การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชยั ภูมิ - ITA จะต้องสรา้ งแรงจูงใจในการพฒั นาหน่วยงานในเชงิ บวกมากกว่าทำใหเ้ จา้ หนา้ ที่ของหน่วยงาน ร้สู ึกกงั วล - ITA ควรให้แนวทางการพฒั นาทช่ี ัดเจนให้กับหนว่ ยงานไปในตวั - หน่วยงานราชการที่ได้เข้ารว่ มการประเมิน ได้ประโยชน์จากการประใน และนำผลการประเมินไป ปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และได้รับประโยชน์ในมุมของการสื่อสาร ภาพลักษณ์ องคก์ ร โดยเฉพาะการแสดงใหส้ งั คมและสาธารณชนรบั ร้วู ่าหน่วยงานให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมลู และ การป้องกันการทุจริตในหน่วยงานอย่างไร และการดำเนินการดังกล่าวมาเป็นต้นทุนหรือภาระของหน่วยงาน มากเกนิ ไป รวมทง้ั ต้องไมเ่ ปน็ ภาระกับบุคคลทเี่ ขา้ รว่ มกระบวนการประเมินด้วย ซึ่ง การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้พัฒนา “ระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศรองรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ” (Integrity and Transparency Assessment System : ITAS) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ ทันสมัย สามารถบริหารจดั การข้อมูลได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการประเมินสามารถทำได้ อย่างรวดเร็วและมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ อีกทั้งยังสามารถกำกับติดตามการประเมินได้อย่างทัน สถานการณ์ รวมไปถึงสามารถวิเคราะห์และประมวลผลการประเมินได้อย่างอัตโนมัติ ตอบสนองต่อการนำ ข้อมูลไปสู่การปรับปรุงหน่วยงานที่รับการประเมิน และการวางแผนในการป้องกันการทุจริตต่อไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพ สว่ นสรปุ การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีกับท้องถิ่น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความเป็น ประชาธปิ ไตยให้กบั คนในท้องถิน่ จากการส่งเสรมิ วฒั นธรรมท่ีดีของท้องถ่ิน การจดั ระเบียบทางสงั คม โดยการ แบ่งบทบาทหน้าที่ขององค์การภาครัฐต่อการให้บริการกับประชาชน การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหาร องค์การด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ประกอบการมีการประเมินระดับค่า คะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) เพื่อส่งเสริมการบริหารงานของ หน่วยงานรัฐอย่างมีธรรมาภิบาล อีกทั้งเครื่องมือสำหรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการ ดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ช่วยให้เกิดการศึกษา ทบทวนเกี่ยวกับรูปแบบการประเมินให้มีประสทิ ธิภาพ เพื่อตอบสนองต่อการนำข้อมูลไปปรับปรุงและการวางแผนการปอ้ งกันการทจุ ริตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดว้ ยการประเมนิ จากการปฏิบัติหนา้ ท่ี การใชง้ บประมาณ การใชอ้ ำนาจ การใชท้ รัพยส์ นิ ของราชการ การแก้ไข ปัญหาการทุจริต คุณภาพการดำเนนิ งาน ประสิทธิภาพการสือ่ สาร การปรับปรงุ ระบบการทำงาน การเปิดเผย ขอ้ มลู และการป้องกันการทุจรติ ~ 333 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมของประชาชนจึงมีความสำคัญต่อการให้ข้อเสนอแนะต่อการบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดีของท้องถิ่น ด้วยการให้ข้อมูลที่ช่วยให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาท้องถิ่นให้ดีขึ้น และท้องถิ่นมี ช่องทางใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ การประชาสมั พนั ธข์ ้อมูลข่าวสารราชการให้กบั ประชาชน บรรณานกุ รม กรมการปกครองสว่ นท้องถ่นิ . (2563). สรุปขอ้ มูลจำนวนองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน. สืบคน้ เมื่อ 14 กรกฎาคม 2564, จาก http://www.dla.go.th/work/abt/summarize.jsp#:~:text=%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A 1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89 %E0%B8%99,%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5 %20%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%97.%20%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0 %B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8 บวรศักด์ิ อวุ รรณโณ. (2545). ธรรมาภิบาลในองค์กรอสิ ระ. เอกสารประกอบการบรรยาย วันท่ี 8 มิถุนายน 2545, นนทบรุ ี สถาบันพระปกเกลา้ . ปธาน สวุ รรณมงคล. (2558). การบริหารงานภาครฐั กบั การสรา้ งธรรมาภิบาล. กรงุ เทพฯ : สถาบัน พระปกเกล้า. UNESCAP, GOVENANCE จาก http://www.unescap.org, สบื ค้นวนั ที่ 11 ธนั วาคม 2557. วฒุ ชิ ยั จำนงค์. (2517). อำนาจจากเบอื้ งล่าง, วารสารพฒั นบรหิ ารศาสตร์ ปีที่ 14 ฉบับที่ 2 (เมษายน 2517). David McChanic. (1962). “Sources of Power of Lower Participants in Complex Organization”, Administrative Science Quaterly, (7) 1962. Edgar Schein. (1965). Organization Psychology. New YORK : Prentice – Hall. Herber A. Simon. (1957). Administrative Behavior. New York : McMillan, 1957 ; Model of Man (New York : Wiley, 1957). ~ 334 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ ปัญหาการเรียนออนไลนข์ องนักศึกษา ชัน้ ปที ี่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ วไิ ลวรรณ บัวจันทร์ (Wilaiwan Buachan) บทคัดย่อ การวิจัยเรื่อง ปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ชัยภูมิ มีวัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ศึกษาสาเหตกุ ารเรียนออนไลน์ของนักศึกษา และเพื่อศึกษาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อ การเรียนออนไลน์ของนักศึกษา และเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา กลุ่ม ตวั อย่างได้แก่ นกั ศกึ ษากลุ่มตวั อยา่ งในพ้นื ที่คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปที ี่ 4 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ มีจำนวน 66 คน โดยใช้เครื่องมือแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยท่ีก่อให้เกิดปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภมู ิ สถิตทิ ่ีใช้ ไดแ้ ก่ คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้แก่ ปัจจัยด้านนักศึกษาไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการเรียนในรายวิชา มีค่าเฉลี่ยใน ระดับสูงที่สุด ลองลงมาคือ ปัจจัยด้านเนื้อหาการเรียนออนไลน์ไม่ครอบคลุมท้ังหมดของเนื้อหาในรายวิชาท่ี นักศึกษาได้ลงทะเบียนเรียน และปัจจัยด้านไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียน เช่น สมาร์ตโฟน , คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ตามลำดับ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ปัจจัยด้านไม่มีความรู้ที่เพียงพอใน การใช้เทคโนโลยี ผลการเปรียบเทียบปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภมู ิ พบวา่ นักศกึ ษามรี ายไดท้ ี่ตา่ งกัน มีปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ช้นั ปีท่ี 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภมู ิ ไมแ่ ตกตา่ งกนั ในขณะท่นี ักศกึ ษาทม่ี ี ระดับชั้นปกี ารศึกษา อายุ เพศ ที่ต่างกัน มีปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ เหมือนกนั คำสำคญั : การเรียนออนไลน์ ; ปญั หา ; นักศึกษา ~ 335 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ Problems online learning of 4th year students, Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University Abstract Research on online learning problems of 4 th year students at Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University aims to study the causes of online learning and to study problems that affect students' online learning and to learn how to solve problems in online learning. The samples are: Sample students in the Faculty of Political Science area In year 4 , Chaiyaphum Rajabhat University has 6 6 students using questionnaire tools on the factors that contribute to students' online learning problems. 4 th Year, Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University The statistics used are percentage, average, and standard deviation. The results showed that the factors contributing to students' online learning problems were: Year 4 : Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University: Student factors rarely participate in subjects. Let's down to the content factors that do not cover all of the subject content that students have enrolled in, and the factors that do not have the availability of school supplies such as smartphones, computers and the Internet respectively, and the lowest average aspects are those that do not have sufficient knowledge to use the technology. Comparison of student online learning problems Year 4 , Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University found that students have different incomes. There are problems with online learning of 4 th year students, Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University. It's no different when students with different academic year classes, ages, genders, and other students are not affected. There are problems with online learning of 4th year students, Faculty of Political Science, Chaiyaphum Rajabhat University as well. Keyword : Online learning ; problem ; students ~ 336 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ 1.บทนำ การทำวิจัยเรื่องปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีท่ี 4 คณะรัฐศาสตร์ กรณีศึกษากลุ่ม นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ การทำวิจัยเรื่องนี้เกิดขึ้นเพื่อศึกษาถึงสาเหตุการเรียนออนไลน์และ ผลกระทบต่อการเรียนออนไลน์และเพื่อศึกษาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ให้ ตรงจุดของปัญหาน้ันๆ เน่ืองจากปจั จุบัน ได้มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 2019 จากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องระลอก 2 และระลอก 3 ตั้งแต่ ต้นปี 2564 เกิดผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง รวมถึงภาคการศึกษาที่ต้องปรับตัว จัดการ เรียนการสอนแบบออนไลนท์ งั้ ระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ไปจนถึงระดับอดุ มศกึ ษา เพื่อเปน็ การปอ้ งกันและลด การแพร่ระบาดของเชือ้ ไวรสั โควดิ -19 ซึ่งแน่นอนวา่ ทกุ ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดปัญหา เสียงสะท้อนสารพัด ปญั หาการเรียนออนไลน์ของนกั เรยี นมีจำนวนมาก ท้ังหลักสตู รทต่ี อ้ งปรับให้เข้ากบั สถานการณ์ ปัญหาความไม่ พร้อมด้านอุปกรณ์ ทั้ง คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟนและอินเตอรเ์ นต็ ส่งผลให้นักเรยี นบางสว่ น ได้รบั ความรไู้ มเ่ ต็มท่ีเทา่ ที่ควร ปัญหาสำคัญที่พบจากการเรียนออนไลน์ คือเรื่องประสิทธิภาพของการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ของนักเรยี นและครู ทล่ี ดลงคอ่ นขา้ งมาก ทั้งบรรยากาศ ท่ไี ม่สง่ เสริมกบั การเรียนรู้ เด็กบางคนไม่มีห้องส่วนตัว ทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียน รวมถึงสื่อการสอนและวธิ ีการสอนของครูทย่ี ังปรับตวั ไม่ทนั กับเทคโนโลยี ส่งผลให้ นักเรยี นได้รับความรู้ไม่เต็มทเ่ี ท่าท่คี วร ประสิทธิภาพของการเรียนออนไลน์ในช่วงโควิด-19 ระลอกแรกนั้น มีเพียง 20% เพราะแทบจะไม่ได้ อะไรจากการเรียนออนไลน์เลย ตรงนี้เข้าใจได้ เพราะทุกคนเป็นมือใหม่และไม่คุ้นเคยกับการเรียนออนไลน์ ส่วนระลอกที่ 2 หลายคนคาดหวังว่า ศธ. อาจจะมีนโยบายและมาตรการในการรับมือที่ดขี ึ้น แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะยังคงออกนโยบายที่เปน็ เหมือนการผลักภาระให้โรงเรียน ครแู ละนักเรียนเชน่ เดิม จึงทำให้ประสิทธิภาพ ในการเรียนออนไลน์มเี พยี ง 40% เนือ่ งจากโรงเรยี น และครู ไม่ได้รบั การสนบั สนนุ ใดๆ จากทางภาครฐั ท้งั ด้าน อุปกรณ์หรือโปรแกรมต่างๆ สำหรับใช้ในการเรียนออนไลน์ รวมถึงนักเรียนหลายคนที่ไม่ได้รับการสนับสนุน ด้านอปุ กรณก์ ารเรียนและอนิ เตอร์เน็ต หรือปญั หาไฟฟา้ เขา้ ไม่ถึงในบางพื้นท่ี ทำให้ไมส่ ามารถเรยี นออนไลน์ได้ ทำให้เด็กจำนวนไม่น้อยขาดโอกาสเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำมากขึ้นข้ึน และหลายคนต้องหลุดออกจากระบบ การศึกษาโดยไมต่ ัง้ ใจ ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏชยั ภูมิ ~ 337 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ 2.วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1.เพื่อศกึ ษาสาเหตุการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา 2.เพอ่ื ศกึ ษาปญั หาท่ีส่งผลกระทบตอ่ การเรยี นออนไลนข์ องนักศึกษา 3.เพ่ือศึกษาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาการเรียนออนไลนข์ องนักศกึ ษา 3.ประโยชนข์ องการวิจยั 1.ประโยชนเ์ ชงิ วิชาการ 1.ทำใหท้ ราบถงึ สาเหตุการเรียนออนไลนข์ องนักศึกษา ชัน้ ปีท่ี 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ 2.ทำให้ทราบถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนออนไลน์ และแนวทางการในการแก้ไข ปัญหาการเรียนออนไลน์ 2.ประโยชนเ์ ชงิ นโยบาย สามารถนำผลที่ได้จากการวิจัยเป็นข้อมูลสำหรับนำไปเป็นแนวทางปรับปรุงและ ทราบถึง ปญั หาการเรียนออนไลน์ของนกั ศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภมู ิ เป็นแนวทางปรับปรุง แก้ไขปัญหาการเรียนออนไลน์ของนกั ศึกษาเพื่อให้การเรียนออนไลน์ไม่เป็นปญั หาต่อการเรียนรู้ในวิชา ตา่ งๆ และยงั ไดเ้ ข้าใจเนอื้ หาในการเรยี นที่เปรียบเสมือนเรยี นในห้อง 4.สมมตฐิ านของการวจิ ัย 1.ปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ น่าจะ เกดิ จาก เนื้อหาการเรียนออนไลนไ์ ม่ครอบคลมุ ทั้งหมดของเน้ือหาในรายวิชาทนี่ ักศึกษาได้ลงทะเบยี นเรียน 2.ปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ น่าจะ เกดิ จาก ไม่มคี วามรู้ท่ีเพียงพอในการใช้เทคโนโลยี 3.ปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ น่าจะ เกิดจาก นกั ศกึ ษาไม่คอ่ ยมีส่วนร่วมในการเรยี นในรายวชิ า 4.ปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ น่าจะ เกิดจาก ไม่มีความพรอ้ มดา้ นอปุ กรณ์การเรยี น เชน่ สมาร์ตโฟน ,คอมพวิ เตอร์และอินเตอรเ์ นต็ ~ 338 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ 5.ขอบเขตของการวจิ ยั ขอบเขตด้านเวลา การศึกษาครั้งนี้ครอบคลุมนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 สาขารัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสน ศาสตร์ สาขานิติศาสตร์ สาขาวิชาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ภาคปกติ ภาคที่การศึกษาที่ 1 ปี การศึกษา 2564 ขอบเขตเนือ้ หา การศึกษาครั้งนี้มุ่งศึกษาสาเหตุการเรียนออนไลน์ของนักศึกษาและผลกระทบต่อการเรียนออนไลน์ และเพอ่ื ศกึ ษาถงึ แนวทางการแกไ้ ขปญั หาการเรยี นออนไลน์ของนักศึกษา ขอบเขตพ้นื ที่ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ ขอบเขตประชากร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้คือ กลุ่มนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ชั้นปีที่ 4 คณะ รัฐศาสตร์ 6.วิธดี ำเนินการวิจยั ประชากร ประชากรในการศึกษากลุ่มตัวอย่างในครัง้ นี้คือ นักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ จำนวน 76 คน กลมุ่ ตวั อย่าง ใช้กลุ่มตัวอย่าง จากจำนวนประชากร 76 คน ใช้จำนวนกลุ่มตัวอยา่ ง 66 คน โดยใช้การสมุ่ ตวั อย่างแบบ ตามสะดวกโดยใช้การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ งของเครซีม่ อร์แกน เครอ่ื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการทำวจิ ยั เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสัมภาษณ์ (Semi-Structured Lnterview) โดยผู้วิจัยสร้าง ขึ้นเพื่อศึกษาเอกสารและวิจัยที่เกี่ยวข้องและได้กำหนดคำถามให้กับประชากรกลุ่มตั วอย่างแล้วเปิดโอกาสให้ ~ 339 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ผู้ตอบสัมภาษณ์ได้อย่างเสรีเพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยต้องการแบบสัมภาษณ์เป็น ลักษณะแบบสมั ภาษณป์ ลายเปิด แบ่งออกเป็น 3 สว่ นดังนี้ ส่วนที่ 1. ขอ้ มลู ทัว่ ไปของผใู้ หส้ ัมภาษณ์ ส่วนท่ี 2. ปัญหาการเรยี นออนไลนข์ องนกั ศึกษา ชัน้ ปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ ชัยภูมิ ส่วนท่ี 3. ข้อเสนอแนะและขอ้ คดิ เพ่มิ เตมิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ผูว้ จิ ัยดำเนินงานดงั นี้ 1. ผ้วู จิ ยั ทำแบบสอบถาม ไปสอบถามกล่มุ ตวั อยา่ ง จำนวน 66 ชดุ 2. ขอความรว่ มมอื จากนกั ศกึ ษา ชัน้ ปีที่ 4 คณะรัฐศาสตรใ์ นการทำแบบสอบถาม 3. นำแบบสอบถามทัง้ หมดมาคำนวณ โดยใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู เพอ่ื สถติ กิ ารวิจัย การวเิ คราะหข์ ้อมูล ผวู้ ิจยั ไดว้ ิเคราะห์ความถ่ีและค่ารอ้ ยละโดยใช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู เพ่อื สถิติการวิจยั ดงั น้ี 1. สถานภาพทว่ั ไปไดแ้ ก่ เพศ อายุสถานภาพสมรส ระดบั ช้ันปสี าขา และรายได้ 2. ปญั หาการเรยี นออนไลน์ของนักศึกษา ช้ันปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ิ 7.สรปุ ผลการวจิ ัย 1.สาเหตุการเรียนออนไลน์ของนกั ศกึ ษา คอื การแพรร่ ะบาดเชอ้ื โควิด 2019 2.ปัญหาท่สี ่งผลกระทบต่อการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา คือ เน้ือหาการเรียนออนไลน์ไม่ครอบคลุม ทั้งหมดของเนื้อหาในรายวิชาที่นักศึกษาได้ลงทะเบียนเรียน , ไม่มีความรู้ที่เพียงพอในการใช้เทคโนโลยี , นักศึกษาไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการเรียนในรายวิชา , ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียน เช่น สมาร์ตโฟน , คอมพวิ เตอรแ์ ละอินเตอร์เนต็ 3.แนวทางการแก้ไขปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา คือ ควรจะมีการสอนวิชาออนไลน์แบบ สรุปใจความสำคัญท่ีสามารถให้นักศึกษาเข้าใจได้ง่าย , ควรมีเทคโนโลยที ี่อำนวยความสะดวกในการเรยี นของ นักศกึ ษา คอมพิวเตอร์,อินเตอร์เนต็ ~ 340 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ 8.การอภิปรายผล ผลการวิจัยเรื่องปัญหาการเรียนออนไลน์ ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเพื่อศึกษาสาเหตุการเรียนออนไลน์และผลกระทบต่อการเรียนออนไลน์และเพื่อศึกษา ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทำวิจัยครั้งนี้ คือ นกั ศกึ ษา คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปที ่ี 4 นกั ศกึ ษากลุ่มตวั อยา่ งในพนื้ ทีต่ ึกคณะรฐั ศาสตร์ ชั้นปที ี่ 4 มหาวทิ ยาลยั ราช ภัฏชัยภูมิ มีจำนวน 66 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจะเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการเรียน ออนไลน์ ชน้ั ปที ี่ 4 คณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภมู ิ จำนวน 1 ฉบับ แบ่งออกเปน็ 3 ส่วน คือ ส่วนท่ี 1 แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการเรียนออนไลน์ของ นักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ส่วนที่3 ลักษณะแบบสอบถามแสดงความ คิดเหน็ ปลายเปดิ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม จากน้นั เก็บรวบรวมข้อมลู โดยใชส้ ถิติวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อย ละ,ค่าเฉล่ียและคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนท1่ี ขอ้ มลู ท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ผลการสำรวจปัญหาการเรียนออนไลน์ ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ มี นักศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 66 คน พบว่าเป็นเพศชาย 35 คน คิดเป็นร้อยละ 53.0 เพศหญิงมีจำนวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 47 ในช่วงอายรุ ะหวา่ ง 20-22 ปี จำนวน 41 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 62 อายุ 23-24 ปี จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 38 ระดับชั้นปีการศึกษาที่ 4 จำนวน 66 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 3,000 บาท มีจำนวน 20 คน คิดเปน็ ร้อยละ 30.3 รายได้ 4,000-9,000 บาท มจี ำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 25.8 รายได้ 10,000-20,000 บาท มีจำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 22.7 รายได้ อื่นๆ………………บาท มี จำนวน 14 คน คิดเปน็ ร้อยละ 21.2 ส่วนที่ 2 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏชัยภูมิ คือปัจจัยใด 4 ข้อ ลักษณะแบบสอบถามจะเป็นแบบเลือกคำตอบ 2 คำตอบ คือ ใช่ หรือ ไมใ่ ช่ ผลการสำรวจปัญหาการเรียนออนไลน์ ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ มี นกั ศกึ ษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 66 คน พบวา่ ปจั จัยทก่ี ่อให้เกดิ ปญั หาการเรยี นออนไลน์ ช้ันปที ่ี 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ คือ เน้อื หาการเรียนออนไลน์ไม่ครอบคลุมทั้งหมดของเน้ือหาในรายวิชาท่ีนักศึกษา ไดล้ งทะเบยี นเรียน ผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ว่า ใช่ 56 คน คิดเปน็ ร้อยละ 85 เเสดงความคิดเห็น ว่า ไม่ใช่ 10 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 15 , ไม่มีความรทู้ ีเ่ พยี งพอในการใช้เทคโนโลยี ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความ คิดเห็นว่า ใช่ 51 คน คิดเป็นร้อยละ 77.3 เเสดงความคิดเห็นไม่ใช่ 15 คน คิดเป็นร้อยละ 22.7 , นักศึกษาไม่ ค่อยมีส่วนร่วมในการเรียนในรายวิชา ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นว่า ใช่ 59 คน คิดเป็นร้อยละ ~ 341 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชัยภูมิ 89.4 เเสดงความคิดเหน็ ไมใ่ ช่ 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 10.60 , ไมม่ ีความพรอ้ มดา้ นอุปกรณก์ ารเรียน เชน่ สมาร์ต โฟน , คอมพวิ เตอร์และอินเตอรเ์ นต็ ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นวา่ ใช่ 52 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 78.8 เเสดงความคิดเห็นไม่ใช่ 14 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 21.2 9.ข้อเสนอแนะ 9.1 ขอ้ เสนอแนะการนำผลการวจิ ยั ไปใช้ จากการศึกษาพบว่าปจั จัยท่ีก่อให้เกิดปญั หาการเรียนออนไลน์ของนักศึกษา ชัน้ ปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นั้นมาจากเนื้อหาการเรียนออนไลน์ไม่ครอบคลุมทั้งหมดของเนื้อหาในรายวิชาท่ี นักศึกษาได้ลงทะเบียนเรียน ไม่มีความรู้ที่เพียงพอในการใช้เทคโนโลยี นักศึกษาไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการเรยี น ในรายวิชา ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียน ผู้จัดทำวิจัยจึงได้ทำข้อเสนอแนะเพื่อเป็นประโยชน์ที่ เกีย่ วขอ้ ง 9.2 ข้อเสนอแนะในการวจิ ัยครัง้ ตอ่ ไป 1.ควรจะเหน็ ความสำคัญของเน้ือหาการเรยี นในรายวชิ าท่ีนักศึกษาไดล้ งทะเบียนวา่ ได้เนื้อหา ครบหลักสตู รที่ลงเรียน 2.ควรจะใหน้ กั ศกึ ษามีส่วนร่วมในการเรียนออนไลน์ในวชิ าต่างๆ ด้วยการแสดงความคดิ เหน็ 10.บรรณานุกรม กมลชนก แกว้ ทอง. (ม.ป.ป.). กระบวนการจัดการเรียนการสอน E-learning แบบออนไลน์. (ออนไลน์). แหลง่ ท่มี า : https://sites.google.com/site/kamonchanok561031350/krabwnkar-cadkar-reiyn-kar- sxn-e-learning-baeb-xxnlin. สบื คน้ เมอ่ื วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ถนอมพร เลาหจรสั แสง. (2560:1). ไดใ้ หค้ วามหมายของ การเรยี นแบบออนไลน์. (ออนไลน์). แหล่งท่ีมา : https://banthitablog.wordpress.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0 %B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0 %B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0 %B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5/. วันทสี่ ืบค้นข้อมูล 24 พฤษภาคม 2564 ธนพรรณ ทรัพย์ธนาดล. (ม.ป.ป.) ปจั จัยที่มีผลกระทบต่อการจัดการเรยี นการสอนบทเรยี นออนไลน์ ของ มหาวิทยาลัยราชภฎั นครราชสีมา. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า : ~ 342 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ file:///C:/Users/KITCOM%20SHOP/Downloads/8552-Article%20Text-17259-1-10- 20130514%20(2).pdf. สืบค้นเม่ือวันท่ี 29 พฤษภาคม 2564 ธนัชพร ขวญั ทอง. (ม.ป.ป.). ทฤษฎกี ารเรียนรกู้ าเย่. (ออนไลน์). แหลง่ ทีม่ า : https://sites.google.com/site/rmeannii206/thvsdi-kar-reiyn-ru. สืบคน้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม, 2564 ไพโรจน์ ตรี ณธนากุล, ไพบูลย์ เกียรตโิ กมลและเสกสรรค์ แย้มพินิจ. (2560:11). ไดใ้ ห้ความหมายของ การ เรยี นแบบออนไลน์. (ออนไลน์). แหล่งท่ีมา : file:///C:/Users/KITCOM%20SHOP/Downloads/242473- %E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84 %E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-845510-1-10-20200805%20(1).pdf. วนั ท่สี บื ค้นขอ้ มลู 22 พฤษภาคม 2564 ศุภชยั สุขะนินทร์และกรกนก วงศ์พานชิ . (2559:1). ไดใ้ ห้ความหมายของ การเรียนแบบออนไลน์. (ออนไลน์). แหลง่ ที่มา : https://anywhere.learn.co.th/main/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0 %B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0 %B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0 %B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87/. วันท่ีสบื คน้ ข้อมลู 24 พฤษภาคม 2564 อมรเทพ เทพวิชิต, ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2559:1). ไดใ้ หค้ วามหมายของ การเรียนแบบออนไลน์. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.worathan.co.th/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B 0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94/%E0%B8%81%E0%B8%B 2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81 %E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD %E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C_Und_%E0%B8%84%E0%B 8%B7%E0%B8%AD_Que. วนั ทส่ี บื ค้นข้อมูล 22 พฤษภาคม 2564 อาณัติ รัตนถริ กลุ . (2560:15). ได้ใหค้ วามหมายของ การเรียนแบบออนไลน์. (ออนไลน์). แหลง่ ท่มี า : http://cms.dru.ac.th/jspui/bitstream/123456789/934/6/Unit%202.pdf. วนั ทสี่ ืบค้นข้อมลู 22 พฤษภาคม 2564 ~ 343 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ิ Support Thai Mooc. (ม.ป.ป.) ระบบที่นิยมใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนออนไลนแ์ บบ MOOC. (ออนไลน์). แหลง่ ที่มา : https://support.thaimooc.org/help-center/articles/78/mooc. สบื คน้ เมอื่ วันท่ี 27 พฤษภาคม 2564 Worathan Technology. (ม.ป.ป.). การเรยี นการสอนออนไลน์ คอื ?. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.worathan.co.th/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B 0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94/%E0%B8%81%E0%B8%B 2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81 %E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD %E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C_Und_%E0%B8%84%E0%B 8%B7%E0%B8%AD_Que. สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 26 พฤษภาคม 2564 ~ 344 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ พฤตกิ รรมการไม่คดั เเยกขยะก่อนทิ้ง ของนักศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์ ภาคปกติ ชน้ั ปีการศกึ ษาที่ 1-4 มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ วศิ นา แก้วอุดร (Wissana Kaewoudon) บทคดั ยอ่ งานวิจัยเรื่อง พฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ภาคปกติ ชั้นปี การศกึ ษาท่ี 1-4 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ มีวตั ถุประสงค์เพ่ือ 1.เพือ่ ศกึ ษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการไม่ คัดเเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ภาคปกติ ชั้นปีท่ี1-4มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ 2.เพื่อศึกษา ปัญหาอุปสรรคในการคัดแยกขยะและหาแนวทางแก้ไขพฤติกรรมของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ภาคปกติชั้นปี ที่1-4 มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ โดยศึกษาจากนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ จำนวน 144 คน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ คือเกิดจากความมักง่ายความขี้เกียจของนักศึกษาหรือเกิดจากการเข้าใจผิดคิดว่า ขยะมันจะมาเทรวมกันจึงทำให้เกิดพฤติกรรมความเคยชินในการทิ้งขยะโดยไม่คัดเเยกก่อนทิ้งของนักศึกษา ปัญหาและอุปสรรค ได้เเก่ การไม่รู้จักวิธีคัดแยกขยะคิดว่าขยะจะมาเทรวมกันได้ มีความมักง่ายความเคยชิน จนติดเป็นนิสัย เเนวทางการเเก้ปัญหา คือ ควรกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของการคัดเเยกขยะมากขึ้นเพื่อ ปรับเปลี่ยนความขี้เกียจให้มาเป็นนิสัยและเพื่อช่วยสร้างพฤติกรรมการเเยกขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ย่งั ยนื โดยอาศยั กลไกลทางสังคมทำใหเ้ ห็นว่าทุกคนรว่ มมือร่วมใจกนั เเยกขยะก่อนทิง้ . ~ 345 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ Behavior of not sorting waste before discararding of students of the Faculty of Political Science,regular program,grades1-4, Chaiyaphum Rajabhat University Abstract research on The behavior of not sorting waste before discarding of students of the Faculty of Political Science, normal program, year 1-4Chaiyaphum Rajabhat University aimed at 1. To study the factors affecting the behavior of not sorting garbage before discardingStudent of Faculty of Political Science, Regular Program, Year 1-4, Chaiyaphum Rajabhat University 2. To study the problems and obstacles in waste separation and to find a solution to the behavior of students of the Faculty of Political Science. Regular semester, grades 1-4 Chaiyaphum Rajabhat University by studying from students of the Faculty of Political Science Chaiyaphum Rajabhat University, 144 people. Factors affecting the behavior of not sorting waste before disposing of students of the Faculty of Political Science Chaiyaphum Rajabhat University This is caused by the students' laziness and laziness or the misconception that the garbage will be poured together, thus causing the habitual behavior of the students to throw away the garbage without sorting it before discarding. Problems and obstacles include not knowing how to separate waste, thinking that garbage can be poured together. Has a tendency to become a habit The approach to solving the problem is to encourage more people to recognize the importance of waste sorting in order to change their laziness to become a habit and to help create efficient and sustainable waste separation behavior through mechanisms. Socialization shows that everyone is working together to separate the garbage before throwing it away. ~ 346 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชยั ภูมิ 1. บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา (Statement of the problems) ในปัจจุบันปญั หาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายท่เี กี่ยวข้องได้คำนึงถงึ ความสำคัญและมีความจําเป็น อย่างเร่งด่วนที่จะตอ้ งแก้ไขปญั หา เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึน้ ในทุกระดับตั้งแต่ สุขาภิบาล เทศบาล เมืองใหญ่ จนถงึ ระดบั ประเทศ เนื่องจากปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มมีอทิ ธิพลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของระบบนิเวศน์ สาเหตุของการ เปลี่ยนแปลงมาจากความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการนํา เทคโนโลยใี หม่ๆเข้ามาใช้ในชวี ิตประจำวนั รวมถึงการเพ่ิมข้ึนของจำนวนประชากรจงึ ทำให้เกิดความต้องการใน การใช้ทรพั ยากรมากขึ้นโดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาตซิ ึ่งนับวันจะเหลือน้อยและเส่ือมโทรมลงจนเกิดความไม่ สมดุลของธรรมชาติทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นฝนไม่ตกตามฤดูกาลเกิดภาวะมลพิษต่างๆ เช่น มลพิษทาง อากาศ มลพิษทางกลิ่น นอกจากนี้ยังพบว่าปัญหาขยะมูลฝอยที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจนไม่สามารถกําจัดได้ หมดหรอื กาํ จัดได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ จนกลายเปน็ ปัญหาสำคัญในเขตชุมชนต่างๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะเขต ทีม่ ปี ระชากรอาศยั อยอู่ ย่างหนาแน่น ซ่ึงอาจสง่ ผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวติ และเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพของประชาชนได้ เช่น ทำใหเ้ กิดกลิ่นเน่าเหม็นเกดิ แหล่งเพาะพันธ์ุแมลง และสัตว์ นําโรค เป็นต้น จากปญั หาของขยะมูลฝอยทส่ี ่งผลกระทบต่อประชาชนและส่งิ แวดล้อมโดยเฉพาะในเขตชุมชนเมือง ซึ่งการป้องกันและการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยจะสำเร็จได้หรือไม่นั้น สิ่งที่ควรพิจารณาคือต้นเหตุที่ก่อให้เกิด ขยะมลู ฝอย ได้แก่ ประชาชน นักศึกษาหรือผู้สร้างขยะมูลฝอยนนั่ เอง เพราะพฤติกรรมการทงิ้ ขยะมูลฝอยโดย การไม่แยกประเภทเปน็ ตวั การหน่งึ ท่ีทำใหป้ ริมาณขยะมูลฝอยที่ท้ิงรวมกันในแต่ละวนั มีปริมาณเพิ่มขนึ้ เป็นผล ให้การกําจัดขยะมูลฝอยครั้งสุดท้ายเป็นไปด้วยความล่าช้าและยากลําบาก ซึ่งจากการสอบถามและสังเกต พฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักศึกษา พบว่านักศึกษายังมีการแยกทิ้งขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและยังมีขยะ มูลฝอยทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่ตามบริเวณต่างๆของมหาวิทยาลัยและยังพบเหน็ พฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยที่ไม่ ถูกต้องของนักศึกษาในสถานที่ต่างๆ ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาพฤติกรรมการคัดแยกขยะของนกั ศึกคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรราชภัฏชัยภูมิ เพื่อนําข้อมูลต่างๆที่ได้จากการศึกษามาเป็ นแนวทางในกา ปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมการทงิ้ ขยะมลู ฝอยของนักศึกษาให้มีความถกู ต้องเหมาะสมตอ่ ไป ดังนน้ั ผู้วจิ ัยจึงสนใจทีจ่ ะศึกษาพฤติกรรมการไมค่ ดั เเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ~ 347 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ 2. วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั (Objectives) 1.เพื่อศึกษาปัจจยั ทีส่ ง่ ผลต่อพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะกอ่ นทิ้งของนักศกึ ษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ 2.เพือ่ ศกึ ษาปัญหาอปุ สรรคในการคดั แยกขยะและหาแนวทางแก้ไขพฤติกรรมของนักศึกษาคณะ รัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภูมิ 3. ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั จากการวิจยั (Expected Benefits) ประโยชนเ์ ชงิ วิชาการ 1.ไดท้ ราบถึงพฤตกิ รรมการไม่คดั แยกขยะก่อนท้งิ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ ชยั ภมู ิ 2. ช่วยลดปรมิ าณของขยะที่ต้องนำไปกำจัดแลว้ ยงั สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อกี ดว้ ย ประโยชน์เชงิ นโยบาย 1.สามารถนำผลท่ีไดจ้ ากการวจิ ยั เป็นขอ้ มูลสำหรับนำไปเปน็ แนวทางปรบั ปรงุ และพฒั นาพฤตกิ รรมการ คัดเเยกขยะของนักศึกษาคณะรฐั ศาสตร์มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ิ พัฒนาพฤติกรรมการคัดเเยกขยะเป็น แนวทางปรับปรุงเพอื่ ช่วยลดปริมาณของขยะที่ตอ้ งนำไปกำจดั ใหส้ ามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ของคณะ รัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ 4. สมมตฐิ านของการวิจยั 1. พฤติกรรมการไม่คดั เเยกขยะก่อนท้ิงของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ น่าจะเกิดจากคามมมักง่าย 2. พฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทงิ้ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ นา่ จะเกดิ จากเกิดจากความเคยชนิ 3. พฤตกิ รรมการไมค่ ัดเเยกขยะก่อนทง้ิ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ น่าจะเกดิ จากเกียจครา้ น 4. พฤติกรรมการไม่คดั เเยกขยะก่อนทง้ิ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ น่าจะเกดิ จากเช่อื วา่ ขยะจะมาเทรวมกัน 5. พฤติกรรมการไมค่ ดั เเยกขยะก่อนทิง้ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภูมิ นา่ จะเกิดจากไม่รู้จกั วิธคี ดั แยก ~ 348 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชัยภมู ิ 5. ขอบเขตของการวจิ ัย (Scope of the research) การวจิ ัยครงั้ น้ีเปน็ การศึกษาค้นควา้ พฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทิง้ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ ผวู้ จิ ยั ไดก้ ำหนดขอบเขตการวจิ ัย ดังนี้ ขอบเขตด้านเนอ้ื หา ในการวิจยั คร้งั นผี้ วู้ ิจยั จะศึกษาเกี่ยวกับพฤตกิ รรมการไม่คัดแยกขยะก่อนทิ้งของนกั ศึกษาและปจั จยั ตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับพฤตกรรมในการคัดแยกขยะกอ่ นทง้ิ ลงในภาชนะรองรับขยะมูลฝอยไดแ้ ก่ ความรใู้ นการ คัดแยกขยะและการท้งิ ขยะ เจตคตติ อ่ การคดั แยกและทิ้งขยะ และพฤติกรรมทีแ่ สดงออกถึงความใส่ใจ ใสใ่ จ บ้าง หรือไม่ใสใ่ จทจี่ ะแยกขยะก่อนท้ิงหรือนำขยะมูลฝอยทุกประเภททง้ิ รวมกนั ขอบเขตดา้ นพืน้ ท่ี การศึกษาวิจยั คร้งั นเี้ ป็นการศึกษาเก่ยี วกับพฤตกิ รรมการไม่คดั แยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชยั ภูมิเฉพาะทต่ี กึ คณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ ขอบเขตด้านระยะเวลา ในการวจิ ยั ครง้ั น้ี ผู้วจิ ัยได้ดาเนนิ การเก็บขอ้ มลู ในช่วง เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2563 ถงึ เดอื น มกราคม พ.ศ. 2564 ซง่ึ รวมระยะเวลาทั้งสน้ิ 3 เดือน 6. วิธกี ารดำเนินการวจิ ยั รูปแบบการวิจัย วธิ กี ารดำเนินการวิจยั เรอื่ ง พฤตกิ รรมการไม่คดั เเยกขยะก่อนท้ิงของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชัยภมู ิ โดยมีขน้ั ตอนวิธกี ารดำเนินงานวิจัย ดงั ต่อไปนี้ การกำหนดประชากรและการเลอื กตัวอย่าง ประชากรในการศึกษากลุ่มตวั อยา่ งในครัง้ น้ี คือ นักศึกษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภูมิ จำนวน 222 คน ใช้กลุ่มตัวอยา่ ง จากจานวนประชากร 222 คน ใชจ้ านวนกลุ่มตวั อย่าง 144 คน โดยใช้การสุ่ม ตัวอยา่ งแบบตามสะดวกโดยใช้การกาหนดขนาดกล่มุ ตวั อย่างของเคร็ชชแี่ ละมอร์แกน (Krejcie.And Morgan) ~ 349 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ขอ้ มลู ท่ีใช้ในการวิจยั เครอื่ งมือที่ใช้ในการวจิ ัยครงั้ นี้เป็นแบบสัมภาษณ์ (Semi-Structured Lnterview) โดยผู้วิจยั สรา้ ง ขึน้ เพื่อศึกษาเอกสารและวจิ ัยท่เี กย่ี วข้องและได้กำหนดคำถามใหก้ ับประชากรกลุ่มตวั อย่างแลว้ เปิดโอกาสให้ ผู้ตอบสัมภาษณ์ได้อยา่ งเสรีเพ่ือให้ไดร้ บั ทราบข้อมลู ตา่ งๆท่เี กีย่ วขอ้ งกับงานวจิ ยั ต้องการแบบสมั ภาษณเ์ ป็น ลกั ษณะแบบสัมภาษณป์ ลายเปดิ แบ่งออกเปน็ 3 ส่วนดงั นี้ สว่ นที่ 1. ข้อมูลทวั่ ไปของผูใ้ ห้สมั ภาษณ์ สว่ นที่ 2. ปัจจยั ท่ีก่อใหเ้ กิดพฤติกรรมการไม่คดั เเยกขยะก่อนท้ิงของนักศึกษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภมู ิ สว่ นที่ 3. ขอ้ เสนอแนะและข้อคิดเพิม่ เติม การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผู้วจิ ัยดำเนนิ งานดงั น้ี 1. ผู้วจิ ัยทำแบบสอบถาม ไปสอบถามกลุ่มตวั อย่าง จำนวน 144 ชดุ 2. ขอความร่วมมือจากนักศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์ ในการทำแบบสอบถาม ~ 350 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ 3. นำแบบสอบถามทง้ั หมดมาคำนวณ โดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปเพ่ือสถิตกิ ารวจิ ยั การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผู้วิจยั ได้วิเคราะหค์ วามถีแ่ ละค่าร้อยละโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู เพอื่ สถติ ิการวิจัย ดงั น้ี 1. สถานภาพทัว่ ไปได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับชั้นปี และรายได้ 2. พฤติกรรมการไมค่ ัดเเยกขยะก่อนทงิ้ ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ ระยะเวลาในการเก็บขอ้ มลู ผวู้ ิจัยได้เรมิ่ ทำการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ต้งั แต่ พฤษภาคม - มิถุนายน 2564 ดว้ ยตนเอง 7. สรุปผลการวจิ ยั และวตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั 1.ปจั จัยที่สง่ ผลตอ่ พฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะกอ่ นทิง้ ของนกั ศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราช ภฏั ชยั ภมู คิ อื เกิดจากความมักง่ายความขี้เกียจของนักศกึ ษาหรอื เกิดจากการเขา้ ใจผดิ คิดวา่ ขยะมันจะมาเท รวมกนั จึงทำใหเ้ กดิ พฤติกรรมความเคยชินในการทิง้ ขยะโดยไมค่ ดั เเยกก่อนทิ้งของนักศึกษา 2.ปัญหาและอปุ สรรคในการคัดขยะแนวทางการเเก้ไขปญั หาพฤตกิ รรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนท้งิ ของ นกั ศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์ ภาคปกติ ช้นั ปที ่ี1-4 มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ -ปญั หาและอุปสรรค ไดเ้ เก่ การไมร่ จู้ ักวธิ ีคดั แยกขยะคิดวา่ ขยะจะมาเทรวมกันได้ มีความมักง่ายความเคย ชินจนตดิ เปฌนนสิ ัย -เเนวทางการเเกป้ ัญหา คือควรกระตุ้นใหค้ นเหน็ ความสำคัญของการคดั เเยกขยะมากข้นึ เพอ่ื ปรบั เปลีย่ นความข้เี กยี จให้มาเปน็ นิสัยและเพอ่ื ชว่ ยสร้างพฤติกรรมการเเยกขยะไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ และยัง่ ยืนโดยอาศยั กลไกลทางสังคมทำให้เห็นว่าทกุ คนรว่ มมือรว่ มใจกนั เเยกขยะก่อนทิง้ สรุปผลการวจิ ยั ตามสมมติฐาน สมมติฐานข้อท่ี 1 ปจั จยั ท่ีก่อให้เกิดพฤตกิ รรมการไมค่ ัดเเยกขยะก่อนทิง้ นา่ จะเกดิ จากความมกั ง่าย ของนักศึกษา เเสดงความคดิ เห็น ใช่ 132 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 91.7 เปอร์เซ็นต์ เเสดงความคดิ เหน็ ไม่ใช่ 12 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 8.3 เปอรเ์ ซ็นต์ ดังนัน้ เปน็ ไปตามสมมติฐาน สมมติฐานขอ้ ที่ 2 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทง้ิ น่าจะเกิดจากความเคยชิน ของนักศึกษา แสดงความคดิ เหน็ ใช่ 124 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 86.1 เปอร์เซ็นต์ เเสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ 20 คน คิดเปน็ ร้อยละ 13.9 เปอร์เซ็นต์ ดังนน้ั เป็นไปตามสมมติฐาน ~ 351 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชยั ภมู ิ สมมติฐานขอ้ ที่ 3 ปัจจัยท่กี ่อใหเ้ กิดพฤตกิ รรมการไมค่ ดั เเยกขยะก่อนท้ิงน่าจะเกิดจากความเกยี จ ครา้ นของนักศกึ ษา เเสดงความคดิ เห็น ใช่ 140 คน คิดเป็นร้อยละ 97.2 เปอรเ์ ซ็นต์ แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2.8 เปอร์เซ็นต์ ดังน้นั เป็นไปตามสมมติฐาน สมมติฐานขอ้ ที่ 4 ปัจจยั ที่ก่อให้เกดิ พฤติกรรมการไมค่ ดั เเยกขยะก่อนท้งิ นา่ จะเกิดจากการเขา้ ใจ เชื่อแบบผิดวา่ ขยะจะมาเทรวมกันเเสดงความคิดเห็นว่าใช่104คนคิดเป็นรอ้ ยละ72.2เปอรเ์ ซ็นตแ์ สดงความ คิดเห็นวา่ ไมใ่ ช่40 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 27.8 เปอร์เซน็ ต์ ดงั นั้น เปน็ ไปตามสมมติฐาน สมมติฐานข้อที่ 5 ปัจจยั ทกี่ ่อให้เกิดพฤติกรรมการไมค่ ดั แยกขยะกอ่ นทิ้งน่าจะเกดิ จากการไมร่ ู้วธิ ี คดั แยกแสดงความคิดเห็น ใช่ 133 คนคิดเปน็ ร้อยละ 92.3 เปอรเ์ ซ็นต์ เเสดงความคดิ เห็น ไมใ่ ช่ 11 คนคิดเปน็ ร้อยละ 7.7 เปอร์เซน็ ต์ ดังน้ัน เปน็ ไปตามสมมติฐาน สรุปดังนั้น ปัจจัยที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภมู ิ เกิดจาก 1. ความมักงา่ ย 2. ความเคยชิน 3. เกยี จคร้าน 4. เช่ือวา่ ขยะจะมาเทรวมกัน 5. ไมร่ จู้ กั วิธคี ัดแยก 8. อธปิ รายผลการวิจัย ผลของการวจิ ยั เรื่อง พฤตกิ รรมการไมค่ ดั เเยกขยะก่อนท้ิงของนักศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ิ มีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาปจั จยั ทส่ี ่งผลต่อพฤตกิ รรมการไม่คดั เเยกขยะกอ่ นท้งิ ของนกั ศึกษาคณะ รัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมแิ ละเพื่อศึกษาปญั หาอุปสรรคในการคดั แยกขยะและหาแนวทางแกไ้ ข พฤติกรรมของนกั ศกึ ษาคณะรัฐศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ิ กลุ่มเปา้ หมายที่ใช้ในการทำวจิ ยั ครัง้ น้ีคอื นักศกึ ษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ จำนวน 144 คนเครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลจะเป็นแบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับการประเมินปัญหาปัจจยั ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรม การไม่คัดเเยกขยะก่อนทิ้ง ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ จำนวน 1 ฉบับ แบ่ง ออกเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมการไม่ คดั เเยกขยะกอ่ นทิง้ ของนกั ศกึ ษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ คือปัจจยั ใด ใช่หรอื ไม่ใช่ ตอนท่ี 3 ~ 352 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ ลักษณะแบบสอบถามเเสดงความคดิ เห็นปลายเปิดและข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ สถติ วิ ิเคราะหข์ ้อมลู ได้เเก่ คา่ รอ้ ยละ,คา่ เฉลย่ี และค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ผลการสำรวจการมีสว่ นร่วม ของนักศกึ ษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภมู ิ นกั ศึกษา ประชากรกลุ่มตวั อย่าง จำนวน 144 คน พบวา่ เป็น เพศชาย 74 คน คิดเปน็ ร้อยละ 52.0 เพศหญงิ 69 คน คิด เปน็ ร้อยละ 48.0 ในช่วงอายรุ ะหวา่ ง 18-19 ปี จาํ นวน 40 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 28.0,อายุระหว่าง20-21 ปี จาํ นวน 48 คน คิดเปน็ ร้อยละ 33.3, อายุระหว่าง 22-23 ปี จํานวน 44 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 30.5 , อายุตง้ั แต่ 24 ปีขนึ้ ไป จํานวน 12 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 33.3 นกั ศึกษาช้นั ปที ่ี1 จำนวน 41 คน คดิ เป็นร้อยละ 28.4,นักศึกษาชั้นปี ท2่ี จำนวน 42 คน คิดเป็นร้อยละ 29.1 , นกั ศกึ ษาช้นั ปที ่ี3 จำนวน 31 คน คดิ เป็นร้อยละ 21.0 , นกั ศกึ ษาชนั้ ปที 4่ี จำนวน 29 คน คดิ เป็นร้อยละ 21.0 สถานภาพสมรส โสด จำนวน 140 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 97.2 , สมรส จำนวน 4 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 2.8 , หย่ารา้ ง ไม่มรี ายไดต้ ่ำกวา่ 5,000 บาท มจี ำนวน 36 คน คดิ เปน็ รอ้ ย ละ 25.0 เปอรเ์ ซน็ ต์ , รายได้ 6,000-10,000 บาท มจี ำนวน 49 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 34.0 เปอร์เซ็นต์ รายได้ 10,001-20,000 บาท มจี ำนวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 21.0 เปอร์เซ็นต์รายได้ อน่ื ๆ………………บาท มีจำนวน 29 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 20.0 เปอรเ์ ซน็ ต์ ส่วนที่ 2 ปจั จัยท่กี ่อให้เกิดพฤตกิ รรมการไมค่ ัดเเยกขยะกอ่ นท้ิงของนกั ศึกษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ ผลการสำรวจการมสี ่วนร่วม ของนกั ศกึ ษาคณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชยั ภมู ิ นกั ศกึ ษา ประชากรกลุ่มตวั อย่าง จำนวน 144 คน พบวา่ ปจั จยั ทก่ี ่อให้เกิดพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทงิ้ เกิดจาก ความมกั ง่ายของนักศึกษา เเสดงความคิดเหน็ ใช่ 132 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 91.7 เปอรเ์ ซ็นต์ เเสดงความคดิ เห็น ไม่ใช่ 12 คน คดิ เป็นร้อยละ 8.3 เปอร์เซ็นต์ , พฤติกรรมการไมค่ ัดเเยกขยะกอ่ นทงิ้ เกดิ จากความเคยชนิ แสดง ความคดิ เหน็ ใช่ 124 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 86.1 เปอรเ์ ซน็ ต์ เเสดงความคดิ เหน็ ไมใ่ ช่ 20 คนคดิ เป็นร้อยละ 13.9 เปอรเ์ ซ็นต์ , พฤติกรรมการไมค่ ัดเเยกขยะก่อนทง้ิ เกิดจากความเกียจครา้ น เเสดงความคดิ เห็น ใช่ 140 คน คิด เปน็ ร้อยละ 97.2 เปอรเ์ ซน็ ต์ แสดงความคิดเห็น ไมใ่ ช่ 4 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 2.8 เปอรเ์ ซ็นต์ , พฤตกิ รรมการไม่ คดั เเยกขยะกอ่ นทิ้งเข้าใจเช่อื แบบผิดๆว่าขยะจะมาเทรวมกนั เเสดงความคิดเห็นวา่ ใช่ 104 คน คดิ เป็นร้อยละ 72.2 เปอรเ์ ซน็ ต์ แสเงความคิดเหน็ วา่ ไมใ่ ช่ 40 คน คิดเป็นร้อยละ 27.8 เปอร์เซน็ ต์ ,พฤติกรรมการไมค่ ดั แยก ขยะก่อนทิ้งเกิดจากการไมร่ ู้วิธีคัดแยก เเสดงความคิดเห็น ใช่ 133 คนคดิ เปน็ ร้อยละ 92.3 เปอรเ์ ซน็ ต์ เเสดง ความคดิ เห็น ไม่ใช่ 11 คนคิดเปน็ ร้อยละ 7.7 เปอรเ์ ซ็นต์ ~ 353 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชยั ภูมิ 9. ขอ้ เสนอแนะข้อคดิ เห็นเพม่ิ เติม จากการศึกษาเรื่องพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏชัยภูมิ พบว่า ถ้าพวกเราทุกคนช่วยกันคัดเเยกขยะก่อนทิ้งทิ้งอย่างถูกวิธีจนกลายเป็นส่วนหนึ่งใน ชวี ติ ประจำวนั นอกจากจะชว่ ยสรา้ งจติ สำนกึ และความรบั ผิดชอบที่ดใี นการทิง้ ขยะแลว้ ยังกอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ ในหลายๆดา้ น คอื 1.ชว่ ยลดปริมาณขยะ 2.ประหยัดงบประมาณท่ใี ช้ในการกำจดั ขยะ 3. สามารถนำวัสดุหมนุ เวียนกลับมาใช้ใหม่ 4.ลดการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ 5.ช่วยรักษาสิง่ แวดล้อม หากขยะมปี ริมาณลดนอ้ ยลง 9.1 ข้อเสนอแนะในการทำวิจยั คร้งั ต่อไป จากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมการไม่คัดเเยกขยะก่อนทิ้งของนักศึกษาคณะ รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นั้นมากจากความขี้เกียจเกียจคร้านของนักศึกษาจนทำให้เกิดเป็นความ เคยชนิ และนกั ศกึ ษาส่วนมากไม่ร้จู ักวธิ ีคดั แยกคดิ ว่าขยะจะมาเทรวมกนั ผู้จดั ทำวจิ ยั จึงไดข้ ้อเสนอแนะเพื่อเป็น ประโยชนท์ ่เี ก่ยี วข้องดังนี้ 1.ควรกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของการคัดเเยกขยะมากขึน้ เพ่ือปรับเปล่ียนความข้ีเกียจให้มาเปน็ นิสัยและเพื่อช่วยสร้างพฤติกรรมการเเยกขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนโดยอาศั ยกลไกลทางสังคมทำ ใหเ้ หน็ ว่าทกุ คนร่วมมอื รว่ มใจกนั เเยกขยะก่อนทงิ้ 2.ทกุ คนสามารถเปน็ สว่ นหนึ่งในการชว่ ยลดปริมาณขยะได้งา่ ยๆ ดว้ ยตวั เองโดยการเเยกประเภทของ ขยะกอ่ นนำไปทิง้ ในถังขยะสาธารณะทุกครง้ั เพื่อใหเ้ กดิ ความสะดวกต่อการคัดเเยกขยะ บรรณานุกรม กรมสง่ เสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม.2559. การอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม พมิ พ์ครั้งท6ี .กรุงเทพฯ:โรงพมิ พ์ ดอกเบ้ีย. กองอนามัยส่ิงแวดล้อม .2559. พระราชบัญญัตสิ าธารณสุข พ .ศ. 2559.กรงุ เทพมหานคร : สำนกั อนามัย. จตพุ ร บุนนาค .2559.วิศวกรรมการจดั การมูลฝอยชุมชน. กรงุ เทพฯ:สำนักพมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. ระเบยี บ ชาญช่าง .2560. ศกึ ษาการแบ่งประเภทของขยะมูลฝอย . กรงุ เทพมหานคร : วทิ ยานิพนธ์ ~ 354 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชยั ภูมิ ปริญญาโทมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. ชลธิชา ตัง้ อน้ั .2560. ความคดิ เหน็ ของนายกเทศมนตรแี ละปลัดเทศบาลต่อการจัดการขยะมูลฝอยภายใน เขตเทศบาล . กรงุ เทพมหานคร : วทิ ยานิพนธ์ปริญญาโท , สถาบันบณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์. ทวีสิทธ์ิ สทิ ธกิ ร.2559. ความรู้ท่วั ไปเก่ียวการแยกมูลฝอยและการจดั การมูลฝอยทแี่ ยกแล้วในแหล่ง กำเนิดต่างๆในเขตเทศบาลเชยี งใหม่.กรุงเทพมหานคร:วทิ ยานพิ นธ์ปริญญาโท,มหาวิทยาลัย เชยี งใหม่. ประภาเพ็ญ สุวรรณ .2561.ปัจจยั ทางสังคมและจติ วทิ ยาที่มีต่อพฤติกรรมการแยกท้ิงขยะในเขต กรุงเทพมหานคร.กรงุ เทพมหานคร :วิทยานิพนธป์ รญิ ญาโท ,มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล พชิ ติ สกลุ พราหมณ.2559. พฤติกรรมการจัดการขยะมูลฝอยในครวั เรือนของประชาชนที่อาศัยใน ปัตตานี.กรงุ เทพมหานคร : วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาโท มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. วิภาเพญ็ เจียรสกุล.2559.พฤติกรรมการจัดการมลู ฝอยของประชาชนในเขตพนื้ ที่ชัน้ กลาง. กรุงเทพมหานคร: วทิ ยานิพนธ์ปริญญาโท,มหาวิทยาลยั มหดิ ล. สํานกั คณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแหง่ ชาติ .2651. การคดั แยกประเภทขยะมลู ฝอยก่อนกาจัดครงั้ สุดทา้ ยเพ่ื นำไปใชป้ ระโยชน์ ณ โรงงานกาจัดมูลฝอยออ่ นนุช. กรุงเทพมหานคร : วิทยานพิ นธป์ ริญญา โท , สถาบนั บณั ฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. สิทธโิ ชค วรานสุ นั ตกิ ุล .2561.ชนดิ และปรมิ าณขยะและพฤตกิ รรมการท้ิงขยะของนกั ทอ่ งเท่ียวและผู้ ประกอบการในอุทยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่ . วิทยานิพนธป์ รญิ ญาโท , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. Jagdish C. Kuniyal, Arum P. Jain and Ardhndu S. Shannigrahi.2017. “ Solid Waste Managementin Indain Himalayan Tourist” Treks: a case study in and around the Valley of Flowers an Hemkund Sahib.” Waste Management.Volumr 23,Issue 9:807-816. Thaniya Kaosol .2017.“Sustainable Solution for Municipal Solid Waste Management in Thailand.” World Academy of Science, Engineering and Technology.60:665-670. ~ 355 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะมลู ฝอยของชมุ ชนบ้านสีมาทอง ตำบลบา้ นแท่น อำเภอบา้ นแทน่ จังหวัดชัยภมู ิ นพรัตน์ วงค์คำจนั ทร์ (Noppharat Wongkhamjan) บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ1.เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมในการจัดการ ขยะมูลฝอยของประชาชน 2.เพื่อศึกษาปัญหาในการจัดการขยะ และหาแนวทางแก้ไขจัดการขยะมูลฝอย ใน ชุมชนบา้ นสมี าทอง กลุม่ ตวั อย่างทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย ได้แก่ ประชาชนในชมุ ชนบา้ นสีมาทอง จำนวน 152 ครัวเรือน ใช้วิธีการให้หัวหน้าครัวเรือนหรือสมาชิกในครัวเรือนตอบแบบสอบถามครัวเรือนละ 1 ฉบับ การวิเคราะห์ ข้อมูลจะใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติที่ใช้ในการประมวลผลของข้อมูล โดยการหาร้อยละและ ค่าเฉลี่ย คา่ เบย่ี งเบน มาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนบ้านสีมา ทอง โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณารายดา้ น พบวา่ ความคดิ เห็นเกี่ยวกบั การจดั การขยะ ด้านการรบั รู้ ข่าวสาร ด้านความรู้ความเข้าใจในการจัดการมูลฝอย ด้านความตระหนักต่อการจัดการขยะมูลฝอย ความ คิดเห็นเกี่ยวกับขยะ เมื่อนำมาทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยภายนอกทั้ง 4 ด้านนั้น ส่งผลต่อการมีส่วนร่วม ของประชาชนในชุมชนบา้ นสีมาทองในการจัดการขยะมลู ฝอย ~ 356 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ Public Participation in Solid Waste Management of Ban Sima Thong Community, Ban Thaen Sub-district, Ban Thaen District Chaiyaphum Province Abstract this research The objectives are: 1. to study the factors affecting the participation of people in solid waste management; and find solutions to manage solid waste in Ban Sima Thong community The samples used in the research were 152 households in Ban Simathong community. The method used to ask the head of the household or members of the household to answer one questionnaire per household. A ready-made statistical computer used in the processing of data. by finding the percentage and mean, standard deviation The results showed that the level of people's participation in solid waste management in Ban Simathong community. Overall, it is moderate. Considering each aspect, it was found that opinions about waste management news perception Knowledge and understanding of solid waste management Awareness of solid waste management reviews about garbage When used to test the hypothesis, it was found that all 4 external factors affected the participation of the people in the Ban Sima Thong community in solid waste management. ~ 357 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ 1. บทนำ การท้ิงขยะมลู ฝอยและสิ่งปฏิกูลเรี่ยราดไมเ่ ปน็ ท่ีเปน็ ทาง ไมเ่ ปน็ เวลาและในสถานท่ีที่ไม่เหมาะสมทำ ความสกปรกทำลายภูมิทัศน์ อาทิเช่น กิ่งไม้ ใบไม้แห้ง เศษขยะมูลฝอยต่างๆถูกทิ้งตามสถานที่ต่างๆ ภายใน หมู่บ้าน ซึ่งทำให้หมู่บ้านขาดความสวยงามและรวมถึงมลพิษใน อากาศที่เกิดจากการเผากองขยะมูลฝอย ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนบ้านสีมาทอง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่ารูปแบบการดำเนินชีวิตตาม เศรษฐกิจพอเพียงและภูมิปัญญาเริ่มสูญหายไป เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงท ำให้ สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปเกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น การจัดเก็บขยะมูลฝอยจากครัวเรือน สภาพที่ สาธารณประโยชน์กเ็ ป็นเหมือนท่ีทิ้งขยะ เน่อื งจากประชาชนทิ้งขยะมูลฝอย เชน่ เศษอาหาร ถุงพลาสติก ซาก สัตว์ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก ฯลฯ ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนในชุมชนโดยตรง ซึ่งการทำของ ประชากรในชุมชนทำให้มีกลิ่นเหม็นบางทีก็ก่อให้เกิดไฟไหม้ โดยรวมเปรียบเหมือนกับการทำลายทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม ด้วยปัญหาดังกล่าวมาข้างต้นมีสาเหตุ หลักมาจากการเก็บขนขยะมูลฝอยและการกำจัดขยะ มูลฝอยไม่ถูกหลักสุขาภิบาลและถูกสุขลักษณะ ประชาชนทั่วไปขาดจิตสำนึก ความรู้ ความเข้าใจ ความ ตระหนักและวินัยในการรักษาความสะอาด และ รักษาสภาพแวดล้อมรวมถึงภายในครัวเรือนและประชาชน ทวั่ ไปขาดการบรหิ ารจดั การในการจัดการ เกีย่ วกบั ขยะมูลฝอยและกระบวนการการจดั การท่ีถูกต้อง จากสภาพปญั หาท่เี กิดขึ้นทำให้ผวู้ จิ ัยสนใจทีจ่ ะดำเนนิ การศึกษาแนวทางท่ีทำให้ชมุ ชนบ้านสีมาทอง มี การจัดการขยะมูลฝอยของชุมชน โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย รวมทั้งศึกษาการมีส่วน ร่วมของประชาชนในการจัดการขยะมูลฝอยของบ้านสมี าทอง ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้ไดข้ ้อมลู นำมาใช้เป็นแนวทางในการจดั การขยะมลู ฝอยของชมุ ชน 2. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพื่อศึกษาปัจจยั ท่ีส่งผลกระทบต่อการมสี ่วนรว่ มในการจัดการขยะมูลฝอยของประชาชน 2. เพอื่ ศึกษาปญั หาในการจัดการขยะ และหาแนวทางแก้ไข 3. ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ ในการศึกษาครั้งนี้คาดว่าจะได้รบั ประโยชนจ์ ากการศึกษาในด้านตา่ งๆดงั นี้ 1 ประโยชนเ์ ชิงวิชาการ 1.1 ทำใหท้ ราบถึงผลกระทบต่อการมีสว่ นร่วมในการจดั การขยะมูลฝอยของประชาชน 2.1 ทำใหท้ ราบถึงการจดั การขยะของประชาชน และวิธีการแก้ไข ~ 358 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชยั ภูมิ 2 ประโยชน์เชิงนโยบาย 2.1 ข้อมลู ที่ได้จากการศึกษาจะเปน็ ประโยชนก์ ับชุมชนบา้ นสีมาทอง เพื่อใช้ในการ ประกอบการวาง แผนการรณรงค์หรอื ปฏบิ ัติโครงการต่างๆ ใหส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการของชมุ ชน 4. สมมตุ ิฐานในการวจิ ัย 1. ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การจัดการขยะมูลฝอยมีผลต่อการมีสว่ นร่วมของประชาชน 2. ความตระหนกั เกย่ี วกับการจดั การขยะมูลฝอยมีผลตอ่ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน 3. การรบั รูข้ า่ วสารเกย่ี วกบั การจดั การขยะมลู ฝอยมีผลตอ่ การมีสว่ นร่วมของประชาชน 4.การเป็นสมาชิกกลุ่มเกี่ยวกับการจดั การขยะมลู ฝอยมีผลต่อการมสี ่วนรว่ มของประชาชน 5. ขอบเขตของการวิจยั การวิจัยครงั้ นมี้ ขี อบเขตการวิจยั ประเดน็ ตา่ งๆ ดังน้ี 1. ขอบเขตดา้ นเวลา การวจิ ัยครงั้ นด้ี ำเนนิ การระหว่างเดอื น พฤษภาคม 2564 - มิถนุ ายน 2564 2. ขอบเขตดา้ นเน้ือหา 1.พฤตกิ รรมการจดั การขยะมูลฝอยของครวั เรอื น 2.ปัญหาที่เกิดจากจักการขยะมลู ฝอยของครัวเรอื น 3. ขอบเขตด้านพ้ืนท่ี การวจิ ัยครั้งนี้มุง่ การทำการศึกษาครวั เรือนของประชาชนในชมุ ชนบา้ นสมี าทอง ตำบลบ้าน แทน่ อำเภอบ้านแทน่ จงั หวัดชยั ภมู ิ 4. ขอบเขตดา้ นประชากร ในการวจิ ัยครัง้ น้ีไดก้ ำหนดประชากรในการทำวิจัยประกอบดว้ ยครัวเรอื นประชาชน ชมุ ชน บ้านสมี าทอง ตำบลบา้ นแท่น อำเภอบา้ นแท่น จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งมที งั้ หมด 152 ครวั เรอื น 6. วธิ ดี ำเนนิ การวิจัย 1. ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง คอื ประชาชนหวั หน้าครวั เรอื นหรือสมาชิกครัวเรือน ในชุมชนบ้านสมี า ทอง ตำบลบ้านแทน่ อำเภอบ้านแท่น จงั หวัดชยั ภูมิ จำนวน 152 คน จากจำนวน 152 ครัวเรอื น ~ 359 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ 2. กลุ่มตัวอยา่ งท่ีใช้ในการวิจัย หวั หน้าครัวเรือนหรอื สมาชิกครวั เรอื นในชมุ ชนบ้านสีมาทอง ครวั เรือนละ 1ฉบับ 3. เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี คือ แบบสอบถาม (Questionnaire) วัตถปุ ระสงคเ์ พื่อใช้ เป็น เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมลู เพ่ือสนับสนนุ การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ โดยผ้วู ิจยั ไดใ้ ช้แบบสอบถาม โดยแบง่ เปน็ 3 ตอนดังน้ี ตอนที่ 1. แบบสอบถามเก่ยี วกบั ข้อมลู พน้ื ฐานทวั่ ไป ประกอบด้วย เพศ อายุ การศึกษา อาชพี ตอนที่ 2. แบบสอบถามลักษณะปลายปิดและปลายเปิดเก่ียวกับปจั จยั ท่ีส่งผลต่อการมีสว่ นรว่ มใน การจดั การขยะมูลฝอยของชุมชน ตอนท่ี 3. ข้อเสนอแนะและข้อคดิ เห็นเพ่มิ เติม 4.การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มตัวอย่างครัวเรือนซึ่งให้หัวหน้าครัวเรือนหรือสมาชิกในครัวเรือนเป็น ผู้ตอบแบบสอบถามครัวเรือนละ 1 ฉบับ ผู้วิจัยได้ประสานงานการผู้ใหญ่บ้าน บ้านสีมาทอง เพื่อขอความ อนุเคราะหใ์ ห้เกบ็ รวบรวมข้อมูลจากครวั เรือนกลุ่มตัวอย่างตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ ซ่ึงได้รับความร่วมมือเป็น อย่างดีย่งิ ทำใหไ้ ดข้ อ้ มลู กลุ่มตัวอย่างครัวเรือนมาทำการศึกษาครบถว้ นตามจำนวนที่กำหนด 2. รวบรวมแบบสอบถาม นาขอ้ มูลท่ีไดม้ าตรวจสอบความถูกตอ้ งสมบูรณ์ ก่อนนาไปวิเคราะห์ ดว้ ยวธิ ีทางสถติ ิ 5.การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิตทิ ่ใี ช้ ข้อมูลเชิงปริมาณจากแบบสอบถามทั้งหมด ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์โดยใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรม สำเร็จรูป ทั้งนี้สถิติที่ใช้ในการประมวลผล ประกอบด้วย จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบายงเบนมาตรฐาน ในส่วนของแบบสอบถามปลายเปิดนำขอ้ มูลมาวิเคราะหเ์ นื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพนี้ ผู้วิจัยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (content validity) โดยนำ ข้อมูลจากการบันทึกขณะสัมภาษณ์ (Field notes) มาวิเคราะห์ โดยการจัดกลุ่มข้อมูลเชื่อมโยงแนวคิด หา ความหมายและหาขอ้ สรุปและนำไปอธบิ ายเสริมขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณให้มคี วามละเอยี ดลกึ ซึ้งชัดเจนยิ่งขน้ึ 7. สรปุ ผลการวิจัย ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบคุ คลท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 1 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลทางประชากรศาสตร์ ~ 360 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ จาการวเิ คราะห์ข้อมลู ทางประชากรศาสตร์ของผตู้ อบแบบสอบถาม จำนวน 152 ตัวอย่าง พบว่าผ้ตู อบ แบบสอบถามสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญงิ อยู่ในช่วงอายุ 30-50ปี และส่วนใหญ่มกี ารศกึ ษาในระดับประถมศกึ ษา ตอนปลาย ตอนที่ 2 ท่านคิดวา่ ปจั จยั ท่ีมีผลต่อการมีสว่ นร่วมในการจดั การขยะมูลฝอยของประชาชนได้แกป่ จั จยั ใด ผลการวเิ คราะหค์ วามคดิ เห็นถึงปัจจยั ท่มี ผี ลต่อการมีสว่ นรว่ มในการจัดการขยะมลู ฝอยของประชาชน ชุมชนบ้านสีมาทอง ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับ ปัจจยั ท่ีมผี ลต่อการมีสว่ นร่วมในการจัดการขยะมลู ฝอยของประชาชนมีความคดิ เห็นโดยแยกพิจารณาในแต่ละ ด้านปรากฏผลดงั นี้ สมมติฐานการวจิ ัย สมมตฐิ านขอ้ ท่ี1 ปจั จยั ที่มผี ลต่อการมีส่วนร่วมในการจดั การขยะมูลฝอยของประชาชน น่าจะเกิดจาก การรบั รูข้ อ้ มลู ข่าวสาร แสดงคำคิดเหน็ วา่ ใช่ 132คน ไม่ใช่ 20คน สมมติฐานขอ้ ที่2 ปจั จัยท่ีมีผลต่อการมสี ่วนร่วมในการจดั การขยะมลู ฝอยของประชาชน น่าจะเกดิ จาก ความรู้ความเข้าใจในการจดั การมลู ฝอย แสดงคำคิดเหน็ ว่าใช่ 152คน ไม่ใช่ 0คน สมมติฐานขอ้ ท่ี3 ปัจจัยท่ีมผี ลตอ่ การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การขยะมลู ฝอยของประชาชน นา่ จะเกดิ จาก ความตระหนักตอ่ การจดั การมูลฝอย แสดงคำคิดเหน็ วา่ ใช่ 140คน ไมใ่ ช่ 12คน สมมติฐานข้อท่4ี ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การมีส่วนร่วมในการจดั การขยะมลู ฝอยของประชาชน น่าจะเกิดจาก การเป็น สมาชิกกลุม่ แสดงคำคดิ เหน็ ว่าใช่ 110คน ไมใ่ ช่ 42คน ดังน้นั ปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ การมสี ว่ นร่วมในการจัดการขยะมลู ฝอยของประชาชนชมุ ชนบา้ นสีมาทอง ตำบล บ้านแท่น อำเภอบา้ นแท่น จังหวดั ชัยภูมิ เกดิ จาก 1. การรบั รู้ขอ้ มลู ข่าวสาร 2. ความรู้ความเข้าใจในการจัดการมลู ฝอย 3. ความตระหนักต่อการจัดการมลู ฝอย 4. การเปน็ สมาชกิ กลุ่ม 8. อภปิ รายผล จากผลการวิจัย พบวา่ การมสี ่วนร่วมของประชาชนในการจดั การขยะมลู ฝอย ชมุ ชนบ้านสมี าทองโดย รวมอยู่ในระดับปานกลาง ที่เป็นเช่นนี้อภิปรายได้ว่า การมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนบ้าน ~ 361 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ สมี าทอง ประชาชนไดม้ ีส่วนร่วมไดด้ ีอยู่ในระดับหน่ึงแต่ประชาชนอาจยังขาดความเข้าใจถึงวิธกี ารในการมีส่วน ร่วมการวางแผนดำเนินกิจกรรมการค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหาการดำเนินการ/ปฏิบัติงานและการ ตดิ ตามและ ประเมนิ ผล จึงทำใหป้ ระชาชนเข้ามามสี ่วนร่วมได้ไมเ่ ต็มท่ี ซ่ึงจากการศกึ ษาพบวา่ ประชาชนมีส่วน ร่วมใน การจดั การขยะมูลฝอย โดยรวมอยูใ่ นระดับปานกลาง 9. ขอ้ เสนอแนะ 1. รณรงคอ์ ย่างตอ่ เนื่องในเร่ืองการคัดแยกมลู ฝอยและการท้งิ มูลฝอย พร้อมท้ังสนับสนุนด้านอปุ กรณ์ ในการจัดการมลู ฝอยให้แก่ชมุ ชนอยา่ งพอเพียงตอ่ ความต้องการและความเหมาะสมของชุมชน 2. สนับสนนุ แนวทางความร่วมมอื ซึง่ เป็นปัจจัยในการนำไปสูค่ วามสำเรจ็ ของการจัดการมลู ฝอยของ ชุมชน 3. มีการจัดเก็บอย่างสม่ำเสมอเพือ่ สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในชมุ ชน มกี ารกำหนดจดุ ทง้ิ มูล ฝอยของชุมชน 4. มีการทำงานแบบมีส่วนรว่ ม โดยใหช้ มุ ชนวเิ คราะหป์ ระเดน็ ของการมีส่วนร่วม ซึ่งต้องแยกให้แกนนำ ได้เรียนรู้จากผนู้ ำชมุ ชนและเจ้าหนา้ ท่ี บรรณานุกรม ขวัญชัย วงศ์นิตกิ ร (2532) การจดั การลำดับข้นั ตอนของการมีส่วนรว่ ม นิรนั ดร์ จงวฒุ เิ วศน์ (2527) เงอ่ื นไขการมสี ่วนรว่ มของประชาชน นิรันดร์ จงวุฒเิ วศน์ (2527) ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การมสี ว่ นร่วม พัฒน์ บญุ ยรัตน์ (อ้างถงึ ในสรุ ีย์, 2531) การมสี ว่ นร่วมของชุมชน ไพรัตน์ เตชะรินทร์ (2527 หนา้ 272-273) ขน้ั ตอนของการมีส่วนรว่ มในการดำเนนิ งานให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ และนโยบายการพฒั นา ไพรตั น์ เตชะรินทร์ ( 2527,หนา้ 6 -7 ) ความหมายและหลักการสำคัญเร่ืองนโยบายการมีส่วนร่วมของชมุ ชน ในการพัฒนา วชิรวชั ร งามละมอ่ ม (2559) หลกั การและแนวทางการพัฒนาที่ทำใหเ้ กิดการมสี ว่ นร่วม โสภณ หมวดทอง (2533) การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมตา่ งๆของชุมชน อคนิ รพีพัฒน์ (2527, หน้า 107 -111) ทฤษฎีการมีส่วนร่วม ~ 362 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ิ ความร้แู ละแนวทางในการปอ้ งกนั การระบาดโรคไวรสั โคโรนา(covid-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบลู ย์ อำเภอเสิงสาง จงั หวัดนครราชสีมา ศริ ภสั สร วงศต์ ะลา (Siraphatson wongtala) บทคัดย่อ การศึกษาวิจัยเรื่องความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา (covid-19)ของ อาสามัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสมี า มวี ัตถุประสงค์เพ่ือท่ีจะศึกษาความรปู้ ัญหาและอุปสรรคและแนวทางป้องกนั เกี่ยวกับโรคไวรัสโค โรนา(covid-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)และใช้ผลการศึกษาเพื่อเสนอแนะแนวทาง ในการบริหารจัดการ เกี่ยวกับแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019แก่อาสาสมั ค ร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา กลุ่ม ตวั อย่างในการทำวจิ ยั ครั้งน้ีจากการเลือกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหม่บู ้าน(อสม.)ในพื้นท่ีบ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบลู ย์ อำเภอเสงิ สาง จงั หวดั นครราชสีมาจำนวน22คน ไดก้ ำหนดขนาดกลุ่มตวั อย่างโดยวิธีการเปิด ตารางสำเร็จของเคร็ซซี่และมอร์แกน(KrejcieandMorgan) ได้กลุ่มตัวอย่าง19คน จัดทำแบบสัมภาษณ์แสดง ความคิดเห็นจากการสำรวจครั้งนี้โดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูปโดยการหาค่าร้อยละในส่วนของ แบบสอบถามปลายเปิดนำมาวิเคราะห์เนื้อหาผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้และ แนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา(covid-19)ของอาสามัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสมี า ใชผ้ ลการศกึ ษาเพ่อื เสนอแนะแนวทางใน การบริหารจัดการของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมูบ่ ้านต่อไป ผลการศึกษาพบว่าความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา (covid-19)ของ อาสามัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสีมา มีความรู้เกี่ยวกับการระบาดของโรคไวรัสโคโรนาอย่างดีมีการปฏิบัติงานตามบทบาท คือ ด้าน การป้องกันโรครว่ มมือกับเจ้าหน้าทีส่ าธารณสุขประชุม ปรึกษาหารอื เพือ่ ดำเนินการป้องกนั ควบคุม และแก้ไข ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อีกทั้งมีความรู้เกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรนาได้เป็นอย่างดี มีการทำงานท่ี เคร่งครัดรัดกุม อีกทั้งยังพบปัญหาและอุปสรรคจากคนที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเข้ามาในหมู่บ้านไม่แจ้ง เจ้าหน้าที่ปกปิดข้อมูลตนเองไม่สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านป้องกันดังนั้น จึงมีแนวทางการแก้ไข ปัญหาให้อาสาสมัครสาธารสุขประจำหมู่บ้านและทำเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน ปฏิบัติตามที่หน่วยงาน แนะนำ แนะนำให้ทุกคนป้องกันและรักตัวเองและครอบครัว อธิบายให้รู้และเข้าใจ เกี่ยวกับโรคอย่างต่อเนือ่ ง ~ 363 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ สม่ำเสมอบุคลากรทางสุขภาพสามารถนำผลการศึกษาไปใช้เพื่อส่งเสริมประชาชนให้มีความรู้ และป้องกัน ตนเองจากการตดิ เชือ้ ไวรสั โควดิ -19 ได้ คำสำคญั : ไวรัสโคโรนา 2019 ; การป้องกนั การระบาด ;อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหม่บู ้าน ~ 364 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ Knowledge and guidelines for preventing the coronavirus (COVID-19) outbreak of village health volunteers Ban Nong Khanak, Sukphaiboon, Soengsang District ,Nakhon Ratchasima Pravince. Abstract Research on knowledge and guidelines for preventing the coronavirus (COVID-19) outbreak of village health volunteers Ban Nong Khanak, Sukphaiboon, Soengsang, Nakhon Ratchasima The objective is to study knowledge of problems and obstacles and preventive guidelines regarding coronavirus (COVID-19). The study was used to suggest management guidelines on how to prevent the coronavirus outbreak in 2019 to village health volunteers in Ban Nong Khanak. Sukphaiboon, Soengsang, Nakhon Ratchasima Samples for this research were based on the selection of village health volunteers in Ban Nong Khanak area. 22 people have set the sample size by the way KrejcieandMorgan successfully opened the table. Got a sample of 19 people. Conducted a comment interview form from this survey using a ready- made computer program by determining the percentage in the open-ended questionnaire to analyze the content, the results of the data analysis showed that the objective was to study knowledge and guidelines. The results showed that the knowledge and guidelines for preventing the coronavirus (COVID-19) outbreak of asaphak health in the village (AMS) were found. Ban Nong Khanak, Sukphaiboon, Soengsang, Nakhon Ratchasima Good knowledge of coronavirus outbreak, role- playing, disease prevention, cooperation with health officials, consultation on preventive, control and resolution of coronavirus disease 2019. Strict work is performed. There were also problems and obstacles from people returning from vulnerable areas entering the village, not informing the authorities to conceal themselves, not wearing face masks before leaving the protective house, so there were solutions to the problems for village health volunteers and set an example for the people. Follow the instructions recommended by the agency. Everyone is advised to protect and love themselves and their families. Health workers can use the results of the study to encourage people to have knowledge and protect themselves from COVID-19. Keyword: Coronavirus2019 ; Epidemic prevention ;Village Health Volunteer ~ 365 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ 1. บทนำ การระบาดของโควดิ -19 ในประเทศไทย ดำเนินอยใู่ นประเทศไทยต้ังแต่วนั ท่ี 13 มกราคม พ.ศ. 2563 โดยเป็นประเทศแรกที่มีผูป้ ่วยยืนยันของโควิด-19นอกประเทศจีนการคัดกรองผูเ้ ดนิ ทางเข้าประเทศพบผ้ปู ่วย ประปรายตลอดเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากหรือเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศจีนแทบ ทั้งสิ้น จนเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ถึงมีรายงานว่าพบผู้ป่วยท่ีติดเชือ้ จากการแพร่เชื้อในประเทศเป็น คร้ังแรก จำนวนผู้ปว่ ยยงั มีน้อยตลอดเดือนกมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2563 โดยมผี ปู้ ่วยยืนยัน 40 รายเม่ือสิ้นเดือน แต่ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากในกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งมีการระบุสาเหตจุ ากกลุ่มการแพร่เชือ้ จากหลาย กลุ่ม ซึ่งกลุ่มใหญ่สุดเกิดขึ้นในการแข่งขันชกมวยไทย ณ สนามมวยเวทีลมุ พินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563 จากนั้นได้มีการแพร่ระบาดมาเรื่อยๆและนายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลวันที่ 26 มีนาคม และมีประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาล ตั้งแต่คืนวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563พระราชกำหนด สถานการณ์ฉุกเฉินยังสัง่ งดจำหนา่ ยสุราช่ัวคราวและให้ประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจงั หวัด ซึ่งยกเลิกเป็น ส่วนใหญ่ในเดือนกรกฎาคมและเปิดสถานศึกษาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังไม่ยกเลิก สถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อมาพบการระบาดของโรครอบใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563ซึ่งสงสัยว่ามาจากแรงงานต่างด้าวที่มีการลักลอบพาเข้าประเทศ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มข้ึน อย่างน้อยร้อยละ 20 เดอื นเมษายน 2564 พบการระบาดใหมโ่ ดยมีคลสั เตอร์ท่ยี า่ นทองหล่อและนราธิวาสและ โรคระบาดทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวที่มี ความสำคัญ ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศคำสั่งศูนย์บริหารสถาน กาณ์รการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ควบคุมโรค จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน โดยทำหน้าที่ติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาจาก ต่างประเทศ กรุงเทพ ปริมณฑล และพื้นที่จังหวัดเสี่ยง โดยทีมอาสา COVID - 19 ประจำ หมู่บ้าน โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้าทีม ประกอบด้วยฝ่ายปกครอง และ อสม.ประจำหมู่บ้าน ให้ทำหน้าที่รายงานข้อมูล เฝ้าระวังติดตามผู้ที่เดินทาง กลับมาจากกรุงเทพปรมิ ณฑล ในพ้ืนที่ หมูบ่ ้านของตนเอง เพือ่ ป้องกนั และลดความเสยี่ งในการแพร่ระบาดโรค ตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 เขา้ สู่หมบู่ ้านและชมุ ชน ปัจจุบนั ประเทศไทยมีเครอื ข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น (อสม.) จำนวน กว่า 1,040,000 คน (Primary Health Care Division, 2019) ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนผู้ที่มี จิตอาสา เสียสละเข้ามามีส่วน ร่วมดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน จนได้รับการ ยอมรับจากสังคม และจะยกฐานะเป็น อสม. หมอประจำบ้าน โดยมีบทบาทสำคัญดำเนินการ เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมไม่ให้เกิดโรคในพื้นที่ดำเนินการ สง่ เสรมิ สุขภาพทง้ั โรคเรอื้ รงั และโรค ทีเ่ กิดจากพฤตกิ รรม ใช้เทคโนโลยีการส่ือสารทางการแพทยโ์ ทรเวชกรรม (Telemedicine) และแอปพลิเคชั่น ด้านสุขภาพ ประเมินสุขภาพ เป็นแกนนำเครือข่ายในการดูแลสุขภาพ (อสม. อสค.) และจัดการปัญหาสุขภาพ ทั้งในระดับครอบครัว และชุมชน รวมทั้งการส่งต่อ ผู้ป่วยไปยังระบบ บริการสุขภาพที่รัฐจัดให้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ จากข้อมูลสุขภาพในพื้นที่ เป็นต้น จนปัจจุบัน อสม . ได้ กลายเป็นทุนทางสังคม (Social Capital) ที่สำคัญของระบบ สุขภาพ (กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 2562) ทั้งน้ีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมูบ่ ้าน (อสม.) เปน็ บคุ ลากรสาธารณสขุ ดา้ นหน้า และมพี ลงั ทสี่ ำคญั ต่อการ ~ 366 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภูมิ ดำเนินการเฝ้าระวังและ ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน การดำเนินงานเฝ้าระวังและควบคุม โรค ไวรัสโคโรนา 2019 ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ภายใต้แนวทางการจัดระบบ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีกิจกรรมที่สำคัญเช่น กิจกรรมการ เยี่ยมบ้านโดยเคาะประตู การสำรวจสุขภาพตนเอง การให้สอนและความรู้ประชาชน การวัด อุณหภูมิและสังเกตอาการเบื้องต้น การ บนั ทึกขอ้ มูลกลมุ่ เส่ียงและรายงานผลการประสานงาน กับเจ้าหนา้ ท่ีสาธารณสุขและหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้อง การ เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันตนเอง เป็นต้น (กระทรวงสาธารณสุข, 2563) การดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง เคร่งครัดด้วยศักยภาพเต็ม เปี่ยมและความเป็นจิตอาสา ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดลงอย่าง ตอ่ เนือ่ ง ทำใหป้ ลายประเทศให้การยอมรับและชื่นชมประเทศไทยว่าเป็นอีกประเทศหน่ึงท่ีมกี ารดำเนินงานที่มี ประสิทธภิ าพ ซึ่งสาเหตหุ นึง่ มาจากกองทัพอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหม่บู ้าน (อสม.) ทีม่ ีคณุ ภาพ การศึกษาวิจัยครั้งนี้จะศึกษาความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019(covid-19)ของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอ เสิงสาง จังหวดั นครราชสีมา มีความสำคญั อยา่ งยิ่งในการเฝา้ ระวังและป้องกัน การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการรับรู้ความรุนแรงของ โรคดังกล่าวทำให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) เกิดความตระหนักถึงปัญหา และผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นภายภาคหน้า หากไม่มีการ ดำเนินการอย่างจริงจัง ผู้วิจัยจึงสนใจที่ จะศึกษาความรู้และแนวทางป้องกันในการระบาดโรคไวรัสโคโคนา (covid-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการป้องกันการระบาด โรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 (COVID - 19) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อ การศึกษาการดำเนนิ งานเฝา้ ระวงั โรคดังกล่าว หรอื โรคอบุ ตั ิใหม่ในชมุ ชนไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ 2. วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1)เพ่ือศึกษาความรูเ้ ก่ยี วกับโรคไวรัสโคโรนา(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมู่บา้ น(อส ม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสุขไพบลู ย์ อำเภอเสิงสาง จงั หวัดนครราชสีมา 2)เพื่อศึกษาการแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรสั โคโรนา(covid-19)ของอาสาสมคั ร สาธารณสุขประจำหมบู่ า้ น(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสมี า 3)เพ่ือศึกษาปัญหาและอปุ สรรคในการป้องกนั การระบาดโรคไวรสั โคโรนา(covid-19)ของ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมบู่ ้าน(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบลู ย์ อำเภอเสิงสาง จังหวดั นครราชสีมา 3. ประโยชน์ของการวิจยั 1.ได้ทราบผลการศึกษาความรู้โรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมบู่ า้ น(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบลู ย์ อำเภอเสงิ สาง จงั หวัดนครราชสมี า ~ 367 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ 2.ได้ทราบแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสมี า 3.ได้ทราบปัญหาและอุปสรรคในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา (covid-19)ของอาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จังหวดั นครราชสมี า 4. สมมติฐานของการวจิ ยั 1. ความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมูบ่ ้าน(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จังหวัดนครราชสีมา 2. นา่ จะเกิดจากความรูเ้ กย่ี วกับการใชเ้ จลแอลกอฮอล์ 3. ความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา น่าจะเกิดจาก ความรูเ้ กีย่ วกบั การไม่แสดงอาการเกดิ โรค 4. ความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา น่าจะเกิดจาก ความรู้เกยี่ วกับยาปฎิชวี นะ 5. ความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา น่าจะเกิดจาก ความรู้เกี่ยวกับการฉดี วคั ซีน 6. ความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา น่าจะเกิดจาก ความรเู้ กีย่ วกับเรื่องการใส่หน้ากากอนามยั 2. ขอบเขตของการวิจัย 1.ขอบเขตด้านพน้ื ทศี่ ึกษาเฉพาะบ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จงั หวัดนครราชสมี า 2.ขอบเขตด้านประชากร ประชากรทีใ่ ชใ้ นการวิจัยคร้ังนี้คือ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมู่บา้ น(อสม.)บ้าน หนองขนาก ตำบลสุขไพบลู ย์ อำเภอเสงิ สาง จงั หวดั นครราชสมี า จำนวน 22 คน โดยจะทำการศึกษาข้อมลู จาก แบบสัมภาษณ์ 3.ขอบเขตด้านห้วงเวลา ทำการศกึ ษาตงั้ แต่เดือนเมษายน 2564 ถงึ เดือนมิถุนายน 2564 4.ขอบเขตด้านเนื้อหา การศึกษานี้มุ่งเน้นศึกษาในเรื่องศึกษาความรู้ ศึกษาแนวทางการในการป้องกัน ศึกษา ปัญหาและอุปสรรคในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บา้ น(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จงั หวัดนครราชสมี า ~ 368 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ 6. วธิ ีดำเนนิ การวิจัย ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง ประชากรในการศึกษากล่มุ ตวั อย่างในคร้งั น้ี คืออาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบลู ย์ อำเภอเสิงสาง จงั หวดั นครราชสีมา จำนวน 20 คน ใช้จำนวนกล่มุ ตวั อยา่ ง 19 คน โดยใช้การ สมุ่ ตัวอย่างแบบตามสะดวก โดยใช้การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ งของ เครจซี่ และมอรแ์ กน เครือ่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู เครอื่ งมือท่ีใช้ในการวจิ ัยคร้ังนี้ เป็นแบบสอบถามเก่ียวกบั ความรแู้ ละแนวทางในปอ้ งกนั การป้องกนั การระบาด โรคไวรสั โคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น กรณีศกึ ษาในหมู่บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จังหวดั นครราชสมี า โดยแบ่งไดด้ ังน้ี แบบสอบถามแบง่ เปน็ 3 สว่ น ได้แก่ ส่วนท่ี 1 แบบสอบถามขอ้ มูลสถานภาพทว่ั ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม เพศ อายุ ระดบั วฒุ ิการศึกษา รายได้ ส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้และแนวทางในป้องกันการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019(covid-19)ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจำหมู่บ้าน(อสม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบูลย์ อำเภอเสิง สาง จังหวัดนครราชสมี า แบ่งออกเป็น 3ข้ันตอน ตอนท่ี 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป เก่ยี วกบั โรคไวรสั โคโรนา จำนวน 5ข้อ ลักษณะแบบสัมภาษณจ์ ะเป็นแบบเลือกคำตอบ 2 คำตอบคอื ใช่ หรือ ไมใ่ ช่ ตอนท่ี 2 ทา่ นคิดวา่ จะมีแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรสั โคโรนา2019(covid-19)ในบ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบลู ย์ อำเภอเสิงสาง จงั หวัดนครราชสมี า อย่างไร? เป็นคำถามลกั ษณะปลายเปิด ตอนที่ 3 ท่านคิดว่าปัญหาและอุปสรรคในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ในบ้าน หนองขนาก ตำบลสุขไพบลู ย์ อำเภอเสิงสาง มอี ะไรบ้าง? เปน็ คำถามลักษณะปลายเปิด ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเพ่ิมเติมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น โดยผู้วจิ ัย ออกแบบเปน็ คำถามปลายเปิดซ่งึ ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู วจิ ัย ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ผู้ศึกษาได้ดำเนินการเก็บรวบรวมกับกลุ่มตัวอยา่ งคอื อาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนคราชสีมา แบบสอบถามจำนวน 19 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 โดยการนำ แบบสอบถามไปให้กลุ่มตัวอย่างกรอกข้อมูลและตรวจสอบความสมบูรณ์ของ ขอ้ มูล หากข้อมลู ในขอ้ คำถามใดไมส่ มบรู ณ์จะทำการสัมภาษณ์เพม่ิ เติม เพอื่ ให้ได้ข้อมลู ทส่ี มบรู ณ์ โดยท่ีผู้วิจัย ได้ ช้แี จงรายละเอยี ดต่างๆ ในแบบสอบถาม ~ 369 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ การวิเคราะห์ข้อมูล ผูว้ จิ ยั ไดท้ ำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใชค้ อมพวิ เตอร์โปรแกรมสำเรจ็ รูปทางสถิติ ซงึ่ แยกวิเคราะหต์ ามลำดบั ดงั น้ี 1. ศกึ ษาข้อมูลท่ัวไปเกีย่ วกับปัจจัยสว่ นบุคคลของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น โดยการหาค่าร้อยละ (Percentage) 2. ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019ของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสมี าโดยการหาค่ารอ้ ยละ (Percentage) 7. สรปุ ผลการวิจัย 1) ความรเู้ กยี่ วกบั โรคไวรัสโคโรนา(covid-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้าน หนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อส ม.) มกี ารปฏบิ ัติงานตามบทบาท คือ ดา้ นการป้องกันโรคร่วมมือกบั เจ้าหนา้ ที่สาธารณสขุ ประชมุ ปรึกษา หารอื เพื่อ ดำเนินการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อีกทั้งมีความรู้เกี่ยวกับโรค ไวรสั โคโรนาไดเ้ ป็นอย่างดี มีการทำงานท่ีเครง่ ครดั รัดกุม 2) แนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา มีแนวทางในการตรวจ คัดกรองคนที่เข้ามาในหมู่บ้าน ตรวจวัดอุณภูมิ สอบถามประวัติว่าเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ หาก เดนิ ทางมาจากพ้ืนที่เส่ียงจะให้บุคคลน้ันกักตัว นอกจากนี้ยงั มีการประกาศเน้นยำ้ ให้ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตลาด หรือที่ๆมีคนรวมกลุ่มเยอะๆก็ควรหลีกเลี่ยง หรือถ้าจะจัดกิจกรรมใดๆก็ จะมอี าสาสมคั รสาธารณสุขประจำหมู่บ้านคดั กรองตรวจวดั อุณหภมู วิ ดั ไขผ้ ้ทู ี่มารว่ มงานทุกคน 3) ปัญหาและอุปสรรคและแนวทางในการแก้ไขในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา (covid- 19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บา้ น(อสม.) บา้ นหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบลู ย์ อำเภอเสงิ สาง จังหวัด นครราชสีมาคือ ขาดความร่วมมือในการสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง เครื่องมือและอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ประชาชนไม่เข้าใจเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ ปัญหาในการสื่อสาร งบประมาณไม่พอ คนที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเขา้ มาในหมู่บ้านไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ปกปิดข้อมูลตนเอง ไม่สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านป้องกันดังน้ัน อาสาสมัครสาธารสุขประจำหมู่บ้านและทำเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน ปฏิบัติตามที่ หน่วยงานแนะนำ แนะนำใหท้ ุกคนปอ้ งกนั และรักตัวเองและครอบครัว อธบิ ายให้รแู้ ละเขา้ ใจ เกี่ยวกับโรคอยา่ งตอ่ เน่ืองสม่ำเสมอ เนน้ ยำ้ ให้ตระหนกั ถงึ ความสำคัญในการป้องกนั ตวั เอง รับผิดชอบสงั คม รบั ผดิ ชอบตัวเอง ดว้ ยมาตรการหลกั 4 ข้อ เฝ้าระวัง ตรวจวัดอุณหภูมิ เฝ้าระวังคนนอกพื้นที่เข้ามาในหมู่บ้าน รณรงค์ให้ประชาชนดูแลตัวเองและ ครอบครวั ~ 370 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ 8.การอภิปรายผล อภปิ รายผลการวจิ ัย ผลการวิจัยเรื่องความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา(covid-19) ของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสีมา การดำเนินงาน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชนของ (อสม.)เพื่อศึกษาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรนา2019ของอาสาสมัครสาธารสุขประจำหมู่บ้าน ศึกษาปัญหาอุปสรรคและ แนวทางแก้ไขการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019 ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน บ้านหนองขนาก ตำบลสขุ ไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จงั หวัดนครราชสีมา ซึง่ มีกลุม่ เปา้ หมายทใี่ ช้ในการทำวจิ ยั ครัง้ น้ีคือ อาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน บ้านหนองขนาก รวมทั้งหมด 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจะเป็นแบบ สัมภาษณ์เกี่ยวกับความรู้และแนวทางในนการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019 จำนวน 1 ฉบับ แบ่ง ออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้และแนวทางใน ป้องกันการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อส ม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา แบ่งออกเป็น 3ขั้นตอน ตอนท่ี 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับโรคไวรสั โคโรนา2019(covid-19)ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโรค ไวรัสโคโรนา จำนวน 5ข้อ ลกั ษณะแบบสัมภาษณ์จะเป็นแบบเลอื กคำตอบ 2 คำตอบคือ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ตอนที่ 2 ทา่ นคิดว่าจะมีแนวทางในการป้องกนั การระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ในบ้านหนองขนาก ตำบล สุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา อย่างไร? เป็นคำถามลักษณะปลายเปิด ตอนที่ 3 ท่านคิดว่า ปัญหาและอุปสรรคในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ในบ้านหนองขนาก ตำบลสุข ไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง มีอะไรบ้าง? เป็นคำถามลักษณะปลายเปิด ส่วนท่ี 3 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น เพิ่มเติมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โดยผู้วิจัยออกแบบเป็นคำถามปลายเปิดซึ่งผู้ตอบ แบบสอบถามสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ จากนั้นเกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยใช้สถิติใชว้ ิเคราะห์ข้อมูล ไดแ้ ก่ คา่ รอ้ ยละและคา่ เฉลย่ี และคา่ เบีย่ งแบนมาตรฐาน ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบคุ คลท่วั ไปของผู้ตอบแบบสมั ภาษณ์ ผลการสำรวจความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา (covid-19)ของ อาสามัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสีมา มอี าสาสมคั รสาธารณสุขประจำหมบู่ ้าน กล่มุ ตวั อย่างจำนวน 19 คน เพศ อาสาสมัครสาธารณสุขกลุ่มตัวอย่างของบ้านหนองขนาก ทั้งหมด 19 คน เพศชาย 2 คน คิดเป็นร้อยละ 10.6 เพศหญงิ 17 คน คดิ เป็นร้อยละ 89.4 รวมท้งั หมดจำนวน 19 คน คิดเปน็ 100 % อายุ อาสาสมัครสาธารณสุขกลุ่มตัวอย่างของบ้านหนองขนาก ทั้งหม19 คน ในช่วงอายุ 26-35 ปี จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 31.6 , อายุ 36-45 ปี จำนวน 6 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 31.6 , อายุ 46-55 ปี จำนวน 4 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 21.0 , อายุ 56-65 ปี จำนวน 3คน คิดเปน็ 15.8 , รวมทัง้ หมดจำนวน 19 คน คิดเป็น 100 % รายได้ อาสาสมัครสาธารณสุขกลุ่มตัวอย่างของบ้านหนองขนาก ทั้งหมด19 คน ,มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 5,000 บาท จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 5.3 ,รายได้ 6,000-10,000 บาท จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ ~ 371 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภมู ิ 26.3 , รายได้มากกว่า10,000 บาท จำนวน 13คน คิดเป็นร้อยละ 68.4 รวมทั้งหมดจำนวน 19 คน คิดเป็น 100 % วุฒิการศึกษา อาสาสมัครสาธารณสุขกลุ่มตัวอย่างของบ้านหนองขนาก ทั้งหมด19 คน ระดับวุฒิการศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน 6 คน คดิ เปน็ ร้อยละ31.6 , ระดบั วฒุ ิการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 42.1 , ระดับวุฒิการศึกษาปริญญาตรี จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 26.3 รวมทั้งหมด จำนวน 19 คน คดิ เปน็ 100 % สว่ นท่ี 2 แบบสอบถามเกยี่ วกบั ความรแู้ ละแนวทางในปอ้ งกันการป้องกนั การระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019(covid-19)ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสงิ สาง จังหวัดนครราชสมี า แบง่ ออกเปน็ 3ขนั้ ตอน ตอนท่ี 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ประกอบด้วย ข้อมูล ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรนา จำนวน 5ข้อ ลักษณะแบบสัมภาษณ์จะเป็นแบบเลือกคำตอบ 2 คำตอบ คอื ใช่ หรอื ไม่ใช่ ผลการสำรวจความรู้และแนวทางในป้องกันการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019(covid-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสีมา มอี าสาสมคั รสาธารณสุขประจำหมบู่ า้ นกลมุ่ ตวั อย่างจำนวน 19 คน พบวา่ การใช้เจลแอลกอฮอล์ ลา้ งมอื ประสทิ ธภิ าพเท่ากับการล้างมือด้วยสบู่ ใชห่ รือไม่ แสดงความคิดเหน็ ใช่ 18 คน คดิ เป็นร้อยละ 94.7 , ไม่ใช่ 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 5.3 รวมทงั้ หมด จำนวน 19 คน คดิ เป็น 100 % ทา่ นคดิ ว่าคนทีม่ ีอาการไม่รุนแรง หรือไม่แสดงอาการเลย ไม่สามารถแพร่เชื้อโควิด19สู่คนได้ ใช่หรือไม่ แสดความคิดเห็น ไม่ใช่ 19 คน คิดเป็น ร้อยละ 100 รวมทั้งหมด จำนวน 19 คน คดิ เป็น 100 % ทา่ นคิดวา่ ยาปฎชิ ีวนะสามารถป้องกนั และรกั ษาโรค โววดิ 19ได้ ใชห่ รือไมแ่ สดงความคิดเห็น ใช่ 3 คน คิดเป็นร้อยละ 15.8,แสดงความคดิ เห็นไมใ่ ช่ 16 คน คิดเป็น ร้อยละ 84.2 รวมทั้งหมด จำนวน 19 คน คิดเป็น 100 % แสดงจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันโรคไวรัสโคโรนาได้ ใช่หรือไม่แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ 19 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รวมทั้งหมด จำนวน 19 คน คิดเป็น 100 % แสดงจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับ เรื่องการใส่หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันไวรัสโคโรนาได้100% โดยไม่ต้องเว้นระยะห่าง ใช่หรือไม่ แสดงความ คดิ เห็น ไมใ่ ช่ 19 คน คิดเป็นร้อยละ 100 รวมทั้งหมด จำนวน 19 คน คดิ เปน็ 100 % 9. ข้อเสนอแนะ 9.1 ข้อเสนอแนะการนำผลการวิจัยไปใช้ จากผลการศึกษาพบว่าความรู้และแนวทางในการปอ้ งกนั การระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด ~ 372 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ นครราชสีมา อาสาสมัครประจำหมู่บ้านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา2019ได้ เปน็ อย่างดีมีการตรวจคัดกรองคนเขา้ ออกอย่างรัดกมุ และปฎบิ ัติตามหน้าที่ได้อย่างดีเย่ยี ม 9.2 ขอ้ เสนอแนะการวิจัยครง้ั ต่อไป จากการศึกษาพบความรู้และแนวทางในการป้องกันการระบาดโรคไวรัสโคโรนา2019(covid-19)ของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) บ้านหนองขนาก ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัด นครราชสมี า ผจู้ ัดทำวจิ ยั จงึ ได้ทำขอ้ เสนอแนะ เพือ่ เปน็ ประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ดังน้ี 1.ควรอธบิ ายความร้เู กี่ยวกบั การปอ้ งกันตวั เองจากโรคโควิด19 ให้กับประชาชนทกุ คนไดท้ ราบโดยทัว่ ถงึ 2.อยากให้มีหัวขอ้ ในการสอบถามทห่ี ลากหลายมากย่ิงขน้ึ 3.ศกึ ษาความพงึ พอใจของประชาชนในหม่บู า้ น ว่ามคี วามพงึ พอใจในการบริหารจัดการการระบาดของโรคและ การปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเพียงใดเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการ ปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หน้าที่ ทดี่ ยี ่งิ ข้ึน บรรณานุกรม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). คู่มือการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรบั ประชาชน. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). รายงานโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. ฉัตรปวีณ์ จรัสวราวัฒน์. (2553). วิทยาการระบาด. สมุทราปราการ. โครงการสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย หัว เฉยี ว เฉลมิ พระเกยี รติ. ณัฎฐวรรณ คำแสน. (2563). ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโค วดิ -19 ของประชาชนในเขตอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี.วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัด เพชรบรุ ี. นงลักษณ์ ทองไทย . (2563). ความรู้ทัศนคติและพฤติกรรมในช่วงสภาวะวิกฤติการเกิดโรคระบาดไวรัสโค วิด-19 ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของวิศวกรชีวการแพทย์.สาขาวิชาการจัดการ คณะ บริหารธรุ กจิ มหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง ประเทศไทย. บัญชา เกิดมณ,ี สุรชัย ธรรมทวธี กิ ุล, ญานพินิจ วชริ สรุ งค์, บดินทรช์ าติ สขุ บท, และสมบัติ ทีฆทรัพย์. (2563). แนวคดิ และทศิ ทางการแกป้ ัญหาโควดิ -19. วารสารกา้ วทันโลกวิทยาศาสตร์. ภทั รา บรุ ารกั ษ์. (2564). ครงขา่ ยอำนาจและกลยุทธ์การสื่อสารเพ่อื การสรา้ งความชอบธรรมระหว่าง การ ระบาดโรคตดิ เชอื้ โควิด 19 ของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมูบ่ ้าน.ศูนยม์ านุษยวทิ ยาสิรนิ ธร. ~ 373 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชัยภมู ิ ศูนยป์ ฏบิ ตั ิการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). ข้อมลู สำหรับการปอ้ งกนั ตนเอง จาก โรค COVID-19 เอกสารเผยแพร่สำหรับประชาชน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตร แหง่ ประเทศไทย. สุรชัย โชคครรชิตไชย. (2563). โควิด-19: การระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทยปลายปี 2563. วารสาร สมาคม เวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. ~ 374 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ปญั หาการติดเกมอิเลก็ ทรอนิกสข์ องเดก็ โรงเรียนนาฝายวทิ ยา หมทู่ ี่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภูมิ จงั หวัดชยั ภมู ิ ณัฐฐา ทนงูเหลอื ม (Nattha Thonnguluaem) บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝาย วิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1.) เพื่อ ศกึ ษาสาเหตุและปัจจยั ที่ทำให้เกิดการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรยี นนาฝายวิทยา หม่ทู ี่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ 2.) เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ไขปัญหา ในการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง ชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ทั้งหมดนีใ้ นกลุม่ ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอ เมอื งชยั ภมู ิ จงั หวัดชยั ภมู ิ กล่มุ ตัวอย่างจำนวน 144 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของ เดก็ โรงเรียนนาฝายวทิ ยา หมู่ท่ี 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภูมิ จังหวดั ชยั ภมู ิ จำนวน 144 คน การวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการวิจัยพบว่า สาเหตุมาการมีเวลาว่างมากเกินไป เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาการติดเกม อิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด ชัยภูมิ เป็นสาเหตุอนั ดับทห่ี นง่ึ ถึง 88.9% การเปลีย่ นแปลงของสงั คม เปน็ สาเหตทุ ก่ี อ่ ให้เกิดปัญหาการติดเกม อิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด ชัยภูมิ เป็นสาเหตุอันดับที่สองถึง 84.7% ขาดความเอาใจใส่จากครอบครัว เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาการ ติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เป็นสาเหตุอันดบั ทีส่ ามถึง 76.4% การเลือกครบเพื่อน เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกดิ ปัญหาการติดเกม อิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด ชัยภูมิ เป็นสาเหตุอันดับที่สี่ถึง 72.2% และสื่อต่างๆ เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เป็นสาเหตุ อันดบั ที่หา้ ถงึ 66.7% คำสำคญั : โรงเรยี นนาฝายวทิ ยา; นกั เรยี น; เกมอิเลก็ ทรอนิกส์ ~ 375 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชยั ภมู ิ Children's electronic game addiction problems Na Fai Witthaya School Moo 3, Ban Na Fai, Na Fai Sub-district, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province. Abstract This research aims to study the problem of addiction to electronic games of na fai witthaya school children. Moo 3, Ban Na Fai, Na Fai Subdistrict, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province This time, it is intended 1.) to study the causes and factors that cause the addiction to electronic games of na fai witthaya school children. To study the impact and find solutions to problems with children's electronic game addiction in Na Fai Witthaya School. All of these are among the children of Na Fai Witthaya School. Moo 3, Ban Na Fai, Na Fai Subdistrict, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province Sample of 144 people Research tools are questionnaires and interviews. Problems with addiction to electronic games of Na Fai Witthaya School children Moo 3, Ban Na Fai, Na Fai Subdistrict, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province 144 persons Analyzing data, The results showed that the cause of excessive free time was the cause of the problem of addiction to electronic games of na fai witthaya school children. 88.9% of social changes are causing problems with electronic game addiction for children at Na Fai Witthaya School. 84.7% lack of family empathy caused problems with electronic game addiction of na fai witthaya school children. 76.4% of the selection of friends is the third leading cause of addiction to electronic games by children at Na Fai Witthaya School. Among the 3rd, Ban Na Fai, Na Fai Subdistrict, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province, it is the fourth to 72.2% cause, and media are causing problems with the addiction of electronic games of children at Na Fai Witthaya School. 3, Ban Na Fai, Na Fai Subdistrict, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province, caused fifth to 66.7% Keyword: Na Fai Witthaya School; student; Electronic Games ~ 376 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภมู ิ 1. บทนำ ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหาการวจิ ัย ปัจจุบันโลกได้มีเปลี่ยนแปลงโดยที่บางครั้งมนุษย์ก็ปรับตัวไม่ทัน โลกที่เรียกว่าโลกาภิวัฒน์เป็นโลกที่ มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา โลกที่ไม่ต้องส่งจดหมาย โดยนกพิราบ โลกที่ถูกย่อขนาดมาอยู่ในสมาร์ทโฟนหรือมือถือ รวมไปถึงเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ได้ สรา้ งอกี โลกหนึ่งขึ้นมาปัจจบุ นั เรยี กว่า “สังคมกม้ หน้า” ในขณะเดียวกันการสร้างสิ่งๆ หนึ่งที่ถูกพัฒนามาตลอดนั้นคือ เกม (game) ที่ถูกพัฒนามาพร้อมการ เปลี่ยนแปลงของโลก ตั้งแต่อดีตการละเล่นพื้นบา้ นและการละเล่นพื้นเมืองซ่ึงสองอย่างนี้จะเห็นในอดีตที่ผ่าน มาเป็นการถา่ ยทอดวัฒนธรรมและอยูใ่ นยคุ ทย่ี งั ไม่ทนั สมยั จิตแพทย์ประจำศนู ย์จติ รักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้บอกถึงพฤติกรรมการติดเกมว่า โดย ธรรมชาติของเกมนั้นมักจะออกแบบมาเพื่อสนองความต้องการของผู้เล่นอยู่แล้ว คือ มักจะให้มีการผ่านด่าน เป็นข้นั ๆ ข้นึ ไปเรื่อยๆ และจะไดร้ ับรางวลั ทันทเี มื่อทำภารกิจของเกมสำเรจ็ จนทำใหผ้ ้เู ล่นรู้สกึ ว่าส่ิงท่ีตนกำลัง เล่นอยู่นั้นมีความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อความต้องการของตนเองได้รับการตอบสนองอยู่ ตลอดเวลา ดงั นนั้ ผเู้ ล่นก็เลยอยากท่จี ะเล่นเกมต่อไปโดยไม่อยากหยุดจนอาจเกิด“ภาวะตดิ เกม” (จติ รนิ ใจ ดี,2554) สาเหตุทพี่ บในการติดเกมจะเกิดจากสาเหตุหลกั ๆ คอื การเล้ียงดใู นครอบครวั : มักจะพบเด็กติดเกมได้ บ่อยในครอบครัวทเ่ี ลี้ยงเด็กโดยไมเ่ คยฝึกให้เด็กมวี ินัยในตวั เอง ขาดกฎระเบยี บ กตกิ าในบา้ น ตามใจเด็ก หรือ มักจะใจอ่อนไม่ทำโทษเมื่อเด็กกระทำผิด บางครอบครัวมีลักษณะที่สมาชิกในครอบครัวต่างคนต่างอยู่ ไม่มี กิจกรรมที่สนุกสนานให้เด็กทำ หรือไม่มีกิจกรรมที่สมาชกิ ทุกคนทำรว่ มกัน ทำให้เด็กเกิดความเหงา ความเบื่อ หนา่ ย เดก็ จึงต้องหากจิ กรรมอ่ืนทำเพ่ือใหต้ วั เองสนุกซึ่งก็หนีไมพ่ ้นการเล่นเกม พอ่ แมอ่ าจไม่มเี วลาควบคุมเด็ก หรือมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจำกัดเวลาในการเล่นเกมของเด็กในช่วงแรก พ่อแม่อาจรู้สึกพอใจที่เห็น เด็กเล่นเกมเงียบๆ คนเดียวได้โดยไม่มารบกวนตน ทำให้ตนมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น พูดง่ายๆ คือใช้เกมเสมือน เป็นพีเ่ ลย้ี งดูแลเด็กแทนตน สงั คมท่เี ปลยี่ นแปลงไป: สงั คมยคุ ไฮเทคท่มี ีเครอ่ื งมือที่มีพลังในการเรา้ ความต่ืนเต้น ให้เกิดขึ้นในตัวเด็กอย่างมหาศาล สังคมวัตถุนิยม สังคมที่ขาดแคลนกิจกรรม หรือสถานที่ที่เด็กจะได้ใช้ ประโยชน์หรือเรียนรู้โดยได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินไปด้วย เหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้เด็กหันไปใช้การ เล่นเกมเป็นทางออก ปัจจัยในตัวเด็กเอง: เด็กบางกลุ่มอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเกมมากกว่าเด็กทั่วไป เช่น เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) เด็กที่มีปัญหาอารมณ์ ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล เด็กที่ขาดทักษะทางสังคม เข้า กับเพื่อนไม่ได้ เด็กที่มีปัญหาการเรียน เด็กที่มีความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองต่ำ (low self-esteem) เป็นต้น (ชาญวทิ ย์ พรนภดล,2556) ~ 377 ~
การประชุมวชิ าการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครั้งที่ 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศึกษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภมู ิ วิจัยเล่มนี้จึงเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องของการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝาย วิทยา หมู่ที่3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย ความคิด การแสดงออก รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้น สภาพแวดล้อม ครอบครัวและชุมชน อีกทั้งยังหวังว่าวิจัย เล่มนจี้ ะให้ความรูแ้ กผ่ ูท้ ่ีสนใจศกึ ษาและนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นเชงิ วิชาการและประโยชน์เชงิ นโยบายตอ่ ไป 2. วตั ถุประสงค์ของการวิจัย 1.) เพื่อศึกษาสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ท่ี 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชยั ภูมิ จงั หวดั ชยั ภูมิ 2.) เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ไขปัญหาในการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กใน โรงเรียนนาฝายวทิ ยา หม่ทู ี่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภมู ิ จังหวดั ชยั ภูมิ 3. ประโยชนข์ องการวิจัย ประโยชน์เชงิ วิชาการ 1.) ทราบถึงปัญหาและสาเหตุสำคัญในการตดิ เกมอิเลก็ ทรอนิกสข์ องเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บา้ นนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชยั ภูมิ จงั หวดั ชัยภมู ิ 2.) ทราบถึงผลกระทบจากการติเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชยั ภูมิ จงั หวดั ชัยภมู ิ 3.) รู้วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็ก เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการ ดำเนนิ งานการแก้ไขปญั หาในอนาคต ประโยชนเ์ ชิงนโยบาย 1.) นำเสนอผู้บริหารหรือผู้นำท้องถิ่นให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ใน ปจั จบุ นั 2.) รัฐบาลหรอื ผ้บู ริหารประเทศมีการแก้ไขปญั หาโดยขบั เคลื่อนหรือปรับปรุงแก้ไขนโยบาย กลยุทธ์ หรือ โครงการตา่ งๆ ใหด้ ีมากยิ่งขนึ้ 3.) หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ชมุ ชนรว่ มมอื กันปอ้ งกันและเอาใจใส่ใหค้ วามอบอ่นุ แก่คนในครอบครัวทำให้เด็กรู้จัก ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ ~ 378 ~
การประชุมวิชาการราชภัฏรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจดั การศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภมู ิ 4. สมมตฐิ านของการวจิ ัย 1.) ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชยั ภมู ิ จงั หวัดชัยภมู ิ น่าจะเกิดจากการเลือกคบเพ่อื น 2.) ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภมู ิ จังหวดั ชยั ภมู ิ นา่ จะเกิดจากสอื่ ตา่ ง ๆ 3.) ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภมู ิ น่าจะเกิดจากขาดความเอาใจใสจ่ ากครอบครัว 4.) ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชยั ภูมิ จังหวัดชัยภมู ิ น่าจะเกดิ จาการเปลี่ยนแปลงของสังคม 5.) ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภมู ิ จังหวัดชยั ภมู ิ นา่ จะเกดิ จากการมเี วลาวา่ งมากเกินไป 5. ขอบเขตของการวจิ ัย 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจยั คร้ังนี้ คอื เด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมทู่ ่ี 3 บา้ นนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอ เมอื งชยั ภูมิ จงั หวดั ชัยภมู ิ - จำนวนประชากรทัง้ หมด 229 คน - จำนวนกล่มุ ตัวอยา่ ง 144 คน 2. เน้อื หาท่ใี ชใ้ นการวิจยั 1.) การตดิ เกมอเิ ล็กทรอนิกสข์ องเด็กในโรงเรยี นนาฝายวทิ ยา หมทู่ ่ี 3 บา้ นนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอ เมอื งชัยภมู ิ จังหวัดชัยภูมิ 2.) สาเหตุและปจั จัยท่ที ำให้เกดิ การติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเดก็ ในโรงเรียนนาฝายวิทยา หม่ทู ่ี 3 บ้าน นาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภูมิ จังหวดั ชยั ภมู ิ 3.) ผลกระทบที่เกิดขึ้นและหนทางการแก้ไขปญั หาในการติดเกมอิเล็กทรอนิกสข์ องเด็กในโรงเรียนนา ฝายวทิ ยา หมทู่ ่ี 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภูมิ จังหวดั ชยั ภมู ิ ~ 379 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ หง่ ชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศกึ ษาไทยในยุค New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภูมิ 6. วิธดี ำเนนิ การวิจยั 1. ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง ประชากร : ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เปน็ ประชากรแท้ทีเ่ ป็นเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บา้ นนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภมู ิ จงั หวดั ชัยภูมิ ทัง้ ส้ินจำนวน 229 คน กลุ่มตวั อย่าง : ประชากรทใ่ี ช้ในการวจิ ัยคร้ังนี้ เปน็ เด็กในพ้ืนที่โรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนา ฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ทั้งสิ้นจำนวน 229 คน โดยในการวิจัยครั้งนี้ได้กำหนด กลุ่มตัวอย่างโดยวิธีเปิดตารางสำเร็จของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan) จากเด็กในพื้นที่จำนวน 229 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง 144 คน และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน ถือเอาความสะดวก และง่ายตอ่ การเกบ็ ขอ้ มูลในขณะทีผ่ ู้วิจัยกำลังเกบ็ ข้อมูล ตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการเปิดตารางสำเร็จของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan) ~ 380 ~
การประชุมวิชาการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครั้งท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ 2. เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการวิจยั เคร่อื งมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลในการวจิ ัยปัญหาการตดิ เกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียน นาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชยั ภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ครั้งนี้เปน็ แบบสอบถามและ สมั ภาษณ์ท่ีผวู้ จิ ัยไดส้ รา้ งขนึ้ โดยแบง่ แบบสอบถามออกเป็น 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 เปน็ แบบสอบถาม ถามเกย่ี วกบั ข้อมลู ท่วั ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 เป็นการถามถงึ สาเหตุท่ีก่อใหเ้ กดิ ปญั หาการติดเกมอเิ ล็กทรอนิกส์ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะและการแสดงความคิดเหน็ เพ่ิมเติม 3.การเก็บรวบรวมข้อมลู การวจิ ยั ผวู้ ิจยั ได้นำแบบสมั ภาษณ์ไปสัมภาษณ์และเก็บรวบรวมข้อมูลจากเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ท่ี 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ โดยแบบสอบถามทั้งหมด 144 ชุด โดยได้นำ แบบสอบถามไปให้กลุ่มตัวอย่างกรอกข้อมูลและตรวจสอบความสมบรูณ์ของข้อมูลและนำแบบส อบถาม ทั้งหมดมาคำนวณเพื่อได้สถิตกิ ารวจิ ยั 4.การวเิ คราะหข์ ้อมลู ผู้วิจัยจะตรวจสอบความสมบูรณ์แล้วนำข้อมูลไปประมวลผลและวิเคราะห์ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้คอมพวิ เตอร์โปรมแกรมสำเร็จรปู ทางสถิติ ซง่ึ แยกวเิ คราะหต์ ามลำดับ ดังนี้ 1. ศึกษาขอ้ มูลทว่ั ไปเกีย่ วกับผตู้ อบแบบสอบถาม โดยหาค่าร้อยละ (percentage) 2. ศึกษาความคิดเห็นสาเหตุการก่อให้เกิดปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝาย วิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ โดยหาค่าร้อยละ (percentage) 5. สถติ ิที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล การนำโปรแกรมสำเร็จรูป IBM SPSS Statistics มาใช้ในคำนวณสถิติและการหาเปอร์เซ็นต์ของ แบบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กในโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนา ฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภมู ิ เพื่อให้รู้ถึงสาเหตุของปัญหาและนำมาวิเคราะห์ สรุปผล เพือ่ ในการทำวิจัยในครงั้ น้ี 7. สรปุ ผลการวิจยั 1.) ผลการศึกษาสาเหตแุ ละปัจจยั ท่ที ำใหเ้ กดิ การตดิ เกมอเิ ลก็ ทรอนิกสข์ องเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หม่ทู ี่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ สาเหตุหลัก ๆ ของการติดเกมคือ สื่อ ~ 381 ~
การประชุมวชิ าการราชภฏั รัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตรแ์ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 4 (ออนไลน)์ ประจาปี 2564 “การจัดการศึกษาไทยในยคุ New Normal” คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ ต่าง ๆ ที่เข้ามามีบทบาทจึงทำให้สังคมเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการเลือกคบเพื่อนและการขาดความ เอาใจใสข่ องครอบครวั ทำให้มีเวลาว่างมากเกนิ ไป 2.) ผลการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ไขปัญหาในการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็ก โรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เกิดผล กระทบอยา่ งมาก ท้งั ด้านรา่ งกาย ดา้ นการศึกษา ดา้ นสตปิ ัญญา และอ่นื ๆ ทำให้สง่ิ เหล่านแ้ี ย่ลง และ แนวทางการแก้ไขควรใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ที่สร้างสรรค์ ทำให้กิจกรรมของเด็ก ๆ ไม่น่าเบ่ือ สนุกสนานไปกับกิจกรรมนั้น ๆ จากการเอาใจใส่จากคณะครูอาจารย์ และรวมถึงการเอาใจใส่จากพอ่ แม่ท่มี ีเวลาใหก้ บั ลกู และทำกจิ กรรมร่วมกันในครอบครัว 8. อภปิ รายผล ผลการวิจยั เรื่อง เรื่อง ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนา ฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการติด เกมอิเล็กทรอนิกส์ของเดก็ โรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวดั ชัยภูมิ และเพื่อเสนอแนะแนวทางการปรับแก้และยับยั้งการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีจำนวนน้อยลง และ จัดการเวลาว่างของเด็ก ๆ ให้เกิดประโยชน์ เช่น การเล่นกีฬา หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ห่างไกลเครื่องมือ อิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด ชัยภูมิ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทำวิจัยในครั้งนี้คือ เด็กกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่โรงเรียนนาฝายวิทยา เกี่ยวกับรวมทั้งหมดจำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจะเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ เกี่ยวกับปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมอื งชัยภมู ิ จังหวดั ชยั ภูมิ จำนวน 1 ฉบับ แบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 แบบสอบถามข้อมูลท่ัวไป ของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนท่ี 2 ผลการวิเคราะหส์ าเหตุท่ีก่อใหเ้ กิดปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็ก โรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ และส่วนที่ 3 ลักษณะแบบสอบถามการแสดงความคิดเห็นปลายเปิด ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเพิ่มเติม จากนั้นเก็บ รวบรวมข้อมลู โดยใชส้ ถิตวิ ิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แกค่ า่ ร้อยละ คา่ เฉล่ยี และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ผลการสำรวจ ปัญหาการติดเกมอิเล็กทรอนิกส์ของเด็กโรงเรียนนาฝายวิทยา หมู่ที่ 3 บ้านนาฝาย ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชยั ภูมิ จังหวัดชัยภูมิ มีเด็กกลุม่ ตวั อย่างทั้งหมดจำนวน 144 คน พบว่าเป็น เพศชาย 87 คน คิดเป็นร้อยละ 60.4 เพศหญิง 57 คน คิดเป็นร้อยละ 39.6 ,ในช่วงอายุ 9-11 ปี จำนวน 45 คน คิด เป็นรอ้ ยละ 31.2 , อายุ 12-14 ปี จำนวน 72 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 50.0 , อายุ 15-17 ปี จำนวน 27 คน คดิ เปน็ ~ 382 ~
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 516
Pages: