Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Creative Learning 2nd edition

Creative Learning 2nd edition

Published by educat tion, 2021-04-16 02:09:47

Description: Creative Learning 2nd edition

Search

Read the Text Version

138 บทที่ 3 การจัดการเรยี นรเู้ ชงิ สร้างสรรค์ แบบสังเกตพฤติกรรมความมีวนิ ัย คำช้แี จง 1. แบบสังเกตนใี้ ชส้ ังเกตพฤติกรรมความมวี ินัยของผเู้ รียน 2. เขยี นคะแนนในชอ่ งผลการสังเกตโดยใช้เกณฑ์การใหค้ ะแนนตอ่ ไปน้ี 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตใิ นพฤติกรรมทป่ี ระเมนิ เมอื่ ได้รับการชกั ชวน จากเพื่อนหรือครู 2 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิในพฤติกรรมที่ประเมินเมอื่ มีตัวแบบ จากเพ่ือนหรอื ครู 3 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัตใิ นพฤติกรรมท่ีประเมนิ อยา่ งสมำ่ เสมอ ดว้ ยตนเอง ผลการประเมนิ ช่ือ – สกลุ ตั้งใจ ปฏิบตั ิงาน อดทน มุ่งมัน่ รวม ในการเรยี นรู้ บรรลุ ต่อสิ่งยว่ั ยุ พยายาม เปา้ หมาย * ผสู้ อนนำผลการประเมนิ ไปพฒั นาผเู้ รียนรายบคุ คล และปรับปรงุ การจัดการเรียนรู้

บทที่ 3 การจดั การเรยี นร้เู ชิงสรา้ งสรรค์ 139 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการแสดงความคิดเหน็ และแลกเปล่ียนเรยี นรู้ คำช้ีแจง 1. แบบสังเกตนใ้ี ชส้ ังเกตพฤติกรรมการแสดงความคดิ เหน็ และการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ 2. เขยี นคะแนนในชอ่ งผลการสังเกตโดยใชเ้ กณฑก์ ารให้คะแนนต่อไปน้ี 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตใิ นพฤติกรรมทป่ี ระเมินเมื่อได้รับคำบอกกล่าว 2 คะแนน หมายถึง จากเพื่อนหรอื ครู 3 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติในพฤติกรรมทปี่ ระเมินเมอ่ื ได้รับการกระตุ้น จากเพ่ือนหรือครู ปฏิบัตใิ นพฤติกรรมทป่ี ระเมินได้ดว้ ยตนเอง ผลการประเมิน ช่อื – สกลุ แสดงความ แสดงความ รับฟงั ความ เสนอแนะ รวม คิดเห็น คิดเหน็ คดิ เหน็ ของ ทางออก บนพื้นฐาน ในทาง บุคคลอ่นื ที่เปน็ ขอ้ เทจ็ จริง สร้างสรรค์ ประโยชน์ * ผสู้ อนนำผลการประเมินไปพัฒนาผู้เรียนรายบคุ คล และปรบั ปรุงการจัดการเรยี นรู้

140 บทท่ี 3 การจัดการเรยี นรเู้ ชิงสร้างสรรค์ บทสรุป การจดั การเรียนรเู้ ชิงสรา้ งสรรค์ มุ่งพัฒนา Growth mindset ซึ่งเป็นความ เช่ือท่ีมีต่อตนเองของผู้เรียนว่าสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วยการใช้ความมุ่งมั่น และพยายาม เป็นจุดเน้นของการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน โดยยึดหลักการสำคัญของ การจัดการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ คือ ความสอดคล้องกับ “ภูมิสังคม” หรือบริบททาง สังคมและวัฒนธรรม โดยการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสรรค์ นวัตกรรม เปิดพื้นท่ีให้ผู้เรียนใช้ศักยภาพของตนเองในการเรียรู้ โดยใช้เทคโนโลยี เป็นฐาน ผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ ตามความเหมาะสม เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ได้มากท่ีสุด นอกจากนี้ยังใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน ท่ีมุ่งเน้นให้ ผู้เรียนใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาทักษะการสร้างสรรค์ นวัตกรรม ส่วนการจัดการเรียนรู้ท่ีเสริมสร้างทักษะนวัตกรรมให้ความสำคัญกับ การเปดิ พน้ื ทีศ่ กั ยภาพทางความคิด จินตนาการสร้างสรรคแ์ ละการลงมือปฏิบตั จิ ริง

บทท่ี 3 การจัดการเรยี นรู้เชงิ สรา้ งสรรค์ 141 บรรณานุกรม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง. (2551). การประยุกตใ์ ช้หลักเศรษฐกิจ พอเพียง. กรุงเทพฯ: กลุ่มงานเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการ พฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ. จริยา สมาคม. (2552). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์วิชาเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนจากการ จัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน. การศึกษาอิสระ ศศ.ม. (วิทยาศาสตร์ ศึกษา). ขอนแกน่ : คณะศึกษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . ดวงทิพย์ กรีมนตรี. (2551). การพัฒ นากิจกรรมการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 สาระเศรษฐศาสตร์ เร่ือง การบริโภค โดยใช้วิธีการ สอนท่ีเน้นวิจัยเป็นฐาน. การศึกษาค้นคว้าอิสระ. กศ.ม. (หลักสูตรและการ สอน). มหาสารคาม: บณั ฑิตวิทยาลัยมหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. ทิศนา แขมมณี. (2548). การจัดการเรียนรู้โดยผู้เรียนใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการเรียนร.ู้ กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ครุ ุสภาลาดพร้าว. ราชบัณฑิตยสถาน. (2555). พจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตสถาน. (พิมพค์ รั้งที่ 1). กรงุ เทพฯ: ราชบณั ฑิตยสถาน. วิชัย วงษ์ใหญ่. (2560). เอกสารประกอบการบรรยาย เร่ือง “การจัดการเรียนรู้โดยใช้ วจิ ยั เป็นฐาน” กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ. วิชาญ พันธุ์ประเสริฐ. (2551). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูวิทยาศาสตร์เพื่อ ออกแบบบทปฏิบัติการ ท่ีสอดแทรกภูมิปัญญาท้องถ่ิน. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (วิทยาศาสตร์ศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. สถาพร ภูผาใจ. (2553). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน รายวิชาชีววิทยา เพิ่มเติมช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. (วิทยาศาสตร์ศึกษา). ขอนแกน่ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ .

142 บทที่ 3 การจัดการเรียนร้เู ชงิ สร้างสรรค์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต). (2557). พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. (พิมพ์คร้ังที่ 32). อยธุ ยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. สราวุธ ชัยยอง. (2552). การจัดการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานเพื่อพัฒนาความคิด เชิงวิทยาศาสตร์ในรายวชิ าชีววิทยาพ้ืนฐาน สำหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษา ปีท่ี 4. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. (เทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา). กรุงเทพฯ: คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. องอาจ จิระอร และคณะ (บรรณาธิการ). (2560). พ่อของแผ่นดิน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ อมั รนิ ทร์. Anderson, L. W, & Krathwohl, D. R. (eds.) (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom's Taxonomy of Educational Objectives. New York: Longman. Griffith University. (2012). “Research-Based Learning Strategies for successfully linking teaching and research retrieved from: http://www.griffith.edu.au/gihe/pdf /gihe_tipsheet_web_rbl.pdf

บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 143 บทท่ี 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์

144 บทที่ 4 การบรู ณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ การบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ (Creative Integration) หมายถงึ การนำสาระสำคัญหรือองค์ความรตู้ า่ งๆ ตั้งแต่ 2 องคค์ วามรขู้ ้นึ ไป ทักษะกระบวนการเรียนรู้ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นร้เู ชงิ ลึก (Deep learning) รู้จรงิ รชู้ ดั ปฏิบตั ไิ ด้

4. การบูรณาการ บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 145 เชงิ สร้างสรรค์ 4.1 แนวคิดการบรู ณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 4.2 หน่วยการเรยี นรูบ้ ูรณาการ 4.3 หลักการออกแบบหนว่ ยการเรียนร้บู ูรณาการ 4.4 รปู แบบการบรู ณาการ 4.5 องคป์ ระกอบของหน่วยการเรยี นรบู้ ูรณาการ 4.6 ตวั อย่างหน่วยการเรยี นรู้บูรณาการ

146 บทที่ 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ สาระสำคัญ การนำเสนอเนื้อหาสาระ เรื่อง การประเมินเชิงสร้างสรรค์มุ่งสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ 1) แนวคิดการบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ 2) หน่วยการเรียนรู้บูรณาการ 3) หลักการออกแบบหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ 4) รูปแบบการบูรณาการ 5) องค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ 6) ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ โดยมสี าระสำคัญดังต่อไปน้ี 1. การบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ (Creative Integration) หมายถึง การนำสาระสำคัญหรอื องค์ความรู้ต่างๆ ตั้งแต่ 2 องค์ความรู้ขึน้ ไป ทักษะกระบวนการ เรียนรู้ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มาผสมผสานเข้าดว้ ยกนั อยา่ งเปน็ ระบบ 2. หน่วยการเรียนรู้บูรณาการ หมายถึง ความรู้ที่ครบวงจรในเรื่องใด เรื่องหนึ่งที่มาจากการนำความคิดรวบยอดหลัก (Main concept) ต่างๆ รวมท้ัง สมรรถนะ และคุณลักษณะมาเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ จัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่าง สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ความสนใจ ความต้องการของผู้เรียนและธรรมชาติ ของผูเ้ รียน 3. การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่ดีจะมีความสอดคล้องกับความ ต้องการ ความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน มีปัจจัยกำหนดที่ต้องพิจารณาในการ ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ 3 ประการ คือ 1) ธรรมชาติของผู้เรียน 2) สาระสำคัญ 3) สมรรถนะและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 4. การบูรณาการเป็นการเช่ือมโยงความคิดรวบยอดต่างๆ เพ่ือนำไปสู่ การจัดการเรียนรู้โดยทั่วไปมี 4 รูปแบบได้แก่ 1) การบูรณาการโดยผู้สอนคนเดียว 2) การบูรณาการแบบคู่ขนาน 3) การบูรณาการแบบสหวิทยาการ 4) การบูรณาการ แบบโครงการ

บทที่ 4 การบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ 147 4.1 แนวคดิ การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ การเรียนรู้แบบบูรณาการ หมายถึง การจัดมวลประสบการณ์ที่ครบวงจร ในเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งเกิดจากการนำสาระสำคัญ (Main concept) รวมทั้งสมรรถนะ และคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผูเ้ รียนมาผสมผสานกันอยา่ งลงตวั มีความสอดคล้อง กับความต้องการ ความถนัด ความสนใจ ธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้เรียน ตลอดจน ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม ประเพณี ความเชื่อ ค่านยิ มของชุมชน เพือ่ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ แบบองค์รวม (Fogarty and Stoehr. 1991, Awbrey and others. 2006, Gary and Jerri-Ann Jacobs High Tech High Charter School. 2006, กระทรวงศึกษาธิการ. 2544, วิชยั วงษ์ใหญ่. 2551) การบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ (Creative Integration) หมายถึง การนำ สาระสำคัญหรือองค์ความรู้ต่างๆ ตั้งแต่ 2 องค์ความรู้ขึ้นไป ทักษะกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ เกิดความ เชื่อมโยงกันอย่างลงตัวและสมบูรณ์ มีความสอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของผู้เรียน นำไปสู่การจัดการเรียนรู้แบบองค์รวม ผ่านหน่วยการเรียนรู้ บูรณาการที่ผู้สอนออกแบบไว้ ผู้เรียนใช้กระบวนการเรียนรู้ของตนเองด้วยความ กระตอื รอื ร้นและเกิดการเรยี นรู้เชงิ ลึก (Deep Learning) รจู้ รงิ รู้ชดั ปฏบิ ัติได้ การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์มีความสำคญั ตอ่ ผเู้ รียน ดงั นี้ 1. ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะกระบวนการเรียนรู้ที่มีความเชื่อมโยง กับวิถีชีวิตของผู้เรยี น วิถีชีวิตของครอบครัวและชมุ ชน ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียน สามารถนำสิง่ ท่ไี ด้เรยี นรู้ไปใชไ้ ด้อย่างสรา้ งสรรค์ 2. ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) ตามมาตรฐาน การเรียนรู้อย่างผสมกลมกลืนเป็นองค์รวม พัฒนาตนเองได้อย่างรอบด้านและมีความ ตอ่ เนือ่ งทง้ั ความรู้ ทักษะ สมรรถนะ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

148 บทท่ี 4 การบูรณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 3. ผเู้ รยี นสามารถนำสาระสำคญั ท่ีเรยี นรู้มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา และการดำรงชีวิตได้ เนื่องจากกิจกรรมของหน่วยการเรียนรู้บูรณาการมีความ สอดคลอ้ งกบั ชีวิตจริง 4. ผู้เรียนได้รับการส่งเสริมการพัฒนากระบวนการคิดขัน้ สูง โดยเฉพาะ การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดแบบเชื่อมโยง ซึ่งเป็น พน้ื ฐานของการสร้างสรรคน์ วัตกรรม 5. ผู้เรียนได้รับการส่งเสริมทักษะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแบ่งปัน ความรู้ ความคดิ กับบุคคลอ่นื ในระหวา่ งการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ 4.2 หน่วยการเรียนร้บู รู ณาการ หน่วยการเรียนรู้บูรณาการ หมายถึง ความรู้ที่ครบวงจรในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่มาจากการนำความคิดรวบยอดหลัก (Main concept) ต่างๆ รวมทั้งสมรรถนะ และคุณลักษณะมาเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ จัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างสอดคล้อง กบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ความสนใจ ความต้องการของผู้เรียนและธรรมชาติของผู้เรียน โดยมีผู้สอนเป็นผู้เอื้ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ กระตุ้นกระบวนการคิดและ กระบวนการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น เพือ่ ให้ผ้เู รียนเกดิ การเรยี นรูต้ ามผลการเรียนรทู้ กี่ ำหนด หน่วยการเรยี นรู้บูรณาการทีม่ ีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้เรียน เชื่อมโยงการเรียนรู้สาระสำคัญที่สอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรู้ควบคู่กับการพัฒนาสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มี การ น ำส าร ะส ำคั ญที ่ เ ร ี ย น ร ู ้ มาป ร ะย ุ กต ์ ใช ้ ใน ก า ร แ ก ้ ปั ญหา แ ละก า ร ด ำ ร งชี วิ ต ส่งเสริมการพัฒนากระบวนการคิดขั้นสูง อีกทั้งส่งเสริมการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า การแลกเปล่ียนเรียนรู้ ตลอดจนการเปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรู้

บทที่ 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 149 4.3 หลกั การออกแบบหนว่ ยการเรียนร้บู ูรณาการ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้บูรณาการเป็นการนำความคิดรวบยอดหลัก (Main concept) ที่อยู่ในมาตรฐานการเรียนรู้ ตั้งแต่ 2 ความคิดรวบยอดหลักขึ้นไป มาเชื่อมโยงผสมผสานกับกระบวนการเรียนรู้ ทักษะ สมรรถนะ ตลอดจนคุณลักษณะ อันพึงประสงค์อย่างสอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียน ตลอดจนบริบทต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาออกแบบหน่วยการเรียนรู้แล้วนำไปสู่การจัดการเรียนรู้ และประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง บทบาทผู้สอนเป็นโค้ชและเอื้ออำนวย ความสะดวกในการเรยี นรใู้ ห้กบั ผเู้ รียน และให้ขอ้ มูลยอ้ นกลับอยา่ งสรา้ งสรรค์ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่ดีจะมีความสอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน มีปัจจัยกำหนดที่ต้องพิจารณาในการออกแบบ หน่วยการเรียนรู้ 3 ประการ คือ 1) ธรรมชาติของผู้เรียน 2) สาระสำคัญ 3) สมรรถนะ และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดงั แผนภาพต่อไปน้ี ธรรมชาตผิ เู้ รยี น การออกแบบ หน่วยการเรียนรู้ บรู ณาการ สาระสำคญั สมรรถนะ และคณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ แผนภาพ 4.1 การออกแบบหน่วยการเรียนร้บู ูรณาการ

150 บทที่ 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 4.4 รูปแบบการบูรณาการ การบูรณาการเป็นการเชื่อมโยงความคิดรวบยอดต่างๆ เพื่อนำไปสู่ การจดั การเรยี นรโู้ ดยท่วั ไปมี 4 รปู แบบดังนี้ 1. การบูรณาการโดยผู้สอนคนเดียว ผู้สอนดำเนินการจัดการเรียนรู้ โดยเชอ่ื มโยงสาระสำคัญตา่ งๆ โดยจัดกระบวนการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองเพยี งคนเดียว 2. การบูรณาการแบบคู่ขนาน ผู้สอนตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกัน ดำเนินการจดั การเรยี นรู้โดยการวเิ คราะหส์ าระสำคญั ใหส้ อดคล้องเชอ่ื มโยงกนั 3. การบูรณาการแบบสหวิทยาการ การบูรณาการในลกั ษณะนี้เป็นการ นำสาระสำคัญจากหลายกลุ่มสาระมาเชื่อมโยงเพื่อจัดการเรียนรู้ ซึ่งโดยทั่วไปผู้สอน มักจัดการเรียนรู้แยกตามรายวิชาหรือกลุ่มวิชา แต่ในบางหัวเรื่อง ครูผู้สอนสามารถ จดั การเรยี นการสอนร่วมกนั 4. การบูรณาการแบบโครงการผู้สอนจัดการเรียนการสอนโดย บูรณาการสาระสำคัญต่างๆ เป็นโครงการ โดยผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสร้างสรรค์ โครงการอย่างสอดคล้องกับสาระสำคัญที่กำหนดไว้ใช้เวลาเรียนอย่างต่อเนื่องกัน จนครบทุกสาระสำคัญ นอกจากนี้ Fogarty (1991) ได้นำเสนอรูปแบบการบูรณาการหลักสูตรและ การเรียนการสอน (Methodology for integration) ไว้ 3 รูปแบบ จำนวน 10 วิธี ดังน้ี รูปแบบที่ 1 การบูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน มี 3 แบบ ไดแ้ ก่ 1) แบบแบง่ ส่วน (Fragmented) 2) แบบเชอ่ื มโยง (Connected) และ 3) แบบรังนก (Nested) รูปแบบที่ 2 การบูรณาการข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ มี 5 แบบ ได้แก่ 1) แบบเรียงลำดับ (Sequenced) 2) แบบแลกเปลี่ยนแบ่งปัน (Shared) 3) แบบใยแมงมุม (Webbed) 4) แบบเสน้ ด้าย (Threaded) และ 5) แบบผสมผสาน (Integrated) รูปแบบที่ 3 การบูรณาการภายข้ามกลุ่มผู้เรียนและข้ามกลุ่มสาระ การเรียนรู้ มี 2 แบบ ไดแ้ ก่ 1) แบบมงุ่ ความสนใจ (Immersed) และ 2) แบบเครอื ข่าย

บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 151 (Networked) การนำเสนอสาระสำคัญของรูปแบบการบูรณาการต่อไปนี้ได้ปรับ ประยุกต์รูปแบบการบูรณาการของ Fogarty ให้สอดคล้องกับบริบทของการจัดทำ หนว่ ยการเรียนรบู้ ูรณาการดงั ต่อไปน้ี รูปแบบที่ 1 การบรู ณาการภายในกลุม่ สาระการเรียนรู้เดียวกัน 1) แบบแบง่ ส่วน การบูรณาการแบบแบ่งส่วน เป็นรูปแบบการบูรณาการชนิดดั้งเดิม (Traditional) ที่แบ่งสาระสำคัญทั้งหมด ภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันออกเป็น กลุ่มๆ ที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน แล้วรวมเข้าไว้เป็นหน่วยการเรียนรู้เดียวกัน โดยไม่ได้นำสาระสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นมาบูรณาการด้วย มีลักษณะ ดังแผนภาพต่อไปน้ี AB AB CD CD สาระสำคญั ทง้ั หมด ในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การแบ่งสาระสำคัญ มาจัดทำเปน็ หนว่ ยการเรียนรู้ ภาพประกอบ 4.2 การบูรณาการแบบแบ่งส่วน

152 บทท่ี 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 2) แบบเช่อื มโยงสัมพันธ์ การบรู ณาการแบบเชื่อมโยงสมั พันธ์เป็นการบรู ณาการที่มุง่ เน้นการนำ สาระสำคัญรอง (Sub concept) ของสาระสำคัญหลัก (Main concept) ภายในกลุ่ม สาระการเรียนรู้เดียวกัน มาเชื่อมโยงเป็นหน่วยการเรียนรู้ขึ้น มีลักษณะดังแผนภาพ ต่อไปน้ี สาระสำคญั หลกั AB ภายในกล่มุ สาระเดียวกนั CD สาระสำคญั รอง A1 A2A3A4 B1B2B3B4 ของแต่ละสาระสำคญั หลัก C1C2C3C4 D1D2D3D4 ภายในกลุม่ สาระเดียวกนั การเชอื่ มโยงสัมพนั ธ์ A1 A2 B1 B2 สาระสำคญั รอง A3 A4 B3 B4 ภายในสาระสำคญั หลักเดียวกนั C1 C2 D1 D2 จดั เป็น 1 หน่วยการเรียนรู้ C3 C4 C3 D4 ภาพประกอบ 4.3 การบรู ณาการแบบเชอื่ มโยงสัมพันธ์

บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 153 3) แบบสอดผสาน การบูรณาการแบบสอดผสาน เป็นการบูรณาการที่นำสาระสำคัญ ทักษะการคิด และทักษะทางสังคม ภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันมาผสมผสานกัน ในลักษณะค่อยๆ ขยายขอบเขตออกไป จากจุดเล็กไปสู่จุดที่ใหญ่ขึ้น เหมือนกับ การสร้างรังนกที่เริ่มจากฐานรากแล้วค่อยๆ ขยายวงกว้างเป็นหน่วยการเรียนรู้ ท่ผี สมผสานอย่างเปน็ ธรรมชาติ มลี ักษณะดังแผนภาพต่อไปนี้ สาระสำคญั ทักษะการคดิ ทักษะทางสังคม (ระดับตน้ ) สาระสำคญั ทักษะการคดิ ทักษะทางสงั คม (ระดับกลาง) สาระสำคญั ทักษะการคดิ ทักษะทางสงั คม (ระดับสงู ) ภาพประกอบ 4.4 การบรู ณาการแบบสอดผสาน

154 บทที่ 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ รปู แบบที่ 2 การบูรณาการขา้ มกลุม่ สาระการเรียนรู้ 4) แบบเรียงลำดับ การบูรณาการแบบเรียงลำดับ เป็นการนำสาระสำคัญต่างๆ ในกลุ่ม สาระการเรียนรู้ตั้งแต่สองกลุ่มสาระการเรียนรู้ขึ้นไปที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน มาเรียงลำดับและจดั เปน็ หนว่ ยการเรยี นรู้เดียวกนั จัดการเรียนรู้ดำเนินการไปตามลำดับ ทีละหน่ึงสาระสำคญั มลี กั ษณะดงั แผนภาพตอ่ ไปนี้ สาระสำคญั สาระสำคญั สาระสำคญั ในกลุ่มสาระ ในกลุ่มสาระ ในกลมุ่ สาระ A B C สาระสำคัญท่ีนำมาเรยี งลำดบั ภาพประกอบ 4.5 การบรู ณาการแบบเรียงลำดับ

บทท่ี 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 155 5) แบบห้นุ ส่วนแบ่งปัน การบูรณาการแบบหุ้นส่วนแบ่งปัน เป็นการบูรณาการโดยการ นำสาระสำคัญของสองกลุ่มสาระการเรียนรู้มาผสมผสานกัน (ส่วนที่ทับซ้อนของ แผนภาพ) แล้วจัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ การจัด การเรียนรู้ในส่วนที่ทับซ้อนกันของ แผนภาพจะดำเนินการไปพร้อมๆ กัน โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม ส่วนสาระสำคัญที่ไม่ทับซ้อนกันจะดำเนินการจัดการเรียนรู้แยกจากกัน มีลักษณะ ดังแผนภาพต่อไปน้ี สาระสำคญั สาระสำคญั สาระสำคญั ในกลมุ่ สาระ ท่ีนำมาแลกเปลยี่ น ในกลุม่ สาระ การเรยี นรู้ A การเรยี นรู้ B แบง่ ปนั กนั ในกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้ A และ B สว่ นทจี่ ดั การเรียนร้พู ร้อมกนั ภาพประกอบ 4.6 การบรู ณาการแบบหุน้ ส่วนแบง่ ปนั

156 บทที่ 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ 6) แบบใยแมงมุม การบูรณาการแบบใยแมงมุม เป็นการบูรณาการโดยนำสาระสำคัญ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ตา่ งๆ มาเช่อื มโยงภายใต้หวั เร่อื ง (Theme) ท่ีมีความเหมาะสม กับบริบทสภาพแวดล้อมผู้เรียนแล้วจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ จุดเด่นของการ บูรณาการแบบใยแมงมุม จะกระตุ้นแรงจูงใจ ในการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ดี เนื่องจาก ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างหลากหลาย และส่งเสริม ใหม้ คี วามเข้าใจสาระสำคญั ต่างๆ ดังแผนภาพต่อไปนี้ สาระสำคัญ สาระสำคัญ สาระสำคญั ของกลุม่ สาระ ของกลุ่มสาระ ของกลมุ่ สาระ E A B หัวเรอื่ ง สาระสำคญั สาระสำคัญ ของกลมุ่ สาระ ของกลุ่มสาระ D C ภาพประกอบ 4.7 การบรู ณาการแบบใยแมงมุม

บทที่ 4 การบรู ณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 157 7) แบบร้อยเรียงเส้นด้าย การบูรณาการแบบร้อยเรียงเส้นด้าย เป็นการบูรณาการโดยนำ สาระสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ รวมทั้งทักษะการคิด ทักษะการเรียนรู้ ทักษะทางสังคม มาจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ในลักษณะเหมือนกับการร้อยเส้นด้าย เข้าไปในลูกปัดสีต่างๆ การจัดการเรียนรู้ดำเนินไปทีละประเด็นหลักที่นำมาบูรณาการ มลี ักษณะดงั แผนภาพต่อไปนี้ ทกั ษะทางสังคม ทกั ษะการเรยี นรู้ ทักษะการคิด สาระสำคญั ของกล่มุ สาระ ตา่ งๆ ภาพประกอบ 4.8 การบรู ณาการแบบรอ้ ยเรียงเส้นดา้ ย

158 บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ 8) แบบผสมผสาน การบูรณาการแบบผสมผสาน เป็นการบูรณาการโดยนำสาระสำคัญ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ รวมทั้งทักษะการเรียนรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ของผู้เรียนมาบูรณาการเป็นหน่วยการเรียนรู้ที่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ซึ่งคล้ายคลึงกับการ บูรณาการแบบหุ้นส่วนแบ่งปัน แตกต่างกันตรงที่ทุกสาระสำคัญ ถูกนำมาผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด การจัดการเรียนรู้สิ่งที่นำมาบูรณาการ ดำเนนิ การไปพร้อมๆ กนั การบูรณาการแบบผสมผสานชว่ ยส่งเสริมการเรียนรู้และการ คิดแบบองค์รวม เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสาระสำคัญต่างๆ กระบวนการจัดการ เรียนรสู้ ่งเสริมการเรียนรู้ให้มปี ระสิทธภิ าพ มีลกั ษณะดงั แผนภาพต่อไปน้ี - สาระสำคญั ของกลมุ่ สาระ การเรยี นรตู้ ่างๆ - ทักษะการเรยี นรู้ - สมรรถนะ - คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ภาพประกอบ 4.9 การบูรณาการแบบผสมผสาน

บทท่ี 4 การบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 159 รูปแบบที่ 3 การบูรณาการภายข้ามกลมุ่ ผเู้ รียนและข้ามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 9) แบบมุ่งความสนใจ การบูรณาการแบบมุ่งความสนใจเป็นการนำสาระสำคัญต่างๆ มาเชื่อมโยงกัน ตามความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งของผู้เรียนที่มีความหลากหลาย ซง่ึ อาจจะอย่ตู ่างระดบั ชัน้ กัน มลี ักษณะดังแผนภาพตอ่ ไปน้ี ตอบสนองความสนใจ ตอบสนองความสนใจ ของผูเ้ รียนกลุ่มที่ 1 ของผเู้ รียนกลุ่มท่ี 2 ตอบสนองความสนใจ ตอบสนองความสนใจ ของผู้เรียนกลุ่มที่ 4 ของผ้เู รยี นกลุ่มท่ี 3 ภาพประกอบ 4.10 การบูรณาการแบบมงุ่ ความสนใจ

160 บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 10) แบบเครอื ข่าย การบูรณาการแบบเครือข่ายเป็นการบูรณาการโดยเชื่อมโยง ความถนัด ความสนใจ และความสามารถของผู้เรียนอย่างหลากหลาย มีแนวคิด และมุมมอง ในการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง ลุ่มลึก และมีความเชื่อมโยงมากยิ่งข้ึน เป็นส่วนขยายของหน่วยการเรียนรู้แบบมุ่งความสนใจ การบูรณาการแบบเครือข่าย จะทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ มีมุมมองต่อสิ่งต่างๆ เป็นองค์รวม มองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ รอบตัวที่ไม่แยกออกจากกันมีลักษณะดังแผนภาพ ตอ่ ไปน้ี ภาพประกอบ 4.11 การบรู ณาการแบบเครอื ข่าย

บทที่ 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 161 4.5 องคป์ ระกอบของหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ส่ี มบรู ณ์มอี งคป์ ระกอบ 11 ขอ้ ดงั น้ี 1. ผลการเรยี นรู้ (Learning outcomes) คือ สง่ิ ที่มงุ่ หวงั ใหผ้ ู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ และเป็นความรู้ที่ลึกซึ้ง (Deep knowledge) เขียนเป็นความเรียงที่สะท้อน องคป์ ระกอบ 3 ดา้ น ได้แกค่ วามคิดรวบยอดหลัก กระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ 2. ความคิดรวบยอดหลัก (Main concepts) โดยเขียนเป็นผังมโนทัศน์ (Concept mapping) ทสี่ อดคล้องกับผลการเรียนรู้ท่กี ำหนดไว้ 3. หัวข้อสาระการเรียนรู้ (Sub concepts และ topics) เขียนเป็นข้อๆ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สาระสำคัญที่กำหนดไว้ 4. สมรรถนะ ระบสุ มรรถนะที่สอดคลอ้ งกบั ผลการเรียนรู้ 5. คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ ระบุสมรรถนะทีส่ อดคล้องกบั ผลการเรียนรู้ 6. จุดประสงค์การเรียนรู้ (Learning objectives) เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวผู้เรียน ท่ีจะตอ้ งทำกจิ กรรมใหบ้ รรลจุ ดุ ประสงคท์ ่กี ำหนด (On task)

162 บทท่ี 4 การบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ คือ งานที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ ใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้ การคิด และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สอดคล้องกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยเลอื กออกแบบกิจกรรมตามแบบข้อ 7.1 หรือ 7.2 7.1 การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ใู นลักษณะแผนหน่วย ระบรุ ายละเอยี ด วิธดี ำเนินการในแต่ละกจิ กรรม ดงั นี้ กิจกรรมที่ 1 เวลา ………… ชัว่ โมง กิจกรรมที่ 2 เวลา ………… ชว่ั โมง กิจกรรมที่ 3 เวลา ………… ช่วั โมง 7.2 การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรใู้ นลักษณะแผนรวมหน่วย โดยระบรุ ายละเอยี ดเปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ ดังนี้ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 (เขียนแยกเป็นรายชั่วโมง) - ความคิดรวบยอดหลัก / แนวคิดสำคญั - จุดประสงค์ - เนอื้ หา / สาระ - กิจกรรมการเรียนรู้ - ส่ือ / แหลง่ การเรียนรู้ - วิธกี ารวัดประเมิน แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 (เขียนแยกเป็นรายช่วั โมง) - ความคิดรวบยอดหลัก / แนวคิดสำคัญ - จดุ ประสงค์ - เนือ้ หา / สาระ - กจิ กรรมการเรยี นรู้ - สอื่ / แหล่งการเรียนรู้ - วิธีการวัดประเมิน

บทที่ 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ 163 การออกแบบกิจกรรมมีหลักการสำคัญ คือ ทุกกิจกรรมต้องสอดรับกับ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดงั นี้ 8. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ เป็นตัวกลางช่วยให้เกิดการเรียนรู้ ไดเ้ ร็วขึ้น เสรมิ เดก็ เก่ง และช่วยเหลอื เด็กทเ่ี รียนช้า 9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เน้นการประเมินผลตามสภาพจริง ตามหลักการใช้ผู้ประเมินหลายๆ ฝ่าย ใช้วิธีการและเครื่องมือหลายๆ ชนิด ประเมิน หลายๆ คร้ัง และสะท้อนผลการประเมนิ สูก่ ารปรับปรุงและพฒั นาผ้เู รยี น 10. การออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โดยใช้จุดประสงค์ การเรียนรู้ในข้อ 6 เป็นตัวตั้ง แล้วนำมาจัดทำพิมพ์เขียวของการวัดและประเมินผล ลักษณะตารางนีบ้ างครัง้ เรียกวา่ พิมพเ์ ขียวการวัดและประเมินผลเพราะจะช่วยให้ผู้สอน สร้างเครอื่ งมือวัดและประเมินผลไดส้ อดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรมู้ ากยิ่งข้นึ ดังน้ี จดุ ประสงค์ วิธีการวดั เครอ่ื งมอื วัด แหล่งข้อมลู เกณฑ์ การเรยี นรู้ การประเมิน

164 บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 11. บนั ทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ 1. ความรู้ที่ลึกซง้ึ (Deep knowledge) ..................................................................................................... ...... ............................................................................................................................. ............ ........................................................................................................................................ . ............................................................................................................................. ............ 2. การถกั ทอความรู้ (Weaving)/ การสงั เคราะห์ ..................................................................................................... ...... ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............ 3. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ........................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ 4. ส่ิงทเ่ี ป็นจุดแข็งของการจัดการเรียนรู้ ..................................................................................................... ...... ............................................................................................................................. ............ ................................................................................................................................... ...... ............................................................................................................................ ............. 5. สิง่ ที่ผสู้ อนต้องพัฒนา ..................................................................................................... ...... ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............

บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 165 4.6 ตวั อยา่ งการออกแบบหน่วยการเรียนรู้บรู ณาการ ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้นี้เป็นการบูรณาการความคิดรวบยอดภายในกลุ่ม สาระการเรยี นรู้เดยี วกัน ออกแบบกิจกรรมการเรยี นรูใ้ นลักษณะแผนรวมหน่วย แผนการจัดการเรียนรู้บรู ณาการกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เร่ือง ปรศิ นาสีส่ าว ระดับช้ัน ป.5 ช่ัวโมงที่ 1 จากทง้ั หมด 3 ชั่วโมง สาระที่ 1 การอ่าน ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิด มาตรฐานการเรียนรู้ ท1.1 เพอื่ นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชีวติ และมีนิสยั รักการอ่าน ตัวช้ีวัด ป.5 ขอ้ 1 อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตวั ชี้วดั ป.5 ขอ้ 8 มีมารยาทในการอ่าน 1. ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รียนสามารถอ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่กำหนดให้ได้อยา่ งถูกต้อง มีมารยาท ในการอ่าน มีทกั ษะการผวนคำ การคิดวเิ คราะห์ และมีความม่งุ มนั่ พยายาม 2. ความคดิ รวบยอดหลัก การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ความม่งุ ม่นั พยายาม การผวนคำ ปรศิ นาสี่สาว การคดิ วิเคราะห์ มารยาทในการอา่ น

166 บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 3. หัวข้อสาระการเรยี นรู้ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง มหี ลกั การดงั น้ี 1) อา่ นให้ถูกต้องตามอักขรวิธี 2) อ่านให้ถกู ต้องตามฉนั ทลักษณ์ และ 3) ออกเสียงส่อื อารมณ์สอดคล้องตามเน้ือเร่ือง การผวนคำ เป็นการเล่นทางภาษาอย่างหนึ่งในภาษาไทยที่ใช้วิธีการสลับคำ หรือสลับตำแหน่งของเสียงพยัญชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ของคำตั้งแต่สอง พยางค์ขึ้นไปเพื่อให้เกิดคำใหม่ที่อาจจะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ เรียกว่า การผวนคำ โดยมีจุดประสงคห์ ลกั ให้เกดิ ความสนุกสนาน มารยาทในการอ่าน คือ พฤติกรรมที่พึงประสงค์สำหรับการอ่าน ได้แก่ 1) ตั้งใจจดจ่อกับสิ่งที่อ่าน 2) ทะนุถนอมและเก็บรักษาหนังสือหรือเอกสารที่อ่าน 3) ไมร่ บกวนการอา่ นของผูอ้ นื่ 4. สมรรถนะ การคิดวิเคราะห์ 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ความมุ่งมน่ั พยายาม 6. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อ่านออกเสยี งบทร้อยกรองทก่ี ำหนดให้ได้อย่างถูกต้อง 2. ผวนคำง่ายๆ เพื่อความสนุกสนานได้ 3. อ่านอย่างมีมารยาทและเหมาะสมกบั สถานการณ์ของการอา่ น 4. คดิ วเิ คราะห์เพื่อหาคำตอบตามทีต่ นเองต้องการได้ 5. มุง่ มนั่ พยามยามในการอ่าน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ (เนน้ กระบวนการเรยี นร)ู้ 7.1 ขัน้ นำ ผ้สู อนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้แู ละเกณฑก์ ารประเมินผลการเรยี นรู้

บทท่ี 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 167 7.2 ขนั้ จัดการเรยี นรู้ ใช้กระบวนการสรา้ งทักษะปฏิบตั ิ เป็นกระบวนการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 สงั เกต / รบั รู้ - ผเู้ รียนสังเกตบทรอ้ ยกรอง เรื่อง ปรศิ นาส่ีสาว ขนั้ ที่ 2 ขน้ั ทำตามแบบ - ผู้เรยี นร่วมกันอ่านบทร้อยกรอง เรื่อง ปรศิ นาสสี่ าว ตามผู้สอนอย่าง มมี ารยาท ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ ทำเองโดยไม่มีแบบ - ผเู้ รยี นร่วมกันอ่านรอ้ ยกรอง เรือ่ ง ปริศนาส่ีสาว ดว้ ยตนเอง - ผู้เรียนร่วมกันเล่นเกม ปริศนาสี่สาว โดยคิดวิเคราะห์หาคำตอบ ท่ถี ูกต้อง - ผู้เรียนรว่ มกันระบุความหมายของคำท่ีปรากฏในบทร้อยกรอง ขัน้ ที่ 4 ขนั้ ฝกึ ให้ชำนาญ - ผเู้ รยี นสืบคน้ บทร้อยกรองทตี่ นเองสนใจและฝกึ อา่ นดว้ ยตนเองอย่าง มีมารยาท และมีความมงุ่ ม่ันพยายาม และมาอ่านให้ผ้สู อนฟัง (จ.1, 3, 5) 7.3 ข้นั สรปุ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอดหลักของการอ่านออกเสียงบท ร้อยกรอง การผวนคำ มารยาทในการอ่าน การคดิ วเิ คราะห์ และความมงุ่ มน่ั พยายาม 8. สอื่ การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ - บทร้อยกรอง เร่ือง ปริศนาส่ีสาว - บทรอ้ ยกรองอ่นื ๆ ตามที่ผู้เรียนสนใจ 9. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรูข้ องผู้เรียน 2. ผู้เรยี นประเมนิ ซง่ึ กนั และกัน 3. ผเู้ รียนประเมินตนเอง

168 บทท่ี 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ 10. การออกแบบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครื่องมอื วดั แหลง่ ข้อมูล เกณฑ์ ผู้เรยี น 2 คะแนน 1. อ่านออกเสียง การสงั เกต เกณฑก์ ารให้ ขน้ึ ไป บทรอ้ ยกรอง พฤตกิ รรม คะแนน ทก่ี ำหนดให้ ของผู้เรียน ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. ผวนคำง่ายๆ เพือ่ ความ การสังเกต เกณฑ์การให้ ผเู้ รยี น 2 คะแนน สนกุ สนานได้ พฤติกรรม คะแนน ขึ้นไป ของผเู้ รียน 3. อา่ นอยา่ งมีมารยาท ผู้เรยี นประเมิน เกณฑ์การให้ ผู้เรยี น 2 คะแนน และเหมาะสมกบั ซ่งึ กันและกนั คะแนน ขน้ึ ไป สถานการณ์ ของการอ่าน 4. คดิ วเิ คราะห์เพื่อหา การสงั เกต เกณฑก์ ารให้ ผู้เรยี น 2 คะแนน คำตอบตามที่ตนเอง พฤตกิ รรม คะแนน ขึ้นไป ตอ้ งการได้ ของผ้เู รียน 5. ม่งุ ม่ันพยามยาม ผู้เรยี นประเมนิ เกณฑก์ ารให้ ผ้เู รยี น 2 คะแนน ในการอา่ น ตนเอง คะแนน ขน้ึ ไป

บทท่ี 4 การบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ 169 11. บนั ทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. ความรทู้ ่ลี ึกซ้งึ (Deep knowledge) ..................................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............ 2. การถกั ทอความรู้ (Weaving)/ การสังเคราะห์ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..................................................................................................... ....................... ...................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ 4. สงิ่ ทีเ่ ปน็ จดุ แขง็ ของการจดั การเรยี นรู้ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ 5. สงิ่ ทีผ่ ู้สอนต้องพฒั นา ..................................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................... .......... ........................................................................................................................ .................

170 บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ แบบบนั ทกึ ผลการประเมินเพอ่ื พัฒนาการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เรื่อง ปริศนาส่ีสาว ระดับชน้ั ป.5 ช่ัวโมงท่ี 1 จากท้งั หมด 3 ชั่วโมง คำชี้แจง ให้ผู้สอนเขยี นคะแนนผลการประเมนิ ตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยใชเ้ กณฑ์การใหค้ ะแนนทก่ี ำหนดไว้ เลขที่ ชือ่ – สกุล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขอ้ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5

บทท่ี 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 171 เกณฑ์การให้คะแนนการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง คำชแี้ จง ให้ผู้สอนสงั เกตการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองของผู้เรยี น แล้วใหค้ ะแนน โดยใช้เกณฑ์ต่อไปน้ี ให้ 1 คะแนน เมื่อ อ่านได้ถูกต้องตามอักขรวิธี ให้ 2 คะแนน เมอ่ื อา่ นได้ถกู ต้องตามอักขรวิธี อ่านใหถ้ ูกต้องตามฉนั ทลักษณ์ ให้ 3 คะแนน เมื่อ อา่ นได้ถูกต้องตามอักขรวิธี อา่ นใหถ้ ูกต้องตามฉันทลักษณ์ ออกเสียงสอื่ อารมณ์สอดคล้องตามเนอ้ื เรอ่ื ง เกณฑ์การให้คะแนนทกั ษะการผวนคำ คำช้แี จง ให้ผ้สู อนสงั เกตการผวนคำของผูเ้ รยี น แลว้ ให้คะแนนโดยใชเ้ กณฑ์ต่อไปน้ี ให้ 1 คะแนน เมื่อ ผวนคำไดถ้ ูกต้องตามหลักการผวนคำ ให้ 2 คะแนน เมื่อ ผวนคำไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การผวนคำ มีความคล่องแคล่วในการผวนคำ ให้ 3 คะแนน เม่ือ ผวนคำไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักการผวนคำ มคี วามคล่องแคลว่ ในการผวนคำ มีความสนุกสนานในการผวนคำ

172 บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์ เกณฑ์การใหค้ ะแนนมารยาทในการอา่ น คำชแ้ี จง ใหผ้ เู้ รียนสังเกตพฤตกิ รรมมารยาทในการอ่านของเพื่อน แล้วใหค้ ะแนน โดยใช้เกณฑต์ ่อไปนี้ ให้ 1 คะแนน เมือ่ ตงั้ ใจจดจอ่ กบั ส่ิงที่อา่ น ให้ 2 คะแนน เมื่อ ตั้งใจจดจ่อกับส่ิงท่ีอา่ น ไม่รบกวนการอา่ นของผอู้ น่ื ให้ 3 คะแนน เมอ่ื ตั้งใจจดจอ่ กับสิง่ ท่ีอา่ น ไมร่ บกวนการอา่ นของผอู้ ่ืน ทะนุถนอมและเก็บรักษาหนงั สือหรือเอกสารท่ีอ่าน เกณฑ์การให้คะแนนการคดิ วเิ คราะห์ คำชี้แจง ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมการคดิ วเิ คราะห์ของผเู้ รียน แลว้ ใหค้ ะแนน โดยใช้เกณฑต์ ่อไปนี้ ให้ 1 คะแนน เมอื่ จำแนกองคป์ ระกอบของสงิ่ ที่ต้องการวิเคราะห์ได้ ให้ 2 คะแนน เมื่อ จำแนกองคป์ ระกอบของส่ิงที่ตอ้ งการวเิ คราะห์ได้ จดั หมวดหมู่องค์ประกอบของสิ่งท่ตี ้องการวเิ คราะหไ์ ด้ ให้ 3 คะแนน เมื่อ จำแนกองคป์ ระกอบของสง่ิ ท่ีตอ้ งการวเิ คราะห์ได้ จดั หมวดหมอู่ งคป์ ระกอบของส่งิ ทตี่ ้องการวเิ คราะห์ได้ วเิ คราะห์ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งองค์ประกอบของสิ่ง ทต่ี อ้ งการวเิ คราะหไ์ ด้

บทที่ 4 การบูรณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 173 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนพฤติกรรมความมงุ่ มั่นพยายาม คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนประเมินพฤติกรรมความมุง่ ม่นั พยายามของตนเอง แลว้ ใหค้ ะแนนโดยใชเ้ กณฑต์ ่อไปนี้ ให้ 1 คะแนน เมื่อ ตั้งใจแน่วแนก่ ับสงิ่ ท่ที ำ ให้ 2 คะแนน เม่ือ ตั้งใจแนว่ แน่กับสง่ิ ทท่ี ำ ควบคมุ ตนเองไปสเู่ ป้าหมาย ให้ 3 คะแนน เม่ือ ตัง้ ใจแนว่ แน่กับส่ิงที่ทำ ควบคมุ ตนเองไปสเู่ ป้าหมาย

174 บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์ หนว่ ยการเรยี นรบู้ รู ณาการ กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ดนตรี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ เสียงกบั ลักษณะเดน่ ของดนตรี เวลา 2 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรู้นี้เป็นหน่วยการเรียนรู้ที่ผู้สอนในพื้นที่การวิจัยของผู้เขียน ได้รว่ มกันพัฒนาข้ึน และดำเนินการจัดการเรียนรู้จริงในสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐานการเรยี นรู้ ว2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลง และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสสาร และพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาติ ของคลื่นปรากฏการณ์ทีเ่ กี่ยวข้องกบั เสียง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วัด ม.5 ขอ้ 6 สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่าง ความเขม้ เสียงกับระดับเสียง และผลของความถี่กบั ระดับเสียงทีม่ ีต่อการได้ยินเสียง กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์ สาระที่ 2 ดนตรี และวฒั นธรรม เหน็ คุณคา่ ของดนตรีทเ่ี ป็นมรดก มาตรฐานการเรยี นรู้ ศ2.2 ทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ภมู ปิ ัญญาไทย และสากล ตัวชีว้ ัด ม.4-6 ข้อ 3 เปรียบเทยี บลกั ษณะเด่นของดนตรีในวัฒนธรรมต่างๆ

บทที่ 4 การบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ 175 1. ผลการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถสืบค้นและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มเสียงกับระดับ เสียงและผลของความถี่กับระดับเสียงที่มีต่อการได้ยินเสียง เปรียบเทียบลักษณะเด่น ของดนตรีในวัฒนธรรมต่างๆ มีทักษะการใช้เทคโนโลยีสืบค้นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ และมีคณุ ลักษณะใฝ่เรยี นรู้ 2. ความคิดรวบยอดหลัก ความเขม้ เสียง ใฝ่เรียนรู้ เสียงกบั ลักษณะเดน่ ความถีเ่ สียง ของดนตรี การไดย้ นิ เสียง การใชเ้ ทคโนโลยี สืบคน้ ข้อมลู ลกั ษณะเดน่ ของดนตรี ในวฒั นธรรมต่างๆ 3. หวั ข้อสาระการเรียนรู้ ความเข้มเสียง คือ กำลังของคลื่นเสียงที่แหล่งกำเนิดเสียงส่งออกไปต่อหน่ึง หนว่ ยพื้นทขี่ องหนา้ คลน่ื ทรงกลม เสียงที่มคี วามเขม้ มากมลี กั ษณะดงั มาก เสียงที่มีความ เข้มน้อยมีลักษณะดังน้อยหรือเสียงเบา การบอกความดังของเสียงนิยมบอกในรูปของ ระดับความเข้มเสยี งในหนว่ ยเดซเิ บล (dB)

176 บทที่ 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ ความถี่เสียง คือ จำนวนของการเกิดเสียงซ้ำ (คลื่นเสียง) ในหนึ่งหน่วยของ เวลา มีหน่วยคือ Hertz (Hz) หรือ รอบต่อวินาที เสียงที่มีความถี่ต่ำมีลักษณะเป็นเสียงทุ้ม เสียงที่มีความถี่สูงมีลกั ษณะเป็นเสียงแหลม เสียงดนตรีในทางวิทยาศาสตร์ที่เปน็ สากล ใช้ความถีเ่ สยี งในการแบ่งระดบั เสยี งดนตรี (โน้ต) การได้ยนิ เสยี ง มกี ระบวนการไดแ้ ก่ 1) เสียงจะถกู ส่งเข้าทางช่องหู ทำใหแ้ กว้ หู เคลื่อนไหว 2) แก้วหูสั่นสะเทือนตามคลื่นเสียง 3) เสียงที่สั่นสะเทือนจะถูกส่งผ่าน กระดูกหูไปยังโคเคลีย 4) เสียงที่ส่ันสะเทือนจะทำให้นำ้ ในหูโคเคลียเคล่ือนไหว 5) การ เคลื่อนไหวของน้ำในหูทำให้เซลล์ขนลู่ลง เซลล์ขนเหล่านี้จะแปลงเสียงเป็นสัญญาณ ส่งไปยงั ประสาทรับเสียง เซลลข์ นบริเวณปลายด้านหน่งึ ของโคเคลียจะส่งข้อมูลเสียงต่ำ ออกไปในขณะที่อีกปลายด้านหนึ่งส่งข้อมูลเสียงสูง 6) ประสาทรับเสียงจะส่งสัญญาณ ต่อไปยังสมองเพื่อแปลความหมายของเสยัี ง ลักษณะเดน่ ของดนตรีในวัฒนธรรมตา่ งๆ หมายถงึ ลักษณะเฉพาะของดนตรี ในวัฒนธรรมหนงึ่ ทแี่ ตกตา่ งไปจากวฒั นธรรมอืน่ ๆ ได้แก่ ดา้ นเครือ่ งดนตรีทใ่ี ช้ ด้านการ ผสมวงดนตรี ดา้ นภาษาเนือ้ รอ้ ง ดา้ นสำเนียงด้านองคป์ ระกอบของเพลง 4. สมรรถนะ การใชเ้ ทคโนโลยีสบื ค้นข้อมูล 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ 6. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งความเข้มเสยี งกบั ระดบั เสยี งทีไ่ ดย้ ินได้ 2. อธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างความถ่เี สียงกับระดับเสียงทีไ่ ด้ยินได้ 3. อธิบายกระบวนการไดย้ ินเสยี งได้ 4. เปรียบเทียบลักษณะเด่นของดนตรใี นวฒั นธรรมต่างๆ ได้ 5. ใช้เทคโนโลยีสบื คน้ ขอ้ มูลที่ตอ้ งการเรียนรู้ได้ 6. ใฝ่เรียนร้ใู นสิ่งทเี่ ปน็ ประโยชน์กับตนเอง

บทท่ี 4 การบูรณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 177 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ช่ัวโมงท่ี 1) 7.1 ข้นั นำ ผูส้ อนแจง้ จุดประสงค์การเรยี นร้แู ละเกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.2 ขั้นจัดการเรียนรู้ ใช้กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ 5 ขั้นตอน เป็น กระบวนการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 สงั เกต / ตระหนัก - ผเู้ รยี นชมคลปิ เรือ่ ง Transmission of Sound - ผ้เู รียนแลกเปล่ียนเรียนรู้สง่ิ ที่ได้รับจากการชมคลิปกับเพ่ือนๆ ขั้นท่ี 2 ขนั้ วางแผนปฏิบตั ิ - ผู้เรียนร่วมกันวางแผนการสืบค้นและสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับความ เข้มเสยี ง ความถเ่ี สยี ง และการไดย้ นิ เสยี ง ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ลงมอื ปฏบิ ัติ - ผู้เรียนร่วมกันสืบค้นและสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับความเข้มเสียง ความถี่เสียง จาก https://www.scimath.org/lesson-physics/item/7247-2017- 06-12-15-31-26 หรอื website อ่ืนๆ - ผูเ้ รยี นรว่ มกนั สบื ค้นและสรปุ องค์ความรู้เก่ียวกับกระบวนการได้ยินเสียง จาก https://www.medel.com/th/how-hearing-works/ หรอื website อ่นื ๆ (ช่ัวโมงที่ 2) ข้ันที่ 4 ขน้ั พัฒนาความร้คู วามเข้าใจ - ผู้เรียนรว่ มกนั ฟังเพลง new England spring bird song - ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้สึกที่มีต่อเพลง new England spring bird song - ผู้เรียนร่วมกันสืบค้นเพลงที่ตนเองชื่นชอบจาก YouTube แล้วเปิด ให้เพือ่ นข้างๆ ฟัง

178 บทที่ 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ - ผู้เรียนแตล่ ะคนเปรียบเทียบลักษณะเดน่ ของดนตรี (เพลง) ระหว่าง เพลงท่ตี นเองชืน่ ชอบกับเพลงทเี่ พ่อื นชนื่ ชอบ ข้นั ท่ี 5 ขั้นสรุป (ผู้เรยี นสรุปดว้ ยตนเอง) - ผู้เรียนสรุปความคิดรวบยอดหลักของความเข้มเสียง ความถี่เสียง การไดย้ นิ เสยี ง ลักษณะเดน่ ของดนตรีในวัฒนธรรมตา่ งๆ ตามความเข้าใจของตนเอง 7.3 ข้ันสรปุ ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดหลักของความเขม้ เสียง ความถ่ี เสียง การได้ยินเสียง ลักษณะเด่นของดนตรีในวัฒนธรรมต่างๆ การใช้เทคโนโลยีสืบค้น ขอ้ มูลทีต่ อ้ งการเรยี นรไู้ ด้ ความใฝเ่ รียนรู้ในส่ิงที่เป็นประโยชนก์ ับตนเอง 8. สือ่ การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้ - https://www.youtube.com/watch?v=GkNJvZINSEY (Transmission of Sound) - https://www.scimath.org/lesson-physics/item/7247-2017-06-12- 15-31-26 (คล่ืนเสียง) - https://www.medel.com/th/how-hearing-works/ (กระบวนการไดย้ ินเสยี ง) - www.youtube.com (เลือกเพลงท่ชี อบ) - https://www.slideshare.net/krubo/ss-14074811 (ลักษณะเดน่ ของดนตร)ี - ตัวอย่างเสยี งดนตรี 9. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. การตรวจสอบผลงานตา่ งๆ ของผเู้ รียน 2. การใหผ้ เู้ รียนตรวจสอบผลงานของตนเอง

บทที่ 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ 179 10. การออกแบบการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื วดั แหลง่ ขอ้ มลู เกณฑ์ การประเมิน 1. อธิบายความสมั พันธ์ การตรวจสอบ เกณฑก์ ารให้ ผลงาน 2 คะแนน ระหว่างความเข้ม ผลงาน คะแนน เสยี งกบั ระดบั เสยี ง ของผเู้ รียน ข้ึนไป ทไี่ ดย้ นิ ได้ การตรวจสอบ เกณฑ์การให้ ผลงาน คะแนน ผลงาน 2 คะแนน 2. อธบิ ายความสมั พันธ์ ของผเู้ รยี น ข้ึนไป ระหว่างความถี่เสยี ง การตรวจสอบ เกณฑก์ ารให้ กบั ระดบั เสยี งที่ได้ยนิ ได้ ผลงาน คะแนน ผลงาน 2 คะแนน ของผู้เรยี น ขนึ้ ไป 3. อธบิ ายกระบวนการ ได้ยินเสยี งได้ถกู ตอ้ ง 4. เปรยี บเทียบลกั ษณะ การตรวจสอบ เกณฑ์การให้ ผลงาน 2 คะแนน เดน่ ของดนตรี ผลงาน คะแนน ของผูเ้ รยี น ขึ้นไป ในวฒั นธรรมตา่ งๆ ได้ ผู้เรยี น เกณฑก์ ารให้ ผูเ้ รยี น 2 คะแนน ประเมนิ ตนเอง 5. ใช้เทคโนโลยีสบื ค้น คะแนน ขน้ึ ไป ข้อมลู ที่ตอ้ งการ ผเู้ รยี น เรยี นรไู้ ด้ ประเมนิ ตนเอง เกณฑ์การให้ ผเู้ รยี น 2 คะแนน 6. ใฝ่เรยี นรใู้ นส่งิ ทเี่ ปน็ คะแนน ขน้ึ ไป ประโยชน์กบั ตนเอง

180 บทที่ 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ 11. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ความรู้เชงิ ลกึ (Deep knowledge) ..................................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ ................................................................................................................ ......................... 2. การถักทอความรู้ (Weaving)/ การสังเคราะห์ ..................................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ ................................................................................................................ ......................... 3. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ..................................................................................................... ....................... ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... 4. สง่ิ ท่ีเป็นจุดแข็งของการจัดการเรียนรู้ ..................................................................................................... ....................... ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ ................................................................................................................ ......................... 5. สิ่งทผี่ ้สู อนตอ้ งพฒั นา ..................................................................................................... ....................... ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ .........................................................................................................................................

บทท่ี 4 การบูรณาการเชงิ สรา้ งสรรค์ 181 แบบบนั ทกึ ผลการประเมนิ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้บรู ณาการ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ดนตรี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หน่วยการเรยี นรู้ เสียงกับลกั ษณะเดน่ ของดนตรี เวลา 2 ชัว่ โมง คำช้ีแจง ให้ผสู้ อนเขยี นคะแนนผลการประเมินตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยใช้เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนทีก่ ำหนดไว้ เลขที่ ชอ่ื – สกุล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขอ้ 1 ข้อ 2 ขอ้ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ขอ้ 6

182 บทที่ 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ เกณฑก์ ารให้คะแนน การอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างความเข้มเสียงกับระดับเสียง คำชแี้ จง ใหผ้ ูส้ อนการอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างความเข้มเสยี งกับระดับเสียง ของผู้เรียน แลว้ ใหค้ ะแนนโดยใช้เกณฑ์ต่อไปน้ี ให้ 1 คะแนน เมื่อ อธิบายความหมายของความเข้มเสียงได้ถูกต้อง ให้ 2 คะแนน เมือ่ อธบิ ายความหมายของความเขม้ เสยี งได้ถูกต้อง อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างระดับความเข้มเสียง ให้ 3 คะแนน เมื่อ กับระดับเสียงไดถ้ ูกต้อง อธบิ ายความหมายของความเขม้ เสยี งได้ถกู ต้อง อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างระดับความเขม้ เสียง กับระดับเสียงระบุการวัดระดับความเขม้ เสียง ในหนว่ ยเดซเิ บล (dB) ไดถ้ ูกต้อง

บทท่ี 4 การบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์ 183 เกณฑ์การใหค้ ะแนน การอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความถีเ่ สยี งกับระดับเสียง คำช้ีแจง ให้ผสู้ อนการอธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างความถ่เี สยี งกบั ระดบั เสียง ของผเู้ รยี น แลว้ ใหค้ ะแนนโดยใชเ้ กณฑ์ต่อไปน้ี ให้ 1 คะแนน เมอ่ื อธบิ ายความหมายของความถเ่ี สียงได้ถูกต้อง ให้ 2 คะแนน เมื่อ อธบิ ายความหมายของความถ่ีเสียงได้ถกู ต้อง อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งระดบั ความถ่ีเสียง ให้ 3 คะแนน เม่อื กับระดับเสียงไดถ้ ูกต้อง อธบิ ายความหมายของความถี่เสยี งได้ถกู ต้อง อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระดับความถ่ีเสยี ง กับระดับเสียงระบุการใชค้ วามถี่เสยี ง ในการแบง่ ระดบั เสียงดนตรี (โน้ต) ไดถ้ กู ตอ้ ง เกณฑ์การให้คะแนน การอธบิ ายกระบวนการไดย้ ินเสียง คำช้แี จง ใหผ้ สู้ อนตรวจสอบการอธิบายกระบวนการเกดิ เสยี งของผเู้ รยี น แลว้ ให้คะแนนโดยใชเ้ กณฑต์ ่อไปนี้ ให้ 1 คะแนน เม่อื อธบิ ายไดเ้ ป็นบางขน้ั ตอน ให้ 2 คะแนน เมอ่ื อธิบายได้ครบทุกข้นั ตอนแตเ่ รียงลำดบั ไม่ถกู ต้อง ให้ 3 คะแนน เมอื่ อธิบายได้ครบทุกขนั้ ตอนและเรียงลำดบั ได้

184 บทท่ี 4 การบูรณาการเชงิ สร้างสรรค์ เกณฑก์ ารให้คะแนน การเปรียบเทียบลกั ษณะเด่นของดนตรีในวัฒนธรรมต่างๆ คำชแี้ จง ใหผ้ ูส้ อนตรวจสอบผลการเปรียบเทียบลักษณะเดน่ ของดนตรีในวฒั นธรรมต่างๆ แลว้ ใหค้ ะแนนโดยใช้เกณฑ์ต่อไปนี้ ให้ 1 คะแนน เมื่อ เปรียบเทียบโดยใชล้ กั ษณะเฉพาะเพยี ง 1 ดา้ น ให้ 2 คะแนน เม่อื เปรียบเทียบโดยใช้ลักษณะเฉพาะ 2 ดา้ น ให้ 3 คะแนน เมอ่ื เปรยี บเทยี บโดยใชล้ กั ษณะเฉพาะตั้งแต่ 3 ดา้ น เกณฑ์การใหค้ ะแนน การใชเ้ ทคโนโลยสี ืบค้นขอ้ มูลทีต่ ้องการเรียนรู้ คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนประเมนิ พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสบื ค้นขอ้ มลู ท่ตี ้องการเรียนรู้ ของตนเอง แลว้ ให้คะแนนโดยใช้เกณฑ์ตอ่ ไปนี้ ให้ 1 คะแนน เม่ือ มีเป้าหมายในการสบื ค้น ให้ 2 คะแนน เมอ่ื มเี ปา้ หมายในการสืบคน้ ใชแ้ หลง่ สืบคน้ อย่างหลากหลาย ให้ 3 คะแนน เม่อื มีเปา้ หมายในการสบื ค้น ใชแ้ หล่งสืบคน้ อย่างหลากหลาย สรุปสาระสำคัญจากเรื่องที่สืบคน้ ได้

บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ 185 เกณฑก์ ารให้คะแนนพฤติกรรมใฝเ่ รียนรู้ คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนประเมินพฤติกรรมความใฝเ่ รียนรู้ของตนเอง แลว้ ให้คะแนน โดยใชเ้ กณฑต์ ่อไปน้ี ให้ 1 คะแนน เมื่อ มเี ปา้ หมายในการเรยี นรู้ของตนเอง ให้ 2 คะแนน เมือ่ มเี ปา้ หมายในการเรียนรขู้ องตนเอง วางแผนการเรยี นรเู้ พ่ือบรรลุเปา้ หมายด้วยตนเอง ให้ 3 คะแนน เมื่อ มีเป้าหมายในการเรยี นรขู้ องตนเอง วางแผนการเรียนรเู้ พ่ือบรรลุเป้าหมายดว้ ยตนเอง ใช้วธิ กี ารเรยี นรตู้ า่ งๆ จนบรรลุเป้าหมาย

186 บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ หน่วยการเรียนรู้บูรณาการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรียนรู้ อุทยานแห่งชาตเิ อราวัณ ระยะเวลาที่ใช้จัดการเรยี นรู้ 1 สัปดาห์ จำนวน 10 คาบ ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้บูรณาการดังต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างที่พัฒนาขึ้นโดย กระบวนการมีส่วนร่วมของผู้สอนและผูเ้ รียน และได้ใช้ในการจดั การเรียนรูจ้ รงิ ในพ้นื ที่ การวิจยั ของผ้เู ขยี น 1. ผลการเรียนรู้ ผู้เรียนมีความสามารถในการสำรวจความคิดเห็นอย่างง่ายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น โดยเลือกใช้ค่ากลางที่เหมาะสมกับข้อมูล และวัตถุประสงค์ วิเคราะห์ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของข้อมูล ที่เก็บรวบรวมมา เพื่อศึกษาสภาพและสาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมและ ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น พร้อมทั้งอภิปรายแนวทางในการป้องกัน แก้ไขปัญหา สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ วางแผนและดำเนินการเฝ้าระวัง อนุรักษ์พัฒนา สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และเขียนสื่อสารในรูปแบบรายงานการศึกษา ค้นคว้าตามหลักการเขียนเชิงวิชาการได้ตรงตามวัตถุประสงค์ มีกระบวนการคิดที่เป็น ระบบ การส่ือสาร มีวนิ ยั และมคี วามรับผิดชอบในการเรยี นรู้ รวมทงั้ มีจติ สาธารณะ

บทท่ี 4 การบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์ 187 2. ความคิดรวบยอดหลัก การคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ความสามารถในการเรยี นรู้และการสือ่ สาร มวี ินัยและมคี วามรบั ผิดชอบ วางแผนและดำเนินการ ในการเรียนรู้ มีจิตสาธารณะ เขยี นส่ือสาร เฝา้ ระวงั อนุรักษ์ ในรูปแบบตา่ งๆ และพัฒนาสิง่ แวดลอ้ ม และทรพั ยากรธรรมชาติ สมรรถนะ ไดต้ รงตาม และคุณลกั ษณะฯ วตั ถุประสงค์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษาไทย อภปิ รายแนวทาง วิทยาศาสตร์ อุทยานแห่งชาติ ภาษาไทย เขียนรายงาน ในการป้องกนั แก้ไข เอราวัณ การศึกษาคน้ ควา้ ปญั หาส่งิ แวดล้อม ตามหลกั การเขยี น และทรพั ยากรธรรมชาติ เชงิ วิชาการ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การวิเคราะหส์ ภาพปัญหา คณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์ การสำรวจ สาเหตขุ องปญั หาสิง่ แวดล้อม ความคดิ เห็นอย่างง่าย และทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถิ่น การเลอื กใชค้ ่ากลางทเ่ี หมาะสม ค่าเฉล่ียเลขคณติ กบั ข้อมูลและวตั ถุประสงค์ และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน 3. หัวขอ้ สาระการเรียนรู้ 1. การสำรวจความคดิ เหน็ อย่างงา่ ย 2. ค่ากลางของข้อมลู ค่าเฉล่ียเลขคณติ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3. ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน 4. การป้องกนั แก้ไขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ 5. การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาส่งิ แวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติ 6. การเขียนสื่อสารในรูปแบบรายงานการศึกษาค้นควา้ ตามหลกั วิชาการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook