238 บทที่ 5 การประเมนิ เชิงสรา้ งสรรค์ 5.5 ตวั อย่างแบบประเมนิ และเกณฑก์ ารให้คะแนน ตัวอย่างแบบประเมินผลการเรียนรู้และเกณฑ์การให้คะแนนที่นำเสนอ ต่อไปนี้ เป็นแบบประเมินในการทำวิจัยพัฒนาครูในโรงเรียนระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐานของผู้เขียน ซึ่งผ่านกระบวนการพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพตามลำดับ ขน้ั ตอน ได้แก่ 1. การศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและการนิยาม ตวั แปรทีต่ ้องการประเมนิ ในลกั ษณะนยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ (Operational Definition) 2. การพัฒนาแบบประเมินฉบับร่างตามนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร แล้วนำไป ตรวจสอบคณุ ภาพด้านความเท่ียงตรง (Validity) โดยผูเ้ ช่ียวชาญ จำนวน 5 คน 3. การทดลองใช้ภาคสนามและตรวจสอบคุณภาพด้านความเชื่อม่ัน (Reliability) 4. ปรบั ปรุงแกไ้ ขเป็นแบบประเมินฉบบั สมบูรณ์ ผู้อ่านที่มีความสนใจสามารถนำแบบประเมินต่อไปนี้ ไปใช้หรือปรับใช้ได้ ตามความเหมาะสม
บทที่ 5 การประเมนิ เชิงสร้างสรรค์ 239 แบบประเมินความมีวินยั คำชี้แจง 1. แบบประเมนิ น้ีใชส้ ำหรบั ประเมนิ ความมีวินัยของผเู้ รยี น 2. เขียนระดับคะแนนลงในชอ่ งผลการประเมนิ โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ 1 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤติกรรมเมื่อได้รับคำสงั่ 2 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมเม่ือได้รบั การกระตุน้ 3 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมดว้ ยตนเอง ผลการประเมิน ช่อื – สกลุ ตั้งใจ ปฏิบตั งิ าน อดทน รบั ผิดชอบ รวม ในการ บรรลุ ตอ่ สง่ิ ยว่ั ยุ ต่อตนเอง เรียนรู้ เปา้ หมาย และส่วนรวม เกณฑก์ ารประเมิน 4 – 6 คะแนน ปรับปรงุ 7 – 8 คะแนน พอใช้ 9 – 10 คะแนน ดี 11 – 12 คะแนน ดมี าก
240 บทท่ี 5 การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์ แบบประเมนิ จิตอาสา คำช้ีแจง 1. แบบประเมนิ น้ีใชส้ ำหรับประเมินจิตอาสาของผ้เู รียน 2. เขยี นระดบั คะแนนลงในชอ่ งผลการประเมนิ โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนดังน้ี 1 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมเมอ่ื ได้รบั การร้องขอ 2 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤติกรรมเมอื่ ได้รบั การกระตนุ้ 3 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤติกรรมด้วยตนเอง ผลการประเมนิ ช่อื – สกลุ แบง่ ปัน ใหค้ วาม ใหค้ ำ ให้ความรู้สกึ รวม สง่ิ ของ ชว่ ยเหลอื แนะนำ ทดี่ ี ความคิด ทางบวก เกณฑ์การประเมิน 4 – 6 คะแนน ปรบั ปรุง 7 – 8 คะแนน พอใช้ 9 – 10 คะแนน ดี 11 – 12 คะแนน ดมี าก
บทท่ี 5 การประเมนิ เชิงสร้างสรรค์ 241 แบบประเมนิ ความสามารถในการสอื่ สาร คำชแ้ี จง 1. แบบประเมนิ น้ีใชป้ ระเมนิ ความสามารถในการสือ่ สารของผูเ้ รยี น 2. เขยี นระดบั คะแนนลงในช่องผลการประเมินโดยใชเ้ กณฑ์การใหค้ ะแนนดังนี้ 1 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองยังไมค่ ่อยได้ ตอ้ งได้รับการช่วยเหลือ 2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตไิ ดด้ ว้ ยตนเอง แตต่ ้องได้รบั คำแนะนำเพ่มิ เติม 3 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง สามารถเปน็ แบบอย่างของเพอื่ น ช่ือ – สกลุ ตรง รายการประเมิน รวม ประเดน็ เคารพ สร้าง บรรลุ ผฟู้ งั สัมพันธภาพ เปา้ หมาย เกณฑก์ ารประเมนิ 4 – 6 คะแนน ปรับปรุง 7 – 8 คะแนน พอใช้ 9 – 10 คะแนน ดี 11 – 12 คะแนน ดีมาก
242 บทที่ 5 การประเมินเชงิ สรา้ งสรรค์ แบบประเมินความสามารถในการแก้ปญั หา คำช้ีแจง 1. แบบประเมินนี้ใช้ประเมินความสามารถในการแกป้ ัญหา 2. เขียนระดับคะแนนลงในชอ่ งผลการประเมินโดยใชเ้ กณฑ์การใหค้ ะแนนดังนี้ 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิได้เมอ่ื ไดร้ บั การชว่ ยเหลอื 2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ิไดเ้ มอื่ ไดร้ บั คำแนะนำ 3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัติได้ด้วยตนเอง ชอื่ – สกุล วเิ คราะห์ รายการประเมนิ ตรวจสอบ รวม ปัญหา ผลการ วางแผน ดำเนนิ การ แก้ปญั หา แกป้ ญั หา แกป้ ัญหา เกณฑก์ ารประเมนิ 4 – 6 คะแนน ปรบั ปรุง 7 – 8 คะแนน พอใช้ 9 – 10 คะแนน ดี 11 – 12 คะแนน ดมี าก
บทท่ี 5 การประเมินเชิงสร้างสรรค์ 243 แบบประเมินความใฝ่เรยี นรู้ คำช้แี จง 1. แบบประเมินนี้ใชป้ ระเมนิ ความใฝ่รูข้ องผเู้ รียน 2. เขียนระดบั คะแนนลงในช่องผลการประเมนิ โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ 1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั เิ มอ่ื ได้รับคำสงั่ 2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัตดิ ้วยตนเอง แตต่ ้องไดร้ ับคำแนะนำเพ่มิ เตมิ 3 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเองและเปน็ แบบอย่างของเพื่อน ช่ือ – สกลุ การ รายการประเมิน การ รวม สบื เสาะ จดบันทกึ คน้ ควา้ การคดิ การ วเิ คราะห์ ตง้ั คำถาม เกณฑก์ ารประเมิน 4 – 6 คะแนน ปรับปรุง 7 – 8 คะแนน พอใช้ 9 – 10 คะแนน ดี 11 – 12 คะแนน ดมี าก
244 บทท่ี 5 การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์ แบบประเมนิ ความรับผดิ ชอบต่อสงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม คำช้ีแจง 1. แบบประเมินน้ีใชป้ ระเมนิ ความรับผิดชอบต่อสงั คมและส่ิงแวดล้อมของผู้เรยี น 2. เขียนระดบั คะแนนลงในช่องผลการประเมินโดยใชเ้ กณฑ์การใหค้ ะแนนดังน้ี 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตเิ มอ่ื ได้รับคำสงั่ 2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ งไดร้ บั คำแนะนำเพิม่ เตมิ 3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัติดว้ ยตนเองและเป็นแบบอย่างของเพ่ือน ชอ่ื – สกุล การใช้ รายการประเมิน อนุรกั ษ์ รวม ทรพั ยากร และไม่ การใช้ กระทำ ทำลาย อยา่ ง ทรพั ยากร ส่งิ ตา่ งๆ ส่งิ แวดล้อม ประหยดั ใหเ้ กิด รบั ผิดชอบ ประโยชน์ ต่อสงั คม สงู สดุ ส่วนรวม เกณฑก์ ารประเมนิ 4 – 6 คะแนน ปรบั ปรงุ 7 – 8 คะแนน พอใช้ 9 – 10 คะแนน ดี 11 – 12 คะแนน ดมี าก
บทท่ี 5 การประเมินเชงิ สรา้ งสรรค์ 245 เกณฑก์ ารให้คะแนนความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ คำชีแ้ จง 1. เกณฑ์การใหค้ ะแนนน้ีใช้สำหรับให้คะแนนความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ของผเู้ รียน 2. เกณฑ์การให้คะแนนนม้ี รี ะดบั คะแนน 4 ระดับ ได้แก่ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) และ 1 (ปรบั ปรุง) 3. โปรดพจิ ารณาข้อมลู อย่างหลากหลาย แล้วบนั ทึกคะแนนของผู้เรียนแต่ละคน โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนตอ่ ไปนี้ คะแนน / ความสามารถท่ีปรากฏให้เห็น ความหมาย 4 (ดีมาก) - ดำเนนิ การแก้ปัญหาได้สำเรจ็ ด้วยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย และมคี วามเหมาะสมกับปัญหา 3 (ดี) - อธิบายเหตุผลในการใช้วิธีการแกป้ ญั หาไดเ้ ขา้ ใจชดั เจน 2 (พอใช้) - ดำเนนิ การตรวจสอบและสะท้อนผลการแก้ปัญหาอย่างมี 1 (ปรบั ปรุง) ประสทิ ธภิ าพ - เกดิ ความรใู้ หม่จากการดำเนนิ การแก้ปัญหา - ดำเนินการแก้ปัญหาได้สำเร็จ - อธิบายเหตุผลในการใช้วิธกี ารแกป้ ัญหาได้เข้าใจชดั เจน - ดำเนนิ การตรวจสอบและสะท้อนผลการแก้ปัญหาอย่างมี ประสิทธิภาพ - ดำเนินการแก้ปญั หาไดบ้ างสว่ น - อธิบายเหตุผลในการใชว้ ธิ กี ารแกป้ ญั หาไดเ้ ข้าใจไดบ้ ้าง - ดำเนินการแก้ปัญหาไดเ้ ล็กนอ้ ย
246 บทที่ 5 การประเมนิ เชงิ สรา้ งสรรค์ เกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ คำช้ีแจง 1. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนนใี้ ชส้ ำหรบั ให้คะแนนความสามารถในการใหเ้ หตุผล ทางคณติ ศาสตร์ของผู้เรยี น 2. เกณฑก์ ารให้คะแนนนี้มรี ะดบั คะแนน 4 ระดับ ได้แก่ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรับปรุง) 3. โปรดพจิ ารณาขอ้ มลู อย่างหลากหลาย แล้วบันทึกคะแนนของผู้เรยี นแต่ละคน โดยใช้เกณฑ์การใหค้ ะแนนตอ่ ไปนี้ คะแนน / ความสามารถท่ปี รากฏใหเ้ หน็ ความหมาย 4 (ดมี าก) - คาดคะเนคำตอบทน่ี ่าจะเป็นไปได้อย่างสมเหตสุ มผล - อธบิ ายเหตผุ ลประกอบการตดั สินใจได้อยา่ งเหมาะสม 3 (ด)ี - สรุปผลของการตัดสนิ ใจได้อย่างเหมาะสม - คาดคะเนคำตอบทนี่ า่ จะเป็นไปได้อย่างสมเหตสุ มผล 2 (พอใช้) - ระบเุ หตุผลประกอบการตดั สนิ ใจได้ 1 (ปรบั ปรงุ ) - คาดคะเนคำตอบที่นา่ จะเป็นไปได้โดยมเี หตผุ ลประกอบ - คาดคะเนคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้แต่ไม่มีเหตุผลประกอบ
บทท่ี 5 การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์ 247 เกณฑก์ ารให้คะแนนความสามารถในการสอื่ สาร การสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนำเสนอ คำชแี้ จง 1. เกณฑ์การใหค้ ะแนนนใ้ี ชส้ ำหรับให้คะแนนความสามารถในการสื่อสาร การส่ือความหมายทางคณติ ศาสตรแ์ ละการนำเสนอของผเู้ รยี น 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนนี้มรี ะดับคะแนน 4 ระดับ ได้แก่ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรบั ปรุง) 3. โปรดพจิ ารณาข้อมลู อย่างหลากหลาย แลว้ บันทึกคะแนนของผู้เรยี นแต่ละคน โดยใชเ้ กณฑ์การใหค้ ะแนนตอ่ ไปน้ี คะแนน / ความสามารถที่ปรากฏใหเ้ ห็น ความหมาย 4 (ดีมาก) - ใช้ภาษาและสัญลกั ษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการส่ือสาร ส่อื ความหมาย และนำเสนอได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 3 (ดี) - จดั ระบบและเช่อื มโยงความคิดผา่ นกระบวนการส่ือสารไดช้ ดั เจน 2 (พอใช้) - สือ่ สารความคิดทางดา้ นคณติ ศาสตร์อย่างต่อเนอื่ งและชัดเจน - ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการส่ือสาร 1 (ปรับปรงุ ) สื่อความหมาย และนำเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง - จดั ระบบและเชือ่ มโยงความคดิ ผ่านกระบวนการส่ือสารได้ - สื่อสารความคดิ ทางด้านคณิตศาสตร์อย่างต่อเนอ่ื ง - ใชภ้ าษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการส่ือสาร ส่ือความหมายและนำเสนอได้ - จดั ระบบและเช่ือมโยงความคิดผา่ นกระบวนการสื่อสารได้ - ใช้ภาษาและสญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการสื่อสาร สอ่ื ความหมาย และนำเสนอยงั ไมถ่ ูกต้อง - จดั ระบบและเชอ่ื มโยงความคดิ ยงั ไม่ชัดเจน
248 บทท่ี 5 การประเมินเชงิ สรา้ งสรรค์ เกณฑ์การใหค้ ะแนนความสามารถในการเช่ือมโยงความรตู้ ่างๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละเช่อื มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่นื ๆ คำชแ้ี จง 1. เกณฑ์การใหค้ ะแนนนใ้ี ช้สำหรบั ให้คะแนนความสามารถในการเชอ่ื มโยงความรู้ ตา่ งๆ ทางคณิตศาสตร์และเช่ือมโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตร์อื่นๆ ของผู้เรยี น 2. เกณฑ์การให้คะแนนน้มี รี ะดบั คะแนน 4 ระดบั ไดแ้ ก่ 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรับปรุง) 3. โปรดพจิ ารณาขอ้ มลู อยา่ งหลากหลาย แลว้ บนั ทึกคะแนนของผู้เรยี นแต่ละคน โดยใช้เกณฑก์ ารให้คะแนนตอ่ ไปน้ี คะแนน / ความสามารถที่ปรากฏใหเ้ หน็ ความหมาย 4 (ดีมาก) - นำความรู้ตา่ งๆ ทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการเรียนรเู้ นื้อหาใหม่ ไดด้ ้วยตนเอง 3 (ดี) - นำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันอยา่ งเหมาะสม 2 กับสถานการณ์ตา่ งๆ ได้ด้วยตนเอง พอใช้ - นำความร้ตู า่ งๆ ทางคณติ ศาสตร์มาใชใ้ นการเรียนร้เู นื้อหาใหม่ 1 ได้เม่อื ไดร้ ับคำช้ีแนะจากโค้ช ปรบั ปรงุ - นำความรทู้ างคณิตศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันอย่างเหมาะสม กบั สถานการณต์ ่างๆ ได้ด้วยตนเอง เมือ่ ไดร้ ับคำชแี้ นะจากโค้ช - นำความรตู้ า่ งๆ ทางคณิตศาสตรม์ าใชใ้ นการเรียนรเู้ นื้อหาใหม่ ไดด้ ว้ ยตนเองเม่ือได้รบั คำช้ีนำจากโคช้ - นำความรทู้ างคณิตศาสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจำวันอยา่ งเหมาะสม กับสถานการณ์ตา่ งๆ ไดด้ ้วยตนเอง เมื่อได้รบั คำชนี้ ำจากโคช้ - นำความรู้ต่างๆ ทางคณติ ศาสตร์มาใช้ในการเรยี นรเู้ นื้อหาใหม่ ได้เม่อื ไดเ้ ห็นตวั อย่างจากโค้ช
บทท่ี 5 การประเมนิ เชิงสร้างสรรค์ 249 เกณฑก์ ารให้คะแนนความคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์ คำชแี้ จง 1. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนน้ใี ชส้ ำหรบั ใหค้ ะแนนความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ของผู้เรยี น 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนนีม้ ีระดบั คะแนน 4 ระดบั ไดแ้ ก่ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3. โปรดพิจารณาข้อมูลอย่างหลากหลาย แล้วบันทึกคะแนนของผ้เู รียนแต่ละคน โดยใชเ้ กณฑก์ ารให้คะแนนต่อไปนี้ คะแนน / ความสามารถที่ปรากฏให้เห็น ความหมาย 4 (ดีมาก) สามารถแสดงความคดิ ริเร่ิมใหมๆ่ ความคล่องแคล่วในการคดิ ความยดื หยุน่ ในการคดิ และความละเอียดลออในการคิด 3 (ด)ี ได้ด้วยตนเอง สามารถแสดงความคิดรเิ ร่ิมใหม่ๆ ความคล่องแคลว่ ในการคิด 2 (พอใช้) ความยดื หยนุ่ ในการคิด และความละเอยี ดลออในการคดิ ได้ เม่อื ได้รบั การกระตุน้ 1 (ปรบั ปรุง) สามารถแสดงความคดิ ริเริ่มใหม่ๆ ความคล่องแคลว่ ในการคิด ความยืดหยนุ่ ในการคิด และความละเอยี ดลออในการคดิ ได้ เม่อื ได้รับการยกตัวอยา่ ง สามารถแสดงความคิดริเร่ิมใหม่ๆ ความคล่องแคล่วในการคิด ความยืดหยนุ่ ในการคิด และความละเอียดลออในการคดิ ได้ โดยต้องให้คำแนะนำอย่างใกลช้ ิด
250 บทที่ 5 การประเมนิ เชงิ สรา้ งสรรค์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการมวี จิ ารณญาณ คำช้ีแจง 1. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนนี้ใช้สำหรับใหค้ ะแนนการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณของผเู้ รยี น 2. เกณฑ์การใหค้ ะแนนนมี้ รี ะดับคะแนน 4 ระดับ ไดแ้ ก่ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3. โปรดพิจารณาขอ้ มูลอย่างหลากหลาย แลว้ บันทึกคะแนนของผ้เู รียนแตล่ ะคน โดยใช้เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนต่อไปนี้ คะแนน / พฤติกรรมท่ีปรากฏให้เหน็ ความหมาย 4 (ดีมาก) ตัดสินใจปฏบิ ัติกจิ กรรมการเรียนรู้ได้อยา่ งถกู ต้อง มีเหตุมีผล คำนึงถงึ ผลท่ีจะเกิดขน้ึ จากการตดั สนิ ใจ และตรวจสอบผลของการ ตัดสนิ ใจด้วยตนเองอยา่ งสมำ่ เสมอ 3 (ด)ี ตัดสินใจปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรียนรู้ได้อยา่ งถูกตอ้ ง มีเหตุมผี ล คำนึงถึงผลที่จะเกิดขน้ึ จากการตัดสินใจ และตรวจสอบผลของการ ตัดสินใจเมอื่ ได้รับคำชแ้ี นะจากโค้ช 2 (พอใช)้ ตดั สินใจปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรียนรู้ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง มเี หตุมผี ล คำนงึ ถงึ ผลท่จี ะเกิดขึ้นจากการตดั สินใจ และตรวจสอบผลของการ ตดั สนิ ใจเมอ่ื ได้รับคำช้ีนำจากโค้ช 1 (ปรบั ปรงุ ) ตดั สนิ ใจปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเรียนร้ไู ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง มเี หตุมีผล คำนึงถงึ ผลทีจ่ ะเกิดขึ้นจากการตดั สนิ ใจ และตรวจสอบผลของการ ตดั สินใจเม่อื ได้รบั คำสั่งจากโค้ช
บทท่ี 5 การประเมนิ เชงิ สร้างสรรค์ 251 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงานอยา่ งเป็นระบบรอบคอบ คำช้แี จง 1. เกณฑ์การใหค้ ะแนนนใี้ ช้สำหรับใหค้ ะแนนการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบรอบคอบ ของผ้เู รยี น 2. เกณฑก์ ารให้คะแนนน้มี ีระดบั คะแนน 4 ระดบั ไดแ้ ก่ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) และ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3. โปรดพิจารณาข้อมลู อย่างหลากหลาย แล้วบันทกึ คะแนนของผูเ้ รียนแตล่ ะคน โดยใชเ้ กณฑก์ ารให้คะแนนต่อไปนี้ คะแนน / พฤติกรรมที่ปรากฏให้เหน็ ความหมาย 4 (ดมี าก) ทำงานอย่างมีแผนการ มีลำดับขน้ั ตอน ระมดั ระวงั ไมเ่ ผอเรอ มีการตรวจสอบความถกู ต้องของงาน ดว้ ยตนเองอย่างสม่ำเสมอ 3 (ด)ี ทำงานอย่างมแี ผนการ มีลำดับขน้ั ตอน ระมัดระวงั ไมเ่ ผอเรอ มีการตรวจสอบความถูกตอ้ งของงานดว้ ยตนเองเม่อื ได้รับ 2 (พอใช้) การกระต้นุ ทำงานอย่างมีแผนการ มลี ำดับข้นั ตอน ระมดั ระวงั ไมเ่ ผอเรอ 1 (ปรบั ปรงุ ) มกี ารตรวจสอบความถกู ตอ้ งของงานดว้ ยตนเองเมอ่ื ได้รบั การกำกบั ดูแลหา่ งๆ ทำงานอย่างมีแผนการ มลี ำดับขัน้ ตอน ระมัดระวงั ไม่เผอเรอ มกี ารตรวจสอบความถกู ตอ้ งของงานด้วยตนเองเมอ่ื ไดร้ ับคำสั่ง หรอื การควบคุมอยา่ งใกล้ชิด
252 บทที่ 5 การประเมนิ เชงิ สรา้ งสรรค์ เกณฑ์การใหค้ ะแนนความมรี ะเบยี บวินยั คำชีแ้ จง 1. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนน้ใี ชส้ ำหรับใหค้ ะแนนความมีระเบียบวินยั ของผู้เรยี น 2. เกณฑ์การใหค้ ะแนนน้ีมรี ะดบั คะแนน 4 ระดบั ไดแ้ ก่ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรับปรุง) 3. โปรดพิจารณาข้อมูลอยา่ งหลากหลาย แล้วบันทกึ คะแนนของผู้เรยี นแต่ละคน โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนตอ่ ไปนี้ คะแนน / พฤติกรรมท่ีปรากฏใหเ้ หน็ ความหมาย 4 (ดมี าก) ปฏิบตั ติ นตามข้อกำหนดของชัน้ เรียน หรือข้อกำหนดในการทำ กิจกรรมการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองอย่างสม่ำเสมอ 3 (ด)ี ปฏบิ ัติตนตามข้อกำหนดของชน้ั เรยี น หรอื ขอ้ กำหนดในการทำ กจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยตนเองเมอื่ ได้รบั การกระตุ้น 2 (พอใช้) ปฏิบัตติ นตามข้อกำหนดของชน้ั เรยี น หรือขอ้ กำหนดในการทำ กจิ กรรมการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองเม่อื ไดร้ ับการกำกบั ดูแลห่างๆ 1 (ปรบั ปรงุ ) ปฏิบตั ิตนตามข้อกำหนดของชน้ั เรียน หรอื ข้อกำหนดในการทำ กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองเม่อื ได้รับคำสั่ง หรือการควบคมุ อยา่ งใกลช้ ดิ
บทที่ 5 การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์ 253 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนความรบั ผดิ ชอบ คำชี้แจง 1. เกณฑ์การใหค้ ะแนนน้ใี ช้สำหรบั ให้คะแนนความรับผดิ ชอบของผเู้ รียน 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนน้ีมีระดับคะแนน 4 ระดับ ไดแ้ ก่ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ และ 1 (ปรบั ปรุง) 3. โปรดพจิ ารณาข้อมูลอยา่ งหลากหลาย แลว้ บันทึกคะแนนของผ้เู รียนแต่ละคน โดยใชเ้ กณฑ์การให้คะแนนตอ่ ไปน้ี คะแนน / พฤติกรรมทป่ี รากฏใหเ้ ห็น ความหมาย 4 (ดมี าก) ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยความตั้งใจเต็มความสามารถ ดว้ ยตนเองอย่างสมำ่ เสมอ และยอมรบั ผลของการกระทำ 3 (ด)ี ของตนเองทุกคร้ัง ปฏิบัตกิ ิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยความตง้ั ใจเต็มความสามารถ 2 (พอใช้) ดว้ ยตนเองเมื่อไดร้ ับการกระตุ้น และยอมรบั ผลของการ กระทำของตนเองเมื่อไดร้ ับการกระตุ้น 1 (ปรบั ปรุง) ปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยความตั้งใจเต็มความสามารถ ดว้ ยตนเองเมื่อได้รับการตักเตือน และยอมรบั ผลของการ กระทำของตนเองเมื่อมีการสรา้ งเง่ือนไขตา่ งๆ ปฏิบัติกจิ กรรมการเรยี นรู้ด้วยความต้งั ใจเต็มความสามารถ ด้วยตนเองเม่ือไดร้ ับคำสง่ั และยอมรับผลของการกระทำ ของตนเองเมอ่ื มขี ้อมูลหลักฐานมาสนับสนุน
254 บทท่ี 5 การประเมนิ เชงิ สรา้ งสรรค์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนความเชอื่ มัน่ ในตนเอง คำช้ีแจง 1. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนนี้ใช้สำหรบั ให้คะแนนความเช่ือม่นั ในตนเองของผเู้ รยี น 2. เกณฑ์การให้คะแนนน้ีมรี ะดับคะแนน 4 ระดับ ได้แก่ 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) และ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3. โปรดพิจารณาข้อมลู อย่างหลากหลาย แล้วบันทึกคะแนนของผู้เรียนแตล่ ะคน โดยใช้เกณฑก์ ารให้คะแนนต่อไปนี้ คะแนน / พฤติกรรมท่ีปรากฏให้เห็น ความหมาย 4 (ดีมาก) พดู แสดงความคดิ เหน็ ตอบคำถาม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม การเรียนรู้ และนำเสนอผลงานได้ด้วยตนเอง 3 (ดี) พูดแสดงความคิดเหน็ ตอบคำถาม ปฏิบตั กิ จิ กรรม การเรยี นรแู้ ละนำเสนอผลงานไดด้ ้วยตนเอง 2 (พอใช้) เมื่อได้รับการเสรมิ แรง พูดแสดงความคดิ เหน็ ตอบคำถาม ปฏิบัตกิ ิจกรรม 1 (ปรบั ปรงุ ) การเรยี นรู้และนำเสนอผลงานได้ด้วยตนเอง เมอื่ ได้รบั การเสริมแรง หรือเงื่อนไขต่างๆ พดู แสดงความคดิ เห็น ตอบคำถาม ปฏบิ ัติกิจกรรม การเรียนรู้ และนำเสนอผลงานของตนเอง โดยไดร้ ับความชว่ ยเหลอื จากโค้ชหรือเพื่อนผู้เรียน
บทท่ี 5 การประเมนิ เชิงสรา้ งสรรค์ 255 บทสรปุ การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์มุ่งเน้นการประเมนิ ตนเองของผูเ้ รียนและสะท้อน คิดไปสู่การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยผู้สอนมีบทบาทเป็นโค้ชที่ให้คำชี้แนะ ให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของการประเมินตนเอง นอกจากนี้การประเมินตนเองยังเป็น การประเมินเชิงรุกที่เป็นเครื่องมือพัฒนาการเรี ยนรู้ของผู้เรียนโดยมีแบบปร ะเ มิน และเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน โดยที่ผู้สอนมีบทบาทเอื้ออำนวยให้ผู้เรียนใช้การ ประเมินเป็นวิธีการเรียนรู้ (Assessment as Learning) เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ในผลการประเมนิ ผ่านการสะท้อนคดิ และถอดบทเรียน สำหรับการ ทดสอบเพื่อวินิจฉัยผู้เรียนจะทำให้ผู้สอนทราบความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้เรียน แต่ละคนที่สามารถนำผลการทดสอบไปพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้เป็นรายบุคคล อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการประเมินการเรียนรู้ เชิงสร้างสรรค์ คือ การมีเครื่องมือประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนที่มีคุณภาพ เปน็ ปจั จัยสนับสนุนให้ผู้เรียนประเมินตนเองไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
256 บทที่ 5 การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์ บรรณานกุ รม เกษม วัฒนชัย. (2553). การเรียนรู้ที่แท้และพอเพียง (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพ์มติชน. วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2558). จากหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตร สถานศึกษา: กระบวนทัศน์ใหม่การพัฒนา. กรุงเทพฯ: จรัลสนิทวงศ์ การพิมพ์ จำกัด. Anderson, L. W, & Krathwohl, D. R. (eds.) (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom's Taxonomy of Educational Objectives. New York: Longman. Battista, Michael T. (2012). Cognition – based assessment & teaching of geometric measurement: Building on student’s reasoning. Portsmouth: Heinemann. Brown, Sally. (2004). “Assessment for Learning”. Learning and Teaching in Higher Education. Issue 1, pp. 81 – 89. Cambridge International Examination. (2015). Assessment for Learning. Cambridge: A Division of Cambridge Assessment. Chell, Elizabeth. and Athayde, Rosemary. (2009). The identification and measurement if innovation characteristics of young people: Development of the Youth Innovation Skills Measurement Tool. United of Kingdom: National Endowment for Science, Technology and the Arts. Cheryl Lemke and others. (2007). enGauge 21st Century Skills Literacy in the Digital Age. Metiri Group Los Angles.
บทที่ 5 การประเมินเชงิ สร้างสรรค์ 257 Earl, Lorna. (2003). Assessment as Learning: Using Classroom Assessment to Maximise Students Learning. Thousand Oaks, CA: Corwin Press. DeLuca, Christopher., Luu, King., Sun, Youyi., and Klinger, Don. (2012). “ Assessment for learning in the classroom: Barriers to implementation and possibilities for teacher professional learning”. Assessment Matters. Vol.4 pp. 5 – 29. Florez, Maria and Sammons, Pamela. (2013). Assessment for Learning: Effect and Impact. Berkshire: CFBT Education Trust, University of Oxford. Goode, Kevin., Kingston, Teresa., Grant, Janet., and Munson, Lorellie. (2010). “Assessment for Learning”. ETFOVoice. March, pp. 21 – 24. Heidi Hayes Jacobs. (2010). Curriculum 21: Essential Education for a Changing World. Alexandria, VA: Association for Supervision & Curriculum Development. Heritage, Margaret. (2010). Formative Assessment and Next – Generation Assessment Systems: Are We Losing an Opportunity. Los Angeles: Council of Chief State School Officers. Hodgson, Claire and Pyle, Katie. (2010). A Literature Review of Assessment for Learning in Science. Slough Berks: National Foundation for Educational Research. Jones, A Cheryl. (2005). Assessment for Learning. London: Learning and Skills Development Agency. Leighton, Jacqueline., and Gierl, Mark J. (2011). The learning science in educational assessment: The role of cognitive models. New York: Cambridge University Press.
258 บทที่ 5 การประเมินเชิงสรา้ งสรรค์ Ofsted. (2014). Teaching, Learning and Assessment in Futher Education and Skills – What Works and Why. Manchester: The Office for Standards in Education, Children’s Services and Skills. Spiller, Dorothy. (2009). Assessment: Feedback to Promote Student Learning. Hamilton: Teaching Development Unit, The University of Waikato. Stiggins, Richard., and Arter, Judith. (2007). Classroom Assessment for Students Learning; Doing It Right – Using It Well. New Jersey: Pearson Education, Inc. Tan, Oon – Seng., and Seng, Alice Seok – Hoon. (2008). Cognitive modifiability in learning and assessment: International perspectives. Singapore: Engage Learning Asia Pte Ltd. Sackstein, Atarr. (2015). Teaching Students to Self-Assess: How Do I Help Students Reflect and Grow as Learners? Alexandria, VA: ASCD.
บทที่ 6 ความเปน็ ครูเชงิ สร้างสรรค์ 259 บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สรา้ งสรรค์
260 บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สร้างสรรค์ ความรกั ( Love) เปน็ ส่ิงท่มี พี ลงั เปล่ยี นแปลงสรรพสิ่งได้ รกั แท้จากใจของครู คือพลงั เปลี่ยนแปลงลกู ศษิ ย์ ใหเ้ ปน็ คนดี คนเกง่ และดำรงชวี ิตอยา่ งมีความสุข
บทที่ 6 ความเป็นครูเชงิ สร้างสรรค์ 261 6. ความเป็นครู 6.1 รักแท้จากใจครู เชิงสร้างสรรค์ 6.2 ครผู ู้เป็นทร่ี กั 6.3 การพฒั นาผ้เู รียนให้คิดเป็น 6.4 การจัดการช้นั เรยี นสรา้ งสรรค์ 6.5 พาผู้เรียนท่องไปในโลกออนไลน์ ปลอดภยั จากกับดักดิจทิ ัล
262 บทที่ 6 ความเปน็ ครูเชิงสรา้ งสรรค์ สาระสำคัญ การนำเสนอเนื้อหาสาระ เรื่อง การดูแลเอาใจใส่ด้วยหัวใจความเป็นครู มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ 1) รักแท้จากใจครู 2) ครูผู้เป็นที่รัก 3) การพัฒนา ผู้เรียนให้คดิ เป็น 4) การจัดการชั้นเรียนสร้างสรรค์ 5) พาผู้เรียนท่องไปในโลกออนไลน์ ปลอดภัยจากกับดกั ดิจทิ ัล โดยมีสาระสำคญั ดังตอ่ ไปนี้ 1. ครูทุกคนมีความรักแท้มอบให้กับผู้เรียน การมอบรักแท้ให้ผู้เรียน ไม่ใช่การให้สิ่งของใดๆ หากแต่เป็นการมอบส่ิงที่ดีที่สดุ ที่อยูใ่ นภารกิจการจัดการเรียนรู้ คอื “คุณภาพการจัดการเรียนร”ู้ 2. ครูผู้เป็นที่รัก หมายถึง ครูที่มีความสามารถในการที่จะเข้าไป น่ังอยูใ่ นหวั ใจของผ้เู รยี น เข้าถงึ จติ ใจ เข้าอกเขา้ ใจผเู้ รียน 3. บทบาทและหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้สอนในการส่งเสริม ใหผ้ ู้เรียนคิดเป็น คอื การเปน็ ตวั แบบทีด่ ีของการใช้ความคดิ หรือกระบวนการคิดท่ีทำให้ ผู้เรียนเกิดการตระหนักรวู้ า่ การคิดเปน็ ส่ิงท่สี ำคญั 4. ก า ร จ ั ด ก า ร ช ั ้ น เ ร ี ย น ส ร ้ า ง ส ร ร ค ์ ( Creative Classroom Management) หมายถึง การบริหารจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียนให้ดำเนิน ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ผู้เรียนมีพื้นที่ในการใช้ศักยภาพ หรือความเก่งของตน 5. การเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในโลกออนไลน์ มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ท่ามกลางอันตรายที่แฝงอยู่ และผูเ้ รียนต้องเผชญิ ตามลำพัง
บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สร้างสรรค์ 263 6.1 รกั แท้จากใจครู ความรัก ( Love) เป็นสิ่งที่มีพลังเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งได้ “รักแท้” คือ ความรักที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน มีความสุขจากการให้สิ่งที่ดีงามกับบุคคลที่เรารัก รักแท้จากใจของครู คือพลังเปลี่ยนแปลงลูกศิษย์ให้เป็นคนดี คนเก่ง และดำรงชีวิต อยา่ งมคี วามสขุ ความรกั มี 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นความรักเพื่อจะได้ รักเพ่อื จะรับเอาประโยชน์จากสิ่งนั้น เป็นความรักที่จำกัดวงแคบอยู่กับสิ่งที่ตนเองจะได้รับกลับคืนมา ความรักประเภทที่ 2 คือ ความรักที่ต้องการให้บุคคลที่รัก มีความเจริญ งอกงาม มีความเจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จและมคี วามสุข เปน็ ความรกั อันบริสทุ ธ์ิ รักแท้จากใจครู คือความรักประเภทที่สอง เป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่ครู มีให้กับผู้เรียน โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนแม้แต่ความรักกลับคืนจากผู้เรียน เป็นความรักท่ีมีพลังมหาศาล สามารถเปลี่ยนแปลงผู้เรยี นไดอ้ ย่างมหัศจรรย์ นอกจาก ผู้เรียนจะต้องการได้รับความรู้ทางวิชาการจากครูแล้ว สิ่งที่ผู้เรียนต้องการมากที่สุด และรอคอยโดยไมเ่ คยเอ่ยปากขอ คือ “รักแทจ้ ากใจครู” ความรัก ความเมตตากรุณา ความเอาใจใส่ การทะนุถนอมกล่อมเกลา ความโอบอ้อมอารีนั้น แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าความรู้ทางวิชาการ ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรทู้ างวชิ าการได้จากสื่อดจิ ิทลั ท่ีมอี ย่อู ยา่ งมากมายมหาศาล ในโลกออนไลน์ แต่ไม่สามารถแสวงหา “ความรักแท้” จากสื่อออนไลน์เหล่านั้นได้ ผ ู ้ เ ร ี ย น ย ั ง ค ง ต ้ อ ง ก า ร ค ว า ม ร ั ก จ า ก ค รู ท ี ่ ไ ม ่ ใ ช ่ เ พ ี ย ง แ ค ่ ใ ห ้ ค ว า ม ร ู ้ ท า ง ว ิ ช า ก า ร แล้วเดนิ จากไปเท่าน้นั
264 บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สรา้ งสรรค์ รักแท้จากครู คือของขวัญชิ้นสำคัญที่สุด ที่ผู้เรียนเฝ้ารอตั้งแต่วันแรก ที่ได้พบกับครู จนกระทั่งวันสุดท้ายที่สำเร็จการศึกษา ของขวัญชิ้นน้ีมีคุณค่ามากกว่า คะแนนสูงๆ หรอื ผลการประเมินท่ยี อดเย่ียม ครูทุกคนมีความรักแท้มอบให้กับผู้เรียน การมอบรักแท้ให้ผู้เรียนนั้นไม่ใช่ การใหส้ ิง่ ของใดๆ หากแต่เป็นการมอบสิ่งทด่ี ีที่สุดท่ีอยู่ในภารกิจการจัดการเรียนรู้ คือ “คุณภาพการจดั การเรียนรู้” ทำไดด้ งั นี้ 1. ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ โดยนำความต้องการของผู้เรียน เป็นตัวตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องตามใจผู้เรียนหากแต่หมายความว่า ใช้ความ ตอ้ งการของผู้เรียนเป็นส่งิ จงู ใจให้ผู้เรยี นใช้ศักยภาพในการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นจะรับรไู้ ด้ว่า ผู้สอนสนใจความตอ้ งการของผู้เรียน เกิดการรบั รูว้ า่ ตนเองเปน็ บุคคลสำคัญของครู 2. โค้ชผู้เรียนให้มีกระบวนการคิดและกระบวนการเรียนรู้ ชี้แนะ ให้กำลังใจ และเสริมแรง ผู้เรียนจะรับรู้ได้ว่าครูกำลัง สอนให้เขาจับปลา ไม่ได้หาปลา มาให้แรกๆ ผู้เรียนอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ท้ายที่สุดเขาจะเข้าใจเองว่าครูได้มอบ สตปิ ัญญาให้กับเขา 3. ตรวจสอบความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และให้ขอ้ มูลย้อนกลับอย่างสร้างสรรค์ ช้แี นะแนวทางการปรบั ปรุงและพัฒนาต่อยอด ความรู้ความสามารถ ผู้เรียนจะรับรู้ถึงความเอาใจใส่และห่วงใยความก้าวหน้า ทางการเรียนรู้ของผเู้ รียน 4. ปฏิบัติต่อผู้เรียนด้วยจิตที่เมตตา ปรารถนาดี มีความกรุณาต่อผู้เรยี น เริ่มจากจิตใจที่อยู่ภายในตัวครูเองก่อน เมื่อจิตใจมีความเมตตาแล้วพฤติกรรม การแสดงออกจะสะท้อนความรักแท้ออกมาโดยธรรมชาติ ผู้เรียนจะรับรู้ได้ว่า ครูมคี วามรกั แทห้ รอื รักเทียม
บทท่ี 6 ความเป็นครูเชงิ สรา้ งสรรค์ 265 ความรักเปน็ พลังขบั เคลื่อนการเรยี นรขู้ องผเู้ รียนครูมอบรักแท้ให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมี Passion ในการเรียนรู้ เห็นคุณค่าในตนเอง รักตนเอง รักเพื่อน รักครู และเป็นคนดี คนเกง่ การจัดการเรยี นรอู้ ย่างมคี ุณภาพ คอื รักแทท้ ี่ครมู อบใหก้ บั ผู้เรียน เกดิ การรับร้รู กั แท้จากใจครูผา่ นการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยความเอาใจใส่ และทะนุถนอม นอกจากนี้อารมณ์และความรู้สึกเป็นปัจจัยสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน ในทุกช่วงวัย ผู้เรียนที่มีอารมณ์และความรู้สึกผ่อนคลายไม่เครียด จะสามารถเรียนรู้ สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะเป็นการเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) ซึ่งเป็นความเข้าใจ อย่างแท้จริง (Deep understanding) ในสิ่งที่เรียน บทบาท สำคัญของผู้สอน คือ การเชื่อมต่อกับอารมณ์และความรู้สึกของผู้เรียนได้อย่าง มีประสิทธิภาพและปรับอารมณ์ความรู้สึกของผู้เรียนด้วยการสร้างบรรยากาศ การเรียนรูใ้ หเ้ หมาะสมกบั การเรียนรู้ อารมณ์และความรู้สึกที่ดีช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนได้ เรียนรู้อย่างมีความสุข มีความตื่นเต้นและท้าทาย อยากเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ อ ย า ก ป ร ะ ส บ ค ว า ม ส ำ เ ร ็ จ แ ล ะ ส น ุ ก ก ั บ ก า ร แ ล ก เ ป ล ี ่ ย น เ ร ี ย น รู้ ก ั บ บ ุ ค ค ล อ่ื น ในทางตรงกันข้ามอารมณ์และความรู้สึกวิตกกังวล ไม่ปลอดภัย ตื่นกลัวเป็นอารมณ์ และความรู้สึกท่ีไม่เอื้อต่อการคิดและการเรียนรู้เป็นอุปสรรคสำคัญของการเรียนรู้ ซ ึ ่ ง ผ ู ้ ส อ น ต ้ อ ง จ ั ด ก า ร ใ ห ้ ผ ู ้ เ ร ี ย น ม ี อ า ร ม ณ ์ แ ล ะ ค ว า ม ร ู ้ ส ึ ก ท ี ่ เ อ ื ้ อ ต ่ อ ก า ร เ ร ี ย น รู้ ตลอดระยะเวลาของการจดั การเรยี นรู้ การเชื่อมต่ออารมณแ์ ละความรู้สึกของผูเ้ รียน หมายถึง การที่ผู้สอนสังเกต พฤติกรรมการแสดงออกของผู้เรียนแล้วเอาใจใส่พิจารณาด้วยความต้ังใจ จนเข้าใจว่า ผู้เรียนกำลังมีอารมณ์และความรู้สึกอย่างไร แล้วสามารถรักษาสภาพอารมณ์ และความรู้สึกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ไว้ได้ตลอดระยะเวลาของการจัดการเรียนรู้ และหากพบว่า ผู้เรียนกำลังมีอารมณ์และความรู้สึกท่ีไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ ผู้สอน
266 บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สร้างสรรค์ ตอ้ งรบี วิเคราะหท์ ำความเข้าใจสาเหตุที่ทำใหผ้ ู้เรียนเกดิ อารมณแ์ ละความร้สู ึกดังกล่าว แล้วกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ น้ัน ให้หมดไปเพอ่ื สรา้ งอารมณ์และความรู้สกึ ทีเ่ อ้ือตอ่ การเรียนร้ใู หเ้ กดิ ขึน้ สำหรับแนวทางการเชื่อมต่ออารมณ์และความรู้สึก ผู้สอนหมั่นสังเกต พฤติกรรมผ้เู รียน หากผ้เู รียนมีความกระตือรือร้น ต่นื เต้น ย้มิ แย้มแจ่มใสและให้ความ สนใจในกิจกรรม แสดงว่าผู้เรียนกำลังมีอารมณ์และความรู้สึกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ แต่หากผู้เรียนไม่กระตือรือร้น ไม่ใส่ใจผู้สอน ก้มหน้า ไม่สบตา แสดงว่าผู้เรียนกำลัง มอี ารมณ์และความรสู้ ึกท่ีไม่เอ้ือต่อการเรยี นรู้ ผู้สอนตอ้ งรีบปรับอารมณ์และความรู้สึก ของผู้เรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ หากผู้สอนยังคงดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ต่อไป โดยผู้เรียนยังมีอารมณ์และความรู้สึกท่ีไม่เอื้อต่อการเรียนรู้แล้ว กิจกรรมการเรียนรู้ เหล่านั้นจะไมเ่ กิดประโยชน์ใดๆ กับผเู้ รียนเลย เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล่าสุด มีเซนเซอร์ตรวจจับอารมณ์ความรู้สึก ของบุคคลที่อยู่รอบข้าง และยังสามารถตอบสนองต่ออารมณ์และความรู้สึกได้อย่าง เหมาะสมกับสถานการณ์ อีกทั้งยังสามารถปรับอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่เอื้อต่อการ เรียนรู้ให้เป็นอารมณ์และความรู้สึกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ได้อีกด้วย ในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทสนบั สนุนการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนมากยิ่งขึ้นตามความสามารถ ทางเทคโนโลยขี องผู้สอน การเ ชื่อมต่ออารมณ ์แ ละค วามรู้สึกข อง ผู้เ รียน เป็นปัจจัยส นับส นุน ความสำเร็จของการจัดการเรียนรู้ซึ่งเป็นความสามารถที่สำคัญและจำเป็นอย่างหนึ่ง ของผู้สอนในปัจจุบัน ในฐานะที่ต้องทำงานด้านจัดการเรยี นรู้ใหก้ ับผู้เรียนที่มีอารมณ์ และความรู้สึกที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยี AI สนับสนุนการเชื่อมต่ออารมณ์ และความรู้สึกกับผู้เรียน จะช่วยทำให้ผู้สอนสามารถปรับอารมณ์และความรู้สึก ของผู้เรียนให้เออ้ื ตอ่ การเรยี นรูไ้ ด้อยา่ งต่อเนื่อง
บทที่ 6 ความเป็นครูเชงิ สร้างสรรค์ 267 6.2 ครผู ู้เปน็ ทร่ี ัก ครูคือผู้หล่อมหลอมและพัฒนาผู้เรียนในฐานะที่ผู้เรียนเป็นผู้ที่อ่อนเยาว์ ต่อโลกซึ่งยังต้องการได้รับการพัฒนาความรู้ความสามารถหลายด้าน รวมทั้งการคิด การตัดสินใจและทักษะการเรียนรู้ต่างๆ รวมทั้งคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งผู้เรียนจะเกิด การพฒั นาเต็มตามศักยภาพอย่างแทจ้ รงิ กต็ ่อเม่ือไดเ้ รยี นรกู้ บั ครผู ู้เป็นทร่ี ัก ครูเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาผู้เรียนให้สามารถ พึ่งพาตนเองทางด้านสติปัญญาได้ในโลกที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเรว็ ด้วยการมอบความรักความเมตตาให้กับผู้เรียนด้วยความบริสุทธ์ิใจ ประพฤติ ตนเป็นที่รกั และเคารพของผเู้ รียน ครูผู้เป็นที่รัก หมายถึง ครูที่มีความสามารถในการท่ีจะเข้าไปนัง่ อยู่ในหัวใจ ของผู้เรียน เข้าถึงจิตใจ เข้าอกเข้าใจผู้เรียนมีคุณลักษณะที่ผู้เรียนอยากเข้าร่วม เรียนรู้ด้วยจิตใจแช่มชื่น เบิกบาน สนใจใคร่รู้ มีความไว้วางใจ รู้สึกปลอดภัย ที่จะซกั ถามเรื่องต่างๆ ท้ังเร่อื งวิชาการและเรอื่ งสว่ นตัวอ่นื ๆ ครูผู้เปน็ ท่ีรกั มีคณุ ลกั ษณะสำคัญดงั ต่อไปน้ี 1. มีความรัก ความเมตตา ปรารถนาดี และต้องการให้ผู้เรียนประสบ ความสำเรจ็ ดว้ ยความบริสุทธิ์ใจ 2. ดูแลช่วยเหลือผู้เรียน เป็นนั่งร้านทางการเรียนรู้ (scaffolder) ประคับประคองให้ผู้เรียนใช้ศักยภาพสูงสุดทางการเรียนรู้ของตนเอง และป้องกัน สิ่งทเ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ ระบบคิดของผูเ้ รียน
268 บทท่ี 6 ความเปน็ ครเู ชงิ สรา้ งสรรค์ 3. ชื่นชมยินดี เมื่อมีความสำเร็จเกิดขึ้น ไม่ว่าความสำเร็จนั้นจะยิ่งใหญ่ หรือเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ครูต้องนำความสำเร็จมาให้ผู้เรียน และทำให้ผู้เรียน เห็นคณุ คา่ ของการใช้ความมุง่ มัน่ พยายาม 4. ให้ความยุติธรรมแก่ผู้เรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันมีเหตุผล วางตน เปน็ กลาง ไม่ลำเอยี ง คณุ ลกั ษณะทั้ง 4 ประการ เป็นปัจจยั ที่ทำใหผ้ ู้เรียนเกิดการรับร้คู วามรักที่ครู มีให้กับผู้เรียนและทำให้ครูธรรมดาๆ เปลี่ยนมาเป็นครูผู้เป็นที่รัก ผู้เรียนที่ได้เรียนรู้ รว่ มกับครผู ู้เปน็ ท่ีรัก นอกจากจะทำให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านวิชาการได้อย่างราบร่ืน แล้ว ยังทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตัวแบบคุณธรรมจริยธรรม ความมีเมตตากรุณาจากครูผู้เป็น ท่ีรักของผู้เรยี นอกี ดว้ ย ความรักเป็นสิ่งที่มีพลังต่อการเรียนรู้ ช่วยส่งเสริมให้การเรียนรู้ มีประสิทธิภาพ ภายใต้บรรยากาศความรัก ความอบอุ่นที่ผู้เรียนได้รับ จะช่วยกระตุ้น ให้เกิดการเรียนรู้ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นและเรียนรู้อย่างมีความสุข ส่งผลต่อการใช้ กระบวนการคิด กระบวนการสร้างสรรค์นวตั กรรมตา่ งๆ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในตนเอง และความ เช่อื มนั่ ในการทำกิจกรรมตา่ งๆ ให้สำเรจ็ ครูเป็นทั้งที่พึ่งทางวิชาการและวิชาชีวิต ของผู้เรียนครูผู้เป็นที่รักมีความ เมตตา กรุณา ชื่นชมยินดี และให้ความยุติธรรมแก่ผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ สนใจใฝ่รู้ ขยันหมั่นเพียร เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรมตามต้นแบบ ครูผ้เู ปน็ ทร่ี กั
บทท่ี 6 ความเป็นครูเชิงสรา้ งสรรค์ 269 ให้ความรกั ความเมตตา คณุ ลกั ษณะ ดูแลช่วยเหลือ ประคบั ประคอง ครผู ู้เป็นท่ีรกั ชื่นชมยินดี นำความสำเร็จมาให้ ใหค้ วามยุติธรรม วางตนเป็นกลาง ภาพประกอบ 6.1 คุณลักษณะของครผู เู้ ปน็ ท่รี กั ความไวว้ างใจ (Trust) นอกจากจะเป็นปจั จัยส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนอยากเรียนรู้ ไปกับผู้สอนแล้ว ยังเป็นปัจจัยท่ีส่งผลทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ไปกับผู้สอนได้ตลอดรอดฝ่ัง ไม่ล้มเลิกกลางคันแม้ว่ายังอยากเรียนอยู่ (Brown out) แต่มีความมุ่งมั่นพยายาม อดทนจนประสบความสำเรจ็ ในการเรียนรู้ Trust หมายถึง ความไว้วางใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่บุคคลหนึ่งจะมีให้กับ อีกบุคคลหนึ่ง เกิดขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์กันทางบวกและสร้างสรรค์ Trust เป็น ปัจจัยสน ับสน ุน ให้ผู้เ รียน กล้าแ สดงค วา มค ิด และจินตนาการในการสร้างสรรค์ นวตั กรรม ทจ่ี นบางครั้งเปน็ จินตนาการที่ผู้สอนอาจคาดไม่ถงึ
270 บทท่ี 6 ความเปน็ ครเู ชงิ สร้างสรรค์ จากความไว้วางใจสู่สัญญาใจในการเรียนรู้ คำมั่นสัญญาในการเรียนรู้ (Contract Learning) คือการที่ผู้เรียนมีเจตจำนงว่าจะเรียนรู้ไปกับผู้สอน ด้วยการ ปฏิบัติกิจกรรมอย่างมุ่งม่ันและตั้งใจตามแผนการเรียนรู้ท่ีได้ตกลงร่วมกันไว้ เพื่อบรรลุ เป้าหมาย และมคี วามไว้วางใจ (Trust) เป็นพลงั ขบั เคลอ่ื นกระบวนการเรียนรู้ ทำให้ ผเู้ รยี นเรียนรูอ้ ยา่ งมี Passion มี “สญั ญาใจ”ในการเรียนรู้ กา ร ให ้ คำ มั ่ น ส ั ญ ญ า ใน ก า ร เ ร ี ย น รู้ จ า ก พื ้ น ฐ า น ข อ ง คว า ม ไว ้ ว า ง ใจ ใ น ท่ี นี้ เปน็ การใหค้ ำมน่ั สัญญาท่ีเกิดขึ้นมาจากใจ ไมต่ อ้ งใชอ้ ำนาจใดๆ มาบงั คบั เพราะเป็น คำมัน่ สญั ญาท่ีเกดิ มาจากการทผ่ี เู้ รียนไดม้ อบความไว้วางใจใหก้ ับผู้สอน (สญั ญาใจ) เมื่อผู้เรียนมีความไว้วางใจผู้สอน (Trust) ทำให้เกิดคำมั่นสัญญาในการ เรียนรู้ขึ้น (สัญญาใจ) ทำใหม้ คี วามมุ่งมั่นตง้ั ใจ พยายาม ไมย่ อ่ ท้อในการเรียนรู้ส่ิงยาก มีคุณลักษณะฝ่าฝันอุปสรรค แก้ปัญหา กัดไม่ปล่อยสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนสามารถ ดำรงชวี ติ อยูใ่ นโลก Disruptive Technology ได้อยา่ งมคี ณุ ภาพ เมื่อผู้เรียนมี “สัญญาใจ” ในการเรียนรู้กับผู้สอน จะทำให้ผู้เรียนใช้ ความสามารถสูงสดุ ของตนในการเรียนรู้ของตนเองไม่ใชเ่ รยี นแบบครงึ่ ๆ กลางๆ แต่ทำ ให้ดที ส่ี ดุ ไม่ใช่ทำแคใ่ หเ้ สร็จๆ “สัญญาใจ” มีพลังมากกวา่ การใช้ “เงอื่ นไข” การสร้าง “สัญญาใจ” จะทำให้ผู้เรียนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ จากการที่เรียนรู้เพราะมี “เงื่อนไข” มาบีบบังคับ เกิดความขัดข้องใจ มาเป็น “เรียนรู้ ด้วยใจ” มีวินัยในตนเอง และความสุขในการเรียนรู้ ซึ่งมีแนวทางดังนี้ 1) สร้างความ ไวว้ างใจให้เกดิ กับผเู้ รียนเปน็ อนั ดับแรกด้วยการมอบความรัก ความเมตตากรุณาให้กับ ผเู้ รียน ผ่านการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ 2) จัดการเรยี นรเู้ ตม็ ความรคู้ วามสามารถ ของผู้สอนจะทำให้ผู้เรียนเห็นว่าผู้สอนมุ่งมั่น ทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้ 3) ทำให้ ผู้เรียนรับรู้และเข้าใจว่ากิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนปฏิบัติอยู่นั้นมีประโยชน์โดยต รง
บทที่ 6 ความเปน็ ครูเชงิ สรา้ งสรรค์ 271 ต่อความเจริญก้าวหน้าของผู้เรียน 4) สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้น และเอื้อต่อการใช้กระบวนการเรียนรู้และกระบวนการคิดของผู้เรียน และ 5) ทำให้ ผู้เรียนมองเห็นความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ของตนเองที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเรจ็ สร้างความไว้วางใจ (Trust) ให้เกดิ กับผู้เรียน การสร้าง จัดการเรยี นร้เู ตม็ ความสามารถ “สญั ญาใจ” ของผู้สอน ในการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนเหน็ คณุ ค่า ของการเรยี นรูท้ มี่ ีต่อตนเอง สรา้ งบรรยากาศและส่งิ แวดลอ้ ม ใหเ้ อ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ ทำให้ผเู้ รียนเห็นความกา้ วหนา้ ทางการเรียนรู้ของตนเอง ภาพประกอบ 6.2 แนวทางการสรา้ ง “สัญญาใจ” ในการเรยี นรู้ การสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมท่ีมาจาก Passion ของผ้เู รยี น อาศัยปัจจยั Trust หรือความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผู้เรียนได้มอบให้กับผู้สอน เป็นพลังขับเคลื่อน เพราะ Trust เป็นปัจจัยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความกล้าที่จะคิดสร้างสรรค์ คิดในสิ่งที่แปลกใหม่ แตกต่างจากเดมิ คดิ ในส่งิ ที่คนท่วั ไปคิดไม่ถงึ โดยมคี วามมน่ั ใจว่าผู้สอนจะอยูเ่ คียงข้าง ผเู้ รยี นตลอดเวลา
272 บทที่ 6 ความเปน็ ครเู ชงิ สรา้ งสรรค์ การเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมนั้น ปัจจัยสนับสนุนประการหนึ่ง คือ Trust ของผู้เรียนที่มีให้กับผู้สอน ส่งผลทำให้ผู้เรียนกล้าคิดในสิ่งแปลกใหม่ กล้าใช้ศักยภาพการคิดสร้างสรรค์ของตนเอง เนื่องจาก Trust จะไปทำลายกำแพง แห่งความกลวั (Wall of Fear) ของผเู้ รียน Trust มีความสัมพันธ์กับความเชื่อมั่นในตนเองของผู้เรียน กล่าวคือ ผู้เรียนที่มี Trust ในตัวผู้สอน จะรู้สึกว่าผู้สอนเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ เป็นนั่งร้าน ที่คอยประคับประคองให้ประสบความสำเร็จ ผู้สอนเป็นสิ่งแวดล้อมที่ให้ความมั่นคง และปลอดภัยของผู้เรียน ถ้าผู้เรียนไม่มี Trust ให้กับผู้สอนแล้ว ผู้เรียนจะไม่กล้าคิด ไม่มน่ั ใจทจี่ ะคิด ทำให้ ไมม่ ี Idea ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ผู้เรียน Trust ผูส้ อน กลา้ ทีจ่ ะคิดสรา้ งสรรค์ ผเู้ รียนไม่ Trust ผู้สอน กลวั ท่ีจะคิดสรา้ งสรรค์ ภาพประกอบ 6.3 การมี Trust และไมม่ ี Trust ของผ้เู รยี น ผู้สอนสามารถสร้าง Trust ใหเ้ กดิ กับผู้เรียนไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1. ทำให้ผู้เรียนเชื่อมั่นว่าผู้สอนที่สอนเขานั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ โดยแสวงหาความรู้ในสิ่งที่สอน และนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เรียน อย่างสม่ำเสมอ ผสู้ อนต้องไม่ Fake
บทที่ 6 ความเปน็ ครูเชิงสรา้ งสรรค์ 273 2. มีความคงเส้นคงวาของพฤติกรรมสร้างสรรค์การจัดการเรียนรู้ คือ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ใหต้ อบสนองความสนใจของผูเ้ รียนอยา่ งสม่ำเสมอ ผู้เรียนจะรับรู้ ได้วา่ ไดเ้ รียนกบั ผสู้ อนทม่ี คี วามมงุ่ ม่ันต้ังใจในการจัดการเรียนรู้ 3. ชี้แนะผู้เรียนด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ ใช้ภาษาทางบวก อ่อนโยน และมีเมตตา ผู้เรียนจะรับรู้ได้ว่ามีผู้สอนคอยช่วยเหลือประคับประคองเมื่อประสบ ปญั หาในการเรียนรู้ 4. ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในการเรียนรู้สร้างความมั่นใจ แก่ผู้เรียนว่าการทำสิ่งที่ยากและท้าทายความคิดสร้างสรรค์ การฟันฝ่าอุปสรรค ระหว่างการพัฒนานวัตกรรม ถึงแม้ว่าจะผิดพลาดหรือล้มเหลวจะได้รับกำลังใจ จากผสู้ อนอยเู่ สมอ 5. ทำให้ผู้เรียนตระหนักรู้ว่าผู้สอนให้ความเอาใจใส่ ทุกรายละเอียด ของการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน ด้วยการให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ที่ลงรายละเอียดไปถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ที่ได้ใช้ในระหว่างปฏิบัติ กจิ กรรมการเรยี นรู้ การให้ข้อมูลย้อนกลับแบบไม่ลงรายละเอียด ฉาบฉวย จะเปน็ สงิ่ ทบี่ อ่ นทำลาย Trust ที่ผู้เรยี นมอบให้กับผูส้ อนลดลงอยา่ งรวดเรว็
274 บทท่ี 6 ความเปน็ ครเู ชงิ สร้างสรรค์ ทำให้ผู้เรยี นเหน็ ว่า ครขู องเขาเก่งมากเพยี งใด มคี วามคงเส้นคงวา ในการแสดงออกทางพฤตกิ รรม การสรา้ ง Trust ชแ้ี นะผเู้ รยี น สู่ Innovation ด้วยวธิ ีการทีส่ ร้างสรรค์ เสรมิ แรงทางบวก ให้ความมนั่ คงและปลอดภยั ทำให้ผู้เรียนเห็นว่าผู้สอน เอาใจใส่การเรยี นรขู้ องผู้เรียน ภาพประกอบ 6.4 แนวทางการทำใหผ้ เู้ รียนมี Trust ในตวั ผูส้ อน Trust เป็นสิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้นก่อนที่จะให้ผู้เรียนสร้างสรรค์นวัตกรรม พลังความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนจะถูกนำออกมาใช้ภายใต้บรรยากาศทางการ เรียนรู้ที่มีความมั่นคง ปลอดภัย ไว้เนื้อเชื่อใจ และนอกจากผู้สอนจะตอ้ งสร้าง Trust ให้เกดิ ขน้ึ กบั ผู้เรียนแล้ว ยงั จะตอ้ งรกั ษา Trust ท่ผี ู้เรียนมอบให้ไว้ด้วยความทะนุถนอม กลอ่ มเกลา
บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สร้างสรรค์ 275 6.3 การพัฒนาผู้เรียนให้คดิ เปน็ การคิดเป็นทักษะสำคัญของมนุษย์ทุกคนซึ่งมีพัฒนาการ มาตั้งแต่แรกเกิด และเม่อื เข้าสวู่ ยั เรยี น ผเู้ รียนจำเปน็ ตอ้ งไดร้ บั การพฒั นาทักษะการคิดให้มคี วามเข้มแข็ง มากขึ้น ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ของผู้สอน ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด ขนั้ สูง (Higher – order thinking) คุณลักษณะการคิดเป็น คือ 1) มีเป้าหมายในการคิด 2) ใช้หลักฐานข้อมูล ในการคิด 3) ใช้เหตุผลในการคิด และ 4) คิดทางบวกคิดสร้างสรรค์ และนำความคิด ของตนเองไปปฏบิ ตั ิให้เกดิ ประโยชน์กบั สงั คมส่วนรวมตอ่ ไป การคิด (Thinking) เป็นพฤติกรรมทางสมองที่มีต่อข้อมูลที่รับเข้ามา ทางช่องทางการรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นการฟัง การดู การอ่าน จนเกิดการเรียนรู้จากข้อมูล เหล่านั้น ผู้เรียนที่คิดเป็น จะสามารถแปลงความคิดของตนเองไปปฏิบัติ ให้เกิดประโยชน์ กับสังคมส่วนรวมตอ่ ไป ถึงแม้ว่าการคิดจะมีพัฒนาการโดยธรรมชาติของผู้เรียนแต่ผู้สอนยังคงมี ภารกิจในการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการคิดเป็นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดการเรียนรู้ และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมทักษะการคิดเป็นของผู้เรียน การเป็นตัวแบบที่ดี (Role model) ในการคิดเป็นของผู้สอน นับว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นและส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนคดิ เป็น ผเู้ รยี นมกี ระบวนการคิดขัน้ สูงทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ บทบาทและหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้สอนในการส่งเสริมให้ผู้เรียน คิดเปน็ คอื การเป็นตวั แบบที่ดขี องการใชค้ วามคิดหรือกระบวนการคดิ ทีท่ ำให้ผู้เรยี น เกิดการตระหนักรู้ว่าการคิดเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้และเติบโตต่อไป ในอนาคต ผสู้ อนสามารถเปน็ ตัวแบบท่ีดีในการคดิ ให้กับผ้เู รยี นไดด้ งั ตอ่ ไปนี้
276 บทที่ 6 ความเป็นครเู ชิงสรา้ งสรรค์ 1. แสดงความคิดเห็นของตนเองอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในสังคมซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของผู้เรียน โดยอาจจะเป็น เหตุการณท์ างดา้ นดี เหตกุ ารณ์ทส่ี รา้ งสรรค์ หรอื อาจจะเปน็ เหตุการณท์ ่ีไม่ดไี ม่ถกู ต้อง 2. อธิบายให้เหตุผลประกอบการคิดหรือเหตุผลของการตัดสินใจ ในเรื่องต่างๆ โดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจว่าการคิดและการตัดสินใจนั้นจะต้อง มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลเสมอ การที่ผู้สอนอธิบายให้เหตุผลประกอบการคิดดังกล่าว ยังชว่ ยทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเกย่ี วกับวิถีทางของการคดิ (Way of thinking) ท่ีจะ นำไปสู่การตดั สินใจอยา่ งถูกต้อง 3. แสดงให้ผู้เรียนเห็นว่าผู้สอนเป็นคนที่ช่างสังเกตเพราะการสังเกต เป็นรากที่มาของการคิดในเรื่องต่างๆ การสังเกตดังกล่าวนี้อาจจะเป็นการสังเกต สิ่งแวดล้อมรอบตัวของทั้งผู้สอนและผู้เรียน เช่น การสังเกตพฤติกรรมการประหยัด ทรัพยากรในโรงเรยี นของผู้เรียน เป็นต้น 4. แสดงออกซึ่งการคิดทางบวก การคิดวิเคราะห์และการคิด สร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และซึมซับว่าการคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งตอ่ ตนเองและส่วนรวมนนั้ ควรมีวิธีการอย่างไร ถา้ ผสู้ อนแสดงออกซึง่ การคิดดังกล่าว อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผู้เรียนคิดทางบวก คิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์ เช่นเดียวกันกับผสู้ อน การปฏิบัติตนเป็นตัวแบบที่ดีทางความคิดของผู้สอนให้ยึดหลักว่า “เมอ่ื ผ้สู อนคดิ ผู้เรียนก็คิด” การพัฒนาผู้เรียนให้คิดเป็น สามารถทำได้ในทุกๆ โอกาสในทุกๆ กิจกรรม ของการเรยี นรู้ไม่วา่ จะในช้นั เรียนหรอื นอกช้นั เรยี นซ่งึ มีแนวทางดังน้ี
บทที่ 6 ความเป็นครูเชิงสร้างสรรค์ 277 1. กระตุ้นให้ผู้เรียนเป็นคนช่างสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวรวมท้ัง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชนหรือในสังคม เพราะการสังเกตเป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดของการคิด คนที่ไม่สังเกตจะไม่มีทาง เกดิ ความคิดได้เลยเพราะไม่มีข้อมลู ทีจ่ ะใช้ในการคิด 2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองผ่านวิธีการ ต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ การฟังข่าวสารจากสื่อและแหล่งการเรียนรู้แล้วนำมา แลกเปล่ียนเรยี นรู้กบั เพื่อนและผู้สอน 3. ใช้พลังคำถามกับผู้เรียนว่าผู้เรียนมีความคิดอย่างไรกับเรื่องใด เรื่องหนึ่งหรือสิ่งที่ผู้เรียนกำลังเรียนรู้ มุ่งเน้นการใช้คำถามระดับการคิดวิเคราะห์ การประเมินค่าและการคิดสร้างสรรค์ การใช้คำถามที่ดีจะช่วยกระตุ้นการคิด ของผู้เรียนได้มากซึ่งผู้สอนควรใช้คำถามอย่างต่อเนื่อง สอดแทรกไปกับกิจกรรม การเรียนรู้ต่างๆ หลักการใช้คำถามกระตุ้นการคิด คือ ใช้คำถามปลายเปิด ถามทีละคำถาม และอดทนรอคอยคำตอบของผูเ้ รยี น 4. ให้ผู้เรียนอธิบายเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความคิดของตนเองจะทำให้ ผู้เรยี นไตรต่ รองความคิดของตนเอง ชว่ ยทำให้มเี หตุผลในการคดิ มากขน้ึ 5. ชื่นชมและให้กำลังใจแก่ผู้เรียนที่มีความมุ่งมั่นพยายามในการใช้ ความคิด โดยไม่ต้องคำนึงว่าความคิดของผู้เรียนจะถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่ใช่ประเด็น หลกั ของการกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนคดิ เปน็ แต่ใหเ้ นน้ ความมเี หตมุ ผี ลของความคดิ นั้นๆ 6. ไม่ตดั สินความคดิ ของผู้เรยี นว่าความคิดใดดีความคดิ ใดไมด่ ี ความคิด ใดมีประโยชน์ ความคิดใดไม่มีประโยชน์ โดยใช้มุมมองในเหตุผลของผู้สอน เพียงฝ่ายเดียว แต่ควรให้ผู้เรียนอธิบายสนับสนุนความคิดของตนเองเสียก่อน
278 บทที่ 6 ความเป็นครูเชิงสรา้ งสรรค์ หากความคิดของผู้เรียนไม่ถูกต้องหรือไม่มีเหตุผลผู้สอนจะต้องใช้เทคนิคการ โค้ช ให้ผูเ้ รยี นปรับเปลยี่ นความคิดของตนเองบนพื้นฐานของความเข้าใจท่แี ท้จรงิ 7. ชี้แนะแนวทางการคิดที่มีเหตุผลการคิดท่ีเป็นระบบการคิดทางบวก การคิดวิเคราะหแ์ ละการคิดสร้างสรรคใ์ ห้กบั ผู้เรียน ที่ยังขาดทักษะการคิด และยังไม่ สามารถพัฒนาทักษะการคิดได้ด้วยตนเอง โดยที่การชี้แนะดังกล่าวจะต้องใช้วิธีการ ที่นุ่มนวลและเหมาะสมกับธรรมชาติของผู้เรียนแต่ละคน และต้องไม่ทำลายความ เชื่อมั่นในตนเองของผู้เรียน ด้วยการใช้คำพูดหรือกิริยาท่าทางที่แสดงออกถึง การไม่ยอมรบั ความคดิ หรอื การไมเ่ คารพความคดิ ของผเู้ รยี น 8. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้ศักยภาพทางการคิดของตนเองให้ได้ มากที่สุด โดยให้ถือหลักว่า “คิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้พยายามคิด ไม่เกียจคร้าน ทจ่ี ะตอ้ งคิดในเรื่องที่ยากและซับซ้อน” ผู้สอนไม่นำความคิดของตนเองเข้าไปในพื้นที่ ความคิดของผู้เรียนมากเกินไป จนทำให้ผู้เรียนยึดติดอยู่กับความคิดของผู้สอน แล้วไม่พึ่งพาความคดิ ของตนเองอกี ตอ่ ไป 9. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ ใหค้ วามคดิ ของผู้เรียนเปน็ ความจริง ด้วยการ ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติตามความคิดของตนเอง ผู้สอนควรลดการมอบหมาย ภาระงานต่างๆ ในลักษณะที่เป็นการให้ผู้เรียนทำตามความคิดของผู้สอน แต่จะต้อง ป ร ั บ เ ป ล ี ่ ย น ม า เ ป ็ น ก า ร เ ป ็ น ผู้ เ อ ื ้ อ อ ำ น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ ห ้ ผ ู ้ เ ร ี ย น ท ำ ค ว า ม คิ ด ให้เป็นความจรงิ วิธีการกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดดังที่กล่าวมา ผู้สอนสามารถนำไปปรับใช้ ในสถานการณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับบริบทของการจัดการเรียนรู้ ยิ่งทำได้อย่าง ต่อเนื่อง ยิ่งเกิดผลดีต่ออนาคตของผู้เรียน “การคิดเป็น” เป็นทักษะความสามารถ ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคนในปัจจุบัน ผู้เรียนที่คิดเป็นจะมีเป้าหมายในการคิด
บทท่ี 6 ความเป็นครูเชิงสรา้ งสรรค์ 279 คิดอยู่บนหลักฐานข้อมูล ใช้เหตุผลในการคิด และคิดทางบวกสร้างสรรค์ ซึ่งผู้สอน มภี ารกิจ เปน็ ตัวแบบของผูท้ ค่ี ิดเปน็ และกระตุ้นผู้เรียนให้คดิ ดว้ ยวิธกี ารที่เหมาะสม จากการคิดซับซ้อนสกู่ ารสร้างสรรคน์ วตั กรรม: โลกปจั จุบนั มีความซับซ้อน มากขึ้น จากปัจจัยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ผู้เรียนต้องยกระดับ ศักยภาพมากขึ้นหลายด้าน และการคิดเป็นศักยภาพด้านหนึ่งที่ผู้เรียนทุกคนต้อง ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการคิดซับซ้อน (Complex Thinking) หมายถึง การผสมผสานการคิดหลายๆ อย่าง เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาและการ สร้างสรรค์นวัตกรรม โดยเฉพาะการคิดวิเคราะห์การคิดประเมินค่า และการคิด สรา้ งสรรค์ การคิดวเิ คราะห์ การคดิ ในลักษณะอ่นื ๆ การคดิ ประเมนิ คา่ การสร้างสรรค์นวตั กรรม Innovative Creation การคิดสร้างสรรค์ การคิดออกแบบ การคิดแกป้ ัญหา ภาพประกอบ 6.5 ลักษณะการคดิ ซับซอ้ นสู่การสร้างสรรคน์ วตั กรรม
280 บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชงิ สรา้ งสรรค์ Complex Thinking เป็นปัจจัยสำคัญของการประสบความสำเร็จในการ แก้ปัญหาและการสร้างสรรค์นวัตกรรมของผู้เรียน ที่จะต้องใช้ตลอดระยะเวลา ของการปฏิบัติกิจกรรมสร้างสรรค์นวัตกรรมและการทำโครงงานต่างๆ นอกจากนี้ Complex Thinking ยังเป็นพืน้ ฐานสำคญั ที่ผู้เรยี นจะมีศักยภาพสร้างสรรค์นวัตกรรม ในอาชีพของตนเองในอนาคตเพื่อเข้าสู่วัยทำงาน เพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่มี Complex Thinking อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จ คดิ ซบั ซ้อน สร้างสรรคน์ วัตกรรม คดิ เพยี งแบบใดแบบหนงึ่ ทำงานซ้ำๆ ไม่เปลยี่ นแปลง ภาพประกอบ 6.6 Complex Thinking กบั การสร้างสรรคง์ าน ผู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง Complex Thinking ของ ผู้เรียนตามแนวทางดังนี้ 1) ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะที่ให้ผู้เรียน สร้างสรรค์ผลงานตามระดับความสามารถของผู้เรียน 2) ให้ผู้เรียนกำหนดขั้นตอน การปฏิบัติกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ 3) ผู้เรียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานจองตนเองกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน เพิ่มเติมจาก การแลกเปลี่ยนเฉพาะผลลัพธ์ของงาน 4) ผู้สอนตั้งคำถามเกี่ยวกับวิธีคิดของผู้เรียน ที่มีต่อการทำงานในแต่ละขั้นตอน (ถามเน้นไปว่าผู้เรียนมีวิธีการทำงานในแต่ละ ขั้นตอนอย่างไร) 5) หากพบว่าการคิดของผู้เรียนกระจัดกระจาย ให้ผู้สอน ตั้งคำถาม ปรับความคิดของผู้เรียนให้ถูกต้อง (Adjust Thinking) และคิดเป็นขั้นตอน 6) การ
บทที่ 6 ความเป็นครเู ชงิ สรา้ งสรรค์ 281 คิดซับซ้อนไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับจากความจำ ความเข้าใจ การวิเคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์ การท่ีจะใช้การคิดแบบใดขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมาย ของการคิด ดังนั้นผูส้ อนจึงต้องกระต้นุ ให้ผู้เรยี นใชก้ ารคดิ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ Complex Thinking หรือการคิดซับซ้อน ต้องอาศัยพื้นฐานของการคิด เป็น คือ มีจุดมุ่งหมายของการคิด ใช้ข้อมูลหลักฐานในการคิด ใช้เหตุผลในการคิด และคิดทางบวกสร้างสรรค์ ผู้เรียนใช้วิธีการคิดอย่างหลากหลาย คิดเป็นระบบ เป็นขั้นตอน เพื่อแก้ปัญหาและสร้างสรรค์นวัตกรรม ผู้สอนมีบทบาทพัฒนาการคิด ซับซ้อนของผู้เรียนควบคไู่ ปกบั การจัดการเรียนรู้ประจำวัน ผู้สอนยุค New normal พัฒนาผู้เรียนไปสู่ Great zone เพราะผู้เรียน ทุกคนมีศักยภาพที่แฝงอยู่ในตนเอง แต่ผู้เรียนอาจจะไม่ทราบว่าตนเองมีศักยภาพ ด้านใด ทำให้ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างถึงที่สุด เพราะมีบางส่ิง บางอย่างปิดกั้นไว้ เช่น ความกลัว ความไม่มั่นใจ หรือแม้แต่การมีความคิดว่า “พอแล้ว ดีแล้ว” ผู้สอนในฐานะที่เป็นโค้ช มีหน้าที่พัฒนาผู้เรียนที่อยู่ในกลุ่ม Fear zone, Comfort zone, และ Growth zone ไปสู่ Great zone หรือพ้นื ที่ของการใชศ้ กั ยภาพ สงู สุดในการเรยี นรู้ กระบวนการทางความคิดหรือ Mindset ของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนรู้ สิ่งต่างๆ ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ ซึ่งแบ่งพื้นที่การเรียนรู้ออกเป็นกลุ่ม ได้ 4 กลมุ่ ดงั น้ี พื้นท่ีการเรียนรู้กลุ่มท่ี 1 คือ Fear zone เป็นพื้นที่ท่ีผู้เรียนมีความ หวาดกลัว วติ กกงั วล ไม่มั่นใจ รู้สึกไม่ปลอดภยั ในการเรยี นรู้ พื้นที่การเรียนรู้กลุ่มที่ 2 คือ Comfort zone เป็นพื้นที่ที่ผู้เรียน มคี วามสามารถทีจ่ ะเรียนร้ไู ด้ แตไ่ ม่อยากเรยี นรู้
282 บทที่ 6 ความเป็นครูเชิงสรา้ งสรรค์ พื้นท่ีกลุ่มที่ 3 คือ Growth zone เป็นพื้นที่ท่ีผู้เรียนพร้อมจะเรียนรู้ และมุ่งมั่นทจ่ี ะเรียนรใู้ ห้ประสบความสำเร็จ พื้นท่ีกลุ่มที่ 4 คือ Great zone เป็นพื้นที่ที่ผู้เรียน ลงมือปฏิบัติการ เรียนรู้อย่างเต็มกำลังความรู้ความสามารถ มี Passion เป็นแรงผลักดันพฤติกรรม ทำใหด้ ที ส่ี ุด Great zone Growth zone Comfort zone Fear zone ภาพประกอบ 6.7 พื้นทีก่ ารเรยี นรู้ 4 กลุม่ Zone การเรยี นรู้ 4 กลมุ่ มีธรรมชาตปิ ระการหน่ึงคือผู้เรียนแต่ละคนอาจจะ อยู่ใน Zone ใดก็ได้ในช่วงเวลาต่างๆ ของการเรียนรู้บทบาทหน้าที่ของผู้สอน ในฐานะที่เป็นโค้ช จำเป็นต้องทราบว่าผู้เรียนกำลังอยู่ใน Zone ใด ซึ่ง Zone ทพ่ี งึ ประสงค์คอื Growth zone และ Great zone การวิเคราะห์ว่าผู้เรียนอยู่ใน Zone ใด ทำได้ง่ายๆ ด้วยการสังเกต พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ณ ขณะปัจจุบัน (Here and Now) ตามพฤติกรรม การเรยี นรู้ของแต่ละ Zone ท่ีได้อธบิ ายมาแลว้ ข้างตน้ ผู้สอนจะทราบทันทีว่าขณะนั้น ผู้เรียนกำลังอยใู่ น Zone ใด หน้าทีข่ องผสู้ อนคอื การพฒั นาผเู้ รยี นไปสู่ Great Zone
บทท่ี 6 ความเป็นครเู ชิงสร้างสรรค์ 283 เมื่อผู้สอนทราบแล้วว่าผู้เรียน อยู่ใน Zone ใดแล้ว ผู้สอนจึงพัฒนาผู้เรียน ใ ห ้ พ ั ฒ น า ต น เ อ ง จ า ก Fear zone, Comfort zone, Growth zone ไ ป สู่ Great zone Zone Great พฒั นาไปสู่ ที่พงึ ปรารถนา zone พัฒนาไปสู่ พฒั นาไปสู่ Growth zone Zone Comfort zone ไม่ท่ีพึงปรารถนา Fear zone ภาพประกอบ 6.8 การพฒั นาผ้เู รยี นไปสู่ Great zone
284 บทที่ 6 ความเปน็ ครูเชงิ สร้างสรรค์ แนวทางการโคช้ ผเู้ รียนไปสู่ Great zone สำหรบั ผู้เรียนทอ่ี ยใู่ น Fear zone สร้างความเชื่อมั่นในตนเองเปน็ อันดบั แรก ชี้ให้ผู้เรยี นมองเห็นความเก่ง ของตนเอง สร้างความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง และมองตนเองทางบวก สำหรับผู้เรยี นที่อยใู่ น Comfort zone กระตุ้นให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ การเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ ที่มีความท้าทาย การเปลี่ยนแปลง ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม ชี้ให้เห็นภัยร้ายของการหยุดเรียนรู้ กระตุ้นให้ผู้เรียนมี Passion ในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง สำหรบั ผเู้ รยี นที่อยู่ใน Growth zone ก ร ะ ต ุ ้ น ผ ู ้ เ ร ี ย น ใ ห ้ ใ ช ้ ศ ั ก ย ภ า พ ส ู ง ส ุ ด ข อ ง ต น เ อ ง ใ น ก า ร เ ร ี ย น รู้ ประคับประคองดูแล Passion ของผู้เรียน อย่าให้ถูกทำลาย และชี้ให้ผู้เรียน เห็นอันตรายของการคิดว่า “ประสบความสำเร็จแล้ว หรือคิดว่าฉันเก่งแล้ว” เพราะถ้าคิดแบบนี้ ผู้เรียนจะเข้าไปอยู่ใน Comfort zone ทันที แล้วจะพัฒนาไปสู่ Great zone ได้ยาก สำหรับผเู้ รียนทอ่ี ยู่ใน Great zone ชื่นชมในความมุ่งมั่น อุตสาหะพยายามของผู้เรียน ชี้ให้เห็นคุณค่าของ การใช้ความสามารถในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยไม่ยึดติดว่าผลงานจะต้องออกมาดี เลิศ แต่จะต้องเรียนรู้ผลงานที่เกิดขึ้น แล้วเก็บเป็นบทเรียนที่จะพัฒนาต่อไป นอกจากนี้ผู้สอนยังต้องชี้แนะผู้เรียนให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปันสิ่งที่ตนเอง ไดเ้ รียนรู้กับเพ่ือนและบคุ คลอนื่ ๆ ดว้ ยใจบริสทุ ธิ์
บทที่ 6 ความเป็นครูเชิงสรา้ งสรรค์ 285 ผู้เรียนแต่ละคนมีกระบวนการทางความคิดและพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ใน Zone ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Fear zone, Comfort zone, Growth zone และ Great zone ซึ่งผู้สอนควรสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อทราบว่า ผู้เรยี นแตล่ ะคนอยู่ใน Zone ใด และแสดงบทบาทการโคช้ ผู้เรียนที่อยใู่ นแต่ละ Zone อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือพัฒนาผ้เู รยี นไปสู่ Growth zone และ Great zone ผู้สอนต้องชี้แนะผู้เรียนเพื่อการเติบโตทางการเรียนรู้ (Guide for Growth) เพราะการเติบโตทางการเรียนรู้ หรือ Learning Growth ของผู้เรียน คือ หัวใจของ การจัดการเรียนรู้ ผู้สอนนอกจากจะมีหน้าที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนแล้ว ยังต้องทำหน้าท่ีชี้แนะ หรือ Guide ให้ผู้เรียนใช้กระบวนการคิดและกระบวนการ เรียนรู้ของตนเองอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อการเติบโตทางการเรียนรู้ (Growth) ของผู้เรียน อยา่ งยั่งยนื (Sustainable Growth) Guide for Growth คือ การชี้แนะผู้เรียนเพื่อให้เกิดการพัฒนา กระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ ทักษะ สมรรถนะ และคุณลักษณะต่างๆ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับความสามารถและธรรมชาติของผู้เรียน ทผ่ี ูส้ อนทำการชีแ้ นะไปพรอ้ มๆ กับการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การชี้แนะเพื่อการเติบโตทางการเรียนรู้ Guide for Growth มีความสำคัญ อย่างมากในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนในปัจจุบัน เพราะผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ได้ด้วยตนเองผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ แต่ไม่สามารถกำหนดทิศทางการเรียนรู้ ของตนเองไดอ้ ยา่ งชัดเจน บทบาทผู้สอนจึงต้องช่วยทำให้ผู้เรียนมีทิศทางในการเรียนรู้และพัฒนา ตนเองอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียนรายบุคคล คือ การชี้แนะ ให้ผู้เรียนแต่ละคนมีเป้าหมายและทิศทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเอง และใช้
286 บทท่ี 6 ความเปน็ ครูเชิงสรา้ งสรรค์ วินัยในตนเอง (Self-discipline) ไปสู่เป้าหมาย การชี้แนะวิธีการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ สอดคล้องกับธรรมชาติและ Learning style ของผู้เรียน ซึ่งผู้เรียน อาจจะไม่ทราบว่าตนเองควรบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ของตนเองอย่างไร ผู้สอนต้อง Guide ในจดุ น้ี การ Guide for Growth จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถกำหนดเป้าหมายของ การเรียนรู้สำหรับคนเองได้ และรู้ว่าตนเองจะใช้กระบวนการเรียนรู้อย่างไรให้บรรลุ เป้าหมายนั้น ช่วยพัฒนาผู้เรียนได้มากกว่าการจัดการเรียนรู้โดยทั่วไปที่ผู้สอน ออกแบบสาระและกิจกรรมมาให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติโดยมีเป้าหมายที่ผู้สอนกำหนด มาล่วงหนา้ การ Guide for Growth มขี น้ั ตอนหลกั ดังน้ี 1. วิเคราะห์ธรรมชาติผู้เรียน ณ ขณะปัจจุบัน ว่าเป็นอย่างไร เช่น ระดับ ความสามารถ วนิ ยั ในตนเอง นสิ ยั ใฝ่รู้ รปู แบบการคิด รปู แบบการเรียนรู้ สภาพอารมณ์ เปน็ ต้น 2. ให้ผู้เรียนกำหนดเป้าหมายทางการเรียนรู้สำหรับตนเอง โดยเป็น เป้าหมายที่เพียงพอและเหมาะสมที่ผู้เรียนจะบรรลุได้ในขณะนั้น เป็นเป้าหมาย ทส่ี ง่ เสริมใหเ้ กดิ การเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น 3. ชี้แนะผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายที่ผูเ้ รียนต้องการบรรลุ ด้วยกระบวนการ มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน การชี้แนะส่วนนี้จำเป็นต้องมี ความเป็นรูปธรรมถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมาย ผู้เรียนเกิดการยอมรับ ในแนวทางท่ผี ู้สอนชีแ้ นะ
บทท่ี 6 ความเปน็ ครูเชงิ สรา้ งสรรค์ 287 4. ให้ผู้เรียนออกแบบและวางแผนการเรียนรู้เพื่อไปสู่การบรรลุเป้าหมาย ของตนเอง ผูส้ อนให้คำชีแ้ นะปรับปรุงแผนการเรียนรู้ ให้เหมาะสมกบั ผู้เรยี น 5. ผเู้ รยี นลงมอื ปฏิบัตติ ามแผนการเรยี นรู้ ผสู้ อนกำกับตดิ ตาม (Learning tracking) ให้คำชี้แนะเพิ่มเติม และให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนอย่างสร้างสรรค์ และตอ่ เนอ่ื ง 6. ผู้เรียนตรวจสอบความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ของตนเองจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ไม่ใช่แค่รับรู้ความสำเร็จไปตามความรู้สึก ผู้สอนเสริมแรง ให้กำลังใจ และชี้แนะให้ผเู้ รยี นปรบั ปรุงการเรียนรู้ของตนเองใหด้ ีย่ิงข้ึน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการในขั้นที่ 6 แล้ว ให้วนรอบกลับไปขั้นตอนที่ 1 และ ดำเนินการไปตามขั้นตอนต่างๆ เป็นวงรอบที่ 2 ทำอย่างต่อเนื่อง ผู้เรียนจะเกิด Learning Growth อย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ตามแนวทางการเสริมพลังการเรียนรู้ อยา่ งสรา้ งสรรค์ การเรียนรู้ยุค Digital Transformation พลกิ โฉมไปจากเดิม ผเู้ รียนมี Passion ในการเรียนรู้ ใช้เทคโนโลยีอย่างหลากหลายมาสนับสนุนการเรียนรู้ หน้าที่ของผูส้ อน คือ การเสริมพลังการเรียนรู้และพลังความคิดของผู้เรียน เพื่อให้มีความมุ่งม่ัน มีแรงจูงใจ และ Growth mindset ไม่ทำลายความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจ ของผู้เรยี น พลังการเรียนรู้ (Learning power) หมายถึง การเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) ที่เกิดขึ้นจากการที่ได้เรยี นรู้สิ่งต่างๆ จากความอยากเรียนรู้ มีฉันทะในการ เรียนรู้ ไม่ได้เรียนเพื่อประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงอย่างเดียว และนำไปสู่การทำ ประโยชน์สร้างสรรค์ต่อส่วนรวม เป็นพลังจากการเรียนรู้ที่พึงปรารถนาในสังคม ปัจจุบันและอนาคต
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362