Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ-คำอธิบายกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ - อ.บุญชู

หนังสือ-คำอธิบายกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ - อ.บุญชู

Published by E-books, 2021-03-15 06:27:37

Description: หนังสือ-คำอธิบายกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ-บุญชู

Search

Read the Text Version

246 |  กฎหมายข้อมลู ขา่ วสารของทางราชการ ผู้ปกครองไม่ควรเป็นสิ่งจาเป็นในบริบทของการให้บริการในการคุ้มครองหรือให้คาแนะนาที่เสนอให้กับผู้เยาว์ โดยตรง” การให้ความยินยอมของผู้เยาว์ ผู้เยาว์ไม่สามารถให้ความยินยอมโดยลาพังตัวเองได้ เว้นแต่ตามที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งแบละพาณิชย์ เรื่องความสามารถ ตาม มาตรา 22 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์อาจทา การใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง หรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใด อนั หนงึ่ มาตรา 23 ที่บัญญตั ิว่า ผู้เยาว์อาจทาการใด ๆ ได้ทัง้ สน้ิ ซ่ึงเป็นการตอ้ งทาเองเฉพาะตัว และมาตรา ๒๔ ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์อาจทาการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจาเป็นในการ ดารงชีพตามสมควร ส่วนการใดนอกเหนือไปจากนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อานาจปกครองที่มีอานาจ กระทาการแทนผู้เยาว์ดว้ ย กรณีผู้เยาว์ที่มีอายุไม่เกินสิบปี ให้ขอความยินยอมจากผู้ใช้อานาจปกครองที่มีอานาจกระทาการแทน ผเู้ ยาว์เสมอ กรณที เี่ จา้ ของข้อมลู ส่วนบุคคลเป็นคนไรค้ วามสามารถ หรือ เจา้ ของขอ้ มลู ส่วนบุคคลเป็นคนเสมือน ไรค้ วามสามารถ การขอความยนิ ยอมจากเจ้าของขอ้ มูลส่วนบุคคลดังกลา่ ว ให้ขอความยินยอมจากผู้อนุบาล หรือ ผู้พิทักษ์ที่มีอานาจกระทาการแทนคนไร้ความสามารถ หรือผู้ที่มีอานาจกระทาการแทนคนเสมือนไร้ ความสามารถน้ันแทน 9 4.การเก็บรวบรวมข้อมูล (Collect) พระราชบัญญัติคุม้ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 นอกจากจะบัญญัติเรื่องความยินยอมของเจ้าของ ข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลแล้วความคุ้มครองของกฎหมายฉบับนี้ยังได้ บญั ญัติเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดว้ ย ในเบ้อื งตน้ ของการจัดเก็บข้อมูลส่วนบคุ คล ซ่ึงการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหลักการอยู่ว่า การเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลต้อง เกบ็ รวบรวมเท่าทีม่ คี วามเกี่ยวขอ้ งและมีความจาเป็นตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานเท่านั้น ผคู้ วบคุมข้อมูลส่วน บุคคลไม่จะเป็นจะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าความจาเป็น การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าความจาเป็น นอกจากภาระการจัดเก็บรักษาขอ้ มูลส่วนบุคคลแล้ว เมอ่ื ข้อมูลส่วนบคุ คลนั้นเกิดการร่ัวไหล (Data Breach) ข้ึน ยิ่งจะสร้างผลกระทบความเสียหายให้กับเจ้าของข้อมูลมากขึ้น อีกทั้งยังกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ รวมทงั้ ความรบั ผิดของหน่วยงานของรฐั ก็จะเพิ่มมากข้ึนไปอีก การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องแจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ก่อนหรือขณะ เก็บข้อมูล 10 ต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงการต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา ผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูล ระยะเวลาการเก็บ ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วน บุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย ข้อมูลเบื้องต้นของผู้เก็บรวบรวมข้อมูล รวมทั้งต้องมีการแจ้งสิทธิตาม พระราชบญั ญัตคิ ุม้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เช่น การถอนความยินยอม สิทธิรบั รขู้ อสาเนา สิทธิคัดค้าน การใชข้ อ้ มูล เปน็ ตน้ 9 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 20 10 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 21

ผศ.บญุ ชู ณ ปอ้ มเพ็ชร  | 247 4.1.การเกบ็ ข้อมลู ส่วนบคุ คลต้องได้รบั ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นสิทธิของเจ้าของข้อมูลนั้นที่เป็นเจ้าของข้อมูลนั้นโดยตรง เมื่อเป็นสิทธิของ เจ้าของข้อมูล การจัดเก็บส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวของเขาโดยตรง ก็ต้องได้รับความยินยอมจากตัวเจ้าของ ข้อมูลสว่ นบุคคลน้นั ข้อยกเว้นการเก็บรวบรวมข้อมลู ส่วนบุคคลที่ไม่ต้องได้รับความยินยอม และการแจ้งรายละเอียด ได้แก่ กรณตี ่อไปน1ี้ 1 (1) กรณีเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทาเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพ่ือ ประโยชน์สาธารณะ หรือท่ีเกย่ี วกับการศกึ ษาวิจัยหรอื สถิติซงึ่ ไดจ้ ัดให้มีมาตรการปกป้องท่ีเหมาะสมเพ่ือคุ้มครอง สทิ ธิและเสรีภาพของเจ้าของขอ้ มูลสว่ นบคุ คล ท้งั นี้ ตามท่คี ณะกรรมการประกาศกาหนด (2) กรณเี พอื่ ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรอื สขุ ภาพของบคุ คล (3) กรณเี ปน็ การจาเป็นเพ่ือการปฏิบัติตามสัญญาซึง่ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สญั ญาหรือเพ่ือใช้ใน การดาเนินการตามคาขอของเจา้ ของขอ้ มลู ส่วนบคุ คลก่อนเข้าทาสัญญานั้น (4) กรณีเปน็ การจาเป็นเพ่ือการปฏิบัติหน้าที่ในการดาเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุม ขอ้ มลู ส่วนบุคคล หรอื ปฏบิ ตั ิหน้าทีใ่ นการใชอ้ านาจรัฐทีไ่ ดม้ อบให้แกผ่ ู้ควบคุมข้อมูลส่วนบคุ คล (5) กรณีเป็นการจาเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของ บคุ คลหรอื นติ ิบุคคลอ่ืนที่ไม่ใช่ผู้ควบคมุ ขอ้ มูลส่วนบุคคล เว้นแตป่ ระโยชนด์ ังกล่าวมีความสาคัญน้อยกว่าสิทธิข้ัน พ้ืนฐานในขอ้ มูลส่วนบคุ คลของเจ้าของขอ้ มูลสว่ นบุคคล (6) กรณีเป็นการปฏบิ ัตติ ามกฎหมายของผ้คู วบคมุ ขอ้ มูลส่วนบคุ คล 4.2.การจดั เก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยหลักจะต้องจัดเก็บจากเจ้าของขอ้ มูลส่วนบคุ คล การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยหลักจะต้องจัดเก็บจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยตรงทั้งนี้เพ่ือ ความถูกต้องและเที่ยงตรง (Accuracy) ของข้อมูลเพราะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลย่อมรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัว เขาดีท่ีสดุ แตก่ ม็ ีขอ้ ยกเวน้ ทผี่ คู้ วบคมุ ข้อมูลขา่ วสารสว่ นบุคคลสามารถจัดเก็บข้อมูลข่าวสารส่วนบคุ คลจากแหล่ง อ่ืนทไี่ มใ่ ชเ่ จ้าของขอ้ มลู พระราชบัญญตั ิค้มุ ครองขอ้ มลู ส่วนบคุ คล พ.ศ.2562 มาตรา 25 บัญญตั วิ ่า ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคลจากแหล่งอื่น นอกจากเจ้าของ เว้นแต่12 (1) ได้แจ้งถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่เก็บรวบรวมและได้รับความยินยอมจากเจ้าของ ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล (2) เป็นการเก็บรวบรวมขอ้ มูลสว่ นบคุ คลทีไ่ ดร้ บั ยกเวน้ ไม่ตอ้ งขอความยนิ ยอม (3) เจา้ ของข้อมลู ส่วนบุคคลทราบวัตถปุ ระสงคใ์ หม่หรือรายละเอยี ดน้ันอย่แู ลว้ 11 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 24 12พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 25

248 |  กฎหมายขอ้ มลู ข่าวสารของทางราชการ (4) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลพิสูจน์ได้ว่าการแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่หรือรายละเอียดดังกล่าวไม่ สามารถทำได้หรือจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ ใน กรณีนผี้ คู้ วบคุมข้อมลู ส่วนบุคคลต้องจัดให้มมี าตรการท่ีเหมาะสมเพ่ือคุม้ ครองสทิ ธิ เสรีภาพ และ ประโยชนข์ องเจา้ ของขอ้ มูลสว่ นบคุ คล (5) การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องกระทำโดยเร่งด่วนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งได้ จัดให้มีมาตรการท่เี หมาะสมเพ่ือคุ้มครองประโยชนข์ องเจ้าของข้อมูลส่วนบคุ คล (6) เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเปน็ ผูซ้ ่ึงล่วงรู้หรือได้มาซึ่งขอ้ มูลส่วนบุคคลจากหนา้ ที่หรือจาก การประกอบอาชีพหรือวิชาชีพและต้องรักษาวัตถุประสงค์ใหม่หรือรายละเอียดบางประการตาม มาตรา 23 ไวเ้ ปน็ ความลับตามทีก่ ฎหมายกำหนด 4.3.การจัดเก็บข้อมูลสว่ นบุคคลท่เี ป็นขอ้ มูลอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 26 ได้บัญญัติถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว (หรือข้อมูลส่วนบุคคลประเภทพิเศษ) ตามหลักการไม่เลือกปฏิบัติเพราะการ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างอาจทาให้เกิดการเลือกปฏิบัติ (Discrimination) ที่ขัดต่อกฎหมาย ข้อมูล ประเภทนี้ หมายถึง13 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและสุมเสี่ยง ตอ่ การถกู ใชใ้ นการเลอื กปฏิบัติอยา่ งไม่เป็นธรรมจงึ ตอ้ งระมัดระวงั เปน็ พิเศษ ข้อมูลประเภทนี้ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ขอ้ มลู พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) หมายถึงข้อมูลส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ที่เกิดจากการใช้หรือการประมวล เทคนิคหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการนาลักษณะเด่นทางกายภาพหรือทางพฤติกรรมของบุคคลมาใช้ทาให้ สามารถยืนยนั ตัวตนของบุคคลนน้ั ที่ไม่เหมือนกับบุคคลอื่นได้ เชน่ ขอ้ มลู ภาพจาลองใบหนา้ ขอ้ มลู จาลองม่านตา ความสูง ลักษณะรูปร่างหรือข้อมูลจาลองลายนิ้วมือ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใน ทานองเดียวกันตามทีค่ ณะกรรมการประกาศกาหนด โดยไมไ่ ด้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคล เวน้ แต่ (1) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคลไมส่ ามารถให้ความยนิ ยอมได้ ไมว่ า่ ด้วยเหตุใดก็ตาม (2) เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการคุ้มครองที่เหมาะสมของมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมือง ศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพ 13 Thailand Data Protection Guideline 2.0 แนวปฏิบตั ิเกยี่ วกบั การคุ้มครองข้อมลู ส่วนบคุ คล,โรงพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ตุลาคม 2562, หน้า 20.

ผศ.บญุ ชู ณ ปอ้ มเพ็ชร  | 249 แรงงานให้แก่สมาชิก ผู้ซึ่งเคยเป็นสมาชิก หรือผู้ซึ่งมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวโดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลน้ัน ออกไปภายนอกมูลนธิ ิสมาคม หรอื องค์กรท่ไี ม่แสวงหากำไรนนั้ (3) เป็นข้อมูลท่ีเปิดเผยต่อสาธารณะดว้ ยความยนิ ยอมโดยชัดแจง้ ของเจา้ ของข้อมลู สว่ นบคุ คล (4) เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิ เรยี กร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นตอ่ สสู้ ทิ ธเิ รยี กร้องตามกฎหมาย (5) เป็นการจำเปน็ ในการปฏิบัตติ ามกฎหมายเพ่ือให้บรรลวุ ัตถุประสงค์เก่ียวกบั (ก) เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจดั การดา้ นสขุ ภาพ หรอื ระบบและการให้บรกิ ารด้านสังคมสงเคราะห์ ทง้ั น้ี ในกรณที ไ่ี ม่ใช่การ ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบอาชีพหรือ วิชาชีพหรือผู้มีหน้าทีร่ ักษาข้อมูลส่วนบุคคลนัน้ ไว้เป็นความลับตามกฎหมาย ต้องเป็นการปฏิบัติ ตามสญั ญาระหวา่ งเจ้าของขอ้ มูลส่วนบุคคลกับผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการแพทย์ (ข) ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือการควบคุมมาตรฐานหรือ คุณภาพของยา เวชภัณฑ์ หรือเครื่องมือแพทย์ ซึง่ ได้จดั ใหม้ ีมาตรการท่ีเหมาะสมและเจาะจงเพื่อ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะการรักษาความลับของข้อมูล สว่ นบคุ คลตามหนา้ ทห่ี รือตามจริยธรรมแห่งวชิ าชพี (ค) การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการ รักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทาง สังคม ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นในการปฏิบัติตามสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อ คมุ้ ครองสทิ ธขิ น้ั พ้ืนฐานและประโยชน์ของเจา้ ของข้อมูลสว่ นบุคคล (ง) การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น ทั้งน้ี ต้องกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกลา่ วเพียงเทา่ ที่จำเป็นเท่านั้น และได้จัดให้มีมาตรการท่ี เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามท่ี คณะกรรมการประกาศกำหนด (จ) ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน และประโยชนข์ องเจา้ ของข้อมูลสว่ นบุคคล 5.การใช้ การเปดิ เผย การเก็บขอ้ มูลสว่ นบุคคล พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองข้อมลู ส่วนบคุ คล พ.ศ.2562 มาตรา 27 บัญญัตเิ ก่ยี วกบั เรอ่ื งการใช้หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล โดยกาหนดห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับ ความยินยอมตามมาตรา 24 หรอื มาตรา 26 เว้นแตเ่ ป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยไดร้ ับยกเว้นไม่ต้อง

250 |  กฎหมายข้อมลู ข่าวสารของทางราชการ ขอความยินยอม จะเห็นได้ว่า ความยินยอม (Consent) เป็นเรื่องที่สาคัญของกฎหมายนี้ การใช้หรือการเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเจ้าของข้อมูล ซึ่งจะมีข้อยกเว้นเพราะเหตุจาเป็นบางประการ ตามทกี่ าหมายบัญญตั ิเท่าน้ัน อีกทั้งวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นขอบเขต ของการใชข้ อ้ มูลสว่ นบคุ คลไปในทุกระดับชั้นของการเปิดเผย ดังน้นั บุคคลหรอื นติ ิบุคคลท่ีได้รับข้อมูลสว่ นบุคคล มาจากการเปิดเผยตามวรรคหนึ่ง (คือในชั้นถัด ๆ ไปที่ได้ข้อมูลส่วนบุคคลจากการเปิดเผย) จะต้องไม่ใช้หรือ เปดิ เผยข้อมลู ส่วนบคุ คลเพือ่ วัตถุประสงคอ์ ื่นนอกเหนือจากวัตถปุ ระสงค์ที่ไดแ้ จง้ ไว้กับผู้ควบคุมข้อมลู 14 6.สทิ ธิของเจา้ ของข้อมูลสว่ นบคุ คล (Data Owner) พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รับรองสิทธิของเจ้าของข้อมูลไว้หลายประการ เนื่องจากเขาเป็นเจ้าของข้อมูล ดังน้ันผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ต้อง ปฏิบัติตามสทิ ธทิ กี่ ฎหมายนรี้ ับรองให้กับเจา้ ของขอ้ มูล ซึ่งเจา้ ของขอ้ มลู มสี ทิ ธิดังน้ี 6.1.สทิ ธิในการเขา้ ถงึ ขอ้ มูลสว่ นบุคคล (Right to Access) เจ้าของข้อมูลย่อมมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนและขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดทาสาเนาข้อมูลส่วนบุคคลให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น รวมถึงสิทธิขอให้ เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอมให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ รบั ทราบ เวน้ แต่ ปฏิเสธตามกฎหมายหรือคาสัง่ ศาล และการเข้าถึงและขอรับสาเนาข้อมลู สว่ นบุคคลน้ันจะส่งผล กระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น 15รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ใน รูปแบบที่สามารถอา่ นหรอื ใชง้ านโดยท่ัวไปได้ด้วยเครื่องมือหรอื อุปกรณ์ท่ีทางานได้โดยอัตโนมัติ16 6.2.สทิ ธคิ ดั คา้ นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทีเ่ ก่ียวกบั ตนเมอื่ ใดก็ได้ (Right to Object) เจ้าของข้อมูลสว่ นบุคคลมีสิทธคิ ัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน เมอื่ ใดก็ได้ ดังต่อไปน1้ี 7 (1) กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเพื่อการปฏิบัติ หน้าที่ในการดาเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ จาเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เว้นแต่ผู้ ควบคมุ ขอ้ มลู สว่ นบุคคลพิสูจน์ได้ว่า (ก) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้แสดงให้เห็นถึง เหตุอันชอบดว้ ยกฎหมายท่ีสาคัญย่ิงกว่า (ข) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏบิ ัติตามหรือการใช้สทิ ธิเรียกรอ้ งตามกฎหมาย หรือการยกขน้ึ ตอ่ ส้สู ิทธเิ รยี กร้องตามกฎหมาย 14 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 27 15 พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองข้อมูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 30 16 พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 31 17 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 32

ผศ.บญุ ชู ณ ปอ้ มเพ็ชร  | 251 (2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด แบบตรง ซึ่งหมายถึงการทาการตลาดโดยให้ข้อมูลสินค้าเพื่อเสนอขายสินค้าโดยตรงกับผู้บริโภค ไม่รวมถึงการ ขายออนไลน1์ 8 (3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเกินขอบเขตวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการ ศึกษาวิจยั ทางวทิ ยาศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ หรือสถิติ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้าน ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปได้ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติโดยแยกส่วนออกจากข้อมูลอ่ืน อย่างชดั เจนในทนั ทเี ม่อื เจ้าของขอ้ มูลสว่ นบุคคลไดแ้ จง้ การคัดค้านใหผ้ ู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทราบ 6.3.สทิ ธขิ อให้ลบหรือทาลายหรอื ทาใหข้ ้อมูลส่วนบคุ คลเป็นข้อมูลท่ีไม่สามารถระบุตัวบุคคล (Right to Erasure) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดาเนินการลบหรือทาลาย หรือ ทาให้ ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ การขอลบ ฯลฯ ข้อมูล ส่วนบุคคลในกรณดี ังต่อไปน้ี19 (1) หมดความจาเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรอื เปิดเผยข้อมูลส่วน บคุ คล (2) เจา้ ของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยขอ้ มูลส่วนบุคคลและ ผู้ควบคมุ ขอ้ มูลส่วนบุคคลไมม่ อี านาจตามกฎหมายท่ีจะเก็บรวบรวม ใช้ หรอื เปดิ เผยข้อมลู ส่วนบคุ คลนั้นได้ต่อไป (3) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เพื่อ วัตถปุ ระสงค์เกี่ยวกบั การศกึ ษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ หรือสถิติ จะขอให้ลบหรอื ทาลายไม่ได้ (4) ข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เช่น ไม่ได้รับความยินยอมก่อนหรือขณะเก็บข้อมลู ใช้หรือเก็บข้อมูลส่วน บุคคลเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ที่เจ้าของข้อมูลได้ยินยอมไว้ หรือเก็บข้อมูลอ่อนไหวโดยไม่มีเหตุตามกฎหมาย เปน็ ต้น 6.4.สิทธิระงับการใช้ขอ้ มลู ส่วนบคุ คล (Right to Restriction of Processing) เจา้ ของข้อมูลส่วนบคุ คลมีสิทธิขอให้ผคู้ วบคุมขอ้ มูลส่วนบุคคลระงับการใชข้ ้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณี ดังตอ่ ไปน2ี้ 0 (1) เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรอ้ งขอให้ ดาเนนิ การเนือ่ งจากไมแ่ ก้ไขเพ่มิ เติมข้อมูล 18พระราชบัญญตั ิ ขายตรงและตลาดแบบตรง, มาตรา 3 19พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองข้อมลู ส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 33 20พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 34

252 |  กฎหมายขอ้ มลู ขา่ วสารของทางราชการ (2) เม่ือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลท่ีต้องลบหรือทาลายเพราะได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วย กฎหมาย แต่เจ้าของข้อมลู สว่ นบุคคลขอใหร้ ะงับการใช้แทน (3) เม่อื ข้อมูลสว่ นบคุ คลหมดความจาเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล สว่ นบคุ คล แตเ่ จา้ ของข้อมูลสว่ นบคุ คลมีความจาเป็นต้องขอให้เก็บรกั ษาไว้เพือ่ ใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตาม กฎหมาย การปฏบิ ตั ิตามหรือการใช้สิทธิเรียกรอ้ งตามกฎหมาย หรอื การยกขึ้นตอ่ สูส้ ิทธิเรยี กร้องตามกฎหมาย (4) เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สาคัญยิ่ง กว่า หรือ พิสูจน์ว่าเป็นก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรอื การยกขน้ึ ตอ่ สู้สิทธเิ รียกรอ้ งตามกฎหมาย หรือตรวจสอบว่าเป็นตามวัตถุประสงค์เก่ียวกบั การศึกษาวิจัยทาง วทิ ยาศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ หรอื สถติ ิ เพื่อปฏเิ สธการคดั ค้านของเจ้าของขอ้ มลู สว่ นบคุ คล หากกรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่ดาเนินการในการระงับการใช้ข้อมูล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมี สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อสั่งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดาเนินการได้ อีกท้ัง คณะกรรมการอาจประกาศกาหนดหลกั เกณฑใ์ นการระงับการใช้ตามวรรคหนงึ่ ก็ได้ 6.5.สทิ ธทิ ่ีจะเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลย่อมมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผล ข้อมลู สว่ นบุคคล 7.หนา้ ท่ขี องผูค้ วบคุมขอ้ มูลสว่ นบคุ คล เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลและป้องกันข้อมูลส่วน บคุ คลน้ันไม่ให้ถูกละเมิดหรือเกิดการร่ัวไหล (Data Breach) ซ่งึ เป็นเรื่องท่ีมีความสาคญั มากที่สุด ซ่ึงหมายความ วา่ ขอ้ มูลสว่ นบุคคล เชน่ ชื่อ ที่อยู่ รหัสผ่านอเี มล์ หมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขโทรศพั ท์ หมายเลขบัญชี ฯลฯ เกดิ การถกู ขโมยหรอื เกิดการร่ัวไหลเปิดเผยตอ่ สาธารณะจากบุคคลท่ีไม่มสี ิทธเิ ข้าถึงข้อมูลส่วนบคุ คลน้ันย่อมจะมี ความเสียหายต่อเจ้าของขอ้ มูลส่วนบุคคลเกิดข้ึน ผคู้ วบคมุ ขอ้ มูลส่วนบุคคลจึงมีหน้าที่ในการรักาความปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคลให้มคี วามปลอดภัย เช่น การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลจะต้องมีระบบการรักษาความ ปลอดภัยที่เข้มงวด ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บัญญัติ ที่จะต้องดาเนินการ ดังต่อไปน้ี (1) จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอานาจหรือโดยมิชอบ และต้องทบทวนมาตรการ ดังกล่าวเมื่อมีความจาเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคง ปลอดภยั ท่ีเหมาะสม ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานขั้นต่าท่ีคณะกรรมการประกาศกาหนด (2) ต้องดาเนินการเพื่อป้องกันมิให้ผู้นั้นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอานาจในกรณีท่ี ตอ้ งใหข้ อ้ มูลส่วนบคุ คลแกบ่ ุคคลหรอื นิตบิ ุคคลอน่ื ท่ีไม่ใช่ผู้ควบคมุ ข้อมูลส่วนบคุ คล

ผศ.บุญชู ณ ปอ้ มเพ็ชร  | 253 (3) จดั ใหม้ ีระบบการตรวจสอบเพื่อดาเนินการลบหรือทาลายขอ้ มูลสว่ นบคุ คล เมอื่ พน้ กาหนดระยะเวลา การเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจาเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลน้ัน หรอื ตามท่เี จา้ ของข้อมูลส่วนบุคคลรอ้ งขอ หรือท่ีเจ้าของขอ้ มูลสว่ นบคุ คลได้ถอนความยินยอม เว้นแต่เก็บรักษาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การเก็บรักษาไว้เพื่อให้ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทาเอกสารประวัตศิ าสตร์หรอื จดหมายเหตุเพ่อื ประโยชน์สาธารณะ หรือ เพ่ือ ประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อานาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมิน ความสามารถในการทางานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจดั การด้านสุขภาพ หรอื ระบบและการใหบ้ ริการด้านสงั คมสงเคราะห์ ท้ังน้ี ในกรณี ที่ไม่ใช่การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หรือผู้มีหน้าที่รักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เป็นความลับตามกฎหมาย ต้องเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่าง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การ ป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรอื โรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือการ ควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพของยา เวชภัณฑ์ หรือเครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมและ เจาะจงเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะการรักษาความลับของข้อมูลส่วน บุคคลตามหน้าที่หรือตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพใช้เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตาม กฎหมาย ทั้งนี้ คณะกรรมการอาจประกาศกาหนดหลักเกณฑ์ในการลบหรือทาลาย หรือทาให้ข้อมูลส่วนบุคคล เปน็ ข้อมูลที่ไมส่ ามารถระบุตัวบคุ คลที่เปน็ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก็ได้ (4) แจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สานักงานโดยไม่ชักช้าภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ เทา่ ทจ่ี ะสามารถกระทาได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ในกรณีที่การ ละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ให้แจ้งการละเมิดให้เจ้าของข้อมูลส่วน บุคคลทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าด้วย ทั้งนี้ การแจ้งดังกล่าวและข้อยกเว้นให้เป็นไปตาม หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่คณะกรรมการประกาศกาหนด (5) ในกรณที ี่เป็นผู้ควบคมุ ข้อมูลส่วนบคุ คลอยู่นอกประเทศ ต้องแตง่ ตั้งตัวแทนของผู้ควบคุมข้อมูลส่วน บุคคลเป็นหนังสือซึ่งตัวแทนต้องอยู่ในราชอาณาจักรและตัวแทนต้องได้รับมอบอานาจให้กระทาการแทนผู้ ควบคุมข้อมลู สว่ นบุคคลโดยไม่มีข้อจากัดความรับผิดใด ๆ ท่ีเก่ยี วกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรอื เปิดเผยข้อมูลส่วน บคุ คลตามวัตถปุ ระสงค์ของผ้คู วบคมุ ข้อมูลส่วนบคุ คล

254 |  กฎหมายข้อมลู ข่าวสารของทางราชการ การตั้งตัวแทนตามหน้าที่ของผู้ควบคุมงข้อมูลส่วนบุคคลกรณีตัวผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ต่างประเทศนั้นไม่ นามาใช้บังคับแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล คือ21(๑) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐตามที่ คณะกรรมการประกาศกาหนด (๒) ผู้ควบคมุ ขอ้ มูลส่วนบคุ คลซ่ึงประกอบอาชีพหรือธุรกิจในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีลักษณะเป็นข้อมูลอ่อนไหว และไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจานวนมากตามท่ี คณะกรรมการประกาศกาหนดตามการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย จาเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือ ระบบอย่างสมา่ เสมอ (6)ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลบันทึกรายการ เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและสานักงานสามารถ ตรวจสอบได้ โดยจะบนั ทึกเป็นหนังสอื หรือระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ก็ได้ อยา่ งนอ้ ยดังต่อไปน้ี22 - ขอ้ มลู สว่ นบคุ คลท่มี กี ารเกบ็ รวบรวม -วตั ถปุ ระสงคข์ องการเก็บรวบรวมขอ้ มูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท -ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ผคู้ วบคุมข้อมลู สว่ นบุคคล -ระยะเวลาการเก็บรักษาขอ้ มลู ส่วนบุคคล -สทิ ธิและวธิ กี ารเข้าถงึ ขอ้ มลู ส่วนบคุ คล -รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูล ส่วนบคุ คลนัน้ -การใช้หรอื เปดิ เผยข้อมูลส่วนบคุ คลที่ได้รบั ยกเว้นไมต่ ้องขอความยินยอม -การปฏเิ สธคาขอตามสิทธิของเจา้ ของข้อมูล -คาอธิบายเกีย่ วกับมาตรการรกั ษาความม่ันคงปลอดภัย (7) จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตน ในกรณี ผู้เป็นหน่วยงานของรัฐตามที่ คณะกรรมการประกาศกาหนด, การดาเนินกิจกรรมจาเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือระบบอย่าง สม่าเสมอโดยเหตุที่มีข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจานวนมากตามที่คณะกรรมการประกาศกาหนด, กิจกรรมหลักของผู้ ควบคมุ ข้อมูลสว่ นบุคคลหรอื ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปดิ เผยขอ้ มูลส่วนบุคคล ทีเ่ ก่ียวกบั ข้อมูลออ่ นไหว23 8.หน้าที่ของผปู้ ระมวลขอ้ มูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บัญญัตทิ ่ีจะตอ้ งดาเนินการ ดังต่อไปน้ี24 (1) ดาเนนิ การตามคาส่ังที่ไดร้ ับจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเก่ียวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น เว้นแต่คาสั่งนั้นขัดต่อกฎหมายหรือบทบัญญัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตาม 21 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 38 22 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 39 23 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองข้อมูลส่วนบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 41 24 พระราชบญั ญัติคุ้มครองข้อมูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 40

ผศ.บุญชู ณ ปอ้ มเพช็ ร  | 255 พระราชบญั ญัตนิ ี้ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซง่ึ ไม่ปฏิบตั ิ สาหรบั การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคลใด ให้ถือว่าผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสาหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยขอ้ มูลสว่ นบคุ คลน้ัน (2) จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอานาจหรือโดยมิชอบ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ควบคุม ขอ้ มลู สว่ นบุคคลทราบถงึ การละเมิดข้อมลู ส่วนบุคคลที่เกิดข้ึน (3) จัดทาและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกาหนด ยกเว้นมิให้นามาใช้บังคับกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็น กจิ การขนาดเลก็ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกาหนด (4) จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตน ในกรณี ผู้เป็นหน่วยงานของรัฐตามท่ี คณะกรรมการประกาศกาหนด การดาเนินกิจกรรมจาเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือระบบอย่าง สม่าเสมอโดยเหตุที่มีข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจานวนมากตามที่คณะกรรมการประกาศกาหนดกิจกรรมหลักของผู้ ควบคุมขอ้ มูลสว่ นบุคคลหรอื ผู้ประมวลผลขอ้ มูลส่วนบคุ คลเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปดิ เผยข้อมูลส่วนบุคคล ทีเ่ ก่ียวกบั ขอ้ มลู ออ่ นไหว25 9.หนา้ ทข่ี องเจ้าหนา้ ทค่ี ุม้ ครองขอ้ มูลส่วนบคุ คล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Protection Officer-DPO) เป็นเจ้าหน้าที่ตั้งขึ้นจาก พนักงานของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบคุ คลหรอื อาจจะเป็นผูร้ ับจ้างให้บริการตาม สัญญาของผคู้ วบคุมข้อมลู ส่วนบุคคลหรอื ผปู้ ระมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลก็ได้ การตง้ั เจา้ หน้าทีค่ ุม้ ครองข้อมูลส่วน บคุ คลจะทาหน้าที่ในเชิงนโยบายท่จี ะให้ให้คาแนะนากับบุคคลในหน่วยงานว่า การดาเนินการเก่ียวกับข้อมูลส่วน บุคคลนั้นจะมีแนวทางการดาเนินการอยา่ งไร การตอบคาถามที่จะเกิดขึ้นเก่ียวกับข้อมูลส่วนบุคคลในหน่วยงาน เชน่ การใช้ การเปดิ เผย ทาได้หรือไม่รวมถึงการตรวจสอบการดาเนินการงานของหน่วยงาน เจา้ หนา้ ที่ค้มุ ครองข้อมูลสว่ นบุคคลมหี น้าท่ี ดงั ต่อไปนี้26 (1) ให้คาแนะนาแก่ผ้คู วบคุมข้อมูลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทัง้ ลกู จ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ ควบคุมข้อมูลสว่ นบคุ คลหรอื ผู้ประมวลผลขอ้ มูลส่วนบุคคลเก่ียวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ (2) ตรวจสอบการดาเนินงานของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง ลกู จ้างหรอื ผ้รู บั จ้างของผูค้ วบคมุ ข้อมูลส่วนบุคคลหรอื ผู้ประมวลผลขอ้ มูลส่วนบคุ คลเกี่ยวกับการเกบ็ รวบรวม ใช้ หรอื เปิดเผยขอ้ มลู สว่ นบคุ คลเพอื่ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญตั ินี้ (3) ประสานงานและให้ความร่วมมือกับสานักงานในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้ รบั จา้ งของผู้ควบคมุ ข้อมลู สว่ นบุคคลหรือผ้ปู ระมวลผลข้อมลู ส่วนบคุ คลในการปฏบิ ตั ิตามพระราชบัญญตั ิน้ี 25 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลส่วนบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 41 26 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 42

256 |  กฎหมายข้อมลู ข่าวสารของทางราชการ (4) รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนล่วงรู้หรือได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตาม พระราชบัญญัตนิ ้ี สว่ นคุณสมบตั ิของเจ้าหน้าทีค่ ุ้มครองข้อมลู ส่วนบคุ คล คณะกรรมการค้มุ ครองขอ้ มลู ส่วนบคุ คลจะเป็นผู้ ประกาศคณุ สมบตั ิตามความรู้ ความเชย่ี วชาญในการคุม้ ครองข้อมูลสว่ นบคุ คล 10.ความรับผดิ ตามพระราชบัญญัตคิ ุ้มครองข้อมลู สว่ นบุคคล พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้กาหนดความรับผิดไว้ทั้งความรับผิดทางแพ่ง ความรบั ผิดทางอาญา ความรบั ผิดทางปกครอง กับผู้ควบคุมขอ้ มูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมลู ส่วนบุคคลและ เจ้าหน้าที่คุ้มข้อมูลส่วนบุคคล ในการจัดการข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแล เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และเนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมลู ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ไดก้ าหนดความรับผิดไว้หลายประเภทและมีบทลงโทษทางอาญาเข้ามาเกี่ยวข้องจึงเป็นหนา้ ท่ีของหน่วยงานของ รฐั และเอกชนมีภาระหนา้ ท่ีจะต้องดาเนินการตามพระราชบัญญัตนิ ้อี ยา่ งเครง่ ครดั 10.1.ความรับผิดทางแพ่ง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้กาหนดความรับผิดทางแพ่งไว้สาหรับเยียวยา ค วา ม เส ี ยหา ยท ี ่ เก ิ ดข ึ ้ นก ั บเจ ้ า ข องข ้ อ ม ู ลส ่ วนบ ุ ค ค ลน ั ้ นจะได ้ ร ั บก าร ชดเชยค วา ม เส ี ยหา ยท ี ่ เก ิ ดข้ึ น (Compensation Damages) โดยกาหนดใหเ้ ป็นความรับผิดเด็ดขาด (Strict Liability) โดยไม่ต้องพสิ ูจน์ความจง ใจหรือประมาทเลินเล่อ ดังนั้นเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจึงต้องรับผิดทุกกรณี เว้นเสียแต่ว่าจะเข้าข้อยกเว้น ความรบั ผดิ ตามทีก่ าหนดไว้เท่านั้น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 77 กาหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งดาเนินการฝา่ ฝืนหรือไม่ปฏบิ ัตติ ามบทบัญญัติแหง่ พระราชบัญญัตนิ ี้ ทาให้ เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เจ้าของ ข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้จ่ายไปตามความจาเป็นในการป้องกันความเสียหายที่กาลังจะเกิดขึ้นหรือระงับความ เสยี หายที่เกิดข้ึนแล้วด้วย แกเ่ จ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ หรือไมก่ ต็ าม เวน้ แต่ผู้ควบคมุ ข้อมลู สว่ นบุคคลหรอื ผ้ปู ระมวลผลข้อมลู ส่วนบุคคลนนั้ จะพิสูจน์ได้ว่า27 (1) ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดจากการกระทาหรือละเว้นการกระทาของเจ้าของ ข้อมลู สว่ นบคุ คลน้ันเอง (2) เป็นการปฏิบัตติ ามคาส่งั ของเจ้าหนา้ ท่ีซ่ึงปฏบิ ัตกิ ารตามหนา้ ทแี่ ละอานาจตามกฎหมาย นอกจากนั้นยังมีการกาหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษ (Punitive Damages)โดยให้ศาลกาหนดค่าเสียหาย เพิ่มขึ้นแก่โจทก์มากกว่าค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งศาลจะมีอานาจสั่งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพ่ือการลงโทษเพิ่มข้ึนจากจานวนค่าสินไหมทดแทนท่ีแท้จริง ที่ศาลกาหนดได้ตามที่ศาลเห็นสมควร แต่ไม่เกินสองเท่าของค่าสินไหมทดแทนที่แท้จริงนั้น ทั้งนี้ โดยคานึงถึง พฤติการณ์ต่าง ๆ เช่น ความร้ายแรงของความเสียหายที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับ ผลประโยชน์ที่ผู้ควบคุม 27 พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 77

ผศ.บญุ ชู ณ ปอ้ มเพช็ ร  | 257 ขอ้ มลู สว่ นบุคคลหรอื ผู้ประมวลผลข้อมูลสว่ นบคุ คลไดร้ ับ สถานะทางการเงนิ ของผ้คู วบคุมขอ้ มูลส่วนบคุ คลหรือผู้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การทผ่ี คู้ วบคมุ ข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้บรรเทาความ เสยี หายทเ่ี กดิ ข้ึน หรอื การทเี่ จา้ ของขอ้ มลู ส่วนบคุ คลมีส่วนในการกอ่ ให้เกิดความเสยี หายด้วย ส่วนในเรื่องของอายุความการกระทาละเมิด พระราชบัญญัตินี้กาหนดอายุความไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่ ผู้เสียหายรู้ถึงความเสียหายและรู้ตัวผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องรับผิด หรือเมือ่ พ้นสิบปนี บั แตว่ ันที่มกี ารละเมดิ ขอ้ มูลสว่ นบุคคล28 10.2.ความรับผิดทางอาญา พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้กาหนดความรับผิดทางอาญาไว้เพ่ือเป็นการ ลงโทษการกระทาที่เป็นการทารา้ ยบุคคลอื่นและสงั คม อนั เกดิ ขึ้นจากเจตนาท่ชี ่ัวร้ายจึงกาหนดให้บุคคลน้ันต้อง รบั โทษทางอาญา (Criminal Sanctions) จากกรณีท่ใี ช้ข้อมลู สว่ นบุคคลโดยมิชอบ พระราชบญั ญัตคิ ุม้ ครองข้อมูลสว่ นบุคคล พ.ศ.2562 มาตรา 79 จงึ ได้บญั ญัติว่า ใหผ้ ู้ควบคุมข้อมูลส่วน บุคคลผู้ใดใชห้ รือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ไดร้ ับความยินยอมจากเจา้ ของ หรอื รบั ข้อมลู ส่วนบุคคลมาจาก การเปิดเผย ใชข้ ้อมลู ส่วนบคุ คล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ไดแ้ จง้ ไวก้ ับผคู้ วบคมุ ข้อมลู ส่วนบคุ คล อันเก่ียวกับ ข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการประกาศกาหนด โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย เสีย ชื่อเสียง ถูกดูหมน่ิ ถกู เกลียดชัง หรอื ได้รบั ความอับอาย ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้า แสนบาท หรือทงั้ จาท้ังปรับ แตถ่ า้ หากเป็นการทาต่อข้อมูลอ่อนไหว ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไมเ่ กนิ หน่ึงลา้ นบาท หรอื ทัง้ จาท้งั ปรับ แต่ ความผดิ ตามมาตรานีเ้ ป็นความผดิ อันยอมความได้29 อีกกรณีคือ การเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ โดยบัญญัติว่า ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจาก การปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าผู้นั้นนาไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือ ปรับไม่เกนิ ห้าแสนบาท หรอื ท้ังจาทั้งปรับ (1) การเปิดเผยตามหนา้ ที่ (2) การเปดิ เผยเพอื่ ประโยชน์แกก่ ารสอบสวน หรือการพิจารณาคดี (3) การเปดิ เผยแก่หนว่ ยงานของรฐั ในประเทศหรือตา่ งประเทศทม่ี อี านาจหนา้ ท่ีตามกฎหมาย (4) การเปิดเผยทไี่ ด้รบั ความยินยอมเป็นหนงั สือเฉพาะครั้งจากเจา้ ของขอ้ มลู ส่วนบคุ คล (5) การเปิดเผยขอ้ มลู สว่ นบุคคลท่ีเก่ยี วกับการฟ้องร้องคดีต่าง ๆ ท่ีเปดิ เผยต่อสาธารณะ ผู้กระทาความผิดเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทาของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่ง การหรือการกระทาของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดาเนินงานของนิติบุคคลน้ัน 28 พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 78 29 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 79

258 |  กฎหมายขอ้ มลู ขา่ วสารของทางราชการ หรือในกรณีทบ่ี คุ คลดังกล่าวมหี นา้ ท่ตี ้องส่ังการหรอื กระทาการและละเว้นไม่ส่ังการหรือไมก่ ระทาการจนเป็นเหตุ ใหน้ ิติบุคคลน้ันกระทาความผิด ผนู้ ้นั ตอ้ งรับโทษตามทบ่ี ญั ญัติไว้สาหรับความผิดนั้น ๆ ดว้ ย30 10.3.ความรับผิดทางปกครอง ความรับผิดทางปกครองหรือโทษทางปกครอง (Administrative Sanction)นั้นมีเจตนารมณ์ที่บัญญัติ ขึ้นเพื่อให้เกิดการปฏิบัติตามที่กฎหมายกาหนดเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ซึ่งกฎหมายกาหนดให้ กระทาหรือละเว้นการกระทานั้นเพ่ือประโยชน์สาธารณะตามวัตถุประสงคข์ องกฎหมาย เมื่อไม่ดาเนินการตามก็ ต้องมีความรับผิดเกิดขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการลงโทษที่เกิดจากเจตนาชั่วร้ายหรือการสร้างผลเสียหายต่อสังคม เหมอื นกบั กฎหมายอาญา พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กาหนดให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีอานาจสั่ง ให้แก้ไข ตักเตือน หรือส่ัง ลงโทษปรับทางปกครองตามที่กาหนดไว้ในส่วนนี้ ทั้งนี้ตามความเห็นสมควรของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ใน การพิจารณาออกคาสั่งลงโทษปรับทางปกครอง ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญคานึงถึงความร้ายแรงแห่ง พฤติกรรมที่กระทาผิด ขนาดกิจการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือ พฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบด้วย ตามหลักเกณฑท์ ี่คณะกรรมการกาหนด หากกรณีที่ผู้ถกู ลงโทษปรับทางปกครองไม่ยอมชาระค่าปรับทางปกครอง จะนาบทบัญญัติเกี่ยวกับการ บังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม และในกรณีที่ไม่มี เจ้าหน้าที่ดาเนินการบังคับตามคาสั่ง หรือมีแต่ไม่สามารถดาเนินการบังคับทางปกครองได้ ให้คณะกรรมการ ผู้เชี่ยวชาญมีอานาจฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อบังคับชาระค่าปรับ ในการนี้ ถ้าศาลปกครองเห็นว่าคาสั่งให้ ชาระค่าปรับนั้นชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลปกครองมีอานาจพิจารณาพิพากษา และบังคับให้มีการยึดหรืออายัด ทรพั ยส์ ินขายทอดตลาดเพ่อื ชาระคา่ ปรบั ได้31 กรณผี คู้ วบคุมข้อมลู ส่วนบคุ คล ตอ้ งระวางโทษปรบั ทางปกครองไม่เกิน 1 ลา้ นบาท กรณีต่อไปน้ี32 1.ผคู้ วบคมุ ข้อมลู สว่ นบคุ คลผใู้ ดเกบ็ รวบรวมข้อมลู ส่วนบุคคลไม่แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ 2.ปฏเิ สธคาขอเขา้ ถึงขอ้ มูลหรือขอสาเนาอันเปน็ กรณีไมอ่ าจปฏิเสธได้ 3.ไม่บนั ทึกรายการตามทก่ี ฎหมายกาหนด 4.ไม่จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่สนับสนุนการทางานของเจ้าหน้าท่ี คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกจากงานหรือเลิกสัญญาการ จ้างด้วยเหตุทเี่ จ้าหนา้ ทค่ี ุม้ ครองข้อมลู ส่วนบคุ คลปฏบิ ัติหน้าที่ตามพระราชบัญญตั ิน้ไี ม่ได้ 5.ไม่ขอความยินยอมตามแบบหรือข้อความที่คณะกรรมการประกาศกาหนด หรือไม่แจ้ง ผลกระทบจากการถอนความยนิ ยอม 6.ไม่แจง้ รายละเอยี ด เชน่ วัตถุประสงค์ รายละเอียดเก่ยี วกับตัวผูค้ วบคุมขอ้ มูล เปน็ ตน้ 30 พระราชบญั ญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 81 31พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 90 32 พระราชบัญญตั ิคุ้มครองข้อมูลส่วนบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 82

ผศ.บุญชู ณ ป้อมเพช็ ร  | 259 ตอ้ งระวางโทษปรบั ทางปกครองไม่เกิน 3 ลา้ นบาท กรณีต่อไปน3้ี 3 1.ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดฝ่าฝืนหรือทาการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วน บคุ คลไมเ่ ป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของขอ้ มลู สว่ นบคุ คลไวก้ อ่ นหรอื ในขณะท่ีเก็บรวบรวม 2.เกบ็ รวบรวมเกินเทา่ ที่จาเป็น 3.เกบ็ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ไดร้ ับความยนิ ยอมจากเจ้าของข้อมลู ส่วนบุคคล 4.เก็บรวบรวมขอ้ มูลสว่ นบุคคลจากแหล่งอ่นื ท่ีไมใ่ ช่จากเจา้ ของขอ้ มูลส่วนบคุ คล 5.ใช้หรือเปิดเผยข้อมลู ส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของขอ้ มูลส่วนบุคคลหรอื บุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาจากการเปิดเผย ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อ วัตถปุ ระสงค์อื่นนอกเหนอื จากวัตถุประสงค์ท่ีไดแ้ จง้ ไวก้ ับผู้ควบคุมขอ้ มูลส่วนบุคคล 6.สง่ หรอื โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครอง ข้อมลู สว่ นบคุ คลตามที่คณะกรรมการประกาศกาหนด 7.เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้าน ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลยังเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไป และไม่แยกส่วนออกจากข้อมูลอื่นอย่างชัดเจนในทันทีเมื่อเจ้าของ ข้อมลู ส่วนบุคคลไดแ้ จง้ การคัดคา้ น 8.ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอความยินยอมโดยการหลอกลวงหรือ ทาให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ หรือ ไม่แจ้งรายละเอียด เช่น วัตถุประสงค์ รายละเอียดเก่ยี วกับตัวผ้คู วบคมุ ข้อมลู เปน็ ตน้ 9.ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่กาหนดนโยบายป้องกันข้อมูลหรือกาหนดนโยบาย ปอ้ งกนั ขอ้ มลู แต่ไม่เปน็ ไปตามประกาศ หรือโอนขอ้ มูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศและอยู่ไม่ในเครอื กิจการหรอื เครือธุรกิจเดียวกันเพื่อการ ประกอบกิจการหรอื ธุรกจิ รว่ มกัน ผ้คู วบคุมข้อมลู ข่าวสารสว่ นบุคคลต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 5 ลา้ นบาท กรณตี อ่ ไปน้ี34 1.ฝา่ ฝนื เกบ็ รวบรวมข้อมลู ออ่ นไหว 2.ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลอ่อนไหวส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคลหรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาจากการเปิดเผย ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วน บคุ คลเพ่อื วตั ถปุ ระสงคอ์ ่ืนนอกเหนือจากวัตถปุ ระสงค์ที่ได้แจ้งไว้กบั ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล 3.สง่ หรือโอนข้อมลู ส่วนบุคคลอันเก่ียวกับขอ้ มูลออ่ นไหว ไปยังตา่ งประเทศไมม่ ีมาตราฐานการ คุ้มครองข้อมูลอ่อนไหวตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการ ประกาศกาหนด 33 พระราชบัญญตั คิ ุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 83 34 พระราชบัญญตั คิ ุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 84

260 |  กฎหมายข้อมลู ข่าวสารของทางราชการ 4.ส่งหรอื โอนข้อมลู ส่วนบุคคลข้อมลู อ่อนไหว โดยไม่กาหนดนโยบายป้องกนั ข้อมลู หรือกาหนด นโยบายป้องกันข้อมูลแต่ไม่เป็นไปตามประกาศ หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วน บุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศและอยู่ไม่ในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจ เดยี วกันเพ่ือการประกอบกิจการหรอื ธรุ กิจรว่ มกัน สาหรับผู้ประมวลผลขอ้ มูล ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกนิ 1 ล้านบาท กรณีต่อไปน้ี35 1.ไม่จดั ใหม้ ีเจ้าหน้าทคี่ ุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตน 2.สนับสนุนการปฏบิ ัตหิ น้าที่ของเจ้าหนา้ ทค่ี ุม้ ครองขอ้ มลู ส่วนบคุ คล 3.ให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกจากงานหรือเลิกสัญญาการจ้างด้วยเหตุท่ี เจ้าหนา้ ท่ีคมุ้ ครองข้อมูลส่วนบคุ คลปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ไม่ได้ ตอ้ งระวางโทษปรับทางปกครองไมเ่ กนิ 3 ล้านบาท กรณีต่อไปน้ี36 1.ไมป่ ฏิบตั ิตามหน้าทผี่ ปู้ ระมวลผลขอ้ มลู ตามกฎหมาย โดยไม่มเี หตอุ ันควร 2.ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่กาหนดนโยบายป้องกันข้อมูลหรือกาหนดนโยบาย ป้องกันข้อมูลแตไ่ มเ่ ปน็ ไปตามประกาศ รวมท้ังมมี าตรการเยยี วยาทางกฎหมายท่ีมีประสิทธิภาพ 3.โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซ่ึง อยู่ต่างประเทศและไม่อยู่ในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกันเพื่อการประกอบกิจการหรือธุรกิจ รว่ มกนั 3.ไม่ตง้ั ตวั แทนไมจ่ ากัดความรบั ผิด กรณีตัวผู้ประมวลผลอย่นู อกประเทศ และผ้ปู ระมวลผลข้อมลู ส่วนบุคคล ตอ้ งระวางโทษปรบั ทางปกครองไมเ่ กิน 5 ลา้ นบาท กรณีตอ่ ไปนี้ 37 1.ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลข้อมลู อ่อนไหว โดยไม่มีมาตรฐานในการค้มุ ครองข้อมูลอ่อนไหว เพียงพอตามประกาศ 2.ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ โดยไม่มีนโยบายในการคุ้มครองข้อมูล อ่อนไหว ไม่มีมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมสามารถบังคับตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ประกาศกาหนด กรณีตัวแทนผู้ควบคมุ ขอ้ มูลสว่ นบคุ คลหรอื ตวั แทนผู้ประมวลผลขอ้ มูลส่วนบคุ คล ตอ้ งระวางโทษปรบั ทางปกครองไม่เกนิ 1 ลา้ นบาท กรณตี ่อไปนี้38 1.ไมท่ าบันทกึ รายการ 2.ไมจ่ ัดให้มีเจ้าหนา้ ทค่ี มุ้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล 35 พระราชบญั ญัติคุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 85 36 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 86 37พระราชบัญญัติคมุ้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 87 38 พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562, มาตรา 88

