Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การฟังและการพูด

การฟังและการพูด

Published by Education, 2022-01-18 15:05:18

Description: การฟังและการพูด

Keywords: การฟังและการพูด

Search

Read the Text Version

Whose ของใคร (ถามเกยี่ วกบั การแสดงความเป็ นเจา้ ของ ในความหมายวา่ ใครเป็ นเจา้ ของสงิ่ น้ันๆ) (ตอ่ ) เมื่อเป็นดงั น้นั แลว้ เราจาเป็นท่ีจะตอ้ งจดจาคาศพั ทเ์ ร่ือง Possessive adjective (สรรพนามท่ีแสดงความเป็นเจา้ ของ) ใหค้ ล่องเสียก่อน จึงจะเรียนรู้ข้นั ตอนตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งง่ายดายมากข้ึน my ของฉนั his ของเขา (ผชู้ าย) Our ของเรา her ของเธอ (ผหู้ ญิง) your ของคุณ their ของเขาท้งั หลาย การนาคาน้ีมาใชใ้ นประโยคคาถามสามารถน้นั ทาไดเ้ ช่นเดียวกบั Who นน่ั กค็ ือเพียงแค่นาคาวา่ Whose ที่มี “คานาม” ตามหลงั เช่น Whose book วางไวห้ นา้ ประโยคซ่ึงจะเป็นตาแหน่งท่ี Whose ทาหนา้ ท่ีเป็นประธานของประโยค เช่น 1. My book is there. หนงั สือของฉนั อยทู่ ี่นน่ั ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (My) กจ็ ะได้ Whose book is there? หนังสือของใครอยู่ทน่ี ั่น

Whose ของใคร (ถามเกย่ี วกบั การแสดงความเป็ นเจา้ ของ ในความหมายวา่ ใครเป็ นเจา้ ของสง่ิ นั้นๆ) (ตอ่ ) 2. His house costs a lot of money. บา้ นของเขาราคาแพง ใช้ Whose แทนท่ี Possessive adjective (His) ก็จะได้ Whose house costs a lot of money? บ้านของใครราคาแพง 3. Their cars are running. รถของเขากาลงั วงิ่ ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (Their) ก็จะได้ Whose cats are running? รถของใครกาลงั วง่ิ 4. Her son is Coming ลูกของเขากาลงั มา ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (Her) ก็จะได้ Whose son in coming? ลูกของใครกาลงั มา 5. Our glasses are hero แวน่ ตาของเราอยทู่ ่ีน่ี ใช้ Whose แทนท่ี Possessive adjective (Our) กจ็ ะได้ Whose son in coming? ลูกของใครกาลงั มา และนอกจาก Whose จะเขา้ ไปแทนที่ Possessive adjective แลว้ บางที่ก็จะตอ้ งไปแทนที่ชื่อเฉพาะของบุคคลน้นั ๆ โดยใช้ Apostrophe's ('s) อีกดว้ ย Tim's bicycle is here. รถจักรยานของทมี อย่ทู น่ี ี่ ใช้ Whose แทนที่ Apostrophe s ('s) กจ็ ะได้ Whose bicycle is here. รถจักรยานของใครอย่ทู นี่ ่ี

ขอ้ ควรจา ใน Wh-Question น้ันมแี ค่ Whose, What, Which เทา่ นั้นที่ “คานาม สามารถ ตามหลงั ได ้

ประโยคตวั อย่างการใช้ Whose

3.4 What

What อะไร (ถามในความหมายวา่ อะไร) เม่ือ What เป็นประธานของประโยค What (วอท) แปลวา่ “อะไร” ใชไ้ ดก้ บั สตั วแ์ ละส่ิงของ โดยการใช้ What เป็นประธานของประโยคน้นั เพยี งกแ็ คว่ าง What ไว้ หนา้ ประโยค เช่นเดียวกบั Who The boat is on the bank. Those cars hit the tree. เรืออยบู่ นฝั่ง รถยนตช์ นตน้ ไม้ What is on the bank? What hit the tree? อะไรอยบู่ นฝ่ัง อะไรชนตน้ ไม้ That is a key นนั่ คือกุญแจ What is that? นนั่ คืออะไร

ประโยคตวั อย่างการใช้ What (เมื่อ What เป็ นประธา

What อะไร (ถามในความหมายวา่ อะไร) (เม่ือ What เป็นกรรมของประโยค) การใช้ What ท่ีมีหนา้ ที่เป็นกรรมของประโยคน้นั เรามีหลกั การเหมือนกบั การใช้ Whom เช่น ในประโยค You kick football. (คุณเตะฟุตบอล) ถา้ เรา ตอ้ งการจะทาเป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ What กท็ าได้ ดงั น้ี 1. เปล่ียนประโยค You kick football. เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question โดยใช้ V. to do เขา้ มาช่วย ก็จะได้ (You เป็น พหูพจน์ใช้ Do) Do you kick football? คุณเตะฟุตบอลใช่ไหม (Yes, I do. หรือ No, I do not.) 2. เปลี่ยน football เป็น What ก็จะได้ Do you kick What? 3. นา what มาวางไวห้ นา้ ประโยค What do you kick? คุณเตะอะไร ในประโยค She buys a coat. (หล่อนซ้ือเส้ือคลุม) ถา้ เราตอ้ งการจะทาเป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ What กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค She buys a coat. เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question โดยใช้ V. to do เขา้ ช่วยก็จะได้ (She เป็นพหูพจนใ์ ช้ Does) Does she buy a coat? (Yes, she does, หรือ No, she does not)

What อะไร (ถามในความหมายวา่ อะไร) (ตอ่ ) 2. เปล่ียน football เป็น What กจ็ ะได้ Do you buy What? 3. นา what มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ What does she buy? หล่อนซื้ออะไร แตถ่ า้ ในประโยคบอกเล่าน้นั ใชก้ ริยาช่วย V. to be หรือ V. to have หรือกริยาช่วยอ่ืน ๆ เช่น will, shall, can, may, must ก็ไม่ จาเป็นตอ้ งใช้ V. to do เขา้ มาช่วยเหมือนตวั อยา่ งขา้ งตน้ แต่ขอแนะนาใหใ้ ชว้ ธิ ีการน้ีจะง่ายท่ีสุด V. to be เราตอ้ งการจะสร้างประโยค He is hitting dog. (เขากาลงั ตีสุนขั ) เป็นคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ what ก็ทาไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค He is hitting dog. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยใช้ V. to be ไปวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ Is he hitting dog? เขากาลงั ตีสุนัขใช่ไหม (Yes, he is. หรือ No, he is not.) 2. เปล่ียน dog เป็น what กจ็ ะได้ Is he hitting what? 3. ยา้ ย what มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ What is he hitting? เขากาลงั ตอี ะไร

What อะไร (ถามในความหมายวา่ อะไร) (ตอ่ ) V. to have เราตอ้ งการจะสร้างประโยค you have read English book. (คุณไดอ้ ่านหนงั สือภาษาองั กฤษแลว้ ) เป็นคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ What ก็ทาไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค You have read English book. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยใช้ V. to have ไปวางไวห้ นา้ ประโยค กจ็ ะได้ Have you read English book? (Yes, I have. หรือ No, I have not.) 2. เปล่ียน English book เป็น what กจ็ ะได้ Have you read what? 3. ยา้ ย what มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ What have you read?

What อะไร (ถามในความหมายว่า อะไร) (ตอ่ ) กริยาช่วยอ่ืน ๆ เช่น Will, shall, can, may, must เราตอ้ งการจะสร้างประโยค I can do for you. (ฉนั สามารถทาใหค้ ุณได)้ เป็น คาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ What กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค I can do for you. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยการยา้ ยกริยาช่วยไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ Can I do for you? (Yes, you can. หรือ No, you cannot.) 2. นา What มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ What can I do for you? (มีอะไรทฉี่ ันสามารถทาให้คุณได้บ้างไหม)

ประโยคตวั อย่างการใช้ What (เมื่อ What เป็ นกรรม)

3.5 Which

Which อนั ไหน Which (วชิ ) แปลวา่ \"สิ่งไหน อนั ไหน” มีวธิ ีการใชเ้ ช่นเดียวกบั What แตม่ ีความหมายไปในทาง “ใหเ้ ลือก\" คือมีอยหู่ ลายอนั แลว้ ถามวา่ จะเอา อนั ไหนหรือชอบอนั ไหนนนั่ เอง ในประโยค You like sports. (คุณชอบกีฬา) ถา้ เราจะทาใหเ้ ป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ Which กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค you like sports. เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนโดยใช้ V. to do เขา้ ช่วยก็จะได้ (You เป็นพหูพจน์ใช้ Do) Do you like sports? คุณชอบกฬี าใช่ไหม (Yes, I do. หรือ No, I do not.) 2. หลงั จากน้นั ก็ใส่ Which เขา้ ไปดา้ นหนา้ และยา้ ย “คานาม (Sports)” มาวางไวข้ า้ งหลงั which ก็จะได้ Which sports do you like?

Which อนั ไหน (ตอ่ ) ในประโยค She breaks lamp. (หล่อนทาโคมไฟแตก) ถา้ เราจะทาใหเ้ ป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ which กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปลี่ยนประโยค She breaks lamp. เป็ นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนโดยใช้ V. to do เขา้ ช่วยก็จะได้ (She เป็ น พหูพจน์ใช้ Does) Do she break lamp? หล่อนทาโคมไฟแตกใช่ไหม (Yes, She does. หรือ No, she do not.) 2. หลงั จากน้นั กใ็ ส่ Which เขา้ ไปดา้ นหนา้ และยา้ ย “คานาม (lamp)” มาวางไวข้ า้ งหลงั Which ก็จะได้ Which lamp does she break? แต่ถา้ ในประโยคบอกเล่าน้นั ใชก้ ริยาช่วย V. to be หรือ กริยาช่วยอื่นๆ เช่น wil, shall, can, may, must เรากไ็ ม่จาเป็นที่จะตอ้ งใช้ V. to do เขา้ มาช่วยเหมือนตวั อยา่ งขา้ งตน้ แต่ขอแนะนาใหใ้ ชว้ ธิ ีการน้ีจะง่ายท่ีสุด

Which อนั ไหน (ตอ่ ) V. to be ถา้ ในประโยคบอกเล่าน้นั มีกริยาช่วยอยแู่ ลว้ ก็แคย่ า้ ยกริยาช่วยมาไวข้ า้ ง“หนา้ กจ็ ะไดป้ ระโยคแบบ Yes-No Question แลว้ เช่น จากประโยคบอกเล่า Your book is red book. เม่ือเรายา้ ยกริยาช่วย (V. to be) มาไวด้ า้ นหนา้ เพอ่ื ทาเป็นประโยคแบบ Yes-No Question ก็จะได้ Is your book red book? หากตอ้ งการ เปล่ียน red book เป็น Which ก็จะได้ Which is your book? หนังสือเล่มไหนเป็ นหนังสือของคุณ กริยาช่วย will, shall, can, may, must เราตอ้ งการจะสร้างประโยค You will buy purse. (ฉนั สามารถทาใหค้ ุณได)้ เป็น คาถามแบบ Wh-Question โดย ใช้ which ก็ทาไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค You will buy purse. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยการยา้ ยกริยาช่วยไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ Will you buy purse? (Yes, you will. หรือ No, you will not.) 2. นา Which มาวางไวห้ นา้ ประโยคและยา้ ย “คานาม (purse)” มาวางขา้ งหลงั ก็จะได้ Which purse will you buy? กระเป๋ าใบไหนทค่ี ุณจะซื้อ

ประโยคตวั อย่างการใช้ Which

3.6 Where

Where ทไี่ หน Where (แวร)̣ แปลวา่ “ท่ีไหน เราจะใชใ้ นการต้งั คาถามแบบ Wh-Question ท่ีเกี่ยวกบั สถานที่ โดยวธิ ีการใชง้ านก็เหมือนเดิม นน่ั ก็คือ ทาให้ ประโยคน้นั ๆ เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนแลว้ ก็ค่อยเติม Where เขา้ ไปดา้ นหนา้ ของประโยค ในประโยค She gives ice-cream to him in the house. (หล่อนใหไ้ อศกรีมแก่เขาในบา้ น) ถา้ เราจะทาเป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ Where กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค She gives ice cream to him in the house. เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนโดยใช้ V.to do เขา้ ช่วยกจ็ ะ ได้ (She เป็นเอกพจน์ใช้ Does) Does she give ice-cream to him in the house? หล่อนให้ไอศกรีมแก่เขาในบ้านใช่ไหม (Yes, She does. หรือ No, She does not.) 2. เปลี่ยน in the house เป็น Where กจ็ ะได้ Does she give ice-cream to him where? 3. นา Where มาวางไวห้ นา้ ประโยค Where does she give ice-cream to him? หล่อนให้ไอศกรีมแก่เขาทไี่ หน

Where ทไี่ หน (ตอ่ ) แตถ่ า้ ในประโยคบอกเล่าน้นั ใชก้ ริยาช่วย V. to be หรือ กริยาช่วยอ่ืน ๆ เช่น will, shall, can, may, must เรากไ็ ม่จาเป็นท่ีจะตอ้ งใช้ V.to do เขา้ มาช่วยเหมือนตวั อยา่ งขา้ งตน้ แต่ขอใหใ้ ชว้ ชิ าการน้ีจะง่ายที่สุด V. to be เราตอ้ งการจะสร้างประโยค You are going to the library (คุณกาลงั จะไปหอ้ งสมุด) เป็นคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ Where กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปลี่ยนประโยค You are going to the library. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยใช้ V.to be ไปวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ Are you going to the library? (Yes, I am. หรือ No, I am not ) 2. เปลี่ยน the library เป็น where และใหต้ ดั Preposition (to) ทิง้ ไปก็จะได้ Are you going where? 3. ยา้ ย where มาวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ Where are you going? คุณกาลงั จะไปไหน

Where ทไี่ หน (ตอ่ ) กริยาช่วย will, shall, can, may, must เราตอ้ งการจะสร้างประโยค Joy should have lunch at the canteen. (จอยควรจะไปรับประทานอาหารกลางวนั ที่โรงอาหาร) เป็น คาถามแบบ Wh- Question โดยใช้ Where กท็ าไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค Joy should have lunch at the canteen. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยใช้ V.to be ไปวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ Should Joy have lunch at the canteen? จอยควรจะไปรับประทานอาหารกลางวนั ทโ่ี รงอาหารใช่ไหม (Yes, she should. หรือ No, she should not.) 2. เปล่ียน the canteen เป็น where และใหต้ ดั Preposition (at) ทิ้งไปกจ็ ะได้ Should Joy have lunch where? 3. ยา้ ย where มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ Where should Joy have lunch? จอยควรจะไปรับประทานอาหารกลางวนั ทไ่ี หน

ประโยคตวั อย่างการใช้ Where

3.7 When

When เมอื่ ไร When (เวน) แปลวา่ “เม่ือไร” เราจะใชใ้ นการต้งั คาถามแบบ Wh-Question ที่เก่ียวกบั เวลา โดยแปลวา่ “เมื่อไร” หรือ “เป็นเวลาเทา่ ไร” นน่ั เอง ในประโยค They get up at 6o'clock (พวกเขาต่ืนนอนเวลา 6 นาฬิกา) ถา้ เราตอ้ งการทาเป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ When กท็ าได้ ดงั น้ี 1. เปล่ียนประโยค They get up at 6 o'clock. เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนโดยใช้ V. to do เขา้ ช่วยก็จะได้ (They เป็น เอกพจน์ใช้ Do) Do they get up at 6 o’clock? พวกเขาตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาใช่ไหม (Yes, They do. หรือ No, They do not) 2. เปล่ียน 6 o'clock เป็น When แลว้ ตดั Preposition (at) ทิ้งไป ก็จะได้ Do they get up when? 3. ยา้ ย When มาวางไวห้ นา้ ประโยค When do they get up? พวกเขาต่ืนนอนเวลาเท่าไร แต่ถา้ ในประโยคบอกเล่าน้นั ใชก้ ริยาช่วย V. to be หรือกริยาช่วยอ่ืนๆ เช่น will, shall, can, may, must เราก็ไม่จาเป็ นที่จะตอ้ งใช้ V. to do เขา้ มาช่วยเหมือนตวั อยา่ งขา้ งตน้ แตข่ อใหใ้ ชว้ ชิ าการน้ีจะง่ายที่สุด

When เมอื่ ไร (ตอ่ ) V. to be เราตอ้ งการจะสร้างประโยค He was taking a bath at 7 o’clock yesterday. (เขากาลงั อาบน้าในเวลา 7 นาฬิกาเมื่อวานน้ี เป็นคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ When ทาไดด้ งั น้ี 1. เปล่ียนประโยค He was taking a bath at 7 o’clock yesterday. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยใช้ V. to be ไปวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะ ได้ Was he taking a bath at 7 o’clock yesterday? เขากาลงั อาบนา้ ในเวลา 7 นาฬิกาเมื่อวานนีใ้ ช่ไหม (Wes, he was. หรือ No, he was not.) 2. เปลี่ยน 7 o’clock เป็น when และใหต้ ดั Preposition (at) ทิง้ ไปก็จะได้ Was he taking a bath when yesterday? 3. ยา้ ย when มาวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ When was he taking a bath yesterday? เขากาลงั อาบนา้ ในเวลาใดเมื่อวานนี้

When เมอื่ ไร (ตอ่ ) กริยาช่วย will, shall, can, may, must เราตอ้ งการจะสร้างประโยค The train will arrive in the morning. (รถไฟจะมาถึงในเวลาเชา้ ) เป็น คาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ When ก็ทาได้ ดงั น้ี 1. เปล่ียนประโยค The train will arrive in the morning. เป็นประโยคคาถาม Yes-No Question โดยยา้ ยกริยาช่วยไปวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ Will the train arrive in the morning? รถไฟจะมาถงึ เวลาเช้าใช่ไหม (Yes, it will. หรือ No, it will not.) 2. เปล่ียน the morning เป็น when และใหต้ ดั Preposition (in) ทิ้งไปก็จะได้ Will the train arrive when? 3. ยา้ ย when มาวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ When will the train drive? รถไฟจะมาถงึ เมื่อไร

ประโยคตวั อย่างการใช้ When

3.8 Why

Why ทาไม Why (วาย) แปลวา่ “ทาไม” เม่ือเรียนมาถึงบทน้ีแลว้ ใหส้ งั เกตวา่ Wh- ตวั ใดบา้ งท่ีประธานของประโยคไดแ้ ละ Wh- ตวั ใดบา้ งที่เป็นกรรมของ ประโยค (ท่ีตอ้ งทาเป็น Yes –No Question ก่อนนน่ั อยา่ งไรล่ะ..จาไดไ้ หม) หรือ Wh- ตวั โตที่เป็นไดท้ ้งั 2 รูปแบบ จากประโยค She stays at home alone ภาคแสดงเป็นกริยาแท้ (stays) เม่ือทาเป็นประโยคคาถามแบบ Yes - No Question ตอ้ งใช้ V. to do มาช่วยก็จะ ได้ (She เป็นเอกพจนใ์ ช้ Does) Does she stay at home alone? แลว้ ก็ใส่ Why เขา้ ไปหนา้ ประโยค Why does she stay at home alone? จากประโยค You are sad. ภาคแสดงเป็นกริยาช่วย V. to be เมื่อทาเป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก็แคย่ า้ ยกริยาช่วยไปอยดู่ า้ นหนา้ ก็จะ ได้ Are you sad? แลว้ ก็ใส่ Why เขา้ ไปขา้ งหนา้ V. to be กจ็ ะได้ Why will she go to Australia?

ประโยคตวั อย่างการใช้ Why

3.9 How

How อย่างไร / เทา่ ไร How (ฮาว) แปลวา่ “อยา่ งไร” ใชต้ ้งั คาถามเกี่ยวกบั วธิ ีการ ลกั ษณะอาการ จากประโยค They feel bad. (ภาคแสดงเป็นกริยาแทแ้ บบ Linking Verb) 1. ทาเป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question โดยใช้ V. to do เขา้ ช่วยก็จะได้ (They เป็นพหูพจน์ใช้ Do) Do they feel bad? 2. เปลี่ยน bad เป็น how กจ็ ะได้ Do they feel how? 3. ยา้ ย how มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ How do they feel? พวกเขารู้สึกอย่างไร จากประโยค She is well. (ภาคแสดงเป็น V. to be) 1. ทาเป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question โดยการยา้ ย V.to be ไปวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ Why will she go to Australia?

How อยา่ งไร / เทา่ ไร (ตอ่ ) 2. เปลี่ยน well เป็น how ก็จะได้ Is she how? 3. ยา้ ย how มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ How is she? หล่อนเป็ นอย่างไรบ้าง จากประโยค You can run so fast. (ภาคแสดงเป็นกริยาช่วย will, can, must, should, may) 1. ทาเป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question โดยการยา้ ยกริยาช่วย (can) ไปวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ 2. นา how มาวางไวห้ นา้ ประโยคกจ็ ะได้ Can you run so fast? How can you run so fast? คุณวงิ่ ได้เร็วมากได้อย่างไร

How อยา่ งไร / เท่าไร (ตอ่ ) นอกจากน้ีแลว้ How ยงั นิยมใชค้ ูก่ บั adjective และ adverb อ่ืน ๆ ในการต้งั คาถามในประโยคคาถามภาษาองั กฤษไดอ้ ีกดว้ ย เช่น How old are you? คุณอายเุ ท่าไร How much do you need? คุณตอ้ งการเทา่ ไร How fast can you type? คุณพิมพไ์ ดเ้ ร็วเทา่ ไร How far do you live? คุณอยไู่ กลแค่ไหน How big is the hall? หอ้ งโถงใหญแ่ ค่ไหน และนอกจากน้นั How ยงั นิยมใชค้ ู่กบั much (มชั ) และ many (เมนี) ซ่ึงใชถ้ ามจานวนทว่ั ๆ ไปวา่ มากเท่าไร โดยเราจะใช้ much กบั นามนบั ไมไ่ ด้ และใช้ many กบั นามนบั ไดแ้ ละขอ้ สาคญั ใหส้ ังเกตวา่ หลงั How much และ How many น้นั จะตอ้ งตามดว้ ย\"คานาม” เสมอ How much ใชถ้ ามนามที่นบั ไม่ได้ How many ใชถ้ ามนามท่ีนบั ไดแ้ ละจะตอ้ งใชเ้ ป็นรูปพหูพจน์เสมอ How much water can you drink a week? How much money do you spend a day? How much meals do you have a day? คุณด่ืมนา้ ได้เท่าไรต่อสัปดาห์ วนั หน่ึง ๆ คุณใช้เงินมากเท่าไร วนั หน่ึงคุณทานอาหารมือ้ ต่อวนั I have tree meals a day. I can drink 21 litres of water a week. I spend five hundred baht a day. ฉันทานอาหารวนั ละสามมื้อ ฉันด่ืมนา้ ได้ 21 ลติ รต่อสัปดาห์ ฉันใช้วนั ละ 500 บาท

ประโยคตวั อย่างการใช้ How

3.10 Others questioning

3.10 Others questioning การถามแบบอนื่ ๆ ทไี่ ม่ไดใ้ ช ้ wh –question ขนึ้ ตน้ ประโยค 1. A: For how many days will we be there? เราจะอยทู่ ่ีน้นั กนั ก่ีวนั ? B: Three days. 3 วนั คุณอาศยั อยบู่ ริเวณไหน? 2. A: In which area do you live? ฉนั อาศยั อยภู่ าคอีสาน B: I live in E-San. (North Earthen Thailand) เราจะออกเดินทางไปฮาวายวนั ไหน? 3. A: On what date will we leave for Hawaii? B: On Monday, 10 June, 2017. วนั จนั ทร์ท่ี 10 มิ.ย. 2560 ร้านคา้ น้ีเปิ ดและปิ ดเวลาเท่าไร? 4. A: At what time does the shop open and close? ร้านคา้ น้ีเปิ ดเวลา....../ร้านคา้ น้ีปิ ดเวลา........ B: It is opened at ... am/ It is closed at … pm. เพราะอะไร พวกเราจึงควรไปท่ีนนั่ ? ไปช่วยคนยากจน 5. A: For what should we go there? B: To help the poor people.

3.10 Others questioning การถามแบบอนื่ ๆ ทไี่ ม่ไดใ้ ช ้ wh –question ขนึ้ ตน้ ประโยค (ตอ่ ) 6. A: For what purpose do you apply for this project? เพราะจุดประสงคอ์ ะไร คุณจึงสมคั รโครงการน้ี? B: To improve my presentation skill. เพือ่ พฒั นาทกั ษะการนาเสนองาน เพราะเหตุผลอะไร คุณจึงไม่อยากไปกบั พวกเรา? 7. A: For what reason don’t you want to come with us? B: I am exhausted. ฉนั เหนื่อยมาก เราจะไปท่ีน้นั กนั ไดโ้ ดยวธิ ีไหน? 8. A: By which manner can we go there? ไปรถเพอื่ น B: By friends’ car. คุณเล่นเครื่องดนตรีน้ีโดยวธิ ีไหน พอ่ ฉนั สอน 9. A: In what way do you play this instrument? B: My dad taught me. ฉนั จะพบเธอไดด้ ว้ ยวธิ ีใด? กรุณานดั ไวค้ ะ่ 10. A: By what way can I meet her? B: Make an appointment, please.

บทที่ 4 Asking permission, Expression thanks and Apologizing การขออนุญาต การกลา่ วขอบคณุ และการขอโทษ

4.1 Asking permission การขออนุ ญาต

ชิดพงษ์ กววี รวฒุ ิ และคณะ (2550) กล่าววา่ เวลาท่ีเราจะขออนุญาตคนอื่นทาอะไรก็ตาม ปกติแลว้ ก็มกั จะใชภ้ าษาสุภาพ ในภาษาองั กฤษก็เช่นกนั ปกติแลว้ ในภาษาองั กฤษเวลาขออนุญาตมกั จะพดู เป็ นประโยค คาถามวา่ ฉนั สามารถทาสิ่งน้นั ส่ิงน้ีไดห้ รือไม่ มีหลายประโยคและหลายสานวนท่ีใชพ้ ดู เพือ่ ขออนุญาต ดงั ตวั อยา่ ง ตอ่ ไปน้ี ใหผ้ อู้ า่ นฝึกโดยฟังจาก CD แลว้ พูดตาม หรือ ฝึกถามโดยใชโ้ ครงสร้างประโยคน้ีแต่เปล่ียนคาศพั ทไ์ ปเรื่อย ๆ หรือฝึกสนทนากบั เพือ่ นเปลี่ยนกนั ถามแลว้ ตอบและเปล่ียนใชค้ าศพั ทอ์ ื่น ๆ ในบริบทของชีวติ ประจาวนั 1. A: Can I use this computer? ขออนุญาตใช้คอมพวิ เตอร์เครื่องนีไ้ ด้ไหมครับ? B: Yes, sure. ได้แน่นอน C: No, of course not. ไม่, ไม่ได้หรอก ขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ? 2. A: Could I use your telephone? ได้สิ B: Why not? เกรงว่าจะไม่สะดวก C: I’m afraid I can’t. ขอใช้ดกิ ชันนาร่ีคุณนะคะ? ได้แน่นอน 3. A: Can I use your dictionary, please? ขอโทษที ฉันกาลงั ใช้อยู่ B: Of course! C: Sorry I’m using it.

4.2 Expressing Thanks การกล่าวขอบคณุ

เม่ือมีใครทาส่ิงใดใหเ้ ราแมว้ า่ จะเป็นการทาเล็กๆ นอ้ ยๆ ตลอดจนการทาใหเ้ รารู้สึกซาบซ้ึงใจ เราควรจะกล่าว แสดงความขอบคุณแก่คนผนู้ ้นั ซ่ึงจะทาใหผ้ ฟู้ ังรู้สึกดีไดเ้ ช่นกนั ดงั ตวั อยา่ งประโยค (สมชาย ชยั ธนะตระกลู , 2555). 1. Thanks. ขอบใจ 2. Thank you. ขอบคุณ 3. Thank you very much. ขอบคุณมากครับ 4. Thank you so much. ขอบคุณมากครับ 5. Thanks a lot. ขอบคุณมาก 6. Thanks for your kindness. ขอบคุณสาหรับความกรุณาของคุณ 7. Thanks for your help. ขอบคุณมากทอี่ ุตส่าห์ช่วยเหลือผม 8. Thank you for your invitation. ขอบคุณสาหรับคาเชิญของคุณ 9. Thank you for your present. ขอบคุณสาหรับของขวญั ของคุณ 10. Thank you for your advice. ขอบคุณสาหรับคาแนะนาของคุณ

11. Thank you for your support. ขอบคุณมากทใี่ ห้การสนับสนุน 13. Thank you for your hospitality. ขอบคุณทใี่ ห้การต้อนรับ 14. That’s very kind of you. คุณใจดีจังเลย 15. How very kind of you! คุณช่างใจดีอะไรเช่นนี้ 16. How thoughtful of you! คุณช่างเอาใจใส่ดจี ริงๆ 17. I really appreciate that. ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ 18. I’m so glad about that. ฉันรู้สึกดใี จจริงๆ 19. I’m very grateful. ฉันรู้สึกปลืม้ ใจมาก 20. It’s really impressive. มันน่าประทบั ใจมาก

4.3 Thanks accepted การตอบรบั คาขอบคณุ

การตอบรับคาขอบคุณ เป็ นมารยาทอยา่ งหน่ึงที่เราจะตอ้ งกล่าวเมื่อมีผูม้ าขอบคุณเรา เพ่ือเป็ นมารยาทอนั ดีและเป็ นวฒั นธรรมใน การสนทนาท้ังในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีประโยคตอบรับคาขอบคุณท่ีนิยมใช้ท่ีผูอ้ ่านสามารถจดจาและนาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ได้ ดงั ตวั อยา่ งประโยคต่อไปน้ี

4.4 Apologizing การขอโทษ

ชิดพงษ์ กววี รวฒุ ิ และคณะ (2550) กล่าววา่ การกล่าวคาขอโทษหรือกล่าวแสดงความเสียใจ มีวธิ ีการพูดแตกต่างกนั ออกไปข้ึนอยกู่ บั สถานการณ์ท่ีกาลงั ดาเนินอยู่ อยา่ งไรกด็ ีผอู้ า่ นสามารถจาประโยคเหล่าน้ีเพื่อนาไปใชส้ ่ือสารใหถ้ ูกตอ้ งตาม สถานการณ์ท่ีเผชิญอยกู่ ็จะเป็นผลดีต่อผอู้ า่ นที่จะสามารถใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งหลากหลายไม่ติดขดั เพราะการรู้คาศพั ทน์ อ้ ยหรือ แตง่ ประโยคไม่เป็นยอ่ มเป็ นอุปสรรคในการส่ือสารภาษาองั กฤษแน่นอน ดงั น้นั มาฝึกประโยคเพอ่ื แกต้ วั หรือขอโทษกนั เถอะ เพราะวา่ เมื่อเกิดสถานการณ์ท่ีจาเป็นตอ้ งขอโทษเราจะพูดไดโ้ ดยไมต่ อ้ งอา้ ปากคา้ ง อ่า ๆ อ้ึง ๆ ซ่ึงจะทาใหเ้ ราเสียความมนั่ ใจ และดูไมด่ ีนกั ในสายตาคนอ่ืน ตวั อยา่ งประโยค ขอโทษมีดงั น้ี คือ 1. I’m sorry I’m late. ขอโทษทฉี่ ันมาสาย 2. I need your help right now. ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณตอนนี้ 3. I'm sorry, I've left my book at home. ขอโทษครับผมลืมสมุดไว้ทบ่ี ้าน 4. Excuse me. I'm sorry I'm late. ขอโทษทม่ี าสายครับ 5. Sorry, I don't understand. ขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจ 6. Excuse me, what did you say? ขอโทษนะ,คุณพดู ว่าอะไร 7. I’m really sorry. ฉันขอโทษจริงๆ 8. Pardon. ขอโทษนะ / โทษที

4.5 Apologizing accepted การตอบรบั คาขอโทษ

การตอบรับคาขอโทษ เป็นมารยาทอยา่ งหน่ึงท่ีเราจะตอ้ งกล่าวเม่ือมีผมู้ าขอโทษเรา เพื่อแสดงวา่ เรา ใจกวา้ ง ใหอ้ ภยั อีกฝ่ ายจะไดไ้ มร่ ู้สึกผดิ ข่นุ ขอ้ งหมองใจกนั ตวั อยา่ งประโยคการตอบรับคาขอโทษท่ีมกั ใชก้ นั ในประเทศที่ใช้ ภาษาองั กฤษเพือ่ การสื่อสารมีดงั น้ี (ลาดวน จาดใจดี., 2544) 1. That’s ok. ไม่เป็ นไร 2. That’s all right. ไม่เป็ นไร 3. Not at all. ไม่เป็ นไร 4. It’s nothing at all. ไม่เป็ นไร 5 It doesn’t matter. ไม่เป็ นไร 6. No problem. ไม่มปี ัญหา 7. Forget it. ไม่เป็ นไร 8. Don’t worry about it. ไม่ต้องห่วง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook