Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัย-ศักยภาพและความพร้อมของ อปท. - อ.ไพสิฐ

รายงานการวิจัย-ศักยภาพและความพร้อมของ อปท. - อ.ไพสิฐ

Published by E-books, 2021-07-21 07:32:39

Description: ศราวุธ คงยืน พรชัย วิสุทธิศักดิ์ และบุญชู ณ ป้อมเพ็ชร. โครงการวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมการดําาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน . (กรุงเทพฯ: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ,2562)

Search

Read the Text Version

การพัฒนาศูนยยตุ ธิ รรมชมุ ชนสคู วามยั่งยนื 1. ผลักดนั ใหม ีการกระจายอำนาจบทบาทอำนาจ 2. การผลกั ดนั ใหต ำแหนง นิตกิ รของ อปท. หนาท่ีในการดำเนินงานของศนู ยยุติธรรมชมุ ชน มหี นาที่ความรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั ิงาน ใหเปนหนาทีข่ ององคก รปกครองสว นทอ งถ่ิน “ศูนยยุติธรรมชมุ ชน” ศนู ยย ตุ ธิ รรมชมุ ชน จำแนกได 5 ประเภท 1 ศูนยย ตุ ิธรรมชุมชนทจี่ ดั ตั้งตามคำสงั่ การวิจยั เชงิ เปรยี บเทียบสาเหตุ (Causal comparative กระทรวงยุติธรรม ท่ี 322/2559 research) พบวา ศนู ยย ตุ ิธรรมชมุ ชนท่มี ีศกั ญภาพและ 2 ศูนยย ุติธรรมชมุ ชนแบบด้งั เดิมทมี่ ีโครงสรา ง มีความพรอม คือ แบบท่ี 3 ภาคประชาชนลวนเปนคณะกรรมการ 3 ศูนยยุติธรรมชมุ ชนท่มี โี ครงสราง ศูนยย ุติธรรมชมุ ชนทมี่ โี ครงสรา งผสมภาคประชาชนกับ ภาครัฐ โดยมีผนู ำชมุ ชนเปนประธานศูนยย ุติธรรมชุมชน ดที ่ีสดุ ผสมภาคประชาชนกบั ภาครฐั มีทีต่ ้งั ณ ที่ทำการองคกรปกครองสวนทอ งถน่ิ 4 ศูนยย ุตธิ รรมชุมชนในเขตพื้นทีเ่ ฉพาะ จงั หวดั ชายแดนภาคใต ( 106 ศูนย ) 5 ศูนยยุติธรรมชมุ ชนในพ้ืนทอ่ี งคก รปกครอง สวนทอ งถนิ่ ขนาดใหญ (เทศบาลนคร เมืองพทั ยา กทม.) ศูนยยตุ ธิ รรมชมุ ชน จัดต้งั ณ ทที่ ำการ อบต. หรอื เทศบาล ดูแลชมุ ชนดว ยคนชมุ ชน โดยมี มจี ำนวนทั้งส้นิ “ คณะกรรมการศูนยย ตุ ิธรรมชมุ ชน ” 7,783 แหง เปนผูใหบรกิ ารชว ยเหลอื ประชาชน ครอบคลุมทกุ ตำบลทั่วประเทศ ไดรบั ทุนสนับสนุนการวจิ ัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจยั แหง ชาติ (วช.) โครงการวจิ ัย : ศกั ยภาพและความพรอ มขององคกรปกครองสวนทองถิ่นในการสงเสริมการดำเนนิ งานศนู ยยุติธรรมชมุ ชน (Capacity and Preparedness of Local Administrative Organization To Promote Community Justice Center)

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในการสง่ เสริมการดำาเนินงานศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชน ก คณะผูว้ ิจัย(Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) โครงการวิจยั ท่ปี รศกึักยษภในาากพโาคแรลสระคง่ งเวสการมิมาพกรราว้อรดมจิ าำขยัเอนงินองงานคศ์กูนรปยกย์ ตุคริธอรรงมสช่วุมนชทน้องถนิ่ (Caตำ�pมแหหaหานนcวว่ิทง่ iยปtยงyัจา�ลจนยับุaเันชคnยี ณผdงTู้ชใะห่วนoPมยิต่อrิศPeธากิrสpoาตรaรmบ์ rมดeoหฝี ่าาdtยวeทิnบยรeCิหาลsาoยัรsงเmชาoียนmงแfใลหLuะมoกn่ ฎciหtayมlายJAuแdsลtะmiอcาieจnาiรsCยt์ปerรanะtจtiาำevคerณ)ะOนติ rศิ gาสaตรn์ ization คว�มเชยี่ วช�ญ กฎหมายแพง่ และพาณชิ ยว์ า่ ดว้ ย นติ กิ รรม–สญั ญา กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ วา่ ดว้ ยหน ้ี กฎหมายภาษอี ากร สมั มนากฎหมายแพง่ กฎหมายมหาชนทางเศรษฐกจิ กฎหมาย 1. ทปี่ รกึ ษาโครกงบั กสงัาครมว กจิฎหัยมายมหาชน และกฎหมายปกครอง 1.1 อตำ�าแจหานร่งยป์ไัจพจสุบิฐัน พผู้าชณ่วยอิชธยิกก์ ารุลบดีฝ่ายบริหารงานและกฎหมอา�ย.จแ�ลระอยา์ไจพารสยิฐ์ปรพะจ�ำาณคณชิ ยะนก์ ิตลุ ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ ตาำ แหนง่ อนกุ รรมการในคณะอนกุ รรมการบรู ณาการและขบั เคลอื่ นปฏริ ปู เชงิ ระบบและโครงสรา้ ง หน่วยง�นและสถ�นทอ่ี ยู่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ หม�ยเลขโทรศพั ท์ 053 942909-10 ตอ่ 106 นักวจิ ัย 1.2 นางกรรณิการ ์ แสงทอง ต�ำ แหนง่ ปจั จบุ นั ผอู้ ำานวยการสำานักงานยุติธรรมจังหวัดชลบรุ ี ตหำ�นแ่วหยนง�ง่ นแรอลงะปสลถัด�กนรทะ่ีอทยรู่ วกงยระุตหคยทธิตุวนรรธิ�่วรวรมยมรงเงชมย�(่ยีุตนปกวิธาัจช รรสจ�บรำาบุญมรนันิหกักาเงากรารเนษชบยงิียรกุติหณลธิารยอรรุทนามโธยจย์ ุรังบาหาชวยกัดสชาาลรธา)บรุรณี ะ การบริหารงาน นายศราวุธ คงยนืน� ยหศัวรห�นวา้ ุธโครคงงกยาืนรวิจัย 2. นักวจิ ัย ตำ�แหน่งปัจจบุ นั ผหอู้ ัวาำ หนนว้�ยโกคารรงสกำา�นรวกั จิ งยัานยุติธรรมจงั หวัดชลบุรี 2.1 หน่วยง�นและสถ�นที่อยู่ สาำ นกั งานยตุ ิธรรมจังหวัดชลบรุ ี เลขท่ี 178/18 หมทู่ ่ี 3 ต.เสม็ด ตอห�ำห.มแเนมห�ว่ ือนยยงง่เงลป�จขจัน.จชโทุบลครันบณศุระพัคีน2ณติท0ิศบ์0าด00สีค30ตณ8ระ์-ม4นห6ติ า7ศิ ว7าทิ ส9ยต3าร-ล์4มยั เหชโาียทวงทิรใหสยามาลร่ ัยเช0ยี3ง8ให4ม6่ 7795 2.2 Eผmูช้ คaว่วท�iยาlกมงฎศAเกชหาdายี่ รมวสdคาช้าrตย�eรกญรsัฐฎsธากหรจฎsรมaหมาาrนมรยaาพญูยvยาuขร ์นัน้tฐัดชิ4ธสยรร4ูง์นร4.กมพา@ฎนวรีหญูhชมกoกาฎัยtฎยmหห กมวมาaาราiิสยlคย.พทุcา้กแลoาธลรังmงคศิะาา้ธกันรแุระกลดกหิจะฎิ์ วสนหา่หsงมaภกัปาrารaวยพะvธเจิยรุทuโุกยัศรtิจ.ปkกก@ฎาหรmคม้าาoเยปj.กgราียoรบ.แtเขhทง่ ยีขบนั ตำ�แหน่งปจั จบุ นั คณบดคี ณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ หนว่ ยง�นและสถ�นทีอ่ ยู่ คณะนติ ศิ าสตร์ มมหหาาววผิทิท้ชู ยย่วาาลลยัยยั ศเเชช�ยียี สงงใใตหหรมม�่่ จ�รย์ หน่วยง�นและสถ�นทอ่ี ยู่ คณะนิติศาสตร์ ดร.พรชยั วิสทุ ธศิ กั ดิ์ หม�ยเลขโทรศพั ท์ 053 942909-10 ตอ่ 106 2.3 Eผmู้ชaว่ iยl ศAdาสdrตeรssาจpาoรrnยcบ์haุญi_ตหคwชว�ำนแู �i่วsณมหยuเนชงtง่�t ย่ี ปiนปวsจัชa้อคจ�kณบุญ@มนัะเกyนพฎอaิตาหh็ชศิจมoาราาสoร ยยต.นมcป์รหoกั์รมาะmชวหจนาำา,ิจควกpัยณิทฎoยหะrานมnลติาcยัยศิ hเทาชaสรียพัตiง.wรยใ์หาม@กมหร่cาธวmรทิ รuยมาช.aลายัcตเ.แิ ชtลhยี ะงใหม่ หต�ำนแ่วหยนง�ง่ นปแัจลจะุบสนั ถอ�นาจทาอ่ี รยยู่ป์ ครณะสกะจงิ่าแรนำาปวคิตดกณิศลคา้อะรสมอนตงติกสรฎศิ่ว์ หมนาสมทหาตอ้ายงรวปถ์ทิ ม่นิกยคหาราลอวยังิทเกชยฎียาหลงมใยั หาเยชมรยี่ ัฐงธใรหรมน่ ญู กฎหมาย หนว่ ยง�นและสถ�นท่อี ยู่ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ป ที ด่ี าำ เนนิ กหมา�รยแเลลผข้วโเชู้ ทสว่รรศยจ็ พั ศท�พ์ ส0.ตศ5ร3. �29จ542�69ร20ย9บ์ -1ุญ0 ชต่อู 1ณ06 ป้อมเพ็ชร 3.

ข โครงการวิจัย Research Project “Capacity and Preparedness of Local Administrative Organization to Promote Community Justice Center” 1. Research Advisors 1.1 Mr. Paisit Panichkul Current position : - Associate Dean, Administration and Law Section, - professor at the Faculty of Law -.subcommittee.for.the.Integration.and.enforcing reforming the system and structure Subcommittee Address : FACULTY OF LAW, CHIANG MAI UNIVERSITY Tel : 053 942909-10 ext. 106 1.2 Mrs. Kannikar Sangthong Position : Deputy Permanent Secretary for Justice (retired civil official) Address : Ministry of Justice 2. Researchers 2.1 Mr. Saravut Kongyuen - Head of research project Current position : Director of Office of Provincial Justice , Chonburi Province Address : Office of Provincial Justice , Chonburi Province Tel : 038-467793-4 Mobile : 085 818 7712 Fax : 0 2141 8272 Email Address [email protected], [email protected] 2.2 Assistant Professor Dr. Pornchai Wisuttisak Current position : Dean of the Faculty of Law Address : FACULTY OF LAW, CHIANG MAI UNIVERSITY Tel : 053 942909-10 ext. 106 Email Address [email protected], [email protected] 2.3 Assistant Professor Boonchoo Na pomphet Current position : Dean of the Faculty of Law Address : FACULTY OF LAW, CHIANG MAI UNIVERSITY Tel : 053 942909-10 ext. 106 3. Research was completed in the year B.E. 2562 (2019)

ศักยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ในการส่งเสรมิ การดาำ เนินงานศนู ยย์ ตุ ิธรรมชุมชน ค (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) บทสรุปผูบ้ รหิ าร กระทรวงยุติธรรมได้กำาหนดนโยบายด้านอำานวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำาเป็นนโยบายสำาคัญ และมีการขับเคลื่อนระบบงานอำานวยความยุติธรรมเพ่ือลดความเหลื่อมลำ้าของประชาชนในทุกพื้นท่ีท่ัวประเทศ เพ่ือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเข้าสู่ กระบวนการยตุ ิธรรม ซ่ึงมคี วามสอดคล้องกบั นโยบายของรัฐบาลปัจจุบนั ท่ีต้องการให้ประชาชนเข้าถงึ ความเปน็ ธรรม ไดโ้ ดยง่าย สะดวก และรวดเรว็ โดยกระทรวงยุติธรรมมีแนวทางดำาเนินการพัฒนาและส่งเสรมิ ระบบงานยุติธรรมและ ยุติธรรมทางเลือกด้วยการแปลงยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในระดับชาติ และยุทธศาสตร์กระทรวง ยุติธรรม เปน็ ยทุ ธศาสตร์การบรหิ ารงานยุตธิ รรมและยตุ ธิ รรมทางเลือกในระดับพื้นทจ่ี ังหวดั ทวั่ ประเทศ เม่ือวันที่ 8 ธันวาคม 2557 มกี ารจัดทาำ บันทึกข้อตกลงความรว่ มมือ (MOU) “ว่าดว้ ยการอำานวยความยุตธิ รรม เพื่อลดความเหล่ือมลำ้าในสังคม” โดยมี 4 หน่วยงาน ดังน้ี สำานักนายกรัฐมนตรี สำานักงานอัยการสูงสุด กระทรวง มหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรม ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้ง่าย สะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย สนับสนุนการดำาเนินงานของสำานักงาน คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย สนับสนุนการดำาเนินงานของศูนย์ดำารงธรรม ส่งเสริมและ สนับสนุน การดำาเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนและเครือข่ายยุติธรรมชุมชนให้มีขีดความสามารถและศักยภาพ ในการปฏบิ ัตงิ าน ดังน้ัน กระทรวงยุติธรรมจึงได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องท้ังในระดับส่วนกลาง ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น โดยใช้ยุติธรรมชุมชนหรือกระบวนการยุติธรรมทางเลือกในบริบท “ศูนย์ยุติธรรม ชุมชน” เป็นเคร่ืองมือดำาเนินการเชิงพ้ืนที่ทุกตำาบลท่ัวประเทศ โดยได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทยในการ ประสานความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทั่วประเทศในการมอบหมายให้มีการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนขึ้นใน องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ทัว่ ประเทศจำานวน7,783แหง่ มุ่งเน้นการนำาภาคประชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมในรูปแบบของ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน โดยให้สำานักงานยุติธรรมจังหวัดเป็นกลไกขับเคลื่อนภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชน รวมทั้ง การนำาภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะร่วมกันดำาเนินการเป็น “หุ้นส่วน” เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงความ ยตุ ธิ รรม การถกู เอารดั เอาเปรยี บ การลดความขดั แย้งและการไกล่เกล่ียขอ้ พพิ าท แก้ไขปัญหาความเดอื นรอ้ นรับเรื่อง ราวร้องทุกข์ของประชาชน การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในคดีอาญา ช่วยเหลือประชาชนในการเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรม สร้างภูมิคุ้มกันในเรื่องความเป็นธรรมและกฎหมายกระบวนการยุติธรรม และเสริมสร้างความ สงบสุขในชุมชนนำาไปสู่การดำาเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดยุติธรรมชุมชน ซึ่งเป็นการดำาเนินงานท่ีเข้าไปสนับสนุน สง่ เสรมิ และลดภาระกระบวนการยตุ ิธรรมกระแสหลกั

ง โครงการวิจัย กระทรวงยตุ ิธรรมขบั เคลื่อนการดา� เนินงานภารกจิ สา� คัญของศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน ดงั น้ี 1) ภารกจิ ดา้ นการปอ้ งกันและควบคุมอาชญากรรมในชมุ ชน (Crime Control & Prevention) 2) ภารกิจดา้ นการรบั เรอ่ื งร้องเรยี น รอ้ งทุกข์ และรับแจง้ เบาะแส (Receiving a Complaint & an Evidence of a Criminal) 3) ภารกจิ ด้านการจดั การความขดั แย้ง (Conflict Management) 4) ภารกิจด้านการเยียวยาหรือเสริมพลัง แก่เหยื่ออาชญากรรมและความรู้สึกของชุมชน (Community & Victim Empowerment) 5) ภารกจิ ดา้ นการคืนคนดีส่สู ังคม (Reintegration) โครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนรูปแบบใหม่ตาม “คำาสั่งกระทรวงยุติธรรมท่ี 322/2559 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 เรื่อง การบริหารงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน” ได้กำาหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการ ศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่เป็นการเปล่ียนแปลงสำาคัญ คือ ปลัดอำาเภอประจำาตำาบลทำาหน้าท่ีประธานศูนย์ยุติธรรม ชุมชน จากเดิมส่วนใหญ่จะมีการเลือกกันเองของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนเพ่ือให้มีผู้ท่ีทำาหน้าที่ประธาน ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชน ซ่งึ จะเป็นผทู้ ่ีได้รบั การยอมรบั และเปน็ ผู้ทอี่ ยู่ในพื้นท่ีชมุ ชน ผลกระทบจากคำาสั่งกระทรวงยุติธรรมท่ี 322/2559 ทำาให้หลายจังหวัดได้มีการปรับปรุงโครงสร้างคณะ กรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนเดิมโดยได้ปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนอย่างเคร่งครัดตาม รูปแบบของคำาส่ังกระทรวงยุติธรรมที่ 322/2559 ปัญหาผลกระทบท่ีเกิดข้ึนทำาให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนบางแห่ง มีอุปสรรคในการขับเคลื่อนจากบทบาทประธานศูนย์เป็นเจ้าหน้าที่รัฐท่ีรับผิดชอบกำากับดูแลหลายตำาบลทำาให้มีเวลา ในการทำางานร่วมกับศูนย์ยุติธรรมชุมชนไม่มากนัก ปัญหาในเชิงการใกล้ชิดพื้นที่ของชุมชน การเข้าใจรากเหง้าของ ปัญหาแท้จริงของคนในชุมชน ซ่ึงปัญหาเหล่านี้หากใช้โครงสร้างคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่เป็นตัวแทนของ ประชาชนในทุกชุมชนหรือทุกหมู่บ้าน รวมท้ังให้คณะกรรมการได้คัดเลือกกรรมการที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทำาหน้าที่ ประธานศูนยย์ ุตธิ รรมชมุ ชนจะทำาใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากยง่ิ ข้ึน ผลกระทบจากการจดั ตง้ั ศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนขนึ้ ในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินท่ัวประเทศ จำานวน 7,783 แหง่ โดยเป็นการจัดตั้งข้ึนในเชิงพื้นที่คลอบคลุมทุกตำาบลซึ่งไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ของชุมชน บริบทของชุมชน ท่ีมีความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค ข้อจำากัดในการสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ ที่ราชการส่วนกลางได้มอบหมายให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินดำาเนินงานทั้งท่ียังไม่มีความชัดเจนของอำานาจหน้าท่ีตามกฎหมาย รวมท้ังทัศนคติของบุคลากร องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินในการขบั เคลือ่ นศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน การวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำาเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน เป็นการศกึ ษาในสว่ นทเ่ี ก่ยี วข้องหรอื ในบรบิ ทของศนู ยง์ านยตุ ธิ รรมชมุ ชนในการจัดต้ังข้ึนในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ดังนั้นผู้วิจัยจึงคัดเลือกประเด็นสำาคัญที่เป็นส่วนท่ีพิจารณาแล้วมีความเก่ียวข้องเป็นปัจจัยหลักในการดำาเนินงาน การบริหารจัดการศูนย์ยุติธรรมชุมชนให้ประสบความสำาเร็จ สามารถตอบสนองความต้องการหรือสอดคล้องกับ บริบทของชุมชนด้านการลดความเหลื่อมลำ้าและการเข้าถึงความยุติธรรมอย่างยั่นยืน โดยได้ประยุกต์จากทฤษฎี 7-S Framework McKinsey ผู้วิจัยศึกษาในประเด็นที่เก่ียวข้องจำานวน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. โครงสรา้ งองคก์ รและกระบวนงาน หมายถงึ การจดั ระบบการบรหิ ารเพอื่ รองรบั ภารกจิ ทางดา้ น “ยตุ ธิ รรมชมุ ชน”

ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชน จ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 2. รูปแบบในการบริหารจัดการหรือทัศนคติของผู้นำาองค์กร หมายถึง ทัศนคติของผู้บริหารฝ่ายการเมืองที่ เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั นายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารสว่ นตาำ บล ตลอดจนประธานสภาท้อง ถ่นิ ที่ดาำ เนนิ งานด้าน “ยุติธรรมชุมชน” 3. ทักษะความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน หมายถึง ความรู้ความเช่ียวชาญในการดำาเนินงานด้าน “ยตุ ธิ รรมชุมชน” ของบุคลากร/เจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ 4. ค่านยิ มรว่ มหรอื เป้าหมายสงู สดุ (Shared valve or Super Ordinate Goals) หมายถึง เปา้ หมายสำาคัญ ในการทำางานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน คือ การสร้างคุณค่าสาธารณะ (Public Value) ในการให้บริการ ประชาชนในชมุ ชน ผลการวจิ ยั ครงั้ นี้ศกึ ษาในส่วนการดำาเนนิ งานทีเ่ ปน็ ภารกิจด้าน “ยตุ ธิ รรมชุมชน” ประชาชนในชมุ ชนสามารถ เข้าถึงการอำานวยความยุติธรรมได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันผ่านศูนย์ยุติธรรมชุมชน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้อง ถ่ินควรสร้างค่านิยมร่วมให้กับเจ้าหน้าที่เพ่ือนำาไปสู่เป้าหมายสูงสุดในการให้บริการประชาชน ตามท่ีรัฐบาลได้มีการ กระจายอำานาจสู่ท้องถิ่น ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หน่ึงในการบริหารจัดการบ้านเมืองของรัฐในระบบประชาธิปไตย โดย มุ่งลดบทบาทของรัฐส่วนกลาง (decentralize) ลงเหลือภารกิจหลักเท่าที่ต้องทำาเท่าท่ีจำาเป็น และให้ประชาชนได้มี สว่ นรว่ มในการบรหิ ารงานชมุ ชนทอ้ งถนิ่ ใหต้ รงตามเจตนารมณข์ องประชาชนมากขน้ึ เพอื่ สนองตอบปญั หาของประชาชน ตอบสนองความตอ้ งการที่เกิดข้นึ ในแตล่ ะท้องถ่นิ ไดท้ ันต่อเหตุการณแ์ ละตรงกบั ความต้องการของทอ้ งถิ่นมากท่สี ดุ ผู้วิจัยได้ดำาเนินการวิจัยภาคสนามในพ้ืนที่ 13 จังหวัดครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยได้ดำาเนินตามแผนปฏิบัติ การวิจัยระยะท่ีหน่ึงในการลงพื้นท่ีจริงในชุมชนที่ตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน 29 แห่ง ดำาเนินกิจกรรมประชุมกลุ่มกับคณะ กรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนและใช้เคร่ืองมือแบบสอบถามกับประชาชนในพื้นที่ชุมชุน และดำาเนินตามแผนปฏิบัติ การวิจัยระยะท่ีสองในพ้ืนท่ี 5 จังหวัดเพ่ือเปรียบเทียบสาเหตุของศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีศักยภาพที่มีความแตกต่าง จากศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชนท่ยี ังไมเ่ ข้มแขง็ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน พบว่า มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพแตกต่างกันตามบริบทและพัฒนาการของ ชุมชน รากเหง้าประวัติศาสตร์ของชุมชนท่ีมีการรวมตัวก่อเกิดการรวมตัวเป็นชุมชนหมู่บ้านมีผลต่อศักยภาพของ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน ซ่ึงเห็นได้ชัดเจนจากแบบสอบถามภาคประชาชนท่ีให้ความเชื่อม่ันผู้นำาชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กาำ นนั ในการแกไ้ ขปญั หาความเดอื นรอ้ นเปน็ ทางเลอื กแรกในการขอรบั ความชว่ ยเหลอื ปญั หาความขดั แยง้ หรอื ขอ้ พพิ าท ในชุมชนมักได้รับการแก้ปัญหาภายในชุมชนโดยมีผู้นำาชุมชนเป็นผู้เข้าไปมีบทบาทและได้รับการยอมรับมากกว่า การนำากรณีพิพาทต่าง ๆ ไปยังเจ้าหน้าท่ีรัฐ เนื่องจากประชาชนต้องการให้เป็นเร่ืองความเดือดร้อนในชุมชน เป็นเรื่องภายในครอบครัวหรือภายในชุมชน ดังนั้น หลายชุมชนมีการใช้ธรรมนูญหมู่บ้านในการสร้างกติกาของชุมชน บทบาทเหล่าน้ีถูกส่งต่อไปยังศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมื่อได้มีการจัดตั้งโดยผู้นำาชุมชนเข้าไปมีบทบาทเป็นคณะกรรมการ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน ดังนั้น โครงสร้างและองค์ประกอบท่ีจะทำาให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีศักยภาพควรให้บทบาท ของผู้นำาชุมชนในพ้ืนที่ รวมท้ังเม่ือได้แรงเสริมจากความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเกื้อหนุน ในด้านต่าง ๆ จะทำาให้ประชาชนในพ้ืนที่เข้าถึงความเป็นธรรม การอำานวยความยุติธรรม การสร้างภูมิคุ้มกันในการ ได้รับผลกระทบในกระบวนการยุติธรรม และท่ีสำาคัญมีความย่ังยืนในการดูแลความสงบสุขของชุมชน โดยชุมชน เพอ่ื ชมุ ชนเอง

ฉ โครงการวิจัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า มีโครงสร้างพ้ืนฐานในการบริหารจัดการภารกิจงานและมีความพร้อม ในด้านต่าง ๆ แต่เมื่อดำาเนินการในบทบาทสนับสนุนศูนย์ยุติธรรมชุมชนก็จะได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจนใน บทบาท อำานาจ หน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตามกฎหมายยังไม่ปรากฏชัดเจนในภารกิจของศูนย์ยุติธรรม ชุมชน บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีภาระงานประจำาหลักตามกฎหมายจำานวนมากและมีหลายหน่วยงาน ได้มอบหมายภารกิจลงไปสู่พื้นที่ระดับตำาบล จึงทำาให้ต้องจัดลำาดับความสำาคัญของการปฏิบัติราชการ แม้แก่นแท้ ของ “ยุติธรรมชุมชน” คือการทำางานด้วยจิตอาสาเป็นหลัก ซ่ึงจะประสบความสำาเร็จกับภาคประชาชนท่ีไม่ได้มุ่งหวัง ค่าตอบแทนใด แต่การได้รับแรงสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการเป็นหน่วยงานให้คำาปรึกษา ให้การสนับสนุนในการบริหารจัดการศูนย์ยุติธรรมชุมชนจะทำาให้มีการดำาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิผล ดังนั้น การผลักดันให้มีการกระจายอำานาจในบทบาทภารกิจของกระทรวงยุติธรรมไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีชัดเจน จะทำาให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีการขับเคลื่อนได้ดีจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจะเกิดการขยายตัวเพ่ิมจำานวน ของศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีศักยภาพมากขึ้น การปฏิบัติราชการที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน ในพ้ืนที่ความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือเป้าหมายหลักสำาคัญที่แม้จะมีการเปลี่ยนแปลง ดา้ นการบรหิ ารราชการทางการเมอื งท้องถนิ่ ก็จะยังคงมคี วามยงั่ ยืนได้ กระทรวงยุติธรรม พบว่า ได้มีความพยายามผลักดันให้มีการอำานวยความยุติธรรมไปถึงประชาชน ได้โดยง่าย สะดวก สร้างความสงบสุขให้เกิดข้ึนในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเป็น “หุ้นส่วน” นับต้ังแต่ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 - 2550 ภายใต้โครงการนำาร่องพัฒนาระบบงานยุติธรรมชุมชนโดยได้ ดำาเนินการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพ้ืนที่ 17 จังหวัด 36 ชุมชนที่มีศักยภาพความพร้อมและทุนทางสังคมอยู่แล้ว เพ่ือเพิ่มโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรม (Access to Justice) แก่ประชาชนด้วยการพัฒนาแนวคิด “ยุติธรรมชุมชน (Community Justice)” ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยการสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชนและการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรม ชุมชนข้ึนท่ัวประเทศ ในห้วงปัจจุบันได้มีพัฒนาการในการผลักดันการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการอำานวยความยุติธรรมเพ่ือลดความเหล่ือมล้ำาในสังคมไทยและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้เน้นย้ำาให้ความ สาำ คญั กับการขับเคล่อื นศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน ดังนัน้ กระทรวงยตุ ธิ รรม ควรได้ผลกั ดนั ให้ศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชนเป็นภารกจิ ของทุกหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องตามเจตนารมณ์ของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้องมีการทบทวนโครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมนเพ่ือให้เอ้ือต่อการดำาเนินงาน สอดรับกับบริบทของแต่ละชุมชน การติดตามประเมินผลสำาเร็จของศูนย์ยุติธรรมชุมชนควรได้มีการปรับปรุง ประสิทธิภาพของการดำาเนินการและใช้ประโยชน์จากกลไกและเครือข่ายจำานวน 7,783 แห่ง ให้สามารถเช่ือมต่อกับ กระทรวงยุติธรรมในการนำาข้อมูลระดับพื้นท่ีตำาบลเข้าสู่การวิเคราะห์สถานการณ์การอำานวยความยุติธรรมเพื่อนำาไป สู่การผลักดันนโยบายระดับชาติ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในชุมชน สำานักงานยุติธรรมจังหวัดควรเป็นกลไกที่มี ประสิทธิภาพเพ่ิมมากข้ึนเพ่ือให้มีศักยภาพในการทำางานอย่างใกล้ชิดในพ้ืนที่ชุมชนมากข้ึนและบุคลากรควรมีทักษะ มีความเช่ียวชาญในการทำางานกับชุมชนในมิติการอำานวยความยุติธรรม รวมท้ังการกระจายอำานาจภารกิจ “ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือให้เป็นงานท่ีทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนในการ อาำ นวยความยตุ ิธรรมอยา่ งแทจ้ รงิ

ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนนิ งานศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชน ช (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) สรปุ ผลตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั ดงั นี้ 1. รูปแบบศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่ เป็นศูนย์ยุตธิ รรมชุมชน ดงั น้ี 1.1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพสูงในการปฏิบัติงานในพ้ืนที่ชุมชน โดยประชาชนในพื้นท่ี ความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความไว้วางใจและคาดหวังให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินดูแลความ สงบสุขความเจริญเติบโตของชุมชน ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมาจากการเลือกต้ังและเป็น ผู้ที่อาศัยในพื้นท่ีและมีความรับผิดชอบต่อประชาชนในชุมชน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีทัศนคติที่ดี มีอัธยาศยั ดี มีความสมั พันธ์ทดี่ ี และมีความมุง่ ม่นั จะทาำ งานใหช้ ุนชนอย่างเหน็ ไดช้ ัดเจนเนือ่ งจากเปน็ หนว่ ยงานภาครฐั ท่ีมีท่ีทำาการต้ังอยู่ในพ้ืนท่ีชุมชน มีความใกล้ชิดกับประชาชน ทำาให้มีความเข้าใจรากเหง้าประวัติศาสตร์ความเป็นมา ของชุมชนเปน็ อย่างดี 1.2 รูปแบบการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความชัดเจนในแบบลำาดับชั้นการบังคับ บัญชาของหน่วยงานราชการทำาให้มีความรับผิดชอบสูง ปฏิบัติงานภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ อย่างเคร่งครัด จึงมีความพร้อมเป็นอย่างสูงในการเชื่อมต่อการอำานวยความยุติธรรมจากภาครัฐส่วนกลางสู่พ้ืนที่ชุมชน โดยองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินมีความพร้อมของเครื่องมือ มีความเข้าใจในข้ันตอน กระบวนงานการอำานวยความยุติธรรมท่ีจะ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินมีความต้องการเร่งด่วนให้มีความชัดเจนของบทบาท อำานาจ หน้าที่ในการดำาเนินงานของศูนย์ ยุติธรรมชุมชนตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีจะดำาเนินงานในภารกิจของศูนย์ยุติธรรม ชุมชน โดยการผลักดันไปยังคณะกรรมการกระจายอำานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพ่ือให้มีการถ่ายโอน ภารกจิ ของศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนไปยังองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น 2. รูปแบบความต้องการของชุมชนและเหตุปัจจัยท่ีช่วยส่งเสริมการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพ้ืนที่ ชมุ ชนตน้ แบบ ดังนี้ 2.1 ปัจจัยท่ีช่วยส่งเสริมการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนในการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนในการจัดลำาดับความสำาคัญพบว่า ประชาชนมอบความไว้วางใจผู้ใหญ่บ้าน กำานัน ซ่ึงมีความสำาคัญและความใกล้ชิดชุมชน และในลำาดับถัดไป คือ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน จะเห็นได้ว่าปัจจัยท่ีได้รับ ความไว้วางใจเน่ืองจากผูใ้ หญ่บา้ น กำานนั และคณะกรรมการศูนย์ยตุ ิธรรมชุมชนเปน็ ผนู้ าำ ของชุมชนทไี่ ด้รบั การยอมรบั พักอาศัยอยู่ในชุมชนสามารถแก้ไขปัญหาได้ในทันที และพบว่าในชุมชนท่ีประสบความสำาเร็จมีความเข้มแข็ง จะมีองค์ประกอบสำาคัญ คือ ท้องที่(ผู้ใหญ่บ้าน กำานัน) และท้องถ่ิน (อปท.)สามารถทำางานร่วมกับได้เป็นอย่างดี มีความสามัคคีของผู้นำาชุมชนทั้งสองฝ่ายจึงทำาให้ในพ้ืนที่เกิดความเข้มแข็งมีศักยภาพสูงจากภาวะผู้นำาของผู้นำาชุมชน เม่ือร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีงบประมาณ เครื่องมือ และบุคลากร ซ่ึงจะแตกต่างจากการแต่งตั้งให้ ปลัดอำาเภอผู้รับผิดชอบตำาบลทำาหน้าที่ประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชนซ่ึงเป็นการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไป ขับเคล่ือนในชุมชนจะเป็นการทำางานในรูปแบบรัฐกับประชาชนและมักมีการโยกย้ายปลัดอำาเภออยู่เสมอ ดังนั้น การเสริมพลังให้กับผู้นำาชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะส่งผลให้สามารถอำานวยความยุติธรรมได้อย่างมี ประสิทธผิ ล

ซ โครงการวิจยั 2.2 ชุมชนมีความต้องการบริหารงานท่ีเป็นธรรมอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาท หน้าท่ีของศูนย์ยุติธรรมชุมชนและการลงพื้นท่ีชุมชนอย่างสมำ่าเสมอ และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมพื้นฐานที่เป็น ภยั คุกคามทรี่ นุ แรงในทุกชมุ ชน คอื การแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ในชุมชน 3. การเปรียบเทียบการดำาเนินงานตามรูปแบบศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีได้จากผลการศึกษาและสังเคราะห์ แนวทาง วิธีการดำาเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการบริหารจัดการศูนย์ยุติธรรมชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้ 3.1 การบริหารจัดการ พบวา่ ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนจำาแนกได้ 5 กลมุ่ คือ 3.1.1 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีจัดต้ังตามคำาสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ 322/2559 โดยสาระสำาคัญคือ มอบหมายใหป้ ลดั อำาเภอทาำ หนา้ ที่ประธานศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชน มีทตี่ ง้ั ณ ทที่ าำ การองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น 3.1.2 ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนแบบดั้งเดมิ ภาคประชาชน โดยมผี ู้นาำ ชุมชนทาำ หน้าทปี่ ระธานศูนยย์ ตุ ิธรรม ชุมชน มที ่ีต้งั ณ ในพ้นื ท่ีชมุ ชน 3.1.3 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีโครงสร้างผสมภาคประชาชนกับภาครัฐ โดยมีผู้นำาชุมชนเป็นประธาน ศนู ย์ยุตธิ รรมชมุ ชน มีท่ีตั้ง ณ ทที่ าำ การองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ 3.1.4 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนในเขตพื้นที่เฉพาะจังหวัดชายแดนใต้ จำานวน 106 ศูนย์ มีการจ้างลูกจ้าง ชว่ั คราว 1 อัตรา ปฏบิ ัตหิ น้าทป่ี ระจำาศนู ย์ฯเพื่อตอบสนองภารกจิ ด้านความมั่นคง มที ี่ตั้ง ณ ทท่ี าำ การองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นหรือทที่ ำาการของชมุ ชน 3.1.5 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพื้นท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ คือ กรุงเทพมหานคร เมืองพทั ยา และเทศบาลนคร มที ต่ี ้ัง ณ ทที่ าำ การองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นหรือทท่ี าำ การของชุมชน ดังน้ัน เม่ือใช้การวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal comparative research) พบว่า ศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีศักยภาพและมีความพร้อม คือ กลุ่มที่ 3.1.3 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีโครงสร้างผสม ภาคประชาชนกับภาครัฐ โดยมีผู้นำาชุมชนเป็นประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชน มีที่ตั้ง ณ ที่ทำาการองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถนิ่ 3.2 บริบทของภูมิภาคความแตกต่างของชุมชน การขับเคลื่อนนโยบายศูนย์ยุติธรรมชุมชนต้องมีความ ยืดหยุ่นตามจารีตประเพณีของภูมิภาค สภาพของพื้นท่ีชุมชน ธรรมชาติของชุมชนที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งแม้จะอยู่ ในพ้ืนท่ีจังหวัดเดียวกันก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน และการกำาหนดขอบเขตอำานาจหน้าท่ีศูนย์ยุติธรรม ชุมชนใน 5 ภารกิจสำาคัญทำาให้บทบาทที่ศูนย์ยุติธรรมชุมชนถูกจำากัด แต่ในทางปฏิบัติศูนย์ยุติธรรมชุมชนได้มีการ ดำาเนินการท่ีจะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกเร่ืองท่ีได้มีการร้องขอรับบริการซ่ึงเป็นการเสริม บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีดำาเนินการอยู่แล้ว จึงทำาให้การอำานวยความยุติธรรมสามารถเสริมการแก้ไข ความเดือดรอ้ นของประชาชนได้เปน็ อย่างดี

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการส่งเสริมการดาำ เนินงานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน ฌ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) แนวทางการพฒั นาศนู ยย์ ุติธรรมชุมชนสคู่ วามย่ังยนื ดังน้ี 1. ผลักดันให้มีก�รกระจ�ยอำ�น�จบทบ�ทอำ�น�จหน้�ที่ในก�รดำ�เนินง�นของศูนย์ยุติธรรมชุมชนเป็น หน้�ท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปยังคณะกรรมก�รก�รกระจ�ยอำ�น�จให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน แนวทางในการดำาเนินการให้มีความชัดเจนในการดำาเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน คือ การผลักดันให้คณะ กรรมการการกระจายอำานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้พิจารณาบทบาทภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชน เพื่อออกประกาศคณะกรรมการการกระจายอำานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมี อาำ นาจหนา้ ทใี่ นการดำาเนนิ งานศนู ยย์ ุติธรรมชมุ ชน นาำ ไปสูก่ ระทรวงมหาดไทยออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยรองรบั ซึ่งจะทำาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินสามารถดำาเนินการและให้การสนับสนุนภารกิจศูนย์ยุติธรรมชุมชนเพื่อให้ ประชาชนไดร้ ับความเปน็ ธรรม ลดความเหลอื่ มล้าำ ในการอำานวยความยตุ ิธรรม 2. ผลักดันให้ตำ�แหน่งนิติกรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้�ที่คว�มรับผิดชอบในก�รปฏิบัติง�น “ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” ไปยังคณะกรรมก�รม�ตรฐ�นก�รบริห�รง�นบุคคลส่วนท้องถ่ิน ศูนย์ยุติธรรมชุมชนขับ เคล่ือนการดำาเนินงานโดยความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยสถานการณ์แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชนในพ้ืนท่ีชุมชนส่วนใหญ่เป็นเรื่องการอำานวยความยุติธรรม การช่วยเหลือปัญหาความเดือดร้อนไม่ได้รับ ความเปน็ ธรรม ปญั หาความขดั แย้งเกิดขอ้ พิพาทในชุมชน ภาระงานเหล่านเี้ ปน็ ทักษะของบุคลากรท่มี คี วามรู้กฎหมาย และเปน็ การชว่ ยเหลอื ประชาชนทมี่ กี ารดำาเนนิ การอยู่แล้วขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ดงั นน้ั ควรไดม้ ีการผลักดัน ให้ตำาแหน่งนิติกรขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีหน้าท่ีความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการในศูนย์ยุติธรรมชุมชน ซึ่งใช้แนวทางการผลักดันให้เพ่ิมเติมหน้าที่ความรับผิดชอบดังกล่าว ให้มีมาตรฐานการกำาหนดตำาแหน่งนิติกรของ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ไปยงั คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ิน เพอื่ ใหศ้ ูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน มีกลไกเจ้าหนา้ ที่ให้คำาปรกึ ษา ใหก้ ารสนับสนุนการดาำ เนินงานที่ชดั เจนและยั่งยืน

ญ โครงการวิจัย Executive Summary One of the important policy of Ministry of Justice which is harmonious to current Government policy is to provide justice throughout the country. The aim is to reduce inequality and that people can gain access to justice easily, quickly and entering into justice process without high cost. In respond, Ministry of Justice had putted in place the developmental approach and promote justice process; as well, as alternative to justice. These were carried out by drawing out the strategy in developing administration and alternative to justice at the national and ministerial level in every province throughout the country. In correlation to the above, Ministry of Justice had signed “Mutual of Understanding (MoU) in providing justice to reduce inequalities in society” with Office of the Prime Minister, Office of the Attorney General and Ministry of Interior on December 8th, 2014. The purpose of this MoU is to provide legal assistant and justice process to people easily, quickly and cost saving. These were done with the support from Damrongdhama Center of Ministry of Interior and Justice Community Network of the Ministry of Justice. Hence, Ministry of Justice had integrated with relevant public sectors and agencies at central, regional and provincial level in using community justice or alternative to justice in the context of “community justice center” as a tool for proactive approach in sub-district level throughout the country. This was done by coordinating with governors - who are under the Ministry of Interior- in setting up community justice center within 7,783 local administrative organizations. The purpose was to allow people’s participation in the form of community justice network as “partnership” where Office of Provincial Justice acts as the driving actor. Suchlike activities were done with both preventive and protection measures. Example of preventive measures include provides legal assistant to those being taken advantage of, those effected in criminal case and those entering into justice process. Further, receives petitions and complaints, reduce conflict and provides conflict resolutions. Further example of protection measures include building immunity in justice and promoting peace to society. Both measures would in turn reduce cases entering into channel of mainstream justice.

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ในการสง่ เสรมิ การดำาเนนิ งานศนู ยย์ ุติธรรมชมุ ชน ฎ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) With regard to community justice center, the center has 5 missions namely: 1) crime prevention and control in the community 2) receive complaints and evidence of crime 3) provide conflict management 4) rehabilitate or empower victim of crime and the feelings of the community 5) return decent person back to society Subsequently, community justice center had reformed itself following the Ministry of Justice Order No. 322/2599 dated July 13th, 2016. The order had created a new form of committee for community justice. This had shifted important changes in the committee in that the Deputy District Chief who is a government officials acts as the Chairman of the committee. Before the board of the committee – those respected person within the community select the board member to act as the chairman. This new order had caused problems to the structure of community justice center and effect the work of the center. Chairman of some centers had difficulties in driving the work of the center because of work load- such work received from the Ministry of Interior- the question relating to relations with the community, and not really understand the root cause of the problems. To solve these difficulties caused by the new order effectively, right structure of representative from people within the villages; as well as, the selection of the characteristic of an appropriate chairman of the center are the main key. Setting up community justice center within 7,783 Office of Provincial Administration throughout the country is an area base approach in dealing with the problems. But the situation within the community has not yet been evaluated. Another fact is that each community is different in every region. Further, powers by law of government sectors in supporting the 7,783 centers given from central authority to Office of Provincial Administration are ambiguous. Also attitude of Office of Provincial Administration towards the center are unsupportive and questionable. This research focuses upon the potential and readiness of Office of Provincial Administration in enforcing the work of community justice center. The Office of Provincial Administrations mentioned within this context are those that have the community justice center situated within them. In addition, researchers had selected important issue for accomplishment in the work and administration of community justice center which can also respond to the needs or the context of community in reducing inequality and gain access to justice sustainably. In doing so, researchers had applied 4 areas from 7-S Framework McKinsey as key point for analysis namely: 1. organizational structure and work process which refers to management process in order to support the task of community justice center

ฏ โครงการวิจยั 2. form of management or attitude of leader which refers to attitude of political leader, Chief Executive of the Provincial Administrative Organization, mayor, and Chief Executive of the Sub- District Administrative Organization; as well as, Chairman of Local Council who are responsible in “community justice” 3. skills, knowledge and ability which refers to expertise of Office of Provincial Administration personnel in performing “community justice” tasks 4. shared value or super ordinate goals which refers to important goal in performing the duty of Office of Provincial Administration – which implies to the building public value in providing justice services to the people in the community Due to the fact that this research had studied the mission of “community justice”; the results show that people in the community can gain access to justice fairly, equally and throughout through community justice center. Thus, Office of Provincial Administration should create core value to reach the ultimate goal in providing services to the people following what decentralization to local administration was given to them by the Government. This is one of the process for effective public administrative management under democratic system. Decentralization of power helps reduce the duty to only perform the necessity issues. This surely respond to the intention and to solve problems of the people. It would also answers to current requirement and direct needs of local community. Researchers had conducted field studies in 29 community justice centers of 13 provinces throughout all regions following the plan set in the first phase of this project. The activities included meetings with committee from community justice center and analyzing questionnaires distributed to local people. The second phase of the project was done in 5 provinces. This phase aimed at exploring the comparison to find out the cause of weakness in capability of community justice center towards the strong one. The results of this research were classified in 3 sectors: 1. Community Justice Center Each community justice center is different in strength and capability which also depends upon the context and development of each center themselves. Further, the questionnaire had reflected that root history of each community justice center formulated into a village had had an effect upon capability of the community justice center too. Locals trusted and chosen community leader, village headman, or kamnan in solving problems rather through government officials. This is because locals believe that their problems is a family matter or an internal community matters. Also several community or village applied their own unique rules or protocol. Such role had also

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ในการสง่ เสรมิ การดำาเนินงานศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน ฐ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) been forwarded to community justice center. Knowing this context, community justice center must understand the role of local headman. In addition, with the support from the Office of Provincial Administration in several areas, an access to justice, providing justice and build immunity for those effected in the justice procedure can bring to the success of community justice center. Most importantly, this will bring a sustainable peace to the community by community and for the community. 2. Office of Provincial Administration Office of Provincial Administration works at the sub-district level. Personnel of Office of Provincial Administration have several tasks according to law of the Office of Provincial Administration. Also several agencies have given them the job to sub-district level. Personnel had to prioritized which tasks to be done first and the answer is not the tasks of community justice center. Even if the essence of community justice answers to “volunteer project”, succession occurred to public sector which is non-profitable in nature. Nonetheless, the internal structure of the Office of Provincial Administration is suitable in responding to the support of the community justice center. But the role and authoritative power given to support the community center is still ambiguous. But it is necessary for the need of support from Office of Provincial Administration to get the job done efficiently. So decentralization in the context of Ministry of Justice to Office of Provincial Administration must be given with clear functions. This will allow community justice center to work in respond to the needs of the people within the context of local politics efficiently and sustainably. 3. Ministry of Justice Ministry of Justice had pushed towards an effort in providing justice to the people, easily, and comfortably. Moreover, building peace in society with people’s participation as “partnership” within the fiscal budget year 2006-2010 under pilot project “community process justice development” had created great effect. It had established 36 community justice centers in 17 provinces. The mentioned centers had an ability, readiness and social capital (cost) preparedness in getting access to justice. It was performed through the development of “community justice” concept by building community justice network and setting up community justice center throughout the country. At present, progress had been clearly seen through “Memorandum of Understanding in Providing Justice to reduce inequality in society and Ministry of Justice 20 Years Strategy as an important tool in driving the task of community justice center.

ฑ โครงการวิจยั This research study could be concluded as follows : 1. The potential form and readiness of local administration in performing community justice center tasks could be illustrated as follows: 1.1 Local administration has high potential of performing the local community tasks. Local people fully trusted local administration officers in providing peace and development for their community. This is because executives of their local administration came to power through local election. These executives were closed to the people and understand the root cause and history of their community. They lived in the community and has full responsibilities to the people. With good attitude, being friendly, good relationship and the intended will to work for their community; their tasks were well performed. 1.2 The chain of command in the local administration were very clear. The Result was highly potential responsibilities performed, especially through strict laws and regulations. This also had created the readiness in connecting the policy in providing justice from central agencies to local community where local administration is the tool perfoming the task in easing troubles for the people. Indeed, local administration needs of clear roles, and responsibilities of community justice center which must correspond to laws and regulations given to local administration by Committee of Local Decertralization to the Local Administration. 2. The needs of community and factors that assist the performance of Community Justice Center at the pilot community justice centers are as follows: 2.1 Factors that assist the work of Community Justice Center in solving problems of the people were that people trusted local headman/kamnan in helping them solve problems because they are closed to the people. Next factor is that people trust Community Justice Center for they are those selected from their own community. Also the research showed that success factors in the community are good relationship and close performances between village headman/ kamnan and Office of Local Administration. The is strong leadership and good cooperation of people within the community had created a strong community especially when working with in relations to budget, tools or personnel from Local Administration. This is quite different from appointing the Deputy District Chief to be the Chairman of Community Justice Center. There are some defects in appointing the Deputy District Chief. The deputy district chief is civil servant. So the relationship between local community and Deputy District Chief is government and people. Further Deputy District Chief reshuffle often. As a result, it is necessary to provide strength to village headman/kamnan and local administration for the better success of providing justice effectively.

ศกั ยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนนิ งานศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน ฒ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 2.2 Community needs fair and justice administration and building knowledge to the role of Community Justice Centers ; as well as, visiting the local community area regularly. Further, it is important to solve the basic crime that severely threaten the community–drugs problem. 3. In comparing the performance of community justice center, this research study had synthetized the procedures following the local administration in administering the Community Justice Centers details as follows : 3.1 Administration matters : Community Justice Centers could be classified in 5 different types. 3.1.1 Those Community Justice Centers established following Office of Permanent Secretary Of Justice Order No. 322/2559. The main idea is that the Deputy District Chief is the chairman of the Community Justice Center and the office of the center is situated within the Office of Local Administration. 3.1.2 Those original type of Community Justice Centers in which village headman/ kamnan is the leader of the community and the office of the center is situated within the community. 3.1.3 The Community Justice Centers that is mixture between people and public sectors in which the village headman/kamnan is the chairman of the center and the office of the center is situated within the Office of Local Administration. 3.1.4 The 106 Community Justice Centers at the specific area of Southern border Provinces. Each Community Justice Centers here had 1 government employee office and the center is situated within the Office of Local Administration or at the community area. 3.1.5 Community Justice Center in Bangkok, Pattaya and municipality have the office situated at Local Administration Office or at the office of the community. Using casual comparative research, the Community Justice Center that has the most potential and readiness in performing the tasks is those in category no. 3.1.3 3.2 Due to differences in role and nature of the community, implementing the policy of Community Justice Center must be flexible in according to tradition of each region and community status. Regardless of those situated within the same province, the difference is quite obvious. The actual performances, Community Justice Centers had done more roles than stated within their 5 important responsibilities. Community Justice Centers had assisted in solving problems to people who requested for the services. Such performances correspond to the task of local administration so it proves to effectively help the problems of the people.

ณ โครงการวจิ ัย The mean for sustainable community justice center development are as follows : 1. Encourage decentralization of the Community Justice Center to be under the responsible of Office of Local Administration following the order from the Committee of Decentralization of Office of Local Administration. In doing so , the Committee of Decentralization of Office of Local Administration must announced the role of Community Justice Center to be the responsive role of the Office of Local Administration. This would allowed the promulgation from Ministry of Interior in supportive to the proceedings of the responsibilities from the Community Justice Center in providing legal assisting to the people which in turn providing justice to them. 2. Impelling legal officers of the Community Justice Center with responsibilities and power within the Committee of Decentralization of Office of Local Administration. The tasks perform by Community Justice Center with the cooperation from the Office of Local Administration in solving problems for people in the community are mostly dealt with providing justice, help people who received the injustice, and conflict management within the community. Such burden require officers with legal skills which is already the existing role of the Office of Local Administration. Thus, it is necessary to encourage the occurrence of legal officer within the Office of Local Administration with the tasks of Community Justice Center too. The position standard of legal officer must be bestow to the Committee of Local Personnel Administration Standard in providing legal consultant at the Community Justice Centre with clear, supportive and sustainable role.

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในการส่งเสริมการดำาเนินงานศนู ยย์ ตุ ิธรรมชุมชน ด (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) บทคัดย่อ กระทรวงยุติธรรมได้กำาหนดนโยบายด้านอำานวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหล่ือมล้ำาเป็นนโยบาย สำาคัญ และมีการขับเคลื่อนระบบงานอำานวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหล่ือมล้ำาของประชาชนในทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ เพ่ือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังน้ัน กระทรวงยุติธรรมจึงได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับส่วนกลาง ระดับภูมิภาค และระดับท้องถ่ิน โดยใช้ยุติธรรมชุมชนหรือกระบวนการยุติธรรมทางเลือกใน บริบท “ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” เป็นเครื่องมือดำาเนินการเชิงพ้ืนท่ีทุกตำาบลท่ัวประเทศโดยได้ขอความร่วมมือไปยัง กระทรวงมหาดไทยในการประสานความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทั่วประเทศในการมอบหมายให้มีการจัด ตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนข้ึนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศจำานวน 7,783 แห่ง มุ่งเน้นการนำาภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบของเครือข่ายยุติธรรมชุมชน โดยให้สำานักงานยุติธรรมจังหวัดเป็นกลไกขับเคล่ือนภารกิจ ของศูนย์ยุติธรรมชุมชน รวมท้ังการนำาภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะร่วมกันดำาเนินการเป็น “หุ้นส่วน” เพ่ือแก้ปัญหาการเข้าถึงความยุติธรรม การถูกเอารัดเอาเปรียบ การลดความขัดแย้งและการไกล่เกล่ียข้อพิพาท แก้ไขปัญหาความเดือนร้อน รับเร่ืองราวร้องทุกข์ของประชาชน การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบใน คดีอาญา ช่วยเหลือประชาชนในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สร้างภูมิคุ้มกันในเร่ืองความเป็นธรรมและกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และเสริมสร้างความสงบสุขในชุมชน นำาไปสู่การดำาเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดยุติธรรม ชมุ ชน ผลกระทบจากการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนขึ้นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ัวประเทศโดยเป็นการจัดต้ัง ข้ึนในเชิงพื้นท่ีคลอบคลุมทุกตำาบลซึ่งไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ของชุมชน บริบทของชุมชนท่ีมีความแตกต่าง ในแต่ละภูมิภาค ข้อจำากัดในการสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ ที่ราชการส่วนกลางได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นดำาเนินงานท้ังที่ยังไม่มีความชัดเจนของอำานาจหน้าที่ตามกฎหมาย รวมทั้ง ทัศนคติของบุคลากรองค์กรปกครอง สว่ นท้องถิ่นในการขบั เคลอ่ื นศูนย์ยตุ ิธรรมชุมชน การวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำาเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน เปน็ การศกึ ษาในสว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ งหรอื ในบรบิ ทของศนู ยง์ านยตุ ธิ รรมชมุ ชนในการจดั ตงั้ ขนึ้ ในองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ดังนั้นผู้วิจัยจึงคัดเลือกประเด็นสำาคัญท่ีเป็นส่วนที่พิจารณาแล้วมีความเก่ียวข้องเป็นปัจจัยหลักในการดำาเนินงาน การบริหารจัดการศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนให้ประสบความสาำ เรจ็ สามารถตอบสนองความต้องการหรือสอดคลอ้ งกับบริบท ของชมุ ชนด้านการลดความเหลอื่ มล้าำ และการเข้าถึงความยุตธิ รรมอยา่ งยน่ั ยืน ศูนย์ยุติธรรมชุมชน พบว่า มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพแตกต่างกันตามบริบทและพัฒนาการ ของชุมชน รากเหง้าประวัติศาสตร์ของชุมชนที่มีการรวมตัวก่อเกิดการรวมตัวเป็นชุมชนหมู่บ้านมีผลต่อศักยภาพของ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน ซ่ึงเห็นได้ชัดเจนจากแบบสอบถามภาคประชาชนท่ีให้ความเช่ือม่ันผู้นำาชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำานัน ในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนเป็นทางเลือกแรกในการขอรับความช่วยเหลือปัญหาความขัดแย้งหรือข้อพิพาทใน ชมุ ชนมักไดร้ ับการแก้ปัญหาภายในชุมชนโดยมผี นู้ าำ ชุมชนเปน็ ผเู้ ข้าไปมบี ทบาทและไดร้ บั การยอมรบั ดังนั้นโครงสร้าง และองค์ประกอบท่ีจะทำาให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีศักยภาพ จึงควรให้บทบาทของผู้นำาชุมชนในพ้ืนท่ี รวมท้ังเม่ือได้แรง

ต โครงการวจิ ัย เสริมจากความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการเก้ือหนุนในด้านต่าง ๆ จะทำาให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึง ความเป็นธรรม การอำานวยความยุติธรรม การสร้างภูมิคุ้มกันในการได้รับผลกระทบในกระบวนการยุติธรรม และที่ สำาคญั มคี วามย่งั ยนื ในการดแู ลความสงบสุขของชุมชน โดยชุมชน เพอื่ ชมุ ชนเอง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พบว่า มีโครงสร้างพื้นฐานในการบริหารจัดการภารกิจงานและมีความพร้อม ในด้านต่าง ๆ แต่เม่ือดำาเนินการในบทบาทสนับสนุนศูนย์ยุติธรรมชุมชนก็จะได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจนใน บทบาท อำานาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายยังไม่ปรากฏชัดเจนในภารกิจของศูนย์ยุติธรรม ชุมชน บคุ ลากรขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ มีภาระงานประจาำ หลกั ตามกฎหมายจำานวนมากและมหี ลายหน่วยงาน ได้มอบหมายภารกิจลงไปสู่พื้นท่ีระดับตำาบล จึงทำาให้ต้องจัดลำาดับความสำาคัญของการปฏิบัติราชการ แม้แก่นแท้ของ “ยุติธรรมชุมชน” คือการทำางานด้วยจิตอาสาเป็นหลัก ซ่ึงจะประสบความสำาเร็จกับภาคประชาชนที่ไม่ได้มุ่งหวังค่า ตอบแทนใด แต่การได้รับแรงสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ดังนั้น การผลักดันให้มีการกระจายอำานาจใน บทบาทภารกิจของกระทรวงยุติธรรมไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ชัดเจนจะทำาให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีการขับ เคลื่อนได้ดีจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และจะเกิดการขยายตัวเพิ่มจำานวนของศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีศักยภาพ มากขึ้น กระทรวงยุติธรรม พบว่า ได้มีความพยายามผลักดันให้มีการอำานวยความยุติธรรมไปถึงประชาชน ได้โดยง่าย สะดวก สร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเป็น “หุ้นส่วน” นับต้ังแต่ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2550 ภายใต้โครงการนำาร่องพัฒนาระบบงานยุติธรรมชุมชน โดยได้ ดำาเนินการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพื้นที่ 17 จังหวัด 36 ชุมชน โดยคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพความพร้อมและ ทุนทางสังคมอยู่แล้วเพ่ือเพ่ิมโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรม (Access to Justice) แก่ประชาชนด้วยการพัฒนา แนวคิด “ยุติธรรมชุมชน (Community Justice)” ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยการสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชน และในปัจจุบันได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนข้ึนท่ัวประเทศ ดังน้ันต้องมีการทบทวนโครงสร้างและ องค์ประกอบของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมนเพ่ือให้เอ้ือต่อการดำาเนินงานสอดรับกับบริบทของแต่ละชุมชน ควรมีการติดตามประเมินผลสำาเร็จของศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีประสิทธิภาพ ควรได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ ของการดำาเนินการและใช้ประโยชน์จากกลไกและเครือข่ายจำานวน 7,783 แห่ง ให้สามารถเช่ือมต่อกับกระทรวง ยุติธรรมในการนำาข้อมูลระดับพ้ืนท่ีตำาบลเข้าสู่การวิเคราะห์สถานการณ์การอำานวยความยุติธรรมเพื่อนำาไปสู่การ ผลักดันนโยบายระดับชาติเพื่อประโยชน์ของประชาชนในชุมชน รวมทั้งสำานักงานยุติธรรมจังหวัดควรเป็นกลไกที่มี ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นเพ่ือให้มีศักยภาพในการทำางานอย่างใกล้ชิดในพ้ืนที่ชุมชนมากขึ้นและบุคลากรควรมีทักษะ มีความเชี่ยวชาญในการทำางานกับชุมชนในมิติการอำานวยความยุติธรรม และที่สำาคัญคือการกระจายอำานาจภารกิจ “ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพื่อให้เป็นงานที่ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนในการ อาำ นวยความยตุ ธิ รรมอย่างแท้จริง

ศกั ยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน ถ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) สรุปผลตามวตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย ดงั นี้ 1. รูปแบบศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่ เป็นศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน ดงั น้ี 1.1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพสูงในการปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมชน โดยประชาชนในพื้นท่ี ความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความไว้วางใจและคาดหวังให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินดูแลความ สงบสุขความเจริญเติบโตของชุมชน ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาจากการเลือกต้ังและเป็น ผู้ที่อาศัยในพ้ืนที่และมีความรับผิดชอบต่อประชาชนในชุมชน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีทัศนคติท่ีดี มอี ธั ยาศัยดี มคี วามสัมพันธ์ท่ดี ี และมีความมุง่ มัน่ จะทาำ งานให้ชุนชนอย่างเหน็ ได้ชดั เนือ่ งจากเป็นหนว่ ยงานภาครัฐทีม่ ี ท่ีทำาการต้ังอยู่ในพื้นที่ชุมชน มีความใกล้ชิดกับประชาชน ทำาให้มีความเข้าใจรากเหง้าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ ชมุ ชนเปน็ อยา่ งดี 1.2 รูปแบบการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีความชัดเจนในแบบลำาดับช้ันการบังคับ บัญชาของหน่วยงานราชการทำาให้มีความรับผิดชอบสูง ปฏิบัติงานภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ อย่างเคร่งครัด จึงมีความพร้อมเป็นอย่างสูงในการเช่ือมต่อการอำานวยความยุติธรรมจากภาครัฐส่วนกลางสู่พ้ืนที่ชุมชน โดยองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อมของเครื่องมือ มีความเข้าใจในขั้นตอน กระบวนงานการอำานวยความยุติธรรมที่จะ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นมีความต้องการเร่งด่วนให้มีความชัดเจนของบทบาท อำานาจ หน้าท่ีในการดำาเนินงานของ ศูนย์ยุติธรรมชุมชนตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีจะดำาเนินงานในภารกิจของ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน โดยการผลักดันไปยังคณะกรรมการกระจายอำานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพื่อให้มีการ ถ่ายโอนภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชนไปยงั องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ 2. รูปแบบความต้องการของชุมชนและเหตุปัจจัยท่ีช่วยส่งเสริมการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพ้ืนที่ ชมุ ชนตน้ แบบ ดังนี้ 2.1 ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนในการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนในการจัดลำาดับความสำาคัญพบว่า ประชาชนมอบความไว้วางใจผู้ใหญ่บ้าน กำานัน ซึ่งมีความสำาคัญและความใกล้ชิดชุมชน และในลำาดับถัดไป คือ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ได้รับ ความไว้วางใจเนื่องจากผู้ใหญ่บ้าน กำานัน และคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนเป็นผู้นำาของชุมชนที่ได้รับการ ยอมรับ พักอาศัยอยู่ในชุมชนสามารถแก้ไขปัญหาได้ในทันที และพบว่าในชุมชนท่ีประสบความสำาเร็จมีความเข้มแข็ง จะมีองค์ประกอบสำาคัญ คือ ท้องท่ี (ผู้ใหญ่บ้าน กำานัน) และท้องถิ่น (อปท.) สามารถทำางานร่วมกับได้เป็นอย่างดี มีความสามัคคีของผู้นำาชุมชนท้ังสองฝ่ายจึงทำาให้ในพ้ืนที่เกิดความเข้มแข็งมีศักยภาพสูงจากภาวะผู้นำาของผู้นำาชุมชน เมื่อร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีงบประมาณ เคร่ืองมือ และบุคลากร ซ่ึงจะแตกต่างจากการแต่งต้ังให้ ปลัดอำาเภอผู้รับผิดชอบตำาบลทำาหน้าที่ประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชนซึ่งเป็นการมอบหมายให้เจ้าหน้าท่ีรัฐเข้าไปขับ เคลื่อนในชุมชน จะเป็นการทำางานในรูปแบบรัฐกับประชาชนและมักมีการโยกย้ายปลัดอำาเภออยู่เสมอ ดังนั้น การเสริมพลังให้กับผู้นำาชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะส่งผลให้สามารถอำานวยความยุติธรรมได้อย่างมี ประสิทธผิ ล

ท โครงการวจิ ัย 2.2 ชุมชนมีความต้องการบริหารงานท่ีเป็นธรรมอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาท หน้าท่ีของศูนย์ยุติธรรมชุมชนและการลงพ้ืนที่ชุมชนอย่างสมำ่าเสมอ และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมพื้นฐานท่ีเป็น ภยั คกุ คามทรี่ นุ แรงในทุกชุมชน คอื การแกไ้ ขปัญหายาเสพติดในชุมชน 3. การเปรียบเทียบการดำาเนินงานตามรูปแบบศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีได้จากผลการศึกษาและสังเคราะห์ แนวทาง วิธีการดำาเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการศูนย์ยุติธรรมชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ดงั นี้ 3.1 การบรหิ ารจัดการ พบวา่ ศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนจำาแนกได้ 5 กลมุ่ คือ 3.1.1 ศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชนทจ่ี ัดตัง้ ตามคำาสัง่ กระทรวงยุติธรรม ท่ี 322/2559 โดยสาระสำาคัญคือมอบ หมายใหป้ ลดั อาำ เภอทำาหนา้ ที่ประธานศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชน มีทต่ี ง้ั ณ ท่ที าำ การองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ 3.1.2 ศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนแบบดัง้ เดมิ ภาคประชาชน โดยมีผนู้ าำ ชุมชนทาำ หนา้ ทปี่ ระธานศนู ย์ยุตธิ รรม ชมุ ชน มที ต่ี ัง้ ณ ในพ้นื ทีช่ มุ ชน 3.1.3 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีโครงสร้างผสมภาคประชาชนกับภาครัฐ โดยมีผู้นำาชุมชนเป็นประธาน ศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน มีที่ตง้ั ณ ทีท่ ำาการองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ 3.1.4 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนในเขตพื้นท่ีเฉพาะจังหวัดชายแดนใต้ จำานวน 106 ศูนย์ มีการจ้างลูกจ้าง ช่ัวคราว 1 อตั รา ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ประจาำ ศนู ยฯ์ เพือ่ ตอบสนองภารกจิ ดา้ นความมนั่ คง มที ี่ต้ัง ณ ที่ทาำ การองคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิน่ หรอื ทที่ าำ การของชมุ ชน 3.1.5 ศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนในพ้ืนท่ีองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ขนาดใหญ่ คือ กรุงเทพมหานคร เมอื ง พทั ยา และเทศบาลนคร มที ่ีตง้ั ณ ทีท่ าำ การองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ หรือที่ทาำ การของชุมชน ดังน้นั เม่อื ใชก้ ารวจิ ยั เชิงเปรยี บเทียบสาเหตุ (Causal comparative research) พบวา่ ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน ท่ีมีศกั ยภาพและมคี วามพร้อม คือ กลุม่ ท่ี 3.1.3 ศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชนทม่ี ีโครงสรา้ งผสมภาคประชาชนกับภาครัฐ โดยมี ผูน้ าำ ชุมชนเปน็ ประธานศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชน มีท่ีต้ัง ณ ท่ที าำ การองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ 3.2 บริบทของภูมิภาคความแตกต่างของชุมชน การขับเคล่ือนนโยบายศูนย์ยุติธรรมชุมชนต้องมีความ ยืดหยุ่นตามจารีตประเพณีของภูมิภาค สภาพของพื้นที่ชุมชน ธรรมชาติของชุมชนท่ีมีความแตกต่างกัน ซ่ึงแม้จะอยู่ ในพ้ืนที่จังหวัดเดียวกันก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน และการกำาหนดขอบเขตอำานาจหน้าที่ศูนย์ยุติธรรม ชุมชนใน 5 ภารกิจสำาคัญทำาให้บทบาทที่ศูนย์ยุติธรรมชุมชนถูกจำากัด แต่ในทางปฏิบัติศูนย์ยุติธรรมชุมชนได้มีการ ดำาเนินการที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกเร่ืองที่ได้มีการร้องขอรับบริการซ่ึงเป็นการเสริม บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีดำาเนินการอยู่แล้ว จึงทำาให้การอำานวยความยุติธรรมสามารถเสริมการแก้ไข ความเดอื ดร้อนของประชาชนได้เป็นอยา่ งดี

ศักยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินในการสง่ เสริมการดาำ เนินงานศูนยย์ ุตธิ รรมชมุ ชน ธ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) Abstract Ministry of Justice policy’s in providing and driving justice; as well as, enforcing justice process were to reduce inequality in all area throughout the country. The aim was to reduce inequality and that people can gain access to justice easily, quickly and entering into justice procedure without high cost. So Ministry of Justice had integrated with relevant public sectors and agencies at central, regional and provincial level in deploying a proactive approach of justice community or alternative to justice in the context of “community justice center” as a tool within every sub-district. By requesting Ministry of Interior to set up community justice center within 7,783 sub-district under the Office of Provincial Administration. Stressing upon engaging people’s sector involvement in the form of community justice network with Office of Provincial Justice as driving actor. Further bringing people’s participation in the form of “partnership” to solve the problems of getting access to justice, being taken advantage, reduce conflict, perform dispute settlement, receive petitions and complaints, assist those affected in criminal matters, assist those entering in justice process, building immunity in justice , assisting in laws and justice process and promoting peace in the community. These had lead to the concept of “community justice”. Setting up the center within Office of Provincial Administration in every sub-district around the country is an area base approach. But this approach was not effective enough because situation of each sub-district has not been evaluated, each sub-district are different in nature, each region has different role, restricted in the support mission from central authorities, unclear functions and laws given to Office of Provincial Administration and doubtful attitudes of personnel Office of Provincial Administration. This research focused on the ability and readiness of Office of Provincial Administration in dealing with the work of community justice center. The Office that were studied must have the center attached within them. Researchers had selected important issues for consideration which were related to the performance and success of administration of the center. This is to administered those center that can respond to the needs or correlated to the context of community in reducing inequality and getting access to justice. The results were classified into 3 sectors: 1. Community Justice Center : Each community justice center is different in strength and capability which depends upon the context and development of each center themselves. As reflected in the questionnaire, the root history of each community justice center formulated into a village had had an effect upon capability of the community justice center. Locals trusted and prefered community leader, village headman, or kamnan in solving problems. Therefore, in order

น โครงการวิจัย to enhance the capabilities of community justice cente; the role of leader in the community needs to be comprise in the structure and component of the Office of Provincial Administration. Also included is the support from Office of Provincial Administration in several areas, an access to justice, providing justice and build immunity for those effected in the justice procedure can bring to the success of community justice center. Most importantly, this will bring a sustainable peace in the community by community and for the community. 2. Office of Provincial Administration : Office of Provincial Administration has structure that is suitable in several ways. However, supporting role in community justice center is still questionable due to unclear role and functions of Office of Provincial Administration given by law. Personnel of Office of Provincial Administration have several tasks according to law of the Office of Provincial Administration. Also several agencies have given them the job to sub-district level. Personnel had to prioritized which tasks to be done first and definitely not the tasks of community justice center. Regarding that the essence of community justice answers to “volunteer project”, succession occurred to public sector which is non-profitable in nature. The internal structure of the Office of Provincial Administration responded to the support of the community justice center. Indeed, decentralization in the context of Ministry of Justice to Office of Provincial Administration must be given with clear functions. This will allow community justice center to expand efficiently. 3. Ministry of Justice : Ministry of Justice had pushed towards an effort in providing justice to the people, easily, and economically. Moreover, building peace in society with people’s participation as “partnership” within the fiscal budget year 2006-2010 under pilot project “community process justice development” had created great effect. It had established 36 community justice centers within 17 provinces. The mentioned centers had an ability, readiness and social capital (cost) preparedness in getting access to justice. It was performed through the development of “community justice” concept by building community justice network and setting up community justice center throughout the country. Moreover, the Office of Provincial Justice should be an effective mechanism in working closely with the community. Personnel of the Office of Provincial Justice should have skills and expertise in working with the community in order to provide justice. Most importantly, decentralized the work of “community justice center” to Office of Provincial Administration must be done in favour to receive the work of every partnership for providing justice to all.

ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในการส่งเสริมการดาำ เนินงานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน บ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) This research study could be concluded as follows : 1. The potential form and readiness of local administration in performing community justice center tasks could be illustrated as follows: 1.1 Local administration has high potential of performing the local community tasks. Local people fully trusted local administration officers in providing peace and development for their community. This is because executives of their local administration came to power through local election. These executives were closed to the people and understand the root cause and history of their community. They lived in the community and has full responsibilities to the people. With good attitude, being friendly, good relationship and the intended will to work for their community; their tasks were well performed. 1.2 The chain of command in the local administration were very clear. The Result was highly potential responsibilities performed, especially through strict laws and regulations. This also had created the readiness in connecting the policy in providing justice from central agencies to local community where local administration is the tool performing the task in easing troubles for the people. Indeed, local administration needs of clear roles, and responsibilities of community justice center which must correspond to laws and regulations given to local administration by Committee of Local Decentralization to the Local Administration. 2. The needs of community and factors that assist the performance of Community Justice Center at the pilot community justice centers are as follows: 2.1 Factors that assist the work of Community Justice Center in solving problems of the people were that people trusted local headman/kamnan in helping them solve problems because they are closed to the people. Next factor is that people trust Community Justice Center for they are those selected from their own community. Also the research showed that success factors in the community are good relationship and close performances between village headman/kamnan and Office of Local Administration. The strong leadership and good cooperation of people within the community had created a strong community especially when working with in relations to budget, tools or personnel from Local Administration. This is quite different from appointing the Deputy District Chief to be the Chairman of Community Justice Center. There are some defects in appointing the Deputy District Chief. The deputy district chief is civil servant. So the relationship between local community and Deputy District Chief is government and people. Further Deputy District Chief reshuffle often. As a result, it is necessary to provide strength to village headman/kamnan and local administration for the better success of providing justice effectively.

ป โครงการวิจยั 2.2 Community needs fair and justice administration and building knowledge to the role of Community Justice Centers; as well as, visiting the local community area regularly. Further, it is important to solve the basic crimes that severely threaten the community–drugs problem. 3. In comparing the performance of community justice center, this research study had synthetized the procedures following the local administration in administering the Community Justice Centers details as follows : 3.1 Administration matters: Community Justice Centers could be classified in 5 different types. 3.1.1 Those Community Justice Centers established following Office of Permanent Secretary of Justice Order No. 322/2559. The main idea is that the Deputy District Chief is the chairman of the Community Justice Center and the office of the center is situated within the Office of Local Administration. 3.1.2 Those original type of Community Justice Centers in which village headman/ kamnan is the leader of the community and the office of the center is situated within the community. 3.1.3 The Community Justice Centers that is mixture between people and public sectors in which the village headman/kamnan is the chairman of the center and the office of the center is situated within the Office of Local Administration. 3.1.4 The 106 Community Justice Centers at the specific area of Southern border Provinces. Each Community Justice Centers here had 1 government employee office and the center is situated within the Office of Local Administration or at the community area. 3.1.5 Community Justice Center in Bangkok, Pattaya and municipality have the office situated at Local Administration Office or at the office of the community. Using casual comparative research, the Community Justice Center that has the most potential and readiness in performing the tasks is those in category no. 3.1.3 3.2 Due to differences in role and nature of the community, implementing the policy of Community Justice Center must be flexible in according to tradition of each region and community status. Regardless of those situated within the same province, the difference is quite obvious. The actual performances, Community Justice Centers had done more roles than stated within their 5 important responsibilities. Community Justice Centers had assisted in solving problems to people who requested for the services. Such performances correspond to the task of local administration so it proves to effectively help the problems of the people.

ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ในการส่งเสริมการดาำ เนินงานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน ผ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) กติ ตกิ รรมประกาศ งานวิจัยศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมการดำาเนินงานศูนย์ยุติธรรม ชุมชนนี้สำาเร็จได้ด้วยการสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 อันจะส่งผลให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางวิชาการในการขับเคลื่อนการอำานวย ความยุติธรรมใหก้ ับประชาชนไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพอยา่ งเป็นรูปธรรม ขอขอบคุณ สำานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผู้นำาชุมชน และภาคประชาชน ในพ้ืนการวิจัยภาคสนามและการตอบแบบสอบถามที่ให้การสนับสนุนการดำาเนินกิจกรรมวิจัยและการมี ส่วนร่วมในการให้ข้อมูลในงานวิจัย รวมท้ังหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ดังน้ี 1. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย 2.ผู้แทน สำานักงานตรวจเงินแผ่นดิน ผู้บริหารและนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ ดังน้ี 1. นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ที่ปรึกษา พิเศษ สำานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม(อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม) 2. ศาสตราจารย์ ดร.วันชัย วัฒนศัพท์ 3.รองศาสตราจารย์ ดร.อัชกรณ์ วงศ์ปรีดี 4. รองศาสตราจารย์ อัฉราพรรณ จรัสวัฒน์ 5. รองศาสตราจารย์ ดร. จฑุ ารตั น์ เอือ้ อาำ นวย 6. รองศาสตราจารย์ ดร.ศภุ วฒั นากร วงศธ์ นวสุ 7. นางกรรณิการ์ แสงทอง (อดีตรองปลดั กระทรวงยุตธิ รรม) หน่วยงานในสงั กดั กระทรวงยุติธรรม 1. สาำ นักงานกจิ การยตุ ธิ รรม 2. สาำ นักงานยุตธิ รรมจังหวัด 3. กลุ่มงานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม สนับสนุน ด้วยการประสานงานและอำานวยความสะดวกในการเดินทางไปเก็บข้อมูลในพื้นท่ีจังหวัดชายแดนใต้ 4. กองบริหาร การคลัง สำานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการและด้านการเงินในโครงการวิจัย 5. บคุ ลากรกองยทุ ธศาสตร์และแผนงาน สาำ นกั งานปลัดกระทรวงยตุ ธิ รรม ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ผี ชู้ ว่ ยนกั วจิ ัย และท่สี ำาคญั ยง่ิ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่ีให้การสนับสนุนนักวิชาการและบุคลากรในการดำาเนินโครงการวิจัยให้ สำาเร็จบรรลุเป้าประสงค์ด้วยดี คณะผู้วิจัยหวังเป็นอย่างย่ิงว่าผลการวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ท่ีสนใจศึกษาเก่ียวกับ ศูนย์ยุตธิ รรมชุมชนต่อไป คณะผ้วู ิจยั กันยายน 2562

ฝ โครงการวจิ ัย สารบัญ หน้� ก คณะผู้วิจัย ค บทสรุปผู้บรหิ �ร (ภ�ษ�ไทย) ญ บทสรุปผูบ้ ริห�ร (ภ�ษ�อังกฤษ) ด บทคัดย่อ (ภ�ษ�ไทย) ธ บทคัดยอ่ (ภ�ษ�อังกฤษ) ผ กิตตกิ รรมประก�ศ ฝ ส�รบัญ ย ส�รบัญต�ร�ง ว ส�รบัญภ�พ 1 บทท่ ี 1 บทน�ำ ง�นวิจัย 1 1.1 บทนำาว่าดว้ ยหลักการเหตผุ ลและสาเหตใุ นการดำาเนินการวจิ ัย 3 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 4 1.3 วธิ ีการดำาเนนิ การวิจยั 9 บทที ่ 2 แนวคิดทฤษฎีและคว�มเปน็ ม� องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ กับก�รส่งเสริม ก�รด�ำ เนินง�นศูนยย์ ุติธรรมชุมชน 9 10 2.1 แนวคิดทฤษฎีวา่ ด้วยยุติธรรมชมุ ชน 11 2.2 แนวคิดว่าด้วยความหมายของยตุ ิธรรมชุมชน 13 2.3 ความเปน็ มายตุ ธิ รรมชุมชนในประเทศไทย 17 2.4 แนวคดิ ว่าด้วยงานยตุ ธิ รรมชมุ ชนจากงานวจิ ยั 2.5 การดำาเนินการของกระทรวงยุตธิ รรมผา่ นองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ 22 บทท่ี 3 ขอ้ มูลก�รสัมภ�ษณ ์ ก�รลงพื้นท่ปี ระชุมกลมุ่ สรปุ ผลแบบสอบถ�ม 22 และก�รชว่ ยเหลอื ประช�ชนด้�นอำ�นวยคว�มยุติธรรมของต�่ งประเทศ 24 3.1 การสมั ภาษณแ์ ละการลงพ้นื ท่ปี ระชมุ กล่มุ ในจังหวัดภาคใต้ 25 ประชุมทมี วิจยั ร่วมกบั ทีมผู้รับผดิ ชอบการบริหารจดั การจงั หวัดชายแดนใต้ ของกระทรวงยตุ ธิ รรม จงั หวดั ปัตตานี ศนู ยย์ ุติธรรมชุมชนตาำ บลตาชี อำาเภอยะหา จงั หวัดยะลา ศูนยย์ ุติธรรมชมุ ชนตาำ บลปากบาง อาำ เภอเทพา จงั หวัดสงขลา

ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในการส่งเสริมการดำาเนนิ งานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน พ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) หน�้ ศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนตาำ บลสายบุรี อาำ เภอสายบุรี จังหวดั ปตั ตานี 27 ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนตำาบลปาลกุ าซาเมาะ อาำ เภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส 29 สำานกั งานยตุ ิธรรมจังหวดั นราธิวาส 31 สาำ นกั งานยุติธรรมจงั หวดั สงขลา 33 ศนู ย์ยุตธิ รรมชุมชนตาำ บลนาหมืน่ ศรี อำาเภอนาโยง จงั หวดั ตรงั 34 ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชนตำาบลในควน อาำ เภอยา่ นตาขาว จังหวัดตรงั 36 ศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนตำาบลวังคีรี อาำ เภอหว้ ยยอด จังหวดั ตรงั 37 3.2 การสมั ภาษณแ์ ละการลงพน้ื ทป่ี ระชมุ กลมุ่ ในจังหวัดภาคเหนอื 38 ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชนตาำ บลลวงเหนอื อาำ เภอดอยสะเก็ด จงั หวดั เชียงใหม่ 38 ศูนย์ยุติธรรมชมุ ชนตาำ บลหางดง อำาเภอหางดง จังหวัดเชยี งใหม่ 40 ศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชนตำาบลหารแก้ว อาำ เภอหางดง จังหวัดเชยี งใหม่ 42 ศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชนตาำ บลบา้ นกลาง อำาเภอสนั ป่าตอง จังหวดั เชยี งใหม่ 43 ศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนตำาบลขงึ่ อำาเภอเวยี งสา จังหวดั นา่ น 45 ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชนตาำ บลน้าำ เกี๋ยน อำาเภอภเู พยี ง จงั หวัดน่าน 46 ศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนตำาบลแม่ขะนิง อาำ เภอเวยี งสา จงั หวดั นา่ น 47 3.3 การสมั ภาษณ์และการลงพื้นที่ประชมุ กลมุ่ ในจงั หวดั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 48 ศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชนตาำ บลกันทรารมย์ อำาเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรสี ะเกษ 48 ศนู ย์ยุตธิ รรมชุมชนตำาบลทาม อำาเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ 50 ศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนตาำ บลสำาโรงตาเจน็ อาำ เภอขขุ นั ธ์ จังหวดั ศรสี ะเกษ 52 ศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชนตาำ บลบุ่งหวาย อำาเภอวารนิ ชาำ ราบ จังหวัดอุบลราชธานี 53 ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนตาำ บลแสนสขุ อาำ เภอวารนิ ชำาราบ จังหวดั อุบลราชธานี 55 ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชุมชนตาำ บลนิคมสงเคราะห์ อาำ เภอเมือง จงั หวดั อุดรธานี 57 ศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนตำาบลยางชมุ อาำ เภอกุดจับ จังหวดั อดุ รธานี 58 ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชนตาำ บลแสงสวา่ ง อำาเภอหนองแสง จงั หวดั อุดรธานี 59 ศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชนตาำ บลเขอ่ื นอุบลรตั น์ อำาเภออบุ ลรตั น์ จังหวดั ขอนแก่น 60 ศนู ย์ยุตธิ รรมชมุ ชนตำาบลเมอื งเก่าพฒั นา อาำ เภอเวยี งเก่า จงั หวัดขอนแก่น 61 ศูนย์ยตุ ธิ รรมชุมชนตาำ บลหนิ ตง้ั อาำ เภอบ้านไผ่ จงั หวัดขอนแกน่ 63 ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนตำาบลหนองโก อำาเภอกระนวน จังหวัดขอนแกน่ 65 3.4 การสมั ภาษณ์และการลงพืน้ ทป่ี ระชุมกลมุ่ ในจงั หวดั ภาคกลางและภาคตะวนั ออก 66 ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชนตำาบลหนองซำา้ ซาก อำาเภอบ้านบงึ จังหวัดชลบุรี 66 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนเมืองพทั ยา ศาลาว่าการเมืองพัทยา จังหวัดชลบรุ ี 67 ศูนยย์ ตุ ิธรรมชุมชนเขตดอนเมือง กรงุ เทพมหานคร 69

ฟ โครงการวิจยั 3.5 การประชุมกลุม่ ผเู้ ชี่ยวชาญ หน้� ประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารโครงการวจิ ัยศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครอง 70 ส่วนทอ้ งถ่ินในการส่งเสริมการดำาเนินงานศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชน ณ โรงแรม อมารี 70 กรุงเทพมหานคร รศ.อัจฉราพรรณ จรสั วฒั น์ 70 ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย 72 ผู้แทนกรมสง่ เสริมการปกครองสว่ นท้องถ่นิ 73 ผู้แทนกองกฎหมาย สาำ นักงานปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม 74 ผู้แทนสำานกั งานตรวจเงินแผ่นดิน 74 ประชมุ เชิงปฏิบตั กิ ารวิจยั ผูเ้ ชีย่ วชาญ ณ วทิ ยาลัยการปกครองทอ้ งถ่นิ มหาวิทยาลยั 76 ขอนแกน่ รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศธ์ นวสุ คณบดวี ทิ ยาลัยปกครองท้องถนิ่ 76 ศ.นพ.วนั ชัย วัฒนศพั ท์ 77 ประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ ารวิจัยผู้เชยี่ วชาญ ณ ศนู ย์บริการวิชาการมหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ 78 ศ.นพ.วันชัย วฒั นศพั ท์ 78 นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ท่ีปรกึ ษาพเิ ศษ สาำ นักงานปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม 79 (อดตี ปลดั กระทรวงยตุ ิธรรม) 82 3.6 สรปุ ผลการสำารวจ 82 ผลการสำารวจโครงการวจิ ยั ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการส่งเสริมการดำาเนนิ งานศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน (กลมุ่ เปา้ หมายประชาชนในพ้นื ทช่ี มุ ชน) 91 ผลการสาำ รวจโครงการวิจยั ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ในการสง่ เสรมิ การดำาเนนิ งานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน (กลุ่มเป้าหมายผูบ้ รหิ าร อปท. ฝ่าย 102 การเมือง และเจา้ หนา้ ที่ อปท.) 103 บทวเิ คราะหผ์ ลจากการสำารวจจากแบบสอบถาม 103 109 3.7 การช่วยเหลอื ประชาชนด้านอำานวยความยตุ ิธรรมของต่างประเทศ 113 การชว่ ยเหลือประชาชนด้านอำานวยความยุตธิ รรมของประเทศญี่ปุน่ การช่วยเหลอื ประชาชนดา้ นอาำ นวยความยุตธิ รรมของสหพนั ธรัฐมาเลเซีย การชว่ ยเหลือประชาชนด้านอำานวยความยุติธรรมของสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตย ประชาชนลาว

ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นในการสง่ เสรมิ การดำาเนนิ งานศูนยย์ ุติธรรมชุมชน ภ (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) บทท ี่ 4 วเิ คร�ะห์ประเด็นศกั ยภ�พและคว�มพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น หน้� ในก�รสง่ เสริมก�รดำ�เนินง�นศนู ย์ยุตธิ รรมชมุ ชน 124 4.1 รูปแบบการดาำ เนนิ งานศูนย์ยตุ ิธรรมชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการสง่ เสริม 124 4.1.1 ศูนย์ยตุ ธิ รรมชุมชนทจี่ ัดต้ังตามคำาสง่ั กระทรวงยุตธิ รรม ท่ี 322/2559 124 โดยสาระสาำ คญั คือมอบหมายใหป้ ลดั อาำ เภอทาำ หนา้ ทปี่ ระธานศนู ยย์ ุติธรรมชมุ ชนมที ่ีต้ัง ณ ทที่ ำาการองคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ 127 4.1.2 ศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนแบบดงั้ เดิมภาคประชาชน โดยมีผนู้ าำ ชมุ ชนทำาหน้าท่ี 129 ประธานศูนย์ยุตธิ รรมชุมชน มีทีต่ ั้ง ณ ในพืน้ ที่ชุมชน 131 4.1.3 ศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชนทมี่ ีโครงสร้างผสมภาคประชาชนกบั ภาครฐั โดยมผี ู้นำาชุมชน เป็นประธานศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน มที ต่ี ้ัง ณ ท่ที ำาการองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ 132 4.1.4 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนในเขตพ้นื ที่เฉพาะจงั หวดั ชายแดนใต้ จำานวน 106 ศนู ย์ มีทต่ี ัง้ ณ 133 ทท่ี าำ การองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ หรอื ท่ที ำาการของชุมชน 134 4.1.5 ศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชนในพน้ื ทอ่ี งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ขนาดใหญ่ กรงุ เทพมหานคร 135 เมืองพัทยา และเทศบาลนคร มที ี่ตัง้ ณ ทท่ี าำ การปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ หรอื ทที่ าำ การ 136 ของชมุ ชน 137 138 4.2 ประเด็นทา้ ทายของการดาำ เนนิ งานศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนกับองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการ 139 ส่งเสริม 140 4.2.1 คำาสั่งกระทรวงยุตธิ รรมกบั การขบั เคล่อื นงานยุตธิ รรม 4.2.2 การกำากับศูนยแ์ บบรวมศนู ยต์ ามระบบราชการ 142 4.2.3 การขาดความเข้าใจในการดำาเนินการของศนู ย์ยุติธรรมชุมชน 143 4.2.4 การต้งั เปา้ และตัวช้ีวดั แบบการบริหารองคก์ รตามภารกิจกระทรวงยตุ ิธรรม 4.2.5 การไมย่ อมรบั รปู แบบคำาสั่งใหมใ่ นการจัดตัง้ ศนู ย์ 4.2.6 การขาดความเข้าใจในบริบทภมู ิภาคและพน้ื ท่ใี นการดาำ เนนิ การของศูนยย์ ุตธิ รรมชมุ ชน 4.2.7 การใช้งบตามแนวทางสำานกั งานตรวจเงินแผน่ ดนิ (สตง.) กับการใช้งบประมาณของ อปท. ในการสนบั สนนุ การดาำ เนินงานศูนยย์ ุติธรรมชุมชน 4.2.8 การขาดแคลนงบประมาณและการใชง้ บประมาณ 4.2.9 ผลกั ดนั ใหน้ ิตกิ ร อปท. มหี น้าท่ีความรับผดิ ชอบในการปฏิบัติงานศูนย์ยตุ ิธรรมชุมชน

ม โครงการวิจยั บทท ่ี 5 ก�รสงั เคร�ะห์ก�รพัฒน�ศักยภ�พและคว�มพรอ้ มขององค์กรปกครองวนทอ้ งถน่ิ หน้� ในก�รส่งเสรมิ ก�รดำ�เนินง�นศูนยย์ ุตธิ รรมชมุ ชน 144 5.1 การทำาความเขา้ ใจบทบาทงานยตุ ิธรรมชมุ ชนใหม่ระหว่างกระทรวงยตุ ิธรรมรว่ มกบั 144 กระทรวงมหาดไทยในส่วนงาน อปท. 5.2 การลดการรวมศนู ยข์ องงานยตุ ิธรรมชมุ ชนส่ทู อ้ งถ่ินใหม้ โี อกาสในการดำาเนนิ งาน 146 ในหลากหลายด้านความสุขของชุมชน มากวา่ ท่จี ะมุ่งที่เฉพาะภารกจิ ของงานกระทรวง 148 5.3 การเข้าใจและเปดิ รบั ความหลากหลายของสภาวะยตุ ิธรรมในท้องถ่นิ แบบทางการ 148 และแบบไม่เป็นทางการ 5.4 การปรบั การวัดผลเชิงสังคมแทนการใช้ตัวชี้วดั จากส่วนกลางในการแบ่งจำาแนกระดบั ศกั ยภาพ 149 150 ศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน 5.5 การปรับปรุงข้อกำาหนดเกยี่ วกบั งบประมาณในการทาำ งานยตุ ธิ รรมชุมชนของ อปท. 151 5.6 การผลกั ดันใหเ้ กดิ รูปธรรมของบนั ทึกข้อตกลงความร่วมมอื (MOU) วา่ ด้วยการอำานวยความ 152 ยุตธิ รรมเพื่อลดความเหล่ือมลำ้าในสังคมไทยของ 4 หนว่ ยงาน เมือ่ วนั ท่ี 8 ธนั วาคม 2557 154 5.7 การเช่อื มโยงงานยุติธรรมชมุ ชนกบั ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) 154 5.8 การใช้พระราชบัญญตั กิ ารไกลเ่ กลีย่ ขอ้ พิพาท พ.ศ. 2562 กับการดาำ เนินการยตุ ิธรรมชุมชน 157 157 บทท ่ี 6 ก�รริเร่มิ ก�รใช้ Application ในก�รพฒั น�ง�นยุตธิ รรม 6.1 วเิ คราะห์สถานการณ์ 164 6.2 การวิจยั เชงิ เปรยี บเทียบสาเหตุ (Causal Comparative Research) 166 166 6.2.1 รายงานสรุปการออกแบบและพฒั นาระบบรายงานและแสดงสถติ กิ ารดาำ เนนิ งานศูนย์ 168 ยุตธิ รรมชุมชนผา่ นแอพพลเิ คชัน่ ไลน์ : “ไลนศ์ ูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน” 169 6.2.2 สรุปผลการใชเ้ ครื่องมือผา่ นแอพพลเิ คชั่นไลน์ : “ไลนศ์ ูนย์ยุติธรรมชมุ ชน” 171 6.3 ข้อเสนอแนะการพฒั นา 173 6.3.1 การพฒั นาเครือ่ งมอื ในการบริหารจดั การข้อมลู 6.3.2 การเช่อื มโยงขอ้ มลู เพ่อื การพัฒนาศักยภาพองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินในการดาำ เนนิ งาน ศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน 6.4 การพฒั นาศกั ยภาพองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในการดาำ เนนิ งานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน บรรณ�นุกรม ภ�คผนวก

ศกั ยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ในการสง่ เสริมการดาำ เนนิ งานศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน ย (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) หน�้ 16 สารบญั ตาราง 18 22 ต�ร�งที่ 38 2.1 ตารางเปรยี บเทยี บกระบวนการยุติธรรมและกระแสหลกั กับกระบวนการยตุ ธิ รรมชุมชน 48 2.2 การติดตามและรายงานผลการดำาเนินงานของศนู ย์ยุติธรรมชุมชน 66 3.1 พ้นื ทกี่ ารสมั ภาษณแ์ ละการลงพ้ืนท่ีประชมุ กลมุ่ ในจังหวดั ภาคใต้ 70 3.2 พนื้ ที่การสัมภาษณแ์ ละการลงพืน้ ท่ปี ระชมุ กลุม่ ในจังหวดั ภาคเหนือ 82 3.3 พ้นื ทกี่ ารสมั ภาษณแ์ ละการลงพื้นที่ประชุมกลุ่มในจงั หวดั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 84 3.4 พืน้ ทีก่ ารสัมภาษณแ์ ละการลงพื้นทป่ี ระชุมกลุ่มในจงั หวัดภาคตะวันออก 3.5 การประชุมกลมุ่ ผ้เู ชยี่ วชาญ 85 3.6 ลกั ษณะท่วั ไปของประชาชน 3.7 คะแนนและร้อยละของคะแนนจากการสำารวจความคดิ เหน็ ของประชาชนต่อปญั หา 87 87 และการแก้ไขปญั หาต่างๆ ภายในชมุ ชน 88 3.8 คะแนนและร้อยละของคะแนนจากการสำารวจความคิดเห็นของประชาชนต่อปญั หา 89 และการแก้ไขปัญหาตา่ งๆ ภายในชมุ ชน รายข้อคาำ ถาม 3.9 รอ้ ยละของหน่วยงานทีป่ ระชาชนขอความชว่ ยเหลือเมื่อได้รับความเดอื ดรอ้ น 90 3.10 ร้อยละของความคิดเห็นของประชาชนต่อการร้จู กั ศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชน 3.11 คะแนนและรอ้ ยละของคะแนนจากการสำารวจความคิดเหน็ ของประชาชนตอ่ การร้จู กั 91 94 ศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชน 3.12 คะแนนและร้อยละของคะแนนจากการสาำ รวจความคิดเห็นของประชาชนตอ่ การรู้จกั 95 ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชน รายขอ้ คาำ ถาม 3.13 จาำ นวนประชาชนทใ่ี หข้ อ้ คดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกบั ความตอ้ งการใหศ้ นู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน จดั การปญั หาในชมุ ชน 3.14 ลักษณะท่ัวไป 3.15 คะแนนและร้อยละของคะแนนจากการสาำ รวจความคิดเห็นของเจ้าหนา้ ทผี่ ูป้ ฏิบัติงาน ในองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ท่มี ตี อ่ การปฏบิ ัตงิ านในศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชน 3.16 คะแนนและรอ้ ยละของคะแนนจากการสำารวจความคิดเห็นของเจ้าหนา้ ทผี่ ูป้ ฏิบตั งิ าน ในองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ต่อการปฏิบัตงิ านในด้านต่างๆ ภายในศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชน รายข้อคาำ ถาม

ร โครงการวิจัย ต�ร�งท่ี หน�้ 97 3.17 คะแนนและร้อยละของคะแนนจากการสาำ รวจความคิดเหน็ ของเจา้ หน้าที่ผู้ปฏบิ ตั ิงาน ในองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทม่ี ตี อ่ การปฏบิ ตั งิ านในศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ 98 (สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) 101 3.18 คะแนนและค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนจากการสาำ รวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ 125 ผูป้ ฏบิ ตั ิงานในองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ต่อการปฏบิ ัตงิ านในด้านตา่ งๆ ภายใน ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปตั ตานี ยะลา นราธวิ าส) 127 รายข้อคาำ ถาม 129 131 3.19 จาำ นวนเจา้ หน้าทผี่ ู้ปฏิบตั งิ านในองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ให้ขอ้ คดิ เห็น/ข้อเสนอแนะ 132 เกีย่ วกับการปฏิบตั ิงานในดา้ นตา่ งๆ ภายในศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน 146 147 4.1 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่จัดตั้งตามคำาสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ 322/2559 โดยสาระสำาคัญคือ 149 มอบหมายให้ปลัดอำาเภอทำาหน้าที่ประธานศูนย์ยุติธรรมชุมชน มีที่ตั้ง ณ ที่ทำาการ 150 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.2 ศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชนแบบด้ังเดมิ ภาคประชาชน โดยมีผูน้ ำาชุมชนทำาหน้าทีป่ ระธานศนู ยย์ ตุ ธิ รรม ชมุ ชน มีท่ีตัง้ ณ ในพ้ืนท่ีชมุ ชน 4.3 ศนู ยย์ ุตธิ รรมชุมชนทม่ี โี ครงสร้างผสมภาคประชาชนกับภาครฐั โดยมผี ู้นำาชมุ ชนเปน็ ประธาน ศูนยย์ ุติธรรมชมุ ชน มีทต่ี ัง้ ณ ทีท่ าำ การองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น 4.4 ศนู ยย์ ุติธรรมชุมชนในเขตพื้นท่ีเฉพาะจงั หวัดชายแดนใต้ จาำ นวน 106 ศนู ย์ มที ่ตี ้งั ณ ทท่ี ำาการองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินหรอื ที่ทำาการของชุมชน 4.5 ศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชนในพื้นที่องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ขนาดใหญ่ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และเทศบาลนคร มีท่ีตั้ง ณ ท่ีทำาการองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ หรือท่ีทำาการของชุมชน 5.1 แผนการดำาเนนิ งานระหว่างกระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในส่วนงาน อปท. 5.2 แผนการดาำ เนินงานการลดการรวมศนู ย์ของงานยตุ ธิ รรมชมุ ชนสู่ทอ้ งถิน่ ให้มีโอกาส ในการดำาเนนิ งานในหลากหลายด้านความสขุ ของชุมชน 5.3 แผนการดำาเนินงานการปรบั การวัดผลเชิงสงั คมแทนการใชต้ ัวชีว้ ดั จากส่วนกลางในการแบง่ จำาแนกระดบั ศักยภาพศนู ยย์ ุติธรรมชุมชน 5.4 แผนการดาำ เนนิ งานปรับปรงุ ขอ้ กำาหนดเกยี่ วกบั งบประมาณในการทาำ งานยุตธิ รรมชุมชน ของ อปท.

ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ในการส่งเสรมิ การดำาเนนิ งานศนู ยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน ล (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ต�ร�งท่ี หน�้ 151 5.5 แผนการดำาเนนิ งานการผลกั ดันใหเ้ กิดรูปธรรมของบนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมือ (MOU) ว่าดว้ ยการอาำ นวยความยุตธิ รรม เพือ่ ลดความเหลอ่ื มลา้ำ ในสังคมไทยของ 4 หนว่ ยงาน 152 เมอ่ื วันที่ 8 ธันวาคม 2557 153 5.6 แผนการดาำ เนนิ งานการเชอ่ื มโยงงานยตุ ธิ รรมชมุ ชนกบั ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) 156 5.7 แผนการดำาเนนิ งานการใชพ้ ระราชบญั ญัติการไกลเ่ กลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 กับการดำาเนนิ การ 157 ยตุ ธิ รรมชุมชน 6.1 ผลการใหบ้ รกิ ารของศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนเปรยี บเทยี บสถติ ิ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 – พ.ศ. 2562 6.2 ผลการประเมนิ ศนู ยย์ ตุ ิธรรมชุมชน ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 – พ.ศ. 2562

ว โครงการวจิ ยั สารบญั ภาพ หน�้ 3 ภ�พท่ี 17 20 1.1 กรอบแนวคิดงานวจิ ัย 2.1 ผลการให้บรกิ ารของศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน 105 2.2 การตดิ ตามและรายงานผลการดำาเนินงานของศูนยย์ ตุ ิธรรมชุมชน 107 3.1 รปู แบบการปกครองทอ้ งถิ่นของประเทศญี่ปนุ่ 107 3.2 ความสัมพันธร์ ะหวา่ งรฐั บาลกลางและรฐั บาลทอ้ งถน่ิ 108 3.3 ตัวอย่างสญั ลกั ษณอ์ งคก์ ร 110 3.4 การใหบ้ ริการทางโทรศพั ทข์ อง Houterasu 145 3.5 แหล่งที่มาของกฎหมาย (sources of law) ของประเทศมาเลเซยี 152 5.1 บทบาทงานยุติธรรมชมุ ชนใหม่ระหว่างกระทรวงยตุ ธิ รรมร่วมกบั กระทรวงมหาดไทย ในส่วนงาน อปท. 159 159 5.2 กรอบความเชือ่ มโยงการพฒั นางานยุติธรรมชมุ ชนกับ ยทุ ธศาสตรช์ าติ (พ.ศ. 2561 - 2580) 160 ยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงยุติธรรม ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) 161 6.1 ภาพไลน์ศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชน 161 6.2 เครอ่ื งมือรายงานการดำาเนนิ งาน และรายงานความคบื หน้า 162 6.3 ตัวอยา่ งลาำ ดบั การรายงานเร่ืองใหม่และรายงานความคืบหนา้ 163 6.4 ไลนศ์ นู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนสว่ นแสดงรายการเรอ่ื งทอ่ี ยรู่ ะหวา่ งการดาำ เนนิ งานของศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน 167 ของสมาชิกและไลนศ์ ูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนสว่ นสรปุ รายงานที่อย่รู ะหว่างการดำาเนินงาน กอ่ นรายงานความคบื หน้า 6.5 ไลนศ์ นู ยย์ ุติธรรมชมุ ชนสว่ นดขู ้อมูลสถติ ผิ ลการดาำ เนนิ งาน 6.6 ไลน์ศนู ย์ยุติธรรมชมุ ชนส่วนดูข้อมลู สถติ ผิ ลการดำาเนนิ งานตา่ งๆ 6.7 การออกแบบและพัฒนาระบบรายงานและแสดงสถติ กิ ารดำาเนนิ งานศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน 6.8 การวเิ คราะหแ์ ละแสดงภาพสถานการณ์การอำานวยความยุติธรรมดว้ ยการสร้างชุดขอ้ มลู และการนาำ เขา้ ขอ้ มูลผลการดำาเนินงานของศนู ยย์ ุติธรรมชมุ ชน

ศกั ยภาพและความพร้อมขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ในการสง่ เสริมการดาำ เนินงานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน 1 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) บทท่ี 1 บทนำ� งำนวิจยั 1.1 บทนำ� วำ่ ดว้ ยหลักกำรเหตุผลและสำเหตุในกำรดำ� เนนิ กำรวิจัย กระทรวงยุติธรรมมีเป้าหมายท่ีจะพัฒนาระบบงานยุติธรรม เพ่ืออ�านวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว มีความเสมอภาคและเป็นธรรม จากหลักการดังกล่าวกลายมา เป็นภารกจิ หลกั ของกระทรวงฯ ภายใตป้ ระเด็นยุทธศาสตร์ “ยุตธิ รรมถ้วนหนา้ ประชามสี ่วนร่วม” มุ่งเน้นการน�าภาค ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบของเครือข่ายยุติธรรมชุมชน ภายใต้ภารกิจกิจของส�านักงานยุติธรรมจังหวัด และยุติธรรมชุมชน รวมท้ังการน�าภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะร่วมกันด�าเนินการเป็น “หุ้นส่วน” เพื่อ แก้ปัญหาในมิติความยุติธรรม การถูกเอารัดเอาเปรียบ การมีข้อขัดแย้งน�าไปสู่ข้อพิพาทอันจะน�ามาซ่ึงค่าใช้จ่าย และ ความไม่สงบสุขในชุมชน น�าไปสู่การด�าเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดยุติธรรมชุมชน ซ่ึงเป็นการด�าเนินงานท่ีเข้าไป สนับสนุน ส่งเสริมและลดภาระกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก โดยเร่ิมจากโครงการน�าร่องยุติธรรมชุมชน ต้ังแต่ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน โดยให้ภาคประชาชนเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับกระทรวงยุติธรรม และ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานปกครองส่วนท้องถ่ินหรือ อปท. เพ่ือสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันและขยาย การทา� งานในมิตดิ า้ นความยุตธิ รรมไปสู่การสรา้ งความเขม้ แข็งให้กับชุมชนในมิตอิ ื่น ๆ หลกั การดังกลา่ วสอดคลอ้ งกับกระบวนการปฏิรปู ระบบราชการ การกระจายอา� นาจสทู่ อ้ งถนิ่ ดว้ ยเหตุผลตาม เจตนารมณ์การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นไปตามระบบการบริหารราชการแนวใหม่ภายใต้หลัก การบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล มุ่งเน้นการกระจายอ�านาจท้ังด้านบริหารและการปกครองไปสู่หน่วยงานอื่น ๆ ทไี่ มใ่ ชส่ ว่ นราชการ เชน่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ องคก์ รเอกชน องคก์ รมหาชน เปน็ ตน้ เพอ่ื ลดบทบาทการบรหิ าร จัดการสาธารณะ และสนับสนุนให้ภาคเอกชน ภาคประชาชน และท้องถ่ินได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร จัดการสาธารณะในท้องถิ่นด้วยตนเองมากขึ้น ซ่ึงเป็นแนวคิดท่ีสืบเน่ืองมาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 เรื่องการกระจายอ�านาจสู่ทอ้ งถ่นิ และการช่วยเหลอื ให้ ความยตุ ธิ รรมแกป่ ระชาชนจนเกิดเปน็ กฎหมาย ได้แก่ กฎหมายเทศบาล กฎหมายสภาตา� บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ น ตา� บล และพระราชบัญญัติก�าหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอา� นาจสทู่ ้องถ่นิ พ.ศ. 2542 เปน็ ตน้ นอกจากน้นั ภารกิจ “ดา้ นยตุ ธิ รรมชุมชน” ยังเช่ือมโยงกบั แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสรา้ งความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้า� ในสังคม เปา้ หมายท่ี 2 เพิ่มโอกาส การเข้าถึงบริการพื้นฐานทางสังคมของภาครัฐ แนวทางการพัฒนาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค โดยการให้ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าท่ีตามกฎหมายแก่ประชาชน การพัฒนาศักยภาพชุมชนให้มีส่วนร่วม ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบยุติธรรมชุมชน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพชุมชน โดยท�างานแบบมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ อปท. ในการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล�้าในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพ่ือเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ ให้ทุกกระทรวงมีการประสานการท�างานบูรณาการงานระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถ่ินในทุกพ้ืนที่

2 โครงการวิจัย เพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยยึดประโยชน์ของประชาชนในพื้นท่ีและประเทศเป็นหลัก ซ่ึงกระทรวง ยุติธรรมจัดท�าบันทึกข้อตกลงร่วมมือ (MOU) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการขับเคล่ือนนโยบายการอ�านวย ความยุติธรรมเพ่ือลดความเหล่ือมล้�าในสังคม โดยปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนข้ึนแล้ว จ�านวน 7,788 แห่ง ในพ้ืนท่ีทุกต�าบลท่ัวประเทศ และในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร จ�านวน 4 เขต ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 ศูนย์ยุติธรรม ชุมชนตั้งอยู่ในส�านักงานเทศบาลต�าบล และอบต. ที่เหลือมีสัดส่วนเล็กน้อยท่ีตั้งอยู่ที่ศาลาประชาคมและที่ท�าการ ผ้ใู หญ่บ้าน เพ่ือให้ภารกิจ “ด้านยุติธรรมชุมชน” บรรลุตามวัตถุประสงค์คือประชาชนรู้สึกม่ันคงปลอดภัย และเข้าถึง ความยุติธรรม ชุมชนมีศักยภาพและความสมานฉันท์ กระทรวงยุติธรรมเห็นควรให้มีการองค์ความรู้ และนวัตกรรม ในการค้นหารูปแบบหรือแนวทางในการการบริหารจัดการศูนย์ยุติธรรมชุมชนให้ประสบความส�าเร็จอย่างย่ังยืน ซึ่งสอดคล้องตามยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั แหง่ ชาติฉบบั ท่ี9(พ.ศ.2560–2564)ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ัยที่1,3และ6กระทรวงฯ จึงเร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากร ผู้เก่ียวข้อง และนักวิจัยรุ่นใหม่ ได้ท�าการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ สร้างนวัตกรรมในการท�างานเพื่อตอบสนองภารกิจ “ด้านยุติธรรมชุมชน” โดยท�าการศึกษา ค้นหา แนวทาง/รูป แบบ “การบริหารจัดการศูนย์ยุติธรรมชุมชนให้ประสบความส�าเร็จอย่างย่ังยืน” เพ่ือท่ีจะน�าผลการศึกษาวิจัย องคค์ วามรแู้ ละนวตั กรรมจากงานวจิ ยั ไปใช้ประโยชน์ และขยายผลอย่างเป็นรปู ธรรมต่อไป จากข้อมูลการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนทั่วประเทศพบว่า ส่วนใหญ่ศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีสถานที่ต้ังอยู่ใน สา� นักงานเทศบาลตา� บล และทที่ �าการ อบต. และตามคา� สง่ั กระทรวงยุติธรรมที่ 322/2559 เรือ่ ง การบรหิ ารงานศนู ย์ ยุติธรรมชุมชน มีคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนเป็นผู้ด�าเนินการ ซึ่งคณะกรรมการเป็นผู้แทนจากภาคประชาชน ชมุ ชนและภาคราชการ เช่น ผู้นา� องคก์ ร/กลมุ่ อาชพี ในต�าบล ต�ารวจชุมชน เป็นต้น นอกจากนั้นยงั ประกอบดว้ ย นายก องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ในต�าบล และนิตกิ รหรอื เจ้าหนา้ ทข่ี ององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ทา� หนา้ ที่กรรมการและ เลขานุการ และเพื่อให้การบริหารงานศูนย์ฯ ทั่วประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดผลสัมฤทธิ์ ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม จึงก�าหนดให้ศูนย์ประสานงานราชการกระทรวงยุติธรรมและส�านักงาน ยุติธรรมจังหวัด ท�าหน้าที่พัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนการด�าเนินงานของศูนย์ฯ ในเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบ เพ่ือเสริม สรา้ งความเข้มแขง็ และย่ังยนื ของศนู ยย์ ุตธิ รรมชมุ ชน ดังน้ัน การบริหารจัดการภารกิจงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ให้ประสบผลส�าเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพและ มีความยั่งยืนได้นั้น ต้องอาศัยการประสานความร่วมมือจาก ชุมชน คณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน และผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในระดับพื้นท่ี เพื่อให้การศึกษามีความครบถ้วนในทุกมิติ และเพื่อการท�างานขับเคล่ือนศูนย์ ยุติธรรมชุมชน คณะผู้วิจัยเล็งเห็นว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซ่ึงเป็นหน่วยงานท่ีมีความใกล้ชิดกับประชาชนและ ชุมชนมากท่ีสุด ท้ังการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีผ่านมานั้น กระทรวงยุติธรรม ซ่ึงเป็นหน่วยงานหลักในการบริหาร นโยบายและขบั เคล่ือนงานศูนย์ยุติธรรมชมุ ชน ไดส้ รา้ งความร่วมมือกับ “องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ” เพื่อใหส้ ่งเสรมิ การท�างานศูนย์ยุติธรรมชุมชนในการอ�านวยความสะดวกในด้านสถานที่และบุคลากรของ อปท. เพ่ือการขับเคล่ือน งานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงมุ่งศึกษาในประเด็น “ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินในส่งเสริมการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน” เพื่อศึกษา และค้นหารูปแบบ/แนวทางในการด�าเนินงาน ศูนย์ยุติธรรมชุมชนภายใต้การด�าเนินงานของกระทรวงยุติธรรม ที่ตั้งอยู่ใน อปท. ให้ประสบความส�าเร็จอย่างมี

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศูนยย์ ุตธิ รรมชุมชน 3 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) บูรณาการได้ 2 ส่วน กล่าวคือ 1) ศึกษาความต้องการและความพร้อมของชุมชน ในการสนับสนุน ส่งเสริม และการ มีสว่ นร่วมในการดา� เนนิ งานของศูนยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนในต�าบล และ 2) ศึกษาความพรอ้ ม/ศักยภาพขององค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่นิ ในฐานะเปน็ ผดู้ ูแลสถานทจ่ี ดั ตัง้ ศนู ย์ยตุ ธิ รรมชุมชน และเปน็ คณะกรรมการศนู ยย์ ตุ ิธรรมชุมชน ที่มีความ ใกล้ชิดกับประชาชนและชุมชนมากท่ีสุด ซ่ึงรูปแบบ/แนวทางในการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีได้มา จะ สามารถส่งเสริมและขับเคล่ือนการด�าเนินนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ให้สามารถตอบสนองความต้องการของ ชุมชน และปรับปรุงการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนได้ท�าให้ประชาชนในชุมชนมีความรู้สึกม่ันคง ปลอดภัย ลด ความเหลือ่ มลา�้ และเขา้ ถึงความยุตธิ รรมไดอ้ ย่างยง่ั ยืนต่อไป 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของกำรวจิ ัย 1) เพื่อศึกษารูปแบบศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการด�าเนินงานศูนย์ ยุตธิ รรมชมุ ชน 2) เพอ่ื ศกึ ษารปู แบบความต้องการของชุมชนและเหตปุ จั จัยทช่ี ่วยส่งเสริมการดา� เนินงานศูนยย์ ุติธรรมชมุ ชน 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการด�าเนินงานตามรูปแบบศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีได้จากผลการศึกษาและสังเคราะห์ แนวทาง วิธกี ารดา� เนินงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ในการบรหิ ารจัดการศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชนอยา่ งเปน็ รปู ธรรม กรอบแนวคิดของงำนวิจัย แนวคดิ จากประเทศญป่ี ุ่น มาเลเซีย และ สปป.ลาว อปท.ด�ำ เนนิ ง�น เจ�้ หน�้ ท่ี คว�มตอ้ งก�รของชมุ ชน ต�มภ�รกจิ ด�้ น องคก์ รปกครอง 1.จ�ำ นวนเรอ่ื งรอ้ งเรยี น รอ้ งทกุ ข์ “ยตุ ธิ รรมชมุ ชน” สว่ นทอ้ งถน่ิ 2.จ�ำ นวนปญั ห�คว�มเดอื ดรอ้ นในชมุ ชน 3.จ�ำ นวนครง้ั ของก�รมสี ว่ นรว่ มของ 1. โครงสร�้ งองคก์ รและ ศกั ยภ�พ/ แนวท�ง/วธิ กี �ร คว�ตอ้ งก�ร/ กระบวนง�น คว�มพรอ้ ม ด�ำ เนนิ ง�นของ คว�มพรอ้ ม ประช�ชนในก�รด�ำ เนนิ ง�น ของ อปท. ศนู ยย์ ตุ ธิ รรม ของชมุ ชน “ยตุ ธิ รรมชมุ ชน” 2. รปู แบบในก�รบรหิ �ร (ศกึ ษ� 4 ด�้ น แนวคดิ /ทศั นคตขิ องผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี จดั ก�รหรอื ทศั นคติ จ�กทฤษฎี 7s) ชมุ ชน ในชมุ ชนเกย่ี วกบั ก�รด�ำ เนนิ ง�น ของผนู้ �ำ องคก์ ร “ยตุ ธิ รรมชมุ ชน” 1.ก�ำ นนั /ผใู้ หญบ่ �้ น 3. ทกั ษะคว�มรู้ 2.ผนู้ �ำ ชมุ ชน คว�มส�ม�รถในก�ร 3.ต�ำ รวจชมุ ชน ปฏบิ ตั งิ �น 4.อ�ส�สมคั ร/เครอื ข�่ ยยตุ ธิ รรมชมุ ชน 5.ประช�ชนในชมุ ชน 4. ค�่ นยิ มรว่ มหรอื เป�้ หม�ยสงู สดุ น�ำ แนวท�ง/วธิ ีก�รดำ�เนนิ ง�นท่ีไดไ้ ปทดลองวิจยั เชิงเปรียบเทยี บส�เหตุ (Causal Comparative Research) กบั ศูนย์ยุติธรรมชุมชน จำ�นวน 10 แหง่ ภ�พท่ี 1.1 กรอบแนวคดิ งานวจิ ยั

4 โครงการวจิ ัย 1.3 วธิ กี ำรด�ำเนนิ กำรวจิ ัย 1. ก�รวิจยั เชงิ คุณภ�พ ประกอบดว้ ย - ก�รวิจัยเชิงพ้ืนท่ีโดยก�รสัมภ�ษณ์ ( Field Research and Interview) ข้อมูลคว�มเป็นจริง ข้อมูลคว�มต้องก�รของพ้ืนทที่ ี่เกี่ยวข้องกับศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริม การด�าเนนิ งานศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน - ก�รวิจัยเชิงเปรียบเทียบส�เหตุ (Causal Comparative Research) โดยการศึกษาเปรียบเทียบ ศูนย์ยุติธรรมชุมชนตัวอย่างท่ีมีการน�ารูปแบบการท�างานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมจากที่ ได้ด�าเนินการวิจัยลงพื้นที่ในชุมชนเป้าหมาย รวมท้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ีมีความเข้มแข็งท่ีอาจจะเกิดจากปัจจัยอ่ืน และรูปแบบความต้องการของชุมชนต่อการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนจากท่ีได้ข้อค้นพบ เพื่อมาประยุกต์ ใชใ้ นการดา� เนนิ งานของศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชน รวมทง้ั นา� ผลท่ีได้จากการวิจัยเชงิ เปรียบเทยี บสาเหตแุ ละการสงั เกตการณ์ ดงั กลา่ วเพ่ือสรุปเป็นรายงานผลการดา� เนนิ งาน ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะต่อไป คณะผูว้ ิจยั ได้ดา� เนนิ การศกึ ษาตามล�าดับข้นั ตอน ดงั นี้ 1) วิธกี ารวจิ ยั 2) ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 3) ขน้ั ตอนการด�าเนนิ งาน 4) เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการวจิ ยั 5) การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและการใชส้ ถิตเิ พ่อื การวิเคราะห์ข้อมลู 1) วธิ ีก�รวิจัย รูปแบบการวิจัย ส�าหรับการศึกษาครั้งน้ีท�าการศึกษาวิจัยแบบวิธีผสมผสาน (Mixed methods) ซึ่ง สามารถอธบิ ายรายละเอียดได้ ดงั นี้ 1.1 การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ใช้วิธีการส�ารวจ (Survey Research) โดยใช้ แบบสอบถามกบั กลุ่มตวั อย่าง 2 กลมุ่ ดงั นี้ 1.1.1 ผู้มีอ�านาจปฏิบัติงานให้แก่ศูนย์ยุติธรรมชุมชน สมาชิกและผู้บริหารงานองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ซึ่งส่งเสริมการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนซ่ึงเป็นศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่จัดต้ังขึ้นในพื้นท่ีส�านักงานยุติธรรม จงั หวดั น�ารอ่ ง 19 จังหวดั และสา� นกั งานยุตธิ รรมจังหวดั ที่ไมไ่ ดน้ า� ร่อง 3 จงั หวดั 1.1.2 ประชาชนในพ้นื ท่ชี มุ ชนจากการเก็บข้อมูลภาคสนาม 13 จังหวดั 29 ชุมชน เพื่อศึกษารูปแบบศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรม ชุมชน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติ ซ่ึงสถิติท่ีใช้ในการศึกษา คือ สถิติพรรณนา (Descriptive Statistic) ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ในการอธิบายความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ ด�าเนินงานยตุ ธิ รรมชมุ ชน

ศกั ยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในการสง่ เสริมการดาำ เนนิ งานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน 5 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) 1.2 การวจิ ัยเชิงคณุ ภาพ (Qualitative Research) (1) ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เพื่อทราบเก่ียวกับปัญหา อุปสรรค รูปแบบ ความต้องการของชุมชนต่อการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชนและรูปแบบการส่งเสริมการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรม ชุมชนโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Random) อันเป็นการเลือก กลุ่มตัวอย่างท่ีผู้วิจัยได้ท�าการพิจารณาเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยตนเอง เพื่อท�าการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหาร นักการ เมอื ง และผทู้ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การดา� เนินงานขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ใน เมอื งพัทยา กรมการส่งเสรมิ การปกครอง กระทรวงมหาไทย ส�านักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือผู้เก่ียวข้องอ่ืนที่มีความรู้และประสบการณ์เก่ียวกับงานยุติธรรม ชุมชน จา� นวน 6 คน (2) ใช้วิธีการสัมภาษณ์ ซึ่งผู้วิจัยเลือกใช้วิธีการแบบการสนทนากลุ่ม (Focus groups discussion) ผู้ที่เก่ียวข้องกับงานยุติธรรมชุมชน เช่น ก�านัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้น�าชุมชน ต�ารวจชุมชน อาสาสมัครยุติธรรมชุมชน เครือข่ายยุติธรรมชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท่ีเก่ียวข้อง โดยเลือกท�าการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบ เฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) จากผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานยุติธรรมชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จังหวัดละไม่ น้อยกว่า 10 คน เพ่ือทราบข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของชุมชนต่อการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรม ชมุ ชนในแตล่ ะมิติตามกรอบการศกึ ษา ส่วนการเลือกศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่จะศึกษาทางคณะผู้วิจัยใช้วิธีการเลือกพื้นที่แบบเจาะจง 13 จังหวัด (Purposive sampling) ซึ่งสามารถศึกษาครอบคลุมได้ครบท้ัง 5 ภูมิภาค โดยจะเป็นศูนย์ยุติธรรมชุมชนท่ี ต้ังอยู่ในพ้ืนท่ีของส�านักงานยุติธรรมจังหวัดน�าร่อง 19 จังหวัด และพ้ืนที่ของส�านักงานยุติธรรมจังหวัดที่ไม่ได้น�าร่อง ซึ่งได้มีการศึกษาจากข้อมูลผลการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนค้นพบว่ามีความเข้มแข็งของชุมชนร่วมกับหน่วย งานที่เก่ียวขอ้ งน�าไปสู่การขับเคลอ่ื นศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชน (3) การรวบรวมเอกสารส�าคัญ (Documentation) ซ่ึงเป็นการศึกษาจากข้อมูลที่เก่ียวข้องท่ีมีอยู่ เดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นทางการ ได้แก่ ข้อมูลทางราชการ แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการประจ�าปี รายงานการประชุม ขอ้ สั่งการ กฎหมาย ข้อบังคับ โดยนา� ขอ้ มลู ทีไ่ ด้มาใช้ในการอภปิ รายผลการศึกษาวจิ ัย เพื่อศึกษา จ�านวนเร่ืองร้องเรียน ร้องทุกข์ จ�านวนปัญหาความเดือดร้อนในชุมชนจ�านวนคร้ังของการมีส่วนร่วมของประชาชนใน การดา� เนนิ งาน “ยุติธรรมชุมชน” 1.3 การวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal comparative research) โดยเปรียบเทียบศูนย์ยุติธรรม ชุมชนเปา้ หมาย 10 แห่ง ในพนื้ ที่ 5 จังหวัด ซ่งึ เปน็ ศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชนทีป่ ระสบความส�าเร็จมีศกั ยภาพเข้มแขง็ โดย เป็นผลจากการท�างานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีความพร้อมจากที่ได้ศึกษาวิจัยและศูนย์ยุติธรรมชุมชน เป้าหมายท่ีมีศักยภาพเข้มแข็งจากความพร้อมของชุมชนจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมทั้งรูปแบบความ ต้องการของชุมชนต่อการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนจากที่ได้ศึกษาวิจัย เพื่อน�าผลท่ีได้จากการทดลองและ การสังเกตการณ์ดังกล่าวมาสังเคราะห์และสรุปผลเป็นรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ ซ่ึงประกอบไปด้วย ปัญหาและ อุปสรรค แนวทางการด�าเนินงานขับเคลื่อนศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่สามารถด�าเนินงานได้จริงเป็นรูปธรรม และข้อเสนอ แนะเชงิ ปฏิบัติอย่างเป็นรปู ธรรมต่อไป

6 โครงการวจิ ัย 2) ประช�กรและกลุ่มตัวอย่�ง ประชากร ที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งน้ี คือผู้ปฏิบัติงาน ผู้บริหาร อปท. (เทศบาล / อบต.) และเครือข่าย ยุติธรรมชมุ ชน และผู้มีสว่ นได้ส่วนเสยี ทีเ่ ก่ยี วข้องกับการดา� เนินงานศูนยย์ ตุ ธิ รรมชุมชน ในพ้นื ที่ 19 จงั หวดั ทมี่ กี าร จดั ตง้ั ศูนยย์ ตุ ิธรรมชุมชน ในพน้ื ท่ีส�านักงานยตุ ิธรรมจงั หวัดนา� รอ่ ง ไดแ้ ก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวดั ฉะเชิงเทรา จงั หวดั ลพบรุ ี จังหวดั นครปฐม จงั หวัดเพชรบุรี จงั หวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดภูเก็ต จงั หวัดสงขลา จงั หวัดชลบรุ ี จงั หวดั อุดรธานี จังหวดั สกลนคร จงั หวัดขอนแกน่ จงั หวัดนครราชสมี า จงั หวัดอุบลราชธานี จังหวดั เชียงใหม่ จงั หวัดเชยี งราย จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ และ จังหวัดปัตตานี และพ้ืนท่ีจังหวัดที่มีการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพ้ืนท่ี สา� นกั งานยตุ ธิ รรมจงั หวัดไม่น�ารอ่ ง ได้แก่ กรงุ เทพมหานคร จงั หวัดน่าน และจงั หวดั ตรงั กลมุ่ ตวั อย่�งเชิงปรมิ �ณ ได้แก่ ผ้ปู ฏบิ ตั ิงานและมสี ่วนเกีย่ วขอ้ งกบั ศูนยย์ ตุ ิธรรมชุมชนภายใน อปท. จา� นวน 1,297 คน ประชาชนในพนื้ ที่ชมุ ชนในการวิจยั ภาคสนาม จ�านวน 2,922 คน กลุ่มตัวอย่�งเชิงคุณภ�พ การเก็บข้อมูลการวิจัยโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กลุ่มตวั อย่าง อาทิ ผู้บรหิ ารกระทรวงยตุ ธิ รรม ผบู้ รหิ ารกระทรวงมหาดไทย นักการเมอื งทอ้ งถ่ิน และผู้ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับ การด�าเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือผู้เก่ียวข้องอื่นท่ีมีความรู้และประสบการณ์เก่ียวกับงานยุติธรรม ชุมชน จ�านวน 3 คน ในส่วนการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการแบบการสนทนากลุ่ม (Focus groups discussion) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั งานยตุ ธิ รรมชมุ ชน เชน่ กา� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ผนู้ า� ชมุ ชน ตา� รวจชมุ ชน อาสาสมคั รยตุ ธิ รรมชมุ ชน เครอื ขา่ ย ยตุ ธิ รรมชมุ ชนและผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี จา� นวน 13 จงั หวดั โดยเกบ็ ขอ้ มลู วจิ ยั กบั 7 จงั หวดั ทมี่ กี ารจดั ตงั้ ศนู ยย์ ตุ ธิ รรม ชมุ ชนในพน้ื ทส่ี า� นกั งานยตุ ธิ รรมจงั หวดั นา� รอ่ ง ไดแ้ ก่ จงั หวดั เชยี งใหม่ จงั หวดั ขอนแกน่ จงั หวดั สงขลา จงั หวดั ปตั ตานี จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดชลบุรี และจังหวัดอุดรธานี และ 6 จังหวัดท่ีมีการจัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพ้ืนที่ สา� นกั งานยตุ ธิ รรมจงั หวดั ไมน่ า� รอ่ ง ไดแ้ ก่ จงั หวดั ศรสี ะเกษ จงั หวดั ยะลา จงั หวดั นราธวิ าส จงั หวดั ตรงั จงั หวดั นา่ น และ กรงุ เทพมหานคร ทม่ี ขี อ้ คน้ พบจากการวจิ ยั เพอื่ การวจิ ยั เชงิ เปรยี บเทยี บสาเหตุ (Causal comparative research) กลุ่มตัวอย่างการวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal comparative research) ได้แก่ ศูนย์ยุติธรรมชุมชน ที่มีการจัดต้ังในพื้นท่ีส�านักงานยุติธรรมจังหวัดน�าร่องและจังหวัดไม่น�าร่อง 16 แห่ง ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัด อุดรธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส จังหวัดตรัง และจังหวัด ชลบรุ ี ซ่งึ ศนู ยย์ ตุ ิธรรมชมุ ชนกลุ่มทเี่ ป็นตวั อยา่ งจา� นวน 16 แห่งนี้จะเป็นตัวแทนของท้ัง 5 ภูมิภาค โดยทางคณะวิจัย จะแบง่ กลุ่มสา� หรบั การวจิ ัยเปรียบเทยี บสาเหตุ แบง่ ออกเป็น 2 กล่มุ ได้แก่ กลุม่ เปา้ หมายวิจัยเชิงเปรยี บเทยี บสาเหตุ จา� นวน 8 แหง่ และกลุ่มควบคุม จา� นวน 8 แห่ง โดยมเี งือ่ นไขตงั้ ตน้ ท่เี หมอื นกัน เชน่ จ�านวนประชากร จ�านวนผูป้ ฏบิ ตั ิ งาน ความหนาแนน่ ของชุมชน ปรมิ าณคนทีม่ าติดตอ่ ขอรบั บริการเทา่ กัน เปน็ ต้น วิธีการวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal comparative research) จะเกิดข้ึนเม่ือทางคณะวิจัยได้มีการ สังเคราะห์รูปแบบความพร้อมของ อปท. ในการด�าเนินงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน และรูปแบบความต้องการของชุมชน ท่ีมีต่อการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนแล้ว ท�าให้สามารถก�าหนดเป็นรูปแบบกิจกรรมท่ีจะส่งเสริมการท�างาน

ศักยภาพและความพรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ในการส่งเสรมิ การดาำ เนนิ งานศูนย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 7 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ของศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชนภายใต้การสง่ เสริมจาก อปท.ได้ ดังน้นั คณะวิจัยจะด�าเนนิ การวจิ ยั เปรียบเทียบสาเหตกุ ับศูนย์ ยุติธรรมชุมชนในพ้ืนที่กลุ่มเป้าหมาย เพ่ือค้นหาสาเหตุความแตกต่าง เหตุปัจจัยความส�าเร็จ ซ่ึงจะน�าไปสู่การค้นพบ ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ แม้คณะวิจัยใช้เครื่องมือวิธีการวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ ซ่ึงจะได้ข้อมูลท่ีกว้างกว่าการวิจัย แบบทดลอง เนื่องจากมขี อ้ จัดกดั ในเรอ่ื งระยะเวลาการวจิ ัยและงบประมาณในการทดลองเพอื่ ผลทางการวิจยั แต่คณะ วิจัยต้ังเป้าหมายให้ได้ปรากฏการณ์ในแง่มุมท่ีกว้าง ท�าให้ได้ข้อมูลท่ีเป็นธรรมชาติจากการสังเกตและการใช้เคร่ืองมือ เทคโนโลยีสารสนเทศ เครื่องมือผ่านแอปพลิเคชันไลน์ : “ไลน์ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” เพ่ือให้ได้การต้ังสมมุติฐานเพ่ือใช้ ในการขับเคล่ือนนโยบายและการด�าเนินการของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ดังนั้น คณะวิจัยจะด�าเนินการติดตามกลุ่มเป้า หมายเป็นระยะและเปรยี บเทียบความแตกตา่ งของท้งั 2 กลมุ่ เพอ่ื ใช้ในการสรุปและอภปิ รายผลตอ่ ไป 3) ข้ันตอนก�รดำ�เนินง�น 3.1 กา� หนดแผนงานของโครงการ และส่งตวั อย่างแบบสอบถาม 3.2 ด�าเนินการทดลองเครื่องมือวิจัยและเก็บข้อมูลการวิจัยโดยใช้แบบสอบถามกับผู้ปฏิบัติงานและ มีส่วนเก่ียวข้องกับศูนย์ยุติธรรมชุมชนภายใน อปท. ในพื้นที่จัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน 22 จังหวัด และประชาชน ในพ้นื ทีช่ ุมชนในการวจิ ยั ภาคสนาม 13 จงั หวัด 3.3 เก็บข้อมูลการวิจัยเชิงปริมาณและบันทึกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อน�าไปประมวลผล ดว้ ยโปรแกรมสา� เรจ็ รูปทางสถติ ิ 3.4 เก็บข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้แนวการสัมภาษณ์แบบก่ึงมีโครงสร้าง ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสนทนากลุ่มยอ่ ย (Focus groups discussion) กบั ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานยตุ ิธรรมชมุ ชน เพื่อนา� ข้อมูลทไ่ี ดม้ าทา� การวิเคราะห์สนับสนุนผลการวิจัยต่อไป 3.5 สังเคราะห์รูปแบบกิจกรรมที่ได้จากการศึกษาเชิงปริมาณและคุณภาพ เพ่ือน�าไปใช้กับการศึกษา เชิงทดลอง เพื่อศึกษาเปรียบเทียบ สังเคราะห์แนวทาง วิธีการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสามารถแล้วเสร็จภายในเวลาที่ก�าหนดไว้ และทั้งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มประสิทธิภาพจากกระทรวงยุติธรรม เพ่ือสนับสนนุ การขับเคล่อื นการด�าเนินงานศูนย์ยตุ ิธรรมชมุ ชนตอ่ ไป 3.6 วเิ คราะห์ และอภปิ รายผลการวจิ ัย 4) เคร่ืองมือท่ใี ช้ในก�รวิจยั เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามส�าหรับการวิจัยเชิงปริมาณ และแนวทางการสัมภาษณ์วิจัย เชิงคุณภาพเพ่อื ใช้เก็บรวบรวมขอ้ มูลที่ผู้วิจยั ได้สรา้ งข้นึ เครอ่ื งมือวจิ ยั มีดงั น้ี 4.1 เคร่ืองมือส�าหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ซึ่งเป็นการ เก็บข้อมูลโดยอาศัยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับกลุ่มตัวอย่างที่สามารถให้ข้อมูลในเชิงลึกเพ่ือ สนับสนุนงานวิจัยเชิงปริมาณได้ และแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างส�าหรับการสนทนากลุ่ม ซึ่งผู้วิจัยเลือกใช้วิธี การแบบการสนทนากลุ่มย่อย (Focus groups discussion) กับผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับงานยุติธรรมชุมชน 2) การรวบรวม เอกสารส�าคัญ (Documentation) ซึ่งเป็นการศึกษาจากหลักฐานข้อมูลท่ีเป็นเอกสาร ได้แก่ ข้อมูลทางราชการ

8 โครงการวิจยั แผนยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนปฏิบัตกิ าร รายงานการประชุม ขอ้ สง่ั การ กฎหมาย ข้อบงั คบั 4.2 เคร่ืองมือส�าหรับการวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ แบบสอบถาม แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆตามปัจจัยของ ตัวแปรอิสระ และปัจจัยด้านความพร้อม ซึ่งค�าถามจะเป็นแบบ (Check list) และมาตราส่วนประมาณค่า (Likert scale) และก�าหนดเกณฑ์การตัดสินและพิจารณาค่า ท้ังน้ีเครื่องมือจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โดยนา� แบบสอบถามท่ีผเู้ ชยี่ วชาญตรวจสอบแลว้ มาวิเคราะห์ความสอดคล้องของความตรงเชงิ เนือ้ หา (IOC) และหาคา่ ความเชอ่ื มั่นของแบบสอบถามก่อนการเก็บขอ้ มูล 4.3 เคร่ืองมือส�าหรับการวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal comparative research) ได้แก่ การ ศึกษาตัวแปรธรรมชาติ การศึกษากลุ่มตัวอย่างทั้งกลุ่มการวิจัยเชิงการวิจัยเปรียบเทียบสาเหตุ เป้าหมายและกลุ่ม ควบคุม เพ่ือเปรียบเทียบหาความแตกต่างในการด�าเนินงานตามรูปแบบ แนวทางวิธีการของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ต้นแบบท่ีเป็นรปู ธรรม โดยใชก้ ารประเมินผลการด�าเนนิ งานและการแสดงศกั ยภาพของผู้มสี ่วนเกีย่ วขอ้ ง ใช้การศกึ ษา จากการสังเกตตัวแปรตามแล้วศึกษาย้อนกลับไปหาตัวแปลอิสระ เพ่ือสรุปในเชิงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน (Func- tional relationship) หรือแนวโน้มของความสัมพันธ์ในเชิงสาเหตุ โดยจะใช้ระบบรายงานและแสดงสถิติการด�าเนิน งานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลบนแอปพลิเคชันท่ีคนส่วนใหญ่ใช้งานจึงเป็นไปได้ในการพัฒนา ระบบต้นแบบ จึงพัฒนาให้ท�างานบนแอปพลิเคชันไลน์ หรือ “ไลน์ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” ที่จะเป็นตัวอย่างหน่ึงในการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาระบบรายงานการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนให้มีประสิทธิภาพ มีการจัดการ และคัดกรองข้อมูล สนับสนุนการมีส่วนร่วมและความสะดวกในการรายงาน ตลอดจนสามารถเป็นกระบวนการที่ กรรมการศนู ยฯ์ หนว่ ยงานกา� กบั ดแู ลทเี่ กยี่ วขอ้ ง หรอื บคุ คลทว่ั ไป รบั รขู้ อ้ มลู ของรายงานใหมแ่ ละเขา้ ถงึ รายงานไดท้ นั ที 5) ก�รวิเคร�ะห์ข้อมูลและก�รใช้สถิตเิ พอื่ ก�รวเิ คร�ะห์ขอ้ มูล เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากการใช้เคร่ืองมือและการวิจัยแบบผสม รวมทั้ง ข้อค้นพบสถานการณจ์ ริงของขอ้ จา� กดั ในการจัดเกบ็ ข้อมลู ทีจ่ ะไดแ้ สดงผลในบทวิเคราะหก์ ารวิจยั ตอ่ ไป 5.1 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ คือ การใชแ้ บบสอบถามไปยงั กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ 5.1.1 แบบสอบถามประชาชนในพืน้ ท่ตี า� บล 13 จงั หวัด จา� นวน 2,292 ชดุ 5.1.2 แบบสอบถามเจา้ หนา้ ทีแ่ ละผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น จา� นวน 1,297 ชดุ 5.2 เชิงคุณภาพจากการใช้เคร่ืองมือและการวิจัยแบบผสม คือ การเก็บข้อมูลจากการประชุมกลุ่ม จากการสมั ภาษณ์ จากการลงพ้ืนท่ีจริงส�ารวจสถานการณ์การดา� เนนิ งาน ดังน้ี 5.2.1 การประชุมกลุ่มในพื้นทีต่ า� บล จา� นวน 31 ตา� บล ในพนื้ ท่ี 13 จังหวัด 5.2.2 การจัดประชุมหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและนักวิชาการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องยุติธรรมชุมชน จ�านวน 3 ครง้ั 5.2.3 การออกแบบเคร่ืองมือและการทดลองในการวิจัยการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนโดย ใช้ระบบแอพพลิเคชั่นไลนใ์ นการทดสอบการใช้งานสถานการณจ์ ริงในการปฏิบตั งิ าน

ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนนิ งานศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน 9 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) บทท่ี 2 แนวคิดทฤษฎีและควำมเปน็ มำ องคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ กบั กำรสง่ เสรมิ กำรดำ� เนนิ งำนศนู ย์ยตุ ธิ รรมชมุ ชน 2.1 แนวคิดทฤษฎวี ำ่ ดว้ ยยุตธิ รรมชมุ ชน กลุ่มทฤษฏีส�าคัญ ที่เก่ียวข้องกับ “ยุติธรรมชุมชน” ในประเด็นต่าง ๆ หลายประเด็น (จุฑารัตน์ เอื้ออ�านวย และคณะ,2553,น.33-37) มดี งั น้ี 1. ทฤษฎีการเสริมพลังและการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Empowerment and Participation) (Kurki,2000 อ้างถึงใน จุฑารัตน์ เอื้ออ�านวยและคณะ,2553) ทฤษฎีการเสริมพลังและการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็น ทฤษฎีพ้นื ฐานท่ีไดร้ บั การอา้ งอิงบอ่ ยทส่ี ดุ โดยทฤษฏตี ง้ั อยูบ่ นสมมตฐิ านท่วี ่า “การทชี่ มุ ชนร่วมกันมีส่วนในการป้องกัน อาชญากรรมและแสดงความพยายามฟื้นฟูสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนบ้านของตนน้ันจะช่วยลดอาชญากรรมและ ความรู้สกึ หวาดกลัวอาชญากรรมได้โดยตรง รวมทง้ั เพม่ิ ปฏิสัมพนั ธ์ทางสังคมและการควบคุมสังคมทางออ้ มได้” ดังนัน้ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมพลังชุมชน จึงควรท�างานกับกลุ่มผู้พักอาศัย และชุมชนในการแก้ปัญหาที่เก่ียวข้องกับอาชญากรรม โดยควรมีการก�าหนดเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับ ชุมชนและเพ่ือเพิ่มความพึงพอใจของสาธารณชนต่อการท�างานของหน่วยงาน เพราะในทางปฏิบัติหากผู้ปฏิบัติไม่มี ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทชุมชนแล้วจะเป็นการยากท่ีจะสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนขึ้นมาเพราะประชาชนทั่วไป มกั จะมีโอกาสน้อยมากที่จะเข้าไปมีสว่ นร่วมในการวางแผนหรือด�าเนินการ ซ่งึ ตา� รวจชุมชนและอยั การส่วนใหญ่มักจะ ใชช้ ุมชนเพียง “เปน็ หเู ปน็ ตา” เป็นสญั ลกั ษณ์ของผูส้ นบั สนุนหรอื เพือ่ หาเงินทุนสนบั สนนุ เทา่ นน้ั 2. ทฤษฎหี นา้ ตา่ งช�ารุด (Theory of broken windows) Wilson and kelling ผสู้ รา้ งทฤษฎหี น้าต่างชา� รุด เมอื่ ปี ค.ศ.1982 อธบิ ายวา่ ทฤษฎนี ้ีเปน็ ทฤษฎพี ืน้ ฐานทีม่ ีอทิ ธพิ ลมากทฤษฎีหนงึ่ ซ่ึงระบุวา่ ความไม่เป็นระเบียบเลก็ ๆ น้อย ๆ ถา้ ไม่ได้ใสใ่ จกา� หนดรูอ้ ย่างจริงจงั จะลุกลามขยายวงกลายเปน็ ความขัดแยง้ อาชญากรรม ความหวาดกลัว และ สูญเสียสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนบ้านในที่สุด ชุมชนจึงควรมีการจัดระเบียบและควบคุมตรวจตราตามถนนหนทาง ตรอกซอกซอยอยา่ งหนกั เพอื่ เป็นการป้องกันก่อนเกดิ ปัญหาความขัดแยง้ ใด ๆ ข้นึ 3. ทฤษฎีการแก้ปัญหา (problem solving theory) Goldstien เป็นผู้น�าเสนอทฤษฎีการแก้ปัญหา เมื่อปี ค.ศ.1979 โดยคร้ังแรกใช้ทฤษฎีการแก้ปัญหาในมิติของกิจการต�ารวจ ซ่ึงเป็นการเร่ิมต้นปิดฉากการแก้ปัญหา จากสถานการณ์ต่าง ๆเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในชุมชนเพื่อท่ีจะลดโอกาสในการที่ปัญหาเหล่านั้นอาจจะลุกลามขยายตัว เกิดเป็นอาชญากรรมต่อไปในบริบทของยุติธรรมชุมชนการแก้ปัญหามีความหมายกว้างขวางคือ เป็นนัยบ่งบอกความ พยายามร่วมมือกันในการสร้าง “หุ้นส่วน” (partnerships) ระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกับหน่วยงาน อน่ื ๆของรัฐและระหวา่ งหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกับชุมชนทอ้ งถิ่น ทง้ั ตอ้ งตระหนกั ว่าอาชญากรรมทงั้ หลาย ที่เกิดข้ึนเป็นผลมาจากสภาวะเงื่อนไขทางสังคมท่ีซับซ้อนและพยายามท่ีจะก�าหนดปัญหาสังคมบางปัญหาที่ส�าคัญ ออกมาเพ่ือจัดการให้เข้าที่เข้าทางต้ังแต่ต้น เช่น การบังคับใช้กฎหมายป้องปรามการเตร็ดเตร่ กฎหมายปรามการ

10 โครงการวิจยั ส่งเสียงเอะอะอึกทึกบริเวณชุมชน กฎหมายในการรักษาความสะอาดถนนหนทาง ที่สาธารณะหรืออ�านาจในการออก ใบอนุญาตต่าง ๆ รวมทั้งใบอนุญาตขับข่ียานพาหนะ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนแนวคิดอื่น ๆ ท่ีเก่ียวกับการป้องกันปัญหา ได้แก่ การสร้างโปรแกรมการป้องกันอาชญากรรมในครอบครัวท่ีเน้นการฝึกหัดทักษะแก่แม่และเด็กตั้งแต่เริ่มแรก เปน็ ตน้ 4. ทฤษฎีที่ให้ความส�าคัญกับสภาพทางภูมิศาสตร์ (Geographical focus) เป็นทฤษฎีที่สนับสนุนแนวคิด ยตุ ิธรรมชุมชนทีแ่ ยกออกมาเปน็ เอกเทศไม่เกย่ี วข้องกบั สามทฤษฎที ีก่ ล่าวมาแลว้ ทฤษฎที ีใ่ หค้ วามส�าคญั กับสภาพทาง ภูมิศาสตร์ตั้งอยู่บนฐานแนวคิดเกี่ยวกับสถานที่ต้ังโดยหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมควรจะเข้ามาช่วยบริหารจัดการ หรือมหี นา้ ท่ีเก่ียวข้องในระดับทอ้ งถนิ่ ดว้ ย เช่น หนว่ ยงานแกไ้ ขฟืน้ ฟูในชุมชนซึ่งเปน็ หน่วยงานที่รับผดิ ชอบ การบงั คับ โทษท่ีเกิดข้ึนในชุมชนแทนที่จะใช้คุกหรือตาราง หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เก่ียวข้องควรเปิดส�านักงานสาขาในลักษณะ ส�านักงานเพอ่ื นบา้ น (Neighborhood office) เพือ่ ใหก้ ารช่วยเหลอื ดา้ นยตุ ิธรรมชุมชนแก่ชาวชุมชนโดยจดั ชั่วโมงการ ท�างานและการให้บริการให้มีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้น ๆ และบริการจัดหาข้อมูลส�าคัญต่าง ๆ ให้ กับชาวชุมชน เปน็ ต้น 2.2 แนวคดิ ว่ำด้วยควำมหมำยของยุติธรรมชมุ ชน ความหมายของ “ยุติธรรมชุมชน” แนวคิดเร่ืองยตุ ธิ รรมชมุ ชนเปน็ กระบวนทศั น์ใหมท่ ีย่ งั ไมม่ ีค�าจ�ากัดความที่ ชัดเจนนัก จึงมีการใหค้ วามหมายทหี่ ลากหลาย เชน่ สมาคมคุมประพฤติและพักการลงโทษของสหรัฐอเมริกาจึงให้ค�านิยามค�าว่า ยุติธรรมชุมชน มีความหมายว่า “ยุติธรรมชมุ ชน คือ วธิ กี ารเชิงกลยุทธ์ในการป้องกนั และลดการเกดิ อาชญากรรม โดยการสร้างเสริมความเป็นหุ้นส่วน ร่วมกับชุมชน นโยบายหลักของยุติธรรมชุมชนจึงอยู่ท่ีการแก้ปัญหาเชิงรุก โดยมุ่งท่ีการป้องกัน ควบคุม และลดการ เกิดอาชญากรรม รวมทั้งการเยียวยาความเสียหายจากอาชญากรรม ทั้งน้ี เพ่ือให้เกิด ด�ารงไว้ซ่ึงความปลอดภัยและ ความยตุ ธิ รรมในชมุ ชน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชมุ ชน” (ณัฐวสา ฉัตรไพฑรู ย,์ 2550) ยุติธรรมชุมชน คือ แนวคิดที่มองอาชญากรรมว่าเป็นปัญหาสังคมท่ีมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชน ซ่ึงหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทุกหน่วยควรให้ความส�าคัญกับการป้องกันอาชญากรรมในชุมชนเป็นหลัก (Kurki, 2000 อ้างถึงในจุฑารตั น์ เออื้ อ�านวยและคณะ,2553) ยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรมนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน (community participation) การเสรมิ พลัง (empowerment) และการพฒั นา (development) เนอ่ื งจากพนั ธะสัญญาของชุมชน จะมพี ลังแขง็ แกร่งเพม่ิ มากขนึ้ เมอื่ ผู้คนได้มีโอกาสมกี จิ กรรมทางสังคมรว่ มกนั การสร้างสมั พันธภาพระหว่างกนั เทา่ กบั เป็นการน�าแนวคิดยุติธรรมชุมชนมาฝึกหัดท่ีจะควบคุมสังคมแบบไม่เป็นทางการ ยุติธรรมชุมชนเน้นท่ีการป้องกัน อาชญากรรมในชุมชนและยุติธรรมชุมชนมีลักษณะเป็นพลังเงียบท่ีมีอิทธิพลต่อบทบาทของเหยื่ออาชญากรรมและ ผกู้ ระทา� ผิด (Consedine cited in Kurki, 2000 อา้ งถงึ ในจุฑารตั น์ เอ้อื อ�านวยและคณะ,2553) ยุติธรรมชุมชน คือ วิธีการเชิงกลยุทธ์ในการป้องกันและลดการเกิดอาชญากรรมโดยการเสริมสร้างความเป็น หุ้นส่วนร่วมกับชุมชน นโยบายหลักของยุติธรรมชุมชนจึงอยู่ที่การแก้ปัญหาเชิงรุกโดยมุ่งท่ีการป้องกัน ควบคุม และ ลดการเกิดอาชญากรรม รวมทงั้ การเยียวยาความเสยี หายจากอาชญากรรม ทัง้ น้ี เพือ่ ให้เกิดด�ารงไว้ซ่ึงความปลอดภัย

ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในการสง่ เสรมิ การดาำ เนนิ งานศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชน 11 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) และความยุติธรรมในชุมชน รวมท้ังการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน (Kurki, 2000 อ้างถึงในจุฑารัตน์ เอ้ืออ�านวย และคณะ, 2553) สรุป บทบาทหน้าที่รัฐส่งเสริมสนับสนุนในภารกิจยุติธรรมชุมชนท่ีส�าคัญ คือ การเสริมพลังแก่ชุมชนโดย ส่งเสริมการด�าเนินงานผ่านเครือข่ายยุติธรรมชุมชนโดยมีภารกิจที่ส�าคัญการป้องกันและควบคุมอาชญากรรมและ การกระท�าผิด (ความไร้ระเบียบของชุมชน) การจดั การความขดั แยง้ เชิงสมานฉันท์ เน้นการไกล่เกลยี่ ขอ้ พพิ าท เยียวยา และเสริมพลังเหยื่ออาชญากรรม รับผู้กระท�าผิดกลับคืนสู่ชุมชน และการเยียวยาเหย่ืออาชญากรรมและเสริมพลังแก่ เหยื่ออาชญากรรม เปน็ ตน้ 2.3 ควำมเป็นมำยตุ ิธรรมชุมชนในประเทศไทย กรอบนโยบายการขับเคล่ือนยตุ ธิ รรมชุมชน กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2557 โดยการจัดตัง้ ศนู ย์ยตุ ิธรรมชมุ ชน ในพื้นที่ส�านักงานยุติธรรมจังหวัดน�าร่องใน 18 จังหวัด และต่อมาเป็น 19 จังหวัด ท่ีต้ังกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ และได้ก�าหนดแผนการด�าเนินงานจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนระดับต�าบลทุกต�าบลทั่วประเทศ (จ�านวน 7,255 ต�าบล) อย่างนอ้ ยตา� บลละ 1 ศนู ย์ ในระยะเวลา 4 ปี ระหว่างปงี บประมาณ พ.ศ. 2557 - 2560 (สถาบันวิจัยและให้ค�าปรกึ ษา แหง่ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ 2558,น.42 - 40) ดงั ตอ่ ไปน้ี แนวนโยบ�ยก�รขบั เคลื่อนยุตธิ รรมชมุ ชนของกระทรวงยุตธิ รรม 1) การด�าเนินการขับเคลื่อนยุติธรรมชุมชนจะยึดหลักการการบูรณาการการด�าเนินงานร่วมกัน ระหว่างกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) กับกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ เพื่อลดความซ�้าซ้อนในงานเครือข่ายอาสาสมัครในระดับชุมชน/หมู่บ้าน โดยบูรณาการสรรพก�าลังต่าง ๆ ร่วมกันระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งการน�าจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานมาร่วมกันเสริม สร้างความเข้มแข้งให้กับชุมชน ด้วยการน�ากลไกของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) หรือคณะกรรมการกลางหมู่บ้าน อาสาพฒั นาและป้องกันตนเอง (อพป.) แลว้ แต่กรณี ซ่งึ เป็นองค์กรระดบั หมู่บา้ นและมหี น้าที่ความรบั ผดิ ชอบใกลเ้ คยี ง กับงานยุติธรรมชุมชนมาเป็นเครือข่ายยุติธรรมชุมชน และการใช้สถานท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินซ่ึงเป็นหน่วย งานภาครัฐท่ีใกล้ชิดภาคประชาชนมากที่สุดและมีท่ีตั้งกระจายในพื้นที่ท่ัวประเทศ เป็นที่ตั้งของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ทั้งนี้ จะเน้นพื้นที่เป้าหมายในระดับต�าบลเป็นล�าดับแรก และในอนาคตเม่ือศูนย์ยุติธรรมชุมชนระดับต�าบลเข้มแข็ง อาจจะพิจารณาจัดตง้ั ในระดับหม่บู า้ น/ชมุ ชนตอ่ ไป 2) ภารกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชนระดับต�าบล ท่ีกระทรวงยุติธรรมก�าหนดกรอบภารกิจไว้และได้ด�าเนินการ ไปบ้างแล้ว ก�าลังอยู่ระหว่างด�าเนินการเสนอให้มีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ คือ ร่างพระราชบัญญัติยุติธรรม ชมุ ชน พ.ศ. .... และระเบยี บกระทรวงยตุ ธิ รรม เพื่อรองรบั อ�านาจในการปฏิบตั ิงานต่อไป ซง่ึ จะสอดคลอ้ งกบั ภารกจิ ทั้ง 5 ดา้ น ท่ีไดก้ �าหนดไว้ ดงั นี้ (1) การปอ้ งกันและควบคมุ อาชญากรรมในชมุ ชน (2) การรับเร่อื งร้องเรยี น รอ้ งทุกข์ และรบั แจง้ เบาะแสการกระทา� ผิดกฎหมายตา่ งๆ ในชมุ ชน (3) การจัดการความขัดแย้งของประชาชนดว้ ยการไกลเ่ กล่ียประนอมขอ้ พพิ าท (4) การเยยี วยาหรือเสรมิ พลงั แก่เหยื่ออาชญากรรมและชุมชน

12 โครงการวิจยั (5) การให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์และบ�าบัดแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�าผิดและผู้พ้นโทษให้กลับตัวเป็น พลเมอื งดีและไมก่ ระทา� ผดิ ซา�้ 3) คณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนระดับต�าบลที่จัดต้ังขึ้น จะมากจากท้ังผู้น�าจากภาคประชาชนผู้ทรง คุณวุฒิในชุมชน/หมู่บ้าน สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้น�าฝ่ายปกครองท้องท่ี โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่ม ทุกฝา่ ยในพนื้ ทตี่ �าบลน้นั 3.1 พัฒนาการในการจัดตงั้ ศนู ย์ยุติธรรมชุมชนในแตล่ ะปีที่ผ่านมาของกระทรวงยุตธิ รรม ดังนี้ 3.1.1 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 3.1.1.1 จดั ตัง้ ศูนยย์ ุตธิ รรมชมุ ชนในพน้ื ทสี่ า� นกั งานยตุ ิธรรมจงั หวดั น�ารอ่ ง จ�านวน 19 จังหวัด ท่ีเป็นต้ังกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการและจังหวัดปัตตานี ในทุกอ�าเภอ อ�าเภอละ 1 ต�าบล ต�าบลละ 1 ศูนย์ รวม 290 ศูนย์ 3.1.1.2 จัดต้ังเครือข่ายยุติธรรมชุมชนใน 290 ต�าบลน�าร่อง ทุกหมู่บ้านๆ ละ 12 คน รวม 34,800 คน 3.1.1.3 ส่งเสริมและสนับสนุนการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชนในเขตพ้ืนที่ กรุงเทพมหานคร จา� นวน 4 ศนู ย์ และเครือข่ายยตุ ิธรรมชมุ ชน ศูนยล์ ะ 100 คน รวมเปน็ 400 คน หมายเหตุ พื้นที่ส�านักงานยุติธรรมจังหวัดน�าร่อง 19 จังหวัดเป็นที่ตั้งกลุ่มจังหวัดแบบ บูรณาการ ประกอบ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ชลบุรี อดุ รธานี สกลนคร ขอนแก่น นครราชสมี า อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชยี งราย พิษณโุ ลก นครสวรรค์ และปตั ตานี 3.1.2 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2558 3.1.2.1 จัดจ้างที่ปรึกษาด�าเนินการวิจัยประเมินผลการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนน�าร่อง และเครือข่ายยุตธิ รรมชมุ ชนใน 18 จงั หวดั ที่ตง้ั กลุ่มจงั หวัดแบบบูรณาการ โดยเปน็ การประเมินผลศนู ย์ยตุ ิธรรมชุมชน น�ารอ่ งในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 3.1.2.2 จัดต้ังศูนย์ยุติธรรมชุมชน ใน 19 จังหวัดที่ต้ังกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการเพิ่มอีกทุก อ�าเภอ อ�าเภอละ 1 ต�าบล ต�าบลละ 1 ศนู ย์ รวม 290 ศูนย์ และ เครอื ข่ายยตุ ิธรรมชุมชนจา� นวน 34,800 คน (รวมเป็น 580 ศนู ย์ และ เครือขา่ ยยตุ ธิ รรมชุมชนจา� นวน 69,600 คน) 3.1.2.3 จัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน ไป 58 จังหวัดอ่ืน ๆ (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ในทุก อ�าเภอ อา� เภอละ 1 ต�าบล รวม 588 ต�าบล (588 ศูนย)์ และเครอื ข่ายยตุ ธิ รรมชุมชนจา� นวน 70,560 คน 3.1.3 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 3.1.3.1 ส่งเสริมและสนับสนุนการด�าเนินงานของศูนย์ยุติธรรมชุมชน และเครือข่ายยุติธรรม ชุมชน ตอ่ เน่อื งจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2557 3.1.3.2 ขยายผลการจดั ตงั้ ศูนยย์ ุติธรรมชุมชน ใน 19 จงั หวัดที่ตงั้ กลุม่ จงั หวดั แบบบรู ณาการ ให้ครบทุกตา� บล โดยเพมิ่ การจดั ตงั้ ศูนย์ยุตธิ รรมชมุ ชนอกี จ�านวน 1,937 ศูนย์ และเครอื ขา่ ยยตุ ธิ รรมชุมชนอีกจา� นวน 232,44 คน (รวมเป็น 2,517 ศูนย์ และเครือข่ายยตุ ิธรรมชมุ ชน จา� นวน 302,040 คน) 3.1.3.3 จัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนใน 58 จังหวัดอ่ืนๆ (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) เพ่ิมอีก

ศักยภาพและความพรอ้ มขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ในการสง่ เสรมิ การดาำ เนินงานศูนย์ยุติธรรมชมุ ชน 13 (Capacity and Preparedness of Local Administrative OrganizationTo Promote Community Justice Center) ทุกอ�าเภอ อ�าเภอละ 1 ต�าบล ต�าบลละ 1 ศูนย์ รวม 588 ต�าบล (588 ศูนย์) และเครือข่ายยุติธรรมชุมชน จ�านวน 70,560 คน (รวมเป็น 1,176 ศนู ย์ และเครือขา่ ยยุตธิ รรมชุมชน จา� นวน 141,120 คน) (สถาบันวจิ ยั และให้คา� ปรกึ ษา แหง่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ 2558,น.42-40) 3.1.3.4 ปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนข้ึนแล้ว จ�านวน 7,784 ศูนย์ ในพ้ืนที่ทุกต�าบลท่ัว ประเทศไทย (ขอ้ มูลจากสว่ นนโยบายและยุทธศาสตร์ยุตธิ รรมชุมชนและยุตธิ รรมจังหวัด กองยทุ ธศาสตร์และแผนงาน สา� นักงานปลัดกระทรวงยตุ ิธรรม ณ เดือนกันยายน พ.ศ. 2561) 2.4 แนวคิดว่ำดว้ ยงำนยตุ ธิ รรมชุมชนจำกงำนวจิ ัย สถาบนั วจิ ยั และให้ค�าปรึกษาแห่งมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ (2558, น.42 – 38) ไดน้ า� เสนอองคค์ วามรวู้ ่าดว้ ย แนวนโยบายการขับเคลื่อนยุติธรรมชุมชน โดยการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนตามแผนท่ีได้ก�าหนดไว้ข้างต้น กระทรวง ยุติธรรมยังได้ก�าหนดแนวนโยบายการขับเคล่ือนโดยเปิดโอกาสให้ประชาชนหรืออาสาสมัครหรือเครือข่ายภาค ประชาชน กระทรวงยุติธรรมรวมถึงส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุตธิ รรมเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการดา� เนินงานของศนู ย์ ยุติธรรมชุมชน ซึ่งกลุ่มผู้มีส่วนร่วมท่ีมีความส�าคัญในล�าดับต้นๆ คือ กลุ่มประชาชน เนื่องจากในกระบวนการด�าเนิน งานภารกจิ ของศนู ย์ฯ หากขาดความร่วมมือจากประชาชนแล้ว งานตา่ ง ๆ คงยากทีจ่ ะส�าเรจ็ อย่างแทจ้ รงิ ท้งั นี้ โดยมี แนวทางการมสี ว่ นร่วมของประชาชนที่กระทรวงยตุ ิธรรมดา� เนินการอยู่ในปจั จบุ ัน ดงั น้ี 1. การเปิดช่องทางการให้ข้อมูลข่าวสาร ความคิดเห็น และข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ต่าง ๆ หลายช่องทาง ทั้งการเดินทางมาติดต่อด้วยตนเอง การส่งจดหมาย การแจ้งทางโทรศัพท์หรือโทรสาร และผ่านระบบเว็บไซต์ของ กระทรวงยตุ ธิ รรมหรอื สว่ นราชการในสังกัด ขึน้ อยกู่ ับความสะดวกของประชาชน และเมอ่ื กระทรวงยตุ ิธรรมไดร้ ับและ จะไดน้ �ามาวิเคราะหแ์ ละดา� เนนิ การแกไ้ ขปัญหาความทกุ ขร์ ้อนตา่ ง ๆ ของประชาชนตามความเหมาะสมตอ่ ไป ทั้งโดย การด�าเนินการโดยตรงของกระทรวงยุติธรรม และการส่งให้ส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้องน�าไปด�าเนินการตามอ�านาจหน้าท่ี แต่กระทรวงยุติธรรมโดยศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรมจะมีหน้าที่ในการติดตามความคืบหน้าของการด�าเนินงาน ของส่วนราชการน้นั และแจ้งให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ๆ เชน่ ทกุ ระยะ 15 วัน เป็นต้น 1.1) เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายอาสาสมัครในหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงยุติธรรม และของสว่ นราชการสงั กดั กระทรวงยุติธรรม เชน่ 1.1.1 กรมคุมประพฤติ มี “อาสาสมัครคุมประพฤติ” ซ่ึงได้ด�าเนินการน�าภาคประชาชนเข้ามามี สว่ นร่วม ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2529 โดยเนน้ บทบาทของภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปญั หาอาชญากรรมตลอดจน เข้ามามีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�าผิดในชุมชน และเป็นงานท่ีมุ่งให้ประชาชนในท้องถ่ินเข้ามามี ส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาผู้กระท�าผิดในชุมชน นอกจากน้ียังเป็นการป้องกันการหวนกลับมากระท�าผิดซ้�าและ ป้องกนั ครอบครัวและชุมชนออกจากปญั หาอาชญากรรม 1.1.2 กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพมี “อาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ” ท่ีเปิดโอกาส ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมในแง่ของการส่งเสริมและสนับสนุน เช่น การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ความรู้เพ่ือกระตุ้นให้ชุมชนตระหนักในสิทธิและเสรีภาพของตนเอง ช่วยเหลือให้ค�าปรึกษา ตลอดจนริเริ่ม สนับสนุนชุมชนในด้านการระงับข้อพิพาทและกระบวนการยุติธรรม การเป็นอาสาสมัครไกล่เกลี่ย ประนีประนอม

14 โครงการวจิ ยั ข้อพพิ าท การแจง้ ข้อมลู ในกรณที ่ีมเี หตุการณ์ทเี่ กิดความไมเ่ ปน็ ธรรมในชมุ ชน และสร้างเครือข่ายการท�างานด้านสทิ ธิ และเสรีภาพ เป็นต้น 1.1.3 กรมพินิจและคุ้มครองเดก็ และเยาวชน มีการส่งเสรมิ การมีส่วนร่วม 2 รปู แบบ คือก�าหนดให้มี “กรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน”.สถานพินิจซึ่งมีหน้าที่เก่ียวกับการให้ค�าปรึกษาแก่ผู้อ�านวยการสถานพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชน และการน�ากระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ในรูปแบบของ “การประชุมกลุ่มครอบครัว และชมุ ชน” มาใช้ในการเลีย่ งคดีเด็กและเยาวชนทถี่ ูกส่งเข้าไปยงั สถานพินิจและคุ้มครองเดก็ และเยาวชน 1.1.4 กรมราชทัณฑ์ ปัจจุบันมี “สภาปรึกษาการราชทัณฑ์ประจ�าจังหวัด” ทุกจังหวัดมีหน้าท่ี ในการเสนอแนะนโยบายและแนวทางในการพัฒนางานราชทัณฑ์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศตามบรบิ ทแหง่ กฎหมายและมาตรฐานสากล ที่เปดิ ใหบ้ คุ คลภายนอกเข้ามาเปน็ ทีป่ รกึ ษา และยังม“ี ราชทณั ฑ์ ต�าบล” ท่ีเปิดโอกาสให้องค์การบริหารส่วนต�าบลได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือคนในพื้นที่ความรับผิดชอบ ท่ีต้องโทษในเรอื นจ�าและที่จะพน้ โทษออกไปเพ่อื รบั ไปดแู ลต่อไป 1.1.5 ส�านักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ก�าหนดช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านการ ด�าเนินงานของสา� นักงานยตุ ธิ รรมจังหวัดและสา� นกั งานยตุ ิธรรมจงั หวดั สาขาท่ัวประเทศ โดยส�านกั งานยุตธิ รรมจงั หวัด เป็นหน่วยงานผู้แทนของกระทรวงยุติธรรมในระดับจังหวัดในการให้บริการประชาชนในภารกิจของกระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการในสังกัดในรูปแบบของ “ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรมระดับจังหวัด” ที่ประชาชนเดินทางไปใช้ บริการ ณ ท่ีตงั้ ของสว่ นราชการยุตธิ รรมจงั หวัดนัน้ ๆ นอกจากนี้ ยังไดด้ า� เนินการในเชงิ รุกเขา้ ไปในชมุ ชนตา่ ง ๆ เพอ่ื รณรงค์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาของชุมชนด้วยตนเองในลักษณะการ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมด�าเนินการ และร่วมรับผลจากการด�าเนินการร่วมกันในรูปแบบ “เครือข่ายยุติธรรมชุมชน” และ “ศูนยย์ ตุ ิธรรมชุมชน” 1.1.6 ส�านักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มีการจัดต้งั มูลนิธิ “ภมู ิ พลังชุมชน” เพื่อด�าเนินโครงการร่วมกับประชาชนด้านต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยสนบั สนนุ งบประมาณใหก้ ับทางมลู นธิ ิและด�าเนนิ กิจกรรมร่วมกัน ท้งั น้ี สา� นักงาน ป.ป.ส. ไดเ้ ปิดกว้างใหป้ ระชาชน ได้ร่วมเป็นคณะท�างานตามโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิ ท่ีด�าเนินการร่วมกับทางส�านักงาน ป.ป.ส. รวมถึงการร่วมเป็น คณะทา� งานภาคประชาชนในงานเก่ียวกับการปอ้ งกนั ยาเสพติด 1.1.7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เปิดช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเข้ามาเป็น “เครือ ขา่ ยและพนั ธมิตรภาคประชาชน” ซ่ึงจะมีภารกิจหลกั 3 ประการ ไดแ้ ก่ (1) การตดิ ตามการเฝ้าระวงั ในพน้ื ทไี่ ม่ใหเ้ กดิ ปญั หาในคดีสา� คัญ (2) การแจ้งขา่ วข้อมูลและพฤตกิ ารณ์ หรือลักษณะที่ผิดสังเกต (3) การรวบรวมพยานหลักฐานโดยภาคประชาชนท่ีอยู่ในพื้นท่ี สามารถเก็บรวมรวมพยาน หลักฐานในเบือ้ งต้นได้ โดยกรมสอบสวนคดพี เิ ศษเองได้มกี ารจัดต้งั “ศนู ยเ์ ครอื ขา่ ยและพนั ธมติ รภาคประชาชน” เป็น หน่วยงานภายในมีภารกิจ ในการปอ้ งกนั เฝา้ ระวังพนื้ ท่ี วเิ คราะห์ขอ้ มลู การเฝ้าระวงั ตรวจสอบ และกล่ันกรองขอ้ มูล รวมถงึ การประสานความร่วมมือกบั เครอื ข่ายพันธมติ รและภาคประชาชน การก�าหนดนโยบาย แผนงานและโครงการ และกิจกรรมเกีย่ วกับการพฒั นาเครือขา่ ยอย่างตอ่ เนือ่ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook