Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTSV

RMUTSV

Published by taweelap_s, 2019-05-17 00:19:12

Description: RMUTSV

Search

Read the Text Version

กิจกรรม การแขง่ ขัน STEM เพื่อพัฒนาทกั ษะด้านอาชพี Activities STEM for TVET Competition นภารตั น์ เกษตรสมบูรณ์1, อดิศักดิ์ จิตภูษา2 1อาจารย์ สาขาเทคโนโลยีปิโตรเลยี ม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย 2ผชู้ ว่ ยศาสตาจารย์ สาขาศึกษาทวั่ ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ัย E-mail address: [email protected] ........................................................................................................................... .............................. บทสรุป กิจกรรมการแข่งขัน STEM for TVET เป็นกิจกรรมที่จัดข้ึนเพ่ือเน้นการนาความรู้ เก่ยี วกบั สะเตม็ ศกึ ษาไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณท์ ่เี กดิ ข้ึนจรงิ และเปน็ ประโยชน์ต่อการดาเนิน ชีวิตและการทางาน โดยวตั ถุประสงคข์ องการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะความรู้ด้านสะเต็ม ศึกษา (STEM Education) ใหแ้ ก่ นักศกึ ษา เพื่อใหน้ กั ศึกษาได้ใช้ความรู้และความสามารถที่ได้ จากการศึกษามาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ในการปฏบิ ตั ิงานจริง เพ่ือให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ นอกเหนอื จากการศึกษาในห้องเรยี น เพ่อื สรา้ งความสัมพันธ์อันดีระหว่างวิทยาลัยในเครือข่าย ของศูนยก์ ารศึกษาเพือ่ พฒั นาทักษะอาชีพศรีวิชัย นอกจากน้ีกิจกรรมดังกล่าวยังสร้างความ รว่ มมือระหวา่ งมหาวทิ ยาลัยกับหน่วยงานภายนอก โดยระยะเวลาดาเนินการของกิจกรรมจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ณ โรงแรมราชมังคลา สงขลาเมอร์เมด อาเภอเมือง จงั หวดั สงขลา ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมคอื นักเรยี นระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช .) จานวน 12 วิทยาลยั ท้งั หมด 48 คน จากการจัดกจิ กรรมพบว่า ผู้เข้าแข่งขนั ไดเ้ รียนรู้ถึงการยอมรับและการ รับฟงั ความคดิ เห็นจากผู้อน่ื ได้เรียนรู้ถงึ การทางานร่วมกับผู้อื่น ได้ความรู้ประสบการณ์และได้ เรียนรู้การแก้ไขปญั หาที่เกิดข้นึ ได้สร้างความสัมพันธ์อนั ดรี ะหวา่ งวิทยาลัยในเครอื ขา่ ยฯผู้เข้าร่วม กจิ กรรมสามารถนาความรู้ท่ีไดร้ บั ไปปรบั ใชใ้ นการแข่งขันอ่นื ๆได้ คาสาคัญ สะเตม็ ศกึ ษา การพัฒนาทักษะด้านอาชพี ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ Summary STEM for TVET Competition was organized to gather the STEM knowledge in order to solve the actual situation problems and to beneficial to life and work. The aims of this activity were to promote STEM Education skills for students, so that student will be able to use their knowledge and abilities to asset in actual

operation; to allow students to gain experience other than studying in the classroom; and also to build a good relationship between the colleges in the network of the Technical Vocational Education and Training Hub Srivijaya. In addition, such activities also create cooperation between universities and external agencies. The activity was held on October 30th – 31st, 2018 at the Rajamangala Songkhla Mermaid Hotel, Mueang District, Songkhla Province. The participants have included 48 vocational certificate students from 12 technical colleges. The outcome from the activity, it was found that the contestants learned about accepting and listening to opinions from others. Learned to work with others, gain knowledge, experience and be able to solve the problems by themselves, as well as creating a good relationship between the colleges in the TVET Hub Srivijaya’s network. Furthermore, participants can apply the knowledge gained in other competitions. Key words: STEM Education, STEM for TVET, Vocational certificate บทนา สถาบันวิทยาศาสตรแ์ ห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (the National Science Foundation: NSF) ได้นา STEM มาใช้เป็นครั้งแร กเพ่ืออ้างถึงโครงการหรือโปร แกรมท่ีเกี่ยวข้องกับ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ซงึ่ สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศ สหรัฐอเมริกาไดใ้ หค้ วามหมายของวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ พร้อมทั้ง เปรียบเทยี บศาสตรท์ ้งั สองกับทักษะทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงปรากฏว่ากระบวนการที่ใช้ในทาง วทิ ยาศาสตรม์ ีการพัฒนาและการใช้โมเดลในการดาเนินงานออกแบบและลงมือค้นคว้าวิจั ยเพื่อ รวบรวมข้อมลู เช่นเดียวกันกบั การปฏบิ ตั ทิ างวิศวกรรมและเทคโนโลยี อีกทั้งวิทยาศาสตร์และ วิศวกรรมศาสตรต์ ้องการความรทู้ างคณติ ศาสตร์ในการคานวณหาค่าต่างๆอีกด้วย ทาให้มีการใช้ STEM ในการอ้างอิงถึงกลุ่มอาชีพที่มคี วามเก่ยี วข้องกับวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ คาวา่ STEM จึงเปน็ คายอ่ มาจากภาษาอังกฤษ 4 สาขาวิชา ท่ีประกอบไปด้วย วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics) หมายถึง องค์ความรู้ วชิ าการของศาสตรท์ ้ังสี่ทม่ี คี วามเชื่อมโยงกัน ในโลกของความเปน็ จริงท่ีต้องอาศยั องค์ความรู้ต่างๆ มาบรู ณาการเข้าด้วยกันในการดาเนินชีวิต และการทางาน สะเต็มศึกษา คือ แนวทางการจัดการศกึ ษาท่ีบรู ณาการความร้ใู น 4 สหวิทยาการ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ โดยเนน้ การนาความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต จริง รวมท้งั การพฒั นากระบวนการหรอื ผลผลิตใหม่ ท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ การดาเนินชีวิต และการ ทางาน ช่วยนักเรียนสรา้ งความเชอื่ มโยงระหวา่ ง 4 สหวิทยาการ กบั ชวี ติ จรงิ และการทางาน การ

จดั การเรียนรู้แบบสะเต็มศกึ ษาเปน็ การจัดการเรยี นรูท้ ไี่ ม่เนน้ เพียงการท่องจาทฤษฎีหรือกฎทาง วิทยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ แตเ่ ปน็ การสรา้ งความเขา้ ใจทฤษฎหี รือกฎเหล่านน้ั ผ่านการปฏิบัติ ให้เหน็ จริงควบคู่กบั การพัฒนาทักษะการคิด ต้ังคาถาม แก้ปญั หาและการหาข้อมูลและวิเคราะห์ ข้อคน้ พบใหมๆ่ พร้อมทัง้ สามารถนาขอ้ คน้ พบนั้นไปใชห้ รือบรู ณาการกบั ชีวิตประจาวันได้ การจัดการเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21 เปน็ การเตรยี มผู้เรียนให้พร้อมกับการใช้ชีวิตโดยมี ทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา ( Critical thinking and Problems solving) กา รสื่อสาร ถ่ายทอดแนวคิดหลักการ ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ (Communication and Information) การทางานรว่ มกนั เปน็ ทีม ทกั ษะการเป็นผู้นา (Collaboration and Teamwork and leadership) การมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ การสร้างนวัตกรรม (Creative and Innovation) การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Computing and ITC Literacy) ทกั ษะดา้ นวิชาชีพและการเรียนรู้ การพ่ึงพาตนเอง (Career and learning self-reliance) และความเข้าใจในความแตกต่างของ บคุ คลและองคก์ ร (Cross-cultural understanding) ประสานกับการจัดการเรยี นรู้ตามแนวทาง สะเต็มศึกษา คือ สง่ เสริมให้ผู้เรียนรักและเห็นคุณค่าของการเรียนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ และเหน็ ว่าวิชาเหลา่ น้ันเป็นเร่ืองใกล้ตัวที่สามารถนามาใช้ได้ ทกุ วนั ตามทม่ี หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ไดอ้ นุมัติและอนุญาตให้ดาเนินโครงการ ศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพศรีวิชัย (TVET Hub Srivijaya) ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science “สนกุ วทิ ย์ พลงั คิด เพ่ืออนาคต” ซง่ึ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสถาบันคีนัน แห่งเอเซยี โดยมีการสรา้ งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้รวมกันเป็นเครือข่ายภายใต้ เพ่ือ ร่วมกนั พฒั นาคุณภาพการศึกษาดว้ ยการพัฒนาหลกั สูตร พฒั นาการจัดการเรียนการสอน และ พัฒนาบคุ ลากร โดยนาหลักสตู รวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) มาใชใ้ นการพฒั นาหลักสตู รการผลติ ครู และพฒั นางานวิจัยทางดา้ นการศกึ ษา นั้น การพฒั นาการเรียนการสอน และการพฒั นาผู้เรียนเป็นปัจจัยหลักท่ีสาคัญในการจัด กระบวนการใหผ้ ู้เรียนเขา้ สูม่ าตรฐานและได้รบั การพัฒนาตนเอง ซง่ึ ผู้สอนจาเป็นต้องปรับเปล่ียน บทบาทของตนเอง จากการเป็นผู้บอกความร้ใู หจ้ บไปในแต่ละครั้งทีเ่ ข้าสอนมาเป็นผู้เอื้ออานวย ความสะดวก (Facilitator) ในการเรียนรูใ้ หแ้ กผ่ ูเ้ รยี น กลา่ วคอื เป็นผู้กระตุ้นส่งเสริมสนับสนุนจัด ส่ิงเรา้ และจัดกิจกรรมให้ผู้เรยี น เกดิ การพฒั นาให้เต็มตามศักยภาพ ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแตล่ ะบคุ คล การจัดกิจกรรมจึงต้องเป็นกิจกรรมท่ี ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ สรา้ งสรรคศ์ กึ ษาและคน้ คว้า ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิจนเกดิ การเรียนรู้ และค้นพบดว้ ยตนเอง รัก การอ่าน รักการเรียนร้อู นั จะนาไปส่กู ารเรียนรู้ตลอดชวี ติ (Long-life Education) และเป็นบุคคล แห่งการเรยี นรู้ (Learning Man ) ผู้สอนจึงต้องสอนวิธีการแสวงหาความรู้ (Learn how to learn ) มากกวา่ สอนตัวความรู้ ซึง่ จะนาไปสู่การพฒั นาบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านทักษะ ความชานาญในการทางาน ตลอดจนปรับเปล่ียนทัศนคติของบุคลากรทุกระดับให้เป็นไปใน ทศิ ทางเดียวกนั และมุ่งไปสู่ความสาเร็จตามเป้าหมายขององค์กร จากหลักการและเหตุผล

ดังกล่า ว โคร งการน้ีจึงจัดขึ้นเพื่อบูรณากา รความรู้ด้านวิทยาศา สตร์ คณิตศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์เขา้ ด้วยกัน โดยผา่ นกิจกรรมการแขง่ ขัน STEM ท่ีเนน้ การนาความรู้เกี่ยวกับ สะ เต็มศกึ ษาไปใชแ้ กป้ ญั หาในสถานการณ์ทเี่ กดิ ขน้ึ จรงิ และเปน็ ประโยชน์ตอ่ การดาเนินชีวิตและการ ทางาน วัตถปุ ระสงค์ และขอบเขตของโครงการ 1. เพือ่ สง่ เสรมิ ทักษะความรู้ดา้ นสะเต็มศกึ ษา (STEM Education) ใหแ้ ก่นักเรียน นักศึกษา 2. เพอื่ ให้นกั เรียน นกั ศกึ ษาได้ใชค้ วามรแู้ ละความสามารถท่ีได้จากการศึกษามาใช้ให้เกิด ประโยชนใ์ นการปฏิบัติงานจรงิ 3. เพื่อให้นักเรยี น นกั ศึกษาได้รบั ประสบการณน์ อกเหนือจากการศกึ ษาในหอ้ งเรียน 4. เพือ่ สร้างความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างวิทยาลยั ในเครือข่ายของศูนย์การศึกษาเพ่ือพัฒนา ทกั ษะอาชพี ศรวี ชิ ยั สถานที่ดาเนนิ การ โรงแรมราชมงั คลา สงขลาเมอรเ์ มด อาเภอเมือง จังหวดั สงขลา วธิ ีการดาเนินงาน ขั้นตอนการดาเนนิ งาน การวางแผนการดาเนินการ (P_Plan) 1. ทาหนงั สือขอความอนุเคราะห์ไปยังวิทยาลยั ในเครือขา่ ยเพื่อให้ทราบถงึ วตั ถุประสงค์ของ การจดั กจิ กรรม 2. ศูนย์การศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะอาชีพศรีวิชัย กาหนด วัน-เวลา ที่จะจัดกิจกรรมการ แขง่ ขนั 3. จดั ทาแบบเสนอและขออนมุ ัตดิ าเนินโครงการบรกิ ารวชิ าการทก่ี อ่ ใหเ้ กิดรายได้ เสนอต่อ มหาวทิ ยาลัย 4. ประสานงานกบั วทิ ยาลัยในเครอื ขา่ ย 12 วทิ ยาลยั ทเี่ ข้ารว่ มกจิ กรรม การดาเนนิ งานตามแผน (D_Do) จัดเตรยี มการเพอ่ื ดาเนนิ โครงการตามภาระงาน ดงั ต่อไปน้ี 1. จดั เตรยี มโจทยก์ ารแข่งขัน กตกิ าการแข่งขนั เกณฑ์ในการตัดสินผลการแข่งขันสาหรับ ผเู้ ข้าร่วมโครงการ

2. จัดเตรยี มสถานท่ีสาหรบั การจดั โครงการ รวมถงึ การจัดเตรยี มอุปกรณ์ต่างๆ สาหรับทา การแข่งขัน 3. ดำเนนิ กำรจดั โครงกำร “กจิ กรรม กำรแข่งขนั STEM เพื่อพัฒนำทกั ษะด้ำนอำชีพ” ตำมตำรำงกำหนดกำร การตดิ ตามและประเมินผลการดาเนินงาน (C_Check) สรปุ ผลการประเมนิ การปรบั ปรุง/พฒั นา/แกไ้ ขจากผลการติดตามและประเมนิ ผล (A_Act) 1. แบบสอบถาม 2. การสังเกตการณ์จากผเู้ ข้ารว่ มโครงการ ตัวช้วี ัด / เป้าหมายโครงการ เชิงปรมิ าณ 1. อาจารย์ (คณะกรรมการดาเนินงาน) จานวน 6 คน 2. เจ้าหน้าที่ (คณะกรรมการดาเนินงาน) จานวน 5 คน 3. นกั เรียนจากภายนอก จานวน 36 คน 4. อ่นื ๆ (อาจารยผ์ ้คู วบคมุ ) จานวน 12 คน เชงิ คุณภาพ 1. นกั เรียนได้ความรู้เพม่ิ เติมในวิชาวทิ ยาศาสตร์ 2. นกั เรยี นมีโอกาสไดใ้ ช้อปุ กรณใ์ นหอ้ งปฏิบัตกิ าร 3. นกั เรียนมโี ลกทัศน์ วสิ ัยทัศน์ที่กวา้ งไกล และมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อวทิ ยาศาสตร์ 4. นักเรียนได้ร้บู ทบาทความร่วมมอื ของ มทร. ศรวี ิชยั และมที ศั นคติที่ดตี ่อมหาวทิ ยาลยั สรปุ ด้านผลผลิต นกั เรยี นและครูผคู้ วบคุมทีมจากวิทยาลยั ในเครอื ขา่ ย 12 วทิ ยาลยั จานวน 48 คน ได้มี โอกาสในการฝึกทกั ษะการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่ีกาหนดให้โดยใช้สะเตม็ ศึกษา

ด้านผลลัพธ์ นักเรียนผเู้ ขา้ รว่ มโครงการได้ใชค้ วามรูแ้ ละความสามารถท่ีได้จากการศกึ ษามาใช้ให้เกิด ประโยชน์ ในการปฏบิ ัตงิ านจรงิ เพือ่ ใหน้ ักศึกษาไดร้ บั ประสบการณ์นอกเหนือจากการศกึ ษาใน หอ้ งเรยี น ด้านผลกระทบ เพ่ือเปดิ โลกทัศนก์ ารเรยี นรทู้ างดา้ นการบูรณาการวิชาวิทยาศาสตร์ สร้างวิสัยทัศน์และ เจตคติที่ดตี ่อวทิ ยาศาสตร์ และเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับ วิทยาลยั เทคนิคในเครือข่าย ดา้ นการนาไปใช้ประโยชน์ ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมสามารถนาศาสตร์ 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ มาเชื่อมโยงกันในโลกของความเป็นจริงมาบูรณาการเข้า ดว้ ยกนั ในการดาเนนิ ชีวติ ปัญหา อุปสรรค ของการดาเนินโครงการ 1. ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมเสนอให้เพ่ิมวนั และเวลาในการแขง่ ขนั 2. ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมเสนอให้เพม่ิ โจทย์ในการแขง่ ขนั 3. ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมเสนอให้จดั กิจกรรมการแข่งขันข้ึนอีกในปถี ัดไป 4. ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมเสนอให้ผูเ้ ข้าแข่งขันเป็นผสู้ ร้างสรรคส์ ิง่ ประดิษฐ์เองทั้งหมด แนวทางการพัฒนา/ปรับปรุงในการจัดทาแผน/โครงการครงั้ ต่อไป 1. ควรมีการจดั โครงการน้ีอยา่ งตอ่ เน่ืองทุกปี 2. ควรมีการมกี ารวางแผนร่วมกนั ระหว่างมหาวิทยาลยั และวทิ ยาลยั ในเครือขา่ ย 3. เปดิ โอกาสใหผ้ ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมได้เสนอรูปแบบและเกณฑท์ ่ีใชต้ ดั สินในการแข่งขัน 4. การจัดกิจกรรมในครง้ั ถดั ไปครผู ูค้ วบคุมทีมไม่มโี อกาสเข้ารว่ มการแขง่ ขนั

ภาพประกอบการจัดกิจกรรม “กจิ กรรม การแข่งขนั STEM เพ่อื พัฒนาทักษะดา้ นอาชพี ”

บรรณานกุ รม National Research Council, 2012. A Framework for K-12 Science Education: Practices, Crosscutting Concept, and Core Ideas. Committee on New Science Education Standards, Board on Science Education, Division of Behavioral and Social Science and Education. Washington, DC: National Academy Press. Vasquez, J.A., Sneider, C., and Comer, M. (2013). STEM Lesson Essentials: Integrating Science, Technology, Engineering, and Mathematics, p.38 Hanover Research, 2011. District Administration Practice.

การจัดกจิ กรรมการเรยี นรใู้ นวิชามนษุ ยสัมพนั ธแ์ ละการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพด้วยกระบวนการเรยี นรู้ ตามแนวจติ ตปญั ญาศึกษา เพือ่ สร้างเสรมิ การทางานเป็นทีม และการจัดกจิ กรรมจติ สาธารณะ (Learning Management in Human Relations and Personality Development subject through the Learning Process of Contemplative Education for Team Work and Public Mind’s Activity) วรรษวดี แก้วประพนั ธ์ (Asst.Prof. Wassawadee Kaewprapun)1 วิไลลักษณ์ เกตุแก้ว (Asst.Prof. Wilailak Khetkhaw)2 สมเกยี รติ อนิ ทรักษ์ (Asst.Prof. Somkiat Intaruksa)3 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั และ E-Mail : [email protected] ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชยั และ E-Mail : [email protected] ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั และ E-Mail : [email protected] .............................................................................................. ............................................................ บทสรุป การจัดการเรียนรู้ในปจั จุบันมุ่งเน้นใหผ้ เู้ รยี นมีสว่ นร่วม เพ่ือพัฒนาทกั ษะในการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ควบคู่ กับการพัฒนาการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นฐานจิตใจ และเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ที่เป็นองค์รวม ซ่ึงเน้นส่งเสริม ศักยภาพมนุษย์ โดยเน้นการเข้าถึงความจริง ความงาม และความดีที่จะช่วยนาพาสังคมไปสู่ความสุขที่แท้จริง ประกอบกับการพัฒนาการเรยี นรู้ท่ีเปน็ กระแสหลกั ของสังคมปัจจุบัน มไิ ด้เป็นกระบวนการเรียนรทู้ ี่สามารถตอบโจทย์ ปัญหาสังคมได้อย่างแทจ้ รงิ ดังน้ันกระแสความตนื่ ตัวและสนใจแนวคดิ จิตตปัญญาศึกษา (Contemplative Education) และการเรียนรู้ เพ่ือการเปล่ียนแปลง (Transformative Learning) จึงได้เกิดขึ้นในสังคมในวงกว้างขึ้น กระบวนการเรียนรู้ตามแนว จิตตปัญญาศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ เพื่อเน้นการพัฒนาด้านในของผู้เรียนอย่างแท้จริง ช่วยให้เกดิ การตระหนักรู้ถึงคุณคา่ ของส่ิงต่างๆ โดยปราศจากอัคติ เกิดความรักความเมตตา อ่อนน้อมตอ่ ธรรมชาติ มี จิตสานึกที่ดีต่อส่วนรวม สามารถเชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับตนเอง และการทางานเป็นทีมในองค์กรได้ อย่างมคี วามสุข

Summary Current learning management put a main focus on engaging students in order to develop skills in learning in the 21st century, along with the development of learning that focuses on developing the basic mind. Additionally, a new paradigm of learning and teaching that is holistic which focuses on promoting human potential by emphasizing access to truth, beauty and goodness that will help bring society to true happiness together with the development of learning that is the mainstream of today's society. Then a learning process can truly answer social problems. Therefore, the current awareness and interest in the concept of intellectual education (Contemplative Education) and learning to change (Transformative Learning) has emerged in a wider society. Learning process according to the concept of intellectual education is a thoughtful learning process and to truly emphasize the inner development of learners. คาสาคญั Contemplative Educatio, Dialogue, Human Relations and Personality Development, Public Mind Activity and Deep Listening บทนา มนุษยสัมพันธ์และการพัฒนาบุคลิกภาพ (Human Relations and Personality Development) เป็น หลักสูตรท่ีจัดอยู่ในประเภทรายวิชาหมวดวิชาศึกษาท่ัวไป กลุ่มความรู้เชิงบูรณาการหรือสหวิทยาการ จานวน 3 หน่วยกิต 3(3-0-6) ซึ่งในรายวิชาดังกล่าวมุ่งเน้นด้านมนุษยสัมพันธ์ บุคลิกภาพ รวมถึงพฤติกรรมการอยู่ร่วมกันของ มนุษย์ และการพัฒนาบุคลิกภาพ เพอ่ื การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข การจัดการความรู้จึงเป็นกระบวนการท่ี เป็นวงจรต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมาย คือ การพัฒนางาน และพัฒนาคนที่มีกระบวนการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ (วิจารณ์ พานิช, 2548) เน่อื งจากปจั จุบันได้มกี ระแสความตืน่ ตัวและสนใจแนวคิดจติ ตปัญญาศกึ ษา (Contemplative Education) และการเรียนรูเ้ พอื่ การเปล่ียนแปลง (Transformative Learning) ขึ้นในสังคมในวงกวา้ ง ซง่ึ มคี วามเห็น ว่า ต้องมีการทบทวนและปฏิบัติการเรียนรู้ของมนุษย์ใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นกระแสหลัก ของสังคมปัจจุบันมิได้เน้นกระบวนการเรียนรู้ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาสังคมโลกและมนุษย์ไว้ แต่กลับสร้างและ สะสมปัญหาให้เกิดวิกฤติที่รุนแรงมากข้ึน ดังน้ันสภาพปัญหาดงั กล่าว เหน็ ว่าควรมีการจัดการเรยี นรู้แบบใหม่ ทม่ี ุ่งเน้น พัฒนาด้านใน การวางพ้ืนฐานจิตใจ และกระบวนทัศนใ์ หม่ทเี่ ป็นองค์รวมอยา่ งแทจ้ ริง และเนน้ ส่งเสริมศกั ยภาพมนษุ ย์ อย่างแท้จริง โดยเน้นการเข้าถึงความจริง ความงาม และความดีเท่านั้นท่ีจะช่วยนาพาสังคมไปสู่ ความสุขท่ีแท้จริง (ธนา นลิ ชยั โกวทิ ย์, 2551) กระบวนการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ เพื่อเน้นการ พัฒนาด้านในของผู้เรียนอย่างแท้จริง ช่วยใหเ้ กดิ การตระหนกั รูถงึ คุณค่าของสิ่งตา่ งๆ โดยปราศจากอัคติ เกิดความรัก ความเมตตา ออ่ นน้อมต่อธรรมชาติ มจี ิตสานึกท่ดี ตี ่อส่วนรวมและสามารถเช่ือมโยงศาสตร์ต่างๆ มาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิต ได้อย่างสมบูรณ์ (ชลดา ทองทวี และคณะ, 2551) โดยมีเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนพ้ืนฐานในตนเอง เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกนึกคิดใหม่ เปลี่ยนแปลงมุมมองเกี่ยวกับเพ่ือนมนุษย์และธรรมชาติในวงกว้างขึ้น ทั้งในองค์กรและสังคม เพ่ือให้ผ่านวิกฤติของมนุษย์ชาติในปัจจุบัน (ประเวศ วะสี, 2550) รวมถึงการจัดการเรียนรู้ในศตรวรรษท่ี 21 บทบาท ของผู้สอนเป็นผู้อานวยการเรียนรู้ (Facilitation) หรือ ผู้ชี้แนะ (Coach) โดยมีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ซึ่งเน้นพฤติกรรมการส่ือสารในการเรียนรู้ ส่งเสริมการทางานเป็นทีม ประกอบด้วยความเช่ียวชาญโดยใช้

สนุ ทรียสนทนา (Dialogue) และการอภิปราย (Discussion) โดยให้ผู้เรียนฝึกทักษะปฏิบัติบูรณาการเข้ากับการเรียน แบบ โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) ดังน้ันผู้สอนจึงได้นากระบวนการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษามาใช้ในการเรียนการสอนในวิชามนุษย สัมพันธ์และการพัฒนาบุคลิกภาพ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้ตระหนักในตนเอง และเกิดการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการให้ผู้เรียนได้เกิดองค์ความรู้เก่ียวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การมีจิตสาธารณะ และมีการทางานเป็นทีมอย่างมีความสุขจึงได้มีการและนาเคร่ืองมือการจัดการความรู้เข้าไปใช้เพ่ือเรียนรู้พฤติกรรม การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม ปลูกฝังการมจี ิตสาธารณะ และการทางานเป็นทีม ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การ พัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ดังอัตลักษณ์ท่ีว่า“มีทักษะการสื่อสาร เชี่ยวชาญปฏิบัติ” เพื่อพัฒนา เปน็ บัณฑิตทพ่ี งึ ประสงค์ตอ่ ไป วิธีการดาเนินงาน การจัดการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษา มีกระบวนการเพื่อให้เกิดพัฒนาการของความรู้ภายใน สถานศกึ ษา และมีความสมั พันธก์ บั กระบวนการจดั การความรู้ ดังนี้ ขัน้ ตอนที่ 1 การบ่งช้ีความรู้ และขั้นที่ 2 การสรา้ งและแสวงหาความรู้ โดยมีการประชุมปรึกษาหารือใน หลักสูตร เกี่ยวข้องกับความรู้ท่ีองค์กรจาเป็นต้องมี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามดังอัตลักษณ์ท่ีว่า“มีทักษะการสื่อสาร เชี่ยวชาญปฏิบัติ” และสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตรวรรษท่ี 21 เช่น การจัด โครงการโดยบรู ณาการเขา้ กับการเรยี นการสอนในรายวิชามนุษยสัมพนั ธ์และการพัฒนาบคุ ลกิ ภาพใน โครงการ “การ ทางานเป็นทีมอย่างมีความสุข” ท้ังน้ีมีการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้ร่วมกับผู้สอนรายวิชาโดยการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้เพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ให้ผู้เรียนอย่างหลากหลายมากขึ้น เช่น ฝึกทักษะการทางานเป็นทีม ( Team Works) ทักษะการคดิ วิเคราะห์ ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ เปน็ ต้น ขั้นที่ 3 การแบ่งปันแลกเปล่ียนเรียนรู้ สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญา ขั้นการฟัง อย่างลึกซ้ึง (Deep Listening) โดยเปิดพื้นที่ให้ผู้เรียนมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ฝึกการฟังด้วยหัวใจ ด้วยความต้ังใจ และฟังอย่างลึกซึ้งด้วยจิตที่ตั้งมั่น ให้โอกาสทุกคนในการพูด ผู้ฟังควรฟังอย่างต้ังใจ ไม่ด่วนตัดสินด้วยข้อสรุปใดๆ ใน การจัดกิจกรรมการฟังอย่างลึกซ้งึ โดยใช้เครื่องมอื ในการจัดการความรู้โดย คือ เทคนิคการเลา่ เรื่อง(Story Telling) โดยให้ผูเ้ รียนนั่งล้อมรอบเป็นวงกลม มกี ารเปิดพ้ืนท่ีหรือเวทีในการสนทนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทาให้ผู้เรียนได้ ฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) ผู้พูดสามารถพูดได้อย่างอิสระ ทั้งนี้ (วิศิษฐ์ วังวิญญู, 2548) และได้สรุป หลกั ของการของสุนทรียสนทนา สามารถอธิบาย ดงั ภาพที่ 1

ภาพท่ี 1 หลักการสุนทรยี สนทนาภาพท่ี (วศิ ิษฐ์ วงั วญิ ญู, 2548) Respecting สมดลุ /ผ่อน Deep Listening เคารพ เปดิ พ้ืนท่ี คลาย ฟงั อย่างลึกซ้งึ ไมก่ ้าวกา่ ย นอก/ใน Suspending Voicing หอ้ ยแขวนการตรวจสอบ เปดิ เผยเสียงภายใน สมมติฐาน การตดั สนิ ใจ ป๊งิ ฉับพลนั ญาณทัศนะ เท่าทนั กรอบความคิดทเ่ี ชอ่ื ว่าจรงิ ความรสู้ กึ ความคิด สมรรถภาพใหม่ หลากหลาย แสดงตน ท้ังน้ีมีตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เร่ือง “การจัดดอกไม้กับธรรมชาติของมนุษย์” เป้าหมายเพ่ือให้ ผูเ้ รยี นเข้าใจธรรมชาตมิ นุษยโ์ ดยผ่านกจิ กรรมการจดั ดอกไม้ ผเู้ รียนได้เกิดมุมมองใหม่เพ่ือนาไปใช้ในการดาเนนิ ชีวิตใน สังคม ขั้นท่ี 4 การเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนนั่งล้อมวงเป็นวงกลม โดยนาความรู้ท่ีได้จากการแบ่งปันและแลกเปล่ียน เรียนรู้เกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ นาความรู้ไปใช้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ ซึ่งสัมพันธ์กับแนวคิดทางจิตต ปัญญาในขั้นตอนการน้อมสู่ใจอย่างใคร่ครวญ (Contemplation) โดยให้ผู้เรียนได้มีกระบวนการต่อเน่ืองจากการ ฟังอยา่ งลกึ ซง้ึ ประกอบกับประสบการณท์ ี่ผา่ นเข้ามาในชีวิต เม่อื เข้ามาสู่ใจแล้วมกี ารน้อมนามาคิดใคร่ครวญพจิ ารณา อย่างลึกซ้ึง ซ่ึงต้องอาศัยความสงบเย็นของจิตใจ มีสมาธิเป็นพื้นฐาน จากน้ันนาไปปฏิบัติเพ่ือให้เห็นผลจริง ซ่ึงใน ขัน้ ตอนนใ้ี ช้เครอ่ื งมอื ดงั นี้

4.1 เครื่องมือในการจัดการความรู้โดยใช้การทบทวนหลังการปฏิบัติงาน ( AAR : After Action Reviews) ท้ังนี้มีตัวอย่างกิจกรรมเรื่อง “การประเมินความสุขในรอบ 1 เดือนท่ีผ่านมา” เป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนได้ ย้อนทบทวนตนเองท่ีผ่านมา จากการสะท้อนความรู้สึกของผู้เรียน ทาให้มีการทบทวนตนเอง เกิดความเข้าใจตนเอง และผอู้ ่ืน ทราบถงึ สาเหตุของปญั หา เขา้ ใจสงั คมและส่ิงแวดล้อม ไม่ด่วนประเมินตัดสนิ ผอู้ นื่ 4.2 เครื่องมือจัดการความรู้ด้านการระดมความคิด (Workshop/Brainstorming) โดยให้ผู้เรียนลงพ้ืนท่ี ทาการศึกษา เช่น “โครงการจิตอาสาฝายชะลอน้า” ณ วัดทรายขาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากการประเมินผล พบว่า ผู้เรียนมองเห็นปัญหามีความเช่ือมโยงกัน เห็นความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนใน ชมุ ชนโดยใช้สุนทรียสนทนา (Dialogue) และการอภปิ ราย (Discussion) รับรปู้ ญั หา เข้าใจความรูส้ กึ ของผปู้ ระสบ ปญั หา ไม่ประเมินตัดสินผู้อ่ืน มีแนวทางในการแก้ปัญหา เสริมสร้างจิตสานึก เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง มี ส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และเห็นคุณค่าของตนเองที่มีศักยภาพพอท่ีจะช่วยเหลือผู้อื่นได้ มีส่วนร่วมในการพัฒนา ชมุ ชน/สังคมไปด้วยกนั และมีวิธีดาเนนิ งาน ดังรูป ภาพท่ี 2 ไดแ้ นวทางในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ คลิปวดี ีโอ และคู่มือการจดั การความเครยี ด

ภาพท่ี 3 การจัดกจิ กรรมการเรียนร้โู ครงการ“การทางานเปน็ ทมี อย่างมีความสุข” ภาพท่ี 4 การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้“การจดั ดอกไมก้ ับธรรมชาติของมนษุ ย์”

ภาพท่ี 4 การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้“การจดั ดอกไม้กบั ธรรมชาตขิ องมนษุ ย์”(ตอ่ )

ภาพที่ 5 การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้“ผ่อนพักตระหนักรู้”และ“ทา่ โยคะบาบดั ” ภาพที่ 5 โครงการจิตสาธารณะ

ผลและอภิปรายผลการดาเนินงาน ผลจากการดาเนินกิจกรรมหลังจากได้นามาใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนกับผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนได้เกิด การเรียนรู้ด้วยการคิดอย่างใคร่ครวญ มีการพัฒนาจิตใจ และเกิดคุณค่าภายใน มีจิตสาธารณะท่ีอยากบาเพ็ญ ประโยชนเ์ พอ่ื สว่ นรวม รวมถงึ ได้เกิดนวัตกรรมทีส่ ามารถสรุปเป็นหลักฐาน ดงั นี้ 1. ได้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “การทางานเป็นทีม อย่างมีความสขุ ” ไดส้ อื่ คลิปวีดโี อ เช่น กจิ กรรมการจดั ดอกไมก้ บั ธรรมชาติของมนุษย์” เป็นตน้ 2. ได้รปู เล่มรายงานโครงการจิตสาธารณะทผี่ ู้เรียนไดท้ าการศกึ ษา เช่น โครงการ“จิตอาสาฝายชะลอนา้ ” ณ วัดทรายขาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จติ อาสาพัฒนาห้องสมุด ณ โรงเรยี นชัยมงคลวทิ ย์ อ.เมือง จ.สงขลา เป็นต้น 3.ได้คู่มือการจัดการความเครียดตามแนวคิดจิตตปัญญาศึกษา เช่น การใช้ท่าโยคะมาผ่อนคลาย ช่วยยืด เหยยี ดกล้ามเนอื้ ไดฝ้ ึกตามร้ลู มหายใจ ทาให้เกดิ สติ และสมาธิ ท้ังนี้มีตัวอย่างกิจกรรม “ผ่อนพักตระหนักรู้”จากสื่อวีดีทัศน์ของ (อาภรณ์ เช้ือประไพศิลป์) และผู้สอนได้ นามาพัฒนาและปรับใช้กับผู้เรียนโดยผ่านการภาวนาในสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันในช้ันเรียน มีวิธีการ ดังนี้ โดยใช้ ระฆังให้สัญญาณในการนอนภาวนา นาภาวนาด้วยการผ่อนคลายร่างกายในทุกส่วน โดยนอนในท่าศพ ปล่อยวาง ความคิดและความรู้สึกทุกส่วน เสมือนกับไม่มีชีวิต ผู้เรียนจะมีสมาธิอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับลมหายใจ สังเกต ความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะน้ัน จากกิจกรรมดังกล่าวผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกว่า ผู้เรียนได้ใคร่ครวญทบทวน การเรียนท่ผี ่านมา ไดฝ้ ึกสติตามรู้ลมหายใจ พร้อมเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี กิจกรรมน้จี ึงเป็นเคร่ืองมือท่ีทา ให้ผู้เรียนสงบ ตั้งใจเรยี นรู้ และเกดิ ความมงุ่ หวงั ท่ีจะเรียนร้แู ละเกิดการพัฒนาตนเองเพิ่มมากขึ้น สรุป จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชามนุษยสัมพันธ์และการพัฒนาบุคลิกภาพด้วยกระบวนการเรียนรู้ตาม แนวจิตตปัญญาศึกษา สร้างเสริมการทางานเป็นทีม และการจัดกิจกรรมจิตสาธารณะ พบว่า ผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนมากขึ้น คือ มีการพัฒนาทักษะต่างๆ และมีการเข้าใจตนเองและผู้อ่ืนมากขึ้น เรียนรู้เทคนิคการทางาน โดยมกี ารประชมุ วางแผน ดงั นี้ 1.การระดมความคิด (Workshop/Brinstorming) ซึ่งสัมพันธ์กับแนวคิดจิตตปัญญาศึกษามีการ แลกเปล่ียนเรียนรู้ การอภิปราย(Discussion) โดยผ่านกิจกรรม “การทางานเป็นทีมอย่างมีความสุข”เพ่ือหาแนวทาง แกป้ ัญหาร่วมกนั 2.การใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเรื่อง (Story Telling) ซึ่งสัมพันธ์กับวิธีสุนทรียสนทนา (Dialogue) ซ่ึง สะท้อนให้เห็นถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ลดปัญหาที่เกิดจากการ โต้แยง้ ในการทางาน 3.การทบทวนหลังปฏิบัติงาน ( AAR : After Action Reviews) จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สะท้อน ให้เห็นถึงปัญหา อุปสรรคในการทางาน มจี ุดเด่น จุดด้อย อยา่ งไร ซ่ึงผูเ้ รียนจะมีการสะท้อนคดิ ในแต่ละกิจกรรม เช่น จากแบบประเมินกิจกรรม/โครงการต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการแก้ไข และปรับปรุงพฒั นางานให้มีประสิทธิภาพ ตอ่ ไป 4.มีประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนอย่างหลากหลาย สาหรบั อาจารยผ์ ู้สอน นกั ศึกษา และบุคลากรท่ี เกย่ี วข้องในงาน เช่น การจดั การเรยี นการสอนแบบ Active Learning ซ่ึงผู้เรียนได้มีการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ (creative thinking) ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ (critical thinking) เป็นตน้ 5.มีการส่งเสริมการทางานเป็นทีมควบคู่กับการพัฒนาจิตสาธาณะของผู้เรียน เช่น ให้ผู้เรียนคดิ โครงงาน เป็นฐาน (Project Based Learning) ซึ่งจัดได้ว่าเป็นผลสัมฤทธ์ิท่ีได้จากการบูรณาการวิธีและเทคนิคการจัดการ

เรียนการสอน โดยผเู้ รียนไดป้ รบั เปลี่ยนวธิ กี ารเรียนรู้ และผู้สอนไดเ้ ปลยี่ นวธิ สี อน รวมถงึ เปน็ ผูเ้ รยี นยังได้องค์ความรู้ท่ี ฝังอยูใ่ นตวั คน (Tacit Knowledge) ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่ว่า“มีทักษะการส่ือสาร เช่ียวชาญปฏิบัติ” และ ร่วมกนั สร้างสรรค์บณั ฑติ ท่ีมีคุณลักษณะทีพงึ ประสงค์ต่อไป ขอ้ เสนอแนะคร้งั ต่อไป ผู้สอนควรสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาดังกล่าว ให้เป็นรูปธรรมมากข้ึน และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วน รว่ มในการออกแบบกิจกรรมให้หลากหลายมากข้นึ บรรณานกุ รม ชลลดา ทองทวี และคณะ. 2551. จติ ตปญั ญาพฤกษา: การสารวจและสงั เคราะห์ความรจู้ ติ ต ปัญญาศกึ ษาเบ้ืองตน้ (รายงานการวจิ ยั ) กรงุ เทพฯ: โครงการวิจัยและการจัดการความรู้ จิตตปัญญาศึกษา ศนู ย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลยั มหิดล. ประเวศ วะสี. 2550. ปาฐกถาสวสั ด์ิ สกลุ ไทย์: มหาวิทยาลยั จติ ตปัญญาศกึ ษา และไตรยางค์ แห่งการศึกษา. กรงุ เทพฯ: ศนู ยจ์ ิตตปญั ญาศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. สาวติ รี พูลสขุ โข. 2559. ครูหวั ใจใหม่ . กรงุ เทพฯ : หจก.สามลดา. วิจารณ์ พานชิ . 2548. การจัดการความรฉู้ บบั นักปฏบิ ตั .ิ กรงุ เทพฯ : สขุ ภาพใจ วจิ ารณ์ พานิช. 2556 การสรา้ งการเรียนรูส้ ศู่ ตวรรษที่ ๒๑. กรงุ เทพฯ : มูลนธิ ิสยามกัมมาจล. วจิ ักขณ์ พานิช. 2550. เรยี นรู้ดว้ ยใจอยา่ งใคร่ครวญ การศกึ ษาดั่งเสน้ ทางแสวงหาวิญญาณ. กรงุ เทพฯ : ศนู ย์จติ ตปญั ญาศึกษา. วศิ ิษฐ์ วังวญิ ญู. 2550. คู่มอื กระบวนกร ศาสตร์และศิลป์แหง่ การหันหน้าเข้าหากัน. กรงุ เทพฯ: ม.ป.พ..(เอกสารอัดสาเนา)

แนวปฏิบตั ทิ ่ีดีการจัดการเรยี นรูว ชิ าแหลงพลังงานทางเลือก : พลงั งานชวี มวล จากหองเรียนสูปฏบิ ตั ิการ Best practice, learning management of Alternative Energy Sources : “Biomass Energy” from classrooms to operations พลชัย ขาวนวล1 สมบรู ณ ประสงคจันทร2 นุชลี ทิพยม ณฑา3 1อาจารย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ัย: [email protected] 2อาจารย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชัย: [email protected] 3อาจารย มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชัย: [email protected] บทสรุป สาํ หรับวชิ าแหลง พลงั งานทางเลือก หัวขอพลังงานชีวมวล นั้น ไดเนนการจัดการเรียนรู เพ่ือปลูกฝงทักษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 โดยเร่ิมตนจากการสอนทฤษฎีโดยพื้นฐานใน หองเรียน จากนนั้ ทําการมอบหมายชนิ้ งานรายกลุม เชน การออกแบบและประกอบเตาชีวมวลซ่ึง เปนเทคโนโลยพี ลังงานชีวมวลท่ตี นทุนตํา่ ใชงานไดจริง และประกอบจากวัสดุเหลือใชในทองถิ่น พรอ มทงั้ คลิปเชิงสารคดี เพอื่ มานาํ เสนอหนา ช้นั เรยี น และนํานักศึกษาออกสูภาคสนามเพ่ือสาธิต การประยุกตใ ชเ ทคโนโลยพี ลังงานชวี มวล (เตาชวี มวล) และวัดผลจากการปฏิบัติการและขอสอบ ขอ เขียนเชงิ สรา งสรรค ซ่งึ ผลจากการจัดการเรียนรูดวยวิธีดังกลาวจะสงผลใหนักศึกษาไดฝกการ ทํางานเปนทีม การใชเทคโนโลยี การนําเสนอผลงาน การแกปญหาตาง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น การ ถายทอดเทคโนโลยี เปนตน และจะสงผลใหเกิดงานวิจัยเพ่ือพัฒนาเตาชีวมวล เกิดการบริการ วิชาการนําเตาชีวมวลมาถา ยทอด และนําเตาชวี มวลไปสาธิตทําขนมทองถ่ินตามเทศกาลเพื่อเปน การสง เสริมการทํานุบาํ รงุ ศลิ ปวัฒนธรรม นอกจากนี้สามารถนําเตาชีวมวลที่ไดรับการพัฒนาจาก งานวิจัยไปจดอนสุ ิทธิบตั รได คาํ สําคัญ ทักษะการเรียนรใู นศตวรรษที่ 21 การจดั การเรียนรู พลังงานชีวมวล Summary The alternative energy sources focus on biomass energy, which is about the learning management to cultivate the 21st century skills. This learning process

has started on the basic theory teaching in the classroom. Then, the teacher has assigned the tasks by using group cohesion such as designing and assembling the biomass cookstove which is a low-cost biomass technology. Actually, the assigned and assembled tasks from local waste materials with documentary clips in order to present in the classroom. Furthermore, the students have to take the field for demonstrating their group’s application of biomass energy technology (biomass cookstove) and measure the results of operations. After that, they have to draft up their group creative written tasks and present it. The results from learning through such methods will result in students practicing teamwork by using technology, presentation of solving problems. This can lead them learning in the technology transferring and others. This research has developed biomass cookstove through the academic service of the biomass cookstove and bring the biomass cookstove to demonstrate to make use of the local wisdom according to the festival in order to promote the preservation of arts and culture. In addition, biomass cookstove that have been developed from research study can be registered as petty patents Keywords 21st century skills, learning management, biomass energy บทนาํ วิชาแหลง พลงั งานทางเลอื กของมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มีวัตถุประสงค เพอื่ ใหนกั ศึกษามีความรูข นั้ พ้นื ฐาน เปน การเตรียมความพรอ มดา นปญญาในการนําความรู ความ เขาใจ เกีย่ วกับแหลง พลงั งานทางเลอื ก ระบบและกระบวนการที่ใชในการเปลี่ยนรูปของพลังงาน ขอดีขอ เสยี ของพลงั งานทางเลอื ก และการจดั เก็บพลังงาน เพื่อเปนพื้นฐานการเรียนในวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวของ ซึ่งวิชานี้เปนวิชาที่มีหัวขอทางดานพลังงานทางเลือกท่ีคอนขางหลากหลาย ไดแก แนะนาํ แหลงของพลังงานทางเลือก พลังงานแสงอาทิตย ความรอนใตพิภพ ชีวมวล นํ้าข้ึนนํ้าลง ไฟฟาจากพลังนํ้า ลม และคลื่น ระบบและกระบวนการที่ใชในการเปล่ียนรูปของพลังงาน ขอดี ขอ เสยี ของพลงั งานทางเลือก และการจัดเก็บพลังงาน วิชาน้ีจึงอาจารยผูสอนหลายคน โดยที่แต ละคนจะมคี วามเชย่ี วชาญในเทคโนโลยีพลังงานตามท่ีตนเองถนัด วิชาแหลงพลังงานเปนวิชาท่ีมี เพียงคาบทฤษฎีเทานั้น ไมมีคาบปฏิบัติการ ซึ่งจากปรามิดการเรียนรู (Learning Pyramid) (บุปผชาติ ทฬั หกิ รณ, 2551) น้นั การเรียนการสอนแบบบรรยายจะทําใหน กั ศึกษามีอัตราความจํา

อยทู ี่รอ ยละ 5 จากเหตผุ ลดงั กลา วน้จี ะเหน็ ไดว า นักศึกษาจะไดรับความรูในปริมาณท่ีนอย ดังนั้น ทีมผูสอนจึงทําการออกแบบการเรียนการสอนเพื่อใหนักศึกษาเขาใจเน้ือหาดวยการบูรณาการ การเรียนการสอนแบบปฏิบตั ิการเขาไปดว ย หัวขอพลังงานชีวมวลเปนหัวขอหน่ึงในวิชาแหลงพลังงานทางเลือก โดยจะเนนให นักศึกษาเขาใจแหลงท่ีมาของพลังงานชีวมวล กระบวนการเผาไหม เทคโนโลยีพลังงานชีวมวล ไดแก เตาชีวมวล ถาน เปนตน ซ่ึงในหัวขอนี้ทีมผูสอนพยายามทําใหนักศึกษาไดตระหนักถึง คุณคาเทคโนโลยีพลังงานชีวมวล ซ่ึงภาคใตจะมีแหลงพลังงานชีวมวลคอนขางเยอะ โดยที่จะ พยายามปลูกฝงใหนักศึกษานําชีวมวลที่เหลือใชมาใชงานอยางคุมคาดวยเทคโนโลยีพลังงาน ทางเลอื กดานชวี มวลท่ีออกแบบและประกอบขน้ึ เองดวยเง่ือนไขท่ีตนทุนต่ํา ทํางาย และใชงานได จริง จากแนวคดิ ท่ีไดก ลาวมาน้ี ทีมผสู อนทีร่ ับผิดชอบหัวขอพลังงานชีวมวลจึงไดรวมกันออกแบบ การเรียนการสอนท่ีทําใหนักศึกษาสามารถเขาใจถึงการใชงานพลังงานชีวมวลไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ และไดฝกทักษะการเรียนรใู นศตวรรษท่ี 21 วิธกี ารดาํ เนนิ งาน การจัดการเรียนรูเริ่มตนจากการใชเครื่องมือการจัดการความรู โดยเปนการรวมตัวกัน ของชุมชนนักปฏิบัติ (Communities of Practice หรือ CoP) ท่ีตองการฝกใหนักศึกษามีทักษะ ศตวรรษท่ี 21 ของเด็กไทย (พิมพันธ เดชะคุปต และ พเยาว ยินดีสุข, 2558) โดยเปนการฝกให นกั ศกึ ษารจู กั การใชวัสดุที่อยูใกลตัว หรือมีอยูในทองถ่ินมาแปรรูปเปนพลังงานทางเลือกจากชีว มวล และเทคโนโลยีแปรรปู พลงั งานจากชีวมวล ทม่ี ีตน ทุนตํ่า แตสามารถใชงานไดจริง ภายใตวลี “งา ย ใชไดจรงิ ใครใครก็เขาถึงได สรางเครือขายเรียนรูสูชุมชน” และทําการประชุมเพ่ือทําการ แลกเปลี่ยนการเรียนรจู ากบทเรียนทีผ่ านมา (Lesson Learned) ซงึ่ เปน การพูดคยุ ถงึ ขอบกพรอง รวมถงึ เสนอแนวทางการแกไ ขจากการเรยี นการสอนที่ผา นมา และมีการนดั คุยกนั ยอย ๆ อยางไม เปนทางการในบรรยากาศผอนคลายในลักษณะของสภากาแฟ (Knowledge Café) และเม่ือได ขอ สรปุ รวมกนั แลว จงึ ทําการออกแบบรูปแบบการเรียนการสอนท่ีนักศึกษาสามารถเขาถึงไดท้ัง ทางทฤษฎี ปฏิบตั กิ าร และการถายทอดดงั รูปท่ี 1 โดยมีข้นั ตอนดงั นี้

รูปที่ 1 โครงสรา งการจัดการเรียนรวู ชิ าแหลงพลงั งานทางเลอื ก 1. สอนทฤษฏี เปนการปูความรูพื้นฐานทางดานพลังงานชีวมวลใหแกนักศึกษา ไดแก แหลงที่มาของพลังงานชีวมวล แหลงพลังงานชีวมวล ทฤษฎีการเผาไหม หลักการแปลงชีวมวล เปนพลังงานความรอนอยางงาย หลักการทํางานของเตาชีวมวลชนิดตาง ๆ หลักการแปรรูปชีว มวลเปน ถาน เปนตน และนํากลมุ นักศกึ ษาไปเรยี นรูเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกจากชีวมวลนอก สถานที่ (ก) (ข) รปู ท่ี 2 พานกั ศกึ ษาไปเรยี นรูเ ทคโนโลยีพลงั งานทางเลอื กจากชีวมวลนอกสถานที่

2. มอบหมายงาน ในการมอบหมายงานน้ันจะเปน ลกั ษณะการทาํ งานเปน กลุมเพอื่ ฝกให นักศึกษามีความรวมมือ การทํางานเปนทีม และภาวะผูนํา (Collaboration Teamwork and Leadership) โดยงานท่ีมอบหมายนั้นจะเปนการประกอบเตาชีวมวลซึ่งเปนเทคโนโลยีพลังงาน ทางเลอื ก โดยมีเง่อื นไขคอื จะตอ งใชว ัสดุทีเ่ หลือใช ออกแบบใหงายตอการประกอบ และสามารถ แกปญหาตามที่โจทยกําหนดได ซึ่งลักษณะงานเชนน้ีจะเปนการฝกใหนักศึกษาไดฝกคิดอยาง สรา งสรรค คิดเชิงนวัตกรรม (Creativity and Innovation) และทักษะในการคิดวิเคราะห การ คิดอยางมีวิจารณญาณ และแกไขปญหาได (Critical Thinking and Problem Solving) โดยท่ี กระบวนการดําเนนิ การทั้งหมดน้นั จะตอ งถา ยถอดออกมาในรูปของคลิปวิดีโอเชิงสารคดีแบบสั้น ๆ ทส่ี รปุ กระบวนการประกอบเตา การแกปญหาตามท่ีโจทยต้ังเอาไว ซ่ึงวิธีนี้จะชวยใหนักศึกษา ไดฝกทักษะการใชคอมพิวเตอร และการรูเทาทันเทคโนโลยี (Computing and ICT Literacy) โดยท่ีงานท่ีมอบหมายใหแกนักศึกษาน้ัน ผูสอนจะคอยติดตามและใหคําปรึกษาและสอนงาน (Coaching) ใหกับนักศึกษา ซึ่งการมอบหมายงานกลุมในลักษณะเชนน้ี จะชวยใหนักศึกษาเกิด การเรียนรูไดมากกวาการบรรยายแบบปกติ เม่ืออางอิงกับปรามิดการเรียนรู (Learning Pyramid) ซึ่งการมอบหมายงานลักษณะดังกลาวจะทาํ ใหนักศึกษาเกดิ อตั ราการทรงจําเฉล่ียไดถึง รอ ยละ 75 รูปท่ี 3 การใหค ําปรกึ ษาแกกลุมนักศกึ ษา 3. นําเสนอ จะเปนการนําผลงานที่กลุมนักศึกษาไดสรางสรรคมานําเสนอหนาช้ันเรียน ในคาบถัดไป หรือในบางโอกาสก็สามารถนํานักศึกษาไปนําเสนอตอหนาบุคคลท่ีไมรูจักกัน เชน นอ ง ๆ นักเรียนโรงเรยี นชัยมงคลวิทย เปนตน ซง่ึ วิธีการดังกลาวนจ้ี ะเปนการฝกฝนใหนักศึกษามี ทักษะการแสดงออกตอหนาบุคคลอื่น ทักษะในการสื่อสารสื่อสารและการรูเทาทันสื่อ (Communication Information and Media Literacy) และการทาํ งานเปนทีม

(ก) (ข) รปู ที่ 4 การนําเสนอผลงานของนักศึกษา 4. ออกงาน เปนการนํานักศึกษาไปนําเสนอแบบภาคสนามในงานใหญ ๆ ระดับ มหาวิทยาลัย เชน งานศรีวชิ ยั แฟร ซึ่งจดั โดยมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชัย เปนตน ซึ่ง วธิ กี ารน้ีจะชว ยฝกฝนใหนักศึกษาฝกฝนทักษะการถา ยทอดองคความรูของตน โดยการแปลงองค ความรขู องตนเองทม่ี อี ยูออกมาเปนคําพูดของตนเอง ทกั ษะในการส่ือสารส่ือสาร และการทํางาน เปน ทมี (ก) (ข) รูปท่ี 5 การพานักศึกษาออกงานเพื่อฝก ฝนทกั ษะ 5. วัดผล ในการวัดผลนั้นจะดําเนินการวัดผลของการนําเสนอผลงาน ลักษณะของ ผลงานทีส่ รางสรรคข้ึน และขอสอบขอเขียนเชิงสรางสรรคในลักษณะของอัตนัย โดยจะเปนการ สอบถามแนวความคดิ ของนักศกึ ษาในการพฒั นาเทคโนโลยีพลังงานชีวมวล ซึ่งเปนการฝกทักษะ ความคดิ สรางสรรค

(ก) (ข) รปู ท่ี 6 ตัวอยา งขอ สอบอตั นัยเชิงสรา งสรรคเพ่ือวดั ผล ผลและอภปิ รายผลการดําเนินงาน จากการดาํ เนินงานตามขั้นตอนดงั กลาว สามารถแยกอภปิ รายไดด ังตอไปน้ี 1. การเกิดผลกระทบที่เปนประโยชนหรือสรางคุณคา เกิดนวัตกรรม/สามารถ แกปญหาหรอื พัฒนาระบบงานเดมิ 1.1 ทําใหนักศึกษามีความรูความเขาใจในเทคโนโลยีเตาชีวมวลย่ิงข้ึน ไดฝกทักษะ การเรยี นรใู นศตวรรษที่ 21 และมีนักศึกษาบางคนนําองคความรูสวนนี้ไปประกอบเตาชีวมวลใช เองทบี่ า น 1.2 สามารถนาํ ไปตอยอดดา นตาง ๆ ดงั นี้ - การวิจัย เม่ือทําการเรียนการสอนและพบปญหาท่ีเกิดข้ึน จึงนําปญหาที่เกิด ขนึ้ มาทําการวจิ ัยตอ - การบรกิ ารวิชาการ เมื่อทําการวจิ ัยจนกระทั่งไดองคความรูตาง ๆ ท่ีเหมาะสม แลวจึงนาํ ไปสกู ารบรกิ ารวิชาการ โดยการถายทอดการใชง านเตาชีวมวล และการประกอบเตาชีว มวลที่มปี ระสิทธภิ าพภายใตวลี “งา ย ใชไ ดจรงิ ใครใครก็เขาถึงได สรางเครือขายเรียนรูสูชุมชน” ซง่ึ การบรกิ ารวิชาการท่ไี ดก ลา วมาแลว นัน้ ไดกอใหเ กิดฐานเรียนรเู ทคโนโลยีเตาชีวมวลในชมุ ชนทุง ลาน อาํ เภอคลองหอยโขง จงั หวัดสงขลา - การทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม นอกจากการบริการวิชาการแลว ยังมีการตอ ยอดทางดานการทาํ นบุ ํารุงศลิ ปวัฒนธรรมโดยการนําเตาชีวมวลท่ีทําการพัฒนาข้ึนมาไปสาธิตใน การทาํ ขนมเดอื นสบิ ซง่ึ เปนขนมทีอ่ ยูคกู บั เทศกาลทาํ บญุ เดือนสบิ ของชาวใต

(ก) (ข) รปู ที่ 7 นําเตาชีวมวลท่ีพัฒนาขน้ึ ไปสาธติ การทําขนมเดอื นสบิ 1.3 นําไปใชในการสรางสรรคส่ิงประดิษฐ และย่ืนจดอนุสิทธิบัตร เนื่องจากทีม ผูสอนไดพบปญหาจากการใชง านเตาชีวมวล และสรา งสรรคส่ิงประดิษฐเพ่ือแกไขปญหาท่ีเกิดข้ึน ดงั กลา ว (ก) (ข) รูปท่ี 8 เตาชีวมวลท่ียน่ื จดอนสุ ิทธิบตั ร 2. ปจจยั ทที่ าํ ใหเ กดิ ผลสําเรจ็ ปญ หา อปุ สรรค และแนวทางแกไข 2.1 ปจ จัยท่ที ําใหเกิดผลสาํ เร็จ ไดแ ก - การวางแผนรวมกันของทีมงานผูสอนเพ่ือใหการเรียนการสอนที่เกิดข้ึนเกิด ผลประโยชนส งู สดุ แกนกั ศึกษา โดยใหนกั ศึกษาไดฝกทักษะที่สําคญั ตอการเรยี นรูใ นศตวรรษท่ี 21 - การทําหนาทเ่ี ปรียบเสมอื นโคช ใหกับนักศึกษา - การตดิ ตามงานอยา งสมํ่าเสมอของทมี ผูสอน - การนํานักศกึ ษาไปหาประสบการณจรงิ นอกหอ งเรียน

2.2 ปญ หาและอปุ สรรค - กลุมของนักศึกษามีขนาดใหญทําใหการพาไปศึกษาเรียนรูของจริงนอก หองเรยี นคอ นขางลําบาก 2.3 แนวทางแกไข - จัดแบง กลุม ยอ ย สรุป จากการดาํ เนินการสามารถสรุปไดดงั นี้ 1. การดําเนนิ การลกั ษณะเชน นีจ้ ะสง ผลตอ นกั ศึกษาทมี่ องเห็นคุณคา ประโยชนของ เตาชวี มวล รวมถงึ นักศกึ ษาทีม่ ีแนวคดิ ท่จี ะนําองคค วามรูไปใชกับที่บาน 2. การดําเนินงานเชนนี้จะสงผลใหนักศึกษาไดฝกฝนความคิดสรางสรรค การ ประยกุ ตหลกั การเบอื้ งตน ไปสกู ารพฒั นาเพ่ือแกปญ หาท่ีเกิดข้ึน การแสดงออก การใชเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร การทาํ งานเปน ทมี รวมถึงการสอื่ สาร 3. การดําเนินงานเชนนี้ ในบางคร้ังจะพบปญหาจากชิ้นงานมอบหมายใหนักศึกษา ทํา ซ่ึงจากปญหาที่เกิดข้ึนนี้สามารถนํามาใชทําวิจัยเพ่ือแกไขปญหา และสามารถนําไปบริการ วชิ าการแกหนว ยงานอื่น ๆ ท่ีใหความสนใจ และสามารถนําผลิตภัณฑไปใชเพื่อสงเสริมการทํานุ บํารุงศลิ ปวฒั นธรรมตอ ไปได บรรณานกุ รม บุปผชาติ ทัฬหิกรณ. 2551. การประยุกตใชเทคโนโลยีสารสนเทศในการเรียนการสอน. กรงุ เทพฯ: โครงการเทคโนโลยสี ารสนเทศตามพระราชดําริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ศนู ยเทคโนโลยีอเิ ล็กทรอนิกสและคอมพิวเตอรแหงชาติ. พิมพันธ เดชะคุปต และ พเยาว ยนิ ดสี ขุ . 2558. การจดั การเรียนรูในศตวรรษท่ี 21. (พิมพครั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ: โรงพิมพแ หง จฬุ าลงกรณม หาวิทยาลัย.

1 การจดั การความรเู้ พือ่ พัฒนาระบบทะเบียนหนงั สอื ราชการออนไลน์ : MT-Document Knowledge management for on-line official letter registration system development …………………………………………………………………………………………….. นุชเนตร นาคะพันธ์1 กญั ญา ผันแปรจิตต์2 พรประเสริฐ ทิพย์เสวต3 สุภาพร ขนุ ทอง4 1เจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานท่วั ไป สานักงานคณบดี คณะเทคโนโลยีการจดั การ มทร.ศรีวชิ ยั 2เจา้ หน้าท่บี ริหารงานท่วั ไป สานักงานคณบดี คณะเทคโนโลยกี ารจัดการมทร.ศรีวชิ ัย 3หวั หนา้ งานสารสนเทศ สานักงานคณบดี คณะเทคโนโลยีการจดั การ มทร.ศรวี ชิ ัย 4หัวหนา้ สานกั งานคณบดี คณะเทคโนโลยีการจดั การ มทร.ศรวี ิชยั อีเมล : [email protected]@hotamil.com, [email protected], [email protected] ......................................................................................................................................................... บทสรุป ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ : MT-Document เป็นระบบ การดาเนินงานด้านงาน สารบรรณของคณะเทคโนโลยีการจดั การ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มีการดาเนินการด้าน งานสารบรรณเช่นเดียวกับหนว่ ยอ่นื โดยยึดถอื หลกั ปฏบิ ัตงิ านตามระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีว่าด้วยงาน สารบรรณ พ .ศ. 2526 และ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ท่ีแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะ กับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการปฏิบัติงานด้วยระบบงานสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ .ศ.2550 นามาใช้ ประกอบในการ ปฏิบัติงานสารบรรณ ซ่ึงคณะเทคโนโลยีการจัดการ โดยหัวหน้างานสารสนเทศ ได้รับ งบประมาณจากคณะเทคโนโลยีการจัดการ ดาเนินโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาระบบรับ-ส่งหนังสือ ทางราชการออนไลน์” คณะเทคโนโลยีการจัดการ มทร.ศรีวิชัย จากผลการดาเนินวิจัยทาให้ทราบถึง ปัญหาการดาเนินงานด้านสารบรรณ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้นาข้อมูลมาจัดทาเป็นระบบ รับ- ส่งหนังสือทางราชการออนไลน์ ข้ึนมาเพื่อใช้งานภายในหน่วยงาน โดยระบบดังกล่าวได้ใช้ กระบวนการของการจดั การความร้มู าประยุกตใ์ ช้ โดยเรมิ่ ตัง้ แต่การนาผลการวิจัยมาพัฒนาระบบ การจัด ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณในฐานะผู้ใช้งานระบบ มีการประชุมแลกเปล่ียน

2 เรียนรู้รว่ มกบั ผ้บู รหิ าร เพอื่ ทราบความต้องการในการใชร้ ะบบเพ่ือประกอบการตดั สินใจ หลังจากน้ันได้นา ขอ้ มลู ทั้งหมดปรบั ปรุงพฒั นาระบบอกี ครั้งและนามาจัดเกบ็ เป็นขุมความรู้จัดทาคู่มือการดาเนินงาน ระบบ ทะเบียนหนังสอื ราชการออนไลน์ (MT-Document) เพ่ือเป็นการพัฒนางานในคณะเทคโนโลยีการจัดการ ให้เจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณ คณะเทคโนโลยีการจัดการนาไปใช้คู่กับระบบ เพ่ือทดสอบปัญหาของระบบ และได้มีการ จัดประชุมแลกเปล่ียนปัญหาท่ีได้จากการใช้ระบบออนไลน์ เพื่อพัฒนาปรับปรุงแก้ไข นอกจากน้ี คณะผู้จัดทายังได้นากระบวนการจัดการความรู้มาเป็นเครื่องมือในการสกัดความรู้จาก เจา้ หน้าท่ีงานสารบรรณในคณะอ่นื ๆ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชัย ท้ัง 14 หน่วยงาน และ 3 วิทยาเขต มาเล่าปัญหาของทางานสารบรรณ เพ่ือนามาปรับปรุงการพัฒนาระบบทะเบียนหนังสือ ออนไลน์ให้มปี ระสิทธภิ าพมากย่งิ ขึ้นอกี ด้วย ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) เป็นงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ เก่ียวขอ้ งกับการจัดเกบ็ พมิ พ์บนั ทึกภายใน หนงั สือภายนอก คน้ หาและประกาศคาสั่งและระเบียบต่างๆ การจัดการหนังสือรับภายใน การจัดการหนังสือรับภายนอก การจัดการประกาศและคาส่ัง จัดการรับ- ส่งเอกสารตามโครงสร้างบุคลากร การแสดงรายช่ือผู้เปิดอ่าน/ไม่เปิดอ่านเอกสาร การจัดการคลัง เอกสาร การจัดประเภทแบบฟอรม์ เอกสารการจัดเก็บแบบฟอร์มเอกสาร สามารถตรวจสอบการเปิดอ่าน หรือไมเ่ ปิดอ่าน เปน็ ต้น ถอื เป็นการนาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจผู้บริหาร และ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ที่ทันสมัยให้องค์กร การเข้าใช้งานระบบ หนังสือราชการ สามารถเข้าใช้งานโดยการคลิกท่ีลิงค์เข้าผ่าน URLโดย พิมพ์ URLดังน้ี http://172.17.88.201/document คาสาคญั การจัดการความรู้, ระบบทะเบียนหนงั สอื ราชการออนไลน์, นวตั กรรม Summary On-line official letter registration system: MT-Document is an on-line correspondence registration system under the Faculty of Management Technology, Rajamangala University of Technology Srivijaya in according to the regulation of an Office of the Prime Minister's Regulation on Correspondence B.E.2526 and B.E.2548 (No.2), and the Computer Crime Act B.E.2550. The reason of developing this on-line system caused from an outcome of the research topic names “development of the official letter transferring” which conducted by the Division of Information. The research had indicated various problems in documentation management, however it also report the corrective and preventive approach for each problem. Therefore, the knowledge management process has been applied to rectify and improve the documentation management in order to develop the on-line official letter registration system. The process of knowledge

3 management included the knowledge sharing session between the documentation officer and the management, knowledge extraction from the documentation officer of each faculty, development of system’s user guideline. The on-line official letter registration system (MT-Document) is an electronic documentation system using for document filing, internal-external memorandum management, document transferring, notifying of document receiving, achieving system, searching and notifying of regulations or rules. The MT-Document system is the new innovation for the Rajamangala University of Technology Srivijaya, it can be facilitated the relevant personnel included the documentation officer, the management team, and other related organization using the MT-Document system. The system can be access through http://172.17.88.201/document. Keywords: Knowledge management, On-line official letter, Documentation, Innovation บทนา งานสารบรรณ ถือเปน็ หน่วยงานหน่งึ ท่ีเก่ยี วกับการบริหารงานเอกสาร เร่มิ ตัง้ แต่การจัดทาการรับ - การส่ง การเก็บรักษา การยืม ไปจนถึงการทาลาย และยังรวมถึงการคิด อ่าน ร่าง เขียน แต่ง พิมพ์ ทา สาเนา สง่ ข้อความ รับบนั ทกึ จดรายงานการประชมุ สรุป ย่อเร่ือง เสนอ สั่งการ ตอบโต้หนังสือ การเก็บ เข้าท่ี การค้นหา และการติดตาม ซ่ึงจาเป็นจะต้องมีระบบที่ให้ความสะดวก รวดเร็วถูกต้องและมี ประสิทธิภาพ นอกจากนี้งานเอกสารถือเป็นหน้าที่สาคัญขององค์กรต่าง ๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน การ ติดตอ่ ส่อื สารระหวา่ งองค์กร ซึ่งมีความจาเป็นอย่างยิ่งในด้านการบริหารงานในภาพรวมขององค์กร และ มักจะประสบกับปัญหาในเรอื่ งการเขียนหนังสือให้ได้ ใจความสื่อสารเข้าใจง่าย มีความเข้าใจตรงกัน และ มีสาระ ครบถ้วน ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานด้านเอกสาร และผู้ที่เก่ียวข้องกับการเขียนหนังสือราชการจึงเป็น บุคคลที่สาคัญต่อ องค์กรท่ีจะต้องพัฒนาทักษะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพ่ือเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพ ประสทิ ธิผลตอ่ องค์กร และให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดข้ึนตามสภาพการณ์ปัจจุบันท้ังภายในและภายนอก องค์กร ซ่ึงจะเห็นได้ว่างานสารบรรณเป็นงานท่ีสาคัญกับองค์กรเป็นอย่างมาก เป็นงานแรกที่รับเอกสาร เข้ามาในองค์กร และส่งเอกสารออกจากองค์กร ฉะน้ันเอกสารท่ีส่งออกไปนอกองค์กรต้องเป็น เอกสารท่ี สร้างความเข้าใจระหว่างกันเป็นอย่างดีซึ่งหากองค์กรใดมีบุคลากรที่มีความชานาญทางด้าน สารบรรณ เป็นอย่างดี ก็จะช่วยให้องค์กรนั้น ๆ สามารถดาเนินงานไปได้โดยบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นไปตาม เป้าหมายขององค์กรน้ันด้วย การจัดระบบเอกสาร/ไฟล์เอกสารให้มีประสิทธิภาพ องค์กรส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเก่ียวกับการ จัดไฟล์เอกสาร เอกสารหาย หาเอกสารไม่พบ ใช้เวลานานเกินไปในการค้นหา ซึ่งปัจจุบันจะใช้ระบบ e – office (ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์) มาใช้ ในการจัดเก็บเอกสาร เพ่ือช่วยให้การบริหาร

4 จัดการเอกสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ง่ายและสะดวกในการค้นหา ซ่ึงคณะเทคโนโลยีการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ได้นาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์มาใช้เพื่อแก้ไข ปัญหาดงั ที่กล่าวมา โดย ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) เป็นงานสารบรรณ อเิ ล็กทรอนิกส์ ท่ีเก่ียวข้องกับการจัดเก็บ พิมพ์บันทึกภายใน หนังสือภายนอก ค้นหาและประกาศคาส่ัง และระเบียบต่างๆ การจัดการหนังสือรับภายใน การจัดการหนังสือรับภายนอก การจัดการประกาศ และคาสั่ง จัดการรับ-ส่งเอกสารตามโครงสร้างบุคลากร การแสดงรายช่ือผู้เปิดอ่าน/ไม่เปิดอ่านเอกสาร การจัดการคลังเอกสาร การจัดประเภทแบบฟอร์มเอกสาร การจัดเก็บแบบฟอร์มเอกสาร สามารถ ตรวจสอบการเปดิ อ่านหรอื ไม่เปดิ อา่ น เป็นต้น สาหรับการดาเนินงานด้านงานสารบรรณของคณะเทคโนโลยีการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลศรวี ิชัย มกี ารดาเนินการด้านงานสารบรรณเช่นเดยี วกบั หนว่ ยอ่นื โดยยึดถือหลักปฏิบัติงานตาม ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ .ศ. 2526 และ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่า ด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ที่แก้ไขเพ่ิมเติมให้เหมาะ กับสถานการณ์ในปัจจุบันท่ีมีการ ปฏิบัติงานด้วยระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาผิดเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ พ .ศ.2550 นามาใช้ประกอบในการ ปฏิบัติงานสารบรรณ งานสารบรรณเป็นงานท่ีเกี่ยวกับ การบริหารเอกสาร ซ่ึงเร่ิมตั้งแต่การคิด การอ่าน การร่าง การเขียน จัดเก็บ ค้นหา และอีกหลายๆ อย่าง จนไปถึงการทาลาย ปัญหาเก่ียวกับการปฏิบัติงานสาร บรรณ คือ ไม่มีบุคลากรท่ีสามารถปฏิบัติงานแทน กันได้ และไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เนือ่ งจาก ผปู้ ฏิบัติงานขาดความรู้ความเข้าใจในวิธีปฏิบัติท่ีถูกต้อง ซึ่ง คณะเทคโนโลยีการจัดการ โดยหัวหน้างานสารสนเทศ ได้รับงบประมาณจากคณะเทคโนโลยีการจัดการ ดาเนินโครงการวิจัย เร่ือง “การพัฒนาระบบรับ-ส่งหนังสือทางราชการออนไลน์” คณะเทคโนโลยีการ จัดการ มทร.ศรีวิชัย จากผลการดาเนินวิจัยทาให้ทราบถึงปัญหาการดาเนินงานด้านสารบรรณ และ แนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้นาข้อมูลมาจัดทาเป็นระบบรับ-ส่งหนังสือทางราชการออนไลน์ ข้ึนมาเพื่อ ใช้งานภายในหนว่ ยงาน โดยระบบดงั กล่าวได้ใช้กระบวนการของการจัดการความรู้มาประยุกต์ใช้ โดยเร่ิม ต้ังแต่การนาผลการวิจัยมาพัฒนาระบบ การจัดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณใน ฐานะผู้ใช้งานระบบ มีการประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกับผู้บริหาร เพ่ือทราบความต้องการในการใช้ ระบบเพือ่ ประกอบการตดั สนิ ใจ หลังจากนั้นได้นาข้อมูลทั้งหมดมาปรับปรุงพัฒนาระบบอีกครั้งและนามา จดั เก็บเป็นขมุ ความรู้จัดทาคมู่ อื การดาเนินงาน ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) เพื่อเป็นการพัฒนางานในคณะเทคโนโลยีการจัดการ ให้เจ้าหน้าที่งานสารบรรณ คณะเทคโนโลยีการ จดั การนาไปใช้ค่กู ับระบบ และได้มีการ จดั ประชุมแลกเปล่ียนปัญหาที่ได้จากการใช้ระบบทะเบียนหนังสือ ราชการออนไลน์ เพื่อพัฒนาปรับปรุงแก้ไข นอกจากน้ี คณะผู้จัดทายังได้นากระบวนการจัดการความรู้ มาเป็นเครื่องมือในการสกัดความรู้จากเจ้าหน้าที่งานสารบรรณในคณะอ่ืนๆ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย ทั้ง 14 หน่วยงาน และ 3 วิทยาเขต มาเล่าปัญหาของทางานสารบรรณ เพ่ือนามา ปรับปรุงการพัฒนาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถือเป็น

5 การนาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจผู้บริหาร และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมเสรมิ สร้างภาพลักษณ์ใหม่ ท่ีทันสมัยให้องค์กร การเข้าใช้งานระบบหนังสือราชการ สามารถเข้าใช้ งานโดยการคลกิ ทล่ี งิ ค์เข้าผา่ น URLโดย พมิ พ์ URL ดังนี้http://172.17.88.201/document วธิ ีการดาเนนิ งาน ระ บ บ ทะ เ บี ย นห นั ง สื อร า ช ก าร อ อ น ไล น์ MT-Document เ ป็ น วั ตถุ ป ร ะ สง ค์ ข อ ง คณะเทคโนโลยีการจัดการตาม พันธกิจของคณะ ในการนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาช่วย สนับสนุนการตัดสินใจผู้บริหาร และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ที่ ทันสมัยให้องค์กร การเข้าใช้งานระบบหนังสือราชการ เป็นลักษณะงานแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research : PAR) คณะผู้จดั ทา ได้มีวิธกี ารดาเนินการระบบทะเบียนหนังสือออนไลน์ ตามกรอบ กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) และ เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ (KM tools) ดงั นี้ 1. กาหนด (Identify) จากการทดสอบการดาเนินงานระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ MT-Document ดังกล่าว ทาให้ทราบว่า เจ้าหน้าท่ีผู้ท่ีปฏิบัติงานด้านสารบรรณ ท้ังสานักงานฝ่าย สานักงานสาชาวิชา ภายใต้คณะเทคโนโลยีการจัดการ โดยมีการจัดการความรู้ ระดมความความคิด เพ่ือแก้ปัญหา และ แนวทางการปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ย่างรวดเร็ว ท้ังน้ีทางคณะฯได้นาความรู้ท่ีได้จากการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มาสกัดเป็นคู่มือ ระบบทะเบียนหนังสือออนไลน์ MT- Document นาองค์ความรู้เผยแพร่ไปยัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เป็นการดาเนินการจัดการความรู้ร่วมกันระหว่างผู้จัดทาระบบ ทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ เจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณ ในระดับคณะเทคโนโลยีการจัดการ และ มี การแลกเปล่ียน ระหว่างผู้จัดทาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ ด้วยการเสวนาพูดคุย ถึงปัญหา และอุปสรรคของการทางานด้านสารบรรณ และความสาเร็จในการทางานด้านสารบรรณ โดยการระดม สมองเพ่ือแลกเปล่ียนความรู้ และร่วมหาแนวทางแกปัญหาของผู้ที่ดาเนินงานด้าน สารบรรณของ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย KM tools ท่ีใช้ คือ การระดมสมอง (Brainstorming) เพ่ือแลกเปลี่ยนความรู้และ ประสบการณ์ปัญหาของการดาเนินงานด้านงานสารบรรณ ผู้บริหาร ภายในคณะเทคโนโลยีการจัดการ และได้จัดทาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ MT- Document และได้นาระบบทะเบียนหนังสือ ราชการออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่ภายในคณะฯ ทดสอบใช้งาน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อทราบปัญหาของระบบ กับการใช้งาน หลังจากน้ัน ทางคณะผู้จัดทาระบบ ได้มีการจัดประชุมเพื่อรับฟังปัญหาหลังจากการใช้ ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ MT- Document โดยการเสวนาพูดคุยกับกลุ่มเจ้าหน้าท่ี ปฏิบตั งิ านด้านงานสารบรรณ และนาไปปรับปรงุ พัฒนา ผลท่ีได้รับ คือ ทราบถึงปัญหาของการดาเนินงานด้านงานสารบรรณ และพบประเด็นที่ น่าสนใจ ได้แก่ ประเด็นแรก เจ้าหน้าที่งานสารบรรณเกิดปัญหาเกี่ยวกับการค้นหาหนังสือ และการ

6 แจกจ่ายหนังสือไปยังหน่วยงานภายใน มีความล่าช้า และการสาเนาเอกสารซ้าซ้อนและเอกสารสูญหาย หรือเกดิ การชารดุ เสียหาย จึงร่วมกนั วางแผนดาเนนิ การจดั การความรู้ 2. สร้าง/แสวงหา (Create/Acquire) คณะผู้จัดทาระบบ ดาเนินการสัมภาษณ์เชิงลึกเจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณภายใน คณะเทคโนโลยีการจัดการ เพ่ือค้นหาความรู้ด้านงานสารบรรณท่ีประสบปัญหา ในการทางาน และจด บันทกึ ข้อมลู จากการเลา่ เรื่อง แลว้ จดั ประชุมเจา้ หน้าท่ีของคณะเทคโนโลยกี ารจดั การ รว่ มกับผู้บริหารของ คณะ ซึ่งเป็นการทบทวนความรู้ท่ีเก็บมาได้จากการสัมภาษณ์ เป็นการเรียนรู้ระหว่างทางาน (AAR : After Action Review) ทาให้เจ้าหน้าที่งานสารบรรณได้มีโอกาสทบทวนความรู้เดิม และเรียนรู้ความรู้ ใหม่ แลว้ จดบันทึกความรู้ไว้เพอื่ เผยแพร่ตอ่ ไป KM tools ท่ีใช้ คือ ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice - CoP) ที่คณะผู้จัดทา ระบบ ได้สกัดความรู้ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ โดยการเล่าเรื่อง (Storytelling) แล้วจัด ประชุมทบทวนการปฏิบัติ (After Action Review) ซึ่งได้เรียนรู้คิดเห็น (Learning Reviews) กับ เจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณ และผู้บริหารคณะเทคโนโลยีการจัดการ เป็นที่ปรึกษา (Mentor) คอยให้ คาแนะนาเกี่ยวกับระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) และหลังจากน้ันได้นาคู่มือ ระบบทะเบยี นหนงั สือราชการออนไลน์ MT- Document เขา้ ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้กับการ “การจัดการ ความส่มู หาวิทยาลยั นวตั กรรม KM : Innovation University” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ท้ังหมด 14 หน่วยงาน 3 วิทยาเขต ซึ่งเป็นชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice - CoP) เพื่อ คณะผจู้ ดั ทา ไดน้ าปญั หาท่ไี ด้รบั มาปรบั ปรงุ และพฒั นาตอ่ ไป ผลทไ่ี ด้รับ คือ เจ้าหน้าที่สารบรรณ เพ่ิมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานรับ-ส่ง หนังสือราชการ รับ-ส่ง เก็บรวบรวม บันทึกข้อมูล/ เตือนความจา /ค้นหาเอกสารและติดตามงานได้รวดเร็ว และเพิ่ม ประสิทธิภาพการทางานของบุคลากร พัฒนาระบบสารสนเทศในองค์กรใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างเสริม ภาพพจน์ขององค์กร ประหยัดงบประมาณ คา่ ใช้จา่ ยของหน่วยงาน 3. รวบรวมและจดั เก็บ (Collect/Organize) คณะผู้จัดทาระบบ ได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับงานสารบรรณ และวางแผนการจัดทาระบบ ทะเบียนหนงั สอื ราชการออนไลน์ (MT-Document) ท่มี คี วามรู้และประสบปัญหาด้านงานสารบรรณ โดย การจัดประชุมแลกเปล่ียนความรู้ ภายในคณะเทคโนโลยีการจัดการ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลศรีวิชัย KM tools ที่ใช้ คือ การเรียนรู้ระหว่างทางาน (After Action Review) เพื่อทบทวนการ ปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนและปญั หาอปุ สรรค ภายในคณะ และ เข้าร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ “การจัดการความรู้สู้ มหาวิทยาลัยนวัตกรรม KM : Innovation University ในโครงการภูมิพลังแห่งปัญญาราชมงคลศรีวิชัย กบั การจดั การความรู้ ได้รบั รางวัลแนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ ใี นการ ดาเนนิ งานของสายสนบั สนุน เพอื่ ขับเคล่ือน พันธ กจิ ของมหาวิทยาลยั

7 ผลทีไ่ ด้รบั คอื เข้ารว่ มแลกเปลย่ี นเรียนรู้ “การจดั การความรสู้ มู้ หาวทิ ยาลัยนวัตกรรม KM : Innovation University ในโครงการภูมิพลังแห่งปัญญาราชมงคลศรีวิชัยกับการจัดการความรู้ ได้รับ รางวัลแนวปฏิบัติที่ดีในการ ดาเนินงานของสายสนับสนุน เพ่ือขับเคล่ือน พันธกิจของมหาวิทยาลัย โดย นาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) พร้อมทั้ง กองวิเทศสัมพันธ์และประกัน คุณภาพ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั ได้นาความรู้ที่ไดจ้ ากการแลกเปลี่ยนมาจัดเก็บเป็นขุม ความรู้ โดยจัดทาคู่มือการจัดการความรู้ ประจาปีการศึกษา 2561 (RUTS KM ) เพื่อแบ่งปันให้กับ บคุ ลากรภายในมหาวิทยาลัยและภายนอกมหาวิทยาลยั ได้รบั ร้ตู ่อไป 4. เขา้ ถงึ (Access) การเขา้ ถึงความรู้ทอี่ ยู่ในตัวบุคคลท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าท่ีสรรบรรณ ที่ประสบกับปัญหา ในการดาเนินงานด้านระบบงานสรรบรรณ โดยการร่วมประชุมแลกเปล่ียนความรู้ พบปะปรึกษาปัญหา ต่าง ๆ ในระหวา่ งการทางานทุกระยะของการดาเนนิ งาน KM tools ทใ่ี ช้ คือ แหล่งผู้รู้ขององค์กร (CoE) การเข้าถึงข้อมูล ด้วยวิธีการสอบถามข้อมูล จากผู้รู้ในการทางานด้านสารบรรณ ผู้บริหาร คณาอาจารย์ และบุคลากรใน คณะเทคโนโลยีการ จดั การ ท่ไี ด้รบั บริการในการคน้ หาข้อมูลหนงั สือเข้า-หนงั สือออก ภายในคณะฯ ผลที่ได้รับ คือ เจ้าหน้าท่ีสารบรรณ มีเข้าใจในการปฏิบัติงานรับ-ส่ง หนังสือราชการ รับ - ส่ง เก็บรวบรวม บันทึกข้อมูล/ เตือนความจา /ค้นหาเอกสารและติดตามงานได้รวดเร็ว ถือเป็น การบูรณาการด้านบรหิ ารงานเอกสารสานักงานอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ และรวดเร็วในการดาเนนิ งาน 5. แบง่ ปัน (Share) คณะผจู้ ดั ทาระบบ เข้ารว่ มแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ “การจดั การความรสู้ ูม้ หาวิทยาลัยนวัตกรรม KM : Innovation University ในโครงการภูมิพลังแห่งปัญญาราชมงคลศรีวิชัยกับการจัดการความรู้ ได้รับ รางวัลแนวปฏิบัติท่ีดีในการ ดาเนินงานของสายสนับสนุน เพื่อขับเคลื่อน พันธกิจของมหาวิทยาลัย โดย นาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ MT-Document) พร้อมท้ัง กองวิเทศสัมพันธ์และประกัน คุณภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ได้รวบรวมความรู้มาจัดทาคู่มือการจัดการความรู้ ประจาปกี ารศกึ ษา 2561 KM tools ท่ีใช้ คือ การเล่าเร่ือง (Storytelling) จากประสบการณ์และปัญหาของการ ปฏิบตั ิงานด้านสารบรรณ ในคณะเทคโนโลยีการจัดการ พร้อมท้ังการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนในการใช้ระบบ การดาเนินงานระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ MT-Document) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ “การจดั การความส่มู หาวิทยาลัยนวัตกรรม KM : Innovation University” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลศรีวิชยั ทงั้ หมด 14 หนว่ ยงาน 3 วทิ ยาเขต ซึง่ เป็นชุมชนนกั ปฏบิ ัติ (Community of Practice - CoP) เพือ่ คณะผู้จดั ทาได้มีการนาปัญหาท่ไี ดร้ บั มาปรับปรงุ และพัฒนาตอ่ ระบบต่อไปไป ผลที่ได้รับ คือ การส่ือสารขยายผลเพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่อง ระบบทะเบียนหนังสือราชการ ออนไลน์ (MT-Document) และการส่ือสารด้วยลายลักษณ์อักษร ซ่ึงมีการสร้างความสัมพันธ์รวมกลุ่ม

8 กนั เป็นเครือขา่ ยของเจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณ มหาวิททยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และทางกองวิ ทเทศสัมพันธ์และประกันคุณภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ได้จัดทาเป็นคู่การจัดการ ความรู้ RUTS KM เพอื่ เผยแพร่ตอ่ ไป 6. ใช้ (Apply) เม่ือเจา้ หนา้ ทง่ี านสรรบรรณ ฝ่าย/สาขาวิชา ได้เรียนรู้และลงมือใช้ระบบทะเบียนหนังสือราชการ ออนไลน์ (MT-Document) ควบคู่กับการใช้คู่มือการระบบทะเบียนหนังสือ ราชการออนไลน์ (MT-Document) ได้มีการประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติ (After Action Review) เพื่อนาไปสู่การ ปรับปรงุ รายละเอียดเนอื้ หาความรูส้ าหรับการเผยแพรต่ ่อไป KM tools ที่ใช้ คือ คณะผู้จัดทาระบบ (Mentor) คอยให้คาปรึกษาอย่างต่อเนื่อง เสร็จ แล้วมีการประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติ (After Action Review) รวมท้ังมีหัวหน้างานสารสนเทศ คณะ เทคโนโลยีการจัดการ เป็นผสู้ อนงาน (Coaching) เพมิ่ เตมิ ความร้ทู างวิชาการแก่เจ้าหนา้ ทง่ี านสารบรรณ ผลที่ได้รับ คือ คู่มือระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ที่ผ่านการ ปรบั ปรงุ เน้ือหาไดถ้ กู ตอ้ งเปน็ แนวทางปฏิบัติแก่ผู้ใช้งาน โดยใช้หลักการการจัดการความรู้ (KM) สกัดเป็น ขมุ ความรแู้ ละพฒั นาเน้อื หา จนเป็นท่ีน่าเชอื่ ถือ สามารถปฏบิ ัตติ ามได้จรงิ จากวิธีดาเนินการดังกล่าว สามารถสรุปแนวคิดตามกรอบกระบวนการจัดการความรู (KM Process) และเครื่องมือการจดั การความรู้ (KM tools) ดงั ตอ่ ไปน้ี KM Process KM Tool วิธีการดาเนนิ งาน 1. กาหนด - Brainstorming 1. ประชุมเจ้าหน้าที่งานสารบรรณ และผู้บริหารคณะฯ (Identify) - Mentor โดยการระดมสมอง และวางแผนร่วมกนั 2. สรา้ ง/แสวงหา - CoP 1. สัมภาษณ์เชิงลึกเจ้าหน้าที่สรรบรรณ และผู้บริหาร (Create/Acquire) - Storytelling เก่ียวกับปัญหาและอปุ สรรคของการดาเนนิ งาน - After Action Review ด้านสารบรรณ - Mentor 2. จดบันทึกขอ้ มลู จากการเล่าเรือ่ ง 3. ประชมุ ทบทวนความรู้ท่เี ก็บมาได้ 3.รวบรวมและ - After Action Review 1. ประชุมแลกเปลยี่ นความรู้ และดาเนนิ การรว่ มกนั จัดเกบ็ - Coaching 2. หัวหน้างานสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีการจัดการ (Collect/Organize) - Peer Assist คอยสอนงาน ดูแลและพฒั นาระบบอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 3. มกี ารพบปะกันระหวา่ งเจ้าหนา้ ทสี่ ารบรรณ สานักงานฝา่ ย/สานักงานสาขา ในคณะเทคโนโลยกี าร จัดการ มทร.ศรีวชิ ัย

9 4. เข้าถงึ (Access) - Center of Excellence 1. การเขา้ ถึงความรู้ในองคก์ ร ไดแ้ ก่ เจ้าหน้าที่ท่ีประสบ (CoE) ปัญหาในการทางานด้านงานสารบรรณ ผู้บริหาร และ หัวหน้างานสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีการจัดการ 5. แบง่ ปัน (Share) - Storytelling มทร.ศรีวชิ ยั - Work Manual 1. ถ่ายทอดความรใู้ นลกั ษณะเล่าเร่อื ง - Mentor 2. แจกคู่มือระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ - Social Network (MT-Document) 3. มีหัวหน้างานสารสนเทศ เป็นผู้ดูแล ทุกระยะการ 6. ใช้ (Apply) - Mentor ดาเนินงานทะเบียนหนังสือราชการ ออนไลน์ (MT- - After Action Review Document) - Coaching 1. หวั หน้างานสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีการจดั การ ทาหนา้ ทเ่ี ป็นพีเ่ ลี้ยง 2. การประชุมทบทวนหลงั การปฏบิ ัติ 3. หวั หน้างานสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีการจัดการ และเพมิ่ เตมิ ความรู้ทางวชิ าการใหม่ ๆ ผลและอภปิ รายผลการดาเนนิ งาน การใช้กระบวนการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือในการส่ือสารขยายผล การดาเนินงานระบบ ทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ว่าจะ เป็นการจัดเก็บ พิมพ์บันทึกภายใน หนังสือภายนอก ค้นหาและประกาศคาสั่งและระเบียบต่างๆ การ จัดการหนังสือรับภายใน การจัดการหนังสือรับภายนอก การจัดการประกาศและคาส่ัง จัดการรับ-ส่ง เอกสารตามโครงสร้างบุคลากร การแสดงรายช่ือผู้เปิดอ่าน/ไม่เปิดอ่านเอกสาร การจัดการคลังเอกสาร การจัดประเภทแบบฟอร์มเอกสาร การจัดเก็บแบบฟอร์มเอกสาร สามารถตรวจสอบการเปิดอ่านหรือไม่ เปิดอ่านการ ถือเป็นระบบที่นาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจผู้บริหาร และการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ท่ีทันสมัยให้องค์กรโดยใช้กระบวนการ แลกเปล่ียนเรียนรู้ และการจัดการความรู้ มาประยุกต์ใช้ ตลอดจนการสกัดความรู้และจัดเก็บเป็นขุม ความร้ใู นลกั ษณะของคูม่ อื การปฏบิ ัตงิ านระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) และ คมู่ ือการจดั การความรู้ RUTS KM เพือ่ เผยแพรต่ ่อไป จากผลการใช้กระบวนการการจัดการความรู้ ทาให้เจ้าหน้าที่งานสารบรรณ สามารถใช้งาน ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ตามคาปรึกษาของหัวหน้างานสารสนเทศ และคู่มือระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและที่ผ่านมา ทางคณะผู้จัดทา ได้ดาเนนิ การปรบั ปรงุ เนอ้ื หาไดถ้ ูกต้องเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยใช้หลักการจัดการความรู้ (KM) การสกัดความรู้ และการจัดเก็บเป็นขุมความรู้เพ่ือพัฒนาระบบและเน้ือหาในคู่มือ จนเป็นท่ี

10 นา่ เชอื่ ถอื สามารถปฏิบัติตามได้จริง ทาให้งานรวดเร็ว เป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพการทางานของบุคลากร และพัฒนาระบบสารสนเทศในองคก์ รโดยใช้นวตั กรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างเสริมภาพพจน์ขององค์กร ประหยดั งบประมาณ และค่าใช้จา่ ยของหน่วยงานที่สาคัญคือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการดาเนินงานของสาย สนับสนุนอยา่ งแท้จรงิ ปจั จยั สาคัญทท่ี าใหเ้ กิดผลสาเร็จ ปัจจัยสาคัญท่ีทาให้เกิดความสาเร็จของการใช้งานระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) คือการนากระบวนการจัดการความรู้และการแลกเปลี่ยนรู้มาเป็นเครื่องมือ ซ่ึงใช้ วิธีการประชุมระดมสมอง และวางแผนร่วมกัน ตลอดไปจนถึงการสัมภาษณ์เชิงลึกเจ้าหน้าที่สรรบรรณ และผู้บริหารเก่ียวกับปัญหาและอุปสรรคของการดาเนินงาน ด้านสารบรรณ มีการจดบันทึกข้อมูลจาก การเล่าเรือ่ ง จากน้นั ก็ประชุมทบทวนความรู้ท่ีเก็บมาได้มาพัฒนาปรับปรุงระบบ และเนื้อหาของคู่มือการ ใช้ระบบ เรียกได้ว่าเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ท่ีมีอยู่ในส่วนราชการซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัว บุคคล หรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบเพื่อให้ทุกคนในองค์การสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนาตนเองให้ เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีระบบการปฏิบัติงานท่ีมี ประสทิ ธิภาพ ในการสื่อสารขยายผลการดาเนินงาน คณะเทคโนโลยีการจัดการ ได้นาระบบทะเบียนหนังสือ ราชการออนไลน์ มาใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อมาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร และการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ที่ทันสมัยให้องค์กร และนอกจากน้ีทางคณะ ผู้จัดทาระบบ ยังได้นาข้อมูลดังกล่าว เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “การจัดการความรู้สู่มหาวิทยาลัย นวตั กรรม KM : Innovation University ในโครงการภมู ิพลงั แห่งปัญญาราชมงคลศรีวิชยั กับการจัดการ ความรู้ และทางคณะฯได้รับรางวัลแนวปฏิบัติที่ดีในการดาเนินงานของสายสนับสนุน เพื่อขับเคล่ือน พันธกิจของมหาวิทยาลัย โดยนาระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ MT-Document) มาใช้ภายใน หน่วยงาน นอกจากนี้กองวิเทศสัมพันธ์และประกันคุณภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ยัง ได้นาความรู้ท่ีได้จากระบวนการจัดการความรู้ไปจัดทาคู่มือการจัดการความรู้ ประจาปีการศึกษา 2561 เพื่อเผยแพรใ่ หบ้ คุ ลคลท่ัวไปได้ใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนนิ งานต่อไป สรปุ การจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นเครื่องมือสาคัญในการสื่อสารขยายผล การดาเนินงานระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ท่ีมาจากการรวบรวม องค์ ความรู้ที่มีอยู่ในส่วนราชการซ่ึงกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบเพื่อให้ ทุกคนในองค์การสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนาตนเองให้ เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ เป็นการเผยแพร่หรือถา่ ยทอดแก่ผู้ปฏิบัตงิ านด้าน สารบรรณไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

11 ท้ังนี้จากผลการใช้กระบวนการการจัดการความรู้ ทาให้เจ้าหน้าท่ีงานสารบรรณ สามารถใช้งาน ระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ตามคาปรึกษาของหัวหน้างานสารสนเทศ และคู่มือระบบทะเบียนหนังสือราชการออนไลน์ (MT-Document) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและที่ผ่านมา ทางคณะผูจ้ ัดทา ไดด้ าเนินการปรบั ปรุงเนือ้ หาได้ถูกต้องเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยใช้หลักการจัดการความรู้ (KM) การสกัดความรู้ และการจัดเก็บเป็นขุมความรู้เพื่อพัฒนาระบบและเน้ือหาในคู่มือ จนเป็นท่ี น่าเชือ่ ถือ สามารถปฏิบัติตามได้จริง ทาให้งานรวดเร็ว เป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพการทางานของบุคลากร และพัฒนาระบบสารสนเทศในองค์กรโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพ่ือสร้างเสริมภาพลักษณ์ท่ีทันสมัย ขององค์กร ประหยัดงบประมาณ และค่าใช้จ่ายของหน่วยงานที่สาคัญคือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการ ดาเนนิ งานของสายสนบั สนุนอยา่ งแท้จริง บรรณานุกรม น ภั ส ว ร ร ณ ไ ท ย า นั น ท์ .เ ค ร่ื อ ง มื อ ส า มั ญ ป ร ะ จ า . [อ อ น ไ ล น์ ].เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก : http://www.ftpi.or.th/2016/8987 อ ร ว ร ร ณ น้ อ ย วั ฒ น์ . เ ค รื่ อ ง มื อ จั ด ก า ร ค ว า ม รู้ . [อ อ น ไ ล น์ ].เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก : www.ubu.ac.th/web/files_up/44f2014062418042464.pdf พรประเสริฐ ทิพย์เสวต และคณะ. 2555. รายงานการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาระบบรับ-ส่งหนังสือ ทางการการออนไลน์” คณะเทคโนโลยกี ารจดั การ มทร.ศรวี ิชัย

โครงการประชุมสัมมนาเครอื ขายการจดั การความรูฯ ครั้งท่ี 12 “การจัดการความรูสูมหาวิทยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาํ หรบั อาจารย/ บุคลากรสายสนับสนุน/ นกั ศกึ ษา ชือ่ เรอ่ื ง / แนวปฏบิ ตั ิทีด่ ี : การประยกุ ตใ ชแนวคิดของ Management cockpit ในการบริหารงานสําหรับการ ชอื่ -นามสกลุ ผูน าํ เสนอ : ติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวช้ีวัดระดับ หนว ยงาน : เปาประสงค ดวย Google Application คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัย เบอรโทรศพั ทม อื ถือ : เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั E-Mail address: นางสาวพรเพ็ญ จนั ทรา นางสาวเพญ็ พกั ตร แกลวงทนงค นางสาวภัทราภรณ เพ็ชรจํารัส นางสาวจีราวรรณ จิตรวจิ ารณ คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชัย 09-3584-9173 [email protected]

การประยกุ ตใชแนวคดิ ของ Management Cockpit ในการบรหิ ารงาน สาํ หรบั การตดิ ตามเอกสารการประกนั คณุ ภาพการศึกษาภายใน และตัวช้ีวัดระดับเปา ประสงค ดวย Google Application คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั Application of Management Cockpit concepts in administration for tracking internal quality assurance documents and target level indicators with Google sheet Faculty of Engineering; Rajamangala University of Technology Srivijaya พรเพญ็ จนั ทรา1,*, เพญ็ พกั ตร แกลวทนงค1 , จีราวรรณ จิตรวิจารณ1, ภัทราภรณ เพช็ รจาํ รสั 1 Pornpen Jantra1, Penpak Gleawtanong1, Jirawan Jitwijan1, Pattraporn Petchamrat เจา หนา ที่บริหารงานท่ัวไป คณะวิศวกรรมศาสตร1 E-mail address : [email protected],* .......................................................................................................................................................... บทสรปุ การพัฒนาคุณภาพงานนี้มีวัตถุประสงคเพ่ือปรับปรุงกระบวนการสําหรับการติดตามเอกสารการประกัน คณุ ภาพการศกึ ษาภายใน และตวั ชี้วัดระดับเปาประสงค ของคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ศรวี ชิ ัย โดยการประยกุ ตใ ชแนวคดิ ของ Management Cockpit ในการบริหารงานรวมกบั ความสามารถของ Google Application โดยเลือกวิธกี ารดาํ เนนิ งานตามแนวทางของ PDCA รวมกับเครื่องมือคุณภาพอ่ืนๆ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปนตน พรอ มทงั้ ทาํ การทดลองผลจากการพัฒนาคณุ ภาพงานแบบกลมุ เดยี ว โดยทดสอบ การดําเนินงานกอนและหลัง ผานกิจกรรมการจัดการความรูภายใตกิจกรรมการจัดประชุม “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” และการสนทนากลุม (Focus Group) กอเกิดการมีสวนรวมของทุกคน ทุกฝายในองคกร เพื่อรวมระดมสมอง (Brainstorming) รับฟงความคิดเห็นและขอเสนอแนะตางๆ เพ่ือเปนแนวทางสูการวางแผนการ ดําเนินการ การคนหาสาเหตุของปญหา และนําไปสูกระบวนการประเมินความคิดสําหรับการปรับปรุงกระบวนการ ปฏบิ ัติงานใหม ีประสทิ ธิภาพสงู ข้นึ อยางตอเนอ่ื ง ผลการพัฒนาคุณภาพงานพบวา การประยกุ ตใ ชแนวคดิ ของ Management Cockpit ในการบริหารงาน รวมกับความสามารถของ Google Application โดยเลือกวิธีการดําเนินงานตามแนวทางของ PDCA รวมกับ เครื่องมือคุณภาพอื่นๆ ชวยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจของผูบริหาร โดยขั้นตอนการปฏิบัติงาน การติดตามเอกสารในภาพรวมลดลงรอยละ 50.00 รอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 50.06 และ ประสิทธิภาพของกระบวนการเพ่ิมขึ้นรอยละ 49.43 และเมื่อพิจารณารายประเด็นพบวา การติดตามตัวช้ีวัดระดับ เปาประสงคขั้นตอนการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 60.00 รอบระยะเวลาการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 68.83 และประสิทธิภาพของกระบวนการเพ่ิมขึ้นรอยละ 68.53 การติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ขั้นตอนการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 40.00 รอบระยะเวลาการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 33.34 และประสิทธิภาพ ของกระบวนการเพ่ิมขึ้นรอ ยละ 33.33 คาํ สาํ คญั : เอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ตวั ช้วี ัดระดับเปา ประสงค เครือ่ งมอื คณุ ภาพ Summary This quality development aims to improve the process for tracking internal quality assurance documents. And objective level indicators Of the Faculty of Engineering Rajamangala University of Technology Srivijaya By applying the management concept of Management Cockpit

together with the ability of Google Application by choosing the method of operation according to the PDCA guidelines together with other quality tools such as Lean, Kaizen, ECRS, KM, Just-in-time etc. Along with experimenting the results from the development of quality work in one group By testing the operation before and after Through knowledge management activities under the conference activities \"KM support lineFaculty of Engineering \"and Focus Group discussion creates the participation of everyone. All parties in the organization To brainstorm (Brainstorming) listen to comments and suggestions To be a guideline for planning operations Finding the cause of the problem And led to the process of evaluating ideas for improving operational processes for higher efficiency continuously The results of the quality improvement found that Application of the management concept of Management Cockpit in conjunction with the capabilities of Google Application by choosing the method of operation according to the PDCA guidelines together with other quality tools. Helps reduce the risk of executive decisions By operating procedures The tracking of documents in the overall picture decreased by 50.00 percent. The operating period decreased by 50.06 percent and the efficiency of the process increased by 49.43 percent. When considering each issue, it was found that Monitoring of indicators of target levels, operational procedures decreased by 60.00 percent. Operating periods decreased by 68.83 percent. And the efficiency of the process increased by 68.53 percent. Monitoring of internal quality assurance documents Operating procedures decreased by 40.00 percent. The operating period decreased by 33.34 percent and efficiency. Of the process increased by 33.33 percent Keyword: Internal quality assurance documents, Target level indicators, Quality tools บทนาํ ผูบริหารงาน หรือผูปฏิบัติงานเองในบางคร้ัง จําเปนที่จะตองมีเครื่องมือที่ใชสําหรับในการดูขอมูลตางๆ เพ่ือใชเปนตัวแปรสําหรับการตัดสินใจ การวางแผน และติดตามผลการปฏิบัติงาน ซึ่งผลจากการศึกษาขอมูลในอดีต พบวา หลายหนวยงานนําแนวคิดของ Management Cockpit หรือท่ีเรียกกันวา สวนแสดงผลขอมูลสําหรับการ บริหาร Management Cockpit (สกล ธีระวรัญญ และศริ ลิ กั ษณ สงั ขาระ. ออนไลน) มาใชในการบริหารงานสําหรับ การติดตามขอมูลตางๆ เนื่องจากขอมูลจะถูกแปลงใหอยูในรูปของกราฟฟคและซอฟแวรอินเตอรเฟสท่ีเปนรูป หนาปทมและเข็มชี้ขอมูลที่มีลักษณะคลายกับแผงควบคุมของหองนักบินหรือหองผูขับรถยนต ซ่ึงถูกคิดคนโดย George M. Practick ซ่งึ เปนศัลยแพทยสมองชาวเบลเย่ยี ม ทเี่ ชือ่ วามนษุ ยเ รา สามารถรับรู เขาใจและตัดสินใจไดงาย ในขอมูลท่ีถูกแปรสภาพใหอยูในรูปแบบที่งายตอการ รับรู เชน การจัดใหอยูในรูปเกจวัด การใชสีแทนสถานะของ ขอมูล เปนตน (วิโรจน ลักขณาอดิศร. ออนไลน) โดยหลักการออกแบบของสวนแสดงผลขอมูลสําหรับผูบริหาร Management Cockpit คํานงึ ถงึ ศาสตรทเี่ กยี่ วกบั ความสามารถของผใู ชในการมองและการตัดสินใจ ตัวสวนแสดงผล มีการออกแบบใหงายตอการอานมากท่ีสุด ซ่ึงประกอบดวย 3 สีหลัก คือ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว โดยให ความหมายดังน้ี สถานะของผลการปฏิบัติงานสีเขียว แสดงวาผลการปฏิบัติงานเปนไปตามเปาหมาย สถานะของผล การปฏบิ ัติงานสีเหลือง แสดงถงึ ผลการปฏิบตั งิ านแมว า จะเปน ไปตามเปาหมายแตมีแนวโนมที่ไมดีนักและ สถานะของ ผลการปฏิบัติงานสีแดง สะทอนใหเห็นวาผลการปฏิบัติงานไมเปนไปตามเปาหมาย โดยการพัฒนาเปนระบบ สารสนเทศผานเว็บไซต ซึ่งในอดีตกระบวนการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวชี้วัดระดับเปาประสงค ของคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชยั พบวา

1. กระบวนการติดตามเอกสารการประกนั คุณภาพการศึกษาภายใน เริ่มตนจากการสงขอมูลในรูปแบบของ เอกสาร (Hard Copy) ตอมาถูกพัฒนามาใชในรูปแบบการสงไฟลผานชองทางตางๆ เชน แผนซีดี อีเมล กลองขอความทาง Facebook เปนตน และถูกพัฒนามาใชการอัพโหลดเอกสารผานระบบจัดเก็บเอกสาร โดย กระบวนการดังกลาวขางตน พบวา ไมมีระบบติดตาม หรือรายงานผลสถานะของขอมูลตอผูบริหาร ผูเก่ียวของสําหรับ การใชขอมูล และตัวผูปฏิบัติงานเอง สงผลใหไมสามารถติดตามสถานะของขอมูลได กอใหเกิดปญหาดานความ ครบถวนของขอมูลสําหรับการเรียกใชเพ่ือประกอบการตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร และระดับคณะ 2. กระบวนการติดตามตัวช้ีวัดระดับเปาประสงค เร่ิมตนจากกระบวนการจัดทําบันทึกขอความติดตาม ขอมูลตัวช้ีวัดระดับเปาประสงคซึ่งในแตปจะดําเนินการติดตามออกเปน 4 ไตรมาส โดยผูเก่ียวของจะตองดําเนินการ กรอกขอมูลผานโปรแกรม Microsoft Excel ที่ไดรับจากการจัดสงไฟลโดยเจาหนาท่ีงานนโยบายและแผน และเม่ือ กรอกขอมูลเรียบรอยแลว ผูเก่ียวของจะตองดําเนินการจัดสงไฟลกลับไปยังเจาหนาที่งานนโยบายและแผน ผานชองทางตางๆ เชน อีเมล กลองขอความทาง Facebook กลองขอความทาง Line เปนตน เพ่ือดําเนินการ รวบรวมสรุปผลในภาพรวม โดยกระบวนการดังกลาวขางตนพบวา มักมีขอจํากัดในเร่ืองของระยะเวลาในการจัดทํา ขอมูล และกระบวนการตรวจสอบความครบถวนขอมูลจะดําเนินการไดตอเมื่อเจาหนาที่งานนโยบายและแผน ดาํ เนนิ การรวบรวมสรุปผลในภาพรวมเสนอตอผูบริหารเทาน้ัน ผูบริหารไมสามารถติดตามสถานะความครบถวนของ ขอมูลไดทันถวงที ซงึ่ ในอดีตพบขอมลู ที่รายงานผลไมเ ปนปจจบุ ัน ขอ มูลขาดความครบถวน ดวยเหตุผลดังกลาวจึงเปนที่มาของการปรับปรุงกระบวนการสําหรับการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพ การศกึ ษาภายใน และตัวชี้วัดระดับเปาประสงค ของคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยการประยุกตใชแนวคิดของ Management Cockpit ในการบริหารงานรวมกับความสามารถของ Google Application เพื่อใหผูบริหาร ผูเก่ียวของสําหรับการใชขอมูล และตัวผูปฏิบัติงานเอง สามารถติดตามสถานะของ ขอมูลไดอยางทันทวงที โดยแสดงผลในรูปแบบของกราฟฟค และซอฟแวรอินเตอรเฟสท่ีเปนรูปหนาปทม และเข็มช้ี ขอมูลท่ีมีลักษณะคลายกับแผงควบคุมของหองนักบินหรือหองผูขับรถยนต โดยเลือกวิธีการดําเนินงานตามแนวทาง ของ PDCA รวมกับเคร่ืองมือคุณภาพอื่นๆ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปนตน พรอมทั้งทําการ ทดลองผลจากการพัฒนาคุณภาพงานแบบกลมุ เดียว โดยทดสอบการดําเนนิ งานกอนและหลัง ผานกิจกรรมการจัดการ ความรูภายใตกิจกรรมการจัดประชุม “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” และการสนทนากลุม (Focus Group) กอเกิดการมีสวนรวมของทุกคน ทุกฝายในองคกร เพ่ือรวมระดมสมอง (Brainstorming) รับฟงความคิดเห็น และขอเสนอแนะตางๆ เพ่ือเปนแนวทางสูการวางแผนการดําเนินการ การคนหาสาเหตุของปญหา และนําไปสู กระบวนการประเมินความคิดสาํ หรบั การปรบั ปรงุ กระบวนการปฏบิ ตั งิ านใหมีประสทิ ธิภาพสงู ข้นึ อยา งตอเน่ือง วิธกี ารดาํ เนนิ งาน ผูบริหารคณะวิศวกรรมศาสตร มีความมุงม่ันในการพัฒนา / ปรับปรุง กระบวนการปฏิบัติงานในสวนของ สํานักงานใหมีคุณภาพสูงข้ึนอยางตอเนื่องผานกระบวนการตางๆ เชน การจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อให ความรูหรือแนวทางสําหรับการพัฒนาคุณภาพงาน การจัดสงบุคลากรเขารวมโครงการอบรม การประชุมวิชาการ สําหรับสนับสนุน เปนตน นอกจากน้ีทางคณะฯ มีการกิจกรรมการจัดการความรูภายใตกิจกรรมการจัดประชุม “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” ซึ่งไดรับเกียรติจากผูบริหารระดับสูงของคณะฯ (คณบดี รองคณบดี) เปน ประธานในการประชุม และการสนทนากลุม (Focus Group) ซ่ึงกอเกิดการมีสวนรวมของทุกคน ทุกฝายในองคกร รวมระดมสมอง (Brainstorming) รับฟงความคิดเห็นและขอเสนอแนะตางๆ เพ่ือเปนแนวทางสูการวางแผนการ ดําเนินการ การคนหาสาเหตุของปญหา และนําไปสูกระบวนการประเมินความคิดสําหรับการปรับปรุงกระบวนการ ปฏิบัติงานใหมีประสิทธภิ าพสูงข้นึ อยางตอ เนือ่ ง ดงั ภาพท่ี 1

ภาพที่ 1 กิจกรรมการจัดประชุม “KM สายสนบั สนนุ คณะวศิ วกรรมศาสตร” จากสภาพปญ หา และความมงุ มั่นในการพัฒนา / ปรบั ปรงุ กระบวนการปฏิบัติงานในสวนของสํานักงานใหมี คุณภาพสูงขนึ้ อยางตอ เนื่อง ของผบู รหิ ารคณะวิศวกรรมศาสตร จึงเปนที่มาของการปรับปรุงกระบวนการสําหรับการ ติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวช้ีวัดระดับเปาประสงค ของคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชัย โดยการประยุกตใชแนวคิดของ Management Cockpit ในการบริหารงาน รวมกับความสามารถของ Google Application โดยเลือกวิธีการดําเนินงานตามแนวทางของ PDCA รวมกับ เคร่ืองมือคุณภาพอ่ืนๆ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปนตน พรอมท้ังทําการทดลองผลจากการ พัฒนาคุณภาพงานแบบกลุม เดยี ว โดยทดสอบการดําเนินงานกอนและหลงั ซึ่งมรี ายละเอียดดงั น้ี เริม่ กระบวนการ (Act : A) โดยการรับรปู ญ หา และความตอ งการขององคกร เปนกระบวนการศึกษาถึงปญหาที่เกิดข้ึนในระบบงานเดิม (Current System) เพื่อนําไปใชออกแบบระบบ การทํางานใหม (New System) ดวยวธิ กี ารจดั ประชุมประจําเดือนหรือท่ีรูจักในชื่อ “การประชุม KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” ซึ่งไดรับเกียรติจากผูบริหารระดับสูงของคณะฯ (คณบดี รองคณบดี) เปนประธานในการ ประชุมเพือ่ รว มแลกเปล่ียน พูดคุยสภาพปญหาทเี่ กิดจากการปฏิบัติงาน และรวมกันหาแนวทางในการพัฒนาคุณภาพ งานอยางตอ เนอ่ื ง ซึง่ ทําใหเ กดิ การมีสว นรว มของทุกฝาย โดยการประชมุ ดงั กลาวจะกําหนดจัดเปนประจําทุกเดือน ซึ่ง ผลจาก “การประชมุ KM สายสนบั สนุน คณะวศิ วกรรมศาสตร” สามารถสรุปปญหาท่ีเกิดขึ้นในระบบงานเดิม และ ความตองการขององคก รไดด ังน้ี 1. ในอดีตกระบวนการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน เร่ิมตนจากการสงขอมูลใน รูปแบบของเอกสาร (Hard Copy) ตอมาถูกพัฒนามาใชในรูปแบบการสงไฟลภายชองทางตางๆ เชน แผนซีดี อีเมล กลองขอความทาง Facebook เปนตน และถูกพัฒนามาใชการอัพโหลดเอกสารผานระบบจัดเก็บเอกสาร โดย กระบวนการดังกลาวขางตนพบวา ไมมีระบบการติดตาม หรือรายงานผลสถานะของขอมูลตอผูบริหาร ผูเกี่ยวของ สําหรับการใชข อ มลู และตวั ผูปฏิบัติงานเอง สงผลใหไมสามารถติดตามสถานะของขอมูลได ก็ใหเกิดปญหาดานความ ครบถวนของขอมูลสําหรับการเรียกใชเพื่อประกอบการตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร และ ระดบั คณะ 2. ในอดีตกระบวนการติดตามตัวชี้วัดระดับเปาประสงค ซ่ึงเร่ิมตนจากกระบวนการจัดทําบันทึกขอความ ตดิ ตามขอ มูลตัวช้ีวัดระดับเปาประสงคซง่ึ ในแตปงบประมาณจะดําเนินการติดตามออกเปน 4 ไตรมาส โดยผูเก่ียวของ จะตองดําเนินการกรอกขอมูลผานโปรแกรม Microsoft Excel ที่ไดรับจากการจัดสงไฟลโดยเจาหนาท่ีงานนโยบาย และแผน และเม่ือกรอกขอมูลเรียบรอยแลว ผูเกี่ยวของจะตองดําเนินการจัดสงไฟลกลับไปยังเจาหนาที่งานนโยบาย และแผน ผานชองทางตางๆ เชน อีเมล กลองขอความทาง Facebook กลองขอความทาง Line เปนตน เพ่ือ ดําเนินการรวบรวมสรุปผลในภาพรวม โดยกระบวนการดังกลาวขางตนพบวา มักมีขอจํากัดในเรื่องของระยะเวลาใน การจัดทําขอมูลเกิดเวลารอคอยในแตละข้ันตอน และกระบวนการตรวจสอบความครอบถวนขอมูลจะดําเนินการได ตอเมื่อเจาหนาท่ีงานนโยบายและแผนดําเนินการรวบรวมสรุปผลในภาพรวมตอผูบริหารเทานั้น ผูบริหารไมสามารถ ติดตามสถานะความครบถวนของขอมูลไดทันถวงที ซึ่งในอดีตพบขอมูลที่รายงานผลไมเปนปจจุบัน ขอมูลขาดความ ครบถว น

3. ผูบริหาร ผูเก่ียวของสําหรับการใชขอมูล และตัวผูปฏิบัติงานเองมีความตองการระบบที่สามารถติดตาม สถานะของขอ มูลแบบทันถว งที ในรปู แบบของระบบการแจงเตอื นสถานะ 4. ผปู ฏบิ ัตงิ านมคี วามตอ งการในการลดขัน้ ตอน และเวลารอคอยในแตล ะขนั้ ตอน โดยที่ประชุมมีมติ เสนอใหมีการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานของบุคลากร เพ่ือสรางความพึงพอใจใน ดานความสะดวกรวดเร็วตอผูรับบริการ รวมถึงการตอบสนองนโยบายดานการบริหารจัดการท่ีมีประสิทธิภาพ ของคณะฯ ท่ีมุงเนนการปรับปรุงกระบวนการทํางานใหมีประสิทธิภาพสูงข้ึนอยางตอเนื่อง ไมเนนการลงทุนใน เทคโนโลยีข้ันสูง ซ่ึงนําไปสูกระบวนการวางแผน (Plan : P) เพื่อวิเคราะหความเปนไปได และความพรอมของปจจัย ดานตา งๆ เขาสูกระบวนการวางแผน (Plan : P) โดยการวิเคราะหความเปนไปได และความพรอมของปจจัยดาน ตา งๆ ดวยวิธีการสนทนากลุม (Focus Group) โดยการรับฟงความคิดเห็นและขอเสนอแนะตางๆ แบบกลุมยอย เพอ่ื ใหท กุ ฝา ยมีสวนรวมในการวางแผน ซึ่งผลการสนทนากลุมพบวา 1. บุคลากรสายสนับสนุนมีความพรอมในการนําเครื่องมือคุณภาพ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปนตน มาใชในกระบวนการพัฒนาคุณภาพงาน เนื่องจากทางคณะฯ ใหความสําคัญในการจัดอบรม อยเู ปน ประจาํ 2. Google Application เปนเครื่องมือสําคัญสําหรับการพัฒนาคุณภาพงาน เน่ืองจากเปนนแอปพลิเคชัน ท่ีพัฒนาข้ึน เพื่อใหบริการทางดานการบริหารจัดการภายในองคกรซ่ึงไดมีการรวมแอปพลิเคชันตางๆ ที่ถือวามีความ จําเปนตอองคกรในปจจุบัน โดยผูใชไมตองเสียคาใชจาย ซึ่งสามารถตอบสนองนโยบายของคณะฯ ท่ีมุงเนนการ ปรับปรุงกระบวนการทํางานใหมีประสิทธิภาพสูงข้ึนอยางตอเนื่อง ไมเนนการลงทุนในเทคโนโลยีข้ันสูง โดยมีการ ทดลองใชแอปพลิเคชันกับกิจกรรมท่ีหลายหลากตามหลักแนวคิดของ Kaizen ซึ่งเริ่มจากการประยุกตใชสําหรับ หนา งานทีต่ นเองรับผดิ ชอบ เชน การประยกุ ตใช Google Form สาํ หรับแบบสอบถามสําหรับการประเมินผลเขารวม โครงการ การประยุกตใช Google Form สําหรับแบบฟอรมการรับสมัคร ระบบงานสารบรรณฝายดวย Google Sheet การใช Google Drive สําหรับการสํารองขอมูลแทน Hard disk External เปนตน ซ่ึงผลจากการทดลองใช ดงั กลา ว จงึ นาํ ไปสกู ารประยุกตใ ชง านแบบทว่ั ทั้งองคกร 3. ระบบการแจงเตือนสถานะท่ีเหมาะสมจะตองสื่อความหมายไดชัดเจน ไมตองผานกระบวนการ ตีความหมายที่ซับซอน ซึ่งที่ประชุมกลุมยอย (Focus Group) เสนอแนะแนวทางของ Management Cockpit (สกล ธีระวรัญญ และศิริลักษณ สังขาระ. ออนไลน) เนื่องจากแนวทางดังกลาว ขอมูลจะถูกแปลงใหอยูในรูปของ กราฟฟคและซอฟแวรอินเตอรเฟสที่เปนรูปหนาปทมและเข็มชี้ขอมูลท่ีมีลักษณะคลายกับแผงควบคุมของหองนักบิน หรอื หอ งผขู บั รถยนต ซงึ่ ประกอบดว ย 3 สีหลัก คอื สแี ดง สีเหลือง และสีเขียว โดยใหความหมายดังนี้ สถานะของผล การปฏิบัติงานสีเขียว แสดงวาผลการปฏิบัติงานเปนไปตามเปาหมาย สถานะของผลการปฏิบัติงานสีเหลือง แสดงถึง ผลการปฏบิ ัติงานแมว าจะเปนไปตามเปา หมายแตมีแนวโนมท่ีไมด นี ักและ สถานะของผลการปฏิบัติงานสีแดง สะทอน ใหเ ห็นวา ผลการปฏบิ ัติงานไมเ ปน ไปตามเปา หมาย จากกระบวนการวิเคราะหความเปนไปได และความพรอมของปจจัยดานตางๆ จึงนําไปสูกระบวนการ วางแผน ปรับปรุงกระบวนการสําหรับการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวชี้วัดระดับ เปาประสงค ของคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยการประยุกตใชแนวคิดของ Management Cockpit ในการบริหารงานรวมกับความสามารถของ Google Application โดยเลือกวิธีการ ดําเนินงานตามแนวทางของ PDCA รวมกับเคร่ืองมือคุณภาพอ่ืนๆ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปน ตน พรอมท้ังทําการทดลองผลจากการพัฒนาคณุ ภาพงานแบบกลมุ เดียว โดยทดสอบการดําเนินงานกอนและหลัง ซง่ึ มีกระบวนการดังน้ี 1. วิเคราะหกระบวนการทํางานแบบเดิมดวยแนวคิด LEAN วากระบวนการหรือข้ันตอนใดจําเปนตองทํา Value กระบวนการใดไมจําเปนตองทํา (Waste) หรือกระบวนการใดไมจําเปนตองทําแตตองทํา (Necessary non

value) (เพ็ญวิสาข เอกะยอ และวัชรวลี ต้ังคุปตานนท, 2555) เพื่อทําการกําจัด (Eliminate) การรวม (Combine) การจัดเรียงใหม (Rearrange) การทําใหงายขึ้น (Simplify) เพ่ือปรับปรุงการออกแบบการทํางานใหไดผลลัพธงาน อยางเดียวกันหรือดีกวาและเลือกใชเครื่องมือท่ีเหมาะสมตามแนวคิด E.C.R.S ซึ่งเปนเคร่ืองมือหนึ่งของ แนวคดิ LEAN (ประเสริฐ อัครประถมพงศ. ออนไลน) 2. เลือกใชแอปพลิเคช่ันของ Google Application ซ่ึงพบวา Google Sheet และGoogle Drive เหมาะ สําหรับการพัฒนาระบบสําหรับการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวชี้วัดระดับ เปาประสงค โดยใช Google Drive สําหรับใหเจาหนาที่ผูรับผิดชอบเอกสาร และตัวชี้วัดดําเนินการอัพโหลดไฟล เอกสาร โดยมีวัตถุประสงคในการรวม (Combine) เอกสารและจัดเก็บในระบบ Cloud Computing และใช Google Sheet สําหรับแสดงสถานะขอ มลู และสถานะการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และ ตัวชี้วัดระดับเปาประสงค รวมถึงหนาเอกสารสําหรับใหผูเก่ียวของสําหรับการใชขอมูลดาวนโหลดเอกสารดังกลาว เพ่ือใหก ระบวนการทํางานงา ยขึน้ (Simplify) สําหรับการเขา ถึงขอมลู 3. เลือกใชแนวคิดสวนแสดงผลขอมูลสําหรับการบริหาร Management cockpit สําหรับใชแสดงผลแทน ตัวแปรในการตัดสินใจ การวางแผน และติดตามผลการปฏิบัติงาน ในรูปแบบของกราฟฟคและซอฟแวรอินเตอรเฟส ทเ่ี ปนรูปหนา ปทมและเข็มช้ีขอ มูลทมี่ ีลักษณะคลา ยกับแผงควบคุมของหองนักบินหรือหองผูขับรถยนต โดยมีวัตถุสงค เพอ่ื ใหกระบวนการทาํ งานงายข้ึน (Simplify) 4. กําหนดสวนของแสดงผลขอมูลสําหรับการบริหาร Management Cockpit โดยแบงออกเปน 3 สี ประกอบดวย 3 สหี ลกั คอื สีแดง สีเหลอื ง และสีเขยี ว โดยกาํ หนดชวงคะแนน และความหมายของแตละสดี งั น้ี - สีแดง สถานะทต่ี องกระตุนและแกไข (Alert/Action Required) กาํ หนดระดับคะแนนท่ี 0 – 50 % - สีเหลือง สถานะเตือนหรือการทต่ี อ งเฝา ระวัง (Caution/To be Watched) กําหนดระดบั คะแนนที่ 51 – 79 % - สเี ขยี ว สถานะการดําเนนิ งานเปน ไปตามเปาหมาย กาํ หนดระดบั คะแนนที่ 80 - 100% 5. นาํ กระบวนการวางแผนทไ่ี ดจากขอ ที่ 1 -4 เขา สทู ี่ประชมุ “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” เพ่ือนําเสนอแนวคิด ซ่ึงทําใหเกิดการมีสวนรวมของทุกฝาย โดยการแลกเปล่ียน พูดคุย เสนอแนะเพื่อใหระบบ มปี ระสทิ ธภิ าพมากยิง่ ข้ึน กอ นพฒั นาระบบจริง โดยที่ประชุมมีมติ - ใหด าํ เนินการพัฒนาระบบตามกระบวนการทีว่ างแผนไว - เสนอแนะใหมีการจัดทําคูมือการใชงานระบบโดยแบงออกเปน 3 สวน คือ คูมือการใชสําหรับ ผูบริหาร คูมือการใชงานสําหรับผูเก่ียวของสําหรับการใชขอมูล และคูมือการใชงานสําหรับตัว ผปู ฏบิ ตั ิงานเอง - เสนอแนะใหก าํ หนดวธิ ีการหรือรปู แบบสาํ หรับการตรวสอบ (Check) เมอ่ื นาํ ระบบเขาสูก ระบวนการ ปฏิบัติหรือการใชงาน (Do : D) เพื่อปรับปรุงการดําเนินงานหรือจัดทํามาตรฐานใหม ซ่ึงถือเปน พนื้ ฐานของการยกระดบั คณุ ภาพการปฏบิ ตั ิงานอยางตอเน่ือง 6. ดําเนินการพฒั นาระบบตามแนวคดิ ทีไ่ ดจากกระบวนการวางแผนในขอที่ 1-4 และขอเสนอแนะจากมติท่ี ประชุม “KM สายสนบั สนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” ซงึ่ ผลจากการพัฒนาสามารถแสดงไดด งั ภาพที่ 2

ภาพท่ี 2 การประยุกตใชแ นวคดิ ของ Management cockpit ในการบรหิ ารงานสาํ หรับการติดตามเอกสารการ ประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตวั ชี้วัดระดบั เปา ประสงค ดว ย Google Application คณะวศิ วกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย นําผลจากกระบวนการวางแผน และออกแบบกระบวนการ (Plan : P) สูกระบวนการปฏิบัติ หรือการใช งาน (Do : D) ผานการจัดประชุม “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” และ “การแบงปนความรูผาน เว็บไซต” สําหรับการถายทอดวิธีการใชงานระบบจากผูพัฒนาไปยังผูใชงานระบบ รวมถึง “คูมือการใชงานระบบ” โดยแบงออกเปน 3 สวน คือ คูมือการใชสําหรับผูบริหาร คูมือการใชงานสําหรับผูเก่ียวของสําหรับการใชขอมูล และ คูมอื การใชง านสําหรับตัวผูป ฏบิ ตั งิ านเอง เม่ือนําระบบเขาสูกระบวนการปฏิบัติ หรือการใชงาน (Do : D) แลวระยะหนึ่ง จึงนําเขากระบวนการ ตรวจสอบ (Check) โดยกระบวนการตรวจสอบประกอบดว ย 1. การจัดประชุม “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” และการสนทนากลุม (Focus Group) โดย การรับฟงความคิดเห็นและขอเสนอแนะตางๆ ซึ่งทําใหเกิดการมีสวนรวมของทุกฝาย (KM) เพื่อใชเปนขอมูลสําหรับ การปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานใหมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอยางตอเนื่อง โดยประเด็นสําหรับการตรวจสอบ ประกอบดวย การรับรูความงายในการใชงาน (Perceived Ease of Use) และการรับรูประโยชน (Perceive Usefulness) ซ่ึงนําไปสูการยอมรับและใชงานระบบ (Actual Use) ตามแนวคิดและทฤษฎีของ TAM (Technology Acceptance Model) ซงึ่ เปน ทฤษฎที ่มี กี ารยอมรับและมีช่ือเสียงในการเปนตัวชี้วัดความสาเร็จของการใชเทคโนโลยี นําเสนอโดย Davis (Davis, F. D., 1989) 2. วิเคราะหผลสัมฤทธ์ิของกระบวนการตามแนวทางการบริหารจัดการแบบลีน เพ่ือหาคุณคา (Value) ที่เกิดข้ึนในกระบวนการปฏิบัติงานใหม เชน วงรอบเวลา การใชแรงงาน การใชทรัพยกร เปนตน โดยใชสูตร (เพ็ญวิสาข เอกะยอ และวัชรวลี ตัง้ คุปตานนท, 2555) ผลรวมของเวลาทจ่ี าํ เปนตอ งทาํ × 100 เวลาทั้งหมด ซงึ่ ไดผลการวิเคราะหผ ลการวิเคราะหผลสมั ฤทธข์ิ องกระบวนการตามแนวทางการบริหารจัดการแบบลีนเพื่อ หาคณุ คา Value ท่ีเกดิ ข้นึ ในกระบวนการปฏบิ ัตงิ านใหม (วงรอบเวลา) ดงั ตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1 ผลการเปรียบเทียบเวลากอนและหลังการพฒั นาคุณภาพงาน ประเดน็ การเปรยี บเทยี บ กอ น หลงั ลดลง รอ ยละ การเปลยี่ นแปลง การตดิ ตามตัวชี้วัดระดบั เปาประสงค ข้นั ตอน 52 3 60.00 ระยะเวลา (นาท)ี 6,736 2,100 4,636 68.83 ประสทิ ธิภาพ 25.17 80.00 54.83 68.53 การติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศกึ ษาภายใน ขั้นตอน 53 2 40.00 ระยะเวลา (นาที) 7,560 5,040 2520 33.34 ประสทิ ธภิ าพ 55.55 83.33 27.78 33.33 การติดตามเอกสารในภาพรวม ขั้นตอน 10 5 5 50.00 ระยะเวลา (นาท)ี 14,296 7,140 7,156 50.06 ประสิทธภิ าพ 40.36 81.66 41.30 49.43 จากตารางท่ี 1 หลังจากกระบวนการพบวา ขั้นตอนการปฏิบัติงานในการติดตามเอกสารในภาพรวม ลดลง 5 ขน้ั ตอน คดิ เปน รอ ยละ 50.00 รอบระยะเวลาในการปฏบิ ตั งิ านลดลง 7,156 นาที คดิ เปนรอ ยละ 50.06 และ ประสิทธิภาพของกระบวนการเพิ่มข้ึนรอยละ 49.43 นอกจากน้ียังพบวา กระบวนการดังกลาวสามารถลดการใช ทรัพยากร เชน ปริมาณการใชกระดาษในการจัดทําขอมูลเอกสารการประกันคุณภาพภายในเฉล่ีย 6,500 แผน/ป ลดการใชแรงงาน และระยะเวลาในการรวบรวม และสําเนาเอกสารของบคุ ลากร เปน ตน โดยกระบวนการตรวจสอบ (Check) ดังกลาวขางตนสามารถใชเปนขอมูลสําคัญสําหรับ กระบวนการ ปรับปรุง (Act : A) อีกคร้ัง เพ่ือปรับปรุงการดําเนินงานหรือจัดทํามาตรฐานใหม ซ่ึงถือเปนพ้ืนฐานของการ ยกระดับคณุ ภาพ โดยทกุ คร้ังทก่ี ารดาํ เนนิ งานตามวงจร PDCA หมนุ ครบรอบ ก็จะเปนแรงสง สาํ หรับการดําเนินงานใน รอบตอไป และกอใหเกิดการปรบั ปรงุ อยา งตอ เนอ่ื ง ผลและอภปิ รายผลการดําเนนิ งาน การประยุกตใชแนวคิดของ Management cockpit ในการบริหารงานสําหรับการติดตามเอกสารการ ประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวชี้วัดระดับเปาประสงค ดวย Google Application คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ผานกิจกรรมการจัดการความรูภายใตกิจกรรมการจัดประชุม “KM สาย สนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” และการสนทนากลุม (Focus Group) กอเกิดการมีสวนรวมของทุกคน ทุกฝายใน องคกร เพื่อรวมระดมสมอง (Brainstorming) รับฟงความคิดเห็นและขอเสนอแนะตางๆ เพ่ือเปนแนวทางสูการวาง แผนการดําเนินการ การคนหาสาเหตุของปญหา และนําไปสูกระบวนการประเมินความคิดสําหรับการปรับปรุง กระบวนการปฏบิ ัติงานใหมปี ระสิทธภิ าพสูงข้ึนอยา งตอเนื่อง พบวา ระบบดังกลา วมปี ระโยชนกบั องคก รดังน้ี 1. ผูบริหาร ผูปฏิบตั ิงานมเี ครือ่ งมือที่ใชส าํ หรบั การติดตาม และรายงานผลการปฏิบัติงาน เพื่อใชเปนขอมูล สาํ หรับการตดั สินใจ วางแผน และตดิ ตามผลการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากร 2. แกปญหาและขอ จาํ กดั ในเรื่องของระยะเวลาในการรายงานตวั ชี้วดั ระดับเปาประสงคแตล ะไตรมาส 3. ลดขนั้ ตอนการปฏิบัติงาน และรอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานของบุคลากร ซ่ึงผลการดําเนินงานพบวา ขน้ั ตอนการปฏิบัติงานการติดตามเอกสารในภาพรวมลดลงรอยละ 50.00 รอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานลดลงรอย ละ 50.06 และประสทิ ธิภาพของกระบวนการเพ่ิมขน้ึ รอ ยละ 49.43

4. ลดปริมาณการใชกระดาษในการจัดทําขอมูลเอกสารการประกันคุณภาพภายในเฉล่ีย 6,500 แผน/ป ลดการใชแ รงงาน และระยะเวลาในการรวบรวม และสาํ เนาเอกสารของบคุ ลากร ซ่ึงสอดคลองกับผลการศึกษาในอดีตท่ีพบวา การใชเคร่ืองมือลีนสามารถลดกิจกรรม รอบระยะเวลาใน การปฏิบัตงิ านไดจรงิ (กรณกิ า คงยน และคณะ, 2553) โดยรอบระยะเวลาของแตกระบวนงานอาจมีความแตกตางกัน ขึ้นกบั ลกั ษณะของหนวยงาน โดยปจจัยสําคัญท่ีสงผลใหการดําเนินงานประสบผลสําเร็จประกอบดวย 3 ปจจัยหลัก คือ ผูบริหาร (Leadership) รูปแบบกิจกรรม (Activity) และสภาพแวดลอม (Environment) กลาวคือ ผูบริหารคณะวิศวกรรม ศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ใหความสําคัญตอกระบวนการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานของ บุคลากร สรางความพึงพอใจในดานความสะดวกรวดเร็วตอผูรับบริการ และผูปฏิบัติงานเอง รวมถึงการตอบสนอง นโยบายดานการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของคณะฯ ที่มุงเนนการปรับปรุงกระบวนการทํางานใหมี ประสิทธภิ าพสูงข้ึนอยางตอ เนื่อง ไมเ นนการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสงู โดยการเปด โอกาสและสนบั สนนุ ใหบุคลากรเกิด แนวคิดในการพัฒนาคุณภาพงาน (การพัฒนา/ปรับปรุง งานประจํา ใหมีคุณภาพดีข้ึน เชน พัฒนางานแลวทําใหลด ขั้นตอนการทํางาน ลดเวลาคุมคาคุมทุน หรือ การนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชในงาน ทําใหการปฏิบัติงานมี ประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการพัฒนาคุณภาพงานประจําดวยเคร่ืองมือคุณภาพตางๆ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปนตน) สงผลใหคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มีแนวคิด/ รูปแบบกิจกรรมในการพัฒนางานใหมๆ อยูเสมอ ตอบสนองนโยบายดานการบริหารจัดการท่ีมีประสิทธิภาพของ คณะฯ สรุป ผลจากการดําเนินกิจกรรมจัดการความรูภายใตกิจกรรมการจัดประชุม “KM สายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร” และการสนทนากลุม (Focus Group) โดยการรับฟงความคิดเห็นและขอเสนอแนะตางๆ ซ่ึงทําใหเกิดการมีสวนรวมของทุกฝาย (KM) เพ่ือใชเปนขอมูลสําหรับการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานให มีประสิทธิภาพสูงข้ึนอยางตอเนื่อง ซ่ึงผลจากกิจกรรมดังกลาว สงใหผลใหเกิดกระบวนการคุณภาพงาน โดยการ ปรับปรุงกระบวนการสําหรับการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวช้ีวัดระดับเปาประสงค ของคณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยการประยุกตใชแนวคิดของ Management Cockpit ในการบรหิ ารงานรวมกับความสามารถของ Google Application โดยเลือกวิธีการดําเนินงานตามแนวทาง ของ PDCA รว มกบั เครือ่ งมือคุณภาพอืน่ ๆ เชน Lean, Kaizen, E.C.R.S, KM, Just-in-time เปน ตน สงผลใหกระบวนการติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และตัวชี้วัดระดับเปาประสงค มีประสิทธิภาพสูงข้ึน สามารถลดความเส่ียงในการตัดสินใจของผูบริหาร โดยขั้นตอนการปฏิบัติงานในการติดตาม เอกสารภาพรวมลดลงรอยละ 50.00 รอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 50.06 และประสิทธิภาพ ของกระบวนการเพิ่มข้ึนรอยละ 49.43 และเมื่อพิจารณารายประเด็นพบวา การติดตามตัวช้ีวัดระดับเปาประสงค ข้ันตอนการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 60.00 รอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 68.83 และประสิทธิภาพ ของกระบวนการเพ่ิมข้ึนรอยละ 68.53 การติดตามเอกสารการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ข้ันตอนการ ปฏิบัติงานลดลงรอยละ 40.00 รอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานลดลงรอยละ 33.34 และประสิทธิภาพ ของกระบวนการเพมิ่ ขึ้นรอยละ 33.33 บรรณานุกรม กรณิกา คงยน และคณะ. (2553). “การลดระยะเวลารอคอยตรวจแพทย”. สืบคนเมื่อ 1 กุมภาพันธ 2562, จาก http://www.gj.mahidol.ac.th/th/wp-content/ เพ็ญวิสาข เอกะยอ และวัชรวลี ต้ังคุปตานนท. (2555). การใชหลักการลีนเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการ จัดเก็บเอกสาร และออกเบขหนังสือดวยซอฟตแวรเสรี กรณีศึกษา สํานักงานโรงพยาบาลสงขลานครินทร. รวม

บทคัดยอการประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา คร้ังที่ 13; 17 กุมภาพันธ 2555 : วิทยาลัยการ ปกครองทองถิน่ และอาคารศูนยว ชิ าการ มหาวิทยาลัยขอนแกน : บัณฑิตวทิ ยาลยั . 1061-1066. วิโรจน ลักขณาอดิศร. (2561). “กับดัก Balance Scorecard”. สืบคนเม่ือวันที่ 1 กุมภาพันธ 2562, จาก http://www. tpa.or.th/tpanews/upload/mag_content/19/ContentFile200.pdf สกล ธีระวรัญญ และศิริลักษณ สังขาระ. (2561). “การออกแบบอินเตอรเฟสควบคุมการบริหารงานสําหรับ ผูบริหารในมหาวิทยาลัย”. สืบคนเม่ือวันที่ 1 กุมภาพันธ 2562, จาก https://www.kmutt.ac.th/rippc/cockpit. htm. ประเสริฐ อัครประถมพงศ. (2561). “การลดความสูญเปลาดวยหลักการ ECRS”. สืบคนเมื่อวันท่ี 1 กมุ ภาพันธ 2562, จาก https://cpico.wordpress.com/2009/11/29/

รปู แบบการนาเสนอแนวปฏิบัติทด่ี ี โครงการประชมุ สัมมนาเครอื ข่ายการจดั การความรู้ฯ ครัง้ ที่ 12 “การจดั การความรู้สู่มหาวิทยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) ช่ือเร่ือง/แนวปฏิบัติท่ีดี : การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาสังคมศาสตร์ผ่านชุมชนโดยใช้เครื่องมือ การจดั การความรู้ ชื่อ-นามสกุล ผู้นาเสนอ : ผศ.ดร. มนสั สวาส กลุ วงศ์ และ นางสาววิลาสินี สุขกา ชือ่ สถาบันการศกึ ษา : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย หน่วยงาน : หลกั สตู รรายวชิ าสงั คมศาสตร์ สาขาศึกษาทั่วไป คณะศลิ ปศาสตร์ เบอรโ์ ทรศพั ท์มือถือ 081-493-2529 / 092-258-5637 เบอรโ์ ทรสาร - E-Mail address [email protected] / [email protected] ช่ือเรือ่ งภาษาไทย : การจดั การเรยี นรู้ในรายวชิ าสงั คมศาสตร์ผ่านชุมชนโดยใช้เคร่อื งมือ การจดั การความรู้ ชอื่ เรื่องภาษาอังกฤษ : Learning Management of Social Science Subject through the Community by Using Knowledge Management Tools ผศ.ดร. มนัสสวาส กลุ วงศ์ 1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั E-mail address : [email protected] วลิ าสนิ ี สุขกา 2 อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ัย E-mail address : [email protected] .............................................................................................. ............................................. บทสรุป การจัดการเรียนการสอนเป็นกระบวนการสาคัญของการจัดการเรียนรู้ ซึ่งผู้สอนจาเป็น อย่างยิ่งท่ีต้องปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่ท้าทายมากขึ้นจากลักษณะของผู้เรียนที่ เปลย่ี นแปลงไป ดงั นั้นผสู้ อนจงึ จาเป็นตอ้ งพัฒนาการจดั การเรยี นรู้เพือ่ พฒั นาศกั ยภาพของผู้เรยี น ผ่านการสอนรูปแบบตา่ ง ๆ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรายวชิ าสงั คมศาสตร์ มีการใช้ การจัดการเรียนรู้ผ่านชุมชนและบูรณาการเคร่ืองมือการจัดการความรู้เข้ามาร่วมด้วยคือ การ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook