Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 1 1_2564

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 1 1_2564

Published by Tanapat Issarangkul Na Ayutthaya, 2021-05-08 03:32:50

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 1 1_2564

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 14 แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมที่เกีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี นจดั ข้ึน 2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ข้อมลู ทถี่ ูกตอ้ งและเป็นจรงิ 2.2 ปฏิบตั ใิ นสิง่ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชื่อฟงั คำส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้ 4.4 ตัง้ ใจเรยี น 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุง่ มั่นในการทำงาน 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเรจ็ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน 8.2 รู้จักการดูแลรกั ษาทรัพยส์ มบตั แิ ละส่งิ แวดล้อมของห้องเรียนและโรงเรียน ลงช่อื .................................................. ผูป้ ระเมนิ ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมาก พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี 30–40 พอใช้ พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติบางคร้งั ตำ่ กว่า 30 ปรบั ปรุง จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 15 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1/2564 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา ฟิสิกส์ 1 (ว31201) หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การศึกษาวิชาฟสิ กิ ส์ เรอื่ ง ธรรมชาติของฟสิ ิกส์ จำนวนเวลาท่ีสอน 2 ชั่วโมง ผ้สู อน นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (ความเข้าใจที่คงทน) ฟิสิกส์เป็นวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพสาขาหนึ่งที่เน้นการศึกษาเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์เชิงปฏิบัติ ทฤษฎี หรอื กฎ หรือหลักการฟิสกิ ส์ได้มาจากการทดลองและการสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติ แล้วพยายามหา รูปแบบและหลักการทเ่ี ก่ียวข้องกับปรากฏการณ์นนั้ ๆ จนเป็นทยี่ อมรบั และใช้กันอย่างกวา้ งขวาง เพ่อื นำไปส่กู าร สร้างส่ิงใหม่ ๆ มาชว่ ยในการแก้ปญั หา การสรา้ งเคร่ืองอำนวยความสะดวก ที่เรียกว่า เทคโนโลยี 2. ผลการเรียนรู้ สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการของหลักการ และแนวคิดทางฟิสกิ ส์ท่ีมผี ลตอ่ การแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพฒั นาเทคโนโลยีได้ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1) อธบิ ายเกยี่ วกับธรรมชาติวิชาฟิสิกส์ และสาขาความรู้ของวิชาฟสิ กิ สไ์ ด้ 3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (Skill/Process) 2) แสดงการบันทกึ ปรมิ าณที่มีค่ามากหรอื น้อย แสดงผลการทดลองในรปู ของกราฟได้ถูกตอ้ ง 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 3) เห็นคุณประโยชนข์ องการเรยี นวชิ าฟิสกิ ส์ ตระหนักในคุณคา่ ของความรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทใี่ ชใ้ น ชีวิตประจำวัน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 เนื้อหาสาระหลกั : Knowledge (ผู้เรียนตอ้ งรู้อะไร) - ฟิสกิ ส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งทีศ่ กึ ษาเก่ียวกบั สสาร พลงั งาน อนั ตรกิริยาระหวา่ งสสารกับ พลงั งานและแรงพน้ื ฐานในธรรมชาติ - การคน้ ควา้ หาความรู้ทางฟสิ กิ สไ์ ด้มาจากการสงั เกต การทดลอง และเกบ็ รวบรวมข้อมลู มา วิเคราะห์ หรือจากการสรา้ งแบบจำลองทางความคดิ เพอ่ื สรุปเปน็ ทฤษฎี หลักการหรือกฎ ความร้เู หล่านีส้ ามารถ นำไปใชอ้ ธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาติ หรือทำนายสงิ่ ทอี่ าจจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต - ประวัตคิ วามเป็นมาและพฒั นาการของหลักการและแนวคิดทางฟสิ กิ ส์เป็นพ้ืนฐานในการ แสวงหาความรูใ้ หมเ่ พ่มิ เติม รวมถึงการพฒั นา และความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยกี ็มีส่วนในการคน้ หาความร้ใู หมท่ าง วทิ ยาศาสตร์ดว้ ย จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 16 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผเู้ รียนสามารถปฏบิ ัตอิ ะไรได)้ - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ - ทกั ษะการสังเกต - ทักษะการส่อื สาร - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 4.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude (ผเู้ รยี นควรแสดงพฤตกิ รรมการเรียนอะไรบ้าง) - มีวนิ ยั - ใฝ่เรยี นรู้ - มุง่ ม่นั ในการทำงาน - อยู่อย่างพอเพียง 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1) ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 2) ทกั ษะการสังเกต 4. อยู่อย่างพอเพียง 3) ทักษะการสอ่ื สาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชัว่ โมงที่ 1 ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูเปิดประเด็นและชักชวนนักเรียนให้ร่วมกันอภิปราย โดยใช้คำถามเก่ียวกับการเกิดปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติ เชน่ ฝนตก ฟา้ รอ้ ง ฟา้ ผ่า แผ่นดนิ ไหว และภเู ขาไฟระเบิด วา่ สงิ่ เหล่านเ้ี กิดจากสาเหตุใด 2. ในระหว่างอภิปรายครูช้ีใหน้ กั เรียนเหน็ วา่ มนษุ ยใ์ นสมยั โบราณเชือ่ วา่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตเิ ป็นฝีมือ ของเทพเจ้าหรือภูตผปี ีศาจ แต่ต่อมาเมือ่ มีการสังเกตและบันทกึ ข้อมูลอยา่ งมีหลักเกณฑ์ จึงเกดิ การพัฒนา ความรแู้ ละสร้างเป็นองคค์ วามรขู้ น้ึ มา เพอ่ื พยายามหาคำตอบในส่งิ ที่เกดิ ขึน้ ท่ยี ังอธิบายไม่ได้ 3. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน 4. ครถู ามคำถามกระตนุ้ นกั เรียนวา่ วิทยาศาสตร์คืออะไร และชปี้ ระเดน็ เพ่อื นำใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายว่า วชิ าฟิสิกส์ เคมี ชีววทิ ยา เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร โดยทคี่ รูใหน้ กั เรียนอภิปรายรว่ มกนั อยา่ งอิสระ จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 17 5. ครูถามคำถาม BIG QUESTION จากหนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 หน้า 2 ว่า ฟิสิกส์ คืออะไร และเก่ยี วขอ้ งกบั ชวี ิตประจำวนั ของนักเรียนได้อยา่ งไร (แนวตอบ : ฟิสกิ ส์ (Physics) เป็นศาสตร์วิชาท่ีว่าด้วยกฎเกณฑ์หรือปรากฏการทางธรรมชาติของ ส่งิ ที่ไม่มีชีวิต ท่ีจะมุ่งเน้นศึกษาในเร่ืองอนั ตรกิริยา (interaction) ระหว่างอนุภาคของสสารและพลงั งาน ซึ่งฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์กายภาพ และเก่ียวข้องกับชีวิตประจำวันอยู่มากมายหลายด้าน เช่น การนำ ความรู้ทางฟสิ ิกส์ไปประยุกตใ์ นดา้ นการแพทย์ เชน่ การใช้รังสีเอกซ์ เคร่อื งวัดความดนั โลหติ การประยุกต์ ในด้านเคมี ฟิสิกส์ช่วยให้เข้าใจปฏิกริ ิยาในระดับโมเลกุลและอะตอม โดยอาศัยความรู้พ้ืนฐานด้านฟิสิกส์ อะตอมและฟิสิกส์นิวเคลียร์ รวมถงึ อธบิ ายการเกิดพันธะเคมี) 6. ครใู ห้นักเรยี นร่วมแสดงความคดิ เหน็ กบั คำถามทคี่ รถู าม ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ ักเรยี นจบั คู่กับเพื่อนรว่ มช้ันเรียน แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกันศกึ ษาและสบื ค้นข้อมูลเก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติว่ามคี วามหมายวา่ อย่างไรและแบ่งไดเ้ ป็นกีก่ ลุ่ม 2. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะค่รู ว่ มสรปุ ข้อมูลขอ้ มูลที่สบื ค้นได้ลงในกระดาษ A4 แลว้ นำมาส่งครเู พ่ือให้ครูตรวจสอบ ความถูกต้อง 3. ครถู ามนกั เรยี นวา่ วิธีการค้นหาความรู้ทางฟสิ ิกสว์ ่ามีกี่แนวทาง อะไรบา้ ง โดยทีค่ รูคอยกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี น ในชน้ั เรียนรว่ มกันหาคำตอบ (แนวตอบ : 2 แนวทาง คือ 1) การสงั เกต บนั ทกึ ทดลอง วเิ คราะห์ข้อมลู และสรุปตั้งเป็นกฎต่าง ๆ 2) การสรา้ งแบบจำลองทางความคดิ อยา่ งมีเหตุผลเพอ่ื ต้ังเป็นทฤษฎี) 4. ครถู ามคำถาม Prior knowledge จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ฟิสิกส์ ม.4 เลม่ 1 หนา้ 3 ว่า ในการ เรยี นวชิ าฟิสิกส์ จำเป็นตอ้ งทำการทดลองหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ : ในวชิ าฟิสิกส์ การทดลองเป็นส่วนสำคัญในการฝกึ ทกั ษะและคดิ หาเหตุผลโดยใช้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แล้วนำผลการทดลองน้ันมาวิเคราะห์และสรุปเป็นหลักการและทฤษฎีทาง ฟสิ กิ ส์ เพื่อนำไปสขู่ อ้ สรุปท่ีมคี วามเชอ่ื ถือได้) ชว่ั โมงท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ โดยครูนำนักเรยี นอภิปรายและได้ขอ้ สรปุ เก่ียวกบั วชิ าฟสิ กิ ส์ 2. ครถู ามนกั เรียนวา่ วชิ าฟิสกิ ส์ตอ้ งอาศยั ศาสตรห์ รือสาขาใดเป็นพื้นฐาน (แนวตอบ : วชิ าคณติ ศาสตร์) 3. ครถู ามนักเรียนตอ่ ไปวา่ ทำไมการเรียนฟิสกิ ส์ถึงตอ้ งใช้คณติ ศาสตร์ 4. ครูถามนักเรียนต่อไปว่า ทำไมการเรียนฟิสิกส์ถึงต้องใช้คณิตศาสตร์ จากน้ันจัดกลุ่มให้นักเรียน โดยคละ ความสามารถ (เก่ง–ปานกลาง–อ่อน) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรียน อนิ เทอร์เน็ต หนังสืออ้างองิ ตา่ ง ๆ จากห้องสมุด และร่วมกันวเิ คราะห์และสรุปในประเด็น ตอ่ ไปน้ี • วชิ าฟสิ กิ ส์เกยี่ วขอ้ งกบั คณติ ศาสตรอ์ ย่างไร จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 18 • ฟสิ ิกส์ไดใ้ ช้หลกั คณติ ศาสตรเ์ รอ่ื งใดบ้าง • ยกตัวอย่างทฤษฎฟี สิ กิ ส์ทีอ่ ธบิ ายด้วยหลกั คณิตศาสตร์ 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม จากนั้นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทน นำเสนอข้อมูลที่ได้จากการ สืบค้น 6. นกั เรียนและครูร่วมกันวพิ ากษ์เกย่ี วกบั การสบื ค้นข้อมลู ต่าง ๆ เพอื่ ความเข้าใจตรงกนั โดยนักเรยี นและครู ควรได้ขอ้ สรุปร่วมกันว่า ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์ท่ีศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติในเชิงปริมาณ คำอธิบาย ปรากฏการณ์ต่าง ๆ จึงอยู่ในรูปของกฎซึ่งเขียนอยู่ในรูปสมการคณิตศาสตร์ และกฎต่าง ๆ ก็ได้รับการ พิสูจน์จากสมการคณิตศาสตร์ การวิเคราะห์ผลการทดลองทางฟิสิกส์ เช่น กฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ การวัด การเก็บและบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องตามหลักการทำการ ทดลอง รวมท้งั การวิเคราะห์และประเมนิ ข้อมูลขนั้ ฐาน การเขียนรายงาน สรุปและวจิ ารณ์ผลการทดลอง จะต้องใช้วิธีทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยในการคำนวณ เช่น การแสดงข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ( Mean) และคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 7. ครูถามนักเรียนว่า นอกจากการบันทึกข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของตารางบันทึกผลการทดลองและ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉล่ียและค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานแล้ว นักเรียนสามารถนำเสนอข้อมูล ในรูปแบบใดอีก เพื่อให้เข้าใจความหมายของข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันศึกษา หาคำตอบจากหนงั สอื เรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ฟสิ กิ ส์ ม.4 เลม่ 1 หน้า 5 8. ครูตั้งคำถามว่า สมการ y = mx + c มีความหมายว่าอย่างไร นักเรียนสามารถนำความรู้มาเช่ือมโยง ในวิชาฟิสิกส์อย่างไร (แนวคำตอบ : เช่น การเขียนกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างระยะทางกับเวลาที่ได้จากการทดลอง การบนั ทกึ ข้อมูลเขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างน้ำหนกั กบั แรง เพ่ือหาความชนั ของกราฟ) 9. ครูนำนักเรียนสรุปคำถามร่วมกันวา่ การทดลองทางฟิสิกส์จะได้ข้อมูลเป็นตวั เลขที่เกิดจากความสัมพันธ์ ของปริมาณต่าง ๆ ท่ีศกึ ษา จากนั้นจึงนำสมการทางคณิตศาสตร์มาช่วยอธิบายความสัมพันธข์ องปริมาณ นน้ั ออกมาในรูปของสมการ ซึ่งความสัมพนั ธเ์ หล่านี้มกั ใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์เชิงทฤษฎี และการ นำเสนอขอ้ มลู ยงั มีอกี หลายรปู แบบ เชน่ แผนภูมิแทง่ แผนภมู ิวงกลม เป็นต้น อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนกลับเข้าสู่กลุ่มเดิมแล้วให้ร่วมกันศึกษาการนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเขียนกราฟความสัมพันธ์ในช่วงเวลาต่าง ๆ จากตัวอย่างที่ 1.1 และ 1.2 ใน หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 หน้า 6 – 7 เพ่ือให้ช่วยเข้าใจการนำเสนอข้อมูลได้มาก ยิ่งขึ้น ซ่ึงครูให้นักเรียน ทำตามขัน้ ตอนการแก้โจทย์ปญั หา ดงั น้ี • ขน้ั ท่ี 1 ทำความเข้าใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขน้ั ที่ 2 ส่งิ ทโี่ จทยต์ อ้ งการถามหา และจะหาสิง่ ท่โี จทย์ตอ้ งการ ต้องทำอยา่ งไร • ขั้นท่ี 3 ดำเนินการ • ขน้ั ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตัวอยา่ ง 2. ครูสุ่มนักเรียนให้กออกมานำเสนอวิธีการแก้ปัญหาโจทย์ตัวอย่างตามขั้นตอนในแต่ละข้ัน โดยท่ีครูคอย แนะนำและเสรมิ ขอ้ มูลท่ีถกู ตอ้ งใหน้ ักเรยี น จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 19 ขน้ั สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำนักเรยี นอภปิ รายและสรุปเกย่ี วกบั ฟสิ กิ ส์ ดังน้ี • ฟิสิกส์คืออะไร ยกตัวอย่างและอธบิ ายสถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ ทีต่ ้องใชฟ้ ิสิกส์ไปประยุกต์ใช้ ในชวี ิตประจำวนั • ฟสิ ิกส์ต้องอาศยั ศาสตร์หรือสาขาใดเปน็ พื้นฐาน • ฟิสกิ ส์และเทคโนโลยีสมั พันธ์กันอยา่ งไร 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาเรื่อง ธรรมชาติของฟิสิกส์ ว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจและให้ ความรู้เพม่ิ เติมในส่วนน้ัน โดยท่คี รูอาจจะใช้ PowerPoint เรอ่ื ง ฟิสกิ ส์ ช่วยในการอธิบาย 3. ครใู หน้ ักเรียนทำใบงานที่ 1.1 เร่ือง ธรรมชาติของฟิสิกส์ 4. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 5. ครมู อบหมายให้นักเรียนสรปุ ผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) เร่ือง ธรรมชาติของฟิสกิ ส์ และใหน้ ักเรยี นทำ Unit Question 1 สง่ เปน็ การบา้ นช่วั โมงถดั ไป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. ครูประเมินผล โดยการสังเกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 3. ครวู ัดและประเมินการปฏบิ ตั ิการ จากการทำใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง ธรรมชาติของฟสิ ิกส์ 4. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียน 5. ครวู ัดและประเมินผลจากการทำ Unit Question 1 ในหนงั สอื เรยี น ฟสิ ิกส์ เล่ม 1 6. ครูวัดและประเมินผลจากผงั มโนทัศน์ท่นี กั เรียนได้สรา้ งขน้ึ จากข้นั ขยายความรูข้ องนกั เรียนเป็นรายบคุ คล 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วธิ ีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจริง 7.1 การประเมินก่อนเรยี น ตรวจแบบทดสอบ - ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบกอ่ น ก่อนเรยี น - ผลงานท่นี ำเสนอ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 เรยี น หน่วยการ การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 เรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง ผ่านเกณฑ์ การศึกษาวิชาฟิสิกส์ 7.2 การประเมินระหว่าง การจัดกจิ กรรม 1) ธรรมชาติและ - ตรวจใบงานที่ 1.1 สาขาความรขู้ อง วชิ าฟิสิกส์ 2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน ผลงาน 3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 20 รายการวดั วิธวี ดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ 4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่น คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ฟสิ กิ ส์ ม.4 เล่ม 1 2) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ธรรมชาติของฟสิ ิกส์ 3) PowerPoint เร่อื ง ฟิสิกส์ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) หอ้ งสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 21 9. การบรู ณาการตามจุดเน้นของโรงเรียน : ความหลากหลายทางชีวภาพ หลักปรัชญา ครู ผเู้ รยี น ของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดีดา้ นจติ ใจ 2. ความมีเหตผุ ล รจู้ ักใช้เทคโนโลยมี าผลติ ส่ือที่ มีจิตสำนกึ ทด่ี ี จติ สาธารณะรว่ ม 3. มีภมู คิ ุมกนั ในตัวทดี่ ี เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเปน็ อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ 4. เง่อื นไขความรู้ ประโยชน์ตอ่ ผ้เู รียนและพฒั นาจากภมู ิ สิ่งแวดลอ้ ม ปญั ญาของผู้เรียน - ยึดถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความ ไม่หยุดน่งิ ทห่ี าหนทางในชวี ิต หลุดพ้น ถูกต้อง สจุ ริต จากความทุกขย์ าก (การคน้ หาคำตอบ เพอ่ื ใหห้ ลุดพ้นจากความไมร่ )ู้ ภมู ปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั รับผิดชอบ ระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ ความรอบรู้ เรื่อง ธรรมชาติของ ความรอบรู้ เรอื่ ง ธรรมชาตขิ อง ฟิสกิ ส์ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งรอบด้าน นำความรู้ ฟิสกิ ส์ สามารถนำความรูเ้ หล่านน้ั มา มาเชื่อมโยงประกอบการวางแผน การ พิจารณาให้เกดิ ความเชื่อมโยง ดำเนินการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ใู ห้กับ สามารถประยกุ ต์ ผู้เรยี น ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ 5. เงื่อนไขคุณธรรม มีความตระหนักใน คุณธรรม มี มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ ซ่อื สตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน มี ความซื่อสตั ย์สุจริตและมีความอดทน ความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนนิ ชีวิต มคี วามเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ ผ้เู รยี น ดำเนนิ ชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทางชวี ภาพ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ครู ในโรงเรียน (ตามจดุ ที่ไดร้ ับมอบหมาย) ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ผเู้ รียน ความหลากหลายทางชีวภาพ - ความหลากหลายทางชวี ภาพ - สำรวจความหลากหลายทาง - สืบคน้ ขอ้ มลู การอนรุ กั ษ์ความ หลากหลายทางชีวภาพ (ตามหวั ขอ้ ท่ี ชวี ภาพในโรงเรียน (กำหนดจุดให้ ไดม้ อบหมาย) ผู้เรยี นสำรวจ) สิ่งแวดล้อม ครู ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - การอนรุ กั ษ์ความหลากหลาย - การอนุรักษ์ความหลากหลายทาง ทางชีวภาพ ชวี ภาพ (กำหนดหัวขอ้ ให้ผเู้ รยี น สบื คน้ ) จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 22 10. ความเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 10.1 หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นางสาวณัฐธนัญา บญุ ถึง) ………./……………./…………. 10.2 รองผู้อำนวยการฝา่ ยบริหารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ………./……………./…………. 10.3 ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ………./……………./…………. จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 23 11. บันทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน  ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชื่อ.........................................................ผู้สอน (นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา) ตำแหน่ง ครู จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 24 ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ธรรมชาติของฟิสิกส์ คำชี้แจง : ให้เติมขอ้ ความหรอื ความหมายของคำตอ่ ไปนใ้ี ห้สมบรู ณ์ 1. ฟสิ กิ ส์มีความหมายวา่ อย่างไร 2. วทิ ยาศาสตรธ์ รรมชาติประกอบดว้ ยอะไรบ้าง 3. วธิ กี ารทางวิทยาศาสตรเ์ ป็นอย่างไร 4. เทคโนโลยมี ีความหมายวา่ อย่างไร จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 25 ใบงานที่ 1.1 เฉลย เรอ่ื ง ธรรมชาติของฟิสกิ ส์ คำชีแ้ จง : ใหเ้ ติมข้อความหรือความหมายของคำตอ่ ไปน้ใี ห้สมบรู ณ์ 1. ฟสิ กิ สม์ ีความหมายวา่ อย่างไร ฟิสิกส์เป็นศาสตรว์ ิชาท่วี ่าดว้ ยกฎเกณฑ์หรอื ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของส่ิงท่ีไม่มีชวี ิตในเร่อื งอันตรกิริยา (interaction) ของอนภุ าคของสสารและพลงั งาน 2. วทิ ยาศาสตรธ์ รรมชาตปิ ระกอบด้วยอะไรบา้ ง วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (natural science) คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่บรรยายถึงความเป็นไปของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ อันประกอบไปด้วย ข้อเท็จจรงิ หลักการ ทฤษฎี กฎ และสูตรต่าง ๆ เป็นความรู้ พ้นื ฐานของนักวิทยาศาสตร์ ซงึ่ ได้มาเพ่อื สนองความต้องการอยากรู้อยากเห็น โดยไม่คำนึงถงึ ประโยชน์ของการ ค้นหา สามารถแบง่ ออกเป็นกลมุ่ ย่อยได้อกี 3 แขนง คอื 1. วิทยาศาสตร์กายภาพ (physical science) คือ วิทยาศาสตร์ท่ีว่าด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ของสิ่งไม่มีชีวิต เช่น เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ 2. วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (biological science) คือ วิทยาศาสตร์ท่ีว่าด้วยเรือ่ งราวต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต เชน่ สตั ววทิ ยา จุลชีววิทยา 3. วิทยาศาสตร์สังคม (social science) คือ วิทยาศาสตร์ที่ศึกษาหาความรู้ เพ่ือจัดระบบให้มนุษย์มี การดำรงชวี ิตอยู่ดว้ ยกันอยา่ งมีแบบแผน เพ่ือความสงบสุขของสังคม ประกอบดว้ ย วชิ าจิตวิทยา วิชารัฐศาสตร์ วิชาเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น 3. วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ อยา่ งไร วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือ การแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมีกระบวนการท่ีเป็นแบบแผนมี ข้ันตอนท่ีสามารถปฏิบัติตามได้ โดยข้ันตอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ท่ีเป็นเครื่องมือสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ การกำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การวเิ คราะห์ข้อมูล และการสรุปผลการทดลอง 4. เทคโนโลยีมีความหมายว่าอยา่ งไร เทคโนโลยี คือ การนำความรู้ทางวิทยาศาสตรแ์ ละศาสตรอ์ ่ืน ๆ มาผสมผสาน ประยกุ ต์ เพื่อสนองเป้าหมาย เฉพาะตามความตอ้ งการของมนุษย์ ด้วยการนำทรัพยากรต่าง ๆ มาใชใ้ นการผลิต จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 26 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1/2564 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การศึกษาวิชาฟิสกิ ส์ เรอ่ื ง การวดั ปรมิ าณและหนว่ ยทางฟิสกิ ส์ จำนวนเวลาทีส่ อน 3 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา 1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (ความเขา้ ใจทคี่ งทน) ปรมิ าณท่ีอธิบายปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ หรือการเปล่ียนแปลงของปริมาณที่สังเกตอาจจะความยาว มวล เวลา ความเร่งและความดนั เป็นต้น ปริมาณเหล่านี้จะถูกแยกเป็นปริมาณฐานและปริมาณอนุพันธ์ การกำหนด หน่วยต่าง ๆ จึงต้องกำหนดให้เข้าใจตรงกันโดยใช้ระบบหน่วยระหว่างชาติ (SI Unit) ตัวพหุคูณที่ใช้เขียนแทน หนว่ ยฐานหรือหนว่ ยอนพุ ันธท์ มี่ ีคา่ มากหรือน้อยเกินไป เรยี กวา่ คำอุปสรรค 2. ผลการเรียนรู้ วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลื่อนในการวัด มาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจาก กราฟเส้นตรงได้ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ (Knowledge) 1) อธิบายปรมิ าณกายภาพ ระบบหน่วยระหว่างชาติได้ 2) อธิบายการเปลยี่ นแปลงของปรมิ าณที่สังเกตไดจ้ ากการวดั ได้ 3.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (Skill/Process) 3) แสดงการเปลี่ยนหน่วยทกั ษะการทดลอง การใช้เครือ่ งมอื การวัด และการนำเสนอข้อมลู ไดถ้ กู ต้อง 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 4) ทำงานร่วมกับผู้อน่ื อย่างสร้างสรรค์ ยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ ่ืนได้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 เนอื้ หาสาระหลกั : Knowledge (ผเู้ รียนตอ้ งรูอ้ ะไร) - ความรู้ทางฟสิ กิ ส์สว่ นหน่งึ ได้จากการทดลอง ซึ่งเกย่ี วข้องกับกระบวนการวดั ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ ซ่งึ ประกอบดว้ ยตัวเลข และหนว่ ยวดั - ปริมาณทางฟสิ กิ ส์สามารถวัดได้ด้วยเคร่อื งมอื ต่าง ๆ โดยตรงหรอื ทางออ้ ม หนว่ ยทใี่ ชใ้ นการวดั ปริมาณทางวทิ ยาศาสตร์ คือระบบหนว่ ยระหว่างชาติ เรยี กย่อว่า ระบบเอสไอ - ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ทม่ี ีคา่ น้อยกวา่ หรือมากกวา่ 1 มาก ๆ นยิ มเขียนในรปู ของสัญกรณว์ ิทยาศาสตร์ หรอื เขียนโดยใช้คำนำหนา้ หนว่ ยของระบบเอสไอ การเขยี นโดยใชส้ ัญกรณว์ ทิ ยาศาสตรเ์ ป็นการเขยี นเพือ่ แสดง จำนวนเลขนัยสำคัญท่ีถกู ตอ้ ง จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 27 - การทดลองทางฟิสกิ สเ์ กี่ยวกบั การวดั ปริมาณต่าง ๆ การบันทกึ ปรมิ าณทไ่ี ด้จากการวัดดว้ ยจำนวน เลขนยั สำคญั ที่เหมาะสมและคา่ ความคลาดเคล่ือน การวเิ คราะห์และการแปลความหมายจากกราฟ เชน่ การหา ความชันจากกราฟเส้นตรง จุดตดั แกน พื้นทใี่ ตก้ ราฟ เป็นตน้ - การวัดปริมาณตา่ ง ๆ จะมคี วามคลาดเคลอื่ นเสมอขึน้ อยู่กับเคร่ืองมอื วิธกี ารวัด และ ประสบการณ์ของผวู้ ดั ซึง่ ค่าความคลาดเคลอ่ื นสามารถแสดงในการรายงานผลท้ังในรปู แบบตัวเลขและกราฟ - การวัดควรเลอื กใชเ้ คร่อื งมือวดั ให้เหมาะสมกับสิ่งทต่ี ้องการวดั เช่น การวดั ความยาวของวตั ถทุ ่ี ต้องการความละเอียดสงู อาจใช้เวอร์เนยี ร์แคลลิเปิรส์ หรอื ไมโครมิเตอร์ - ฟสิ ิกส์อาศัยคณติ ศาสตรเ์ ป็นเครอื่ งมอื ในการศกึ ษาค้นควา้ และการสือ่ สาร 4.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (ผ้เู รียนสามารถปฏิบัติอะไรได)้ - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการสือ่ สาร - ทกั ษะการทำงานร่วมกัน - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ 4.3 คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ : Attitude (ผู้เรยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบา้ ง) - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 2) ทกั ษะการสื่อสาร 3) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 4) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้  แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูและนักเรียนร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกบั ปริมาณทางฟิสกิ ส์ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 28 2. ครถู ามนักเรียนว่า ปรมิ าณทางฟิสิกสแ์ บ่งออกเปน็ ปรมิ าณได้บา้ ง นักเรยี นร่วมกันตอบคำถาม 3. ครูถามคำถาม Prior Knowledge “การบอกปรมิ าณในทางฟิสิกส์จำเป็นต้องมกี ารบอกหน่วยกำกบั ไว้ดว้ ย หรือไม่อย่างไร” เพื่อเปน็ การกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนร่วมกนั คดิ (แนวตอบ : ฟิสิกส์เป็นวิชาท่ีเน้นศึกษาในเชิงปริมาณทางกายภาพ เช่น มวล แรง ความยาว เวลา อณุ หภมู ิ เป็นต้น และข้อมูลท่ีได้จะเป็นตัวเลข ดังน้ันเพ่ือให้ส่ือสารในสิ่งท่ีต้องการศึกษาให้ผู้อนื่ เข้าใจง่าย ต่อการนำไปใช้ประโยชน์ จงึ จำเป็นต้องมีหนว่ ยกำกับในการวดั ปริมาณน้ัน ๆ ด้วย) 4. นักเรียนรว่ มช่วยกันตอบคำถาม ครอู าจจะเลือกคำตอบทีไ่ มช่ ดั เจน มาอภปิ รายรว่ มกนั 5. ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับปริมาณท่ีเกี่ยวข้องกับวิชาฟิสิกส์ อีก 2 ปรมิ าณ คือ เวกเตอร์และสเกลาร์ ซ่ึงปริมาณสเกลาร์ คือ ปริมาณท่ีกำหนดแต่เพียงขนาด ก็มีความหมายสเกลาร์ เช่น ระยะทาง เวลา พ้ืนที่ ส่วนปริมาณเวกเตอร์ คือ ปริมาณที่ต้องกำหนดทั้งขนาดและทิศทาง จึงจะมีความหมาย เช่น แรง การ กระจดั เป็นตน้ ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุม่ แตล่ ะกลมุ่ สืบค้นขอ้ มูลเก่ียวกบั ระบบหนว่ ยที่ใช้สำหรบั การวดั ปริมาณในทางฟสิ กิ ส์ วา่ มีหน่วยอะไรบา้ ง จากแหล่งการเรยี นร้ตู ่าง ๆ เช่น หนงั สือเรียน อนิ เตอรเ์ น็ต หนังสืออ้างอิงตา่ งๆ ใน หอ้ งสมดุ 2. นักเรยี นแตก่ ลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ผลจากการสบื คน้ ขอ้ มลู 3. ครสู มุ่ นักเรยี นจากกล่มุ ตา่ งๆ เพอ่ื นำเสนอผลจากการสบื ค้นข้อมูลเกยี่ วกบั ระบบหนว่ ยท่ีใช้ในทางฟสิ กิ ส์ 4. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพือ่ ให้ไดข้ ้อสรปุ ท่ีว่า ระบบเอสไอหรือหนว่ ยเอสไอ เพื่อใชเ้ ป็นหนว่ ยกลาง ท่ีทุกประเทศใชเ้ ปน็ มาตรฐานในการระบหุ นว่ ยการวัดทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตการณท์ ำงานกลมุ่ ) 5. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายต่อวา่ หนว่ ยเอสไอ มีอยู่ 4 หน่วย 6. ครูอธิบายไปทีละหน่วย โดยเร่ิมจากหน่วยฐาน หน่วยเสริม หน่วยอนุพัทธ์ และคำอุปสรรค • หน่วยฐานประกอบด้วย 7 หน่วย ได้แก่ หน่วยที่ใช้วัดความยาว มวล เวลา กระแสไฟฟ้า อุณหภูมิ ความเข้มแห่งการส่องสวา่ ง ปริมาณของสาร โดยแต่ละหน่วยต่างเป็นอิสระต่อกัน และใช้เปน็ หนว่ ย พน้ื ฐานของหน่วยอ่ืน แสดงดงั ตารางในหนงั สือเรยี นหนา้ 11 • หน่วยเสริม มี 2 หน่วย คือ เรเดียน เป็นหน่วยวัดมุมในระนาบ โดย 1 เรเดียน คือ มุมที่จุด ศูนย์กลางของวงกลมที่รองรับ ความยาวส่วนโค้งท่ีมีความยาวเท่ากับรัศมี และสเตอเรเดียน เป็น หน่วยวัดมุมตัน โดย 1 สเตอเรเดียน คือ มุมท่ีจุดศูนย์กลางของทรงกลมที่รองรับพ้ืนที่ผิวโค้งท่ีมี พนื้ ทีเ่ ป็นรปู ส่เี หลีย่ มจตั รุ สั ทม่ี ีความยาวดา้ นเท่ากับรศั มี • หน่วยอนุพันธ์ เกิดจากการนำหน่วยพ้ืนฐานมาสร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ แล้วได้เป็น ปริมาณที่มคี วามสัมพันธก์ ันมากกว่า 1 ปริมาณ เช่น ความเร็วเป็นความสัมพันธ์ระหว่างระยะทาง ตอ่ เวลา 7. ครใู ห้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ยี วกบั การใช้คำอปุ สรรคและตวั พหุคูน ตัวอยา่ งเช่น การเตมิ คำอุปสรรค เรามกั จะไว้ ข้างหน้าหน่วยพ้ืนฐาน เพ่ือใช้แทนตัวคูณเพิ่มหรือตัวคูณลด แล้วทำให้หน่วยพื้นฐานน้ันมีขนาดใหญ่ข้ึน หรือลดลงเหมาะแก่การนำไปประยกุ ตใ์ ช้คำอุปสรรค หรอื อาจบอกความหมายของตวั พหคุ นู คอื เลขสิบยก กำลงั บวกหรอื ลบ จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 29 8. ครูอาจใหน้ ักเรียนทอ่ งจำคำอุปสรรคในระบบเอสไอและเน้นคำอปุ สรรคทนี่ ยิ มใชใ้ นวชิ าฟสิ กิ ส์ 9. ครูอธิบายเพ่มิ เติมเก่ียวการเปลี่ยนหน่วยโดยใช้คำอุปสรรค เช่น คำอุปสรรคนิยมใชก้ ับหน่วยของเวลา เช่น นาที ช่ัวโมง ยกเว้นช่วงเวลาท่ีส้นั กว่าวนิ าที เช่น 10-6 s = μs และเปิดโอกาสให้นกั เรียนซักถามข้อสงสัย ท่นี ักเรียนยังไมเ่ ข้าใจเก่ยี วกับเรอ่ื งทเ่ี รียน 10.ครูยกตัวอย่างโจทย์จากตัวอย่างที่ 1.3 ในหนังสือเรียนหน้า 14 และให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question 1 ข้อ 5. และข้อ 6. จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 เพื่อเป็น การทบทวนความเข้าใจในเนื้อหาท่ีเรียนมา ชวั่ โมงท่ี 2 ขน้ั สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูส่งเสริมให้นักเรียนได้เข้าใจในเรื่องคำอุปสรรคและการเปลี่ยนหน่วยมากขึ้น โดยให้นักเรียน แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ เพื่อศึกษาให้ได้มาซึ่งคำตอบจากตัวอย่างที่ 1.4 และ 1.5 ให้นักเรียนได้ วิเคราะห์โจทย์ตามขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา ดังนี้ • ขน้ั ท่ี 1 ทำความเขา้ ใจโจทย์ตวั อยา่ ง • ขน้ั ที่ 2 ส่ิงทโ่ี จทยต์ ้องการถามหา และจะหาสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ ต้องทำอย่างไร • ขน้ั ท่ี 3 ดำเนนิ การ หาคำตอบ • ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ วั อยา่ ง 2. ครูตรวจสอบการแทนคา่ การเปล่ียนหน่วย การคำนวณ ว่าตรงกับโจทยก์ ำหนดให้หรือไม่ และคำตอบถูก หรือไม่ ถ้าตรงกนั สรปุ ไดว้ ่าคำตอบน้นั ถูกต้อง 3. เมอื่ นักเรียนท้งั 2 กลมุ่ ทำความเข้าใจของโจทยต์ ัวอยา่ งแลว้ ส่งตัวแทนมาอธบิ ายวธิ ีการเปล่ียนหนว่ ย การ คำนวณ การหาคำตอบของโจทย์ตัวอยา่ งทง้ั 2 ขอ้ 4. ครูอธิบายสรุปเก่ยี วกบั เนื้อหา หรอื เปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้สอบถามในส่วนทีม่ ขี ้อสงสยั 5. จากน้ัน ครูอธิบายความรู้ให้กบั นักเรียนว่า ความรตู้ ่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรูท้ าง ฟิสิกส์ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ มาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเคร่ืองมือในการวัดปริมาณต่างๆ การเลือก เคร่ืองมือวัด และการอ่านค่าท่ีได้จากการวัดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการศึกษาวิชาฟิสิกส์ เพ่ือนำข้อมูลมา คำนวณ พิสูจน์ หรอื หาผลสรปุ ซึ่งหากผู้ทำการทดลองวัดและอ่านคา่ จากเครอ่ื งมือผดิ พลาด อาจส่งผลต่อ ความถูกตอ้ งและความแม่นยำของผลการทดลองได้ 6. ครูให้นักเรียนอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาจากหนังสือเรียนหน้า 17 จากนั้นนักเรียนทุกคนช่วยกันสรุป เชื่อมโยงเก่ยี วกับหนว่ ยตา่ ง ๆ ของการวดั คำอปุ สรรค และการอ่านคา่ จากเครอ่ื งมอื วัด ชวั่ โมงที่ 3 ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนำนกั เรียนอภิปรายและสรุปเกี่ยวกบั การวดั ปรมิ าณทางกายภาพในเชิงฟิสิกส์ ดงั น้ี จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 30 • ฟิสิกส์เป็นวิชาที่มุ่งเน้นการศึกษาในเชิงปริมาณ ประกอบด้วย 2 สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ปริมาณ ตัวเลขท่ีไดจ้ ากการวดั และหน่วยของการวัด • คำอปุ สรรค เป็นคำที่ไว้ขา้ งหน้าหน่วยเอสไอ เพื่อใช้แทนตัวคูณเพ่ิมหรือตัวคูณลด แลว้ ทำให้หน่วย พนื้ ฐานนนั้ มีขนาดใหญข่ ึ้นหรอื ลดลงเหมาะแก่การนำไปประยุกตใ์ ช้ • การอ่านผลจากเคร่ืองวัดท้ังแบบสเกล และแบบตัวเลข ค่าท่ีอ่านได้จะเป็นตัวเลขแล้ว ตามด้วย หน่วยของการวัด 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาเร่ือง การวดั ปริมาณทางกายภาพในเชิงฟิสกิ ส์ ว่ามสี ่วนไหนท่ียัง ไม่เขา้ ใจและให้ความรู้เพ่ิมเตมิ ในสว่ นนั้น 3. ครใู ห้นักเรียนทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง หน่วยของการวัด แล้วมอบหมายใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัดท่ี 3.1 เรือ่ ง การวัดปริมาณและหน่วยทางฟสิ ิกส์ ส่งเป็นการบ้านในชวั่ โมงถัดไป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจการนำเสนอขอ้ มลู ระบบหนว่ ยทใ่ี ช้ในทางฟสิ ิกสท์ ไ่ี ด้จากการสบื คน้ 2. ครปู ระเมินผลโดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และพฤตกิ รรมการ ทำงานรายบคุ คล 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง หน่วยของการวดั 4. ครตู รวจสอบผลการทำแบบฝึกหดั ที่ 3.1 เร่อื ง การวดั ปรมิ าณทางกายภาพในเชงิ ฟสิ ิกส์ 7. การวดั และประเมินผล รายการวดั วิธีวดั เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.1 การประเมนิ ระหว่าง - ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กจิ กรรม - ตรวจใบงานท่ี 1.2 - ผลงานทีน่ ำเสนอ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 1) หน่วยของการวดั - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ 2) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผลงาน ผลงาน การทำงานกลุม่ ผ่านเกณฑ์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 3) พฤติกรรมการ การทำงานรายบุคคล คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ทำงานรายบคุ คล อันพงึ ประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม 4) พฤติกรรมการ การทำงานกลุ่ม ทำงานกลุ่ม - สงั เกตความมวี นิ ัย 5) คณุ ลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น อันพงึ ประสงค์ ในการทำงาน 8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี น รายวชิ าเพ่มิ เติม ฟสิ กิ ส์ ม.4 เลม่ 1 2) ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง หนว่ ยของการวดั 3) แบบฝึกหดั ท่ี 3.1 เรอ่ื ง การวัดปริมาณทางกายภาพในเชิงฟสิ กิ ส์ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 31 3) PowerPoint หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง การศึกษาวิชาฟสิ ิกส์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมดุ 3) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ 9. การบูรณาการตามจุดเน้นของโรงเรียน : ความหลากหลายทางชีวภาพ หลักปรชั ญา ครู ผู้เรียน ของเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดีดา้ นจติ ใจ รจู้ ักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลติ ส่อื ท่ี มจี ติ สำนึกทดี่ ี จติ สาธารณะรว่ ม 2. ความมเี หตผุ ล อนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและ เหมาะสมและสอดคล้องเนือ้ หาเป็น สงิ่ แวดล้อม 3. มีภูมคิ มุ กนั ในตวั ทด่ี ี ประโยชน์ตอ่ ผู้เรียนและพฒั นาจากภมู ิ 4. เงอื่ นไขความรู้ ปัญญาของผูเ้ รียน ไมห่ ยดุ นงิ่ ที่หาหนทางในชีวติ หลุดพน้ - ยึดถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความ จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคำตอบ ถกู ต้อง สุจรติ เพ่อื ใหห้ ลดุ พ้นจากความไม่รู้) ภูมิปัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ ภมู ปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ รับผดิ ชอบ ระมัดระวงั สร้างสรรค์ ระมัดระวงั ความรอบรู้ เรื่อง การวัดปรมิ าณ ความรอบรู้ เร่ือง การวัดปริมาณ และหนว่ ยทางฟิสกิ ส์ สามารถนำ และหนว่ ยทางฟิสิกส์ ทเ่ี กย่ี วข้องรอบ ความร้เู หล่านน้ั มาพจิ ารณาให้เกดิ ดา้ น นำความรมู้ าเช่อื มโยง ความเช่อื มโยง สามารถประยกุ ต์ ประกอบการวางแผน การดำเนนิ การ ใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผ้เู รียน 5. เงือ่ นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม ซ่ือสตั ย์สจุ รติ และมีความอดทน มี ความซอ่ื สัตย์สุจรติ และมีความอดทน ความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดำเนิน ชวี ติ มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการ ผู้เรียน ดำเนนิ ชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ - สำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ครู ในโรงเรยี น (ตามจุดที่ได้รับมอบหมาย) ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ผเู้ รียน ความหลากหลายทางชีวภาพ - ความหลากหลายทางชวี ภาพ - สำรวจความหลากหลายทาง - สืบคน้ ข้อมูลการอนุรักษ์ความ หลากหลายทางชีวภาพ (ตามหวั ขอ้ ที่ ชีวภาพในโรงเรียน (กำหนดจุดให้ ได้มอบหมาย) ผู้เรียนสำรวจ) สง่ิ แวดล้อม ครู ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - การอนุรักษ์ความหลากหลาย - การอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทาง ทางชวี ภาพ ชวี ภาพ (กำหนดหวั ข้อให้ผู้เรียน สบื คน้ ) จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 32 10. ความเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 10.1 หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นางสาวณัฐธนัญา บญุ ถึง) ………./……………./…………. 10.2 รองผู้อำนวยการฝา่ ยบริหารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ………./……………./…………. 10.3 ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ………./……………./…………. จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 33 11. บันทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน  ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชื่อ.........................................................ผู้สอน (นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา) ตำแหน่ง ครู จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 34 ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง หนว่ ยของการวดั คำชแ้ี จง : จงหาคำตอบและแสดงวิธที ำอยา่ งละเอยี ด 1. วตั ถมุ วล 500 กรมั มคี ่าก่กี โิ ลกรัม ก่ีไมโครกรัม ก่มี ลิ ลิกรมั 2. ระยะทาง 90 กโิ ลเมตร มีคา่ กเ่ี มตร กี่นาโนเมตร 3. เรือลำหน่งึ แล่นดว้ ยความเรว็ 72 กิโลเมตร/ชัว่ โมง มคี า่ กีเ่ มตร/วนิ าที จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 35 ใบงานที่ 1.2 เฉลย เร่อื ง หนว่ ยของการวดั คำช้แี จง : จงหาคำตอบและแสดงวธิ ีทำอย่างละเอยี ด 1. วตั ถมุ วล 500 กรัม มคี ่ากก่ี ิโลกรัม กไ่ี มโครกรมั ก่ีมิลลกิ รมั วัตถุมวล 500 กรัม มคี ่ากก่ี ิโลกรมั จะได้ 500 = 500 × 10−3 kg 103 วัตถมุ วล 500 กรัม มีค่ากี่ไมโครกรัม จะได้ 500 10−6 = 500 × 106 μg วตั ถุมวล 500 กรมั มคี ่ากี่มลิ ลกิ รัม จะได้ 500 = 500 × 103 mg 10−3 2. ระยะทาง 90 กิโลเมตร มีคา่ ก่เี มตร กี่นาโนเมตร ระยะทาง 90 กิโลเมตร มคี า่ ก่ีเมตร ดังนัน้ ระยะทาง 90 กิโลเมตร เท่ากบั 90 × 103 เมตร ระยะทาง 90 กิโลเมตร มคี า่ กนี่ าโนเมตร ระยะทาง 90 กโิ ลเมตร เทา่ กบั 90 × 103 = 90 × 103 × 109 10−9 ดังน้ัน ระยะทาง 90 กโิ ลเมตร เทา่ กับ 90 × 1012 นาโนเมตร 3. เรอื ลำหนึง่ แลน่ ดว้ ยความเร็ว 72 กิโลเมตร/ช่วั โมง มีคา่ กี่เมตร/วินาที เรือลำหนงึ่ แล่นดว้ ยความเร็ว 72 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง ดงั นน้ั ความเรว็ 72 กิโลเมตร/ชว่ั โมง เทา่ กบั 72 × 103 = 19.44 เมตร/วนิ าที 60 ×60 จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 36 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/2564 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา ฟิสกิ ส์ 1 (ว31201) หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การศึกษาวชิ าฟสิ กิ ส์ เร่อื ง เลขนัยสำคญั จำนวนเวลาที่สอน 3 ชว่ั โมง ครูผู้สอน นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา 1. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (ความเขา้ ใจท่ีคงทน) การทดลองทางฟิสิกส์เกี่ยวกับการวัดปริมาณต่าง ๆ และการแสดงความเที่ยงตรงของผลการวัดท่ีได้จากการ วดั โดยตรง หรือผลทคี่ ำนวณมาจากผลการวัดจะใช้คำเรียกว่า เลขนัยสำคัญ ซึง่ ประกอบด้วยตัวเลขที่แสดงความ แน่นอนรวมกบั ตัวเลขที่แสดงความไมแ่ น่นอน การวัดปริมาณตา่ ง ๆ จะมคี วามคลาดเคลอ่ื นเสมอข้ึนอยู่กับเครอ่ื งมอื วธิ กี ารวดั และประสบการณ์ของผู้วัด ซ่ึงคา่ ความคลาดเคล่ือนสามารถแสดงในการรายงานผลทั้งในรูปแบบตัวเลขและกราฟ 2. ผลการเรยี นรู้ วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลื่อนในการวัด มาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจาก กราฟเส้นตรงได้ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ (Knowledge) 1) อธบิ ายเก่ยี วกับเลขนยั สำคญั และคา่ ความคลาดเคลื่อนได้ 3.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (Skill/Process) 2) แสดงทกั ษะการคำนวณการบนั ทึกขอ้ มูลไดถ้ กู ตอ้ ง 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 3) ทำงานร่วมกบั ผ้อู ืน่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ นื่ ได้ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 เนือ้ หาสาระหลกั : Knowledge (ผู้เรียนตอ้ งรอู้ ะไร) - ความรู้ทางฟสิ กิ สส์ ว่ นหน่ึงไดจ้ ากการทดลอง ซ่ึงเกยี่ วขอ้ งกบั กระบวนการวัดปริมาณทางฟสิ ิกส์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข และหนว่ ยวัด - ปรมิ าณทางฟิสิกส์สามารถวดั ได้ดว้ ยเครอื่ งมอื ตา่ ง ๆ โดยตรงหรอื ทางอ้อม หน่วยทีใ่ ช้ในการวดั ปรมิ าณทางวทิ ยาศาสตร์ คอื ระบบหน่วยระหว่างชาติ เรียกยอ่ ว่า ระบบเอสไอ - ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ท่มี ีคา่ น้อยกว่าหรอื มากกว่า 1 มาก ๆ นยิ มเขียนในรูปของสัญกรณว์ ิทยาศาสตร์ หรือเขยี นโดยใชค้ ำนำหนา้ หนว่ ยของระบบเอสไอ การเขียนโดยใช้สัญกรณ์วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ การเขียนเพือ่ แสดงจำนวนเลขนัยสำคัญที่ถกู ต้อง จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 37 - การทดลองทางฟสิ กิ สเ์ กย่ี วกบั การวัดปรมิ าณต่าง ๆ การบันทกึ ปริมาณท่ีไดจ้ ากการวดั ดว้ ยจำนวน เลขนยั สำคญั ทเ่ี หมาะสมและคา่ ความคลาดเคลื่อน การวเิ คราะห์และการแปลความหมายจากกราฟ เช่น การหาความชันจากกราฟเส้นตรง จดุ ตดั แกน พน้ื ทใี่ ตก้ ราฟ เปน็ ตน้ - การวัดปรมิ าณต่าง ๆ จะมีความคลาดเคล่ือนเสมอขน้ึ อยู่กบั เครอื่ งมอื วธิ กี ารวัด และ ประสบการณ์ของผู้วดั ซ่งึ ค่าความคลาดเคล่ือนสามารถแสดงในการรายงานผลทัง้ ในรูปแบบตัวเลขและ กราฟ - การวดั ควรเลอื กใชเ้ ครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับส่ิงทต่ี อ้ งการวัด เช่น การวดั ความยาวของวตั ถุที่ ตอ้ งการความละเอียดสูง อาจใช้เวอร์เนยี รแ์ คลลเิ ปิร์ส หรือไมโครมเิ ตอร์ - ฟสิ ิกสอ์ าศยั คณติ ศาสตร์เปน็ เคร่อื งมอื ในการศกึ ษาคน้ คว้า และการสอื่ สาร 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผูเ้ รยี นสามารถปฏิบตั อิ ะไรได)้ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการส่อื สาร - ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ 4.3 คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude (ผูเ้ รยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบา้ ง) - มีวินยั - ใฝเ่ รียนรู้ - มงุ่ ม่นั ในการทำงาน - อยู่อย่างพอเพียง 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3. มุง่ มั่นในการทำงาน 2) ทกั ษะการสื่อสาร 4. อยู่อย่างพอเพียง 3) ทักษะการทำงานรว่ มกนั 4) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 38 1. ครูและนักเรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกับปริมาณตัวเลขที่ได้จากการวัด หน่วยของการวดั คำอุปสรรค และ การอ่านผลจากเครื่องมือวัด เพ่ือเป็นการทบทวนความรู้ของนักเรียนจากคาบเรียนที่ผ่านมา และนำไปสู่ หวั ข้อตอ่ ไป 2. ครถู ามนักเรยี นวา่ “การทดลองมีความสำคญั อยา่ งไร” นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถาม (แนวตอบ : เพื่อได้เรียนร้เู นื้อหาของวิชานั้นมากขึน้ และเพื่อใหน้ ักเรียนได้สามารถพฒั นาทักษะใน เชงิ ปฏิบตั )ิ 3. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge “นักเรยี นควรใชเ้ คร่ืองมอื ใด ในการวัดความหนาของเหรียญ 10 บาท” เพื่อเปน็ การกระตุ้นใหน้ กั เรยี นรว่ มกันคดิ (แนวตอบ : เวอร์เนยี หรือไมโครมเิ ตอร์เพราะเป็นเคร่ืองมือท่เี หมาะสำหรบั วัดความหนาของวัตถุ) 4. นักเรียนรว่ มช่วยกันตอบคำถาม และรว่ มกนั อภิปราย 5. ครูถามคำถามนักเรยี นเพือ่ เข้าสู่เนื้อหาว่า การบันทึกค่าที่ได้จากการทดลองทางฟิสิกส์น้ัน จะต้องคำนึงถึง สิง่ ใด (แนวตอบ : เลขนยั สำคญั ) ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครใู หน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 4 – 5 คน แล้วใหช้ ่วยกนั ศกึ ษาหลกั การนับและการพจิ ารณาจำนวนเลข นยั สำคญั จากหนังสือเรียนหน้า 20 โดยครคู อยให้ข้อเสนอแนะคำปรึกษาแก่นกั เรียน ซงึ่ นักเรียนรว่ มกนั วิเคราะห์และสรุปในประเด็นต่อไปน้ี • เลขนัยสำคญั คอื อะไร • การนับจำนวนเลขนัยสำคญั นับอยา่ งไร • ยกตวั อยา่ งหลกั การนบั เลขนยั สำคัญ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูล และทุกคนต้องทำความ เข้าใจให้ตรงกนั 3. ครูสุ่มตัวแทนของนักเรียนแต่ละกลุม่ เพื่อนำเสนอข้อมูลท่ีแตล่ ะกลุ่มไดไ้ ปสืบค้นข้อมูลมา 4. ครูสอบถามข้อสรปุ ของแตล่ ะกลมุ่ โดยครตู รวจสอบขอ้ มูลจากการนำเสนอเพือ่ ความถูกตอ้ ง (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตการณ์ทำงานกลุ่ม) 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน ศึกษาหาคำตอบจากตัวอย่างท่ี 1.7 ในหนังสือเรียนหน้า 21 เพื่อให้เกิด ความเข้าใจในเรือ่ งเลขนัยสำคัญทไ่ี ดจ้ ากการวดั ตามขั้นตอนการแกโ้ จทย์ปัญหา ดงั น้ี • ขั้นท่ี 1 ทำความเขา้ ใจโจทย์ตวั อยา่ ง • ขั้นท่ี 2 ส่ิงท่ีโจทย์ต้องการถามหา (ความยาว) และจะหาสิ่งท่ีโจทย์ต้องการ ต้องทำอย่างไร (อ่าน จากขีดสเกลของไมบ้ รรทัด) • ข้ันที่ 3 ดำเนินการ (ดคู วามละเอยี ดของไม้บรรทดั อ่านคา่ ความยาวของดินสอ) • ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตัวอย่าง (ความยาวของดินสอ จำนวนเลขนัยสำคัญ และค่า ความละเอียดของไม้บรรทดั ) 6. ให้นักเรียนได้วิเคราะห์โจทย์จากตัวอย่างท่ี 1.8 โดยใช้ขั้นตอน เหมือนกับตัวอย่างที่ 1.7 จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 39 7. นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับการนบั เลขนัยสำคัญ เพอื่ ให้นักเรียนสรปุ สาระสำคัญลงในสมดุ จด บนั ทึก 8. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question 1 ข้อ 3. และ 4. ในหนังสือเรยี นหน้า 28 เพื่อเป็นการ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น 9. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนหลกั การนับจำนวนเลขนยั สำคญั 10. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาหลักการคำนวณเลขนัยสำคัญ แล้วชักชวนให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ • การบวกลบเลขนัยสำคัญ โดยจะบวกลบเลขนัยสำคัญก่อน เมื่อได้ผลลัพธ์ ให้มีจำนวนทศนิยม เทา่ กบั จำนวนท่ีทศนิยมนอ้ ยท่สี ดุ • การคูณหารเลขนยั สำคญั โดยจะคูณหารเลขนัยสำคญั ก่อน เม่ือไดผ้ ลลพั ธ์ ให้พิจารณาจำนวนเลข นยั สำคัญเทา่ กับตวั เลขท่นี ัยสำคัญนอ้ ยท่ีสุดทคี่ ณู หารกนั 11. ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามท้าทายการคิดข้ันสูง H.O.T.S. “เหตุใดผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณ ขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการวัดจะต้องพจิ ารณาตามหลักนยั สำคัญ” (แนวตอบ : การคำนวณข้อมูลที่ได้จากการวัดเคร่ืองวัด ผลลัพธ์ที่ได้ จะต้องมีความถูกต้องไม่เกิน ความละเอียดของเคร่ืองวดั ที่ใช้ ซึ่งเลขนัยสำคัญจะบอกถึงความละเอียดของช่องสเกลของเครือ่ งวัด และ ยังชว่ ยให้ผู้วัดทราบวา่ ผลการทดลองควรจะบนั ทกึ ผลดว้ ยตวั เลขกห่ี ลักจงึ จะเหมาะสม) 12. ครูให้นักเรยี นรว่ มกนั ทำโจทยต์ ัวอยา่ งของการคำนวณเลขนัยสำคญั จากตัวอย่างที่ 1.9 13. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาตัวอย่างที่ 1.10 และ 1.11 ในหนังสือเรียนหน้า 23 ตามข้ันตอนการแก้ โจทยป์ ัญหา ดังนี้ • ขัน้ ท่ี 1 ครูให้นกั เรยี นทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขั้นท่ี 2 ครูถามนักเรยี นว่า สิง่ ที่โจทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาส่ิงที่โจทย์ต้องการ ต้องทำ อยา่ งไร • ข้ันที่ 3 ครใู ห้นักเรียนดูวิธที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขน้ั ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอย่างวา่ ถกู ต้อง และตามหลกั นยั สำคัญหรือไม่ 14. นักเรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกับการคำนวณเลขนัยสำคญั เพื่อให้นักเรียนสรุปสาระสำคัญลงใน สมุดจดบันทึก 15. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question 1 ข้อ 8. และ 9. ในหนังสือเรียนหน้า 29 เพื่อเป็นการ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น ช่วั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครใู หน้ ักเรยี นจับคู่กับเพ่ือนร่วมชัน้ เรยี นเพือ่ ปฏบิ ตั กิ ารทดลอง การหาปรมิ าตรของหนังสือเรียน ในหนงั สือ เรียนหน้า 24 แลว้ บันทึกผลการทดลอง พร้อมตอบคำถามท้ายการทดลองลงในแบบบันทึกกิจกรรมท่ีอยู่ ในแบบฝึกหัดฟสิ ิกส์ ม.4 เล่ม 1 หนา้ 12 2. ครูอาจจะสุ่มถามนักเรียน ด้วยคำถามต่อไปน้ี • นกั เรียนวัดความกวา้ ง ความยาว และความหนา ของหนงั สอื เรียนได้เท่าไร จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 40 • ค่าเฉลี่ยของความกวา้ ง ความยาว และความหนา ของหนงั สอื เรยี น เป็นเทา่ ไร • นักเรียนหาปรมิ าตรของหนงั สือเรียนไดเ้ ทา่ ไร 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน อภิปราย สรุปผลการทดลองและเขียนรายงานการทดลองจากการ ปฏิบัติการทดลอง แล้วแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียน โดยครูช่วยอธิบายความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้ นักเรียนเกิดความเขา้ ใจมากขึ้น 4. ครอู ธิบายเพมิ่ เติมหลังจากทำการทดลองว่า การวัดทุกรปู แบบจะมคี วามคลาดเคลื่อนหรือความไม่แน่นอน เกิดขึ้นเสมอ ค่าต่างๆ ท่ีวัดได้จากการทดลอง หากเราไม่มีค่าความคลาดเคลื่อนกำกับ ค่านั้นจะไม่มี ความหมายแต่อย่างใด การบนั ทึกค่าความคลาดเคลื่อนถือเป็นสิง่ สำคญั ยิง่ อย่างหนึ่ง ท่ีจะทำใหว้ ิเคราะห์ ส่ิงที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง ซึ่งขนาดของความคลาดเคลื่อนจะเป็นตัวสะท้อนถึงความละเอียดของ เคร่ืองมอื หรอื เทคนิคท่ีใชใ้ นการทดลองนัน้ ๆ 5. ครูถามคำถามนักเรียนต่อว่า แล้วความคลาดเคลื่อนเกิดข้ึนจากสาเหตุใดบ้าง โดยให้นักเรียนอภิปราย ร่วมกนั เพื่อหาคำตอบ ช่วั โมงที่ 3 ขน้ั สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาการคำนวณความคลาดเคล่ือนทไ่ี ด้จากการวัดในตัวอยา่ งที่ 1.12 1.13 และ 1.14 จาก หนังสอื เรียนหน้า 25 – 26 แลว้ ให้นกั เรยี นร่วมกันทำใบงานที่ 1.3 เรื่อง เลขนัยสำคัญ 2. จากนั้นครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปเป็นผงั มโนทัศน์ เรอ่ื ง เลขนยั สำคัญ โดยอาจยกคำถามมาถามตอบ หรือ นำผลการทดลองที่ได้จากการวัดมาสรุปผลการทดลอง เพื่อเป็นการสรุปสาระสำคญั ของเนื้อหา เช่น เลข นยั สำคัญคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการทดลอง ความคลาดเคล่อื นเกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร เปน็ ต้น 3. ครมู อบหมายให้นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question 1 ข้อ 10 – 15 ในหนังสอื เรียนหน้า 29 เปน็ การบา้ น ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเลขนัยสำคัญ 2. ครสู งั เกตการทำกิจกรรม การหาปริมาตรของหนงั สือเรยี น 3. ครูตรวจสอบผลจากใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง เลขนยั สำคญั 5. ครูตรวจการทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question 1 เร่ือง เลขนัยสำคญั 6. ตรวจแบบฝกึ หดั ท่ี 4.1 - 4.5 เรอื่ ง เลขนัยสำคัญและความคลาดเคล่อื น 7. ตรวจแบบบนั ทกึ กจิ กรรม เรือ่ ง การหาปริมาตรของหนังสอื เรียน 8. ครปู ระเมินผลช้นิ งาน/ผลงานจากผงั มโนทศั น์ที่นักเรยี นไดส้ รา้ งขึ้นจากขนั้ ขยายความรู้ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 41 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 การประเมินระหว่าง - ใบงานท่ี 1.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกจิ กรรม - ตรวจใบงานที่ 1.3 - ผลงานทีน่ ำเสนอ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 1) เลขนัยสำคัญ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผลงาน ผลงาน การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล อันพึงประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรียน ประเมินตามสภาพจรงิ 4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม 5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ัย อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน 6) แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการ ตรวจแบบทดสอบหลัง เรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง เรยี น การศึกษาวชิ า ฟสิ ิกส์ 8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน ฟิสกิ ส์ ม.4 เล่ม 1 2) ใบงานที่ 1.3 เรือ่ ง เลขนยั สำคญั 3) แบบฝึกหดั ท่ี 4.1 - 4.5 เรอื่ ง เลขนัยสำคญั และความคลาดเคลอื่ น 3) PowerPoint หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่อื ง การศกึ ษาวิชาฟิสิกส์ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 42 9. การบรู ณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรยี น : ความหลากหลายทางชวี ภาพ หลักปรัชญา ครู ผ้เู รียน ของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความพอประมาณ พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลิตสอ่ื ที่ มจี ิตสำนึกท่ดี ี จติ สาธารณะร่วม เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนือ้ หาเปน็ อนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ประโยชน์ตอ่ ผ้เู รยี นและพฒั นาจากภมู ิ สงิ่ แวดลอ้ ม ปญั ญาของผเู้ รียน 2. ความมเี หตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพดว้ ยความ ไม่หยดุ นง่ิ ทห่ี าหนทางในชวี ิต หลุดพ้น ถกู ต้อง สจุ ริต จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคำตอบ เพ่ือให้หลุดพน้ จากความไมร่ ้)ู 3. มภี มู คิ มุ กันในตวั ทด่ี ี ภูมปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั รบั ผิดชอบ ระมัดระวงั สรา้ งสรรค์ 4. เงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ือง เลขนยั สำคัญ ท่ี ความรอบรู้ เร่ือง เลขนยั สำคัญ เกี่ยวขอ้ งรอบดา้ น นำความรูม้ า สามารถนำความรูเ้ หลา่ นน้ั มาพิจารณา เช่ือมโยงประกอบการวางแผน การ ใหเ้ กิดความเช่ือมโยง สามารถ ดำเนินการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ใู หก้ บั ประยกุ ต์ ผูเ้ รียน ใช้ในชวี ิตประจำวันได้ 5. เงื่อนไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน ซ่ือสัตยส์ จุ ริตและมคี วามอดทน มี มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ ความเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการดำเนิน ดำเนินชวี ิต ชีวติ สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ครู ผูเ้ รยี น ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - ความหลากหลายทางชวี ภาพ - สำรวจความหลากหลายทาง - สำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ ชวี ภาพในโรงเรยี น (กำหนดจุดให้ ในโรงเรยี น (ตามจดุ ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย) ผูเ้ รยี นสำรวจ) สง่ิ แวดลอ้ ม ครู ผู้เรยี น ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ - การอนุรักษ์ความหลากหลาย - การอนุรักษ์ความหลากหลายทาง - สืบค้นข้อมลู การอนรุ ักษ์ความ ทางชวี ภาพ ชีวภาพ (กำหนดหวั ข้อใหผ้ เู้ รียน หลากหลายทางชีวภาพ (ตามหัวขอ้ ท่ี สืบค้น) ไดม้ อบหมาย) จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 43 10. ความเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 10.1 หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นางสาวณัฐธนัญา บญุ ถึง) ………./……………./…………. 10.2 รองผู้อำนวยการฝา่ ยบริหารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ………./……………./…………. 10.3 ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………………. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ………./……………./…………. จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 44 11. บันทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน  ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชื่อ.........................................................ผู้สอน (นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา) ตำแหน่ง ครู จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 45 ใบงานที่ 1.3 เรื่อง เลขนยั สำคญั คำชแ้ี จง : จงหาคำตอบและแสดงวธิ ีทำอยา่ งละเอยี ด 1. จงหาปริมาตรของเหล็กทมี่ ีขนาด 36 เซนติเมตร × 20.2 เซนติเมตร × 9 มิลลเิ มตร ในหนว่ ยลูกบาศกม์ ลิ ลิเมตร เมตร (mm3) ลูกบาศก์เซนติเมตร (cm3) และลูกบาศก์เมตร (m3) 2. แผน่ พลาสตกิ รปู สี่เหลย่ี มผนื ผ้า มดี า้ นกวา้ ง 36.20 ± 0.05 เซนตเิ มตร และยาว 96.45 ± 0.05 เซนติเมตร แผน่ พลาสติกนี้จะมพี น้ื ที่เปน็ เท่าไร 3. จงหาผลลัพธข์ อง 3.50 + 4.95 – 2.52 ตามหลักเลขนัยสำคัญ 7.0 จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสกิ ส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 46 ใบงานที่ 1.3 เฉลย เรอ่ื ง เลขนยั สำคญั คำช้ีแจง : จงหาคำตอบและแสดงวิธีทำอย่างละเอยี ด 1. จงหาปรมิ าตรของเหลก็ ทม่ี ีขนาด 36 เซนตเิ มตร × 20.2 เซนตเิ มตร × 9 มิลลิเมตร ในหน่วยลูกบาศก์มิลลิเมตร เมตร (mm3) ลกู บาศก์เซนตเิ มตร (cm3) และลูกบาศกเ์ มตร (m3) ปรมิ าตรของเหลก็ ในหนว่ ย mm3 = 36 cm × 20.2 cm × 9 mm = 36 × 10 mm × 20.2 × 10 mm × 9 mm = 65448 mm3 = 7×104 mm3 ปริมาตรของเหลก็ ในหน่วย cm3 = 36 cm × 20.2 cm × 9 mm = 36 cm × 20.2 cm × 9 ×10-1 cm = 65448 cm 3 = 7×102 cm3 ปรมิ าตรของเหลก็ ในหน่วย m3 = 36 cm × 20.2 cm × 9 mm = 36 × 10-2 m × 20.2 × 10-2 m × 9 × 10-3 m = 6544.8 m3 = 7×10-3 m3 2. แผน่ พลาสตกิ รูปส่ีเหลีย่ มผนื ผ้า มีด้านกว้าง 36.20 ± 0.05 เซนติเมตร และยาว 96.45 ± 0.05 เซนติเมตร แผ่น พลาสตกิ น้ีจะมีพ้นื ท่ีเป็นเทา่ ไร แผน่ พลาสติกน้ีจะมพี ื้นทเ่ี ปน็ (A  A) • (B  B) = (A • B)  (∆A x 100 % + ∆B x 100 %) (36.20  0.05) • (96.45 0.05) A B ( 0.05 x 0.05 = (36.20 • 96.45)  100 % + 96.45 x 100 %) 36.20 = 3491.49  (0.19 %) = 3491  6.63 cm2 ดังนั้น พ้นื ที่แผ่นพลาสติกจะมพี ืน้ ท่ี 3491  6.63 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร 3. จงหาผลลพั ธข์ อง 3.50 + 4.95 – 2.52 ตามหลักเลขนัยสำคัญ 7.0 3.50 + 4.95 – 2.52 = (0.5) + 4.95 – 2.52 7.0 = 2.93 ดังนั้น ผลลพั ธ์ตามหลกั เลขนยั สำคญั เทา่ กบั 2.9 จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 47 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 การเคล่ือนทีใ่ นแนวตรง เวลา 20 ช่วั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนท่ีแนวตรง แรงและกฎการเคลือ่ นที่ ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งานและกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โม เมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตมั การเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ได้ 3) ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการ เคลื่อนที่ของวัตถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมท้ังทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วง ของโลก และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งได้ 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ 1) ปริมาณท่ีเกี่ยวกับการเคล่ือนท่ี ได้แก่ ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง โดยความเร็วและ ความเร่งมีท้ังค่าเฉล่ียและค่าขณะหน่ึงซึ่งคิดในช่วงเวลาส้ัน ๆ สำหรับปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการ เคลือ่ นท่ีแนวตรงด้วยความเรง่ คงตัวมคี วามสมั พนั ธต์ ามสมการ v = u + at u+v ∆x = ( 2 ) t ∆x = ut + 1 at2 2 v2 = u2 + 2a∆x 2) การอธิบายการเคล่ือนท่ีของวัตถุสามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟตำแหน่งกับเวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรือกราฟความเร่งกับเวลา ความชนั ของเส้นกราฟตำแหนง่ กับเวลาเปน็ ความเร็ว ความชันของเส้นกราฟ ความเร็วกบั เวลาเปน็ ความเร่ง และพน้ื ทใ่ี ต้เส้นกราฟความเรว็ กับเวลาเป็นการกระจัด ในกรณที ผี่ ้สู งั เกตมี ความเรว็ ความเรว็ ของวตั ถทุ ี่สงั เกตไดเ้ ปน็ ความเร็วท่เี ทียบกบั ผู้สงั เกต 3) การตกแบบเสรีเป็นตวั อย่างหนง่ึ ของการเคลอ่ื นท่ีในหน่ึงมติ ิท่มี คี วามเร่งเทา่ กับความเรง่ โนม้ ถว่ งของโล 2.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถน่ิ (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา) 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเคล่ือนที่แนวตรงทั้งในแนวระดับและแนวดิ่ง เป็นการเคล่ือนท่ีภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก แนวดิ่ง การ เคลอ่ื นทข่ี องวัตถุจะมคี วามสัมพนั ธก์ ับระยะทาง การกระจดั เวลา อัตราเร็ว ความเร็ว ความเรง่ และทศิ ทาง การเคลื่อนที่ของวตั ถุแนวตรงในกรณีความเร่งมีค่าคงตัว คือ การที่วตั ถเุ คลื่อนที่ด้วยความเร่งโดยมีท้ังขนาดและ ทิศทางเหมอื นเดมิ ตลอดเวลาของการเคลอ่ื นท่ี โดยสมการการเคลอื่ นทข่ี องวตั ถทุ ่เี กี่ยวข้องมคี วามสมั พันธ์ตามสมการ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 48 v = u + at u+v ∆x = ( 2 ) t ∆x = ut + 1 at2 2 v2 = u2 + 2a∆x 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 2) ทกั ษะการสังเกต 4. อยู่อย่างพอเพียง 3) ทักษะการสือ่ สาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 5) ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง ระยะทางและการกระจดั - ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง อัตราเรว็ และความเรว็ - ใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง เครือ่ งเคาะสญั ญาณเวลา - ใบงานท่ี 2.4 เรื่อง ความเรง่ - ใบงานท่ี 2.5 เรื่อง กราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างระยะทาง ความเร็ว กบั เวลา - ใบงานที่ 2.6 เร่ือง การเคล่ือนที่ดว้ ยความเรง่ คงตัว - ใบงานที่ 2.7 เรือ่ ง วัตถุตกแบบอิสระดว้ ยความเร่งคงตัว - ใบงานที่ 2.8 เร่อื ง ความเร็วสัมพทั ธ์ - ผังมโนทศั น์ เร่ือง ระยะทางและการกระจดั - ผงั มโนทัศน์ เรอ่ื ง อตั ราเรว็ และความเรว็ - ผงั มโนทัศน์ เรื่อง การเคลอื่ นที่ด้วยความเรง่ คงตัว - ผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง วัตถตุ กแบบอสิ ระ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 49 6. การวัดและการประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 6.1 การประเมินช้นิ งาน/ - ตรวจผังมโนทัศน์ แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ ผ่านเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง ระยะทางและ ภาระงาน ประเมินตามสภาพจรงิ การกระจัด รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจผงั มโนทศั น์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เรือ่ ง อัตราเร็วและ ความเรว็ - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง การเคล่ือนที่ ด้วยความเรง่ คงตวั - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง วตั ถุตกแบบ อสิ ระ 6.2 การประเมินกอ่ นเรียน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น ก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง การเคล่ือนท่ีใน แนวตรง 6.3 การประเมนิ ระหวา่ งการ จดั กจิ กรรม 1) ปริมาณท่เี กีย่ วกบั - ตรวจใบงานที่ 2.1-2.2 - ใบงานที่ 2.1-2.2 การเคล่ือนท่ีของวัตถุ - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี - แบบฝึกหัดท่ี 1.1, 1.2 1.1, 1.2 2) เครื่องเคาะ - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานท่ี 2.3 สัญญาณเวลา - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 2.1 - แบบฝึกหัดท่ี 2.1 3) ความเรง่ - ตรวจใบงานที่ 2.4 - ใบงานท่ี 2.4 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี - แบบฝึกหัดท่ี 3.1-3.3 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 4) กราฟความสัมพนั ธ์ ระหว่างระยะทาง 3.1-3.3 - ใบงานที่ 2.5 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ความเร็ว กบั เวลา - แบบฝกึ หัดที่ 4.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจใบงานที่ 2.5 5) การเคล่อื นที่ด้วย - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี - ใบงานที่ 2.6 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ความเรง่ คงตวั 4.1 - แบบฝึกหัดท่ี 5.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 6) วตั ถุตกแบบอิสระ - ตรวจใบงานท่ี 2.6 - ใบงานท่ี 2.7 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 5.1 - ตรวจใบงานที่ 2.7 จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 50 รายการวัด วธิ ีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน - แบบฝกึ หัดท่ี 6.1-6-3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ด้วยความเร่งคงตัว - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ - ใบงานท่ี 2.8 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 6.1-6-3 - แบบฝกึ หัดที่ 7.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7) ความเร่ง - ตรวจใบงานที่ 2.8 - ผลงานทน่ี ำเสนอ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 7.1 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 การทำงานกล่มุ ผ่านเกณฑ์ 8) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2 คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ผลงาน อันพึงประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรียน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล 10) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ 11) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มั่น ในการทำงาน 6.4 การประเมินหลังเรียน ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น หลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง การเคลอื่ นท่ใี น แนวตรง 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ • แผนท่ี 1 : ปรมิ าณทเ่ี กยี่ วกบั การเคลื่อนทขี่ องวัตถุ วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 2 ชว่ั โมง • แผนท่ี 2 : เคร่ืองเคาะสัญญาณเวลา วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 2 ช่ัวโมง • แผนท่ี 3 : ความเรง่ วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ช่ัวโมง • แผนท่ี 4 : กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคล่อื นทแี่ นวตรง วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ชั่วโมง • แผนท่ี 5 : การเคล่อื นท่ีของวัตถุกรณีความเร่งคงตวั วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ช่ัวโมง • แผนท่ี 6 : วตั ถุตกแบบอิสระดว้ ยความเร่งคงตวั วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 5 ชั่วโมง • แผนท่ี 7 : ความเรว็ สัมพทั ธ์ วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 2 ชั่วโมง (รวม 8 ชวั่ โมง) จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 51 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี น รายวิชาเพิม่ เตมิ ฟสิ ิกส์ ม.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นที่ 2 การเคลือ่ นทีแ่ นวตรง 2) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง ระยะทางและการกระจัด 3) ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง อตั ราเรว็ และความเรว็ 4) ใบงานที่ 2.3 เร่ือง เครื่องเคาะสญั ญาณเวลา 5) ใบงานท่ี 2.4 เรือ่ ง ความเรง่ 6) ใบงานที่ 2.5 เรื่อง กราฟความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งระยะทาง ความเร็ว กับเวลา 7) ใบงานที่ 2.6 เรื่อง การเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร่งคงตวั 8) ใบงานที่ 2.7 เรื่อง วตั ถุตกแบบอิสระด้วยความเรง่ คงตัว 9) ใบงานที่ 2.8 เรอ่ื ง ความเรว็ สมั พทั ธ์ 10) แบบฝกึ หดั หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การเคลอ่ื นท่ีในแนวตรง 11) PowerPoint เรอื่ ง การเคล่อื นท่ีในแนวตรง 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) ห้องสมดุ และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 52 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ต้นเดินรอบสนามซ่ึงมีรัศมี 7 เมตร โดยเขาเดินไดค้ รบ 6. การคำนวณหาความเร็วเฉล่ยี ของวัตถุ จะตอ้ งไดข้ ้อมลู อะไรบา้ ง 3 รอบ พอดี การกระจดั ท่ีต้นเคลื่อนท่ีได้เป็นเท่าใด 1. ระยะทางทัง้ หมดและเวลาทงั้ หมด 1. 0 เมตร 2. 7 เมตร 2. การกระจดั ท้งั หมดและเวลาทั้งหมด 3. 10 เมตร 4. 21 เมตร 3. ระยะทางและความเรง่ 5. 303 เมตร 4. การกระจัดและความเรง่ 2. โยนส้มผลหนึ่งข้ึนไปในแนวด่ิง ความเรว็ และความเร่ง 5. ความเร่งและความเรว็ ของสม้ เป็นอย่างไร ขณะถึงจุดสงู สุด 7. จบ๊ิ ขับรถออกจากไฟแดงด้วยความเร่ง 4 m/s2 อยากทราบ 1. ทั้งความเร็วและความเรง่ เป็นศนู ย์ ว่าในเวลา 5 s ต่อมารถจะมีขนาดของความเร็วเท่าใด 2. ทงั้ ความเร็วและความเรง่ ไม่เปน็ ศูนย์ 1. 5 m/s 2. 10 m/s 3. ความเร็วเป็นศนู ย์ แตค่ วามเรง่ ไม่เป็นศูนย์ 3. 15 m/s 4. 20 m/s 4. ความเรง่ เปน็ ศนู ย์ แตค่ วามเรว็ ไมเ่ ป็นศนู ย์ 5. 25 m/s 5. ความเร่งและความเร็วมีค่าเท่ากัน 8. โยนลูกบอลขึ้นไปในแนวดิ่ง ความเร็วของก้อนหินเป็นไป 3. วัตถใุ ดตอ่ ไปนี้กำลงั เคล่อื นทีโ่ ดยไม่มีความเรง่ ตามข้อใด ถ้า g = 10 m/s2 1. บอลลนู ลอยขึ้นในแนวด่งิ ด้วยความเร็วคงตัว 1. เพม่ิ ขนึ้ วนิ าทีละ 10 m/s 2. ลดลงวินาทลี ะ 10 m/s 2. รถยนตก์ ำลังแลน่ ด้วยอัตราเรว็ สมำ่ เสมอในทางโคง้ 3. เป็นศูนยเ์ ม่ือถงึ จุดสูงสดุ 4. ขอ้ 2 และ 3 ถกู 3. รถยนตก์ ำลงั ถอยหลงั เข้าจอดในโรงรถ 5. ข้อ 1 2 และ 3 ถูก 4. ยิงปืนจากหน้าผาข้ึนไปในแนวด่ิง 9. ระยะทางและการกระจัดแตกต่างกนั อยา่ งไร 5. ขนนกกาลังปลวิ ลงในแนวดงิ่ 1. มหี น่วยการวดั แตกต่างกนั 4. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีไม่จัดเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ 2. ระยะทางเป็นปริมาณสเกลาร์ การกระจัดเป็นปริมาณ 1. ความเรว็ 2. ความเร่ง เวกเตอร์ 3. การกระจดั 4. อัตราเรว็ 3. การกระจัดเป็นปริมาณสเกลาร์ ระยะทางเป็นปริมาณ 5. แรง เวกเตอร์ 5. วัตถุเคลื่อนที่ด้วย “ความเร่งคงตัว” หมายความว่า 4. ระยะทางมคี า่ มากกว่าการกระจดั เสมอ อย่างไร 5. ขอ้ 2. และ 4. ถูก 1. ความเรว็ ต้นและความเร็วปลายของวัตถุเปน็ ศนู ย์ 10. ปลอ่ ยก้อนหนิ ใหต้ กลงมาจากตึก ความเร็วของกอ้ นหินเป็นไป 2. ความเรว็ ต้นและความเรว็ ปลายมีขนาดเทา่ กัน ตามขอ้ ใด ถ้า g = 10 m/s2 3. ความเรว็ ของวัตถุเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 1. เพม่ิ ขึน้ วินาทลี ะ 10 m/s 2. เปน็ ศนู ย์ ณ จุดปล่อย 4. ความเรว็ ของวตั ถุท่เี ปลี่ยนไปมคี ่าเท่ากันทุกๆ วินาที 3. มากที่สุดขณะกระทบพืน้ 4. ขอ้ 1 และ 3 ถกู 5. ข้อ 2. และ 4. ถกู 5. ถกู ทัง้ ข้อ 1 2 และ 3 เฉลย 1. 1 2. 3 3. 1 4. 4 5. 4 6. 2 7. 4 8. 4 9. 2 10. 5 จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 53 แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 คำชีแ้ จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ตน้ เดินรอบสนามซึ่งมีรัศมี 7 เมตร โดยเขาเดินไดค้ รบ 6. การคำนวณหาความเรว็ เฉล่ียของวตั ถุ จะต้องไดข้ อ้ มูลอะไรบ้าง 3 รอบ พอดี การกระจดั ทต่ี ้นเคลือ่ นทไี่ ด้เปน็ เท่าใด 1. ระยะทางทง้ั หมดและเวลาทั้งหมด 1. 0 เมตร 2. 7 เมตร 2. การกระจดั ทง้ั หมดและเวลาท้ังหมด 3. 10 เมตร 4. 21 เมตร 3. ระยะทางและความเร่ง 5. 303 เมตร 4. การกระจดั และความเร่ง 2. วัตถุเคล่ือนท่ีด้วย “ความเร่งคงตัว” หมายความว่า 5. ความเร่งและความเรว็ อย่างไร 7. โยนลูกบอลขึ้นไปในแนวด่งิ ความเร็วของก้อนหินเป็นไปตามข้อ 1. ความเรว็ ต้นและความเรว็ ปลายของวัตถุเป็นศนู ย์ ใด ถ้า g = 10 m/s2 2. ความเรว็ ต้นและความเร็วปลายมีขนาดเทา่ กัน 1. เพ่มิ ข้ึนวินาทลี ะ 10 m/s 2. ลดลงวนิ าทีละ 10 m/s 3. ความเร็วของวตั ถุเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา 3. เปน็ ศูนยเ์ มือ่ ถึงจดุ สูงสุด 4. ข้อ 2 และ 3 ถกู 4. ความเร็วของวัตถุที่เปลีย่ นไปมีคา่ เทา่ กันทุกๆ วินาที 5. ข้อ 1 2 และ 3 ถกู 5. ข้อ 2. และ 4. ถกู 8. จ๊ิบขับรถออกจากไฟแดงด้วยความเร่ง 4 m/s2 อยากทราบ 3. วัตถุใดตอ่ ไปน้ีกำลงั เคลื่อนที่โดยไมม่ ีความเรง่ ว่าในเวลา 5 s ต่อมารถจะมีขนาดของความเร็วเท่าใด 1. บอลลูนลอยขึ้นในแนวดิง่ ด้วยความเรว็ คงตัว 1. 5 m/s 2. 10 m/s 2. รถยนต์กำลังแล่นด้วยอัตราเรว็ สม่ำเสมอในทางโคง้ 3. 15 m/s 4. 20 m/s 3. รถยนต์กำลงั ถอยหลงั เข้าจอดในโรงรถ 5. 25 m/s 4. ยงิ ปนื จากหนา้ ผาข้ึนไปในแนวดิ่ง 9. ระยะทางและการกระจัดแตกตา่ งกนั อย่างไร 5. ขนนกกาลงั ปลวิ ลงในแนวดงิ่ 1. มีหน่วยการวัดแตกต่างกนั 4. ข้อใดตอ่ ไปน้ไี มจ่ ัดเป็นปริมาณเวกเตอร์ 2. ระยะทางเป็นปริมาณสเกลาร์ การกระจัดเป็นปริมาณ 1. ความเรว็ 2. ความเร่ง เวกเตอร์ 3. การกระจดั 4. อัตราเรว็ 3. การกระจัดเป็นปริมาณสเกลาร์ ระยะทางเป็นปริมาณ 5. แรง เวกเตอร์ 5. โยนส้มผลหน่ึงขึ้นไปในแนวด่ิง ความเรว็ และความเร่ง 4. ระยะทางมคี ่ามากกวา่ การกระจดั เสมอ ของส้มเป็นอย่างไร ขณะถงึ จดุ สูงสดุ 5. ข้อ 2. และ 4. ถกู 1. ทง้ั ความเรว็ และความเรง่ เปน็ ศูนย์ 10. ปลอ่ ยก้อนหินใหต้ กลงมาจากตึก ความเร็วของก้อนหนิ เป็นไป 2. ทั้งความเร็วและความเรง่ ไมเ่ ป็นศนู ย์ ตามขอ้ ใด ถ้า g = 10 m/s2 3. ความเร็วเป็นศนู ย์ แตค่ วามเรง่ ไมเ่ ป็นศูนย์ 1. เพิม่ ขน้ึ วนิ าทลี ะ 10 m/s 2. เปน็ ศนู ย์ ณ จดุ ปลอ่ ย 4. ความเร่งเปน็ ศูนย์ แต่ความเร็วไมเ่ ป็นศูนย์ 3. มากทสี่ ดุ ขณะกระทบพื้น 4. ขอ้ 1 และ 3 ถกู 5. ความเรง่ และความเร็วมีค่าเท่ากนั 5. ถกู ทง้ั ข้อ 1 2 และ 3 เฉลย 1. 1 2. 4 3. 1 4. 4 5. 3 6. 2 7. 4 8. 4 9. 2 10. 5 จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 54 แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ แบบประเมินผลงานผังมโนทศั น์ คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงาน/ช้ินงานของนกั เรยี นตามรายการท่ีกำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 3 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4 ความตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ ............../................./................ จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ ิกส์ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 55 เกณฑป์ ระเมินผงั มโนทศั น์ ประเดน็ ทป่ี ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผ ล งานไม่ส อดค ล้อ ง จดุ ประสงคท์ กี่ ำหนด จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จุดประสงคเ์ ป็นส่วนใหญ่ จุดประสงค์บางประเด็น กับจุดประสงค์ 2. ผลงานมีความ เน้ือหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน ถูกตอ้ งสมบูรณ์ ถกู ตอ้ งครบถว้ น ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ถูกต้องเป็นบางประเดน็ ไม่ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ 3. ผลงานมีความคิด ผ ล งานแส ดงออกถึง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคิด สร้างสรรค์ ค วามคิด ส ร้างส รรค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ แ ป ล ก ให ม่ แ ล ะ เป็ น ใหม่ ระบบ 4. ผลงานมคี วามเป็น ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่ไม่เป็น ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถึง เป็ น ระเบี ยบ แต่ ยังมี ระเบียบแต่มีขอ้ บกพร่อง ร ะ เบี ย บ แ ล ะ มี ข้ อ ความประณีต ขอ้ บกพรอ่ งเลก็ น้อย บางส่วน บกพร่องมาก เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ จัดทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 56 แบบประเมินการปฏิบตั กิ าร คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ การปฏิบัติการของนกั เรยี นตามรายการท่ีกำหนด แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 การปฏิบัตกิ ารทดลอง 2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏบิ ัติการ รวม 3 การนำเสนอ ลงชอ่ื ................................................... ผูป้ ระเมิน ................./................../.................. จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 57 เกณฑก์ ารประเมินการปฏิบตั กิ าร ประเดน็ ท่ีประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 ทำการทดลองตาม 1. การปฏบิ ัตกิ าร 32 ต้องให้ความชว่ ยเหลือ ทดลอง ขั้นตอน และใชอ้ ปุ กรณ์ อยา่ งมากในการทำการ ทำการทดลองตาม ตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทดลอง และการใช้ ได้อย่างถกู ต้อง ข้นั ตอน และใชอ้ ปุ กรณ์ บา้ งในการทำการ อุปกรณ์ ได้อย่างถูกตอ้ ง แต่อาจ ทดลอง และการใช้ ตอ้ งไดร้ ับคำแนะนำบ้าง อุปกรณ์ 2. ความ มคี วามคล่องแคลว่ มีความคลอ่ งแคลว่ ขาดความคล่องแคลว่ ทำการทดลองเสรจ็ ไม่ คลอ่ งแคล่ว ในขณะทำการทดลอง ในขณะทำการทดลอง ในขณะทำการทดลอง ทันเวลา และทำ ในขณะ โดยไม่ตอ้ งได้รบั คำ แตต่ ้องไดร้ บั คำแนะนำ จงึ ทำการทดลองเสรจ็ อุปกรณ์เสียหาย ปฏิบตั กิ าร ชแ้ี นะ และทำการ บ้าง และทำการทดลอง ไมท่ นั เวลา เสร็จทันเวลา ตอ้ งให้ความชว่ ยเหลอื ทดลองเสร็จทนั เวลา ต้องให้คำแนะนำในการ อย่างมากในการบนั ทึก บันทกึ และสรปุ ผลการ บนั ทึก สรปุ และ สรุป และนำเสนอผล 3. การบนั ทึก สรปุ บนั ทึกและสรุปผลการ ทดลองได้ถกู ต้อง แต่ นำเสนอผลการทดลอง การทดลอง และนำเสนอผล ทดลองได้ถูกต้อง รดั กมุ การนำเสนอผลการ การทดลอง นำเสนอผลการทดลอง ทดลองยังไมเ่ ป็น ขนั้ ตอน เปน็ ข้นั ตอนชัดเจน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 10-12 ดมี าก 7-9 ดี 4-6 พอใช้ 0-3 ปรบั ปรุง จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 58 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถกู ต้องของเน้อื หา   2 ความคิดสรา้ งสรรค์   3 วิธีการนำเสนอผลงาน   4 การนำไปใช้ประโยชน์   5 การตรงตอ่ เวลา   รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 59 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเหน็   2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน   3 การทำงานตามหนา้ ทท่ี ีไ่ ด้รบั มอบหมาย   4 ความมนี ้ำใจ   5 การตรงตอ่ เวลา   รวม เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรุง จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 60 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอ่นื ตามที่ได้รับ สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลมุ่ 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมิน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............./.................../............... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 61 แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมที่เกีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทโี่ รงเรียนจดั ข้นึ 2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ข้อมลู ทถี่ ูกตอ้ งและเป็นจรงิ 2.2 ปฏิบตั ใิ นสิง่ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชื่อฟงั คำส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้ 4.4 ตัง้ ใจเรยี น 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุง่ มั่นในการทำงาน 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเรจ็ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน 8.2 รู้จักการดูแลรกั ษาทรัพยส์ มบตั แิ ละส่งิ แวดล้อมของห้องเรยี นและโรงเรียน ลงช่อื .................................................. ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 51–60 ดีมาก พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน 41–50 ดี พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติบางคร้งั ให้ 1 คะแนน 30–40 พอใช้ ตำ่ กว่า 30 ปรับปรุง จดั ทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกส์ 1 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 62 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1/2564 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การเคล่อื นท่ใี นแนวตรง เรื่อง ปริมาณทเ่ี กดิ จากการเคล่ือนท่ีของวัตถุ จำนวนเวลาทีส่ อน 2 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยุธยา 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (ความเขา้ ใจทค่ี งทน) การเคล่ือนที่แนวตรงทั้งในแนวระดับและแนวด่ิง เป็นการเคลือ่ นที่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก แนวด่งิ การ เคล่อื นที่ของวตั ถจุ ะมีความสัมพันธก์ บั ระยะทาง การกระจดั เวลา อตั ราเรว็ ความเรว็ ความเรง่ และทิศทาง ระยะทางกับการกระจัดเป็นปริมาณที่ต่างกัน โดยระยะทางเป็นระยะตามเส้นทางการเคลอ่ื นที่จริงของวัตถุ และเป็นปริมาณสเกลาร์ ส่วนการกระจัดเป็นระยะทางตามแนวเส้นตรงจากตำแหน่งเดมิ ไปยังตำแหน่งใหม่ และ เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ความเรว็ กบั อัตราเร็วเป็นปริมาณทต่ี ่างกัน โดยความเรว็ คือการเปลย่ี นแปลงการกระจัดของวัตถุกับช่วงเวลา นั้น เป็นปริมาณเวกเตอร์ ส่วนอัตราเร็วเป็นการเปลี่ยนแปลงของระยะทางของวัตถุกับช่วงเวลานั้นเช่นกันและ เป็นปรมิ าณสเกลาร์ พ้ืนท่ีใต้กราฟความเรว็ –เวลาในชว่ งเวลาที่กำหนดของการเคลื่อนที่แนวตรง คือ ระยะทางท่ีวัตถุเคลื่อนท่ไี ด้ หรอื การกระจัดทเ่ี ปล่ยี นไปในช่วงเวลาน้นั 2. ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการเคล่ือนที่ ของวัตถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมท้ังทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องได้ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1) เกิดความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกย่ี วข้องกับการเคลื่อนท่ี 2) อธิบายความสัมพันธ์ของปริมาณ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเคลอื่ นท่ีจากกราฟและสมการได้ 3.2 ดา้ นทักษะและกระบวนการ (Skill/Process) 3) มีทักษะการคำนวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนที่ได้ 3.3 ดา้ นเจตคติ (Attitude) 4) เหน็ คุณประโยชนข์ องการเรียนวชิ าฟิสิกส์ ตระหนักในคุณคา่ ของความรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ี่ใชใ้ น ชวี ิตประจำวนั 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 เนือ้ หาสาระหลกั : Knowledge (ผ้เู รยี นตอ้ งร้อู ะไร) - ปรมิ าณที่เกี่ยวกับการเคลอ่ื นท่ี ได้แก่ ตำแหนง่ การกระจดั ความเร็ว และความเร่ง โดยความเร็ว และความเร่งมีทั้งค่าเฉล่ียและค่าขณะหน่ึงซึ่งคิดในช่วงเวลาส้ัน ๆ สำหรับปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ เคล่อื นท่ีแนวตรงดว้ ยความเรง่ คงตวั มีความสัมพนั ธต์ ามสมการ จดั ทำโดย นายธนพัฒน์ อศิ รางกรู ณ อยุธยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ ิกส์ 1 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 63 v = u + at ……………………………. (1) ∆x = (u+v) t …………………………. (2) 2 ∆x = ut + 1 at2 ……………………. (3) 2 v2 = u2 + 2a∆x ………………..…. (4) 4.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (ผู้เรยี นสามารถปฏบิ ัตอิ ะไรได)้ - ทักษะการวเิ คราะห์ - ทักษะการสงั เกต - ทักษะการสื่อสาร - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั - ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้ 4.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude (ผ้เู รียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) - มีวนิ ยั - ใฝเ่ รียนรู้ - มงุ่ มั่นในการทำงาน - มคี วามซ่อื สตั ย์ - อยู่อย่างพอเพียง 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 2) ทักษะการสังเกต 4. มคี วามซือ่ สตั ย์ 3) ทกั ษะการสื่อสาร 5. อยู่อย่างพอเพียง 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้  แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1 ขน้ั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) จัดทำโดย นายธนพฒั น์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ตำแหนง่ ครู กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook