Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTSV

RMUTSV

Published by taweelap_s, 2019-05-17 00:19:12

Description: RMUTSV

Search

Read the Text Version

รูปแบบการนาเสนอแนวปฏบิ ัติท่ีดี โครงการประชุมสัมมนาเครอื ข่ายการจัดการความรู้ฯ คร้ังท่ี 12 “การจดั การความรสู้ ู่มหาวทิ ยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาหรับอาจารย์/ บคุ ลากรสายสนบั สนนุ / นกั ศึกษา ชอ่ื เรอ่ื ง / แนวปฏิบตั ทิ ด่ี ี : การพัฒนาส่อื การเรียนการสอนวิชาชวี ติ กบั เศรษฐกิจพอเพยี งเพือ่ สร้างเสริมการเรยี น รู้บน พน้ื ฐานแนวคิดห้องเรยี นกลับด้าน ชื่อ-นามสกุล ผู้นาเสนอ : ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยก์ ิตศิ กั ด์ิ ชมุ ทอง หนวยงาน : หลักสูตรรายวชิ าสังคมศาสตร์ สาขาศึกษาทวั่ ไป คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั เบอรโทรศัพทมอื ถือ : 08-0709-0524………………………………………………………………………………….……. E-Mail address : [email protected]………………………………………………………….....…..

องค์ประกอบประเดน็ การเขยี นบทความแนวปฏิบัติที่ดี โครงการประชุมสมั มนาเครอื ข่ายการจัดการความรู้ฯ คร้งั ท่ี 12 “การจัดการความรสู้ มู่ หาวิทยาลัยนวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) การพฒั นาสื่อการเรยี นการสอนวชิ าชีวิตกบั เศรษฐกิจพอเพยี งเพ่ือสร้างเสริมการเรยี นรู้ บนพ้ืนฐานแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น กติ ศิ ักดิ์ ชุมทอง1 เอกราช มลวิ รรณ์2 วิลาสนิ ี สขุ กา3 ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ยั และ [email protected] อาจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั และ [email protected] อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชัย และ [email protected] .......................................................................................................................................................... บทสรปุ : วิชาชีวติ กบั เศรษฐกิจพอเพยี ง นักศึกษาใหค้ วามสนใจลงทะเบียนอยา่ งต่อเน่ืองและมีห้องเรียนเพิ่มข้ึน ทุกปี ช่วงแรกของการจดั การเรียนการสอน เนน้ การบรรยายเน้ือหาวิชาแตล่ ะบทเรียนโดยผู้สอน สง่ ผลใหเ้ กดิ การบรรยาย เนอ้ื หาซา้ เพราะความรมู้ ีอยูแ่ ต่เฉพาะในตัวผู้สอน หากนักศกึ ษาขาดเรียน ผสู้ อนไมส่ ามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีสอน เวลา เรยี นตรงกับวนั หยดุ ราชการ เป็นต้น นกั ศึกษากจ็ ะไมไ่ ด้รบั ความรู้ เหลา่ นตี้ ่างเปน็ บทเรียนส้าคญั ทผี่ ลักดันใหผ้ ้สู อนน้า แนวคิดหอ้ งเรยี นกลับด้านมาใช้ในการจดั การเรียนการสอนให้ดยี ง่ิ ข้ึน ด้วยการพัฒนาสื่อการเรยี นการสอน รวมทัง้ สนิ้ 4 สื่อการเรียนการสอนซึ่งต่างมีความสัมพันธก์ ันอยา่ งมีนัยส้าคัญ ได้แก่ ต้าราเรยี น (Textbook) ส่ือพาวเวอรพ์ ้อย (PowerPoint) ระบบการจัดการเรียนรู้ (Learning Management System : LMS) และวิดีโอช่วยสอน (Video Assisted Instruction : VAI ) ครอบคลุมเนอื้ หาครบท้ัง 10 บทเรยี น โดยอาศัย 5 เครือ่ งมือการจดั การความรู้เปน็ กลไก ในการขบั เคลอ่ื น ซึง่ ปรากฏผล ที่ได้รบั หลายประการ เช่น นักศึกษามสี อ่ื การเรยี นการสอนหลากหลาย ซงึ่ นกั ศึกษา สามารถใชเ้ พื่อเรียนรู้เน้ือหาวชิ าด้วยตนเองจากสื่อการเรยี นการสอนมาตรฐานเดยี วกันทง้ั 10 บทเรียน การพฒั นา ตนเองของทีมงานข้ามสายงาน รวมถึงผสู้ อนไดป้ รับบทบาทเปน็ ผู้อา้ นวยการเรียนรหู้ รือ ผู้ชีแ้ นะตามกรอบควา มคิด เพอ่ื การเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 นอกจากนี้สอ่ื ดังกลา่ วยังส่งผลท่ีสร้างคุณค่าตามมา ดงั เช่นเกดิ ประโยชน์กบั นกั ศึกษา ทมี่ พี ฒั นาการเรียนรชู้ า้ กว่านักศึกษาปกติทั่วไป เปน็ สื่อการเรยี นรู้ตามอัธยาศยั ใหก้ ับบุคคลหรือหนว่ ยงานท่ีสน ใจ ตลอดจนมีคณุ ค่าต่อการเป็นฐานข้อมลู ในการพัฒนาตนเองทางด้านการเรียนการสอนให้ดียิ่งข้ึนในโอกาสต่อไป คาสาคญั : สื่อการเรยี นการสอน, แนวคดิ ห้องเรียนกลับด้าน Summary Life and Sufficiency Economy was one of the subjects that students enrolled increasingly every year. At the beginning of instruction, the instructor emphasized on only lecturing method and

this led to repetition of contents. It is because the subject’s notion embedded in only the instructor. Therefore, the absence of students or instructor and the day off during holiday period affected on the learning outcomes. Thus, the instructor tried to help student by using the flip class room method. The instructor had developed the 4 instructional medias which significantly affected on student learning’s outcomes. The instructional medias comprised with textbook, Power Point, Learning Management System : LMS and video assisted instruction (VAI) which combined all 10 chapters. Moreover, the Knowledge Management tools were also used in order to help the instructor. The results showed that the students gained several instructional medias with similar standard and they were able to study by themselves. The instructor can be seen as the mentor that conform with learning approach of 21st Century. Furthermore, instructional medias created mutual value of learning outcomes because the LD (Learning Disorder) students were also able to study freely. Lastly, the instructional medias were kept as the primary database for learning. คำสำคัญ : Instructional Media ,Flip Class Room Method บทนำ : วชิ าชีวิตกับเศรษฐกจิ พอเพียง (Life and Sufficiency Economy) เปน็ หลกั สูตรท่ีจดั อยใู่ นประเภทรายวิชา ในหมวดวชิ าศกึ ษาทัว่ ไป กล่มุ ความร้เู ชิงบูรณาการหรอื สหวิทยาการ จา้ นวน 3 หนว่ ยกิต 3 (3-0-6) โดยมหี ลักสูตร รายวชิ าสงั คมศาสตร์ สาขาศึกษาทั่วไป คณะศิลปศาสตร์ รบั ผิดชอบในการจัดการเรียนการสอน ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐาน ผลการเรียนรู้ (Course Description) ท่กี า้ หนดไว้ โดยเฉพาะความรับผดิ ชอบหลกั ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรม ความรแู้ ละ ทักษะทางปญั ญา เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเง่ือนไขส้าคญั ในการหนนุ นา้ ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความ เข้าใจในเนอ้ื หาวิชา และสามารถบรู ณาการความรู้เพือ่ ประยุกต์ใช้พฒั นาตนเองในการดา้ รงชวี ิตด้วยความพอเพียง สรา้ งภูมิคมุ้ กันในตวั ทีด่ ี (Self- Immunity) ต่อการเป็นบณั ฑิตนกั ปฏิบตั ิทีพ่ ึงประสงคต์ อ่ ไป ทัง้ น้รี ายวิชาชวี ติ กับเศรษฐกิจพอเพียง มีนกั ศึกษาสนใจลงทะเบียนเรียนตัง้ แตภ่ าคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2556 เร่ือยมาจนกระท่ังปีการศึกษาปจั จบุ ัน ซ่งึ หลักสตู รรายวิชาสังคมศาสตร์ มกี ารเพ่มิ ปริมาณห้องเรียนใหเ้ พียงพอต่อ นกั ศกึ ษาทแ่ี จง้ ความประสงค์ขอลงทะเบยี นเรยี นมาอย่างตอ่ เน่ืองทุกปีการศึกษา ทงั้ น้หี ลักสตู รรายวิชาสงั คมศาสตร์ได้ มอบหมายอาจารย์ จา้ นวน 2 ท่าน ทา้ หนา้ ทีจ่ ดั การเรยี นการสอนให้บรรลุมาตรฐานผลการเรียนรทู้ ก่ี ้าหนดไว้ อยา่ งไรก็ตามการจัดการเรยี นการสอนของผู้สอน ในชว่ ง 2 ปีการศึกษาแรก ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่เสมอื นเป็น “คร”ู (Teacher) ที่เน้นการสอนบรรยายเน้อื หาวิชา (Subject Matter) ให้ครบถ้วนตามแผนการสอน โดยหวังว่าหาก บรรยายความรูท้ ั้งหมดแล้วนักศกึ ษาจะเกิดความรู้ ความเข้าใจและน้าไปสกู่ ารประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจา้ วนั ได้ ซึง่ แทท้ ี่ จรงิ ผู้สอนกลับพบวา่ ด้วยรูปแบบการสอนดังกล่าวกลับสง่ ผลใหผ้ ู้สอนใช้เวลาหมดไปกบั การบรรยาย (Lecture) อกี ทง้ั เกิดการบรรยายเนอื้ หาเดมิ ซา้ ตามจ้านวนกลุ่มเรยี นที่เปิดสอน ดงั น้ันจึงเปน็ ตวั แปรส้าคัญทผ่ี ู้สอนจงึ ไม่สามารถเป็น ผู้อา้ นวยการเรียนรู้ (Facilitator) หรอื ผชู้ แี้ นะ (Coach) อภิปรายขยายความคิดหรือจดั กจิ กรรมบรู ณาการความรู้ใน ช้ันเรียนหรอื นอกชนั้ เรียน เพือ่ ใหน้ กั ศึกษาเรียนรู้การประยุกตใ์ ช้พัฒนาตนเองได้ตามกรอบความคดิ เพ่ือการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 นอกจากน้กี ารใชว้ ธิ ดี งั กลา่ วผู้สอนยงั พบว่าเน้ือหาความรใู้ นบทเรยี นมอี ยู่แต่เฉพาะในตวั ผู้สอน (Tacit Knowledge) นักศกึ ษาจะไดร้ ับความรู้ต่อเมื่อเข้าชั้นเรยี น ทงั้ นหี้ ากผ้เู รียนไม่ได้เข้าช้นั เรยี น ผสู้ อนไม่ได้มาปฏิบัติ หนา้ ทสี่ อน เวลาเรียนตรงกบั วันหยุดราชการ หรอื แมแ้ ตห่ มดคาบเรียนในเวลาทีผ่ สู้ อนจะปฏิบัติหน้าที่ เหล่านี้ตา่ ง เป็นขอ้ จา้ กดั ท่ีส่งผลใหน้ ักศึกษาขาดโอกาสที่จะได้รับความรใู้ นเชิงหลักการเน้ือหารายวิชาซ่ึงมีความสา้ คัญยิ่งต่อ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นด้วยเชน่ เดียวกนั (กติ ศิ กั ด์ิ ชุมทอง, 2561 : 28)

ดงั น้นั เพอื่ ให้ปัญหาและข้อจ้ากัดตา่ ง ๆ ขา้ งตน้ ลดลงหรอื หมดไป ผูส้ อนจงึ ไดน้ า้ แนวคดิ เรยี นทฤษฎที ่ีบ้าน ท้าการบา้ นทโ่ี รงเรยี นหรือที่เรียกว่าห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) (วจิ ารณ์ พานชิ , 2556 : 45) มาเปน็ แนวทางในการจดั การความรู้ (Knowledge Management : KM) การจัดการเรยี นการสอนในสว่ นความรู้เนื้อหา วิชา โดยการที่ผสู้ อนมงุ่ มัน่ ตั้งใจพัฒนาส่ือการเรียนการสอนวชิ าชวี ิตกบั เศรษฐกจิ พอเพียง 4 สอ่ื การเรยี นการสอนซึง่ ต่างมี ความสมั พนั ธ์กันอยา่ งมีนยั ส้าคญั ได้แก่ ต้าราเรยี น (Textbook) สอื่ พาวเวอรพ์ อ้ ย (PowerPoint) ระบบการจัดการ เรยี นรู้ (Learning Management System : LMS) และวดิ โี อช่วยสอน (Video Assisted Instruction : VAI) ซง่ึ เปน็ เครือ่ งมอื สอ่ื มลั ตมิ ีเดีย หรือสอ่ื ประสมที่ใช้น้าเสนอรายละเอียดครอบคลมุ ทั้ง 10 บทเรียน (ประเสรฐิ ลน้ิ ฤาษี, 2556 : 6) สอ่ื การสอนเหล่าน้ีผูส้ อนตั้งใจพัฒนาขึน้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือสร้างเสริมการเรยี นรู้บน พน้ื ฐานแนวคดิ ห้องเรียน กลับด้าน ซ่งึ กา้ หนดไว้ 6 ช่ัวโมงต่อสปั ดาห์หรอื 90 ช่ัวโมงตอ่ ภาคเรียน และเมือ่ นักศกึ ษามคี วามรู้เนอื้ หาก่อนเรียนท่ีดี ยอ่ มสง่ ผลใหก้ ารจดั การเรียนการสอนของผูส้ อนเปน็ ไปในบทบาทของผอู้ า้ นวยการเรียนรู้ หรอื ผชู้ ้ีแนะ เพือ่ ส่งเสริม การเรียนรู้ใหน้ ักศึกษาสามารถบรู ณาการความรู้เพื่อประยุกต์ใชใ้ นการพัฒนาตนเองทางดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ความรู้และทักษะทางปญั ญา หล่อหลอมให้มคี ุณลกั ษณะการเปน็ บัณฑติ นกั ปฏบิ ัตทิ ่ีพงึ ประสงค์ต่อไป วธิ กี ำรดำเนินงำน : การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ซ่ึงไดแ้ ก่ ตา้ ราเรียน (Textbook) สื่อพาวเวอรพ์ อ้ ย (PowerPoint) ระบบ การจดั การเรียนรู้ (Learning Management System : LMS) และวิดโี อช่วยสอน (Video Assisted Instruction : VAI ) สามารถส้าเรจ็ ได้นั้น ก็ด้วยผู้สอนมีกระบวนการพัฒนาสื่อการเรยี นการสอนผ่านเครื่องมือจดั การความรู้ จ้านวน 5 เครอ่ื งมือ โดยมรี ายละเอยี ดตามล้าดบั ดงั น้ี 1. การเรียนรจู้ ากบทเรียนทีผ่ ่านมา (Lesson Learned) หลังจากผู้สอนมีการจัดการเรียนการสอนด้วยวธิ ีการบรรยายเนือ้ หาในช้นั เรียนไป 2 ปกี ารศึกษา ผูส้ อนได้ ทบทวนบทเรียนและพบว่า มบี ทเรียนที่ผา่ นมาหลายอยา่ งทส่ี ่งผลใหผ้ สู้ อนเกดิ การเรยี นร้แู ละเข้าใจด้วยตนเอง 1) หากเน้นใชว้ ธิ ีการดังกล่าวต่อไป ผูเ้ รียนคงไดเ้ พยี งแค่เป็น “ผู้รบั ความรู้มากกว่า ผรู้ ่วมเรียนรู้” เพราะความรู้มีอย่แู ตเ่ ฉพาะในตัวผู้สอน (Tacit Knowledge) 2) เม่อื มหี อ้ งเรียนมากกวา่ 1 ห้อง นนั่ หมายความวา่ ผูส้ อนจะตอ้ งสอนเน้ือหาน้นั ซา้ ใหม่ ตามจา้ นวน หอ้ งเรียนทเี่ ปิดสอน ท้งั นีก้ ารสอนซ้าบางคร้ังมผี ลตอ่ ความแตกต่างเรื่องปร ะสทิ ธภิ าพในการสอนของผสู้ อน 3) นอกจากน้ีหากผสู้ อนไม่ได้มาปฏิบัติหน้าทีส่ อน ผู้เรียนไม่ได้เข้าชน้ั เรยี น เวลาเรียนตรงกับ วนั หยดุ ราชการ ความรูจ้ ากตวั ผูส้ อนหมดไปพร้อมกบั จ้านวนช่ัวโมงเรียนแต่ละคร้งั หรือแมแ้ ตค่ วามแตกต่างเฉพาะ บคุ คลของผู้เรยี นเกีย่ วกับขีดความสามารถในการเรียน เป็นตน้ บทเรยี นต่าง ๆ เหล่าน้เี ปน็ ปัจจยั ส้าคญั ในการผลกั ดันให้ผ้สู อน คิดหาวิธกี ารแกไ้ ขข้อจา้ กัด และพัฒนาการ จัดการเรียนการสอนให้สอดรับกับการเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ซง่ึ จากการศึกษาข้อมูล ผู้สอนสนใจแนวคดิ ห้องเรียน กลับดา้ น (Flipped Classroom) ซงึ่ เป็นแนวคิด ทีเ่ นน้ การจัดการเรยี นการสอนให้เรยี นทฤษฎีที่บา้ นหรือที่พัก โดย อาศัยเรียนรู้จากสื่อช่วยสอนแทนตัวผู้สอน และด้วยแนวคิดดังกล่าวจึงจุดประกายให้ผู้สอนมีแรงบันดาลใจ (Inspiration) ในการคิดริเรมิ่ พฒั นาส่อื การเรียนการสอนวิชาชวี ติ กบั เศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ สร้างเสรมิ การเรยี นรู้ด้วย ตนเองบนพ้ืนฐานแนวคิดหอ้ งเรียนกลับดา้ นข้ึน 2) ทีมงานขา้ มสายงาน (Cross - Functional Team) ผ้สู อนไดน้ า้ แนวคิดหอ้ งเรียนกลับด้าน พดู คยุ กบั คณาจารยภ์ ายในหลักสตู รรายวิชาสงั คมศาสตร์ ตลอดจน นกั ศึกษาท่ลี งทะเบียนเรยี นในรายวิชาชีวติ กับเศรษฐกิจพอเพยี ง ตงั้ แต่เมือ่ ปีการศกึ ษา 2556 เพอื่ ต้องการทราบความเหน็

ของคณาจารย์และนักศกึ ษาในเรื่อง “การพฒั นาสอ่ื การเรยี นการสอนวิชาชีวิตกับเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือสร้างเสรมิ การ เรียนรู้บนพ้ืนฐานแนวคดิ หอ้ งเรียนกลับดา้ น” ท้ังน้ีคณาจารยแ์ ละนักศึกษาเหน็ ด้วยอย่างยิ่งกับการสรา้ งเสริมการเรยี นรู้ด้วยตนเองบนพ้ืนฐานแนวคิด ห้องเรยี นกลับดา้ น ผ้สู อนจงึ เริ่มต้นงานพัฒนาส่ือการเรียนการสอน ด้วยการมีคณาจารย์ภายในหลักสูตรรายวิชา สังคมศาสตรเ์ ปน็ “ทีมหลัก” ในการพัฒนาตา้ รา ส่อื การสอน Power point และให้นักศกึ ษาทีล่ งทะเบยี นเรยี นรายวิชา ชีวิตกับเศรษฐกิจพอเพียงเป็น “ทีมร่วม” โดยรับสมัครนักศึกษาท่ีมีจิตอาสา ผลปรากฏว่า มีนักศึกษาสาขาวชิ า วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จ้านวน 5 คน พฒั นาส่ือการเรียนการสอนในระบบ LMS และนักศกึ ษา สาขาวชิ าสือ่ สารมวลชน คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี จ้านวน 7 คน มาเปน็ ทมี ข้ามสายงานในการใช้ ความรู้ ความสามารถเพือ่ จดั ทา้ สอ่ื วดิ โี อช่วยสอนให้ส้าเรจ็ ตามท่ีต้ังใจไว้ต่อไป เมือ่ ทมี งานขา้ มสายงานร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาสื่อการเรยี นการสอนวิชาชีวิตกับเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างเสริม การเรียนรู้ด้วยตนเองให้กับนักศึกษา และพร้อมที่จะเป็นเคร่ืองมือการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามแนวคิดห้องเรียน กลับด้าน ดงั เช่น ภาพประกอบการบรรยายที่ 1 ถึง 4 ท้ังนน้ี อกจากผลที่ได้รบั ในลักษณะชัดแจง้ (Explicit Knowledge) ยังมี ผลให้ทีมงานข้ามสายงาน (Cross - Functional Team) ได้พัฒนาตนเอง ในทักษะวิชาชีพของตนเองระหว่างกัน ซึ่งมี ประโยชน์ต่อการเพ่ิมเติมความรู้ในตัวหรือท่ีเรียกว่าความรู้เชิงแฝงเร้น (Tacit Knowledge) ให้เพมิ่ ขึ้น ซง่ึ เปน็ ประโยชน์ต่อ การเพิ่มประสทิ ธภิ าพ ในการทา้ งานต่อไปอีกด้วย 3) เวทสี าหรบั การแลกเปล่ยี นความรู้ ( Knowledge Forum) การท้างานของทีมงานขา้ มสายงานเริ่มต้นขับเคล่ือนด้วยการแลกเปล่ยี นความรู้แบบไม่เป็นทางการใน ลักษณะ “สรา้ งเวทเี สวนา (Dialogue) หรอื สภากาแฟ” และใหเ้ กยี รติในศักยภาพความรู้ทักษะวชิ าชีพท่ีทุก คนมี อยา่ งเท่าเทียม ท้ังนี้ชวนคยุ ชวนคดิ มีกันหลายประเดน็ และมีอย่างต่อเนอ่ื ง เพือ่ ใหไ้ ดแ้ นวทางและแผนการปฏบิ ตั ิงานที่ ชดั เจน เชน่ ประเด็นเรื่องควรเริม่ ต้นจากการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนประเภทใด ซ่งึ ได้ข้อสรุปว่าควรจะต้องเขียน ตา้ ราเป็นส่อื การเรียนการสอนหลัก เมื่อเสร็จแลว้ จงึ จะเริ่มขยายผลไปสู่การสร้างสอื่ การสอนประเภทอน่ื ๆ เช่น ส่ือพาว เวอร์พ้อย ระบบการจัดการเรยี นรู้ (LMS) วิดโี อชว่ ยสอน แบบทดสอบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจนการรเิ ร่มิ การ เรยี นการสอนให้สอดคลอ้ งกบั แนวคิดห้องเรียนกลบั ด้าน เป็นต้น จากนั้นคุยกนั ถงึ ขีดความสามา รถของผู้สอน ทมี คณาจารย์ และขีดความสามารถของนักศึกษาท่ีมีอยู่ และทีส่ ามารถพัฒนาได้ หากไดร้ ับคา้ แนะนา้ ตลอดจนคน้ คว้า เพ่ิมเติมด้วยตนเอง ทั้งนี้เพ่ือให้การปฏบิ ัติงานเปน็ ไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากทมี งานมคี วามพร้อมในทกุ ปร ะเด็น จากการชวนคยุ ชวนคิด จึงเรมิ่ ปฏบิ ัติงานตามแผนที่ก้าหนดไว้ 4) การเรียนรโู้ ดยการปฏบิ ัติ (Action Learned) การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนวิชาชีวิตกับเศรษฐกจิ พอเพยี งเพ่ือสรา้ งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักศึกษา สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คอื ระยะที่ 1 พฒั นาสื่อหลัก ดว้ ยการเขียนตา้ รา (ปีการศึกษา 2556 – ปีการศกึ ษา 2557) ระยะที่ 2 พฒั นาส่ือร่วม ด้วยการท้าสื่อพาวเวอร์พ้อยให้สอดคล้องกับเน้ือหาทุกบทเรียนในต้ารา (ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2558) ระยะท่ี 3 พัฒนาส่ือเสริม ต่อยอดด้วยการท้าสื่อระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) วิดีโอช่วยสอน แบบทดสอบ การเรียนรดู้ ้วยตนเอง (ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2558 – ปกี ารศกึ ษา 2559) อย่างไรก็ตามการพัฒนาสื่อการเรยี นการสอนเหล่านเ้ี ป็นเร่ืองใหมท่ ่ีทีมงานทุกคน มุง่ มัน่ ร่วมกนั พัฒนาสื่อการเรียน การสอนด้วยการปฏิบตั ิในลักษณะ เรียน รู้ ทา จา และตอ่ ยอด ซ่ึงใชร้ ะยะเวลาพัฒนาถึง 4 ปี กวา่ สอื่ ตา่ ง ๆ จะแล้วเสร็จ สมบูรณ์ และใช้เพื่อเป็นส่ือการเรียนการสอนวิชาชีวิตกับเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองให้กับ นักศกึ ษา บนพ้ืนฐานแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน และปัจจบุ ันผู้สอนสามารถขยายผลสู่การจัดการเรี ยนการสอนแบบใช้ โครงงานเปน็ ฐาน (The Project-Based Learning : PBL) เพอื่ ม่งุ เน้นให้นกั ศึกษามีทักษะการนา้ ไปประยุกต์ใช้กร ะทั่ง สามารถดา้ เนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโอกาสตอ่ ไป

5) การทบทวนสรุปบทเรียน (After Action Review : AAR) เมื่อเริ่มพัฒนาสื่อการเรียนการสอนแต่ละประเภทไปได้ระยะหนึ่ง ผู้สอนและทีมงานจะมีการคุยทบทวนสรุป บทเรียนเพื่อแลกเปล่ียนความเห็นในประเด็นท่ที ้าไดด้ ี และในประเด็นทยี่ ังต้องแก้ไขปรบั ปรุงให้ดีข้นึ โดยเฉพาะอย่างย่ิงสื่อ ประเภทต้ารา กล่าวคือ เมือ่ ผู้สอนยกร่างแต่ละบทเรียนเสร็จ ทมี งานจะชว่ ยกันอ่าน ชว่ ยกนั ใหค้ า้ แนะน้าเพ่ือปรับปรุงแก้ไข ให้ดีขน้ึ กระทั่งเสรจ็ ส้ินทุกบทเรียน นอกจากนยี้ งั มีในเรื่องของการท้าส่ือวิดโี อช่วยสอน ซึ่งผูบ้ รรยายจะต้องพัฒนาทักษะใน การบรรยายเนอื้ หาในบทเรยี นให้นา่ ชวนฟัง รวมถึงการเสริมตวั อย่าง เพือ่ ความเขา้ ใจ ประกอบการบรรยายใหน้ า่ สนใจ เปน็ ต้น ประเดน็ เหล่าน้ีทีมงานข้ามสายงาน ได้ทบทวนสรุปให้ผูส้ อนไดป้ รับปรุงและพัฒนาการบรรยายให้ดีข้นึ ต่อเนื่อง ขณะ บันทกึ ภาพและเสียงเพื่อจะได้เป็นส่ือวิดโี อช่วยสอนท่ีดีต่อไป ผลและอภิปรำยผลกำรดำเนินงำน : การจัดการความร้ดู ว้ ยเคร่อื งมือทัง้ 5 ดังทไี่ ด้กล่าวแลว้ ข้างต้น เพือ่ ปรับเปลี่ยนวธิ ีการสอนให้สอดคล้องกับ แนวคดิ ห้องเรียนกลับดา้ นซ่งึ มผี ลทไี่ ด้รบั 5 ประการดังนี้ 1) ผสู้ อนได้ ตาราเรยี น ส่อื พาวเวอร์พ้อย ระบบการจัดการเรยี นรู้ (LMS) และวิดีโอชว่ ยสอน (VAI ) ซึง่ นับ ได้ว่าเปน็ วตั ถุประสงค์หลกั ของการจัดการความรู้ (KM) เพ่อื ให้ไดเ้ คร่ืองมือช่วยสอนท่กี ระตนุ้ ให้นักศึกษาสนใจใฝ่รู้ด้วย ความมวี ินยั ทจี่ ะศกึ ษาด้วยตนเองตามอธั ยาศยั ต่อไป ภาพที่1 ภาพท่ี2 ภาพท่ี3 ภาพท่ี4 ภาพที่ 1 - 4 ฐานความร้ทู ี่ไดจ้ ากการพฒั นาส่ือการเรียนการสอนเพื่อสร้างเสรมิ การเรียนรู้ อย่างไรก็ตามวิธีการด้าเนินงานเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ทัง้ 4 ประเภทขา้ งตน้ เปน็ การด้าเนินงานการใช้ เครอ่ื งมือการจัดการความรู้ (Knowledge Management Tools) ทง้ั ในลักษณะท่ีด้าเนินงานไปตามล้าดับข้ันตอน โดยมี ลกั ษณะกระบวนการ (Process) ขับเคลื่อนเสริมเติมให้การเรยี นรู้มีผลต่อการพัฒนาประสิทธิภาพของการดา้ เนินงานให้ ประสบความส้าเรจ็ ซึ่งสามารถสรปุ เป็นแผนภาพดังนี้

แผนภาพท่ี 1 สรปุ วธิ กี ารดาเนนิ งานการใช้เคร่ืองมือการจัดการความรู้สื่อการเรยี นการสอนวชิ าชีวิตกับเศรษฐกิจพอเพียงเพอ่ื สร้าง เสรมิ การเรียนรู้บนพน้ื ฐานแนวคิดห้องเรียนกลบั ดา้ น 2) นักศึกษาสามารถใชส้ ่ือการสอนประกอบการเรียนเนอื้ หาวชิ าได้ด้วยตนเองท่ีบา้ นหรือสถานที่ที่นกั ศึกษา สะดวก เช่น ส่ือวดิ โี อช่วยสอน นกั ศึกษาจะเสมือนน่ังฟงั ผสู้ อนบรรยายในชน้ั เรยี น ซง่ึ หากไม่เข้าใจสามารถย้อนกลบั รับชม และรับฟังซ้าได้ ทบทวนเน้ือหาความรูไ้ ด้ตลอดจนกระทง่ั มีความรู้ ความเข้าใจ พร้อมท่ีจะน้าไปใช้บูรณาการกับ กิจกรรมในชั้นเรยี นหรอื นอกชนั้ เรยี นตอ่ ไป ภาพท่ี5 ภำพที่ 5 การนาวดิ โี อช่วยสอนไปศึกษาเรยี นรเู้ น้ือหาวิชาในเชิงแนวคิดทฤษฎดี ้วยตนเอง 3) อาจารยผ์ สู้ อนสามารถน้าส่ือการสอนท้ัง 4 ประเภท เปน็ เคร่ืองมือการจัดการเรียนการสอนแนวคิด ทฤษฎีแต่ละบทเรยี นให้มีประสิทธิภาพและสร้างมาตรฐานเดียวกันทุกกลุ่มเรียน กลา่ วคือ อาจารยท์ ง้ั 2 ท่าน จะน้ามาใชเ้ ป็นเครือ่ งมือหลกั ในการสง่ เสริมการเรียนร้ดู ้วยตนเองท่ีบ้านหรอื สถานทต่ี า่ ง ๆ ตามอธั ยาศยั ของนกั ศึกษา โดยจะมีการประเมนิ และติดตามผลการเรียนรู้ด้วยวิธีการทห่ี ลากหลาย เช่น ใหน้ ักศึกษาออกแบบทดสอบแบบปรนัย ครอบคลุมท้งั บทเรียน หรอื ให้นกั ศกึ ษาตอบค้าถามนา้ ทางครอบคลุมท้ังบทเรยี น จ้านวน 30 ค้าถาม หรือกจิ กรรม แขง่ ขันถามตอบความรู้ที่ไดร้ ับจากศึกษาด้วยตนเองในบทเรียนที่หมอบหมาย หรอื กจิ กรรมแบง่ กลุ่มย่อยแลกเปล่ียน ความรแู้ ล้วสรปุ เปน็ แผนท่ีความคิด หรอื การทดสอบอัตนัยระหวา่ งภาคนอกตารางสอบ เปน็ ต้น ดงั นน้ั ดว้ ยรูปแบบ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ดังกล่าว จึงสง่ ผลให้อาจารยท์ ้งั 2 ท่าน มีแนวทางการจัดการจดั เรียนการสอนที่มีมาตรฐานเดียวกนั

ภาพท่ี6 ภาพท่ี7 ภาพที่8 ภาพท่ี9 ภาพที่10 ภาพท่ี11 ภำพที่ 6-11 การประเมินและติดตามผลการเรยี นรดู้ ้วยตนเองตามแนวคดิ ห้องเรียนกลบั ดา้ นของอาจารย์ผ้สู อน 4) ผสู้ อนไดป้ รบั บทบาทในการจัดการเรยี นการสอนเปน็ ผู้อ้านวยการเรยี นรู้ หรือผชู้ แี้ นะ อภิปรายขยาย ความคิดหรอื จัดกิจกรรมบูรณาการความรูใ้ นชนั้ เรียนหรือนอกช้นั เรยี น เพ่อื ให้นักศกึ ษาเรียนรู้การประยกุ ตใ์ ช้พัฒนา ตนเองได้ตามกรอบความคิดเพ่ือการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี21 เช่น กิจกรรมการให้นกั ศึกษาทดลองเขียนแผนที่การใช้ ประโยชนจ์ ากท่ีดนิ ขนาดเล็กตามหลักการทฤษฎีใหม่ หรอื กจิ กรรมการใหม้ อบหมายนักศึกษาแบบโมเดลจา้ ลองควา มรู้ ในเรอ่ื งโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดา้ ริ หรอื ให้นักศึกษาจดบนั ทกึ บัญชีรายรับรายจา่ ย หรอื ใหน้ กั ศึกษาถา่ ยภาพ วิถชี ีวิตท่ีสัมพนั ธ์กับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ต้น กจิ กรรมเหล่านสี้ ่งผลให้เกิดการอภปิ รายแลกเปลี่ยน ความร้จู ากการปฏิบตั ริ ว่ มกัน ช่วยสร้างบรรยากาศการเรยี นทเ่ี พม่ิ ความร้คู ู่ความสขุ ในการเรียนมากขน้ึ ภาพที่12 ภาพที่13 ภาพท่ี14

ภาพท่ี15 ภาพที่16 ภำพท่ี 12-16 ผู้สอนปรับบทบาทการจัดการเรียนการสอนเปน็ ผูอ้ านวยการเรยี นรู้ใหส้ อดคลอ้ งกับแนวคิดห้องเรยี นกลับด้าน 5) การพฒั นาสอื่ การเรียนการสอนวิชาชวี ติ กับเศรษฐกิจพอเพียงเพือ่ สรา้ งเสริมการเรยี นรบู้ นพน้ื ฐานแน วคิด หอ้ งเรียนกลบั ดา้ นดงั กลา่ วข้างต้น สามารถสร้างความพึงพอใจในการเรียนให้กบั นักศกึ ษาในระดับที่สงู ขึ้น กลา่ วคือ หากเปรยี บเทยี บการประเมินการสอนของนกั ศกึ ษาตอ่ อาจารย์ผู้สอนในช่วงปกี ารศึกษา 2555-2558 พบว่ามีระดับ ความพึงพอใจเฉล่ยี 4.81 จากนักศึกษาทปี่ ระเมินทัง้ หมด 1,103 คน ซึ่งนอ้ ยกวา่ ปีการศึกษา 2559-2561 (ภาคเรียน ท่ี 1) ท่มี รี ะดบั ระดบั ความพงึ พอใจเฉลี่ย 4.91 จากนกั ศกึ ษาท่ปี ระเมินทั้งหมด 917 คน ท้งั น้รี ะดบั ความพึงพอใจที่ สูงขึ้นดงั กลา่ ว มีความสอดคลอ้ งกบั ความคดิ เห็นของนกั ศึกษา ดังเช่น อย่างไรก็ตาม ส่อื การเรยี นการสอนวิชาชวี ติ กับเศรษฐกจิ พอเพียงท้ังหมดท่ีพัฒนาข้นึ น้นั ยงั ส่งผลที่สร้าง คุณคา่ ตามมาอยา่ งน้อย 3 ประการ ดังน้ี 1) สือ่ การเรยี นการสอนสามารถ “เกดิ ประโยชน์กับนักศกึ ษาทม่ี พี ฒั นาการเรียนรู้ช้า” กว่านักศกึ ษาปกติ ท่วั ไป โดยเฉพาะวดิ ีโอชว่ ยสอนอยา่ งยิ่งนักศกึ ษาสามารถใชเ้ พือ่ การทบทวนได้บอ่ ยครัง้ มากขน้ึ เพอ่ื เรียนรู้และทา ความ เข้าใจเนอื้ หาวิชาในแตล่ ะสปั ดาห์ จนกระท่งั มีขดี ความสามารถในการบรู ณาการความรไู้ ด้ดีเท่าเทยี มกับนักศึกษาปกติ ทั่วไป 2) ส่ือการเรียนการสอน เมอื่ ทาเสรจ็ แลว้ มีบุคคลหรือหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ให้ความสนใจและมีหนังสอื ขอความ อนุเคราะหเ์ พื่อนาไปใช้ในการเรียนรู้ตามอธั ยาศยั เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจและนาไปประยุกตใ์ ช้ในการพัฒนา ตนเองต่อไป

3) สอ่ื การเรียนการสอนสามารถเป็นสื่อท่ีช่วยจัดการอดีตท้ังภาพและเสยี งของผู้สอน ซ่ึงมคี ณุ คา่ ต่อการเป็น ฐานขอ้ มลู ในการพฒั นาตนเองทางดา้ นการเรียนการสอนและยังมคี ุณค่าย่ิง ตอ่ การสรา้ งความประทับใจในวิชาชีพเมื่อ ได้ระลกึ ถงึ อดีตของตนเองในโอกาสต่อไป ผลการดาเนินงานการจัดการความรทู้ ่ีผู้สอน ทีมงานขา้ มสายงาน นกั ศกึ ษาท่ใี หค้ วามสนใจลงทะเบียนเรียน ไดร้ ับดังที่ได้กลา่ วข้างตน้ ท้งั หมด นับตัง้ แตก่ ารสะท้อนบทเรยี นการสอนของผสู้ อน และคดิ หาวิธพี ฒั นาการจดั การเรยี น การสอน ให้มีการดาเนนิ งานอย่างเป็นลาดับข้นั ตอนจนกระท่งั สาเร็จตามวตั ถุประสงคท์ ่ีกาหนดไว้ ซ่ึงผูส้ อนสามารถ สรปุ เปน็ รปู แบบ (Model) การพัฒนาสื่อการเรยี นการสอนวิชาชีวิตกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งเพื่อสรา้ งเสริมการเรียนรู้บน พื้นฐานแนวคิดหอ้ งเรียนกลับด้านได้ดงั นี้ แผนภำพที่ 2 รูปแบบการพฒั นาส่ือการเรยี นเพ่อื สร้างเสรมิ การเรียนรู้บนพื้นฐานแนวคดิ ห้องเรียนกลับดา้ น จากแผนภาพสรปุ การด้าเนินงานการจดั การความรู้ข้างต้น สา้ เร็จดงั เช่นผลทป่ี รากฏ และน้าเสนอแลว้ นัน้ ก็ ดว้ ยมปี จั จัยทีมงานขา้ มสายงานทีม่ งุ่ ม่ันตั้งใจจะใช้ความรู้ ความสามารถและทักษะวิชาชีพหนนุ นา้ ให้ 5 เครอ่ื งมอื การ จัดการความร้ขู บั เคล่ือนไดอ้ ย่างตอ่ เน่ือง และสา้ เร็จเปน็ กรณีตัวอยา่ งการจัดการความร้ดู า้ นการพัฒนาการเรียน การ สอน ซงึ่ ผู้สนใจสามารถนา้ ไปศกึ ษาและปรบั ประยุกต์ใช้กับวิชาต่าง ๆ ท่มี กี ารจดั การเรยี นการสอนเพ่ือพฒั นาบัณฑิต ต่อไป สรุป : บทเรียนท่ีผ่านมาของการใช้วิธีการสอนแบบเดิม ที่เน้นแต่การสอนให้นักศึกษาต้องรับรู้ ส่งผลกร ะทบ มากมาย ซง่ึ สรปุ โดยภาพรวม คอื การปิดกน้ั ศกั ยภาพในการเรียนรูเ้ พือ่ พัฒนาตนเองของนักศึกษา และดว้ ยเหตุนี้จึง ผลกั ดันให้ผูส้ อนคิดวธิ กี ารปรับเปลี่ยนวธิ สี อน โดยน้าแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ด้าน ทัง้ นี้การทจ่ี ะให้นักศึกษาเรยี นทฤษฎีท่ี บ้านจา้ เปน็ ตอ้ งมสี ื่อช่วยสอน ดงั นน้ั ผู้สอนและทีมงานจึงได้การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนวชิ าชีวิตกับเศรษฐกิจ พอเพียงเพื่อสรา้ งเสริมการเรียนรู้ดว้ ยตนเองแกน่ ักศกึ ษาบนพื้นฐานแนวคิดห้องเรียนกลบั ดา้ น โดยอาศัย 5 เคร่ืองมือ การจดั การความรเู้ ป็นกลไกในการขับเคลื่อน จนกระทงั่ สา้ เร็จและเอ้ือประโยชน์ใหผ้ ู้สอนมีส่ือการเรียนการสอน 4

ประเภท ไดแ้ ก่ ตา้ ราเรยี น สื่อพาวเวอรพ์ ้อย ระบบการจดั การเรยี นรู้ (LMS) และวดิ โี อช่วยสอน (VAI) ซ่ึงนักศกึ ษา สามารถเรียนรู้เน้ือหาด้วยตนเองจากส่ือมาตรฐานเดยี วกนั และส้าหรบั เวลาในชั้นเรียนผ้สู อนสามารถเป็นผู้อ้านวยการ เรยี นรู้หรอื ชี้แนะเพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นได้แสดงศกั ยภาพในการบูรณาการความรู้เน้ือหาวชิ าเพื่อพัฒนาตนเอง นอกจากน้สี ือ่ การเรียนการสอนดังกล่าว ยงั เอื้อให้เกิดผลที่สร้างคุณค่าตามมาต่อนักศกึ ษาท่ีมีพัฒนาการ เรียนรู้ช้ากวา่ นกั ศกึ ษาปกตทิ ัว่ ไป อีกท้งั เป็นส่ือการเรียนรู้ตามอธั ยาศยั ให้กับประชาชนหรือหน่วยงานท่ีสนใจ และยงั เปน็ แหล่งข้อมูลการจดั การอดีตทผี่ ่านมาของผู้สอนซึ่งมีคุณคา่ ย่ิง ต่อการสร้างความประทับใจในวิชาชีพ และด้วยผล ท้งั หมดข้างต้นสรุปไดว้ า่ การจดั การความรู้ของผสู้ อนและทีมงานมีคุณค่าต่อการพัฒนาการเรียนการสอนให้บรรลุ มาตรฐานการเรยี นร้ทู ่ีก้าหนดไว้ เพื่อให้นกั ศกึ ษาเป็นบณั ฑติ นักปฏิบัติทพ่ี ึงประสงคข์ องสังคมต่อไป บรรณำนกุ รม : กิตศิ กั ดิ์ ชุมทอง. 2561. ชีวติ กับเศรษฐกิจพอเพยี ง. พิมพ์ครง้ั ที่ 4, สงขลา : เจเจ – จนิ จนิ เน็ตแอนด์กอ็ ปปเี้ ซน็ เตอร์. ประเสริฐ ลิ้นฤาษี. 2556. การเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้สื่อวิดีโอช่วยสอนเร่ืองการกาเนิดและ พฒั นาแหล่งปโิ ตรเลียม สาหรบั นักศกึ ษาสาขางานยานยนต์. วจิ ัย : วิทยาลยั เทคโนโลยีโปลเิ ทคนิคลานนา เชยี งใหม่. วิจารณ์ พานชิ . 2556. การสร้างการเรยี นรสู้ ศู่ ตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ

เพือ่ นช่วยเพ่อื นจดั การความรู้สู่ความเขา้ ใจในเร่ืองอนพุ นั ธ์ Peer Assist Knowledge Management toward the Understanding in Derivative นางสาวมาริสา เสน็ เหมาะ (Marisa Senmoh) นางสาวสมหิ ลา ครี ศี รี (Samila Kirisri) อาจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชยั สงขลา E-mail : [email protected] อาจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชัย สงขลา E-mail: [email protected] ............................................................................................................................. ....................... บทสรุป รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 ถือเป็นวิชาบังคับสาหรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา และเปน็ พ้ืนฐานในการเรียนคณิตศาสตร์ตัวอื่น ๆ ท่ี สูงข้ึนไป จากการสอนในหัวข้อเร่ืองการหาอนุพันธ์โดยการจัดการเรียนการสอนภาคบรรยายเพียง อย่างเดียว พบว่านักศึกษาขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องฟังก์ชันส่งผลให้ขาดความรู้ความเข้าใจหัวข้อ การหาอนุพันธ์เช่นกัน คณะผู้จัดทาได้นาแนวทางการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการสอนภาค บรรยายควบคูไ่ ปกบั การจัดการองค์ความรู้ใหมใ่ นรูปแบบเพ่ือนชว่ ยเพอ่ื น โดยส่งเสริมให้เพื่อนกลุ่มท่ีมี ความรู้เรื่องฟังก์ชันสูงกว่าช่วยแนะนาเพ่ือนกลุ่มท่ีมีความรู้น้อยกว่า และมีการทบทวนสรุปบทเรียน โดยอาจารยผ์ ้สู อน ผลการเปรยี บเทยี บ พบวา่ การจดั การเรียนการสอนด้วยวธิ ีการสอนภาคบรรยายควบคไู่ ปกับ การจัดการองค์ความรู้ใหม่ในรูปแบบเพ่ือนช่วยเพื่อน ทาให้ผลการเรียนในหัวข้อการหาอนุพันธ์ของ นักศึกษาดีขึ้น และสามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนหัวข้ออื่น ๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิ ภาพในการเรยี นการสอนในรายวชิ าคณติ ศาสตร์ คาสาคญั อนุพนั ธ์ ฟงั กช์ ัน เพ่ือนช่วยเพอื่ น การทบทวนสรปุ บทเรยี น

Summary Mathematics is the compulsory subject for students in the Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Songkhla and is fundamental knowledge in learning other mathematical courses at higher levels. According to the teaching experience in the topic of Derivative by using only descriptive methods, it was found that the students still didn’t understand about Functions. And it will affect in lack of understanding in Derivative as well. Hence the researchers had used descriptive methods along with the new knowledge management of “peer assist” by enhancing peer who had more knowledge and understanding in Function to advise and teach the peer who got less knowledge along with after action review by the teachers. In comparison between the two methods, it was found that using the descriptive methods along with the new knowledge management of “peer assist” had much improved the learning achievement in the topic of Derivative and could be the guideline in knowledge management in other topics in order to increase the efficiency in mathematical instruction in the future. Keywords : Derivative, Functions, Peer Assist, After action review บทนา ข้าพเจ้าและคณะเป็นอาจารย์ผู้สอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา มาเป็นระยะเวลาไม่ต่ากว่า 3 ปี โดยสอนวิชาคณิตศาสตร์ 1 หรือ แคลคูลัส 1 ที่ประกอบไปด้วยเน้ือหาเรื่อง พีชคณิตเวกเตอร์ ลิมิตและความต่อเน่ือง การหาอนุพันธ์ และปริพันธ์ของฟังก์ชันค่าจริงและฟังก์ชันค่าเวกเตอร์ การประยุกต์อนุพันธ์ รูปแบบยังไม่กาหนด เทคนิคในการหาปริพันธ์ การหาปริพันธ์เชิงตัวเลข ถือเป็นวิชาบังคับสาหรับนักศึกษาเป็นพื้นฐานใน การเรยี นคณติ ศาสตร์ตัวอ่ืน ๆ ที่สูงขึ้นไป โดยเฉพาะนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซ่งึ จากขอ้ มูลการ สารวจเราสามารถแบง่ นักศึกษาออกเป็น 2 กลุ่มคือ กล่มุ นักศึกษาทจ่ี บการศึกษาจากสายสามัญ และ กลุ่มนักศึกษาที่จบการศึกษาจากสายอาชีพ ทาให้พ้ืนฐานทางด้านคณิตศาสตร์ของนักศึกษามีความ แตกต่างกัน ส่งผลให้เป็นอุปสรรคในการเรียนการสอนอย่างเห็นได้ชัดในหัวข้อการหาอนุพันธ์ของ ฟังก์ชัน จากบทนิยามการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันเป็นที่ทราบกันดีว่าได้อาศัยความรู้เรื่องลิมิตมา ช่วยในการหาค่าอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่าง ๆ ซึ่งสาหรับฟังก์ชันบางฟังก์ชันการหาค่าอนุพันธ์โดย

อาศัยนิยามดังกล่าวอาจมีความยุ่งยากซับซ้อน อย่างไรก็แล้วแต่นักคณิตศาสตร์ยุคก่อนก็มี ความสามารถในการหาค่าอนุพันธ์ของฟังก์ชันเหล่านั้น ตลอดจนมีการพิสูจน์แสดงที่มาไว้ให้คนรุ่น หลังท่ีมีความสนใจสามารถศึกษาค้นคว้าไว้มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันได้มีการรวบรวมสูตรการ หาอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่าง ๆ ไว้เพื่อสะดวกต่อการนาไปใช้หาอนุพันธ์ของฟังก์ชันที่มีความ หลากหลายซับซ้อนขึ้นไป โดยไม่จาเป็นต้องหาอนุพันธ์โดยใช้นิยามให้ยุ่งยาก แต่จากประสบการณ์ ทางการสอนโดยใช้วิธีการสอนภาคบรรยายเป็นหลักสาหรับกลุ่มเรียนที่มีนักศึกษาส่วนใหญ่จบ การศกึ ษาจากสายอาชพี พบว่าระดับผลการเรยี นของนกั ศึกษาค่อนข้างต่า และจากการทดสอบพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจในหัวข้อการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชัน สืบเน่ืองมาจากการไม่ รจู้ ักรปู แบบฟังก์ชนั ต่าง ๆ ท่ีจะนามาหาอนพุ ันธ์ จึงทาให้ไม่สามารถเลือกสูตรการหาอนุพนั ธ์ที่ถูกต้อง มาใช้กับฟังก์ชันน้ัน ๆ ได้ส่งผลให้นักศึกษาหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันไม่ได้ ซ่ึงการหาอนุพันธ์น้ันถือเป็น หัวใจหลักของการเรียนในรายวิชาคณิตศาสตร์ 1 เนื่องจากความรู้เรื่องดังกล่าวมักส่งผลกระทบต่อ การนาไปตอ่ ยอดในรายวิชาอ่ืน ๆ ที่เก่ยี วข้องกับศาสตรข์ องทางวิศวกรรมศาสตร์ ดังนัน้ เพือ่ ระดับผล การเรียนที่ดีข้ึน ข้าพเจ้าและคณะจึงดาเนินการหาแนวทางการจัดการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมกว่า การเรียนการสอนท่ีใชอ้ ยู่ในปัจจบุ ัน วธิ กี ารดาเนนิ งาน 1. ทาการทดสอบความรู้พ้นื ฐานเรือ่ งฟงั ก์ชนั 2. วิเคราะหผ์ ลการทดสอบ พรอ้ มแบ่งกลมุ่ นักศึกษาออกเป็นกล่มุ ดังข้ันตอนต่อไปน้ี 2.1 หาคา่ เฉล่ียของคะแนนจากการทดสอบและแบ่งกลุ่มนกั ศกึ ษาออกเป็น 2 กลุ่มโดย กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มนกั ศกึ ษาทีม่ ีคะแนนสงู กว่าคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบ กลุ่มท่ี 2 คือ กลมุ่ นักศกึ ษาที่มีคะแนนต่ากวา่ คะแนนเฉล่ยี จากการทดสอบ

2.2 นานกั ศึกษาทั้งสองกลมุ่ มาแบง่ เปน็ กลมุ่ ย่อย ๆ กลุ่มละประมาณ 5 – 6 คน โดยท่ีแต่ ละกลุม่ ประกอบไปด้วยนกั ศึกษาจากกลุ่มท่ี 1 และกลมุ่ ท่ี 2 3. ผู้สอนทาการสอนภาคบรรยายแก่นักศึกษาตามปกติร่วมกับการใช้วิธีเพื่อนช่วยเพ่ือน ซ่ึงจะทาให้ นกั ศกึ ษาที่มีปญั หาเร่ืองฟังก์ชันสามารถปรึกษาจากเพอ่ื นในกล่มุ ท่ีมีความรู้หรือประสบการณ์มากกว่า ได้ และผู้สอนทาการทบทวนสรุปบทเรยี นอีกคร้ังในตอนทา้ ย 4. ทาการทดสอบความรู้เร่ืองการหาอนุพันธ์ เพ่ือเปรียบเทียบผลการเรียนกับกลุ่มนักศึกษาที่ได้รับ การสอนแบบภาคบรรยายอย่างเดียว สาหรับการเปรียบเทียบผลการเรียน คณะผู้จัดเลือกใช้ค่าเฉลี่ย ท่ีหาได้จากค่าเฉลี่ยรวมในการสอบของแต่ละกลุ่มเรียนของ 2 ภาคการศึกษาซ่ึงใช้รูปแบบการสอนที่ แตกตา่ งกัน

ผลและอภิปรายการดาเนินงาน จากการทดสอบความรู้เรื่องฟังก์ชันปรากฏว่านักศึกษาส่วนใหญ่มีผลการทดสอบต่ากว่า คะแนนเฉล่ีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักศึกษาส่วนใหญ่ขาดความรู้เร่ืองฟังก์ชัน และหลังจากนานักศึกษา มาแบ่งกลุ่มกลุ่มละประมาณ 5 – 6 คน ซึ่งแต่ละกลุ่มจะประกอบไปด้วยนักศึกษาท่ีมีคะแนนสูงกว่า คะแนนเฉล่ียน้อยกว่านักศึกษาที่มีคะแนนต่ากว่าคะแนนเฉล่ียจากการทาแบบทดสอบ เมื่อผู้สอนได้ ทาการสอนภาคบรรยายเก่ียวกับการหาอนุพันธ์และสูตรต่าง ๆ ในการหาอนุพันธ์และให้นักศึกษาลง มือทาการหาอนุพันธ์ด้วยตนเองโดยปรึกษาช่วยกันภายในกลุ่ม จากการสังเกตเบ้ืองต้นพบว่า นกั ศึกษามีความกระตือรือร้น กล้าคิดกล้าถาม แสดงใหเ้ ห็นถึงบรรยากาศในการเรยี นการสอนท่ีดีกว่า การสอนแบบภาคบรรยายเพียงอย่างเดียว และจากการทดสอบความรู้เรื่องการหาอนุพันธ์คณะผู้จัด เลือกใชก้ ารเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยจากการทดสอบสาหรับพจิ ารณาผลในภาพรวม เนื่องจากการจัดการ เรียนการสอนท้ัง 2 วิธีใช้กลุ่มผู้เรียนคนละกลุ่ม โดยปรากฏว่าผลจากการทดสอบของนักศึกษากลุ่มท่ี มกี ารจัดการเรียนการสอนภาคบรรยายร่วมกับการสอนแบบเพ่ือนช่วยเพ่ือนได้ระดับคะแนนเฉล่ียสูง กว่าเมื่อเปรยี บเทียบการกลุ่มนกั ศกึ ษาท่ึเคยสอนแบบภาคบรรยายเพียงอย่างเดยี ว ดังตารางที่ 1 และ และตารางที่ 2 อย่างไรก็ตามการเรียนการสอนตามวิธีการที่เสนอมานี้อาจมีอุปสรรคในการจัดกลุ่ม ย่อยในกรณีท่ีกลุ่มนกั ศึกษามีจานวนนักศึกษาท่ีมีความรู้เร่ืองฟงั ก์ชันนอ้ ยมากเม่ือเทียบกับนักศึกษาที่ ไม่มีความรู้เรื่องฟังก์ชัน แต่อย่างไรก็ดีผู้สอนอาจแก้ปัญหาโดยการให้นักศึกษาท่ีได้รับการถ่ายทอด ความรจู้ นเขา้ ใจแลว้ สามารถแลกเปลย่ี นเรียนรแู้ ละอธบิ ายชว่ ยเหลือซ่ึงกนั และกันขา้ มกลุ่มกนั ได้

ตาราง 1 เปรยี บเทียบคะแนนเฉลี่ยการสอบวดั ความรู้ความเข้าใจในหัวข้อการหาอนุพันธ์ของฟังกช์ นั จากคะแนนเตม็ 35 คะแนน กลมุ่ เรียน คะแนนเฉลี่ยประจาปีการศึกษา 2561 ท่ี ภาคเรยี นที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 1 2 15.31 27.58 3 4 15.53 28.72 5 เฉลีย่ 17.49 27.73 22.07 25.31 14.27 24.14 16.93 26.70 ตารางที่ 2 เปรียบเทียบร้อยละของคะแนนเฉล่ียการสอบวัดความรู้ความเข้าใจในหัวข้อการหา อนุพันธข์ องฟงั ก์ชนั กลมุ่ เรียน รอ้ ยละคะแนนเฉล่ียประจาปีการศกึ ษา 2561 ที่ ภาคเรียนท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 1 2 43.74 78.80 3 4 44.37 82.06 5 เฉลี่ย 49.97 79.23 63.06 72.31 40.77 68.97 48.38 76.27 หมายเหตุ ภาคเรยี นท่ี 1 จดั การเรียนการสอนแบบภาคบรรยายเพยี งอยา่ งเดยี ว ภาคเรยี นท่ี 2 จัดการเรยี นการสอนแบบภาคบรรยายร่วมกบั การสอนแบบเพื่อนช่วยเพ่ือน สรุป จากการดาเนินการกิจกรรมการจัดการความรู้โดยการสอนแบบภาคบรรยายร่วมกับการ จัดการความรู้แบบเพ่ือนช่วยเพื่อนในการเรียนรู้หัวข้อการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันปรากฏว่าระดับผล คะแนนเฉลี่ยของนักศึกษาดีข้ึนกว่าการสอนแบบภาคบรรยายเพียงอย่างเดียว ทาให้ข้าพเจ้าและ คณะสามารถนาการจัดการความรู้ดังกล่าวไปเสนอแนะอาจารย์ผู้สอนท่านอ่ืนท่ีสอนในรายวิชา เดียวกันเพ่ือนาไปใช้กับนักศึกษาในปีการศึกษาถัดไปได้ ซึ่งเม่ือนักศึกษาเข้าใจและมีความรู้เรื่องการ

หาอนุพันธ์ได้ดีแล้วจะเป็นผลให้นักศึกษาสามารถแก้โจทย์การหาอนุพันธ์ท่ีหลากหลายและซับซ้อน มากขนึ้ ได้อกี ดว้ ย บรรณานุกรม ชมสุภัค ครุฑกะ. 2554. หลักการการจัดการความรู้. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์มหาวิทยาลัย รามคาแหง. ดารง ทิพย์โยธาและคณะ. 2553. แคลคูลัส ๑. พิมพ์ครั้งที่ 5. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. ภาควชิ าคณิตศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. น้าทิพย์ วิภาวิน. 2537. การจัดการความรู้กับคลังความรู้. กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสือ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. มาริสา เส็นเหมาะ. 2560. คณิตศาสตร์ 1. เจเจ-จินจิน เน็ตแอนด์ก๊อปป้ีเซนเตอร์. คณะ ศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ัย. อัจฉรา ปาจีนบูรวรรณ์. 2557. คณิตศาสตร์สาหรับวิทยาศาสตร์. พิมพ์คร้ังท่ี 11. กรงุ เทพมหานคร : สานักพิมพ์มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.

การใช้การจัดการความรู้ในการสร้างสรา้ งแนวปฏบิ ตั ิทดี่ ีต่อการเรยี นการสอน ในรายวิชาคณติ ศาสตร์ 1 The Use of Knowledge Management in Developing the Best Practice in Teaching Mathematics 1 วีระชยั ทา่ ดี จิรภทั ร ภขู่ วัญทอง อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย จ.สงขลา E- mail : [email protected] ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชยั จ.สงขลา E- mail : [email protected] บทสรุป วิชาคณิตศาสตร์ 1 จัดเป็นวิชาบังคับสาหรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ช้ันปีท่ี 1 ทุกสาขาวิชา โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างพ้ืนฐานทางการคิด วิเคราะห์ และการคานวณ ให้แก่ตัวผู้เรียน เพื่อสามารถนาความรู้ไปต่อยอดในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ข้ันสูง และวิชาด้าน การวิเคราะห์และคานวณที่บรรจุไว้ในหลักสูตรของแต่ละสาขาวิชา ปัญหาที่เกิดขึ้นจากหลาย ๆ ภาคการศึกษาผ่านมาคือ นักศึกษาชั้นปีท่ี 1 ส่วนใหญ่เรียนวิชาน้ีด้วยความกังวล และไม่มี ความสุข ซึ่งอาจจะมาจากเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่ปัจจัยท่ีถือเป็นประเด็นสาคัญที่นักศึกษา ส่วนใหญ่กล่าวถึงมากที่สุดคือ นักศึกษาไม่คุ้นกับรูปแบบการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา ดังนั้นอาจารย์ผู้สอนทุกท่านที่ทาหน้าท่ีสอนวิชาคณิตศาสตร์ 1 จึงร่วมมือกันแก้ปัญหาท่ีสะท้อน มาจากความคิดเห็นของนักศึกษ า โดยใช้แนวทางการจัดการความรู้ (Knowledge Management) โดยใช้ทั้งความรู้ท่ีชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) และความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) พร้อมท้ังเลือกใช้เครื่องมีอการจัดการความรู้ (KM Tools) อันได้แก่ ชุมชน นักปฏิบัติ (Communities of Practice หรือ CoP) การทบทวนสรุปบทเรียน (After action review หรือ AAR) เพื่อหาแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ต่อการเรียนการสอนในวิชา คณติ ศาสตร์ 1 ซึ่งส่งผลต่อความพึงพอใจและความสุขของนักศึกษาท่ีมีต่อแนวปฏบิ ัติทดี่ ี อีกทงั้ ยัง เป็นการเพ่ิมผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ 1 ของนักศึกษา โดยพบว่านักศึกษาผ่าน ประเมนิ ในรายวิชานไี้ ปไดม้ ากกวา่ ร้อยละ 80 ซ่งึ สูงกวา่ ทุก ๆ ภาคการศกึ ษาทผ่ี ่านมา แนวปฏิบัติที่ดีน้ีอาจจะเป็นแนวทางสาหรับอาจารย์ผู้สอนที่สนใจ สามารถนาไปปรับใช้ กับการเรียนการสอนวิชาอ่ืน ๆ ท่ีมีลักษณะวิชาคล้ายคลึงกันตามความเหมาะสม เพ่ือก่อให้เกิด ประโยชนส์ ูงสดุ ของผ้เู รียน คาสาคัญ แนวปฏิบัติทดี่ ี คณิตศาสตร์ 1

Summary Mathematics I is a compulsory subject for all first year engineering students. The subject is aimed at developing skills related to thinking, analyzing and mathematical calculating, and designed to serve as a foundation knowledge and skills for more advanced Mathematics subjects in the program. However, it appeared that most first year students had great level of difficulty in fulfilling requirements of the subject. Most of them expressed a considerable level of anxiety in learning this subject and such state of mind actually hindered their learning achievement. This situation was found to relate to the fact that the students were not familiar with the way the subject is taught at the tertiary level. All instructors in charge of the subject therefore made an effort to deal with the problem using knowledge management techniques focusing on both explicit knowledge and tacit knowledge. Communities of Practice (CoP) and After Action Review (AAR) were employed as knowledge management tools to deal with the problem and ultimately to come up with the best practice in teaching Mathematics I. It was found after the intervention that most students expressed higher level of satisfaction towards the learning of Mathematics I and made significant improvement on their study results whereby the unprecedented number of the students (80 percent) had passed the assessment of the subject. This best practice is clearly beneficial for students and could be adopted for other similar learning contexts or possibly with other subjects. Keyword Best Practice Mathematics I บทนา วิชาคณิตศาสตร์ 1 หรือวิชาท่ีนักศึกษาเรียกกันโดยทั่วไปว่าแคลคูลัส 1 เป็นวิชา พ้ืนฐานท่ีจาเป็นอย่างยิ่งสาหรับนักศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาเลยเทคโนโลยีราช มงคลศรีวิชัย เน่ืองจากเป็นวิชาที่จะต้องนาองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ต่อยอดในการเรียนวิชาด้านการ วิเคราะห์ และวิชาด้านการคานวณท่ีบรรจุไว้ในหลักสูตรของแต่ละสาขาวิชา โดยเนื้อหาของวิชา คณิตศาสตร์ 1 จะเป็นเน้ือหาที่ค่อนข้างแปลกใหม่สาหรับนักศึกษาช้ันปีที่ 1 และตัวเนื้อหาในแต่ ละหัวข้อค่อนข้างมีความซับซ้อนพอสมควร ทาให้การเรียนการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ 1 ของอาจารย์ทุกท่านดาเนินไปได้ช้า เนื่องจากการปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนกับผู้สอนมีค่อนข้างน้อย บรรยากาศในชั้นเรียนไม่ส่งเสริมให้ผู้เรียนโดยส่วนใหญ่อยากเรียนวิชาน้ี ผู้เรียนส่วนใหญ่มักจะ ออกตวั อยา่ งชดั เจนว่าตวั เองมีพื้นฐานความรู้คณิตศาสตรใ์ นระดับมัธยมหรือเทียบเท่ามาน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ อีกท้ังจากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนพบว่า ผู้เรียนไม่ได้มีปฏิกิริยา ใด ๆ ท่ีแสดงออกให้เห็นว่าไมต่ ัง้ ใจเรียน ผู้เรยี นโดยสว่ นใหญ่ยงั คงตดิ ตามและจดจ่อกับสิ่งท่ีผสู้ อน พยายามอธิบายผ่านข้อความ สัญลักษณ์ สมการ และกระบวนการแก้โจทย์ปั ญหาทาง

คณิตศาสตร์ เพียงแต่สีหน้าและแววตาของผู้เรียนส่วนใหญ่จะแสดงออกด้วยความกังวล ความ สับสนจนผู้สอนสามารถรับรู้ได้ และหากเปิดโอกาสให้ย้อนถามเกี่ยวกับประเด็นข้อสงสัยเม่ือทา โจทยป์ ัญหาในแต่ละขอ้ จบ จะเห็นได้ชดั วา่ ผูเ้ รียนจะพยายามหลบสายตา อกี สว่ นหนึ่งกเ็ หมือนจะ มีคาถามแต่ไม่ยอมถาม และปล่อยใหค้ วามสงสยั นั้นจบไปกับเวลาหมดคาบเรียน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ คาบอาการเหล่าน้ีของนักศึกษาก็ยังเป็นแบบเดิมซ่ึงนับเป็นปัญหาท่ีมีมาตลอด โดยท้ายที่สุดแล้ว ผเู้ รียนที่ประสบปญั หาดงั กล่าวก็จะไม่สามารถผา่ นการประเมินในวชิ าน้ีไปได้ หรอื แมว้ ่าจะผ่านไป ได้ก็อาจจะผ่านไปได้ด้วยเกณฑ์ข้ันต่าเท่านั้น ซ่ึงก่อให้เกิดผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาวอีก คือนักศึกษาท่ีไม่สามารถผ่านการประเมินวิชาคณิตศาสตร์ 1 ไปได้ ก็ไม่สามารถท่ีจะลงทะเบียน เรียนในรายวิชาคณิตศาสตร์ 2 หรือวิชาการคานวณขั้นสูงที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรของแต่ล ะ สาขาวิชาได้ ทาให้การลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาไม่เป็นไปตามแผน อีกท้ังอาจจะส่งผลให้ นักศึกษาไม่สาเร็จการศึกษาภายในระยะเวลา 4 ปี และที่ร้ายไปกว่าน้ันคือนักศึกษาอาจจะพ้น สภาพการเปน็ นกั ศึกษาเลยกเ็ ป็นได้ โดยประสบการณ์การสอนของอาจารย์ผู้สอนพบว่า ในหลาย ๆ ภาคการศึกษาก่อน หน้านี้ มากกว่าร้อยละ 40 ของนักศึกษาชั้นปีท่ี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ไม่สามารถผ่านการ ประเมินผลในรายวิชานี้ไปได้ ซ่ึงจากข้อมูลส่วนนี้ อาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ 1 ได้เล็งเห็นถึง ความสาคัญของปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดข้ึนต่อตัวนักศึกษา จึงได้มีการจัดประชุมและ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันภายในหลักสูตรรายวิชาคณิตศาสตร์เก่ียวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในช้ัน เรียนวิชาคณิตศาสตร์ 1 ท่ีจะส่งผลต่อการประเมินในรายวิชา พร้อมทั้งหาแนวปฏิบัติท่ีดี (Best Practice) เก่ียวกับรูปแบบละวิธีการสอน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวผู้เรียนมากที่สุด อีกท้ังแนว ปฏิบัติน้ี ยังจะเป็นแนวทางให้แก่อาจารย์ผู้สอนในรายวิชาอื่น ๆ ที่จะนาไปปรับใช้กับการเรียน การสอนต่อไป วิธกี ารดาเนินงาน จากประเด็นปัญหาที่กล่าวมาในบทนาข้างต้น กลุ่มอาจารย์ผู้สอนรายวิชาคณิตศาสตร์ 1 ท้ัง 4 ท่านได้วางแผนการดาเนินการแก้ไขปัญหา (P-Plan) โดยศึกษาจากกลุ่มนักศึกษาท่ี ลงทะเบยี นเรียนในรายวชิ าคณิตศาสตร์ 1 จานวน 140 คน ซึ่งเป็นนักศึกษาท่ีเรียนกบั อาจารย์ 4 ทา่ น ท่านละ 35 คน และทาตามขั้นตอนการดาเนนิ การ (D_Do) ดงั นี้ ข้ันตอนที่ 1 สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน ในสัปดาห์ท่ี 1 และสัปดาห์ท่ี 2 ท้ังพฤติกรรมในเชิง บวกและเชิงลบ โดยเป็นพฤติกรรมท่ีแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดจากกลุ่มนักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาสตร์ช้ันปีท่ี 1 จานวนท้ังสิ้น 140 คน (อาจารย์แต่ละท่านสังเกตพฤติกรรมของ นักศึกษาในห้องเรียนท่ีตนเองสอน) ซ่ึงหลังจากการสังเกตพฤติกรรมของนักศึกษาแล้ว สามารถ นามาจาแนกไดเ้ ป็นพฤตกิ รรมใหญ่ ๆ ตามตารางที่ 1

อนั ดับที่ พฤติกรรมท่สี ังเกตได้ รอ้ ยละ 1. นักศึกษาไม่ให้ความสนใจกับการพูดอธิบายของจากผู้สอน แต่ 49.3 จะใหค้ วามสาคัญกับการจดบันทกึ เนอ้ื หาลงสมดุ ของตนเอง 2. นักศึกษามีสีหน้ากังวล และสงสัยต่อตัวเน้ือหาที่อาจารย์ผู้สอน 23.6 ทาการสอนอยใู่ นขณะนั้น 3. นักศึกษาสามารถรับรู้สิ่งท่ีอาจารย์ผู้สอนถ่ายทอดได้ด้วยสีหน้า 12.8 และแววตาทแี่ สดงออกถึงความเขา้ ใจ 4. นักศึกษาไม่ได้สนใจเนื้อหาแต่ให้ความสนใจกับส่งิ อื่น เช่นเพื่อน 10.0 ทน่ี ั่งใกลก้ ัน หรือการใช้งานโทรศัพท์มอื ถือ 5. นักศกึ ษาหลับในห้องเรยี น 4.3 ตารางท่ี 1 พฤติกรรมทั้งในเชิงบวกและเชงิ ลบของนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรยี นวิชาคณิตศาสตร์ ขั้นตอนท่ี 2 อาจารย์ผู้สอนจัดการประชุมในรูปแบบชุมชนนักปฏิบัติ (Communities of Practice หรือ CoP) เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเห็นและต้ังข้อสมมติฐานเกย่ี วกับสาเหตุท่ีกอ่ ให้เกิด พฤติกรรมในเชิงลบ โดยอาจารย์แต่ละท่านสามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ (Tacit Knowledge) ที่เคยพบจากการสอนในวิชานี้มาใชใ้ นการต้ังสมมติฐาน โดยท่ีอาจารย์ผู้สอนแต่ละ ท่านสามารถเขียนสมมติฐานได้อยา่ งอิสระและไม่ต้องปรึกษากับอาจารยท์ ่านอนื่ ๆ ซง่ึ สมมติฐาน เก่ียวกับสาเหตขุ องพฤติกรรมเชิงลบ สามารถจาแนกได้เปน็ ประเด็นสาคญั ดังตารางที่ 2 ลาดับ ประเด็นสมมติฐาน 1. นักศึกษามีความรู้พื้นฐานทางด้านการคิดคานวณไม่เพียงพอหรือไม่มีเลย ท่ีจะ นามาใชใ้ นการเรยี นวิชาน้ี 2. นักศกึ ษาไม่คุ้นกบั รูปแบบการสอนของอาจารย์ผู้สอน 3. ชอ่ งวา่ งระหวา่ งผูเ้ รยี นกบั ผสู้ อนมมี ากเกินไป 4. เนอ้ื หาวิชาค่อนขา้ งใหมแ่ ละซับซ้อนเกนิ ไปต่อตวั นกั ศึกษา 5. เอกสารประกอบการสอนหรอื ตาราไมเ่ หมาะสมกับนกั ศึกษา 6. ความอ่อนลา้ จากการทากจิ กรรมอน่ื ๆ ท่ีสง่ ผลมายังหอ้ งเรียน 7. สาเหตุอนื่ ๆ ตารางท่ี 2 สมมติฐานของอาจารย์ผ้สู อนแต่ละท่านเกยี่ วกับสาเหตขุ องปัญหาในตารางท่ี 1 ขัน้ ตอนที่ 3 หาวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาโดยการทาตามขั้นตอนยอ่ ย ดงั น้ี ข้ันตอนที่ 3.1 เม่ือเข้าสู่สัปดาห์ท่ี 3 ของการเรียนการสอน อาจารย์ผู้สอนทาการ สารวจปัญหา มุมมอง ความรู้สึก และความคิดเห็นท่ีมีต่อผู้สอนและตัวรายวิชาโดยให้ นักศึกษาบรรยายใส่กระดาษโน้ต (Post it) สีเดยี วกัน โดยก่อนให้นกั ศกึ ษาลงมือเขียน

บรรยายอาจารย์ผู้สอนจะต้องแจ้งจุดประสงค์ของการสารวจนี้ให้นักศึกษาเข้าใจ และ เปิดใจที่จะเขียนมุมมองความรูส้ ึกของตนเองออกมาอยา่ งเต็มท่ี สาหรับขั้นตอนในการ ลงมือเขียนผู้สอนจะให้เวลากับนักศึกษาในการเขียนบรรยายประมาณ 15 นาที และ ในขณะที่นักศึกษากาลังเขียนบรรยาย ผู้สอนจะต้องไม่เข้าไปให้ความคิดเห็นหรือ ทัศนคติใด ๆ กับนักศึกษา เพ่ือท่ีตัวนักศึกษาเองจะได้สะท้อนมุมมอง และความ คิดเห็นทีม่ าจากตวั ของนักศกึ ษาเองมากทส่ี ดุ ดงั ภาพท่ี 1 ขนั้ ตอนที่ 3.2 หลังจากท่นี กั ศกึ ษาเขยี นบรรยายเสรจ็ แล้ว ใหน้ ักศึกษานากระดาษโน้ต มาแปะไว้ที่บอร์ดหน้าห้องและอนุญาตให้นักศึกษาไปบริเวณนอกห้องเรียนได้จนกว่า นกั ศึกษาที่เหลอื จะเขียนเสรจ็ ดังภาพที่ 2 ภาพท่ี 1 การสารวจปญั หา มมุ มอง ความร้สู ึก ภาพที่ 2 ผลจากการสารวจปญั หา มุมมอง ความรู้สึก และความคิดเหน็ ที่มีตอ่ ผสู้ อนและตัวรายวชิ า และความคิดเหน็ ที่มีต่อผู้สอนและตัวรายวชิ า ข้ันตอนท่ี 3.3 อาจารย์ผู้สอนเก็บรวบรวมกระดาษโน้ตเพ่ือนาไปสรุปประเด็นสาคัญ พร้อมคดิ เป็นอตั ราส่วนร้อยละ ซง่ึ สามารถแสดงได้ดังตารางที่ 3 อันดับท่ี ปญั หา/มุมมอง/ความร้สู ึก รอ้ ยละ 1. ไม่คุ้นกับการสอนท่ีต้องทาการจดบันทึกและฟังไปด้วยในเวลา 52.1 เดยี วกัน 2. พื้นฐานในการคานวณของตนเองไม่ดีพอ/จบการศึกษาจากสาย 12.8 อาชพี ทาให้พื้นฐานไม่ดี 3. ไมก่ ล้าซกั ถามเม่อื มีขอ้ สงสยั /กลัวอาจารย์ผูส้ อน 10.7 4. เนื้อหาวชิ าในแตล่ ะหัวขอ้ ค่อนข้างเยอะ 8.6 5. มสี ัญลกั ษณท์ ไ่ี ม่เคยเห็นมาก่อนในสมัยเรยี นมธั ยม/ปวช./ปวส. 7.2 6. มีความเหนื่อยล้าจากการกิจกรรมอ่ืน ๆ ซึ่งใช้เวลายาวนาน 5.0 เกนิ ไป 7. ปญั หาทางด้านอื่น ๆ 3.6 ตารางท่ี 3 ประเดน็ ปัญหา/มมุ มอง/ความร้สู ึก ที่ไดจ้ ากการสารวจจากนกั ศกึ ษา

ข้ันตอนที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูลโดยจากตารางข้างต้นพบว่า ความไม่คุ้นกับการสอนท่ีจะต้องทาการ จดบันทึกและฟังไปด้วยในเวลาเดียวกัน/การสอนค่อนข้างแตกต่างกับตอนเรียนมัธยม/จดไม่ทัน และฟังไม่ทัน เป็นประเด็นปัญหาที่นักศึกษากล่าวถึงมากที่สุด ตัวอย่างดังรูปท่ี 3 ซึ่งประเด็น ปัญหานี้ ไมต่ รงตามสมมตฐิ านท่ีอาจารย์ผ้สู อนต้ังไว้ และเป็นผลมาจากวิธกี ารสอนของอาจารยแ์ ต่ ละท่าน ซ่ึงนับเป็นประเด็นที่สาคัญมาก เนื่องจากวิชาคณิตศาสตร์ 1 เป็นวิชาท่ีมีอาจารย์ผู้สอน มากกว่าหนึ่งท่าน แน่นอนว่าผู้สอนแต่ละท่านก็จะมีวิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป และจะยึด มั่นวิธีนั้นเป็นวิธีการสอนท่ีเหมาะสมท่ีสุด โดยไม่เคยสอบถามความคิดเห็นหรือความรู้สึกจาก นักศึกษามา เมื่อวิธีการสอนไม่เหมาะกับกลุ่มผู้เรียน ก็จะส่งผลให้ผู้เรียนเข้าเรียนไปด้วยความ กงั วล สงสัย อีกทั้งยังเป็นการสร้างทัศนคติของผู้เรยี นท่มี ตี ่อวชิ านีใ้ นแง่ลบเพ่ิมข้นึ เรื่อย ๆ ภาพที่ 3 ตัวอย่างความคิดเห็นของนักศึกษาที่ไม่ชอบวิธีการสอนแบบจดและฟังไปพร้อมกัน ขนั้ ตอนที่ 5 ทาการหาแนวปฏิบัติที่ดี โดยผสู้ อนทั้ง 4 ท่านทาการประชุมในรูปแบบ CoP อกี คร้ัง เพ่ือนาเสนอวิธีการหรือรูปแบบการสอน รวมไปถึงข้อดีและข้อเสียจากการรูปแบบการสอนของ แต่ละท่าน แล้วใช้เคร่ืองมือการจัดการความรู้ในรูปแบบของการทบทวนสรุปบทเรียน (After Action Review หรือ AAR) เข้ามาช่วยในการหาแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) เกี่ยวกับ รูปแบบการสอน ซ่ึงจะได้แนวปฏิบัติรูปแบบใหม่ในช่ือ “จดน้อย ทาซ้า ย้าโจทย์” โดยท่ีมาของ รูปแบบการสอนดังกลา่ วจากการใชเ้ ครอื่ งมอื AAR แสดงได้ตามแผนภาพต่อไ่ ปนี้ วิธกี ารสอนของอาจารย์ วธิ ีการสอนของอาจารย์ วิธกี ารสอนของอาจารย์ วิธกี ารสอนของอาจารย์ คนท่ี 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 ข้อดี/ขอ้ เสีย จากการสอน แนวปฏิบัติทีด่ ี เข้าสู่กระบวนการสอน ความรู้สึกจากผ้เู รียน

จากการสัมภาษณ์พบว่านักศึกษามากกว่าร้อยละ 80 จะผ่านการเรียนการสอนในรูปแบบท่ีต้อง ทาการจดบันทึกรายละเอียด การฟังผู้สอนอธิบาย และการคิดวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กัน หรือที่ เรียกว่า เลคเชอร์ (Lecture) มาทั้งสิ้น และผลจากตารางท่ี 3 ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าการ เลคเชอร์จะทาให้นักศึกษาจดจ่ออยู่กับการจดบันทึกรายละเอียดลงสมุดโดยที่ไม่ได้ฟังคาอธิบาย ซ่ึงนักศึกษาจะไม่เข้าใจกระบวนการคิดและตัวเนื้อหาเมื่อกลับไปทบทวนส่ิงที่ตนเองบันทึกเอาไว้ ท้ังนี้การเลคเชอร์จะส่งผลกระทบอีกประเด็นหนึ่งคือในแต่คาบเรียน นักศึกษาจะได้เจอตัวอย่าง การทาโจทย์ไม่มากพอที่จะสามารถสร้างความแม่นยาในข้ันตอน และกระบวนการคิดได้ เนื่องจากจะต้องเผ่ือเวลาท่ีจะใช้ในการเลคเชอร์ไห้ครบถ้วน และความแปลกใหม่ของสัญลักษณ์ ทางคณิตศาสตร์ จะทาให้นักศึกษาเลคเชอร์ได้ช้า และจานวนตัวอย่างโจทย์ที่อาจารย์ผู้สอนจะมี โอกาสได้นาเสนอก็จะลดลงตามเวลาท่ีเหลืออยู่ ส่งผลให้ลาดับขั้นตอนในการแก้โจทย์ปัญหาของ นกั ศึกษาไม่มีความแมน่ ยาเทา่ ท่ีควร แนวปฏิบัติที่ดีเก่ียวกับวิธีการสอนท่ีกลุ่มอาจารย์ผู้สอนเรียกว่ารูปแบบ “จดน้อย ทาซ้า ย้าโจทย์” จะลดการจดเลคเชอร์ของนักศึกษาให้น้อยที่สุด และหันมาให้เวลากับการเน้นโจทย์ ตัวอย่าง ท้ังในระดับง่ายไปจนถึงระดับยาก ซึ่งทาให้นักศึกษาได้เสริมทักษะการคิด และเพิ่ม ประสบการณ์จากโจทย์ตัวอย่างที่หลากหลายมากข้ึน อีกท้ังผู้สอนยังสามารถแสดงวิธีทาโจทย์ พรอ้ มคาอธิบายอยา่ งละเอียด โดยไม่ต้องกังวลเร่ืองของเวลาในแต่ละคาบเรียนมากเกินไป แต่ส่ิงที่ อาจารย์ผู้สอนจะต้องรว่ มมือกันสรรสร้างเพิ่มเติมเพ่ือรองรับ และแก้ไขจุดบกพร่องของแนวปฏิบัติ ที่ดีนี้ คือการนาความรู้และประสบการณ์ (Explicit Knowledge) มาปรับปรุงเอกสาร ประกอบการสอนวิชาคณิตศาสตร์ 1 ที่เคยมี และถูกใช้มาก่อนในอดีตให้ออกมาในรูปแบบท่ี ทันสมยั มีการแสดงวิธีทาที่สอดคล้องกับการอธิบายในห้องเรียน มีการทบทวนและกล่าวถึงความรู้ พ้ืนฐานท่ีเก่ียวข้องท่ีจะใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาในแต่ละหัวข้อ พร้อมท้ังเพิ่มจานวนตัวอย่างให้มี ความหลากหลายภายใต้กรอบการคิดและขั้นตอนเดิม เพ่ือให้เป็นแหล่งข้อมูลท่ีนักศึกษาสามารถ นามาใช้ประกอบการฟังการบรรยาย และเขียนขยายความในแต่ละขั้นตอนจากการอธิบายเพิ่มเติม ของอาจารยผ์ สู้ อน อกี ท้งั ยังสามารถนาไปศกึ ษาด้วยตนเองได้อยา่ งเข้าใจ ดังภาพท่ี 4 ภาพท่ี 4 เอกสารประกอบการสอนวชิ าคณติ ศาสตร์ 1 ท่ีผ่านปรบั ปรุงแล้ว

ข้ันตอนท่ี 6 สารวจความพึงพอใจ (C_Check) ของนักศึกษาในสัปดาห์ที่ 14 ของการเรียน ที่มี ต่อการปรับเปล่ียนวิธีการสอนโดยใช้แนวปฏิบัติท่ีดีในรูปแบบ “จดน้อย ทาซ้า ย้าโจทย์” และ ความพึงพอใจต่อเอกสารประกอบการสอนฉบับปรับปรุง โดยการให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น ผา่ นกระดาษโนต้ (Post it) ส่งมายังอาจารยผ์ ้สู อนและทาการสรุปเป็นประเดน็ ดงั ตารางที่ 4 อันดบั ท่ี ประเด็นจากการสารวจความพึงพอใจ ร้อยละ 1. มีความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนโดนใช้แนวปฏิบัติที่ดีใน 30.0 รปู แบบ “จดนอ้ ย ทาซา้ ยา้ โจทย์” 2. การเรียนแบบไม่ต้องจด ทาให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีกว่าเรียนแบบ 23.6 จดเลคเชอร์ 3. เอกสารประกอบการสอนมีความละเอียดและเขียนอธิบายได้ 18.6 อย่างชัดเจนจนสามารถนาไปทบทวน หรือศึกษาเพ่ิมเติมด้วย ตนเองได้ 4. การได้เรียนตัวอย่างโจทย์หลายข้อหลากลายรูปแบบทาให้ 9.3 ข้อสอบได้เยอะขน้ึ 5. อาจารย์ผูส้ อนอธบิ ายไดล้ ะเอียด สอนสนกุ ไมต่ ึงเครยี ด 7.7 6. แนวปฏิบัติท่ีดีในรูปแบบ “จดน้อย ทาซ้า ย้าโจทย์” สามารถทา 4.4 ให้ผู้เรียนท่ีไม่มีพื้นฐานทางด้านการคานวณทีดี มีความเข้าใจใน ตวั วิชามากข้นึ 7. การเรียนแบบไม่ต้องจด แต่เน้นฟังและคิดตาม ทาให้เข้าใจที่มา 2.8 ของแต่ละบรรทัดที่อาจารย์ผู้สอนแสดงวิธีทาให้ดู และวิธีทายัง สอดคล้องกับเอกสารประกอบการสอนท่มี ีของอาจารย์ 8. การทาโจทยซ์ ้า ๆ ทาให้เกิดความแม่นยาในขนั้ ตอนการแก้ปัญหา 2.1 9. ตามเนื้อหาได้ทันบ้าง แต่ยังมีบางจุดท่ีขาดหายไป เน่ืองจากต้อง 1.5 ใชฐ้ านความรเู้ ดิมตอนมัธยมหรอื เทยี บเทา่ ตารางท่ี 4 การสารวจความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนโดนใชแ้ นวปฏบิ ตั ิที่ดี ผลและอภิปรายผลการดาเนินงาน จากการดาเนินงานการสารวจปัญหาเกย่ี วกบั ผู้เรยี นในการนาไปส่กู ารสรา้ งแนวปฏิบัติท่ีดี ต่อการเรียนการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ 1 พบว่า แนวปฏิบัติที่ดีในรูปแบบ “จดน้อย ทาซ้า ย้าโจทย์” ถือเป็นรูปแบบการสอนใหม่สาหรับนักศึกษา ที่ก่อให้เกิดประโยชน์และคุณค่าในด้าน ตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. ประโยชน์และคุณค่าท่ีมีต่อตัวนักศึกษา เนื่องจากเป็นรูปแบบการสอนที่สามารถใช้ พัฒนาศักยภาพทางด้านการคานวณของนักศึกษาโดยที่ไม่ต้องคานึงถึงพื้นฐานของนักศึกษาแตล่ ะ

คนท่ีมีความแตกต่างกัน สามารถทาให้นักศึกษาเปิดใจ ปรับมุมมอง และทัศนคติที่มีต่อวิชา คณิตศาสตร์ 1 ไปในทางท่ีดีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลต่อความพยายาม และความต้ังใจของนักศึกษา ควบคู่ไปกับการเรียนอย่างมีความสุข 2. ประโยชน์และคุณค่าที่มีต่ออาจารย์ผู้สอน อาจารย์ผู้สอนได้ร่วมกันคิด ร่วมกัน ถ่ายทอดประสบการณ์จากการสอน ร่วมกันคิดหาแนวปฏิบัติที่ดีต่อการเรียนการสอนในรายวิชา คณิตศาสตร์ 1 ได้รับทราบความคิดเห็น ทัศนคติ และมุมมองของนักศึกษาท่ีมีต่อตัวรายวิชา วธิ ีการสอน หรือตัวอาจารย์ผสู้ อนเอง เพื่อการนามาปรบั เปลี่ยนวธิ ีการเรยี นการสอนให้เหมาะสม กับตัวผูเ้ รียน 3. ประโยชน์และคุณค่าที่มีต่อมหาวิทยาลัย การหาแนวปฏิบัติท่ีดีต่อการเรียนการสอน ในรายวิชาคณิตศาสตร์ 1 จะเป็นการวางรากฐานท่ีสาคัญให้แก่นักศึกษาช้ันปีที่ 1 ในการนา ความรู้ไปต่อยอดสาหรับการศึกษาในรายวิชาด้านการคานวณขั้นสูงหรือรายวิชาด้านการคานวณ ท่ถี ูกบรรจุอยใู่ นหลักสูตรของแต่ละสาขาวิชา ทั้งนี้ในอนาคตอันใกล้เม่ือนักศกึ ษาสาเรจ็ การศึกษา ออกไปสู่สังคมงานด้านวิศวกรรมศาสตร์ นอกจากทักษะทางด้านวิชาชีพแล้ว ความรู้พ้ืนฐาน ทางด้านการคานวณที่ดี จะส่งผลให้นักศึกษาประกอบอาชีพได้อย่างเต็มศักยภาพ และเป็นการ มองย้อนกลับจากผู้ประกอบการมายังมหาวิทยาลัยในแง่ของคุณภาพของบัณฑิตท่ีสาเร็จ การศึกษาออกไป หลังจากได้ดาเนินการสารวจปัญหาเก่ยี วกับผู้เรียนในการนาไปสู่การสร้างแนวปฏิบัติท่ีดี ตอ่ การเรียนการสอนในรายวิชาคณติ ศาสตร์ 1 พบว่า ปัจจยั ทช่ี ่วยให้เกิดแนวปฏิบตั ิที่ดี คือ ความ ร่วมมือของอาจารย์ผู้สอนทุกท่านที่ยอมสละเวลามาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ ประสบการณ์ในการเรียนการสอนของตอนเองท้ังข้อดแี ละขอ้ เสีย อกี ทั้งความทุ่มเทในการช่วยกัน ปรับปรุงเอกสารประกอบการสอนวิชาคณิตศาสตร์ 1 ให้อยู่ในรูปแบบท่ีเหมาะสมกับการเรียน การสอนและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดี โดยแนวคิดของอาจารย์ทุกท่านท่ีเข้ามามีส่วนร่วมกับ กิจกรรมนี้คือ “ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตามท่ีจะทาให้นักศึกษาเรียนได้อย่างเข้าใจและมีความสุข ในฐานะอาจารย์ผู้สอน เราจะทา” และปัจจยั อีกอย่างท่ีขาดไม่ได้เลยคือ ความร่วมมือเป็นอย่างดี ของนักศึกษาตลอด 1 ภาคการศึกษาทีผ่ ่านมา ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดข้ึนในการดาเนินการสารวจคือ ในช่วงสัปดาห์ท่ี 3 ในข้ันตอน การสารวจปัญหา มุมมอง ความรู้สึก และความคิดเห็นท่ีมีต่อผู้สอนและตัวรายวิชา นักศึกษาไม่ กล้าที่จะเขียนบรรยายเพราะว่ากลัวจะมีผลต่อตนเองในแง่ลบจากอาจารย์ผู้สอน สาหรับกรณีท่ี แสดงความร้สู ึกออกมาในเชิงลบ ซ่ึงแก้ปัญหาได้โดยการอธิบายวัตถุประสงค์ของการสารวจความ คิดเห็น และบอกถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาที่จะมีต่อ รปู แบบการเรยี นการสอนท่ีดีขึ้นในอนาคต

สรุปผล การสารวจปัญหาเก่ียวกับผู้เรียนในการนาไปสู่การสร้างแนวปฏิบัติที่ดีต่อการเรียนการ สอนในรายวิชาคณติ ศาสตร์ 1 ผลทีไ่ ด้คือความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการปรบั เปลีย่ นรูปแบบ การสอนโดยใช้แนวปฏิบัติท่ีดี ส่งผลให้นักศึกษาคลายความกังวล ความสงสัย และลดทัศนะคติเชิง ลบที่มีต่อรายวิชา วิธีการสอน หรือแม้กระทั่งตัวผู้สอนเอง ผลจากข้ันตอนการดาเนินงานเป็นการ สร้างความสัมพันธ์ท่ีดี และลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนและผู้สอนได้เป็นอย่างดี นักศึกษามีความ พยายามท่จี ะเรียนรู้ในช้ันเรียน และศึกษาเพ่ิมเติมด้วยตนเองโดยนาทกั ษะและกระบวนการท่ีได้รับ ในชั้นเรียนไปใช้กับการศึกษารูปแบบโจทย์จากหนังสือหรือตาราเล่มอื่น ๆ ได้ และส่งผลให้ นักศึกษามากกว่าร้อยละ 80 ผ่านการประเมินวิชานี้ อีกท้ังยังเป็นการเปิดโอกาสให้อาจารย์ผู้สอน แต่ละทา่ นได้ใชป้ ระสบการณใ์ นการเรียนการสอนทม่ี ีอยู่รว่ มกันเพ่ือหาแนวปฏิบัติที่ดี ผู้ศึกษาไม่สามารถการันตีได้ว่าวิธีการสอนโดยใช้แนวปฏิบัติท่ีดีในรูปแบบของ “จดน้อย ทาซ้า ย้าโจทย์” จะเป็นรูปแบบการสอนที่ดีที่สุด แต่มั่นใจได้ว่าเป็นรูปแบบที่สร้างความรู้ ความ เข้าใจ และความสุขให้แก่ผู้เรียนได้อย่างแน่นอน ท้งั นี้ผศู้ ึกษาจะพยายามเผยแพร่แนวปฏิบตั ิที่ดีน้ี ให้แกอ่ าจารย์ผสู้ อนทา่ นอ่ืน ๆ ที่สนใจ เพ่ือการนาไปปรับใชก้ ับวิชาอื่น ๆ เพ่อื กอ่ ให้เกดิ ประโยชน์ และความสุขสูงสุดของผเู้ รียนในอนาคต (A_Act) บรรณานุกรม ณิรดา เวชญาลักษณ์. 2561. หลักการจัดการเรียนร้.ู กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ประเวศ วะสี. 2550. การจัดการความรู้ : กระบวนการปลดปล่อยมนุษย์สู่ศักยภาพ เสรีภาพ และความสขุ . นนทบุรี : กรนี -ปญั ญาญาณ. สมชาย นาประเสริฐชัย. 2558. การจัดการความรู้ (Knowledge Management). กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชั่น. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2550. ทักษะ/กระบวนการทาง คณิตศาสตร.์ กรงุ เทพฯ: คุรสุ ภาลาดพร้าว. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และ สถาบันเพ่ิมผลผลติ แห่งชาติ. 2548. คู่มือการ จัดการความรู้: ทฤษฎีสกู่ ารปฏบิ ัติ. กรงุ เทพฯ: สานักงาน ก.พ.ร.

รปู แบบการนาเสนอแนวปฏบิ ัติท่ีดี โครงการประชมุ สมั มนาเครือข่ายการจัดการความรู้ฯ คร้งั ท่ี 12 “การจัดการความรู้ส่มู หาวทิ ยาลัยนวัตกรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาหรบั อาจารย์/ บคุ ลากรสายสนับสนนุ / นักศึกษา ชื่อเร่ือง/แนวปฏิบัติท่ีดี กระบวนการพฒั นา T E A M Model : กลไกบันได 4 ขั้น ส่กู ารจดั การเรยี นร้ตู ามแนวคดิ ห้องเรียนกลับดา้ น ชื่อ-นามสกลุ ผู้นาเสนอ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์กิติศักด์ิ ชมุ ทอง ชือ่ สถาบนั การศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั หนว่ ยงาน หลักสูตรรายวิชาสงั คมศาสตร์ สาขาศกึ ษาทั่วไป คณะศลิ ปศาสตร์ เบอร์โทรศพั ท์มือถือ 08-0709-0524 เบอร์โทรสาร - E-Mail address [email protected]

โครงการประชมุ สมั มนาเครือข่ายการจัดการความรู้ฯ ครัง้ ที่ 12 “การจัดการความรูส้ ู่มหาวทิ ยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management : Innovative University) กระบวนการพฒั นา T E A M Model : กลไกบันได 4 ขั้น สูก่ ารจัดการเรียนรูต้ ามแนวคิดหอ้ งเรยี นกลบั ด้าน The Development Process TEAM Model : the four steps of reverse classroom concept for learning management กิตศิ ักด์ิ ชุมทอง 1 เอกราช มะลวิ รรณ์ 2 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชยั และ[email protected] อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ัย และ[email protected] .......................................................................................................................................................... บทสรปุ วิชาชวี ิตกับเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นรายวิชาท่นี ักศกึ ษาให้ความสนใจลงทะเบยี นอยา่ งตอ่ เน่ืองทุกปี การจัดการ เรยี นการสอนในชว่ งแรก เนน้ การบรรยายเนอ้ื หาวชิ าแตล่ ะบทเรียนโดยผู้สอน ส่งผลให้เกดิ การบรรยายเน้ือหาซ้าตาม จ้านวนกลุม่ เรยี นทเี่ ปดิ สอน เพราะความรมู้ อี ยแู่ ตเ่ ฉพาะในตัวผู้สอน หากนักศกึ ษาขาดเรียน ผสู้ อนไม่สามารถปฏิบัติ หน้าท่ีสอน เวลาเรยี นตรงกบั วนั หยดุ ราชการ นกั ศึกษาจะไม่ได้รบั ความรู้ เหลา่ นต้ี ่างเป็นบทเรยี นสา้ คญั ทผ่ี ลกั ดันให้ ผ้สู อนน้าแนวคิดห้องเรียนกลับดา้ นมาใช้พัฒนาจัดการเรียนการสอนให้ดีข้นึ โดยอาศัย 5 เครอื่ งมอื ในการจัดการ ความรู้ ส่งผลให้มสี ่ือการสอน 4 ชนิด คอื ตา้ ราเรียน ส่ือพาวเวอรพ์ ้อย ระบบการจัดการเรยี นรู้ (LMS) และวดิ ีโอชว่ ยสอน ให้นกั ศกึ ษาใช้เพ่ือเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง โดยมีการติดตามประเมินผลด้วยเคร่อื งมือที่หลากหลาย เชน่ ทา้ แบบฝกึ หัดทา้ ยบท ทดสอบกอ่ นเรยี นในระบบLMS แบบทดสอบย่อยอตั นัย หรือตอบค้าถามนา้ ทางเพ่ือเขา้ ใจเนอ้ื หาในบทเรยี น เมอื่ ได้ ฐานความรู้ทเี่ พียงพอต่อการเรยี นรู้ท่ีบ้าน ผสู้ อนจึงกลบั ดา้ นจดั การเรียนเชิงรุกท้ังในห้องเรียนแ ละนอกหอ้ งเรียนใน ลักษณะแบ่งทีมทา้ กจิ กรรม เชน่ แขง่ ขันถามตอบความรปู้ ระจ้าบทเรยี น แขง่ ขันตอบค้าถามโดยใช้โปรแกรม Kahoot เขยี นแผนทีค่ วามคดิ เขียนแผนทีก่ ารใช้ท่ีดินขนาดเลก็ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ โมเดลโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชด้าริ หรอื การเรียนรู้โดยใช้โครงการเป็นฐาน ทั้งน้ีการจดั การเรยี นการสอนที่มกี ารพัฒนาอยา่ งต่อเนือ่ งดังกล่าว สง่ ผลให้ ผสู้ อนคน้ พบรปู แบบการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนทเ่ี รียกวา่ “T E A M Model : กลไกบนั ได 4 ขัน้ สู่การ จัดการเรยี นรู้ตามแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ด้าน” รปู แบบนส้ี ามารถสรา้ งความพงึ พอใจและผลสัมฤทธใิ์ นการเรียน ให้กับ นกั ศกึ ษาในระดับที่สงู ขึน้ นอกจากน้ียังส่งผลตอ่ การสรา้ งคณุ ค่าตามมาดังเชน่ เกิดประโยชน์กบั นักศกึ ษาที่มีพัฒนาการ เรยี นรชู้ ้ากวา่ นักศึกษาปกตทิ ่วั ไป เป็นสอ่ื การเรียนรู้ตามอธั ยาศยั ให้กับบุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจ ตลอดจนมีคณุ ค่า ต่อการเปน็ ฐานขอ้ มลู ในการพฒั นาตนเองทางดา้ นการเรียนการสอนใหด้ ยี ่ิงขน้ึ ในโอกาสต่อไป คาสาคัญ การจัดการเรียนรู้ แนวคิดหอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น Summary Every year, the subject of Life and Sufficiency Economy is one of the subject that many students had been enrolled. In the first period, the teaching technic was focus on lecture based, as a result, the lecture was repeated the content based on the number of group courses. The public holiday or student absent were the problems because only the lecturer has knowledgeable. Therefore, all problem of lecture based teaching technics were the lessons that influence the

lecturer developing the technic of teaching by using the concept of reverse classroom, its aims to improve the quality of teaching. As a result of five tools of learning management, there are four types of teaching media including book, PowerPoint media, Learning Management System (LMS), and Video. However, there are many assessment tools that used to evaluated the learning system such as exercise, pretest in LMS or answer the question to understand the content. According to the concept of revers classroom, the lecturer using the active learning based on team member activity in both inside and outside classroom such as question and answer competition, program Kahoot, mind map, land use planning according to the new theory, the model of the Royal initiative project, or project based learning. However, the teaching and learning that has been continuously developed, therefore, the lecturer found the model of teaching and learning development known as the TEAM Model: the four steps of reverse classroom concept for learning management. Moreover, this concept was increased the student’s satisfaction and a learning achievement. คำสำคัญ : Learning management Reverse classroom concept บทนา วชิ าชวี ติ กับเศรษฐกจิ พอเพียง (Life and Sufficiency Economy) เป็นหลกั สตู รท่ีจดั อย่ใู นประเภทรายวิชา ในหมวดวิชาศกึ ษาทั่วไป กลมุ่ ความรู้เชิงบรู ณาการหรอื สหวิทยาการ จ้านวน 3 หน่วยกติ 3 (3-0-6) โดยมหี ลักสูตร รายวชิ าสังคมศาสตร์ สาขาศึกษาท่วั ไป คณะศลิ ปศาสตร์ รบั ผดิ ชอบในการจัดการเรียนการสอน ให้เปน็ ไปตามมาตรฐาน ผลการเรียนรู้ (Course Description) ทก่ี า้ หนดไว้ โดยเฉพาะความรบั ผดิ ชอบหลกั ดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรม ความรูแ้ ละ ทกั ษะทางปญั ญา เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเง่ือนไขส้าคญั ในการหนนุ นา้ ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ ความ เข้าใจในเนือ้ หาวิชา และสามารถบูรณาการความรู้เพ่ือประยุกตใ์ ช้พัฒนาตนเองในการดา้ รงชีวิตด้วยความพอเพียง สร้างภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ทดี่ ี (Self - Immunity) ตอ่ การเป็นบณั ฑติ นกั ปฏบิ ัตทิ ี่พงึ ประสงคต์ ่อไป รายวชิ าดงั กล่าวมีนกั ศกึ ษาสนใจลงทะเบยี นเรยี นต้ังแตภ่ าคการศกึ ษาที่ 1 ปีการศกึ ษา 2556 เรือ่ ยมาจนกระท่งั ปกี ารศึกษาปจั จุบนั หลกั สตู รรายวิชาสังคมศาสตร์ได้มกี ารขยายกลมุ่ เรียนถงึ 8 กลุม่ เรยี น ๆ ละ 70 คน ท้ังนี้การจดั การ เรยี นการสอนของผสู้ อน ในช่วง 2 ปกี ารศกึ ษาแรก ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีเสมือนเป็น “ครู” (Teacher) ท่ีเนน้ การสอนบรรยาย เน้อื หาวชิ า (Subject Matter) ให้ครบถว้ นตามแผนการสอน โดยหวงั วา่ หากบรรยายความรู้ทั้งหมดแล้วนกั ศึกษาจะ เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจและน้าไปสกู่ ารประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจา้ วนั ได้ ซึ่งแท้ท่ีจรงิ ผสู้ อน พบว่า ด้วยรปู แบบวธิ กี ารสอน ดังกล่าวกลบั สง่ ผลให้ผสู้ อนใช้เวลาหมดไปกับการบรรยาย (Lecture) อกี ท้ังยังตอ้ งบรรยายเนือ้ หาเดิมซ้า ตามจา้ นวน กลมุ่ เรียนทเ่ี ปดิ สอน เพราะเน้ือหาความรใู้ นบทเรยี นมีอย่แู ต่เฉพาะในตัวผู้สอน (Tacit Knowledge) ดังนัน้ นกั ศกึ ษา จะได้รับความรู้กต็ อ่ เมื่อเขา้ ชน้ั เรยี น ทั้งนี้หากนกั ศกึ ษาไมไ่ ดเ้ ขา้ ช้นั เรียน ผู้สอนไมไ่ ดม้ าปฏบิ ัติหน้าที่สอน เวลาเรยี น ตรงกบั วันหยดุ ราชการ หรือแม้แต่หมดคาบตามตารางเวลาเรียนทผ่ี ู้สอนจะปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ (กติ ศิ กั ด์ิ ชมุ ทอง, 2561 : 28) เหล่าน้ีต่างเป็นข้อจ้ากัด และสภาพปัญหาท่ีส่งผลให้ผู้สอนไม่สามารถเป็นผู้อ้านวยการเรยี นรู้ (Facilitator) หรอื ผดู้ ้าเนินการอภปิ ราย (Moderator) ขยายความคิด หรือจดั กิจกรรมบูรณาการสรา้ งสรรค์ความรู้ ความคิดรเิ ร่มิ ในช้ันเรยี น หรอื นอกช้นั เรยี น เพ่ือใหน้ ักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้พัฒนาตนเองไดต้ ามกรอบความคิดเพ่อื การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ดังนนั้ เพือ่ ใหป้ ัญหาและขอ้ จ้ากัดต่าง ๆ ข้างตน้ ลดลงหรือหมดไป ผู้สอนจงึ ไดน้ ้าแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) (วจิ ารณ์ พานิช, 2556 : 45) มาเป็นแนวทางในการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) การจัดการเรยี นการสอนในส่วนความรูเ้ นอ้ื หาวิชา โดยการที่ผู้สอนมุ่งมนั่ ตงั้ ใจพฒั นา เครื่องมือ เทคนคิ วธิ ีการ จดั การเรยี นการสอน รวมระยะเวลา 6 ปี (พ.ศ.2556-พ.ศ.2561) กระทงั่ สามารถสร้างมาตรฐานการเรยี นเดยี วกันทุก กลุ่มเรียน ซึ่งผสู้ อนเรยี กวา่ “T E A M Model : กลไกบนั ได 4 ขนั้ สกู่ ารจดั การเรียนรูต้ ามแนวคิดห้องเรียนกลับ ดา้ น” รูปแบบดังกลา่ วน้ี หนนุ น้าให้นกั ศึกษามีความรูเ้ นื้อหาก่อนเรียนท่ีดี และเอ้ือให้การจัดการเรยี นการสอน ของ

ผูส้ อนเปน็ ไปในบทบาทของผูอ้ า้ นวยการเรยี นรู้ หรือผดู้ า้ เนินการอภปิ ราย เพอื่ สง่ เสริมการเรียนรใู้ หน้ กั ศึกษาสามารถ บูรณาการความรู้เพอ่ื ประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองทางดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ และทกั ษะทางปัญญา หล่อหลอมให้มีคุณลักษณะการเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่พงึ ประสงค์ ตามที่มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชัย กา้ หนดไว้ต่อไป วิธกี ารดาเนนิ งาน ความต้ังใจท่ีผู้สอนตอ้ งการหลุดพน้ จากปญั หาวธิ กี ารสอนแบบเดิม ทีไ่ ม่เอ้อื ให้สามารถเป็นผอู้ ้านวยการเรียนรู้ (Facilitator)หรือ ผู้ด้าเนินการอภิปราย (Moderator) ขยายความคิด หรือจดั กิจกรรมบูรณาการสรา้ งสรรคค์ วามรู้ ความคดิ รเิ ริม่ ในชัน้ เรยี นหรอื นอกช้ันเรียน เพ่อื ให้นกั ศึกษาสามารถประยกุ ต์ใช้พฒั นาตนเองได้ตามกรอบความคิดเพื่อ การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ดังนน้ั จึงมุ่งม่นั การจดั การความรูด้ ้วย 5 เคร่อื งมือ เพ่ือใหน้ า้ ไปสู่การจัดการเรียนรตู้ ามแนวคดิ ห้องเรียนกลบั ดา้ นโดยมีรายละเอียดตามล้าดับดังน้ี 1. การเรียนรูจ้ ากบทเรียนทผ่ี ่านมา (Lesson Learned) หลงั จากผ้สู อนมกี ารจัดการเรยี นการสอนดว้ ยวิธีการบรรยายเนอื้ หาในชั้นเรียนไป 2 ปกี ารศกึ ษา (2555- 2556) ผู้สอนได้ทบทวนบทเรียน พบว่า มบี ทเรยี นท่ผี า่ นมาหลายอย่างทสี่ ่งผลให้ผู้สอนเกิด “การต้ังคาถามสะท้อนกลบั ” เพื่อการเข้าใจตนเอง ดงั เช่น 1) หากเน้นใช้วธิ ีการดงั กล่าวต่อไป ผเู้ รยี นคงได้เพยี งแคเ่ ปน็ “ผรู้ ับความรมู้ ากกวา่ ผ้รู ่วม เรียนรู้” เพราะความรู้มีอยแู่ ต่เฉพาะในตัวผสู้ อน (Tacit Knowledge) 2) เมือ่ มีห้องเรยี นมากกว่า 1 ห้อง นั่นหมาย ความวา่ ผู้สอนจะต้องสอนเน้ือหาน้ันซ้าใหม่ ตามจ้านวนหอ้ งเรยี นทเ่ี ปดิ สอน ทง้ั น้กี ารสอนซา้ บางครั้งมีผลต่อความ แตกต่างเร่อื งประสทิ ธภิ าพในการสอนของผสู้ อน และ3) นอกจากนห้ี ากผู้สอนไม่ได้มาปฏิบัติหนา้ ทสี่ อน ผู้เรียนไมไ่ ด้ เข้าชน้ั เรียน เวลาเรียนตรงกบั วนั หยดุ ราชการ ความรูจ้ ากตัวผ้สู อนหมดไปพรอ้ มกบั จา้ นวนชัว่ โมงเรยี นแตล่ ะคร้ัง หรือ แมแ้ ตค่ วามแตกต่างเฉพาะบคุ คลของผู้เรียนเกยี่ วกับขีดความสามารถในการเรยี น เปน็ ตน้ บทเรยี นตา่ ง ๆ เหลา่ นเ้ี ปน็ ปจั จยั ส้าคัญในการผลักดันให้ผ้สู อน คิดหาวธิ ีการแก้ไขขอ้ จา้ กดั และพัฒนาการ จัดการเรียนการสอนให้สอดรับกบั การเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 ซ่ึงจากการศกึ ษาข้อมูล ผู้สอนสนใจแนวคดิ ห้องเรียน กลับดา้ น ซ่งึ เป็นแนวคดิ ทีเ่ น้นการจัดการเรยี นการสอนให้เรียนทฤษฎีท่บี ้านหรือทพี่ ัก โดยอาศยั เรยี นร้จู ากสื่อช่วยสอน แทนตัวผู้สอน และด้วยแนวคดิ ดงั กลา่ วจึงจดุ ประกายให้ผูส้ อนมีแรงบันดาลใจ (Inspiration) ในการคิดรเิ ริ่มพฒั นาส่ือ การเรยี นการสอนวิชาชวี ิตกับเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื สร้างเสริมการเรยี นร้ดู ้วยตนเองบนพนื้ ฐานแนวคิดหอ้ งเรียนกลับ ดา้ นข้ึน 2) ทีมงานข้ามสายงาน (Cross - Functional Team) ผู้สอนได้นา้ แนวคดิ หอ้ งเรยี นกลับดา้ น พดู คยุ กับคณาจารย์ภายในหลกั สูตรรายวิชาสังคมศาสตร์ ตลอดจน นกั ศึกษาท่ีลงทะเบยี นเรยี นในรายวิชาชีวติ กับเศรษฐกิจพอเพียง เมือ่ ปีการศึกษา2556 เพื่อตอ้ งการทราบควา มเห็น ของคณาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษาในเรื่อง “การพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนบนพนื้ ฐานแนวคิดหอ้ งเรยี นกลับดา้ น” ทง้ั นี้ ทุกคนเห็นดว้ ยอยา่ งย่ิง ดงั นัน้ ผู้สอนจึงด้าเนนิ การประสานความร่วมมือให้คณาจารย์หลกั สตู รรายวชิ าสังคมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณาจารย์และนกั ศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณาจารย์และ นกั ศกึ ษาสาขาสื่อสารมวลชน คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี มาเปน็ “ทีมงานข้ามสายงาน” ท้ังนี้เมอื่ ทีมงานข้ามสายงานร่วมแรงรว่ มใจกันพัฒนาจดั การเรียนการสอนรูปแบบใหม่ เพือ่ สร้างเสริมการ เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ให้กับนักศึกษา และพร้อมท่ีจะเปน็ เครื่องมือการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามแนวคิด ห้องเรียนกลับดา้ น ท้งั นี้นอกจากผลทไี่ ด้รบั ในลักษณะชัดแจง้ (Explicit Knowledge) ยังมีผลใหท้ มี งานขา้ มสายงาน ได้พัฒนาตนเองในทักษะวชิ าชพี ของตนเองและระหว่างกนั ซ่ึงมปี ระโยชน์ตอ่ การเพ่ิมเติมความรู้ในตัวหรือที่เรยี กว่า ความรู้เชิงแฝงเรน้ (Tacit Knowledge) ให้เพิ่มขึ้น ซงึ่ เป็นประโยชน์ตอ่ การเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทา้ งานต่อไปอกี ดว้ ย

3) เวทีสาหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Forum) การทา้ งานของทีมงานข้ามสายงานเน้นขบั เคลอ่ื นงานด้วยการแลกเปล่ยี นความรู้แบบไมเ่ ปน็ ทางการ (Informal) ในลักษณะ “สร้างเวทเี สวนา (Dialogue) หรอื สภากาแฟ” จ้านวน 6 คร้งั โดยแตล่ ะครงั้ จะตระหนกั ในการให้เกียรติ ในศักยภาพ ความรู้ และทักษะวชิ าชพี ทที่ กุ คนมีอย่างเท่าเทียม ท้ังน้ีในเวทีมกี นั หลายประเด็นในการแลกเปล่ยี นความรู้ เพ่อื ให้ได้แนวทางและแผนการปฏิบตั ิงานเชิงบรู ณาการศาสตรข์ องทีมงานขา้ มสายงานทีช่ ัดเจน ซึ่งปรากฏผลโดยสรุป 4 ขัน้ ตอน กล่าวคือ ขน้ั ตอนท่ี 1 พฒั นาเครอ่ื งมอื (Tools) เพอ่ื เปน็ สอื่ จดั การเรียนการสอนให้นกั ศกึ ษาเรยี นรู้ที่บ้าน หรอื ทีพ่ ักตามอธั ยาศัย ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาแบบฝึกหัด (Exersice) เพอื่ ใช้สา้ หรับตดิ ตามประเมินผลการเรียนรู้ด้วย ตนเองจากเคร่ืองมือต่าง ๆ ข้างต้น ขั้นตอนท่ี 3 จัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพ่ือส่งเสริมการเรียนร้ใู ห้ นกั ศกึ ษาสามารถบรู ณาการความรูเ้ พ่อื ประยุกต์ใชใ้ นการพฒั นาตนเองทางดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ และทักษะทาง ปญั ญาหล่อหลอมให้มคี ณุ ลักษณะการเปน็ บัณฑิตนกั ปฏบิ ตั ทิ ี่พึงประสงค์ ตามทมี่ หาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวชิ ยั ก้าหนดไว้ และข้ันตอนที่ 4 ผู้สอนเป็นผู้ดาเนินการอภิปรายการสอน (Moderator) เพื่อขยายความคิด หรือจดั กิจกรรมบรู ณาการสรา้ งสรรคค์ วามรู้ ความคิดริเรม่ิ ในชน้ั เรยี นหรอื นอกชน้ั เรยี นตอ่ ไป 4) การเรียนรโู้ ดยการปฏบิ ัติ (Action Learned) การพฒั นาการจัดการเรียนการสอนวิชาชวี ิตกบั เศรษฐกิจพอเพียง กล่าวไดว้ ่าเป็นไปในลักษณะท่ีเน้นการปฏิบัติ เชงิ บูรณาการศาสตร์ของทีมงานข้ามสายงานในลักษณะ เรยี น รู้ ทา จา และต่อยอด ซง่ึ ใชร้ ะยะเวลาพัฒนากวา่ 6 ปี (พ.ศ. 2556-พ.ศ.2561) จึงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ สามารถจัดการเรยี นการสอนให้สอดคล้องได้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้านที่มี ประสทิ ธิภาพและประสิทธิผลที่ดี ทงั้ นค้ี วามสา้ เรจ็ ที่เกิดข้ึนได้น้นั กด็ ้วยการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ นับต้ังแต่ข้ันตอนท่ี 1 พฒั นาเคร่ืองมือ ซง่ึ ทมี งานขา้ มสายงานแบ่งการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ ออกไดเ้ ปน็ 3 ระยะ กล่าวคือ ระยะที่ 1 พัฒนาส่ือ หลัก ดว้ ยการเขียนต้ารา (พ.ศ.2556 – พ.ศ.2558) ระยะที่ 2 พัฒนาสอื่ รว่ ม ด้วยการท้าส่ือพาวเวอร์พอ้ ยให้สอดคล้องกับ เนือ้ หาทุกบทเรียนในต้ารา (พ.ศ.2558) ระยะท่ี 3 พัฒนาส่อื เสรมิ ตอ่ ยอดด้วยการทา้ สอ่ื ระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) (พ.ศ. 2559) และวดิ ีโอช่วยสอน (พ.ศ.2559) และในระหว่างของการพัฒนาเคร่ืองมือต่าง ๆ ดงั กล่าว ทมี งานข้ามสายงานจึงร่วมกัน เรยี นรูโ้ ดยการปฏิบัติ ขน้ั ตอนที่ 2 พัฒนาแบบฝึกหัดส้าหรับติดตามประเมินการเรียนรู้ด้วยตนเองที่หลากหลายในการ นา้ มาใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเรียน กระทัง่ แล้วเสร็จในปีพ.ศ.2560 จากนั้นในปีพ.ศ.2561 ผูส้ อนรายวิชาชีวิตกับ เศรษฐกจิ พอเพียง จึงเรมิ่ จัดการเรียนการสอนกลับด้าน ยกระดบั สู่ขั้นตอนท่ี 3 การจดั การเรียนรู้เชิงรุก และขั้นตอนที่ 4 การท่ีผสู้ อนใช้บทบาทผู้ดาเนินการอภิปรายในการสอนนักศึกษากระทั่งถึงปจั จบุ ัน เพอ่ื ม่งุ เน้นใหน้ กั ศึกษามีทักษะการ นา้ ไปประยุกต์ใช้กระท่ังสามารถดา้ เนนิ ชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในโอกาสตอ่ ไป 5) การทบทวนสรุปบทเรียน (After Action Review : AAR) เม่อื เร่ิมพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแต่ละขั้นตอนไปได้ระยะหน่ึง ผู้สอนและทีมงานขา้ มสายงานจะมีการคุย ทบทวนสรุปบทเรียนเพื่อแลกเปล่ียนความเห็นในประเดน็ ทีท่ า้ ได้ดี และในประเด็นทยี่ ังต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึน้ โดยเฉพาะ อย่างยง่ิ เครือ่ งมือสื่อการจดั การเรยี นการสอนประเภทต้ารา กลา่ วคอื เม่ือผสู้ อนยกรา่ งแตล่ ะบทเรยี นเสรจ็ ทีมงานข้าม สายงานจะชว่ ยกันอ่าน ชว่ ยกันใหค้ า้ แนะน้าเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดีข้ึน กระท่ังเสร็จสิ้นทุกบทเรียน นอกจากน้ยี ังมีในเรื่อง ของการทา้ สอื่ วดิ ีโอชว่ ยสอน ซ่งึ ผบู้ รรยายจะต้องพฒั นาทักษะในการบรรยายเนื้อหาในบทเรยี นให้น่าชวนฟัง รวมถึงการเสริม ตวั อยา่ ง เพื่อความเขา้ ใจ ประกอบการบรรยายให้นา่ สนใจ เปน็ ต้น ประเด็นเหล่าน้ที ีมงานข้ามสายงาน ได้ทบทวนสรุปให้ ผูส้ อนไดป้ รับปรงุ และพัฒนาการบรรยายให้ดขี ้ึนต่อเนื่อง ขณะบนั ทึกภาพและเสียงเพือ่ จะได้เปน็ สื่อวดิ ีโอช่วยสอนทด่ี ีต่อไป

ผลกำรดำเนนิ งำนจัดกำรควำมรู้ : การจดั การเรยี นการสอนที่มีการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ด้วยเคร่ืองมือการจดั การความรู้ท้ัง 5 ดังกล่าวแล้ว ข้างต้น โดยมีวตั ถุประสงค์เพอ่ื ปรับเปลี่ยนวิธกี ารสอนใหส้ อดคลอ้ งกับแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน “สรา้ งความรู้ คู่ ความสขุ ใหก้ บั นักศึกษา” เกิดผลทไี่ ดร้ ับจากการพฒั นา 6 ประการดังน้ี ผลประการท่ี 1 ผสู้ อนมีเคร่ืองมอื (Tools) เป็นฐานความรู้ (Knowledge Bases) เพื่อเปน็ สือ่ จัดการเรยี นการ สอนใหน้ กั ศกึ ษาเรียนรทู้ ่ีบ้านหรอื ทพี่ ักตามอัธยาศยั กล่าวคือ ตา้ ราเรยี น (Textbook) สื่อพาวเวอร์พอ้ ย (PowerPoint) ระบบการจดั การเรียนรู้ (Learning Management System : LMS) และวิดีโอช่วยสอน (Video Assisted Instruction : VAI) ซงึ่ นบั ไดว้ า่ เป็นวัตถุประสงค์หลกั ของการจัดการความรู้ (KM) เพ่ือให้ได้เครือ่ งมอื ชว่ ยสอนทีก่ ระตุ้นใหน้ กั ศกึ ษาสนใจ ใฝร่ ูด้ ว้ ยความมวี ินยั ทจี่ ะศกึ ษาดว้ ยตนเองท่ีบา้ นหรือสถานท่ีตา่ ง ๆ ตามอัธยาศยั ซ่ึงสามารถแสดงภาพฐานควา มรู้ เครอื่ งมอื การจดั การเรยี นการสอนท้ัง 4 ชนดิ ไดด้ ังน้ี ภาพที่1 ภาพท่ี2 ภาพท่ี3 ภาพที่4 ภาพท่ี 1 - 4 ฐานความรทู้ ี่ได้จากการพฒั นาส่ือการเรียนการสอนเพ่ือสร้างเสรมิ การเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั แนวคิดห้องเรยี นกลับด้าน ผลประการที่ 2 นักศึกษาใช้ฐานความร้เู คร่ืองมือการจัดการเรียนการสอนทั้ง 4 ชนิด เรียนแนวคดิ ทฤษฎีด้วยตนเองทบี่ า้ นหรือสถานทต่ี า่ ง ๆ ตามอธั ยาศยั เชน่ ดาวนโ์ หลด (Download) สอ่ื พาวเวอร์พ้อยท้ัง 8 บทเรียน ในระบบการจดั การเรยี นรู้ (LMS) มาใชป้ ระกอบการเรียนควบคไู่ ปกบั ต้ารา และสื่อวิดีโอช่วยสอน ซึ่งนกั ศกึ ษาจะเสมอื นนง่ั ฟังผู้สอนบรรยายในชัน้ เรยี น หากไม่เขา้ ใจสามารถย้อนกลบั (Replay) รับชมและรบั ฟังซ้าได้ ทบทวนเนือ้ หาความรู้ได้ ตลอดจนกระท่งั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ พรอ้ มท่ีจะน้าไปใช้บูรณาการ (Integration) กับกจิ กรรมการจดั การเรยี น การ สอนเชงิ รุกของอาจารย์ผู้สอนทัง้ ในชนั้ เรียนหรอื นอกช้ันเรียนต่อไป ภาพท่ี5 ภำพท่ี 5 นักศกึ ษาใช้ฐานความร้เู ครือ่ งมอื การสอนทั้ง 4 ชนิด เรียนแนวคดิ ทฤษฎดี ว้ ยตนเองท่บี า้ นหรอื หรือสถานที่ตา่ ง ๆ ตามอธั ยาศัย

ผลประการที่ 3 ผู้สอนมีแบบฝกึ หดั (Exercises) สาหรับติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบ (Examination) การเรยี นรู้แนวคิด ทฤษฎีด้วยตนเองท่บี า้ นหรอื สถานทต่ี ่าง ๆ ตามอธั ยาศยั ดว้ ยวิธกี ารทห่ี ลากหลายในการนามาใช้ ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเรยี น ดังเช่น แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทในตา้ ราเรียน ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) ในระบบการ จัดการเรยี นรู้ (LMS) แบบทดสอบยอ่ ยอตั นยั บทเรยี นท่ีส้าคญั หรอื ตอบค้าถามนา้ ทางเพ่อื เขา้ ใจเนือ้ หาในบทเรยี น การ สรปุ ความรู้รวบยอดจากการเรียนรู้ในบทเรียนดว้ ยการทา้ แผนท่ีความคิด เปน็ ต้น ภาพท่ี6 ภาพท่ี7 ภาพที่8 ภำพท่ี 6-8 แบบฝกึ หัดสาหรับติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง ผลประการท่ี 4 ผสู้ อนมกี ารจดั การเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) อยา่ งจรงิ จัง ทง้ั ในช้ันเรียนและนอก ชั้นเรียน กล่าวคอื เมื่อไดฐ้ านความรู้ และแบบฝึกหดั ตดิ ตามประเมนิ ผลที่เพียงพอต่อการจัดการเรยี นการสอนเนื้อหา แนวคดิ (Concept) ทฤษฎี (Theory) ให้นักศกึ ษาเรยี นรู้ที่บ้าน หรอื สถานทีต่ า่ ง ๆ ตามอัธยาศยั ดังกลา่ วแล้วขา้ งต้น ผสู้ อนจึงกลับด้าน (Reverse) จดั การเรยี นรู้เชงิ รุกทั้งในห้องเรียนและนอกหอ้ งเรยี นในลักษณะแบ่งทีม (Team) ท้า กจิ กรรม (Activities) ร่วมกนั เพ่อื ส่งเสริมการเรยี นรู้ให้นกั ศึกษาสามารถบรู ณาการความรู้ นา้ ไปสู่การประยกุ ต์ใช้พฒั นา ตนเองทางดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ความรู้ และทักษะทางปญั ญา หลอ่ หลอมใหม้ คี ณุ ลักษณะการเปน็ บณั ฑิตนกั ปฏิบัติ ทพ่ี งึ ประสงค์ ตามท่มี หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชัยก้าหนดไว้ 1) การเรยี นเชิงรุกในห้องเรียน (In the class) การเรียนการสอนจะเป็นไปในลกั ษะของการจัด กิจกรรมแข่งขนั ถามตอบความรปู้ ระจา้ บทเรยี น แข่งขนั ตอบค้าถามโดยใชโ้ ปรแกรมKahoot แบ่งกลมุ่ ยอ่ ยแลกเปลี่ยน ความรู้และสรุปรวบยอดเป็นแผนที่ความคิด และทีส่ า้ คัญคือทุกกิจกรรมในชน้ั เรียนผู้สอนจะดา้ เนินการอภิปราย (Moderator) ขยายความคดิ สร้างสรรค์ความรู้ ความคิดริเริม่ เพือ่ ให้นกั ศกึ ษาสามารถประยกุ ต์ใชพ้ ฒั นาตนเองได้ตาม กรอบความคิดเพ่ือการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ภาพที่9 ภาพที่10 ภาพที่11 ภาพที่12 ภำพที่ 9-12 กิจกรรมการจดั การเรยี นการสอนเชิงรกุ ในห้องเรยี นเพอื่ สอดคลอ้ งกบั แนวคิดหอ้ งเรียนกลับดา้ น

2) การเรยี นเชิงรุกนอกห้องเรียน (Learn Beyond Classroom) การเรยี นการสอนจะเป็นไปใน ลกั ษะของการจัดกจิ กรรมท่หี ลากหลาย ตามความเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละกลมุ่ เรยี น เพือ่ ส่งเสรมิ การเรียนรู้ให้ นักศึกษาสามารถบูรณาการความรู้ นา้ ไปสู่การประยุกตใ์ ช้พัฒนาตนเองทางดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ และ ทักษะทางปัญญา โดยมีผู้สอนเป็นผู้ชีแ้ นะ (Coach) หรือด้าเนินการอภิปราย (Moderator) ขยายความคิดใหก้ บั นกั ศึกษา เพอื่ หลอ่ หลอมให้มีคณุ ลักษณะการเปน็ บัณฑติ นักปฏิบัติท่ีพงึ ประสงค์ ดังเชน่ กิจกรรมเขยี นแผนที่การใช้ ที่ดินขนาดเล็กตามหลักทฤษฎีใหม่ โมเดลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จดบันทึกบัญชีรายรบั รายจ่าย ถ่ายภาพวิถีชวี ิตทส่ี มั พนั ธ์กับหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง นอกจากนยี้ ังเนน้ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้โครงการ เป็นฐาน (Project Bess Leaning : PBL) ทส่ี อดคล้องตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดังเชน่ โครงการขนมจีน พส่ี ร้างโอกาสทางการศกึ ษาใหน้ อ้ ง โครงการถังขยะสะสมบญุ โครงการสง่ เสรมิ ความรู้การปลกู ผักปลอดสารพษิ ให้น้อง สถานสงเคราะห์บา้ นเด็กสงขลา ฯลฯ ซ่ึงสามารถแสดงตวั อย่างภาพกจิ กรรมต่าง ๆ ไดด้ งั นี้ ภำพที่ 13 กิจกรรมการจัดการเรยี นการสอนเชงิ รุกนอกห้องเรียนเพอ่ื สอดคลอ้ งกบั แนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น ผลประการท่ี 5 ผูส้ อนมีหน้าที่ดาเนนิ การอภปิ ราย (Moderator) ขยายความคิดหรอื จดั กจิ กรรมบรู ณาการ สรา้ งสรรค์ความรู้ ความคิดรเิ ริม่ ในช้ันเรยี นหรือนอกชัน้ เรียนไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง ดังทไี่ ด้น้าเสนอแลว้ ในผลการดา้ เนนิ งาน ที่ 4 โดยผสู้ อนมุ่งหวังใหน้ กั ศึกษาสามารถประยุกตใ์ ช้พฒั นาตนเองได้ตามกรอบความคิดเพ่ือการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 อันเปน็ การสร้างบรรยากาศการเรียนท่ีเพ่มิ “ความรู้ คูค่ วามสุข” ในการเรียนได้อยา่ งแทจ้ ริง ผลประการที่ 6 การพัฒนาสอื่ การเรยี นการสอนวิชาชีวติ กับเศรษฐกจิ พอเพียงเพ่ือสรา้ งเสรมิ การเรียนรู้บน พ้นื ฐานแนวคดิ ห้องเรียนกลบั ด้านดงั กล่าวข้างต้น สามารถสรา้ งความพึงพอใจในการเรียนใหก้ บั นักศกึ ษาในระดบั ที่สูงขน้ึ ทั้งระดับความพงึ พอใจของนกั ศึกษาต่อการสอนของอาจารย์ผู้สอน และผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน (Achievement) ดังน้ี 1) เม่ือเปรียบเทียบการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการสอนของอาจารย์ผสู้ อนในช่วงปี การศึกษา 2556-2558 พบว่า มรี ะดับความพึงพอใจเฉลย่ี 4.81 จากนกั ศึกษาทป่ี ระเมนิ ทัง้ หมด 1,103 คน ซง่ึ น้อย

กวา่ ปกี ารศึกษา 2559-2561 (ภาคเรยี นที่ 1) ทม่ี ีระดบั ระดับความพงึ พอใจเฉลีย่ 4.91 จากนักศกึ ษาท่ีประเมนิ ทัง้ หมด 917 คน ทั้งนรี้ ะดบั ความพงึ พอใจท่สี ูงข้ึนดงั กล่าว มีความสอดคล้องกบั ความคิดเห็นของตวั แทนนกั ศึกษา ความตอน หนึ่งวา่ “สำหรบั วดิ โี อช่วยสอนของอำจำรย์ หนไู ดด้ ใู นชว่ งกอ่ นสอบปลำยภำค หนูรสู้ ึกวำ่ อำจำรย์อธบิ ำยเนอื้ หำได้ใน ระดับดีมำก คอื เมอื่ มีสอื่ เข้ำมำชว่ ยสอน ช่วยให้ผ้เู รียนไดร้ บั รู้ แจ่มแจง้ ชัดเจน และทำให้ผเู้ รียนสนใจในบทเรียนมำกขนึ้ ช่วยประหยัดเวลำเรียน โดยใช้เวลำน้อย แตผ่ ู้เรยี นสำมำรถเรียนรู้ได้มำก ได้นำน ชว่ ยใหก้ ำรเรยี นมปี ระสิทธภิ ำพมำกขน้ึ ส่งเสริมกำรคดิ และแกป้ ัญหำในกำรเรียนรู้ ช่วยใหผ้ ้เู รียนได้พฒั นำควำมคิด ซึ่งเมือ่ เขำ้ ชั้นเรียนผู้สอนสนกุ สนำนไปกับ กำรสอน ทำให้ผเู้ รยี นมชี ีวติ ชีวำ ชว่ ยเพิม่ พูนประสบกำรณ์ของผเู้ รียนไดด้ ยี ิ่งขึ้นอยำ่ งต่อเน่อื ง” 2) นอกจากนี้เมอ่ื พิจารณาเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั ศกึ ษาในปีการศึกษา 2556- 2558 กบั ปกี ารศกึ ษา 2559-2561 (ภาคเรยี นท่ี 1) พบว่า ในชว่ งปกี ารศกึ ษา 2556-2558 ทผี่ ูส้ อนยงั เนน้ สอนบรรยาย แบบครเู ป็นศูนย์กลาง (Teacher-Center Method) ก็เพราะอย่รู ะหวา่ งจัดการความรพู้ ัฒนาการจดั การเรยี นการสอน ใหไ้ ด้ฐานความรู้นัน้ คา่ คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั ศกึ ษารวมกันท้ังส้ินจ้านวน 1,103 คน จะอยู่ค่า คะแนนระหวา่ ง 65-70 คะแนน หรือเกรด C+ และเกรด B แต่เม่อื ผสู้ อนมีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิด ห้องเรียนกลบั ดา้ นอย่างจริงจงั ในปีการศึกษา 2559-2561 (ภาคเรยี นท่ี 1) พบว่า คา่ คะแนนเฉลี่ยผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรยี นของนกั ศึกษา รวมกันทัง้ สิน้ จา้ นวน 917 คน เพิม่ ขน้ึ อย่างมนี ัยส้าคญั กลา่ วคือ จะอย่คู า่ คะแนนระหวา่ ง 70-80 คะแนน หรอื เกรด B, เกรดB+ และเกรด A ผลทตี่ ามมาและสรา้ งคุณค่าจากการดาเนนิ งานจัดการความรู้ ผลประการท่ี 1 สอ่ื การเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นสามารถเกิดประโยชน์อย่างมากกับนกั ศึกษาท่ีมขี ้อจากัด ในหลายกรณี เช่น นักศึกษาทีม่ ีพัฒนาการเรียนรชู้ า้ กวา่ นกั ศกึ ษาปกตทิ ว่ั ไป นักศกึ ษาท่ีจา้ เป็นตอ้ งท้างาน Part Time เพ่ือหารายไดแ้ บ่งเบาภาระค่าใช้จา่ ยของครอบครัว นกั ศกึ ษาท่เี จ็บป่วยต้องใช้เวลาพักรักษาหลายสปั ดาห์ หรือนกั ศึกษา ทีเ่ ป็นนักกจิ กรรมของมหาวทิ ยาลยั เปน็ ตน้ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ สอื่ วิดโี อช่วยสอน นกั ศึกษาสามารถใช้เพ่อื การทบทวน ได้บ่อยคร้ังมากข้ึน เพ่อื เรียนรแู้ ละทา้ ความเข้าใจเนอ้ื หาวิชาในแตล่ ะสัปดาห์ จนกระทัง่ มขี ีดความสามารถในการบูรณาการ ความรูไ้ ด้ดีเท่าเทียมกบั นักศกึ ษาปกติทว่ั ไป ผลประการท่ี 2 ฐานความรู้ท้ังหมดเมื่อพัฒนาเสรจ็ เสร็จแล้ว มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พียงแค่ต้องการใช้ส้าหรับให้ นักศึกษาเรียนแนวคิด ทฤษฎที ี่บ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ ตามอธั ยาศัย แต่ทวา่ กลับมบี ุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ให้ ความสนใจและมหี นังสือขอความอนุเคราะหเ์ พอื่ นา้ ไปใช้ในการเรยี นรู้ตามอัธยาศยั เสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจและ น้าไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพัฒนาตนเองตอ่ ไป ผลประการที่ 3 การจัดการเรยี นรู้เชิงรุกด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยใชโ้ ครงการเปน็ ฐาน นอกจะเสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจและทักษะการน้าไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจ้าวนั แล้ว นกั ศึกษา ยังมีความภาคภมู ใิ จ และเหน็ คุณค่าในตนเองท่จี ะบ้าเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชนต์ ่อผู้อน่ื ต่อชมุ ชน และสงั คมโดยรวม ผลประการที่ 4 การพัฒนาการจดั การเรียนการสอนวชิ าชวี ิตกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื ใหม้ คี วามสอดคล้อง กับแนวคิดห้องเรียนกลับดา้ นนานกวา่ 6 ปี สง่ ผลให้สามารถ ยกระดับการจัดการเรยี นการสอนของอาจารย์ผู้สอน หลายคนในรายวิชาให้มีมาตรฐานเดียวกันทุกกล่มุ เรียน นอกจากนผี้ ้สู อนยงั มองเห็น องค์ความร้ใู หมท่ ี่ได้จากการ พัฒนาการจดั การเรียนการสอนด้วยเคร่ืองมือการจัดการความรูอ้ ยา่ งเป็นลาดับข้ันตอนจนประสบความสาเร็จ ซง่ึ ผู้สอนเรียกว่า “T E A M Model : กลไกบันได 4 ข้ัน สู่การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน” รปู แบบดังกล่าวนี้ หนนุ เสรมิ ให้นกั ศึกษามีความรู้เนอื้ หากอ่ นเรียนท่ีดี และเอื้อใหก้ ารจัดการเรียนการสอนของผู้สอน เปน็ ไปในบทบาทของผอู้ ้านวยการเรยี นรู้ หรอื ผูด้ ้าเนนิ การอภิปราย เพอื่ สง่ เสริมการเรยี นรใู้ ห้นกั ศกึ ษาสามารถบูร ณา การความรเู้ พ่ือประยกุ ต์ใชใ้ นการพฒั นาตนเองทางด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ความรู้ และทกั ษะทางปญั ญาหลอ่ หลอม ใหม้ ีคุณลักษณะการเปน็ บัณฑิตนักปฏิบตั ทิ ่ีพึงประสงค์ ตามท่ีมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั กา้ หนดไว้ต่อไป ท้ังนี้องค์ความร้ดู งั กลา่ วสามารถสรุปเปน็ แผนภาพได้ดังน้ี

แผนภาพท่ี 1 องค์ความรู้กระบวนการพัฒนา T E A M Model : กลไกบันได 4 ขนั้ สูก่ ารจัดการเรียนรตู้ ามแนวคิด หอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น อภปิ รายผลการดาเนินงาน จากการนา้ เสนอการจัดการความรู้ด้านการเรียนการสอน เพื่อให้หลุดพน้ จากปญั หา (Problem) ไปส่กู าร สร้างปัญญา (Wisdom) ให้กับนักศึกษา จ้าเป็นอย่างยง่ิ ท่ีจะต้องพัฒนาการเรียนการสอน ให้สอดรับกับแนวคดิ ห้องเรียนกลบั ด้าน ซึง่ วจิ ารณ์ พานิช (2556 : 11) ไดใ้ ห้ความหมายท่งี ่ายตอ่ การเขา้ ใจวา่ “เรยี นทฤษฎีท่ีบ้าน ท้าการบา้ น ท่โี รงเรียน” ทั้งนีโ้ ดยนัยแลว้ ก็คือการสอนลกั ษณะหนงึ่ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้เนื้อหาวิชาในบทเรียนด้วยตนเอง (Self Learning) ล่วงหน้า เมื่อเขา้ หอ้ งเรียน (Classroom) การสอนจะกลับดา้ นสกู่ ารเรียนรู้รว่ มกนั (Collaborative Learning) เปน็ การเรียนรู้ทใี่ ช้หอ้ งเรยี นเป็นพนื้ ที่ศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ (Learning Hub) ที่ส่งเสริมให้ผเู้ รยี นรว่ มมอื ร่วมใจกันศึกษา ค้นคว้า และปฏิบตั งิ าน เพ่ือให้บรรลจุ ดุ มุ่งหมายอยา่ งเต็มความสามารถ เนน้ การเรยี นรรู้ ่วมกนั โดยมกี ารยอมรับใน บทบาทหนา้ ทขี่ องกันและกนั ชว่ ยเหลือซึ่งกนั และกัน และแลกเปลย่ี นความรูค้ วามคดิ เหน็ โดยมีผู้สอนเปน็ ผู้ด้าเนินการ อภปิ รายขยายความคดิ ท้ังนกี้ ารจะกลับดา้ นการสอนในห้องเรยี น และ/หรอื นอกหอ้ งเรยี นเพ่ือสรา้ งความรู้ คูค่ วามสขุ ให้กับนักศึกษาน้ัน ผสู้ อนและทีมงานขา้ มสายงาน พบว่า ควรจะต้องเร่มิ ต้นขั้นตอนแรกดว้ ยการพฒั นาฐานความรู้ (Knowledge Bases) ให้ หลากหลายเพอื่ ใช้เป็นเคร่ืองมอื (Tools) เรียนทฤษฎีทบี่ า้ น และจดั การติดตามประเมนิ ผลประสิทธภิ าพการเรียนรผู้ ่าน โจทย์ เงื่อนไขในแบบฝึกหัด (Exercises) ตามความเหมาะสมเป็นข้นั ตอนท่ี 2 และเมอ่ื พัฒนาทั้ง 2 ขัน้ ตอนน้เี สร็จ กระทงั่ ใชง้ านเพื่อสง่ เสริมการเรียนรู้ทฤษฎีทีบ่ ้านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล จงึ ตอ่ ยอดยกระดบั กลับด้าน

เปน็ ขนั้ ตอนที่ 3 จดั การเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning) อย่างจริงจงั ท้ังในช้นั เรยี นและนอกชน้ั เรียน โดยผู้สอนเอง จะต้องพฒั นายกระดับคุณคา่ ตนเองในขัน้ ตอนท่ี 4 ดว้ ยการท้าหนา้ ท่ีเป็นผดู้ า้ เนนิ การอภิปราย (Moderator) ขยาย ความคิดหรือจดั กิจกรรมบูรณาการสรา้ งสรรค์ความรู้ใหน้ ักศกึ ษาสามารถประยุกต์ใช้พฒั นาตนเองไดต้ ามกรอบความคิด เพ่อื การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 อย่างไรกต็ ามหากพจิ ารณาการจัดการความรู้เพอ่ื พฒั นาการเรยี นการสอนขา้ งต้น สะทอ้ นให้เห็นถึงขั้นตอน การพัฒนาการจดั การเรยี นการสอนที่สัมพันธ์กับแนวคดิ หอ้ งเรยี นกลับดา้ น อนั เปน็ การสง่ ผลให้ผู้สอนและทีมงานข้าม สายงาน สามารถสรุปรวบยอดองค์ความรู้ (Body of Knowledge) การพฒั นาการจดั การเรยี นการสอนน้ีวา่ “T E A M Model : กลไกบันได 4 ขนั้ สู่การจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ด้าน” ท้ังนี้รูปแบบดงั กลา่ วนอกจากจะมีนัย ทเ่ี ป็นไปตามตัวอักษร T (Tools) E (Exercises) A (Active Learning) และ M (Moderator) ดงั ไดก้ ล่าวนา้ เสนอแล้ว ข้างตน้ ยังมนี ยั ของแนวทางการจัดการเรยี นการสอนกลับด้านท่ีชัดเจนอีกนยั หนึ่ง น่ันกค็ อื การสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ด้วย การท้างานเป็นทมี (TEAM) ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรกุ ทีห่ ลากหลาย ท้ังนก้ี ็เพื่อต้องการให้นกั ศึกษาพัฒนาตน เอง ทางดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ความรู้ ทกั ษะ และปญั ญา อนั เป็นกลไกการบ่มเพาะหล่อหลอมให้มีคุณลักษณะการเป็น บัณฑติ นักปฏิบตั ทิ ี่พงึ ประสงค์ตามท่ีมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชยั ก้าหนดไว้ต่อไป สรุป วิชาชวี ิตกับเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ รายวิชาที่นักศึกษาให้ความสนใจลงทะเบียนอย่างต่อเน่อื งทุกปี แต่ทว่า ชว่ งแรกการจัดการเรียนการสอนเน้นการบรรยายเนือ้ หาวชิ าโดยผูส้ อน สง่ ผลให้เกิดการบรรยายเน้อื หาซา้ ตามจา้ นวน กลมุ่ เรียนที่เปดิ สอน เพราะความร้มู ีอยู่แต่เฉพาะในตัวผ้สู อน ดงั นนั้ เมื่อนักศึกษาขาดเรียน ผู้สอนไม่สามารถปฏิบัติ หน้าที่สอน เวลาเรียนตรงกับวันหยุดราชการ นักศึกษาจะไม่ไดร้ ับความรู้ ข้อจ้ากดั เหล่าน้ีจึงเป็นบทเรียนส้า คัญท่ี ผลักดันใหผ้ ู้สอนนา้ แนวคดิ หอ้ งเรยี นกลับด้านมาใช้พัฒนาจัดการเรยี นการสอนให้ดขี ้นึ โดยอาศยั 5 เครือ่ งมือในการ จดั การความรู้ กระทง่ั ได้ฐานความรู้ 4 ชนิด คอื ตา้ ราเรยี น สื่อพาวเวอรพ์ ้อย ระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) และวดิ ีโอ ช่วยสอน ให้นักศึกษาใชเ้ พือ่ เรียนรู้แนวคดิ ทฤษฎีด้วยตนเอง โดยมีการตดิ ตามประเมินผลดว้ ยเคร่อื งมือท่ีหลากหลาย เช่น ทา้ แบบฝกึ หดั ท้ายบท ทดสอบก่อนเรียนในระบบLMS แบบทดสอบย่อยอัตนัย หรอื ตอบค้าถามน้าทางเพือ่ เข้าใจ เนื้อหาในบทเรยี น อยา่ งไรก็ตามเมือ่ ไดฐ้ านความรู้ที่เพยี งพอตอ่ การเรยี นรู้ท่ีบ้าน ผสู้ อนจงึ กลับดา้ นจดั การเรยี นเชิงรุก ท้ังในห้องเรยี นและนอกห้องเรียนในลักษณะท่ีเนน้ แบ่งทีมท้ากจิ กรรม เชน่ แขง่ ขนั ถามตอบความรู้ประจ้าบทเรียน แขง่ ขันตอบค้าถามโดยใช้โปรแกรมKahoot เขยี นแผนทีค่ วามคดิ เขียนแผนท่ีการใช้ทีด่ นิ ขนาดเล็กตามหลกั ทฤษฎี ใหม่ โมเดลโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ ฝึกการบนั ทึกรายรับรายจา่ ย หรอื การเรียนรู้โดยใชโ้ ครงการเปน็ ฐาน ทง้ั นก้ี ารจดั การเรยี นการสอนท่มี ีการพฒั นาอย่างต่อเน่ืองดงั กล่าว สง่ ผลใหผ้ ู้สอนค้นพบรปู แบบการพฒั นาการจัดการ เรียนการสอนทีเ่ รยี กว่า “T E A M Model : กลไกบนั ได 4 ข้นั สกู่ ารจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคดิ ห้องเรียนกลับด้าน” รูปแบบน้สี ามารถสรา้ งความพึงพอใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้กบั นกั ศึกษาในระดับทสี่ ูงข้นึ นอกจากน้ยี งั สง่ ผล ตอ่ การสรา้ งคณุ ค่าตามมา ทง้ั ทเี่ กิดประโยชน์กับนักศึกษาท่ีมขี ้อจา้ กดั ในการเรยี น เช่น มพี ัฒนาการเรียนรู้ช้า หรือ นกั กจิ กรรม หรือ การเจบ็ ปว่ ย หรอื ตอ้ งท้างานแบ่งเบาภาระครอบครัว ฯลฯ มีผลการเรียนที่ดีขึ้น นอกจากนยี้ งั เป็นสอ่ื การเรยี นรตู้ ามอธั ยาศัยให้กบั บคุ คลหรอื หน่วยงานท่สี นใจ ตลอดจนมีคุณค่าต่อการเปน็ ฐานข้อมลู ในการพัฒนา การ จัดการเรยี นการสอนใหด้ ยี ิง่ ข้ึนในโอกาสต่อไป บรรณานกุ รม : กติ ิศกั ดิ์ ชุมทอง. 2561. ชวี ติ กบั เศรษฐกิจพอเพียง. พิมพ์ครั้งที่ 4, สงขลา : เจเจ – จินจนิ เน็ตแอนด์ก็อปปเ้ี ซน็ เตอร์. วิจารณ์ พานิช. 2556. การสร้างการเรียนรสู้ ูศ่ ตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ : มลู นธิ สิ ยามกมั มาจล. วจิ ารณ์ พานิช. 2556. ครเู พื่อศษิ ย์สรา้ งห้องเรยี นกลับทาง. พมิ พค์ รง้ั ที่ 2, กรุงเทพฯ : มูลนิธสิ ยามกมั มาจล.

รปู แบบการนาเสนอแนวปฏิบตั ทิ ด่ี ี โครงการประชุมสมั มนาเครือข่ายการจัดการความรู้ฯ ครง้ั ท่ี 12 “การจดั การความรสู้ มู่ หาวิทยาลยั นวัตกรรม” (Knowledge Management: Innovative University ช่อื เรอื่ ง/แนวปฏิบตั ิทด่ี ี...การประยุกต์ใช้แนวคิดการจดั การความรู้ ผา่ นโครงการคหกรรมศาสตร์ จิตอาสาแบ่งปนั เพื่อนอ้ ง สรา้ งฝันสชู่ มุ ชน ช่อื -นามสกลุ ผูน้ าเสนอ……นางสาวนนั ทพิ ย์ หาสนิ ……….....………… ชื่อสถาบนั การศึกษา……มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ัย…..…………… หน่วยงาน……หลกั สตู รธรุ กิจคหกรรมศาสตร์ สาขาคหกรรมศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์…… เบอร์โทรศพั ทม์ ือถือ.....064-7799218.............................................. เบอรโ์ ทรสาร................-................................................................................ E-Mail [email protected]..........................................................

การประยกุ ต์ใช้แนวคิดการจัดการความรู้ ผา่ นโครงการคหกรรมศาสตร์จติ อาสา แบ่งปันเพ่ือน้อง สร้างฝันสู่ชมุ ชน Knowledge Management Apply for Project: Volunteer Project of Home Economics นนั ทิพย์ หาสิน (Nanthip Hasin) 1 ฉัตรดาว ไชยหลอ่ (Chatdow Chailor) 2 1อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั [email protected] 2อาจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั [email protected] ……………………………………………………………………………………………. บทสรุป โครงการจติ อาสาคหกรรมศาสตร์ แบง่ ปนั น้องสู่ชุมชน เป็นโครงการท่ีจัดขน้ึ เพ่ือฝกึ ให้ นักศกึ ษา ได้คานึงถงึ ประโยชนข์ องสว่ นรวมเปน็ ทต่ี งั้ นักศึกษาหลกั สูตรธุรกิจคหกรรมศาสตร์ เปน็ หลักสตู รฯ ทจี่ ัดการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการกับการทากิจกรรมกับตอ่ สังคม ทง้ั ดา้ นบริการ วชิ าการ ด้านทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม นกั ศึกษาจานวนไม่นอ้ ยที่ละเลยกบั การทางานเพ่ือ ส่วนรวม ขาดคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ด้านจติ อาสาและจติ สาธารณะ สง่ ผลให้การทากจิ กรรม ต่างๆของหลักสูตรฯ ขาดคนช่วยงาน งานท่ไี ด้รับมอบหมายเกิดความล่าช้า เพอ่ื เปน็ การแก้ไขปญั หาดังกล่าว ทางทมี อาจารย์ผสู้ อนได้นาแนวทางการจัดกจิ กรรมการ เรยี นการสอน โดยประยุกตใ์ ช้แนวทางการจดั การความรู้ ผา่ นโครงการคหกรรมศาสตรจ์ ิตอาสา แบง่ ปนั เพื่อนอ้ ง สรา้ งฝนั สู่ชุมชน หลงั จากการแนวทางการจัดการความรู้ ผ่านการจัดโครงการ ดังกลา่ ว ซงึ่ ทาใหน้ ักศึกษาเกิดความร่วมมือในการทากจิ กรรมอาสามากข้นึ คาสาคัญ: การประยุกตใ์ ชก้ ารจดั การความรู้ โครงการจิตอาสา

Summary Volunteer Project of Home Economics : Sharing with kids and community has objective of practice to the community is a project that is organized to training students to take into account the interests of the public as a home economics business program It is program that prouides integrated teaching and social actiwities. Including acadrmic serves, cuotural preservation, some students heglect to work for the public. Desirable aspeds of volunteer and public mind, resulting in various activities of the curriculum lack of heopers, deoegated tasks are delayed. From the above to solve such problems, the instructor has adopted the guidelines for organizing activities. Teaching and learning by applying the knowledge management reach through the home economics volunteer spirit Project. to create dreams for the community after applying the concept. The management of knowledge through the program, students have more cooperation in volunteer activities. Keywords: Knowledge management concepts, Volunteer project. บทนา จติ อาสาเป็นปจั จัยหนง่ึ ทสี่ าคัญในส่วน ตัวของบคุ คลท่ีจะทาใหม้ ีจติ สาธารณะ ทกุ คานึงถงึ สาธารณะซึ่งอยู่เหนือความเป็นสว่ นตวั มากกว่าการคิดถงึ ความเปน็ ธุรกิจ การทาถูกทา ชอบ ได้ชือ่ วา่ ทาความดีเพราะเหน็ คณุ ค่าของความดี จติ อาสาทาให้ทกุ คนในสงั คมสามารถอยู่ ร่วมกนั การเรยี นรู้ของนักศกึ ษาเพื่อเป็นผมู้ ีความสามารถในสาขาอาชพี สามารถนาความรู้ออกไป สรา้ งงานสร้างอาชีพเพื่อตนเองและสงั คมโดยรวมนน้ั จาเปน็ ตอ้ งมีความรทู้ ั้งภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบตั ิ รวมถึงการสรา้ งจิตสานึกในการชว่ ยเหลอื สังคม หรือผดู้ ้อยโอกาสในสงั คมตา่ ง ๆ ดว้ ย

ซึ่งการทากจิ กรรมต่าง ๆ ดา้ นจิตอาสาจะชว่ ยให้นักศกึ ษาร้จู ักทางานร่วมกับผูอ้ ื่น ชว่ ยเหลอื สงั คม จะสามารถทาใหน้ กั ศกึ ษามีประสบการณ์การทางานรว่ มกับผอู้ น่ื และรจู้ ักรับผดิ ชอบต่อตนเองและ สังคมได้มากข้นึ การศึกษาไทยในยุคปจั จุบนั ยงั ขาดความเท่าเทยี มกัน กลา่ วคอื ในสงั คมเมอื งจะ ไดร้ บั การพฒั นาในดา้ นตา่ ง ๆ อย่างตอ่ เนื่อง มีอปุ กรณ์การเรียนการสอนที่พร้อมและครบถ้วน แต่ ทางสังคมชนบทนน้ั ยงั ไมไ่ ด้รับการพฒั นาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง อาทิ การขาดอปุ กรณ์การเรยี น การสอน ขาดงบประมาณในการพัฒนาทางสื่อการเรียนการสอนท่เี ป็นสิง่ จาเป็นและสาคัญยิง่ ต่อ การพัฒนาการการเรียนรสู้ าหรบั เด็ก เพราะจะเป็นสง่ิ ท่ชี ่วยเพม่ิ ความร้คู วามเขา้ ใจในเร่ืองต่าง ๆ ไดม้ ากยิง่ ขึ้น โรงเรยี นบ้านกรอบ ตาบลควนโส อาเภอควนเนยี ง จงั หวัดสงขลา เปน็ โรงเรียนระดับ อนบุ าล-ประถมศึกษา มนี ักเรียน จานวน 186 คน เปน็ นักเรียนระดบั อนุบาล 36 คน และ นักเรียนระดับประถมศกึ ษา 132 คน มีครูทั้งหมด 8 คน ซ่ึงเปน็ โรงเรียนหนึ่งทข่ี าดการพัฒนา อย่างต่อเน่ือง และต้องการความช่วยเหลือในด้านตา่ ง ๆ ปรับปรงุ ภมู ิทัศน์ และกจิ กรรมเผยแพร่ ความรแู้ กน่ ักเรยี น ในโรงเรียน และเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์การเรยี นการสอน อปุ กรณก์ ารศึกษา รวมถึงอุปกรณจ์ าเปน็ ที่ใช้สาหรบั นักเรียน อกี ทัง้ เปน็ การส่งเสรมิ ให้นักศึกษาได้เรยี นรูใ้ นการนา วชิ าชพี มาใชจ้ ริง ซ่ึงเปน็ ประโยชน์ตอ่ การเรียนการสอน นอกจากนใี้ นกิจกรรมทไี่ ดช้ ่วยเหลือนนั้ ยงั ช่วยส่งเสริมให้นกั ศกึ ษามีจติ อาสา มคี วามอดทน ความเสยี สละ ความมีวนิ ัย ความรับผดิ ชอบ มี ความสมั พนั ธร์ ะหว่างเพื่อนและรนุ่ พี่ – รุ่นน้องนักศึกษา และระหว่างนกั ศึกษากับนักเรียน และ ประชาชนในทอ้ งถ่นิ ดังนน้ั หลักสตู รสาขาวชิ าธุรกิจคหกรรมศาสตร์ จงึ เลง็ เหน็ ถึงความสาคญั ใน ประเดน็ ดงั กล่าว เพื่อให้นกั ศึกษาได้เรยี นรู้และทากจิ กรรมรว่ มกนั ระหวา่ งนักศึกษารุ่นพี่และรุ่น นอ้ ง และระหว่างนกั ศึกษาชั้นปีเดียวกนั เป็นการเพ่ิมความสัมพนั ธแ์ ละเพม่ิ ความสามคั คีในหมู คณะ และกระตนุ้ เตือนนักศึกษาใหร้ จู้ ักเสียสละและปลูกจิตสานึกการรับผดิ ชอบต่อสงั คม วิธีการดาเนนิ งาน โครงการคหกรรมศาสตร์จติ อาสา แบ่งปันเพื่อนอ้ ง สร้างฝันส่ชู ุมชน จัดขึ้นทโ่ี รงเรียน บ้านกรอบ ตาบลควนโส อาเภอควนเนียง จังหวดั สงขลา โดยการจดั โครงการคร้ังนี้ อาจารย์

ผูส้ อนไดน้ ามาประยุกต์ใหเ้ ป็นแนวทางในการดาเนินกิจกรรมโครงการ โดยใช้แนวคิดการจัดการ ความรู้ (Knowledge Management) 4 กจิ กรรมดงั นี้ 1) การใชเ้ ทคนคิ การเลา่ เรอ่ื ง (Story telling) อาจารย์เล่าเร่อื งเกย่ี วกับบทบาทของจิต อาสา ให้นกั ศึกษาดสู อ่ื เคลอ่ื นไหว ตวั อย่างบคุ คลท่มี จี ิตอาสา ความสาคญั ของพลงั แห่งจติ อาสา ทาให้นักศึกษาเกดิ การเรียนรู้จากการประสบการณต์ รง โดยกระตุน้ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ความรู้ จนเกิดเป็นองค์ความรู้ทีด่ เี กิดใช้ประโยชน์ ภาพประกอบท่ี 1 อาจารยเ์ ล่าเรือ่ งเกย่ี วกับบทบาทของจติ อาสา 2) การประชมุ ระดมสมอง (Workshop/Brainstorming) หลังจากอาจารย์เล่าเรื่อง เกย่ี วกบั บทบาทของจติ อาสา อาจารย์ชี้แจง้ และแบง่ กลมุ่ ให้นักศึกษาระดมสมอง ในการวาง แผนการจดั โครงการเก่ียวกับจิตอาสา โดยกาหนดขอบเขตเก่ยี วกับโครงการ กลุ่มตัวอย่าง และ ลักษณะการดาเนนิ โครงการต่างๆ เพ่ือหาสรุปสาหรบั การจัดโครงการคหกรรมศาสตรจ์ ติ อาสา แบ่งปันเพ่ือนอ้ ง สรา้ งฝันสชู่ ุมชน กิจกรรมเผยแพร่ความรู้แก่นกั เรยี น แบง่ เป็น 3 ฐาน - ฐานงานประดษิ ฐว์ ัสดุจากผา้ - ฐานงานประดษิ ฐ์วัสดุเหลือใช้ - ฐานงานแกะสลกั

ภาพประกอบที่ 2 นักศึกษาช่วยกันประชมุ ระดมสมอง 3) ระบบพี่เล้ยี ง (Mentoring System) เมอ่ื ไดข้ ้อสรปุ เกีย่ วกับโครงการ นักศกึ ษาขอ คาแนะนาจากรนุ่ พี่ ซ่งึ รนุ่ พี่เป็นผู้ท่มี ีประสบการณ์ จากการทากิจกรรมโครงการของปที ี่แล้ว โดย ร่นุ พี่ที่อาจารยไ์ ด้มอบหมายให้ดูแลร่นุ นอ้ ง จะมีความถนดั ในด้านต่างๆ เชน่ งานผา้ งานประดิษฐ์ งานแกะสลัก เปน็ ต้น นักศึกษาจะได้รับความรจู้ ากการทีร่ ุ่นพถี่ า่ ยทอดความรู้ ประสบการณใ์ หมๆ่ ให้กบั รนุ่ นอ้ ง เกดิ การเรียนรู้ การสอนงานจะเนน้ ไปท่กี ารพัฒนาผลการปฏิบตั งิ านจรงิ รนุ่ พี่ได้มี โอกาสแสดงผลงาน แสดงฝมี ือ และความสามารถในการทางาน ก่อใหเ้ กดิ ความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) และคุณลกั ษณะเฉพาะตัว (Personal Attributes) ในการทางานนน้ั ๆ ให้ประสบ ความสาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนดขึ้น ภาพประกอบท่ี 3 นักศึกษารุ่นพส่ี อนรุ่นน้อง

4) การทบทวนหลังการปฎบิ ัติงาน (AAR: After Action Reviews) หลกั จากเสร็จ กจิ กรรมโครงการฯ นักศกึ ษาประชมุ เพ่ือทาการทบทวนวิธกี ารทากจิ กรรมตลอดการจัด โครงการฯ ทบทวนเกีย่ วกับงานตา่ งๆ ทง้ั ด้านความสาเรจ็ และปญั หาทีเ่ กดิ ขนึ้ เพอ่ื เปน็ แนวทาง ในการปรับเปลย่ี น การดาเนนิ งานในคร้งั ต่อไป นอกจากน้ี นักศกึ ษายงั สามารถใช้การทบทวนเพ่ือ แลกเปล่ียนประสบการณก์ ารทางาน เพื่อไดแ้ นวทางในการปรับปรุง/พฒั นางาน ไดฝ้ กึ ทักษะใน การพดู และการฟงั เป็นการส่งเสริมการพัฒนาความสมั พนั ธ์สกู่ ารทางานเป็นทีม ซงึ่ ทาให้ทราบ ถึงสิ่งทเ่ี ราปฏบิ ัติได้ดีอยู่แลว้ เพื่อบันทึกจดจาและรักษาไว้ หรือพฒั นาให้ดียง่ิ ขึ้น โดยวิธีการ ทบทวนหลังการปฏิบัติ เปน็ วธิ กี ารป้องกันไม่ให้ เกิดข้อผดิ พลาดซ้า ภาพประกอบท่ี 4 การทบทวนหลังการปฎิบตั งิ าน ผลและอภิปรายผลการดาเนนิ งาน ผลการดาเนินงานกจิ กรรมและโครงการคหกรรมศาสตร์จติ อาสา แบ่งปนั เพอ่ื น้อง สร้าง ฝนั สูช่ มุ ชน จากการประยุกต์ใช้แนวคดิ การจัดการความรู้ นกั ศึกษามีประสบการณ์ในการทากจิ กรรมต่างๆ ผ่านโครงการจิตอาสา นักศึกษาเกดิ การเรียนรู้จากการเป็นผู้ให้โดยการนาความรวู้ ิชาชพี ที่เรยี นมาสอนให้กับ นอ้ งๆ นกั เรียน ซึ่งระหว่างการสอน ไดเ้ กิดการแลกเปล่ยี นความสขุ ทาใหเ้ กิดความสัมพันธเ์ ล็กๆ ระหว่าง นักเรียนกบั นกั ศกึ ษา มีความสขุ ทัง้ ผูใ้ ห้และผูร้ บั

นกั ศึกษารู้จักการแบง่ งาน สามารถทางามเปน็ ทีม ฝกึ การเปน็ ผ้นู าผตู้ ามได้ดี จะเหน็ ได้ จากนักศึกษาพูดคยุ แบบงานอย่างชดั เจน เชน่ นักศกึ ษาแบ่งกลมุ่ ทตี่ ้องออกพน้ื ทีเ่ พ่ือการรับ บริจาค การแบ่งกลมุ่ สาหรับทากจิ กรรมกลุ่ม ในแตล่ ะฐานการเรียนรู้ ท่แี บง่ ตามความถนัดและ สนใจของตนเอง ภาพประกอบที่ 5 นักศึกษาออกพนื้ ท่เี พอื่ การรบั บริจาค ภาพประกอบท่ี 6 นกั ศึกษาแบง่ กลมุ่ เพื่อสอนงานประดิษฐ์น้องนักเรียน

ภาพประกอบท่ี 7-8 นกั ศึกษาแบง่ กลุม่ เพื่อทากิจกรรมอาสาเพอื่ น้อง โดยการช่วยกันทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน และการทาสีตามทางเดนิ ใหก้ ับน้องๆนักเรยี น ผลการดาเนนิ งานกิจกรรมและโครงการคหกรรมศาสตรจ์ ิตอาสา แบง่ ปันเพื่อน้อง สรา้ ง ฝนั สู่ชุมชน พบวา่ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์และคุณคา่ ในดา้ นตา่ งๆ ดังน้ี 1. ประโยชน์และคุณค่าที่มตี ่อตวั นักศกึ ษา นกั ศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ ในการทา กจิ กรรมจติ อาสามากขึ้น มีการปรับตัวกบั เพ่ือนๆในช้นั เรียนไดด้ ีขึ้น สามารถทากจิ กรรม กับรุ่นพ่ีไดอ้ ย่างดี หลงั จากจบโครงการดังกล่าว รุน่ นอ้ งกบั รุ่นพ่ีมคี วามสามคั คมี ากข้นึ ลดการเกดิ ชอ่ งวา่ งจากรนุ่ พกี่ ับรนุ่ น้องได้ 2. ประโยชน์และคุณคา่ ท่ีมตี อ่ อาจารยผ์ ้สู อน ผ้สู อนไดป้ ระสบการณ์ในการถา่ ยทอดความรู้ โดยการใชว้ ธิ บี รู ณาการการเรียนการสอนกับกจิ กรรมผ่านโครงการฯ เกดิ การเรียนรู้ รว่ มกันกบั นกั ศกึ ษา ระหว่างการทากจิ กรรมอาจารย์ได้สงั เกตเหน็ พฤติกรรม ลักษณะ เฉพาะของนักศกึ ษาแต่ละบคุ คลได้ จึงเปน็ ผลดีในการกาหนดหรือคัดเลือกกิจกรรมให้ เข้ากบั นักศึกษาแตล่ ะคนได้อย่างเหมาะสม เพื่อเกิดประสทิ ธภิ์ าพในการเรยี นรู้ 3. ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าท่ีมตี ่อมหาวทิ ยาลัย เป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรสาขาวิชา คณะ และมหาวทิ ยาลยั จากการทากจิ กรรมของนักศกึ ษา การจัดโครงการเป็นการสรา้ ง ความสมั พนั ธ์อันดีและสร้างเครอื ขา่ ยระหว่างคณาจารย์ เจา้ หนา้ ท่ี นกั ศึกษาและ ชาวบ้านในชมุ ชน

สรุป จากการจัดโครงการคหกรรมศาสตรจ์ ิตอาสา แบ่งปนั เพื่อน้อง สรา้ งฝันสู่ชมุ ชน ณ โรงเรียนบา้ นกรอบ ต.ควนโส อ.ควนเนยี ง จ.สงขลา เปน็ กจิ กรรมท่มี ีประโยชน์และคุณค่าต่อตัว นักศกึ ษาและชุมชนเอง เป็นการจัดกิจกรรมที่สรา้ งจิตอาสา ให้นักศึกษาเกิดการปรบั ตัวกับการ ทางานรว่ มกับผู้อ่ืน ได้รับความรู้ ความเข้าใจความสาคัญของการทากจิ กรรมเพอื่ สว่ นรวม เพอ่ื เปน็ พ้ืนฐานในการทากจิ กรรมต่างๆ ในหลกั สตู ร นอกจากน้ยี ังเกิดความสามัคคีระหวา่ งรนุ่ พ่ี ร่นุ นอ้ ง เกดิ การถา่ ยทอดทักษะวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกบั งานคหกรรมศาสตร์จากรุ่นพสี่ ู่รุน่ นอ้ ง หลักสูตรวชิ าธุรกิจคหกรรมศาสตร์ ให้ความสาคญั กบั การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ทเี่ นน้ บูรณาการการทางานเพื่อส่วนรวม เนน้ คุณลกั ษณะด้านจิตอาสา เพื่อฝึกทักษะวชิ าชีพโดย เรยี นรู้ ผา่ นการทางานจรงิ ในงานตา่ งๆ ท่ีได้รับมอบหมาย เชน่ การจัดตกแต่งเวทีทป่ี ระทับเน่ือง ในงานพระราชทานปรญิ ญาบัตร การจัดดอกไม้ในงานพธิ ีตา่ งๆ ของมหาวิทยาลัย การบริการ วชิ าการ การสอนอาชีพให้กับชมุ ชน เปน็ ตน้ จาการจดั กิจกรรมโครงการดังกล่าว นกั ศึกษาเกิด ความเสียสละมากขนึ้ มนี า้ ใจในการทางานเพื่อส่วนรวมอยา่ งเต็มใจ จะเหน็ ได้จาก จานวน นักศกึ ษาช่วยงานท่ีเพม่ิ ขน้ึ งานทไี่ ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ก่อนกาหนด อาจารยผ์ คู้ วบคมุ ไม่ต้อง ตดิ ตามเพอ่ื ทวงงานน้อยลง ท้ังนก้ี ารจัดโครงการคหกรรมศาสตร์จิตอาสา แบง่ ปันเพอ่ื น้อง สร้าง ฝนั ส่ชู ุมชน ควรจัดกจิ กรรมอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อใหเ้ กิดเรยี นรอู้ ย่างต่อเน่ืองในอนาคต บรรณานุกรม ผศ.ดร. พรพรรณ วีระปรียากูร. ๒๕๕๗. บทความวิชการ/บทความวิจัย : การถอดบทเรียนจาก งานประจาสูก่ ารจัดการ ความรู้. กรงุ เทพฯ : วิทยาลยั พัฒนศาสตร์ ปว๋ ย องึ๊ ภากรณ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. รศ.ดร. สมชาย นาประเสรฐิ ชยั .๒๕๕๗. การจัดการความรู้ : Knowledge Management. กรงุ เทพฯ : ซเี อ็ดยเู คช่นั , บมจ. วิจารณ์ พานิช. ๒๕๔๘. การจดั การความรฉู้ บับนักปฏัติ. กรงุ เทพฯ: สุขภาพใจ.

รปู แบบการนาเสนอแนวปฏิบัตทิ ่ีดี โครงการประชุมสัมมนาเครือข่ายการจัดการความรู้ฯ ครงั้ ที่ 12 “การจดั การความรูส้ ูม่ หาวทิ ยาลัยนวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาหรับอาจารย์/ บคุ ลากรสายสนบั สนุน/ นกั ศึกษา ชื่อเรือ่ ง/แนวปฏิบัติท่ีดี กจิ กรรมการแขง่ ขัน STEM เพ่อื พฒั นาทกั ษะด้านอาชพี ชื่อ-นามสกลุ ผูนาเสนอ นางสาวนภารัตน์ เกษตรสมบรู ณ์ ชื่อสถาบันการศกึ ษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ัย หนวยงาน หลักสตู รสาขาเทคโนโลยีปโิ ตรเลียม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เบอรโทรศพั ทมอื ถอื 095-4408388 เบอรโทรสาร - E-Mail address: [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook