Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป

วิชา การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป

Published by lavanh5579, 2021-08-23 05:14:47

Description: วิชา การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป

Search

Read the Text Version

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู 81 - จะต้องมีการแก้ไขเกณฑ์ปฏิบัติเดิมหรือไม่ อะไรบ้าง และต้องเสนอกฎเกณฑ์ ใหม่ในเรอ่ื งใดบ้าง จะมีข้นั ตอนอย่างไร - จะต้องใช้ความรู้หรือเทคโนโลยี (technical know how) และความชานาญ ในเรอื่ งใดบ้าง จะแสวงหาการสนบั สนนุ จากท่ีใด - จะกาหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน (standard operating procedure) อะไรบา้ ง อยา่ งไร จากคาถาม 6W + H นี้หากสามารถหาคาตอบจากโครงการได้โดยครบถ้วนแล้ว การ พิจารณาโครงการก็จะสามารถทราบว่าโครงการน้ีมีความสมบูรณ์ และมีความเป็นไปได้ท่ีจะนาไปใช้ ปฏิบัติให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ได้มากน้อยเพียงโด ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่สนับสนุน กระบวนการตัดสนิ ใจ ที่จะอนมุ ัตโิ ครงการไดอ้ ย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพเพิ่มขนึ้ สมหวัง พริ ยิ านุวัฒน์ (2544) ได้ให้ข้อมูลถึงการประเมินโครงการก่อนดาเนินการ หรือก่อน อนุมัติโครงการ (Preliminary Evaluation) เป็นการศึกษาประเมินความเป็นไปได้ ( Feasibility Study) ก่อนทเ่ี ริม่ โครงการใดๆ โดยอาจทาการศกึ ษาถงึ ประสิทธภิ าพของปัจจัยปูอน ความหมาะสม ของกระบวนการท่คี าดว่าจะนามาใช้ในการบริหารจดั การโครงการ ปญั หา อุปสรรค ความเสี่ยงของ โครงการ ตลอดจนผลลพั ธ์ หรือประสิทธผิ ลทค่ี าดวา่ จะได้รบั ในขณะเดียวกนั ก็อาจจะศึกษาปลกระ ทบทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขึน้ ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ - การประเมินผลกระทบด้านสงั คม(Social Impact Assessment-SIA) - การประเมนิ ผลกระทบดา้ นนเิ วศ(Ecological Impact Assessment-EIA) - การประเมินผลกระทบด้านการเมือง(Political Impact Assessment-PIA) - การประเมนิ ผลกระทบด้านเทคโนโลยี(Technological Impact Assessment-TIA) - การประเมนิ ผลกระทบดา้ นประชากร(Population Impact Assessment-PIA) - การประเมนิ ผลกระทบด้านนโยบาย(Policy Impact Assessment-POIA) - การประเมินผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ(Economic Impact Assessment) การประเมินโครงการก่อนการดาเนินการน้ีมีประโยชน์สาหรับโครงการที่ต้องลงทุน ท้ังนี้ เพื่อศกึ ษาดูว่ากอ่ นลงมือโครงการใด ๆ นั้น จะเกิดความคุ้มค่าแก่การลงทุน (Cost effectiveness) หรอื จะเกดิ ผลกระทบต่อระบบส่งิ แวดลอ้ มทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ประชากร เทคโนโลยี และระดับนโยบายหรือไม่ หากได้ทาการศึกษารอบคอบแล้วอาจจะได้ผลการคาดการณ์ล่วงหน้าว่า จะได้เกดิ ประโยชนห์ รอื โทษอยา่ งไร ปัญหา อปุ สรรค เป็นอย่างไร เพื่อผู้เป็นเจ้าของโครงการจะได้ ตัดสินล่วงหน้าว่าจะเลิกล้มโครงการหรือปรับปรุงองค์ประกอบ และกระบวนการบริหารจัดการ โครงการเพียงใด เพือ่ ใหเ้ กดิ ผลดี สรุปทา้ ยบทเรียน การศึกษาความเปน็ ไปได้ ควรให้ความสาคัญกับการศึกษาในเรื่องดังต่อไปน้ี การศึกษาด้าน เทคนิคหรือด้านวชิ าการ (Technical study) - การศึกษาด้านการจัดการ (Management study)

82 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู - การศึกษาด้านการตลาด (Market study) - การศกึ ษาดา้ นการเงนิ (Financial study) - การศกึ ษาดา้ นเศรษฐกิจ (Economic study) - การศึกษาด้านสงั คมและการเมอื ง (Social and Political Study) - การศึกษาด้านสภาพแวดล้อมและสภาวะนิเวศน์ (Environmental and Ecological Study) - การศกึ ษาความเปน็ ไปไดด้ า้ นเวลา (Time study) - การศกึ ษาความเป็นไปไดด้ า้ นจิตวทิ ยา (Psychology Study) และแนวทางคาถามในการวิเคราะหโ์ ครงการมดี งั นี้คือ - ใครเป็นสมาชิกในโครงการ ใครเข้าร่วมโครงการบ้าง ใครรับผิดชอบโครงการ หรอื กิจกรรมในโครงการบา้ ง(who) - ทาโครงการเกี่ยวกับอะไร มกี จิ กรรมอะไรบ้าง(what) - ทาโครงการทไ่ี หน ต้องตดิ ตอ่ สถานท่ไี หนบา้ ง (when) - ทาโครงการน้ีไปทาไม เพ่ือวัตถุประสงค์ใด ทาไมทากิจกรรมนี้ในโครงการ (Where why) - ผ้ไู ด้ประโยชน์จากกิจกรรมโครงการมใี ครบา้ ง (To whom) - จะดาเนินโครงการอย่างไรบ้าง(How)

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป 83 แบบทดสอบท้ายบทท่ี 4 1. การศกึ ษาความเป็นไปได้คอื อะไร 2. กิจกรรมของโครงการ สภาวะแวดล้อมของโครงการ และงบประมาณของโครงการมี ความเก่ยี วขอ้ งกับการศกึ ษาความเปน็ ไปได้ของโครงการ อย่างไร 3. บุคลากรของโครงการมีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ อยา่ งไร 4. สภาวการณ์ด้านการตลาดมีความเก่ียวข้องกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ อย่างไร 5. เหตุการณ์ด้านสังคมและการเมืองมีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาความเป็นไปได้ของ โครงการ อย่างไร 6. คาถาม 6w + H ( who/what / when/ Where/ why/ whom/ How) เกี่ยวข้อง กับการพจิ ารณาความเปน็ ไปได้ของโครงการอยา่ งไรบ้าง 7. ให้นาเสนอเทคนิคการเลือกใชข้ อ้ มูลสาหรบั การศึกษาความเปน็ ไปได้ของโครงการ 8. ใหน้ าเสนอสงิ่ ควรพจิ ารณาเพ่มิ เติมในเรอ่ื งความแมน่ ยาของการประมาณการ 9. หวั ใจสาคัญของการศกึ ษาความเป็นไปได้ คืออะไร ให้เสนอแนะแนวการตรวจสอบอ่ืน เพิม่ เตมิ ท่สี ามารถเปน็ หัวใจสาคญั สาหรับการศกึ ษาความเปน็ ไปได้ 10. ให้ออกแบบกจิ กรรมท่ีเหมาะสาหรับการประเมินโครงการก่อนดาเนินงานตามแนวคิด ของนกั ศกึ ษา

84 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู เอกสารอ้างอิง เจริญวิชญ์ สมพงษ์ธรรม. (2554). การบรหิ ารและประเมินโครงการ. [ม.ป.ท]. ศนู ย์นวัตกรรม การบรหิ ารและนาทางการศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. เพ็ญศรี ปักกะสีนัง. (2556). การจัดการโครงการเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรุงเทพฯ: ซีเอด็ ยูเคชั่น. ชูชีพ พพิ ัฒน์ศิถี. (2544). เศรษฐศาสตร์การวเิ คราะห์โครงการ. พมิ พ์ครั้งที่ 4. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ฐาปนา ฉ่ินไพศาล. (2556). การบริหารโครงการและการศึกษาความเป็นไปได.้ พิมพ์คร้ังท่ี 11. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ธรี ะฟิลม์ และไซเท็กซ์ จากัด. ณฏั ฐพันธ์ เขจรนันทน์. (2551). การวเิ คราะห์และออกแบบระบบสารสนเทศ. กรุงเทพฯ: ซเี อ็ด ยเู คช่นั . ปกรณ์ ปรยี ากร. (2542). การวางแผนการวิเคราะหแ์ ละแนวทางในการบริหารโครงการให้ ประสบผลสาเรจ็ . (ม.ป.ท.): สถาบันบัณฑิตพฒั นบริหารศาสตร์. พชิ ติ สขุ เจริญพงษ.์ (2553). เอกสารประกอบการอบรมและสัมมนา หลกั สูตรการบริหารโครงการ เชิงปฏบิ ตั ิ. กรุงเทพฯ: สมาคมสง่ เสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ปี ุน). สมหวงั พริ ิยานวุ ฒั น์. (2544). รวมบทความทางการประเมินโครงการ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. สพุ จน์ โกสยิ ะจินดา. (2550). การบรหิ ารโครงการในระบบงานไอที. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์. สุภาพร พิศาลบุตร. (2553). การวางแผนและการบรหิ ารโครงการ. พิมพค์ ร้ังท่ี7. นนทบุรี: Urai Thoophom. สุรศกั ด์ิ นานานกุ ูล. (2539). การวางแผนโครงการและการศึกษาความเป็นไปได้. พมิ พ์คร้งั ท่ี 2. กรุงเทพฯ: [ม.ป.พ.].

แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 5 การเขียนโครงการและเร่ิมต้นโครงการด้วยโปรแกรม เวลาเรียน 8 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ หลงั จากทีไ่ ด้ศกึ ษาบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษาควรมีพฤติกรรมดงั น้ี 1. บอกแนวทางหรอื วธิ กี ารคัดเลือกโครงการได้ 2. สรปุ ความสาคัญในรายละเอียดในการเขียนโครงการ 3. อธบิ ายเน้อื หาสาหรับเขียนข้อเสนอโครงการได้ 4. สร้างแบบฟอรม์ เอกสารขออนุมัติโครงการได้ 5. เขยี นขอ้ เสนอโครงการทส่ี อดคล้องต่อความต้องการได้ 6. สามารถประยุกตใ์ ชง้ านโปรแกรม Microsoft Project กับการเริ่มตน้ โครงการได้ หวั ข้อเนอื้ หา 1. วธิ ีเลอื กโครงการ 2. รายละเอยี ดในการเขียนโครงการ 3. การเขยี นข้อเสนอโครงการ 4. เอกสารอนุมัตโิ ครงการ 5. ตัวอยา่ งการเขยี นข้อเสนอโครงการ 6. จดั การโครงการ ด้วยโปรแกรม Microsoft Project วิธกี ารสอนและกจิ กรรม 1. บรรยายเน้ือหาสาระสาคัญประกอบ PowerPoint 2. ตง้ั คาถามอภปิ รายระหวา่ งอาจารยก์ ับนกั ศึกษา 3. สรุปประเด็นเนอื้ หารว่ มกัน 4. ใหต้ อบคาถามท้ายบทเรียน ส่ือการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. Microsoft PowerPoint ประจาบทเรียน 3. คอมพิวเตอร์ และเครือข่ายอินเตอรเ์ น็ต 4. แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน

86 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู การวัดผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนรว่ มในห้องเรียน 2. ความรบั ผดิ ชอบในงานท่ีได้รับมอบหมาย 3. ประเมนิ การทางานตามที่มอบหมาย 4. ประเมินการตอบคาถามและทางานท้ายบทเรยี น

บทท่ี 5 การเขียนโครงการและเริ่มต้นโครงการด้วยโปรแกรม การเขียนโครงการ เป็นกิจกรรมท่ีแสดงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ท่ีจะเกิดข้ึนในโครงการ ทั้งหมด โดยละเอียดและชัดเจน เพื่อจะเป็นส่วนที่ส่งต่อไปสู่การวางแผนการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ในลาดับ ต่อไป โดยปกติขั้นตอนรายละเอียด หรือรูปแบบการเขียนโครงการจะถูกกาหนดขึ้นจากองค์กรที่ รับผิดชอบในเบ้ืองต้น ซึ่งรูปแบบการเขียนโครงการในปัจจุบันจะคล้ายคลึงกับรูปแบบโครงการแบบ ดั้งเดิม และรูปแบบตารางความสมั พนั ธเ์ ชิงเหตุผล ทั้งน้ีรูปแบบดังกล่าวจะถูกนาไปประยุกต์ให้เข้ากับ ความตอ้ งการขององคก์ รต่างๆ ตามระเบยี บท่กี าหนดไว้ขององค์กร วธิ ีเลือกโครงการ การเลือกโครงการท่ีเราจะทานั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเอง แต่วิธีที่ทาให้โครงการ ประสบความสาเร็จ คอื การเลอื กหวั ขอ้ โครงการท่เี ราถนัดอยู่แล้ว เชน่ โจทย์การเลือกโครงการคือ การ นาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ไปบริการชุมชน นอกสถานศึกษา นักศึกษาในฐานะท่ีมีความรู้ ความสามารถด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์ ในด้านโปรแกรมสาเร็จรูป และประกอบกับ ในเขตพ้ืนที่ ใกล้กับมหาวิทยาลัย มโี รงเรยี นระดบั ประถมศกึ ษา หรอื ในเขตพ้ืนที่พักอาศัยมีชุมชนที่มีความสนใจใน การใช้งานคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเลือกโครงการท่ีเกี่ยวข้องกับการไปบริการชุมชนในเร่ืองการให้ ความรู้เก่ียวกับทักษะการใช้งาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่น้องๆ นักเรียนระดับประถมศึกษาได้ ซ่ึง ส่ิงท่ตี อ้ งดาเนินการตอ่ ไปก็คอื การติดต่อประสานงานกับองค์กรท่ีจะไปจัดทาโครงการในเบื้องต้น ต้อง มีการสารวจถึง ความต้องการของโรงเรียนเปูาหมายว่า โรงเรียนใดที่มีความสนใจความต้องการให้ นักศึกษาไปร่วมจัดทาโครงการบ้าง ซ่ึงหากกลุ่มเปูาหมายมีความต้องการ ที่ตรงกับแนวคิดกลุ่ม นกั ศึกษา โครงการทตี่ ้องการจัดทากจ็ ะสามารถเกดิ ข้นึ ไดจ้ รงิ การข้อมูลขา้ งตน้ สรปุ ไดว้ า่ วธิ ีเลือกโครงการมีประเดน็ ในการในความสาคัญ 2 ประเดน็ คือ 1. ความพร้อมความสามารถของผู้จัดทาโครงการ 2. ความสนใจความต้องการของกล่มุ เปูาหมาย รายละเอยี ดในการเขยี นโครงการ สุภาพร พิศาลบตุ ร (2553) กล่าวไว้วา่ การเขียนโครงการจะมีรายละเอียดในการบริหารงาน ขององค์กร โดยมีลักษณะเป็นระบบที่สัมพันธ์กันตามหลักเหตุผล ซ่ึงจะกาหนดรายละเอียดต่างๆ ดังตอ่ ไปนี้ ทาไปทาไม หมายถึง เหตผุ ลและความจาเป็น อยา่ งไร หมายถงึ กลวธิ ี หรือวธิ กี ารในการแก้ไขปัญหา ทาโดยหวังผลอะไร หมายถึง วัตถปุ ระสงค์ หรือผลทค่ี าดวา่ จะได้รับ เทา่ ไร หมายถงึ เปูาหมายในการดาเนนิ การ ใคร หมายถึง ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ

88 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป ทาอะไร หมายถึง โครงการทจ่ี ะดาเนนิ การ ทไ่ี หน หมายถงึ พืน้ ที่ดาเนินการ เมื่อไร หมายถงึ ระยะเวลาดาเนินการ เหตุผลความจาเป็น (ปญั หา) ใคร /ทาอะไร /ท่ไี หน / จะดาเนนิ งานอยา่ งไร เมอ่ื ไหร่ (กลวธิ ี แก้ไขปัญหา) (แผนงาน โครงการ) ทาเท่าไหร่ หวังผลอะไร (เป้าหมาย) (วตั ถุประสงค์) ภาพที่ 5.1 ระบบการกาหนดรายละเอียดของการเขียนโครงการ ทม่ี า: ดัดแปลงจาก สภุ าพร พิศาลบุตร (2553:134) การเขยี นขอ้ เสนอโครงการ ในการจัดทาข้อเสนอโครงการ ผู้จัดทาข้อเสนอโครงการอาจเพียงแต่กรอกข้อความใน รูปแบบ ของคาร้องขอให้จัดทาข้อเสนอโครงการ หรืออาจจะนาเสนอโครงการในรูปแบบอ่ืนๆ โดยท่ัวไปการจัดทาขอ้ เสนอโครงการอาจเขียนได้ 2 รูปแบบคือ การเขียนโครงการแบบประเพณีนิยม หรอื แบบดัง้ เดมิ และการเขียนโครงการแบบตารางเหตผุ ลต่อเนือ่ งหรอื แบบตรรกวทิ ยา ดงั น้ี

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู 89 1. การเขยี นโครงการแบบดง้ั เดมิ ในการเขียนโครงการแบบประเพณีนิยม โครงการที่ได้รับการจัดทาอย่างมีระบบและ สมเหตุสมผลควรมีองค์ประกอบพ้ืนฐาน 12 ส่วนโครงการท่ีมีลักษณะเฉพาะบางอย่างอาจมี องค์ประกอบอ่ืนๆ เพ่ิมข้ึนเป็นพิเศษ ท่ีช่วยเพ่ิมความสาคัญให้แก่โครงการนั้น ในการเขียนข้อเสนอ โครงการท่ัวไป องค์ประกอบพ้ืนฐานของโครงการควรประกอบด้วยองค์ประกอบ 12 ประการดังน้ี (สุภาพร พศิ าลบตุ ร, 2553) 1.1 ชื่อโครงการ จะแสดงถึงลักษณะงานที่จะปฏิบัติในโครงการ เช่น โครงการ บริการวชิ าการแกส่ ังคม เป็นต้น ชือ่ โครงการ อาจเปน็ ช่ือท่สี ามารถทาใหท้ ราบขอบเขตด้านระยะเวลา ของโครงการ ขอบเขตด้านสถานท่ี และกลุม่ เหมายของโครงการ 1.2 ชื่อองค์กร และช่ือผู้จัดการโครงการ/ผู้บริหารโครงการ จะแสดงซ่ึงความ รับผิดชอบโครงการ องค์กรหรือบุคคลใดท่ีรับผิดชอบจัด รับผิดชอบทา และดาเนินงานโครงการ เพื่อให้ผู้พิจารณาอนุมัติโครงการทราบว่า โครงการท่ีกาลังจะจัดทาข้ึนอยู่ในหน้าท่ีความรับผิดชอบ และภารกิจขององค์กรหรือบุคคลนั้นอย่างแท้จริง และเหมาะสมที่จะรับผิดชอบโครงการ โดย พิจารณาจากคุณวฒุ ิ ความสามารถ และตาแหน่งของบุคคลดังกลา่ วประกอบ 1.3 ความสาคัญและที่มาของโครงการ หรือ หลักการและเหตุผล หมายถึง พ้ืนฐาน ความเป็นมาของแนวคิดในโครงการน้ันๆ ที่ทาให้ทราบว่าทาไมต้องจัดทาโครงการที่กาลังเขียน ข้อเสนอโครงการ โดยกล่าวว่าโครงการมีที่มาอย่างไร มีแนวคิดอะไรท่ีเป็นพ้ืนฐานของโครงการ โครงการมีความสาคัญตอ่ องคก์ ร สังคมและ หรือประเทศในอนาคตอย่างไร โดยมีการนาเสนอข้อมูลท่ี เกิดข้ึนจริงจากแหล่งจ้อมูลที่น่าเช่ือถือได้ เพ่ือแสดงให้ผู้พิจารณาอนุมัติโครงการเห็นความสาคัญของ โครงการน้ัน ๆ เช่น “โครงการบริการวิชาการแก่สังคม” ได้นาเสนอความต้องการด้านการอบรม ความรู้เชิงวชิ าการของกลุ่มเปูาหมาย กอ่ นท่จี ะจดั ทาโครงการดังกลา่ ว 1.4 วัตถุประสงค์ เปูาหมายการดาเนินการ และเปูาหมายของโครงการ เป็นการ แสดงใหเ้ ห็นถงึ สงิ่ หรอื ผลงานท่ีเป็นจุดหมายปลายทางทตี่ อ้ งการจะใหเ้ กิดขึน้ จาการปฏบิ ัติงานน้ัน วตั ถุประสงค์ คือ ส่ิงที่ช่วยให้การกาหนดข้ันตอนสาหรับปฏิบัติเป็นอย่างรัดกุม การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ท่ีดคี วรประกอบด้วยองค์ประกอบที่เรียกวา่ “SMART” S = Sensible (เปน็ ไปได)้ วัตถุประสงค์ทด่ี ตี อ้ งมคี วามเปน็ ไปได้ M = Measurable ( วดั ได้) วัตถปุ ระสงค์ที่ดีจะต้องสามารถวัดและประเมินผล ได้ A =Attainable (ระบุส่ิงที่ต้องการ) วัตถุประสงค์ที่ดีจะต้องระบุสิ่งที่ต้องการ ดาเนินงานอยา่ งชดั เจนและเฉพาะเจาะจงมากที่สุด R = Reasonable (เป็นเหตุเป็นผล) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องมีความเป็นเหตุเป็น ผลในการปฏบิ ัตงิ าน T=Time ( เวลา) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องมีขอบเขตของเวลาที่แน่นอนในการ ปฏบิ ตั งิ าน

90 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู “SMART” เป็นสิ่งท่ีชี้แนวทางในการดาเนินการเพื่อให้ทราบว่าจะได้ผลงาน ปรมิ าณเท่าใด สาหรบั ความแตกต่างระหวา่ งวตั ถุประสงค์และเปาู หมายของโครงการ วัตถุประสงค์คือข้อความที่แสดงให้เห็นถึงผลงานท่ีต้องการจากการดาเนินงาน ตามแผน การทก่ี าหนดวัตถปุ ระสงคจ์ ึงเปน็ ความปรารถนาในอนาคตขององค์กร /สังคม/ประเทศที่จะ ใช้เป็นแนวทางสาหรับดาเนินงานในโครงการ หรือเป็น สิ่งท่ีบอกให้ทราบว่า การดาเนินการตาม โครงการนั้น มีความต้องการทาอะไรและต้องการให้อะไรเกิดขึ้น ควรเป็นวัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน เข้าใจง่าย สามารถปฏิบัติได้ไม่เล่ือนลอย วัดและประเมินผลได้ มีลักษณะเฉพาะเจาะจงในเรื่องท่ี เก่ียวข้องโดยตรงกบั ส่ิงทโ่ี ครงการตอ้ งการ ซงึ่ โครงการบางโครงการอาจมีมากกว่า 1 วัตถุประสงค์ แต่ ไมค่ วรมมี ากเกนิ กว่า 5 วัตถปุ ระสงค์ การเขยี นวตั ถปุ ระสงค์ ตอ้ งใหส้ อดคล้องกบั สภาพปัญหา และผล ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับด้วย วัตถุประสงค์ของโครงการอาจมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ (เทียนฉาย กีระนันท์, 2530) 1.4.1 วัตถปุ ระสงค์ท่ีต้องการสรา้ งสภาพการณ์ หรือก่อให้เกิดเหตุการณ์หรือส่ิง หนึ่ง ๆ เพิม่ ขน้ึ ในองคก์ ร/สงั คม และวัตถุประสงค์ท่ีมีลักษณะปูองกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างใดอย่าง หนึง่ ขึ้น เช่น โครงการจัดหาน้าสะอาดในชนบท โครงการปูองกันและปราบปรามยาเสพติด โครงการ รณรงค์ โครงการสขุ าภบิ าลส่ิงแวดล้อม โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดนี แหง่ ชาติ เปน็ ตน้ 1.4.2 วัตถุประสงค์ที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความเกี่ยวพัน กบั โครงการอนื่ ๆ เช่น โครงการท่ีเก่ยี วกับคุณภาพชีวิตอาจจาเป็นต้องอาศัยความสาเร็จจากโครงการ อื่น ๆ สนับสนุนด้วยจึงจะสามารถสร้างคุณภาพชีวิตได้ตามวัตถุประสงค์ เช่น โครงการต่อต้านการ เสียชวี ิตจากโรคติดเช้อื ในเด็กแรกเกิดโครงการการใหภ้ ูมิคมุ้ กันโรคในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 1.4.3 วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงงานหรือกิจกรรมที่ได้ทาอยู่แล้ว เช่น การเพ่ิม ความสามารถในการบริการหรือประสิทธิภาพของการบริหารให้สูงข้ึน วัตถุประสงค์ของโครงการที่ จดั ทาขึน้ จะเกย่ี วพันกบั โครงการอน่ื ๆ และเป็นสว่ นท่เี พม่ิ ข้ึนจากการดาเนนิ งานของโครงการเทา่ น้ัน 1.4.4 วตั ถุประสงคท์ สี่ าคญั ของโครงการโดยท่ัวไปจะมีเพียงประการเดียวแต่ถ้า เป็นโครงการเอนกประสงค์จะมีวัตถุประสงค์หลักมากกว่า 1 วัตถุประสงค์ เช่น โครงการหนึ่งอาจมี วัตถุประสงค์สาคัญท่ีจะลดอัตราการเกิดของประชากรไทย ขณะเดียวกันวัตถุประสงค์ของโครงการก็ จะทาให้มีการลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดด้วย ผู้เขียนข้อเสนอโครงการจึงควรตระหนักถึง ความแตกต่างของวัตถุประสงค์หลักและวัตถุประสงค์รองของโครงการ และผลดีท่ีจะเกิดข้ึนจากการ ดาเนินการตามโครงการนั้น ๆ เช่น เพื่อเพ่ิมผลผลิตทางการเกษตร เพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตของ เกษตรกร เป็นต้น เป้าหมายการดาเนินการ คือ การกาหนดขอบเขตในการดาเนนิ การ ประกอบด้วยเปูาหมายเชงิ ปริมาณ เช่น จะผลติ บุคลากรระดับใด ปีใด จานวนเท่าใด และเปาู หมาย เชิงคุณภาพ หรือเชงิ เนื้อหา เชน่ ในดา้ นใด หรือเรื่องอะไรบ้าง อย่างไร

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู 91 เปา้ หมายของโครงการ คือ การคาดหวงั ลว่ งหน้าในสง่ิ ทีเ่ กิดขน้ึ หลงั จากที่ สน้ิ สุดโครงการ (ผลท่คี าดวา่ จะได้รบั ) สามารถเขยี นได้ท้งั เชิงปริมาณและเชงิ คุณภาพ เปาู หมายเชงิ ปริมาณจะระบุตวั เลขตามหน่วยท่ีต้องการ เชน่ ความถี่ ร้อยละ อตั ราส่วน หรือเป็นจานวนตัวเลข ธรรมดากไ็ ด้ ส่วนเปาู หมายเชิงคุณภาพเชน่ ความรู้ ทกั ษะ ทัศคติ ความเหน็ ความสามารถ ความ สะอาด เรียบร้อย ความสวยงาม ความคงทนถาวร ความสมบูรณ์ ความยั่งยืน เป็นต้น 1.5 ขอบเขตของโครงการ ขอบเขตของโครงการ แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใน การดาเนนิ งานโครงการ ขอบเขตของโครงการท่ีกว้างมากอาจทาให้โครงการน้ันไม่น่าจะดาเนินการได้ ขอบเขตของโครงการต่าง ๆ ท่ีควรระบุได้แก่ขอบเขตด้านเวลา ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ขอบเขต ทางการปฏิบตั ิและขอบเขตอ่นื ๆ ดังนี้ 1.5.1 ขอบเขตด้านเวลา หมายถึง ระยะเวลาดาเนินโครงการ โครงการต้อง กาหนดเวลาเริม่ ตน้ และเวลาสิ้นสุดของโครงการท่แี นน่ อนว่าจะใช้เวลาต้งั แต่เมื่อใดถึงเม่ือใด 1.5.2 ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ความกว้างขวางของพื้นท่ีที่โครงการ นนั้ ๆ ครอบคลุมถงึ ไดแ้ ก่ ขอบเขตภาค ขอบเขตจังหวดั ขอบเขตอาเภอ 1.5.3 ขอบเขตทางปฏิบัติ หมายถึง ปัญหาอุปสรรคท่ีคาดคะเนว่าอาจจะ เกิดขึ้น เม่ือดาเนนิ การตามโครงการนนั้ ๆ ขอบเขตนส้ี ะทอ้ นถงึ สภาพความเป็นจริงในทางปฏบิ ตั ิ 1.5.4 ขอบเขตอ่ืน ๆ เช่น ขอบเขตด้านข้อจากัดของความรู้ทางวิชาการ ทฤษฏหี รือเทคโนโลยีทม่ี อี ยู่ ขอบเขตชองผลกระทบจากโครงการอ่ืน ๆ ที่ได้ดาเนินการมาแล้วในอดีต เปน็ ต้น 1.6 วิธีการดาเนินงานโครงการวิธีการดาเนินงานโครงการ การดาเนินการโครงการ หมายถงึ งานหรอื กิจกรรมทตี่ ้องปฏิบตั แิ ละทาให้โครงการนั้น ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ตามท่ีได้กาหนดไว้ วิธีการดาเนินงานมักเป็นกิจกรรมย่อยๆ หลายๆ กิจกรรม และกล่าวอย่างละเอียดว่าจะทาอะไร อย่างไร เพียงใด เม่ือใด ใครคือผู้รับผิดชอบโดยทั่วไป วิธีการดาเนินงานจะแสดงในลักษณะแผนภูมิ แท่ง ซึ่งอาจเรียกอีกช่ือหน่ึงว่าแผนภูมิแกนต์ โดยให้แกนนอนแทนระยะเวลาที่ใช้ในการดาเนินงาน โครงการและแกนตั้งแทนกิจกรรมทต่ี ้องปฏิบตั ิ การระบุวิธีการดาเนินงานของโครงการน้ียังเกี่ยวข้องกับการเลือกและการ กาหนดสถานท่ีตั้งของโครงการ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อทั้งด้านผลตอบแทนและค่าใช้จ่ายของโครงการ ดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม ดา้ นขนส่ง และด้านคมนาคม ด้านสาธารณูปโภคและความสะดวกอื่นๆ แต่โครงการ บางลักษณะอาจจะไม่มีเงื่อนไขด้านความเหมาะสมของสถานท่ีต้ัง ขณะท่ีบางโครงการจาเป็นต้อง กาหนดสถานทีต่ ง้ั ให้ชดั เจน ทง้ั นอ้ี ยทู่ ีล่ ักษณะการดาเนนิ งานของโครงการ 1.7 ระยะเวลาดาเนนิ การและข้ันตอนการดาเนินงานโครงการ ระยะเวลาดาเนินการ และข้ันตอนการดาเนินงานโครงการ โครงการหนึ่งต้องมีการกาหนดระยะเวลาการเริ่มต้นและการ ส้ินสุดของโครงการ โดยเขียนในลักษณะ ช้ีแจง วันเร่ิมต้น/เดือน/ปี และวันสิ้นสุด/เดือน/ปี และ กจิ กรรมตา่ งๆ ตอ้ งแสดงช่วงเวลาในแตล่ ะข้ันตอน ในการระบุขั้นตอนการดาเนินงาน ต้องแยกว่าในแต่ละข้ันตอนจะดาเนินการ อะไรบ้างและคาดว่าจะดาเนินการได้ถึงระดับใดของวัตถุประสงค์ และ/หรือเปูาหมายหลักของ

92 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู โครงการทกี่ าหนดไว้ เม่ือส้ินสุดระยะเวลาของแต่ละขั้นตอนนั้น การเสนอขั้นตอนการดาเนินงานสรุป ย่อมกั กระทาในรูปของแผนภูมิหรือตารางเวลาดาเนินการ ผู้เขียนข้อเสนอโครงการอาจจัดทาแผนภูมิ ข้ึนตามความเหมาะสมของข้นั ตอนจนกวา่ จะสนิ้ สดุ โครงการนนั้ ๆ การเขียนวธิ ีดาเนินการ ให้แจกแจงดังน้ี - ขนั้ เตรียมการ - ขัน้ ดาเนนิ งาน - กิจกรรมทจ่ี ะดาเนินงานตามโครงการ 1.8 ทรัพยากรท่ีต้องใช้ในโครงการ ผู้เขียนข้อเสนอโครงการต้องพิจารณาความ ต้องการใช้ทรัพยากรทุกประเภทในโครงการเช่น จานวนบุคลากร จานวนวัสดุครุภัณฑ์ เป็นต้น เพ่ือ จดั สรรงบประมาณสาหรับจัดหาทรัพยากรดังกล่าว มาสนับสนุนโครงการน้ัน ทรัพยากรทุกประเภทท่ี ต้องใช้ในโครงการหนึ่ง ๆ ควรแยกให้เหน็ เดน่ ชัดว่ามีทรัพยากรประเภทน้ัน อยู่แล้วเท่าใด และที่ยังคง ตอ้ งการเพ่ิมอกี เท่าใด ทรัพยากรที่ใช้ในการดาเนินโครงการควรแยกออกจากกันให้เห็นชัดเจนเป็น 3 ประเภทคือ ทรพั ยากรกาลงั คน ทรัพยากรดาเนินการ และทรัพยากรลงทุน - ทรัพยากรกาลังคน หมายถึงผู้ปฏิบัติงานโครงการ ซึ่งจะกาหนดคุณวุฒิ หรือประสบการณ์ และระยะเวลาท่จี ะต้องปฏบิ ัติงานในโครงการไว้ - ทรัพยากรดาเนินการ หมายถึงวัสดุ อุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆ ท่ีต้อง จัดซื้อ จัดหาเพ่ือใช้ในการดาเนินงาน ในแต่ละกิจกรรมของโครงการ โดยควรแยกเป็น ค่าใช้จ่าย ประเภทตา่ ง ๆ ตามหมวดคา่ ตอบแทนในงบประมาณ ได้แก่ ค่าบรกิ าร ค่าวัสดุ ค่าสาธารณูปโภค และ ค่าจ้าง หรือบริการอ่นื ๆ - ทรัพยากรลงทุน หมายถึง ครุภัณฑ์ท่ีดิน และส่ิงก่อสร้างทุกชนิดที่ต้องใช้ ในโครงการ นอกจากนี้ทรัพยากรแต่ละประเภทควรมีรายละเอียดประกอบรายการแต่ละ รายการ เพอ่ื เปน็ การชีแ้ จงรายละเอยี ดทช่ี ัดเจนเพ่ิมเติม 1.9 งบประมาณของโครงการงบประมาณของโครงการ เป็นการแสดงทรัพยากรที่ ต้องใช้ในโครงการเป็นตัวเงินตามเกณฑ์มาตรฐานที่ประกาศใช้อยู่แล้ว ทรัพยากรดาเนินงานได้แก่ คา่ ใชจ้ า่ ยประเภทต่าง ๆ ในงบประมาณหมวดค่าตอบแทนแต่ค่าใช้สอย ค่าสาธารณูปโภคและค่าวัสดุ เป็นตัวเงินอยู่แล้ว การระบุแหล่งงบประมาณ เชน่ จากงบประมาณแผน่ ดิน/งบประมาณประจาปี จาก ความชว่ ยเหลือของสถาบันการเงนิ ช่วยใหก้ ารพจิ ารณาสนบั สนุนและต่างประเทศ จากการบริจาคของ องคก์ รหรือองค์กรเอกชน จากอนมุ ตั ิโครงการเปน็ ไปดว้ ยดี 1.10 การประเมินผลโครงการ การประเมินผลโครงการ หมายถึง การติดตาม ควบคมุ และวดั คุณค่าของการดาเนินงานโครงการท่กี าลังจัดทา ว่ามีวิธีการควบคุมอย่างไร มีวิธีการวัด คุณค่าโดยรูปแบบใด เพื่อพิจารณาว่าโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กาหนดไว้หรือไม่เพียงใด และ ตอ้ งระบุ บุคลหรือองค์กรทจี่ ะรบั ผิดชอบในการทาการประเมินผล วธิ ีการประเมิน และระยะเวลาท่ีทา การประเมนิ

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 93 1.11 ผลที่คาดว่าจะได้รับ แสดงถึงผลประโยชน์หรือผลได้ท่ีควรจะได้รับจากการ ดาเนนิ งานโครงการจนแลว้ เสรจ็ รวมถึงผลกระทบโดยตรงและโดยออ้ ม 1.12 ภาคผนวก มีวัตถุประสงค์เพ่ือนาเสนอข้อมูลบางอย่างท่ีอาจช่วยสนับสนุนให้ โครงการมีคุณค่าและมีความเป็นเหตุเป็นผลมากข้ึน แต่ข้อมูลส่วนนี้ไม่ใช่สาระสาคัญของโครงการ โดยตรง ขณะเดียวกัน หากไม่นาเสนอส่วนน้ี จะทาให้โครงการมีคุณค่าและมีความเป็นเหตุเป็นผล นอ้ ยลงไป ดงั นน้ั บางโครงการอาจมีหรอื อาจไมม่ ีส่วนนี้ก็ได้ นอกจากส่วนประกอบท้ัง 12 ประการ ดังกล่าว โครงการท่ีเขียนแบบประเพณีนิยมอาจมี สว่ นประกอบอน่ื ๆ อกี 3 ประการไดแ้ ก่ (1) ช่ือผู้จัดทาข้อเสนอโครงการ ซึ่งเป็นผู้เขียนข้อเสนอโครงการและนาเสนอ โครงการ ซึ่งมสี ่วนทาใหผ้ ูม้ ีอานาจตดั สินใจ หรอื ผบู้ ริหารระดับสูง อนมุ ตั ิโครงการ (2) ชอื่ องค์กรท่ีให้ความร่วมมือประสานงาน ใหโ้ ครงการสามารถดาเนินงานไปได้ (3) ปัญหาอุปสรรคและแนวทางในการแก้ไขปัญหา สาหรับแนวทางการเขียนโครงการที่ดี ควรเขียนให้ส้ัน กะทัดรัดและได้ใจความ แต่ต้อง ระวังไม่ให้ส้ันเกินไปจนทาให้โครงการนั้นมีคุณค่าน้อยลง สิ่งต่างๆ ท่ีเป็นเน้ือหาที่จะนาเสนอไว้ในตัว โครงการต้องได้รับการศึกษาค้นคว้า และวางแนวความคิดอย่างเป็นระบบ ข้อมูลมีความถูกต้อง สมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้านต่าง ๆ อย่างละเอียด เพอื่ ใหโ้ ครงการที่กาลังจัดทา ไม่ก่อผลเสียต่อบุคคล/องค์กรและ/หรือสังคมในระยะยาว หลังจากการ ดาเนินโครงการสน้ิ สุดไปแลว้ ฐาปนา ฉน่ิ ไพศาล (2556) ได้เสนอรูปแบบของการเสนอโครงการไวว้ า่ การเขียนโครงการ โดยท่ัวไปจะมรี ูปแบบหรอื สาระทบ่ี รรจอุ ยู่ในเอกสารข้อเสนอโครงการที่มีลักษณะแตกต่างกัน ไม่มาก นัก ในแตล่ ะโครงการ ซึง่ ประกอบดว้ ยส่วนสาคัญ ๆ ดงั นี้ 1. ชอ่ื โครงการ 2. ชอ่ื องค์กรผรู้ บั ผิดชอบโครงการ 3. หลักการและเหตุผล 4. วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 5. วธิ กี ารดาเนินงาน 6. ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน 7. สถานทีด่ าเนนิ งาน 8. งบประมาณ 9. ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะได้รับ

94 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป 2. การเขียนโครงการแบบตารางเหตุผลต่อเนื่อง การเขียนโครงการแบบตารางเหตุผลต่อเน่ือง (Logical Framework Method) เป็นวิธีการนาเสนอข้อมูลต่าง ๆ เก่ียวกับโครงการอีกลักษณะหนึ่ง ที่บริษัท Practical Concepts Incorporated แห่งสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาขึ้น ประมาณปี ค.ศ.1972 โดยการสรุปสาระสาคัญของ โครงการหน่ึงในลักษณะที่แสดงความสัมพันธ์ท่ีสอดคล้องมีเหตุผลต่อเน่ืองกันระหว่างปัจจัยต่าง ๆ ของโครงการอย่างมีระบบ ภายในตาราง 4x4 แมทริกซ์ โดยแสดงให้เห็นว่าโครงการมีวัตถุประสงค์ อะไร จะดาเนินงานอย่างไร มีปัจจัยอะไรที่อาจ มีผลกระทบต่อโครงการ ผลงานของโครงการจะวัด ความสาเร็จได้อย่างไร ข้อมูลมาจากแหล่งไหน และนาเสนอข้อมูลในรูปแบบของเอกสารลักษณะใด รายละเอียดของโครงการในแต่ละตารางต้องเป็นเหตุเป็นผลกัน ท้ังในแนวตั้งและแนวนอน โดยมี สว่ นประกอบที่เป็นรายละเอยี ดดังนี้ (สภุ าพร พิศาลบุตร, 2553) 2.1 สาระสาคัญการดาเนินงานโดยสรุปเป็นการชี้ให้เห็นว่า โครงการจะดาเนินไปได้ ตอ้ งมีรายละเอียด 4 ชนดิ คือ 2.1.1 ความมุ่งหมายของแผนงาน หมายถึง ผลลัพธ์เฉพาะของโครงการท่ี มุ่งเน้นให้เกิดขึ้นจากการดาเนินงานตามโครงการ และท่ีต้องการให้เกิดข้ึนจากการดาเนินงานตาม แผนงานทีก่ าหนด 2.1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ หมายถึงผลลัพธ์เฉพาะของโครงการที่มุ่งเน้น ให้เกิดขึ้นจากการดาเนินงานตามโครงการท่ีได้กาหนดขึ้นเท่าน้ัน และจะต้องสอดคล้องกับความมุ่ง หมายของแผนงานทไ่ี ด้กลา่ วแลว้ โดยสอดคลอ้ งในเชิงที่เปน็ เหตุผลซ่งึ กันและกนั แม้ว่าโครงการท่ีเขียน แบบประเพณีจะกาหนดวัตถุประสงค์หลายประการ ขณะที่วัตถุประสงค์ของโครงการท่ีเขียนแบบ ตารางเหตุผลต่อเน่ือง จะกาหนดวัตถุประสงค์หลักเพียงอันเดียว ทั้งนี้เพ่ือความชัดเจนของความเป็น เหตุผลของความสัมพันธ์ของตารางอ่ืนๆ และเมื่อวัตถุประสงค์หลักน่ันสัมฤทธิ์ผล วัตถุประสงค์อื่นๆ อาจจะเกดิ ผลตามมาได้ 2.1.3 ผลผลิตหรือผลงาน หมายถึง ส่ิงที่เกิดจากการดาเนินงานตาม วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ ผลผลิตหรือผลงานอาจปรากฏในลักษณะท่ีเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ได้ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล องค์การบริหารส่วนตาบล ซึ่งเป็นรูปธรรม หรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การฝกึ อบรม ซึง่ เป็นนามธรรม เป็นต้น 2.1.4 ปจั จยั นาเข้า หมายถงึ กจิ กรรมต่างๆ และประเภทของทรัพยากรที่จะต้อง นามาใช้ เพือ่ ใหส้ อดคล้องสมั พันธ์กับผลผลติ หรอื ผลงานของโครงการ 2.2 ตัวบ่งชีค้ วามสาเรจ็ เป็นขอ้ ความหรอื เปน็ ขอ้ มูลทีแ่ สดงให้เห็นวา่ ความมุ่งหมาย ของแผนงาน วัตถุประสงค์ของโครงการ ผลผลิตหรือผลงาน และกิจกรรมของโครงการ ได้เกิดขึ้น ตามที่คาดหวงั หรือตามวัตถุประสงค์ของโครงการแลว้ และจะเป็นจดุ บ่งชใ้ี ห้เหน็ ถึงความสาเร็จ โดย จะต้องสอดคล้องกับข้อความที่เป็นข้อมูลที่สามารถวัดและพิสูจน์ได้ ตามวัตถุประที่กาหนดไว้ หรือ ตามระยะเวลาที่กาหนด เช่น “ผู้เข้าอบรม มาเข้าร่วมการอบรมมากกว่า 80% ของจานวนคนท่ี ลงทะเบียนไว้” ซ่ึงแสดงให้เห็น ว่าเป็นข้อบ่งช้ีความสาเร็จ ในเชิงปริมาณ ซึ่งสอดคล้องต่อความ ต้องการ และประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการในเชิงปริมาณที่สอดคล้องเชิงเหตุผล และเชงิ ประจักษซ์ ่ึงสามารถวัดได้

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู 95 2.3 แหล่งตรวจสอบและวัดความสาเร็จ เป็นข้อความท่ีระบุให้เห็นว่าตัวบ่งชี้ ความสาเร็จในแตล่ ะ ขอ้ นัน้ สามารถตรวจสอบหรือวัดได้จากแหล่งที่มาของข้อมูลอะไร จากข้อมูลของ องค์กรใด และสอดคล้องกันในแต่ละข้ันตอนการดาเนินงานหรือไม่ เช่น อ้างแหล่งตรวจสอบ จาก เอกสารลงทะเบียนเขา้ ร่วมอบรม เป็นต้น 2.4 ข้อสมมติฐานเบ้ืองต้นที่สาคัญ เก่ียวกับความมุ่งหมายของแผนงานเป็นความ คาดหมายที่มีต่อคุณค่าของการดาเนินงานตามโครงการว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรบ้างต่อบุคคล องค์กรและ/หรือสังคมในระยะยาว แต่ข้อสมมติฐานเบ้ืองต้นที่สาคัญเก่ียวกับวัตถุประสงค์ ผลผลิต/ ผลงาน และปัจจัยนาเข้า/กิจกรรมของโครงการ ได้แก่อุปสรรคหรือปัญหาท่ีผู้บริหารโครงการ/ผู้เขียน ข้อเสนอโครงการคาดคะเน วา่ อาจจะเปน็ เง่อื นไขต่อความสาเร็จของวัตถุประสงค์ ผลผลิต/ผลงาน และ ปัจจัยนาเข้า/กิจกรรม ของโครงการ ปัญหาและอุปสรรคเหล่าน้ีจึงเป็นส่ิงท่ีผู้บริหารโครงการต้องใส่ใจ เปน็ พิเศษ 2.5 ลักษณะความเป็นเหตุเป็นผลของตารางเหตุผลต่อเน่ือง โดยตารางของการ เขียนโครงการแบบตารางเหตุผลต่อเนื่อง จะต้องเป็นเหตุเป็นผลอย่างต่อเนื่องท้ังในแนวตั้งและใน แนวนอน คือ แต่ละตารางในแนวตั้งจะต้องเป็นเหตุเป็นผลอย่างต่อเน่ืองในแนวต้ัง และในทานอง เดยี วกัน แต่ละตารางในแนวนอนจะต้องเป็นเหตุเป็นผลอยา่ งต่อเนื่องในแนวนอน ดงั นี้ 2.5.1 ความเป็นเหตุเป็นผลในแนวตั้ง จาแนกออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ ความ เปน็ เหตุเป็นผลจากบนลงลงสู่ล่าง และความเปน็ เหตุเปน็ ผลจากลา่ งข้ึนสู่บน ความเป็นเหตุเป็นผลจากบนลงสู่ล่าง หมายความว่า ข้อความท่ีบรรจุใน แต่ละตารางจากบนลงสู่ล่าง จะต้องเป็นเหตุและผลที่รับกัน เป็นช่วงในลักษณะ ทาอย่างไร ทา อยา่ งไรเพื่อให้ไดส้ ่ิงท่ีต้องการนนั้ ความสมั พันธ์เชิงเหตุผลจากบนลงส่ลู ่าง มี 3 ระดบั คอื - ระดับท่ี1 ความสัมพันธ์ของความมุ่งหมายของแผนกับ วตั ถุประสงค์ของโครงการ - ระดบั ท่ี 2 ความสมั พันธข์ องวัตถปุ ระสงคก์ บั ผลงาน - ระดบั ที่ 3 ความสัมพันธ์ของผลงานกบั ปจั จัยนาเขา้ ความสัมพันธ์จากบนลงสู่ล่างทั้ง 3 ระดับ จะเก่ียวข้องกับคาถามใน ลักษณะท่ีว่า าต้องการใหส้ ิ่งใดสง่ิ หนึ่งเกิดขน้ึ แลว้ จะต้องทาอยา่ งไรบ้าง” ทานองเดยี วกนั ความเปน็ เหตเุ ป็นผลจากล่างข้ึนสู่บนของข้อความในแต่ละ ตารางจะเป็นไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับความเป็นเหตุเป็นผลจากบนลงสู่ล่าง โดยจะเก่ียวข้องกับ คาถามในลกั ษณะท่วี ่า “ทาไม ทาไมจงึ ตอ้ งใช้” หรือ “ทาไม ต้องมีสง่ิ นั้นสงิ่ น้ี” 2.5.2 ความเป็นเหตเุ ปน็ ผลในแนวนอน หมายความว่าข้อความท่ีบรรจุในแต่ละ ตารางจากซ้ายไปสู่ขวา จะต้องเป็นเหตุและผลท่ีรับกันเป็นช่วงในลักษณะ ทาอย่างไร “ทาอย่างไรจึง จะช้ีว่าส่ิงน้ีเกิดขึ้น” กล่าวคือ สาระสาคัญของการดาเนินงานจะบ่งชี้ความสาเร็จได้อย่างไร แล้ว ตัว บ่งชี้ความสาเร็จจะตรวจสอบและวัดความสาเร็จด้วยวิธีการอย่างไร และวิธีการตรวจวัดความสาเร็จ เป็นไปตามข้อสมมติฐานเบ้ืองต้นท่ีสาคัญอย่างไร เป็นต้น ในทานองเดียวกันข้อความที่บรรจุในแต่ละ ตารางจากขวาไปสู่ซ้าย จะต้องเป็นเหตุและผลท่ีรับกันเป็นช่วงเช่นเดียวกัน ในลักษณะว่า ทาไม

96 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู “ทาไมสง่ิ นจี้ งึ มผี ลต่อสงิ่ น้ัน” กล่าวคือ ทาไมข้อสมมติฐานเบื้องต้นที่สาคัญจึงมีผลต่อแหล่งตรวจสอบ และวดั ความสาเร็จ เป็นตน้ ความเป็นเหตุเป็นผลทงั้ ในแนวตง้ั และในแนวนอนดงั กลา่ ว เป็นลักษณะเด่น ที่สาคัญของการเขียนโครงการแบบตารางเหตุผลต่อเนื่อง กล่าวคือ สามารถสรุปสาระสาคัญของ โครงการไว้ท่ีเดียวกันทั้งหมด โดยแสดงความเป็นเหตุเป็นผลของโครงการและแสดงให้เห็นว่า สาระสาคัญเหล่าน้ันมาจากแหล่งข้อมูลใด และมีวิธีการในการดาเนินการอย่างไร ซ่ึงทาให้ผู้พิจารณา โครงการและผู้ซ่ึงเก่ียวข้องกับโครงการเข้าใจโครงการได้ง่ายและสามารถประเมินผลโครงการได้ รวดเรว็ เพราะขอ้ มูลทุกส่วนของโครงการมกี ารตรวจสอบและสอดคล้องกัน 2.6 ขอ้ ดีของการเขียนโครงการแบบตารางเหตผุ ลตอ่ เนื่อง ได้แก่ 2.6.1 สามารถแสดงเนื้อหาสาระของโครงการทงั้ หมดภายใน 1-2 หนา้ กระดาษ เพ่ือใหผ้ ู้มอี านาจตดั สนิ ใจคดั เลอื กโครงการสามารถพจิ ารณาข้อเสนอโครงการได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มากขึ้น 2.6.2 ทาให้ผู้ซึ่งเก่ียวข้องกับโครงการเกิดความเข้าใจวัตถุประสงค์ ของ โครงการได้อย่างถูกต้องและตรงกัน เพราะผู้เขียนข้อเสนอโครงการ เขียนโครงการจากวัตถุประสงค์ เพียงประการเดียวและไม่ใช่พิจารณาจากงานท่ีต้องการดาเนินการ แล้วจึงกาหนดวัตถุประสงค์ ภายหลัง 2.6.3 สะดวกต่อการเปรียบเทียบโครงการหลาย ๆ โครงการในเวลาเดียวกัน 2.6.4 สามารถพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการโดยเน้นแต่ละ กิจกรรมท่สี ัมพนั ธก์ ันอย่างเปน็ ระบบ 2.6.5 สาระสาคญั การดาเนินงานโดยสรุปใช้เป็นกรอบในการวางแผนหลักแผน รองและแผนปฏิบัติการ ซงึ่ สรุปประเด็นสาระสาคญั ได้ดงั นี้ จดุ ม่งุ หมาย = ส่งิ ที่ต้องการบรรลุตามวัตถปุ ระสงค์และเปูาหมาย วตั ถปุ ระสงค์= เปน็ สงิ่ ท่ีเกดิ ข้ึนจากการปฏบิ ัตงิ านโครงการ ผลผลิต / ผลงาน = สง่ิ ทเ่ี กดิ จากโครงการสิ้นสุด และ สิ่งท่ีเกิดจากกิจกรรม โครงการ กจิ กรรม / ปัจจัย = สง่ิ ท่มี าสนับสนนุ ใหเ้ กิดกจิ กรรมโครงการ เช่น บุคลากร เงนิ อปุ กรณ์ เปน็ ต้น

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู 97 ตารางท่ี 5.1 ตัวอยา่ งการเขียนโครงการแบบตารางเหตผุ ลสมั พันธ์ (Logical Framework Method) คาสรปุ ตัวชีว้ ดั ความสาเรจ็ หลักฐาน/แหลง่ พิสจู น์ เง่ือนไข สาระสาคญั ผลิตผ้เู ขา้ อบรมความรู้ ร้อยละ 80 ของผ้เู ข้าอบรม ผ่านการ ความสาเรจ็ จดุ มงุ่ หมาย ด้านคอมพิวเตอร์ การอบรม / การทดสอบความรู้จาก มผี ูใ้ หค้ วามสนใจ (Goal) ผูเ้ ขา้ อบรมมีความรู้ การอบรม เข้ารบั การอบรม ด้านการใช้งาน ผเู้ ข้าอบรมสามารถประยกุ ต์ใช้งาน อย่างต่อเนอ่ื ง วตั ถปุ ระสงค์ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์กบั งานในปจั จุบันได้ / ระบบประกนั (Purpose) ผลติ ผเู้ ข้าอบรมความรู้ องค์กรตน้ สงั กดั ผเู้ ข้าอบรม คุณภาพภายใน ด้านการใชง้ าน ผ้เู ข้าอบรมได้รบั ใบประกาศวุฒิบัตร องค์กร ผลผลิต / โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากการอบรมการใช้งานโปรแกรม ใบประกาศวตุ ิ ผลงาน ดาเนนิ การจัดการ คอมพิวเตอร์ /โครงการอบรม บัตรจากการ (Outputs) อบรมความรู้ด้านการ - จานวนผเู้ ขา้ อบรมครบตามจานวน อบรม กจิ กรรม / ใช้งานโปรแกรมเปน็ ไป - วทิ ยากรเป็นผูม้ คี วามเช่ียวชาญ แผนงานกิจกรรม ปัจจัย ตามแผนงานโครงการ - สือ่ การอบรม ทกี่ าหนด (Activities & - จานวนผ้ปู ระสานงาน Input) - บญั ชีรบั -จ่าย /กจิ กรรมโครงการ เอกสารขออนุมัตโิ ครงการ จากความสาคัญของการมีวัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน แสดงให้เห็นว่า การมีวัตถุประสงค์ท่ีถูก กาหนดและเขียนข้ึนมาเป็นลายลักษณ์อักษรนั้น เป็นส่ิงท่ีสาคัญมาก แต่ทีมงานโครงการก็จาเป็นต้อง มีสิ่งอื่นทมี่ ากกวา่ การมเี ปาู หมายทช่ี ดั เจน เพอ่ื ท่จี ะทางานต่อไปได้ สิง่ นนั้ กค็ อื - ความรคู้ วามเขา้ ใจ ท่แี จม่ ชัด ในเรอ่ื งขอบเขตของโครงการ - คุณประโยชน์ที่โครงการควรจะใหแ้ กผ่ ูม้ สี ่วนได้เสีย - กรอบของเวลาทโ่ี ครงการจะตอ้ งแล้วเสรจ็ - รายการทรัพยากรทีจ่ ะตอ้ งนาไปใช้ เมื่อรวมกนั ทง้ั หมดแลว้ สง่ิ เหลา่ นี้กค็ อื เอกสารอนมุ ัติโครงการที่มีการกาหนดกิจกรรมต่างๆ สาหรับโครงการ ซ่งึ เป็นสาระสาคญั ในการเขยี นโครงการ (อัสติน, โรเบริ ์ต ดี, 2550) การทมี่ ีคนท่เี หมาะสมอยูใ่ นทมี งานโครงการนัน้ เป็นเร่ืองสาคัญแต่ ก็ต้องมี เอกสารที่อนุมัติ (Charter) และระบุลักษณะและขอบเขตของงาน รวมทั้งผลงานที่ฝุายบริหารคาดหวังไว้ เอกสาร อนุมตั จิ ะเป็นเอกสารทเ่ี ขยี นขึน้ อยา่ งกระชับ ซง่ึ ประกอบไปด้วยบางหวั ขอ้ หรือหัวข้อทัง้ หมดดังต่อไปนี้ 1. ช่ือของผู้สนบั สนนุ โครงการ 2. ความสมั พนั ธ์ระหว่างเปูาหมายโครงการ กับเปาู หมายองค์กรในระดบั ท่สี ูงกว่า

98 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป 3. ผลประโยชน์ที่องค์กรจะไดร้ ับจากโครงการ 4. กรอบเวลาในการทางานที่คาดไว้ 5. คาอธิบายอยา่ งกระชับของผลลัพธ์ ที่จะเกดิ จากโครงการ (วตั ถปุ ระสงค์) 6. งบประมาณและทรัพยากรท่ีมีไวส้ าหรบั ทมี งานโครงการ 7. อานาจของผจู้ ดั การโครงการ 8. ลายมอื ช่ือของผู้สนับสนุนโครงการ หากปราศจากเอกสารอนุมตั ดิ ังกล่าว โครงการก็อาจมุ่งไปสู่ทิศทางอื่น ที่ไม่ได้เป็นไปในทาง เดียวกับวัตถุประสงค์ขององค์กรและมันก็จะขยายขอบเขตมากข้ึนเรื่อยๆ โดยไร้การควบคุม ซึ่ง กระบวนการนี้เป็นที่รู้จักกันว่า “การเปล่ียนโฉมของพันธกิจ (Mission creep) ” การเขียนเอกสาร อนุมัติโครงการน้ัน จะบังคับให้ผู้บริหารระดับอาวุโสต้องระบุว่าโครงการควรทาอะไรบ้างย่างชัดเจน และจะยง่ิ เป็นสิง่ ที่สาคญั มากข้นึ เม่ือผู้บริหารระดับอาวโุ สนน้ั ไม่ได้มีเพียงแคค่ นเดียว ตัวอยา่ งการเขยี นข้อเสนอโครงการ กรณีศึกษา ข้อเสนอโครงการ “บริการวิชาการแกช่ ุมชน” (กรณีน้ีได้ประยุกต์การเขียน ข้อเสนอโครงการ จากรูปแบบด้งั เดิม และเพมิ่ เติมในสว่ นท่เี หมาะสมเพ่ิมข้ึน) ชือ่ โครงการ โครงการ บริการทางวชิ าการแก่สังคม ช่อื องค์กรท่รี ับผดิ ชอบ สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ /คณะวิทยาการ จัดการ/มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี หลักการและเหตผุ ล รายวิชาการวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป (BC10301) ภายใต้ โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มแี นวการสอนมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมคี วามร้คู วามสามารถในการบริหารจัดการโครงการ โดยกระบวนการ เรียนการสอนมีกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสจัดทาโครงการนอกสถานที่เป็นรายกลุ่ม โดยใช้ความรู้ ความสามารถทางด้านคอมพวิ เตอรข์ องผู้เรยี นในการบริการชมุ ชน ในท้องถ่นิ และพ้ืนที่ใกลเ้ คยี ง จากการศึกษาความต้องการขององค์กรที่เกี่ยวข้องในการลงพ้ืนท่ีจัดกิจกรรมถึงด้านการ บริการที่สอดคล้องต่อความต้องการคือ ต้องการให้มีการจัดอบรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ในกลุ่ม โปรแกรมMicrosoft Office ต้องการให้อบรมการจัดประกอบ ท้ังนี้จากความต้องการดังกล่าว สาขาวิชาฯ จึงจัดให้นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่ ลงทะเบียนรายวิชาการวางแผนฯ ได้จัดกลุ่มจัดทาโครงการเกี่ยวกับการบริการทางวิชาการแก่สังคม โดยได้มกี ารประสานองค์กรทเ่ี ก่ียวขอ้ งในเบื้องตน้ ดงั น้ี คือ 1 องค์กรบริหารสว่ นตาบลบ้านจัน่ อาเภอเมือง จงั หวดั อุดรธานี 2 โรงเรียนบ้านหนองบวั ต.หมากแขง้ อ.เมือง จ.อุดรธานี 3 โรงเรยี นบา้ นหนองหว้า ตาบลหนองหว้า อาเภอกุมภวาปี จังหวัดอดุ รธานี 4 โรงเรยี นบ้านดอนอดุ ม ต.หมากแข้ง อ.เมอื ง จ.อดุ รธานี 5 โรงเรยี นอนุบาลอดุ รธานี ต.หมากแขง้ อ.เมือง จ.อดุ รธานี

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู 99 2. วตั ถุประสงค์ 1. เพอื่ ให้นกั ศึกษาได้ฝึกทักษะการนาเสนอถา่ ยทอดความรู้ทางคอมพวิ เตอร์ให้กบั นักเรยี น ระดับชั้นปฐมศกึ ษาและระดับมธั ยมศกึ ษา 2. เพือ่ ให้นกั ศึกษาไดม้ ีโอกาสสะสมประสบการณ์ เชงิ วิชาการทางคอมพวิ เตอร์ 3. เพื่อเป็นการเรียนรู้การทางาน นอกบทเรียนในอีกรปู แบบทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อสงั คม 3. ผลผลติ 3.1 ความสอดคล้องกับหลักประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 3.1.1 องคป์ ระกอบท่ี 3 กิจกรรมการพัฒนานกั ศึกษา ตัวช้วี ัดที่ 3.2 มรี ะบบและกลไกการสง่ เสริมกิจกรรมนกั ศกึ ษา ผเู้ ขา้ รว่ มมโี อกาส ได้รบั การพฒั นาคณุ ลักษณะของบัณฑติ ท่ีพึงประสงค์ โดยมลี กั ษณะกจิ กรรมของโครงการคอื  กจิ กรรมวชิ าการทีส่ ง่ เสริมคุณลกั ษณะบณั ฑติ ท่ีพงึ ประสงค์ 3.1.2 องคป์ ระกอบท่ี 5 การบริการทางวชิ าการแกส่ ังคม ตัวชี้วัดที่ 5.1 ระบบและกลไกการบริการทางวชิ าการแก่สังคม โดยมลี ักษณะ กจิ กรรมทีส่ อดคล้องกับเกณฑม์ าตรฐานคือ  มรี ะบบและกลไกการบริการทางวิชาการแกส่ งั คม และดาเนินการตามที่ระบบ กาหนด  มกี ารบูรณาการงานบรกิ ารทางวชิ าการแกส่ ังคมกบั การเรียนการสอน  มีการบรู ณาการงานบรกิ ารวิชาการแก่สังคมกับการวจิ ยั  มกี ารประเมินผลความสาเรจ็ ของการบรู ณาการงานบรกิ ารทางวชิ าการแก่ สงั คมกบั การเรยี นการสอนและการวจิ ยั  มีการนาผลการประเมินไปปรบั ปรุงการบูรณาการงานบรกิ ารทางวิชาการแก่ สังคมกับการเรยี นการสอนการวจิ ัย ตัวชี้วัดที่ 5.2 กระบวนการบรกิ ารทางวิชาการใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อสังคม โดยมี ลักษณะกิจกรรมท่สี อดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานคอื  มกี ารสารวจความต้องการของชุมชน เพื่อประกอบการกาหนดทศิ ทางและการ จดั ทาแผนการบริการทางวชิ าการตามจดุ เน้นของสถาบัน  มีความร่วมมือด้านบริการทางวิชาการเพ่ือการเรยี นรแู้ ละเสริมสร้างความ เข้มแข็งของชมุ ชนหรอื ภาคเอกชน หรอื ภาครฐั หรือองคก์ รวชิ าชพี  มีการประเมินประโยชนห์ รอื ผลการทบของการให้บรกิ ารทางวชิ าการต่อสังคม  มกี ารนาผลการประเมินในข้อ 3 ไปพัฒนาระบบและกลไก หรอื กจิ กรรมการ ใหบ้ รกิ ารทางวิชาการ

100 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู  มกี ารพัฒนาความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการใหบ้ ริการทางวชิ าการและถา่ ยทอดความรู้สู่ บุคลากรภายในสถาบันและเผยแพรส่ ู่สารธารณชน 3.2 ผลผลติ เชิงปริมาณ นกั ศึกษาสาขาคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ ชน้ั ปที ่ี 3 ภาคปกติ จานวน 2 หมู่เรยี น และอาจารย์ ทีป่ รกึ ษาโครงการ จานวน 7 ท่าน ไดร้ ่วมกิจกรรมบริการทางวิชาการแกส่ งั คม 3.3 ผลผลติ เชิงคณุ ภาพ นกั ศกึ ษาสาขาวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ ไดใ้ ชค้ วามรู้ ความสามารถ ทางด้านทักษะ คอมพิวเตอร์ ในการบรกิ ารทางวชิ าการแก่สงั คม 4. ระยะเวลาดาเนนิ การ จดั กิจกรรมโครงการ เดอื น กรกฎาคม – สงิ หาคม 2556 สถานทด่ี าเนนิ การ กิจกรรม จานวนครงั้ ในการ จัดการอบรม โรงเรียนบา้ นหนองบัว ต.หมากแข้ง อบรม 3 ครง้ั อ.เมอื ง จ.อดุ รธานี - การใชง้ านโปรแกรม 3 คร้ัง โรงเรียนบา้ นหนองหว้า ต.หนองหว้า คอมพวิ เตอร์ อาเภอกุมภวาปี จ. - การใชง้ าน 3 ครง้ั อุดรธานี อินเตอรเ์ น็ต 3 ครั้ง โรงเรยี นบ้านดอนอดุ ม ต.หมากแขง้ -การซอ่ มบารุง 3 ครง้ั อ.เมอื ง จ.อุดรธานี คอมพวิ เตอร์ 3 คร้ัง โรงเรียนอนบุ าลอุดรธานี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อดุ รธานี โรงเรียนบา้ นเหล่ากลว้ ยโนนสมพร ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อดุ รธานี โรงเรยี นบ้านเหลา่ ดอนแตง ต.นาขา่ อ.เมือง จ.อุดรธานี 5. วิธีดาเนนิ การ 1. นกั ศกึ ษาสาขาวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ ชน้ั ปที ี่ 3 ทล่ี งทะเบยี นรายวิชาการวางแผนและจัดการ โครงการโดยใชโ้ ปรแกรม (BC10301) จดั กล่มุ กลุ่มละ 7 – 10 คน ได้จานวน 6 กล่มุ จัดกิจกรรม โครงการตา่ ง ๆ ในชว่ งเวลาท่ีว่างจากการเรยี น ซึ่งไม่กระทบตอ่ การเรยี นของนกั ศึกษา 2. วนั เวลา ในการจัดกิจกรรมโครงการ จะจดั ตามความพร้อมของหนว่ งงานทีป่ ระสานความ รว่ มมือไว้ ระหว่างนักศึกษาและองค์กร 3. ในการจดั กิจกรรมทุกครงั้ จะมีอาจารยป์ ระจาสาขา อยา่ งน้อย 1-2 ทา่ น เขา้ รว่ มกิจกรรมด้วย โดยอาจารยผ์ ูค้ วบ ใชเ้ วลาวา่ งจากการสอน เขา้ กจิ กรรมกลุ่มกับนักศึกษา ซึ่งไมก่ ระทบต่อการสอน

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู 101 6. งบประมาณ ใชเ้ งินบารุงการศึกษาภาคปกติของนักศึกษา ดังรายการต่อไปน้ี รายการ งบประมาณ (บาท) คาช้ีแจง คา่ ตอบแทน ค่านักศึกษาชว่ ยงาน 3,360 (2 คน * 6 กลมุ่ * 2วัน * 140 บาท) ค่าวัสดุ ปูายไวนิลประชาสมั พันธ์สาขาวชิ าฯ - เบิกจากฝาุ ยประชาสมั พันธค์ ณะฯ เอกสารสื่อการสอนสาหรับการอบรม - ถา่ ยสาเนาเอกสาร และเขา้ เล่ม จากฝาุ ยงานถ่ายเอกสารของคณะฯ รวมทั้งสนิ้ 3,360 7. วธิ ีการประเมินผลโครงการ - แบบสอบถามจากผู้เข้าร่วมโครงการ - สรปุ ผลโครงการการศึกษาดงู านนอกสถานที่ สาขาคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ 8. ผลที่คาดว่าจะไดร้ ับ - นกั ศึกษาเรยี นร้กู ารถงึ การถ่ายทอดความรกู้ ารฝกึ ทักษะปฏิบัตใิ ช้งานคอมพิวเตอร์จริง - นกั ศึกษาได้มีโอกาสสะสมประสบการณ์ทางการเชงิ วิชาการทางคอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ - นกั ศึกษาไดเ้ รียนรกู้ ารทางาน นอกบทเรยี นในอีกรูปแบบทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ สังคม - นกั ศึกษาไดบ้ าเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม สว่ นรวม - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกความสามคั คี ความกลา้ แสดงออก ภาวะความเป็นผู้นา 9. ผู้รับผิดชอบโครงการ คณะกรรมการสาขาวิชาคอมพวิ เตอรธ์ รุ กิจ คณะวิทยาการจัดการ 10. แบบประเมินความคิดเห็นจากผูเ้ ข้ารว่ มโครงการ

102 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป แบบประเมนิ โครงการ / กจิ กรรม ดา้ นการบริการทางวชิ าการแกส่ งั คม สาขาวิชาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ คณะวิทยาการจดั การ ชอ่ื โครงการ / กจิ กรรม การบริการทางวชิ าการแก่สงั คม กรุณากรอกแบบสอบถาม ตามความคิดเห็นของท่าน โดยการทา เครื่องหมาย  ท้ังนี้ เพอ่ื จะได้ปรับปรุงการศึกษาดูงานคร้ังต่อไป 1. เพศ  หญงิ  ชาย 2. ช้นั ปที ี่ศึกษา ........................................ 3. โปรแกรมทเ่ี ขา้ รับการอบรม (ตอบได้มากกว่า 1 รายการ) Microsoft Word 2007 Microsoft Excel 2007  Microsoft PowerPoint 2007 4. ก่อนเข้ารบั การอบรม ทา่ นมคี วามรรู้ ะดับใด เข้าใจระดบั มากที่สดุ เขา้ ใจระดับมาก เข้าใจระดบั ปานกลาง เข้าใจระดบั น้อย เข้าใจระดบั น้อยที่สุด 5. หลงั เขา้ รับการอบรม ท่านมีความรู้ระดับใด  เขา้ ใจระดบั มากทส่ี ดุ  เขา้ ใจระดบั มาก  เขา้ ใจระดบั ปานกลาง  เข้าใจระดับน้อย เข้าใจระดับน้อยท่ีสดุ 6. ระดบั ความคดิ เห็นต่อโครงการบรกิ ารทางวิชาการแก่สงั คม ระดบั ความคิดเหน็ ต่อโครงการ รายการ มากที่สดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทส่ี ดุ ด้านวทิ ยากรอบรม ความรคู้ วามสามารถในการถ่ายทอดเน้ือหา การสรา้ งการมสี ่วนร่วมระหว่างผู้เข้าอบรม มนุษยส์ ัมพันธต์ ่อผ้เู ข้าอบรม การแต่งกาย

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 103 6. ระดับความคดิ เหน็ ตอ่ โครงการบรกิ ารทางวิชาการแก่สงั คม (ตอ่ ) รายการ ระดับความคิดเหน็ ต่อโครงการ ด้านการจัดกจิ กรรมอบรม มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย เอกสารประกอบการอบรมมคี วามเหมาะสม ท่สี ดุ กลาง ทสี่ ุด ระดบั ใด กจิ กรรมระหวา่ งการอบรมมีความเหมาะสม ระดบั ใด ระยะเวลาในการอบรมเหมาะสมระดับใด สถานทอ่ี บรมมีความเหมาะสมระดับใด 7. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ ตอ่ การจัดทาโครงการในครง้ั ต่อไป ............................................................................................................................. ................................... .. จัดการโครงการ ด้วย Microsoft Project โปรแกรม Microsoft Project เป็นโปรแกรมสาเร็จรูปท่ี ช่วยในเร่ืองการจัดการโครงการ ในเร่ือง กิจกรรมโครงการ ปฏิทินงาน ทรัพยากรในโครงการ ค่าใช้จ่ายในโครงการ การติดตาม ความกา้ วหนา้ ของโครงการ รวมถงึ การออกรายงาน โดยมีผเู้ ช่ียวชาญหลายท่านได้กล่าวถึงการใชง้ านโปรแกรม Microsoft Project ไวด้ งั นี้ สุเทพ โลหณุต (2557) ได้ให้ข้อมูลว่า Microsoft Project เป็นเครื่องมือใช้ในการบริหาร จัดการโครงการโดยสามารถสนับสนุนการทางานในเรื่องกิจกรรมงาน ทรัพยากร การติดตาม ความกา้ วหน้า และการออกรายงานโครงการ เพ็ญศรี ปักกะสีนัง (2556) ได้กล่าวไว้ว่า โปรแกรมMicrosoft Project ถือเป็นเครื่องมือท่ี มีประโยชน์ที่ใช้สาหรับวางแผนโครงการโดยมีความสามารถในการจัดการเวลาในโครงการ จัดการ ทรัพยากร จัดการคา่ ใช้จ่ายและติดตามตรวจสอบความกา้ วหน้า รวมทง้ั จดั พมิ พร์ ายงานโครงการ อรอุมา เอกตาแสง (2555) ได้กล่าวว่า Microsoft Project เป็นโปรแกรมสาหรับจัดการ แผนงานทีม่ เี คร่อื งมืออานวยความสะดวกในการจัดการแผนงาน ต้ังแต่เริ่มบันทึกข้อมูลงานแต่ละงาน ขอ้ มูลผ้ทู างาน ขอ้ มลู คา่ ใช้จ่าย คานวณคา่ ต่างๆ ให้อัตโนมัติ นลิน จันทร (2554) ได้กล่าวว่า Microsoft Project เป็นโปรแกรมท่ีสามารถตอบสนอง ความตอ้ งการในเร่ืองการจัดการ การปรับปรุงข้อมูลเพื่อการบริหารงานโครงการ โดยช่วยลดภาระใน การจดั การเกี่ยวกับโครงการนนั้ ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

104 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป ซึ่งสามารถนาเสนอ เนอ้ื หาการจัดการโครงการ ดว้ ยโปรแกรม Microsoft Project ได้ดังนี้ 1. สว่ นประกอบหนา้ จอหลกั ในการใชง้ าน Microsoft Project A B CD E ภาพท่ี 5.2 สว่ นประกอบโปรแกรม Microsoft Project A. คือ แถบหวั เร่ือง จะแสดง ชื่อไฟลโ์ ครงการ พร้อม ปุมเครอ่ื งมือดว่ น ในเร่ือง บนั ทกึ ยอ้ นกลับการทางาน การยอ่ ขยาย ขนาดหน้าตา่ งการทางาน และการปดิ โปรแกรม B. คอื แถบเมนู และปุมเคร่ืองมือ สาหรบั การทางานในโครงการ C. คอื แถบ Timeline แสดงสถานะ เวลาการทางาน จาก วนั เร่มิ งาน Start ถงึ วนั สิน้ สุดงาน Finish D. คือ ตารางกจิ กรรมงานของโครงการ F. คอื ปฏิทิน ระยะเวลาการทางาน ของกิจกรรมตา่ ง ๆ จาก ตารางกจิ กรรมงานส่วน ( D ) โดยแสดงเปน็ แผนภาพ แถบสี (Gantt Chart ) 2. การสรา้ งไฟล์โครงการใหม่ เมอื่ สรา้ งโครงการใหม่ ไฟล์โครงการทส่ี รา้ งข้นึ จะมนี ามสกุล .mpp ซึ่งเปน็ นามสกุล จากโปรแกรม Microsoft Project

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป 105 การสร้างไฟลโ์ ครงการ สามารถสร้างได้จาก หลากวธิ ี ดังนี้ โดยเริม่ จาก 1. เลอื ก file 2. เลอื ก new 3. เลอื ก Blank project 4. เลอื ก Create     จะปรากฏ หนา้ ตา่ งสนับสนุนการสร้างไฟล์โครงการใหม่ ดังน้ี ภาพท่ี 5.3 ขั้นตอนการสร้างโครงการใหม่

106 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 3. การสร้างโครงการใหม่จากงานตน้ แบบ (Template) งานตน้ แบบ คือ โครงการทีม่ ีการจัดสร้างตวั อยา่ งกิจกรรมงานไว้แลว้ ซึง่ สามารถนา กลับมาใช้เปน็ กิจกรรมงานใหม่ ของโครงการท่ีตอ้ งการสรา้ งใหม่ได้ ระบบภายในโปรแกรม ได้มีการ จัดเกบ็ โครงงานต้นแบบไวห้ ลากหลายรปู แบบลกั ษณะงาน สามารถ สบื ค้นนาออกมาใช้ได้ดังน้ี 1. เลอื ก File 2. เลอื ก New 3. เลอื ก งานตน้ แบบ (Office.com Templates) ท่ตี ้องการ 4. Download งานตน้ แบบ ออกมาใช้งาน     ตวั อย่างงาน  ตน้ แบบที่เลือก  ภาพที่ 5.4 ขนั้ ตอนการสรา้ งโครงการใหม่จากงานต้นแบบ

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู 107 จะปรากฏ หน้าโครงการ จากงานตน้ แบบท่เี ลือก ซงึ่ สามารถปรบั เปล่ยี นขอ้ มลู เองได้ ตามต้องการ ดังตัวอยา่ งงานต้นแบบท่ไี ด้จากการ Download ภาพท่ี 5.5 ตวั อย่างงานตน้ แบบท่ไี ด้จากการ Download 4. การบันทกึ โครงการ เลอื ก 1. Menu File 2. Save  3. ตงั้ ช่อื โครงการ  4. เลอื กตาแหนง่ ท่จี ดั เก็บ 5. Save    ภาพที่ 5.6 ขั้นตอนการบนั ทกึ โครงการ

108 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป การบันทกึ โครงการ ไฟลโ์ ครงการทบ่ี นั ทึกจะมนี ามสกลุ .mpp ซึง่ เป็นนามสกุลจาก โปรแกรม Microsoft Project 5. การกาหนดวนั เร่มิ ต้นโครงการ หรอื วนั สิน้ สดุ โครงการ 1. menu Project  2. Project Information  จะปรากฏ หนา้ ต่าง การกาหนด วันเร่ิมตน้ หรือ วันสน้ิ สุด การสรา้ งโครงการใหม่ ดงั น้ี Start date = กาหนดวนั เริ่มโครงการ Current date = กาหนดวนั ปัจจบุ ัน Finish date = กาหนดวนั สน้ิ สดุ โคทรกี่ งากลาังรใชง้ านโครงการ Schedule from = กาหนดรูปแบบ Status date = สถานะของวัน โครงการ วันเรม่ิ ตน้ หรอื วันสิน้ สุดโครงการ Calendar = รปู แบบปฏทิ ินโครงการ 24 Hours ( รูปแบบงานตลอด 24ชว่ั โมง) Night Shift = ทางาน 3 เวลา (0:00 – 3:00 น.) /(4:00 – 8:00 น.)/ (23:00 – 0:00 น.) Standard = เร่ิมงาน 8:00 – 17:00 น. ภาพท่ี 5.7 ข้นั ตอนกาหนดวันเรม่ิ ต้นหรอื วนั ส้ินสดุ โครงการ

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป 109 กรณี สร้างโครงการจากการกาหนดวนั ทีเ่ ริ่มโครงการ 1. ในรายการ Schedule from ใหเ้ ลือกหวั ข้อ Project Start Date 2. จากนนั้ กาหนดวันเรมิ่ ต้นท่ี Start date   ภาพท่ี 5.8 ข้นั ตอนกาหนดวันเรมิ่ ต้นโครงการ กรณี สร้างโครงการจากการกาหนดวันที่ ส้นิ สุดโครงการ 1. ในรายการ Schedule from ใหเ้ ลอื กหวั ข้อ Project Finish Date 2. จากนัน้ กาหนดวนั สิ้นสุดท่ี Finish date   ภาพท่ี 5.9 วิธกี าหนดจากวนั สนิ้ สดุ โครงการ

110 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 6. การสร้างปฏทิ ินงาน การสร้างปฏิทินงาน เราสร้างสามารถ วางแผนกาหนดวันท่ีสาหรบั โครงการไดเ้ อง ดงั นี้ การกาหนดตารางปฏิทนิ เอง 1. เลอื ก Menu Project  2. เลือก Change Working Time 3. เลอื ก Create New Calendar  4. ตง้ั ช่ือปฏิทิน Name 5. เลือกประเภท ปฏทิ นิ (Create new base calendar (สร้างปฏทิ นิ ใหม่)) (Make a copy of (สร้างปฏิทินใหม่ จากรูปแบบท่ีมีในระบบ )) 6. Ok   แสดงสัญลักษณ์ แสดงวนั และเวลาการทางาน สถานะของวันใน แสดงตารางปฏิทิน ปฏิทนิ    ภาพท่ี 5.10 ขั้นตอนการกาหนดปฏิทินงาน

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู 111 ตารางท่ี 5.2 รูปแบบปฏทิ นิ รปู แบบ วนั ทางาน( Working Time ) จานวน วันหยุด ปฏทิ ิน ทางานตลอด 24ช่วั โมง ช่วั โมงงาน : วนั (Nonworking 24 Hours ทางาน 3 รอบเวลา Night Shift (0:00 – 3:00 น.) Time) (4:00 – 8:00 น.) 24 ชัว่ โมง ไมม่ ีเวลาหยดุ Standard (23:00 – 0:00 น.) 8 ชว่ั โมง วนั อาทิตย์ จนั ทร์ – ศกุ ร์ (8:00 – 12:00) และ (13:00 - 17:00) 8 ชั่วโมง วันเสาร์ และ วนั อาทิตย์ 7. กรอกข้อมลู กิจกรรมท่ีเกดิ ขึน้ ในวันทเ่ี ลอื ก (เช่น “วนั หยุด”) 8. คลิก Details… จะปรากฏหน้าต่าง “Detail for…” ให้ กาหนดข้อมูล 9. หลงั จากกาหนดข้อมูลเสร็จ ให้ คลกิ OK ทหี่ นา้ ตา่ ง “Detail for…” 10. จะกลับมายังหนา้ ตา่ ง Change Working Time ให้ คลิก Ok เพอื่ ยนื ยนั การทางาน ชื่อปฏิทนิ ทตี่ งั้ ไว้ ค่าวันท่ี เรมิ่ ต้น สิน้ สุด ปรากฏอัตโนมตั ิ เม่ือ กรอก ข้อมูลในตาราง Name    ภาพที่ 5.11 ขน้ั ตอนการกาหนดปฏิทนิ งาน (ต่อ)

112 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป จะปรากฏตาราง ให้ กาหนดข้อมูล การหยดุ หรือชว่ งเวลาทางานท่ตี ้องการ สาหรบั วนั ท่ี เลือก สามารถ เลอื กเปน็ วนั หยุด(Nonworking) หรอื A ถ้าเลือกวนั ทางาน (Working times) จะตอ้ งมีข้อมลู ชว่ งเวลา ท่ี ตาราง From และ To B การเลือกรปู แบบวันทางาน ** ซ่งึ จะต้องคานึงถงึ การ เลอื ก ประเภทกจิ กรรม ในสว่ น A ดว้ ย C  การระบจุ านวนกจิ กรรมทเี่ กดิ ขึ้น เปน็ จานวนคร้งั (End after) หรือ ในช่วงเวลา เริม่ ต้น (Start) ถึง สน้ิ สุด (End by) ภาพท่ี 5.12 ขนั้ ตอนการกาหนดปฏทิ นิ งาน (ต่อ) สรุปท้ายบทเรียน การเขียนโครงการแบบประเพณนี ยิ ม ประกอบด้วย 1. ชือ่ โครงการ 2. หลกั การและเหตุผล 3. วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ 4. กล่มุ เปูาหมาย 5. สถานทีด่ าเนินการ 6. ระยะเวลาดาเนินการโครงการ 7. วิธีดาเนินการ 8. งบประมาณ 9. การประเมินโครงการ 10. ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู 113 การเขยี นโครงการแบบตารางสัมพนั ธ์ ประกอบด้วย 1. คาสรุปสาระสาคญั 2. ตวั ช้วี ดั ความสาเร็จ 3. หลักฐาน/แหล่งพสิ ูจน์ 4. เง่ือนไขความสาเรจ็ โปรแกรม Microsoft Project เป็นโปรแกรมสาเร็จรูปที่ ช่วยในเรื่องการจัดการโครงการ ในเรื่อง กิจกรรมโครงการ ปฏิทินงาน ทรัพยากรในโครงการ ค่าใช้จ่ายในโครงการ การติดตาม ความกา้ วหน้าของโครงการ รวมถงึ การออกรายงาน

114 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป แบบทดสอบท้ายบทที่ 5 1. การคัดเลอื กโครงการควรคานึงถึงเร่อื งอะไรบ้าง 2. ใหส้ รุปความสาคญั ในรายละเอยี ดในการเขียนโครงการมาพอสังเขป 3. จากการเขียนโครงการแบบประเพณีนิยม กับแบบตาราง มีลักษณะการเขียนท่ี แตกต่างกันอย่างไร 4. ในการเขียนโครงการ เรื่ององค์กรที่รับผิดชอบ กับ ผู้ดาเนินการ มีความหมาย แตกต่างกนั อยา่ งไร 5. การเขยี นหลกั การและเหตุผล มคี วามสาคัญตอ่ โครงการอยา่ งไร 6. ในการเขียนโครงการเรอ่ื ง หลักการและเหตุผล และวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ มีความ เก่ยี วขอ้ งกนั อยา่ งไร 7. ในการเขียนระยะเวลาดาเนินการในโครงการจะมีเทคนิควิธีการเขียน อย่างไร 8. ให้อธิบายวิธีการกาหนดวตั ถุประสงค์โครงการจากเทคนิค ““SMART” 9. ใหอ้ อกแบบ ฟอร์มเอกสารขออนมุ ตั โิ ครงการในเนอื้ หาทเ่ี หมาะสมใช้งานไดจ้ รงิ 10. ใหเ้ ขียนขอ้ เสนอโครงการมา 1 โครงการ (ดาเนินการในปฏทิ ินปีปัจจบุ ัน) 11. จากภาพท่ีกาหนด ให้อธบิ ายสง่ิ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในภาพ

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป 115 12. จากภาพที่กาหนด ภาพ A และภาพ B มีการทางานทีแ่ ตกต่างกนั อยา่ งไร ภาพ A ภาพ B

116 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป เอกสารอ้างอิง ฐาปนา ฉิน่ ไพศาล. (2556). การบริหารโครงการและการศึกษาความเป็นไปได้. พิมพ์ครง้ั ท่ี 11. กรุงเทพฯ: บริษทั ธรี ะฟลิ ์ม และไซเท็กซ์ จากัด. เทยี นฉาย กีระนันท์. (2530). แผนโครงการและงบประมาณ. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นลิน จนั ทร. (2554). Microsoft Project 2010. กรงุ เทพฯ: ซลิ พลิฟาย. เพญ็ ศรี ปักกะสีนัง. (2556). การจัดการโครงการเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรงุ เทพฯ: ซีเอ็ดยเู คชั่น สุเทพ โลหณตุ . (2557). Microsoft Project 2013 บรหิ ารคน บริหารโครงการ ให้อยู่หมดั . กรุงเทพฯ: วิตตกี้ รุ๊ป. สภุ าพร พศิ าลบตุ ร. (2553). การวางแผนและการบรหิ ารโครงการ. พิมพ์คร้ังที่7. นนทบุรี: Urai Thoophom. อรอมุ า เอกตาแสง. (2555). คูม่ อื Microsoft Project ฉบบั สมบูรณ์. นนทบรุ ี: ไอดีซฯี . อัสตนิ , โรเบริ ์ต ดี. (2556). การบริหารโครงการ(คมสนั ขจรชพี พันธงุ์ าม, ผู้แปล). แปลจาก Managing Projects Large and Small. กรงุ เทพฯ: แอคทีฟ พร้นิ ท์.

แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 6 การจัดการโครงการโดยโครงสร้างกิจกรรมงาน เวลาเรยี น 8 ช่ัวโมง วัตถปุ ระสงค์ หลงั จากทีไ่ ด้ศึกษาบทเรยี นน้ีแลว้ นักศึกษาควรมพี ฤตกิ รรมดังนี้ 1. บอกแนวคิด และความสาคญั ของโครงสรา้ งกิจกรรมงานได้ 2. แสดงความคิดเห็นถงึ หลักในการพจิ ารณาโครงสร้างกิจกรรมงานได้ 3. สรปุ สมบัติของโครงสร้างกจิ กรรมงานได้ 4. สรปุ ประเดน็ จากการจาแนกโครงสรา้ งกจิ กรรมงานได้ 5. บอกความแตกตา่ งระหว่างประโยชน์ของโครงสร้างงานโครงการ (PBS) และ โครงสรา้ งกิจกรรมงานโครงการ (WBS) ได้ 6. เสนอแนะแนวทางในการจดั ทาโครงสรา้ งกิจกรรมงาน (WBS) ได้ 7. ออกแบบโครงสรา้ งกิจกรรมงาน (WBS) สาหรบั โครงการได้ 8. สามารถประยุกต์การใชง้ านโปรแกรม MS Project ในการจดั การโครงสรา้ งกิจกรรม งานได้ หวั ข้อเนอื้ หา 1. แนวคิดโครงสร้างกจิ กรรมงาน 2. ความสาคญั ของโครงสร้างกิจกรรมงาน 3. หลกั ในการพจิ ารณาโครงสร้างกจิ กรรมงาน 4. คุณสมบัติของโครงสรา้ งกิจกรรมงาน 5. การจาแนกโครงสรา้ งกิจกรรมงาน 6. ประโยชน์ของโครงสรา้ งงานโครงการ (PBS) 7. ประโยชน์ของโครงสรา้ งกิจกรรมงานโครงการ (WBS) 8. ตวั อยา่ งการจดั ทาโครงสร้างกิจกรรมงาน (WBS) 9. การจดั การงานในโครงการด้วยโปรแกรม Microsoft Project วธิ กี ารสอนและกิจกรรม 1. บรรยายเนือ้ หาสาระสาคัญประกอบ PowerPoint 2. ต้ังคาถามอภปิ รายระหวา่ งอาจารย์กบั นักศึกษา 3. สรุปประเดน็ เนือ้ หาร่วมกนั 4. ใหต้ อบคาถามทา้ ยบทเรยี น

118 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู สอ่ื การสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. Microsoft PowerPoint ประจาบทเรียน 3. คอมพวิ เตอร์ และเครือข่ายอินเตอรเ์ นต็ 4. แบบฝกึ หัดทา้ ยบทเรยี น การวดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นรว่ มในห้องเรยี น 2. ความรบั ผิดชอบในงานท่ีได้รบั มอบหมาย 3. ประเมนิ การทางานตามท่ีมอบหมาย 4. ประเมินการตอบคาถามและทางานท้ายบทเรยี น

บทที่ 6 การจัดการโครงการโดยโครงสร้างกิจกรรมงาน หลังจากท่ีมีการเขียนข้อเสนอโครงการเรียบร้อยแล้ว ลาดับต่อมาก็คือการวางแผนการ จัดการกิจกรรมงานต่างๆในโครงการ ออกเป็นกิจกรรมหลัก กิจกรรมย่อย การเชื่อมโยงกิจกรรมงาน ตามลาดับก่อนหลัง ระยะเวลาของกิจกรรม จุดเช็คความก้าวหน้าของกิจกรรม ซ่ึงการจัดการ กิจกรรมเหล่าน้ีจะวางแผนในเบ้ืองต้นผ่านโครงสร้างกิจกรรมงาน หรือที่เรียกว่า Work Breakdown Structure (WBS) แนวคดิ โครงสรา้ งกิจกรรมงาน โครงสร้างกิจกรรมงาน (Work Breakdown Structure) เรียกกันแบบย่อๆ ว่า WBS หรือ เรียกว่า ผังโครงสร้างงาน โครงสร้างการจัดแบ่งงาน โครงสร้างรายการงาน โครงสร้างการจัดการ ข้อมูล หรือโครงสร้างตารางกิจกรรมงาน โดยเม่ือเร่ิมต้นวางแผนงานโครงการ (Project Planning) ควรให้ความสนใจและให้ความสาคัญกับ WBS ก่อนเร่ืองอื่นๆ ซึ่ง WBS ถือเป็นเครื่องมือสาหรับแยก ย่อย งานออกเป็นส่วนๆ ทาให้เรามองภาพใหญ่ของโครงการว่ามีงานอะไรบ้างท่ีจะต้องทาซ่ึงจะแยก ย่อยงานออกเป็นลาดับชั้น สามารถจัดการกับทุกองค์ประกอบของโครงการได้ สามารถบริหารงาน ย่อยได้ง่ายขึ้น รู้ว่าจะใช้ทรัพยากร คือใคร อุปกรณ์อะไร รับผิดชอบงานใดบ้าง ใช้เวลาทางานนาน เท่าไร WBS เปน็ ข้อมูลพ้ืนฐาน สาหรบั จดั ทาแผนโครงการสาคัญอย่างอ่ืนอีก อาทิ แผนระยะเวลา ดาเนินการ (schedule plan) แผนบุคลากร แผนการเงิน เป็นต้น นอกจากน้ันเป็นโอกาสท่ีผู้จัดการ โครงการและบุคลากรหลักของโครงการจะได้มีโอกาสทบทวนขอบเขตงาน ซ่ึงการทบทวนขอบเขต งานเป็นเรื่องสาคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยถ้าหากโครงการมีขนาดใหญ่ มีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ ก็ ย่ิงมีโอกาสมากขึ้นที่งานบางอย่างจะถูกลืมหรือถูกมองข้ามไป WBS จึงมีความความสาคัญกับ โครงการและมีส่วนช่วยให้ปัญหาเรื่องงานซ้าซ้อนไม่เกิดขึ้น ถือเป็นเคร่ืองมือที่จะช่วยให้ผู้บริหาร โครงการและทมี งานคดิ วเิ คราะหข์ อบเขตงานของโครงการอยา่ งจริงๆ จังๆ ว่ามีงานอะไรบ้างท่ีต้องทา ใหแ้ ลว้ เสรจ็ โครงสร้างกิจกรรมงาน Work Breakdown Structure หรือ WBS มีแนวคิดจากมุมมอง ของผ้เู ชีย่ วชาญต่างๆ ดงั นี้ เพ็ญศรี ปักกะสีนัง (2556) กล่าวว่า โครงสร้างจาแนกงานหรือการกระจายงานลงมาเป็น เป็นลาดบั ขน้ั Work Breakdown Structure : WBS หมายถึงโครงสร้างของงานต่าง ๆ ของโครงการ โดยจาแนกตามระดับงาน จากระดบั งานใหญ่หรือระดับงานหลัก แตกเป็นระดับงานย่อยๆ ลดหล่ันไป จนถงึ ระดบั ย่อยมากกท่ีสดุ

120 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู สุพจน์ โกสิยะจินดา (2550) ให้คานิยามของ WBS คือการกระจายงานเป็นขั้นลงมา มี ลักษณะเป็นโครงสร้างบอกถึงขอบข่ายงานท้ังหมด ส่ิงใดที่ไม่ปรากฏใน WBS ถือว่างานเหล่าน้ันไม่ รวมอยู่ในขอบขา่ ยงานทก่ี าหนดของโครงการ อัสติน, โรเบิร์ต ดี (2556) ได้กล่าวไว้ว่า Work Breakdown Structure (WBS) เป็น เคร่ืองมือสนับสนุนการทางานโครงการในการพัฒนางาน ประเมินงาน มอบหมายงาน แต่งตั้งบุคล ทางาน ตดิ ตามความคบื หนา้ และขอบเขตเวลาการทางาน สมบัติ ธารงธัญวงศ์ (2547) ได้ให้ข้อมูลว่า Work Breakdown Structure (WBS) เป็น เทคนิคการแตกโครงสรา้ งของงาน โดยแตกกระจายงานตา่ งๆ ออกเปน็ งานยอ่ ยๆ ในระดับตา่ งๆ จากข้อมลู ข้างต้นจึงสรุปได้ว่า โครงสร้างกิจกรรมงาน Work Breakdown Structure หรือ WBS คือเคร่ืองมือสนับสนนุ การจดั การกิจกรรมงาน ในแบบการแจกแจงรายการกิจกรรมงานออกเป็น ส่วนๆ และวางแผนกิจกรรมต่างๆ ในเรื่องระยะเวลางาน ลาดับงาน ผู้รับผิดชอบงาน ตามความ เหมาะสมของโครงการ โครงการ ระดบั งาน 1 กิจกรรมหลกั กิจกรรมหลกั กิจกรรมหลกั ระดับงาน 2 กิจกรรมรอง กิจกรรมรอง ระดบั งาน 3 กิจกรรมรอง ระดบั งาน 4 ภาพที่ 6.1 ผังโครงสร้างงาน ทม่ี า: ดดั แปลงจาก เพญ็ ศรี ปักกะสีนงั (2556:169)

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู 121 ความสาคญั ในการจดั ทาโครงสรา้ งกจิ กรรมงาน ความสาคญั จากการทางานโครงสร้างกจิ กรรมงาน (Work breakdown Structure) มีดงั น้ี 1. ทาการระบุงานท่ีจะต้องทาทั้งหมด ท้ังงานหลักและงานย่อยๆ ทาให้ทีมพัฒนา สามารถรับรู้และตรวจสอบงานท่ีตนเองจะต้องรับผิดชอบ และ บางทีอาจมีงานตกหล่น ไม่สมบูรณ์ก็ สามารถรับรไู้ ดเ้ พ่ิมเติม 2. ทาการประเมินแรงงาน จานวนบุคลากรที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรมงาน ระยะเวลาที่ ดาเนินงานในแต่ละกิจกรรมงาน และ เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ท่ีจะต้องใช้ในงาน เราก็สามารถทราบ ครา่ วๆได้ 3. ทาการชี้ชัดวา่ งานทีต่ ้องทามอี ะไรบ้าง สามารถให้ทมี งานและผู้เก่ียวข้องอื่นๆ ได้ช่วย คดิ ทบทวน ตรวจสอบ ทาใหแ้ น่ใจไดว้ า่ ไมม่ งี านใดตกหลน่ หลงลืม 4. ทาการแจกแจงงานทั้งหมดอย่างครบถ้วน สะท้อนงบประมาณในการดาเนิน โครงการ อยา่ งชดั เจน โดยปราศจากขอ้ สงสัย 5. เป็นเคร่ืองมือในการจัดสรรทรัพยากร ระบุได้ว่า งานไหนต้องใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์ อะไร 6. ใช้ในการประมาณเวลาการทางานแต่ละกจิ กรรมงาน 7. การที่รู้ว่า มีงานอะไรบ้าง แต่ละงานใช้เวลาเท่าไหร่ ทาให้สามารถคิดต่อไปได้ว่า จะตอ้ งมคี ่าใชจ้ ่ายบุคลากรสกั เท่าไหร่ ท่ีมักจะเรยี กกันตดิ ปากว่า ก่ี man month หรอื ก่ี man day 8. นาไปคดิ ค่าใช้จา่ ยวสั ดุ เครื่องมอื ได้เชน่ เดยี วกับค่าใช้จา่ ยบคุ ลากร หลักในการพิจารณาโครงสรา้ งกจิ กรรมงาน หลักง่ายๆ ในการพิจารณาว่าโครงสร้างกิจกรรมงาน (WBS) ที่จัดทามีความเหมาะสม หรอื ไม่ พจิ ารณาดงั น้ี 1. แต่ละงานจะต้อง งา่ ยต่อการบ่งชีส้ ถานะว่าแลว้ เสรจ็ ไปกี่มากนอ้ ย หรือกเ่ี ปอร์เซ็นต์ เชน่ ดาเนินการอบรมไปแลว้ 2 คร้งั จากทง้ั หมด 5 ครั้ง 2. สามารถทจี่ ะกาหนดการเริ่ม และกาหนดการแล้วเสรจ็ ให้แต่ละงานไดอ้ ย่างชดั เจน 3. สามารถทีจ่ ะบ่งชชี้ ดั ได้วา่ งานเสร็จไปแลว้ หรอื ส่งตอ่ ไปแล้ว หรือ ส่งมอบไปแลว้ ได้ชัดเจน 4. สามารถประมาณเวลาและค่าใช้งา่ ยสาหรบั แตล่ ะงานได้ไม่ยาก 5. ชว่ งเวลาทใี่ ชใ้ นการดาเนนิ การแต่ละงาน มีความสมเหตสุ มผล อยใู่ นกรอบเวลาที่ ยอมรบั ได้ 6. แตล่ ะงานมีอสิ ระตอ่ กัน หมายความว่า เม่ืองานเร่มิ ตน้ ตามแผนแล้ว งานนน้ั ตอ้ ง สามารถดาเนนิ ไปจนแล้วเสร็จโดยไม่ต้องรอ ทรัพยากรจากงานอ่นื 7. มกี ารกาหนดระยะเวลากิจกรรมงานอยา่ งชดั เจน 8. แต่ละงานมผี ู้รบั ผดิ ชอบงานท่ีชัดเจน

122 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป คณุ สมบตั ิของ (Work breakdown Structure) Work Breakdown Structure (WBS) ที่ดี จะต้องมคี ณุ สมบตั ิดงั น้ี (สมาคมวิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์; อา้ งถึงใน เจตณรงค์ เชาว์ชเู ดช, 2552) 1. สามารถเกบ็ รายละเอียดของข้อมูลได้ ในระดับต่างๆ เพ่ือใช้ในการบริหารงาน 2. มคี วามสะดวกในการจัดเก็บ และเรียกใชข้ ้อมลู ในประเภทตา่ งๆ ไดต้ ามต้องการ เช่น แรงงาน วสั ดุ เคร่อื งจักร ผลผลติ ฯลฯ 3. สามารถทีจ่ ะประยุกตใ์ ชก้ บั งานในฝาุ ยอ่นื ๆ ภายในองค์กร เชน่ ฝุายบญั ชี ฝุายจดั ซื้อ ฝุายประสานงานฯลฯ 4. สามารถนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาประยุกตใ์ ช้ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 5. เปน็ ทย่ี อมรบั และเข้าใจโดยท่ัวไปภายในองคก์ ร การจาแนกโครงสรา้ งงานกิจกรรมงาน การจาแนกโครงสรา้ งงานกจิ กรรมงาน เปน็ เทคนิคของการแตกย่อยงานโครงการ (PBS : Project Breakdown Structure) โดยจดั ให้เป็นชดุ ของกิจกรรมโครงการ (PAP : Project Activity Package) ซง่ึ กจิ กรรมตา่ งๆ จะเช่อื มโยงและสอดคลอ้ ง ประสานกนั ทาให้สามารถวางแผนดาเนนิ งาน ในรปู กาหนดการได้ โดยวิธกี ารจดั ทา PBS : Project Breakdown Structure ตามแนวคดิ ของ (Goodman & Love,1980; อา้ งถึงใน ปกรณ์ ปรยี ากร, 2542) ให้จดั จาแนกโครงสร้างของโครงการ ลดหลั่นให้เปน็ ระดบั ดังน้ีคอื ช่อื โครงการ (Main Project) งานหลัก (Major elements) กจิ กรรมหลัก (Major Components) กิจกรรม (Activities) ภาพที่ 6.2 ลาดับโครงสรา้ งโครงงาน ที่มา: ดดั แปลงจาก (http://www.mpa9.net/Doc/780/AJ_Pakorn/pa780_mpa18bb_pakorn.pdf)

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป 123 ชื่อโครงการ โครงการบริการวิชาการแกช่ มุ ชน งานทรัพยากร งานหลกั งานกิจกรรม งานหลกั งานด้าน อบรมความรู้ เอกสาร เตรียม เตรียมอปุ กรณ์ ทกั ษะด้าน กจิ กรรม การซอ่ มบารุง จดั ทาการ จดั ทาเอกสาร ทรัพยากร หลัก อปุ กรณ์คอม อบรม ประเมิน บคุ คล Soft ware กิจกรรม โปรแกรม โปรแกรม อบรมการ อบรมการ ฆา่ ย่อย Microsoft Microsoft ประกอบเคร่ือง ไวรัส Word Excel การแตกย่อยงานโครงการ กิจกรรมทั้งหมดเรียกวา่ PBS : Project Breakdown ชดุ กจิ กรรมโครงการ PAP : Project Activity Structure Package (เป็นรปู แบบการแตกย่อย) - ชื่อโครงการ - งานหลัก - กิจกรรมหลกั - กจิ กรรมย่อย ภาพท่ี 6.3 แผนผัง WBS ตวั อย่าง โครงการบริการวชิ าการคอมพวิ เตอร์แก่ชมุ ชน ท่ีมา: ดดั แปลงจาก (http://www.mpa9.net/Doc/780/AJ_Pakorn/pa780_mpa18bb_pakorn.pdf)

124 การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป ประโยชน์ของโครงสรา้ งงานโครงการ (PBS) จากการจัดการกิจกรรมงานจากโครงสร้างงานโครงการ แสดงใหเ้ หน็ ถึงประที่ได้รบั จาก โครงสร้างงานโครงการ (Project Breakdown Structure) ดงั นค้ี ือ 1. รูร้ ายละเอยี ดของกิจกรรมโครงการทง้ั หมด 2. ร้คู วามสมั พันธ์ระหว่างกิจกรรมตา่ ง ๆ ในกลมุ่ เดียวกัน 3. สามารถเช่อื มโยงระหว่างกล่มุ งานชดั เจน 4. สามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ นการกาหนดมาตรฐานงาน 5. เปน็ ฐานในการประเมินเวลา / คา่ ใชจ้ ่าย / คุณภาพ กาลงั คนและแผนดาเนินงาน 6. การนาแผนผัง PBS หรือ PAP สู่โครงสร้างกิจกรรมงาน WBS (Work Breakdown Structure) สามารถระบเุ วลากิจกรรมงาน งานท่ีเกิดขึ้นก่อน ผู้รับผิดชอบ และหมายเหตุ ได้จากการ วางแผนงาน ประโยชนข์ องโครงสรา้ งกจิ กรรมงาน (WBS) ประโยชน์ของโครงสร้างกจิ กรรมงาน (Work Breakdown Structure) มดี งั นี้ 1. ทาให้เห็นการแสดงรายละเอียดองค์ประกอบของโครงการตามลาดับช้ันของกรอบ การทางาน รวมทัง้ แสดงความสมั พันธ์ของแตล่ ะองค์ประกอบ 2. เป็นการแสดงช่องทางการส่ือสารและช่วยในการสร้างความเข้าใจในงานและการ ประสานระหวา่ งองค์กรในโครงการ 3. ช่วยในการประเมินค่าใช้จ่าย เวลา และผลการทางาน ในทุกระดับช้ันในองค์กร ตลอดอายขุ องโครงการน้นั ๆ ทาให้สามารถวางแผน กาหนดตารางการทางาน และงบประมาณได้ โดย สามารถใช้เป็นกรอบในการติดตามควบคุมค่าใช้จ่ายและผลงาน รวมทั้งวัดผลการทางานของแต่ละ องคก์ รได้ด้วย เมอื่ เกดิ ปัญหาจะสามารถรับรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 4. ใหข้ ้อมลู แกผู้บรหิ ารในแต่ละระดบั เช่น ผู้บรหิ ารระดับสูงจะใหค้ วามสนใจในผลลัพธ์ สาคญั ๆ ของโครงการ ในขณะท่ีหัวหน้างาน จะสนใจกบั กิจกรรมงานหลัก และกิจกรรมงานย่อย 5. ในการสรา้ ง WBS จะมีการมอบหมายความรบั ผิดชอบใหก้ บั แต่ละองค์กร และคนแต่ ละคน เพ่ือให้กิจกรรมหลัก และกิจกรรมย่อย บรรลุความสาเร็จ ซึ่งเป็นการประสานระหว่างงานกับ องคก์ รให้สอดคล้องกัน

การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู 125 ตัวอย่างการจดั ทาโครงสร้างกิจกรรมงาน (WBS) กรณศี ึกษา โครงการบริการวิชาการอบรมการใชง้ านคอมพิวเตอรแ์ ก่ชมุ ชน ตารางท่ี 6.1 ตวั อย่าง โครงสร้างกิจกรรมงาน“ โครงการบริการวชิ าการอบรมการใชง้ านคอมพิวเตอร์ แกช่ มุ ชน” รหสั งาน รายการงาน จานวน งานทท่ี า รปู แบบงาน Note 1 ประชุมแบ่งหนา้ ท่ี เวลา ก่อน เรมิ่ วันที่ 1 ม.ค. 2 รบั ผิดชอบ 2 start 3 ตดิ ต่อประสานงาน สัปดาห์ 1 56 4 วทิ ยากร 2 2 5 ตดิ ตอ่ ประสานสถานที่ สัปดาห์ 3 แยกสว่ นงาน อบรม 2 4 ตดิ ตอ่ ประสานผ้เู ข้า สัปดาห์ เปน็ รปู แบบงาน อบรม อบรม 2 5 ประจา โดย อบรมทักษะการใช้งาน สปั ดาห์ 6 อบรมทุกวนั คอมพิวเตอร์ 1 เป็นระยะเวลา สัปดาห์ 7 5 ครง้ั 8 เสรจ็ งานพรอ้ ม 6 ประเมินการอบรม 2 วนั งาน 5 ทักษะการใช้งาน คอมพวิ เตอร์ 7 อบรมการใช้ 1 เป็นรูปแบบงาน อบรม อนิ เตอรเ์ น็ต สปั ดาห์ ประจา โดย อบรม อบรมทุกวนั 8 ประเมนิ การอบรมการ 2 วัน เป็นระยะเวลา ใชอ้ นิ เตอร์เน็ต 5 ครง้ั เสร็จงานพรอ้ ม 9 อบรมการลงโปรแกรม 1 งาน 7 สปั ดาห์ เป็นรปู แบบงาน ประจา โดย อบรมทุกวัน เปน็ ระยะเวลา 5 ครัง้

126 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป ตาราง 6.1 (ต่อ) รหัสงาน รายการงาน จานวน งานท่ที า รปู แบบงาน Note 10 ประเมินการอบรมการ เวลา ก่อน เสรจ็ งานพร้อม Milestone 11 ลงโปรแกรม 2 วนั 8 งาน 9 Milestone จดั ทารายงานสรปุ การ 1 10 แยกสว่ นทางาน อบรม สัปดาห์ (ทางาน 1 11 สปั ดาห์ หยุด 1 12 ตรวจเชค็ ความคืบหนา้ 0 วัน สปั ดาห์ แล้วจงึ ของงาน ทางานต่อ) การจดั การงานในโครงการ ด้วย Microsoft Project การจัดการงานในโครงการด้วย โปรแกรม Microsoft Project เปน็ ขน้ั ตอนในการจดั การ กจิ กรรมงานทีไ่ ด้วางแผนไวจ้ าก โครงสร้างกจิ กรรมงาน WBS ซง่ึ มีผู้เชีย่ วชาญหลายทา่ นใหค้ วาม คิดเห็นกบั เรื่องการจัดการงานในโครงการไว้ดังน้ี สเุ ทพ โลหณุต (2557) กล่าวว่าการใช้ Microsoft Project กับการจัดการงานน้ัน สามารถ ช่วยงานได้ในหลากหลายเรื่องเช่นการจัดสร้างโครงการงาน การกาหนดรูปแบบระยะเวลา การใช้ มุมมองที่เหมาะสมกบั การจดั การงาน และนาเสนองานในโครงการ เพ็ญศรี ปักกะสีนงั (2556) กล่าวว่า การบริหารโครงการเร่ิมจากการพิจารณา หรือกาหนด รายละเอียดต่างๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งเรือ่ ง งาน ทรัพยากร คา่ ใชจ้ า่ ย และเวลา ซึ่งต้องพิจารณาแต่ละประเด็น ให้ละเอียดรอบคอบ ซ่ึง Microsoft Project สามารถช่วยจัดการงานในเรื่องต่าง ๆ นั้นได้ โดยควร วางแผนเบ้ืองต้นให้ชัดเจนถึงเร่ือง งานหลัก งานย่อย ลาดับงาน ทรัพยากร ค่าใช้จ่าย ระยะเวลา เรมิ่ ตน้ และส้ินสุดท่ีเกิดขึน้ กบั การดาเนนิ งาน อรอุมา เอกตาแสง (2555) ให้ข้อมูลถึงการจัดการงานในโครงการ หรือการดาเนินงานตาม แผน คอื การปฏบิ ัติงานจรงิ ตามแผนงานทว่ี างเอาไว้ เมอ่ื ดาเนินงานจริงไปสักระยะแล้ว จะต้องอัพเดต แผนงานในโปรแกรม Microsoft Project เพื่อตรวจสอบว่าดาเนินงานได้ตามแผนงานที่วางเอาไว้ หรือไม่ โดยการทางานด้วยมุมมอง Gantt Chart เป็น มุมมองแผนภูมิท่ีใช้แสดงกาหนดการของ โครงการ โดยแสดงจุดเริ่มต้นและส้ินสุดของงาน สามารถแสดงผลรวมเวลาของงานเปน็ กลุ่มๆได้ นลิน จันทร (2554) ให้ข้อมูลถึงการจัดการงานในโครงการ ว่า ด้วยMicrosoft Project สามารถจดั การกจิ กรรมงานได้ในหลากหลายเรอ่ื งเช่น การจัดการงาน (Task) ในโปรแกรม Microsoft Project จะสนบั สนุนใหร้ ะบุงาน กาหนดรายละเอียดของงานที่ทาในโครงการ จัดการขั้นตอนกาหนด ระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมงานได้ ซึง่ รองรับกับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างดี

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู 127 จากข้อมูลข้างตน้ สามารถสรุปได้ว่า โปรแกรม Microsoft Project สามารถสนบั สนนุ การ จดั การงานในโครงการไดห้ ลากหลายมิตกิ ารทางาน เริ่มตั้งแต่มมี มุ มองทีม่ ีประโยชนต์ ่อการจัดการและ นาเสนองานโครงการ สามารถจัดการงานทเ่ี กยี่ วข้องกับกาหนดวันเรม่ิ ต้น วันสนิ้ สุดของงาน งานหลกั งานยอ่ ย ลาดบั งาน ทรัพยากร และค่าใช้จา่ ยในการทางานเป็นตน้ 1. มุมมองต่าง ๆ ใน Microsoft Project วิธที ี่ 1 เลือก Menu View  จะปรากฏ แถบเคร่ืองมือ View Bar วิธีท่ี 2 คลกิ ขวา ท่ี แถบ สเี ทาทางซา้ ย ของโปรแกรม เลอื ก View Bar  จะปรากฏ แถบมุมมอง สาหรบั ใชง้ าน วธิ ที ่ี 1 วธิ ีท่ี 2 แถบมมุ มองจะปรากฏ ตามวธิ ีที่ 2 ภาพที่ 6.4 ข้นั ตอนการแสดงมุมมองใน Microsoft Project

128 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป ตารางที่ 6.2 มุมมองตา่ งๆ ในการจดั การโครงการ มมุ มองต่าง ความหมาย มมุ มองแบบปฏิทิน เหมาะกบั การมองดูภาพรวมทงั้ หมดของโครงการ ช่วงเวลาในการ ทางานแตล่ ะข้นั ตอน เวลาท่ีเหลอื อยขู่ องโครงงาน มุมมองแบบตารางกจิ กรรมงาน และ แสดงพร้อมกับ ปฏทิ ินระยะเวลางาน ซงึ่ แสดง เป็นแถบบาร์ (แถบส)ี โดยถือเป็น มุมมองหลัก โดยสามารถระบุระยะเวลาในการ ทางาน วันสิ้นสุดงาน และรายละเอยี ดอืน่ ๆ ของงาน ได้ที่มุมมองนี้ มมุ มองแบบFlow Chart (รูปสัญลกั ษณ)์ สามารถลากเมาส์เชอ่ื มงานต่าง ๆ เพ่ือ กาหนดความสัมพันธ์ของแตล่ ะงานได้ หรือคลิกเมาส์ปมุ ขวา ทีง่ านและเลือกคาสง่ั Task Information เพ่ือเปลยี่ นแปลงข้อมูลของงานจากมมุ มองนี้ได้ ฟอรม์ แสดงรายการ ชอื่ งาน ของโครงการ พร้อมแสดง ช่อื ทรพั ยากร จานวนชั่วโมง งานของทรพั ยากร วนั เริม่ ตน้ งาน วนั ส้ินสดุ งาน ทไี่ ด้กาหนดให้รับผดิ ชอบในงานนี้ รวมถงึ แสดงช่อื งานทีเ่ กิดขน้ึ ก่อนงานน้ี มุมมองทแี่ สดง เฉพาะ ตารางกจิ กรรมงาน ประกอบด้วย ชื่องาน ระยะเวลางาน วนั เรม่ิ ตน้ วนั สน้ิ สดุ งานทเี่ กิดข้นึ ก่อน ผรู้ บั ผิดชอบงาน มุมมองแสดงเวลาที่ใชใ้ นการทางานแตล่ ะงาน โดยทางฝง่ั ด้านซา้ ยจะเปน็ ชื่อของงาน และสว่ นทางฝั่งดา้ นขวาจะเป็นช่ัวโมงการทางานของทรัพยากรทั้งหมด ทีร่ บั ผิดชอบใน งานดงั กลา่ ว มุมมอง แสดง สถานะ แถบระยะเวลาวันเร่มิ ต้นงาน จนถงึ วนั สนิ้ สุดงาน มุมมองท่ใี ชต้ ดิ ตามงาน โดยจะแสดงความคืบหน้าของงานออกมาเปน็ เปอร์เซ็นต์ทาให้ สามารถร้วู ่างานในขั้นตอนนน้ั สาเร็จไปถงึ ไหนแลว้ ซึ่งเป็นประโยชนใ์ นการท่จี ะวาง แผนการทางานตอ่ ไป ฟอร์มท่ีแสดงข้อมลู เกี่ยวกบั รายละเอียดของทรพั ยากรในโครงการ ในเร่ือง คา่ ใช้จา่ ย งานท่รี ับผิดชอบ รวมถึง จานวนช่ัวโมงงาน วันเร่ิมงาน วนั สิน้ สุดงาน ท่เี กดิ ขน้ึ ในแต่ละ งาน มุมมองที่แสดงการใชท้ รัพยากรในรูปแบบของแทง่ กราฟ ซึ่งถ้าหากวา่ ทรพั ยากรนั้น ถกู นามาใช้มากกวา่ ขอบเขตเวลาปกติ แทง่ กราฟแท่งนั้นจะเปน็ สี

การวางแผนและจัดการโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป 129 ตารางท่ี 6.2 (ต่อ) มุมมองตา่ ง ความหมาย มุมมองท่ใี ชจ้ ดั การเก่ียวกับทรัพยากร ซง่ึ จะปอู นขอ้ มลู ต่าง ๆ ของทรัพยากรได้ที่ มุมมองน้ี มมุ มองทเ่ี ป็นตารางแสดงชั่วโมงการทางานของทรัพยากร โดยทางฝั่งดา้ นซา้ ยจะเป็น ช่ือของทรพั ยากร และส่วนทางฝงั่ ด้านขวาจะเป็นชั่วโมงการทางานของแตล่ ะงาน ท้ังหมด ทที่ รัพยากรดงั กล่าวรับผดิ ชอบ มมุ มองอน่ื ๆ 2. เรมิ่ ต้นงาน ในมมุ มอง Gantt Chart มุมมอง Gantt Chart มมุ มองแบบตารางกจิ กรรมงาน และ แสดงพร้อมกบั ปฏทิ ิน ระยะเวลางาน ซ่งึ แสดงเปน็ แถบบาร์ (แถบส)ี โดยถือเปน็ มมุ มองหลกั โดยสามารถระบุระยะเวลา ในการทางาน วันสิ้นสุดงาน และรายละเอียดอ่นื ๆ ของงาน ได้ท่มี ุมมองน้ี เนื้อหาในมุมมอง Gantt Chart ประกอบด้วย ตารางที่ 6.3 รายการมุมมอง Gantt Chart ลาดบั ช่อื ความหมาย 1 Task Mode รปู แบบกิจกรรมงาน (กาหนดได้ 2 แบบ คอื ให้ระบบจัดการ ระยะเวลาให้ หรือกาหนดเอง) 2 Task Name ช่อื กิจกรรมงาน 3 Duration ระยะเวลางาน 4 Start วนั เริ่มตน้ งาน 5 Finish วันส้นิ สุดงาน 6 Predecessor งานท่ีเกดิ ขน้ึ ก่อน 7 Resource Names ชอื่ ทรัพยากรในงาน (ช่อื ผู้รบั ผิดชอบงาน หรอื ชอื่ อปุ กรณ์ ทีต่ ้องใน งาน)

130 การวางแผนและจดั การโครงการโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป      ภาพท่ี 6.5 หัวข้อรายการมมุ มอง Gantt Chart 3. ทาความร้จู กั กับ Task Task คอื งานท่ีอยู่ในโครงการนั้น ๆ ซง่ึ แตล่ ะงานนน้ั ควรแยกออกจากนั อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ไมส่ ับสนซ่งึ สามารถแบ่งงานออกเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้ดงั นี้ Task รายละเอยี ดของงานปกติ Sub Task รายละเอยี ดของงานยอ่ ย ซงึ่ เป็นองคป์ ระกอบของงานใหญ่ Summary Task รายละเอียดของงานใหญ่ท่ีประกอบไปด้วยงานยอ่ ย ๆ Recurring Task งานท่ตี ้องทาอยู่เป็นประจา Milestone งานทใี่ ช้เปน็ จุดบ่งบอกความก้าวหนา้ ของโครงการ 4. การกาหนด Task ให้กบั โครงการ Task Name คือ ให้ใส่ชื่อของงาน Duration คอื ระยะเวลาดาเนนิ การ โดยปกตถิ า้ ใสต่ วั เลขใด ๆ ลงไปจะถือวา่ เป็นการ กาหนดจานวนวัน เช่น ใสต่ วั เลข 1 คือ 1 วนั แตส่ ามารถกาหนดระยะเวลาดาเนินการเป็นหนว่ ยอ่นื ได้ ใสข่ ้อมูล 8mo หมายถึง เวลา 8 เดอื น (Months) ใส่ข้อมลู 8w หมายถึง เวลา 8 สปั ดาห์ (Weeks) ใส่ขอ้ มลู 8d หมายถึง เวลา 8 วัน (Days) ใสข่ ้อมลู 8h หมายถงึ เวลา 8 ชว่ั โมง (hours) ใส่ข้อมูล 8m หมายถงึ เวลา 8 นาที (Minutes) Start คือ กาหนดวนั เร่มิ ตน้ ของ Task นัน้ ๆ ซง่ึ วิธีกาหนดนน้ั สามารถใส่วนั ที่โดยตรง หรอื เลือกจากปฏิทนิ โดยการคลิกเมาส์ ปมุ Finish คอื ไม่จาเป็นต้องกาหนด เพราะ Ms Project จะคานวณข้อมูลในช่องนี้ให้ โดย ใชว้ ันเร่มิ ต้น (Start) และระยะเวลาดาเนินการ Duration