ศกั ยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสง่ เสริมการดาำ เนินงานศูนย์ยุตธิ รรมชุมชน 65 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนต�ำ บลหนองโก อำ�เภอกระนวน จังหวดั ขอนแกน่ 1. ประเดน็ รปู แบบศกั ยภ�พและคว�มพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ศูนย์ยุติธรรมชุมชนต�าบลหนองโก เป็นรูปแบบการจัดต้ังโดยมีโครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรม ชุมชนจากผู้น�าชุมชนภาคประชาชนเป็นประธานศูนย์ โดยมีความร่วมมือทุกภาคส่วนในการพัฒนาชุมชน โดยมีความ เป็นมาจากส�านักงานคุมประพฤติร่วมจัดตั้งเม่ือ พ.ศ. 2547 ในปัจจุบันท�าหน้าที่ของศูนย์ยุติธรรมชุมชน (ส�านักงาน ปลัดกระทรวงยุติธรรม) ศูนย์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) และศูนย์ท�าหน้าท่ีรายงานตัว ผู้ถูกคมุ ประพฤติ (กรมคุมประพฤติ) รวมทงั้ ทา� หนา้ ทีอ่ าสาสมัครคุมประพฤติ 2. ประเดน็ คว�มตอ้ งก�รของชุมชนและเหตปุ จั จยั ทีช่ ว่ ยสง่ เสรมิ ก�รด�ำ เนินง�นศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 2.1 ผู้น�าจิตอาสาในชุมชน ในพ้ืนที่อ�าเภอกระนวน 8 ต�าบล มีผู้น�าชุมชนท่ีมีความเป็นจิตอาสาท�างาน เพื่อชุมชน แต่ที่อาจจะยงั ไมโ่ ดดเดน่ เช่นเดียวกบั ศนู ย์ยุตธิ รรมชุมชนตา� บลหนองโก เน่ืองจากยงั ขาดความร้คู วามเขา้ ใจ เรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทา� ให้ไม่อาจจะเป็นผู้นา� ในการยกระดับการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ได้เทา่ ท่คี วร 2.2 การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมีการให้การยอมรับนับถือผู้อาวุโสของชุมชนเรียกว่า “เจ้าโคตร” ในกระบวนการสานเสวนาในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึน ทั้งน้ี ศูนย์ยุติธรรมชุมชนต�าบลหนอง โก มีการให้ความช่วยเหลือประชาชนในการจัดการความขัดแย้ง จัดการความเดือดร้อน และสนับสนุนการท�างาน แก้ไขปญั หาความเดอื ดร้อนรว่ มกับทางอ�าเภอ 2.3 ความเช่ือมั่นศรัทธาของศูนย์ยุติธรรมชุมชนตา� บลหนองโก การร่วมงานกับ อปท. ผ่านช่องทางการ เมืองท้องถ่ิน ที่มีการเปล่ียนแปลงตามวาระการด�ารงต�าแหน่ง เมื่อมีการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นการชูนโยบาย สนับสนุนศูนย์ยุติธรรมชุมชนเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้รับการตอบสนองจากการเมืองท้องถ่ินซ่ึงเห็นประโยชน์ที่ ประชาชนจะไดร้ บั จากการขับเคล่ือนงานยตุ ธิ รรมชุมชน 2.4 การสนับสนุนงบประมาณ ศูนย์ยุติธรรมชุมชนต�าบลหนองโกไม่สามารถท�ากิจกรรมได้มาก นักเน่ืองจากไม่มีงบประมาณสนับสนุนการผลักดันกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนในพ้ืนที่ ทั้งน้ี อปท. ไมส่ ามารถจดั สรรงบประมาณให้กับศูนย์ยุติธรรมชมุ ชน ซ่งึ เป็นการทักท้วงจาก สตง. 3. สถ�นก�รณ์ก�รด�ำ เนนิ ง�นในบทบ�ทของศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 3.1 ศนู ยย์ ุติธรรมชุมชนตา� บลหนองโก ท�าหนา้ ที่รายงานตัวผู้ถูกคมุ ประพฤตเิ ปน็ ประจา� ไดร้ บั การยอมรบั ในการท�างานเพ่ือชุมชน 3.2 ผู้บริหาร อปท. และบุคลากร อปท. ให้การสนับสนุนการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนต�าบลหนอง โก ท�าให้ภาคผู้น�าชุมชนท่ีขับเคลื่อนศูนย์สามารถด�าเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการฯมีการแบ่งหน้าที่ ด้านต่างๆ ใหอ้ ยู่ในความรับผดิ ชอบชัดเจน
66 โครงการวิจัย 3.4 กำรสัมภำษณแ์ ละกำรลงพ้นื ทีป่ ระชมุ กลมุ่ ในจงั หวดั ภำคกลำงและตะวันออก ต�ร�งที่ 3.4 พนื้ ทก่ี �รสัมภ�ษณแ์ ละก�รลงพน้ื ทีป่ ระชมุ กลมุ่ ในจังหวดั ภ�คตะวันออก ลำ�ดบั ท่ี พืน้ ที่ก�รสัมภ�ษณ์และก�รลงพน้ื ทีป่ ระชุมกลุม่ 1 ศูนย์ยุติธรรมชมุ ชนตา� บลหนองซ้า� ซาก อ�าเภอบ้านบงึ จงั หวัดชลบรุ ี 2 ศูนย์ยุตธิ รรมชุมชนเมืองพัทยา ศาลาวา่ การเมืองพทั ยา จังหวดั ชลบุรี 3 ศูนยย์ ตุ ิธรรมชุมชนเขตดอนเมือง กรงุ เทพมหานคร ศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนต�ำ บลหนองซำ�้ ซ�ก อำ�เภอบ้�นบงึ จงั หวดั ชลบุรี 1. ประเด็นรูปแบบศกั ยภ�พและคว�มพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น 1.1 ศูนย์ยุติธรรมหนองต�าบลซ้�าซาก เป็นรูปแบบการจัดต้ังโดยมีโครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรม ชุมชนจากผู้น�าชุมชนภาคประชาชนเป็นประธานศูนย์ โดยมีความร่วมมือทุกภาคส่วนในการพัฒนาชุมชน โดยสภาพ พ้นื ทม่ี โี รงงานอตุ สาหกรรมจา� นวนมาก มคี วามเปน็ ชุมชนเมอื ง มีปัญหาร้องทุกขไ์ ดร้ บั ความเดือดรอ้ นจา� นวนมาก 1.2 ศักยภาพของ อปท.และศูนย์ยุติธรรมชุมชน การให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นภารกิจของ อปท. โดยมีเจ้าหน้าท่ีและนิติกรได้รับมอบหมายปฏิบัติราชการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และเม่ือ จัดตง้ั ศูนย์ยุติธรรมชุมชนขน้ึ ในเทศบาลหนองซา้� ซากท�าให้การชว่ ยเหลอื ประชาชนไดม้ ากขึ้น มกี ารเชอ่ื มโยงหนว่ ยงาน ของกระทรวงยุติธรรมที่จะสามารถอ�านวยความยุติธรรม โดยรูปแบบของการให้ความช่วยเหลือประชาชน คือ การ ปฏิบัติหน้าท่ีราชการตามอ�านาจหน้าที่ของ อปท.โดยเจ้าหน้าที่ท่ีมีความรู้กฎหมายและการใช้ผู้น�าชุมชนหรือประธาน ศูนย์ยุติธรรมชุมชนซ่ึงได้รับการยอมรับนับถือเป็นผู้น�าธรรมชาติมีบารมีในการเข้าไปแก้ปัญหาของชุมชน จะเห็นได้ว่า เม่ือ 2 สว่ นของอา� นาจหนา้ ทไี่ ดท้ า� ร่วมกนั จะเกดิ ประสทิ ธผิ ลในการจดั การปัญหาไดเ้ ป็นอยา่ งดี 2. ประเดน็ คว�มตอ้ งก�รของชมุ ชนและเหตุปัจจัยท่ชี ่วยสง่ เสริมก�รดำ�เนินง�นศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 2.1 การไกล่เกล่ียระงับข้อพิพาท เมื่อเปรียบเทียบการด�าเนินการจัดการความขัดแย้งในชุมชนระหว่าง หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมท่ีเป็นหน่วยงานรัฐกับศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีความแตกต่างกันตามบริบทของสถานะ องค์กร คือ หน่วยงานรัฐมีความเป็นทางการและปฏิบัติหน้าที่โดยเจ้าหน้าท่ีรัฐตามกฎหมาย บนพ้ืนฐานของกฎหมาย เพื่อให้ได้ข้อยุติ รวมทั้งหน่วยงานรัฐไม่ได้อยู่ในพื้นท่ีชุมชนไม่มีข้อมูลเพื่อให้เข้าใจความเป็นมาของชุมชนและปัญหาท่ี เกิดขึ้น ดังนั้น ชาวบ้านจึงเลือกที่จะปรึกษาขอรับบริการศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีองค์ประกอบของคณะกรรมการเป็น คนในชมุ ชน เจ้าหน้าทีเ่ ทศบาลก็ปฏบิ ตั หิ นา้ ทปี่ ระจา� ในพ้ืนทมี่ ีความคนุ้ เคยกนั การจัดการปัญหาในชมุ ชน ด้วยความ สมั พันธ์และเข้าใจรากเหง้าของปญั หา 2.2 ความเข้มแข็งของชุมชน องค์ประกอบของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนประกอบไปด้วยก�านัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการผู้แทนชุมชนคณะกรรมการหมู่บ้าน เพราะฉะนั้นจะมีความคุ้นเคยกันดีข้อมูลจะส่งถึงกัน ตลอดจึงท�าให้การถ่ายทอดนโยบายหรือมาตรการต่างๆ จากอ�าเภอหรือเทศบาลไปยังชุมชนจะสามารถด�าเนินการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเกิดเหตุความเดือดร้อนข้ึนในชุมชนคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนจะแนะน�าให้ไปรับ บริการ ณ เทศบาลซึง่ เป็นทต่ี ง้ั ศนู ยย์ ุติธรรมชมุ ชน
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในการส่งเสรมิ การดำาเนนิ งานศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน 67 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 2.3 การเสริมสร้างความเช่ือม่ันให้กับ อปท. ในการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน การปฏิบัติหน้าท่ี ของเจ้าหน้าที่ อปท. เพื่อให้ความช่วยเหลือแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนและการพัฒนาชุมชนเป็นหน้าท่ี ตามกฎหมายที่รับผิดชอบอยู่แล้ว เมื่อมีการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนจึงท�าให้มีความชัดเจนในขอบเขตของ การช่วยเหลือประชาชนในมิติความเป็นธรรม การอ�านวยความยุติธรรมโดยมีแรงสนับสนุนจากกระทรวงยุติธรรมจึง ท�าให้การช่วยประชาชน การลงพ้ืนที่ชุมชนเป็นการน�าความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านท่ีมีการเช่ือมโยงกับกระทรวง ยตุ ธิ รรม 2.4 ความส�าคัญของบทบาทหน้าท่ีนิติกรหรือเจ้าหน้าที่ท่ีได้รับมอบหมายของ อปท. ในการปฏิบัติหน้าที่ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมีความจ�าเป็นต้องมีเจ้า หนา้ ทีร่ บั ผิดชอบเพอ่ื ประสานความร่วมมือและการใหค้ า� ปรกึ ษาแนะนา� ในเรื่องทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั กฎหมายและการอ�านวย ความยุติธรรม หากเจ้าหน้าที่ท�างานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอาจจะมีอัตรา การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การขอยื่นรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมลดน้อยลงได้ ความเดือดร้อนของ ชาวบ้านหากยุติได้ในชุมชนเป็นเรื่องที่ดีท�าให้สังคมในชุมชนยังคงปกติสุข ดังนั้น ควรสนับสนุนต�าแหน่งนิติกรและ ก�าหนดหน้าที่ความรับผิดชอบในการอ�านวยความยุติธรรมให้กับ อปท. เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบในการสนับสนุนภารกิจ ศูนยย์ ุตธิ รรมชมุ ชน 3. สถ�นก�รณก์ �รด�ำ เนนิ ง�นในบทบ�ทของศนู ย์ยุติธรรมชุมชน 3.1 ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมีความส�าคัญทุกเร่ือง เมื่อเกิดปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเร่ืองเล็กน้อยหรือเร่ืองที่มีผลกระทบใหญ่โตก็ควรมีการเร่งจัดการให้ได้ข้อยุติ ให้เกิดการแก้ไขปัญหา ปัญหาเล็กน้อยอาจจะน�าไปสู่ปัญหาใหญ่โตได้หากไม่ด�าเนินการซ่ึงเมื่อชาวบ้านเข้ามาขอ ความช่วยเหลือ แสดงให้เห็นว่ามีความเดือดร้อนเกิดขึ้นแล้ว ชาวบ้านมีความศรัทธาจึงได้เดินทางไปรับบริการ ความช่วยเหลือ 3.2 กจิ กรรมควรตอบสนองความตอ้ งการของชมุ ชนการดา� เนนิ การการจดั กจิ กรรมในชมุ ชนเชน่ การเผยแพร่ ความรู้ทางด้านกฎหมายต้องมีความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา ต้องไม่กว้างจนเกินไป ต้องเป็นความรู้ ทีก่ ระชับตรงกับการใช้ประโยชน์ ต้องมกี ารแสวงหาความตอ้ งการของชุมชนในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ศนู ย์ยุตธิ รรมชมุ ชนเมืองพทั ย� ศ�ล�ว่�ก�รเมอื งพทั ย� จงั หวัดชลบรุ ี 1. ประเด็นรูปแบบศกั ยภ�พและคว�มพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ 1.1 มีการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยต้ังอยู่ศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยมี ประธานสภาเมืองพัทยาท�าหน้าที่ประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชน และมีคณะกรรมการเป็นผู้บริหารและผู้น�าชุมชนของ เมอื งพัทยา 1.2 ไม่มีการขับเคล่ือนศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมืองพัทยา ต้ังแต่มีการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมืองพัทยา ยังไม่มีการด�าเนินกิจกรรมนับตั้งแต่ได้มีการจัดต้ังข้ึนมา เน่ืองจากเมืองพัทยาซึ่งมีหน้าที่และงานประจ�าภาระงาน จ�านวนมากอยู่แล้ว รวมทั้งภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชนทับซ้อนกับงานประจ�าของนิติกรของเมืองพัทยา เช่น การ ไกล่เกลย่ี ข้อพพิ าทและการรับเร่อื งราวรอ้ งทุกขซ์ ึง่ มกี ารดา� เนนิ งานอยู่แลว้
68 โครงการวิจยั 1.3 เมืองพัทยามีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว ซึ่งศูนย์ยุติธรรมชุมชนและส�านักงานอัยการเข้า มาทับซ้อนกับการท�างานของเมืองพัทยา จากผลการด�าเนินงานจริงในปัจจุบันประชาชนจะเข้ามาขอรับบริการท่ี ศาลาว่าการเมืองพัทยามากกวา่ เนือ่ งจากสะดวกในการเดนิ ทางและรสู้ ึกวา่ สนทิ และคุน้ เคยกับนายกเมืองพัทยา 2. ประเด็นคว�มต้องก�รของชุมชนและเหตปุ ัจจยั ทีช่ ว่ ยส่งเสรมิ ก�รดำ�เนนิ ง�นศนู ยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน 2.1 เมืองพัทยามีความต้องการเป็นผู้ประสานงานกับศูนย์ยุติธรรมชุมชนและส�านักงานยุติธรรมจังหวัด ในการขับเคลื่อนภารกิจการอ�านวยความยุติธรรม รวมท้ังการส่ือสารกับประชาชนในพื้นท่ีเมืองพัทยา รูปแบบการให้ ความชว่ ยเหลือประชาชนควรใชส้ อ่ื เขา้ ใจได้งา่ ยส�าหรบั ประชาชนท่วั ไป เชน่ การชว่ ยเหลือของกองทนุ ยตุ ธิ รรมควรจะ เร่ิมแจ้งสิทธิต้ังแต่สถานีต�ารวจ ซงึ่ ควรจะประสานกบั สถานตี �ารวจเพื่อช้แี จงสทิ ธใิ ห้แก่ประชาชนทราบตัง้ แต่เร่มิ ต้นเข้า สกู่ ระบวนการยุติธรรม 2.2 การขับเคล่ือนการอ�านวยความยุติธรรมเมืองพัทยา ส�าหรับการลงพ้ืนท่ีชุมชนของเมืองพัทยาท่ีมี ขนาดใหญ่ มีชมุ ชน 42 ชุมชน ควรเปน็ หนา้ ทีข่ องสา� นกั งานยุตธิ รรมจงั หวดั ชลบรุ ี ทั้งนี้ใหม้ ีรปู แบบการประสานงานกบั เมืองพัทยาเพ่ือใหต้ ิดต่อประสานงานกับชุมชน ความถใ่ี นการลงพื้นทีค่ วรจะเป็น 3 – 2 เดือนต่อครั้ง และควรจะเปน็ วันหยุดมากกว่าวนั ทา� งาน 2.3 กลยุทธ์ในการผลักดันให้เกิดความส�าเร็จของภารกิจศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมืองพัทยา คือ ควรให้ ความส�าคัญกับประธานชุมชนอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิธีการในช่วงท่ีมีงานร่วมกันและแม้แต่ในช่วงไม่มีงานก็ควรได้ติดต่อ ประสานงานอยูเ่ สมอเพอ่ื ป้องกนั การน้อยใจและเป็นการสรา้ งแรงผลกั ดนั ในการท�างานของประธานชมุ ชน 2.4 สภาพปญั หาของชมุ ชน 42 ชมุ ชนในเมืองพัทยา ไมม่ ีปญั หารุนแรงใด ๆ หากจะมีความต้องการของ ชมุ ชน คอื การให้ความรู้ โดยการอบรมใหป้ ระชาชนได้รับขอ้ มูลตา่ ง ๆ ทง้ั 42 ชมุ ชน 4 เขต เมือ่ ประชาชนมีปญั หา จะได้เข้าไปปรึกษาประธานชุมชนได้ทันที เพ่ือไกล่เกลี่ข้อพิพาทเพื่อแบ่งเบาภาระเมืองพัทยา ควรท�าให้ผู้น�าชุมชนมี ความเขม้ แข็ง และสามารถส่งต่อสา� นักงานยุตธิ รรมจังหวัดไดท้ นั ท่วงที หากผนู้ �าชุมชนแกไ้ ขปญั หาไมไ่ ด้ กค็ วรแนะนา� ใหไ้ ปขอรับความชว่ ยเหลือจาก อปท. หรอื ต�ารวจ 2.5 ประชาชนทั่วไปไม่รู้จักศูนย์ยุติธรรมชุมชน ซึ่งการให้ความรู้ด้วยเอกสารเผยแพร่นั้นควรระบุเจาะจง ภารกิจส�าคัญของกระทรวงยุติธรรม ศูนย์ยุติธรรมชุมชนไปเลย เพราะงานด้านต่าง ๆ ในเอกสารท่ีเผยแพร่เป็นหน้าท่ี หลักของเมืองพัทยาอยแู่ ลว้ 2.6 ส�านักงานยุติธรรมจังหวัดชลบุรีควรมีบทบาทเป็นพ่ีเล้ียงคอยชี้แนะให้กับเมืองพัทยา เพื่อให้ศูนย์ ยุติธรรมชุมชนเมืองพัทยาเดินตามและท�าตาม ทั้งนี้เจ้าหน้าท่ีเมืองพัทยามีภาระงานประจ�าจ�านวนมากอยู่แล้ว จึงไม่ สามารถขับเคลื่อนงานภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมืองพัทยาได้มากนัก จ�าเป็นต้องให้ส�านักงานยุติธรรมจังหวัด ชลบรุ ใี หค้ วามสนใจเอาใจใส่ในการผลกั ดันให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม 3. สถ�นก�รณ์ก�รดำ�เนนิ ง�นในบทบ�ทของศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชน 3.1 บทบาทของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ไม่มีการด�าเนินงานไม่มีการขับเคลื่อนงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน เมืองพัทยา จะเห็นได้ว่าเมืองพัทยาเป็นสังคมเมืองขนาดใหญ่มาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชาวต่างชาติและมีประชากร จ�านวนมาก รวมทั้งประชากรต่างถ่ินจ�านวนมากเข้ามาประกอบอาชีพ ดังน้ัน รูปแบบในการด�าเนินงานควรมีการ ทา� งานอยา่ งใกลช้ ดิ จรงิ จงั ในการลงพนื้ ทีท่ �างานระหว่างกระทรวงยตุ ิธรรมและเมอื งพัทยา
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการสง่ เสริมการดาำ เนนิ งานศูนย์ยตุ ิธรรมชุมชน 69 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ศูนย์ยุติธรรมชุมชนเขตดอนเมือง กรงุ เทพมห�นคร 1. ประเดน็ รปู แบบศกั ยภ�พและคว�มพร้อมขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ศูนย์ยุติธรรมชุมชนเขตดอนเมือง เป็นรูปแบบการจัดต้ังโดยมีโครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน จากผู้น�าชุมชนภาคประชาชนเป็นประธานศูนย์ โดยมีความร่วมมือทุกภาคส่วนในการพัฒนาชุมชน โดยมีท่ีท�าการ ณชมุ ชนอยเู่ จรญิ เขตดอนเมอื งกทม.เปน็ การพฒั นาการมาจากอาสายตุ ธิ รรมชมุ ชนของกรมคมุ ประพฤตแิ ละอาสาสมคั ร คุมประพฤติ แล้วมีการตั้ง สน.ยุติธรรมขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งและมีการจ้างเจ้าหน้าที่นิติกรส่งมาปฏิบัติหน้าท่ี (ในปัจจุบันยกเลิกการมาปฏิบัติหน้าที่แล้ว) แล้วในปัจจุบันเรียกว่าศูนย์ยุติธรรมชุมชนเขตดอนเมือง ภารกิจของ ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนเขตดอนเมอื งมกี ารทา� งานเพอื่ ชมุ ชนมากกวา่ ภารกจิ 5 ดา้ นทไี่ ดร้ บั มอบหมาย เชน่ เรอื่ งขยะรไี ซเคลิ่ ทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการมาจากตัวแทนชุมชนในพ้ืนท่ีและบางท่านเป็นข้าราชการบ�านาญซ่ึงทุกคนก็ยินดี ทจี่ ะสละเวลามาท�างาน 2. ประเดน็ คว�มตอ้ งก�รของชมุ ชนและเหตปุ ัจจัยท่ีชว่ ยส่งเสรมิ ก�รด�ำ เนนิ ง�นศนู ย์ยุติธรรมชุมชน 2.1 ชุมชนในเขตเมืองกับความต้องการสาธารณูปโภคพ้ืนฐาน ชุมชนท่ีสามารถรวมตัวข้ึนเป็นรูปเป็นร่าง มีประธานชุมชนก็จะสามารถเรียกร้องหรือเจรจาแจ้งความต้องการไปยังเขต จะเห็นได้ว่าการรวมตัวของชุมชนเขต เมอื งจะมกี จิ กรรมเพอ่ื อ�านวยความสะดวกให้กบั ชุมชนเพอ่ื ประโยชน์ของชมุ ชน 2.2 การสนับสนุนเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและความต่อเนื่อง ควรมีการท�างานร่วมกันอย่าง ใกล้ชิดระหว่างกระทรวงยุติธรรมและชุมชนมากกว่านี้ ควรมีความชัดเจนในบทบาทภารกิจท่ีมอบให้ศูนย์ยุติธรรม ชมุ ชนดอนเมืองด�าเนนิ การอย่างไรและมีการเสริมศกั ยภาพ 3. สถ�นก�รณ์ก�รดำ�เนนิ ง�นในบทบ�ทของศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชน 3.1 ลกั ษณะชุมชนในเขตเมืองและชุมชนพ้ืนทต่ี า� บลตา่ งจงั หวัด ชมุ ชนในเขตเมอื งจะมชี มุ ชนด้ังเดมิ และมี ชุมชนรวมตวั กนั อยใู่ หมเ่ ป็นอาคารทีพ่ กั คอนโดมิเนี่ยม บา้ นจัดสรรใหม่ ความแตกตา่ งคอื จะไมม่ ีผ้นู า� ตามธรรมชาติ 3.2 ผมขอตอบแทนความร่วมมือกับเขตคือทะเลาะทุกวันเพราะว่าท่านประธานท่านแข็งแกร่งไปต่อสู้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนนี่คือสิ่งที่ท่านถามว่าท�าไมยุติธรรมของเราจึงแข็งแกร่งเพราะว่าเม่ือเราไปต่อสู้กับเขต เพอื่ ผลประโยชนข์ องพวกเราเขตกลบั มองกลบั มาวา่ มนั เปน็ หนา้ ทข่ี องเขาบางเรอื่ งสง่ เจา้ หนา้ ทมี่ าเรากไ็ มย่ อมในบางสงิ่ ทเี่ ราควรจะได้ยกตวั อย่างเชน่ ถงั ขยะอะไรต่าง ๆ เขตตอ้ งมาบรกิ ารแล้วแต่เขตไมม่ าดา� เนินการตามข้นั ตอนเราก็กดดัน ไปที่เขตก็มาที่น่ีเขตก็รู้นะว่าเราส่วนน้ีมีความแข็งแรงสิทธิท่ีเราควรจะได้อะไรอย่างนี้เราก็ปกป้องหนึ่งคือท�าไมเราได้มี ความแข็งแกรง่ ซื้อท่อี ื่นไมม่ เี น่ืองจากเทา้ ความไปตอนเราคณะกรรมการ
70 โครงการวจิ ยั 3.5 กำรประชมุ กลมุ่ ผเู้ ชี่ยวชำญ ต�ร�งท่ี 3.5 ก�รประชมุ กลุ่มผู้เช่ียวช�ญ ลำ�ดับท่ี ก�รประชมุ กลมุ่ ผูเ้ ชย่ี วช�ญ 1 ประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ ารโครงการวิจัยศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินในการ สง่ เสรมิ การดา� เนินงานศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน ณ โรงแรม อมารี กรงุ เทพมหานคร 2 ประชมุ เชงิ ปฏิบตั กิ ารวิจยั ผู้เชีย่ วชาญ ณ วิทยาลัยการปกครองทอ้ งถิ่น มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 3 ประชุมเชงิ ปฏบิ ตั ิการวิจยั ผูเ้ ช่ียวชาญ ณ ศูนย์บรกิ ารวิชาการมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ประชุมเชิงปฏิบัติก�รโครงก�รวิจัยศักยภ�พและคว�มพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในก�ร ส่งเสรมิ ก�รด�ำ เนินง�นศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน ณ โรงแรม อม�รี กรุงเทพมห�นคร กิจกรรม : ผู้มีบทบาทส�าคัญในการขับเคล่ือนนโยบายศูนย์ยุติธรรมชุมชน หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ดังน้ี ส�านักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน ส�านักงานตรวจเงินแผ่นดิน นักวิชาการ ผเู้ ชย่ี วชาญทเี่ กย่ี วขอ้ ง และหนว่ ยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมที่รับผิดชอบในการขับเคลื่อนงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน ณ กรุงเทพมหานคร รศ.อจั ฉราพรรณ จรสั วัฒน์ งานวิจัยท่ีได้ศึกษาสรุปผลออกมาว่ายุติธรรมชุมชนและยุติธรรมสมานฉันท์มีความเหมือนและแตกต่างกับ เล็กน้อย ซ่ึงค�าว่ายุติธรรมสมานฉันท์ก็คือการลด การพ่ึงพายุติธรรมกระแสหลัก หรือต�ารวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ ถ้าจะให้ดีหยุดท่ีโรงพักได้ม้ัย และต่อจากนั้นคือการลดปริมาณข้ึนสู่ศาล เพราะฉะน้ันต้องไปต�ารวจและก็สร้างความ สมานฉนั ท์ โดยการลดความขดั แยง้ มกี ารประนปี ระนอมใหร้ ับได้ท้ังสองฝ่าย สว่ นยตุ ธิ รรมชุมชนจะเน้นทต่ี วั ชมุ ชนไมม่ ี เรื่องก็ท�ายุติธรรมชุมชนได้ โดยชาวบ้านก็ขอให้มีการให้ความรู้ทางกฎหมายกับชาวบ้าน ตอนน้ันสิ่งที่เกิดมาก็คือ ใน ความรู้สึกของคนอื่นๆ มันไม่เห็นความแตกต่างระหว่างยุติธรรมชุมชนกับยุติธรรมสมานฉันท์ยังมีความไม่เข้าใจ และ เราก็ไม่มีการประเมินผลว่ามีความแตกต่างอย่างไร และภารกิจนั้นเป็นภารกิจไหนเป็นตัวต้ัง ภารกิจไหนเป็นตัวหลัก ในแต่ละจังหวัดบริบทไม่เหมือนกัน บางจังหวัดยุติธรรมชุมชนอาจจะน�าร่องบางจังหวัดไม่ต้องเป็นน�าร่อง ซ่ึงยุติธรรม ชุมชนจ�าเป็นต้องมีจะไม่เหมือนกับภารกิจของศูนย์ด�ารงธรรม เพราะยุติธรรมชุมชนจะครอบคลุมไปถึงการเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรม ซ่ึงศูนย์ด�ารงธรรมท�าไม่ได้ในตรงน้ัน แต่ศูนย์ด�ารงธรรมจะเป็นเหมือนยาที่ใช้แล้วหายเลยทันที หรือถ้าไม่หายทันที ก็เข้าศูนย์ยุติธรรมชุมชนในบางเรื่องเป็นต้น เพราะฉะนั้นก็มีกรอบความรู้และการปฏิบัติ ตอนน้ัน ยังไม่ชัดเจน ตอนน้ีก็ยังไม่ชัดเจน เมื่อไม่ชัดเจนนักวิชาการไปก็ไม่เข้าใจว่าจะท�าอะไร จะแยกยังไงแต่ละจังหวัดมีมิติ ที่ต่างกัน เช่นจังหวัดมีความเข้มแข็งทางกองทุน ความเข้มแข็งด้านวัฒนธรรม อะไรต่างๆ จะไม่เหมือนกัน เช่น มีทุน ทรัพยากรธรรมชาติ มีองค์ความรู้ มีปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้ในชุมชน และเร่ืองของความซ้�าซ้อนและความทับซ้อน ระหวา่ งคา� วา่ ไมย่ ตุ ธิ รรมชมุ ชนกบั คา� วา่ ไมย่ ตุ ธิ รรมชมุ ชนสมานฉนั ท์ซงึ่ มนั มอี ยจู่ รงิ ๆคอื มนั วงิ่ ไปเรอ่ื ยๆและซา้� ซอ้ นดว้ ย ดังน้ันมันจึงเกิดสภาวะที่เรียกว่าซ�้าซ้อนและทับซ้อน ซ้�าซ้อนถือว่าแย่แต่ถ้าซ�้าเสริมถือว่าดี ระหว่างศูนย์ด�ารงธรรม
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นในการส่งเสรมิ การดาำ เนินงานศนู ย์ยุติธรรมชุมชน 71 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) กับศูนย์ยุติธรรมชุมชนคือการซ�้าเสริมให้ประชาชนได้มีชีวิตท่ีดีขึ้น ได้รับความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา ศนู ย์ด�ารงธรรมก็คือดทู กุ เรอื่ งเพอื่ ให้ประชาชนอยู่ดมี สี ขุ แบบอาณัตติ ามงานของกระทรวง เพราะฉะน้ันตรงนี้เราดูกอ่ น ว่าข้าราชการเองต้องเข้าใจคนท่ีไปท�าส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างและก็ไม่ได้รับการอบรม และเรื่องท่ีส�าคัญวันนี้คือบทบาท ของ อปท. จริงๆแล้ว บทบาทของ อปท. ที่แน่ใจและส�าคัญท่ีสุดเป็นกฎระเบียบต้องมีแผนท�างานและสอดคล้องกับ พ้ืนที่และต้องใช้เงินภายใต้กฎหมายของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าไปเอามาใช้ไม่ได้เพราะต้องใช้เงินหลวง พ้ืนท่ี ที่ทุนทรัพยากรธรรมชาติเยอะ มีเงินเยอะเราคุยอย่างวิทยาศาสตร์ ให้ท�าถูกต้องตามกฎหมาย อย่าให้กังวลต้องคุย กับเขาดี ๆ ช่วยแก้ปัญหา ตอนนี้ทิศทางนโยบายของกระทรวงตกลงทั้งสมานฉันท์ท้ังชุมชนต้องร่วมกันคิด จะได้ไป ใช้ประโยชน์ว่าจะคุยกับ อปท. อย่างไร นโยบายหลักหรือรอง เค้าจะได้เข้าใจภารกิจของเราเป็นยังไง เพราะฉะนั้น บทบาทของ อปท. นโยบายเป็นอย่างไรต้องรดู้ ้วย เพราะมนั มีอยู่สองสว่ นสญั ญากบั ประชาชนว่ายงั ไงและภายใต้กรอบ ท่ีเค้าใช้เงินได้อย่างไรต้องไปดูด้วย และก็ผลกระทบจากงานฝากของเรามันตรงกับความคาดหวังของ อปท.ถ้างาน ฝากไม่ว่าจะเป็นยุติธรรมชุมชน ยุติธรรมสมานฉันท์ ถ้าไปฝากแล้วเขารู้สึกเกะกะเขาก็ไม่อยากรับ อันน้ีต้องระวังด้วย เพราะงานในหน้าที่ของ อปท. ก็เยอะ และทิศทางการกระจายอ�านาจเราต้องดูด้วย ถ้ากระจายอ�านาจแล้ว สมมติ เรามีทิศทางดูทิศทางการกระจายอ�านาจเอาผลส�าเร็จไปคุยกับอปท. ก็ท�ามาเป็นกฎหมายเลย ขอให้มีกฎหมายยึด ระเบียบ หรือข้อบังคับสักอย่าง และบทบาทของศูนย์ด�ารงธรรมเราต้องมีการคุยกันแบบพ่ีน้อง เพราะทุกอย่างถ้าท�า ซ�า้ และประชาชนไดป้ ระโยชนก์ ท็ า� ไป และการพฒั นาขบั เคลอื่ นจะทา� ร่วมกันมัย้ หรือจะตา่ งคนตา่ งเดินแต่ประชาชนได้ ประโยชน์และเข้าใจกัน เราก็ควรเอากระทรวงมาเป็นตัวต้ังและคุยกันด้วยดี เราก็ควรเข้าใจหน้าท่ีต่อกันและกันเป็น มิติท่ีดีผ่าน อปท. ผ่านงานวิจัยช้ินนี้ และสิ่งที่ส�าคัญท่ีสุดเวลาเราน�าเสนอ อปท. มันต้องมีติดยุติธรรมทางปัญญาด้วย เพราะฉะน้ันยตุ ิธรรมจงั หวดั จะเหนื่อย สมมติเราเอาโครงการ อปท. ไปให้พร้อมเงินต้องมีการบริหารโครงการบริหารเงินไปช่วย สิ่งสุดท้ายค�าว่า “ยุติธรรมทางเลือก” เป็นเร่ืองของการเข้าถึงความยุติธรรมกระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็นงานของใครก็ตาม รวมท้ัง ศูนย์ด�ารงธรรม ส่วนยุติธรรมสมานฉันท์จะหมายถึงว่าเป็นการพูดคุยขจัดความขัดแย้งหรือแสวงหาความร่วมมือ ของทุกฝ่าย เป็นแนวทางที่แก้ไขความขัดแย้งสร้างความปรองดองร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน ก็จะมี ความหมายเท่าน้ี ส่วนยุติธรรมชุมชนเป็นยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีตามบริบทของชุมชน โดยอาศัย อปท. ได้เลย เพราะฉะนน้ั เราจะท�าอยา่ งไรโดยเอายทุ ธวิธยี ุทธศาสตร์ไปชว่ ยและคุยกัน และควรเสนอวา่ อปท. ควรจะมียทุ ธศาสตร์ วธิ ีด้านยุติธรรมชมุ ชนขยายความไปและการมีสว่ นรว่ มท�าอยา่ งไรใหม้ สี ว่ นรว่ มแก้ไขปัญหาตา่ งๆทางศนู ยด์ า� รงธรรมก็ อาจจะเป็นเรอ่ื งอน่ื ที่ไมใ่ ชค่ วามยุตธิ รรม ส่วนของเราก็จะเป็นกระบวนการยตุ ิธรรม ซงึ่ หมายความวา่ ยุติธรรมชุมชนน้ัน ชุมชนหรือบุคคลในชุมชนต้องเป็นหุ้นส่วนในทุกมติโดยที่ไม่ใช่เราสั่ง โดยร่วมมือกันและไม่ต้องน�างบประมาณ มาเกยี่ วข้อง เพราะถา้ มีงบประมาณจะไม่ได้ความร่วมมือด้วยใจ เพราะฉะนน้ั ยตุ ธิ รรมชุมชนควรทา� ดว้ ยใจ ไดใ้ จชมุ ชน เพราะฉะนั้นจึงเรียนว่าถ้าพูดในความเห็นส่วนตัวยุติธรรมชุมชนเป็นรากฐานท่ีส�าคัญที่จะลดบทบาทของรัฐเพ่ือให้รัฐ ไปท�างานด้านอื่นท่ีเข้มแข็ง และเมื่อชุมชนเข้มแข็งเราจะได้ประเทศชาติท่ีดีงามเป็นผลพลอยได้ เพราะฉะน้ันเราควร คยุ กับ อปท.ให้เขา้ ใจ จงึ ขอฝากผวู้ จิ ยั วา่ เราควรจะเขยี นว่ามติ ิดังกล่าวคืออะไร เพอ่ื ใหผ้ า่ นงานของท่าน
72 โครงการวิจัย ผู้แทนสา� นักงานปลดั กระทรวงมหาดไทย ภาพรวมกระทรวงมหาดไทยเรารู้สึกดีใจและอบอุ่นใจที่มียุติธรรมจังหวัดเกิดขึ้นก่อนอันดับแรกและมีการ ผลักดันให้เกิดยุติธรรมชุมชนและตอนนี้มันเกิดแล้ว ซึ่งในแต่ละปีศูนย์ด�ารงธรรมกระทรวงมหาดไทยรับเร่ืองร้องทุกข์ เฉล่ยี ปีละ 60,000 เรือ่ ง อยทู่ บี่ ริบทของแต่ละจงั หวัด แตจ่ งั หวดั ท่ีมกี ารร้องเรียนมากกป็ ีละ 1,000 เร่ือง เช่นจงั หวดั ร้อยเอ็ดก็มีจ�านวน 1,800 เรื่อง กระทรวงมหาดไทยได้ต้ังศูนย์ต้ังแต่ปี 2536 โดยใช้ชื่อว่าศูนย์ด�ารงธรรมในการรับ เรื่องและอ�านวยความเป็นธรรมในด้านต่าง ๆ แต่มาเป็นท่ีรู้จักในช่วงรัฐบาลปัจจุบันนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะท่านเคยได้ประกาศใน คสช. ประชาชนท่ีมีปัญหาเดือดร้อนให้มาติดต่อได้ที่ศูนย์ด�ารงธรรม โดย ต้งั แต่ปี พ.ศ.2557 จนถงึ ปัจจุบัน จะมีเรอ่ื งราวรอ้ งเรยี นรอ้ งทกุ ข์ประมาณ 200,000 เรื่อง เพราะฉะน้ันการใหป้ รกึ ษา ของเราก็จะเป็นเร่ืองข้อกฎหมาย ประชาชนอยากรู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซ่ึงสอดรับกับยุติธรรมชุมชนที่จะสามารถ แบ่งเบาในเร่ืองพวกนี้ได้ และนอกจากน้ันก็จะเป็นงานบริการให้ความช่วยเหลือประชาชน และที่เพ่ิมเข้ามาก็เป็น งานชุดบริการเคล่ือนที่เร็ว ก็เช่นกรณีเกิดข้อพิพาทในพ้ืนที่หรือมีปัญหาที่เกิดข้ึนหรือการแจ้งเบาะแสเรื่องยาเสพติด การพนัน เป็นต้น ภารกิจสุดท้ายคืองานนโยบายของรัฐบาล ซ่ึงลักษณะการทา� งานของศูนย์ด�ารงธรรมมีท้ังส่วนกลาง ท่ีต้ังกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับเรื่องราวเฉลี่ยวันละ 100 เรื่อง และมีศูนย์ด�ารงธรรมแต่ละจังหวัด และแต่ละอ�าเภอ ตอนนี้ก็มกี ารผลักดันศนู ย์ด�ารงธรรมท้องถิ่น ทีนีใ้ นบรบิ ทของการทา� งานศนู ย์ดา� รงธรรมอ�าเภอ จังหวดั และส่วนกลาง ท�าหน้าท่ีเหมือนกัน ก็คือการแสวงความเป็นธรรมให้ประชาชน นอกจากน้ันเรายังมีคณะกรรมการหมู่บ้านมีอ�านาจ หน้าท่ีชัดเจนคือ การไกล่เกลี่ยประนีประนอมทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาท่ียอมความได้ ซึ่งคณะกรรมการหมู่บ้านจะ สอดคล้องกับยุติธรรมชุมชน เพราะถ้ายุติธรรมชุมชนคณะกรรมการหมู่บ้านเข้ามาช่วยมันจะใช้พลังท�าให้งานขับ เคลื่อนไปได้ เพราะว่าคณะกรรมการหมู่บ้านมีหน้าท่ีตามกฎหมาย การเจรจาหน้ีที่เรารับนโยบายจากรัฐบาลมาแก้ไข ปัญหาหน้ีนอกระบบ โดยใช้กลไกของอ�าเภอและคณะกรรมการหมู่บ้าน คือการเจรจาหน้ีจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ถ้าวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท เป็นหน้าที่ของนายอ�าเภอกับชุดของคณะกรรมการอ�าเภอ แต่ถ้าเกิน 200,000 บาท ก็เป็นหน้าท่ีของคณะกรรมการหมู่บ้าน กระทรวงยุติธรรมก็ได้เข้ามาช่วยในเรื่องการตั้งอัยการจังหวัดเป็นผู้ไกล่เกลี่ย เร่ืองของหนี้ แต่ว่าจะมีข้อจ�ากัดคือ เจ้าหน้ีลูกหนี้ต้องยินยอมท้ังสองฝ่ายยินยอมจึงจะท�าได้ แต่ในเร่ืองของคณะ กรรมการหมู่บ้านมันไม่จ�ากัดวงเงินถ้าเขายอมให้มาเจรจาหรือเรื่องคดีอาญาท่ียอมความกันได้ในพื้นท่ีเล็ก ๆ น้อย ๆ กรรมการหมู่บ้านก็เจรจาได้เลย แต่ลักษณะของการบังคับก็จะต่างกัน อย่างชุดคณะกรรมการอ�าเภอประนีประนอม ข้อพพิ าท ถา้ คูก่ รณไี มป่ ฏบิ ัตติ ามสามารถส่งศาลบังคบั ได้เลย แต่ถ้าเป็นชดุ คณะกรรมการหม่บู า้ น ถา้ คูก่ รณไี มย่ นิ ยอม ก็ส่งเร่ืองให้อัยการ อัยการก็ส่งข้ึนฟ้องศาลเพื่อให้ศาลบังคับก็จะมีข้ันตอนที่แตกต่างกัน ซ่ึงเรามองว่าการท่ีจะมี ยุติธรรมชุมชนเกิดข้ึนและตอนน้ียังไม่ประสบความส�าเร็จ สามารถตอบได้เลยว่าประชาชนไม่รู้จักว่ามีศูนย์ยุติธรรม ชุมชน เพราะฉะน้ันเวลาติดต่ออะไรชาวบ้านมักจะนึกถึงศูนย์ด�ารงธรรมเพราะเกิดจากการประชาสัมพันธ์ของนายก รัฐมนตรี ดังนั้นเราจึงควรท�าอย่างไรให้ประชาชนรู้จักศูนย์ยุติธรรมชุมชนมากขึ้นและให้ชาวบ้านรู้ว่าศูนย์ยุติธรรมท�า หน้าที่อะไร ตอนนี้ความเข้าใจของประชาชนมองว่าการมียุติธรรมจังหวัดหรือยุติธรรมชุมชน คือ ให้ความรู้ในเรื่อง ข้อกฎหมายแต่ประชาชนยังไม่รู้บทบาทที่เรามีมากกว่าน้ัน ดังน้ันเราควรท�าอย่างไรให้ประชาชนรู้ภารกิจหน้าที่ของ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน และตั้งท่ีไหน และท่ีส�าคัญท�าไมบางศูนย์ประสบความส�าเร็จและบางศูนย์ไม่ประสบความส�าเร็จ ซึ่งมันอยู่ท่ีความเชื่อม่ัน และสร้างความเชื่อถือให้เกิดข้ึนได้ ในส่วนของข้าราชการสังกัดในกระทรวงหาดไทย
ศักยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในการส่งเสรมิ การดาำ เนินงานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน 73 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) โดยเฉพาะปลัดอ�าเภอท่ีท�าหน้าท่ีต้องช่วยกันขับเคลื่อนงานยุติธรรมจังหวัดและยุติธรรมชุมชนเพราะว่าจะได้แบ่งเบา งานของศูนย์ด�ารงธรรม เพราะถ้ายุติธรรมชุมชนเข้มแข็ง เรื่องที่เข้าศูนย์ด�ารงธรรมจะลดลงทันที และเรื่องที่เข้าสู่ กระบวนการยตุ ธิ รรมของศาลก็จะลดลง เพราะฉะน้ันจะท�าอยา่ งไรใหย้ ตุ ิธรรมชุมชนมคี วามเข้มแขง็ แตก่ ย็ ังมพี นักงาน ฝ่ายปกครองบางคนต้องเข้าใจว่าเป็นภาระที่ต้องมาท�าเพ่ิม คือหลายคนไม่ต้องการไปอยู่ตรงกลางเพื่อไปเจรจาไกล่ เกลยี่ ดังนัน้ ตอ้ งเข้าใจวา่ ทา� ไมชาวบ้านเวลามีปัญหาหรือร้องเรยี นมกั จะเข้าไปท่จี งั หวัดหรือนายอ�าเภอ เพราะในระดบั หมู่บ้านชุมชนเวลาชาวบ้านมีปัญหาข้อขัดแย้งกันคนที่เป็นผู้น�าไม่อยากไกล่เกล่ีย กรรมการหมู่บ้านมีอ�านาจที่จะไกล่ เกลี่ยได้ไม่อยากไกล่เกล่ียเพราะไม่อยากเป็นตัวกลางของความขัดแย้ง จึงท�าให้ประชาชนมักจะเข้าไปร้องเรียนท่ีศูนย์ ด�ารงธรรม แล้วตอนนี้พยายามผลักดันก็คือท�าอย่างไรเวลามีเร่ืองร้องเรียนประชาชนจะไม่ไปท�าเนียบรัฐบาลมาพบ นายกรัฐมนตรี ท�าอย่างไรไม่ให้ประชาชนมาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เราจึงพยายามผลักดันให้ศูนย์ด�ารง ธรรมท้ังในส่วนของท้องถ่ิน อ�าเภอ ให้เข้มแข็งเพื่อแก้ไขปัญหาในระดับพ้ืนท่ีได้ โดยการรับเร่ืองราวของกระทรวง มหาดไทยสามารถร้องเรียนทางจดหมาย ร้องเรียนผ่านเวบไซต์ เดินมาติดต่อเอง ส่งผ่านแอพลิเคช่ันโทรฟรีและผ่าน ทางไลน์ ในจังหวัดก็มี โทร. 1567 จะท�าอย่างไรให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนท�างานคู่ขนานไปกับศูนย์ด�ารงธรรม เพราะ ตอนน้ีก�าลังผลักดันท้องถ่ินทุกท่ีต้องมีศูนย์ด�ารงธรรมท้องถ่ินให้เกิดข้ึนและมีความเข้มแข็ง ทีนี้ก็จะไปโยงงานของท้อง ถ่ินโดยท้องถิ่นก็เสนอมา ตอนประชุมผู้บริหารทางอธิบดีก็ได้บอกว่าไม่รู้จะต้ังอย่างไรบ้างทั้งศูนย์ด�ารงธรรมท้องถ่ิน ยุติธรรมท้องถิ่น ซึ่งมีหลายอันมาก ท�าไมไม่ต้ังเป็นอันเดียวและท�าทุกอย่างเหมือนกันบูรณาการร่วมกัน แต่ต้องเข้าใจ ว่างานและข้อกฎหมายไม่เหมือนกัน แต่ว่าทางศูนย์ด�ารงธรรมเองจะมีอ�าเภอต้ังตามมติ ครม. โดยสุดท้ายขอเรียนว่า ถ้าเราสามารถสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด งานของยุติธรรมชุมชนจะช่วยเสริมท�าให้งานราชการลด ลงและอนาคตของศูนย์ด�ารงธรรมที่จะเกิดขึ้น คือตอนนี้ได้มีการพัฒนาระบบรับและจัดการเรื่องร้องเรียนมันจะลงไป ถึงระดับอ�าเภอ เพราะฉะน้ันศูนย์ยุติธรรมชุมชนต้องไปเกาะกับระบบน้ีให้ได้ ระบบจะท�าหน้าท่ีโดยสามารถดูได้ว้าถ้า มีคนร้องเรียนจะมีการแจ้งว่าคนน้ีเคยร้องเรียนก่ีคนไปท่ีไหนบ้างและด�าเนินการถึงข้ันตอนไหนแล้วซ่ึงนายกรัฐมนตรี หรือผู้บริหารที่มีรหัสระบบก็จะสามารถเข้าไปเปิดดูได้เลย ซ่ึงก็จะลดภาระของการท�างานในด้านการตรวจสอบด้วย ซึ่งถ้าในอนาคตข้างหน้าถ้าศูนย์ยุติธรรมชุมชนสามารถทา� ให้เป็นรูปร่างและมีความเข้มแข็งได้ก็จะช่วยงานของศูนย์ ด�ารงธรรมอ�าเภอและศนู ยด์ า� รงธรรมทอ้ งถ่ินดว้ ย ผแู้ ทนกรมสง่ เสรมิ การปกครองสว่ นท้องถิ่น ในมุมมองของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น คือ เมื่อสองวันที่แล้วได้ท�าข้อมูลให้อธิบดีไปบรรยายกับ สตง. เร่ืองท้องถิ่นว่าท�าไมเบิกไม่ได้ ประเด็นหนึ่งคือ ผู้แทนกระทรวงมองว่าท้องถิ่นได้งบประมาณเยอะมาก แต่บางเรื่อง ทส่ี ง่ งานใหท้ อ้ งถนิ่ ทา� ไมล่ ะเอยี ดไมช่ ดั เจนคอื ถา้ ผใู้ หญส่ งั่ มาทางเรากด็ า� เนนิ ไปกอ่ นในของหลายๆงานซง่ึ เปน็ ปญั หาหนง่ึ ที่สะท้อนเยอะมากในระเบียบของงานไม่ชัดเจนว่าให้ท้องถ่ินท�าอะไร โดยเราต้องการเน้ืองานจริงแต่เราไม่มองบริบท รอบข้างว่าเราจะให้เขาทา� ยังไงต่อไป คือเรามองเป็นหลักว่าให้ได้เนื้องานมาก่อนเป็นปัญหาหนึ่งท่ีท้องถ่ินเจอมาตลอด โดยมองว่าควรจะมีศูนย์ที่ช่วยเหลือประชาชนท่ีเดียวรวมกันและก็จัดหน่วยงานหลายหน่วยงานมาบูรณาการ และ เร่ืองของความซับซ้อนปัญหาท่ีถ่ายโอนท้องถ่ิน ตอนน้ีทุกอย่างมาที่ท้องถิ่นและความเชี่ยวชาญของคน อปท.เองอาจ จะไมเ่ ชี่ยวชาญเหมอื นคนในระดบั ส่วนกลางหรอื จังหวัด
74 โครงการวจิ ยั ผแู้ ทนกองกฎหมาย สา� นักงานปลดั กระทรวงยตุ ิธรรม ความเปน็ มา พ.ร.บ.ยุตธิ รรมชมุ ชน เดิมทงี านยุตธิ รรมชมุ ชนไดอ้ าศัยอา� นาจในทางบรหิ ารมาตลอด เชน่ การ จัดตั้งส�านักงานยุติธรรมจังหวัด และค�าสั่งกระทรวงยุติธรรมต่างๆท่ีให้อ�านาจในการบริหารงานยุติธรรมชุมชน โดย กล่าวว่าในภาพรวมไม่มีกฎหมายมารองรับงานยุติธรรมชุมชนโดยตรงกองพัฒนนายุติธรรมชุมชนในขณะน้ันได้ยก ร่าง พ.ร.บ.ยุติธรรมชุมชนขึ้นมา ซึ่งในตัวร่างพระราชบัญญัติยุติธรรมชุมชนก็จัแบ่งเป็น 4 หมวด 30 มาตราซ่ึงหมวด ทั่วไปหมวดแรกจะพูดถึงวัตถุประสงค์ของการด�าเนินงานยุติธรรมชุมชน ซึ่งวัตถุประสงค์โดยรวมคือ มุ่งให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมในชุมชน ท�าให้ประชาชนเข้าถึงยุติธรรมชุมชนโดยง่ายหมวดที่สองพูดถึง คณะกรรมพัฒนายุติธรรมชุมชนแห่งชาติ ก็จะมีการพูดถึง องค์ประกอบ คุณสมบัติ อ�านาจหน้าท่ีในการก�าหนด นโยบายและติดตามประเมินผล หมวดสามอาสาสมัครยุติธรรมชุมชนคณะกรรมการยุติธรรมชุมชนก็จะมีการพูดถึง องค์ประกอบ คุณสมบุติ อ�านาจหน้าท่ี ส่วนหมวดท4่ี หมวดของนายทะเบียนที่จะต้องมีการรับจดทะเบียนของอาสา สมัครยุติธรรมชุมชน และส่วนสุดท้ายเป็นบทเฉพาะกาลซ่ึงก�าหนดไว้ว่าอาสาสมัครยุติธรรมชุมชนที่เคยมีมาก่อนที่ พ.ร.บ.น้จี ะประกาศใช้ และในส่วนของยุตธิ รรมชมุ ชนเองซึ่งมีการจัดตง้ั มาแลว้ กใ็ หถ้ อื ว่าเปน็ อาสาสมคั รยตุ ิธรรมชมุ ชน หรอื ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนตามพรบน้ีไดเ้ ขา้ ครม.ในเดอื นพฤศจกิ ายน2559ครม.มมี ตใิ หส้ า� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องและกระทรวงยุติธรรมในประเด็นที่ว่าสามารถน�าร่างพ.ร.บ.น้ีไปรวมกับ พ.ร.บ.ไกลเ่ กลย่ี ระงบั ขอ้ พพิ าทซงึ่ อยใู่ นระหวา่ งการยกรา่ งไดห้ รอื ไม่เพราะหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งจะมสี า� นกั งานศาลยตุ ธิ รรม ส�านักงานอัยการสูงสุด และส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ เห็นด้วยในหลักการ พ.ร.บ.ยุติธรรมชุมชน แต่ทางกระทรวง มหาดไทยเองมองว่าอาจจะมีภารกิจที่ซ้�าซ้อนในส่วนของการรับเร่ืองราวร้องทุกข์หรือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งเมื่อได้ประชุมร่วมกันแล้วทางท่ีประชุมมีมติร่วมกันควรจะแยกร่าง พ.ร.บ.ยุติธรรมชุมชนออกจาก พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ย เพราะว่าร่างเนือ้ หา พ.ร.บ.ไกลเ่ กลย่ี เปน็ เพยี งสว่ นหนึง่ ของรา่ ง พ.ร.บ.ยตุ ธิ รรมชมุ ชน หลังจากนน้ั ท่านวิษณุ เครอื งาม ได้มีค�าส่ังให้กระทรวงยุติธรรมมาพิจาณาประเด็นความซ้�าซ้อนเก่ียวกับอ�านาจของคณะกรรมการพิจารณางานบริหาร งานยุติธรรมแห่งชาติว่ามีความซ้�าซ้อนกับคณะกรรมการยุติธรรมชุมชนแห่งชาติหรือไม่ ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมได้มี การจัดประชุมโดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในการหารือเก่ียวกับประเด็นความซ้�าซ้อน ซึ่งมติที่ประชุมคือ มองว่าอ�านาจของคณะกรรมการยุติธรรมชุมชนซ�้าซ้อนคณะกรรมการพัฒนาระบบงานบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ได้มีมติว่าควรจะหาแนวทางข้อยุติว่าเราควรจะแก้ พ.ร.บ.พัฒนาการยุติธรรมชุมชนแห่งชาติหรือหาแนวทางอ่ืนให้ มีการรองรับงานยุติธรรมชุมชนแห่ง หรือออกระเบียบ อยู่ในระหว่างพิจารณายังไม่ได้ข้อยุติ แต่ยืนยันว่ามีการตรา กฎหมายยตุ ธิ รรมชุมชน ผู้แทนสา� นกั งานตรวจเงนิ แผ่นดนิ ต้องมีกฎหมายถึงมีอ�านาจ กฎหมายการเงินของประเทศไทยคือถ้าไม่มีกฎหมายเราไม่ให้ท�ากฎหมายการเงิน ง่าย ๆ ผู้จา่ ยเงินต้องมีกฎหมายระเบียบให้ทา� ได้ วันน้ีเราจะมาตัดสิน พ.ร.บ.วนิ ยั การเงนิ การคลังภาครัฐทอ่ี อกมาใหม่ ล่าสุด เพราะกฎหมายตัวน้ีจะมีกฎหมายรวมไว้ว่า ถ้าคุณไปท�ากฎหมายระเบียบก่อนหน้าน้ีแล้วมาเข้าองค์ประกอบ กฎหมายน้ีคุณจะมีความผิดวินัยระเบียบการเงินการคลังภาครัฐ ทุกวันนี้ท่ี สตง.ท้วงท้องถ่ินว่าท�าไมยุติธรรมชุมชน ถึงถูกสวม ซ่ึงหลักทุกหน่วยงานคือคุณต้องท�าได้ก่อน โดยมีกฎหมายให้คุณท�าได้ก่อน เม่ือท�าได้เสร็จแล้วคุณต้อง
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในการส่งเสรมิ การดำาเนินงานศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชน 75 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ท�าถกู คือตอ้ งมีระเบยี บข้อบังคบั โดยในส่วนทา� จรงิ ทาง สตง. จะเขา้ ไปดูและประเมิน และกฎหมายใหม่ สตง. ตอนน้ี เปิดช่องมาก เพราะการมีกฎหมายใหม่ผลักดันให้ สตง.ผลักดันการแก้ไขงบประมาณให้เกิดประโยชน์ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธ์ิ โดยกฎหมายเก่าช้ีให้เห็นสองทางคือผิดกับไม่ผิด กฎหมายต้องแนะน�าเอาเงินให้เข้าสู่ประชาชน วันนี้งบประมาณได้มีการประชุมกับท้องถิ่น โดยท้องถิ่นก็ตระหนักว่าสิ่งท่ี สตง. ท้วงติงในอดีตท่ีผ่านมานั้น เกิดจากการที่ท้องถิ่นประกาศผิด ซ่ึงศาลแพ่งก็ได้ตัดสินว่ามหาดไทยท�าผิดจริงๆ โดยวันนี้การท�างานของ สตง. เอง ก็พยายามผลักดันการท�างานให้เกิดข้ึนได้ ถ้าวันนี้คุณอยากให้ท้องถ่ินเข้าไปสนับสนุนงานยุติธรรมชุมชนได้ ควรจะท�า ดงั น้ี 1. ท�าให้ท้องถ่ินมีอ�านาจหน้าท่ีน้ีก่อน ซ่ึงผมเช่ือว่าท้องถ่ินไม่มีอ�านาจเรื่องยุติธรรม เพราะงานด้านยุติธรรม ทางรัฐไม่ได้มอบให้ท้องถิ่นท�า ท้องถ่ินจึงไม่มีอ�านาจ ดังน้ันควรให้อ�านาจท้องถ่ินผ่านทางคณะกรรมการการกระจาย อ�านาจใหแ้ ก่องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ เพราะเมือ่ ทอ้ งถิ่นมอี �านาจ สตง. ก็บอกให้ท�ากตกิ าท�าระเบยี บรองรบั เพราะ เม่ือได้ท�า สตง. จะไม่ท้วงเลย เพราะมันมีระเบียบอุดหนุน ท�าให้มีอ�านาจ มีงบประมาณบางส่วนมีบุคลากร แต่กว่า จะให้ก็ต้องไปท�าแผนพัฒนา 4 ปีก่อน โดยผ่านทางประชาคม เพราะทุกวันน้ีท�าแผนไม่ได้ เพราะไม่มีอ�านาจโดยไม่มี กฎหมายมารองรับ ให้ท�าได้โดยกระทรวงยุติธรรมออกค�าส่ัง 322/2559 ท�าให้ยุติธรรมชุมชนมีตัวตนเป็นกฎหมายได้ ซง่ึ ตดิ ทค่ี นให้คือทอ้ งถิน่ ไม่มอี �านาจ ดังนั้นควรทา� ให้ถูกและควรวางระเบยี บหรือแนวทาง 2. ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยออกระเบียบ 19 ระเบียบ ท่ีจะผลักดันให้ท้องถ่ินท�างานได้ เพราะกฎหมาย ระบุว่าต้องจ่ายเงินตามกฎหมายหรือระเบียบ ถา้ คุณไม่ทา� คณุ จะถกู ลงโทษทางวินัยการเงนิ การคลงั 3. การจัดท�าโครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน ได้ให้ยุติธรรมจังหวัดเป็นเจ้าภาพวันน้ีคุณจะเอา ศูนย์ยุติธรรมชุมชนไปลงที่ท้องถ่ิน การจัดท�าโครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนโดยก�าหนดให้ปลัดอ�าเภอ เป็นประธานซ่ึงเป็นการยกระดับขึ้นก่อนนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้ ศักด์ิศรีมันต้องส�าคัญมาก เพราะ ฉะนั้นเอานายกองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอยู่ล�าดับที่ห้าไม่ได้ ถือว่าระเบียบอ่อนมาก ซึ่งกรรมการของศูนย์ยุติธรรม ชุมชน ไม่น่าเช่ือถือท่ีจะส่งเสริมงานยุติธรรมชุมชนให้ก้าวหน้าได้ ท่านขอใช้สถานที่ อปท. เป็นที่ท�าการและแต่งตั้ง กรรมการเป็นบุคลากร อปท. แต่คนท�าหน้าหลักคือ ประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชนตนท่ีปฏิบัติหน้าที่น้ีโดยตรงและเป็น คนกลางเป็นคนท่ีไม่ได้อยู่ในชุมชนน้ัน และตัวกฎหมายสองตัวนี้ขัดกันอย่างรุนแรงท่ีผ่านกฤษฎีกาท่านบอกให้ท้องถ่ิน ไปช่วย ถ้า สตง. ต้องตรวจสอบ ไม่มีท้องถ่ินอยู่ในตัวนี้เลย แสดงว่าอ�านาจจริงอยากมีแค่กระทรวงยุติธรรม อัยการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และได้กล่าวว่าหน่วยงานท่ีต้องไกล่เกล่ียคือหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงมันก็มีแค่ส่วนกลาง ภูมิภาค ยุติธรรม อัยการสูงสุด หรือตามท่ีกฎกระทรวงจะบอก ท�าไมไม่เขียนต้ังแต่ทีแรก และมาดูเรื่องการไล่เกล่ียทางแพ่ง ทจ่ี ะใหเ้ งินไดห้ รืออาจใหเ้ งินไดไ้ มไ่ ด้ส่ือกับ พ.ร.บ.ยุติธรรมชมุ ชนเลย อนั นกี้ �าลงั พูดถึงการทา� ไดโ้ ดยให้ สตง. เขา้ ไปตรวจ และดูการเกิดขน้ึ ของมาตรา20ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชนเกดิ ขึน้ จากอาสาสมคั รท่อี ย่ดู ว้ ยกนั รวมตัวกันและมาขอจดทะเบยี น ตั้งหลังจากจดทะเบียนตั้งต้องมีที่ต้ังเป็นของตนไปใช้พื้นที่ของเทศบาล อบต. ไม่ได้แล้ว แต่ช่องทางเมื่อจัดต้ัง ตามกฎหมายสามารถใชเ้ งนิ ของทอ้ งถนิ่ ไดโ้ ดยการของเงนิ อดุ หนนุ แตท่ อ้ งถนิ่ กต็ อ้ งมอี า� นาจหนา้ ทใ่ี นเรอ่ื งนนั้ อยพู่ อสมควร ไม่มีก็ต้องท�าให้มีโดยผ่านการกระจายอ�านาจ มันก็จะใช้จ่ายเงินได้ ดังน้ันควรท�าได้ ท�าถูกและท�าจริง เมื่อท�าจริง สตง. จะเข้าไปประเมินประสิทธิภาพการใช้เงิน เม่ือมีศูนย์ก็จะมีการใช้เงิน มีการไกล่เกลี่ยอย่างถูกต้อง ก็จะเกิด ผลสมั ฤทธิ์ การเริ่มตน้ จากภาคประชาชนเป็นสิง่ ท่ีดี
76 โครงการวจิ ัย 4. การมอบหมายให้ภาคประชาชนต้องท�างาน ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการด�าเนินการบ้าง เช่น การจัดประชุม คณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน โดยงบตัวน้ีมาจากกระทรวงยุติธรรมส่งให้โดยตรงได้ หรือจะขอจากเงินอุดหนุน หนว่ ยงานท่มี หี น้าท่ี 5. เมื่อวันท่ี 8 ธันวาคม 2557 มีการจัดท�าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการอ�านวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล�้าในสังคม (MOU) ระหวา่ ง 4 ดังนัน้ สา� นักนายกรฐั มนตรี ส�านักงานอยั การสูงสดุ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม น�าไปสู่การประกาศอ�านาจให้กระจายอ�านาจสู่ท้องถิ่นว่าด้วยเร่ืองแนวทางการจัดบริการรับ เรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในการให้บริการสาธารณะขององค์การบริหารปกครองส่วนท้องถ่ิน องค์การบริหาร สว่ นจังหวัด เทศบาล และองคก์ ารบริหารส่วนต�าบล ในน้เี องจะมีอยหู่ นง่ึ ขอ้ ทบ่ี อกว่าหรอื หนว่ ยงานอน่ื ๆ ตรงน้ีในบท นิยามของจังหวัดเชียงรายเองก็มองว่าในส่วนของศูนย์ยุติธรรมชุมชนเองไม่มีสภาพความเป็นองค์กรตามท้ายการกระ จายอ�านาจ แสดงว่าตอ้ งท�ายงั ไงใหศ้ ูนย์ยตุ ิธรรมชุมชนมีตัวตน ประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิก�รวจิ ัยผูเ้ ชี่ยวช�ญ ณ วทิ ย�ลยั ก�รปกครองทอ้ งถิน่ มห�วิทย�ลยั ขอนแก่น รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศธ์ นวสุ คณบดีวิทยาลยั ปกครองท้องถนิ่ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ยุติธรรมชุมชนหรือการปกครองส่วนท้องถิ่น เราคงไม่ต้ังค�าถามว่าภารกิจของเขาคืออะไร บทบาทหน้าท่ี ของเขาคืออะไรซึ่งที่ต้องมาต้ังค�าถามก็คือวันน้ีอะไรที่เขายังไม่ท�าบ้าง เพราะทุกอย่างเขาท�าหมด แต่ก็ถูกหน่วยตรวจ สอบว่าน่ีไม่ใช่หน้าที่ พ.ร.บ.ต่าง ๆ ท่ีพูดถึงภารกิจหลักของ อบต. ครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้าง พ้ืนฐานส่งเสริมคุณภาพชีวิตรักษาความสงบเรียบร้อยในชุมชนและสังคมเร่ืองของศูนย์ส่งเสริมอาชีพและการวางแผน ชุมชน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท�านุบ�ารุงศิลปะและภูมิปัญญาท้องถ่ิน ก็เป็นภารกิจของ อบต. ครอบคลุมทุกเรื่องเพราะยังอยู่พื้นฐานท้องถิ่นที่ว่า กลยุทธ์หลักในการพัฒนาไม่มีใครรู้ปัญหาและความต้องการของ คนในพื้นที่ได้ดีเท่ากับคนในพื้นท่ี คนให้ความอิสระในการจัดการหรือวางแผนเอง คนท่ีเก่ียวข้องเข้าใจในหลักการตรง นนั้ หรือไม่ เม่อื เข้าใจก็จะไม่มาตงั้ คา� ถามเลย ส่ิงท่ีเป็นโครงสร้างอยู่ตอนนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะการจ�าแนกโครงสร้างแบบน้ีมันขาด ขัดกับ หลักปรัชญาในการที่คนในพ้ืนที่ดูแลตัวเองได้ เพราะเขาดูแลตัวเองได้เขาเข้าใจ เขาเข้าถึง ใครจะเข้าใจดีเท่ากับคน ในพ้ืนที่ ซึ่งคนในพื้นที่ภาคเหนือ (local wisdom) ต่างกับพ้ืนท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (local wisdom) ของ คนที่นี่ เป็นต้น ใครจะเข้าถึงนอกจากคนในพื้นที่ ในเชิงโครงสร้างของอ�านาจ ไม่ต้องมีค�าถามเลยว่าเขามีศักยภาพ และความพร้อม หรือไม่เพราะฉะนั้นความพร้อมในเชิงของเจ้าของพ้ืนที่ ความพร้อมในการเข้าถึงทรัพยากรทุนชุมชน เราจะพูดถึงประเด็นนี้ไม่ได้พูดถึงความพร้อมในมิติอื่น เพราะฉะนั้น พูดถึงหลักการ ภารกิจหกด้านคุมทุกเรื่องแล้ว เพราะเชอ่ื เช่นน้ัน วา่ เขามีศกั ยภาพอย่แู ล้ว ถา้ งั้นก็ใหเ้ ขามาบรหิ ารจดั การกจิ การตา่ งๆ เหลา่ นี้ บรกิ ารสาธารณะต่างๆ เหล่าน้ี องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินเป็นองคก์ รที่เน้นพ้นื ทเี่ ปน็ ฐาน (area base) เราต้องยอมรับมีองค์กรเดียวเท่าน้นั พัฒนาเชิงพ้ืนท่ี ภารกิจในการอ�านวยความยุติธรรมการจัดบริการท่ีสร้างความเสมอภาคและเป็นธรรมไม่เลือกปฏิบัติ เป็นภารกิจของ อปท.อยู่แล้ว แต่ในเชิงนโยบายของกระทรวงยุติธรรม บทบาทของปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังไม่เคยเห็นการท�ารายงานการประเมินโครงการท่ีได้ด�าเนินการไปแล้วเพ่ือท่ีจะมาดูว่าโครงการ
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน 77 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) เหล่าน้ันมีข้อบกพร่องที่จะต้องปรับปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เพื่อดูว่าอ�าเภอจังหวัดหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะช่วยเสริม อยา่ งไร ซ่งึ ยังไม่มรี ายงานประเมินดงั กล่าวเผยแพร่ ศักยภาพของ อบต คือความพร้อมสุดยอดของท้องถิ่น ในที่นี้ไม่ได้พิจารณาในเชิงของโครงสร้างองค์กร รูป แบบการจัดการ แต่ควรพิจารณาทักษะความรู้ความสามารถ ความเป็นผู้น�าชุมชน การโน้มน้าวการไกล่เกลี่ยการ เจรจาต่อรองกัน ค่านิยมร่วมหรอื เป้าหมายชุมชน เร่ืองของเรอื่ งของหลักการบริหาร ตอบสนองปัญหาตา่ ง ๆ ศักยภาพและความพร้อมขององค์การบริหารส่วนต�าบลในการส่งเสริมการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ถ้าไม่สง่ เสริมใครจะรูว้ า่ มนั เป็นเพราะโครงสรา้ งที่มนั ไม่เออ้ื ดูเหมือนมนั เป็นตัวตอกย�้านโยบายแบบ Top-Down มิติของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันเป็นทุนที่สา� คัญของท้องถ่ิน หากท้องถิ่นไม่มีความขัดแย้งจะมี ศกั ยภาพในการด�าเนนิ งานต่าง ๆ เป็นตน้ ทุนส�าคัญของทอ้ งถนิ่ บริบทท่ีมีผลต่อรูปแบบการบริหารจัดการรูปแบบในเชิงมีผลในการขับเคล่ือนอะไรต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการ สร้างความเข้มแข็งของชุมชน เข้าใจตรงจุดน้ัน แต่ถ้าเรายอมจ�านนกับระบบท่ีเป็นอยู่มันยิ่งเป็นตัวที่เรียกว่าตอกย�้า ให้เกิดความอ่อนแอในเชิงของพ้ืนที่มากขึ้น สิ่งที่จะพูดคือเราพยายามช้ีให้เห็นในขณะที่ทุกวันน้ีไม่ได้มีใครมาพูดถึง การกระจายอา� นาจ ถ้าจะไม่มใี ครมาพดู ถึงการปกครองท้องถน่ิ ถงึ แม้ว่าเราเคยวพิ ากษ์ระบบราชการวา่ ระบบราชการ ติดระบบระเบียบอะไรแล้วก็เป็นหนึ่งในประเด็นในแผนยุทธศาสตร์ชาติด้วยว่าต้องปฏิรูประบบราชการและหน่วยงาน ภาครัฐน้นั คือความสา� คัญในพระราชบญั ญตั แิ ผนยุทธศาสตรช์ าติ นีก่ ็เปน็ ประเดน็ ท่หี กทจ่ี ะต้องมกี ารปฏริ ูป ในเชิงของกระบวนการค่านิยมบทบาทของพวกเรามันไม่ได้หมายถึงแค่องค์การบริหารส่วนต�าบล เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่มันหมายถึงพื้นที่ที่คนในพ้ืนท่ีน้ันนั้นลุกข้ึนมาวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกัน หาทางออกรว่ มกนั และมีการตดั สินใจร่วมกนั อนั นน้ั คือ local government ศ.นพ.วนั ชัย วฒั นศพั ท์ neighborhood justice center ซึง่ อาจจะแปลว่าศนู ย์ยุติธรรมชุมชนกไ็ ด้ เปน็ รูปแบบเพอ่ื นบา้ นมาดแู ลกนั เค้าไม่ได้เน้นค�าว่า Community แต่น่าสนใจมาก เร่ืองปัญหาความขัดแย้งเขาใช้อาสาสมัครท่ีเขาฝึกขึ้นมาเพื่อดูแล ปัญหาต่าง ๆ แต่ที่ผมอยากเห็นคือท�ายังไงถึงจะให้เด็กไม่ต้องเข้าสถานพินิจฯ เพราะฉะน้ันเวลาไปบ้านกรุณาของ กรมพนิ จิ และคมุ้ ครองเดก็ และเยาวชน ซง่ึ เมอ่ื เรม่ิ กระบวนการไดเ้ รมิ่ ถามวา่ เดก็ ๆ มอี ะไรทค่ี ดิ วา่ ตวั เองดบี า้ ง เมอื่ เดก็ ตอบวา่ ถ้าผมมีอะไรดีผมจะเข้ามาอยู่ในสถานพินิจท�าไม คือเขาไม่ได้มองว่าเขาเป็นมนุษย์เขามองตัวเองว่าตัวเองเป็นคนเลว เพราะสังคมได้ห้อยป้ายเขาแล้ว แต่หลังจากที่เขาเร่ิมท�ากิจกรรมไปเค้าก็เร่ิมเข้าใจว่าเขาก็มีดีเหมือนกัน กระบวนการ ตรงนผ้ี มวา่ มนั เปน็ เรอ่ื งสา� คญั ทจ่ี ะใชผ้ มอยากใหท้ า่ นจะทา� อะไรแนน่ อนเรอ่ื งผใู้ หญด่ ว้ ยแตเ่ วลานเี้ ดก็ เปน็ ปญั หาอยา่ งมาก ทเี่ กาะสมยุ มเี ยาวชนวยั รนุ่ ตดิ คกุ อยู่ 500 คน ในความผดิ เรอื่ งของยาเสพตดิ เพราะฉะนน้ั จะทา� อยา่ งไรไมใ่ ห้ ปญั หายาเสพตดิ เกดิ ขนึ้ กม็ ปี จั จยั หลายอยา่ งแตว่ า่ ในขณะทเี่ ราไมส่ ามารถกา� หนดนโยบายได้ เรานา่ จะใชก้ ระบวนการ วธิ กี ารมนั มงี านวจิ ยั เรอื่ งของสมองมเี ซลลป์ ระสาทกระจกเงาซงึ่ เซลลต์ วั นม้ี นั เปน็ เซลลต์ วั ทเี่ วลาเราตดิ เกม ตดิ ยาเสพตดิ ติดอะไรก็แล้วแต่มันจะมาเกาะอยู่ท่ีนี่ ฉะน้ันเม่ือเราเลิกให้เค้าติดยาแล้วถ้าไม่มีอะไรมาแทนที่เขาก็จะกลับไปติดอีก เซลล์ประสาทกระจกเงาตัวนี้นักวิทยาศาสตร์ในอิตาลีเป็นผู้พบแล้วเขาก็พบโดยบังเอิญท่ีการท�าวิจัยกับลิง ในวันนี้ก็มี ความตื่นตัวแล้วกม็ องเรอื่ งน้ี
78 โครงการวิจัย ประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิก�รวจิ ยั ผ้เู ชี่ยวช�ญ ณ ศูนยบ์ ริก�รวิช�ก�รมห�วทิ ย�ลัยเชยี งใหม่ ศ.นพ.วนั ชัย วัฒนศัพท์ ที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกามี Neighborhood Justice Centre แปลได้ว่าศูนย์ยุติธรรมชุมชน มีการฝึก อาสาสมคั ร เพอ่ื มาเป็นผ้ไู กล่เกลีย่ คดที มี่ กี ารขัดแย้งกันให้ยตุ ิลงได้ และท่ี University of Hawaii at Manoa มกี ารฝึก นกั เรยี น นกั ศึกษาให้เปน็ นกั ไกลเ่ กลยี่ การไกล่เกล่ยี โดยเพือ่ น ตั้งแตช่ ัน้ ประถม โยงไปถงึ อกี ที่หน่งึ ที่รัฐ Ohio โรงเรียน Martin Luther King เป็นคนผิวสีทั้งโรงเรียน มีศูนย์ไกล่เกลี่ยในโรงเรียน ให้ศิษย์เก่าของโรงเรียนมาเป็นผู้ไกล่เกล่ีย ต้ังแต่มีศนู ย์นีไ้ มม่ ีคดี การทะเลาะววิ าทกันทั้งในและนอกโรงเรียน ขณะเดียวกัน ผวู้ า่ การรฐั กผ็ ลกั ดนั ใหเ้ ด็กเรยี นร้เู รอื่ ง School Mediation ท�าอย่างไรไม่ให้เด็กขัดแย้ง และให้หน่วยงานที่เก่ียวกับยุติธรรมมาร่วมมือกัน ท�าให้พื้นที่ท่ีน่ัน คดีอาญาลดลงอย่างมีนัยยะส�าคญั ดงั นั้นแนวคดิ ท่กี �าลงั ชวน มช. และกระทรวงยุตธิ รรม ถ้าเรามียตุ ิธรรมชุมชนอยู่แล้ว และสร้างกระบวนการใหแ้ ขง็ แรง และTrain คนที่เกย่ี วข้อง ท้ังยุตธิ รรมจังหวัด ชุมชน ตา� รวจ ให้แขง็ แรง อาจจะท�าให้ เกิดแนวความคดิ ท่ีจังหวัดขอนแก่นผมเคยเน้นไว้ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐมาเป็นแกน แต่น่าจะเป็นผู้น�าชุมชนท่ีได้รับการฝึกมา ตรงน้ีน่าจะเป็นประโยชน์ รวมถึงท่ี สปป.ลาว ก็น่าสนใจ ก่อนจะมีการข้ึนศาลต้องผ่านกระบวนการเจรจาก่อน เช่นเดียวกับท่ีฟิลิปปินส์ มี Barangay Justice System เป็นยุติธรรมชุมชน คนที่มาท�าหน้าที่เป็นคนกลาง Lupon มีแนวคิดคล้าย ๆ สปป.ลาว ตอ้ งเจรจากอ่ น ถา้ ไม่จบก็เข้าสู่กระบวนการยุตธิ รรม ในฟิลิปปินส์โยงถึงเร่ืองความขัดแย้งในลักษณะสามจังหวัดชายแดน ผมไปที่ Mindanao เมือง Cotabato City ไปดูว่าเขาสามารถเอาคนที่เห็นต่าง ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายต่อต้านหรือผู้ก่อการร้าย ส�าเร็จมีหลายฝ่ายทั้งระดับ บน และล่างหรอื ชุมชน กระบวนการระดับล่างเสย่ี งต่อการถกู ลักพาตวั ซึง่ สามารถมีการเจรจากันใหน้ �าตวั กลบั มาได้ เพราะมเี วทพี ดู คยุ กัน เคยมกี ารลงนามยตุ ิความรนุ แรง Cessation of Hostile ใหค้ วามรนุ แรงยุตลิ ง และสงิ่ ท่อี ยากจะ เน้นคอื เหตุการณ์ที่ยตุ ลิ งเพราะมภี าคประชาชน ตรงนจ้ี งึ เป็นการขบั เคลื่อน อย่าลืม NGO ทเี่ ข้มแข็งในพื้นท่ี รวมถึงการดูงานท่ี North Ireland มีการฆ่าฟันกันอย่างมาก เพราะความขัดแย้งทางศาสนา ต�ารวจเป็น ชาวโปเตสแตนท์ มากกว่าไอริช จึงมีการต้ังหน่วยรบ กว่าจะเจรจากันส�าเร็จ ส่วนส�าคัญท่ีจบได้ เพราะมีองค์กรภาค ประชาชนและเอาฝ่ายทีเ่ ห็นตา่ งมาคยุ กัน ถา้ เรามองแคค่ วามขดั แยง้ ภายในกด็ ี ถา้ แขง็ แรงตอ้ งขยายออกไป ตรงนเ้ี ปน็ ประเดน็ สา� คญั สงิ่ ทจ่ี ะฝากอกี อนั คอื เมื่อกี้ท่านพูดถึงเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข ณ วันน้ีโรงพยาบาลทุกแห่ง ได้มีศูนย์ไกล่เกล่ียสาธารณะสุข มีการอบรม ผอ.รพ.สต. เขาไมไ่ ด้ดูแลแคส่ ุขภาพ เขารแู้ ละเขา้ ใจอะไรไดด้ ใี นหลายเร่ือง ถ้าเราโยงเร่ืองน้ี น่าจะเปน็ คนหนง่ึ ทเี่ ข้าใจ แล้ว เพราะเขาจบสาธารณสขุ เคยเป็นสาธารณสุขอ�าเภอ สามารถเขา้ ไปช่วยได้ แตไ่ ม่ใช่เข้าไปบรหิ าร สองเรื่องสดุ ทา้ ย ที่ สปป.ลาว บอกว่ากฎหมายมาจากประชาชน จริง ๆแล้วแนวคิดนีท้ ่ีอเมรกิ ามีกฎหมาย Reg Neg Act เมือ่ 1989 ออกมาเพราะหว่ งวา่ ผ้มู อี �านาจออกกฎหมายแลว้ ท�าให้ผ้ไู มม่ อี า� นาจไดร้ บั ผล เลยตอ้ งฟังเสียงผมู้ ี ส่วนไดเ้ สยี ดว้ ย ตรงนีเ้ ป็นแนวคดิ เช่นเดียวกับ สปป.ลาว ชาวบ้านต้องการความรู้ดานกฎหมาย แต่ถ้าจะหาทางออกด้านความขัดแย้ง ส่ิงที่ต้องรู้คืออายุความของ คดี แต่ถ้าเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกินไปจะท�าให้เกิดการผิด ถูก แพ้ ชนะ ดังน้ันในการไกล่เกล่ียคนที่ไม่รู้มากเกินไป จะสามารถไกลเ่ กล่ยี ไดด้ ีกวา่
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในการส่งเสรมิ การดาำ เนนิ งานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน 79 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) Deliberative Democracy ในทางรฐั ศาสตร์ มกี ารอธบิ ายไว้น้อยมาก ผมให้ความหมายว่าเป็นประชาธิปไตย แห่งการสานเสวนาหาทางออก เพราะเป็นการรวมระหว่าง Dialog และ Decision ท่ีไม่ใช่การยกมือ Vote เป็น Consensus ผมอ้างถึงตามหนังสือ ผมแปลหนังสือ Politics for People การเมืองภาคพลเมือง เขากล่าถึง ประชาธปิ ไตยของอเมริกา เขาพดู ถึงตอนคนยโุ รปไปอย่ทู ี่นิวอิงแลนด์ อาชีพหลักเปน็ เร่อื งของศาสนา และเกษตรกรรม บาทหลวงคนหน่ึงเห็นชาวบ้านทะเลาะกัน สัตว์ไปเหยียบย�่าพืชพล วันรุ่งขึ้นบาทหลวงเอาคนขัดแย้งมาเจรจาและหา ทางออก หลงั จากนน้ั เปน็ ต้นมาเกิดค�าพูดทว่ี ่า “we have problem, we have to talk” มันติดมากระทั่งปัจจุบนั ระบบการเมืองท่ีเปล่ียนแปลงไปแนวคิดมันก็เลือนไป ต่างจากบ้านเรา บ้านเราประชาธิปไตยได้มาด้วยการยึดอ�านาจ ตรงนีเ้ ปน็ จดุ ส�าคัญเลยทเี่ รากา้ วข้ามไม่พ้น Access to Justice หลายคนเข้าใจว่าเป็นการเข้าถึงศาล เมื่อปีท่ีแล้ว ผมไปประชุมเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยที่ กรุงนิวเดลี พูดเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่การเข้าถึงศาล แต่มันกว้างกว่า เม่ือออกมาจากกระบวนการยุติธรรมแล้วไม่รู้สึก ว่าแพ้ เพราะรสู้ ึกยตุ ธิ รรมทั้งสองฝ่าย ในการประชมุ คร้ังน้นั นา่ สนใจมาก ผู้พพิ ากษาอนิ เดยี พาไปดูศาล ศนู ยไ์ กล่เกลยี่ แตค่ ร้งั แรกไดเ้ หน็ Mediation Centre เขาไม่ได้สะกดผดิ ก็จะไกลเ่ กล่ยี ต้องท�าสมาธหิ รอื สงบสติกอ่ น นายชาญเชาวน์ ไชยานุกจิ ผู้ตรวจราชการพิเศษ ส�านกั นายกรฐั มนตรี (อดตี ปลัดกระทรวงยุตธิ รรม) แนวคิดยุติธรรมชุมชน ผมท�าในกรอบของการให้ความรู้ สิทธิเสรีภาพ การส่งเสริมการระงับข้อพิพาทเป็น หลัก อีกช่วงหนึ่งของการสังเคราะห์ตัวเอง ผมบริหารกรมคุมประพฤติ เป็นช่วงท่ีกระทรวงยุติธรรมเอาเรื่องยุติธรรม ชุมชนไปเป็นระดับกระทรวงแล้ว ช่วงท่ีสามเป็นช่วงท่ีผมเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เอายุติธรรมชุมชนเป็น ยุทธศาสตร์หลัก เน้นเรื่องความม่ันคงการจัดการความขัดแย้ง เพ่ือแย่งชิงมวลชนในเชิงสร้างความเช่ือม่ันในอ�านาจรัฐ จะออกมาในอีกมิติหน่ึง อีกประเด็นคือผมเป็นปลัดกระทรวง ในช่วงของคณะรัฐประหาร เป็นท่ีว่าท�าไมถึงไปเกาะกับ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินเพราะเหน็ ถึงความสา� คัญของยตุ ิธรรมชมุ ชน ในแง่ของการบริหารจัดการภาครัฐ ต้องดูเร่ือง Legal Framework ต้องดูเร่ืองโครงสร้างการเมืองประเด็น ส�าคญั ดงั น้ี กล่มุ แรกคือ รปู แบบและโครงสรา้ งวธิ ีการ กลุ่มสองคือ โครงสร้างการบริหารและการก�ากับดูแลจะเป็นอย่างไรเพราะต้องมีการประกันคุณภาพประกัน ความยุติธรรมและเสมอภาค กลุ่มสามคือ ยุคปัจจุบันต้องคิดถึงอีกหน่ึงเรื่อง คือ การแบ่งขอบเขตอ�านาจรัฐ ในเร่ืองความยุติธรรม จากกระทรวงไป อปท. อย่างไร เพราะกระทรวงยตุ ธิ รรมเป็น Function Base อย่ใู นสว่ นกลาง เม่อื สั่งใหไ้ ปอยทู่ ่ี อบต. อปท. หรือ มติ ิจงั หวัดบรู ณาการ ตอ้ งพดู เร่อื งงบประมาณแทนกระทรวง กลุ่มส่ีคือ กระทรวงยุติธรรมจะท�างานแบบแบ่งหน้าที่กับ อปท.ได้จริงหรือไม่ อย่างที่ทีมวิจัยได้ลงไปดู ผมได้เจอว่า ตกลงเป็นเร่ืองของการส่งเสริมคุณภาพชีวิตหรือไม่ อีกเร่ืองคือที่มีชื่อใน พ.ร.บ.ของอปท. ใช้ค�าว่า บริการสาธารณะ ที่จัดระเบียบชุมชน สังคม การรักษาความสงบเรียบร้อย ตกลงแล้ว ภารกิจท่ีคิดมามันใช่หรือไม่ ตอบโจทยน์ หี้ รือไม่
80 โครงการวิจยั ก�รขบั เคล่ือนภ�คประช�ชนแนวคดิ ส�มหลกั หนึ่ง การบริหารจัดการภาครัฐ ต้องกลับไปดูโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน ดูความสัมพันธ์ระหว่าง ส่วนกลาง ภูมภิ าค และทอ้ งถนิ่ อย่ใู นความสัมพนั ธ์เชิง Legal Framework และความเปน็ จรงิ อยา่ งไร เพราะมันจะอยู่ ในความหมายของคา� วา่ บรกิ ารสาธารณะของทอ้ งถนิ่ หรือไม่ สอง มี พ.ร.บ.การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ มีเร่ืองบูรณาการต้ังแต่ส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถ่ินมีค�า ว่าศูนย์บริการร่วม กระทรวงไปตีความว่าอยู่ในระดับ กทม.เท่าน้ัน แท้จริงแล้วศูนย์มันเชื่อมโยงบูรณาการงานบริการ กระบวนการที่หลายหลายของภาครัฐและหลายส่วนราชการและท้อถิ่นเข้าด้วยกัน ถ้ามองในเรื่องการบริหารจัดการ ภาครัฐ อปท. หรือท้องที่ หรือจังหวัดก็ตาม ถ้าเอาศูนย์บริการร่วมมาใช้สามารถบูรณาการทั้ง 20 กระทรวงเป็นอีก โครงสรา้ งทนี่ ่าสนใจ สาม การบริหารจัดการภาครัฐ การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ตามโครงสร้างบริหาราชการแผ่นดิน มี Key Words สองคา� 1. การบรกิ ารราชการแผน่ ดนิ ส่วนกลาง สว่ นภูมภิ าค และท้องถิน่ และ 2. การบรหิ ารจดั การ ภาครัฐแนวใหม่ กพร. ดังน้ันการท่ีเสนอให้ปลัดอ�าเภอมาเป็นประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชนจึงหมายถึงการร้อยรัฐ บรู ณาการทอ้ งที่และทอ้ งถ่ินใหเ้ ขา้ กนั SGDs เปน็ แนวคดิ เร่อื งการท�ายุตธิ รรมชุมชน การเอาแนวคิด Law and Development มาใช้ และใน SGDs มี Target เรอื่ ง Process to Justice และมีการผสม Rule of Law and Development มารว่ ม ผมเรมิ่ เอาแนวคดิ ยุติธรรมชุมชนมาบวกกับการพัฒนาประเทศ ยุติธรรมชุมชนต้อมมีมิติการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ดังน้ันภารกิจ 5 ดา้ น การเอาภารกิจกระทรวงยตุ ิธรรมลงสรู่ ะดับพ้ืนที่เพราะกระทรวงถูกวางไวเ้ ปน็ ส่วนกลาง แต่ชาวบา้ นคาดหวงั จาก เรา สุดท้ายยุติธรรมชุมชนต้องเป็นงานของทุกคน ของระดับประเทศ มากกว่าจะเป็นของกระทรวงยุติธรรม แล้วกระ ทรวงจะมีกระบวนการอย่างไรเชิงส่วนกลาง ก็คือ เป็นการอ�านวยความสะดวก แต่ไม่ใช่ลงมือท�าเอง การน�าแนวคิด เร่ือง After Care ของกลุ่มภารกิจพัฒนาพฤตินิสัยลงพื้นที่ เพราะมีการรับแนวคิดมาจาก UN มนุษย์ถ้าท�าผิดแล้วไม่ ได้รับโอกาสกลับมาถือว่าเป็นการสูญเสีย Productivity เป็น Competitiveness และมีการใช้ค�าส่ัง ให้มีบ้านและมี งานท�า ต้องมพี ้ืนท่ใี ห้คน After Care ใหท้ า� ดงั นัน้ ผมจึงเริ่มคดิ อีกว่าทอ้ งทีแ่ ละทอ้ งถน่ิ จะทา� อย่างไร บวกกับทีม คสช. ทเ่ี น้นจังหวดั บรู ณาการ ผมเรม่ิ คิดแนวคดิ การพัฒนาอย่างยง่ั ยนื วา่ จะไปอยา่ งไร Deliberative Democracy รัฐบาลชุดนี้แปลว่าประชารัฐ แต่ผมเห็นว่ามากกว่าการมีส่วนร่วม ผมมองเห็น ว่า Collaboration นา่ จะมากกวา่ Participation ผมเอาลงไปใชใ้ นพ้ืนที่จงั หวัดชายแดนใต้กา้ วขา้ มเร่อื งการแบง่ แยก ดินแดน ผมมองเรื่อง Self Determination ถ้าประชาชนมีความเข้มแข็ง และคิดว่าท่านจะแบ่งแยกดินแดนอย่างไร มงุ่ วางระเบิดอย่างเดียวหรอื ไม่ หรอื จะใช้ Deliberative Democracy แนวคิดมาจาก อ.เสน่ห์ จามรกิ ว่า “rule of law is the way of life” เพราะฉะน้ันการท�างานแบบชุมชน เขม้ แขง็ คือเรอื่ ง Empowerment ภารกจิ ของยตุ ธิ รรมชมุ ชนยงั ถกู ตงั้ คา� ถามวา่ คอื ภารกจิ ของกระทรวงยตุ ธิ รรม และเขา้ กบั คา� วา่ บรกิ ารสาธารณะ อย่างไร ความหมายของบริการสาธารณะของประเทศเราคืออะไร จะผสมผสานไปกับแนวคิดข้างต้นอย่างไร และ การบรหิ ารภายในของกระทรวงยตุ ธิ รรมจะทา� อยา่ งไร จะออกกฎเกณฑ์ หรอื ลงมอื ทา� จะทา� อยา่ งไรถงึ จะสา� เรจ็ จะบอกรฐั บอกประชาชนอยา่ งไร เพอ่ื จะบอกวา่ ยตุ ธิ รรมชมุ ชนไมใ่ ชก่ ระทรวงยตุ ธิ รรมชมุ ชนหากแตย่ ตุ ธิ รรมชมุ ชนเปน็ ของทกุ คน
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ในการสง่ เสริมการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชมุ ชน 81 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) Community Justice และ Restorative Justice ของออสเตรเลีย ซ่ึงรวมการไกล่เกล่ียด้วย พบว่า ศาลชาริอะฮ์ท่ีมาเลเซียเน้นเร่ืองการไกล่เกลี่ยมาก ผมได้องค์กรท่ีมาพัฒนาระบบไกล่เกล่ียในศาลชาริอะฮ์ได้ ปกติศาลชาริอะฮ์จะไม่มีการไกล่เกล่ียประนีประนอมเลย ได้ให้รัฐบาลออสเตรเลียมาฝึกอบรม เป็นองค์กรช่ือ Mediation Centre ดังน้นั ถ้าตงั้ โจทย์ศักยภาพของ อปท. อาจจะแคบ ถ้าในระบบสหพันธรฐั ออสเตรเลยี หรอื มาเลเซียจะใชค้ า� ว่า Local Administration จะกว้างกว่า ไม่เหมือนกับ อบต.ในประเทศไทย สถานีต�ารวจเป็นศูนย์กลางในการบริหาร Community Justice เพราะประชาชนไวใ้ จต�ารวจ ต�ารวจเป็นผจู้ ัดการเร่ืองนท้ี ้งั หมด ตา� รวจใกล้ชิดประชาชนเป็นรูป แบบหนึ่งที่เสนอกบั รัฐบาล Community Justice Center ของต่างประเทศมีความหลากหลาย ศาลก็เช่นกัน มีความ Restor-i ative มหาวิทยาลัยก็มีศูนย์อยู่ข้างใน ทั้งการไกล่เกล่ีย การศึกษากฎหมาย การศึกษาภาคพลเมือง สิทธิมนุษยชน โดยเรียกท้ังหมดน้ีว่า Community Justice เป็นลักษณะของประเทศที่ประชาธิปไตยเบ่งบาน โดยอธิบายเร่ืองนี้ ง่ายมากคือเป็นเพียงผู้บริหารจัดการ ถ้าเทียบกับพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ก็คือความสัมพันธ์ส่วนกลาง ภมู ภิ าค และทอ้ งถ่ิน พ.ร.บ.ลกั ษณะปกครองท้องที่ มคี �าวา่ ประนปี ระนอมข้อพพิ าท นายอา� เภอท�าเรือ่ งนี้ไดน้ านแล้ว ภายหลงั แตก เป็นระเบียบกระทรวงมหาดไทยในปี 2551 เร่ืองกรรมการหมู่บ้าน มีทุกอย่าง คณะท�างานด้านต่างๆ กองทุนกลาง พัฒนา ดังนน้ั ยตุ ธิ รรมชุมชนในวิธีคิดเชน่ น้กี ระทรวงจะท�าอย่างไร ส่ิงท่ีผมสังเคราะห์มาข้างต้นให้เป็นภาพใหญ่ ดังน้ันมันจะสะท้อนกลับมาว่า ตกลงยุติธรรมชุมชน กระทรวงยุติธรรมจะมองแบบใด หากเพียงแค่ให้บริการภารกิจของกระทรวงยุติธรรมในต่างจังหวัดแล้วขอให้ อปท. หรือจะให้ยุติธรรมชุมชนเป็นค�าของประชาชนของประเทศเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ ดังน้ัน กระทรวงยุติธรรม ต้องท�าหน้าท่ีอย่างอ่ืน ดูโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินแล้วบูรณาการแบบ พ.ร.บ.บริหารจัดการภาครัฐ แนวใหม่ พ.ศ. 2545 ค�าว่าศูนย์บริการร่วม เปิดช่องให้แล้วหรือจะใช้โครงสร้างการบริหาราชการแผ่นดินแบบเก่า ท่ีเป็นอยู่
82 โครงการวิจัย 3.6 สรุปผลกำรสำ� รวจ ผลกำรสำ� รวจ โครงการวจิ ัยศักยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน ในการสง่ เสรมิ การด�าเนินงานศนู ยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน (กลุ่มเป้าหมายประชาชนในพื้นที่ชุมชน) จากการส�ารวจโครงการวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมการ ดา� เนินงานศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนจากความคิดเห็นของประชาชนจา� นวน 2,922 คน ปรากฏว่าความคดิ เห็นของประชาชน ต่อปัญหาและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายในชุมชนได้คะแนนเฉลี่ยจากการส�ารวจเท่ากับ 2.925 คะแนน หรือคิดเป็น รอ้ ยละของคะแนนเทา่ กับ 73.125 โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี 1. ลักษณะท่วั ไปของประช�ชน จากตารางท่ี 3.6 ประชาชนท่ีเข้าร่วมโครงการวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการสง่ เสรมิ การดา� เนนิ งานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนสว่ นใหญอ่ าศยั อยใู่ นพนื้ ทจ่ี งั หวดั ขอนแกน่ (รอ้ ยละ 18.89) เปน็ เพศหญงิ (ร้อยละ 49.90) อายุอยู่ระหว่าง 40-49 ปี (ร้อยละ 24.20) ประกอบอาชีพเกษตรกร (ร้อยละ 41.00) และส�าเร็จ การศกึ ษาประถมศกึ ษา (ร้อยละ 39.05) โดยมรี ายละเอียด ดังนี้ ต�ร�งที่ 3.6 ลักษณะทว่ั ไปของประช�ชน (n=2922) ลกั ษณะท่วั ไป จ�ำ นวน ร้อยละ 29 0.99 จงั หวดั 30 1.03 ปตั ตานี 30 1.03 นราธวิ าส 40 1.37 ยะลา 342 11.70 สงขลา 220 7.53 เชียงใหม่ 311 10.64 อบุ ลราชธานี 405 13.86 ศรสี ะเกษ 281 9.62 อดุ รธานี 552 18.89 ชลบุรี 119 4.07 ขอนแก่น 423 14.48 ตรัง 140 4.79 นา่ น กทม.
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ ในการส่งเสริมการดาำ เนนิ งานศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชน 83 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) รอ้ ยละ 43.33 ลักษณะทวั่ ไป จ�ำ นวน 49.90 เพศ 1266 6.78 1458 2.70 ชาย 198 9.41 หญิง 79 18.62 ไมร่ ะบุ 275 24.20 กลมุ่ อ�ยุ 544 24.13 15-20 ปี 707 17.90 21-29 ปี 705 3.05 30-39 ปี 523 41.00 40-49 ปี 89 17.28 50-59 ปี 1,198 10.68 60-69 ปี 505 7.53 ไมร่ ะบุ 312 8.56 อ�ชีพ 220 3.52 เกษตรกร 250 1.37 รบั จา้ งท่วั ไป 103 4.14 คา้ ขาย/ประกอบธรุ กิจ 40 4.59 พนกั งาน/ลกู จา้ งเอกชน 121 0.38 ข้าราชการ/เจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ/พนกั งานรฐั วสิ าหกิจ 134 0.96 นกั เรยี น/นักศกึ ษา 11 39.05 ข้าราชการการเมอื ง 28 15.13 แมบ่ า้ น/พ่อบ้าน/ข้าราชการบ�านาญ 1141 19.85 ไม่ไดท้ �างาน 442 3.63 อ่ืนๆ 580 5.41 ไมร่ ะบุ 106 1.23 ระดบั ก�รศกึ ษ� 158 12.87 ประถมศึกษา 36 1.54 มัธยมศกึ ษาตอนต้น 376 0.07 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 45 0.14 ปวช. 1.10 ปวส. 2 อนปุ ริญญา 4 ปรญิ ญาตรี 32 ปรญิ ญาโท ปรญิ ญาเอก อน่ื ๆ ไม่ระบุ
84 โครงการวจิ ัย 2. คว�มคิดเห็นของประช�ชนต่อปัญห�และก�รแก้ไขปัญห�ต�่ งๆ ภ�ยในชุมชนในภ�พรวม จากตารางที่ 3.7 ประชาชนมคี วามคิดเหน็ ต่อปัญหาและการแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ภายในชมุ ชนในภาพรวมโดย มีคะแนน 2.925 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละของคะแนนเท่ากับ 73.125 โดยจังหวัดที่มีคะแนนความคิดเห็นสูงสุด คือจังหวัดยะลา (คะแนน 3.107 หรือคิดเป็นร้อยละของคะแนนเท่ากับ 77.675) และคะแนนความคิดเห็นต�่าสุดคือ กรุงเทพมหานคร (คะแนน 2.581 หรอื คิดเปน็ ร้อยละของคะแนนเทา่ กับ 64.525) ต�ร�งที่ 3.7 คะแนนและรอ้ ยละของคะแนนจ�กก�รสำ�รวจคว�มคดิ เหน็ ของประช�ชนตอ่ ปัญห� และก�รแกไ้ ขปัญห�ต่�งๆ ภ�ยในชมุ ชน จงั หวดั ค่�เฉลยี่ S.D. ร้อยละ ปัตตานี 3.097 0.525 77.425 นราธวิ าส 2.940 0.423 73.500 ยะลา 3.107 0.379 77.675 สงขลา 2.738 0.356 68.450 เชยี งใหม่ 3.005 0.533 75.125 อุบลราชธานี 2.895 0.527 72.375 ศรีสะเกษ 2.831 0.483 70.775 อุดรธานี 2.995 0.460 74.875 ชลบุรี 2.964 0.319 74.100 ขอนแก่น 2.987 0.498 74.675 ตรงั 2.921 0.271 73.025 น่าน 2.881 0.540 72.025 กทม. 2.581 0.543 64.525 ภ�พรวม 2.925 0.492 73.125 หมายเหตุ: ค่าเฉล่ียในภาพรวมคา� นวณจากความคดิ เหน็ ของประชาชนทุกคนทม่ี ไิ ดแ้ บง่ แยกตามจงั หวัด 3. คว�มคดิ เห็นของประช�ชนต่อปัญห�และก�รแกไ้ ขปญั ห�ต�่ งๆ ภ�ยในชมุ ชนร�ยขอ้ คำ�ถ�ม จากตารางท่ี 3.8 ประชาชนมีความคิดเห็นต่อปัญหาและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายในชุมชนรายข้อ ค�าถาม 3 ประเด็นหลัก พบว่า ประชาชนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อค�าถาม “ความสงบเรียบร้อยของชุมชนดังกล่าว เกิดจากการดูแล สอดส่อง เฝา้ ระวงั จากประชาชนผูอ้ าศยั ในชมุ ชนเองมากกว่าจะรอใหท้ างราชการมาดแู ล” มากทีส่ ดุ (2.996 คะแนน) รองลงมาคือ ชุมชนท่านมีการแสดงออกถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจร่วมกันของชุมชนอย่างชัดเจน ในการพัฒนาให้ชุมชนมีการพัฒนา มีความสุขของคนในชุมชน มีความสงบสุขปลอดภัยที่ย่ังยืนโดยมี อบต./เทศบาล ในพ้ืนท่ีชุมชนท่านท�าหน้าที่ส่งเสริมความมุ่งม่ันตั้งใจดังกล่าวอย่างจริงจัง ท่านเห็นด้วยในระดับใด (2.985 คะแนน) และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน อบต/เทศบาล คือหน่วยงานที่ท่านมีความคาดหวังในการเข้ามาดูแลความสงบสุข ความเจรญิ เติบโตของชุมชน (2.977 คะแนน) ตามลา� ดับ
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในการสง่ เสริมการดาำ เนินงานศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน 85 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ต�ร�งท่ี 3.8 คะแนนและร้อยละของคะแนนจ�กก�รส�ำ รวจคว�มคิดเห็นของประช�ชนต่อปญั ห� และก�รแก้ไขปญั ห�ต่�งๆ ภ�ยในชุมชน ร�ยข้อค�ำ ถ�ม ระดบั คว�มคดิ เหน็ ค�่ ม�กทส่ี ดุ เฉลย่ี ขอ้ ค�ำ ถ�ม ไมแ่ สดง ไมท่ ร�บ นอ้ ยทส่ี ดุ นอ้ ย ม�ก S.D. คว�มคดิ เหน็ 1. ทา่ นมคี วามคดิ เหน็ วา่ ชมุ ชนทา่ นมคี วาม 47 5 44 464 1863 499 2.976 0.641 สงบเรยี บรอ้ ยในระดบั ใด (1.61) (0.17) (1.51) (15.88) (63.76) (17.08) 2. ความสงบเรยี บรอ้ ยของชมุ ชนดงั กลา่ ว 29 8 41 435 1880 529 2.996 0.644 เกดิ จากการดแู ล สอดสอ่ ง เฝา้ ระวงั จาก (0.99) (0.27) (1.40) (14.89) (64.34) (18.10) ประชาชนผอู้ าศยั ในชมุ ชนเอง มากกวา่ จะรอ ใหท้ างราชการมาดแู ล 3. เมอื่ มเี หตกุ ารณเ์ ดอื ดรอ้ น ฉกุ เฉนิ 24 8 69 638 1678 505 2.898 0.710 เกดิ ความขดั แยง้ ในชมุ ชน ทา่ นและผอู้ าศยั (0.82) (0.27) (2.36) (21.83) (57.43 (17.28) ในชมุ ชนมกั จะเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในการชว่ ย แกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วโดยไมไ่ ดร้ อใหเ้ จา้ หนา้ ท่ี รฐั เขา้ มาดา� เนนิ การ ทา่ นและผอู้ าศยั ใน ชมุ ชนยนิ ดจี ะเขา้ ไปดา� เนนิ การทนั ที 4. ถา้ ทา่ นเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งความ 10 19 99 744 1569 481 2.822 0.764 ปลอดภยั สงบสขุ ในชมุ ชนสรา้ งสงั คมในชมุ ชน (0.34) (0.65) (3.39) (25.46) (53.70) (16.46) ใหน้ า่ อยอู่ าศยั มคี วามเปน็ ธรรม ทา่ นคดิ เหน็ วา่ กจิ กรรมตา่ งๆ สามารถระดมทนุ จากผอู้ าศยั ในชมุ ชนไดเ้ องโดยไมต่ อ้ งรอรบั การสนบั สนนุ จากราชการ 5. องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ อบต./เทศบาล 35 8 52 597 1572 658 2.977 0.729 คอื หนว่ ยงานทที่ า่ นมคี วามคาดหวงั ในการเขา้ (1.20) (0.27) (1.78) (20.43) (53.80) (22.52) มาดแู ลความสงบสขุ ความเจรญิ เตบิ โตของ ชมุ ชน 6. การทา� งานของหนว่ ยงาน อบต./เทศบาล 15 9 62 585 1661 590 2.950 0.718 ในพนื้ ทช่ี มุ ชน ทา่ นพงึ พอใจการทา� งาน (0.51) (0.31( (2.12) (20.02) (56.84) (20.19) การอา� นวยความสะดวก การใหบ้ รกิ าร ท่ี เขา้ ใจ ไดง้ า่ ยไมย่ งุ่ ยาก และมกี ารทา� งานใน พน้ื ทชี่ มุ ชนอยา่ งใกลช้ ดิ ทา่ นเหน็ ดว้ ยใน ระดบั ใด
86 โครงการวิจยั ระดบั คว�มคดิ เหน็ ค�่ ม�กทส่ี ดุ เฉลย่ี ขอ้ ค�ำ ถ�ม ไมแ่ สดง ไมท่ ร�บ นอ้ ยทส่ี ดุ นอ้ ย ม�ก S.D. คว�มคดิ เหน็ 7. ผบู้ รหิ ารไดร้ บั การเลอื กตง้ั จากชมุ ชน 4 14 79 625 1594 606 2.925 0.754 เขา้ ไปทา� หนา้ ทร่ี ว่ มบรหิ ารหนว่ ยงาน อบต./ (0.14) (0.48) (2.70) (21.39) (54.55) (20.74) เทศบาล ในพน้ื ทช่ี มุ ชนเปน็ ผทู้ มี่ ที ศั นคตทิ ด่ี ี มแี นวคดิ ในการพฒั นาชมุ ชนทด่ี ี มอี ธั ยาศยั ดมี คี วามสมั พนั ธท์ ดี ี และมคี วามมงุ่ มน่ั จะ ทา� งานใหช้ นุ ชนอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ทา่ นเหน็ ดว้ ย ในระดบั ใด 8. ผนู้ า� หนว่ ยงาน เจา้ หนา้ ทข่ี องอบต./ 8 13 59 550 1655 637 2.976 0.727 เทศบาล ในพน้ื ทชี่ มุ ชนของทา่ นมที ศ� นคตทิ ดี่ ี (0.27) (0.44) (2.02) (18.82) (56.64) (21.80) มอี ธั ยาศยั ดมี คี วามสมั พนั ธท์ ดี ี และมคี วามมงุ่ มนั่ จะทา� งาน ใหช้ นุ ชนอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ทา่ น เหน็ ดว้ ยในระดบั ใด 9. ผลงานความสา� เรจ็ ตา่ งๆ ในการทา� งาน 5 9 63 595 1694 556 2.934 0.710 พนื้ ทชี่ มุ ชน เปน็ ผลมาจากความสามารถของ (0.17) (0.31) (2.16) (20.36) (57.97) (19.03) หนว่ ยงานของ อบต./เทศบาล ในพน้ื ทช่ี มุ ชน มกี ารแสดงอกถงึ ความเชย่ี วชาญในงานทรี่ บั ผดิ ชอบ มคี วามรอบรู้ มคี วามเขา้ ใจชมุ ชนเปน็ อยา่ งดี ทา่ นเหน็ ดว้ ยในระดบั ใด 10. ชมุ ชนทา่ นมกี ารแสดงออกถงึ ความมงุ่ 9 9 33 576 1669 626 2.985 0.697 มน่ั ความตงั้ ใจรว่ มกนั ของชมุ ชนอยา่ งชดั เจน (0.31) (0.31) (1.13) (19.71) (57.12) (21.42) ในการพฒั นาใหช้ มุ ชนมกี ารพฒั นา มคี วาม สขุ ของคนในชมุ ชน มคี วามสงบสขุ ปลอดภยั ทยี่ ง่ั ยนื โดยมี อบต./เทศบาล ในพนื้ ทชี่ มุ ชน ทา่ นทา� หนา้ ทส่ี ง่ เสรมิ ความมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจดงั กลา่ วอยา่ งจรงิ จงั ทา่ นเหน็ ดว้ ยในระดบั ใด 4. คว�มคดิ เหน็ ของประช�ชนตอ่ ปญั ห�และก�รแกไ้ ขปญั ห�ต�่ งๆ ภ�ยในชมุ ชนเมอ่ื ไดร้ บั คว�มเดอื ดรอ้ น จากตารางท่ี 3.9 เม่ือได้รับความเดือดร้อนเป็นความขัดแย้งต่างๆ หรือการโดนเอารัดเอาเปรียบประชาชน จะเลือกท่ีจะไปขอความช่วยเหลือจากก�านัน/ผู้ใหญ่บ้านสูงสุด (ร้อยละ 39.12) รองลงมาคือศูนย์ยุติธรรมชุมชน (ร้อยละ 26.08) และผ้นู �าชมุ ชนทเ่ี คารพนับถอื (รอ้ ยละ 15.02) ตามลา� ดับ
ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการสง่ เสรมิ การดำาเนินงานศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 87 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ต�ร�งท่ี 3.9 รอ้ ยละของหนว่ ยง�นท่ีประช�ชนขอคว�มช่วยเหลอื เมื่อได้รับคว�มเดือดร้อน (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ค�าถาม) หน่วยง�น จ�ำ นวน รอ้ ยละ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน 762 26.08 ผู้น�าชมุ ชนที่เคารพนับถือ 439 15.02 อบต./เทศบาล 355 12.15 กา� นัน/ผ้ใู หญ่บา้ น 1,143 39.12 สถานีต�ารวจ/ทว่ี า่ การอ�าเภอ/ศนู ย์ดา� รงธรรม 398 13.62 5. คว�มคิดเหน็ ของประช�ชนต่อก�รรจู้ ักศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน จากตารางท่ี 3.10 ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการรู้จักศูนย์ยุติธรรมชุมชนร้อยละ 81.90 โดยจังหวัดที่ ประชาชนร้จู ักศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนมากที่สุดคอื จงั หวัดปัตตานี จงั หวดั นราธวิ าส และจงั หวัดยะลา ซ่ึงมสี ดั ส่วนการรู้จัก ศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชนเต็มร้อยละ 100.00 ท้ังนจ้ี งั หวดั ทีป่ ระชาชนรจู้ กั ศนู ยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนนอ้ ยทส่ี ดุ คือ กรุงเทพมหานคร (รอ้ ยละ 66.43) ต�ร�งที่ 3.10 ร้อยละของคว�มคดิ เหน็ ของประช�ชนต่อก�รรูจ้ ักศูนยย์ ุติธรรมชมุ ชน ก�รรับรขู้ องประช�ชน ก�รรับรู้ของประช�ชน ร้จู ัก รับทร�บ รบั รู้ว�่ ไมร่ ู้จัก ไมเ่ คยไดย้ นิ ไมเ่ คยเหน็ ว่�มี มศี นู ย์ยุตธิ รรมชมุ ชน ศูนยย์ ุติธรรมอยใู่ นชุมชน ปัตตานี นราธวิ าส 29 (100.00) - ยะลา 100.00) 30) - สงขลา 100.00) 30) - เชียงใหม่ 37 (92.50) 3 (7.50) อบุ ลราชธานี 78.95) 270) 21.05) 72) ศรสี ะเกษ 204 (92.73) 16 (7.27) อดุ รธานี 218 (70.10) 93 (29.90) ชลบุรี 335 (82.72) 70 (17.28) ขอนแกน่ 242 (86.12) 39 (13.88) ตรัง 435 (78.80) 117 (21.20) นา่ น 114 (95.80) 5 (4.20) กทม. 356 (84.16) 67 (15.84) 93 (66.43) 47 (33.57) ภ�พรวม 81.90) 2,393) 18.10) 529)
88 โครงการวจิ ยั จากตารางท่ี 3.11 ความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อการรู้จักศูนย์ยุติธรรมชุมชนในภาพรวมโดยมีคะแนน 3.010 คะแนน หรือคิดเปน็ ร้อยละของคะแนนเทา่ กับ 75.250 โดยจงั หวัดทมี่ ีคะแนนความคิดเห็นการรจู้ กั ศนู ย์ ยุติธรรมชุมชนสูงสุดคือจังหวัดยะลา (คะแนน 3.500 หรือคิดเป็นร้อยละของคะแนนเท่ากับ 87.500) และคะแนน ความคิดเห็นการรู้จักศูนย์ยุติธรรมชุมชนต่�าสุดคือจังหวัดกรุงเทพมหานคร (คะแนน 2.521 หรือคิดเป็นร้อยละของ คะแนนเท่ากับ 63.025) ต�ร�งท่ี 3.11 คะแนนและร้อยละของคะแนนจ�กก�รสำ�รวจคว�มคิดเหน็ ของประช�ชนต่อก�รรจู้ กั ศนู ยย์ ตุ ิธรรมชุมชน จงั หวัด ค่�เฉลี่ย S.D. ร้อยละ ปัตตานี 3.468 0.415 86.700 นราธวิ าส 3.181 0.373 79.525 ยะลา 3.500 0.417 87.500 สงขลา 3.154 0.477 78.850 เชยี งใหม่ 2.988 0.638 74.700 อุบลราชธานี 2.968 0.571 74.200 ศรสี ะเกษ 2.783 0.627 69.575 อดุ รธานี 3.038 0.541 75.950 ชลบรุ ี 2.976 0.404 74.400 ขอนแก่น 2.982 0.664 74.550 ตรงั 2.740 0.499 68.500 นา่ น 3.327 0.657 83.175 กทม. 2.521 0.821 63.025 ภ�พรวม 3.010 0.630 75.250 หมายเหตุ: ค่าเฉลี่ยในภาพรวมคา� นวณจากความคดิ เห็นของประชาชนทกุ คนท่ีมิได้แบง่ แยกตามจงั หวดั จากตารางท่ี 3.12 ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการรู้จักศูนย์ยุติธรรมชุมชนรายข้อค�าถาม 3 ประเด็นหลัก พบว่า ประชาชนมีความคิดเห็นเก่ียวกับข้อค�าถาม “ศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีบทบาท มีส่วนในการช่วยเหลือรับเรื่องร้อง เรียน ร้องทุกข์ ของผเู้ ดอื ดร้อนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ถ้าเกดิ มคี วามเดอื ดรอ้ นขน้ึ ในชมุ ชน” มากท่สี ุด (3.108 คะแนน) รองลงมาคือ ศูนย์ยุติธรรมชุมชนสามารถช่วยเหลือแก้ไขความเดือดร้อนถ้าในชุมชนเกิดมีความขัดแย้งกัน โดยศูนย์ ยุตธิ รรมชุมชนจะมบี ทบาทการไกล่เกลย่ี ข้อพพิ าททไ่ี ดร้ ับการยอมรับจากคกู่ รณีท่จี ะเข้ามาพดู คยุ เจรจารว่ มกันได้เป็น อย่างดี (3.053 คะแนน) และศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีบทบาทในการให้ค�าปรึกษา ให้ค�าแนะน�า เม่ือมีความเดือดร้อนใน ชุมชนไดเ้ ป็นอย่างดี (3.032 คะแนน) ตามลา� ดับ
ศกั ยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในการสง่ เสริมการดำาเนินงานศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน 89 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ต�ร�งท่ี 3.12 คะแนนและร้อยละของคะแนนจ�กก�รสำ�รวจคว�มคดิ เห็นของประช�ชนต่อก�รร้จู กั ศนู ยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน ร�ยข้อคำ�ถ�ม ระดบั คว�มคดิ เหน็ ค�่ ม�ก ม�กทส่ี ดุ เฉลย่ี ขอ้ ค�ำ ถ�ม ไมแ่ สดง ไม่ นอ้ ยทส่ี ดุ นอ้ ย S.D. คว�มคดิ ทร�บ 1. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนในชมุ ชนของทา่ นมี บทบาทการทา� งานในชมุ ชนและมกี จิ กรรมใน เหน็ 10 71 422 1315 567 2.989 0.756 ชมุ ชน เปน็ ทร่ี จู้ กั ในชมุ ชน 537 (0.34) (2.43) (14.44) (45.00) (19.40) 2. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนมบี ทบาทในการใหค้ า� (18.38) ปรกึ ษา ใหค้ า� แนะนา� เมอื่ มคี วามเดอื ดรอ้ นใน 543 7 63 404 1277 628 3.032 0.752 ชมุ ชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี (18.58) (0.24) (2.16) (13.83) (43.70) (21.49) 3. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนมสี ว่ นรว่ ม มบี ทบาทใน 570 การทา� ใหช้ มุ ชนมคี วามสงบสขุ (19.51) 8 66 451 1263 564 2.982 0.758 ลดอาชญากรรมและความรนุ แรง 537 (0.27) (2.26) (15.43) (43.22) (19.30) ลดการทะเลาะววิ าท (18.38) 4. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนสามารถชว่ ยเหลอื แกไ้ ข 10 49 378 1315 633 3.053 0.736 ความเดอื ดรอ้ นถา้ ในชมุ ชนเกดิ มคี วามขดั แยง้ 544 (0.34) (1.68) (12.94) (45.00) (21.66) กนั โดยศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนจะมบี ทบาทการ (18.62) ไกลเ่ กลยี่ ขอ้ พพิ าท ทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั จากคู่ 19 62 426 1265 606 3.000 0.781 กรณที จ่ี ะ เขา้ มาพดู คยุ 537 (0.65) (2.12) (14.58) (43.29) (20.74) เจรจารว่ มกนั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี (18.38) 5. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนมสี ว่ นในการชว่ ยเหลอื 17 58 396 1288 626 3.026 0.768 ชแี้ นะ แนะนา� ใหก้ บั ประชาชนในชมุ ชนถา้ ได้ 537 (0.58) (1.98) (13.55) (44.08) (21.42) รบั ความเดอื ดรอ้ น หรอื ไดร้ บั ผลกระทบจาก (18.38) 13 49 325 1279 719 3.108 0.747 คดคี วามตา่ งๆ โดยจะดา� เนนิ การชว่ ยเหลอื (0.44) (1.68) (11.12) (43.77) (24.61) ประสานงานใหไ้ ดร้ บั ผลกระทบจากคดคี วาม ตา่ งๆ โดยจะดา� เนนิ การชว่ ยเหลอื ประสานงาน ใหไ้ ดร้ บั เงนิ คา่ ชว่ ยเหลอื ตามกฎหมาย คา่ ใช้ จา่ ยในคดคี วามตามสทิ ธทิ ค่ี วรไดร้ บั 6. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนมบี ทบาท มสี ว่ นในการ ชว่ ยเหลอื ใหผ้ ทู้ เ่ี คยกระทา� ผดิ ใหก้ ลบั เชา้ มา อยใู่ นชมุ ชนไดโ้ ดยชมุ ชนใหก้ ารยอมรบั ชว่ ย เหลอื ใหโ้ อกาสผเู้ คยกระทา� ผดิ ไดก้ ลบั ตวั เปน็ คนดขี องชมุ ชน 7. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนมบี ทบาท มสี ว่ นในการ ชว่ ยเหลอื รบั เรอื่ งรอ้ งเรยี น รอ้ งทกุ ข์ ของผู้ เดอื ดรอ้ นในชมุ ชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ถา้ เกดิ มคี วาม เดอื ดรอ้ นขน้ึ ในชมุ ชน
90 โครงการวจิ ยั 6. ข้อคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะ จากตารางท่ี 3.13 ประชาชนจ�านวน 392 รายให้ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความต้องการให้ศูนย์ ยุติธรรมชุมชนจัดการปัญหาในชุมชนโดยมี 3 อันดับแรก ได้แก่ การบริหารงานท่ีเป็นธรรมอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุม และลงพื้นท่ีอย่างสม�่าเสมอ (จ�านวน 199 ราย) การแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชน (จ�านวน 108 ราย) และการประชาสัมพันธ์บทบาท ภารกิจ และหนา้ ที่ของศูนยย์ ุติธรรมชมุ ชน (จา� นวน 36 ราย) ต�ร�งท่ี 3.13 จ�ำ นวนประช�ชนที่ใหข้ อ้ คดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะเกยี่ วกบั คว�มต้องก�รให้ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชน จดั ก�รปญั ห�ในชมุ ชน ขอ้ คิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะ 1/ จ�ำ นวน 199 1. การบริหารงานท่ีเปน็ ธรรมอยา่ งเป็นรูปธรรม ครอบคลุม และลงพน้ื ที่อยา่ งสม�่าเสมอ 108 2. การแก้ไขปัญหายาเสพตดิ ของชมุ ชน 36 3. การประชาสัมพนั ธ์บทบาท ภารกจิ และหน้าท่ีของศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน 35 4. การอบรมและใหค้ วามร้กู ฎหมายแก่ชาวบ้าน 20 5. การแกไ้ ขปัญหาดา้ นอืน่ ๆ เชน่ ขยะ ทจี่ อดรถ น้�าประปา ไฟฟ้า ปญั หาเสยี งรถ จกั รยานยนต์ในยามวิกาล 11 6. การแกไ้ ขปัญหาท่ีดินท�ามาหากิน หนีน้ อกระบบ เศรษฐกจิ ครวั เรอื น 1/ ประชาชนแตล่ ะรายสามารถตอบไดม้ ากกว่า 1 ค�าตอบ
ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศูนย์ยุติธรรมชมุ ชน 91 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ผลกำรสำ� รวจ โครงก�รวิจัยศักยภ�พและคว�มพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ ในก�รส่งเสรมิ ก�รดำ�เนินง�นศูนย์ยุตธิ รรมชุมชน (กลุ่มเป�้ หม�ยผูบ้ รหิ �ร อปท. ฝ�่ ยก�รเมอื ง และเจ้�หน�้ ที่ อปท.) จากการส�ารวจโครงการวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการส่งเสริมการ ด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนจากความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�านวน 1,297 คน พบวา่ ความคิดเหน็ ของเจา้ หนา้ ทีผ่ ้ปู ฏบิ ัตงิ านในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน ไดค้ ะแนน เฉลย่ี จากการสา� รวจเท่ากับ 2.987 คะแนน หรอื คดิ เป็นร้อยละของคะแนนเทา่ กับ 74.675 โดยมรี ายละเอยี ด ดังน้ี 1. ลกั ษณะทว่ั ไป จากตารางที่ 3.14 เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่เข้าร่วมโครงการวิจัยศักยภาพและ ความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการส่งเสริมการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน พ้ืนทจ่ี ังหวัดเชยี งราย (รอ้ ยละ 8.79) เป็นเพศชาย (รอ้ ยละ 50.20) อายอุ ยู่ระหว่าง 41.50 ปี (ร้อยละ 35.31) ประกอบ อาชีพข้าราชการ/เจ้าหน้าท่ีของรัฐ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ (ร้อยละ 67.85) และส�าเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (รอ้ ยละ 50.04) โดยมรี ายละเอียด ดังน้ี ต�ร�งท่ี 3.14 ลักษณะท่ัวไป (n=1,297) ลกั ษณะทัว่ ไป จ�ำ นวน รอ้ ยละ 74 5.71 จงั หวดั 107 8.25 เพชรบรุ ี 66 5.09 นครปฐม 59 4.55 อยุธยา 54 4.16 ลพบุรี 51 3.93 นครสวรรค์ 53 4.09 ชลบุรี 61 4.70 ฉะเชิงเทรา 100 7.71 ขอนแกน่ 42 3.24 นครราชสมี า 40 3.08 ศรสี ะเกษ 33 2.54 อุดรธานี อุบลราชธานี
92 โครงการวจิ ยั ลักษณะทัว่ ไป จำ�นวน รอ้ ยละ สกลนคร 45 3.47 น่าน 29 2.24 เชยี งราย 114 8.79 เชียงใหม่ 75 5.78 ปตั ตานี 36 2.78 นราธวิ าส 51 3.93 สุราษฎรธ์ านี 15 1.16 ยะลา 28 2.16 สงขลา 83 6.40 ภูเกต็ 49 3.78 ตรงั 32 2.47 เพศ 652 50.27 ชาย 626 48.27 หญิง 19 1.46 ไม่ระบุ 6 0.46 กลุ่มอ�ยุ 135 10.41 20 ปี 377 29.07 21-30 ปี 458 35.31 40-31 ปี 252 19.43 50-41 ปี 62 4.78 60-51 ปี 7 0.54 61 ปขี ้ึนไป 220 17.19 ไม่ระบุ 880 67.85 อ�ชีพ 23 1.77 ข้าราชการการเมอื ง 26 2.00 ข้าราชการ/เจา้ หน้าท่ขี องรัฐ/พนักงานรัฐวสิ าหกิจ 9 0.69 เกษตรกร 54 4.16 รับจ้างทวั่ ไป 7 0.54 ค้าขาย/ประกอบธุรกิจ 62 4.78 พนกั งาน/ลกู จา้ งเอกชน 13 1.00 แมบ่ า้ น/พอ่ บา้ น/ข้าราชการบา� นาญ อน่ื ๆ ไมร่ ะบุ
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในการสง่ เสรมิ การดำาเนนิ งานศนู ยย์ ุติธรรมชมุ ชน 93 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ร้อยละ 1.54 ลักษณะทัว่ ไป จำ�นวน 1.85 ระดบั ก�รศกึ ษ� 20 8.02 24 1.62 ประถมศกึ ษา 104 3.55 มธั ยมศึกษาตอนต้น 21 1.16 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 46 50.04 ปวช. 15 31.30 ปวส. 649 0.31 อนปุ ริญญา 406 0.15 ปริญญาตรี 4 0.46 ปริญญาโท 2 2.16 ปริญญาเอก 6 3.08 อน่ื ๆ 28 2.00 ไมร่ ะบุ 40 1.93 ตำ�แหน่ง 26 2.62 นายกเทศมนตรี 25 4.09 นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตา� บล 34 3.55 ประธานสภาฯ 53 2.47 รองนายกเทศมนตรี 46 4.24 รองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นตา� บล 32 2.24 สมาชิกสภาเทศบาล 55 2.70 สมาชิกองค์การบริหารส่วนตา� บล 29 7.48 ปลดั เทศบาล 35 30.61 ปลัดองคก์ ารบริหารสว่ นต�าบล 97 29.99 รองปลดั เทศบาล 397 0.85 รองปลัดองค์การบรหิ ารส่วนตา� บล 389 หัวหนา้ ส�านกั ปลัด 11 เจ้าหน้าที่ อปท. ทเี่ ก่ยี วข้องหรือไดร้ บั มอบหมาย งานศูนย์ยตุ ธิ รรมชุมชน อน่ื ๆ ไมร่ ะบุ
94 โครงการวจิ ัย 2. คว�มคิดเห็นของเจ้�หน้�ท่ีผู้ปฏิบัติง�นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อก�รปฏิบัติง�นในศูนย์ ยตุ ิธรรมชุมชน จากตารางที่ 3.15 เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานใน ศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชนในภาพรวมโดยมีคะแนน 2.987 คะแนน หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละของคะแนนเท่ากับ 74.68 โดยจังหวัด ที่มีคะแนนความคิดเห็นสูงสุดคือจังหวัดลพบุรี (คะแนน 3.130 หรือคิดเป็นร้อยละของคะแนนเท่ากับ 78.25) และ คะแนนความคดิ เหน็ ตา�่ สดุ คอื จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี (คะแนน 2.612 หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละของคะแนนเทา่ กบั 65.30) ต�ร�งที่ 3.15 คะแนนและรอ้ ยละของคะแนนจ�กก�รส�ำ รวจคว�มคดิ เห็นของเจ้�หน�้ ทผี่ ้ปู ฏิบตั งิ �น ในองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินทม่ี ตี อ่ ก�รปฏิบตั งิ �นในศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชน จังหวดั ค่�เฉลี่ย S.D. ร้อยละ เพชรบรุ ี 3.056 0.397 76.40 นครปฐม 0.475 80.15 อยุธยา 3.206 0.467 73.28 ลพบุรี 2.931 0.356 78.25 นครสวรรค์ 3.130 0.426 72.98 ชลบรุ ี 2.919 0.419 74.60 ฉะเชิงเทรา 2.984 0.447 71.70 ขอนแกน่ 2.868 0.463 74.05 นครราชสีมา 2.962 0.347 75.93 ศรีสะเกษ 3.037 0.371 69.60 อุดรธานี 2.784 0.415 74.43 อุบลราชธานี 2.977 0.436 77.28 สกลนคร 3.091 0.311 75.63 น่าน 3.025 0.399 72.18 เชยี งราย 2.887 0.358 75.38 เชียงใหม่ 3.015 0.327 74.25 ปัตตานี 2.970 0.371 73.30 นราธวิ าส 2.932 0.666 67.88 สรุ าษฎร์ธานี 2.715 0.511 65.30 ยะลา 2.612 0.260 76.08 สงขลา 3.043 0.315 72.30 ภเู ก็ต 2.892 0.519 77.13 ตรัง 3.085 0.379 75.78 3.031 0.423 ภ�พรวม 2.987 74.68
ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการส่งเสริมการดำาเนนิ งานศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชน 95 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 3. คว�มคิดเหน็ ของเจ้�หน�้ ทผี่ ้ปู ฏบิ ตั ิง�นในองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ร�ยขอ้ ค�ำ ถ�ม จากตารางท่ี 3.16 เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงาน รายข้อค�าถาม พบว่า มีความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อค�าถาม “โครงการหรือกิจกรรมของหน่วยงานท่าน เป็นการท�างานท่ี สอดคล้องกับจารีตประเพณี วิถีชีวิตของชุมชน” มากที่สุด (3.228 คะแนน) รองลงมาคือ หน่วยงานท่านมีเป้าหมาย ชัดเจนในการตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในชุมชน และสามารถด�าเนินงานอย่างจริงจัง (3.197 คะแนน) และโครงสร้างการบริหารงานของหน่วยงานท่านสามารถท�างานร่วมกับประชาชนได้เป็นอย่างดี หรือ สนบั สนนุ ใหป้ ระชาชนได้มบี ทบาทในการรว่ มทา� งานเพื่อชมุ ชน (3.186) คะแนน) ตามล�าดบั ต�ร�งที่ 3.16 คะแนนและร้อยละของคะแนนจ�กก�รสำ�รวจคว�มคิดเห็นของเจ้�หน้�ที่ผู้ปฏิบัติง�นในองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินต่อก�รปฏิบัติง�นในด้�นต่�งๆ ภ�ยในศูนย์ยุติธรรมชุมชน ร�ยข้อคำ�ถ�ม ผลก�รสำ�รวจ 23 จังหวดั ในภ�พรวมของก�รวจิ ัย ขอ้ ค�ำ ถ�ม ระดบั คว�มคดิ เหน็ ค�่ เฉลย่ี S.D. 3.072 0.614 ไมแ่ สดง ไมท่ ร�บ นอ้ ยทส่ี ดุ นอ้ ย ม�ก ม�กทส่ี ดุ 3.186 0.604 คว�มคดิ เหน็ 268 3.094 0.576 (20.66) 1. หนว่ ยงานทา่ นมโี ครงสรา้ งการบรหิ าร 6 3 16 134 870 355 2.972 0.673 งานทม่ี ศี กั ยภาพ มกี ารจดั หนว่ ยงานตาม (0.46) (0.23) (1.23) (10.33) (67.08) (27.37) ภารกจิ หนา้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มกี าร 272 แบง่ งานและกา� ลงั คนไดเ้ หมาะสมเพยี งพอ (20.97) เพอื่ ในการดา� เนนิ งานตามภารกจิ ของหนว่ ยงาน 235 2. โครงสรา้ งการบรหิ ารงานของหนว่ ยงาน 4 5 9 81 843 (18.12) ทา่ นสามารถทา� งานรว่ มกบั ประชาชนได้ (0.31) (0.39) (0.69) (6.25) (65.00) เปน็ อยา่ งดี หรอื สนบั สนนุ ใหป้ ระชาชนไดม้ ี บทบาทในการรว่ มทา� งานเพอื่ ชมุ ชน 3. ขนั้ ตอนการทา� งาน กฎ ระเบยี บของ 5 1 6 135 878 หนว่ ยงาน ทา่ นสามารถสนบั สนนุ ภารกจิ (0.39) (0.08) (0.46) (10.41) (67.69) แกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน การชว่ ยเหลอื ทางกฎหมาย และกระบวนการ ยตุ ธิ รรมในชมุ ชน การสรา้ งความเปน็ ธรรม รวมทง้ั สามารถสนบั สนนุ หรอื ใหค้ วามรว่ ม มอื กบั หนว่ ยงานราชการอน่ื ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 4. กฎหมาย กฎ ระเบยี บและการใชจ้ า่ ย 4 10 10 221 817 งบประมาณของหนว่ ยงานทา่ นเออ้ื ตอ่ (0.31) (0.77) (0.77) (17.04) (62.99) บทบาท อา� นาจหนา้ ทข่ี องหนว่ ยงานทา่ น ในการดา� เนนิ งานสรา้ งความสงบสขุ ความ เปน็ ธรรม การชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายและ กระบวนการยตุ ธิ รรมในชมุ ชน การสรา้ ง ความเปน็ ธรรมแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ น
96 โครงการวิจยั ขอ้ ค�ำ ถ�ม ระดบั คว�มคดิ เหน็ ค�่ เฉลย่ี S.D. 3.121 0.634 ไมแ่ สดง ไมท่ ร�บ นอ้ ยทส่ี ดุ นอ้ ย ม�ก ม�กทส่ี ดุ 2.618 0.840 คว�มคดิ เหน็ 311 2.995 0.698 (23.98) 2.639 0.907 5. ผบู้ รหิ ารทไี่ ดร้ บั การเลอื กตง้ั ของหนว่ ย 5 9 9 110 853 141 งานทา่ นมกี ารใชอ้ า� นาจทางการบรหิ ารได้ (0.39) (0.69) (0.69) (8.48) (65.77) (10.87) 3.015 0.725 อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถขบั เคลอื่ น 261 งานเพอื่ ประโยชนช์ มุ ชน (20.12) 2.930 0.700 188 2.792 0.789 6. การแกไ้ ขปญั หาขอ้ พพิ าทความขดั แยง้ 5 24 90 382 655 (14.49) ตา่ งๆ ในชมุ ชนของหนว่ ยงานทา่ น หากมี (0.39) (1.85) (6.94) (29.45) 50.50) ผลตอ่ ความนยิ มของประชาชนจะสง่ ผลกระ 280 ทบตอ่ การตดั สนิ ใจแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว (21.59) 7. การทา� งานใหก้ บั ชมุ ชน ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ ง 14 7 27 193 795 235 มรี ปู แบบ การทา� งานเปน็ ทางการ ดงั นนั้ (1.08) (0.54) (2.08) (14.88) (61.30) (18.12) หนว่ ยงานทา่ น หรอื คณะทา� งาน คณะ 192 กรรมการ สามารถเขา้ ไปทา� งานใหก้ บั พ่ี (14.80) นอ้ งประชาชนในชมุ ขนไดท้ นั ที 8. ทา่ นจะหยดุ การดา� เนนิ กจิ กรรมทนั ทถี า้ 11 22 125 348 603 มกี ารตง้ั ขอ้ สงั เกตทอ่ี าจจะไมถ่ กู ตอ้ งตาม (0.85) (1.70) (9.64) (26.83) (46.49) อา� นาจหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานทา่ นในการใช้ จา่ ยงบประมาณหากไดร้ บั คา� แนะนา� จาก สา� นกั งานตรวจเงนิ แผน่ ดนิ หรอื จากหนว่ ย งานทก่ี า� กบั ดแู ล โดยจะไมพ่ ยายามศกึ ษา และหารปู แบบวธิ กี ารทา� กจิ กรรมใหไ้ ด้ แมว้ า่ จะเปน็ ประโยชนข์ องพน่ี อ้ งประชาชน 9. บทบาทของคณะกรรมการศนู ยย์ ตุ ธิ รรม 5 12 33 158 809 ชมุ ชนในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื พนี่ อ้ ง (0.39) (0.93) (2.54) (12.18) (62.37) ประชาชนบางครง้ั เปน็ เรอ่ื งเดอื ดรอ้ นทว่ั ไป แมจ้ ะไมใ่ ชเ่ รอ่ื งขอความเปน็ ธรรมหรอื การ เขา้ สกู่ ระบวนการยตุ ธิ รรมกด็ า� เนนิ การชว่ ย เหลอื 10. บคุ ลากร คณะทา� งาน คณะกรรมการ 4 6 22 263 767 ของหนว่ ยงานทา่ นมที กั ษะ มคี วามรคู้ วาม (0.31) (0.46) (1.70) (20.28) (59.14) สามารถในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประชาชน ในเรอ่ื งความเปน็ ธรรมเรอ่ื งกฎหมายและ กระบวนการยตุ ธิ รรม 11. หนว่ ยงานทา่ นไดร้ บั การยอมรบั ในการ 10 21 39 319 716 ปฏบิ ตั งิ านมผี ลงานเปน็ ทปี่ ระจกั ษห์ รอื ได้ (0.77) (1.62) (3.01) (24.60) (55.20) รบั รางวลั การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการสง่ เสรมิ การดำาเนินงานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน 97 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ขอ้ ค�ำ ถ�ม ระดบั คว�มคดิ เหน็ ค�่ เฉลย่ี S.D. 2.991 0.676 ไมแ่ สดง ไมท่ ร�บ นอ้ ยทสี่ ดุ นอ้ ย ม�ก ม�กทส่ี ดุ คว�มคดิ เหน็ 247 3.197 0.603 (19.04) 12. พน่ี อ้ งประชาชนในชมุ ชนมคี า่ นยิ ม 8 5 27 189 821 3.228 0.577 มคี วามเชอื่ ในเรอ่ื งการเขา้ มารว่ มแรงรว่ มใจ (0.62) (0.39) (2.08) (14.57) (63.30) 371 2.969 0.723 ในการพฒั นาชมุ ชนใหม้ คี วามเจรญิ ความ (28.60) สงบสขุ จากการทา� งานของหนว่ ยงานทา่ น 384 13. หนว่ ยงานทา่ นมเี ปา้ หมายชดั เจน 5 2 10 91 818 (29.61) ในการตอบสนองความตอ้ งการของพนี่ อ้ ง (0.39) (0.15) (0.77) (7.02) (63.07) 256 ประชาชนในชมุ ชน และสามารถดา� เนนิ (19.74) งานอยา่ งจรงิ จงั 14. โครงการหรอื กจิ กรรมของหนว่ ยงาน 7 1 8 71 826 ทา่ น เปน็ การทา� งานทส่ี อดคลอ้ งกบั จารตี (0.54) (0.08) (0.62) (5.47) (63.69) ประเพณี วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน 15. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ในบทบาท ปจั จบุ นั ได้ 5 11 29 205 791 มกี ารจดั ตงั้ ขน้ึ ในตา� บล โดยการบรหิ ารงาน (0.39) (0.85) (2.24) (15.81) (60.99) ดว้ ยความรว่ มมอื จากผเู้ กยี่ วขอ้ งในพน้ื ท่ี ชมุ ชน ทา่ นมคี วามคดิ เหน็ ในระดบั ใด 4. คว�มคิดเห็นของเจ้�หน้�ที่ผู้ปฏิบัติง�นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อก�รปฏิบัติง�นใน ศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชนจังหวดั ช�ยแดนภ�คใต้ (สงขล� ปตั ต�นี ยะล� นร�ธิว�ส) จากตารางท่ี 3.17 เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานใน ศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ภาพรวมโดยมีคะแนน 2.876 คะแนน หรอื คิดเปน็ ร้อยละของคะแนนเทา่ กับ.71.90 โดยจงั หวดั ทีม่ ีคะแนนความคิดเหน็ สูงสุดคอื จงั หวัดยะลา (คะแนน 3.043 หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละของคะแนนเทา่ กับ.76.08) และคะแนนความคดิ เห็นต�า่ สุดคือจงั หวัดนราธิวาส (คะแนน2.715 หรอื คิดเป็นร้อยละของคะแนนเทา่ กบั 67.88) ต�ร�งท่ี 3.17 คะแนนและร้อยละของคะแนนจ�กก�รสำ�รวจคว�มคิดเห็นของเจ้�หน้�ที่ผู้ปฏิบัติง�นในองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีต่อก�รปฏิบัติง�นในศูนย์ยุติธรรมชุมชนจังหวัดช�ยแดนภ�คใต้ (สงขล� ปตั ต�นี ยะล� นร�ธวิ �ส) ปตั ตานี จงั หวัด ค่�เฉลยี่ S.D. รอ้ ยละ นราธิวาส ภ�พรวม 2.932 0.371 73.30 ยะลา 2.715 0.666 67.88 สงขลา 3.043 0.260 76.08 2.892 0.315 72.30 2.876 0.445 71.90
98 โครงการวิจยั 5. คว�มคิดเห็นของเจ้�หน้�ที่ผู้ปฏิบัติง�นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อก�รปฏิบัติง�นในด้�น ต่�งๆ ภ�ยในศูนย์ยุติธรรมชุมชนในจังหวัดช�ยแดนภ�คใต้ (สงขล� ปัตต�นี ยะล� นร�ธิว�ส) ร�ยขอ้ คำ�ถ�ม จากตารางที่ 3.18 เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงาน รายข้อค�าถาม พบว่า มีความคิดเห็นเก่ียวกับข้อค�าถาม “โครงการหรือกิจกรรมของหน่วยงานท่านเป็นการท�างานที่ สอดคล้องกับจารีตประเพณี วิถีชีวิตของชุมชน” มากท่ีสุด (3.183 คะแนน) รองลงมาคือ หน่วยงานท่านมีเป้าหมาย ชัดเจน ในการตอบสนองความต้องการของพ่ีน้องประชาชนในชุมชน และสามารถด�าเนินงานอย่างจริงจัง (3.133 คะแนน) และโครงสร้างการบริหารงานของหน่วยงานท่านสามารถท�างานร่วมกับประชาชนได้เป็นอย่างดี หรือ สนับสนุนใหป้ ระชาชนได้มีบทบาทในการร่วมทา� งานเพื่อชมุ ชน (3.127 คะแนน) ตามลา� ดบั ต�ร�งท่ี 3.18 คะแนนและค�่ เบย่ี งเบนม�ตรฐ�นของคะแนนจ�กก�รส�ำ รวจคว�มคดิ เหน็ ของเจ�้ หน�้ ทผี่ ปู้ ฏบิ ตั งิ �น ในองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ต่อก�รปฏบิ ัตงิ �นในด�้ นต่�งๆ ภ�ยในศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชนในจังหวัด ช�ยแดนภ�คใต้ (สงขล� ปัตต�นี ยะล� นร�ธิว�ส) ร�ยขอ้ ค�ำ ถ�ม ขอ้ ค�ำ ถ�ม สงขล� ปตั ต�นี ยะล� นร�ธวิ �ส ภ�พรวม ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลย่ี S.D. 1. หนว่ ยงานทา่ นมโี ครงสรา้ งการ 3.024 0.540 2.806 0.624 3.000 0.385 3.020 0.742 2.980 0.597 บรหิ ารงานทมี่ ศี กั ยภาพ มกี าร จดั หนว่ ยงานตามภารกจิ หนา้ ที่ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มกี าร แบง่ งานและกา� ลงั คนไดเ้ หมาะ สมเพยี งพอเพอื่ ในการดา� เนนิ งาน ตามภารกจิ ของหนว่ ยงาน 2. โครงสรา้ งการบรหิ ารงานของ 3.241 0.458 3.083 0.554 3.250 0.441 2.900 0.886 3.127 0.622 หนว่ ยงานทา่ นสามารถทา� งาน รว่ มกบั ประชาชนไดเ้ ปน็ อยา่ ง ดี หรอื สนบั สนนุ ใหป้ ระชาชนได้ มบี ทบาทในการรว่ มทา� งานเพอ่ื ชมุ ชน 3. ขนั้ ตอนการทา� งาน กฎ 3.120 0.479 2.944 0.630 3.143 0.448 2.760 0.822 3.000 0.623 ระเบยี บของหนว่ ยงาน ทา่ น สามารถสนบั สนนุ ภารกจิ แกไ้ ข ปญั หาความเดอื ดรอ้ นของ ประชาชน การชว่ ยเหลอื ทาง กฎหมาย และกระบวนการ ยตุ ธิ รรมในชมุ ชน การสรา้ ง ความเปน็ ธรรม รวมทงั้ สามารถ สนบั สนนุ หรอื ใหค้ วามรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานราชการอนื่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในการส่งเสริมการดำาเนนิ งานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน 99 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ขอ้ ค�ำ ถ�ม สงขล� ปตั ต�นี ยะล� นร�ธวิ �ส ภ�พรวม ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. 4. กฎหมาย กฎ ระเบยี บและการ 2.892 0.797 2.861 0.487 2.929 0.539 2.740 0.853 2.853 0.731 ใชจ้ า่ ยงบประมาณของหนว่ ยงาน ทา่ นเออื้ ตอ่ บทบาท อา� นาจหนา้ ท่ี ของหนว่ ยงานทา่ นในการดา� เนนิ งานสรา้ งความสงบสขุ ความเปน็ ธรรม การชว่ ยเหลอื ทางกฎหมาย และกระบวนการยตุ ธิ รรมในชมุ ชน การสรา้ งความเปน็ ธรรมแกไ้ ข ปญั หาความ เดอื ดรอ้ น 5. ผบู้ รหิ ารทไี่ ดร้ บั การเลอื กตง้ั 3.181 0.446 3.278 0.659 3.179 0.390 2.740 0.853 3.086 0.637 ของหนว่ ยงานทา่ นมกี ารใช้ อา� นาจทางการบรหิ าร ไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ สามารถขบั เคลอ่ื น งาน เพอ่ื ประโยชนช์ มุ ชน 6. การแกไ้ ขปญั หาขอ้ พพิ าทความ 2.470 0.941 2.543 0.919 2.357 0.826 2.460 0.838 2.464 0.891 ขดั แยง้ ตา่ งๆ ในชมุ ชนของหนว่ ย งานทา่ น หากมผี ลตอ่ ความนยิ ม ของประชาชน จะสง่ ผลกระทบตอ่ การตดั สนิ ใจแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว 7. การทา� งานใหก้ บั ชมุ ชนไม่ 2.964 0.652 3.028 0.446 3.143 0.651 2.755 0.830 2.949 0.677 จา� เปน็ ตอ้ งมรี ปู แบบ การทา� งาน เปน็ ทางการ ดงั นน้ั หนว่ ยงานทา่ น หรอื คณะทา� งาน คณะกรรมการ สามารถเขา้ ไปทา� งานใหก้ บั พนี่ อ้ ง ประชาชนในชมุ ขนไดท้ นั ที 8. ทา่ นจะหยดุ การดา� เนนิ 2.470 0.874 2.857 0.810 2.786 0.630 2.300 0.909 2.541 0.861 กจิ กรรมทนั ทถี า้ มกี ารตงั้ ขอ้ สงั เกตทอ่ี าจจะไมถ่ กู ตอ้ งตาม อา� นาจหนา้ ทข่ี องหนว่ ยงาน ทา่ น ในการใชจ้ า่ ยงบประมาณหากได้ รบั คา� แนะนา� จากสา� นกั งานตรวจ เงนิ แผน่ ดนิ หรอื จากหนว่ ยงาน ทกี่ า� กบั ดแู ล โดยจะไมพ่ ยายาม ศกึ ษาและหารปู แบบวธิ กี าร ทา� กจิ กรรมใหไ้ ดแ้ มว้ า่ จะเปน็ ประโยชนข์ องพน่ี อ้ งประชาชน
100 โครงการวิจยั ขอ้ ค�ำ ถ�ม สงขล� ปตั ต�นี ยะล� นร�ธวิ �ส ภ�พรวม ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. ค�่ เฉลย่ี S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. ค�่ เฉลยี่ S.D. 9. บทบาทของคณะกรรมการ 2.831 0.778 2.611 1.178 3.143 0.756 2.620 0.830 2.782 0.885 ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมชนในการให้ ความชว่ ยเหลอื พน่ี อ้ งประชาชน บางครงั้ เปน็ เรอ่ื งเดอื ดรอ้ นทว่ั ไป แมจ้ ะไมใ่ ชเ่ รอ่ื งขอความเปน็ ธรรม หรอื การเขา้ สกู่ ระบวนการ ยตุ ธิ รรม กด็ า� เนนิ การชว่ ยเหลอื 10. บคุ ลากร คณะทา� งาน คณะ 2.699 0.639 2.694 0.710 3.179 0.548 2.620 0.805 2.746 0.705 กรรมการ ของหนว่ ยงานทา่ นมี ทกั ษะ มคี วามรคู้ วามสามารถ ใน การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประชาชน ในเรอ่ื งความเปน็ ธรรม เรอ่ื ง กฎหมายและกระบวนการ ยตุ ธิ รรม 11. หนว่ ยงานทา่ นไดร้ บั การ 2.602 0.661 2.941 0.600 2.929 0.539 2.490 0.845 2.680 0.706 ยอมรบั ในการปฏบิ ตั งิ านมผี ลงาน เปน็ ทป่ี ระจกั ษห์ รอื ไดร้ บั รางวลั การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน 12. พน่ี อ้ งประชาชนในชมุ ชน มี 2.928 0.536 3.000 0.586 2.786 0.499 2.660 0.872 2.853 0.650 คา่ นยิ ม มคี วามเชอื่ ในเรอื่ งการ เขา้ มารว่ มแรงรว่ มใจ ในการ พฒั นาชมุ ชนใหม้ คี วามเจรญิ ความสงบสขุ จากการทา� งานของ หนว่ ยงานทา่ น 13. หนว่ ยงานทา่ นมเี ปา้ หมาย 3.120 0.363 3.229 0.426 3.393 0.497 2.940 0.890 3.113 0.584 ชดั เจนในการตอบสนองความ ตอ้ งการของพนี่ อ้ งประชาชนใน ชมุ ชน และสามารถดา� เนนิ งาน อยา่ งจรงิ จงั 14. โครงการหรอื กจิ กรรมของ 3.157 0.366 3.278 0.566 3.464 0.508 0.926 3.000 3.187 0.620 หนว่ ยงานทา่ น เปน็ การทา� งานท่ี สอดคลอ้ งกบั จารตี ประเพณี วถิ ี ชวี ติ ของชมุ ชน 15. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน ใน 2.687 0.882 2.861 0.593 2.964 0.508 2.720 0.904 2.766 0.799 บทบาทปจั จบุ นั ไดม้ กี ารจดั ตง้ั ขน้ึ ในตา� บล โดยการบรหิ ารงานดว้ ย ความรว่ มมอื จากผเู้ กย่ี วขอ้ งใน พน้ื ทชี่ มุ ชน ทา่ นมคี วามคดิ เหน็ ในระดบั ใด
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ในการส่งเสริมการดำาเนนิ งานศนู ย์ยุตธิ รรมชุมชน 101 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 6. ขอ้ คิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะ จากตารางที่ 3.19 เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 76 รายให้ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ เกย่ี วกบั ความตอ้ งการให้ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชนจัดการปัญหาในชุมชนโดยมี 3 อันดับแรก ไดแ้ ก่ โครงสรา้ งคณะกรรมการ ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน กฎ ระเบียบ ไม่ชัดเจน (จา� นวน 24 ราย) เจา้ หนา้ ทีข่ าดทกั ษะความรู้ในการปฏบิ ัตงิ าน (จา� นวน 14 ราย) และขาดการประชาสมั พนั ธใ์ หป้ ระชาชนทราบถึงการใหบ้ รกิ ารของศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน (จา� นวน 11 ราย) ต�ร�งท่ี 3.19 จำ�นวนเจ้�หน้�ท่ีผู้ปฏิบัติง�นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะเก่ียวกับ ก�รปฏิบตั งิ �นในด้�นต�่ งๆ ภ�ยในศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน ขอ้ คิดเหน็ /ข้อเสนอแนะ 1/ จ�ำ นวน 1. โครงสร้างคณะกรรมการศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน กฎ ระเบยี บ ไมช่ ดั เจน 24 2. เจ้าหน้าท่ขี าดทกั ษะความรู้ในการปฏบิ ตั ิงาน 14 3. ขาดการประชาสัมพันธ์ใหป้ ระชาชนทราบถึงการให้บริการของศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน 11 4. ขาดแรงจงู ใจ(คา่ ตอบแทนในการท�างาน) 3 5. ขาดความร่วมมือระหวา่ งหนว่ ยงานภาครฐั 7 6. หน้าที่ในการปฏิบัติงานทับซอ้ นกบั ศนู ยด์ า� รงธรรม 3 7. มขี ้อจ�ากัดในการปฏบิ ัตงิ าน เชน่ งบประมาณ บุคลากร สถานทฯี่ 7 8. อ่ืนๆ 7 1/ ประชาชนแตล่ ะรายสามารถตอบไดม้ ากกว่า 1 คา� ตอบ เกณฑ์ก�รประมวลผลคว�มคดิ เห็น/คว�มพึงพอใจ แยกเป็น 4 ระดับ และคิดชว่ งคะแนน โดยคา� นวณจากสูตร ช่วงคะแนน = คะแนนสงู สุด – คะแนนต�า่ สุด จา� นวนอันตรภาคชนั้ = 4–1 4 = 0.75 ดังนน้ั ชว่ งคะแนน 1.00 - 1.75 หมายถึง เห็นดว้ ย/พึงพอใจ นอ้ ยท่ีสุด ชว่ งคะแนน 2.50 - 1.76 หมายถึง เห็นด้วย/พงึ พอใจ นอ้ ย ชว่ งคะแนน 3.25 - 2.51 หมายถงึ เห็นดว้ ย/พึงพอใจ ด้วยมาก ชว่ งคะแนน 4.00 - 3.26 หมายถึง เห็นด้วย/พงึ พอใจ มากทีส่ ดุ
102 โครงการวิจยั บทวิเคร�ะห์ผลจ�กก�รสำ�รวจจ�กแบบสอบถ�ม การใช้เคร่ืองมือทางสถิติโดยการส�ารวจจากแบบสอบถามกลุ่มเป้าหมายผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการตอบแบบสอบถามในพื้นท่ี 23 จังหวัด จ�านวน 1,297 ชุด พบว่า ผู้บริหารและ เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานของ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อบต. และเทศบาล) ได้คะแนนเฉลี่ยจากการส�ารวจเท่ากับ 2.988 คะแนน อยู่ในระดับมากหรือคิดเป็น ร้อยละ 74.698 การประมวลผลจากเคร่ืองมือดังกล่าวได้คะแนนเฉลี่ยจากการส�ารวจอยู่ในระดับมาก แสดงให้เห็นว่าองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพในการปฏิบัติงานสูง มีความพร้อมจากการเป็นหน่วยงานราชการในพ้ืนท่ีชุมชนมีการ จัดการหน่วยงานให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นท่ีความรับผิดชอบ มีทัศนคติในการปฏิบัติ งานที่เหมาะสมสามารถท�างานในพื้นที่ได้โดยไม่เป็นอุปสรรคของการปฏิบัติงาน และผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีเป้าหมายเพ่ือการท�างานให้กับประชาชนในพื้นท่ีความรับผิดชอบท�างานด้วย ความเช่ือมั่นไปในทิศทางท่ีเอื้อต่อการให้บริการ ให้ความช่วยเหลือ พัฒนาพ้ืนที่ชุมชน และจัดการปัญหาความเดือด ร้อนให้กับประชาชนในระดับท่ีน่าพึงพอใจของการขับเคลื่อนงานการอ�านวยความยุติธรรม ซ่ึงเมื่อวัดประเมินค่าจาก กระบวนการทางสถิติแล้วบ่งชี้ได้ว่ากระทรวงยุติธรรมคาดหวังการผลักดันให้ภารกิจงานการอ�านวยความยุติธรรม ให้กับประชาชนทุกพ้ืนที่ต�าบลโดยการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมต�าบลโดยให้มีท่ีท�าการ ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาล,องค์การบริหารส่วนต�าบล,เมืองพัทยา) มีโอกาสจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานในองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ จ�าแนกรายประเด็น ดงั นี้ 1. โครงสร้างองค์กรและกระบวนงาน (แบบสอบถามข้อ 1-4) ได้คะแนนเฉลี่ยจากการส�ารวจเท่ากับ 3.081 คะแนน ระดับมาก จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่มีความเช่ือมั่นในการจัดโครงสร้างองค์การท่ีเป็นการแบ่งงานหน้าท่ีชัดเจน ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานราชการในพ้ืนท่ีชุมชนท่ีมีศักยภาพ และการจัดโครงสร้างเอื้อต่อการท�างานตอบสนองความ ต้องการของพ้ืนที่ในเขตความรับผิดชอบ สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชนได้ ถึงแม้จะมี อุปสรรคในการสนับสนุนงบประมาณของ อปท.ในการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนซ่ึงมีข้อสังเกตจากส�านักงาน ตรวจเงินแผ่นดินให้ค�านึงถึงอ�านาจหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบการเบิกจ่ายของ อปท. ทั้งน้ี ยังมีความคิดเห็นใน ระดับมาก เปน็ หนา้ ท่ี อปท. ตอ้ งสร้างความเปน็ ธรรมแกไ้ ขปญั หาความเดือดร้อนของประชาชน 2. รูปแบบในการบรหิ ารจัดการหรอื ทศั นคตขิ องผนู้ า� องคก์ ร (แบบสอบถามข้อ 5-9) โดยแยกเป็น 2 ประเด็น ดงั น้ี 2.1 แบบส�ารวจข้อค�าถามท่ี 5,7,8,9 ได้คะแนนเฉล่ียจากการส�ารวจเท่ากับ 2.943 คะแนน ระดับมาก จะเห็นได้ว่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีทัศนคติที่ดีในการท�างานเพ่ือชุมชน ซึ่งเม่ือพิจารณาจะเห็นได้ว่าผู้บริหารมาจากการเลือกต้ังของประชาชนในชุมชนจึงมีความรับผิดชอบต่อชุมชนที่ให้ ความไว้วางใจ การท�างานใช้รูปแบบไม่เป็นทางการก็สามารถด�าเนินงานได้ รวมทั้งในบทบาทของศูนย์ยุติธรรมชุมชน มีขอบเขตในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในการอ�านวยความยุติธรรมหรือความเดือดร้อนอื่นที่ ประชาชนร้องขอ
ศักยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการสง่ เสริมการดาำ เนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน 103 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 2.2 แบบสา� รวจข้อค�าถามที่ 6 ได้คะแนนเฉลยี่ จากการสา� รวจเทา่ กบั 2.618 คะแนน ระดบั มาก ซ่งึ เป็น ระดับท่ีค่อนข้างใกล้เคียงไปทางระดับน้อยซ่ึงค่าคะแนนระดับน้อยมากเป็นความหมายที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความตรง ไปตรงมาในการท�างานไมน่ า� ผลกระทบต่างๆ มาเบ่ียงเบนความถกู ตอ้ งของการทา� งาน จะเหน็ ได้ว่าในการแกไ้ ขปญั หา ความเดือดร้อน ความขัดแย้ง การไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท การตัดสินใจของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการด�าเนินการดังกล่าวจะท�าการอย่างตรงไปตรงมา เพ่ือความเป็นธรรมโดยไม่น�าเอา ประโยชนส์ ว่ นตวั ความนิยมส่วนตัวมายงุ่ เกยี่ วกบั การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 3. ทักษะความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน (แบบสอบถามข้อ 10-12) ได้คะแนนเฉล่ียจากการส�ารวจ เท่ากับ 2.904 คะแนน ระดับมาก จะเห็นได้ว่าผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมี ความสามารถในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนใหญ่รับทราบบทบาทของศูนย์ยุติธรรมชุมชน แต่ อาจจะยังไม่มีผลงานเด่นชัดได้รับรางวัลจากการประเมินผลของหน่วยงานที่ท�าหน้าท่ีวัดประเมินผลและประชาชนใน พนื้ ทม่ี ี ความรว่ มมอื รว่ มแรงในการทา� งานเพ่ือชุมชน 4. ค่านิยมร่วมหรือเป้าหมายสูงสุด (แบบสอบถามข้อ 13-15) ได้คะแนนเฉลี่ยจากการส�ารวจเท่ากับ 3.131 คะแนน ระดับมาก จะเห็นได้ว่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีการยอมรับใน บทบาทของศูนย์ยุติธรรมชุมชนพอสมควรซึ่งสามารถด�าเนินการภายใต้แนวทางการด�าเนินชีวิตจารีตประเพณีของ ชมุ ชนไดซ้ ่ึงเป็นหลักการบริหารราชการขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ 3.7 กำรชว่ ยเหลือประชำชนดำ้ นอ�ำนวยควำมยตุ ธิ รรมของตำ่ งประเทศ ก�รช่วยเหลอื ประช�ชนด�้ นอำ�นวยคว�มยุตธิ รรมของประเทศญป่ี ุ่น รูปแบบการปกครองท้องถนิ่ ของญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคอื รปู แบบท่ัวไป และรปู แบบพเิ ศษ การกระ จายอ�านาจ ส่ทู ้องถ่ินของญ่ปี ุน่ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ (ระบบ 2 ช้นั หรอื Two-Teir System) เช่นเดียวกับไทย คอื แบบทัว่ ไป และแบบพิเศษ การปกครองแบบท่วั ไป มี 2 ระดับ คอื 1. ระดบั บน (Upper Tier) ไดแ้ ก่ จงั หวดั (Prefecture) หนว่ ยปกครองทอ้ งถนิ่ แบบจงั หวดั มี 47 แหง่ เรยี กชอ่ื ต่างกันออกไป 4 ชอื่ คือ - โต (To) ซึ่งมีแห่งเดียว คือ โตเกียวเป็นเมืองหลวง เป็นมหานคร จึงเรียกว่า มหานครโตเกีย (Tokyo Metropolis) อีกท้ังยังมีโครงสร้างที่แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ คือ ภายในมหานครโตเกียวยังมีการจัดต้ังหน่ว การปกครองท้องถิ่นท่เี รียกวา่ เขตพเิ ศษ (Special Ward) จา� นวน 23 แห่ง - โด (Do) มี 1 จังหวัด คือ ฮอกไกโด ซ่ึงการพัฒนานอ้ ยทีส่ ดุ ในบรรดาจงั หวัดทัง้ หมด - ฟู (Fu) เป็นจงั หวดั ทม่ี ีความเปน็ เมอื งสงู มี 2 หน่วย คือ เกยี วโต และโอซาก้า - เคน (Ken) เป็นจังหวัดซ่ึงมีสภาพเป็นพ้ืนท่ีชนบทส่วนใหญ่มีท้ังหมด 43 จังหวัด สถานะทางกฎหมาย โครงสร้าง และอ�านาจหน้าทไ่ี มต่ ่างกนั ยกเวน้ โตเกียว อ�านาจหน้าทีข่ องจงั หวัด แบ่งเป็น 2 สว่ น คือ ● ฝ่ายนิติบัญญัติหรือสภาจังหวัดมาจากการเลือกตั้งของประชาชนในเขตพ้ืนที่ ด�ารงต�าแหน่งคราวละ
104 โครงการวจิ ัย 4 ปี มีจ�านวนสมาชิกสภาในแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับขนาดของประชากรอยู่ระหว่าง 40 - 120 คน สมาชิกสภาจะร่วม กันคัดเลือกสมาชิกด้วยกันเองเพื่อด�ารงต�าแหน่งประธานสภาจังหวัดและรองประธานสภาจังหวัดมีสมัยประชุมปีละ 4 สมัย สภาจงั หวดั มอี �านาจหน้าท่ีดังนี้ (1) ออก เปลยี่ นแปลง ตลอดจนการยกเลกิ ขอ้ บัญญตั ิจงั หวดั (2) พจิ ารณาและอนมุ ัตงิ บประมาณรายจ่ายประจ�าปที ีฝ่ า่ ยบริหารเปน็ ผ้เู สนอ (3) พิจารณาและก�าหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอัตราภาษีของท้องถิ่นค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต และ ค่าปรบั ต่างๆ (4) อนุมตั ิสญั ญาจดั ซอ้ื และยกเลิกทรพั ยส์ ิน (5) ตรวจสอบบญั ชขี องจังหวัด (6) พิจารณาขอ้ เรยี กร้องของประชาชนภายในเขตจังหวัด (7) ตรวจสอบการทา� งานของฝ่ายบริหาร ดว้ ยวธิ ีการต่างๆ เช่น การตัง้ กระทู้ถาม การยื่นญัตติ (8) ตลอดจนการย่นื ญตั ติเพอ่ื เปดิ อภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารใหพ้ ้นจากตา� แหนง่ ● ฝ่ายบริหาร มีผูว้ ่าราชการจังหวดั (Governor) มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เปน็ หัวหนา้ ผา่ ยบรหิ าร มีวาระในการด�ารงต�าแหน่งคราวละ 4 ปี สามารถแต่งต้ังรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพ่ือช่วยเหลือในการปฏิบัติงานได้ โดยต้องให้สภาจังหวัดให้การรับรองก่อนเข้ารับต�าแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเทศมนตรีมาจากการเลือกต้ัง โดยตรงจากประชาชน ขา้ ราชการเปน็ ทอ้ งถน่ิ ให้สังกดั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ (ยกเวน้ ต�ารวจทม่ี าจากส่วนกลาง) ผู้ว่าราชการจังหวัดมอี า� นาจหนา้ ท่ี ดังนี้ (1) บรหิ ารงานของจงั หวดั ตามที่กฎหมายบัญญตั ไิ ว้ (2) เสนอร่างกฎหมายตา่ งๆ ต่อการพิจารณาของสภาจงั หวดั (3) เสนอร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ�าปี เพ่ือให้สภาจังหวัดอนุมัติและบริหารงบประมาณ ตามทีไ่ ดร้ บั การอนมุ ตั อิ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ (4) จัดเกบ็ ภาษี คา่ ธรรมเนียม และคา่ ปรับตา่ งๆ (5) ควบคมุ ดแู ลบัญชกี ารเงนิ (6) อนมุ ตั ิสัญญา จัดตัง้ บริหารกิจการสาธารณะและยบุ เลิกกิจการสาธารณะ (7) แตง่ ตั้งและปลดรองผูว้ ่าราชการจังหวัด (8) แตง่ ตงั้ และบริหารเจา้ หน้าท่ีของท้องถนิ่ (9) อ�านาจในการยุบสภาจงั หวัด (10) อ�านาจหน้าที่ในฐานะเปน็ ตัวแทนรัฐบาลกลางเพอ่ื ด�าเนินกจิ การบางอย่างแทนให้ สา� เร็จลุล่วง รฐั บาลกลางไดว้ างกฎระเบียบและแนวทาง อา� นาจหน้าที่ของจังหวัด ดังนี้ (1) กิจการตา� รวจ บริหารงานโดยคณะกรรมการความปลอดภยั สาธารณะ (2) การควบคุมดูแลโครงสรา้ งพ้นื ฐาน เช่น การวางผังเมอื ง ถนนทางหลวง แมน่ า�้ เคหะ ชมุ ชน (3) บริหารจัดการโรงเรียนมธั ยมปลาย การจดั สรรเงนิ เดอื นและสวัสดิการของครู
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในการสง่ เสริมการดำาเนนิ งานศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 105 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) (4) สวสั ดิการสังคม ได้แก่ สวัสดกิ ารเดก็ สวัสดิการผสู้ ูงอายุ (5) การสาธารณสุขและอนามยั (6) การพาณิชยแ์ ละการอตุ สาหกรรม เช่น การสร้างศนู ย์อุตสาหกรรมเพอื่ ดงึ ดดู การลงทุน ภ�พท่ี 3.1 รูปแบบการปกครองท้องถนิ่ ของประเทศญ่ีปุน่ 2. ระดบั ล�่ ง (Lower Tier) ไดแ้ กเ่ ทศบาล (Municipal) ซงึ่ เทศบาลนครตอ้ งมีประชากร 50,000 คนขนึ้ ไป และแบ่งย่อยออกเปน็ 3 ประเภท คือ ● เทศบาลนคร (city) หรอื ชิ (chi) ● เทศบาลเมือง (town) หรอื โช (cho) ● เทศบาล/หมู่บ้าน (Village/Mura) หรอื ชอน/ชง (son) การกระจายอ�านาจในญ่ีปุ่นเร่ิมต้นในปี 1995 (สุมามาลย์ ชาวนา,2554,น.7) เหตุผลหลักคือ แม้ว่าองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีภารกิจมาก หากแต่ภารกิจเหล่านั้นเป็นภารกิจที่เป็นไปตามค�าส่ัง ทิศทางของรัฐบาลหรือ กระทรวงต่างๆ เพราะกระทรวงสามารถมอบอ�านาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติภารกิจหน้าที่ตามค�าส่ัง ได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงไม่มีอิสระเท่าท่ีควร ท�าหน้าท่ีเป็นเหมือนสาขาของกระทรวงต่างๆ จุดมุ่งหมาย ส�าคัญของการกระจายอ�านาจในปี 1995 คือ ความพยายามท่ีจะท�าให้ท้องถิ่นมีความอิสระท่ีจะริเร่ิมการท�างานที่ จะแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นได้มากข้ึน โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการกระจายอ�านาจ (Decentralization
106 โครงการวิจยั Promotion Committee) ภายใต้กฎหมายการส่งเสริมการกระจายอ�านาจ (Decentralization Promotion Law) ประธานกรรมการมาจากนักบริหารภาคเอกชน ท่ีมีชื่อเสียง ซึ่งข้อเสนอจากคณะกรรมการน�าไปสู่การประกาศใช้ กฎหมายกระจายอา� นาจในปี 1999 และใหม้ ผี ลบงั คับใชใ้ นปี 2000 ถอื วา่ เป็นยคุ ใหม่ของการกระจายอา� นาจทีอ่ งค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง หลักการส�าคัญคือแก้กฎหมายท่ีเป็นอุปสรรคต่อการกระจายอ�า นาจ จ�านวน 475 ฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมาย ให้อสิ ระแก่ทอ้ งถิ่น (Local Autonomy Law) หวั ใจส�าคญั คอื การยกเลิกหน้าท่ีท่ีถูกมอบ (delegation) โดยส่วนราชการ ที่ท�าให้ผู้ว่าจังหวัดและนายกเทศมนตรีท่ีมาจากการเลือก ตั้งต้องปฏิบัติหน้าท่ีตามระบบการมอบอ�านาจนั้น เช่น การจัดการดูแลแม่น�้าแม้จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดแต่อ�านาจอยู่ท่ี กระทรวงกอ่ สร้างโดยกระทรวงจะมสี าขาในจงั หวัดต่างๆ เปน็ ดูแลผจู้ ดั การแม่นา�้ ซ่งึ วธิ กี ารท�างานคือสงั่ ใหจ้ ังหวัดหรอื เทศบาลเป็นผู้ด�าเนินงานแทนประหน่ึงเป็นสาขาของกระทรวง ท�าให้ท้องถิ่นต้องท�างานตามค�าส่ังของกระทรวง คิด เป็นสัดส่วนร้อยละ 70 - 80 ของงานที่ท้องถิ่นท�าท้ังหมด เม่ือเป็นเช่นนี้จังหวัดท่ีมีสถานะที่เป็นท้องถ่ิน แต่งานส่วน ใหญ่เป็นงานของรัฐบาลกลาง ผู้ว่าจังหวัดต้องเช่ือฟังค�าสั่งของกระทรวง แต่สัดส่วนงานของเทศบาลที่ได้รับจากส่วน กลางมีไม่มากประมาณร้อยละ 30 จะเห็นว่าก่อนการปฏิรูปการกระจายอ�านาจยุคใหม่น้ัน เทศบาลมีอิสระในการ ปฏิบัติงานของตนเองมากกว่าจังหวัด ลักษณะเช่นนี้จึงเกิดปัญหาท่ีผู้ว่าจังหวัดและข้าราชการท้องถิ่นเร่ิมคุ้นเคยกับ การท�างานตามค�าสั่งมากกว่าการท�างานด้วยตนเอง ย่ิงไปกว่านั้นนายกเทศมนตรีและข้าราชการท้องถิ่นก็เคยชินกับ การรอค�าส่ังจากกระทรวงและจังหวัดด้วย สถานการณ์แบบนี้รัฐบาลกลางจึงมีอ�านาจในการควบคุมท้องถิ่นค่อนข้าง สูง นอกจากการปฏิบัติตามระบบที่งานมอบหมายให้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าท้องถิ่นจะถูกก้าวก่ายจากส่วนกลางมากขึ้น ด้วย ดังน้ัน การยกเลกิ ระบบการมอบหมายงานออกไปเปน็ จุดเปลี่ยนสา� คัญของการกระจายอา� นาจในญปี่ นุ่ เมื่อมกี าร ยกเลิกการมอบอ�านาจแล้ว งานที่แต่เดิมเป็นงานในหน้าท่ีของกระทรวง เช่น การจัดการแม่น�้าก็ถูกถ่ายโอนไปท่ีท้อง ถ่ิน กระทรวงไม่มอี �านาจสง่ั การแตใ่ หค้ า� ปรกึ ษาได้ นา� ไปส่กู ารมีอิสระเสรขี องท้องถิน่ มากขึ้น ปัจจัยที่น�ามาสู่ความส�าเร็จในการกระจายอ�านาจ ส่วนหน่ึงมาจากการสนับสนุนของฝ่ายการเมือง ถึงแม้ว่า จะมีการต่อต้านจากกระทรวงและข้าราชการเป็นจ�านวนมาก แต่ด้วยนโยบายท่ีมุ่งม่ันและการผลักดันของรัฐบาล การสื่อสาร การสร้างความเข้าใจระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมการกระจายอ�านาจกับข้าราชการในกระทรวงต่างๆ ผ่านการการประชุมร่วมกันและโต้แย้งทางความคิดกันบ่อยคร้ังจนได้จุดร่วมท่ีทุกฝ่ายยอมรับกันได้ และการแก้ไข กฎหมายที่เป็นอปุ สรรคตอ่ การกระจายอา� นาจ การมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชนควรมสี ่วนรว่ มในการบริหารงานทอ้ งถ่นิ มากกวา่ นี้ แนวทางการมสี ่วน รว่ มของประชาชน คอื 1) การตดิ ตามการทา� งานของท้องถนิ่ 2) เรียกร้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปิดเผยข้อมูลให้มากข้ึน เพราะการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ เป็นปจั จัยส�าคัญในการมีส่วนรว่ มของประชาชนประสบความสา� เร็จ 3) การให้ความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเทศบาลมีหน้าท่ีดูแลภารกิจจ�านวนมากอาจ ส่งผลให้การบริการอย่างทั่วถึงและมาตรฐานลดลง ดังน้ัน ประชาชนควรเข้ามาร่วมในการด�าเนินการด้วย ในรูปของ องคก์ ร ที่ไม่แสวงกา� ไร หรอื ชมุ ชนเข้ามารว่ มดว้ ย ไมป่ ลอ่ ยให้เป็นภาระของเทศบาลทั้งหมด
ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศูนย์ยตุ ธิ รรมชุมชน 107 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) คว�มสัมพนั ธ์ระหว�่ งรฐั บ�ลกล�งและรัฐบ�ลทอ้ งถ่ิน สว่ นกล�ง ทอ้ งถ่นิ - บริหารและจดั สรรงบประมาณ โดยเฉพาะ บรหิ ารและด�าเนนิ โครงการ เงนิ อดุ หนุน ตามงบประมาณทไ่ี ด้รับการจัดสรร - ควบคุมและแทรกแซง โดยการมอบนโยบาย มอบหมายและภารกิจ และการออกกฎหมาย หรอื หนงั สือสงั่ การ - กระทรวงมหาดไทย (กรมการบริหารทอ้ งถิน่ ) - กระทรวงการคลัง (การเก็บภาษที ้องถิ่น) ภ�พที่ 3.2 ความสัมพนั ธ์ระหว่างรฐั บาลกลางและรฐั บาลท้องถิ่น ก�รชว่ ยเหลอื ท�งกฎหม�ย (legal aid service) ในปี ค.ศ. 2004 มกี ารปฏิรปู กระบวนการทางศาลและพฒั นาระบบให้ความชว่ ยเหลือประชาชนจึงมีการออก กฎหมาย The Comprehensive Legal Support Law จงึ ได้ก่อต้งั JLSC ข้นึ ในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ท้ังคดี อาญา แพ่งพาณิชย์สามารถไดร้ ับการบริการในการช่วยเหลือทางกฎหมาย โดยมีหน่วยงานหลกั คือ ศนู ยช์ ว่ ยเหลือทาง กฎหมายญี่ปนุ่ (Japan Legal Support Center : JLSC) หรอื (Houterasu) ภายใตก้ ารก�ากบั ของกระทรวงยุติธรรม และมีสมาคมสหพันธเ์ นตบิ ัณฑิตสภาแห่งญป่ี นุ่ (Japan Federation of Bar Associations (JFBA) เปน็ หนว่ ยงานหลักในการสนบั สนนุ การท�างาน โดยเฉพาะการให้อัยการมาเป็นท่ปี รกึ ษา กฎหมายให้แก่ JLSC Houterasu ในภาษาญ่ปี ุ่นแบ่งค�าออกเป็น hout แปลวา่ กฎหมาย และ erasu แปลว่า แสงสว่าง จงึ น�ามา เปน็ สัญลกั ษณข์ ององคก์ ร ภ�พท่ี 3.3 ตวั อย่างสัญลักษณอ์ งคก์ ร ทมี่ า : http://www.moj.go.jp/ENGLISH/issues/issues08.html Houterasu เปน็ องคก์ รอสิ ระ ถา้ เปรียบเทยี บกับไทยก็เป็นองคก์ ารมหาชน ใหก้ ารชว่ ยเหลอื ใน 5 ดา้ น คือ 1. บริการดา้ นข้อมูล (Information Services) 2. ให้ค�าปรกึ ษากฎหมายทางแพง่ (Civil Legal Aid) 3. บริการด้านกฎหมายในพื้นท่ีๆ การให้บริการด้านกฎหมายมีน้อย (Measures for areas with limited judicial service)
108 โครงการวิจยั 4. ให้ความช่วยเหลอื เหย่ือ (Victim Support) 5. ทนายความส�าหรับคดีอาญา (Legal Aid for Criminal Defense) มีเจา้ หนา้ ที่ทั่วประเทศประมาณ 450 คน ได้รบั งบประมาณสนบั สนนุ ปลี ะ 3 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 8,811,300,000 บาท) โดย 2 หมืน่ ลา้ นเยน (ประมาณ 5,874,200,000 บาท) ได้จากรฐั บาล สว่ นอกี 1 หมนื่ ล้านเยน (ประมาณ 2,937,100,000 บาท) เอกชนเปน็ ผูใ้ ห้ยมื ซง่ึ ต้องใช้คนื แต่เงนิ ทไี่ ดร้ ับการบริจาคไมต่ อ้ งใช้คนื นอกจากประชาชนจะโทรศัพท์เข้ามาติดต่อแล้ว เจ้าหน้าที่ของ Houterasu ยังเป็นผู้โทรศัพท์หาประชาชน เพ่ือประชาสัมพนั ธง์ านและใหค้ า� ปรกึ ษาอกี ดว้ ย การใหค้ �าปรึกษาจะใช้เวลาเรื่องละ 30 นาที โดยไม่คดิ ค่าใชจ้ า่ ยและ สามารถนัดหารือได้ 3 คร้ังต่อปี แต่ต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยหรือยังโสดตามหลักเกณฑ์ที่ก�าหนดไว้ โดยเฉล่ียมีผู้มาใช้ บรกิ ารทศี่ ูนย์ 150,000 เร่ือง คดิ เปน็ 18% ของเรอ่ื งทวั่ ประเทศ สถิติเร่ืองทีม่ ผี ้มู าขอรับค�าปรึกษามากทีส่ ดุ คือ เรอ่ื ง กู้ยืมเงินและต้องการให้ตีเป็นหน้ีสูญ คิดเป็น 29.3% สถิติประชาชนที่มาขอรับค�าปรึกษาอันดับสอง คือ การหย่าร้าง ทางศูนย์ฯ จะมีการตรวจสอบฐานะของลูกความก่อนท่ีจะให้การช่วยเหลือโดยทนายความของศูนย์ฯ และศูนย์ฯ จะ จ่ายเงินค่าทนายให้ก่อน แล้วผู้ร้องก็ต้องผ่อนส่งค่าทนายความให้กับศูนย์ หากเจ็บป่วยหาเงินไม่ได้จริงๆ ก็ยกเว้นไม่ ตอ้ งชา� ระเงนิ คืน ต้ังแต่ศนู ย์เปดิ ทา� การมผี ้รู ้องทไี่ ม่สามารถคนื เงินค่าทนายความได้ 25% ศนู ยย์ ังให้บรกิ ารชาวตา่ งชาติ ปจั จุบันได้ให้บรกิ ารใน 5 ภาษา คือ อังกฤษ สเปน เกาหลี จนี โปรตุเกส เวียดนามและกาตาลอ็ ก ภ�พท่ี 3.4 การให้บรกิ ารทางโทรศพั ทข์ อง Houterasu นอกจากนั้นยังมีทนายความ ที่เปน็ ผ้ใู หก้ ารช่วยเหลอื ทางกฎหมายมที ั้งปฏิบัติหนา้ ที่เตม็ เวลา (full time) กับ นอกเวลา (part time) และมี “pro bono” หรือนักกฎหมายที่ให้ค�าแนะน�าช่วยเหลือแก่คนท่ีไม่สามารถจ้างทนาย หรือไมม่ ีเงิน ซง่ึ เป็นสง่ิ ทนี่ กั กฎหมายควรท�า โดยมีองคป์ ระกอบดงั น้ี 1. การให้บรกิ ารดา้ นกฎหมาย 2. ใหค้ นทไ่ี มส่ ามารถจา้ งทนายเนือ่ งจากยากจน
ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ในการส่งเสรมิ การดาำ เนินงานศนู ย์ยุติธรรมชุมชน 109 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ก�รชว่ ยเหลอื ประช�ชนด�้ นอ�ำ นวยคว�มยุติธรรมของสหพนั ธรฐั ม�เลเซยี ระบอบก�รเมอื งก�รปกครอง ประเทศมาเลเซยี หรอื ราชอาณาจกั รมาเลเซีย มีระบอบการปกครองแบบสหพันธรฐั แบ่งเขตการปกครองเปน็ 13 รฐั (states) และ 3 ดนิ แดนสหพนั ธ์ (federal territories) แตล่ ะรฐั มีสลุ ต่าน (Sultan) เปน็ ผปู้ กครองรัฐ แต่ จะมสี มเดจ็ พระราชาธบิ ดี (King) เปน็ ประมุข เรียกว่า “ยงั ดี เปอรต์ วน อากง” (Yang di-Pertuan Agong) ซง่ึ เลือกตัง้ จากเจ้าผู้ครองรัฐ ผลัดเปลี่ยนกันด�ารงต�าแหน่งคราวละ 5 ปี โดยสมเด็จพระราชาธิบดีองค์เดิมจะไม่มีสิทธิเลือกตั้งใน คร้ังตอ่ ไป จนกวา่ สุลตา่ นท้งั 9 รัฐ จะดา� รงตา� แหน่งสมเดจ็ พระราชาธิบดคี รบทกุ พระองคแ์ ลว้ เทา่ นัน้ (ความหมายของ สหพันธรัฐ (Federal government) และรัฐบาลสหพนั ธรัฐ (federal government) หรือรฐั บาลกลาง คือ การรวม กันของรัฐมากกว่าสองรฐั ขน้ึ ไป มรี ัฐบาล 2 ระดับ คือ รัฐบาลของแตล่ ะรัฐ (state government) เรยี กวา่ รฐั บาลท้อง ถิ่น (local government)) อ�านาจของ ยังดี เปอรต์ วน อากง สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ดา้ น ได้แก่ 1. ด้านพิธีการ (วัฒนธรรม ประเพณี และศาสนา) 2. ดา้ นการบริหาร (การก�าหนดสมยั ประชมุ สภา ประกาศยบุ สภาแต่งตัง้ นายกรัฐมนตรีซ่งึ นายกรฐั มนตรีตอ้ ง เปน็ พลเมอื งของสหพนั ธรฐั โดยกา� เนดิ เทา่ นนั้ และต้องเป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ประธานศาล ผูพ้ ิพากษา วุฒสิ ภา มีอ�านาจในการพระราชทานอภัยโทษ ประกาศภาวะฉุกเฉิน พระบรมราชโองการ และเมื่อประกาศใช้แล้วจะไม่มี พระบรมราชโองการใดมาเปลีย่ นแปลงได้) 3. ด้านนติ ิบัญญัติ (การประกาศใช้ แก้ไข และยบั ยง้ั กฎหมาย) ประเทศมาเลเซียมกี ารแบ่งอา� นาจเป็น 3 ฝา่ ย คอื 1. ฝ่ายบรหิ าร (executive branch) - มนี ายกรัฐมนตรีเป็นผบู้ รหิ ารสงู สุด บรหิ ารงานรว่ มกับคณะรฐั มนตรี มอี �านาจออกนโยบายและบรหิ ารประทศ ตลอดจนถวายค�าแนะน�าแดส่ มเด็จพระราชาธบิ ดีดา้ นต่างๆ 2. ฝ่ายนิติบัญญัติ (legislative branch) - โครงสร้างการปกครองของมาเลเซียเป็นแบบรัฐสภา (Parliamentary System) คอื มสี องสภา ● สภาผแู้ ทนราษฎร หรือสภาลา่ ง เรยี กวา่ “เดวัน รกั ยัต” (Dewan Rakyat) (House of Representative หรือ Chamber of the People) ซ่งึ สมาชิกมาจากการเลือกตั้ง มีจ�านวน 222 คน มาจากการเลือกต้ังของประชาชน มรี ะยะเวลาดา� รงตา� แหน่งคราวละ 5 ปี โดยมปี ระธานสภาผูแ้ ทนราษฎรแหง่ สหพันธรัฐมาเลเซีย เปน็ ผนู้ า� สูงสุด เด วัน รักยัต มอี �านาจในทางการเมือง ● วุฒิสภา หรือสภาสูง เรียกว่า “เดวัน เนกรา” (Dewan Negara) (Senate หรือ Chamber of the Nation) มีจ�านวน 70 คน โดย 40 คน จากการสรรหาและแต่งต้ังโดยนายกรัฐมนตรี ส่วนจ�านวนท่ีเหลือสมเด็จพระ ราชาธิบดีเป็นผู้คัดเลือก ซึ่งจะเลือกมาจากสภานิติบัญญัติของทั้ง 13 รัฐ วุฒิสภาท้ังหมดมีระยะเวลาด�ารงต�าแหน่ง คราวละ 3 ปี โดยมีประธานวุฒิสภาเป็นผู้น�าสูงสุด เดวัน เนกรามีอ�านาจยับย้ังกฎหมายต่างๆ ได้ เพ่ือเป็นการถ่วง ดลุ อา� นาจซ่งึ กันและกนั 3. ฝ่ายตุลาการ (judiciary branch) - มีประธานศาลสหพันธรัฐ เป็นผู้น�าสูงสุด อ�านาจตุลาการใช้ระบบ กฎหมายของอังกฤษ คือ กฎหมายแบบจารีต (Common Law) ยกเว้นศาสนาอิสลามอยู่ภายใต้ระบบสหพันธ์ท�าให้ อ�านาจตุลาการมีความอสิ ระมากเพราะไมถ่ กู ควบคมุ โดยฝา่ ยบริหารและนติ บิ ญั ญัติ
110 โครงการวิจัย แม้รัฐแต่ละรัฐมีสุลต่าน (Sultan) เป็นผู้ปกครองรัฐ แต่จะมีคณะผู้บริหารของรัฐคือคณะรัฐมนตรี (federal cabinet minister) ซ่ึงจะประกอบไปด้วยผู้แทนจากรัฐบาลของรัฐอ่ืน และผู้แทนจากรัฐบาลกลาง 10 คน โดยมีมุข มนตรี Mentri Besar (Chief Minister) เป็นผบู้ รหิ ารสูงสุดของรัฐ ส�าหรับรัฐที่ไม่มีเจ้าผู้ครองรัฐจะมีผู้ว่าการรัฐ (Ketua Menteri) หรือ Governor โดยแต่งตั้งมาจากสมาชิก สภานิติบัญญัติแหง่ รฐั ทา� หน้าท่เี ป็นหวั หนา้ คณะผบู้ รหิ ารรัฐ (Executive Council – Exco) ทั้งสองรปู แบบจะมกี าร เลอื กต้ังทกุ ๆ 5 ปี เหมอื นกนั หมด โดยรฐั มม่ี ผี ู้ว่าการรฐั เปน็ ประมุข มี 4 รฐั คือ ปนี ัง (Penang) มะละกา (Malacca) ซา ราวคั (Sarawak) และซาบาห์ (Sabah) ระบบศาลในประเทศมาเลเซียเปน็ ระบบศาลเด่ยี ว (Unified Court) คอื ระบบทศี่ าลยุติธรรมมีอ�านาจหนา้ ท่ี ในการพิจารณาวินิจฉัยอรรถคดีทุกประเภท ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญาและคดีปกครอง เนื่องจากมาเลเซียเคยเป็นประเทศ อาณานิคมของอังกฤษมาก่อน (ส�านักงาน ก.พ.,2560) จึงใช้กฎหมายจารีตประเพณี (Common Law) ตามแบบ ประเทศอังกฤษ คดีส่วนใหญ่ถูกน�าขึ้นพิจารณาคดีต่อศาลแขวงและ Session Court แหล่งท่ีมาของกฎหมายของ มาเลเซยี นน้ั มาจากสองแหลง่ คอื กฎหมายที่เปน็ ลายลักษณอ์ ักษรและกฎหมายท่ีไมเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อักษร สถาบันทางตุลาการทั้งประเทศยกเว้นศาลอิสลามอยู่ภายใต้ระบบสหพันธรัฐ อ�านาจตุลาการเป็นอิสระ ปราศจากการควบคุมหรือแทรกแซงโดยฝา่ ยบริหาร และฝ่ายนิติบัญญตั ิ เน่ืองจากประเทศมาเลเซียเป็นสหพันธรัฐ ในแต่ละรัฐจึงมีกฎหมายของตนเองแต่ต้องไม่เกินขอบเขต รัฐธรรมนูญสหพันธ์รัฐ กระบวนการด�าเนินงานและโครงสร้างจะมีลักษณะท่ีเหมือนกันภายใต้การดูแลของรัฐบาล กฎหมายของมาเลเซียไม่ว่าจะเป็นของสหพันธรัฐหรือรัฐมีแหล่งมาจากกฎหมายลายลักษณ์อักษรและกฎหมายท่ีไม่ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ผสมผสานกันเพอื่ ใหเ้ กดิ สมดุลในการปกครอง แหล่งท่มี �ของกฎหม�ย (sources ofv LowX ม�เลเซีย กฎหม(�wยrลit�tยeลnักlษaณw)์อกั ษร กฎหม�ย(uทnไ่ี มw่เrปitน็ tลe�nยlลaักwษ)ณ์อกั ษร - รัฐธรรมนูญสหพนั ธรัฐ - กฎหม�ยจ�รีต (federal constitution) (common law) - รฐั ธรรมนญู รฐั - ค�ำ พพิ �กษ� (state constitution) (judicial precedent) - พระร�ชบญั ญตั ิ - กฎหม�ยชะรีอะห์ (legislation/act) (Islamic law/Syariah law) - กฎหม�ยลำ�ดบั รอง - ประเพณี/วัฒนธรรม (subsidiary legislation) (custom/culture) ภ�พที่ 3.5 แหล่งที่มาของกฎหมาย (sources of law) ของประเทศมาเลเซยี
ศักยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในการสง่ เสริมการดาำ เนินงานศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชน 111 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ก�รกระจ�ยอำ�น�จ ประเทศมาเลเซียมีการกระจายอ�านาจ (decentralization) จากรัฐบาลกลางไปสู่รัฐบาลท้องถิ่นแต่ในทาง ปฏิบัติรัฐบาลกลางยังควบคุมดูแลรัฐต่างๆ ในการบริหารจัดการหรือออกนโยบายส�าคัญ รัฐธรรมนูญประเทศ ค.ศ. 1957 ของมาเลเซียได้ก�าหนดให้กระจายอ�านาจลงสู่รัฐหรือท้องถิ่น แต่ละรัฐจะมีรัฐบาลท่ีมาจากระบบการเลือกต้ัง ตามรัฐธรรมนญู ของรฐั ส่วนเขตแดนของสหพนั ธ์รัฐน้ันจะบริหารจัดการโดยรฐั บาลกลาง รัฐแต่ละรัฐมีอ�านาจมีอิสระจากรัฐบาลกลางในการบริหารจัดการภายในอธิปไตยของตนเองทั้งระบบการ บริหารจัดการภาพรวม การสาธารณสขุ อนามัย คมนาคม ความสะอาด อาหาร (การจดั เก็บอาหาและเนือ้ สัตว)์ การ ก�าจัดขยะ การสร้าง/ควบคุม/ดูแลบ้านเรือน อาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง ทั้งท่ีเป็นส่วนบุคคลหรือสาธารณะ สถานที่ ส�าหรับฝังศพ การพัฒนาเศรษฐกิจ ความปลอดภัยสาธารณะ การศึกษา ศาสนา ประเพณี สังคม ท่ีดิน เกษตรกรรม และการป่าไม้ สุขภาพอนามัยของผู้คนในรัฐ โดยแต่ละรัฐสามารถจัดเก็บภาษีเองได้และสามารถออกกฎหมายภายใน และกฎหมายอิสลาม ฯลฯ ที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมและประเพณขี องรัฐตนได้ รัฐแต่ละรัฐจะมีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น ตามท่ีได้ก�าหนดไว้ในกฎหมายท้อง ถิ่น (Local Government Act 1976 (Act 171)) ซึ่งก�าหนดกรอบอัตรากา� ลัง อา� นาจหน้าท่ี ความรบั ผิดชอบ และการ บริหารจัดการท้องถ่ิน เจ้าหน้าท่ีคือข้าราชการจากกระทรวงการพัฒนาชนบทและส่วนภูมิภาค (Ministry of Rural and Regional Development) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลางโดยกระทรวงการพัฒนาชนบทและส่วนภูมิภาค จะเป็นผู้ควบคุมดูแลด้านนโยบาย และบริหารจัดการและน�านโยบายจากผู้น�าประเทศลงสู่รัฐต่างๆ มาจากการสอบ แข่งขัน โดยหนว่ ยงานข้าราชการพลเรือน (Public Service Department) ซงึ่ เป็นหน่วยงานสว่ นกลางได้รบั เงินเดอื น และเงินบ�าเหน็จบา� นาญเหมือน ข้าราชการพลเรือนของประเทศไทย ชอ�านาจหน้าท่ีร่วมกันของรัฐบาลสหพันธรัฐ หรือรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่น เช่น การบริการสาธารณะ (เช่น ประชาสงเคราะห์ พิทักษ์สตรี เด็กและเยาวชน) ทุนการศึกษา ป่าสงวนแห่งชาติและสัตว์สงวน การชลประทาน สาธารณสุข ฯลฯ รัฐบาลกลาง (central government) ซ่ึงมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารสูงสุดน้ันจะมีหน้าท่ีดูแลการบริหาร จัดการภาพรวมของประเทศ โดยการก�าหนดยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การป้องกัน ประเทศ ความม่ันคงภายในประเทศ การคลัง เศรษฐกิจมหภาค การจัดเก็บภาษีประเทศ การพาณิชย์และการ อุตสาหกรรม การศึกษา และการปกครองส่วนกลาง การคมนาคม เป็นต้น โดยมีหน่วยงานกลาง 25 กระทรวง เป็น หนว่ ยงานขบั เคล่ือน ก�รปกครองสว่ นภูมิภ�ค การปกครองส่วนภูมิภาคของมาเลเซียแตกต่างจากประเทศไทยเพราะประเทศมาเลเซียไม่มีจังหวัด โดย กระทรวงการพัฒนาชนบทและส่วนภูมิภาค จากส่วนกลางจะเป็นผู้แต่งตั้งข้าราชการสังกัดตนเอง ท้ังในระดับอ�าเภอ ต�าบล และหมู่บ้าน มฐี านะเปน็ การปกครองส่วนภูมภิ าคของมาเลเซยี ประเทศมาเลเซยี มกี ารพฒั นาทางเศรษฐกจิ แตช่ าวมาเลยย์ งั คงยดึ มนั่ ในประเพณดี ง้ั เดมิ การแกป้ ญั หาจงึ ใชก้ าร ประนปี ระนอมและไกลเ่ กลย่ี ประเทศมาเลเซยี มรี ะบบไกลเ่ กลยี่ ขอ้ พพิ าทวา่ ดว้ ยครอบครวั และมรดกมปี ระสทิ ธภิ าพและ
112 โครงการวิจยั มาตรฐานเดยี วกนั สามารถแกป้ ญั หาเรอื่ งครอบครวั และมรดกได้ เชน่ การหยา่ ตอ้ งไปหยา่ ทศ่ี าลชารอี ะฮเ์ ทา่ นนั้ เพอ่ื ทจ่ี ะ แบง่ มรดกตามกฎหมายอสิ ลามและเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเทา่ เทยี มกนั หากไมห่ ยา่ ทศ่ี าลซารอี ห์ จะตดิ คกุ 3 เดอื น นอกจากน้ี มาเลเซยี มรี ะบบ Electronic Nikah (E-Nikah) เพอ่ื แกป้ ญั หาการแตง่ งานซอ้ น หากการไกลเ่ กลยี่ ลม้ เหลวกจ็ ะนา� คดเี ขา้ สู่ กระบวนการพจิ ารณาตามปกติ โดยกระบวนการไกลเ่ กลยี่ ทกุ ขน้ั ตอนไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ า่ ยแตอ่ ยา่ งใด เวลามีปัญหาความขัดแย้งในชุมชนชาวมาเลย์จะเชิญผู้อาวุโสที่เป็นท่ียอมรับได้ของท้ังสองฝ่ายมาเจรจาหา ทางออก เป็นผ้ไู กลเ่ กลี่ย ผนู้ �าดงั กลา่ วนี้ เปน็ แกนกลางท่ียดึ โยงโครงสร้างของชุมชนเขา้ ไวด้ ้วยกนั ด้วยความเชอื่ “ดลู ฮากะห์” (durhaka) หมายถงึ การไม่เชื่อฟงั ไม่จงรักภกั ดี ก็จะโทษถึงตาย สงั คมมคี วามเคารพตอ่ ผูน้ า� ชมุ ชนเปน็ อยา่ ง มาก ดงั น้ันไม่วา่ ผู้น�าชมุ ชนจะวา่ อย่างไรชาวบ้านจะเชือ่ ฟัง คว�มสมั พันธร์ ะหว่�งเจ้�หน�้ ทีบ่ ังคับใชก้ ฎหม�ย (ตำ�รวจ) กบั ประช�ชน ชาวมาเลย์ในหมู่บ้านยังคงยึดเหน่ียวบรรทัดฐานสังคมแบบเดิมค่อนข้างสูง กฎระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ชุมชนถือร่วมมีความส�าคัญกว่าสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ความสามัคคีในชุมชนมีความส�าคัญกว่าประโยชน์ส่วนตัว และยังมีการจัดล�าดับชั้นสูง ชั้นต่�าอย่างเข้มงวด ชาวมาเลย์ให้การเคารพและเช่ือฟังผู้อาวุโสผู้ใหญ่บ้านและผู้น�าทาง ศาสนา ชาวมาเลย์จะไมข่ ดั คา� ส่งั ของผู้นา� เพราะผู้น�าคือศูนย์รวมจิตใจของชาวบา้ น ตวั อยา่ งของประเดน็ ความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้าหน้าท่ีบังคับใช้กฎหมาย (ต�ารวจ) กับประชาชน กับนโยบาย community policing เรียกว่า Salleh System คือ การสร้างให้ชุมชนเป็นผู้เฝ้าระวังอาชญากรรมในชุมชนของตนเองได้โดยตรง โดยเจ้าหน้าท่ีต�ารวจจะ เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าท่ีกับชุมชน กับแนวคิด “หุ้นส่วนที่ชาญฉลาด” (smart partnership) เจ้า หน้าที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ในชุมชนหรือหมู่บ้าน ต้องท�าตนให้กลมกลืนกับชุมชนหรือหมู่บ้านท�าให้ประชาชนรู้สึก หวงแหนและรักชุมชนของตนเองจนต้องปกป้องไม่ให้ใครมาท�าให้เกิดความวุ่นวายในหมู่บ้านของตน ประชาชนจะ เป็นผู้บอกว่าปัญหาในชุมชนของตนคืออะไรมีรูปแบบเป็นอย่างไร ควรแก้ไขด้วยวิธีการใด ชุมชนจะเป็นผู้ก�าหนดแผน งานป้องกนั และแกไ้ ข วิธีการแก้ไขและมีการตดิ ตามผล เจ้าหน้าทต่ี �ารวจเปน็ ผูใ้ ห้ค�าแนะนา� ในบรบิ ทกฎหมายและทาง วิชาการตา่ งๆ เป็นการร่วมมือกนั ระหวา่ งภาครัฐและภาคประชาชน หนว่ ยง�นท่ใี หค้ ว�มช่วยเหลือท�งกฎหม�ย ปัจจบุ ันประเทศมาเลเซียมี 4 หน่วยงานท่ใี หค้ วามชว่ ยเหลือทางกฎหมาย 1. สา� นกั งานช่วยเหลอื ทางกฎหมาย (Legal Aid Department : LAB) (Jabatan Bantuan Guaman) - ตามกฎหมายให้ความช่วยเหลอื (Legal Aid Act 1971) ซ่งึ คูค่ วามตอ้ งรอ้ งขอใหใ้ ช้ LAB หรือใช้ในกรณี พเิ ศษ คือกรณีที่รัฐมนตรเี หน็ ชอบให้สา� นกั งานฯ ดา� เนนิ การ Legal Aid Act 1971 - ใหค้ วามชว่ ยเหลือในบางประเด็นท่เี ก่ยี วข้องทางแพง่ หรือกฎหมายอสิ ลาม ส�าหรับคนสัญชาตมิ าเลเซีย เทา่ นนั้ only selected civil or syariah matters, only for citizens การบรรเทาทุกข์จะเน้นคดีอาญาและตอ้ งมี การรับสารภาพวา่ รบั ผดิ - ให้บริการฟรี หรือผู้เสียหาย/ผู้ได้รับความเดือดร้อนอาจช�าระค่าบริการบางส่วนและทนายผู้ให้ค�า ปรกึ ษาสามารถรบั ค่าตอบแทนได้
ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในการส่งเสรมิ การดำาเนนิ งานศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน 113 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 2. สภาทนายความมาเลเซยี (Legal Profession Act 1976) - สามารถให้ความช่วยเหลือท้ังในทางแพ่ง พาณิชย์และอาญา โดยผู้ที่จะสามารถรับความช่วยเหลือนี้ได้ สามารถเปน็ ทงั้ คนสญั ชาตมิ าเลเซยี และคนตา่ งชาติ แตจ่ ะเนน้ ไปทปี่ ระเดน็ ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ สงั คมหรอื สว่ นรว่ มเปน็ สา� คญั - ให้บริการฟรี หรือผู้เสียหาย/ผู้ได้รับความเดือดร้อนอาจช�าระค่าบริการบางส่วน และทนายผู้ให้ค�า ปรกึ ษาไม่สามารถับคา่ ตอบแทน 3. National Legal Aid Foundation (YBGK) - กองทุนนเี้ ริม่ ตน้ โยนอดีตนายกรฐั มนตรีนาจิบ ราซัะค์ เรม่ิ เมอ่ื เมษายน 2012 - เพื่อช่วยเหลือชาวมาเลเซียท่ีเดือนร้อนและได้รับเงินรายได้ไม่เกิน 25,000 ริงกิตต่อปี (ประมาณ 195,000 บาท) หรือ 2,000 รงิ กติ ต่อปี (ประมาณ 15,5000 บาท) - ให้ความช่วยเหลือในคดีอาญา แพ่ง และคดีเก่ียวชารีอะห์ส�าหรับคนสัญญาชาติมาเลเซียเท่านั้น และ ต้องไม่เปน็ โทษประหารชวี ติ แต่สามารถช่วยเหลอื เด็กและยาวชนไดท้ ุกสญั ชาติ - ให้บรกิ ารฟรี 4. ศาล (Judiciary) ในคดที ี่มีโทษประหารชวี ิตจะให้จดั หาท่ปี รกึ ษากฎหมายให้ฟรี ก�รช่วยเหลอื ประช�ชนด�้ นอำ�นวยคว�มยุตธิ รรมของส�ธ�รณรัฐประช�ธิปไตยประช�ชนล�ว ร�กฐ�นง�นยตุ ธิ รรมในส�ธ�รณรัฐประช�ธปิ ไตยประช�ชนล�ว รูปแบบและวิธีการจัดการของระบบยุติธรรมชุมชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้มีการ จัดระบบยุติธรรมชุมชนโดยอาศัยรากฐานจากหมู่บ้าน การวางรากฐานความยุติธรรมผ่านหมู่บ้าน (หรือเรียกว่า ความเพิ่มทวีความใจใส่ต่อรากฐานงานยุติธรรม) ที่ก�าหนดและวางรากฐานที่เป็นระบบระเบียบโดยเน้นไปท่ีระบบ ยตุ ธิ รรมชมุ ชนของหมบู่ า้ นและกลมุ่ หมบู่ า้ นทจ่ี ะเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในระบบการยตุ ธิ รรมเชน่ กระบวนการแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ ระดับหมู่บ้าน เมื่อพิจารณาถึงรูปแบบและวิธีการจัดการของระบบยุติธรรมชุมชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาวจะเห็นได้ชดั อย่างชัดเจนวา่ มีความเปน็ ระบบและมีความก้าวหนา้ อยา่ งมาก รากฐานงานยุติธรรมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ถูกก�าหนดข้ึนจากความเอาใจใส่ของ ผู้บริหารประเทศท่ีมุ่งเน้นจะใช้รูปแบบวิธีการจากขนบธรรมเนียมและประเพณีและความสัมพันธ์ของคนในชุมช นมาใช้กับระบบยุติธรรม ซ่ึงมีค�าสั่งของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเก่ียวกับการเพิ่มทวี ความเอาใจใส่ต่องานยุติธรรมรากฐานและน�าไปสู่การจัดระบบการแก้ไขข้อขัดแย้งระดับหมู่บ้านท่ีมีการจัดการ อย่างเป็นระบบซง่ึ จะได้กล่าวต่อไปข้างหน้า ในเบื้องต้นจะกล่าวถึงรากฐานงานยุติธรรมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจะได้กล่าวถึง ระบบการจดั การข้อขดั แย้งระดับหมบู่ ้านในหวั ข้อถัดไป 1. ก�รให้คว�มสำ�คญั กบั ร�กฐ�นง�นยุติธรรมของส�ธ�รณรัฐประช�ธปิ ไตยประช�ชนล�ว จากการศึกษาระบบยุติธรรมชุมชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นท่ีน่าสนใจว่า ผู้บริหาร ระดับประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ให้ความส�าคัญต่อรากฐานงานยุติธรรมของประเทศผ่าน
114 โครงการวจิ ัย กระบวนการยุติธรรมชุมชน โดยนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้มีค�าสั่งความเพ่ิมทวีความใจ ใส่ต่อรากฐานงานยุติธรรมไปยังบรรดาท่านรัฐมนตรี หัวหน้าองค์การเทียบเท่าผู้ว่าราชการนครหลวงเวียงจันทน์ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดในท่ัวประเทศเพื่อด�าเนินการในการปรับปรุงระบบรากฐานงานยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เก่ียวกับการเพิ่มความเอาใจใส่ต่อรากฐานงานยุติธรรม (ค�าสั่งนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 46/นย ลงวันที่ 29 กันยายน 2009) ซึง่ มีรายละเอียดของเน้อื หาค�าสัง่ ดงั นี้ “ร�กฐ�นง�นยุติธรรมเป็นง�นหนึ่งท่ีมีบทบ�ทสำ�คัญ มีคว�มเก่ียวข้องกับง�นทุกด้�นท่ีอยู่บนร�กฐ�น ก�รพัฒน� โดยเฉพ�ะก�รพัฒน�ร�กฐ�นหมู่บ้�นและกลุ่มหมู่บ้�นพัฒน�ในระยะที่ผ่�นม�ทุกหน่วยง�น องค์ก�ร ระดบั สว่ นกล�งแกนนำ� และองค์ก�รปกครองท้องถนิ่ ระดบั ต่�งๆ ไดเ้ อ�ใจใส่ แนะน�ำ และคมุ้ ครองก�รปฏบิ ตั งิ �น ดังกล่�วอย่�งใกล้ชิด ควบคู่กับขบวนก�รพัฒน�ร�กฐ�นหมู่บ้�นและกลุ่มหมู่บ้�นพัฒน�ทำ�ให้ร�กฐ�นหมู่บ้�น และกลุ่มหมู่บ�้ นในทั่วประเทศได้รับก�รพัฒน�อย่�งรอบด้�น ทำ�ให้สังคมมีคว�มสงบและมีคว�มยุติธรรมม�กข้ึน แต่ก็ยังพบว่�ก�รรับรู้ ก�รเข้�ใจต่อหน้�ท่ีบทบ�ท และวิธีก�รปฏิบัติดำ�เนินง�นดังกล่�วยังมีคุณภ�พไม่ดีพอต่อ ง�นยุติธรรม กล�่ วคอื ยังไมห่ ยงั่ ร�กลึกลงในบ�งพื้นท่ีทก่ี �รปฏบิ ตั ิยังไมม่ คี ว�มเป็นเอกภ�พในก�รแนะนำ� ซึ่งมีผล ทำ�ให้ก�รปฏบิ ตั มิ คี ว�มล่�ช�้ และไม่มีประสทิ ธภิ �พเท่�ทคี่ วร อย�่ งไรก็ต�ม หวังว�่ ก�รปฏบิ ตั ริ �กฐ�นง�นยุตธิ รรมในวันข�้ งหน้�จะส�ม�รถดำ�เนินก�รเปน็ กระบวน ก�รที่เขม้ แข็ง ต่อเนือ่ ง ถกู ตอ้ งต�มทฤษฎี และมีคว�มเป็นเอกภ�พสูงขน้ึ ซงึ่ ปฏบิ ตั ิต�มเป้�หม�ยของก�รแนะนำ� ของกรมก�รเมอื งสว่ นกล�งพรรค ต�มบทบ�ท “4 เนอื้ ห� 4 เป�้ หม�ย” ของง�นก่อตั้งร�กฐ�น” ค�าสั่งของนายรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวท่ีก�าหนดขึ้นได้มีผลในการปฏิบัติงาน ของผู้ใต้บังคับบัญชาท่ีจะต้องเอาใจใส่และปรับปรุงรูปแบบและวิธีการจัดการระบบรากฐานความยุติธรรม ระบบ และวิธีคิดนี้ยังสอดคล้องไปกับวิธีคิดของกรมการเมืองส่วนกลางพรรคท่ีมุ่งหวังจะให้การด�าเนินการในส่วนนี้มีความ กา้ วหนา้ เพมิ่ ข้นึ ความส�าคัญของรากฐานงานยุติธรรมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเร่ิมจากการมีแนวความ คิดว่ารากฐานงานยุติธรรมเป็นงานท่ีมีบทบาทส�าคัญ ซึ่งแต่เดิมได้มีการด�าเนินการมาอย่างต่อเน่ือง (ค�าส่ังแนะน�า ฉบับที่ 09/กมสพ ลงวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 2004 และค�าส่ังเพิ่มฉบับท่ี 13/นย ลงวันท่ี 9 มิถุนายน ค.ศ. 2008) ท่ีต้องปฏิบัติควบคู่กับกระบวนการพัฒนารากฐาน การสร้างหมู่บ้านและกลุ่มหมู่บ้านพัฒนารอบด้าน เพ่ือท�าให้ การพัฒนาประเทศบรรลุตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ของพรรคและรัฐบาล คือ “ประเทศชาติเข้มแข็ง ประชาชนร่�ารวย ผาสกุ สงั คมมปี ระชาธปิ ไตย ยุตธิ รรมและศรีวไิ ล” นอกจากน้ีได้มีมติประชุมใหญ่ครั้งท่ี 8 ของพรรค ที่มีนโยบายของประเทศเก่ียวกับ “ก�รสร้�งรัฐแห่ง กฎหม�ย” ได้วางนโยบายเรื่องกฎหมายและความยุติธรรมเข้าสู่รากฐานหมู่บ้านและกลุ่มหมู่บ้านพัฒนาผ่านการ ปฏิบัติและการด�าเนินงานของขบวนการวางรากฐานงานยุติธรรมเพ่ือรับประกันการปฏิบัติความเสมอภาพบนพื้นฐาน กฎหมาย และสร้างเง่ือนไขให้ประชาชนได้รับโอกาสในการศึกษาเก่ียวกับระเบียบและกฎหมายอย่างท่ัวถึง อีกท้ังการ ปรบั ปรงุ และยกคณุ ภาพการสรา้ งหมู่บ้านปลอดคดี และการไกลเ่ กล่ียแก้ไขขอ้ ขัดแยง้ ระดับหมู่บา้ น นอกจากนี้ ยังเปน็ การส่งเสริมสิทธิของประชาชนในการเข้าร่วมพัฒนาครอบครัวและหมู่บ้าน การยับยั้งแก้ไขข้อขัดแย้งต่าง ๆ ให้ส�าเร็จ ต้ังแตร่ ะดับรากฐานของปญั หาและปรบั ปรุงใหเ้ กดิ ความสามัคคีภายในครอบครวั และภายในหมู่บา้ นให้มากย่ิงขน้ึ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232