Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัย-การพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า - อ.ไพสิฐ

รายงานวิจัย-การพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า - อ.ไพสิฐ

Published by E-books, 2021-03-02 03:49:06

Description: รายงานวิจัย-การพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า-ไพสิฐ

Search

Read the Text Version

รายงานผลการดาเนนิ งานฉบบั สมบูรณ์ โครงการพัฒนารปู แบบการสรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควนั ภาคเหนอื โดย มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ เสนอตอ่ กรมสง่ เสริมคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม

โครงการพัฒนารูปแบบการสรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาคเหนอื บทเรยี นการสร้างเครอื ข่ายความรว่ มมอื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ จดั ทาโดย มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ เสนอ กรมส่งเสริมคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม

สารบญั หนา้ บทที่ 1 บทนา 1 บทที่ 2 สถานการณป์ ัญหาไฟปา่ หมอกควนั ภาคเหนอื 6 2.1 สถานการณป์ ญั หาไฟปา่ หมอกควนั ภาคเหนือ 6 2.2 นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 24 2.3 องค์กรและเจ้าภาพในการบรหิ ารจัดการ 26 2.4 การบูรณาการความร่วมมือในการบรหิ ารจดั การปัญหาหมอกควนั 28 2.5 ยุทธศาสตร์/มาตรการแกไ้ ขปญั หาไฟปา่ หมอกควัน ปี 2561 33 บทท่ี 3 แนวคดิ การดาเนนิ งาน 45 3.1 เปา้ หมายการพฒั นาท่ยี ง่ั ยนื (SDG) 45 3.2 แนวคดิ เรอื่ งการมสี ว่ นร่วม 46 3.3 แนวคดิ เร่อื งการสรา้ งเครอื ข่าย 48 3.4 แนวคดิ เรื่องการจดั การเชงิ ซอ้ นและการจดั การรว่ ม 50 3.5 แนวคดิ เรอื่ งการจดั การโดยใชพ้ ้นื ทเี่ ปน็ ตวั ตงั้ 52 3.6 แนวคดิ เรอ่ื งการตอบแทนคณุ ระบบนิเวศกับการจัดการไฟป่าหมอกควนั 55 3.7 การใช้ข้อมูลแผนที่และระบบสารสนเทศทางภมู ศิ าสตรป์ ระกอบการวางแผน 55 การบรหิ ารจัดการ 57 บทที่ 4 สถานภาพเครอื ขา่ ยการจดั การทรพั ยากร 57 และแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการแกไ้ ขปญั หาไฟปา่ หมอกควัน 61 4.1 สถานภาพเครือข่ายกบั การจดั การทรัพยากรฯ ไฟปา่ ลดหมอกควนั 75 4.2 เครอื ขา่ ยการจดั การทรพั ยากร การจดั การไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ 4.3 ทศิ ทางการสร้างเครอื ข่ายให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพ ข

บทที่ 5 บทเรยี นเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื ลดปัญหาไฟปา่ หมอกควนั 76 5.1 พื้นที่อุทยานแห่งชาตดิ อยสุเทพ – ปุย อาเภอเมือง แม่ริมและหางดง จงั หวัดเชียงใหม่ 78 5.2 พนื้ ที่อุทยานแหง่ ชาตดิ อยอินทนนท์ อาเภอจอมทอง จังหวดั เชยี งใหม่ 84 5.3 พ้ืนทด่ี อยพระบาท – มอ่ นพระยาแช่ อาเภอเมอื ง จงั หวดั ลาปาง 87 บทท่ี 6 แนวทางการขยายผลสพู่ ้นื ทอี่ น่ื ๆ ในภาคเหนอื 94 บทท่ี 7 แผนและรปู แบบการสรา้ งอาสาสมคั รเฝา้ ระวงั ไฟปา่ ลดหมอกควัน 105 7.1 แผนการพฒั นารปู แบบการสรา้ งเครือขา่ ยอาสาสมคั รเฝา้ ระวังไฟปา่ ลดหมอกควนั 105 7.2 จดั ประชมุ นาเสนอรูปแบบการพฒั นาและสรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควนั 111 7.3 การพฒั นากลไก ความร่วมมอื การสนบั สนนุ การทางานของชมุ ชนและเครอื ข่าย 115 7.4 การสนับสนุนกิจกรรมและแผนการดาเนินงานของชุมชนและเครือขา่ ย 139 บทท่ี 8 การสอ่ื สารสสู่ าธารณะและจดั ทาสอื่ เผยแพร่ 144 สาหรบั การสรา้ งกระบวนการมสี ่วนร่วมสรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟปา่ ลดหมอกควนั 144 8.1 สื่อสารกจิ กรรม รปู แบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวงั ไฟป่า 152 8.2 จดั ทาสือ่ เผยแพรก่ ารพัฒนาเครอื ขา่ ยอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟปา่ ลดหมอกควนั บทที่ 9 การตดิ ตามผลการจดั การ 157 และบทเรยี นการสรา้ งเครือข่ายการจัดการไฟปา่ หมอกควนั ภาคเหนอื 9.1 พื้นทีอ่ ุทยานแห่งชาติดอยสเุ ทพ – ปุย อาเภอเมอื ง แม่รมิ และหางดง จงั หวดั เชยี งใหม่ 159 9.2 พื้นที่อุทยานแห่งชาตดิ อยอนิ ทนนท์ อาเภอจอมทอง จังหวดั เชยี งใหม่ 167 9.3 พน้ื ทีด่ อยพระบาท – มอ่ นพระยาแช่ อาเภอเมอื ง จงั หวัดลาปาง 172 9.4 พน้ื ทล่ี ่มุ น้าลตี้ อนบน อาเภอท่งุ หวั ชา้ ง จงั หวดั ลาพูน 181 บทท่ี 10 บทสรุป และขอ้ เสนอแนะตอ่ ทศิ ทางการขยายผลเครอื ข่ายความรว่ มมอื 191 บรรณานกุ รม 205 ภาคผนวก 207 ค

สารบัญภาพ ภาพที่ 2-1 หน้า ภาพที่ 2-2 ภาพที่ 2-3 11 ภาพที่ 2-4 12 ภาพท่ี 2-5 13 ภาพท่ี 2-6 14 ภาพที่ 2-7 15 ภาพที่ 2-8 16 ภาพที่ 2-9 17 ภาพท่ี 2-10 18 ภาพท่ี 2-11 19 ภาพท่ี 2-12 20 ภาพที่ 2-13 22 ภาพท่ี 2-14 22 ภาพที่ 2-15 23 ภาพท่ี 2-16 31 ภาพท่ี 2-17 32 ภาพท่ี 2-18 36 ภาพท่ี 2-19 37 38 42 ง

สารบัญตาราง ตารางท่ี 2-1 หน้า ตารางท่ี 2-2 ตารางท่ี 2-3 11 ตารางท่ี 2-4 14 ตารางท่ี 2-5 16 ตารางท่ี 2-6 21 21 21 จ

บทสรุปเชงิ บรหิ าร รายงานโครงการพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน ภาคเหนือ:บทเรียน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือให้เกิดประสิทธิภาพ ปี 2561 ประกอบด้วยเน้ือหาสาระสาคัญ ได้แก่ สถานการณ์ปญั หาไฟป่าหมอกควนั ภาคเหนอื ประกอบดว้ ยสถานการณ์ทางกายภาพ สถานการณ์ทางนโยบาย และกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง องค์กรและเจ้าภาพในการบริหารจัดการ การบูรณาการความร่วมมือในการบริหาร จัดการปัญหาหมอกควัน และยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ปี 2561 แนวคิดการ ดาเนินงานของโครงการ ประกอบดว้ ย เป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืน (SDG) แนวคิดเร่ืองการมีส่วนร่วม แนวคิด เร่อื งการสรา้ งเครอื ข่าย แนวคิดเรื่องการจัดการเชิงซ้อนและการจัดการร่วมแนวคิดเรื่องการจัดการโดยใช้ พ้ืนที่เป็นตัวต้ัง แนวคิดเรื่องการตอบแทนคุณระบบนิเวศกับการจัดการไฟป่าหมอกควัน การใช้ข้อมูลแผนท่ี และระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ประกอบการวางแผน การบริหารจัดการการวิเคราะหเ์ ครือข่ายการจดั การ ไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ อันได้แก่ ลักษณะและประเภทความเป็นเครือข่าย ศักยภาพในการจัดการปัญหา ข้อจากัดและปัญหาของเครือข่าย ตลอดจนทิศทางการสร้างเครือข่ายให้เกิดประสิทธภิ าพ กรณีศึกษาบทเรียน การสร้างเครือข่ายการจัดการไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ ได้แก่ พ้ืนที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย อาเภอ เมือง แม่ริมและหางดง จังหวดั เชียงใหม่ พ้ืนท่ีอทุ ยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อาเภอจอมทอง จังหวดั เชียงใหม่ พ้ืนที่ดอยพระบาท – ม่อนพระยาแช่ อาเภอเมือง จังหวัดลาปางพน้ื ที่ลุ่มน้าลต้ี อนบน อาเภอทุ่งหัวช้าง จังหวดั ลาพูน เง่ือนไขและปัจจัยการเพ่ิมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการไฟป่าหมอกควัน ได้แก่องค์กรในการ จัดการ ความรู้ ระบบสนบั สนุน ความร่วมมือ และการจัดการรว่ ม และบทสรุปและขอ้ เสนอแนะตอ่ ทิศทางการ ขยายผลเครือขา่ ยความร่วมมือ ฉ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 1 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั บทท่ี 1 บทนำ 1. หลกั กำรและเหตผุ ล วิกฤติปัญหำหมอกควัน ไฟป่ำในพื้นท่ีภำคเหนือ กลำยเป็นปัญหำมำอย่ำงต่อเนื่อง เป็นภัยคุกคำมท่ีมี ควำมรุนแรงและควำมถ่ีในกำรเกิด นับเป็นปัญหำสำคัญท่ีเป็นหน้ำที่ของคนไทยทุกคน ซ่ึงภำครัฐไม่สำมำรถ ดำเนินกำรได้เพยี งลำพัง ซ่ึงที่ผ่ำนมำหลำยหน่วยงำนท่ีเกี่ยวข้องได้รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปญั หำมำอย่ำงต่อเน่อื ง กระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภำพสิ่งแวดล้อมในฐำนะหน่วยงำนที่ทำงำนกับ ภำคประชำชน และมีหลำยกล่มุ ทำงำนอยำ่ งเขม้ แข็งเล็งเห็นว่ำในกำรดูแลเร่อื งหมอกควันไฟปำ่ ไมไ่ ด้เกยี่ วกบั เฉพำะ เร่ืองไฟป่ำอย่ำงเดียว แต่เกี่ยวข้องกับกำรจัดกำรฐำนทรัพยำกรต่ำง ๆ ด้วย ได้สนับสนุนให้ภำคประชำชนเข้ำมำมี ส่วนร่วมเป็นเครือข่ำยในกำรเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน ริเริ่มโครงกำรและดำเนินกิจกรรมต่ำงๆ ที่หลำกหลำย ขับเคลื่อนกลไกประชำรัฐแก้ไขปัญหำไฟป่ำ สร้ำงควำมเข้มแข็งในชุมชนท้องถ่ิน ประสำนพลังสู่กำรปฏิบัติในพนื้ ท่ี โดยในปี พ.ศ. 2557 เป็นตน้ มำ กรมส่งเสริมคุณภำพส่ิงแวดล้อม ได้จัดทำแผนบรู ณำกำรไฟป่ำหมอกควัน ในพน้ื ที่ 9 จงั หวดั ภำคเหนอื (จังหวัดเชียงใหม่ เชยี งรำย แมฮ่ ่องสอน พะเยำ ลำปำง ลำพูน แพร่ นำ่ นและ ตำก) และบรู ณำ กำรควำมร่วมมือกับกรมอุทยำนแห่งชำติสัตว์ป่ำและพันธพ์ุ ืช และกรมปำ่ ไม้ กำหนดให้พื้นที่อุทยำนแห่งชำติดอยสุ เทพ - ปยุ และพ้นื ท่โี ดยรอบ อทุ ยำนแหง่ ชำตดิ อยอินทนนท์ และพ้ืนที่โดยรอบ จงั หวดั เชียงใหม่ และดอยพระบำท - ม่อนพระยำแช่ จังหวัดลำปำง เป็นพื้นท่ีบูรณำกำรควำมร่วมมือ ส่งเสริมสนับสนุนและจัดต้ังเครือข่ำยภำค ประชำชนและทุกภำคส่วนให้ร่วมแรงร่วมใจและเชื่อมโยงเป็นเครือข่ำยดำเนินกำรเฝ้ำระวังไฟป่ำลดหมอกควัน ยกระดับพัฒนำเปน็ พ้ืนที่รูปธรรมดำเนินงำนตำมกลไกประชำรัฐชว่ ยเจ้ำหน้ำท่ีดูแลไฟป่ำในพนื้ ท่ี ซ่ึง ส่งผลให้ควำม รุนแรงลดลงเพรำะกำรสร้ำงเครือข่ำยควำมร่วมมือไม่ให้เกิดไฟ นอกจำกน้ีพ้ืนท่ีอุทยำนแห่งชำติดอย สุเทพ - ปุย และพ้ืนท่ีโดยรอบ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับกำรคัดเลือกให้ได้รับรำงวัลควำมเป็นเลิศด้ำนกำรบริหำร รำชกำรแบบมี ส่วนร่วม ประจำปี พ.ศ. 2560 ประเภทรำงวลั พฒั นำกำรบรหิ ำรรำชกำรแบบมีส่วนรว่ ม ระดับดีเด่น จำกสำนักงำน คณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร ซ่งึ เปน็ รูปธรรมควำมสำเรจ็ ทเ่ี กดิ จำกกำรทำงำนดว้ ยควำมร่วมมือของเครอื ข่ำย ภำคประชำชนและภำคีหลำยภำคส่วน ดังนั้น เพ่ือให้กำรดำเนินงำนกำรสร้ำงเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวังไฟป่ำลดหมอกควันเป็นไปอย่ำงมี ประสิทธิภำพ มีควำมต่อเนื่อง กรมส่งเสริมคุณภำพสิ่งแวดล้อม จึงได้ดำเนินกำรพัฒนำรูปแบบกำรสร้ำงเครือข่ำย เฝ้ำระวังไฟป่ำลดหมอกควันภำคเหนือข้ึน เพ่ือศึกษำวิเครำะห์รูปแบบกำรสร้ำงเครือข่ำย บทเรียนต่ำงๆ ในกำร

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 2 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ดำเนินงำนด้ำนไฟป่ำหมอกควันของทุกภำคส่วนในพื้นท่ีภำคเหนือ และพ้ืนที่ท่ีได้รับรำงวัล รวมถึงนำผลท่ีได้จำก กำรวิเครำะห์ไปทดสอบในพื้นที่ประเมินและขยำยผล พร้อมท้ังเสนอแนะวิธีกำรนำไปขยำยผลสู่พื้นท่ีอ่ืนๆ ใน ภำคเหนอื ต่อไป 2. วตั ถุประสงค์ 2.1 เพือ่ ศกึ ษำวเิ ครำะห์ รูปแบบกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย บทเรยี นตำ่ งๆ ในกำรดำเนินงำนด้ำนไฟป่ำ หมอกควัน ของทุกภำคส่วนในพื้นที่ภำคเหนือ และพ้ืนท่ีบูรณำกำรควำมร่วมมือในกำรเฝ้ำระวังไฟป่ำหมอกควัน รวมถึง วิเครำะหป์ ญั หำควำมรุนแรงของพืน้ ท่ีเสี่ยง และเสนอแนะวิธกี ำรนำไปขยำยผลสพู่ น้ื ทีอ่ ืน่ ๆ ในภำคเหนอื 2.2 เพ่ือพัฒนำรูปแบบกำรสร้ำงเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวังไฟป่ำลดหมอกควันและดำเนินกำรในพื้นท่ี ต่อไป 3. กลุ่มเป้ำหมำย ชุมชนและหมู่บ้ำนที่วิกฤตไฟป่ำหมอกควัน เครือข่ำยองค์กรชุมชน เครือข่ำยอำสำสมัครพิทักษ์ ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมหมู่บ้ำน (ทสม.) หน่วยงำนภำครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ภำคธุรกิจ เอกชน องค์กรภำคประชำชน เกษตรกร และประชำชนในพ้ืนท่ีจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปำง และ พ้ืนท่ีบูรณำ กำรภำคเหนอื 4. ขอบเขตกำรดำเนนิ งำน 4.1 วิเครำะห์ข้อมูล สภำพปัญหำในพ้ืนท่ีภำคเหนือ ถอดบทเรียนพื้นท่ีดำเนินกำร ศึกษำรูปแบบกำร ดำเนนิ งำนและเสนอแนะแนวทำงกำรขยำยผลกำรเสรมิ สร้ำงเครือข่ำยเฝ้ำระวงั ไฟปำ่ ลดหมอกควัน 4.1.1 ถอดบทเรียนพน้ื ท่ีดำเนนิ กำร พนื้ ที่บูรณำกำรควำมรว่ มมอื ในกำรสร้ำงเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวงั ไฟป่ำลดหมอกควัน จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำปำง วิเครำะห์ข้อมูล ถอดบทเรียนกำรเสริมสร้ำงเครือข่ำยเฝ้ำ ระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน ตำมระดับกำรดำเนินงำน บทบำทสำคัญในกำรทำงำนแบบมีส่วนร่วมกับภำคประชำชน และภำคส่วนต่ำงๆ ควำมก้ำวหน้ำและผลสำเร็จของแต่ละพ้ืนท่ี รวมท้ังเสนอแนะแนวทำงในกำรขยำยผลภำพรวม ระดบั ภำค และระดบั พน้ื ท่ที ีจ่ ะนำไปปฏิบตั ิกำรบูรณำกำรควำมร่วมมอื จำนวน 3 พ้ืนท่ี ประกอบดว้ ย 1) พื้นที่อุทยำนแห่งชำติดอยสุเทพ – ปุย และพื้นที่โดยรอบ (อำเภอเมือง แม่ริม และหำงดง) จังหวัด เชยี งใหม่ 2) พื้นท่อี ทุ ยำนแห่งชำตดิ อยอนิ ทนนท์ และพ้ืนท่โี ดยรอบ (อำเภอจอมทอง) จงั หวดั เชียงใหม่ 3) พ้นื ทีด่ อยพระบำท – มอ่ นพระยำแช่ จังหวดั ลำปำง

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 3 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 4.1.2 วิเครำะห์ปัญหำในพ้ืนที่ภำคเหนือ วิเครำะห์ปัญหำ พื้นท่ีเส่ียง และควำมรุนแรงของไฟป่ำหมอก ควันทง้ั หมดในพืน้ ท่ภี ำคเหนือ และวิเครำะห์ข้อมูลเครือขำ่ ยอำสำสมคั ร รปู แบบ วธิ กี ำรกำรบูรณำกำรควำมร่วมมือ และเครือข่ำย กระบวนกำรเก่ียวกับกำรจัดกำรไฟป่ำ และงำนอ่ืนๆ ในพื้นท่ี 9 จังหวัดภำคเหนือ ที่กรมส่งเสริม คุณภำพสิ่งแวดล้อมดำเนินงำน และที่หน่วยงำนอื่นดำเนินกำร โดยเฉพำะกำรสนับสนุนภำคประชำชน หรือกำร สร้ำงเครือข่ำย พร้อมท้ังเสนอแนะรูปแบบและแนวทำงในกำรบูรณำกำรเชื่อมร้อยเครือข่ำยเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลด หมอกควัน 4.1.3 เสนอแนะแนวทำงกำรขยำยผลสู่พืน้ ที่อืน่ ๆ ในภำคเหนือ เสนอแนะแนวทำงกำรขยำยผลในพ้นื ท่ีท่ี วิเครำะห์มำ (ข้อ 4.1.1 – 4.1.2) จำกหน่วยงำนของกรมส่งเสริมคุณภำพสิ่งแวดล้อมและหน่วยงำนต่ำงๆ ที่ ดำเนนิ งำนสนบั สนนุ ภำคประชำชน หรือกำรสร้ำงเครอื ข่ำยไฟ ปำ่ หมอกควันในภำคเหนือท้งั หมด พิจำรณำคัดเลือก พื้นท่ีบูรณำกำรควำมร่วมมือ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะกำรดำเนินกำรอย่ำงต่อเนื่อง และกำรขยำยผลในพื้นท่ีท่ีเคย ทำงำนจำนวน 3 พื้นที่ และกำรขยำยผลพื้นที่บูรณำกำรใหม่ อย่ำงน้อย 1 พื้นที่ เสนอให้กรมส่งเสริมคุณภำพ สงิ่ แวดล้อมเห็นชอบ 4.2 จัดทำแผนและนำเสนอรูปแบบกำรสร้ำงเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวังไฟป่ำลดหมอกควัน ใน พ้ืนที่ บูรณำกำรควำมร่วมมอื และในพนื้ ที่ 9 จังหวัดภำคเหนอื 4.2.1 จัดทำแผนพฒั นำรูปแบบกำรสร้ำงเครือขำ่ ยอำสำสมัครเฝ้ำระวังไฟป่ำลดหมอกควนั ในพนื้ ท่ีบรู ณำ กำรควำมร่วมมือภำคเหนือ โดยนำผลท่ีได้จำกกำรวิเครำะห์ควำมสำเร็จ และข้อเสนอแนะ แนวทำงกำรขยำยผล พ้ืนท่ีเดิมท่ีเคยทำงำน จำนวน 3 พ้ืนที่ (ตำมข้อ 4.1.1) และพื้นที่ที่ได้รับกำรคัดเลือกขยำยผล อย่ำงน้อยจำนวน 1 พื้นที่ (ตำมข้อ 4.1.3) มำจัดทำแผนพัฒนำและยกระดับรูปแบบกำรสร้ำงเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำ ระวังไฟป่ำ ลด หมอกควัน ในพ้ืนท่ีบูรณำกำรควำมร่วมมือและในพ้ืนที่ 9 จังหวัดภำคเหนือ เพ่ือทดสอบผลท่ีได้จำกกำรวิเครำะห์ กำรดำเนนิ งำนและเป็นแนวทำงกำรขยำยผลไปสู่พ้นื ทีอ่ น่ื ในภำคเหนือ ตอ่ ไป 4.2.2 จัดประชุมนำเสนอรูปแบบกำรพัฒนำและสร้ำงเครือข่ำยเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน ภำคเหนือ ร่วมกับกลุ่มเป้ำหมำยที่เก่ียวข้อง เช่น ชุมชน เครือข่ำยองค์กรชุมชน เครือข่ำย ทสม. องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และหน่วยงำนภำคีต่ำงๆ ท่ีเก่ียวข้อง และติดตำมประเมินผลรวมถึงรำยละเอียดองค์ประกอบอื่นๆ ท่ี เก่ียวข้อง หรือตำมที่กรมสง่ เสรมิ คณุ ภำพสงิ่ แวดล้อมกำหนด 4.2.3 จัดกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำร หรือเวทีพัฒนำกลไกควำมร่วมมือในกำรสนับสนุนกำรทำงำน ของ ชุมชนและเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน อย่ำงน้อย 4 ครั้ง จำนวนผู้เข้ำร่วมรวมไม่น้อย กว่ำ 200 คน (ตำมขอ้ 4.2.1) 1) กลุ่มเป้ำหมำยที่สำคัญประกอบด้วย ภำคธุรกิจเอกชน สถำนประกอบกำร รีสอร์ต หน่วยงำนภำครัฐ องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ และ ทมี่ คี วำมสนใจสนับสนนุ กำรท ำงำนของชุมชนและเครอื ข่ำย อำสำสมัครเฝ้ำระวงั

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 4 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ไฟป่ำ ลดหมอกควัน รวมถึงชุมชนและหมู่บ้ำนในพ้ืนที่เส่ียง เครือข่ำยองค์กรชุมชน และ เครือข่ำยอำสำสมัคร พทิ กั ษ์ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มหมบู่ ้ำน (ทสม.) 2) จัดเตรียมสถำนที่จัดประชุม สถำนที่ภำคสนำม จัดหำบุคลำกร /วิทยำกร/วิทยำกร กระบวนกำรให้มี ควำมเหมำะสมกบั เนอ้ื หำสำระกำรประชุม พร้อมจดั เตรียมเอกสำรประกอบกำรประชมุ 3) รับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยระหว่ำงกำรประชุมท้ังหมด เช่น ค่ำที่พัก ค่ำเดินทำง ค่ำอำหำร ค่ำ วิทยำกรค่ำ เอกสำรวสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละค่ำใชจ้ ำ่ ยอืน่ ๆท่ีเกยี่ วขอ้ ง 4.2.4 ส่งเสริมและสนับสนุนกำรจัดทำแผนระดบั ชุมชนและแผนระดบั เครือข่ำย ในกำรเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลด หมอกควัน ในพ้ืนท่ีบูรณำกำรควำมร่วมมือ จำกกำรมีส่วนร่วมและควำมต้องกำรของประชำชนในพื้นท่ีโดย รับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยระหว่ำงกำรจัดทำแผนฯทั้งหมด เช่น ค่ำที่พัก ค่ำเดินทำง ค่ำอำหำร ค่ำวิทยำกร ค่ำเอกสำร วัสดุอุปกรณ์และค่ำใช้จ่ำยอ่ืนๆที่เกี่ยวข้อง (ตำมข้อ 4.2.1) 4.2.5 กำรสนับสนุนกำรดำเนินงำนของเครือข่ำยเฝ้ำ ระวังไฟป่ำ ลดหมอกควันในพื้นที่บูรณำกำรควำมร่วมมือ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปำง และจังหวัดที่ได้รับกำร พิจำรณำคัดเลือกขยำยผล โดยกำรสนบั สนุนกิจกรรมตำมแผนกำรดำเนินงำน หรือ โครงกำรดำ้ นกำรเฝำ้ ระวังไฟปำ่ ลดหมอกควัน ของชุมชนหรือเครือข่ำย (ตำมขอ้ 4.2.4) จำนวนเงนิ ไมน่ ้อยกวำ่ 500,000 บำท 4.3 กำรสื่อสำรสู่สำธำรณะ และจัดทำสื่อเผยแพร่สำหรับกำรสร้ำงกระบวนกำรมีส่วนร่วมสร้ำง เครือข่ำย เฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควนั 4.3.1 ส่ือสำรกิจกรรม รูปแบบกำรสร้ำงเครือข่ำยเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน ภำคเหนือ และผลงำน ของเครือข่ำยอำสำสมัคร หน่วยงำนและภำคีที่เก่ียวข้อง สู่สำธำรณะ โดยเผยแพร่ผ่ำนสื่อท้องถ่ิน หรือ ช่องทำง ต่ำงๆ อำทิ เชน่ หนังสอื พมิ พ์ วิทยุชุมชน เวบ็ ไซดท์ ี่เกย่ี วขอ้ ง หรอื สอื่ อนื่ ๆ ไม่น้อยกว่ำ 2 ช่องทำง 4.3.2 จัดทำสื่อเผยแพร่กำรพัฒนำเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน โดยดำเนินกำร ออกแบบงำนพิมพ์ เนื้อหำสำระ ภำพประกอบแผนท่ีให้มีควำมสอดคล้องกัน ดูสวยงำมและน่ำสนใจ หรือ ตำมท่ี กรมสง่ เสริมคุณภำพส่ิงแวดล้อมกำหนด ได้แก่ 1) โปสเตอร์ กำรพฒั นำเครือข่ำยอำสำสมัครเฝ้ำระวงั ไฟป่ำ ลดหมอกควนั ในพ้นื ที่บูรณำกำร ควำมร่วมมอื พิมพ์ 4 สอี งิ คเ์ จท ขนำดกวำ้ งยำวไมน่ อ้ ยกว่ำ 60X 100 ซม. จำนวนไม่นอ้ ยกวำ่ 400 แผ่น 2) แผน่ พับกำรพฒั นำเครอื ข่ำยอำสำสมคั รเฝำ้ ระวงั ไฟป่ำ ลดหมอกควนั พมิ พ์ 4 สี 2 ด้ำน ขนำดกว้ำงยำว ไมน่ ้อยกว่ำ 40 x 60 ซม. จำนวน ไมน่ ้อยกวำ่ 800 แผ่น 3) นิทรรศกำร สำหรับพ้ืนที่บูรณำกำรควำมร่วมมือในกำรเฝ้ำระวังไฟป่ำ ลดหมอกควัน - ทำด้วยวัสดุ plastwood ขนำดไม่น้อยกว่ำ 100 x 150 ซม. จำนวนไม่น้อยกว่ำ 20 แบบ - โครงนิทรรศกำร แข็งแรง พกพำ และเคล่อื นย้ำยได้สะดวก สำมำรถวำงในท่ีรม่ และ กลำงแจ้งได้ ทนแรงลม ไม่ลม้ หกั งำ่ ย จำนวนไม่นอ้ ยกว่ำ 2 ชุด 4) สื่อ ประกอบกำรประชำสัมพันธ์ในพื้นที่ 9 จังหวัดภำคเหนือ จำนวนไม่น้อยกว่ำ 1,000 ชิ้น 4.4 กำร ติดตำมและประเมินผล จัดเตรียมทีมงำนท่ีมีประสบกำรณ์ ลงพื้นที่ติดตำมนิเทศ ให้คำแนะนำ ปรึกษำลงพ้ืนท่ี

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 5 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ติดตำมผลกำร ดำเนินงำนของภำคีเครอื ขำ่ ยท่ีเขำ้ รว่ มกิจกรรมในพื้นท่จี งั หวดั เชยี งใหม่ จังหวัดลำปำง และจังหวดั ท่ี ไดร้ บั กำร พิจำรณำคัดเลอื กขยำยผล รวมถงึ ประเมินผลตำมวตั ถุประสงค์ของโครงกำร 4.5 จดั ทำสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน รำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำรฯ ตำมขอบเขตกำรดำเนินงำนข้อ ที่ 4 ท้ังหมด รวมทัง้ สรุปผลสำเร็จ ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จำกกำรดำเนินงำน ปญั หำอุปสรรค ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ ควำมสำเร็จ ในกำรดำเนินงำนโครงกำร ข้อเสนอแนะภำพรวม แนวทำงกำรดำเนินงำน รูปแบบและกำรสร้ำงเครือข่ำยเฝ้ำระวัง ไฟปำ่ ลดหมอกควนั ของ ภำคเหนอื ในปีถดั ไป พรอ้ มไฟล์ขอ้ มูล (Digital file) 5. ระยะเวลำ และพื้นที่ดำเนินกำร ระยะเวลำ จำนวน 180 วัน พื้นท่ีดำเนินกำร ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปำง และจังหวัดที่ได้รับ กำรพจิ ำรณำคดั เลือกขยำยผล

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 6 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั บทท่ี 2 สถานการณ์ปญั หาไฟปา่ หมอกควนั ภาคเหนือ 2.1 สถานการณ์ ปญั หา ไฟปา่ หมอกควนั ภาคเหนอื ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย เป็นปัญหามลพิษที่เกิดข้ึนเป็นประจาทุกปี เร่ิม ต้ังแต่เดือนพฤศจิกายนและมีปริมาณสูงสุดในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน สาเหตุหลักเกิดจากไฟป่า การ เผาเศษวัสดุในพื้นที่เกษตรกรรม ฝุ่นละอองจากถนน การก่อสร้าง และเขม่าจากน้ามันดีเซล ทาให้คุณภาพ อากาศแย่ลง ประกอบกับสภาพภูมิประเทศซ่ึงมีภูเขาล้อมรอบ ทาให้มลพิษต่าง ๆ ถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมทั่ว เมือง ในชว่ งระหวา่ งเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนของทุกปี พ้นื ที่ 8 จังหวดั ในภาคเหนือตอนบนของประเทศมัก เกิดปัญหาหมอกควันโดยมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กมีจานวนมากเกินค่ามาตรฐานท่ีกาหนด (ค่ามาตรฐาน PM10 120 ไมโครกรมั ต่อลกู บาศก์เมตร) และดชั นคี ณุ ภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) อยูใ่ นเกณฑท์ ่ีมี ผลกระทบต่อสขุ ภาพ โดยพบวา่ มีแหลง่ กาเนิดสาคญั 4 แหลง่ ดงั น้ี 1) ไฟป่า ไฟไหม้ป่าท่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่จะเกิดในเขตป่าเต็งรังและเบญจพรรณท่ีแห้งแล้ง โดยเฉพาะ อย่างย่ิงหากปีใดต้องเผชิญกับภาวะเอลนีโญ ซึ่งทาให้เกิดภาวะความแห้งแล้งมากขึ้น ไฟป่าที่ไหม้ในเขตป่าเต็ง รังและเบญจพรรณจะมีปริมาณพ้ืนท่ีการเกิดไฟที่มากและมีการไหม้ลามเข้าป่าดงดิบเป็นพื้นที่กว้างมากข้ึน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการจุดของมนุษย์ท้ังที่ต้ังใจและพล้ังเผลอ จากการเก็บหาของป่า ล่าสัตว์ เกษตรกรใช้ วิธีการชิงเผาป่าเพ่ือป้องกันไฟป่าไหม้ลามเข้าสวนของเกษตรกร ขณะที่กาลังเจ้าหน้าท่ีรัฐมีจานวนจากัดไม่ สามารถควบคมุ ดูแลได้อย่างทว่ั ถึง ตลอดจนความรูแ้ ละวธิ ีการบรหิ ารจดั การในปัจจุบนั น้ันยงั มขี ้อจากัดอยมู่ าก โดยเฉพาะอย่างย่ิงจากนโยบายการห้ามเผาในท่ีโล่งแจ้ง (Zero Burning) ซ่ึงกรม ควบคุมมลพิษ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมรับนโยบายจากที่ประชมุ ระดับรัฐมนตรี อาเซยี นด้านหมอกควนั มากาหนด แผนงานและมาตรการโดยพยายามใหห้ นว่ ยงานต่าง ๆ จดั ทาแผนงาน มาตรการ และระเบียบขอ้ บงั คับ รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์ในเร่ืองการห้ามเผาในภาคการเกษตร และการเผา ขยะมูลฝอยจากชุมชนเพื่อให้ทุกภาคส่วนมี ส่วนร่วมในการปฏิบัติเพื่อการป้องกัน ลดและแก้ไขปัญหา มลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาในท่ีโล่งให้ สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ในทางปฏิบตั ิยัง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ทา ให้มาตรการการป้องกัน และดับไฟป่าไม่สามารถ ดาเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีแนวโน้มจะขยาย ความรนุ แรงมากข้ึนในอนาคต 2) การใชไ้ ฟในพืชที่เกษตร ภายใต้เงอื่ นไขความจาเป็นในการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจของเกษตรกร เกิดการขยายตัวของการบุกรุกพ้ืนที่ป่ามาเป็นพื้นท่ีการเกษตรเพาะปลูกมีพืชเศรษฐกิจได้เกิดข้ึนจานวนมาก เกิดการขยายพนื้ ทเี่ พือ่ เพาะปลูกหอมแดง กระเทียม ออ้ ย ข้าวโพด ถั่วเหลือง กะหล่าปลี มะเขือเทศ และ ข้าว มีจานวนมากขึ้น เกิดการใช้ไฟเพ่ือเผาเศษวัสดุทางการเกษตร และลักลอบเผาพื้นที่ป่ามาเป็นพ้ืนที่เกษตรมาก ข้ึน เน่ืองจากยังไม่มีการแก้ไขปญั หาการซ้อนทับของท่ีดินของรัฐและท่ีดินทางการเกษตรของประชาชนทาใหม้ ี 6

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 7 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั การบุกรุกพ้ืนที่เพิ่มอย่างขาดการควบคุม เม่ือผนวกกับการใช้ไฟเพ่ือการเผาไร่ของเกษตรกรดั้งเดิมท่ีทาข้าวไร่ หมุนเวยี นของประชาชนบนพ้ืนทีส่ งู ที่ยังมอี ยู่จานวนมาก ทาใหก้ ารเผาในพน้ื ทีเ่ กษตรเพ่ิมข้นึ จานวนมาก 3) ฝุ่นละอองจากพื้นท่ีเมืองและอุตสาหกรรม เช่น จากการจราจร การก่อสร้าง การเผาขยะมูลฝอย ชุมชน เผาท่ีรกร้างวา่ งเปล่า พ้ืนท่ีรอการพัฒนา การเผาไหม้โดยไม่มีการบาบัดคุณภาพอากาศในอุตสาหกรรม ครัวเรือนท่ีใชเ้ ชอ้ื เพลิงในกระบวนการผลิต การเผาไหม้เพื่อผลิตไฟฟ้าชีวมวล แหล่งกาเนิดดังกล่าวเป็นตน้ เหตุ ของฝุ่น 1 ใน 4 ของปริมาณทั้งหมดในปัจจุบัน ขณะที่แนวโน้มการเจริญเติบโตของเมืองและอุตสาหกรรมมี แนวโน้มการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ย่อมมีผลตอ่ การกลายเป็นแหล่งกาเนิดฝุ่นควันท่ี มากขึ้น และส่งผลตอ่ การไหลเวยี นของอากาศในพื้นทเ่ี มอื งที่แยล่ งมีการสะสมของฝ่นุ ละอองมากขนึ้ จาก กจิ กรรมตา่ งๆ 4) หมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพ่ือนบ้าน แนวโน้มของปัญหาหมอกควันในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศท่ีมีเขตแดนติดกับประเทศไทย จะเห็นได้จากค่า PM10 ในพ้นื ท่ีจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทม่ี ีพ้ืนที่ชายแดนติดกับประเทศเพ่ือนบ้านมีค่าสงู มากเมื่อเปรยี บเทียบกบั พืน้ ที่ สถานีตรวจวัดอื่นๆ ซ่ึงมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เมื่อพิจารณาจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของ ภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ทาให้การเกิดไฟป่า ไฟในภาค การเกษตรของประเทศพม่า ลาว และทางใตข้ องประเทศจนี มแี นวโนม้ เพ่ิมขน้ึ เม่ือย้อนกลับไปดูสถานการณ์ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ภาคเหนือ ตอนบนประสบปัญหาหมอกควันที่รุนแรงมาก พบว่าระดับหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ข้ึนสูงอย่าง มากตอ่ เน่อื งกนั เปน็ ระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ ปญั หาน้ีส่งผลกระทบตอ่ ธุรกิจการท่องเทย่ี วและการบริการ รวมถงึ การจราจรทั้งทางบกและทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงมผี ลต่อสุขภาพของประชาชนในพ้ืนท่ีโดยตรง จากการ ติดตามตรวจสอบปริมาณฝ่นุ ละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) โดยสถานีตรวจวัดคณุ ภาพอากาศของ กรมควบคุมมลพษิ ในปี 2550 - 2553 พบวา่ หลายสถานใี น 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย จังหวัด เชียงราย พะเยา ลาปาง แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลาพูน น่านและแพร่ พบว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือน เมษายนของทกุ ปี ทมี ีการเผาในท่ีโลง่ จานวนมากทั้งการเผาในพืน้ ท่ีป่า การเผาเศษเหลือจากการเกษตรในพ้ืนท่ี เกษตร และการเผาขยะมูลฝอยและเศษใบไม้ ก่ิงไม้ในพ้ืนที่ชุมชน รวมท้ังผลกระทบจากการเผาในพ้ืนท่ี ประเทศเพื่อนบา้ น ในกลุ่มภมู ิภาคลุ่มน้าโขง ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเลก็ กว่า 10 ไมครอน (PM10) มีค่าเฉลีย่ 24 ชัว่ โมง สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน 120 ไมโครกรัมตอ่ ลูกบาศก์เมตร ในหลายพื้นที่และติดต่อกันเป็นเวลานาน หลายวัน โดยพบค่าเฉล่ีย 24 ช่ัวโมงของ PM10 ตรวจวัดได้ท่ีจังหวัดเชียงใหม่ในปี 2550 มีค่าสูงสุด 383 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดเชียงราย ปี 2552 มีค่า 280 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และในจังหวัด แม่ฮ่องสอน ปี 2553 มีค่าสูงสุด 518.5 ไมโครกรัมตอ่ ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานกว่า 4 เท่า (วิจารย์ สิ มาฉายา, 2554) ในปี 2555 สถานการณ์ฝุ่นละอองใน 9 จังหวดั ภาคเหนือจากการตดิ ตามตรวจวดั คุณภาพอากาศใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลาพูน ลาปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน และตาก ซึ่งข้อมูล 7

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 8 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั สถานการณ์ 5 ปี ย้อนหลัง โดยพิจารณาจากจานวนวันท่ีฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน (ค่ามาตรฐานฝุ่น ละอองขนาดเล็กในบรรยากาศกาหนดไว้ไม่เกิน120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ในภาพรวมของ 9 จังหวัด ภาคเหนือ พบว่า นับจากปี 2555 ซึ่งเป็นปีท่ีเกิดวิกฤตหมอกควันรุนแรง ทุกภาคส่วนได้เร่งดาเนินมาตรการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาและหมอกควันอย่างเข้มข้น ส่งผลให้จานวนวันที่ฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์ มาตรฐานใน 9 จงั หวัดภาคเหนือ มแี นวโนม้ ลดลง (กรมควบคุมมลพิษ,2560) อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 สถานการณ์กลับมาวิกฤตอีกครั้ง โดยมีสาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่มี ความแห้งแล้ง อย่างรุนแรงและต่อเนื่องยาวนาน โดยในปี 2559 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม พบ ฝนุ่ ละอองสงู เกนิ เกณฑม์ าตรฐาน 56 วนั (เพิม่ ขน้ึ 15 วัน จากปี 2558) และมีค่าเฉลีย่ 24 ช่วั โมง สูงสดุ เท่ากบั 317 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ท่ีจังหวัดเชียงราย (ลดลงจากปี 2558 ท่ีพบค่าสูงสุดเท่ากับ 381 มคก./ลบ.ม. ท่ีจงั หวดั เดียวกนั ) (กรมควบคมุ มลพิษ,2560) ในส่วนของสถานการณ์หมอกควนั ข้ามแดน ในปี 2559 สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุม มลพิษ ในพื้นท่ีชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ณ ต.เวียงพาคา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 พฤษภาคมพบฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน 38 วัน และพบปริมาณฝุ่นละอองเฉล่ีย24 ชัว่ โมง สูงสุด 311 มคก./ลบ.ม.และ ณ ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน พบจานวนฝุ่นละอองเกินสูงเกิน เกณฑ์มาตรฐาน 20 วัน และพบปริมาณฝุ่นละอองเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงสุด 238 มคก./ลบ.ม. ซ่ึงสอดคล้องกับ การเพิ่มสูงขึ้นของจุดความร้อนจานวนมากท่ีกระจายอยู่ในทุกประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง ซ่ึงประเทศเหล่านี้ ยังขาดความตระหนักถึงความสาคัญของปัญหาการเผาในที่โล่งและมลพิษหมอกควัน ขาดแคลนงบประมาณ เจ้าหน้าท่ียังไม่มีศักยภาพเพียงพอในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา และขาดข้อมลู สาหรับใชใ้ นการวางแผนงาน/ มาตรการในการแก้ไขปัญหา (กรมควบคุมมลพษิ ,2560) ในขณะท่ี สถานการณก์ ารเผาใน 9 จังหวัดภาคเหนือ (กรมควบคมุ มลพิษ,2560) พบวา่ 1) ข้อมูลจุดความร้อนรวมในพื้นท่ี 9 จังหวัดภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31พฤษภาคม 2559 พบว่า จุดความร้อนรวมมีจานวน 10,133 จุด (เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2558 ที่พบจุดความร้อนรวม เท่ากับ 9,943 จุด) ซ่ึงสอดคล้องกับสภาพอากาศในปี 2559 ท่ีมีความแห้งแล้งอย่างรุนแรงและยาวนานและเมื่อ พิจารณาแยกรายจังหวัด พบว่า จังหวดั เชียงใหม่ มีจานวนจุดความร้อนสูงท่ีสุด เท่ากับ 2,083 จุด(ลดลงจากปี 2558 ทพ่ี บจุดความร้อนรวม เทา่ กับ 2,339 จดุ ที่จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน) - จังหวัดท่มี จี ุดความร้อนรวมลดลงจากปี 2558 ไดแ้ ก่ จังหวัดลาพูน นา่ น และแมฮ่ อ่ งสอน - จังหวัดที่มีจุดความร้อนรวมเพ่ิมข้ึนจากปี 2558 ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ ลาปาง พะเยา และตาก 2) ข้อมูลจุดความร้อนรวมจาแนกตามการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ใน 9 จังหวัดภาคเหนือจากข้อมูลจานวน จุดความร้อนแยกตามประเภทการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ได้แก่ พื้นที่เขต สปก.พื้นท่ีชุมชน พ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติ พ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ พ้ืนท่ีเกษตร และพ้ืนท่ีริมทางหลวง ใน 9 จังหวัดภาคเหนือระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 8

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 9 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั พฤษภาคม 2559 พบว่า มีจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวนสูงที่สุด 4,648 จุดคิดเป็นร้อยละ 46 ของ จานวนจุด ความรอ้ นรวม รองลงมาคือพื้นที่ปา่ อนุรกั ษ์ 4,029 จดุ คดิ เป็นร้อยละ 40 ของจานวนจุดความร้อนรวม และใน พนื้ ทรี่ ิมทางหลวง 493 จุด หรือประมาณรอ้ ยละ 5 ของจานวนจุดความร้อนรวม 2.1.1 สถานการณป์ ัญหาหมอกควันภาคเหนือ ในปี 2560 สถานการณ์ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ในปี 2560 มีแนวโน้มดีขึ้น(สานักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1,2560) กล่าวคือ ในพ้ืนที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลาพูน และแม่ฮ่องสอน พบว่าสถานการณ์ หมอกควันและไฟป่า ดีข้ึนกว่าปีที่ผ่านมา วัดได้จากจานวนวันท่ีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) เกินมาตรฐานในพน้ื ท่ี 4 จังหวัด เพยี งแค่ 19 วัน ซ่ึงลดลงจากปี 2559 ที่มากถึง 54 วัน โดยเริ่มต้ังแต่ วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ และส้ินสุดในวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 และค่าความเข้มข้นของ PM10 มีค่าน้อยกว่าปีท่ี ผา่ นมา หากประมวลสถานการณ์รายจังหวัด พบว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจานวนวันที่ค่า PM10 เกินค่า มาตรฐานยาวนานท่ีสุด จานวน 18 วัน ค่า PM10 สูงสุดคือ 178 มคก./ลบ.ม. รองลงมา ได้แก่ เชียงราย จานวน 5 วนั ค่า PM10 สูงสุดคือ 168 มคก./ลบ.ม. เชยี งใหม่ จานวน 4 วัน คา่ PM10 153 มคก./ลบ.ม. และ ลาพนู จานวน 1 วัน คา่ PM10 สงู สดุ คือ 131 มคก./ลบ.ม.(สานกั งานสง่ิ แวดล้อมภาคที่ 1,2560) อีกหน่ึงตัวบ่งช้ีพ้ืนที่เสี่ยงและใช้เป็นข้อมูลในการรายงานเพื่อปฏิบัติการดับไฟในพื้นท่ีได้อย่างทัน เหตุการณ์ในชว่ งเกิดสถานการณ์ไฟป่าคือ ข้อมูลจานวนจุดความร้อน (Hotspot) ซึ่งพบว่าลดลงกวา่ ปีก่อนโดย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2560 ในพืน้ ที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ พบวา่ มีจานวน Hotspot รวม ทั้งส้ิน 2,635 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์มากที่สุด จานวน 1,203 จุด รองลงมาเป็นพื้นท่ีป่าสงวนแห่งช าติ จานวน 1,051 จุด ชุมชนและอ่ืนๆ จานวน 136 จุด พื้นท่ีริมทางหลวง (250 เมตร) จานวน 119 จุด พ้ืนที่ เกษตร จานวน 82 จุด และเขต สปก. จานวน 44 จุด ตามลาดับโดยจังหวัดพบมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน จานวน 1,188 จุด รองลงมาได้แก่ เชียงใหม่ จานวน 904 จุด ลาพูน จานวน 333 จุด และเชียงราย จานวน 210 จดุ ตามลาดับเมอ่ื เปรยี บเทยี บระหวา่ งปี 2559 และปี 2560 (สานกั งานส่งิ แวดล้อมภาคท่ี 1,2560) พบว่า เชียงใหม่ ปี 2560 มีจานวนจุดความร้อน 904 จุด ปี 2559 มีจานวนจุดความร้อน 2,083 จุด ถือว่า ลดลงจากปี 2559 จานวน 1,179 จุด หรือคดิ เป็นร้อยละ 57 เชียงราย ปี 2560 มีจานวนจุดความร้อน 210 จุด ปี 2559 มีจานวนจุดความร้อน 1,487 จุด ถือว่า ลดลงจากปี 2559 จานวน 1,277 จดุ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 86 แม่ฮอ่ งสอน ปี 2560 มจี านวนจดุ ความรอ้ น 1,188 จุด ปี 2559 มจี านวนจดุ ความรอ้ น 1,401 จุด ถือ วา่ ลดลงจากปี 2559 จานวน 213 จุด หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 15 ลาพูน ปี 2560 มีจานวนจุดความร้อน 333 จุด ปี 2559 มีจานวนจุดความร้อน 258 จุด ถือว่าเพิ่มขึน้ จากปี 2559 จานวน 75 จุด หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 129 9

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 10 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ในขณะเดียวกัน พ้นื ที่เผาไหม้ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 พฤษภาคม 2560 ซ่ึงเป็นหลักฐานสาคัญที่แสดงให้เห็นร่องรอยการเผาไหม้ที่เกิดข้ึนในพื้นท่ี พบพื้นที่เผาไหม้ลดลงกว่าปี ก่อน กล่าวคือ พ้ืนที่เผาไหม้รวมทั้งสิ้น 3,598,216 ไร่ ป่าอนุรักษ์ เป็นพื้นที่ที่มีการเผาไหม้มากที่สุด จานวน 1,778,071 ไร่ รองลงมาคือ พ้นื ที่ป่าสงวน 1,443,297 ไร่ พื้นท่ีชมุ ชนและอื่นๆ 135,264 ไร่ พ้ืนท่ีริมทางหลวง 118,595 ไร่ พื้นท่ีเกษตร 78,478 ไร่ และพ้ืนทเ่ี ขต สปก. 44,149 ไร่ จังหวดั แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวดั ที่มีพื้นที่เผาไหม้มากที่สุด จานวน 2,109,828 ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ 26.41 ของพ้ืนที่จังหวัด รองลงมา คือ จังหวัดเชียงใหม่ จานวน 810,733 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.89 ของพื้นที่ จังหวัด จังหวัดลาพูน จานวน 561,384 ไร่ หรือคิดเป็น ร้อยละ 20.06 ของพื้นท่ีจังหวัด และจังหวดั เชียงราย จานวน 116,271 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.61 ของพ้ืนท่ีจังหวัด แต่หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2559) พบว่า 4 จังหวัดภาคเหนือ มีพ้ืนท่ีเผาไหม้ลดลง จานวน 126,398 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.4 โดยจาแนก รายละเอียด ดังนี้ จังหวัดเชียงราย มีพน้ื ที่เผาไหม้ลดลง ร้อยละ 78.54 จังหวดั เชียงใหม่ มีพน้ื ท่ีเผาไหม้ลดลง ร้อยละ 42.66 และมี 2 จังหวัดท่ีมีพื้นที่เผาไหม้เพ่ิมข้ึน ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพ้ืนที่เผาไหม้เพ่ิมขึ้น ร้อย ละ 108.97 จังหวดั ลาพนู มีพ้ืนท่ีเผาไหม้เพ่มิ ขน้ึ ร้อยละ 10.82 (สานกั งานสงิ่ แวดล้อมภาคที่ 1,2560) ทั้งนี้ จากสถานการณ์หมอกควนั ท่เี กิดขนึ้ ในชว่ งเดอื น มกราคม – เมษายน 2560 ได้ส่งผลกระทบต่อ สุขภาพอนามัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในพ้ืนที่ภาคเหนือ 4 จังหวัด จากข้อมูลของสานักงานป้องกันควบคุม โรคที่ 1 พบว่า สถิติจานวนผู้ป่วยดว้ ยโรคท่ีเฝ้าระวังจากสาเหตุ ของหมอกควนั 4 กลุ่มโรค ไดแ้ ก่ (1) กลุ่มโรค ตาอักเสบ (2) กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด (3) กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุก ชนิด และ (4) กลุ่มโรค ผิวหนังอกั เสบ มีจานวนเพิ่มมากขึน้ จากชว่ งเวลาอืน่ ในรอบปี และที่สาคัญในปี 2560 มจี านวนผปู้ ว่ ย 529,364 ราย ซึ่งเพ่ิมมากขึ้น 12.71 % ของจานวนผปู้ ่วยในปี 2559 (สานักงานสิง่ แวดลอ้ มภาคท่ี 1,2560) ข้อมูลรายงานสถานการณ์ข้างต้นสอดคล้องกับข้อมูลการวิเคราะห์โดย สานักงานพัฒนาเทคโนโลยี อวกาศและภมู ิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (2560) กลา่ วคือ ในปี 2560 พบจุดความร้อนสะสม 9 จังหวัด ภาคเหนอื ดงั นี้ 1) จดุ ความรอ้ นสะสม วันที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2560 สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ระหวา่ งวันที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2560 ในพน้ื ที่ 9 จังหวัด ภาคเหนือ พบว่ามีจานวนจุดความร้อนสะสม รวมทั้งส้ินจานวน 5,418 จุด เกิดจุดความร้อนสะสมสูงสุดใน พื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติจานวน 2,414 จุด รองลงมาเป็นพื้นท่ีป่าอนุรักษ์ จานวน 2,106 จุด พื้นท่ีริมทางหลวง (250 เมตร) จานวน 262 จุด ชุมชนและอื่นๆ จานนวน 256 จุด พ้ืนที่เกษตร จานวน198 จุด และเขต สปก. จานวน 182 จุด ตามลาดับ โดยพบมากท่ีสุดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ ลาปาง น่าน ลาพูน แพร่ เชียงราย และพะเยา ตามลาดับ ดงั ตารางที่ 2-1 และภาพที่ 2-1 10

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 11 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ตารางท่ี 2-1 จดุ ความร้อนสะสม 9 จังหวดั ภาคเหนือ วันที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2560 ท่มี า: สานักงานพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ (องค์การมหาชน). (2560).หนา้ 9 ภาพท่ี 2-1 กราฟจุดความร้อนสะสม 9 จังหวดั ภาคเหนอื วนั ท่ี 1มกราคม - 31 พฤษภาคม 2560 ท่ีมา: สานกั งานพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). (2560).หนา้ 9 2) จดุ ความร้อนสะสม ชว่ งประกาศ 60 วันห้ามเผา สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ชว่ งประกาศห้ามเผา 60 วันห้ามเผา พ.ศ. 2560 ในพน้ื ที่ 9 จังหวัด ภาคเหนือ พบว่ามีจานวนจุดความร้อนสะสม รวมท้ังส้ิน 3,920 จุด เกิดจุดความร้อนสะสมสูงสุดในพ้ืนท่ีป่า 11

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 12 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั อนุรักษ์จานวน 1,668 จุด รองลงมาเป็นพื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติ จานวน 1,663 จุด ชุมชนและอ่ืนๆ จานวน 180 จดุ พ้ืนท่ีริมทางหลวง (250 เมตร) จานวน 167 จุด เขต สปก. จานวน 131 จุด และพ้ืนท่ีเกษตร111 จุด ตามลาดบั โดยพบมากท่ีสุดที่จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน รองลงมาเป็นจังหวดั ตาก ลาปาง เชียงใหม่ น่าน ลาพูน แพร่ พะเยา และเชียงราย ตามลาดบั ดังภาพที่ 2-2 ภาพที่ 2-2 กราฟจุดความร้อนสะสม จากดาวเทียมระบบ MODIS 9 จังหวัดภาคเหนือ ช่วง 60 วัน หา้ มเผา ทมี่ า: สานักงานพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภมู สิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2560).หน้า 12 ท้ังน้ีเม่ือเปรียบเทียบจุดความร้อนสะสมช่วงประกาศ 60วันห้ามเผา ระหว่าง ปีพ.ศ. 2559 -2560 พบว่า พ.ศ. 2559 มีจุดความร้อนสะสม จานวน 6,424 จุด พ.ศ. 2560 มีจุดความร้อนสะสม จานวน 3,920 จุด โดยมีจดุ ความรอ้ นสะสมลดลง 2,504 จุด คดิ เป็น 38.98 เปอร์เซ็นต์ ดังภาพที่ 2-3 12

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 13 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพท่ี 2-3 กราฟจุดความร้อนสะสม 9 จงั หวัดภาคเหนอื ช่วง 60 วนั ห้ามเผา ปีพ.ศ. 2559 - 2560 ท่มี า: สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). (2560).หน้า 13 และเมื่อเปรียบเทียบจากสถิติข้อมูลจุดความร้อนสะสมย้อนหลัง 5 ปี พบว่าปี พ.ศ. 2556 มีจุดความ ร้อนสะสม จานวน 12,117 จุด ปี พ.ศ. 2557 จุดความร้อนสะสมจานวน 12,223 จุด ปี พ.ศ. 2558มีจุดความ ร้อนสะสม จานวน 9,987 ปี พ.ศ. 2559 มีจุดความร้อนสะสม จานวน 10,133 และปี พ.ศ. 2560มีจุดความ ร้อนสะสม จานวน 5,418 ซ่ึงจะเห็นได้ว่าจุดความร้อนสะสมตั้งแต่ พ.ศ. 2556 ถึง พ.ศ.2560 มีจานวนลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน พ.ศ. 2560 มีจานวนจุดความร้อนสะสมลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเกิดจากการนา เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมาใชใ้ นการบริหารจดั การอยา่ งต่อเนื่อง และการบรู ณาการรว่ มกบั หน่วยงานในพ้นื ที่ ในขณะเดียวกัน พื้นท่ีเผาไหม้ (Burnt Scar) วิเคราะห์จากดาวเทียม Landsat-8 พบว่า ระหว่างวันท่ี 1 มกราคม -15 พฤษภาคม 2560 ประเทศไทยมีพ้ืนท่ีเผาไหม้สะสมรวมท้ังสิ้น 14,735,247 ไร่ ซ่ึงภาคเหนือ เปน็ ภาคที่มีการเผาไหมส้ ูงสดุ พบวา่ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีพืน้ ทเ่ี ผาไหมส้ ะสมมากท่สี ดุ 2,109,828 ไร่ ส่วนใหญ่ มีการเผาไหม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าจังหวัดนครราชสีมา มีพ้ืนที่เผา ไหม้สะสมมากท่ีสุด 1,150,087 ไร่ ส่วนใหญ่มีการเผาไหม้ในพ้ืนท่ีเกษตร ภาคตะวันตก พบว่าจังหวัดตาก มี พื้นท่ีเผาไหม้สะสมมากท่ีสุด 1,728,624 ไร่ ส่วนใหญ่มีการเผาไหม้ในพ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติ ภาคกลาง พบว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพ้ืนท่ีเผาไหม้สะสมมากท่ีสุด 611,155 ไร่ ส่วนใหญ่มีการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตร และเมื่อ เปรียบเทียบพ้ืนท่ีเผาไหม้สะสม 9 จังหวัดภาคเหนือ ระหว่างปี พ.ศ. 2559 ถึง 2560 พบว่า ปีพ.ศ. 2559 มี พ้ืนที่เผาไหม้สะสม 9,533,471 ไร่ พ.ศ. 2560 มีพื้นที่เผาไหม้สะสม 7,871,516 ไร่ โดยมีพ้ืนท่ีเผาไหม้สะสม ลดลง 1,661,955 ไร่ คดิ เป็น 17.43 เปอรเ์ ซ็นต์ ดังตารางท่ี 2-2 และ ภาพท่ี 2-4 13

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 14 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ตารางท่ี 2-2 เปรียบเทียบพ้ืนที่เผาไหมส้ ะสม 9 จังหวดั ภาคเหนอื ปี พ.ศ. 2559 - 2560 ที่มา: สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมสิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2560).หน้า 28 ภาพที่ 2-4 กราฟเปรียบเทียบพน้ื ที่เผาไหม้สะสม 9 จังหวัดภาคเหนือ ช่วงเดอื นมกราคม - พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2559 - 2560 วิเคราะหจ์ ากขอ้ มลู ดาวเทียม Landsat-8 ทม่ี า: สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภมู สิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2560).หนา้ 28 2.1.2 สถานการณ์ปญั หาหมอกควันภาคเหนอื ในปี 2561 14

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 15 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั พบว่าหลายหน่วยงานคาดการณ์ถึงสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ในปี 2561 มี แนวโนม้ ลดลงกว่าปีทผี่ า่ นมา กล่าวคอื จากการคาดการณ์สถานการณไ์ ฟป่า ปี 2561โดย กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตวป์ า่ และพนั ธ์ุพชื กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2560) จากการเฝ้าระวังติดตามการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (ENSO : เอลนีโญ/ลานีญา) ด้วยวิธีการทางสถิติของศูนย์ Climate Prediction Center แห่ง International Research Institute for Climate and Society(CPC/IRI) พบว่า ปรากฏการณ์ ENSO มีโอกาส 65-75% ที่ จะแสดงคุณสมบัติเป็นลานีญา ในช่วงฤดูหนาว ปี 2560 - 2561 (รูปที่ 1) โดยใช้ข้อมูลการพยากรณ์ความ ผิดปกติของอุณหภมู ิผิวน้าทะเลบริเวณตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร (บริเวณ Nino 3.4) จาก แบบจาลองเชิงพลวัตของศูนย์ภูมิอากาศต่าง ๆ ท่ัวโลก ซ่ึงผลการพยากรณ์จากแบบจาลอง คาดหมายว่า อุณหภูมิผิวน้าทะเลบริเวณดังกล่าวโดยเฉล่ียแล้วใกล้เคียงถึงต่ากว่าค่าเฉล่ียเล็กน้อย (รูปที่ 2) และจากการ วิเคราะห์ของศูนย์ภูมิอากาศกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศญี่ปุ่น และกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศออสเตรเลีย คาดหมายว่า ปรากฏการณ์ ENSO มีโอกาส 60% และ 50% ตามลาดับที่จะแสดงคุณสมบัติเป็นลานีญา ในช่วงฤดูหนาว ปี 2560 -2561 และผลจากการคาดการณ์สภาพอากาศจาก International Research Institute for Climate and Society (IRI) พบวา่ การคาดการณ์สภาพลานีญาในปี 2561 จะอยู่ในชว่ งสน้ั ๆ ถึง เดือนมีนาคม 2561 ซ่ึงสามารถสรุปได้วา่ สถานการณ์ไฟป่าโดยรวมในปี 2561 มีแนวโน้มความรุนแรงใกล้เคยี ง หรอื น้อยกวา่ ในปี 2560 ดังภาพท่ี 2-5 ,2-6 ภาพที่ 2-5 ความน่าจะเป็นของการเกิดปรากฎการณ์ ENSO ภาพที่ 2-6 อณุ หภมู ิผิวน้าทะเลบรเิ วณตอนกลางมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนยส์ ตู ร 15

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 16 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั การคาดการณ์จดุ ความรอ้ นสะสม 9 จังหวัดภาคเหนอื ปี พ.ศ. 2561 สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ถึงสถานการณ์ หมอกควันจากสถิติข้อมูลจุดความร้อนสะสมย้อนหลัง 6 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2555 - 2560 บริเวณ 9 จังหวัด ภาคเหนอื สามารถคาดการณ์จดุ ความรอ้ นสะสม ในชว่ งวนั ที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2561โดยคาดการณ์ ว่าจุดความร้อนสะสมในปี พ.ศ. 2561 จะลดลงเหลือ 4,448 จุดคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2560 อยา่ งไรกต็ ามแนวโน้มของจุดความร้อนสะสมใน 9 จงั หวัดภาคเหนอื สูงสดุ ได้ถึง 5,338 จุด และลดลงได้ ต่าสดุ 3,559 จดุ ดงั ตารางท่ี 2-3 และภาพท่ี 2-7 ตารางที่ 2-3 คาดการณ์จานวนจุดความร้อนสะสม ปี พ.ศ. 2561 จากข้อมูลสถิติจุดความร้อนสะสม ยอ้ นหลงั 6 ปี ทมี่ า: สานกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภูมสิ ารสนเทศ (องค์การมหาชน). (2560).หน้า15 16

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 17 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพที่ 2-7 กราฟจดุ ความร้อนสะสม 9 จังหวัดภาคเหนือ ระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2560 ท่ี ม า : สานกั งานพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2560).หนา้ 15 ช่วงเวลา 60 วันที่เส่ียงต่อการเผาไหม้ในปีพ.ศ. 2561 วิเคราะห์ด้วยข้อมูลจุดความร้อนระหว่างปี 2551-2560 โดยสานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (2560) อยู่ในช่วง ต้ังแต่ 29 มกราคม ถึง 23 เมษายน 2561 ดงั ภาพท่ี 2-8 17

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 18 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพท่ี 2-8 ชว่ งเวลา 60 วันที่เส่ียงตอ่ การเผาไหม้ในปพี .ศ. 2561 ท่ี ม า : ส า นั ก ง า น พฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภมู สิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2560).หนา้ 39 18

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 19 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั จากการคาดการณ์ข้างต้น สอดคล้องกับข้อมูลในปีน้ี กล่าวคือ ตาแหน่งจุดความร้อนภาคเหนือ ตอนบน จากภาพถ่ายดาวเทยี ม ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2561 พบว่าลดลงกวา่ ปที ี่ผา่ นมา ดงั ภาพท่ี 2-9 ภาพที่ 2-9 ตาแหน่งจดุ ความรอ้ นภาคเหนอื ตอนบน ในขณะทีก่ ารตรวจพบจุดความร้อน Hot spots 9 จังหวดั พบวา่ ลดลง 8 จังหวัด ยกเวน้ ตาก ดงั ภาพ ที่ 2-10 19

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 20 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพที่ 2-10 เปรียบเทียบการตรวจพบจุดความร้อน Hotspots 9 จังหวดั ประจาปีงบประมาณ 2560 กบั ปี 2561 ชว่ ง 1 ม.ค. – 10 พ.ค. 2561 2.1.3 สถานการณป์ ญั หาหมอกควันจงั หวดั ลาพนู ในปี 2561 สถานการณป์ ัญหาหมอกควนั และไฟปา่ ในพืน้ ที่จังหวัดลาพูน มักเกิดข้นึ ในช่วงเดอื นมกราคม ถึง เดอื น เมษายน ของทุกปีเน่ืองจากสภาพอากาศแห้ง อณุ หภูมสิ งู ขึน้ ความชื่นสมั พทั ธ์ตา่ ทาให้มโี อกาสเสย่ี งที่จะเกิดไฟ ป่าได้มากขึ้น ประกอบกับการเผาในที่โล่งท้ังในเมืองและชนบท เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดหมอกควัน ท่ีส่งผล กระทบและสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขภาพและเศรษฐกิจโดยรวม สถานการณ์หมอกควนั และการดาเนินงานแก้ไขปญั หาในพ้นื ที่จังหวดั ลาพูน ในช่วง เดือนมกราคม ถึงเมษายน 2561 มีสถานการณ์และการดาเนินงาน ดังน้ี (สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจังหวัดลาพูน ,พฤษภาคม 2561) 1) มลพิษหมอกควัน จากการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือ PM1 0 ( Particulate Matter with an aerodynamic diameter less than or equal to a nominal10micrometers;) ซ่ึงค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ กาหนดไว้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม/ลกู บาศกเ์ มตร (มคก./ลบม.) โดยในปี 2561 มีผลตรวจวัด ดังนี้ 20

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 21 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ตารางท2่ี -4 มลพิษหมอกควนั จงั หวัดลาพูน จากการตรวจวัดค่าฝนุ่ ละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน 2) จานวนจุดความร้อนหรือจุดท่ีคาดว่ามีการเผาในที่โล่ง (Hotspot) ปี 2561สรุปรายงานจุดความ ร้อนในพืน้ ที่จังหวัดลาพูน วันท่ี 1 มกราคม 2561 ถึง 25 เมษายน 2561โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม สานักงาน พฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน) Gistda: กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ตารางท2่ี -5 จานวนจุดความร้อนหรือจุดที่คาดวา่ มกี ารเผาในทโ่ี ลง่ (Hotspot) จงั หวดั ลาพูนปี 2561 ตารางที่ 2-6 จุด Hotspot ปี 2561 (ช่วงห้ามเผา ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2561) จาแนกตามประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน 21

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 22 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพท่ี 2-11 กราฟจุดความร้อนจงั หวดั ลาพูน จาแนกตามประเภทการใชป้ ระโยชน์ที่ดนิ (ระหว่างวนั ท่ี 1 มกราคม - วันที่ 10 พฤษภาคม 2561) ภาพท่ี 2-12 จดุ ความรอ้ นจังหวดั ลาพนู ระหว่างวันท่ี 1 มกราคม - วันท่ี 10 พฤษภาคม 2561 22

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 23 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพที่ 2-13 กราฟเปรียบเทยี บการตรวจพบจุดความรอ้ น Hotspots แยกรายอาเภอ จังหวดั ลาพนู ประจาปงี บประมาณ 2560 กบั ปี 2561 ช่วง 1 มกราคม – 10 พฤษภาคม 2561 ปญั หาหมอกควันในพ้ืนที่ภาคเหนอื สง่ ผลกระทบในหลายมติ ิ ได้แก่ 1) ผลกระทบทางสุขภาพอนามัย สานักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 (เชียงใหม่) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพอนามัยจากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน โดยรวบรวมข้อมูลจานวนผู้ป่วยจากโรงพยาบาลในพ้ืนที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด พบว่าอัตราผู้ป่วยกลุ่ม โรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจและหลอดเลือดเพ่ิมข้ึนพร้อมกับสถานการณ์หมอกควันในช่วงที่มีการเพิ่มข้ึน สูงสุด และจากงานวิจัยของนักวิชาการด้านสุขภาพในพ้ืนที่ภาคเหนือตอนบนหลายสถาบันช้ีให้เห็นว่าปัญหา หมอกควันมีความสัมพันธ์กับอัตราการเกิดโรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็งปอด และโรคหัวใจและหลอดเลือด ของประชาชนในภาคเหนือที่มีค่าสูงกว่าภาคอื่นๆ ของประเทศ และประชาชนในพ้ืนท่ีชนบทมีความเสี่ยงสูง กวา่ ประชาชนทว่ั ไปจากพฤตกิ รรมการเผาไหมใ้ นกิจกรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั 2) ผลกระทบตอ่ สงั คม จากสาเหตุของปัญหาไฟปา่ และหมอกควันในพ้นื ทภ่ี าคเหนือตอนบนสง่ ผลให้มี ความเห็นไม่ตรงกัน และโยนความรับผิดชอบกันไปมา เช่น คนในเขตเมืองมองว่าสาเหตุเกิดจากคนบนพน้ื ท่สี งู ท่ีอาศัยทากินในพ้ืนทป่ี ่าเป็นผ้บู ุกรุกและเผาป่าเพื่อขยายท่ที ากินหรือกาจดั เศษวัสดเุ หลือใช้จากการเกษตรหรอื การเตรียมดินเพือ่ ปลูกพชื ไร่ โดยเฉพาะพืชเกษตรเชิงเด่ียว ส่วนคนบนพ้ืนทสี่ ูงมองวา่ เกิดจากการเผาวัสดุเหลือ ใช้จากครวั เรือน ขยะมูลฝอย การเผาขา้ งทาง การจราจรในเขตเมือง โรงงานอุตสาหกรรม และนายทนุ ทเ่ี ข้ามา ตัดไม้ ทาลายป่า ส่วนภาครัฐอาจมองว่าประชาชนทาการเผาเพื่อบุกรุกพ้ืนที่ทากิน ในขณะท่ีภาคประชาชน มองว่าสาเหตเุ กิดจากการที่หน่วยงานรัฐทร่ี ับผิดชอบทาการชิงเผา เพื่อลดปริมาณเช้ือเพลิงและของบประมาณ จานวนมากเพ่ือมาบรหิ ารจัดการในพนื้ ที่ ความเข้าใจทีแ่ ตกตา่ งเหลา่ นี้สง่ ผลใหเ้ กิดความขัดแยง้ ในสงั คม ซงึ่ อาจ 23

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 24 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ยังไม่เห็นความรุนแรงแต่ก็เป็นสาเหตุท่ีทาให้ไม่สามารถสร้างความร่วมมือ สร้างความรับผิดชอบต่อการแก้ไข ปญั หารว่ มกันได้ 3) ผลกระทบต่อระบบนิเวศ กล่าวคือ ระบบนิเวศมีความหลากหลายทั้งทีเ่ ปน็ ระบบนเิ วศทีไ่ ม่ตอ้ งการ ไฟ และระบบนิเวศที่ต้องการไฟ แต่ระบบการจัดการท่ีขาดความเข้าใจระบบนิเวศใช้นโยบายและมาตรการ เดียวกันในทุกพื้นที่ เกิดความไม่เหมาะสมกับระบบนิเวศทาให้พ้ืนท่ีนิเวศป่าท่ีไม่ต้องการไฟแต่กลับถูกบุกรุก ทาลายเกิดไฟป่ามากขึน้ และมีปจั จัยเส่ียงเกดิ ไฟป่าสะสมมากข้ึน ขณะทพ่ี ืน้ ทป่ี า่ ทีต่ ้องการไฟเป็นองค์ประกอบ ในกรณีพ้นื ที่ปา่ เต็งรัง-เบญจพรรณ ถูกจัดการโดยมาตรการการห้ามเผา ทาให้ไฟที่เคยเป็นตัวชว่ ยปอ้ งกันพน้ื ที่ ปา่ ดบิ เป็นพืน้ ท่ีสร้างระบบการคืนแร่ธาตุให้กับดิน ทาให้ไม้บางชนิดเจรญิ เติบโตไดด้ ี ชว่ ยกาจัดเชอื้ โรค ส่งผล ต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างป่าและระบบนิเวศ ซ่ึงจะทาให้เกดิ การสะสมของเชื้อเพลงิ และเกดิ ไฟป่าทีร่ ุนแรง ในอนาคต อีกทั้งยังบิดเบือนวงจรของธรรมชาติและห่วงโซ่อาหารเปลี่ยนไป ป่าเต็งรังเบญจพรรณท่ีเคยทา หน้าท่ีเป็นแหล่งอาหารสาคัญของสัตว์ป่าต้องลดน้อยหายไปซึ่งจะส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์และความสมดุล ของธรรมชาติในอนาคต 2.2 นโยบายและกฎหมายทเ่ี กีย่ วขอ้ ง การแกไ้ ขปัญหาหมอกควนั และไฟปา่ ในช่วงทผ่ี ่านมา มีนโยบายและกฎหมายท่เี กี่ยวข้องจานวนมาก ท่ี นามาใชเ้ ปน็ แนวทางและข้อบงั คบั ในการปฏิบัตเิ พ่อื นาส่กู ารแกไ้ ขปญั หา นโยบายและกฎหมายทีส่ าคัญ ได้แก่ 1) แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง กล่าวคือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้จัดทาแผนแม่บทแห่งชาติวา่ ดว้ ยการควบคุมการ เผาในท่ีโล่ง ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 โดยมี วตั ถุประสงค์เพ่อื ให้หน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งมกี ารนานโยบายและมาตรการควบคมุ การเผาในทโ่ี ล่งไป ใช้เป็นยุทธศาสตร์และแนวทางปฏิบัติในการป้องกัน ลด และแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจาก การเผาในท่ีโล่งและไฟป่า ตลอดจนการเตรียมความพร้อมรองรับการดาเนินงานตามข้อตกลง อาเซียนเร่ืองมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดยมียุทธศาสตร์การดาเนินงาน 7 ด้าน ประกอบดว้ ย (1) การรองรับข้อตกลงอาเซียนเร่ืองมลพิษจากหมอกควนั ขามแดน (2) การจัดการ เศษวัสดุเหลือใช้ภาคการเกษตร (3) การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน (4) การจัดการไฟป่า (5) การ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน (6) การส่งเสริมประชาสัมพันธ์ และ (7) การใช้มาตรการด้าน กฎหมาย นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ จัดทาแผนปฏิบัติงานตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง (พ.ศ.2547- 2551) เพ่ือใช้เป็นแนวทางการดาเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนายุทธศาสตรต์ ามแผน แม่บทแห่งชาติวา่ ด้วยการควบคุมการเผาในท่ีโล่ง นาไปใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยได้รับความ 24

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 25 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั เห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมคร้ังท่ี 7/2547 เม่ือวันที่ 3 ธันวาคม 2547 2) การแต่งต้ังคณะกรรมการศูนย์อานวยการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือ วนั ท่ี 30 ตุลาคม 2550 ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายภาคส่วน ทง้ั ภาครัฐ ทอ้ งถ่ิน ภาคประชา สังคม และภาคชุมชน มีอานาจหน้าท่ีในการติดตาม และรายงานสถานการณ์ปัญหา ผลการ ดาเนนิ การแก้ไขปญั หาวิกฤตหมอกควันปกคลมุ ภาคเหนือ 3) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี 2551-2554 มีวัตถุประสงค์ คือ เพ่ือดาเนิน มาตรการควบคุมการเผาในท่ีโล่งในพื้นท่ีชมุ ชนและเกษตรกรรม และเพื่อการควบคุมป้องกันและ แก้ไขปัญหามลพิษหมอกควัน และเพ่ิมประสิทธิภาพการควบคุม ป้องกัน และลดไฟป่า ประกอบด้วย 3 ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 ควบคมุ การเผาในพน้ื ทช่ี ุมชนและเกษตรกรรม ยุทธศาสตร์ ท่ี 2 ควบคุมไฟป่า และยุทธศาสตร์ที่ 3 รณรงค์ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่องค์ความรู้ การมีสว่ นรว่ ม และ การเฝา้ ระวงั ป้องกัน ผลกระทบตอ่ สุขภาพประชาชน 4) แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2560 มีสาระสาคัญ ประกอบดว้ ย 11 มาตรการหลัก ดังน้ี มาตรการที่ 1 ใช้ระบบ Single Command ในการบริหาร จัดการ มาตรการที่ 2 บูรณาการข้อมูลและแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควัน มาตรการที่ 3 จัดการ เชื้อเพลิงและบริหารจัดการพ้ืนที่เส่ียงเพื่อลดการเผา มาตรการท่ี 4 ห้ามเผาอย่างเด็ดขาดในช่วง วิกฤต 60 วัน มาตรการที่ 5 ระดมสรรพกาลัง ลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟ เพ่ือป้องกันการ ลุกลามของไฟและเกดิ หมอกควนั รุนแรง มาตรการที่ 6 สนับสนุนให้เกดิ การปรบั เปลยี่ นพฤติกรรม การเพาะปลูกและลดการเผาเศษวัสดุภาคการเกษตร มาตรการที่ 7 ส่งเสริมกลไกประชารัฐและ การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มาตรการที่ 8 ส่ือสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เข้าถึงพ้ืนท่ีเสี่ยงและชุมชนเป้าหมาย มาตรการที่ 9 ลดฝุ่น ละอองและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพ มาตรการที่ 10ขับเคล่ือนวิสัยทัศน์การเป็นภูมิภาค อาเซียนปลอดหมอกควัน มาตรการที่ 11 มาตรการระยะยาวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอก ควนั ภาคเหนืออยา่ งยัง่ ยนื 5) ยทุ ธศาสตร/์ มาตรการแกไ้ ขปญั หาไฟปา่ ปี 2561 จดั ทาข้ึนโดย กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ ่า และ พันธ์พุ ืช มีวัตถุประสงค์เพ่ือลดการเกิดไฟป่าในพ้นื ที่ป่าอนุรักษ์ เพ่ือส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุก ภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพการควบคุมไฟป่าใน พ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ ยุทธศาสตร์ การป้องกันไฟป่า ยุทธศาสตร์การจัดการเชื้อเพลิง ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไฟป่า และยุทธศาสตรก์ ารดบั ไฟปา่ 25

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 26 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 6) แผนปฏิบตั กิ ารปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาไฟปา่ การเผาในท่ีโลง่ และมลพิษหมอกควนั พ.ศ. 2556 – 2562 มีเป้าหมายเพ่ือการจัดการไฟป่า ลดพื้นท่ีไฟไหม้ป่าให้เหลือเพียงไม่เกินปีละ 300,000 ไร่ จัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตรทดแทนการเผาในพื้นที่อย่างน้อยปีละ 600,000 ไร่ ลดการเผาขยะมูลฝอยในที่โล่งโดยจัดให้มีการกาจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิธีและปลอดภัยไม่ น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจังหวัดท้ังหมด และมีการใช้ประโยชน์มูลฝอยไม่ต่ากว่าร้อยละ 30 ของ ปริมาณมูลฝอยที่เกิดข้ึนในแต่ละพ้ืนท่ี มีกรอบระยะเวลาดาเนินการภายในระยะเวลา 7 ปีโดยมี หน่วยงานร่วมบรู ณาการท้ังส้ิน 44 หนว่ ยงาน 2.3 องคก์ รและเจา้ ภาพในการบริหารจดั การ ในแผนปฏบิ ตั กิ ารณ์แก้ไขปญั หาหมอกควันและไฟป่า ปี 2551-2554 ไดก้ าหนดองคก์ รและเจ้าภาพใน การบริหารจดั การปัญหาหมอกควนั และไฟปา่ ไว้ดังนี้ 1) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เร่งรัดการถ่ายโอนภารกิจป้องกันและควบคุมไฟป่า ให้แก่ องค์กรปกครองท้องถน่ิ จัดสรรอตั รากาลังและงบประมาณให้เหมาะสมตรงตามภารกิจการควบคมุ ไฟป่า ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ ปรับบทบาทภารกิจหน่วยพิทักษ์อุทยานและหน่วยพิทักษ์เขตรักษา พันธ์ุสัตว์ป่า ให้มีอานาจหน้าที่ด้านการป้องกันและควบคุมไฟในพ้ืนที่อนุรักษ์ จัดให้มีชุดปฏิบัติการในพื้นท่ี ล่อแหลมต่อการบุกรุกป่าและการเกิดไฟป่า และพัฒนาระบบติดตามและเตือนภัยสถานการณ์หมอกควันและ ไฟปา่ 2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมเผยแพร่ องค์ความรู้เกษตรอินทรีย์ ปลอดการเผาสนับสนุน การดาเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นท่ีเกษตรกรรมและปฏิบัติการฝนหลวง จัดให้มีแผนการจัดการและ ควบคุมการเผาหลังการเก็บเกี่ยว และพัฒนาศักยภาพศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจา ตาบลให้มคี วามรคู้ วามสามารถในการเผยแพร่องค์ความรเู้ กษตรปลอดการเผา 3) กระทรวงมหาดไทย สนับสนุนการถ่ายโอนภารกิจป้องกันและควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครอง ท้องถ่ิน จัดสรรงบประมาณด้านการจัดการไฟป่าให้กับองค์กรปกครองท้องถ่ิน ตามแผนการกระจายอานาจ ให้กับองคก์ รปกครองท้องถ่นิ 4) กระทรวงคมนาคม ควบคุม ป้องกัน การเผาหญ้าวัชพืชและขยะริมทาง ควบคุมมลพิษจาก ยานพาหนะ โดยการบังคับใช้กฎหมายอยา่ งเขม้ งวด 5) กระทรวงศึกษาธิการ จัดให้มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านมลพิษหมอกควันและไฟป่าในชุมชน และทกุ ระดับการศกึ ษา 6) กระทรวงสาธารณสุข พฒั นาระบบเฝ้าระวังสุขภาพ, พฒั นาระบบบริการทางการแพทย์เพื่อรองรับ อบุ ตั ิภยั หมอกควัน, พฒั นาความเขม้ แข็งของชุมชน, การใหส้ ุขศึกษาและประชาสัมพนั ธแ์ ก่ประชาชน 26

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 27 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 7) ระดับจังหวัด จัดสรรบุคลากรและงบประมาณเพื่อดาเนินงานตามภารกิจการป้องกันควบคุมและ แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า จัดให้มีคณะกรรมการและแผนปฏิบัติการระดับจังหวัดเพ่ือการป้องกันควบ คมและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยให้เป็นส่วนหนึ่งภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพ ส่ิงแวดล้อมระดับจังหวัด และแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามข้อกาหนดการประเมินผลการปฏิบัติราชการของก.พ.ร. ทั้งนี้การจัดทาแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอก ควันและไฟป่าดังกล่าวต้องมีภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขบวนการจัดทาเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไข ด้วย (กรมควบคุมมลพษิ ,2550) แผนปฏิบัติการป้องกนั และแก้ไขปัญหาหมอกควนั ภาคเหนอื ปี 2560 อย่างไรก็ตาม ต่อมาในแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2560 ได้ กาหนดองค์กรและเจ้าภาพในการบริหารจัดการ โดยใช้ระบบ Single Command ในการบริหารจัดการ กล่าวคือ เป็นการบริหารจัดการโดย ศูนย์อานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันแห่งชาติ เพื่อใหม้ ีการบัญชาการและสัง่ การในรปู แบบ Single Command ระดบั ประเทศโดยมีรฐั มนตรีวา่ การกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมทาหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ แม่ทัพภาคที่ 3 ทาหน้าที่เป็นผู้บัญชาการระดับ ภาค และผู้ว่าราชการจังหวัด ทาหน้าท่ีผู้บัญชาการระดับจังหวัด โดยในระดับอาเภอ เป็นเจ้าภาพหลักในการ บริหารจัดการและบูรณาการการดาเนินงานกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในพื้นที่เส่ียง โดยเน้นการป้องกันเชิงรุก ไม่ให้เกิดการเผา ในระดับจังหวัด เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร แจ้งเตือน และกระจายข้อมูล สถานการณห์ มอกควัน และการปฏิบัตติ นในการดแู ลสขุ ภาพ โดยทางานรว่ มกับสื่อมวลชน และภาคเี ครอื ขา่ ย มาตรการในการบริหารจัดการ เช่น ให้จังหวดั จัดตั้งศูนย์อานวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหา ไฟป่าและหมอกควันระดับพื้นท่ี รวมท้ังกาหนดพื้นท่ีเสี่ยงต่อการเผา โดยพิจารณาจากข้อมูลสถิติท่ีผ่านมา ประกอบกับข้อมูลพ้ืนที่เสี่ยงตามจานวนจุดความร้อน และข้อมูลการใช้ประโยชน์ท่ีดิน กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมประกาศกาหนดเขตควบคุมไฟป่า และมาตรการในเขตควบคุมไฟป่าในแต่ ละจังหวัด จังหวัดออกมาตรการ/ประกาศจังหวัด และ อปท. ออกข้อบัญญัติควบคุมการเผาทุกพ้ืนที่สาหรับ พ้ืนที่ชุมชนพ้ืนท่ีเกษตร และการเผาริมทาง จังหวัดเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการแก้ไขและฟ้ืนฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ีได้รับความเสียหายจากไฟป่า/การบุกรุก เช่น การปลูกป่าทดแทน ตลอดจนกากับ ดูแล และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับถ่ายโอนภารกิจ ให้ดาเนินมาตรการ ปอ้ งกันและดับไฟปา่ เป็นต้น ท้ังน้ี มีหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมปฏิบัติการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ได้แก่ กระทรวงการตา่ งประเทศ, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงศึกษาธกิ าร, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวง พลังงาน, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงกลาโหม, กองทัพภาคที่ 3, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวง 27

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 28 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั คมนาคม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 9 จังหวัดภาคเหนือ, กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจ และสงั คม, กระทรวงมหาดไทย, สานักนายกรัฐมนตรี, และ กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ในแผนปฏิบัติการป้องกันและแกไ้ ขปญั หาหมอกควนั ภาคเหนอื ปี 2560 ยังให้ความสาคัญ กับบทบาทผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในระดับพื้นท่ี ได้แก่ ชุมชน ภาคเอกชนผู้ประกอบธรุ กิจในพ้ืนที่ ภาคประชาสังคม ภาควชิ าการ ภาคีเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐ และ บทบาทของประชาคมอาเซียนระหว่างไทย เมียนมาร์ และลาวในการบรหิ ารจัดการหมอกควันข้ามแดน 2.4 การบรู ณาการความรว่ มมอื ในการบรหิ ารจดั การปญั หาหมอกควนั กล่าวได้ว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควนั ในช่วงที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการบรู ณการความร่วมมือจาก ทุกภาคส่วนท้ังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ท้ังน้ีภาพรวมมาตรการและกระบวนการในการ แก้ไขปญั หาไฟป่าหมอกควันในช่วงที่ผ่านมา มี 3 ขั้นตอน ไดแ้ ก่ ข้ันตอนการป้องกันก่อนเกิดเหตุ ขั้นตอนการ รับมือ และขั้นตอนการสรา้ งความย่ังยืน สาหรับการบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในช่วงที่ผ่านมา พบว่าในปีพ.ศ. 2560 กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้มีการดาเนินการจัดต้ังศูนย์อานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า 28

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 29 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั และหมอกควันภาคเหนือ (ศอ.กปป.)โดยจัดต้ังเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย ระดับชาติ ระดับภาค และระดับ จังหวัด และได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ประสาน 10 ประเทศอาเซียนร่วมกันยกร่าง ASEAN Haze Free Roadmap เพ่ือเป็นกรอบการดาเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในกลุ่มอาเซียน นาไปสกู่ ารปฏบิ ตั กิ ารต้งั แตป่ ี 2559 เปน็ ต้นมา ในขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ไดจ้ ัดทาแผนปฏิบตั ิการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี พ.ศ.2560 ตามกรอบแนวคิดท่ีเน้นกลไกประชารัฐและการมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการควบคุมการเผา การระดมสรรพกาลังจากทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังและ ป้องกันการเผาในพ้ืนท่ีเสี่ยง ควบคู่กับการเสริมสร้างความรู้เพ่ือสร้างความตระหนัก พร้อมบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัดกับผู้ท่ีลักลอบเผา ภายใต้ระบบศูนย์ส่ังการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) ของผู้ว่า ราชการจังหวัดในการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปญั หาในมติ ิเชิงพ้ืนที่ให้สอดคล้องกับสภาพความเส่ียง ภัย รวมถึงบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะรัฐมนตรีไดม้ ีมติเห็นชอบเม่ือวันที่ 31 มกราคม 2560 ท้ังนี้ ภายใต้แผนปฏิบัติการดังกล่าว มีแนวทางการบริหารจัดการสาคัญ คือ \"3 มาตรการเชิงพ้ืนท่ี 4 มาตรการ บริหารจดั การ\" เปน็ แนวทางหลักในการบรหิ ารจดั การ กลา่ วคือ มาตรการเชิงพ้ืนท่ี เป็นการระบุชว่ งเวลา พื้นท่ีและหน่วยงานรับผิดชอบให้ชดั เจน ครอบคลุม 3 พื้นที่ ประกอบดว้ ย 1) พ้ืนท่ีป่าไม้ มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการ ดาเนนิ การ 2)พื้นท่ีเกษตรกรรม มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก และใช้กลไกของ กระทรวงมหาดไทยในการกาหนดชว่ งเวลาและจดั ระเบียบการเผา ประกาศเขตหา้ มเผา 3) พ้ืนท่ีริมทางหลวง มีกระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการเฝ้าระวังและควบคุม การเผาวสั ดทุ กุ ประเภทในเขตริมทางหลวง มาตรการการจัดการ 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1) การจดั ตง้ั ศนู ย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอาเภอ โดยมีผวู้ า่ ราชการจังหวดั และนายอาเภอเป็น ผู้บัญชาการ ทาหน้าที่อานวยการส่ังการ ระดมสรรพกาลังและทรัพยากรในการควบคุมและแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควนั อย่างมีเอกภาพ 2) การสรา้ งความตระหนกั เน้นการประชาสัมพันธ์ผลกระทบของไฟป่าและหมอกควนั บทลงโทษจาก การลักลอบจุดไฟในพ้ืนที่ห้ามเผา พร้อมรณรงค์ปลูกฝังจิตสานึกและสร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่า และแกไ้ ขปัญหาหมอกควัน 3) มาตรการลดปริมาณ เช้ือเพลิง โดยจัดทาแนวกันไฟและควบคุมการเผา ส่งเสริมการใช้สารหมัก ชีวภาพเพือ่ ย่อยสลายตอซัง และรณรงค์การฝังกลบขยะและการไถกลบแทนการเผา 29

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 30 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 4) มาตรการประชารัฐ โดยกาหนดกติกาชุมชน มาตรการลดการเผาในพ้ืนท่ีป่าไม้และเศษวัสดุทาง การเกษตร รวมถึงสนับสนุนการแปรรูปวสั ดุทางการเกษตร ซึ่ง ปภ.จะได้บูรณาการขบั เคล่ือนการปอ้ งกนั ไฟปา่ และแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างเข้มข้นเพ่ือลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ จานวนจุดความร้อน (Hotspot) พ้ืนที่ประสบไฟป่าลดลง และบรรลุเป้าหมายในการ \"ควบคุมปัญหาไฟป่า\" และ \"วิกฤตหมอกควัน เป็นศูนย\"์ จากการดาเนินงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมสถานการณ์ภาคเหนือ ปี 2560 พบจานวน จุดความร้อนใน 9 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงเป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่มี ประสิทธิภาพ โดยพ้นื ที่เผาไหม้รวมและจุดความร้อนเกือบทุกจังหวัดมีขนาดลดลงอย่างต่อเน่ือง โดยจุดความ ร้อนลดลงถึง 39% และพื้นที่เผาไหม้ลดลงถึง 17.43 % จากปี 2559 (สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน),2560) กรณีของจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2560 มีจานวนจุดความร้อนในรอบ 6 ปีมีอัตราลดลงอย่างต่อเน่ือง โดยระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2559 มีจุดความร้อน 1969 จุด ส่วนในปี 2560 มีจานวนจุด ความ ร้อน 885 จดุ ซ่ึงลดลงจากปี 2559 จานวน 1,075 จดุ พน้ื ท่เี ผาไหม้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2559 มีพ้ืนที่เผาไหม้ 1,413,909 ไร่ ส่วนในปี 2560 พ้ืนท่ีเผาไหม้จานวน 810,733 ไร่ ซึ่งลดลง จากปี 2559 จานวน 603,176 ไร่ หรือลดลงในอตั รา 43 เปอร์เซ็นต์ (สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน),2560) ในขณะที่ กรณีของจังหวัดลาปาง ปี 2560 มีจานวนจุดความร้อนในรอบ 6 ปีมีอัตราค่อนข้างคงท่ี โดย ระหว่างวันท่ี 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2559 มีจุดความร้อน 821 จุด ส่วนในปี 2560 มีจานวนจุด ความร้อน 651 จุด ซึ่งเพ่ิมขึ้นจากปี 2559 จานวน 170 จุด พ้นื ท่ีเผาไหม้ระหว่างวันท่ี 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2559 มีพ้ืนท่ีเผาไหม้ 1,949,405 ไร่ ส่วนในปี 2560 พ้ืนท่ีเผาไหม้จานวน 1,361,044 ไร่ ซึ่งลดลง จากปี 2559 จานวน 588,361 ไร่ หรือลดลงในอัตรา 30 เปอร์เซ็นต์ (สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภมู สิ ารสนเทศ (องค์การมหาชน),2560) ดงั ภาพที่ 2-14 ,2-15 ภาพที่ 2-14 จุดความรอ้ น 9 จงั หวัดภาคเหนอื มแี นวโนม้ ลดลง 30

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 31 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพท่ี 2-15 สถานการณ์จุดความร้อนและพนื้ ที่เผาไหมม้ แี นวโนม้ ลดลง 31

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 32 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 32

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 33 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั กล่าวโดยสรปุ การดาเนินการแก้ไขปญั หาไฟป่าหมอกควนั ในช่วงที่ผ่านมามีเง่ือนไขการบริหารจัดการ ทท่ี าใหเ้ กิดประสิทธภิ าพเพิม่ ขึน้ ไดแ้ ก่ 1) การจัดการเชิงพื้นท่ีโดยระบบ Single Command จัดตั้งศูนย์อานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหา ไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวดั อาเภอ และตาบล โดยมีผู้วา่ ราชการจังหวดั และนายอาเภอทาหน้าที่ในการ ประสานระดมความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และผู้มีส่วนเก่ียวข้อง ทาให้การสั่งการในระดับจังหวัด เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการกาหนดบทบาทหน้าที่และผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน ไม่เกิดความซ้าซ้อนระหว่าง หน่วยงาน สามารถกาหนดมาตรการการแกไ้ ขปัญหาใหเ้ หมาะสมกบั สภาพปญั หาของแตล่ ะพ้นื ท่ี 2) การใช้ระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหาร เช่น จัดการภาพถ่ายดาวเทียม จุดความ ร้อนและพื้นที่เผาไหม้มาประกอบในการวิเคราะห์ จัดทาแผนติดตาม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารที่ รวดเร็ว มีส่วนสาคัญในการกาหนดมาตรการและแผนในการรับมือและเผชิญเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ขนึ้ 3) การใช้มาตรการด้านความรู้ในการบริหารจัดการ โดยการกาหนดพื้นท่ีการจัดการเชื้อเพลิงในช่วง จังหวะท่เี หมาะสม มผี ลอยา่ งยง่ิ ตอ่ การลดไฟปา่ ในชว่ งวิกฤติหมอกควัน 4) การใช้มาตรการทางจิตสานึก สร้างแรงจูงใจ ผสมผสานกับมาตรการทางกฎหมาย ทาให้เกิดการ ยอมรบั และไดร้ บั ความร่วมมอื จากประชาชนในท้องถนิ่ อย่างกว้างขวาง เง่ือนไขเหล่านี้เป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้การจัดการไฟป่าเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่แสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมในการแก้ไขปัญหา มากกวา่ การโยนความรับผิดชอบให้กับชุมชนหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหน่ึง โดยเฉพาะภาคธุรกิจ คนเมืองได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนชุมชนจัดการไฟป่าอย่างเป็นรูปธรรมมากข้ึน อย่างไรก็ตามการระดมความ ช่วยเหลือยังเป็นการสนับสนุนระยะเฉพาะหน้า ยังไม่สามารถพัฒนารูปแบบการสนับสนุนที่เป็นระบบและ ยัง่ ยนื 2.5 ยุทธศาสตร/์ มาตรการแก้ไขปญั หาไฟปา่ หมอกควนั ปี 2561 2.5.1 ยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่า ปี 2561 โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ พืช กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม 1) ยทุ ธศาสตรก์ ารประชาสมั พันธ์ (1) การประชาสมั พนั ธเ์ ชิงรุก โดยเน้นการมีส่วนรว่ มของประชาชนในพื้นทเี่ ป็น การจัดหน่วยประชาสัมพันธ์ออกไปพบปะประชาชนในลักษณะเคาะประตูบ้าน รถกระจายเสียง หรือ ตามช่วงเทศกาลงานประเพณตี า่ ง ๆ ในชมุ ชน (2) การเผยแพร่ความรู้ในรูปของการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วม การจัดนิทรรศการให้การศึกษา แจกจา่ ยเอกสารและส่งิ ตพี ิมพ์ 33

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 34 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั (3)การประชาสัมพันธ์ผ่านส่อื มวลชนทุกแขนงโดยบูรณาการท้ังภาครัฐ ภาคเอกชนองคก์ รทกุ ภาคสว่ น (4)รณรงค์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ไฟป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทราบถึงแนว ทางการป้องกันไฟป่า การแก้ไขปัญหาไฟป่า การระมัดระวังอันตรายจากไฟป่า และผลกระทบจากไฟป่า โดยเฉพาะผลกระทบทม่ี ตี ่อสขุ ภาพอนามัยของประชาชน และการท่องเท่ียว (5) รณรงคแ์ ละขอความร่วมมอื จากหนว่ ยงานต่าง ๆ ชมุ ชน/หมูบ่ า้ น และประชาชนในพ้ืนทงี่ ดเว้นการ จดุ ไฟใกลบ้ รเิ วณแนวเขตปา่ 2) ยทุ ธศาสตรก์ ารปอ้ งกนั ไฟปา่ (1) ประสานหน่วยงานที่เก่ียวข้องเพื่อส่งเสริมความรู้การน้าเกษตรอินทรีย์ปลอดการเผาการใช้ เทคโนโลยีการเกษตรปลอดการเผา การจัดระเบียบการเผา การใชป้ ระโยชนเ์ ศษวสั ดกุ ารเกษตรและลดการเผา พื้นทีเ่ กษตร นอกจากนี้ ยงั รวมไปถึงการควบคมุ การเผาในเขตชุมชน และสองขา้ งทาง (2) ประสานการออกประกาศกาหนดเขตควบคุมไฟป่าในพื้นที่จังหวัดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และกาหนดมาตรการในเขตควบคุมไฟป่าในแต่ละจังหวัด พร้อมประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ประกาศจังหวัด ในช่วงฤดูไฟป่าอยา่ งต่อเน่ือง (3) จัดท้าแผนท่ีจาแนกพ้ืนท่ีในพื้นที่รับผิดชอบท่ีเส่ียงต่อการเกิดไฟป่า 3 ระดับเพื่อติดตั้งไว้ประจ้า หน่วยงานสาหรบั การวางแผนปฏิบัตงิ านควบคมุ ไฟป่า (4) เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานตามแผนระดมพลดับไฟป่าในสถานการณ์ปกติสถานการณ์ รนุ แรง และสถานการณว์ ิกฤติ (5) การลาดตระเวนตรวจปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยการประสาน หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องออกลาดตระเวนตรวจหาไฟและตรวจปราบปรามการลักลอบจุดไฟเผาป่าในพื้นท่ี ท้ัง ภาคพ้ืนดินและทางอากาศอย่างต่อเน่ือง กรณีท่ีพบการบุกรุกในพื้นท่ีให้ดาเนินการจับกุมและดาเนินคดีตาม กฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมท้ังให้มีการเพม่ิ มาตรการอยา่ งเขม้ งวดตามเสน้ ทางในปา่ (6) ตรวจตดิ ตามขอ้ มลู Hotspots เพ่ือใชใ้ นการวางแผนการดาเนนิ งานในพืน้ ทีร่ ับผิดชอบ 3) ยทุ ธศาสตร์การจดั การเชื้อเพลงิ (1) การจัดท้าแนวกันไฟ ในพื้นท่ีป่าอนุรักษ์เพ่ือตัดความต่อเน่ืองของเชื้อเพลิงในพ้ืนท่ีท่ีมีความสาคัญ และล่อแหลมต่อการเกิดไฟป่า โดยบูรณาการหนว่ ยงานภาครฐั เอกชน องคก์ ร ประชาชนทกุ ภาคสว่ น (2) การชิงเผาจดั การเช้ือเพลงิ ในทางวิชาการ ด้วยการเผาตามกาหนด (Prescribed Burning) ในพื้นท่ี ที่เสย่ี งตอ่ การเกิดไฟปา่ เพอ่ื ลดปรมิ าณและความตอ่ เนอ่ื งของเช้อื เพลงิ (3) การลดปรมิ าณเช้ือเพลิง โดยการน้าวชั พืชในพนื้ ท่เี สี่ยงต่อการเกิดไฟปา่ มาเพ่ิมมลู ค่า เชน่ การแปร สภาพเป็นเชื้อเพลิงอัดแท่ง ท้าเป็นวัสดุเพื่อเพิ่มความร่วนซุยให้แก่ดิน ท้าปุ๋ยหมัก หรือท้าของประดับตกแต่ง เป็นตน้ 4) ยทุ ธศาสตรก์ ารมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปัญหาไฟป่า 34

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 35 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั (1) สรา้ งและประสานความร่วมมือกับเครือขา่ ยการแก้ไขปญั หาไฟป่าอยา่ งตอ่ เน่ือง (2) จัดกิจกรรมเสวนา/เวทีเครือข่ายเพ่ือระดมความคิดเห็นในการวางกฎ กติกาของชุมชนและรวมไป ถึงกาหนดแนวทางการแกไ้ ขปญั หาไฟปา่ และหมอกควนั ของชุมชน (3) ส่งเสริมใหม้ ีการจดั ทา้ MOU ระดับทอ้ งถิน่ เพ่อื การแก้ไขปัญหาไฟปา่ (4) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพืน้ ที่ โดยเน้นบทบาทกานัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการฝ่ายปกครอง คณะกรรมการหมู่บ้าน/ชุมชนองค์กรปกครอง ท้องถิ่น ในการใหค้ วามร้แู ละรณรงคค์ วบคมุ การเผาในพน้ื ที่ชมุ ชนและเกษตรกรรม 5) ยทุ ธศาสตร์การดบั ไฟปา่ (1) เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรสาหรับปฏิบัติงานดับไฟป่า เคร่ืองมือ/อุปกรณ์ท่ีใช้ในการ ปฏบิ ัติงานใหม้ คี วามพร้อมตลอดเวลา ( 2) การปฏิบัติงานดับไฟป่าของหน่วยงานทุกหน่วยงานท่ีมีพ้ืนที่รับผิดชอบโดยเน้นการเข้าถึงพื้นที่ อย่างรวดเรว็ ทันเหตุการณ์ในลกั ษณะบูรณาการร่วมกัน (3) จัดตั้งกองอ้านวยการควบคุมไฟป่าข้ึนตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน ประจ้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ดาเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นท่ีท่ีมีความสาคัญเป็นพิเศษ เช่น พ้ืนท่ีเป็นท่ีต้ัง พระตาหนกั พนื้ ทที่ ีเ่ ป็นมรดกโลก พน้ื ทป่ี า่ พรุ เป็นต้น โดยดาเนินการจดั ตั้งกองอา้ นวยการควบคุมไฟป่า โดยให้สานักบริหารพ้ืนท่ีอนุรักษ์ในพื้นที่ท่ีต้ังกองอ้านวยการควบคุมไฟป่า กาหนดการจัดท้าแผนการ ปฏิบัติงานของกองอ้านวยการโดยการบูรณาการหน่วยงานในพ้ืนท่ี มีหน่วยงานในสังกัดสานักบริหารพ้ืนที่ อนุรักษ์เป็นหน่วยงานหลัก และให้หน่วยงานภาคสนามสังกัดสานักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่าเป็น หนว่ ยงานสนับสนุน ซงึ่ จะต้องสับเปล่ยี นหมุนเวียนทุก 15 วนั ท้ัง 14 กองอา้ นวยการควบคมุ ไฟป่า ทั้งน้ีได้กาหนดตัวชว้ี ัด (1) ประชาชน หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องมีความรู้และมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและป้องกันไฟป่าและ หมอกควนั ไฟป่าเพ่มิ ขึน้ (2) ชุมชนและเกษตรกรให้ความร่วมมือในการควบคุมการเผาในพ้ืนที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรเพิ่มมาก ขึ้น ผลท่คี าดว่าจะได้รบั (1) มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า ปี 2561 สามารถควบคุมไฟป่าให้อยู่ ในวงจ้ากัดไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ กอ่ นทีไ่ ฟปา่ จะลุกลามกลายเป็นสถานการณ์รุนแรงและวิกฤติ (2) สถติ กิ ารเกดิ ไฟปา่ ในพ้ืนทีป่ ่าอนุรักษ์ลดลง (3) องค์กรทุกภาคส่วน ประชาชนท่ัวไป รับทราบปัญหาและผลกระทบอันเน่ืองมาจากไฟป่าและมามี ส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟปา่ อย่างจริงจงั 35

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 36 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั (4)สามารถปอ้ งกันและควบคุมไฟป่าในพ้ืนทีท่ ี่มคี วามสาคัญเป็นพเิ ศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นทีป่ ่ารอบ เขตพระราชฐาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ (5) การปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพืน้ ทปี่ ่าอนรุ กั ษ์มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขน้ึ ภาพท่ี 2-16 แผนระดมพลดับไฟปา่ ที่ 1 สถานการณป์ กติ ภาพที่ 2-17 แผนระดมพลดับไฟป่าที่ 2 สถานการณ์รุนแรง 36

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 37 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 37

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 38 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาพท่ี 2-18 แผนระดมพลดบั ไฟปา่ ท่ี 3 สถานการณ์วิกฤต 2.5.2 แผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในปี 2561 จัดทาโดย ศูนย์อานวยการ บรรเทาสาธารณภัย (2561) มรี ายละเอียดดังนี้ กาหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ เป็นมาตรการเชิงรุก ประกอบดว้ ย 38

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 39 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 1) ชว่ งระยะเวลาดาเนนิ การ แบง่ เป็น 3 ชว่ ง (1) ช่วงเตรียมการ ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคมโดยการดาเนินการประชุมเตรียมการ การ จัดการเช้ือเพลิง (ชิงเผา) ทั้งพ้ืนที่เกษตร พ้นื ท่ีป่า พ้ืนท่ีริมทาง และพ้ืนทชี่ มุ ชน/เมอื ง การทาแนวกันไฟ การให้ ความรู้เครือขา่ ย และการบูรณาการข้อมูล (2) ชว่ งรับมอื แบ่งเป็น 2 ช่วง ไดแ้ ก่ (2.1) ช่วงก่อนวิกฤต ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยให้รายงานข้อมูลและแจ้งเตือน สถานการณ์ การระดมสรรพกาลัง การเคล่ือนกาลังจากพืน้ ที่อน่ื เข้าในพนื้ ท่เี ส่ยี ง และการลาดตระเวนเฝ้าระวัง และดบั ไฟ (2.2) ช่วงวิกฤต ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม โดยใช้ระบบบัญาการเหตุการณ์ การ บังคับใช้กฎหมาย การลาดตระเวนเฝ้าระวังดับไฟ การดาเนินมาตรการ ลดฝุ่นละออง และการประสาน ประเทศเพ่ือนบา้ น (3) ช่วงฟ้ืนฟูและสร้างความยั่งยืน โดยการฟื้นฟูพ้ืนที่ป่าที่ถูกไหม้ การส่งเสริมเครือข่ายเกษตรกร ชุมชนปลอดการเผา การส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคเอกชน และประชาชน และช่องทางความร่วมมือระหว่าง ประเทศ 2) แนวทางปฏิบตั ิการตามมาตรการ “4 พน้ื ท่ี 4 การบริหารจดั การ” ดงั น้ี (1) มาตรการเชงิ พ้นื ท่ี ใหแ้ บ่งพน้ื ท่เี ปน็ 4 พืน้ ที่ ได้แก่ (1.1) พ้ืนท่ีป่าสงวน/ป่าอนุรักษ์ ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน พื้นท่ีเป็นหน่วยรับผิดชอบในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆดาเนินการควบคุมไฟป่า โดยจัดทาแนว ป้องกันไฟ การจัดกาลงั ลาดตระเวนให้สนธกิ าลงั เจา้ หน้าทจี่ ากทุกหนว่ ยงานและอาสาสมคั รภาคประชาชน การ ประกาศเขตพ้ืนท่ีห้ามเผา พร้อมท้ังบูรณาการประสานการปฏบิ ัตกิ ับหน่วยทหารและกองกาลังรักษาความสงบ เรียบร้อยในพ้ืนท่ีอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่า ตลอดจนให้ผู้นาท้องท่ี กานัน/ผู้ใหญ่บา้ น สร้างกฎกติกาการห้ามเผาป่าขึ้นมาบังคับใช้กันเองในหมู่บ้าน/ชุมชน และจัดทาบัญชีผู้มีพฤติกรรมการเข้าป่า เพ่ือหาของปา่ และลา่ สัตว์ (1.2) พื้นที่เกษตรกรรม ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพ้ืนที่เป็นหน่วยรับผิดชอบ ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดาเนินการควบคุมการเผาในพ้ืนท่ีการเกษตร การห้ามเผาเด็ดขาด และการรณรงค์ให้มีการใช้สารย่อยสลายหรือไถกลบตอซังข้าว/ข้าวโพด/ซากวัชพืชฤดูแล้ง และการแปรวัสดุ การเกษตรเพ่ือเพ่ิมมูลค่า เช่น การทาสารชีวมวล การทาปุ๋ยหมัก การทาอาหารสัตว์ ตลอดจนให้ผู้นาท้องท่ี กานนั /ผใู้ หญบ่ ้าน จัดอาสาสมคั รเฝา้ ระวังไม่ใหเ้ กษตรกรลักลอบเผา (1.3) พื้นท่ีชุมชน/เมือง ให้จังหวัด อาเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน กาหนดกฎกติการ่วมกัน ของชุมชน โดยใช้กลไกประชารัฐในการเฝ้าระวังป้องกันการเผาในพื้นท่ีชุมชน/เมือง และให้จัดชุดปฏิบัติการ 39

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 40 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ประจาตาบล/หมู่บ้าน เข้าร่วมประชุมชี้แจงกับคณะกรรมการหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นท่ี เพ่ือให้ทราบ มาตรการและแนวทางการดาเนินการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาไฟปา่ และหมอกควนั ของจังหวดั (1.4) พ้นื ทีร่ มิ ทาง ใหห้ นว่ ยงานสงั กัดกระทรวงคมนาคมในพื้นท่เี ป็นหน่วยรบั ผิดชอบในการบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดาเนินการจัดกาลังอาสาสมัครภาคประชาชน จิตอาสา ทาการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และกาจดั เศษวัสดุ ขยะ ใบไม้แหง้ ที่เปน็ เช้อื เพลิงในพ้ืนท่รี มิ ทาง เพอื่ ไม่ให้มเี ชื้อไฟและใชเ้ ป็นแนวกันไฟ (2) มาตรการบริหารจดั การ 4 มาตรการ (2.1) ระบบบัญชาการเหตุการณ์ ให้จัดต้ังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด/อาเภอ โดยมีผู้ว่า ราชการจังหวัดและนายอาเภอ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพื่ออานวยการ ส่ังการป้องกันแก้ไขปัญหา ระดม สรรพกาลัง ทรัพยากร และประสานการปฏิบัติระหวา่ งหน่วยงานต่าง ๆ รวมท้ังจัดประชุมติดตามสถานการณ์ วเิ คราะหข์ อ้ มูล พนื้ ทีเ่ ส่ียง เพอื่ แบง่ พน้ื ที่รับผดิ ชอบ และกาหนดแนวทางการแกไ้ ขในแต่ละพนื้ ที่ (2.2) การสร้างความตระหนัก ประชาสมั พันธช์ ี้แจงห้ามการเผาปา่ เผาเศษวัสดกุ ารเกษตร เพ่ือให้ประ ชาชนรู้ถึงอันตรายและผลกระทบ และให้ชุดปฏิบัติการประจาตาบล/หมู่บ้านร่วมประชุมชี้แจงสร้างจิตสานึก ให้ความรู้แก่ประชาชน นักเรียนและเยาวชน ให้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปญั หาไฟปา่ และหมอกควัน รวมทัง้ จัดกิจกรรมอนรุ กั ษ์ปา่ ไม้ การสนบั สนนุ การปลกู ป่าชุมชนเพอ่ื เปน็ การแก้ไขปญั หาอยา่ งย่ังยืน (2.3) การลดปริมาณเช้ือเพลิง ให้ควบคุมการเผา การจัดทาแนวกันไฟ การส่งเสริมการใช้สารหมัก ชีวภาพเพ่ือยอ่ ยสลายตอซงั และสง่ เสริมการนาเศษวสั ดทุ างการเกษตรมาผลติ เป็นอาหารสตั ว์ รวมทงั้ พจิ ารณา ตง้ั กองทนุ สนับสนนุ การป้องกนั แก้ไขปญั หาไฟป่าและหมอกควัน (2.4) จติ อาสาประชารฐั ให้จังหวัดบรู ณาการทกุ ภาคส่วน ท้ังภาคประชาชน สว่ นราชการ หนว่ ยทหาร และภาคเอกชน ให้มีส่วนร่วมสนับสนุนและกาหนดแนวทางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปญั หาไฟป่าและ หมอกควนั ในพน้ื ท่ี 3) ในระดบั อาเภอ ให้นายอาเภอ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ดาเนินการตามมาตรการประชา รัฐเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนในระดับพ้ืนท่ี ร่วมสนับสนุนและดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ หมอกควัน แยกเปน็ - การจัดทาแนวกันไฟ (มอบหมายหนว่ ยงานจดั ทาแนวกันไฟในพ้นื ทีต่ าบล/หมบู่ า้ น - การควบคุมการเผา (พจิ ารณาออกประกาศกาหนดพ้ืนทห่ี า้ มเผา ในพ้นื ท่ีตาบล/หมู่บา้ น - การไถกลบตอซังและการส่งเสริมการใช้สารชีวภาพเพ่ือย่อยสลายตอซัง (รณรงค์และส่งเสริมให้ เกษตรกรใชส้ ารหมักชีวภาพเพื่อย่อยสลายตอซัง การนาเศษวสั ดุทางการเกษตรมาทาอาหารสัตว์ และใชว้ ิธีไถ กลบตอซัง ในพ้ืนท่ตี าบล/หมู่บ้าน 4) การแจ้งเตือนภยั 40

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 41 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ข้ันตอนการแจ้งเตือนภัย กระบวนการ ระดับการเตือนภัย สีสัญลักษณ์ (ระบุหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ หน่วยงานทาหน้าท่ีแจ้งข่าวสารแก่ประชาชน และส่ือมวลชน เครื่องมือท่ีใช้ในการแจ้งข่าวสาร ช่องทางต่างๆ) แนวทางการการแจ้งเตอื นภยั ให้ประชาชนทราบข้อมลู ขา่ วสาร ข้อแนะนาและการดาเนินการของจงั หวดั อย่าง ต่อเน่ือง เพ่ือป้องกันความตื่นตระหนก หรือข่าวสารในทางลบ (การปฏิบัติ การข่าวสาร Information Operation : IO) 5) การบงั คบั ใช้กฎหมาย กาชับเจ้าพนักงานตามกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อเนื่องและจริงจัง โดยทาการ จบั กมุ ผู้กระทาความผิดท่ลี กั ลอบเผาในพืน้ ทีป่ า่ พืน้ ทก่ี ารเกษตร พนื้ ท่ีชุมชน/เมือง และพ้นื ทร่ี มิ ทาง 6) แผนการอพยพ หากสถานการณ์ไฟป่าลกุ ลามไปยงั ชุมชน/หมูบ่ ้าน เส้นทางการอพยพ ยานพาหนะท่ีใช้ (ระบุหน่วยงาน) จุดอพยพ จุดปลอดภัย ท่ีพักพิงช่ัวคราว (จานวน จุดทตี่ งั้ จานวนทีส่ ามารถรองรับได้ คน ยานพาหนะ ผูร้ ับผิดชอบ) 7) การจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว และการบริหารจัดการศูนย์พักพิงช่ัวคราว การสนับสนุนด้านอาหาร น้าด่ืม ยารักษาโรค และสาธารณูปโภค (หน่วยงานรับผิดชอบจุดใด) ส่ิงอานวยความสะดวก หน่วยงาน รับผดิ ชอบหลกั หนว่ ยประสานงาน หน่วยสนบั สนนุ ด้านตา่ ง ๆ แผนผงั เสน้ ทางหลัก สารอง ในการอพยพ (อาจ เพ่ิมเติมเปน็ ตารางในภาคผนวก) 8) การบริหารทรัพยากรเคร่ืองมือ เคร่ืองจักรกล งบประมาณ และการเงิน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติ ของทุกหน่วยงานที่เก่ียวข้อง และหน่วยทหารในการปฏิบัติหน้าท่ี (ควรจัดทาบัญชีเป็นภาคผนวกฐานข้อมูล ทรัพยากรของจังหวัด เช่น รถดับเพลิง รถบรรทุกน้า รถพ่นละอองน้า ระบุแหล่งที่มาของงบประมาณ และ วธิ ีการ) 9) แผนการดูแลรักษาสถานท่ีสาคัญท่ีต้ังอยู่ในพื้นท่ีเสี่ยงไฟป่าและหมอกควัน เช่น ท่าอากาศยาน โรงพยาบาล สิ่งสาธารณูปโภค (ประปา ไฟฟา้ ) การกาหนดจดุ การแจกจา่ ยหนา้ กากอนามัย 10) แผนการประชาสัมพันธ์ในภาวะฉุกเฉิน ตามมาตรการสร้างความตระหนัก โดยประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนรับทราบนโยบายและแนวทางการดาเนินการของรัฐบาล การดาเนินการของจังหวัดอย่างต่อเน่ือง เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข่าวสารในทางลบ และให้เพิ่มชอ่ งทางการประชาสัมพันธใ์ นสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) 11) แผนรกั ษาความปลอดภยั ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อาชญากรรม และความมั่นคง 12) แผนดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุข ใหค้ วามช่วยเหลอื และดแู ลผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากหมอก ควัน และโรคทางเดินหายใจ ในดา้ นการสนบั สนนุ จากภาคสว่ นอนื่ ๆ ไดแ้ ก่ - การสื่อสารและโทรคมนาคม การตดิ ตอ่ ประสานงาน - ผังการตดิ ตอ่ ส่ือสาร หมายเลขโทรศัพทใ์ นการประสานงาน 41

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 42 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั - การดูแลระบบโทรคมนาคมให้สามารถใช้การได้ตลอด 24 ชวั่ โมง - การให้ความช่วยเหลือบ้านเรือนหรือพื้นท่ีการเกษตรท่ีได้รับความเสียหายจากไฟป่า พิจารณา มอบหมายให้ส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มูลนิธิ และภาคเอกชน ดาเนินการใหค้ วามช่วยเหลือผปู้ ระสบภยั ไดต้ ามระเบียบและกฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ภาพท2ี่ -19 การจดั การไฟป่าหมอกควันแบบบูรณาการปี2560-2561 2.5.3 การปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาไฟปา่ หมอกควันจังหวัดลาพนู ปี 2561 มาตรการในการจัดการไฟป่าหมอกควนั จงั หวัดลาพนู ได้ดาเนินการตามแนวทางทก่ี ระทรวงมหาดไทย กาหนด 4 มาตรการบริหารจัดการ และ 4 มาตรการเชิงพื้นท่ี ประกอบดว้ ย 1.ระบบบัญชาการเหตกุ ารณ์ โดย จงั หวัดเป็นเจ้าภาพหลักบรู ณาการสั่งการ ใชร้ ะบบ Single Command โดยผวู้ า่ ราชการจังหวดั และนายอาเภอ 2. การสร้างความตระหนัก โดยเน้นมาตรการป้องกันที่เข้าถึงคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมีอาชีพหาของป่าและล่า สัตว์ 3. การลดปริมาณเชื้อเพลิง พื้นที่เผาซ้าซาก บริหารจัดการเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และ ช่วงเวลา 4. จิตอาสาประชารัฐ ระดมสรรพกาลังเจ้าหน้าท่ี เครือข่ายภาคประชาชน ชุมชน หมู่บ้าน เฝ้าระวัง พื้นทเี่ สย่ี งไม่ให้เกิดไฟไหม้ 42

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 43 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั โดยในปีงบประมาณ 2561 กาหนดช่วงเวลาหา้ มเผาเด็ดขาด ตง้ั แต่วันท่ี 20 กมุ ภาพันธ์ - 20 เมษายน 2561 แบ่งเป็นพ้ืนท่ีรับผิดชอบชัดเจนให้หน่วยงานแต่ละกระทรวงดูแล พื้นท่ีป่าไม้โดยกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม พ้ืนที่เกษตรกรรม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ้ืนที่ชุมชนและเขต เมือง โดยกระทรวงมหาดไทย และพื้นท่ีริมทาง โดยกระทรวงคมนาคม ต้ังตัวชี้วัด ลดจานวนวันท่ีคุณภาพ อากาศเกนิ มาตรฐาน และพ้ืนทเ่ี ผาป่าลดลง ท้ังน้ีในปงี บประมาณ 2561 จังหวดั ลาพนู ได้รับงบประมาณเก่ียวกับการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาหมอก ควัน 19.84 ล้านบาท โดยกาหนดแผนปฏิบัติการตามช่วงเวลา ช่วงเตรียมการ เน้นการสร้างเครือข่ายภาครัฐ และภาคประชาชน สร้างผู้นาในเร่ืองการส่ือสารประชาสัมพันธ์ ในหมู่บ้าน 800 คน พัฒนาเครือข่าย ทสม. 1,500 คน เตรียมอาสารับแจ้งเหตุและป้องกันไฟป่า 300 คน สนับสนุนชุดอุปกรณ์ดับไฟป่า จานวน 115 ชุด ทาแนวกันไฟป่าชุมชนและพื้นท่ีเสย่ี ง ตามแนวทางประชารัฐ 25 แห่ง และจ้างแรงงานทาแนวกันไฟในพ้ืนท่ปี า่ สงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมในพ้ืนท่ีเสี่ยงสูงและเข้าถึงยาก ระยะทางรวม 800 กม. ช่วงรับมือ สนบั สนุนชมุ ชนในการปอ้ งกนั เฝ้าระวังและลาดตระเวนในหมบู่ า้ น จานวน 520 หมู่บ้าน สนบั สนุนงบประมาณ ให้หน่วยดับไฟ 10 หน่วย เพื่อลาดตระเวนและป้องกันป่า ติดตามสถานการณ์และรายงานศูนย์บัญชาการ เหตุการณ์ และมาตรการเพ่ือความย่ังยืน ประกอบด้วยการสร้างฝายชะลอน้า การดูแลรักษาพ้ืนท่ีป่า การทา ปุ๋ยหมักจากเศษวัชพืช การจัดการขยะ และถอดบทเรียนระดับจังหวัด(สานักประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชียงใหม่ ,24ธนั วาคม 2560) การดาเนนิ งานในปี 2561 ได้แก่ 1) ออกประกาศจังหวัดลาพูน เร่ือง กาหนดเขตควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวดั ลาพูน เพื่อระงับป้องกัน ไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายจากไฟป่า และใหร้ าษฎรได้มีสว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาไฟป่า 2) จังหวัดลาพูน จัดการแถลงข่าวต่อส่ือมวลชน เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน และไฟป่า และเปิดตัวเพลงรณรงค์ของจังหวัดลาพูน แชร์ แคร์ ยูว์ สู้หมอกควัน ที่ขับร้องโดยนายกฤษฎา จนั ทรด์ ีหรอื บ๊กิ The Star 12 เมือ่ วนั ที่ 24 ธนั วาคม 2560 ณ โรงเรียนจกั รคาคณาทร 3)จดั ฝึกอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการสร้างผ้นู าในการสื่อสาร เสรมิ สรา้ งความเข้าใจประชาชนท่ีอยูใ่ นพ้นื ที่ เพื่อ ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ตามแผนพัฒนาภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561ประกอบด้วย กานัน ผใู้ หญ่บา้ น ผู้นาชุมชน แกนนาเครือข่ายจิตอาสา เครือข่ายวิทยุชมุ ชน สอ่ื มวลชน แกนนานักเรียน นักศึกษา ใน พื้นท่ี 8 อาเภอ จานวน 800 คน 4) หน่วยงานภาคสนามสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้ดาเนินการจัดเตรียม เครื่องมืออุปกรณ์ กาลังพล จัดฝึกอบรม จัดทาป้ายประชาสัมพันธ์ และจัดชุดปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ เคลื่อนท่แี บบเคาะประตบู า้ น เพือ่ ป้องกันไฟป่า 43