Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารคำสอน วิชาการพัฒนาหลักสูตร Curriculum Development

เอกสารคำสอน วิชาการพัฒนาหลักสูตร Curriculum Development

Published by Sarawut Kedtrawon, 2021-07-30 02:44:02

Description: เอกสารคำสอน
วิชาการพัฒนาหลักสูตร
Curriculum Development รหัส 5002504
ผู้ช่วยศาสตรจารย์ ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
ปีการศึกษา 2564 (ภาคเรียนที่ 1 เลือกเสรี)

Search

Read the Text Version

3.4 นักศึกษาเข้ากลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน ร่วมกันสรุปเขียนแผนภูมิลงในกระดาษปรุ๊ฟ โดย นำเสนอประเดน็ ต่อไปนี้ 1) ความหมายของการวิเคราะหห์ ลกั สูตร 2) ลกั ษณะของตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตร 3) การวเิ คราะหห์ ลกั สูตรแบบอิงกลมุ่ 4) การวิเคราะหห์ ลักสูตรแบบอิงเกณฑ์ 3.5 ผู้สอนบรรยายเก่ยี วกับ ประเด็น ความหมายของการวเิ คราะห์หลักสูตร ลกั ษณะของ ตารางวิเคราะห์หลักสูตร การวิเคราะหห์ ลกั สูตรแบบอิงกลุ่ม การวเิ คราะห์หลักสูตรแบบองิ เกณฑ์พร้อม ซกั ถาม 3.6 ผสู้ อนนำเสนอโดยลำดบั 1) ความหมายของการวิเคราะห์หลักสตู ร 2) ลักษณะของตารางวเิ คราะห์หลักสูตร 3) การวเิ คราะหห์ ลกั สูตรแบบอิงกลุ่ม 4) การวิเคราะหห์ ลักสูตรแบบองิ เกณฑ์ 3.7 นกั ศึกษาจดั กลุ่มใหมต่ ามความสนใจ กล่มุ ละ 3-4 คน ให้ศึกษา 1) ความหมายของการวเิ คราะห์หลกั สตู ร 2) ลกั ษณะของตารางวิเคราะหห์ ลกั สูตร 3) การวิเคราะหห์ ลกั สูตรแบบองิ กลุ่ม 4) การวิเคราะห์หลักสูตรแบบอิงเกณฑ์โดยให้นำเสนอผลการศึกษาตามวิธีการหรือ รูปแบบทก่ี ลุ่มสนใจ 3.8 กลุม่ นำเสนองาน สมาชิกในหอ้ งร่วมกันอภิปรายซักถามในเชิงวเิ คราะห์ ผสู้ อนเติมเต็ม ความรู้ 3.9 ผเู้ รยี นแตล่ ะคนสรุปรายละเอียดเติมเต็มเกี่ยวกับความหมายของการวิเคราะห์หลักสูตร ลักษณะของตารางวิเคราะห์หลักสูตร การวิเคราะห์หลักสูตรแบบอิงกลุ่มการวิเคราะห์หลักสูตรแบบอิง เกณฑต์ ามท่ีตนเองเข้าใจเขียนลงสมดุ บนั ทึก ขน้ั สรปุ 3.10 ผสู้ อนสรปุ ประเดน็ สำคัญของการพัฒนาหลักสตู รท้องถ่ินและการพฒั นาหลักสูตรอิง มาตรฐานดว้ ย Microsoft Power Point พร้อมซกั ถาม 3.11 นักศึกษารว่ มแลกเปล่ียนเรียนร้โู ดยชมผลงานที่เพอื่ นนำเสนอหน้าชนั้ 3.12 ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 1. เอกสารคำสอนวชิ า การพัฒนาหลกั สตู ร 2. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 3. PowerPoint หัวขอ้ ทีบ่ รรยายเร่อื ง การวิเคราะห์การจัดทำหลักสตู ร 4. กรณศี กึ ษาทางด้านความรู้การวิเคราะห์การจดั ทำหลักสูตร 5. หนงั สือความรู้ทีเ่ กี่ยวข้องกับ การวิเคราะห์การจดั ทำหลักสตู ร 6. เวบ็ ไซต์ทางการศกึ ษา การวเิ คราะห์การจดั ทำหลักสูตร เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภมู ิ 173

7. บทเรยี นออนไลน์ รายวชิ า การพัฒนาหลกั สูตร การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. สังเกตการตอบคำถามและต้ังคำถาม 2. สังเกตจากการอภิปราย ซักถาม และการแสดงความคิดเห็น 3. วดั เจตคตจิ ากการสงั เกตพฤติกรรมความกระตือรือรน้ ในการทำงาน 4. กจิ กรรมและคุณภาพของงาน 5. ประเมินผลจากการทำแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 174

บทที่ 9 การวเิ คราะห์การจดั ทำหลกั สูตร บทนำ การวิเคราะห์หลักสูตร ก่อนจะเริ่มใช้หลักสูตรผู้สอนจะต้องเริ่มด้วยการวิเคราะห์หลักสูตรเป็น การพิจารณารายละเอียดของจุดมุ่งหมายและเนื้อหา แล้วพิจารณาความสัมพันธ์ท้ังจุดมุ่งหมายและ เนื้อหาเพื่อนำมาวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการสอบ การท่ีผู้สอนจะสอนหรือ ทดสอบ จากหลักสูตรสู่แผนการสอนจำเป็นท่ีจะต้องศึกษารายละเอียดของวิชาน้ันว่ามีโครงสร้างหรือ กรอบให้แก่ผู้เรียนอย่างไร ซึ่งมักจะประกอบด้วยจุดมุ่งหมายกับเน้ือหาโดยเรียกว่า การวิเคราะห์ หลักสูตรหรือการกำหนดรายละเอียดของวิชาเพ่ือประโยชน์ในการวางแผนการสอนว่าควรจะสอน เนื้อหาอะไร ให้ผู้เรียนบรรลุพฤติกรรมอะไร มากน้อยเท่าไร และสะดวกแก่การเขียนข้อสอบ ให้ได้ตรง กับเน้ือหาและพฤติกรรมที่ได้วางแผนไว้ ผู้สอนควรแสดงตารางกำหนดรายละเอียดท่ีจะสอนทุกคร้ังเพ่ือหา ความสัมพันธ์ของจุดมุ่งหมายและเนื้อหา ซึ่งในการสร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตรมี 2 วิธี คือ แบบอิงกลุ่ม และแบบอิงเกณฑ์ 9.1 ความหมายของการวิเคราะหห์ ลกั สตู ร การวิเคราะห์หลักสูตร เป็นการพิจารณารายละเอียดของจุดมุ่งหมายและเน้ือหา แล้วพิจารณา ความสัมพันธ์ท้ังจุดมุ่งหมายและเนื้อหาเพื่อนำมาวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการ สอบการที่ผู้สอนจะสอนหรือทดสอบ จำเป็นท่ีจะต้องศึกษารายละเอียดของวิชาน้ันว่ามี โครงสร้างหรือ กรอบให้แก่ผู้เรียนอย่างไร ซึ่งมักจะประกอบด้วยจุดมุ่งหมายกับเนื้อหาโดยเรียกว่า การวิเคราะห์ หลักสูตรหรือการกำหนดรายละเอียดของวิชาเพ่ือประโยชน์ในการวางแผนการสอนว่าควรจะสอน เนื้อหาอะไร ให้ผู้เรียนบรรลุพฤติกรรมอะไร มากน้อยเท่าไร และสะดวกแก่การเขียนข้อสอบ ให้ได้ตรง กับเน้ือหาและพฤติกรรมท่ีได้วางแผนไว้ ผู้สอนควรแสดงตารางกำหนดรายละเอียดที่จะสอนทุกคร้ังเพ่ือ หาความสัมพันธ์ของจุดมุ่งหมายและเนื้อหา ซึ่งในการสร้างตารางวเิ คราะห์หลักสูตรมี 2 วิธี คือ แบบอิง กลุ่ม และแบบองิ เกณฑ์ วัตถุประสงคข์ องการสร้างตารางวิเคราะหห์ ลกั สูตร 1. เพ่ือใช้ในการวางแผน กำหนดขอบเขตและควบคุมการบริหารการสอนและการสอบให้ ได้สดั สว่ นสัมพนั ธก์ ันอย่างสมดุล และสมบรู ณ์ตามความคาดหมาย 2. เพ่ือให้การดำเนินการสอนและการสอบให้เป็นไปตามสัดส่วนของระยะเวลาตาม ความสำคญั ของเน้อื เรอ่ื ง และของพฤติกรรมทีพ่ งึ ประสงค์ 3. เพื่อแสดงสัดส่วนของความสำคัญเป็นปริมาณตัวเลขของแต่ละเน้ือหาวิชาและแต่ละ พฤติกรรมที่สัมพันธ์กันตามความม่งุ หมายและตามทหี่ ลักสูตรตอ้ งการ 4. เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาความเที่ยงตรงของข้อสอบท้ังในด้านเนื้อหาวิชา และ โครงสรา้ ง 9.2 ลกั ษณะของตารางวิเคราะหห์ ลกั สตู ร ตารางวิเคราะห์หลักสตู รประกอบดว้ ย 3 ส่วน คอื สว่ นท่ี 1 ส่วนตามแนวตั้ง เปน็ เร่ืองของเน้ือวิชา ได้แกเ่ ร่อื งราวตา่ ง ๆ ท่ีกำหนดวา่ จะสอนตาม เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชัยภมู ิ 175

หลักสตู รมากน้อยเพียงใด ในส่วนนี้จะเปน็ การกำหนดสง่ิ ท่ีผเู้ รียนจะไดเ้ รียนร้ใู นเร่ืองอะไรบา้ ง เปน็ สดั สว่ นเทา่ ใด สว่ นท่ี 2 สว่ นตามแนวนอน เป็นโครงสร้างพฤตกิ รรมทางสมอง หรือท่ีเรียกว่าจุดประสงค์ คือ ในสว่ นน้ีจะเป็นการกำหนดสิ่งท่ีผู้เรียนจะได้เรียนรู้ โดยเกิดความสามารถทางสมองในด้านใดบา้ ง มาก น้อยเพียงใด เปน็ สดั สว่ นเท่าใด สว่ นที่ 3 สว่ นทีเ่ ปน็ ตัวเลข ไดแ้ กต่ ัวเลขต่าง ๆ ในแต่ละชอ่ ง ซ่ึงแสดงใหท้ ราบถึงน้ำหนกั ความสำคญั หรือสัดสว่ น ความสมั พันธร์ ะหวา่ งเน้ือหาวิชาที่สอนกับพฤติกรรมที่มุ่งจะปลูกฝังและ เสรมิ สร้างให้กบั ผ้เู รียน ภาพท่ี 9.1 ตัวอยา่ งลกั ษณะตารางวิเคราะห์หลกั สูตร 9.3 การวิเคราะห์หลกั สตู รแบบอิงกลุ่ม การสร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตรแบบอิงกลุ่มของแต่ละวิชาควรทำเป็นรูปของคณะกรรมการ ซ่ึงในที่น้ีเป็นตัวอย่างการวเิ คราะห์หลักสูตรแบบกำหนดน้ำหนักรวมเป็น 100% มีข้ันตอนการวิเคราะห์ ดังนี้ ขนั้ ที่ 1 พิจารณาจดุ ม่งุ หมายของหลักสูตรแต่ละขอ้ วา่ กลา่ วถงึ พฤติกรรมใด ขั้นที่ 2 นำจุดมุ่งหมายที่พจิ ารณาได้มายุบสง่ิ ท่ีซบั ซอ้ น ขัน้ ที่ 3 นำเอาพฤติกรรมดงั กลา่ ว มาตีความหมายตามลกั ษณะของแต่ละวิชา ขั้นท่ี 4 พิจารณาแยกแยะเน้ือหาเพ่อื ใช้ในการสอนและการสอบ ขนั้ ที่ 5 นำเอาพฤติกรรมในข้ันที่ 3 และเนื้อหาในขั้นที่ 4 มากำหนดน้ำหนกั ความสำคัญท่ีจะวดั ขน้ั ท่ี 6 นำเอาพฤติกรรมในข้ันท่ี 3 และเน้ือหาขน้ั ที่ 4 มาเขียนลงในตารางใหส้ มั พันธ์กนั พรอ้ มทั้งเขยี นน้ำหนกั ความสำคัญท่ีกำหนดไว้ในขนั้ ท่ี 5 ลงในตาราง ขั้นที่ 7 ทำเปน็ ตารางเฉลี่ย โดยเอาตารางของผู้สอนแตล่ ะคน นำน้ำหนักความสำคัญของ แต่ละช่องเฉล่ยี ลงในตารางใหม่ ซง่ึ จะเป็นตาราง 100 ตามต้องการ ตัวอยา่ ง การวเิ คราะห์หลักสูตรวชิ าสขุ ศกึ ษา หลกั สตู รวชิ าสขุ ศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 คำอธิบายรายวิชา การศึกษาเร่ืองสายตา การได้ยนิ และโรคท่ีเกยี่ วข้องกบั นยั น์ตา หู และจมูก อาหาร ปัญหาและ ความตอ้ งการทางดา้ นโภชนาการ สวัสดภิ าพของตนเองและส่วนรวม ความปลอดภยั ในการโดยสาร รถยนต์ รถไฟ และเรือ สวสั ดภิ าพของคนเดนิ เทา้ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 176

จุดมุ่งหมายรายวชิ า 1. ใหร้ ู้จักและปฏิบัติตนไดอ้ ย่างถกู ต้องในเรื่องสุขภาพสว่ นบคุ คล 2. ปลูกฝงั ใหม้ นี ิสัยการบรโิ ภคอาหารที่ดี และร้จู กั เลอื กรับประทานอาหารท่ีมปี ระโยชนต์ ่อ รา่ งกาย 3. ใหส้ ามารถรักษาความปลอดภยั ของตนเองและผูอ้ นื่ ขัน้ ที่ 1 พิจารณาจดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตรแต่ละขอ้ วา่ กลา่ วถงึ พฤติกรรมใด จดุ มงุ่ หมายวชิ า พ 101 ขอ้ 1 ใหร้ จู้ ักและปฏิบตั ติ นได้อยา่ งถูกต้องในเรื่องสุขภาพส่วนบุคคล - พฤติกรรมท่ีแยกได้ ความจำ และการนำไปใช้ ขอ้ 2 ปลูกฝงั ให้มีนิสัยการบริโภคอาหารทดี่ แี ละรจู้ กั เลอื กรับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ ต่อร่างกาย - พฤตกิ รรมที่แยกได้ เจตคติ การประเมนิ คา่ การวเิ คราะห์ ข้อ 3 ใหส้ ามารถรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น - พฤติกรรมทแ่ี ยกได้ การนำไปใช้ ข้ันที่ 2 นำจดุ มงุ่ หมายที่พจิ ารณาได้ยบุ สง่ิ ทซี่ ับซ้อน จากขน้ั ที่ 1 ยบุ รวมแลว้ ไดด้ งั นี้ 1. ความจำ 2. การนำไปใช้ 3. การวิเคราะห์ 4. การประเมนิ คา่ 5. เจตคติ แต่เนื่องจากตารางนี้จะเน้นให้ใช้ในการสอนและการสอบ พฤติกรรมทางด้านสติปัญญา คือ ความจำการนำไปใช้ การวิเคราะห์ และการประเมนิ ค่าใช้สร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตร ส่วนเจตคติน้ัน เป็นพฤติกรรมด้านความรู้สึก จึงใช้ประกอบในการเรยี นการสอนโดย ปลูกฝังให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีใน การบริโภคอาหาร ขน้ั ที่ 3 นำพฤติกรรมดังกลา่ วมาตีความหมายตามลักษณะของแต่ละวิชา ไดด้ ังน้ี 1. ความจำ หมายถงึ ความสามารถในการระลกึ ไดใ้ นเรื่องสุขภาพสว่ นบุคคล - การแสดงออก นักเรยี นบอกสาระต่างๆ ที่เกย่ี วข้องกบั สุขภาพได้ 2. การนำไปใช้ แบ่งตามความสามารถนำความร้ทู เี่ รียนมาใชใ้ นการแกป้ ัญหา - การแสดงออก นกั เรียนสามารถนำความรู้มาใช้กบั ตวั เอง และคนอื่นในสถานการณ์ใหมไ่ ด้ 3. การวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการจำแนก แยกแยะ เลือกสิ่งที่กำหนดไว้ได้ จากสถานการณ์ใหม่ - การแสดงออก นักเรียนสามารถเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจากอาหารที่ กำหนดไวไ้ ด้ 4. การประเมินค่า หมายถึง ความสามารถในการวิจารณ์ตัดสินส่ิงท่ีกำหนดไว้เก่ียวกับ อาหารและสุขภาพ - การแสดงออก นักเรียนสามารถวจิ ารณ์ เกย่ี วกบั อาหาร และสขุ ภาพได้ ขน้ั ท่ี 4 พิจารณาแยกแยะเนอ้ื หาเพ่ือใชใ้ นการสอนและการสอบ ซึ่งแยกแยะเนอ้ื หาไดด้ ังน้ี เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชัยภมู ิ 177

1. ตา หู 2. โรคเกยี่ วกบั นัยนต์ า หู จมกู 3. อาหาร 4. ปญั หาและความต้องการทางด้านโภชนาการ 5. สวัสดภิ าพของตนเองและส่วนรวม 6. ความปลอดภยั ในการโดยสารรถยนต์ รถไฟ และเรอื 7. สวัสดิภาพของคนเดนิ เทา้ ขนั้ ท่ี 5 นำเอาพฤตกิ รรมในขั้นที่ 3 และเน้ือหาในข้ันท่ี 4 มากำหนดน้ำหนักความสำคญั ที่จะวัด ซึง่ ไดก้ ำหนด ดงั น้ี ก. พฤตกิ รรมทตี่ ้องการวัด 1. ความรู้ น้ำหนักความสำคัญ 15 % 2. การนำไปใช้ นำ้ หนกั ความสำคัญ 40 % 3. การวเิ คราะห์ น้ำหนกั ความสำคัญ 25 % 4. การประเมินค่า นำ้ หนกั ความสำคัญ 20 % รวม 100 % ข. เน้ือหาทีจ่ ะวดั 1. ตา หู นำ้ หนกั ความสำคัญ 10 % 2. โรคเกีย่ วกบั นยั นต์ า หู จมกู นำ้ หนักความสำคัญ 15 % 3. อาหาร นำ้ หนักความสำคัญ 20 % 4. ปญั หาและความต้องการทางการโภชนาการ น้ำหนักความสำคัญ 10 % 5. สวสั ดิภาพของตนเองและส่วนรวม นำ้ หนักความสำคัญ 12 % 6. ความปลอดภยั ในการโดยสารรถยนต์ รถไฟ และเรือ นำ้ หนกั ความสำคัญ 18% 7. สวสั ดภิ าพของการเดนิ เท้า น้ำหนักความสำคัญ 15% รวม 100% ขั้นที่ 6 นำเอาพฤตกิ รรมในข้ันที่ 3 และเน้ือหาในข้ันท่ี 4 มาเขียนลงในตาราง ให้สัมพันธ์กันพร้อม ทัง้ เขยี นน้ำหนัก ความสำคญั ท่กี ำหนดไว้ในขนั้ ที่ 5 ลงในตาราง ซง่ึ ไดเ้ ป็นตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตรดังน้ี ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู ร วิชา พ 101 เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ 178

ตารางน้ี ทำได้โดยผู้สอนแต่ละคนกำหนดนำ้ หนกั ลงในแต่ละเน้อื หา และพฤติกรรม พร้อมทงั้ คำนวณหาจำนวนข้อสอบโดยใชว้ ิธีการเทยี บบัญญตั ไิ ตรยางศ์ ขั้นที่ 7 ทำเปน็ ตารางเฉลี่ย โดยเอาตารางของผูส้ อนแตล่ ะคนนำนำ้ หนักความสำคัญของแตล่ ะ ชอ่ งเฉล่ยี ลงในตารางใหม่ซง่ึ จะเปน็ ตาราง 100 ตามต้องการ 9.4 การวเิ คราะห์หลักสตู รแบบอิงเกณฑ์ การวิเคราะห์หลักสูตรแบบอิงเกณฑ์คล้ายกับการทำตารางวิเคราะห์แบบอิงกลุ่มแต่ไม่จำเป็น ต้องให้น้ำหนักคะแนนตามช่องสัมพันธ์กับเนื้อหาและพฤติกรรม เพียงแต่แสดงให้เห็น โดยการทำ เครื่องหมายว่าช่องนี้ต้องการปลูกฝังให้เด็กมีพฤติกรรม และเขียนจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมให้กระจ่าง เพ่ือใช้ในการสอนและการสอบ ซ่ึงควรแยกเน้ือหาเป็นตอน ๆ ที่คาดว่าจะสอบย่อยครั้งหน่ึง ๆ แล้ว พิจารณาว่าเนื้อหานั้นควรมีการปลูกฝังให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมใดแล้วขีดเครื่องหมายกากบาท (X) ดังตวั อยา่ งในตาราง 9.1 พฤตกิ รรม ความจำ การ การวิเคราะห์ การ เน้อื หา นำไปใช้ ประเมินคา่ X 1. ส่วนประกอบของตา X X 2. หน้าที่ของตา X XX 3. ประโยชน์ของตา X 4. การดแู ลรกั ษาตา ตารางท่ี 9.1 ตัวอย่าง ตารางวเิ คราะห์หลักสูตรแบบอิงเกณฑ์ ตารางวิเคราะห์หลักสูตรแบบนี้เป็นเครื่องช่วยให้ผู้สอนและผู้สอบเข้าใจตรงกัน ตามความ ต้องการของหลักสูตรจำนวนข้อสอบข้ึนอยู่กับผู้สอนเป็นประการสำคัญ ควรมีข้อสอบไม่เกิน 25 ข้อ (20–25 ขอ้ ) และใชเ้ วลาสอบประมาณ 20–25 นาที จากการวิเคราะห์หลักสูตรแบบอิงเกณฑน์ ี้ อาจนำมาเขยี นจุดมุ่งหมายเชงิ พฤติกรรมแตล่ ะข้อ ดงั ตวั อยา่ ง 1. พฤตกิ รรมท่ีจะวัด : ความจำเกยี่ วกบั ส่วนประกอบของตา จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม : เมอ่ื นกั เรียนเรยี นส่วนประกอบของตาแล้ว 1. นักเรยี นสามารถบอกสว่ นประกอบของตาได้ 2. นกั เรียนสามารถชี้ ส่วนประกอบของตาได้ 2. พฤติกรรมท่จี ะวัด : ความจำเก่ยี วกับหน้าทีแ่ ละประโยชน์ของตา จุดมุง่ หมายเชงิ พฤติกรรม : เมอ่ื นักเรียนเรียนหน้าท่แี ละประโยชน์ของตา 1. นักเรียนสามารถบอกหนา้ ที่และประโยชน์ของตาได้ 2. นกั เรียนสามารถบอกหนา้ ท่ีและประโยชน์ของสว่ นประกอบของตาแต่ละ สว่ นได้ 3. พฤติกรรมท่ีจะวดั : ความจำเกีย่ วกับการดูแลรักษาตา จุดมงุ่ หมายเชิงพฤติกรรม : เม่ือนกั เรยี นเรยี นการดูแลรกั ษาตา เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ 179

1. นักเรียนสามารถบอกข้นั ตอนในการดแู ลรักษาตาได้ 2. นักเรยี นสามารถเปรยี บเทียบผลเสียของการใชต้ าในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ การเขียนจุดมุง่ หมายเชิงพฤติกรรม หรอื พฤติกรรมหลักที่ต้องการให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมนั้น การเขียนจุดมงุ่ หมายเชิงพฤติกรรมต้องเขยี นใหผ้ ้สู อนและผู้สอบสามารถปฏิบัติและสังเกตได้จริง 9.5 ประโยชน์การวิเคราะห์หลกั สูตร การวเิ คราะหห์ ลักสูตร มปี ระโยชน์ในการเรียนการสอน และการบรหิ ารดังนี้ 1. สำหรับครูผู้สอน ตารางวิเคราะห์หลักสูตรเป็นกรอบหรือโครงสร้างที่จะสอน และสอบได้ ครอบคลมุ ตามหลักสตู ร ซ่ึงมปี ระโยชน์ดงั นี้ 1.1 เก่ียวกับการสอน ช่วยให้ครูรู้รายละเอียดของเน้ือหาและพฤติกรรมที่ควรปลูกฝัง ผู้เรียนรู้ว่าเนื้อหาหน่ึง ๆ ควรปลูกฝังพฤติกรรมใดบ้าง และปลูกฝังมากน้อยเพียงใด การกำหนดช่ัวโมง การสอนทำไดเ้ ป็นสดั ส่วนเหมาะสมในแต่ละเนือ้ หาน้ัน ๆ 1.2 เก่ียวกับการสอบ ช่วยให้ครูได้ออกข้อสอบครอบคลุมเน้ือหาและพฤติกรรมตามท่ี ต้องการเป็นเครื่องช่วยบังคับทิศทางการออกข้อสอบว่าจะออกเน้ือหาใดตามพฤติกรรมใด จำนวนก่ีข้อ และสามารถใชต้ รวจสอบความบกพร่องของเด็กเมื่อทำผิดได้ 2. สำหรับผู้บริหาร ช่วยในการประเมินผลการสอนของครูติดตามผลการเรียนรู้ของเด็กว่าเด็ก บกพร่องเรื่องใด ช่วยในการช้ีจุดบกพร่องในเรื่องที่สอนและสอบ ซึ่งผู้บริหารสามารถทำได้สะดวก รวดเรว็ ขนึ้ การจัดทำหรือพัฒนาหลกั สตู รน้ันมสี ง่ิ ทีต่ ้องปฏบิ ัติและพิจารณาท่ีสำคัญ คอื 1. การศกึ ษาข้อมลู พน้ื ฐาน 2. การร่างหลกั สูตร 2.1 การกำหนดจุดม่งุ หมาย 2.2 การกำหนดเนื้อหาสาระ 2.3 การกำหนดประสบการณ์การเรยี นรู้ 2.4 การกำหนดวิธีการวัดและประเมนิ ผล 3. การตรวจสอบคณุ ภาพหลักสตู ร 4. การทดลองใชห้ ลกั สตู ร 5. การประเมนิ หลกั สูตร 6. การปรับปรุงแก้ไขหลกั สูตร ทฤษฎีการพัฒนาสตู รของอำนาจ จันทร์แปน้ (2532) ท่ผี สมผสานหรือบูรณาการองค์ประกอบที่ สำคัญและสอดคล้องกันที่จะนำไปปฏิบัติได้จริงในสภาพแวดล้อมและข้อจำกัดของโรงเรียนเพื่อให้จัด การศึกษาสอดคล้องกับปัญหา และสอดคล้องกับความเปล่ียนแปลงของสังคม และความเจริญก้าวหน้า ของวิชาการ เทคโนโลยี ตลอดจนสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและความต้องการของผู้เรียน โดยแสดงออกมาเป็น โมเดลสปาย (SPIE Model) เพ่ือให้มีความเข้าใจกระบวนการและข้ันตอนการพัฒนาหลักสูตรแบบ SPIE Model จึงได้ นำเสนอสาระสำคญั ของแตล่ ะขน้ั ตอน ดงั นี้ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ 180

1. การวิเคราะห์สถานการณ์ การวิเคราะห์สถานการณ์ (Situation) หมายถึง การศึกษาวิเคราะห์สภาพในอดีต สภาพ ปัจจุบันและสภาพทค่ี วรเปน็ อนาคต โดยวเิ คราะห์สง่ิ ต่าง ๆ ต่อไปน้ี 1.1 ปรชั ญาการศกึ ษานโยบาย หลักสูตร แผนการศึกษา งานวิจยั 1.2 สภาพปญั หา ค่านยิ ม วฒั นธรรมและความต้องการชุมชน 1.3 ธรรมชาติของเนือ้ หาสาระ วิชาความรู้ ความเจริญกา้ วหน้าทางวิชาการ 1.4 ความรู้เกีย่ วกับผเู้ รยี น ในด้านความต้องการและความสนใจ 1.5 ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ ตลอดจนแนวทางการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สงัด อุทรานันท์ (2532 ) ได้กล่าวถึงการวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานสำหรับการพัฒนา หลักสูตรไว้ การวิเคราะห์ขอ้ มลู พ้ืนฐานเปน็ ส่ิงที่มีความสำคัญมาก เพราะสภาพปญั หาและความต้องการ ทไ่ี ด้จากศึกษาและวิเคราะห์เป็นข้อมูลสำคญั ทห่ี ลักสูตรจะต้องการพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและสนอง ความต้องการเหล่าน้ัน โดยแหล่งข้อมูลสามารถ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหา ชุมชน และข้อมูลเก่ียวกับความต้องการของผู้เรียน ซึ่งสามารถรวบรวมข้อมูลได้ทั้งทางตรงโดยการใช้ แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ผู้ท่ีเกี่ยวข้อง การสังเกต สำหรับทางอ้อมทำได้โดยการศึกษาค้นคว้าจาก เอกสาร การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากแหล่งตา่ ง ๆ กรมวิชาการ (2539) ได้กล่าวถึงการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตรที่มี เป้าหมายหรือมีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจนจะช่วยให้มองเห็นภาพของงาน โดยจำเป็นจะต้องมีการวิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐานซ่ึงเป็นการวางแผนอย่างมียุทธศาสตร์ เพราะเป็นกระบวนการทำงานท่ีมีการวิเคราะห์ ตลอดแนว เป็นกระบวนการคิดท่ีรอบคอบ หาทางเลือกท่ีหลากหลายแนวทางท่ีมีประโยชน์ สูงสุด สถานศึกษาจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานท่ีจำเป็น หรือ การ วางแผนอย่างมยี ุทธศาสตรป์ ระกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ ๆ ดงั น้ี 1. การศึกษาแนวโน้มของการพัฒนา เป็นการศึกษาสภาพสังคมท่ีสถานศกึ ษาทอ้ งถิ่น วา่ มแี นวโน้มของการพฒั นาไปในทิศทางใด 2. การศึกษาความต้องการของท้องถิ่น เป็นการศึกษาหรือสำรวจความต้องการของ ท้องถิ่นว่ามีวามต้องการจะให้ท้องถ่ินของตนเป็นอยา่ งไรในอนาคต วิธีการได้มาของข้อมูลเก่ียวกับความ ต้องการของท้องถิ่นอาจใช้วิธีการทางตรง คือ การออกไปสอบถามจากบุคคลในท้องถิ่น หรือวิธีการ ทางอ้อมโดยการรวบรวมข้อมูลท่ีเป็นความต้องการของท้องถิ่นจากการที่หน่วยงานหรือบุคคลอื่นทำไว้ ผลจากการสำรวจนำมาใช้เป็นขอ้ มลู ในการพจิ ารณาดำเนนิ การพัฒนา 3. การศึกษาส่ิงท่ีมีผลต่อการจัดการศึกษา ส่ิงที่มีบทบาทหรือมีผลกระทบต่อการจัด การศึกษาทำให้สถานศึกษาต้องจัดการศึกษาให้สอดคล้องตามที่มีระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนี้วัฒนธรรมประเพณี รวมท้ังสภาพแวดล้อมทางกายภาพของท้องถิ่น ล้วนแต่เป็นส่ิงท่ีมี ผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอนให้สนองหรือสอดคลอ้ งกับท้องถนิ่ 4. การศึกษาศักยภาพของสถานศึกษา เป็นการศึกษาสภาพทั่วไปของสถานศึกษาว่า มีความพร้อมในเรื่องใด มากน้อยเพียงไร รวมท้ังศึกษาว่าในการดำเนินงานทั้งด้านบริหารและวชิ าการท่ี ผ่านมาประสบผลสำเร็จ 5. สร้างภาพของงานตลอดแนว ขั้นตอนนี้เป็นการนำเอาข้อมูลซ่ึงเป็นผลจาก กจิ กรรมทง้ั 4 ขนั้ ตอน เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภมู ิ 181

2. การวางแผนหลักสูตรหรือแผนประสบการณ์ (Planning) ในการวางแผนหลักสูตร หรือ แผนประสบการณ์มขี ั้นตอนการดำเนินงาน ดงั น้ี 2.1 กำหนดหลกั สตู รสาขา หมวดวิชา 2.2 กำหนดหลกั สตู รรายวชิ า 2.2.1 กำหนดลักษณะวชิ า 2.2.2 พจิ ารณาความสมดลุ ระหว่างทฤษฏกี บั ปฏิบตั ิ 2.2.3 คัดเลอื กและรวบรวมและผลิตสื่อประเภท 2.3 กำหนดหลักสูตรเฉพาะกลุ่มบุคคล เช่น หลักสูตรสำหรับชนกลุ่มน้อย หรือหลักสูตร สำหรบั เดก็ เรยี นช้า เป็นตน้ 2.4 กำหนดแผนการสอน 2.4.1 กำหนดวัตถุประสงค์ รูปแบบของจุดประสงค์สามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ (อำนาจ จนั ทร์แป้น. 2532) 1) จุดประสงค์จะอยู่ในรูปแบบหรือลักษณะของสิ่งที่ผู้สอนกระทำ เช่น การ เสนอทฤษฏีวฒั นาการ การสาธิต การพิสจู น์ เป็นต้น ลักษณะเหล่าน้ีจะแสดงใหเ้ หน็ สิง่ ทีผ่ ูส้ อนวางแผนท่ี กระทำ แต่จุดประสงค์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายของการศึกษาที่แท้จริง เพราะจุดประสงค์ของการท่ี แทจ้ ริงไมใ่ ช่ต้องการให้ผู้สอนกระทำอย่างหนง่ึ แตส่ ร้างความเปลย่ี นแปลงใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมของผเู้ รยี น 2) จุดประสงค์อยู่ในลักษณะของรายการหัวข้อเน้ือหาวิชา จุดประสงค์ใน ลักษณะนี้ถึงแม้จะชี้ให้เห็นว่านักเรียนจะต้องเรียนอะไรบ้าง แต่ไม่ใช่จุดประสงค์ท่ีพึงประสงค์ เพราะ ไมไ่ ดช้ ี้เฉพาะวา่ นกั เรียนจะต้องทำอย่างไรบา้ งเนื้อหาสาระเหลา่ นี้ 3) จุดประสงค์จะอยู่ในรูปแบบพฤติกรรมทั่ว ๆ ไป ซ่ึงไม่ได้ชี้เฉพาะให้ชัดเจน เช่น ความคิดเชิงวิจารณ์ การพัฒนาความลึกซ้ึง การพัฒนาเจตคติต่อสังคม เป็นต้น การกำหนด จุดประสงค์ในลักษณะนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหวังทางการศึกษาว่าคาดหวังที่จะก่อให้เกิดการ เปล่ียนแปลงให้ตวั ผู้เรียน และแสดงให้เหน็ ถึงประเภทของการเปลี่ยนแปลงโดยทั่ว ๆ ไป จำเป็นอย่างย่ิง ท่ีต้องช้ีเฉพาะว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะกระทำกับเน้ือหาใด หรือพฤติกรรมดังกล่าวจะใช้ในด้านใดของ ชีวิตไม่เป็นการเพียงพอที่จะพูดอย่างผิวเผินว่าเพ่ือพัฒนาความคิดวิเคราะห์โดยไม่อ้างถึงเนื้อหาและ ประเภทของปญั หาทจ่ี ะต้องใช้ความคิดวิเคราะห์วิจารณ์เลย วชิ ัย ประสิทธิ์เวชช์ (2542) กล่าวถึงการจัดเน้ือหาสาระไว้ว่า การจัดเน้ือหาสาระมีหลาย วิธี แต่ละวิธีควรเหมาะสมกับธรรมชาติของวิชาที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้ การจัดหลายวิธีการผสมผสาน กนั ตามธรรมชาตขิ องวชิ า ซ่งึ สามารถสรุปได้ 3 ประการ คือ 1. จัดลำดับเนอ้ื หาสาระโดยยดึ หลกั การทางตรรกะและจิตวทิ ยา 1.1 เน้อื หาสาระที่จากง่ายไปหายาก (The simple-to-complex approach) 1.2 ความจำเป็นทต่ี อ้ งเรียนก่อนหลัง (The pre-requisite learning approach) 1.3 ลำดบั กาลเวลาหรือเหตกุ ารณ์ (The chronological approach) 1.4 ตามหวั ขอ้ หรือเป็นเร่อื งอิสระ (The thematic approach) 1.5 ลำดับจากส่วนยอ่ ยไปสู่ส่วนรว่ ม (The part-to-whole approach) 1.6 ลำดับจากส่วนย่อยไปสสู่ ่วนยอ่ ย (The whole-to-part approach) เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ 182

2. จัดเนื้อหาสาระให้มีความต่อเนื่อง (Continuity) เพ่ือให้เอ้ือเฟ้ือต่อการสะสม ความร้ใู หเ้ กิดความมัน่ คงและเพียงพอสำหรับการเรียนรู้ต่อไป 3. จัดเนื้อหาสาระให้ความสัมพันธ์กัน เพื่อให้เกิดการบูรณาการและการถ่ายโยง ความรเู้ ป็นความสัมพันธ์ระหว่างวิชา 4. จดั เตรียมรายละเอียดของการจัดเนอื้ หาสาระในแต่ละรปู แบบ 5. ระบุแนวทางในการนำเอาหลักสูตรน้นั ๆ ไปสกู่ ารปฏิบตั ิ 6. กำหนดวธิ กี ารเรยี นการสอนและแหล่งวิชาการ 7. กำหนดวิธีการวัดและประเมนิ ผล เซย์เลอร์และอเล็กซานเลอร์ (Saylor and Alexander อ้างในสงัด อุทรานันท์. 2532) กล่าวถึงกระบวนการจัดเน้ือหาสาระและมวลประสบการณ์ โดยใช้ข้อเสนอแนะเก่ียวกับข้ันตอนในการ ปฏิบัติไวด้ ังนี้ 1. พิจารณาตวั ประกอบท่ีสำคัญ ซง่ึ มคี วามเกี่ยวขอ้ งกบั จุดมุ่งหมายหลกั ของหลกั สตู ร ที่จัดทำ 2. ระบุจุดมุ่งหมายยอ่ ย ภายใต้จดุ มงุ่ หมายใหญ่แตล่ ะข้อ 3. ระบุชนิดของประสบการณ์ท่ีมีความเหมาะสม ซ่ึงจะสามารถทำให้บรรลุ จุดมุ่งหมายหลกั และจดุ มุง่ หมายยอ่ ย 4. ในแต่ละจุดมุ่งหมายหลักน้ัน ควรเลือกรูปแบบเดียวหรือมากกว่าก็ได้ ในการจัด เน้อื หาสาระในหลักสตู รอาจทำได้ในรปู แบบตอ่ ไปน้ี 4.1 การยึดเอาสาขาวิชาหรือรายวิชาเป็นหลัก 4.2 การยดึ เอาความตอ้ งการและความสนใจของผ้เู รยี นเปน็ หลัก 4.3 การยึดเอากิจกรรมและปัญหาของสงั คมเป็นหลัก 4.4 การยดึ เอาทกั ษะกระบวนการเปน็ หลัก 4.5 การยดึ เอาสมรรถภาพเปน็ หลัก 9.6 การวิเคราะห์หลกั สตู ร เพ่ือการเขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ สว่ นประกอบของแผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรมู้ ีสว่ นประกอบ 3 ส่วน ดงั น้ี 1. ส่วนหนา้ ประกอบด้วย ปก , ใบรองปก , คำนำ , สารบัญ , การวเิ คราะห์หลกั สูตร 2. ส่วนที่เป็นแผนการสอน ประกอบด้วย 1) มาตรฐานการเรียนรู้ 2) ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั 3) ผังบรู ณาการ 4) สาระการเรียนรู้ 5) จุดประสงคป์ ลายทาง 6) จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 7) สาระการเรียนรู้/เน้อื หาสาระ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ 183

8) กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 3 ขัน้ ขน้ั นำ ขั้นสอน ขน้ั สรุปหรอื แล้วแต่ธรรมชาติ ของวิชาน้ัน 9) สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 10) การวัดผลประเมิน 11) กิจกรรมตอ่ เนื่อง 12) หนงั สอื ค้นคว้าเพิ่มเตมิ /แหล่งเรียนรู้ 13) บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 14) ความคิดเห็นของผบู้ รหิ าร 3. สว่ นประกอบตอนทา้ ยหรือภาคผนวก เป็นสว่ นทเ่ี พ่มิ รายละเอียดใหส้ มบูรณแ์ ละมคี วามน่าเชอ่ื ถือว่าแผนไดม้ ีการนำไปใช้ เช่น 1) รายละเอยี ดเอกสารประกอบ 2) สอ่ื การเรียนรู้ 3) แบบฝึก 4) กจิ กรรมเสริมทักษะหรือกิจกรรมเสรมิ ความรู้ 5) แบบวดั และประเมินผล 6) ตวั อย่างชิน้ งานของนักเรียน 7) ภาพการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนทน่ี า่ สนใจ การวิเคราะหห์ ลกั สูตร 1. ความสำคัญ ธรรมชาติและลกั ษณะเฉพาะของกลุ่มส่าระ (ให้ลอกมาจากคู่มือการจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้ของกลุม่ สาระ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วิสัยทัศนข์ องกลมุ่ สาระ พันธกิจ เป้าหมาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. คณุ ภาพของผูเ้ รยี นในชว่ งช้นั ท่สี อน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สาระการเรยี นรู้ (แลว้ แตก่ ลุ่มสาระวา่ เรียนเรือ่ งใดบา้ ง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละมาตรฐานการเรยี นรูช้ ่วงช้ัน สาระ มาตรฐานการเรียนร้ชู ว่ งชนั้ ม 1- ม. 3 สาระท่ี 1 ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม 6. ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรูช้ ว่ งช้นั ม. 3 มาตรฐานการเรียนรชู้ ว่ งชนั้ ม. 1 ม. 2 เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชัยภมู ิ 184

7. การวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรูส้ คู่ ำอธิบายรายวิชา มาตรฐานการเรยี นรูช้ ่วงชนั้ ม. 1 คำอธิบายรายวิชา 8. คำอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า .................................. สาระ................................................................... จำนวน คาบ/สัปดาห์/ภาค จำนวนหนว่ ยการเรียน ................................................. ........................................................................ 9. สาระสำคญั ของคำอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า .......................... สาระ..................................................................... การวิเคราะห์คำอธบิ ายรายวิชา กจิ กรรม เนื้อหา จดุ ประสงค์ในคำอธิบายรายวิชา 10. การวิเคราะหจ์ ดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคใ์ น จดุ ประสงคป์ ลายทาง คำอธิบายรายวชิ า เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ความ 1. มีความรูค้ วามเขา้ ใจในการศกึ ษาประวัติศาสตร์ เหน็ ความสำคัญของ เขา้ ใจเกยี่ วกับการตงั้ ถ่ิน ประวัติศาสตรแ์ ละสามารถนำวิธีทางประวตั ศิ าสตร์ไปใช้ในชีวติ ประจำวัน ฐานในดนิ แดนประเทศ 2. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั หลักฐานทีใ่ ช้ในการศึกษาประวตั ิศาสตรก์ ารตง้ั ไทย แนวคดิ เก่ยี วกับ ถิ่นฐานในดนิ แดนประเทศไทยและเหน็ คณุ คา่ ความสำคัญของหลกั ฐาน ความเป็นมาของชนชาติ ประวตั ศิ าสตร์ ไทย และลักษณะการ 3. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับสภาพภมู ิศาสตรท์ ่ีเออื้ อำนวยต่อการต้ังถนิ่ ฐาน ผสมผสานวฒั นธรรมท่ี ในดินแดนประเทศไทย รู้จกั ปรบั ตวั ให้เขา้ กบั ภาพแวดลอ้ ม ปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็น หล่อหลอมสำนกึ ของ ประโยชนต์ ่อท้องถิ่นและประเทศชาติ ความเป็นชาตไิ ทยเกิด 4. มีความรคู้ วามเข้าใจในพฒั นาการสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในดนิ แดนประเทศ ความภูมิใจในความเปน็ ไทย ไทย 5. มคี วามรู้ความเข้าใจในประวตั ิความเปน็ มาของชนชาติไทย ภาคภูมใิ จทเี่ กิด มาเป็นคนไทยนำความรู้ความสามารถช่วยกนั พัฒนาท้องถนิ่ และประเทศชาติ ใหเ้ จริญก้าวหน้า เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ 185

11. การวเิ คราะหเ์ น้อื หา รายวิชา ส 31101 สาระประวัตศิ าสตร์ ชุดท่ี จดุ ประสงคป์ ลายทาง เนื้อหา จำนวน คาบ 1 มคี วามรู้ความเข้าใจใน 1. เปิดโลกประวัตศิ าสตร์ 3 การศึกษาประวัติศาสตร์ 1.1 ความหมายของประวัตศิ าสตร์ เหน็ ความสำคัญของ 1.2 การใชพ้ ุทธศักราชและคริสต์ศักราช ประวัตศิ าสตรแ์ ละ 1.3 วธิ ีการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ สามารถนำวิธที าง 1.4 ความสำคญั ของประวัตศิ าสตร์ไทย ประวัติศาสตร์ไปใช้ใน 1.5 ประวัติบุคคลสำคัญที่เกีย่ วขอ้ งกับ ชวี ิตประจำวนั ประวัตศิ าสตร์ไทย 12. การวเิ คราะห์จดุ ประสงค์การเรียนรู้ รายวิชา ส 31101 สาระประวัติศาสตร์ จุดประสงคป์ ลายทาง เน้ือหา จุดประสงค์นำทาง 1. มีความรคู้ วาม เรือ่ ง เปดิ โลกประวัติศาสตร์ 1.1 บอกความหมายประวัติศาสตร์ได้ 1.2 เปรยี บเทียบพุทธศกั ราชและครสิ ต์ เขา้ ใจในการศึกษา - ความหมายของประวัติศาสตร์ ศักราชได้ 1.3 อธบิ ายวธิ ีทางประวตั ิศาสตร์ได้ ประวัตศิ าสตร์ - การใช้พทุ ธศักราชและ 1.4 เล่าประวัตบิ คุ คลสำคัญที่เกย่ี วข้องกับ ประวตั ิศาสตรไ์ ทยได้ เหน็ ความสำคัญของ คริสตศ์ กั ราช 1.5 สรปุ ความสำคัญของประวัติศาสตรไ์ ทยได้ 1.6 นำวิธีทางประวตั ิศาสตร์ไปใชใ้ นชีวติ ประวัตศิ าสตรแ์ ละ - วิธีการศกึ ษาประวัติศาสตร์ ประจำวันได้ สามารถนำวิธีทาง - ความสำคญั ของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตรไ์ ปใช้ใน ไทย ชีวิตประจำวัน - ประวัตบิ ุคคลสำคัญทเ่ี กี่ยวข้อง กบั ประวัตศิ าสตร์ไทย 13. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายวชิ า ส 31101 สาระประวัติศาสตร์ มีความร้คู วามเขา้ ใจในการศึกษาประวัตศิ าสตร์ เหน็ ความสำคัญของ ประวัติศาสตร์ และสามารถนำวิธที างประวตั ศิ าสตร์ไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน 1.1 บอกความหมายประวัตศิ าสตร์ได้ 1.2 เปรียบเทยี บพุทธศักราช และคริสต์ศักราชได้ 1.3 อธบิ ายทางประวัติศาสตร์ได้ 1.4 เล่าประวตั บิ คุ คลสำคัญทเ่ี ก่ียวข้องกับประวตั ิศาสตรไ์ ทยได้ 1.5 สรปุ ความสำคญั ของประวตั ิศาสตรไ์ ทยได้ 1.6 นำวิธที างประวัตศิ าสตรไ์ ปใช้ในชวี ิตประจำวันได้ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 186

14. ตารางวเิ คราะห์พฤติกรรมการเรยี นรู้ พุทธพิ ิสยั ทักษะพิสยั จิตพสิ ัย รายวชิ า ส 31101 สาระ ประวตั ศิ าสตร์ ชุดท่ี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 1 มีความรูค้ วามเข้าใจในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ เห็นความสำคัญของประวัติศาสตรส์ ามารถนำ วธิ ีทางประวัตศิ าสตรไ์ ปใช้ในชวี ติ ประจำวนั 1.1 บอกความหมายประวัตศิ าสตร์ได้ 1.2 เปรียบเทียบพทุ ธศักราช และ คริสต์ศกั ราชได้ 1.3 อธบิ ายวธิ ที างประวัติศาสตร์ได้ 15. แผนการวดั ผล การวัดผล รายวชิ า ส 31101 ประวตั ศิ าสตร์ ระหว่าง ปลาย ภาค ภาค ชดุ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ // 1 มคี วามรู้ความเขา้ ใจในการศึกษาประวัตศิ าสตร์ เห็นความสำคัญของ // ประวัติศาสตร์ และสามารถนำวธิ ที างประวัตศิ าสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั // 1.1 บอกความหมายประวัติศาสตร์ได้ // 1.2 เปรียบเทียบพุทธศักราชและครสิ ตศ์ กั ราชได้ // 1.3 อธิบายวธิ ที างประวตั ิศาสตรไ์ ด้ // 1.4 เล่าประวัตบิ คุ คลสำคญั ท่ีเกยี่ วข้องกบั ประวัติศาสตร์ไทยได้ 1.5 สรปุ ความสำคญั ของประวตั ิศาสตรไ์ ทยได้ 1.6 นำวธิ ีทางประวตั ศิ าสตร์ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชัยภูมิ 187

รายวชิ า ส 31101 สาระประวตั ศิ าสตร์ ข้อทดสอบวัดผลปลายภาค ชดุ ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ปรนัย อัตนยั จำนวน ขอ้ ท่ี จำนวน ข้อท่ี 1 มคี วามรคู้ วามเข้าใจในการศึกษาประวตั ิศาสตร์เห็นความสำคญั ของประวตั ิศาสตร์ และสามารถนำวิธีทางประวตั ศิ าสตร์ไปใช้ ในชวี ิตประจำวันได้ 6 1-6 1 1 1.1 บอกความหมายประวตั ิศาสตรไ์ ด้ 11 1.2 เปรยี บเทียบพุทธศักราชและครสิ ตศ์ กั ราชได้ 12 1.3 อธิบายวิธีทางประวตั ิศาสตรไ์ ด้ 13 1.4 เลา่ ประวัติบคุ คลสำคญั ทเ่ี กย่ี วข้องกบั ประวัตศิ าสตร์ 14 ไทยได้ 1.5 สรุปความสำคัญของประวัติศาสตรไ์ ทยได้ 15 1.6 นำวิธที างประวัติศาสตร์ไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน 16 รายวชิ า ส 31101 สาระประวัติศาสตร์ ขอ้ ทดสอบวดั ผลปลายภาค ปรนัย อัตนัย ชุดท่ี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จำนวน ขอ้ ท่ี จำนวน ขอ้ ท่ี 1 มคี วามร้คู วามเขา้ ใจในการศึกษาประวัตศิ าสตร์เหน็ 6 1-6 1 1 ความสำคัญของประวตั ศิ าสตร์ และสามารถนำวิธีทาง 11 ประวตั ิศาสตร์ไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้ 12 1.1 บอกความหมายประวัติศาสตร์ได้ 13 1.2 เปรียบเทยี บพุทธศักราชและคริสตศ์ ักราชได้ 14 1.3 อธิบายวิธีทางประวัตศิ าสตร์ได้ 1.4 เล่าประวตั บิ ุคคลสำคญั ที่เกย่ี วข้องกบั ประวัติศาสตร์ 15 ไทยได้ 16 1.5 สรุปความสำคั ญของประวตั ิศาสตร์ไทยได้ 1.6 นำวธิ ีทางประวัตศิ าสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน 17. กระบวนการทีใ่ ช้จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ รายวิชา ส 31101 สาระประวัตศิ าสตร์ ชุดท่ี เรื่อง กระบวนการท่ใี ช้ 1 เปดิ โลกประวัติศาสตร์ กระบวนการสร้างเจตคติกระบวนการกลุม่ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชัยภมู ิ 188

18. นวตั กรรมประกอบการสอน รายวิชา ส ส 31101 สาระประวัตศิ าสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ชดุ ท่ี เรอ่ื ง นวัตกรรมประกอบการสอน 1 เปดิ โลกประวัติศาสตร์ - บทเรยี นสำเร็จรปู เรื่อง เรียนรู้ประวตั ิศาสตรไ์ ทย 2 หลักฐานประวัติศาสตร์ - หนังสอื อ่านประกอบเร่อื ง ตามรอยประวตั ิศาสตร์ 3 ปจั จัยเออ้ื ตอ่ การตัง้ ถิน่ ฐาน - หนงั สอื ภาพเล่ือนเรื่อง ถิ่นทองของไทย ในดนิ แดนประเทศไทย 4 สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตรใ์ น - บทเรยี นสำเร็จรูปเร่ือง สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรใ์ นดินแดนประเทศไทย ดินแดนประเทศไทย - หนงั สือภาพเล่อื นเรอ่ื ง คนสมัยก่อนประวตั ศิ าสตรใ์ นดินแดนประเทศ ไทย - หนังสือภาพตงั้ เร่อื ง เคร่อื งมอื หนิ ในดินแดนประเทศไทย 5 ชนชาติไทยมาจากไหน - บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรื่อง ประวตั ิความเปน็ มาของชนชาติไทย - หนังสือพบั เร่อื ง ชนชาตไิ ทยมาจากไหน - หนงั สอื ภาพต้งั เรือ่ ง ชนเผ่าไท - ซดี สี ไลด์ เรอ่ื ง ชนชาติไทและอาณาจักรโบราณ 6 เมอื งโบราณในยคุ เร่ิมแรก - ชดุ การสอนเรื่องอาณาจกั โบราณในดินแดนประเทศไทย และอาณาจักรโบราณใน ดินแดนประเทศไทย 19. แบบปฐมนิเทศ รหสั วิชา ส 31101 สาระ ประวัติศาสตร์ ระดบั ชั้น มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ................................................................................................................................................................ จำนวนหน่วยการเรียน 1 หน่วย จำนวนคาบเรยี นทั้งหมด 36 คาบ / ภาค จำนวนคาบเรียน 2 คาบ / สัปดาห์ จำนวนคาบเรียนทข่ี าดได้ (ไมเ่ กนิ ) 7 คาบ / ภาค อาจารยป์ ระจำวิชา (ผู้สอน) นางสาวเดอื นเพญ็ พร ชยั ภูมภิ ักดี การวัดผลประเมนิ ผล 1. อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งภาคเรยี น / ปลายภาคเรยี น 60 : 40 2. อตั ราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาค 60 คะแนน จำแนก ดังนี้ 2.1 คะแนนสอบรายจดุ ประสงค์ 20 คะแนน 2.2 คะแนนสอบกลางภาค 20 คะแนน 2.3 คะแนนงานภาคปฏบิ ตั ิ 10 คะแนน 2.4 คะแนนจิตพิสยั 10 คะแนน 3. งานปฏบิ ัตริ ะหว่างเรยี น 2 ช้ิน 3.1 งานรายบุคคลจัดทำสื่อตามความถนัดคนละ 1 ช้ิน เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ 189

3.2 งานกลุ่มทำโครงงานตามความสนใจ 1 เร่อื ง 4. คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนน 5. การใหผ้ ลการเรียน “ร” และ “ม.ส” เปน็ ดังนี้ ได้ผลการเรียน “ร” เพราะ ไม่ส่งงาน คือ …………………………………………………... ขาดสอบกลางภาคหรอื ปลายภาค ได้ผลการเรียน “มส” เพราะ ขาดเรยี นเกนิ 8 คาบ และไม่ไดร้ ับอนมุ ตั ิ 6. การให้คะแนนจติ พิสัยจำแนกได้ คือ 1. ตัง้ ใจเรยี น 3 คะแนน 2. ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3 คะแนน 3. สง่ งานตรงเวลา 2 คะแนน 4. กลา้ แสดงความคดิ เห็น 2 คะแนน รวม 10 คะแนน ลงซอ่ื อาจารยป์ ระจำวชิ า (นางสาวเดือนเพ็ญพร ชัยภูมิภกั ดี) เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ 190

ตัวอยา่ งผัง การวเิ คราะหห์ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้....................... สกู่ ารจัดทำแนวการจดั การเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ ........................................................................................................................ ......................... มาตรฐาน .............................................................................................................................................. ตัวชว้ี ดั สมรรถนะ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรม / คุณลักษณะ กระบวนการ แกนกลาง ทอ้ งถิ่น สมรรถนะสำคญั ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ การวเิ คราะหห์ ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานกลุ่มสาระการเรยี นรู้....................... สูก่ ารจดั ทำแนวการจดั การเรยี นรวู้ ิชา..............................รหัส......... หน่วยท.่ี .......เร่ือง......................................... สาระที่ ๑ ................................................................................................................................................. มาตรฐาน .............................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ................ ตวั ช้ีวัด สมรรถนะ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรม / คุณลักษณะ กระบวนการ แกนกลาง ทอ้ งถนิ่ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภมู ิ 191

สมรรถนะสำคญั ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา .......................วิชา......................................................................กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ชั้น.............................................. เวลา ........... ชวั่ โมง /ภาคเรยี น จำนวน .................... หน่วย ********************************* .................................................................................................................................... ............................... ................................................................................................................................... ............................... รหัสมาตรฐานตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ......................................................................................................................... .......................................... .......................................................................................................................................................... ......... รวม .............................. ตัวชวี้ ัด /ผลการเรียนรู้ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ 192

โครงสร้างรายวชิ า โครงสร้างรายวชิ า .....................................: รหสั วชิ า........................... กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ชัน้ .................................................................. เวลา .................... ชว่ั โมง /ภาคเรยี น หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน ตัวช้ีวดั / สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั ท่ี สาระที่ /มาตรฐาน/ ผลการเรยี นรู้ (ชม.) คะแนน ตวั ชว้ี ัด ตารางออกแบบจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐาน ตัวชี้วดั / สาระการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ท่ี เรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ 193

เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 221 ตารางออกแ รหัสวชิ า................... วชิ า................ ชือ่ หน่วย ................. ชนั้ ...................................... มาตรฐาน ตัวชี้วดั / สมรรถนะ/ สาระการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ คณุ ลักษณะ สมรรถนะสำคัญ ดา้ นความรู้ (K) ............................ ................................. ............................ ................................ ............................ ดา้ นทักษะ/ ............................ กระบวนการ/กระบวน ............................ คิด (P) ............................ .................................. คณุ ลักษณะอนั ................................. พงึ ประสงค์ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั ............................ พึงประสงค์ (A) ............................ ................................. ............................ ................................. ............................ .................................

แบบการเรยี นรู้ ........................................ หนว่ ยท่ี ...... ....................................... เวลา ................... ชัว่ โมง ภาระงาน/ การวดั และ กิจกรรม/กระบวนการ สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ ช้ินงาน ประเมนิ ผล การเรียนรู้ ของนักเรยี น

กำหนดการประเมิน การประเมินระหว่างจดั การประเมนิ เมื่อส้นิ สุด กิจกรรม กจิ กรรม ส่งิ ท่ตี ้องการวัด/วธิ กี าร ประเมิน บทสรุป การวิเคราะห์หลักสูตรสถานการณ์จริง สามารถปรับปรุงกิจกรรมและขั้นตอน ให้เหมาะสมกับ เนื้อหาวิชา สภาพท้องถ่ินและเง่ือนไขอื่น ๆ ได้ การสร้างหลักสูตรโดยคณะบุคคลในสถานศึกษามีผลดี คือสามารถตรวจสอบผลงานและปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสมได้ตลอดเวลา การวิเคราะห์ความ ตอ้ งการของผู้เรียน สำรวจความต้องการของผเู้ รียนเพ่ือใช้เปน็ กรอบในการจดั ทำหลักสูตร โดยพิจารณา จากช่องว่างจุดบกพร่องและพ้ืนฐานของผู้เรียน การกำหนดจุดหมาย ภายหลังจากได้วิเคราะห์ความ ต้องการของนักเรยี นแล้ว ผ้วู างแผนหลักสูตรจะช่วยกันกำหนดจดุ หมายที่ตอ้ งการเลือกเนื้อหาสาระ โดย พิจารณาจุดหมายในการเลือกเน้ือหา,ความสอดคล้อง และความสำคัญของเนื้อหา การจัดลำดับเนื้อหา อาจจัดตามลำดับจากเนื้อหาทีง่ า่ ยไปสู่เน้ือหาท่ียากหรือตามลักษณะของเนื้อหาสาระทีต่ ้องการใหผ้ ู้เรียน เรียนรู้ ควรจัดให้สอดรับกับวุฒิภาวะ ความพร้อมและระดับผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียน เลือกประสบการณ์ การ ให้นักเรียนทำความเข้าใจเน้อื หาผ่านกจิ กรรมการเรยี นรจู้ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ กำหนดกิจกรรมการ เรียนรู้และการจัดลำดับข้ันตอนของการใช้กิจกรรม และกำหนดสิ่งท่ีจะต้องประเมินและวิธีการในการ ประเมิน เพ่ือตรวจสอบว่าหลักสูตรบรรลุจุดหมายหรือไม่ โดยใช้เทคนิควิธีอย่างหลากหลายเพ่ือใช้ให้ เหมาะสมกบั การวดั ผลสัมฤทธิ์ของผ้เู รียน ผู้จัดทำหลักสูตร จะต้องมุ่งเน้นที่การจัดทำหลักสูตรหรือ หน่วยการเรียนการสอนให้คงเส้นคง วาและสอดคล้องภายในตัวหลักสูตรเอง การดำเนินการในลักษณะนี้ก็เพื่อให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ การเรียนรู้ที่เหมาะสมและเกิดความสมดุลในเนื้อหาและประเภทของการเรียนรู้ การฝึกวิเคราะห์ หลักสูตรและเขยี นแผนการสอน ครูทุกคนตอ้ งการเป้าหมายเหมอื นกันคือ คุณภาพผูเ้ รยี น แบบฝกึ หัดท้ายบท 1. จงอธิบายความหมายการวิเคราะห์หลักสูตร 2. จงบอกวตั ถปุ ระสงค์ของการสรา้ งตารางวเิ คราะห์หลักสูตร 3. ลกั ษณะตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู รประกอบด้วยกสี่ ่วน จงอธิบาย 4. จงบอกประโยชน์ของการวเิ คราะหห์ ลกั สูตร 5. จงวเิ คราะห์หลกั สูตรและเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ 222

เอกสารอ้างองิ กรมวชิ าการ. (2539). แนวทางการจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษา. กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภาลาดพร้าว. ชวลติ ชกู ำแพง. (2551). การพฒั นาหลกั สตู ร. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ ทคี วิ พี จำกดั . ชยั วัฒน์ สทุ ธริ ัตน์. (2557). การพฒั นาหลกั สตู รทฤษฎีสกู่ ารปฏบิ ตั ิ. กรุงเทพฯ: วีพรนิ ท์. วิชยั ประสทิ ธเิ์ วชช.์ (2542). การพัฒนาหลกั สตู รท้องถน่ิ สานต่อท่ที ้องถิ่น. กรงุ เทพมหานคร: บริษัท เซน็ เตอร์ดิสคัฟเวอร่ี จำกัด วชิ ัย วงษใ์ หญ่ (2521). พัฒนาหลกั สตู รและการสอน. คณะศึกษาศาสตร์: มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ. วชิ ยั วงษ์ใหญ่ และมารตุ พัฒผล. (2552). จากหลกั สตู รแกนกลางส่หู ลกั สตู รสถานศกึ ษา: กระบวนทัศนใ์ หม่การพัฒนา. บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สงัด อทุ รานันท์. (2532). พน้ื ฐานและการพัฒนาหลกั สตู ร. คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย สริ นิ าถ จงกลกลาง. (2558). การพัฒนาหลักสตู ร. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า. สำนกั งานคณะกรรมการศึกษาแหง่ ชาติ สำนักนายกรฐั มนตรี. (2543). นโยบายการผลติ และพฒั นาครู. กรุงเทพฯ: วัฒนาพานิช. อำนาจ จันทร์แป้น. (2532). การพัฒนาหลกั สตู ร ทฤษฎสี ู่การปฏิบตั ริ ะดบั โรงเรียน. เชยี งใหม่: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ 223

แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี 10 รปู แบบการพฒั นาหลักสตู ร หวั ข้อเนอ้ื หาประจำบท 10.1 ความหมายของการพฒั นาหลักสตู ร 10.2 หลกั การพัฒนาหลักสตู ร 10.3 รูปแบบของการพฒั นาหลกั สูตรของนักการศึกษาตา่ งประเทศ 10.4 รปู แบบการพฒั นาหลักสูตรของนกั การศึกษาไทย 10.5 การสงั เคราะห์รปู แบบการพฒั นาหลักสูตรร่วมสมยั บทสรปุ คำถามทา้ ยบท เอกสารอ้างองิ วัตถปุ ระสงค์ เมอ่ื ผ้เู รียนศกึ ษาบทเรียนนแ้ี ลว้ สามารถ 1. อธิบายและสรุปความหมาย หลกั การของการพัฒนาหลกั สตู รได้ 2. วเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบสำคญั การพฒั นาหลักสูตรรูปแบบตา่ ง ๆ ได้ 3. วเิ คราะห์ลักษณะเดน่ และข้อจำกดั การพัฒนาหลกั สตู รรปู แบบต่าง ๆ ได้ 4. วิเคราะห์เปรียบเทียบข้ันตอนหรือวิธีการพัฒนาหลักสูตรของแต่ละรูปแบบการพัฒนา หลกั สตู รได้ 5. สงั เคราะหร์ ปู แบบการพฒั นาหลักสตู รร่วมสมัยได้ วิธสี อนและกิจกรรมการเรยี นการสอน 1. วธิ สี อน 1.1 วิธีสอนแบบอภปิ ราย 1.2 วิธสี อนแบบบรรยาย 1.3 วิธีสอนแบบกลุ่มเรยี นรู้ 2. เทคนคิ การสอน 2.1 การใช้คำถาม 2.2 กระบวนการกลมุ่ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ขน้ั นำ 3.1 นักศึกษาทบทวนเก่ียวกับความสำคญั ของการออกแบบหลกั สูตรและลักษณะเดน่ และ ข้อจำกัดของการออกแบบหลักสตู รประเภทตา่ ง ๆ โดยการถามตอบ 3.2 ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์ พร้อมนำเสนอเน้ือหาสาระกิจกรรมการเรยี นรู้และชิ้นงานท่ีจะ เกดิ ข้นึ ในการเรยี นร้คู รัง้ นดี้ ว้ ย Microsoft Power Point ขน้ั สอน 3.3 นักศึกษาชว่ ยกนั นำเสนอวธิ ีการพฒั นาหลักสูตรตามประสบการณ์หรือตามทไ่ี ด้รับร้มู า เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ 224

เช่น “หลักสูตรการประดษิ ฐ์ของเลน่ ” “หลักสตู รการเพาะเห็ด” “หลักสูตรการเปน็ ลูกทดี่ ี” 3.4 ผู้สอนและนักศึกษาร่วมกันสรุป ข้ันตอนหรือวิธีการพัฒนาหลักสูตรท่ีเพื่อนนำเสนอ เหมอื นกนั หรอื ต่างกนั อย่างไร 3.5 นกั ศกึ ษาเข้ากล่มุ ๆ ละ 4 คน ศึกษารปู แบบการพฒั นาหลักสตู ร (กลุ่มละ 1 แนวคดิ ) รูปแบบการพฒั นาหลักสตู รของ ไทเลอร์ (Tyler) รปู แบบการพัฒนาหลกั สตู รของ ทาบา (Taba) รูปแบบการพฒั นาหลกั สตู รของ โอลิวา (Oliva) รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ เชย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (Saylor Alexander and Lewis) รูปแบบการพฒั นาหลักสูตรของ สงดั อทุ รานันท์ รปู แบบการพัฒนาหลกั สตู รของ วชิ ยั วงษ์ใหญ่ รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ ธำรง บวั ศรี รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ ไพฑูรย์ สนิ ลารัตน์ รปู แบบการพฒั นาหลักสตู รรว่ มสมัย มารุฒ พัฒน์ผล ศกึ ษาใน 3 ประเดน็ นำเสนอในรปู แบบผังกราฟฟคิ 1. แนวคดิ การออกแบบหลักสูตร 2. ขนั้ ตอน/วิธีการของการออกแบบหลักสูตร 3. ลกั ษณะสำคญั การออกแบบหลกั สูตรทด่ี ี 3.6 กลุ่มนำเสนอผลการศกึ ษาทลี ะรปู แบบ ผสู้ อนรว่ มอภิปราย/ซกั ถาม/เพม่ิ เตมิ 3.7 นักศึกษาและผู้สอนร่วมกันอภิปราย วิเคราะห์ เปรียบเทียบลักษณะเด่นความ สอดคลอ้ งของรูปแบบการพัฒนาหลักสตู รแตล่ ะแนวคิด ข้นั สรปุ 3.8 นกั ศึกษาและผู้สอนรว่ มกนั สรุป “ความหมายของการพัฒนาหลกั สูตร” 3.9 ผู้สอนนำเสนอสรปุ เนอื้ หาของบทเรียนด้วย Microsoft Power Point พรอ้ มซักถาม 3.10 นักศึกษา สังเคราะห์รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามความเข้าใจของตนเอง ตอบ คำถามทา้ ยบท และบนั ทึกการเรยี นรู้ (Learning Log) สื่อการเรียนร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 1. เอกสารคำสอนวชิ า การพฒั นาหลกั สตู ร 2. Power Point หัวข้อท่ีบรรยายเร่ือง ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร หลักการพัฒนา หลักสตู ร รปู แบบของการพัฒนาหลักสูตรของนักการศึกษาตา่ งประเทศ รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ นักการศกึ ษาไทย และ การสงั เคราะห์รูปแบบการพฒั นาหลกั สตู รรว่ มสมัย 3. หนงั สือความรทู้ ่ีเก่ยี วขอ้ งกับ รูปแบบการพฒั นาหลักสตู ร 4. เว็บไซต์ทางการศึกษา รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร 5. บทเรียนออนไลน์ รายวชิ า การพัฒนาหลักสตู ร เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ 225

การวัดผลและการประเมินผล 1. สงั เกตการตอบคำถามและตัง้ คำถาม 2. สงั เกตจากการอภิปราย ซักถาม และการแสดงความคิดเห็น 3. วัดเจตคติจากการสงั เกตพฤตกิ รรมความกระตือรอื ร้นในการทำงาน 4. กิจกรรมและคุณภาพของงาน 5. ประเมินผลจากการทำแบบฝึกหัดท้ายบท เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 226

บทท่ี 10 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร บทนำ หลักสูตรถือเป็นหัวใจของการจัดการศึกษา เพราะเป็นเคร่ืองมือสำคัญในการกำหนดทิศทางใน การจัดการศึกษา เพื่อวางรากฐานผู้เรียนให้มีทักษะพื้นฐานด้านความรู้ ทักษะ คุณลักษณะที่สำคัญ จำเปน็ ในการดำรงชวี ติ สามารถพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของตนเองและสงั คมได้ 10.1 ความหมายของการพฒั นาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรเป็นภารกิจของหน่วยงานทางการศึกษา สถานศึกษาท่ีจะต้องดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง ดังน้ันผู้ที่เกี่ยวข้องจึงมีความจำเป็นต้องมีความเข้าใจในความหมายของการพัฒนา หลักสตู ร ซึ่งมีนักการศกึ ษาใหค้ วามหมายการพฒั นาหลักสูตรไวห้ ลายกรณดี ังน้ี วิชัย วงษใ์ หญ่ (2525: 10) กลา่ ววา่ การพัฒนาหลักสูตร คือ การพยายามวางโครงการที่จะช่วย ให้นักเรียนได้เรียนรู้ตรงตามจุดหมายที่กำหนดไว้หรือการพัฒนาหลักสูตรและการสอนคือระบบ โครงสร้างของการจัดโปรแกรมการสอน กำหนดจุดมุ่งหมาย เน้ือหาสาระ การปรับปรุงตำราแบบเรียน คู่มือครูส่ือการเรียนและการวัดและประเมินผลการใช้หลักสูตร การปรับปรุงแก้ไขและการให้การอบรม ครูผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาหลักสูตรและการสอน รวมท้ังการบริหารและ บรกิ ารหลักสตู ร สงัด อุทรานันท์ (2532: 30) กล่าวว่าการพัฒนาหลักสูตรมีความหมายอยู่ 2 ลักษณะ คือ 1) การทำหลักสูตรท่ีมีอยู่แล้วให้ดีข้ึนหรือสมบูรณ์ข้ึน และ 2) การสร้างหลักสูตรข้ึนมาใหม่โดยไม่มี หลกั สตู รเดมิ เปน็ พน้ื ฐาน กาญจนา คุณารักษ์ (2540: 334) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง กระบวนการวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนทุกประเภทเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมตาม ความมุ่ง หมายและจุดประสงค์ท่ีกำหนดไว้ ตลอดจนการวางแผนประเมินผล เพ่ือให้ทราบชัดว่าพฤติกรรมท่ี เปล่ียนแปลงน้ัน ตรงตามความมุ่งหมาย และจุดประสงค์จริงหรือไม่ เพื่อผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้พัฒนา ในโอกาสตอ่ ไป ทาบา ฮิลดา (Taba Hilda, 1962: 82 ) ได้กล่าวว่าการพัฒนาหลักสูตรหมายถึง การเปลี่ยนแปลง และปรบั ปรุงหลกั สูตรเดิมให้ไดผ้ ลดีย่ิงขึ้นทั้งในด้านการวางจุดมุ่งหมาย การจัดเน้อื หาวิชาการเรยี นการ สอน การวดั ผลและการประเมนิ ผลอืน่ ๆ เพอ่ื ใหบ้ รรลถุ ึงจุดมงุ่ หมายอนั ใหมท่ ีว่ างไว้ สรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตร เป็นการปรับปรุงหรือเปล่ียนแปลงหลักสูตรที่ใช้อยู่เดิมทั้ง องค์ประกอบ เริ่มต้นที่การปรับเปลี่ยนจุดประสงค์ เนื้อหากิจรรมการเรียน การสอนรวมถึงการวัด ประเมินผลเพื่อให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะการเปลย่ี นแปลงทางสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมืองและการปกครองภายในท้องถ่ินภายในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการให้การอบรมครู ผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาหลักสูตรและการสอน รวมทั้งการบริหารและ บริการหลกั สูตร เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ 227

10.2 หลกั การพัฒนาหลกั สตู ร การพฒั นาหลักสูตรเป็นกระบวนการทำงานท่ีเป็นระบบและอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย ท้ังนี้เพื่อใหไ้ ดห้ ลักสูตรท่ีมีคุณภาพ นกั การศกึ ษาได้เสนอหลักการสำคญั ในการพัฒนาดงั น้ี ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2556 : 75 –76) ได้เสนอหลักการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่มี ขั้นตอนการพัฒนาอย่างเป็นระบบซึ่งการท่ีจะพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพนั้นต้องค ำนึงถึงหลักการ พฒั นาหลักสตู รต่อไปนี้ 1. การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องมีผู้นำท่ีเชี่ยวชาญและมีความสามารถในการพัฒนา หลกั สูตรเป็นอย่างดี 2. การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นตอ้ งได้รับความช่วยเหลือและประสานงานอย่างดีจากบุคคล ทเ่ี กี่ยวข้องทุกฝา่ ยทุกระดบั 3. การพฒั นาหลักสูตรจำเป็นต้องมกี ารดำเนินงานเป็นระเบยี บแบบแผนต่อเนือ่ งกันไปเร่ิม ต้ังแต่การวางจุดมุ่งหมายในการพัฒนาหลักสูตรจนถึงการประเมินหลักสูตร ในการดำเนินงานจะต้อง คำนึงถงึ จดุ เรม่ิ ต้นการเปลยี่ นแปลงว่า การพัฒนาหลักสตู รจะเร่ิมทีจ่ ุดใด จะเป็นการพัฒนาส่วนย่อยหรือ การพัฒนาทง้ั ระบบและจะด าเนนิ การอย่างไรในขนั้ ต่อไป 4. การพัฒนาหลักสูตรจะต้องรวมถึงผลงานต่าง ๆ ทางด้านหลักสูตรท่ีได้สร้างขึ้นใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหลักสูตร เนื้อหารายวิชา การทำการทดลองหลักสูตร การนำ หลักสูตรไปใช้หรือการจดั การเรยี นการสอน 5. การพัฒนาหลักสูตรท่ีมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการฝึกอบรมครูประจำการให้มีความรู้ ความเข้าใจในหลักสูตรใหม่ การพัฒนาหลักสูตรจะจัดต้องคำนึงประโยชน์ในการพัฒนาจิตใจและ ทศั นคตขิ องผู้เรยี นด้วย 10.3 รปู แบบของการพฒั นาหลักสตู รของนกั การศึกษาต่างประเทศ การพัฒนาหลักสูตรมีวิธีการ ขั้นตอนการพัฒนาเป็นไปตามลำดับข้ันตอนท่ีสำคัญนักพัฒนา หลักสูตรหลายท่านได้ให้ แนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร (Models of Curriculum Development) ไว้หลายรูปแบบ ซ่ึงมคี วามคล้ายคลึงและแตกตา่ งกันบ้าง ดงั รปู แบบการพัฒนาของนัก การศึกษาต่างประเทศ ดังน้ี 10.3.1 รปู แบบการพฒั นาหลักสูตรของไทเลอร์ (Tyler) รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของราลฟ ไทเลอร์ (Ralph Tyler) เป็นท่ีรู้จักกันอย่าง กว้างขวางในวงการพัฒนาหลักสูตร แนวคิดในการวางกรอบโครงร่างหลักสูตรของไทเลอร์ โดยใช้วธิ ีการ ที่เรียนว่าเทคนิควิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Technical–Scientific Models) ไทเลอร์ได้เขียนหนังสือ เก่ียวกับหลักสูตรและการสอน ช่ือว่า Basic Principles of Curriculum and Instruction หลักการ พัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ เริ่มด้วยการหาคำตอบจาก คำถามพื้นฐาน 4 ประการคือ (Ornstein and Hunkins. 1993: 267) คำถามที่ 1 มวี ัตถุประสงคท์ างการศกึ ษาอะไรท่โี รงเรียนควรจะบรรจุและกำหนด คำถามที่ 2 จะมีวิธีเลือกประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์บรรลุ ตามวัตถปุ ระสงค์ คำถามที่ 3 จะดำเนินการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไร เพ่ือจะทำให้การเรียน การสอนมปี ระสทิ ธภิ าพ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ 228

คำถามที่ 4 ประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ่ีมปี ระสิทธภิ าพจะถกู ประเมินอย่างไร จากคำถามพ้ืนฐานทั้ง 4 ข้อนี้ แสดงถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตร 4 ข้ันตอนการพัฒนา หลักสูตรในแต่ละขั้นตอนต้องคำนึงถึง การกำหนดจุดมุ่งหมาย การกำหนดประสบการณ์ ทาง การศึกษาการจัดประสบการณ์ทางการศึกษาให้ผู้เรียน และการประเมินสัมฤทธิ์ผลของหลักสูตรซ่ึง รูปแบบของการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ นำเสนอไดด้ ังภาพท่ี 2 (Oliva, 2001: 144 อ้างใน ชัยวัฒน์ สุทธริ ตั น์, 2556: 84) เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ 229

แหล่งข้อมูล แหลง่ ข้อมูล แหลง่ ข้อมูล นกั เรียน สงั คม เนือ้ หาวชิ า วัตถุประสงคช์ วั่ คราว แหล่งข้อมูล แหลง่ ข้อมูล นกั เรียน นักเรยี น วตั ถุประสงค์ชั่วคราว การคัดเลือก ประสบการณ์การเรียนรู้ การจัดลำดับ ประสบการณ์การเรียนรู้ การกำหนดทิศทางของ ประสบการณ์การเรยี นรู้ การประเมนิ ผล ประสบการณ์การเรียนรู้ ภาพท่ี 10.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสตู รของไทเลอร์ จากรูปแบบการพฒั นาหลักสูตรของไทยเลอร์ ในภาพที่ 10.1 อธบิ ายรายละเอียดในแต่ละ ประเด็นไดด้ งั น้ี (วชิ ยั วงษใ์ หญ่, 2554 ; ชัยวัฒน์ สทุ ธิรัตน์, 2556) เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ 230

1. การกำหนดวัตถุประสงค์ (Identify General Objectives) เป็นการคัดเลือก วัตถุประสงค์ของหลักสูตร ก่อนจะกำหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตรจะต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานจาก 3 แหล่ง คือ แหล่งข้อมูลด้านเนื้อหาวิชา แหล่งข้อมูลทางด้านสังคม ได้แก่ ค่านิยม ความเชื่อ ดำรงชีวิต ในสังคม โครงสร้างที่สำคัญในสังคม และความมุ่งหวังทางสังคม และแหล่งข้อมูลด้านตัวผู้เรียน ซ่ึงเก่ียวข้องกับความต้องการความสนใจ ความสามารถและคุณลักษณะผู้เรียนที่ประเทศชาติต้องการ แล้วนำข้อมูลนั้นมาประมวลเข้าด้วยกันจนเป็นจุดมุ่งหมายอย่างกว้าง ๆ ของหลักสูตรหรือวัตถุประสงค์ ช่วั คราว (Tentative General Objectives) 2. การเลือกและจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ (Selection Of Educational Experiences) การเลือกและการจัดประสบการณ์การเรียนที่คาดหวังจะให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ อย่างไร กิจกรรมที่จัดท้ังในการเรียนการสอน และส่วนเสริมหลักสูตรน้ัน ไทเลอร์ได้เสนอเกณฑ์ในการ พจิ ารณาเลือกประสบการณก์ ารเรียนรู้ไว้ ดงั น้ี 2.1 ผู้เรียนควรมีโอกาสฝึกพฤติกรรมและเรียนรู้เน้ือหาตามที่ระบุไว้ใน วตั ถุประสงค์ 2.2 กิจกรรมและประสบการณ์น้ันควรจะทำให้ผู้เรียนพึงพอใจท่ีจะปฏิบัติตาม พฤตกิ รรมทไ่ี ดร้ ะบุไว้ในวัตถปุ ระสงค์ 2.3 กิจกรรมและประสบการณน์ ้ันควรจะอยใู่ นขอบข่ายความพอใจที่พึงปฏิบตั ิได้ 2.4 กิจกรรมและประสบการณ์หลาย ๆ ด้านของการเรียนรู้อาจนำไปสู่ วตั ถุประสงค์ ทีก่ ำหนดไว้เพยี งข้อเดียว 2.5 กิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้เพียงหน่ึงอย่างอาจตอบสนอง วตั ถุประสงค์ หลาย ๆ ข้อได้ นอกจากน้ัน ไทเลอร์ ยังเน้นเกี่ยวกับการพิจารณาการจัดประสบการณ์เรียนรู้ว่าต้อง คำนึงความสัมพันธ์ในด้านเวลาต่อเวลา และเนื้อหาต่อเนื้อหา เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์แบบ แนวต้ัง (Vertical) กบั แนวนอน (Horizontal) ซ่ึงมีเกณฑ์ในการพิจารณาดงั น้ี 1) ความต่อเนื่อง (Continuity) หมายถึง ความสัมพันธ์ในแนวตั้งของ องค์ประกอบของตัวหลักสูตรจากระดับหน่ึงไปยังอีกระดับหน่ึงที่สูงข้ึนไป เช่น ในวิชาทักษะต้องเปิด โอกาสใหม้ ีการ ฝึกทกั ษะในกจิ กรรมและประสบการณ์บ่อย ๆ และต่อเนอื่ งกนั 2) การจัดช่วงลำดับ (Sequence) หมายถึง ความสัมพันธ์ในแนวต้ังของส่วน องคป์ ระกอบของตัวหลักสูตรจากสิ่งที่เกิดก่อนไปสู่ส่ิงท่เี กิดขึ้นภายหลังหรือจากสิ่งที่มีความง่ายไปสู่สิง่ ที่ มคี วามยาก ดังนั้นการจัดกจิ กรรมและประสบการณ์มีการเรียงลำดับกอ่ นหลังก็เพื่อให้ไดเ้ รียนเนื้อหาท่ีมี ความลกึ ซ้ึงย่งิ ขน้ึ 3) การบรูณาการ (Integration) หมายถึง ความสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วน องค์ประกอบของตัวหลักสูตร จากหัวข้อเนื้อหาหนึ่งไปยังอีกหัวข้อเน้ือหาหน่ึงของรายวิชาหรือจาก รายวิชาอ่ืน ๆ ทม่ี ีความเก่ียวข้องกัน การจดั ประสบการณ์จงึ เป็นลักษณะท่ีช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความ คิดเห็น และได้แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องเนื้อหา ท่ีเรียนเป็นการเพิ่มพูนความสามารถทั้งหมดของ ผู้เรียนท่ีจะได้ใช้ประสบการณ์ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันประสบการณ์เรียนรู้จึงเป็นแบบแผนของ ปฏสิ มั พนั ธ์ (Integration) ระหวา่ งผ้เู รียนกบั ประสบการณ์แวดลอ้ ม 3. การจัดเรียงล ำดับป ระสบ การณ์ การเรียน รู้ (Organization of Learning เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภมู ิ 231

Experiences) เป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เรียงตามลำดับขั้นตอน ต้องมี เนื้อหาครบทุกด้าน ท้ังด้านความคิด หลักการ ค่านิยม และทักษะ ต้องมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับ ธรรมชาตขิ องผ้เู รียน และธรรมชาตขิ องเนอ้ื หาท่มี คี วามแตกต่างกนั 4. การประเมินผล เพ่ือที่จะตรวจสอบว่าการจัดการเรียนการสอนได้บรรลุ จุดประสงค์ตามทกี่ ำหนดไว้หรอื ไม่ สมควรจะมีการปรับแกไ้ ขในส่วนใดบ้าง ควรพิจารณาจากสงิ่ ตอ่ ไปนี้ 4.1 กำหนดจดุ ประสงค์ท่จี ะวดั และพฤตกิ รรมท่ีคาดไว้ 4.2 วดั และวิเคราะหส์ ถานการณท์ จี่ ะทำใหเ้ กิดพฤตกิ รรมเหล่าน้ัน 4.3 สำรวจข้อมูลเพอ่ื สรา้ งเครื่องมือท่ีจะวัดพฤตกิ รรมเหล่าน้ันได้อยา่ งเหมาะสม 4.4 ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยใช้เกณฑ์การพิจารณาจากความเป็น ปรนยั ความเชอ่ื ม่นั และความเท่ียงตรง 4.5 การพิจารณาการประเมินให้เป็นประโยชน์เพ่ืออธิบายผลการเรียนรู้เป็น รายบุคคล หรือเป็นกลุ่ม การอธิบายถึงส่วนดีของหลักสูตรหรือสิ่งท่ีต้องปรับแก้ไขเป็นแนวทางในการ ปรับปรุง หลกั สตู รใหม้ ีคุณภาพยงิ่ ขน้ึ สรุป รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ มีจุดเด่นท่ีการศึกษาวิเคราะห์ส่ิงกำหนด หลักสูตร ได้แก่ การศึกษาสังคม การศึกษาผ้เู รยี น การศึกษาแนวคิดของนักวิชาการ ปรชั ญาสังคม และ ปรัชญาการศึกษาแล้วนำมากำหนดเป็นจุดมุ่งหมายการศึกษาชั่วคราวจากน้ัน ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ ปรัชญาสังคม และปรัชญาการศึกษา มากลัน่ กรองจดุ มุ่งหมายการศกึ ษาอกี ครั้ง จนกระทง่ั ไดจ้ ดุ มงุ่ หมาย การศกึ ษาที่แท้จรงิ 10.3.2 รูปแบบการพัฒนาหลกั สูตรของทาบา (Taba) ทาบามีแนวคิดว่าหลักสูตร คือ แผนสำหรับการเรียนรู้ (plan for learning) ที่จะเป็น เคร่ืองมือสำหรับการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม โดยทาบาได้เสนอขั้นตอนการพัฒนา หลักสตู รไว้ 7 ขนั้ ตอน ดงั น้ี (Taba. 1962: 12) เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ 232

การวิเคราะห์ความต้องการของผเู้ รยี นและสงั คม การกำหนดจดุ ประสงค์ การเลอื กเน้อื หาสาระ การจัดเนอื้ หาสาระ การเลือกประสบการณ์การเรยี น การจดั ประสบการณ์การเรียน การกำหนดสงิ่ ท่ีจะประเมนิ และวิธกี ารประเมินผล การประเมินผลเพอื่ ตรวจสอบ ภาพที่ 10.2 รูปแบบหลักสตู รของทาบา จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของทาบา ในภาพที่ 10.2 อธิบายรายละเอียดในแต่ละ ประเด็น ได้ดังน้ี (Taba, 1962: 12 อ้างใน รจุ ริ ์ ภสู่ าระ, 2546 และ ศศธิ ร ขันติธรางกูร, 2554) ขั้นท่ี 1 การวินิจฉัยความต้องการ (Diagnosis of Needs) เป็นการตรวจสภาพ ปัญหา ความต้องการและความจเป็นต่าง ๆ ของสังคมและผู้เรียน เนื่องจากหลักสูตรเป็นการออกแบบ เพ่ือให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ดังน้ันเม่ือเด็กแต่ละคนมีภูมิหลังที่แตกต่างกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่นักพัฒนา หลักสูตรจะต้องวินิจฉัยความแตกต่าง ข้อบกพร่องและความแตกต่างของภูมิหลังของเด็ก การวินิจฉัย ดงั กล่าวจะทำใหส้ ามารถกำหนดหลักสูตรใหเ้ หมาะสมกับเด็กท่จี ะเรียนจากหลักสตู รนั้นได้ ข้ันท่ี 2 การกำหนดจุดประสงค์ (Formulation of Objective) เป็นการกำหนด จุดมงุ่ หมายให้ชดั เจนหลงั จากได้ศกึ ษาวิเคราะหค์ วามต้องการแล้ว ในขน้ั นท้ี าบาอธิบายวา่ นอกเหนือจาก การวินิจฉัยความต้องการของเด็กเพื่อนำมากำหนดเป็นจุดประสงค์ของหลักสูตรแล้ว สิ่งท่ีนักพัฒนา หลักสูตรจะต้องศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดคือการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับ สังคม วัฒนธรรม ทฤษฎพี ัฒนาการและการเรยี นรู้ของเดก็ และธรรมชาตขิ องความรู้ ข้ันท่ี 3 การเลือกเน้ือหาสาระ (Selection of content) เป็นขั้นตอนการกำหนด เลือกเน้ือหาซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญและเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของหลักสูตร ทาบากล่าวว่า จดุ ประสงคท์ ่ีกำหนดอย่างชัดเจนและกว้างขวางครอบคลุมจะเป็นตัวพิจารณาตัดสินใจและช่วยเหลือใน การเลือก เนื้อหาสาระ ซึ่งนอกจากจะต้องให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ วัยและความสามารถของผู้เรียน เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภมู ิ 233

แล้วยังต้องมีความเช่อื ถอื และมคี วามสัมพนั ธ์ต่อผู้เรยี นด้วย ขั้นที่ 4 การจัดเนื้อสาระ (Organization of Content) เป็นขั้นตอนการพิจารณา ความต่อเน่ืองและการจัดลำดับการเรียนรู้ จะเห็นได้ว่าเน้ือหาสาระท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตรจะต้องนำมา จัดลำดับโดยคำนึงถึงความต่อเน่ือง ความยากง่าย วุฒิภาวะ ความสามารถ ความสนใจ รวมถึงความ หลากหลายของความสามารถทีจ่ ะเรยี นรขู้ องเด็ก ข้ันท่ี 5 การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ (Selection of Learning Experiences) เป็นการเลือกประสบการณ์ท่ีมีความหมายมากกว่าการนำเอาหลักการเรียนรู้ไปใช้ ซ่ึงทาบาอธิบายว่า ครูผู้สอนหรือผู้ท่ีเกี่ยวข้องจะต้องคัดเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาและ จดุ ประสงค์ของหลักสูตร ข้ันที่ 6 การจัดประสบการณ์เรียนรู้ (Organization of Learning Experiences) เป็นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือใหบ้ รรลุจุดประสงค์ ขน้ั ตอนน้ีครูผู้สอนหรือผู้ท่ีเก่ียวข้องจะต้องแปลง เน้ือหาไปสู่การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถหรือแรงจูงใจในการเรียนรู้ ของผู้เรยี น รวมถงึ สอดคล้องกับจดุ ประสงคข์ องหลักสตู ร ขั้นท่ี 7 การกพหนดส่ิงท่ีจะประเมินและวิธีการประเมินผล (Determination of What to Evaluate and of the Ways and Means of Doing it) เป็นการตัดสินใจว่าจะต้องประเมินอะไร เพื่อตรวจสอบว่าบรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ และกำหนดด้วยว่าจะใช้วิธีประเมินอย่างไร ทาบาได้ตงั้ คำถามเพื่อหาคำตอบเก่ียวกบั การประเมินผลหลักสตู ร สรุป รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของทาบา เป็นการจัดข้ันตอนการพัฒนาหลักสูตรที่ ครอบคลุมองค์ประกอบหลักสูตร ซ่ึงให้ความสำคัญการวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียนก่อน ดำเนินการกำหนดจดุ ประสงค์ และมกี ารกำหนดสิ่งทีจ่ ะประเมนิ และวิธีการประเมินผล การประเมินผล 10.3.3 รูปแบบการพฒั นาหลักสูตรของโอลิวา (Oliva) โอลิวาได้เสนอแนวคิดรูปแบบของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรที่มีองค์ประกอบท่ีสำคัญ 12 ประการ ซ่ึงเป็นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรท่ีผู้วางแผนหลักสูตรจะต้องด ำเนินการตาม กระบวนการทลี ะขัน้ ตอน จากการศึกษาแหล่งข้อมูลไปจนถึงการประเมนิ ผลหลักสูตร องค์ประกอบของ กระบวนการพัฒนาหลกั สูตรแต่ละขั้นตอน สรุปได้ดังภาพที่ 10.3 (Oliva, 1982 อ้างใน ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์, 2556: 84-85) เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ 234

1. กำหนดเปา้ หมาย 2. วิเคราะห์ความต้องการของชมุ ชน 3. – 4. กำหนดรายละเอยี ดของจดุ หมายและวตั ถุประสงค์ของหลักสตู ร 5. จดั การและการนำหลักสูตรไปปฏบิ ัติ 6.-7. เขียนรายละเอียดเพ่มิ เติม 8. เลอื กเทคนิควธิ กี ารสอน 9. เสนอแนะแนวทางในการประเมินผลการเรียน 10. น าเทคนคิ การสอนไปปฏบิ ัติ 11. ประเมินผลการสอน 12. ประเมินผลการสอนแบบครบวงจร ภาพท่ี 10.3 รูปแบบการพัฒนาหลักสตู รของโอลิวา จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิวา ในภาพที่ 10.3 อธิบายรายละเอียดในแต่ละ ประเด็น ไดด้ งั น้ี ขั้นที่ 1 กำหนดเป้าหมาย โดยการกำหนดเป้าหมายของหลักสูตรท่ีคาดหวังไว้ให้เกิด กบั ผเู้ รยี น ซงึ่ กำหนดจากความตอ้ งการของสังคมและความต้องการของแตล่ ะบุคคลที่อาศัยอยู่ในสงั คม ขั้นที่ 2 วิเคราะห์ความต้องการของชุมชน โดยวิเคราะห์ความต้องการของชุมชนท่ี โรงเรียนตั้งอยู่ซึ่งเป็นความต้องการเฉพาะของผู้เรียนและความต้องการเฉพาะของท้องถิ่นต่าง จากขั้นที่ 1ทั้งนี้ความต้องการของผู้เรียนในแต่ละชุมชนไม่จำเป็นต้องเหมือนกับความต้องการของเด็ก โดยท่ัวไป ในสังคมระดับชาติ ข้ันท่ี 3 และ 4 กำหนดรายละเอียดของจุดหมาย และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรซึ่ง เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ 235

ข้ึนอยกู่ ับเปา้ หมายใหญ่ ความเชอ่ื และความตอ้ งการจากท่ีระบุไว้ในขนั้ ที่ 1 และ 2 ข้ันที่ 5 จัดการและการนำหลักสูตรไปปฏิบัติ ในข้ันตอนน้ีสิ่งท่ีต้องการทำคือการจัด หลักสตู รและการนำหลักสตู รไปใช้ พร้อมทัง้ กำหนดโครงสร้างในการจดั หลกั สตู ร ขน้ั ท่ี 6 และ 7 เขียนรายละเอียดเพิ่มเติม เป็นข้ันของการเพ่ิมระดับในการกำหนดส่ิง ที่เฉพาะมากขึ้นน้ันคือ การกำหนดเป้าหมายของการสอนในแต่ละระดับและแต่ละวิชาและเป็นขั้นของ การแยกเป้าหมายและจุดประสงค์ให้ชัดเจนและจะต้องแสดงให้เห็นว่าท้ังสองแบบมีความแตกต่างกัน อย่างไร ขั้นที่ 8 เลือกเทคนิควิธีการสอน หลังจากระบุจุดประสงค์ของการสอนแล้วเป็น ขน้ั ตอนของการเลอื กยทุ ธศาสตร์การสอนหรือวิธีสอนเพ่ือใช้สอนเด็กในห้องเรยี น ขั้นท่ี 9 เสนอแนะแนวทางในการประเมินผลการเรียนของนักเรียน ผู้วางแผน หลักสูตรตอ้ งพิจารณาถึงวธิ ีท่จี ะประเมินผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของผู้เรียน ขน้ั ท่ี 10 นำเทคนิคการสอนไปปฏิบัติ เป็นการนำหลักสูตรลงสกู่ ารปฏิบัติการสอนใน ชั้นเรยี น ข้ันที่ 11 ประเมินผลการสอน เมื่อสอนแล้วจึงมีการติดตามประเมินผลผู้เรียนตาม จดุ มงุ่ หมาย ท่ีหลกั สตู รกำหนดไว้ ขั้นที่ 12 ประเมนิ ผลการสอนแบบครบวงจร เป็นการประเมนิ ผลการเรียนการสอนให้ ครอบคลมุ ทุกเร่อื งทห่ี ลกั สตู รกำหนดไว้ สรุป รปู แบบนี้สามารถนำไปใชไ้ ดห้ ลายทาง เป็นการนำเสนอกระบวนการของการพัฒนา หลักสูตรได้ครบถ้วน ผู้ท่ีมีหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตรของแต่ละวิชาสามารถนำไปวางแผนหลักสูตร และออกแบบตั้งแต่ต้นจนถึงการประเมินผลการเรียนในขณะเดียวกันก็สามารถนำมาพัฒนาหลักสูตร ร่วมกันทั้งโรงเรียน หรืออาจให้มีการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน เช่น การจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ การแนะแนว และกิจกรรมนอกห้องเรียน นอกจากนี้แล้วรูปแบบน้ียังมุ่งประเด็นไปที่ข้ันตอนการพัฒนา หลกั สูตรเพ่ือให้สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจ 10.3.4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของเชย์เลอร์อเล็กซานเดอร์และเลวิส (Saylor Alexander and Lewis) เซเลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (Saylor, Alexander and Lewis. 1981: 28-39) ได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตร ซ่ึงเขามีแนวคิดว่าหลักสูตรเป็นแผนการในการจัดโอกาสการ เรียนรู้ให้กับผู้เรียน ดังน้ัน หลักสูตรจึงต้องมีการกำหนดไว้อย่างเป็นระบบ ได้เสนอข้ันตอนการพัฒนา หลักสตู รไว้ 4 ระบบ สรุปดงั ภาพท่ี 10.4 (Saylor, Alexander and Lewis, 1981: 30) เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ 236

เป้าหมาย และ วตั ถปุ ระสงค์ การออกแบบหลักสตู ร การใชห้ ลักสูตร การประเมินหลกั สตู ร (การเรยี นการสอน) - ผ้เู กี่ยวขอ้ งและ - นกั พฒั นาหลกั สตู รและ นักพัฒนาหลกั สูตร - ผูส้ อนนำหลกั สตู รไปใช้ ผู้สอนเลือกวิธีการ ตดั สนิ ใจในการออกแบบ โดยตัดสินใจเลือก เคร่ืองมือประเมนิ ผล หลักสูตรโดยการเลือก ประสบการณ์ หรือสาระ ประสิทธิภาพของ เนื้อหา ประสบการณ์ท่ี การเรียนรู้ แผนการสอน หลกั สตู ร สอดคล้องกบั เป้าหมายที่ เลือกสอ่ื วธิ กี ารสอน ที่ - ครผู สู้ อนมีความ กำหนดไว้ เหมาะกบั การ จะชว่ ยทำให้ผ้เู รยี นเกดิ รับผดิ ชอบในประเมนิ เรยี นรู้ การเรียนรู้ ความกา้ วหนา้ ของผเู้ รยี น - การใช้ข้อมูลเกย่ี วกับ - ผ้สู อนมสี ว่ นรับผิดชอบ - นกั พัฒนาหลกั สูตรและ การเมืองและสงั คมเป็น การตัดสนิ ใจเกย่ี วกบั ผูส้ อนมคี วามรับผดิ ชอบ ส่งิ พจิ ารณาข้นั สุดท้าย การวางแผนหลกั สูตร ตดั สินใจเกีย่ วกับวิธกี าร สำหรบั การออกแบบ เลือกการจดั แหลง่ ประเมินหลกั สตู ร หลกั สตู ร ทรัพยากร สำหรับผสู้ อน - ผลการประเมนิ จะเปน็ และผูเ้ รียน ฐาน ในการตัดสินใจ วางแผนหลกั สตู รใน อนาคต ภาพท่ี 10.4 รปู แบบการพัฒนาหลกั สตู รของเซยเ์ ลอร์อเล็กซานเดอร์และเลวสิ จุดเน้นการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิด การพัฒนาหลักสูตรของเซย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวสี ในภาพท่ี 10.4 อธบิ ายรายละเอยี ดในแตล่ ะประเด็นไดด้ ังนี้ 1. การกำหนดเป้าหมาย จุดมุ่งหมายและขอบเขต (Goals, Objectives and Domains) การพัฒนาหลักสูตรควรกำหนดเป้าหมาย และจุดมุ่งหมายหลักสูตรเป็นส่ิงแรก เป้าหมายแต่ละประเด็น จะบ่งบอกถึงขอบเขตหน่ึง ๆ ของหลักสูตร ซ่ึงเซเลอร์ อเล็กซานเดอร์และเลวิสได้เสนอไว้ว่ามี 4 ขอบเขตท่ีสำคัญ คือ พัฒนาการส่วนบุคคล (Personal Development) สมรรถภาพทางสังคม (Social Competence) ทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continued Learning Skills) และความเช่ียวชาญ เฉพาะด้าน (Specialization) และมีขอบเขตอ่ืนอีก ซึ่งนักพัฒนาหลักสูตรอาจจะพิจารณาตามความ เหมาะสมกับผู้เรียนและลักษณะทางสังคม เป้าหมาย จุดมุ่งหมาย และขอบเขตต่าง ๆ ของหลักสูตรจะ ได้รับจากข้อบังคับทางกฎหมายของรัฐ ข้อค้นพบจากงานวิจัยต่าง ๆ ปรัชญาของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 237

ทางดา้ นหลักสูตร เปน็ ตน้ 2. การออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design) ผู้เกี่ยวข้องและนักพัฒนาหลักสูตร ต้องวางแผนออกแบบหลักสูตร เมื่อกำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแล้ว ร่วมตัดสินใจ เกี่ยวกับการเลือกและจัดเน้ือหาสาระการเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเหมาะสมและความสอดคล้อง เน้อื หาสาระท่ีได้เลือกมาแลว้ 3. การใช้หลักสูตร (Curriculum Implementation) หลังจากตัดสินใจเลือกรปู แบบ หลักสูตรแล้วขั้นตอนต่อไป คือการนำหลักสูตรไปใช้ ครูผู้สอนต้องวางแผนการสอน (Instructional Plans) และจัดทำแผนการสอนตามรูปแบบต่าง ๆ ครูผู้สอนเลือกวธิ กี ารสอน ส่ือ วสั ดกุ ารเรยี นการสอน ที่ช่วยให้ผ้เู รยี นเกิดการเรยี นรู้ตามทก่ี ำหนดไว้ 4. การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) การประเมินหลักสูตรเป็นขั้นตอน สดุ ท้ายของรูปแบบน้ี นักพัฒนาหลักสูตรและครูผู้สอนต้องเลือกวิธีการประเมินเพื่อตรวจสอบ ความสำเร็จ ของหลักสูตร ซึ่งเป็นทั้งการประเมินระหว่างดำเนินการ (Formative Evaluation) และการประเมินผลรวม (Summary Evaluation) ทง้ั น้ี เพอื่ นำผลการประเมินไปปรับปรุงและพฒั นาหลักสูตรต่อไป สรุปว่ารูปแบบการพัฒนาหลักสูตรที่เป็นเชิงระบบโดยเริ่มที่การกำหนดเป้าหมายของหลักสูตร ไว้ก่อน แล้วจึงออกแบบสร้างหลักสูตร หลังจากการน้ันจึงนำหลักสูตรไปใช้และประเมินผลหลักสูตร ตามลำดับ ซ่ึงเม่ือประเมินผลแล้วต้องมีการนำผลที่ได้จากการประเมินไปปรับปรุงหลักสูตร อีกครั้งหนึ่ง เพ่ือให้ได้หลักสูตรท่ีมีคุณภาพสูงขึ้น กระบวนการพัฒนาหลักสูตรนีจ้ ะดำเนินการต่อเนื่องกันเป็นวงจรท่ี ไมม่ ีทส่ี ้ินสุด 10.4 รปู แบบการพฒั นาหลักสตู รของนักการศกึ ษาไทย มีนักการศึกษาไทยได้นำเสนอเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรไว้หลายท่านซ่ึงมีวิธีการหรือ ขั้นตอนทม่ี คี วามคลา้ ยคลึงกัน ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี 10.4.1 รูปแบบการพฒั นาหลักสูตรของ สงดั อุทรานันท์ สงัด อุทรานันท์ (2532: 38-43) ได้เสนอวัฏจักรของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรไว้ 7 ขั้นตอน สรุปไดด้ ังภาพที่ 10.5 (สงัด อทุ รานันท์, 2532: 39) เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 238

ข้อมูลภายนอก การประเมนิ ผล วิเคราะห์ กำหนด การใช้หลักสตู ร ข้อมูลพืน้ ฐาน จดุ ม่งุ หมาย การนำหลักสูตร ปรับปรงุ คดั เลอื กจดั เนอื้ หาสาระ ไปใช แก้ไข และการจดั การเรยี นรู้ กำหนดมาตรการ วัด และประเมนิ ผล ภาพท่ี 10.5 วฏั จักรของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรของสงัด อุทรานนั ท์ จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของสงัด อุทรานันท์ ในภาพท่ี 6 อธิบายรายละเอียดในแต่ ละประเดน็ ได้ ดงั นี้ ขัน้ ที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐาน เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญและเป็นข้ันของ การพัฒนาหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นการร่างหลักสูตรข้ึนมาใหม่หรือการปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรท่ีมีอยู่แล้ว ให้ดีขึ้น จำเป็นจะต้องคำนึงถึงข้อมูลพื้นฐาน คือ ข้อมูลทางด้านประวัติและปรัชญาการศึกษา ข้อมูล เกี่ยวกับผเู้ รียนและทฤษฎีการเรียนรู้ ข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรม และข้อมูลเก่ียวกับ ธรรมชาติและ เนอ้ื หาวิชา ก่อนที่จะมีการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ควรจะได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็น พื้นฐานของหลักสูตรเสียก่อนเพ่ือให้ทราบสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมและของผู้เรียน ขั้นที่ 2 การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร เป็นข้ันตอนที่กระทำหลังได้วิเคราะห์ และได้ ทราบถงึ สภาพปัญหา ตลอดจนความตอ้ งการตา่ ง ๆ การกำหนดจดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตรน้นั เป็น การ ม่งุ แกไ้ ขปญั หา และสนองความตอ้ งการที่ไดจ้ ากการวิเคราะหข์ ้อมูลดงั กล่าวมาแลว้ ขั้นที่ 3 การคัดเลือก การจัดเนื้อหาสาระและการจัดการเรียนรู้ เนื้อหาสาระ ประสบการณ์ เป็นส่ิงท่ีมีความสำคัญเป็นอันมาก ทั้งนี้เพราะเนื้อหาสาระที่จะนำมาสอนเป็นเสมือน สื่อกลางทจ่ี ะพา ผเู้ รยี นไปสจู่ ดุ มุ่งหมายทก่ี ำหนดไว้ ข้ันท่ี 4 การกำหนดมาตรฐานการวัดผลประเมินผล เป็นการกำหนดมาตรการให้ ทราบว่า ควรจะวัดผลและประเมินผลอะไรบ้าง จึงจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ หรือความมุ่งหมายของ หลกั สตู รในตำราทว่ี ่าดว้ ยการพัฒนาหลกั สูตร โดยท่ัวไปจะไม่กลา่ วถึงการวัดผลการเรียนโดยตรง เพราะ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 239

การวัดผลการเรียนเป็นงานที่จะทำโดยนกั วดั ผล และในทางปฏิบตั เิ กีย่ วกับการวัดผลและประเมนิ ผลการ เรียนนัน้ มักจะจดั ทำระเบียบการปฏิบตั ิทีแ่ ยกออกมาจากเอกสารหลักสูตรโดยเฉพาะ การทดลองใช้หลักสูตร โดยมากมักจะไม่ค่อยมีข้ันตอนของการทดลอง กล่าวคือ หลังจาก รา่ งเสรจ็ และดำเนินการประเมนิ คุณภาพข้ันต้นแล้วกจ็ ะนำเอาหลกั สูตรไปใชใ้ นสถานการณ์จริง เลย อย่างไรก็ตามหลักของการพัฒนาหลักสูตรที่ดีแล้ว การทดลองใช้หลักสูตรถือว่ามีความสำคัญและ จำเป็นอยา่ งยิ่ง การประเมินหลักสูตรหลังจากทไี่ ดร้ า่ งหลักสูตรแลว้ หรอื ได้ทำการทดลองใช้หลักสตู ร แล้วก็ควรจะได้ทำการประเมินหลักสูตรว่าเป็นอย่างไร มีส่วนท่ีควรจะได้รับการปรับปรงุ แก้ไขบ้าง ถ้ามี จุดอ่อน หรอื ไม่เหมาะสมตรงไหนกจ็ ะต้องปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมก่อนนำไปใช้จรงิ ตอ่ ไป การปรับปรุงหลักสูตรก่อนนำไปใช้ หลังจากได้มีการตรวจสอบและประเมินผล เบือ้ งต้นแล้ว หากพบว่าหลกั สูตรมขี ้อบกพรอ้ งหรือมีจดุ อ่อนอย่างไร ก็ควรจะได้ทำการปรบั ปรงุ แก้ไขให้มี ความถูกตอ้ ง หรอื เหมาะสมก่อนทีจ่ ะได้นำไปใช้จริง ท้ังน้เี พื่อให้การใช้หลกั สูตรบรรลุผลตามเปา้ หมาย ขั้นที่ 5 การนำหลักสูตรไปใช้ เป็นข้ันตอนของการนำเอาหลักสูตรไปสู่ภาคปฏิบัติ หรือไปสู่การเรียนการสอนในโรงเรียน การนำหลักสูตรไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องอาศัยกิจกรรม และ กระบวนการต่าง ๆ หลายประเภท เช่น การจัดทำเอกสารและคู่มือการใช้หลักสูตร การเตรียม บุคลากรและผเู้ รยี นเพียงใด ข้ันที่ 6 การประเมินผลการใช้หลักสูตร ต้องมีความมุ่งหมายท่ีจะประเมินผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรเพื่อให้ทราบว่ามีผลผลิตท่ีได้จากหลักสูตรน้ันเป็นไปตามเจตนารมณ์ หรือจุดมุ่งหวังของ สังคมและผู้เรียนเพียงใด ถ้าผลของการประเมินได้พบข้อบกพร่องหรือมีจุดอ่อนตรงไหนจะส่งผลให้มี กิจกรรมการปรับปรุงแกไ้ ขหลักสตู รในลำดับต่อไป ขน้ั ท่ี 7 การปรับปรงุ แก้ไขหลักสตู ร เป็นกระบวนการของการเปล่ียนแปลงหลกั สูตรที่ ใช้อยู่ ให้มีความเหมาะสม หรือให้สอดคล้องกับสภาพของสังคมมากขึ้น กระบวนการในการปรับปรุง แก้ไขหลักสูตรเป็นส่วนหน่ึงของการพัฒนาหลักสูตร ซ่ึงจะเร่ิมปรับปรุงแก้ไขในขั้นตอนใดของ กระบวนการพฒั นาหลกั สูตร สรุปได้ว่า ข้ันตอนของการพัฒนาหลักสูตรควรประกอบด้วยขั้นตอน หลัก ๆ คือ การ วเิ คราะห์ข้อมูลพื้นฐาน การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การคัดเลือกเนื้อหาสาระ การกำหนดแนว ทางการวัดผลการประเมินผลการทดองใช้และการปรับปรุงแก้ไข การนำหลักสูตรไปใช้ และนำมา ปรับปรุงแก้ไข ซ่ึงเป็นข้ันตอนการพัฒนาหลักสูตรที่มีความเป็นระบบ มีการตรวจสอบ ปรับปรุงในทุก ขัน้ ตอน ท้ังนเี้ พื่อให้ได้หลกั สูตรที่มปี ระสทิ ธภิ าพ 10.4.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ วชิ ัย วงษใ์ หญ่ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2554: 57-59) ได้นำเสนอแนวคิดและข้ันตอน กระบวนการพัฒนา หลักสูตรระดับผู้ปฏิบัติ สำหรับใช้เป็นฐานคิดในการพัฒนาหลักสูตร ได้สรุปข้ันตอนสรุปดังภาพท่ี 10.6 (วิชัย วงษใ์ หญ่, 2554 : 59) เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชัยภมู ิ 240

คณะกรรมการพัฒนาหลักสตู ร สภาพปญั หา และความต้องการ กำหนดจดุ มงุ่ หมายหลกั การและ ของสงั คม โครงสรา้ งของหลักสตู ร กล่มุ รายวชิ า หนว่ ย ยกรา่ งเนอ้ื หาสาระ วางแผนการสอน สร้างสื่อการเรียน และคู่มือผู้สอน ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม หรือ ทดลองใชแ้ ละแก้ไขปรบั ปรุง ผูเ้ ช่ียวชาญเฉพาะสาขา/เสนอ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ข้อคิดเหน็ แผนการจดั การเรียนรู้และสื่อ อบรมผู้สอนเพื่อใชห้ ลักสูตร กจิ กรรมการเรยี น กลุ่ม รายบุคคล การปฏบิ ัติการสอน การบริหารและบริการ การประเมนิ ผล หลักสูตร การประเมินผล ภาพที่ 10.6 รปู แบบกระบวนการพฒั นาหลักสูตรของวิชัย วงษ์ใหญ่ จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของวิชัย วงษ์ใหญ่ ในภาพท่ี 10.6 อธิบายรายละเอียดใน แตล่ ะประเดน็ ไดด้ งั น้ี 1. คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรกำหนดจุดมุ่งหมาย หลักการและโครงสร้างและ การออกแบบหลักสูตรข้ึนมา โดยอาศัยข้อมูลจากสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมปัจจุบัน โดย ปรึกษาหารือกับผูเ้ ช่ียวชาญแตล่ ะวิชาสม่ำเสมอ 2. ยกร่างเน้ือหาสาระ แต่ละกลุ่มประสบการณ์ แต่ละหน่วยการเรียน และแต่ละ รายวิชา โดยปรึกษาหารือจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับ ผู้เชี่ยวชาญ แต่ละสาขาวิชาเป็นผู้กำหนดผลการเรียนรู้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หรือจุดประสงค์ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 241

การเรียนรู้ วางแผนการสอน ทำบันทกึ การสอน ผลิตสอื่ การสอน จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนเปน็ กลุ่ม หรอื รายบคุ คล 3. นำหลักสูตรท่ีพฒั นาได้แลว้ ไปทดลองใชใ้ นสถานศึกษานำร่อง (สถานศึกษาทดลอง ใช้หลักสูตรใหม่) โดยคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรกำหนดไว้ ถ้ามีข้อบกพร่องก็ทำการแก้ไข ปรับปรุง โดยการหารือผูเ้ ชย่ี วชาญเฉพาะสาขาอยตู่ ลอดเวลา 4. อบรมผู้สอน ผู้บริหารทุกระดับ และบุคลากรทางการศึกษาให้เข้าใจหลักสูตรใหม่ เพื่อ จะได้ใช้หลักสูตรใหม่ให้ถูกต้องเหมาะสม ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร รวมท้ังการประชาสัมพันธ์ หลกั สูตรใหผ้ ทู้ ่เี กีย่ วขอ้ งทราบ 5. นำหลักสูตรไปใช้ปฏิบัติการสอนท่ีสถานศึกษาก่อนประกอบการใช้หลักสูตร สนับสนุน ให้ผบู้ ริหารและผสู้ อนนำหลักสตู รไปปฏบิ ัตใิ ห้เกิดประโยชน์ในสถานศึกษาตอ่ ไป กิจกรรมการ ใช้ หลักสูตรใหม่มี 4 ประการคือ 5.1 การแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน คือ จัดทำวัสดุหลักสูตร ได้แก่ เอกสาร หลกั สตู ร สื่อและอปุ กรณก์ ารสอนทีจ่ ำเป็นท่ีจะต้องใช้ประกอบการเรียนการสอน 5.2 ผู้บรหิ ารจัดเตรียมส่ิงต่าง ๆ เช่น บุคลากร วัสดุหลักสูตร และบริการต่าง ๆ เรม่ิ ต้ังแตอ่ บรมผ้สู อน และบุคลากรฝ่ายสนับสนนุ การใช้หลกั สตู ร จัดห้องสมุด ห้องเรยี น หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร แหล่งเรียนรู้ และสอ่ื การสอนทกุ ชนิด รวมทงั้ จดั งบประมาณสนบั สนุนการบริหารหลักสตู ร 5.3 การสอน เป็นหน้าท่ีของผู้สอนประจำการทั่วไปท่ีจะต้องดำเนินการจัดการ เรียน การสอนใหป้ ระสบความสำเรจ็ ตามจดุ ม่งุ หมายของหลกั สตู ร 5.4 การประเมนิ ผล เพื่อใหท้ ราบข้อบกพร่องของหลกั สตู ร แล้วดำเนนิ การแก้ไข ปรับปรุงต่อไป การประเมินผลมี 2 ประเภท คือ การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน และการ ประเมินผลหลักสูตร การประเมินผลหลักสูตร ได้แก่ การประเมินเอกสารหลักสูตร ประเมินผลการนำ หลกั สตู รไปใช้ ประเมนิ ผลสัมฤทธ์ขิ องผ้เู รียน ประเมินผลการใชห้ ลักสูตร ในการประเมนิ ผลหลักสูตรนั้น จะตอ้ งประเมนิ ผลอย่างเปน็ ระบบและต่อเนื่อง จากแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรวิชัย วงษ์ใหญ่ เป็นขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรท่ีมีความ สมบูรณ์เป็นระบบครอบคลุมท้ังระบบการสร้างหลักสูตร ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ และระบบการ ประเมินหลกั สูตร ซ่ึงมาสามารถจดั ทำได้ทง้ั หลักสตู รระดับสถานศึกษาและระดบั ชน้ั เรียน 10.4.3 รูปแบบการพฒั นาหลักสูตรของ ธำรง บัวศรี ธำรง บัวศรี (2542: 151) ได้เสนอวงจรการพัฒนาหลักสูตรว่าไม่ได้แค่การจัดทำหลักสูตร ต้นแบบและหลักสูตรแม่บทเท่านั้น กระบวนการทั้งหมดของการพัฒนาหลักสูตรต้องประกอบด้วย กิจกรรมที่ สำคัญ อีกสองขั้นตอน คือการน ำหลักสูตรไป ใช้และการป ระเมิน ผลห ลักสูตร กระบวนการพฒั นาหลักสูตรของ ธำรง บวั ศรี สรุปเปน็ ภาพที่ 10.7 (ธำรง บัวศรี, 2542: 151) เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 242

การจัดทำหลกั สูตรตน้ แบบ การประเมนิ ผล การจดั ทำหลักสตู ร หลักสตู ร แมบ่ ท การนำหลกั สตู รไปใช้ ภาพที่ 10.7 กระบวนการพัฒนาหลกั สตู รของ ธำรง บวั ศรี สำหรับการจัดทำหลักสูตรต้นแบบน้ัน ข้นั ตอนในการดำเนนิ งานกค็ ือการดำเนินงานเพ่ือให้ ได้มาซ่งึ องคป์ ระกอบต่าง ๆ ของหลกั สูตร โดยมีขน้ั ตอนในการปฏบิ ัติ 10 ขนั้ ตอน ดังตอ่ ไปนี้ 1. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลพ้นื ฐาน 2. การกำหนดจดุ มงุ่ หมายของหลักสตู ร 3. การกำหนดรปู แบบและโครงสรา้ งของหลกั สตู ร 4. การกำหนดจุดประสงค์ของวชิ า 5. การเลอื กเน้ือหา 6. การกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ 7. การกำหนดประสบการณ์เรียนรู้ 8. การกำหนดยทุ ธศาสตร์การเรยี นการสอน 9. การประเมินผลการเรยี นรู้ 10. การจัดทำวัสดหุ ลกั สูตรและสอ่ื การเรยี นการสอน 10.4.4 รปู แบบการพฒั นาหลักสูตรของไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ การพัฒนาหลักสูตร ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2554: 18 – 19) ได้กล่าวถึงกระบวนการหลักใน การพัฒนาหลักสูตรทุกระดับมีกระบวนการหลัก 4 ขั้นตอน คือ การดำเนินการจะเร่ิมต้นด้วยการ กำหนดวัตถุประสงค์ (Objective) เป็นจุดเร่ิมต้นก่อน เม่ือกำหนดวัตถุประสงค์แล้วจึงกำหนดเน้ือหา สาระ (Content) โดยพิจารณาว่าสาระท่ีจัดน้ัน ทำได้ตามวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงไร จากนั้นจึงเป็น การนำสาระไปจัดให้เกิดการเรียนรู้ (Method) หรือการสอนท่ีต้องเน้นให้สอดคล้องกบั จุดมุ่งหมายและ เนอื้ หาควบคกู่ ันไปเพ่อื กำหนดวตั ถุประสงค์ สาระและจัดระบบการเรยี นการสอน และประเมินภาพรวม ของหลักสูตร (Evaluation) ว่าสัมพันธ์สอดคล้องกันเพียงไร เม่ือพิจารณาท้ังระบบแล้วจึงจะนำ หลักสูตรไปใช้ โดยการประเมินผลจะมี 2 ข้ันตอน คือ การประเมินความพร้อมให้ชัดเจนก่อนนำไปใช้ เมอ่ื ใช้แลว้ ต้องมกี ารประเมนิ อกี คร้ังเพื่อการปรบั ปรงุ และพัฒนาทง้ั ระบบ สรุปเปน็ ภาพที่ 10.8 (ไพฑรู ย์ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ 243

สนิ ลารัตน์, 2554: 19) กระบวนการพัฒนาหลกั สูตร วตั ถปุ ระสงค์ เน้อื หาสาระ วิธกี ารสอน 1. กำหนดวัตถปุ ระสงค์ (Objective) การประเมนิ 2. กำหนดเนื้อหา (Content) 3. กำหนดระเบยี บวิธีการสอน (Method) 4. กำหนดแนวการประเมนิ ผล (Evaluation) ภาพท่ี 10.8 กกระบวนการพฒั นาหลกั สตู รของ ไพฑูรย์ สินลารตั น์ จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ในภาพท่ี 10.8 อธิบาย รายละเอยี ดในแต่ละประเด็นได้ดงั นี้ 1. การกำหนดวัตถุประสงค์ (Objective) การตั้งวัตถุประสงค์ที่ดีควรแสดง คุณลักษณะที่ เป็นเป้าหมายของบุคคลท่ีพึงประสงค์ไว้ให้ชัดเจน ปัญหาที่พบในการพัฒนาหลักสูตร ระดบั โรงเรียน สว่ นใหญ่ที่เก่ียวกบั วัตถปุ ระสงค์ คอื 1.1 วัตถุประสงคข์ าดจดุ เดน่ ท่ีทำให้ผู้ปฏิบัตจิ ำไดห้ รือปฏบิ ตั ิตาม 1.2 วตั ถุประสงค์มีความหลากหลายและมีจำนวนมากเกนิ ไป 1.3 วตั ถปุ ระสงคม์ ลี กั ษณะกลาง ๆ ไม่แสดงเอกลักษณะเฉพาะของสถานศึกษาน้ัน ๆ 1.4 มบี ุคลากรบางส่วนไม่เห็นด้วยกบั วัตถุประสงค์บางประการ 1.5 บุคลากรไมส่ ามารถปฏิบตั ิไดต้ ามวัตถุประสงค์ท่ตี ง้ั ไว้ ดงั นั้น ในการกำหนดวัตถปุ ระสงค์ให้ชดั เจน ควรกำหนดวสิ ัยทัศน์ให้ชัดเจนก่อน วสิ ัยทัศน์ คือแนวคิด ความคิด ความเช่ือ ท่ีมองไปในอนาคตท่ีไม่ไกลนัก สามารถเป็นไปได้จริง สะท้อน ให้เห็นสิ่ง ท่ีดีขึ้นกว่าเดิมและมีข้ันตอนการปฏิบัติท่ีเป็นรูปธรรม สะท้อนเอกลักษณะเฉพาะของ สถานศึกษา การ กำหนดวิสัยทัศน์ข้ึนอยู่กับปรชั ญาและความเช่ือพ้ืนฐาน ซ่ึงเป็นอุดมคติของโรงเรียน ปรัชญาจะสะท้อน ความเช่ือ วัฒนธรรม การปฏิบัติท่ีผ่านมา รวมท้งั เอกลักษณะเฉพาะตนของสถานศึกษานัน้ ๆ ตงั้ แต่อดีต ปัจจุบัน และอาจนำไปสู่อนาคต อย่างไรก็ดี โรงเรียนบางแห่งไม่มีจุดเด่นหรือเอกลักษณะที่จะสามารถ สร้างเป็นวิสัยทัศน์ได้ จึงไม่จำเป็นต้องบังคับให้ทุกโรงเรียนมีวิสัยทัศน์แต่ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน เป้าหมายท่ีชัดเจนจะต้องสร้างคนให้อยู่ในสังคมยุคใหม่ได้อย่างมีความสุข ในขณะเดียวกันบุคคลใน สังคมใหม่ควรต้องเป็นผู้ที่มีผลผลิตสร้างสรรค์ (Creative and Productive) ด้วย โดยสรุปการกำหนด วัตถปุ ระสงค์ควรคำนึงถงึ 1) แสดงความมงุ่ มน่ั 2) แสดงให้เห็นความเปล่ียนแปลงในตัวผู้เรยี น เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชยั ภมู ิ 244

3) ชดั เจน 4) ตรงประเด็น 5) มคี วามสมบรู ณ์ 6) ไดร้ บั การยอมรบั 2. การกำหนดเนื้อหา (Content) ในการพัฒนาเนื้อหาสาระของหลักสูตรควรคำนึง ในประเด็นต่อไปนี้ ประการแรก คือ สาระต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย คุณลักษณะ และวิสัยทัศน์ หากเปา้ หมายไม่ชัดเจนสาระก็ไมช่ ดั เจนตามไปดว้ ย ประการที่สอง คือ การให้ในส่ิงท่ีผู้เรียนสนใจและต้องการอย่างเหมาะสม โดย จดั ให้ สอดคลอ้ งกบั พฒั นาการของผูเ้ รยี น ประการที่สาม คอื ต้องให้สาระตรงตามหลักเกณฑ์ (Discipline) ของแต่ละวิชา ดังนัน้ ขอ้ เทจ็ จริงตามหลักวิชา (Discipline Oriented) จึงเปน็ สง่ิ จาเปน็ 3. การกำหนดวิธีการสอน (Method) การเลือกวิธีการจัดการเรียนการสอนเป็น บทบาท หลักของครูและผู้เรียน โดยครูจะต้องเป็นผู้จัดการหลักในห้องเรียน ดังน้ัน ครูจึงจำเป็นต้อง พร้อมที่จะ จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้อย่างเหมาะสมกับธรรมชาติและวัตถุประสงค์ของรายวิชาและ ธรรมชาติผู้เรียน จึงนับว่าเป็นครูท่ีมีประสิทธิภาพตามคำกล่าวท่ีว่า Best teacher is the best manager 4. การกำหนดการประเมิน (Evaluation) การประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการ ตรวจสอบว่าหลั กสู ตรท่ีด ำเนินการแล ะใช้อยู่เป็นอย่างไรมีจุดอ่อนจุดแข็งท่ีไหนบ้างเพ่ือท่ีจะแ ก้ไข ปรับปรุงในส่วนที่เป็นจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งให้มีความสมบูรณ์ยง่ิ ขึ้น กระบวนการประเมินจึงประเมิน ว่าวตั ถปุ ระสงคเ์ ป็นอยา่ งไร จากรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของนักการศึกษาต่างประเทศและในประเทศไทยข้างต้น ผู้เขียนนำมาสรุป รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรน้ันต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบเป็นวัฏจักรท่ีสามารถ พฒั นา เปล่ียนแปลงหลักสูตรได้เสมอในทุกสว่ นโดยในรูปแบบการพัฒนาหลักสตู รน้ันจะประกอบด้วย 3 ระบบหลัก คือ ระบบการสร้างหลักสูตร ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ และระบบการประเมินหลักสูตร สรุปรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามภาพท่ี 10.9 เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 245

การสรา้ งหลกั สตู ร การนำหลกั สตู รไปใช้ การประเมนิ หลกั สูตร 1. ศกึ ษาข้อมูลพ้นื ฐาน 1. จัดทำเอกสารหลกั สูตร 2. 1. ประเมนิ เอกสารหลักสตู ร 2. รา่ งหลักสตู ร กำหนด ประชาสมั พนั ธ์หลักสตู ร 2. ประเมินการใช้หลกั สตู ร จุดมงุ่ หมาย เลอื ก/จัด 3. เตรียมบคุ ลากร ครู 3. ประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิ ของ เนื้อหา/ ประสบการณ์ วิธี ผปู้ กครอง นักเรยี น หลกั สตู ร ประเมนิ แหล่งเรยี นรู้ ส่อื อปุ กรณก์ าร 4. ประเมินระบบหลักสตู ร 3. ตรวจสอบเอกสาร สอน เครือ่ งมือประเมิน หลักสูตร 4. บรหิ ารและบริการ 4. ทดลองการใช้หลกั สูตร หลักสตู ร 5. ประเมิน/ปรับปรงุ 5. ดำเนินการสอนตาม หลักสูตร หลกั สตู ร 6. นเิ ทศการใช้หลักสตู ร ขอ้ มลู ยอ้ นกลับ/ปรบั ปรุง ภาพท่ี 10.9 ระบบการพัฒนาหลกั สูตร ซึ่งทั้งสามระบบนี้จะต้องอาศัยข้อมูลพ้ืนฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาหลักสูตร อันได้แก่ ข้อมูลด้านปรัชญาการศึกษา สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมทั้ง พัฒนาการและความสนใจของผู้เรียนมาเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการดำเนินการร่างหลักสูตรจนแล้วเสร็จ แลว้ จึงนำไปใชแ้ ละประเมนิ ผลหลกั สตู รในที่สดุ การพฒั นาหลักสตู รใน 3 ระบบดำเนนิ การดงั นี้ 1. ระบบการสร้างหลักสูตร เรมิ่ ทก่ี ารนำขอ้ มูลพน้ื ฐานทจี่ ำเปน็ ในการพัฒนาหลกั สูตร มาวิเคราะห์เพื่อนำไปกำหนดจุดมุ่งหมายหลักสูตรรวมทั้งเป็นแนวทางในการเลือกและการจัดเนื้อหา การเลือกและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และการกำหนดวธิ ีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หลังจาก ได้หลักสูตรฉบับร่างแล้วจึงนำไปตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เก่ียวข้องโดยตรงกับหลักสูตรน้ันเพื่อช่วย กลนั่ กรองความสมบูรณ์ของหลักสตู รอีกครั้ง 2. ระบบการนำหลักสูตรไปใช้ เร่ิมท่ีการขออนุมัติใช้หลักสูตรจากหน่วยงานที่มี อำนาจใน การอนุมัติใช้หลักสูตร หลังจากน้ันจึงมีการวางแผนการใช้หลักสูตร มีบุคลคากรที่เกี่ยวข้อง ครู นักเรียน ผู้ปกครอง หรือสถานประกอบเพื่อสร้างความเข้าใจในหลกั การแนวคิดของหลักสูตร รวมไป ถงึ การเตรียมอาคารสถานที่ แหล่งเรยี นรู้ และสอื่ อุปกรณ์การเรียนการสอน การจัดวางตัวครผู ู้สอน การ ดำเนินการใช้หลักสูตรครูผู้สอนต้องการวางแผนออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และผู้บริหาร ดำเนินการ บริหารการใช้หลักสูตร ผู้บริหารควรเป็นผู้อำนวยความสะดวก สนับสนุนการจัดกิจกรรมของครู จัดหา เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ 246

งบประมาณ เสริมใหค้ รผู ู้มคี วามรแู้ ละทกั ษะในการจัดการเรียนการสอน ร่วมถึง การนิเทศกำกับติดตาม ให้คำปรึกษาครเู พ่อื ใหป้ ระสบผลสำเรจ็ ตามจุดมุง่ หมายของหลกั สูตร 3. ระบบการประเมินหลักสูตร เร่ิมด้วยการวางแผนประเมินหลักสูตร การสร้าง เครื่องมือ ประเมินหลักสูตร ให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ในการประเมิน แล้วจึงดำเนินการ ประเมิน หลักสูตร การวิเคราะห์ข้อมูลผลการประเมินหลกั สูตรและการนำเสนอผลการประเมินหลกั สูตร ไป ปรบั ปรุงแกไ้ ขหรือเปล่ยี นแปลงหลักสูตรต่อไปซงึ่ อาจมีการปรับปรุงส่วนใดสว่ นหนง่ึ ของหลักสตู ร 10.5 การสังเคราะห์ รปู แบบการพฒั นาหลักสตู รร่วมสมัย รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ มีจุดเด่นอยู่ที่การศึกษาวิเคราะห์บริบทที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมากำหนดเป็นจุดมุง่ หมายการศึกษาชวั่ คราว แล้วใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ ปรัชญาสังคมและปรัชญา การศึกษา มากลั่นกรองจุดมุ่งหมายการศึกษาอีกคร้ัง จนกระทั่งได้จุดมุ่งหมายการศึกษาท่ีแท้จริง เมื่อ กำหนดจุดมุ่งหมายการศึกษาได้แล้ว จึงนำไปสูก่ ารคดั เลือกประสบการณ์การศึกษาการจดั ประสบการณ์ การศึกษา และการประเมินผลการศึกษา เพื่อนำผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มี คุณภาพ รูปแบบการออกแบบหลักสูตรของทาบา แบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่ 1) วัตถุประสงค์ของ หลกั สูตร 2) การคดั เลือกประสบการณก์ ารเรยี นรู้ 3) การจัดระบบหรือรปู แบบของหลกั สูตร 4) ขอบเขต และการจดั เรยี งลำดบั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์และอาเล็กซานเดอร์ มีความเป็นระบบ ประกอบด้วย ระบบหลัก 3 ระบบ ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานที่เป็นปัจจัยภายนอก เพื่อนำไปสู่การกำหนด เป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ส่งผลไปที่การวางแผน และการออกแบบหลักสูตร การนำ หลกั สูตรไปปฏบิ ัตกิ ารประเมนิ หลักสตู ร และการให้ขอ้ มูลย้อนกลบั ไปส่กู ารปรบั ปรุงและพัฒนาหลักสตู ร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิวา มีองค์ประกอบ 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 1) ระบบการวางแผน และออกแบบหลักสูตร และ 2) ระบบการใช้หลักสูตร และระบบการประเมินหลักสูตร โดยการวางแผน และออกแบบหลักสูตร ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียนและสังคมสังเคราะห์ ร่วมกนั แล้วกำหนดเป็นเป้าหมายของการศึกษาที่สะท้อนปรัชญาการศึกษา รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ วิชัย วงษ์ใหญ่ มุ่งเน้นบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการ พฒั นาหลกั สตู รในการออกแบบหลักสูตรทสี่ อดคลอ้ งกับสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมการยก ร่างเนื้อหาสาระแต่ละกลมุ่ ประสบการณ์ แตล่ ะหน่วยการเรียน จากการนำเสนอ รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของนักวิชาการดังกล่าว นำมาสังเคราะห์จุดเน้น และข้ันตอนการพฒั นาหลักสูตร ได้ดังตารางตอ่ ไปน้ี (มารุฒ พฒั น์ผล, 2562) ภาพท่ี 10.10 จุดเน้นและขัน้ ตอนการพฒั นาหลักสตู ร เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ 247

เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 248


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook