Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อนาคตศึกษา

อนาคตศึกษา

Published by educat tion, 2021-04-16 02:15:12

Description: Future_Studies

Search

Read the Text Version

อนาคตศกึ ษา | 136 แแนผวนคภดิากพาทรี่ ว1ิเ1คราะหผ์ ลกระทบต่อแนวโนม้ ในอนาคต ดดั แปลงจาก: Glenn (2009c) นโยบายน้ัน อีกแนวทางหน่งึ คอื อาจใชว้ ิธกี ารนใ้ี นการจดั ลำ� ดบั ของชุดทางเลือกนโยบายว่า นโยบาย ไหนจะทำ� ใหเ้ กดิ ผลกระทบมากทสี่ ดุ ในชว่ งเวลาทส่ี นใจ นโยบายหรอื มาตรการบางประการอาจสรา้ ง ผลกระทบไดเ้ รว็ แตม่ ผี ลจำ� กดั ในชว่ งเวลาสน้ั ในขณะทบ่ี างมาตรการอาจสรา้ งผลลพั ธช์ า้ แตย่ ง่ั ยนื กวา่ การเปรยี บเทียบผลการวเิ คราะหจ์ ะทำ� ให้สามารถตัดสนิ ใจได้อยา่ งมีประสิทธิภาพมากขน้ึ ในการวิเคราะห์ข้ันแรกทล่ี ากเส้นแนวโน้มจากปัจจุบนั ไปยังอนาคต ผวู้ ิเคราะหต์ ้องก�ำหนดเสน้ แนวโน้มจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันด้วยข้อมูลที่มีอยู่ โดยเลือกประเภทแนวโน้มที่น่าจะแสดงรูปแบบ การเปลีย่ นแปลงได้ดที สี่ ดุ ประเภทแนวโนม้ การเปลยี่ นแปลงมอี ยูห่ ลายแบบ นบั ต้ังแต่แนวโน้มแบบ เส้นตรง (linear) ท่ีใช้อยู่ท่ัวไปในการพยากรณ์ข้ันพื้นฐาน แนวโน้มแบบเลขยกก�ำลัง (power) แบบฟังก์ชันเลขชี้ก�ำลัง หรือเอกซ์โพเนนเชียล (exponential) ไปจนถึงแนวโน้มแบบลอการิทึม (logarithm) และแบบพหุนามหรือโพลโิ นเมยี ล (polynomial) ตามตัวอยา่ งในแผนภาพขา้ งลา่ งน้ี ปแผระนเภภาทพแทน่ีว1โ2น้ม ดดั แปลงจาก: Glenn (2009c)

137 | อนาคตศกึ ษา การเลือกประเภทแนวโน้มมีความส�ำคัญมากต่อการวิเคราะห์ผลกระทบต่อแนวโน้มในอนาคต เนอื่ งจากจะกำ� หนดสตู รคำ� นวณทใี่ ชใ้ นการคาดการณไ์ ปยงั อนาคต เมอื่ เลอื กประเภทแนวโนม้ และสตู ร ทใี่ ชใ้ นการลากเสน้ แนวโนม้ ไดแ้ ลว้ ขน้ั ตอนตอ่ ไปคอื การพยากรณก์ ารเปลยี่ นแปลงไปยงั อนาคตในกรณี ที่ไม่มีเหตุการณห์ รือปจั จัยขับเคล่อื นอะไรเปลีย่ นแปลงไปจากเดิม ตแัวผอนยภ่าางพกทาร่ี 1ว3เิ คราะหผ์ ลกระทบตอ่ แนวโนม้ ดดั แปลงจาก Bigdatalens.com การวิเคราะหผ์ ลกระทบไขว้ อีกวิธีการหน่ึงในชุดเครื่องมือการวิเคราะห์ผลกระทบคือการวิเคราะห์ผลกระทบไขว้ ซึ่งพัฒนาโดยเธ โอดอร์ กอรด์ อน (Theodore Gordon) และโอลาฟ เฮลเมอร์ (Olaf Helmer) ใน พ.ศ. 2509 วธิ กี าร น้ีมงุ่ วิเคราะห์ผลลัพธ์ของปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างเหตกุ ารณ์หรอื ปจั จยั ต่าง ๆ ต่อความเปน็ ไปไดใ้ นอนาคต วิธีการนี้มุ่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากข้อสมมติในการคาดการณ์ด้วยวิธีเดลฟาย กล่าวคือ ในกรณีเดล ฟาย ผู้เช่ียวชาญต้องระบุค่าความเป็นไปได้ของการเกิดเหตุการณ์หน่ึง โดยไม่ได้ค�ำนึงถึงกรณีที่อีก เหตุการณ์หนึ่งมีผลกระทบที่ท�ำให้ค่าความเป็นไปได้นั้นเปลี่ยนไป แต่ในความเป็นจริงปัจจัยหลาย อย่างอาจมีปฏิสัมพันธ์กันและท�ำให้ค่าความเป็นไปได้ของผลกระทบเปลี่ยนไป วิธีการวิเคราะห์ ผลกระทบไขวไ้ ดร้ บั การพฒั นาตอ่ มา จนกลายเปน็ วธิ กี ารคาดการณส์ ำ� คญั ทใ่ี ชร้ ว่ มกบั วธิ กี ารอน่ื ๆ นอก เหนือจากวิธกี ารเดลฟาย การวเิ คราะหผ์ ลกระทบไขวส้ ามารถใชเ้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการกวาดสญั ญาณสำ� หรบั อนาคต ท่ีอาจเกิดข้ึนได้ และเพื่อลดความไม่แน่นอนในการวางแผน ชุดวิธีการวิเคราะห์ผลกระทบไขว้มีอยู่ หลายวิธีการย่อย หน่ึงในน้ันคือวิธีการระบบและตารางผลกระทบไขว้ (Cross Impact Systems and Matrices – SMIC)19 ในปัจจุบัน มีโปรแกรมซอฟแวร์ส�ำเร็จรูปที่ใช้วิเคราะห์ผลกระทบไขว้อยู่ หลายโปรแกรม

อนาคตศกึ ษา | 138 ในการวิเคราะห์ผลกระทบไขว้ นักวิเคราะห์จะค�ำนวณความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้น แล้วปรับระดับความเป็นไปได้ตามระดับปฏิสัมพันธ์กับเหตุการณ์อื่น ๆ ที่วิเคราะห์ไปพร้อมกัน ข้อสมมติพนื้ ฐานของแนวทางนค้ี อื เหตกุ ารณแ์ ละปจั จยั ตา่ ง ๆ มคี วามสมั พนั ธซ์ งึ่ กนั และกนั เหตกุ ารณ์ ที่เราสงั เกตเหน็ ไม่ไดเ้ กิดจากสาเหตุเดียว แตเ่ กิดจากหลายปจั จัย โดยปัจจัยเหลา่ น้มี ีปฏสิ ัมพันธ์ซ่งึ กัน และกันจนท�ำใหเ้ กิดผลกระทบไขว้ ขนั้ ตอนและวิธกี าร การวเิ คราะห์ผลกระทบไขว้เพื่อการคาดการณ์มีขั้นตอนหลักดงั น้ี กำ� หนดจ�ำนวนและประเภทของปจั จยั ขนั้ ตอนแรกของการวเิ คราะหผ์ ลกระทบไขวค้ อื การกำ� หนดชดุ เหตกุ ารณห์ รอื ปจั จยั หลกั ทตี่ อ้ งการ วเิ คราะห์ การเลอื กชดุ เหตกุ ารณห์ รอื ปจั จยั นสี้ ำ� คญั มาก เพราะถา้ นอ้ ยเกนิ ไป การวเิ คราะหจ์ ะไมส่ ามารถ ระบุถึงปัจจัยส�ำคัญและผลกระทบส�ำคัญได้ แต่ถ้ามากเกินไป จะท�ำให้การวิเคราะห์มีความซับซ้อน เกินกวา่ ความจำ� เปน็ และอาจท�ำใหไ้ ม่สามารถเห็นภาพท่ีชัดเจน ถ้าจ�ำนวนปัจจัยทต่ี อ้ งการวิเคราะห์ มที ้ังหมด n ประการ จ�ำนวนปฏิสัมพันธ์ท้ังหมดท่ีตอ้ งวเิ คราะห์ผลกระทบไขว้จะเท่ากับ n2 – n แสดง วา่ ยงิ่ จำ� นวนปจั จยั มากขนึ้ เทา่ ไหร่ การวเิ คราะหจ์ ะมคี วามซบั ซอ้ นเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งทวคี ณู เทา่ นน้ั การศกึ ษา ผลกระทบไขว้โดยมากจะมจี ำ� นวนปจั จยั อยู่ทปี่ ระมาณ 10-40 ปจั จัย20 การระบุปัจจัยชุดแรกสามารถท�ำได้โดยการทบทวนสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ พร้อมกับการสัมภาษณ์ ผู้เช่ยี วชาญในสาขาเกี่ยวข้อง ตอ่ จากนน้ั จงึ ตัดบางปัจจยั ทีซ่ �ำ้ ซ้อนกนั ออก หรอื รวมบางปจั จยั ที่ความ หมายคลา้ ยกนั เขา้ ดว้ ยกนั โดยอาจปรบั เปลย่ี นชอ่ื เรยี กปจั จยั ใหมใ่ หเ้ หมาะสม การวเิ คราะหผ์ ลกระทบ ไขว้จะท�ำได้ง่าย ถา้ ปัจจัยตา่ ง ๆ เป็นอสิ ระซง่ึ กนั และกนั อยา่ งมากทสี่ ดุ ประมาณค่าความเปน็ ไปได้ในการเกดิ เหตกุ ารณ์เดยี่ ว เมื่อระบุรายการปัจจัยท่ีต้องการวิเคราะห์ทั้งหมดแล้ว จึงประมาณค่าความเป็นไปได้ที่แต่ละ เหตุการณ์จะเกิดข้ึนภายในช่วงเวลาในอนาคตท่ีได้ก�ำหนดไว้ โดยในข้ันแรกสมมติก่อนว่า แต่ละ เหตกุ ารณเ์ กดิ ขนึ้ โดยไมม่ เี หตกุ ารณอ์ น่ื เกดิ ขน้ึ พรอ้ มกนั คา่ ความเปน็ ไปไดน้ จ้ี ะไดม้ าจากกลมุ่ ผเู้ ชยี่ วชาญ ในสาขาทเี่ กยี่ วข้องกบั หวั ข้อท่ไี ด้ก�ำหนดไว้ โดยอาจมาจากการออกแบบสอบถาม การสมั ภาษณ์ หรือ การประชมุ กลมุ่ ยอ่ ย เมอ่ื ไดค้ า่ ความเปน็ ไปไดช้ ดุ แรกแลว้ ขน้ั ตอ่ ไปจะเปน็ การประมาณคา่ ความเปน็ ไป ได้ทป่ี รบั ตามผลกระทบท่ีเกิดจากการปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างปจั จัยตา่ ง ๆ เนื่องจากการคาดประมาณค่าความเป็นไปได้ดังกล่าวใช้วิธีการสอบถามความคิดเห็นของผู้ เช่ียวชาญ จึงมีข้อวิพากษ์ว่า การคาดประมาณค่าความเป็นไปได้ของการเกิดเหตุการณ์ในชุดแรกนั้น ผู้เช่ียวชาญได้ค�ำนึงถึงการเกิดขึ้นของปัจจัยอ่ืน ๆ ไปพร้อมกันแล้ว ค่าความเป็นไปได้ของปัจจัยหรือ เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ จงึ ไดร้ วมผลกระทบไขวไ้ วแ้ ลว้ ในความคดิ ของผเู้ ชย่ี วชาญ ในกรณนี ี้ การวเิ คราะหผ์ ลก ระทบไขวจ้ งึ มไี วเ้ พอื่ ตรวจสอบวา่ คา่ ความเปน็ ไปไดจ้ ากการสำ� รวจรอบแรกแบบไมม่ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั รอบ

139 | อนาคตศึกษา ทส่ี อง หรอื ปฏสิ มั พันธม์ คี วามสอดคล้องกนั หรอื ไมแ่ ละอยา่ งไร เม่ือผู้ศึกษาได้สรา้ งตารางค่าความเปน็ ไปไดท้ ส่ี มบูรณแ์ ล้ว จะสามารถวเิ คราะหต์ อ่ ไปไดว้ า่ เมอ่ื มีนโยบาย มาตรการ หรือปัจจยั ใหม่ใดเกดิ ข้นึ แล้ว คา่ ความเป็นไปได้ของแต่ละปัจจัยจะเปลีย่ นไปอย่างไรบ้าง ประมาณคา่ ความเป็นไปได้เชงิ เง่ือนไข ขั้นตอนต่อมาคือการประมาณค่าความเป็นไปได้เชิงเง่ือนไข (conditional probabilities) ซ่ึง เปน็ การคาดประมาณผลกระทบทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ เมอ่ื มเี หตกุ ารณห์ รอื ปจั จยั หนงึ่ เกดิ ขน้ึ กอ่ นหนา้ นนั้ ตัวอยา่ งกรณีสมมติเชน่ ระดับความเปน็ ไปได้ท่ีประเทศไทยจะมีบรกิ ารแทก็ ซ่ีไร้คนขบั ในอีก 10 ปีข้าง หนา้ อาจประมาณคา่ ไดท้ ี่ 0.50 แตถ่ า้ รฐั บาลเปลย่ี นกฎหมายดา้ นขนสง่ สาธารณะอาจทำ� ใหค้ า่ ความเปน็ ไปไดเ้ พมิ่ ขน้ึ เปน็ 0.75 ในการวิเคราะหผ์ ลกระทบไขว้ ผูว้ ิจัยจะถามผูเ้ ชี่ยวชาญเกยี่ วกับความเปน็ ไปได้ ของคูเ่ หตกุ ารณ์ทง้ั หมดท่ีต้องการวเิ คราะห์ ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนนั้ นกั วเิ คราะหจ์ ะตรวจสอบความถกู ตอ้ งของความเปน็ ไปไดเ้ ชงิ เงอ่ื นไขทไ่ี ดม้ าในการคำ� นวณ ครั้งแรก เพ่ือให้แน่ใจว่าไม่มีความผิดพลาดในการค�ำนวณเชิงคณิตศาสตร์ ขั้นตอนน้ีอาจท�ำโดยการ สรา้ งและวเิ คราะหแ์ บบจำ� ลองสถานการณใ์ นคอมพวิ เตอรห์ ลายรอบ เพอื่ ใหผ้ ลการวเิ คราะหท์ มี่ นั่ ใจได้ วเิ คราะห์ฉากทัศน์ ข้ันสุดท้ายของกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบไขว้คือการสร้างและวิเคราะห์ฉากทัศน์ส�ำหรับ อนาคต หรือการวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์หรือปัจจัยหนึ่งมีผลกระทบต่ออีกเหตุการณ์หน่ึงอย่างไรบ้าง เพือ่ สร้างทางเลอื กและรายละเอยี ดในการตดั สินใจตอ่ ไป ตตัวารอายงา่ ทงี่ต8ารางวเิ คราะหผ์ ลกระทบไขว้ ดดั แปลงจาก: Glenn (2009c) หมายเหต:ุ + ผลกระทบเชิงบวก, - ผลกระทบเชิงลบ, ขนาดสญั ลกั ษณ์สอ่ื ถงึ ระดบั ผลกระทบ

อนาคตศกึ ษา | 140 ในตารางท่ี 8 แสดงวิธกี ารพนื้ ฐานในการวเิ คราะห์ผลกระทบไขว้ จะเหน็ ไดว้ ่า ช่องตารางในแนว ตั้งและแนวนอนแสดงปัจจัยเดียวกนั แล้วจงึ วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหว่างปจั จัยแตล่ ะคู่ คำ� ถามหลัก ในการวเิ คราะหส์ ว่ นนค้ี อื การเปลย่ี นแปลงในปจั จยั หนงึ่ จะมผี ลตอ่ อกี ปจั จยั หนงึ่ มากเทา่ ใด โดยระบคุ า่ ความเป็นไปได้น้นั ลงไปในแต่ละช่องเปน็ ตัวเลขหรอื สัญลกั ษณ์งา่ ย ๆ เป็น + หรือ – ดังตัวอย่างตาราง วิเคราะหผ์ ลกระทบไขว้ขา้ งบน การวเิ คราะห์ผลกระทบไขวไ้ ดร้ บั การพฒั นาเรอื่ ยมา โดยมักใช้ผสมผสานกบั วธิ ีการอน่ื เชน่ การ ใช้เกมและการใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการจ�ำลองสถานการณต์ ามแนวคิดมอนติคาร์โล ข้อจำ� กดั หนึ่งของวธิ ี การน้ีคือการใช้ผู้เชี่ยวชาญในการก�ำหนดความเป็นไปได้ในการเกิดเหตุการณ์ท้ังเหตุการณ์เด่ียวและ เหตุการณค์ ู่ อกี ประเดน็ หน่งึ คอื ในโลกแห่งความเปน็ จรงิ ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างเหตกุ ารณห์ รือปจั จยั ต่าง ๆ อาจไมไ่ ด้เกิดเปน็ คู่ แตอ่ าจเกดิ ขึ้นระหว่างสามปัจจยั หรือมากกวา่ นนั้ ซึ่งจะทำ� ให้ปฏิสมั พนั ธ์มคี วาม ซบั ซอ้ นมากขนึ้ และท�ำให้การวิเคราะห์ผลกระทบไขวเ้ ปน็ ไปไดย้ ากข้ึน นักอนาคตศาสตร์ทดลองใช้วิธีการต่าง ๆ ในการเก็บรวบรวมความเห็นของผู้เช่ียวชาญ เก่ียวกับค่าความเป็นไปได้ วิธีการระบบและตารางผลกระทบไขว้ (Cross Impact Systems and Matrices – SMIC) พัฒนาขึ้นเปน็ ครั้งแรกในฝรั่งเศส เม่อื พ.ศ. 2517 ซ่ึงเน้นการใช้แบบสอบถาม ต่อ มาได้มีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ท่ีสามารถค�ำนวณค่าความเป็นไปได้เชิงเง่ือนไขจากค�ำตอบจาก แบบสอบถาม นอกจากนี้ การใช้วิธกี ารเดลฟายแบบเรยี ลไทม์สามารถเกบ็ ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญไดเ้ รว็ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น การวิเคราะห์ผลกระทบไขว้มักใช้ในการคาดการณ์ด้านเทคโนโลยี (technological forecasting) และการวิเคราะห์อนาคตของอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเฉพาะทาง

141 | อนาคตศึกษา การวิเคราะห์โครงสรา้ ง จากท่ีอธิบายไปก่อนหน้านี้ เครื่องมือหน่ึงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการอนาคตศาสตร์คือตาราง ผลกระทบ (impact matrix) ซึ่งม่งุ วิเคราะหพ์ ลวตั ของระบบของประเดน็ ปญั หาทต่ี ้องการศกึ ษา องค์ ประกอบสำ� คญั ของการวเิ คราะหผ์ ลกระทบคอื การวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ ง (structural analysis) ของระบบ ทีต่ อ้ งการศึกษา รวมถึงยทุ ธศาสตรข์ องผู้กระทำ� (actors’ strategies) และความเป็นไปได้ของผลกระ ทบไขว้ (cross-impact probabilities) การวิเคราะห์โครงสร้างมุ่งวิเคราะห์ผลกระทบของระบบโดยรวมต่อประเด็นปัญหาที่ต้องการ ศกึ ษาและคาดการณ์ โดยอาจใชร้ ว่ มกบั การวเิ คราะหผ์ ลกระทบไขว้ ซง่ึ มงุ่ ความสนใจไปทคี่ วามสมั พนั ธ์ เชิงเหตุและผลระหว่างตัวแปรตา่ ง ๆ ในระบบ การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างมกั ใชเ้ ปน็ ส่วนหนึ่งกระบวนการ สรา้ งฉากทศั น์ โดยเฉพาะในขน้ั ตอนการทำ� ความเขา้ ใจกบั ระบบในภาพรวมและในการระบถุ งึ ปจั จยั ขบั เคลอื่ นทท่ี ำ� ใหร้ ะบบโดยรวมตอ้ งเปลย่ี นไป การวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งใชไ้ ดใ้ นการสรา้ งสมมตฐิ านทเ่ี ปน็ พนื้ ฐานในการสร้างฉากทศั น์ วธิ กี ารวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งเนน้ วเิ คราะหป์ จั จยั ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ผลกระทบระหวา่ งปจั จยั กบั ระบบโดยรวม ตวั อยา่ งวธิ กี ารในกลมุ่ นไ้ี ดแ้ ก่ วธิ กี าร Kane’s Simulation หรอื KSIM21 และวธิ กี าร MICMAC (Impact Matrix Cross-Reference Multiplication Applied to a Classification) ส�ำหรับการวิเคราะห์ ยุทธศาสตร์ของผู้กระท�ำจะเน้นการวิเคราะห์วัตถุประสงค์และพฤติกรรมของผู้เก่ียวข้องในระบบ อาทิ วิธีการวาดแผนภาพอ�ำนาจ (Chart of Powers) ท่ีเสนอโดยเทแนร์ บูโช (Ténière-Buchot) และวิธกี าร MACTOR ทแี่ สดงพันธมติ รและค่ขู ดั แยง้ สว่ นการวเิ คราะหค์ วามเป็นไปไดข้ องผลกระทบ ไขวจ้ ะเนน้ การวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณแ์ ละสมมตฐิ านเกย่ี วกบั ความเปน็ ไปไดท้ เ่ี กดิ จากผลกระทบไขวข้ องคู่ เหตกุ ารณห์ รือปจั จัยทงั้ หมดในระบบทตี่ ้องการศึกษา การวิเคราะห์โครงสร้างเหมาะส�ำหรับปัญหาท่ีมีความซับซ้อนมากและมีหลายปัจจัยสัมพันธ์กัน จึงต้องสรา้ งวิธกี ารและกระบวนการวิเคราะห์ทไี่ ม่มองข้ามปัจจัยส�ำคัญ ไม่วา่ จะเปน็ ปจั จยั ภายในหรอื ภายนอกระบบ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส�ำคัญท่ีอยู่ในระบบนั้น การระบุปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลักของ ปัญหาท่ีก�ำลังวิเคราะห์อยู่เป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ฉากทัศน์ในข้ันตอนถัดไปได้ การวิเคราะห์

อนาคตศกึ ษา | 142 โครงสร้างยังเหมาะส�ำหรับการคาดการณ์ท่ีต้องการความต่อเนื่องระยะยาว แต่ละปัจจัยที่น�ำมา วิเคราะห์โครงสร้างจะประกอบไปด้วยดัชนีสองประการ ไดแ้ ก่ ดชั นอี ทิ ธพิ ล (influence index) ซง่ึ วดั ระดับผลกระทบทตี่ วั แปรนน้ั มตี อ่ ระบบโดยรวม และดชั นกี ารพง่ึ พา (dependency index) ซง่ึ วดั ระดบั ผลกระทบทร่ี ะบบโดยรวมมีผลต่อตัวแปรน้ัน ๆ การวิเคราะห์โครงสร้างสามารถช่วยสร้างฉันทามติระหว่างสมาชิกในคณะท�ำงานการคาดการณ์ การวิเคราะห์โครงสร้างนับเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการระดมความคิดไปพร้อมกับการลดความคิดเห็นท่ีมี ความเอนเอยี ง เพ่ือสร้างความคดิ หรอื ข้อเสนอในภาพรวมที่ทกุ คนสามารถยอมรับได้ ขนั้ ตอนและวธิ กี าร การวิเคราะห์โครงสร้างเร่ิมต้นจากการจัดต้ังคณะท�ำงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญและนักปฏิบัติใน สาขาวิชาการและวิชาชีพท่ีเกี่ยวข้อง ขั้นตอนแรกของการวิเคราะห์คือการระบุและก�ำหนดปัจจัยท่ีน่า จะมผี ลกระทบตอ่ ประเดน็ ปญั หาทตี่ อ้ งการศกึ ษา แลว้ จงึ กำ� หนดนยิ ามของปจั จยั ทง้ั หมดใหช้ ดั เจน โดย ใหส้ อดคลอ้ งกนั ในระดบั ความละเอยี ดและความเฉพาะเจาะจง กลา่ วคอื ไมใ่ หน้ ยิ ามมคี วามหมายกวา้ ง หรอื เฉพาะเจาะจงมากจนเกินไป จากน้นั จงึ แบ่งกลุ่มปจั จยั เป็นปจั จยั ภายในระบบและปัจจัยภายนอก ระบบ และแบ่งตามหัวข้อที่ต้องการศึกษา งานศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างโดยท่ัวไปใช้ตัวแปรไม่เกิน 70-80 ตวั แปร22 ขน้ั ตอนตอ่ ไปเปน็ การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปจั จยั โดยใชต้ ารางแสดงปจั จยั ทง้ั หมดทงั้ ใน แนวตงั้ และแนวนอน ดงั ในกรณขี องการวเิ คราะห์ผลกระทบไขว้ ค�ำถามหลกั ในการวเิ คราะหส์ ่วนนี้คอื ปจั จยั แตล่ ะคมู่ คี วามสมั พนั ธก์ นั หรอื ไม่ ถา้ ไมม่ ี กจ็ ะกรอกเลข 0 แตถ่ า้ มผี ลกระทบโดยตรงในระดบั ตำ่� ก็ จะกรอกเลข 1 ผลกระทบโดยตรงระดบั ปานกลาง กรอกเลข 2 ผลกระทบโดยตรงระดับสงู กรอกเลข 3 และอาจเตมิ เลข 4 ถา้ คิดว่ามโี อกาสท่ีจะมผี ลโดยตรง ผู้เชย่ี วชาญทเ่ี ขา้ ร่วมในกระบวนการวเิ คราะห์ จะท�ำหนา้ ท่ปี ระเมินความสมั พนั ธร์ ะหว่างตวั แปรตา่ ง ๆ เมื่อกรอกความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรท้ังหมดแล้ว จึงประเมินดัชนีอิทธิพลและดัชนีการพ่ึงพา เพื่อลงจดุ ในกราฟอทิ ธิพล-การพ่ึงพา (Influence-depedency graph) กราฟดงั กล่าวแสดงวา่ ปจั จัย ไหนมีความสำ� คญั และมคี วามส�ำคัญมากนอ้ ยต่างกนั อยา่ งไร และระบวุ ่า ผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสียกลมุ่ ไหน มีผลต่อพัฒนาการหรือพลวัตของระบบที่ศึกษา ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์โครงสร้างสามารถใช้ได้ใน การสร้างฉากทัศน์เพื่อสร้างความชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากพอที่จะใช้ในการก�ำหนดนโยบายและ มาตรการดำ� เนนิ การ

143 | อนาคตศกึ ษา ตแวัผอนยภา่ างพกทรา่ี 1ฟ4แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างอทิ ธิพลกับการพึ่งพาของตัวแปร ทมี่ า: Coyle (2009) หน่วยวิจัย LIPSOR (Laboratory for Investigation in Prospective Strategy and Organization) ในฝรง่ั เศสพฒั นาโปรแกรมสำ� เรจ็ รปู MICMAC และ MACTOR ทใี่ ชไ้ ดใ้ นการวเิ คราะหด์ ชั นอี ทิ ธพิ ลและ ดชั นกี ารพง่ึ พา และในการวาดกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปจั จยั โปรแกรมดงั กลา่ วดาวนโ์ หลดได้ จากเว็บไซต์ www.cnam.fr/lipsor/ แม้ว่าการสร้างตารางแสดงค่าปัจจัยเหล่าน้ีอาจไม่ยาก แต่การ อภิปรายและตีความจากผลการวิเคราะห์ท่ีเป็นตัวเลขอาจยาก เน่ืองจากมีผลการค�ำนวณจ�ำนวนมาก และจำ� เป็นตอ้ งใชค้ วามสามารถในการวเิ คราะห์และอธิบายผลการคำ� นวณนน้ั

อนาคตศึกษา | 144 เหตไุ ม่คาดฝนั วงการอนาคตศาสตร์ในปจั จุบนั ยอมรับวา่ แม้ว่าวธิ ีการคาดการณไ์ ด้พัฒนามาอย่างเปน็ ระบบ และใน ปจั จบุ นั มขี อ้ มลู มากมายมหาศาลในการวเิ คราะหม์ ากขน้ึ กต็ าม ภาพอนาคตมกั เตม็ ไปดว้ ยเหตไุ มค่ าดคดิ คาดฝนั หรอื ไวลดค์ ารด์ (wild cards) ซงึ่ ทำ� ใหส้ งิ่ ทพี่ ยากรณห์ รอื คาดการณไ์ วไ้ มส่ ามารถใชไ้ ด้ ตวั อยา่ ง เหตกุ ารณป์ ระเภทนม้ี อี ยมู่ าก ไมว่ า่ จะเปน็ ภยั พบิ ตั ติ ามธรรมชาติ เชน่ แผน่ ดนิ ไหวและสนึ ามิ เหตกุ ารณ์ วิกฤติเศรษฐกิจหลายคร้ัง เช่น วิกฤติต้มย�ำกุ้งในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ที่เริ่มจากประเทศไทย วิกฤติการเงินที่เกิดจากตลาดสินเชื่อซับไพร์มในสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ. 2551 และเหตุการณ์ก่อการ รา้ ย ท้ังเหตุการณ์ 9/11 ที่นครนวิ ยอรก์ ใน พ.ศ. 2544 และล่าสดุ คอื สถานการณ์โรคระบาดจากไวรัส โควดิ -19 ในพ.ศ. 2562-2563 ทง้ั น้ี โลกาภวิ ตั นด์ า้ นการคา้ การลงทนุ และการผลติ ทำ� ใหร้ ะบบเศรษฐกจิ ของโลกเชอ่ื มโยงกนั อยา่ ง ขาดไมไ่ ด้ ในขณะเดยี วกนั กท็ ำ� ใหร้ ะบบเศรษฐกจิ ของโลกยง่ิ ออ่ นไหวเปราะบางมากขนึ้ ความเชอ่ื มโยง เหล่าน้ีท�ำให้เหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในพ้ืนที่หนึ่งสร้างผลกระทบทวีคูณมากข้ึนกว่าเดิม ความท้าทาย ของนักอนาคตศาสตร์จึงอยู่ที่ว่า เราจะพัฒนาวิธีการคาดการณ์อนาคตอย่างไรที่สามารถสร้างความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับเหตุการณ์ท่ีอาจเกิดโดยไม่คาดคิดมาก่อน และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ เหลา่ น้นั ได้ดยี ิ่งขนึ้ ตามที่กล่าวมาก่อนหน้าน้ี วิธีการอนาคตศาสตร์โดยทั่วไปพัฒนามาเพ่ือวิเคราะห์แนวโน้มของ เหตุการณ์หรือปัจจัยที่สนใจ โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยขับเคล่ือนท่ีเป็นพ้ืนฐานของการเปล่ียนแปลง รวม ถึงผลกระทบไขวข้ องปัจจยั เหลา่ น้นั วธิ ีการแนวนี้ได้พฒั นาอยา่ งเป็นระบบมาระยะหน่ึงแล้ว แต่วธิ กี าร คาดการณอ์ นาคตเพอ่ื รถู้ งึ และรบั มอื กบั เหตไุ มค่ าดฝนั ไดร้ บั การพฒั นาอยา่ งเปน็ ระบบมาไมน่ านเทา่ ใด นกั จดุ เริ่มต้นของแนวคดิ ไวลดค์ าร์ดสามารถยอ้ นกลับไปทก่ี ารวางแผนแบบฉากทัศน์ ซ่งึ บริษทั เชลล์ (Shell) ใชใ้ นการวางแผนองคก์ รในชว่ งปลายทศวรรษที่ 1960 เพอื่ วเิ คราะหต์ ลาดนำ�้ มนั ในอนาคต และ เตรยี มพรอ้ มรบั มอื กบั การเปลย่ี นแปลงทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ องคป์ ระกอบหนงึ่ ของการวเิ คราะหแ์ บบฉาก ทศั นค์ อื ไวลดค์ ารด์ ซง่ึ หมายถงึ เหตกุ ารณท์ มี่ โี อกาสเกดิ ขน้ึ ไดน้ อ้ ย แตเ่ มอ่ื เกดิ ขน้ึ แลว้ จะมผี ลกระทบสงู ในบางครัง้ มีการใชค้ �ำว่า disruption หรอื ruptures เพ่อื ส่ือถึงเหตุการณ์ในลักษณะดงั กล่าว อย่างไร ก็ตาม ในชว่ งน้ันยังไม่มีการพัฒนาวิธกี ารทวี่ ิเคราะห์เหตไุ มค่ าดฝันอยา่ งเปน็ ระบบโดยเฉพาะ ตอ่ มาใน พ.ศ. 2535 นกั อนาคตศาสตรจ์ ากสถาบนั อนาคตศกึ ษาโคเปนเฮเกน (Copenhagen Insti- tute for Futures Studies) สถาบนั BIPE Conseil และสถาบนั เพอื่ อนาคต (Institute for the Future)

145 | อนาคตศกึ ษา ไดใ้ หน้ ยิ ามคำ� วา่ ไวลดค์ ารด์ วา่ เปน็ เหตกุ ารณใ์ นอนาคตทเ่ี ชอื่ วา่ เกดิ ขนึ้ ไดน้ อ้ ย แตม่ คี วามเปน็ ได้สูงท่ีจะมี ผลกระทบสูงต่อการด�ำเนนิ ธรุ กจิ และได้ระบเุ หตุการณไ์ วลค์ ารด์ และผลกระทบตอ่ ธุรกจิ ทอ่ี าจเกดิ ข้ึน ได้ รวมถึงแนวทางที่บริษัทสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับไวลด์คาร์ดน้ัน23 อย่างไรก็ตาม รายงานดัง กลา่ วไมไ่ ด้อธบิ ายวิธกี ารที่ไดม้ าซ่ึงปัจจยั ไวลดค์ าร์ดเหล่านน้ั แม้ว่างานอนาคตศาสตร์ท่ีเสนอทางเลือกของภาพอนาคตอาจกล่าวถึงเหตุไม่คาดคิดแบบไวลด์ คาร์ดมาบ้าง แตไ่ มไ่ ด้มกี ารพัฒนาวิธีการอย่างชดั เจน จนกระทัง่ ใน พ.ศ. 2538 เมื่อนกั อนาคตศาสตร์ ชือ่ จอห์น ปเี ตอร์สัน (John Petersen) ตพี ิมพ์หนังสอื ช่อื Out of the Blue: How to Anticipate Big Future Surprises หนังสือเล่มดังกล่าวน�ำเสนอวิธีการวิเคราะห์เหตุไม่คาดคิดอย่างเป็นระบบ24 หลงั จากนนั้ นกั อนาคตศาสตรห์ ลายคนนำ� เสนอวธิ กี ารวเิ คราะหไ์ วลค์ ารด์ ทล่ี ะเอยี ดซบั ซอ้ นมากขนึ้ โดย แบง่ แยกชดั เจนระหวา่ งเหตไุ มค่ าดฝนั กบั สญั ญาณออ่ น25รวมถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งการเปลย่ี นแปลง แบบคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป แตเ่ หน็ ได้ถงึ การปรบั เปล่ียนคร้งั ใหญ่ กับการเปลย่ี นแปลงพลิกผันท่อี ยู่ดี ๆ เกดิ ขนึ้ โดยไมค่ าดฝนั มากอ่ น26 ความตระหนกั เกยี่ วกับความเส่ียงทมี่ ผี ลตอ่ ธรุ กจิ เศรษฐกิจและสงั คมท�ำให้ นักวเิ คราะหใ์ ห้ความสนใจในเหตุไม่คาดฝนั มากข้นึ อาทิ ธุรกิจประกนั 27 และธรุ กจิ ผลิตเคร่ืองบินและ รถยนต2์ 8 ในดา้ นการวางแผนนโยบายสาธารณะ กม็ ีการวิเคราะหไ์ วลดค์ ารด์ ท่ีมผี ลตอ่ เศรษฐกจิ สงั คม ในระดับประเทศ ดังในกรณีของรัฐบาลสงิ คโปร2์ 9 องค์ความรใู้ นศาสตร์ด้านการวิเคราะหแ์ ละประเมิน ความเสย่ี งกลายเปน็ พื้นฐานสำ� คญั ของการวิเคราะห์เหตไุ มค่ าดฝนั ในงานอนาคตศาสตร์ เหตไุ มค่ าดฝนั แตล่ ะอยา่ งยงั มรี ปู แบบทแี่ ตกตา่ งกนั ทง้ั ในเชงิ สาเหตแุ ละเชงิ ผลกระทบ โรคระบาด โควิด 19 ย่อมมีสาเหตุและผลกระทบแตกต่างจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิท่ีญี่ปุ่น หรือวิกฤต แฮมเบอร์เกอร์หรือวิกฤตซับไฟร์มปี 2008 ก็มีสาเหตุที่แตกต่างจากวิกฤตการเงินต้มย�ำกุ้งปี 1997 ดังน้ัน การแบ่งกลุ่มเหตุไม่คาดฝันจึงมีหลายวิธีการ เหตุไม่คาดคิดคาดฝันอาจเกิดจากแหล่งต้นตอที่ หลากหลาย ทง้ั ทเี่ ปน็ ผลลพั ธท์ ไี่ มไ่ ดต้ งั้ ใจจากการกระทำ� ของมนษุ ย์ เชน่ การคน้ พบทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละ การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงกระบวนการทางธรรมชาติท่ไี ม่ร้มู ากอ่ นว่าจะเกิดข้นึ เช่น จดุ พลิกผันของ ระบบนเิ วศ แหลง่ ตน้ ตอของเหตไุ มค่ าดฝนั อาจแบง่ ตามรายสาขาในแนวคดิ STEEP คอื สงั คม เทคโนโลยี เศรษฐกจิ สง่ิ แวดล้อมและการเมือง (society, technology, economy, environment, politics) อกี เกณฑห์ นง่ึ ในการแบง่ กลมุ่ เหตไุ มค่ าดฝนั คอื ผลกระทบของเหตกุ ารณ์ โดยอาจแบง่ ตามสาขาใน STEEP ทีไ่ ดร้ บั ผลกระทบและขอบเขตของผลกระทบวา่ ครอบคลุมวถิ ชี ีวติ ธุรกจิ และพืน้ ทก่ี ว้างใหญ่ ขนาดไหน ตวั อยา่ งเชน่ ในกรณีของการระบาดของซาร์ส (SARS-CoV) ใน พ.ศ. 2546 เมอร์ส (MERS- CoV) ใน พ.ศ. 2555 แม้มผี ลกระทบอยูม่ าก แตก่ จ็ �ำกดั อยู่ในวงแคบกว่าในกรณีของโควิด 19 ท้ังกับ ชีวิตคนท่ัวไป ธุรกิจท่ีได้รับผลกระทบ และขอบเขตพื้นท่ีที่ได้รับผลกระทบ ตามนิยามพนื้ ฐาน เหตไุ มค่ าดฝนั หมายถึงเหตกุ ารณท์ ม่ี คี วามเปน็ ไปไดต้ ่ำ� มาก แต่เหตุไมค่ าดฝนั แต่ละเหตุการณ์ก็มีระดับความเป็นไปได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระดับการรู้หรือไม่รู้ของมนุษย์เก่ียวกับ เหตุการณน์ น้ั โดยแบง่ ได้ 3 กลุ่มหลัก ไดแ้ ก่ 1. เหตกุ ารณท์ ร่ี วู้ า่ มเี กดิ ขนึ้ และคอ่ นขา้ งแนใ่ จวา่ จะเกดิ ขนึ้ อกี แตไ่ มร่ วู้ า่ จะเกดิ ขน้ึ เมอ่ื ไหร่ เชน่ ภยั ธรรมชาติตา่ ง ๆ อาทิ แผน่ ดนิ ไหว สึนามิ นำ�้ ทว่ มใหญ่

อนาคตศึกษา | 146 2. เหตุการณ์ที่คนทั่วไปไม่รู้ แต่เป็นท่ีรู้กันในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เช่น ผลกระทบของการ เปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ 3. เหตกุ ารณท์ โ่ี ดยพน้ื ฐานแลว้ ไมส่ ามารถรไู้ ดล้ ว่ งหนา้ แมแ้ ตผ่ เู้ ชยี่ วชาญไมม่ แี นวคดิ หรอื เครอื่ ง มอื ในการรถู้ งึ เหตกุ ารณน์ นั้ คอื สงิ่ ทเ่ี ราไมร่ วู้ า่ เราไมร่ ู้ หรอื unknown unknowns ความรู้หรือไม่รู้ดังกล่าวมีนัยเชิงจิตวิทยา บางเหตุการณ์เป็นสิ่งท่ีมนุษย์รับรู้อยู่แล้วและมีความ คิดและโลกทัศนเ์ กย่ี วกับเหตุการณ์นนั้ อยู่แลว้ เชน่ ภยั พบิ ัติธรรมชาติ แตเ่ หตุไมค่ าดฝันบางอย่างอาจ ดูเหมอื นขัดกบั สามัญส�ำนึกหรือแม้แต่สญั ชาตญาณของมนษุ ย์ แต่ไม่ไดเ้ ปน็ สง่ิ ท่เี ป็นไปไม่ได้ ในกรณีนี้ เส้นแบ่งระหว่างความเปน็ ไปได้กับความเป็นไปไม่ไดจ้ ึงอยู่ทวี่ ่า ณ เวลาน้นั มนษุ ย์หรอื สังคมนน้ั มีความ รเู้ กีย่ วกบั สง่ิ นัน้ หรอื ไม่ และมคี วามคดิ หรือโลกทศั นอ์ ยา่ งไรกับสง่ิ น้ัน เหตุไม่คาดฝันยังสามารถแบ่งได้ตามระดับความสามารถในการตัดสินใจของมนุษย์ ได้แก่ (1) เหตไุ มค่ าดฝนั ทเ่ี กดิ จากธรรมชาตทิ อี่ ยนู่ อกเหนอื ความสามารถและการตดั สนิ ใจของมนษุ ย์ (2) เหตุ ไม่คาดฝันท่ีเกิดจากมนุษย์โดยไม่ได้ต้ังใจ และ (3) เหตุที่เกิดจากมนุษย์โดยต้ังใจ เหตุไม่คาดฝันไม่ จ�ำกัดอยู่เพียงเหตกุ ารณ์ที่มผี ลลัพธ์ในเชงิ ลบ บางเหตุการณอ์ าจมีผลในเชงิ บวกได้ เช่น การคน้ พบทาง วิทยาศาสตร์โดยบงั เอญิ เชน่ ยาเพนนซิ ลิ นิ วัตถุระเบดิ ไดนาไมต์ สารออกฤทธต์ิ อ่ จติ ประสาทแอลเอสดี (LSD) เป็นต้น ประเภทของเหตุไม่คาดฝัน มีผลต่อภาพอนาคตหรือฉากทัศน์ที่อาจเกิดข้ึนได้ รวมถึง แนวทางการจินตนาการและวิธีการวิเคราะห์ภาพอนาคตท่ีอาจเกิดขึ้นตามสถานการณ์และสัญญาณท่ี อาจสามารถกวาดหาได้ก่อนหนา้ ทจ่ี ะเกดิ เหตุไมค่ าดฝนั (ตารางท่ี 9) ปตารระาเภงททข่ี 9องเหตุไม่คาดฝัน ดดั แปลงจาก iknowfutures.eu

147 | อนาคตศกึ ษา นอกจากน้ี เหตุไมค่ าดฝนั บางอย่างอาจขน้ึ อย่างฉับพลนั และมีผลกระทบท่เี หน็ ชดั เจนทันทีดังใน กรณขี องภัยพบิ ตั ิทางธรรมชาติและที่มนษุ ย์กอ่ ขนึ้ แตเ่ หตไุ มค่ าดฝันบางอยา่ งอาจใชเ้ วลาในการก่อตัว ขึ้นมาจนถงึ จุดพลกิ ผัน (tipping point) แล้วมผี ลกระทบในระยะกลางถงึ ระยะยาว ตวั อยา่ งในกรณี หลงั ไดแ้ ก่การคน้ พบทางวทิ ยาศาสตร์ การเปลยี่ นแปลงระบอบการปกครอง เปน็ ต้น ทฤษฎเี คออสกบั ทฤษฎีระบบซับซ้อน แนวคิดเหตุไม่คาดฝันในอนาคตศาสตร์มักอ้างอิงถึงทฤษฎีอลวนหรือเคออสและทฤษฎีระบบซับซ้อน (complex systems theory) ทั้งสองทฤษฎมี ผี ลอย่างมากตอ่ วงการศึกษาอนาคตทัง้ ในดา้ นกระบวน ทัศน์ ทฤษฎพี ื้นฐาน และวิธีการ ความตนื่ ตวั ในการพฒั นาทฤษฎเี คออสเกดิ ขน้ึ ในชว่ งกลางของศตวรรษที่ 20 เมอ่ื นกั วทิ ยาศาสตร์ หลายสาขาเริ่มยอมรับว่า ทฤษฎีที่เป็นไปตามระบบเชิงเส้น (linear system) ไม่สามารถอธิบาย พฤติกรรมจ�ำนวนมากในระบบธรรมชาติและระบบสังคม ประโยคหน่ึงที่ได้ยินอยู่ท่ัวไปและส่ือถึง ปรากฏการณต์ ามทฤษฎีเคออส คอื ปรากฏการณ์ \"ผีเสอื้ ขยับปกี ทำ� ใหเ้ กิดพาย\"ุ หรอื butterfly effect ปรากฏการณ์นี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในพ้ืนท่ีหน่ึงและเวลาหนึ่ง อาจท�ำให้เกิดการ เปลีย่ นแปลงอย่างมากในอีกพืน้ ทห่ี นึ่งและอีกเวลาหนึง่ ได้ ในเชิงคณติ ศาสตร์ ทฤษฎเี คออสใช้อธบิ าย ลักษณะพฤติกรรมของระบบพลวัตแบบไมเ่ ชงิ เส้น (non-linear) ท่ีเปลี่ยนแปลงตามเวลาและสถานท่ี แมว้ า่ รปู แบบและลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงในระบบตามทฤษฎเี คออสอาจดปู น่ั ปว่ นและเปน็ แบบ สมุ่ หรอื ไรร้ ะเบยี บ (random/stochastic) แตต่ ามนยิ ามแลว้ ระบบเคออสเปน็ แบบไมส่ มุ่ หรอื ระบบทมี่ ี ระเบยี บ (deterministic) และมคี วามไว (sensitive) ตอ่ สภาวะเรม่ิ ตน้ กลา่ วคอื ระบบ 2 ระบบทมี่ คี ณุ ลกั ษณะแบบเคออสอาจเรม่ิ ตน้ จากสภาวะทแี่ ตกตา่ งกนั เพยี งเลก็ นอ้ ย แตเ่ มอื่ เวลาผา่ นไปและระบบได้ เปลย่ี นไปสกั ระยะหนง่ึ สภาวะของระบบทงั้ สองจะแตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจน เนอ่ื งจากการเปลย่ี นแปลง น้ันสามารถสืบกลับไปที่สาเหตุต้นตอหนึ่งใดได้ จึงไม่ใช่ระบบแบบสุ่ม (random) แต่เป็นระบบท่ีมี ระเบียบและกำ� หนดได้ (deterministic) ทฤษฎีระบบซับซ้อนเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการพยากรณ์และคาดการณ์ ระบบซับซ้อนหมายถึงระบบที่องค์ประกอบจ�ำนวนมาก และองค์ประกอบเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกัน และกนั รปู แบบหนง่ึ ของระบบซบั ซอ้ นคอื โครงขา่ ยทม่ี จี ดุ ตอ่ (node) เปน็ องคป์ ระกอบของระบบ โดยท่ี เสน้ เชื่อมตอ่ ระหว่างจดุ ต่าง ๆ แสดงถงึ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งแตล่ ะจดุ ตอ่ ตวั อยา่ งระบบซับซอ้ นไดแ้ กภ่ ูมิ อากาศของโลก ระบบนิเวศ สมองมนุษย์ โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ และสงั คมของเมอื ง เปน็ ตน้ การคาด การณ์และพยากรณ์พฤติกรรมของระบบซับซ้อนท�ำได้ยาก เน่ืองจากความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ทั้ง ระหว่างองค์ประกอบภายในระบบ และระหวา่ งระบบกับสง่ิ แวดลอ้ มภายนอก คุณลกั ษณะเฉพาะของ ระบบซับซ้อน ได้แก่ ความไม่เป็นเส้นตรง (nonlinearity) ของความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ และพฤติกรรมของระบบ การปรับตัว (adaptation) และระบบการป้อนกลับ (feedback loops) คุณลักษณะเฉพาะเหล่าน้ีเป็นพื้นฐานหลักของการคาดการณร์ ะบบซบั ซ้อน

อนาคตศกึ ษา | 148 ทั้งทฤษฎีเคออสและทฤษฎีระบบซับซ้อนมีอิทธิพลต่ออนาคตศึกษา วิธีการศึกษาอนาคตหลาย วิธีต้ังอยู่บนกระบวนทัศน์ดังกล่าว ตัวอย่างหนึ่งคือแนวคิดเหตุไม่คาดฝันหรือไวลด์คาร์ดและแนวคิด หงส์ด�ำ (black swans) ทง้ั สองคำ� นสี้ อ่ื ถงึ เหตกุ ารณท์ ม่ี คี วามเปน็ ไปได้ตำ�่ ที่จะเกิดขึ้น แตถ่ า้ เกดิ ขึน้ แล้ว จะมผี ลกระทบสงู แนวคดิ นมี้ กั ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการคาดการณใ์ นการวางแผนยทุ ธศาสตรข์ ององคก์ ร เพอ่ื สามารถรบั มอื กบั เหตไุ มค่ าดฝนั ได้ ไวลดค์ ารด์ อาจสามารถคาดการณไ์ ดจ้ ากการวเิ คราะหส์ ญั ญาณออ่ น ที่เป็นข้อมลู ทไี่ ม่สมบูรณแ์ ละแยกสว่ น และสร้างฉากทศั น์เพอ่ื เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝนั ให้ดี ย่งิ ข้นึ แนวคิดไวลด์คาร์ดในอนาคตศึกษาได้รับการแพร่หลายจากหนังสือของจอห์น ปีเตอร์ซัน (John Petersen) ตามท่ีกล่าวถึงไปข้างต้น ตอ่ มา ใน พ.ศ. 2549 นกั อนาคตศกึ ษาชาวออสเตรเลยี ช่ือ มารค์ สั บารเ์ บอร์ (Marcus Barber) ไดน้ ำ� เสนอแนวคดิ ตารางผลกระทบเชงิ อา้ งองิ (Reference Impact Grid) ซง่ึ พฒั นาแนวคดิ ของปเี ตอรซ์ นั ใหค้ รอบคลมุ มากขน้ึ โดยระบถุ งึ ความออ่ นไหวเปราะบางของระบบ และ ปัจจัยทีอ่ าจทำ� ใหร้ ะบบโดยรวมไมม่ เี สถยี รภาพ ตามแนวคิดของปีเตอร์ซนั ไวลด์คารด์ เปน็ เหตุไมค่ าด คดิ ท่ีเกดิ ข้นึ คร้งั เดยี ว ส่วนตามแนวคิดของบารเ์ บอร์ ไวลค์ ารด์ ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นเหตุการณ์เดียวเสมอ ไป แต่อาจเป็นชุดเหตุการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกันท่ีท�ำให้เกิดผลกระทบหรอื ผลลพั ธ์แบบเดยี วกนั บาร์เบอร์ เรยี กชดุ ปรากฏการณน์ ว้ี า่ ชดุ ความไมต่ อ่ เนอ่ื งแบบลดระดบั (cascading discontinuity set) ซง่ึ หมาย ถึงเหตุการณ์เลก็ ๆ จำ� นวนหนงึ่ ทไี่ มไ่ ด้วางแผนหรือคาดคิดมากอ่ น แตส่ ่งผลใหร้ ะบบมคี วามไม่เสถยี ร จนทา้ ยท่สี ดุ ท�ำให้เกิดผลกระทบทไี่ ม่แตกต่างจากเหตกุ ารณใ์ หญท่ ีไ่ มค่ าดฝันเหตุการณ์หนงึ่ ได3้ 0 แนวคิด “หงส์ดำ� ” (Black Swan) มคี วามคล้ายกบั ไวลค์ าร์ด นาสซิม นโิ คลสั ทาเลบ (Nassim Nicholas Taleb) ใช้ค�ำว่าหงส์ด�ำในหนังสือชื่อ The Black Swan เพื่อสื่อถึงเหตุการณ์ท่ีคาดไม่ถึง และท�ำให้เกิดผลกระทบกับองค์กรหรือประเทศ แนวคิดนี้มีข้อแตกต่างจากแนวคิดไวล์คาร์ดตรงท่ี ปรากฏการณห์ งสด์ ำ� ถกู กำ� หนดไวแ้ ลว้ แมย้ งั ไมเ่ กดิ ขน้ึ ในปจั จบุ นั แตจ่ ะเกดิ ขน้ึ แนน่ อนในอนาคต แนวคดิ หงส์ด�ำอธิบายเหตุการณ์ท่ีมีผลกระทบสูง แต่เกิดขึ้นน้อยคร้ังมาก และยากที่จะคาดการณ์ด้วยกรอบ แนวคิดและทฤษฎที ี่มีอยเู่ ดิม เหตุการณห์ งส์ดำ� ยากท่จี ะคำ� นวณความเปน็ ไปได้ออกมาเปน็ ตัวเลขดว้ ย เครื่องมือเชิงวิทยาศาสตร์ เน่ืองจากมีโอกาสเกิดต่�ำมาก นอกจากนี้ในเชิงจิตวิทยา คนท่ัวไปมักไม่ให้ ความสนใจเทา่ ทคี่ วรกบั เหตกุ ารณท์ ไี่ มแ่ นน่ อนและเกดิ ขนึ้ ไดน้ อ้ ยครง้ั อยา่ งไรกต็ าม ขอ้ เสนอของทาเลบ ไมไ่ ดม้ งุ่ ไปทค่ี วามพยายามทจ่ี ะคาดการณเ์ หตกุ ารณท์ คี่ าดการณไ์ ดย้ ากมากหรอื แทบไมไ่ ดเ้ ลย แตเ่ สนอ ให้มุ่งความพยายามไปที่การสร้างขีดความสามารถท่ีจะจัดการกับผลกระทบเชิงลบเม่ือเกิดเหตุการณ์ นัน้ ขึ้น ไปพร้อมกบั การเพ่มิ โอกาสท่ีจะสร้างผลลพั ธ์ทพี่ งึ ประสงค์จากเหตกุ ารณ์เชิงบวกให้มากที่สดุ นัยและความส�ำคัญของเหตุไม่คาดฝันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคนและแต่ละองค์กรใน การเตรียมพร้อมรบั มอื กบั เหตุการณน์ ัน้ พร้อมกันน้ี การตดั สนิ ใจดังกลา่ วขึน้ อยู่กบั ระดบั ความเช่อื วา่ เหตุการณไ์ มค่ าดฝนั น้ันจะเกิดข้นึ จริงหรอื ไม่ และมีผลกระทบมากจริงหรือไม่ จากขอ้ สงั เกตดังกลา่ ว อีกเกณฑ์หนึ่งที่สามารถใช้ในการแบ่งกลุ่มเหตุไม่คาดฝันคือความน่าเช่ือถือ (credibility) ของแหล่ง ท่ีมาและข้อความเก่ียวกับเหตุไม่คาดฝันนั้น โดยเฉพาะจากมุมมองของผู้มีอ�ำนาจในการตัดสินใจ ดัง นั้น ความน่าเช่ือถือจึงย่อมข้ึนอยู่กับบริบทและเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละเรื่อง เหตุไม่คาดฝันที่มาจาก

149 | อนาคตศกึ ษา การวเิ คราะห์ของผู้เชยี่ วชาญคนหนง่ึ หรือกลุม่ หน่ึงในสาขาหรือพน้ื ท่หี นงึ่ อาจไม่ได้รับความเชอื่ ถอื เท่า กันในอีกสาขาหรอื พ้นื ท่หี น่ึง หรอื ไม่ได้รับความเชอื่ ถือจากกลมุ่ ผู้มอี ำ� นาจตัดสนิ ใจ ดว้ ยเกณฑด์ งั กล่าว เหตุไมค่ าดฝันสามารถแบง่ ออกเปน็ 4 กลมุ่ ไดแ้ ก3่ 1 1. ไวลค์ าร์ดแบบ 1: ความเปน็ ไปได้ต่�ำ ผลกระทบสูง ความน่าเช่อื ถอื สูง 2. ไวล์คาร์ดแบบ 2: ความเปน็ ไปไดส้ งู ผลกระทบสงู ความน่าเช่ือถือต่�ำ 3. ไวล์คาร์ดแบบ 3: ความเป็นไปไดส้ ูง ผลกระทบสูง ความน่าเชือ่ ถอื เป็นทีถ่ กเถยี งกัน 4. ไวล์คารด์ แบบ 4: ความเป็นไปได้สูง ผลกระทบสูง ความนา่ เช่ือถือสูง เหตุไม่คาดฝันโดยท่ัวไปคือแบบท่ี 1 คือเป็นเหตุการณ์ท่ียอมรับกันทั้งในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ มีสว่ นได้สว่ นเสยี หลกั วา่ เปน็ เหตุการณ์ทมี่ ีผลกระทบสูง แต่ความไปได้ต่ำ� สว่ นเหตไุ มค่ าดฝันแบบท่ี 2 ถงึ 4 นน้ั เป็นเหตกุ ารณท์ ม่ี ีความเปน็ ไปได้สงู ผลกระทบสงู แต่มีระดับความเช่อื ถอื ท่ีแตกตา่ งกนั ออก ไป แบบที่ 2 คอื เหตกุ ารณท์ ่ผี เู้ ชย่ี วชาญวเิ คราะห์แลว้ ว่ามโี อกาสเกิดข้นึ ได้สูง แตค่ นที่ไม่ใชผ่ ู้เช่ยี วชาญ ไม่เชื่อว่าจะเกดิ ขนึ้ ได้จรงิ ส่วนแบบท่ี 3 คือเหตกุ ารณท์ ่ีประชาชนทวั่ ไปเร่ิมตระหนกั ถึงเหตุการณ์ดัง กล่าวมากพอที่ท�ำให้เกิดการอภิปรายกันในวงกว้าง แม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปเก่ียวกับความน่าเชื่อถือเก่ียว กบั การเกดิ ขึ้นของเหตุการณ์น้ัน สำ� หรับแบบท่ี 4 น้ัน คอื เหตุการณ์ทเ่ี ชื่อกนั ท่ัวไปแล้ววา่ มีความเป็น ไปได้สงู ท่ีจะเกิดขึน้ การแบง่ กลมุ่ ดงั กลา่ วเปน็ ไปตามแนวคดิ เสน้ การอบุ ตั ใิ หมข่ องประเดน็ (Issue Emergence) และ วิวัฒนาการของความชอบธรรมเชิงนโยบาย (policy legitimization) ซึง่ เสนอโดย แกรม มอลเิ ตอร์ (Graham Molitor) ใน พ.ศ. 252032 ตามแนวคิดน้ี ประเดน็ ท่ีเกิดขึน้ ใหมแ่ ละกลายเปน็ เรือ่ งส�ำคญั ใน เชงิ นโยบายมกั ผา่ นขัน้ ตอนของการตระหนักรู้และความเห็นของกลมุ่ คนต่าง ๆ ผ่านทางช่องทางส่ือที่ แตกต่างกันออกไป ตามที่แสดงอยู่ในแผนภาพข้างล่าง จุดเริ่มต้นคือแนวคิดท่ีอภิปรายกันในกลุ่มนัก วิจยั และผูเ้ ชย่ี วชาญ จากนั้นเร่ิมแพรห่ ลายและขยายขอบเขตไปยังกลุม่ ผนู้ ำ� ทางความคดิ ตามด้วยการ ถกเถียงกันในกลุ่มประชาชนท่ัวไปในช่วงต่อมา จากน้ันจึงกลายเป็นประเด็นเชิงนโยบายท่ีรัฐบาลให้ แแนผวนคภดิาเพสท้นี่ ก1า5รอุบตั ใิ หม่ของประเด็น ดัดแปลงจาก iknowfutures.eu

อนาคตศึกษา | 150 ความสนใจและเกดิ การถกเถยี งกนั จนกลายเปน็ นโยบายและกฎหมายใหมข่ นึ้ มา ตามแนวคดิ นี้ เหตไุ มค่ าดฝนั กม็ วี วิ ฒั นาการคลา้ ยกนั กลา่ วคอื ในชว่ งแรกเปน็ เหตกุ ารณท์ ใี่ นกลมุ่ ผู้ เชย่ี วชาญเชอื่ วา่ มคี วามเปน็ ไปไดส้ งู ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ แตไ่ มไ่ ดร้ บั ความเชอ่ื ถอื ในกลมุ่ ผมู้ อี ำ� นาจตดั สนิ ใจ จาก นนั้ จงึ เรม่ิ มกี ารถกเถยี งกนั ในวงกวา้ งมากขนึ้ จนกลายเปน็ ประเดน็ เชงิ นโยบายตอ่ ไปในทสี่ ดุ ตวั อยา่ งของ ววิ ฒั นาการของแนวคดิ ในลกั ษณะนค้ี อื แนวคดิ การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ซงึ่ ในชว่ งแรกเปน็ เพยี ง ขอ้ เสนอเชงิ วิชาการ แตต่ ่อมามีการถกเถียงกัน จนในปัจจุบันใน พ.ศ. 2563 รฐั บาลหลายประเทศเริม่ ดำ� เนนิ นโยบายและออกกฎหมายทเี่ กี่ยวข้องกบั การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ข้นั ตอนและวธิ กี าร การแบ่งกลุ่มข้างต้นสะท้อนถึงความจ�ำเป็นในการสร้างกระบวนการวิเคราะห์และติดตามเหตุการณ์ ที่อาจกลายเป็นเหตุไม่คาดฝันท่ีมีผลกระทบสูง การวิเคราะห์เพื่อระบุถึงเหตุไม่คาดฝันแบ่งออกเป็น 4 ข้นั ตอนหลกั ตามค�ำถามส�ำคญั 4 ข้อ ได้แก3่ 3 1. การระบุเหตกุ ารณ์ (identification) เหตุไม่คาดฝันอะไรบ้างสามารถเกดิ ขึน้ ได้ 2. การประเมนิ และกลน่ั กรอง (assessment/filtering) เหตุไมค่ าดฝนั อะไรสำ� คัญทสี่ ดุ 3. การติดตาม (monitoring) เราสามารถคาดหมายและตดิ ตามเหตุการณ์นน้ั ไดห้ รือไม่ 4. ทางเลอื กในการดำ� เนนิ การ (options for action) เราเตรียมพรอ้ มรับมือไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง กระบวนการวิเคราะห์เหตุไม่คาดฝนั มีขนั้ ตอนโดยสังเขป ดงั นี้ การระบเุ หตกุ ารณ์ ความท้าทายหลักของข้ันตอนแรกคือการค้นหาและระบุเหตุการณ์ที่ไม่ได้เป็นภัยพิบัติหรือ เหตกุ ารณ์อันตรายเดมิ ๆ ท่ีร้กู นั อยแู่ ล้ว นักอนาคตศาสตร์หลายคนได้วเิ คราะห์และสรา้ งรายการของ เหตกุ ารณ์แบบไวลด์คาร์ดไวบ้ ้างแล้ว เช่น จอห์น ปเี ตอร์สัน (John Petersen) น�ำเสนอเหตุการณไ์ วล์ คารด์ ใน พ.ศ. 2540 ไว้ 78 เหตุการณ3์ 4 หลงั จากนนั้ ใน พ.ศ. 2546 อันเจลา สไตน์มลู เลอร์ (Angela Steinmüller) และคาร์ลไฮนส์ สไตน์มูลเลอร์ (Karlheinz Steinmüller) วิเคราะห์เหตุการณ์ไวลด์ คารด์ ใหม่และระบไุ ว้ 55 รายการ35 ท้ังนที้ งั้ นั้น จ�ำนวนและรายละเอยี ดของเหตกุ ารณ์แบบนีข้ ้ึนอย่กู ับ สถานการณ์ เงือ่ นไขและบรบิ ทของแตล่ ะพ้ืนทีแ่ ละแต่ละชว่ งเวลา วธิ กี ารทใ่ี ชใ้ นการคน้ หาและระบถุ งึ เหตไุ มค่ าดฝนั มหี ลากหลาย นบั ตง้ั แตก่ ารจดั ประชมุ ระดมสมอง การสมั ภาษณผ์ เู้ ชยี่ วชาญ และการสำ� รวจพน้ื ท่ี ไปจนถงึ การวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณใ์ นประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื หา บทเรยี นจากสง่ิ ทเ่ี คยเกดิ ขน้ึ มากอ่ นแลว้ เปรยี บเทยี บกบั สภาพการณใ์ นปจั จบุ นั เนอื่ งจากการคน้ หาเหตุ ไมค่ าดฝนั จ�ำเปน็ ตอ้ งใช้จนิ ตนาการสูง นิยายวิทยาศาสตร์ หรอื นิยายอ่นื ๆ ทีม่ ปี ระเดน็ และเนอื้ หาที่ ก้าวพน้ ไปจากกรอบแนวคิดด้งั เดิมท่วั ไป อาจชว่ ยในการวิเคราะห์หาเหตุไม่คาดฝันได้ การประเมินและกล่ันกรอง เม่ือระบุเหตกุ ารณ์ทไ่ี ม่คาดฝันได้มาจำ� นวนหนึ่งแล้ว ขน้ั ตอนต่อไปคือการประเมินและกลน่ั กรอง ว่า เหตกุ ารณไ์ หนทนี่ า่ จะมีผลกระทบสงู ต่อพนื้ ที่หรือกลมุ่ เป้าหมายและควรเตรยี มพรอ้ มต่อไป วธิ กี าร หนึ่งคือการคาดประมาณระดับผลกระทบออกมาเป็นข้อมูลเชิงปริมาณหรือตัวเลขที่วัดค่าได้ แล้วจัด

151 | อนาคตศึกษา ลำ� ดบั ความส�ำคญั ของเหตกุ ารณท์ ง้ั หมด กรอบแนวคดิ หนึง่ ทีป่ ระยกุ ต์ใช้ไดใ้ นการประเมนิ ผลกระทบ จากเหตกุ ารณไ์ ม่คาดฝนั คือลำ� ดับความส�ำคญั ของผลกระทบตอ่ มนษุ ย์ ซ่งึ มีอยู่ 4 ระดับ ดงั น3ี้ 6 1. ตวั ตน (being) ประกอบดว้ ยการรบั รู้ คณุ ค่าและคา่ นยิ ม สขุ ภาพและสขุ ภาวะ และสภาพ แวดล้อมรอบตวั 2. การด�ำรงชีวิต (sustenance) ประกอบด้วยต�ำแหน่งท่ีต้ังของท่ีอยู่อาศัย ปริมาณและ คุณภาพของอาหารและนำ้� พลังงาน และการขนสง่ เดินทาง 3. การกระท�ำ (actions) ประกอบด้วยความสัมพันธ์กับผู้อ่ืน การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคน หรอื องคก์ ร และการใช้เวลาในการทำ� งานและสนั ทนาการ 4. เคร่ืองมือ (tools) คือส่ิงท่ีมนุษย์ใช้เพ่ือท�ำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายและมีความหมาย มากขนึ้ เช่น เคร่ืองมือและเทคโนโลยใี นการสอ่ื สาร เรยี นรู้ ผลติ และกระจายสงิ่ ของ สินค้า และการบรกิ าร เหตุการณ์หรือปัจจัยที่ไม่คาดฝันอาจมีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดและรวดเร็วในระดับเคร่ืองมือ และการกระทำ� ของมนษุ ย์ แตผ่ ลกระทบนน้ั อาจไมล่ กึ หรอื กวา้ งในระดบั ผลกระทบตอ่ การดำ� รงชวี ติ และ ความเป็นตวั ตนของมนษุ ย์ การวเิ คราะหผ์ ลกระทบของเหตุไมค่ าดฝนั จึงตอ้ งค�ำนงึ ถงึ ระดับของผลกระ ทบดงั กลา่ วใหช้ ดั เจน ในการวเิ คราะหค์ า่ ผลกระทบ เหตกุ ารณใ์ ดมผี ลตอ่ ความเปน็ ตวั ตนมากเทา่ ไหรจ่ ะ ย่ิงมีค่าผลกระทบสูงมากข้ึนเท่านั้น สูตรหนึ่งท่ีนักอนาคตศาสตร์เสนอให้ใช้ในการประเมินผลกระทบ ของเหตุไม่คาดฝนั คือ ระดบั ผลกระทบอาร์ลงิ ตนั (Arlington Impact Index)37 ซง่ึ แบ่งผลกระทบออก เปน็ 3 องคป์ ระกอบคอื ระบบมนษุ ย์ นัยของผลกระทบ และอตั ราการเปลี่ยนแปลงโดยมสี มการดงั นี้ ระดIAับIผล=กรVะท+บ T+ Op + P + O+ ΔC+ R = ความเปราะบาง + จังหวะเวลา + การต่อตา้ น + อิทธิพล + ผลผลติ + อัตราการเปลีย่ นแปลง + ขอบเขต ระบบมนุษย์ (human systems) ความเปราะบาง (Vulnerability) คำ� ถามหลกั ในการวเิ คราะหส์ ว่ นนค้ี อื กลมุ่ หรอื ระบบเปา้ หมาย ของการวเิ คราะหม์ คี วามเปราะบางตอ่ เหตกุ ารณน์ นั้ มากนอ้ ยขนาดไหน และมคี วามสามารถในการฟน้ื ตวั กลบั ได้ดขี นาดไหน จังหวะเวลา (Timing) จังหวะเวลาที่เหตุการณ์น้ันเกิดขึ้นมีผลต่อระดับผลกระทบ มนุษย์อาจ เรยี นรู้และสร้างเคร่ืองมอื ในการรับมือกับเหตุการณห์ นึง่ ได้ แต่ตอ้ งใชเ้ วลา ดังนน้ั ถา้ เหตกุ ารณ์น้ันเกิด ขน้ึ ก่อนท่ีมนุษย์จะพรอ้ มรบั มอื อาจทำ� ให้ผลกระทบรนุ แรงกว่าถา้ เกิดขน้ึ ในภายหลงั ในทางกลบั กนั ในบางกรณี ถ้าเหตุการณ์เกิดข้ึนก่อนอาจมีผลกระทบน้อย เนื่องจากมนุษย์ยังไม่ต้องพ่ึงพิงสิ่งน้ันมาก แตถ่ ้าปล่อยเวลาให้ยาวนานไป อาจท�ำใหผ้ ลกระทบสงู เพราะทุกคนต้องพึ่งพาสง่ิ น้นั ตัวอย่างหนึ่งคอื การล่มของระบบอนิ เทอร์เนต็ ทีเ่ กดิ ขนึ้ เมื่อ 20 ปีก่อนกับปัจจบุ นั ยอ่ มมีผลกระทบท่แี ตกต่างกนั มาก

อนาคตศกึ ษา | 152 การต่อต้าน (Opposition) เหตุการณ์นั้นจะถูกต่อต้านหรือขัดขืนจากคนหรือกลุ่มคนมากน้อย เท่าใด ระดบั การต่อตา้ นจะมผี ลตอ่ ระดบั ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเปา้ หมาย อิทธิพล (Power) เหตุการณ์น้ันมีอิทธิพลต่อความเป็นตัวตน การด�ำรงชีวิต การกระท�ำและ เคร่อื งมอื ของมนุษยเ์ ท่าใด ยง่ิ มอี ิทธพิ ลต่อความเป็นตวั ตนมากเทา่ ใด ย่ิงมีผลกระทบสูงเทา่ นั้น นัยของผลกระทบ (implications) ขอบเขต (reach) ผลกระทบมีขอบเขตกวา้ งเทา่ ใด อยู่ไหนระดับไหน ระดบั รายบุคคล ครอบครัว ชมุ ชน ท้องถิ่น ประเทศ หรือโลก ผลลัพธ์ (Outcome) เราสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ล่วงหน้าได้เท่าใด ความสามารถในการรับมือ และจัดการกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันข้ึนอยู่กับการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายเก่ียวกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ย่ิงผลลัพธไ์ ม่แน่นอนเท่าใด ยิง่ เกิดปฏกิ ิรยิ าตอบรับทีไ่ มม่ ปี ระสทิ ธิภาพและว่นุ วายเทา่ น้นั อัตราการเปลี่ยนแปลง อตั ราการเปลยี่ นแปลง (Rate of change) เหตไุ ม่คาดฝนั มกั เกิดข้ึนอยา่ งรวดเรว็ เกนิ กว่าทีร่ ะบบ ท่ีมีอยู่แต่เดิมสามารถปรับตัวและรับมือได้ การระดมทรัพยากรเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ท่ีไม่คาดคิดมา กอ่ นจะทำ� ไดย้ ากถา้ หากไม่เตรยี มตวั ไว้ เนื่องจากการปรบั ตัวและปรับเปลีย่ นองคป์ ระกอบในระบบมกั ประสบกบั อปุ สรรคและความเฉือ่ ยท่มี อี ยแู่ ต่เดมิ ในระบบน้นั การติดตาม วัตถุประสงคห์ ลักของการสรา้ งระบบการตดิ ตาม (monitoring) คือการลดระดบั ความไม่คาดฝัน ของเหตกุ ารณห์ นง่ึ ลงใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ สำ� หรบั เหตไุ มค่ าดฝนั ทเี่ คยเกดิ ขนึ้ แลว้ วธิ กี ารหลกั ของการตดิ ตาม คือการสงั เกตและวเิ คราะห์จากเงอ่ื นไขและบริบทท่มี ีอย่ขู องการเกิดเหตุการณ์ แต่ในกรณีของส่ิงทีเ่ รา ไม่ร้วู า่ เราไมร่ ู้ (unknown unknowns) เราย่อมไม่สามารถติดตามเหตุการณน์ ั้นได้ จนกระทัง่ สามารถ สังเกตเหน็ เปน็ สญั ญาณอ่อนทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ว่า โอกาสในการเกิดเหตไุ มค่ าดฝนั นัน้ มีความเปน็ ไปไดม้ าก ข้ึน ดังน้ัน การติดตามในกรณีน้ีจึงหมายถึงการค้นหาและระบุถึงสัญญาณอ่อน และคอยสังเกตและ จับตามองการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์เหล่าน้ัน แม้ว่าการสร้างระบบติดตามเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และสัญญาณอ่อนเป็นส่ิงที่ยาก แต่นักอนาคตศาสตร์จ�ำนวนหน่ึงเช่ือว่า การพัฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ โดยเฉพาะระบบอินเทอร์เน็ตและการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว ไดเ้ พมิ่ ขีดความสามารถในการระบุถงึ สญั ญาณออ่ นให้ดยี ิ่งขึน้ ทางเลือกในการด�ำเนินการ การเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันจ�ำเป็นต้องใช้แนวคิดและแนวทางที่หลากหลายและ หลดุ ออกจากกรอบ (out-of-the-box) ทัง้ ความคิดเชิงระบบ ความคดิ เชงิ สร้างสรรค์ และจนิ ตนาการ วตั ถุประสงคห์ ลักของการด�ำเนินการคอื เพอื่ หลกี เล่ียงเหตุไม่คาดฝนั ก่อนที่จะเกดิ ข้นึ ถา้ เป็นเหตุการณ์ ท่ไี ม่พงึ ประสงค์ แตถ่ า้ เปน็ เหตุการณ์ท่ีพึงประสงค์ วัตถุประสงค์คือเพือ่ หาช่องทางกระตนุ้ ให้เหตุการณ์ นั้นเกิดขึ้นจริง อีกวัตถุประสงค์หน่ึงคือเพ่ือบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถ้าหลีกเลี่ยง

153 | อนาคตศกึ ษา เหตกุ ารณ์น้ันไม่ได้ และเพื่อปรบั เปลีย่ นระบบเพื่อรบั มอื กับเหตุการณ์ดังกล่าว แนวคดิ น้คี ลา้ ยคลงึ กับ กรอบแนวคิดท่มี ีอยู่ในการเตรียมพรอ้ มรับมือกับภยั พิบัติ คอื การป้องกนั (prevention) การบรรเทา ผลกระทบ (mitigation) และการปรับตัว (adaptation) ในปัจจุบัน ระบบการวิเคราะห์และติดตามเหตุไม่คาดฝันได้รับการพัฒนาให้ท่ีมีประสิทธิภาพ มากขึ้น ท้ังการสร้างฐานข้อมูลเหตุไม่คาดฝนั (Wild Card databases) ระบบอนิ เทอรเ์ น็ตทรี่ วบรวม และประเมินเหตุไม่คาดฝัน และระบบการเตือนภัยล่วงหน้าท่ีติดตามสัญญาณอ่อนที่อาจกลายเป็น เหตไุ มค่ าดฝันตอ่ ไปได้ ตวั อย่างของระบบทมี่ ีองคป์ ระกอบครบทัง้ สามสว่ นน้คี ือ โครงการ iKnow ของ ประชาคมยุโรป (http://wiwe.iknowfutures.eu/) ซ่งึ ประกอบดว้ ย iBank หรือ WI-WE Bank ซง่ึ รวบรวมสัญญาณอ่อนและเหตุไม่คาดฝัน จากการสืบค้นเม่ือวันท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2563 ระบบ ฐานข้อมูลดังกล่าวระบุเหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้ท้ังหมด 29,613 รายการ และสัญญาณอ่อน 38,363 รายการ รายการเหลา่ นว้ี เิ คราะหแ์ ละประเมนิ โดยสมาชกิ ในเครอื ขา่ ย ซงึ่ มมี ากถงึ 18,679 คน38 ในการ สรา้ ง WI-WE Bank โครงการ iKNOW ใชว้ ธิ กี ารทหี่ ลากหลายในการกวาดสญั ญาณหาเหตไุ มค่ าดฝนั และ สญั ญาณออ่ น นบั ตง้ั แตก่ ารกวาดสญั ญาณอยา่ งเปน็ ระบบจากผลลพั ธข์ องโครงการวจิ ยั และคาดการณท์ งั้ ในยโุ รปและทัว่ โลก การสมั ภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการคาดการณ์ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และการวจิ ัย ในหวั ขอ้ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง การประชมุ วชิ าการและการปฏบิ ตั กิ าร รวมถงึ การสำ� รวจทง้ั ออฟไลนแ์ ละออนไลน์ ตวั อยา่ งของเหตไุ ม่คาดฝนั ในฐานขอ้ มลู WI-WE Bank ไดแ้ ก่ การระบาดของไวรัส ภเู ขาไฟระเบดิ ครั้งใหญ่ การค้นพบอารยธรรมต่างดาว การพัฒนาเม็ดเลือดแดงเทียมที่มีคุณลักษณะเหมือนของจริง การควำ�่ บาตรของสหประชาชาตติ อ่ สหรฐั อเมรกิ า การลม่ ของอนิ เทอรเ์ นต็ และไมส่ ามารถกฟู้ น้ื คนื กลบั มาได้ สงครามระหว่างชนเผา่ ใหม่ในเมือง เทคโนโลยีการแพทย์รักษาโรคส�ำคัญเกือบทั้งหมดในยุโรป การสิ้นสุดของโลกาภิวตั น์ เป็นตน้

อนาคตศึกษา | 154 แบบจำ�ลองการตดั สินใจ วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาอนาคตและการคาดการณ์เชิงยุทธศาสตร์คือเพ่ือเตรียมพ้ืนฐาน ส�ำหรับการตัดสินใจ วิธีการแบบจ�ำลองการตัดสินใจมุ่งจ�ำลองพฤติกรรมการตัดสินใจที่เกิดข้ึนจริง ตามเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมา แล้วประเมินว่า ทางเลือกยุทธศาสตร์ไหนดีที่สุดตามเกณฑ์ดังกล่าว แต่ละ เกณฑ์อาจมีน้�ำหนักไม่เท่ากัน ข้ึนอยู่กับความส�ำคัญท่ีผู้เข้าร่วมกระบวนการให้กับแต่ละเกณฑ์ รวม ถึงความเป็นไปได้และปัจจัยความไม่แน่นอนในอนาคต แบบจ�ำลองการตัดสินใจใช้อย่างแพร่หลาย ในงานคาดการณ์ โดยมีความหลากหลายของวิธกี าร หวั ขอ้ เกณฑท์ ่ีใช้ในการประเมิน และวิธีการวดั โดยพ้ืนฐาน แบบจำ� ลองการตดั สนิ ใจเป็นไปตามกรอบทฤษฎอี รรถประโยชน์ (utility theory) ที่เสนอว่า คนที่ตัดสินใจด้วยหลักเหตุผล (rationality) จะเลือกสินค้า นโยบาย หรือกิจกรรมท่ีตรง ตามเกณฑท์ ่ตี ัง้ ไว้มากที่สดุ แบบจ�ำลองการตดั สนิ ใจใชท้ ่ัวไปในการวิเคราะห์ระบบ ทง้ั น้ี พฤตกิ รรม ของระบบโดยมากก�ำหนดโดยการตัดสินใจของปัจเจกบุคคล กลุ่มคนหรือองค์กรที่อยู่ในระบบน้ัน เช่น พฤติกรรมในตลาดหนุ้ เกิดจากการตดั สินใจของผู้ซื้อผขู้ ายห้นุ การตดั สนิ ใจในการประกอบธรุ กิจ ของบรษิ ทั ในตลาดหนุ้ รวมไปถงึ การตดั สนิ ใจทางนโยบายของรฐั บาล สว่ นพลวตั ระบบประชากรของ ประเทศขนึ้ อยกู่ บั การตดั สนิ ใจในการแตง่ งานและการมลี กู ของคนแตล่ ะวยั รวมถงึ การยา้ ยเขา้ ยา้ ยออก และนโยบายคนตา่ งดา้ วของรฐั บาลในแตล่ ะประเทศ สำ� หรบั ในระบบการขนสง่ ในเมอื ง พฤตกิ รรมการ เดินทางขน้ึ อยกู่ ับการตดั สนิ ใจของคนเมอื งในการเลอื กทีอ่ ยอู่ าศยั การเลอื กแหลง่ งาน รวมถงึ พาหนะ ทเ่ี ลอื กใชใ้ นการเดนิ ทาง จากตวั อยา่ งเหลา่ นี้ เหน็ ไดว้ า่ การทำ� ความเขา้ ใจในพฤตกิ รรมของระบบหนงึ่ จำ� เปน็ ตอ้ งเขา้ ใจในธรรมชาติของการตดั สินใจขององคป์ ระกอบอน่ื ในระบบน้ัน แบบจำ� ลองการตดั สนิ ใจมกั เรม่ิ จากการตงั้ เกณฑก์ ารตดั สนิ ใจ แลว้ ประเมนิ ทางเลอื กในการตดั สนิ ใจ หรอื ในทางกลบั กนั อาจวเิ คราะหผ์ ลการตดั สนิ ใจ แลว้ จงึ ยอ้ นกลบั ไปหาเกณฑท์ แ่ี ตล่ ะคนไดต้ งั้ ไว้ ใน กรณนี ี้ แบบจำ� ลองจะแสดงกระบวนการตดั สนิ ใจของผตู้ ดั สนิ ใจทมี่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมของระบบโดยรวม ผตู้ ดั สนิ ใจมตี ง้ั แตผ่ บู้ รโิ ภค ผนู้ ำ� องคก์ ร ไปจนถงึ นกั การเมอื ง ฯลฯ ขอ้ สมมตหิ ลกั ของแนวทางวเิ คราะห์ แบบนี้คอื ผูต้ ัดสนิ ใจค�ำนงึ ถงึ ปัจจัยต่าง ๆ ในการประเมนิ ทางเลือกทีม่ อี ยู่ และทางเลอื กที่ได้ตัดสนิ ใจ เลอื กนนั้ โดยรวมสรา้ งอรรถประโยชนม์ ากกวา่ ทางเลอื กอนื่ ถงึ แมว้ า่ ผตู้ ดั สนิ ใจอาจไมไ่ ดแ้ จกแจงเกณฑ์ หรือปัจจัยท่ีใช้ในการตัดสนิ ใจออกมาทัง้ หมด แล้วชั่งน้ำ� หนักและประเมนิ ทางเลอื กกต็ าม แตถ่ ือวา่ ได้ คิดค�ำนึงถงึ คุณคา่ หรืออรรถประโยชนท์ ่ีใหก้ ับแต่ละปัจจัยไปแลว้

155 | อนาคตศึกษา ในการตัดสินใจแต่ละครั้ง การก�ำหนดว่าทางเลือกไหนดีที่สุดนั้นจะข้ึนอยู่กับการเปรียบเทียบ คณุ คา่ ทีใ่ ห้กบั แตล่ ะเกณฑด์ ้วย เช่น ทางเลอื กบางอย่างอาจตน้ ทนุ ต�่ำ แตใ่ หผ้ ลตอบแทนนอ้ ยกว่าบาง ทางเลอื กทตี่ น้ ทนุ สงู แตใ่ หป้ ระโยชนส์ งู กระบวนการตดั สนิ ใจในแนวทางนต้ี อ้ งเลอื กใหน้ ำ�้ หนกั ระหวา่ ง เกณฑแ์ ตกตา่ งกนั ซึ่งข้ึนอยกู่ บั สถานการณ์และคณุ คา่ ของผู้ตดั สนิ ใจ นักวิเคราะห์ในหลายศาสตร์ได้พัฒนาเทคนิคที่หลากหลายในการสร้างแบบจ�ำลองการตัดสินใจ ตัวอย่างหน่ึงในด้านการตัดสินใจของผู้บริโภคคือวิธีการวัดร่วม (conjoint measurement) ซึ่งให้ผู้ ตอบแสดงความเห็นในการตัดสินใจเก่ียวกับความต้องการหรือความพึงพอใจของตนเองเก่ียวกับองค์ ประกอบหรอื คณุ ลกั ษณะทผี่ สมรวมกนั ของสนิ คา้ ทตี่ อ้ งการวเิ คราะห์ วตั ถปุ ระสงคค์ อื เพอื่ วเิ คราะหว์ า่ องคป์ ระกอบหรอื คณุ ลกั ษณะสนิ คา้ ใดทผ่ี บู้ รโิ ภคพงึ พอใจมากทสี่ ดุ แนวคดิ ทเ่ี ปน็ พนื้ ฐานของวธิ กี ารวดั รว่ มคอื ถา้ เปน็ คำ� ถามตรง ๆ วา่ ชอบคณุ ลกั ษณะหรอื องคป์ ระกอบไหนอยา่ งไร ผบู้ รโิ ภคอาจไมส่ ามารถ อธบิ ายวา่ ตนเองไดร้ วบรวมและประมวลคณุ ลกั ษณะของสินคา้ มาอย่างไร กอ่ นที่จะตดั สินใจเกย่ี วกับ สินค้านั้น การใช้วิธีการวัดร่วมสามารถอนุมานพฤติกรรมของแต่ละคนได้จากส่ิงท่ีแต่ละคนได้เลือกไป แทนที่จะให้แตล่ ะคนระบุถึงความส�ำคัญของแต่ละองค์ประกอบหรือคณุ ลักษณะแต่ละด้าน แบบจ�ำลองการตัดสินใจใช้อย่างแพร่หลายในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ เทคนิคหนึ่งที่ใช้กัน ทวั่ ไปคือตารางวิเคราะห์ยทุ ธศาสตร์ (Strategy Analysis Grid) ซง่ึ พฒั นาโดยเจอโรม เกลน (Jerome Glenn)39 ในการวิเคราะหแ์ ละประเมนิ ทางเลือกเชงิ ยุทธศาสตร์ท่วั ไป ยุทธศาสตรท์ จ่ี ดั อยใู่ นช่องด้าน บนซ้ายสุดสามารถด�ำเนนิ การได้ง่าย แตอ่ าจไม่มปี ระสิทธผิ ลเท่ากับยุทธศาสตรใ์ นช่องด้านลา่ งขวา ซงึ่ ยากกวา่ ในการด�ำเนินการ ตตวัารอายงา่ ทงี่ต1า0รางการวเิ คราะหย์ ุทธศาสตร์ ทม่ี า: The Futures Group International (2009a) ยกตวั อยา่ งเชน่ ถา้ เปา้ หมายของนโยบายอยทู่ กี่ ารลดการสง่ เสยี งดงั ภายในหอ้ งสมดุ ชอ่ งท่ี 1 หมาย ถึงยุทธศาสตร์ในใหข้ อ้ มลู กบั นกั ศึกษาและบคุ ลากร เช่น การตดิ โปสเตอร์หรือสติกเกอร์รณรงคก์ ารลด การใชเ้ สยี ง ตวั อยา่ งยทุ ธศาสตรใ์ นชอ่ งที่ 2 คอื การขอใหค้ นทสี่ ง่ เสยี งดงั ออกจากหอ้ งสมดุ สว่ นชอ่ งท่ี 3 เปน็ การสรา้ งระบบใหมข่ น้ึ มาแทนทร่ี ะบบเดมิ เชน่ สรา้ งระบบออนไลนท์ ที่ ำ� ใหไ้ มม่ คี วามจำ� เปน็ ตอ้ งมา ใชห้ อ้ งสมดุ โดยตรง หรอื ปรบั เปลย่ี นสง่ิ แวดลอ้ มในระบบ เชน่ เพมิ่ วสั ดปุ อ้ งกนั เสยี งบนผนงั หอ้ ง เปน็ ตน้ 40 ประโยชนห์ นงึ่ ของตารางรปู แบบดงั กลา่ วคอื สามารถเปรยี บเทยี บทางเลอื กตา่ ง ๆ ตามประสทิ ธผิ ลและ ความยากง่ายของการด�ำเนินงาน

อนาคตศกึ ษา | 156 อกี เทคนคิ หนงึ่ ทใ่ี ชต้ ารางในการวเิ คราะหท์ างเลอื กนโยบายคอื การประยกุ ตใ์ ชก้ รอบทฤษฎลี ำ� ดบั ขนั้ ความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's hierarchy of needs) โดยประเมินว่า แต่ละนโยบายหรือ ยุทธศาสตร์ท�ำให้เกิดผลลัพธ์ในด้านความต้องการของผู้คนท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างไรบ้าง ทั้งในเชิง บวกและเชิงลบ ดงั ท่แี สดงไว้ในตารางที่ 11 ตตวัารอายงา่ ทงี่ต1า1รางวิเคราะหค์ วามต้องการของมนษุ ย์และทางเลือกนโยบาย ทม่ี า: The Futures Group International (2009a) นอกจากน้ี เทคนิคการสรา้ งแบบจำ� ลองแบบ MULTIPOL ของมเิ ชล โกเดท์ (Michel Godet) เสนอใหใ้ ชข้ อ้ สมมตทิ ว่ี า่ บรบิ ทในอนาคตมมี ากกวา่ หนงึ่ ทางเลอื ก แทนทจ่ี ะเปน็ อนาคตเดยี วและมกี าร ใหค้ ณุ คา่ หนง่ึ เดยี ว การวเิ คราะหก์ ารตดั สนิ ใจตามเทคนคิ นจ้ี ะปรบั คา่ นำ�้ หนกั ของแตล่ ะการตดั สนิ ใจตาม บริบทในอนาคตทคี่ าดการณไ์ ว้ ตวั อยา่ งเชน่ ในการตัดสนิ ใจว่าจะซอ้ื รถยนต์ เกณฑด์ า้ นประสิทธิภาพ ของการใช้เช้ือเพลิงจะได้รับน�้ำหนักในการประเมินมากกว่าในกรณีท่ีเป็นฉากทัศน์อนาคตที่เน้นการ ประหยัดพลงั งานมากกว่าฉากทัศน์ที่ใช้พลังงานมาก เทคนคิ การประเมินนท้ี �ำใหม้ ีความยืดหยุ่นในการ วิเคราะหเ์ ปรยี บเทยี บผลลพั ธ์ของนโยบายไดต้ ามสถานการณใ์ นอนาคตทีห่ ลากหลาย ในปจั จบุ นั มโี ปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ช่ี ว่ ยในการตดั สนิ ใจอยพู่ อสมควร ซง่ึ โดยมากเปน็ ไปตามหลกั การเปรยี บเทยี บอรรถประโยชนข์ องแตล่ ะทางเลอื กของนโยบายตามเกณฑท์ มี่ กี ารถว่ งนำ้� หนกั ทตี่ า่ งกนั หรืออาจใช้การวิเคราะห์ร่วม (conjoint analysis) เพ่ือระบุระดับความพึงพอใจและแจกแจงเกณฑ์ และน้�ำหนักท่ีให้กับแต่ละเกณฑ์ บางระบบมีฟังก์ช่ันการประเมินความเส่ียงและประมาณระดับความ เสี่ยงด้วยการจ�ำลองสถานการณ์แบบมอนติคาร์โลในรูปแบบคล้ายคลึงกับการวิเคราะห์ผลกระทบต่อ แนวโนม้ (Trend Impact Analysis) ตัวอย่างของโปรแกรมซอฟตแ์ วร์แบบจำ� ลองการตดั สนิ ใจมดี ังน้ี • LOGICAL DECISIONS (http://www.logicaldecisions.com/) • DECISIONTOOLS® (http://www.palisade.com/decisiontools_suite/) • EXPERT CHOICE (http://www.expertchoice.com/) • Vanguard Software Corporation, (http://www.vanguardsw.com/solutions/appli- cation/decision-support/) • Question Pro (http://www.questionpro.com/info/contactUs.html) • Sawtooth Software (http://www.sawtoothsoftware.com/education/techpap. shtml)

157 | อนาคตศึกษา แบบจ�ำ ลองทางสถติ ิ แบบจำ� ลองทางสถิติ (statistical modeling) เป็นหน่ึงในวธิ กี ารพยากรณแ์ ละคาดการณ์อนาคตทีไ่ ด้ ความนยิ มและแพรห่ ลายมากทส่ี ดุ ในแทบทกุ ศาสตรแ์ ละสาขา ไมว่ า่ จะในสาขาวทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ วทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ และสงั คมศาสตร์ แบบจำ� ลองทางสถติ สิ ำ� หรบั การศกึ ษาอนาคตครอบคลมุ ทกุ วธิ ี การทอี่ ยบู่ นพน้ื ฐานของตวั เลขและคณติ ศาสตร์ โดยมที ง้ั ทเี่ ปน็ แบบจำ� ลองอนกุ รมเวลา (time series) และแบบจำ� ลองสถานการณ์ (simulation modeling) แบบจำ� ลองอนกุ รมเวลาใชส้ มการคณติ ศาสตร์ ที่อธิบายชดุ ขอ้ มลู ในอดีตเกี่ยวกับปัจจัยหนึ่งได้อย่างเหมาะสมทสี่ ดุ วิธีการทีง่ ่ายทส่ี ุดคอื สมการอยา่ ง งา่ ยทล่ี ากเสน้ ตรงหรอื เสน้ โคง้ ทลี่ ดความคลาดเคลอ่ื น (error) ระหวา่ งชดุ ขอ้ มลู กบั เสน้ ทล่ี ากไดใ้ หเ้ หลอื นอ้ ยท่ีสุด สว่ นแบบจ�ำลองที่ซับซอ้ นกวา่ นัน้ จะมงุ่ ใช้สมการคณติ ศาสตร์ทลี่ ดความคลาดเคล่อื นสะสม (cumulative error) ระหว่างขอ้ มูลทม่ี อี ยู่กับขอ้ มูลทส่ี ร้างขึ้นมา (reconstructed data) ขอ้ มูลที่ ใชอ้ าจเป็นคา่ เฉลย่ี เชงิ สถติ ย์ (static average) หรอื ปรบั ขอ้ มูลให้เรียบ (smooth) มากขึ้นโดยการ ใช้วิธีแบบค่าเฉล่ียเคลื่อนท่ี (moving average) หรือใช้ค่าเฉล่ียเคล่ือนท่ีแบบถ่วงน้�ำหนักซับซ้อน (Exponential Moving Average) ทีใ่ ห้ค่านำ้� หนกั มากกวา่ กบั ขอ้ มูลทใ่ี หม่กว่า เมื่อสมการทส่ี ร้างข้ึน สอดคล้องอย่างดกี บั ข้อมลู จรงิ (good fit) จะสามารถใชแ้ บบจ�ำลองนั้นในการพยากรณ์อนาคตตอ่ ไป สว่ นการสร้างแบบจำ� ลองสถานการณ์ครอบคลุมเทคนิควธิ ีการหลายแนวทางด้วยกนั อาทิ การ วิเคราะหถ์ ดถอยพหุคูณ (multiple regession) แบบจำ� ลองสถานการณ์ (simulation modeling) และแบบจำ� ลองพลวตั ระบบ (system dynamics modeling) การวเิ คราะหถ์ ดถอยพหคุ ณู มงุ่ ศกึ ษา ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรตน้ หรอื ตวั แปรอสิ ระ ซง่ึ อธบิ ายรปู แบบหรอื คณุ ลกั ษณะของตวั แปรตาม สมการถดถอยอาจเปน็ แบบเส้นตรง (linear) หรือเป็นแบบไม่เป็นเส้นตรง (nonlinear) และพหนุ าม (polynomial) สมการถดถอยอาจเปน็ แบบตดั ขวาง (cross-sectional) ทแี่ สดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ตวั แปร ณ จุดเวลาหนงึ่ หรอื เปน็ แบบอนกุ รมเวลาทแ่ี สดงความสัมพนั ธ์ท่เี ปลีย่ นไปตามช่วงเวลาด้วย การพยากรณ์หรือคาดการณ์ไปยังอนาคตย่อมเป็นการวิเคราะห์เชิงอนุกรมเวลาโดยอัตโนมัติ ใน หลายกรณี ตัวแปรตามของสมการหน่ึงเป็นตัวแปรต้นของอีกสมการหน่ึง จึงต้องสร้างสมการเกี่ยว เนอื่ ง (simultaneous equations) เพื่อแสดงความสัมพนั ธ์ของตัวแปรต่าง ๆ ในระบบท่ีซับซ้อน ดงั

อนาคตศึกษา | 158 ในกรณีของระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ วธิ ีการเหลา่ น้ีสามารถใช้ได้ในการวิเคราะหแ์ นวโนม้ จากอดีต และพยากรณ์แนวโน้มในอนาคต คณุ ลกั ษณะสำ� คญั ประการหนง่ึ ของการวเิ คราะหท์ างสถติ แิ บบอนกุ รมเวลาคอื สมการจะกำ� หนด โดยความสัมพันธ์เชิงสถิติท่เี ป็นมาแตอ่ ดีต ค่าสัมประสิทธขิ์ องแบบจำ� ลองจึงไมม่ คี วามหมายหรือมคี า่ ทางกายภาพ ในขณะที่ในแบบจ�ำลองพลวัตระบบนั้น สมการสร้างขึ้นมาเพื่อให้ลอกเลียนแบบการ ท�ำงานของระบบจรงิ ท่ตี อ้ งการศึกษา โดยแบ่งเป็นตวั แปรสองประเภทคือตวั แปรสตอ็ ก (stock) กบั ตัวแปรกระแสหรือโฟลว์ (flow) ซ่ึงสามารถใช้ได้ดีในการพยากรณ์การเปล่ียนแปลงในอนาคต ค่าสมั ประสิทธิ์ของแบบจ�ำลองจงึ มคี วามหมายในเชิงกายภาพจริงของระบบนนั้ เครอ่ื งมอื ทางสถติ ใิ นการศกึ ษาและคาดการณอ์ นาคตใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายในวงการวชิ าการและ วางแผนนโยบาย และเป็นประโยชน์อย่างยง่ิ ในการวจิ ัยอนาคต เน่ืองจากช่วยเพ่ิมความเข้าใจเกี่ยวกับ ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในอดีต อีกท้ังยังสามารถช่วยให้เห็นภาพของการพยากรณ์ในกรณีท่ี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างระบบและปัจจัยขับเคล่ือนส�ำคัญ หรือท่ีเรียกว่าสถานการณ์หรือ ฉากทัศนฐ์ าน (baseline situation/scenario) แตว่ ธิ กี ารทางสถติ เิ หลา่ นมี้ ขี อ้ จำ� กดั สำ� คญั หลายประการ ผศู้ กึ ษาอนาคตจงึ ตอ้ งพงึ ระวงั และเขา้ ใจ ในขอ้ จ�ำกดั เหลา่ นี้ ชดุ ข้อสมมตทิ ่ีสำ� คญั ของเคร่ืองมือทางสถติ คิ ือ (1) ข้อมูลทง้ั หมดที่จำ� เปน็ ในการ คาดการณส์ ามารถหาไดใ้ นขอ้ มลู จากอดตี (2) แบบจำ� ลองทส่ี รา้ งขนึ้ ดว้ ยขอ้ มลู จากอดตี สามารถแสดง โครงสรา้ งทแ่ี ทจ้ รงิ ของระบบทตี่ อ้ งการวเิ คราะห์ และ (3) โครงสรา้ งระบบทส่ี มมตไิ วใ้ นแบบจำ� ลองดว้ ย ขอ้ มลู จากอดตี จะไมเ่ ปลย่ี นแปลงไปในอนาคต ขอ้ สมมตเิ หลา่ นมี้ กั ไมร่ ะบไุ วอ้ ยา่ งชดั เจนในแบบจำ� ลอง ทเี่ หน็ อยทู่ วั่ ไป นกั วเิ คราะหโ์ ดยทวั่ ไปจงึ อาจมองขา้ มขอ้ สมมตสิ ำ� คญั เหลา่ นี้ แตเ่ นอื่ งจากเปน็ ขอ้ สมมตทิ ่ี ผลอยา่ งมากตอ่ การคาดการณแ์ ละการตคี วามจากผลการคาดการณ์ จงึ ตอ้ งใหค้ วามสนใจในเรอื่ งนม้ี าก ข้ึน ข้อสมมตดิ ังกลา่ วมผี ลอย่างยิ่งตอ่ ความนา่ เช่อื ถอื ของการใชส้ มการสถิติเชิงเด่ยี วในการพยากรณ์ ในปัจจุบัน มีการพัฒนาวิธีคาดการณ์ท่ีตระหนักถึงข้อสมมติน้ีและพยายามลดข้อจ�ำกัดที่เกิด ขึ้น หลักการพื้นฐานของการสร้างแบบจ�ำลองท่ีแก้ไขปัญหาข้างต้น โดยเฉพาะในการศึกษาอนาคต คือ การจ�ำลองสถานการณ์ต้องใกล้กับความเป็นจริงมากท่ีสุด โดยเปรียบเทียบโครงสร้าง องค์ ประกอบและเง่ือนไขของแบบจ�ำลองกับสภาพความเป็นจริงอยู่เสมอ โดยมีวัตถุประสงค์ไม่ใช่เพ่ือแค่ ให้เข้าใจว่าปรากฏการณ์น้ันเกิดข้ึนได้อย่างไร แต่เพ่ือพยากรณ์หรือคาดการณ์ด้วยว่า ปรากฏการณ์ นั้นจะเปลย่ี นแปลงไปอย่างไรในอนาคตภายในระดบั ความเช่อื มั่น (confidence level) ที่รับได้ ตาม แนวทางน้ี นักวิเคราะห์ต้องตรวจสอบข้อสมมติอยู่เสมอ และปรับเปล่ียนข้อสมมติและแบบจ�ำลอง ตามท่ีเหมาะสม และอาจต้องเก็บข้อมูลเพ่ิมเติม และวิเคราะห์ซ้�ำไปซ�้ำมาจนกระทั่งแบบจ�ำลองน้ัน สะท้อนปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมจริง ส�ำหรับในงานศึกษาอนาคต แบบจ�ำลองจะต้องมี “เวลา” เป็นตัวแปรอิสระหน่ึงที่ส�ำคัญ ดังนั้น เทคนิควิเคราะห์ทางสถิติใดท่ีเพียงแค่ศึกษาความสัมพันธ์เชิง สถิตริ ะหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม โดยไม่มกี รอบแนวคดิ ที่มี “เวลา” เปน็ ตวั แปรอสิ ระหน่งึ จะไม่ สามารถใช้ในการคาดการณไ์ ด้

159 | อนาคตศกึ ษา ในปัจจุบัน แบบจ�ำลองทางสถิติท่ีใช้ศึกษาอนาคตมักค�ำนึงถึงปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากขึ้น ท้ังใน การก�ำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบของแบบจ�ำลอง และการตีความและใช้ประโยชน์จากผลการ วิเคราะห์ ทั้งนี้ ผลการคาดการณ์ควรระบุระดับความเชื่อม่ันอยู่เสมอ ส�ำหรับวิธีการวิเคราะห์เชิง สถิติท่ีจ�ำลองสถานการณ์ ในการคาดการณ์ ผลการวิเคราะห์ต้องอธิบายทิศทางแนวโน้ม (trajecto- ries) ตามเง่ือนไขเริ่มต้น (initial conditions) ปัจจัยแทรกซ้อนจากภายนอก และการเปล่ียนแปลง ของปัจจัยภายในระบบ ไม่เช่นนั้น กรอบความคิดทางสถิติท่ีใช้จะเป็นแบบดีเทอร์มินิสติค (deterministic) ซ่ึงมีระเบยี บและก�ำหนดไดต้ ายตวั จงึ ไมเ่ ปิดกว้างส�ำหรับความไมแ่ นน่ อนทอี่ าจ เกิดข้ึนในอนาคต นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือทางสถิติในการคาดการณ์ปรากฏการณ์ในอนาคตท่ีมี ความไมแ่ นน่ อน ยงั ตอ้ งพจิ ารณาถึงการกระจายตวั ของความเปน็ ไปได้ (probability distributions) การคาดประมาณค่าพารามิเตอร์ (parameter estimation) และการพิสูจน์สมมตฐิ าน

อนาคตศึกษา | 160 การวเิ คราะหส์ ณั ฐานและ ตน้ ไมค้ วามเกย่ี วขอ้ ง การวางแผนยทุ ธศาสตรท์ งั้ ในระดบั องคก์ รและระดบั นโยบายการพฒั นาของประเทศมกั ประสบปญั หา และความท้าทายในโลกแห่งความเปน็ จรงิ ท่มี คี วามซับซอ้ น ซงึ่ ไมส่ ามารถหรอื ยากท่ีจะแสดงออกมา ในเชงิ ปรมิ าณเปน็ ตวั เลขทน่ี ำ� มาวเิ คราะหเ์ ปน็ แบบจำ� ลองคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทงั้ แบบตดั ขวางและอนกุ รม เวลา วิธีการท่ีใช้กันอยู่ท่ัวไปมักเป็นตามแนวคิดแบบลดทอนและย่อส่วนระบบลงเป็นองค์ประกอบ ยอ่ ย โดยแยกสว่ นสำ� คญั ออกจากสว่ นทไ่ี มส่ ำ� คญั และวเิ คราะหผ์ ลกระทบของปจั จยั สำ� คญั ตอ่ ผลลพั ธ์ ท่ีเกิดขึ้น แล้วจึงเสนอวิธีแก้ไขปัญหาตามแบบจ�ำลองท่ีสร้างขึ้น ข้อด้อยของแนวคิดและแนวทางน้ี คือ สถานการณ์จริงมักไม่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล แบบจ�ำลองจึงมักไม่สามารถอธิบายระบบท่ีซับซ้อน ได้ โดยเฉพาะในกรณที ป่ี จั จยั ทอี่ าจดไู มส่ ำ� คญั กลายเปน็ ปจั จยั สำ� คญั ขนึ้ มา นอกจากน้ี พฤตกิ รรมของ องคป์ ระกอบต่าง ๆ มักไมไ่ ดเ้ กดิ ขึ้นแบบแยกสว่ น แต่ขึ้นอยกู่ บั ความสัมพนั ธก์ ับองคป์ ระกอบอ่ืน ใน ระบบ จงึ อาจถูกละเลยในการวิเคราะหแ์ บบท่ัวไป การวิเคราะห์สัณฐาน (Morphological Analysis) เป็นทางเลือกหน่ึงในการวิเคราะห์ระบบ และปัญหาในรูปแบบดังกล่าว โดยวิเคราะห์หาโครงสร้างและความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ ของระบบสังคมและเทคโนโลยีท่ีมีความซับซ้อน และมีองค์ประกอบหลายมิติท่ีไม่สามารถแปล ออกมาเป็นเชิงปริมาณได้ ข้อจ�ำกัดน้ีพบมากในการใช้แบบจ�ำลองแบบวิเคราะห์สาเหตุและผลลัพธ์ (causal modeling) และการจ�ำลองสถานการณ์41 วิธีการวิเคราะห์สัณฐานพัฒนาโดยนักฟิสิกส์ ชื่อฟริทส์ สวิกกี (Fritz Zwicky) ในช่วงปลายทศวรรษท่ี 1960 เพ่อื วเิ คราะห์วิธีแก้ไขปญั หาท่เี ปน็ ไป ไดท้ ั้งหมดของปญั หาซบั ซ้อนหลายมิติท่ีไม่สามารถแปลงออกมาเป็นตวั เลข วิธกี ารวเิ คราะห์สัณฐาน ประยุกตใ์ ชก้ ับการวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยใี นหลายด้าน เชน่ การพฒั นาระบบขบั เคลอ่ื นจรวดและ เครื่องยนไอพ่น การออกแบบทางวิศวกรรม การคาดการณ์เทคโนโลยี การพัฒนาองค์กร และการ วเิ คราะห์นโยบาย42 การวิเคราะห์สัณฐานไม่ละทิ้งปัจจัยหรือองค์ประกอบใด ๆ จากระบบที่ต้องการวิเคราะห์ แต่ ทิศทางการวิเคราะห์เร่ิมจากผลลัพธ์กลับไปหาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างองค์ประกอบใน ระบบ ปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์จึงเป็นเป้าหมายของการวิเคราะห์แนวน้ี ข้ันตอนหลักคือการ สร้างพืน้ ท่ีพารามเิ ตอร์ (parameter space) ของปัญหาซับซอ้ นทต่ี ้องการวิเคราะห์ และวเิ คราะห์

161 | อนาคตศึกษา หาความสมั พันธร์ ะหว่างตวั แปร โดยเนน้ ความสอดคล้องภายในของระบบ (internal consistency) พ้ืนที่ของการเชือ่ มกนั และสอดคลอ้ งกันน้เี รียกวา่ เขตสณั ฐาน (morphological field) การวิเคราะห์ สณั ฐานดว้ ยคอมพวิ เตอรส์ ามารถสรา้ งเขตสณั ฐานทใี่ ชเ้ ปน็ แบบจำ� ลองเชงิ อนมุ าน (inference model) ทสี่ รา้ งขอ้ สรปุ จากหลกั ฐานทมี่ อี ยหู่ รอื ขอ้ สรปุ ทม่ี มี ากอ่ นหนา้ วธิ กี ารวเิ คราะหส์ ณั ฐานใชเ้ ทคนคิ ทเ่ี รยี ก วา่ การประเมนิ ความสอดคลอ้ งไขว้ (cross-consistency assessment) ทที่ ำ� ใหส้ ามารถยอ่ สว่ นความ ซบั ซอ้ นทด่ี เู หมอื นจะลดไมไ่ ดใ้ หล้ ดลงได้ โดยการคน้ หาวธิ แี กไ้ ขปญั หาทเ่ี ปน็ ไปไดแ้ ละมอี ยจู่ รงิ ไปพรอ้ ม กับการตัดเอาวิธีแก้ไขปัญหาที่วิเคราะห์แล้วว่าเป็นไปไม่ได้หรือไม่สมเหตุสมผลออกไป โดยไม่ต้องลด จำ� นวนตวั แปรในการวเิ คราะหใ์ หน้ อ้ ยลง การวิเคราะห์สัณฐานใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เช่น ในการพัฒนาฉากทัศน์และการสร้างแบบ จำ� ลองฉากทศั น์ การพฒั นาทางเลอื กยทุ ธศาสตร์ การวเิ คราะหค์ วามเสยี่ ง การเชอ่ื มโยงวธิ กี ารกบั ผลลพั ธ์ ในชุดนโยบายท่ีซับซ้อน การพัฒนาแบบจ�ำลองเพื่อการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและจุดยืน การ ประเมนิ โครงสรา้ งองคก์ ร รวมถงึ การนำ� เสนอความสมั พนั ธท์ ซี่ บั ซอ้ นออกมาเปน็ แผนภาพทคี่ รอบคลมุ และเขา้ ใจไดง้ า่ ย ขัน้ ตอนและวิธีการ กระบวนการวิเคราะห์สัณฐานจะใช้การประชุมกลุ่มย่อยของผู้เช่ียวชาญประมาณ 6-8 คน โดยมี กระบวนกรทม่ี เี ขา้ ใจหลกั ฐานและทฤษฎเี กย่ี วกบั การวเิ คราะหส์ ณั ฐานและมปี ระสบการณใ์ นการดำ� เนนิ กระบวนการ43 กระบวนการวิเคราะหแ์ บง่ เปน็ 3 ขัน้ ตอน ดังน้ี ตตัวารอายง่าทงี่เข12ตสณั ฐานท่ีมพี ารามเิ ตอร์ 5 ตัว ทีม่ า: Ritchey (2009) การสรา้ งเขตสัณฐาน (morphological field) ข้ันตอนนี้เร่ิมจากการระบุและก�ำหนดพารามิเตอร์หรือมิติของปัญหาท่ีต้องการวิเคราะห์ แล้ว จึงประเมินค่าหรือสถานะ (states) ของแต่ละพารามิเตอร์ เขตสัณฐานคือค่าความสัมพันธ์ซึ่งกันและ กันของพารามิเตอร์แต่ละตัว รูปแบบ (configuration) แบบหน่ึงจะมีค่าจากพารามิเตอร์หนึ่งตัว ซ่ึง คือสภาวะ (state) หรือวิธีแก้ไขปัญหาหน่ึงของปัญหาที่ซับซ้อนน้ัน ๆ ตารางท่ี 12 แสดงเขตสัณฐาน ของพารามิเตอร์ 5 ตัว แต่ละพารามิเตอร์ (A, B, C, D, E) มีค่าหรือสถานะเฉพาะของแต่ละตัว (4,

อนาคตศกึ ษา | 162 3, 5, 2, 5) เม่ือรวมกันแล้ว จงึ ได้รปู แบบท่ีเป็นไปได้ถึง 600 รูปแบบ (4x3x5x2x5) ช่องทรี่ ะบายสอี ยู่ ในตารางที่ 12 แสดงเพียงรปู แบบเดียวจากทง้ั หมด 600 รปู แบบที่เป็นไปได้ หากเขตสณั ฐานหรอื เขตความเปน็ ไปไดข้ องรปู แบบมอี ยไู่ มม่ าก ผวู้ เิ คราะหส์ ามารถวเิ คราะหห์ าวา่ รปู แบบไหนมคี วามสอดคลอ้ งกัน มีความเป็นไปได้ สามารถดำ� เนินการได้ หรอื นา่ สนใจ และรูปแบบ ไหนบา้ งทไี่ มเ่ ปน็ เชน่ นนั้ ขนั้ ตอนนเี้ รยี กวา่ การสรา้ งพนื้ ทวี่ ธิ แี กไ้ ขปญั หา (solution space) ทป่ี ระกอบ ด้วยวธิ กี ารทเ่ี ปน็ ไปตามเกณฑ์ที่ตง้ั ไว้ โดยเฉพาะความสอดคล้องซึ่งกนั และกันภายในระบบ (internal consistency) แต่เม่ือเขตสัณฐานมีพารามิเตอร์อยู่มาก เช่น 7-8 พารามิเตอร์ จะท�ำให้ความเป็นไป ได้ของรปู แบบเพิ่มสูงข้นึ ถึงประมาณ 50,000 ถงึ 500,000 รูปแบบ ซง่ึ เกินกวา่ ความสามารถของนกั วิเคราะห์ในการตรวจสอบ ดงั นน้ั ข้นั ตอนสำ� คัญตอ่ ไปการพจิ ารณาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งพารามเิ ตอร์ เพ่ือลดจ�ำนวนรูปแบบท่ีเป็นไปได้ลง โดยตัดเอารูปแบบที่ไม่สอดคล้องกันหรือขัดแย้งกันเองออก กระบวนการดังกล่าวเรียกว่าการประเมินความสอดคล้องไขว้ (cross-consistency assessment) ซึ่งเปรียบเทยี บค่าพารามเิ ตอรท์ งั้ หมดแบบเชงิ คู่ (pairwise) ในลักษณะคล้ายกบั ตารางผลกระทบไขว้ (cross-impact matrix) เพอื่ ตรวจสอบวา่ แตล่ ะคมู่ คี วามสมั พนั ธท์ ส่ี อดคลอ้ งกนั หรอื ไม่ ความไมส่ อดคลอ้ ง กันระหวา่ งพารามิเตอรแ์ บง่ ออกเปน็ 2 รูปแบบคือ ความขดั แย้งเชิงตรรกะ (logical contradictions) ของประเด็นหรือแนวคิดท่ีวิเคราะห์ และข้อจ�ำกัดเชิงประจักษ์ (empirical constraints) คือ ความสมั พนั ธ์ท่ีไมน่ ่าจะเป็นไปได้ดว้ ยเหตผุ ลด้านหลักฐานเชงิ ประจักษ์ เมอ่ื วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพารามเิ ตอรท์ งั้ หมดแลว้ สามารถสงั เคราะหอ์ อกมาเปน็ พน้ื ทว่ี ธิ ี แก้ไขปญั หา (solution space) และผลลพั ธท์ เ่ี ป็นเขตสณั ฐาน (morphological field) ซง่ึ สามารถใช้ เปน็ แบบจำ� ลองเชงิ อนมุ านตอ่ ไปได้ เมอ่ื ใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการวเิ คราะห์ จะสามารถปรบั คา่ พารามเิ ตอร์ หน่ึงให้เปน็ ข้อมูลเขา้ (inputs) พร้อมกบั ต้ังเง่ือนไขและค่าเรม่ิ ต้น (initial conditions) เพ่อื วิเคราะห์ ผลผลติ หรอื ผลลัพธท์ เี่ ป็นทางออกหรอื วิธกี ารแก้ไขปัญหา (solutions) ต่อไปได้ ประเมนิ ความสอดคล้องระหว่างยุทธศาสตรก์ บั ฉากทศั น์ วธิ กี ารวิเคราะห์สณั ฐานเหมาะส�ำหรบั การประเมนิ ยทุ ธศาสตร์กับฉากทศั น์หรือสถานการณ์ โดย เร่ิมจากการสร้างเขตสัณฐาน (morphological field) ขึ้นมาสองชุด ชุดแรกส�ำหรับฉากทัศน์ที่เกิด จากปจั จยั ทีไ่ ม่สามารถควบคุมได้ หรอื เรียกว่าเขตโลกภายนอก (external world field) และอีกชุด หนึ่งส�ำหรับการสร้างแบบจ�ำลองส�ำหรับยุทธศาสตร์หรือปัจจัยเชิงระบบที่สามารถควบคุมหรือปรับ เปล่ียนได้ หรือที่เรียกว่าเขตภายใน (internal world field) จากน้ันจึงประเมินความสอดคล้องไขว้ ระหว่างเขตสัณฐานท้ังสอง เพื่อค้นหาว่ายุทธศาสตร์ไหนจะมีประสิทธิผลมากท่ีสุดและยืดหยุ่นท่ีสุด ส�ำหรับฉากทัศนต์ า่ ง ๆ ตัวอย่างหนึ่งของการประเมินความสอดคล้องระหว่างยุทธศาสตร์กับฉากทัศน์คืองานศึกษาการ พฒั นาระบบการขยายความรบั ผดิ ชอบของผผู้ ลติ (Extended Producer Responsibility - EPR) ของ กระทรวงสงิ่ แวดลอ้ มสวเี ดน44 ตารางขา้ งลา่ งแสดงเขตฉากทศั น์ (scenario field) ของพารามเิ ตอร์ 8 ตวั ซง่ึ แสดงปัจจัยภายนอกทีม่ ผี ลต่อระบบ EPR ของสวีเดน จำ� นวนพารามเิ ตอรด์ งั กล่าวท�ำใหเ้ กดิ รปู แบบ ฉากทศั น์จ�ำนวน 20,736 รปู แบบ เม่ือได้ประเมนิ ความสอดคล้องไขวแ้ ลว้ ท�ำใหส้ ามารถลดฉากทศั น์ เหลอื ประมาณ 2,000 ฉาก ทา้ ยสดุ ทางคณะผศู้ กึ ษาจงึ เลอื ก 8 ฉากทศั นท์ ค่ี รอบคลมุ พารามเิ ตอรท์ งั้ หมด

163 | อนาคตศึกษา ตตวัารอายงา่ ทง่ีเข13ตฉากทศั นท์ ี่เปน็ ไปตามเกณฑ์พารามเิ ตอรท์ ั้งหมดและท่สี อดคลอ้ งกนั ท่มี า: Ritchey (2009)

อนาคตศกึ ษา | 164 จากนั้นจึงเป็นการสร้างเขตยทุ ธศาสตร์ (strategy field) ทีม่ จี �ำนวน 8 พารามเิ ตอร์เชน่ กัน ซ่ึง แสดงถึงปัจจัยภายในที่มีผลต่อระบบ EPR ของสวีเดนในอนาคต ท�ำให้มีรูปแบบยุทธศาสตร์จ�ำนวน 34,560 รูปแบบ เมื่อวเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ งไขว้แลว้ จะเหลือประมาณ 500 ยทุ ธศาสตร์ ตารางท่ี 14 แสดงตวั อยา่ งของยุทธศาสตรท์ ่ีเปน็ ไปตามเงือ่ นไขพารามิเตอร์ทั้ง 8 ตัว ตตวัารอายงา่ ทงี่เข14ตฉากทัศนท์ ี่เปน็ ไปตามเกณฑพ์ ารามเิ ตอร์ท้ังหมดและทสี่ อดคล้องกัน ขนั้ ตอนตอ่ ไปเปน็ การประกอบทงั้ สองตารางเขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื ทดสอบยทุ ธศาสตรก์ บั ฉากทศั นต์ า่ ง ๆ ด้วยการประเมินความสอดคล้องไขว้ระหว่างยุทธศาสตร์และฉากทัศน์ที่เหลือจากการวิเคราะห์ก่อน หน้านี้ โดยอาจประเมินตามแนวทางแบบรวบรัด (quick method) ซ่ึงประเมินความสอดคล้อง ระหว่างภาพรวมของแต่ละยุทธศาสตร์กับภาพรวมของแต่ละฉากทัศน์ หรือแนวทางแบบถ่ีถ้วน (throrough method) ท่ีประเมนิ ความสมั พนั ธภ์ ายในระหวา่ งแต่ละพารามเิ ตอรใ์ นแตล่ ะยทุ ธศาสตร์ กับแต่ละพารามิเตอร์ในแต่ละฉากทัศน์ ซ่ึงท�ำให้ต้องใช้เวลามากขึ้น แต่จะท�ำให้การประเมินและการ เลือกยุทธศาสตรเ์ ปน็ ไปอยา่ งละเอยี ด

165 | อนาคตศึกษา คตวาราามงสทอ่ี ด1ค5ล้องระหว่างยทุ ธศาสตร์กบั ฉากทัศน์ ทม่ี า: Ritchey (2009) การสร้างแบบจ�ำลองเชงิ อนุมาน ขน้ั ตอนตอ่ ไปคอื การสรา้ งสถานการณจ์ ำ� ลองเพอื่ วเิ คราะหว์ า่ ถา้ ปรบั เปลยี่ นพารามเิ ตอรห์ รอื ปจั จยั หนงึ่ ใดแลว้ จะทำ� ใหเ้ กดิ ผลลพั ธอ์ ยา่ งไรบา้ ง นกั วเิ คราะหส์ ามารถปรบั เปลยี่ นเงอื่ นไขและคา่ พารามเิ ตอร์ เพ่ืออนุมานต่อได้วา่ ถ้าปรบั เปล่ียนยทุ ธศาสตร์แลว้ จะเกิดอะไรขึ้นบา้ ง ในสถานการณไ์ หนบ้าง แบบ จ�ำลองในส่วนน้ีจะเป็นประโยชน์ในการสร้างทางเลือกเชิงนโยบาย แล้ววิเคราะห์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใน แต่ละทางเลือกนโยบายที่ได้กำ� หนดมา การวเิ คราะหต์ น้ ไม้ความเกย่ี วขอ้ ง (Relevance Trees) การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่มักมีความซับซ้อนมากและข้ึนอยู่กับปัจจัยมากมาย โดยเฉพาะการปรับปรุง ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่การพัฒนาเทคโนโลยีมักไม่ได้รับการประสานกันอย่างเป็น ระบบ นกั วางแผนนโยบายหรอื ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาเทคโนโลยีจงึ ต้องหาวิธกี ารคาดการณก์ ารพฒั นา

อนาคตศึกษา | 166 ของเทคโนโลยตี า่ ง ๆ ไปพรอ้ มกัน เพ่อื จดั เตรยี มทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม การวเิ คราะหต์ น้ ไมค้ วาม เกีย่ วข้องหรอื ผงั ตน้ ไม้ (relevance trees) เปน็ เทคนคิ หนงึ่ ทีใ่ ช้ในการ แสดงโครงสร้างประเด็นปญั หา โดยแบ่งหัวข้อหรือเป้าหมายกว้าง ๆ ออกเป็นหัวข้อและประเด็นย่อยให้ละเอียดที่สุด แล้วแสดงออก มาเป็นแผนภาพท่ีแสดงโครงสรา้ งล�ำดบั ศักยแ์ ละทุกเส้นทางท่ีเป็นไปไดใ้ นการบรรลุเป้าหมายนน้ั แล้ว จงึ แสดงผลการคาดการณ์มิตติ า่ ง ๆ ของแตล่ ะเสน้ ทาง เชน่ ตน้ ทนุ ระยะเวลาและความเปน็ ไปได้ของ การบรรลผุ ลลัพธ์ที่ตอ้ งการ เทคนิคนี้มีพื้นฐานคล้ายกับการวิเคราะห์สัณฐาน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์และแสดงภาพทางเลือก เพื่อให้ภาพรวมของวิธีแก้ไขปัญหาท่ีเป็นไปได้ทั้งหมด การวิเคราะห์ต้นไม้ความเกี่ยวข้องและการ วิเคราะห์สณั ฐานท่อี ธิบายไปก่อนหนา้ นี้ถอื เป็นวธิ ีการคาดการณ์เชิงปทสั ถาน (normative) ท่ีมจี ุดเรมิ่ ตน้ การวเิ คราะหท์ ค่ี วามตอ้ งการหรอื วตั ถปุ ระสงคใ์ นอนาคต แลว้ จงึ ยอ้ นกลบั มาหาสถานการณ์ กจิ กรรม เทคโนโลยแี ละมาตรการท่ีต้องด�ำเนนิ การเพื่อใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ในอนาคตน้ัน การวเิ คราะหล์ ำ� ดบั ศกั ยค์ วามเกย่ี วขอ้ งในการระบถุ งึ ปญั หาและวธิ กี ารแกไ้ ข การกำ� หนดความเปน็ ไปได้ของการแก้ไข การเลือกวิธีการแก้ไขท่ีดีท่ีสุด และการคาดประมาณความต้องการเชิงสมรรถนะ (performance requirements) ของเทคโนโลยหี รอื นโยบาย รวมไปถงึ การกำ� หนดแผนงานลงทนุ ดา้ น วิจยั และพฒั นา ผลลัพธข์ องการวเิ คราะห์ล�ำดบั ศกั ย์จะเปน็ แผนภมู ิท่ีคลา้ ยกับผังโครงสร้างองคก์ รท่นี �ำ เสนอข้อมลู เป็นลำ� ดบั ขน้ั โดยขน้ั ทสี่ งู สดุ แสดงแนวคิดเชิงนามธรรมทีส่ ดุ แลว้ ลงรายละเอียดไปเรอ่ื ย ๆ จนถงึ ขน้ั ทลี่ ะเอยี ดทส่ี ดุ โดยทปี่ จั จยั หรอื องคป์ ระกอบในขนั้ หรอื ชน้ั เดยี วกนั จะประเมนิ จากมมุ มองหรอื เกณฑ์เดียวกัน การสร้างล�ำดับศักย์ความเก่ียวข้องจะท�ำให้สามารถเห็นภาพรวมของประเด็นปัญหาท่ี ต้องการวิเคราะห์ได้เปน็ อยา่ งดี ขนั้ ตอนและวธิ กี าร กระบวนการวิเคราะหล์ �ำดบั ศักยแ์ บ่งออกเปน็ 5 ข้ันตอนหลัก45 ไดแ้ ก่ 1. กำ� หนดและระบุขอบเขตของปัญหา 2. ระบแุ ละวเิ คราะหค์ ณุ ลกั ษณะของปจั จยั หรอื พารามเิ ตอรท์ งั้ หมดสำ� หรบั การพฒั นาแนวทาง แกไ้ ขปัญหา 3. สรา้ งตารางหลายมติ ิ (multidimensional matrix) หรอื แผนภมู ลิ ำ� ดบั ศกั ยค์ วามเกยี่ วขอ้ ง ทแ่ี สดงรูปแบบสว่ นผสมของความสมั พันธ์ระหว่างปจั จัยทั้งหมดทีเ่ ปน็ ไปได้ 4. ประเมินผลลัพธ์ของส่วนผสมท้ังหมดด้วยเกณฑ์ท่ีตั้งไว้ เช่น ความเป็นไปได้และโอกาสใน การบรรลเุ ป้าหมาย 5. การวเิ คราะหเ์ ชงิ ลึกว่าทางเลอื กไหนดีท่ีสดุ เม่ือคำ� นงึ ถึงทรพั ยากรทีม่ ีอยู่ แผนภาพท่ี 16 แสดงตวั อยา่ งของการประยกุ ตใ์ ชว้ ธิ กี ารสรา้ งตน้ ไมค้ วามเกยี่ วขอ้ งในการคาดการณ์ อปุ สงคใ์ นการเดนิ ทาง โดยมปี จั จยั หลกั สองประการทมี่ ผี ลตอ่ ความตอ้ งการในการเดนิ ทาง ไดแ้ ก่ ความ

167 | อนาคตศึกษา สามารถในการจา่ ยเพอื่ การเดนิ ทางและความจ�ำเป็นในการเดินทาง การวเิ คราะห์ต้นไม้ความเก่ยี วขอ้ ง แสดงใหเ้ หน็ วา่ มปี จั จยั หลายกลมุ่ ทมี่ ผี ลตอ่ อปุ สงคใ์ นการเดนิ ทาง แตห่ วั ขอ้ ยอ่ ยเกยี่ วกบั การเดนิ ทางไป ทำ� งานทแี่ ยกออกจากกลมุ่ ความตอ้ งการในการเดนิ ทาง อาจเปน็ หวั ขอ้ สำ� หรบั การวจิ ยั หรอื คาดการณท์ ่ี เหมาะสมท่สี ดุ นกั วเิ คราะห์อาจระบุขอ้ มลู และรายละเอียดอนื่ ๆ ของแตล่ ะหวั ข้อ เพือ่ วิเคราะหต์ อ่ วา่ แตล่ ะหัวขอ้ มีเนื้อหากวา้ งหรือแคบเกนิ ไป ตแัวผอนยภ่าางพตทน้ ่ี ไ1ม6้ความเก่ียวขอ้ ง ข ท่มี า: Sharpe and Howard (1996)

อนาคตศึกษา | 168 ฉากทศั น์ การสรา้ งฉากทศั น์ (scenarios) เปน็ วธิ กี ารหนงึ่ ทน่ี กั อนาคตศาสตรใ์ นปจั จบุ นั นยิ มใชใ้ นการคาดการณ์ และกระตุ้นความตระหนักเก่ียวกับความเป็นไปได้และทางเลือกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ค�ำว่า “ฉาก” หรอื scene ในภาษาองั กฤษมาจากคำ� ทใี่ ชใ้ นศลิ ปะการละครทส่ี อ่ื ถงึ ตอนหรอื ชว่ งของละครท่ี มกี ารดำ� เนนิ เรอื่ งราวเปน็ ขนั้ เปน็ ตอนตามเคา้ โครง (plot) ทกี่ ำ� หนดไว้ ซงึ่ มรี ากศพั ทม์ าจากภาษาละตนิ และภาษาอติ าเลยี น (scena) สำ� หรบั ในภาษาไทย ไดม้ กี ารแปลคำ� วา่ scenario เปน็ คำ� วา่ สถานการณ์ หรอื เหตกุ ารณ์ ดงั ทปี่ รากฏในคำ� วา่ “การวางแผนดว้ ยสถานการณ”์ (scenario planning) ในหนงั สอื เลม่ นี้ ผเู้ ขยี นเสนอใหใ้ ชค้ ำ� วา่ ฉากทศั น์ เพอื่ สอ่ื ถงึ การมที างเลอื กของอนาคตและการสาธยายเรอ่ื งราว ท่ีมีเค้าโครงเร่ืองชดั เจนในการศกึ ษาอนาคต แนวคดิ การสรา้ งฉากทศั นเ์ พอ่ื การศกึ ษาและวเิ คราะหอ์ นาคตเรม่ิ ปรากฏเปน็ ครง้ั แรกเมอื่ เฮอรม์ นั คาน (Herman Kahn) ไดเ้ สนอใหใ้ ชค้ �ำวา่ scenario ในโครงการวิเคราะหแ์ ละวางแผนนโยบายด้าน ยุทธศาสตรแ์ ละด้านการทหารของแรนดค์ อรป์ อเรชนั ในชว่ งทศวรรษท่ี 1950 และเผยแพรแ่ นวคิดดงั กลา่ วในวงการอนาคตศกึ ษาและการวางแผนยทุ ธศาสตรท์ ว่ั โลก คานไดว้ เิ คราะหฉ์ ากทศั นข์ องการเกดิ สงครามนิวเคลยี รใ์ นหนงั สอื ชือ่ On Escalation: Metaphors and Scenarios ซึง่ เผยแพรใ่ น พ.ศ. 2508 และการจดั ระเบยี บอำ� นาจในโลกและความทา้ ทายดา้ นความมนั่ คงของสหรฐั อเมรกิ าในหนงั สอื ช่ือ The Year 2000 ซึ่งเผยแพร่ใน พ.ศ. 2510 กรอบแนวคิดพื้นฐานของการสร้างฉากทัศน์ของคานคือการแบ่งทางเลือกออกอนาคตออกเป็น 3 ฉากด้วยกนั ได้แก่ ฉากสถานการณต์ ามแนวโน้มจากอดตี (business as usual) ฉากสถานการณ์ เลวร้ายท่สี ดุ ท่ีเกดิ จากจัดการที่ผิดพลาดหรือดวงไม่ดี (worst case scenario) และฉากสถานการณด์ ี ทสี่ ดุ ทเ่ี กดิ จากการจดั การทด่ี ี (best case scenario) แนวคดิ ดงั กลา่ วไดร้ บั การวพิ ากษว์ จิ ารณจ์ ากนกั อนาคตศาสตรใ์ นยคุ ตอ่ มาวา่ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี อาจมองวา่ ฉากสถานการณต์ ามแนวโนม้ คอื การทำ� นาย (prediction) และมกั ตัดสนิ ใจทำ� ตามน้ัน เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในอนาคตจึงเกดิ ข้นึ จริงตามทค่ี าดการณ์ ไว้ ฉากทัศน์ตามแนวโน้มจึงไม่ได้เป็นทางเลือกของอนาคตอย่างแท้จริง นักอนาคตศาสตร์รุ่นต่อมา จึงเสนอให้สร้างฉากทัศน์ที่ไม่ได้เป็นไปตามแนวโน้มเดิม โดยอาจมีจ�ำนวนฉากทัศน์มากกว่า 3 ฉาก เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการศึกษาทางเลือกอนาคต และในการสร้างยุทธศาสตร์ใน การเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคต

169 | อนาคตศกึ ษา ตัวอย่างหน่ึงท่ีประสบความส�ำเร็จในการใช้แนวคิดฉากทัศน์เพ่ือการวางแผนยุทธศาสตร์ในการ รับมือกับอนาคตที่ผันผวนคือบริษัทเชลล์ (Royal Dutch/Shell) ท่ีใช้วิธีการฉากทัศน์ในการศึกษา อนาคตของตลาดน�้ำมันในช่วงก่อนวิกฤติน�้ำมันใน พ.ศ. 2516 ผลลัพธ์หน่ึงของการศึกษาดังกล่าวคือ การคาดการณว์ า่ ราคานำ้� มนั จะเพมิ่ สงู ขน้ึ แตจ่ ะตกตำ่� ลงอยา่ งรวดเรว็ บรษิ ทั เชลลจ์ งึ วางแผนยทุ ธศาสตร์ เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มสำ� หรบั สถานการณด์ งั กลา่ วไวล้ ว่ งหนา้ ตอ่ มาเมอื่ เกดิ เหตกุ ารณน์ นั้ จรงิ ตามทค่ี าดการณ์ และเตรยี มการไว้ บรษิ ทั จงึ ไดร้ บั ผลกระทบนอ้ ยกวา่ บรษิ ทั คแู่ ขง่ หลงั จากนนั้ ในทศวรรษที่ 1980 บรษิ ทั เชลล์ยงั ใช้วิธกี ารฉากทัศนใ์ นการวิเคราะห์อนาคตของสหภาพโซเวียต ซึ่งถอื เป็นคูแ่ ขง่ ส�ำคัญกบั บรษิ ทั เชลลใ์ นตลาดพลงั งานในยโุ รป เนอ่ื งจากเปน็ ประเทศผผู้ ลติ กา๊ ซธรรมชาตทิ สี่ ำ� คญั รายหนง่ึ ของโลก หนว่ ย งานการวิเคราะห์อนาคตของบริษัทเชลล์ได้รับความส�ำคัญภายในองค์กรเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และมี งานวิเคราะหแ์ ละเผยแพร่ฉากทศั นด์ า้ นพลังงานในอนาคตของโลกในหลายแง่มุมเรอื่ ยมา นอกจากบริษัทเชลล์แล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นที่ประยุกต์ใช้แนวคิดและวิธีการศึกษาอนาคตแบบ ฉากทศั นใ์ นการคาดการณอ์ นาคตดา้ นพลงั งานในสหรฐั อเมรกิ า หลงั จากทเ่ี กดิ วกิ ฤตพิ ลงั งานในชว่ งตน้ ทศวรรษท่ี 1970 อาทิ โครงการ Project Independence ใน พ.ศ. 2517 ของส�ำนกั งานพลงั งานแห่ง รฐั บาลสหรัฐฯ (Federal Energy Administration) และโครงการนโยบายพลงั งาน (Energy Policy Project) ในปเี ดยี วกนั ของมลู นธิ ิฟอร์ด (Ford Foundation) โครงการเหล่านสี้ รา้ งความตระหนกั ดา้ น วิกฤติพลังงานทงั้ ในกลุ่มวงการวางแผนนโยบายและสาธารณชนทวั่ ไป วธิ กี ารศกึ ษาอนาคตแบบฉากทศั นไ์ ดร้ บั ความนยิ มและแพรห่ ลายเรอ่ื ยมา องคก์ รทง้ั ในภาครฐั และ เอกชน ในระดับทอ้ งถนิ่ ระดบั ประเทศ และระดับโลก ได้ประยกุ ต์ใช้วิธกี ารน้ีในกระบวนการวางแผน ยุทธศาสตร์ขององค์กร โดยเฉพาะในการเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนด้านภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและการเมือง โดยอาจใช้รว่ มกบั วธิ ีการคาดการณอ์ นาคตรปู แบบอืน่ ๆ เชน่ โครงการมลิ เลนเนียมโปรเจกต์ (The Millennium Project) ไดพ้ ฒั นาฉากทัศน์ของอนาคตโลกด้วย ขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมจากความเหน็ ของผเู้ ชย่ี วชาญทวั่ โลกดว้ ยวธิ กี ารเดลฟาย โครงการดงั กลา่ วไดพ้ ฒั นา แหล่งข้อมูลส�ำคัญท่ีรวบรวมบรรณานุกรมเกี่ยวกับโครงการวิจัยและคาดการณ์อนาคตด้วยวิธีการฉาก ทศั น์กว่า 700 ชดุ ในกล่มุ หวั ขอ้ ทห่ี ลากหลาย อาทิ ประชากรและทรพั ยากรมนุษย์ การเปลีย่ นแปลง ด้านส่ิงแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี การอภิบาลและ ความขดั แยง้ เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศและความมั่งคั่ง และบูรณาการของอนาคต46 ฉากทศั นเ์ ปน็ เรอ่ื งราวทแ่ี สดงความเชอื่ มโยงระหวา่ งปจั จยั ทเี่ ปน็ สาเหตใุ นปจั จบุ นั กบั ผลลพั ธท์ น่ี า่ จะเกดิ ขนึ้ ไดใ้ นอนาคต (plausible) พรอ้ มกบั ระบแุ ละอธบิ ายถงึ ปจั จยั สำ� คญั ทเ่ี ชอื่ มสาเหตแุ ละผลลพั ธ์ เขา้ ดว้ ยกนั ทง้ั การตดั สนิ ใจ เหตกุ ารณแ์ ละผลกระทบ โดยมงุ่ ความสนใจไปทกี่ ระบวนการเชงิ เหตแุ ละผล และการตดั สนิ ใจ47 ฉากทศั นแ์ ตกตา่ งจากการพยากรณ์ (forecast) และการคาดคะเน (projections) ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้น แม้ว่าฉากทัศน์ที่ดีจะมีองค์ประกอบที่มาจากการคาดคะเนและการคาดการณ์ โดยแสดงถึงความเชือ่ มโยงเชิงเหตุและผลของเรือ่ งราวต่าง ๆ ฉากทศั น์จงึ แตกต่างจากผลการคำ� นวณ แนวโนม้ ในอนาคตดว้ ยแบบจำ� ลองคอมพวิ เตอรท์ แี่ สดงผลการคาดการณท์ แ่ี ตกตา่ งกนั ไปตามขอ้ สมมติ และเงอื่ นไขของแบบจำ� ลองคณติ ศาสตรท์ ผ่ี วู้ เิ คราะหไ์ ดก้ ำ� หนดไว้48 การทผี่ ลลพั ธเ์ ปลย่ี นไปตามคา่ นำ� เขา้ (input) ไม่ไดส้ ือ่ ถึงฉากทัศนท์ ่ีแตกต่างกัน แต่ส่อื ถึงผลการพยากรณท์ แี่ ตกต่างกนั

อนาคตศกึ ษา | 170 ฉากทศั นม์ กั มีกำ� หนดเวลาทีช่ ดั เจน เชน่ Global Transport Scenarios 205049 ฉากทัศน์ชีวติ คนไทย พ.ศ. 257650 แต่ฉากทัศน์ไม่ใช่เป็นการพยากรณ์ภาพอนาคตหนึ่งเดียว แต่เป็นการประมวล ภาพอนาคตหลายภาพเข้าด้วยกนั อย่างเปน็ ระบบ ซง่ึ ครอบคลุมท้ังปญั หา ความทา้ ทาย โอกาสและวธิ ี แกไ้ ขปัญหา โดยแสดงถงึ พฒั นาการทน่ี า่ จะเกิดขนึ้ จากปจั จยั ต่าง ๆ ในปัจจุบัน เน่อื งจากวัตถุประสงค์ ของการสรา้ งฉากทศั นไ์ มเ่ หมอื นกบั การพยากรณ์ กลา่ วคอื ไมไ่ ดม้ งุ่ ไปทค่ี วามแมน่ ยำ� ของการคาดการณ์ แต่อยู่ที่ประโยชน์ที่ช่วยให้ผู้มีอ�ำนาจสามารถตัดสินใจด�ำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างทันที ไม่ รอให้ผลลัพธ์เกิดข้ึน ไมว่ า่ ผลลัพธ์นัน้ จะเป็นไปตามท่ีระบไุ ว้ในเร่อื งราวของฉากทศั นน์ ั้นหรือไม่ก็ตาม เกณฑห์ ลกั ในการประเมินฉากทศั น์ที่ดมี ี 3 ประการ ไดแ้ ก่ (1) มีรายละเอยี ดของเหตกุ ารณ์ทนี่ ่า จะเกดิ ขน้ึ ไดจ้ รงิ โดยแสดงความเชอื่ มโยงเปน็ กระบวนการทช่ี ดั เจนระหวา่ งปจั จยั หรอื เหตกุ ารณท์ เ่ี ปน็ สาเหตกุ บั เหตกุ ารณท์ เ่ี ปน็ ผลลพั ธ์ และการตดั สนิ ใจทเี่ กดิ ขนึ้ ในกระบวนการนนั้ (2) มคี วามสมเหตสุ มผล ของเรื่องราวในแต่ละฉากทศั น์ และแต่ละฉากทัศนม์ เี นื้อหาในประเดน็ หวั ข้อคลา้ ยกัน เพอื่ ให้สามารถ เปรยี บเทยี บกนั ไดแ้ ละ (3) มเี นอ้ื หาทน่ี า่ สนใจและตนื่ เตน้ พอทจ่ี ะทำ� ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกระบวนการพยายาม คดิ หาวธิ แี ก้ไขปญั หาเชงิ ยุทธศาสตร์ ในวงการวางแผนนโยบายและอนาคตศึกษาในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันอย่างทั่วไปแล้วว่า การวางแผนเพอื่ ปรบั เปลย่ี นสภาพสงั คม เศรษฐกจิ กายภาพและสงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ เขา้ สภู่ าพอนาคตหนงึ่ เดยี วนนั้ ไมเ่ หมาะสมอกี ตอ่ ไป เพราะอนาคตมคี วามไมแ่ นน่ อนและไมส่ ามารถหยง่ั รไู้ ดล้ ว่ งหนา้ แนวคดิ ฉากทัศนจ์ งึ เปน็ ทางเลอื กในการวางแผนที่สรา้ งชุดภาพอนาคตทีเ่ ชอื่ วา่ เกิดขึ้นได้ แล้วจึงพัฒนาแผนท่ี เตรยี มพร้อมรับมอื หรอื ปรบั เปลี่ยนผลลัพธใ์ นแตล่ ะฉากทัศน์ โดยวิเคราะหห์ าปจั จยั และองคป์ ระกอบ ของแผนทส่ี ามารถรับมอื ได้อย่างเต็มท่กี ับสถานการณ์ทีอ่ าจเกดิ ขึ้นในแตล่ ะฉากทศั น์ การสรา้ งฉากทศั นม์ งุ่ สรา้ งความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทางเลอื กของอนาคตทเ่ี ชอ่ื วา่ เกดิ ขนึ้ ได้ เพอ่ื พฒั นา นโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนในระยะยาวที่สะท้อนคุณค่าหรือความต้องการขององค์กรหรือสังคม ดังนั้น ฉากทัศน์จึงเสมือนเป็นเครื่องมือท่ีช่วยลดช่องว่างระหว่างสถานการณ์ในอนาคตท่ีเชื่อว่าเกิด ข้ึนได้กับอนาคตท่ีคาดหวังให้เกิดข้ึน นอกจากนี้แล้ว กระบวนการสร้างฉากทัศน์ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วม กระบวนการสามารถเพมิ่ ความรแู้ ละความเขา้ ใจเกยี่ วกบั สง่ิ ตา่ ง ๆ ทอ่ี าจมผี ลตอ่ อนาคต โดยการนำ� เอา ขอ้ สมมตแิ ละเง่อื นไขท่ีมีอยู่มาเปิดเผยและทำ� ใหก้ ระจา่ งมากข้ึน เนอ่ื งจากกระบวนการสรา้ งฉากทศั น์ มกั จดั การประชมุ ระดมสมองและอภปิ รายกนั อยา่ งเปดิ เผย จงึ สรา้ งโอกาสใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ คนแลกเปลย่ี น และอภิปรายเก่ียวกับข้อสมมติและเงื่อนไขของแต่ละคนได้ วิธีการฉากทัศน์ยังใช้ได้ในการค้นหาและ พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนและสังคมในอนาคต ซ่ึงน�ำมาใช้เป็นโจทย์ในการ คิดค้นผลิตภัณฑ์และการบรกิ ารใหมไ่ ด้ ฉากทัศน์ที่สร้างขึ้นมาอาจเป็นเชิงส�ำรวจ (exploratory) ซ่ึงบรรยายเหตุการณ์และแนวโน้มท่ี พฒั นาไปตามขอ้ สมมตแิ ละเง่ือนไขตา่ ง ๆ และผลลพั ธ์ทีเ่ กดิ ขึ้นจากปัจจัยและเหตกุ ารณเ์ หลา่ นี้ สว่ น ฉากทศั นเ์ ชงิ ปทสั ถานหรอื บรรทดั ฐานจะบรรยายภาพอนาคตทพี่ งึ ประสงคท์ น่ี า่ จะเกดิ ขนึ้ จากปจั จยั ใน ปัจจบุ นั เน้ือหาในฉากทศั นอ์ าจแสดงเรื่องราวในเชงิ ลบ เพือ่ ให้ผอู้ ่านและผ้มู ีอ�ำนาจตัดสนิ ใจพยายาม ค้นหายุทธศาสตร์หรือวิธีแก้ไขปัญหาที่ท�ำให้เหตุการณ์ในฉากทัศน์น้ันไม่เกิดข้ึน ในทางกลับกัน ฉาก ทัศน์อาจแสดงภาพเชิงบวกท่ีพึงประสงค์พร้อมกับตัวอย่างนโยบายและแนวทางท่ีทำ� ให้เกิดภาพพึง ประสงคน์ นั้

171 | อนาคตศกึ ษา ในกรณีที่ต้องการใช้ฉากทัศนเ์ ป็นส่วนหนง่ึ ของการวิเคราะหแ์ ละวางแผนนโยบาย เน้อื หาในฉาก ทัศน์อาจบรรยายถึงพัฒนาการและเส้นทางการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดจากนโยบายและแผน ดังตัวอย่าง ฉากทัศน์อนาคตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในระดับโลกในค.ศ. 2050 ท่ีพัฒนาโดยโครงการมลิ เลนเนยี ม โปรเจกต์ (The Millennium Project) ซ่งึ เนน้ ตัวอยา่ งนโยบาย เทคโนโลยี การปรับเปลีย่ นพฤติกรรม มนุษย์ท่ีนำ� ไปสู่การสรา้ งผลลัพธเ์ ชงิ บวก สว่ นในตวั อย่างของการใชฉ้ ากทศั น์ในการวเิ คราะหน์ โยบาย การพฒั นาเมอื ง อาจพฒั นาฉากทศั นท์ ม่ี ชี ดุ ขอ้ สมมตแิ ละเงอ่ื นไขทเ่ี หมอื นหรอื คลา้ ยกนั แตม่ รี ะดบั คา่ ท่ี แตกต่างกันออกไป อาทิ โครงสร้างประชากร อัตราการเกิดและย้ายถ่ิน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และรปู แบบการจ้างงานและระบบเศรษฐกิจ เมอ่ื มีค่าของพารามิเตอรท์ ่แี ตกตา่ งกนั จะมีเส้นทางของ ววิ ฒั นาการและการเปล่ยี นแปลงที่แตกตา่ งกันออกไป ดงั น้ัน ในกระบวนการคาดการณ์เพ่ือวางแผนยุทธศาสตร์ หน่วยงานหรอื องคก์ รสามารถพัฒนา ฉากทัศน์ขึ้นมาเพื่อประมวลข้อมูลความรู้ที่จ�ำเป็นต้องรู้ไว้ก่อนการตัดสินใจ และเพื่อเข้าใจถึงความ ส�ำคัญของความไม่แน่นอนที่มีผลต่อเหตุการณ์และผลลัพธ์ในอนาคต นอกจากน้ี การสร้างฉากทัศน์ ยังเปิดโอกาสให้ผู้น�ำองค์กรต้องคิดและตัดสินใจด�ำเนินการอะไรบางอย่าง เพื่อรับมือหรือด�ำเนินการ กับอนาคตทางเลือกท่ีอาจเกดิ ข้ึน ขั้นตอนและวธิ กี าร นักอนาคตศาสตร์ได้พัฒนาแนวคิดและแนวทางหลายรูปแบบในการสร้างฉากทัศน์ ท้ังแบบที่เน้นเชิง คุณภาพหรือเชิงปริมาณ และแบบง่ายหรือแบบซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแนวทางรูปแบบ ไหนกต็ าม ทุกแนวทางล้วนแลว้ แตใ่ หค้ วามส�ำคญั กบั การทำ� ความเข้าใจในระบบโดยรวมของประเด็น ที่ต้องการคาดการณ์ รวมถึงการวิเคราะหห์ าประเด็น แนวโนม้ ปจั จยั ขับเคลอ่ื น และเหตุการณ์ทอ่ี าจ เกดิ ขนึ้ ทที่ ำ� ใหร้ ะบบเปลย่ี นแปลงไปได้ กระบวนการสรา้ งฉากทศั นใ์ นภาพรวมประกอบดว้ ย 5 ขนั้ ตอน หลัก ได้แก่ (1) การระบุขอบเขตของประเด็นท่ีต้องการสร้างฉากทัศน์ (2) การระบุปัจจัยขับเคล่ือน ส�ำคัญที่ท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (3) การวิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อน (4) การสร้างฉากทัศน์ และ (5) การแปลงฉากทัศนเ์ ป็นยุทธศาสตรส์ ำ� หรับปัจจุบัน ภแาผพนรภวามพกทร่ี ะ1บ7วนการคาดการณด์ ้วยฉากทศั น์ ดดั แปลงจาก: IZT (2007)

อนาคตศึกษา | 172 กระบวนการสร้างฉากทัศน์เริ่มต้นจากข้ันตอนการก�ำหนดขอบเขตของประเด็นท่ีต้องการคาด การณ์ โดยคณะทำ� งานจะวเิ คราะหแ์ ละกำ� หนดขอบเขตของระบบทเี่ กยี่ วขอ้ งตามกรอบหวั ขอ้ และความ เหน็ ของผนู้ ำ� องคก์ รและผเู้ ชยี่ วชาญ ขน้ั ตอนตอ่ มา เปน็ การระบหุ าปจั จยั ขบั เคลอื่ นทค่ี าดวา่ จะมผี ลตอ่ อนาคตของระบบนนั้ โดยเกบ็ รวบรวมและประมวลขอ้ มลู จากแหลง่ ทหี่ ลากหลาย แลว้ จงึ คดั กรองปจั จยั ทส่ี ำ� คญั ใหเ้ หลอื ประมาณ 6-20 ปจั จยั จากนนั้ จงึ เปน็ การวเิ คราะหร์ ะดบั ผลกระทบและความไมแ่ นน่ อน ของแตล่ ะปจั จยั ทเี่ ปน็ พน้ื ฐานของภาพอนาคตทางเลอื ก โดยอาจใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มของผมู้ สี ว่ น ได้ส่วนเสยี และผู้เชยี่ วชาญ เช่น การประชุมกลุ่มย่อย การประชมุ ปฏิบัตกิ าร และการสำ� รวจเดลฟาย ผลลพั ธ์ที่ได้คือปจั จยั สำ� คญั ทีจ่ ะใช้เป็นแกนหลักของเนอ้ื หาทีจ่ ะพฒั นาต่อในแตล่ ะฉากทศั น์ ในขน้ั ตอนตอ่ มา คณะทำ� งานจะพฒั นาเรอื่ งราวในแตล่ ะฉากทศั น์ ซงึ่ มแี นวทางการสรา้ งโครงเรอื่ ง อยูห่ ลายประการด้วยกัน อาทิ ฉากทัศนฐ์ าน (baseline scenario) คือเรื่องราวในอนาคตท่ีเกดิ ข้ึนใน กรณีท่ีปัจจัยและแนวโน้มในปัจจุบันยังคงด�ำเนินต่อไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หรือในกรณีที่มี การด�ำเนินนโยบายหรือมาตรการที่น้อยมากจนไม่เกิดผลกระทบท่ีท�ำให้แนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปจาก เดมิ พรอ้ มกนั น้ี คณะทำ� งานอาจสรา้ งภาพฉากทศั นใ์ นมมุ กลบั ทแี่ สดงเรอ่ื งราวของการดำ� เนนิ การใหม่ ๆ ซึ่งนำ� ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งมากจากแนวโน้มเดมิ อีกแนวทางหนึ่งคือการเขียนฉากทัศน์ด้วยเรื่องราวในเชิงลบและเชิงบวก ฉากทัศน์เชิงลบแสดง ภาพการเปลย่ี นแปลงทป่ี จั จยั ภายนอกทำ� ใหเ้ กดิ ผลลพั ธท์ ไี่ มพ่ งึ ประสงคต์ อ่ ระบบหรอื กลมุ่ เปา้ หมาย ใน ทางกลบั กนั ฉากทัศนเ์ ชงิ บวกอาจเกดิ จากปัจจัยภายนอก เชน่ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมทีส่ ำ� คญั และการเปลีย่ นแปลงด้านนโยบายหรอื กฎหมาย อกี วิธีการหนงึ่ ของ การเขียนเรอ่ื งราวในฉากทศั น์คือการบรรยายเหตุการณส์ ำ� คญั ในอนาคต เชน่ สภาพเศรษฐกิจเฟ่ืองฟู วกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ ตกตำ่� และสงคราม โดยผสมผสานเนอื้ หาทงั้ ทเ่ี ปน็ ภาพเชงิ บวกและเชงิ ลบเขา้ ดว้ ยกนั 51 ในโครงการคาดการณโ์ ดยทั่วไป จำ� นวนฉากทศั นม์ ีประมาณ 2-6 ฉาก เมื่อคณะท�ำงานร่างเร่ืองราวในฉากทัศน์แล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการวิเคราะห์และประเมินความ เปน็ ไปไดข้ องแตล่ ะเหตกุ ารณใ์ นแตล่ ะฉากทศั น์ ทงั้ ในเชงิ คณุ ภาพและในเชงิ ปรมิ าณ การประเมนิ ความ เปน็ ไปไดด้ งั กลา่ วอาจใชว้ ธิ กี ารเดลฟาย โดยใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญหรอื ผมู้ อี ำ� นาจในการตดั สนิ ใจเปน็ ผปู้ ระเมนิ จากนั้น คณะท�ำงานจึงทบทวนเน้ือหาเพ่ือประกันความถูกต้อง ครอบคลุมและสอดคล้องของแต่ละ ประเด็นในแตล่ ะฉากทศั น์ อกี แนวทางหน่ึงในการพฒั นาฉากทศั นร์ ะดบั องคก์ รเรมิ่ จากการท่ีผบู้ รหิ ารองค์กรกำ� หนดก่อนวา่ ต้องการรู้ข้อมูลหรือประเด็นอะไรบ้างเพื่อตัดสินใจในการวางแผนยุทธศาสตร์ จากน้ันคณะท�ำงานจะ วเิ คราะหแ์ ละคาดการณภ์ าพอนาคตทางเลอื ก โดยระบแุ ละบรรยายเหตกุ ารณ์ แนวโนม้ และปจั จยั ความ ไมแ่ นน่ อนทม่ี ผี ลตอ่ กระบวนการตดั สนิ ใจ รวมทง้ั ปจั จยั ทคี่ าดวา่ จะมผี ลตอ่ ธรุ กจิ หรอื นโยบายนน้ั วธิ กี าร เฉพาะของแนวทางนคี้ อื การสรา้ งทฤษฎหี รอื ตรรกะของฉากทศั น์ (scenario logics) ซงึ่ หมายถงึ มมุ มอง ที่ทำ� ให้เห็นภาพอนาคตท่แี ตกตา่ งและหลากหลาย และแบง่ ออกเปน็ ฉากทศั นต์ ่าง ๆ ได้ ตรรกะฉาก ทัศน์มักสรา้ งขนึ้ จากปจั จยั ขบั เคล่ือนส�ำคญั และปัจจยั ไมแ่ น่นอนทีแ่ บง่ ฉากทศั น์ออกแบบภาพ ๆ และ ใชป้ จั จยั เหลา่ นเ้ี ปน็ แกนในการบรรยายเรอื่ งราวและพฒั นาการในแตล่ ะฉากนน้ั อยา่ งละเอยี ด เพอ่ื แสดง ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ จากการตดั สนิ ใจในแตล่ ะประเดน็ พรอ้ มไปกบั ทางเลอื กเชงิ ยทุ ธศาสตรใ์ นแตล่ ะฉากทศั น5์ 2

173 | อนาคตศึกษา อีกแนวทางหน่ึงในการสร้างฉากทัศน์เร่ิมจากการสร้างภาพปัจจุบันของระบบท่ีต้องการศึกษา โดยระบุและแบ่งกลุ่มตัวแปรท้ังหมดที่ควรค�ำนึงถึง พร้อมค�ำอธิบายเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยเหลา่ น้ันกับการเปล่ียนแปลงของระบบโดยรวม53 จากนน้ั จงึ วเิ คราะห์ค้นหาปัจจยั สำ� คัญและคา่ พารามิเตอร์ของแต่ละปัจจัย รวมถึงกลไกและบุคคลหรือองค์กรท่ีมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของ ระบบนั้น วิธีการวเิ คราะหท์ ใ่ี ชใ้ นขัน้ ตอนนีค้ ือการวิเคราะห์โครงสร้าง (Structural Analysis) จากนนั้ จงึ เป็นการสรา้ งยทุ ธศาสตร์เพือ่ รบั มือกับความทา้ ทายต่าง ๆ ในฉากทศั นท์ ีพ่ ัฒนาข้ึนมา อกี วธิ กี ารหนงึ่ ทนี่ กั อนาคตศาสตรใ์ ชใ้ นการสรา้ งฉากทศั นค์ อื การวเิ คราะหส์ ณั ฐาน (Morphological Analysis) ซ่ึงมุ่งค้นหาและวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านสังคมและเทคโนโลยี ในระบบท่ีไม่สามารถวัดได้ในเชิงปริมาณ ท้ังน้ี มีซอฟต์แวร์เพื่อการวิเคราะห์แนวน้ีโดยเฉพาะ เช่น Parmenides EIDOS และ The Tool Suite ที่ประกอบด้วยเคร่ืองมือในการวิเคราะห์ปัจจัยขับ เคลื่อนและการสร้างฉากทัศน์อย่างเป็นระบบ นกั อนาคตศาสตรก์ ลุ่มหนง่ึ เช่ือว่า กระบวนการสร้างฉากทัศน์ควรเนน้ การมีส่วนร่วมของผมู้ สี ว่ น ไดส้ ว่ นเสยี นอกจากเพอ่ื รวบรวมขอ้ มลู สำ� คญั ทเี่ กย่ี วขอ้ งแลว้ ยงั เปน็ การสรา้ งความเปน็ เจา้ ของทที่ ำ� ให้ การด�ำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่สร้างขึ้นเป็นไปได้ง่ายและมีประสิทธิผลมากขึ้น บางโครงการมีผู้เข้า รว่ มเป็นคนเฉพาะในองคก์ ร บางโครงการเปิดกว้างใหก้ บั คนภายนอกเขา้ ร่วมในประบวนการ จำ� นวน ผู้เขา้ รว่ มในกระบวนการสรา้ งฉากทัศน์จงึ มตี ้ังแตร่ ะดับหลายสิบคนถงึ หลายพนั คน ตัวอยา่ งเช่น ใน โครงการมิลเลนเนียมโปรเจกต์มีผู้เชี่ยวชาญและนักวางแผนนโยบายหลายพันคนทั่วโลกเข้ามามีส่วน รว่ มในกระบวนการสร้างฉากทศั นข์ องการเปลีย่ นแปลงในระดับโลก ฉากทัศน์ท่ีดีและเป็นประโยชน์ควรมีเนื้อหาตรงกับประเด็นส�ำคัญที่มีผลกระทบต่อองค์กรหรือ พ้ืนที่ศึกษา เน่ืองจากประเด็นและปัจจัยที่เกี่ยวข้องมีอยู่มาก และสามารถสร้างฉากทัศน์ได้จ�ำนวน มาก ดังน้ัน การสร้างเรื่องราวที่ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ และไม่ยาวเกินไปจึงส�ำคัญมาก ในระหว่าง การเขียนเรื่องราวในฉากทัศน์ รายละเอียดและทิศทางของเนื้อหาอาจปรับเปล่ียนไปจากเป้าหมายท่ี มอี ยู่แต่เดิม ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุกับผลลัพธอ์ าจทำ� ให้เกดิ เรอื่ งราวทีไ่ มไ่ ดต้ ง้ั ใจไวก้ อ่ นหนา้ นนั้ ตราบใดทเ่ี ร่ืองราวดังกล่าวยังมีความสอดคล้องและสมเหตุสมผล ซ่ึงเป็นเร่ืองปกติและยอมรับได้ใน การเขียนฉากทศั น์ เนื่องจากสือ่ ถึงจินตนาการเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ที่อาจที่เกดิ ข้นึ ไดจ้ ริง ท้ังน้ี การเขียน ฉากทัศนค์ วรให้ความส�ำคญั กับผลการวิเคราะห์ในเชงิ คณุ ภาพกอ่ น แล้วจงึ ใชผ้ ลจากการวิเคราะห์เชิง ปริมาณ ทั้งจากแบบจ�ำลองและข้อมูลสถิติมาประกอบเป็นหลักฐานในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เม่ือต้องการใช้แบบจ�ำลองเชิงคณิตศาสตร์ในการย่อส่วนระบบและลดทอนความซับซ้อนของประเด็น ปัญหาลง เพ่อื ใหผ้ ลการวิเคราะห์สามารถเขา้ ใจได้งา่ ยขึน้ นักอนาคตศาสตร์โดยมากไม่เสนอให้พัฒนาฉากทัศน์ที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด (most likely) เน่ืองจากจะกลายเป็นการท�ำนายมากกวา่ การสร้างฉากทศั น์ และจะทำ� ให้กรอบการคิดของผู้เขา้ รว่ ม กระบวนการไม่หลุดจากการพยากรณ์หรือการคาดคะเนทั่วไป ฉากทัศน์ที่ดีควรสะท้อนปัจจัยและ เหตกุ ารณท์ นี่ า่ จะเกดิ ขนึ้ หลายชดุ เมอื่ พลวตั ทเี่ กดิ จากปจั จยั และเหตกุ ารณม์ คี วามหลากหลาย จงึ เปน็ ไปไม่ได้ท่ฉี ากใดฉากหน่งึ จะกลายเป็นอนาคตได้จริงทงั้ หมด กระบวนการพัฒนาฉากทศั น์จงึ ไม่เนน้ ท่ี การหาหรอื พยากรณภ์ าพอนาคตทเี่ ชอื่ วา่ เกดิ ขน้ึ มากทสี่ ดุ แตเ่ นน้ ทผ่ี ลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย

อนาคตศึกษา | 174 การสรา้ งฉากทัศนเ์ ชิงปฏสิ ัมพันธ์ ฉากทัศน์ท่ีสร้างข้ึนมาโดยนักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งอาจน�ำไปประยุกต์ใช้โดยคนอีกกลุ่มหน่ึงท่ีไม่ ได้มีส่วนร่วมในการสร้างฉากทัศน์นั้นมาตั้งแต่ต้น ผู้ใช้ฉากทัศน์อาจต้องการปรับเปลี่ยนเนื้อหา และรายละเอียดในฉากทัศน์ แต่ท�ำได้ยาก เน่ืองจากโครงสร้างและความสัมพันธ์เชิงสาเหตุกับ ผลลัพธ์ในฉากทัศน์มักร้อยเรียงและสอดคล้องกันมาอยู่แล้ว ด้วยเหตุน้ี กลุ่มนักวิจัยในโครงการมิล เลนเนียมโปรเจกต์จึงพัฒนาวิธีการที่เปิดโอกาสให้คนท่ีไม่ได้พัฒนาฉากทัศน์หน่ึงสามารถปรับเปลี่ยน ฉากทศั นท์ มี่ อี ยแู่ ตเ่ ดมิ ได้ วธิ กี ารทใี่ ชเ้ พอื่ วตั ถปุ ระสงคน์ ค้ี อื การวเิ คราะหผ์ ลกระทบไขว้ (cross-impact analysis) ซงึ่ วิเคราะหป์ ฏิสมั พนั ธ์ของเหตกุ ารณห์ รือปัจจัยในอนาคต รูปแบบพ้นื ฐานของวธิ ีการนีค้ อื ตารางสี่เหลี่ยมท่ีแสดงปัจจัยในอนาคตท่ีต้องการวิเคราะห์ในแนวต้ังและแนวนอน พร้อมระดับความ เปน็ ไปไดท้ แ่ี ต่ละเหตุการณจ์ ะเกิดขนึ้ ได้อยา่ งอิสระและความเปน็ ไปไดต้ ามเงอ่ื นไขของการเกดิ ขน้ึ ของ เหตุการณ์อื่น ๆ54 การวิเคราะห์ค่าความเป็นไปได้จะด�ำเนินการตามหลักการมอนติคาร์โล (Monte Carlo) กล่าว คือ นักวิเคราะห์จะส่มุ เลอื กเหตุการณ์หนง่ึ ข้นึ มา แลว้ วิเคราะหต์ ่อวา่ ถา้ เหตกุ ารณ์นี้เกดิ ข้นึ ความเปน็ ไปไดข้ องเหตกุ ารณ์อนื่ ทเ่ี หลอื จะแทนค่าโดยความเป็นไปได้เชิงเง่ือนไข (conditional probabilities) ทเี่ กดิ จากเหตกุ ารณแ์ รก จากนน้ั จงึ สมุ่ เลอื กเหตกุ ารณท์ ส่ี องและสามตอ่ ไป จนทกุ เหตกุ ารณห์ รอื ปจั จยั ได้รับเลือก ผลลัพธ์ของการค�ำนวณน้ีคือฉากทัศน์ฉากหน่ึง เมื่อกระบวนการนี้ท�ำซ้�ำจ�ำนวนหลายคร้ัง จะทำ� ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ เ่ี ปน็ คา่ ความเปน็ ไปไดข้ องแตล่ ะเหตกุ ารณ์ ฉากทศั นท์ ไ่ี ดจ้ งึ ถอื วา่ เปน็ ฉากทศั นเ์ ชงิ ปฏิสมั พนั ธ์ (interactive scenarios) เนอื่ งจากเกิดจากการคำ� นวณการปฏิสัมพนั ธ์ของเหตกุ ารณ์หรือ ปจั จัย เนื่องจากการค�ำนวณมคี วามซบั ซ้อน จึงต้องมกี ารใช้ซอฟตแ์ วร์พเิ ศษทเี่ ปดิ โอกาสใหผ้ วู้ เิ คราะห์ สามารถเปล่ียนแปลงความสัมพันธ์หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยได้ ปฏิสัมพันธ์รูปแบบใหม่น้ีเป็นพื้น ฐานของฉากทัศน์ใหม่ท่ีสามารถน�ำไปใช้ในการวางแผนนโยบายหรือการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ต่อ ไป ทั้งนี้ โครงการมลิ เลนเนยี มโปรเจกต์ได้พฒั นาซอฟต์แวรใ์ นการวิเคราะหผ์ ลกระทบไขว้ และตีพิมพ์ ผลลพั ธข์ องตวั อยา่ งการสรา้ งฉากทศั นเ์ ชงิ ปฏสิ มั พนั ธไ์ วใ้ นรายงาน State of the Future ใน พ.ศ. 2552 วิธีการขั้นสูงวิธีการหน่ึงท่ีใช้ในการสร้างฉากทัศน์คือเทคนิคท่ีเรียกว่าการสร้างฉากทัศน์จาก ปฏิสมั พนั ธเ์ ชิงระบบ (Field Anomaly Relaxation - FAR) ซ่ึงม่งุ สร้างแผนทขี่ องปฏิสมั พันธ์ระหว่าง ปจั จยั ขบั เคลอ่ื นในระดบั ระบบ (systematic scale) โดยแบง่ ปจั จยั ขบั เคลอื่ นเหลา่ นอ้ี อกเปน็ กลมุ่ สาขา (sectors) และกลุ่มปัจจัย (factors) การวิเคราะห์ปฏสิ ัมพนั ธ์ท่ีซับซอ้ นระหวา่ งสาขาและปจั จยั ตา่ ง ๆ ทำ� ใหส้ ามารถสรา้ งฉากทศั นท์ ม่ี คี วามหลากหลายและสมั พนั ธก์ นั ไดม้ ากขน้ึ 55 วธิ กี าร FAR นยิ มใชใ้ นการ คาดการณส์ ถานการณร์ ะดบั มหภาคในระดบั โลก โดยเฉพาะในดา้ นการทหาร เชน่ การวางแผนยทุ ธศาสตร์ สำ� หรบั กองกำ� ลงั พเิ ศษ56 โครงการวเิ คราะหฉ์ ากทศั นด์ า้ นภมู ศิ าสตรก์ ารเมอื งในทะเลจนี ใต้57 แตก่ ม็ งี าน ทปี่ ระยกุ ตใ์ ชก้ บั ประเดน็ อน่ื เชน่ การบรหิ ารจดั การทรพั ยากร58 วธิ กี าร FAR เนน้ การประชมุ ระดมสมอง ของผเู้ ชย่ี วชาญและผมู้ อี ำ� นาจในการตดั สนิ ใจ องคก์ ร ADFA ดา้ นความมน่ั คงของออสเตรเลยี ไดพ้ ฒั นา ซอฟตแ์ วรช์ อื่ Groupstorm เพอ่ื ใชใ้ นการนำ� เขา้ และประมวลผลขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการระดมสมอง

175 | อนาคตศกึ ษา ระบบการตดั สนิ ใจทใ่ี ชไ้ ด้ กบั หลายสถานการณ์ อุปสรรคส�ำคัญประการหน่ึงในการศึกษาและคาดการณ์อนาคตคือ ภาพอนาคตท่ีเชื่อว่าเกิดขึ้นได้ (plausible futures) ในระยะยาวมีอยู่จำ� นวนมากและอาจทบั ซอ้ นซ่ึงกนั และกัน (multiplicity) วธิ ี การและเครอื่ งมอื ศกึ ษาอนาคตทใ่ี ชก้ นั อยทู่ ว่ั ไปมกั ประสบกบั ปญั หานี้ ไมว่ า่ จะเปน็ การเขยี นเรอื่ งราวเชงิ วรรณกรรมทสี่ รา้ งจนิ ตนาการใหก้ บั คนอา่ น การประมวลความรแู้ ละปญั ญาของกลมุ่ ผเู้ ชย่ี วชาญดงั เชน่ วธิ กี ารเดลฟาย หรอื แมแ้ ตก่ ารใชแ้ บบจำ� ลองเชงิ สถติ แิ ละคอมพวิ เตอรใ์ นการจำ� ลองสถานการณ์ รวมไป ถงึ การวางแผนเชงิ ฉากทศั นท์ มี่ งุ่ เตรยี มพรอ้ มเพอ่ื รบั มอื กบั ความไมแ่ นน่ อนในอนาคต ภาพอนาคตทเี่ ชอื่ วา่ เกดิ ข้ึนได้มีอยจู่ �ำนวนมากท�ำใหก้ ารคาดการณ์อนาคตเปน็ ภาพเดียวมกั ไม่ถกู ตอ้ ง ในขณะทน่ี โยบาย หรือมาตรการที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับความเส่ียงตา่ ง ๆ ไวแ้ ลว้ อาจเจอเหตุการณไ์ ม่คาดฝัน จงึ ไม่ ประสบผลสำ� เรจ็ ในการรบั มอื แมก้ ระทงั่ การวางแผนแบบฉากทศั นท์ พ่ี ฒั นาขน้ึ อยา่ งละเอยี ดและคำ� นงึ ถงึ ความไมแ่ นน่ อนตา่ ง ๆ อาจไมค่ รอบคลมุ ความเปน็ ไปไดท้ หี่ ลากหลายมากในอนาคต และไมม่ วี ธิ กี าร ทเ่ี ปน็ ระบบในการวเิ คราะห์และพจิ ารณาผลกระทบทเี่ กดิ ขึน้ จากฉากทัศน์ได้ ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ ว นกั วจิ ยั กลมุ่ หนง่ึ ทแ่ี รนดค์ อรป์ อเรชนั ไดพ้ ฒั นากรอบแนวคดิ เชงิ ทฤษฎกี ารตดั สนิ ใจท่ีเรยี กว่า ระบบการตัดสนิ ใจท่ีใชไ้ ด้กบั หลายสถานการณ์ (Robust Decision Making - RDM) ขึ้น เพอ่ื ใชก้ ารคาดการณอ์ นาคตทไ่ี มส่ มบรู ณท์ มี่ อี ยจู่ ำ� นวนมากไดอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ59วธิ กี ารนย้ี อมรบั วา่ ภาพ อนาคตที่เชื่อว่าเกิดข้ึนได้และทับซ้อนกัน ถือเป็นตัวแทนของฉากทัศน์ที่ดีที่สุดเท่าท่ีจะมีข้อมูลอยู่ ของทางเลือกในอนาคตท่ีไม่สามารถหย่ังรู้ก่อนได้ วิธีการน้ีเหมาะสมกว่าวิธีการพยากรณ์ด้วยการ เช่ือมโยงจุดแสดงแนวโน้มการเปล่ียนแปลง (point forecasts) หรือการท�ำนายด้วยความเปน็ ไปได้ (probabilistic predictions) นอกจากน้ี วิธกี าร RDM จะช่วยใหน้ ักวเิ คราะหแ์ ละผมู้ ีอำ� นาจตดั สนิ ใจสามารถกำ� หนดแนวทาง ด�ำเนินการหรือกิจกรรมท่ีท�ำได้ในระยะส้ัน และใช้ได้กับหลายสถานการณ์ (robust) ซึ่งมีความไม่ แนน่ อนในอนาคต การดำ� เนนิ การดงั กลา่ วสามารถทำ� ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายของผนู้ ำ� ได้ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ทางเลือกอนื่ ๆ ไมว่ า่ สถานการณใ์ นอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตาม วธิ ีการ RDM นบั เปน็ การปรบั เปลย่ี น จากการตั้งค�ำถามด้งั เดมิ ว่า อนาคตจะเปน็ อย่างไร เปน็ คำ� ถามว่า เราสามารถท�ำอะไรในปจั จบุ ันท่จี ะ ทำ� ให้อนาคตเป็นไปอยา่ งท่ีเราต้องการได้

อนาคตศึกษา | 176 แนวคิด RDM สะท้อนแนวคิดที่เปล่ียนแปลงในวงการวางแผนยุทธศาสตร์ในช่วงประมาณ 2-3 สามทศวรรษทผ่ี า่ นมา นกั คาดการณแ์ ละวางแผนเชงิ ยทุ ธศาสตรท์ งั้ ในระดบั องคก์ ร ระดบั ประเทศและ ระดับโลก เร่ิมให้ความส�ำคัญกับค�ำว่า robust ซึ่งหมายถึงความทนทานหรือใช้ได้กับทุกสถานการณ์ แทนค�ำว่า optimum ซ่ึงหมายถึงดีที่สุด เนื่องจากเร่ิมตระหนักกันว่า ปัจจัยจ�ำนวนมากท่ีเกิดข้ึนใน โลกปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูงและมีความผันผวนสูง การท�ำนายและคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในอนาคตจึงเป็นเร่ืองยาก และมักมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดข้ึนอยู่เสมอ นอกจากนี้ ความก้าวหน้า ของความรู้ด้านจิตวิทยาของการตัดสินใจแสดงให้เห็นว่า กรอบแนวคิดแบบเดิมท่ีเน้นอรรถประโยชน์ ที่คาดหวัง (expected utility) ไม่ได้เป็นแนวทางท่ีผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการตัดสินใจใช้ จริงในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน อีกท้ังขีดความสามารถในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลของ คอมพิวเตอร์ได้เพม่ิ ขึน้ อยา่ งทวคี ูณ จงึ ท�ำใหส้ ามารถสรา้ งกรอบแนวคิดส�ำหรับการวิเคราะห์การตดั สิน ใจในเชิงปริมาณได้ดยี ิ่งข้ึน จุดเร่ิมต้นของแนวคิด RDM เกิดข้ึนเม่ือต้นทศวรรษท่ี 1990 เมื่อนักวิเคราะห์ของแรนด์ประสบ กบั ความทา้ ทายในการวเิ คราะหง์ านดา้ นนโยบายทมี่ คี วามไมแ่ นน่ อนสงู และมพี ลวตั ของระบบทไี่ มม่ จี ดุ ดลุ ยภาพ (non-equilibrium dynamics) ดงั เชน่ ในกรณกี ารเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลกและ การเปล่ียนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศยุโรปตะวันออก60 เคร่ืองมือเชิงปริมาณท่ีใช้ในการตัดสิน ใจเชิงนโยบายทมี่ อี ยแู่ ต่ดง้ั เดมิ มกั ไม่เหมาะสมส�ำหรับสถานการณเ์ หลา่ น้ี ในขณะเดียวกนั นักวิจยั ของ แรนด์เห็นว่า แบบจ�ำลองท่ีไม่สามารถพยากรณ์ได้ดี ยังคงมีข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ได้ ถ้าหากสามารถ วิเคราะห์ซ�้ำแล้วซ�้ำเล่าหลายแสนหลายล้านครั้งอย่างเป็นระบบ เพ่ือแสดงให้เห็นถึงข้อสมมติของแบบ จำ� ลองเกย่ี วกบั อนาคตเหลา่ นัน้ ดว้ ยแนวคดิ ดงั กลา่ ว นกั วจิ ยั กลมุ่ นจ้ี งึ นำ� เสนอกรอบแนวคดิ เชงิ ทฤษฎขี องระบบการตดั สนิ ใจแบบ ทนทานหรือแบบรับกับหลายสถานการณ์ได้ (RDM) ขึ้นใน พ.ศ. 2539 โดยน�ำไปใช้ในการประเมิน ยุทธศาสตร์การปรับตัวตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ท�ำให้เกิดการ เปลย่ี นแปลงของสภาพภมู อิ ากาศ61 ในปจั จบุ นั วธิ กี าร RDM ไดร้ บั การประยกุ ตใ์ ชว้ เิ คราะหแ์ ละกำ� หนด นโยบายในหลายดา้ น ทงั้ ดา้ นกลาโหมและความมน่ั คง การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ดา้ นการศกึ ษา ข้ันสูง การประกันภัย การวางแผนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท เอกชน รวมถึงการวิเคราะห์นโยบายระยะยาว เพ่ือก�ำหนดการด�ำเนินการในระยะส้ันท่ีมุ่งผลลัพธ์ไป ที่เหตุการณ์และปรากฏการณ์ในช่วงเวลาหลายทศวรรษในอนาคต62 ระบบการตัดสินใจ RDM เป็น วิธีการเชิงปริมาณและค�ำนวณซ้�ำ (interative) เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์ท่ีไม่ผันแปร ไปตามปัจจัยไม่แน่นอนในอนาคต และเพื่อระบุความอ่อนไหวและเปราะบาง (vulnerabilities) ของ ยทุ ธศาสตรด์ งั กลา่ ว ความไมแ่ นน่ อนทว่ี า่ นเี้ กดิ ขนึ้ เมอื่ องคก์ รหรอื ผนู้ ำ� ไมร่ หู้ รอื ไมส่ ามารถตกลงกนั ไดว้ า่ จะตอ้ งดำ� เนนิ การอยา่ งไรเพอื่ ใหเ้ กดิ ผลลพั ธท์ ต่ี อ้ งการ และไมท่ ราบถงึ คา่ ความเปน็ ไปไดข้ องปจั จยั นำ� เขา้ ในแบบจำ� ลองระบบทใี่ ชใ้ นการคาดการณ์ รวมถงึ เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทใี่ ชใ้ นการจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั ของ ทางเลือกผลลัพธ์ท่ีจะเกดิ ข้ึน วิธีการ RDM ใช้คอมพวิ เตอร์ในกระบวนการค�ำนวณซ้�ำกนั หลายครั้ง เพ่อื ตรวจสอบวา่ ผลลพั ธจ์ ากยทุ ธศาสตรท์ นี่ กั วเิ คราะหไ์ ดค้ ดิ ขน้ึ มานนั้ ยงั คงสามารถบรรลไุ ดต้ ามสถานการณ์

177 | อนาคตศึกษา อนาคตทห่ี ลากหลายหรอื ไมแ่ ละไดด้ เี ทา่ ใด แบบจำ� ลองสถานการณด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรส์ ามารถทดสอบ ภาวะวิกฤติ (stress test) ของยทุ ธศาสตร์เหลา่ นี้ และสามารถคาดการณต์ ามแนวโน้มจากขอ้ มลู ท่มี ี อยวู่ า่ ยทุ ธศาสตรไ์ หนจะสรา้ งผลลพั ธไ์ ดด้ หี รอื ไมอ่ ยา่ งไร กระบวนการวเิ คราะหน์ จ้ี ะใชก้ บั ทกุ ทางเลอื ก ยุทธศาสตรท์ มี่ อี ย่ทู ั้งหมด วิธีการ RDM ไมไ่ ดม้ งุ่ ทก่ี ารทำ� นายหรอื พยากรณแ์ นวโนม้ ในอนาคตแลว้ ดำ� เนนิ การ (predict-then- act) แตเ่ นน้ การสรา้ งความเขา้ ใจอยา่ งเปน็ ระบบเกย่ี วกบั ทางเลอื กในระยะสนั้ ทจ่ี ะกำ� หนดอนาคตระยะ ยาว โดยพจิ ารณาถงึ ภาพอนาคตทเ่ี ชอ่ื วา่ เกดิ ขนึ้ ไดท้ มี่ อี ยจู่ ำ� นวนมาก รวมถงึ ทางเลอื กของเสน้ ทางทจ่ี ะ เข้าถึงเป้าหมายระยะยาว และกิจกรรมที่ต้องด�ำเนินการในระยะส้ันท่ีรับมือได้กับทุกสถานการณ์ใน อนาคต วธิ กี ารนใ้ี ชป้ ระโยชน์จากความสามารถของมนุษยใ์ นการวเิ คราะห์และตดั สนิ ใจ ประกอบกับ ขีดความสามารถของคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะห์และประมวลผลจากข้อมูลเชิงปรมิ าณจำ� นวนมาก วธิ กี ารตัดสนิ ใจแบบ RDM แตกต่างจากวธิ กี ารคาดการณแ์ นวทางอืน่ ทัง้ แบบท�ำนายแล้วด�ำเนนิ การ (predict-then-act) และแบบการวางแผนฉากทัศน์ โดยเฉพาะเมอื่ คำ� ถึงถงึ ระดบั ความซับซ้อน ระดับความไม่แน่นอน และระดบั ของโอกาสในการปอ้ งกนั ความเส่ยี ง (แผนภาพท่ี 18) วธิ ีการ RDM อาจใช้ประโยชน์ได้ดที ่ีสุดในการแสดงคุณลักษณะของความไมแ่ น่นอนและจดั การกับความไมแ่ น่นอน น้ัน โดยเฉพาะในระบบที่มีความซับซ้อนเกินกว่าที่แม้แต่นักวิเคราะห์และผู้มีอ�ำนาจตัดสินใจท่ีมี ประสบการณ์ยงั ไม่สามารถทราบถงึ ผลกระทบของนโยบายทอี่ าจเกดิ ข้นึ ไดใ้ นอนาคต มแิตผขินอภงากพาทรี่ต1ดั 8สนิ ใจท่ีใชไ้ ดก้ บั หลายสถานการณ์ ที่มา: Lempert et al. (2009)

อนาคตศกึ ษา | 178 ขนั้ ตอนและวธิ ีการ วิธีการ RDM มีองค์ประกอบพ้ืนฐาน 4 ส่วนที่ใช้ในการออกแบบกระบวนการวิเคราะห์ ดังต่อไปน้ี ในขน้ั ตอนแรก คณะท�ำงานจะรวบรวมฉากทัศนห์ รือสถานการณ์ทนี่ ่าจะเกิดขึ้นใหไ้ ด้จ�ำนวนมาก และหลากหลายทส่ี ุด เพื่อใช้เปน็ เกณฑ์การทดสอบทางเลอื กนโยบายในระยะสั้น ข้อมูลและเร่อื งราว ในฉากทัศน์อาจมาจากหลายแหล่ง ท้ังจากเอกสารหรือจากกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วน เสยี ทีม่ คี วามหลากหลายทางความคดิ คณุ คา่ และความคาดหวังเกีย่ วกับอนาคต ขนั้ ตอนท่ี 2 เปน็ การพัฒนายทุ ธศาสตร์ ซง่ึ ไมใ่ ช่ยุทธศาสตร์ที่ดที ีส่ ุด แต่ดพี อทีจ่ ะตอบรบั กบั ทกุ สถานการณใ์ นอนาคตทเ่ี ชอ่ื วา่ เกดิ ขนึ้ ได้ จากนน้ั จงึ เปน็ การพฒั นาวธิ กี ารจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั ของทาง เลอื กฉากทศั นท์ ่พี งึ ประสงค์ ข้นั ตอนท่ี 3 เป็นการเลือกยุทธศาสตรท์ ่ีปรับเปลยี่ นได้ (adaptive) เพ่ือให้ตอบรับกับสถานการณ์ และความไม่แน่นอน โดยปรับเปลี่ยนตามข้อมูลและความรู้ใหม่ท่ีเกิดขึ้นเม่ือเวลาผ่านไป ท้ังน้ี ยทุ ธศาสตร์แบบปรับเปลีย่ นได้ในระยะส้ันจะมุ่งไปทผี่ ลลพั ธใ์ นระยะยาว โดยการสรา้ งกรอบทางเลอื ก สำ� หรับการตดั สนิ ใจในอนาคต การออกแบบยทุ ธศาสตร์ในระยะสัน้ จึงเนน้ เพ่ือสามารถตรวจสอบและ ปรบั เปล่ียนได้ในอนาคต ข้ันตอนสุดท้ายเป็นการประยุกต์ใช้เครื่องมือคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาเพื่อการวิเคราะห์ภาพอนาคต จ�ำนวนมากได้ซ้�ำกันหลายคร้ัง ซึ่งท�ำให้สามารถทดสอบและค้นพบสมมติฐานท่ีพิสูจน์ได้ว่าใช้ได้กับ สถานการณท์ ห่ี ลากหลาย การใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการวเิ คราะหท์ างเลอื กฉากทศั นแ์ ละการตดั สนิ ใจทำ� ให้ มนุษย์สามารถค้นพบยุทธศาสตร์ระยะสั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนและตอบรับกับสถานการณ์อนาคตที่ หลากหลายได้ ในกระบวนการวเิ คราะหจ์ รงิ ระบบคอมพวิ เตอรจ์ ะชว่ ยสรา้ งฉากทศั นท์ น่ี า่ จะเกดิ ขน้ึ ไดเ้ ปน็ จำ� นวน มาก โดยแต่ละฉากจะมีรายละเอียดเก่ียวกับสภาพอนาคตและยุทธศาสตร์ท่ีน�ำไปสู่ผลลัพธ์ในอนาคต ระบบการตดั สินใจแบบ RDM วเิ คราะห์ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งชุดภาพอนาคตที่เช่อื วา่ เกดิ ข้ึนได้ แลว้ สรา้ ง ออกมาเปน็ ภาพคอมพวิ เตอรก์ ราฟิก หรือท่เี รยี กวา่ visualization ท่ชี ว่ ยใหน้ กั วเิ คราะหส์ ามารถสรา้ ง สมมตฐิ านและยุทธศาสตรท์ ่ีเหมาะสม และทดสอบสมมติฐานและยทุ ธศาสตรเ์ หล่านต้ี ่อไป

179 | อนาคตศึกษา การคาดการณ์ อยา่ งมสี ว่ นรว่ ม แนวคิดส�ำคัญท่ีมีอิทธิพลต่อวงการอนาคตศาสตร์คือการให้ความส�ำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียในกระบวนการคาดการณ์ โดยเฉพาะในการส�ำรวจและพัฒนาภาพอนาคตที่เป็นไปได้และ พงึ ประสงค์ การมสี ว่ นรว่ มทวี่ า่ นี้ หมายถงึ กจิ กรรมทม่ี ีทงั้ แบบทผ่ี เู้ ขา้ รว่ มมาพบหารอื กนั ตัวตอ่ ตวั แบบ เป็นกลุ่มในสถานที่ใดสถานทห่ี นง่ึ หรือแบบการประชุมผา่ นทางเคร่อื งมือโทรคมนาคม โดยอาจเปน็ ก ลุม่ คนในองค์กรเดยี วกัน ในพ้ืนที่ ประเทศหรอื ภมู ิภาคเดียวกัน หรอื แมแ้ ตใ่ นระดบั โลก โดยแต่ละคน เขา้ มามสี ว่ นรว่ มเพอ่ื ศกึ ษาความเปน็ ไปไดข้ องอนาคต และพฒั นาภาพอนาคตรว่ มกนั ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ จาก กระบวนการศกึ ษาและพฒั นาภาพอนาคตอยา่ งมสี ว่ นรว่ มนี้ มกั เปน็ ภาพอนาคตเชงิ ปทสั ถาน คอื กลา่ ว ถงึ ภาพอนาคตทคี่ วรจะเปน็ มากกวา่ ภาพอนาคตเชงิ วเิ คราะหท์ มี่ งุ่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ อนาคตจะเปน็ เชน่ ไร ตามเงือ่ นไขและบริบทในอดีตและปัจจุบัน กระบวนการคาดการณ์อย่างมีส่วนร่วมสามารถระบุถึงความปรารถนาของผู้คนท่ีเข้าร่วม กระบวนการ รวมถึงยุทธศาสตร์โดยทั่วไปในการบรรลุความปรารถนาเหล่าน้ัน แต่อาจไม่เหมาะสม ส�ำหรับการพัฒนาแผนที่มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจง ซ่ึงควรใช้วิธีการวิเคราะห์และคาดการณ์อื่น ประกอบกนั ไปดว้ ย ภาพอนาคตท่เี กิดจากการวิเคราะหอ์ ย่างเป็นระบบจะช่วยให้รายละเอยี ดที่พฒั นา จากกระบวนการมีส่วนร่วมไม่ห่างจากความเป็นจริงมากจนเกินไป และยุทธศาสตร์ท่ีพัฒนาขึ้นมา สามารถดำ� เนนิ การไดอ้ ย่างมีประสิทธิผลมากขน้ึ แนวคดิ หนง่ึ ในวงการวางแผนและอนาคตศกึ ษาเชอื่ วา่ ระดบั การยอมรบั ของผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ใน นโยบาย ยุทธศาสตร์หรือการตัดสินใจจะข้ึนอยกู่ บั ระดับการมีส่วนร่วมของผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี นนั้ เช่น เดียวกันระดับความยากง่ายของการด�ำเนินการตามนโยบายหรือแผน ก็มักแปรผันไปตามระดับการมี ส่วนร่วมของผู้มีอ�ำนาจตัดสินใจในกระบวนการคาดการณ์และวางแผนเช่นกัน กระบวนการวางแผน ท่ีพิจารณาและค�ำนึงถึงภาพอนาคตจ�ำนวนมากและหลากหลายเท่าใด ก็จะเพ่ิมโอกาสให้ผลผลิตที่ เป็นนโยบายหรือยุทธศาสตร์สามารถสร้างผลลัพธ์ท่ีดีและย่ังยืนมากเท่าน้ัน ด้วยเหตุนี้ วัตถุประสงค์ หลกั ของกระบวนการมสี ่วนรว่ ม ท้ังในการคาดการณอ์ นาคตและการวางแผนยุทธศาสตร์ คือ เพ่ือยก ระดับคุณภาพของการตัดสินใจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักและการให้ความรู้กับผู้เข้าร่วม กระบวนการอกี ด้วย

อนาคตศกึ ษา | 180 เป็นเร่ืองธรรมดาท่ีกระบวนการมีส่วนร่วมจะเต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่างและมีการโต้แย้งกัน ระหวา่ งผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ยงิ่ ถา้ เปน็ ประเดน็ สำ� คญั และทา้ ทายเทา่ ไหร่ กจ็ ะยง่ิ มคี วามเหน็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั มากเทา่ นน้ั จงึ คงเปน็ เรอื่ งแปลกและไมธ่ รรมดา ถา้ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มมแี ตค่ วามคดิ เหน็ เดยี วกนั หรอื เหน็ พอ้ งกนั ทง้ั หมด วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ประการสำ� คญั ของกระบวนการคาดการณใ์ นอนาคตศกึ ษาคอื เพอ่ื กระตนุ้ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกระบวนการใชจ้ นิ ตนาการของตนเองไดม้ ากทสี่ ดุ ความหลากหลายของจนิ ตนาการ และความคดิ เหน็ จึงเปน็ ผลลพั ธ์ทีต่ ้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ ในกระบวนการคาดการณ์ อยา่ งไรกต็ าม หากกระบวนการมสี ว่ นรว่ มของผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี เปน็ ไปอยา่ งอสิ ระ และความเหน็ แตกตา่ งกนั มากเกนิ ไป จะไมน่ ำ� ไปสผู่ ลผลติ และผลลพั ธท์ ช่ี ดั เจน และไมน่ ำ� ไปสกู่ ารตดั สนิ ใจและดำ� เนนิ การตอ่ ไปได้ กระบวนการทด่ี จี งึ ตอ้ งชนี้ ำ� ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มมจี ดุ มงุ่ หมายและขอบเขตทชี่ ดั เจน และรสู้ กึ ถงึ การ มีส่วนรับผิดชอบและความร่วมมือร่วมกัน การวางแผนกระบวนการและการใช้กระบวนกรที่ดีจึงเป็น ปจั จัยส�ำคญั ของกระบวนการมีส่วนรว่ ม ไม่ว่าจะมีจดุ มุง่ หมายเพื่อการคาดการณอ์ นาคต การวางแผน ยทุ ธศาสตร์ หรอื การปรกึ ษาหารือในรายละเอยี ดโครงการ การพฒั นาดา้ นเทคโนโลยแี ละตน้ ทนุ ทลี่ ดตำ่� ลงทำ� ใหเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศโดยเฉพาะอนิ เทอรเ์ นต็ ได้แพร่หลายไปท่ัวโลก และเปิดโอกาสให้คนท่ัวไปสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการคาดการณ์ อนาคตและการตัดสินใจในหลายรูปแบบมากข้ึน วิธีการและกระบวนการมีส่วนร่วมมีอยู่มากมายและ หลากหลาย เนอื่ งจากมหี นังสือ ตำ� ราและคู่มอื จำ� นวนมากที่น�ำเสนอรายละเอียดในเรอื่ งนี้อยู่แล้ว63 จึง ไม่จ�ำเป็นต้องอธิบายโดยละเอียดในท่ีน้ี ประเด็นสำ� คัญท่ีต้องตระหนักอยู่เสมอในการใช้กระบวนการมี ส่วนรว่ มในการคาดการณอ์ นาคตคือ แต่ละวธิ กี ารมขี ้อดขี ้อเสีย จุดแขง็ จุดออ่ นของแต่ละวธิ ีอยู่ จงึ ต้อง เข้าใจวิธีการเหล่าน้ีอย่างถ่องแท้ และเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเง่ือนไขในแต่ละ เร่ืองและแต่ละพืน้ ที่ ตวั อยา่ งเชน่ การจดั ประชาพจิ ารณอ์ าจเปน็ ทน่ี ยิ มใชท้ ว่ั ไป แตม่ ขี อ้ จำ� กดั สำ� คญั คอื เปน็ การใหค้ วาม เหน็ ทลี ะคน ทำ� ใหจ้ ำ� นวนและสดั สว่ นของผทู้ สี่ ามารถแสดงความเหน็ ไดจ้ รงิ มอี ยนู่ อ้ ย ความทา้ ทายคอื จะ ทำ� อยา่ งไรใหค้ วามเหน็ ทไี่ ดร้ บั นนั้ เปน็ เสยี งจากตวั แทนจรงิ และเปน็ ความเหน็ เชงิ ลกึ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ การคาดการณ์และการวางแผนจริง แนวทางหนึ่งในการแก้ไขคือการผสมผสานระหว่างการจัดประชา พิจารณ์กลุ่มใหญ่กับการประชุมกลุ่มย่อย แม้ว่าผลลัพธ์จากการประชุมกลุ่มย่อยอาจไม่ถือเป็นตัวแทน ของกลมุ่ ใหญท่ ง้ั หมด แต่สามารถใหข้ ้อมูลและความคดิ เหน็ ทส่ี ำ� คญั ตอ่ การคาดการณแ์ ละการวางแผน ยทุ ธศาสตรต์ ่อไปได้ เปน็ ตน้ วิธีการคาดการณ์แบบมีส่วนร่วมสามารถจ�ำแนกเป็นกลุ่มตามขนาดของกลุ่มตามจ�ำนวนคนและ ตามจ�ำนวนสถานท่ีประชุม ดังนี้

181 | อนาคตศกึ ษา ปตารระาเภงททข่ี 1อ6งวธิ กี ารคาดการณ์แบบมสี ่วนร่วม ท่มี า: Glenn (2009b) ซินคอน วธิ กี ารคาดการณแ์ บบมสี ว่ นรว่ มทเี่ นน้ การมองอนาคตมากทส่ี ดุ และเปน็ องคร์ วมมากทสี่ ดุ คอื วธิ กี ารซนิ คอน (Syncon)64 วธิ กี ารนพี้ ฒั นาขน้ึ ในสหรฐั อเมรกิ าในชว่ งทศวรรษท่ี 1970 โดยกลมุ่ The Committee for the Future65 เพ่ือตอบค�ำถามวา่ ภาพอนาคตอะไรท่ที ุกคนสามารถมุ่งทำ� รว่ มกนั เพื่อให้บรรลุภาพนัน้ ได้ และความไม่เขา้ ใจกนั (misunderstandings) อะไรทต่ี ้องแก้ไขกอ่ นทจ่ี ะทำ� ใหเ้ กิดความร่วมมือน้ัน ซนิ คอนเปน็ วธิ ีการประชุมแบบหนงึ่ ทีอ่ อกแบบมาใหผ้ ูเ้ ขา้ รว่ มประชุมค่อย ๆ ก่อรา่ งและสร้างความคดิ ที่ท้ายสุดสอดคลอ้ งและเปน็ หน่งึ เดยี วกันได้ ตามช่อื เตม็ คือ synergistic convergence - Syncon วธิ ีการนเี้ ชื่อวา่ ถา้ ผู้คนที่หลากหลายสามารถมาเจอกัน ร่วมกนั สรา้ งฝนั และหาจดุ ยนื รว่ มกนั ก็ จะสามารถสร้างความตระหนักท่ีท�ำให้เกิดความก้าวหน้ากับทุกคนได้ จากตัวอย่างภาพวงล้อซินคอน ขา้ งล่างน้ี จะเหน็ ได้ว่า แต่ละสว่ นเสี้ยวของวงดา้ นในของวงลอ้ แสดงถงึ องค์ประกอบและทศิ ทางท่ีแตก ตา่ งกันของสังคม อาทิ ความตอ้ งการทางสงั คม เทคโนโลยี สิง่ แวดล้อม รฐั บาล การผลิต และภมู ภิ าค อื่น ๆ ส่วนวงด้านนอกของวงล้อแสดงศักยภาพท่ีเพ่ิมข้ึนของอารยธรรมโลก เช่น การพัฒนาด้าน เทคโนโลยีชีวภาพ ขอ้ มลู ชีวิตนอกโลก ธรรมชาตขิ องมนุษย์ ศลิ ปะ และปรากฏการณอ์ ืน่ ที่ไมส่ ามารถ อธิบายได้ ในกระบวนการคาดการณ์อยา่ งมีส่วนรว่ มแนวนี้ ผูเ้ ข้ารว่ มประชุมแต่ละกลุ่มจะอภปิ รายถงึ อนาคตของประเด็นตา่ ง ๆ ตามส่วนเสยี้ วของวงลอ้ จากนั้นจึงรวมกลมุ่ กบั กลุ่มอน่ื เพอื่ สร้างอนาคตร่วม กนั ทผ่ี สมผสานเอาองคป์ ระกอบและทศิ ทางทแี่ ตกตา่ งกนั เขา้ ดว้ ยกนั จนทา้ ยสดุ เปน็ กลมุ่ ใหญก่ ลมุ่ เดยี ว กระบวนการคาดการณแ์ บบซนิ คอนน้ี ใชเ้ วลาประมาณ 3-4 วนั โดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการเชอื่ ม ผู้เข้าร่วมจากสถานท่ีตา่ ง ๆ ที่ไมส่ ามารถเดนิ ทางมาเข้าร่วมเองได้

อนาคตศกึ ษา | 182 วแงผลน้อภซาินพคทอ่ี น19ท่แี สดงประเด็นย่อย ท่ีมา: Glenn (2009b) ในแตล่ ะกลมุ่ ทเ่ี รยี กวา่ ซนิ คอน ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ทเ่ี ปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญจากสาขาตา่ ง ๆ จะระดมสมอง กันโดยมีกระบวนกรเป็นผู้ด�ำเนินกระบวนการตามแนวทางท่ีก�ำหนดไว้ตามเป้าหมายท่ีตั้งไว้ แต่ละ กลุม่ จะมีเคร่ืองมอื การสอื่ สารที่เชือ่ มต่อการประชมุ กลมุ่ ย่อยหรือซินคอนอ่ืนเขา้ ด้วยกนั และอาจมกี าร เผยแพรใ่ นเวลาเดยี วกนั เพอื่ ใหค้ นทวั่ ไปสามารถเขา้ มามสี ว่ นรว่ มได้ การถา่ ยทอดสดทางโทรทศั นห์ รอื วิธีการอื่นเช่นทางอินเทอร์เน็ต สามารถเพิ่มจ�ำนวนผู้เข้าร่วมกระบวนการคาดการณ์แบบซินคอนจาก 50-500 คนท่ีเข้าร่วมการประชุมกลุ่มซินคอนโดยตรงเป็นหลายพันคน และสามารถถามค�ำถามหรือ ให้ความเหน็ ระหว่างกระบวนการได้ วแงผลนอ้ ภซานิ พคทอี่ น20ทแี่ สดงประเด็นยอ่ ย ทีม่ า: Glenn (2009b)

183 | อนาคตศึกษา กรปุ๊ แวร์ ประเภทซอฟต์แวร์ที่ช่วยเชื่อมต่อและท�ำให้การส่ือสารและการประชุมออนไลน์เป็นไปได้ง่ายคือ ซอฟตแ์ วรท์ เ่ี รยี กวา่ “กรปุ๊ แวร”์ (Groupware) สว่ นกรปุ๊ แวรท์ ใี่ ชใ้ นระบบการตดั สนิ ใจอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม เรยี กโดยทัว่ ไปว่า ระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจกลุ่ม (Group Decision Support System) ซอฟตแ์ วร์ เหลา่ น้สี ามารถช่วยทำ� หน้าทไ่ี ดห้ ลายดา้ น เช่น • การเกบ็ และนำ� เสนอคำ� ตอบและความเหน็ ของผเู้ ขา้ รว่ มกระบวนการไดอ้ ยา่ งทนั ที จงึ ทำ� ให้ สามารถตอ่ ยอดขอ้ มลู ความรูแ้ ละความคิดเหน็ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว • การจดั การระดมสมองผา่ นทางสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ซงึ่ สามารถจดั กลมุ่ ประเดน็ และขอ้ มลู เพอ่ื การวิเคราะห์ในอนาคตได้งา่ ยมากข้ึน • การแสดงภาพหรือกราฟแสดงความเชื่อมโยงของกลุ่มประเด็นและข้อมูล ท�ำให้ผู้เข้าร่วม สามารถเขา้ ใจไดง้ า่ ยขน้ึ และสามารถเสรมิ คดั คา้ นหรอื แสดงความเหน็ เพม่ิ เตมิ ไดง้ า่ ยยง่ิ ขนึ้ • การประเมนิ ทางเลอื ก และการจดั อนั ดบั ตามเกณฑท์ ตี่ ง้ั ขน้ึ มาโดยกลมุ่ ผเู้ ขา้ รว่ มกระบวนการ • การสรา้ งชดุ คำ� สำ� คญั คำ� อธบิ ายหรอื พจนานกุ รมในประเดน็ ทเี่ หน็ พอ้ งกนั เพอื่ ปอ้ งกนั ความ เข้าใจผดิ ในการสื่อสารและการด�ำเนนิ งานตอ่ ไป • การสร้างลิงก์ที่เชื่อมไปยังข้อมูล เอกสารหรือเน้ือหาเพิ่มเติม เพื่อสามารถอ้างอิงและใช้ ประโยชนต์ ่อไปไดใ้ นอนาคต • การร่วมผลิตผลงาน ท้ังการเขียน การแก้ไข การตรวจค�ำและการจัดการรูปแบบในเวลา เดียวกัน ในปจั จุบัน มีกรปุ๊ แวร์จำ� นวนมากท่ีใชใ้ นกระบวนการคาดการณ์และวางแผนอยา่ งมสี ่วนร่วม ทั้ง ท่ีเปน็ ซอฟตแ์ วร์ทีต่ อ้ งซอ้ื และท่ีเป็นแบบเปดิ (open source) ขน้ั ตอนและวิธกี าร เช่นเดยี วกบั กระบวนการมสี ่วนรว่ มทวั่ ไป กระบวนการมีสว่ นรว่ มในการคาดการณ์จำ� เป็นตอ้ งค�ำนึงถงึ ประเดน็ ดังตอ่ ไปนี้ • การกำ� หนดความสำ� เรจ็ ทชี่ ดั เจนในการดำ� เนนิ กระบวนการ เชน่ ไดผ้ ลลพั ธเ์ ปน็ เปา้ หมาย เดียวกัน ไดฉ้ นั ทามตใิ นเร่อื งใดเรือ่ งหนึง่ หรอื แม้แตก่ ารยอมรบั วา่ ภาพอนาคตมีอยหู่ ลาก หลาย มีหลายฉากทัศน์ที่เกิดขึน้ ได้ • การมุ่งเน้นไปที่อนาคต ความท้าทายหน่ึงของกระบวนการคาดการณ์อย่างมีส่วนร่วมคือ จะท�ำอย่างไรให้ผู้เข้าร่วมไม่ได้ยึดติดกับปัญหาในอดีต และการประเมินและตัดสินว่า ใคร ถูกใครผิดในอดีต แต่มุ่งให้การสนทนาและการอภิปรายมุ่งไปหาภาพอนาคต บ่อยครั้งที่ กระบวนการมีส่วนร่วมมักหมดเวลาไปกับการถกเถียงเก่ียวกับปัญหาท่ีเกิดข้ึนในอดีตและ ปจั จบุ นั และไมม่ เี วลาเหลอื สำ� หรบั การพูดถึงอนาคต ดงั นั้น การอภปิ รายเกยี่ วกับปัจจุบัน จงึ ตอ้ งอยใู่ นบรบิ ทของการสรา้ งทางเลอื กสำ� หรบั อนาคต อนงึ่ ในกระบวนการมสี ว่ นรว่ มควร กำ� หนดปีเปา้ หมายให้ชัดเจน เพือ่ ให้ผู้เขา้ ร่วมกระบวนการสามารถม่งุ เป้าหมายไดด้ ียิ่งขนึ้ • ขอบเขตเนอ้ื หา ควรกำ� หนดใหช้ ดั เจนวา่ เนอ้ื หาจะมงุ่ เฉพาะเจาะจงไปทป่ี ระเดน็ หรอื หวั ขอ้ หน่ึงเดียว เช่น อนาคตของการเดินทาง อนาคตของการแพทย์แผนไทย หรือครอบคลุม

อนาคตศกึ ษา | 184 หัวขอ้ และประเดน็ ทีก่ วา้ งกว่านั้น เช่น อนาคตชีวติ คนไทย นอกจากนี้ ควรก�ำหนดแนวทาง การดำ� เนนิ กระบวนการไวก้ อ่ นวา่ จะยดึ ตามแนวทางทตี่ ง้ั ไวห้ รอื ใหม้ คี วามยดื หยนุ่ และปรบั เปลย่ี นได้ อกี ทงั้ ยงั ควรตง้ั เปา้ หมายไวก้ อ่ นวา่ ผลลพั ธจ์ ากการกระบวนการมสี ว่ นรว่ มจะตอ้ ง เปน็ ฉนั ทามตใิ นเรือ่ งใดเรอื่ งหนง่ึ หรอื เป็นชดุ ทางเลอื กทมี่ กี ารประเมนิ ผลเปรยี บเทยี บดา้ น ต้นทุนและผลประโยชน์ • ผู้เข้าร่วมกระบวนการ กระบวนการมีส่วนร่วมต้องมีกรอบคิดและแนวทางในการก�ำหนด จ�ำนวนผู้เข้าร่วม วิธีการและระยะเวลาในการเข้าร่วม โดยค�ำนึงถึงระดับความรู้ความ เช่ียวชาญและส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเน้ือหาของกระบวนการคาดการณ์ ใน บางโครงการ อาจเปิดให้สาธารณชนเขา้ ร่วมกระบวนการได้ แต่บางกระบวนการอาจจำ� กดั เฉพาะระดบั ผบู้ รหิ าร เป็นต้น • ความซ่ือตรง ของกระบวนการมีส่วนร่วมเป็นหลักการส�ำคัญ เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อ ความน่าเชื่อถือของกระบวนการ หากกระบวนการถูกชักใยและปรับเปลี่ยนได้ตามความ ต้องการของคนบางกลุ่ม หรือท�ำให้เป็นไปตามวาระซ่อนเร้นท่ีได้ต้ังไว้ก่อน จะท�ำให้ผู้เข้า รว่ มกระบวนการรสู้ กึ วา่ ถกู หลอกลวงและไมเ่ ชอื่ ถอื ในกระบวนการและผลลพั ธท์ ไ่ี ด้ ดว้ ยเหตุ นี้ ความซอื่ ตรงและซอื่ สตั ยข์ องผดู้ ำ� เนินกระบวนการจึงมีความส�ำคญั อย่างยิง่ นอกจากหลักการพื้นฐานดังกล่าว ยังมีหลักการเกี่ยวกับการด�ำเนินกระบวนการท่ีผู้ด�ำเนิน กระบวนการและกระบวนกรควรค�ำนงึ ถงึ เชน่ • พยายามกระตนุ้ หรอื สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มบางคนทไ่ี มก่ ลา้ พดู สามารถแสดงความเหน็ ไดม้ ากขน้ึ • เปิดโอกาสให้มีแนวคดิ ใหมห่ รอื นวัตกรรมเกดิ ข้นึ ในกระบวนการ • สร้างช่องทางในการสือ่ สาร ทัง้ การรับฟังอยา่ งเดยี ว การพดู คุยและการสนทนากล่มุ • จัดเวลาท่ีเพยี งพอส�ำหรบั การครุ่นคิดและเปลี่ยนความคิดเหน็ ได้ • แยกกล่มุ ผูเ้ ขา้ ร่วมที่รจู้ ักกนั ออกจากกนั • สร้างบรรยากาศท่ีเอือ้ ให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคดิ เห็นสว่ นตัวไดอ้ ย่างสบายใจ • สรา้ งความตระหนกั ของการพ่งึ พาซึ่งกนั และกัน เปน็ ชมุ ชนเดยี วกนั และมจี ดุ ยืนเดียวกัน • เตรียมข้อมูลพืน้ ฐานที่จ�ำเปน็ ไว้ให้พรอ้ ม • กระตนุ้ ใหผ้ ู้เขา้ รว่ มคดิ ภาพระยะยาว (20 ปขี ้นึ ไป) • กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมคิดถึงผลกระทบต่อเน่ืองข้ันท่ีสองและสามของปัจจัยหรือการกระ ทำ� หนึง่ • ใหค้ วามสำ� คญั กับทกุ มมุ มองเก่ยี วกับประเด็นใดประเดน็ หนึง่ • เปดิ โอกาสใหผ้ มู้ ีอ�ำนาจตัดสนิ ใจมีปฏสิ ัมพนั ธ์กับผทู้ ่ไี ด้รับผลกระทบจากการตดั สินใจน้ัน • ค�ำนงึ ถงึ การน�ำนโยบายหรือแผนไปปฏิบัติ • หลีกเล่ียงการท�ำให้ผู้เข้าร่วมรสู้ ึกถูกคกุ คาม • สร้างความชดั เจนในบทสรุปเพอื่ ไม่ให้เกดิ การเขา้ ใจผิดในภายหลัง • ในกรณที เี่ ปน็ ประเดน็ สาธารณะ ควรเปดิ ใหส้ อ่ื สารมวลชนสามารถรายงานผลไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี • เปดิ โอกาสให้ทกุ คนที่เข้าร่วมมโี อกาสในการเสนอความเห็น • สรา้ งบรรยากาศทแี่ สดงใหผ้ ู้มีอำ� นาจตัดสินใจเห็นวา่ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มเปน็ สง่ิ ท่ดี ี

185 | อนาคตศกึ ษา การจ�ำ ลอง สถานการณแ์ ละเกม การจำ� ลองสถานการณแ์ ละการใชเ้ กม (simulation and games) มีประโยชน์อยา่ งมากในการคาด การณ์และวางแผนเตรียมพร้อมส�ำหรับอนาคต เน่ืองจากนักวิจัยและนักวางแผนสามารถค้นหาและ ประเมนิ ทางเลอื กทด่ี ที สี่ ดุ สำ� หรบั การจดั การกบั ปญั หาและความทา้ ทายในอนาคต รวมทงั้ เตรยี มพรอ้ ม ที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสดีที่อาจเกิดข้ึน โดยไม่มีความเส่ียงหรือต้นทุนสูงในกรณีที่อาจเกิดความ ผดิ พลาด วธิ ีการจำ� ลองสถานการณ์และเกมใช้อย่างแพรห่ ลายในกล่มุ นกั อนาคตศาสตร์ นกั วจิ ัย นกั ออกแบบ และนกั วางแผนในหลายสาขาวิชาและสาขาวชิ าชพี ท้งั ในด้านการศึกษา ดา้ นผังเมอื ง ด้าน การบรหิ ารธรุ กจิ และดา้ นนโยบายสาธารณะ ตวั อยา่ งเกมจำ� ลองสถานการณท์ ท่ี กุ คนรจู้ กั คอื เกมเศรษฐี (monopoly game) ทเี่ ปน็ บอรด์ เกมทคี่ นทวั่ ไปเลน่ ไดแ้ ละยงั สอนหลกั การเศรษฐศาสตรแ์ ละการลงทนุ พนื้ ฐานอกี ดว้ ย แนวคดิ การใชเ้ กมวทิ ยาเพอ่ื วตั ถปุ ระสงคใ์ นการวางแผน หรอื เกมชิ เิ คชนั (gamification) ไดแ้ พรห่ ลายและเปน็ ทย่ี อมรบั มากขน้ึ ทงั้ ในวงการวชิ าการ การวางแผนนโยบาย และการวางแผนธรุ กจิ การจ�ำลองสถานการณแ์ ละเกมมคี วามหมายแตกตา่ งจากค�ำวา่ แบบจ�ำลอง (models) และฉาก ทัศน์หรือสถานการณ์ (scenarios) แบบจ�ำลองคือการลดทอนหรอื ยอ่ ส่วนของปรากฏการณ์ท่ีเกดิ ขึน้ จรงิ และมคี วามซบั ซอ้ น โดยแสดงองคป์ ระกอบสำ� คญั ของปรากฏการณแ์ ละความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งองค์ ประกอบต่าง ๆ เพือ่ อธิบายปรากฏการณ์หรอื นำ� ผลวิเคราะห์ทไ่ี ดไ้ ปใชเ้ พอ่ื บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ท่ีต้งั ไว้ แบบจ�ำลองมีอยู่ทั่วไปรอบตัวเรา ท้ังแบบจ�ำลองที่จับต้องสัมผัสได้ทางกายภาพ เช่น โมเดลบ้านที่ สถาปนิกหรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ท�ำขึ้นเพื่อแสดงให้ลูกค้าดูก่อนตัดสินใจ ไปจนถึงแบบจ�ำลองทาง คณิตศาสตร์ เช่น แบบจ�ำลองเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ และแบบจ�ำลองภูมิอากาศโลกท่ีแสดง องคป์ ระกอบระบบด้านกายภาพ เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และการเมอื งที่มผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศระดับโลก ส่วนสถานการณ์หรือฉากทัศน์เป็นการพรรณนาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในกิจกรรม โครงการหรือสถานการณ์ในช่วงเวลาหน่ึง โดยอาจเกิดข้ึนในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต ท้ังท่ีเกิดข้ึน จริงและทจ่ี นิ ตนาการได้ ในแต่ละสถานการณอ์ าจสามารถแจงแยกย่อยออกเป็นสถานการณ์หรือฉาก ทัศน์ย่อยไดอ้ ีก การจ�ำลองสถานการณ์และเกมก็มีความหมายแตกต่างกัน การจ�ำลองสถานการณ์เป็นการ สร้างสถานการณ์ในสถานท่ีหรือเวลาท่ีแตกต่างออกไปจากสถานการณ์จริง โดยมักเป็นการสมมติ สถานการณ์ท่ีมีโอกาสเกิดข้ึนหรือน่าจะเกิดขึ้น การจ�ำลองสถานการณ์ไม่ได้เป็นเกมเสมอไป และมัก ตง้ั อยบู่ นสถานการณห์ รอื ฉากทศั นท์ ส่ี รา้ งขนึ้ ในรปู แบบของแบบจำ� ลอง ดงั นนั้ สถานการณส์ มมตทิ เี่ รมิ่ ตน้ จากการต้งั เง่ือนไขของการสมมติ (เช่น สมมติว่า ...) ถอื วา่ เป็นการจำ� ลองสถานการณอ์ ยา่ งงา่ ยแลว้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook