Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารคำสอน วิชาการพัฒนาหลักสูตร Curriculum Development

เอกสารคำสอน วิชาการพัฒนาหลักสูตร Curriculum Development

Published by Sarawut Kedtrawon, 2021-07-30 02:44:02

Description: เอกสารคำสอน
วิชาการพัฒนาหลักสูตร
Curriculum Development รหัส 5002504
ผู้ช่วยศาสตรจารย์ ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
ปีการศึกษา 2564 (ภาคเรียนที่ 1 เลือกเสรี)

Search

Read the Text Version

25 5) เลือกใชส้ ื่อเทคโนโลยภี มู ปิ ัญญาท้องถิน่ ทเ่ี หมาะสมกบั กิจกรรมการเรยี นรู้ 6) ใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ตามสภาพจริง 7) นำผลการประเมนิ มาพัฒนาผเู้ รียน และปรับปรุงการจดั การเรียนรู้ บทบาทของผู้เรียน 1) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง 2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตง้ั คำถาม คิดหาคำตอบหรือหาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ 3) ลงมือปฏิบัติจริง สรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์ตา่ ง ๆ 4) มปี ฏิสัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมรว่ มกับกลมุ่ และครู 5) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง 2.1.14 สื่อการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียน เข้าถึงความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีในท้องถ่ิน การเลือกใช้ส่ือควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และ ลีลาการเรยี นรทู้ หี่ ลากหลายของผูเ้ รียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเองหรือปรับปรุง เลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่าง ๆ ท่ีมีอยู่รอบตัวเพ่ือนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถ ส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียงเพื่อพัฒนาให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นท่ีการศึกษา หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องและผู้มีหน้าที่ จดั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ควรดำเนินการดงั น้ี 1) จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และ เครือข่ายการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชนเพื่อการศึกษาค้นคว้าและการ แลกเปลยี่ นประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหว่างสถานศึกษา ท้องถ่ิน ชุมชน สงั คมโลก 2) จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรบั การศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ ผู้สอน รวมทงั้ จดั หาส่งิ ท่ีมีอยู่ในท้องถิน่ มาประยกุ ต์ใชเ้ ปน็ ส่ือการเรยี นรู้ 3) เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิธีการเรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน 4) ประเมนิ คณุ ภาพของส่อื การเรยี นรทู้ เ่ี ลอื กใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ 5) ศึกษาค้นคว้า วิจัย เพ่ือพัฒนาส่ือการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ ของผเู้ รยี น 6) จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับส่ือและการ ใชส้ อ่ื การเรียนรเู้ ปน็ ระยะ ๆ และสม่ำเสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษาควร คำนึงถึงหลักการสำคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ

26 การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาท่ีถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่าย และนา่ สนใจ 2.1.15 การจดั การศึกษาสำหรับกลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ การจัดการศึกษาบางประเภทสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษา ตามอัธยาศัย สามารถนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานไปปรับใช้ได้ ตามความเหมาะสมกับ สภาพและบริบทของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ท้ังนี้ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกระทรวงศึกษาธิการกำหนด ซ่ึงสำนักงานการศึกษาของสหรัฐ (U.S. office of Education) ได้ให้คำนิยามของคำว่าความบกพร่องทางการเรียนรู้ว่า “ความบกพร่องทางการเรียนรู้” หมายถึง ความผิดปกติของกระบวนการทางจิตวิทยา (Psychological Process) อย่างหน่ึง ซึ่งเก่ียวข้องกับความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการใช้ภาษา การพูดหรือการเขียนทำให้บุคคลท่ีมีความ ผิดปกติดังกล่าวด้อยความสามารถในการฟัง การคิด การอ่าน การเขียน หรือการคำนวณทาง คณิตศาสตร์ คำนี้มีความหมายรวมไปถึงความบกพร่องทางการรับรู้ การได้รับบาดเจ็บทางสมอง ความบกพร่องในการฟังและพูด (Aphasia) ความบกพร่องทางการอ่าน (Dyslexia) แต่ไม่คอบคุมไปถึง เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้อนั เน่ืองมาจากความบกพร่องทางสายตา ความบกพร่องทางการได้ ยิน ความบกพร่องทางร่างกาย ความบกพร่องทางสติปัญญา การด้อยโอกาสทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมกระบวนการทางจิตวิทยา (Psychological Process) หมายถึง ความสามารถในการรับรู้ ข้อมูล ข่าวสาร โดยนำมารวมกับเป็นหมวดหมู่ หรือโดยการจำแนกประเภทการเก็บสะสมไว้ และการ เรียกออกมาใช้เม่ือเวลาต้องการปัญหาในการเรียนรู้ของเด็กประเภทน้ี มีสาเหตุมาจากความบกพร่อง ของระบบประสาททำให้พัฒนาการทางสมองไม่ดำเนินไปอย่างราบร่ืน ทำให้เด็กเกิดปัญหาในการฟัง การใช้สายตา การสัมผัส ผลที่ตามมาก็คือ เด็กด้อยความสามารถในด้านความจำ การใช้สมาธิในการ จำแนก การสังเคราะห์ส่ิงต่าง ๆ การสร้างความคิดรวบยอดเก่ียวกับส่ิงใดส่ิงหนึ่งการแก้ปัญหา การ สนองตอบด้วยการพูด และการเคล่ือนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายThe America Association for Children and Adults with Learning Disabilities (ACLD) ให้คำจำกัดความของปัญหาทางการ เรียนรู้ว่า Specific Learning Disabilities คือ ภาวะรุนแรงจากการทางนของระบบประสาทท่ีถูก รบกวนในเร่ืองของพัฒนาการ การประมวลข้อมูล และ/หรือการแสดงออกทางภาษา และ/หรือ ความสามารถที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษา ได้มีมีโอกาสทางการเรียนรู้ที่เหมาะสม การจัดการเรียนการสอน สำหรบั เดก็ ทมี่ ีความบกพร่องทางการการเรยี นรู้ ดังน้ี 1. จดั แผนการเรียนการสอนเฉพาะบคุ คลให้แกเ่ ด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ 2. จัดกลุ่มเพื่อการสอน โดยจัดให้เด็กมีแผนการสอนเฉพาะบุคคลใกล้เคียงกันไว้ใน กล่มุ เดียวกนั และขณะเดียวกันจะจัดให้เด็กมโี อกาสเรยี นร่วมกับเด็กปกติ 3. พัฒนาการด้านกล้ามเน้ือ การประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อกับการรับรู้ รวมทั้ง ทักษะของการรบั รู้ 4. พัฒนาการดา้ นภาษา ความคดิ รวบยอด ทักษะทางสงั คม 5. การสอนซ่อมเสริม ในเรื่องการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การรับรู้ ภาษาไทย วชิ าหลักและพืน้ ฐานอาชพี เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ

27 6. การจดั กจิ กรรมการพูด ให้เด็กพูดและส่ือสารกบั ผอู้ ่นื ใหน้ ักเรยี นมีความสนใจและ เอาใจใส่บทเรยี นหรือกจิ กรรมที่กำลังดำเนินอยู่ ให้เด็กมีสว่ นร่วมในกิจกรรม และให้แรงเสริมทนั ทีทเ่ี ด็ก สอ่ื สารด้วยการพดู 7. จัดให้มีการอภิปรายปัญหาต่าง ๆ ในช้ันเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กใช้ภาษาพูด ภายใต้การควบคุมของครู 8. ใช้รปู ภาพประกอบการอธบิ ายและหลีกเลย่ี งการใชต้ วั เลขในการอธบิ ายจำนวน 9. ให้เดก็ เขา้ ใจความหมายของคำต่าง ๆ คำท่มี คี วามหมายเดียวกัน 10. จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมเพื่อทำงาน และให้เด็กฝึกหัดเลือกอาชีพท่ี เหมาะสมกบั ตนเอง โดยจดั ลำดับตามความสามารถและความชอบ หลักสูตรสถานศึกษาพุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551เป็นแผน หรือแนวทาง หรือข้อกำหนดของการจัดการศึกษาของ ท่ีจะใช้ในการจัดการ เรยี นการสอนเพอื่ พัฒนาผู้เรียนให้มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานท่ีกำหนด มงุ่ พัฒนาผู้เรียนให้เปน็ คนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ โดยมุ่งหวังให้มีความสมบูรณ์ท้ังด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา อีกทั้งมีความรู้และทักษะท่ีจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตและมีคุณภาพได้ มาตรฐานสากลเพอ่ื การแข่งขนั ในยุคปจั จุบัน การจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ จำเป็นตอ้ งนำ เทคนิคการสอนเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี คือ ให้โอกาสเด็กได้มีบทบาท ในการวางแผนการเรียน ใช้เทคนิคการเสริมแรงอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าพฤติกรรมใดเป็นพฤติกรรมที่ดีที่ ควรแสดงออกพฤติกรรมใดท่ีไม่ดีไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม เด็กไม่ควรแสดงออก การท่ีเด็กที่มีความ บกพร่องทางการเรียนรู้จะสามารถที่จะพัฒนาศักยภาพท่ีมีอยู่ให้สามารถพัฒนาได้เกือบเท่าเทียมกับเด็ก ปกตไิ ด้ ท้ังในเร่ืองการเรียนของเด็ก ทักษะทางวิชาการของเด็ก อารมณ์ของเดก็ และพฤติกรรมของเด็กนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ของผู้ปกครอง การสอนของครูตลอดสภาพแวดล้อมที่เด็กอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งท้ังหมดน้ีจะส่งผลและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของตัวเด็กเอง ครูจำเป็นต้องนำเทคนิคในการ ปรับพฤติกรรมาใช้อย่างเป็นระบบ ครูควรขอคำแนะนำและปรึกษาหารือกับผู้ปกครอง หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิผลย่ิงข้ึน ความต้องการพิเศษเป็นส่ือสำคัญท่ีอำนวยความสะดวก ท่ีสามารถสอดแทรกไปในการเรียนการสอนเด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซ่ึงจะทำให้ผลลัพธ์ ทางการเรยี นการสอนเด็กทีม่ ีความบกพร่องทางการเรียนรู้เกิดประสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ข้ึน ดังน้ัน หลักสูตรสถานศึกษาพุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 จึงประกอบด้วย สาระสำคัญของหลักสูตรแกนกลาง สาระความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับ ชมุ ชนท้องถิ่น และสาระสำคัญท่ีสถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติม โดยจัดเป็นสาระการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน ตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวัด และสาระการเรียนร้รู ายวิชาเพิม่ เติม จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็น รายปีในระดับประถมศึกษาเป็นรายภาค และกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาตาม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซ่ึงสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นในการพัฒนาผู้เรยี นตามแนวทางการการปรับ หลักสูตรสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม มาตรฐานที่กำหนดซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการดังน้ี 1) ความสามารถในการ สื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวติ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในดา้ นการเรยี นรกู้ ารสื่อสาร การทำงาน การแก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ

28 2.2 การจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐานเป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผู้เรียน เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมาย หลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระท่ี กำหนดไว้ในหลักสูตร 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะตา่ ง ๆ อนั เป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรยี นบรรลตุ ามเปา้ หมาย 2.2.1 หลักการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เพอ่ื ให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ สำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไวใ้ นหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน โดยยึด หลักวา่ ผู้เรยี นมีความสำคัญที่สุด เชื่อวา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยดึ ประโยชนท์ ่ี เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและ เต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสำคัญทั้ง ความรู้ และคุณธรรม 2.2.2 กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ หลากหลาย เป็นเครื่องมือท่ีจะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจำเป็น สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จาก ประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัย กระบวนการ เรยี นรูก้ ารเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนสิ ัย 2.2.3 การออกแบบการจดั การเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ สำคัญของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และสาระการเรยี นรทู้ ี่เหมาะสมกับผเู้ รียน แล้วจึงพิจารณา ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและ ประเมินผล เพอื่ ให้ผ้เู รยี นไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด 2.3 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การประเมินเพ่ือพัฒนาผู้เรยี นและเพื่อตัดสนิ ผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้ของผ้เู รียนให้ ประสบผลสำเร็จนั้นผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็นเป้าหมายหลักใน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขต พน้ื ทกี่ ารศึกษา และระดบั ชาติ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รยี น โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ีแสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชัยภมู ิ

29 ทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและ เรยี นรอู้ ย่างเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเปน็ 4 ระดับ ได้แก่ ระดับชน้ั เรียน ระดบั สถานศึกษา ระดับเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา และระดับชาติ มีรายละเอยี ดดังนี้ 2.3.1 การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวดั และประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการ เรยี นรู้ ผูส้ อนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรยี นการสอนใช้เทคนิคการประเมินอย่าง หลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ประเมนิ ตนเอง เพ่อื นประเมินเพื่อน ผปู้ กครองร่วมประเมิน ในกรณีทีไ่ มผ่ า่ นตวั ชว้ี ดั ให้มีการสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบว่าผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการ เรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้อง ไดร้ บั การพฒั นาปรบั ปรงุ และส่งเสรมิ ในด้านใด นอกจากนย้ี ังเปน็ ขอ้ มูลใหผ้ สู้ อนใชป้ รับปรุงการเรยี นการ สอนของตนดว้ ย ทัง้ นีโ้ ดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชวี้ ัด 2.3.2 การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตัดสิน ผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้ง สามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับ สถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรอื วิธีการจัดการ เรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการ ประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงาน เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ผูป้ กครองและชมุ ชน 2.3.3 การประเมินระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษา เป็นการประเมนิ คุณภาพผู้เรยี นในระดับเขต พ้ืนที่การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพื่อใช้เป็นข้อมูล พ้ืนฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาตามภาระความรับผิดชอบ สามารถ ดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและด ำเนินการโดย เขตพ้ืนที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ ยังไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพื้นท่ีการศึกษา 2.3.4 การประเมินระดบั ชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เข้ารับ การประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือ นำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเปน็ ข้อมูลสนบั สนุนการตัดสินใจใน ระดบั นโยบายของประเทศ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ

30 ข้อมูลการประเมิน ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษา ในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถอื เป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษา ที่จะต้องจัดระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ บนพ้ืนฐานความแตกต่างระหว่าง บุคคลทจี่ ำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ สถานศึกษาในฐานะผรู้ บั ผดิ ชอบจัดการศึกษาจะตอ้ ง จัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตาม หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือให้บุคลากร ท่เี กย่ี วข้องทกุ ฝ่ายถอื ปฏบิ ัติร่วมกัน 2.4 เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี น 2.4.1 การตัดสินผลการเรียน ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นนั้น ผู้สอนตอ้ งคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแตล่ ะคน เป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมท้ัง สอนซ่อมเสริมผเู้ รยี นให้พัฒนาจนเตม็ ตามศกั ยภาพ ระดบั ประถมศกึ ษา 1) ผ้เู รยี นตอ้ งมีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นทั้งหมด 2) ผ้เู รยี นต้องไดร้ บั การประเมินทุกตวั ช้วี ัด และผา่ นตามเกณฑท์ ่สี ถานศกึ ษากำหนด 3) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรียนทกุ รายวิชา 4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนดในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ระดับมธั ยมศึกษา 1) ตดั สินผลการเรยี นเป็นรายวิชา ผ้เู รียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมดในรายวชิ านั้น ๆ 2) ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทกุ ตวั ชีว้ ดั และผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากำหนด 3) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การตัดสินผลการเรียนทกุ รายวิชา 4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนดในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การพิจารณาเล่ือนช้ันท้ังระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและ สถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะ ผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อ การเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ท้ังนี้ให้ คำนึงถงึ วฒุ ิภาวะและความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี นเป็นสำคญั 2.4.2 การให้ระดับผลการเรียน ระดบั ประถมศกึ ษา ในการตัดสนิ เพื่อให้ระดบั ผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบ ร้อยละ และระบบที่ใชค้ ำสำคญั สะทอ้ นมาตรฐาน เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชัยภูมิ

31 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับ ผลการประเมินเปน็ ดีเยย่ี ม ดี และผา่ น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วม กจิ กรรมเปน็ ผ่าน และไมผ่ ่าน ระดับมัธยมศึกษา ในการตัดสินเพื่อใหร้ ะดับผลการเรยี นรายวิชา ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับ ผลการเรยี นเป็น 8 ระดับ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับ ผลการประเมินเป็นดเี ยีย่ ม ดี และผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณ าทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วม กิจกรรมเปน็ ผ่าน และไมผ่ ่าน 2.4.3 การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรียนเป็นการส่อื สารใหผ้ ูป้ กครองและผู้เรียนทราบความก้าวหนา้ ในการ เรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบ เป็นระยะ ๆ หรืออยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ 1 ครงั้ การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดบั คุณภาพการปฏิบัตขิ องผ้เู รียนที่สะทอ้ น มาตรฐานการเรียนรูก้ ลุม่ สาระการเรยี นรู้ 2.4.4 เกณฑ์การจบการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็น 3 ระดบั คอื ระดับประถมศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลา เรยี นทห่ี ลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกำหนด 2) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณ ฑ์ การประเมนิ ตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด 4) ผูเ้ รียนมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ในระดบั ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ตามทีส่ ถานศกึ ษากำหนด 5) ผู้เรียนเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนและมีผลการประเมินผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศกึ ษากำหนด 2.4.5 เกณฑก์ ารจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 63 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพม่ิ เติมตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พนื้ ฐาน 63 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เติมไมน่ อ้ ยกวา่ 14 หนว่ ยกิต เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ

32 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียนในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามทส่ี ถานศึกษากำหนด 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทีส่ ถานศึกษากำหนด 5) ผู้เรยี นเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมผี ลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด 2.4.6 เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม ไม่น้อยกว่า 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พน้ื ฐาน 39 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พืน้ ฐาน 39 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ไม่น้อยวา่ 38 หน่วยกิต 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามทีส่ ถานศึกษากำหนด 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทสี่ ถานศึกษากำหนด 5) ผู้เรยี นเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษา ตามอัธยาศัย ให้คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานสำหรบั กลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ 2.4.7 การเทยี บโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่าง ๆ ได้แก่ การย้าย สถานศึกษา การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคัน และขอกลับเข้ารับ การศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบ โอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชพี การจัดการศึกษาโดยครอบครัว การเทยี บโอนผลการเรียนควรดำเนินการในชว่ งก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือตน้ ภาคเรียนแรก ท่ีสถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งน้ี ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษา ต่อเน่ืองในสถานศึกษาท่ีรับเทียบโอนอย่างน้อย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษาท่ีรับผู้เรียนจากการเทียบ โอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกิตทีจ่ ะรบั เทยี บโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอนสามารถดำเนนิ การได้ ดงั นี้ 1) พิจารณาจากหลักฐานการศึกษาและเอกสารอื่น ๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของผ้เู รียน เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภมู ิ

33 2) พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้ง ภาคความรแู้ ละภาคปฏิบตั ิ 3) พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบัติในสภาพจริง การเทียบโอนผลการเรียนให้ เป็นไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2.5 การบริหารจดั การหลกั สูตร ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอำนาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา หลักสูตร ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับสถานศึกษา ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขต พื้นท่ีการศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาทในการขับเคล่ือนคุณภาพการจัด การศึกษาเป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้ สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา สถานศึกษามีหน้าท่ีสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร การเพ่ิมพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำ ระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และรายละเอียดที่เขตพ้ืนที่การศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกัด อื่น ๆ ในระดับทอ้ งถ่นิ 2.5.1 การบริหารจัดการหลักสูตรระดับชาติ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พื้นฐาน (สพฐ.) เปนหนวยงานหลักท่ีดูแลการจัดการศึกษาในระดับท่ีต่ำกวาอุดมศึกษา พระราชบัญญัติ การศึกษาแหงชาติพุทธศักราช 2542 มาตรา 27 กำหนดใหคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในส่วนที่กำหนดโดยหน่วยงานส่วนกลาง (สพฐ.) เพื่อให ทุกโรงเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใชในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนทุกคน มีองค์ประกอบสำคัญของหลักสูตรแกนกลาง ไดแก วิสัยทัศน หลักการจุดหมาย สมรรถนะสำคัญของ ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค มาตรฐานการเรียนรูและตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูแกนกลาง โครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน และเกณฑการวดั ประเมนิ ผลกลาง 2.5.2 การบริหารจัดการหลักสูตรระดับท้องถ่ิน สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือหน่วย ต้นสังกัดอื่น ๆ ในระดับทองถ่ินเป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาทสำคัญในการเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน และความตองการของทองถิ่น สูการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียน การสอนในชั้นเรียน อีกทั้งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการขับเคล่ือนการจัดการศึกษาของโรงเรียน ภายใตการดูแลรับผิดชอบในเขตพื้นท่ีใหจัดการศึกษาไดอยางมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนา ผู้เรียนไปสูมาตรฐานการเรียนรูซ่ึงเป็นเป้าหมายที่กำหนดไวรวมกันในระดับชาติ โดยการจัดทำกรอบ หลักสูตรระดับทองถ่ิน แตงตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน : คณะกรรมการ ควรประกอบดวย ผู้อำนวยการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา/ผูบริหารสวนราชการระดับทองถ่ิน ผูบริหารสถานศึกษาในทองถิ่นทั้ง ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ครูผูสอน ผูแทนชุมชน จัดทำ “หลักสูตรสถานศึกษา” สามารถ สอดแทรกเขาไปในรายวชิ าพื้นฐานท้ัง ๘ กลุมสาระการเรียนร้ไู ด้ หรือหากสถานศึกษาเห็นว่ามีสิ่งสำคัญ ทต่ี ้องการจะเน้นและแยกสอนเปน็ การเฉพาะ เช่น การสอน เพื่ออนุรักษ์ภูมิปญญาทองถ่ิน สามารถเปิด เป็นรายวิชาสาระเพิ่มเติมได ผู้บริหารโรงเรียน เป็นผู้นำทางวิชาการ ครูผูสอน : ครูเป็นตัวจักรที่สำคัญ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ

34 ที่สุดในการจัดทำและนำหลักสูตรไปใช้ ศึกษานิเทศกให้ความช่วยเหลือแนะนำครูผูสอน สามารถ ถา่ ยทอดความรูความเขาใจในการนำหลักสตู รไปใช้ให้แกบคุ ลากรในระดบั สถานศึกษา การบริหารจัดการหลักสูตร มีความเชื่อมโยง ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับ สถานศึกษา ระดับท้องถ่ิน จึงมีบทบาทสำคัญในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและดำเนินการนำ หลักสูตรสูการปฏิบัติในการจัดการเรียนหารสอนในช้ันเรียนอยางมีประสิทธิภาพ โดยตองสรางความ ม่ันใจตอพ่อแม ผูปกครอง และชุมชนว่าผูเรียนจะมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู/ตัวชี้วัดและเกิด สมรรถนะสำคัญ ตลอดจนมีคุณลักษณะอันพึงประสงคตามที่กำหนดไวในหลักสูตร มุ่งให้การจัดการ เรยี นการสอนเพ่ือพัฒนาผูเรียนทุกคน สถานศกึ ษาจะตองมีการตดิ ตาม ดูแลคณุ ภาพการจดั ทำหลักสูตร และการจดั การเรยี นรูอยางเปนระบบตอเนอ่ื งและครบวงจร ภาพท่ี 2.1 ความเชือ่ มโยง ตั้งแต่ระดับชาติ ระดบั ทอ้ งถ่ิน บทสรุป เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ

35 การจัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซ่ึงเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลท้ังร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็น พลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข โดยจัดระดับการศึกษาเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1) ระดับประถมศึกษา 2) ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น 3) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่ การปฏิบัติโดยใช้ผลการประเมินและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการความก้าวหน้าและความสำเร็จ ทางการเรยี นของผู้เรียน เปา้ หมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทกุ ระดับไม่วา่ จะเป็นชน้ั เรยี น ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับชาติ มีการกำหนดวิธีการประเมินผล เครื่องมือ การวัดผล และแหล่งขอ้ มูลที่จะวดั และประเมินผลตามสภาพจริงให้สอดคลอ้ งกับตัวบ่งชี้ที่นำไปสู่สภาพ การเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่อนำผลการประเมินมาพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียน และปรับปรุงการ ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ใน การบริหารจัดการหลักสูตร ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับทอ้ งถิน่ จนถึง ระดับสถานศึกษา ระดับท้องถ่ิน หลักสูตรสถานศึกษาและดำเนินการนำหลักสูตรสูการปฏิบัติในการ จดั การเรยี นหารสอนในชั้น สรางความมั่นใจตอสังคมตอ่ ไป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 1. จงอธบิ ายลักษณะเด่นของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) 2. หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานมุง่ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ สมรรถนะสำคัญอยา่ งไร อธิบาย 3. อธิบายหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพือ่ ใหส้ ามารถอยู่รว่ มกับผู้อ่ืนในสงั คมได้อย่างไร 4. สาระการเรยี นรู้ของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานประกอบดว้ ยก่สี าระ อะไรบ้าง 5. จงอธบิ ายความหมายของมาตรฐานการเรียนรู้ 6. กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นมกี ีก่ ิจกรรม อะไรบ้าง 7. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ

36 เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ: ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด. _______. (2552). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551. สำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย จำกัด. _______. (2553). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งท่ี 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด. _______. (2553). แนวปฏบิ ัตกิ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. พิมพค์ รั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย จำกัด. _______. (2553). แนวทางการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. พิมพค์ รั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตร แห่งประเทศไทย จำกดั . มารุต พฒั ผล. (2552). การวจิ ัยเพ่อื พัฒนาการเรยี นรู้. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพค์ รุ สุ ภาลาดพร้าว. วชิ าการ, กรม, กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). หลักสตู รการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2544. พิมพ์ครัง้ ท่ี 3. กรุงเทพฯ: ครุ สุ ภาลาดพร้าว. _______. (2548). แนวทางการจดั ทำหลกั สตู รสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: คุรสุ ภา ลาดพร้าว. วิชัย วงษ์ใหญ่ (2521). พัฒนาหลกั สูตรและการสอน. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ. วชิ ยั วงษ์ใหญ่ และมารุต พฒั ผล. (2552). จากหลักสูตรแกนกลางสู่หลกั สตู รสถานศึกษา: กระบวนทัศน์ใหม่การพฒั นา. บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ. วชิ ัย ดิสสระ. (2533). พฒั นาหลักสตู รและการสอน. กรุงเทพฯ: ตน้ อ้อแกรมม่.ี สงดั อุทรานันท์. (2532). พ้นื ฐานและการพฒั นาหลกั สตู ร. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . สริ นิ าถ จงกลกลาง. (2558). การพัฒนาหลกั สูตร. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า. สำนกั งานคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรฐั มนตรี. (2543). นโยบายการผลติ และพฒั นาครู. กรุงเทพฯ: วัฒนาพานชิ . เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ

36 แผนบริหารการสอนประจำบทที่ 3 การออกแบบหลักสตู ร หัวขอ้ เนอ้ื หาประจำบท 3.1 ความหมายของการออกแบบหลกั สตู ร 3.2 ความสัมพนั ธก์ ารออกแบบหลกั สูตร 3.3 ประโยชนก์ ารออกแบบหลักสูตร 3.4 หลักการของการออกแบบหลักสูตรที่ดี 3.5 ประเภทของการออกแบบหลกั สตู ร 3.6 องค์ประกอบของการออกแบบหลกั สูตร บทสรปุ แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท เอกสารอ้างอิง วตั ถปุ ระสงค์ เม่ือผู้เรยี นศึกษาบทเรยี นน้แี ลว้ สามารถ 1. อธิบายความหมายของการออกแบบหลักสูตรได้ 2. อธบิ ายความสัมพนั ธ์การออกแบบหลักสูตรได้ 3. อธบิ ายประโยชนก์ ารออกแบบหลักสตู รได้ 4. อธบิ ายหลักการของการออกแบบหลักสตู รทีด่ ีได้ 5. อธบิ ายประเภทของการออกแบบหลักสตู รได้ 6. อธบิ ายองคป์ ระกอบของการออกแบบหลกั สตู รได้ วิธสี อนและกิจกรรมการเรยี นการสอน 1. วธิ ีสอน 1.1 วิธีสอนแบบอภิปราย 1.2 วิธีสอนแบบบรรยาย 1.3 วธิ สี อนแบบกล่มุ เรียนรู้ 2. เทคนิคการสอน 2.1 การใช้คำถาม 2.2 กระบวนการกลุ่ม 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน ข้นั นำ 3.1 ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์ นำเสนอเนื้อสาระ กิจกรรมการเรียนรู้และชิ้นงานที่จะเกิดข้ึน ในการเรยี นรู้คร้งั นด้ี ้วย Power Point 3.2 ผู้สอนนำแนวคิด/คำตอบของนกั ศึกษาเชื่อมโยงกบั เน้ือหาของบทเรยี น เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ

37 ขั้นสอน 3.3 วิธีสอนแบบบรรยาย เริ่มจากการอธิบายถึงความหมายของการออกแบบหลักสูตร หลักสูตรความสัมพันธ์การออกแบบหลักสูตร ประโยชน์การออกแบบหลักสูตร หลักการของการ ออกแบบหลักสูตรทีด่ ี ประเภทของการออกแบบหลักสูตร องคป์ ระกอบของการออกแบบหลักสูตร และ บุคคลทีเ่ กีย่ วข้องกบั การพฒั นาหลกั สูตร 3.4 อภิปรายกลุ่มสรุปประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับความหมายของการออกแบบหลักสูตร หลักสูตรความสัมพันธ์การออกแบบหลักสูตร ประโยชน์การออกแบบหลักสูตร หลักการของการ ออกแบบหลักสูตรทดี่ ี ประเภทของการออกแบบหลักสูตร องค์ประกอบของการออกแบบหลักสูตร และ บุคคลท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาหลกั สตู ร 3.5 ผู้สอนบรรยายเพ่มิ เติมความรู้ดว้ ย Power Point ข้นั สรุป 3.6 ผู้สอนนำเสนอสรุปเนื้อหาของบทเรียนด้วย Power Point พร้อมซักถาม/ตอบข้อ ซกั ถาม 3.7 นกั ศกึ ษาและผูส้ อนรวมกนั สรุป “หลกั การของการออกแบบหลักสตู รทีด่ ”ี 3.8 ทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบท ส่ือการเรียนร้/ู แหลง่ เรยี นรู้ 1. เอกสารคำสอนวชิ า การพัฒนาหลกั สตู ร 2. Power Point หัวข้อที่บรรยายเรื่อง ความหมายของการออกแบบหลักสูตร ความสัมพันธ์ การออกแบบหลกั สูตร ประโยชนก์ ารออกแบบหลกั สูตร หลักการของการออกแบบหลกั สตู รทีด่ ี ประเภท ของการออกแบบหลักสตู ร องค์ประกอบของการออกแบบหลักสูตร และบคุ คลทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการพัฒนา หลกั สตู ร 3. กรณศี ึกษาทางดา้ นการออกแบบหลักสตู ร 4. หนงั สอื ความรู้ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับ การออกแบบหลักสตู ร 5. เว็บไซต์ทางการศึกษา ดา้ นการออกแบบหลกั สูตร 6. บทเรียนออนไลน์ รายวิชา การพฒั นาหลักสตู ร การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตการตอบคำถามและตัง้ คำถาม 2. สงั เกตจากการอภปิ ราย ซักถาม และการแสดงความคิดเห็น 3. วดั เจตคตจิ ากการสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการทำงาน 4. กจิ กรรมและคณุ ภาพของงาน 5. ประเมินผลจากการทำแบบฝึกหดั ท้ายบท เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ

38 บทท่ี 3 การออกแบบหลักสตู ร บทนำ การศึกษาปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อการพัฒนาหลักสูตรทำให้นักพัฒนาหลักสูตรได้แนวคิดและ ทิศทางการกำหนดรูปแบบและโครงสร้างของหลักสูตรเพราะปัจจัยเหล่านี้จะน ำมาเกี่ยวข้ องกับ องคป์ ระกอบสำคัญของหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรจึงเปน็ ขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการพัฒนาหลักสูตร โดยในบทนีจ้ ะนำเสนอแนวคิด ความหมาย ประโยชน์ หลกั การของการออกแบบหลักสูตร พร้อมนำเสนอ ประเภทของหลักสูตร การออกแบบหลักสูตร เปน็ ขั้นตอนท่ีสำคัญอยา่ งย่ิงของกระบวนการพัฒนาหลักสูตร และเปน็ ข้นั ตอนท่ีต้องดำเนินการหลังจากท่ีได้ข้อมลู พนื้ ฐานมาอย่างเพียงพอแลว้ ซึง่ นำข้อมูลเหล่าน้ันมา ออกแบบหลักสูตรในแต่ละองค์ประกอบตั้งแต่จุดมุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน และการวัดประเมินผลการเรียน ซึ่งหากขาดขั้นตอนใด การออกแบบหลักสูตรนี้ไปส่งผลให้การสร้าง หลักสูตรที่ไม่มีการวางแผนท่ีดีอาจจะได้หลักสตู รที่ไม่มีคณุ ภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบในการนำหลักสูตรไป ใช้ขาดประสิทธภิ าพได้เช่นกัน ดังนั้นการออกแบบหลักสูตรจึงมีประโยชน์อย่างมาก ช่วยสร้างความม่ันใจ วา่ หลกั สตู รทส่ี รา้ งข้ึนสามารถเปน็ แนวทางในการปฏบิ ัติไดจ้ ริงชว่ ยทำให้มองเหน็ ภาพความสำเร็จของการ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ

39 นำหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ทช่ี ัดเจนข้ึน และชว่ ยประหยัดเวลาและแรงงานเนื่องจากผู้ใช้หลักสูตร มีความเขา้ ใจในกระบวนการต่าง ๆ ได้เปน็ อย่างดแี ละเป็นทิศทางเดียวกนั 3.1 ความหมายของการออกแบบหลักสตู ร มีนักการศึกษาหลายท่านใหค้ วามหมายการออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design) ไวด้ งั นี้ ชัยวฒั น์ สุทธิรตั น์ (2556) ให้ความหมายการออกแบบหลักสูตรว่า เปน็ การจัดองคป์ ระกอบของ หลักสูตร ได้แก่ จดุ มุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหาสาระ กจิ กรรมการเรยี นการสอนและการประเมินผลให้ มคี วามเหมาะสม มคี วามสอดคลอ้ งสมั พนั ธต์ อ่ เน่ืองและกลมกลนื กัน ซายส์ (Zais, 1976) ให้ความหมายการออกแบบหลักสูตรว่า เป็นการจัดองค์ประกอบพื้นฐาน 4 องค์ประกอบของหลักสูตร ซง่ึ ประกอบดว้ ยจุดหมาย เนอ้ื หา กิจกรรมการเรียนและการประเมนิ ผล ทาบา (Taba, 1962) ให้ความหมายการออกแบบหลักสูตรว่าเป็นการจัดองค์ประกอบพื้นฐาน 4 องคป์ ระกอบของหลักสูตร ได้แก่ จดุ หมายเปา้ หมาย และวตั ถปุ ระสงค์ เนอ้ื หากจิ กรรมการเรยี นการสอน และการประเมินผล โดยหลักใหญ่ของการออกแบบ คือ การกำหนดกรอบหรือขอบเขตการเรียงลำดับ การพจิ ารณาความต่อเนอื่ งและการบูรณาการ ไทเลอร์ (Tyler, 1969) ให้ความหมายการออกแบบหลกั สตู รว่าเป็นการจัดเนื้อหาสาระและมวล ประสบการณ์ในหลักสูตรเข้าเป็นหมวดหมู่ ซึ่งคำนึงถึงการเรียงลำดบั ท่ีเหมาะสม สัมพันธ์ต่อเน่ืองความ กลมกลนื กนั สรุปได้ว่า การออกแบบหลักสูตรเป็นการจัดองค์ประกอบของหลักสูตร ได้แก่ จุดหมายของ หลักสูตร เนื้อหาสาระ กิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมินผลให้มีความเหมาะสม มีความ สอดคลอ้ งสมั พนั ธต์ อ่ เนอ่ื งและกลมกลนื กนั 3.2 ความสมั พันธ์การออกแบบหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรเปน็ กระบวนการหน่ึงของการพัฒนาหลักสูตร โดยเปน็ ขั้นตอนท่ีต่อเน่ือง จากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างการออกแบบหลักสูตรกับกระบวนการพัฒนา หลักสตู ร นำเสนอไดด้ งั ภาพตอ่ ไปนี้ โครงสรา้ งหลกั สตู ร ขอ้ มูลพ้ืนฐาน การออกแบบหลักสูตร การตรวจสอบคณุ ภาพ การวางโครงสรา้ ง กำหนดวิธกี ารดำเนินการเก่ยี วกับหลกั สตู ร การกำหนดโครงสรา้ ง การนำหลักสูตรไปใช้ 1. ทำเอกสารประกอบหลักสตู ร 3. ดำเนนิ การสอนตามหลักสตู ร 2. เตรยี มบุคลากร 4. นเิ ทศการใชห้ ลักสตู ร เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ

40 การประเมนิ หลกั สตู ร ประเมินผลสมั ฤทธิข์ องหลกั สูตร ประเมินคณุ คา่ ของหลักสตู ร ประเมินหลักสตู ร การปรบั ปรุงแก้ไข หลกั สตู รทส่ี ร้างขึ้นใหม่ การพัฒนาหลกั สูตร หลักสตู รใหม่ทปี่ รับปรงุ จากหลกั สตู ร เดมิ ภาพที่ 3.1 ความสัมพันธ์การออกแบบหลกั สูตรกับการพัฒนาหลกั สูตร ทมี่ า (สงดั อุทรานันท,์ 2544) จากภาพแสดงให้เห็นว่าการออกแบบหลักสูตรเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งเป็น ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลังจากที่ได้ข้อมูลพื้นฐานมาอย่างเพียงพอแล้ว จึงนำข้อมูลเหล่านั้นมา ออกแบบหลกั สูตรในแต่ละองค์ประกอบ ตง้ั แตจ่ ดุ หมายของหลกั สูตร เนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นการสอน และการวัดประเมนิ ผลการเรียน ซึง่ หากขาดขนั้ ตอนในการออกแบบหลกั สูตรน้ีไปจะส่งผลให้ได้หลักสูตร ที่ไม่มคี ณุ ภาพ จะสง่ ผลกระทบถงึ การนำหลกั สูตรไปใชท้ ขี่ าดประสิทธภิ าพได้เช่นกัน 3.3 ประโยชนก์ ารออกแบบหลักสตู ร การออกแบบมีประโยชน์มากตอ่ การได้มาซ่ึงหลกั สูตรท่มี ีคุณภาพ ดังนี้ 3.3.1 การออกแบบหลกั สตู รทดี่ ีชว่ ยสรา้ งความมัน่ ใจวา่ หลกั สูตรทีส่ ร้างข้ึนสามารถเปน็ แนวทาง ในการปฏิบัติได้ การออกแบบหลักสูตรที่เน้นจุดมุ่งหมายของหลักสูตรเป็นสำคัญเป็นการสร้างความ มั่นใจว่าหลักสูตรท่ีสร้างขึ้นสามารถนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติได้เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่ทำให้บรรลุ จุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาได้ 3.3.2 การออกแบบหลักสูตรที่ดีช่วยเพิ่มโอกาสในความสำเร็จในการจัดการศึกษา การออกแบบ เป็นการจัดองค์ประกอบทั้ง 4 ของหลักสูตรให้สอดคล้องกับการออกแบบหลักสูตรที่ดีจึงเป็นแนวทาง ใหก้ บั ผูใ้ ช้หลกั สตู รท่เี ข้าใจง่ายและนำไปใช้ให้สำเร็จบรรลตุ ามจดุ ม่งุ หมายของหลกั สตู ร 3.3.3 การออกแบบหลักสูตรที่ดีช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน เป็นการสร้างพิมพ์เขียวเพื่อให้ ผู้ใช้หลักสูตรได้เห็นประสบการณ์ที่จำเป็นท่ีผู้เรียนต้องได้รับซึ่งจะช่วยให้ผูใ้ ช้หลักสูตรมีความเข้าใจใน กระบวนการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างสามารถนำไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเวลามาศึกษา รายละเอียดแลว้ ตคี วามเอาเอง ซง่ึ อาจคลาดเคลือ่ นไปจากจดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตรได้ 3.3.4 การออกแบบหลักสูตรที่ดีช่วยในการสื่อสารและการประสานงาน นักพัฒนาหลักสูตรที่ สามารถออกแบบหลักสูตร เอกสารการสอน และคู่มือต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความเข้าใจที่ง่ายในการนำ หลกั สตู รไปใชโ้ ดยที่ครหู รือผนู้ ำหลักสูตรไปใชไ้ ด้มีการจัดอบรมเพื่อชแ้ี จงเกย่ี วกับตวั หลักสูตรและการนำ หลกั สตู รไปใช้อีกได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ 3.3.5 การออกแบบหลกั สตู รทด่ี ชี ว่ ยลดความตึงเครยี ด การออกแบบเป็นการจัดการศึกษาโดยมี เป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน การวางแผนความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยมีข้อมูล เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ

41 ประกอบหลาย ๆ ด้านหลักสตู รจงึ เป็นการสร้างพิมพ์เขยี วจากส่ิงทีเ่ ป็นนามธรรมไปสสู่ ่ิงท่ีเป็นตัวกำหนด หรือออกแบบโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถไปปฏิบัติได้ และเมื่อผู้ปฏิบัติแนวทางและ มองเหน็ ภาพความเปน็ ไปไดใ้ นการปฏบิ ตั ิสงู สามารถลดความตึงเครียดในการนำหลกั สูตรไปใช้ 3.3.6 การออกแบบหลักสูตรสำหรับการสร้างนักสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือ changemaker curriculum หากมองเห็นปัญหา มีความตั้งใจ และแก้ปัญหานั้นอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งลักษณะเช่นน้ี อาจจะเป็นลักษณะของ นักออกแบบหลักสูตรในอนาคต การออกแบบหลักสูตรสำหรับการสร้างนัก สรา้ งการเปลย่ี นแปลงน้นั ก็ไมต่ ่างจากการออกแบบหลักสตู รทว่ั ๆ ไป คอื เริ่มจากการกำหนดปรัชญาของ หลักสูตร ซึ่งเปรียบเสมือนจดุ ตั้งต้นท้ังหมด เป็นการสร้างกรอบของกระบวนการการศึกษา และเป็นตัว ช่วยกำหนดเป้าหมายของการสอน วิธีการสอน การออกแบบการสอนและกิจกรรม จนไปถึงการประเมิน เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนเกิดผลสัมฤทธ์ติ ามปรชั ญาที่วางไว้ การออกกแบบหลักสูตรจึงมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยสร้างความมั่นใจ สามารถเป็น แนวทางในการปฏิบัติได้จริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสของการนำหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ตลอดเวลา เนือ่ งจากผใู้ ช้หลักสูตรมีความเขา้ ใจในกระบวนการตา่ ง ๆ ได้เปน็ อยา่ งดี 3.4 หลักการของการออกแบบหลักสตู รท่ดี ี การออกแบบหลักสูตรทีด่ แี ละมีประสทิ ธภิ าพ มีหลักการสำคัญดังต่อไปนี้ 3.4.1 วัตถุประสงค์การออกแบบ การออกแบบหลักสูตรควรออกแบบมีจุดประสงค์ให้เหมาะสม กับประเภทของหลักสูตร ลักษณะของหลักสูตรและระดับของความรู้ เช่น การออกแบบตามวัตถุประสงค์ ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2251 ในระดับประถมศึกษาก็ควรมีความ เหมาะสมและสัมพันธก์ ับความต้องการกับจุดมุ่งหมายของการจดั การศึกษาในระดับประถมศึกษาด้วย 3.4.2 การประสานกลมกลืนขององค์ประกอบหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรท่ีดีตอ้ งประสาน กลมกลืนกับส่วนประกอบทั้ง 4 ส่วนอย่างพอเหมาะ เป็นไปตามสมันนิยมสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ กล่าวคือ จำเป็นต้องจัดวัตถุประสงค์ เนื้อหากิจกรรม การจัดการเรียนการสอน และการประเมินให้ สอดคล้องความสัมพันธ์กัน โดยวัตถุประสงค์กำหนดเนื้อหา และวิธีจัดกิจกรรม และการประเมินผลที่ สามารถปรับปรุงเปล่ียนแปลงได้ตามความสนใจและเวลาทเ่ี ปลี่ยนไป 3.4.3 ความยากง่ายในการนำไปสร้างหลักสูตร การออกแบบที่ดีควรจะลักษณะง่ายต่อการ นำไปใชใ้ นการสร้างหลกั สตู ร และสอดคล้องกับความต้องการของสังคม 3.4.4 ความคมุ้ ค่าในการออกแบบ การออกแบบท่ีดีควรมีความเหมาะสมระหว่างทรัพยากรท่ีมีอยู่ และวิธีการ โดยการวางแผนหลักสูตรต้องคำนึงในสิ่งต่าง ๆ และวิธีการใช้อย่างคุ้มค่า ได้แก่ วัสดุ อปุ กรณ์ งบประมาณ อาคาร สถานที่ ทรัพยากรบคุ คลและส่งิ ทเ่ี ก่ยี วข้องอ่นื ๆ 3.4.5 การจดั รายละเอียดของการออกแบบ การออกแบบทดี่ ีควรมีการออกแบบค่มู ือการใช้อย่างดี เพื่อให้ผู้ใช้หลักสูตรมีความเข้าใจถูกต้องชัดเจนโดยการสร้างคู่มือต่าง ๆ ประกอบการใช้หลักสูตร เช่น คูม่ อื การใชห้ ลักสูตร คู่มือการจัดกิจกรรม และคู่มือการประเมนิ ผลเป็นต้น 3.4.6 การกำหนดโครงสร้างหลักสูตร การออกแบบที่ดีควรเน้นโครงสร้างที่กลมกลืนกับ วัฒนธรรมและความต้องการของสังคม เช่น การให้แต่ละท้องถิ่นได้เลือกเรียนวิชาเกี่ยวศาสนาที่ชุมชน นบั ถอื การเปิดโปรแกรมให้ผเู้ รยี นเลอื กเรยี นวิชาชพี ของตนเองในแตล่ ะท้องถ่ินได้ เปน็ ตน้ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ

42 3.4.7 การทันต่อเหตุการณ์ การออกแบบท่ีดีไม่ควรสิ้นเปลืองเวลาเพราะหลักสูตรมีการ เปลย่ี นแปลงไปตามบรบิ ทของสงั คม วัฒนธรรม การเมอื ง เศรษฐกจิ และเทคโนโลยกี ารใชเ้ วลาออกแบบ นานเกินไปอาจทำให้หลักสตู รน้ันล้าสมัย สรุปไดว้ า่ หลักการในการออกแบบหลกั สตู รต้องออกแบบวัตถปุ ระสงคใ์ ห้เหมาะสมกับประเภท และระดบั ของหลักสูตร มีการประสานกลมกลืนขององค์ประกอบหลักสูตรต่าง ๆ ง่ายต่อการนำไปใช้ใน การสร้างหลกั สตู ร ผู้ใช้หลักสูตรมคี วามเข้าใจท่ีถูกต้องชัดเจน มีโครงสร้างที่กลมกลนื กับวฒั นธรรมและ ความต้องการสังคม ทันต่อเหตุการณท์ ี่เปลี่ยนแปลง และการออกแบบที่ดีต้องใช้เวลาท่ีเหมาะสมให้ทนั กับการเปลยี่ นแปลงของบริบทสงั คม วัฒนธรรม การเมอื ง และเทคโนโลยีท่ีเปล่ียนแปลงตลอดเวลา 3.5 ประเภทของการออกแบบหลกั สูตร หลักสูตรแบ่งออกได้หลายประเภท นักการศึกษาจึงพยายามจัดประเภทของหลักสูตรให้เป็น หมวดหมู่หรือเป็นกลุ่ม ซึ่งซายส์ (Zais, 1976) ได้จัดประเภทของหลักสูตรออกเป็น 3 ประเภท คือ หลกั สตู รท่ีเนน้ เนื้อหาวิชา หลกั สูตรที่เน้นผเู้ รียนและหลักสูตรทเ่ี นน้ ปัญหาสังคม ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี 3.5.1 การออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา ผู้ออกแบบหลักสูตรจะต้องคำนึงถึง ความสัมพันธ์ให้สอดคล้องกันโดยพิจารณาขอบเขตและการจัดลำดับเนื้อหาวิชาต่อเนื่องและเป็น ประเด็นสำคัญและจัดเนื้อหาที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐาน รวมทั้งประยุกต์ใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคมตอ่ ไปได้ ซงึ่ การออกแบบหลักสตู รทเี่ น้นเนือ้ หาวชิ า มีหลกั สูตรลักษณะตา่ ง ๆ ดงั นี้ หลักสูตรทเ่ี น้นเนอ้ื หาวชิ าการ (Subject Matter Curriculum) เปน็ หลกั สูตรท่ีเน้นเนื้อหา วิชาการจะเน้นความสำคัญของเนื้อหาวิชา และถือว่าความรูค้ ือประโยชน์สูงสดุ ของการเรียน ความรู้คอื สิ่งที่เป็นอมตะหรือเป็นความจริงสูงสุด หลักสูตรนี้มาจากปรัชญาสารัตถะนิยม (Essentialism) และ ปรัชญานิรันตรนิยม (Perennialism) โดยมีความเชื่อว่ามนุษย์มีความรู้แล้วความรู้ที่ได้รับจะช่วยให้ มนษุ ย์มีเหตุผล สามารถคิดและนำความรูไ้ ปใช้ไดเ้ อง ลักษณะของหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา หลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชาเป็นรายวิชาเดี่ยว ๆ (Subject Matter) โดยเรียงลำดับเนื้อหาอย่างมีระบบระเบียบ ความยากและง่ายของเนื้อหา ความ ต่อเนื่องก่อนและหลังเรียนจากส่วนรวมไปสู่ส่วนรายละเอียดหรือเรียนตามลำดับเหตุการณ์ โดยจัด เนอ้ื หาแตล่ ะวิชาแยกจากกันไปตามธรรมชาตขิ องวชิ านั้น ๆ ขั้นตอนการออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา ข้ันตอนการออกแบบหลักสูตรที่เน้น เนื้อหาวิชามีการกำหนดจุดหมาย การกำหนดโครงสร้างและเนื้อหาสาระ การจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนและการประเมินผลดงั นี้ 1) การกำหนดจุดหมาย การออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา หลักสูตรมีความ เชอ่ื วา่ ความรูใ้ นเนื้อหาวชิ าเป็นพ้ืนฐานสำคัญสำหรบั ผเู้ รียนและการเรยี นรู้ขั้นสูงหรือจะนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อการดำเนนิ ชีวิตตอ่ ไป ดังนั้นการกำหนดเน้อื หาตลอดจนการจดั ลำดบั องค์ความรูจ้ ึงเปน็ หวั ใจของการ ออกแบบหลักสูตรรายวิชา จุดมุ่งหมายของการจัดทำหลักสูตรรายวิชานั้น ผู้ออกแบบหลักสูตรต้อง กำหนดให้ชัดเจนว่าจะให้ผู้เรียนเรียนเนื้อหาวิชาอะไร ทั้งในส่วนที่เป็นความรู้พื้นฐานและส่วนที่จะมา สนบั สนุนหรอื เสรมิ ใหแ้ กผ่ ู้เรียนท่ีสามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ในสภาพแวดล้อมทแ่ี ตกต่างกนั เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ

43 2) การกำหนดโครงสร้างและเนื้อหาสาระ การออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา แบบเนอื้ หาวชิ าย่อยน้สี ่งิ ที่ผู้ออกแบบหลกั สูตรจะต้องตระหนักในภาระหนา้ ท่ีมีอยู่ 2 ประการคือ การกำหนด ขอบเขตเน้ือหาวชิ า (Scope) และการจัดลำดบั เนอ้ื หาวชิ า (Sequences) อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ผู้ออกแบบหลกั สูตรมักจะเปน็ ผู้เชี่ยวชาญในวชิ าน้ัน ๆ แต่ถา้ ผ้อู อกแบบหลักสูตรเป็น คนของหน่วยงานทจี่ ัดทำหลักสูตรก็ต้องเชญิ ผ้เู ชีย่ วชาญในรายวิชาน้ันมารว่ มงานหรือร่วมคณะทำงานใน การออกแบบหลักสูตรด้วย เพราะผ้เู ชี่ยวชาญจะเป็นผูว้ ่าจะจดั เนอ้ื หาวิชาอะไรใหผ้ ู้เรียนและจะจัดลำดับ เนื้อหาวิชาอย่างไร ตลอดจนใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้อย่างไร ประเด็นปัญหาที่ผู้ออกแบบหลักสูตร จะตอ้ งนำมาอภิปรายเพอ่ื การจดั ทำหลกั สตู รเนื้อหาวชิ านน้ั คือ 2.1) การกำหนดขอบเขตของเนื้อหาวิชา ผู้ออกแบบหลักสูตรต้องอภิปรายว่า เนื้อหาอะไรบ้างที่จะให้ผู้เรียนได้เรียน การวิเคราะห์เนื้อหาสาระ อะไรที่จะให้ผู้เรียนได้เรียนนั้น สิ่งที่ ต้องคำนึงถึงนั้นก็คือตัวผู้เรียน ผู้ออกแบบหลักสูตรต้องรู้จักผู้เรียนในรายละเอียด เช่น อายุของผู้เรียน วุฒภิ าวะของผู้เรยี น ความรพู ืน้ ฐานความสามารถ และระดบั ชน้ั ปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดเนื้อหาวิชาที่จะให้ผู้เรียนนั้น ผู้ออกแบบหลักสูตรซ่ึง คือผู้เชี่ยวชาญหรือผู้สอนในรายวิชานั้น ๆ ในมหาวิทยาลัย มักจะมีเนื้อหาหรือขอบเขตเนื้อหาวิชาใน ลักษณะที่เต็มรูปแบบโดยไม่คำนงึ ถึงวุฒิภาวะของผู้เรียนว่าจะสามารถรับเนื้อหาทั้งหมดได้หรือไม่ และ บางครั้งยังขาดการวิเคราะห์ว่าเนื้อหาเหล่านั้นจำเป็นสำหรับผู้เรียนหรือไม่ ดังนั้นจึงปรากฏว่าหลาย รายวิชาที่ให้ผู้เรียนมีเนื้อหามากเกินความจำเป็น และเมื่อผู้เรียนเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น โอกาสเรียน เนื้อหากับที่เรียนมาแล้วจึงเกิดขึ้น การออกแบบหลักสูตรวิชาในส่วนของการกำหนดขอบเขตเนื้อหา ผู้ออกแบบหลักสูตร จงึ ควรคำนึงถงึ สงิ่ ต่อไปน้ี - วุฒิภาวะของผู้เรียน ประสบการณ์ของผู้เรียน ความสามารถของผู้เรียน และความต้องการของผเู้ รียน - คุณคา่ ของเน้ือหาวชิ าน้ัน ๆ ที่ผเู้ รยี นจะนำไปใช้ - ความยากงา่ ยของเนื้อหาวิชา - ความสมดุลระหว่างความกว้างและความลึก - ความทันสมัยของเน้ือหาวชิ า - ความเป็นสากลของเนอื้ หาวิชานนั้ ๆ 2.2) การจดั ลำดับเน้ือหาวชิ า เปน็ ปญั หาสำคัญอีกประการหนง่ึ ของการออกแบบ หลกั สูตรรายวิชา ซ่ึงผูอ้ อกแบบมักจะมีคำถามหรือประเดน็ ท่ีต้องอภปิ รายกันว่าจะจัดเนื้อหาวิชาท่ีจะให้ ความรู้ไดอ้ ย่างไร การจัดลำดับเน้อื หาวชิ าน้ันผู้ออกแบบหลักสูตรจะเลอื กผสมผสานวิธกี ารเหล่าน้ี คือ - การจัดลำดับเนื้อหาวิชาจากงา่ ยไปสู่เน้ือหายาก - การจัดเน้อื หาจากสว่ นรวมไปสูส่ ว่ นย่อยหรือส่วนย่อยไปส่สู ว่ นรวม - การจัดลำดับเนื้อหาตามความจำเป็น จัดเนื้อหาที่เป็นปัญหาก่อนแลว้ จึง จัดเน้ือหาท่ีต้องอาศยั ความรู้เหลา่ นั้น - การจดั ลำดบั เน้ือหาตามลำดับของเหตกุ ารณ์ เช่น วชิ าประวัติศาสตร์ - การจัดลำดบั เนอ้ื หาจากเร่อื งทีใ่ กลต้ วั ไปสเู่ รือ่ งท่ไี กลตัว เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชัยภูมิ

44 2.3) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน นอกเหนือจากการกำหนดการจัดลำดบั เนื้อหาวิชาแล้ว สิ่งที่นักออกแบบหลักสูตรต้องคำนึงอีกประการหนึ่ง การถ่ายทอดความรู้ดังได้กล่าวใน ตอนต้นว่า หลักสูตรรายวิชาที่เน้นที่เนื้อหาวิชาและความรู้ที่ได้จากการเรียนเนื้อหาวิชาคือ เป้าหมาย สูงสุด ดังนั้นวิธีการถ่ายทอดที่ดีควรเน้นที่ตัวแหล่งความรู้ก็คือผู้สอนน่ันเอง การเรียนการสอนใน หลักสูตรเนื้อหาวิชาจึงเป็นวิธีการสอนโดยให้ครูเป็นศูนย์กลาง เช่น วิธีการบรรยาย การสาธิต การใช้ คำถาม และเพื่อให้การสอนของครูถูกต้องอย่างแท้จริง การจัดหลักสูตรเนื้อหาวิชาจึงมักมีเอกสารหรือ วัสดุสารช่วยครู นั่นก็คือตำราหรือแบบเรียนตามสาระเนื้อหาวิชาต่าง ๆ มาใส่อย่างสมบูรณ์ปัญหาการ ถ่ายทอดความรู้ของครูกับผู้เรียนจึงเกิดขึ้น กล่าวคือครูยึดตำราหรือเนื้อหาจากในหนังสือเรียนเป็น สรณะโดยคำนงึ ถงึ ความเหมาะสมกบั ความสนใจของผู้เรียน นอกจากนัน้ ตำราหรือหนงั สือเรียนส่วนใหญ่ มักบรรจุเนื้อหาสาระที่มากเกินความจำเป็น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญในรายวิชานั้น ๆ จึงจัดใสเ่ นอื้ หาทส่ี มบูรณโ์ ดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้เรียนมากนกั 2.4) การประเมินผล การจัดหลักสูตรแบบรายวิชาย่อมเน้นเนื้อหาสาระของ วิชาหลกั การจัดกิจกรรมการเรียนจึงมุ่งถา่ ยทอดสาระความรู้ หรอื เน้นด้านพุทธพิสยั มากกว่าด้านทักษะ พิสัย ดังนั้นการออกแบบการประเมินจึงต้องสอดคล้องกับการเรียนรู้ดังกล่าวโดยเน้นการประเมินด้าน ความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ และการประเมินคุณค่าของเนื้อหา สาระที่ถูกต้อง การออกแบบการประเมินในหลักสูตรแบบรายวิชานี้จึงมักเป็นการวัดสัมฤทธิ์ ผลการ เรียนรูม้ ากกวา่ การวัดในด้านอ่ืน ๆ 3.5.2 การออกแบบหลักสูตรที่เน้นผู้เรียน นักออกแบบหลักสูตรต้องคำนึงถึงความต้องการ ความสนใจ ความสามารถหรือสมรรถภาพของผู้เรียน รวมทั้งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้เรยี นเป็นสำคญั โดยจัดเนื้อหาสาระตลอดจนกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน การออกแบบหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนจัดได้หลายประเภท เช่น หลักสูตรเอกัตภาพ หลักสูตรส่วนบุคคล และหลักสูตรแบบองิ สมรรถภาพเป็นตน้ ซงึ่ ลักษณะของหลักสูตรท่ีเน้นผูเ้ รียน มดี ังน้ี 1) หลักสูตรแบบเอกัตภาพ (Individualized) หลักสูตรประเภทนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการ ของผู้เรียนแต่ละคน ผู้สอนเป็นผู้วิเคราะห์ว่าจะจัดเนื้อหาสาระอย่างไรจึงจะตรงกับความสนใจ ความต้องการและความถนัดของผู้เรียน ผู้สอนจะต้องเป็นผู้มีความสามารถสูง วิเคราะห์ความต้องการ และความสามารถของผู้เรียนได้อยา่ งถูกต้องแมน่ ยำ นอกจากนี้ผูส้ อนตอ้ งเป็นผตู้ ิดตามความก้าวหน้าใน การเรียนและเป็นผู้จัดกิจกรรมให้กับผู้เรียนด้วย หลักสูตรแบบเอกัตภาพนิยมจัดในระดับอุดมศึกษา มากกว่าระดับอื่น เนื่องจากผู้สอนในระดับต่ำกว่าอุดมศึกษามีภาระงานมาก นอกจากนี้ผู้เรียนในระดับ ต่ำกว่าอุดมศึกษายังมีความต้องการและความสนใจที่หลากหลาย และกลุ่มผู้เรียนมีเป็นจำนวนมาก ยากตอ่ การติดตามความกา้ วหนา้ อย่างใกล้ชดิ 2) หลักสูตรส่วนบุคคล (Personalized Curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ผู้สอนและ ผู้เรียนมาร่วมกันวางแผนการเรียนร่วมกัน โดยยึดความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก โปรแกรมการเรียนที่ผู้เรียนและผู้สอนช่วยกันกำหนดจะนำไปสู่การจัดกิจกรรมการเรียนที่ผู้เรียนสนใจ และสอดคล้องกับความต้องการท่ีให้การเรียนเกดิ ขน้ึ หลักสูตรประเภทน้ชี ว่ ยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนา ศกั ยภาพของตนตามความต้องการไดด้ ี 3) หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์ (Learning Curriculum) หลักสูตรประเภทนี้มี ลักษณะคล้าย ๆ กับหลักสูตรที่เน้นกระบวนการทางสังคมและภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน เนื่องจาก เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชัยภมู ิ

45 พัฒนามาจากแนวคิดจอนห์ ดิวอี้ คือ เน้นการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ และให้ผู้เรียนเรียนในสิ่งที่ตนเอง สนใจ หลักสตู รประเภทนจี้ ะบรรจปุ ระสบการณท์ ่ีใหผ้ เู้ รียนต้องแกป้ ัญหา วางแผน และปฏิบัติดว้ ยตนเอง 4) หลักสูตรแบบอิงสมรรถภาพ (Competency-Based Curriculum) หลักสูตร ประเภทนี้มุ่งเน้นความสามารถด้านการปฏิบัติงานเป็นหลัก ตัวอย่างหลักสูตรนี้ เช่น หลักสูตร แพทยศาสตร์ หลักสูตรผู้บริหาร หลักสูตรฝึกหัดครู หลักสูตรเหล่าน้ีผู้พัฒนาหลักสูตรต้องวิเคราะห์ ความสามารถสุดท้ายก่อนจบหลักสูตร ผู้เรียนต้องมีความสามารถทางด้านใดบ้าง ความรู้อย่างต่ำควรมี ขอบเขตเท่าไร ทักษะทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ัตใิ นงานน้ัน ๆ ตอ้ งมที กั ษะใด ในทำนองเดียวกนั กับดา้ นเจตคติท่ีควร จะต้องปลกู ฝงั ตอ่ การปฏิบัติงานนั้น ๆ ขัน้ ตอนการออกแบบหลักสูตรที่เน้นผูเ้ รียน ในที่นี้จะนำเสนอขั้นตอนการออกแบบหลักสูตรแบบอิงสมรรถภาพเป็นตัวอย่าง ซึ่งการ ออกแบบหลักสูตรแบบอิงสมรรถภาพ เปน็ การจัดเน้ือหาสาระและมวลประสบการณ์ให้กับผู้เรียน โดยยึด สมรรถภาพที่ผู้เรียน นักออกแบบหลักสูตรมีขั้นตอนดำเนินการโดยการจัดองค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งการกำหนดจุดหมาย การกำหนดเนื้อหาสาระ การกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน และการกำหนด วธิ ีการประเมนิ ตามลำดบั ดังน้ี 1. กำหนดจุดหมาย ผู้ออกแบบหลักสูตรต้องกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราจะสร้าง หลักสูตรให้นั้นเป็นผู้เรียนกลุ่มใด ต้องกำหนดให้ชัดเจน พร้อมทั้งรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ เชน่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา เป็นต้น การทีจ่ ะระบุรายละเอยี ดของกลุ่มเปา้ หมายน้ีก็เพื่อนักออกแบบ หลักสูตรจะได้ทำการศึกษา วิเคราะห์สมรรถภาพของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เพื่อนำไปจัดทำหลักสูตร ตอ่ ไป การกำหนดจุดมุ่งหมายจะกำหนดให้ครอบคลุมกับสมรรถภาพที่ต้องการพัฒนา ทั้งนี้ ก็คือการกำหนดวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุมทั้งพุทธพิสัย ทักษะพิสัย และจิตพิสัย เมื่อกำหนดจุดมุ่งหมาย ในระดับกว้างแลว้ ผู้ออกแบบหลักสูตรควรกำหนดจุดมุ่งหมายระดับแคบลงมา หรือกำหนดเป็นจดุ หมาย เชงิ พฤติกรรม โดยท่ีพฤตกิ รรมหรอื สมรรถภาพที่เกิดขนึ้ ภายหลังจากการเรียนหลักสตู รน้ัน ๆ แลว้ 2. การกำหนดเนื้อหาสาระและมวลประสบการณ์ ก่อนที่นักออกแบบหลักสูตรจะ กำหนดเนื้อหาและมวลประสบการณ์จำเป็นต้องวิเคราะห์สมรรถภาพ (Competence) ที่ต้องการให้ ผู้เรียนได้รับ อันได้แก่ ความรู้ ทักษะ จิตพิสัย ที่จะต้องมีในการทำงานทุกชนิดและสามารถนำเอาวิธี และความรพู้ ้นื ฐานไปประยกุ ต์ใช้กับสภาพทีเ่ ปน็ จรงิ และความสามารถทจ่ี ำเปน็ โดยเน้น “ความสามารถ ทีจ่ ะกระทำ” (ability to do) เพ่อื ใหก้ ารปฏบิ ัตงิ านเป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ 3. การระบุสมรรถภาพที่ต้องพัฒนา เมื่อถึงขั้นนี้แล้วนักออกแบบหลักสูตรจะได้ รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถภาพ 2 ชุด คือ สมรรถภาพตามมาตรฐานที่ต้องการผู้เรียนพัฒนาภายหลัง หลังจากทีเ่ รียนจบหลักสูตรนน้ั ๆ แล้ว และสมรรถภาพหรือความสามารถของผู้เรียนที่มีอยู่แล้ว ซ่ึงอาจ ถือเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของผู้เรียน ผู้ออกแบบหลักสูตรอาจกำหนดเป็นตัวเลขแสดงสมรรถภาพทง้ั สองชุด นำสมรรถภาพทั้งสองชุดมาหาความแตกต่างและความแตกต่างนั่นแหละคือสมรรถภาพท่ี ผ้อู อกแบบหลักสูตรจะนำไปพฒั นา 3.5.3 การออกแบบหลักสูตรที่เน้นปัญหาสังคม นักออกแบบหลักสูตรจะต้องวิเคราะห์และ กำหนดปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมาเป็นแกนเพื่อนำมากำหนดขอบเขตของเนื้อหาและวิธีการที่ให้ผู้เรียน เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ

46 สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น การออกแบบหลักสูตรที่เน้นปัญหาสังคมนิยมออกแบบหลักสูตรแบบ บูรณาการ หลักสูตรที่เน้นปัญหาสังคม เป็นการจัดหลักสูตรท่ียึดปัญหาที่เกิดข้ึนในสังคมเป็นหลัก โดยนักออกแบบหลกั สูตรตอ้ งวเิ คราะห์และกำหนดขอบเขตของปัญหาสังคมท่เี กดิ ข้นึ ในระดบั ชุมชนหรือ สังคม จากนั้นจึงมากำหนดเนื้อหาสาระ รวมทั้งวิธีการที่จะทำให้เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและวิธีการ แก้ปัญหาเหล่านั้น โดยบูรณาการในสาระความรู้จากหลายสาขาวิชา (Interdisciplinary) รวมทั้ง บูรณาการวิธีการต่าง ๆ เขา้ ด้วยกัน เพ่ือให้ผู้เรยี นสามารถนำความรู้และประสบการณไ์ ปประยุกต์ใช้ใน การดำเนินชีวติ ในสงั คมตอ่ ไป หลักสูตรบูรณาการเป็นการสัมพันธ์เน้ือหาวิชาและวิธีสอนเรื่องใดเร่ืองหน่ึงโดยให้มีวิชา ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วย ทำให้มีการผสมผสานเป็นเรื่องเดียวกันโดยเน้นความรู้สัมพันธ์กับสภาพ ความจริงที่อยู่รอบตัวผู้เรียนตามความจำเป็นเหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพ่อื ใหผ้ ้เู รยี นมีความรู้ทสี่ มบูรณบ์ รรลุจุดมุ่งหมายของเร่ืองน้ัน ดงั นัน้ ลักษณะหลักสตู รแบบบูรณาการจึง เป็นการรวบรวมความรู้ประสบการณ์ที่จะให้ผู้เรียนได้เรียนเข้าเป็นอันดับหนึ่งอันเดียวกัน โดย ผู้ออกแบบหลักสูตรจะต้องพยายามคัดเลือกเนื้อหาสาระ ตลอดจนประสบการณ์จากรายวิชาเข้ามา จัดเป็นกลุ่มหรือเป็นหมวดหมู่ การจัดเนื้อหาสาระและประสบการณ์เข้าเป็นกลุ่มหรือที่เรียกว่าบูรณา การนี้จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์อย่างต่อเนื่องและมีคุณค่าต่อผู้เรียน โดยจะทำให้สามารถ ดำเนินชีวิตหรือเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตและสงั คมไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ขั้นตอนการออกแบบหลักสูตร ในการออกแบบหลักสูตรแบบบูรณาการประเด็นที่นัก ออกแบบหลักสูตรจะต้องตระหนัก คือ จะบูรณาการเนื้อหาอะไรใหผ้ ูเ้ รียนและจะบูรณาการด้วยวิธีการ อย่างไร การบูรณาการเน้ือหาและวิธีการที่จะต้องจัดทำเหมาะสม และจัดทำอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการออกแบบหลกั สูตรแบบบูรณาการมีขัน้ ตอนดงั น้ี 1. การกำหนดจุดมุ่งหมาย ผู้พัฒนาหลักสูตรจะต้องกำหนดจุดมุง่ หมายของหลกั สตู ร และผู้ออกแบบหลักสูตรต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะเรียนหลักสูตรระบุรายละเอียดให้ชัดเจน เช่น ระดับชั้นเรียน พื้นฐานทางสังคม เศรษฐกิจ อายุ เพศ เป็นต้น การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำ ให้ผู้ออกแบบหลกั สูตรจะจัดมวลประสบการณใ์ ห้แกผ่ ู้เรียนได้อยา่ งเหมาะสม ผู้ออกแบบหลักสูตรก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่า ผู้เรียนจะได้อะไรจากการเรียน สิ่งท่ี ผู้ออกแบบหลักสูตรจะต้องให้ความสำคัญสำหรับหลักสูตรแบบบูรณาการเป็นจุดมุ่งหมายนี้คือ ต้องให้ ผู้เรียนสามารถนำเอาความรู้หรือประสบการณ์ไปใช้ได้อย่างสมบูรณ์ โดยสามารถนำไปใช้ลักษณะของ การประยุกต์เพ่ือแก้ปัญหาชีวิตได้อยา่ งเหมาะสม 2. การกำหนดเนื้อหาสาระและการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน การกำหนดเน้ือหา สาระและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นส่วนสำคัญของการออกแบบและการบูรณาการ สิ่งท่ี ผอู้ อกแบบหลกั สูตรต้องตระหนักคือ จดั หลกั สูตรอยา่ งไรจึงจะบูรณาการอย่างแท้จริง โดยท่ัวไปเมื่อเป็น การจัดหลักสูตรแบบบูรณาการ ผู้ออกแบบต้องคำนึงสองประเด็นคือ การบูรณาการเชิงเนื้อหา และการบูรณาการเชิงวิธกี าร เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภมู ิ

47 2.1 การบูรณาการเชิงเนื้อหา นักพัฒนาหลักสูตรจะกำหนดหัวเรื่องขึ้นมาก่อน แล้วจัดเนื้อหาสาระจากหลาย ๆ วิชาที่พิจารณาเห็นว่าสำคัญกับหัวเรื่อง เช่น ชุมชนกับการส่งเสริม คุณภาพชีวิต ในหัวข้อเรื่องนี้จะมีสาระเกี่ยวกับชุมชน ภาพภูมิอากาศของชุมชน การประกอบชีพ ของชุมชน ฯลฯ การสรา้ งหลักสตู รจะเหน็ วา่ ควรมคี วามรจู้ ากหลาย ๆ วิชาท่ีสัมพนั ธ์กนั และคล้ายกัน 2.2 การบูรณาการเชิงวิธีการ นอกจากจะจัดแกนขึ้นมาก่อนแล้ว นักออกแบบ หลักสูตรอาจนำเสนอปัญหาเป็นแกน แล้วพิจารณาหรือวิเคราะห์ปัญหาว่าจะต้องมีเนื้อหาสาระใด มาเก่ยี วข้องด้วย โดยเนน้ ว่าผเู้ รียนควรจะมีความรูเ้ ขา้ ใจปัญหาน้ันในประเดน็ ของสาเหตุที่เกิดปัญหาน้ัน รวมทั้งแนวทางการแก้ปัญหานั้น นักออกแบบปลักสูตรจะต้องนำเนื้อหาในขอบข่ายดังกล่าวมาสัมพันธ์ ตามหลักสูตรบูรณาการ โดยใช้ปัญหานำท่ีจะชว่ ยให้ผู้เรียนเข้าใจปญั หาของสังคม พร้อมทั้งมีแนวคดิ ใน การแกป้ ัญหานนั้ ๆ ด้วย ซ่ึงเป็นการเรียนที่สงั คมใกล้ตวั ผเู้ รยี น ตัวอย่างการจัดหลักสูตรแบบบูรณาการที่เห็นได้ชัดเจน คือ หลักสูตรแกนกลาง 2521 ที่จัดเนื้อหาสาระและมวลประสบการณ์ออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตกลุ่ม สร้างเสริมลักษณะนิสัย กลุ่มการงานและพื้นฐานอาชีพ และกลุ่มประสบการณ์พิเศษ โดยเฉพาะกลุ่ม สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ซึ่งเป็นกลุ่มวิชาที่ประกอบด้วยเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ แกป้ ญั หาของชวี ิตและสงั คม จะไมแ่ ยกเนอ้ื หาเปน็ รายวชิ า แตไ่ ดบ้ ูรณาการเนื้อหาวิชาต่าง ๆ เข้าดว้ ยกัน และจัดเป็นหน่วยการเรยี นตามปญั หาและความต้องการของผู้เรียน ดังนนั้ เน้ือหาจึงประกอบด้วยสาระที่ เก่ียวกับการเมืองการปกครอง วฒั นธรรม ศาสนา เศรษฐกจิ ส่งิ แวดลอ้ มทางธรรมชาติ การติดต่อส่อื สาร ประชากรและอนามัย ทั้งนี้เพื่อต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ถึงปัญหาและกระบวนการแก้ปัญหา สิ่งแวดลอ้ มของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ และเพ่ือให้นกั เรียนไดน้ ำประสบการณจ์ ากการเรยี นกลมุ่ วิชาน้ีไปใช้ ประโยชน์ต่อการดำรงอยแู่ ละการดำเนินชวี ิตท่ดี ี สำหรับหลักสูตรมัธยมศึกษา ตัวอย่างที่จะเป็นลักษณะของการบูรณาการคือ กลุ่มวิชา สังคมศึกษา ในระดับมัธยมศกึ ษา ซึง่ ในกลุ่มนี้ไดบ้ ูรณาการเนื้อหาในวชิ าสังคมศาสตรแ์ ล้วมาจัดแบ่งเป็น รายวชิ า คอื ส.101 ประเทศของเรา ส.203 ทวปี ของเรา และ ส.305 โลกของเรา การจัดหลักสูตรระดับอุดมศึกษาที่เป็นการจัดแบบบูรณาการนั้นมีในหลักสูตรของ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช ซงึ่ เป็นการจดั หลักสูตรแบบบรู ณาการทีเ่ ป็นบรู ณาการเน้ือหาและวิธกี าร การจัดโครงสร้างด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยเปิดแบบการสอนทางยึดหลักบูรณาการ วชิ า (Integration) เป็นพน้ื ฐานสำคญั กลา่ วคือ มุ่งผสมผสานวิชาการใหเ้ ปน็ กลมุ่ และหมวดหมู่ที่เอ้ือต่อ การที่ผูเ้ รียนสามารถประมวลและประยุกต์ความรู้ไปใช้และงา่ ยต่อการท่ีจะศึกษาด้วยตนเอง บูรณาการ วิชาการจึงจัดในลักษณะสหวิทยาการและพหุวิทยาการ (Inter Disciplinary and Multi-Disciplinary) เป็นสำคัญ นอกจากนี้การสาขาวิชาที่เปิดสอนยังจัดทำในแนวของการพัฒนาวิชาชีพ (Career and Professional Development) มากกว่าตามแนวสายวชิ าการ Discipline หลักสูตรแบบบูรณาการจึงเป็นการจัดให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนหลายด้าน หลายสาขาวิชา ในการประเมินผลการเรียนจึงควรเน้นการนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การ ประเมินคณุ คา่ ดา้ นทกั ษะ กระบวนการ และควรมกี ารประเมินดา้ นจิตพิสยั ไปดว้ ย 3.6 องค์ประกอบของการออกแบบหลกั สูตร เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชัยภูมิ

48 การออกแบบหลักสูตร เป็นการจัดองค์ประกอบของหลักสูตรซึ่งประกอบด้วย การกำหนด จดุ ม่งุ หมาย การกำหนดเนอ้ื หาสาระ การกำหนดกิจกรรมและการประเมินผล ดงั นี้ 3.6.1 การกำหนดจดุ มุ่งหมาย ในการกำหนดจุดมุ่งหมาย ควรมีการกำหนดให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและหลักสูตร โดยพิจารณาระดับชั้น พื้นฐานทางสังคม เศรษฐกิจ อายุ เพศ โดยในการกำหนดจุดมุ่งหมายต้อง กำหนดใหถ้ ูกต้อง ชัดเจน สอดคลอ้ งกับความรู้ของผู้เรยี น รวมทัง้ กำหนดให้ครอบคลุมพฤติกรรมทง้ั 3 ดา้ น คอื ดา้ นพทุ ธพิสยั ดา้ นทักษะพิสัย และด้านจติ พิสัย 3.6.2 การกำหนดเนอ้ื หาสาระ เนื้อหาหรือองค์ความรู้ของหลักสูตรจะมีขอบเขตมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบ หลักสูตร ซึ่งซายส์ (Zais, 1976) ได้กำหนดเกณฑ์ในการเลือกคือ เนื้อหาสาระต้องมีความสำคัญมี ประโยชนแ์ ละมีความจำเป็นของผู้เรียน และต้องเป็นเรือ่ งท่ีเกย่ี วขอ้ งกับพัฒนาการของมนุษย์ 3.6.3 การกำหนดกจิ กรรมการเรยี นการสอน การกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนต้องพิจารณาถึงจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้โดย กำหนดให้มีวิธีการสอนที่หลากหลาย เช่น การบรรยาย การสาธิต การแก้ปัญหา การสืบสวนสอบสวน การสอนเน้นกิจกรรม การสร้างสภาพแวดล้อม เพื่อให้ผู้เรียนแก้ปัญหา เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ กิจกรรม การเรียนการสอนต้องตอบสนองความสนใจของผู้เรียน และผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการ สอนมากกว่าครู 3.6.4 การประเมินผล การออกแบบวิธีการประเมินผลข้ึนอยูก่ บั จดุ มงุ่ หมาย เนือ้ หา และการจดั กิจกรรมการเรียน การสอน ซึ่งการประเมินต้องสัมพันธ์กัน 3 องค์ประกอบข้างต้น รูปแบบของการประเมินผลมีหลาย รปู แบบขนึ้ อยู่กบั พฤตกิ กรมท่ีต้องประเมนิ เช่น 1) จุดมุ่งหมายด้านพุทธพิสัย การออกแบบการประเมินอาจใช้แบบทดสอบ ถามปากเปล่า เป็นตน้ 2) จุดมุง่ หมายด้านจติ พสิ ัยเปน็ สง่ิ ท่ที ำไดย้ ากทส่ี ดุ อาจใชก้ ารสังเกตพฤตกิ รรม เปน็ ต้น 3) จุดมงุ่ หมายดา้ นทกั ษะพิสัย อาจประเมินจากผลงานและการลงมอื ปฏบิ ัติ การประเมนิ ผลมีความสำคญั ต่อการพฒั นาคุณภาพของหลักสูตรในกรณีของหลักสูตรเฉพาะกิจ หรือการจัดหลักสูตรระยะสั้น วิธีการประเมินจะไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนหลักสูตรระดับชาติหรือ หลักสูตรที่ตอ้ งใช้ระยะเวลาในการศึกษานาน ๆ ซึ่งการออกแบบประเมนิ อาจจะเป็นแบบทดสอบง่าย ๆ หรอื ใชว้ ธิ ีการสังเกตหรอื สมั ภาษณ์ บทสรุป หลักสูตรจะต้องวิเคราะห์และกำหนดปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมาเป็นแกนเพื่อนำมากำหนด ขอบเขตของเนื้อหาและวิธีการที่ให้ผู้เรียนสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น การออกแบบหลักสูตรที่เน้น ปัญหาสังคมนิยมออกแบบหลักสูตรแบบบูรณาการเป็นการสัมพันธ์เนื้อหาวิชาและวิธีสอนเรื่องใดเร่ื อง หนึ่งโดยให้มีวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วย ทำให้มีการผสมผสานเป็นเรื่องเดียวกันโดยเน้นความรู้ สัมพันธ์กับสภาพความจริงที่อยู่รอบตัวผู้เรียนตามความจำเป็นเหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ที่สมบูรณ์บรรลุจุดมุ่งหมายของเรื่องนั้น ดังนั้นลักษณะ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ

49 หลกั สตู รแบบบูรณาการจงึ เปน็ การรวบรวมความรปู้ ระสบการณท์ ่จี ะใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รยี นเข้าเปน็ อนั ดับหนึ่ง อันเดียวกนั การออกแบบหลักสูตรเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการพัฒนาหลักสูตร เนื่องจากการออกแบบ หลักสูตรเป็นการจัดองค์ประกอบของหลักสูตรในด้านจุดมุ่งหมาย เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมินผลให้มคี วามสัมพันธต์ ่อเน่ืองกัน ถา้ มกี ารออกแบบหลักสตู รทดี่ ีจะมีประโยชน์อย่างมาก ที่จะสร้างความมั่นใจว่าหลักสูตรที่สร้างขึ้นเป็นแนวทางในการปฏิบัติได้จริง ช่วยประหยัดเวลาและ แรงงานในการทำความเข้าใจและการนำไปใช้ ซึ่งจะส่งผลให้การจัดการศึกษาประสบความสำเร็จตาม จุดมุ่งหมายของหลักสูตร กระบวนการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาศัยการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบมีความสอดคล้องกันทุกขั้นตอน โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนา หลักสูตร เป็นการศึกษาความตอ้ งการของชุมชน สังคม แนวโน้มหรือทิศทางการพัฒนาคนของประเทศ รวมความกา้ วหน้าทางวชิ าการ สำหรบั ใช้เปน็ ข้อมูลในการออกแบบหลกั สูตรในลำดับต่อไป การกำหนด มุ่งหมายของหลักสูตรซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญหากจุดมุ่งหมายของหลักสูตรมีความชัดเจน การเลือก การจัดเนื้อหาและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้จะทำให้ผู้เกี่ยวข้องและนักพัฒนาหลักสูตรตัดสินใจ เลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการศึกษา มีความครอบคลุมและสมดุลของเนื้อหาสาระทั้งด้าน พุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย และมีความสมดุลระหว่างความกว้างและความลึกของเนื้อหาสาระ ด้วย มีความถูกต้องทันสมัยและเชื่อถือได้และเป็นเนื้อหาที่เกิดประโยชน์ต่อผเู้ รียน สามารถนำไปพัฒนา สังคมในด้านต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมไปถึงการกำหนดแนวทางการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ที่ตรงประเด็นว่าหลักสูตรต้องการอะไร หลักสูตรที่สร้างขึ้นบรรลุตามจุดมุ่งหมายหรือไม่ การออกแบบการวัดและการประเมินผลจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่ง หลักสูตรที่พัฒนาขึน้ จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่ที่ความสอดคล้องขององค์ประกอบหลักสูตร อันได้แก่ จุดมุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหาสาระของหลักสูตร กิจกรรมการเรียนการสอนหรือประสบการณ์ การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ ถูกออกแบบมาในทิศทางที่สอดรับและสอดคล้องกันหรือไม่ นอกจากนี้กระบวนการพัฒนาหลักสูตรมีหลักการว่าต้องเกิดจากบุคคลหลายฝ่ายได้ร่วมคิดร่วมท ำตาม บทบาทหน้าที่ ซึ่งเรียกว่า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาหลักสูตรทั้ง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มของผู้พัฒนา หลักสูตร กลุ่มของผู้ให้คำแนะนำและสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรและกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการ พัฒนาหลักสูตรด้านต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมและได้ทำหน้าที่ตามบทบาท นอกจากบุคคลแล้ว กระบวนการพฒั นาหลักสูตรจะต้องคำนึงองคป์ ระกอบต่าง ๆ การดำเนินงานในการพฒั นาหลักสูตรต้อง กระทำให้ครบทุกขั้นตอน หลักสูตรที่ดีต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐาน การสร้างและการ พัฒนาหลักสูตรต้องมีการประชุมสัมมนาปรึกษาหารือร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เก่ียวข้อง จึงจะทำให้การ พัฒนาหลักสตู รมปี ระสิทธภิ าพ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ

50 แบบฝึกหัดท้ายบท 1. จงอธบิ ายหลกั การพัฒนาหลักสตู ร 2. จงเขยี นสรปุ แผนภูมิขน้ั ตอนการสร้างหลักสูตร ตามองคป์ ระกอบต่อไปนี้ 2.1 การวิเคราะห์ขอ้ มลู พนื้ ฐานทีจ่ ำเป็นในการพัฒนาหลกั สตู ร 2.2 การกำหนดจดุ มุ่งหมายของหลักสูตร 2.3 การเลือก การจัดเนอื้ หาและการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ 2.4 การกำหนดแนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 3. จงอธบิ ายและระบขุ ้อมลู พนื้ ฐานสำคญั ทม่ี อี ิทธิพลตอ่ การกำหนดจุดมุ่งหมายหลักสูตร 4. จะทราบไดอ้ ยา่ งไรว่าหลกั สูตรทส่ี ร้างข้ึนมานัน้ มีประสทิ ธภิ าพ จงอธบิ ายและยกตัวอยา่ ง 5. การสรา้ งหลักสตู รขน้ั ตอนใดสำคัญที่สุด เพราะเหตใุ ด 6. การออกแบบหลกั สูตรแบบบูรณาการมขี น้ั ตอนอย่างไรบ้าง จงอธิบาย เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ

51 เอกสารอ้างองิ ชวลิต ชกู ำแพง. (2551). การพฒั นาหลกั สูตร. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ ทีคิวพี จำกัด. ชยั วัฒน์ สทุ ธิรัตน.์ (2557). การพฒั นาหลักสูตรทฤษฎสี กู่ ารปฏิบตั .ิ กรุงเทพฯ: วพี รนิ ท์. ธำรง บวั ศรี. (2542). ทฤษฎีหลกั สตู ร: การออกแบบและพัฒนา. พมิ พ์คร้งั ท่ี 2 กรงุ เทพมหานคร: พัฒนาศกึ ษา. บญุ เลี้ยง ทุมทอง. (2553). การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development). กรุงเทพมหานคร: สำนกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย บญุ ชม ศรสี ะอาด. (2546). การพัฒนาหลกั สูตรและการวิจยั เกี่ยวกับหลักสูตร. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์. วฒั นาพร ระงบั ทุกข.์ (2543). แผนการสอนทีเ่ นน้ นกั เรียนเปน็ สำคญั . พมิ พค์ ร้ังท่ี 7. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . สงดั อทุ รานนั ท์. (2544). ทฤษฎีหลกั สูตร. กรงุ เทพฯ: มิตรสยาม. สนุ ีย์ ภพู่ นั ธ์. (2546). แนวคดิ พนื้ ฐานการสรา้ งและการพัฒนาหลกั สูตร. เชยี งใหม่: The Knowledge Center. สุเทพ อ่วมเจริญ. (2557). การพฒั นาหลกั สตู ร: ทฤษฎแี ละการปฏิบัติ. พิมพ์ครง้ั ท่ี 6. นครปฐม: มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. Taba, H. (1962). Curriculum development: theory and practice. New York, NY: Harcourt, Brace & World. Tyler, R.W. (1969). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago : The University of Chicago Press Zais, R.S. (1976). Curriculum Principles and Foundations. New York : Harper and Row. เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภมู ิ

52 แผนบริหารการสอนประจำบทที่ 4 การพฒั นาหลักสูตรรายวชิ าตามธรรมชาตขิ องสาขาวิชาเอก หัวข้อเน้ือหาประจำบท 4.1 ปรัชญาการศกึ ษาที่มอี ิทธิพลต่อหลกั สตู ร 4.2 ทฤษฎหี ลักสูตร 4.3 ประเภทของหลักสูตร 4.4 หลกั สูตรรายวิชาตามธรรมชาตทิ ส่ี อดคล้องกบั บรบิ ทสถานศึกษาและชมุ ชน บทสรปุ แบบฝกึ หัดทา้ ยบท เอกสารอา้ งองิ วัตถปุ ระสงค์ เมื่อผ้เู รยี นศึกษาบทเรยี นนี้แล้วสามารถ 1. อธิบายความหมายของปรัชญาการศึกษาที่มีอิทธิพลต่อหลกั สตู รปรัชญาจิตนิยม (Ideal Philosophy) ปรัชญานิรันตรนิยม (Perennial Philosophy) ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism) ปรัชญากา้ วหน้านิยม (Progressivism) ปรัชญาแนวมนุษยนิยม (Humanistic Education) ได้ 2. บอกจดุ มงุ่ หมายและบทบาทของหลกั สูตรสถานศึกษาได้ 3. ระบุทฤษฎหี ลกั สตู รได้ 4. อธบิ ายประเภทของหลกั สตู รได้ วธิ ีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอน 1. วธิ สี อน 1.1 วิธีสอนแบบอภิปราย 1.2 วิธสี อนแบบบรรยาย 1.3 วธิ สี อนแบบกลุ่มเรียนรู้ 2. เทคนิคการสอน 2.1 การใชค้ ำถาม 2.2 กระบวนการกลุ่ม 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้ันนำ 3.1 ผู้สอนเช่ือมโยงเน้ือหากับบทเรียน พร้อมแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา สาระ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ ละช้นิ งานท่ีจะเกิดขน้ึ ในการเรียนรูค้ รั้งนด้ี ว้ ย Power Point เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ

ขน้ั สอน 3.2 อธิบายปรัชญาการศึกษาที่มีอิทธิพลต่อหลักสูตร ทฤษฎีหลักสูตร ประเภทของ หลักสูตร ปรัชญาและความเชื่อพ้ืนฐานท่ีมีต่อหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ประเภทของหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยปัจจุบัน และหลักสูตรรายวิชาตามธรรมชาติท่ีสอดคล้องกับบริบทสถานศึกษาและ ชุมชน ระหว่างการอธิบายมีการใช้คำถามเพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้การนำเสนอสถานการณ์ ใหมใ่ ห้ผูเ้ รยี นฝกึ ใช้ความรู้ 3.3 อธิบายถึงการนำทฤษฎีไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง คือ การนำไปใช้ในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ระดับการศกึ ษาปฐมวัย 3.4 มอบหมายให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5–6 คน โดยคละความสามารถให้ทำใบงาน กจิ กรรม “การนำปรชั ญาและความเชื่อพ้ืนฐานไปใชใ้ นการจดั ทำหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย” จัดทำเป็น รูปเลม่ รายงาน และเตรยี มนำเสนอหน้าชนั้ เรียน กล่มุ ละไมเ่ กนิ 20 นาที 3.5 นำเสนอผลงานทีม่ อบหมาย ข้ันสรุป 3.6 ผู้สอนสรุปเนื้อหาเรื่อง “ปรัชญาการศึกษาที่มีอิทธิพลต่อหลักสูตร ทฤษฎีหลักสูตร การนำปรชั ญาและความเชือ่ พ้ืนฐานไปใชใ้ นการจัดทำหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย” โดยใช้ Power point 3.7 เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นซักถามในหวั ข้อ/ประเด็นที่ยังไม่เข้าใจ และใหผ้ ู้เรียนเขียนสะทอ้ น การเรยี นรู้ เพอ่ื ผสู้ อนจะไดน้ ำไปพัฒนาในบทเรยี นต่อไป 3.8 ทำแบบทดสอบหลงั เรียน สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการสอน เรือ่ งการพัฒนาหลักสูตร 2. Power Point หัวข้อที่บรรยายเร่ือง การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาตามธรรมชาติของสาขา วชิ าเอก 3. ใบงาน และตวั อยา่ ง เรอ่ื ง หลักสูตรรายวิชาตามธรรมชาติของสาขาวิชาเอก 4. หนงั สอื ความร้ทู ีเ่ กย่ี วขอ้ งกับ การพัฒนาหลักสตู รรายวิชาตามธรรมชาติของสาขาวิชาเอก 5. เว็บไซต์ทางการศึกษา การพฒั นาหลักสตู รรายวชิ าตามธรรมชาติของสาขาวิชาเอก 6. บทเรียนออนไลน์ รายวชิ า การพฒั นาหลกั สูตร การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. สังเกตการตอบคำถามและต้งั คำถาม 2. สังเกตจากการอภิปราย ซักถาม และการแสดงความคดิ เหน็ 3. วัดเจตคตจิ ากการสังเกตพฤติกรรมความกระตือรือร้นในการทำงาน 4. กจิ กรรมและคุณภาพของงาน 5. ประเมนิ ผลจากการทำแบบฝึกหดั ท้ายบท เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ 53

บทที่ 4 การพฒั นาหลกั สูตรรายวชิ าตามธรรมชาติของสาขาวิชาเอก บทนำ หลักสูตรรายวิชาตามธรรมชาติของสาขาวิชาเอก ที่สอดคล้องกับบริบทสถานศึกษาและชุมชน เน่ืองจากการเห็นความสำคัญของหลักสูตรว่าคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละหลักสูตรน้ันจะคำนึงถึง เป้าหมายรวมสุดท้ายในแง่ของทรพั ยากรมนุษยท์ ี่จะต้องคำนึงถึงธรรมชาติของสาขาวชิ าเอกที่สอดคล้อง กบั บรบิ ทสถานศึกษาและชมุ ชนด้วย ดังน้ัน ก่อนจะพัฒนาหลักสูตรจึงต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาพของสังคมโลกและสถานการณ์โลก ความเจริญก้าวหน้าทางด้านการศึกษา วิชาการ เทคโนโลยี แนวคดิ ทางดา้ นปรชั ญาการศกึ ษา กระแสการเปลย่ี นแปลงต่าง ๆ เพ่อื ให้ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ 4.1 ปรชั ญาการศกึ ษาท่ีมอี ทิ ธพิ ลตอ่ หลักสตู ร คำว่า Philosophy ตามรูปศัพท์ภาษาอังกฤษ ผู้ที่นำมาใช้ คือ ไพทากอรัส (Pythagoras) เป็นผู้เริ่มใช้คำนี้เป็นคร้ังแรก มาจากภาษากรีกว่า Philosophy เป็นคำสนธิระหว่างคำว่า Philos เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ 54

