Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มรวมโปรเจค

เล่มรวมโปรเจค

Published by Guset User, 2022-01-29 10:05:30

Description: เล่มรวมโปรเจค

Search

Read the Text Version

1

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ ังคม นาฏยปญั ญา: ศิลปกรรมสร้างสรรค์สู่สงั คม โดย นสิ ิตสาขาวิชาศิลปะการแสดง รุน่ ท่ี6 ปีการศึกษา 2564 คณะสถาปัตยกรรมศาสตรป์ และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม ชื่อเรื่อง: นาฏยปญั ญา: ศิลปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม พิมพ์ครงั้ ที่ 1: พฤศจกิ ายน 2564 จำนวนหนา้ : 250 หน้า พิมพท์ ี:่ COPY HOUSE 776/3 -4 ม.16 ต.แมก่ า อ.เมือง จ.พะเยา, 56000 โทร 0893015761 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์/คณะกรรมการ ประธานคณะกรรมการ ช้ันปีที่ 4 ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. สรุ ินทร์ เมทะนี คณะกรรมการ ชั้นปีที่ 4 อาจารย์ กฤษณา กาญจนสุระกิจ คณะกรรมการ ชั้นปีที่ 4 อาจารย์ อริน พูลเกษม คณะกรรมการ ช้ันปีที่ 4 อาจารย์ ดร. ศกั ย์กวิน ศิริวฒั นกลุ คณะกรรมการ อาจารย์ เกียรติศักดิ์ ใสสะอาด สาขาวชิ าศิลปะการแสดง ที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิ สาขาวชิ าศิลปะการแสดง รองศาสตราจารยน์ ุชนาฏ ดีเจริญ สาขาวชิ าศิลปะการแสดง สาขาวชิ าศิลปะการแสดง บรรณาธิการ รองศาสตราจารย์นชุ นาฏ ดีเจริญ ผู้ช่วยศาสตราจารย์รตั นะ ตาแปง ผชู้ ่วยบรรณาธิการ อาจารย์ ลิขิต ใจดี กองบรรณาธิการ: ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตนะ ตาแปง ผชู้ ่วยศาสตราจารยศ์ ราวธุ จันทรขำ อาจารย์ ธนนั ยวรรณ ศรีทรัพโยทัย อาจารย์ ภดู ิท ศิริวัฒนกลุ อาจารย์ ลิขิต ใจดี ผู้สร้างสรรค์ผลงาน นางสาวจารุวรรณ แสนยาวิชัย นางสาวปทิตตา ไชยปรงุ นายอภิศักดิ์ ขุนประเสริฐ นางสาวชญาณี ลิขิตานสุ ิทธิ์ ประสานงานการผลิต: อาจารย์ลิขิต ใจดี ฝ่ายออกแบบ: อาจารย์ลิขิต ใจดี นายอภิศกั ดิ์ ขุนประเสริฐ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหง่ ชาติ หนงั สือนาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ งั คม.— พะเยา : มหาวิทยาลัยพะเยา, 2564. 250 หน้า 1. ศิลปการแสดงนิพนธ์. 2.นาฏยปัญญา. 3.ศิลปกรรมสู่สังคม. I. รัตนะ ตาแปง. II. ชือ่ เรื่อง. 793.319593 ISBN 978-616-8219-15-7

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม ก คำนิยม ศิลปะการแสดงนิพนธ์ในครั้งนี้ ประมวลองค์ความรู้ และประเมินความสามารถของ นิสิตหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดงก่อนสำเร็จการศึกษา ของ นิสิตชั้นปีที่ 4 โดยการแสดงความสามารถผ่านการสอบศิลปะการแสดงนิพนธ์สร้างสรรค์ ที่ นิสิตได้รบั การถา่ ยทอดองค์ความรู้ตลอดการศึกษาในหลกั สูตร 4 ปี หวงั เปน็ อย่างยิ่งว่านิสิตจะ นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ ในการสร้างสรรค์ผลงานสู่ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และระดับสากล ตอ่ ไป ดฉิ ันขอชื่นชมและแสดงความยนิ ดกี ับนิสิตหลกั สตู รศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา ศิลปะการแสดง รุ่นที่ 6 ที่ได้ทำศิลปะการแสดงนิพนธ์สร้างสรรค์ เพื่อเป็นการวัดความรู้และ ประเมินความสามารถของนิสติ ซึง่ จะเป็นการเตรียมความพร้อม พัฒนาความรู้ทักษะด้านการ แสดง เพื่อสืบสานและสร้างสรรค์งานศิลปะการแสดงของชาติ รวมทั้ง สร้างสรรค์งาน ศิลปะการแสดงในวิชาชีพสบื ไป รองศาสตราจารย์จนั ทนี เพชรานนท์ คณบดคี ณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละศิลปกรรมศาสตร์

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม ข คำนำ หนังสือนาฏยปัญญา: ศิลปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อ ประมวลความรู้และนำเสนอผลงานทางด้านศิลปะการแสดงสร้างสรรค์ของนิสิตชั้นปีที่ 4 รุ่นที่ 6 ประจำปีการศึกษาที่ 2564 สู่สาธารณชนในรูปแบบของเอกสารวิชาการอีกทั้งยังเป็น การส่งเสริมให้นิสิตนำผลงานสร้างสรรค์เข้าสู่การรับรองตามกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทาง ปญั ญา ผลงานการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแสดงนิพนธ์ประจำปีการศึกษา 2564 มุ่งเน้น กระบวนการความคิด กระบวนการบริหารจัดการ ภายใต้แนวคิด นาฏยปัญญา: ศิลปกรรม สร้างสรรค์สู่สังคม ที่มุ่งประเมินผลงานจากการนำต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ ผลงาน บูรณาการข้ามศาสตร์ การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์การแสดง และสามารถใช้ ผลงานเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสังคมได้ ทางหลักสูตรฯ ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐ เพือ่ รกั ษาความปลอดภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรสั โคโรนา (โควิด-19) ซึ่งผลงาน ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ประกอบไปด้วย โพชฌงคปริตร ฮักสถิต Landscaps: University of Phayao และผา่ จ้าน คณะผู้จัดทำหนังสือเล่มนีห้ วงั เปน็ อย่างยิ่งวา่ จะสามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่นักเรียน นิสิตหรือนักศึกษา และผู้สนใจได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อการศึกษาวิชาการทางด้าน ศิลปะการแสดงตอ่ ไป อาจารย์ ลขิ ิต ใจดี (ผู้ช่วยบรรณาธิการ)

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ งั คม ค สารบญั หนา้ บทที่ 1 คำนยิ ม 1 คำนำ 2 สารบญั 2 สารบญั ภาพ 3 สารบญั ตาราง 3 ประกาศคุณูปการ 4 อนุมตั ิศลิ ปะการแสดงนพิ นธ์ 5 5 1 บทนำ 5 ความเป็นมาและความสำคญั 6 วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 6 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ ับ 6 7 2 ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชุด โพชฌงคปริตร 15 บทคัดยอ่ 22 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา 31 วัตถปุ ระสงค์ 36 แรงบันดาลใจ แนวความคดิ รูปแบบการแสดง นยิ ามศพั ท์ ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ บั วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง วิธีการดำเนนิ งาน องคป์ ระกอบการแสดง กระบวนทา่ และการใช้พน้ื ที่ในการแสดง บทสรปุ และข้อเสนอแนะ

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม ง สารบัญ บทที่ หนา้ เอกสารอ้างอิง 40 ภาคผนวก 41 ประวัติผสู้ ร้างสรรค์/อาจารย์ทีป่ รึกษา 43 44 3 ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชุด ฮักสถิต 44 บทคดั ยอ่ 45 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 46 วัตถุประสงค์ 46 แรงบันดาลใจ 46 แนวความคดิ 47 รูปแบบการแสดง 47 นยิ ามศพั ท์ 47 ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รบั 48 วรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ ง 49 วิธีการดำเนนิ งาน 56 องคป์ ระกอบการแสดง 68 กระบวนทา่ และการใชพ้ น้ื ทีใ่ นการแสดง 89 บทสรปุ และข้อเสนอแนะ 94 เอกสารอา้ งอิง 95 ภาคผนวก 102 ประวตั ิผสู้ รา้ งสรรค์/อาจารย์ที่ปรึกษา 103 103 4 ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ Landscape: University of Phayao 104 บทคัดย่อ 105 ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา 105 วตั ถปุ ระสงค์ 105 แรงบนั ดาลใจ แนวความคดิ

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สสู่ งั คม จ สารบัญ บทที่ หนา้ รูปแบบการแสดง 105 นยิ ามศัพท์ 106 ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั 106 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง 107 วิธีการดำเนนิ งาน 114 องคป์ ระกอบการแสดง 129 กระบวนทา่ และการใช้พน้ื ทีใ่ นการแสดง 147 บทสรปุ และข้อเสนอแนะ 169 เอกสารอ้างอิง 172 ภาคผนวก 173 ประวตั ิผู้สร้างสรรค์/อาจารย์ที่ปรึกษา 177 179 5 ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ ผา่ จ้าน 179 บทคดั ยอ่ 181 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา 181 วัตถปุ ระสงค์ 181 แรงบนั ดาลใจ 182 แนวความคดิ 182 รูปแบบการแสดง 182 นยิ ามศพั ท์ 182 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะได้รับ 183 วรรณกรรมที่เกีย่ วขอ้ ง 184 วิธีการดำเนนิ งาน 192 องค์ประกอบการแสดง 202 กระบวนท่าและการใชพ้ ้นื ทีใ่ นการแสดง 211 บทสรปุ และข้อเสนอแนะ 214 เอกสารอา้ งอิง

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์ส่สู งั คม ฉ สารบญั บทที่ หนา้ ภาคผนวก 215 ประวตั ิผู้สร้างสรรค์/อาจารยท์ ีป่ รึกษา 217 221 6 บทสรปุ 223 บรรณานุกรม 225 ภาคผนวก

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์ส่สู งั คม ช สารบัญภาพ หนา้ ภาพ 1 ภาพผ้แู สดงนบั เปน็ จุด ๆ หนง่ึ บนเวที ......................................................... 12 ภาพ 2 ภาพผแู้ สดงประกอบกันเปน็ เส้นในลกั ษณะตา่ ง ๆ ....................................... 12 ภาพ 3 ภาพผแู้ สดงประกอบกันเป็นรปู ทรงเรขาคณติ ............................................. 13 ภาพ 4 ภาพผูแ้ สดงประกอบกันเปน็ รปู ทรงธรรมชาติ ............................................ 13 ภาพ 5 ภาพชดุ แตง่ กายของนักแสดง ................................................................... 24 ภาพ 6 การแสดงในชว่ งที่ 3 โพชฌงคปรติ ร .......................................................... 26 ภาพ 7 เครือ่ งแต่งการของนักแสดงหลกั .............................................................. 57 ภาพ 8 เครื่องแต่งการของนักแสดงประกอบ......................................................... 59 ภาพ 9 ภาพฝึกซอ้ มการแสดง............................................................................. 61 ภาพ 10 ภาพฝึกซ้อมการแสดง ........................................................................... 61 ภาพ 11 ภาพการแสดงในชว่ งที่ 1 ความฮัก............................................................ 63 ภาพ 12 ภาพการแสดงในช่วงที่ 2 สถิตฮัก ............................................................ 63 ภาพ 13 ป้ายด้านหนา้ ของมหาวิทยาลัยพะเยา .....................................................123 ภาพ 14 ลานพระบรมราชานุสาวรยี ส์ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราช .............................124 ภาพ 15 อาคารคณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์............................124 ภาพ 16 หอประชุมพญางำเมือง .........................................................................125 ภาพ 17 ลานตราสัญลักษณ์ ตรงข้ามหอประชุมพญางำเมือง..................................125 ภาพ 18 บันไดนาค อาคารเรยี นรวมหลงั ใหมแ่ ละศนู ย์บรรณสารและการเรยี นรู้........126 ภาพ 19 รา้ น Coffee & More ศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งมหาวิทยาลยั พะเยา เครือ่ งดื่มและผลิตภัณฑ์....................................................................................126 ภาพ 20 บันไดทางขึน้ และลานพระพุทธภุชคารักษ์...............................................127 ภาพ 21 อาคารสงวนเสริมศรี.............................................................................127 ภาพ 22 ภาพแต่งกายชดุ นิสิตชายและชุดนิสิตหญิง .............................................. 131 ภาพ 23 ภาพแต่งกายชุดพืน้ เมือง หรอื ชดุ เวียง ................................................... 131 ภาพ 24 ภาพการฝึกซอ้ ม.................................................................................132

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม ซ ภาพ 25 ภาพการฝึกซ้อม..................................................................................132 ภาพ 26 การแสดงที่มีการใช้อุปกรณ์ กีตา้ ร์และซึง ..............................................134 ภาพ 27 การแสดงทีม่ ีการใช้อปุ กรณ์ กีต้าร์และซึง................................................134 ภาพ 28 การแสดงที่มีการใช้อุปกรณ์ กีต้าร์และซึง................................................135 ภาพ 29 ในช่วงการแสดงที่มีการใช้อปุ กรณ์ สมุดเขียนวาดการออกแบบและกระบอกใส่ งาน................................................................................................................135 ภาพ 30 เพลงเร่อื งเลา่ ในตำนานลา้ นนา..............................................................194 ภาพ 31 เพลง Human Puppet...........................................................................194 ภาพ 32 เพลง Inspiring Dramatic.....................................................................195 ภาพ 33 เครือ่ งแตง่ กายนักแสดงหลัก .................................................................195 ภาพ 34 เครื่องแตง่ กายนกั แสดงประกอบ ...........................................................196 ภาพ 35 เครื่องแต่งกายนกั แสดงหลักและนกั แสดงประกอบ ..................................196 ภาพ 36 เชือก .................................................................................................197 ภาพ 37 เวลเจ้าสาว .........................................................................................198 ภาพ 38 ใบทะเบียนสมรส .................................................................................198 ภาพ 39 ช่อดอกไม้...........................................................................................198 ภาพ 40 กระจก...............................................................................................199

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม ฌ สารบัญตาราง หน้า ตาราง 1 แสดงระยะเวลาและสถานที่ในการดำเนนิ งาน .......................................... 15 ตาราง 2 แสดงขัน้ ตอนการดำเนนิ งาน.................................................................. 18 ตาราง 3 แสดงพัฒนาการในการสืบทอดและฝึกหัดจากคณะกรรมการภายในแสดง พฒั นาการในการสืบทอดและฝึกหดั จากคณะกรรมการภายใน................................ 22 ตาราง 4 แสดงดนตรีประกอบการแสดงนพิ นธ์ ชุด โพชฌงคปรติ ร........................... 23 ตาราง 5 แสดงแสงศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ โพชฌงคปรติ ร.................................. 27 ตาราง 6 แสดงกระบวนทา่ และการใช้พ้นื ที่ของศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ...................................................................................................................... 32 ตาราง 7 แสดงระยะเวลาและสถานที่ในการดำเนนิ งาน .......................................... 49 ตาราง 8 แสดงขน้ั ตอนการดำเนนิ งาน ................................................................. 52 ตาราง 9 แสดงพฒั นาการของการออกแบบการแสดง............................................55 ตาราง 10 แสดงดนตรีและเสียงประกอบการแสดงนพิ นธ์ ชดุ ฮักสถิต....................... 56 ตาราง 11 แสดงรปู แบบการแตง่ กายของนักแสดงหลกั ...........................................58 ตาราง 12 แสดงรปู แบบการแตง่ กายของนักแสดงรอง............................................ 59 ตาราง 13 แสดงแสงและฉากศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ ฮักสถิต .............................. 64 ตาราง 14 แสดงกระบวนท่าและการใช้พ้นื ที่ของ ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ ฮกั สถิต ... 69 ตาราง 15 แสดงระยะเวลาและสถานทีใ่ นการดำเนนิ งาน........................................ 114 ตาราง 16 แสดงขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน ............................................................... 117 ตาราง 17 แสดงการลงพน้ื ทีส่ ำรวจสถานที่ ..........................................................120 ตาราง 18 แสดงพัฒนาการของการออกแบบการแสดง .........................................129 ตาราง 19 แสดงขอ้ เสนอแนะจากคณะกรรมการภายนอก......................................129 ตาราง 20 ดนตรีประกอบการแสดงของ ..............................................................130 ตาราง 21 แสดงฉากประกอบการแสดง ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ Landscape: University of Phayao......................................................................................137 ตาราง 22 แสดงกระบวนทา่ ของศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ Landscape: University of Phayao ..........................................................................................................147

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สูส่ ังคม ญ ตาราง 23 แสดงการใชพ้ ้นื ทีข่ องศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชุด Landscape: University of Phayao ..........................................................................................................158 ตาราง 24แสดงระยะเวลาและสถานทีใ่ นการดำเนนิ งาน ........................................185 ตาราง 25 แสดงขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน...............................................................188 ตาราง 26 แสดงพัฒนาการของการออกแบบการแสดง.........................................192 ตาราง 27 แสดงแสงทีใ่ ชศ้ ิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ ผ่าจ้าน....................................199 ตาราง 28 แสดงกระบวนท่าและการใช้พน้ื ที่ของ ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชุด ผ่าจ้าน . 204

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม ประกาศคณุ ูปการ การสอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา ศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยพะเยา ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในรายวิชา 183416 ศิลปะการแสดงนิพนธ์ (Performing Art Thesis) เพื่อให้ผู้เรียนได้ประมวลความรู้ทางด้าน ศิลปะการแสดง ด้านการอนุรักษ์ ด้านการสร้างสรรค์ การจัดทำเอกสารวิชาการประกอบการ อธิบาย แนวความคิด วิธีการ การจัดนำเสนอ การวิเคราะห์และสรุป การจัดการแสดงสู่ สาธารณชน การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแสดงนิพนธ์ประจำปีการศึกษา 2564 ถือเป็นการ ประเมินความรคู้ วามสามารถของวา่ ที่บัณฑิต ตลอดระยะเวลาทีไ่ ด้ศึกษาในมหาวิทยาลัยพะเยา 4 ปี ตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร อันเป็นนโยบายของมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นกระบวนการ ความคิด กระบวนการบริหารจัดการ ภายใต้แนวคิด นาฏยปัญญา: ศิลปกรรมสร้างสรรค์สู่ สังคม ที่มุ่งประเมินผลงานจากการนำต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ผลงาน บูรณา การข้ามศาสตร์ การใช้เทคโนโลยีเพือ่ สร้างสรรค์การแสดง และสามารถใช้ผลงานเป็นเครื่องมือ ในการพัฒนาสังคมได้ ทางหลักสูตรฯ ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐ เพื่อรักษาความ ปลอดภัยในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึง่ ผลงานศิลปะการแสดง นิพนธ์ ประกอบไปด้วย โพชฌงคปริตร ฮักสถิต Landscape: University of Phayao และผา่ จ้าน ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะหแ์ ละความช่วยเหลือจากคณาจารย์หลายท่านจึง ทำให้การดำเนนิ งานดงั กล่าว ประสบความสำเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ทกุ ประการ ขอขอบพระคุณที่ปรึกษากิตติมศักดิ์(คณะกรรมการ) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุรินทร์ เมทะนี(ประธานคณะกรรมการ) อาจารย์ กฤษณา กาญจนสุระกิจ(คณะกรรมการ) อาจารย์ อริน พูลเกษม(คณะกรรมการ) อาจารย์ ดร. ศักย์กวิน ศิริวัฒนกุล(คณะกรรมการ) อาจารย์ เกียรติศกั ดิ์ ใสสะอาด(คณะกรรมการ) ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการให้คำแนะนำผู้งาน ศิลปะการแสดงนิพนธ์ในครงั้ นี้ ขอขอบพระคุณที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิ รองศาสตราจารย์นุชนาฏ ดีเจริญ ที่ให้ความ อนเุ คราะหใ์ นการให้คำปรกึ ษาในการดำเนนิ งานในครงั้ นี้ ขอขอบพระคณุ บรรณาธิการ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์รัตนะ ตาแปง ที่ให้ความอนุเคราะห์ เป็นทีป่ รึกษาในการจดั ทำเอกสารและตรวจสอบข้อมลู ในการเผยเพร่ในครง้ั นี้ ขอขอบพระคุณผู้ช่วยบรรณาธิการ อาจารย์ ลิขิต ใจดี ที่ให้ความอนุเคราะห์เป็นที่ ปรกึ ษาในการจัดทำเอกสาร เรียบเรียงข้อมลู และตรวจสอบข้อมูลในการเผยเพร่ในครงั้ นี้

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ูส่ ังคม ขอ ขอ บ พระค ุณ กอ งบ ร รณ า ธิ กา ร ผ ู้ช่ว ยศา สตร า จ า ร ย์ ร ัต นะ ตา แ ป ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศราวุธ จันทรขำ อาจารย์ ธนันยวรรณ ศรีทรัพโยทัย อาจารย์ ภูดิท ศิ ริวัฒนกุล และอาจารย์ ลิขิต ใจดี ที่ให้ความอนุเคราะในการเป็นที่ปรึกษาตรวจสอบความ ถูกต้องของผลงานศิลปะการแสดงนิพนธ์ในคร้ังนี้ ขอขอบพระคุณผู้ประสานงานการผลิต อาจารย์ลิขิต ใจดี ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ ประสานงานในการผลติ เอกสารในการเผยแพรผ่ ลงานในครง้ั นี้ ขอขอบพระคุณฝ่ายออกแบบการผลิตเอกสารในการเผยแพร่ อาจารย์ลิขิต ใจดี และผู้ช่วยในการดำเนินงานนายอภิศักดิ์ ขุนประเสริฐ นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาศิลปะการแสดง ทีไ่ ด้ออกแบบเอกสารในการเผยแพรผ่ ลงานในครง้ั นี้ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์รัตนะ ตาแปง บรรณาธิการ

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ของ นางสาวจารุวรรณ แสนยาวิชัย ไดร้ ับการพิจารณาให้นบั เป็นส่วนหน่งึ ของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปกรรมศาสตรบณั ฑิต (ศิลปะการแสดง) คณะกรรมการศิลปะการแสดงนิพนธ์ ...................................................................................................................อาจารยท์ ี่ปรึกษา (ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ศราวุธ จันทรขำ) ...................................................................................................................อาจารยท์ ี่ปรึกษา (อาจารย์ ภดู ิท ศริ ิวัฒนกลุ ) ...................................................................................................................ประธานกรรมการ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สรุ ินทร์ เมทะนี) ...................................................................................................................กรรมการ (คณุ ครกู ฤษณา กาญจนสุระกิจ) ...................................................................................................................กรรมการ (คุณครูอริน พลู เกษม) ...................................................................................................................กรรมการ (อาจารย์ ดร. ศกั ย์กวิน ศริ ิวัฒนกุล) ................................................................................................................. ..กรรมการ (อาจารย์เกียรติศกั ดิ์ ใสสอาด) อนมุ ัติ ............................................................... (ผู้ชว่ ยศาสตราจารยร์ ตั นะ ตาแปง) ประธานหลักสูตรสาขาวชิ าศลิ ปะการแสดง

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชดุ ฮกั สถิต ของ นางสาวปทิตตา ไชยปรงุ ได้รบั การพิจารณาใหน้ บั เป็นสว่ นหน่งึ ของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต (ศิลปะการแสดง) คณะกรรมการศิลปะการแสดงนิพนธ์ ...................................................................................................................อาจารย์ที่ ปรึกษา (อาจารยล์ ิขิต ใจดี) ...................................................................................................................อาจารย์ที่ปรึกษา (อาจารย์ภดู ิท ศริ ิวัฒนกลุ ) ...................................................................................................................ประธานกรรม การ (ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. สรุ ินทร์ เมทะนี) ...................................................................................................................กรรมการ (คุณครกู ฤษณา กาญจนสรุ ะกิจ) ...................................................................................................................กรรมการ (คุณครูอริน พูลเกษม) .............................................................................................................. .....กรรมการ (อาจารย์ ดร. ศักยก์ วิน ศริ ิวัฒนกลุ ) ...................................................................................................................กรรมการ (อาจารย์เกียรติศักดิ์ ใสสอาด) อนมุ ัติ . .............................................................. (ผู้ชว่ ยศาสตราจารยร์ ตั นะ ตาแปง) ประธานหลักสูตรสาขาวชิ าศลิ ปะการแสดง

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด Landscaps: University of Phayao ของ นายอภิศักดิ์ ขุนประเสริฐ ไดร้ ับการพิจารณาใหน้ บั เปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปกรรมศาสตรบณั ฑิต (ศิลปะการแสดง) คณะกรรมการศิลปะการแสดงนิพนธ์ ...................................................................................................................อาจารย์ที่ ปรึกษา (อาจารย์ธนันยวรรณ ศรีทรัพโยทัย) ...................................................................................................................อาจารย์ที่ปรึกษา (อาจารย์ภดู ิท ศริ ิวัฒนกลุ ) ...................................................................................................................ประธานกรรมการ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สรุ ินทร์ เมทะนี) ...................................................................................................................กรรมการ (คณุ ครกู ฤษณา กาญจนสุระกิจ) ........................................................................................................ ...........กรรมการ (คณุ ครูอริน พลู เกษม) ..................................................................................................... ..............กรรมการ (อาจารย์ ดร. ศกั ยก์ วิน ศริ ิวัฒนกุล) ...................................................................................................................กรรมการ (อาจารย์เกียรติศักดิ์ ใสสอาด) อนมุ ตั ิ ............................................................... (ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตนะ ตาแปง) ประธานหลักสตู รสาขาวชิ าศลิ ปะการแสดง

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สังคม ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชดุ ผา่ จ้าน ของ นางสาวชณาณี ลิขิตานุสิทธิ์ ไดร้ ับการพิจารณาให้นบั เป็นส่วนหนง่ึ ของการศึกษาตามหลกั สูตร ศิลปกรรมศาสตรบณั ฑิต (ศิลปะการแสดง) คณะกรรมการศิลปะการแสดงนิพนธ์ ...................................................................................................................อาจารยท์ ี่ปรึกษา (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์รตั นะ ตาแปง) ...................................................................................................................อาจารย์ที่ ปรึกษา (อาจารยภ์ ดู ิท ศริ ิวฒั นกลุ ) ...................................................................................................................ประธานกรรม การ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุรินทร์ เมทะนี) ...................................................................................................................กรรมการ (คณุ ครูกฤษณา กาญจนสรุ ะกิจ) ........................................................................................................ ...........กรรมการ (คณุ ครอู ริน พลู เกษม) ...................................................................................................................กรรมการ (อาจารย์ ดร. ศกั ยก์ วิน ศริ ิวัฒนกลุ ) ................................................................................................................ ...กรรมการ (อาจารย์เกียรติศกั ดิ์ ใสสอาด) อนมุ ัติ ............................................................... (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์รัตนะ ตาแปง) ประธานหลกั สตู รสาขาวชิ าศลิ ปะการแสดง

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สงั คม บทที่ 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั การจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยพะเยา มีจุดประสงค์เพื่อการจัดการเรียนการสอน ที่มุ่งเน้น ให้นิสิตได้เรียน และใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาตนเอง อย่างมีความสุข สำเร็จการศึกษาไปมีหน้าที่การงาน สร้างประโยชน์ และคุณค่าให้แก่สังคม รวมถึงการทำวิจัย ที่เน้นการสร้างปัญญาและการพัฒนาร่วมกับชุมชน อีกทั้งมุ่งเน้น ทำนุบำรุง ภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น ดังปณิธานของมหาวิทยาลัยที่ว่า ปัญญาเพื่อ ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน การสอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา ศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยพะเยา ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในรายวิชา 183416 ศิลปะการแสดงนิพนธ์ (Performing Art Thesis) เพื่อให้ผู้เรียนได้ประมวลความรู้ทางด้าน ศิลปะการแสดง ด้านการอนุรักษ์ ด้านการสร้างสรรค์ การจัดทำเอกสารวิชาการประกอบการ อธิบาย แนวความคิด วิธีการ การจัดนำเสนอ การวิเคราะห์และสรุป การจัดการแสดงสู่ สาธารณชน การสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะแสดงนิพนธ์ประจำปีการศึกษา 2564 ถอื เป็นการประเมิน ความรู้ความสามารถของว่าที่บัณฑิต ตลอดระยะเวลาที่ได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยพะเยา 4 ปี ตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร อันเป็นนโยบายของมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นกระบวนการ ความคิด กระบวนการบริหารจัดการ ภายใต้แนวคิด นาฏยปัญญา: ศิลปกรรมสร้างสรรค์สู่ สังคม ที่มุ่งประเมินผลงานจากการนำต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ผลงาน บูรณา การข้ามศาสตร์ การใช้เทคโนโลยีเพือ่ สร้างสรรค์การแสดง และสามารถใช้ผลงานเปน็ เครื่องมือ ในการพัฒนาสังคมได้ ทางหลักสูตรฯ ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐ เพื่อรักษาความ ปลอดภัยในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึง่ ผลงานศิลปะการแสดง นิพนธ์ ประกอบไปด้วย 1. โพชฌงคปริตร 2. ฮักสถิต

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ่สู งั คม 2 3. Landscaps: University of Phayao 4. ผา่ จ้าน วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 1. เพือ่ ให้ผู้เรียนได้ประมวลความรู้ทางดา้ นศิลปะการแสดงเชิงสร้างสรรค์ 2. เพือ่ การจัดทำเอกสารวิชาการประกอบผลงาน 3. เพือ่ นำเสนอผลงานการแสดงสสู่ าธารณชน 4. เพื่อส่งเสริมให้นิสิตนำผลงานสร้างสรรค์เข้าสู่การรับรองตามกฎหมายคุ้มครอง ทรพั ย์สนิ ทางปัญญา ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับ 1. ส่งเสริมให้นิสิตไดส้ ร้างสรรคผ์ ลงานจากต้นทุนทางด้านศิลปวัฒนธรรม 2. ส่งเสริมให้นิสิตไดส้ ร้างสรรคผ์ ลงานบูรณาการข้ามศาสตร์ 3. ส่งเสริมให้นิสิตใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์ผลงาน 4. ส่งเสริมให้นิสิตใช้ผลงานเป็นเครือ่ งมือในการพัฒนาสังคม 5. ผลงานนิสิตได้รับการรับรองตามกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สนิ ทางปญั ญา

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สังคม บทที่ 2 ศิลปะการแสดงนพิ นธ์ ชดุ โพชฌงคปรติ ร จารวุ รรณ แสนยาวิชัย1 ศราวธุ จันทรขำ2 ภดู ิท ศิริวฒั นกลุ 3 บทคัดยอ่ ผลงานสร้างสรรค์ชุดนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความหมายของโพชฌงคปริตรและ เผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ผู้สร้างสรรค์ได้มีการค้นคว้าข้อมูลจากทาง เวบ็ ไซต์ออนไลน์ เอกสารเกีย่ วกบั บทสวดมนตโ์ พชฌงคปริตร การสร้างสรรคผ์ ลงานการแสดง นี้ ผู้สร้างสรรค์ได้มีแรงบันดาลใจ จากสถานการณ์การระบาดของ โควิด19 ทำให้เกิดความ วุ่นวายในสงั คม ส่งผลต่อดา้ นร่างกายและจิตใจของมนษุ ย์ จึงนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในบท “โพชฌงคปริตร” ซึ่งเปน็ บทแห่งการตรสั รู้ขององคพ์ ระสัมมาสัมพทุ ธเจ้า เป็นธรรมทีเ่ ชื่อ ว่ามีอนุภาพเกี่ยวกบั การขจดั โรคภยั มาชว่ ยเยียวยาและบรรเทาทางด้านจิตใจ โดยการแสดงถึง อาการการเจ็บป่วยล่มตายการโรคระบาด โควิด19 ทำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิต จึง อาราธนา นำบท “โพชฌงคปริตร” มาใช้สวดเพื่อให้ผู้คนเกิดสติ พร้อมกับการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ด้วยวิธีคิด และการจัดการ เพื่อรับมือกับ สถานการณโ์ รคระบาด เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม การใสห่ น้ากากอนามยั ผา่ นรปู แบบ ศิลปะการแสดงร่วมสมยั 1 นิสิตหลกั สตู รศลิ ปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีและนาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยพะเยา 2 อาจารยท์ ี่ปรกึ ษาในการจดั ทำเอกสารและผลงานสร้างสรรค์ ประจำหลักสตู รศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีและ นาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยพะเยา 3 อาจารย์ที่ปรกึ ษาในการจัดทำเอกสารและผลงานสร้างสรรค์ ประจำหลักสตู รศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีและ นาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยพะเยา

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สูส่ ังคม 4 ความเป็นมาและความสำคัญของผลงาน ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี 1960 แต่ยังไม่ทราบ แหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาด หนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โควิด-19” (COVID-19) อาการของไวรสั โควิด-19 ที่สงั เกตได้ง่าย ๆ ดว้ ยตัวเอง ดงั นี้ มีไข้ เจ็บคอ ไอแห้ง น้ำมกู ไหลหายใจเหนื่อยหอบ(ศนู ยก์ ารแพทยก์ าญจนาภิเษก มหาวิทยาลยั มหิดล. 2553) โพชฌงคปริตร เป็นบทสวดมนต์ อธิษฐานจิต เพื่อขจัดโรคร้าย เพราะเชื่อว่าการสวด มนต์และการอธิษฐานนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกำลังใจ และก็มีความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ หายป่วยได้ การสวดมนต์เป็นการทำจิตให้แน่วแน่แล้วจึงได้เจริญภาวนา ทำให้จิตมีสมาธิ สงบ ชว่ ยทำจิตใจให้เบิกบาน การที่เชื่อกันว่าบทสวดมนต์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะ มีเรื่อง ในพระไตรปิฎกเล่าว่า พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าไดเ้ สดจ็ ไปเยีย่ มพระมหากัสสปะ ที่อาพาธอยู่ได้รับ ความทุกข์ทรมานมาก พระองค์จึงทรงแสดงบทสวดโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะให้ท่านได้ฟัง และน้อมจิตปฏิบัติตาม หลังจากฟังบทสวดและท่านพระมหากัสสปะได้พิจารณาธรรมตาม ก็พบว่า ท่านสามารถหายจากโรคได้ และอีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่ พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธอยูใ่ นลกั ษณะเดียวกัน หลังจากนั้นก็พบว่า พระโมคคัลลานะก็หาย จากอาพาธได้ และเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เองทรงอาพาธ จึงตรัสให้พระจุนทะเถระแสดง โพชฌงคถ์ วาย ซึ่งพบว่าพระพทุ ธเจ้า ทรงหายประชวร พทุ ธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่า โพชฌงค ปรติ รนั้น สวดแล้วชว่ ยให้หายจากโรค แตใ่ นความเป็นจริง พระไตรปิฎกกลา่ วว่า โพชฌงคปริตร น้ันเปน็ หลกั ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกบั ปญั ญาเปน็ ธรรมช้ันสงู เปน็ คำสอนใน การทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และ เกีย่ วข้องกบั รา่ งกาย เนื่องจากกายกบั ใจเป็นสง่ิ ทีอ่ าศัยกันและกนั หากใจดี รา่ งกายย่อมดีตาม (ธ.ธรรมรักษ์. 2561) จากปัญหาและความสำคัญ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นผู้สร้างสรรค์ได้นำโรค โควิด19 ในปัจจบุ นั ทีท่ ำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิต เกิดความสบั สนวุ่นวาย ผู้สร้างสรรค์จึงมี แนวความคิดบูรณาการกับพระพุทธศาสนา โดยการอาราธนา บทโพชฌงคปริตร มาใช้สวด เพื่อให้ผู้คนเกิดสติ พร้อมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรูปแบบ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อรับมอื กบั สถานการณ์โรคระบาด เพือ่ อยูก่ ับโรคระบาดนอี้ ยา่ งปลอดภัย ผ่านรูปแบบ

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ ังคม 5 ศิลปะการแสดงรว่ มสมัย โดยผู้สร้างสรรคด์ าดวา่ ศิลปะการแสดงนิพนธ์นี้ จะเป็นการส่งเสริม และธำรงรักษาพระพทุ ธศาสนาตอ่ ไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อนำบทสวดมนตม์ าสร้างสรรคก์ ารแสดง 2. เพื่อเผยแพรห่ ลักธรรมคำสอนของพระพทุ ธศาสนา แรงบนั ดาลใจ จากสถานการณ์การระบาดของ โควิด19 ทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ส่งผลต่อ ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ผู้สร้างสรรค์จึงมีแรงบันดาลใจที่จะนำหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนา ในบท“โพชฌงคปริตร” ซึง่ เปน็ บทแหง่ การตรัสรู้ขององค์พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า เป็นธรรมที่เชื่อว่ามีอนุภาพเกี่ยวกับปัญญา และการขจัดโรคภัย มาช่วยเยียวยาและบรรเทา ทางด้านจิตใจ ในยามที่เกิดภยั พิบตั ิ แนวความคดิ ผู้สร้างสรรคผ์ ลงานไดน้ ำโรค โควิด19 ในปจั จุบนั ที่ทำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ ชีวิต เกิดความสับสนวุ่นวาย ผู้สร้างสรรค์จึงมีแนวความคิดบูรณาการกับพระพุทธศาสนา โดยการอาราธนา บท “โพชฌงคปริตร” มาใช้สวดเพื่อให้ผู้คนเกิดสติ พร้อมกับการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรูปแบบ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรค ระบาด เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม การใส่หน้ากากอนามัย เพื่ออยู่กับโรคระบาดนี้ อยา่ งปลอดภยั ผ่านรปู แบบศิลปะการแสดงรว่ มสมัย

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ่สู ังคม 6 รูปแบบการแสดง ชว่ งที่ 1 โควดิ 19 กลา่ วถึง โรคโควิด-19 ทีใ่ นปัจจบุ นั เปน็ ผลกระทบกับผู้คนทัว่ โลก แบง่ ออกเป็น 3 ความ เชื่อ คือ ความเชือ่ เรื่องโรคหา่ การทำสงครามเคมี และโรคระบาดในปจั จุบนั ทำให้เกิดความ ยากลำบากในการใช้ชีวิต เกิดความสับสนวุ่นวาย ชว่ งที่ 2 โพชฌงคปรติ ร กลา่ วถึง สงั คมไทยเปน็ สังคมพทุ ธศาสนา จึงอาราธนา นำบท “โพชฌงคปริตร” สวดเพือ่ ให้ผู้คนเกิดสติ ช่วงที่ 3 ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) กล่าวถึง การมีสติในการป้องกันตนเองด้วยวิธีปฏิบัติ และการจัดการ เพื่อรบั มอื กบั สถานการณโ์ รคระบาด และอย่กู ับโรคระบาดนอี้ ยา่ งปลอดภยั ควบคกู่ ับการใช้หลกั ธรรมคำ สอนของพระพุทธศาสนา เปน็ หลักในการดำเนินชีวิตต่อไป นยิ ามศพั ท์ โควิด 19 คือ โรคระบาดทีร่ ะบาดหนกั ทว่ั โลก และสามารถติดเชือ้ ได้ท้ังในมนษุ ยแ์ ละ สตั ว์ โพชฌงคปริตร คือ บทสวดมนต์ ทีเ่ ชื่อวา่ ขจัดโรครา้ ยได้ ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 1. เพือ่ นำบทสวดมนต์มาสร้างสรรค์ในรูปแบบของการแสดง 2. เพื่อเป็นการส่งเสริม และธำรงรักษาพระพุทธศาสนา

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ งั คม 7 วรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ ง 1. โรคห่า โรคหา่ หรือ กาฬโรค เกิดขนึ้ เมือ่ หลัง พ.ศ.1800 ประวัตศิ าสตรโ์ ลกบนั ทึกถึงความ สูญเสยี ประชากรนบั ลา้ นจาก Black Death จากจีนถึงยโุ รปโดยมีพาหะคือหมดั หนู กระจายจาก เรือสำเภาที่เข้าเทียบท่าค้าขาย ร่วมสมัยยุคต้นกรุงศรีอยุธยาที่มีตำนานบอกเล่าถึง “โรคห่า” ยุคพระเจ้าอู่ทอง เดิมเชื่อว่าเป็นโรคอหิวาต์ แต่ภายหลัง รับรู้กันใหม่ว่าแท้จริงคือ “กาฬโรค” จากสำเภาจีน พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบบั วนั วลติ พ.ศ.2182 บนั ทึกถึงความรุนแรงของโรค หา่ ในคร้ังน้ันว่า “น้ำลายพิษ” ของมงั กร (นาค) จากหนองน้ำ ฆา่ คนจนเมืองรา้ ง กาฬโรคยุคต้น กรุงเก่า สร้างความปั่นป่วนในราชสำนัก ก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคม โดยเฉพาะภาษาและวัฒนธรรม เขยิบลงมาในยุคหลัง สมัยรัชกาลที่ 5 กาฬโรคระบาดอีกตาม เมืองทา่ ของจีนและฮ่องกง เคลอ่ื นตัวไปอินเดยี แอฟริกา ยโุ รป สงิ คโปร์ ไทย และออสเตรเลียมี การบังคบั ให้เรือที่มาจากพื้นที่ซึ่งมีการระบาดจอดให้เจ้าหน้าที่ตรวจโรคก่อน รวมถึงจอดรอที่ เกาะไผ่ หา่ งจากพัทยาราว 8 กิโลเมตรจนครบ 9 วัน จึงอนญุ าตให้เข้ากรุงเทพฯ ได้ผู้มีบทบาท สำคัญในการกักกันและตรวจโรคครั้งนั้นคือ “พระบำบัดสรรพโรค” หรือ หมอฮันส์ อะดัมสัน ลูกครึ่งเดนมาร์ก-มอญ พื้นเพอยู่ที่พระประแดง คนไทยเรียก “หมอลำสั้น” นับเป็นแพทย์ ประจำด่านตรวจโรคคนแรกของไทย เป็นผู้ออกประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2441 กวา่ ที่กาฬโรคจะหมดไป ใช้เวลานบั สิบปี โดยพบผู้ปว่ ยรายสุดท้ายที่จังหวัด นครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ.2495 จากนั้นยังไม่พบอีกเลย(พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร, หน้าประชาชื่น มติชน รายวนั , 2563) 2. สงครามเคมี สงครามเคมี หรือ อาวุธเคมี (อังกฤษ: Chemical warfare หรือ CW) คือการใช้ คุณสมบัติอันเป็นพิษของสารเคมีในการเป็นอาวุธเพื่อการสังหาร สร้างความบาดเจ็บ หรือ สร้างความพิการให้แก่ศัตรู ประเภทของสงครามนี้แตกต่างจากการใช้อาวุธสามัญ (conventional weapons) หรือ อาวุธนิวเคลียร์ เพราะการทำลายโดยสารเคมีมิได้เกิดจากแรง ระเบิด อาวธุ เคมีจัดอยใู่ นประเภทอาวุธเพือ่ การทำลายลา้ งสูงโดยสหประชาชาติและการผลิตก็ เป็นการผิดกฎอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention) ของปี ค.ศ. 1993 แตก่ ารใช้พิษของสิ่งมชี ีวิต (organism) เป็นอาวุธไม่ถอื วา่ เป็นอาวธุ เคมีแต่เปน็ อาวุธชวี ภาพ

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ งั คม 8 นายฮามิช เดอ เบรต์ตอง-กอร์ดอง อดีตทหารอังกฤษ และเจ้าหน้าที่หน่วยอาวุธ เคมี ชีวภาพ และนิวเคลียร์องค์การนาโต เล่าว่า อาวุธเคมีชนิดแรกของโลกคือ คลอรีน (Chlorine) เป็นสารทำลายระบบทางเดินหายใจ (Choking agent) แม้ในตอนแรกมันจะถูก พัฒนาขึน้ เพื่อทำให้เหยื่อพิการมากกว่าทำให้เสยี ชีวิต แตท่ ีผ่ า่ นมาอาวุธชนิดนี้ก็คร่าชีวิตผู้คนไป จำนวนมาก สารคลอรีนถกู ใช้คร้ังแรกในสงครามเมืองอีเพรสค์ รั้งที่ 2 ในเบลเยียม เมื่อปี 1915 และสร้างความหายนะคร้ังใหญ่หลวง เพราะตอนนั้นยงั ไม่เคยมีการใช้สารคลอรีนเป็นอาวุธทาง การทหารมาก่อน แม้จะเป็นสารเคมีพืน้ ฐานกต็ าม ต่อมาก็มีการใช้แกส๊ มัสตาร์ด ซึง่ มีฤทธิ์ทำให้ ระคายเคืองผิวหนังและเกิดแผลพุพอง (Blister agents) จากนั้นกองทัพนาซีเยอรมนีได้พัฒนา สารทำลายระบบประสาท (Nerve agents) ขึ้น โดยเป็นสารสังเคราะห์จากกรดฟอสฟอริก ซึ่ง เป็นสารกำจัดศัตรูพืช และพบว่าสารทาบุน และโซมาน สามารถฆ่าคนได้มีประสิทธิภาพ สาร ทำลายระบบประสาทถูกใช้อยา่ งแพร่หลายในสงครามอิหร่าน-อิรกั เมื่อปี 1984-1988 ซึ่งเหตุ โจมตีเมืองฮาลับยาในอิรัก เมือ่ วันที่ 16 มี.ค.1988 ยงั ติดอยใู่ นความทรงจำของผู้คนจำนวนมาก เพราะมีผู้เสยี ชีวิตมากถึง 5,000 คนในเหตุโจมตีวันน้ัน(วิกิพีเดยี , การสงครามแคมี, 2564) 3. ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี 1960 แต่ยังไม่ทราบ แหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาด หนักทวั่ โลกตอนนีเ้ ป็นสายพนั ธุ์ทีย่ ังไม่เคยพบมากอ่ น คือ สายพันธท์ุ ี่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเปน็ ทางการว่า “โควิด-19” (COVID-19) โรคโควิด19 นี้ โดยหลักแล้ว แพร่จากคนสู่คนผ่านทางฝอยละอองจาก จมูกหรือปากซึ่งขับ ออกมาเมื่อผู้ปว่ ย ไอหรือจาม เรารับเช้ือได้จากการ หายใจเอาฝอยละอองเข้าไปจากผู้ป่วย หรือ จากการเอามือไปจับพื้นผิวที่มีฝอยละอองเหล่านั้นแล้วมาจับตามใบหน้า การเพิ่มจำนวนของ ไวรัสเกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและในปอดระยะเวลานับจากการติดเชื้อและการ แสดงอาการ (ระยะฟักตัว) มีตั้งแต่ 1-14 วัน และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 วัน เกิน 97% ของผู้ป่วย เริ่มมมีอาการ ภายใน 14 วัน(องค์การอนามยั โลก, 2563)

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สงั คม 9 อาการของไวรสั โควิด-19 ทีส่ ังเกตได้งา่ ย ๆ ดว้ ยตวั เอง ดังนี้ 1. มีไข้ 2. เจ็บคอ 3. ไอแห้ง ๆ 4. น้ำมกู ไหล 5. หายใจเหนื่อยหอบ หากมีอาการของโรคที่เกิดขึ้นตาม 5 ข้อดังกล่าว ควรพบแพทย์เพือ่ ทำการตรวจอย่าง ละเอียด และเมื่อแพทย์ซักถามควรตอบตามความเป็นจริง ไม่ปิดบัง ไม่บิดเบือนข้อมูลใด ๆ เพราะจะเป็นประโยชน์ตอ่ การวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องมากที่สดุ หากเพิ่งเดนิ ทางกลับจากพื้นที่ เสย่ี ง ควรกกั ตวั เองอยแู่ ตใ่ นบ้าน ไม่ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 14-27 วนั เพื่อให้ผ่านช่วงเชื้อฟัก ตัว วิธีป้องกนั การติดเชือ้ ไวรัสโคโรนาสายพนั ธ์ใุ หม่ 1. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ 2. หลกี เลีย่ งการเดินทางไปในพืน้ ทีเ่ สย่ี ง 3. สวมหน้ากากอนามัยทกุ ครั้งเมือ่ อยู่ในทีส่ าธารณะ 4. ระมัดระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไมส่ ะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่ รวมถึง สง่ิ ที่มีคนจบั 5. ล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที ความเข้มข้นของแอลกอฮอลไ์ มต่ ำ่ กว่า 70% (ไมผ่ สมน้ำ) 6. งดจับตา จมูก ปากขณะทีไ่ มไ่ ด้ล้างมอื 7. หลกี เลี่ยงการใกลช้ ิด สัมผัสสัตวต์ ่าง ๆ โดยที่ไมม่ กี ารป้องกัน 8. รับประทานอาหารสุก สะอาด ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก(ศูนย์ การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลยั มหิดล, 2553)

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม 10 4. โพชฌงคปรติ ร โพชฌงคปริตร เป็นบทสวดสำคัญที่พระสงฆ์นิยมนำมาสวดในงานทำบุญคล้ายวนั เกิด หรือสวดเพื่อสร้างกำลังใจให้แก่ผู้ทีเ่ จ็บไข้ได้ป่วยให้มีพลังจิตในการสร้างสติ การที่เชื่อกนั ว่าบทสวดมนต์นีม้ ีความศักด์สิ ิทธิ์เพราะ มีเรอ่ื งในพระไตรปิฎกเลา่ ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เสด็จไปเยีย่ มพระมหากัสสปะทีอ่ าพาธอยไู่ ด้รับความทุกข์ทรมานมาก พระองคจ์ ึงทรงแสดงบท สวดโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะให้ท่านได้ฟังและน้อมจิตปฏิบัติตาม หลังจากฟังบทสวดและ ท่านพระมหากัสสปะได้พิจารณาธรรมตามก็พบว่า ท่านสามารถหายจากโรคได้ และอีกครั้ง หนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธอยู่ในลักษณะเดียวกัน หลังจากนั้นก็พบว่า พระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้ และเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เองทรง อาพาธ จึงตรัสให้พระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ถวาย ซึ่งพบว่าพระพุทธเจ้าก็หายประชวร พทุ ธศาสนิกชนจึงพากันเชือ่ ว่า โพชฌงคปริตร สวดแล้วชว่ ยให้หายจากโรค แตใ่ นความเป็นจริง พระไตรปิฎกกล่าววา่ โพชฌงคปริตรนั้นเป็น หลักธรรมทีพ่ ระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกับ ปญั ญาเปน็ ธรรมช้ันสูง เป็นคำสอนในการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธแ์ ละเกี่ยวข้องกับร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิง่ ที่อาศัยกันและ กัน หากใจดี ร่างกายยอ่ มดตี าม(sanook.com,2564) บทสวดโพชฌงคปรติ ร โพชฌังโคสะติสงั ขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา วิริยัมปีติปสั สทั ธิ โพชฌังคา จะตะ ถาปะเร สะมาธเุ ปกขะโพชฌังคา สัตเต เต สพั พะทัสสินา มนุ ินา สมั มะทักขาตา ภาวิตา พะหุลี กะตา สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สพั พะทาฯเอกสั ะมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานญั จะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสะวา โพชฌงั เค สัตตะ เทสะยิ เต จะ ตงั อะภินนั ทิตะวาโรคา มุจจิงสุ ตงั ขะเณ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทาฯ เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิ ปีฬิโต จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตะวานะ สาทะรัง สัมโมทิตะวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส เอเตนะ สจั จะวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สพั พะทาฯ ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติ ธัมมะตงั เอเตนะ สัจจะวชั เชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพะทาฯ

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สงั คม 11 คำแปล โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์ วิริยะสัม โพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ 7 ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเหน็ ธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญ แล้วกระทำให้มากแล้ว ยอ่ มเปน็ ไปเพื่อความรู้ยิง่ เพือ่ ความตรัสรู้ และเพื่อนพิ พาน ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ ในสมัย หนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับ ความลำบาก จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ทา่ นท้ังสองฟัง ทา่ นท้ังสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม โรคก็หายได้ในบัดดล ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ ในครั้ง หนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้ โดยพลัน ดว้ ยการกลา่ วคำสตั ย์นี้ ขอความสวัสดี จงบงั เกิดมีแกท่ ่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ ก็อาพาธ ทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคณุ อนั ยิง่ ใหญท่ ั้ง 3 องค์นนั้ หายแล้วไมก่ ลับเปน็ อีก ดจุ ดังกิเลส ถูก อริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความ สวัสดี จงบงั เกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ ผู้ที่มีความเข้าใจเกีย่ วกบั ธรรมโพชฌงคก์ ็จะเข้าใจความธรรมดาของชีวิต ว่าเป็นของไม่ เที่ยง มีการแตกดับไปเป็นของธรรมดา เมื่อเข้าใจก็จะเห็นความแตกดับเป็นเรื่องที่ปกติ สิ่งใด เกิดมาสิ่งนั้นย่อมดับไป ก็จะทำให้มุ่งรักษาใจไม่ให้ป่วยนี่แหละคือความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของ โพชฌงคปริตร(samook.com, 2564) 5. ทฤษฎีทัศนศลิ ป์ ทฤษฎีทัศนศิลป์ กล่าวถึง องค์ประกอบต่างๆ และวิธีนำองค์ประกอบเหล่านั้นมา บรรจุไว้ในภาพ ทำให้เกิดความงาม และมีความหมาย นาฏยศิลป์ต้องอาศัยหลักทัศนศิลป์เป็น สว่ นหนึง่ ในการแสดงออก เช่น ท่ารำ การแปรแถว การต้ังชุม รูปแบบ สสี นั ของเครื่องแต่งกาย และแสง สี หากนักนาฎยประดิษฐ์มีความรู้และความเข้าใจในทฤษฎีทัศนศิลป์ไม่เพียงพอ ผลงานทีส่ ร้างสรรค์ ก็อาจดอ้ ยคุณคา่ ทางศิลปะ ทฤษฎีทัศนศิลป์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม 12 1) องค์ประกอบทศั นศลิ ป์ ไดแ้ ก่ จุด เส้น รปู ทรง สี พื้นผิว จุด คือ หน่วยเล็กที่สุดที่ปรากฏบนพื้นผิว จุดที่ใกล้ ๆ กันจะให้ความรู้สึกว่าดึงดูดกันด่ัง ขั้วแม่เหล็ก หากจุดอยู่หา่ งกันความรู้สึกดึงดูดกัน หรือความผูกพนั จะลดลงเป็นลำดับ ผู้แสดง นบั เปน็ จดุ ๆ หนึ่งบนเวที หากผู้แสดงอย่หู ่างกันเกินไปทำให้เกิดความรู้สกึ ว่าผู้แสดงไม่มีส่ิงหนึ่ง ส่งิ ใดเกีย่ วข้องผูกพันกัน ทำให้ขาดเอกภาพ ภาพ 1 ภาพผู้แสดงนบั เปน็ จดุ ๆ หนึง่ บนเวที ทีม่ า: หนงั สือหลกั การแสดงนาฏยปริทรรศน์, 2547 เส้น คือ ทางเดินของจุดที่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ เส้นมี 2 ชนิดคือ เส้นตรง และ เสน้ โค้ง เสน้ ตรงให้ความรสู้ กึ ที่จริงจัง เฉียบขาด แนว่ แน่ สว่ นเสน้ โค้งให้ความรู้สึกทอ่ี ่อนไหว ไม่ แน่นอน ภาพ 2 ภาพผู้แสดงประกอบกนั เปน็ เสน้ ในลักษณะต่าง ๆ ที่มา: หนงั สือหลักการแสดงนาฏยปริทรรศน์, 2547 รูปทรง คือ อาณาบริเวณที่เส้นมาบรรจบกัน เกิดเป็นรูปทรงขึ้น รูปทรงมีทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ รูปทรงแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ 1. รูปทรงเรขาคณิต คือ รูปทรงที่เกิดจากการประกอบกันของเส้นตรงและเส้น โค้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำเส้นตรงและเส้นโค้งมาประกอบกัน รูปทรงเหล่านี้ มักใช้ในการ ออกแบบ การแปรแถว หรือการต้ังซมุ้ ให้เกิดความงดงาม และความหมายต่าง ๆ

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สูส่ ังคม 13 ภาพ 3 ภาพผู้แสดงประกอบกนั เป็นรูปทรงเรขาคณิต ที่มา: หนงั สือหลกั การแสดงนาฏยปริทรรศน์, 2547 2. รูปทรงธรรมชาติ คือ รูปทรงที่เกิดจากการคดเคี้ยวของเส้นที่เป็นไปตาม ธรรมชาติทำนองเดียวกันกับเส้นโค้ง มักใช้กับการออกแบบที่ต้องการความรู้สึกที่ไม่เป็น ทางการ ความรสู้ กึ ที่ไม่ต้องการความมีระเบียบ หรือความรู้สึกเป็นอิสระ ภาพ 4 ภาพผู้แสดงประกอบกนั เป็นรูปทรงธรรมชาติ ทีม่ า: หนงั สือหลักการแสดงนาฏยปริทรรศน์, 2547 สี สีเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของวัตถุธาตุที่จะมีสีเฉพาะตัวและเมื่อ ผสมผสานกันก็จะเกิดเป็นสีใหม่ขึ้น ดังนั้นจำนวนของสีในโลกจึงนับไม่ถ้วน แต่สีทั้งหมดนี้เกิด จากแม่สีเพียง 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีเหลือง สีแดง จากนั้นเมื่อต้องการสีอื่น ๆ ก็ผสมสีแม่สีเข้า ดว้ ยกนั เชน่ ผสมสีน้ำเงินกับสเี หลอื งในปริมาณที่เทา่ กนั กจ็ ะเกิดเป็นสีเขียว ผสมสีเหลืองกับสี แดงในปรมิ าณที่เทา่ กัน ก็จะเกิดเป็นสีส้ม ผสมสีแดงกบั สนี ้ำเงินในปรมิ าณที่เท่ากัน กจ็ ะเกิดเป็น สมี ่วง การเลอื กสีมี 3 วิธีหลกั ๆ คือ 1. สีเดียว คือ การใช้สีใดสีหนึ่งแล้วกำหนดให้มีความเข้ม และเจือจางต่างกัน เชน่ สแี ดงขา้ มไปจนถึงสแี ดงเจือจาง หรือสชี มพอู ่อน หรือการใช้สีเขียวเข้มไปจนถึงสีเขียวอ่อน เป็นตัน 2. สีตรงข้าม คือ การใช้สีที่อยู่ตรงข้ามกันในการผสมสี เช่น สีแดงจะอยู่ตรง ข้ามกับสีเขียว สเี หลอื งอยู่ตรงข้ามกับสีมว่ ง สนี ้ำเงินอยตู่ รงข้ามกบั สีส้ม เปน็ ต้น

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ ังคม 14 3. สขี ้างเคียง คือ การใช้สีที่อยถู่ ดั ไปในการผสมสี เช่น ใช้ตั้งแตส่ นี ้ำเงินไปจนถึง สเี ขียว หรือสเี ขียวไปจนถึงสีเหลอื งหรือสีแดงไปจนถึงสีม่วง เปน็ ต้น 2) การจดั องคป์ ระกอบทศั นศลิ ป์ การจดั องคป์ ระกอบทางทัศนศิลปม์ ีหลกั 4 ประการ คือ 1. ความมีเอกภาพ ในการนำองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ มารวมกนั ขนึ้ เปน็ ภาพ กลวิธี ในการสร้างเอกภาพให้แก่ผลงาน คือ ควรจะมีองคป์ ระกอบทีม่ คี วามคลา้ ยคลึงกันเป็นปริมาณ มากพอ เพือ่ สร้างพลังของความกลกลนื ซึ่งเปน็ การนำไปสู่เอกภาพ และให้อิสระแก่ส่วนที่เหลือ ที่จะมีความแปลกแตกต่างไปบ้าง แต่ไม่ควรสร้างผลงานด้วยองค์ประกอบทีแ่ ตกต่างกันอย่าง มากมาย จนไม่สามารถจะเชื่อมประสานกันไว้ ภาพที่สร้างขึ้นจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขาดเอกภาพ โดยส้นิ เชิง 2. ความสมดลุ เป็นความรู้สึกโดยปกติของมนุษย์ เพราะความรู้สึกวา่ ส่งิ ที่เห็น อยู่มีความสมดุล ก็จะเกิดความมั่นใจว่า สิ่งที่เห็นอยู่นั้นมีความมั่นคงไม่ล่มสลายเพราะขาด สมดุล ความสมดลุ เกิดจกการจดั องค์ประกอบทีอ่ ยู่สองข้างของแกนกลางของลำตวั เป็นหลักใน การพิจารณาและพิพากษาว่าสิ่งใดสมดุลหรือไม่เพียงใด ความสมดุลนี้มิใช่เกิดจาก การชั่ง น้ำหนักวัตถุหนักเท่ากันบนตราชู ซึ่งเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักที่มีเข็มอยู่ตรงกลาง และมีถาดรับ น้ำหนักอยู่ปลายคานทั้งสองข้าง แต่ความสมดุลนี้เป็นความรู้สึกที่ว่า สองข้างของแกน มี องค์ประกอบตา่ ง ๆ จดั วางไว้มนี ้ำหนกั ทีด่ ึงดดู ความสนใจพอ ๆ กัน การจดั องค์ประกอบเพือ่ ความสมดุล มี 2 ชนิด คือ 1. ชนิดสองข้างเหมือนกนั คือ การจัดองค์ประกอบท้ัง 2 ข้างของแกน ให้เหมือนกันทุกประการ แบบเดยี วกบั ร่างกายของมนุษย์ปกติ 2. ชนิดสองข้างไม่เหมือนกัน คือ การจดั องค์ประกอบ 2 ข้าง ของแกน แตกต่างกันแตเ่ มือ่ ดแู ล้วมีแรงดึงดดู ความสนใจของผู้ดูเทา่ กนั ทั้งสองดา้ น 3. ความกลมกลืน ในที่นไี้ ม่ใช่ความเหมือนแต่เปน็ ความคลา้ ยคลึงของ องค์ประกอบที่นำมาใช้ เช่นการใช้สีกลุ่มเดียวกัน หรือการใช้รูปทรงคล้ายกัน หรือการใช้เส้น โค้งเป็นหลัก เป็นต้น ความกลมกลืนเช่นนี้จะช่วยให้การสร้างเอกภาพเป็นไม่ได้โดยง่าย ความกลมกลืนเป็นการสร้างพลังแห่งความสนใจจากการลักษณะความเป็นกลุ่มเป็นก้อน แต่ ความกลมกลืนหากใช้มากเกินไป อาจทำให้ขาดจดุ เดน่ 4. ความแตกตา่ ง มีความหมายตรงข้ามกับความกลมกลืนกค็ ือ องค์ประกอบที่ นำมาใช้ในที่เดียวกันมีความแตกต่างกัน แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งความคล้ายคลึง ความ แตกต่างนั้นอยู่ทีป่ ริมาณของความเหมือนและความไม่เหมือน เจตนาในการนำองค์ประกอบที่

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สสู่ งั คม 15 แตกต่างกัน มาประมวลเข้าให้เปน็ หนึ่งเดียว ก็เพื่อให้เกิดความหลากหลายอันเป็นมูลเหตุแห่ง ความตืน่ เต้นเร้าใจ ชวนติดตาม ดังน้ันการสร้างความแตกตา่ งจึงเปน็ ส่งิ จำเป็นในการสร้างสรรค์ งานศิลปะทุกชนิด หลักในการให้เกิดความแตกต่างก็คือ องค์ประกอบแต่ละหน่วย ย่อมมี ลักษณะเฉพาะตัวอยู่ไม่มากก็น้อย ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะพึงใช้ประโยชน์จากความแตกต่าง เหลา่ นีม้ าเป็นปัจจยั ในการสร้างความหลากหลาย อันนำไปสู่ความหรหู ราความตระการตาของ ผลงาน ทั้งผู้สร้างสรรค์จักต้องกำหนดว่า เมื่อใดควรจะให้เกิดความแตกต่างขึ้นด้วย องค์ประกอบหน่วยใด เวลาใด มากหรือน้อยเพียงใด การกำหนดนี้มาจากประสบการณ์และ วิสยั ทศั น์ ซึง่ ในทีส่ ดุ จะปรากฏเปน็ รปู แบบเฉพาะตวั ของผู้สร้างสรรค์คนนั้น วิธีการดำเนนิ งาน - ระยะเวลาและสถานที่ในการดำเนนิ งาน ผู้สร้างสรรคผ์ ลงานไดม้ ีการดำเนนิ งาน ในการสร้างสรรคศ์ ลิ ปะนิพนธช์ ดุ โพชฌงคปริตร ตามระยะเวลาและสถานที่ ดงั ตารางตอ่ ไปนี้ ตาราง 1 แสดงระยะเวลาและสถานที่ในการดำเนินงาน ลำดับ วัน/เดือน/ปี รายละเอียด สถานที่ ผ้รู ับผดิ ชอบ 1 23 เม.ย. 2564 เข้ารบั การประชมุ กับ ออนไลน์ ผู้สร้างสรรค์ คณะกรรมการภายในเพือ่ ผลงาน นางสาว 2 19 ก.ค. 2564 รับฟงั แนวทางและ ออนไลน์ จารุวรรณ รายละเอียด แสนยาวิชัย ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ดำเนนิ การสอบหวั ข้อการ ผู้สร้างสรรค์ ศิลปะแสดงนิพนธ์ ผลงาน นางสาว จารวุ รรณ 3 9 ส.ค. 2564 ดำเนนิ การหาข้อมลู ออนไลน์ แสนยาวิชยั ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ผู้สร้างสรรค์ ชดุ โพชฌงคปริตร ผลงาน นางสาว จารวุ รรณ แสนยาวิชัย

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์ส่สู งั คม 16 ลำดบั วัน/เดือน/ปี รายละเอียด สถานที่ ผรู้ บั ผดิ ชอบ 4 16 ส.ค. 2564 สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ 5 5 ก.ย . 2564 30% ออนไลน์ ผู้สร้างสรรค์ 6 6 ก.ย . 2564 ดำเนนิ การฝึกซอ้ ม ผลงาน นางสาว 7 14 ก.ย . 2564 ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร จารวุ รรณ 8 16 ก.ย . 2564 สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ แสนยาวิชัย 50% ดำเนนิ การฝึกซอ้ ม อาคาร ผู้สร้างสรรค์ ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ปฏิบตั กิ าร ผลงาน นางสาว ดำเนนิ การฝึกซอ้ ม สาขาวิชา จารวุ รรณ ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ศิลปะการแสดง แสนยาวิชัย (หลงั ที่ 9) มหาวิทยาลยั พะเยา ออนไลน์ อาคาร ผู้สร้างสรรค์ ปฏิบตั กิ าร ผลงาน นางสาว สาขาวิชา จารวุ รรณ ศิลปะการแสดง แสนยาวิชัย (หลงั ที่ 9) มหาวิทยาลยั พะเยา อาคาร ผู้สร้างสรรค์ ปฏิบตั กิ าร ผลงาน นางสาว สาขาวิชา จารุวรรณ ศิลปะการแสดง แสนยาวิชัย (หลงั ที่ 9) มหาวิทยาลยั พะเยา

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์ส่สู ังคม 17 ลำดับ วนั /เดือน/ปี รายละเอียด สถานที่ ผ้รู บั ผดิ ชอบ 9 18-19 ก.ย. ดำเนนิ การฝึกซอ้ ม อาคาร ผู้สร้างสรรค์ 2564 ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ปฏิบตั กิ าร ผลงาน นางสาว ชุด โพชฌงคปริตร สาขาวิชา จารุวรรณ ศิลปะการแสดง แสนยาวิชัย 10 25 ก.ย. 2564 ดำเนนิ การฝึกซอ้ ม (หลงั ที่ 9) ศิลปะการแสดงนิพนธ์ มหาวิทยาลัย ชุด โพชฌงคปริตร พะเยา อาคาร ผู้สร้างสรรค์ 11 27 ก.ย. 2564 สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ ปฏิบตั กิ าร ผลงาน นางสาว 70 - 90% สาขาวิชา จารวุ รรณ ศิลปะการแสดง แสนยาวิชัย 12 2–3 ต.ค. 2564 บนั ทึกวีดทิ ศั น์ (หลงั ที่ 9) ศิลปะการแสดงนิพนธ์ มหาวิทยาลยั ชดุ ท่ี 1 - 4 พะเยา ออนไลน์ อาคาร ผู้สร้างสรรค์ ปฏิบัตกิ าร ผลงาน นางสาว สาขาวิชา จารุวรรณ ศิลปะการแสดง แสนยาวิชัย (หลงั ที่ 9) มหาวิทยาลัย พะเยา และสถานท่ี ต่างๆใน มหาวิทยาลยั พะเยา

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สูส่ งั คม 18 ลำดับ วนั /เดือน/ปี รายละเอียด สถานที่ ผู้รับผดิ ชอบ 13 10 ต.ค. 2564 สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ ห้องประชุม ผู้สร้างสรรค์ 100% คณบดี คณะ ผลงาน นางสาว สถาปตั ยกรรม จารวุ รรณ ศาสตรแ์ ละ แสนยาวิชัย ศิลปกรรม ศาสตร์ - ข้ันตอนการดำเนนิ งาน ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้ศึกษาหาข้อมูลเกีย่ วกบั โควิด19 และโพชฌงคปริตร โดยได้นำ มาสร้างสรรค์เปน็ การแสดงชดุ โพชฌงคปริตร และวางแผนการดำเนินงานดงั ตารางต่อไปนี้ ตาราง 2 แสดงข้ันตอนการดำเนนิ งาน ระยะเวลาดำเนนิ งานตัง้ แตเ่ ดือน ลำดบั รายการ เมษายน -เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2564 เดือน เดือน เดือน เดือน เดือน เดือน เม.ย. พ.ค ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค 1. ประชุมกบั กรรมการภายใน เพือ่ รับฟงั หัวข้อภายใต้ แนวคิดและรายละเอียดใน การสอบรูปเลม่ ศิลปะการแสดงนิพนธ์ 2. กำหนดหัวข้อ ศิลปะการแสดงนิพนธ์ 3. ศึกษาขอ้ มูลหัวข้อ ศิลปะการแสดงนิพนธ์ 4. เสนอหวั ข้อศิลปะการแสดง นิพนธ์

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ งั คม 19 ระยะเวลาดำเนนิ งานตง้ั แต่เดือน เมษายน -เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2564 ลำดบั รายการ เดือน เดือน เดือน เดือน เดือน เดือน เม.ย. พ.ค ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค 5. ศึกษาหาข้อมลู ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเตมิ เพือ่ นำข้อมูลมาใส่ ในรปู เลม่ 6. ศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเตมิ และออกแบบการ แสดงและองค์ประกอบการ แสดงเพือ่ นำเสนอสอบ 7. สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ รอบที่1 30% 8. ฝึกซอ้ มการแสดงชุดท่ี 1 - 4 พร้อมกับพัฒนางาน ปรับปรุง และแก้ไข ศิลปะการแสดงนิพนธ์ 9. สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ รอบที2่ 50% 10. ฝึกซอ้ มการแสดงชุดท่ี 1 - 4 พร้อมกับพฒั นางาน ปรบั ปรงุ และแก้ไข ศิลปะการแสดงนิพนธ์ 11. สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ รอบที3่ 70-90% 12. ฝึกซอ้ มการแสดงชุดท่ี 1 - 4 พร้อมกบั พฒั นางาน ปรบั ปรงุ และแก้ไข ศิลปะการแสดงนิพนธ์

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ ังคม 20 ระยะเวลาดำเนนิ งานต้ังแต่เดือน เมษายน -เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ลำดับ รายการ เดือน เดือน เดือน เดือน เดือน เดือน เม.ย. พ.ค ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค 13. บันทึก VDO การแสดงชดุ ท่ี 1-4 14. สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ รอบที่4 100% 15. สอบศิลปะการแสดงนิพนธ์ - การหาแรงบนั ดาลใจและแนวความคิด แรงบันดาลใจ จากสถานการณ์การระบาดของ โควิด19 ทำให้เกิดความ วุ่นวายในสังคม ส่งผลต่อดา้ นร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ผู้สร้างสรรคจ์ ึงมีแรงบันดาล ใจที่จะนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในบท“โพชฌงคปริตร” ซึ่งเป็นบทแห่งการ ตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นธรรมที่เชื่อว่ามีอนุภาพเกี่ยวกับปัญญา และ การขจดั โรคภยั มาช่วยเยียวยาและบรรเทา ทางด้านจิตใจในยาม ที่เกิดภยั พิบตั ิเช่นนี้ แนวความคดิ ผู้สร้างสรรคผ์ ลงานไดน้ ำโรค โควิด19 ในปัจจุบนั ทีท่ ำให้เกิด ความยากลำบากในการใช้ชีวิต เกิดความสับสนวนุ่ วาย ผู้สร้างสรรคจ์ ึงมี แนวความคิดบรู ณาการกบั พระพทุ ธศาสนา โดยการอาราธนา บท “โพชฌงคปริตร” มาใช้สวดเพื่อให้ผู้คนเกิดสติ พร้อมกบั การปรับเปล่ยี นพฤติกรรมรูปแบบ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อรบั มอื กบั สถานการณโ์ รคระบาด เช่น การรกั ษาระยะห่างทางสังคม การใสห่ น้ากากอนามยั เพื่ออย่กู ับโรคระบาดนอี้ ยา่ งปลอดภัย ผา่ นรปู แบบ ศิลปะการแสดงร่วม - การรวบรวมข้อมลู ศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ผู้ศึกษาได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมลู จากวรรณกรรมและทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้อง สรุปได้ดงั นี้

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สงั คม 21 1. โควิด 19 คือ โรคระบาดที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก อาการของไวรัสโควิด 19 ที่สังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง คือ มีไข้ เจ็บคอ ไอแห้ง น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อย หอบ 2. โพชฌงคปริตร เป็นบทสวดมนต์ เพื่อขจัดโรคร้าย เพราะเชื่อว่าการสวดมนต์ และการอธิษฐานนั้นถอื เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกำลังใจ และก็มีความเชื่อมั่นว่า จะทำให้หายปว่ ยได้ การสวดมนต์เป็นการทำจิตให้แนว่ แนแ่ ล้วจึงไดเ้ จริญภาวนา ทำให้จิตมีสมาธิ สงบ ช่วยทำจิตใจให้เบิกบาน - การออกแบบการแสดง การออกแบบการแสดงศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ผู้สร้างสรรค์ได้ ออกแบบการแสดงคามแนวความคิดที่ได้จากสถานะการณ์ โควิด19 ในปัจจุบัน จึงบูรณาการ กับพระพุทธศาสนา โดยนำบทโพชฌงคปริตร มาใช้สวดเพื่อให้ผู้คนเกิดสติ พร้อมกับการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรูปแบบ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรค ระบาด จากข้อคิดดังกล่าว ผู้สร้างสรรค์ต้องการนำเสนอการแสดงในรูปแบบศิลปะการแสดง ร่วมสมัย โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 3 ช่วง ดงั นี้ ชว่ งที่ 1 โควดิ 19 กลา่ วถึง ได้นำโรค โควิด19 ที่ในปัจจบุ ันเปน็ ผลกระทบกับผู้คนทวั่ โลก แบง่ ออกเป็น 3 ความเชื่อ คอื ความเชื่อเรือ่ งโรคห่า การทำสงครามเคมี และโรคระบาดในปัจจุบัน ทำให้เกดิ ความยากลำบากในการใช้ชีวิต เกิดความสบั สนวนุ่ วาย ชว่ งที่ 2 โพชฌงคปรติ ร กลา่ วถึง สงั คมไทยเปน็ สังคมพทุ ธศาสนา จึงอาราธนา นำบท “โพชฌงคปริตร” สวดเพื่อให้ผู้คนเกิดสติ ชว่ งที่ 3 ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) กลา่ วถึง การมีสติในการป้องกนั ตนเองด้วยวิธีปฏิบตั ิ และการจัดการ เพื่อรับมอื กบั สถานการณ์โรคระบาด และอยู่กบั โรคระบาดนอี้ ยา่ งปลอดภัย ควบคกู่ บั การใช้หลักธรรมคำ สอนของพระพทุ ธศาสนา เป็นหลักในการดำเนนิ ชีวิตตอ่ ไป

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม 22 - พัฒนาการของการออกแบบการแสดง พัฒนาการของการออกแบบการแสดง ผู้สร้างสรรค์ได้ปรับปรุงแก้ไขงาน ตามคำ แนะจากคณะกรรมการภายใน ตลอดระยะเวลาทีส่ ร้างสรรคผ์ ลงาน ดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้ 1. ข้อเสนอแนะจากอาจารย์ที่ปรกึ ษา 2. ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการภายใน ตาราง 3 แสดงพัฒนาการในการสบื ทอดและฝึกหัดจากคณะกรรมการภายในแสดง พัฒนาการในการสบื ทอดและฝึกหัดจากคณะกรรมการภายใน วัน/เดือน/ปี ข้อเสนอจากอาจารย์ที่ปรึกษา/คณะกรรมการภายใน 6 กันยายน 2564 ชว่ งที่ 1 กระบวนทา่ ของนกั แสดงหลักยงั ไม่ชัด ควรปรับ รอบ 50 % ให้มีการเลา่ เรอ่ื งทีช่ ัดเจนขนึ้ ชว่ งที่ 2 ควรเพิ่มกระบวนทา่ ให้กบั นักแสดงประกอบ 27 กันยายน 2564 ช่วงที่ 1 มีกระบวนทา่ และการเล่าเรอ่ื งที่ชัดเจนขนึ้ ในชว่ ง รอบ 70 - 90 % ที่ 1 ควรปรับแก้ทา่ ประกอบสร้างให้นักแสดงยกแลว้ ทรง ตวั ให้ดีกวา่ นี้ โดยรวมดดู ขี ึ้น ช่วงที่ 2 ควรปรับแก้กระบวนทา่ ให้สอดคล้องกบั เรื่องราว ทีผ่ ู้สร้างสรรค์กำลังสือ่ สารอยู่ องค์ประกอบการแสดง องค์ประกอบการแสดงถอื เปน็ ปัจจัยสำคัญตอ่ การสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์ ผู้สร้างสรรคไ์ ด้มกี ารออกแบบองค์ประกอบในการแสดงชุด โพชฌงคปริตร โดยแบง่ ออกเป็น 7 องคป์ ระกอบ คือ ดนตรีประกอบการแสดง เครอ่ื งแตง่ กาย ผู้แสดง อปุ กรณป์ ระกอบการแสดง แสงและฉาก การใช้พนื้ ที่ และกระบวนทา่ รำ โดยผู้สร้างสรรคไ์ ด้ดำเนินการเขียนอธิบายไว้ ดงั นี้ - ดนตรีประกอบการแสดง ผู้สร้างสรรค์ได้ออกแบบดนตรีประกอบการแสดงให้สอดคล้องตามช่วงการแสดงแบ่ง ออกเปน็ 3 ชว่ งดังนี้ - ช่วงที่ 1 ผู้สร้างสรรค์ผลงานใช้เพลง Fractal Forest ของ Harmonic Frequency เพื่อสื่อให้ เห็นถึงโรคระบาด ความสบั สนวนุ่ วายของมนษุ ย์

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ ังคม 23 - ช่วงที่ 2 เพลงบทสวดมนต์โพชฌงคปริตร ประพนั ธ์และขับร้อง โดย คุณครกู ญั ญานัทธ์ ศิริ ส่อื ให้เห็นถึงการนำหลกั ธรรมคำสอนของพระพทุ ธศาสนามาปฏิบัติ ทำให้เกิดสติ - ชว่ งที่ 3 เพลงจากการแสดง หัตถศิลปถ์ ิ่นเวียงบัว สร้างสรรค์ผลงานโดย นายธนพงษ์ ดใี จ สาขาวิชาศิลปะการแสดงมหาวิทยาลยั พะเยา สอ่ื ให้เห็นถึง การมีสติทำให้เกิดปัญญา โดย การปฏิบัติตนโดยใช้ ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) ในการใช้ชีวิตในสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้นได้ดำเนินการขออนุญาตในการใช้เพลงเป็นที่เ รียบร้อยแล้ว ประกอบการแสดงแล้ว ตาราง 4 แสดงดนตรีประกอบการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ชว่ ง เวลา การสื่อความหมาย/อารมณเ์ พลง 1) เพลง 00.00 – 04.- ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องการสื่อให้เห็นถึง Fractal Forest ของ 30 โรค โควิด19 ในปัจจุบันที่ทำให้เกิดความ Harmonic ยากลำบากในการใช้ชีวิต เป็นผลกระทบกับ Frequency ผู้คนทั่วโลก แบ่งออกเป็น 3 ความเชื่อ คือ ความเชื่อเรื่องโรคห่า การทำสงครามเคมี 2) เพลงบทสวด 05.38 – และโรคระบาดในปัจจุบัน เกิดความสับสน มนต์โพชฌงคปริตร 08.58 ว่นุ วาย ประพนั ธ์และขบั ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องการสือ่ ให้เหน็ ถึงการนำ ร้อง โดย คณุ ครู หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามา กญั ญานทั ธ์ ศิริ ปฏิบตั ิ ทำให้เกิดสติ 3) เพลง จากการ 08.58 – แสดง หตั ถศิลปถ์ ิ่น 10.29 ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องการสื่อให้เห็นถึงการมี เวียงบัว สติทำให้เกิดปัญญา โดยการปฏิบัติตนโดยใช้ สร้างสรรคผ์ ลงาน ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) ในการใช้ชีวิตใน โดย นายธนพงษ์ ดี สถานการณ์โรคระบาด ซึ่งผู้สร้างสรรค์ ใจ สาขาวิชา ผลงานนั้นได้ดำเนินการขออนุญาตในการใช้

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ูส่ งั คม 24 ชว่ ง เวลา การสือ่ ความหมาย/อารมณเ์ พลง ศิลปะการแสดง เพลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วประกอบการแสดง มหาวิทยาลยั พะเยา แล้ว - เครื่องแตง่ กาย การออกแบบเครอ่ื งแต่งกาย ประกอบดว้ ย รปู แบบการแต่งกาย แบบร่วมสมัย และ องค์ประกอบอืน่ ๆ ได้แก่ การแตง่ หน้า การออกแบบทรงผม ผู้สร้างสรรค์สามารถอธิบายถึง ความสำคัญของรูปแบบการแต่งกายที่ใช้ในกระบวนการสร้างสรรค์ให้ผู้แสดงแต่งกาย แตกต่างกนั สอ่ื ให้เห็นถึงความหลากหลายของมนษุ ย์ สขี าว หมายถึง พระพทุ ธศาสนา สเี ทา หมายถึง โควิด 19 เคร่อื งแต่งกายจึงสื่อให้เห็นถึง โรคระบาด โควิด 19 ไมไ่ ดห้ ายไป มนุษยจ์ ะอยู่กบั โรคระบาดนี้ ได้ ถ้ามหี ลกั ธรรม และมีสติในการใช้ชีวิต ภาพ 5 ภาพชดุ แตง่ กายของนักแสดง ทีม่ า: จารุวรรณ แสนยาวิชัย - ผู้แสดง การคัดเลือกนักแสดง ผู้สร้างสรรค์ได้กำหนดนักแสดงทั้งหมด 10 คน ประกอบไป ด้วย ผู้แสดงชายจำนวน 3 คน ผู้แสดงหญิงจำนวน 7 คน โดยผู้สร้างสรรค์คัดเลือกผู้แสดง จากความสามารถและทักษะการแสดงผ่านบูรณาการ มีขน้ั ตอนดังนี้ 1. ผู้สร้างสรรค์ผลงานมีการบูรณาการร่วมกับรายวิชาพื้นฐานการเคลื่อนไหว เพือ่ ให้เห็นถึงศกั ยภาพของตวั นักแสดงและคัดเลอื กนกั แสดงให้เหมาะสมกับ การแสดงของผู้สร้างสรรค์

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ู่สังคม 25 2. ดำเนนิ การฝึกซอ้ มนักแสดงตามการออกแบบการแสดงของผู้สร้างสรรค์ ขณะทีผ่ ู้สร้างสรรคไ์ ด้ทำการฝกึ ซ้อมนักแสดงผู้สร้างสรรค์กพ็ บปัญหาหลาย จุดในการแสดง คือ การปฏิบัติท่ารำ ท่าเต้น เนื่องจาก มีทั้งนักแสดงที่มี พื้นฐาน และไม่มีพื้นฐานทางด้านการแสดง จึงเกิดปัญหาในการฝึกซ้อม ผู้ สร้างสรรค์จึงแก้ปัญหาโดยมีการปรบั ทา่ ให้สอดคลอ้ งกับนักแสดง มีรายชื่อผู้แสดงดังต่อไปนี้ นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ชั้นปีที่ 4 นางสาวปทิตตา ไชยปรุง นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ช้ันปีที่ 4 นายอภิศักดิ์ ขุนประเสริฐ นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ช้ันปีที่ 1 นายไพศาล สะสมนิยม นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ชั้นปีที่ 1 นายโยธิน คำพลแสน นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ชั้นปีที่ 1 นางสาววนั ทนยี ์ แซ่ซ้ง นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ช้ันปีที่ 1 นางสาว พรชนก ศรีอำพร นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ชั้นปีที่ 1 นางสาวบณุ ยานชุ กันทะยศ นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ช้ันปีที่ 1 นางสาวภทั รมณี วิอุ่น นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ช้ันปีที่ 1 นางสาวขนิษฐา แซห่ ลอ นิสิตสาขาศิลปะการแสดง ช้ันปีที่ 1 นางสาวไอณัฏฐา อุ่นทะวารี

นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ สู่ ังคม 26 - อปุ กรณป์ ระกอบการแสดง อุปกรณ์ประกอบการแสดง ชดุ โพชฌงคปริตร ผู้สร้างสรรคไ์ ด้นำหน้ากากอนามัย มาประกอบการแสดงเพือ่ ให้เหน็ ถึงการป้องกนั ตนเองจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จากลมหายใจ การไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย ภาพ 6 การแสดงในชว่ งที่ 3 โพชฌงคปริตร ทีม่ า: จารุวรรณ แสนยาวิชยั

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สังคม 27 - แสงและฉากประกอบการแสดง แสงและฉากประกอบการแสดงประกอบการแสดง ชุด โพชฌงคปริตร ผู้สร้างสรรค์ ได้กำหนดให้มีแสงปรากฏอยู่ในการแสดงทั้ง 3 ช่วง เพื่อสื่อให้เห็นถึงขั้นตอนการแสดงตาม ลกั ษณะของชว่ งการแสดงที่ผู้สร้างสรรค์ ได้กำหนดเอาไว้โดยได้ออกแบบดงั นี้ ตาราง 5 แสดงแสงศิลปะการแสดงนิพนธ์ ชุด โพชฌงคปริตร ชว่ งที่ 1 ภาพประกอบ ช่วงเวลา แสง ฉาก สื่ออารมณ์ 00.00 – 02.09 ใช้แสงสีแดง ภาพพนื้ หลงั เป็น ควนั สอ่ื ให้เห็นถึงการเจบ็ ปว่ ย ส่อื ถึง อันตราย สแี ดง อีแร้ง และ ลม้ ตายของมนุษย์ จาก ผู้เสียชีวิต ส่อื ถึง การ โรคห่า นองเลอื ด โดยมีอีแร้งมากนิ

ชว่ งที่ 1 นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรคส์ ูส่ งั คม 28 ภาพประกอบ ชว่ งเวลา แสง ฉาก สือ่ อารมณ์ 02.09 – 02.44 ใช้แสงสีน้ำเงิน ภาพพืน้ หลงั เป็นภาพ ส่อื ให้เหน็ ถึง ผู้เสียชีวิต หน้ากากทีใ่ ช้ป้องกัน มากมายจากสงครามเคมี ชว่ งที่ 1 สารเคมี และควันสีขาว ภาพประกอบ ชว่ งเวลา แสง ฉาก สื่ออารมณ์ ภาพพืน้ หลังเป็นรปู ไวรัส ส่อื ให้เห็นถึงการติดตอ่ 02.44 – 05.38 ใช้แสงสีเขียว ของโรคระบาด อาการคือ อาการไอ

ชว่ งที่ 2 นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์ส่สู ังคม 29 ภาพประกอบ ช่วงเวลา แสง ฉาก สื่ออารมณ์ ภาพพืน้ หลังเปน็ ส่อื ให้เหน็ ถึง 05.38 – 06.30 ใช้แสงสีน้ำเงิน ภาพองคพ์ ระ การระลกึ และยึด สัมมาสัมพุทธเจ้า หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา ชว่ งที่ 2 ทำให้สงบ มีสมาธิ ภาพประกอบ ช่วงเวลา แสง ฉาก สื่ออารมณ์ ภาพพนื้ หลงั เป็น สอ่ื ให้เห็นถึงการระลกึ และยึด 06.30 – 06.57 ใช้แสงสีส้ม ภาพองคพ์ ระ หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา สัมมาสมั พุทธเจ้า ทำให้สงบ มีสมาธิ

ชว่ งที่ 2 นาฏยปัญญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สสู่ งั คม 30 ภาพประกอบ ชว่ งเวลา แสง ฉาก สือ่ อารมณ์ ภาพพืน้ หลงั เป็น ส่อื ให้เหน็ ถึงการมีสมาธิ 07.39 – 08.07 ใช้แสงสีแดง ภาพนง่ั สมาธิและ ทำให้พลงั เกิดสติ เกิด ดอกไม้ ปญั ญา ช่วงที่ 3 ภาพประกอบ ช่วงเวลา แสง ฉาก สื่ออารมณ์ ภาพพนื้ หลังเป็น สอ่ื ให้เหน็ ถึงการ 10.01 – 11.04 ใช้แสงสีขาว ภาพ New Normal เกิดสติและปฏิบตั ติ น ดว้ ยชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) อย่างมีความสขุ

นาฏยปญั ญา: ศลิ ปกรรมสร้างสรรค์สู่สงั คม 31 กระบวนท่าและการใชพ้ ้นื ทีใ่ นการแสดง ผู้สร้างสรรค์ได้ออกแบบท่าทางโดยใช้ต้นทุนจากการบูรณาการร่วมกับรายวิชา พื้นฐานการเคลื่อนไหว รายวิชา contemporary และผสมผสานกับทา่ รำ ตัวอยา่ งทา่ ปรากฎอยู่ ในการแสดงและการใช้พืน้ ทีต่ ำแหน่งต่าง ๆ ในการแสดง เป็นสิ่งหนึง่ ที่ทำให้ผู้รับชมมคี วามสนใจ ในการแสดงนั้น อีกท้ังยงั สื่อให้เห็นถึงการแสดงในรปู แบบหลากหลายมิติ ทีส่ ง่ ผลให้การแสดงมี ความสมบรู ณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึง่ ในการแสดงคร้ังนี้ผู้สร้างสรรค์ไดแ้ บง่ พื้นทีบ่ นเวทีออกเป็น 15 สว่ น ดงั นี้ 1. Upstage Right (UR) เวทีสว่ นในขวาสุด 2. Upstage Right Center (URC) เวทีส่วนในดา้ นขวากลาง 3. Upstage Center (UC) เวทีส่วนในตรงกลาง 4. Upstage Left Center (ULC) เวทีส่วนในดา้ นซ้ายกลาง 5. Upstage Left (UL) เวทีส่วนในดา้ นซ้ายสุด 6. Right stage (R) เวทีฝง่ั ขวา 7. Right stage Center (RC) เวทีฝ่งั ขวากลาง 8. Center stage (C) ส่วนกลางเวที 9. Left stage Center (LC) เวทีฝ่ังซา้ ยกลาง 10. Left stage (L) เวทีฝ่งั ซา้ ย 11. Downstage Right (DR) เวทีสว่ นหน้าขวาสุด 12. Downstage Right Center (DRC) เวทีส่วนหน้าขวากลาง 13. Downstage Center (DC) เวทีหน้ากลาง 14. Downstage Left Center (DLC) เวทีสว่ นหน้าดา้ นซ้ายกลาง 15. Downstage Left (DL) เวทีสว่ นด้านหน้าซ้ายสุด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook