กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อ. ศรสี งคราม จ. นครพนม รวมนิราศสุนทรภู่ โดย นิราศเมอื งแกลง นายศักทาวฒุ โคตรชมภู นริ าศพระบาท และนายฤทธิเดช สกุลซ้ง นิราศภเู ขาทอง นักศกึ ษาฝึกประสบการวชิ าชพี นริ าศวัดเจา้ ฟา้ สาขาวชิ าภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนครพนม นริ าศอิเหนา โคลงนิราศสพุ รรณ ราพันพิลาป นิราศพระประธม นิราศเมืองเพชร
รวมนริ าศสุนทรภู่ โดย นายศักทาวฒุ โคตรชมภู และนายฤทธิเดช สกลุ ซ้ง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ก โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม คานา หนังสือรวมนิราศสุนทภู่เล่มน้ี จัดทาข้ึนเพ่ือรวบรวมผลงานนิราศของสุนทรภู่ท้ัง ๙ เร่ือง ได้แก่ นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภเู ขาทอง นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา โคลงนิราศสุพรรณ ราพันพิลาป นิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร มีการอธิบายเรื่องคร่าว ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความ เข้าใจ และเน้ือเร่ืองท่ีรวบรวมน้ันได้รวบรวมเน้ือหานิราศท่ีเป็นแบบฉบับของหอสมุดวชิรญาณ กรม ศิลปากร ซงึ่ ผจู้ ัดทาได้ศึกษาแลว้ พบว่ามคี วามสมบูรณข์ องเน้ือหามากทีส่ ดุ ขอขอบพระคุณเอกสาร ตารา ท่ีผู้เขียนได้นามาอ้างอิง คุณค่าและประโยชน์ของหนังสอื เล่มน้ี ผู้จัดทาขอมอบแด่พ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่สั่งสอนอบรมวางพื้นฐานความรู้ให้ และพระสุนทรโวหาร (ภู่) ทเ่ี ปน็ ผูส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานท่ีมีคณุ คา่ ต่อการศึกษา ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือรวมนิราศของสุนทรภู่เล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ศึกษา เพ่ือการแตกฉานในผลงานของท่านสุนทรภู่ รวมถึงใช้เป็นแหล่งข้อมูลความรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนมต่อไป หากผู้อ่านมี ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม ผ้จู ดั ทายินดีท่ีจะนามาปรบั ปรุงแกไ้ ขในการจดั พิมพ์ครัง้ ตอ่ ไป นายศกั ทาวุฒ โคตรชมภู และนายฤทธิเดช สกุลซง้ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ คำนำ
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ข โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม สารบัญ หน้า ก เรื่อง ข ๑ คานา ๓ สารบญั ๓ ๕ ประวัตโิ ดยยอ่ ของสนุ ทรภู่ ๒๗ เรอ่ื งที่ ๑ นริ าศเมืองแกลง ๒๗ บทนา ๒๘ คาอธิบายนริ าศในประชุมกลอนนิราศต่าง ๆ ภาคท่ี ๑ นริ าศสนุ ทรภู่ ๔ เรื่อง เนื้อหานิราศเมืองแกลง (ฉบับหอสมุดวชิรญาณ) ๕๐ ๕๐ เรื่องที่ ๒ นิราศพระบาท บทนา ๕๘ คาอธิบายนริ าศพระบาทในประชุมวรรณคดีเร่ือง พระพุทธบาท ๕๘ เนอ้ื หานิราศพระบาท (ฉบบั หอสมดุ วชริ ญาณ) ๕๙ ๖๗ เรื่องที่ ๓ นิราศภเู ขาทอง บทนา ๙๔ เน้ือหานิราศภูเขาทอง (ฉบับหอสมุดวชิรญาณ) ๙๔ ๙๖ เรอ่ื งท่ี ๔ นิราศวดั เจา้ ฟา้ บทนา คานานิราศวัดเจา้ ฟ้า (ฉบบั ตรวจชาระ พ.ศ. ๒๕๕๘) ของหอสมุดวชริ ญาณ ความนานิราศวัดเจ้าฟ้า (ฉบบั ตรวจชาระ พ.ศ. ๒๕๕๘) ของหอสมดุ วชริ ญาณ เนอ้ื หานริ าศวดั เจา้ ฟ้า (ฉบบั หอสมดุ วชริ ญาณ) เรื่องท่ี ๕ นิราศอิเหนา บทนา คาอธิบายนริ าศในประชุมนิราศสนุ ทรภู่ เล่มท่ี ๕ นิราศอเิ หนา เนื้อหานริ าศอิเหนา (ฉบับหอสมุดวชิรญาณ) รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ สารบัญ
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ค โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม สารบญั (ตอ่ ) หนา้ เรอ่ื ง ๑๐๕ ๑๐๕ เรือ่ งที่ ๖ โคลงนิราศสุพรรณ ๑๑๐ บทนา ๑๒๐ คานาโคลงนริ าศสุพรรณ ของหอสมุดวชิรญาณ สถานท่ีทก่ี ล่าวถึงโคลงนิราศสุพรรณ ของหอสมดุ วชริ ญาณ ๑๓๒ เนือ้ หาโคลงนริ าศสุพรรณา (ฉบับหอสมุดวชริ ญาณ) ๑๓๒ ๑๓๓ เร่ืองที่ ๗ ราพันพิลาป ๑๓๕ บทนา คานาในราพนั พิลาป (วนั ท่ี ๑ เมษายน ๒๕๑๐) ๑๕๗ คานาในคราวพมิ พค์ รง้ั แรก อ้างจาก ราพันพิลาป (วันท่ี ๑ เมษายน ๒๕๑๐) ๑๕๗ เนื้อหานิราศอิเหนา (ฉบับหอสมดุ วชิรญาณ) ๑๕๘ เรอื่ งที่ ๘ นิราศพระประธม ๑๗๘ บทนา ๑๗๘ คาอธบิ ายในนิราศพระประธมของสุนทรภู่ ๑๗๙ เนือ้ หานิราศพระประธม (ฉบับหอสมุดวชริ ญาณ) ๑๙๗ เรอ่ื งท่ี ๙ นิราศเมอื งเพชร(เมอื งเพ็ชร)์ บทนา คาอธิบายในนิราศเมืองเพ็ชรข์ องสุนทรภู่ เนื้อหานริ าศเมืองเพ็ชร์ (ฉบับหอสมดุ วชิรญาณ) บรรณานกุ รรม รวมนิราศของสุนทรภู่ สารบญั
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ประวัติโดยย่อของสุนทรภู่ ในการศกึ ษาผลงานของครุกวอี ย่างท่านสุนทรภู่ จาเป็นอยา่ งยิ่งที่จะต้องรู้และเข้าใจประวัตขิ อง ท่าน เพ่ือให้เกิดความเข้าใจในเน้ือหาผลงานของท่าน โดยเฉพาะนิราศที่เป็นบันทึกการเดินทาง และเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้นึ ในชีวิตประจาวนั ของทา่ น สุนทรภู่ มีชวี ิตวนเวียนอยู่ในวัง “วัง” กบั “วัด” เร่ิมต้ังแต่ เกิด จะอยู่ทวี่ ังหลัง สมัยรัชกาลท่ี ๑ เติบโตในวงั หลวง สมัยรชั กาลท่ี ๒ บวชท่ีวัดหลวง สมัยรชั กาลท่ี ๓ และตายท่วี ังหน้า สมยั รชั กาลที่ ๔ เกดิ ทีว่ ังหลงั สมัยรัชกาลท่ี ๑ สุนทรภู่เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๓๒๙ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๑ ค่า เดือน ๘ ปีมะเมีย จุล ศักราช ๑๑๔๘ ๒ โมงเช้า ในแผน่ รชั กาลท่ี ๑ พ.ศ. ๒๓๒๙-๒๓๕๒ (อายุ ๑-๒๓ ปี) ตั้งแต่กาเนิดเม่ือต้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจฬุ าโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ จนตลอดส้นิ แผน่ ดิน ในระยะน้สี ุนทรภเู่ ปน็ ข้าในกรมพระราชวงั หลัง พ.ศ. ๒๓๔๙ กรมพระราชวังหลังทิวงคต สุนทรภู่ก็ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ (ลกู เธอในกรมพระราชวงั หลงั ) ขณะทรงผนวชอยู่วัดระฆัง ฯ พ.ศ. ๒๓๕๐ อายรุ าว ๒๑ ปี ตอนตน้ ปไี ปหาบดิ าทเี่ มอื งแกลง แตง่ นิราศเมอื งแกลง ตอนปลายปี ตามเสด็จพระองคเ์ จ้าปฐมวงศ์ไปนมสั การพระบาท แตง่ นริ าศพระบาท (เล่ากันว่าสนุ ทรภู่แต่งนทิ านเรอื่ ง โคบุตรกอ่ นไปเมอื งแกลง และแตง่ เร่อื งลักษณวงศ์ก่อนเข้ารับราชการ) เตบิ โตทวี่ งั หลงั สมยั รัชกาลที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๕๒-๒๓๖๗ (อายุ ๒๓-๓๘ ป)ี ต้ังแตพ่ ระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั รัชกาลท่ี ๒ เสวยราชย์ จนถึงสวรรคต สุนทรภู่เข้ารับราชการเป็นท่ีโปรดปราน และได้เป็นขุนสุนทรโวหารในกรม พระอาลกั ษณ์ ได้รบั พระราชทานให้อยูเ่ รอื นแพรมิ นา้ เจา้ พระยา ตรงท่าช้างวังหลวง เล่ากันว่าช่วงน้ีสุนทรภู่แต่งเร่ืองสิงหไกรภพ (ตอนต้น) แต่งเรื่องพระอภัยมณี (ตอนต้น) และแต่งเรอ่ื งขนุ ช้างขุนแผน ตอนกาเนิดพลายงาม บวชท่ีวัดหลวง สมัยรัชกาลที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๖๗-๒๓๘๕ (อายุ ๓๘-๕๖ ปี๗ ต้ังแต่บวชจนสึก รวม ๑๗ ปี อยู่ในแผ่นดิน พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๓ พ.ศ. ๒๓๗๑ อายุ ๔๒ ไปอยุธยาแตง่ นริ าศภูเขาทอง พ.ศ. ๒๓๗๒ อายุ ๔๓ เจ้าฟา้ กลางกบั เจา้ ฟา้ ปิว๋ มาเปน็ ลกู ศษิ ย์ แตง่ เพลงยาวถวายโอวาท พ.ศ. ๒๓๗๕ อายุ ๔๖ ไปอยุธยา แต่งนริ าศวดั เจ้าฟา้ (สานวนเณรหนูพัด) พ.ศ. ๒๓๗๙ อายุ ๕๐ ไปสุพรรณบุรีแตง่ โคลงนิราศสพุ รรณ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ ประวัตสิ นุ ทรภู่
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๒ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม พ.ศ. ๒๓๘๐ อายุ ๕๑ ตอ่ เรือ่ งพระอภยั มณี พ.ศ. ๒๓๘๓ อายุ ๕๔ ตอ่ เรือ่ งสิงหไกรภพ พ.ศ. ๒๓๘๔ อายุ ๕๕ ไปพระปฐมเจดีย์ (นครชยั ศร)ี แตง่ นริ าศพระประธม พ.ศ. ๒๓๘๕ อายุ ๕๖ แตง่ ราพนั พลิ าป แล้วลาลกิ ขา ระหว่างบวชเป็นพระอยู่วัดเทพธิดารามได้แต่งกาพย์ลานาเรื่องพระไชยสุริยา และอาจได้แต่ง นิราศอิเหนา เหก่ ลอ่ มพระบรรทม และพระอภัยมณี ส่วนเห่เรอ่ื งอ่นื ๆ อาจแตง่ แตใ่ นรัชกาลที่ ๒ ตายทว่ี งั หน้า สมัยรชั กาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๘๕-๒๓๙๘ (อายุ ๕๖-๖๙) อยใู่ นชว่ งปลายแผน่ ดินรชั กาลที่ ๓ จนถงึ ต้นแผ่นดนิ รชั กาล ท่ี ๔ เม่ือสึกแล้วสุนทรภู่ได้ไปอยู่กับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชวังเดิม (ขณะน้ัน ดารงพระยศเปน็ สมเดจ็ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรงั สรรค์ แตเ่ รยี กกันเปน็ สามญั วา่ “เจา้ ฟ้าน้อย”) เม่อื รชั กาลที่ ๔ เสวยราชสมบตั ิ “เจา้ ฟ้าน้อย” ไดร้ ับบวรราชาภเิ ษก ได้ทรงแต่งต้งั ใหส้ ุนทรภู่เป้ ฯพระสุนทรโวหาร อาลักษณใ์ นกรมกระราชวังบวร ฯ เข้าใจว่าได้เรื่องสวัสดริ ักษาและเสภาเรอ่ื งพระราช พงศาวดาร สุนทรภู่ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ อายุ ๖๙ ปี มีผู้จาได้ว่าถึงแก่กรรมท่ีบ้านสวนบางระมาด ในคลองบางกอกน้อย แลว้ ทาศพท่ีวดั ชโิ นรส ฯ ริมคลองมอญ ธนบรุ ี รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ ประวตั สิ นุ ทรภู่
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๓ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เรอื่ งที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง (ฉบับหอสมดุ วชิรญาณ) บทนา นิราศเมืองแกลง แต่งเมื่อพุทธศักราช ๒๓๔๙ เมื่อเดินทางไปเย่ียมบิดาท่ีเมืองแกลงซึ่งบวชเป็น พระอยู่ท่ี บ้านกร่า อาเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่ เป็นการบรรยายการ เดินทางทางเรือจากพระราชวังหลังพร้อมด้วยศิษย์ ๒ คน คือ น้อยกับพุ่ม และคนนาทางอีก ๑ คน คือ นายแสง ไปคลองสาโรง คลองศีรษะจระเข้ ออกปากน้าบางมังกง(บางปะกง) ไปข้ึนบกที่บางปลาสร้อย เมืองชลบุรี แล้วเดินเท้าต่อไปท่ีเมืองระยองจึงถงึ วัดบ้านกร่า เมืองแกลง ซึ่งบดิ าบวชเป็นพระภิกษุอยู่จา พรรษา ได้พบกับบิดาแล้วป่วยเป็นไข้ป่าญาติพี่น้องช่วยกันรักษาประมาณเดือนกว่า เม่ือหายป่วยแล้ว เดนิ ทางกลับกรุงเทพมหานคร ตลอดการเดนิ ทางจะคร่าครวญถึงจนั หญิงทีเ่ ปน็ คนรัก คาอธบิ ายนิราศในประชุมกลอนนริ าศตา่ ง ๆ ภาคท่ี ๑ นริ าศสนุ ทรภู่ ๔ เรื่อง คาอธิบายนิราศน้ีจะเป็นคากล่าวอธิบายนิราศท้ัง ๔ เรื่อง ได้แก่ นิราศเมืองแกลง นิราศ พระบาท นิราศภูเขาทอง และนริ าศวัดเจา้ ฟา้ ซ่งึ รวมไว้ในหนงั สือเล่มเดียวกัน ลกั ษณบทกลอนของไทยเรามี ๔ ประเภท คอื โคลงประเภท ๑ ฉนั ทป์ ระเภท ๑ กาพย์ประเภท ๑ กลอนประเภท ๑ ฉันกับกาพย์ตารามาแต่ประเทศอนิ เดีย โคลงกบั กลอนตาราเปนของไทยเราเอง ถ้า ว่าเปนทางตานานโดยอาไศรยพิจารณาบทกลอนของโบราณทยี่ งั เหลอื อยใู่ นบัดนี้ หนังสือบทกลอนไทยที่ แต่งเปนโคลงกับกลอนเปนของมีมาก่อน ฉันท์แลกาพย์มีขึ้นต่อชั้นหลัง ในราวแผ่นดินสมเด็จพระนา รายน์มหาราช แต่คนสมัยน้ันดูเหมือนจะถือกันเปนคติว่าโคลงฉันท์เปนของแต่งยาก กวีท่ีมีชื่อเสียงมัก แต่งหนังสือเรื่องสาคัญเปนลิลิตฤๅโคลงฉันท์ทั้งนั้น กาพย์กลอนถือกันว่าเปนของแต่งง่าย มักแต่งกันแต่ เปนหนังสือสวดและเปนเพลงยาวสังวาศ มาจนถึงปลายสมัยคร้ังกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี จึงค่อยนับ ถอื กาพย์กลอนกันข้นึ กว่าแต่ก่อน เห็นจะเปนเพราะเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์โปรดทรงแต่งกาพย์ เช่นกาพย์เห่ เรอื เปนตน้ และโปรดทรงแตง่ เพลงยาวสงั วาศ การแตง่ กาพย์กลอนจงึ แต่งกนั แพรห่ ลายข้ึน หนังสือจาพวกที่เรียกว่านิราศ เปนบทกลอนแต่งเวลาไปทางไกล มูลเหตุท่ีจะเกิดหนังสือชนิด น้ีข้ึน สันนิษฐานว่า คงเปนเพราะเวลาเดินทางท่ีมักต้องไปเรือหลายๆ วัน มีเวลาว่างมาก ได้แต่นั่งๆ นอนๆ ไปจนเกิดเบ่ือ ก็ต้องคิดหาอะไรทาแก้ราคาญ ผู้สันทัดในทางวรรณคดี จึงแก้ราคาญโดยกระบวร คิดแต่งบทกลอน บทกลอนแตง่ ในเวลาเดินทางเช่นนั้น ก็เปนธรรมดาทีจ่ ะพรรณาว่าด้วยสิ่งซ่ึงได้พบเห็น ในระยะทางประกอบกับอารมณ์ของตน เช่นครวญคิดถึงคู่รักซึ่งต้องพรากท้ิงไว้ทางบ้านเรือนเปนต้น กระบวรความในหนงั สอื นิราศจงึ เปนทานองอยา่ งว่านที้ ้ังนั้น ชอบแต่งกนั มาแต่คร้งั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปนราช ธานี แตท่ ีเ่ รยี กชอ่ื วา่ หนังสอื นริ าศ ดเู หมอื นจะบัญญัติขนึ้ ในชั้นกรุงรตั นโกสนิ ทรน้ี รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๔ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม หนังสือนิราศครั้งกรุงศรีอยุธยามักแต่งเปนโคลง แลเรียกชื่อเรื่องแปลกๆ กัน โคลงนิราศเก่า กอ่ นเร่ืองอื่นทมี่ ีฉบบั อยูบ่ ัดนี้ เรียกชอ่ื เรอื่ งวา่ โคลงหริภุญชัย เดิมแต่งเปนโคลงลาวท่ีเมืองเชียงใหม่เม่ือปี ฉลู “เมิงเป๊า” ในนั้นกล่าวถึงพระพุทธสิหิงค์ว่ายังอยู่เมืองเชียงใหม่ เพราะฉน้ันคงจะแต่งเม่ือปีฉลู เมิง เป๊ารอบท่ีตรงกับ พ.ศ. ๒๑๘๑ ก่อนสมเด็จพระนารายน์ฯ เชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมากรุงศรีอยุธยา นริ าศ เร่ืองน้ีเอามาแต่งแปลงเปนโคลงไทยท่ีกรุงศรีอยุธยาอิกช้ัน ๑ แต่ดูเหมือนจะนับถือกันมาก นิราศท่ีแต่ง ในกรุงศรีอยุธยาเก่าก่อนเรื่องอื่นนั้น คือโคลงพระศรีมโหสถ แต่งคร้ังตามเสด็จพระนารายน์ฯ ไปรับ ชา้ งเผือกที่เมืองนครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๑ ต่อมาถึงโคลงกาศรวญของศรีปราชญ์ แต่งเม่ือถูกเนรเทศ จากพระนครศรีอยุธยาลงไปอยู่เมืองนครศรีธรรมราช กล่าวกันว่าเมื่อในรัชกาลพระเจ้าเสือ ระหว่าง พ.ศ. ๒๒๔๖ กับ พ.ศ. ๒๒๕๑ นิราศกาศรวญนี้ในกระบวรความเห็นได้ว่าแต่งตามอย่างนิราศหริภุญชัย แตแ่ ต่งดีขน้ึ ไปอิก ผแู้ ตง่ โคลงนริ าศชั้นหลังมา แม้ท่ีแต่งในกรุงรตั นโกสนิ ทรนี้ชอบแต่งเอาอยา่ งโดยมาก นิราศคร้ังกรุงศรีอยุธยาที่แต่งเปนกลอนสุภาพ มีปรากฎอยู่เร่ืองเดียวแต่นิราศเมืองเพ็ชรบุรี ของหม่อมพิมเสน แต่กร็ วมไว้ในพวกเพลงยาวสังวาศ หาได้แยกออกเปนเรื่องต่างหากเหมือนอย่างนิราศ ที่แต่งกนั ในช้ันกรุงรัตนโกสินทรไม่ ถึงนิราศทีแ่ ต่งเปนกลอนสภุ าพในกรุงรัตนโกสินทรนี้ ชนั้ แรกก็รวมอยู่ ในเพลงยาวสังวาศ มิได้แยกออกเปนประเภท ๑ ต่างหาก มีตัวอย่างที่สาคัญคือนิราศท่าดินแดง ซ่ึง พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเสด็จยกกองทัพหลวงไปปราบพม่า ข้าศึก เม่ือปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙ กร็ วมอยู่ในเพลงยาว พึ่งจะแยกออกเปนนิราศเร่ือง ๑ เมื่อในรัชกาลท่ี ๕ นิราศทแี่ ตง่ กันในช้ันกรุงรตั นโกสินทรนี้ แตง่ ทงั้ เปนโคลงแลเปนกลอนสุภาพ ดูเหมอื นกวีที่แต่ง นิราศในคร้ังรัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๒ จะถือคตติ ่างกนั เปน ๒ พวก ๆ หน่ึงถือคตเิ ดมิ วา่ โคลงฉนั ท์เปนของ สาคญั แลแต่งยากกว่ากลอน กวพี วกนแี้ ต่งนิราศเปนโคลงตามเยยี่ งอยา่ งศรีปราชญ์ท้งั น้ัน กวีอิกพวกหน่ึง ชอบเพลงยาวอย่างเช่นเล่นกันเม่ือปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา กวีพวกน้ีแต่งนิราศเปนกลอนสุภาพท้ังนั้น ถ้าว่าเฉพาะที่เปนกวีคนสาคัญในพวกหลังนี้ คือสุนทรภู่แต่งนิราศเปนกลอนสุภาพมากเรื่องกว่าใครๆ หมด กลอนของสนุ ทรภูค่ นชอบอ่านกนั แพร่หลาย ก็ถือเอานริ าศของสุนทรภ่เู ปนแบบอย่างแต่งนิราศกัน ตอ่ มา ตั้งแตร่ ชั กาลที่ ๓ จนถงึ รัชกาลท่ี ๕ ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ น้ี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลโท พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (ม.ร.ว. สิทธ์ิ สุทัศน์ ณกรุงเทพ) เปนพระยายืนชิงช้า พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร ขอให้กรรมการหอพระสมุดวชิ รญาณสาหรับพระนคร ช่วยเลือกเรื่องหนังสือสาหรับจะพิมพ์แจกชาร่วยในงานนั้น ข้าพเจ้าจึงเลือก นิราศของสุนทรภู่ ๔ เรื่อง ให้พิมพ์รวมเปนประชุมกลอนนิราศเรื่องต่างๆ นับเล่มน้ีเปนภาคที่ ๑ เพราะ หนังสือซ่ึงเคยพิมพ์แจกในงานพิธีตรียัมพวาย มักเลือกหนังสือบกลอนท่ีน่าอ่าน ให้พอใจอ่านกันทุกชั้น บันดาศักดิ์ และในหมู่น้ีได้ยินว่า มีผู้ต้องการอ่านนิราศของสุนทรภู่กันอยู่มาก เห็นว่าถ้าพระยาวิชิตวงศ์ วุฒิไกร แจกหนังสือประชุมนิราศนี้เห็นจะเหมาะดี ยังมีเหตุอิกออย่าง ๑ ซึ่งเปนปัจจัยให้เลือกประชุม นิราศนี้ คือที่มีเวลาน้อย เกรงว่าถ้าหาหนังสืออ่ืนจะไม่ทันงาน หนังสือนิราศเหล่าน้ี โรงพิมพ์โสภณพิ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๕ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม พรรฒธนากรได้ขอฉบับหอพระสมุด ฯ ไปพิมพ์อยู่แล้ว โดยหมายจะพิมพ์จาหน่ายเปนเล่มละเร่ือง จึง ขอใหเ้ ขารวมนิราศสนุ ทรภู่ ๔ เร่อื งเข้าเปนประชุมนิราศเลม่ นี้ นริ าศสนุ ทรภ่ทู ี่รวมในประชุมนริ าศภาคที่ ๑ น้ี จัดเรียงเร่ืองตามลาดบั นริ าศท่สี ุนทรภู่แต่ง คือ ท่ี ๑ นริ าศเมืองแกลง แตง่ ในรัชกาลท่ี ๑ เมอื่ สุนทรภู่เปนข้าในกรมพระราชวังหลัง ที่ ๒ นิราศพระพุทธ บาท สุนทรภู่แต่งในรัชกาลที่ ๑ เมื่อเปนมหาดเล็กอยู่ในพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสกรมพระราชวัง หลงั (ในนิราศพระพุทธบาทนี้ สนุ ทรภกู่ ล่าวความไวแ้ ห่ง ๑ วา่ “พอแรมค่าวนั น้ันท่านพระคลัง หาบุญยัง มาฉลองศาลาลัย” เมื่อข้าพเจ้าแต่งประวัติสุนทรภู่ท่ีพิมพ์แจกเม่ืองานซายิด ได้ตีความตรงน้ีว่า เจ้าพระยาพระคลัง กร ไปฉลองศาลาเม่ือกอ่ นอสัญกรรม คร้ันแจกหนังสือแล้วจึงมารู้ว่าตีความผิดไป ท่ี ถูกน้ันคือเจ้าพระยาพระคลัง กุน หาลครนายบุญยัง ซ่ึงเปนตัวลครมีช่ือเสียงแลต่อมาได้สร้างวัดลครทา นน้ั ไปเล่นฉลองศาลา ข้าพเจา้ เผลอไปไม่ได้นกึ ถึงจึงแต่งผิดไป ขอโอกาศบอกความไวใ้ ห้ผู้อ่านทราบด้วย) ท่ี ๓ นริ าศภูเขาทอง สุนทรภแู่ ต่งเมื่อบวช ในรชั กาลท่ี ๓ ท่ี ๔ นิราศวัดเจา้ ฟ้า สนุ ทรภู่แตง่ เมื่อยังบวชอยู่ แต่แต่งเปนสานวนเณรพดั ผู้เปนบุตร นิราศสนุ ทรภู่ยังเหลอื อยอู่ ิก ๕ เร่ือง จะเอาไว้พิมพ์ในประชุมนิราศ ต่างๆ ภาคท่ี ๒ ตอ่ ไป หวังใจว่า ท่านท้ังหลายได้รับหนังสือท่ีพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกรแจกคราวนี้ จะยินดีพอใจอ่าน ทัว่ กนั สภานายกหอพระสมุดวชริ ญาณ วันท่ี ๒๐ ธนั วาคม พระพทุ ธศักราช ๒๔๖๕ เนื้อหานริ าศเมืองแกลง (ฉบบั หอสมดุ วชริ ญาณ) จะมคี ู่มไิ ด้อย่ปู ระคองเชย ๏ โอ้สังเวชวาศนานิจาเอย๋ ถึงทกุ ขใ์ ครในโลกท่โี ศกเศรา้ ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา จะพลัดพรากจากกนั ไมท่ นั ลา ไมเ่ หมือนเราภมุ รนิ ถวลิ หา โอจ้ าใจไกลนชุ สุดสวาดิ ใช้แตต่ าตา่ งถ้อยสนุ ทรวอน ให้เหน็ อกตกยากเม่ือจากจร จึงนริ าศเร่อื งรักเปนอกั ษร กับศษิ ย์น้องสองนายลว้ นชายหนุ่ม ไปดงดอนแดนปา่ พนาวนั น้อยกับพมุ่ เพือ่ นไรใ้ นไพรสณั ฑ์ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๖ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม กบั นายแสงแจ้งทางกลางอารัญ จะพากนั แรมทางไปตา่ งเมือง ถงึ ยามสองล่องลานาวาเลื่อน พอดวงเดือนดัน้ เมฆขึ้นเหลืองเหลอื ง ถงึ วัดแจง้ แสงจันทร์จารัสเรือง แลชาเลอื งเหลยี วหลงั หล่ังน้าตา เปนหว่ งหนึง่ ถึงชนกทป่ี กเกล้า จะแสนเศร้าครวญคอยละห้อยหา ท้งั จากแดนแสนหว่ งดวงกานดา โอ้อรุ าร่มุ ร้อนอ่อนกาลงั ถึงสามปลื้มพีน่ ีร้ า่ ปล้าแต่ทุกข์ สดุ จะปลกุ ใจปล้มื ใหล้ มื หลงั ขออารกั ษ์หลักประเทศนเิ วศวัง เทพทั้งเมืองฟา้ สรุ าไลย ขอฝากน้องสองรามารดาดว้ ย เอน็ ดูช่วยปกครองให้ผอ่ งใส ตวั ข้าบาทจะนริ าศออกแรมไพร ใหพ้ น้ ไภยคลาศแคล้วอยา่ แผ้วพาน ถงึ สาเพง็ เก๋งตั้งริมฝัง่ น้า แพประจาจอดเรียงเคยี งขนาน มซี ุ้มซอกตรอกนางจ้างประจาน ยังสาราญร้องขับไม่หลับลง โอ้ธานีศรอี ยธุ ยาเอย๋ นึกจะเชยก็ไดช้ มสมประสงค์ จะลาบากยากแคน้ ไปแดนดง เอาพุ่มพงเพงิ เขาเปนเยา่ เรือน ๏ ถึงยา่ นยาวดาวคนองคนึงนิ่ง ย่งิ ดกึ ย่ิงเสยี ใจใครจะเหมือน พระพายพานสา้ นเสยี วทรวงสเทอื น จนเดอื นเคล่ือนคลอ้ ยดงลงไรไร โอ้ดเู ดือนเหมือนดวงสดุ าแม่ กระต่ายแลเหมือนฉันคิดพศิ มัย เห็นแสงจนั ทร์อนั กระจา่ งคอ่ ยส่างใจ เดอื นครรไลลบั ตาแลว้ อาวรณ์ ถงึ อารามนามชื่อวัดดอกไม้ คดิ ถงึ ไปแนบทรวงดวงสมร หอมสคุ นธเ์ คียงกายขจายจร โอย้ ามนอนห่างนางระคางคาย ถงึ บางผึง้ ผึง้ รงั ก็ร้ังร้าง พรี่ ้างนางร้างรักสมัคหมาย มาแสนยากฝากชีพกับเพ่ือนชาย แมเ่ พื่อนตายมิได้มาพยาบาล ถึงปากลดั แลทา่ ชลาตืน้ ดูเลื่อมลืน่ เลนลากลาละหาน เขาแจวจ้องล่องแลน่ แสนสาราญ มาพบบา้ นบางระจา้ วยง่ิ เศร้าใจ อนาถนิ่งองิ เขนยคนงึ หวน จนจวบจวนแจ่มแจ้งปจั จสุ ไสมย รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรือ่ งที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๗ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ศศิธรอ่อนอับพยับไพร ถึงเซิงไทรศาลพระประแดงแรง ขออารกั รักษศ์ ักดิ์สทิ ธ์ทิ ี่สิงศาล ฦๅสทา้ นอย่วู า่ เจ้าห้าวกาแหง ขา้ จะไปทางไกลถงึ เมืองแกลง เจา้ จงแจ้งใจภคั นิ ีที ฉันพลดั พรากจากจรเพราะรอ้ นจิตร ใชจ่ ะคิดอายอางขนางหนี ใหน้ ิ่มนอ้ งครองรักไว้สักปี ท่านศุขีเถิดขา้ ขอลาไป พอแจ่มแจ้งแสงเงินเงาระยับ ดาวเดอื นดับเดน่ ดวงพระสรุ ิย์ใส ถงึ ปากช่องคลองสาโรงสาราญใจ พอนา้ ไหลขนึ้ เชา้ กเ็ ขา้ คลอง เห็นเพ่ือนเรือเรียงรายท้ังชายหญิง ดูกย็ ิ่งทรวงชา้ เปนน้าหนอง ไมแ่ มน้ เหมือนคู่เชยเคยประคอง ก็เลยล่องหลกี มาไมอ่ าไลย กระแสชลวนเชยี่ วเรอื เลยี้ วลด ดคู อ้ มคดขอบคุ้งคงคาไหล แต่สาชลเจยี วยงั วนเปนวงไป น่ีฤๅใจท่ีจะตรงอย่าสงกา ถึงดา่ นทางกลางคลองขา้ งฝง่ั ซา้ ย ตวนั สายแสงส่องต้องพฤกษา ออกสุดบา้ นถงึ ทวารอรญั วา เปนทุง่ คาแฝกแขมขนึ้ แกมกัน ลมระริว้ ปลิวหญา้ คาระยาบ ระเนนนาบพล้ิวพลิกกระดิกหัน ดโู ล่งลิว่ ทวิ รกุ ขเรยี งรนั เปนเขตรคนั ขอบป่าพนาไลย ๏ ถงึ ทบั นางวางเวงฤไทยวับ เห็นแต่ทบั ชาวนาอยู่อาไศรย นางชาวนาก็ไมน่ ่าจะชนื่ ใจ คราบขไี้ คคร่าครา่ ดงั ทาคราม อันนางในนัคราถึงทาษี ดีกว่านางท้ังนส้ี ักสองสาม โอ้พลดั พรากจากบรุ นิ แลว้ สน้ิ งาม ย่งิ คิดความขวัญหายเสียดายกรงุ ถงึ บางพลีมีเรือนอารามพระ ดรู ะกะดาษทางไปกลางทุ่ง เปนเลนลมุ่ ลึกเหลวเพยี งเอวพุง ตอ้ งลากจุงจ้างควายอยรู่ ายเรียง ดูเรือแพแออดั อยู่ยดั เยยี ด เขา้ เบียดเสยี ดแทรกกันสนัน่ เสียง แจวตะกูดเกะกะปะกะเชียง บา้ งทมุ่ เถียงโดนดุนกนั ว่นุ วาย โอเ้ รือเราคราวเขา้ ไปติดแห้ง เห็นนายแสงเปนผใู้ หญ่ก็ใจหาย รวมนิราศของสุนทรภู่ เรื่องท่ี ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๘ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม นั่งพยุงตุ้งก่าในตาลาย เหน็ วุน่ วายสบั สนก็ลนลาน น้อยกบั พุ่มหนมุ่ ตะกอถ่อกระหนาบ เสยี งสวบสาบแทรกไปดว้ ยใจหาญ นายแสงรอ้ งรง้ั ไว้ไม่ได้การ เอาถ่อกรานโดยกลัวจนตวั โกง สงสารแสงแขงข้อไม่ท้อถอย พมุ่ กับน้อยแทรกกลางเสียงผางโผง ถ้วยชามกลิ้งฉ่งิ ฉ่างเสยี งกร่างโกรง นาวาโคลงโคลนเลอะตลอดแคม จนตกลกึ ล่วงทางถึงบางโฉลง เปนทงุ่ โลง่ ลานตาล้วนป่าแขม เหงอื กปลาหมอกอกกกบั กุ่มแกม คงคาแจ่มเคม็ จัดดังกัดเกลอื ถงึ หัวป่าเหน็ ป่าพฤกษาโกร๋น ดเู กรยี นโกรนกรองกรอยเปนฝอยเฝือ ทกี่ ิ่งก้านกรานกดี ประทนุ เรือ ลาบากเหลอื ทีจ่ ะร่าในลาคลอง ถงึ หยอ่ มย่านบา้ นไร่อาไลยเหลยี ว สนั โดษเดียวมิได้พบเพื่อนสนอง เขารบี แจวมาในนทีนอง อันบา้ นชอ่ งมไิ ด้แจ้งแหง่ ตาบล ถงึ คลองขวางบางกระเทยี มสท้านอก โอม้ าตกอ้างว้างอยู่กลางหน เหน็ แต่หมอนอ่อนแอบอุระตน เพราะความจนเจยี วจึงจาระกาใจ จะเหลียวซา้ ยแลขวาก็ปา่ แสม ตลึงแลปูเป้ียวเที่ยวไสว ระหร่ิงเร่ือยเฉื่อยเสยี งเรไรไพร ฤไทยไหวแว่วว่าพงางาม ถึงชแวกแยกคลองสองชวาก ขา้ งฝงั่ ฟากหัวตะเข้มีมะขาม เขาสรา้ งศาลเทพาพยายาม กระดานสามแผ่นพงิ ไว้บชู า ตลงึ แลแต่ลว้ นลกู จรเข้ โดยคเนมากมายทั้งซ้ายขวา สกั สองรอ้ ยลอยไล่กนิ ลูกปลา เห็นแตต่ ากับจมูกเหมือนตุ๊กแก โอ้คลองขวางทางแดนแสนโสทก ดูบนบกก็แตล่ ้วนลงิ แสม เลยี บตล่ิงวิง่ ตามชาวเรอื แพ ทาลอบแลหลอนลอกตะคอกคน คาโบราณทา่ นผกู ถกู ทุกส่งิ เขาวา่ ลิงจองหองมนั พองขน ทาหลกุ หลิกเหลอื กลานพานลุกลน เขาด่าคนจึงวา่ ลิงโลนลาพอง ถึงชวากปากคลองเปนสองแพรง่ น้ากแ็ หง้ สุริยนกห็ ม่นหมอง รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๑ นิราศเมอื งแกลง
กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๙ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ข้างซา้ ยมือนนั้ แลคอื ปากตะครอง ข้างขวาคลองบางเหีย้ ทเลวน ประทับทอดนาวาอยทู่ า่ น้า ดูเรยี งลาเรือรายริมไพรสณฑ์ เขาหุงหาอาหารใหต้ ามจน โอ้ยามยลโภชนานา้ ตาคลอ จะกลืนเข้าคราวโศกในทรวงเสยี ว เหมอื นขืนเค้ียวกรวดแกลบให้แสบสอ ตอ้ งเจือนา้ กลา้ กลืนพอกลัว้ คอ กนิ แต่พอดับลมดว้ ยตรมใจ พอฟ้าคล้าค่าพลบลงหรบุ รู่ ยงุ ออกฉูช่ งิ พลบตบไม่ไหว ไดร้ ับรองป้องกนั เพียงควันไฟ แตห่ ายใจมใิ คร่ออกดว้ ยอบอาย โอ้ยามยากจากเมืองแล้วลมื มุ้ง มากรายงุ เวทนาประดาหาย จะกรวดนา้ คว่าขันจนวันตาย แม้นเจา้ นายทา่ นไม่ใช้แล้วไม่มา พอนา้ ตึงถึงเรือก็รบี ล่อง เข้าในคลองคึกคักกันหนักหนา ด้วยมืดมัวกลัวตอต้องรอรา นาวามาเรียงตามกนั หลามทาง ถึงบา้ นบ่อพอจนั ทรก์ ระจ่างแจง้ ทกุ ประเทศเขตรแขวงนนั้ กวา้ งขวาง ดดู าวดาษกลาดฟา้ นภาพาง วเิ วกทางทอ้ งทุ่งสท้านใจ ดูร้ิวรว้ิ ลมปลิวทป่ี ลายแฝก ทุกละแวกหวาดหว่นั อย่ไู หวไหว ราฤกถึงขนษิ ฐายิ่งอาไลย เชน่ น้ีได้เจา้ มาดว้ ยจะด้ินโดย เห็นทวิ ท่งุ วงุ้ เวิ้งให้หว่นั วาด กมั ปนาทเสยี งนกวิหคโหย ไหนจะต้องลอองน้าคา้ งโปรย เมือ่ ลมโชยช่นื นวลจะชวนเชย โอ้นกึ นกึ แลว้ ก็น่าน้าตาตก ดว้ ยแนบอกมไิ ด้แนบแอบเขนย ได้หมอนขา้ งต่างนอ้ งประคองเกย เมือ่ ไรเลยจะได้คนื มาชื่นใจ ๏ ถึงหยอ่ มย่านบา้ นระกาดต้องลงถ่อ คอ่ ยลอยรอเรียงลาตามน้าไหล จนลว่ งเขา้ หวั ป่าพนาไลย ล้วนเงาไม้มืดคล้าในลาคลอง ระวงั ตัวกลัวตอตะเคยี นขวาง เปนเยย่ี งอยา่ งผเู้ ถ้าเล่าสนอง วา่ ผีสางสงิ นางตะเคียนคนอง ใครถกู ต้องแตกตายลงหลายลา พอบอกกนั ยังมิทันจะขาดปาก เหน็ เรอื จากแจวตรงหลงถลา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง
กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๐ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม กระทบผางตอนางตะเคียนตา กโ็ คลงควา่ ลม่ ลงในคงคา พวกเรอื พี่สค่ี นขนสยอง กเ็ ลยลอ่ งหลกี ทางไปขา้ งขวา พ้นระวางนางรุกขฉายา ต่างระอาเห็นฤทธิป์ ระสทิ ธิจ์ ริง ขอนางไม้ไพรพฤกษเ์ ทพารักษ์ ขอฝากภักคินนี ้อยแม่น้องหญิง ใครสามารถชาติชายจะหมายชงิ ให้ตายกล้ิงลงเหมือนตอท่ตี าเรอื จนล่วงลอ่ งมาถงึ คลองท่คี บั แคบ ไมอ่ าจแอบชิดฝั่งระวงั เสือ ดว้ ยคร้มึ ครึกพฤกษาลัดาเครอื ค่อยรอเรอื เรยี งล่องมานองเนือง ลาภรู ายพรายพร้อยห่งิ ห้อยจับ สว่างวบั แวววามอร่ามเหลอื ง เสมอเมด็ เพ็ชรรัตน์จารัสเรือง ค่อยประเทืองทุกข์ทัศนาชม ถงึ บางสมัคเหมือนพรี่ ักสมคั มาด มาแคลว้ คลาศมิได้อยู่กับค่สู ม ถงึ ยามนอนนอนเดยี วเปลย่ี วอารมณ์ จะแลชมอ่ืนอ่นื ไมช่ ื่นใจ แสนกันดารบ้านเมืองไมแ่ ลเห็น ยะเยือกเยน็ หยอ่ มหญา้ พฤกษาไสว โอ้คลองเปลย่ี วพี่กเ็ ปลา่ เศร้าฤไทย จะถึงไหนก็ไม่แจ้งแหง่ สาคัญ ประจวบจนถงึ ตาบลบ้านมะพร้าว พอฟา้ ขาวขอบไพรเสียงไก่ขัน เปนทก่ี ุมภาพาลชาญฉกรรจ์ ให้หวาดหวนั่ รบี มาในสาชล ถงึ บางววั เหน็ แต่ศาลตระหง่านง้า ลอองนา้ คา้ งย้อยเปนฝอยฝน ดาวเดือนดับลับเมฆเปนหมอกมล สรุ ยิ นเย่ียมฟา้ พนาไลย พอเรือออกนอกชวากปากตะครอง คอ่ ยลอยล่องตามลาแมน่ ้าไหล ดูกว้างขวางว้างเวง้ิ วิเวกใจ เปนพงไพรฝงู นกวหิ คบิน ๏ ถึงหย่อมยา่ นบ้านบางมังกงนั้น ดเู รียงรันเรอื นเรียบชลาสนิ ธ์ุ แตล่ ว้ นบา้ นตากปลาริมวารนิ เหมน็ แตก่ ลน่ิ เนา่ อบตระหลบไป เหน็ ศาลเจา้ เหลา่ เจ๊กอยเู่ ซงแซ ปูนทะก๋งองค์แกข่ า้ งเพศไสย เกเลเอ๋ยเคยขา้ มคงคาไลย ช่วยค้มุ ไภยปากอ่าวเถิดเจา้ นาย พอพ้นบ้านลานแลดูปากช่อง เห็นทวิ ทอ้ งสมุทไทยน่าใจหาย รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๑ นิราศเมอื งแกลง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๑ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม แลทเลเลย่ี นลาดล้วนหาดทราย ทง้ั สามนายจัดแจงโจงกระเบน ไปตามชอ่ งลอ่ งออกไปนอกรัว้ เห็นเมฆมัวลมแดงดงั แสงเสน สักประเด๋ียวเหลยี วดลู าภเู อน ยอดระเนนนาบนา้ อย่รู าไร ป่าแสมแลเห็นอยรู่ ิ้วริว้ ให้หววิ หวิววาบวับฤไทยไหว จะหลบหลีกเขา้ ฝั่งก็ยงั ไกล คลืน่ กใ็ หญโ่ ยนเรือเหลือกาลงั สงสารแสงแขงข้อจนขาส่ัน เห็นเรือหันโกรธบ่นเอาคนหลงั น้าจะพัดปัดตีไปสชี งั แลว้ คลุ้มคล่งั เง่ียนยาทาตาแดง ปลอบเจ้าพุ่มพึมพาว่ากรรมแลว้ อุสา่ ห์แจวเขา้ เถิดพ่อใหข้ ้อแขง สงสารน้อยหน้าจอ๋ ยนง่ั จดั แจง คดิ จะแต่งตัวตายไมพ่ ายเรือ พี่แขงขนื ฝืนภาวนานงิ่ แลตลงิ่ ไรไรยงั ไกลเหลือ เหน็ เกนิ รอยบางปลาสร้อยอยู่ทา้ ยเรือ คล่ืนกเ็ ฝือฟูมฟองคนองพราย เห็นจวนจนบนเจ้าเขาสามุก จงช่วยทุกขถ์ ึงท่ีจะทาถวาย พอขาดคาน้าข้นึ ท้ังคลน่ื คลาย ทั้งสามนายหนา้ ชน่ื ค่อยเฉื่อยมา หยดุ ตะพานย่านกลางบางปลาสรอ้ ย พุ่มกับน้อยสรวลสนั ต์ต่างหรรษา นายแสงหายคลายโทโษทโี่ กรธา ชกั กนั ชานง่ั กร่ิมยิ้มละไม แล้วหงุ หาอาหารสาราญรน่ื จนเทยี่ งคืนขนึ้ ศาลาได้อาไศรย ฟงั เสยี งคล่นื คร้ืนคร่นั สน่นั ไป ดมู ดื ในเมฆานภาพางค์ พี่เลงแลดกู ระแสสายสมทุ ละล่วิ สดุ สายตาเหน็ ฟ้าขวาง เปนฟองฟงุ้ รงุ่ เรืองอยู่รา่ งราง กระเดน็ พร่างพรายพราวราวกบั พลอย เห็นคลา้ ยคลา้ ยปลาว่ายเฉวยี นฉวัด ละลอกซัดสาดกระเซนขนึ้ เต้นหยอย ฝูงปลาใหญไ่ ลโลดกระโดดลอย น้ากพ็ ลอยพร่างพรา่ งกลางคงคา แลทะเลแลว้ กใ็ ห้อาไลยนชุ ไมส่ า่ งสุดโศกส้นิ ถวลิ หา จนอไุ ทยไกรกรดั จารสั ตา เหน็ เคหาเรียงรายริมชายทะเล ดูเรือแพแตล่ ะลาล้วนโปะโหละ พวกเจก๊ จีนกินโตะ๊ เสียงโหลเหล รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๒ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม บ้างลยุ เลนลว้ งปูดโู ซเซ สมคเนใส่ค่องเทย่ี วมองคอย อันนารีทยี่ งั สาวพวกชาวบา้ น ถีบกระดานถือตะกร้าเท่ยี วหาหอย ดแู คล่วคล่องล่องแล่นแฉลบลอย เอาขาห้อยทาเปนหางไปกลางเลน อนั พวกเขาชาวประโมงไมโ่ หย่งหยบิ ล้วนตีนถบี ปากกัดขัดเขมร จะได้กนิ คา่ เชา้ ก็ราวเพน ดูจดั เจนโลดโผนในโคลนตม จงึ ม่ังค่งั ต้ังบ้านในการบาป แต่ตอ้ งสาปเคหาใหส้ าสม จะปลกู เรือนกม็ ิได้ใส่ป้ันลม ใครขืนทากร็ ะทมด้วยเพลิงลาม โอด้ เู รือนเหมือนอกเราไรค้ ู่ ผู้ใดดจู งึ ไม่ออกเอ่ยี มสนาม ฤๅตอ้ งสาปบาปหลังยังตดิ ตาม ผ้หู ญงิ งามจงึ ไมม่ ีปรานเี ลย จะรกั ใครเขาก็ไม่เมตตาตอบ สมประกอบได้แต่สอดกอดเขนย เอ็นดเู ขาเฝ้านึกนยิ มเชย โอใ้ จเอ๋ยจะเปนกรรมนน้ั ร่าไป พลางราพึงถงึ ทางที่กลางเถื่อน จงึ คล้อยเคล่ือนนาวาเข้าอาไศรย มมี ิตรชายทา้ ยย่านเปนบ้านไทย สานักในเคหาขุนจ่าเมือง ใครพบภกั ตร์เขาก็ทักว่าทรงซูบ จะดรู ปู ตัวเองกผ็ อมเหลือง ซงั ตายชื่นฝืนฤไทยใหป้ ระเทอื ง เท่ยี วชาเลืองแลชมตลาดเรียง เปนสองแถวแนวถนนคนสะพร่งั บ้างยนื บา้ งนง่ั รา้ นประสานเสียง ดรู ปู รา่ งนางบรรดาแม่คา้ เคียง เหน็ เกล้ียงเกล้ียงกล้องแกลง้ เปนอยา่ งกลาง ขายหอยแครงแมงภู่กบั ปูม้า หมกึ แมงดาหอยดองรองกระถาง พวกเจ๊กจนี สินค้าเอามาวาง มะเขือคางแพะเผือกผกั กาดดอง ทีข่ ายผา้ น่าถังก็เปดิ โถง ลว้ นเบ้ยี โป่งหญิงชายมาจา่ ยของ สักย่ีสบิ หยิบออกเปนกอบกอง พ่ีเที่ยวท่องทัศนาจนสายัณห์ ดูกง็ ามตามประสาพนาเวศ ไม่นวลเนตรเหมอื นหน่ึงในไอสวรรย์ แต่แรมคา้ งบางปลาสร้อยไดส้ ามวนั ก็ชวนกนั เลยลาขนุ จา่ เมือง พอฟา้ ขาวดาวเดือนลงเลอ่ื นลด อร่ามรถสรุ ยิ าเวหาเหลอื ง รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๑ นริ าศเมืองแกลง
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๓ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม จากเคหาชลนาพน่ี องเนือง ขนื ประเทืองปลา้ ทุกข์มาตามทาง พอพน้ บา้ นลานแลลว้ นทงุ่ เล่ียน หนทางเตยี นตัดเข้าภูเขาขวาง ดูกรวดทรายพรายงามเหมือนเงนิ ราง หยาดนา้ คา้ งขังหลุมที่ขุมควาย ดูสีขาวราวกบั น้าตาลโตนด ท่หี ว่างโขดขอบผาศิลาฉลาย ริมทางเถ่ือนเรือนเหยา้ มรี ายราย เห็นฝงู ควายปลอ่ ยเกลื่อนอยู่กลางแปลง ถงึ หนองมนมตี าบลช่อื บ้านไร่ เขาถากไม้ทกุ ประเทศทุกเขตรแขวง ต้องเดนิ เฉียงเล่ียงลัดตดั ทะแยง ตามนายแสงนาทางไปกลางไพร กาดดั แดดแผดรอ้ นทุกขุมขน ไม่มีต้นพฤกษาจะอาไศรย ล้วนละแวกแฝกคาป่าราไร จนสดุ ไร่เลียบรมิ ทะเลมา ตวนั คลอ้ ยหนอ่ ยหนง่ึ ถงึ บางพระ ดูระยะบา้ นน้ันกแ็ น่นหนา พอพบเรือนเพ่ือนชายช่ือนายมา เขาโอภาตอ้ นรบั ใหห้ ลบั นอน พอรุ่งแสงสุรยิ าลีลาลาศ ลงเลียบหาดหวนคนึงถึงสมร เหน็ กรวดทรายชายทะเลชโลธร ลเอียดอ่อนดงั ลอองสาลดี ี ดกู าบหอยรอบคลื่นกระเดน็ สาด กเ็ กล่อื นกลาดกลางทรายประพรายสี เปนหลายอย่างลางลูกก็เรยี วรี โอ้เช่นนีแ้ มม่ าดว้ ยจะดใี จ จะเชยชมกม้ เกบ็ ไปกลางหาด เห็นปลาดก็จะถามตามสงไสย พี่ไมร่ ู้กจ็ ะชวนสารวลไป ถึงเหนือ่ ยใจจะค่อยเบาบนั เทาคลาย โอย้ ามนีพ้ ่ีเห็นแตภ่ กั ตรเ์ พอ่ื น ไมช่ ื่นเหมือนสดุ สวาดิที่มาดหมาย กลนั้ น้าตามาจนสดุ ท่หี าดทราย เห็นเรอื รายโรงเรยี งเคียงเคยี งกนั อันช่อื นศี้ รีมหาราชาชาติ ขึ้นจากหาดเขา้ ป่าพนาสณั ฑ์ ค่อยเลยี บเดนิ เนนิ โขดศงิ ขรคัน เสียงจกั กระจั่นแซ่เซงวังเวงใจ สองข้างทางนางไม้ไพรสงัด ไมแ่ กวง่ กวดั ก้านกง่ิ ประวงิ ไหว เยน็ ระร่ืนชน่ื ช่มุ ชอมุ่ ใบ หนาวฤไทยโทมนัศระมดั กาย เสยี งนกรอ้ งกอ้ งกู่กันกลางป่า ฟงั ภาษาสัตว์ไพรก็ใจหาย รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง
กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๔ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม จนออกดงลงเดนิ เนนิ สบาย คอ่ ยเคลื่อนคลายรอเรียงมาเคียงกัน ถึงเขาขวางวา่ งเวง้ิ ชวากวุง้ เขาเรียกทุ่งสาขลาพนาสัณฑ์ เปนป่ารอบขอบเขินเนินอรญั นกเขาขนั คเู รียกกนั เพรยี กไพร บา้ งถาบถาพาคลู่ งฟุบฝุ่น เห็นคนผลุนโผผนิ บินไถล บ้างก่งคอคูคกู ุกกูไป ฝูงเขาไฟฟุบแฝงทแ่ี ฝกฟาง โอป้ กั ษมี ีคทู่ ่ชี ูชื่น สาราญรื่นปกปดิ ดว้ ยปกี หาง พเี่ ปลย่ี วใจอายนกเพราะหา่ งนาง มาเดนิ กลางดงแดนแสนกันดาร แล้วรบี รดุ ไปจนสุดท่ีทวิ ทุ่ง ถึงบางลมงุ พบน้าลาละหาน เปนประเทศเขตรนิคมกรมการ มเี รือนบ้านแออดั ท้งั วดั วา น้าตาตกอกโอ้อนาถเหนือ่ ย ให้มึนเมื่อยขัดข้องทั้งสองขา ลงหยุดหย่อนผ่อนนง่ั ทศ่ี าลา ตา่ งระอาอ่อนจติ รระอดิ แรง ลงอาบนา้ ลาห้วยพอเหนื่อยหาย แต่เส้นสายรุมรงึ ให้ขึงแขง สลดใจเหน็ จะไม่ถงึ เมืองแกลง แต่นายแสงวอนว่าให้คลาไคล พี่ดดู วงสุรฉิ ายกบ็ ่ายคลอ้ ย ชวนพุ่มน้อยจากศาลาที่อาไศรย ออกพน้ ยา่ นบ้านบางลมงุ ไป ค่อยคลายใจจรเลยี บชลามา ในกระแสแลล้วนแตโ่ ปะ๊ ล้อม ลงอวนอ้อมโอบสกัดเอามัจฉา โอค้ ิดเห็นเอน็ ดูหมแู่ มงดา ตัวเมยี พาผวั ลอยเท่ียวเลมไคล เขาจับตัวผวั ทง้ิ ไวก้ ลางนา้ ละลอกซ้าสาดซัดให้ตัดไษย พอเมียตายฝา่ ยผวั ก็บรรไลย โอเ้ หมอื นใจทีพ่ รี่ ักภคั นิ ี แมน้ นอ้ งตายพจ่ี ะวายชีวติ รดว้ ย เปนเพื่อนมว้ ยมง่ิ แมไ่ ปเมอื งผี ราจวญจิตรคิดมาในวารี จนถงึ ที่ศาลาบ้านนาเกลือ หยุดประทบั ดับดวงพระสุรแิ สง ย่งิ โรยแรงร้อนรนน้นั ล้นเหลอื จะเคีย้ วเข้าตละคาเอานา้ เจือ พอกลว้ั เกลื้อกล้ากลืนค่อยช่ืนใจ ทัง้ ลา้ เลือ่ ยเหนื่อยอ่อนนอนสนิท จนอาทติ ย์แย้มเยี่ยมเหลย่ี มไศล รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๑ นิราศเมืองแกลง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๕ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ถอนสอืน้ ตื่นตายงั อาไลย ราจวนใจจรจากศาลามา เข้าเดนิ ดงพงชัฏสงดั เงียบ เยน็ ยะเยยี บนา้ ค้างพร่างพฤกษา ออกชวากปากทุ่งพัทยา นายแสงพาเลย้ี วหลงที่วงเวียน บุกละแวกแฝกแขมอะแรมรก กบั กอกกสงู สูงเสมอเศียร ด้วยน้าฝนล้นลงหนทางเกวียน ขน้ึ โขดเตยี นตอกรอกยอกระยา กลวั ปลิงเกาะเลาะลัดขดั เขมร ลงลยุ เลนพรวดพราดพลาดถลา ถงึ แนวหนองย่องก้าวเอาเท้าคลา แตท่ ่องนา้ อยูจ่ นเที่ยงจึงพบทาง พอยกเทา้ กา้ วเดินบนเนินแหง้ ทง้ั ขาแข้งเข่าข้อให้ขดั ขวาง เจบ็ ระบมคมหญ้าคารคาง คอ่ ยย่องยา่ งเหยยี บฝนุ่ ให้งุนโงน เห็นพฤกษาไม้มะคา่ มะขามข่อย ทั้งไทรย้อยยอดโยนโดนตะโขง เหมือนไม้ดัดจดั วางขา้ งพระโรง เปนพุ่มโพรงสาขานา่ เสียดาย เดนิ พนิ ิจเหมือนคิดสมบัตบิ า้ จะใคร่หาตน้ ไม้เข้าไปถวาย นีเ่ หน็ดเหนื่อยเลือ่ ยล้าบรรดาตาย แสนเสียดายดเู ดนิ จนเกินไป ถงึ ท้องธารศาลเจ้ารมิ เขาขวาง พอได้ทางลงมหาชลาไหล เขา้ ถามเจก๊ ลกู จ้างตามทางไป เปนจนี ใหม่อ้อแอ้ไมแ่ น่นอน ร้องไลข้ ่ือมือช้ไี ปท่ีเขา กด็ ื้อเดาเลียบเดนิ เนินศงิ ขร ศลิ าแลเปนชแงช่ งกั งอน บ้างพรุนพรอนแตกกาบเปนคราบไคล ต้องเลย่ี งเลยี บเหยยี บยอกเอาปลาบแปลบ ถงึ ทีแ่ คบเปนเขนิ เนินไศล คอ่ ยตะกายป่ายปีนเปะปะไป จะขาดใจเสยี ดว้ ยเหน่ือยท้ังเม่ือยกาย ถงึ ที่โขดต้องกระโดดขึ้นบนแง่ โก่นเอาแม่จนี ใหมน่ ั้นใจหาย บอกว่าใกล้ไกลมาบรรดาตาย ทั้งแคน้ นายแสงนาไมจ่ าทาง ทาซมเซอะเคอะคะมาปะเขา แต่โดยเมากนั ชาจนตาขวาง แกไขหสู ู้นิง่ ไปตามทาง ถงึ พน้ื ล่างแลลาดล้วนหาดทราย ตา่ งโหยหวิ น่วิ หนา้ สองขาแขง ในคอแห้งหอบรนกระหนกระหาย รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๑ นิราศเมอื งแกลง
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๖ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม กลนื กระเดือกเกลือกลนิ้ กินน้าลาย เจียนจะตายเสยี ด้วยร้อนอ่อนกาลงั น้ากน็ องอย่ใู นท้องชลาสนิ ธุ์ จะกอบกนิ เค็มขมไมส่ มหวัง เหมือนไร้ค่อู ยู่ข้างกาแพงวัง จะเก้ียวม่ังกจ็ ะเฆย่ี นเอาเจียนตาย ทัง้ นีเ้ พราะเคราะหก์ รรมกระทาไว้ นกึ อะไรจึงไม่สมอารมณ์หมาย แล้วปลอบนอ้ งสองราปรชี าชาย มาถงึ ท้ายทวิ ปา่ นาจอมเทียน เห็นบอ่ น้าร่าด่มื เอาโดยอยาก พออา้ ปากเหมน็ หืนให้คลน่ื เหียน คอ่ ยมีแรงแขงใจไปทางเกวยี น ไม่แวะเวยี นเดาเดินดาเนนิ ไป ถึงห้วยขวางตดั ทางเขา้ ไตถ่ าม พบขุนรามเรยี กหาเขา้ อาไศรย กนิ เขา้ ปลาอาหารสาราญใจ เขาแต่งใหห้ ลบั นอนผอ่ นกาลงั สงสารแสงแสนสดุ เมอื่ หยุดพัก เฝ้านั่งชักกนั ชากับตาสงั เสยี งขาคะอยูจ่ นพระเคาะระฆงั ตา่ งร่าสั่งฝากรักกันหนกั ครนั แสนวิตกอกพี่เม่ืออ้างวา้ ง ถามถึงทางท่จี ะไปในไพรสัณฑ์ ชาวบ้านบอกมรคาวา่ กวา่ พัน สกิดกันแกล้วกลา้ เปนนา่ กลวั ย่งิ หวาดจิตรคดิ คณุ พระชินสหี ์ กับชนนีบิตุเรศบังเกิดหวั ข้าตัง้ ใจไปหาบดิ าตวั ให้พ้นช่ัวท่ชี ือ่ ว่าไภยันต์ อธิฐานแล้วสท้านสทอ้ นอก สาเนียงนกเพรียกไพรท้งั ไก่ขัน เมฆแอร่มแย้มแยกแหวกตวัน ก็ชวนกันอาลาเขาคลาไคล เขมน้ เมินเดนิ ตรงเข้าดงดึก ดซู ง้ึ ซึกมไิ ด้เหน็ พระสุรยิ ใ์ ส เสียงฟ้ารอ้ งก้องล่นั สนัน่ ไพร ไม้ไหวไหวเหลยี วหลังระวังคอย สงดั เงยี บเยยี บเย็นยะเยือกอก น้าคา้ งตกหยดเหยาะลงเผาะผอย พฤกษาสงู ยงู ยางสล้างลอย ดูชดช้อยช่ืนชุม่ ชอุ่มใบ ถึงปากช่องหนองชะแง้วเข้าแผ้วถาง แม้นค่าค้างอรัญคาได้อาไศรย เปนทล่ี ุ่มขมุ ขังคงคาไลย วังเวงใจรีบเดินไมเ่ มนิ เลย หนทางรืน่ พืน้ ทรายลเอยี ดอ่อน ในดงดอนดอกพยอมหอมระเหย รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๑ นิราศเมอื งแกลง
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๗ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม หายระหวยดว้ ยพระพายมาชายเชย ชแง้เงยแหงนทัศนามา ถึงบางไผ่ไม่เห็นไผเ่ ปนไพรชัฏ แสนสงัดเงียบในไพรพฤกษา ต้องข้ามธารผ่านเดินเนนิ วนา อรญั วาอา้ งว้างในกลางดง ถึงพลงค้อคอเขาเปนโขดเขนิ ต้องขึ้นเนินภูผาป่าระหง สง่ กระท่ังหลังโคกเปนโตรกตรง เมือ่ จะลงก็ต้องวิ่งเหมือนลิงโลน แต่ขา้ มหว้ ยเหวผาจนขาขัด ต้องกาดดั วิ่งเตน้ ดังเล่นโขน ทงั้ รากยางขวางโกงตะโขงโคน สดุดโดนโดดข้ามไปตามทาง ถึงพดรสาครเปนพวยพุ น้าทลุออกจากชวากขวาง ดซู งึ้ ใสไหลเชย่ี วเปนเกลียวกลาง สไบบางชบุ ซบั กับอรุ า แล้วขน้ึ เนนิ เดินในดงไม้หอม สพร่ังพร้อมปรูปรายปฤษณา ยามพระพายชายเชยราเพยพา หอมบุบผารน่ื รน่ื ช่ืนอารมณ์ เหมือนกลน่ิ ปรางนางปนสุคนธิร์ ่นื คดิ ถงึ คนื เคยี งน้องประคองสม ถอนสอื้นยืนเด็ดลาดวนดม พ่ีนกึ ชมต่างนางไปกลางไพร ถึงห้วยอรี ้าแลระยา้ ล้วนสายหยุด ดอกนั้นสุดที่จะดกดไู สว กะมองกะเมงนมแมวเปนแถวไป ล้วนลูกไมก้ ลางปา่ ทงั้ หวา้ พลอง สทอ้ นหล่นใต้ต้นออกเกล่ือนกลิง้ ฝงู คา่ งลงิ กนิ เล่นเปนเจ้าของ ตา่ งเก็บเคย้ี วเปรี้ยวปรายเสยี ก่ายกอง แต่โดยลองเลือกชมิ จนอ่ิมไป ถงึ โตรกตรวยหว้ ยพยนู จะหยุดร้อน เหน็ แรดนอนอยใู่ นดงใหส้ งไสย เรยี กกันดดู ้วยไมร่ ้วู ่าสัตวใ์ ด เหน็ หนา้ ใหญ่อย่างจรเขต้ ะคกุ ตัว มันเหน็ หนา้ ทาตากะปริบน่ิง เห็นหลายสิง่ คอคางทง้ั หางหัว รูว้ า่ แรดกินหนามให้คร้ามกลวั ขยับตวั วง่ิ พัลวันไป ครหู่ น่ึงถงึ ชวากชากลูกหญา้ ล้วนพฤกษายางยงู สงู ไสว แตล่ ้วนทากตะเละราลาภไู พร ไตใ่ บไมย้ ูงยางมากลางแปลง กระโดดเผาะเกาะผบั กระหยับคืบ ถบี กระทบื มิใคร่หลดุ สดุ แสยง รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๑ นริ าศเมืองแกลง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๘ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ปลดท่ตี นี ติดขาระอาแรง ท้งั ขาแข้งเลือดโทรมชโลมไป ออกเดนิ ถีห่ นีทากถึงชากขาม เปนสนามน้าทา่ ไดอ้ าไศรย เห็นรอยคนแรมคา้ งอยกู่ ลางไพร ข้ึนตน้ ไมห้ ักรงั ไวเ้ รยี งราย เห็นลิงค่างปา่ งชนีวะหวดี โหวย กระหึมโหยหอ้ ยไม้น่าใจหาย เสยี งผัวผัวตัวเมียเทยี่ วโยนกาย เหน็ คนอายแอบอิงกับกิ่งยาง โอ้ชนเี วทนาเทยี่ วหาผัว เหมือนตัวพี่จากน้องให้หมองหมาง ชนีเพรียกเรียกชายอยูป่ ลายยาง พเ่ี รยี กนางนุชน้องอยู่ในใจ เปนป่าสูงฝูงนกในดงดกึ หวนรฦกถงึ สุดาน้าตาไหล จักระจนั่ รอ้ งพร้องเพราะเสนาะไพร ทัง้ เสยี งไก่เถื่อนขันสนั่นเนนิ พฤกษาเบียดเสยี ดสีดงั ปแ่ี กว้ วิเวกแว่วหว่างลาเนาภเู ขาเขิน สดบั ฟังวังเวงเปนเพลงเพลิน ตอ้ งรบี เดนิ โดยด่วนดว้ ยจวนเยน็ ถงึ ห้วยโปง่ เห็นธารละหานไหล คงคาใสปลาว่ายคลายคลายเหน็ มีกรวดแก้วแพรวพรายรายกะเด็น บ้างแลเหน็ เปนสบี ุษราคา ขืนอารมณ์ชมเชยเลยลลี าศ พระพายพาดพัดเร่อื ยมาเฉ่ือยฉา่ ทัง้ สองขา้ งมรคาปา่ ระกา สลา้ งลาแลสลับอยกู่ ับกอ หอมบบุ ผาสาโรชมารื่นร่ืน ตา่ งหยดุ ยืนใจหายเสยี ดายหนอ แมน้ อยู่เคยี งเวยี งไชยเห็นไม่พอ จะตดั ต่อเรอื เลน่ แล่นตามกัน ทลายลูกสกุ แลดูแออดั เอาดาบตัดชมิ ไปในไพรสัณฑ์ มันแสนเปรย้ี วเบย้ี วหนา้ เขา้ หากัน ออกเข็ดฟนั เปนจะตายดว้ ยรายชิม ๏ ถงึ ห้วยพรา้ วเทา้ เมื่อยออกเลอื่ ยลา้ เหน็ ผดิ ฟ้าฝนย้อยลงหยิมหยิม สรุ ิฉายบ่ายเยอ้ื งเมอื งประจิม อรุ ะป้ิมศรปักสลักทรวง ออกเดินรบี ถีบถอนไปทุกยา่ ง กลัวจะคา้ งค่าลงในดงหลวง ด้วยครน้ื ครกึ พฤกษาลดาพวง ไม่เหน็ ดวงสรุ ยิ าเวลาไร พอเต็มตงึ ถึงสุนกั ข์กะบากน้นั รอยเขาฟนั พฤกษาอยู่อาไศรย รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๑ นิราศเมอื งแกลง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๙ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เหน็ รอยคนปนควายค่อยคลายใจ รวู้ ่าใกล้ออกดงเดินตะบึง แต่ย่างย้ายทรายฝุ่นขยุ่นยุบ ย่ิงเหยียบฟุบขาแขง้ ใหแ้ ขงขึง ยงิ่ จวนเย็นเสน้ สายใหต้ ายตึง ดูเหมอื นหน่งึ เหยยี บโคลนให้โอนเอน ออกปากช่องท้องทุ่งทีต่ ล่งิ ตา่ งเกลือกกลิ้งลงทง้ั รกถกเขมร ด้วยลา้ เลอื่ ยเหนื่อยอ่อนนอนระเนน จนสรุ ิเยนทร์ลับไม้ชายทะเล ผลัดกนั ทายา่ เหยยี บแลว้ ยืนหยดั กระดูกดัดผัวะเผาะให้โผเผ ค่อยย่างเท้าก้าวเขยกดเู กกเก ออกโซเซเดนิ ข้ามตามตะพาน เปนทงุ่ แถวมีแนวแมน่ า้ อ้อม ระยะหย่อมเคหาน่าสนาน เปนเนินสวนล้วนเหล่ามะพรา้ วตาล เขา้ ลับบา้ นทับม้าลีลาไป พอสน้ิ ดงตรงบากออกปากช่อง ถงึ ระยองเย่าเรือนดูไสว แวะเขา้ ยา่ นบ้านเก่าคอ่ ยเบาใจ เขาจุดไตต้ ้อนรับให้หลบั นอน ฝา่ ยนายแสงถึงตาแหนง่ สานกั นอ้ ง เขายมิ้ ย่องชมหลานคลานสลอน พว่ี ้าเหวเ่ อกาอนาทร ด้วยจะจรต่อไปเปนหลายคนื ครนั้ รุ่งเชา้ เท้าบวมทั้งสองขา้ ง จะย่องย่างสดุ แรงจะแขงขนื อยรู่ ะยองสองวันส้กู ลัน้ กลืน คอ่ ยแช่มช่นื ชวนกันว่าจะคลาไคล นายแสงหนลี ี้หลบไม่พบเหน็ โอ้แสนเขญ็ คดิ น่าน้าตาไหล นอ้ ยฤๅเพื่อนเหมือนจะรว่ มชวี าไลย มาสูญใจจาจากเมื่อยากเยน็ จงึ กรวดน้ารา่ วา่ ตอ่ อาวาศ อนั ชายชาตน์ิ ้หี นอไมข่ อเห็น มาลวงกนั ปลนิ้ ปลอกหลอกทัง้ เปน จะชี้เช่นช่ัวช้าใหส้ าใจ เดชะสตั ยอ์ ธั ษิ ฐานประจานแจ้ง ให้เรียกแสงเทวทัตจนตัดไษย เหมอื นช่ือตั้งหลังพิหารเขียนถ่านไฟ ดว้ ยนา้ ใจเหมือนมนิ หมอ้ ทรชน แลว้ ชวนสองนอ้ งรกั ร่วมชวี ติ ร ให้เปลย่ี วจติ รไม่แจ้งรู้แหง่ หน จากระยองยอ่ งตามกันสามคน เลยี บถนนคนั นาปา่ ราไร ถงึ บา้ นนาตาขวญั สาคญั แน่ เหน็ ยายแก่แวะถามตามสงไสย รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๒๐ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เขาชน้ี ้ิวแนะทวิ หนทางไป ประจกั ษ์ใจจาแนด่ าเนินมา ถึงบ้านแลงทางแหง้ เหน็ ท่งุ กว้าง เฟอื นหนทางทวนทบตลบหา บกุ ละแวกแฝกแขมกบั หญา้ คา จนแดดกลา้ มาถงึ ย่านบา้ นตะพง มเี คหาอารามงามระร่ืน ดว้ ยพา่ งพื้นพุ่มไม้ไพรระหง ตัดกระพอ้ ห่อได้ทุกไรก่ ง พีห่ ลกี ลงทางทุ่งกระทอลอ เห็นสาวสาวชาวไรเ่ ขาไถที่ บา้ งพาทีอือเออเสียงเหนอหนอ แลข้ีไคลใสต่ าบเปนคราบคอ ผ้าห่มหอ่ หมากแหง้ ตะแบงมาน พ่สี เู้ มนิ เดนิ ตรงเขา้ ดงสูง เสยี งนกยูงเบญจวนั ขึ้นขันขาน คิดถงึ น้องหมองใจอาไลยลาน แมน้ แจง้ การวา่ พ่จี ากอยธุ ยา จะเศร้าสร้อยคอยทา่ เปนทุกข์รอ้ น ถงึ ยามนอนยามกนิ ถวิลหา พี่กแ็ สนสดุ ยากลาบากมา ทงั้ เดินป่าปม้ิ กายจะวายวาง ต้องเวยี นวงหลงทบตลบเล้ียว ด้วยรกเร้ยี วห้วยหนองเปนคลองขวาง ระหกระเหินเดินภาวนาพลาง พอพบทางลงถึงทอ้ งทเลวน เสยี งพิฦกครึกครึ้มกระหึมคลื่น ร่มระร่นื รกุ ขาพฤกษาสน เหล่าต้นโปลงโกงกางก่ิงพิกล สลา้ งต้นเตงตงั้ สพร่ังตา ถงึ ปากช่องคลองกร่นุ เห็นคลองกว้าง มีโรงร้างเรยี งรายชายพฤกษา เปนชุมรมุ นา่ นา้ เขาทาปลา ไมร่ อรารบี เดนิ ดาเนนิ พลาง ถงึ ศาลเจ้าอ่าวสมทุ ทีส่ ดุ หาด เลยี บลีลาศขน้ึ ตามชอ่ งทค่ี ลองขวาง ถงึ บ้านแกลงลัดบา้ นไปยา่ นกลาง เห็นฝงู นางสานเส่ือน้ันเหลือใจ แต่ปากพลอดมอื สอดขยุกขยิก จนมือหงิกงอแงไมแ่ บได้ เปนสว่ ยบา้ นสานส่งเข้ากรงุ ไกร เดก็ ผใู้ หญท่ าเปนไม่เวน้ คน พอพลบคา่ สานักทีเ่ รือนเพื่อน ดูเยา่ เรอื นชาวแขวงทุกแหง่ หน มุงด้วยไมห้ วายโสมแสนพิกล ไม่มีคนแลว้ ก็ม้วนหลังคาวาง ครั้นคนมาเอาหลงั คาขนึ้ คลุมคล่ี ดกู ด็ ีเรว็ รัดไม่ขดั ขวาง รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๒๑ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม เวลาค่าลา้ เหลอื ด้วยเสอื กวาง ปีบมาขา้ งเรือนเย่าทเี่ รานอน เขาดักจ่นั ชน้ั ในใสส่ ุนักข์ มนั หอบฮักดนิ้ โดยแลว้ โหยหอน ยง่ิ ดกึ ฟังวงั เวงวนาดร สังเวชนอนมิใครห่ ลบั ระงับลง จนรุ่งแจง้ แสงสายไม่วายโศก บริโภคเสร็จสมอารมณประสงค์ จากสถานบา้ นแกลงไปกลางดง ต้นรังรงรม่ ชนื่ ระรืน่ เย็น เห็นรอกแตแยต้ ุ่นออกวุ่นว่ิง เอาดินท้งิ ไล่ทุบตะครุบเลน่ ลกู มะมว่ งรว่ งกลาดดาษกระเด็น เสียดายเปนกลางไพรไม่ได้การ อยู่ใกล้วังดังน้นี างสาวสาว จะโนม้ นา้ วกงิ่ เก็บเกษมสานต์ นึกดาเนนิ เดินกลางทางกนั ดาร ถึงตะพานยายเหมสรา้ งทกี่ ลางไพร เปนทงุ่ แถวแนวน้าสกัดกัน้ ต้องพากันลยุ เลียบทะเลไหล แล้วขึ้นขา้ มตามตะพานสาราญใจ ลงเลียบในตนี เขาลาเนาทาง ดูครึ้มครึกพฤกษาป่าสงัด ทะลุลัดตัดทะเลแหลมทองหลาง ต่างเพลิดเพลินเดินว่าเสภาพลาง ถกู ขนุ ช้างเข้าหอหัวร่อเฮ เหน็ ไรแ่ ตงแกล้งแวะเข้าริมห้าง ทาถามทางชักชวนให้สรวลเส พอเจ้าของแตงโมปะโลปะเล สมคเนกินแตงพอแรงกนั แลว้ ภญิ โยโมทนาลาลีลาศ ลงเลยี บหาดปรดี เ์ิ ปรมเกษมสันต์ ถึงปากช่องคลองนา้ เปนสาคัญ ตาแหนง่ น้นั ช่ือชวากปากลาวน ไม่หยดุ ยงั้ ตั้งหน้าเขา้ ปา่ กว้าง ไปตามทางโขดเขินเนินถนน สดับเสยี งลงิ คา่ งครางคารน เหมอื นคนกรนโครกครอกทากลอกตา ถงึ หย่อมย่านบา้ นคราพอคา่ พลบ ประสบพบเผา่ พงศ์พวกวงศา ขนึ้ กระฎีทสี่ ถิตยท์ ่านบดิ า กลืนน้าตาก็ไม่ฟงั เฝา้ พร่ังพราย ศิโรราบกราบเทา้ ใหเ้ ปล่าจิตร ราคาญคดิ อาไลยมิใคร่หาย ชรอยกรรมทาสัตวใ์ ห้พลดั พราย จึงแยกย้ายบิตรุ าชญาติกา มาพบพ่อท้อใจดว้ ยไกลแม่ ให้ตงั้ แต่เศร้าสร้อยละห้อยหา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่ืองที่ ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๒๒ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ชนนอี ยู่ศรีอยุธยา บิดามาอ้างว้างอยู่กลางไพร ภูเขาขวางทางกน้ั อรัญเวศ ขา้ มประเทศท่งุ ท่าชลาไหล เดินกนั ดารปานป้ิมจะบรรไลย จงึ มาได้เหน็ หนา้ บิดาตัว ทา่ นชูชว่ ยอวยพรให้ผอ่ งแผ้ว ดงั ฉัตรแกว้ กางกั้นไว้เหนือหวั อุส่าห์ฝนไพลทารกั ษาตวั ค่อยยงั ช่วั มนึ เมื่อยท่เี หน่ือยกาย บรรดาเหล่าชาวบ้านประมาณมาก ตา่ งมาฝากรักใครเ่ หมอื นใจหมาย พดู ถงึ ที่ตโี บยคะโมยควาย กลา่ วขวัญนายเบยี ดเบียนแล้วเฆยี่ นตี ถามราคาพร้าขวานจะวานซ้ือ ล้วนอออือเองกูกะหนูกะหนี ท่ีคะขาคาหวานนานนานมี เปนวา่ ขี้ครา้ นฟังแตซ่ งั ตาย เวลาเชา้ กช็ วนกนั ออกป่า มนั โมห้ มาไล่เน้ือไปเหลือหลาย พอเวลาสายณั ห์ตวันชาย ไดก้ ะต่ายตะกวดกวางมายา่ งแกง ทง้ั แย้บ้งึ อง่ึ อ่างเนื้อคา่ งค่ัว เขาทาครัวครนั้ ไปปะขยะแขยง ตอ้ งอดส้ินกินแตเ่ ข้ากับเตา้ แตง จนเรี่ยวแรงโรยไปมิใคร่มี อยู่บรุ ินกินสาราญทั้งหวานเปรีย้ ว ตั้งแต่เทีย่ วยากไรม้ าไพรศรี แตน่ า้ ตาลมิไดพ้ านในนาภี ปถั วีวาโยก็หย่อนลง ด้วยเดือนเกา้ เขา้ วสาเปนน่าฝน จึงขัดสนสิ่งของตอ้ งประสงค์ ครน้ั แลว้ ลาฝา่ เทา้ ท่านบติ รุ งค์ ไปบา้ นพลงค้อตัง้ รมิ ฝั่งคลอง ดูหนุม่ สาวชาวบา้ นราคาญจติ ร ไมน่ ่าคิดเข้าในกลอนอกั ษรสนอง ล้วนวงศว์ ารวา่ นเครือเปนเชอ้ื ชอง ไม่เหมือนน้องนึกนา่ นา้ ตากระเด็น แลว้ ไปชมกรมการบ้านดอนเด็จ ลว้ นเล้ยี งเปด็ หมเู นอ้ื ดูเหลือเข็ญ ยกกระบัตรคดั ชอ้ นทุกเช้าเยน็ เมียท่ีเปนท่านผหู้ ญิงนัง่ ป้งิ ปลา ๏ แลว้ ไปบางทางเถอื่ นบ้านพงออ้ ไม่เหลอื หลอหลายตาแหนง่ แสวงหา จะเทย่ี วดคู นผู้ทายาตา ไมเ่ หน็ หนา้ นึกระทดสลดใจ ถงึ คนผอู้ ยู่เกลอื่ นก็เหมือนเปลี่ยว สันโดษเด่ียวดว้ ยวา่ จติ รผิดวิไสย รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๒๓ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม มาอยู่ยา่ นบา้ นกรา่ ระกาใจ ชวนกันไปชมทเลทกุ เวลา เหน็ เงือ้ มเขาเงาบังข้นึ นั่งเลน่ ลมเย็นเย็นอยากดูหมู่มจั ฉา แลตล่ิงโล่งล่ิวทิวชลา ดนู าวาแลน่ ละเลาะริมเกาะเกียน บา้ งก้าวเสยี ดเฉียดทางไปข้างเขา บ้างออกเขา้ ขา้ มฟากดงั ฉากเขยี น เรือตระเวนเจนแดนเที่ยวแลน่ เวียน ดาษเดียรดสู ล้างกลางชลา ครั้นยามเยน็ เห็นเหมือนหน่ึงเมฆพลงุ่ เปนควนั ฟงุ้ ราวกบั ไฟไกลนักหนา แลว้ ถอยลงโพลงขนึ้ ไม่ขาดตา ถามผ้เู ถา้ เขาวา่ ปลามนั พ่นฟอง เห็นจรงิ จงั นั่งนึกพฦิ กล้า จนพลบค่ามดื มลขนสยอง ย่ิงอาไลยใจมาอย่ทู ่คี ู่ครอง แมน้ แมน่ ้องได้มาเห็นเหมอื นเช่นนี้ จะแอบองิ วิงวอนชอ้อนถาม ตาแหนง่ นามเกาะแกง่ แขวงวิถี ได้เชยชนื่ รืน่ รศสมุ าลี แล้วจะช้ีให้แม่ชมยมนา ไหนตัวพน่ี ้ีจะชมทเลหลวง จะชมดวงไนยเนตรของเชษฐา โอ้อาไลยไกลแก้วกานดามา กลน้ั น้าตามิใคร่หยดุ สดุ ระกา เสียดายนักภัคินเี จา้ พี่เอ๋ย ยังชน่ื เชยชมชิมไม่อิม่ หนา มายากเยน็ เหน็ แต่ผ้าแพรดา ได้หม่ กราอยู่กบั กายไม่วายตรอม อย่บู า้ นกราทาบญุ กบั บิตเุ รศ ถึงเดอื นเศษโศกซูบจนรูปผอม ทกุ คนื ค่ากาสรดสู้อดออม ประนตนอ้ มพุทธคุณกรณุ า ทัง้ ถือศีลกนิ เพนเหมือนเช่นบวช เย็นเย็นสวดศักราชศาสนา พยายามตามกจิ ด้วยบดิ า เปนถานานุประเทศอธบิ ดี จอมกระษตั ริย์มสั การขนานนาม เจา้ อารามอารญั ธรรมรงั ษี เจรญิ พรตยศย่งิ มิง่ โมลี กาหนดย่สี ิบวสาสถาวร ไดพ้ บเหน็ เปนทานุอปุ ถัมภ์ กก็ รวดนา้ นึกคนงึ ถึงสมร ใหไ้ พบลู ย์พูลสวัสด์พิ พิ ฒั น์พร อย่ารู้รอ้ นโรคไภยสิ่งไรพาน ถึงชาตนิ ีม้ ิไดส้ มอารมณ์คดิ ด้วยองค์อศิ รารักษ์จะหักหาญ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่ืองที่ ๑ นิราศเมืองแกลง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๒๔ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ขอใหน้ ้องครองสัตยซ์ ่ึงปัฏญิ าณ ได้พบพานภายนา่ เหมือนอารมณ์ พอควรคู่รรู้ กั ประจักษ์จิตร ได้ช่ืนชดิ ชมนอ้ งประคองสม ถงึ ตา่ งแดนแสนไกลไพรพนม ให้ลอยลมลงมาแอบแนบอรุ า อยา่ รู้จักผลกั พลกิ ทั้งหยกิ ขว่ น แขนแตล่ ้วนรอยเลบ็ เจบ็ นักหนา ใหแ้ ยม้ ย้ิมพริม้ พรอ้ มน้อมวิญญา แล้วกอ็ ย่าขี้หึงตะบึงตะบอน ขอแบ่งบุญคุณศลี ถวลิ ถงึ ใหท้ ราบซึ่งโสตรทรวงดวงสมร ถงึ อยู่ไกลในปา่ พนาดร แตใ่ จจรจงสวาด์ไิ ม่คลาศคลา ไปเทย่ี วเล่นเห็นดอกไม้แลว้ ใจอยาก จะใคร่ฝากดวงเนตรของเชษฐา กจ็ นใจไกลทางตา่ งสธุ า แตน่ ้าตานแี้ ลฟมู ละลมุ ลง เวลาคา่ ช้าใจเข้าไสยาศน์ โอ้อนาถในวนาป่าระหง ยินแต่เสียงลงิ ค่างทก่ี ลางดง วเิ วกวงวันเวศวังเวงใจ จกั ระจน่ั หวั่นแวว่ แจว้ แจว้ เสยี ง เหมอื นสาเนียงวนิดาน้าตาไหล หนาวนา้ คา้ งพร่างพรมพนมไพร โอเ้ จยี นใจพจ่ี ะขาดอนาถนึก ไดแ้ นบหมอนอ่อนอนุ่ ให้ฉนุ ชื่น ระรวยรนื่ รศลาดวนเมอื่ จวนดึก ทัง้ หอมแพรดาร่ายงิ่ ราฦก ทรวงสทกึ ทุกทุกคนื สอ้ืนใจ ๏ จนเดอื นเก้าเชา้ คา่ ยิง่ พร่าฝน ทกุ ตาบลบ้านกราล้วนน้าไหล ย่ิงง่วงเหงาเศรา้ ช้าระกาใจ จนลม้ ไข้คิดวา่ กายจะวายชนม์ ใหเ้ คลมิ้ เคล้นเหน็ ปีศาจประหวาดหวนั่ อนิ ทรีย์ส่ันเศยี รพองสยองขน ท่านบิดาหาผูท้ รี่ มู้ นต์ มาหลายคนเขากว็ ่าต้องอารักษ์ หลงละเมอเพ้อพดู กบั ผสี าง ทเ่ี คียงข้างคนผู้ไม่รจู้ ัก แตห่ มอเถ้าเป่าปัดชงดั นัก ทง้ั เสน้ วักหลายวันค่อยบนั เทา ใหค้ นทรงลงผีเมื่อพเี่ จ็บ วา่ เพราะเกบ็ ดอกไม้ท่ีท้ายเขา ไม่งอนง้อขอสู่ทาดูเบา ทา่ นปู่เจา้ คุมแค้นจึงแทนทด คร้ันตาหมอขอโทษก็โปรดให้ ท่จี ริงใจพ่ีกร็ อู้ ยู่ว่าปด รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งท่ี ๑ นิราศเมืองแกลง
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๒๕ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม แต่ชาวบ้านทา่ นถือขา้ งท้าวมด จึงสู้อดนิง่ ไวใ้ นอุรา ทุกเชา้ เย็นเห็นแตห่ ลานทบ่ี ้านกรา มว่ งกับคากลอยจิตรขนษิ ฐา เห็นเจบ็ ปวดนวดฟน้ั ช่วยฝนยา ตามประสาซ่ือตรงเปนวงศ์วาร ครน้ั หายเจบ็ เกบ็ ดอกไม้มาให้บ้าง กลับระคางเคืองข้องกนั สองหลาน จะว่ากลา่ วนา้ วโน้มประโลมลาน ไม่สมานสโมสรเหมือนก่อนมา กจ็ นจติ รคดิ เห็นวา่ เปนเคราะห์ จึงจาเภาะหงึ หวงพวงบุบผา ตอ้ งคร่าครวญรวนอยดู่ เู อกา กเ็ ลยลาบิตรุ งคท์ ้ังวงศว์ าร ออกจากยา่ นบ้านกราซ้าวโิ ยค กาสรดโศกเศร้าหมองถึงสองหลาน เม่ือไข้หนักรักษาพยาบาล แตน่ ้ีนานจะได้มาเห็นหน้ากนั ครน้ั จะมิหนีมาจะลาเล่า จะสร้อยเศร้าโศกาเพียงอาสญั จงึ พากเพยี รเขียนคาเปนสาคัญ ให้สองขวัญเนตรนางไวต้ า่ งกาย อย่าเศร้าสร้อยคอยพ่ีพอปีนา่ จึงจะมาทาขวัญเหมือนม่ันหมาย ไม่ท้ิงขว้างห่างให้เจ้าได้อาย จงครองกายแกว้ ตาอย่าอาวรณ์ โอจ้ ากหลานบา้ นกราระกาจติ ร กเ็ พราะคิดถงึ แมห่ ญงิ มง่ิ สมร สฟู้ มู ฝนทนฟ้าอุส่าหจ์ ร เปนทุกขร์ ้อนแรมทางมากลางไพร ถึงกรุงศรีอยธุ ยาขึ้นห้าค่า จึงเขยี นคาจริงแจ้งแถลงไข ให้ดวงเนตรเชษฐาด้วยอาไลย จงเหน็ ใจเถิดท่จี ติ รคดิ คานึง ถึงเจบ็ ไขไ้ ม่ตายไม่คลายรัก มีแต่ลกั ลอบนึกราฦกถงึ ชว่ ยยมิ้ แย้มแชม่ ชน่ื อยา่ มนึ ตึง ใหเ้ หอื ดหึงลงเสยี บา้ งจะฟงั คา พอ่ี ุ้มทุกข์บุกปา่ มหาระนพ มาหมายพบพูดความกบั งามขา อย่าบดิ เบือนเชอื นชา้ ท้าระกา แต่อยกู่ ราตรอมกายมาหลายเดือน ไดด้ ูงามตามทางทีน่ างอนื่ ก็หลายหม่นื เหยียบแสนไมแ่ ม้นเหมือน ไม่มสี ูค้ ู่ควรกระบวนเบือน เหมอื นแม่เพื่อนชีพชายจนปลายแดน พีจ่ ากไปได้แต่รักมาฝากน้อง มากกวา่ ของอนื่ อืน่ สกั หมื่นแสน รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๑ นริ าศเมอื งแกลง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๒๖ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม พอเปนคา่ ผ้าห่มทช่ี มแทน อย่าเคืองแค้นเลยทฉ่ี ันไมท่ ันลา ด้วยเกดิ ความลามถึงเพราะหึงหวง คนท้งั ปวงเขาคิดฤษยา จงึ หลกี ตัวกลัวบญุ คณุ บดิ า ไปแรมปา่ ปิ้มชีวนั จะบรรไลย แมอ่ ยดู่ ีปรดี ์ิเปรมเกษมสวสั ดิ์ ฤๅเคืองขัดขุกเข็ญเปนไฉน ฤๅแสนศุขทุกเวลาประสาใจ สิ้นอาไลยลืมหมายว่าวายวาง ฤๅพร้อมพรักภักตร์เพื่อนท่ีเยือนยม้ิ ใหเ้ ปรมปร่ิมประดพิ ัทธ์ไม่ขัดขวาง จะปราบปรามหา้ มหวงพวงมะปราง ให้จืดจางจาจากกระดากใจ นิราศเรอื่ งเมืองแกลงแต่งมาฝาก เหมือนขันหมากมง่ิ มิตรพิศมัย อย่าหมางหมองข้องขดั ตัดอาไลย ให้ชน่ื ใจเหมือนแต่หลงั มงั่ เถิดเอย ฯ จบนิราศเมอื งแกลงแตเ่ ท่านี้ รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งที่ ๑ นิราศเมืองแกลง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๒๗ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เรอ่ื งท่ี ๒ นริ าศพระบาท (ฉบบั หอสมดุ วชริ ญาณ) บทนา นิราศพระบาท แต่งเม่ือพุทธศักราช ๒๓๔๙ เมอื่ ตามเสด็จพระองคเ์ จ้าปฐมวงศ์ไปนมสั การพระ พุทธบาท บรรยายการเดินทางทางเรือจากพระราชวังหลัง ตามเสดจ็ พระภิกษุพระเจ้าบรมวงศ์ ซงึ่ ทรง ผนวชอยวู่ ัดระฆังโฆษิตารามไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี ไปขน้ึ บกที่ตาบลทา่ เรือ กรุงเก่า แลว้ ข้นึ ช้างตอ่ ไปพักอยรู่ มิ บริเวณรอยพระพุทธบาท ไดพ้ บสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส เมอ่ื คร้ังทรงผนวชเป็นสามเณรท่บี ริเวณเขาขาด พรรณนาถึงพระพุทธบาทและมหรสพฉลอง ตลอดการ เดนิ ทางครวญถึงนางจนั หญงิ คนรักซึ่งมเี ร่ืองโกรธเคอื งกัน คาอธบิ ายนริ าศพระบาทในประชุมวรรณคดีเรื่อง พระพุทธบาท นริ าศพระบาท สานวนของ พระสุนทรโวหาร (สนุ ทรภู)่ เป็นวรรณคดนี ริ าศท่ีรู้จกั กนั เป็นอย่าง ดี แต่งขึ้นเม่ือพ.ศ. ๒๓๕๐ คราวเมื่อสุนทรภู่เป็นมหาดเล็กตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสใน สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท สระบุรี วรรณคดีเรื่องนี้พิมพ์ครั้งแรกเม่ือพ.ศ. ๒๔๖๕ รวมอยู่ในหนังสือ ประชุมกลอนนิราศต่าง ๆ ภาค ๑ ของสุนทรภู่ ครั้นถึงพ.ศ. ๒๕๐๓ กรมศิลปากรได้ตรวจสอบชาระใหม่ โดยเพิ่มเติมเชิงอรรถ รปู ภาพและแผนผังประกอบ นริ าศพระบาทประกอบดว้ ยกลอนสุภาพ ๒๓๑ บท เนอ้ื หากล่าวถงึ การเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยทางเรือ ออกจากท่าวัดระฆังโฆสิตาราม ไปตามแม่น้าเจ้า พระยา ผ่านคลองบางจาก พระบรมมหาราชวัง สามเสน บางพลดั บางซื่อ บางซ่อน บ้านวัดโบสถ์ ตลาดแกว้ ตลาดขวัญ ปากเกร็ด บางพูด บางพัง วัดเทียนถวาย บ้านใหม่ บางหลวง บ้านกระแซง สามโคก ปทุมธานี วังตาหนัก (วัด ตาหนัก) บา้ นกระบือ เกาะราชคราม บางไทร บ้านสีกุก เกาะเกิด บางเกาะอิน เกาะพระ เกาะเรียน ท่า เสือ คลองตะเคียน วัดธารมาใหม่ คลองสระปทุม วัดแม่นางปลื้ม คลองหัวรอ ท่าศาลาเกวียน บ่อโพง ปากจ่ัน บางระกา ปราสาทนครหลวง บ้านแม่ลา บ้านอรัญญิก บ้านตะเคียนด้วน ศาลาลอย วังตะไล จากนั้นจงึ เปลย่ี นพาหนะเปน็ ช้าง เพื่อขึ้นฝ่ังและเดนิ ทางต่อทางบก ผ่านปา่ นาประโคน บางโขมด บอ่ โศก หนองคนที ศาลเจ้าสามเณร เขาตก สระยอ จนถงึ วดั พระพุทธบาท ขณะท่ีเดินทางไปน้ันตรงกับเทศกาล สมโภชพระพุทธบาทประจาปี จึงมีการแสดงและการละเล่นสนุกสนาน ซ่ึงกวีได้สอดแทรกรายละเอียด งานสมโภชพระพุทธบาทลงในนิราศเร่ืองน้ี กวีบรรยายภาพงานรื่นเริง มีการละเล่นชนิดต่าง ๆ มีป่ี ระนาด ฆ้องกลอง เคร่ืองดนตรีประโคม มีไฟตะเกียงจุดรอบบริเวณมณฑปพระพุทธบาท สุนทรภู่ได้ สักการะรอยพระพุทธบาทและเทยี่ วชมความสวยงามของรมณยี สถานรอบพระพุทธบาท รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่อื งที่ ๒ นิราศพระบาท
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๒๘ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม วรรณคดีเรื่องน้ีสะท้อนภาพวิถีชีวติ ของคนไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เช่น ภาพการแต่ง กายของชาววังท่ีอยู่ในขบวนเสด็จ ลักษณะท่าทางและอุปนิสัยของสาวชาววัง การแต่งกายและวิถีชีวิต ของชาวมอญท่ีสามโคก ปทุมธานี ลักษณะที่อยู่อาลยั ของคนไทยตามแตล่ ะท้องถ่ิน นอกจากนี้สุนทรภูไ่ ด้ สอดแทรกคติธรรมบางประการท่ีใช้เป็นหลักดาเนินชีวิต เช่น ความกตั ญญ ความซ่ือสัตย์สุจริต การเลือกคบคน เปน็ ต้น เนอื้ หานิราศพระบาท (ฉบับหอสมดุ วชิรญาณ) [๑]๏ โออ้ าลยั ใจหายไมว่ ายห่วง[๒] เสยี ดายดวงจันทราพะงางาม[๓] ดังศรสกั ปกั ซ้าระกาทรวง แตเ่ ดอื นยีจ่ นยา่ งเข้าเดือนสาม[๔] เจ้าคมุ แค้นแสนโกรธพิโรธพ่ี จากอารามแรมรา้ งทางกันดาร จนพระหน่อสุรยิ ว์ งศท์ รงพระนาม[๕] จานริ าศรา้ งนุชสดุ สงสาร ด้วยเรยี มรองมุลิกาเปน็ ข้าบาท นมสั การรอยบาทพระศาสดา ฯ ตามเสด็จเสร็จโดยแดนแสนกันดาร[๖] พอจวนย่ารงุ่ เรง่ ออกจากท่า ๏ วันจะจรจากนอ้ งสิบสองค่า[๗] พี่ต้งั ตาแลแลตามแพราย ราลกึ ถงึ ดวงจนั ทร์ครรไลลา ก็แลเปลา่ เปลี่ยวไปนา่ ใจหาย ท่ปี ระเทศเขตเคยได้เหน็ เจา้ ไม่เหือดหายห่วงหวงเปน็ หว่ งครัน ฯ แสนสลดใหร้ ะทดระทวยกาย ใครช่างคดิ ชอื่ บางไว้กางก้ัน ๏ ถึงคลองขวางบางจากยิง่ ตรมจิต พิเคราะห์ครนั หรือมาพ้องกบั คลองบาง ว่าชอื่ จากแลว้ ไม่รักร้จู กั กนั ยงั จากกอนั้นก็ขนึ้ ในคลองขวาง ทัง้ จากทจี่ ากคลองเป็นสองข้อ ท้งั จากบางจากไปใจระบม โอ้วา่ จากช่างมารวบประจวบทาง เหน็ เวยี งวังก็ย่ิงเสียวถึงเคยสม แสนวบิ ากหลากใจอาลยั เหลียว นอ้ มบงั คมเทวารักษาวัง ประสานสองหตั ถ์ประนังตง้ั ประนม อยา่ มเี หตุอันตรายเมื่อภายหลัง ขอฝากน้องสองชนกช่วยปกเกศ เทพท้ังช้นั ฟา้ ได้ปรานี ฯ ใครปองชงิ ขอให้ตายดว้ ยรายชัง รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรือ่ งท่ี ๒ นริ าศพระบาท
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๒๙ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ๏ ถงึ สามเสนแจง้ ความตามสาเนยี ก[๘] เมอื่ แรกเรยี กสามแสนทงั้ กรงุ ศรี ประชมุ ฉดุ พุทธรูปในวารี ไม่เคลื่อนท่ชี ลธารบาดาลดนิ จงึ สาปนามสามแสนเปน็ ชื่อคุ้ง[๙] เออชาวกรงุ กลับเรยี กสามเสนสิน้ น่ีหรอื รักจะมินา่ เป็นราคิน แต่ชือ่ ดินเจียวยังกลายเป็นหลายคา ขอใจนุชทฉี่ ันสุจริตรัก[๑๐] ให้แนน่ หนกั เหมือนพุทธรปู เลขาขา[๑๑] ถึงแสนคนจะมาวอนชะอ้อนนา[๑๒] สกั แสนคาอย่าให้เคลื่อนจงเหมือนใจ ฯ ๏ ถึงบางพลัดยิ่งอนัตอนาถจิต นง่ิ พนิ จิ นกึ น่าน้าตาไหล พี่พลดั นางร้างรกั มาแรมไกล ประเดย๋ี วใจพบบางริมทางจร ถึงบางซื่อช่อื บางนส้ี ุจรติ เหมอื นซ่ือจิตท่ีพ่ตี รงจานงสมร มิตรจติ ขอใหม้ ิตรใจจร ใจสมรขอใหซ้ อ่ื เหมอื นชื่อบาง ถงึ บางซ่อนเหมือนเขาซ่อนสมรพ่ี ซ่อนไว้นดี่ อกกระมงั เหน็ กวา้ งขวาง เจา้ เยีย่ มหน้าออกมาหาพ่หี น่อยนาง จะลาร้างแรมไกลเจ้าไปแล้ว ฯ ๏ ถงึ นา้ วนชลสายทีท่ ้ายย่าน เขาเรียกบ้านวัดโบสถ์ตลาดแก้ว จะเหลียวกลบั ลับวังมาลบิ แล้ว พล่ี ับแก้วลบั บา้ นมาย่านบาง พฤกษาสวนล้วนได้ฤดูดอก ตระหง่านงอกริมกระแสแลสล้าง กล้วยระกาอมั พาพฤกษาปราง ตอ้ งนา้ ค้างชอ่ ชุ่มเปน็ พ่มุ พวง เห็นจันทน์[๑๓]สุกลูกเหลอื งตระหลบกลิ่น แมลงภู่บินรอ่ นรอ้ งประคองหวง พฤกษาพ้องต้องนามกานดาดวง พีย่ ลพวงผลจันทน์ให้หวัน่ ใจ แมงภู่[๑๔]เชยเหมอื นพีเ่ คยประคองชดิ นิง่ พินิจนกึ นา่ น้าตาไหล เหน็ รกั ร่วงผลิผลัดสลดั ใบ เหมอื นรักใจขวญั เมืองที่เคอื งเรา พเี่ วยี นเตือนเหมือนอยา่ งน้าค้างย้อย ให้แช่มชอ้ ยชือ่ ช่อเช่นกอเกา่ โอร้ ักต้นฤๅมาต้องกับสองเรา จึงใจเจ้าโกรธไปไม่ไดน้ าน ฯ ๏ ถงึ แขวงแควแพตลอดตลาดขวัญ เป็นเมืองจันตะประเทศรโหฐาน ตลง่ิ เบ้อื งบรู พาศาลาลาน เรือขนานจอดโจษกนั จอแจ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๒ นริ าศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๓๐ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม พินิจนางแม่คา้ ก็นา่ ชม ทา้ คารมเรว็ เรง่ อย่เู ซ็งแซ่ ใส่เส้ือตงึ รงึ รัดดูอดั แอ พี่แลแลเครื่องเลน่ เป็นเสยี ดาย ชมคณาฝูงนางมากลางชล สรุ ยิ นเยีย่ มฟา้ เวลาสาย ถึงปากเกร็ดเสรจ็ พักผอ่ นฝีพาย หยุดสบายบรโิ ภคอาหารพลัน แรงกาเรบิ เอบิ อิ่มขยายออก เขากบ็ อกโยนยาวฉาวสนั่น ถงึ หาดขวางบางพูดเขาพูดกัน พี่คิดฝนั ใจฉงนอยู่คนเดยี ว[๑๕] เปน็ พูดชื่อฤๅผีภูตปศี าจหลอก ใครชว่ ยบอกภูตผมี านี่ประเดี๋ยว จะสง่ั ฝากขนิษฐาสุดาเดียว ใครเกินเกีย้ วแล้วอยา่ ไว้กาไรเลย ฯ ๏ ถึงบางพังนา้ พังลงตล่ิง โอช้ า่ งจรงิ เหมือนเขาว่านจิ จาเอ๋ย พี่จรจากดวงใจมาไกลเชย โอ้อกเอ๋ยแทบพังเหมอื นฝั่งชล ถงึ วงั วดั เทยี นถวายบ้านใหม่ข้าม ก็รีบตามเรือที่นง่ั มากลางหน ทงุ่ ละลวิ่ ทิวเมฆเปน็ หมอกมน สะพร่ังต้นตาลโตนดอนาถครัน เจ้าของตาลรักหวานขน้ึ ปนี ต้น ระวงั ตนตีนมือระมดั มน่ั เหมือนคบคนคาหวานราคาญครนั ถ้าพลง้ั พลันเจบ็ อกเหมือนตกตาล เห็นเทพีมหี นามลงรานา้ เปรียบเหมือนคาคนพูดไม่อ่อนหวาน เห็นกิง่ กดี มดี พร้าเขา้ ราราน[๑๖] ถงึ หนามกรานก็ไม่เหนบ็ เหมือนเจบ็ ทรวง ฯ ๏ ถงึ บางหลวงทรวงร้อนดังศรปกั พ่รี า้ งรกั มาด้วยราชการหลวง เม่ือคิดไปใจหายเสยี ดายดวง จนเรอื ล่วงมาถึงย่านบา้ นกระแชง พีเ่ รง่ เตือนเพ่ือนชายพายกระโชก ถงึ สามโคกต้องแดดยิง่ แผดแสง ให้ร่มุ ร้อนออ่ นจิตระอิดแรง เห็นมอญแต่งตัวเดินมาตามทาง ตาโถงถุงน่งุ ออ้ มลงกรอมส้น เป็นแยบยลเมื่อยกขยับอยา่ ง เหน็ ขาขาววาวแวบอยหู่ ว่างกลาง ใครยลนางกเ็ ปน็ น่าจะปรานี ดเู หย้าเรือนหาเหมือนอยา่ งไทยไม่ หลังคาใหญพ่ ื้นเล็กเปน็ โลงผี ระยะบ้านยา่ นน้ันกย็ าวรี จาเพาะมฝี ่งั ซ้ายเม่อื พายไป ฯ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่ืองท่ี ๒ นิราศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๓๑ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม ๏ ถงึ วงั ตาหนักพกั พลพอเสวย[๑๗] แล้วก็เลยตามแควกระแสไหล ท้งั น้าลงนา่ สลดระทดใจ โอน้ า้ ไหลเจียวยังมเี วลาลง แต่โศกพ่ีหรือไมม่ ีเวลาว่าง ระยะทางกย็ งั ไกลถงึ ไพรระหง ขึ้นจากน้าแล้วจะซา้ เข้าเดนิ ดง เม่อื ไรลงนนั่ แลกายจะวายตรอม เห็นลมอ้อื จะใครส่ อื่ สาราส่ัง ถงึ รอ้ ยชัง่ คู่เชยเคยถนอม ใหน้ ่ิมนอ้ งครองศกั ดิอ์ ยา่ ปลักปลอม เรียมนตี้ รอมใจถึงคะนึงนาง ฯ ๏ ถึงทุ่งขวางกลางยา่ นบา้ นกระบือ ทลี่ มอ้ือนนั้ ค่อยเหอื ดด้วยคุ้งขวาง ถึงย่านหนง่ึ น้าเซาะเป็นเกาะกลาง ต้องแยกทางสองแควกระแสชล ปางบรุ าคาบรุ าณขนานนาม ราชครามเกาะใหญเ่ ป็นไพรสณฑ์ ในแถวทางกลางยา่ นกันดารคน นาวาดลเดินเบอ้ื งบรู พา โอก้ ระแสแควเดยี วทีเดียวหนอ มาเกิดก่อเกาะถนดั สกัดหน้า ต้องแยกคลองออกเปน็ สองทางคงคา นี่หรือคนจะมิน่าเปน็ สองใจ ครั้นพอสิน้ ถ่ินเกาะค่อยเลาะเลยี บ นาวาเพยี บนา้ ลงกาลงั ไหล โอ้อนาถเหน่ือยน่าระอาใจ ถึงบางไทรดา่ นดักนาวาเดนิ เขาบอกชื่อสีกุกตรงด่านข้าม เป็นสามง่ามน้านองในคลองเขนิ ปกั ษาโบกปีกบนิ ลงดินเดนิ มจั ฉาเพลนิ ผดุ พลา่ นในคงคา นกยางเลยี บเหยียบปลานขาหยกิ เอาปากจิกบินฮอื ขึน้ เวหา กระทุงน้อยลอยทวนนาวามา โอป้ ักษาเอย๋ จะลอยถึงไหนไป หน้าวังหรอื จะสงั่ ด้วยนะนก ใหแ้ นบอกของพี่รวู้ ่าโหยไห้ มิทันสัง่ สกณุ ินก็บนิ ไป ลงจบั ใกล้นกตะกรุมรมิ วุ้มวน ศรี ษะเตยี นเล่ียนโล่งหัวลา้ นเลอื่ ม เหนียงกระเพอ่ื มรอ้ งแรงแสยงขน โอ้หวั นกนกี่ ล็ า้ นประจานคน เมื่อยามยลพ่ียง่ิ แสนระกาทรวง ฯ ๏ ถึงเกาะเกดิ เกิดเกาะขน้ึ กลางน้า เหมือนเกิดกรรมเกิดราชการหลวง จึงเกดิ โศกขดั ขวางขน้ึ กลางทรวง จะตักตวงไว้ก็เตบิ กว่าเกาะดนิ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรื่องที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๓๒ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ราพึงพายตามสายกระแสเช่ียว ย่ิงแสนเปล่ยี วเปลา่ ในฤทัยถวิล สกั ครหู่ น่งึ ก็มาถึงบางเกาะอนิ [๑๘] กระแสสินธ์ุสายชลเปน็ วนวงั อนั เท็จจริงสิ่งน้ีไม่รแู้ น่ ได้ยนิ แตย่ บุ ลแตห่ นหลงั วา่ ทเ่ี กาะบางอออินเป็นถน่ิ วัง กษัตริย์ครัง้ ครองศรีอยุธยา พาสนมออกมาชมคณานก ก็เรอ้ื รกร้ังรา้ งเป็นทางป่า อันคาแจ้งกับเราแกลง้ สงั เกตตา กเ็ หน็ นา่ ทจี่ ะแนก่ ระแสความ แตเ่ ดีย๋ วนี้มีไม้กต็ ายโกร๋น ทง้ั เกิดโจรจระเข้ใหค้ นขาม โอฉ้ ะน้แี กว้ พเ่ี จา้ มาตาม จะวอนถามย่านนา้ พ่รี ่าไป ฯ ๏ ถงึ เกาะพระท่รี ะยะสาเภาล่ม เภตราจมอยู่ในแควกระแสไหล ถึงเกาะเรียนโอเ้ รียมยิ่งเกรยี มใจ ที่เพ่ือนไปเขากโ็ จษกันกลางเรือ วา่ คุ้งหนา้ ทา่ เสอื ขา้ มกระแส พี่แลแลหาเสอื ไม่เห็นเสือ ถ้ามจี ริงกจ็ ะวงิ่ ลงจากเรือ อทุ ศิ เนื้อให้เป็นภักษ์พยัคฆา ไมเ่ คยตายเขาบา่ ยนาวาลอ่ ง เขา้ ในคลองตะเคียนใหโ้ หยหา ระยะย่านบา้ นช่องในคลองมา ลว้ นภาษาพวกแขกตะนีอึง ดหู นา้ ตาก็ไมน่ ่าจะชมชนื่ พ่ีแขง็ ขนื อารมณ์ทาก้มขงึ ทเ่ี พ่ือนเรารอ้ งหยอกมันออกอึง จนเรอื ถงึ ปากช่องคลองตะเคียน ฯ ๏ เห็นวัดวาอารามตามตลิง่ ออกแจ้งจริงเหลือจะจาในคาเขยี น พระเจดียด์ ูกลาดดาษเดียร การเปรียญโบสถก์ ุฏช์ิ ารุดพัง ถึงวัดธารมาใหมใ่ จระย่อ ของพระหน่อสุริยวงศ์พระวังหลงั อุตสา่ หท์ รงศรัทธามาประทัง อารามรง้ั หรือมางามอร่ามทอง สังเวชวัดธารมาทอ่ี าศยั ถงึ สรา้ งใหม่ชื่อยังธาระมาหมอง เหมือนทุกข์พี่ถงึ จะมีจนิ ดาครอง มงกุฎทองสรอ้ ยสะอ้ิงมาใส่กาย อนั ตัวงามยามนก้ี ต็ รอมอก แสนวิตกมาตามแควกระแสสาย ถึงคลองสระประทมุ านาวาราย นา่ ใจหายเหน็ ศรอี ยธุ ยา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่ืองท่ี ๒ นริ าศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๓๓ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม ทง้ั วังหลวงวงั หลงั กร็ ัง้ รก เห็นนกหกซ้อแซ้บนพฤกษา ดูปราสาทราชวงั เป็นรังกา ดงั ป่าช้าพงชัฏสงัดคน ฯ ๏ อนจิ จาธานินสนิ้ กษตั รยิ ์ เหงาสงัดเงยี บไปดังไพรสณฑ์ แม้กรงุ ยังพรงั่ พรอ้ มประชาชน จะสับสนแซ่เสียงทงั้ เวยี งวงั มโหรีป่ีกลองจะก้องกึก จะโครมครึกเซ็งแซ่ด้วยแตรสังข์ ดูพาราน่าคิดอนจิ จัง ยังไดฟ้ ังแตเ่ สียงสกุณา ทงั้ สองฝง่ั แฝกแขมแอร่มรก ชะตาตกสูญสิน้ พระชนั ษา แต่ปยู่ ่ายายเราทา่ นเล่ามา เมอื่ แรกศรีอยุธยายงั เจริญ กษัตรยิ ส์ ืบสรุ ิยวงศ์ดารงโลก ระงับโศกสุขสดุ จะสรรเสริญ เราเห็นยับยังแต่รอยก็พลอยเพลิน เสียดายเกดิ มาเม่อื เกนิ น่าน้อยใจ กาแพงรอบขอบคูก็ดูลึก ไม่นา่ ศึกอ้ายพม่าจะมาได้ ยังให้มนั ข้ามเขา้ เอาเวยี งชยั โอ้อยา่ งไรเหมือนบุรไี ม่มีชาย หรือธานินส้นิ เกณฑ์จึงเกดิ ยุค ไพรรี ุกรบไดด้ งั ใจหมาย เหมอื นทุกวนั แล้วไม่คัณนาตาย ให้ใจหายหวัน่ หวัน่ ถงึ จนั ทร์ดวง ฯ ๏ พด่ี ใู จคา่ ยนอกออกหนักแน่น ดังเขตแควน้ คูขอบนครหลวง ไม่เหน็ จริงใจนางในกลางทรวง ชายทะลวงเข้ามาบ้างจะอยา่ งไร ขอเทเวศร์เขตสวรรคช์ น้ั ดสุ ิต ดลใจมติ รอยา่ ใหเ้ หมอื นกับกรุงใหญ่ ให้เหมอื นกรงุ เราทุกวันไม่พรั่นใคร นัน่ แลใจเห็นจะครองกับนอ้ งนาน ฯ ๏ สรุ ิยนเยน็ สนธยาย่า ประทบั ลาเรือเรียงเคยี งขนาน เขาเรียกวัดแมน่ างปลม้ื ลืมราคาญ ใครขนานช่อื หนอได้ต่อมา ช่างแปลงโศกใหเ้ ราปลื้มพอลมื รัก จะรจู้ ักคุณจรงิ ไมแ่ กล้งว่า พลพายนายไพร่บรรดามา หุงข้าวหาฟนื ใส่กอ่ ไฟฮือ พต่ี ันอกตกยากจากสถาน เหน็ อาหารหวนทอดใจใหญห่ ือ คอ่ ยขืนเค้ยี วขา้ วคาสักกามือ พอกลืนครือคอแค้นดังขวากคม รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๒ นิราศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ๓๔ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม จะเจือนา้ ซ้าแสบในทรวงเสยี ว มีเคม็ เปรี้ยวกล้ากลนื กข็ ่นื ขม กนิ ประทบั แตพ่ อรับกบั โรคลม ครนั้ ค่าพรมน้าคา้ งอยู่พร่างพราย กแ็ รมรอนนอนวดั แมน่ างปล้ืม พี่ไม่ลืมอาลยั ให้ใจหาย ทัง้ ไพร่นายนอนกลาดบนหาดทราย พงศ์นารายณ์นรนิ ทร์วงศ์ทีท่ รงญาณ บรรทมเรอื พระทีน่ งั่ บงั วิสูตร เขารวบรดู รอบดีท้ังสีด่ า้ น ครน้ั รงุ่ เช้าราวโมงหนึ่งนานนาน จัดแจงมา่ นใหเ้ คลือ่ นนาวาคลา ฯ ๏ เขา้ ลาคลองหัวรอตอระดะ ดเู กะกะรอรา้ งทางพม่า เหน็ รอหักเหมือนหน่ึงรกั พ่รี อรา แต่รอทา่ ร้ังทกุ ขม์ าตามทาง พอเลีย้ วแหลมถึงท่าศาลาเกวียน ตลิง่ เตียนแลโล่งดงั คนถาง พ่ตี ้ังตาหาเกวียนสองขา้ งทาง หมายจะจา้ งบรรทุกไปทา่ เรือ แตท่ กุ ขร์ ักก็เหน็ หนักถนดั อก ถงึ สักหกเจ็ดเกวียนกเ็ จยี นเหลือ แตโ่ ศกรกั มาจนหนักในลาเรือ เฝา้ เตมิ เจอื ไปทุกคงุ้ ราคาญครัน ฯ ๏ ถงึ บอ่ โพงถา้ มีโพงจะผาสุก จะโพงทุกขเ์ สียให้สิน้ ท่ีโศกศัลย์ น่แี ลแลก็เหน็ แตต่ ล่ิงชัน[๑๙] ถึงปากจนั่ ตะละเตือนให้ตรอมใจ โอน้ ามนอ้ งหรือมาพ้องกบั ช่ือบา้ น ลืมราคาญแล้วมานึกราลึกได้ ถึงบางระกาโอ้กรรมระยาใจ เคราะห์กระไรจงึ มารา้ ยไมว่ ายเลย ระกากายมาถึงท้ายระกาบ้าน ระกายา่ นน่ีก็ยาวนะอกเอ๋ย โอค้ นผเู้ ขาชา่ งอยูอ่ ยา่ งไรเลย หรอื อยเู่ คยความระกาทุกค่าคืน ฯ ๏ ถึงคุ้งแคว้นแดนพระนครหลวง ยง่ิ โศกทรวงเสียใจให้สะอ้ืน โออ้ กเอ๋ยยงั จะไปอกี หลายคนื กว่าจะชนื่ แทบช้าระกากาย ถึงแม่ลาเม่อื เรามาก็ลาแม่ แมจ่ ะแลแลหาไม่เห็นหาย จะถามขา่ วเช้าเยน็ ไม่เวน้ วาย แตเ่ จา้ สายสุดใจมิได้มา ถึงอรญั ญิกยามแดดแผดพยบั เสโทซบั ซาบโทมนสั า[๒๐] รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๓๕ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ถึงตะเคียนดว้ นด่วนรีบนาวามา ถึงศาลาลอยแลลิงโลดใจ เง้อื มตลิ่งง้วิ งามตระหงา่ นยอด ระกะกอดเกะกะกิ่งไสว พยยุ วบกงิ่ เยือกเขย้ือนใบ ถงึ วังตะไลเห็นบา้ นละลานแล ถึงบา้ นขวางท่ีทางนาวาจอด เรอื ตลอดแลหลามตามกระแส ถึงท่าเรือเรือยัดกนั อัดแอ ดูจอแจจอดรมิ ตลิ่งชมุ ที่หน้าทา่ รารบั ประทับหยดุ อตุ ลดุ ขนของขึน้ กองสมุ เสบียงใครใครนั่งระวังคุม พรอ้ มชมุ นุมแนน่ หนา้ ศาลารี ฯ ๏ ฝ่ายพระหนอ่ สรุ ิยวงศ์ทรงสิกขา ขนึ้ ศาลาโสรจสรงวารีศรี ขา้ งพวกเราเฮฮาลงวารี แตโ่ ดยดใี จตนด้วยพน้ พาย อุระเรียมเกรียมตรมอารมณร์ ้อน ระอาออ่ นอกใจมใิ ครห่ าย แลตล่งิ วิงหน้านยั น์ตาพราย หวั ไหล่ตายตึงยอกตลอดตวั ไดพ้ ึ่งเพื่อนเหมือนญาตเิ มอื่ ยามเขญ็ เขานวดเคล้นใหบ้ า้ งกย็ งั ชวั่ พระอาทติ ย์มดื มิดเข้าเมฆมัว ฟา้ สลัวแดดดบั พยับไพร กองคเชนทร์เกณฑช์ ้างยี่สิบเชือก มาจดั เลอื กกองหมอข้นึ คอไส ทเ่ี ดนิ ดีข่ีกบู ไม่แกวง่ ไกว วสิ ูตรใส่สองขา้ งเป็นช้างทรง แล้วผอ่ นเกณฑ์กองช้างไว้กลางทุง่ เวลาร่งุ จะเสด็จขึน้ ไพรระหง ทสี่ ่เี วรเกณฑ์กนั ไวล้ ้อมวง พระจอมพงศ์อศิ ยมบรรทมพลัน ฯ ๏ อนั พวกเราเหล่าเสวกามาตย์ เหนื่อยอนาถนทิ ราดังอาสัญ แสนวติ กอกพี่นี้ผูกพนั ให้หวนั่ หว่ันเวทนาด้วยอาวรณ์ สดบั เสียงสปั ปุรษุ ทหี่ ยดุ พัก เขาร้องสักวาองึ ทั้งครึง่ ทอ่ น บา้ งชมปา่ ช้าปี่ทีละคร ถึงสบกลอนท่จี ะรู้ก็สู้เมิน เฝ้าแหงนดดู วงแขชะแง้พกั ตร์ เหน็ จันทรช์ ักรถร่อนเวหาเหิน ดูดวงเดอื นเหมือนชอื่ ร้ือเผอญิ ระกาเกินท่จี ะเก็บประกอบกลอน รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๓๖ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม จนไก่เถ่ือนเตือนขนั สนั่นแจว้ ดเุ หว่าแว่วหวาดหมายวา่ สายสมร เดอื นแอร่มแจ่มลา้ ในอัมพร[๒๑] กองกญุ ชรผกู ช้างมายนื เรยี ง ฯ ๏ บรรดาเพ่ือนเตือนต่นื ข้ึนเซ็งแซ่ บา้ งจอแจจดั การประสานเสียง บ้างม้วนเสอ่ื มัดกระสอบหอบเสบยี ง บ้างถุ้งเถียงชิงสัปคบั กัน บา้ งขน้ึ บนขนส่งคนขา้ งล่าง เสียงโฉ่งฉา่ งชามแตกกระแทกขนั จนคนบนสปั คบั รบั ไม่ทนั หม้อขา้ วขนั ตกแตกกระจายราย ย่ามกระสอบกรอบแกรบกระไกรกริก กลักพริกพลิกแพลงตะแคงหงาย กะโปเลเชอื กร้อยข้ึนห้อยท้าย เมื่อยามร้ายดูงามกว่าชามดนิ ฯ ๏ สงสารนางชาวในทไ่ี ปดว้ ย ทง้ั โถถ้วยเครื่องแต่งแปง้ ขมิ้น หวกี ระจกตกแตกกระจายดิน เจา้ ของผนิ หน้าหานา้ ตาคลอ จะปีนข้นึ กูบช้างไม่กางขา แตโ่ ดยผ้ากรดี กรอมทาซอมซ่อ มือตะกายสายรดั สกนธค์ อ เห็นช้างงองวงหนีกห็ วดี อึง แต่ปนื ไพล่เหนยี่ วพลัดสหุ รดั ขาด สองมือพลาดพลดั ควา่ ลงตา้ ผึง กรมการบ้านป่าเขาฮาตึง ทาโกรธขงึ้ เรียกพวกผชู้ ายเรว็ บา้ งขึ้นช้างพลางฉวยข้อมือฉดุ ดังอณุ รุทจบั กนิ นรที่ในเหว ไมน่ ึกอายอปั ระมาณเปน็ การเร็ว บ้างโอบเอวอุ้มนางข้นึ ชา้ งพัง ฯ ๏ สรุ แสงแจม่ แจง้ อร่ามโลก บรโิ ภคอิม่ เอิบอารมณห์ วัง ขัตติยวงศท์ รงช้างกูบบลั ลงั ก์ รบั สง่ั สง่ั สารถีให้ไสเดิน จากศาลาท่าเรือเขา้ ทวิ ทงุ่ เปน็ ฝุ่นฟ้งุ นภางค์ในทางเขนิ กบู กระโดกโยกอย่างทุกยา่ งเดิน เขยื้อนเยินยอบเยือกยะยวบกาย ท้ังสองข้างท่านวางเปน็ ชา้ งดง้ั ระยะหลังมหาดเล็กน้นั เหลือหลาย แตต่ วั พี่นจ้ี าเพาะเป็นเคราะห์รา้ ย ต้องข้ึนพลายนาทางชา้ งน้ามัน เพื่อนเขาแกล้งตบมือกระพือผัด ชา้ งสะบัดบุกไปในไพรสัณฑ์ ผงะหงายคนทา้ ยเขาควา้ ทัน โอแ้ มจ่ ันทรเ์ จยี นจะไม่เห็นใจจริง รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๓๗ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม นึกจะโจนจากชา้ งลงกลางเถื่อน แล้วอายเพ่ือนเขาจะเย้ยวา่ ใจหญิง แตต่ งึ เศียรเวยี นหนา้ นัยน์ตาวิง เอาขอพิงพาดตักมาตามทาง ฯ ๏ ถงึ ชายปา่ น่าประโคนราคาญคดิ ถงึ มิ่งมิตรแล้วให้หมองอารมณ์หมาง จนพน้ ทุง่ มุ่งตรงเข้าดงยาง ไม้สล้างลลู่ ม้ ระทมทับ รกุ ขชาตดิ าษดูระดะป่า สกณุ าจอแจประจาจับ ดุเหวา่ แว่วหวาดไหวฤทัยวบั จะแลกลบั หลงั เหลยี วย่งิ เปลยี่ วใจ ท้ังสองข้างทางเดนิ กร็ กระ ระเกะกะพาดพันเถาวัลยไ์ สว จักจน่ั แซเ่ สยี งเรไรไพร ในจิตใจทดท้อระยอ่ เย็น ฯ ๏ ถึงบางโขมดมธี ารตะพานช้าง[๒๒] บรรลุทางครบรอ้ ยห้าสบิ เสน้ มโี พธ์ิพุ่มช่มุ ชืน่ ระร่นื เย็น ไม่วา่ งเวน้ สัปปรุ ษุ เขาหยุดเรยี ง บ้างขายของสองขา้ งตามทางปา่ จานรรจาจอแจออกแซเ่ สยี ง พแ่ี กลง้ ไสให้คชสารเคยี ง เห็นของเรียงอยบู่ นรา้ นทัง้ หวานคาว แตน่ ้ายานั้นเขาว่าก้งิ กือกุ้ง เห็นชาวกรงุ กนิ กลุม้ ทัง้ หนุ่มสาว พ่ีคลื่นไส้ไสช้างใหย้ า่ งยาว มาตามราวมรคาพนาวัน ลมกระพือฮือหอบผงคลีหวน ปักษาครวญเพรยี กพฤกษ์ในไพรสัณฑ์ ดเุ หว่าแว่วแจว้ จับนา้ ใจครนั ไกเ่ ถ่ือนขนั ขานเขาชวาคู ฯ ๏ ประจวบจนถึงตาบลบ่อโศก ยามวโิ ยคออกชอื่ กค็ รือหู ถึงจะไม่รูจ้ กั ไมร่ ักรู้ แตเ่ หลือบดูไปทบี่ ่อยงั ท้อใจ ระยะเดนิ เถนิ ทางมากลางปา่ สองรอ้ ยหา้ สบิ เส้นถึงสระใหญ่ พอไดก้ ึ่งมรคาพนาลัย พ่ีรบี ไสชา้ งเดนิ โดยลาพอง ฯ ๏ มาลับท่อบ่อโศกจนสดุ เหลียว ยงั เสยี วเสยี วโศกกายไม่วายหมอง ถึงหนองคนทมี ีสระละหานนอง เปน็ เปือกกรองแตล่ ้วนหญ้าคงคาดา อนั ริมรอบขอบหนองทง้ั สองข้าง รอยตนี ชา้ งลกึ ลุ่มหล่มุ ถลา โอ้น้าใจในอุราทาระกรรม เหมือนน้าดาอยูใ่ นหนองเปน็ ฟองคราม รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรือ่ งที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๓๘ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม พีย่ ลนา้ ชา้ ใจแลว้ ไสช้าง มาตามทางทวิ ป่าพนาหนาม กาหนดนบั มรคาพยายาม กไ็ ดส้ ามร้อยเสน้ หา้ สบิ ปลาย โอ้ทางไกลไปเปลืองเหมือนเร่ืองวา่ แตโ่ ศกขา้ นี่กระไรมิใครห่ าย จะแลขวาปา่ เขียวยงั เปล่ียวกาย จะแลซา้ ยเห็นแต่โขดภเู ขาเคียง กับหมูไ่ มไ้ กรกรวยกันเกรากร่าง พะยอมยางตาพยัคฆ์พยงุ เหยี ง ข่อยมะขามตามทางสล้างเรียง นกเขาเคยี งคู่คูประสานคา โอน้ กคูด่ นู า่ จะผาสุก พน่ี ท้ี กุ ข์เพราะจากเจ้างามขา เห็นนกหน่ึงจับนิ่งก่ิงระกา โอ้นกนอ้ ยเห็นจะจาจากตัวเมีย ถ้านกผู้ดเู หมือนหวั อกพ่ี[๒๓] แสนทวีเวทนาประดาเสยี นิจจาเอ๋ยถา้ เป็นอกนกตัวเมยี จะละเหี่ยหาผัวอยตู่ ัวเดยี ว พีเ่ ห็นนกแลว้ วติ กถึงนอ้ งนอ้ ย จะครวญคอยนบั วันกระสนั เสยี ว ไมเ่ ห็นพี่ก็จะโหยอยโู่ ดยเดยี ว พี่ก็เปลี่ยวเปล่ากายซงั ตายมา ฯ ๏ ถงึ ศาลาอาศัยเจา้ สามเณร[๒๔] ในบรเิ วณอกึ ทกึ ดว้ ยพฤกษา ทป่ี ่านั้นขยาดพยัคฆา จะไปมาใครไม่อาจประมาทเมิน ยามระงิดพไ่ี ม่คิดว่าเสือร้าย เขมน้ หมายมุง่ ลาเนาภูเขาเขนิ ไดส้ ีร่ ้อยทางจรไมห่ ย่อนเกนิ เขารีบเดนิ การด่วนจะจวนเพล ชา้ งท่ีน่ังก็รบั สัง่ ให้รบี ไส จนเหง่อื ไหลหนา้ แดงดงั แสงเสน ถึงสระยอรอชา้ งเสวยเพล จนกองเกณฑ์เดินทางมาตามทัน ฯ ๏ พแี่ วะเข้าเขาตกคอยนาเสด็จ ดเู ทเวศรอ์ ารักษน์ รงั สรรค์ เอาเทียนจดุ บชู าแก่เทวัญ ให้ป้องกันอันตรายในราวไพร เหน็ เขาตกเขาแตกมาตกลกึ อนาถนึกแลว้ น่านา้ ตาไหล ทตี่ กยากจากนางมากลางไพร วติ กใจตกมาถงึ คีรี ราจวนจติ คิดไปนา่ ใจหาย ไม่เวน้ วายความเทวษสวาทศรี จึงเลยลาอารกั ษร์ ิมคีรี จงสุขีเถิดนะข้าขอลาจร ฯ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๓๙ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ๏ ถงึ สระยอพอไดเ้ วลาเสด็จ ก็ตามเสร็จแวดล้อมพร้อมสลอน กาดดั แดดแผดเท่ยี งทนิ กร รบี กุญชรช้างทนี่ ่ังขนดั ตาม บ่ายประมาณโมงหนึ่งพอถงึ วัด ออกแออัดผคู้ นอยลู่ น้ หลาม ลงหยดุ ปลงไอยราริมอาราม สมภารตามเชญิ เสดจ็ ให้คลาไคล ขน้ึ กุฎฝี ากระดานสาราญร่ืน กค็ รกึ คร้ืนครอบครวั เขา้ อาศยั ท้งั ไพร่นายรายเรียงกันเรยี ดไป ตดั ใบไม้มงุ เหมือนหลงั คาบงั ฯ ๏ ประจวบจนสุริยนเย็นพยบั ไม่ไดศ้ ัพทเ์ ซง็ แซ่ด้วยแตรสังข์ ป่รี ะนาดฆ้องกลองประโคมดงั ระฆังหงง่ั หงั่งหงา่ งลงครางครึม มโหรปี ไี่ ฉนจับใจแจว้ วิเวกแวว่ กลองโยนตะโพนกระห่ึม ทกุ ทที่ ับสปั ปุรษุ ก็พดู พมึ รกุ ขาคร้ึมครอบแสงพระจนั ทร เสนาะเสียงเทศนาปจุ ฉาถาม ในสนามเสียงสน่ันเนินสิงขร เป็นวันบัณรสี[๒๕]รววี ร พระจันทรทรงกลดรจนา ไฟตะเกยี งเรยี งรอบพระมณฑป กระจา่ งจบจันทรแ์ จ่มแอรม่ ผา ดอกไม้พุ่มจดุ งามอร่ามตา จับศลิ าแลเล่ือมเป็นลายลาย พระจันทรส์ ่องต้องยอดมณฑปสกุ ในหนา้ มุขเงางามอรา่ มฉาย นกบนิ กรวดพรวดพราดประกายพราย พลกุ ระจายช่อช่วงดงั ดวงเดอื น ดอกไม้ร้องป้องปบี สน่ันป่า ในแหล่งหล้าใครไม่มีเสมอเหมือน แต่คนเดินพลั วนั ออกฟนั่ เฟือน จนจนั ทรเ์ คลอ่ื นรถคล้อยลับเมฆา สงดั เสยี งคนดังระฆงั เงยี บ เย็นยะเยยี บยามนอนรมิ เนนิ ผา เมอ่ื ยามแกนแสนทเุ รศเวทนา ต้องไสยาอยู่กลางน้าค้างพราว ดังต้องน้าอามฤกเมอื่ ดึกเงียบ แสนยะเยียบเน้ือเย็นเป็นเหน็บหนาว ทงั้ หนาวลมหนาวพรมนา้ คา้ งพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเยน็ โอ้หนาวอ่ืนพอขืนอารมณไ์ ด้ แตห่ นาวใจยากแค้นนแี้ สนเข็ญ ทั้งหนาวนอนไกลนุชสุดจะเย็น ใครปะเป็นเหมือนหนึ่งขา้ จะวา่ จริง รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งท่ี ๒ นริ าศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๔๐ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ถึงผา้ ผอ่ นซ้อนห่มเปน็ ไหนไหน ไม่อุ่นใจเหมือนกอดแมย่ อดหญงิ แตต่ รอมใจไสยาสนห์ วาดประวิง จนไก่ชิงกันขันกระชน้ั ยาม ได้เพลนิ อุน่ ฉนุ เคล้มิ สตหิ ลบั ก็ฝนั ยบั ไปดว้ ยรักไม่พกั ถาม ในนมิ ิตว่าไดช้ ิดพะงางาม เหมอื นเมื่อยามยังสาราญอยู่บ้านนอ้ ง สบายนดิ หนงึ่ ท่ีฝันก็พลนั ร่งุ ต่ืนสะดงุ้ เขาประดังระฆังก้อง พอลมื ตากผ็ วาคว้าประคอง ไมพ่ บนอ้ งสดุ แคน้ แสนราคาญ ฯ ๏ จนแจม่ แจง้ แสงสายไมว่ ายโศก บริโภคโภชนากระยาหาร แล้วเลือกธูปเทียนจัดไปนมัสการ เขา้ ในลานแลเลือ่ มละอองทราย มรี ่มโพธ์ริ กุ ขังเปน็ รงั ร่ืน พิกุลช่นื ชอ่ บงั พระสรุ ิย์ฉาย แสนรโหโอฬารน์ า่ สบาย ทง้ั หญิงชายกลาดกลมุ้ ประชมุ กนั ฯ ๏ ทวาราทต่ี รงหน้าบันไดนาค มรี ปู รากษสสองอสรู ขยัน[๒๖] แสยะแยกโอษฐ์อ้าสองตามัน ยืนยงิ ฟนั แยกเขีย้ วอยู่อยา่ งเป็น บนั ไดนาคนาคในบันไดนั้น[๒๗] ดูผกผนั เพียงจะเล้อื ยออกโลดเลน่ ขยา้ เข้ยี วขบปากเหมือนนาคเปน็ ตาเขมน้ มองมุง่ สะดุ้งกาย มตี ้นกามพฤกษ์ทานในลานวดั ลกู หมากยัดเงนิ ทิ้งอุทิศถวาย คนประชุมกลุ้มชงิ ทงั้ หญงิ ชาย บ้างกอบปรายเบีย้ โปรยอย่โู กรยกราว ฯ ๏ ทศิ ประจิมริมฐานมณฑปนั้น มดี าบสรปู ป้นั ยงิ ฟันขาว[๒๘] นงุ่ หนังพยัคฆาชฎายาว ครงั เคราคราวหนวดแซมสองแก้มคาง ข้นั บนั ไดจะขนึ้ ไปมณฑปนั้น สิงโตตนั สองตวั กระหนาบข้าง[๒๙] ดูผาดเผ่นเหมอื นจะเตน้ ไปตามทาง พ่ีชมพลางขนึ้ บนบันไดพลัน ทง้ั สาวหนุ่มเข้าประชมุ กนั แออัด ประนมหตั ถ์ทกั ษณิ เกษมสันต์ แตเ่ วียนเดนิ เพลนิ ชมมาตามกัน ตามช่องช้นั กาแพงแกว้ อนั แพรวพราย ทงั้ ซมุ้ เสามณฑปกระจกแจม่ กระจังแซมปลายเสาเป็นบวั หงาย มีดอกจนั ทนก์ า้ นแยง่ สลบั ลาย กลางกระจายดอกจอกประจาทา ฯ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งท่ี ๒ นิราศพระบาท
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๔๑ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม ๏ พื้นผนงั หลังบวั ท่ฐี านบทั ม์[๓๐] เปน็ ครุฑอัดยนื เหยยี บภชุ งค์ขยา หยิกขยุ้มกมุ วาสุกรกี า กินนรรารายเทพประนมกร ใบระกาหน้าบันบนชั้นมุข สุวรรณสกุ เลื่อมแก้วประภัสสร ดยู อดเยี่ยมเทียมยอดยคุ ุนธร กระจงั ซ้อนแซมใบระกาบัง นาคสะดุ้งรงุ รังกระดงึ หอ้ ย ใบโพธ์ริ ้อยระเรงอยเู่ หง่งหง่ัง[๓๑] เสียงประสานกังสดาลกระดึงดงั วเิ วกวังเวงในหัวใจครัน ฯ ๏ บานทวารลานแลลว้ นลายมุก[๓๒] น่าสนกุ ในกระหนกดผู กผัน เป็นนาคครุฑยุดเหนยี่ วในเครือวลั ย์ รปู ยักษ์ยันยืนกอดกระบองกุม สงิ โตอดั กัดก้านกระหนกเกี่ยว เทพเหน่ียวเครือกระหวดั หัตถ์ขยมุ้ ชมพพู านกอดกา้ นกระหนกรุม สคุ รพี กุมขรรคเ์ ง้ือในเครอื วง รปู นารายณ์ทรงขีค่ รุฑาเหิน พรหมเจริญเสดจ็ ยังบลั ลงั กห์ งส์ รปู อมรกรกาพระธามรงค์ เสด็จทรงคชสารในบานบัง ผนงั ในกฎุ ที ้ังส่ีดา้ น โอฬาร์ฬารทองทาฝาผนงั [๓๓] จาเพาะมสี ด่ี า้ นทวารบงั ท่ีพ้นื นัง่ ดาดด้วยแผน่ เงนิ งาม[๓๔] มณฑปน้อยสวมรอยพระบาทนน้ั ล้วนสวุ รรณแจ่มแจง้ แสงอร่าม เพดานดาดลาดลว้ นกระจกงาม พระเพลงิ พลามพร่างพรา่ งสว่างพราย ตาข่ายแก้วปักกรองเปน็ กรวยห้อย ระยา้ ย้อยแวววามอรา่ มฉาย หอมควนั ธูปเทยี นตระหลบอยู่อบอาย ฟุ้งกระจายร่นื ร่นื ท้ังห้องทอง ฯ ๏ พเ่ี ขา้ เคยี งเบ้ืองขวาฝ่าพระบาท อภวิ าทหตั ถป์ ระนงั ขึ้นทั้งสอง กราบกราบแล้วก็ตรึกราลึกปอง เดชะกองกุศลท่ตี นทา มาคารพพบพทุ ธบาทแล้ว ขอคุณแกว้ สามประการชว่ ยอุปถัมภ์ ฉันเกิดมาชาติน้ีก็มีกรรม แสนระยายบุ ยบั ด้วยอบั จน ไดเ้ คืองแคน้ แสนยากลาบากบอบ ไม่สมประกอบทรัพย์สินก็ขัดสน แม้นกลบั ชาตเิ กิดใหมเ่ ป็นกายคน ชอ่ื วา่ จนแล้วจงจากกาจดั ไกล รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๒ นิราศพระบาท
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๔๒ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม สตรหี ึง[๓๕]หนึง่ แพศยาหญงิ ทง้ั สองส่งิ อยา่ ได้ชิดพิสมยั สญั ชาตชิ ายทรชนทคี่ นใด ให้หลีกไกลร้อยโยชน์อย่าร่วมทาง ถ้ารักใครขอใหไ้ ด้คนน้ันดว้ ย บญุ จงช่วยปฏิบตั อิ ยา่ ขัดขวาง อยา่ รู้มีโรคาในสารพางค์ ทงั้ รูปร่างขอใหร้ าวกับองคอ์ ินทร์ หน่ึงบิดรมารดาคณาญาติ ให้ผดุ ผาดผาสกุ เปน็ นจิ สนิ ความระยาคาใดอยา่ ไดย้ นิ ให้สดุ สิ้นสญู หายละลายเอง ทัง้ หวายตรวนล้วนเครอ่ื งทีล่ าบาก ใหป้ ราศจากทง้ั คนเขาข่มเหง ใครปองร้ายขอให้กายมันเปน็ เอง ใหค้ รื้นเครงเกียรตยิ ศปรากฏครนั ฯ ๏ อธษิ ฐานแล้วก็ลาฝา่ พระบาท เท่ียวประพาสในพนมพนาสัณฑ์ ขนึ้ เขาโพธ์ิลงั กาศิลาชนั มีสาคัญรกุ ขโพธลิ์ ังกาเรียง ศาลารมี ที ้ังระฆังห้อย เขาตีบ่อยไปยงั คา่ ไม่ขาดเสยี ง ดงล่นั ทมร่มรอบคีรเี รยี ง มกี ฏุ ์ิเคียงอยูบ่ นเขาเป็นหล่นั กัน มชี ะวากคูหาศลิ าหุบ ในถ้ามีพุทธรูปนรังสรรค์ แต่คนนมัสการนานอนนั ต์ บนเขานนั้ แจง้ จรงิ ทัง้ หญิงชาย ฯ ๏ เจ้าเณรนอ้ ยเสด็จมาดูนา่ รัก[๓๖] พระกลดหกั ทองขวางกางถวาย พเ่ี หลยี วพบหลบตกลงเจยี นตาย กรตะกายกล้งิ ก้อนศิลาตาม เปน็ บุญจริงจับกิง่ สะแกได้ ในจติ ใจยอกเจ็บดงั เหนบ็ หนาม กาลงั อายกซ็ งั ตายพยายาม ลงเลยี บตามตนี เขาลาเนาไพร พบพวกนางเข้าทหี่ ว่างชะวากผา เขาแกลง้ วา่ เยาะเย้ยเฉลยไข พแ่ี กล้งเฉยเลยแลดูอ่นื ไป ให้เจบ็ ใจจานงิ่ ดาเนินมา ฯ ๏ ถึงเขาขาดพ่ีถามถงึ นามเขา ผใู้ หญ่เลา่ มาใหฟ้ ังที่กังขา ว่าเดมิ รถทศกณั ฐเ์ จ้าลงกา ลกั สีดาโฉมฉายมาทา้ ยรถ หนีพระรามกลวั จะตามมารกุ รบ กงกระทบเขากระจายทลายหมด ศลิ าแตกแหลกลงดว้ ยกงรถ จงึ ปรากฏต้ังนามมาตามกัน ฯ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๒ นิราศพระบาท
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๔๓ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม ๏ พี่พดู พูดเขาขาดแลว้ หวาดจติ [๓๗] พ่ีขาดมติ รมาไกลถึงไพรสัณฑ์ นึกเฉลียวเสียวทรวงถงึ ดวงจนั ทร์ จะขาดกันเสยี เหมือนเขาพ่ีเศร้าใจ แล้วยอ่ งเหยียบเลียบเนินลงเดินล่าง ตามแถวทางหิมวาพฤกษาไสว เหน็ พุ่มพวงบปุ ผาย่งิ อาลยั สลดใจขกุ คดิ ถึงคู่เคยี ง ไม้แกว้ กางกิ่งพิงกบั กิ่งเกด ฝงู โนเรศขันขานประสานเสียง น้าตาคลอทอ้ อกเหน็ นกเรียง เหมือนเรยี มเคยี งรว่ มคเู่ มื่ออยู่เรอื น ระกาป่ากาหลงกะลงิ จับ ระกากับเราระกาก็จาเหมอื น เหน็ ไม้จันทน์พี่ย่ิงฟัน่ อารมณ์เฟอื น เหมือนจนั ทรเ์ ตือนใจตวั ใหต้ รอมใจ โอน้ ามไมห้ รือมาตอ้ งกับน้องพ่ี ขณะนนี้ ึกนา่ น้าตาไหล เจ้าอยู่เรือนชื่อเชือนมาอยู่ไพร เหมือนเตือนใจให้พท่ี ุกข์ทุกยา่ งเดิน ฯ ๏ มาถึงเชงิ คีรที ี่มถี า้ ศลิ างา้ เง้ือมแหงนเปน็ แผ่นเผนิ ไม้รวกรอบขอบเขาลาเนาเนิน พศิ เพลนิ พฤกษาบรรดามี อันชอ่ื ถ้าแตบ่ รุ าบรุ าณเรียก ช่ือสาเหนียกถา้ ประทุนครี ศี รี สาคัญปากคูหาศาลามี ชวนสตรีเขา้ ถ้าท้ังหกคน เทยี่ วชมห้องปล่องหินเปน็ พหู่ ้อย มีนา้ ย้อยหยาดหยดั อยา่ งเม็ดฝน พอเทียนดบั ลับแลไมเ่ หน็ คน ผู้หญิงปนเดนิ ปะปะทะชาย เสียงร้องกรีดหวดี กอ้ งในหอ้ งถ้า ชายขยาหยอกแยง่ ผู้หญงิ หวาย ใครกอดแม่แปรกอกแตกตาย ใครปาดปา้ ยด้วยมนิ หม้อเหมือนแมวคราว ครั้นออกจากคหู าเหน็ หน้าเพ่ือน มันมอมเปอื้ นแปลกหน้ากฮ็ าฉาว บา้ งถกู เล็บเจ็บแขนเป็นร้วิ ยาว กโ็ หก่ ราวกรเู กรียวไปเทยี่ วดง ฯ ๏ ถงึ ถา้ หนึ่งช่อื ถ้ากนิ นรนนั้ สะพรง่ั พรรณพฤกษาป่าระหง ดูคูหาก็เห็นนา่ กนิ นรลง เปน็ เว้ิงวงลกึ แลตลอดรมิ พาดพะองจงึ จะลงไปเลน่ ได้ เป็นเหวใหญ่ลงโยนดว้ ยกอ้ นหิน เสยี งโก้งกา้ งก้องกึงไม่ถึงดิน กวา่ จะสน้ิ เสียงผาเปน็ ชา้ นาน รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งที่ ๒ นริ าศพระบาท
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๔๔ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม พี่กลัวตายชายชวนไปชมอนื่ ร่มระรื่นรกุ ขาขึน้ ขนาน ถึงบอ่ หนึ่งมนี า้ คาบรุ าณ ว่าบ่อพรานล้างเนื้อที่ในไพร พิเคราะห์น้าสมคาบรุ าณกล่าว ยังมคี าวเหม็นหนื จนคล่นื ไส้ ถนอมหอมกล่นิ นชุ เป็นสดุ ใจ โอ้เปน็ ไรจงึ ไมต่ ิดอุรามา นา่ ฉงนจนใจสงสัยจา้ น ดว้ ยรอยพรานจารึกอยู่กับผา แต่กล่าวไวว้ ่าพรานไลม่ ฤคา รอยตีนหมาก็ยงั มีสาคัญครัน ฯ ๏ บนยอดเขามีสองสุนัขา สังเกตตาก็พิกลเหมือนคนขัน ทั้งคอคางหางหขู ้นึ ชูชนั สเ่ี ท้ายนั เหยียบยอดคีรีเรยี ง เช่นนเ้ี จา้ เสาวภาคย์มาตามพ่ี จะถามจี้ไปทุกส่งิ ไมข่ าดเสยี ง พี่จะทาเฉยเมินเขา้ เดนิ เรยี ง ประคองเคียงใหเ้ จา้ ค้อนชะอ้อนชม นน่ี ึกนกึ แลว้ ก็น่านา้ ตาตก เพราะแนบอกมิไดม้ าเป็นสองสม ขนื สนกุ ไปทง้ั ทุกขร์ ะทมตรม ซังตายชมไปท้งั ช้าระกาทรวง ฯ ๏ ถึงคูหาช่อื ชาละวันถ้า วิไลล้าไปทกุ เหลย่ี มภเู ขาหลวง ศลิ าแลแวววาวดังดาวดวง เปน็ เมฆม่วงมรกตทับทมิ แดง สมมุติแลแง่หนิ ชะง่อนหุบ เป็นทรี่ ูปสงิ สัตวเ์ ขา้ เฟย้ี มแฝง กระตา่ ยเหมือนกระต่ายปา่ สองตาแดง ท่ลี างแห่งพิศแลเห็นแต่ตัว ทีล่ างแห่งแกลง้ พิศประดิษฐต์ ่อ เห็นแตค่ อบ้างก็เหน็ แต่เพียงหัว ทีแ่ ผน่ เผินเนนิ ผานน้ั น่ากลัว ดูเงือ้ มตัวเหมือนจะพงั ลงทบั ตาย เทยี นสวา่ งกลางหอ้ งคหู าแจ่ม ศลิ าแวมวาววามอรา่ มฉาย พ่ีชมแลว้ ใหต้ รมระบมกาย ด้วยเจา้ สายสุดใจมไิ ดม้ า แลว้ ชกั เชอื นชวนเพอื่ นให้กลบั หลงั ทอี่ น่ื ยงั มีอยู่หลายคหู า จะแต่งเลน่ ก็ท่ีเห็นกับนัยนา ด้วยเวลาสรุ ิยนก็พ้นเย็น ฯ ๏ จะกลับหลงั ยงั พระพุทธบาท เหนื่อยอนาถอกใจมิใชเ่ ลน่ คร้นั ค่านอนตละตายทั้งกายเย็น คร้นั เช้าเป็นกเ็ ทย่ี วไปตามทาง รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่ืองท่ี ๒ นิราศพระบาท
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๔๕ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม เขมน้ เมินว่าจะเดนิ ไปหนิ ดาษ ลดั ตลาดแลตลอดคนสล้าง เห็นขนเมน่ พยี่ ังหมายเสยี ดายนาง เจา้ เคยสางสอยเส้นกระเด็นราย สารพนั กนั ภัยลูกนาคพด เครอ่ื งโอสถชาวปา่ เขามาขาย ลกั จน่ั วลั ยเ์ ปรียงแกน่ ปรลู าย เป็นยาหายโรคภัยท่ีในตัว หวั ลา้ นลกู ละเบ้ียดูเสยี หน้า ลกู ข้ขี ้าอะไรล้านประจานหัว ใครลา้ นจอ้ นควรเจียมเสงยี่ มตัว มันสิบหัวสบิ เบย้ี ออกเรี่ยทาง ฯ ๏ พแี่ กลง้ เมนิ เดนิ มาข้างบ่อโพง เหน็ ทา่ เลยี่ นเตียนโล่งเป็นทางถาง พิศพนมชมเพลินแล้วเดินพลาง ถึงระหวา่ งแนวนา้ ทล่ี าธาร กระแสสินธห์ุ นิ ดาษสะอาดเอ่ียม วารเี ปยี่ มปร่ิมไหลในละหาน เหน็ หญิงชายวา่ ยคล่าในลาธาร เสยี งประสานสรวลสันตส์ น่ันองึ เหน็ ชตี น้ ปนประสกสีกากลุ้ม โถมกระท่มุ ฟองฟุ้งอยผู่ ลงุ ผึง พหี่ ลีกเลียบไปใหพ้ ้นทคี่ นอึง กระท่ังถึงธารเกษมค่อยสรา่ งใจ ฯ ๏ ต้นโศกทอดยอดขวางออกกลางหว้ ย พก่ี ็ชว่ ยผูกชิงช้าให้อาศัย พวกผหู้ ญงิ ชิงขนึ้ ใหช้ ้าไกว สนกุ ใจร้องเตือนใหเ้ พื่อนโยน ดทู านองนางในไกวชงิ ชา้ ดังสดี าผกู คอทโ่ี รงโขน เถาวลั ย์เปราะเคราะหร์ ้ายพอสายโยน กข็ าดโหนลงในน้าเสยี งตา้ โครม ผา้ หม่ เปล้อื งเคร่ืองเลน่ อล่างฉ่าง ท้ังสองข้างผู้คนเขาฮาโหม พ่แี ลลานธารหลวงเพียงทรวงโทรม ใหแ้ สนโทมนสั ทศั นา ฯ ๏ คาขนานธารเกษมก็สมชอื่ สนกุ คอื เร่ืองอเิ หนาเสนห่ า เม่อื ใชบ้ นเล่นชลธารา อนั เร่ืองวา่ กับเราเห็นก็เชน่ กัน ประดับด้วยก้อนแกว้ ปัทมราช[๓๘] สดสะอาดทาเขยี วก็เขียวขัน[๓๙] มัจฉาวา่ ยรายเรียงมาเคยี งกนั แล้วมพี รรณบปุ ผากน็ า่ ชม หลน่ ลงกลาดดาษเกลอ่ื นที่กลางน้า ถึงใจชา้ ก็ค่อยช่ืนอารมณ์สม ท้ังหญิงชายชงิ ชวนกนั เกบ็ ชม แสนภริ มยเ์ บกิ บานสาราญเรยี ง รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๒ นิราศพระบาท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304