แปลว่า ความรัก ความสนใจ ความเลื่อมใส กับคำว่า Sophia ซึ่งแปลว่า ความรู้ ความสามารถ ความฉลาด ปัญญา เมอื่ รวม 2 คำเข้าด้วยกนั ก็จะได้คำแปลว่าความรักในความรคู้ วามรกั ในความฉลาด หรือความรักในความปราดเปรื่อง (Love of Wisdom) ความหมายตามรูปศัพท์ภาษาอังกฤษเน้นท่ี ทัศนคติ นิสัยและความตั้งใจ และกระบวนการแสวงหาความรู้คำว่าปรัชญา ในภาษาไทยเป็นคำที่ พระวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ทรงบัญญัติขึ้นใช้แทนคำว่า Philosophy ในภาษาอังกฤษ เป็นการบัญญัติเพ่ือให้มีคำภาษาไทยวา่ ปรชั ญา ใช้คำว่าปรัชญา เป็นคำในภาษาสันสกฤต ประกอบด้วย รูปศัพท์ 2 คำ คือ ปร ซึ่งแปลว่า ไกล สูงสุด ประเสริฐ และคำว่า ชญา หมายถึงความรู้ ความเข้าใจ เมื่อรวมกันเป็นคำว่าปรัชญา จึงหมายถึงความรู้อันประเสริฐ เป็นความรอบรู้ รู้กว้างขวาง ความหมาย ตามรูปศัพท์ในภาษาไทยเน้นท่ีตัวความรู้หรือผู้รู้ ซึ่งเป็นความรู้ท่ีกว้างขวาง ลึกซึ้ง ประเสริฐ (ไพฑูรย์ สินลารัตน์. 2524: 2) จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันในความแตกต่างกันในความหมายของคำว่า Philosophy และปรัชญา Philosophy เป็นความรักในความรู้ อยากที่จะแสวงหาความรู้หรืออยาก ค้นหาความจริงอันนิรันดร์ (Ultimate reality) เพื่อให้พ้นไปจากความสงสัยท่ีมีอยู่ ส่วนคำว่า ปรัชญา เป็นความรู้อันประเสริฐเป็นสิ่งที่เกิดจากการแสวงหาความรู้จนพ้นข้อสงสัยแล้ วก็นำไปปฏิบัติเพ่ือให้ มนุษยห์ ลดุ พน้ จากปญั หาทงั้ ปวง นำไปส่คู วามสขุ ทพี่ งึ ประสงค์ ปรัชญาการศึกษาเป็นแนวความคิด ความเช่ือทางการศึกษาเก่ียวกับบทบาทของสังคม สถานศึกษา ผู้เรียน หลักสูตร สาระเนื้อหา และผลผลิตของการจัดการศึกษา ทั้งน้ีปรัชญาการศึกษาจะ แสดงออกมาในรูปของอุดมการณ์หรืออุดมคติ ดังน้ันปรชั ญาการศึกษาจึงเป็นสิง่ ช่วยกำหนดทิศทางของ การจัดการศึกษาโดยเป็นแนวในการกำหนดหลักการและจุดหมายของหลกั สตู รสำหรบั ปรัชญาการศกึ ษา ที่มีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ได้แก่ ปรัชญาการศึกษาในแนวคิดต่าง ๆ ดังนี้ (วิจิตร ศรีสอา้ น. 2544: 245–270, พัชรี ผลโยธนิ . 2548: 2-10, Estes.2004: 124-130) 4.1.1 ปรัชญาจิตนิยม (Ideal Philosophy) ผู้นำของปรัชญาลัทธิน้ี คือ พลาโต (Plato. 427-347 ก่อนคริสตกาล) นักปรัชญาชาวกรีก มีแนวคิดต้องการจะให้สังคมสมบูรณ์แบบหรือสังคม อุดมคติ (utopia) ซง่ึ ได้ให้ทัศนะทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการศกึ ษาไว้ดงั น้ี 1) ธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์จะมีความแตกต่างกันในด้านความสามารถ ดังนั้นมนุษย์จึง ไม่เท่าเทียมกัน คนแต่ละคนจะประกอบด้วยจิตหรือภาคต่าง ๆ 3 ภาค คือ ภาคเหตุผล ภาคน้ำใจ และ ภาคตัณหา ซง่ึ แตล่ ะคนจะมสี ว่ นของแตล่ ะภาคแตกตา่ งกนั ไปคือ 1.1) ภาคเหตุผล เป็นส่วนที่เก่ยี วกบั การคิดใช้เหตุผลในการค้นหาความรู้ ความจริง ผู้ที่ มีส่วนของภาคนี้มากก็จะเป็นผู้ท่ีสามารถใช้เหตุผลในการแสวงหาความรู้ความจริงและเห็นว่าคุณค่า สำคัญทส่ี ุดของมนุษย์ คือ ความรู้ ความจรงิ และความดีงาม 1.2) ภาคน้ำใจ เป็นส่วนท่ีเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ อันเป็นความรู้สึกทาง ใจที่เกิดข้ึนโดยไม่มีสาเหตุทางวัตถุ ผู้ที่มีส่วนของภาคน้ีมากจะเป็นผู้ท่ีกล้าหาญ เสียสละ เต็มใจ ช่วยเหลือปกป้องผู้อื่น เป็นคนรักเกียรติ รักชื่อเสียง มักกระทำดีเพ่ือเกียรติยศชื่อเสียงมิใช่เพราะความ อยากไดร้ ับสง่ิ ตอบแทน 1.3) ภาคตัณหา เป็นส่วนที่เกี่ยวกับการหาความสุขทางกาย ผู้ที่มีส่วนของภาคนี้ มากก็จะเป็นผู้ท่ีมีความปรารถนาความสุขทางกาย ทรัพย์สินเงินทอง ติดอยู่กับโลกียสุข ไม่คิดแสวงหา ความจรงิ ความดี ความงาม 2) ธรรมชาติของความรู้ ความรู้เป็นหัวใจของการศึกษา ซ่ึงความรู้น้ันจะต้องเป็นส่ิงที่ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ 55

ถูกต้อง ความรู้ที่แท้จริงได้มาด้วยเหตุผล ส่วนความรู้ที่ได้จากการสังเกตด้วยประสาทสัมผัสรับรู้นั้น อาจไม่แน่นอน ข้ึนอยู่กับประสบการณ์เดิมของแต่ละคน ความรู้ท่ีแท้จริงจึงต้องเป็นอิสระจาก ประสบการณ์ต้องอาศัยการคดิ หาเหตผุ ลตรวจสอบดว้ ยปัญหา จึงจะทำใหม้ นุษยเ์ ขา้ ถงึ ความจริงได้ 3) หลักการของการศึกษา รัฐมีหน้าท่ีในการจัดการศึกษาเพื่อให้การอบรมพลเมืองให้เป็น พลเมืองท่ีดีของรัฐ การศึกษาจะเป็นเคร่ืองกำหนดบทบาทและหน้าท่ีของบุคคลให้เป็นไปตามความ เหมาะสมตามธรรมชาติและความสามารถของแต่ละคน เมื่อบุคคลได้ทำในส่ิงที่ต้องการและเหมาะกับ ธรรมชาติและความสามารถ สังคมจะมีระเบียบและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข การศึกษาจึงตอบสนอง ทั้งจุดมุ่งหมายของรัฐและปัจเจกบุคคลความเชื่อเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของนักจิตนิยมเห็นว่า การศึกษาเป็นสิง่ ท่ีเกิดข้ึนภายในตัวของแต่ละบคุ คล ครมู ีหน้าที่ในการจัดเนื้อหาและกิจกรรมอันมีผลต่อ การเรียนรู้ของเด็กกระตุ้นให้ผู้เรียนถามคำตอบ ใช้ความคิดหาคำตอบ ซ่ึงจะทำให้ผู้เรียนค้นพบความรู้ ความจรงิ ตวั ครจู ึงต้องเป็นผทู้ ่มี ีความรอบรู้ มีคุณธรรมที่ควรเปน็ แบบอยา่ งแกผ่ เู้ รียน ลกั ษณะของปรัชญาการศึกษาแนวจิตนิยมจึงมีลักษณะอนุรักษ์นยิ มมุ่งสงวนรักษาขนบประเพณี เน้นความแข็งแกร่งทางวิชาการและการพฒั นาลักษณะนสิ ัย มงุ่ ปลกู ฝังคณุ ธรรมควบคู่ไปกับความรู้ 4.1.2 ปรัชญานิรันตรนิยม (Perennial Philosophy) ผู้นำที่สำคัญของปรัชญานี้คือ อรสิ โตเติล (Aristotle. 384–322 ก่อนคริสตกาล) นักปรัชญาชาวกรีก ซ่ึงแนวความคิดที่มีผลต่อการจัด การศึกษาดงั น้ี 1) ธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์มีความสามารถในการคิดหาเหตุผล ดังน้ันจุดหมายของ การศึกษา คือการอบรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาด้านพุทธิปัญญาและคุณธรรม ซ่ึงเป็นความดีท่ีมีคุณค่าใน ตัวเอง การศึกษาจะเป็นกระบวนการท่ีทำให้พุทธิปัญญาก่อรูปขึ้น ส่วนการอบรมทางศีลธรรมคุณธรรม จะเป็นกระบวนการสร้างลักษณะนสิ ัยทด่ี ี อนั จะทำให้เป็นมนษุ ย์ทส่ี มบรู ณ์ทง้ั ความรทู้ ม่ี เี หตุผลและความ มเี หตผุ ลจะสง่ เสรมิ ให้มคี ุณธรรมในท่ีสดุ 2) ธรรมชาติของความรู้ แนวคิดของปรัชญากลุ่มนี้เชื่อว่า การศึกษามิใช่กระบวนการ ถ่ายทอดความรู้โดยครู เพราะความรู้ข้อเท็จจริงที่ถ่ายทอดโดยครูเหล่าน้ันไม่อาจเป็นปัจจุบันอยู่ได้ ตลอดไป บางอย่างอาจเป็นความรู้ความจริงหรือความจำเป็นในปัจจุบัน แต่อาจไม่มีประโยชน์ต่อไปใน เวลาข้างหน้า เพราะความรู้ข้อมูลต่าง ๆ มีการเพิ่มเติมหรือค้นพบใหม่อยู่เสมอ จึงยากที่จะให้ผู้เรียน เรียนรสู้ งิ่ ที่เป็นปัจจุบนั ได้หมด ดงั น้ันผ้เู รยี นจึงต้องมีความสามารถในการคิดเพื่อหาความร้ดู ้วยตนเอง 3) หลกั การของการศกึ ษาตามแนวคดิ นี้ มคี วามเชื่อใน 3 ประเด็น คอื 3.1) ภารกิจของการศึกษาคือการสร้างคนให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ จุดมุ่งหมายของ การศึกษาจะมีสองด้าน คือ ดา้ นพุทธปิ ัญญาและด้านศีลธรรม ซ่งึ การศึกษานนั้ จะเกิดจากการมีสว่ นร่วม รับผิดชอบระหวา่ งสถานศกึ ษา ครอบครวั ชมุ ชน และสถาบนั ศาสนา 3.2) ด้านการสอน การสอนจะใช้วิธีการกระตุ้นและชี้นำให้ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมทาง ปัญญา สามารถใช้การคิดใช้เหตุผลท่ีมีอย่ตู ามธรรมชาตใิ ห้ปรากฏออกมาไมใ่ ชเ่ ปน็ การสอนเนื้อหา 3.3) หลกั สตู รจะตอ้ งมุง่ ทำใหค้ นเปน็ คน คือใหม้ ีทั้งความสามารถในการคน้ หาความรู้ เชิงเหตผุ ลและการอบรมใหเ้ ป็นคนดีมีคณุ ธรรม เนน้ การศึกษาแบบศิลปศาสตร์ ลกั ษณะของปรัชญาการศึกษาแนวนิรันตรนิยมจึงมีลักษณะของการให้ผู้เรียนได้รับความรู้ คู่กับความดี ซ่ึงความรู้น้ันจะเกิดจากการคิดไตร่ตรองของผู้เรียน มิใช่เกิดจากการสั่งสอนอบรม เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ 56

การศึกษาจะทำใหค้ นเป็นมนุษย์ทส่ี มบรู ณ์ ทำใหอ้ ยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอย่างเปน็ สขุ 4.1.3 ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism) เป็นปรัชญาการศึกษาแนวอนุรักษ์นิยม ซ่ึงมี ทัศนะต่อการศกึ ษาและบทบาทของโรงเรียนทมี่ ีต่อสังคม สรุปได้ 4 ประเด็น ดงั น้ี 1) จุดมุ่งหมายของการศึกษาจะเป็นการถ่ายทอดมรดกทางสังคม และเป็นการช่วยให้ ผ้เู รียนเกิดความเจริญทางพุทธิปัญญา การศึกษาจงึ มีหน้าที่ในการอบรมใหผ้ ู้เรยี นมีความร้เู พือ่ นำไปใช้ใน ชีวิตอนาคต 2) ลักษณะของหลักสูตร เป็นการเน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนโดยการเรียนอย่างหนักใน สาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อให้พัฒนาการคิดใช้เหตุผลและความสามารถต่าง ๆ วิธีการเรียนใช้วิธีการท่องจำ และฝึกหัดให้เกิดความแม่นยำเพื่อนำเนื้อหาวิชาเหล่าน้ันไปใช้ประโยชน์ในชีวิตทำงาน ดังนั้น ลักษณะ ของหลักสูตรจึงประกอบไปด้วย เน้ือหาวิชาท่ีเป็นแกนร่วมกับวิชาทักษะทางปัญญาต่าง ๆ ท่ีเช่ือกันว่า สำคัญ หลักสตู รจงึ เป็นสว่ นทโ่ี รงเรยี นกำหนดข้ึนเพอ่ื การจดั การทางสหวิทยาการใหแ้ กผ่ เู้ รียน 3) การสอน เป็นศิลปะการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาแกนหลัก โดยมีครูเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ และเนื้อหาท่ีมีคุณค่าต่อนักเรียน ดังนั้นประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนการสอนจึงข้ึนอยู่กับ ความสามารถของครูในการถ่ายทอดและปลูกฝังความรู้ให้แก่นักเรียน วิธีสอนของครูมักจะใช้บรรยาย โดยอาศัยหนงั สือและตำราเปน็ ส่ือสำคัญ ผู้เรียนจะเรียนโดยวิธที อ่ งจำเพือ่ จำเนื้อหาวิชาไปประยุกตใ์ ช้ใน ชวี ติ การทำงานต่อไป 4) บทบาทของโรงเรียน โรงเรียนเป็นสถาบันที่ทรงคุณค่าของสังคมโรงเรียนจะทำหน้าที่ สงวนรักษาและถ่ายทอดมรดกทางสังคมและทำหน้าท่ีให้การอบรมฝึกฝนทางปัญญาแก่นักเรียน โดย วธิ กี ารสอนเนื้อหาวชิ า ความรู้ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ และทักษะทส่ี ำคญั เพื่อเตรียมนักเรยี นใหพ้ รอ้ มสำหรับ การประกอบอาชพี เมอื่ เตบิ โตเปน็ ผู้ใหญแ่ ละเป็นพลเมืองดีของสังคม ลักษณะของการจัดการศกึ ษาตามความเชอื่ ของปรัชญาลัทธนิ ี้ คือหลักสตู รจะต้องเน้นการ จัดการเน้ือหาที่คิดว่ามีความสำคัญให้ผู้เรียนจดจำให้ได้มากที่สุด โดยมีครูเป็นผู้สอนและฝึกฝน เพื่อ ผู้เรียนจะไดน้ ำไปใช้ในการประกอบอาชพี ในอนาคต 4.1.4 ปรัชญาก้าวหน้านิยม (Progressivism) เป็นปรัชญาการศึกษาแนวใหม่โดยมีผู้นำคน สำคัญคือ จอห์น ดิวอี้ (John Dewey. 1859–1952) นักการศึกษาชาวอเมริกัน ปรัชญาก้าวหน้านิยม นับได้ว่าเป็นปรัชญาการศึกษาท่ีมีความสำคัญต่อการจัดการศึกษาในปัจจุบันอย่างมาก แนวคิดนี้ได้ แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางและเป็นพ้ืนฐานของแนวคิดทางการศึกษาอื่น ๆ ในระยะเวลาต่อมาแนว ความเช่ือของปรชั ญากา้ วหน้านิยมมีแนวคิดตอ่ การจดั การศึกษา ดังน้ี 1) แนวคิดทางการศึกษา ปรัชญาการศึกษาแบบก้าวหน้าจะถือเอาเด็กเป็นศูนย์กลางของ การเรียน (Child–Centred Education) โดยมีความเชื่อว่า เด็กเป็นผู้มีความสามารถอยู่ภายในและ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เด็กแต่ละคนจะพัฒนาไปตามข้ันตอนตามธรรมชาติ ผู้ใหญ่และสังคมต้อง ร่วมกันในการพัฒนาเด็กให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็ก เด็กจะต้องได้รับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม มีเสรีภาพ มีอิสระในการคิดริเร่ิม มีเสรีภาพ มีโอกาสในการแสดงออก โรงเรียนจะเป็นศูนย์กลางของ กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเด็กได้ทำ ได้แสดงออกตามความต้องการและสนใจ กระบวนการเรียนการสอนต้องมี ความสัมพันธ์กัน เด็กจะเรียนรู้โดยการกระทำ การศึกษาจะต้องพัฒนาเด็กโดยรวม (whole: child) และเป็นกระบวนการทพี่ ฒั นาและต่อเน่ืองกันไปโดยตลอด เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชัยภมู ิ 57

2) ความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษากับจิตวิทยาและสังคมวิทยา ทั้งนี้เพราะมีความเห็น ว่าพ้ืนฐานด้านจิตวิทยาจะทำให้เข้าใจถึงธรรมชาติและความสามารถของเด็กอันจะเป็นแนวทางในการ จดั กิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพของเดก็ ส่วนทางด้านสังคมวทิ ยาน้ัน การศึกษาจะทำหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้อง กับกิจกรรมทางสังคม อันได้แก่ การสืบทอดวัฒนธรรมของสังคม การอนุรักษ์การบูรณะสร้างสรรค์ สิ่งที่ทรงคุณค่าในสังคม สังคมจะมีหน้าท่ีในการเก้ือหนุนการศึกษา ซึ่งเด็กเมื่อผ่านกระบวนการทาง การศึกษาแลว้ เดก็ จะเปน็ สมาชิกทดี่ ขี องสังคมและสร้างสรรคจ์ รรโลงสงั คม ต่อไป 3) เป้าหมายของการศึกษาสำหรับเป้าหมายทางการศึกษานั้นระบุว่า การสอนให้คน สามารถปรับตัวและแก้ปัญหาให้เหมาะสมเพื่อความอยู่รอดและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น การปรับตัวน้ัน ได้แก่ การปรับตัวให้เข้ากับสังคมและธรรมชาติ มนุษย์ต้องรู้จักคิดแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นในส่ิงแวดล้อมเพ่ือ สนองตอบความต้องการพ้ืนฐานท่ีจำเป็น เพ่ือความอยู่รอดของชีวิตและการสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ ๆ เพื่อ ชีวิตที่มคี ุณภาพกว่าเดมิ ดังนั้นเป้าหมายของมนุษย์จงึ มิใช่เพียงความอยู่รอด แต่เพียงอย่างเดยี ว แต่เป็น การมีชวี ิตอยอู่ ย่างมีคณุ ภาพอกี ด้วย 4) สาระการเรียนรู้ที่ใช้ในการศึกษา การศึกษาเกิดจากประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้พบใน ชวี ติ ประจำวนั ประสบการณ์ในชีวติ ประจำวนั จึงเปน็ สถานการณ์การเรียนรู้ที่เปน็ ธรรมชาติ ประสบการณ์ น้ันเป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับส่ิงแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริง ซ่ึงสถานการณ์ที่ เป็นอยู่จริงน้ีจะครอบคลุมไปถึงทุกส่ิงในสังคมรวมท้ังการกระทำของมนุษย์ด้วย นอกจากส่ิงแวดล้อมแล้ว ตัวผู้เรียนจะต้องมีความต้องการท่ีเกิดจากตัวผู้เรียนเอง มีความสามารถท่ีจะทำส่ิงต่าง ๆ ได้ และจาก กระบวนการปฏิสัมพันธ์ทำให้ต้องมีการปรับตัวหรือปรับส่ิงแวดล้อมให้เหมาะสมกับความต้องการและ ความสามารถของผู้เรียน เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีมีคุณค่าทางการศึกษา ซึ่งประสบการณ์นี้ จะมคี วามหมายต่อชวี ติ และจะมีผลต่อเน่ืองจากประสบการณ์เดิม และทำให้ประสบการณ์ใหม่มคี ุณภาพ ทำให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ มกี ารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเจตคติ ซงึ่ ถอื วา่ เป็นผูม้ ีการศกึ ษา 5) แนวคิดเกี่ยวกับหลักสูตร หลักสูตรต้องมีความยืดหยุ่น ทั้งน้ีจุดเน้นของหลักสูตรอยู่ท่ี การทดลองปฏิบัติของผู้เรียนเน้นการเรียนรู้ที่เป็นวิธีการคิดมากกว่าสิ่งที่คิด หลักสูตรจึงไม่ให้ ความสำคัญแก่เนื้อหาใดเป็นพิเศษแต่เน้นประสบการณ์จากชีวิตประจำวัน ส่วนกิจกรรมการเรียนรู้จะ เน้นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จึงเรียกว่าเป็นการจัดหลักสูตรระบบ “ยึดประสบการณ์เป็นศูนย์กลาง” หรอื “ยดึ ผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง” หลกั สูตรจะนำรายวิชาตา่ ง ๆ มาออกแบบผสมกลมกลืนเข้าหากันอยา่ ง มคี วามหมาย โดยมเี ป้าหมายเพือ่ ปรบั ปรงุ คุณภาพชวี ิตใหด้ ขี ้ึน 6) วิธีการเรียนการสอน ปรัชญาการศึกษาแบบก้าวหน้านิยมเน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิด อย่างใช้เหตุผล กระบวนการศึกษาเล่าเรียนจึงใช้วิธีการแก้ปัญหา โดยให้ผู้เรียนประสบกับปัญหาหรือ สถานการณ์ท่ีเป็นปัญหา จากน้ันผู้เรียนจะได้คิดแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการไตร่ตรองจาก ข้อมูล ทดลอง ตรวจสอบ ตง้ั สมมติฐาน ใชเ้ หตผุ ล และทดสอบสมมตฐิ าน ลกั ษณะการจดั การศึกษาตามแนวความคิดปรัชญาการศึกษาน้ี คอื การให้ผู้เรียนเป็นศนู ย์กลาง การเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพจะเกิดจากความต้องการภายในของผู้เรียนและความสามารถที่ผู้เรียนมี ผู้เรียนจะได้เรียนรู้จากการลงมือกระทำในสถานการณ์จริง ทำให้รับประสบการณ์และสามารถนำ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภูมิ 58

ประสบการณ์นี้ไปใชเ้ พือ่ คณุ ภาพชีวติ ทีด่ ีขึ้น 4.1.5 ปรัชญาแนวมนุษยนิยม (Humanistic Education) มีความเช่ือว่าการศึกษาจะทำให้ คนเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ คือให้คนได้พัฒนาความสามารถที่แฝงเร้นอยู่ภายในให้เจริญสูงสุด ซง่ึ แนวคิดท่ี มีต่อการจดั การศกึ ษาของปรชั ญากล่มุ นี้ คอื 1) การศึกษา มีความเห็นวา่ การศึกษานอกจากจะสอนคนให้มีความรู้แล้วจะต้องทำให้คน ร้จู กั ตนเองเพื่อนำไปสู่การพฒั นาตนเอง ผู้เรียนจะต้องมมี นุษยสัมพันธ์ท่ดี ี มีความรู้สึกท่ีไว ร้จู ักเอาใจเขา มาใส่ใจเรา ดังนั้นการศึกษาจะพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ท่ีมีความรู้สึกท่ีดีต่อตนเองต่อ ผู้อ่ืนและสิ่งต่าง ๆ รอบตวั อนั จะทำให้เด็กเตบิ โตเป็นพลเมืองทดี่ ขี องสงั คม 2) เป้าหมายทางการศึกษา มีความเห็นว่าการศึกษาท่ีให้ความรู้แก่ผู้เรียนน้ันจะช่วยให้ ผู้เรียนสามารถแก้ปัญหาบางประการได้ แต่ปัญหาสำคัญของการอยู่ร่วมกัน คือ ปัญหาด้านความสัมพันธ์ ระหว่างผู้คนในสังคม ซึ่งปัญหาเหลาน้ีมิอาจใช้ความรู้มาแก้ไขหากแต่ต้องใช้ความเข้าใจและความรู้สึกมา ช่วยแก้ไข ดังน้ันการศึกษาจึงต้องช่วยสร้างคนให้สามารถคิด มีความรู้สึก มีมนุษยธรรม มีการยอมรับผู้อื่น นบั ถือตนเอง มีความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถศึกษาดว้ ยตนเองอย่างต่อเนื่องได้ เป้าหมาย ของการศึกษาจึงมุ่งให้คนอยู่ร่วมกันได้ โดยแต่ละคนต่างทำหน้าท่ีของตนอย่างมีความรับผิดชอบ รวมท้ัง สถาบันอ่ืน ๆ ในสังคมดว้ ย เช่น สถาบนั ทางศาสนา สถาบันครอบครัว สถาบนั ทางการเมือง เป็นต้น 3) แนวคิดด้านหลักสูตร หลักสูตรต้องเน้นการให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง รู้จักตัวเอง เข้าใจ ผู้อ่ืน การจัดหลักสูตรจึงอยู่บนพ้ืนฐานทางจิตวิทยา สิ่งที่จัดให้เรียนต้องสัมพันธ์กับระดับพัฒนาการ ความสนใจ ความต้องการของผู้เรียน ตอ้ งสอดคล้องสัมพันธ์กับชวี ิตจริง การเรยี นรจู้ ะไม่เน้นเน้อื หาวิชา แต่เป็นการให้ผู้เรียนค้นหาความหมายของส่ิงท่ีเรียนด้วยตนเอง ดังนั้น ครูจะเป็นผู้ท่ีสอนให้เด็กรู้ว่าจะ เรียนรู้อย่างไร มิใช่เป็นการสอนเน้ือหาวิชา การจัดตารางเรียนจะเป็นแบบเปิดไม่บังคับให้เรียนตาม กำหนดเวลาทตี่ ายตัว 4) วธิ ีการจัดการศึกษา โรงเรียนต้องจัดการศึกษาโดยให้อิสระแก่ผู้เรียน มีเสรีภาพในการคิด การพูด การเคลื่อนไหว โดยต้องมคี วามไว้วางใจว่าผู้เรยี นจะมคี วามสามารถในการจดั ระเบยี บตัวเองและ ควบคุมตวั เองได้ ทั้งจะทำให้เด็กมคี วามรับผิดชอบต่อตนเอง ไมต่ ้องคอยพ่ึงพาผู้อืน่ และชว่ ยตนเองไดใ้ น ทสี่ ุด การให้อิสระแก่ผู้เรียนนอกจากจะเป็นการสร้างความมีวินัยในตนเองแล้ว เด็กจะได้มีโอกาสในการ ค้นพบคำตอบต่าง ๆ ด้วยตนเอง ทำให้เกิดความเข้าใจวา่ ปัญหาต่าง ๆ นั้นมไิ ด้มเี พียงคำตอบเดยี ว ทำให้ เด็กรู้จักคิดสร้างสรรค์ นอกจากน้ีการเรียนในโรงเรียนจะต้องลดการแข่งขันโดยเฉพาะด้านวิชาการ เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจว่าความสำเร็จของเด็กคนหนึ่ง คือ ความล้มเหลวของเด็กคนอ่ืน ๆ และ ต้องเขา้ ใจถงึ ศักยภาพของเด็กว่ามิได้มีเฉพาะดา้ นวิชาการ แตเ่ ดก็ ควรไดร้ บั การพฒั นาในทกุ ๆ ดา้ นด้วย ลักษณะความเชื่อของปรัชญาน้ีคือ การให้อิสรภาพแก่ผู้เรียนโดยมีความเช่ือว่าผู้เรียนมี ความรับผิดชอบในตนเอง ความรู้ไม่ได้เกิดจากเนื้อหาวิชาแต่เป็นการให้ผู้เรียนค้นหาความหมายของส่ิง ท่ีเรียนด้วยตนเอง ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์ ส่วนเป้าหมายการศึกษา คือให้ ทุกคนอยู่ร่วมกนั อยา่ งมคี วามสขุ จากแนวคิดของปรัชญาการศึกษาแต่ละกลุ่มดังกลา่ วมาขา้ งตน้ จะมอี ิทธิพลต่อการจัดหลักสูตร ที่จะจัดให้มีลักษณะสอดคล้องกับแนวทางความเช่ือและเป้าหมายทางการศึกษาของปรัชญาการศึกษา แบบนั้น ๆ ซึ่งอาจจะเป็นในทิศทางใดทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะหรือเกิดจากการหลอมรวมแนวคิด ความเช่ือต่าง ๆ เข้าดว้ ยกันเพือ่ ให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการในการจัดการศึกษา เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 59

4.2 ทฤษฎีหลักสูตร ทฤษฎีหลักสูตรมีความสัมพันธ์กนั อย่างมากกบั ปรัชญาการศึกษา ในขณะที่หลักสูตรเป็นแนวทาง ของสถานศึกษาที่ใช้ในการจัดมวลประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน โดยมีหลักคิดในการเลือกหรือกำหนดมวล ประสบการณ์ โดยหลักคิดน้ันมาจากความเช่ือท่ีมีต่อเป้าหมายและปัจจัย ตลอดจนแนวทางการจัด การศึกษาที่ได้จากปรัชญาทางการศึกษาที่นำไปสู่การกำหนดองค์ประกอบของหลักสูตรที่สอดคล้องกัน เพ่ือให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาตามแนวทางที่กำหนดไว้ในหลักสูตรท่ีได้พัฒนาและกลั่นกรองมาอย่างเป็น ระบบ ส่วนทฤษฎีหลักสูตรนั้น หมายถึงแนวคิดของการกำหนดองค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตร อันได้แก่ จุดหมาย สาระของหลักสูตร บทบาทครูในฐานะผู้ใช้หลักสูตร แนวทางการจัดประสบการณ์ และเกณฑ์การประเมินคุณภาพของการจัดประสบการณ์ ทั้งนี้ทฤษฎีหลักสูตรแต่ละทฤษฎีจึงมีความ แตกต่างกนั ตามความเช่อื ของทฤษฎี นั้น ๆ สำหรบั ทฤษฎหี ลักสตู รนนั้ ไอส์เนอร์ (Eisner. 1985, อ้างถึง ใน ประพนธ์ เจียรกลู . 2540: 80–85) ได้จำแนกออกดงั นี้ 1. หลักสูตรเพ่ือพัฒนาทักษะกระบวนการทางสติปัญญา (Development of Cognitive Process) เป็นทฤษฎีหลักสูตรท่ีเน้นทักษะกระบวนการทางปัญญา ได้แก่ ทักษะการ แสวงหาความรู้ และทกั ษะการแก้ปญั หา ลักษณะของหลกั สตู รตามทฤษฎีนค้ี ือ 1.1 กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนจากสถานการณ์ท่ีเป็นปัญหาเพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ ฝึกฝนทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา 1.2 มกี ระบวนการจัดประสบการณ์โดยครเู ปน็ ผจู้ ัดสถานการณ์และสภาพแวดล้อมให้ ผ้เู รยี นไดแ้ กป้ ญั หา และทำหน้าทใ่ี ห้คำแนะนำชว่ ยเหลอื 2. หลักสูตรเพ่ือการพัฒนาสติปัญญา (Academic Rationalism) เปน็ ทฤษฎีหลักสูตร ทเ่ี น้นให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทางสติปัญญาจากการเรยี นวิชาความรู้ต่าง ๆ ลกั ษณะของหลักสูตรตาม ทฤษฎนี ีค้ ือ 2.1 กำหนดให้ผู้เรียนเรียนในรายวิชาที่เป็นวิชาการ เช่น ภาษา คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษา ประวัติศาสตร์ ทง้ั น้ีเพ่อื ให้เกิดความเจริญงอกงามและพัฒนาทางสตปิ ัญญา 2.2 การเรียนในระดับประถมและมัธยมศึกษา เป็นการเรียนเพื่อหาความรู้ด้าน วชิ าการ เพ่ือให้เด็กไดส้ ำรวจความถนัดและความสนใจเพื่อการเรยี นวิชาชพี ต่อมาในภายหลงั 3. หลักสูตรเพื่อเตรียมชีวิตในอนาคต (Social Adaptation) เป็นทฤษฎีที่มีความเช่ือ ว่าหน้าที่ของสถานศึกษาคือการถ่ายทอดค่านิยม วัฒนธรรมของสังคมให้เด็กเพื่อให้เด็กเติบโตไปอยู่ใน สงั คมโดยเปน็ สมาชิกที่ดแี ละมีคณุ ภาพในอนาคต ลักษณะของหลกั สตู รตามทฤษฎนี ี้คอื 3.1 ความรู้ท่ีกำหนดให้ผู้เรียนได้เรียน ได้แก่ ความรู้ที่เป็นทักษะพ้ืนฐานที่จำเป็นต่อ การดำรงชีวิตในฐานะพลเมืองท่ีมีคณุ ภาพ 3.2 การเรียนสาระรู้ยังคงวิชาความรู้ที่เป็นวิชาแกนควบคู่กับวิชาทักษะพ้ืนฐานและ วิชาเลือกอื่น ๆ ส่วนการเลือกส่ิงท่ีนำมาเรียนจะต้องเลือกส่ิงท่ีสำคัญและจำเป็นโดยพิจารณาจากความ ตอ้ งการของเดก็ และความตอ้ งการของสงั คม 4. หลักสูตรเพื่อการปฏิรูปสังคม (Social Reconstruction) หลักสูตรตามทฤษฎีนี้มี ความเช่ือว่าสถานศึกษาเป็นแหลง่ สร้างสรรค์บุคคลเพ่ือเป็นผู้นำในการปฏิรูปสังคม โดยกำหนดลักษณะ ของหลักสตู รเปน็ 2 แนวทางคอื เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชัยภูมิ 60

4.1 การจัดประสบการณ์แบบสังคมอุดมคติ โดยจัดให้เด็กได้เรียนและใช้ชีวิตใน สถานศึกษาในสังคมอุดมคติซึ่งมีลกั ษณะตา่ งจากสังคมภายนอกอย่างสน้ิ เชิง โดยเช่ือว่าเม่ือจบการศึกษา ออกไป นักเรียนเหล่านี้จะเป็นผู้นำการเปล่ียนแปลงของสังคมให้มีลักษณะเป็นสังคมอุดมคติตาม แบบอย่างที่ไดร้ ับมา แต่แนวคดิ นีย้ ังไม่มีผนู้ ำไปสร้างสงั คมอดุ มคติในสถานศกึ ษาขึ้นมาได้ 4.2 การจัดประสบการณ์ที่นำปัญหาสังคมมาสู่การเรียนการสอนท่ีเน้นการแก้ปัญหา น้นั ๆ ท้ังนี้เพ่ือให้นักเรยี นที่จบการศึกษาเป็นพลเมืองทม่ี ีพลังในการแก้ไขปัญหาสงั คมที่เผชญิ อยู่ วิธีการ จัดประสบการณ์ ได้แก่ การจัดกจิ กรรมให้เด็กมองเห็นปญั หาและหาทางแกป้ ัญหาน้ัน ๆ โดยคาดหวังว่า ผเู้ รียนจะมจี ติ สำนึกในการรวมกลุ่มกนั เพอ่ื แก้ไขปัญหาสงั คมนั้น ๆ 5. หลักสูตรเพื่อสนองความเป็นปัจเจกบุคคล (Personal Relevance) ทฤษฎีนี้มี ความเชื่อว่าผู้เรียนแตล่ ะคนเป็นปัจเจกบุคคล จึงมเี สรีภาพในการเลือกสิ่งที่จะเรียน หลักสูตรจึงไม่ใช่สิ่ง ทกี่ ำหนดมาจากสว่ นกลาง ลักษณะของหลกั สูตรตามทฤษฎนี คี้ ือ 5.1 การจดั ประสบการณ์ทมี่ คี วามหมายตอ่ เดก็ แต่ละคน 5.2 หลักสูตรเกิดจากการกำหนดร่วมกันระหว่างเด็กกับครูโดยมีการวางแผนร่วมกัน ครูจะเป็นผู้ส่งเสริมให้เด็กรู้จักคิดทางเลือกต่าง ๆ ครูจึงเป็นผู้อำนวยความสะดวกมากกว่าการ เป็นผู้กำหนดส่งิ ทใ่ี หเ้ ด็กเรียน 5.3 ผเู้ รียนจะไดร้ บอิสรภาพในการเรียนและมีเสรีภาพในการคิดและการกระทำในสิ่ง ทตี่ นเลือกเรยี น สรุปว่า จากทฤษฎีหลักสูตรทั้ง 5 ทฤษฎี ซ่ึงได้แก่ ทฤษฎีที่ 1 ทฤษฎีหลักสูตรที่พัฒนา กระบวนการทางสติปัญญา ทฤษฎีท่ี 2 หลักสูตรเพื่อการพัฒนาสติปัญญา ทฤษฎีท่ี 3 เป็นทฤษฎี หลักสูตรเพื่อเตรียมเด็กสู่ชีวิตในอนาคต ทฤษฎีท่ี 4 เป็นหลักสูตรเพ่ือการปฏิรูปสังคม และทฤษฎี สุดท้ายเป็นหลักสูตรเพ่ือตอบสนองปัจเจกบุคคล ทฤษฎีหลักสูตรท้ังหมด แสดงให้เห็นถึงลักษณะของ ความสอดคล้องกันในด้านความเช่ือของเป้าหมาย สาระการเรียนรู้และวิธีการจัดการเรียนการสอนท่ี ผู้พัฒนาหลกั สตู รจะนำไปเปน็ หลักการในการดำเนนิ การต่อไป 4.3 ประเภทของหลกั สตู ร เน่ืองจากหลักสูตรเป็นส่ิงที่เป็นเคร่ืองมือท่ีนำไปสู่การจัดการศึกษาในทางปฏิบัติ ทั้งนี้สามารถ จำแนกประเภทของหลักสตู รตามเกณฑท์ ี่ใช้ในการจดั ประเภท มีดังน้ี 1. ประเภทของหลักสูตรทจ่ี ำแนกตามเกณฑก์ ารพัฒนาหลกั สตู ร แบ่งเป็น 2 ระดบั คือ 1.1 หลกั สตู รแกนกลางหรอื หลักสูตรระดบั ชาติ 1.2 หลกั สูตรท้องถิ่นหรือหลกั สตู รสถานศึกษา 2. ประเภทของหลกั สตู รตามเกณฑข์ องเน้ือหาวิชา มีดังนี้ 2.1 หลกั สตู รแบบรายวิชา (Subject Curriculum) 2.2 หลักสูตรแบบสัมพันธ์วชิ า (Correlated Curriculum) 2.3 หลกั สตู รแบบสหสัมพนั ธ์ (Broad Fields Curriculum) 2.4 หลกั สูตรแบบกิจกรรมหรืออิงประสบการณ์ (Activity or Experience-Based Curriculum) เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชยั ภมู ิ 61

2.5 หลกั สตู รเพื่อชวี ติ และสังคม (Social Process and Life Function Curriculum) 2.6 หลักสตู รแบบบรู ณาการ (Integrated Curriculum) 3. ประเภทของหลกั สตู รท่ีจำแนกตามบทบาทผสู้ อนและผู้เรยี น มดี ังน้ี 3.1 หลักสูตรทเ่ี น้นผู้สอนเปน็ สำคัญ (Teacher–Centered Curriculum) 3.2 หลกั สตู รทีเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ (Child-Centered Curriculum) 4. ประเภทของหลักสูตรที่จัดตามมาตรฐานและสมรรถนะท่ีต้องการให้เกิดกบั ผเู้ รยี น แบ่งเป็น 4.1 หลักสูตรอิงมาตรฐานการเรียนรู้ (Standards Based Curriculum) 4.2 หลักสูตรอิงสมรรถนะ (Competency Based Curriculum) รายละเอียดของหลกั สตู รแต่ละประเภทมดี ังนี้ 4.3.1 หลักสตู รตามระดบั ของการพัฒนา จำแนกได้ดงั นี้ 1) หลักสตู รแกนกลางหรือหลักสตู รระดบั ชาติ หมายถึง หลักสูตรที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงาน ของชาติที่ยึดหลักนโยบายการศึกษาของชาติ และมาตรฐานการเรียนรู้ของแต่ละระดับการศึกษามา จัดทำเป็นหลักสูตรให้สถานศึกษาทุกสังกัดนำมาใชจ้ ัดการศึกษาให้เปน็ มาตรฐานเดียวกัน เชน่ หลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช 2546 จัดทำโดยกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นตน้ 2) หลักสูตรท้องถ่ินหรือหลักสูตรสถานศึกษา หมายถึง หลักสูตรท่ีหน่วยงานพัฒนาขึ้นมาให้ เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความต้องการและบริบททางวัฒนธรรม สังคม ท้องถิ่น โดยยึด หลกั สตู รแกนกลางเป็นหลกั 4.3.2 ประเภทของหลักสตู รตามเกณฑ์ของเนื้อหาวชิ า มีรายละเอยี ดดังนี้ 1) หลักสูตรแบบรายวิชา เป็นหลักสูตรที่กำหนดเน้ือหาวิชาออกเป็นรายวิชาต่าง ๆ ท่ีคิดว่า เป็นวชิ าท่ีมีความสำคญั เปน็ พื้นฐานของการเรียนวชิ าการต่าง ๆ ซึ่งรายวชิ าแต่ละวชิ านั้นจะแยกจากกัน โดยไมม่ คี วามสมั พันธ์กนั เช่น รายวิชาภาษา คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษา เป็นตน้ จุดเน้นของหลักสูตร คือการมุ่งถ่ายทอดความรู้ในสาระเนื้อหาของวิชานั้น ๆ รวมทั้งการ ถ่ายทอดความรู้ดา้ นศิลปวฒั นธรรมของสังคม การจัดเน้ือหาวิชา มีลักษณะของการจัดเป็นรายวิชาต่าง ๆ เช่น วิชาภาษา จะแยกเป็นวิชา ย่อย ๆ อีก เช่น เรียงความ คัด เขียน อ่าน เป็นต้น และมีการลำดับเน้ือหาโดยมีการจัดเนื้อหาวิชาแต่ละ วชิ าเรยี งลำดับจากงา่ ยไปยาก จดั ลำดบั ก่อนหลังตามความจำเปน็ จัดใหเ้ รียนร้จู ากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย การจัดการเรียนการสอน จัดการเรียนการสอนโดยครูเป็นผู้สอนสาระเนื้อหาตามท่ีกำหนด ไว้ในรายวิชาต่าง ๆ วิธีสอนจะใช้วิธีบรรยาย การเรียนจะเรียนรวมกันเป็นกลุ่ม มีการกำหนดโรงเรียน หรอื ตารางเรยี นที่ตายตัว เด็กจะเรียนจากการฟงั ครอู ธบิ าย ต้องมีวินยั ปฏิบตั ติ ามคำสง่ั อยา่ งเครง่ ครดั การวัดและประเมินผลการเรียน เปน็ การวดั ที่เน้นความจำที่เกี่ยวขอ้ งกบั สาระเน้ือหาวิชาที่ ได้เรยี นไป 2) หลักสตู รแบบสัมพันธ์วิชา เป็นหลักสูตรทีใ่ ห้ความสำคัญกับสาระความรู้ในวชิ าการต่าง ๆ โดยการถา่ ยทอดความรูเ้ หลา่ นนั้ จุดเน้นของหลักสูตร คือการมุ่งถ่ายทอดความรู้ท่ีถือว่าเป็นความรู้หลักและมีความจำเป็น ต่อการเรียนวิชาการต่าง ๆ และความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ซ่ึงมีจุดเน้นเช่นเดียวกับหลักสูตรแบบ รายวชิ า การจัดเนื้อหาวิชา มีการจัดเนื้อหาวิชาให้เป็นกลุ่มโดยนำวิชาท่ีมีเนื้อหาที่เกี่ยวโยงหรือ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชยั ภูมิ 62

สัมพันธ์กันมาไว้เป็นกลุ่ม แต่เน้ือหาของแต่ละรายวิชายังคงลักษณะเฉพาะหรือธรรมชาติของวิชานั้น ๆ ไว้ เช่น กลุ่มวิชาสังคมศึกษา จะรวมวิชาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มนุษย์กับส่ิงแวดล้อมเอาไว้ ในกลุ่ม แต่เวลาสอนแม้จะมีการผนวกเอาความรู้ในวิชาที่สัมพันธ์กันไปสอนด้วยแต่ยังคงเน้นการ ถา่ ยทอดเนอ้ื หาความรขู้ องแต่ละวิชาเป็นหลัก การจัดการเรียนการสอน เนื่องจากลักษณะของหลักสูตรมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ ครูจึง เป็นบุคคลสำคัญที่ต้องมีความรู้ในสาขาวิชานั้น ๆ อย่างดี และทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน ครจู ึงเป็นศูนยก์ ลาง วธิ สี อนใชว้ ธิ บี รรยาย เด็กจะเรยี นเป็นกลุ่มรับความรู้จากครู เนน้ การมวี ินัยในการเรยี น การวดั และประเมนิ ผล การประเมนิ ผลจะวดั จากการจดจำความรู้ท่ีได้รบั ไป จึงเป็นการวัด เฉพาะดา้ นสตปิ ัญญา โดยเฉพาะความสามารถในการจำ 3) หลักสูตรแบบสหสัมพันธ์ เป็นหลักสูตรมีลักษณะท่ีให้ความสำคัญต่อการถ่ายทอด ความรตู้ ามศาสตรต์ า่ ง ๆ เช่นเดียวกบั หลกั สตู ร 2 หลกั สูตรข้างต้น จุดเน้นของหลักสูตร มีจุดเน้นเช่นเดียวกับหลักสูตรรายวิชาและหลักสูตรแบบสัมพันธ์วิชา โดยการเนน้ ความรู้ในศาสตร์สาขาวชิ าทเ่ี ปน็ ความรู้ท่สี ำคญั และความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม การจัดเน้ือหาวิชา มลี ักษณะของการนำความรใู้ นสาขาวชิ าต่าง ๆ มาผสมผสานกัน โดยนำ ความรู้ในรายวิชาที่มีเน้ือหาสาระใกล้เคียงกันมาจัดรวมเป็นหมวดวิชาเดียวกัน เช่น หมวดวิชา คณิตศาสตร์ จะประกอบด้วยวิชาเลขคณิต เรขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ เป็นต้น ผู้เรียนจะได้เรียน วิชาท่ีมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่ยังยึดหลักของการเน้นความสำคัญของแต่ละ รายวชิ าอยู่ การจัดการเรียนการสอน ใช้วิธีการในการถ่ายทอดความรู้ ครูยังเป็นศูนย์กลาง เด็กทุก คนเรยี นในสาระความรูเ้ ดยี วกนั การวดั และประเมินผล จะวดั โดยเน้นการจดจำความรทู้ ไ่ี ด้รบั จากผู้สอน 4) หลักสตู รแบบกจิ กรรมหรอื องิ ประสบการณ์ ไดม้ ีพ้นื ฐานมาจากแนวคิดของนักปรัชญา การศึกษาที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมท่ีเชื่อเรื่องการถ่ายทอดความรู้ มาเป็นความเช่ือว่าการเรียนรู้เกิด จากประสบการณ์ ทำใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมไปในทางที่ดีขึ้น จุดเน้นของหลักสูตร หลักสูตรแบบกิจกรรมหรืออิงประสบการณ์ จะเน้นการให้ผู้เรียน ได้รับประสบการณ์และเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้ได้รับการพัฒนาท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสนใจ ความสามารถ และความถนัด ซึ่งทำให้หลักสูตรมีจุดเน้นท่ี คำนึงถึงพัฒนาการและความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล การจัดเน้ือหา ยึดโครงสร้างเน้ือหาวชิ าที่สอดคล้องกับประสบการณ์จริง เพื่อให้ผู้เรียนนำ ประสบการณ์ไปใช้ในชีวิตจริงได้ ทั้งนี้เนื้อหาวิชาจะต้องเกิดจากความสนใจ และเป็นประสบการณ์ใน สภาพแวดลอ้ มทน่ี ำมาจดั ลำดบั เปน็ ประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผเู้ รียน การจัดการเรียนการสอน มีลักษณะของการยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ผู้เรียนมีส่วน ร่วมในการวางแผนการเรียน การจัดกิจกรรม และการประเมินผล ลักษณะของการเรียนจึงเป็นการ เรียนโดยการให้ผู้เรียนได้ทำกิจกรรม ทำให้ได้รับประสบการณ์ เกิดเปน็ การเรียนรู้ด้วยตนเอง (learning by doing) ผเู้ รยี นจะเกดิ การเรียนรูต้ ามจุดประสงค์ การวัดและประเมินผล เน่ืองจากการคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เด็กจะได้ทำ กิจกรรมและได้รับประสบการณ์จากการลงมอื กระทำ ทำให้เกิดผลต่อการพัฒนาการทุกดา้ นไปพร้อม ๆ กัน การประเมินผลจึงเป็นการประเมินความสามารถด้านการคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และการ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชัยภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภมู ิ 63

พัฒนาการทกุ ด้าน รวมทัง้ ความสามารถในการนำความรไู้ ปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจำวัน 5) หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม มีลักษณะท่ีเกิดจากความเช่ือว่าการเรียนรู้ เกิดจากการ ลงมือกระทำ ได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับหลักสูตรแบบกิจกรรมแต่เน้นในเร่ืองของการนำผลการ เรยี นรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ จริง จุดเน้นของหลักสูตร เนน้ การเรยี นในสาระท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ชีวติ จรงิ ผู้เรียนจะได้เรียนในส่ิงท่ี มีความหมาย นำไปใชไ้ ด้ การจดั เน้ือหาวิชา เน้ือหาความรู้จะสอดคลอ้ งกับสภาพทางสังคม วัฒนธรรม วถิ ีชีวิต และ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวติ จริง การจัดการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนและทำกิจกรรมด้วยตนเอง (active learning) จากหน่วยการเรยี นรู้ โดยมคี รเู ป็นผู้ใหค้ ำแนะนำหรืออำนวยความสะดวก การวัดและประเมินผล การประเมินผลจะประเมินท้ังพัฒนาการทุกด้านของ ผู้เรียน และ ความสามารถในการนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 6) หลักสูตรแบบบูรณาการ เป็นหลักสูตรที่มีแนวความเชื่อว่าการจัดประสบการณ์ ต่อเน่ืองกัน สัมพันธ์กันจะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งข้ึนและสอดคล้องกับหลักการพัฒนาการท่ีมีทุก พัฒนาการมีความสมั พันธ์กัน จดุ เนน้ ของหลกั สตู ร เป็นหลกั สตู รที่เน้นให้ผูเ้ รียนไดร้ บั ประสบการณ์จากสิ่งทม่ี ีความหมาย ท่ีสัมพันธ์กันไม่แยกส่วน จึงมีลักษณะเหมือนสถานการณ์ในชีวิตจริงทำให้เกิดการพัฒนาในทุกด้านและ สามารถนำความรไู้ ปสู่การใช้ประโยชนไ์ ด้จริง การจัดเน้ือหาวิชา เป็นการนำสภาพปัญหาในสังคมท่ีเป็นสถานการณ์จริงมากำหนดเป็น เน้อื หาวชิ าท่ีมกี ารบูรณาการกันหลอมรวมความรู้เป็นกลุ่มหรอื หมวดหมู่ ทำให้ผ้เู รียนได้รบั ประสบการณ์ ทมี่ ลี กั ษณะของความต่อเนื่องในความรู้และความสมั พนั ธ์กนั การจัดการเรียนการสอน มีการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนได้ ลงมอื กระทำ ทำให้ได้รบั ประสบการณ์ตรง เกิดการเรยี นรู้ และนำผลไปสู่การใช้ประโยชน์ การวัดและประเมินผล มีลักษณะของการวัดและประเมินผลตามจุดเน้นของหลักสูตรคือ การประเมินพฒั นาการทุกด้าน และความสามารถในการนำความรูไ้ ปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน 4.3.3 หลกั สตู รที่จำแนกตามบทบาทของผู้สอนและผเู้ รียน สามารถจำแนกได้ดังนี้ 1) หลักสูตรท่ีเน้นผู้สอนเป็นสำคัญ เป็นหลักสูตรท่ีให้ความสำคัญต่อสาระเนื้อหาวิชาท่ี ตอ้ งการให้ผู้เรยี นได้จดจำ ทำความเข้าใจในเน้ือหาที่จดั เรียงตามลำดบั ไว้แล้ว จึงให้ความสำคัญต่อผูส้ อน ที่จะต้องถ่ายทอดความรู้ เน้ือหา เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าผู้เรียน หลักสูตรท่ีเน้น ผู้สอนเป็นสำคัญได้แก่ หลักสูตรชนิดตอ่ ไปน้ี หลักสตู รแบบรายวิชา หลักสตู รแบบสัมพนั ธว์ ิชา หลกั สูตรแบบสหสมั พันธ์ 2) หลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นหลักสูตรท่ีให้ความสำคัญต่อผู้เรียนท่ีมีความเช่ือ ว่า การเรียนรู้ของผู้เรียนเกิดจากการได้รับประสบการณ์ และจากการกระทำดว้ ยตนเอง การเรยี นรู้จาก สงิ่ ที่มีความหมายและนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ สาระการเรยี นรู้จงึ เกิดจากความสนใจและความต้องการของ ผู้เรียน ลักษณะการเรียนการสอนจะอยู่ในรูปของการทำกิจกรรม และการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติเพ่ือ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชัยภูมิ 64

การแกป้ ัญหา ลกั ษณะหลกั สูตรท่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ได้แก่ หลกั สูตรแบบกิจกรรมหรืออิงประสบการณ์ หลักสูตรเพอ่ื ชวี ิตและสงั คม หลักสูตรแบบบูรณาการ 4.3.4 ประเภทของหลักสูตรท่ีจดั ตามมาตรฐานและสมรรถนะท่ตี อ้ งการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน 1) หลกั สูตรท่ีอิงมาตรฐานการเรียนรู้ หลักสูตรประเภทนี้เกิดจากความเช่ือที่มีแนวคิดจาก ทฤษฎีการเรยี นรู้ตามแนวการสร้างความรดู้ ้วยตนเอง ซงึ่ มคี วามเช่อื เก่ียวกบั การพัฒนาคณุ ภาพนักเรียน โดยการต้ังเป้าหมายให้ผู้เรียนบรรลุผลตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้เป็นข้ันต่ำ และมุ่งให้ผู้เรียน สร้างองค์ความรู้ข้ึนด้วยตนเองจากกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้รับ ดังน้ันมาตรฐานการเรียนรู้จึงเป็น เสมือนกรอบหรือทิศทางในการกำหนดสาระการเรียนรู้ กระบวนการจัดประสบการณ์ กิจกรรม และการ ประเมนิ ผล เพื่อให้ผ้เู รยี นมคี วามรคู้ วามสามารถตรงตามมาตรฐานที่กำหนด 2) หลักสูตรอิงสมรรถนะ หลักสูตรประเภทนี้มีความเชื่อว่าหลักสูตรจะต้องพัฒนาผู้เรียน ให้มีความสามารถตามที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง จึงมีความสัมพันธ์ระหว่างจุดมุ่งหมายของหลักสูตร กิจกรรม และความสามารถในการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นการกำหนดสมรรถนะหรือความสามารถของ ผ้เู รียนทจี่ ะต้องบรรลเุ ม่อื จบหลกั สตู รนัน้ ๆ จากการนำเสนอถึงลักษณะของหลักสูตรแต่ละประเภท จะเห็นได้ว่าหลักสูตรจะจัดขึ้นตาม ความเช่ือและแนวทางที่คิดว่าการจัดการศึกษาเช่นนี้จะทำให้ผ้เู รียนมคี ุณลักษณะตามท่ีคาดหวัง น่ันคือ การมุ่งท่ีผลผลติ ของการจัดการศกึ ษา แตก่ ารพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนษุ ย์ท่ีสมบูรณ์น้ัน ต้องอาศัยพ้นื ฐาน ปัจจัยหลายอย่างมาสนับสนุนความเช่ือท่ีว่าดีและเหมาะสมซึ่งอาจเปลี่ยนไปถ้าหากสภาพการณ์หรือ ความต้องการของสังคมเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับเป้าหมายของการจัดการศึกษาในอดีตอาจมีการกำหนด คุณลักษณะของคนที่เป็นที่ต้องการของสังคมในลักษณะหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปสภาพสังคมเปล่ียนไป ความก้าวหน้าทางวิชาการ ทางเทคโนโลยี ทางวิทยาศาสตร์ ทำให้การกำหนดคุณลักษณะของการผลิต ด้านกำลังคนเปลยี่ นไปด้วย ดังน้ันหลกั สูตรท่ีเคยใช้จงึ ต้องเปลี่ยนไป จึงอาจกล่าวไดว้ ่าไม่มีหลักสตู รใดท่ี มีความเหมาะสมสมบูรณ์ท่ีสุด ขึ้นอยู่กับความต้องการการนำหลักสูตรไปใช้ ซึ่งความต้องการน้ันขึ้นอยู่ กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน หลักสูตรท่ีจะนำมาใช้จึงอาจจะไม่ใช่หลักสูตรประเภทใดประเภท หนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว อาจมีการนำแนวทางและวิธีการมาผสมผสานกัน ทั้งนี้เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มี ความเหมาะสมตอ่ ความต้องการในขณะน้นั 4.4 หลักสูตรรายวิชาตามธรรมชาตทิ ส่ี อดคลอ้ งกับบริบทสถานศึกษาและชุมชน ประเภทของหลักสูตรอาจจำแนกประเภทของหลกั สูตรได้ดังนี้ 4.4.1 หลักสูตรแบบกิจกรรม (Activity Curriculum) การจัดหลักสูตรแบบน้ียึดหลักการว่า การเรียนรู้เกิดจากกิจกรรมและประสบการณ์ ซึ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรแู้ ละเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ การเรียนการสอนจะเน้นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และลงมือทำในส่ิงท่ีตนเอง ถนดั มคี วามสนใจและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชวี ติ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภกั ดี คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชัยภูมิ 65

4.4.2 หลักสูตรที่จัดแยกเป็นรายวิชา (Separated Subject–Matter Curriculum) เป็น หลักสูตรที่นิยมใช้กันมานานตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่มีการจัดโต๊ะเรียน นักศึกษาเห็นว่าวิชาต่าง ๆ เป็นส่ิงจำเป็นจึงจัดให้นักเรียนไดเ้ รยี น ประกอบด้วยการอ่าน คัด เขยี น แต่งเรือ่ ง เลข วิทยาศาสตร์ การ รักษาตวั ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การฝีมือและอนื่ ๆ การเรยี นสมัยก่อนใช้วิธีท่องจำเพราะมีความเชื่อ วา่ การเรียนร้เู ปน็ เรอ่ื งของสมอง คนฉลาดเท่านั้นจึงจะจำเร่อื งราวไดแ้ มน่ ยำ 4.4.3 หลักสูตรแบบหมวดวิชา (Fusion หรือ Broad Field Curriculum) เนื่องจากปัจจัย มีเนื้อหาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซ่ึงก่อให้เกิดความเจ็บปวดวิชาต่าง ๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการ ดำเนินชีวิตและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประตำวัน เด็กต้องรู้ ต้องเรียน จึงนำวิชาต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องมารวมลำดับข้ันให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็ก เช่น หมวดวิชาสังคม ศกึ ษาไดร้ วมเอาวิชาภูมศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์ หน้าทพี่ ลเมอื ง ศลี ธรรม เป็นตน้ 4.4.4 หลกั สูตรสหสัมพันธ์ (Correlated Curriculum) เป็นหลักสตู รท่ีนำวชิ าท่เี กี่ยวข้องกัน มารวมกันเพื่อสะดวกในการจัดการเรียนการสอน และจะช่วยให้การเรียนได้ผลดี หลักสูตรประเภทนี้ สรา้ งจากความเช่ือวา่ คนเราจะจำได้ต้องสรา้ งความสัมพันธ์ในการจำ สร้างความหมายของสิ่งท่ีจำในการ เรยี นการสอนเน้นหนักการท่องจำ 4.4.5 หลักสูตรแบบบูรณาการ (Integration หรือ Core Curriculum) เป็นการนำวิชาต่าง ๆ มาผสมผสานกันหรืออาจเรียกว่า หลักสูตรท่ีมีเน้ือหากลมกลืนเป็นเน้ือเดียวกัน การจัดหลักสูตรแบบนี้ ไมค่ ำนึงถงึ เนือ้ หาวิชา แต่คำนงึ ถึงชวี ิตหรือการดำรงชวี ติ ใหส้ อดคลอ้ งกับชีวติ จริงที่ไม่ได้แยกการรับรู้เป็น วชิ า ๆ หลักสูตรแบบนีไ้ ดจ้ ัดแบ่งไวห้ ลาย ๆ ลกั ษณะ ดังนี้ 1) หลักสูตรแบบใช้วิชาแกน (Integration) เป็นหลักสูตรท่ีใช้วิชาแกนในการแก้ปัญหา หรือเสริมสร้างพื้นฐานความรู้ให้สูงข้ึนได้อย่างสมบูรณ์โดยมีวิชาอ่ืน ๆ เป็นวิชาบริวาร ทำการผูกโยง สมั พันธใ์ หเ้ ปน็ เนอื้ เดยี วไมเ่ นน้ เน้อื หาวิชา 2) หลักสูตรแบบแกนบังคับและเลือก เป็นรูปแบบของหลักสูตรที่กำหนดให้มีวิชาแกน หรือกลุม่ วิชาเลอื กเสริมทม่ี หี ลากหลายวชิ าใหผ้ ู้เรียนได้เลือกเพื่อเสริมพ้ืนฐานในวิชาทเ่ี ลอื กตามความถนดั 3) หลักสูตรเน้นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน (Social Function Curriculum) เป็น หลักสูตรที่คำนึงถึงสาระประโยชน์ท่ีสำคัญต่อการดำรงชีวิตท่ีผู้เรียนจำและนำไปใช้ได้ทันที ใช้แนวการ จดั การเรียนการสอนโดยวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ทีป่ ระสบมา 4) หลักสูตรแบบประสบการณ์ (Experience Curriculum) หลักสูตรกลุ่มนี้กำหนด จากพ้ืนฐานความเช่ือว่า การเรียนรู้คือประสบการณ์ หลักสูตรจึงยึดเอาประสบการณ์เดิมของผู้เรียน นำไปสู่สิ่งท่ีต้องการจะสอน ผู้เรียนจะเรียนรปู้ ระสบการณ์ใหม่ซ่ึงมีการเชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิม จะช่วย ใหผ้ เู้ รียนเพมิ่ พูนประสบการณเ์ รียนไดผ้ ลดี 5) หลักสูตรท่ียึดเด็กเป็นศูนย์กลาง (Child-Centered Curriculum) เป็นหลักสูตรท่ี ยดึ เอากจิ กรรมท่ผี ู้เรียนสนใจ รวมทง้ั ปญั หาและความต้องการเปน็ แกนกลาง 4.4.6 หลักสูตรท้องถ่ิน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กำหนดให้มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น เป็นผู้จัดการศึกษาท่ีสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของสังคมแต่ละท้องถิ่น เป็นการศึกษาท่ี มุ่งพัฒนาตัวบุคคล ครอบครัว และชุมชน ส่งเสริมให้บุคคลมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ เพ่ือศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต รูปแบบการจัดการศึกษาที่แตกต่างกันของบุคคลและ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชัยภูมิ 66

ชุมชน อันจะนำผลไปสู่คนที่มีความสุข มีการปรับตัวท่ีดีเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ รจู้ ักเลือกรบั ข่าวสารขอ้ มูลท่ีมีอยู่หลากหลาย นำมาใชใ้ นการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมเพ่ือ เป็นการเตรียมคนเข้าสู่สังคมโลกาภิวัตน์ เป็นภารกิจที่จำเป็นย่ิงของกระบวนการจัดการศึกษาให้ผู้เรียน มองกว้าง คิดไกล ใฝ่ดี มีวินัย และตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน จึงจำเป็นต้องมีการปรับ กระบวนการและวิธีการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ซ่ึงจุดหมายปลายทางของคนในโลกยุคโลกาภิวัตน์คือ การอยู่ในสังคมอย่างรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทา่ มกลางการแข่งขัน ภายใต้ความร่วมมือกัน และรูจ้ กั ใช้เทคโนโลยีเพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการในชีวิตของ ผเู้ รียนอย่างแทจ้ รงิ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 27 วรรคที่ 2 กำหนดไว้ว่าให้สถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญา ท้องถ่ิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์เพ่ือเปน็ สมาชิกที่ดขี องครอบครวั ชุมชนสังคมและประเทศชาติ แสดงให้ เห็นว่าในอนาคต ชุมชนจะต้องเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา การบริหารจัดการหลักสูตร การเรียน การสอนของแต่ละท้องถ่ิน หลักสูตรเฉพาะแต่ละท้องถ่ินจะมีความสำคัญต่อการจัดการศึกษามากขึ้นเพ่ือ สนองตอบความต้องการของแต่ละชุมชน เป็นการเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นสามารถจัดการศึกษาให้เหมาะสม สอดคลอ้ งกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในด้านต่าง ๆ หลักสูตรต้องสอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจของท้องถิ่นให้มากที่สุด รวมทั้งเป็นหลักสูตร ที่เปิดโอกาสให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา/ปรับปรุง/แก้ไข ได้แสดงความคิดเห็นด้วยปัจจุบันการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีผลกระทบโดยตรงต่อ ทรรศนะและการดำเนินชีวิตของคนไทยทัง้ ในเมอื งและชนบท จึงต้องมีหลักสูตรทอ้ งถน่ิ เพ่ือเตรียมผเู้ รยี นให้ สามารถรับกับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภูมิลำเนาท้องถ่ินของตน หวังให้ผู้เรียนนำความรู้และประสบการณ์ไปพฒั นาคน ครอบครวั และท้องถ่ินของตน อีกท้ังช่วยปลูกฝังให้ เกิดความรกั และความผกู พันในทอ้ งถิ่นอีกดว้ ย หลักสูตรท้องถ่ิน หมายถึงรายละเอียดเนื้อหาสาระแผนการสอนส่ือการเรียนการสอน เอกสาร ความรู้ หนังสือเสริมประสบการณ์ท่ีจัดทำเพิ่มข้ึนให้สอดคล้องเฉพาะท้องถิ่นซ่ึงมีความแตกต่างกัน เพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรอื่ งราวของตนเอง ชีวิต เศรษฐกิจ อาชีพ และสงั คมอย่างลึกซง้ึ ความจำเป็นของ การจัดเน้อื หาประสบการณ์การเรียนรูใ้ หก้ ับกลุ่มบคุ คลในท้องถ่ินตามสภาพและความต้องการของบุคคล แต่ละท้องถนิ่ เป้าหมายหลักคือ ต้องการให้ผู้เรียนได้นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ ของแต่ละบุคคล ให้ดีข้ึน แนวทางทีจ่ ะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้ต้องมีการจัดหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอน ท่ีสอดคล้องกัน อาจจะนำไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนวิธี หน่ึงคือ การใช้วิธีการ จัดการเรียนการสอนตามหลกั สตู รท้อง ให้เกดิ กระบวนการศึกษาตลอดชวี ติ ในชุมชน ดังนี้ 1. หลักสูตรท้องถ่ินเป็นหลักสูตรที่มีลักษณะหลากหลาย มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ เหมาะสมกับเพศ วัย มีความสมดุลท้ังด้านความรู้ ความคิด และทักษะ เน้นกระบวนการเรียนการสอน ใหผ้ ูเ้ รียนฝกึ ปฏบิ ัติจริง จนเกดิ ทักษะและสามารถนำไปปรบั ใช้กบั สถานการณ์อืน่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. หลักสูตรท้องถิ่นสามารถที่จะพัฒนาเพ่ิมขึ้นได้ตลอดเวลาเพ่ือให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ท่ีเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และเมื่อเรื่องน้ันไม่เป็นที่สนใจและต้องการของท้องถ่ินรวมทั้ง ล้าสมัยแล้วสามารถปรบั เปลีย่ นได้ทนั ที 3. การเรียนการสอนตามหลักสูตรท้องถิ่นเป็นการเรียนรู้อย่างบูรณาการ ไม่แยกส่วน ตัดตอนเป็นท่อน ๆ ของกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมทางวิชาการ สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตจริง เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสูตร ผศ.ดร.เดือนเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 67

โดยผู้เรียนเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง โดยการช้ีแนะของผู้สอนอันจะนำไปสู่การคิดเป็นโดย ใชข้ ้อมูลทม่ี อี ยใู่ นสังคม ตนเอง และวชิ าการอยา่ งเหมาะสม 4. มีกระบวนการท่ีส่งเสริมให้ท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรของตนเองเพ่ือให้ ผเู้ รียนได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้จากท้องถ่ินของตน เป็นการเชื่อมโยงระหว่างการเรียนกับชีวิตจริง และชีวติ การทำงาน รวมท้ังปลูกฝังให้ผู้เรียนมีความรักและความผูกพันกับท้องถิ่นของตนเอง มีการ ส่งเสริมให้ใช้ภูมิปญั ญาท้องถิน่ ในการจัดการศึกษา 5. ส่งเสริมความเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคมในด้านศีลธรรม จริยธรรม สันติภาพ จิตสาธารณะ การธำรงไว้ซ่ึงสังคมประชาธิปไตย การร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดศรัทธา เช่อื มน่ั และการภมู ิใจในภมู ิปญั ญาและวัฒนธรรมของชมุ ชน ท้องถิ่น ชาติ หลักสูตรท้องถ่ินจึงหมายถึงหลักสูตรที่สถานศึกษาหรือครูหรือผู้เรียนร่วมกันพัฒนาข้ึนเพื่อ มงุ่ เน้นให้ผเู้ รยี นได้นำไปใชใ้ นชีวิตจริง เรยี นแล้วเกิดการเรยี นรู้ สามารถนำไปใช้อย่างมีคุณภาพและเป็น สมาชกิ ทด่ี ีของสงั คมอยา่ งมีความสขุ หลักสูตรท้องถ่ินเป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นจากสภาพปัญหาและความต้องการหรือวิถีชีวิตของ ผเู้ รียน บางครั้งอาจพฒั นาจากหลักสูตรแกนกลางที่ปรับให้เข้ากับสภาพชีวิตจริงของผเู้ รียนตามท้องถิ่น ต่าง ๆ หรือพัฒนาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่มีผลกระทบต่อผู้เรียนหลักสูตรท้องถิ่นจะ สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของท้องถ่ินน้ัน ๆ เน้นการเรียนรู้ชีวิตของตนเองปรับ ตนเองให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของวิทยาการ การใช้เทคโนโลยีและข่าวสารในการเรียนรู้ต่าง ๆ ผูเ้ รียนจะไดเ้ รยี นร้ตู ามสภาพชีวิตจรงิ ของตนเอง ลกั ษณะของหลักสูตรท้องถ่ิน หลกั สตู รท้องถ่ินจึงเป็นหลักสตู รท่ีพฒั นาข้ึนจากปญั หาและความตอ้ งการของผู้เรียน เป็นหลักสตู ร ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในท้องถิ่น จะเป็นทางด้านอาชีพหรือสามัญก็ได้ หรือปรับจากหลักสูตรที่มี อยู่ก็ได้แต่ต้องเปน็ เร่อื งท่ีตรงกับความต้องการของผู้เรยี น มีความใหม่ ทนั สมัย และเป็นปัจจบุ ันอยู่เสมอ และเป็นหลักสูตรท่ีปรับให้เข้ากับชีวิตของผู้เรียนซึ่งครูและผู้เรียนจะเป็นผู้ท่ีร่วมกันพัฒนาหรือสร้าง หลักสูตรสำหรับตนเองข้ึนมาตามสภาพของเหตุการณ์หรือปัญหาในขนาดน้ันดังนั้นหลักสูตรทอ้ งถ่ินจึงมี ลกั ษณะทีส่ ำคญั ดงั นี้ 1. เป็นหลักสูตรที่ตอบสนองชีวิตจริงของผู้เรียนที่เป็นปัจจุบันเพ่ือนำไปสู่การเตรียม อนาคตอย่างรวดเร็วท่ีเกิดข้ึน ในการเรียนรู้เพ่ือสร้างองค์ความรู้ เรียนรู้เพื่อพัก รวมท้ังมีความเข้าใจใน เรื่องของความเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วเรียนรู้เพ่ือสร้างองค์ความรู้ เรียนรู้เพ่ือพัฒนาความสามารถใน การปฏบิ ตั จิ รงิ เรียนรเู้ พื่อการอยรู่ ่วมกนั และเรียนรู้เพ่ือการพัฒนาศักยภาพของตนเอง 2. เป็นหลกั สูตรท่พี ัฒนาจากความต้องการหรือสงิ่ ที่เปน็ ปัญหาที่สอนใหผ้ เู้ รียนได้เรียนรู้ 3. เป็นหลักสูตรระยะสั้นท่ีเป็นปัจจุบันและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายใน ปัจจบุ นั 4. เปน็ หลักสตู รทีบ่ ูรณาการกับวิชาต่าง ๆ และบรู ณาการกบั ชวี ติ จรงิ ได้ 5. เป็นหลักสูตรที่ได้มาจากสภาพปัญหาหรือความต้องการของผู้เรียนและชุมชนอย่าง แทจ้ รงิ 6. เป็นหลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามระดับความสามารถและ ตรงกับสภาพปัญหาของตนเอง โดยครูเป็นเพียงผู้ร่วมวางแผนให้คำแนะนำช้ีแนะ และอำนวยความ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลกั สตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั ชยั ภมู ิ 68

สะดวกเพ่อื เปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นมีสว่ นรว่ มอยา่ งสงู สดุ ความสำคญั ของหลักสตู รท้องถน่ิ แม้ว่าหลักสูตรแกนกลางจะเป็นหลักสูตรแม่บทท่ีกำหนดให้เรียนส่ิงที่จำเป็นต่อพลเมืองแต่ยังมี ขอ้ บกพร่องบางประการ เช่น ไม่สัมพันธ์กับชีวิตความเป็นอยู่กับผู้เรยี น ละเลยมรดกทางวฒั นธรรมและ สง่ิ อนั พึ่งอนุรกั ษข์ องทอ้ งถนิ่ ฯลฯ หลกั สูตรทอ้ งถิน่ จึงมคี วามสำคญั ดงั น้ี 1. ตอบสนองการเรียนรทู้ ี่สอดคล้องกับความต้องการของผเู้ รยี นตามสภาพปัญหาที่เปน็ จริง 2. ตอบสนองความหลากหลายของปัญหา มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เหมาะสมกับเพศ วัย มีความสมดุลท้ังด้านความรู้ ความคิด และทักษะ เน้นกระบวนการสอนให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง จนเกิด ทกั ษะและสามารถนำไปใช้กบั สถานการณอ์ น่ื ได้อย่างเหมาะสม 3. ทำให้การเรียนมีความหมายต่อชีวติ จริง และผู้เรยี นสามารถประยกุ ตไ์ ปใช้ได้ในชีวติ จริง สอดคลอ้ งกับการดำเนินชวี ิตจริง และมุ่งเน้นการเรยี นรู้อย่างบรู ณาการ ไม่แยกสว่ นหรอื ตัดตอนเป็นท่อน ๆ ของกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมทางวิชาการ โดยผู้เรียนเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ด้วย ตนเองด้วยการแนะของผู้สอนอันจะนำไปสู่การคิดเป็น โดยใช้ข้อมูลท่ีมีอยู่ในสังคมตนเองและวิชาการ อยา่ งเหมาะสม 4. ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้เพื่อท่ีจะมาใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาในชีวิต ของตนเองในวันข้างหนา้ รวมทง้ั วิธีวิเคราะห์ สังเคราะหข์ อ้ มูลเพื่อการตดั สินใจท่เี หมาะสม (คิดเป็น) กับ ชวี ติ ของตนเอง 5. ชุมชนเป็นภูมิปัญญาเบ้ืองต้นและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนซึ่งเป็น สมาชกิ ในชมุ ชนเอง 6. ส่งเสริมให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรของตนเองเพ่ือให้ผู้เรียนได้รับ ประโยชน์จากการเรียนรู้จากท้องถ่ินของตน เป็นการเช่ือมโยงระหว่างการเรียนกับชีวิตจริง และการ เชอื่ มโยงระหว่างการเรยี นกับชวี ิตจริงและการทำงาน รวมท้ังปลูกฝงั ให้ผู้เรยี นมีความรักและความผูกพัน กบั ทอ้ งถิ่นของตน มีการสง่ เสริมใหใ้ ช้ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ในการจดั การศึกษา 7. ส่งเสริมความเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มคี ุณภาพของสังคมในด้านศีลธรรม จริยธรรม การ ธำรงไว้ซง่ึ สงั คมประชาธิปไตย การร่วมรักษาสิ่งแวดลอ้ ม ก่อใหเ้ กิดศรัทธาเช่ือม่ันภูมใิ จในภูมิปัญญาและ วฒั นธรรมของทอ้ งถิน่ ชุมชนและชาติ 8. สามารถพัฒนาเพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลา เพ่ือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ตลอดเวลา และเมื่อเร่ืองนั้น ๆ ไม่เป็นท่ีสนใจและต้องการของท้องถ่ิน รวมทั้งล้าสมัยแล้วสามารถ ปรบั เปลีย่ นไดท้ ันที กรณีศึกษาหลักสูตรท้องถ่ิน เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ินเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาทอ ผ้าไหม (เดือนเพ็ญพร ชัยภักดี, 2561: 173-182) พบว่า การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นเพ่ือถ่ายทอด ภมู ปิ ัญญาทอผา้ ไหมชยั ภูมิ ชน้ั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 โรงเรยี นบ้านเขวา้ วิทยายนมรี ายละเอียด ดังน้ี ข้ันที่ 1 การสํารวจข้อมูลพ้ืนฐาน สํารวจความต้องการของท้องถ่ิน โดยใช้กับนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความต้องการเรียนรู้ในเร่ืองราวของการทอผ้าไหมชัยภูมิ ในระดับมาก ทุกด้านของ เน้ือหาท่ีสอบถาม ซึ่งจะแบ่งเน้ือหาในเร่ืองของการทอผ้าไหมชัยภมู ิออกเป็น 3 ด้านคือ ด้านประวัติและ ความเป็นมาของการทอผ้าไหมชัยภูมิ ด้านการทอผ้าไหมชัยภูมิ และด้านกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องในงานทอ ผ้าไหมชัยภูมิ โดยในแต่ละด้านนั้นล้วนเป็นเน้ือหาท่ีสำคัญอย่างยิ่งท่ีบรรจุอยู่ในหลักสูตรท้องถ่ิน รวมถึง เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎชัยภมู ิ 69

ในแผนการจัดการเรยี นรแู้ ต่ละหนว่ ย ขัน้ ท่ี 2 การกำหนดเน้ือหา ดังนี้ 2.1 จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ปกครอง มีความสนใจเป็นอย่างมากในเรื่องราว ของหลักสูตรท้องถ่ินเร่ืองการทอผ้าไหมชัยภูมิ โดยเฉพาะการนำปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้ ความสามารถ ในเร่ืองการทอผ้าไหมมาถา่ ยทอดให้กบั นกั เรียน และที่สำคญั ไปกว่านั้นปราชญ์ชาวบ้านก็ เป็นบุคคลท่ีผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงชาวบ้านในชุมชนรู้จักและให้ความนับถือเป็นอย่างดี ดังน้ัน ผู้ปกครองนักเรียนจึงมีความต้องการท่ีจะนําาภูมิปัญญาทอผ้าไหมชัยภูมิ มาบรรจุไว้ ในหลักสูตร สถานศึกษา เพ่ือนําามาถ่ายทอดให้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านเขว้าวิทยายน โดยมีความต้องการระดับ มากในทุก ๆ ดา้ น ท่เี ปน็ เนือ้ หาเกย่ี วข้องกับการทอผา้ ไหมชยั ภูมิ 2.2 จากการสำรวจ ความต้องการของท้องถิ่น โดยใช้กับผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีความต้องการในการนำเรื่องราวเกี่ยวกับทอผ้าไหมชัยภูมิมาบรรจุไวเ้ ป็นหลักสูตร ของสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเขว้าวิทยายน รวมถึงกระบวนการถ่ายทอดความรู้โดยปราชญ์ชาวบ้าน ให้แก่นักเรียนด้วย เพราะผู้บริหารสถานศึกษามีความตระหนักดีว่าการทอผ้าไหมชัยภูมิ ที่มีคุณค่าต่อ ชมุ ชนบ้านเขวา้ ชุมชนนาเสียวเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ที่มีสว่ นเกี่ยวข้องในทุกระดับควรให้ความสนใจร่วมกัน อนุรักษ์และสง่ เสริมกนั ในชุมชน นอกชมุ ชนยงิ่ ข้ึน 2.3 จากการสมั ภาษณ์ความต้องการของปราชญ์ชาวบ้านในการนําาภูมิปัญญา ทอผ้า ไหมชัยภูมิ มาใช้ในกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ปราชญ์ชาวบ้านจำนวน 3 คน มีความคิดเห็นสอดคล้อง กันว่ากิจกรรมการเรียนรู้ ในปัจจุบันมุ่งเน้นแต่การเรียนรู้ในเร่ืองที่ไกลตัวมากเกินไป รวมถึงการนำเอา วัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาเกีย่ วข้องในชีวติ ประจำวนั ของผเู้ รียนจนเกินความจำเป็น ทำให้นักเรยี นไม่ สนใจศึกษาสิ่งท่ีอยู่ใกล้ตวั หรือสิ่งที่มีคุณค่าในชุมชนท้องถิ่นของตนเอง ดังน้ัน ปราชญ์ชาวบ้านทุกคนจึง เห็นด้วยท่ีโรงเรียนและชุมชนควรมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ร่วมกันให้มากขึ้นเพราะส่ือหรือแหล่ง เรียนรู้ในชุมชนท้องถิ่นมีความเหมาะสมที่สถานศึกษาควรนําามาจัดประสบการณ์และ ให้ความรู้แก่ นักเรียน ในการศึกษาค้นคว้าเพื่อนำความรู้ท่ีได้ทั้งในและนอกห้องเรียนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้จริง ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการฝึกให้นักเรียนได้ตระหนัก และเห็นคุณค่าในศิลปวัฒนธรรมของ ชุมชนท้องถิ่นของตนเองด้วย ประการที่สำคัญประเพณีและศิลปวัฒนธรรมในชุมชนบ้านเขว้ามีจุดเด่น อยู่หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเร่ืองการทอผ้าไหมที่ชาวบ้านในชุมชนยกย่องให้เป็นประเพณีและ ศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและภาคภูมิใจที่สุดของชาวอำเภอบ้านเขว้า รวมถึงชาวจังหวัดชัยภูมิดว้ ย ถ้าหากทางโรงเรียนนำความรู้เร่ืองการทอผ้าไหมชัยภูมิ มาบรรจุไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาและนำมา ถ่ายทอดให้กับผู้เรียนแล้ว ปราชญ์ชาวบ้านมีความยินดีท่ีจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทางโรงเรียน และครูผู้สอน ในการให้ความรูห้ รือเปน็ วทิ ยาทานแกน่ ักเรยี น และยังเสนอแนวคิดท่ีหลากหลายเพื่อเป็น ประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้แก่นักเรียน อาทิ เช่น ควรให้ผู้เรียนทุกระดับช้ันของโรงเรียนบ้านเขว้าได้ เรียนรู้เร่ืองราวของการทอผ้าไหมชัยภูมิ แต่ควรจะแบ่งเน้ือหาตามความเหมาะสมตามระดับชั้นและวัย ของผู้เรียนด้วย ตัวอย่าง คือ ต้ังแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ควรเรียนเนื้อหาท่ี เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการทอผ้าไหมชัยภูมิ แต่ในเร่ืองของการทอผ้าไหมชัยภูมิ และการฝึก เขยี นลวดลายมาทอบนผืนผ้าไหมควรนําามาสอนใหก้ ับนักเรยี นท่ีอยูใ่ นระดับชั้นท่ีสูงข้ึน ขั้นท่ี 3 การพัฒนาและประเมินคุณภาพโครงร่างหลักสูตรท้องถ่ินการพัฒนาและประเมิน คุณภาพโครงร่างหลักสูตรท้องถ่ินเพื่อถ่ายทอดภูมิทอผ้าไหมชัยภูมิ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งตรวจสอบ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภักดี คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ชัยภมู ิ 70

โดยผู้เช่ียวชาญ ซึ่งพิจารณาความเหมาะสมและความสอดคล้องขององค์ประกอบหลักสูตร พบว่า องค์ประกอบของหลักสูตรท้องถิ่นที่ประกอบด้วย หลักการ จุดหมาย โครงสร้างเนื้อหา เวลาเรียน แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ การวัดและการประเมินผล ในภาพรวมมคี วามเหมาะสม อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เช่น เป้าหมายของหลักสูตรท้องถ่ิน เหมาะสมกับสภาพปัญหาและความ ตอ้ งการของชุมชนทอ้ งถ่ิน สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ และการวัดและการประเมินผลของหลกั สูตรท้องถ่ิน เหมาะสมกับการเรยี นรู้ของผู้เรียน การกำหนดหน่วยการเรียนรูแ้ ละการกำหนดจุดประสงค์ ในแผนการ จดั การเรียนรแู้ ต่ละหน่วยมีความเหมาะสมกับการเรียนรขู้ องผูเ้ รียน เน้ือหา/กิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละ หน่วยเหมาะสมกับการเรียนรู้ของผู้เรียน การวัดและการประเมินผลมีความเหมาะสมกับวัยและการ เรียนรู้ของผู้เรียน และหลักสูตรท้องถ่ินยังมีความสอดคล้องกันทุกองค์ประกอบ โดยมีค่าดัชนีความ สอดคลอ้ ง (IOC) ตง้ั แต่ 0.67 ถึง 1.00 ซึง่ เปน็ ไปตามเกณฑ์ท่กี าํ าหนดไวใ้ นทกุ องค์ประกอบ ขั้นท่ี 4 การทดลองใช้หลักสูตรท้องถิ่นผลการทดลองใช้หลักสูตรท้องถิ่น โดยเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรท้องถ่ินเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาทอผ้าไหมชัยภูมิ ช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ผลการทดลองปรากฏดังน้ี 1) จากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เป็นการวัดความรู้ ความเข้าใจของนักเรียน เร่ืองการทอผ้าไหมชัยภูมิ จำนวน 50 ข้อ ซึ่งมีคะแนนเต็ม 50 คะแนน โดยคิด เป็นร้อยละ 30 ของคะแนนจากแบบทดสอบ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนท่ี เรียนด้วยหลักสูตรท้องถิ่น เร่ือง ทอผ้าไหมชัยภูมิ สูงกว่าผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อน เรียน โดยคิดเป็นค่าเฉล่ียอยู่ท่ี ร้อยละ 17.94) จากแบบประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม เป็นการวัด ความสามารถของนักเรียนในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ทอผ้าไหมชัยภูมิ ในด้านทักษะการปฏิบัติ ช้ินงานในการร่วมทอผ้าไหมชัยภูมิและการร่วมกิจกรรมทอผ้าไหมคิดเปน็ ร้อยละ 70 ของคะแนนทัง้ หมด พบว่าผลการปฏิบัติกิจกรรมมีค่าเฉล่ียของคะแนนท่ีร้อยละ 60.85 ดังน้ัน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 78.79 โดยผลการเรียนรู้ตลอดการทดลองใช้หลังสูตรท้องถิ่นเพื่อถ่ายทอด ภูมิปัญญาทอผ้าไหมชัยภมู ิ ในภาพรวมผลการเรยี นอยู่ในระดบั ดี ขั้นที่ 5 การประเมินผลการทดลองใช้หลักสูตรท้องถิ่นผลการสอบถามความคิดเห็นต่อ หลักสูตรท้องถิ่นเพ่ือถ่ายทอดภูมิปัญญาทอผ้าไหมชัยภูมิ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านเขว้า วิทยายนโดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูผู้สอน ผู้บริหาร สถานศึกษาโรงเรียนบ้านเขว้าวิทยายนและปราชญ์ชาวบ้าน โดยข้อคำถามเกี่ยวข้องกับการทดลองใช้ หลักสูตร ประกอบด้วย ด้านหลักสูตรและเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านวิธีการสอนของครู ด้าน พฤติกรรมนักเรยี น ด้านบทบาทของปราชญ์ชาวบ้าน ด้านส่ือหรือแหล่งการเรียนรู้ และด้านการวัดและ การประเมินผล ปรากฏว่า ความคิดเห็นในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก และบางประเด็น อยู่ในระดับมากที่สุด เช่น หลักสูตรมีความสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนและชุมชนท้องถ่ิน กิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในเร่ืองประเพณีและศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น มากขึ้น นักเรียนมีความรกั ความหวงแหน ความภาคภูมิใจในการทอผ้าไหม มีบรรยากาศในการเรียนที่ สนุกสนาน น่าสนใจและไม่เครียด นักเรียนมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้และแสดงความคิดเห็นกับ ครูผู้สอนอยู่เสมอ ปราชญ์ชาวบ้านมีความรู้ ความสามารถในเรื่องการทอผ้าไหมเป็นอย่างดีและมีการ ประเมินผลจากการทำแบบฝึกหดั ของนักเรียนและผลงานนักเรยี นหรอื ใบงาน พรอ้ มให้ขอ้ เสนอแนะจาก ครผู สู้ อน ซึ่งระดบั ความคดิ เหน็ เป็นไปตามเกณฑ์ทีต่ ั้งไว้ สรุปจากกรณีศึกษา การนําหลักสูตรท้องถิ่นไปใช้ต้องคำนึงถึง ความพร้อมของชุมชนท้องถ่ิน เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพัฒนาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดือนเพญ็ พร ชยั ภกั ดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภมู ิ 71

บุคลากรนโยบายของสถานศึกษา และความร่วมมือจากชมุ ชน ส่งผลการจัดการศึกษาในปัจจุบันที่จะทํา ให้นักเรียนมีความรักความภาคภูมิใจ และหวงแหนประเพณีและศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นให้เกิดขึ้น ควรจัดหลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ินอย่างแท้จริง ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ส่ิง ที่ใกล้ตัว เก่ียวกับหมู่บ้าน ชุมชนถ่ินท่ีอยู่อาศัย ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนสิ่งแวดล้อมและ ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นผลให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ที่เร็วและง่ายต่อความเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ได้ ประจำวันได้ การเข้ามามีส่วนร่วมของภูมิปัญญาหรือปราชญ์ชาวบ้านที่ถ่ายทอดความรู้มาเป็นผู้ท่ีมี ความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์เกี่ยวกับประเพณีและศิลปวัฒนธรรมในชุมชนท้องถิ่นของตน และ ควรเปน็ ผูท้ ีม่ เี ทคนคิ ท่ีหลากหลายในการถ่ายทอดความรเู้ พอื่ จูงใจผูเ้ รียน บทสรปุ หลักสูตรแต่ละประเภทนั้นมีที่มาจากพื้นฐานด้านปรัชญาการศึกษาและทฤษฎีของหลักสูตร โดยปรัชญาการศกึ ษาจะเป็นแนวความคิด ความเชอื่ เกี่ยวกับบทบาทของสถาบันต่าง ๆ ในสงั คม ที่มตี ่อ การศึกษาและเป้าหมายของการศึกษา โดยนักปรัชญาการศึกษากลุ่มต่าง ๆ จะมีความเช่ือเก่ียวกับ ธรรมชาติของมนุษย์ วิธีการศึกษา สาระความรู้ และเป้าหมายของการศึกษาที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่อ คุณลักษณะของมนุษย์ ท้ังด้านวิชาความรู้ และด้านคุณธรรม กลุ่มนักปรัชญาการศึกษาที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มปรัชญาจิตนิยม ที่เชื่อเรื่องการศึกษาว่าเป็นการพัฒนาคนให้มีความแข็งแกร่งด้านวิชาการ การสงวนรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และปลูกฝังคุณธรรมควบคู่กันไป กลุ่มปรัชญานิรัตรนิยม เน้นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ทั้งเก่งและดี การศึกษาต้องทำให้คนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และอยู่ รว่ มกันในสังคมอย่างเป็นสุข ขณะท่ีกลุ่มปรัชญาสารัตถนิยม เน้นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนมีความรู้ที่สำคัญ เพื่อนำความรู้ไปสู่การประกอบอาชีพ ส่วนกลุ่มปรัชญาก้าวหน้านิยม ให้ความสำคัญว่าผู้เรียนเป็น ศนู ย์กลางของการเรยี นซึง่ การเรียนเกดิ จากผู้เรียนไดร้ ับประสบการณ์ จากประสบการณ์จะทำให้ผู้เรียน นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และปรัชญาแนวมนุษยนิยมมีความเห็นว่าผู้เรียนจะค้นหา ความรู้จากส่ิงที่มีความหมายต่อตนเอง ทำให้ได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสขุ จากปรชั ญาการศึกษาท่มี ีความเชอื่ เก่ียวกับการจัดการศึกษาและผลผลิตของการศึกษาจึงนำมา ส่กู ารกำหนดหลักสูตรตามทฤษฎีหลักสตู รเพ่ือแสดงแนวคิดท่ีเก่ียวกบั องค์ประกอบของหลักสูตร ทฤษฎี หลกั สตู ร ไดแ้ ก่ ทฤษฎีหลักสูตรเพ่ือพัฒนาทักษะกระบวนการทางปัญญา ทฤษฎหี ลักสูตรเพือ่ การพัฒนา สติปัญญา ทฤษฎีหลักสูตรเพื่อเตรียมชีวิตในอนาคต ทฤษฎีหลักสูตรเพ่ือการปฏิรูปสังคม และทฤษฎี หลักสูตรเพื่อสนองความเป็นปัจเจกบุคคล ซึ่งทฤษฎีหลักสูตรดังกล่าวนำมาสู่การกำหนดหลักสูตร ประเภทต่าง ๆ สำหรับประเภทของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยท่ีปรากฎในปัจจุบัน จำแนกได้ 2 กลุ่ม ใหญ่ ๆ คือ หลกั สตู รท่ีเน้นเนอ้ื หาวชิ าหรือผู้สอนเป็นศนู ย์กลาง กบั หลกั สูตรทเี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ทัง้ น้ี ตามหลักการจัดการศึกษาปฐมวัยจากทฤษฎีและแนวคิดของนักการศึกษา ท้ังนักจิตวิทยาด้านต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญของหลักสูตรท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่เหมาะสมต่อการนำมาสู่การจัด การศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย อันจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านของเด็กอย่างเหมาะสม และมีคุณภาพ เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก แต่ยังมีสถานศึกษาปฐมวัยอีกจำนวนไม่น้อย รวมทั้ง ผู้ปกครองท่ียังนิยมให้ใช้หลักสูตรประเภทที่เน้นเนื้อหาวิชาในการจัดการศึกษาให้แก่เด็ก เนื่องจากเป็น หลักสูตรประเภทที่เคยจัดมาต้ังแต่ในอดีต และยังเห็นความสำคัญของการให้เด็กได้เรียนในสาระความรู้ เอกสารคำสอนรายวชิ า 5002504 การพฒั นาหลักสตู ร ผศ.ดร.เดอื นเพญ็ พร ชัยภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎชยั ภมู ิ 72

ต่าง ๆ เพ่ือเป็นความรู้เบ้ืองต้นของรายวิชาต่าง ๆ ในระดับท่ีสูงข้ึนไป เนื่องจากการศึกษาในประเทศยัง เป็นระบบการศึกษาแบบแข่งขัน เพ่ือให้ได้เรียนในสาขาวิชาชีพท่ีสามารถสร้างรายได้สูงมากกว่าการให้ การศึกษาที่มงุ่ ใหค้ นเป็นคนดี และร่วมสร้างสรรค์สังคมให้มคี ณุ ภาพและอยู่รว่ มกันอย่างมีความสุข แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 1. จงเขียนอธบิ ายพอเขา้ ใจตามขอ้ ความต่อไปนี้ 1.1 ปรชั ญาการศกึ ษาที่เกีย่ วข้องกบั การพฒั นาหลกั สูตร 1.2 ทฤษฎีหลักสูตร 1.3 หลักสตู ร มกี ่ีประเภท อะไรบ้าง 1.4 การจัดทำหลักสูตรรายวิชาตามธรรมชาตทิ ี่สอดคล้องกับบริบทสถานศึกษาและชมุ ชน มีขั้นตอนอย่างไร อธิบายพอเข้าใจ เอกสารคำสอนรายวิชา 5002504 การพัฒนาหลกั สูตร ผศ.ดร.เดอื นเพ็ญพร ชยั ภักดี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ชยั ภูมิ 73


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook