สขุ ใจที่ใดอ้ ่าน สารธรรมเพ่ือชวี ติ ทีด่ งี าม ๒. ความซอ่ื สัตยช์ ว่ ยขจัดปัญหาการทจุ รติ คอร์รัปชนั ได้ คนในสงั คมมีแตค่ วามจริงใจต่อกัน การหกั หลังคดโกงกัน เพอื่ ประโยชนข์ องตนเองกจ็ ะไม,มี ๓. ความซอื่ สัตยช์ ่วยให้ครอบครวั มคี วามม่นั คง มคี วามสขุ ก'็ จะส่งผลใหส้ งั คมและประเทศชาติมีความมนั่ คงและเจริญรงุ่ เรือง ความไม,ซือ่ สัตย์ของคนในชาติ เปน็ อุปสรรคท่ีสำคญั อย่างหนึง่ทท่ี ำใหป้ ระเทศของเราไม'สามารถพฒั นาใหเ้ จริญก้าวหน้าเหมอื นประเทศอน่ื ๆ เพราะคนไทยขาดความซ่ือสตั ยข์ าดความจริงใจตอ่ บ้านเมือง เหน็ ได้จากการทุจริตคอร์รปั ชันในโครงการตา่ งๆ ของรฐั ไมว่ า่ จะทำกจิ การใด ก็มืการโกงกนิ ท้ังสิ้น ทกุ รฐั บาลพยายามป้องกัน ปราบปราม แตก่ '็ ไม1่ได,้ทำ'ให้การทุจรติ เบาบางลง ในบางประเทศ เซ่น ญ่ีปน่ มกี ารส่งเสรมิ ให้คนในชาติมีความซอ่ื สัตย์ ให้ถือเกียรติเปน็ ส่ิงทีม่ คื ่า จงึ ทำให้คนญ่ีป่นมคี วามซอื่ สตั ย์ตอ่ กัน รักษาคำพูด รกั ษาเวลา และมีความรบั ผดิ ชอบ ประเทศของเราจะพัฒนากา้ วหน้า และมคี วามเจรญิ ทั่วทกุ ภมู ภิ าค คนไทยมคี วามเปน็ อยู่ดขี ้นึถ้วนหนา้ กด็ ว้ ยความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต ดงั น้ัน ความซ่ือสตั ยเ์ ปน็ คณุ ธรรมทตี่ อ้ งส่งเสรมิ ให้มกี ารปฏิบัติใหม้ าก เปน็ ความดีท'ี่ โม่ตาย ซ่ือกินไม่หมด คดกนิ ไม่นาน คนในสังคมตอ้ งยกยอ่ งคนที่มคี วามซอ่ื สัตย์ ทกุ คนต้องพัฒนาคุณธรรมความซอื่ สัตย์ใหม้ ีในตนเอง ยกย่องคนที่มคื วามซือ่ สตั ย์ไม'คอร์รัปชันใหม้ ีหนา้ มีตาทางสังคมเพอ่ื สรา้ งสรรคส์ ังคมให้นา่ อยู่ สังคมจะสงบสุข คนในสังคมจะไว่ใจกนั ได้ เพราะความซอ่ื สตั ย์คน ท มี คี วาม ซ อ่ื ส ัต ยย์ ่อม ไต ้รับ ค วๆม เช ื่อ ถ อื แล ะม เี ก ยี รต ิ ทุกคน จงึ ควรทำหนา้ ท่ีดว้ ยความซ่อื สัตย์ อนั จะสง่ ผลดตี อ่ ประเทศชาติ ความซอ่ื สัตยจ์ งึ เปน็คณุ ธรรมท่ีสำคญั ยิ่ง ดงั พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เมอื่ ๑๒ มถิ นุ ายน ๒®:๙๗ วา่ ท่านทั้งหลายท่สี ำเร็จการศึกษา และจะไตอ้ อกไปประกอบการงานเรมิ่ ต้นชวี ิตใหม่ของ ๒๔๑
สุขใจท่ใี ดอ้ า่ นสารธรรมเพอื่ ชวี ิตท่ีดีปา๋ มทา่ นนัน้ ขา้ พเจา้ ขอฝากคตไิ วเ้ ปน็ เครื่องกำกับใจ มคี ุณธรรมข้อหนงึ่ ที่สำคัญซ่งึ ท่านต้องปฏิบตั ิอย่างเครง่ ครดั อยู่เสมอ คือ ความสัตย์สุจริต ประเทศบ้านเมืองจะวฒั นาถาวรอยูไ่ ต้ กย็ อ่ มอาศัยความสตั ย์สจุ ริตเป็นพ้นื ฐานท่านทั้งหลายจะออกไปรบั ราชการก็ดี หรือประกอบกิจการงานสว่ นตัวกด็ ี ขอใหม้ น่ั อยใู่ นคุณธรรมทั้ง ๓ ประการคอื สจุ รติ ตอ่ บ้านเมอื ง สจุ รติต่อประชาชน และสจุ ริตต่อหน้าท่ี ท่านจึงจะเป็นผูท้ ีค่ วรแกก่ ารสรรเสรญิของมวลชนท่ัวไป ขา้ พเจา้ ขอแสดงความยนิ ดีตอ่ ทา่ นทงั้ หลาย ในเกยี รติที่ท่านไต้รับ ณ ทา่ มกลางสันนิบาตนี้ และขอใหท้ า่ นจงรำลกึ ถงึ เกยี รติน้ี และรกั ษาไวด้ ว้ ยความสัตย์สุจริต ใหส้ มกบั พุทธภาษิตวา่ “คนยอ่ มไต้เกียรตคิ ือชอื่ เสยี ง เพราะความสตั ย์”๒๔๒
สุขใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชวี ิตท่ีดีงาม โดย...พนั ตรี อรุณ สุภะโกศล “ ความกตณั ญ” ความกตัญญ คอื ความรคู้ ุณ หมายถงึ ความเป็นผูม้ ใี 'จกระ'จ่างมีสติปญั ญาบริบรู ณ์ ร้อู ปุ การคุณผอู้ ่ืนกระทำแล้วแกต่ น เชน่ เลยี้ งดสู ง่ั สอนให้ที่พกั ใหง้ านทำ ฯลฯ ย่อมระลึกถงึ ด้วยความซาบซึง้ อยเู่ สมอ ไม'ลืมอปุ การคุณนน้ั เลย อกี นัยหน่ึง ความกตัญญ หมายถึง ความร้บู ญุ หรอื รูอ้ ปุ การะของบญุ ทตี่ นทำไวแ้ ล้ว รู้วา่ ทตี่ นเองพันจากภัยอนั ตรายทั้งหลายได้ดมี ีสขุ อยใู่ นปัจจบุ นั ก็เพราะบญุ ทงั้ หลายทีเ่ คยทำไว้!นอดีตส่งผลให้จึงไมล่ ืมอุปการะของบญุ น้ันเลย และสร้างสมบญุ ใหม่ให้ยง่ิ ๆขึ้นไป คนตาบอด ยอ่ มมองไม่เห็นโลก แม้ดวงอาทติ ย์จะสอ่ งสว่างอยฉู่ นั ใด คนใจบอด ยอ่ มไม่มีความกตญั ณูแม้จะไดร้ ับความเมตตากรณุ าจากผู้อปุ การคณุ ฉันน้ัน ส่ิงทค่ี วรกตญั ณู แบ่งไดเ้ ป็น ๕ ประการ คือ ๑. กตัญณูต่อบุคคล คอื ใครกต็ ามท่เี คยมีพระคุณต่อเรา จะต้องกตญั ณรู ู้คุณท่าน ตดิ ตามระลกึ ถึงเสมอ พยายามหาโอกาสตอบแทนคุณท่าน โดยเฉพาะพระพุทธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ บดิ ามารดา ครูอุปชั ฌาย์อาจารย์ และพระมหากษัตริยท์ ่ที รงทศพิธราชธรรม ๒. กตญั ฌูตอ่ สัตว์ คือ สัตว์'ท่ีมีคณุ ตอ่ เรา เช่น ช้าง ม้า วัว ควายทีใ่ ช้งาน จะดอ้ งใชด้ ้วยความเมตตากรุณาปรานี ไม่เฆ่ยี นตมี ันจนเหลอื เกินอ ยา่ ใชง้ านหนกั จนเปน็ การทรมาน และเล ้ยี งดใู หอ้ าห ารอ ยา่ ให้อ ด อ ยาก ให้ไดก้ นิ ได้นอน ได้พกั ผอ่ นตามเวลา ฅ. กตญั ณตู ่อส่ิงของ คือ ของสงิ่ ใดกต็ ามท่ีมีคณุ ตอ่ เรา เชน่หนงั สือธรรมะ หนังสือเรยี น สถานศกึ ษา วดั ด้นไม้ ฯลฯ จะต้องปฏิบัตติ อ่ ๒๔๓
๔.สขุ ใจท่ใี ดอ้ า่ นสารธรรมเพือ่ ชวี ิตทีด่ งี ามสิง่ เหล่าน!้ี ห้ดไี ม่ลบหลู่ดแู คลนไม่ทำลาย ดังคำกลา่ วทวี่ า่ “ผ!ู้ ดพำนักอาศยัน่งั นอนใต้ร่มเงาของต้นไมใ่ ดแลว้ ยังขืนหกั กง่ิ ลดิ ก้านรานใบ เดด็ ยอดขดุ รากถากเปลอื ก ผ้นู น้ั ชอื่ ว่าทำรา้ ยมติ ร เปน็ คนชั่วชา้ เลวทราม จะมแี ตอ่ ัปมงคลเป็นเบอ้ื งหน้า” ๔. กตัญณตู อ่ บุญ คือ รวู้ ่าคนเราเกิดมามอี ายยุ นื ยาว ร่างกายแขง็ แรง ผวิ พรรณดี ลตปิ ัญญาเฉลยี วฉลาด มคิ วามสขุ ความเจรญิ มีทรพั ย์มากกเ็ นอ่ื งมาจากผลของบุญ ทกุ อย่างสำเรจ็ ไต้ดว้ ยบญุ จงึ มคี วามร้คู ณุ ของบญุมิความออ่ นน้อมในตัว ไมด่ ูถูกบญุ ตามระลึกถงึ บญุ เก่าใหจ้ ติ ใจชุ่มชืน่ และไม่ประมาทในการสร้างบญุ ใหมใ่ ห้ยิง่ ๆ ขนึ้ ไป ๕. กตญั ญตอ่ ตนเอง คือ รูว้ ่ารา่ งกายนเ้ี ปน็ อปุ กรณส์ ำคัญทเ่ี ราจะไตอ้ าศยั ใช้!นการทำความดี สร้างบุญ เพ่อื ความสขุ ความเจริญกา้ วหนา้แก่ตนเอง จงึ ทะนุถนอมดแู ลร่างกาย ไมท่ ำลายดว้ ยการกนิ เหลา้ เสพสิง่ เสพตดิเทย่ี วกลางคนื และไมน่ ำรา่ งกายไปประกอบกรรมชว่ั เช่น ฆ่าสัตว์ สกั ทรพั ย์อนั เป็นการทำลายตนเอง อานิสงส์ความกตัญญมี ๗ ประการ คือ ๑ . ทำให้รักษาคุณความด เี ดมิ ไวไต้ และสรา้ งคณุ ความด ใี หม่ไตอ้ ีก ๒. ทำใหเ้ กิดสติ ไมป่ ระมาท และเกดิ หิรโิ อตตปั ปะ ๓. ทำให้เกดิ ขนั ติ และจติ ใจผอ่ งใส มองโลกในแงด่ ี ทำใหเ้ ปน็ ที่สรรเสรญิ ของคนดี มิคนอยากคบหาสมาคม ๕. ทำใหท้ ั้งมนุษยแ์ ละเทวดาอยากชว่ ยเหลอื ๖. ทำให้ไม่มเี วร ไม่มภี ัย และลาภผลทั้งหลายเกดิ ขึน้ โดยง่าย ๗. ทำให้บรรลมุ รรคผลนพิ พานไดโดยงา่ ย๒๔๔
สุขใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพื่อชีวติ ทด่ี ีงาม โดย...พันตรี พล'วฒั น์ จำปาดมุ “ บ ุญ น ำ ใหด้ ”ี คำว่า บุญ หมายถงึ ธรรมชาตอิ ย่างหนึ่งทีเ่ กิดขน้ึ ท่ีใจ ธรรมชาติที่ชำระจิตใจให้สะอาดให้ผ่องใส มีผลได้แกค่ วามสขุ ท่เี กิดทางใจ บุญเกดิ ไดห้ ลายทาง เรยี กวา่ บุญกริ ยิ าวตั ถุ ๑๐ ดงั น้ี ๑. ทานมยั คือ บญุ สำเรจ็ ดว้ ยการบรจิ าคทาน ได้แก่ วตั ถสุ งิ่ ของใหธ้ รรมะเปีนทาน เรียก ธรรมทานใหอ้ ภัย เรยี ก อภัยทาน ๒. ศลี มัย คือ บญุ สำเร็จดว้ ยการรักษาศีล ไดแ้ ก่ การปฏบิ ตั ติ ามข้อหา้ มตามทท่ี รงบัญญตั ิในพระปาติโมกขเ์ พอ่ื กำจัดกิเลส ต. ภาวนามัย คอื บญุ สำเร็จดว้ ยการเจริญภาวนา ไดแ้ ก่ การปฏบิ ตั ิใจเพ่อื กำจดั กิเลส แบ่งเป็นสมถภาวนา และวปิ สั สนาภาวนา ๔. เวยยาวจั จมัย คือ บุญสำเรจ็ ดว้ ยการชว่ ยเหลอื กจิ การสงฆ์และภาระพระศาสนา ๕. อปจายนมยั คอื บุญสำเรจ็ ด้วยการมกี ิรยิ าอ่อนนอ้ มถอ่ มตนตอ่ ผใู้ หญ่ ผู้มีพระคุณและคน'ทั่ว'โป ๖. ป็ตตทิ านมยั คอื บญุ สำเรจ็ ด้วยการอทุ ศิ ส่วนบญุ ใหแ้ ก1ญาติผูล้ ว่ งลบั ไปแลว้ ๗. ปตี ตานุโมทนามยั คือ บุญสำเร็จด้วยการแสดงอนุโมทนาในสว่ นบุญรว่ มกับผ'ู้ อ่ืน ๘. ธมั มเทศนามัย คือ บญุ สำเร็จดว้ ยการแสดงธรรม ได้แก่ การอธบิ ายบรรยายธรรมะให้แกผ่ ู้รว่ มโลกทรี่ ่วมทกุ ข์ เกิด แก่ เจบ็ ตาย ไอ (^. &
สขุ ใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพ่อื ชวี ิตทดี่ ปี '๋ เม ๙. ธัมมสั สวนามยั คือ บญุ สำเร็จด้วยการฟงั ธรรม ไดแ้ ก่ การฟังธรรมและนำข้อธรรมมาประพฤติปฏิบัติให้พน้ ทุกข์ ๑๐. ทฏิ ฐชุกมั ม์ คอื การทำความเหน็ ใหต้ รงเปน็ สมั มาทฏิ ฐิเชือ่ ในธรรมและการตรสั รขู้ องพระพุทธเจา้ ทัง้ หลาย ในบรรดาส่งิ ที่อาจช่วยเราไดในโลก ไม่มอี ะไรจะวเิ ศษเทา่ กบั บญุ เลย คนบางคนชว่ ยเราไดอ้ ย่างมากก็เพยี งชว่ งระยะเวลาจากเปลไปสหู่ ลุมฝงื ศพเท่าน้นั แตบ่ ญุ ทเี่ ราทำไว้มากๆ นี้จะช่วยเราไดต้ งั้ แต่ก่อนเกิด เกดิ แลว้ ยังตามช่วย ตายแล้วยงั ตามชว่ ย แมก้ ารบรรลุจดุ หมายสงู สุดทางพระพทุ ธศาสนา คอื การบรรลุพระนิพพาน บุญนี้เท่านน้ั ทีช่ ว่ ยเรา บุญกิรยิ าวตั ถทุ ้งั ๑๐ ประการนี้ เปน็ วธิ ที ำบุญในทางพระพุทธศาสนาซึง่ พุทธศาสนกิ ซน สามารถประพฤติปฏบิ ตั ใิ นขอ้ ใดข้อหนงึ่ ได้ตามอธั ยาศยั ซ่ึงลว้ นแตเ่ ปน็ บอ่ เกดิ แหง่ บุญ เป็นทางแหง่ การสัง่ สมบญุ ท้งั นน้ัขอให้ตัง้ ใจประพฤติปฏิบตั ิเทา่ นั้นกจ็ ะเป็นบญุ กศุ ลท้งั ลิ้น เมือ่ ทราบชดั บ่อเกิดแห่งบุญ คอื บุญกิริยาวตั ถุ ๑๐ ประการ เชน่ นี้แลว้ ควรทีจ่ ะเรง่ รบี ทำบุญทำความดบี อ่ ยๆ ตามอธั ยาศัยตามโอกาสอำนวยทีล่ ามารถจะทำได้ และเมอื่ บุญหรอื ความดีทีท่ ำไวน้ ้นั มากพอสมควร บญุ นนั้ก็จกั บนั ดาลให้ประลบความสุขความเจรญิ ท้ังในภพน้ี และภพหนา้๒๔๖
สขุ ใจทีไ่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชวี ิตท่ีดงี าม โดย...พนั ตรี พลวฒั น์ จำปาดุม “ ผกู ปา้ ใจคบ” การทค่ี นเรามีใจไม,ตระหน่ี รู้จกั โอบออ้ มอารี เอือ้ เพ๋เื อเผอ่ื แผ่ไม่เปน็ คนใจแคบ มใี จกว้างขวาง สามารถบรจิ าคสง่ิ ของของตนเปน็ ทาน เผอ่ื แผ่ให้ผ้อู ื่นได้รับความสุข ความสะดวกสบาย การใหเ้ ซน่ นีย้ อ่ มชว่ ยสมานไมตรีจติ สรา้ งมิตรภาพ ทำให้ประสบผลท่ีตนเองจะพงึ เห็นไดห้ ลายประการดังพระพทุ ธพจน์ที่วา่ ผ้ใู หย้ ่อมเปน็ ทีร่ ัก คนเปน็ อันมากยอ่ มคบหาเขาเกยี รตยิ ศและบรวิ ารยศย่อมเจริญ ผู้ใมต่ ระหน่เี ปน็ ผอู้ งอาจ ไมเ่ ก้อเขินเขา้ สู่สมาคม การผกู น้าํ ใจคนไมจ่ ำเป็นจะตอ้ งให้สิง่ ของมากมาย จะให้อะไรหรือจะชว่ ยเหลอื ใคร ควรชว่ ยเหลือเทา่ ทจ่ี ะช่วยได้ เท,านกี้ เ็ ห็นนา้ํ ใจแลว้ การพูดจาออ่ นหวาน ไพเราะดงี าม สามารถเสรมิ สรา้ งไมตรจี ิต ส่วนวาจาเป็นพิษ หรือวาจาหยาบคายอาจทำใหเ้ สียมติ รได้ คนจะผูกน้ําใจคน ตอ้ งพดู จาไพเราะออ่ นหวาน พิงแลว้ สบายหู สบายใจ ถ้าพดู หยาบคายตอ่ กัน นอกจากจะเสียมติ รแล้ว อาจเสียทรพั ย์ด้วย บางครัง้ พดู ไม่ดอี าจถกู ทำรา้ ยรา่ งกายถึงกับเสียชวี ิตได้ ส่วนคำพดู ท่ีไพเราะอ่อนหวาน สามารถผูกนาํ้ ใจคนไว้ได้การพูดจึงตอ้ งระวงั ว่า พดู ไปแล้วจะทำลายมิตรหรอื ไม, ถ้าเป็นไปในทางทำลาย ไม่ควรพดู แต่ถ้าเป็นการสร้างสรรคไ็ หเ้ กดิ มิตรภาพ จงึ ควรพูด ดงั นั้น กอ่ นพดู ควรเอาใจเขามาใสใ่ จเรา เอาตวั เราเปน็ เครอื่ งเปรยี บเทยี บวา่ คำพูดเช่นนี้ ถา้ เราเป็นผพู้ ิง จะพอใจไหม ถ้าเราไมช่ อบ เขาคงไม่ชอบเหมอื นกนั ประพฤติสงิ่ ทีเ่ ป็นประโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื ตอ้ งเป็นคนสร้างป ระใยซ น ์ ท ำต ัว ให เ้ ป ็น ป ระ ใย ซ น ์ จ ะ อ ย ทู่ ไ่ี ห น ก ท็ ํๆต ัวให เ้ ป ็น ป ร ะ โย ช น ์ท่นี ่ัน จะอยกู่ บั ใครกท็ ำตวั ให้เปน็ ประโยชน์แกเ่ ขาท่ีน่ัน อย่างน้ีแล้วยอ่ มมคี นต้องการ เพราะคนท่ีทำส่งิ ท่ีเป็นประโยชน์ เปน็ ทต่ี อ้ งการท้งั นนั้ ๒๔๗
สขุ ใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพี่อชวี ิตท่ดี ีงาม ประโยชน์ หมายถึง สิ่งท่ีตอ้ งการ ถ้าไม,มปี ระโยชน์ มักไม่มใี ครต้องการ การผกู นํ้า,ใจคน ต้องทำตนใหเ้ ปน็ คนมีประโยชน์ จงึ จะเปน็ ท่ีต้องการของคนหมู่มาก การวางตนเหมาะสมคอื เราอยใู่ นสถานะอยา่ งไร กว็ างตนให้เหมาะสม เปน็ เจ้านายกเ็ ป็นเจา้ นายที่เหมาะลม ใหล้ ูกนอ้ งเคารพนับถอืเปน็ ลูกนอ้ งกเ็ ปน็ ลูกนอ้ งท่ีเหมาะสม มคี วามเคารพนับถือเช่ือฟังผู้บงั คับบญั ชา ทำใหผ้ ู้บงั คบั บญั ชามเี มตตากรณุ า มีไมตรีจติ ตอบ เปน็ พอ่ กเ็ หมาะสมทีเ่ ป็นพ่อ เป็นแมก่ เ็ หมาะสมท่ีเปน็ แม่ เปน็ เพอ่ื นก็เหมาะสมท่ีเป็นเพ่ือนทำได้อยา่ งนี้จึงมีคนรัก มีมิตรมาก ไมม่ คี นรงั เกียจ เพราะวางตัวได้เหมาะลมไม่มขี ้อนา่ ตำหนิ ถา้ เราวางตัวเหมาะสมกจ็ ะผกู น้าํ ใจคนไวได้ แต่ถ้าวางตัวไมเ่ หมาะลมเช่น เป็นเจา้ นาย วางตัวไม่เหมาะสม เอาแต่อำนาจ ไมม่ เี มตตากรณุ า เปน็ลูกน้องก็อวดดีกบั เจา้ นาย อย่างนกี้ ไ็ มไ่ ดร้ บั ความรว่ มมอื แน่ ถา้ ธรรมะเหลา่ นม้ี อี ยใู นบุคคลใด บคุ คลนี้นกจ็ ะมคี นรกั คนชอบมมี ติ รมากมาย ไม,มีศัตรู การที่คนเราจะดำเนินชวี ติ ไต้อยา่ งมคิ วามสุขสามารถสร้างความเจริญใหต้ นเองและประเทศชาติ ควรอบรมบ่มนสิ ยั ใหม้ ีธรรมะเหลา่ นไ้ี ว้ประจำตัวประจำใจ เพอื่ เปน็ เคร่ืองมอี ผูกนา้ํ ใจคนท้งั หลายให้มาเปน็ มิตร๒๔๘
ส'ุ ขใจท่ีไดอ้ ่าน สารธรรมเพือ่ ชีวติ ทค่ี ปี ่าม โดย...พันตรี พลวฒั น์ จำปาดุม “ แสงสวา่ งคอื ปญั ญา” พูดถงึ ปัญญา คดิ ว่าใครๆกค็ งรู้จกั แต่จะมใี ครสักกค่ี นทน่ี ำปญั ญามาใช่ให้เกิดประโยชน์ ปัญญาเป็นนามธรรม มีแต่เพียงซอื่ ไมป่ รากฎตวั ตนให้เห็น คนส่วนมากรูจ้ กั ปัญญา กเ็ พียงผลทีป่ รากฏ เช่น เหน็ นักเรียน นักศึกษาคนไหนเรยี นเกง่ เรียนจบไว ก็เรยี กคนนน้ั วา่ ปญั ญาดี ใครทจี่ ำอะไรเก่ง จำแมน่กว็ ่าคนน้นั ปญั ญาดี ความจรงิ แล้ว ที่กล่าวมาน้นั เป็นผลของปญั ญาท้งั สน้ิไม่ใชต่ วั ปัญญา ปัญญา คอื รู้อารมณ์ ตดั สินอารมณท์ ่ีเกิดขนึ้ กับใจ มี ๓ ประเภทคอื ๑ . ปัญญาท ตี่ ดิ ตวั มาแต่กำเนิด ๒. ปัญญาท่เี กิดจากความนึกคดิ ๓. ปัญญาทเี่ กดิ จากการสัง่ สมอบรมให้มขี น้ึ เมอ่ื พิจารณาปัญญาทั้ง ๓ ประเภทน้แี ล้ว จะเห็นว่าคนเราทกุ คนล้วนมีปญั ญาดว้ ยกันทงั้ น้นั มปี ญั ญาทต่ี ิดตัวมาตง้ั แตเ่ กดิ คร้นั เกดิ มาแลว้ใครจะมีปญั ญามากนอ้ ยแค,ไหนขนึ้ อยู่กับปัญญาทเี่ กดิ จากความนึกคิดและปญั ญาทเี่ กิดจากการสง่ั สมอบรมให้มีข้นึ ผใู ดรจู้ กั คดิ ให้มากๆ ได้รับการสั่งสมอบรมมามาก ก็มีปญั ญามากปัญญาเป็นเคร่ืองส่องสวา่ ง คนจะประกอบกิจการส่งิ ใดได้ต้องอาศยั แสงสว่าง ถา้ ไม,มแี สงสว่าง กไ็ มส่ ามารถจะทำอะไรได้ คนเราถ้าปราศจากปัญญา กเ็ หมือนอยใู่ นที่มดี ทำอะไรไมไ่ ดเ้ ลย ฉะนน้ั พระพทุ ธเด้าจึงตรสั ว่า ปญั ญาเปน็ แสงสวา่ งในโลก ปญั ญาย่อมมที ้ังคุณและโทษ สุดแท้แตผ่ ู้,นำเอา'ไป'ไซ้ ถ้านำเอา1ใป'ไซใ้ นทางทด่ี ี มีประโยชน์ กจ็ ะก่อใหเ้ กิดคณุ แตถ่ ้านำเอาไปใช่ในทางท่ไี มด่ ี ไม่มีประโยชน์ ๒๔๙
สุข'ใจที่ไคอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชีวิตท่ดี ีงามกจ็ ะกอ่ ให้เกิดโทษ ปญั ญาทถี่ กู นำไปใชต้ ้องมีการกระทำไวในใจโดยอุบายอนั แยบคายคอยกำกับ หมายความวา่ กอ่ นจะใช้ปญั ญาต้องกำหนดไว้ในใจถึงสิ่งทจี่ ะทำนั้น แจกแจงโดยละเอยี ด ให้เห็นว่าสิง่ ไหนผิด ส่ิงไหนถกูส่งิ ไหนมปี ระโยชน์ สิง่ ไหนไม่มีประโยชน์ สงิ่ ไหนเปน็ คณุ ส่งิ ไหนเป็นโทษแล้วจงึ ใช้ปญั ญาตัดสนิ เลือกทำแตส่ ิ่งท่ีชอบ ทดี่ ี ท่ถี กู ทีค่ วร เม่ือทำไตเ้ ช่นนี้การกระทำนน้ั ก็จะเป็นไปในทางทด่ี ี มีประโยชน์ ก่อให้เกดิ คณุ ตอ้ งระวงัอย่าให้มโี มหะ ความหลงไมร่ จู้ ริงกำกับ ปัญญาท่ีมโี มหะเปน็ ตัวชี้นำ จะเปน็ปญั ญาท่ีงมงาย โมหะเป็นตัวปดิ บงั ทางแห่งความเหน็ ชอบ คนมีปัญญาถกู โมหะช้ีนำมักจะเปน็ คนหลงผดิ เป็นชอบเสมอ ตงั น้นั จะทำส่งิ ใดควรใชป้ ญั ญาใหม้ ากๆ เพือ่ กนั ความผดิ พลาดอันจะพงึ มี จะลงมอื ทำสิง่ ใดต้องคดิ ใหร้ อบคอบถงึ ผลดี ผลรา้ ย ผลไต้ผลเสยี กอ่ น แล้วจึงคอ่ ยลงมือทำ เมอ่ื ทำไปแลว้ จะไดใม่ต้องมานัง่ เสียใจในภายหลัง คนทใี่ ชป้ ญั ญาทำทกุ สง่ิ ทกุ อย่างเปรียบเสมือนคนทเี่ ดนิ ทางกลางคนืมคี บไฟสอ่ งนำทางสวา่ งไสว เดินไปตามแสงไฟนน้ั ยอ่ มปลอดภัย ตรงกนั ข้ามคนทที่ ำอะไรไม่ใชป้ ญั ญา เปรียบเลมอี นคนทีเ่ ดินทางในกลางคนื ไม่มแี สงไฟนำทาง เดนิ ไปทา่ มกลางความมีด เปน็ อันตรายอยา่ งยิ่ง๒๕๐
สฃใจที่ไดอ้ า่ น สารธรรมเพือ่ ชีวติ ทด่ี ีงาม โดย...รอ้ ยเอก วรี พนธ์ บุตรนาม“ ธรรบนโู นขบ้ั ผน้ื ฐานของชวี ติ ” วันที่ ๑๐ ธนั วาคมของทุกปเี ป็นวนั รฐั ธรรมนูญ คือวันทีเ่ ราชาวไทยทั้งหลายได้รับพระราชทานรัฐธรรมนญู - ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจกั รไทยมาเปน็ เวลา ๘๐ กวา่ ปแี ลว้ ในท่ีน้ีจงึ ใครข่ อนำเสนอเร่ือง“ธรรมนูญมนษุ ย์ขั้นพนื้ ฐาน” เพอื่ เปน็ แนวทางในการดำเนินชีวิตของเรา -พา่ นทัง้ หลาย ในฐานะผู้ดำรงตนอยูในสังคมเดยี วกัน คอื “สังคมไทย” หรอืประเทศไทยอันเป็นทีร่ กั ยิง่ ของเราทง้ั หลาย ก่อนอ่ืนก็ตอ้ งตัง้ คำถามกอ่ นว่าธรรมนูญมนุษยข์ ้ันพื้นฐานคอื อะไร มีกอ่ี ยา่ ง อะไรบา้ ง และธรรมนญู มนุษย์น้ีมผี ลดตี อ่ สงั คมอยา่ งไร ธรรมนญู มนุษย์ข้นั พนื้ ฐาน คอื กฎเกณฑห์ รือกฎระเบยี บเบือ้ งตน้ ทั่วไปของมนุษย!์ นสังคมทจี่ ะพงึ ปฏิปตตอ่ กนั หรืออยู่ร่วมกนั ไดอ้ ย่างสนั ตสิ ขุ มีอยู่ ๓ ประการคอื ๑ . ไม่เบียดเบยี นกนั ๒. หม่ันสรา้ งความดี และ ๓. มีชีวติ เหมาะสม หรือจะกล่าวแบบรวบยอดก็ไดว้ ่า ธรรมนูญมนุษยข์ นั้ พ้ืนฐาน คือไมเ่ บียดเบยี นกัน-หม่ันสรา้ งความด -ี ม ชี วี ติ เหมาะสม ประการแรก “ไมเ่ บียดเบียนกนั ” การเบยี ดเบียนเปน็ บ่อเกดิของความขัดแยง้ และปัญหาทงั้ ปวง มนุษย์ผู้อยู่รว่ มกันในสังคมจงึ ไมค่ วรเบ ียดเบ ยี น กนั ไม ว่ ่วจะเป น็ กๆรเบ ยี ด เบ ียน กัน ด ว้ ยกาย กๆรเบ ียดเบ ยี น กันด้วยวาจาคอื คำพูด หรือจิตคิดทจ่ี ะเบียดเบยี นกัน การไม่เบียดเบียนมีอยู่๒ ลักษณะ คอื ไม่เบียดเบียนผอู้ ่ืน และไมเ่ บยี ดเบียนตนเอง ในเรือ่ งของการไม่เบียดเบียนผอู้ น่ื นน้ั มีขอั ท่คี วรปฏิบตั คิ อื ไม1เบียดเบียนผู้อยู่เหนือตนได้แก่ ผบู้ ังคับบัญชา, ผูม้ ีพระคณุ เช่น บิดามารดา ๒๕๑
ส'ุ ยใจท่ีใด้อ่านสารธรรมเพอ่ื ช วี ติ ทดี่ ีงามครบู าอาจารย,์ ผปู้ ระพฤติดีประพฤตชิ อบท้งั หลาย เซน่ สมณะ พราหมณ์หรือนักบวชผู้ทรงศีลทรงธรรม ซ่งึ เปน็ บญุ เขตหรือเนอ้ื นาบญุ ของหม่มู นษุ ย์ขอ้ ตอ่ ไปคือ ไม่เบียดเบียนผูอ้ ยู่เสมอตน ได้แก่ มิตรสหาย เพ่ือนพ้อง ญาติพืน่ อั ง ญาตธิ รรม รวมทงั้ เพ่ือนรว่ มงาน เพอ่ื ร่วมกจิ กรรม เพือ่ นร่วมคดิเพ่ือรว่ มความเห็น เพื่อนร่วมเหตุการณ์ เพือ่ นรว่ มสถานการณ์ และเพอื่ นรว่ มสังคมผูอ้ ยู่กนิ ดว้ ยกัน เรา-ท่านทง้ั หลายเหลา่ นี้ ไมค่ วรเบียดเบียนกนัครับ และข้อสุดทา้ ยคอื ไมเ่ บียดเบยี นผอู้ ยู่ตากว่าตน ไดแ้ กไ่ มเ่ บียดเบยี นผูใตบ้ งั คับบญั ชา ไม่เบียดเบียนศิษย์หรอื นิสิต นกั ศึกษา นักเรียนผู้ทตี่ นสง่ั สอนให็ไดร้ บั ความเดือดร้อนไม่เบียดเบียนบุตรธดิ า หรอื ลกู หลานของตนใหไ็ ดร้ ับความทกุ ขย์ าก ลำบากกาย ลำบากใจ และไม่เบยี ดเบยี นบริวารซนคนใกลช้ ดิ หรือคนสนทิ ของตนให็ไดร้ บั ความขดั ขอ้ งหมองใจตา่ งๆ นานาการไมเ่ บียดเบยี นผอู้ ่ืนจงึ เป็นการไม่สรา้ งปญั หาใหเ้ กิดขึน้ แกผ่ ู้อ่นื เป็นการไม่สร้างความทุกขย์ ากลำบากใหเ้ กดิ ข้นึ แก่ผอู้ ่นื และเป็นการไมส่ ร้างความเดอื ดร้อนใหเ้ กดิ ข้ึนแกผ่ อู้ ืน่ ไม่รบกวนผูอ้ นื่ ไมก่ ล่ันแกลง้ ผูอ้ นื่ ไม่ขัดแยง้ กบัผูอ้ น่ื ไมท่ ่าผู้อ่ืนให้เสียหายหรือประสบเคราะหก์ รรมต่าง ๆ นานา มนษุ ย์ผ้อู ยู่รว่ มกนั ในสังคมทกุ สังคม ทั้งสังคมใหญ่และสงั คมย่อย จงึ ควรระมัดระกังสงั วรมิใหเ้ กดิ การเบียดเบยี นกนั ท้ังการเบียดเบียนทางกาย ซึ่งต้องใช้อวยั วะรา่ งกายไปทำรา้ ยกนั ใชว้ ตั ถุส่ิงของจนกระทง้ั อาวุธไปทำร้ายหรือทำลายกันทง้ั การเบยี ดเบียนกันด้วยวาจาคอื คำพูด ซง่ึ อยใู่ นลักษณะของพฤติกรรมท่ีไม1พงึ ประสงค์ เซน่ คำดา่ คำสอ่ เสยี ด คำพดู เพ้อเล้อไร้สาระ และคำเทจ็อันไม่เป็นจรงิ แตท่ สี่ ำคญั ทส่ี ุดทมี่ นุษย์ เราควรแกปฏิบตั แิ ละหกั หา้ มไวก้ อ่ นก็คอื “หา้ มใจไว้ก่อน อย่าได้คิดเบียดเบียนผู้อ่นื เลย” ข้อควรระวังตอ่ ไปคอื “ไม,เบียดเบยี นตนเอง” บางคนเกดิ ความท้อแท้พา่ ยแพต้ ่อชีวติ คดิ สนั่ อยากจะทำลายตวั เอง อยากจะกล่ันแกล้งตวั เองอยากจะทำใหต้ วั เองไดร้ ับปญั หา คือความทุกขย์ ากลำบาก และความเดอื ดรอ้ นตา่ งๆ นานา เพอ่ื ประชดประชันสงั คม ด้วยความนอ้ ยอกนัอยใจใอ ๕ ๒
สฃใจทไี่ ด้อ่าน สารธรรมเพอื่ ชีวติ ที่ดีงามเพราะไมใตด้ ังใจประสงค์ ปรารถนาสิ่งใดแตไมใต้สงิ่ น้นั หรอื ไมป่ รารถนาส่งิ ใดแตก่ ลับได้ส่ิงนัน้ สง่ิ ที่ไดแ้ ละส่ิงทไี่ ม1ได้ จึงเป็นบอ่ เกดิ ของความไม่ถกู อกไมถ่ กู ใจ กลายเปน็ อารมณ์ทไ่ี มน่ า่ ปรารถนา เพราะฉะน้นั เพอื่ เปน็ การป้องปรามและปอ้ งกนั ตนเองใหห้ ลุดพน้ จากความคดิ เหน็ ที่ผดิ ๆ เป็นมิจฉาทฐิ ิน้ีจึงเหน็ ควรใหห้ มู่มนุษย์ผู้อยูร่ ่วมกนั ในทกุ ลังคม ไดโปรดลด ละ เลกิ การเบียดเบยี นตนเอง การประชดประชันตนเอง การทำตนเองใหเ้ ดอื ดรอ้ น เพอ่ืเปน็ การประท้วงสงั คม มนษุ ยเ์ ราไม่ควรทำร้ายตนเอง ไมค่ วรปดิ กั้นตนเองในการกระทำความดี ไม่ควรกล่นั แกลังตนเอง และไม่ควรเข่นฆ่าหรอื ทำร้ายตนเอง โดยสรุปคอื อยา่ ทรมานตัวเอง ทัง้ ทางร่างกายและจิตใจ แม้แต่สตั ว์เดรจั ฉานทั้งหลาย เช่น สุนขั และแมว รวมทง้ั สัตวเ์ ลก็ สัตวน์ ัอย ซง่ึ เปน็สิ่งมชี ีวติ เราก็ไม,ควร เบยี ดเบียนเขาใหไ้ ด้รบั ความเดือดรอ้ นหรอื ความทกุ ข์น่ีคอื ธรรมนญู มนษุ ยข์ ั้นพืน้ ฐานในหวั ขอ้ แรก คือ “ไม่เบยี ดเบียนกัน” ธรรมนญู มนษุ ย์ขน้ั พืน้ ฐานประการทส่ี องคอื “หมั่นสร้างความดี” มีอธิบายวา่ มนุษยท์ ง้ั หลายจะสามารถดำรงชีวติ อยูใ่ นสงั คมรว่ มกนั ได้ก็ดว้ ยพลงั แหง่ ความดีของกันและกนั ด้วยผลหรืออานสิ งสแ์ ห่งความดขี องกนัและกันเปน็ เดมิ พน้ ถา้ มนษุ ยแ์ ต่ละคนไม่ทำความดีรว่ มกันแลว้ มนษุ ยจ์ ะอยู่ร่วมกนั ไดอ้ ย่างไร มนษุ ยค์ งตอ้ งสญู พนั ธมุ นษุ ย์ เพราะมนษุ ยไ์ ม,พากันทำความดี ความดเี ท่านั้นที่จะช่วยจรรโลงชีวิตของมนุษยใ์ ห้อยรู่ ว่ มกันได้ด้วยความร่มเย็นเปน็ สุข และสามารถดำรงตนและเผา่ พันธขุ องตนใหอ้ ยู่ในโลกน้ไี ดอ้ กี นานเทา่ นาน เผ่าพนั ธขุ องหมมู่ นษุ ยจ์ งึ ต้องฝากไวก้ บั ความดีทีม่ นุษยก์ ระทำ ก็วตั ถปุ ระสงค์ของการกระทำความดนี ั้นมอี ยู่ ๒ ประการคอื การกระทำความดเี พ่อื ตนเอง กบั การกระทำความดีเพ่ือผอู้ น่ื หรือเพือสังคมสว่ นรวม และการกระท ำความ น ีก้ ม็ วี ธิ ีท ำอยู่ ๓ ทาง คอื ท างกายทางวาจา และทางใจ การกระทำความดที างกาย คอื การใชอ้ วัยวะรา่ งกายของเราเป็นเครื่องมอี ในการกระทำความดี ดว้ ยการเวน้ การกระทำทไ่ี ม่ควรทำ คือการเบยี ดเบยี นเช่นฆ่าซึง่ กนั และกนั การสกั ทรัพย์ การทจุ ริตมจิ ฉาชีพ ๒๕๓
สขุ ใจท่ีไดอ้ ่านสารธรรมเพือ่ ชีวติ ทดี่ งี ามการประพฤติผดิ ในกาม แลว้ กระทำหรอื ประพฤตใิ นส่งิ ทีค่ วรประพฤติ ด้วยการบำเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ผ้อู น่ื สร้างความเจริญรงุ่ เรืองให้เกิดข้ึนในสังคม สร้างสรรคส์ าธารณประโยชน์เพือ่ สงั คมส่วนรวมดว้ ยความบริสทุ ธเ,จโดยไมห่ วงั ผลตอบแทนอันเปน็ การทดแทนและสนองคุณตอ่ แผน่ ดินหรือบา้ นเกิดเมอื งนอนของเรา เชน่ ในเมอื งไทยของพ่ีน้องประชาชนคนไทยทกุ คนน้ี เมอื่ เรารกั ประเทศไทย เราหวงแหนประเทศไทย เรากต็ ้องชว่ ยกนัพัฒนาชาตไิ ทยดว้ ยการปฏบิ ัติดงั น้คี ือ ๑ . เว้นส่ิงท ่ีควรงดเวน้ คือ การท่ีคนไทยทกุ คนทกุ ภูมภิ าคของประเทศไทย ไมท่ ำรา้ ยคนไทยด้วยกนั และไม่ทำลายประเทศไทย แล้วต้งั ใจกระทำความดี ในขอ้ ตอ่ ไป คอื ๒. 1[ระพฤตสิ ง่ิ ท่ีควรประพฤติ ได้แก่ คนไทยทกุ คนตา่ งช่วยกันจรรโลงเมืองไทยเขา้ ไว้ ชว่ ยกนั พัฒนาประเทศไทยของเราใหเ้ จริญร่งุ เรืองให้คนไทยทกุ คนได้มืการอยู่ดีกนิ ดี มีเศรษฐกิจทพี่ อเพียง สามารถดำรงตนอยูใ่ นประเทศไทยได้อย่างสงบสุข การกระทำความดีด้วยกาย คอื การใชร้ ่างกายกระทำความดี มีมากมายหลายสถานไมส่ ามารถจะพรรณนาในรายละเอียดได้ทัง้ หมด แต่ก็มีแนวยึดถอื ปฏบิ ัติอยู่กค็ ือ ใหใช้อวัยวะร่างกายของเรากระทำความดใี ห้มากท่ีสดุ เทา่ ท่จี ะกระทำได้ เพ่ือประโยชนต์ นประโยชนท์ า่ นในวันข้างหน้า ต่อไปคอื การกระทำความดที างวาจา ได้แก่ การใช้คำพูดในเชงิปฏิบัตใิ น ๒ ลกั ษณ ะ คือ ๑) เว้นสิ่งทีค่ วรเว้น ได้แก่ ให้เวน้ จากการกล่าวคำเทจ็ เวน้ จากการกล่าวคำหยาบ เวน้ จากการกลา่ วคำส่อเสยี ด และเว้นจากการกล่าวคำเพอ้ เจอ'ไร้สาระ แล้วใหป้ ฏิบตั ิในหนทางต่อไปคอื ๒) 11ร-ะพฤติสิ่งทคี่ วรๆู [ระพฤติ ไดแ้ ก่ การกลา่ วคำสัตย์จริง การกลา่ วคำออ่ นหวาน คำไพเราะ และการกล่าวคำอนั ประกอบดว้ ยประโยชน์๒๕๔
สุขใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชวี ติ ที่ดีงามคือการพูดในแนวสร้างสรรค์ - พดู เพอื่ ให้เกิดความเจริญ - พูดเพ่ือให้เกิดความม่ันคง และการกระทำความดขี ้อสุดท้าย ซึง่ อยู่ภายในเรา-ทา่ นทัง้ หลายมองไม่เห็น สมั ผัสแตะต้องไมไ่ ด้ แต่ก็มอี ย่ใู นชวี ติ มนษุ ย์เราคือ การทำความดีทางใจ ใช้จติ ใจ เป็นเครือ่ งมือหรอื อปุ กรณ1๊ นการกระทำความดี โดยการปฏิบตั ิใน ๒ หนทาง ดังกลา่ วมาแลว้ คอื ๑) เว้นสิ่งทีค่ วรเวน้ ได้แก่ อย่าไปคิดละโมบโลภมาก อยา่ อยากได้จนเกนิ ขอบเขต อยา่ คดิ เบยี ดเบยี นพยาบาทปองร้ายผ้อู ื่น และสำดญั ทีส่ ุดคือ อย่าคดิ ผดิ -อยา่ เหน็ ผิด แลว้ คดิ ในหนทางปฏบิ ตั ทิ ีถ่ ูกตอ้ งต่อไปคอื ๒. ประพฤตสิ ่งิ ท่ีควรประพฤตไิ ด้แก่ให้เราคิดในสง่ิ ทีค่ วรคิดน่ันเองเซน่ คดิ เพื่อกระทำความดีทางกาย คิดเพอ่ื กระทำความดีทางวาจา และคิดเพื่อกระทำความดีทางใจโดยการหมั่นแกปฏิบตั แิ กฝนอบรมจติ ใจของเราให้หายขุ่นมัว ใหเ้ ป็นจติ ใจทปี่ ราศจากความโลภ ความโกรธความหลง ใหเ้ ป็นจิตใจท่สี ะอาด สวา่ ง และสงบ ไรม้ ลพษิ ในจิตใจ มแี ต่ความสดใส และแจม่ ใสตลอดท้ังวันและคืน คอื ตลอดกาลและตลอดไป ยอดของการกระทำความดีน้ีจงึ อยู่ที่การชำระจิตใจของเราใหใ็ สสะอาดและบรสิ ุทธผึ๋ ดุ ผอ่ งน่ันเอง การหมั่นสรา้ งความดี จงึ เปน็ เหตใุ ห้เกิดชีวิตทเ่ี หมาะสม เพราะชวี ติ ท่เี หมาะลม กค็ อื การดำรงตนอยู่ในทางทชี่ อบท่ีควร ทำให้มนุษย์มคี วามสะอาดกาย สะอาดวาจา และสะอาดใจ ซ่งึ เปน็ ผลสืบเนือ่ งมาจากการสร้างความดีดงั กลา่ วมา จึงกล่าวไดว้ า่ ธรรมนูญมนุษย์ขน้ั พนื้ ฐานท้งั ๓ ประการคือ ไม่เบยี ดเบียนกัน หมั่นลรา้ งความดี และมีชีวติ เหมาะสม นับว่าเป็นคุณธรรมสำคัญทม่ี นุษย์ในสงั คมทุกหมู่เหล่าจะดอ้ งถือเปน็ แนวทางในการประพฤติปฏิบัตใิ ห้ดำรงตนอยใู่ นสงั คมไดอ้ ย่างสนั ตสิ ุขสืบตอ่ ไป 1 9 (^(5^
สขุ ใจทไ่ี ดอ้ า่ นสารธรรมเพื่อชีวิตท่ีดป้ า่ มโดย...รอ้ ยเอก วรี ะเสน พรมปาน “ ความรทู้ ว่ มหวั เอาตวั ไมร่ อด” ความโงก่ ับความฉลาดเป็นของคู่กนั ความโงเ่ ป็นฝ่ายเสยี ความฉลาดเป็นฝ่ายดี ไมม่ ีใครอยากโง่ มีแตอ่ ยากฉลาดทงั้ นัน้ แตบ่ างคร้งั ความโง่มักเกดิ ขึ้นโดยทเ่ี ราไม่ร้สู ึกตัวก็มี ความฉลาดก็เช่นเดยี วกัน บางครัง้ กเ็ กดิ ขึน้โดยทีเ่ ราไม่รู้สกึ ตวั เรยี กวา่ สบจังหวะพอดี ทง้ั ความโง่และความฉลาดเกดิ มาจากอะไร? เกิดมาจากกฎแหง่ กรรมที่แตล่ ะคนไดก้ ระทำไวแ้ ตอ่ ดตี ทผี่ ่านมา ตง้ั แตว่ านนเ้ี ดอื นที่แล้ว ปที ่ีแล้วหรือภพที่แลว้ แต่ส่งิ ที่นา่ คดิ มากทส่ี ดุ กค็ อื “บางคนโง่ในเร่ืองท่ีฉลาด” คอื เรอื่ งท่คี วรรคู้ วรเห็นควรทำความเข้าใจ ควรเอาใจใส่ ควรประพฤติปฏบิ ัตคิ อื ควรทำจริง ๆ แตก่ ลับทำเป็นโง่ ไม่ยอมทำ กบั อกี ประเภทหนงึ่ คอื “เป็นคนฉลาดในเรือ่ งทโ่ี ง่” หมายความวา่ เปน็ คนที่มีความเฉลยี วฉลาดปราดเปร่ืองมากมีความรูม้ าก แตท่ ำอะไรไมค่ ่อยสำเร็จ ไปทำอะไร ท่ไี หน เมื่อไร อย่างไรกม็ กั จะสร้างความขัดแย้งและความยุ่งยากให้เกดิ ข้นึ เสมอ มากด้วยโครงการมากดว้ ยหลกั การ มากดว้ ยวิธกี าร มากด้วยวิชาการ ทำไปกไ็ ร้คา่ เสยี เวลาเปลา่ ๆ มัวแต่บา้ หอบฟาง ทำอะไรไมท่ ันเขา นึกว่าเรานีฉ่ ลาด แต่...โง่ โอ...ความรูท้ ่วมหวั เอาตวั ไม่รอด๒๕๖
สุขใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อื ชีวติ ทีด่ งี าม โดย...พันตรี สุดใจ วงละคร “ บ โุ น - บ า ป ” อาการ คอื สภาพท่เี รียกวา่ บุญ หรอื บาป คืออะไรกันแน?่ ปญ้ หานี้มผี ตู้ อบหลายประการ เช่น ตอบว่าบญุ คือความสุข และบาปคอื ความทกุ ข์และวา่ บุญคือสวรรค์ บาปคือนรก ความจริงก็เปน็ คำตอบทีใ่ ช่ใต้ แม้จะไม่ตรงทีเดียวแตก่ ็ใกลเ้ คียงอย่มู าก แตถ่ ้าพิจารณากันใหล้ ะเอยี ดแลว้ สุขทุกข์หรือนรกสวรรคน์ ้ัน เป็นผลบญุ และผลบาป บุญบาปนัน้ เราดทู ่อี าการของจติ บุญ คอื ความสะอาดหรอื ความผดุ ผ่องแหง่ จิต การที่จิตไตค้ วามสะอาดเพม่ิ ขึ้น ไตค้ วามบริสทุ ธผดุ ผ่องเพิม่ ขึ้น เรยี กว่าไต้บุญ การกระทำที่ทำใหจ้ ติ ไต้ความสะอาดผุดผ่อง เรียกวา่ ทำบุญ ทว่ี า่ ไตบ้ ุญ บุญน้ันไมใ่ ช่ว่าไตบ้ ุญมาจากวดั หรอื พระเอาบุญมาจ่ายให้ ความจริงบญุ เกดิ ขนึ้ ในจติ ของผู้ทำนัน้ เอง จติ เปรียบเหมอื นผา้ การทำบุญเุ ปรืยบเหมอื นการซักผา้ ส่วนบุญทไี่ ต้ก็เปรียบเหมอื นความสะอาดทเุ กิดขน้ึ แก1ผ้าท่ซี ัก ความขาวสะอาดที่เกดิ ขึ้นแก่ผา้ หลังจากทเี่ ราซักแล้วนั้น จะว่ามาจากไหนก็ไม่ถกู ความขาวสะอาดท่ผี งซักฟอกกไ็ ม่มื ความขาวสะอาดท่นี ํา้ กไ็ มม่ ื ทตี่ วั คนซกั กไ็ ม,มีแตว่ า่ เม่ือเอาผ้าขยีก้ บั นํ้าผงซักฟอกแล้ว มนั เกิดมือาการขึ้นมาอย่างหนึ่งในผ้านน้ั ท่เี ราเรยี กวา่ ความสะอาด เมือ่ ผ้าผืนใดมคี วามสะอาดแลว้ ก็เป็นผา้ มรี าคา ใชก้ ารไตด้ ีกว่าผ้าสกปรก ใชน้ งุ่ ห่มกส็ บาย ขายก็ไต้ราคาดี ความสบายและไตร้ าคาดนี ั้น เปน็ ผลเกิดจากความละอาดอกี ทีหนง่ึ เรื่องบุญก็คล้ายๆ กบั เร่อื งความสะอาด ต่างแตว่ า่ เป็นความสะอาดของจิตใจ บญุ ไมไ่ ต้มใฺ นขา้ ว บญุ ไมใชอ่ ยใู่ นบาตรพระ แต่ว่าเมือ่ เราตักขา้ วใสบ่ าตรพระ บญุ เกิดขึ้นในใจของเราเอง เหมอื นขย้ีผา้ กบั น้าํ ผงซักฟอก บาป กุตรงกนั ข้ามกบั บญุ นั่นเอง บาป หมายถึง ความสกปรกเศรา้ หมองทเี่ กิดขนึ้ ในจติ เวลาเราทำความช่ัวทใี จก็เศรา้ หมองที ทำบอ่ ย ๆใจกย็ ิง่ เศร้าหมองมากเข้า ขอทำความเข้าใจว่า บาปไม,ไต้เกิดจากทีอ่ ่ืนในปนี กไ็ ม่มีบาปในคนท่เี ราเกลยี ดก็ไมม่ บี าป แต่เม่อื เราเอาปีนไปยิงคนตายใจของเรากเ็ ศรา้ หมองลงไป เรียกวา่ ไตบ้ าป ๒๕๗
สธุ ใจที่ได้อา่ นสารธรรมเพื่อชวี ติ ทด่ี ป้ ๋ามโดย...พันตรี สดุ ใจ วงละคร “ กำอยา่ งไร ผระธรรบจงึ จะชว่ ยเรา” พระธรรม เปน็ องคอ์ นั หนึง่ ในรตั นะท้งั สาม คือ พระพุทธเจา้พระธรรม และพระสงฆ์ ในรัตนะ ๓ อยา่ งนี้ เนอ้ื แทข้ องศาสนาคอื พระธรรมคำว่าธรรมะ คลมุ ความหมายของคำว่าศาลนาไว้ทัง้ หมด มคี นอยเู่ ป็นอนั มากทหี่ วงั พึ่งพระธรรมโดยการออ้ นวอน ขอใหพ้ ระธรรมเปน็ ที่พง่ึ แต่ตนเองไม่ได้ปฏบิ ตั ิธรรม ความหวงั พึง่ เพยี งเท่าน้ีก็ดอี ยู่ แตย่ งั ไมเ่ ขา้ ถึงจุดมุง่ หมายแท้ คนทห่ี วงั เพยี งเท่าน้ี มกั จะมีความร้สู ึกคลา้ ย ๆ กับวา่ พระธรรมมีเนอ้ืมีตวั เลือ่ นลอยไปมาได้ อาจหนีจากคนนไ้ี ปอยู่กบั คนนน้ั ถ้าใครกราบไหว้ออ้ นวอนบอ่ ย ๆ กเ็ ข้าไปรมุ ลอ้ มคอยช่วยเหลอื คดิ ไปเสยี อยา่ งน้ี พอเขา้ ใจอย่างนี้ ก็พากันต้งั หนา้ อ้อนวอนโดยเฉพาะอย่างย่ิงเวลามภี ยั มาถึงตวั เช่นเปน็ ความขึน้ โรงขนึ้ ศาลเกดิ เร่ืองแลว้ จงึ จะคดิ ถงึ พระธรรม ขอใหพ้ ระธรรมช่วยกอ่ นหน้าน้นั ไม่คดิ ถึงธรรมะ ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ความจริง ธรรมะช่วยเราได้จริงๆ แตไ่ ม่ใช่เพียงขน้ั น้ี การพงึ่ พระธรรมนั้น เราต้องเขา้ ใจว่า พระธรรมกค็ อื ความดี ธรรมะกค็ อื ความดี ความถูกตอ้ ง การกระทำทีด่ ีและถูกนน่ั แหละคอื ธรรมะ การปฏิบัตธิ รรมะกค็ ือเราจะทำอะไรๆ กต็ ามเลอื กทำแตท่ ี่ดแี ละถูกต้องเทา่ นั้นถ้าผดิ หรือเสยี อยา่ ทำ เมอ่ื เราทำดี ทำถกู การกระทำนน้ั จะปรงุ ตัวเราให้ดขี ้ึน เมอ่ื ตวั เราดีขน้ึ แล้ว ความดีในตวั เรานั่นแหละจะเป็นทีพ่ ่งึ ของเราอีกทหี นึ่ง คือเราทำความดี ความดปี รุงตัวเราให้ดีขน้ึ เม่อื ตัวเราดแี ลว้ เราก็ได้พงึ่ ตัวเราน่ันเอง เหมอื นอยา่ งทีว่ า่ คนเราตอ้ งพ่ึงอาหาร แต่วธิ ีพึ่งอาหารน้ัน ไมใช่ให้อาหารหมูเหด็ เป็ดไกม่ ารวมกนั ชว่ ยเรา วิธพี ่ึงอาหารนน้ั เราตอ้ ง๒๕๘
สขุ ใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่ีดีงามกนิ อาหารเข้าไปในตวั แลว้ อาหารน้ันจะแปรรูปมาเป็นเน้ือตวั เลือดลมของเรา จะทำตัวเราใหอ้ ว้ นท้วนแข็งแรงข้ึน เสรจ็ แล้วเรากพ็ ึ่งความแข็งแรงหรือพง่ึ รา่ งกายของเรานัน่ เอง เรอ่ื งพึง่ ธรรมก็เหมอื นกนั เราตอ้ งฝกึ หดั ตัวเราตามหลกั ธรรมนน้ั ๆหลักงา่ ยๆ ก็คอื ตอ้ งทำถูกและทำดีเสมอ เสรจ็ แลว้ การกระทำของเราเองจะปรงุ ตัวเราเองใหด้ ีข้ึน ปรงุ ใจให้ซอ่ื สัตย์สจุ รติ ปรุงปากใหอ้ ่อนหวาน ปรงุกิรยิ ามารยาทให้เรียบร้อย รวมความวา่ ทำใหต้ วั เราน้ดื ีขึ้น แลว้ เรากไ็ ด้พึ่งความดีในตวั เรา ตรงตามหลักทีว่ ่า ตนเป็นทีพ่ ึ่งของตน การพ่ึงอยา่ งน้ี แทนท่ีพระธรรมจะชว่ ยเรา แตเ่ พยี งว่า เมอ่ื มใี ครคดิ ร้ายเอาปีนยิง ก็ให้แคลว้ คลาดไมใช่เพยี งเท่านนั้ แต่พระธรรมได้ช่วยเรามากกวา่ น้นั คอื ชว่ ยให้เราเปน็ คนไมม่ ีศัตรทู จี่ ะคิดเอาปีนมายิงเสยี ด้วยซํา้ การทเี่ รามศี ัตรูคอยตกั ยิง แตว่ ่ายงิเราไมถ่ ูกกับการท่ีเราไมม่ ใี ครคิดรา้ ยเลย เปน็ ชวี ิตทม่ี ีความสุขตา่ งกันมาก บางทา่ นอาจท้อใจว่า เราเองก็สูอ้ ุตสา่ ห์ปฏิบตั ธิ รรม มศี ลี มธี รรมแตก่ ็ยงั มคี นตงั้ ตัวเป็นศตั รูจงเกลียดจงซงั ต่าง ๆ เรื่องนีต้ ้องเข้าใจว่า คนยงัมีกเิ ลสก็ยอ่ มมีการกระทบกนั บา้ ง แมแ้ ตพ่ ระพทุ ธองคก์ ไ็ ม,พน้ ทจี่ ะถูกพระเทวทตั คดิ ทำร้าย นกั ธรรมะจะตอ้ งมองเพ่อื นมนษุ ย์!นโลกน้ี!นลักษณะท่ีว่า เขาเป็นเพอ่ื นร่วมทกุ ขก์ ับเรา และทกุ คนถูกไฟกเิ ลสเผาใจอยู่ เชน่ ถกูความโกรธ ความโลภ ความรษิ ยา เผาลนหวั ใจจนร้อนวง่ิ ไปวิ่งมาก็อาจชนเราเขา้ บ้างกไ็ ด้ ตามปกติคนท่ียังทำบาป มักจะไปกระทบฝ่ายทหี่ ยุดทำบาปฝา่ ยผผู้ ิดธรรม มักจะเป็นฝ่ายกระทบผปู้ ระพฤติธรรม ทำนองเดยี วกบั คนที่เดินหรอื ว่งิ ย่อมเป็นฝ่ายกระทบคนยนื หรือนั่งอยู่กับที่ เพราะฉะนน้ั เมือ่เราถกกระทบ จงใหอ้ ภัยและสงสารเขา ในฐานะที่เขาถกกเิ ลสบางอย่างเผาใจจนตข ้องวิ่งพล่านมากระทบเราเข้า ตวั เรากเ็ ฬห่ มือนกัน ‘ถบ่ า้ ปล่อยให้กิเลสเผาใจมาก ๆ ประเดย๋ี วก็วงิ่ ไปเทีย่ วทำความเดอื ดรอ้ นให้ชาวบา้ นเขา้ บ้างเหมอี นกนัต้องระวัง ๒๕๙
สุขใจทไ่ึ ด้อา่ นสารธรรมเพ่อื ชวี ิตท่ดี ีงามโดย...พนั ตรี สุชาติ สมมาตร แขจด66,, - ะ การแขง่ ดี เปน็ เร่อื งดี หรอื เลยี ขอใหท้ ่านผูอ้ ่านทุกท่านกรุณาพจิ ารณาให้ดี การแขง่ ดนี ัน้ ทา่ นหมายถงึ การทีเ่ ราจะท่าความดแี ขง่ คนอืน่ โดยคิดหาทางท่าให้คนอืน่ เลียหายควบไปด้วย ท่าดีใหต้ ัวและในโอกาสเดียวกันก็ทา่ เลยี ให้คนอนื่ ดว้ ย ท่าอยา่ งนีเ้ รยี กวา่ แขง่ ดี เช่น อยากใหต้ ัวมีซื่อเลียงเหมือนเขา ในโอกาสเดยี วกับทีห่ าซือ่ เลยี งใหต้ ัวน้นั ก็หาทางใหร้ ้ายเขาไปด้วย ไมใช่เพยี งแต่ทำความดีแขง่ กนั เช่น นกั เรยี นตา่ งคนตั้งใจเรยี น ตา่ งคนหมายจะสอบเอาทห่ี น่งึ ใหได้ ก้มหน้ากม้ ตาเรียนตามหนา้ ท่ขี องตน ไมไ่ ด้ปัดแข้งปัดขาใคร อยา่ งนี้ไมใช่การแข่งดี หรือเราเห็นคนอื่นมคี วามรูค้ วามสามารถดี แลว้ พยายามขะมักเขม้นทำตัวใหเ้ กง่ อยา่ งเขาดว้ ยบริสุทธเ้ื ,จ อย่างน้ีกไ็ ม่เปน็ การแขง่ ดี เป็นความขยันหม่นั เพยี ร พระพทุ ธองคก์ ็ทรงสรรเสรญิ ตวั อยา่ งการแข่งดี เชน่ พระเทวทัต คร้ังเม่อื พระพุทธเจา้ ยังทรงพระชนม์อยู่ เสด็จไปเทศนาสงั่ สอนประซาซน มคี นเคารพเลอ่ื มใสมาก เป็นพระศาสดาเอก พระเทวทตั เกิดอยากจะแขง่ ศวามดีเด่นกับพระพทุ ธเจ้าและได้ดำเนนิ การหลายวธิ ที ่ีจะทำใหพ้ ระเกียรตขิ องพระพุทธเจา้ เสื่อมเลียจนกระทงั่ พยายามปลงพระชนม์ ในโอกาสเดยี วกนั กห็ าทางแสดงตัวให้คนอื่นเหน็ ว่าดดี ว้ ย การกระทำของพระเฑวทัตนเ้ี ป็นลกั ษณะการแขง่ ดโี ดยตรง ข้อเสียของการแขง่ ดี คือคนแขง่ ดีเปน็ คนทำงานสองอย่างควบกันคือทำดีกับทำเลียในขณะเดยี วกัน ทำดีใหต้ วั และทำเลียใหค้ นอื่น การท่เี ราท่าเลียให้คนอืน่ นน้ั เราผู้'ทำนี่แหละเป็นคนเลีย และเลยี กอ่ นผ้ถู กู ทำ คือเรมิ่ เลยี ตัง้ แต่คิดว่าจะทำ คร้นั ทำเขา้ ตวั เองกเ็ ลยี กอ่ น เหมอื นเราควักโคลนขวา้ งใสค่ นอนื่ มอื เราตอ้ งเบื้เอนกอ่ น คือเบ้ืเอนต้งั แตค่ วัก ส่วนคนถูกขวา้ งน้นั เปอี นทหี ลงั คือเบ้ืเอนตอนท่ีขวา้ งแล้ว การทำชวั่ ใสค่ นอ่ืนกเ็ หมือนกันตัวผทู้ ำน้ันแหละช่ัวกอ่ น เลยี กอ่ น๒ ๖๐
สฃใจทไี่ ด้อ่าน สารธรรมเพือ่ ชวี ิตทด่ี ีปา๋ ม ข้อเสยี อกี ประการของการแข่งดี คอื เปน็ การทำลายตวั เอง ไม่ใช่ชว่ ยตัว เพราะคนผู้คิดแขง่ ดนี น้ั ความนึกคดิ ไมป่ กติ แนวความคิดไมเ่ ปน็ระเบยี บ เพราะความท่ีอยากจะแขง่ กับเขาน้นั ก็เป็นการแขง่ ผลขั้นสดุ ทา้ ยเลยทเี ดียว ไม่ได้คดิ ทำเหตใุ หส้ มกับผล ตามปกตขิ องทกุ สิง่ ทุกอย่างจะขน้ึ ไปถึงจุดดีจุดเดน่ ไดจ้ ะตอ้ งเป็นไปตามวิถที างของสิ่งนั้น ต้นไม้มดี อกงาม บานสะพรง่ั น่าชม ไม่ใชว่ า่ ปับปับจะเปน็ อย่างนนั้ ได้ มนั จะตอ้ งเดนิ มาตามทางของมัน ตัง้ แต่มตี น้ เล็กๆ แลว้ งอกงามขน้ึ จนกระทั่งมีดอกตมู แล้วจึงกลายเปน็ ดอกบานสวยงามน่าซม น่วี ถิ ที างของดอกไม้งาม เราเห็นสัตวีไหญ่ เช่นช้างม้า กต็ อ้ งเข้าใจว่าที่มันใหญโตอย่างน้ัน มันก็เรมิ่ มาจากต้นทางของมันเหมอื นกนั ต้งั แต่เกดิ ข้ึนเป็นตัวเล็กๆ แลว้ โตขน้ึ ๆ กระดูกใหญข่ ึ้น เนอ้ื มากขน้ึ หนงั หนาขน้ึ ใหญข่ นึ้ ตามๆ กันทุกส่วน มนั จงึ ใหญ่อยา่ งทีเ่ ราเหน็ การแขง่ ดี เปน็ เหมอื นการแข่งความงามสดุ ท้ายของดอกไม้ หรือแข่งความใหญ่โตขัน้ สุดทา้ ยของชา้ งทีเดียว ไมก่ ้าวไปตามลำดบั ขนั้ คนคิดแข่งดี เขามักจะไม่รู้จักประมาณตวั ทำในส่ิงที่ไม่ควรทำ ทำไม่เหมาะ ทำไม่น่าดู แม้จะเป็นคนมคี วามรูแ้ ละมคี วามชำนาญ ก็มกั จะพลาดเพราะมวั เอาใจไปไว้กับการแขง่ หนักเขา้ ไมใชอ่ ยากเหน็ ความดีของตัว แต่กลายเป็นอยากจะเหน็ ความพ่ายแพย้ ่อยยับของคนอื่น คอื ของคู่แขง่ คนเราถ้าจิตใจยงั ต่าํ จนเห็นความพินาศยอ่ ยยบั เป็นของน่าดแู ลว้ ใจกช็ ่ัวเศร้าหมอง โทษของการแข่งดีกับคนอืน่ นน้ั ทีส่ ำคัญคือ ทำให้คนอื่นขาดความนยิ มนับถือในตวั และเป็นจุดเรมิ่ ตน้ แหง่ การแตกสามัคคีของหม่คู ณะ การทำความดี ความเดน่ นน้ั พระพทุ ธเจ้าทรงสรรเสริญเป็นความดีแตท่ ุกคนกค็ วรจะตัง้ หนา้ ทำ ความดีในเส้นทางของตน อย่าได้ไปมงุ่ แตท่ จี่ ะแย่งดี ปิดแข้งปดั ขาคนอนื่ ส่อนสิ ัยวา่ เปน็ คนอยากดีคนเดียว ๒๖๑
สุชใจทไี่ ด้อ่านสารธรรมเพ่ือซวี ติ ท่ดี ีงามโดย...ร้อยเอก วีรเสน พรมปาน “ ความตอ้ งการ” มีอาการของจิตใจบางอยา่ งท่สี ามารถเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมของคนใหเ้ ปน็ ไปตา่ งๆ ได้ อาการทวี่ า่ น้ี คือ “ความต้องการ” เกอื บรอ้ ยเปอร์เซ็นตข์ องคนท่ที ำความผิดตา่ ง ๆใหห้ นังสือพมิ พ์ลงขา่ วอยเู่ ปน็ ประจำก็เป็นฤทธ้เี ดชของความตอ้ งการทั้งนนั้ ความตอ้ งการ ตรงกับภาษาชาวบ้านวา่ ความอยาก คอื อยากได้น่นัอยากไดน้ ี่ หรืออยากเปน็ นัน่ อยากเปน็ น่ี ความอยากนพี้ ูดให้สภุ าพหน่อยวา่ความปรารถนา หรือความตอ้ งการ ทำไมคนเราจงึ มคี วามต้องการ เห็นจะไม่ต้องพดู เพราะรูก้ ันอยแู่ ล้วเพราะว่ารา่ งกายเน้อื ตวั ของคนเรา มันมคี วามบกพรอ่ งอยูใ่ นตวั ตอ้ งได้ของอนื่ เขา้ มาปรนเปรอ คนเราชอบอิม่ แต่ในตวั เรากไ็ มม่ ีความอม่ิ ต้องหาข้าวหาน้าํ จากภายนอกมาทำให้อิ่ม ไม่มีใครอิ่มในตวั ได้ เราชอบความอร่อยแต่ความอรอ่ ยในตัวเราเองกไ็ มม่ ี สิ่งท'ี่ จะทำ'ใหต้ วั เราอรอ่ ย มันต้องเอามาจากคนอนื่ สัตว์อื่น และส่ิงอนื่ ซ่งึ อยนู่ อกตัวทง้ั นั้น เช่น ได้จากเน้อื สตั ว์เน้ือปลา ผัก ข้าว และอ่นื ๆ ซง่ึ ลว้ นแตไ่ มม่ ีอยูใ่ นตัวเราเองเลย ตับไตไลพ้ ุงในตัวเราก็มี แต่มนั ไม่อร่อยสำหรับเรา มนั ไปอรอ่ ยสำหรับสตั วก์ ินเน้อื อยา่ งอืน่ชน้ั ที่สดุ ลมซึง่ มีไวส้ ำหรับหายใจไม,ให้ตาย ก็ต้องสูดเอามาจากข้างนอกทม่ี ีอยใู่ นตัวเราเอง'ใม,พอ อยากรวู้ า่ พอหรอื ไม่พอ ลองปดิ ปาก ปิดจมกู ดูสักหา้ นาที ก็รู้,วา่ พอหรอื 1ไมพ่ อ ความต้องการ ที่ว่าดีหรือไม่ดนี ้นั ดูไดห้ ลายแง่ คอื ดูสง่ิ ท่ตี ้องการกไ็ ด้ ดูวิธีที่จะเอาสิ่งน้ันมากไ็ ด้ ถ้าสง่ิ ที่ต้องการ หรอื วธิ ที ี่จะเอาของนั้นเป็นการช่วั การตาํ่ ความตอ้ งการนน้ั เรียกว่า ความตอ้ งการเสยี หาย ใซไ็ ม่ได้คือตอ้ งการสิ่งทไี่ มด่ ี ดีไม,ตอ้ งการ ไพลไ่ ปตอ้ งการส่งิ ท่ไี ม่ดี แต่อย่าลืมว่า๒๖๒
สุขใจท่ไี ดอ้ า่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตท่ดี งี ามที่ว่าไม่ดี ๆ นน้ั อาจไม่ดโี ดยวตั ถุก็ได้ เช่น พ่อแม่ ครบู าอาจารย์ สอนอยู่ทกุ ว่ีทกุ วันวา่ คบคนช่วั ไมด่ ี ก็ยงั ตอ้ งการจะเอาคนชัว่ คนเลวมาเปน็ เพ่อื นนเ่ี รยี กวา่ ไมด่ ีโดยวัตถุ ท่ีว่าไมด่ โี ดยวธิ ีการนั้น หมายความวา่ ทางวตั ถุดี เชน่ตอ้ งการสร้อยทองคำสกั เสน้ หน่งึ แตห่ าเอาโดยวธิ ขี โมย อย่างนี้ สรอ้ ยทองคำไมเ่ สีย เป็นของดจี ริง แตไ่ ปเสยี ท่วี ธิ ีหาสายสรอ้ ยทองคำ คือวธิ ขี โมยเอาเปน็ วธิ ีท่ีไม่ดี ความสขุ ใจสบายใจจะมีขึ้นได้ เพราะความเหมาะสมกนั ของลองสิ่งคือ ความตอ้ งการของเรา กับส่ิงทีเ่ ราตอ้ งการ วธิ แี กค้ วามทุกขท์ ่เี กิดจากความต้องการ คอื ขจดั ความตอ้ งการให้เหมาะกับสงิ่ ทไ่ี ดีวธิ หี นึง่ อกี วิธหี นึ่งคือ จัดสิง่ ทได้ไห้มาเหมาะกับความตอ้ งการความตอ้ งการเปน็ สิ่งทเี่ ราสร้างขึน้ สว่ นส่งิ ทเี่ ราตอ้ งการนั้น คนอ่นื เป็นผสู้ รา้ งเพราะฉะน้ัน เราต้องแก้ความต้องการของเราให้ตรงกบั สิง่ ทค่ี นอน่ื สรา้ งไมใช่ไปแก้ส่งิ ทคี่ นอ่ืนสรา้ งให้มาตรงกบั ความต้องการของเรา พระท่านสอนวา่“โลกพรอ่ งอยูเ่ ป็นนติ ย์ ไมร่ ู้จกั อ่มิ เป็นทาสของความอยาก (คือความตอ้ งการ)” ความตอ้ งการน้ี กา้ เป็นความต้องการท่ไี ม่เป็นประโยชน์และไม่เป็นธรรม ก็จะนำความเสื่อมเสียมาลูต่ วั เราได้ปญั หาทกุ อยา่ งท่เี กิดข้ึนในชาติบา้ นเมอื งของเรา ไมว่ า่ จะเป็นปัญหาเรอื่ งยาเสพตดิ ปัญหาเร่อื งโรคเอดส์ปญั หาการกดขี่ทางเพศในเดก็ ปญั หาใชแ้ รงงานเด็ก ปัญหาทุจริตคอรร์ ัปชันเป็นต้น สาเหตุกม็ าจากความต้องการที่ไมเ่ ป็นประโยชนแ์ ละไม่เป็นธรรมท้งั ส้ินเพราะฉะน้ัน การแก้ปญั หาท้งั หลายบรรดามไี นโลกน้ี ต้องแก้ท่คี วามต้องการของตัวเอง ใหเ้ ปน็ ความต้องการทเี่ ป็นประโยชน์และเปน็ ธรรม ๒๖๓
สขุ ใจท่ไี ค้อ่านสารธรรมเพื่อชีวิตท่ีดีปา้ มโดย...พันตรี สชุ าติ สมมาตร “ การดหู มน่ี ” คำไทยเราทว่ี า่ ดูหมนิ่ ดถู ูก ดแู คลน มคี วามหมายใกล้เคยี งกัน การดูหม่ิน เปน็ อาการทางจติ ใจ คอื การทีใ่ จของเราเหน็ คนอนื่ วา่ช่วั ช้าเลวทรามกว่า ตัวพูดงา่ ยๆ คอื นึกเหยยี ดหยามเขา ในโลกนมี้ ีสตั ว์ที่มีชีวิตและมใี จครองอยหู่ ลายชนิดดว้ ยกัน เชน่ เสือช้าง จระเข้ ปลา งูเหสือม งูเห่า ไก่ เปด็ และอ่นื ๆ ตวั เราเองก็เปน็ สตั วโ์ ลกชนิดหนงึ่ เป็นประเภทคนคือเกิดมาเปน็ คนและได้มาพบปะรู้จักกับคนดว้ ยกันอกี หลายคน ที่บงั เอิญเกิดมาในโลกเดยี วกนั และในยคุ เดียวกนั ใครจะเป็นอะไรก็ตาม เปน็ พลทหาร เป็นนายทหาร เป็นนายจา้ ง เป็นลกู จ้าง พน้ื เพจริง ๆก็คือเป็นประเภทคนดว้ ยกัน คนทเี่ กิดมาเป็นคนแล้วจะเป็นคนดใี นหมูค่ นดว้ ยกนั ไดจ้ ะตอ้ งรูจ้ กัทำสองอย่างคือ รบั กบั ให้ ต้องเป็นท้ังรบั เปน็ ท้งั ให้ รบั คอื รับจากคนอ่ืนเชา้ มาใสต่ ัว เชน่ รับคำสอน รับความรรู้ บั การชว่ ยเหลอื รบั การเคารพ รบั ความเปน็ มิตร รบั ความกรุณาปรานี ให้ คอื แจกจ่ายออกจากตวั เราไปใหค้ นอ่ืน เช่น ให้วิชาความรู้ให้การชว่ ยเหลอื ใหก้ ารอ่อนนอ้ ม ให้มติ รภาพ ใหค้ วามเมตตากรณุ า ให้ความยิม้ แยม้ แจ'มใล การดหู มนิ่ คนอื่นน้นั เป็นอปุ สรรคทัง้ ตอ่ การให้และการรบั ระหวา่ งตัวเรากบั คนอ่นื คนทีด่ หู ม่ินคนมักต้งั ข้อรงั เกียจขึ้นในคนอน่ื ว่า เขาเลวอย่างนัน้ เขาตา่ํ อยา่ งน้ี เหน็ คนอืน่ ว่าไมค่ คู่ วรท่ีเราจะให้ เช่นจะใหค้ วามออ่ นน้อมหรอิ จะใหค้ วามนับถอื หรอื แม้จะให้การสนทนาปราศรัย ก็เหน็ ว่าเขาไม่ควรทเ่ี ราจะให้ เมือ่ เห็นว่าเขาไม่คู่ควรแก่ท่ตี วั จะให้แลว้ ก็เลยไมไ่ ดใี ห้ เม่อื ไมใ่ ห้มนั ฝายรบั กเ็ หมอื นกัน เห็นคนอ่นื เป็นคนตั้าช้าเลวทรามจนไม,คูค่ วรท่ีตวั๒๖๔
สขใจที่ได้อ่าน สารธรรมเพ่ือชีวิตที่ดีงามจะรับความเคารพนับถอื จากเขาก็รงั เกยี จ จะรับความเปน็ มติ รจากเขาก็รงั เกยี จ จะรบั ฟงั ค'วามคดิ ความเหน็ ของเขาก็รังเกยี จ ชั้นทสี่ ุดจะรบั คำสั่งสอนตักเตอื นจากเขาก็รงั เกียจ คือเมอ่ื เห็นเขาเป็นคนเลวทรามเสยี แลว้กเ็ ลยรงั เกียจท่จี ะรับ เมอ่ื รังเกียจแล้วก็เลยไม่ไดร้ บั สรุปว่า การดูหมืน่ คนอนื่ น้นั มนั ตัดเส้นทางแห่งความดี ความเจรญิทง้ั สองทาง คือ ทางรบั และทางให้ และความดี ความเจรญิ จะเขา้ มาสตู่ ัวเราได้ ก็โดยทางทงั้ สองน้เี ทา่ นนั้ เมอื่ ตัดเสียทั้งสองทางแลว้ กห็ มดดี หมดเจรญิ การดูถูก ดหู ม่ืนกนั เป็นรอยรา้ วแห่งสังคมทุกช้ัน คนเราไมว่ ่าจะรักกนั แคไ่ หน ถา้ ถกู อีกฝา่ ยหนง่ึ แสดงกิริยาวาจาดถู กู เหยียดหยามเสยี แล้วความรกั ความนับถอื ก็จืดจางลงทนั ที ช้นั ทส่ี ุดแมแ้ ตผ่ วั เมียกันหรอื ญาติพน่ี ้องกนั ถา้ มกี ารดูหมน่ื เหยยี ดหยามกัน กย็ ากท่จี ะยึดเหนีย่ วนา้ํ ใจกันไวไ่ ด้เพราะฉะนนั้ พทุ ธองค์จึงทรงพร่าํ สอนว่า ไม่ใหด้ หู ม่ืนกนั การคิดดูหม่นื คนอนื่ น้ัน ผู้ทเ่ี สยี หายจรงิ ๆ กค็ อื ตวั ผดู้ ูหมน่ื นน่ั เองขอ้ นต้ี ้องระวังคือ เมอื่ เรามฐี านะสงู ขน้ึ ความรสู้ งู ขึ้น ยศสูงข้นึ ตำแหนง่ สูงข้ึน หรือรัา๋ รวยมากขึ้น พอเราเกิดเมาความสูงของตัวเอง การคิดดหู มนิ่ กม็ กัจะเข้ามาแทรก คือมันทำให้เราเห็นว่าคนอน่ื ตาข้าลง เซน่ ตวั เปน็ ขา้ ราชการกม็ องเหน็ ซาวไรซ่ าวนาเป็นคนตา หนักเขา้ ก็เหน็ เพ่อี นๆ ตาลง'ไป หนักเขา้ ไปอีกแม้แต่ครูอาจารยข์ องตนเองก็ดูหมนื่ ทรี่ ้ายท่ีสุด ดหู ม่นิ กระทั่งพ่อแมบ่ ังเกดิ เกล้าของตวั เอง ใหเ้ หน็ ไปว่าพอ่ แม่ต่าํ ต้อยกวา่ เรา คนประเภทน้ี เรยี กวา่ ต้นไม้ลมื ต้น คือตน้ ไม้ซง่ึ เกิดจากพื้นดิน ไต้นาํ้ ได้ปยุ จากดนิ จนกระท่ังสงู ขึน้ ๆกระทง่ั ปลายของมันไปเกลอื กกลว้ั อยกู่ ับอากาศกลางหาว เลยเผลอตวั ไปวา่ตัวเองเปน็ วงศ์วารของกอ้ นเมฆ ของดาวเตือน เหน็ แผ่นดินเปน็ ของตาํ่ ตอ้ ยแลว้ คิดจะถอนรากขึน้ ไปจากดนิ เสียให้พ้น ฉะนั้น คนทีด่ ูถกู คนอนื่ ก็คอื คนท่ดี ูถูกตัวเองนั่นเอง จึงให้ระวังการดูหมิ่นคนอ่ืนนน้ั ไมด่ ี จงเตอื นตัวอยู่เสมอว่า เมอื่ ตัวเองยังเป็นคนอยู่ก็จงอย่าดหู มนื่ คนดว้ ยกนั เป็นอันขาด เพราะการดูหมน่ื คนอืน่ นน้ั ทำให้ตวั เราเองทรุดตาํ่ ลงทุกที ๒๖๕
สุฃใจท่ไึ ดอ้ ่านสารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทส่ี งื ามโดย...ร้อยโท พรสวรรค์ จนั โปรด “ อานภุ าพของโบรปรติ ร” ในอดตี กาล พระโพธิสตั ว์เกิดเปน็ นกยูงมีขนลที องงดงามมากอาศัยอยู่บนเขาสงู ซอ่ื ทณั ฑกหิรัญบรรพต นกยงู โพธสิ ัตวน์ นั้ ระมดั ระวังรกั ษาตวั เป็นอยา่ งมาก ที่อยูอ่ าศัยจงึ ลีส้ บั และไกลจากถ่ินมนษุ ย์ ถงึ อย่างน้นั นกยูงกย็ งั ร่ายมนตร์สำหรบั คุ้มครองป้องกันตัวให้ปลอดภัยทุกเช้าเย็น เมอื่ พระอาทิตย์อทุ ยั นกยูงจะบนิ ไปจับที่ยอดเขาลกู นน้ั เพ่งดูพระอาทติ ย์กำลงั ขึน้ พลางรา่ ยมนตรน์ มัสการพระอาทิตย์อุทยั ว่า อุเทตะยัญจกั ขมุ า เอกกะราชา เป็นต้น ตลอดจนกล่าวนมัสการพระพทุ ธเจ้าท้งั หลายซ่ึงเสดจ็ ปรนิ ิพพานไปแล้วในอดตี เพ่ือเป็นเครอ่ื งคุ้มครองรักษาให้ปลอดภยั ในถน่ิ ทีท่ อ่ งเทย่ี วไปหาอาหารในเวลากลางวนั พอตกเยน็ นกยูงกจ็ ะบินไปจับท่ียอดเขาทณั ฑกหริ ญั บรรพต แล้วร่ายมนตรน์ มสั การพระอาทิตย์ที่กำลงั อสั ดงว่า อะเปตะยัญจักขุมา เปน็ ต้น กลา่ วนมัสการพระพทุ ธเจ้าท้ังหลายซึง่ เสดจ็ปรินิพพานไปแล้วในอดีต ตลอดจนนมสั การคุณของพระองค์ แล้วก็เชา้ นอนเพอื่ เปน็ เคร่อื งคุ้มครองปอ้ งกันรกั ษาตนให้ปลอดภัยในถ่นิ ทีอ่ ยู่อาศัย ด้วยอานภุ าพแหง่ พระปรติ รทน่ี กยูงนมสั การเซน่ นเ้ี ป็นกิจวตั รทกุ วนั เชา้ เยน็ มีไต้ขาด จงึ ทำให้นกยูงแคลว้ คลาดปลอดภัยตลอดมา วันหน่ึง พรานปา่ คนหน่งึ เทีย่ วล่าสัตว!์ ปจนถงึ ถิน่ นน้ั ไต้เหน็ ยูงทองบนยอดเขาน้นั โดยบงั เอญิ เมอื่ กลับมาบ้านจงึ บอกลกู ชายของตนใหท้ ราบไว้ตอ่ มาพระราชเทวขี องพระเจ้าพาราณสพี ระนามวา่ เขมา ทรงสุบินวา่ ไต้เห็นนกยงู ทองแสดงธรรมให้พระองค์ฟง้ ครนั้ ต่ืนบรรทมจงึ ทูลพระราชสวามีใหท้ รงทราบ แลว้ พระนางก็ทูลบอกพระประสงค์จะฟง้ ธรรมของนกยงู ทองพระราชาจึงตรัสถามเหล่าอำมาตย์วา่ มีนกยงู ทองอยจู่ รงิ หริอ อำมาตย์ทูลวา่ พวกพราหมณค์ งจะทราบ จงึ ตรสั ถามพราหมณ์ พวกพราหมณร์ ับรองว่าเคยไต้ยินมาว่านกยูงทองนน้ั มีอยู่จริง แตไ่ มท่ ราบแหล่งท่ีอย่อู าศยั พวก๒๖๖
สุขใจทไี่ ด้อา่ น สารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทด่ี งี ามพรานปา่ คงพอจะรู้ พระองค์จงึ มรี บั ส่งั ให้เรียกประชุมบรรดาพรานป่าทง้ั หลาย แลว้ ตรสั ถามถงึ เร่ืองนกยูงทอง บตุ รของพรานปา่ คนนั้นกก็ ราบทูลให้ทรงทราบว่า นกยงู ทองมอี ยู่จรงิ พอ่ ของตนเคยเห็นนกยูงทองตวั หนงึ่ อาศัยอยู่ทภ่ี เู ขาทัณฑกหริ ัญบรรพต พระองค์จงึ รบั ส่งั ให้บุตรพรานปา่ ไปจับมาถวายเปน็ ๆ พรานนัน้ เท่ียวไปในป่าเลาะแสวงหาถน่ิ ที่อยู่และท่ลี งหาอาหารของนกยงู จนพบแล้วจึงไปวางบ่วงในท่ีนั้น ด้วยอานภุ าพแหง่ มนตรแ์ มน้ กยูงจะเหยยี บบ่วงทนี่ ายพรานดักไวบ้ ว่ งกไ็ มค่ ลอ้ งเทา้ นายพรานพยายามดกั อยู่ถงึ ๗ ปี โดยมิไดก้ ลบั บา้ นเพราะกลวั ตอ้ งพระราชอาญา แตก่ ไ็ มส่ ามารถจับนกยูงทองได้ และแคลว้ คลาดบ้าง บว่ งไม่แล่นบา้ ง ในที่สุดนายพรานคนนน้ักถ็ งึ แก่ความตายอยู่กลางป่าน้ัน พระนางเขมาราชเทวี เมอ่ื ไม่ไดฟ้ งั ธรรมจากนกยงู ทองดงั พระประสงคก์ ต็ รอมพระทย้ ส้นิ พระซนม็ไป พระเจ้าแผน่ ดินทรงผูกอาฆาตว่าพระราชเทวตี ้องลิ้นพระชนมเ์ พราะนกยงู ทองตัวนัน้ จึงมรี บั ส่งั ใหจ้ าริกแผน่ ทองคำว่า “มีนกยงู ทองตวั หน่ึงอาศยั อยบู่ นยอดเขาทณั ฑกหิรญั บรรพตหากผใู ดไดก้ นิ เน้ือของมัน ผนู้ ้ันจะมอี ายยุ นี ไม่แกแ่ ละไมต่ าย” และใหบ้ รรจุใส่หบี ทองเกบ็ ไว้ เมอื่ พระราชาองค์นัน้ ล้ินพระชนมแ์ ลว้ พระราชาองค์อื่นข้นึ ครองราชย์สบื ตอ่ มา ไดท้ ราบความในจารกิ แผน่ ทองนั้น มีพระประสงค์ทจี่ ะมีพระซนมายุยีน ไมแ่ ก่และไมต่ ายดังในจารกึ จงึ รบั สัง่ ใหพ้ รานอกี คนหนง่ึ ไปจับนกยงู ทองตัวนั้น แมพ้ รานคนนน้ั จะพยายามลกั เท่าใด ก็ไม่สามารถจับนกยูงทองตวั นนั้ ได้ จนในท่สี ดุ ตนเองกต็ อ้ งมาทิ้งชวี ิตอยูก่ ลางป่าเช่นเดยี วกบั พรานคนก่อน เหตุการณเ์ ปน็ ดังน้ตี ่อมาโดยทำนองเดยี วกนั ถึงพระเจา้แผ่นดนิ ๖ พระองค์ ครน้ั ถึงสมัยพระราซาองคท์ ่ี ๗ ครองราชย์ พระองคก์ ิรับส่ังให้พรานปา่ ไปจับนกยงู ทองตัวนน้ั มาตามจารกึ นายพรานคนน้นั ปัญญาหลกั แหลม ไปลังเกตการณอ์ ยหู่ ลายวนั จึงร้วู า่ ที่นกยูงตวั นี้ไม่ตดิ บว่ ง เพราะร่ายมนตร์ปอ้ งกันตนก่อนแลว้ ออกหากิน จงึ ไม่มใี ครสามารถจบั ได้นายพรานคดิ ว่าหากสามารถจับกอ่ นทน่ี กยูงจะรา่ ยมนตร์กน็ า่ จะจบั ได้ เมือ่ คิดดงั น้ี ๒๖๗
สขุ ใจทไ่ี ด้อ่านสารธรรมเพื่อชวี ติ ท่ีดีป่ามแลว้ กก็ ลับเขา้ ป่าไปจบั นกยงู ตวั เมยี ตัวหน่งึ มาเลีย้ งไวจ้ นเซือ่ ง หัดให้ฟอ้ นรำขับรอ้ งจนชำนาญดแี ลว้ กอ็ ุ้มนางนกยงู ไปแตเ่ ข้าตรู่ ก่อนเวลาท่ีนกยงู ทองจะร่ายมนตร์จงึ ปกั หลกั ตกั บว่ งไว้ และปลอ่ ยนางนกยูงรำแพนส่งเสยี งรอ้ งรับอรณุ อย่กู ้องปา่ พอนกยงู ทองไดย้ นิ เสยี งนางนกยงู ก็เกิดความกระลนักระลับกระส่ายเรา้ ร้อนรัญจวนใจดว้ ยอำนาจกเิ ลส ไมส่ ามารถร่ายมนตร์ตามที่เคยปฎิบตั ิมา บนิ ถลาไปหานางนกยงู โดยเรว็ เลยตดิ บ่วงทีพ่ รานตักไว้ พรานจับนกยูงทองไปถวายพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์ทอดพระเนตรเหน็ รปู ร่างของนกยงู ทองนนั้ แลว้ พอพระทยั และทรงโปรดปรานมาก ทรงลืมท่ีจะเสวยเนอ้ื นกยูงน้ันเสยี สน้ิ โปรดให้เตรียมทไ่ี ว้สำหรบั นกยงู ทอง นกยูงทองได้ทูลถามพระราชาว่า มหาราชเจา้ พระองคร์ บั สัง่ ใหจ้ บั ข้าพระองค์เพราะเหตุไรพระราชาตรัสว่า ไดท้ ราบว่าผูใดได้กนิ เนอื้ ของเจา้ ผู้นน้ั จะไม่แก่และไม่ตายเราปรารถนาจะไดก้ ินเนื้อของเจ้าแล้วไม่แกแ่ ละไมต่ ายจงึ ให้จบั เจา้ มา นกยูงทองกราบทลู วา่ มหาราชเจา้ ผู้ทไ่ี ด้กนิ เนอ้ื ข้าพระองคจ์ ะไมแ่ ก'และไม่ตาย แตต่ ัวข้าพระองค์ลิดอ้ งตาย พระราชาตรัสว่า ถูกแล้วเจ้าตอ้ งตาย ลา้ เจ้าไม่ตายแลว้ จะกนิ เน้ือได้อยา่ งไร นกยงู ทองกราบทูลวา่เม่อื ข้าพระองค์ยังต้องตาย กแ็ ล้วทำไมคนที่กินเนื้อของขา้ พระองคจ์ ะไมต่ ายเล่า พระราชาตรัสว่า มีจารึกบันทึกไว้วา่ เจ้ามขี นลที อง ผูใ้ ดไดก้ นิ เนอื้ ของเจา้แล้วจะไมแ่ กแ่ ละไมต่ าย นกยูงทองกราบทลู ว่า มหาราชเจ้า ที่ขา้ พระองค์เกดิ มามฃี นเป็นสที องนื้มใิ ช'จะเกิดขนึ้ เองโดยไมมเหตุ ในอดตี ชาติ ขา้ พระองค์เกดิ เปน็ พระเจา้ จกั รพรรดอิ ยูใ่ นนครนแ้ี หละ ข้าพระองค์รักษาศีล ๕ เปน็ นจิและซ กั ชวน อาณ าป ระซ าราษ ฎ รใน พ ระราชอาณ าเขตให ร้ ักษ าศีลด้วย เมอ่ืขา้ พระองคต์ ายไปจงึ ได้เกิดในสวรรค์ช้นั ดาวดงึ ส์อยูจ่ นสน้ิ อายุ ในภพน้นัแล้วจึงมาเกิดในกำเนิดนกยงู น้ี เพราะผลแหง่ อกุศลกรรมบางอยา่ งตามมาใหผ้ ล ทขี่ นขา้ พระองค์เป็นลีทองกด็ ้วยอานภุ าพแหง่ ศีล ๕ ท่ี'ไดร้ กั ษาแต'่ ชาติกอ่ นนั้น พระราชาตรัสถามว่า เจา้ กล่าววา่ เจา้ เคยเกิดเป็นพระเจ้าจกั รพรรดิครองราชยอ์ ย่ใู นพระนครนี้ ก็คำทเ่ี จา้ กลา่ วน้เี ราจะเชอ่ื ได้อยา่ งไร จะมีใครเป็นพยานได้บา้ ง๒๖๘
สขุ ใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพ่อื ชวี ติ ทดี่ งี าม นกยูงทองกราบทลู วา่ ข้าแตม่ หาราชเจา้ เม่ือเป็นพระเจ้าจักรพรรดคิ รองราชย์อยใู่ นพระนครนน้ี ั้น ขา้ พระองคน์ งั่ รถประดบั ด้วยแกว้๗ ประการ สามารถเหาะไปในอากาศได้ รถคันนนั้ ข้าพระองค์ไหฝ้ งื จมไว้ใต้สระโบกขรณี ขอพระองค์จงรบั ส่งั ให้กู้รถคันนั้นขนึ้ มาเถดิ รถนน้ั จักเป็นสกั ขพี ยานของข้าพระองค์ พระราชาสง่ั ให้!ขนํ้าออกจากสระ แลว้ ให้จัดการกู้รถข้นึ มาได้ จึงทรงเชอื่ คำพระโพธสิ ัตว์ พระโพธสิ ตั ว์แสดงธรรมแกพ่ ระราชาว่า นอกจากพระนพิ พานแลว้สง่ิ ทงั้ หลายล้วนปรุงแต่งขึ้น มีความไม่คงทนถาวร มเี ถิดขึน้ แล้วก็เสอ่ื มไปตามธรรมชาติ แล้วทลู ขอใหพ้ ระองคต์ ้งั อย่ใู นศลี ๕ พระราชา ทรงเล่อื มใสมากทรงบูชาพระโพธสิ ัตว์ด้วยราชสมบตั ิ ดว้ ยการยกราชสมบัติใหค้ รอบครองพระโพธสิ ตั วร์ บั แล้วกถ็ วายคืนแด่พระราชา อยอู่ กี ๒ - ๓ วนั ถวายโอวาทพระราชาให้ตง้ั อยู่ในความไมป่ ระมาท แล้วก็บนิ กลบั ไปสูท่ ัณฑกหิรญั บรรพตอันเปน็ แหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของตนตามเดมิอานภุ าพการป้องกัน โมรปรติ ร เป็นพระปรติ รทกี่ ล่าวถึงคณุ ของพระพุทธเจ้าในอดีตทั้งหลาย แลว้ น้อมเอาพระพุทธคณุ ให้เกดิ เป็นพทุ ธานุภาพปกป้องคุม้ ครองใหม้ ีความสวสั ดี แคล้วคลาดปลอดภยั การสวดโมรปรติ รกเ็ พอ่ื ใหเ้ กดิ ความเป็นสิริมงคล แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยนั ตรายทงั้ หลาย แมศ้ ัตรมู งุ่ ร้ายก็ไม่อาจทำอนั ตรายได้ ผทู้ ่ีถูกใส1ความเป็นคดฟี ้องรอ้ งท่านใหส้ วดบทนี้ในบทขดั ตำนาน ทา่ นไดป้ ระพนั ธเ์ ปน็ คาถาแสดงอานภุ าพโมรปริตรไว้ ดังนี้ “ พวกพรานไพร แม้พยายามอย่ชู า้ นาน กไ็ มอ่ าจจับพระมหาโพ ธส ตั ว ์ ผ กู้ ำจังบำเพ็ญโพธสิ มภารได้ เราท้งั หลายจงึ สวดพระปริตรอนั เรยี กว่า พรหมมนต์ นนั้ เทอญ” ๒๖๙
สขุ ใจท่ไี ดอ้ า่ นสารธรรมเพ่ือชีวติ ที่ดปี ่ามโดย...รอ้ ยโท สธุ ีรชาติ ศรีโรจนานรุ กั ษ์ “ยศ ยอ่ มเจริญยิ่งแก่บุคคลผ้มู คี วามขยันหม่ันเพียร มีสติ มีการงานสะอาด ใครค่ รวญแลว้ จงึ ทำ มคี วามสำรวมระวงั มีความเปน็ อย่โู ดยธรรมและมีความไม่ประมาท” ยศ เป็นท่ีปรารถนาของคนท่วั ไป เป็นเหตุให้สำเร็จประโยชน็ไนหนา้ ท่ีการงานของตน เป็นที่ยกยอ่ งนบั ถอื ของบุคคลในสังคม ชว่ ยสง่ เสริมใหช้ ีวิตสูงขึ้นกว่าพ้ืนฐานเดมิ ตามลำดับ จำแนกไว้ ๓ ประการ ได้แก่ ๑. อิสริยยศ ยศ คอื ความเป็นใหญ่ ไดร้ ับการยกย่องให้มยี ศศักด้ีมตี ำแหน่ง ๒. ปริวารยศ ยศ คอื ความเปน็ ผู้มบี ริวาร มบี ริวารสำหรับชว่ ยเหลอื ๓ . เกียรติยศ ยศ คือ ความเปน็ ผู้มีชื่อเสยี ง มคี ุณ ความดีแผ่'ใปทั่วทุกทศิ ยศ ๓ ประการที่กล่าวมาน้ี จะเกิดมีขึ้นไดัดัองประกอบดว้ ยคุณธรรม ๗ ประการ คอื ๑. ความขยันหมน่ั เพยี ร คือจะต้องมคี วามขยนั หม่นั เพยี รในกิจการงาน ต า่ ง ๆ เพ ราะจะท ํๆให ้เกดิ ค วาม รู้ค วาม ส าม ารถ ท ำให ้ม งี าน มีทรัพย์สมบัติ ๒. มีสติ คือ ต้องรู้ตวั ระวงั อยู่เสมอในเรือ่ งทค่ี ืดในกจี ทีท่ ำ และในคำที่พดู ๓. มีการงานสะอาด คือ การงานทุกชนดิ จะตอ้ งวางอยู่บนรากฐานของศลี ธรรม มคี วามซือ่ สตั ย์สุจรติ มีความบริสทุ ธ'ี้ ยุติธรรมเป็นตวั นำหน้า เพอ่ื ความเจรญิ รุ่งเรอื งกา้ วหน้าทั่งแก่ตนและสงั คมส่วนรวม๒๗๐
สขุ ใจท่ใี ด้อา่ น สารธรรมเพื่อชวี ิตทด่ี ีงาม ๔. ใครค่ รวญกอ่ นแล้วจงึ ทำ คือ การทำงานอย่างใดอย่างหน่งึจะตอ้ งรกู้ ่อนท่จี ะลงมอื ทำ ไม,ใช่ทำกอ่ นแลว้ ค่อยรู้ทีหลงั ซงึ่ มกั จะสร้างปัญหาอยูเ่ สมอๆ งานทุกอย่างจงึ ต้องใครค่ รวญ วางแผนก่อนทำ ๕. สำรวมระวงั ดี คือ จะต้องระวังกาย วาจา และใจ ใหต้ ้งั มั่นอยใู่ นศีลและคุณธรรม ๖. มีความเป็นอยู่โดยธรรม คอื มชี ีวติ ความเปน็ อย่อู ยา่ งถูกต้อง ดว้ ยการทำความดี ละเว้นความชัว่ ทกุ ชนิด และทำจิตใจใหผ้ ่องใส ๗. มคื วามไม่ประมาท คือ ต้องไมเ่ ลินเลอ่ ไม่เผอเรอปลอ่ ยสติ รู้เท่าทันเหตุการณอ์ ยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อได้ลาภ ได้ยศ ไดค้ วามสรรเสริญ ได้ความสขุ แลว้ ไม่ควรมวั เมา ไม่ควรหลงใหล เพราะส่ิงทไ่ี ด้รับนัน้สามารถที่จะเกิดได้ ดบั ได้ เจรญิ ได้ และเส่ือมไดเ้ หมอื นกัน คณุ ธรรม ๗ ประการนมี้ ีอยใู่ นบคุ คลใดยอ่ มเปน็ เหตใุ หเ้ กิดยศ คอืความยกย่องนบั ถอื แก่บุคคลน้ัน สว่ นผู้ที1่ไม่ประพฤตติ ามคณุ ธรรมดงั กล่าวมายศที่ยังไมม่ กื ็เกดิ ขน้ึ ไม่ได้ แมท้ มี่ อื ยู่แลว้ ยอ่ มเสอื่ มหายไป เพราะยศเป็นโลกธรรมประการหน่งึ มีความเกิดขน้ึ ตัง้ อยู่ และเสอ่ื มไป ไมเ่ ที่ยงแทแ้ นน่ อน ยศจึงนับวา่ เป็นเครอ่ื งประดับชวี ติ ทส่ี ำคญั และไม่ไดเ้ กดิ ข้ึนเองแก่ใครๆ ตามใจปรารถนาไมไ่ ด้เกดิ จากการซือ้ ขาย ไมไ่ ดเ้ กดิ จากการแสวงหาที่ทจุ รติ ผดิ ศีลธรรม แต่จะเกิดมไี ดเ้ พราะความขยนั หมั่นเพียรในการศึกษาและประกอบธุรกจิ การงานท่ดี ี มีความไม่ประมาทในการดำรงชวี ิต ๒๗๑
สขุ ใจท่ไี ด้อ่านสารธรรมเพื่อ!!วิฅทดึ่ ง้ 'เมโดย...รอ้ ยโท สุธรี ชาติ ศรโี รจนานุรักษ์ “ ขอ้ ท!่ี มค่ วรประผฦต”ิ ผ้หู วงั ความเจรญิ ควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปในทางที่ชอบ มีปญั ญาพิจารณาว่าอะไรเปน็ ทางเส่อื มกพ็ งึ ละเว้น ม่งุ หาแตท่ างท่เี จริญทางท่ีชอบ ประกอบดว้ ยประโยชน์ มสี ติสัมปชัญญะ ตรวจตราให้รอบคอบประกอบด้วยเหตผุ ล ทำความเหน็ ใหเ้ ทย่ี งตรง ทำความประพฤตปิ ฏิบตั ิใหเ้ ปน็ เคร่ืองนำประโยชน์มาใหแ้ ก่ตนและผอู้ น่ื ไมเ่ ปดิ โอกาสให้ผู้ไดกลา่ วลว่ งเกินว่า เปน็ ผ้บู กพรอ่ งในความประพฤติ พระพุทธเจ้าทรงแสดงขอ้ ท่ีไม่ควรประพฤติ ๒ ประการ คือ ประการที่ ๑ ไมพ่ งึ เสพธรรมอันเลว ธรรมท่ีเลวในปัจจุบนั น้ีมีมากมาย เซ่น ทุจรติ ๓ ประการ คือ ประพฤตชิ ่วั ทางกาย ประพฤติชว่ั ทางวาจา และประพฤตชิ ั่วทางใจ ประพฤติช่วั ทางกาย แบ่งออกเปน็ ๓ ประการคือ เบียดเบียนชีวิตและความสขุ ของผู้อ่ืน เบียดเบียนเอาทรพั ยส์ มบัติเบยี ดเบียนเช้อื สาย สกุลวงศ์ ประพฤตชิ ั่วทางวาจา แบง่ ออกเป็น ๔ ประการ คอื กล่าวเท็จหักราญประโยชนผ์ ู้อื่น พูดทำลายความสามัคคี กล่าวคำเสียดสีให้ช้าํ ใจกลา่ วคำเหลวไหลไม่เปน็ ประโยชน์ ประพฤตชิ ัว่ ทางใจ แบง่ ออกเป็น ๓ ประการ คือ อยากได้ของผูอ้ ื่นมาเป็นของตน ผกู ใจเจ็บ อาฆาตพยาบาท จองล้างจองผลาญ เหน็ ทางท่ผี ดิ คิดว่าชอบ วา่ ถูกตอ้ ง ประการท่ี ๒ ธรรมของคนพาล จัดว่าเป็นธรรมท่ีเลว เพราะเปน็ธรรมของคนโงเ่ ขลาเบาปัญญา ไม่ประกอบดว้ ยปญั ญา วิจารณญาณท่หี ยั่งรู้ถึงความผิดชอบชัว่ ดี เซน่๒๗๒
สขุ ใจท่ไี ดอ้ ่าน สารธรรมเพอ่ื ชีวติ ท่ีดงี าม ความไม,รจู้ กั เหตุ วา่ เหตุนเ้ี ปน็ ทางนำไปสู่สขุ เหตุนีเ้ ป็นทางนำไปสูท่ กุ ข์ ความไม่รู้จักผล เหน็ ตนวา่ มคี า่ กวา่ ฐานะทีเ่ ปน็ อยู่ ความไมร่ จู้ ักตน ไม่รู้จกั สถานภาพของตนเองในด้านความรู้ความสามารถ และคุณธรรม ความไม่รจู้ ักประมาณในการแสวงหาหรือบริโภคใชส้ อยทรัพย์สมบัติ ความไมร่ จู้ ักกาละท่ีจะประกอบกจิ ให้เหมาะสมกับกาลสมัย ความไมร่ ู้จกั ประชุมซนซ่ึงตนเองจะตอ้ งเชา้ ไปเกีย่ วชอ้ ง ความไมร่ จู้ ักเลอื กคบหาสมาคมแตค่ นดี เมื่อรูข้ อ้ ทีไ่ ม1รคู้ วรประพฤติ ๒ ประการนแี้ ลว้ จงึ ทรงแสดงช้อที่ควรประพฤติ ๒ ประการ คอื ประการที่ ๑ ควรประพฤติธรรมทด่ี ี ท่เี ปน็ ประโยชน์เกอื้ กลู และความสขุ ทัง้ แกต่ นและผอู้ ืน่ ไดแ้ ก่ สจุ รติ คอื ความประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ประการที่ ๒ควรประพฤตธิ รรมทค่ี นดปี ระพฤติกัน เรียกว่า สัปปุริสธรรมไดแ้ ก่ ความเป็นผู้รูจ้ กั เหตุ ความเปน็ ผรู้ ู้จกั ผล ความเป็นผรู้ จู้ กั ตน ความเป็นผู้รจู้ กั ประมาณ ความเป็นผู้รู้จกั กาลเวลา ความเป็นผรู้ ู้จกั ประชมุ ชนบรษิ ัททเี่ กีย่ วข้อง ความเป็นผรู้ ้จู ักเลอื กคบหาสมาคมแตค่ นดดี ้วยเหตุน้ี ผ้หู วังความสขุ ความเจริญ กา้ วหนา้ ในชวี ิต พ งึ ห ลกื เลยี่ งข้อทีไ่ ม่ควรประพฤติเลอื กปฏิบัตแิ ต่ช้อทค่ี วรประพฤติ ๒๗๓
สขุ ใจทไ่ึ ดอ้ า่ นสารธรรมเพอ่ื ชวี ิตทด่ี ีงามโดย...ร้อยโท สธุ ีรชาติ ศรีโรจนานรุ กั ษ์ “ คณุ ธรรมผนู้ ำ” ประเทศชาติบา้ นเมืองจะมีความสงบ ประชาชนอยูก่ ันอย่างมีความสุขไดจ้ ะต้องมผี ู้นำทดี่ ี มีคณุ ธรรม มคี วามคดิ กา้ วหน้า ฉลาด สามารถในการจัดกิจการงานต่างๆ ของชาติบ้านเมือง ทำใหช้ าติบ้านเมอื งเจริญรุง่ เรอื ง รุดหน้าเทา่ เทียมนานาอารยประเทศ ดังภาษิตที่ว่า “ผู้นำดี เป็นศรีแก่ชาติ ผูน้ ำเฉลียวฉลาด ประเทศชาตริ ่งุ เรือง” เปน็ ต้น ผูน้ ำทด่ี ีจะตอ้ งมีคณุ ธรรม ๘ ประการ ประการที่ ๑ อดทน หมายถงึ ห้ามจติ ใจ หรอื ไม่แสดงกริ ิยาท่ีไม,ดอี อกมา เม่ือได้พบกบั เหตกุ ารณอ์ นั ไม1นา่ พึงพอใจตอ้ งมคี วามอดทนไม่หุนหนั พลันแลน่ เช่น ในขณะท่ีทำการงาน ก็อดทนต่อความยากลำบากไม่เหน็ แก่ความเหนด็ เหนือ่ ย อดทนตอ่ ความเจบ็ ไขไดป้ ่วย ไม่ทรุ นทุรายจนเกนิ ไป และอดทนตอ่ ความเจ็บใจ ในเม่ือคนอนื่ ทำสง่ิ ทไ่ี มน่ ่าพอใจให้แก่ตน ประการท่ี ๒ เปน็ นกั สู้ หมายถงึ เป็นผ้มู ีความเขม้ แขง็ กลา้ หาญหนักเอาเบาสู้ มุง่ ความสำเรจ็ กจิ การงานเป็นที่ต้งั ไมห่ ลงคำยอ ไม่ทอ้ คำติม่งุ มน่ั ฝ่าฟน้ อปุ สรรคปัญหาต่าง ๆ ปฏิบตั ิงานทกุ อย่างใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย ประการที่ ฅ เปน็ ผ้ตู ่นื หมายถึง เป็นคนตน่ื ตวั วอ่ งไวตอ่ ปัญหาตลอดเวลา มคี วามคดิ ก้าวหนา้ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ มคี วามคิดยดื หยุ่น รวมทัง้ มีวสิ ยั ทัศน์ท่กี ว้างไกล สามารถที่จะนำความคิดออกมาใช้ให้ทันตอ่ สถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกดิ ขน้ึ เฉพาะหนา้ ประการท่ี ๔ ขยันหม่นั เพยี ร หมายถึง มีความวริ ิยอตุ สาหะมีความจรงิ ใจในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ี ไมเ่ ปน็ ทาสของความเกยี จครา้ น มคี วามกระตือรือรน้ อยูต่ ลอดเวลา๒๗๔
สหใจทไี่ ดอ้ า่ น สารธรรมเพ่อี ชีวิตทด่ี ีงาม ประการที่ ๕ เมตตากรณุ า หมายถึง มีความเอือ้ เฟ้อเผ่ือแผ่ช่วยเหลอื เกอ้ื กลู โอบออ้ มอารใี นลกั ษณะสงเคราะห์ อนุเคราะห์ หรอื บูชาคณุ ความดี แล้วแตเ่ วลา สถานที่ และบคุ คล มีความรกั และความหวังดีเป็นทตี่ ้งั ประการท่ี ๖ ยุตธิ รรม หมายถงึ มคี วามเท่ยี งธรรม เสมอภาคในคนทกุ ประเภท ไมแ่ บ่งแยกพวกเขาพวกเรา ไมม่ ีอคติ คอื ความลำเอยี ง๕ อย่าง คือ ลำเอียงเพราะความรกั ลำเอยี งเพราะความโกรธ ลำเอยี งเพราะความกลัว และลำเอยี งเพราะความหลง การพิจารณาเล่ือนตำแหน่งกพ็ จิ ารณาจากความรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมความดี ประการท่ี ๗ หมัน่ ตรวจตรากิจการงาน หมายถึง การสอดส่องดแู ลการงานอยู่เสมอ เมอ่ื พบข้อบกพร่องก็รบี แกไ้ ข และตอ้ งตรวจตราดูลำดบั ความสำคัญของงานว่า งานไหนควรทำกอ่ นหลงั งานไหนควรทำเองงานไหนควรแบง่ มอบหมายใหค้ นอน่ื รับผดิ ชอบ รวมท้ังตอ้ งรู้จักแบง่ งานให้ถูกกับคนที่มีความรู้ ความสามารถในเรอ่ื งไหน กม็ อบหมายเรื่องนั้นใหท้ ำ ประการท่ี ๘ ซอื่ สัตย์สุจรติ หมายถงึ มีความซ่อื ตรง มนั่ คงอยู่ในศลี ธรรม มีความซ่อื สตั ยต์ อ่ ตนเองและผอู้ น่ื มีความสุจริตทางกาย ทางวาจาและทางใจ ผู้นำทสี่ ามารถปฏิบัตไิ ต้ ย่อมเปน็ ทร่ี กั ของหมู่ซน และไตค้ นทม่ี ีความรู้ ความสามารถ มีคณุ ธรรม ความดีมาเป็นบริวารอยเู่ สมอ สามารถบริหารประเทศชาตใิ ห้เจริญรุง่ เรอื ง รดุ หน้าเท่าเทยี มนานาประเทศได้ ๒๗๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288