ผศ.บญุ ชู ณ ปอ้ มเพช็ ร  | 261 กรณีบคุ คลอื่น ตอ้ งระวางโทษปรับทางปกครองไมเ่ กนิ 5 แสนบาท กรณตี ่อไปน3ี้ 9 1.ไมป่ ฏิบตั ิตามคาส่งั ของคณะกรรมการผ้เู ชย่ี วชาญหรือไมม่ าชแ้ี จงขอ้ เท็จจริง 2.ไม่ปฏิบัติตามหนังสือแจ้งให้ผู้ใดมาให้ข้อมูลหรือส่งเอกสารหรือหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับการ ดาเนนิ การหรอื การกระทาความผิดตามพระราชบัญญตั ินี้ 3.ไมอ่ านวยความสะดวกแก่พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี 3.2.ความแตกต่างของพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และ พระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครองขอ้ มลู สว่ นบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อพิจารณาถึงขอบเขตของนิยาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 4 ได้ นิยามข้อมลู ข่าวสารส่วนบคุ คล ไวว้ า่ “ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มี ชือ่ ของผนู้ ้นั หรอื มีเลขหมาย รหสั หรอื สง่ิ บอกลกั ษณะอยา่ งอื่นที่ทำใหร้ ตู้ ัวผู้น้ัน เชน่ ลายพิมพ์น้ิว มือ แผ่นบันทึกลักษณะของเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสาร เกย่ี วกบั สิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่แกก่ รรมแล้วดว้ ย” ตามนยิ ามของพระราชบัญญัตขิ ้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 คาวา่ ข้อมลู ข่าวสารส่วนบุคคล มี องค์ประกอบ 1.เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เป็น “สิ่งเฉพาะตัว” ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าในเรื่องใด เช่น ประวัติ การศึกษา ฐานะการเงิน ฯลฯ และ 2.ต้องมี “สิ่งชี้ตัวบุคคล” เป็นสิ่งที่ระบุว่าข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงท่ี เป็นสิ่งเฉพาะตัวนั้นเป็นของบุคคลใด เช่น ชื่อ รหัสนักศึกษา รหัสบัตรประชาชน หมายเลข รูปถ่ายหรือสิ่งบ่งช้ี อย่างอื่นก็ได้ ส่วนพระราชบญั ญตั ิค้มุ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 6 ได้นยิ ามความหมายของข้อมูลส่วน บคุ คลว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลน้ันได้ไม่วา่ ทางตรงหรอื ทางอ้อม แต่ไม่รวมถงึ ข้อมลู ของผู้ถงึ แกก่ รรมโดยเฉพาะ” เมื่อนานิยามข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลจากพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มา เปรียบเทียบกบั พระราชบัญญตั คิ มุ้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จะเห็นไดว้ า่ ขอ้ มลู ส่วนบุคคลน้ันมีลักษณะ ที่ครอบคลุมและกว้างขวางกว่านิยามข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลกาหนด เพราะข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลจะต้องมี องค์ประกอบครบทั้งเป็นสิ่งเฉพาะตัวและเป็นสิ่งระบุตัวตน ส่วนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมายถึงข้อมูลที่สามารถชี้ หรือระบตุ วั บุคคลน้นั ได้ กถ็ อื เปน็ ข้อมลู สว่ นบคุ คลที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแล้ว 39 พระราชบัญญัติคุ้มครองขอ้ มูลส่วนบคุ คล พ.ศ.2562, มาตรา 85

262 |  กฎหมายขอ้ มลู ข่าวสารของทางราชการ ในส่วนพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลรวมถึงข้อมูล ข่าวสารของผู้ถึงแก่กรรม แต่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ข้อมูลส่วนบุคคลไม่รวมถึงผู้ ถึงแก่กรรม เมื่อพิจารณาถึงขอบเขตการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีขอบเขต การบังคับใช้ที่กว้างขวางมากกว่าเพราะครอบคลุมทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน ส่วนพระราชบัญญัติข้อมูล ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพราะมีผลบังคับกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองหรือ ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐเท่านั้น เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดรายมาตรา จะพบว่า พระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีการกาหนดรายละเอียดมากกว่าพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของ ราชการ พ.ศ. 2540 ทั้งการกาหนดวิธีการ เงื่อนไข ข้อจาจัดในการได้มา เก็บรวบรวม ใช้ รวมถึงการเปิดเผย ข้อมลู ส่วนบคุ คล และขอ้ ยกเว้นต่าง ๆ อยา่ งชดั เจน แตพ่ ระราชบัญญัติข้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 จะ มรี ายละเอียดอย่เู พียงมาตรา 23 และมาตรา 24 เท่าน้นั พระราชบญั ญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ไดบ้ ัญญตั ิถึงกรณีข้อมูลส่วนบคุ คลถูกละเมิดหรือ รั่วไหล (Data Breach) ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสาคัญ แต่พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ไม่ไดก้ าหนดเรื่องน้ีไว้ เม่อื พจิ ารณาถงึ สภาพบงั คับ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมลู ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้มีบทกาหนดโทษท่ี มคี วามชดั เจนท้ังในส่วนของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและบุคคลท่ีสาม ทั้งสภาพ บงั คับทางแพ่ง ทางอาญาและทางปกครอง ทาใหส้ ภาพบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบคุ คล พ.ศ. 2562 มสี ภาพบงั คบั ทางกฎหมายท่ชี ัดเจนมากกว่าพระราชบัญญัติขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 3.3.ความซอ้ นทับ (Overlap) ของกฎหมายทงั้ สองฉบับ เม่ือพิจารณาเนื้อความกฎหมายทั้งสองฉบับจะพบว่ามีความซอ้ นทับของการบังคับใชใ้ นประเด็นเดียวกัน คอื การคมุ้ ครองข้อมลู สว่ นบุคคล ประเดน็ สาคญั ของการบังคับใช้กฎหมายจะตอ้ งปฏิบัติอย่างไร คณาธิป ทองระ ววี งศ์ ได้มขี ้อเสนอที่น่าสนใจวา่ 40 ข้อยกเว้นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ของ ไทยปัจจบุ ันมีหลกั การคล้ายคลงึ กับกฎหมายสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจเหมาะสมในชว่ งที่ไทยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการทั่วไป แต่เมื่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับแล้ว ลักษณะ การคมุ้ ครองขอ้ มูลส่วนบุคลของไทยจะไปคล้ายคลึงกับกฎหมาย FOIA ของสหราชอาณาจักรซ่ึงได้บัญญัติชัดเจน ว่าข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลในประเภทที่ห้ามเปิดเผยเด็ดขาด ดังนั้นผู้เขียน (หมายถึง คณาธิป ทองระวีวงศ์) เสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ.2540 ดังนี้ -ยกเลิกมาตรา 15 (5) ซึ่งมีหลักการคล้ายคลึงกับกฎหมาย FOIA ของสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าพนักงาน อาจใช้ดลุ ยพินจิ ในการเปิดเผยข้อมลู ส่วนบุคคลได้ 40 คณาธิป ทองรวีวงศ์,อา้ งแลว้ ,หนา้ 76-77.

ผศ.บุญชู ณ ป้อมเพช็ ร  | 263 -แก้ไขมาตรา 15(6) โดยกาหนดอย่างชัดเจนให้ข้อมลู ส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัตคิ ุม้ ครองข้อมูลส่วน บุคคลจัดอย่ใู นกฎหมายเฉพาะคุ้มครองมใิ ห้เปิดเผย ดังนั้นหากแก้ไขข้อยกเว้นเช่นนี้ จะเกิดผลคือเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วน บุคคลแล้ว ถือเป็นข้อมูลที่ห้ามเปิดเผยโดยเด็ดขาด ซึ่งเจ้าพนักงานจะไม่อาจใช้ดุลยพินิจตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารราชการได้อีก เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปอยู่ภายใต้กระบวนการของพระราชบัญญัติ ข้อมูลส่วนบคุ คลโดยเฉพาะ ความทับซ้อนท่ีเกิดขึ้นน้ี ผูเ้ ขยี นเหน็ ว่าจะตอ้ งมกี ารกาหนดขอบเขตการบังคับใช้ท่ีมีความชัดเจนในส่วน ของข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารส่วนของราชการ พ.ศ. 2540 ว่ายังจะครอบคลุม ในส่วนข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลอยู่หรือไม่ เมื่อมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นมาแล้วเป็นการ เฉพาะแล้ว การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15 (5) มาตรา 15 (6) และมาตรา 24 จะต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือต้องพิจารณาคู่ขนานกันอย่างไรให้เกิดความ เหมาะสม ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่จะเกิดขึ้นต่อไปเมื่อพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบังคับใช้อย่าง สมบูรณ์แลว้

บทสรปุ นับแต่พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ได้ใช้บังคับมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง 20 ปีแล้ว ความเข้าใจในตัวกฎหมายนี้ย่อมมมี ากขึ้นท้ังหน่วยงานของรัฐ เจา้ หน้าที่ของรัฐและประชาชนเอง การ ให้ความสนใจในการดาเนินการตามกฎหมายของสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สานักงาน ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ที่ได้ดาเนินการในหลายเรื่องเพื่อให้กฎหมายบับนี้บรรลุผล การทาหน้าที่พิจารณา อุทธรณ์ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยที่ต้องทางานอย่างหนักในการวินิจฉัยอุทธรณ์รวมทั้งการวางแนว คาวินจิ ฉัยอยา่ งมีบรรทดั ฐานและมีคณุ ภาพ แต่อย่างไรกต็ ามในส่วนของหนว่ ยงานของรัฐยังตระหนกั ถึงกฎหมายน้ีน้อย ในการบรรยายวิชากฎหมาย ข้อมูลข่าวสารของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เขียนได้ให้นักศึกษาได้ใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ยื่นขอข้อมูลข่าวสารที่ตนเองสนใจจากหน่วยงานของรัฐ มักจะได้รับการ ปฏิเสธจากหน่วยงานของรัฐเกือบทัง้ หมด การปฏิเสธส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นการปฏิเสธบนเงือ่ นไขของกฎหมาย และ การอนุญาตก็ไม่ได้อนุญาตบนเงื่อนไขของกฎหมายเช่นกัน รวมถึงการสร้างภาระขั้นตอนขึ้นโดยไม่จาเป็น เช่น ต้องขอหนังสือรับรองจากทางคณะหรือมหาวิทยาลัยรับรองการเป็นนักศึกษา เมื่อแจ้งว่าจะขอใช้สิทธิในฐานะ ประชาชน กใ็ หไ้ ปขอหนังสอื รบั รองจากผู้ใหญบ่ ้านหรือกานันมาก่อน เปน็ ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 จะกาหนดทางออกตาม กฎหมายไว้แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ผู้เขียนหวังให้เกิดขึ้น คือ ความตระหนักรู้ทางกฎหมายที่มากยิ่งขึ้นของหน่วยงาน ของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่หน่วยงานของรัฐเองสามารถใช้อานาจดุลยพินิจในการตดั สินใจออกคาสั่งอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารบนพื้นฐานของกฎหมายโดยปราศจากความกลัวและการระแวงสงสัยต่อ ประชาชน การไม่ดาเนนิ การของหน่วยงานของรฐั และเจ้าหนา้ ที่ของรฐั อยา่ งเตม็ ประสิทธภิ าพก็จะกลายเป็นภาระ ของคณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการและคณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลขา่ วสารมากข้ึน และทา ให้การคุม้ ครองสทิ ธขิ องประชาชนลดถอยลงและสร้างภาระหนา้ ทก่ี ับประชาชนมากขน้ึ ส่วนของภาคประชาชน ยุคที่การตรวจสอบหน่วยงานของรัฐทาให้การเข้าถึงข้อมูลขา่ วสารของราชการ เป็นเรือ่ งทมี่ คี วามสาคัญมากข้ึน การตระหนักถึงสิทธิการเข้าถึงข้อมูลขา่ วสารของประชาชนมีความเปลี่ยนแปลง ด้านความเข้าใจและสนใจของประชาชนต่อกฎหมายนมี้ ากข้ึน และการขอขอ้ มูลข่าวสารของราชการหลายเรื่องมี ความสาคัญ เช่น การขอเอกสารราคากลางการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์ เป็นต้น ซึ่งความ ตระหนกั รู้ของประชาชนจะมีพลวัตรการเปลี่ยนแปลงท่มี ากขึ้นต่อไป

ผศ.บุญชู ณ ปอ้ มเพ็ชร  | 265 ทา้ ยที่สุด การเขา้ ถึงข้อมูลขา่ วสารของราชการจะนาไปสคู่ วามโปร่งใสของการปกครอง และความโปรง่ ใสของการ ปกครองยอ่ มเป็นแก่นแทข้ องระบอบประชาธิปไตย

บรรณานุกรม Ander Chydenius Foundation, The World’s First Freedom of Information Act : Ander Chydenius’Legacy today, Art-Print Ltd Kokola 2006. กรมศิลปากร.คู่มือการจัดทำตารางกำหนดอายุการเก็บเอกสารหน่วยงานของรัฐ. กรุงเทพ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. 2561. กิตติพงษ์ กมลธรรมวงศ์.การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระบบกฎหมายไทย : ปัญหาและแนวทางแก้ไข. 2549. มหาบณั ฑติ ,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์ กรุงเทพฯ. กิตติศกั ดิ์ ปรกติ. สิทธริ ับรู้ขอ้ มูลขา่ วสาร. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์วญิ ญชู น. 2541. ชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์. “พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540”.วารสารกฎหมายปกครอง 17 สิงหาคม 2541 ตอน 2. หน้า 1-29. ชาญชัย แสวงศักดิ์. คำอธิบายกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง. กรุงเทพฯ : วิญญูชน. 2562. ชาญชยั แสวงศักดิ์. คำอธิบายกฎหมายว่าดว้ ยวิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง. กรงุ เทพฯ : วิญญชู น. 2561. เดอื นเด่น นคิ ม บรริ กั ษแ์ ละธิปไตร แสละวงศ์. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ การเข้าถึงขอ้ มูลข่าวสารของรัฐและ การต่อตา้ นคอรัปชันในประเทศไทย.สถาบันวจิ ัยเพอ่ื การพัฒนาประเทศไทย. 2557. นคร เสรรี กั ษ์และคณะ. GENERAL DATA PROTECTION REGULATION ฉบบั ภาษาไทย. กรงุ เทพ : Privacy Thailand. 2563. นครินทร์ พรสี่ภาค. ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับใช้พระราชบัญญัติของมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540. หลักสูตร “ผู้พิพากษาผู้บริหารในศาลชั้นต้น” รุ่นที่ 10 สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ สานักงานศาลยุติธรรม. 2555 นัทพล เพชรรากลู . บทบาทและสถานะทางกฎหมายของคณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540, วิทยานิพนธ์ นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลยั ธุรกิจบัณฑิตย.์ 2556 บรรเจดิ สิงคะเนติ.หลกั พ้นื ฐานสิทธิเสรภี าพและศักด์ิศรคี วามเป็นมนุษย์. กรงุ เทพ : วญิ ญชู น. 2561. บัญชา เขยี วตา่ ย.การให้ประชาชนเข้าถึงเอกสารของราชการในประเทศไทย, วทิ ยานพิ นธ์ ปริญญามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. 2536. พิชิตพล ศรียานนท์ และนวตระกูลพิสุทธ์. สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการตามกฎหมายฝรั่งเศส เยอรมนั และสหรฐั อเมริกา, วารสารกฎหมายปกครอง, เล่ม 17 สิงหาคม 2541 ตอน 2

ผศ.บุญชู ณ ปอ้ มเพช็ ร  | 267 ฤทัย หงส์สริ ิและมานติ ย์ จมุ ปา. คำอธบิ ายกฎหมายขอ้ มูลข่าวสารของทางราชการ. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์นิติ ธรรม. 2542. สมชัย วัฒนการุณ. คำอธิบายพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540. กรุงเทพ : บริษัท พี เพรส. 2561. ส านักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ. ข้อมูลข่าวสารสาธารณะตามพระราชบัญญัติข้ อมู ล ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540. กรุงเทพ : บริษทั ศรเี มืองการพิมพ.์ 2560. สานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ.รู้สทิ ธิ ชีวติ เปลี่ยน (เอกสารประกอบการสัมมนาทางวิชาการ ประจาปีของการประกาศใช้พระราชบัญญัติขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 ประจาปี 2559. สานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ.สิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน. กรุงเทพ : บริษัท สามเจรญิ พาณชิ ย.์ 2549 สานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร.คู่มือวิชาการพื้นฐานการบริหารและจัดการงานจดหมายเหตุ. กรงุ เทพ : บริษัท ไซเบอร์บคุ ส์ แอนด์ ปร้นิ ท์. 2559. สุรยิ า ปานแป้นและอนวุ ัฒน์ บญุ นันท์. คู่มือสอบกฎหมายปกครอง. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพน์ ิตธิ รรม.2558. อรรถพล ใหญ่สวา่ ง และวัชรา ไชยสาร. สทิ ธริ บั รูข้ อ้ มลู ขา่ วสาร. กรุงเทพฯ : สานักพิมพน์ ติ ธิ รรม. 2541. อาพน เจริญชีวินทร์.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการฟ้องและการดำเนินคดีในศาลปกครอง. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พ์นิตธิ รรม. 2545. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ www.admincourt.go.th www.oic.go.th