142 ตารางที่ 5. ประเด็นปัญหาที่ต้องการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของโรงเรียน วดั หนองตะครอง ดา้ นการบรหิ ารจัดการ ดา้ นครู ห้องเรียนและห้องประกอบต่าง ๆ ไม่เอ้ือต่อการ ครูขาดทักษะการผลิตสื่อ ใช้สื่อ เครื่องมือและ จัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผ้เู รยี นเปน็ สาคญั อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งนวัตกรรม และ เทคโนโลยีในการจักเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียน เป็นสาคญั วัสดุครุภัณฑ์ภายในอาคารเรียนและอาคาร ครูขาดทักษะการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน ประกอบ อยใู่ นสภาพทไี่ ม่พร้อมใช้งาน เปน็ สาคัญ โรงเรยี นไม่มแี หลง่ เรยี นร้ภู ายในโรงเรียนท่ีเอื้อต่อ ครูขาดทักษะการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การจดั การเรยี นสอนที่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคญั และขาดการนาหลักสูตรไปสู่การจัดการเรียน การสอน หลักสูตรสถานศึกษา ไม่เอ้ือต่อการจัดการเรียน ครูขาดทักษะการวัดผลประเมินผลตามสภาพ การสอนท่เี นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั จริง มสี ่อื ประกอบการเรยี นการสอนไม่เพียงพอ ครสู อนไมต่ รงตามวิชาเอกในบางรายวิชา จากตารางท่ี 5.1 การจัดกลุ่มประเด็นปัญหาที่ต้องการพัฒนา พบว่าผู้ร่วมวิจัยได้จัดกลุ่ม ประเด็นปัญหาที่ต้องการพัฒนาออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ 1)ด้านการบริหารจัดการ ประกอบด้วย ห้องเรียนและห้องประกอบต่าง ๆ ไม่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ วัสดุ ครุภัณฑ์ภายในอาคารเรียนและอาคารประกอบ อยู่ในสภาพท่ีไม่พร้อมใช้งาน โรงเรียนไม่มีแหล่ง เรียนรู้ภายในโรงเรียนท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ หลักสูตรสถานศึกษา ไม่ เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โรงเรียนมีส่ือประกอบการเรียนการสอนไม่ เพียงพอ 2) ด้านครู ประกอบด้วย ครูขาดทักษะการผลิตสื่อ ใช้ส่ือ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ครูขาดทักษะการ จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ครูขาดทักษะการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และขาดการนา หลักสูตรไปสู่การจัดการเรียนการสอน ครูขาดทักษะการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริง ครูผู้สอนไม่ ตรงตามวิชาเอกในบางรายวิชา 1. การกาหนดแนวทางการดาเนินงานพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง การประชุมคณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาและที่ปรึกษาคณะกรรมการ สถานศกึ ษา ผู้ปกครองนักเรียน โรงเรยี นวดั หนองตะครอง ซ่ึงจัดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559ด้วย การทบทวนประเด็นสาคัญของสภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ โรงเรียนวัดหนองตะครอง และการทบทวนความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ท่ีมีต่อการจัดการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ นามาวิเคราะห์และร่วมกันกาหนดแนวทางการดาเนินงานพัฒนาการ จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยท่ีประชุมได้นาประเด็นปัญหาทั้ง 10 ประเด็นมาร่วมกัน
143 วิเคราะห์ ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าควรดาเนินการแก้ไขปัญหาทั้ง 10 ประเด็น เนื่องจากในแต่ละประเด็น ปัญหา ส่งผลต่อการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ อันจะนาไปสู่การยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงข้ึน เพ่ือให้โรงเรียนวัดหนองตะครองผ่านเกณฑ์มาตรฐานท่ี สมศ.กาหนด ซง่ึ จากผลการประชมุ ไดม้ ขี ้อเสนอแนวทาง 5 ประการ ดังน้ี 3.1 การกระตนุ้ การมีสว่ นร่วมในการพัฒนาโรงเรยี นวัดหนองตะครอง 3.2 การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตาม หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 3.3 การปรบั วิธีเรียน เปลยี่ นวธิ สี อน 3.4 การพฒั นาแหล่งเรียนรทู้ เ่ี อ้ือตอ่ การจัดการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั 3.5 การสง่ เสริมศักยภาพผเู้ รียนอย่างหลากหลาย ส่วนที่ 2 แนวทางการดาเนินงานพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ โรงเรียนวัดหนองตะครอง จากการกาหนดแนวทางการดาเนินงานพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 5 ประการ ทางคณะครแู ละบุคลากร คณะกรรมการสถานศกึ ษาและทปี่ รึกษาคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน ได้เห็นความสาคัญของการจัดทาโครงการพัฒนาขึ้นในโรงเรียนวัดหนองตะครอง เพ่ือให้การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญได้รับการพัฒนา บนฐานความคิดร่วมกันถึงการสร้าง ความเข้มแข็งภายใน พร้อมรับการเปล่ียนแปลงภายนอกท่ีอาจกระทบต่อการจัดการเรียนการสอนใน อนาคต จึงได้ร่วมกันกาหนดโครงการ/กิจกรรม และมีการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือการพัฒนาการ จัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ จานวน 5 โครงการ ซึง่ กิจกรรมในแต่ละโครงการมีการสรุปการ ดาเนนิ งานพฒั นาดว้ ย การวางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Action) การสังเกต (Observation) และการ สะทอ้ นผล ( Reflection) หรือ PAOR ตามลาดับดงั น้ี 1. โครงการความร่วมมือในการพฒั นาโรงเรียนวัดหนองตะครอง ผลจากการประชุมกาหนดแนวทางการดาเนินงานพัฒนาการจดั การเรียนรทู้ เ่ี น้นผู้เรียนเป็น สาคัญ โดยดาเนินการโครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง โครงการน้ีจัดทา ข้ึนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ และสร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียนวัดหนองตะครองกับวัดหนอง ตะครอง ชุมชนหนองตะครองและหนองผักแว่น และเพื่อจัดหางบประมาณสาหรับใช้ในการพัฒนา โรงเรียนวัดหนองตะครอง โดยมีการดาเนินการ 5 กิจกรรม ได้แก่ 1) จัดทาคู่มือขอบข่ายงานทั้ง 4 ฝา่ ย 2) จดั ทาคู่มือบทบาทหนา้ ท่ขี องคณะกรรมการสถานศึกษาและที่ปรึกษา 3) จัดทาผา้ ป่านางฟา้ 4) แห่เทียนพรรษาสมทบทนุ การศกึ ษา 5) การเยย่ี มบ้าน ดังนี้ รอบที่ 1 โครงการความร่วมมอื ในการพฒั นาโรงเรียนวดั หนองตะครอง การวางแผน (Plan) คณะครูและบุคลากร ร่วมกันทบทวนและปรับปรุงโครงสร้างการ บริหารงานทั้ง 4 ฝ่าย ของโรงเรียนวัดหนองตะครอง และเปล่ียนแปลงผู้รับผิดชอบ จัดประชุม คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน แตง่ ตง้ั ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พืน้ ฐาน การปฏิบัติ (Action) คณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษา จานวน 17 คน ได้ ดาเนินการจัดประชุม เพื่อเปล่ียนแปลงโครงสร้างการบริหารงาน ท้ัง 4 ฝ่าย และผู้รับผิดชอบ เมื่อ วนั ท่ี 20 มถิ นุ ายน 2559 ดงั น้ี
144 1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงาน จากมติในท่ีประชุมได้มีการแสดงความ คิดเห็นอย่างกว้างขวาง เก่ียวกับการดาเนินการท่ีผ่านมาจนถึงปัจจุบัน การทางานบริหารงานตาม โครงสร้างมีผู้ทาหน้าท่ีมีจานวนน้อย จึงต้องการคนที่มีความพร้อมในการทางาน และเพื่อเปิดโอกาส ให้คณะกรรมการสถานศึกษา และชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการทางาน เนื่องจากเป็นโรงเรียนขนาด เล็กมีบุคลากรน้อยแต่ภาระงานมาก และยังเป็นการพัฒนาระบบงานให้สามารถกระจายงานได้อย่าง เหมาะสม สามารถตรวจสอบได้ ท่ีประชุมจึงมีข้อเสนอให้มีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างการบริหารงาน จากเดมิ 4 ฝ่าย ประกอบดว้ ยผู้อานวยการโรงเรียน คณะครูและบุคลากรของโรงเรียนเท่าน้ัน โดยเพ่ิม คณะกรรมการสถานศึกษาและที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษา เครือข่ายผู้ปกครอง แสดงดัง แผนภูมิที่ 5.1 โครงสร้างการบริหารงานของโรงเรียนวัดหนองตะครอง (ช่วงปี พ.ศ.2559 – ปัจจุบัน) ดังน้ี คณะกรรมการสถานศกึ ษา ผู้อานวยการโรงเรียน เครอื ข่ายผู้ปกครอง และทปี่ รึกษา คณะกรรมการสถานศกึ ษา ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร บ ริ ห า ร -กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม คณะกรรมการบรหิ าร หลักสูตรและวชิ าการ สาระ -งานวิชาการ -งานการเงิน งบประมาณ -งานบุคลากร -งานบริหารทั่วไป แผนภูมิท่ี 5. โครงสร้างการบรหิ ารงานของโรงเรียนวัดหนองตะครอง (2559-ปจั จุบนั ) 2. คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกันจัดทาคู่มือขอบข่ายงานทั้ง 4 ฝ่าย มีจุดมุ่งหมาย เพื่อปรับโครงสร้างระบบบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนวัดหนองตะครอง ให้เป็น ระบบครบวงจร และเพ่ือทบทวนบทบาทหน้าท่ีของบุคลากร และผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้อง เพ่ือให้บรรลุ เป้าหมายของการจดั การศกึ ษา โดยจดั ประชุมครแู ละบคุ ลากรเพอ่ื รว่ มกันศึกษาวิเคราะห์ขอบข่ายงาน ทั้ง 4 ดา้ น และจดั ทาเป็นคมู่ อื เพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการดาเนินงาน 3. ทีมแกนนาโครงการความร่วมมือเพ่ือพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บัญชา ปรีชานุมาศ ตาแหน่งประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ใหญ่ปราณี วณิชยาพานิชย์ ตาแหน่งรองประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นางอรสา สูตะบุตร ตัวแทนครู และมสี มาชกิ โครงการ จานวน 12 คน ร่วมกันจัดทาคู่มือบทบาทหน้าท่ีของคณะกรรมการ สถานศึกษาและที่ปรึกษา เพ่ือทบทวนบทบาทหน้าท่ี และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน วัดหนองตะครอง โดย จัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา และท่ีปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษา
145 เพอื่ รว่ มกันศกึ ษาวิเคราะห์บทบาทหน้าท่ีของคณะกรรมการสถานศึกษาและที่ปรึกษา พร้อมท้ังจัดทา เป็นค่มู อื เพือ่ ใช้เป็นแนวทางในการมสี ่วนรว่ มในการดาเนนิ งานพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง 4. ทีมแกนนาโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง ได้ร่วมกันจัด กิจกรรมแห่ต้นเทียนพรรษา พัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง เพื่อระดมทุนทรัพย์ ในการพัฒนางาน วิชาการและงานบริหารอื่น ๆ ของโรงเรียน จัดกิจกรรมในวันท่ี 29 กรกฎาคม 2558 โดยโรงเรียน ชมุ ชน และเจ้าอาวาสวัดหนองตะครอง ได้รบั เงนิ บริจาคจานวน 31,735 บาท การสังเกต (Observation) หลังจากผ่านการประชุมพบว่า 1) การเปลี่ยนแปลง โครงสร้างการบริหารงาน สมาชิกให้ความสนใจ เน่ืองจากได้เปิดโอกาสให้คนใหม่เข้ามาทางาน ส่งผล ให้เกิดการกระจายอานาจในการทางาน และ1) จัดทาคู่มือขอบข่ายงานทั้ง 4 ฝ่าย 2) จัดทาคู่มือ บทบาทหน้าท่ีของคณะกรรมการสถานศกึ ษาและท่ีปรกึ ษา 3) แหต่ ้นเทียนพรรษาสมทบทุนการศึกษา การดาเนนิ การตามแผนทวี่ างไว้ 3 กิจกรรม ส่วนกิจกรรมจัดทาผา้ ป่านางฟา้ กาหนดการดาเนินการใน วันออกพรรษา พิธตี ักบาตรเทโวของวดั หนองตะครอง ตรงกบั วนั ที่ 28 ตลุ าคม 2558 การสะท้อนผล (Reflection) การเปลยี่ นแปลงโครงสร้างการบริหารงานใหม่ การดาเนินการเก่ียวกับงานทางด้านเอกสารนัน้ คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน และ ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานจะทาหนา้ ทีเ่ พยี งใหค้ วามเหน็ ชอบเทา่ น้นั แต่เมื่อจัดทา คู่มือบทบาทหน้าท่ีของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้งช้ีแจงอธิบายส่งผลให้ คณะกรรมการมีความเข้าใจและพร้อมที่จะร่วมมือกับทางโรงเรียนในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเห็น ได้จากกิจกรรมแห่ต้นเทียนพรรษา เพื่อจัดหารายได้สถานศึกษา จะได้รับความร่วมมือในการร่วม กิจกรรมเป็นอย่างมากต้ังแต่การนารถยนต์มาช่วยกันประดับตกแต่ง จานวน 2 คัน เพ่ือใช้ในการแห่ เทยี นเพ่ือรับบริจาคเงนิ จากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ควรจดั กิจกรรมท่ชี มุ ชนไดม้ สี ว่ นรว่ มในการดาเนนิ การอกี เพอื่ ให้ชุมชนเกดิ ความรักและภาคภมู ิใจในโรงเรียนวัดหนองตะครอง รอบที่ 2 โครงการความร่วมมือในการพฒั นาโรงเรียนวัดหนองตะครอง การวางแผน (Plan) คณะครูและบุคลากร จัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น พ้ืนฐาน และท่ีปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้ร่วมกันกาหนดให้มีการประชุม ทุกวันท่ี 20 ของเดอื น เพ่ือพบปะพดู คุย และปรกึ ษาหารือในการดาเนินงานดา้ นต่าง ๆ การปฏบิ ัติ (Action) 1. ทีมแกนนาโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง จัดทาผ้าป่า นางฟา้ มีจดุ มุ่งหมาย เพอื่ ระดมทนุ ทรพั ย์ในการพัฒนางานวชิ าการและงานบรหิ ารอน่ื ๆ ของโรงเรียน จดั กิจกรรมในวันท่ี 28 ตุลาคม 2558 โดยโรงเรียน ชุมชน และเจ้าอาวาสวดั หนองตะครอง ร่วมมือกัน จดั ผ้าป่านางฟ้า ได้เงนิ สดจานวน 72,399 บาท การสังเกต (Observation) การจัดกิจกรรมจัดทาผ้าป่านางฟ้า กาหนดการในวันออก พรรษา พิธีตักบาตรเทโวของวัดหนองตะครอง ตรงกับวันที่ 28 ตุลาคม 2558 นั้นได้รับความร่วมมือ จากชุมชนเป็นอย่างมาก ทีมแกนนาได้จัดหานางฟ้าจากท่ีต่าง ๆ มาร่วมกิจกรรมเพ่ือระดมเงินบริจาค จากสถานที่ต่าง ๆ และประสานผู้นาท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ้าป่านางฟ้าของโรงเรียน ส่งผลให้การดาเนินการได้รบั งบประมาณจานวนมาก
146 การสะท้อนผล (Reflection) ทีมแกนนาโครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียน วดั หนองตะครองทุกคน รู้สึกพึงพอใจกบั รายได้จากการทอดผา้ ป่านางฟ้า นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจ ที่ได้ร่วมกิจกรรมผ้าป่านางฟ้า ทีมแกนนามีความเห็นร่วมกันว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ควรดาเนินการทุกปี และการดาเนนิ การในปีต่อไปควรแบ่งรายได้ให้วัดหนองตะครองคร่งึ หน่งึ ให้โรงเรียนคร่งึ หนงึ่ ผลการดาเนนิ โครงการความร่วมมือในการพฒั นาโรงเรียนวดั หนองตะครอง ดา้ นกระบวนการ จากการดาเนนิ โครงการความรว่ มมอื ในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง พบว่า ในการ ดาเนินการ 5 กิจกรรม นักเรียนได้มีส่วนร่วม 3 กิจกรรม ได้แก่ 1) กิจกรรมผ้าป่านางฟ้า ทาให้ นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจในการได้รับคัดเลือกให้เป็น ตัวแทนเทวดาหรือนางฟ้าของห้องเรียน ส่วนนักเรียนคนอ่ืน ๆ ก็ภูมิใจท่ีได้มีส่วนร่วมในการเร่ียไรเงนิ บริจาค เพือ่ เปน็ เงนิ ผา้ ปา่ นางฟ้าของห้องเรียน 2) กิจกรรมแห่เทียนพรรษาสมทบทุนการศึกษา ทาให้ นกั เรียนได้มีส่วนร่วมในกจิ กรรมทางพุทธศาสนา นกั เรียนเกดิ ความภาคภูมิใจในการได้เป็นเทวดาและ นางฟ้าประจาต้นเทียน และภาคภูมิใจที่ได้ราในขบวนแห่เทียนพรรษาของโรงเรียน ส่วนนักเรียนคน อื่น ๆ ภูมิใจที่ได้ทาหน้าท่ีเร่ียไรเพ่ือนาเงนิ ไปทาบุญถวายพระสงฆ์ และส่วนหน่ึงนามาพัฒนาโรงเรียน วดั หนองตะครอง 3) กิจกรรมการเย่ยี มบ้านนกั เรยี นโดยผอู้ านวยการโรงเรยี นและคณะครู คณะครูและบุคลากร ได้ร่วมกันจัดทาคู่มือขอบข่ายงานทั้ง 4 ฝ่าย ของสถานศึกษา ทาให้ คณะครูและบุคลากร เข้าใจบาทบาทหน้าท่ี การบริหารงาน 4 ฝ่าย ท่ีได้รับมอบหมายนอกเหนือจาก การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และคณะครูได้ร่วมกันจัดทาคู่มือบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ สถานศึกษาข้ันพื้นฐานและที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน พร้อมท้ังจัดการประชุม ชี้แจงขอบข่ายงานและบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ซึ่งประธาน คณะกรรมการสถานศกึ ษาไดม้ อบหมายงานด้านต่าง ๆ ให้คณะกรรมการสถานศึกษา โดยแบ่งงานกัน รบั ผิดชอบตามความเหมาะสม นอกจากนคี้ ณะครูและบุคลากรได้แลกเปลย่ี นเรยี นรูก้ ารทางานรว่ มกับ ชุมชนในกิจกรรมผ้าป่านางฟ้า และแห่เทียนพรรษาสมทบทุนการศึกษา นอกจากนี้การที่คณะครูและ บุคลากรได้ไปเย่ียมบ้านนักเรียน ทาให้ทราบถึงสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียนและปัญหาในด้านการ เรียนรู้ของนกั เรยี น และยังเปน็ การสร้างความศรัทธาของชุมชนทีม่ ตี ่อโรงเรียนวัดหนองตะครอง ชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน และผู้ปกครองของนักเรียน ได้ร่วมคิด ร่วมทา ร่วมประเมินผลในการดาเนินโครงการความ ร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง และประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงและ ความเคลื่อนไหวที่เกิดจากการร่วมกันระดมทรัพยากรเพื่อนาไปใช้ในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนอง ตะครอง ดา้ นผลผลิตของโครงการ นักเรียน การดาเนนิ โครงการความร่วมมือในการพฒั นาโรงเรยี นวดั หนองตะครองคร้ังนี้ ทา ให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมผ้าป่านางฟ้า และกิจกรรมแห่เทียนพรรษา ซ่ึงสอดคล้องกับการ จัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และเป็นการดาเนินกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 นอกจากนี้ยังส่งเสริมคุณลักษณะอัน
147 พึงประสงค์ของผู้เรียนให้มีจิตสาธารณะ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวของนักเรียนสามารถ ดาเนนิ การได้ตามวัตถปุ ระสงคข์ องโครงการภายในระยะเวลาท่จี ากดั สถานศึกษาได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน และท่ีปรึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน และชมุ ชนในการดาเนนิ การกิจกรรมผ้าป่านางฟา้ และแหเ่ ทยี น เข้าพรรษา ส่งผลให้สถานศึกษาได้รับเงนิ รายได้จากการดาเนินกิจกรรม สาหรับใช้เป็นงบประมาณใน การดาเนินการโครงการตา่ ง ๆ ตอ่ ไป ดา้ นผลกระทบ นกั เรยี น การดาเนนิ โครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรยี นวัดหนองตะครอง สง่ ผลต่อ ความภาคภมู ิใจ จากการมสี ่วนร่วมในการจัดหารายไดส้ ถานศึกษา และจากการเข้าร่วมกิจกรรมผ้าป่า นางฟ้า และกิจกรรมแห่เทียนพรรษา ทาให้นักเรียนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน ได้รับประสบการณ์จาก สถานการณจ์ ริง ทาให้เกดิ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน จึงส่งผลให้นักเรียนปรับเปลี่ยนความคิดว่าการ เรยี นรู้มิได้มีเฉพาะแต่ในห้องเรียนเท่านัน้ สถานศึกษา โรงเรียนวัดหนองตะครองเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก การดาเนินการบริหาร จัดการตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพียงอย่างเดียวน้ันไม่เพียงพอ ส่งผลให้โรงเรียนมีสภาพเส่ือม โทรม เน่ืองจากขาดแคลนงบประมาณ ดังน้ันการดาเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียน วัดหนองตะครองในครั้งน้ี ทาให้โรงเรียนมีรายได้สถานศึกษาเพื่อนามาใช้ในการพัฒนาโรงเรียน วดั หนองตะครอง ชมุ ชน ผลจากการดาเนนิ โครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครองครั้ง น้ี ทาให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง นอกเหนือจากการเข้าร่วมทา กิจกรรมในวันสาคัญต่าง ๆ คณะกรรมการสถานศึกษาได้ปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าท่ี ซึ่งท่ีผ่านมา เพียงแค่เข้ามาร่วมประชุมเท่าน้ัน ดังน้ันการดาเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียน วัดหนองตะครองครั้งน้ี จึงมีส่วนช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชนตามบทบาทหน้าท่ี และตาม ความสมคั รใจ การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กจาเปน็ ตอ้ งอาศัยการมสี ่วนร่วมของชุมชนเปน็ อย่างมาก 2. โครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ผลการประชุมกาหนดแนวทางการดาเนินงานพัฒนาการบริหารจัดการหลักสูตร สถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้จัดกิจกรรมจานวน 2 รอบ รอบท่ี 1 เม่ือวันท่ี 1 มิถุนายน 2558 ถึงกันยายน 2558 และรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ถึง 31 มีนาคม 2559 ผลการดาเนินการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาท่ีเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ สามารถสรุปการดาเนินงานได้ดงั น้ี รอบท่ี 1 โครงการบรหิ ารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 การวางแผน (Plan) คณะครูและบุคลากรแต่ละกลุ่มสาระ ร่วมกันประเมินองค์ประกอบ ของหลักสูตรสถานศึกษา ของโรงเรียนวัดหนองตะครองที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพ่ือให้คณะครูและ บุคลากร นาข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง การดาเนินการโครงการบริหารจัดการหลักสูตร สถานศึกษาและการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ประกอบด้วยกิจกรรมและผลการ
148 ดาเนินงาน 6 กิจกรรม คือ 1) ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาโครงสร้างหลักสูตร 2) ประชุมเชิง ปฏบิ ัตกิ ารจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 วิเคราะห์หลักสูตร จัดทาหน่วยการเรียนรู้รายวิชา 3) ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาแผนการจัดการ เรยี นรทู้ ่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สาคญั 4) นเิ ทศการใช้หลักสูตร 5) ประชมุ เชงิ ปฏิบัตกิ ารสร้างเครื่องมือและหา ประสิทธิภาพเครื่องมือวัดผลประเมินผล 6) ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาคู่มือวัดผลประเมินผล จัดทา เอกสารหลักฐาน รายงานการตัดสินผลการเรยี น การปฏบิ ัติ (Action) การดาเนนิ การในแต่ละกิจกรรมมีรายละเอยี ดดังนี้ กิจกรรมท่ี 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา ได้มีการจัด ประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างวันท่ี 19 มิถุนายน 2558 เวลา 15.30 -16.30 น. ณ ห้องประชุม โรงเรยี นวัดหนองตะครอง รายละเอยี ดข้ันตอนการดาเนนิ การมดี ังนี้ คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานรว่ มกนั จัดทาโครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา กิจกรรมที่ 2 ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตรระดับชั้นเรียนที่อิงมาตรฐาน ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่าง วันท่ี 22-30 มิถุนายน 2558 เวลา 15.30 -16.30 น. ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดหนองตะครอง รายละเอียดขนั้ ตอนการดาเนินการมีดังนี้ คณะครูแต่ละกลุ่มสาระ ดาเนินการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และดาเนินการจัดทาหลักสูตรระดับช้ันเรียนที่อิงมาตรฐาน ประกอบด้วย 1) ชื่อ วิชา 2) รหัสวิชา 3) คาอธิบายรายวิชา 4) โครงสร้างรายวิชา มีการกาหนดสัดส่วนน้าหนักคะแนนแต่ ละหน่วยการเรียนรู้ 5) ชื่อหน่วยการเรียนรู้ที่เช่ือมโยงสัมพันธ์กับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด สาระ การเรียนรู้ 6) เวลาท่ีสอดคล้องเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และสามารถปฏิบัติได้จริง 7) กาหนด เนื้อหาและทกั ษะที่สาคัญท่จี ะจัดการเรียนการสอนในแต่ละหนว่ ยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้ กิจกรรมที่ 3 การนาหลักสูตรสกู่ ารจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 2551 ได้มีการ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างวันท่ี 1-3 กรกฎาคม 2558 เวลา 15.30 -16.30 น. ณ ห้องประชุม โรงเรยี นวัดหนองตะครอง รายละเอยี ดข้ันตอนการดาเนนิ การมดี ังน้ี คณะครรู ว่ มกนั จดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ทเ่ี น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ โดยนาหนว่ ยการเรียนรู้ มาทาเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ โดยกาหนดสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวช้ีวัด ศักยภาพของผู้เรียน จุดประสงค์การเรียนรู้ ที่สอดคล้องและครอบคลุมสาระการเรียนรู้และ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด กาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติ และเป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริม ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมายการเรียนรู้ที่กาหนด และเน้นการใช้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมใน การจัดการศึกษาโดยนาภูมิปัญญาท้องถ่ินเข้ามาร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยนา หน่วยการเรียนรู้มาทาเปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ขณะที่ครเู ขา้ รบั การอบรมเชิงปฏิบตั ิการน้ัน คณะครู ได้ทดลองเขียนแผนการจัดการเรียนรู้คนละ 1 หน่วยการเรียนรู้ หลังจากอบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว คณะครูไดจ้ ัดทาแผนการจัดการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทกุ ชนั้ ทีส่ อน สาหรบั การจัดทาแผนการจัดการ เรียนรู้น้ัน คณะครูนาความรู้ได้จากการอบรม มาออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้อย่างง่าย โดยใช้ เทคนิคเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบผังมโนทัศน์ ประกอบด้วย 1) หน่วยการเรียนรู้ 2) เร่ือง
149 3)มาตรฐานการเรียนรู้ 4) ตัวช้ีวัด 5) สาระการเรียนรู้ 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 7) สื่อหรือแหล่ง เรียนรู้ 8) การวัดผลประเมนิ ผล กิจกรรมท่ี 4 นิเทศการใช้หลักสูตร ดาเนินการโดย ผู้วิจัย และหัวหน้าฝ่ายบริหารงาน วิชาการโรงเรียนวัดหนองตะครอง และศึกษานิเทศก์ ประจาเครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาหนอง ตากยา โดยนเิ ทศภาคเรยี นละ 1 คร้งั กิจกรรมที่ 5 ประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างเคร่ืองมือและหาประสิทธิภาพเครื่องมือวัดผล ประเมินผล หลังการประชุมเชิงปฏิบัติการแล้ว คณะครูได้สร้างและหาประสิทธิภาพเครื่องมือท่ีใช้ใน การวัดผลประเมินผล โดยดาเนินการตามแบบฝึกการศึกษาด้วยตนเอง ของ นางนุดี รุ่งสว่าง ศกึ ษานิเทศกด์ า้ นวดั ผลประเมินผลของ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษากาญจนบุรี เขต 1 กิจกรรมท่ี 6 ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาคู่มือวัดผลประเมินผล จัดทาเอกสารหลักฐาน รายงานการตัดสินผลการเรียน โดยร่วมกันกาหนดเกณฑ์การจบหลักสูตร และช่วยกันออกแบบ เอกสารหลกั ฐานในการรายงานผลการเรยี นของโรงเรียนวดั หนองตะครอง เพื่อใช้แทนเอกสารท่ีจัดซือ้ จากภาคเอกชนซ่ึงไม่ตอบสนองต่อ เกณฑ์การวัดผลประเมินผลของโรงเรยี น การสังเกต (Observation) การดาเนินโครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มีกิจกรรมท่ีดาเนินการเป็นไปตาม แผนงานโครงการทไ่ี ดว้ างแผนไว้ดังน้ี การดาเนินการกิจกรรมท่ี 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา ใน การดาเนินการน้ัน เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ผู้วิจัยจึงได้ใช้คาถามในการ สอบถามความต้องการของผู้ปกครอง พบว่าผู้ปกครองมีความต้องการให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ และมีทักษะพื้นฐานเพื่อนาไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับท่ีสูงข้ึน ส่วนคณะกรรมการสถานศึกษาไม่ แสดงความคิดเห็นและมอบหมายให้เป็นหน้าท่ีของคณะครูในการจัดทาโครงสร้างหลั กสูตร สถานศกึ ษา การดาเนนิ การกจิ กรรมที่ 2 การวเิ คราะหห์ ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 และดาเนินการจัดทาหลักสูตรระดับช้ันเรียนที่อิงมาตรฐานตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 นั้น การดาเนินการของครูคนละ 1 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ ได้แก่ 1) สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ดาเนินการวิเคราะห์ โดยครูท่ีจบการศึกษา วิชาเอกคณิตศาสตร์ 2) สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ดาเนินการวิเคราะห์ โดยครูที่จบการศึกษา วิชาเอกวิทยาศาสตร์ 3) สาระการเรียนรู้ภาษาไทยดาเนินการวิเคราะห์ โดยครูท่ีจบการศึกษาวิชาเอก ประถมศึกษาแต่มีประสบการณ์การสอนภาษาไทย เน่ืองจากไม่มีครูที่จบการศึกษาวิชาเอกภาษาไทย 4) สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ดาเนินการวิเคราะห์ โดยครูที่จบการศึกษา วิชาเอกประถมศึกษา แต่มีประสบการณ์การสอนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เนื่องจากไม่มีครู ที่จบการศึกษาวิชาเอกสังคมศึกษา 5) สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ดาเนินการ วิเคราะห์โดยครูท่ีจบการศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ 6) สาระศิลปะ ดาเนินการวิเคราะห์โดยครูท่ีจบ การศึกษาวิชาเอกศิลปะ 7)สาระสุขศึกษาและพลศึกษา ดาเนินการวิเคราะห์โดยครูที่จบการศึกษา วิชาเอกวิทยาศาสตร์การกีฬา 8) การงานอาชีพและเทคโนโลยี ดาเนินการวิเคราะห์โดยครูท่ีจบ การศึกษาวิชาเอกศลิ ปะ แตม่ ปี ระสบการณ์การสอนวิชางานบา้ นและเทคโนโลยี
150 หลังจากการประชุมเชิงปฏิบัติการแล้ว คณะครูได้ดาเนินการวิเคราะห์หลักสูตรร่วมกันใน เวลาหลังเลิกเรียน เนื่องจากครูแต่ละท่านสอนประจาชั้น เม่ือต้องวิเคราะห์หลักสูตรตลอดช่วงชั้น จึง เป็นเรื่องยากมาก ในขณะดาเนินการคณะครูจะสอบถามครูท่ีสอนประจาช้ันต่าง ๆ การวิเคราะห์ หลกั สูตรนั้นใช้วิธีการเขียน โดยทาความเขา้ ใจหลกั สตู รแต่ละชั้น ส่งผลให้คณะครูมีความรู้ความเข้าใจ ในสาระรายวชิ าตลอดชว่ งช้ัน การดาเนนิ การกิจกรรมที่ 3 การนาหลักสูตรสกู่ ารจดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ 2551 การดาเนินการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้น้ัน เป็นเรื่องใหม่สาหรับครู เนื่องจากท่ี ผ่านมาครจู ะใช้แผนสาเร็จรูปสง่ ผู้บริหาร ไม่ได้นาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เมื่อนารูปแบบการ เขยี นแผนการจดั การเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์มาใช้ ทาให้ครูได้เตรียมการสอน และวางแผนการจัดการ เรียนรอู้ ยา่ งง่ายและรวดเร็ว ไมส่ รา้ งภาระใหก้ ับครู กิจกรรมที่ 4 นิเทศการใช้หลักสูตร ดาเนินการโดย ผู้วิจัย และหัวหน้าฝ่ายบริหารงาน วิชาการโรงเรียนวัดหนองตะครอง และศึกษานิเทศก์ ประจาเครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาหนอง ตากยา โดยนิเทศภาคเรียนละ 1 คร้ัง พบว่าครูได้นาหลักสูตรมาออกแบบในการจัดการเรียนการสอน ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ การดาเนินการกิจกรรมที่ 5 คณะครูมีความรู้ความเข้าใจในการสร้างและหาประสิทธิภาพ เครื่องมือท่ีใช้ในการวัดผลประเมินผล โดยดาเนินการทดลองสร้างและหาประสิทธิภาพของ แบบทดสอบปลายภาคเรยี นที่ 1 การดาเนินการกิจกรรมที่ 6 หลังจากประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาคู่มือวัดผลประเมินผล จัดทาเอกสารหลกั ฐาน รายงานการตดั สนิ ผลการเรยี น โดยร่วมกันกาหนดเกณฑ์การจบหลักสูตร และ ช่วยกันออกแบบเอกสารหลักฐานในการรายงานผลการเรียนของโรงเรียนวัดหนองตะครอง ส่งโรง พิมพ์ เพอ่ื จัดพมิ พ์เอกสาร ปพ.5 และ ปพ.6 เป็นของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง การสะทอ้ นผล (Reflection) หลังจากการนาหลักสูตรสู่การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ พบว่า โครงสร้างรายวิชา บางหน่วยการเรียนรู้ยังไม่เหมาะสม บางหน่วยการเรียนรู้กาหนดระยะเวลาในการ จัดการเรียนรู้มากเกินไป บางหน่วยการเรียนรู้กาหนดระยะเวลาในการจัดการเรียนรู้น้อยเกินไป จึง ควรมกี ารทบทวนปรับปรงุ โครงสร้างรายวิชา และหน่วยการเรียนรูใ้ หม่ การดาเนินการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์น้ัน ถึงแม้จะทาให้ครูได้ เตรียมการสอน และวางแผนการจัดการเรียนรอู้ ย่างงา่ ยและรวดเร็ว ไม่สรา้ งภาระให้กบั ครู แตร่ ปู แบบ ของแผนการจัดการเรียนรู้ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ของคณะผู้ประเมินจากภายนอก สถานศึกษา จงึ ควรปรับรปู แบบแผนการสอน โดยใชร้ ูปแบบทสี่ านักงานเขตพื้นท่กี าหนด ควรดาเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบทดสอบและเครื่องมือวัดผลประเมินผล ปลายภาคเรียนท่ี 2 เพอ่ื เกบ็ ไวเ้ ปน็ คลงั เคร่อื งมือวดั ผลประเมินผลของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง ควรนาเอกสารหลักฐานในการรายงานผลการเรียนของโรงเรียนวัดหนองตะครอง มาใช้ใน การบันทึกผลการจัดการเรียนการสอนทุกรายชั่วโมง เพ่ือบันทึกผลตามสภาพจริงอย่างถูกต้อง และ เปน็ ปัจจุบนั
151 รอบที่ 2 โครงการบรหิ ารจดั การหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 การวางแผน (Plan) คณะครูและบุคลากรแต่ละกลุ่มสาระ ประชุมร่วมกันวางแผนดาเนินการปรับปรุงหลักสูตร หลงั จากที่นาหลักสตู รไปทดลองใช้ 1 ภาคเรียน การปฏบิ ตั ิ (Action) กิจกรรมท่ี 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการปรับปรุงโครงสร้างรายวิชา ได้มีการจัดประชุมเชิง ปฏิบัติการระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม 2558 เวลา 15.30 -16.30 น. ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดหนอง ตะครอง รายละเอียดขัน้ ตอนการดาเนนิ การมีดังนี้ คณะครูแต่ละกล่มุ สาระ ดาเนินการปรบั ปรุงโครงสร้างรายวิชา โดยการปรับเวลาให้มีความ สอดคล้องเหมาะสมกบั สาระการเรยี นร้แู ละสามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ กิจกรรมท่ี 2 การนาหลักสูตรสู่การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญได้มี การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม 2558 เวลา 15.30 -16.30 น. ณ ห้องประชุม โรงเรยี นวดั หนองตะครอง รายละเอียดขน้ั ตอนการดาเนินการมีดังน้ี คณะครูร่วมกันจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยจัดทาแผนการ จัดการเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์เหมือนคร้ังแรก โดยคณะครูแต่ละวิชาทดลองจัดทาแผนการจัดการ เรียนรู้ตามรูปแบบของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 1 กาหนด คนละ 1 แผน กิจกรรมท่ี 3 นิเทศการใช้หลักสูตร ดาเนินการโดย ผู้วิจัย และหัวหน้าฝ่ายบริหารงาน วิชาการโรงเรียนวัดหนองตะครอง และศึกษานิเทศก์ ประจาเครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา หนองตากยา โดยนิเทศภาคเรียนละ 1 ครั้ง การสังเกต (Observation) การดาเนินโครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มีกิจกรรมท่ีดาเนินการเป็นไปตาม แผนงานโครงการทีไ่ ด้วางแผนไว้ดงั น้ี การดาเนินการกิจกรรมท่ี 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการปรับปรุงทาโครงสร้างรายวิชา พบว่าครู แต่ละกลุ่มสาระ มคี วามรูค้ วามเข้าใจและดาเนินการปรบั ปรงุ โครงสร้างรายวิชา โดยการปรับเวลาให้มี ความสอดคล้องเหมาะสมกับสาระการเรยี นร้แู ละสามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริง การดาเนินการกจิ กรรมท่ี 2 การนาหลักสูตรสู่การจดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ พบว่าคณะครูร่วมกันจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยยังจัดทา แผนการจัดการเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์เหมือนคร้ังแรก โดยคณะครูแต่ละวิชาทดลองจัดทาแผนการ จัดการเรียนรู้ตามรูปแบบของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 1 กาหนด คนละ 1 แผน การดาเนินการกิจกรรมท่ี 3 นิเทศการใช้หลักสูตร ดาเนินการโดย ผู้วิจัย และหัวหน้าฝ่าย บริหารงานวิชาการโรงเรียนวัดหนองตะครอง และศึกษานิเทศก์ ประจาเครือข่ายพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษาหนองตากยา คร้ังท่ี 2 ประจาภาคเรยี นท่ี 2
152 การสะทอ้ นผล (Reflection) หลังจากการนาหลักสูตรสู่การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ พบว่า การดาเนินการจัดการเรียนการสอนเปน็ ไปตามหลักสตู ร การดาเนินการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์นั้น รูปแบบของแผนการ จัดการเรียนรู้ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ของคณะผู้ประเมินจากภายนอกสถานศึกษา คณะครู จึงนาแผนการจัดการเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์ท่ีทดลองสอนแล้ว มาปรับปรุงรูปแบบให้เป็นแผนการ สอนที่สมบรู ณ์ ตามรปู แบบท่สี านกั งานเขตพน้ื ที่กาหนด ผลการดาเนินโครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 2.1 ดา้ นกระบวนการ ผลจากการดาเนินโครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ไดร้ ับความรว่ มมอื เปน็ อย่างดีจากคณะครู โดยมศี ึกษานิเทศก์ เป็นพ่ีเลี้ยงให้คาแนะนาในการดาเนินการ ทาให้คณะครู มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ และการนาหลักสูตรสถานศกึ ษาไปสกู่ ารจัดการเรยี นการสอน โดยดาเนินการตามขั้นตอนดังนี้ 1) การ ตรวจสอบว่าแตล่ ะกลุ่มสาระการเรยี นรูม้ ีกสี่ าระ แต่ละสาระมมี าตรฐานอะไรบ้าง และแต่ละมาตรฐาน มีตัวช้ีวัดอะไรบ้าง 2) การถอดความจากคาอธิบายรายวิชาไปจัดทาโครงสร้างรายวิชา 3) การถอด โครงสร้างรายวิชาเป็นแผนหน่วยการเรียนรู้ 4) การถอดหน่วยการเรียนรู้เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ 5) การสรา้ งเครื่องมอื และหาประสิทธิภาพเครื่องมอื วัดผลประเมินผล 2.2 ดา้ นผลผลิตของโครงการ ครู การดาเนินโครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ในคร้ังนี้ ทาให้คณะครูนาหลักสูตรสถานศึกษาสู่การจัดการ เรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สามารถแก้ปัญหาการสอนไม่ทันเหมือนการสอนตามแบบเรียน โดยศึกษาวิเคราะห์ตัวชี้วัดของหลักสูตร แล้วจึงออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจาก ประสบการณ์ในด้านการจดั การเรยี นการสอน นักเรียน จากการนาหลักสูตรสถานศึกษา สู่การสร้างคุณภาพผู้เรียน ส่งผลให้นักเรียนเกิด คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ดังนี้ 1) เกิดความรตู้ รงตัวชว้ี ัดของหลักสตู ร 2) เกิดความรู้ ความคิด ทักษะ คุณธรรม ค่านิยมท่ีพึงประสงค์ 3) เกิดสมรรถนะที่สาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4) เกิดชิ้นงาน /ผลงาน และโครงงาน ตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ทุกชนั้ เรียน สถานศึกษา การดาเนินโครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 คร้ังนี้ ส่งผลให้โรงเรียนวัดหนองตะครองมี หลักสูตรสถานศึกษาและเอกสารการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ที่ตอบสนองต่อแนวปฏิบัติในการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ภายใน สถานศึกษาไดเ้ ปน็ อย่างดี
153 ด้านผลกระทบ ครู เกิดความตะหนักและเห็นความสาคัญของการนาหลักสูตรสถานศึกษา สู่การจัดการ เรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล ในทุกสาระการเรียนรู้ นักเรียน มีความตื่นตัวต่อการเรียนรู้ ผ่านกระบวนการคิด และวิธีเรียนรู้แบบต่าง ๆ ตามที่ หลกั สตู รกาหนด 3. โครงการปรบั การเรียน เปลี่ยนการสอน ผลจากการประชุมกาหนดแนวทางการดาเนินงานโครงการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ประกอบด้วยกิจกรรมและผลการดาเนินงาน 4 กิจกรรม คือ 1) ประชุมเชิง ปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 2) การศึกษาดูงาน 3) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Active Leaning 4) การนิเทศการเรียนการสอน ซงึ่ ได้จัดกิจกรรมจานวน 2 รอบ รอบที่ 1 วันท่ี 2 มิถนุ ายน ถึง 30กนั ยายน 2558 สามารถสรปุ การดาเนินงาน ตามรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ รอบท่ี 1 โครงการปรับการเรยี น เปลยี่ นการสอน การวางแผน (Plane) ทีมแกนนาโครงการปรับการเรียน เปลี่ยนการสอน ประกอบด้วย นายสรชัย จันทร์ที นางสาวนุจิรา ป่ินแก้ว นายภควัต ปทุมแก้ว และมีสมาชิกโครงการ จานวน 6 คน ประกอบด้วย นายกิตติกร เบ้านาค นายขวัญชัย ทับทิมใส นายสมศักดิ์ อุปแก้ว นางกมลทิพย์ แก้ว เขียว นางอรสา สูตะบุตร นายนวพล ศิลาแลง ได้เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการเก่ียวกับการจัดการ เรียนการสอน BBL การปฏิบตั ิ (Action) กิจกรรมท่ี 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้จัดการ ประชุมเชิงปฏิบัติการในระหว่างวันท่ี 6 กรกฎาคม 2558 ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดหนองตะครอง ดาเนินการตามขั้นตอนดังน้ี 1) ผู้วิจัยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการคณะครูและบุคลากร เรื่องวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยแจกเอกสารแนวทางการดาเนินการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ที่ นาเสนอไวใ้ นบทที่ 2 ใหค้ ณะครูไดศ้ ึกษา 2) คณะครนู าแผนการจัดการเรยี นร้มู าปรับกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนว ทางการจัดการเรยี นรู้ท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ กจิ กรรมท่ี 2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้ดาเนินการตามขั้นตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. คณะครูได้ร่วมวางแผนการจัดการชั้นเรียน ตารางเรียน ที่เอ้ือต่อการจัดการเรียนการ สอนท่เี นน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคัญ และมอบหมายการจัดการเรียนการสอนตามวิชาเอก หรอื ความถนัด ดงั นี้ 1.1 ปรับเปล่ียนชั้นเรียน แยกช้ันเรียนตามรายช้ัน จัดครูเข้าสอนตามวิชาเอก ใน 5 รายวิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนาธรรม ภาษาองั กฤษ 1.2 รายวิชา ศิลปะ สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี จัดการเรียน การสอนแบบควบช้ันเรียน ได้แก่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3-4 ช้ันประถมศึกษา ปที ี่ 5-6
154 1.3 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดการเรียนการสอนแบบเป็นช่วงช้ัน ได้แก่ ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 1-3 และชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4-6 2. คณะครูร่วมกันกาหนดตารางกิจกรรมประจาวัน ท่ีส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยนานโยบายจากต้นสังกัดสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์ สงู สุดกบั นักเรียน ขับเคลอื่ นไปพรอ้ มกนั ท้งั โรงเรยี น ดังน้ี เวลา 7.30 น. ทาความสะอาดเขตรบั ผิดชอบ เวลา 8.00 น. เขา้ แถวเคารพธงชาติ เวลา 8.10 น. เดนิ พาเหรดเข้าแยกเข้าชั้นเรยี น เวลา 8.15 น. นั่งสมาธิ กอ่ นเริ่มการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เวลา 8.30 น. เรมิ่ เรียนตามตารางเรยี น เวลา 12.30 น. พส่ี อนนอ้ งอา่ นหนงั สือ ดังน้ี นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 สอนนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 สอนนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 สอนนกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 3 เวลา 13.00 น. แยกเขา้ ชั้นเรียน และเร่ิมเรียนตามตารางเรียน เวลา 15.00 น. นักเรยี นรวมกลมุ่ การจัดทาโครงงานตามความสนใจ โดยมีคณะครรู ่วมกัน สอนเปน็ ทีม มหี นา้ ทใ่ี ห้คาปรกึ ษาแนะนา เมื่อนกั เรยี นสงสยั อะไร ก็ปรึกษา ครู ตามประเด็นท่ีต้องการ เช่น การเขียนความสาคัญหรือความเป็นมาของโครงการโดย การขอคาแนะนาจากครูภาษาไทย จะทาโครงงานสิ่งประดิษฐ์อาจจะปรึกษาครูวิทยาศาสตร์ เมื่อ ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลปรึกษาครูคณิตศาสตร์ เม่ือต้องการนาเสนอผลงานก็ปรึกษาครูคอมพิวเตอร์ และครศู ลิ ปะ 3. คณะครูจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ และบันทึกผลหลังการจัดการ เรียนการสอนทุกครง้ั ท้ังน้ีก่อนการสอนแต่ละครั้ง ครูทุกท่านต้องจัดกิจกรรมอุ่นเคร่ือง (Warm-up) เพ่ือให้ สมองตื่นตัวเตรยี มพร้อมทจ่ี ะเรียนรู้วิชาต่อไป มี 3 วิธีให้ครูผู้สอนเลือกตามความถนัด ได้แก่ 1. Brain Exercise 2. การเคลื่อนไหวเปน็ จงั หวะ (Rhythm) 3.ยืดเส้นยืดสาย (Stretching) 4. คณะครูประชุมเพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้เก่ียวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ในช่ัวโมงสุดท้ายของ วันศุกร์สุดสัปดาห์ของแต่ละสัปดาห์ (AAR) นาเสนอวิธีการจัดกิจกรรมที่ประสบความสาเร็จ นักเรียน เกดิ ความสนใจในการเรียนรู้ รวมท้งั ปัญหาทีพ่ บในการจัดการเรยี นรู้ เพือ่ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ร่วมกนั กิจกรรมท่ี 4 การนิเทศการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้ดาเนินการนิเทศการ สอนโดยผู้วิจัยและหวั หน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ โดยนเิ ทศสปั ดาหล์ ะ 1 ครั้ง การสังเกต (Obseration) เมื่อคณะครูได้รับเอกสารแนวทางการดาเนินการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ที่ นาเสนอไวใ้ นบทท่ี 2 เพ่อื นาไปศกึ ษา และปรับกจิ กรรมการเรยี นรู้ในแผนการจัดการเรียนรู้ให้นา่ สนใจ และสอดคล้องกับแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ จากน้ันได้นาแผนการจัดการ เรียนรมู้ าทดลองสอน นักเรยี นให้ความสนใจในการเรยี นเป็นอย่างมาก
155 สาหรับการปรับเปลี่ยนชั้นเรียน แยกช้ันเรียนตามรายช้ัน จัดครูเข้าสอนตามวิชาเอก ใน 5 รายวิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ ส่งผลให้นักเรียนได้รับการพัฒนาในด้านการเรียนรู้ในรายวิชาหลัก ท้ัง 5 รายวิชา แตกต่างจากการจัดชั้นเรียนแบบเดิมท่ีใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบคละชั้น โดยช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 1-2 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3-4 และชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5-6 ส่งผลให้นักเรียนได้ เรียนรู้ตามตัวช้ีวัดช้ันเรียนของตนเอง อีกทั้งเม่ือนักเรียนแต่ละช้ันมีจานวนน้อย ครูสามารถสอน นกั เรียนเปน็ รายบุคคลตามความสามารถของนักเรียน ทาใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้ได้เต็มตามศักยภาพของ ตนเอง สว่ นการจัดการเรียนรรู้ ายวิชา ศลิ ปะ สุขศึกษาและพลศกึ ษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี จัดการเรียนการสอนแบบควบชั้นเรียน ได้แก่ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-2 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3-4 ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 5-6 น้ัน ส่งผลให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ ในลักษณะเป็นกลุ่ม แต่การเรียนวิชาพล ศกึ ษา ไม่สามารถจัดเป็นทีม เพื่อจาลองการแข่งขันได้ เนื่องจากนักเรียนมีจานวนน้อยถึงแม้จะรวม 2 ชั้นเรียนแลว้ ก็ตาม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประกอบด้วยกิจกรรมลูกเสือ – เนตรนารี กิจกรรมชุมนุม กิจกรรม แนะแนว และกจิ กรรมตามความถนัดและความสนใจ จดั การเรียนการสอนแบบเป็นช่วงช้ัน ได้แก่ ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ 1-3 และชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4-6 สามารถดาเนินการได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การกาหนดตารางกิจกรรมประจาวัน ท่ีส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยนานโยบายจากต้นสังกัดสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับนักเรียน ขบั เคล่อื นไปพร้อมกนั ทั้งโรงเรียน สามารถสง่ เสริมทกั ษะความเปน็ ผู้นาและผู้ตามทด่ี ี การจัดการเรียนการสอนแบบเป็นทีม ในการจัดประสบการณ์ด้านการทาโครงงานตาม ความสนใจ ของนักเรียน ในช่วงแรกนักเรียนยังไม่เข้าใจ และไม่ให้ความสนใจ เพราะเคยชินกับการท่ี ครูเป็นผู้กาหนดว่าจะเรียนรู้อะไร ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์จึงกาหนดโครงงานส่ิงประดิษฐ์เคร่ืองร่อนให้ นักเรียนได้ทดลองทาโครงงาน ส่วนครูท่านอื่น ๆ เป็นผู้ช่วยในการให้คาแนะนาและคาปรึกษาในการ จัดทารูปเล่มโครงการ และการนาเสนอโครงการอย่างน่าสนใจ โครงงานเคร่ืองร่อนนับเป็นโครงงาน แรกได้รับความสนใจจากนักเรียนชายเป็นอย่างมากในการลงมือปฏิบัติประดิษฐ์เคร่ืองร่อน ส่วน นกั เรียนหญิงช่วยจดั ทารูปเลม่ และเตรยี มการนาเสนอ ซงึ่ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนี้ครูได้ แบ่งนักเรียนเป็น 2 ช่วงช้ัน ช่วงช้ันที่ 1 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-3 จัดทาเครื่องร่อนกระดาษ ช่วงชั้นที่ 2 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 จัดทาเครือ่ งร่อนจากโฟมและไมบ้ ัลซ่า การจัดกิจกรรมอุ่นเคร่ือง (Warm-up) เพื่อให้สมองตื่นตัวเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้วิชา ต่อไป มี 3 วิธีให้ครผู ู้สอนเลือกตามความถนดั ได้แก่ 1. Brain Exercise 2. การเคล่ือนไหวเป็นจังหวะ (Rhythm) 3.ยืดเสน้ ยดื สาย (Stretching) พบวา่ นกั เรียนสนุกสนานและให้ความสนใจมาก ในช่วงแรก แตเ่ ม่อื ครผู สู้ อนบางทา่ นทากิจกรรมซา้ ๆ เช่นใช้เพลงเดิม ๆ ใช้ท่าทางประกอบเดิม ๆ เด็กจะเร่ิมเบื่อ ไม่ตน่ื เตน้ จากการท่ีคณะครูได้ประชุมเพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ในช่ัวโมง สุดท้ายของวันศุกร์สุดสัปดาห์ของแต่ละสัปดาห์ (AAR) นาเสนอวิธีการจัดกิจกรรมที่ประสบ
156 ความสาเร็จ นักเรียนเกิดความสนใจในการเรียนรู้ รวมท้ังปัญหาที่พบในการจัดการเรียนรู้ เพ่ือ แลกเปล่ียนความคิดกัน สง่ ผลให้ครไู ดป้ รบั เปล่ยี นกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนสกู่ ารพฒั นา การนเิ ทศการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้ดาเนินการนิเทศการสอนโดย ผู้วิจัย และหวั หน้าฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ โดยนิเทศสปั ดาห์ละ 1 ครัง้ พบว่าคณะครูได้จัดกิจกรรมการเรียน การสอนเน้นการปฏิบัติ ใช้เทคนิคการสอนแบบ Active learning และใช้สื่อประกอบการสอน นกั เรียนมีความสขุ สนุกสนานในการเรียน การสะท้อนผล (Reflection) การปรับเปลี่ยนชั้นเรียน ในการจัดการเรียนรู้รายวิชา ศิลปะ สุขศึกษาและพลศึกษา การ งานอาชพี และเทคโนโลยี เพื่อใหจ้ านวนนักเรียนมมี ากพอสาหรบั การจัดการเรยี นการสอน จึงควรปรบั การจัดช้ันเรียนแบบควบช้ันเรียนเป็นช่วงช้ัน ได้แก่ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4- 6 การจัดกิจกรรมอุ่นเครื่อง (Warm-up) เพ่ือให้สมองต่ืนตัวเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้วิชา ต่อไป มี 3 วิธีใหค้ รผู ู้สอนเลือกตามความถนดั ไดแ้ ก่ 1. Brain Exercise 2. การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ (Rhythm) 3.ยดื เส้นยืดสาย (Stretching) เพ่อื ให้นกั เรยี นได้เรียนรูส้ ง่ิ ใหม่ ควรตดิ ตั้งทีวี เพอ่ื ใหค้ รูเปดิ กิจกรรมใหม่ ๆ ให้นกั เรียนทาตาม เพราะครูอายมุ าก การเรยี นร้แู ละฝกึ ทกั ษะท่าทางต่าง ๆ จะชา้ กว่า นักเรยี น หากเปิดทีวใี ห้นักเรียนทาตาม ก็จะสามารถเปลี่ยนเพลงเปลย่ี นท่าทางประกอบเพลงเสมอ รอบท่ี 2 โครงการปรับการเรยี น เปลีย่ นการสอน การวางแผน (Plan) คณะครูร่วมกันปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ปรับแผนการจัดชั้นเรียน และตารางเรียน และปรบั ปรงุ กจิ กรรมประจาวนั ตามความสนใจของนักเรียน การปฏบิ ัติ (Action) กิจกรรมที่ 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้จัดการ ประชุมเชิงปฏิบัติการในระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม 2558 ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดหนองตะครอง คณะครูนาแผนการจัดการเรียนรู้มาปรับกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับแนวทางการ จัดการเรยี นรู้ท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ กจิ กรรมท่ี 2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้ดาเนินการตามข้ันตอน ดังต่อไปน้ี 1) คณะครูได้ร่วมปรับแผนการจัดการชั้นเรียน ตารางเรียน ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการ สอนทเี่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ และมอบหมายการจัดการเรียนการสอนตามวิชาเอก หรือความถนัด โดย ปรับตารางการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ศิลปะ สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและ เทคโนโลยี จัดการเรียนการสอนแบบควบช้ันเรียน ได้แก่ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-3 ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4-6 2) คณะครูร่วมกันปรับตารางกิจกรรมประจาวัน ที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ โดยนานโยบายจากต้นสังกัดสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ นกั เรียน ขบั เคลอ่ื นไปพร้อมกันทัง้ โรงเรียน ดงั นี้ เวลา 7.30 น. ทาความสะอาดเขตรบั ผดิ ชอบ
157 เวลา 7.50 น. กระต้นุ พัฒนาการรา่ งกาย ดว้ ยการเคลือ่ นไหวหรือเลน่ สนาม BBL เวลา 8.00 น. เขา้ แถวเคารพธงชาติ เวลา 8.10 น. เดนิ พาเหรดไปที่ลานธรรม เวลา 8.15 น. กราบพระแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ สวดมนต์ สมาทานศลี 5 และนัง่ สมาธิ เวลา 8.30 น. แยกเขา้ ชั้นเรียน และเรมิ่ เรียนตามตารางเรียน เวลา 12.30 น. เลา่ นทิ านให้น้องฟัง โดยนกั เรียนชั้น ป.4-6 เวลา 13.00 น. แยกเขา้ ชั้นเรียน และเร่ิมเรียนตามตารางเรยี น เวลา 15.00 น. นักเรียนรวมกลุ่มการจัดทาโครงงานตามความสนใจ โดยมีคณะครูร่วมกัน สอนเปน็ ทีม มหี น้าทใี่ ห้คาปรึกษาแนะนา เมื่อนักเรียนสงสัยอะไร ก็ปรึกษาครู ตามประเด็นท่ีต้องการ เช่น ครูภาษาไทยทาหน้าที่ให้คาปรึกษาและคาแนะนาในการเขียนความสาคัญหรือความเป็นมาของ โครงการ ครูวิทยาศาสตร์ทาหน้าที่ให้คาปรึกษาและแนะนาเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการในการทา โครงงานสิ่งประดิษฐ์ ครูคณิตศาสตร์ทาหน้าที่ให้คาปรึกษาและคาแนะนาในการวิเคราะห์ข้อมูล ครู คอมพิวเตอร์ทาหน้าที่ให้คาปรึกษาและคาแนะนาในการนาเสนอผลงาน และครูศิลปะทาหน้าท่ีให้ คาปรกึ ษาและคาแนะนาในการจัดนิทรรศการนาเสนอผลงาน 3) คณะครูจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ และบันทึกผลหลังการจัดการ เรยี นการสอนทกุ ครงั้ ทั้งน้ีก่อนการสอนแต่ละครั้ง ครูทุกท่านต้องจัดกิจกรรมอุ่นเคร่ือง (Warm-up) เพ่ือให้ สมองตนื่ ตวั เตรยี มพร้อมทีจ่ ะเรียนรู้วิชาต่อไป มี 3 วิธีให้ครูผู้สอนเลือกตามความถนัด ได้แก่ 1. Brain Exercise 2. การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ (Rhythm) 3.ยืดเส้นยืดสาย (Stretching) โดยเปิด โน้ตบุ๊คเช่ือมต่อกับโทรทัศน์เพ่ือให้นักเรียนทาตามคลิปวีดีโอที่คุณครูจัดเตรียมมา ในกรณีท่ีครูบาง ท่านไมพ่ ร้อมทีจ่ ะสาธติ ให้นักเรียนดู 4) คณะครูประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ในชั่วโมงสุดท้ายของ วันศุกร์สุดสัปดาห์ของแต่ละสัปดาห์ (AAR) นาเสนอวิธีการจัดกิจกรรมท่ีประสบความสาเร็จ นักเรียน เกิดความสนใจในการเรยี นรู้ รวมท้งั ปัญหาท่พี บในการจัดการเรยี นรู้ เพื่อแลกเปล่ยี นความคดิ กนั กิจกรรมท่ี 4 การนิเทศการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้ดาเนินการนิเทศการ สอนโดย ผู้วจิ ัยและหวั หนา้ ฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ โดยนิเทศสปั ดาหล์ ะ 1 ครั้ง การสงั เกต (Obseration) การปรับแผนการจัดการชั้นเรียน ตารางเรียน ท่ีเอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ และมอบหมายการจัดการเรียนการสอนตามวชิ าเอก หรอื ความถนัด โดยปรับตาราง การจดั การเรยี นการสอนรายวชิ า ศิลปะ สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี จัดการ เรียนการสอนแบบควบชั้นเรียน ได้แก่ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ทาให้ สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้หลากหลายเหมือนโรงเรียนท่ีมีจานวนนักเรียนมาก เช่นวิชา พลศึกษาสามารถสอนนักเรียนเล่นกีฬาเป็นทีมได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดชั่วโมงสอนของครูทาให้ครูมี เวลาเตรียมการสอนมากข้นึ การปรับตารางกิจกรรมประจาวัน ที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดย นานโยบายจากต้นสังกัดสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับนักเรียนโดย
158 ขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งโรงเรียน ส่งผลให้การดาเนินการมีประสิทธิภาพและดาเนินการไปในทิศทาง เดียวกนั เมอ่ื ครนู าโนต้ บุค๊ เช่ือมตอ่ กับโทรทัศนเ์ พือ่ เปิดคลิปวีดีโอสาธิตกิจกรรมอุ่นเคร่ืองให้นักเรียน ดู ก่อนการสอนแต่ละครั้ง เพื่อให้สมองตื่นตัวเตรียมพร้อมท่ีจะเรียนรู้วิชาต่อไป ทั้ง 3 วิธี ได้แก่ 1. Brain Exercise 2. การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ (Rhythm) 3.ยืดเส้นยืดสาย (Stretching) ส่งผลให้ นักเรียนไม่เบอื่ เพราะสามารถเปล่ียนกิจกรรมไดอ้ ย่างหลากหลาย คณะครูประชุมเพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้เก่ียวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ในช่ัวโมงสุดท้ายของวัน ศุกร์สุดสัปดาห์ของแต่ละสัปดาห์ (AAR) นาเสนอวธิ ีการจดั กจิ กรรมท่ีประสบความสาเร็จ นักเรียนเกิด ความสนใจในการเรียนรู้ เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดกัน โดยไม่พูดถึงพฤติกรรมเชิงลบหรือปัญหาท่ี เกดิ ขึน้ กิจกรรมที่ 4 การนิเทศการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้ดาเนินการนิเทศการ สอนโดยผู้วิจัยและหัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ โดยนิเทศสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพ่ือเยี่ยมชั้นเรียน ติดตามการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน การสะท้อนผล (Reflection) นักเรียนมีความกระตอื รอื รน้ และต้ังใจเรียน สาหรบั คณะครูมีข้อเสนอแนะในเรื่องของการ จัดสรรงบประมาณ เพอ่ื ใช้ในการผลิตสอ่ื จัดซ้ือวัสดุอปุ กรณป์ ระกอบการจดั การเรียนการสอน ผลการดาเนินโครงการปรบั การเรียน เปลย่ี นการสอน ด้านกระบวนการ ในการดาเนินการโครงการปรับการเรียน เปล่ียนการสอน มีการประชุมวางแผนร่วมกัน ระหว่างคณะครู โดยมีการกากับติดตามและการประเมินตรวจสอบ การดาเนินการอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วยกิจกรรม 4 กิจกรรม คือ 1) ประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ 2) การศึกษาดูงาน 3) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4) การนิเทศการเรียนการสอน ซึง่ ในการ ดาเนินการได้รับความร่วมมือจากคณะครูเป็นอย่างดี ทั้งน้ีในการดาเนินโครงการได้ให้อิสระคณะครู และนกั เรียนในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ คณะครรู ่วมกนั วางแผนในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน มีการปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนการสอน ท้ังน้ีสังเกตได้จาก การ ร่วมมือกันเตรียมการสอน เตรียมอุปกรณ์ สื่อประกอบการเรียนการสอน และการเข้าร่วมกิจกรรม AAR ทกุ วันศกุ ร์ในแต่ละสปั ดาห์ ดา้ นผลผลติ ของโครงการ นักเรียน ได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการคิด และวิธีการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ การเรียนรู้ผ่านกระบวนการปฏิบัติ นักเรียนเกิดความรู้ และสร้างความรู้ในมิติต่าง ๆ ตรงตาม ตัวชว้ี ดั ครู มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สามารถจัด กิจกรรมเรียนรู้ในทุกรายวิชา มีความกระตือรือร้นในการเตรียมการสอน เตรียมส่ือประกอบการเรียน การสอน เตรียมวัสดุอุปกรณ์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และจากการปรับช้ันเรียน ตารางเรียน ส่งผลให้ครูสามารถจัดการเรียนการสอนท่ียึดผู้เรียนเป็นสาคัญ แทนการสอนโดยยึดครู เป็นศนู ยก์ ลาง
159 ดา้ นผลกระทบ นักเรียน มีความตื่นตัวต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ตั้งใจเรียน มีความสุข และสนุกสนานกับการเรียน ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนได้รับการพัฒนาทุกกลุ่มสาระ และ ตอ้ งการให้มีการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ และมคี วามพงึ พอใจต่อการปรับ ชั้นเรียนท่ีสอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละรายวิชา และเพ่ือแก้ปัญหาครูไม่ครบชั้น และจานวน นกั เรยี นตอ่ ห้องมปี ริมาณนอ้ ย เปน็ อปุ สรรคตอ่ การจดั การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญในบาง รายวิชา เช่น พลศึกษา เม่ือปรับชั้นเรียนให้เรียนรวมเป็นช่วงช้ันในรายวิชาสุขศึกษาพลศึกษา เพื่อให้ นักเรียนสามารถเรยี นรู้และฝึกปฏบิ ตั กิ ารเล่นกีฬาเป็นทมี ได้ ครูตระหนักและเห็นความสาคัญของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การ จดั การเรียนการสอนโดยใช้แหลง่ เรียนรูภ้ ายในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน การทางานเป็นทีม การ แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน การพัฒนาตนเองในการจดั การเรียนร้ทู เ่ี น้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ สถานศึกษา โรงเรียนวัดหนองตะครองมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านการจัดการเรียนการสอน ส่งผลให้นักเรียนได้รับรางวัลการประกวดแข่งขัน และท่ี สาคัญคือโรงเรียนวัดหนองตะครองได้รับการรับรองจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สมศ. และได้รับการยอมรับจากผู้ปกครอง ชุมชน และจากทุก ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนวัดหนองตะครอง ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงาน ตน้ สังกดั 4. โครงการพัฒนาแหล่งเรียนร้ทู ี่เออื้ ต่อการจัดการเรยี นการสอนทเี่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ผลการกาหนดแนวทางการดาเนินงานพฒั นาแหล่งเรียนรูท้ เี่ อือ้ ต่อการจดั การเรยี นการสอน ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เพื่อจัดทาและปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา โดยให้ทุกฝ่ายท่ี เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาสภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ การดาเนินการประกอบด้วย กิจกรรม 3 กิจกรรม คือ 1) การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือวางแผน 2) ศึกษาดูงาน 3) ปรับปรุงและ พัฒนาแหล่งเรียนรู้ ซึ่งการดาเนินงาน 2 รอบ รอบท่ี 1 ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2558 ถึงกันยายน 2558 รอบท่ี 2 วันท่ี 1 พฤศจิกายน 2558 ถึง เดือน 31 มีนาคม 2559 สามารถสรุปรายละเอียดการ ดาเนนิ งานไดด้ ังตอ่ ไปน้ี รอบที่ 1 โครงการพฒั นาแหลง่ เรียนรทู้ ่เี ออื้ ต่อการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็น สาคัญ การวางแผน (Plan) ทีมแกนนา ประกอบด้วย อบต.ชาญณรงค์ ปรีชานุมาศ อบต.อามรินทร์ อ่วมเครือ อบต. ประสาร ปล้ืมจิตร และมีสมาชิกโครงการ จานวน 14 คน รับชมวีดีทัศน์กรณีตัวอย่าง การพลิกโฉม โรงเรียนภายใน 1 ปี และร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อ การจดั การเรยี นการสอนท่เี น้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง การปฏบิ ตั ิ (Action) กิจกรรมท่ี 1 การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือวางแผน ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพ่ือ รว่ มกันวางแผนในวัน 20 มิถนุ ายน 2558 ณ ห้องประชุมโรงเรยี นวัดหนองตะครอง
160 กิจกรรมที่ 2 การศึกษาดูงาน มีจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื เสรมิ สร้างโลกทศั นใ์ ห้กับผู้ร่วมวิจัยและเพื่อ สรา้ งแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธ์ใิ ห้แก่ผู้วจิ ยั และผรู้ ว่ มวิจยั ในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยศึกษาดูงานท่ีโรงเรียนปากคลองกุ่ม ตาบลโคกคราม อาเภอบางปลาม้า เหตุผลท่ีเลือกไปศึกษาดูงานเพราะ 1) เป็นโรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีการปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการ จัดการเรียนการสอน Brain-based Learning ในการพัฒนาสมองเพื่อการเรียนรู้ โดยศึกษาดูงาน เก่ียวกับแนวทางการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา การบริหาร จดั การ การจดั สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง (BBL) และศึกษา ดูงานโรงเรียนวัดสวนแตง จังหวัดสุพรรณบุรี เก่ียวกับการบริหารโรงเรียนขนาดกลางแบบบูรณาการ (E–Learning และ BBL) รร.วดั สวนแตง (การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม) สาหรับวิธีการศึกษาดูงาน ครั้งนี้ เป็นการฟังบรรยาย จากผู้บริหารโรงเรียน การสอบถาม การอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เย่ียม ชมห้องเรียน และห้องปฏิบัตกิ ารพิเศษ ตลอดจนเย่ียมชมการจดั การเรยี นการสอน กิจกรรมที่ 3 ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ในการปรับปรุงและจัดสภาพแวดล้อมที่เอ้ือ ต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นกิจกรรมที่ดาเนินการในระหว่างเดือนกรฏาคม – กันยายน 2558 ซ่ึงในแต่ละกิจกรรมจะมีสมาชิกในโครงการกลุ่มที่ 4 เป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยใช้ งบประมาณเงนิ บริจาคเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาจากโครงการท่ี 1 ส่วนในด้านแรงงานได้รับความ ร่วมมือจาก กลุ่มท่ี 4 สละเวลามาร่วมกันดาเนินการในวันเสาร์ทุกสัปดาห์ การดาเนินการปรับปรุง พฒั นา ดังนี้ ปรับปรุงสนามเด็กเล่น ที่มีสภาพชารุดทรุดโทรม ไม่สามารถซ่อมแซมได้ มาดัดแปลงให้ เปน็ สนาม BBL จานวน 8 ฐาน ดังน้ี ปรบั ปรงุ สนามกฬี า ดงั น้ี สนามเปตอง ปรับพ้ืนเทหนิ คลุกฝนุ่ ทับ จานวน 2 สนาม จัดทาอาณาเขตขอบสนาม สนามวอลเล่ย์บอล ปรับปรุงพื้นที่เป็นหลุมก่อให้เกิดอันตรายแก่นักกีฬา เทพ้ืนปูนทับพ้ืน เดิม และปรบั จนพน้ื สมา่ เสมอ ชว่ ยกนั ทาสเี ส้นสนาม สนามตะกร้อ ปรับปรุงพ้ืนที่เป็นหลุมก่อให้เกิดอันตรายแก่นักกีฬา เทพื้นปูนทับพ้ืนเดิม และปรับจนพนื้ สม่าเสมอ ชว่ ยกนั ตีเสน้ สนาม สนามฟุตบอล ชว่ ยกนั ตดั หญา้ และปรบั พน้ื สนามฟุตบอล ซ่อมแซมประตูฟุตบอล ปรบั ปรงุ ห้องสมดุ ใหเ้ ปน็ หอ้ งสมุดมชี ีวติ ดงั นี้ จัดหมวดหมู่หนังสือแบบดิวอี้ เพ่ือสร้างประสบการณ์พื้นฐานในการใช้ห้องสมุดให้แก่ นกั เรยี น เพ่ือใชใ้ นการศึกษาในระดับที่สูงข้ึน จัดสถานท่ีนง่ั อ่านหนังสอื ใหส้ วยงามน่าใชบ้ ริการ จดั กจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่าน จดั ทามุม ICT สาหรบั บรกิ ารสบื ค้นหาขอ้ มูล จัดมมุ บนั เทงิ สาหรับนักเรียนในการรบั ชมสารคดตี า่ ง ๆ จากทวี ี โดยรับฟงั เสยี งจากหูฟงั ปรบั ปรงุ ห้องคอมพวิ เตอร์ สาหรบั จัดกิจกรรมการเรียนการสอน จัดทาห้องวิทยาศาสตร์ จัดหาอุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และปรับปรุงห้องเรียน ให้เอื้อตอ่ การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์
161 จัดทาลานธรรม ใต้ร่มไม้ เพื่อใช้สาหรับดาเนินกิจกรรมวิถีพุทธ ได้แก่ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยร่วมกันปรับพ้ืนท่ี และนาแผ่นปูนสาเร็จมาวางสาหรับนั่งทา กิจกรรม จัดทาฐานสาหรบั ประดษิ ฐฐ์ านพระพุทธรปู ประจาโรงเรยี น ปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั เพ่ือตกแต่ง สถานท่ีให้สวยงามรม่ รนื่ สงบรม่ เยน็ ปรับปรุงโรงอาหารให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ปรับปรุงสถานที่ประกอบอาหาร โต๊ะสาหรับ นง่ั รบั ประทานอาหาร สถานทลี่ ้างภาชนะ จดั ทาหอ้ งพยาบาล แยกเตียงผปู้ ว่ ยชาย และผู้ป่วยหญิง จัดหายาไว้สาหรับบริการนักเรียน ทป่ี ่วย จดั ทาแหล่งเรียนรู้ตามโครงการสถานศกึ ษาพอเพยี ง ดงั นี้ จดั ทาโรงเพาะเหด็ ขนาด 4X8 เมตร มงุ หลงั คาและฝาผนังด้วยหญ้าคา ใช้ไม้ยูคาและไม้ไผ่ ในหมู่บา้ นทาโครงสรา้ ง และชนั้ วางกอ้ นเหด็ นางฟา้ จัดทาแปลงผักสวนครัว เพ่ือนามาใช้ประกอบอาหารในโครงการอาหารกลางวันสาหรับ นกั เรยี น ร่วมกันทาร้ัวกั้นอาณาเขตระหว่างโรงเรียนกับไร่อ้อย ด้วยการร่วมกันปลูกไผ่กิมซุง เพื่อ ความรว่ มร่นื และนาหน่อไมม้ าประกอบอาหารในโครงการอาหารกลางวัน จัดทาห้องสหกรณ์โรงเรียนวัดหนองตะครอง ดาเนินกิจการสหกรณ์โรงเรียนวัดหนอง ตะครอง โดยชุมชน ผู้ปกครอง นักเรียน และคณะครูร่วมกันซื้อหุ้น เพื่อเป็นการระดมทุนในการ ดาเนนิ การ โดยจาหน่ายสนิ ค้าในราคาถกู กว่าทอ้ งตลาด และมปี ันผลให้กบั สมาชกิ เมื่อส้ินปี ปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ มใหเ้ ออ้ื ตอ่ การจดั การเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคญั ดงั นี้ ปรับปรุงห้องส้วมและสร้างสุขนิสัยการใช้ส้วมให้กับนักเรียน โดยปูพ้ืนห้องน้าและผนัง ห้องน้าด้วยกระเบื้องเซรามิค ติดฝักบัวอาบน้า ฝักบัวชาระ และเปล่ียนโถส้วมเป็นแบบน่ังราบ มีท่ีกด น้าอัตโนมัติ ด้านหน้าห้องน้า มีท่ีกดสบู่เหลวสาหรับล้างมือ มีกระดาษชาระไว้สาหรับเช็ดมือ และมี กระจกและอ่างล้างหน้า เพ่ือเป็นการจาลองชีวิตในเมืองให้กับนักเรียนในชนบทได้ฝึกใช้เพ่ือเป็นท่ี สร้างประสบการณ์ ปรับปรุงห้องเรียน ให้มีส่ือและนวัตกรรมท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นท่ีเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญทุกห้องเรยี น ใหเ้ พยี งพอกบั จานวนนักเรียน โดยให้ทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการปรับปรุง และพัฒนาห้องเรียน ร่วมกันออกแบบห้องเรียนสมัยใหม่ ในงบประมาณท่ีจากัด ประกอบด้วย กิจกรรมและผลการดาเนนิ งาน 7 กิจกรรม ดังน้ี 1) ติดตั้งโน้ตบุ๊คเชื่อมต่อกับ TV จากโครงการโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อใช้แทน จอmonitor ทุกห้องเรยี น 2) นาแท็ปเล็ต มาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) เพือ่ ฝึกทกั ษะการใช้ภาษาองั กฤษโดยเฉพาะทกั ษะการฟัง ทกุ ชัน้ เรียน 3) จดั ทากระดานเคล่อื นที่ ไวป้ ระจาทกุ หอ้ งเรยี น 4) บริการส่ือ โดยใช้ External HardDisk บรรจุ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ บทเรียนช่วยสอน 8 กลุ่มสาระ เพอ่ื บรกิ ารครู 5) บรกิ าร flash drive คณะครูและบคุ ลากร และนกั เรยี นทกุ คน
162 6) มีมุมสื่อ วัสดุอุปกรณ์ประกอบการสอนตามหลัก BBL ท่ีห้องเรียน และปรับปรุงโต๊ะ นักเรียนใหม้ สี สี ันสวยงาม 7) ปรบั ปรงุ บอร์ดแสดงผลงานนกั เรียนตามหลัก BBL 8) จัดมุมสาหรับอา่ นหนังสือและค้นควา้ สาหรับนักเรยี น การสังเกต (Obseration) หลังจากศึกษาดูงาน ที่โรงเรียนวัดสวนแตง และโรงเรียนปากคลองกุ่ม ได้ดาเนินการจัด ประชุมเพ่ือวางแผนกันปรับปรุงสภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน คณะกรรมการท่ี รับผิดชอบ แสดงความคิดเห็นให้แต่ละคน หาวัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่ในท้องถ่ิน หรือตามบ้านเรือน และ กาหนดให้มีการร่วมกนั พัฒนาในวันเสาร์ของแตล่ ะสปั ดาห์ ให้มาร่วมกันปรบั ปรุงและพฒั นา เน่ืองจาก วันเสาร์เป็นวันหยุดของทุกคน สามารถมาร่วมกันพัฒนา ปรับปรุงได้ทุกคน กิจกรรมแรกที่ร่วมกัน ดาเนินการคือกิจกรรม Big cleaning day อาณาบริเวณของโรงเรียน ห้องเรียน และร่วมกันปรับปรุง ซอ่ มแซม จากนั้นจงึ ร่วมกันจดั ทาแหล่งเรยี นรูต้ ่าง ๆ โดยดาเนนิ การตามแผนที่วางไว้ การสะทอ้ นผล (Reflection) การดาเนินการปรับปรงุ สนามเดก็ เลน่ ทม่ี สี ภาพชารุดทรุดโทรม ไม่สามารถซอ่ มแซมได้ มา ดัดแปลงให้เป็นสนาม BBL จานวน 8 ฐาน นั้น ได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่างมาก นักเรียน ชอบฐานท่ีท้าทาย ฐานที่ยากนักเรียนโตหรือนักเรียนท่ีแข็งแรงทาได้ นักเรียนคนอ่ืน ๆ ก็จะให้ความ สนใจ และไปฝึกปฏบิ ตั จิ นทาได้ ดงั นน้ั จงึ ควรปรับฐานท่ีเรียบง่ายให้ท้าทายความสามารถของนักเรียน เพ่ือเพ่มิ ความสนใจในการใช้สนาม BBL ของนกั เรียน การดาเนินการปรับปรุงสนามกีฬา จนพร้อมใช้งาน ควรติดไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณสนาม เพิ่มเติม เพือ่ เปดิ โอกาสใหช้ ุมชนเขา้ มาใชบ้ รกิ ารช่วงหลังเลิกเรียน การดาเนินการปรับปรุงห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดมีชีวิต ควรจัดกิจกรรมเกมการแข่งขัน ภายในหอ้ งสมดุ ให้นักเรียนไดเ้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมในช่วงพกั กลางวัน การดาเนินการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์ สาหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ควร เปล่ียนแปลงการจัดการเรียนการสอนท่ีชั้นเรียน เน่ืองจากนักเรียนแต่ละห้องมีจานวนน้อย การนา เคร่ืองคอมพิวเตอร์ไปรวมไว้ที่ห้องคอมพิวเตอร์ นักเรียนได้เรียนสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง แต่ถ้านาเคร่ือง คอมไปกระจายไว้ตามห้องเรียน นักเรียนสามารถฝึกฝนการใช้คอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา ทั้งในด้าน การเรียนและการศึกษาคน้ คว้า การดาเนินการจัดทาห้องวิทยาศาสตร์ จัดหาอุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และ ปรับปรุงห้องเรียนให้เอ้ือต่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ควรเพิ่มเติมชุดอ่างล้างในห้องปฏิบัติการ เพื่อสะดวกในการทดลอง การดาเนินการจดั ทาลานธรรม ควรปรบั ปรงุ ทน่ี ัง่ จากเดมิ ท่ีใช้แผน่ ปนู สาเร็จ เพยี ง 1 แผ่น : นกั เรยี น 1 คน น้นั นกั เรียนโตนัง่ ไดเ้ พียงอยา่ งเดยี วไม่สามารถกราบพระได้ จงึ ควรเพิ่มแผ่นปูสาเร็จ 2 แผน่ : นักเรียน 1 คน เพือ่ สะดวกในการน่ังและกราบพระประธาน การดาเนินการปรับปรุงโรงอาหารให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ปรับปรุงสถานท่ีประกอบ อาหาร โต๊ะสาหรับน่ังรับประทานอาหาร สถานท่ีล้างภาชนะควรปูกระเบื้องอ่างล้างจาน เพ่ือสะดวก
163 แก่การทาความสะอาด และควรเพิ่มฟักบัวท่ีก๊อกน้าอ่างล้างจาน เพื่อไม่ให้น้ากระเด็น และควรทาท่ี ควา่ จานวางกลางแจ้งเพื่อผึ่งภาชนะตากแดดใหแ้ ห้งก่อนเก็บเขา้ ตู้ การดาเนินการจัดทาห้องพยาบาล แยกเตียงผู้ป่วยชาย และผู้ป่วยหญิง จัดหายาไว้สาหรับ บริการนกั เรียนที่ปว่ ย ควรติดต้งั พัดลมผนังเพิ่มเติม การดาเนนิ การจัดทาโรงเพาะเห็ด ควรจดั ทาระบบให้นา้ แบบสปรงิ เกอร์ เพ่ือใหส้ ะดวกและ ประหยดั เวลาในการให้น้า การดาเนินการปรับปรุงห้องส้วม และการสร้างสุขนิสัยการใช้ส้วมให้กับนักเรียน ควรสร้าง ห้องส้วมสาหรับนักเรียนอนุบาลแยกจากนักเรียนประถม เพราะขนาดโถส้วมต่างกัน และควรสร้างไว้ ภายในอาคารอนุบาล เพอื่ ครจู ะไดด้ ูแลนกั เรียนอย่างใกลช้ ดิ เพือ่ ความปลอดภัย การดาเนินการปรับปรุงห้องเรียน ให้มีสื่อและนวัตกรรมที่เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้น นักเรียนเป็นสาคัญทุกห้องเรียน ควรจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับคณะครูเกี่ยวกับวิธีการใช้วัสดุ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ในช้นั เรียน รอบที่ 2 โครงการพัฒนาแหลง่ เรียนรทู้ ี่เออ้ื ต่อการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็น สาคัญ การวางแผน (Plan) ทีมแกนนาร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้ท่ีเอื้อต่อการจัดการ เรยี นการสอนทเ่ี น้นผ้เู รยี นเป็นสาคัญของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง ท่ีตอ้ งการปรับปรุง การปฏบิ ตั ิ (Action) ดาเนินการปรับปรุงสนามเด็กเล่น BBL จานวน 8 ฐาน ให้มีความท้าทายในการเล่น โดย การปรับวิธีการเล่น และทาสีเพื่อความสวยงาม และกระตุ้นการเรียนรู้ตามหลัก BBL (Brain Based Learning) ดาเนนิ การตดิ ไฟฟ้าส่องสวา่ งบรเิ วณสนาม เพอ่ื เปิดโอกาสให้ชมุ ชนเขา้ มาใช้บรกิ ารช่วงหลัง เลกิ เรยี น และใชใ้ นการฝึกซอ้ มกีฬา ดาเนินการปรบั ปรงุ หอ้ งสมุดให้เปน็ ห้องสมุดมชี วี ิต โดยนกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ธนบรุ รี ว่ มกับ บริษัทกระทิงแดง ดาเนินการจัดกิจกรรมเกมการแข่งขันทักษะทางวิชาการภายในห้องสมุด ให้เพ่ือให้ นกั เรียนไดเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรมในชว่ งพักกลางวนั ดาเนินการนาเครื่องคอมพิวเตอร์จากห้องคอมพิวเตอร์ไปติดตั้งไว้ตามห้องเรียนและเดิน ระบบLanให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในอาคารเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถฝึกฝนการใช้คอมพิวเตอร์ได้ ตลอดเวลา ทง้ั ในด้านการเรียนและการศึกษาคน้ ควา้ ดาเนินการจัดทาชุดอ่างล้างในห้องปฏิบัติการ เพ่ือสะดวกในการทดลองปฏิบัติการทาง วทิ ยาศาสตร์ ดาเนินการปรับปรุงท่ีนั่งบริเวณลานธรรมจากเดิมที่ใช้แผ่นปูนสาเร็จ เพียง 1 แผ่น : นักเรยี น 1 คน เพ่ิมแผ่นปูสาเรจ็ 2 แผ่น : นักเรียน 1 คน เพ่ือสะดวกในการนง่ั และกราบพระพทุ ธรปู ดาเนินการปรับปรุงโรงอาหารให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ปรับปรุงสถานที่ประกอบอาหาร โต๊ะสาหรบั นงั่ รบั ประทานอาหาร ปูกระเบือ้ งอ่างล้างจาน เพ่ือสะดวกแก่การทาความสะอาด และเพิ่ม
164 ฟักบัวท่ีก๊อกน้าอ่างล้างจาน เพื่อไม่ให้น้ากระเด็นเวลาล้างภาชนะ และจัดทาท่ีคว่าจานกลางแจ้งที่มี แสงแดดสอ่ งถงึ ดาเนนิ การติดต้ังพัดลมติดผนงั ห้องพยาบาล เพ่ิมเตมิ เพือ่ ระบายความรอ้ น ดาเนินการจดั ทาระบบให้น้าแบบสปริงเกอร์ในโรงเรอื นเพาะเห็ดนางฟ้า เพือ่ ใหส้ ะดวกและ ประหยดั เวลาในการใหน้ ้า ดาเนินการสร้างห้องส้วมสาหรับนักเรียนอนุบาลแยกจากนักเรียนประถม โดยสร้างไว้ ภายในอาคารอนุบาล เพ่ือท่ีครูจะได้ดแู ลนักเรียนอยา่ งใกล้ชดิ เพ่อื ความปลอดภัย จัดอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารใหก้ ับคณะครเู กย่ี วกับวิธีการใชว้ ัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในชน้ั เรียน การสงั เกต (Obseration) ทมี แกนนาและสมาชิกทร่ี บั ผิดชอบโครงการ มาร่วมกันปรบั ปรุงและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ใน วนั เสาร์ของแตล่ ะสัปดาห์ เน่ืองจากวันเสาร์เปน็ วันหยดุ ของทกุ คน และร่วมกนั ดาเนนิ การกิจกรรม Big cleaning day อาณาบริเวณแวดล้อมของโรงเรียน จากน้ันจึงร่วมกันปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ โดย ดาเนินการตามแผนทว่ี างไว้ การสะทอ้ นผล (Reflection) ทีมแกนนาและสมาชิกที่รับผิดชอบโครงการ มีความภาคภูมิใจในผลงานท่ีร่วมกันพัฒนา โดยเฉพาะสนามเด็กเล่น BBL ที่ร่วมกันออกแบบ และทดลองใช้สนามร่วมกับเด็กนักเรียนอย่าง สนุกสนาน แต่ละคนมีความคดิ เห็นวา่ ควรนดั รวมกนั เพ่ือพัฒนาโรงเรียนเดอื นละหนึง่ ครัง้ เพ่อื เป็นการ พบปะสงั สรรค์และทาประโยชน์เพ่ือสว่ นรวม ผลการดาเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ ด้านกระบวนการ การดาเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็น สาคญั โดยมีการประชมุ วางแผนร่วมกนั ระหว่างโรงเรยี น และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้นาชุมชน เพ่ือดาเนินงานพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อ การจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา โดยให้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาสภาพแวดล้อมแหล่งเรียนรู้ ประกอบด้วยกิจกรรมและผล การดาเนินงาน 3 กิจกรรม คือ 1) การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือวางแผน 2) ศึกษาดูงาน 3) ปรับปรุง และพฒั นาแหลง่ เรยี นรู้ โดยมีการกากบั ตดิ ตามและการประเมินตรวจสอบภาระงานอย่างเปน็ ระบบ มี การประชมุ ติดตามความคืบหนา้ ของงานในวันที่ 20 ของทกุ เดือนอย่างต่อเน่อื ง หลังจากมีการวางแผนการดาเนินงานร่วมกับชุมชนเรียบร้อยแล้ว ได้ดาเนินการ ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ศิษย์ เก่า ผู้ปกครองนักเรียน การดาเนินการได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน ผู้ปกครอง ผู้นาชุมชน ในการ ใหย้ ืมเคร่ืองมือ อปุ กรณ์ต่าง ๆ และเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นา ปรับปรงุ ซอ่ มแซม ด้านผลผลิตของโครงการ โรงเรียนวดั หนองตะครองมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและท้าทาย และมีแหล่งเรียนรู้ที่เอ้ือ ต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ รวมถึงห้องพิเศษต่าง ๆ อย่างเพียงพอ สาหรับใช้ในการ
165 จัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู และการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน สาหรับด้านการมีส่วน ร่วมกับชุมชน พบว่า การดาเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่ีเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน เป็นสาคัญในคร้ังน้ีได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกฝ่าย ทั้งชุมชน ผู้นาท้องถิ่น ได้มีส่วนร่วมใน การวางแผน การดาเนนิ งาน มีสว่ นรว่ มในการปฏิบัติ และประเมินผล ด้านผลกระทบ นักเรียน ได้ศึกษาแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน เกิดทักษะ กระบวนการในการเรียนรู้ที่ หลากหลาย ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง การฝึก การลงมือปฏิบัติ การแสวงหาความรู้ การ รวบรวมขอ้ มูล กระบวนการคิด การแก้ปัญหา การทางานอย่างเป็นข้ันตอน การใช้เทคโนโลยี ผลท่ีได้ จากการประเมินแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษาที่ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคญั ได้รบั ความสนใจจากนกั เรียนเปน็ อยา่ งมาก สถานศึกษา ได้รับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ใหม่ ๆ สภาพแวดล้อมช่วยกระตุ้นพัฒนาการของสมอง โรงเรียนวัดหนองตะครองได้รับการยอมรับ จากทุกฝ่ายมากข้ึน ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานต้นสังกัดในด้านการบริหารจัดการโรงเรียน ขนาดเล็กในด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมอง และส่งเสริมการเรียนรู้ของ นักเรียนด้วยสนามเด็กเล่น BBL เพ่ือพัฒนาสมองน้อยและไขสันหลังของนักเรียนให้แข็งแกร่ง ทาให้ การเรยี นร้ขู องนกั เรยี นมปี ระสทิ ธภิ าพมากขึน้ ชมุ ชน การดาเนนิ การทกุ อย่างเร่ิมต้นจากการมีส่วนร่วมของชุมชน การวางแผน การแสดง ความคิดเห็น การอภิปราย การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การร่วมระดมทุน (งบประมาณ) การเสนอ แนวทางในการจัดทาและปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน การร่วม แรงร่วมใจ มีบุคคลในชุมชนหลายฝ่าย ประกอบด้วยคณะกรรมการสถานศึกษา ท่ีปรึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ศิษย์เก่า ชาวบ้านมาร่วมกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงการ ทางานรว่ มกนั การแบ่งปนั การแลกเปลี่ยนประสบการณก์ ัน 5. โครงการส่งเสรมิ ศกั ยภาพผู้เรยี นอยา่ งหลากหลาย ผลการประชุมกาหนดแนวทางการดาเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนอย่าง หลากหลาย ประกอบดว้ ยกจิ กรรม 7 กิจกรรม คอื 1) การประชุมเชิงปฏบิ ตั ิการเพื่อวางแผน 2) ศกึ ษา ดูงาน 3) จัดกิจกรรมวิถีพุทธ 4) จัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต 5)โครงการ EBE (English Bilingual Education) 6) จัดกิจกรรมสถานศึกษาพอเพียง 7) จัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนด้านกีฬา ซ่ึง การดาเนินงาน 2 รอบ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2558 ถึง 30 กันยายน 2558 รอบที่ 2 วันท่ี 1 พฤศจิกายน 2558 ถึง 31เดือนมีนาคม 2559 สามารถสรุปรายละเอียดการดาเนินงานได้ ดังตอ่ ไปน้ี รอบที่ 1 โครงการสง่ เสริมศกั ยภาพผเู้ รยี นอย่างหลากหลาย การวางแผน (Plan) การประชมุ เชิงปฏบิ ัติการเพ่อื วางแผน / กาหนดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้เรียน โดย ใชก้ ระบวนการจดั การเรียนรู้ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ผ่านกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
166 การปฏบิ ตั ิ (Action) กิจกรรมที่ 1 การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือวางแผน / กาหนดกิจกรรม เพื่อส่งเสริม คุณภาพผู้เรียน โดยร่วมกันวิเคราะห์นโยบายของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 1เพ่ือกาหนดกิจกรรมสู่การปฏิบัติผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคญั ผา่ นกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ดังนี้ 1. กจิ กรรมโรงเรยี นสจุ ริต รายละเอียดการดาเนินกจิ กรรม 1.1 การศึกษาดูงาน มีจุดมุ่งหมายเพ่ือเสริมสร้างโลกทัศน์ให้กับผู้ร่วมวิจัยและเพื่อสร้าง แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ให้แก่ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยในการจัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนอย่าง หลากหลาย โดยได้ไปศึกษาดูงานท่ีโรงเรียนวัดหนองบัว อาเภอด่านมะขามเต้ีย จังหวัดกาญจนบุรี ใน เหตุผลที่เลือกไปศึกษาดูงานโรงเรียนวัดหนองบัว เพราะเป็นโรงเรียนแกนนาโรงเรียนสุจริต และ โรงเรียนบ้านทา่ มะนาวเป็นโรงเรียนทผี่ า่ นการประเมนิ สถานศึกษาพอเพียง 1.2 คัดเลือกนักเรียนแกนนาจานวน 15 คน เพ่ือส่งเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ โรงเรียนวดั หนองบัว อาเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบรุ ี 1.3 การจัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต ในงานพิธีการทุกครั้งจะสอดแทรกกิจกรรมโรงเรียน สุจริต ในพิธีเปิดเร่ิมด้วยทุกคนเข้าร่วมพิธีเปิด หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แม้กระท่ังเข้าร่วมประชุม ขบั รอ้ งเพลงชาตริ ่วมกัน สวดมนตไ์ วพ้ ระ และกล่าวปฏญิ ญาโรงเรียนสุจรติ พร้อมกนั ในช่วงเวลา 15.00 น. - 16.00 น. ในวันจันทร์และวันอังคาร ของแต่ละสัปดาห์ นักเรียน แกนนาโรงเรียนสุจริตจานวน 15 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต โดยนักเรียนช้ันประถมศึกษา ปีที่ 1-6 เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน นักเรียนแกนนามีหน้าท่ีออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือแก้ปัญหาท่ี เกิดขึ้นในโรงเรยี น ได้แก่ วางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ พูดจาไม่สุภาพ ห้องเรียนไม่สะอาด เป็นต้น ท้ังนี้ การดาเนินกิจกรรมโดยนักเรียนแกนนา และนักเรียนคนอ่ืน ๆ ร่วมกันระดมความคิดเห็นเก่ียวกับ ปัญหา และแนวทางแกไ้ ข โดยการสรา้ งข้อตกลงรว่ มกนั 2. กิจกรรมวิถีพุทธเป็นกิจกรรมที่พัฒนาและส่งเสริมด้านคุณธรรมจริยธรรมแก่ผู้เรียน อีก ท้ังเป็นการสร้างประสบการณ์ด้านพิธีการ และศาสนพิธีของชาวพุทธศาสนิกชน รายละเอียดขั้นตอน การดาเนินการมดี ังนี้ 2.1 ประชุมคณะครู และเจ้าอาวาสวัดหนองตะครอง เพื่อร่วมกันวางแผนการจัด กิจกรรมเพ่อื ส่งเสรมิ ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมแกผ่ เู้ รยี น 2.2 สวดมนต์ นง่ั สมาธิ สมาทานศลี 5 และแผ่เมตตา ณ ลานธรรมโรงเรียน วัดหนองตะครอง หลงั จากทากจิ กรรมหน้าเสาธงตอนเชา้ ทกุ วนั 2.3 คณะครูและนกั เรียน นาอาหารไปร่วมทาบุญถวายภัตราหารเพลแด่พระสงฆ์ ณ วัด หนองตะครอง ทกุ วันพระ และรว่ มกันพัฒนาวดั หนองตะครอง 2.4 คณะครูและนักเรียน ร่วมกันสวดมนต์ทาวัตรเย็น เวลา 15.00-16.00 น. ทุกวัน ศุกร์ทุกสัปดาห์ 2.5 คณะครแู ละนกั เรยี นรว่ มกิจกรรมทางศาสนาในวนั สาคญั ทางศาสนา ดงั น้ี 1) เวียนเทียน ในวันมาฆบูชา วันวสิ าขบชู า วันอาสาฬหบชู า 2) แห่เทยี นเข้าพรรษา ณ วดั หนองตะครอง และวดั หนองเกวียน
167 3) คณะครูและนักเรียนร่วมกันตักบาตรเทโว และร่วมเดินนางฟ้า และเทวดา ใน กิจกรรมผา้ ปา่ นางฟ้า กจิ กรรมที่ 3 กจิ กรรมดาวรุ่งม่งุ สทู่ ีมชาติ เป็นกจิ กรรมทีส่ ่งเสริมศกั ยภาพผู้เรยี นด้านกีฬา มี รายละเอียดการดาเนินกิจกรรมดังนี้ 3.1 ประชุมคณะทางานเพ่ือร่วมกันวางแผน กาหนดกิจกรรม เพื่อพัฒนาและส่งเสริม ศกั ยภาพผเู้ รียนด้านกีฬา 3.2 ผู้เข้าร่วมประชุม ร่วมกันนาเสนอรายชื่อผู้ที่มีความสามารถในด้านกีฬาประเภทต่าง ๆ ของชุมชน เพื่อมาเป็นโค้ชในการฝึกสอนกีฬาให้กับนักเรียนในช่วงเวลา 15.00 น. 16.30 น. ในวัน พฤหัสบดใี นแตล่ ะสปั ดาห์ โดยมกี ีฬาประเภทต่าง ๆ ดังนี้ 1) ฟตุ บอล 2) ฟุตซอล 3) วอลเลยบ์ อล 4) เปตอง 5) ตะกรอ้ 3.3 ชุมชนเขา้ มาร่วมเป็นโค้ช ฝึกสอนและฝึกซอ้ มกีฬาประเภทต่าง ๆ ใหก้ ับนกั เรยี น กิจกรรมท่ี 4 กิจกรรมส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษ โครงการ EBE (English Bilingual Education) เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษ มีรายละเอียดการดาเนิน กจิ กรรมดงั นี้ 1. ประชุมคณะทางานเพ่ือร่วมกันวางแผน กาหนดกิจกรรม เพ่ือพัฒนาและส่งเสริม ศักยภาพผเู้ รียนดา้ นภาษาองั กฤษแกน่ ักเรียน ดงั นี้ 1.1 จัดการเรียนการสอน วิชาสังคมศึกษา วิชาศิลปะ และวิชาวิทยาศาสตร์ เป็น ภาษาอังกฤษ ตามแนวทางของโครงการ EBE (English Bilingual Education) 1.2 เชิญชาวต่างชาติท่ีมาแต่งงานกับคนไทย มาช่วยสอนภาษาอังกฤษ ให้กับนักเรียน โดยเนน้ ฝึกทกั ษะการพูดและการฟงั โดยมาสอนทุกวนั พุธ ของแตล่ ะสปั ดาห์ 1.3 จดั ค่ายภาษาองั กฤษ 2. จดั ทาปา้ ยภาษาอังกฤษ ตดิ ตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในสถานศกึ ษา 3. จัดกิจกรรมคณะครูและนักเรียนทักทายและสนทนากันด้วยภาษาอังกฤษในวันพุธ ของ แต่ละสัปดาห์ การสงั เกต (Obseration) การจัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต ในช่วงเวลา 15.00 น. - 16.00 น. ในวันจันทร์และวัน องั คาร ของแตล่ ะสัปดาหน์ ้นั นกั เรียนท่เี ป็นแกนนาปฏบิ ัตหิ น้าที่เปน็ ผูน้ ากิจกรรมได้ดมี าก นกั เรียนคน อื่น ๆ ก็ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความต้ังใจ ครูเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ และให้ คาปรึกษา แนะนา ช่วยเหลือ การดาเนินกิจกรรม สวดมนต์ น่ังสมาธิ สมาทานศีล 5 และแผ่เมตตา ตอนเช้าทุกวัน นกั เรยี นบางคนไมช่ อบนงั่ สมาธิ ต้องมีครกู ากบั ดูแลการดาเนินกิจกรรม สาหรับกิจกรรมการนาอาหาร ไปร่วมทาบุญถวายภัตราหารเพลแด่พระสงฆ์ ณ วัดหนองตะครอง ทุกวันพระ นักเรียนบางคนไม่ได้
168 เตรียมอาหารมาเนื่องจากมีฐานะยากจน แต่ทุกคนร่วมกันพัฒนาวัดหนองตะครองด้วยความต้ังใจ สาหรับการสวดมนต์ทาวัตรเย็น เวลา 15.00-16.00 น. ทุกวันศุกร์ทุกสัปดาห์ การให้น่ังเรียนนั่งท่า เทพบุตรและเทพธิดานั้น นักเรียนจะไม่มีสมาธิ เมื่อต้องนั่งเป็นเวลานาน จึงอนุญาตให้นักเรียนน่ังพับ เพียบเมอ่ื รสู้ ึกเมือ่ ย เพ่ือจะไดม้ ีสมาธิในการสวดมนต์ การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในวันสาคัญทางศาสนานั้น นักเรียนมีความสุข และ สนุกสนานในการเข้ารว่ มกิจกรรมนอกสถานท่ี การดาเนินกิจกรรมดาวรุ่งมุ่งสู่ทีมชาติ ได้รับความร่วมมือจากโค้ช ในการทาหน้าท่ีฝึกสอน และฝึกซ้อมกีฬาให้กับนักเรียน นักเรียนให้ความสนใจโดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ผู้ปกครองนักเรียนให้ การสนบั สนับซอ้ื รองเท้าสตาร์ทให้กบั นกั เรียนเพ่ือใชใ้ นการฝกึ ซอ้ ม โค้ชจัดหาชดุ กฬี าใหก้ ับนักเรยี น การดาเนินกิจกรรมโครงการ EBE (English Bilingual Education) เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริม ศักยภาพผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษ นั้น พบว่าการดาเนินการยังไม่ประสบความสาเร็จ เน่ืองจากพ้ืน ความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษนักเรียนน้อยมาก จึงไม่สามารถเรียนรู้เนื้อหาในรายวิชา ศิลปะ สังคม ศึกษาและวิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษได้ ครูจึงสอนเน้ือหาวิชาเป็นภาษาไทย และมอบหมายให้ นักเรียนไปค้นคว้าหาความหมายของคาศัพท์ที่ควรรู้ โดยครูจัดทาใบงานคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เพ่ือ ประกอบการสอน การสะทอ้ นผล (Reflection) คณะครู และนักเรียนแกนนาจานวน 15 คน มีความเห็นว่าการจัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต ในชว่ งเวลา 15.00 น. - 16.00 น. ในวันจันทร์และวันอังคาร ของแต่ละสัปดาห์นั้น สามารถแก้ปัญหา ต่าง ๆ ของโรงเรียนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ดงั น้นั ควรลดเวลาในการดาเนินกิจกรรม ร่วมกันระดมความคิดเห็น เกีย่ วกบั ปัญหา และแนวทางแกไ้ ข โดยการสร้างขอ้ ตกลงรว่ มกนั โดยควรเหลือเพยี งวนั จันทร์ เพียงวัน เดยี วสาหรับนาเสนอผลการดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ตามขอ้ ตกลง คณะครู และเจ้าอาวาสวัดหนองตะครอง มีความเห็นตรงกันว่า การดาเนินกิจกรรม สวด มนต์ น่ังสมาธิ สมาทานศีล 5 และแผ่เมตตา ตอนเช้าทุกวัน ส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมท่ีเรียบร้อย และเข้าใจในหลักธรรม ศีล 5 ข้อ สาหรับกิจกรรมการนาอาหารไปร่วมทาบุญถวายภัตราหารเพลแด่ พระสงฆ์ ณ วัดหนองตะครอง ทุกวันพระ และร่วมกันพัฒนาวัดหนองตะครอง น้ัน ส่งผลให้นักเรียน ปรบั ปรงุ พฤตกิ รรมในการมาวดั นกั เรยี นมมี ารยาทเขา้ รว่ มกิจกรรมอย่างเปน็ ระเบยี บ การสวดมนต์ทา วัตรเย็น เวลา 15.00-16.00 น. ทุกวันศุกร์ทุกสัปดาห์ ทาให้นักเรียนจาบทสวดมนต์ได้ และสวดมนต์ อย่างตั้งใจ มีนักเรียนส่วนน้อยท่ีขาดสมาธิ ดังนั้นจึงควรแก้ปัญหาโดยจัดให้นักเรียนนั่งเดี่ยวเว้น ระยะหา่ งพอสมควร โดยปเู สอื่ สาหรบั นง่ั สวดมนต์ เว้นระยะหา่ ง ระหวา่ งผืนเส่อื สาหรับการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในวันสาคัญทางศาสนา น้ัน คณะครูมีความคิดเห็น ว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ส่งเสริมและปลูกนิสัยการเสียสละเพ่ือส่วนรวม ในด้านการบอกบุญเรี่ยไรเพื่อ พฒั นาวดั หนองตะครองและโรงเรียนวัดหนองตะครอง สาหรับการดาเนินกิจกรรมดาวรุ่งมุ่งสู่ทีมชาติ คณะทางานมีความเห็นว่า เป็นกิจกรรมท่ีดี ควรดาเนินการอย่างต่อเน่ือง เป็นการฝึกซ้อมเพ่ือสร้างความสามัคคีในชุมชน และรองรับการแข่งขัน กีฬาประจาตาบลหนองตากยา แต่ควรปรับเวลาการฝึกซ้อม เหลือวันละ 1 ช่ัวโมง และควรมีการ ฝกึ ซอ้ มทุกวนั หรืออยา่ งน้อยสปั ดาหล์ ะ 3 วัน
169 การดาเนินกิจกรรมโครงการ EBE (English Bilingual Education) เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริม ศักยภาพผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษ น้ัน พบว่าการดาเนินการยังไม่ประสบความสาเร็จ เน่ืองจากพื้น ความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษนักเรียนน้อยมาก จึงไม่สามารถเรียนรู้เน้ือหาในรายวิชา ศิลปะ สังคม ศกึ ษาและวทิ ยาศาสตร์ ได้ คณะครูทผ่ี ู้สอนรายวิชาศิลปะ สังคมศึกษาและวิทยาศาสตร์ มีความเห็นวา่ ควรจัดครูภาษาอังกฤษเข้าสอนควบคู่กับครูวิชาเอกศิลปะ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ โดยให้ครู วิชาเอกอธิบายเนื้อหาวิชาการเรียนการสอน ส่วนครูภาษาอังกฤษ ฝึกออกเสียงคาศัพท์ท่ีน่าสนใจ ให้ นักเรยี นได้ฝึกออกเสียงและเรียนรู้คาศัพท์ รอบท่ี 2 โครงการสง่ เสริมศักยภาพผู้เรยี นอยา่ งหลากหลาย การวางแผน (Plan) คณะครูร่วมกันปรับลด เพิ่มเติม และเปล่ียนแปลงแนวทางการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ใน โครงการส่งเสรมิ ศกั ยภาพผูเ้ รียนอยา่ งหลากหลาย การปฏบิ ัติ (Action) ปรับลดเวลาการจดั กิจกรรมโครงการโรงเรียนสจุ รติ ในช่วงเวลา 15.00 น. - 16.00 น. โดย ดาเนินการในวันจันทร์เพียงวนั เดียวสาหรบั นาเสนอผลการดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ตามข้อตกลง ปรับสถานที่นั่งทากิจกรรมที่วัด โดยจัดให้นักเรียนน่ังเด่ียวเว้นระยะห่างพอสมควร โดยปู เสอื่ สาหรบั นงั่ โดยปูเสอ่ื 1 ผืน เวน้ 1 ผนื เพ่อื ความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย ดาเนินกจิ กรรมปรบั เวลาการฝึกซ้อมโครงการดาวรุง่ มุ่งสทู่ มี ชาติ เหลือวนั ละ 1 ชัว่ โมง และ ดาเนินการฝกึ ซอ้ มทุกวัน จัดครูภาษาอังกฤษเข้าสอนควบคู่กับครูวิชาเอกศิลปะ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ โดย ให้ครูวิชาเอกอธิบายเนื้อหาวิชา ส่วนครูภาษาอังกฤษ ฝึกออกเสียงคาศัพท์ที่น่าสนใจ ให้นักเรียนฝึก ออกเสียง การสงั เกต (Obseration) ทีมแกนนาและสมาชิกร่วมกันปรับเวลา และกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้การดาเนินการสาเร็จ ทกุ กิจกรรม สาหรบั กิจกรรมโครงการ EBE (English Bilingual Education) ไม่สามารถดาเนินการได้ สาเร็จตามตัวชว้ี ดั ของโครงการ แต่นกั เรยี นได้รับการพฒั นาดา้ นภาษาอังกฤษเปน็ อย่างมาก การสะทอ้ นผล (Reflection) ทีมแกนนาและสมาชิกที่รับผิดชอบโครงการ มีความภาคภูมิใจในผลสาเร็จของการจัด กจิ กรรมเพ่ือส่งเสริมศักยภาพผูเ้ รยี นในดา้ นต่าง ๆ ตา่ งมคี วามคิดเหน็ ว่าควรดาเนินการต่อไป ผลการดาเนนิ โครงการสง่ เสรมิ ศักยภาพผู้เรยี นอย่างหลากหลาย ด้านกระบวนการ ผลจากการดาเนินโครงการสง่ เสริมศักยภาพผูเ้ รยี นอย่างหลากหลาย ประกอบดว้ ยกจิ กรรม 7 กิจกรรม คือ 1) การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือวางแผน 2) ศึกษาดูงาน 3) จัดกิจกรรมโรงเรียน วิถีพุทธ 4) จัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต 5) จัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษในการจัดการเรียน การสอนตามโครงการ EBE 6) จดั กจิ กรรมสถานศกึ ษาพอเพียง 7) จัดกิจกรรมส่งเสริมศกั ยภาพผู้เรียน ด้านกีฬา ซงึ่ ไดร้ บั ความร่วมมอื เป็นอยา่ งดีจากวทิ ยากรจากภายนอก ด้านผลผลิตของโครงการ
170 ผลท่ีได้จากการประเมินการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนอย่างหลากหลาย พบว่า นักเรยี นตงั้ แตร่ ะดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 มกี ระบวนการเรียนรอู้ ยา่ ง หลากหลาย สามารถนาเสนอผลงาน ผ่านระบบการคิด เน้นการระดมความคิดในการทางาน ฝึกการ ทางานด้วยกระบวนการกลุ่ม การทางานเป็นทีม การแก้ปัญหา และการใช้เทคโนโลยีในการทางาน อีกทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการดาเนินโครงการในครั้งน้ีได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทุกฝ่ายโดยเฉพาะการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนด้านกีฬา ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน การดาเนินงาน การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติในฐานะผู้ฝึกสอนกีฬาแต่ละชนิด และปฏิบัติหน้าที่โค้ช นักกีฬาประเภทต่าง ๆ ในการนานักเรียนเข้าแข่งขันกีฬาระดับเครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา หนองตากยา ด้านผลกระทบ นักเรียน ได้รับการส่งเสริมศักยภาพด้านกีฬา ด้านภาษาอังกฤษ ด้านคุณธรรมจริยธรรม และด้านอาชีพ โดยชุมชนมสี ว่ นร่วมในการจดั การศึกษาอยา่ งมคี ณุ ภาพ สถานศึกษา ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนมากขึ้น ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงาน ต้นสังกัดในด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ได้รับการยกย่องให้เป็น โรงเรียนแกนนาตามแนวคิด Brain-based Learning โรงเรียนแกนนาโครงการโรงเรียนสุจริต และ ผ่านการประเมินสถานศึกษาพอเพียง โรงเรียนวิถีพุทธ สาหรับในด้านกีฬาได้รับการส่งเสริมและ พัฒนามากข้นึ ชมุ ชน การดาเนนิ การทกุ อย่างเร่ิมต้นจากการมีส่วนร่วมของชุมชน การวางแผน การแสดง ความคิดเห็น การอภิปราย การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การร่วมระดมทุน (งบประมาณ) การเสนอ แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรยี นรเู้ พื่อสง่ เสรมิ ศักยภาพผู้เรียนอยา่ งหลากหลาย การรว่ มแรงร่วมใจ มีการทางานร่วมกัน การแบ่งปัน เป็นการจัดการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ส่งผลให้ชุมชนตระหนักถึง ความสาคญั ของการมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญแบบมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ได้ดาเนินการตามข้ันตอนของกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 1. การวเิ คราะหส์ ภาพปจั จุบัน ปัญหา และความต้องการ ของการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั (Context analysis) 2. การสร้างความเขา้ ใจร่วมกับทีมวจิ ยั (Understanding with research team) 3. ร่วมประสานกับทีมวิจัยและการสร้างเครือข่าย (Cooperation with local research team) 4. รว่ มประชมุ วางแผน (Planning) 5. การออกแบบพฒั นาแผนปฏบิ ตั กิ าร (Designing the action plan) 6. ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กิจกรรมและวิเคราะห์ SWOT (Participation in sharing and SWOT analysis) 7. ร่วมจัดกิจกรรม (Participation in activities) 8. นาเสนอผลการจัดกจิ กรรม (Presentation)
171 9. รว่ มประเมนิ ผลใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลับ (Participation in assessment and reflection) กลา่ วโดยสรปุ การดาเนินงานกจิ กรรมของโครงการท้ัง 5 โครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และตัวช้ีวัดของโครงการ โดยผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัย มีความเห็นร่วมกันว่าควรใช้วิธีการ ประเมนิ ตามสภาพจริง และการสัมภาษณก์ ล่มุ ทั้งน้ีผลจากการนาเทคนิควิเคราะห์หลังการปฏิบัติมาใช้ในการสะท้อนผลการดาเนินงาน ของขั้นตอนการปฏิบัติใหม่ซึ่งมีทั้งหมด 2 กิจกรรม คือ 1) การกาหนดแนวปฏิบัติร่วมกัน 2) การนา แผนลงสกู่ ารปฏบิ ตั ิ สามารถสรุปได้ดงั นี้ 1) สิ่งที่คาดหวังจากการดาเนินงานในขั้นตอนการปฏิบัติ คือ 1) การกาหนดแนวปฏิบัติ ร่วมกนั โดยมีความคาดหวังว่าจะไดแ้ นวทางในการดาเนินงานโครงการรว่ มกัน 2) การนาแผนลงสู่การ ปฏบิ ัติ โดยมคี วามคาดหวงั ว่าเม่อื นาโครงการลงสู่การปฏิบัตแิ ลว้ จะสามารถพฒั นางานต่าง ๆ ใหบ้ รรลุ เป้าหมายทกุ กจิ กรรม 2) สง่ิ ที่บรรลุตามความคาดหวงั คือ การดาเนนิ งานทงั้ 2 กิจกรรม เปน็ ไปตามทคี่ าดหวัง 3) ส่งิ ที่ยงั ไมบ่ รรลุความคาดหวงั พบว่าไมม่ กี จิ กรรมใดทไ่ี มบ่ รรลุความคาดหวงั 4) มีข้อเสนอแนะในการดาเนินการ ผู้ร่วมวิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะว่าในการปฏิบัติงานให้ บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องให้มากท่ีสุด งานน้ัน ๆ จงึ จะสาเร็จและได้ผลลพั ธ์เกนิ คาดหมาย ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการสะท้อนใหม่ข้ึนในวันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2559 ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดหนองตะครอง โดยนาบันทึกผลการสังเกตในแต่ละขั้นตอน คือ ขนั้ ตอนการวางแผนใหม่ ข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิใหม่ และข้ันตอนการสงั เกตผลใหม่ ท้งั ทเ่ี ป็นผลการบันทึก จากการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและการบันทึกการสัมภาษณ์ไม่เป็นทางการ บันทึกภาคสนาม บันทึก อนุทิน เครื่องบันทึกเสียง และเคร่ืองบันทึกภาพ นามาเสนอ และร่วมกันอภิปราย เพื่อหาข้อสรุป ร่วมกันว่าการดาเนินงานในแต่ละข้ันตอนท่ีผ่านมานั้นประกอบด้วยกิจกรรมอะไรบ้าง และกิจกรรม นัน้ ๆ กระทาสาเร็จหรือไม่สาเรจ็ ซ่ึงจากการดาเนินการดงั กล่าว รายละเอยี ดสรปุ ได้ดังตารางที่ 5.2 ตารางท่ี 5. สรปุ ผลการปฏบิ ัตงิ านแตล่ ะขนั้ ตอน ขัน้ ตอน กจิ กรรม ผลการปฏบิ ัติ การวางแผนใหม่ 1. การวเิ คราะหส์ ภาพของงานที่ บรรลตุ ามความคาดหวงั การปฏบิ ัติใหม่ การสังเกตผลใหม่ ต้องการพฒั นาหรือต้องการ เปลี่ยนแปลง 2. การจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ าร 1.การกาหนดแนวการปฏบิ ัติรว่ มกัน บรรลุตามความคาดหวัง 2.การนาแผนลงส่กู ารปฏบิ ัติ 1.การกาหนดเทคนิคและเคร่ืองมือที่ บรรลุตามความคาดหวงั ใช้ในการสังเกต 2. การจดั กจิ กรรมแลกเปลีย่ นเรยี นรู้
172 3. การสะท้อนผลการดาเนนิ งาน จากตารางท่ี 5.2 สรุปผลการปฏิบัติงานแต่ละข้ันตอน เริ่มต้ังแต่ขั้นตอนการวางแผนใหม่ ขั้นตอนการปฏิบัติใหม่ และขั้นตอนการสังเกตผลใหม่ พบว่า การดาเนินงานทุกกิจกรรมในแต่ละ ข้ันตอนบรรลผุ ลตามทคี่ าดหวงั จากนน้ั ผ้วู ิจยั และผรู้ ่วมวิจยั ได้นาเอาเทคนิคการถอดบทเรียน (Lesson distilled) มาใช้ใน การทบทวนประสบการณ์การดาเนินโครงการท่ีผ่านมาในแง่มุมต่าง ๆ เพ่ือให้เห็นถึงรายละเอียดของ เหตปุ จั จยั ทงั้ ภายในและภายนอกซ่งึ ทาให้เกิดผลอย่างทีเ่ ปน็ อยู่ ทัง้ ท่ีสาเร็จและไมส่ าเรจ็ รวมทัง้ นาเอา แนวคิดการสะท้อนผลเชิงวิพากษ์ตามทัศนะของ Heron (1996 อ้างถึงใน สุวิมล ว่องวาณิช, 2549) มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ซ่ึงก่อนดาเนินการจัดกิจกรรมการถอดบทเรียนนั้น ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้ จัดลาดับขั้นตอนในการถอดบทเรยี นดังนี้ ทั้งน้ีก่อนเร่ิมถอดบทเรียน ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้ร่วมกันกาหนดประเด็นในการถอด บทเรียน ดังน้ี 1) โครงการท่ีได้ดาเนินการไปแล้วเป็นอย่างไร 2) การนาโครงการลงสู่การปฏิบัติ ประสบผลสาเร็จหรือไม่ 3) มีกิจกรรมใดบ้างท่ีประสบผลสาเร็จ เพราะอะไร 4) มีกิจกรรมใดบ้างท่ียัง ไม่ประสบผลสาเร็จ เพราะอะไร 5) หากดาเนินโครงการต่อไปจะทาอย่างไร 6) ความพึงพอใจต่อผล ของโครงการน้ันเป็นอย่างไร จากน้ันจึงได้เริ่มกระบวนการถอดบทเรียนโดยให้ผู้ร่วมวิจัยออกมาเล่า ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานของตนเองท่ีผ่านมาให้กลุ่มผู้ร่วมวิจัยรับทราบร่วมกันภายใต้ประเด็น คาถามทั้ง 6 ประเด็น ซงึ่ สามารถสรุปไดด้ ังตารางที่ 5.3 ตารางที่ 5. การถอดบทเรยี นในขั้นตอนการสะทอ้ นผลใหม่ ประเด็นคาถาม ขอ้ สรปุ ขอ้ สงั เกต 1. โครงการที่ได้ดาเนินการ 1. การส่งเสริมและพัฒนาการ โครงการบรรลุผลสาเรจ็ ตามท่ี ไปแล้วเปน็ อยา่ งไร จัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็น คาดหวงั ด้วยความร่วมมือรว่ ม สาคัญ ใจ จากผู้รว่ มวจิ ยั ทกุ คน และผู้ ที่มีส่วนเกี่ยวขอ้ งทุกฝ่าย ทั้งครู คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ัน พนื้ ฐาน ทีป่ รกึ ษา คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ัน พน้ื ฐาน ผู้ปกครองนกั เรยี น และผูน้ าชมุ ชน 2. การนาโครงการลงสู่การ ประสบผลสาเร็จตามที่คาดหวัง สาเหตุที่ประสบผลสาเร็จ ปฏิบัติประสบผลสาเร็จ โดยทุกมาตรฐานผ่านเกณฑ์การ เพราะเป็นการดาเนินงานที่ต่อ หรือไม่ ประเมินในระดับ ดี ขน้ึ ไป เนือง และมีการกากับติดตาม โ ด ย ก า ร ป ร ะ ชุ ม ป ร ะ เ มิ น ความก้าวหน้าในวันที่ 20 ของ
173 ประเด็นคาถาม ข้อสรปุ ข้อสังเกต ทุกเดอื น 3. มีกิจกรรมใดบ้างท่ี ประสบผลสาเรจ็ ทุกกิจกรรม เกดิ จากความรว่ มมือของผู้ร่วม ประสบผลสาเร็จ เพราะ วิจัยและผ้เู กยี่ วข้องทกุ ฝ่าย อะไร 4. มีกิจกรรมใดบ้างท่ียังไม่ ไม่มี ไม่พบว่ามีกิจรรมท่ีไม่ประสบ ประสบผลสาเร็จ เพราะ ความสาเรจ็ อะไร 5. หากดาเนินโครงการ ควรใช้หลักการเดิมคือหลักการมี ค ว ร มี ก า ร ร ะ ด ม ทุ น แ ล ะ ต่อไปจะทาอยา่ งไร สว่ นร่วมและหาแนวคิดใหม่ ๆ มา ทรัพยากรเพ่ือใช้ในการบริหาร เ ส ริ ม เ พื่ อ ก า ร พั ฒ น า อ ย่ า ง จัดการอย่างต่อเน่ือง และควร ตอ่ เน่อื งและยงั่ ยืน ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนมา ร่วมกันพัฒนา เพื่อให้เกิดการ พัฒนาอย่างย่ังยืน และสร้าง ความภาคภมู ใิ จ 6. ความพึงพอใจต่อผลของ ทกุ ฝา่ ยพงึ พอใจ จากการสัมภาษณ์ทุกฝ่ายท่ี โครงการนั้นเปน็ อยา่ งไร เก่ยี วขอ้ ง 5.3 การสรปุ ผล (Conclusion) ในขั้นตอนน้ีเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการวิจัย ซึ่งจะเป็นการสรุปผลการวิจัยในภาพรวมที่ได้ ดาเนินการไปแล้วทั้งหมด โดยผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้จัดกิจกรรมการถอดบทเรียน (Lesson distilled) โดยมรี ายละเอียดการดาเนนิ กจิ กรรม ดังนี้ การจดั กิจกรรมการถอดบทเรียน (Lesson distilled) ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการถอดบทเรียน (Lesson distilled) ขึ้นในวัน พฤหัสบดีท่ี 31 มีนาคม 2559 ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดหนองตะครอง โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ร่วมกันทบทวนหรือสรุปประสบการณ์การทางานที่ผ่านมา โดยการศึกษาทบทวนผลการดาเนินงาน รวมท้ังเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจากการปฏิบัติจริง การเรียนรู้จากการ ปฏิบัติจริง และองค์ความรู้จากการปฏิบัติจริง (การปฏิบัติใหม่) ให้แก่ผู้ร่วมวิจัยทุกคนได้รับทราบ รว่ มกัน การเปล่ยี นแปลงจากการปฏบิ ตั ิ จากกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเรื่อง “การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ี เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม : โรงเรียนวัดหนองตะครอง” พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดข้ึนท้ังที่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวังและการเปลี่ยนแปลงท่ีไม่ คาดหวงั ดังนี้
174 1. การเปลี่ยนแปลงตามท่ีคาดหวงั พบว่า จากการจัดกิจกรรมเพ่ือกาหนดประเด็นเกี่ยวกับ สภาพที่คาดหวังจากการแก้ปัญหาในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ของ โรงเรยี นวดั หนองตะครอง โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพตามเกณฑ์คุณภาพภายในของ สถานศึกษา และได้รับการรับรองจาก สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สมศ. 2. การเปลี่ยนแปลงท่ีไม่คาดหวังพบว่า เกิดขึ้นใน 3 ระดับ คือ ระดับตัวบุคคล ระดับกลุ่ม บคุ คล และระดบั องค์กร ดงั นี้ 2.1.1 ครู ก่อนการดาเนินการวิจัย พบว่าการจัดการเรียนการสอนของครูในภาพรวมยัง ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กาหนด เนื่องจากครูไม่สามารถพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ อย่างเต็มที่ เน่ืองจากขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญหลังการดาเนินการวิจัย พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ สามารถจัดกิจกรรมเรยี นรใู้ นทุกรายวิชา มคี วามกระตอื รือร้นในการเตรยี มการสอน เตรยี ม ส่ือประกอบการเรยี นการสอน เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณป์ ระกอบการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ส่งผลให้ นกั เรียนตั้งใจเรียน และเรยี นรอู้ ยา่ งมีความสขุ สนุกสนาน 1.2.2 นักเรียน ก่อนดาเนินการวิจัย พบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ามากทุกรายวิชา ควรได้รับการพัฒนาอย่างเร่งด่วน หลังการดาเนินการวิจัย พบว่า นักเรียนทุกคนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนสูงขนึ้ ทกุ รายวิชา จากคะแนนการพัฒนาส่งผลให้ตัวบง่ ขีท้ ี่ 5 ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของผู้เรียน ผ่านเกณฑ์การประเมินของ สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การ มหาชน) สมศ. 1.2.3 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ก่อนดาเนินการวิจัย พบว่า คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการแต่งต้ังจากผู้ท่ีเก่ียวข้องตามที่กาหนด แต่ในทางปฏิบัตินั้น คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพื้นฐานยังไม่มีบทบาท และขาดการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และการให้ความรว่ มมือกับทางโรงเรยี นในการพฒั นาการจดั การเรยี นการสอน หลังการดาเนินการวิจัย พบว่าคณะกรรมการสถานศึกษามีความกระตือรือร้นและให้ ความร่วมมือในการเข้าร่วมประชุมทุกวันที่ 20 ของเดือน และปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ีของตนเอง มากขึน้ รวมทง้ั ให้การสนับสนุนในการจดั กิจกรรมของโรงเรยี นทกุ กจิ กรรม 1.3 ระดบั กลุม่ บคุ คล 1.3.1 กลุม่ ครู ก่อนการดาเนินการวิจัย พบว่าครูมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ในการปฏิบัติหน้าที่การสอน นัน้ ต่างคนตา่ งทาหน้าที่ของตน ขาดการปรึกษาหารือ การวางแผน และการแก้ปัญหาร่วมกันหลังการ ดาเนินการวิจัย พบว่า ครูมีการวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกัน มีการ ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนการสอน ท้ังนี้สังเกตได้จาก การร่วมมือ กันเตรียมการสอน เตรียมอุปกรณ์ และสื่อประกอบการเรียนการสอน และกิจกรรม AAR ในวันศุกร์ ของแต่ละสัปดาห์ 1.3.2 กล่มุ คณะกรรมการสถานศึกษาก่อนการดาเนินการวิจัย พบว่า สมาชิกบางรายไม่ ค่อยให้ความสาคญั ต่อบทบาทและหน้าทขี่ องตนเอง สังเกตไดจ้ ากจานวนคนท่ีเข้าร่วมประชุมในแต่ละ
175 ครั้ง และการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งบางรายมักจะให้ทางโรงเรียนดาเนินการแทน เพราะคิดวา่ ครูมคี วามรคู้ วามสามารถ หลังดาเนินการวิจัย พบว่า สมาชิกในกลุ่มให้ความสาคัญต่อบทบาทและหน้าที่ของตนเอง มากขึ้น และให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือในการดาเนินงานต่าง ๆ ของโรงเรียน ทุกครั้ง 2.3 ระดับองคก์ ร ก่อนการดาเนินการวิจัย พบว่าโรงเรียนวัดหนองตะครองมีความพยายามในการยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยการส่งเสริมและพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาโดยตลอด แตย่ ังไมป่ ระสบผลสาเรจ็ เทา่ ที่ควร หลงั การดาเนนิ การวจิ ัย พบวา่ โรงเรยี นวดั หนองตะครองได้รับการพัฒนาในด้านการจัดการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ทั้งด้านการนาหลักสูตรไปสู่การจัดการเรียนการสอน การพัฒนา กระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้น นอกจาก ด้านวิชาการได้รับการพัฒนาแล้ว ในด้านสภาพแวดล้อม แหล่งเรียนของโรงเรียนก็ได้รับการปรับปรุง พฒั นา จากความร่วมมอื ของทกุ ฝ่าย
บทท่ี 6 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยเรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยใช้การวิจัยเชิง ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม : โรงเรียนวัดหนองตะครอง มีวัตถุประสงค์การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ ของการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และพัฒนาการจัดการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของโรงเรียนวัดหนองตะครอง ด้วยการดาเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบบมีส่วนร่วมระหว่างผู้วิจัยและคณะครู ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ีปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ สามารถ สรุปผลการศกึ ษา อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะดังน้ี 6.1 สรปุ ผลการวจิ ยั 1. สภาพการจัดการเรียนรทู้ ีเ่ น้นผ้เู รียนเปน็ สาคัญของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง สภาพปัจจุบันเกี่ยวกับการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของโรงเรียน วัดหนองตะครอง พบว่า จุดอ่อนในด้านการจัดการเรียนรู้ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าท่ีควร เน่ืองจากครู ไมค่ รบชั้น สาหรบั ทางดา้ นโอกาสน้นั ไดร้ ับความร่วมมอื จากคณะกรรมการสถานศกึ ษา และชมุ ชน ใน การพัฒนาโรงเรียน แต่ยังมีอุปสรรคในด้านของงบประมาณมีน้อยมากไม่เพียงพอ ครูไม่ครบช้ันจึงทา ให้การจัดการเรียนการสอนไม่เต็มที่และไม่ต่อเนื่อง บุคลากรมีจานวนไม่เพียงพอ และขาด ประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ และนักเรียนมีจานวนน้อยมากจึง ได้รับเงินงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาน้อยตามจานวนนักเรียน แต่ภาระค่าใช้จ่ายในการ บริหารจดั การสถานศกึ ษานน้ั มีมากทาให้ไม่เพยี งพอกับในการพัฒนาการบรหิ ารจดั การศึกษา ส่งผลให้ คุณภาพการจัดการเรียนรู้ คุณภาพของนักเรียนซึ่งเป็นผลผลิตจากการให้บริการยังไม่มีคุณภาพตาม มาตรฐาน จากการทดสอบระดับชาติไม่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลให้โรงเรียนวัดหนองตะครองไม่ ผ่านการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ. คะแนนรวมคิดเป็นร้อยละ 69.87 ระดับคุณภาพอยู่ใน ระดับ พอใช้ ดังนั้นจึงมีความจาเป็นเร่งด่วนท่ีจะต้องพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ เพื่อนาไปสู่การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจากการทดสอบระดับชาติให้ได้ตาม เกณฑ์มาตรฐานต่อไป จะเห็นได้ว่าการดาเนินงานด้านวิชาการในด้านการจัดการเรียนการสอนที่ โรงเรยี นดาเนนิ การอยู่ ยังไม่มีประสทิ ธิภาพเท่าท่คี วร ควรดาเนินการปรบั ปรงุ และพัฒนาอย่างเร่งดว่ น จาแนกได้เปน็ 2 ดา้ น ดงั นี้ 1. สภาพปัญหาด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ ห้องเรียนและห้องประกอบต่าง ๆ ไม่เอ้ือต่อ การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ วัสดุครุภัณฑ์ภายในอาคารเรียนและอาคารประกอบ อยใู่ นสภาพทจี่ ะพร้อมใช้งาน โรงเรียนไมม่ แี หล่งเรยี นร้ภู ายในโรงเรียนที่เอื้อต่อการจัดการเรียนสอนที่ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ครูไม่นาหลักสูตรสถานศึกษาไปสู่การจัดการเรียนการสอน โรงเรียนมีสื่อ ประกอบการเรยี นการสอนไมเ่ พยี งพอ
177 2. สภาพปัญหาด้านการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ ครูขาดทักษะการผลิตสื่อ ใช้สื่อ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมท้ังนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน ครูขาดทักษะ การจดั การเรยี นรู้ทเ่ี น้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ ครูขาดการนาหลักสูตรไปสู่การจัดการเรียนการสอน ครูขาด ทกั ษะการวัดผลประเมนิ ผลตามสภาพจริง ครูปฏิบตั หิ นา้ ทสี่ อนหลายวิชา การกาหนดยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ด้วยตาราง TOWS Matrix หลังที่มีการประเมิน สภาพแวดล้อมโดยการวิเคราะห์ให้เห็นถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และข้อจากัดหรืออุปสรรค แล้วนา ข้อมูลทั้งหมดมาวเิ คราะห์ในรปู แบบความสัมพันธ์แบบแมตริกซ์โดยใช้ตารางที่เรียกว่า TOWS Matrix โดย TOWS Matrix เป็นตารางการวิเคราะห์ที่นาข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคหรือข้อจากัด มาวิเคราะห์เพื่อกาหนดออกมาเป็นยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ประเภทต่าง ๆ ดังน้ี ยุทธศาสตร์ในเชิงรุก ได้แก่ 1) ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรมจริยธรรมแก่นักเรียน 3) นาสื่อเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดกิจกรรม การเรยี นการสอน 4) นาแท็บเล็ตมาเปน็ สอ่ื ประกอบการเรียนการสอนทุกชนั้ เรียน 5) นาเทคโนโลยีมา ใช้ในการบริหารจัดการศึกษา 6) ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา 7) พัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนตามแนวทางและข้อเสนอแนะของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) สมศ.จากการประเมนิ รอบ 3 ยุทธศาสตร์ในเชิงป้องกัน ได้แก่ 1) การบริหารจัดการงบประมาณให้ความสาคัญกับการ บริหารงานด้านวิชาการ 2) นาเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน 3) ดาเนินการยกระดับ คุณภาพการศึกษาตามคาแนะนาของ สมศ. 4) ปรับปรุงห้องเรียนให้เป็น Smart classroom 5) เปิด โอกาสให้ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา 6) สง่ เสรมิ การเลน่ กีฬาเพือ่ ต่อต้านยาเสพย์ติด ยุทธศาสตร์ในเชิงรับ ได้แก่ 1) ปรับการบริหารจัดการช้ันเรียน 2) จัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 3) ฝึกอบรมเพ่ือ พัฒนาด้านการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 4) ศึกษาดูงานด้านการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 5) นานโยบายการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมา ดาเนินการสอนซ่อมเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน 6) บริหารงบประมาณให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ สูงสุด 7) จัดการเรียนการสอนด้านทักษะการประกอบอาชีพตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 8) พัฒนาการเรียนการสอนตามข้อเสนอแนะของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศกึ ษา (องค์การมหาชน) สมศ. ยุทธศาสตร์ในเชิงแก้ไขหรือในเชิงพัฒนา ได้แก่ 1) นาวิทยากรท้องถิ่น และปราชญ์ ชาวบ้านมาช่วยจัดการเรียนการสอน 2) จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรสถานศึกษาเพ่ือพัฒนา คุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ 3) พัฒนาครูด้านการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน 4) ส่งเสริมและพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 5) จัดการเรียนการสอนตาม แนวคิด BBL 6) บริหารจัดการเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ นักเรียนยากจน 7) เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานศึกษา 8) ศิษย์เก่าร่วม ระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาโรงเรียน 9) นาเทคโนโลยีมาใช้ในการดาเนินงาน 10) พัฒนาการจัดการ เรียนการสอนภาษาอังกฤษเพือ่ ยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
178 2. ผลการพัฒนาการจดั การเรยี นรทู้ ่ีเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ของโรงเรยี นวดั หนองตะครอง ได้ ดังน้ี จากการจัดประชุมคณะคณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ทบทวนประเด็นสาคญั ของสภาพปจั จบุ ัน ปัญหาการจัดการเรยี นรู้ทเ่ี น้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั ของโรงเรียน วัดหนองตะครอง และการทบทวนความต้องการของคณะคณะครูและบุคลากร คณะกรรมการ สถานศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ที่มีตอ่ การพฒั นาการจัดการเรยี นรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ นามาวิเคราะห์และ ร่วมกันกาหนดแนวทางการดาเนนิ งานพฒั นาการจดั การเรียนรทู้ ีเ่ น้นผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ได้แก่ หลกั สตู ร สถานศึกษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การจัดกิจกรรมการเรียน การสอน แหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา การส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนในด้านต่าง ๆ และการกระตุ้น การมีส่วนรว่ มของผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสีย จากการดาเนินงาน คณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ท่ีปรึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้ปกครองนักเรียน ได้ร่วมกันกาหนดแนวทางการดาเนินงาน พัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ นาไปสู่การปฏิบัติในลักษณะของโครงการพัฒนา จานวน 5 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง 2) โครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 3) โครงการปรับการเรียน เปลี่ยนการสอน 4) โครงการการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่ เอ้ือต่อการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 5) โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนอย่าง หลากหลาย 3.1 โครงการความรว่ มมือในการพัฒนาโรงเรียนวดั หนองตะครอง แนวทางการดาเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง ประกอบด้วย1) จัดทาคู่มือขอบข่ายงานทั้ง 4 ฝ่าย 2) จัดทาคู่มือบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ สถานศึกษาและที่ปรึกษา 3) จัดทาผ้าป่านางฟ้า 4) แห่ต้นเทียนพรรษาสมทบทุนการศึกษา 5) การ เย่ยี มบ้าน ผลจากการดาเนนิ โครงการความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรยี นวดั หนองตะครอง พบวา่ การ จัดทาคู่มือขอบข่ายงานทั้ง 4 ฝ่าย ส่งผลให้คณะครูและบุคลากรเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตน นอกเหนือจากการจัดการเรียนการสอน เม่ือจัดทาคู่มือบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน พรอ้ มทั้งช้ีแจงอธิบายส่งผลให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีความเข้าใจและพร้อม ทจ่ี ะร่วมมอื กับทางโรงเรียนในการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้จากกิจกรรมแห่ต้นเทียนพรรษา เพื่อ จดั หาทนุ การศกึ ษา จะได้รับความร่วมมือในการร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก และกิจกรรมผ้าป่านางฟ้า ทีมแกนนาโครงการความร่วมมือเพ่ือพัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครองทุกคน รู้สึกพึงพอใจกับจานวน เงินผ้าป่านางฟ้า นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกิจกรรมผ้าป่านางฟ้า ทีมแกนนามีความเห็น ร่วมกนั วา่ เป็นกจิ กรรมทีด่ ี 3.2 โครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง 2551 แนว ทางการดาเนินโครงการ ประกอบด้วย กิจกรรมและผลการดาเนินงาน 6 กิจกรรม คือ 1) ประชุมเชิง ปฏิบัติการจัดทาโครงสร้างหลักสูตร 2) ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาท่ีสอดคล้อง กับความต้องการของท้องถิ่น วิเคราะห์หลักสูตร จัดทาหน่วยการเรียนรู้รายวิชา 3) ประชุมเชิง
179 ปฏิบัตกิ ารจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ทเี่ น้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั 4) นิเทศการใช้หลักสูตร 5) ประชุมเชิง ปฏิบัติการสร้างเครื่องมือและหาประสิทธิภาพเครื่องมือวัดผลประเมินผล 6) ประชุมเชิงปฏิบัติการ จัดทาคมู่ อื วัดผลประเมินผล จัดทาเอกสารหลักฐาน รายงานการตดั สินผลการเรยี น ผลจากการดาเนินโครงการการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง 2551 พบว่า หลังจากการนาหลักสูตรสู่การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ทาให้ การดาเนินการจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามหลักสูตร การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้แบบผังมโน ทัศน์น้ัน รูปแบบของแผนการจัดการเรียนรู้ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ของคณะผู้ประเมินจาก ภายนอกสถานศึกษา คณะครูจึงนาแผนการจัดการเรียนรู้แบบผังมโนทัศน์ที่ทดลองสอนแล้ว มา ปรบั ปรงุ รูปแบบใหเ้ ปน็ แผนการสอนทส่ี มบรู ณ์ ตามรปู แบบทส่ี านกั งานเขตพ้ืนที่กาหนด 3.3 โครงการปรับการเรยี น เปลย่ี นการสอน แนวทางการดาเนินโครงการปรับการเรียน เปล่ียนการสอน ประกอบด้วยกิจกรรมการ ดาเนินการ 4 กิจกรรม คือ 1) ประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 2) การศึกษาดงู าน 3) การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 4) การนเิ ทศการเรียนการสอน ผลจากการดาเนินโครงการโครงการปรับการเรียน เปลี่ยนการสอน พบว่า นักเรียนมี ความกระตือรือร้น และตั้งใจเรียน สาหรับการปรับเปล่ียนชั้นเรียน ในการจัดการเรียนรู้รายวิชา ศิลปะ สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี เพื่อให้จานวนนักเรียนมีมากพอสาหรับ การจัดการเรียนการสอนแบบควบชั้นเรียนเป็นช่วงชั้น ได้แก่ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 -3 ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 4- 6 นอกจากน้ีการจัดกิจกรรมอุ่นเคร่ือง (Warm-up) เพ่ือให้สมองตื่นตัว เตรียมพร้อมท่ีจะเรียนรู้วิชาต่อไป มี 3 วิธีให้ครูผู้สอนเลือกตามความถนัด ได้แก่ 1. Brain Exercise 2. การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ (Rhythm) 3.ยืดเส้นยืดสาย (Stretching) เพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้ส่ิง ใหม่ ติดตั้งทีวี เพื่อให้ครูเปิดกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของนักเรียนให้ตื่นตัว พร้อมท่จี ะเรียนร้ใู นวิชาต่อไป 3.4 โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่ีเอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ แนวทางการดาเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ ประกอบด้วยกิจกรรมและผลการดาเนินงาน 3 กิจกรรม คือ 1) การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพ่ือวางแผน 2) ศึกษาดงู าน 3) ปรบั ปรุงและพัฒนาแหล่งเรยี นรู้ ผลจากการดาเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ พบว่า การดาเนินการปรับปรุงสนามเด็กเล่น ท่ีมีสภาพชารุดทรุดโทรม ไม่สามารถ ซอ่ มแซมได้ มาดดั แปลงใหเ้ ปน็ สนาม BBL จานวน 8 ฐาน น้นั ได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่าง มาก นักเรียนชอบฐานที่ท้าทาย ฐานที่ปฏิบัติกิจกรรมยากนักเรียนโตหรือนักเรียนที่แข็งแรงทาได้ นกั เรียนคนอื่น ๆ ก็จะใหค้ วามสนใจ และไปฝึกปฏิบัติจนทาได้ การดาเนินการปรับปรุงสนามกีฬา จน พรอ้ มใช้งาน ตดิ ไฟฟ้าสอ่ งสว่างบริเวณสนามเพ่มิ เตมิ เพ่อื เปดิ โอกาสให้ชุมชนเข้ามาใช้บริการช่วงหลัง เลิกเรียน การดาเนินการปรับปรุงห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดมีชีวิต ลานการจัดกิจกรรมเกมการแข่งขัน ภายในห้องสมุด ให้นักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมในช่วงพักกลางวัน การดาเนินการปรับปรุงห้อง คอมพิวเตอร์ สาหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ช้ันเรียน นักเรียนสามารถฝึกฝนการใช้ คอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา ทั้งในด้านการเรียนและการศึกษาค้นคว้า การดาเนินการจัดทาห้อง
180 วิทยาศาสตร์ จัดหาอุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และปรับปรุงห้องเรียนให้เอ้ือต่อการทดลอง ทางวิทยาศาสตร์ การดาเนินการจัดทาลานธรรม จัดวางแผ่นปูสาเร็จ 2 แผ่น : นักเรียน 1 คน เพื่อ สะดวกในการน่ังและกราบพระพุทธรูป การดาเนินการปรับปรุงโรงอาหารให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ปรบั ปรงุ สถานทป่ี ระกอบอาหาร โตะ๊ สาหรบั นง่ั รบั ประทานอาหาร สถานทล่ี ้างภาชนะ การดาเนินการ จัดทาห้องพยาบาล แยกเตียงผู้ป่วยชาย และผู้ป่วยหญิง จัดหายาไว้สาหรับบริการนักเรียนที่ป่วย ติดตั้งพัดลมผนังเพิ่มเติม การดาเนินการจัดทาโรงเพาะเห็ดโดยจัดทาระบบให้น้าแบบสปริงเกอร์ เพื่อให้สะดวกและประหยัดเวลาในการให้น้าการดาเนินการปรับปรุงห้องส้วมและสร้างสุขนิสัยการใช้ สว้ มใหก้ ับนักเรยี น และสรา้ งหอ้ งส้วมสาหรับนักเรียนอนุบาลแยกจากนักเรียนประถม เพราะขนาดโถ ส้วมต่างกัน และสร้างไว้ภายในอาคารอนุบาล เพ่ือครูจะได้ดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด เพ่ือความ ปลอดภัย การดาเนินการปรับปรุงห้องเรียน ให้มีส่ือและนวัตกรรมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้น นักเรียนเป็นสาคัญทุกห้องเรียน และจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับคณะครูเก่ียวกับวิธีการใช้วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ในชัน้ เรียน 3.5 โครงการจดั กิจกรรมส่งเสรมิ ศักยภาพผู้เรียนอยา่ งหลากหลาย แนวทางการดาเนินโครงการโครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนอย่าง หลากหลาย ประกอบด้วยกจิ กรรมและผลการดาเนนิ งาน 8 กิจกรรม คือ 1) การประชมุ เชงิ ปฏิบัติการ เพ่ือวางแผน 2) ศึกษาดูงาน 3) จัดกิจกรรมวิถีพุทธ 4) จัดกิจกรรมโรงเรียนสุจริต 5)โครงการส่งเสริม การใช้ภาษาอังกฤษด้วยโครงการ EBE 6) จัดกิจกรรมสถานศึกษาพอเพียง 7) จัดกิจกรรมส่งเสริม ศักยภาพผู้เรียนด้านกฬี า ผลจากการดาเนินโครงการโครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนอย่าง หลากหลาย พบว่า การจัดกิจกรรมโครงการโรงเรียนสุจริต ในช่วงเวลา 15.00 น. - 16.00 น. ในวัน จันทร์และวันอังคาร ของแต่ละสัปดาห์นั้น สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี การ ดาเนินกิจกรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ สมาทานศีล 5 และแผ่เมตตา ตอนเช้าทุกวัน ส่งผลให้นักเรียนมี พฤติกรรมท่ีเรียบร้อย และเข้าใจในหลักธรรม ศีล 5 ข้อ สาหรับกิจกรรมการนาอาหารไปร่วมทาบุญ ถวายภัตราหารเพลแด่พระสงฆ์ ณ วัดหนองตะครอง ทุกวันพระ และร่วมกันพัฒนาวัดหนองตะครอง นั้น ส่งผลให้นักเรียนปรับปรุงพฤติกรรมในการมาวัด นักเรียนมีมารยาทเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเป็น ระเบียบ การสวดมนต์ทาวัตรเย็น เวลา 15.00-16.00 น. ทุกวันศุกร์ทุกสัปดาห์ ทาให้นักเรียนจาบท สวดมนต์ได้ และสวดมนต์อย่างต้ังใจ มีนักเรียนส่วนน้อยท่ีขาดสมาธิ สาหรับการเข้าร่วมกิจกรรมทาง ศาสนาในวันสาคัญทางศาสนา น้ัน คณะครูมีความคิดเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ส่งเสริมและปลูกนิสัย การเสียสละเพื่อส่วนรวม ในด้านการบอกบุญเรี่ยไรเพื่อพัฒนาวัดหนองตะครองและโรงเรียนวัดหนอง ตะครอง การดาเนินกิจกรรมดาวรุ่งมุ่งสู่ทีมชาตินั้นเป็นกิจกรรมท่ีดี เพื่อสร้างความสามัคคีในชุมชน และรองรับการแข่งขันกีฬาประจาตาบลหนองตากยา การดาเนินกิจกรรมโครงการ EBE (English Bilingual Education) เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษ น้ัน พบว่าการ ดาเนินการยงั ไม่ประสบความสาเรจ็ เนอ่ื งจากพ้ืนความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษนักเรียนน้อยมาก จึงไม่ สามารถเรียนรู้เนื้อหาในรายวิชา ศิลปะ สังคมศึกษาและวิทยาศาสตร์ ได้ คณะครูที่ผู้สอนรายวิชา ศิลปะ สังคมศึกษาและวิทยาศาสตร์ มีความเห็นว่าควรจัดครูภาษาอังกฤษเข้าสอนควบคู่กับครู วิชาเอกศิลปะ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ โดยให้ครูวิชาเอกอธิบายเนื้อหาวิชาการเรียนการสอน
181 ส่วนครูภาษาอังกฤษ ฝึกออกเสียงคาศัพท์ที่น่าสนใจ ให้นักเรียนฝึกออกเสียง อภิปรายผลตามแนวคิด ทฤษฎกี ารพัฒนาการจดั การเรียนรู้ท่เี น้นผ้เู รยี นเป็นสาคญั 1. การมีสว่ นรว่ มกับชมุ ชน ผลจากการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยการปฏิบัติการแบบมีส่วน ร่วมระหว่างคณะครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ท่ีปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน และเครือข่ายผู้ปกครอง พบว่าการดาเนินโครงการพัฒนาทั้ง 5 โครงการ ชุมชนเข้ามามี ส่วนร่วมในการพัฒนาในทุกขัน้ ตอนเริ่มตง้ั แต่การวเิ คราะหส์ ภาพปจั จบุ นั ปัญหา และความต้องการใน การพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญของโรงเรยี นวดั หนองตะครอง การร่วมกนั วางแผน การร่วมกันออกแบบโครงการ และการนาโครงการลงส่กู ารปฏิบัติรว่ มกนั การประเมนิ ผล โดยคณะครู และคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และ เครือข่ายผู้ปกครอง ร่วมกันอภิปรายเสนอความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งก่อนเริ่ม ดาเนินการ ในลักษณะของการสนทนากลุ่มอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพ่ือนาความคิดเห็น ข้อเสนอแนะประเด็นต่าง ๆ มาใช้ในการจัดทาโครงการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ ส่งผลให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายผู้ปกครอง ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของชุมชนเกิดความตระหนัก เกิดความสามัคคีในชุมชนมาก ขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ท่ีได้เสนอแนวทางในการจัดการศึกษาของชุมชนไว้ว่า จัดการศึกษาโดยยึดถือหลักการท่ี จะระดมทรัพยากรทุกอย่าง โดยการมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กร ชุมชน และ องค์การต่าง ๆ จึงจะเป็นแนวทางที่ทาให้เกิดการจัดการศึกษาของชุมชนได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าว สอดคล้องกับแนวคิดของโคเฮนและอัพฮอฟ (Cohen and Uphoff, 1977 : 7-9) ผู้ริเริ่มทฤษฎีการมี ส่วนร่วม กล่าวว่าการมีส่วนร่วมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการ 4 กระบวนการคือ 1) การมีส่วน ร่วมในการตดั สินใจในชว่ งของกจิ กรรม (Decision-Making) ซ่ึงอาจเปน็ การตดั สนิ ใจตัง้ แตใ่ นระยะเรม่ิ การตัดสินใจในช่วงของกิจกรรม และการตัดสินใจในการดาเนินกิจกรรม 2) การมีส่วนร่วมในการ ดาเนินกิจกรรม (Implementation) ซึ่งอาจเป็นไปในรูปของการเข้าร่วมโดยการให้มีการสนับสนุน ทางดา้ นทรัพยากร การเข้าร่วมในการบรหิ ารและการรว่ มมือ รวมทั้งการเข้าร่วมในการร่วมแรงร่วมใจ 3) การมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ (Benefits) ซ่ึงอาจจะเป็นผลประโยชน์ทางวัตถุ ทางสังคม หรือโดยส่วนตัว 4) การมีส่วนร่วมในการประเมินผล (Evaluation) ซ่ึงนับเป็นการควบคุมและ ตรวจสอบ นอกจากน้ีผลจากการร่วมมือของชุมชนจะปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่เกิดความรัก ความรว่ มมอื ในชุมชนมากขึ้น ผลจากการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยการนาโครงการพัฒนา อัน ประกอบด้วยโครงการจานวน 5 โครงการท่ีถือเป็นตัวสอดแทรกหลักลงสู่การปฏิบัติ และมีการใช้ หลักการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเป็นตัวสอดแทรกเสริม รวมทั้งการใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบบมีส่วนร่วม ท้ังนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้การดาเนินงานในคร้ังน้ีประสบความสาเร็จตามเป้าหมาย เน่ือง ดว้ ยความร่วมมอื ร่วมใจของผ้รู ว่ มวิจยั ทุกคนท่ีไดร้ ว่ มกนั ดาเนนิ การพฒั นาร่วมกัน และให้ความร่วมมือ ในการวิจัยทุกขั้นตอน และที่สาคัญคือโครงการที่เกิดจากการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้วิจัยและผู้ร่วม วิจัย โดยมีการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซ่ึงสอดคล้องกับ เสนาะ ติเยาว์ (2543) ได้
182 กล่าวไว้ว่า การให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการวางแผน (Participative planning) น้ันมี ความสาคัญมาก เพราะทุกคนล้วนกระทบต่อการวางแผนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การให้คนมีส่วนร่วมจะ ทาให้ได้ข้อมูลมากข้ึน ทาให้เกิดความคิดริเร่ิมและความคิดสร้างสรรค์มากข้ึน ซึ่งจะทาให้ได้แผนท่ีดี และสมบูรณ์ เม่อื นาแผนไปใช้คนก็จะมีความผูกพันกับแผน มีความเข้าใจและยอมรับแผนด้วยเช่นกัน ซ่ึงทาให้แผนดาเนนิ ต่อไปได้อย่างมีประสทิ ธิภาพและเกดิ ผลสาเร็จตามวตั ถุประสงค์ การมสี ่วนรว่ มของชุมชนและผ้ทู ีม่ ีสว่ นเก่ียวขอ้ งท้ังภายในและภายนอกทีใ่ หค้ วามร่วมมือใน การวิจัยคร้ังนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมวิจัยเองที่เป็นทั้งผู้ร่วมดาเนินการวิจัยและให้การสนับสนุนการ ดาเนินงานในทุก ๆ ด้าน ซึ่งการมีส่วนร่วมของชุมชนน้ีนับว่าเป็นส่ิงสาคัญมากต่อการพัฒนาการ จัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของโรงเรียน ดังที่ อภิสิทธ์ิ บุญยา (2553) กล่าวไว้ว่า ลักษณะ การมีส่วนร่วมของชุมชนที่จะส่งผลให้การดาเนินงานของโรงเรียนประสบผลสาเร็จได้นั้นคือการให้ผู้ท่ี มีส่วนเก่ียวข้องทั้งในและนอกชุมชนเข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมในกิจการของโรงเรียน และเป็น กระบวนการที่ประชาชนในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและท้องถ่ินได้เข้ามาเกี่ยวข้องในการจัด การศึกษาของโรงเรียน โดยร่วมแสดงความคิดเห็นและกระทาในส่ิงท่ีเห็นพ้องต้องกัน ตลอดจนร่วม พิจารณากาหนดปัญหา ความต้องการของโรงเรียนมีวัตถุประสงค์เพ่ือช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา และหา แนวทางพัฒนาโรงเรียน ซึ่งการมีส่วนร่วมน้ันจะมีต้ังแต่การร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับ ผลประโยชน์ รว่ มประเมนิ ผล และร่วมในการเสนอแนะในกิจกรรมของโรงเรยี น 2. การจดั การเรยี นรทู้ ี่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญน้ัน ส่งผลให้การพัฒนาการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของโรงเรียนวัดหนองตะครองประสบผลสาเร็จตามความคาดหวัง เน่ืองจากการดาเนินโครงการต่าง ๆ ท้ัง 5 โครงการ มุ่งเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียนซ่งึ เป็นผลผลิตท่ีสาคัญ ของโรงเรยี น ดงั แนวคดิ จากพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 ทีก่ ล่าวถงึ การจดั การเรียนรู้ ท่ียอมรับว่าบุคคลหรือผู้เรียนมีความแตกต่างกันและทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ สอดคล้องกับแนวคิด ของ ทิศนา แขมมณี (2548) และสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2552) ได้กล่าวไว้ว่า การ จัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญนั้นเป็นแนวคิดที่มุ่งท่ีจะพัฒนาผู้เรียนโดยการให้ ความสาคัญกับผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความต้องการ รวมท้ังการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มี ส่วนร่วมและรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง ส่งผลให้ผู้เรียนประสบผลสาเร็จในการเรียนรู้อย่าง แทจ้ ริง ดงั ที่ ชยั วัฒน์ สุทธิรัตน์ (2559 , หน้า 7-9) การจัดการเรียนการสอนท่ีจะทาให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนร้อู ยา่ งดนี น้ั ตอ้ งมีกระบวนการท่ใี หผ้ ูเ้ รยี นไดม้ ีส่วนรว่ มในกิจกรรมการเรยี นโดยการศึกษา ค้นคว้า พสิ ูจน์ ทดลอง ดว้ ยตนเองอย่างต่อเนอื่ ง และสร้างผลงานของตนเองออกมาอยา่ งมีคณุ ภาพ การจัดสภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลายและเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทเี่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ของโรงเรยี นวัดหนองตะครอง ซง่ึ ผูร้ ว่ มวจิ ยั ไดร้ ว่ มกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ตามท่ีกาหนดไว้ในโครงการ เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน สอดคล้องกับแนวคิดในการจัดการ เรียนการสอนโดยใชแ้ หลง่ เรยี นรู้เป็นฐาน (Place Based Instruction) ในยคุ ของการปฏิรปู การศึกษา ตามแนวทางของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ท่ีเชื่อว่าหากมีแหล่งเรียนรู้ที่ หลากหลายจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนสาเร็จได้ และมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ดังที่วิริยะ ฤาชัยพาณชิ ย์ และ กมลรัตน์ ฉิมพาลี (2559, หนา้ 165-167) ไดก้ ล่าวไว้ว่า ห้องเรียนในอดีตเป็นห้อง
183 สอน แต่ห้องเรียนแห่งอนาคตคือห้องเรียน เพราะผู้เรียนจะได้เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ การค้นคว้า การคดิ วเิ คราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และการนาเสนอผลงานในห้องเรียนท่ีมีผู้เรียนไม่เกิน 20 คน ด้วย โปรแกรมการเรยี นรูท้ เี่ ช่อื มโยงเคร่ืองมอื สอื่ สารตา่ ง ๆ การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาสู่การจัดการจัดการเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่น ตอบสนองความต้องการของท้องถ่ิน ท่ีผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้ร่วมกันพัฒนาข้ึนนั้น มีความสาคัญต่อ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญเป็นอย่างมาก ดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2555) ได้กล่าว ไว้ว่า หลักสูตรสถานศึกษาเป็นหัวใจสาคัญสาหรับการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ ผู้เรียนมีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องทุก ฝ่าย ทั้งผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ตลอดจนผู้เรียน จากการดาเนินโครงการบริหารจัดการ หลักสูตรสถานศึกษาโดยการมีส่วนร่วมของคณะครูทุกคนร่วมกันวิเคราะห์หลักสูตรเพ่ือนาไปสู่การ จัดการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ ซึ่งการดาเนินการสอดคล้องกับกิตติภูมิ มังสุรีย์ (2548) โรงเรียนควรส่งเสริมการมีส่วนร่วม โดยให้ครูทุกคนมีส่วนร่วมทุกข้ันตอนของการจัดทาหลักสูตร ครู ควรมีความเข้าใจการจัดทาหลกั สูตร การใช้หลักสูตรและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ผู้บริหารและครูควรมี ความรู้ด้านหลักสูตรและการวัดผลประเมินผลตามหลักสูตรเป็นอย่างดี หลักสูตรคือหัวใจของการ พฒั นาการจัดการเรยี นการสอน ดงั นั้นการท่ีจะพัฒนาการจัดการเรียนการสอนท่เี นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ ต้องเริ่มจากวิเคราะห์หลักสูตร ทั้งนี้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551น้ัน มุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ดังที่ สถาพร พฤฑฒิกุล (2555) หลักสูตรที่ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ หรือที่เรียกกันติดปากว่าหลักสูตรใหม่ กิจกรรมการเรียนรู้ควรจะต้องเป็นแบบ Active Learning 3. การวเิ คราะหก์ ระบวนการวจิ ยั และพฒั นาการจดั การเรียนรูท้ ่เี นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั หลักในการวิเคราะห์กระบวนการวิจัยและพัฒนามี 3 ด้าน คือ ด้านการวิจัยและพัฒนา ดา้ นการมสี ว่ นร่วม ดา้ นการเรียนรู้ มีรายละเอยี ดดังนี้ 3.1. ด้านการวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม ประกอบด้วย 3.1.1 กระบวนการวิจัยถูกต้อง หมายถึง กระบวนการวิจัยสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์การวิจยั ผ้วู ิจัยสามารถออกแบบการวิจัย วิธีดาเนินการวิจัยได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ การวจิ ยั ทีต่ อ้ งการศึกษา 3.1.2 ผลการวิจัยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ หมายถึง ผลการวิจัยท่ีได้ตอบ วัตถปุ ระสงค์การวจิ ยั ทไ่ี ด้กาหนดไว้ 3.1.3 ผลการวิจัยใช้ประโยชน์ได้ หมายถึง ผลที่ได้จากการวิจัย มีผลการวิจัยท่ีได้ นอกเหนือจากวัตถุประสงค์การวิจัยที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อกลุ่มเป้าหมายและผู้ที่เก่ียวข้องทาให้เกิด เปลย่ี นแปลงในการเรียนรู้ ผลจากการดาเนินงานโครงการทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการความร่วมมือในการ พัฒนาโรงเรียนวัดหนองตะครอง 2) โครงการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 3) โครงการปรับการเรียน เปล่ียนการสอน 4) โครงการการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 5) โครงการส่งเสรมิ ศกั ยภาพผเู้ รยี นอยา่ งหลากหลาย พบวา่ มกี ระบวนการวิจัยท่ีถูกต้องสอดคล้องกับ
184 วัตถุประสงค์การวิจัยโดยกระบวนการวิจัยเน้นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กล่าวคือ กระบวนการวิจัยทกุ ขน้ั ตอนเกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ คณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ผู้ปกครอง นักเรียน เริ่มต้ังแต่การวิเคราะห์บริบท สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของการพัฒนาการ จัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การร่วมกันหาแนวทางวิธีการแก้ปัญหา และร่วมดาเนินการ โครงการต่าง ๆ จนกระท่ังประสบผลสาเร็จ การดาเนินการโครงการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ทั้ง 5 โครงการ สามารถตอบสนองความต้องการของคณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พน้ื ฐาน ท่ีปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน ได้เป็นอย่าง ดี การเกบ็ ข้อมูลเชงิ คณุ ภาพทีค่ รอบคลมุ สอดคลอ้ งกับกลมุ่ เปา้ หมายประเภทตา่ ง ๆ กระบวนการวจิ ยั ให้ความสาคญั กบั ผลกระทบและผลที่ได้ ก่อให้เกดิ ประโยชนต์ ่อสถานศกึ ษาและผลการวิจัยสามารถใช้ ประโยชนไ์ ด้ ทาใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรยี นรอู้ ยา่ งมีคณุ ภาพ 3.2 ด้านการมสี ว่ นรว่ ม (Cohen and Uphoff,1977) ประกอบดว้ ย 3.2.1 ร่วมคิดตัดสินใจ วางแผน คือการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Decision-Making) ซ่ึงอาจเป็นการตัดสินใจตั้งแต่ในระยะเร่ิม การตัดสินใจในช่วงของกิจกรรม และการตัดสินใจในการ ดาเนินกิจกรรม 3.2.2 ร่วมทา ร่วมแรง ทรัพย์ส่ิงของ (Implementation) คือ การมีส่วนร่วมในการ ดาเนินกิจกรรม การสนับสนุนทรัพยากร การเข้าร่วมในการบริหาร การร่วมมือ และการร่วมแรงร่วม ใจ 3.2.3 ร่วมประเมนิ ตดิ ตามผล (Evaluation) เปน็ การควบคุมและตรวจสอบการดาเนิน กจิ กรรมทัง้ หมด 3.2.4 ร่วมรบั ผลประโยชน์ (Benefits) ผลการดาเนินงานของโรงเรียนวัดหนองตะครอง พบว่ากระบวนการพัฒนาการจัดการ เรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญครั้งนี้ เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน อาทิ ครูและบุคลากร ภูมิปัญญาท้องถ่ิน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ีปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น พนื้ ฐาน เครอื ข่ายผปู้ กครอง ชุมชน หน่วยงานท้ังภาครัฐ และเอกชน โดยการมีส่วนร่วมเกิดจากความ ต้ังใจจริง ซ่ึงมีการร่วมวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ของโรงเรียนวัดหนองตะครอง ร่วมหาแนวทางวิธีการแก้ปัญหาและร่วมวางแผน ร่วมดาเนินการ ร่วม ประเมนิ ผล และร่วมตดิ ตามผลและรบั ผลประโยชน์ รวมทงั้ การมสี ่วนรว่ มในการสนบั สนนุ งบประมาณ ทั้งน้ีผลจากการมีส่วนร่วมน้ีส่งผลให้เกิดการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ โรงเรียนวัดหนองตะครอง และช่วยส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ คณะครู ส่งผลใหน้ กั เรยี นไดร้ บั การพฒั นาด้านผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน 3.3 ด้านการเรียนรู้ (UNESCO,1996) ประกอบด้วย 3.3.1 เรียนเพื่อให้รู้ (To know) คือการเรียนรู้ท่ีผสมผสานความรู้ท่ัวไปกับความรู้ใหม่ ในเรอื่ งต่าง ๆ อย่างละเอยี ดลกึ ซ้ึง การฝึกฝนวธิ ีเรยี นร้เู พื่อนาไปใช้ประโยชนใ์ นการดารงชวี ติ
185 3.3.2 เรียนรู้เพ่ือให้ทาได้ (To do) คือการเรียนรู้ท่ีช่วยให้บุคคลสามารถรับมือกับ สถานการณ์ต่าง ๆ และปฏิบัติงานได้ เป็นการเรียนรู้โดยอาศัยประสบการณ์ต่าง ๆ ทางสังคมและใน การประกอบอาชีพ 3.3.3 เรียนรู้เพ่ือใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น (To live together) คือ การเรียนรู้ท่ีช่วยให้ บุคคลเข้าใจผู้อ่ืนและตระหนักว่า มนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดาเนินโครงการร่วมกัน และเรียนรู้วิธี แก้ปัญหาข้อขัดแย้งต่าง ๆ โดยตระหนักในความแตกต่างหลากหลาย ความเข้าใจอันดีต่อกันและ สนั ติภาพ 3.3.4 เรยี นรูเ้ พอ่ื เปน็ คนเตม็ คน มีความเชื่อมัน่ และภาคภมู ใิ จในส่งิ ทเี่ รียนรู้ (To be) คอื การเรียนรู้ที่ช่วยให้บุคคลสามารถปรับปรุงบุคลิกภาพของตนได้ดีข้ึน ดาเนินงานต่าง ๆ โดยอิสระ ย่ิงข้ึน มดี ุลยพนิ ิจและความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองมากขึ้น ผลสรุปในด้านการเรียนรู้ของงานวิจัยการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ พบว่า ผลจากการดาเนินงานทาให้ผู้ที่เก่ียวข้องได้เรียนรู้ขั้นตอนการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ เรียนรู้ที่จะทางานร่วมกัน เกิดเป็นความภาคภูมิใจในโรงเรียนของตนเอง อีกทั้งยัง เกิดการเรยี นรจู้ ากการกระทาหรอื การปฏบิ ตั เิ กิดข้ึนท้งั ในระดับตวั บุคคล ประกอบด้วย ผู้วิจัย คณะครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน ระดับกลุ่มบุคคลประกอบด้วยกลุ่มครู กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กลุ่มที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กลุ่มผู้ปกครองนักเรียน และระดับองค์กร คือ โรงเรยี นวัดหนองตะครอง ซ่ึงสอดคล้องกับที่ วิโรจน์ สารรัตนะ (2558) ได้ให้ทัศนะว่า การเรียนรู้จาก การกระทาในการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เป็นการเรียนรู้ที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในระดับบุคคล ระดับกลุ่ม หรอื ระดบั หนว่ ยงาน เป็นการเรยี นรู้ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึง่ กันและกันหรือจาก การมปี ฏสิ มั พนั ธ์กันระหวา่ งผู้วจิ ยั กบั ผรู้ ว่ มวจิ ัย และกับบุคคลอื่นๆ ที่เข้ามามีสว่ นเก่ยี วขอ้ ง นอกจากน้ี ยังพบว่านักเรียนเกิดการเรียนรู้ในด้านความร่วมมือของคนในชุมชนเพราะเห็นความมือร่วมใจกันเกิด เป็นการเรยี นรู้ 6.2 ข้อเสนอแนะ 6.2.1 ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1. จากการวิจัย พบว่าการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญโดยใช้ กระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมของคณะครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน ในทุกขั้นตอนต้ังแต่การวางแผน การดาเนินการ การประเมินผล และการรับผลประโยชน์ ทั้งนี้เพ่ือให้การดาเนินโครงการตอบสนอง ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกฝ่ายต้องเห็นประโยชน์ของการมีส่วนร่วมใน กระบวนการพฒั นาทุกขัน้ ตอน 2. การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียควรสร้างเป็นเครือข่ายครอบคลุมท้ังคณะครู คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า ผู้นาท้องถ่ิน โดยการขับเคลื่อนของ
186 ผู้บริหารสถานศึกษา และควรมีกระบวนการให้คาปรึกษาแนะนาช่วยเหลือการดาเนินงานในทุก ขั้นตอน 3. ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหารจดั การสถานศกึ ษาควรมอี งค์ความร้เู ก่ียวกับการวิจัยเชงิ ปฏิบัตกิ ารแบบมีส่วนร่วม 4. การนาโครงการพัฒนาไปใช้ควบคู่กับกระบวนวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญควรปรับให้เหมาะสมกับบรบิ ทของแตล่ ะโรงเรยี น 6.1.2 ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย 6.1.2.1 ขอ้ เสนอแนะต่อโรงเรียน 1. โรงเรียนควรนาผลการวิจัยไปขยายผลหรือจัดทาเป็นแผนนโยบายดาเนินงานของ โรงเรียน 2. โรงเรียนขนาดเล็ก ควรกาหนดนโยบายการวิจยั เชงิ ปฏบิ ัติการแบบมีสว่ นรว่ ม เพื่อพัฒนางานเป็นนโยบายหลักของโรงเรียน 6.1.2.2 ข้อเสนอแนะต่อชมุ ชน 1. ผู้นาชุมชนควรสร้างความตระหนักให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าของบทบาทการมีส่วน ร่วมในการจดั การศกึ ษา 2. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรมีการสนับสนุนงบประมาณให้ชุมชน หรืออานวยความสะดวก ประชาสมั พันธใ์ หช้ ุมชนได้มีบทบาทอย่างเตม็ ที่ต่อการมีสว่ นร่วมในการบริหารจดั การศึกษา 6.1.3 ข้อเสนอแนะในการทาวจิ ยั คร้งั ตอ่ ไป 1. ควรมีการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ในการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กใน ด้านการพฒั นาวชิ าการตอ่ ไป 2. ควรมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบบมีส่วนรว่ ม ในระดับการศกึ ษาอืน่ ๆ 3. ควรส่งเสริมให้ครูทาวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในระดับชั้นเรียนเพื่อพัฒนา คุณภาพการจดั การเรียนรู้
บรรณานกุ รม 1. ภาษาไทย ก. หนงั สือทั่วไป กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2546). คูม่ ือการบรหิ ารสถานศกึ ษาเป็นนติ บิ คุ คล. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพรา้ ว. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : โรง พมิ พ์ชมุ นุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กาญจนา แก้วเทพ. (2549). การวิจัย: จากจุดเร่ิมต้นจนถึงจุดสุดท้าย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ซโี น ดไี ซน์. คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2553). การวิเคราะห์บริบท : ความท้าทายของการบริหาร การศึกษาในอนาคต (Context Analysis : The Challenge of the Future Education Administration). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. จรุณี เก้าเอ้ียน. (2557). เทคนิคการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา : กลยุทธ์และแนวทางปฏิบัติ สาหรับผบู้ รหิ ารมืออาชพี . ยะลา : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา. ชนาธิป พรกุล. (2555). การออกแบบการสอนการบูรณาการการอ่านการคิดวิเคราะห์และการเขียน. พมิ พ์ครัง้ ที่ 3. กรงุ เทพฯ. บรษิ ัท ว.ี พรนิ้ ท์ (1991) จากัด. ชัยวัฒน์ สทุ ธริ ัตน์. (2554). การจดั การเรยี นรตู้ ามสภาพจริง (AUTHENTIC LEARNING) . นนทบรุ ี : สหมิตรพรนิ้ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลิสซิง่ . ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2559). 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ. พี บาลานซ์ดไี ซดแ์ อนปร้ินติง้ . นพพงษ์ บญุ จิตราดลุ . (2551). หลกั การ และทฤษฎีการบริหารการศกึ ษา Principles and Theories in Educational Administration. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพเ์ ทียมฝา่ ประเวศ วะสี. ปฏิรูปการศึกษา-ยกเครื่องทางปัญญา : ทางรอดจากความหายนะ. พิมพ์คร้ังที่ 2, กรุงเทพฯ. ปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน์. (2553). การบริหารงานวชิ าการ. กรุงเทพฯ : บริษทั พมิ พด์ ี จากดั . ไพฑูรย์ สินลารัตน์ และ นักรบ หม้แี สน. (2561). ความเปน็ ผูน้ าทางการศึกษา. พมิ พค์ ร้ังที่ 3. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2557). 21st Century Skills for CMU Faculty Development ทักษะ แหง่ ศตวรรษที่ 21 เพ่อื การพฒั นาอาจารย์ของมหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ ทิศนา แขมมณี. (2548). ศาสตร์การสอน. (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4) กรงุ เทพฯ : ดา่ นสทุ ธาการพมิ พ์จากัด. ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพ่ือการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ. พมิ พ์ครงั้ ที่ 18. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ธร สุนทรายุทธ (2550). การบริหารจัดการความเสี่ยงทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : บริษัทเนติกุลการ พิมพ์ จากัด.
188 ธร สุนทรายุทธ (2553). การบริหารจัดการความเส่ียงทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั เนติกุลการพมิ พ์ จากัด. ธารง บัวศรี. (2542). ทฤษฎีหลักสูตร : การออกแบบและพัฒนา. กรุงเทพฯ : บริษัทธนรัชการพิมพ์ จากัด. เมตต์ เมตต์การุณ์จิต. (2553). การบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม : ประชาชน องค์กรปกครอง สว่ นท้องถน่ิ และราชการ. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3. นนทบรุ .ี บริษทั บุ๊ค พอยท์ จากัด. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ (2556). การบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน Administrational Management and school Base Basic. พิมพ์คร้ังท่ี 5. สงขลา : บริษัทนาศิลป์โฆษณา จากัด. วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และอธิป จิตตฤกษ์ แปล. (2554). ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การศึกษาเพื่อ ศตวรรษท่ี 21 = 21st century skills : Rethinking how students learn. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์โอเพ่นเวลิ ดส์ . วัฒนา วงศเ์ กียรตริ ัตน.์ (2555). หลกั การและแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการวางแผนยทุ ธศาสตร์ของหน่วยงาน ภาครฐั ในระบบงบประมาณแบบมงุ่ เนน้ ผลงาน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . วิชัย วงษ์ใหญ่.(2542).พลังการเรียนรู้ : ในกระบวนการทัศน์ใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 4), กรุงเทพฯ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ. วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสดศรี – สฤษดิว์ งศ์. วริ ิยะ ฤาชัยพาณชิ ย์และกมลรัตน์ ฉิมพาลี (2559) สมทุ รสาคร : บริษทั พมิ พ์ดี จากดั . วิโรจน์ สารรัตนะ.(2553). แนวคิด ทฤษฎี และประเด็น เพ่ือการบริหารทางการศึกษา.กรุงเทพฯ : หจก.ทิพยวสิ ทุ ธ์.ิ วิโรจน์ สารรัตนะ.(2555). แนวคิด ทฤษฎี และประเด็นเพ่ือการบริหารทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : หจก.ทิพยวิสทุ ธิ์. วิโรจน์ สารรัตนะ.(2556). กระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษา กรณีทัศนะต่อการศึกษาศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ : หจก.ทพิ ยวิสทุ ธ์ิ. วิโรจน์ สารรัตนะ.(2556). การวิจัยทางการบริหารการศึกษา:แนวคิดและกรณีศึกษา. (พิมพ์คร้ังท่ี 3). กรงุ เทพฯ : หจก. ทิพยวสิ ุทธิ.์ วิโรจน์ สารรตั นะ.(2558). การวิจยั ทางการบรหิ ารการศึกษา : แนวคดิ และแนวปฏิบัต.ิ พมิ พ์คร้งั ท่ี 4. กรุงเทพฯ : หจก. ทิพยวสิ ุทธ์.ิ วีระยุทธ ชาตะกาญจน์. (2555). เทคนิคการบริหารสาหรับนักบริหารการศึกษามืออาชีพ. พิมพ์คร้ังที่ 3. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วีระยุทธ ชาตะกาญจน์. (2556). เทคนิคการบริหารสาหรับนักบริหารการศึกษามืออาชีพ. พิมพ์คร้ังที่ 4. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วีระยุทธ ชาตะกาญจน์. (2557). การวิจัยเพ่ือพัฒนาการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์ แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
189 วรี พจน์ ลอื ประสิทธส์ิ กุล. (2545). MANAGEMENT BEST PRACTICES : MBP-STP-1-1 STRATEGIC MANAGEMENT Using TQM CONCEPTS AND TOOL. กรงุ เทพฯ : บริษัท บีพีอาร์ แอนด์ ทคี วิ เอม็ คอนซลั แทนท์ จากดั . ศริ ภสั สรศ์ วงศ์ทองดี. (2561). ผู้นานักบริหารกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. สงบ ประเสรฐิ พันธ์.ุ (2543). รว่ มกันสรรคส์ รา้ งคณุ ภาพโรงเรยี น. กรุงเทพฯ : สวุ รี ยิ าสาสน์ . ส.วาสนา ประวาลพฤกษ์. (2538). นกั วางแผนวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ าร The Action Research Planner. ศนู ยพ์ ฒั นาหนงั สือ กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. สนั ติ บุญภิรมย์. (2553). การบริหารงานวชิ าการ. พิมพค์ รัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : บคุ๊ พอยท.์ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน. (2550). แนวทางการกระจายอานาจการบริหารและ การจัดการศึกษาให้คณะกรรมการ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และสถานศึกษา ตาม กฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์และการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค. สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน). (2554). รายงานสรุปผล การประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง (พ.ศ.2549-2553). กรุงเทพฯ : สานักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน). สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2555). รายงานการ ประเมินคณุ ภาพภายนอกรอบสาม (พ.ศ.2554-2558) ระดบั การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน. สานักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (ม.ป.ป.). มาตรฐานการบริการและการจัด การศึกษาโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน (School-Based Management). กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์สานกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาต.ิ สานักทดสอบทางการศึกษา. (2554). แนวทางการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : สานักงาน พระพทุ ธศาสนาแห่งชาต.ิ สานักทดสอบทางการศึกษา. (2556). สรุปผลการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกรอบสาม (พ.ศ.2554 – 2558) ของสถานศกึ ษาสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ปี พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ : บรษิ ัทพรกิ หวานกราฟฟิค จากดั . สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2553). กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วย ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและ บคุ ลากรทางการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : ห้างหุน้ ส่วนจากัด ว.ี ที.ซ.ี คอมมวิ นิเคชนั่ . สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา, สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน. (2552). ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
190 สทุ ธิพร จติ ต์มิตรภาพ. (2553). การเปล่ียนแปลงโลกของการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 และการพัฒนาสู่ “ครูมืออาชีพ”. การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลงสมาคมเครือข่ายการพัฒนาวิชาชีพอาจารย์ และองค์กรอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย. สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. สวุ มิ ล ว่องวาณชิ . (2543). ประมวลบทความนวตั กรรมเพ่ือการเรยี นรูส้ าหรบั ครยู ุคปฏริ ูปการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั สุวิมล ว่องวาณิช. (2549). การวิจัยปฏิบัติการในช้ันเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สุวิทย์ มูลคา และอรทัย มูลคา. (2543). การเรียนรู้สู่ผู้สอนมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : ดวงกมล สมัยจากัด. สุวิมล ว่องวาณิช. (2549). การวิจัยปฏิบัติการในช้ันเรียน. พิมพ์คร้ังที่ 9. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุวิมล ว่องวาณิช. และนงลักษณ์ วิรัชชัย.(2542). การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการจัดอันดับ มหาวิทยาลัยของประเทศเอเชีย 2540-2542.กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาแหง่ ชาติ. สุนทร โคตรบรรเทา (2551). หลักการและทฤษฎีการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์ ปญั ญาชน. เสนาะ ติเยาว์. (2543). หลกั การบรหิ าร. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. องอาจ นัยพัฒน์. (2548). วิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพทางพฤติกรรมศาสตร์และ สังคมศาสตร์. กรงุ เทพฯ : สามลดา. ข. เอกสารอดั สาเนา คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้. (2543). การปฏิรูปการเรียนรู้ผู้เรียนสาคัญท่ีสุด. เอกสารอัด สาเนา, ชาติ แจม่ นุช และคณะ. ผู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลางคืออยา่ งไร. เอกสารอดั สาเนา, มปป. ทิศนา แขมมณี และคณะ. (2543). การพัฒนากระบวนการคิด.เอกสารประกอบการอบรมเชิง ปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนารูปแบบ การสอนท่ีเน้นกระบวนการคิดตามแนวปฏิรูป กระบวนการเรียนรู้, นครปฐม : ศูนย์ศึกษาพัฒนาผู้สอน, คณะครุศาสตร์, สถาบันราชภัฏ นครปฐม. ทิศนา แขมมณี. (2545). การพัฒนากระบวนการคิด : แนวทางที่หลากหลายสาหรับครู. เอกสาร ประกอบการบรรยายในที่ประชุมบัณฑิตและภาคีสมาชิก สานักธรรมศาสตร์และการเมือง ราชบัณฑิตยสถาน. นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2543). การวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนการสอน: การวิจัยปฏิบัติการของครู. เอกสารประกอบการบรรยายพเิ ศษเน่อื งในวนั เกษยี ณอายุราชการของรองศาสตราจารย์
191 ค. วารสาร บทความวชิ าการ กาญจนา แกว้ เทพ. (2532). การทางานพฒั นาแนววฒั นธรรมชุมชน : คอื อะไรและทาอย่างไร.วารสาร สงั คมพฒั นา, (1-2), 14-35. คณะวิทยาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. (2556). “การเรียนรู้ท่ีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในทักษะ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21”สรุปแนวทางการปฏิบัติท่ีดี (Best Practice) โครงการอบรม และแลกเปลีย่ นเรียนรู้ด้วยเทคนิคการสอนและจิตวทิ ยาการสอน ธันยวิช วิเชียรพันธ์ และปวีณา จันทร์สุข. (2556). รายงานโครงการพัฒนาเครื่องมือเพื่อเสริมสร้าง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของเด็กและเยาวชนไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคม อาเซียน. สานกั งานสง่ เสรมิ สงั คมแหง่ การเรยี นรูแ้ ละคณุ ภาพเยาวชน (สสค.). มาเรียม นิลพันธ์ุ และ ศิรวิ รรณ วณิชวัฒนวรชยั . (2557). รายงานการวจิ ัย เรอื่ ง การพัฒนานวัตกรรม การเรียนรู้ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานแบบมีส่วนร่วมกับชุมชนโดยใช้พิพิธภัณฑ์และแหล่ง เรียนรู้ในท้องถ่ินเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย ศลิ ปากร. นิภาพรรณ เจนสันติกุล. (2554). “การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ : บทพิสูจน์ทางทฤษฏี”. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. ปีที่ 22 ฉบับท่ี 1 มกราคม – เมษายน. ประเวศ วะสี. (2543). ปฏิรูปการเรียนรู้เพ่ือแก้ความทุกข์ยากของคนทั้งแผ่นดิน. สานปฏิรูป. 24 มีนาคม. มงคล อาทิภาณุ. บทความวิชาการ. (2551). “นักเรียนเป็นศูนย์กลางอนาคตการศึกษาของชาติ ตอนที่ 2” วารสารพัฒนาเทคนิคศึกษา. ปที ี่ 20 ฉบับท่ี 65 มกราคม-มีนาคม. ยาใจ พงษ์บริบูรณ์. (2537). “การวิจัยเชิงปฏิบัติการ” (Action Research). วารสารศึกษาศาสตร์. มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . 17 (มิถนุ ายน – กนั ยายน) : 11-15. สถาพร พฤฑฒิกุล. (2555). “คุณภาพผู้เรียน.เกิดจากกระบวนการเรียนรู้ QUALITY STUDENTS DERIVED FROM ACTIVE LEARNING PROCESS” วารสารการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบรู พา ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 เดือนเมษายน –กันยายน. สมศักดิ์ ชณุ หรัศม์ิ (2555). สรา้ ง “ทักษะ” ใหผ้ เู้ รียนพร้อมส่ศู ตวรรษที่ 21 ปีท่ี 4 ฉบับที่ 11 อาภรณ์ ใจเท่ยี ง. (2551). การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ. ข่าวสารวิชาการ. หน่ วยส่ งเสริ มและพั ฒนาวิชาการ งานบริ การการศึ กษาคณะเภสั ชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ฉบับท่ี 5/2551 ประจาเดอื นพฤษภาคม. วาทิต จันทสุริยะวงศ์. (2528). ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วม. วารสารสังคมพฒั นา, (6), 49-57. วิจารณ์ พานิช. (2556). โครงการอบรมและแลกเปล่ียนเรียนรู้ด้านเทคนิคการสอนและจิตวิทยาการ สอน “การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21” มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่. ศิรวิ รรณ ฉตั รมณีรุ่งเจรญิ และวรางคณา ทองนพคณุ . (2557). ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ความทา้ ทาย ในอนาคต. เอกสารประกอบการสอน.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254