143 ชุมชนให้กลับมาพึ่งพิงตนเองได้ในระยะยาว เช่น การจัดให้มีที่อยู่อาศัยถาวร สถานีอนามัย โรงเรียน ความเชี่ยวชาญทางเกษตรกรรม และเทคโนโลยีการผลิต ในการส่งความช่วยเหลือ ด้านอาหารเข้าไปในพื้นที่ทุรกันดานและมีเส้นทางขนส่งไม่สะดวก โครงการอาหารโลกก็จะ จดั หายานพาหนะ หรอื สร้างเส้นทางขนส่งใหม่ข้ึนมารองรบั 71 มาตรการฟน้ื ฟผู ปู้ ระสบภัย มาตรการบรรเทาภัยพิบัติขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติจะมีท้ังที่ เป็น โครงการบรรเทาภัยพิบัติเบื้องต้น และโครงการฟื้นฟูสภาพระยะยาว โดยมีรูปแบบความ ช่วยเหลือที่ค่อนขา้ งหลากหลายเพื่อให้ตอบสนองตอ่ สภาพปญั หาที่ต่างกนั ไป อาทิ72 - การจดั หาปัจจัยผลิตทีห่ ลากหลายใหแ้ ตล่ ะพ้ืนที่ที่มคี วามแตกต่างทางภูมิศาสตร์ เช่น อุปกรณ์การประมงสาหรับพื้นที่ชายฝ่ัง เมล็ดพันธ์ุพืช ปุ๋ย สาหรับพื้นที่ลุ่ม อุปกรณ์ปศุสัตว์ สาหรับพนื้ ที่ดอน - ความช่วยเหลือที่ละเอียดอ่อนสาหรับสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การให้ความรู้ และ อบรมกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้สามารถทาการเกษตรแบบพึง่ พาตนเองได้ - สร้างความเข้มแข็งให้แก่ความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น การส่งเสริมให้เพาะปลูก พืชหลายชนิดในพื้นที่ รวมถึงให้เลี้ยงสัตว์บก สัตว์น้าร่วมกันไปด้วยให้เต็มพื้นที่ แต่ต้องเหมาะ กบั สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นด้วย - ส่งเสริมภูมิปญั ญาท้องถิน่ เช่น การส่งเสริมให้คนในท้องที่หันกลับไปทาการเกษตรที่ สอดคล้องกบั ภูมปิ ัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ตั้งแตอ่ ดีต - สร้างสนั ติภาพให้เกิดขึ้นโดยสร้างความม่ันคงด้านอาหารเป็นรากฐาน จึงมีการสร้าง ระบบตรวจตราข้อมูลด้านอาหารและเกษตรต่างๆ เพื่อเตือนภัยก่อนที่จะนาไปสู่ความขาด แคลนและการขดั แย้งในทีส่ ดุ - ส่งเสริมให้รัฐมีมาตรการทางสังคมเพื่อประกันสิทธิของกลุ่มเสี่ยง (Social Safety- net) หรอื องค์การรเิ ริ่มจัดหาโครงการมาให้เอง - เน้นการพัฒนาชนบทและการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างย่ังยืน โดยการปฏิรูประบบ การเกษตรทีส่ อดคล้องกบั ธรรมชาติ เพือ่ ความมัน่ คงด้านอาหารในระยะยาว การดาเนินงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทว่ั โลก อาทิ การบรรเทาภัยสงครามในซูดานให้กลับมาอยู่ในภาวะสงบสุข การช่วยเหลือกลุ่ม ผู้ติดเชื้อเอดส์ในอัฟริกาใต้ การหามาตรการปูองกันการแพร่กระจายของโรคไข้หวัดนกและมี 71 WFP, FOOD AID: DETERRENT AGAINST POVERTY. 72 FAO, FAO Relief and Rehabilitation.
144 แผนรองรับสาหรับผู้ติดเชื้อ การฟื้นฟูผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ถล่มในเขตมหาสมุทรอินเดีย การ ฟืน้ ฟผู ปู้ ระสบภัยพายเุ ฮอริเคนในเขตอเมริกากลาง มาตรการด้านมนษุ ยธรรม –ปกป้อง –ช่วยเหลือ กลุ่มเสี่ยง องค์การกาชาดสากลมีมาตรการเพื่อประกันสิทธิด้านอาหารในก รณีที่เกิดภัยพิบัติ ธรรมชาติ ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมถึงมาตรการ ปูองกันภัยและมาตรการฉุกเฉินเพื่อบรรเทาผลกระทบในระยะส้ัน และมีมาตรการฟื้นฟูระยะ ยาวด้วย เชน่ การฟืน้ ฟทู รัพยากรธรรมชาติที่เปน็ ปจั จัยการผลิตอาหาร องค์การสหประชาชาติและองค์กาชาดสากลได้ให้ความคุ้มครองปัจเจกชนในยาม สงครามตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในฐานะผู้ปกปูอง (Protecting Power) ซึ่ง กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้ควบคุม วิธีการทาสงครามให้แบ่งแยกเปูาหมายพล เรือนออกจากเปูาหมายทางการทหารเพื่อมใิ ห้ทาลายปจั จยั การผลิตและผลผลิตอาหาร ห้ามมิ ให้ทาการบังคับพลเรือนให้อพยพออกจากพื้นที่ทากินของตนเองโดยไม่มีเหตุจาเป็นด้านความ ปลอดภัย ห้ามมิให้ใช้วิธีการปิดเส้นทางเสบียงเพื่อให้พลเรือนอดตาย73 องค์การท้ังสองยัง ผลกั ดนั ให้รฐั และประชาคมระหว่างประเทศร่วมมอื ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ ผู้ประสบภัย โดยประเทศที่เป็นเจ้าของพื้นที่ควรเปิดทางให้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เข้าไปยังพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนั้นต้องตั้งอยู่บน พืน้ ฐานของหลัก ความเป็นกลาง ไม่แบ่งแยก ช่วยเหลือเพื่อประโยชน์ด้านมนุษยธรรมของมวล มนษุ ยชาต7ิ 4 กรณีศึกษาในกรณีที่เกิดความขัดแย้งหรือภัยสงคราม กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบ รุนแรง ได้แก่ พลเรือนที่เป็นเหยื่อของสงคราม ผู้ล้ีภยั หรือผู้พลัดถิ่น ก็จะได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยผลู้ ีภ้ ัย และผู้พลัดถิ่น ให้ได้รับอาหารเพียงพอต่อการดารง ชีพ รัฐและองค์การระหว่างประเทศไม่ควรนาอาหารมาใช้เป็นวิธีการกดดันทางการ เมือง และเศรษฐกิจ มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจทั้งที่เป็นมาตรการฝุายเดียว เช่น มาตรการ ลงโทษทางเศรษฐกิจของสหรัฐต่อคิวบา และมาตรการที่เกิดจากมติขององค์การระหว่าง ประเทศ เชน่ มติคณะมนตรคี วามม่ันคงที่เคยลงโทษทางเศรษฐกิจต่ออิรัก ต้องยุติลงทันที และ ไม่ควรนาวิธีดังกล่าวมาใช้อีกต่อไปเนื่องจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือ ประชาชนผู้บริสุทธิ์มิใช่ ผปู้ กครอง 73 UN, E/CN.4/2002/58, p. 23-24. 74 UN, E/CN.4/2002/58, p. 24.
145 รัฐต้องปฏิบตั ิตามพันธกรณีทีร่ ัฐเข้ารบั ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รัฐ ต้องยอมรับในเรอ่ื งความจาเปน็ ทางมนษุ ยธรรมของประชากรพลเรือนรวมทั้งการเข้าถึงอาหาร ของพลเรือนในสถานการณ์ที่มีการขัดกันทางอาวุธและการยึดครองดินแดน เช่น กรณีการก่อ กาแพงปิดล้อมชาวปาเลสไตน์โดยกองกาลังอิสราเอล ที่ปิดก้ันการเข้าถึงอาหารของพลเรือน ปาเลสไตน์อย่างรุนแรง รฐั บาลอิสราเอลต้องยุติการกระทาดังกล่าวลงทนั ที ในยามที่เกิดภัยพิบัติท้ังภัยธรรมชาติ และสงคราม กลุ่มเสี่ยงที่มีความม่ันคงใน ทรัพย์สินที่เป็นปัจจัยการผลิตน้อยอยู่แล้ว ยิ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียปัจจัยการผลิตไปมากขึ้น เพราะต้องขายไปเพื่อนาเงินมาประทังชีวติ ในแต่ละวัน รัฐควรนามาตรการความช่วยเหลือด้าน อาหารมาผนวกรวมกับมาตรการทางสังคมประกันสิทธิกลุ่มเสี่ยง (Social Safety-net)75 เน่ืองจากจะช่วยให้กลุ่มเสี่ยงดารงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องขายปัจจัยการผลิตอาหารไป และ สามารถรกั ษาความวถิ ีการผลิตของกลุ่มเสี่ยงซึง่ เปน็ การสร้างความมัน่ คงของชุมชนอย่างย่ังยืน มาตรการความช่วยเหลือด้านอาหาร มาตรการที่ได้กล่าวถึงมาก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่จะประเมินความจาเป็นของแต่ละพื้น ทีว่ า่ อยู่ในภาวะวิกฤตมากน้อยเพียงไรหากการขาดแคลนอาหารในพื้นที่นั้นมีความร้ายแรงมาก ประเทศต่างๆอาจส่งความช่วยเหลือด้านอาหารไปยังพื้นที่นั้น โดยอาจส่งความช่วยเหลือใน ลกั ษณะการกระทาฝุายเดียว หรอื อาจส่งความช่วยเหลือผ่านกระบวนการขององค์การระหว่าง ประเทศ ท้ัง องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือโครงการอาหารโลก ก็ได้ การ ช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศตามกรอบของอนุสัญญาความช่วยเหลือด้านอาหาร ค.ศ. 1999 ได้กาหนดหนา้ ทีข่ องประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ และผรู้ ับความช่วยเหลือไว้ดังน้ี 76 - ประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือต้องไม่ใช้การช่วยเหลือด้านอาหารไปในเชิงพาณิชย์ คือ คิดค่าใช้จ่าย หรือสิ่งตอบแทนใดๆ หรือส่งอาหารเข้าไปเพื่อทาลายระบบการผลิตภายในและตี ตลาดภายในประเทศผู้รับ - ปริมาณความช่วยเหลือที่ให้ต้องเป็นการให้เปล่ามากที่สุดเท่าที่จะให้ได้ (อย่างน้อย 80% ของปริมาณที่สัญญาว่าจะให้) การให้ความช่วยเหลือด้านอาหารต้องเป็นไปตามหลักการขององค์การอาหารและเกษตรแห่ง สหประชาชาติ กล่าวคือ ประเทศผู้รับจะต้องพยายามนาเข้าอาหารเชิงพาณิชย์ให้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทาได้ก่อนจึงจะขอรับความช่วยเหลือด้านอาหาร ท้ังนี้การให้ความช่วยเหลือ 75 FAO, IGEG RTFG /INF 6, p. 13. 76 Ibid., p. 9.
146 ด้านอาหารต้องสอดคล้องต่อระบบอาหารและระบบตลาดท้องถิ่น สอดคล้องกับวัฒนธรรม การบริโภคของผู้รับ และมีลกั ษณะส่งเสริมให้รัฐผรู้ ับสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว กรณีศกึ ษาเกีย่ วกับความช่วยเหลือด้านอาหารที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กรณีความช่วยเหลือด้านอาหารต่อภาวะขาดอาหารอันเนื่องมาจากภัย ธรรมชาติในประเทศเกาหลีเหนือ เริ่มต้ังแต่การเกิดภัยแล้งและน้าท่วมต่อเน่ืองมาตั้งแต่ช่วงกลาง 1990 ทาให้ประชาชน จานวนมากในเกาหลีเหนือประสบภาวะขาดแคลนอาหาร ในช่วงปลายปี 2005 โครงการอาหาร โลก WFP ได้ส่งจัดส่งความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าสู่เกาหลีเหนือไปถึง 160 อาเภอ คิดเป็น ร้อยละ 87 ของประชากรทั้งหมด แต่ก็ยังมีอีก 43 อาเภอที่เข้าไปไม่ถึง ทาให้มีผู้ได้รับ ประโยชน์จากโครงการประมาณ 6.5 ล้านคน อย่างไรก็ตามในปี 2005 นี้กลับมีผู้ได้รับกระทบ 2 ล้านคนเพราะการตัดปริมาณธัญพืช และการขาดแคลนความช่วยเหลือด้านอาหารจาก ต่างประเทศ ในช่วงหลังประเทศเกาหลีเหนือยินดีรับความช่วยเหลือในรูปแบบทวิภาคีจาก ประเทศใกล้เคียงมากกว่า ซึ่งจาเป็นที่ผู้ส่งความช่วยเหลือต้องทาให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือทวิ ภาคีและพหภุ าคีมลี กั ษณะส่งเสริมกันโดยเฉพาะต้องต้องประกันการส่งไปถึงมือกลุ่มเปูาหมาย และมีระบบตรวจตราที่มปี ระสิทธิภาพเพือ่ ปูองกนั การรัว่ ไหล ประเทศเกาหลีเหนือเปลี่ยนจาก รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นเรียกร้องกรอบความช่วยเหลือเพื่อความพัฒนา ซึ่งผู้ให้ ความช่วยเหลือก็พึงผนวกเร่ืองสิทธิมนุษยชนเข้าไปในกระบวนการวางโครงการด้วย นั่น หมายถึงการทาในรูปแบบกระบวนการทีอ่ ิงสิทธิ (Rights-based Approach)77 แต่ในช่วงปลายปี 2005 รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ประกาศไม่รับความช่วยเหลือทาง มนุษยธรรมอีกต่อไป และให้ตัวแทนองค์กรมนุษยธรรมต่างประเทศออกจากประเทศไป โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน เช่นเดียวกับตัวแทนของโครงการอาหารโลกในพื้นที่ ต่างๆกต็ ้องออกจากประเทศในชว่ งเวลานนั้ อย่างไรกด็ ีในชว่ งต้นปี 2006 ก็มีผู้บริจาคระหว่าง ประเทศอนุมัติ “โครงการการบรรเทาทุกข์อย่างต่อเนื่องและปฏิบัติการฟื้นฟู” ภายใต้โครงการ อาหารโลก WFP78 ซึ่งมีเปูาหมายในการส่งอาหาร 75,000 ตันต่อปี โครงการได้เจาะ กลุ่มเปูาหมายของโครงการไปยัง ....... 2) พื้นที่เสี่ยงต่อการประสบภัยธรรมชาติ ซึ่งผลผลิต อาหารมีจากัดและมีที่ดินได้รับผลกระทบมหาศาล .....มี 50 อาเภอที่ระบุให้ได้รับความ ช่วยเหลือด้านอาหารอย่างเข้มข้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุมชน และเพื่อโครงการอาหารใน โรงเรียน โดยที่โครงการได้ส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศเกาหลีเหนือในเขตที่ความ 77 UN, A/61/349, p. 5. 78 Ibid., p. 6.
147 ช่วยเหลือแบบทวิภาคีไม่ครอบคลุม โครงการพุ่งเปูาไปที่ ......กลุ่มเด็กกาพร้าและผู้ปุวยเด็ก ตามโรงพยาบาลต่างๆ จะได้รบั การดแู ลเปน็ พิเศษเฉกเช่นการช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน โครงการ ท่ัวประเทศจะเจาะกลุ่มเปูาหมายไปที่กิจกรรมสาธารณสุขของแม่และเด็กสาหรับผู้หญิง ต้ังครรภ์และผู้หญิงทีใ่ ห้นมลกู รวมถึงเด็กในชั้นอนุบาล เตรียมอนุบาล แต่โครงการจะเจาะจง ไปทีก่ ารช่วยเหลือในระดบั ชุมชนทั้งในเขตเมอื งและชนบท ในปี 2005 โครงการอาหารโลก WFP ได้สนับสนุนกลุ่มผู้สูงอายุ แม่และบุตรในโรงพยาบาล แต่โครงการนี้จะลดประสิทธิภาพลง เพราะมีการลดขนาดการปฏิบัติการ กลุ่มเปูาหมายข้างต้นที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดในเขตเมือง จะได้รับความช่วยเหลือผ่านทางโครงการพัฒนาชุมชนแทน แต่ปริมาณก็จะลดลงไปด้วย กิจกรรมอาหารเพื่อพฒั นาชมุ ชนจะเพิ่มขึน้ ในหัวเมืองสาคัญ สมาชิกของครัวเรือนในเขตเมืองก็ สามารถเข้าร่วมโครงการในพื้นที่ชนบทใกล้เคียงได้79 ซึ่งความช่วยเหลือด้านอาหาร 75,000 ตนั ตอ่ ปี น้ันเข้าถึงกลุ่มเปูาหมายทีจ่ าเปน็ ที่สุด 1.6 ล้านคน แต่กน็ ้อยมากเม่ือเทียบกับปี2005 ที่ มีปริมาณอาหารส่งมาถึง 500,000 ตันต่อปี80 ล่าสุดในช่วงกลางปี 2006 ก็เกิดน้าท่วมคร้ัง ใหญ่ในประเทศเกาหลีเหนืออีก แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมของโครงการ อาหารโลก แม้ว่าน้าท่วมจะสร้างผลกระทบต่อปริมาณผลิตผลในปีนี้ก็ตาม81 จะเห็นได้ว่าการ ผูกขาดอานาจการตัดสินใจของรัฐบาลโดยไม่คานึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนย่อมนามา ซึ่งการละเมิดสิทธิด้านอาหาร และสะท้อนถึงความบกพร่องต่อตอบสนองหลักหลักการ พยายามมากทีส่ ุดเท่าที่ทรัพยากรจะเอื้ออานวยเพราะไม่แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ ท้ังที่มผี เู้ สนอใหม้ าแล้วก็ตาม มีข้อสังเกตบางประการจากกรณีเกาหลีเหนือ คือ นับต้ังแต่ ปี 2004ประเทศเกาหลี เหนือพยายามเรียกร้องความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนามากกว่า ความช่วยเหลือระยะสั้นที่เป็น ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม/การบรรเทาภัยฉุกเฉิน แต่ก็ต้องตระหนักถึงการบังคับใช้สิทธิ มนุษยชนในโครงการพัฒนาเชน่ ว่า และไม่ควรใหม้ ีการลดระบบความรับผิดภายในประเทศผู้รับ กลบั กันต้องเพิ่มกระบวนการที่เพิ่มพูนการยอมรับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ข้อ ต่อมา ความช่วยเหลือด้านอาหารที่ส่งให้เกาหลีเหนือจะมีระบบตรวจตราให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักที่ว่า “เม่ือเข้าถึงกลุ่มเปูาหมายไม่ได้ก็ไม่มีอาหาร” ได้อย่างไรในเม่ือหน่วยงานของ สหประชาชาติเองยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบเองได้ และข้อสดุ ท้ายมาตรการความช่วยเหลือ ด้านอาหารไม่สามารถแทนที่ มาตรการประกันความม่ันคงด้านอาหารซึ่งจาเป็นต้องมีนโยบาย 79 WFP/EB.1/2006/8/3, pp. 38-41. อา้ งใน UN, A/61/349, p. 6. 80 Financial Times, 12 May 2006, p. 6. อา้ งใน UN, A/61/349, p. 6. 81 UN, A/61/349, p. 7.
148 การเกษตรอย่างยงั่ ยืน อันประกอบไปด้วย เจตจานงทางการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน ในการตัดสินใจ วิธีการเกษตรที่เปน็ มติ รตอ่ สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรภายในประเทศ82 กรณีความช่วยเหลือด้านอาหารต่อภาวะขาดอาหารอันเนื่องมาจากภัยสงครามใน ประเทศซูดาน โครงการอาหารโลกได้จัดส่งปฏิบัติการความช่วยเหลือครั้งเดียวแบบฉุกเฉิน EMOP (Emergency Operation) มาให้แก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม ปฏิบัติการ ดังกล่าวเน้นไปที่โครงการอาหารกลางวันที่โรงเรียน โครงการทางานแลกอาหาร เปูาหมายคือ พื้นที่ที่ขาดความม่ันคงด้านอาหาร และมีอัตราการเข้าเรียนในโรงเรียนประถมต่า โดยเฉพาะ เดก็ หญิง83 ในปี 2006 ความจาเป็นทางมนุษยธรรมอยู่ที่การบรรเทาภัยพิบัติให้แก่ผู้พลัดถิ่นใน ดินแดน และผู้กลับคืนสู่ดินแดนต่างๆ การส่งความช่วยเหลือด้านอาหารของโครงการ 90% เน้นไปที่การแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารในระดับครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เข้าไม่ที่ดิน และสินทรัพย์ของชุมชน และเปลี่ยนจากการช่วยเหลือระยะสั้นไปสู่การฟื้นฟูเพื่อประชาชน สามารถกลับไปดาเนินกิจกรรมพึ่งพาตนเองให้เร็วที่สุด โครงการฟื้นฟูรยะสั้นด้วยอาหารที่ ดาเนินการในประเทศซูดานออกแบบให้ครอบคลุมสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเน้นไปที่กิจกรรม ชุมชน การเข้าถึงนา้ สะอาด และการพัฒนาโครงสรา้ งพื้นฐานของชุมชน และเสริมโดยโครงการ อาหารเพื่อสินทรัพย์ที่เน้นการการฟื้นฟูชุมชนและโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการอาหารเพื่อ การศึกษาที่ช่วยให้เด็กที่เป็นผู้กลับคืนดินแดนสามารถกลับเข้าเรียนหนังสือได้ใหม่ ทั้งนี้ โครงการท้ังสองถูกจากัดลงเนื่องจากขาดเงินอุดหนุนจากผู้บริจาค ผลจากการดาเนินกาช่วง ม.ค.-ก.ค. 2006 โครงการได้ช่วยประชาชนกว่า 3.4 ล้านคน คิดเป็น 60% ของแผนทั้งปีซึ่งมี ผลในการลดอัตราความอดอยาก โดยเน้นความสาคัญไปที่การแจกจ่ายอาหารเพื่อรักษาชีวิต ของประชาชนเป็นอันดับแรก ในเดือน ก.ค. โครงการเข้าถึงกลุ่มเปูาหมาย 3.9 ล้านคนซึ่งส่วน ใหญ่เป็นผู้พลัดถิ่นในดินแดน และผู้ที่เดินทางกลับ โดยกว่าครึ่งอยู่ในเขตดาร์ฟูร์ ซึ่งในบางพื้นที่ นั้นต้องใช้การส่งอาหารทางอากาศเนือ่ งจากเส้นทางขนส่งทางบกเสียหาย และโครงการอาหาร โลกก็ได้เข้าไปช่วยซ่อมแซมเส้นทางด้วย84 อย่างไรก็ตามการปฏิบัติการก็ประสบกับอุปสรรค มากขึ้นเมอ่ื มีสถานการณค์ วามขัดแย้งเพิม่ ข้ึนในเขตดารฟ์ รู ์ ซึง่ ขัดขวางการเข้าถึงกลุ่มเปูาหมาย ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทาให้กว่า 470,000 คนไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากความพยายามของ โครงการอาหารโลกทาให้การขัดขวางเส้นทางลาเลียงความช่วยเหลือบรรเทาลงแล้วสามารถ เริม่ ตน้ การสง่ ความช่วยเหลือได้ในเดือน ก.ค. 2006 แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่สาคัญอีกประการคือ 82 UN, E/CN.4/2006/35, p. 16. 83 WFP, Emergency Operation 10503 Brief, p. 1. 84 Ibid., p. 2.
149 การขาดแคลนงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอซึ่งจะทาให้เสบียงอาหารหมดลงในไม่ช้า และ การเข้าถึงประชาชนทางบกจะเป็นปัญหามากขึ้นเม่ือถึงฤดูฝน ทาให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เพิ่มขึน้ ไปด้วย85 กรณีนีแ้ สดงให้เหน็ ถึงทางเลอื กในการส่งความช่วยเหลือด้านอาหารและความ ช่วยเหลือด้านการพฒั นารูปแบบต่างๆเข้าไปบรรเทาปัญหาของกลุ่มเปูาหมายโดยคานึงถึงสิทธิ มนุษยชนด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การเข้าถึงทรัพยากร การผลิต และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทาให้กลุ่มเสี่ยงฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามภาวะ ความขัดแย้งก็เป็นอปุ สรรคทีส่ าคญั ในการสง่ ความช่วยเหลือไปยงั กลุ่มเสี่ยงจึงจาเป็นที่ฝุายต่าง ต้องให้ความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่าง ประเทศ 3.2 มาตรการภายในประเทศ 1) การเตรยี มการก่อนเกิดภยั พิบตั ิ มาตรการเตือนภัย กฎหมาย ความร่วมมือในระบบเตือนภยั ล่วงหน้า มาตรการภายในสาหรับประเด็นความขัดแย้งและภัยธรรมชาติที่น่าสนใจ คือ ระบบ เตือนภัยล่วงหนา้ เพราะเป็นมาตรการที่มลี กั ษณะสัมพันธ์กับมาตรการระหว่างประเทศ และได้ มีการเชื่อมระบบร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ ท้ังในส่วนที่เป็นการประมาณค่า ภาพถ่าย จากดาวเทียม และการทารายงานเตือนภัยล่วงหน้า ประเทศไทยได้จัดต้ังระบบเตือนภัยล่วงหน้าขึ้นภายใต้การกากับดูแลของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งระบบเชน่ ว่า คือ86 1) ระบบเตือนภัยธรรมชาติ ระบบนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ภัยแล้ง คลื่นความร้อน ข้อมูล ลุ่มน้าปริมาณน้าฝน อัตราการพังทลายของดิน สภาพความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่ รุนแรง รวมถึงภยั ธรรมชาติตา่ งๆที่อาจเกิดขึ้น เชน่ พายุ 2) ระบบเตือนภัยโรคระบาด ระบบนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคพืช โรคสัตว์ การแพร่ ระบาดของแมลงและศตั รพู ชื หลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มจังหวัดแถบทะเลอันดามันของไทย ประเทศไทยได้ จัดต้ังระบบเตือนภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นจาก ธรณีพิบัติภัย และคลื่นยักษ์ถล่ม ภายใต้การ กากับดูแลของสานักนายกรัฐมนตรี ส่วนปัญหาน้าท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยคร้ังตามสภาวะโลกร้อนที่ 85 WFP, Emergency Operation 10503 Brief, p. 2. 86 อา้ งอิงจากข้อมูลในเวบไซต์อยา่ งเป็นทางการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แห่งประเทศไทย www.mof.go.th.
150 เกิดขึ้น แผนพัฒนาการเกษตรแห่งชาติได้กาหนดให้รัฐบาลต้องบรรเทาปัญหาน้าท่วม และ ปัญหาน้าแล้งอย่างเป็นระบบ โดยจัดทาและดาเนินการตามแผนปูองกันภัยธรรมชาติ แผนเฝูา ระวังและเตือนภัย และแผนช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย รวมถึงผู้ที่ได้รับความเสียหายจาก ธรรมชาติ ระบบเตือนภัยล่วงหน้าภายในประเทศต่างๆ ที่ปรากฏใช้อยู่มีหลากหลายรูปแบบ และ ทีม่ า อาทิ - โครงการที่สหภาพยุโรปให้งบประมาณสนับสนุนองค์การอาหารและเกษตรแห่ง สหประชาชาติในการพฒั นาระบบเตือนภัยล่วงหน้าและข้อมูลความมั่นคงด้านอาหารของแต่ละ ประเทศในประเดน็ ที่เกี่ยวกบั ภยั สงคราม ในประเทศ อัฟกานิสถาน โซมาเลีย แองโกล่า87 - ระบบวิเคราะหแ์ ละแผนที่กลุ่มเสี่ยง (VAM) ของโครงการอาหารโลก ได้พัฒนาระบบ แผนที่ข้อมูลความเสี่ยงและความไม่มั่นคงด้านอาหารขึ้นมาส่งเสริมการทางานของระบบเตือน ภัยล่วงหน้าในประเทศต่างๆ ซึ่งระบบประเมินความเสี่ยงเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าที่ได้รับการ พัฒนาแล้วได้มีการเริ่มใช้ในประเทศ บังคลาเทศ แองโกล่า พม่า อินโดนีเซีย ฯลฯ88 ซึ่งจะทา ให้การกาหนดเปูาหมายกลุ่มเสี่ยง และวางแผนรองรับมีประสิทธิภาพดียิง่ ข้นึ 3.3 ข้อสังเกตบางประการต่อมาตรการในประเด็นความขัดแย้ง และ ภัย ธรรมชาติ 1) การเตรยี มการกอ่ นเกิดภยั พิบัติ มาตรการระวังภยั กฎหมายขอ้ มูล แผนท่ี และความรว่ มมือระดบั ตา่ งๆ ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงที่สุด คือ ประเทศที่ยากจน และไม่มีมาตรการปูองกันมารองรับภัยธรรมชาติ จึงจาเป็นที่แต่ละประเทศต้องบรรจุแผน บรรเทาภยั ธรรมชาติและระบบเฝาู ระวังภัยเข้าสู่ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาแหง่ ชาติ89 การจัดทาระบบแผนที่ข้อมูลความเสี่ยงและความไม่ม่ันคงด้านอาหาร ระบบเตือนภัย ล่วงหน้า รวมถึงโครงการต่างที่เกี่ยวกับข้อมูลสถิติ จะต้องสร้างตัวชี้วัดที่ชัดเจน หลากหลาย และตอบสนองตอ่ ความจาเปน็ ของกลุ่มเสีย่ งในแตล่ ะพ้ืนทีอ่ ย่างเฉพาะเจาะจงที่สุด 87 FAO, CFS: 2003/INF/7, p. 3. 88 Ibid., p. 6. 89 FAO, The State of Food Insecurity in the World 2005, p. 9.
151 มาตรการเตือนภยั กฎหมาย ความรว่ มมือในระบบเตือนภัยลว่ งหนา้ แมจ้ ะมีมาตรการบรรเทาภัยพิบตั ิธรรมชาติ และระบบเตือนภยั ล่วงหน้า ที่ดีจนสามารถ บรรเทาความร้ายแรงของภัยพิบัติได้ในระดับหนึ่ง แต่กลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก สตรี และผู้ยากไร้ใน ชนบทกย็ งั ได้รบั ความเดือดร้อนจากภัยพิบัติธรรมชาติมาก เนื่องจากจะทาให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มี ความสามารถในการเข้าถึงอาหารน้อยลงจากเดิมที่เข้าถึงได้น้อยอยู่แล้ว เป็นเหตุให้กลุ่มคน เหล่านีอ้ ดอยากและอยู่ในภาวะทพุ โภชนาการอย่างรนุ แรง90 2) การเยียวยาเมื่อเกิดภยั พิบัติ มาตรการร่วมมือ บรรเทาพิบัติ –ระยะสัน้ –ระยะยาว กลุ่มที่มีความสามารถในการอยู่รอดท่ามกลางภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยสงคราม ได้ดีที่สุดคือ กลุ่มที่ดารงชีวิตด้วยการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง ดังน้ันมาตรการที่จะตอบสนอง ต่อภัยพิบัติได้ดีจึงต้องส่งเสริม การเกษตร การปศุสัตว์ และการประมงที่สอดคล้องกับ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของพื้นที่นั้น การฟื้นฟูวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นจึงเป็นมาตรการ ประกันสิทธิของกลุ่มเสี่ยงที่จาเป็นในการดูแลภาวะโภชนาการของกลุ่มเสี่ยงเป็นอันมาก ทั้งใน ระยะสั้น และระยะยาว ชุมชนที่ทาการเกษตรอย่างหลากหลาย มีการผสมผสาน การเพาะปลูกพืชหลายชนิด การปศุสัตว์ และการประมง เข้าด้วยกันในพื้นที่ของชุมชนโดยอาศัยฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม จะทาให้ชุมชนเหล่าน้ันมีความยืดหยุ่นเม่ือต้องประสบกับภัยพิบัติใน รูปแบบต่างๆ เมื่อเกิดภยั พิบัติเรือ้ รังเป็นระยะนาน ระบบเศรษฐกิจและสถาบนั ตลาดมักจะล้มเหลวได้ งา่ ย ชุมชนทีจ่ ะสามารถยืดหยัดอยู่ได้ก็คือชุมชนที่มีเครือข่ายความสัมพันธ์แน่นแฟูนสามารถ ปรบั ตวั รบั ภยั พิบตั ิในรปู แบบต่างๆได้ มาตรการฟ้นื ฟูผูป้ ระสบภัย ภยั พิบตั ิธรรมชาติจะมีผลต่อชุมชนค่อนข้างมาก กระบวนการฟื้นฟูจะทาได้ยากขึ้นหาก ภัยพิบัติธรรมชาติเหล่านั้นทาให้บุคคล และชุมชน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัย การ ฟื้นฟชู มุ ชนจงึ ตอ้ งอาศัยมาตรการระยะยาว การให้ความรู้ และอบรมกลุ่มเสี่ยงให้มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรจนสามารถ พึ่งพิงตนเองได้ จะเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านอาหารที่ดีที่สุดแก่กลุ่มเสี่ยงใน ชนบท และยังปูองกนั สถานการณข์ าดแคลนอาหารอย่างฉบั พลนั ในอนาคตด้วย 90 FAO, The State of Food Insecurity in the World 2005, p. 13.
152 ในยามที่เกิดภาวะฉุกเฉินเกษตรกรที่สามารถปรับตัวมาทาเกษตร กรรมที่อาศัยภูมิ ปัญญาท้องถิ่น และอาศัยทรัพยากรในท้องถิ่น จะได้รับความเดือดร้อนน้อยเพราะไม่ต้อง พึง่ พงิ เทคโนโลยี และปจั จัยการผลิต จากพื้นที่อื่นที่ต้องขนส่งผ่านเส้นทางคมนาคมที่อาจได้รับ ความเสียหายจากภัยพิบตั ิต่างๆ มาตรการความชว่ ยเหลือดา้ นอาหาร ความช่วยเหลือด้านอาหารโดยตรงจะมีผลลัพธ์ด้านบวกชัดเจนเม่ือกระทาในภาวะ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายขาดแคลน เกิดสงครามกลางเมือง หรือเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ ขนาดใหญ่ แต่จะมีผลน้อยกว่าเม่ือกระทาเพื่อแก้ปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหารที่เกิดจาก การขาดเสถียรภาพของปริมาณอาหารช่ัวคราว เพราะความหนืดและการประพฤติมิชอบของ ข้าราชการจะทาให้อาหารส่งไปถึงในยามที่ความต้องการอาหารลดลงแล้ว91 มาตรการทาง สังคมเพื่อประกันสิทธิของกลุ่มเสี่ยงและการสารองเสบียงอาหารจะมีผลมากกว่าในกรณีนี้ ระบบคมนาคมที่ไม่สะดวกและการสื่อสารที่ล่าช้าก็ทาให้ความช่วยเหลือด้านอาหารไปถึงพื้นที่ ขาดแคลนอาหารล่าช้า ไม่สามารถตอบสนองความจาเป็นของประชากรได้อย่างทันท่วงที92 อย่างไรก็ดีทุกประเทศก็ควรสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบความช่วยเหลือด้านอาหารในยาม ฉกุ เฉินเพื่อประโยชน์ของชมุ ชนท้องถิ่น และความมั่นคงด้านอาหารของชาติ การสรา้ งความมน่ั คงจากการจดั สรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และให้ประชาชน ชมุ ชน มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ หากต้องการสรา้ งสันติภาพอย่างย่ังยืนให้เกิดขึ้น ต้องสร้างความมั่นคงด้านอาหารเป็น รากฐาน เน่ืองจากความขัดแย้งท้ังหลายมักเกิดจากการแย่งชิงทรัพยากรต่างๆเพื่อความ เป็นอยู่ที่ดีของฝุายตน ดังน้ันมาตรการรักษาความม่ันคงด้านอาหารในเบื้องต้นจึงเป็นการ ปูองกันการเกิดความขัดแย้งที่ดีที่สุด เพราะเป็นการสร้างระบบตรวจตราข้อมูลด้านอาหาร และเกษตรตา่ งๆ เพือ่ เตือนภัยก่อนที่จะนาไปสู่ความขาดแคลนและการขดั แย้งในที่สุด ความคิดริเริ่มในการบรรจุวาระความม่ันคงด้านอาหารเข้าสู่ยุทธศาสตร์ความมั่นคง และพัฒนาแห่งชาติ โดยอาศัยการขจัดความอยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม การจัดระบบ โครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม จึงน่าจะเป็น หนทางสู่ความม่นั คงดา้ นอาหารและความสงบสขุ ของประชาชนอย่างยงั่ ยืน 91 FAO, IGEG RTFG /INF 6, p. 10. 92 FAO, IGEG RTFG /INF 6, p. 10.
153 4) มาตรการต่อประเดน็ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 4.1 มาตรการระหว่างประเทศ 1) มาตรการตามความร่วมมือดา้ นสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศทว่ั ไป มาตรการข้อมูลและแผนท่ี ความก้าวหน้าของระบบข้อมูลสารสนเทศ และการสื่อสารผ่านดาวเทียม ทาให้มีการ นาระบบข้อมลู ดังกล่าวมาประยกุ ต์ใช้เพื่อสร้างระบบข้อมูลตรวจตราสิ่งแวดล้อมขึ้น ซึ่งระบบที่ ใช้อยู่ในขณะนี้สร้างขึ้นโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ เพื่อตรวจสอบข้อมูล สิ่งแวดล้อมทั่วโลกผ่านดาวเทียม 4 ดวง โดยระบบจะนาภาพถ่ายดาวเทียมมาเทียบเคียงกับ ภาพถ่ายของพืน้ ทีน่ ั้นเม่อื ช่วงปีที่ผา่ นมา (มีภาพถ่ายย้อนหลงั ไปถึงปี ค.ศ.1988) เพื่อประเมินว่า ปริมาณความชื้นมีมากน้อยเพียงไร จะส่งผลให้เกิดฝนตก หรือ ภาวะแห้งแล้งมากน้อยเพียงไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเพาะปลูกในพื้นที่ เหล่าน้ัน93 ระบบดงั กล่าวจะให้ผลการประเมินตรงตามเวลาที่แท้จริงซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการ ตรวจตราสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ทาให้องคก์ ารสามารถหามาตรการมารองรบั ได้ทันท่วงที สรปุ ด้วยการพฒั นาอย่างยงั่ ยืน และมีส่วนร่วม เปูาหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษก็ได้เน้นย้าความสาคัญของการอนุรักษ์และพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างย่ังยืน โดยได้กาหนดเปูาหมายและตัวชี้วัดเพื่อวาง มาตรการแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทาลายปุา และการใช้เชื้อเพลิงจากซากดึกดาบรรพ์ รวมไปถึง เปูาหมายในการพฒั นาความสามารถในการเข้าถึงน้าที่สะอาด และบริการด้านสาธารณสุข ซึ่ง เปูาหมายดังกล่าวจะมีผลโดยตรงต่อการแก้ไขปัญหาความอดอยากหิวโหย และทุพโภชนาการ ไปพร้อมกับการอนุรักษ์พัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างย่ังยืน94 อันจะเป็นผลดีต่อการส่งเสริม ความก้าวหน้าในการยอมรบั สิทธิดา้ นอาหารเพิม่ ขนึ้ เป็นลาดับด้วย 2) การใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหวา่ งประเทศ อนุสญั ญาวา่ ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity- CBD) บทบญั ญัติทีส่ าคัญของอนุสัญญานี้ได้แก่ มาตรการท่ัวไปสาหรับการอนุรักษ์ และการใช้ ประโยชน์อย่างยั่งยืน การจัดทากลยุทธ์ แผนการหรือโปรแกรมระดับชาติ เพื่อการอนุรักษ์และ การใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างยั่งยืน การอนุรักษ์ในถิ่นที่อยู่อาศัยตาม 93 FAO, The Global Information and Early Warning System on Food and Agriculture, p. 10. 94 FAO, The State of Food Insecurity in the World 2005, p. 24.
154 ธรรมชาติ จดั ตงั้ ระบบพื้นที่คุ้มครองหรือพื้นที่ซึ่งต้องการมาตรการพิเศษ สาหรับอนุรักษ์ความ หลากหลายทางชีวภาพ ปูองกันการนาเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ควบคุมหรือกาจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ซึ่งคกุ คาม ระบบนิเวศ ถิน่ ที่อยู่อาศยั หรอื ชนิดพันธ์ุอื่น ให้ความเคารพ สงวนรักษา และรักษา ไว้ซึ่งภูมิปัญญา ชุมชนพื้นเมืองและท้องถิ่น และสนับสนุนการแบ่งปันอย่างเท่าเทียม ซึ่ง ผลประโยชน์อันเกิดจากการใชป้ ระโยชน์ภูมิปญั ญา ประดิษฐ์กรรม และการถือปฏิบัติน้ันๆ และ ยังมีระบบการประเมินผลกระทบ และการลดผลกระทบเสียหาย และได้กล่าวถึงเร่ืองการ เข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมต่อสิ่งแวดล้อม โดยแต่ละภาคี จักต้องดาเนินมาตรการทางกฎหมาย การบริหาร หรือนโยบายเท่าที่เหมาะสม เพื่อแบ่งปัน ผลประโยชน์ในวิถีทางที่ยุติธรรม และเท่าเทียมซึ่งผลการวิจัยและพัฒนา และซึ่งผลประโยชน์ที่ ได้จากการใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรพนั ธกุ รรม ข้อท่ี 6 ของอนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพ : มาตรการทั่วไปสาหรับการ อนรุ ักษ์ และการใชป้ ระโยชน์อย่างยง่ั ยืน ( a ) จัดทากลยุทธ์ แผนการหรือโปรแกรมระดับชาติ เพื่อการอนุรักษ์และการใช้ ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างย่งั ยืน ข้อท่ี 8 ของอนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพ : การอนุรักษ์ในถิ่นที่อยู่อาศัย ตามธรรมชาติ ( a ) จัดต้ังระบบพื้นที่คุ้มครองหรือพื้นที่ซึ่งต้องการมาตรการพิเศษ สาหรับอนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพ ( h ) ปูองกันการนาเข้าชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่น ควบคุมหรือกาจัดชนิดพันธ์ุต่างถิ่น ซึ่งคุกคาม ระบบนิเวศ ถิ่นที่อยู่อาศยั หรอื ชนิดพนั ธ์ุอนื่ ( j ) ให้ความเคารพ สงวนรักษา และรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญา ประดิษฐกรรม และการถือ ปฏิบตั ิของชุมชนพืน้ เมืองและ ท้องถิ่น และสนับสนุนการแบ่งปันอย่างเท่าเทียม ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดจากการใชป้ ระโยชน์ภมู ิปญั ญา ประดิษฐ์กรรม และการถือปฏิบตั ินน้ั ๆ ข้อที่15 : เรื่องการเข้าถึงทรพั ยากรพนั ธุกรรม (2) ภาคีจักต้องพยายามสร้างเง่ือนไขเพื่ออานวยแก่ภาคีอื่นๆ ในการเข้าถึงทรัพยากร พันธกุ รรม เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ใช่ข้อกาหนดที่ขัดแย้งกับ วตั ถปุ ระสงค์ของอนุสญั ญาฯ (7) แต่ละภาคจักต้องดาเนินมาตรการทางกฎหมาย การบริหาร หรือนโยบายเท่าที่ เหมาะสมและโดยสอดคล้องกับมาตราที่ 16 และ 19 เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ในวิถีทางที่
155 ยุติธรรม และเท่าเทียมซึ่งผลการวิจัยและพัฒนา และซึ่งผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ประโยชน์ จากทรพั ยากรพันธกุ รรม ข้อที่ 16: การเข้าถึง และถ่ายทอดเทคโนโลยี (3) แตล่ ะภาคีจกั ต้องดาเนนิ มาตรการทางกฎหมาย ด้านการบริหาร หรือนโยบายเท่าที่ เหมาะสมด้วยความมุ่งหมายว่า ภาคีโดยเฉพาะประเทศกาลังพัฒนาที่จัดหาให้ทรัพยากร พนั ธกุ รรม ว่าจะได้รบั การจัดให้เข้าถึงและรบั การถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งใช้ประโยชน์ทรัพยากร ขอ้ ที่ 17: การแลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสาร (1) ภาคีจักต้องเอื้ออานวยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร จากทุกแหล่งของรัฐที่ สามารถจัดหาข้อมูลให้ได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ความหลากหลาย ทาง ชีวภาพอย่างย่งั ยืน สนธิสญั ญาระหว่างประเทศวา่ ด้วยทรัพยากรพนั ธ์พุ ืชเพือ่ อาหารและเกษตร สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร ได้ยอมรับความสาคัญและบทบาทของเกษตรกรในการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรทาง ชีวภาพ ทั้งยังรับรองสิทธิของเกษตรกรในการเก็บ รักษา หรือใช้ประโยชน์จากเมล็ดพันธุ์ หรือ ส่วนขยายพันธุ์ ที่ได้จากการเพาะปลูกของตนสาหรับใช้ในฤดูเพาะปลูกถัดไป รวมถึงสิทธิใน การเข้าร่วมจัดการบริหาร รับส่วนแบ่งปันผลประโยชน์จากการใชท้ รพั ยากรพนั ธุกรรมพืช ด้วย 3) การใช้มาตรการของกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศมาเสริม มาตรการอนุรกั ษ์ และการลดความเสีย่ ง องค์การการค้าโลกได้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าอาหารระหว่างประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ดังต่อไปนี้การใช้ ข้อยกเว้นเพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามข้อ XX ข้อย่อย (b) และ (g) ของข้อตกลงท่ัวไปว่าด้วย การค้าสินค้าและภาษีศุลกากร (GATT)95 ซึ่งอนุญาตให้ประเทศสมาชิกสามารถใช้มาตรการที่ 95 General Agreement on Tariffs and Trade Article XX General Exceptions Subject to the requirement that such measures are not applied in a manner which would constitute a means of arbitrary or unjustifiable discrimination between countries where the same conditions prevail, or a disguised restriction on international trade, nothing in this Agreement shall be construed to prevent the adoption or enforcement by any contracting party of measures:
156 ขดั กับหลักของ WTO ได้หากมาตรการนั้นเป็นไปตามเง่ือนไขที่ข้อย่อยของข้อ XX กาหนด ซึ่งใน ที่นี้เราจะพิจารณาถึงการใช้ข้อย่อย (b) และ (g) โดยในข้อย่อย (b) นั้นประเทศสมาชิกอาจใช้ มาตรการได้หากเป็นการใช้สาหรับการปกปูองชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ พืช ส่วนในข้อ ย่อย (g) นั้นประเทศสมาชิกอาจใช้มาตรการได้หากเป็นการใช้สาหรับการปกปูองทรัพยากรที่ อาจพนั ธุ์หรอื หมดส้ินไป และจากกรณีข้อพิพาทคดี Tuna-Dolphin และ คดี Shrimp-Sea turtle ทาให้เห็นแนวทางในการคุ้มครองและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นทรัพยากร รวมของโลก ในการพิจารณาคดีทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อมน้ัน คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทได้ประสานความสัมพันธ์ทางกฎหมายการค้า และสิ่งแวดล้อม โดยวิเคราะห์ถึง 1) เง่ือนไขในการใชแ้ ละการตคี วาม ข้อยกเว้นตาม ข้อ XX ซึง่ กาหนดไว้ว่า - ข้อย่อย (b) ให้ใชข้ ้อยกเว้นได้สาหรบั การปกปูองชีวติ และสุขภาพของมนษุ ย์ สัตว์ พืช - ข้อย่อย (g) ให้ใช้ข้อยกเว้นได้สาหรับการปกปูองทรัพยากรที่อาจสูญพันธ์ุหรือหมด สิน้ ไป 2) ความชอบด้วยกฎหมายของการใช้มาตรการการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตินอก อาณาเขตของรฐั การใชม้ าตรการทางการค้าฝุายเดียวของรัฐ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อม และการใชม้ าตรการทางการค้าทีต่ งั้ อยู่บนพื้นฐานของกระบวนการผลิต มิใช่ คณุ สมบัติของตัวสินค้า 3) กลไกและกระบวนการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลกที่เอื้อต่อการคุ้มครอง ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จากหลักกฎหมายข้างต้น ได้มีพัฒนาการทางกฎหมายอันเกิดขึ้นบรรทัดฐานในคา ตดั สินของคดี Tuna-Dolphin และ คดี Shrimp-Sea turtle ดังตอ่ ไปนี้ คดี Tuna-Dolphin คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทได้ตัดสินว่า การแก้ไขกฎหมาย ภายในของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีลักษณะกีดกันการค้าปลาทูน่าระหว่างประเทศโดยอ้างเหตุผล ด้านสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการวินิจฉัยว่ามาตรการของสหรัฐขัดกับหลักการของข้อตกลง ………………………………………… (b) necessary to protect human, animal or plant life or health; ……………………………… (g) relating to the conservation of exhaustible natural resources if such measures are made effective in conjunction with restrictions on domestic production or consumption; …………………………………………
157 ท่ัวไปว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษีศุลกากร เน่ืองจากมีลักษณะเป็นอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ ภาษีตาม ข้อ XI 96 แต่คณะ ก รรมก า รวินิจฉั ย ไ ด้บ รร ย าย คาพิ พาก ษ าไ ว้ด้วย ว่ า “ทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องการอนุรักษ์ภายใต้ข้อยกเว้น ข้อ XX สามารถเป็นทรัพยากรที่อยู่ นอกอาณาเขตของรัฐได้ ดังน้ันมาตรการทางการค้านอกอาณาเขตของรัฐจึงอาจได้รับอนุญาต ให้กระทาได้”97 แตไ่ ม่อนุญาตให้นาสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมฉบับต่างๆ เข้า มาประกอบ การพิจาร ณาว่าทรัพย ากรธรรม ชาติใดบ้า งที่อยู่ภายใ ต้เง่ื อนไข การอนุรัก ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติที่อาจสูญสิ้นไปได้ ตามเง่ือนไขของ ข้อ 20 (g) และไม่อนุญาตให้รัฐใช้ มาตรการฝุายเดียวเพื่อกีดกันทางการคา้ ต่อประเทศสมาชิกอื่น ในคดี Shrimp-Sea Turtle คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทได้ตัดสินว่า การที่สหรัฐ ออกกฎหมายภายในที่มีลักษณะการกีดกันการค้ากุ้งระหว่างประเทศ โดยบังคับให้ประเทศอื่น ติดตั้งอุปกรณ์ปูองกันการจับเต่าโดยบังเอิญมีลักษณะเป็น มาตรการทางการค้าฝุายเดียวของ สหรัฐที่บีบบังคับรัฐสมาชิกอื่นขัดต่อหลักการของข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษี ศุลกากร มีลักษณะเป็นอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ตามข้อ XI แต่คณะกรรมการวินิจฉัยก็ ได้บรรยายคาพิพากษาเพิม่ เติมวา่ “มาตรการคมุ้ ครองเต่าทะเลของสหรัฐเข้าข่ายข้อยกเว้นตาม ข้อ XX (g) เนื่องจากตีความว่า ทรัพยากรธรรมชาติที่อาจสูญสิ้นไปได้น้ันหมายรวมถึง ทรัพยากรที่มีชีวิติ และไม่มีชีวิตด้วย”98 แต่ที่มาตรการของสหรัฐขัดกับข้อตกลงเป็นเพราะมี ลักษณะเลือกประติบัติไม่มีเหตุอันควร ขาดความโปร่งใส มีลักษณะบีบบังคับประเทศสมาชิก อืน่ ตามอาเภอใจ นัน่ เอง 96 GENERAL AGREEMENT ON TARIFFS AND TRADE Article XI* General Elimination of Quantitative Restrictions 1. No prohibitions or restrictions other than duties, taxes or other charges, whether made effective through quotas, import or export licences or other measures, shall be instituted or maintained by any contracting party on the importation of any product of the territory of any other contracting party or on the exportation or sale for export of any product destined for the territory of any other contracting party. 97 มณฑาทิพย์ ลิ้มธนะกิจ, “หลกั การค้าเสรีของแกตตก์ ับการคมุ้ ครองทรัพยากรร่วม: ศกึ ษากรณี คดี Tuna-Dolphin,” (นติ ศิ าสตร์มหาบณั ฑิต คณะนิติศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542), หนา้ 152. 98 จิราวัลย์ คชฤทธิ์ , “WTO กับการใชม้ าตรการฝุายเดียวเพ่อื คมุ้ ครองทรพั ยากรร่วมของโลก: ศกึ ษากรณีสหรัฐอเมริกาห้ามนาเขา้ กุ้งและผลิตภัณฑจ์ ากกุ้งจากประเทศไทย,” (นติ ศิ าสตร์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2542), หนา้ 211.
158 จากคาพิพากษาทั้งสองคดีมีแนวโน้มว่าองค์การการค้าโลกจะให้ความสาคัญกับ ประเด็นการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อมมากขึ้น แตใ่ นอีกแง่มุมหนึ่งก็อาจสร้าง ความวติ กกงั วลให้แก่ประเทศกาลังพฒั นาว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการกีดกันทางการค้า แอบแฝงโดยอ้างเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่นกัน มาตรการทางกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเพื่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นได้ ภายใต้กรอบขององค์การการค้าระหว่างประเทศ คือ การนาสนธิสัญญาว่าด้วยสิ่งแวดล้อม ระหว่างประเทศ (MEAs-Multilateral Environment Agreements) มาบรรจุเป็นข้อยกเว้นของ ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษีศลุ กากร (GATT) ในข้อ XX (b) และ (g) โดยสามารถ กระทาได้ด้วยวิธีการแก้ไข หรือระงับการใช้ข้อบังคับของ WTO ตามนัยยะแห่ง GATT ข้อ XXV (5) ซึง่ เปิดโอกาสใหป้ ระเทศสมาชิกลงคะแนน 2 ใน 3 มาสนับสนุน 99 ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะ เพิ่มผลบังคับใช้ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศฉบับต่างๆโดยอาศัยมาตรการทาง การค้า แต่แนวทางนี้ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาททั้งสองคดี และยังไม่มีการเจรจาในที่ประชุมองค์การการค้าโลกเพื่อบรรจุเร่ืองนี้เข้าสู่ระบบการค้าสินค้า ภายใต้องค์การการค้าโลก มาตรการที่เอื้อต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกประการ คือ การใช้มาตรการเกี่ยวกับ บรรจภุ ณั ฑเ์ พื่อสิง่ แวดล้อมของประเทศอุตสาหกรรมจะต้องอยู่บนหลักการห้ามเลือกประติบัติ ของข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษีศุลกากร (GATT) และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ของ ข้อตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) กล่าวคือ ต้องเป็นมาตรการที่ไม่มี ลักษณะเลือกประติบัติตามอาเภอใจ ไร้เหตุผลอันควร หรือมีวัตถุประสงค์ในการกีดกันทาง การค้าแอบแฝง และต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสากล 99 General Agreement on Tariffs and Trade Article XXV Joint Action by the Contracting Parties. ………………………….. (5) In exceptional circumstances not elsewhere provided for in this Agreement, the CONTRACTING PARTIES may waive an obligation imposed upon a contracting party by this Agreement; Provided that any such decision shall be approved by a two-thirds majority of the votes cast and that such majority shall comprise more than half of the contracting parties. The CONTRACTING PARTIES may also by such a vote.
159 ดังนั้น จึงต้องผลักดันให้มีการใช้มาตรการทางการค้าเพื่อส่งเสริมการรักษาทรัพยากร ร่วมโดยไม่กีดกันทางการคา้ อย่างไม่เป็นธรรมตามอาเภอใจ 4.2 มาตรการภายในประเทศ ประเทศไทยยังมีมาตรการภายในเพื่ออนุรักษ์และพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิง่ แวดล้อม บางประการ อาทิ มาตรการอนรุ กั ษ์ และการลดความเสี่ยง การบงั คับใช้กฎหมายปุาไม้ กฎหมายที่ดิน กฎหมายน้า ปฏิรูประบบการประเมินความ เ สี่ ย ง โ ค ร ง ก า ร ด้ า น ผ ล ก ร ะ ท บ ท า ง สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม จั ด ท า บั ญ ชี พั น ธุ ก ร ร ม สิ่ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ แ ห ล่ ง พนั ธกุ รรมทีม่ คี วามหลากหลายทางชีวภาพ มาตรการใชป้ ระโยชน์อยา่ งยั่งยืน กฎหมายการจัดทีด่ ิน กฎหมายการจัดการน้า สนบั สนุนการบริหารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ ปรับปรงุ ระบบส่งน้าให้มีการจัดสรรน้าและกระจายน้าอย่างท่ัวถึงมีประสิทธิภาพอย่าง ยง่ั ยืน เชน่ โครงการปฏิรปู ระบบน้าทั้งประเทศ มาตรการรกั ษา และส่งเสรมิ ภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ การมีส่วนรว่ มของประชาชนและ ชมุ ชน สร้างเครือขา่ ยความเข้าใจระหว่างเกษตรกรและชุมชน แก้ไขปัญหาความขัดแย้งจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรน้า มีองค์กรจัดการทรัพยากร น้าในระดับลุ่มน้าแบบมีสว่ นร่วม มาตรการลดมลพิษ กฎหมายปจั จัยการผลิตที่เกีย่ วกับกบั การควบคุมการปนเปือ้ นของสารพิษสู่ธรรมชาติ ให้ชมุ ชนมสี ่วนรว่ มในการเฝาู ระวัง และตรวจสอบการใช้สารเคมีเพื่อลดสารพิษตกค้าง ในสิง่ แวดล้อม มาตรการขอ้ มลู และแผนท่ี นาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และ (MIS) ซึ่ง บรรจุข้อมูล ภาพถ่ายดาวเทียม แผนที่แหล่งน้า แผนที่การใช้ดิน แผนที่ลักษณะภูมิประเทศ และแผนที่ผังเมือง เพือ่ นามาใช้กาหนดเขตการใชท้ ี่ดินที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม ในพนื้ ที่ มาตรการเตือนภยั ลว่ งหน้า ระบบเตือนภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่เกิดจากภัยแล้ง ปริมาณน้า สภาพดิน สภาพภมู อิ ากาศ
160 สรปุ ด้วยการพฒั นาอย่างย่งั ยืน และมีส่วนร่วม การพัฒนาระบบการเกษตรแบบยั่งยืนโดยสร้างกระบวนการทางานแบบบูรณาการ สนับสนุนด้านวิชาการและเงินทุนในการปรับระบบการผลิต ผ่านศูนย์บริการและถ่ายทอด เทคโนโลยี 4.3 ข้อสังเกตบางประการต่อมาตรการในประเด็นทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดลอ้ ม มาตรการอนรุ ักษ์ และการลดความเสี่ยง บทเรียนที่ได้จากมาตรการขององค์การการค้าโลก และคาพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับ ประเดน็ สิง่ แวดล้อม มีดังนี้ จากคาพิพากษาในคดี Tuna-Dolphin ปรากฏ ว่าบทบัญญัติและกระบวนการของ ข้อตกลงท่ัวไปว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษีศุลกากรยังไม่สามารถส่งเสริมการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเพียงพอ เน่ืองจากยังให้น้าหนักของการค้าเสรี มากกว่าการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ และบทบัญญัติก็ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งหลายๆ ประเทศมักไม่มีความจริงใจในการใช้มาตรการ โดยมักจะใช้เหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมเป็นข้ออ้าง ในการกีดกันทางการค้าแอบแฝง มาตรการจึงออกมาในลักษณะเลือกประติบัติ ขาดเหตุผล และความโปร่งใส แต่ก็มีหนทางที่จะใช้มาตรการทางการค้าเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทาง ธรรมชาติได้ตามข้อยกเว้น ข้อ XXV (5) ซึ่งเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกเจรจาบรรจุเอา สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของข้อยกเว้นที่เปิดให้ รัฐใช้ มาตรการทางการค้าลงโทษประเทศทีไ่ ม่มนี โยบายคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างเพียงพอ คาตัดสินของกรณีพิพาทเร่ือง Shrimp-Sea Turtle ผลการศึกษาวิจัยพบว่า คณะกรรมการวนิ ิจฉยั ข้อพิพาท ในคดีนี้ได้พิจารณา ข้อ XX (g) นั้นอาจมีผลกระทบต่อนโยบาย การค้าทางการคา้ และสิ่งแวดล้อม หากต่อไปได้มกี ารใชม้ าตรการอย่างสมเหตุสมผลและบังคับ ใช้อย่างเป็นธรรมก็มีความเป็นไปได้ว่า การใช้มาตรการทางการค้าเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากร ร่วมกันของโลกจะสัมฤทธิผลในไม่ช้า เน่ืองจากคาพิพากษาก็ตีความ ข้อ XX (g) ว่ารัฐสามารถ ใช้มาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ประเทศที่ไม่มีนโยบายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอ ได้ หากมาตรการดังกล่าวมีลักษณะสมเหตุสมผล ไม่เลือกประติบัติตามอาเภอใจ และไม่มี ลักษณะกีดกนั ทางการค้าแอบแฝง โดยต้องประกาศมาตรการอนรุ กั ษ์เช่นว่าให้สาธารณชนและ ประเทศสมาชิกทราบ
161 มาตรการใชป้ ระโยชน์อย่างยั่งยืน การจัดสรรที่ดินทากินควบคู่ไปกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ยังมีความลักลั่น ในทางปฏิบัติ ในบางกรณีการออกกฎหมาย หรือกาหนดเขตปุา ก็ยังมีลักษณะบุกรุกที่ทากิน ด้ังเดิมของชมุ ชนท้องถิ่น หรอื ตัดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับปุาลง ดังน้ันการผลักดันกฎหมาย ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนกับทรัพยากรปุาไม้จึงมีความสาคัญในการอนุรักษ์ และพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และเป็นการประกันสิทธิด้านอาหารของประชากร เหล่านั้นไปในตัวด้วย ทั้งนี้ต้องอาศัยอานาจรัฐเพื่อควบคุมการใช้ที่ดินและปุาให้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ที่กฎหมายกาหนดอย่างเคร่งครัด การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและเครือข่าย ประชาสังคมด้วย จึงจะสามารถลดความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อมอย่างยงั่ ยืน มาตรการลดมลพิษ พิธีสารเกียวโตที่นักกฎหมายและนักการทูตให้ความชื่นชมว่าสามารถประนีประนอม ผลประโยชน์ของประเทศกาลังพัฒนา กับ ประเทศพัฒนาแล้ว ได้อย่างลงตัว ด้วยกระบวนการ ซอื้ ขายโควตาการปล่อยสารเรือนกระจก ซึ่งมีลักษณะ win-win solution แต่แท้ที่จริงแล้วโลก ก็ยังเป็นฝุาย lose อยู่ดี ปัญหาโลกร้อนและความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรง นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น หากประชาคมโลกไม่ผลักดันการลดกิจกรรมที่ปล่อยสารเรือน กระจกขึน้ สู่ช้ันบรรยากาศอย่างจริงจัง และเด็ดขาด ก็คงเป็นการยากที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อน ได้สาเร็จ สรุปดว้ ยการพัฒนาอยา่ งย่ังยืน และมีส่วนรว่ ม นโยบายของภาครัฐที่ต้องการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนเพื่อกระตุ้นการผลิตและการ บริโภค ซึ่งครอบคลุมไปถึงการแปลงทรัพยากรธรรมชาติ ทั้ง ปุาไม้ น้า ให้เป็นทุนที่เอกชน สามารถเข้าครอบครองได้ จะเป็นการคุกคามการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างย่ังยืน ทางออก ที่นา่ จะเป็นควรหนั มาแปลงทรพั ยากรธรรมชาติใหเ้ ป็นสิทธิในการใช้ประโยชน์ร่วมกันของชุมชน และกาหนดให้ชมุ ชนก็มีหนา้ ทีใ่ นการอนุรักษ์ และจัดการด้วย จึงจะทาให้การใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรมีความย่ังยืนเพราะได้สรา้ งจิตสานึกที่ดีให้แก่ชุมชนด้วย ท้ังนี้กระบวนการชดเชยคืน ให้แก่ธรรมชาติ เชน่ ตัด 1 ปลูก 10 ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีประสิทธิภาพกว่า การห้ามตัดอย่าง เด็ดขาดแต่มีการลักลอบเข้าไปตัดไม้ทาลายปุาซึ่งเป็นช่องทางการคอรัปชั่นด้วย ชุมชนจึงมี บทบาทที่สาคญั ในการอนุรกั ษ์และพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติอย่างยงั่ ยืน
162 การทาให้ Environment Law ซึ่งเป็น Soft Law ท่ีมีผลบังคับน้อยให้มีผลบังคับ มากขึ้นดว้ ยการนามาตรการอืน่ มาเสรมิ กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศส่วนใหญ่มักมีผลผูกพันทางกฎหมายน้ อยกว่า กฎหมายระหว่างประเทศอื่น ดังนั้นเจตจานงทางการเมืองของประชาคมโลก และประเทศที่มี อานาจทางเศรษฐกิจ จึงมีส่วนสาคัญในการผลักดันการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่าง ประเทศให้มีประสิทธิภาพ ประเทศมหาอานาจทางเศรษฐกิจที่สร้างปัญหาทางสิ่งแวดล้อมไว้ ในปริมาณมหาศาลจึงควรเข้าร่วมสนธิสัญญาฉบับต่างๆ เพื่อทาให้กฎหมายระหว่างประเทศมี ผลบงั คับใช้และแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติได้จริง พิธีสารเกียวโตที่นักกฎหมายและนักการทูตให้ความชื่นชมว่าสามารถประนีประนอม ผลประโยชน์ของประเทศกาลงั พัฒนา กับ ประเทศพัฒนาแล้ว ได้อย่างลงตัว ด้วยกระบวนการ ซือ้ ขายโควตาการปล่อยสารเรอื นกระจก ซึ่งมีลักษณะ win-win solution แต่แท้ที่จริงแล้วโลก ก็ยังเป็นฝุาย lose อยู่ดี ปัญหาโลกร้อนและความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรง นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น หากประชาคมโลกไม่ผลักดันการลดกิจกรรมที่ปล่อยสารเรือน กระจกขึน้ สู่ชั้นบรรยากาศอย่างจริงจัง และเด็ดขาด ก็คงเป็นการยากที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อน ได้สาเรจ็ เจตนาบริสุทธิ์ของมาตรการทางการค้าท่ีไม่กีดกันแอบแฝงและเจตจานงทาง การเมืองสิง่ แวดล้อม ประเทศต่างๆ ควรจะดาเนินมาตรการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับ มาตรฐานสากล มีความโปร่งใส และต้ังอยู่บนเจตนาบริสุทธิ์ที่จะปกปูองสิ่งแวดล้อม เพื่อ ปูองกันการใชม้ าตรการดา้ นสิ่งแวดล้อมเพื่อกีดกันทางการค้าแอบแฝง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการ พัฒนามาตรการเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เน่ืองจากการใช้ข้ออ้างด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อกีด กันทางการค้าแอบแฝงรังแต่จะทาให้ประเทศต่างๆ เกิดทัศนคติที่ไม่มีดีต่อมาตรการเพื่อ สิง่ แวดล้อม และกระบวนการพิทกั ษ์สิ่งแวดล้อมโดยรวม 5) มาตรการตอ่ ประเด็นเทคโนโลยีชวี ภาพ หวั ข้อน้จี ะศกึ ษามาตรการตอ่ ประเดน็ เทคโนโลยีชีวภาพใน 2 ประเดน็ คือ 1) มาตรการความปลอดภัยด้านอาหารทีเ่ กีย่ วกบั เทคโนโลยีชีวภาพ 2) มาตรการทีเ่ กีย่ วกับการใชป้ ระโยชน์จากสิทธิในเทคโนโลยีชีวภาพ 5.1 มาตรการระหว่างประเทศ 1) มาตรการความปลอดภัยด้านอาหารท่เี กีย่ วกับเทคโนโลยีชวี ภาพ
163 การป้องกันสขุ อนามัยของสิ่งมีชีวติ จากความเสีย่ ง มาตรการระหว่างประเทศเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้เพื่อความปลอดภัยด้าน อาหารในปจั จุบัน ได้แก่ ข้อตกลงว่าด้วยการบังคับใช้มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ภายใต้ องค์การการค้าโลก ข้อตกลงนี้ออกมาเพื่อสร้างกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร และสุขอนามัย คน พืช หรือสัตว์ เพื่อใช้เป็นมาตรการที่จาเป็นตามนัยยะแห่ง ข้อ 20(b) ของ ข้อตกลงตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษีศุลกากร (GATT) ซึ่งอนุญาตให้รัฐสมาชิกออก มาตรการที่มีลักษณะควบคุมการค้าระหว่างประเทศเพื่อปูองกันสุขอนามัยของคน พืช หรือ สัตว์ในอาณาเขตของตนได้ แต่การใช้มาตรการนี้จะต้องวางอยู่บนพื้นฐานของการประเมิน ความเสี่ยงและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการในลักษณะ เลือกประติบัติตามอาเภอใจ หรือไม่สมเหตุสมผล หรือมีลักษณะกีดกันทางการค้าแอบแฝง ไม่ เป็นการกีดกันทางการค้ามากเกินความจาเป็นที่พอเหมาะแก่การคุ้มครองสุขอนามัย มีความ โปร่งใส รวมทั้งต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสากลขององค์การระหว่างประเทศในเร่ืองน้ัน บทบญั ญตั ิของข้อตกลงสุขอนามัยฯ (SPS) ที่เกีย่ วข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ ได้แก่100 - ข้อกาหนดเกี่ยวกับความเปน็ พิษ - ข้อกาหนดเพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะเป็นยีนเคร่ืองหมาย เพือ่ ความปลอดภยั ด้านอาหาร - ข้อกาหนดด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมความเสี่ยงต่อแมลงศัตรูพืช เช่น มาตรการ เพื่อปูองกันปัญหาการถ่ายทอดยีนจากพืชตัดแต่งพันธุกรรมที่ต้านทานยาปราบวัชพืชไปสู่พืช ท้องถิ่น ท้ังนีห้ ากเกิดเรื่องใหมๆ่ ที่ยังไม่มหี ลกั ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ตอบข้อสงสัยได้เพียงพอ ข้อ 5.7 ของขอ้ ตกลงสุขอนามัยฯ (SPS) ก็อนุญาตให้รัฐใช้มาตรการสุขอนามัยช่ัวคราวเพื่อควบคุม การข้ามแดนของสินค้าต้องสงสัยได้ โดยต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่หาได้ ข้อมูลของ 100 สุรวชิ วรรณไกรโรจน,์ ชยนั ต์ ตันตวิ ัสดาการ, ปทั มาวดี โพชนกุ ลู ซซู ูกิ, เจษฎโ์ ทณะวณกิ , บัณฑูร เศรษฐศิโรตม,์ รายงานฉบับสมบูรณ์นโยบายของประเทศไทยเรือ่ งสิ่งมชี วี ติ ตดั แตง่ พันธุกรรม, เสนอ ตอ่ โครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรพั ยากรในคณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแหง่ ชาติ, หน้า 75.
164 องค์การระหว่างประเทศ หรือมาตรการสุขอนามัยของประเทศอื่นบังคับใช้อยู่ และรัฐต้อง ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเตมิ เพื่อประกอบการประเมินความเสีย่ งด้วย101 นอกจากนี้ยังมีช่องทางที่องค์การการค้าโลกเปิดโอกาสให้รัฐออกมาตรการเพื่อรักษา ความปลอดภัยด้านอาหารซึ่งอาจเกิดการปนเปื้อนติดเชื้อหรือปนเปื้อน ดังเช่น ระบบควบคุม กระบวนการการผลิตภายใต้ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤติ (Hazard Analysis and Critical Control Points System- HACCP) เพื่อใช้ ปูองกันและควบคุมคุณภาพความ ปลอดภยั ของสินคา้ มิใหเ้ ป็นอนั ตรายต่อสุขอนามัยของคน สัตว์ และพืชภายในอาณาเขตของรัฐ สมาชิก ข้อตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPs) ภายใต้องค์การ การค้าโลก โดยข้อ 27.2 แห่งข้อตกลง102 ได้ยกเว้นที่จะไม่ให้สิทธิบัตรแก่สิ่งประดิษฐ์ที่อาจ ก่อให้เกิดผลกระกระทบภยันตรายต่อชีวิตหรือสุขอนามัยของมนุษย์ สัตว์ และพืช ดังน้ันถ้ามี การขอรบั สิทธิบัตรในสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรมซึ่งมีการพิสูจน์ได้ว่ามีผลกระทบต่อสุขอนามัย คน พืช และสัตว์ รัฐก็สามารถปฏิเสธการจดสิทธิบตั รเหนอื สิง่ มีชีวติ ดังกล่าวได้ พิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ (BSD) หรือที่รู้จักกันในนาม พิธีสารคาร์ตาเฮ นา พิธีสารฉบับนี้จัดทาขึ้นตามนัยยะ ข้อ 19 (3) แห่ง อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทาง ชีวภาพ ซึ่งได้กาหนดให้รัฐภาคีต้องจัดให้มีพิธีสารเพิ่มเติมเพื่อบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ จากสิ่งมีชีวิตอันเกิดจากเทคโนโลยีชีวภาพ ข้อตกลงนี้มุ่งควบคุม ความปลอดภัยในการ เคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรมข้ามพรมแดน การจัดการ และการใช้สิ่งมีชีวิตตัดแต่ง พันธุกรรม ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทาง ชีวภาพอย่างยัง่ ยืน มาตรการทีส่ าคญั ของข้อตกลงนี้ คือ103 1) การควบคุมการเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรมระหว่างรัฐอย่างเสมอภาค ครอบคลมุ ไปถึงประเทศที่มใิ ช่ภาคี 101 สรุ วชิ วรรณไกรโรจน,์ ชยนั ต์ ตนั ตวิ ัสดาการ, ปัทมาวดี โพชนกุ ลู ซซู ูกิ, เจษฎโ์ ทณะวณกิ , บณั ฑูร เศรษฐศิโรตม,์ รายงานฉบบั สมบูรณ์นโยบายของประเทศไทยเรือ่ งสิง่ มชี วี ติ ตดั แตง่ พนั ธุกรรม, เสนอ ตอ่ โครงการยทุ ธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากรในคณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ, หน้า 74. 102 ข้อตกลงวา่ ด้วยสิทธิในทรัพย์สนิ ทางปญั ญาที่เกีย่ วกับการค้า ขอ้ 27.2. ประเทศสมาชกิ อาจไมใ่ ห้สิทธิบัตรในสง่ิ ประดิษฐ์ท่เี ม่ือมีการนาไปใชอ้ าจก่อให้เกิดผลกระทบตอ่ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอนั ดขี องประชาชนรวมท้ังการประดิษฐ์ทอ่ี าจก่อให้เกิดอันตรายต่อชวี ติ หรือ สขุ ภาพของมนุษย์ สัตว์หรือพชื หรือทีอ่ าจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม 103 อา้ งแล้ว., หน้า 76-79.
165 2) การกาหนดแนวทางระมัดระวังภัยโดยเปิดโอกาสให้รัฐใช้มาตรการปูองกันการ เคลือ่ นย้ายสิ่งมชี ีวติ ตัดแตง่ พันธุกรรมได้หากมีความเสีย่ งตอ่ มนุษย์ และสิ่งแวดล้อม 3) กระบวนการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมหากเปิดให้สิ่งมีชีวิตตัดแต่ง พันธุกรรมเคลือ่ นย้ายข้ามพรมแดน 4) กระบวนการขออนุมัติล่วงหน้าหากจะมีการส่งสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรมเข้าไปใน พรมแดนอื่นเพื่อการปล่อยออกสิ่งส่งแวดล้อมอย่างจงใจ เช่น การส่งมันตัดแต่งพันธุกรรมเข้า ไปปลูก ผู้ส่งออกก็ต้องแจ้งให้รัฐเจ้าของอาณาเขตทราบเพื่อการอนุมัติ โดยจะต้องมีการ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันล่วงหน้า 5) กระบวนการระบชุ ีค้ วามเป็นสิ่งมชี ีวติ ตดั แตง่ พันธกุ รรม ในกรณีที่ส่งสิ่งมีชีวิตตัดแต่ง พนั ธุกรรมข้ามพรมแดนต้องระบุด้วยการตดิ ฉลาก พิธีสารฉบับนีถ้ ือเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับแรกที่มีบทบัญญัติควบคุมสิ่งมีชีวิตที่ เกิดจากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่เป็นการเฉพาะ โดยมีหลักการที่สาคัญของพิธีสาร คือ การ ระวังภัยล่วงหน้า(Precautionary Approach) การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) รวมท้ัง การรับผดิ ชอบและการชดใช้ค่าเสียหาย (Liability and Redress)104 มาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่ผา่ นกระบวนการทีม่ ีเทคโนโลยีมาเกีย่ วข้อง ข้อตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) ภายใต้องค์การการค้าโลก ข้อตกลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปกปูองสุขภาพและชีวิตมนุษย์ พืช และสัตว์ รวมทั้งอนุรักษ์ สิง่ แวดล้อมโดยอาศัยกระบวนการของการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ วิธีการผลิต บรรจุภัณฑ์ และฉลากและสร้างหลักประกันให้แก่รัฐสมาชิกว่าจะไม่นาเอามาตรการเหล่านี้ไปใช้กีดกันทาง การค้าแอบแฝง โดยให้มาตรการอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่เลือกประติบัติ และไม่ใช้ เกินความจาเปน็ บทบัญญตั ิที่เกีย่ วข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ ได้แก่105 - ข้อบงั คบั ในเร่อื งการเปลีย่ นแปลงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารตัดแต่งพันธุกรรม - ข้อกาหนดเพื่อลดความเสี่ยงจากการใชย้ ีนต้านทานยาปฏิชีวนะเปน็ ยีนเครือ่ งหมาย - มาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากพืชตัดแต่งพันธุกรรมประเภทต้ายทานแมลง ศตั รพู ชื ต่อสง่ิ มชี ีวติ อ่นื ที่มิใชเ่ ปูาหมาย การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจเร่ืองอาหารท่ีผ่านกระบวนการ เทคโนโลยี 1) มาตรการที่เกี่ยวกับการใชป้ ระโยชน์จากสิทธิในเทคโนโลยีชวี ภาพ 104 อา้ งแล้ว., หน้า 78. 105 อา้ งแล้ว., หน้า 75.
166 มาตรการ เก็บ ใช้ รักษา แลกเปลี่ยน เมล็ดพันธุ์ ระหว่าง สมัยใหม่ กับ ท้องถ่ิน อย่างยงั่ ยืน มาตรการระหว่างประเทศเกี่ยวกับการใชป้ ระโยชน์จากสิทธิเทคโนโลยีชวี ภาพ ที่มีอยู่ใน ปัจจบุ ัน ได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1961, 1978, 1991) ซึ่งจะขอ กล่าวถึง อนุสัญญาฉบับล่าสุด (UPOV1991) เน่ืองจากมีการกดดันจากประเทศมหาอานาจให้ ประเทศกาลังพัฒนาเข้าเป็นภาคีนี้ถ้าต้องการเข้าทาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) อนุสัญญา ฉบับนีใ้ ห้การคุ้มครองสิทธิของนักปรบั ปรุงพันธ์ุเหนอื พืชชนิดใหมท่ ีไ่ ด้รับการปรับปรุงพันธ์ุอย่าง เข้มงวด โดย106 - หา้ มการเกบ็ รักษา แลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ระหว่างเกษตรกรด้วยกันเอง เพื่อปูองกันมิ ให้เกษตรกรรายย่อยนาเมล็ดพนั ธุ์ของพืชทีต่ นได้ปรับปรุงพันธุ์ไปปลกู ใหม่ในฤดูกาลหนา้ - สงวนสิทธิในการผูกขาดการนาเข้า ส่งออก หรือเก็บรักษาส่วนที่ใช้ในการขยายพันธ์ุ เพือ่ การจาหนา่ ย หรอื การเพาะปลูก - ให้การคุ้มครองพันธ์ุพชื ทกุ ชนิดโดยไม่ต้องมีประกาศคุ้มครองก่อน - การอนญุ าตให้มกี ารคุ้มครองซ้อนดว้ ยกฎหมายเฉพาะ และระบบสิทธิบตั รควบคู่กนั ซึ่งเนื้อหาของอนุสัญญาฉบับนี้มีลักษณะเป็นคุณต่อบรรษัทข้ามชาติที่เป็นเจ้าของ เทคโนโลยีชีวภาพค่อนข้างมาก อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีบทบัญญัติที่สาคัญใน ข้อที่ 16 : การเข้าถึง และถ่ายทอดเทคโนโลยี (3) แต่ละภาคีจักต้องดาเนินมาตรการทางกฎหมาย ด้าน การบริหาร หรือนโยบายเท่าที่เหมาะสมด้วยความมุ่งหมายว่า ภาคีโดยเฉพาะประเทศกาลัง พัฒนาที่จัดหาให้ทรัพยากรพันธุกรรม ว่าจะได้รับการจัดให้เข้าถึงและรับการถ่ายทอด เทคโนโลยี ซึ่งใช้ประโยชน์ทรัพยากรเหล่าน้ัน ฯลฯ และ ข้อที่ 17 : การแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร (1) ภาคีจักต้องเอื้ออานวยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร จากทุกแหล่งของรัฐที่ สามารถจัดหาข้อมูลให้ได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ความหลากหลาย ทาง ชีวภาพอย่างยั่งยืน 106 จักรกฤษณ์ ควรพจน,์ “ทรพั ย์สนิ ทางปัญญาภายใตเ้ อฟทีเอ ไทย-สหรัฐฯ: ผลกระทบตอ่ การเกษตรไทย”, เอกสารหมายเลข 9 ของโครงการจบั กระแสองค์การการคา้ โลก.
167 มาตรการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแบบสมัยใหม่ ทางเลือก SUI GENERIS กับ ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น ข้อตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPs) ข้อ 27.3(b) 107 ประเทศสมาชิกอาจไม่ให้สิทธิบัตรได้เช่นกนั ในเรอ่ื งดังต่อไปนี้ a)วิธีการวินจิ ฉยั อายุรกรรม และศยั กรรมสาหรับการรกั ษามนุษย์หรอื สัตว์ b) พืชและสัตว์ที่มิใช่จุลชีพ กรรมวิธีทางชีววิทยาที่จาเป็นสาหรับการผลิตพืชและสัตว์ ที่มใิ ช่กรรมวธิ ีทางชีววิทยาและจุลชีววิทยา อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกต้องให้ความคุ้มครองพันธ์ุพืช แต่ความตก ลงทริปส์มิได้กาหนดให้ประเทศสมาชิกต้องให้ความคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ภายใต้ระบบ สิทธิบัตรเท่าน้ัน ตามมาตรา 27.3 (b) เปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกสามารถเลือกท่ีจะ ให้ความคุ้มครองพันธ์ุพืชภายใต้ระบบกฎหมายใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสิทธิบัตร หรือ ระบบกฎหมายเฉพาะ หรอื ทัง้ สองระบบนี้ร่วมกัน แสดงให้เห็นว่า TRIPs กาหนดให้ประเทศ สมาชิกต้องคุ้มครองพันธ์ุพืชด้วยระบบกฎหมายสิทธิบัตร หรือระบบกฎหมายเฉพาะ (sui generis) หรอื ทั้งสองระบบร่วมกนั กไ็ ด้ น่ันหมายความความว่าประเทศสมาชิกองค์การการค้า โลกมีสิทธิที่จะเลือกว่าจะให้การคุ้มครองพันธ์ุพืชด้วยระบบกฎหมายใด ดังน้ันในวิทยานิพนธ์ ฉบับนี้จะขอเสนอระบบกฎหมายเฉพาะ (sui generis) ที่มีการใช้อยู่ในระดับระหว่างประเทศ เน่ืองจากระบบกฎหมายสิทธิบัตรก็เป็นไปตามข้อตกลงทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPs) และ ใกล้เคียงกับระบบของอนุสญั ญา UPOV 1991 อยู่แล้วและไม่เอ้ือตอ่ ประโยชน์ของประเทศกาลัง พัฒนาสักเท่าไร เพราะให้การคุ้มครองสิทธิของผู้ปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่โดยเทคโนโลยีชีวภาพ อย่างเด็ดขาด และให้สิทธิประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเต็มที่ มากกว่าการรักษาผลประโยชน์ ของนักปรับปรุงพันธ์ุพืชพื้นเมืองที่อาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงไม่ขอกล่าวเพิ่มอีก ระบบ กฎหมายเฉพาะในระดับระหว่างประเทศที่มใี ช้อยู่ ได้แก่ 107 ข้อตกลงวา่ ด้วยสิทธิในทรัพย์สนิ ทางปญั ญาที่เกี่ยวกับการค้า ขอ้ 27.3 ประเทศสมาชกิ อาจไม่ให้สทิ ธิบตั รได้เชน่ กันในเรือ่ งดังตอ่ ไปนี้ ........................................ b) พชื และสตั วท์ ี่มิใชจ่ ุลชพี กรรมวธิ ีทางชวี วทิ ยาที่จาเปน็ สาหรับการผลิตพืชและสัตว์ ที่มิใชก่ รรมวธิ ีทาง ชวี วทิ ยาและจลุ ชวี วทิ ยา อย่างไรกต็ ามประเทศสมาชกิ จะต้องให้การคุ้มครองพันธุ์พืช ไมว่ า่ โดยสทิ ธิบัตร หรือโดยระบบกฎหมายเฉพาะทีม่ ีประสิทธิภาพ (effective sui generis) หรือ โดยกฎหมายทั้งสอง ระบบ ..............
168 1) กฎหมายแม่แบบสาหรับกฎหมายภายในว่าด้วยการคุ้มครองการแสดงออกซึ่งศิลปะ พื้นบ้านจากการใช้ประโยชน์โดยมิชอบ หรือการกระทาอื่นที่ไม่เป็นธรรม ของ (UNESCO/WIPO Model Law) บทบัญญัติของกฎหมายแม่บทได้คุ้มครองศิลปะพื้นบ้าน ท้ังที่บันทึกเป็นลาย ลักษณ์อักษร และทีไ่ ม่มกี ารบนั ทึกไว้ชดั เจน การใชศ้ ลิ ปะพื้นบ้าน นอกเหนือขอบเขตของการใช้ ตามประเพณี ต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากชุมชน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นภูมิ ปญั ญาท้องถิน่ ที่เกี่ยวกับทรพั ยากรพันธุกรรมพืช จึงได้รับความคุ้มครองตาม Model Law และ เป็นสิทธิเด็ดขาดของชุมชนที่จะเก็บรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นนั้นเอาไว้ตลอดไป แนวทางนี้ยัง สอดคล้องกับหลักการของร่างคาประกาศว่าด้วยสิทธิของชนพื้น เมือง ขององค์การ สหประชาชาตทิ ีร่ ะบวุ ่า “สิทธิดงั กล่าวครอบคุลมถึงทรัพยากรพันธุกรรมมนุษย์ หรือพันธุกรรม ของสง่ิ มชี ีวติ อนื่ เมล็ดพันธ์ุ ยารักษาโรค ภูมปิ ญั ญาเกีย่ วกบั พืช หรอื สตั ว์ในท้องถิ่นของตน”108 2) สนธิสัญญาว่าด้วยเกษตรกรและนักปรับปรุงพันธ์ุพืช (Convention of Farmers and Breeders (CoFaB) ของ Gene Campaign Organization และ The Centre for Environment and Development) สนธิสัญญานี้ได้นาหลักปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ มาใช้ และคุ้มครองนักปรับปรุง พนั ธ์ุพชื เป็นเวลา 15-18 ปี สาหรับพนั ธุ์พืชใหม่ที่ต่างจากพันธ์ุพืชที่รู้จักกันท่ัวไป การผลิต หรือ การใช้พันธุ์พืชใหม่ หรือส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ เพื่อการพาณิชย์ต้องได้รับความ ยินยอมจากผู้ทรงสิทธิ รวมท้ังการใช้พันธุ์พืชใหม่เป็นพ่อแม่พันธุ์ เว้นแต่การใช้เพื่อการวิจัย นัก ปรบั ปรุงพนั ธุ์พืชต้องระบุชื่อ แหลง่ ของพันธุกรรมพืชที่นามาใช้ในการพัฒนา หรือปรับปรุงพันธ์ุ พืชใหม่ โดยเฉพาะกรณีใช้พันธ์ุท้องถิ่น หรือพันธ์ุเกษตรกร สิทธินักปรับปรุงพันธ์ุพืชอาจถูก จากัดด้วยเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมท้ังอาจถูกเพิกถอนสิทธิหากพันธ์ุพืชใหม่ หรือส่วน ขยายพันธุ์เกิดขาดแคลน หรือมีราคาสูง หรือเกิดการผูกขาด ทั้งนี้ยังได้กล่าวยอมรับสิทธิ เกษตรกร ในการคัดเลือก พัฒนา และอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ได้กาหนดให้สิทธิเกษตรกร หมายถึง สิทธิในการเก็บค่าสิทธิจากนักปรับปรุงพันธุ์ที่ได้นาพันธ์ุพืชพื้นเมือง (Landrace) หรือ พันธุ์พืชด้ังเดิม (Traditional Variety) ไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุง หรือพัฒนาพันธ์ุพืชใหม่ สิทธิในการเรียกเก็บค่าสิทธิมอี ยู่ตลอดไป และไม่อาจจากดั สิทธิดงั กล่าวไม่วา่ ด้วยเหตุผลใด109 มาตรการแบ่งปันผลประโยชน์จาก การใช้ และพัฒนาเทคโนโลยีท่ีมีทรัพยากร และภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ เป็นฐาน 108 สมชาย รัตนชือ่ สกุล, กฎหมายเฉพาะสาหรับการคุ้มครองทรัพยากรพันธกุ รรมพชื (Sui Generis for Protection of Plant Genetic Resources), หนา้ 16-18. 109 อา้ งแล้ว., หนา้ 20-21.
169 สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร (International Treaty on Plant Genetic Resources for Food and Agriculture) ภายใต้การ ดาเนนิ การขององค์การอาหารและการเกษตร (FAO) ของสหประชาชาติ สนธิสัญญานี้จัดทาขึ้น เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนซึ่งทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและ การเกษตร รวมท้ังการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรดังกล่าวอย่างเป็นธรรม เพื่อความยั่งยืนของเกษตรกรรมและความม่ันคงทางอาหาร ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาความ หลากหลายทางชีวภาพ สนธิสัญญากาหนดให้มีการจัดต้ัง “ระบบพหุภาคีว่าด้วยการเข้าถึง และการแบ่งปันผลประโยชน์ (Multilateral System on Access and Benefit-sharing) เพื่อ ส่งเสริมและจัดระเบียบการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร” ซึ่งจะ กาหนดถึง เง่ือนไขสาคัญเกี่ยวกับการเข้าถึงที่สนธิสัญญาว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชฯ ข้อตกลงถ่ายโอนวัสดุทางพันธุกรรม การแบ่งปันผลประโยชน์ กองทุนทรัพยากรพันธุกรรมพืช ผลของระบบพหภุ าคีตอ่ บุคคลที่สาม ท้ังนีส้ นธิสญั ญาจะมีผลบังคับใช้เม่อื มีภาคีสมาชิกครบ 40 ประเทศ ซึ่งต้องรอให้มผี ลบังคับใช้ตอ่ ไป 5.2 มาตรการภายในประเทศ 1) มาตรการความปลอดภัยด้านอาหารท่เี กีย่ วกบั เทคโนโลยีชวี ภาพ การปอ้ งกนั สขุ อนามยั ของสิ่งมีชีวติ จากความเสี่ยง ส่วนแรกจะศึกษาถึงมาตรการภายในประเทศเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้เพื่อความ ปลอดภัยด้านอาหาร ในปัจจุบันแต่ละประเทศก็มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านอาหารอยู่ มากมาย ได้แก่ ช่องทางที่องค์การการค้าโลกเปิดโอกาสให้รัฐออกมาตรการภายในเพื่อรักษาความ ปลอดภยั ด้านอาหารซึง่ อาจเกิดการปนเปือ้ นตดิ เช้ือ ดังเชน่ ระบบควบคุมกระบวนการการผลิต ภายใต้ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤติ (Hazard Analysis and Critical Control Points System- HACCP) เพือ่ ปูองกันและควบคมุ คุณภาพความปลอดภัยของสนิ ค้า ในปร ะเท ศไท ยมีม าตรก ารเ พื่อค วาม ปลอด ภัยด้ านอ าหารแล ะเทค โนโ ลยีชีวภาพ มากมาย อาทิ การประกาศใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านอาหารและ สาธารณสขุ ดงั นี้ 1) กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เช่น พระราชบัญญัติคมุ้ ครองผู้บริโภค 2) กฎหมายอาหาร เชน่ พระราชบัญญตั ิอาหารและยา 3) กฎหมายการเกษตร เชน่ พระราชบญั ญตั ิวัตถุอนั ตราย ปุ๋ย อาหารสตั ว์
170 นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข แห่งประเทศไทย ยังจัดให้มีระบบเฝูาระวังภัยด้าน สาธารณสขุ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ความปลอดภัยด้านอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ คือ 1) ระบบเฝาู ระวงั อาหารปลอดภัย 2) ระบบเฝาู ระวงั การใชส้ ารเคมีชีวภาพ ในปัจจุบันประเทศไทยได้จัดตง้ั สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นมาเพื่อทา หนา้ ที่คุ้มครองสิทธิของผบู้ ริโภคโดยตรงแล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการออกกฎหมายและจัดตั้งองค์กรเพื่อดูแลความปลอดภัยของ เทคโนโลยีชีวภาพขึ้นอีกเป็นจานวนมาก กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของ เทคโนโลยีชีวภาพ ได้แก่ 1) พระราชบญั ญตั ิกกั พืช พ.ศ.2507 และ 2542 2) พระราชบัญญตั ิการส่งออกไปนอกและการนาเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 3) พระราชบญั ญัติพนั ธ์ุพืช พ.ศ.2518 4) พระราชบญั ญัติอาหาร พ.ศ.2522 5) พระราชบัญญตั ิสง่ เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหง่ ชาติ พ.ศ.2535 และได้มีการจัดต้ังองค์กรดูแลควบคุมเทคโนโลยีชีวภาพต่างๆ เพื่อทางานเกี่ยวข้องกับ ประเด็นเทคโนโลยีชีวภาพขึ้นมากมาย อาทิ 1) องค์กรด้านนโยบาย เช่น คณะอนุกรรมการนโยบายระดับชาติด้านความปลอดภัย ทางชีวภาพ 2) องค์กรด้านการกากบั ดูแล เชน่ คณะกรรมการกลางด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ 3) องค์กรบริหารงานและปฏิบัติการ เช่น ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ แหง่ ชาติ ม า ต ร ฐ า น ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ข อ ง อ า ห า ร ท่ี ผ่ า น ก ร ะ บ ว น ก า ร ท่ี มี เ ท ค โ น โ ล ยี ม า เกีย่ วขอ้ ง กฎหมายภายในที่ใช้ควบคุมคุณภาพความปลอดภัยของสินค้าอาหาร ได้แก่ กฎหมาย ระบบ (Hazard Analysis and Critical Control Point; HACCP) ของสหรัฐอเมริกา และ สหภาพ ยุโรป ที่เป็นไปตามเง่ือนไขของข้อตกลงสุขอนามัยฯ (Sanitary and hylosanhary Measures; SPS) และสอดคล้องมาตรฐานสากลขององคก์ ารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง (CODEX) ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ได้จัดต้ังสานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรขึ้นเม่ือไม่ นานมานี้เพื่อเป็นศูนย์กลางของการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าเกษตรเพื่อ
171 การพาณิชย์ด้วย และกระทรวงเกษตรยังได้จัดให้มีการตรวจสอบ มาตรฐานสินค้าประเภท ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารกลุ่มพืช มาตรฐานสินค้า เกษตรอินทรีย์ และมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารอื่น ซึ่งมีส่วนช่วยตรวจสอบความ ปลอดภยั ของอาหารให้ถี่ถ้วนยิง่ ข้ึน การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจเร่ืองอาหารท่ีผ่านกระบวนการ เทคโนโลยี ในกรณีที่ยงั มคี วามสบั สนทางขอ้ มูลวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเปน็ ประโยชน์แก่ประชาชน และ สิง่ มีชีวติ อื่นในระยะยาว แตม่ าตรการข้างต้นอาจทาให้ประเทศที่มีการปนเปื้อนของสิ่งมีชีวิตตัด แตง่ พันธกุ รรมมีอปุ สรรคทางการคา้ มากขึ้นไปด้วย กรณีศึกษาการรวมตัวเพื่อแสดงพลังของภาคประชาชนและประชาสังคมมีส่วนสาคัญ ในการผลักดันให้นโยบายด้านเทคโนโลยีชีวภาพตอบสนองต่อความจาเป็นของมวลมนุษยชาติ อย่างแท้จริง มิใช่ตอบสนองผลประโยชน์ของบรรษัทข้ามชาติผู้ผูกขาดเทคโนโลยี ดังที่ปรากฏ ในการออกเสียงปฏิเสธการจดทะเบียนสิ่งมีชีวิตทุกชนิดของรัฐสภายุโรป เม่ือ ปี ค.ศ.1996110 ท้ังนี้การตัดสินใจของสังคมและปัจเจกชนต้องต้ังอยู่บนพื้นฐานการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม กนั มิใช่การให้ข้อมูลแบบโฆษณาชวนเช่อื ทีห่ วงั ผลแอบแฝงทางธรุ กิจทีข่ าดจรยิ ธรรม 2) มาตรการที่เกี่ยวกบั การใช้ประโยชน์จากสิทธิในเทคโนโลยีชวี ภาพ มาตรการ เก็บ ใช้ รักษา แลกเปลี่ยน เมล็ดพันธ์ุ ระหว่าง สมัยใหม่ กับ ท้องถ่ิน อย่างยัง่ ยืน ประเทศไทยมี พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ซึ่งได้แบ่งทรัพยากร พันธุกรรมพืชของไทยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ พันธ์ุพืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธ์ุพืชพื้นเมือง ทั่วไป และพันธ์ุพืชปุา โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืชฯ กาหนดว่า บุคคลใดจะนาเอาพืช หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชดังกล่าว ไปใช้เพื่อการปรับปรุงพันธุ์หรือการพัฒนาที่มี วัตถุประสงค์เพื่อการค้า ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ขออนุญาตต้องจ่าย ค่าธรรมเนียมและทาสัญญาแบ่งปันผลประโยชน์กับรัฐ โดยให้นาเงินรายได้ตามข้อตกลง แบ่งปันประโยชน์ส่งเข้ากองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการของชุมชน เกีย่ วกับการอนุรักษ์ วิจัยและพัฒนาพันธ์ุพืช กฎหมายคุ้มครองพันธ์ุพืชของไทยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ รักษา และพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชให้ดียิ่งขึ้น รักษาความหลากหลาย 110 Andrew Kimbrell, “การลา่ อาณานิคมทางชวี ภาพ,” แปลโดย ณฐั เชษฐ์ พลู เจรญิ , ใน GMOs: ชวี ติ วปิ ริตพันธุ์, พิมพ์คร้ังที่ 2 (กรงุ เทพฯ: สถาบนั วถิ ีทรรศน์, 2547), หนา้ 80.
172 ทางพันธุกรรมพืช มิให้พันธุกรรมพืชต้องสูญหายไป อีกทั้งยังสนับสนุนเกษตรกรและนัก ปรับปรุงพันธุ์พืชให้สามารถจัดการ ใช้ประโยชน์ และแลกเปลี่ยนพันธ์ุพืชระหว่างกันได้โดยเสรี อนั เปน็ การสง่ เสริมความก้าวหน้าของการปรบั ปรุงพันธุ์ และรักษาสายพันธ์ุพืชเพื่อประกันสิทธิ ด้านอาหารอย่างยงั่ ยืน มาตรการที่นา่ สนใจอีกประการ คือ กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พชื และสิทธิเกษตรกร ค.ศ. 2001 ของอินเดีย (The Protection of Plant Varieties and Farmers’ Rights Act) กฎหมาย คุ้มครองพันธุ์พืชและสิทธิเกษตรกร ของอินเดียเป็นผลจากพันธกรณีในการเข้าเป็นภาคี ข้อตกลง TRIPs ที่กาหนดให้ประเทศสมาชิก ต้องให้สิทธิเกษตรกรเก็บรักษา ใช้สอย เพาะพันธ์ุ แลกเปลี่ยน แบ่งปัน หรือจาหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของตน แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ หรือ เมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองด้วยสิทธิของนักปรับปรุงพันธุ์พืชก็ตาม การนาพันธ์ุพืชพื้นเมือง และพันธุ์เกษตรกร ไปใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ ต้องได้รับความยินยอมจากเกษตรกร ต้องแสดง แหล่งที่มาของพันธ์ุพืชที่ใช้ปรับปรุงพันธ์ุ ผู้ทรงสิทธิในพันธุ์พืชใหม่อาจถูกบังคับใช้สิทธิ (Compulsory License) หากพันธ์ุพืชน้ันไม่มีจาหน่ายในตลาดไม่เพียงพอ หรือมีราคาแพง เกินไป111 มาตรการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแบบสมัยใหม่ ทางเลือก SUI GENERIS/ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ มาตรการที่นา่ สนใจอีกประการ คือ กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พชื และสิทธิเกษตรกร ค.ศ. 2001 ของอินเดีย (The Protection of Plant Varieties and Farmers’ Rights Act) กฎหมาย คุ้มครองพันธุ์พืชและสิทธิเกษตรกร ของอินเดียเป็นผลจากพันธกรณีในการเข้าเป็นภาคี ข้อตกลง TRIPs ที่กาหนดให้ประเทศสมาชิก ต้องจัดให้มีกฎหมายคุ้มครองพันธ์ุพืชด้วยระบบ สิทธิบัตร หรือระบบกฎหมายเฉพาะ หรือทั้งสองระบบร่วมกัน และด้วยความพยายามของ องค์กรเอกชนที่ต้องการรักษาสิทธิของเกษตรกร ทาให้กฎหมายฉบับนี้ปรากฏบทคุ้มครอง ท้ังสิทธิเกษตรกร และสิทธินักปรับปรุงพนั ธุ์พืชในขณะเดียวกัน112 มาตรการแบ่งปันผลประโยชน์จาก การใช้ และพัฒนาเทคโนโลยีท่ีมีทรัพยากร และภูมิปัญญาท้องถิน่ เป็นฐาน 111 สมชาย รตั นชื่อสกุล, กฎหมายเฉพาะสาหรับการคุ้มครองทรัพยากรพันธกุ รรมพชื (Sui Generis for Protection of Plant Genetic Resources), หนา้ 22-23. 112 อา้ งแล้ว.,
173 ประเทศไทยมี พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ซึ่งได้แบ่งทรัพยากร พันธุกรรมพืชของไทยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ พันธ์ุพืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธุ์พืชพื้นเมือง ท่ัวไป และพันธุ์พืชปุา โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืชฯ กาหนดว่า บุคคลใดจะนาเอา พืชหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชดังกล่าว ไปใช้เพื่อการปรับปรุงพันธุ์หรือการพัฒนาที่มี วัตถุประสงค์เพื่อการค้า ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ขออนุญาตต้องจ่าย ค่าธรรมเนียมและทาสัญญาแบ่งปันผลประโยชน์กับรัฐ โดยให้นาเงินรายได้ตามข้อตกลง แบ่งปันประโยชน์ส่งเข้ากองทุนคุ้มครองพันธ์ุพืช เพื่อช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการของชุมชน เกีย่ วกบั การอนรุ ักษ์ วิจัยและพัฒนาพันธ์ุพืช กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พชื ของไทย มาตรการที่นา่ สนใจอีกประการ คือ กฎหมายคุ้มครองพนั ธ์ุพชื และสิทธิเกษตรกร ค.ศ. 2001 ของอินเดีย (The Protection of Plant Varieties and Farmers’ Rights Act) ดังที่ได้กล่าว ไปแล้วก่อนหน้านี้ 5.3 ข้อสงั เกตบางประการตอ่ มาตรการในประเด็นเทคโนโลยีชวี ภาพ 1) มาตรการความปลอดภัยดา้ นอาหารทเ่ี กีย่ วกบั เทคโนโลยีชวี ภาพ การปอ้ งกันสขุ อนามัยของสิง่ มีชีวติ จากความเสีย่ ง บทเรียนที่เกิดจากการบังคับใช้พิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ คือ ประเทศ ต่างๆสามารถใช้มาตรการของพิธีสารเพื่อปูองกันการปนเปื้อนของสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรม เข้าสู่สิ่งแวดล้อมของประเทศตัวเองได้ในกรณีที่ยังมีความสับสนทางข้อมูลวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะ เปน็ ประโยชน์แก่ประชาชน และสิ่งมีชีวิตอื่นในระยะยาว แต่มาตรการข้างต้นอาจทาให้ประเทศ ทีม่ กี ารปนเปือ้ นของสิ่งมีชีวติ ตัดแตง่ พนั ธุกรรมมีอุปสรรคทางการค้ามากขึ้นไปด้วย ก า ร ห วั ง พึ่ ง อ ง ค์ ก า ร ก า ร ค้ า โ ล ก ใ ห้ เ ป็ น ที่ พึ่ ง ใ น ก า ร อ อ ก ม า ต ร ก า ร เ กี่ ย ว กั บ เทคโนโลยีชีวภาพในประเด็นการเคลือ่ นย้ายสิง่ มีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรมข้ามพรมแดนโดยเฉพาะ มีแนวโน้มเป็นไปได้ยาก เนื่องจากกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลต่อการเจรจาพหุภาคีล้วนเป็น เจ้าของเทคโนโลยีย่อมไม่ต้องการเสียประโยชน์จากการสร้างมาตรการควบคุมสิ่งมีชีวิตตัดแต่ง พันธุกรรม ในปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงทางการค้าใดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรม โดยเฉพาะ จึงเปน็ การยากที่จะหยิบสนธิสัญญาที่ไม่อยู่ในกรอบองค์การการค้าโลกมาบังคับใช้ หรือบังคับใช้โดยอนุโลม ในกรณีที่เกิดข้อพิพาททางการค้าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรม การสร้างข้อตกลงทางการค้าว่าด้วยสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรมขึ้นมาโดยเฉพาะก็ยังเป็นไปได้ ยากเนือ่ งจากการเจรจาการค้ารอบโดฮาอยู่ในภาวะชะงักงันเชน่ กนั รัฐและประชาคมโลกควรก่อต้ังระบบระวังภัยและควบคุมการเลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตตัด แต่งพันธุกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมไว้เสียแต่เนิ่นๆ
174 ก่อนที่จะเกิดการปนเปื้อนจนยากที่จะแก้ไขปัญหาได้ทัน ท้ังนี้มาตรการทั้งในระดับระหว่าง ประเทศและภายในประเทศพึงต้ังอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่โปร่งใส การประเมิน ความเสี่ยงอย่างมีธรรมาภิบาล และการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันระหว่างประเทศพัฒนา แล้วและประเทศกาลังพัฒนา เพือ่ เปูาหมายสงู สุดของความปลอดภัยด้านอาหารมิใช่การกีดกัน ทางการคา้ แอบแฝง มาตรฐานความปลอดภัยของอาหารท่ีผ่านกระบวนการท่ีมีเทคโนโลยีมา เกีย่ วข้อง จากการศึกษา พบว่า ผลกระทบจากข้อตกลงสุขอนามัย (SPS) เกี่ยวมาตรฐานความ ปลอดภัยของสินคา้ อาหาร มีดังนี้ - ต้องระมัดระวังการใช้เป็นวิธีการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NON – TARIFFS BARRIERS) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจเร่ืองอาหารท่ีผ่านกระบวนการ เทคโนโลยี ในกรณีที่ยงั มคี วามสบั สนทางขอ้ มลู วิทยาศาสตร์ ซึง่ จะเปน็ ประโยชน์แก่ประชาชน และ สิ่งมีชีวติ อื่นในระยะยาว แตม่ าตรการข้างต้นอาจทาให้ประเทศที่มีการปนเปื้อนของสิ่งมีชีวิตตัด แตง่ พันธุกรรมมีอุปสรรคทางการคา้ มากขึ้นไปด้วย การรวมตัวเพื่อแสดงพลังของภาคประชาชนและประชาสังคมมีส่วนสาคัญในการ ผลักดันให้นโยบายด้านเทคโนโลยีชีวภาพตอบสนองต่อความจาเป็นของมวลมนุษยชาติอย่าง แท้จรงิ มิใช่ตอบสนองผลประโยชน์ของบรรษัทข้ามชาติผู้ผูกขาดเทคโนโลยี ดังที่ปรากฏในการ ออกเสียงปฏิเสธการจดทะเบียนสิ่งมีชีวิตทุกชนิดของรัฐสภายุโรป เม่ือ ปี ค.ศ.1996113 ท้ังนี้ การตัดสินใจของสังคมและปัจเจกชนต้องต้ังอยู่บนพื้นฐานการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน มิใช่การให้ข้อมูลแบบโฆษณาชวนเช่อื ที่หวงั ผลแอบแฝงทางธุรกิจทีข่ าดจรยิ ธรรม 2) มาตรการทีเ่ กี่ยวกบั การใชป้ ระโยชน์จากสิทธิในเทคโนโลยีชวี ภาพ มาตรการ เก็บ ใช้ รักษา แลกเปลี่ยน เมล็ดพันธุ์ ระหว่าง สมัยใหม่ กับ ท้องถ่ิน อย่างยั่งยืน การบังคับใช้อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองพันธ์ุพืชใหม่ โดยเฉพาะ UPOV 1991 จะ สร้างผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเกษตรกรรายย่อยในประเทศกาลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศ 113 Andrew Kimbrell, “การลา่ อาณานิคมทางชวี ภาพ,” แปลโดย ณัฐเชษฐ์ พลู เจรญิ , ใน GMOs: ชวี ติ วปิ ริตพนั ธ์ุ, พิมพ์ครั้งที่ 2 (กรุงเทพฯ: สถาบันวถิ ีทรรศน์, 2547), หนา้ 80.
175 กาลังพัฒนาที่นิยมทาการเกษตรแบบฟาร์มขนาดใหญ่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เน่ืองจากบรรษัทข้าม ชาติผู้เป็นเจ้าของสิทธิเหนือเมล็ดพันธ์ุสามารถผูกขาดระบบเศรษฐกิจการเกษตรของปร ะเทศ เหล่านั้นได้อย่างสิ้นเชิง ต้ังแต่เริ่มต้นผลิตจนไปถึงการเก็บส่วนขยายพันธุ์เพื่อใช้เพาะปลูกใน ฤดูกาลหน้า ทั้งยังไม่คุ้มครองพันธ์ุพืชพื้นเมืองที่เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์ตามภูมิปัญญา ท้องถิน่ อีกด้วย การนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ เช่น TRIPs หรือ UPOV มาใช้คุ้มครอง ทรัพยากรพันธุกรรมพืชก่อให้เกิดข้อโต้แย้งว่าขาดความเหมาะสม จากการศึกษาพบว่า สิทธิบัตรกว่า 90% ที่ออกโดยประเทศกาลังพัฒนาตกอยู่ในความครองครองของบริษัทเอกชน ต่างชาติ แมใ้ นประเทศพฒั นากม็ ีการกระจกุ ตัวของการถือครองสิทธิบัตรเช่นกัน ประเทศกาลัง พัฒนามักจะเป็นผู้นาเข้าเทคโนโลยีที่ได้รับความคุ้มครอง ทาให้มีภาระต้องจ่ายค่าสิทธิเป็น จานวนมาก ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าและก่อให้เกิดปัญหาการเข้าถึงสินค้าที่สาคัญ และจาเป็น บางอย่าง เช่น เมล็ดพันธุ์พืชทางการเกษตร114 ดังน้ันประเทศกาลังพัฒนาจึงควรหามาตรการ รองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเลือกที่จะเข้าสู่ระบบการคุ้มครองพันธุ์พืชที่เอื้ อต่อ ผลประโยชน์ของบรรษทั ข้ามชาติ มาตรการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแบบสมัยใหม่ ทางเลือก SUI GENERIS/ ภมู ิปัญญาท้องถิน่ การบังคับใช้อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ โดยเฉพาะ UPOV 1991 จะ สร้างผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเกษตรกรรายย่อยในประเทศกาลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศ กาลังพฒั นาทีน่ ยิ มทาการเกษตรแบบฟาร์มขนาดใหญ่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เน่ืองจากบรรษัทข้าม ชาติผู้เป็นเจ้าของสิทธิเหนือเทคโนโลยีชีวภาพสามารถผูกขาดระบบเศรษฐกิจการเกษตรของ ประเทศเหล่าน้ันได้อย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เริ่มต้นผลิตจนไปถึงการเก็บส่วนขยายพันธ์ุเพื่อใช้ เพาะปลกู ในฤดกู าลหนา้ ทั้งยังไม่คมุ้ ครองพันธ์ุพืชพืน้ เมืองทีเ่ กิดจากการปรับปรงุ พันธ์ุตามภูมิ ปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย มาตรการแบ่งปันผลประโยชน์จาก การใช้ และพัฒนาเทคโนโลยีท่ีมีทรัพยากร และภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่นเปน็ ฐาน การนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ เช่น TRIPs หรือ UPOV มาใช้คุ้มครอง ทรัพยากรพันธุกรรมพืชก่อให้เกิดข้อโต้แย้งว่าขาดความเหมาะสม จากการศึกษาพบว่า สิทธิบตั รกว่า 90% ที่ออกโดยประเทศกาลังพัฒนาตกอยู่ในความครองครองของบริษัทเอกชน 114 เพง่ิ อา้ ง., หนา้ 23-24.
176 ต่างชาติ แม้ในประเทศพัฒนาก็มีการกระจุกตัวของการถือครองสิทธิบัตรเช่นกัน ประเทศ กาลังพัฒนามักจะเป็นผู้นาเข้าเทคโนโลยีที่ได้รับความคุ้มครอง ทาให้มีภาระต้องจ่ายค่าสิทธิ เป็นจานวนมาก ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าและก่อให้เกิดปัญหาการเข้าถึงสินค้าที่สาคัญ และ จาเป็นบางอย่าง เช่น เมล็ดพันธ์ุพืชทางการเกษตร115 ดังน้ันประเทศกาลังพัฒนาจึงควรหา มาตรการรองรบั ผลกระทบทีอ่ าจเกิดขึ้นหากเลือกทีจ่ ะเข้าสู่ระบบการคุ้มครองพันธ์ุพืชที่เอื้อต่อ ผลประโยชน์ของบรรษัทข้ามชาติ วิธีการเจรจากฎหมายขององค์การการค้าโลก และ องค์กรระหว่างประเทศ ให้ คมุ้ ครอง สิทธิด้านอาหาร & ความมน่ั คงด้านอาหาร รปู แบบและความสาเร็จของระบบกฎหมายเฉพาะ (sui generis) ที่มีประสิทธิภาพ และ ให้ความสาคัญกับสิทธิเกษตรกร และภูมิปัญญาท้องถิ่นนั้น จึงมิได้ขึ้นอยู่กับความถูกต้องตาม เหตุผลของเร่ืองอย่างแท้จริงเสมอไป แต่กลับขึ้นอยู่กับอานาจการเจรจาต่อรอง และ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้กลยุทธ์การเจรจาในแบบทวิภาคี (Bilateral) เพื่อเลี่ยงความยุ่งยากของการเจรจาในแบบพหุภาคี (Multilateral) ยังมีผลกระทบ อย่างมีนัยสาคัญต่อแนวคิดทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งสะท้อนออกในกฎหมายเฉพาะที่ใช้ในการ คุ้มครองพันธ์ุพืชของแต่ละประเทศด้วย116 ดังนั้นประเทศกาลังพัฒนาจึงควรตระหนักถึง ศักยภาพและฐานทรัพยากรธรรมชาติของตน รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ กาลังพัฒนาด้วยกันเอง ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกระบบใดในการคุ้มครองพันธ์ุพืชและทรัพยากร ชีวภาพของตนอย่างย่ังยืน บริบททางเทคโนโลยีและฐานทรัพยากรชีวภาพ กับ การเลือกระบบกฎหมายท่ี เหมาะสม บริบทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และฐานทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยที่สาคัญในการ กาหนดท่าทีของประเทศตา่ งๆว่าจะเลือกแนวทางใดในประเด็นเทคโนโลยีชีวภาพ การที่ประเทศ พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุน หรือสหภาพยุโรป ผลักดันการยอมรับสิ่งมีชีวิตตัดแต่ง พันธกุ รรม ก็มิได้หมายความว่าประเทศกาลังพัฒนาอย่าง ไทย อินเดีย บราซิล จะต้องยอมรับ ไปด้วย เพราะฐานทรัพยากรทางธรรมชาติและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของแต่ละ ประเทศไม่เท่าเทียมกัน ประเทศกาลังพัฒนาที่มีฐานทรัพยากรมากมายจึงควรคานึงถึงการ รักษาความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่ลูกหลาน มากกว่า การวิ่งไล่ตามมายาคติแห่ง 115 อา้ งแล้ว., หนา้ 23-24. 116 อา้ งแล้ว., หนา้ 30.
177 เทคโนโลยีชีวภาพทีต่ นเองยังไม่เขา้ ใจดีพอ เพื่อกาหนดแนวทางการอนรุ กั ษ์และใชป้ ระโยชน์จาก ทรัพยากรชวี ภาพอย่างยัง่ ยืนและเหมาะสมกับ อัตลกั ษณ์ของตน อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีก็เปน็ สิ่งทีม่ นุษย์หลีกเลีย่ งมิได้หากเราต้องการพัฒนาตนเองให้ ปรับตัวเข้ากับระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังน้ันแต่ละประเทศพึงคานึงถึงการสร้างศักยภาพของประชาชนในประเทศให้มีความสามารถ ในการดูดซับเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่ ผ่านการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับรองว่าอย่างน้อยประเทศและประชาชนก็รู้เท่าทันเทคโนโลยีที่ เปลี่ยนแปลงไป สามารถปรับตัวให้อยู่รอด และพัฒนาภูมิปัญญาอย่างยั่งยืนเพื่อเป็น หลกั ประกนั สิทธิด้านอาหารอย่างม่นั คงสืบไปได้ บทวิเคราะหม์ าตรการในการแกไ้ ขปญั หาความม่นั คงด้านอาหาร สิทธิด้านอาหารเชื่อมโยงกับสิทธิอื่นๆท้ัง สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ การเมือง ดังน้ันการแก้ปัญหาความไม่ม่ันคงด้านอาหารจะมองแต่ปัจจัยที่เกี่ยวกับระบบการ ผลิต การเข้าถึงอาหารไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาทุกภาคส่วนไปพร้อมกัน ท้ังส่งเสริมความเป็น ประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล การมีส่วนร่วมของประชาชน การแก้ปัญหาสถานะทางเศรษฐกิจ ของประชากร การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น ดังน้ันการแก้ไขปัญหา อื่นๆ ที่ล้อมปัญหาความอดอยาก ก็จะนาไปสู่ความมั่นคงด้านอาหารอย่างยั่งยืน เช่น ขจัด ความยากจน ให้การศึกษา ปฏิรูประบบการเกษตรอย่างยั่งยืน และการสร้างมาตรการทาง สงั คมประกันสิทธิของกลุ่มเสี่ยง มาตรการเหลา่ นีย้ งั ขาดการบงั คบั ใช้อย่างมปี ระสิทธิผลซึ่งปรากฏอยู่ในบทเรียนต่างๆที่ เกิดข้ึนจาการบงั คบั ใช้มาตรการทั้งในระดับระหว่างประเทศ และภายในประเทศ ได้แก่ การขาดกรอบทางกฎหมายท่มี ั่นคง การขาดกรอบทางกฎหมายในการสร้างหลักประกันสิทธิด้านอาหารทาให้รัฐไม่ กระตือรือร้นในการคุ้มครองสิทธิด้านอาหารของประชาชนและส่งผลให้ประชาชนขาดช่องทาง ในการเรียกร้องหรือเยียวยาความเสียหายอนั เกิดจากการเพิกเฉยของรัฐ นโยบาย ยุทธศาสตร์ทไ่ี มช่ ัดเจน นโยบายและยุทศาสตร์ที่ขาดความชัดเจนหรือลักลั่นจะทาให้การกาหนดทิศทางการ พัฒนาประเทศและสร้างโครงการเพื่อประกันสิทธิด้านอาหารไม่ประสบความสาเร็จความ โปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนในข้อมูลที่จะทารายงานส่งให้แก่องค์การระหว่าง ประเทศ โดยเฉพาะรายงานสู่คณะกรรมการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แห่ง สหประชาชาติ
178 มาตรการตา่ งๆต้องขยายขอบเขตให้ครอบคลุมตัวตนอื่นท่ีมิใช่รัฐ ซึ่งอาจละเมิด สิทธิได้ ปัจจบุ นั ฝุายต่างๆที่เข้ามาเป็นปัจจัยต่อการบังคับใช้สิทธิด้านอาหารมิใช่มีเพียง รัฐ กับ ประชาชนเท่าน้ัน แต่ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมก็มีอิทธิพลต่อสิทธิด้านอาหารเป็นอย่างมาก จึง ต้องมีมาตรการเพื่อจัดการปัญหาที่อาจเกิดจากการประกอบการของภาคเอกชนเช่นว่า อาทิ การออกมาตรการควบคุ มการผูกขาดปัจจัยการผลิตที่อาจทาลายความหลากหลายทา ง การเกษตร มาตรการทางสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เช่น หลักผู้ทาลายต้องชดเชยเพิ่ม เพื่อลด ผลกระทบด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อปูองกัน ยุทธวิธีทางการตลาดและโฆษณาทีห่ ลอกลวงประชาชน ขาดธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ประชาธิปไตย การดาเนินการและวิธีปฏิบัติที่ขาดธรรมาภิบาล ขาดความเป็นประชาธิปไตยมัก นาไปสู่การคอรัปชั่นทาให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายและโครงการต่างๆได้อย่าง เต็มที่ การพัฒนาตามกระแสทุนนิยมโลกาภิวัตน์ อันอาจส่งผลกระทบ –มาตรการ รองรับ เยียวยา ความเจรญิ ทางเศรษฐกิจมิได้มผี ลกระทบอย่างมีนัยยะสาคัญต่อการลดอัตราความอด อยากหิวโหย แต่การพัฒนาภาคเกษตรกรรมในชนบทของประเทศกาลังพัฒนามีผลกระทบ ด้านบวกต่อการลดอัตราความอดอยากมากว่า ความเจริญก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมใน เขตเมือง ท้ังนี้ปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมือง อัตราการติดเชื้อเอดส์ โอกาสทางเศรษฐกิจ และการควบคุมการคอร์รัปช่ัน ก็มีผลกระทบต่อการลดอัตราความอดอยากด้วย117 ความ อ่อนแอในการบังคับใช้กฎหมายมีผลต่อความมั่นคงด้านอาหารเนื่องจากความม่ันคงใน กรรมสิทธิ์เหนือปัจจัยการผลิตย่อมมีผลโดยตรงต่อการเข้าถึงทรัพยากรการผลิตอาหาร โดยตรง118 นอกจากนี้การที่สิทธิด้านอาหารมีผลบังคับใช้ได้ในชั้นศาลก็มีผลดีต่อการบังคับใช้ มาตรการประกนั สิทธิอย่างเข้มแข็ง ดังทีเ่ กิดกับกรณีศาลสูงอินเดียตัดสินให้รัฐจัดให้มีโครงการ อาหารกลางวันในโรงเรยี น119 การค้าเ ส รีภาย ใ ต้ก รอ บข อ งองค์ก ารก ารค้าโ ล กมีผล กระ ท บต่อ สิทธิ ด้านอ าหาร ค่อนขา้ งมาก โดยเฉพาะประเดน็ การหวงกันเทคโนโลยีผ่านระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา 117 FAO, The State of Food Insecurity in the World 2005, p. 9. 118 Ibid., p. 11. 119 Ibid.,
179 และการอุดหนุนเกษตรกรภายในประเทศมหาอานาจ เช่น อเมริกา สหภาพยุโรป เนื่องจากทา ให้ราคาสินค้าเกษตรผันผวนและแพงขึ้นจนยากที่ประเทศที่พึ่งพาการนาเข้าอาหารจะเข้าถึง อย่างม่ันคง นอกจากนีย้ งั เป็นอุปสรรคต่อโอกาสในการเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นธรรมของประเทศ กาลังพัฒนาที่อาศัยรายได้จากการค้าสินค้าเกษตรเพื่อนาเงินไปพัฒนาประเทศ ทาให้รายได้ที่ จะนาไปพัฒนาระบบการเกษตรลดลง รวมทั้งรายได้ของเกษตรกรก็ลดลงด้วย เราจึงต้องเน้น การพัฒนาระบบการค้าที่เป็นธรรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีต้องควบคู่ไปกับการรับการ ลงทนุ จากต่างประเทศ เจตจานงทางการเมืองในการแก้ปัญหาสิทธิด้านอาหาร การเบี่ยงเบนทรัพยากร ไปใชใ้ นทางอืน่ ปัจจัยกดดันทางการเมืองมีผลต่อการเข้าถึงสิทธิและการเรียกร้องสิทธิของประชาชน มีหลายกรณีที่ชุมชนท้องถิ่นรู้เท่าทันและได้ทาการเรียกร้องสิทธิแต่กลับถูกคุกคามโดยอานาจ รฐั หรอื จากอิทธิพลการเมอื งท้องถิ่น ทาให้เรื่องราวไปไม่ถึงการเมอื งระดบั ชาติ ปัญหาที่สาคัญของสิทธิด้านอาหารไม่ใช่การไม่มีอาหารแต่เป็นเพราะภาครัฐขาด เจตจานงทางการเมืองในการดาเนินนโยบายด้านอาหาร มีการโยกย้ายงบประมาณด้านการ ช่วยเหลือสงั คมไปสู่นโยบายด้านอ่นื เช่น ความม่ันคง อาวุธยุทโธปกรณ์ ปัญหานี้เกิดขึ้นมากใน ประเทศที่มกั อ้างว่าประเทศตนมีอาหารไม่เพียงพอแต่เม่ือดูรายงานงบประมาณจริงกลับพบว่า งบประมาณส่วนใหญ่ตกอยู่กับงบทางทหาร เช่น อินเดียที่นาเงินมาพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แรง กดดันจากฝุายทหารในประเทศกาลังพัฒนามีการเบี่ยงเบนงบประมาณของรัฐจากส่วนที่พึง นามาดาเนินการด้านอาหารแต่กลับนาไปใช้เพื่อเป็นงบประมาณทางทหาร จึงเป็นเหตุผลว่า ทาไมประเทศที่มีอัตราการเจริญทางเศรษฐกิจสูงอย่างอินเดียถึงยังมีอัตราประชากรอดอยาก เปน็ จานวนมาก120 ความช่วยเหลือด้านอาหารและการพัฒนาไปไม่ถึงประชาชนจากการผูกขาด อานาจการตดั สินใจ การส่งความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าไปในบางประเทศกลับไม่ถึงมือของประชาชนที่ กาลงั เดือดรอ้ น เนื่องจากเจา้ หนา้ ที่ของรฐั และกระบวนการส่งความช่วยเหลือขาดความโปร่งใส หรือเกิดการประพฤติทุจริตมิชอบ121 ดังน้ันการส่งความช่วยเหลือด้านอาหาร หรือความ 120 Ibid. p. 30. 121 ฟรานเชส มัว แลปเปู, โจเซฟ คอลลนิ ส,์ อาหารหายไปไหน, แปลโดย อัจฉรา หงั สพฤกษ์, รสนา โตสติ ระกูล, พิมพค์ รงั้ แรก (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2525), หนา้ 94.
180 ช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการจึงต้องตรวจตราและประเมินผลท้ังระบบเพื่อ ปูองกันการร่ัวไหลและเป็นการประกันว่าความช่วยเหลือจะส่งถึงกลุ่มเปูาหมายอย่างทันท่วงที ดังเช่นกรณีศึกษาปัญหาในประเทศเกาหลีเหนือที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในหัวข้อ 3.2.2 และ 5.3.1 ท้ังนี้รัฐพึงละเว้นการช่วยเหลือที่มีลักษณะเป็นเงินกู้ระยะยาว เน่ืองจากมักทาให้เกิดภาระแก่ ประเทศผู้รับความช่วยเหลือมากกว่าการบรรเทาทุกข์ โครงการ บริการ รองรับกลุ่มเสี่ยง ไมเ่ จาะกลมุ่ เปา้ หมายและไม่ครอบคลมุ พอ โครงการ บริการสาธารณะ และกิจกรรมทีม่ ิได้เกิดจากการศกึ ษาข้อมูลและไม่คานึงถึง ความตอ้ งการของกลุ่มเปูาหมายจะไม่สามารถตอบสนองปัญหาความไม่ม่ันคงด้านอาหารของ กลุ่มเปูาหมายได้ โครงการความช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศต้องการมาตรการตรวจ ตราและประเมินผลว่าสุดท้ายแล้ว อาหารได้ส่งไปถึงมือของประชากรจริงหรือไม่ ดังน้ันเพียง การช่วยเหลือไม่พอต้องตรวจตรากระบวนการที่ส่งอาหารทั้งระบบเพือ่ ให้ผู้อดอยากได้รับความ ช่วยเหลือจริง ทั้งนี้ต้องดูผลกระทบต่อโครงสร้างเกษตรกรรมและวัฒนธรรมอาหารของ ประเทศที่รับความช่วยเหลือด้วย การปูองกันการขโมยอาหารจากโครงการช่วยเหลือด้าน อาหารก็เป็นสิ่งจาเป็น มาตรการทางสังคมเพือ่ ประกนั สิทธิของกลมุ่ เสี่ยง (Social Safety-net) ต้องคานึงถึงความสัมพันธ์และพึ่งพิงกันระหว่างสิทธิด้านอาหารกับสิทธิมนุษยชนอื่น การใช้โครงการช่วยเหลือด้านอาหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาอย่างย่ังยืน ดังน้ัน ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า สิ ท ธิ ด้ า น อ า ห า ร จึ ง ต้ อ ง อ อ ก แ บ บ ม า ต ร ก า ร ที่ ส่ ง เ ส ริ ม สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น อ ย่ า ง หลากหลายเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาสิทธิด้านอาหารอย่างรอบด้าน ทั้งปัญหา ความยากจน สาธารณสุข การศึกษา และเศรษฐกิจท้องถิ่น122 เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าในการยอมรับ สิทธิด้านอาหาร ท้ังนี้มาตรการต่างๆ ต้องตั้งอยู่บนบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และความ จาเป็นของกลุ่มเปูาหมาย มิใช่ความความต้องการของผู้ให้ความช่วยเหลือ123 การขาดสถาบัน กลไก ควบคมุ ตรวจตรา ทั้งในส่วนบุคลากร งบประมาณ การขาดองค์กร และสถาบันทีท่ าหน้าที่คุ้มครองและเยียวยาสิทธิให้แก่ประชาชนทาให้ ประชาชนขาดทีพ่ ึง่ และไม่มชี ่องทางในการเรียกร้องสิทธิและไม่ได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม สถาบันที่จัดต้ังขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาต้องมีลักษณะการบูรณาการข้ามหน่วยงาน และมีการ ประสานงานกันทั้งในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่นเพื่อแบ่งภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ร่วมกนั เพือ่ ให้เกิดความรับผิดรว่ มกนั ซึ่งการสรา้ งกระบวนการความรับผิดของสถาบันนี่เอง 122 FAO, IGWG RTFG/INF 3, p. 8. 123 ibid, p. 9.
181 จะเป็นกลไกประกันว่าสถาบันจะบังคับใช้สิทธิอย่างเต็มที่124 ทั้งนี้ทัศนคติในการทางานของ สถาบันต้องเป็นการดาเนินงานโดยอิงกระบวนการที่อ้างอิงสิทธิเป็นฐาน มิใช่การกุศล ดังนั้น จึงต้องกาหนดตัวชี้วัด และเปูาหมายที่ชัดเจน125 ว่าบุคคล หรือกลุ่มใด ที่อยู่ในเกณฑ์ว่าจะมี สิทธิในการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของสถาบันอย่างเสมอภาค ทรัพยากร บุคลากร และงบประมาณที่ไม่เพียงพอและขาดความโปร่งใสในการบริหาร จัดการ ทาให้การปฏิบัติงานตามแผนงานและโครงการไม่ประสบความสาเร็จโครงการที่ไม่มี ระบบการตรวจตรา และการประเมินผลจากหน่วยงานอิสระหรือภาคประชาชนมักประสบ ปญั หาการทจุ ริตและการดาเนินงานทีไ่ ม่ตอบสนองตอ่ เปูาหมายความม่ันคงดา้ นอาหาร การเข้าถึงข้อมูล, การให้ความรู้ เพื่อมีส่วนร่วมในการตัดสินใจประเด็น สาธารณะร่วมกนั อปุ สรรคในการเข้าถึงขอ้ มลู ข่าวสารและการถ่ายทอดเทคโนโลยีท้ังที่เกิดจากระบบการ เรียนรู้ที่ล้าหลังและทรัพยากรทางเทคโนโลยีสารสนเทศมักทาให้การพัฒนาระบบการเกษตร และความรทู้ างดา้ นโภชนาการเป็นไปได้ช้า การให้การศึกษาและความรู้ทางวิชาการที่ไม่แพร่หลายไม่ต่อเน่ืองและไม่บรรจุความรู้ ด้านโภชนาการเข้าสู่ระบบศึกษาภาคบังคับทาให้ประชาชนละเลยการดูแลภาวะโภชนาการของ ตน การมีส่วนร่วมของประชาชน การแก้ไขปัญหาความอดอยากและทุพโภชนาการมีผลดีต่อการเพิ่มการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในการพัฒนาและระบบเศรษฐกิจ ส่งเสริมการศึกษาของเยาวชน สนับสนุนการลด ช่องว่างระหว่างเพศ ลดความเสี่ยงในการติดโรคของทารกและอัตราการคลอดบุตรที่เป็น อันตราย เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคติดต่อและลดปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อจากโรคติดต่อ รวมถึงลดภาวะ คกุ คามต่อส่งิ แวดล้อมด้วย126 ปัจจัยกดดันทางการเมืองมีผลต่อการเข้าถึงสิทธิและการเรียกร้องสิทธิของประชาชน มีหลายกรณีที่ชุมชนท้องถิน่ รู้เท่าทันและได้ทาการเรียกร้องสิทธิ แต่กลับถูกคุกคามโดยอานาจ รฐั หรอื จากอิทธิพลการเมอื งท้องถิน่ ทาให้เรือ่ งราวไปไม่ถึงการเมอื งระดบั ชาติ 124 FAO, IGWG RTFG /INF 4, p. 12. 125 Ibid.. 126 FAO, The State of Food Insecurity in the World 2005, p. 29.
182 การมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคประชาสังคมถือเป็นปัจจัยที่แสดงให้เห็นถึง ความสาเร็จสูงสุด หากนโยบายหรือโครงการใดริเริ่มหรือเกิดส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่ มักเกิดประสิทธิผลในการดาเนินการสงู และลดปัญหาการทจุ ริตได้มาก การสง่ เสริมการมีสว่ นรว่ ม และสรา้ งความเข้มแข็งใหป้ ระชาสงั คม มีบทเรียนการทางานขององค์กรเครือข่ายชุมชนในประเทศไทยที่น่าสนใจ คือ บทเรียน ที่เกิดจากการทางานของเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก ซึ่งมีดังต่อไปนี้ เครือข่ายและเวที แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเกษตรกรเป็นกลไกที่ได้ผลดีในการพัฒนาองค์กร และชุมชน ความเข้มแข็งย่ังยืนขององค์กรเกษตรกรต้องมีผู้นาและกระบวนการพัฒนาผู้นาอย่างต่อเนื่อง การใช้เงินเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมมีผลกระทบในทางลบต่อความริเริ่มสร้างสรรค์แ ละ ความสามัคคีขององค์กรเกษตรกร กระบวนการเรียนรู้ทีเ่ หมาะสมกับเกษตรกรต้องควบคู่ไปกับ การปฏิบตั ิ เกษตรกรต้องมีอิสระทางความคิดวางแผนแปลงเกษตรของตนเองอย่างสร้างสรรค์ การทาเกษตรกรรมยั่งยืนสามารถทาควบคู่ไปกับกิจกรรมอื่นๆได้ การจัดการทรัพยากร สาธารณะอย่างเหมาะสมมีความสาคัญมากต่อการพัฒนาเกษตรกรรมย่ังยืน การบริหาร จดั การของเกษตรกรต้องพัฒนาบนความสามารถและความต้องการของเกษตรกร127 จะเห็นได้ ว่าบทเรียนของเครือขา่ ยมีความสอดคล้องกบั บทเรียนที่ได้นาเสนอในหวั ข้อนมี้ าก องค์กรพัฒนาเอกชน หรือภาคประชาสังคม มักมีบทบาทที่สาคัญในการเข้าถึง และ รับรู้ปัญหาที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ และมักเป็นผู้ริเริ่มโครงการที่ตอบสนองชุมชนได้ อย่างตรงเปูาหมายและหลากหลาย ทั้งยังมีส่วนในการถ่ายทอดเทคโนโลยีความรู้ต่างๆ ที่ได้ จากการปฏิบตั ิงานในหลายพืน้ ทีไ่ ปสู่ชมุ ชนทีย่ ังขาดความรู้ ดังนั้นการส่งเสริมความเข้มแข็งของ ภาคประชาสงั คมย่อมมสี ่วนช่วยเหลือประชาชนผดู้ ้อยโอกาสในพืน้ ทีห่ ่างไกลไปในตัว 127 ปตั พงษ์ เกษมสมบูรณ์, และคณะ, เกษตรกรรมทางเลือก: เครอื ขา่ ยประชาสงั คมเพ่อื การ พ่งึ ตนเองอยา่ งยั่งยืน, (นนทบุรี: สานักวิจยั สงั คมและสขุ ภาพ, 2548), หนา้ 60-61.
บทท่ี 4 ลู่ทางในการพัฒนาสทิ ธิดา้ นอาหารและความมัน่ ด้านอาหาร 1) ความม่นั คงดา้ นอาหาร 1.1 ลู่ทางการจดั ให้มีอาหารอยา่ งเพียงพอ โดยใช้มาตรการเกี่ยวกับกับการรักษา ปริมาณอาหาร ลู่ทางกฎหมายเศรษฐกิจของ WTO เพือ่ สง่ เสริมความม่ันคงดา้ นอาหาร ความก้าวหน้าของ WTO เร่ืองความมั่นคงด้านอาหาร เกิดจากนัยยะของ ข้อ 20 แห่ง ข้อตกลงสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO Agreement on Agriculture)1 ซึ่ง กาหนดให้ ประเทศสมาชิกร่วมกันพัฒนากระบวนการขององค์การการค้าโลกให้มี ความก้าวหน้าทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะใน ข้อ 20 (c) ได้กาหนดให้นาประเด็นที่มิใช่ประเด็นทางการค้า (non-trade concerns) .........เข้าสู่ การเจรจาเพื่อพัฒนาให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการค้าสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้า โลก ดงั นน้ั ในการเจรจาการค้ารอบโดฮาจงึ ได้มกี ารประกาศปฏิญญาโดฮาว่าด้วยวาระแห่งการ พัฒนา ซึ่งเน้นย้าความสาคัญของประเด็นข้างต้นไว้ใน ข้อ 13 และ 14 ว่า ประเทศสมาชิกต้อง นาเอาประเด็นที่จาเป็นต่อการพัฒนาของประเทศกาลังพัฒนาเข้าสู่การเจรจาด้วย ทั้งประเด็น ความมั่นคงด้านอาหาร การรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชนบท ปัจจุบันการเจรจา ภายใต้องค์การการคา้ โลกยงั อยู่ในรอบโดฮา โดยมีลู่ทางที่อาจทาได้ดังตอ่ ไปนี้ 1 ความตกลงวา่ ด้วยการเกษตร ขอ้ 20 ความตอ่ เน่อื งของกระบวนการปฏริ ูป ........................... สมาชิกตกลงกันว่าจะเจรจาเพือ่ ให้มีความต่อเน่อื งของกระบวนการจะเริม่ ภายใน 1 ปี ก่อนสนิ้ สดุ ระยะเวลา การปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ผกู พัน โดยคานงึ ถึง (c) ข้อกงั วลที่ไม่เกีย่ วกบั การคา้ (Non-Trade Concerns) การประติบตั ทิ ี่เปน็ พิเศษและแตกตา่ งแก่สมาชิก ประเทศกาลังพฒั นา........และข้อกาหนดทีร่ ะบุไว้ในอารัมภบท ...................... อารมั ภบท รบั รวู้ ่า ข้อผูกพนั ภายใตโ้ ครงการปฏริ ูปควรทาในลกั ษณะท่เี ปน็ ธรรมระหวา่ งสมาชกิ ทงั้ ปวง โดยพิจารณาถึงขอ้ กังวลที่ไม่เกี่ยวกับการค้า รวมท้ังเรือ่ งความมัน่ คงดา้ นอาหาร ......................
184 การบรรจุเง่ือนไขความมั่นคงด้านอาหารเข้าสู่ระบบกฎหมายขององค์การการค้าโลก เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิด้านอาหารของประชาชนในประเทศที่ต้องพึ่งพิงการนาเข้าสินค้า อาหารจากต่างประเทศ อาจทาในรูปแบบการเปิดโอกาสให้รัฐวิสาหกิจของรัฐสามารถเข้ามา แทรกแซงการซื้อขาย และสารองสินค้าอาหารได้ และให้กาหนดว่ารัฐที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินหรือ ขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงสามารถใช้สิทธิแทรกแซงระบบอาหารของตนผ่านการนาเข้า ส่งออกสินคา้ อาหารภายใต้การกากับดูแลของรัฐได้ ท้ังนี้เง่ือนไขทั้งสองอาจอยู่ในรูปแบบความ ตกลงพิเศษ หรอื บรรจุเขา้ ไปในข้อตกลงสินค้าเกษตรก็ได้ การเพิ่มเง่ือนไขการปกป้องสิทธิด้านอาหารให้เป็นข้อยกเว้นตาม ข้อ XX ของข้อตกลง ท่ัวไปว่าด้วยการค้าสินค้าและภาษีศุลกากร (GATT)2 หรือให้เพิ่มเง่ือนไขของข้อตกลงการค้า สินค้าเกษตรให้รัฐสามารถเลือกชนิดสินค้าพิเศษที่จะไม่อยู่ในขอบเขตของขอ้ ตกลงการค้าสินค้า เกษตรได้ เพือ่ ให้รัฐมอี ิสระในการกาหนดนโยบายด้านอาหารมากขึ้น การปรับปรุง ประเด็นที่มิใช่ประเด็นทางการค้า (Non-trade concerns) ในข้อตกลง สินค้าเกษตรให้ตอบสนองต่อความจาเป็นของประเทศกาลังพัฒนามากขึ้น โดยบรรจุเหตุผล ความมั่นคงด้านอาหารเป็นข้อยกเว้นที่ประเทศกาลังพัฒนาสามารถอ้างเพื่อแทรกแซงระบบ การค้าสินค้าเกษตรได้ ด้วยการเพิ่มผลทางกฎหมายของประเด็นที่มิใช่ประเด็นทางการค้า (Non-trade concerns) ให้สามารถบงั คบั ใช้ได้จรงิ เพิ่มสัดส่วนการอดุ หนุนภายในที่สามารถกระทาได้ (Green Box) ภายใต้ข้อตกลงสินค้า เกษตร ของประเทศกาลงั พฒั นา และประเทศที่ต้องพึ่งการนาเข้าอาหาร เนื่องจากเป็นช่องทาง ให้รัฐสามารถหามาตรการประกันสิทธิของประชาชนใหม่ๆ มาเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ ความก้าวหน้าในการส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารภายในประเทศเหล่านั้น ข้อเสนอให้มีหมวดการอุดหนุนภายในที่สามารถกระทาได้เพิ่มขึ้นมาอีกหมวด คือ การ อุดหนุนภายในเพื่อการพัฒนา (Development Box) ซึ่งกาหนดเง่ือนไขให้นโยบายของประเทศ กาลังพัฒนาที่มีลักษณะ พัฒนาศักยภาพการผลิต เพิ่มการเข้าถึงอาหารของกลุ่มเสี่ยง สร้าง งานให้ผู้ยากไร้ในชนบท ปกป้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการสินค้านาเข้า ต่อต้านการ ทุ่มตลาดจากสินคา้ ต่างประเทศ ถือว่าอยู่ในหมวดนี้3 ปรับปรุงหลักการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษและแตกต่างต่อประเทศกาลังพัฒนา โดยเปิด โอกาสใหป้ ระเทศกาลังพัฒนา สามารถเลือกได้ว่าสินค้าเกษตรชนิดใดที่จะเปิดเสรี คิดคานวณ 2 UN, E/CN.4/2002/54, p. 17. 3 UN, A/56/210, p. 18.
185 พิกดั ภาษีศุลกากรใหม่ มีความยืดหยุ่นในนโยบายอุดหนุนภายใน ปกป้องตลาดภายในจากการ ทุ่มตลาดของสินค้าต่างประเทศ ป้องกนั การผกู ขาดตลาดภายใน4 ใสเ่ ร่อื งเงอ่ื นไขการประเมินผลของโครงการความชว่ ยเหลือด้านอาหาร การช่วยเหลือด้านการอาหารต้องอยู่บนพื้นฐานของการตรวจตราและประเมินผล โครงการการช่วยเหลือด้านอาหารระหว่างประเทศตามกรอบของอนุสัญญาความช่วยเหลือ ด้านอาหาร ค.ศ.1999 โดยต้องเพิ่มระบบตรวจตราประสิทธิภาพและประเมินผลกระทบตามนัยยะแห่งข้อ 13 แห่ง อนุสญั ญาด้วย กล่าวคือ - รัฐผู้บริจาคต้องพยายามสนับสนุนให้ประเทศผู้รับมีพัฒนาการบังคับใช้โครงการให้ ตอบสนองตอ่ เป้าหมายความมน่ั คงดา้ นอาหารอย่างแท้จรงิ - พยายามประสานงานเพื่อสร้างระบบตรวจตราโครงการความช่วยเหลือด้านอาหาร ให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมาย - พยายามประเมนิ ประสิทธิภาพของโครงการความช่วยเหลือว่ามีผลต่อกลุ่มเป้าหมาย หรอื ไม่ เชน่ สภาวะทางโภชนาการของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนีย้ ังอาจต้องพิจารณาถึงเงอ่ื นไขในการให้ความช่วยเหลือตามนัยยะแห่งข้อ 8 ของ อนุสัญญาด้วย กล่าวคือ - การช่วยเหลือด้านอาหารตอ้ งมผี ลจรงิ เท่าน้ันจึงจะให้ความช่วยเหลอื - กลุ่มเสี่ยงที่เป็นเป้าหมายควรได้รับอาหารฟรีและคานึงถึงกลุ่มสตรีและเด็กเป็น อนั ดบั แรก - การช่วยเหลือยามในยามปกติ ประเทศผู้รับควรมีส่วนร่วมในการกาหนดแผนความ ช่วยเหลือด้วยว่าแตล่ ะปีจะรบั ความช่วยเหลือเปน็ ปริมาณเท่าไร - ต้องวางแผนวิเคราะห์ความจาเป็นในการรับความช่วยเหลือ และเรียงลาดับ ความสาคัญกลุ่มประเทศทีจ่ าเป็นก่อนหลงั และมีขอ้ มูลที่เข้าถึงได้ โปร่งใส นอกจากนี้ยังอาจต้องพิจารณาถึงทางเลือกในการให้ความช่วยเหลือตามนัยยะแห่งข้อ 11 ของอนุสัญญาด้วย กล่าวคือ - รฐั ผบู้ ริจาคมีทางเลือกว่าจะส่งความช่วยเหลือในแบบทวิภาคี หรอื ผา่ นองค์กรพัฒนา เอกชน หรอื แบบพหุภาคีก็ได้ - ในขั้นต้นรัฐผบู้ ริจาคควรเน้นไปที่การส่งความช่วยเหลือผ่านทางโครงการอาหารโลก ก่อน 4 UN, A/56/210, p. 18.
186 1.2) ลู่ทางการให้ประชาชนเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอโดยมีส่วนร่วมในการ จัดสรรทรัพยากร ลู่ทางที่เหมาะสมในการส่งเสริมประชาชนให้เข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอโดยมีส่วนร่วม ในการจัดสรรทรัพยากร คือ ลทู่ างของ แนวทางตามความสมัครใจฯ 2004 แนวทางที่ 8: การเขา้ ถงึ ทรพั ยากรและสินทรพั ย์ 8.1 รัฐควรอานวยความสะดวกในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและ ปราศจากการเลือกประติบัติตามกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ และปกป้อง สินทรัพย์ที่สาคัญต่อการดารงชีพของบุคคล รัฐควรเคารพและปกป้องสิทธิของปัจเจกชนที่ เกี่ยวข้องกับทรัพยากร อาทิ ที่ดิน น้า ป่าไม้ สัตว์น้า และปศุสัตว์ โดยปราศจากการเลือก ประติบตั ิ หากมีความจาเป็นและเป็นการเหมาะสม รัฐควรผลักดันการปฏิรูปที่ดินและนโยบาย ปฏิรูปอื่นๆตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชนและตามหลักนิติธรรมเพื่อรักษาประสิทธิภาพและ ความชอบธรรมในการเข้าถึงที่ดิน และเสริมสร้างการพัฒนาที่เอื้อต่อผู้ยากไร้ รัฐควรให้ความ สนใจเป็นพิเศษแก่กลุ่มบุคคล อาทิ กลุ่มที่ดารงชีพโดยการเลี้ยงสัตว์ และ ชนพื้นเมือง และ ความสัมพนั ธ์กับทรัพยากรธรรมชาติทีแ่ วดล้อมอยู่ 8.2 รัฐควรผลักดันให้กลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อมี ส่วนรว่ มอย่างเต็มทีแ่ ละเท่าเทียมในระบบเศรษฐกิจ 8.3 รัฐควรให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อปัญหาการเข้าถึงทรัพยากร และสินทรัพย์ของ สตรี กลุ่มเสี่ยง กลุ่มคนชายขอบ และกลุ่มคนที่มักจะด้อยโอกาส รวมถึงผู้ติดเชื้อเอดส์ รัฐควร ดาเนนิ มาตรการปกป้องผตู้ ิดเช้ือเอดส์ไม่ให้เสียโอกาสในการเข้าถึงทรพั ยากร และสินทรัพย์ 8.4 รัฐควรส่งเสริมการศึกษาวิจัยและการพัฒนาการเกษตร โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการ ส่งเสริมการผลิตอาหารพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรายได้ขั้นพื้นฐานของเกษตรกรรายย่อยและ เกษตรกรสตรีรวมผู้บริโภคทีย่ ากจน แนวทางที่ 8b: ท่ดี ิน 8.10 รัฐควรดาเนินมาตรการสง่ เสริมและปกป้องความมน่ั คงในการถือครองที่ดิน โดยเฉพาะ สิทธิของสตรี คนจน และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสของสังคม ผ่านทางกฎหมายที่ปกป้องความ สมบูรณ์และเสมอภาคของสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินอื่นรวมท้ังสิทธิในกา รรับ มรดก หากเป็นการเหมาะสม รัฐควรพิจารณาจัดต้ังกลไกทางกฎหมายและนโยบายอื่นๆตาม พันธกรณีสิทธิมนุษยชนของรัฐและสอดคล้องกับหลักนิติธรรมในการผลักดันการปฏิรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาการเข้าถึงการได้รับที่ดินของสตรีและคนจน มาตรการดังกล่าวควรคานึงถึงการ อนรุ ักษ์และใช้สอยทีด่ ินอย่างยั่งยืน รฐั ควรใหเ้ ง่ือนไขพิเศษแก่ชุมชนชาวพื้นเมือง
187 นอกจากนีร้ ัฐอาจเผยแพร่การส่งเสริมให้เกษตรกรมีทางเลือกในการปรับเปลี่ยนวิถีการ ผลิต จากเดิมที่เป็นการเกษตรเชิงเดี่ยวเพื่อการพาณิชย์ไปเป็น การเกษตรแบบยั่งยืน ซึ่ง ประกอบไปด้วย เกษตรธรรมชาติ เกษตรอินทรีย์ เกษตรผสมผสาน วนเกษตร และเกษตร ทฤษฎีใหมต่ ามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวแห่งราชอาณาจักรไทย 1.3 การบิดเบือนตลาดสินค้าเกษตร ลู่ทางในการปรับปรงุ กฎหมายเพือ่ ลดการบิดเบือนตลาดสนิ ค้าเกษตร มีดังนี้ รฐั ควรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในฐานะที่เป็นเคร่ืองมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อการ พฒั นา การขยายการค้าระหว่างประเทศถือเป็นการเปิดโอกาสเพื่อลดความอดอยากและความ ยากจนในประเทศกาลังพัฒนาทั้งหลายอ้างอิงกับข้อตกลงสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้า โลกคือการจัดตงั้ ระบบการค้าทีเ่ ปน็ ธรรมและองิ ระบบตลาดผ่านทางโครงการปฏิรูปขั้นพื้นฐาน ร่วมกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกฎและข้อผูกพันพิเศษว่าด้วย “การอุดหนุนและการ ปกป้อง” เพื่อแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิด ข้อจากัดและการบิดเบือนในตลาดสินค้าเกษตรโลก รวมถึงข้อเสนอแนะของSao Paolo Consensus (การประชุมUNCTADคร้ังที่11) โดยพยายามให้ บรรลุเป้าหมายของความตกลงระหว่างประเทศอันได้รวมเอาหลัก 3 ประการของอาณัติของ รอบโดฮา อันได้แก่ การปรับปรุงการเข้าสู่ตลาดอย่างมีนัยยะสาคัญ การลดการอุดหนุนการ ส่งออกโดยขจัดการอุดหนุนทุกรูปแบบ และการลดการอุดหนุนภายในประเทศอย่างมีนัยยะ สาคัญ การลดอุปสรรคที่มิใช่ภาษี โดยเฉพาะในสินค้าที่เป็นผลประโยชน์ในการส่งออกของ ประเทศกาลังพัฒนา ความพยายามในการขยายการเปิดเสรีการเข้าสู่ตลาดสาหรับสินค้าที่ มิใช่สินค้าเกษตร การปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษและแตกต่างสาหรับประเทศกาลังพัฒนาควร บรู ณาการในทุกองค์ประกอบของการเจรจา5 การส่งเสริมการเปิดตลาด รัฐสมาชิกองค์การการค้าโลกควรเจรจาปรับปรุงการเปิดตลาดภายใต้กรอบองค์การ การค้าโลก โดยการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรอย่างมีนัยสาคัญ สาหรับประเด็น สินค้า อ่อนไหวที่จาเป็นต้องปกป้องเพื่อความม่ันคงด้านอาหารของประเทศกาลังพัฒนา รัฐสมาชิก ควรสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกปกป้องพิเศษภายใต้ข้อตกลงสินค้าเกษตร (Special Safeguard Measure- SSM) แบบใหม่ เพื่อเป็นมาตรการคุ้มครองเกษตรกรรายย่อยจากการ ถกู ประเทศอ่นื ทุ่มตลาดสินค้าเกษตรอย่างฉับพลัน ท้ังนี้อาจเพิ่มมาตรการสินค้าพิเศษ (Special Product) เพื่อให้ประเทศกาลังพัฒนาสามารถเลือกได้ว่าสินค้าเกษตรตัวไหนจะได้รับการ 5 FAO, Voluntary Guidelines to the progressive realization of the right to adequate food in the context of national food security, pp. 19.4.
188 ปกป้องจากกลไกปกป้องพิเศษ6 เนื่องจากมาตรการนี้ไม่ต้องอาศัยกระบวนการพิสูจน์ความ เสียหายก่อนใช้มาตรการตอบโต้มากนักทาให้รัฐสามารถออกมาตรการปกป้องเกษตรกร ภายในประเทศได้อย่างทนั ท่วงที รัฐสมาชิกองค์การการค้าโลกควรเจรจาปรับปรุงข้อตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิค ต่อการค้า โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ตลาด เช่น มาตรฐานความปลอดภัย อาหาร มาตรฐานคุณภาพอาหาร ข้อมูลสาหรับผู้บริโภค ฉลากผลิตภัณฑ์ และข้อบ่งชี้ทาง ภูมิศาสตร์ ให้มีความชัดเจนและป้องกันการใช้มาตรการเหล่านี้เพื่อกีดกันทางการค้าแอบแฝง โดยมิต้องพึ่งการตีความของคณะกรรมการระงับข้อพิพาททางการค้าเป็นรายคดีไป เพื่อป้อง ปรามมาตรการกีดกันทางการคา้ ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การลดการอดุ หนนุ เพือ่ การส่งออก รัฐสมาชิกองค์การการค้าโลกควรเจรจาขจัดการอุดหนุนเพื่อส่งออก โดยกาหนดให้ การออกสินเชื่อล่วงหน้า การออกประกันการส่งออก โดยภาครัฐต้องยุติลงทันที ส่วนการ อุดหนุนผ่านอุดหนุนในประเทศกาลังพัฒนาที่ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากภาครัฐอาจ อนุญาตให้ทาการอุดหนุนต่อไปได้บางประการ เช่น การขนส่ง การตลาด และการผูกขาด การค้าระหว่างประเทศโดยรัฐวิสาหกิจเพื่อประโยชน์ทางความม่ันคงด้านอาหาร รวมถึง ข้อยกเว้นในกรณีที่รัฐประสบปัญหาขาดดลุ การเงินระหว่างประเทศ รฐั พึงเคารพสทิ ธิด้านอาหารของประชาชนในรัฐอื่นด้วย การออกมาตรการที่มีลักษณะ กีดกันทางการคา้ แอบแฝง หรอื นโยบายการทุ่มตลาดที่อาจบิดเบือนตลาดสนิ ค้าเกษตร เป็นสิ่ง ที่รัฐควรงดเว้น7 การลดการอดุ หนุนภายใน รฐั สมาชิกองค์การการค้าโลกควรเจรจาขจดั การอุดหนนุ ภายใน โดยกาหนดให้ประเทศ พัฒนาแล้วยุติการอุดหนุนภายในลงอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุนในหมวด (Box) ใดก็ ตาม โดยในช่วงแรกอาจอนุญาตให้อุดหนุนเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถปรับตัวหรือ เปลี่ยนอาชีพได้ ส่วนประเทศกาลังพัฒนาซึ่งยังต้องพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ภายในประเทศ อาจสรา้ งหมวดใหมข่ ึน้ มา คอื หมวดการอุดหนุนเพื่อการพัฒนา (Development Box) ซึ่งเปิดช่องทางให้ประเทศกาลังพัฒนาออกนโยบายพัฒนาระบบการเกษตรและ 6 Esther Lam, and others, Practical Guide to the WTO for Human Rights Advocates, first edition (Bangkok: FORUM-ASIA), p. 17. 7 UN, E/CN.4/2006/44, p. 19.
189 สาธารณูปโภคข้ันพื้นฐานได้อย่างเต็มที่ หรืออาจจะนาเข้าไปอยู่ในหมวดการอุดหนุนที่ทาได้ (Green Box) แตอ่ นญุ าตใหเ้ ฉพาะประเทศกาลังพัฒนาใช้เท่านั้น กระบวนการระงบั ขอ้ พิพาททีเ่ อื้อต่อการป้องกนั การบิดเบือน รัฐสมาชิกองค์การการค้าโลกควรพัฒนาระบบการระงับข้อพิพาทภายใต้องค์การ การค้าโลกให้เอื้อต่อประเทศกาลังพัฒนา โดยในข้อตกลงจัดตั้งองค์การการค้าโลกประเทศ กาลังพัฒนาอาจอาศัยกระบวนการระงับข้อพิพาทที่เปิดโอกาสให้ประเทศกาลังพัฒนาได้รับ การปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่าง เพื่อรับประโยชน์จากสิทธิพิเศษที่มีอยู่ เนื่องจากประเทศ กาลังพัฒนาสามารถร้องขอให้มีการใช้มาตรการพิเศษ ขอเข้าสู่กระบวนการปรึกษาหารือที่ได้ กาหนดให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศกาลังพัฒนา ขอยืดเวลาเพื่อให้ประเทศกาลังพัฒนาเตรียม ตัวอย่างเพียงพอเพื่อเสนอคาโต้แย้งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท และขอรับผู้เชี่ยวชาญ ด้านกฎหมายทีจ่ ะเปน็ ที่ปรึกษาให้แก่ประเทศกาลงั พฒั นา8 ลู่ทางที่เหมาะสมต่อการแก้ไขปัญหาการบิดเบือนตลาด คือ ลู่ทางตาม แนวทางตาม ความสมัครใจ ฯ 2004 แนวทางที่ 4: ระบบตลาด 4.1 รัฐควรดาเนินการโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในและความจาเป็นเร่งด่วนของรัฐ โดยสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ในการปรับปรุงกลไกและระบบการตลาด โดยเฉพาะตลาดการเกษตรและอาหารเพื่อส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการ พัฒนาอย่างย่ังยืน ควบคู่ไปกบั การระดมการออมภายในประเทศท้ังในภาคเอกชนและมหาชน การพัฒนานโยบายสินเชื่อที่เหมาะสม ด้วยการทางานผ่านการสร้างระดับที่พอเพียงยั่งยืนของ การลงทุนในกระบวนการผลิตระดับชาติ โดยการให้สินเชื่อด้วยระยะเวลาที่ผ่อนปรน และโดย การเพิม่ ศักยภาพมนษุ ย์ 4.2 รัฐควรจัดต้ังกฎหมาย นโยบาย กระบวนการระบบกฎหมายและสถาบันอื่นๆเพื่อเป็น หลักประกันการไม่เลือกประติบัติต่อการเข้าสู่ตลาด และป้องกันการดาเนินกิจกรรมทาง เศรษฐกิจที่มีลกั ษณะผกู ขาดและบิดเบือนตลาด 4.3 รัฐควรส่งเสริมการพัฒนาหลักความรับผิดชอบทางสังคมของบรรษัท และพัฒนาข้อ ผูกพันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบตลาดทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาสังคม เพื่อนาไปสู่การ 8 อาภรณีย์ เสมรสุต, “ประเทศกาลังพฒั นากบั กระบวนการระงบั ข้อพพิ าทภายใตข้ ้อตกลง WTO,” (นติ ศิ าสตร์มหาบณั ฑิต คณะนิตศิ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2542), หนา้ บทคดั ยอ่ .
190 ยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้าน อาหารระดับชาติ 4.4 รัฐควรให้การปกป้องอย่างเพียงพอต่อผู้บริโภคเพื่อต่อต้านการตลาดที่ฉ้อฉล การให้ ข้อมูลเท็จ และอาหารที่ไม่ปลอดภัย มาตรการสาหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าวต้องไม่ก่อให้เกิด อุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นธรรมในระบบการค้าระหว่างประเทศและควรทาให้ สอดคล้องกบั ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก 4.5 รัฐควรดาเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดขนาดย่อมทั้งในระดับ ท้องถิ่นระดับภูมิภาคและการค้าข้ามพรมแดน เพื่อลดความยากจนและเพิ่มความม่ันคงด้าน อาหารโดยเฉพาะในเขตยากจนทั้งในชนบทและในเมอื ง 4.6 รัฐอาจแสดงเจตจานงในการรับเอามาตรการที่ให้หลักประกันว่าปัจเจกชน ชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาส จานวนมากที่สุดจะได้รับประโยชน์จากการสร้างโอกาสในการ แขง่ ขนั สาหรบั สินค้าทางการเกษตร 4.7 รัฐควรพยายามให้หลักประกันประกันว่า อาหาร การค้าสินค้าเกษตร และนโยบาย การค้าโดยรวมส่งเสริมความเข้มแขง็ ต่อความมัน่ คงด้านอาหารสาหรับทุกคนโดยไม่มีการเลือก ประติบตั ิและสง่ เสริมระบบตลาดการค้าท้ังระดบั ท้องถิ่น ภูมภิ าค รฐั และโลก 4.8 นอกจากในเร่ืองอื่นแล้วรัฐควรพยายามที่สุดในการจัดต้ังระบบการตลาด การคงคลัง การขนส่ง การสื่อสาร และการกระจายสินค้าภายในรัฐให้ทางานได้ดี ควบคู่ไปกับการอานวย ประโยชน์แก่การค้าทีส่ ง่ เสริมความหลากหลายและเชือ่ มโยงซึง่ กันและกันระหว่าง ตลาดภายใน ตลาดภมู ิภาค และตลาดโลก รวมท้ังแสวงหาโอกาสในตลาดใหมๆ่ 4.9 รัฐควรคานึงเสมอว่าตลาดมิได้ส่งผลโดยอัตโนมัติให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายรายได้ที่ เพียงพอตลอดเวลาที่จะสามารถตอบสนองความจาเป็นข้ันพื้นฐานของบุคคล ดังนั้นรัฐควร หาทางจัดให้มีหลักประกันทางสังคมอย่างเพียงพอ และรัฐอาจจัดหาความช่วยเหลือจาก ประชาคมระหว่างประเทศเพือ่ สนองต่อเป้าหมายข้างต้น 4.10 รัฐควรคานึงถึงขอ้ จากดั ของกลไกตลาดในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสาธารณสมบตั ิ 1.4 ความขัดแยง้ และภัยธรรมชาติ 1) การเตรยี มการก่อนเกิดภยั พิบตั ิ จากหลักการของ ข้อ 55 และ 56 ของกฎบัตรสหประชาชาติที่กาหนดให้รัฐสมาชิกต้อง ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมถึงริเริ่มมาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อ บรรเทาภัยพิบัติจากเหตุฉุกเฉิน รัฐและองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันยกร่าง
191 สนธิสญั ญาว่าด้วยความรว่ มมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นโดย ธรรมชาติและน้ามือมนุษย์ ท้ังนี้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติการความช่วยเหลือระหว่าง ประเทศให้มีความชดั เจน และมีผลบงั คบั ใช้ได้จรงิ สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาภัย พิบตั ิ ควรระบุถึง มาตรการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติในระดับชาติ และท้องถิ่น โดย มีกรอบทางกฎหมายและสถาบันระดับระหว่างประเทศเป็นผู้ป ระสานงานและบังคับใ ช้ สนธิสญั ญา จดั ให้มรี ะบบประเมิน และตรวจตราความเสี่ยงจากภัยพิบัติ แล้วจัดตั้งระบบเตือน ภัยล่วงหน้าขึ้นเพื่อส่งสัญญาณที่ถูกต้องไปให้แก่พื้นที่เสี่ยงภัย ระดมสมองและวิทยาการที่อาจ เป็นประโยชน์ต่อการประเมินความเสี่ยง และลดผลกระทบจากภัยพิบัติ เข้ามาสร้างมาตรการ รองรับในทุกระดับ ส่งเสริมมาตรการลดปัจจัยเสี่ยง เช่น มาตรการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดความขัดแย้งจากการแยกชิงทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความเข้มแข็ง ให้กับมาตรการมาตรการฟืน้ ฟู และบรรเทาผลกระทบจากภยั พิบัติในทุกระดับ9 ลู่ทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปญั หาภัยพิบัติทีเ่ หมาะสมอีกประการ คือ ลู่ทางที่กาหนด โดยแนวทางตามความสมคั รใจฯ 2004 แนวทางที่ 16: ภยั ธรรมชาติและภยั ทเ่ี กิดจากน้ามือมนษุ ย์ 16.7 รัฐควรจัดสร้างกลไกสาหรับการเตือนภัยล่วงหน้าที่เพียงพอและทางานได้เพื่อป้องกัน หรือบรรเทาผลกระทบของภัยธรรมชาติและภัยที่เกิดจากน้ามือมนุษย์ ระบบเตือนภัยล่วงหน้า ควรอยู่บนพนื้ ฐานของ มาตรฐานสากล การร่วมมอื และข้อมลู รายละเอียดที่จาแนกรายการอัน เชื่อถือได้ รัฐควรดาเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมสาหรับเหตุฉุกเฉิน อาทิ จดั ระบบเก็บเสบียงอาหารเพื่อสะสมอาหาร และดาเนินการจัดต้ังระบบการกระจายอาหารที่ เพียงพอ 16.8 รัฐได้รับการเชิญชวนให้พิจารณาจัดตั้งกลไกเพื่อประเมินผลกระทบทางโภชนาการ และกลไกเพื่อทาความเข้าใจในยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องของครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากภัย ธรรมชาติ หรือ ภัยที่เกิดจากน้ามือมนุษย์ กลไกดังกล่าวควรบ่งชี้ถึง เป้าหมาย การออกแบบ การบงั คบั ใช้ และการประเมนิ ค่าของโครงการบรรเทาทุกข์ โครงการบูรณะ และโครงการฟื้น คืนความเข้มแขง็ 9 FAO, RAP PUBLICATION 2005/04, (Bangkok: FAO Regional office for Asia and Pacific, 2005), p. 6.
192 แนวทางที่ 17: การตรวจตรา ตวั ชีว้ ัด และจดุ หมาย 17.1 รัฐอาจประสงค์จะจัดต้ังกลไกสาหรับตรวจตราและประเมินค่าการบังคับใช้แนวทาง เหล่านเี้ พือ่ ให้เกิดการยอมรับสิทธิในการได้รบั อาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบท ของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ และเป็นไปตามความศักยภาพของรัฐโดยจัดสร้างและ เสริมระบบข้อมลู ทีม่ อี ยู่และบ่งชีช้ ่องว่างขอ้ มูล 17.2 รัฐอาจประสงค์จะพิจารณาทา “การประเมินความเสี่ยงผลกระทบของแนวทางเร่ือง สิทธิด้านอาหาร” เพื่อบ่งชี้ถึง ผลกระทบต่อ นโยบาย โครงการ แผนการ ภายในประเทศใน เร่ืองการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับของประชากรใน ภาพรวมและเฉพาะกลุ่มเสีย่ งภยั ซึง่ จะใช้เป็นพืน้ ฐานสาหรับการรับรองมาตรการแก้ไขที่จาเป็น 17.3 รัฐอาจประสงค์จะพัฒนารูปแบบของกระบวนการ อันได้แก่ ตัวชี้วัดผลกระทบและ ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ซึ่งอิงกับตัวชี้วัดซึ่งอยู่ในระบบการใช้และตรวจตราอยู่แล้ว เช่น ระบบแผนที่ และข้อมูลความเสี่ยงและความไม่ม่ันคงด้านอาหาร(FIVIMS) เพื่อเป็นการประเมินการบังคับใช้ สาหรับการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นเป็นลาดับ รัฐอาจประสงค์จะ จัดต้ังจุดหมายที่เหมาะสมเพื่อบรรลุให้ได้ในระยะ สั้น กลาง และยาว ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับ การบรรลุเป้าหมายการลดความยากจนและอดอยากเป็นอย่างต่า เช่นเดียวกับเป้าหมายท้ัง ระดับชาติและระดับสากลอื่นๆรวมถึงเป้าหมายซึ่งได้รับรองที่การประชุมอาหารโลกและการ ประชุมแห่งสหสั วรรษ 17.4 ในกระบวนการประเมินเมินค่านี้ ตัวชี้วัดกระบวนการอาจเป็นตัวบ่งชี้หรือออกแบบให้ เป็นตัวบ่งชีท้ ี่มคี วามสมั พนั ธ์และสะท้อนผลของการใช้ตราสารและการแทรกแซงทางนโยบายที่ เฉพาะเจาะจงที่ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับการยอมรับสิทธิในการได้รับอาหารอย่างเพียงพอ เพิ่มขึ้นเป็นลาดับตามบริบทของความม่ันคงด้านอาหารระดับชาติ ตัวชี้วัดเช่นว่าอาจสามารถ ส่งเสริมรัฐให้บังคับใช้ กฎหมาย นโยบาย มาตรการทางปกครอง ซึ่งชี้ให้เห็นการปฏิบัติและ ผลลัพธ์ของการเลือกประติบัติ และประเมินขอบเขตการมีส่วนร่วมทางการเมืองและสังคมใน กระบวนการของการยอมรบั สิทธิดังกล่าว รัฐควรจัดสร้างกลไกสาหรับการเตือนภัยล่วงหน้าที่เพียงพอ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ของภัยธรรมชาติและภัยที่เกิดจากน้ามือมนุษย์ เช่น ระบบเตือนภัยคลื่นยักษ์ถล่ม ทั้งนี้รัฐควร จัดระบบเก็บเสบียงอาหารให้มปี ระสิทธิภาพ และอาจริเริ่มความร่วมมือระหว่างประเทศในการ สารองเสบียงอาหารไว้ในยามฉุกเฉิน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333