แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 114 ช่วั โมงที่ 2 ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกล่มุ แต่ละรว่ มกนั สืบคน้ ข้อมลู เกีย่ วกบั สมการท่ีใชใ้ นการคำนวณการเคลื่อนท่ีในแนว ตรงด้วยความเรง่ คงตวั จากหนงั สือเรียน หน้า 60 – 61 โดยถามนกั เรียนว่า จากกราฟ เราสามารถหา สมการของระยะทางของการเคล่อื นท่ีดว้ ยความเร่งคงตัว ไดอ้ ยา่ งไร 2. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นคำตอบทไ่ี ด้ 3. ครูอธิบายให้ความรเู้ กยี่ วกบั สมการที่ใช้ในการคำนวณปริมาณต่าง ๆ ของการเคล่อื นที่ในแนวตรงของวตั ถุ ทีม่ คี วามเรง่ คงตัว ดงั นี้ เมื่อวัตถุมีการเคลอ่ื นทีใ่ นแนวตรงโดยให้มคี วามเรง่ a คงตัว ทเ่ี วลาเริ่มต้น t = 0 มคี วามเร็วต้น u และ เมื่อเวลาผ่านไป t ให้วัตถุนั้นมีความเร็วปลายเปน็ v ถ้าเขียนกราฟระหว่างความเร็วและที่ใช้ จะได้กราฟ จากความเรง่ a = ∆v = v−u (A) ∆t t ดังน้นั v = u + at ครอู ธบิ ายตอ่ วา่ จากสมการ (A) นักเรยี นจะเห็นได้ว่า เราสามารถหาค่าความเรว็ ของวัตถทุ ่ีเวลาใด ๆ ก็ ไดถ้ ้าหากวา่ รู้ค่าความเรว็ เรม่ิ ตน้ และรูค้ วามเร่ง การเปลยี่ นแปลงความเร็วจะเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งเชิงเสน้ ตามเวลา เพราะความเร่งของการเคลือ่ นท่ีมีค่าคงตัว ดังกราฟ ทำให้ได้วา่ ความเรว็ เฉล่ียในช่วงเวลาใด ๆ จะเทา่ กบั คา่ เฉลยี่ ของความเร็วของสองจุดนนั้ ๆ ให้ ∆x เปน็ การกระจดั ของวัตถุ จากนิยามของความเร็วเฉลย่ี และใช้ความสมั พันธ์ในสมการ (A) ทำใหไ้ ด้สมการของการกระจัดในอีก รปู แบบหนงึ่ ดงั นี้ ∆x = (u+v) t (B) 2 4. ครูใหน้ กั เรยี นลองแทนค่า t จากสมการ (A) ในสมการ (B) จะได้อีกรูปแบบหน่งึ ของความสมั พันธ์ระหวา่ ง การกระจัด ความเรว็ และความเร่ง ดังนี้ ∆x = ut + 1 at2 (c) 2 จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 115 และยังสามารถแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างความเรว็ ปลายกบั ความเรง่ และการกระจัด โดยที่ไมม่ ีตัวแปร ของเวลาเข้ามาปรากฎในสมการ ดงั น้ี v2 = u2 + 2a∆x (D) 5. ครูและนกั เรยี นแตล่ ะร่วมกนั อภปิ รายสรุปได้วา่ สมการการเคลือ่ นทดี่ ้วยความเรง่ คงตวั ที่ได้จะใช้ในการ วเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาสำหรับการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุใด ๆ ได้ ดงั ตาราง สมการของการเคลือ่ นทขี่ องวัตถุใน แนวตรงภายใตค้ วามเร่งคงตัว สมการ ข้อมลู ท่ีได้จากสมการ ความเร็วท่ีเป็นฟังกช์ นั ของเวลา v = u + at การกระจัดทเี่ ปน็ ฟังก์ชันของความเรว็ u+v ∆x = ( 2 ) t การกระจัดทเ่ี ป็นฟังก์ชันของเวลา ∆x = ut + 1 at2 ความเรว็ ที่เปน็ ฟงั ก์ชนั ของการกระจัด 2 v2 = u2 + 2a∆x ช่วั โมงที่ 3 ขน้ั สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาโจทย์ตัวอย่างของวิธีการคำนวณจากสมการการเคลื่อนท่ีกรณีความเร่งคงตวั จากตัวอย่างที่ 2.13 ในหนังสือเรียน หนา้ 62 โดยครอู ธิบายเสรมิ เพอื่ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจมากขนึ้ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ศึกษาตัวอยา่ งที่ 2.14 2.15 และ 2.16 ในหนังสอื เรียนหนา้ 62-63 ตามขั้นตอน การแกโ้ จทย์ปญั หา ดงั น้ี • ขน้ั ที่ 1 ครูให้นกั เรยี นทุกคนทำความเขา้ ใจโจทย์ตัวอย่าง • ข้นั ท่ี 2 ครถู ามนกั เรียนว่า ส่งิ ที่โจทยต์ ้องการถามหาคอื อะไร สิ่งทโ่ี จทยก์ ำหนดให้คืออะไร และจะ หาส่งิ ทโี่ จทย์ตอ้ งการ ตอ้ งใชส้ มการใด • ข้ันท่ี 3 ครูใหน้ ักเรียนดวู ธิ ีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอยา่ งวา่ ถูกตอ้ ง หรอื ไม่ 3. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับวธิ ีการคำนวณจากสมการการเคลอื่ นทก่ี รณีความเร่งคงตวั เพื่อให้ นกั เรียนสรปุ สาระสำคัญลงในสมุดจดบันทึก ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาเร่อื ง การเคล่อื นทีข่ องวัตถุกรณีความเร่งคงตวั ว่ามีส่วนไหนท่ียัง ไม่เข้าใจและใหค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ ในสว่ นน้นั 2. ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกันทำใบงานที่ 2.6 เรื่อง การเคลื่อนทด่ี ้วยความเรง่ คงตวั จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 116 3. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละคนทำแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) และทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question 2 เร่ือง การเคล่อื นท่ขี องวัตถุกรณีความเรง่ คงตวั เป็นการบ้าน ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 2.6 เรือ่ ง การเคลอื่ นที่ดว้ ยความเร่งคงตัว 3. ครูตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 2 เรื่อง การเคลื่อนทขี่ องวัตถุกรณีความเรง่ คงตัว 4. ครปู ระเมินผลงานจากแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) ท่ีนกั เรียนได้สร้างข้นึ จากขั้นขยายความ เขา้ ใจของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล 7. การวดั และประเมินผล วิธีวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน รายการวัด - ตรวจใบงานท่ี 2.6 - ใบงานที่ 2.6 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.1 การประเมนิ ระหว่าง - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ ระดบั คุณภาพ 2 การจดั กิจกรรม ผลงาน นำเสนอ ผ่านเกณฑ์ 1) การเคลือ่ นทีด่ ้วย - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ความเรง่ คงตัว การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 2) การนำเสนอ ผลงาน 3) พฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุม่ ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่น คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน รายวิชาเพม่ิ เตมิ ฟสิ กิ ส์ ม.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การเคลือ่ นทีใ่ นแนวตรง 2) ใบงานที่ 2.6 เรอื่ ง การเคลอื่ นทดี่ ว้ ยความเรง่ คงตัว 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรยี น 2) หอ้ งสมุด 3) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ • การเคล่อื นที่หน่ึงมติ ิ http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/73/one-dimension-motion.htm สืบค้นวันที่ 20 มกราคม 2561 จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 117 • การเคลือ่ นท่ีของวัตถดุ ้วยความเรง่ คงตวั http://www.walter-fendt.de/html5/phth/acceleration_th.htm สืบค้นวนั ท่ี 20 มกราคม 2561 9. การบูรณาการตามจุดเนน้ ของโรงเรยี น : ความหลากหลายทางชีวภาพ หลกั ปรัชญา ครู ผ้เู รยี น ของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดีด้านจติ ใจ รูจ้ ักใชเ้ ทคโนโลยีมาผลติ ส่ือท่ี มจี ติ สำนกึ ทด่ี ี จิตสาธารณะรว่ ม 2. ความมีเหตุผล อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนื้อหาเปน็ สง่ิ แวดลอ้ ม ประโยชนต์ อ่ ผเู้ รยี นและพฒั นาจากภมู ิ ปญั ญาของผเู้ รยี น ไม่หยดุ น่ิงท่หี าหนทางในชีวิต หลุดพ้น - ยึดถือการประกอบอาชพี ดว้ ยความ จากความทกุ ข์ยาก (การค้นหาคำตอบ ถกู ต้อง สจุ ริต เพ่ือใหห้ ลุดพน้ จากความไมร่ ู)้ ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ 3. มภี ูมคิ ุมกนั ในตวั ท่ดี ี ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ รับผดิ ชอบ ระมดั ระวัง สร้างสรรค์ 4. เงอ่ื นไขความรู้ ระมดั ระวงั ความรอบรู้ เรื่อง การเคลื่อนทขี่ อง ความรอบรู้ เรื่อง การเคลื่อนทข่ี อง วตั ถุกรณคี วามเร่งคงตัว สามารถนำ วตั ถกุ รณีความเร่งคงตัว ทเี่ ก่ียวขอ้ ง ความรูเ้ หล่านนั้ มาพจิ ารณาให้เกิด รอบดา้ น นำความรู้มาเชือ่ มโยง ความเช่ือมโยง สามารถประยกุ ต์ ประกอบการวางแผน การดำเนินการ ใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ให้กบั ผเู้ รียน มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม 5. เงือ่ นไขคณุ ธรรม มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ซือ่ สัตย์สุจรติ และมีความอดทน มี ความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนิน ความซอ่ื สัตยส์ ุจริตและมคี วามอดทน ชวี ติ มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ ผเู้ รยี น ความหลากหลายทางชีวภาพ ดำเนนิ ชวี ติ - สำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ ในโรงเรียน (ตามจดุ ท่ีได้รบั มอบหมาย) สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ครู ผู้เรียน ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - สืบคน้ ข้อมูลการอนรุ กั ษค์ วาม - ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทาง หลากหลายทางชีวภาพ (ตามหัวขอ้ ที่ ไดม้ อบหมาย) ชวี ภาพในโรงเรยี น (กำหนดจุดให้ ผู้เรยี นสำรวจ) สิง่ แวดล้อม ครู ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - การอนรุ ักษค์ วามหลากหลาย - การอนุรักษ์ความหลากหลายทาง ทางชวี ภาพ ชวี ภาพ (กำหนดหัวขอ้ ใหผ้ เู้ รยี น สบื ค้น) จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 118 10. ความเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 10.1 หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………. (นางสาวณัฐธนัญา บุญถึง) ………./……………./…………. 10.2 รองผ้อู ำนวยการฝ่ายบรหิ ารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายวิเศษ ฟองตา) ………./……………./…………. 10.3 ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ………./……………./…………. จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 119 11. บันทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแก้ไข ลงชอ่ื .........................................................ผู้สอน (นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา) ตำแหน่ง ครู จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 120 ใบงานที่ 2.6 เร่ือง การเคลอ่ื นทด่ี ้วยความเรง่ คงตัว คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นแสดงวธิ ที ำและหาคำตอบจากคำถามตอ่ ไปน้ี 1. นักกรีฑาวิ่งออกจากจุดสตาร์ทด้วยความเร็ว 6 เมตรต่อวินาที และสามารถเร่งความเร็วได้ 4 เมตรต่อวินาที2 จงหาว่า เมอื่ เวลาผ่านไป 5 วินาที จะวงิ่ ได้ระยะทางเท่าใด 2. ถ้าเครอ่ื งบินตอ้ งใช้เวลาในการเร่งเคร่ือง 20 วินาที จากหยุดนิง่ และใช้ระยะทาง 400 เมตร กอ่ นทีจ่ ะขึ้นจากรันเวย์ได้ จงหาอัตราเร็วของเครื่องบนิ ขณะที่ขึน้ จากรนั เวยเ์ ท่ากบั กี่เมตรตอ่ วนิ าที 3. รถยนต์แล่นบนถนนตรงโดยมีความเร็วต้น 15.0 เมตรต่อวินาที ถ้ารถยนต์มีความเร่งคงตัว 3 เมตรต่อวินาที2 ในช่วงเวลานานเท่าไร จึงมคี วามเรว็ เปน็ 2 เท่าของความเร็วต้น 4. รถของตน้ ติดไฟแดง พอได้รบั สญั ญาณไฟเขยี ว ต้นก็เรง่ เครอ่ื งออกไปด้วยความเรง่ คงตัวพอไปไดไ้ กล 100 เมตร วัดความเร็ว ได้ 72 กโิ ลเมตรตอ่ ชัว่ โมง อยากทราบวา่ ความเรง่ ของรถเปน็ เท่าใด จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 121 ใบงานท่ี 2.6 เฉลย เรอ่ื ง การเคลือ่ นทดี่ ้วยความเรง่ คงตวั คำช้แี จง : ให้นกั เรียนแสดงวิธีทำและหาคำตอบจากคำถามต่อไปนี้ 1. นักกรีฑาวิ่งออกจากจุดสตาร์ทด้วยความเร็ว 6 เมตรต่อวินาที และสามารถเร่งความเร็วได้ 4 เมตรต่อวินาที2 จงหาว่า เมอ่ื เวลาผ่านไป 5 วนิ าที จะว่ิงได้ระยะทางเท่าใด วธิ ีทำ จากสมการ Δx = ut + 1 at2 2 = (6 m/s)(5 s) + (1)(4 m/s2)(5 s)2 2 Δx = 80 m ดังนน้ั นกั กรีฑาจะวิ่งไดร้ ะยะทางเท่ากบั 80 เมตร 2. ถา้ เครอื่ งบินตอ้ งใช้เวลาในการเรง่ เคร่ือง 20 วนิ าที จากหยุดนิง่ และใช้ระยะทาง 400 เมตร กอ่ นท่จี ะข้ึนจากรันเวย์ได้ จงหาอตั ราเร็วของเคร่ืองบินขณะท่ีข้ึนจากรนั เวยเ์ ท่ากบั ก่ีเมตรตอ่ วนิ าที วิธที ำ จากสมการ Δx = (u + v) t 2 400 m = (0 + v) 20 2 v = 40 m/s ดงั นนั้ อัตราเรว็ ของเครื่องบินขณะท่ขี น้ึ จากรนั เวยเ์ ท่ากับ 40 เมตรต่อวินาที 3. รถยนต์แล่นบนถนนตรงโดยมีความเร็วตน้ 15.0 เมตรต่อวนิ าที ถา้ รถยนตม์ คี วามเรง่ คงตัว 3 เมตรต่อวนิ าที2 ในช่วงเวลานานเทา่ ไร จึงมคี วามเรว็ เปน็ 2 เทา่ ของความเร็วตน้ วิธีทำ จากสมการ v = u + at 30 m/s = (15 m/s) + (3 m/s2) t t =5s ดงั นั้น รถยนตแ์ ล่นบนถนนตรงในชว่ งเวลานาน 5 วินาที จงึ มคี วามเรว็ เป็น 2 เท่าของความเร็วตน้ ในทิศทาง เดยี วกนั กบั ความเรว็ ต้น 4. รถของต้นตดิ ไฟแดง พอไดร้ ับสญั ญาณไฟเขยี ว ตน้ ก็เร่งเคร่ืองออกไปด้วยความเร่งคงตวั พอไปไดไ้ กล 100 เมตร วดั ความเร็วได้ 72 กโิ ลเมตรต่อชว่ั โมง อยากทราบวา่ ความเรง่ ของรถเปน็ เท่าใด วิธีทำ จากสมการ v2 = u2 + 2aΔx (20 m/s)2 = (0 m/s)2 + 2a(100 m) 400 = 200a a = 2 m/s2 ดงั นน้ั ความเรง่ ของรถเทา่ กับ 2 เมตรตอ่ วนิ าที2 ในทิศทางเดิมจากเริ่มต้นออกตวั จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 122 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1/2564 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การเคลือ่ นท่ีในแนวตรง เรื่อง วตั ถตุ กแบบอิสระดว้ ยความเร่งคงตัว จำนวนเวลาที่สอน 5 ช่วั โมง ครูผ้สู อน นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (ความเข้าใจที่คงทน) การเคล่ือนทข่ี องวัตถุจากที่สูงหรือเคล่ือนท่ีในแนวด่ิงภายใต้สนามโน้มถว่ งของโลก เมื่อไมค่ ิดความต้านทาน ของอากาศ จะปรากฏว่า วัตถุทกุ ชนดิ ทมี่ มี วลมากนอ้ ยต่างกนั ย่อมตกลงสู่พืน้ ดว้ ยความเร่งเทา่ กนั เสมอ เรยี กการ เคลื่อนที่แบบนีว้ ่า การตกแบบอิสระ (free fall) หรือการตกแบบเสรี ซ่ึงการตกแบบอสิ ระนี้ ใช้ได้ทั้งกรณที ี่วตั ถุ ตกลงในแนวดิ่งหรือว่าถกู โยนขึน้ 2. ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองและอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการเคลอื่ นที่ ของวัตถใุ นแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทง้ั ทดลองหาค่าความเรง่ โนม้ ถว่ งของโลก และ คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ งได้ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1) บอกความหมายและอธบิ ายลกั ษณะการเคลือ่ นทข่ี องวตั ถุตกแบบอิสระได้ 3.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (Skill/Process) 2) ทำการทดลองการเคลื่อนทข่ี องวัตถทุ ่ีตกอยา่ งอิสระเพ่อื หาคา่ ความเร่งโน้มถว่ งได้ได้ 3) คำนวณหาปริมาณท่เี กยี่ วข้องกับการเคล่อื นท่ีในแนวด่งิ ได้ 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 4) ทำงานรว่ มกบั ผู้อนื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรับความคดิ เห็นของผู้อื่นได้ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge (ผเู้ รยี นตอ้ งรอู้ ะไร) - การตกแบบเสรเี ปน็ ตัวอยา่ งหนง่ึ ของการเคลอ่ื นที่ในหนงึ่ มิติท่ีมคี วามเรง่ เท่ากบั ความเร่งโนม้ ถว่ งของ โลก 4.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (ผเู้ รียนสามารถปฏิบัติอะไรได)้ - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการสังเกต - ทักษะการส่ือสาร - ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 123 4.3 คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ : Attitude (ผูเ้ รยี นควรแสดงพฤตกิ รรมการเรียนอะไรบ้าง) - มีวินยั - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ ม่ันในการทำงาน - มีความซ่อื สัตย์ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการวเิ คราะห์ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 2) ทกั ษะการสงั เกต 4. มคี วามซือ่ สตั ย์ 3) ทักษะการสอื่ สาร 4) ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูและนกั เรียนร่วมกันทบทวนความรูเ้ ดมิ เกี่ยวกับการเคล่ือนที่ของวัตถุกรณีความเร่งมีคา่ คงตวั เพื่อเป็น ความร้พู ื้นฐานนำไปสู่การศกึ ษา เรื่อง วตั ถตุ กอย่างอิสระด้วยความเรง่ คงตวั 2. ครูสาธิตปล่อยลูกบอลให้ตกลงพื้น โดยนักเรียนสังเกตแนวการเคลื่อนที่ของ แล้วถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนหน้า 65 ว่า ถ้านักเรียนปล่อยลูกฟุตบอลตกลงจากตึก ลูกฟุตบอลจะมี ลกั ษณะการเคล่ือนที่อยา่ งไร (แนวตอบ ลูกบอลมีการเคล่อื นทเ่ี ปน็ เสน้ ตรงในแนวดิ่ง ซ่งึ เรยี กวา่ การตกแบบอิสระ (free fall)) 3. ครใู ห้นักเรียนอภิปรายแนวการเคล่ือนท่ีและสรุปได้ว่า การเคลอ่ื นท่ีของลูกบอลเป็นการเคลื่อนท่ีแนวตรง ในแนวด่งิ 4. ครูถามนักเรียนว่า การเคลื่อนทีใ่ นแนวดิง่ ของลูกบอลมกี ารเปลี่ยนแปลงความเรว็ หรือไม่ หรือมีความเรง่ หรือไม่ (แนวตอบ ลูกบอลมีความเร็วเพิ่มขน้ึ เรือ่ ย ๆ กอ่ นตกถึงพื้น นัน่ คือ วตั ถุตกแบบอิสระจะมีความเร่ง ในขณะตกลงสูพ่ ื้น) 5. ครใู ห้นักเรยี นยกตวั อย่างวัตถุที่ตกลงมาในแนวดิง่ ทน่ี ักเรียนสามารถพบในชีวิตประจำวัน เพ่ือให้นักเรียน สามารถเช่อื มโยงเนื้อหากับชีวติ ประจำวนั ได้ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 124 (แนวตอบ มะมว่ งตกลงบนหลงั คาบ้าน ก้อนหนิ ตกลงมาจากหน้าผา การโดดร่มแบบดิ่งพสุธา วัสดุ กอ่ สรา้ งตกจากตกึ ทีก่ ำลงั ก่อสรา้ ง) 6. จากนั้นครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า การเคลื่อนทีใ่ นแนวดิ่งของวัตถุท่ีตกแบบอิสระ สามารถแบ่งพิจารณาได้ 3 แบบ ตามรายละเอียดในหนงั สอื เรียน หน้า 65-66 ดงั นี้ • การปลอ่ ยวตั ถุใหต้ กในแนวดง่ิ • การขวา้ งวตั ถุลงมาในแนวดง่ิ • การโยนวตั ถุขน้ึ ในแนวดงิ่ ชว่ั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาความรู้เรอ่ื งการคำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ในกรณีทีว่ ตั ถตุ กแบบอิสระในหนงั สือเรยี น หน้า 67 โดยครูและนกั เรียนอภิปรายและสรุปรว่ มกนั 2. ครูให้ความรู้เกย่ี วกบั สมการการเคลื่อนทท่ี ่ีอาศัยความรเู้ กย่ี วกบั กราฟเสน้ ตรงแสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ความเร็วกับเวลา 4 สมการทใ่ี ช้ในการคำนวณกรณที วี่ ัตถตุ กแบบอิสระ คือ v = u + gt u+v ∆y = ( 2 ) t ∆y = ut + 1 gt2 2 v2 = u2 + 2g∆y 3. ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั การใช้เครื่องหมายของ u v g และ ∆y เพราะปรมิ าณเหล่านีเ้ ป็นปริมาณ เวกเตอร์ แตเ่ น่ืองจากการเคล่อื นท่ีแนวตรงจึงมเี พียง 2 ทศิ เท่านัน้ นกั เรียนอาจใช้เครอื่ งหมายบวกและลบ กำกับเพื่อเป็นการบอกทศิ ทาง 4. ครนู ำเสนอตวั อยา่ งการคำนวณหาปริมาณตา่ ง ๆ จากสมการการเคล่อื นท่ี จากตวั อยา่ งท่ี 2.18-2.22 5. นักเรียนฝึกคำนวณหาปริมาณต่าง ๆ จากสมการการเคลอ่ื นท่ี 6. ครูทบทวนความรเู้ กี่ยวกบั เครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลาท่ีจะใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมตอ่ ไป โดยอธิบายวา่ เครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลาจะเคาะดว้ ยความถี่ 50 ครั้งต่อวนิ าที หมายความวา่ ใน 1 วินาที เครอ่ื งเคาะจะ เคาะ 50 ครง้ั นั่นคือ เวลาทีใ่ น 1 ช่วงจุดจะใช้เวลา 1/50 วินาที ชัว่ โมงท่ี 3 ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 7. ครูทบทวนบทเรยี นที่เรียนมาแล้ว ด้วยการซักถามและอธบิ าย ตอบข้อสงสยั ของนกั เรยี น แล้วใหน้ ักเรียน แบง่ กลุม่ ซ่ึงครอู าจใช้เทคนิคการแบ่งกล่มุ ผลสมั ฤทธ์ิ (STAD) คอื การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่มสี มาชกิ จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 125 กลุม่ 4–5 คน มีระดับสตปิ ญั ญาแตกต่างกนั คอื เก่ง 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: อ่อน 1 คน พร้อมทั้ง เลือกประธานกลุ่ม รองประธานกล่มุ เลขานกุ ารกลมุ่ และสมาชิกกล่มุ โดยสับเปลีย่ นหนา้ ท่ใี นการทำ กจิ กรรมกลุ่ม (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ) 8. ครชู ีแ้ จงจุดประสงคก์ ารทำกิจจกรมให้นักเรียนทราบ ดังนี้ - หาขนาดของความเรว็ ขณะวตั ถุที่ตกแบบเสรไี ด้ จากจุดบนแถบกระดาษ - เขียนกราฟระหวา่ งขนาดของความเรว็ ขณะหนึ่งกบั เวลาได้ - หาขนาดความเร่งเฉลีย่ จากกราฟได้ 9. ครแู จง้ นกั เรยี นว่าจะมีการทำกิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง การเคลือ่ นทขี่ องวตั ถทุ ี่ตกอยา่ งอสิ ระ จากหนังสอื เรียน หนา้ 74 10. ครใู หค้ วามรู้ท่ีจำเป็นต่อการทำกิจกรรม ใหข้ ัน้ ตอนและรายละเอียดในการทำกิจจกรรมแกน่ ักเรียน โดย ใช้วธิ ีการตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม 11. ครูอาจถามคำถามกระตนุ้ ให้นักเรียนได้คิดระหวา่ งที่นักเรยี นกำลงั ทำกจิ กรรม ด้วยตัวอย่างคำถามตอ่ ไปน้ี • การเคล่ือนท่ีในแนวดง่ิ ของถงุ ทรายมกี ารเปล่ยี นความเรว็ หรอื ไม่ • มคี วามเรง่ หรอื ไม่ 12. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์สรุปผลการทำกิจกรรม วิธีการหาค่าความเร่งของการตกอย่างอิสระของถุง ทราย จากการทำกิจกรรมโดยใช้เคร่อื งเคาะสัญญาณเวลาและนำแสนอหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรยี นรว่ ม อภิปรายการทดลองตามแนวคำถามท้ายกิจกรรม สรุปการเรียนรู้ร่วมกัน 13. ครูเชื่อมโยงความรู้จากกิจกรรมให้นักเรียนได้ร่วมกันวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของปริมาณต่าง ๆ ที่ เกี่ยวขอ้ งกับการเคลือ่ นทภ่ี ายใตแ้ รงโน้มถว่ งของโลกได้ 14. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในแนวตรงและการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งที่พบได้ใน ชวี ติ ประจำวนั ชั่วโมงที่ 4-5 ขน้ั สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับการหาความเร่งโดยใช้เครื่องเคาะสัญญาณเวลา และให้นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับ ความเร่งของถงุ ทรายทตี่ กอยา่ งอสิ ระทไี่ ด้ทำในชว่ั โมงทผ่ี ่านมา 2. ครใู หน้ กั เรยี นนาขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการทากจิ กรรมมาวเิ คราะหใ์ นรปู ของตาราง ดงั น้ี ระยะทาง 1.20 2.80 4.60 5.95 7.50 9.15 10.85 12.70 2 ชว่ งจุด (cm) เวลา (s) 1/50 3/50 5/50 7/50 9/50 11/50 13/50 15/50 อตั ราเรว็ 0.3 0.7 1.15 1.49 1.88 2.29 3.71 3.18 (m/s) 3. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรมเกี่ยวกับ การเคลื่อนท่ีของวัตถุที่ตกอยา่ งอิสระใหไ้ ด้วา่ วัตถใุ ด ๆ ท่ีตกส่พู นื้ หรอื เคล่อื นที่ลงในแนวด่ิงภายใตแ้ รงโนม้ ถว่ งของโลกโดยไม่คิดแรงต้านอากาศ วัตถุจะ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 126 เคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัว ซึ่งเรียกว่าความเร่งโน้มถ่วง ความเร่งโน้มถ่วงมีค่าประมาณ 9.8 เมตรต่อ วินาที2 และมีทศิ พุง่ เข้าส่ศู นู ย์กลางโลก 4. จากนั้นครูให้นักเรยี นกลับสู่กลุ่มเดิมที่แบ่งไว้ในชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วใหร้ ่วมกันศึกษาตัวอยา่ งการคำนวณ จากโจทย์ปัญหา ในหนังสือเรียน หนา้ 70-73 ตามขัน้ ตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหา ดงั นี้ • ขน้ั ท่ี 1 ครูให้นักเรียนทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทยต์ วั อยา่ ง • ขั้นท่ี 2 ครถู ามนักเรยี นว่า ส่ิงทโ่ี จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาสงิ่ ท่ีโจทย์ต้องการ ต้องทำ อย่างไร • ขน้ั ที่ 3 ครูใหน้ ักเรียนดูวธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอยา่ งวา่ ถูกตอ้ ง หรือไม่ 5. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงานที่ 2.7 เรอ่ื ง วตั ถตุ กแบบอสิ ระดว้ ยความเร่งคงตัว เปน็ รายบคุ คล ขน้ั สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำนักเรยี นอภปิ รายและสรปุ เกยี่ วกับวัตถุตกแบบอิสระด้วยความเร่งคงตัว ดงั น้ี • ลกั ษณะการเคล่ือนทีแ่ บบตกแบบอสิ ระเป็นอยา่ งไร เกีย่ วอะไรกับแรงโน้มถว่ ง • ความเร่งของวตั ถเุ ก่ียวอะไรกับแรงโน้มถว่ ง • ปริมาณใดบา้ งท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการเคลือ่ นทีใ่ นแนวด่ิง 2. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเน้อื หาเรื่อง วตั ถตุ กแบบอิสระ วา่ มสี ่วนไหนท่ยี งั ไมเ่ ข้าใจและให้ความรู้ เพิม่ เติมในสว่ นนน้ั โดยครูอาจใช้ PowerPoint เร่อื ง วัตถตุ กแบบอสิ ระด้วยความเรง่ คงตวั 3. ครมู อบหมายให้นกั เรียนตอบคำถามจาก Unit Question 2 เร่ือง วัตถตุ กแบบอิสระดว้ ยความเรง่ คงตวั 4. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนทำแผนผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) แล้วส่งเป็นการบ้านในคาบ เรยี นต่อไป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 2. ครูสงั เกตความสนใจ ความกระตือรอื ร้นในการเรียนรู้ของนกั เรียน 3. ครูตรวจสอบผลการใบกิจกรรม เร่อื ง การเคล่ือนท่ีของวตั ถุท่ีตกอยา่ งอิสระ 4. ครูตรวจใบงานท่ี 2.7 เร่อื ง วตั ถุตกอย่างอสิ ระด้วยความเรง่ คงตัว 5. ครูตรวจการทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question 2 จากหนงั สอื เรยี น หนา้ 84-85 6. ครูประเมนิ ผลงานจากแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) ทน่ี ักเรยี นไดส้ ร้างขนึ้ จากขนั้ ขยายความ เข้าใจของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 127 7. การวัดและประเมินผล วิธวี ัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน รายการวดั - ตรวจใบงานที่ 2.7 - ใบงานที่ 2.7 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.2 การประเมินระหว่าง - ประเมนิ การนำเสนอ - ผลงานที่นำเสนอ ระดบั คุณภาพ 2 การจดั กจิ กรรม ผลงาน - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ 1) วัตถุตกแบบอสิ ระ - สังเกตพฤตกิ รรม การทำงานรายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2 ด้วยความเร่งคง การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ ตวั 2) การนำเสนอ ผลงาน 3) พฤตกิ รรมการ ทำงานรายบุคคล 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2 อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน รายวชิ าเพ่มิ เติม ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวตรง 2) ใบงานที่ 2.7 เร่อื ง วตั ถตุ กแบบอสิ ระด้วยความเร่งคงตวั 4) ชดุ การทดลองการเคลือ่ นท่ขี องวัตถทุ ตี่ กอยา่ งอสิ ระ 5) แบบฝกึ หัด เรือ่ ง วตั ถตุ กแบบอิสระด้วยความเร่งคงตวั 3) PowerPoint เรือ่ ง วตั ถตุ กแบบอสิ ระดว้ ยความเร่งคงตัว 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ เชน่ • การเคลอื่ นทีห่ นง่ึ มติ ิ http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/73/one-dimension-motion.htm สบื ค้นวันที่ 20 มกราคม 2561 • กจิ กรรม การเคล่ือนทแ่ี บบตกอย่างเสรี https://www.youtube.com/watch?v=g5tkscGyIkI สืบค้นวันท่ี 20 มกราคม 2561 จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 128 9. การบรู ณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรียน : ความหลากหลายทางชวี ภาพ หลักปรชั ญา ครู ผเู้ รยี น ของเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดีด้านจติ ใจ รจู้ กั ใชเ้ ทคโนโลยีมาผลิตสอ่ื ท่ี มจี ติ สำนึกทีด่ ี จิตสาธารณะร่วม 2. ความมีเหตผุ ล อนรุ กั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและ เหมาะสมและสอดคลอ้ งเน้อื หาเป็น สงิ่ แวดลอ้ ม 3. มภี มู ิคมุ กนั ในตวั ท่ดี ี ประโยชน์ต่อผู้เรยี นและพฒั นาจากภูมิ 4. เงื่อนไขความรู้ ปัญญาของผูเ้ รียน ไม่หยดุ นงิ่ ทห่ี าหนทางในชวี ติ หลุดพน้ - ยดึ ถือการประกอบอาชีพด้วยความ จากความทกุ ขย์ าก (การค้นหาคำตอบ ถูกตอ้ ง สุจริต เพ่อื ใหห้ ลดุ พ้นจากความไม่รู้) ภูมิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ รับผดิ ชอบ ระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ ระมัดระวงั ความรอบรู้ เรื่อง วัตถุตกแบบ ความรอบรู้ เรอ่ื ง วัตถุตกแบบ อิสระด้วยความเร่งคงตัว สามารถนำ อสิ ระดว้ ยความเร่งคงตัว ทเี่ ก่ียวข้อง ความร้เู หล่านน้ั มาพิจารณาให้เกิด รอบด้าน นำความร้มู าเชือ่ มโยง ความเชอ่ื มโยง สามารถประยุกต์ ประกอบการวางแผน การดำเนนิ การ ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ให้กับผ้เู รียน 5. เงื่อนไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คณุ ธรรม มี มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ ซ่ือสัตย์สุจรติ และมคี วามอดทน มี ความซ่ือสัตยส์ ุจริตและมคี วามอดทน ความเพียร ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนิน ชีวติ มคี วามเพียร ใช้สติปญั ญาในการ ผูเ้ รยี น ดำเนนิ ชวี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ครู ในโรงเรยี น (ตามจดุ ท่ีได้รบั มอบหมาย) ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ผ้เู รียน ความหลากหลายทางชีวภาพ - ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทาง - สืบค้นขอ้ มลู การอนุรกั ษค์ วาม หลากหลายทางชีวภาพ (ตามหวั ข้อท่ี ชวี ภาพในโรงเรียน (กำหนดจุดให้ ได้มอบหมาย) ผู้เรยี นสำรวจ) สง่ิ แวดล้อม ครู ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - การอนุรกั ษค์ วามหลากหลาย - การอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทาง ทางชวี ภาพ ชีวภาพ (กำหนดหวั ขอ้ ใหผ้ เู้ รยี น สบื ค้น) จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 129 10. ความเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 10.1 หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………. (นางสาวณัฐธนัญา บุญถึง) ………./……………./…………. 10.2 รองผ้อู ำนวยการฝ่ายบรหิ ารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ………./……………./…………. 10.3 ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายอดิศร แดงเรือน) ………./……………./…………. จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 130 11. บันทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแก้ไข ลงชอ่ื .........................................................ผู้สอน (นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา) ตำแหน่ง ครู จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 131 ใบงานท่ี 2.7 เรอื่ ง วัตถุตกแบบอสิ ระดว้ ยความเร่งคงตวั คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ บอลลนู ลกู หนึ่งลอยขน้ึ ตรง ๆ ดว้ ยความเร็ว 5.0 เมตรต่อวินาที ขณะทีล่ กู บอลลูนสงู จากพ้นื ดิน 30 เมตร ผู้ท่อี ยู่ในบอลลูน ก็ปลอ่ ยถุงทรายลงมา ก. จงหาตำแหนง่ ของถงุ ทรายหลังจากท่ีปล่อยไปแล้ว 1.0 และ 2.0 วนิ าที ข. ถุงทรายจะตกถึงพน้ื ดินในเวลาเทา่ ใด จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 132 ใบงานที่ 2.7 เรอื่ ง วตั ถุตกแบบอสิ ระดว้ ยความเรง่ คงตัว คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ี ค. ขณะที่ถึงพน้ื ดิน ถงุ ทรายมีความเรว็ เทา่ ใด ง. จดุ สูงสดุ ของถุงทรายสงู จากพืน้ ดินเท่าใด จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 133 ใบงานที่ 2.7 เฉลย เรอ่ื ง วตั ถตุ กแบบอิสระดว้ ยความเร่งคงตัว คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้ ขณะที่บอลลูนลูกหน่ึงลอยขึน้ ตรง ๆ ดว้ ยความเรว็ 5.0 เมตรตอ่ วนิ าที ขณะทลี่ กู บอลลนู สูงจากพืน้ ดิน 30 เมตร ผู้ท่ีอยู่ใน บอลลนู กป็ ลอ่ ยถงุ ทรายลงมา ก. จงหาตำแหน่งของถงุ ทรายหลงั จากท่ีปลอ่ ยไปแล้ว 1.0 และ 2.0 วินาที วธิ ีทำ เม่อื ปล่อยถุงทราย ถุงทรายจะมอี ัตราเรว็ ต้นเทา่ กับบอลลนู จากสมการ Δy = ut + 1 gt2 2 = (5.0)(1) + (1)(-10)(1)2 2 Δy = 0 m ดงั นน้ั หลังจากปล่อยถุงทรายไปแล้ว 1 วินาที การกระจัดของถุงทรายเป็นศูนย์ นั้นคือ ถุงทรายจะตกกลับมา ณ ตำแหนง่ ท่ีปล่อยถงุ ทราย ถุงทรายจะอยสู่ งู จากพน้ื 30 เมตร จากสมการ Δy = ut + 1 gt2 2 = (5.0)(2) + (1)(-10)(2)2 2 Δy = -10 m ดงั นน้ั หลงั จากปล่อยถุงทรายไปแลว้ 2 วินาที การกระจัดของถงุ ทรายเป็น –10 เมตร นั้นคอื ถงุ ทรายจะอย่ตู ำ่ กว่าตำแหนง่ ท่ีปลอ่ ยเป็นระยะ 10 เมตร หรืออยสู่ ูงจากพนื้ เปน็ ระยะ 20 เมตร ข. ถุงทรายจะตกถงึ พนื้ ดนิ ในเวลาเท่าใด วิธีทำ เมื่อถุงทรายตกถึงพื้น s ของถุงทรายเป็น –30 เมตร จากสมการ Δy = ut + 1 gt2 2 -30 = (5.0)t + (1)(-10)t2 2 -30 = 5t – 5t2 t2 – t – 6 = 0 (t – 3)(t + 2) = 0 t = 3, -2 s แต่เวลาเปน็ ลบไม่มีความหมาย ดงั น้ัน ถงุ ทรายตกถงึ พ้ืนใน 3 วินาที จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 134 ใบงานท่ี 2.7 เฉลย เรอ่ื ง วตั ถุตกอยา่ งอิสระดว้ ยความเร่งคงตวั คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี ขณะทีบ่ อลลนู ลูกหน่งึ ลอยขนึ้ ตรง ๆ ด้วยความเรว็ 5.0 เมตรต่อวนิ าที ขณะที่ลูกบอลลนู สูงจากพ้นื ดิน 30 เมตร ผู้ที่อยู่ใน บอลลูนกป็ ล่อยถุงทรายลงมา ค. ขณะท่ีถึงพนื้ ดนิ ถุงทรายมีความเรว็ เทา่ ใด วธิ ีทำ จากสมการ v = u + at = (5.0) + (-10)(3) v = -25 m/s ดังนน้ั ขณะกระทบพืน้ ถุงทรายมีความเร็ว 25 เมตรต่อวินาที มีทศิ ลงในแนวด่งิ ง. จุดสูงสดุ ของถงุ ทรายสงู จากพ้ืนดินเท่าใด วธิ ีทำ จากสมการ v2 = u2 + 2aΔy (จดุ สงู สุด v = 0 m/s) 0 = (5.0)2 + 2(-10) Δy Δy = 25 20 = 1.25 m ดังนัน้ จดุ สงู สดุ ของถุงทรายอย่สู งู จากจดุ ปล่อย 1.25 เมตร หรอื อย่สู งู จากพน้ื 31.25 เมตร จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 135 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1/2564 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 1 (ว31201) หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การเคลือ่ นที่ในแนวตรง เรอ่ื ง ความเร็วสัมพัทธ์ จำนวนเวลาทส่ี อน 2 ช่วั โมง ครูผ้สู อน นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา 1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (ความเขา้ ใจท่คี งทน) การบอกตำแหน่งของวัตถุจะมีการกำหนดจุดอ้างอิงหรือตำแหน่งอ้างอิง ดังนั้น การเขียนบอกความเร็วก็ จะต้องกำหนดจุดอ้างอิงด้วยเช่นกัน ซึ่งความเร็วและตำแหน่งของวัตถุทุกประเภทจะต้องสัมพัทธ์กับจุดหรือ ตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใดเสมอ โดยจะเรียกความเร็วที่บอกเทียบกับจุดอ้างอิงว่า ความเร็วสัมพัทธ์ (relative velocity) 2. ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่างตำแหนง่ การกระจัด ความเรว็ และความเร่งของการเคลื่อนท่ี ของวัตถใุ นแนวตรงที่มีความเร่งคงตวั จากกราฟและสมการ รวมท้ังทดลองหาค่าความเร่งโน้มถว่ งของโลก และ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วขอ้ งได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (Knowledge) 1) เขา้ ใจความหมายของกรอบอา้ งองิ เฉอ่ื ย ปรมิ าณท่มี กี ารสมั พัทธ์กัน ในกรณเี ปน็ ความเร็วสัมพัทธ์ 3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (Skill/Process) 2) แสดงคำนวณหาความเรว็ การเคลื่อนทขี่ องวัตถดุ ว้ ยวิธคี วามเร็วสมั พทั ธ์ได้ 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 3) สังเกตจากปรากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับความเร็วสัมพันธท์ ี่พบในในชีวติ ประจำวันได้ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge (ผู้เรยี นตอ้ งรู้อะไร) - ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ได้แก่ ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง โดยความเร็ว และความเร่งมีทั้งค่าเฉลี่ยและค่าขณะหนึ่งซึ่งคิดในช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ เคล่อื นที่แนวตรงด้วยความเรง่ คงตัวมีความสมั พันธต์ ามสมการ v = u + at u+v ∆x = ( 2 ) t ∆x = ut + 1 at2 2 v2 = u2 + 2a∆x จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 136 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผู้เรยี นสามารถปฏิบตั อิ ะไรได้) - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทักษะการสังเกต - ทกั ษะการส่อื สาร - ทักษะการทำงานร่วมกัน - ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 4.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude (ผู้เรยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบา้ ง) - มีวินยั - ใฝเ่ รยี นรู้ - มงุ่ มั่นในการทำงาน - มคี วามซ่ือสัตย์ 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี ินัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 2) ทกั ษะการสงั เกต 4. มีความซอื่ สัตย์ 3) ทักษะการสอ่ื สาร 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนความรู้เดมิ เกยี่ วกับ ความสมั พนั ธ์ระหว่างปรมิ าณต่างๆ ท่เี กี่ยวข้องกับการ เคลอื่ นท่ีในแนวตรงดว้ ยความเร็วคงตัว การเคล่อื นท่ใี นสองมติ ิ เวกเตอรต์ ำแหนง่ ความเร็วในสองมติ ิ และ ความเรง่ ในสองมติ ิ เพือ่ นำไปส่เู นอื้ หาเรอ่ื ง ความเรว็ สัมพัทธ์และกรอบอ้างอิงเฉ่อื ย 2. ครสู นทนากับนกั เรยี น โดยยกตัวอย่างเรอื่ งการโดยสารเคร่ืองบนิ และถามนกั เรียนในประเดน็ ต่อไปนี้ • ทำไมเวลาอยู่บนเคร่อื งบิน ขณะท่ีบนิ อยู่ รู้สึกวา่ ความเรว็ ท่ีเคลื่อนที่ช้ากว่าตอนเคล่ือนท่ีบนพ้ืนดิน และยงั เวลาในการเดินทางไม่นานก็ถงึ จดุ หมาย จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 137 3. ครทู งิ้ ช่วงให้นักเรียนคดิ จากนัน้ ครูอธิบายเพือ่ ให้นักเรยี นเขา้ ใจว่า ทำไมเวลานัง่ อยูบ่ นเครอ่ื งบินเราจะรู้สึก เหมอื นวา่ เคร่ืองบนิ เคลือ่ นที่ชา้ แต่ไมน่ านก็ถึงจดุ หมาย เพราะความเร็วสัมพทั ธ์ เช่น เวลาเราขร่ี ถจักรยาน เราเร็วกว่าคนที่เดิน ช้ากว่าคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ เครื่องบินก็รู้สึกว่าเร็วได้ ตอนที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ ท้องฟ้า (take-off) หรือชว่ งเครอ่ื งบินกำลงั ลงจอด (landing) เพราะเราเข้าใกล้พืน้ โลกพอท่ีจะหาอะไรมา เทยี บความเรว็ ได้ ขณะเดยี วกนั เมอ่ื มองดดู วงดาว ดวงจันทร์ หรอื ดวงอาทติ ย์ เรากลับร้สู กึ เหมอื นกับอยู่นิ่ง ๆ ท้ังที่โลกเคลื่อนทด่ี ว้ ยความเรว็ มหาศาล (หมนุ 1 รอบ ภายใน 1 วัน โคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใน 1 ปี) ซง่ึ คอื ตัวอย่างที่แสดงถงึ ความเร็วสัมพัทธ์ 4. นกั เรยี นชว่ ยกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ คำตอบจากคำถาม 5. ครอู าจจะยกตวั อย่างการเคลื่อนที่ท่ีเกยี่ วข้องกบั ความเรว็ สัมพัทธ์เพ่มิ เติม เชน่ การนง่ั อยู่ในรถยนต์ แล้วมี รถเมล์ขนาดใหญ่เคลื่อนตัวไปด้านหน้าอยู่ข้าง ๆ รถที่นักเรียนกำลังนัง่ อยู่ นักเรียนจะรูส้ ึกว่าอยู่ถอยหลงั เป็นต้น ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับความหมายของความเร็วสัมพัทธ์เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้นว่า ความเร็วสัมพัทธ์ (relative velocity) คือ ความเร็วทีเ่ ทียบกนั ระหวา่ งความเร็วของวัตถุ 2 สิ่ง ซึง่ การบอกตำแหน่งของวตั ถุ ต้องมีจุดอ้างอิงและแกนอา้ งอิง นั่นคือ มีระบบโคออร์ดเิ นตอ้างอิง ในกรณีมีผู้สังเกตสองคนต่างคนต่างก็ สงั เกตโดยอ้างองิ ตัวเองเป็นหลัก แตท่ ง้ั สองคนเคลื่อนท่ไี ป จะทำใหเ้ กิดการสัมพัทธ์กนั ในเรอื่ งความเรว็ ของ ผสู้ ังเกตทัง้ สอง และกรอบอา้ งอิง (frame of reference) หมายถึง ระบบพิกัดโคออร์ดิเนตที่ผู้สังเกตหน่ึง ๆ ใช้ในการสังเกตวัตถุอื่น ๆ รอบตัวในการเคลื่อนที่ไป ดังนั้นกรอบอ้างอิงใด ๆ อาจจะเคลื่อนที่ไปโดยผู้ สงั เกตท่อี ยู่ในกรอบอ้างองิ นั้นไม่ทราบหรอื ไมร่ ตู้ ัววา่ ร่วมอยใู่ นการเคล่อื นทข่ี องกรอบอา้ งองิ นน้ั ด้วย 2. ครูให้นักเรียนพิจารณาตวั อย่างการใช้กรอบอ้างองิ ทเ่ี คลอ่ื นทีส่ ัมพันธก์ นั โดยศึกษาจากตำแหนง่ ของ รถยนต์ A เทียบกับรถยนต์ B และใหผ้ ู้สงั เกตอยูท่ ี่จดุ E จากหนงั สือเรียน หนา้ 75-76 3. ครูให้เน้อื หาความรแู้ ละอธบิ ายเพิ่มเติมเกี่ยวกบั กรอบอ้างองิ และสภาพสมั พัทธ์ โดยเปิดส่ือใหน้ กั เรยี น จาก แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ เช่น https://www.youtube.com/watch?v=zrrkvblNN0M 4. ครูใหน้ ักเรยี นบอกความหมายของกรอบอ้างอิงเฉ่ือย วา่ คอื อะไร และยกตัวอย่าง จากการไดร้ ับชมวีดโี อ 5. ครใู ห้นกั เรียนยกตวั อยา่ งความเรว็ สมั พทั ธ์ท่ีเกี่ยวข้องกับในชีวติ ประจำวนั ของนักเรยี น และสุ่มนักเรยี นมา 1-2 คน ออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรยี น ช่วั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาโจทย์ตัวอย่างของวิธีการคำนวณความเร็วจากตวั อย่างที่ 2.23 โดยครูอธิบาย เสรมิ เพื่อให้นกั เรยี นเข้าใจมากข้นึ 2. ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะคนศึกษาตวั อยา่ ง ตามขั้นตอนการแก้โจทยป์ ญั หา ดงั นี้ • ข้ันที่ 1 ครใู ห้นักเรียนทกุ คนทำความเข้าใจโจทยต์ วั อยา่ ง จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 138 • ขัน้ ที่ 2 ครูถามนักเรียนวา่ สงิ่ ทีโ่ จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ที่โจทย์ต้องการ ต้องทำ อย่างไร • ขน้ั ท่ี 3 ครูให้นกั เรียนดูวธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขน้ั ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอยา่ งวา่ ถูกต้อง หรือไม่ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับวธิ ีการคำนวณความเรว็ เพอื่ ใหน้ ักเรียนสรปุ สาระสำคญั ลงในสมุด จดบันทกึ ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนำนกั เรียนอภปิ รายและสรปุ เกีย่ วกบั ความเรว็ สัมพัทธ์ ดงั น้ี • ความเร็วสัมพทั ธ์และกรอบอา้ งองิ เฉื่อย คอื อะไร • ในชวี ิตประจำวันของนกั เรียนได้เกี่ยวข้องกับความเรว็ สมั พัทธ์ อยา่ งไรบา้ ง ยกตวั อย่าง • นักเรียนยืนอยู่บนโลก ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง และหมุนรอบดวงอาทิตย์ เหตุใดนักเรียนจงึ ไม่ รู้สึกวา่ เราเคลอ่ื นที่ • หากนักเรียนยืนอยู่บนรถเมล์ที่เคลื่อนที่อยู่ แล้วทิ้งสิ่งของลงบนพื้นรถ คนที่อยู่บนรถจะเห็นต่าง จากคนทย่ี นื อยู่ข้างถนน หรือคนทอี่ ยใู่ นรถเมลอ์ กี คนั อย่างไร 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนคิดและตอบคำถามอย่างอิสระ และสอบถามเนื้อหาเรื่อง ความเร็วสัมพัทธ์ ว่ามี ส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจและให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น โดยที่ครูอาจจะใช้ PowerPoint เรื่อง ความเร็ว สมั พัทธ์ ช่วยในการอธบิ าย 3. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกันทำใบงานที่ 2.8 เรอ่ื ง ความเร็วสมั พัทธ์ 4. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง การเคลื่อนทีแ่ นวตรง ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ครูตรวจและประเมนิ การนำเสนอขอ้ มลู เกีย่ วกบั การยกตวั อยา่ งทเ่ี กย่ี วข้องกับความเรว็ สัมพทั ธ์ 3. ครสู งั เกตการตอบคำถามของนกั เรยี น 4. ครูตรวจใบงานท่ี 2.8 เรอื่ ง ความเร็วสมั พัทธ์ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 139 7. การวัดและประเมินผล วธิ ีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน - ตรวจใบงานท่ี 2.8 - ใบงานท่ี 2.8 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รายการวัด 7.1 การประเมนิ ระหว่าง การจดั กิจกรรม 1) ความเรว็ สมั พทั ธ์ 2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน ผลงาน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 5) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ คุณลกั ษณะ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ ประเมินตามสภาพจรงิ 6) แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการ ตรวจแบบทดสอบหลงั แบบทดสอบหลังเรยี น เรียนรทู้ ่ี 2 การ เรียน เคล่อื นทแี่ นวตรง 8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น รายวิชาเพม่ิ เตมิ ฟสิ ิกส์ ม.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การเคลอ่ื นทีใ่ นแนวตรง 2) ใบงานท่ี 2.8 เร่อื ง ความเรว็ สัมพัทธ์ 3) PowerPoint เรอ่ื ง ความเรว็ สมั พัทธ์ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ เช่น กรอบอา้ งอิง และสภาพสัมพทั ธ์ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=zrrkvblNN0M สบื ค้นวันท่ี 20 มกราคม 2561 จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 140 9. การบูรณาการตามจุดเน้นของโรงเรยี น : ความหลากหลายทางชวี ภาพ หลักปรัชญา ครู ผู้เรยี น ของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดีดา้ นจติ ใจ 2. ความมเี หตุผล รู้จักใช้เทคโนโลยีมาผลิตส่อื ท่ี มีจิตสำนกึ ทด่ี ี จิตสาธารณะร่วม 3. มภี มู ิคมุ กนั ในตวั ทดี่ ี เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนื้อหาเปน็ อนรุ ักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและ 4. เง่อื นไขความรู้ ประโยชนต์ ่อผู้เรียนและพฒั นาจากภูมิ สง่ิ แวดลอ้ ม ปญั ญาของผู้เรียน - ยดึ ถอื การประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยดุ นงิ่ ท่ีหาหนทางในชวี ิต หลุดพน้ ถกู ต้อง สจุ ริต จากความทุกขย์ าก (การค้นหาคำตอบ เพือ่ ให้หลุดพ้นจากความไม่รู้) ภูมิปญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั รับผิดชอบ ระมดั ระวัง สร้างสรรค์ ความรอบรู้ เรอื่ ง ความเร็วสัมพัทธ์ ความรอบรู้ เรื่อง ความเร็ว ท่เี กีย่ วขอ้ งรอบดา้ น นำความรู้มา สมั พัทธ์ สามารถนำความร้เู หลา่ นัน้ มา เชอื่ มโยงประกอบการวางแผน การ พิจารณาให้เกดิ ความเช่อื มโยง ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนร้ใู ห้กบั สามารถประยุกต์ ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ผ้เู รยี น ได้ 5. เงือ่ นไขคุณธรรม มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มี มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มคี วาม ซือ่ สตั ย์สุจรติ และมีความอดทน มี ความซื่อสัตยส์ ุจริตและมคี วามอดทน ความเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการดำเนิน ชวี ิต มีความเพียร ใช้สตปิ ญั ญาในการ ผเู้ รียน ดำเนนิ ชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทางชวี ภาพ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ครู ในโรงเรยี น (ตามจุดท่ไี ดร้ บั มอบหมาย) ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้เรยี น ความหลากหลายทางชีวภาพ - ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทาง - สืบคน้ ขอ้ มลู การอนุรักษ์ความ หลากหลายทางชวี ภาพ (ตามหัวข้อที่ ชีวภาพในโรงเรยี น (กำหนดจดุ ให้ ได้มอบหมาย) ผเู้ รียนสำรวจ) สงิ่ แวดล้อม ครู ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - การอนรุ ักษ์ความหลากหลาย - การอนรุ ักษ์ความหลากหลายทาง ทางชีวภาพ ชีวภาพ (กำหนดหวั ขอ้ ให้ผ้เู รียน สืบคน้ ) จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 141 10. ความเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 10.1 หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………. (นางสาวณัฐธนัญา บุญถึง) ………./……………./…………. 10.2 รองผ้อู ำนวยการฝ่ายบรหิ ารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ………./……………./…………. 10.3 ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายอดิศร แดงเรือน) ………./……………./…………. จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 142 11. บันทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแก้ไข ลงชอ่ื .........................................................ผู้สอน (นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา) ตำแหน่ง ครู จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 143 ใบงานที่ 2.8 เรอ่ื ง ความเร็วสมั พทั ธ์ คำชี้แจง : ให้นักเรยี นแสดงวธิ ที ำและหาคำตอบจากคำถามต่อไปน้ี 1. เรือลำหนึ่งหันหวั เรอื ไปทางทิศเหนอื เพื่อข้ามแมน่ ำ้ ไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบกับน้ำ กระแสน้ำไหลไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 5 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง เทยี บกับพน้ื ดนิ จงหาความเร็วของเรอื เมอื่ เทียบกับ ผู้สงั เกตท่อี ยทู่ ีฝ่ งั่ ด้านตรงข้าม และทศิ ทางเมือ่ เทียบกับพ้ืนดิน จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 144 ใบงานท่ี 2.8 เรื่อง ความเร็วสมั พัทธ์ คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นแสดงวธิ ีทำและหาคำตอบจากคำถามต่อไปน้ี 2. วตั ถุ A มคี วามเร็ว 4 เมตรตอ่ วินาที วัตถุ B มคี วามเร็ว 3 เมตรตอ่ วนิ าที เคลื่อนที่ในแนวเสน้ ตรง จงหาความเรว็ สัมพัทธ์ ของวัตถุ A เทียบกบั B เมือ่ วตั ถุ A เคลอื่ นไปทางทิศตะวนั ออก ส่วน B เคลอ่ื นไปทางทิศตะวนั ตก และ วัตถุ A เคลอ่ื นไปทางทิศตะวันออก สว่ น B เคลอ่ื นไปทางทิศเหนือ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 145 ใบงานท่ี 2.8 เฉลย เรอ่ื ง ความเรว็ สัมพทั ธ์ คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนแสดงวธิ ที ำและหาคำตอบจากคำถามต่อไปนี้ 1. เรือลำหนึ่งหันหัวเรือไปทางทิศเหนอื เพื่อข้ามแมน่ ้ำไปยงั ฝั่งตรงข้ามด้วยความเรว็ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบกับน้ำ กระแสนำ้ ไหลไปทางทิศตะวันออกด้วยความเรว็ 5 กโิ ลเมตรต่อช่วั โมง เทยี บกับพื้นดิน จงหาความเร็วของเรือเม่ือเทียบกับ ผู้สังเกตที่อยู่ท่ฝี ั่งด้านตรงข้าม และทศิ ทางเมอ่ื เทียบกับพนื้ ดิน วธิ ีทำ กำหนดให้ v⃑ br คือ ความเรว็ ของเรือเทยี บกบั นำ้ v⃑ bE คอื ความเรว็ ของเรือเทียบกบั พื้นดิน และ ⃑vrE คือ ความเรว็ ของกระแสนำ้ เทียบกบั พื้นดิน จะได้ ⃑vbr = ⃑vbE − v⃑ rE ความเร็วของเรือเทยี บกับผ้สู ังเกตทีอ่ ยบู่ นฝั่งตรงขา้ ม จะได้ ⃑vbE = v⃑ br + v⃑ rE ขนาดของความเร็ว คือ vbE = √(vb2r) + (vr2E) = √(52) + (102) = 11.2 km/h ทศิ ทางหาได้จาก θ = tan−1 (vbr) = tan−1 ( 5 ) = 26.6° vrE 10 ดังนัน้ เรือจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วขนาด 11.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทิศทำมุม 26.6 องศา ตะวันออกเฉยี งเหนอื เมอื่ เทยี บกับพื้นดิน จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 146 ใบงานที่ 2.8 เฉลย เรื่อง ความเรว็ สัมพทั ธ์ คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนแสดงวิธที ำและหาคำตอบจากคำถามตอ่ ไปนี้ 2. วตั ถุ A มคี วามเรว็ 4 เมตรตอ่ วินาที วตั ถุ B มีความเรว็ 3 เมตรต่อวนิ าที เคล่ือนท่ีในแนวเส้นตรง จงหาความเร็วสัมพัทธ์ ของวัตถุ A เทยี บกบั B เม่อื วตั ถุ A เคลอ่ื นไปทางทิศตะวันออก ส่วน B เคลอื่ นไปทางทิศตะวนั ตก และ วตั ถุ A เคลอ่ื นไปทางทิศตะวันออก สว่ น B เคลอ่ื นไปทางทิศเหนอื วิธีทำ วัตถุ A เคลอ่ื นไปทางทิศตะวนั ออก ส่วน B เคลือ่ นไปทางทิศตะวันตก (วตั ถุเคลื่อนท่ีสวนทางกัน) จากสมการ ⃑vAB = ⃑vA + v⃑ B =4+3 ⃑vAB = 7 m/s ดงั นั้น ความเร็วสัมพัทธข์ องวัตถุ AเทียบกับBเท่ากับ 7เมตรต่อวินาที เมื่อวัตถุ Aเคลื่อนไปทางทศิ ตะวันออกBเคลื่อนไป ทางทิศตะวันตก วัตถุ A เคลอ่ื นไปทางทศิ ตะวนั ออก ส่วน B เคลอ่ื นไปทางทิศเหนอื (วตั ถุทำมมุ ตอ่ กัน) จากสมการ ⃑vAB = √v⃑ A2 + ⃑vB2 − 2v⃑ A⃑vBcosθ = √42 + 32 − 2(4)(3) cos 90° = √16 + 9 − 2(4)(3)(0) v⃑ AB = √25 = 5 ดังนนั้ ความเร็วสัมพัทธ์ของวัตถุ AเทียบกับBเท่ากับ 5เมตรต่อวินาที เมื่อวัตถุ Aเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกBเคลื่อนไป ทางทศิ เหนอื จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 147 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 แรงและกฎการเคลื่อนที่ เวลา 28 ชัว่ โมง 1. ผลการเรยี นรู้ เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่ือนที่แนวตรง แรงและกฎการเคลอ่ื นที่ ของนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โม เมนตมั และกฎการอนุรักษโ์ มเมนตัม การเคลอื่ นทแ่ี นวโคง้ รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ 4) ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงทที่ ำมุมต่อกนั ได้ 5) เขยี นแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวตั ถุอสิ ระ ทดลองและอธบิ ายกฎการเคลอื่ นที่ของนวิ ตันและการ ใชก้ ฎการเคลอื่ นทขี่ องนิวตนั กับสภาพการเคล่อื นท่ขี องวตั ถุ รวมทง้ั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องได้ 6) อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณ ปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้องได้ 7) วิเคราะห์ อธบิ าย และคำนวณแรงเสียดทานระหว่างผวิ สัมผัสของวัตถุค่หู นึง่ ๆ ในกรณที ว่ี ัตถุหยดุ นิ่ง และวัตถุเคลื่อนท่ี รวมท้ังทดลองหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ และนำ ความรู้เรอ่ื งแรงเสยี ดทานไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ 1) แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จงึ มีทัง้ ขนาดและทิศทางกรณที มี่ ีแรงหลาย ๆ แรงกระทำตอ่ วัตถุสามารถหาแรง ลพั ธท์ ี่กระทำต่อวัตถุโดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ของแรงแบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูปส่ีเหลี่ยมด้านขนานของ แรงและวิธคี ำนวณ 2) สมบัติของวัตถุทตี่ ้านการเปล่ียนสภาพการเคล่ือนท่ี เรียกว่า ความเฉ่ือย มวลเป็นปรมิ าณท่ีบอกให้ทราบ ว่าวัตถุใดมีความเฉ่ือยมากหรือน้อย 3) การหาแรงลัพธท์ ก่ี ระทำตอ่ วตั ถุสามารถเขียนเปน็ แผนภาพของแรงท่ีกระทำตอ่ วตั ถอุ ิสระได้ 4) กรณีทีไ่ มม่ ีแรงภายนอกมากระทำ วัตถุจะไม่เปลี่ยนสภาพการเคล่ือนทีซ่ ึ่งเป็นไปตามกฎการเคลือ่ นท่ีข้อ ทีห่ น่งึ ของนิวตนั 5) กรณีที่มีแรงภายนอกมากระทำโดยแรงลัพธ์ทก่ี ระทำตอ่ วตั ถุ ไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะมีความเรง่ โดยความเร่ง มที ศิ ทางเดียวกับแรงลัพธ์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงลัพธ์ มวลและความเรง่ เขยี นแทนได้ดว้ ยสมการ n ∑ F⃑ i = ma⃑ i=0 6) เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทำต่อกัน แรงระหว่างวัตถุทั้งสองจะมีขนาดเท่ากัน แต่มีทิศทางตรงข้าม และกระทำต่อวัตถุคนละก้อน เรียกวา่ แรงคู่กริ ิยา-ปฏิกิริยา ซ่ึงเป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ีขอ้ ท่สี ามของ นิวตัน และเกิดขน้ึ ไดท้ ัง้ กรณีทีว่ ตั ถุท้ังสองสมั ผสั กนั หรือไม่สมั ผสั กนั กไ็ ด้ 7) แรงดึงดูดระหวา่ งมวลเปน็ แรงทีม่ วลสองก้อนดึงดูดซ่ึงกันและกันด้วยแรงขนาดเท่ากันแต่ทศิ ทางตรงข้าม และเปน็ ไปตามกฎความโนม้ ถว่ งสากล เขยี นแทนได้ดว้ ยสมการ m1m2 FG = G R2 จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 148 8) รอบโลกมีสนามโน้มถ่วงทำให้เกิดแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงดึงดูดของโลกท่ีกระทำต่อวัตถุ ทำให้วัตถุมี น้ำหนัก 9) แรงท่ีเกดิ ขน้ึ ที่ผวิ สมั ผสั ระหว่างวัตถสุ องก้อนในทศิ ทางตรงข้ามกับทศิ ทาง การเคลอื่ นที่ หรอื แนวโนม้ ทีจ่ ะ เคล่อื นทีข่ องวตั ถุ เรียกว่า แรงเสียดทานแรงเสยี ดทานระหว่างผวิ สัมผัสคหู่ นงึ่ ๆ ขน้ึ กบั สมั ประสทิ ธิค์ วาม เสียดทาน และแรงปฏิกิริยาตั้งฉากระหว่างผิวสัมผัสคู่น้ัน ๆ ขณะออกแรงพยายามแต่วัตถุยังคงอยู่นิ่ง แรงเสียดทานมีขนาดเทา่ กับแรงพยายามท่กี ระทำตอ่ วัตถุนั้น และแรงเสียดทานมีคา่ มากทส่ี ุดเมื่อวตั ถุเริ่ม เคลื่อนท่ี เรียกแรงเสียดทานนี้ว่า แรงเสียดทานสถิต แรงเสียดทานท่ีกระทำต่อวตั ถุขณะกำลังเคล่ือนท่ี เรียกว่า แรงเสียดทานจลน์ โดยแรงเสียดทานท่ีเกิดระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่ึง ๆ คำนวณได้จาก สมการ fs ≤ μsN fk = μkN 10) การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานมผี ลตอ่ การเคล่อื นทข่ี องวตั ถุ ซง่ึ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 2.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ (พิจารณาตามหลักสตู รสถานศกึ ษา) 3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ท่ีต้องบอกท้ังขนาดและทิศทาง ดังน้ันการหาผลของแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุจากการ รวมกันระหว่างแรงย่อย 2 แรงขึ้นไป เราสามารถคำนวณแบบเวกเตอรไ์ ด้ โดยต้องรวมเวกเตอรข์ องแรงย่อยท่มี ีอยใู่ ห้ เป็นปริมาณเดียวกัน เนอ่ื งจากปริมาณเวกเตอร์มีท้ังขนาดและทิศทาง ในการรวมเวกเตอร์ของแรงย่อยแต่ละแรงจึง ต้องวิเคราะหท์ ้งั ขนาดและทิศทางขณะท่ีนำมารวมกันเพอ่ื หาค่าของแรงลัพธ์ กฎข้อที่หน่ึงของนิวตัน หรอื กฎแห่งความเฉือ่ ย กล่าวว่า \"วัตถุทุกชนิดจะเคลอ่ื นท่ีด้วยความเร็วคงที่ นอกจากมี แรงมากระทำต่อวัตถุ\" กฎขอ้ ที่สองของนวิ ตัน กลา่ วว่า \"ความเร่งของของวตั ถจุ ะแปลผันตรงกับแรงสุทธิที่กระทำต่อวตั ถุ และแปรผกผัน กับมวลของวัตถุ\" ทศิ ของความเร่งจะมีทิศเดียวกับแรงสุทธทิ ่ีกระทำบนวัตถุ สามารถเขียนอยู่ในรปู ของสมการทาง คณิตศาสตร์ไดด้ งั นี้ n ∑ F⃑ i = m⃑a i=0 กฎข้อท่ีสามของนิวตัน - กฎของแรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา กล่าวว่า \"เม่ือวัตถุช้ินหนึ่งออกแรง (แรงกิริยา , action) กระทำต่อวัตถุอีกชิ้นหนึ่ง วัตถุอันหลังจะออกแรงด้วยขนาดที่เท่ากันแต่ทิศตรงกันข้าม (แรงปฏิกิริยา - reaction) กับแรงท่ีเกดิ จากวตั ถอุ นั แรก\" กฎแรงดึงดูดระหว่างมวลของนิวตัน วัตถุทั้งหลายในเอกภพจะออกแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน โดยขนาดของแรง ดึงดูดระหว่างวัตถุคู่หน่ึง ๆ จะแปรผันตรงกับผลคูณระหว่างมวลวัตถุทั้งสอง และจะแปรผกผันกับกำลังสองของ ระยะทางระหวา่ งวตั ถุท้งั สองนั้น สามารถเขียนอยใู่ นรูปของสมการทางคณิตศาสตร์ได้ ดังน้ี FG = G m1m2 R2 แรงต้ังฉากหรือแรงปฏิกิริยาต้งั ฉาก (Normal force) คอื แรงท่วี ัตถุ 2 สิง่ ที่กระทำซึ่งกันและกัน จะเกดิ แรงนี้ขึ้น เกือบทกุ ครั้งท่ีวตั ถุสัมผัสกัน (แรงนจ้ี ะไม่เกดิ ในกรณี เช่น ยกกล่องให้ลอยจากพ้ืนพอดี ผิวของกล่องกับพ้ืนสัมผสั กัน แตม่ ันไมม่ ีแรงตอ่ กัน) ซ่งึ แรงนี้มีทิศทางตั้งฉากกับผวิ สมั ผัสเสมอ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 149 แรงเสียดทาน (Friction force) เป็นแรงท่ีต้านการเคล่ือนที่ของวัตถุ เกิดข้ึนระหว่างผวิ สัมผัสของวตั ถุ แรงเสียด ทานมี 2 ชนิด คอื แรงเสียดทานสถิติ (static friction) และแรงเสยี ดทานจลน์ (kinetic friction) 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 3. มุ่งม่ันในการทำงาน 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่อื สาร 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 5) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้ 6) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - แบบบนั ทกึ กิจกรรม เรอ่ื ง การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ - แบบบันทึกกิจกรรม เรือ่ ง แรงกับความเรง่ - แบบบนั ทึกกิจกรรม เรอ่ื ง แรงเสียดทาน - ใบงานท่ี 3.1 เรอื่ ง ระยะทางและการกระจัด - ใบงานที่ 3.2 เรื่อง กฎการเคล่อื นทขี่ องนวิ ตัน - ใบงานท่ี 3.3 เรื่อง กฎแรงดึงดดู ระหว่างมวลของนิวตัน - ใบงานที่ 3.4 เรอ่ื ง แรงต้ังฉากและแรงเสียดทาน - ใบงานท่ี 3.5 เรื่อง กราฟความสมั พันธร์ ะหวา่ งระยะทาง ความเร็ว กับเวลา - ผังมโนทศั น์ เรื่อง กฎการเคลื่อนทขี่ องนิวตัน - ผงั มโนทศั น์ เรอ่ื ง กฏแรงดึงดดู ระหว่างมวลของนิวตัน - ผงั มโนทัศน์ เรื่อง แรงตัง้ ฉากและแรงเสียดทาน 6. การวัดและการประเมินผล รายการวัด วธิ วี ัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน 6.1 การประเมินชิ้นงาน/ - ตรวจผงั มโนทัศน์ เรอ่ื ง แบบประเมินช้นิ งาน/ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) กฎการเคลื่อนที่ของนิว ภาระงาน ตนั - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง กฏแรงดึงดูดระหว่าง มวลของนวิ ตนั - ตรวจผงั มโนทัศน์ เรอื่ ง แรงต้งั ฉากและแรงเสียด ทาน จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 150 รายการวัด วิธีวดั เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจริง 6.2 การประเมินกอ่ นเรยี น ตรวจแบบทดสอบ - ใบงานที่ 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน กอ่ นเรยี น - แบบฝกึ หดั ที่ 1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ใบงานท่ี 3.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 - แบบฝกึ หัดท่ี 2.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ เร่อื ง แรงและกฎการ เคล่อื นที่ 6.3 การประเมินระหวา่ งการ จดั กิจกรรม 1) แรงและแรงลัพธ์ - ตรวจใบงานท่ี 3.1 - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 1.1 2) กฎการเคลือ่ นท่ีของ - ตรวจใบงานท่ี 3.2 นวิ ตนั - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 2.1 3) กฎแรงดงึ ดดู ระหว่าง - ตรวจใบงานที่ 3.3 - ใบงานท่ี 3.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - แบบฝกึ หดั ท่ี 3.1-3.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ มวลของนิวตัน - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 3.1- - ใบงานท่ี 3.4 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3.2 - แบบฝกึ หดั ที่ 6.1-7.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 4) แรงตง้ั ฉากและแรง - ตรวจใบงานที่ 3.4 - ใบงานที่ 3.5 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - แบบฝึกหัดที่ 8.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เสยี ดทาน - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 6.1-7.1 การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 5) การประยุกต์ใช้กฎ - ตรวจใบงานที่ 3.5 การทำงานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 การเคลื่อนทข่ี อง - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ นิวตนั 8.1 แบบทดสอบหลงั เรยี น ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 6) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล 7) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม 8) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมีวินัย อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน 6.4 การประเมนิ หลังเรียน ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน หลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง แรงและกฎการ เคลอื่ นที่ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 151 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ • แผนท่ี 1 : แรงและแรงลัพธ์ วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ชั่วโมง • แผนท่ี 2 : กฎการเคลือ่ นท่ขี องนิวตนั วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 8 ชัว่ โมง • แผนท่ี 3 : กฎแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตนั วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 6 ชว่ั โมง • แผนท่ี 4 : แรงต้งั ฉากและแรงเสยี ดทาน วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 6 ช่วั โมง • แผนท่ี 5 : การประยุกต์ใชก้ ฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 5 ช่วั โมง รวม 28 ชั่วโมง 8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี น รายวิชาเพมิ่ เตมิ ฟสิ กิ ส์ ม.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นท่ี 3 แรงและกฎการเคลื่อนที่ 2) ใบงานที่ 3.1 เรื่อง แรงและแรงลัพธ์ 3) ใบงานที่ 3.2 เรื่อง กฎการเคลื่อนทข่ี องนวิ ตนั 4) ใบงานท่ี 3.3 เรอ่ื ง กฎแรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวลของนิวตนั 5) ใบงานที่ 3.4 เรอื่ ง แรงต้งั ฉากและแรงเสียดทาน 6) ใบงานท่ี 3.5 เรื่อง การประยุกต์ใช้กฎการเคลื่อนทขี่ องนวิ ตนั 10) แบบฝกึ หัด หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 แรงและกฎการเคลอื่ นที่ 11) PowerPoint เรือ่ ง แรงและกฎการเคล่อื นท่ี 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) หอ้ งสมดุ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 152 แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดเป็นหน่วยคา่ คงตวั โน้มถ่วงสากล 6. ขอ้ ใดกลา่ วเกยี่ วกบั แรงไดถ้ กู ตอ้ งทสี่ ุด 1. m/s2 2. km/s2 1. เป็นปรมิ าณเวกเตอร์ เพราะมแี ตข่ นาด 3. N/m2kg2 4. m3s2/kg 2. เป็นปรมิ าณเวกเตอร์ เพราะมขี นาดและทศิ ทาง 5. m2/kg2 3. เป็นปรมิ าณสเกลาร์ เพราะมแี ต่ขนาด 2. กฎขอ้ ที่ 3 ของนวิ ตนั พดู ถงึ แรงค่กู ริ ยิ าและปฏกิ ริ ยิ า 4. เป็นปรมิ าณสเกลาร์ เพราะมแี ต่ทศิ ทาง ขอ้ ใดกล่าวถงึ แรงคู่น้ีไมถ่ กู ต้อง 5. เป็นปรมิ าณสเกลาร์ เพราะมขี นาดและทศิ ทาง 1. แรงคูน่ ้เี กดิ ทเี่ วลาเดยี วกนั 7. ในระบบเอสไอแรงมหี น่วยเป็นอะไร 2. แรงค่นู ้มี ขี นาดเทา่ กนั 1. กโิ ลกรมั 2. นวิ ตนั 3. แรงคู่น้จี ะต้องกระทบบนวตั ถคุ นละกอ้ น 3. กรมั 4. ตนั 4. แรงคนู่ ้จี ะตอ้ งมที ศิ ตรงกนั ขา้ มเสมอ 5. เมตร 5. แรงคนู่ ้มี ขี นาดเท่ากนั และมที ิศตรงกนั ขา้ ม 8. ในขณะที่ดึงมวลข้นึ ในแนวดิ่ง สามารถหาค่าแรงดึงเชือก ดงั นนั้ วตั ถุจงึ อย่ใู นสภาพสมดุล ได้จากสมการใด 3. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีไมถ่ ูกต้อง 1. ∑ F⃑ = 0 2. ∑ F⃑ = 1 1. แรงเสยี ดทานเป็นปรมิ าณเวกตอร์ 3. ∑ F⃑ = mg⃑ 4. ∑ ⃑F = ma⃑ 2. แรงเสยี ดทานมที ศิ ทางเดยี วกบั การเคล่อื นที่ 5. ∑ ⃑F = − ∑ ⃑F เสมอ 9. แรงลัพธ์ที่กระทาให้วัตถุเคลื่อนที่นัน้ จะมีขนาดของแรง 3. รถยนตม์ กั ล่นื ไถลบนถนนทม่ี นี ้ามนั หกรดถนน มากหรือน้อยข้นึ อยู่กับส่ิงใด 4. แรงเสยี ดทานเกดิ ขน้ึ เมอ่ื วตั ถุ 2 ชน้ิ สมั ผสั กนั 1. มวลของวตั ถุกบั ความเรง่ ของวตั ถุ 5. พน้ื ถนนเปียกมแี รงเสยี ดทานนอ้ ยกว่าพน้ื ถนน 2. น้าหนักของวตั ถกุ บั ความเรว็ ของวตั ถุ แหง้ 3. ปรมิ าตรของวตั ถุ 4. ขอ้ ใดไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั แรงเสยี ดทานระหวา่ งลอ้ กบั 4. ความหนาแน่นของวตั ถุกบั ความเรว็ ของวตั ถุ ถนน 5. มวลของวตั ถุกบั ความเรว็ ของวตั ถุ 1. พน้ื ทห่ี น้ายาง 2. น้าหนกั ของรถ 10. ต้นยนื อยู่บนตาชงั่ ในลฟิ ต์ทกี่ าลงั เคลอ่ื นทล่ี ง น้าหนักของต้น 3. ลกั ษณะพน้ื ผวิ ถนน 4. ลกั ษณะของดอกยาง มคี า่ เทา่ กบั เท่าใด 5. ไมม่ ขี อ้ ถูก 1. N⃑⃑ − m⃑g = 0 2. N⃑⃑ − m⃑g = ma⃑ 5. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ใี หค้ วามหมายของแรงไดถ้ ูกต้องทส่ี ุด 3. mg − ⃑N = ma 4. N⃑⃑ = mg⃑ 1. สภาพการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ 5. ⃑N⃑ = −mg⃑ 2. ปรมิ าณทมี่ แี ต่ขนาด 3. ปรมิ าณทท่ี าใหว้ ตั ถุรกั ษาสภาพการเคลอ่ื นท่ี 4. ปรมิ าณเวกเตอรท์ จ่ี ะเปลย่ี นสภาพ 5. ขอ้ 2. และ 4. ถกู เฉลย 1. 1 2. 5 3. 2 4. 1 5. 4 6. 2 7. 2 8. 1 9. 1 10. 3 จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 153 แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ในระบบเอสไอแรงมหี น่วยเป็นอะไร 6. ขอ้ ใดกล่าวเกยี่ วกบั แรงไดถ้ ูกตอ้ งทส่ี ุด 1. กโิ ลกรมั 2. นิวตนั 1. เป็นปรมิ าณเวกเตอร์ เพราะมแี ตข่ นาด 3. กรมั 4. ตนั 2. เป็นปรมิ าณเวกเตอร์ เพราะมขี นาดและทศิ ทาง 5. เมตร 3. เป็นปรมิ าณสเกลาร์ เพราะมแี ตข่ นาด 2. กฎขอ้ ที่ 3 ของนวิ ตนั พดู ถงึ แรงคูก่ ริ ยิ าและปฏกิ ริ ยิ า 4. เป็นปรมิ าณสเกลาร์ เพราะมแี ต่ทศิ ทาง ขอ้ ใดกลา่ วถงึ แรงคนู่ ้ีไมถ่ ูกต้อง 5. เป็นปรมิ าณสเกลาร์ เพราะมขี นาดและทศิ ทาง 1. แรงคูน่ ้เี กดิ ทเ่ี วลาเดยี วกนั 7. ขอ้ ใดเป็นหน่วยคา่ คงตวั โนม้ ถว่ งสากล 2. แรงคูน่ ้มี ขี นาดเท่ากนั 1. m/s2 2. km/s2 3. แรงค่นู ้จี ะต้องกระทบบนวตั ถคุ นละกอ้ น 3. N/m2kg2 4. m3s2/kg 4. แรงคูน่ ้จี ะต้องมที ศิ ตรงกนั ขา้ มเสมอ 5. m2/kg2 5. แรงค่นู ้มี ขี นาดเท่ากนั และมที ศิ ตรงกนั ขา้ ม 8. ตน้ ยนื อยูบ่ นตาชงั่ ในลฟิ ต์ทกี่ าลงั เคลอ่ื นทล่ี ง น้าหนักของต้น ดงั นนั้ วตั ถจุ งึ อยใู่ นสภาพสมดลุ มคี ่าเท่ากบั เท่าใด 3. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีไมถ่ ูกต้อง 1. ⃑N⃑ − mg⃑ = 0 2. N⃑⃑ − mg⃑ = m⃑a 1. แรงเสยี ดทานเป็นปรมิ าณเวกตอร์ 3. mg − N⃑ = ma 4. N⃑⃑ = m⃑g 2. แรงเสยี ดทานมที ศิ ทางเดยี วกบั การเคลอ่ื นที่ 5. ⃑N⃑ = −mg⃑ เสมอ 9. แรงลัพธ์ที่กระทาให้วัตถุเคลื่อนที่นัน้ จะมขี นาดของแรง 3. รถยนต์มกั ลน่ื ไถลบนถนนทม่ี นี ้ามนั หกรดถนน มากหรอื น้อยข้นึ อยู่กบั ส่ิงใด 4. แรงเสยี ดทานเกดิ ขน้ึ เม่อื วตั ถุ 2 ชน้ิ สมั ผสั กนั 1. มวลของวตั ถกุ บั ความเรง่ ของวตั ถุ 5. พน้ื ถนนเปียกมแี รงเสยี ดทานนอ้ ยกว่าพน้ื ถนน 2. น้าหนักของวตั ถกุ บั ความเรว็ ของวตั ถุ แหง้ 3. ปรมิ าตรของวตั ถุ 4. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั แรงเสยี ดทานระหวา่ งลอ้ กบั 4. ความหนาแน่นของวตั ถุกบั ความเรว็ ของวตั ถุ ถนน 5. มวลของวตั ถกุ บั ความเรว็ ของวตั ถุ 1. พน้ื ทห่ี นา้ ยาง 2. น้าหนักของรถ 10. ในขณะที่ดึงมวลข้นึ ในแนวดิ่ง สามารถหาค่าแรงดึงเชอื ก 3. ลกั ษณะพน้ื ผวิ ถนน 4. ลกั ษณะของดอกยาง ได้จากสมการใด 5. ไม่มขี อ้ ถูก 1. ∑ ⃑F = 0 2. ∑ ⃑F = 1 5. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ใี หค้ วามหมายของแรงไดถ้ ูกต้องทส่ี ุด 3. ∑ ⃑F = m⃑g 4. ∑ F⃑ = ma⃑ 1. สภาพการเคล่อื นทข่ี องวตั ถุ 5. ∑ F⃑ = − ∑ F⃑ 2. ปรมิ าณทม่ี แี ต่ขนาด 3. ปรมิ าณทท่ี าใหว้ ตั ถุรกั ษาสภาพการเคลอ่ื นท่ี 4. ปรมิ าณเวกเตอรท์ จ่ี ะเปลยี่ นสภาพ 5. ขอ้ 2. และ 4. ถูก เฉลย 1. 2 2. 5 3. 2 4. 1 5. 4 6. 2 7. 1 8. 3 9. 1 10. 1 จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 154 แบบประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ แบบประเมนิ ผลงานผงั มโนทัศน์ คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงาน/ช้ินงานของนักเรยี นตามรายการท่กี ำหนด แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ 2 ความถกู ต้องของเนือ้ หา 3 ความคดิ สร้างสรรค์ 4 ความตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............../................./................ จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 155 เกณฑป์ ระเมินผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ีประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผ ล งานไม่ส อดค ล้อ ง จดุ ประสงคท์ ่ีกำหนด จุดประสงค์ทกุ ประเดน็ จดุ ประสงคเ์ ปน็ ส่วนใหญ่ จดุ ประสงค์บางประเด็น กับจดุ ประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม เน้ือหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ ถกู ต้องครบถ้วน ถกู ต้องเปน็ สว่ นใหญ่ ถูกต้องเปน็ บางประเด็น ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคิด ผ ล งานแส ดงออกถึง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคิด สรา้ งสรรค์ ค วามคิด ส ร้างส รรค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ แ ป ล ก ให ม่ แ ล ะ เป็ น ใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความเปน็ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่ไม่เป็น ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง เป็ น ระเบี ยบ แต่ ยังมี ระเบยี บแตม่ ีข้อบกพร่อง ร ะ เบี ย บ แ ล ะ มี ข้ อ ความประณีต ข้อบกพรอ่ งเล็กน้อย บางสว่ น บกพรอ่ งมาก เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–16 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 156 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 157 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเหน็ 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู นื่ 3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมนี ้ำใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ............/.................../................ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 158 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี รวม ของนกั เรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอน่ื ตามท่ไี ด้รับ สว่ นรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมิน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............./.................../............... ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรุง จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 159 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ ก่ียวกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ต์ ามทีโ่ รงเรียนจดั ขึน้ 2. ซือ่ สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้องและเป็นจริง 2.2 ปฏิบัตใิ นสงิ่ ทถ่ี กู ตอ้ ง 3. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รูจ้ กั ใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชอ่ื ฟงั คำส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้ 4.4 ต้งั ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สนิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 6. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ 7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน 8.2 รูจ้ กั การดแู ลรักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสงิ่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียนและโรงเรยี น ลงช่ือ .................................................. ผปู้ ระเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 51–60 ดมี าก พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 41–50 ดี พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ิบางครั้ง ให้ 1 คะแนน 30–40 พอใช้ ต่ำกวา่ 30 ปรับปรุง จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 160 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1/2564 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 1 (ว31201) หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 แรงและกฎการเคลอ่ื นท่ี เรื่อง แรงและแรงลัพธ์ จำนวนเวลาทีส่ อน 3 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (ความเขา้ ใจท่คี งทน) แรง (force) หมายถึง สิ่งที่สามารถทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่หรือทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่มีความเร็ว เพ่มิ ขนึ้ หรอื ชา้ ลง หรือเปล่ยี นทิศทางการเคล่ือนทข่ี องวัตถไุ ด้ แรงเป็นปรมิ าณเวกเตอร์ท่ีต้องบอกทัง้ ขนาดและทิศทาง ดังนั้นการหาผลของแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุจาก การรวมกันระหวา่ งแรงยอ่ ย 2 แรงขนึ้ ไป เราสามารถคำนวณแบบเวกเตอรไ์ ด้ โดยตอ้ งรวมเวกเตอรข์ องแรงยอ่ ยที่ มีอยู่ให้เปน็ ปริมาณเดียวกนั เน่ืองจากปรมิ าณเวกเตอร์มที ง้ั ขนาดและทิศทาง ในการรวมเวกเตอร์ของแรงย่อยแต่ ละแรงจึงตอ้ งวเิ คราะห์ท้งั ขนาดและทศิ ทางขณะที่นำมารวมกันเพอ่ื หาคา่ ของแรงลพั ธ์ 2. ผลการเรยี นรู้ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธข์ องแรงสองแรงที่ทำมุมตอ่ กันได้ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1) อธบิ ายความหมายของแรงและแรงลพั ธ์ได้ 3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (Skill/Process) 2) สามารถเขยี นเวกเตอร์แทนแรงและหาแรงลัพธ์โดยการสร้างรูปได้ 3) มีทักษะการคำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วข้องกบั การเคล่ือนท่ีได้ 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 4) เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมเี จตคติต่อวชิ าฟิสิกส์ ในดา้ นคุณภาพการสอน ดา้ นเน้อื หา ด้านกจิ กรรมการเรยี นรู้ และ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 เน้อื หาสาระหลัก : Knowledge (ผู้เรยี นตอ้ งรูอ้ ะไร) - แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีทั้งขนาดและทิศทาง กรณีที่มีแรงหลาย ๆ แรงกระทำต่อวัตถุ สามารถหาแรงลพั ธท์ ี่กระทำต่อวัตถุ โดยใชว้ ธิ เี ขียนเวกเตอรข์ องแรงแบบหางตอ่ หัว วธิ ีสรา้ งรปู ส่ีเหล่ียมด้าน ขนานของแรงและวธิ คี ำนวณ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผู้เรยี นสามารถปฏบิ ัติอะไรได)้ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ทักษะการสังเกต - ทกั ษะการส่อื สาร จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 161 - ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน - ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้ 4.3 คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ : Attitude (ผู้เรยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบ้าง) - มีวนิ ยั - ใฝเ่ รยี นรู้ - ม่งุ มน่ั ในการทำงาน - มคี วามซอ่ื สตั ย์ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 2) ทักษะการสังเกต 4. มคี วามซือ่ สัตย์ 3) ทกั ษะการส่ือสาร 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 5) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 30 นาที เพื่อ นำไปสูก่ ารศกึ ษาในเร่ือง แรงและกฎการเคล่อื นท่ี 2. ครูขออาสาสมคั ร 1 คนออกมายนื หน้าห้องเรยี น และให้ออกแรงผลกั โตะ๊ และประตู แล้วให้นกั เรียนสงั เกต พรอ้ มถามคำถามกระตุ้นความสนใจ - นกั เรียนสงั เกตเหน็ อะไร (โตะ๊ เคล่อื นที่ ประตูเปดิ ออก) - นักเรียนคดิ วา่ การที่เพอื่ นผลักโต๊ะและประตู ทำใหโ้ ต๊ะและประตเู คลอื่ นท่ีไดเ้ พราะเหตุใด (เพราะเพื่อน ออกแรงในการผลัก) - นกั เรยี นคิดว่าความหมายของ แรง คอื อะไร (แรง คือ สิ่งท่ีสามารถทำให้วัตถทุ ่อี ย่นู ิง่ เคล่อื นทห่ี รือทำให้ วัตถทุ ีก่ ำลงั เคล่ือนที่มคี วามเร็วเพิม่ ขน้ึ หรอื ชา้ ลง หรอื เปลีย่ นทศิ ทางการเคลอื่ นทข่ี องวัตถไุ ด้) 3. ครใู หน้ กั เรียนดภู าพหนา้ หนว่ ย จากนนั้ ร่วมกนั สนทนากับนักเรียนถึงเร่อื ง การเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุ เก่ียวข้อง กบั สง่ิ ใด โดยใช้คำถามเพือ่ เชอื่ มโยงให้นกั เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ในประเดน็ ต่อไปนี้ • การทีว่ ตั ถจุ ะเคลือ่ นที่หรอื ไมเ่ คล่ือนที่ แรงต้องมสี ว่ นเกี่ยวข้องทกุ ครงั้ หรอื ไม่ อย่างไร จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 162 • ครูถามคำถาม Big Question วา่ “ถ้านกั เรยี นออกแรงกระทำตอ่ วตั ถุ เพ่ือให้วัตถเุ คลอ่ื นที่ แต่วัตถุ นั้นกลับไมเ่ คลือ่ นที่ เพราะเหตใุ ดจึงเป็นเชน่ นน้ั ” (แนวตอบ : การออกแรงกระทำต่อวัตถุอาจทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ หรือวัตถุอาจไม่เคลื่อนท่ี เนื่องจากมีแรงย่อยอื่นมาร่วมกระทำ ทำให้เกิดการหักล้างของแรงในปริมาณเวกเตอร์ ดังนั้นวัตถุที่จะ เคลอ่ื นทีไ่ ด้หรอื ไมไ่ ด้ ข้นึ อยกู่ ับแรงลพั ธ์ท่มี ากระทำตอ่ วตั ถุ) 4. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายคำตอบของนักเรยี นเพอ่ื เชือ่ มโยงไปสู่การจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แรง และแรง ลัพธ์ 5. ครูถามคำถาม Prior knowledge จากหนังสือเรียน หน้า 87 ว่า เมื่อนักเรียนเข็นรถแล้วรถนั้นเคลื่อนที่ ทราบหรือไม่ว่า สิง่ ใดทีท่ ำให้รถเคลือ่ นท่ี (แนวตอบ : สง่ิ ใดท่ีทำให้รถเคลือ่ นท่ี คอื แรง) 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับ เรื่อง การที่วัตถุจะเคลื่อนที่หรือไม่เคลื่อนที่ แรงต้องมีส่วน เก่ยี วข้องทุกครง้ั หรอื ไม่ อยา่ งไร 7. ครูถามนักเรียนเพื่อสร้างความสนใจว่า การทว่ี ัตถจุ ะเคล่ือนทหี่ รอื ไม่เคลอื่ นท่ี แรงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องทุก ครงั้ หรอื ไม่ และการหาแรงลัพธ์หาไดก้ ่ีวธิ ี อะไรบา้ ง อย่างไร” (ทิง้ ชว่ งใหน้ ักเรียนคิด) 8. นักเรียนร่วมกันอภปิ รายในแต่ละกลุ่ม ครูอาจเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น โดยยังไม่เน้น ถูกผดิ 9. ตวั แทนนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอความเหน็ ของกลมุ่ 10. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกีย่ วกับ การทว่ี ัตถุจะเคล่อื นที่หรือไม่เคล่ือนท่ี แรงต้องมีส่วนเก่ียวข้อง ทกุ ครงั้ หรอื ไม่ และการหาแรงลัพธ์หาไดก้ ่ีวธิ ี อะไรบ้าง อย่างไร จากแนวคำตอบของนกั เรยี น โดยครูยังไม่ เน้นคำตอบที่ถูกตอ้ ง 11. ครแู จ้งจดุ ประสงค์ในการเรียนหวั ข้อนี้ใหน้ ักเรียนทราบ โดยบอกนักเรยี นว่า วนั นนี้ กั เรียนต้องสรุปให้ได้ วา่ แรงคืออะไร แรงลัพธ์คืออะไร และเราสามารถการหาแรงลพั ธ์ได้อยา่ งไร ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับแรงและแรงลัพธ์ จากหนังสือเรียน เพื่อเป็นการทำความเข้าใจ เน้ือหาดว้ ยตนเองในเบ้อื งตน้ 2. ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ ถา้ มแี รงหลาย ๆ แรง มากระทำตอ่ วตั ถเุ ดยี วกนั ในเวลาเดยี วกนั เสมอื นกับว่า มีแรงเพียงแรงเดียวมากระทำต่อวัตถุนั้น เรียกแรงเสมือนแรงเดียวนี้ว่า แรงลัพธ์ และอธิบายเพิ่มเติมว่า แรงลพั ธ์ คอื ผลรวมของแรงหลาย ๆ แรงท่กี ระทำต่อวตั ถนุ นั้ 3. ครถู ามนักเรียนว่า นักเรียนสามารถหาแรงลัพธ์ได้อยา่ งไร โดยถามวิธกี ารหาแรงลัพธ์ 4. ครนู ำอภปิ รายเรอ่ื งวิธกี ารหาแรงลพั ธ์ โดยอธิบายว่าวิธีการหาแรงลัพธน์ นั้ มี 2 วิธี คอื วธิ กี ารสร้างรูป และ วิธกี ารคำนวณ 5. ครสู าธิตวิธีการหาแรงลัพธ์จากวิธีแรก คือ วธิ ีการสรา้ งรูป จากตวั อยา่ งที่ 3.1 และวิธที ่ี 2 วิธกี ารคำนวณ จากตวั อยา่ งที่ 3.2 และ 3.3 ในหนังสอื เรยี น หน้า 89-92 6. จากนน้ั ครูถามคำถาม H.O.T.S วา่ การหาแรงลพั ธ์ โดยการคำนวณจะตอ้ งนำหลกั การใดทางคณิตศาสตร์ มาใช้ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 163 (แนวตอบ : ทฤษฎีของพีธากอรสั ทฤษฎสี ่ีเหล่ียมดา้ นขนาน กฎของไซน์ และกฎของโคไซน์) 7. ครูอธิบายการหาแรงลัพธ์ในกรณมี ี 2 แรงทำมมุ ใด ๆ ต่อกนั โดยจะใชค้ วามสัมพนั ธ์ทางคณิตศาสตร์ใน หนงั สอื เรียน หนา้ 93 และสาธิตวิธีการหาแรงลัพธ์จากตัวอยา่ งที่ 3.4 8. ครูอธบิ ายเพิม่ เติมว่า ถ้ามีแรงหลาย ๆ แรงมากระทำกบั วัตถุ การหาแรงลัพธ์ สามารถหาได้โดยวิธกี ารแตก แรงหรือแยกแรง ซง่ึ การแตกแรงหรอื แยกแรง คอื การแยกแรง 1 แรง ออกเป็นแรงองค์ประกอบ 2 แรง ซ่งึ ตั้งฉากอยตู่ ามแนวแกน x และแกน y ดงั ภาพประกอบในหนังสอื เรยี น หน้า 95 จากน้ันครูและนกั เรยี น ศึกษาการหาแรงลัพธ์ โดยวิธกี ารแตกแรงหรือแยกแรงรว่ มกนั จากตัวอย่างที่ 3.5 ในหนงั สือเรยี น หน้า 97 ชว่ั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนบทเรียนท่เี รียนมาแล้ว ดว้ ยการซกั ถามและอธิบาย ตอบขอ้ สงสยั ของนกั เรียน แล้วให้นักเรยี น แบ่งกล่มุ ซึ่งครูอาจใช้เทคนคิ การแบง่ กลุ่มผลสัมฤทธ์ิ (STAD) คอื การจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ม่ี ีสมาชิก กลุม่ 4–5 คน มรี ะดบั สติปัญญาแตกต่างกนั คือ เก่ง 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: ออ่ น 1 คน พร้อมทั้ง เลอื กประธานกลุ่ม รองประธานกลมุ่ เลขานุการกลุ่ม และสมาชกิ กล่มุ โดยสับเปลี่ยนหน้าทีใ่ นการทำ กิจกรรมกลุ่ม (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตการณ์ทำงานกลุ่ม) 2. ครูชแี้ จงจุดประสงคก์ ารทดลองให้นกั เรยี นทราบ ดังนี้ - หาขนาดและทศิ ทางของแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ีทำมมุ ตอ่ กนั - หาแรงลัพธข์ องแรงท้ังสามดว้ ยวิธีการเขียนเวกเตอร์แบบหางตอ่ หวั 3. นักเรียนทำกิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง การหาขนาดและทศิ ทางของแรงลพั ธ์ 4. ครูใหค้ วามรู้ทีจ่ ำเป็นต่อการทดลอง ใหข้ ั้นตอนและรายละเอยี ดในการทดลองแกน่ กั เรยี น โดยใชว้ ิธกี ารต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 5. นกั เรยี นลงมอื ทดลองตามขน้ั ตอนการทดลองที่กำหนดในหนังสอื เรยี น หน้า 98 และบนั ทึกผลการทดลอง ช่ัวโมงที่ 3 ขน้ั สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอ และสรุปผลการทำกิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์หน้าช้ัน เรียน 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้ • เวกเตอร์ของแรงลัพธ์จะมขี นาดเทา่ กบั เวกเตอร์ของแรงทส่ี ามหรอื ไม่ และทศิ ทางเป็นอยา่ งไร 3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยให้ได้ข้อสรปุ วา่ ขณะกระดาษอยูน่ ่งิ แรงลัพธ์ที่ กระทำต่อกระดาษเป็นศูนย์ ซึ่งแสดงให้เห็นได้ดว้ ยการใช้วิธีหางเวกเตอร์ต่อหัวเวกเตอร์ (โดยให้นักเรียน วาดรูปแรงท้ังสามแรง) จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321