ด้แก่ความเหน็ ชอบชน้ั ทสี่ อง ชน้ั ท่ี ๒ ความเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรม ซ่งึ สามารถสอนใจคนผอู้ ยูใ่ นครอบครวั ในการงานในสงั คม ใหรสู กึ มคี วามละอาย ไม่เห็นแกได้รจู้ กั เผ่ือแผ่แก,คนอื่น รู้วา่ ผใู้ ดมพี ระคุณ ตนควรระลกึ ถงึ และตอบแทนคณุ ท่าน เซ่นนเ้ี รยี กวา่ เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม เป็นความเห็นชอบเขา้ แนวธรรมะ คนเราบางคนมีความร้คู วามสามารถทำงานดี มคี วามเห็นเก่ียวกบั วชิ าการหรอื งานในหนา้ ที่ดี มีเหตุผล แต่อาจมีความเห็นผดิ ไปจากทำนองคลองธรรมกไ็ ด้ เช่นเห็นวา่ คนเราจะได้ดีหรอื ชวั่ ก็อยทู่ ี่โชคลางผีสางเทวดา ไมใช่อยูท่ ่ีกรรมดหี รอื กรรมชวั่ ของตนเอง ทำดแี ต่1ไมม่ คี นเหน็ ก็'ไร้ประโยชน์ ทำชัว่ เม่อื ไมม่ คี นเหน็ ก็ไมม่ โี ทษ ท่เี ป็นอยา่ งนี้ก็เพราะความเห็นผิดเป็นเคร่อื งช้ีนา่ ไม่ไดท้ ำดีอะไร กแ็ ยง่ เอาความดีของคนอื่นไปอวดวา่ ตนเป็นคนทำ ส่วนโทษหรือความผดิ นน้ั ทำแลว้ ปกปดี ไว้ เพราะเขามคี วามเหน็ ผดิว่า ถึงแมผ้ ดิ แตเ่ ม ือ่ ไม ่ม ีคน เห น็ กไ็ ม ม่ โี ท ษ อ ย่างน เี้ รยี ก ว า่ ความเห็นผดิจากทำนองคลองธรรม บางคนทำงานดมี คี วามสามารถเกง่ กล้า แตม่ คี วามเหน็ ออกนอกลู่นอกทางของธรรมะในทส่ี ดุ ก็ไปไมร่ อด เนือ่ งจากความเหน็ ผดิ ของตนพาไปซ่ึงหาได้งา่ ยมากในสงั คมปจั จบุ นั น้ี๘๐

สขุ ใจทไ่ี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ิตทีด่ ปี า๋ ม ความเหน็ ชอบตามทำนองคลองธรรมนั้น เปน็ เร่ืองเขา้ ใจไดง้ า่ ยมากเพราะมีผลคือความสขุ ทีผ่ ้ปู ระพฤติปฏบิ ัตพิ ึงได้ เซน่ เห็นว่าทำดีไดค้ ืทำชว่ั ไดช้ ั่ว บดิ ามารดา เป็นผู้มีพระคณุ ครอู าจารย์ หรือผูอ้ ุปการะเป็นผู้มพี ระคณุ อบายมุขเป็นทางแหง่ ความพนิ าศ ความประมาทเปน็ ทางแห่งความตาย เหล่านี้เป็นความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม ถงึ แม้จะยงั ไม่ถึงข้นั เป็นความเหน็ ชอบชนั้ สงู แตก่ ส็ ามารถทำให้ชีวิตมคี วามสงบสุขราบรน่ืมากย่งิ ขนึ้ ความสขุ ความเจริญอนั เกิดจากความเหน็ ชอบในขั้นน้ี จะมน่ั คงถาวร แตก่ ย็ ังไมป่ ลอดภัย หรอื มอี ิสระเพียงพอสำหรับตัวเรา เพราะยงั ถูกรบกวนจากขา้ ศึก คือ กิเลสอยูต่ ลอดเวลา ทำให้ใจเราบนิ ปว่ น สบั สนวนุ่ วายไมม่ ีทีส่ น้ิ สุด บางคร้งั ทำใหอ้ ยากได้ของหรอื รปู สวย ๆ งาม ๆ บางครงั้ ทำให้โกรธอยากฆา่ อยากทำรา้ ยคนอนื่ บางคร้ังกน็ ึกนอ้ ยใจในวาสนาของตนเองบางคร้ังอยากได้มาไว้มาก ๆ ทม่ี ีอยู่น้ยี งั นอ้ ยไป นอกจากน้คี วามเปน็ อิสระของเราก็ไม่มี เพราะเรายงั เป็นทาสแห่งอารมณ์ เมอ่ื เป็นเช่นนี้ ความเห็นชอบในขั้นทีส่ องน้ี จงึ ยังไมเ่ พยี งพอท่จี ะทำให้ชีวติ ให้มีความสุขสดชน่ื ไม่สะดุง้สะเทือนได้ แตค่ วามเห็นชอบชั้นสูงสุดในทางสายกลางน้เี ทา่ นั้นจึงจะช่วยได้ ชั้นที่ ๓ ความเหน็ ชอบสงู สุด ไดแ้ ก่ความเห็นชอบในองค์มรรคและมรรคสมงั คื ไดแ้ ก่ เห็นอรยิ สัจ ๔ คำวา่ อริยสจั แปลวา่ ของจรงิ ท่ีทำให้ผู้เห็นแล้วพ้นจากขา้ ศึก คอื กเิ ลส กค็ อื เป็นผ้ปู ระเสรฐิ หรอื บรสิ ุทธนัน่ เอง ของจริง ๔ อยา่ งนั้นคอื ทุกข0 อริยสจจุ ํ ของจริงคอื ทุกข้อยา่ งหน่งึ ทกุ ขสมทุ โยอรยิ สจุจํ ของจริงคอื เหตุให้เกิดทกุ ขอ้ ย่างหน่ึง ทกุ ขนโิ รโธ อริสจุจํ ของจริงคือความดับทกุ ข้อยา่ งหนึ่ง ทกุ 0ขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา อริยสจจ0 ของจริงคือทางท่ีจะดำเนินไปสูค่ วามดับทกุ ขอ์ ย่างหน่ึง การเห็นของจรงิ ๕ อย่างน้ี ช่อื วา่ เหน็ ชอบสงู สุด ผู้!ดจะเห็นอะไรที่วา่ เลิศ เช่นมตี าทพิ ย์มองเหน็ นรกสวรรค์ หรอื มีความรคู้ วามฉลาดมากมายสักปานใดกต็ าม ถ้ายงั ไมไ่ ด้มาเห็นของจริง ๔ อยา่ งน้ีแลว้ ผนู้ น้ั ก็ยงั ไมช่ ่อื ว่า

สขุ ใจทไ่ี ตอ้ ่านสารธรรมเพือ่ ชีวิตท่ีดีงามเปน็ สมั มาทิฎฐิ เทวดาผูอ้ ยู่บนช้นั สวรรค์ พระพรหมผู้อยู่บนชัน้ พรหม เสวยทพิ ยสมบัติ มคี วามสุขสมบูรณ์มากมายเพียงใดก็ตาม ถา้ เทวดาและพรหมเหล่านนั้ ยังไมม่ าเหน็ ของจริง ๔ อยา่ งนี้ กย็ ังหาชอื่ วา่ มีความเหน็ ชอบอนั สงู สุดไม่ แต่ถ้าผใู้ ดแม้เปน็ คนธรรมดาสามญั อย่างเราๆ ท่านๆ นแี่ หละมาเห็นของจรงิ ๔ อย่างน้ี ดว้ ยการเห็นดว้ ยใจ หรอื เหน็ ด้วยตาปัญญา หรือดว้ ยการตรสั รู้ ผนู้ ้ันก็กลายเป็นผปู้ ระเสรฐิ คอื เป็นอริยบุคคลไปทันที เพราะเป็นผู้ทพี่ ้นแล้วจากความทกุ ข์ ความโศกในโลกนี้ โดยประการนง้ั ปวง ความเหน็ ชอบ ๓ ชั้นทไี่ ด้กล่าวมานี้ พอทจี่ ะทำใหเ้ หน็ ชดั เจนได้ชั้นท่ี ๑ เป็นความเห็นชอบในทางโลก ซึ่งสามารถทีจ่ ะสรา้ งความสุขความเจริญแบบซาวโลกของเราได้บ้างพอสมควร ชัน้ ที่ ๒ เปน็ ความเห็นชอบเขา้แนวธรรมะ ซึง่ สามารถอำนวยความสขุ ความเจรญิ ความราบรน่ื ของชวี ิตได้มากยง่ิ ขึน้ แต่ยังไม่ถึงชนั้ หมดทุกข์ ชัน้ ที่ ๓ เปน็ ความเห็นชนั้ องคม์ รรคเปน็ ลักษณะของทางสายกลางทแ่ี ทจั ริง พอจะได้เห็นแล้ววา่ ทางสายกลางหรอื มรรคมอี งค์ ๘ คอื วิธที ี่จะดำเนนิ ไปสคู่ วามดบั ทุกข์ มสี ัมมาทิฏฐิ ความเหน็ ชอบเป็นข้อที่ ๑ และสมั มาสมาธิ ความต้ังใจชอบเปน็ ข้อท่ี ๘ สำหรบั สมั มาทิภฐิ ความเห็นชอบน้ีกไ็ ดพ้ ดู ถึงรายละเอียดและความหมายมาพอสมควรแลว้ ซง่ึ อาจจะทำให้ทา่ นผฟู้ ง้ ไดเ้ ข้าใจไดร้ ถู้ งึ ความหมาย และรวมถึงการประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามแนวทาง,ของสัมมาทิฎฐิ คอื ความเห็นชอบ ไดอ้ ย่างถกู ดอั ง ซง่ึ พอจะสรปุ ให้ทา่ นฟังในวนั น้ีไดว้ ่า ความเหน็ ชอบนนั้ มอี ยู่ ๓ ชนั้ ด้วยกนั คอื ๑ . ความเห็นชอบในทางโลก ได้แก่ความเหน็ ชอบตามระเบียบแบบแผน หรือประเพณอี นั ดี หมายความวา่ ของดมี ีอยู่อย่าง1ไร ก็เห็นวา่ควรเทดิ ทูนรกั ษาไว้ เชน่ ระเบยี บการปกครองประเทศชาติ ศลี ธรรมของศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสมบตั ิอันล้าํ ค่าควรทคี่ นไทยทุกคนจะช่วยกันรกั ษาไว้

สธุ ใจท่ีได้อา่ น สารธรรมเพือ่ ชวี ิตทด่ี งี าม ๒. ควรเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม คอื เหน็ ว่า ทำดีไดด้ ี ทำชวั่ได้ช่วั บุญบาปมีจริง พอ่ แม่มีบุญคุณ ครูอาจารย์ ผูอ้ ุปการะ มบี ญุ คุณ และรวมไปถึงความเห็นชอบในธรรมท่ีสูงขน้ึ ไปอกี หน่อย คอื เหน็ ตามธรรมดาของสังขารว่ามเี กิดข้ึนในเบื้องด้น ตง้ั อย่ใู นท่ามกลาง และแตกดบั ไปในที่สุด ๓. ความเหน็ ชอบช้ันสงู สดุ คอื ความเหน็ ชอบในองคม์ รรคหรอิทางลายกลางที่ท่านฟงั อย่นู ้ี เป็นความเห็นในกำลงั รวมของมรรคทีเ่ รียกวา่มรรคสมังคี คือมรรคท้งั ๘ รวมเข้าเป็นอนั หน่งึ อันเดยี วกนั มีกำลังแกก่ ลาและฆ่ากเิ ลสได้ ความเหน็ ชอบชัน้ สงู สุดน้ี เมอื่ จะยอ่ ลงอกี ก็ไดแ้ ก่ ความเหน็อริยสัจ (2 คือ เหน็ ทกุ ข์ เห็นเหตใุ หเ้ กิดทกุ ข์ เห็นความดับทกุ ข์ และเห็นวิธีท่ีจะดำเนนิ ไปถึงความดับทุกข์ ๘๓

สุขใจทไี่ ด้อา่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตท่ีดงี ามโดย....คณะอนศุ าสนาจารยท์ หารบก “ ยนั ตเ์ กราะเพชร” ระยะน้ตี ิดตามขา่ วคราวจากส่อื มวลชนตา่ ง ๆ จะพบวา่ มีการทจุ ริตคอรร์ ปั 'ชนั แพร่ระบาดไปหลายวงการ การเปดิ เผยของสื่อมวลชนก็เป็นเกราะป้องกันไดท้ างหนงึ่ ในการป้องกนั การทุจรติ คอร์รปั ชนั เพราะรวู้ า่ ถา้ พลาดพลั้งทำสง่ื ทีท่ จุ รติ ประพฤตมิ ิชอบไปเมือ่ ใด หากถกู จับได้หรอื ถูกเปิดเผยก็ต้องตกเปน็ จำเลยของสังคม เปน็ นักโทษในสายตาของชาวบา้ น เสยี หายต่อวงศต์ ระกูลวงศาคณาญาติกพ็ ลอยไดร้ บั ผลกระทบไปด้วย จงึ ขอนำเสนอเร่ืองยันตเ์ กราะเพชรที่สามารถจะป้องกันอันตรายทเี่ กดิ จากการทจุ รติ คอร์รปั ชันได้ พูดถึง ยนั ต์ ดอ้ งอธิบายความหมายกันเลก็ นัอย คำว่า ยันต์ ตามพจนานุกรมท่านว่า ยนั ต์ เปน็ คำนาม หมายถงึ รปู ต่างๆ เขียนลงบนแผน่โลหะ หรือผ้า เปน็ ตน้ และลงอักขระหรือเลขใช้เป็นของขลัง, โดยปริยายหมายถงึ ส่ิงทม่ี ลี ายเช่นน้ัน เชน่ เสอ้ี ยันต์ โดยสรปุ กค็ ือเครื่องปอ้ งกันภัยพบิ ตั ิทีจ่ ะมาถึงตัว ถา้ ใครมยี ันต์ไว้แล้วจะรอดปลอดภัย อนั ตรายต่าง ๆ ก็ไม่สามารถจะมากลํ้ากราย แมแ้ ต่ศาตราวุธต่าง ๆ ยนั ต์ก็จะช่วยปอ้ งกนั ไดห้ มด ตังน้นั บรรพบุรษุ นกั รบไทยสมยั โบราณจงึ นยิ มสักยันต์ ลงอกั ขระไวก้ ับตัว บนศีรษะบา้ ง หน้าอกบ้างแผ่นหลงั บา้ ง แขนขาบ้าง เพราะเชื่อมน่ั วา่ จะสามารถปอ้ งกนั ศาตราวุธของมคี มตา่ งๆ ได้ ท่สี ดุ กระทั่งผสี าง มารร้าย ถ้าใครมียันตแ์ ปะไวไ้ นท่ีอันเหมาะสมก็จะสามารถป้องกันไดเ้ ช่นกัน เมอ่ื หลายปีกอ่ นโน้น มหี ลวงปรู ูปหนึง่ ทา่ นมีวชิ าอาคม นยั ว่าทา่ นไมด่ ้องเขียนยนั ตล์ งอักขระแตอ่ ย่างใด เพยี งแต่นั่งภาวนา บรกิ รรมคาถาแล้วกเ็ ปา่ ออกไป ทา่ นเรยี กวา่ “เปา่ ยันตเ์ กราะเพชร” ไดร้ ับความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนมาก เพราะง่ายดี ไม,ด้องเจบ็ ตวั เหมอื นกับสักยันต์

สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชีวิตทีด่ ้งามลงอักขระ เพยี งแต่นั่งสงบจิต รอการเป่าจากหลวงปกู พ็ อแล้ว และยันตน์ ัน้ไมใช่ยนั ต์ธรรมดา แต่เปน็ เครอ่ื งป่องกนั ชั้นเยีย่ มเหมอื นเกราะเพชร จงึ เรยี กซอื่ ว่า “ยนั ตเ์ กราะเพชร” ความจริง ตัวป้องกนั อันตรายจากภัยพบิ ัตไิ ด้อยา่ งแทจ้ รงิ ก็คอืธรรมะ เพราะธรรมะย่อมคุม้ ครองรกั ษาผปู้ ระพฤตธิ รรม ให้แคล้วคลาดจากอนั ตรายทั้งปวง พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว พระปิยมหาราชทรงนิพนธไ์ วว้ ่า ความรคู้ ู่เปริยบดว้ ย กำลงั กายแอ สุจรติ ค่เู กราะบัง ศาสตรพ์ อ้ ง ปญั ญาประดจุ ตัง อาวุธ คุมสตติ ่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม สนามชวี ติ คอื ความเป็นอย่ใู นสังคมโลกมนษุ ย์นี้ต่างดิ้นรนต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ซง่ึ มกั พูดกนั เสมอวา่ ชีวติ คอื การตอ่ สู้ ศตั รคู ือยากำลงับางทา่ นถึงกับอุปมาว่า ปลาเป็น ยอ่ มว่ายทวนกระแสน้ําเสมอ ในการตอ่ สขู้ องชวี ติ น้นั เราตัองมีอะไรบา้ ง จากบทพระราชนิพนธ์บทนี้ เราจะพบว่าตอ้ งมกี ำลังกายคือความรู้, ต้องมอี าวุธคอื ปัญญา, ต้องมีโลป่ ่องกนั คอื สติ และต้องมีเกราะบังศาตราวธุ ที่จะมาถึงตวั คอื สุจรติ ตังนน้ั เกราะที่จะปอ้ งกันเกียรติยศซอ่ื เสยี ง ป้องกนั ความเส่อื มเสยีจากอาวุธ คือการตรวจสอบจากประชาชนได้อยา่ งแท้จรงิ คือความสจุ รติความสจุ ริตจึงเป็นเหมือนเกราะเพชรป้องกนั ใหผ้ ้ปู ระพฤติสุจรติ ไดพ้ บแต่ความสขุ ความเจริญ สจุ รติ แปลตามพยัญชนะวา่ ความประพฤติดี ความประพฤติงาม, ความประพฤตงิ า่ ย คือความประพฤติใดท่ีกอ่ ให้เกิดดี งาม ง่าย

สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชวี ติ ทด่ี ีงามความประพฤตินัน้ คือสุจริตในทางตรงกันขา้ ม ความประพฤติใดทกี่ ่อใหเ้ กดิความชัว่ เกิดความเลวทราม และเกดิ ความยากลำบาก ความประพฤตนิ น้ัเรยี กวา่ ทุจริต ในทางพระพุทธศาสนา กลา่ วถงึ ความสุจริตและทจุ รติ ในตวั มนษุ ย์ว่า เกดิ อยูใ่ นไตรทวาร คอื กาย วาจาใจ โดยเรียกศัพทว์ ่า ประพฤตดิ ีทางกายเรยี ก กายสจุ รติ ประพฤติดที างคำพดู เรียกว่า วจสี จุ ริต ประพฤตดิ ีแม้แตใ่ นใจทา่ นเรยี กว่า มโนสุจรติ ในทางตรงข้าม ถ้าประพฤตชิ ว่ั กเ็ รยี กเป็นทจุ รติ คือกายทจุ รติ วจีทจุ รติ และมโนทจุ รติ แต่คำกลา่ วนี้ เมอ่ื มาอยใู่ นภาษาไทยภาษาซาวบา้ น ความหมายก็กวา้ งออกไป คอื ความสจุ รติ มกั ใช้กับคำว่า ซื่อสัตย์ เป็น ซอ่ื สัตย์สจุ ริต,ส่วนทุจรติ มักใชค้ กู่ บั คำว่า ทจุ รติ คดโกง หรือทจุ ริตคอร์รปั ชัน ซึง่ ความหมายกใ็ กล้เคยี งกันและสง่ เสรมิ กนั กลา่ วคือ สจุ รติ ก่อให้เกิดความซอ่ื สัตย์ ผู้!ดประพฤตสิ ุจรติ ผู้น้ันย่อมซอ่ื สัตย,์ ตรงขา้ ม ทุจรติ ก่อให้เกดิ การคดโกง,ผู้!ดประพฤติทจุ รติ ผนู้ ้นั ย่อมคดโกง มันเปน็ คำท่มี าคู่กันอยา่ งน้ี ในเซิงบริหารทรัพยากร ทา่ นกล่าวว่า ไดค้ นโงแ่ ตซ่ อ่ื สัตย์สจุ รติดกี วา่ ได้คนฉลาดแต่คดในขอ้ งอในกระดกู เปน็ ผู้บริหาร เพราะคนคดยอ่ มนำความวบิ ตั ิมาสสู่ ังคมได้มาก โบราณกล่าววา่ ได้ คดเอาไว้ทำตะขอ เหล็กงอเอาไวท้ ำเคยี ว แตค่ นคดเสยี อยา่ งเดยี วใชอ้ ะไรไม่ไดเ้ ลย ยงิ่ ได้คนคดมารว่ มงานเปน็ ทีมยง่ิ อันตรายกนั ใหญ่ มีนทิ านเก่า ๆ เรอ่ื งหนึง่ ท า่ น เล่าว่า เศรษฐที ่านหนงึ มีทรพั ยส์ มกัตมหาศาล, เล้ยี งเสอื ไว้ตัวหน่ึงเปน็ เสอื หนุม่ ตัวท่านต้องบรหิ ารงานมากมายไมค่ อ่ ยมีเวลาวา่ ง, จึงจา้ งคนหนงึ่ มารับหน้าทีเ่ ป็นผู้เล้ียงเสือ, ทา่ นคำนวณดูแล้ววา่ เสือตัวนี้กนิ เนื้อวันละหนึ่งบาทกพ็ ออม่ิ ไดต้ ลอดวนั ยามว่างกจ็ ะแวะเวียนมาเยยี่ มดเู ปน็ การพกั ผ่อนคลายเครียด แรกๆ เสอื กอ็ วั นพดี ีอยหู่ รอกระยะหลังสังเกตเห็นว่ามนั โซลงไป เข้าใจไปว่าคนเลย้ี งอาจจะดแู ลไม่ท่ัวถึงคงต้องทำงานอื่นๆ บ้าง จงึ จา้ งคนที่ ๒ มาช่วยดูแลเลย้ี งเสืออกี แรงหนึง่ ,

สขุ ใจท!ด้อา่ น สารธรรมเพอื่ ชีวติ ที่ดงี ามแตพ่ อคนท่ี ๒ มารบั งาน เจ้าคนแรกกม็ าพูดว่า อยากมเี งินใช้!หม ถ้าอยากมีเงินใช!้ หอยเู่ ฉยๆ คนท่ี ๒ ยงั งงๆ อยจู่ งึ วา่ เพราะเหตใุ ด เจา้ คนแรกขยายความวา่ เปน็ ความลบั คนท่ี ๒ จงึ ไม,พูดอะไร แลว้ กม็ เี งนิ ใช!้ ดเ้ รือ่ ยๆ ถอืเป็นรายได้พเิ ศษนอกเหนอื จากเงินเดอื นทีเ่ ศรษฐีจ้าง วันหนง่ึ เศรษฐไี ปเย่ียมดเู สอื อีก ยิง่ ทุกขใ์ จหนกั เช้าไปอีกแทนจะคลายเครยี ด กลบั เพ่มิ ความเครียดเชา้ ไปอีก เพราะเสอื ตัวน้ัน ซูบผอมลงไปจนเสยี รปู เสียทรง ไมม่ ีความสงา่ งามอยเู่ ลย จึงคิดว่า สองคนน้ีคงงานหนกัดูแลไมท่ ่ัวถงึ จึงจา้ งคนที่ ๓ คนท่ี ๔ มาชว่ ยกนั ดูแลเลีย้ งเสอื เจ้าคนแรกและคนท่ี ๒ กพ็ ดู ชักซวนคนที่ ๓ คนที่ ๕ ว่า อยากมีเงินใช!้ หม ถา้ อยากมีเงนิ ใช้ให้อยูเ่ ฉยๆ พอถามว่า เพราะเหตุใด เขากบ็ อกว่าเป็นความลบั อกี เจ็ดวนั ต่อมาท่านเศรษฐมี าดเู สือวา่ อว้ นท้วนสมบูรณ์ดีแลว้หรอื ยงั แต่พอเห็นเสือเชา้ ก็รอ้ งไห้ ปรากฏวา่ เสอื ตายแล้ว ทำไมเสอื จะไมต่ ายล่ะคณั ก็จา้ งคนเล้ยี งท่ีคดโกงมาทำงาน, เศรษฐีจา่ ยเงนิ ๑ บาท เจา้ คนแรกก็เมม้ ไว้ ๑ สลงึ ทกุ วัน, จ้างคนท่ี ๒ มา มนั กเ็ ม้มไว้อกี ๑ สลงึ ทกุ วนั ,พอมารวมทมี ทงั้ คนที่ ๓ คน ที่ ๕ เชา้ มนั จะเหลอื อะไร ทา่ นเศรษฐีจึงบันทกึ ไวเ้ ปน็ อนุสรณ์แกเ่ สอื ตัวนนั้ ว่าจ่ายเงนิ หน่งึ บาทชอื้ มังสานายหนึง่ เลย้ี งพยคั ฆา ไปอ่ ว้ นสอง สาม ส่ี นายมา กำกบั กนั แอมนั ชัดส่ีส่วนถว้ น บาทสน้ิ เสอื ตาย ไดเ้ หน็ ความสูญเสียเสอื ตัวนแ้ี ล้ว รูส้ ึกอยา่ งไร ทรัพยากรทง้ั หลายอนั เป็นของแผน่ ดนิ ยอ่ มเหมือนเสือตัวนน้ั ประชาชนผเู้ ป็นเจ้าของทรัพยากรในแผ่นดนิ นี้ ก็เหมือนเศรษฐี ผ้บู รหิ ารทรพั ยากร ไมว่ า่ จะในระดับใด ยอ่ มเหมอื นคนรับจา้ งเลี้ยงเสอื ของเศรษฐี ก็ได้แต่หวงั วา่ เสอื จะอว้ นพสี ง่างามเป็นหนา้ เปน็ ตาให้กับประชาชนผ้เปน็ เจ้าของและประชาชนผเ้ ป็นเจา้ ของ

สุขใจท่ีไดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชีวิตทีด่ ีงามเสอื น้แี หละจะทำการตรวจสอบคนเลย้ี งเสือ ถา้ ใครมยี ันตเ์ กราะเพชร คือความซอ่ื สัตย์สุจริต ความซือ่ สตั ย์สุจรติ น่นั แหละจะปกปอ้ งคมุ้ ครองให้ท่านมีแตค่ วามสขุ ความเจรญิ มเี กยี รติยศซอ่ื เสยี งปรากฏในแผน่ ดนิ ดังพระพทุ ธภาษิตว่า “ธมมจารี สุข0 เสติ ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยูเ่ ยน็ เป็นสุข”

สุ'ยใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพื่อชวี ิตทดี่ ปี ๋าม โดย....คณะอนศุ าสนาจารย์ทหารบก “ หลกั ธรรบ เผอ่ื ความมนคงของชวี ติ ” ความปรารถนาอนั สูงสุดในชีวติ มนษุ ย์เรากค็ ือ “การอยูด่ ี กินดี”มนษุ ย์ทุกคนตอ้ งการความสมบรู ณพ์ นู สุขในชีวติ ดว้ ยกนั ท้งั น้ัน แตก่ ารอยู่ดีกนิ ดี หรือความสมบูรณพ์ ูนสขุ น้นั เป็นตว้ ผลของความสำเร็จซึ่งมาจากตัวเหตอุ ันเป็นบอ่ เกดิ เรมิ่ แรกทมี่ นุษย์ทุกคนจะต้องสรา้ งเหตุให้ดี เพอ่ื ความสำเรจ็ ของผลทงี่ ดงาม ถา้ มนุษยส์ ามารถสรา้ งเหตทุ ่ดี ีได้ ผลก็ไมจ่ ำเป็นที่จะตอ้ งแสวงหา ผลจะเปน็ ปจั จัยเกิดข้ึนมาเอง เพราะเหตุเปน็ ตวั กำหนดให้เกดิ กล่าวคอื ถ้าสรา้ งเหตดุ ี ผลยอ่ มดีถา้ สร้างเหตุเสยี หรือไมด่ ี ผลกย็ ่อมเสีย หรือไม่ดีไปดว้ ยเซ่นกนั ตรงกบั หลกั การในทางพระพุทธศาสนาทว่ี า่“เย ธมมา เหตุป.ปภวา” แปลว่า “ธรรมทง้ั หลายมเี หตุเป็นแดนเกดิ ” คอื ทกุ สิง่ทกุ อยา่ งทีป่ รากฏผลประจักษช์ ดั แล้วนี้ ลว้ นมบี ่อเกิดมาจากตวั เหตุทบี่ คุ คลนน้ั ๆ ได้กระทำไวแ้ ล้วทง้ั สิ้น เพราะฉะน้นั ทกุ คนจงึ จำตอ้ งสรา้ งเหตุให้ดี ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดผล คือการอยู่ดี กนิ ดี หรอื ความสมบูรณพ์ นู สขุ ให้เกดิ ข้นึแก,ชีวติ ของแตล่ ะบุคคล เมือ่ ทกุ คนมกี ารอยดู่ ี กินดี หรอื มคี วามสมบรู ณ์พนู สขุ ในชีวติ กน็ บั ได้วา่ “ชีวติ มีความมนั่ คงแลว้ ” ชีวิตของมนุษย์จะมคี วามม่ันคงไต้กเ็ พราะมหี ลกั ธรรมขัน้ พ้นื ฐานเปน็ สว่ นประกอบเบื้องต้นเป็นมรรคาให้มวลมนุษย์ใตน้ ำไปเป็นแนวทางในการประพฤตปิ ฏิบัติในชีวติ ประจำวนั หลกั ธรรมทจี่ ะกลา่ วน้ี เรยี กซือ่ ว่า“บญุ กิรยิ าวตั ถ”ุ หรือหลกั การกระทำความด,ี วธิ ีการกระทำความด,ี แนวทางหรอื หนทางในการทำความดี มอี ยู่ ๓ ประการ คือ ทาน - การให,้ ศีล - การควบคมุ พฤตกิ รรมของตนเอง และ ภาวนา - การผเึ กฝนอบรมตนเองในทางทชอบ

สขุ ใจที่ไดอ้ ่านสารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทีด่ ีปา๋ ม ประการแรก “ทาน-การให้” มี ๒ ลักษณะ คอื อามสิ ทาน-ให้ดว้ ยวัตถุสงิ่ ของและธรรมทาน- ใหด้ ้วยธรรมะหรอื คำสอน, คำแนะนำ คนเราต้องรู้จกั คำวา่ “ให”้ เลยี บา้ ง มิใช่รจู้ กั แต่คำวา่ “รับ”หรือ “เอา” เทา่ นั้น “ให้” เปน็ คำพดู ท่ฟี ง้ ง่าย แต่ค่อนขา้ งปฏบิ ตั กิ ันได้ยาก เพราะคนเราชอบรับมชิ อบให้ แต่ถ้าจะใหแ้ ลว้ กม็ ักจะหวงั ผลตอบแทนแทบทุกราย หลักการให้ท่ีแทจ้ รงิ นัน้ ตอ้ งไมห่ วังผลตอบแทน เป็นการใหเ้ ปล่า คือให้เพือ่ การกุศล,ใหเ้ พ่อื การสงเคราะห์ ช่วยเหลอื เก้อื กลู หรือให้เพ่ือการอื่นใดที่เป็นการให้ด้วยจติ อนั เปน็ กศุ ล ท้ังอามสิ ทาน และธรรมทาน การให้ท่ีบริสุทธ้เี ปน็ การผกู มติ รไมตรอี ยา่ งแทจ้ ริงเชน่ การให้การสงเคราะหช์ ่วยเหลือผตู้ กทกุ ข์ไดย้ ากในคราวประสบภยั ต่าง ๆ, การใหค้ ำแนะนำพราํ่ สอนในทางท่ชี อบที่ควรอนั เป็นแนวทางให้ผู้!ด้รับคำแนะนำนำไปประพฤติปฏบิ ัตจิ นปรากฏผลดเี ปน็ รปู ธรรมท่ีเดน่ ชัด ตวั อยา่ งเชน่“พอ่ แม่ใหล้ กู ” ทำให้เกดิ ความรักความอบอ่นุ และความผูกพนั อยา่ งแนบแนน่“ครูบาอาจารย์!หศ้ ษิ ย์” ทำใหศ้ ิษย์มคิ วามเจริญรงุ่ เรอื งในด้านต่างๆ และ“ผบู้ งั คับบญั ชาให้แกผ่ ใู้ ตบ้ ังคบั บัญชา” ทำให้เกิดผลดใี นการทำงาน และก่อเกดิ ความรกั ความผกู พันอีกด้วย จงึ ใคร่ขอเชญิ ชวนทกุ ทา่ นได้ทำความดีด้วย ทาน คือ การให้ เป็นประการแรก ประการท่สี อง “ศีล - การรกั ษากายวาจาให้เรยี บรอ้ ย” หรือวธิ กี ารควบคมุ พถตุ ิกรรมของตนเองใหอ้ ยูในสภาวะปกติ หรือปกติภาพทางกายและวาจา” เม่อื พระใหอ้ งค์ศีลจบแล้ว ทา่ นกลา่ วว่า สีเลน สคุ ตึ ยใ4ติ, สเิ ลนโภคลมุปทา, ลเี ลนนพิ ฺพตุ ี ยนฺติ ตสมา ลีล0 วโิ สธเย ไดใี จความวา่ “คนเราจะอยู่ดมี ิสุขกเ็ พราะศีล, จะรา้ รวยกเ็ พราะศีล, จะมคิ วามรม่ เย็นเป็นสุขได้กเ็ พราะศลี เพราะฉะน้นั จึงต้องมิศลี ” จึงกลา่ วไดว้ ่า ศลี เปน็ บ่อเกดิ ของการอยูด่ กี ินดี ศลี เป็นสาเหตขุ องความรา้ รวยและศีลเป็นตน้ เหตขุ องความ ๙๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook