Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปกครองไทย

การปกครองไทย

Published by somsakw111, 2022-07-22 06:23:15

Description: การปกครองไทย

Search

Read the Text Version

ประวัติศาสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี ในกระทรวงต่างๆ ที่ปรึกษาเหล่านี้มีบทบาทส�ำคัญในการวางโครงสร้าง ของประเทศ เรามองระบอบใหม่ว่าจะน�ำมาซึ่งความศิวิไลซ์ มองกันไปจน ถึงขนาดที่ว่า ประเทศท่ีไม่มีรัฐธรรมนูญในขณะนั้นเป็นประเทศที่ยังไม่ ศิวิไลซ์ ซึ่งค�ำๆ นี้เราคงคุ้นชินกันมาต้ังแต่เม่ือครั้งยุคล่าอาณานิคม ตะวันตกแล้วก็เป็นได้ ก็ด้วยว่าคร้ังน้ันชาติตะวันตกเองก็พยายามอ้าง ความชอบธรรมในการเขา้ ครอบครองประเทศตา่ งๆ วา่ ประเทศเหลา่ นนั้ เป็นดุจดังบ้านป่าเมืองเถ่ือน ไม่เจริญ ท้ังรูปแบบทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง ซ่ึงเม่ือตนเองจะน�ำมาซึ่งความเจริญหรือว่าความ “ศวิ ิไลซ”์ มาสู่ประเทศที่ตนเองครอบครอง ประเทศไทยเองก็พยายามปรับตัวเพื่อแก้เกมของชาติตะวันตก เหล่านี้ตลอดเวลา ตั้งแต่เม่ือครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัวท่ีทรงใช้ความพยายามในการเลิกทาส ด้วยว่าประเทศท่ี ยังมีระบบสังคมแบบทาสนั้นเป็นบ้านป่าเมืองเถ่ือน การปรับรูปแบบการ ปกครองใหม้ คี วามชดั เจน และอื่นๆ อีกมากมายท่ที รงกระท�ำ ครง้ั ต่อมา ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั ทัง้ ๒ พระองคก์ ็ทรงด�ำเนินพระราโชบาย ตามรอยพระราชบิดาทั้งสิ้น ซึ่งก็เป็นเส้นทางท่ีจะท�ำให้สยามหลุดพ้นไป เสยี จากค�ำวา่ บา้ นป่าเมอื งเถือ่ นหรือบา้ นเมืองที่ยังไม่ศิวิไลซ์ ทว่าคำ� วา่ “ศิวไิ ลซ์” ที่วา่ น้เี ป็นความเจริญที่มรี ปู แบบชัดเจนว่า เป็นแบบที่ตะวันตกเปน็ คนวางกรอบหรือมาตรฐานเอาไว้แล้วทง้ั ส้นิ ความจริงแล้วเร่ืองราวเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงการปกครองท่ี เกดิ ข้นึ ไม่ไดม้ เี ฉพาะในประเทศสยามเทา่ นั้น ในช่วงเวลาทร่ี ว่ มสมัยกัน การเปลี่ยนแปลงลักษณะดังกล่าวได้เกิดขึ้นทั่วโลก ดังน้ันหากว่าเรา ตอ้ งการจะเหน็ ภาพการเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งท่ีชัดเจนแลว้ เราคงไม่ อาจมองมุมเฉพาะท่ีเกิดข้ึนในสังคมสยามเพียงแหล่งเดียวนั้นคงไม่อาจ 201

ประวัติศาสตรป์ ระชาธปิ ไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี ทำ� ใหเ้ ราไดเ้ หน็ สภาพการณท์ คี่ รบถว้ นนกั เราอาจตอ้ งมองไปในภาพกวา้ ง ของสังคมโลกทเี่ กดิ ขึ้นดว้ ยเช่นกนั ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันน้ันในประเทศใหญ่ๆ อย่างจีนเองก็เกิด การเปล่ียนแปลงทางการเมืองการปกครองด้วยเช่นกัน เป็นการปฏิวัติท่ี ใหญ่มากซ่ึงหากเทียบยุคกับเมืองสยามนั้นก็ร่วมสมัยกันกับการเกิด เหตุการณ์กบฏ ร.ศ.๑๓๐ ซึ่งก็ไม่ได้ห่างไกลจากการปฏิวัติใหญ่อีกแห่ง หน่งึ นนั่ ก็คอื การปฏิวตั ิในประเทศรสั เซีย ดงั นั้นเป็นไปไดห้ รอื ไม่ว่าการ เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ ท่ีเกิดข้ึนในประเทศสยาม ส่วน หนงึ่ นัน้ ก็เปน็ ไปตามกระแสการเปล่ียนแปลงทเี่ กิดข้นึ ท่วั โลก ปัจจัยต่างๆ มากมายที่เกิดข้ึนท้ังภายในประเทศเองรวมไปถึง ปัจจัยที่มาจากภายนอก ทั้งท่ีรัฐสมัยนั้นสามารถควบคุมได้และไม่ สามารถควบคุมได้ รวมถึงสยามเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ถูกดึงเข้าไปเป็น ส่วนหนึ่งของระบบสังคมโลกอย่างเต็มรูปแบบเสียแล้ว แน่นอนว่ามัน ย่อมน�ำมาซ่งึ การเปล่ยี นแปลงเปล่ียนผ่านอย่างใดอยา่ งหนึ่งเสมอ ส่ิงที่น่าสนใจก็คือ ประชาธิปไตยหรือเสรีนิยมท่ีมีรูปแบบมา จากตะวันตกนั้น แม้ว่าจะมันจะเป็นสิ่งท่ีหอมหวาน เป็นเป้าหมายของ คนรุ่นใหม่ในยุคนั้น มีความเหมาะสมสอดคล้องกับจิตวิญญาณความ เป็นตะวันออกอย่างสังคมสยามในเวลาน้ันหรือไม่ นอกเหนือไปจากน้ัน มาจนถึงวันนี้ ค�ำถามเหล่าน้ีมันก็ยังคงเป็นค�ำถามอยู่อย่างน้ัน และดู ท่าทีว่าจะไม่มคี ำ� ตอบและหนกั แนน่ เอาเสยี เลย ตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมาสังคมสยามมีความเป็นสังคมประชา ธิปไตยตามความหมายท่ีแท้จริงแล้วหรือยัง หากว่าเราได้พิจารณาใน สารัตถะของสังคมการเมืองการปกครองของเราในทุกวันน้ีแล้วจะพบว่า เราเองยงั คงไมห่ ลุดกรอบจากการรวมศูนย์อ�ำนาจมากนัก อนั น่าจะมผี ล มาจากระดับชนช้ันที่ฝังรากลงลึกลงไปในสังคมสยาม ซึ่งแต่เดิมก็มี ความชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องของล�ำดับชั้นตามการปกครอง มาถึงวันนี้ที่ 202

ประวัตศิ าสตรป์ ระชาธปิ ไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี เป็นยุคแห่งการใช้การปกครองแบบประชาธิปไตย สังคมสยามเองก็ยัง คงมีชนช้ันกันอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่ามันได้เปล่ียนรูปแปลงร่างไป เทา่ นน้ั เอง จากเจ้าไพร่ นายบ่าว มาเป็นเจา้ นายลูกนอ้ ง เรายังคงไดเ้ หน็ ความแตกต่าง ความเหลื่อมล�้ำของผู้คนในสังคมอยู่อย่างมากมาย และ ดทู า่ ว่าจะไม่มีความเบาบางลงเอาเสียเลย ช่องว่างทางสังคมท่ีเกิดขึ้นในสังคมไทยดูเหมือนว่ามันจะถ่าง ออกตลอดเวลา และมันก็ดูจะสวนทางกันกับแนวคิดในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยท่ีพร�่ำบอกเสมอถึงเร่ืองของความเสมอภาคอยู่ ตลอดเวลา 203

ประวตั ิศาสตร์ประชาธปิ ไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี ๑๕ ประชาธปิ ไตยไทย ๒๔๗๕ : มรดกทางสังคมท่มี คี ุณคา่ หรอื ไร้ค่าในสายตาของคนรนุ่ ใหม่ แม้ว่าการปฏิวัติเปล่ียนแปลงการปกครองใน พ.ศ.๒๔๗๕ จะ ผ่านกาลเวลามานานเกือบศตวรรษแล้วก็ตาม ทว่าความมุ่งหมายของ การกระท�ำการในครั้งนั้นประสบความส�ำเร็จมากน้อยเพียงใดในทาง ปฏิบัติหรือในฐานคิดของคนรุ่นใหม่ ยังคงเป็นเรื่องท่ีสังคมไทยควรหัน กลับมาให้ความสนใจและครนุ่ คิดกันอยู่มาก หากเราย้อนกลับไปพิจารณาถึงสารัตถะของประชาธิปไตยท่ี ผ่านมา เราจะพบว่า คุณค่าท่ีมีอยู่ในระบอบที่บรรพบุรุษได้ต่อสู้เรียก ร้องมานี้ ดูเหมือนว่าจะมีความส�ำคัญลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และมี แนวโน้มทีค่ อ่ นขา้ งชดั เจนวา่ ก�ำลงั จะหมดความส�ำคญั ลงในอนาคต ความจริงแล้วการเดินทางของระบอบประชาธิปไตยของไทย ไม่ไดส้ วยงาม ไมไ่ ด้เดินทางมาบนเสน้ ทางทโี่ รยไว้ดว้ ยกลบี กุหลาบ หาก แต่เต็มไปด้วยขวากหนามและรกพงมากมายจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเม่ือ ครั้งเกิดการปฏิวัติเม่ือวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ท่ัวโลกจะต้องต่ืน 204

ประวตั ศิ าสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี ตะลึงกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านที่ไร้ซึ่งการสูญเสียก็ตาม ทว่าต่อมาก็มี ความชัดเจนว่าสังคมประชาธิปไตยของไทยก็เกิดความขัดแย้งแย่งชิง กันซ่ึงอ�ำนาจอยู่ตลอดเวลา ประเทศไทยอาจเป็นประเทศเดียวในโลก ทีม่ ีการใช้รัฐธรรมนญู มากท่สี ดุ มกี ารเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมากท่สี ุด และ มคี วามวนุ่ วายทางการเมอื งมากท่ีสดุ ในโลก น่าเสียดายท่ีสังคมไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ไม่เคยพยายาม ท�ำความเข้าใจและพยายามที่จะเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์ทางการ เมืองของตนเองเลย เราจะเห็นได้จากรูปแบบของความวุ่นวายทางการ เมืองท่ีเกิดขึ้นในทุกครั้งที่ผ่านมา หากเราพิจารณาสารัตถะให้ลึกซ้ึงแล้ว เราจะเห็นได้ว่า มันเป็นชดุ รูปแบบทคี่ ล้ายๆ กนั ทัง้ เหตุการณใ์ นปี พ.ศ. ๒๕๑๖, ๒๕๑๙ เหตกุ ารณพ์ ฤษภาทมิฬในปี ๒๕๓๕ หรอื แมแ้ ต่ความ วุ่นวายทางการเมืองอ่ืนๆ อีกมากมายในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาสุดท้าย ก็ยงั คงน�ำมาซ่งึ ความสุญเสยี อยา่ งมหาศาลในปี ๒๕๕๓ ประเด็นท่ีสังคมไทยควรหันกลับมาท�ำความเข้าใจอย่างจริงจัง ก็คือ มันเกดิ อะไรขน้ึ กบั ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย เปน็ เพราะ สงั คมไทยยงั ขาดองคค์ วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั คำ� วา่ “ประชาธปิ ไตย” อย่างแท้จริง หรอื อาจจะเปน็ เพราะวา่ “ประชาธปิ ไตย” จะเป็นระบอบท่ี ไม่เหมาะกับสงั คมไทย ความจริงแล้ว โลกเรานี้มีระบอบการปกครองอยู่หลายระบบ ซึ่งก็มีท้ังข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ทว่าเราก็ยังคงเชื่อม่ันอยู่ กลายๆ ในเวลาน้ีว่า แม้ว่าประชาธิปไตยจะยังไม่ใช่ระบอบท่ีดีท่ีสุดใน โลก ทว่าเราก็ยังเช่ือกันว่า ประชาธิปไตยคือระบอบทางสังคมท่ีเลวน้อย ท่ีสุดในโลกอยู่ มรดกจากการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ท่ีเราพร�่ำสอนกันเรื่อยมาว่ามัน เป็นมรดกอันทรงคุณค่า ทว่าคนรุ่นหลังกลับน�ำส่ิงเหล่านั้นมาใช้กัน อย่างไร้ซ่ึงเหตุผล จนเกิดเป็นเหตุความวุ่นวายในเรื่อง “อ�ำนาจ” อยู่ 205

ประวัตศิ าสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี หลายครั้ง ท่ีภายหลังจากการเปล่ียนแปลงการปกครอง มีอยู่อย่างน้อย ถึง ๔ เหตุการณ์ใหญ่ท่ีได้สร้างความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ ท้ัง เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เหตุการณ์เมื่อ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ เหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ หรือท่ีเราเรียกกันว่า “พฤษภา ทมฬิ ” ทงั้ ๓ เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ มนั เปน็ เสมอื นรอยดา่ งทางประวตั ศิ าสตร์ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยท่ีคนไทยเองควรได้เรียน รู้อย่างลึกซึ้ง และควรมีจัดการกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์น้ันอย่าง รู้เท่าทัน อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์หรือ ประวัติศาสตร์เหล่านั้นเป็นบทเรียนท่ีน่าขมขื่น เพื่อท่ีสังคมไทยจะได้ไม่ ต้องเดินย้อนรอยทางประวัติศาสตร์อันน่ารันทดเหล่านั้นจนกลายมา เป็นวงจรอบุ าทวอ์ ีก อย่างไรก็ตาม สังคมไทยกลับไร้ซึ่งการเรียนรู้กับเร่ืองราวเหล่า นั้น น�ำมาซึ่งประวัติศาสตร์ซ�้ำรอยเดิมอีกครั้งเมื่อเกิดความสูญเสียแบบ เดมิ ๆ เม่อื ปพี .ศ. ๒๕๕๓ เกิดข้อผิดพลาดอะไรกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ของไทย คงเป็นค�ำถามท่ีคนรุ่นใหม่คงต้องพยายามท�ำความเข้าใจ พยายามที่จะถกเถียงเพ่ือหาค�ำตอบอันเป็นที่น่าพอใจให้ได้ ก่อนความ ล่มสลายจะเกิดขึ้นกับการปกครองท่ีเราบอกกันว่า “เลว” น้อยท่ีสุดใน โลก หลายคนพยายามวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ปฏิวัติ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ว่าเป็นการ “ชิงสกุ ก่อนห่าม” ด้วยว่าประชาชนสยามในเวลานั้น ยังไม่มีความพร้อมเพียงพอต่อเร่ืององค์ความรู้เก่ียวกับการปกครอง แบบประชาธิปไตย ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะน�ำเอาระบอบที่คนสยามเองไม่ คุ้นเคยเข้ามาใช้ แทนที่จะเป็นความเจริญรุ่งเรืองก็อาจเป็นการสุ่มเสี่ยง ต่อความล่มสลายทางสังคมได้ ทว่าตลอดระยะเวลาเกือบศตวรรษท่ี ผ่านมา เรากผ็ ่านมนั มาได้แมว้ า่ จะทลุ ักทุเลบ้างกต็ าม 206

ประวัติศาสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี ภายหลงั จากวนั ท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๔๗๕ เป็นตน้ มา กระบวน การแห่งอ�ำนาจได้เปล่ียนผ่านและเปิดโอกาสให้กลุ่มท่ีเราเรียกว่า “ชนชั้นปกครองใหม่” ได้เข้ามามีบทบาทแสดงตัวอยู่หน้าเวทีบ้างหลัง จากท่ีได้เป็นพลังอยู่หลังฉากมานานแล้ว ซึ่งกลุ่มชนชั้นปกครองใหม่ นี่เองที่สร้างรูปแบบและส่งผลสืบเนื่องมาจนถึงรุ่นหลังและเหตุการณ์ ทางการเมอื งตา่ งๆ มากมาย อย่างไรก็ตามค�ำว่า “อ�ำนาจในระบอบประชาธิปไตย” ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ น้ันอ�ำนาจดังกล่าวก็หา ได้เดินทางไปถึงประชาชนในฐานะผู้เป็นเจา้ ของอ�ำนาจท่ีแท้จริงไม่ เราจะ เห็นได้จากผู้กุมอ�ำนาจทางการเมืองที่ไม่ได้เปลี่ยนชนชั้นแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเปลี่ยนมือจากกลุ่มหนึ่งไปสู่อีกกลุ่มหน่ึงเท่าน้ันเอง ที่ส�ำคัญ กลุ่มท่ีสืบถ่ายอ�ำนาจกันไปมาต่างก็ล้วนเก่ียวเนื่องเช่ือมโยงกันเป็นส่วน หน่งึ ของคณะผ้กู อ่ การทัง้ สนิ้ ไม่ว่ากระบวนการเปลี่ยนผ่านอ�ำนาจที่ยังไม่สามารถไปถึงมือ ประชาชนน้ัน จะเป็นด้วยฐานคิดของประชาชนเองที่ยังไม่เข้าใจแก่น แกนของค�ำว่าประชาธิปไตยเองหรือว่าเป็นความตั้งใจของผู้มีอ�ำนาจ กต็ าม แตก่ ารไดม้ าซงึ่ อ�ำนาจจากการปฏิวัติเปลยี่ นแปลงการปกครองใน พ.ศ.๒๔๗๕ มันก็เป็นอ�ำนาจที่ขาดฐานสนับสนุนจากประชาชน ดังนั้น อ�ำนาจที่ลอยอยู่มันจึงวนเวียนอยู่ในกลุ่มของชนช้ันน�ำที่เราเรียกกันว่า ชนชนั้ ปกครองใหมแ่ ละสามารถดำ� รงคงอยสู่ บื เนอ่ื งมาอกี นานหลายสบิ ปี ท่ีชัดเจนก็เหน็ จะเปน็ ระบอบผ้นู ำ� ส�ำคัญๆ ทง้ั จอมพล ป พบิ ลู สงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนถึงจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นต้น แม้ จนถึงปัจจุบันเช้ือแห่งอ�ำนาจที่ว่าน้ีมันก็ยังคงชอนไชลงไปในฐานราก ของสังคมไทยอีกมากมาย เพียงแต่ว่ามันอาจเปลี่ยนรูปแปลงร่างให้ต่าง ไปจากเดิมเทา่ นน้ั เอง ระบอบของจอมพล ป พิบูลสงคราม ท่ีเราใช้คำ� ว่า “ชาตนิ ยิ ม” 207

ประวัติศาสตร์ประชาธปิ ไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี เป็นธงน�ำพาประเทศให้เดินทางตามผู้น�ำ เชื่อผู้น�ำ ไว้ใจผู้น�ำ จนท�ำให้ ผู้น�ำนั้นสามารถกุมอ�ำนาจส�ำคัญของประเทศไว้ได้เกือบจะแทบทุกด้าน ทั้งโครงสร้างใหญ่ของอ�ำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยัง ควบคุมฐานอ�ำนาจส�ำคัญอื่นอีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงการเป็นผู้บัญชาการ ทหารสงู สดุ การเข้าควบคุมขุมอ�ำนาจท้ังหลายเหล่าน้ี ไม่เพียงน�ำมาซ่ึง อ�ำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการลากพาประชาธิปไตยและประเทศ ไทยไปตามทิศทางท่ีเห็นควรของผู้น�ำเท่านั้น หากแต่มันยังน�ำมาซ่ึง ความมงั่ ค่ังม่ันคงทางเศรษฐกิจของกลุ่มผูก้ มุ อำ� นาจอกี ด้วย ประเด็นท่ีน่าสนใจเก่ียวกับประชาธิปไตยก็คือ ต้นแบบท่ีเรา เองน้อมรับมาจากตะวันตกน้ันเป็นรูปแบบที่มีการเช่ือมต่อกันระหว่าง พลังทางเศรษฐกิจและอ�ำนาจทางการเมือง ครั้นเม่ือประเทศสยาม เปลี่ยนผ่านอ�ำนาจจากกลุ่มขุนนางเดิมมาเป็นกลุ่มที่เรียกว่าชนชั้น ปกครองใหม่ แน่นอนว่ามันย่อมเป็นช่องทางหรือโอกาสให้กลุ่มทุนใหม่ เข้ามาประกบกับกลุ่มอ�ำนาจใหม่ทันที ย่ิงเม่ือถึงยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั น์ ทเี่ กดิ กระแสของค�ำวา่ “พฒั นา” เขา้ มาก็ยง่ิ ท�ำใหก้ ลุม่ ทนุ ท่ีมงุ่ หมายสยายปีกขยายฐานอ�ำนาจทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนและเติบโต อยา่ งรวดเรว็ เม่ือเกิดความไม่สมดุลกันระหว่างอ�ำนาจและการพัฒนา ที่สุด แล้วก็น�ำมาซ่ึงความวุ่นวายท่ีเก่ียวเนื่องเช่ือมโยงกันอย่างแยกไม่ออกใน เรื่องของอ�ำนาจ ความจริงแล้ว ความหมายของค�ำว่า “การเมือง” นั้น คือ กระบวนการได้มาซ่ึงอ�ำนาจ ซึ่งหากว่ากระบวนการได้มาซ่ึงอ�ำนาจน้ัน เป็นไปด้วยความถูกต้องชอบธรรมเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้ว อ�ำนาจก็จะยั่งยืนยาวนาน ทว่าตรงข้ามกัน เมื่อใดก็ตามที่อ�ำนาจนั้นได้ 208

ประวัตศิ าสตร์ประชาธิปไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี มาจากความไมช่ อบธรรม มันกย็ อ่ มรอ้ นรนและสูญเสยี มันไปในที่สุด กระบวนการต่อมาเมอื่ ไดม้ าซึง่ อำ� นาจแลว้ กค็ อื กระบวนการใช้ อ�ำนาจน้ัน หรือท่ีเราเรียกว่า “การปกครอง” ความจริงแล้วไม่ว่าจะ เป็นการปกครองในรูปแบบใดก็ตาม จะไม่สามารถสร้างความวุ่นวาย สร้างความเสียหายท้ังชีวิตและทรัพย์สินได้ หากว่าการใช้อ�ำนาจการ ปกครองของผู้ท่ีมีอ�ำนาจเป็นไปด้วย “ธรรม” กระบวนการปกครองท่ี เหมาะสมคือกระบวนการที่จะต้องน�ำมาซึ่งความสงบสุข ความสุข สมบรู ณใ์ ห้กบั กลุม่ คนหรือประชาชนหรือสมาชิกในสงั คมนัน้ ๆ เหตุการณ์ทางการเมืองมากมายทั้งร้ายดีที่เกิดข้ึนภายหลังการ เปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ ล้วนเป็นผลพวงหรือเป็นมรดก ท่ีไม่ว่าคนรุ่นหลังจะปรารถนาหรือไม่ก็ตาม แต่ก็เป็นส่ิงที่เราได้รับ สบื ทอดมาแลว้ อย่างยากลำ� บาก นา่ เสียดายทค่ี นไทยไม่รจู้ กั ใช้และเรยี น รู้ประวัติศาสตร์ให้เป็นประโยชน์ ประวัติศาสตร์การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยเป็นตัวอยา่ งท่ีเห็นได้ชดั เจนทส่ี ุด กว่าท่ีแนวคิดเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะ สัมฤทธิ์ผล ก็ใช้เวลาในการเรียนรู้อยู่หลายสิบปี การด�ำเนินการเม่ือ วนั ที่ ๒๔ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๔๗๕ กเ็ ช่นกนั ไมไ่ ด้เปน็ เร่อื งความฝันหรือ จินตนาการและด�ำเนินการเสร็จสิ้นอย่างง่ายดาย คร้ันเมื่อได้ประชา- ธปิ ไตยมาแลว้ คนไทยกไ็ มค่ อ่ ยใสใ่ จทจ่ี ะเรยี นรจู้ กั คำ� วา่ “ประชาธปิ ไตย” กันให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จนน�ำมาซ่ึงความวุ่นวายและการสูญเสีย มากมายหลายคร้ัง เราไม่ยอมเรียนรู้ที่จะใช้ประวัติศาสตร์อันเลวร้ายให้ เป็นประโยชน์ ดังนั้นเราจึงได้เห็นประวัติศาสตร์การสูญเสียจาก ประชาธิปไตยซ้�ำรอยไปซ้�ำรอยมาเสมอ การสูญเสียเม่ือเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ น่าจะสร้างความหวาดกลับให้กับคนไทยได้บ้าง แต่ไม่นานจาก น้ันก็เกิดเหตุคนไทยฆ่ากันตายอย่างโหดร้ายทารุณ เพียงแค่แนวคิด เรือ่ งประชาธปิ ไตยที่แตกต่างกัน 209

ประวตั ศิ าสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี ทั้ง ๒ เหตุการณ์ที่ระยะเวลาห่างกันไม่นานน้ัน มันได้สร้าง รอยด่างให้กับประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยไว้อย่าง น่ากลัว ความสูญเสียท่ีเกิดขึ้นน่าจะเป็นบทเรียนท่ีเพียงพอที่คนไทยจะ พยายามร่วมกนั หาทางป้องกนั ไม่ให้เหตกุ ารณเ์ หล่านนั้ เกิดขน้ึ อกี จะเปน็ ด้วยแนวคิดของคนละรุ่นหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เราก็เกิดเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ขน้ึ อกี ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งก็ไดส้ รา้ งความเสยี หายใหไ้ ม่ น้อย ประวัติศาสตร์ไม่ควรจะซ�้ำรอยเช่นนี้อีก และเราก็ยืนยันกัน เสมอว่าจะตอ้ งไม่มีเหตุการณ์เชน่ นีอ้ กี ทวา่ ไมน่ านมาน้เี มอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๓ เรากเ็ กดิ เหตกุ ารณค์ วามสญู เสียกันอกี ครัง้ และดูเหมอื นว่า จากนีต้ ่อไป คงจะไม่มีใครสามารถยืนยันได้อีกแล้วว่าในอนาคตประวัติศาสตร์การ ปกครองของไทยจะไมซ่ ้�ำรอยเดมิ ไดอ้ ีก ค�ำถามเดิมๆ กลับมาอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับประชาธิปไตย ของไทย ท�ำไมรูปแบบเดียวกันนี้จึงประสบความส�ำเร็จอย่างมากกับ สังคมต้นแบบอย่างอังกฤษและอเมริกา ทว่าเม่ือระบบเดียวกัน รูปแบบ เดียวกันน้ีกลับไม่ประสบความส�ำเร็จหรืออาจจะเรียกว่าล้มเหลวไม่เป็น ท่าเมื่อเราน�ำมนั มาใช้ในสังคมไทย ส่ิงต่างๆ เหล่าน้ีอาจต้องเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่จะต้อง พยายามท�ำความเข้าใจในสารัตถะของประชาธิปไตยให้ถ่องแท้ว่าแก่น แกนของมันนั้นคืออะไร ตอ้ งพยายามเข้าใจในแกน่ ลกึ ของประชาธิปไตย ใหไ้ ดว้ ่าจดุ หมายปลายทางของมันนน้ั คืออะไร สังคมไทยคงต้องหันมาใส่ใจเร่ืององค์ความรู้ที่ถูกต้องเก่ียวกับ ประชาธิปไตยให้มากกว่านี้ เรามักสอนในเชิงสรรเสริญคุณค่าของ ระบอบนี้กันตลอดเวลาว่ามันเป็นระบบที่มุ่งเน้นเรื่องของ “สิทธิและ เสรีภาพ” ดงั นนั้ เราจงึ เหน็ “สทิ ธิ” ของตวั เองเปน็ หลกั เมอื่ ใดกต็ ามท่ี ใครเข้ามาท�ำร้ายท�ำลายสิทธิของตนให้พร่องหายไป เราจะมีความ 210

ประวัตศิ าสตรป์ ระชาธปิ ไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี รู้สึกว่าเราก�ำลังจะสูญเสียสิ่งอันมีค่าท่ีประชาธิปไตยมีไว้ให้เรา ทว่าเรา กลับลมื ไปวา่ “สิทธ”ิ นั้นมคี ำ� ทคี่ วบค่มู าด้วยกันเสมอ น่ันกค็ ือ “หน้าท”ี่ เรามีสิทธิในการแสดงออก สิทธิในการได้มา ทว่าเราก็ต้อง มีหน้าที่ในฐานะท่ีเป็นหน่ึงในสมาชิกของสังคมด้วยเช่นกัน หน้าท่ีในการ เสียภาษี หนา้ ทต่ี ามกฎหมาย หนา้ ที่ในฐานะเป็นคนดี เปน็ ต้น สทิ ธเิ ปน็ เพียงส่วนหนึ่งของระบอบของประชาธิปไตยในส่วนท่ีเป็นข้อดี ทว่าใน ลักษณะของการเป็นสัตว์สังคม การแสดงออกซ่ึงสิทธิของสมาชิกอย่าง เต็มที่ในบางคร้ังสิทธินั้นอาจไปก้าวล่วงต่อสิทธิของสมาชิกคนอ่ืนก็เป็น ได้ ตัวอย่างเช่น มีสมาชิก ๒ คนอยู่ในห้องเดียวกัน สมาชิกคนหนึ่ง ต้องการใช้สิทธิในการเปดิ เพลงเสียงดงั โดยอา้ งวา่ เป็นสิทธิ ทว่าสมาชกิ อีกคนหนึ่งต้องการใช้สิทธิของตนเองอีกเช่นกันในการใช้สถานที่อันสงบ เงียบ ดังน้ันสิทธิของทั้ง ๒ สมาชิกดังกล่าวย่อมทับซ้อนกัน หากว่า ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่มีเกิดความขัดแย้งกัน เราก็จ�ำเป็น จะต้องปรับความคิดยอมรับในสิทธิท่ีพึงมีพึงได้ของกันและกัน จะเห็น ได้ว่าทางออกของประชาธิปไตยน้ันคือการยอมรับระหว่างกันไม่ใช่การ ดันทุรังใชส้ ทิ ธขิ องตนเอง สังคมไทยในปัจจุบันก�ำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรู้เร่ือง ประชาธิปไตยเช่นน้ันกันอยู่ ดังน้ันทางออกของประชาธิปไตยจึงไม่ได้ อยทู่ ี่การยอมรบั ในผลตามระบอบ หากแต่ควรส่งเสริมองคค์ วามรู้ความ เข้าใจท่ีถูกต้องเกีย่ วกบั ประชาธิปไตยให้กบั สมาชิกในสงั คมมากกวา่ 211

ประวตั ิศาสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี ๑๖ บทส่งทา้ ยว่าดว้ ย ประชาธปิ ไตยในสยาม ไม่ว่าเราจะคิดอย่างไรก็ตามกับการปกครองในระบอบประชา- ธิปไตย เราก็คงไม่อาจย้อนเวลาให้มันหวนกลับไปเป็นด่ังเช่นวันวานได้ อีกแล้ว โลกนี้ไม่เคยให้โอกาสใครกลับไปแก้ไขเรื่องใดๆ ก็ตามท่ีมัน ผ่านไปแลว้ หากจะทำ� ได้ก็แค่เพยี งหันหน้ากลบั มาพจิ ารณาปัจจบุ นั ที่มนั เป็นอยู่ แลว้ ก้าวเดินไปพร้อมกบั มนั อย่างสมดุล มันจบไปแล้ว... การเปลย่ี นแปลงการปกครองเม่ือวันท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๔๗๕ มันผ่านช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านมานานเกือบร้อยปี มันอาจเป็นการ เสียเวลาเปล่าหากว่าคนรุ่นเราจะมาน่ังคร�่ำครวญพิจารณากันอย่างเอา เป็นเอาตายว่าประชาธิปไตยได้ท�ำร้ายสังคมไทยมาเน่ินนานได้อย่างไร หรือประชาธิปไตยได้ให้อะไรที่มันเป็นคุณกับสังคมไทยในช่วงเวลาท่ี ผา่ นมาบา้ ง การเปล่ียนแปลงการปกครองของประเทศสยามได้ส�ำเร็จลงไป 212

ประวตั ศิ าสตรป์ ระชาธปิ ไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี แล้วต้ังแตพ่ .ศ. ๒๔๗๕ เพราะผลที่เกิดขน้ึ มีความชัดเจนอยู่แลว้ ว่า พระ มหากษัตริย์ หรือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในเวลาน้ัน ได้ เปลี่ยนสถานะของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กลายมาเป็นองค์ประมุขของ รัฐเพียงอย่างเดียว พระองค์มิได้ทรงมีพระราชอ�ำนาจในฝ่ายบริหารอีก ต่อไป ไม่ได้ทรงท�ำหน้าท่ีประธานการประชุมเสนาบดีอีกต่อไป ในขณะ เรามีประมุขฝ่ายบริหารคนใหม่ที่เป็นบุคคลธรรมดาสามัญคนแรกคือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา หรือท่ีต่อมาเราเรียกว่านายกรัฐมนตรี และ คนทสี่ อง ก็คือพระยาพหลพลพยหุ เสนา ซ่ึงเราอาจกล่าวไดว้ ่าเป็นความ ส�ำเร็จจนแทบจะเรียกว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วของคณะราษฎร ที่กลุ่ม ของผู้ก่อการเองได้ก้าวขึ้นมาเดินหน้าท�ำหน้าที่ผู้ใช้อ�ำนาจอย่างเต็มรูป แบบ ภายหลังจากท่ีเสี่ยงตายกระทำ� การมา จะอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สำ� คัญในคร้ังนี้ก็ยังคงเป็นเร่ืองราว ทางประวัติศาสตร์ที่มีความส�ำคัญต่อประเทศ หรือเป็นประวัติศาสตร์ การเปล่ียนผ่านมาสู่ยุคใหม่ของการบริหารจัดการบ้านเมือง แต่ท่ีน่าจะ สะท้อนใจเป็นท่ีสุดคือ มันเป็นประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นใหม่ไม่ได้ให้ความ ส�ำคญั กบั เรอ่ื งราวเหลา่ น้นั เลย ทว่าส่ิงส�ำคัญท่ีคนรุ่นปัจจุบันนั้นให้ความส�ำคัญ กลับเป็นเรื่อง ใกล้ตัวจนดูน่ากลัวว่าเราจะสามารถฝากความหวังแห่งอนาคตของบ้าน เมืองไว้กับคนเหล่านี้ได้อย่างไร ความหวังของคนรุ่นเก่าที่ได้เบิกทาง สร้างรากฐานวางอนาคตเอาไว้จะไปรอดได้หรือไม่ ดูช่างเป็นเร่ืองท่ี มืดมนและเปน็ หนทางทมี่ องไมเ่ ห็นแสงสว่างเอาเสียเลย ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยท่ีคนรุ่นก่อนพยายามสร้างมันไว้ ให้กับคนรุ่นหลังได้จดจ�ำ ภาพเหตุการณ์และเร่ืองราวต่างๆ ก็ได้ถูก สร้างถูกเขียนเอาไว้อย่างออกรสออกชาติ ประวัติศาสตร์การเปล่ียน- แปลงการปกครอง ๒๔๗๕ กค็ งจะอยใู่ นฐานะประวัติศาสตร์ท่ไี มต่ ่างกนั อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยคือหลักฐานท่ีคนรุ่นเก่าได้สร้างเอาไว้เพ่ือท่ีจะ 213

ประวตั ศิ าสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี คอยเตอื นยำ�้ ความทรงจำ� ของคนรนุ่ หลงั ทวา่ วตั ถพุ ยานแหง่ ความทรงจำ� จากส่ิงเหล่าน้ีได้เข้าถึงจิตวิญญาณของคนรุ่นหลังมากน้อยแค่ไหน ยังเป็นเป็นเร่ืองราวทน่ี ่าจะได้น�ำเอามาขบคดิ กนั อยูไ่ ม่น้อย ส่งที่น่าคิดก็คือ ความหวัง ความทรงจ�ำท่ีเกิดข้ึนในประวัติ- ศาสตร์ของกลุ่มคนในรุ่น พ.ศ.๒๔๗๕ กับคนรุ่นปัจจุบันนั้นมันยังคง เป็นอุดมการณ์อันเดียวกันอยู่หรือไม่ หรือว่ามันเปลี่ยนไปจนไม่มีความ หมายส�ำหรับปจั จบุ นั นีแ้ ลว้ ก็เป็นได้ ในฐานะของเจ้าของประเทศทุกคน ในฐานะท่ีคนไทยไม่ใช่ เคร่ืองมือทางการเมืองของใครบางคน หรือบุคคลบางกลุ่ม เราจะยังคง ม่ันใจได้อย่างไรถึงความบริสุทธ์ิใจของกลุ่มคนที่ก่อการปฏิวัติใน พ.ศ. ๒๔๗๕ และกลุ่มคนท่ีสืบต่ออ�ำนาจทางการเมืองเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน ว่าบุคคลเหล่านี้แสดงพลังของตนเองออกมาด้วยว่าเพราะอุดมการณ์ หรืออ�ำนาจกนั แน่ เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอยู่หลายครั้งว่า เราอาจตกอยู่ในสถานะของการเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองเพ่ือ การได้มาซึ่งอ�ำนาจเท่านั้น หาใช่ในฐานะเจ้าของอ�ำนาจตามระบอบ ประชาธิปไตย มีผู้คนมากมายท่ีเดินทางผ่านช่วงเวลาเข้ามาบาดเจ็บ ล้มตาย สูญหาย สูญเปล่าไปกับอุดมการณห์ รืออำ� นาจของใครบางคน หากว่าความเข้าใจเร่ืองประชาธิปไตยของคนไทยยังไม่กระจ่าง อุดมการณ์ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยยังไม่เห็นแสงสว่างท่ี ชัดเจน เราก็อาจท�ำนายไว้ล่วงหน้าได้ไม่ยากว่าเหตุการณ์ทางการเมืองที่ เรารวมเรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์นั้นก็น่าจะมีทางเดินมาซ้�ำรอยเดิมได้ อย่างไมย่ ากเย็นนกั ผ้คู นทเ่ี ดนิ ทางมาพร้อมกบั อดุ มการณ์ มาพร้อมกบั ศรัทธา อาจเดินไปไม่ถึงฝั่งความหวังนั้นก็เป็นได้ ความสูญเสีย ความ พลัดพรากจากหายไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายว่าจะต้องเกิดขึ้นอีก ได้ในอนาคต 214

ประวตั ศิ าสตร์ประชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี เราจะต้องท้ิงร่องรอยแห่งคราบน�้ำตา เสียเวลาไปกับความ บอบช้�ำให้กับความศรัทธาที่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดกับประชาธิปไตยน้ีอีกนาน เท่าใดกัน ถึงอย่างไรก็ตาม เราเองก็จะต้องไม่สิ้นหวัง เราได้เดินทางมา กับประชาธิปไตยน้ีเน่ินนานเกือบร้อยปีแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรท่ีเรา จะไปร้ือฟื้นความหลัง หากแต่ว่าเราหันมาน่ังทบทวนให้ถ้วนถ่ีกันดีกว่า หรือไม่ เราควรหันมาศึกษาประวัติศาสตร์ตามความเข้าใจกันใหม่ อย่า เลอื กจ�ำประวัติศาสตร์ตามท่ผี ้อู ่ืนได้สรา้ งเอาไวต้ ามใจตนเองอกี เลย การจะวิเคราะห์ประวิติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย คงจะไม่ประสบความส�ำเร็จหากเราพิจารณากันเฉพาะช่วงเวลาแห่งการ เปลี่ยนผ่านเท่าน้ัน ทว่าหากต้องการให้เห็นภาพที่ชัดเจนเราคงต้องย้อน กลบั ไปดูในภาพกว้างทางประวตั ิศาสตรใ์ นอดีต แม้ว่าท่ีผ่านมาประชาธิปไตยไทยจะถูกท้าทายและมีรอยด่าง พร้อยมากมาย แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหากเราจะมามัววุ่นวายอยู่กับ การค้นหาค�ำตอบว่าใครผิดและใครถูก ใครเป็นผู้ร้ายและใครเป็นผู้ดี หากแต่สิ่งท่ีคนไทยรุ่นปัจจุบันควรท�ำคือการมองไปข้างหน้ามากกว่าว่า คนรุ่นเราจะน�ำพารัฐนาวาล�ำน้ีล่องฝ่าลมมรสุมร้ายมากมายในท้องทะเล อนั กวา้ งใหญน่ ้ไี ปสจู่ ดุ หมายปลายทางไดอ้ ยา่ งไร 215

บรรณานกุ รม

ประวัติศาสตร์ประชาธปิ ไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี บรรณานกุ รม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. ๒๕๔๓. ย้อนหลังบางแง่มุม ใน พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ หวั . กรงุ เทพฯ : บริษทั กลุ การพมิ พ์ จ�ำกัด. กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ.์ ๒๕๔๘. เบ้ืองหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕. กรงุ เทพฯ : สำ� นักพมิ พ์มิง่ มติ ร. กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์, กรมศิลปากร. ๒๕๓๗. พระราช ประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปร- เมนทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : บริษัท อมั รินทรร์ ้ินต้ิงแอนด์พบั ลิชชงิ่ จ�ำกดั (มหาชน). เกียรตชิ ยั พงษ์พาณชิ ย.์ ๒๕๑๔. ปฏวิ ตั ิ ๒๔๗๕. พระนคร : แพร่พทิ ยา. คณะกรรมการช�ำระประวัติศาสตร์ไทยและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติ ศาสตร์และโบราณคดี ส�ำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี. ๒๕๓๗. จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๗. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท วัชรินทรก์ ารพมิ พ์ จ�ำกัด. จุลจักรพงษ์, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า. ๒๕๔๗. เกิดวังปารุสก์ ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : บริษัท ส�ำนักพิมพ์ริเวอร์ บุ๊คส์ จ�ำกดั . จุลจักรพงษ์, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า. ๒๕๐๑. เกิดวังปารุสก์ เลม่ ๑. พระนคร : คลงั วทิ ยา. จลุ จกั รพงษ์, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า. ๒๕๐๕. เจา้ ชีวติ . พระนคร : คลงั วิทยา. ชาญชยั รัตนวิบลู ย.์ ๒๕๔๘. บทบาทของอภริ ฐั มนตรีสภาในรัชสมยั พระ บาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” ปริญญานินธ์การศึกษา 217

ประวตั ศิ าสตร์ประชาธิปไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ๒๕๑๙. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. ชาลี เอี่ยมกระสินธุ์. ๒๕๔๔. พระปกเกล้าฯ กษัตริย์นักประชาธิปไตย ฉบับพิมพ์ครั้งใหม.่ กรงุ เทพฯ : ส�ำนกั พิมพ์สยาม ชาลี เอ่ียมกระสินธุ์. ๒๕๑๖. เบื้องหลังพระปกเกล้าสละราชสมบัติ. พระนคร : ประมวลสาส์น. ชัยอนนั ต์ สมทุ วณชิ และขัตติยา กรรณสตู . ๒๕๑๘. เอกสารการเมอื ง การปกครองไทย. กรุงเทพฯ : สมาคมสังคมศาสตร์แห่ง ประเทศไทย ณัฐพล ใจจรงิ . ๒๕๕๑. ควำ่� ปฏวิ ัติ – โค่นคณะราษฎร : การกอ่ ตัวของ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข\". ฟา้ เดยี วกนั ๖, ๑ (มกราคม-มีนาคม) : ๑๐๔-๑๔๖ ธรรมนติ ย์. ๒๕๕๓. ปฏวิ ัติ. กรุงเทพฯ : ไทยควอลติ ีบ้ ุค๊ ส์. ธนาคารออมสิน. ม.ป.ป. สมเดจ็ มหาธีรราชเจ้า หนงั สอื เฉลมิ พระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานก�ำเนิดธนาคาร ออมสิน ในวโรกาสฉลองพระบรมราชสมภพครบ ๑๒๐ ปี. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท สไตล์ครเี อทีฟเฮ้าส์ จ�ำกดั . ธนาพล อิ๋วสกุล ชัยธวัช ตุลาฑล. ๒๕๕๑. \"ปฏิวัติ ๒๔๗๕ ในสายตา “คณะคอมมิวนิสต์สยาม”\". ฟ้าเดียวกัน ๖, ๑ (มกราคม- มนี าคม) : ๒๕๐-๒๖๗ ธเนศ อาภรณส์ ุวรรณ. ๒๕๔๙. ความคดิ การเมืองไพรก่ ระฎมุ พีแห่งกรุง รตั นโกสินทร์. กรงุ เทพฯ : ส�ำนกั พมิ พ์มติชน. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. ๒๕๔๓. การปฏิวัติสยาม พ.ศ. ๒๔๗๕ พิมพ์ คร้ังท่ี ๓. กรุงเทพฯ : สำ� นักพิมพอ์ มรนิ ทร์วิชาการ นครินทร์ เมฆไตรรตั น์. ๒๕๓๓. ความคดิ ความรู้ และอ�ำนาจการเมอื ง 218

ประวตั ศิ าสตร์ประชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี ในการปฏิวตั ิ ๒๔๗๕. กรุงเทพฯ : สมาคมสังคมศาสตร์แหง่ ประเทศไทย. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. ๒๕๔๙. กรณี ร.๗ ทรงสละราชสมบัติ การ ตีความและการสานต่อความหมายทางการเมือง. กรุงเทพฯ : โครงการจัดพมิ พค์ บไฟ. นายหนหวย (นามแฝง). ๒๕๓๐. เจา้ ฟา้ ประชาธปิ ก ราชนั ผู้นริ าศ พมิ พ์ คร้งั ท่ี ๓. กรงุ เทพฯ : นายหนหวย. นายสุจินดา (นามแฝง). ๒๕๑๙. พระปกเกลา้ กษตั ริย์นกั ประชาธปิ ไตย. กรุงเทพฯ : สยาม. นนั ทนา กปลิ กาญจน.์ ๒๕๔๗. พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อย่หู วั : พ.ศ.๒๔๖๘-๒๔๗๗. กรุงเทพฯ : ส�ำนกั พิมพโ์ อเดยี นสโตร.์ บรรเจดิ อินทจุ นั ทร์ยง. ม.ป.ป. ราชสกลุ พระบรมราชวงศจ์ กั รี. กรุงเทพฯ : องค์การคา้ ของคุรสุ ภา. เบนจามนิ เอ. บทั สัน. ๒๕๔๗. อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิโครงการต�ำราสังคมศาสตร์และ มนษุ ย์ศาสตร์มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. ประยูร ภมรมนตรี. ๒๕๑๗. บันทึกเรื่องการเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕. พระนคร : เฟ่อื งอักษร. ปรีชา เป่ยี มพงศานต์, ฉลาดชาย รมติ านนท.์ ๒๕๒๔. ลทั ธิมารก์ ซแ์ ละ สังคมนิยม. กรุงเทฯ : สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ปรดี า วชั รางกรู . ๒๕๒๐. พระปกเกลา้ กบั ระบอบประชาธปิ ไตย. กรงุ เทพฯ : การพมิ พพ์ ระนคร. พูนพิศมัย ดิสกุล, หม่อมเจ้า. ๒๕๔๖. ส่ิงท่ีข้าพเจ้าพบเห็น ประวัติ- ศาสตร์การเปลยี่ นแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๕. กรงุ เทพฯ : สำ� นกั พิมพ์มตชิ น. 219

ประวตั ิศาสตรป์ ระชาธิปไตยในสยาม สำ� ราญ ผลดี พูนพิศมัย ดิศกุล, ม.จ. ๒๕๔๒. \"ส่ิงท่ีข้าพเจ้าพบเห็น : เศรษฐกิจ ตกต�่ำและเสด็จเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ\" ศิลปวัฒนธรรม ๒๐, ๖ (เมษายน) : ๖๔-๗๒. พูนพศิ มยั ดิศกลุ , ม.จ. ๒๕๔๒. \"รชั กาลท่ี ๗ สละราชสมบัติ และส้ิน พระชนม์\" ศิลปวัฒนธรรม ๒๐, ๑๐ (สิงหาคม) : ๑๐๖- ๑๑๕. รอง ศยามานนท์. ๒๕๒๐. ประวัติศาสตร์ไทยในระบอบรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ . ลออทอง อัมรินทร์รัตน์. ๒๕๒๒. การส่งนักเรียนไปศึกษาต่างประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๓๓-๒๔๗๕. วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษร ศาสตรมหาบัณฑิต แผนกวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิต วิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. วิทยากร เชียงกูร. ๒๕๓๕. รัฐประหารเมืองไทย. กรุงเทพฯ : มีเดีย โฟกสั . วัลย์วิภา จรูญโรจน์. ๒๕๒๐. แนวพระราชด�ำริทางการเมืองของพระ บาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การวิเคราะห์เชิงประวัติ ศาสตร์. วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต แผนกวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. ศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์. ๒๕๔๒. แรงงานวิจารณ์เจ้า ประวัติศาสตร์ ราษฎรผู้หาญกล้าท้าสมบูรณาญาสิทธ์ิไทย. กรุงเทพฯ : สำ� นักพิมพม์ ติชน. ส. พลายน้อย. ๒๕๔๒. ตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั พิมพ์ครัง้ ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ ไทยวฒั นาพานิช. สมบัติ จนั ทรวงศ์ และชยั อนันต์ สมทุ วณิช. ๒๕๒๓. ความคิดทางการ 220

ประวตั ิศาสตร์ประชาธปิ ไตยในสยาม ส�ำราญ ผลดี เมืองไทย. กรุงเทพฯ : ส�ำนกั พิมพ์บรรณกจิ . สุพจน์ ด่านตระกูล. ๒๕๑๔. ชีวิตและงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์. พระนคร : โรงพิมพ์ประจกั ษ์การพิมพ.์ สุทนต์ ขวัญนคร. ๒๕๓๙. รัชกาลท่ี ๗ สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษตั รยิ ์แห่งประชาธิปไตย. กรงุ เทพฯ : ส�ำนกั พมิ พ์ คลงั ทรพั ย.์ ส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ๒๕๓๖. พระบาทสมเด็จพระปร เมนทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละราช สมบัต.ิ กรงุ เทพฯ : สำ� นกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร. ส�ำราญ ผลดี. ๒๕๕๑. แนวพระราชทางด้านเศรษฐิจของพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. วิทยานิพนธ์หลักสูตร ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตแขนงวิชาไทยคดีศึกษา สาขาวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช อรรถจักร สัตยานุรักษ์. ๒๕๓๘. การเปล่ียนแปลงโลกทัศน์ของชนชั้น ผู้น�ำไทย ตั้งแต่รัชกาลท่ี ๔ ถึง พ.ศ. ๒๔๗๕. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . 221


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook