131 ประวัติของหนังใหญ่วดั ขนอน ทา่ นพระครศู รัทธาสุนทร ซงึ่ ชาวบ้านเรียกหลวงปกุู ล่อม เจ้าอาวาสวดั ขนอน เกิดเม่ือ ปี ๒๓๙๑ มรณภาพเมื่อ ๒๔๘๕ เป็นผเู้ ร่มิ คิดสร้างหนังใหญข่ ้นึ เมอ่ื รอ้ ยปีเศษมาแลว้ เพราะมีความสนใจ ดา้ นการช่าง ท่วี ดั มีหนังเป็นตวั อยู่บา้ งแล้ว คอื หนงั เด่ียวตัวไม่ใหญ่ เรยี กว่าหนังกลาง ประกอบกบั มนี ายอ๋ังผู้ เคยเป็นโขนคณะของพระแสนทองฟาู เจ้าเมืองราชบรุ มี าชวนให้ทําหนังใหญ่เป็นสมบตั ิของวัด ท่านพระครจู งึ ได้ชวนชา่ งจาด ช่างจะ๊ ชาวราชบรุ ี และชา่ งพว่ งชาวบา้ นโปงุ มาร่วมกนั ทําตัวหนงั โดยครูอ๋งั เป็นชา่ ง สลกั และอีก ๓ คนเปน็ ชา่ งเขียน ท่านพระครจู ะเปน็ ผ้บู อกว่าใครควรจะเปน็ ผู้เขยี นรปู ตวั ใด หนังชุดแรกท่ี สร้างคอื ชุดหนุมานถวายแหวน ตอ่ มามีการสร้างหนงั ใหญ่เพ่ิมเตมิ ชดุ ทสี่ องชา่ งจ๊ะเปน็ ผูเ้ ขียนและสลักแตผ่ ู้ เดยี ว ไมม่ ผี ู้จําได้ว่าเป็นชุดอะไรและมกี ตี่ ัว หลังจากนนั้ ก็มกี ารสร้างต่อมาอกี หลายชุด ชุดสุดท้าย คือชดุ ทศ กณั ฑส์ ัง่ เมือง ชา่ งจ๊ะเป็นผู้เขยี นและสลัก สว่ นชดุ อืน่ ๆ นอกจากน้ไี มท่ ราบว่าใครเปน็ ช่าง รวมตัวหนัง ทง้ั หมดประมาณ ๓๓๐ ตัว55 เดิมผพู้ ากย์หนงั คนแรกคอื ครอู ๋งั คืออาของนายละออ ชอ่ื เพมิ่ เดมิ เปน็ หมืน่ พนิ จิ อกั ษร เสมยี น ของพระแสนทองฟาู นายเพม่ิ ไดห้ ดั ใหน้ ายลออพากยห์ นังต่อมาผู้เชดิ สมยั กอ่ นคอื ครบู ก (ซ่งึ พากย์ดว้ ย) เปน็ ครขู องผูเ้ ชดิ รุ่นต่อ ๆ มาจนทกุ วนั น้ี เม่อื ครั้งสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ การแสดงหนงั ใหญ่ได้หยดุ ไป เพราะสภาวะบ้านเมือง ไมม่ ีใคร ดูแลรกั ษาตัวหนัง เนอ่ื งจากท่านพระครศู รัทธาสนุ ทรมรณภาพ ตัวหนงั ถกู ทิ้งอยกู่ ับดินใตถ้ นุ กุฏเิ ม่ือสงคราม เลกิ มีชาวตา่ งประเทศมาพบเขา้ จงึ ไดจ้ ดั การเอากลับมาเกบ็ บนกุฏอิ กี ครงั้ ชดุ หนงั ใหญว่ ดั ขนอน หนงั ใหญ่วดั ขนอนมจี ํานวนมาก ๑๑ ชุด ซงึ่ ถอื วา่ มชี ดุ หนงั ทีน่ ่าสนใจมากแห่งหนงึ่ ของประเทศไทย ๑. ชดุ หนมุ านถวายแหวน ๒. ชดุ สหัสสกมุ ารและเผาลงกา ๓. ชดุ ศกึ อินทรชติ คร้ังที่ ๑ ๔. ชุดศกึ มังกรกณั ฐ์ ๕. ชดุ ศึกวิรุญมุข ๖. ชุดนาคบวช 55 ผะอบ โปษะกฤษณะ. วรรณกรรมประกอบการเลน่ หนังใหญ่วดั ขนอน จังหวดั ราชบุรี. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พส์ าํ นกั งานเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี, ๒๕๒๐.
132 ๗. ชดุ พรหมาสตร์ ๘. ชดุ ศกึ ทศกณั ฐค์ รง้ั ท่ี ๕ ๙. ชดุ หนมุ านอาสา ๑๐. ชดุ ทศกัณฐส์ งั่ เมอื ง ๑๑. ชุดศึกบรรลยั กัลป์ หนงั ใหญ่วัดขนอนทงั้ หมดแตล่ ะชุดมีความยาวตา่ งกัน ตอนทีย่ าวมาก คอื หนุมานถวาย แหวน ซ่ึงเริ่มเรื่องต้ังแตพ่ ระรามใช้ให้หนมุ าน องคต ชมพูพานไปสบื มารดา เพื่อทราบหนทางไปเมืองลงกา และฝากแหวนกบั สไบไปใหน้ างสดี า จากนนั้ กด็ ําเนนิ เร่อื งเป็นตอนย่อย ๆ ตดิ ตอ่ กนั ไป คอื ตอนพบยกั ษ์ปัก หลน่ั หนุมานเข้าปราสาทนางบุษมาลี พญานกสัมพาที นางผเี ส้อื สมทุ ร อากาศตะไล ลองดพี ระนารถ ฤาษี เข้าสวนถวายแหวน จนถึงศกึ สหสั สกมุ าร และเผาลงกา เป็นตอนสดุ ท้ายของเนอ้ื เรือ่ งชุดน้ี บางชดุ เป็นตอนสั้น ๆ และไม่สมั พันธ์กบั ชุดอน่ื เชน่ ศึกบรรลัยกัลป์ เพราะขา้ มไปจบั เนือ้ เรื่อง หลงั จากทศกณั ฐต์ ายไปนานแลว้ ชดุ อ่ืน ๆ แต่ละชุดมกั มีเรื่องต่อเนอื่ งกัน เชน่ ตอนศึกทศกณั ฐค์ รง้ั ที่ ๕ ชดุ หนุมานอาสา และชุดทศกัณฐส์ ่ังเมือง ส่วนชุดศึกมงั กรกัณฐ์ ศึกวิรุญมุข และนาดบาศ จะมเี นื้อเรอื่ งท่ี เก่ยี วพนั กันโดยตลอด และตอ่ ด้วยตอนศกึ พรหมาสตร์ เปน็ อันจบเรื่องทเี่ ก่ยี วดว้ ยอินทรชติ หนงั บางตอนไมเ่ คยนําออกแสดง เชน่ ตอนศึกวิรณุ มุข ซึง่ แทรกอยู่กับตอนนาคบาศ อาจเปน็ เพราะจําบทกนั ไมไ่ ด้ มแี ต่บทเกา่ ของนายละออ ซ่งึ ใช้ตัวอกั ษรแบบเก่าอ่านยาก ผเู้ ล่นรุ่นใหมจ่ งึ อ่านไมใ่ คร่ จะได้ ใช้แต่วธิ ีท่องจาํ ก็อาจลืมไดง้ ่าย บางตอนไม่กล้าเลน่ กันเพราะคิดวา่ ครูแรง คอื ตอนทศกัณฐ์สงั่ เมือง ถ้าจะเลน่ กต็ ้องเชญิ นายลออครูหนังเป็นผมู้ าเลือกตวั หนงั และเป็นผู้พากย์ หลงั จากนายลออเสยี ชีวิต แล้ว ไม่มผี ้ใู ดกล้านาํ หนังตอนน้มี าแสดงอกี ชุดทน่ี ิยมเลน่ กบั มาก คอื ชุดหนมุ านถวายแหวน ถ้าไปเล่นในงานศพ มักจะเลน่ ตอนหนุมาน เผาลงกา ซึ่งต่อเนื่องกับตอนหนมุ านถวายแหวน ชุดเบิกโรงคอื ชดุ จบั ลิงหัวคา่ํ ซึ่งมีตวั หนงั ชดุ นีอ้ ยู่ประมาณสบิ กวา่ ตวั มีท้ังหนงั จบั ใหญ่และหนงั จบั เลก็ 56 56 ผะอบ โปษะกฤษณะ. เรือ่ งเดยี วกนั
133 บทพากยแ์ ละเจรจาประกอบการเล่นหนงั ใหญ่วัดขนอน บทเกา่ ซึ่งใช้กันมาแต่เดมิ ซ่ึงเปน็ ของนายลออ ทองมีสิทธ์ิ แตง่ โดยหม่ืนพนิ ิจอกั ษร (เพ่ิม ทอง มสี ิทธิ์) คดั ลอกโดย หม่นื นรากร (เล่อื ง ทองมีสทิ ธิ์) ส่วนใหญจ่ ะเลน่ ตามบทเก่านบี้ า้ ง ใช้บทละครพระราช นพิ นธร์ ชั กาลท่ี ๒ บ้าง บทเกา่ ทเี่ หลอื อย่ไู ม่ครบทกุ ชดุ บางชดุ ไมส่ มบูรณช์ ุดไหนไมใ่ คร่ได้เลน่ บทพากย์ท่ี ได้จําตกทอดกันมาก็เลือนรางไป บทบางชดุ มเี นือ้ เรอ่ื งแตกตา่ งไปจากพระราชนพิ นธร์ ัชกาลท่ี ๑ บ้าง เช่น ตอนศกึ อินทรชิตครั้ง ท่ี ๑ อนิ ทรชิตต้องศรพระลกั ษมณ์ รชั กาลที่ ๑ เปน็ ศรพลายวาต แต่บทวดั ขนอนเป็นศรอนนั ตจกั รวาล และเม่อื โดนศรแลว้ อินทรชติ หนกี ลบั ลงกา บทของ รชั กาลที่ ๑ มีวา่ อินทรชิตรา่ ยเวทและลูบที่แผลจนศร หลดุ แต่บทวัดขนอน อินทรชิตไปหานางมณโฑ ๆ ใหก้ ินนมจากเต้า ศรจึงหลุดออกได้ เพือ่ เน้นถงึ พระคณุ มารดา บทพากยเ์ จรจาทกุ ตอน สรปุ ไดว้ า่ มเี นือ้ ความท่ีดําเนินตามพระราชนพิ นธร์ ชั กาลท่ี ๑ เกือบ ทง้ั หมดในยทุ ธกัณฑ์ พระราชนิพนธร์ ชั กาลท่ี ๖ เฉพาะตอนท้ายชุดนาคบาศ พระราชนิพนธร์ ัชกาล ที่ ๒ ตอนพากยเ์ อราวณั และบางตอนไดเ้ สรมิ แต่งเองตามสังคมท้องถน่ิ สาํ หรับบทพากย์ที่หายไป ไดแ้ กต่ อนศกึ วิรญุ มุขจนถึงพระลกั ษมณ์ต้องศรนาดบาศ ชุดหนุมาน ถวายแหวนท้งั หมด เหลือเฉพาะตอนหนมุ านเขา้ ปราสาทนางบษุ มาลี ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนง่ึ ของชดุ นีช้ ดุ พรหมาสตรต์ อนทา้ ยบทขาดหายไป ชดุ ทศกัณฐส์ ่งั เมืองไม่มบี ทตอนจบ57 หนงั ใหญ่วัดขนอนสร้างขนึ้ ในสมยั รัชกาลท่ี ๕ โดยอดตี เจ้าอาวาสคือ ท่านพระครูศรทั ธาสุนทร (หลวง ปุูกล่อม) (พ.ศ.๒๓๙๐ - ๒๔๘๕) ท่านไดช้ ักชวนครอู ัง๋ ช่างจาด ช่างจ๊ะ และชา่ งพว่ ง มาร่วมกันสรา้ งตัวหนัง หนัง ชดุ แรกทสี่ ร้างคือ ชดุ หนมุ านถวายแหวน ตอ่ มาไดส้ ร้างเพมิ่ อกี รวม ๙ ชดุ มตี วั ห นังรวม ๓๑๓ ตัว นบั เปน็ สมบตั ขิ องวัดทไ่ี ดร้ ว่ มกนั รักษาสบื ทอดมา ในปี ๒๕๓๒ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงเหน็ คุณคา่ ในการแสดงและศลิ ปะ ในตัวหนังใหญ่ ทรงมพี ระราชดาํ รใิ ห้ทางวดั ช่วยอนุรักษ์ตัวหนังทัง้ ๓๑๓ ตัว และจัดทาํ หนงั ใหญช่ ดุ ใหม่ขนึ้ แสดงแทน พรอ้ ม ดําเนนิ โครงการสรา้ งพพิ ธิ ภณั ฑห์ นงั ใหญข่ ้นึ ในวดั โดยมมี หาวทิ ยาลัยศิลปากรรบั ผิดชอบงาน ชา่ งจัดทาํ หนังท้ังหมด 57 ผะอบ โปษะกฤษณะ, เรอื่ งเดียวกัน
134 ส่วนพพิ ธิ ภัณฑ์ ได้ดําเนนิ การปรับปรงุ บูรณะหมู่เรือนไทยทเี่ ปน็ กุฏสิ งฆ์และศาลาการเปรียญ ดดั แปลง เปน็ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่เพ่อื ใช้เปน็ สถานท่เี ก็บรกั ษาตวั หนงั ใหญ่ชุดเกา่ อยา่ งถูกวธิ ี สามารถใชเ้ ป็นแหล่งค้นควา้ วิทยาการแขนงน้ีแก่ผสู้ นใจได้โดยทัว่ ไป และในปี พ .ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๒ ไดด้ ําเนินการจดั ตกแตง่ ภายในเพื่อ เปดิ เปน็ พิพิธภณั ฑใ์ นการรว่ มเฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว เน่ืองในพระราชพธิ มี หามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา๖รอบ๕ธันวาคม๒๕๔๒ คณะหนังใหญ่วัดขนอนพยายามสืบทอดศิลปะแขนงนจี ากรนุ่ ส่รู ุ่น โดยฝึกฝนเยาวชนในชุมชนทสี่ นใจ เพ่ือเรยี นเชดิ หนังใหญ่ หวั เร่ยี วหวั แรงสําคัญในการอนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดหนงั ใหญน่ อกจากท่านเจา้ อาวาส (พระ ครูพิทกั ษศ์ ิลปาคม ) แล้ว จรันต์ ถาวรนุกูลพงศ์ เปน็ คนรนุ่ ใหมอ่ ี กคนหนึ่งที่มคี วามสามารถและสนใจศิลปะ ชน้ั สงู แขนงน้ี โดยเปน็ กาํ ลงั สาํ คญั ของวัดในการออกแบบและแกะสลกั หนงั ใหญ่ และถ่ายทอดความรู้แก่ เยาวชน เพื่อสืบทอดใหม้ รสพช้นั สูงนี้ยงั คงอยตู่ อ่ ไป ทุกวนั เสาร์เวลา ๑๐.๐๐ น. คณะหนังใหญว่ ดั ขนอนจะ แสดงหนังใหญ่ให้ประชาชนและผู้สนใจเขา้ ชมและศึกษา โดยชมฟรี ณ โรงแ สดงหนงั ใหญว่ ดั ขนอน อาํ เภอ โพธารามจงั หวดั ราชบรุ ี หนังใหญ่วัดบา้ นดอน ระยอง สถานท่ตี ั้ง หมู่ ๔ วดั บา้ นดอน อาํ เภอเมอื งระยอง จงั หวดั ระยอง ช่วงระยะเวลาประมาณ รชั กาลที่ ๕ –รัชกาลท่ี ๙ (พ.ศ.๒๔๓๑-ปจ๎ จบุ ัน) สรุปลาํ ดบั เหตกุ ารณ์หนังใหญ่วดั บ้านดอน ระยอง ตามเวลาปีพุทธศกั ราช(พ.ศ.) ดงั นี้ พ.ศ.๒๔๓๑ เจ้าเมืองระยองพระยาศรีสมทุ รโภคชยั โชตชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา ) ซื้อหนงั ใหญจ่ ํานวน ประมาณ ๒๐๐ ตัวมาจากพัทลุง พรอ้ มเชิญครหู นงั ช่อื ประดษิ ฐ์ มาสอนเชิดหนังใหญ่ จดั แสดงและเก็บตัวหนังทว่ี ดั จันทรอดุ ม หรอื วดั เกง๋
135 พ.ศ.๒๔๓๒ ทายาทขนุ จ่าเมืองบรจิ าคทด่ี ิน สรา้ งวดั บ้านดอน เดิมชอ่ื วดั สระประทุม หลังจากวดั บ้านดอนสร้างสําเร็จ นํามาตัวหนังมาไว้และฝกึ ซ้อมหนงั ใหญ่ พ.ศ.๒๔๘๙ สร้างโรงพยาบาลระยอง ในพื้นที่วัดจันทอดุ ม หรือวดั เก๋ง และเปิดใหท้ าํ การเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ พ.ศ.๒๕๒๓ ชาวเชงิ เนิน นําหนังออกมาแสดง พ.ศ.๒๕๒๔ หนงั ใหญ่ออกรายการช่อง ๕ พ.ศ.๒๕๓๔ วดั บ้านดอนสร้างอาคารเกบ็ หนังใหญ่ พ.ศ.๒๕๓๘ มโี ครงการฝกึ เยาวชนเชดิ หนงั ใหญ่ พ.ศ.๒๕๓๙ โครงการฝกึ พณิ พาทยป์ ระกอบการแสดงหนงั ใหญ่ พ.ศ.๒๕๔๖ ศูนย์มานษุ ยวิทยาสิรนิ ธรเริ่มวจิ ยั หนงั ใหญว่ ัดบ้านดอน และครูเล็ก ภัทราวดี มีชธู น เข้ามาชว่ ยปรับปรงุ ทา่ ทางและรูปแบบการแสดง พ.ศ.๒๕๕๖ พระครูบุรเขต วุฒกิ ร มรณะภาพ หนงั กรุงเกา่ แต่เอามาจากพทั ลุง หนงั ใหญ่วดั บ้านดอน น่าจะ มีอายปุ ระมาณ ๒๐๐ ปี เปน็ ฝีมือช่างเกา่ แก่ ซ่ึงทา่ น ศาสตราจารย์คุณหญงิ เต็มศริ ิ บณุ ยสิงห์ เข้าใจว่าเปน็ ฝมี อื ของชา่ งหลวงสมยั กรุงศรอี ยุธยารับงานแสดงมี ชื่อเสียงอยทู่ างภาคใตข้ องประเทศไทย หลวงพ่อฟู-พระครปู ัญญาวุฒิกร เดมิ นามสกลุ ชาวดอน (พ.ศ.๒๔๗๘- ๒๕๓๕) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านดอน เคยเล่าว่า ประมาณ พ .ศ.๒๔๓๑ พระยาศรสี มุทรโภคชยั โชคชิตสงคราม (เกตุ ยมจนิ ดา) เจ้าเมืองระยองทา่ นแรก ประมาณชว่ งสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้ทราบกิตติศพั ทข์ องหนังใหญ่ชุดนี้ ซงึ่ กาํ ลงั แสดงอยทู ี่เมืองพทั ลุง จึงได้ติดต่อซื้อมาทั้งชุด ประมาณ ๒๐๐ ตวั และได้ เชญิ ครหู รอื นายโรงนี้มาชว่ ย ถ่ายทอดให้กบั คนในปกครองของพระยาศรีสมทุ รโภคชัยโชคชิตสงคราม และออกแสดงหลายครั้งที่วดั เก๋ง หรือ วดั เกง๋ (จีน) หรือวัดจันทอุดม พรอ้ มเก็บรักษาตวั หนงั ไวท้ ีน่ ีด่ ้วย ปัจจบุ นั วดั เก๋งเป็นทต่ี ั้งของโรงพยาบาลระยอง
136 เหลือเจดีย์ให้เห็นเป็นอนุสรณอ์ ยเู่ พยี งองค์เดียวทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งได้ข้นึ ทะเบยี นเป็นโบราณสถานกับ กรมศิลปากรแล้ว ในอดตี ถือวา่ เปน็ วดั ประจาํ เมอื งระยอง นางสดี าวา่ ยเกาะหางเสือเรือมาระยอง มเี รื่องเลา่ ต่อกนั มาว่า หนังใหญ่ท่ีซ้ือมาจากจงั หวัดพัทลงุ มานี้ไดน้ าํ มาทางเรอื แลน่ ข้ามอา่ ว ไทยฝาุ คลืน่ ใหญ่ลมแรง หนัง นางซึง่ ซอ้ นกันอยขู่ า้ งบนบางตวั หลน่ ลงทะเล ตอ้ งตามเกบ็ ตัวสาํ คัญ เช่นนางสดี า ตวั นางเอกของเรอื่ ง ช่วยกันหาอยู่นานก็ยังไมพ่ บ สดุ ทา้ ยไปพบติดอยู่ที่หางเสอื เรือสาํ เภา เป็นเสมอื นส่ือว่านาง สดี าไม่ยอมพลดั พรากจากพระราม ปจั จบุ ันตัวหนงั รูปนางสีดาดังกล่าวน่าจะเป็นตวั หนงั เกา่ ท่ที างวัดบ้านดอน จัดเก็บไว้ในพิพธิ ภัณฑ์ มอี ยดู ้วยกันหลายตวั จงึ ไม่สามารถชี้ชัดไดว้ า่ ตัวใดคือตัวทวี่ ่ายเกาะหางเสอื มา หนงั ใหญจ่ ากวัดเก๋งมาอย่วู ัดบา้ นดอน พ.ศ.๒๔๓๒ ขุนจา่ เมอื ง บริจาคท่ดี นิ ของตนเอง สรา้ งวัดบา้ นดอน เดมิ น้ันชื่อวา่ วดั สระประ ทุม58 หลงั จากวัดบา้ นดอนสรา้ งสาํ เร็จ ชาวคณะหนงั ใหญ่ตา่ งลงความเห็นว่านา่ จะนาํ ตวั หนงั มาไวแ้ ละฝกึ ซ้อ ม กนั ท่ีน่ี เพราะใกลก้ ับบ้านของชาวคณะทอ่ี ยรู่ ะแวกบ้านดอน ซากใหญ่ และทงุ่ โพธิ์ พรอ้ มไดเ้ ชญิ ครปู ระดษิ ฐซ์ ึ่ง เป็นครูสอนหนงั มาด้วย หนังใหญ่ชุดนฝี้ มี ือจัดทําประณตี สวยงาม เชอ่ื กันวา่ เป็นฝีมอื ของช่างหลวง และนบั เป็นของสงู ของ ศกั ดส์ิ ิทธิ์ เพราะเวลานาํ แสดง ต้องไหว้ครูและประพรมน้าํ มนต์ ทางวัดจึงจัดสรา้ งเป็นหอสงู โดยเฉพาะเกบ็ วางซ้อนกนั ไว้ โดยเอาหนังยักษ์ไวล้ า่ ง หนังทหารพระรามหนงั เจ้าเอาไวบ้ น ไม่มีใครกลา้ ไปแตะต้องนอกจาก ได้รับอนุญาตจากครหู นงั คราวเกดิ ใตฝ้ ุนคร้ังใหญ่ หลงั คาเปดิ ตัวหนงั ถกู ฝนทําใหห้ นงั เสียไปมากทเ่ี หลือก็ ชาํ รดุ คงเหลอื ใชอ้ ยูป่ ระมาณ ๑๑๐ ตวั จงึ ยา้ ยมาเก็บในกฏุ ิ และได้ตรวจตราดูแลอย่างใกล้ชดิ การแสดง ในช่วงกอ่ น ๒๕ พุทธศควรรษ จึงงดไป เพราะหนังอยู่ไมค่ รบยากแก่การจัดแสดง 58 เป็ นวดั มหานิกาย เดิมช่อื \"วดั สระประทมุ \" เพราะด้านทศิ ใต้ของวดั มสี ระบวั หลวงกว้างใหญต่ ลอดแนวเป็ นทอี่ าศยั ของเตา่ ปู ปลา ด้วย ชาวบ้านเรียกวา่ \"อวู่ ดั \" ท่ดี นิ ท่สี ร้างวดั นี ้บนั ทกึ ไว้วา่ แตเ่ ดิมนนั้ เป็ นของ \"ขุนจา่ เมืองระยอง\" แล้วได้ยกให้ นายวรณ์ ผ้เู ป็ นบตุ ร และ ขนุ จา่ เมืองได้สง่ั นายวรณ์ไว้วา่ \"ท่ีดนิ แปลงนหี ้ ้ามซอื ้ ขาย ถ้าจะสร้างวดั กใ็ ห้ถวาย\" นายวรณ์จงึ ได้ถวายทด่ี นิ แปลงนเี ้พือ่ สร้างวดั เม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๒ ซง่ึ มีเนอื ้ ท่ที งั้ หมด ประมาณ ๑๐ ไร่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวนั ที่ ๓๐ กนั ยายน พ.ศ.๒๔๗๒ เขตวสิ ุงคามสีมากว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๑๑๐เมตรได้ผกู พนั ธสีมาเ มื่อ ๑๘ เมษายน พ .ศ.๒๔๗๘ และมีศาลขนุ จา่ เมอื งตงั้ อยทู่ างทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของ อโุ บสถ เป็ นท่เี คารพนบั ถือกราบไหว้ของชาวบ้านมาจนปัจจบุ นั สว่ นทด่ี นิ นนั้ มผี ้เู ห็น ความสาคญั ของวดั ได้ถวายเพ่มิ เติมให้อีก คอื ทด่ี ิ น ของนางหิ่ม ชาวดอน และของนายเร่ิม ชาวดอน ทางด้านทิศเหนือของ นายเหรียญ ชาวดอน
137 ครหู นงั ชาวหนงั วัดบา้ นดอน ครหู นังหรอื นายหนังคนแรกของวัดบา้ นดอนคือ ครปู ระดิษฐ์ ท่เี ดนิ ทางมาพร้อมตวั หนังจากพัทลุง ต่อมาลูกศิษยไ์ ด้รบั มอบเปน็ ครูหนังตามลาํ ดบั ดังนี้ ๑.ครูประดิษฐ์ ๒.นายเรอื ง59และนางแจม่ รน่ื เรงิ ๓.นายสี รืน่ เรงิ ๔.นายเฉลิม มณแี สง ๕.นายถอ่ ย หวานฤดี ๖.นายวัลลภ แสงอรณุ (ปัจจุบนั พ.ศ.๒๕๕๗) ผแู้ จกหนงั หรอื ทอดหนงั ตอ่ จากนายเรืองคือ นายหนดุ สระหมัด และนายขาํ สนิษราษฐ์ ผพู้ ากย์หนงั เชิดหนังต้งั แต่แรกทเี ดยี วมี นายเรอื ง ร่นื เริง นายเจมิ ขอบอรญั นายขอ บปุ ผาชาติ นายเสงีย่ ม รื่นเรงิ นายทนิ สกุลเช้อื นายถอด ศรสี ง่า นายเหมง่ บปุ ผาชาติ นายค่วย สนทิ ราษฎร์ นายแดง สว่างกรรณ นายสวม เป็น ธรรม, นายชํา่ ชา่ งทอง, ขุนวรณอ์ าภรณร์ ัตน์, นายเขยี ว โสภณ ฯลฯ คนพากย์ในปจั จุบนั (พ.ศ.๒๕๕๗) คือ อาจารยอ์ ําไพ บุญรอด และครูอํานาจ แสงมณีปราชญ์ชาว ระยองและครูเสถียร แสงมณี เป็นท่ปี รกึ ษาอาวุโส สําหรับครเู สถียร ถอื วา่ เปน็ ครหู นังสภุ าพสตรีหน่งึ เดียวใน บรรดาประวตั ศิ าสตร์ครูหนงั ใหญ่ ที่ถ่ายทอดการเชดิ หนงั ใหญด่ ้วยวิธีบอกให้ศิษย์ทาํ ตาม ไม่ได้จับมือหรือถอื ตับ ไม้หนัง เพื่อเล่ียงขนบความเชื่อทไ่ี ม่นยิ มให้สุภาพสตรีจับตอ้ งตวั หนังใหญ่ ส่วนปพ่ี าทยป์ ระกอบการแสดงหนังใหญเ่ ริม่ แรกในอดีต ใช้วงนายสายและนายถั่ว ดนตรี , วงนายฟุูง ชาวดอน, นายข่ิม เมืองศริ ิ นายฉลอม พุทธมี ตามลําดับ และวงปพี่ าทยค์ ณะปัจจบุ นั คือวงดนตรเี ยาวชน ลาํ เจยี กดนตรีไทย เครือขา่ ยสภาวัฒนธรรมจังหวัดระยองควบคมุ วงโดย ครสู ายชล นาคปน้ั 59 ครเู รอื ง ร่ืนเรงิ มีอายยุ ืนถึง ๑๐๔ ปี นา่ จะมีชีวติ ในชว่ ง พ.ศ.๒๓๗๗-๒๔๘๑ เป็นศลิ ปนิ หนงั ใหญท่มี อี ายุยืนยาวที่สดุ ตั้งแต่รชั กาลที่ ๓-๘ หรือ ๖ แผ่น
138 ลือช่ือหนงั ใหญ่ผสมชาตรี ตอนสีดาลยุ ไฟ หนังใหญว่ ดั บ้านดอนได้นาํ ออกแสดงในงานสําคัญต่างๆ เชน่ งานประจําปี งานปใี หม่ รวมทงั้ งานศพผู้ หลักผูใ้ หญ่ จนเปน็ ที่รู้จกั กนั ในจงั หวดั ระยองและบรเิ วณใกล้เคยี ง การแสดงทมี่ ชี ่ือเสยี งคอื ตอนสีดาลยุ ไฟ ใน การแสดงให้ผู้แสดงละครชาตรีมาเปน็ ผลู้ ุยไฟประกอบการเชดิ หนัง ศลิ ปินละครชาตรีได้แก่ นางถมยา โพธิ์ แกว้ นางแมว สนทิ ราษฏร์ นางแจ่ม สวา่ งกรรณ นางชุบ สนิทราษฏร์ ฟน้ื ชีวิตหนังใหญว่ ัดบา้ นดอน หลังสงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ ความนิยมหนงั ใหญ่ลดลงเพราะมีการบนั เทงิ อน่ื เข้ามา ตวั หนังไม่ไดถ้ กู นาํ ออกแสดงและถกู นําไปเก็บท่ีหอสเี่ สายกสูง หลังจากน้นั ไมม่ ีคนเข้าไปย่งุ เก่ียวกบั ตวั หนังมากนกั เพราะเชื่อว่าตัว หนงั เปน็ ของศักดิส์ ทิ ธ์ิ มีครแู รง ดังน้นั จึงมีเพียงเฉพาะนายโรงเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบ ต่อมาเกิดพายุพดั หลังคาอาคาร หายไป ตัวหนงั ใหญจ่ ึงเปยี กฝนและได้รบั ความเสียหาย ทางวดั ไดจ้ ัดการย้ายตัวหนังไปเกบ็ ไว้ทกี่ ุฏพิ ระซง่ึ เป็น อาคารไม้ช้ันเดยี วยกพน้ื ใต้ถุนต่ํา หนังใหญไ่ ดร้ ับการปลุกใหต้ น่ื จากการหลบั ไหลอกี คร้งั เมือ่ พ .ศ.๒๕๒๓ หวั เรีย่ วหวั แรงในการฟื้นหนงั ใหญ่วัดบ้านดอนในครงั้ น้คี ือครูอาํ นาจ มณแี สง ผูเ้ ป็นลูกหลานศลิ ปนิ หนงั ใหญแ่ ละเป็นผ้ทู ี่ได้รับการยกย่องให้ เปน็ ปราชญ์เมอื งระยอง เรมิ่ ต้นจากการ ประกวดหม่บู า้ นดีเดน่ หมทู่ ่ี ๑ บ้านชากใหญ่ ตํ าบลเชิงเนิน อาํ เภอ เมืองระยอง ชาวบา้ นในชมุ ชนไดน้ กึ ถงึ งานศิลปวฒั นธรรมการละเลน่ ทีเ่ คยแสดงกนั มา จึงได้ ฟื้นฟฝู กึ ซ้อมหนงั ใหญอ่ อกแสดงทัง้ งานในหมบู่ า้ น รวมถงึ งานฉลองกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี งานสงกรานต์ และเผยแพร่ รายการโทรทศั นช์ อ่ ง ๕ ในปี พ .ศ. ๒๕๒๔ มคี ณะกรรมการฟ้ืนฟูดแู ลเป็น คณะกรรมการอนุรักษ์หนงั ใหญ่วัด บา้ นดอน ช่วงนั้นปสูุ ี รื่นเริง เปน็ นายโรงและชราภาพจึงได้มอบนายเฉลมิ มณแี สง และนายเจิม ขอบอรญั รบั ช่วงเปน็ นายโรงและผู้พากย์ ฝกึ ซอ้ มและนาํ ออกแสดงเผยแพร่ตามโอกาสต่าง ๆ ทางวดั บา้ นดอนมีโครงการ สร้างอาคารเก็บหนัง และซ่อม ตวั หนงั เพ่ิมเตมิ จากทีช่ าํ รุด พระครปู ัญญาวุฒกิ รอดีตเจ้าอาวาสไดส้ ร้างอาคารท่ี เก็บไว้ ๑ หลงั และเปิดใชเ้ มอ่ื วนั ท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ ซ่ึงเป็นวันท่ีบริษัทอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมีคลั ไทย จํากดั ได้มาทอดกฐนิ วดั บ้านดอนร่วมกบั ชาวบา้ น ตา่ งก็ชน่ื ชมและพยายามอนรุ ักษ์หนังใหญ่ไวส้ ืบไป
139 วดั บา้ นดอนกับศูนย์มานษุ ยวทิ ยาสิรินธร พ.ศ.๒๕๔๖ ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร เรม่ิ ดําเนินโครงการวิจยั และพฒั นาพพิ ธิ ภัณฑ์ท้องถนิ่ ขึน้ เพื่อ หาแนวทางพัฒนาพพิ ธิ ภัณฑท์ อ้ งถนิ่ ในประเทศไทย จากการสาํ รวจพพิ ิธภณั ฑ์ทอ้ งถิน่ ทางศูนย์ฯ พบวา่ พิพิธภัณฑห์ นังใหญว่ ัดบา้ นดอนได้สะสมหนังใหญ่ทม่ี ีลวดลายงดงามและมีอายุเกา่ แก่ไว้จาํ นวนมาก ทางศนู ยไ์ ด้ ตระหนกั ถึงคุณค่าศิลปวัตถุ ประกอบกับทางวัดและกรรมการวัดเล็งเห็นความสาํ คัญของการพฒั นาพพิ ิธภณั ฑ์ หนงั ใหญ่ ดว้ ยเหตนุ ้ี ชาวบา้ นดอนจึงรว่ มมอื กบั ศนู ย์มานษุ ยวิทยาสริ นิ ธรในกระบวนการวิจัยและพัฒน า พพิ ิธภัณฑใ์ นทุกขัน้ ตอน อีกทัง้ ยงั รว่ มกนั จัดทาํ ทะเบยี นหนังใหญ่ เพ่ือสํารวจจํานวนและสภาพของตวั หนงั ใหญ่ ท่เี กบ็ สะสมอยใู่ นพพิ ธิ ภัณฑ์ และบนั ทกึ รายละเอยี ดของตวั หนงั พระครูบุรเขต วฒุ ิกร เสาหลักทจ่ี ากไป พ.ศ.๒๕๕๖ พระครูบุรเขต วุฒกิ ร ผู้เป็นพลงั สําคญั ในการฟน้ื ฟูหนังใหญ่วดั บ้านดอน ไดม้ รณะภาพ อครพล เชิงกราย ผู้สบื ทอดและเปน็ ครูหนงั ใหญ่กล่าววา่ ปัจจุบนั หนงั ใหญ่วัดบา้ นดอน ยังคงมเี ด็กและ เยาวชนทีร่ ่วมกนั สืบสานศิลปะวัฒนธรรมท่มี ีคณุ คา่ โดยเด็กๆ ได้รับการฝึกสอนและการสนับสนนุ จากท่าน พระ ครบู รุ เขตุวุฒิกร ซ่งึ ท่านไดม้ รณะภาพไปแล้ว แตค่ วามรู้ความต้งั ใจทท่ี ํา สอนให้พวกเราเติบโตและรกั ในการ แสดงหนังใหญ่60 60 อครพล เชิงกราย, ข้อความใน เฟสบุคกลุ่ม ชมุ ชนคนรกั หนงั ใหญ่ ๙ แผน่ ดิน [ออนไลน์], ม.ป.ป. แหลง่ ทีม่ า https://th- th.facebook.com/people/อครพล-เชิงกราย/100002566547347
140 หนังใหญ่วดั สว่างอารมรณ์ สิงห์บุรี สถานที่ตัง้ หมู่ ๕ ตําบลตน้ โพธิ์ อาํ เภอเมือง จงั หวัดสิงห์บรุ ี ชว่ งระยะเวลาประมาณ รชั กาลท่ี ๕ –รัชกาลที่ ๙ (พ.ศ.๒๔๓๑-ปจ๎ จบุ ัน) ผู้รเิ ริม่ และอุปถัมปห์ นงั ใหญ่ พระครูสิงหมนุ ี (หลวงพ่อเรือง) สรุปลาํ ดับเหตกุ ารณ์หนังใหญ่วดั สวา่ งอารมรณ์ สิงหบ์ ุรี ตามเวลาปพี ุทธศกั ราช (พ.ศ.) ดงั น้ี ๒๔๑๙-๒๔๘๑ ปีเกดิ กาํ นนั นวม ศภุ นคร หรือขุนบางมอญกจิ ประมวล พ.ศ.๒๔๓๑ หลวงพ่อเรือง สร้างวัด จากน้นั ครูเปยี เร่ิมสอนหนังใหญ่ทว่ี ดั ๒๔๕๔ หล่อรปู เหมอื นหลวงพอ่ เรือง ประมาณ ๒๔๕๕ หลวงพ่อเรืองมรณะภาพ ๒๔๗๔ ครเู ชอื้ ศภุ นคร นายหนงั ซื้อหนังใหญ่ ชดุ ตอนศกึ พระมงกฏุ พระลบ วัดโบสถ์ โกง่ ธนูมาเพ่ิม ขนมาทางเรือ (นา่ จะใชเ้ ส้นทาง แมน่ ํ้าลพบรุ ี) มอบหมายใหน้ ายคร้ามเป็นคนซือ้ ๒๔๗๕-๒๔๘๕ หนังใหญ่เริม่ ซบเซา ยคุ มาลานําไทยนิยมเพลงรําโทน, สงคราม และนํา้ ท่วม ๒๕๘๒-๓ หนังใหญ่ไปแสดงที่ชมุ แสง นครสวรรค์ ๒๕๑๓ น้ําท่วมใหญ่ ๒๕๑๘ ฟ้นื ฟหู นังใหญ่ / ครไู ปล่ และครลู ะมอ่ ม จากอา่ งทองไปช่วยพากย์ ๒๕๒๒ นาํ้ ทว่ มอีกครั้ง ๒๕๒๖ สร้างหนงั ลิงขาว ตัวใหมห่ ลงั จากที่ตัวเก่า หน่วยงานหน่ึงยมื ไปแล้วไมค่ นื ๒๕๓๐ สร้างศาลาการเปรียญหลงั ใหม่ ๒๕๔๕ เปิดพพิ ิธภัณฑ์หนงั ใหญว่ ดั สว่างอารมณ์
141 วัดสว่างอารมณห์ รือทีช่ าวบ้านเรยี กว่าวดั บางมอญ ซง่ึ เรียกตามช่อื หมูบ่ ้านที่ แต่เดิมเรียกวา่ บ้านบาง มอญ เน่อื งจากบริเวณน้เี คยมีชาวมอญนาํ สนิ คา้ มาคา้ ขายและพักที่บรเิ วณนี้ วัดตง้ั อยูร่ ิมฝั่งซ้ายของแม่นํา้ เจา้ พระยา ในอาํ เภอเมอื งสิงห์บุรี สรา้ งขนึ้ ราวปพี .ศ. ๒๓๙๙ โดยพระครูสงิ หมุนี ซ่ึงเป็นเจา้ อาวาสและเจา้ คณะ จังหวดั องคแ์ รกของสงิ ห์บุรี สว่ นเจ้ าอาวาสองค์ปจั จบุ ันคือพระครูอรรถสทิ ธิโสภณ พระครสู งิ หมุนหี รอื ที่ ชาวบ้านเรยี กวา่ \"หลวงพ่อเรอื ง\" เป็นผู้รวบรวมหนงั ใหญ่จากฝีมอื ช่างในสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยาตอนปลายเอาไว้ จํานวนหน่ึง และได้ใหช้ ่างพน้ื บา้ นท่มี คี วามรูค้ วามสามารถสร้างหนงั ใหญ่เพ่ิมเตมิ ไว้ นอกจากน้ี \"ครเู ปยี \" หวั หน้าคณะหนงั เร่ที่อพยพหลบหนีภัยสงครามในกรุงศรีอยธุ ยากไ็ ดน้ าํ หนงั ใหญส่ ว่ นหนง่ึ มาถวายหลวงพอ่ เรือง ดว้ ยเช่นกนั และบางสว่ นกซ็ ือ้ มาจากวัดตกึ ครูเปีย ถือว่าเปน็ ผทู้ มี่ ีความรคู้ วามสามารถในการเชดิ และพากยห์ นงั ใหญ่มาก ทา่ นไดฝ้ ึกหดั ให้ ชาวบ้านบางมอญแสดงหนังใหญ่ โดยศษิ ยเ์ อกทไ่ี ด้รับการถ่ายทอดจนมชี ือ่ เสยี งสืบมาคอื นายนวม ศุภนคร หรอื ขุนบางมอญกจิ ประมวล ซง่ึ เป็นต้นตระกูล \"ศภุ นคร\" ในสมยั ขุนบางมอญเป็นหัวหนา้ คณะได้รบั ความนิยม มาก ลูกชายคนโตของขนุ บางมอญกิจประมวลคือ นายเชอื้ ศภุ นคร ได้รับชว่ งการแสดงหนงั ใหญ่ต่อมา แ ละ ตระกลู ศภุ นครก็ยงั เปน็ ผสู้ ืบทอดและถา่ ยทอดการเชิดหนงั ใหญใ่ นปัจจุบัน การจัดการแสดงในระยะแรก ดา้ นแสงไฟจะใช้กะลามะพรา้ วโดยทําร้านไฟสงู จากพ้นื ประมาณ ๑.๕ เมตร อยู่ด้านหลงั จอ บนรา้ นไฟใช้ไมต้ ่อเปน็ รปู คล้ายเตาไฟโบราณ มีหยวกกลว้ ยรองพืน้ มดี ินเหนียวปหู น้า ก่อนที่จะสุมกะลามะพร้าว โดยไดจ้ ดุ ไต้เผากะลามะพร้าวเพ่อื เตรียมไฟก่อนการแสดงครง่ึ ชว่ั โมง แตใ่ นปัจจุบนั ใชไ้ ฟสปอรต์ ไลท์แทน ตัวหนังใหญ่ของวัดสวา่ งอารมณ์ปัจจบุ นั มกี วา่ ๓๐๐ ตัว โดยสามารถนําไปแสดงไดถ้ ึง ๔ ศกึ คอื ศึก ใหญ่หรือศกึ ทศกณั ฑ์ ศึกอนิ ทรชติ หรอื ศึกนาคบาต ศกึ วิรุณจําบงั และศกึ พระมงกฎุ - บุตรลบ การแสดงหนงั ใหญ่ของวัดสวา่ งอารมณป์ จั จบุ ันใช้เยาวชนเปน็ ผ้เู ชิด โดยมกี ารฝกึ ฝนเยาวชนในโรงเรยี นวดั สวา่ งอารมณ์เพื่อ สบื ต่อการแสดงหนงั ใหญ่ไมใ่ หส้ ญู หาย รุ่นแรกมีเยาวชนสนใจกว่า ๑๕ คน แต่เมื่อจบการศกึ ษาก็ไมไ่ ด้กลับมา เล่นอีก ทําใหท้ างวัดต้องฝกึ เดก็ รุ่นใหมเ่ ข้ามาเพิ่มเติมอย่เู สมอ ๆ โดยสว่ นใหญ่เป็นเด็กวัยประถมศกึ ษา แม้การ เชิดหนังใหญจ่ ะไมใ่ ช่เรอื่ งง่าย ดว้ ยต้องใชท้ ัง้ เวลา สมาธิ และพละกําลงั หนงั ใหญ่บางตวั อาจมีนาํ้ หนกั มากกวา่ คนเชดิ เสียอกี แต่ความมุ่งมั่นของเดก็ ๆ กย็ งั มอี ยอู่ ย่างเต็มเป่ยี ม อยา่ งไรกด็ ีเยาวชนรนุ่ แรกทยี่ งั หลงเหลือ และเขา้ มาคลุกคลแี ละพรอ้ มจะสืบสานการแสดงต่อไปคอื พงศ์พิพัฒน์ สาจนั ทร์ อายุ ๑๙ ปี ซ่ึงกลายเปน็ กําลงั สําคัญในการดูแลช่วยฝกึ ฝนน้อง ๆ ในคณะด้วย ความพเิ ศษของคณะหนังใหญว่ ัดสวา่ งอารมณ์ทีต่ า่ งจากคณะ อืน่ คอื นาํ เยาวชนมาร่วมในการพาก ษ์ด้วย ในขณะทค่ี ณะอน่ื เยาวชนเปน็ เพยี งแตผ่ ูเ้ ชิดเท่าน้นั คณะหนังใหญ่ วัดสว่างอารมณย์ งั คงรวมตัวอย่างเหนียวแน่น มีการจดั การไหว้ครหู รอื ครอบครใู นช่วงเดอื นเมษายนของทกุ ปี
142 พพิ ธิ ภัณฑ์หนงั ใหญ่วัดสวา่ งอารมณ์ กอ่ ตง้ั ขึ้นในปี ๒๕๔๕ โดยใช้พนื้ ทชี่ ั้นบนของศาลาการเปรยี ญจัด แสดงตัวหนงั ใหญ่ โดยนําหนงั ใหญ่มาตรึงบนผืนผา้ ขนาดใหญ่สขี าวท่ีสรา้ งเป็นตไู้ ม้พรอ้ มหลอดไฟสอ่ งสว่างอยู่ ภายในเพื่อใหเ้ ห็นลวดลายของหนังใหญไ่ ดช้ ดั เจนและสวยงาม โดยหนังใหญ่ทจี่ ัดแสดงน้เี ปน็ หนงั ใหญช่ ดุ เก่าแก่ ท่ีไมไ่ ด้นํามาเชดิ แล้ว อกี สว่ นหนง่ึ กจ็ ดั เกบ็ เป็นคลัง โดยขึงตัวหนงั ไว้กบั กรอบไมแ้ ลว้ แขวนไว้บนราว ซง่ึ ผ้ชู มก็ สามารถเลอื่ นกรอบไม้เพื่อดูตวั หนังท่จี ดั เกบ็ ไวไ้ ด้เชน่ กัน พพิ ิธภัณฑห์ นังใหญว่ ัดสว่างอารมณ์ เปิดให้ชมทุกวนั จนั ทร์ – ศุกร์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. วันเสาร์ – อาทติ ย์ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๗.๐๐ น. (ไม่เกบ็ คา่ เขา้ ชม) ผทู้ ่ีส่วนสาํ คญั ในการฟน้ื หนังใหญว่ ดั สว่างอารามณค์ ือ รศ .อมรา กล่ําเจริญ และมรว.จรูญ สวัสดิ ศุขสวัสดิ “..ไปในช่วงนนั้ (พ.ศ.๒๕๑๘) เขาไมไ่ ดเ้ ล่นแลว้ เขาเก็บตวั หนังไว้ที่วัด ไปกับ มรว .จรูญสวัสด์ิ ศขุ สวัสดผ์ิ แู้ นะนาํ ใหม้ าหาหนงั ใหญ่ทว่ี ดั สวา่ งอามรณ์ และท่านรองอธิ การบดวี ิทยาลัยครูอยุธยาสมัยนนั้ ไปเจอ คณุ ลงุ ออ้ น-กํานนั ฉะออ้ น ศุภนคร คณุ ลุงออ้ นบอกเลกิ เลน่ หนังแลว้ ก็ขอร้องวา่ ให้ไปเลน่ ซักชุดเดยี ว ชวั่ โมงก็ ยังดี แลว้ กไ็ ปช่วยกนั ร้อื ตัวหนัง ลากตัวหนงั กนั ในวัดเลย สว่ นจะเลน่ ตอนไหนไดบ้ า้ งก็แล้วแต่ วันงานกข็ นมา แตต่ วั หนัง ส่ว นจอหนงั ของเดมิ นน้ั เก่าขาด เลยใชจ้ อโขนของ มรว .จรูญศักดแิ์ ทน ..นบั แต่วันนน้ั พ .ศ.๒๕๑๘ จนถึงบดั นห้ี นังใหญว่ ดั สวา่ งอารมณ์ ไม่เคยเลกิ เลน่ วันน้ันไม่มบี นั ทกึ วิดโี อ สมัยก่อนเครอื่ งบนั ทกึ ภาพเสียงหา ยากมาก61 เมอื่ ปี พ .ศ.๒๕๕๔ นายพิเชษฐ ไพบูลยศ์ ริ ิ ผูว้ ่าราชการจงั ห วัดสิงหบ์ รุ ี จัดสรรงบประมาณโครงการ อนุรักษ์ ศลิ ปวฒั นธรรมหนังใหญว่ ดั สวา่ งอารมณ์ ปีงบประมาณ ๒๕๕๔ จาํ นวน ๕๒๙,๐๐๐ บาท เพอ่ื จดั กิจกรรมไหวค้ รู พัฒนาพพิ ิธภณั ฑห์ นังใหญใ่ ห้เปน็ ศนู ย์การเรียนร้หู นงั ใหญ่ ใหท้ ันสมยั สามารถรองรับการเย่ียม ชมถ่ายทอดการแสดงและการแกะหนังใหญใ่ ห้กับเยาวชน 61 สมั ภาษณ์ รศ.อมรา กลาํ่ เจริญ, ทกี่ รมส่งเสริมวัฒนธรรม, ๒๕๕๗
143 หนังใหญ่กรุงเทพมหานคร หนังใหญใ่ นกรงุ เทพมหานครทไี่ ด้รวบรวมศกึ ษา เนน้ กรอบครอบคลุมเวลาตงั้ แต่ชว่ งตน้ รัตนโกสนิ ทร์ จนถงึ ปัจจบุ ัน มีการเปิดประเดน็ ท่นี า่ สนใจใหม่ๆเพื่อสร้างมติ มิ ุมมองเรื่องราวของหนงั ใหญ่ให้กว้างมากขน้ึ เพอื่ ปูฐานให้มีการศึกษาเชงิ ลึกตอ่ ไป สว่ นใหญท่ ผ่ี ่านมาจะมุ่งเน้นศกึ ษาหนงั ใหญ่กรมศลิ ปากร ทีไ่ ด้รับต่อมาจาก กรมมหรสพ อยา่ งชุด พระนครไหว เป็นหลักใหญ่ ทงั้ นี้ยังมี หนังใหญว่ ังหนา้ ท่ีเตบิ โตคขู่ นานมาด้วยกนั กอ่ น มาบรรจบรวมเปน็ กรมศิลปากร หรอื บริบทรอบข้างอย่างสลกั หนิ อ่อน รอบพระอุโบสถ วดั พระเชตพุ นฯ จาก ตน้ แบบทเ่ี ปน็ หนังใหญส่ มัยอยธุ ยา จาํ นวน ๑๕๒ ภาพ ในสมยั รัชกาลท่ี ๓ รวมถึงตวั อย่างแหล่งทมี่ ีบันทึก ระบุไวว้ า่ หนงั ใหญ่เคยทําการแสดงเฉลมิ ฉลองในอดีต และกรณีศกึ ษาของมหาวิทยาลยั เกษมบณั ฑิต สถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชน ทสี่ ่งเสริมสนับสนุนใหน้ ัศึกษาไดเ้ รียนรูแ้ ละแสดงหนงั ใหญร่ ว่ มสมยั ชุมชนหนังใหญแ่ ละส่งิ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หนังใหญ่ ในกรุงเทพมหานคร ๑ หนังใหญ่วังหลวง “กรมมหรสพสู่กรมศลิ ปากร” ๒ หนังใหญ่ ชุดพระนครไหว ๓ หนงั ใหญว่ ังหน้า รตั นโกสินทร์ ๓ สลักหนังใหญ่ รอบพระอโุ บสถ วดั พระเชตุพนฯ ๔ หนงั ใหญ่มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑิต ๕ หนังใหญ่เล่นทีว่ ดั อนิ ทารามวรวิหาร ๑ หนังใหญว่ งั หลวง “กรมมหรสพสกู่ รมศลิ ปากร” สถานทตี่ ั้ง กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ช่วงระยะเวลาประมาณ กรมมหรสพ รัชกาลที่ ๑ – รัชกาลท่ี ๖ (พ.ศ.๒๓๒๕-๒๔๕๔) กรมศลิ ปากร รชั กาลที่ ๖ – รชั กาลที่ ๙ (พ.ศ.๒๔๕๔-ปจ๎ จบุ นั )
144 หนงั ใหญ่ในวังหลวง เปน็ คาํ เฉพาะท่ตี งั้ ข้นึ มา เพอ่ื แบ่งกรอบภาพรวมศลิ ปการแสดงระหวา่ งวงั หลวง คือหนงั ใหญ่ทีอ่ ยูใ่ นพระบรมราชูปภัมปข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั กบั หนงั ใหญว่ ังหน้าคอื อยูใ่ นความ ดแู ลของกรมพระราชวังบวรฯ ซงึ่ หนังใหญ่ถอื เปย็ ราชปู โภค คล้ายดังเคร่ืองใช้ไม้สอยของพระเจ้าอย่หู วั ฯ หนงั ใหญว่ ังหลวง เร่ิมตน้ ตงั้ แต่รัชกาลที่ ๑-๔ อยใู่ นความควบคมุ ดแู ลของกรมมหรสพ และในสมยั รชั กาลที่ ๕ โอนไปอย่กู รมโขน กระทรวงวัง ส่วนกรมชา่ งสิบหมู่ที่ มงี านสลกั หนงั ใหญอ่ ยู่ด้วย ข้ึนตรงกับ กระทรวงโยธาธกิ าร ทา้ ยสุดโอนทกุ สงั กดั ท่ีกลา่ ว มาข้นึ ตรงกับกรมศิลปากร ซ่งึ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ ผ้คู วบคมุ ดแู ลกรมมหรสพมดี งั น้ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจา้ กุญชร กรมพระพทิ ักษเ์ ทเวศร์ พระองคเ์ จา้ สีหนาทดุรงฤทธ์ิ เจา้ พระยาเทเวศร์วงศว์ ิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กญุ ชร) พระยาวศิ กุ รรมศลิ ป์ประสิทธ์ิ เจ้าพระยารามราฆพ พระยาอนริ ุทธ์ิเทวา (ม.ล.ฟื้น พึ่งบญุ )
145 สรุปลาํ ดับเหตกุ ารณ์หนังใหญ่กรมมหรสพ-กรมศลิ ปากร ตามเวลาปีพุทธศักราช (พ.ศ.) ดงั นี้ ประมาณ พ.ศ.๒๓๖๐62 ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจา้ กุญชร กรมพระ พทิ กั ษ์ เทเวศร์63 (พ.ศ. ๒๓๔๑ - พ.ศ. ๒๔๐๖) ทรงกํากบั ดูแลกรมโขน กรมหุน่ กรมหกคะเมน รําโคม กรมป่ีพาทย์ และกรมมหรสพ มภี าระจดั การแสดงของหลวงอ่ืนๆ ด้วย อาทิ หนัง ระเบง มงครมุ่ กุลาตีไม้ พ.ศ. ๒๔๐๖ พระองค์เจ้าสีหนาทดรุ งฤทธ์ิ64 (พ.ศ. ๒๓๖๙ - พ.ศ.๒๔๒๓) พระโอรสของพระเจา้ บรมวงศ์ เธอพระองคเ์ จา้ กุญชร กรมพระพิทกั ษ์เทเวศร์ ควบคมุ ดูแลกรมมหรสพในลาํ ดับต่อมา พ.ศ. ๒๔๒๓ เจา้ พระยาเทเวศรว์ งศว์ วิ ัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กญุ ชร) ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ กิจการโขนและรําโคม ซบเซาลงเน่อื งจากพวกโขนและรําโคมชราภาพลง โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงนิ ใหป้ รับปรุงข้ึนเพอ่ื ใหอ้ อกแสดงได้ในปี พ.ศ.๒๔๓๙ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ กรมโขน กรมหุ่น กรมหกคะเมนรําโคม กรมปีพ่ าทย์และกรมมหรสพ ยา้ ยมาสังกัดกับกระทรวงวัง และกรมช่างสิบหมู่ สังกัดอยู่ในกระทรวงโยธาธิการ 62 เจ้านายอีกพระองคห์ นงึ่ ในชว่ สมัยรชั กาลที่ ๑-๒ ทางมีความเชี่ยวชาญดา้ นนาฏศลิ ปคือ สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจา้ ฟูาจยุ้ กรม หลวงพทิ ักษ์มนตรี (๑ กันยายน พ.ศ. ๒๓๑๓ - ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๖๕) หรือพระนามเดิมวา่ จยุ้ พระโอรสลําดบั ที่ ๕ ในสมเดจ็ พระเจา้ พี่นาง เธอ เจ้าฟูากรมพระศรีสุดารักษ์ กับเจา้ ขรวั เงนิ ประสูตใิ นสมัยกรุงธนบุรี เมื่อวนั เสาร์ เดือน ๑๐ ขึน้ ๑๒ ค่ํา ปีขาลโทศก จ.ศ. ๑๑๓๒ ตรงกับวนั ท่ี ๑ กันยายน พ .ศ. ๒๓๑๓ เป็นพระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลก ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย ทรง กํากบั กรมวังและกรมมหาดไทย และทรงถวายคําปรกึ ษาในข้อราชการท่ัวไปพระองค์ ทรงเชีย่ วชาญดา้ นงานช่างและนาฎศลิ ป์ รวมท้งั ทรงเปน็ กวี ทรงเปน็ ตน้ ราชสกลุ มนตรีกุล 63 พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจา้ กญุ ชร กรมพระพิทักษเทเวศร์ (๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๓๔๑ - ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๖) ประสตู เิ มื่อวันพธุ เดือน ๖ ขึน้ ๔ คํ่า ปีมะเมีย สัมฤทธศิ ก จุลศกั ราช ๑๑๖๐ ตรงกับวนั ท่ี ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๓๔๑ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศ หล้านภาลัยและเจ้าจอมมารดาศิลา ทรงเปน็ ตน้ ราชสกลุ กญุ ชร 64 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ สงิ หนาทราชดรุ งคฤ์ ทธิ์ (๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๙ - ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓) (พระนามเดิม:หมอ่ มเจ้าสงิ หนาท กญุ ชร) เปน็ พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้ากุญชร กรมพระพทิ กั ษเทเวศร์
146 กรมโขน มหี นา้ ทจี่ ดั การแสดงโขนและ หนงั มกี ารหดั การซ้อม การแสดง การพากย์ สว่ น เคร่อื ง-แต่งกาย และการสวัสดิการ… กรมช่างสบิ หมู่ มหี นา้ ทีด่ ้านชา่ งปัน้ เขียน แกะสลัก หล่อ รกั มกุ หุงกระจก ทอง ถม หุ่น และมีหน้าที่ทําหัวโขนดว้ ย พ.ศ.๒๔๕๔ ๒๗ มนี าคม พ.ศ.๒๔๕๔ โอนช่างจากกรมโยธา สงั กดั กระทรวงโยธาธกิ าร และกรม พพิ ธิ ภัณฑ์ ในสังกดั กระทรวงธรรมการ มารวมขนึ้ เปน็ กรมศิลปากร เดอื นเมษายน รชั กาลที่ ๖ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้โอนกรมโขนและกรมป่ีพาทย์ ซงึ่ เดมิ อยู่ในกาํ กบั ของเจา้ พระยาเทเวศรว์ งศว์ วิ ฒั นใ์ หเ้ ขา้ ไปรวมไวใ้ นความดแู ลของกรมมหรสพ ซง่ึ มีหลวงสทิ ธนิ ายเวร (นอ้ ย ศลิ ป)ี เปน็ ผคู้ วบคมุ อกี ทั้งโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ ําบญั ชเี ครื่องป่ี พาทย์ เคร่ื องโขนละคร ตลอดจน ตัวหนงั ใหญ่ และพระราชทานเงนิ เป็นค่าตอบแทนตามที่ เจา้ พระยาเทเวศร์นน้ั ตรี าคาไดพ้ ระราชทานบรรดาศกั ดใิ์ หแ้ ก่ขา้ ราชการทีโ่ อนมาตามสมควร ๑ พฤษภาคม พ .ศ.๒๔๕๔ และทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ในข้าราชการในกรมมหรสพได้ เป็นกองเสือปาุ พิเศษ เรียกวา่ ทหารกร ะบ่ี ซ่ึงหมายความว่าเป็น พลลิง หรอื ทหารลิงของ พระราม โดยทรงสมมติพระองค์เปน็ พระรามอยู่แล้ว ดังพระบรมนามาภไิ ธย ราม ปร. ต่อมา ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ.๒๔๕๔ รชั กาลที่ ๖ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ลือ่ นหลวงสทิ ธิ นายเวรขนึ้ เปน็ พระยาวิศกุ รรมศิลปป์ ระสทิ ธ์ิ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยูห่ วั มีพระราชดํารใิ ห้โอนกจิ การของช่างมหาดเล็ก จาก กระทรวงวัง และกรมพพิ ิธภัณฑ์ จากกระทรวงธรรมการ มาจัดตัง้ เปน็ \"กรมศลิ ปากร\"
147 พ.ศ.๒๕๕๖ วนั ที่ ๒๐ กมุ ภาพันธ์ พ .ศ.๒๔๕๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหโ้ อนกรมชา่ งมหาดเล็กมา ขึน้ กับกรมมหรสพ และให้ พระยาประสิทธศ์ิ ภุ การ เจา้ พระยารามราฆพในเวลาตอ่ มา เปน็ ผู้ บญั ชาการกรมมหรสพ พ.ศ.๒๔๖๗ วนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาอนิรุทธ์ิเทวา (ม.ล. ฟื้น พง่ึ บุญ) เป็นผ้บู ัญชาการต่อมาจนสิ้นรัชกาล พ.ศ. ๒๔๖๙ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหโ้ อนงานพพิ ธิ ภัณฑ์ ไปอยูใ่ นความควบคุมดแู ลของ กรรมการหอพระสมดุ ฯ และได้โปรดเกล้าฯ ใหจ้ ัดต้งั ราช บณั ฑิตยสภา เรยี กวา่ \"ศลิ ปากรสถาน\" ดังนั้น กรมศิลปากร จงึ ถูกยกเลิกไป พ.ศ. ๒๔๗๕ กรมศลิ ปากร รบั โอนกิจการ โขน ละคร และดนตรี จากสาํ นกั พระราชวัง พ.ศ. ๒๔๗๖ มีพระราชบัญญตั ิจัดตง้ั กรมศลิ ปากร ขน้ึ มาใหม่ โดยสงั กดั กระทรวงธรรมการ และมกี าร ปรับปรุง เปลยี่ นแปลง ส่วนราชการภายใน และยา้ ยสงั กัด เพอ่ื ความเหมาะสมหลายครัง้ พ.ศ. ๒๔๗๗ การกอ่ ต้ังโรงเรียนนาฏดุรยิ างคศาสตร์ กรมศิลปากร พ.ศ. ๒๕๐๑ มพี ระราชบญั ญตั ิ โอนกรมศิลปากร มาสังกัด กระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๐๓ เกิดเหตเุ พลงิ ไหม้ โรงละคอนศิลปากร65 วันท่ี ๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๐๓ หนังใหญช่ ดุ พระนครไหว ไดถ้ ูกไฟไหมเ้ สียหายบางส่วน พ.ศ. ๒๕๔๕ ต่อมาได้โอนมาสังกดั กระทรวงวัฒนธรรมซึง่ ได้รับการสถาปนาข้นึ ใหม่ตาม พระราชบัญญตั ปิ รับปรุงกระทรวงทบวง กรม พ.ศ. ๒๔๙๙ นายธนติ อยโู่ พธิ์ เปน็ อธิบดกี รมศลิ ปากร มกี ารฟ้ืนฟกู ารแสดงหนังใหญ่ โดยหลวงวิลาสวงงาม (หรํา่ อนิ ทรนฏั ) เป็นผฝู้ ึกสอน 65 เดิมยงั ไม่มีโรงละครแห่งชาติ มแี ต่โรงแสดงของกรมศิลปากร ซง่ึ เปน็ หอประชมุ เกา่ ของกรมศลิ ปากร เป็นอาคารสรา้ งดว้ ยไม้หลงั คามุงดว้ ย สงั กะสี ตงั้ อ ย่ดู ้านขวาของพระทีน่ งั่ ศิวโมกขพมิ านอันเป็นสว่ นหนง่ึ ของหอสมุดและพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองค์ เจ้าภาณุพนั ธ์ยุคล ไดป้ รับปรุงหอประชุมข้ึนใหม่ ตอ่ มาไดม้ ีการเปลยี่ นช่อื จาก หอประชมุ กรมศลิ ปากร เป็น \"โรงละคอนศลิ ปากร\"
148 ๒ หนงั ใหญ่ ชดุ พระนครไหว หนงั ใหญ่ชดุ พระนครไหวนน้ั มีขอ้ มูลหลักฐานว่าเปน็ ตัวหนงั ใหญส่ ่วนหนึ่งของกรมมหรสพที่ ส่งมอบมาถงึ กรมศิลปากรในปัจจุบัน บนั ทกึ ของสมเด็จพระสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟาู กรมพระยานริศ รานุวดั ติวงศ์ สนั นษิ ฐานว่าเป็นฝมี ือสรา้ งของ อาจารย์ใจ หรอื ตอ่ มาเปน็ พระพรหมพิจิ ตร ส่วน อาจารย์ ณ น ปากนํ้า ได้เขียนบนั ทกึ เหตกุ ารณไ์ ฟไหม้หนงั ใหญท่ ่ีโรงละครฯ และเช่อื มโยงกบั หนังใหญ่วดั พลบั พลาชยั เพชรบุรี แตพ่ นั ตรหี ญิง ผะอบ โปษะกฤษณะ ไดบ้ นั ทึกวา่ หนังใหญ่พระนครไหวของวดั พลบั พลาชยั ถกู ไฟ ไหมเ้ กอื บหมดเม่อื นาํ มาเกบ็ ไว้ ณ ฝาผนงั โรงละครแห่งชาตหิ ลังเก่า และตั้งข้อสงั เกตว่าหนังใหญว่ ดั พลบั พลา ชัย เพชรบุรี กบั หนังใหญ่วัดบา้ นดอน ระยองมีความคลา้ ยกัน สาํ หรบั หน่วยงานกรมศลิ ปากร ไดใ้ หข้ อ้ มูลไว้ว่า หนงั ใหญท่ ถ่ี กู ไฟไหม้ครง้ั นน้ั เปน็ แคบ่ างส่วน ยังเหลือหนงั ใหญ่ท่ีรกั ษา สืบตอ่ มาจากกรมมหรสพอยถู่ ึง ๑,๐๔๔ ตวั แล ะยงั เหลอื หนังใหญช่ ุดพระนครไหวอยู่ ๑๐๘ ตวั นอกจากนย้ี ังมีขา่ วสําคญั ที่ควรบนั ทึกไว้เมื่อ ต่างประเทศไดม้ อบคนื หนังใหญ่จาํ นวน ๓๐ ตัวให้แกก่ รมศลิ ปากรประเทศไทย ย้อนกลบั ไปปี พ.ศ. ๒๕๓๗ สถาบันไทยคดีศกึ ษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรมศิลปากร รว่ มกนั ทาํ โครงการอนุรกั ษ์หนงั ใหญ่ รชั กาลที่ ๒ (พระนครไหว) เพ่ือเปน็ การเทดิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ใน วโรกาสปกี าญจนาอภิเษกท่ีพระองคท์ รงครองราชย์ ครบปีท่ี ๕๐ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ในสมัยต้นรัตนโกสนิ ทร์ มหี นังใหญท่ มี่ ชี อื่ เสยี ง คอื หนังใหญท่ เ่ี รยี กว่า “ชดุ พระนครไหว” เป็นฝมี ือ ชา่ ง สมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย เหตทุ ่เี รยี ก วา่ ชุดพระนครไหว เพราะลวดลาย สสี ัน ดู เหมอื นจะไหว ยะเยอื ก จนส่ันสะท้านไปทง้ั พระนคร เราทราบช่ือช่างได้ เมือ่ มีการเปรียบเทยี บโดยสมเดจ็ พระ เจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟาู กรมพระยานริศรานวุ ดั ตวิ งศ์ มลี ายพระหตั ถ์ กราบทลู สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรม พระยาดาํ รง ราชานุภาพ ลงวันท่ี ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ว่า “...เกลา้ กระหมอ่ มสงั เกตเห็นทว่ งทีคล้ายรูปภาพ ฝีมอื อาจารยใ์ จ ซึ่งเปน็ หลวงพรหมพิจติ รเขา้ ไปมาก อาจารย์ใจผนู้ ีเ้ ป็นช่างเขยี น คือ ผู้ที่เขียนหนังพระนครไหว ซง่ึ ลํ่าลือกันมากนัก...”66 พ.ศ. ๒๕๑๕ อาจารย์ น. ณ ปากนํ้า เขียนไว้ว่า “หนงั ใหญท่ ่ขี นึ้ ชอื่ ลอื ชาคือ หนังใหญ่ชดุ พระนครไหว ฝีมือช่างสมยั รัชกาลท่ี ๒ เดิมเอาเก็บไว้ในพิพธิ ภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาติ ตอ่ มาสมยั กอ่ นโรงละครไหม้ อธบิ ดีกรม ศิลปากรได้คดั เลอื กเอาตัวหนงั ใหญท่ วี่ ิเศษ เชน่ รปู พระนครไหว รปู พระรามครํ่าครวญถึงนางสดี าตอ่ หน้านาง เบญจกายแปลง และรูปหนงั ใหญ่ท่วี เิ ศษไมม่ อี ะไรเทยี บอกี สบิ กวา่ ช้ินเอาไว้ทีโ่ รงละคร ภายหลงั เกิดไฟไหมโ้ รง 66 ลักษณะไทย : พระพุทธปฏมิ า : ภูมิหลงั (หนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส)์ .[ออนไลน์ ] หน้า 240 แหล่งทม่ี า http://www.laksanathai.com
149 ละคร หนังใหญ่ถูกเผาทําลายหมด … หนังใหญ่อกี ชุดหนึ่ง เปน็ ฝมี ือชา่ งสมัยรัชกาลที่ ๕ ฝมี อื อาจารยฤ์ ทธิ์ จาก เพชรบุรี เดมิ เก็บไว้ที่ วดั คงคาราม ราชบรุ ี ภายหลงั เอามาไว้วดั ลาด เพชรบรุ ี นายเฟ้ือ หริพิทกั ษ์ ไดไ้ ปพบเข้า จึงขอมาเกบ็ ไว้ในพพิ ธิ ภัณฑส์ ถานแห่งชาติ เปน็ ฝมี ือรองลงมาจากชุดพระนครไหว67 พนั ตรีหญงิ ผะอบ โปษะกฤษณะ ได้บนั ทกึ วา่ “หนงั ใหญช่ ดุ พระนครไหวของวัดพลับพลาไชย จังหวดั เพชรบุรี ซงึ่ ถูกไฟไหม้เกอื บหมดเม่อื นาํ มาเกบ็ ไว้ ณ ฝาผนงั โรงละครแหง่ ชาตหิ ลังเก่า เม่ือ ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ และหนังใหญว่ ัดบา้ นดอน จงั หวัดระยอง หนงั ทั้งสองแหง่ นีม้ คี วามละม้ายคลา้ ยคลึงกัน ...”68 หนังสือการละเลน่ ของไทย เขียนโดย ครูมนตรี ตราโมท พิมพค์ รั้งแรกเมอื่ พ.ศ.๒๔๙๗ ระบุไวใ้ น เชิงอรรถบทความเรือ่ งหนังใหญว่ ่า “ตวั หนงั ลงิ ขาวจบั ลิงดาและฤษขี อโทษนี้ มตี ดิ ไว้ทีผ่ นังดา้ นเหนอื ภายในโรง ละคอนศิลปากร” ซ่ึงบันทกึ ความทรงจําไวก้ อ่ นจะเกดิ เหตไุ ฟไหม้ อย่างนอ้ ย ๖ ปี จากคาํ นําของหนังสือ หนังพระนครไหว จัดพิมพ์โดย กรมศิลปากร ปี พ .ศ.๒๕๕๑ ไดก้ ล่าวว่า หนงั ใหญช่ ุดพระนครไหว หรือทเ่ี รียกกนั ท่วั ไปว่าพระยครไหว เปน็ มรดกสาํ คัญของชาตทิ ่อี ยู่ในความดู แลของกรม ศลิ ปากรมาเปน็ เวลากว่า ๘๐ ปี มผี ู้เข้าใจวา่ หนงั ใหญช่ ุดสาํ คญั น้ี ไดส้ ญู หายไปพร้อมกับคราวท่เี พลงิ ไหมโ้ รง ละครกรมศลิ กากรเกา่ ในพระราชวงั บวรสถานมงคล เมื่อปพี ุทธศักราช ๒๕๐๓ แตค่ วามจริงแล้วหนังใหญ่ที่กรม ศิลปากรจากกรมมหรสพมีเปน็ จาํ นวนมาก แตส่ ถานทใ่ี นการจัดเก็บนั้นไม่เพียงพอ และเหมาะสมต่อการดูแล รกั ษาหนงั ใหญ่จึงกระจัดกระจายอยใู่ นโรงละครแห่งชาติบา้ ง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครบ้างและ พิพิธภัณฑสถานในส่วนภมู ภิ าคบา้ ง จงึ มีหนงั ใหญ่ท่เี หลือจากเพลงิ ไหม้ ๑,๐๔๔ ตวั หนังใหญ่ส่วนใหญอ่ ยูใ่ น สภาพท่ชี ํารุดทรุดโทรม ไม่ไดร้ ับการอนรุ ักษ์และซ่อมแซมอย่างถู กวธิ ี จนกระทง่ั ปีพุทธศกั ราช ๒๕๔๙ กรสม ศิลปากรไดร้ บั การสนบั สนุนจากบรษิ ัทกรุงเทพประกันภยั จํากดั (มหาชน)ในการอนรุ ักษ์หนงั ใหญ่ทัง้ หมดทีเ่ กบ็ ไวใ้ นพิพิธภํณฑสถานแห่งชาติ และโรงละครแห่งชาติ ซง่ึ จากการสํารวจและศึกษาหนังใหญต่ ามเปูาหมายของ โครงการนัน้ ทาํ ให้ทราบว่ามหี นังพระนครไหว ฝีมือด้ังเดิมครั้งสมยั รัชกาลที่ ๒ เหลืออย่ถู ึง ๑๐๘ ตัว69 67 อนสุ รณ์งานพระราชทานเพลิงศพพระครอู าทรวชริ ธรรม. เพชรบรุ ี : เพชรภมู อิ อฟเซทการพิมพ์. พิมพ์ครั้งท่ี ๑, พ.ศ. ๒๕๓๗. 68 ผะอบ โปษะกฤษณะ.เรือ่ งเดียวกัน 69 กรมศลิ ปากร, คํานาํ หนังสือ “หนังพระนครไหว”, บางกอก อิน เฮา้ ส์, ครั้งท่ี ๑, พ.ศ. ๒๕๕๑
150 เมอื่ ปี พ .ศ.๒๕๕๕ มขี ่าวความเคลือ่ นไหวเก่ยี วกบั ตวั หนงั ใหญ่า ชาวอเมรกิ ัน คืนหนงั ใหญ่ \"ชุด รามเกยี รติ์\" อายุกว่า ๒๐๐ ปี จํานวน ๓๐ รายการ กลับไทย ซง่ึ ข่าวดงั กล่าวมีความเกี่ยวข้องกบั หนงั ใหญ่ พระนครไหว ดังรายละเอยี ดข่าวทว่ี ่า กรมศลิ ปากรไดร้ ายงานจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรงุ วอชงิ ตันดี ซี สหรฐั อเมริกา วา่ ได้เปน็ ผู้แทนกรมศิ ลปากรรบั มอบหนงั ใหญ่ โบราณวตั ถุ ศิลปะส มัยกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ อายุ กว่า ๒๐๐ ปี .. จํานวน ๓๐ รายการ คืนจาก ๒ สามภี รรยา ชาวอเมรกิ ัน คือ Dr.Sarah M Bekker และ Dr.Konrad Bekker ซง่ึ กอ่ นหน้าน้ี ไดม้ หี นังสือถึงสถานเอกอัครราชทตู ไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดซี ี แจง้ ขอมอ บ โบราณวัตถคุ นื ใหร้ ฐั บาลไทย โดย ๒ สามีภรรยาได้แจง้ ว่า ไดซ้ อ้ื ตอ่ มาจากชาวเยอรมันช่ือนาง Irmgard Eisenhofer ภรรยาของนาย Emil Eisenhofer ซึง่ ซ้ือมาจากนักเชิดหนงั ชาวไทยเม่ือปี ๒๔๕๓ สมยั ต้นรชั กาล ท่ี ๖ หนงั ใหญ่ชุดนเ้ี คยจดั แสดงทีพ่ พิ ธิ ภณั ฑเ์ ครอื่ งหนงั เยอรมนั ที่ Offenbach, Main ดงั นัน้ ทางสถานทูต ฯ จึงแจ้งเรื่องดังกลา่ วมายงั กรมศิลปากร เพอื่ พจิ ารณาว่าสมควรรบั เขา้ เปน็ สมบัติของชาติหรือไม่ ซ่ึงกรม ศิลปากรเห็นสมควรรบั มอบไว้ เพราะมคี วามสําคัญดา้ นโบราณคดี ประวัติศาสต ร์ โดยขณะนีไ้ ดน้ ําหนังใหญ่ทัง้ ๓๐ รายการ มาเกบ็ รักษาท่ีคลังพิพิธภัณฑส ถานแห่งชาติ (คลังกลาง) ต.คลองห้า อ .คลองหลวง จ .ปทมุ ธานี แล้ว สาํ หรบั หนงั ใหญ่ท้งั ๓๐ รายการ มขี นาดแตกตา่ งกัน แบง่ เปน็ ขนาดใหญ่ กว้าง ๑๒๐-๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๕๐-๑๗๕ เซนติเมตร ๑๓ รายการ ขนาดกลาง กวา้ ง ๙๐-๑๒๕ เซนตเิ มตร สูง ๘๕-๑๔๐ เซนติเมตร ๗ รายการ และขนาดเล็ก กว้ าง ๔๐-๗๕ เซนตเิ มตร สงู ๗๐-๑๕๐ เซนติเมตร ๑๐ รายการ สว่ น ใหญ่เป็นตัวภาพเรอ่ื งรามเกียรต์ิ ประกอบด้วย หนังจบั เปน็ หนังท่ีมภี าพในตวั เรอ่ื งตั้งแต่ ๒ ตัวขึน้ ไป หนงั คเนจร เปน็ หนังภาพเดี่ยว หน้าเสีย้ ว อย่ใู นท่าเดนิ หนังง่า หนงั ภาพเดี่ยว หนา้ เสยี้ ว ทําทา่ เหาะ คือยกขา ขา้ ง ใดข้างหนึ่งและหนงั เมอื ง หนงั ทป่ี ระกอบด้วยภาพอาคาร เชน่ ปราสาท ราชวงั วิมาน และหนังเบ็ดเตลด็ เชน่ ตัวตลก สัตวต์ ่างๆ ในเร่ือง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหนังใหญ่ชดุ น้ี ทําขึ้นด้วยฝีมือประณตี งดงามยง่ิ คลา้ ยคลึง กับหนงั ใหญช่ ุดพระนครไหว ฝีมือชา่ งสมัยรัชกาลที่ ๒ ท่ีถือวา่ เป็นหนงั ใหญช่ ดุ งามที่สดุ แมว้ ่าหนงั ใหญ่ทั้งหมดจะมีสภาพชาํ รดุ ตัวหนังบิดงอ และฉกี ขาดตามกาลเวลา แต่คุณคา่ ความสาํ คัญ ดา้ นศิลปกรรมยังคงอยู่ โดยทางผ้เู ชี่ยวชาญกรมศลิ ปากรจะดาํ เนนิ การซอ่ มแซมให้ใกลเ้ คยี งสภาพเดมิ โดยเรว็ เพอ่ื เกบ็ เปน็ สมบัตขิ องชาติ ทงั้ นี้ ตวั อยา่ งหนังใหญ่ ๓๐ รายการทส่ี ง่ คืน อาทิ ๑.หนงั ใหญภ่ าพพระลกั ษมณ์รบ กับพระอนิ ทรแ์ ปลง (อินทรชติ ) ศลิ ปะรตั นโกสนิ ทร์ สมยั รชั กาลที่ ๒ ลักษณะเป็นหนังจับ เปน็ หนงั เร่ือง ตอน
151 หนุมานหกั คอช้างเอราวัณ อินทรชติ แปลงกายเปน็ พระอนิ ทรอ์ อกรบกับพระลกั ษมณ์ ตวั ภาพท้งั สองอยู่ในท่า รบ ตา่ งเงื้องา่ ศรเขา้ ตอ่ สู้ พระลักษมณ์อยทู่ างดา้ นซา้ ยเหยียบหลังอนิ ทรชิต ซงึ่ เป็นฝาุ ยเพลย่ี งพล้ํา และ ๒.หนงั ใหญภ่ าพพระรามน่งั เมอื ง เปน็ ตัวภาพพระรามอยู่ในท่านงั่ บนพระแทน่ บัลลงั ก์ ภายในปราสาทด้านหลงั มี มหาดเลก็ เด็กหนุ่ม เกลา้ จกุ อยงู่ านพัด ๓.หนงั ใหญภ่ าพหนมุ านโลมนางสวุ รรณกันยุมา ลกั ษณะหนังปราสาท โลมเปน็ หนังเร่ืองตวั ภาพหนมุ าน แต่งเคร่ืองทรงสวมมงกฎุ อย่ใู นท่าเลา้ โลมนางสุวรรณกนั ยมุ า อยภู่ ายใน ปราสาท เป็นตอนหนมุ านอาสาแกลง้ ทําเป็นสวามิภกั ด์ิกบั ทศกัณฐ์ ซึง่ ทศกัณฐห์ ลงเชอ่ื แตง่ ตัง้ ใหเ้ ปน็ อปุ ราชนง่ั เมืองลงกา และยกนางสุวรรณกันยมุ า ภรร ยาม่ายของอินทรชติ ใหด้ ว้ ย ๔.หนงั ใหญต่ วั นางเดิน เป็นหนงั คเนจร ตัวนางเดนิ ปรุหนงั แบบหน้าแขวะ ทําใหเ้ ปน็ ตวั ขาว ๕.หนงั ใหญ่รูปไพร่พล ลักษณะของหนงั ดงั กล่าวเป็น เบ็ดเตล็ด ประเภทไพรพ่ ลหรือเขน อย่ใู นท่าเดนิ ข่ีหลังสัตว์จตบุ าท70 70 ไทยรัฐออนไลน์ ๒๖ ม.ี ค. ๒๕๕๕ แหล่งทีม่ า http://www.thairath.co.th/content/๒๔๘๓๙๔
152 โครงการอนุรกั ษห์ นังใหญร่ ัชกาลท่ี ๒ (พระนครไหว) เมือปี พ .ศ. ๒๕๐๓ หนงั ใหญ่ชดุ พระนครไหว ซึ่งเป็นชุดหนงั ทีไ่ ดร้ ับการตกทอดมาครั้งสมัยรชั กาลท่ี ๒ ซึ่งประดับไว้ทฝ่ี าผนังโรงละครศลิ ปากร (พ.ศ.๒๕๐๓) ราว ๔๐ ตัว ได้ถกู ไฟไหม้ไปพรอ้ ม ๆกับโรงละคร นับเปน็ ความสูญเสียครั้งสาํ คัญ หนงึ่ ในสามครั้ง ที่ไฟไหมต้ วั หนงั ใหญ่ หากรวมกอ่ นหนา้ นนั้ คือ หนงั ใหญว่ ดั พลับพลาชยั เพชรบุรี เมอ่ื ปี พ .ศ. ๒๔๕๘ และหนังใหญ่วดั บางนอ้ ย สมุทรสงคราม เมือ่ วนั อังคารที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๖ เวลา ๑๖.๐๐ น. ชว่ งเวลา พ.ศ. ๒๕๓๕ นายสุมน ขาํ ศิริ อดีตผู้ อาํ นวยการกองการสังคตี 71 ทราบว่าหนงั ใหญช่ ดุ นีย้ ังมี เหลืออย่ใู นสาํ นกั ช่างสบิ หมู่ อยปู่ ระมาณ ๔๖๐ ตวั แตอ่ ย่ใู นสภาพท่ีชํารุดมาก ไม่สามารถนํามาใชแ้ สดงได้ จงึ มี ความคดิ ทีจ่ ะซอ่ นแซมตวั หนงั ให้สามารถนํามาใช้แสดงได้อีกครัง้ แต่ยังขาดปจั จยั ในการสนับสนุน จนกระทงั่ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ สถาบนั ไทยคดีศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ไปประสานงานขอความ ร่วมมือจากบรษิ ทั คาร์ลสเบอร์กบริวเวอร่ี (ประเทศไทย) จาํ กัด มาเป็นผสู้ นับสนุนให้ทุน โดยทาง มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์จะเป็นผ้ปู ระสานงาน ตลอดจนสนบั สนนุ และเผยแพร่กิจกรรมทางวิชาการ และให้ กรมศลิ ปากร เปน็ ผู้ ซ่อมแซม และสรา้ งใหม่ รว่ มกัน จดั ตง้ั เป็น โครงการอนรุ กั ษห์ นงั ใหญร่ ัชกาลที่ ๒ (พระ นครไหว) นีข้ นึ้ มา เพอ่ื เป็นการเทดิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ภูมิพลอดุลยเดชฯ ในวโรกาสปี กาญจนาอภเิ ษกท่พี ระองคท์ รงครองราชย์ ครบปที ่ี ๕๐ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ...อกี ท้งั ตามคติความเชื่อท่ีมมี าแต่เดิมน้ันถอื วา่ การมีหนังใหญ่ประจํารชั กาลเปน็ สัญลักษณแ์ หง่ พระ บุญญาบารมี สาํ คญั เทยี บกับการไดช้ ้างเผอื กในรชั กาล จงึ เห็นควรจัดสรา้ งหนังใหญ่ประจํารชั กาล แตแ่ รก กาํ หนดไวจ้ ํานวน ๖๐ ตัว โดยถา่ ยแบบจากตัวต้นแบบชดุ พระนครไหว รชั กาลที่ ๒ แต่ภายหลังเห็นว่าตัวหนงั นอ้ ยเกินไปไมส่ มบรู ณ์ในเวลาแสดงจงึ จะจัดสร้างเพิม่ ขนึ้ อีกเป็น ๑๐๐ ตวั เม่ือมีการปรกึ ษา ค้นคว้าหาข้อมลู จากแหล่งความรูต้ า่ งๆ เพ่ิมข้ึนอีก ตลอดจนมกี ารศกึ ษาจากบท พากย์-เจรจา และบทพระราชนพิ นธเ์ รือ่ งรามเกยี รต์ิ ในรัชกาลที่ ๑ – รชั กาลท่ี ๒ จงึ มีการลงมตใิ หส้ ร้างตวั หนงั เพิ่มขนึ้ อีกเป็น ๑๓๐ ตัว จนสามารถแสดงได้อยา่ งสมบูรณ์ ซึง่ ท้ังน้เี พอ่ื ทูลเกล้าถวายเป็นหนงั ใหญป่ ระจาํ รัชกาลที่ ๙ อันเปน็ การสืบสานช่างศลิ ปไ์ ทยรชั กาลน้ี ใหป้ รากฏพระเกยี รตยิ ศเย่ยี งโบราณราชประเพณี ระยะเวลาดําเนนิ งาน ตามโครงการทไ่ี ดก้ าํ หนดไว้ อยรู่ ะหว่างเดือน ตลุ าคม ๒๕๓๗ ถงึ เดือน พฤษภาคม ๒๕๓๙ 71 สาํ นกั การสงั คตี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
153 หนงั ใหญใ่ นจํานวน ๑๓๐ ตวั น้นั มีรูปฉลเุ ป็นภาพตา่ งๆตามเนอ้ื เร่อื งรามเกยี รต์ิ ในชุด ศกึ สทั ธาสรู -วิ รุญจําบัง72 ซ่ึงปรากฏภาพตวั โขนในอากปั กริ ิยาต่างๆประกอบลวดลายทางศิลปกรรมไทย ทั้งนสี้ ามารถแสดง ให้เห็นรายละเอียดของภาพทีฉ่ ลใุ นตัวหนัง โดยแบง่ ตามลกั ษณะงานท่ีชา่ งศลิ ปกรรมได้จําแนกประเภทต่างๆไว้ หนังใหญท่ ่ีฉลใุ หเ้ หน็ ภาพตวั โขนในเรื่องรามเกียรติ์ มกี ารใช้ลวดลายตามแบบฉบับของศิลปกรรมไทย ทงั้ ตามอย่างของโบราณและจากการผูกลวดลายใหมข่ องช่างฝมี อื ศลิ ปกรรม ซงึ่ ยังคงยึดเอกลักษณ์ของตน้ แบบเดมิ จากช่างฝมี อื เกา่ หนงั ใหญใ่ นรชั กาลท่ี ๙ ชุดนี้ นับเปน็ การสร้างหนงั ท่สี มบรู ณ์ตามเย่ยี งโบราณราชประเพณี และ นับเป็นพระมหากรุณาธคิ ณุ อย่างหาท่สี ดุ มไิ ด้แก่ศลิ ปนิ ผู้รว่ มทาํ โคร งการน้ี ตลอดจนปวงชนชาวไทย ท่สี มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มตอกหนังเจา้ เพ่ือเปน็ ศริ ิ มงคล เม่ือวนั ท่ี ๔ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ นอกจากนี้ เม่อื การสรา้ งหนังใหญเ่ สรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ เสดจ็ มาเป็น ประธานในพิธไี หวค้ รู เมือ่ วันที่ ๒๙ กมุ ภาพันธ์ พ .ศ. ๒๕๓๙ ก่อนท่จี ะนําตวั หนังไปออกแสดงจงึ ถือว่าหนงั ใหญ่ชดุ นี้เป็นเอกลักษณข์ องชาตทิ ี่มคี ่ายิ่ง ควรแกก่ ารอนรุ ักษ์และเผยแพร่ ซง่ึ นีค้ ร้งั นี้ทางโครงการได้จัดขอ้ มูล เกลา้ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯแล้ว และทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมใหก้ รมศลิ ปากร ทําารเก็บรักษาไว้ ให้เป็นสมบตั ิของแผ่นดินสบื ไป...”73 จากข้อมูลทั้งหมดท่ผี วู้ ิจัยรวบรวมไว้น้นั จะเหน็ ได้วา่ หนงั ใหญ่ชดุ พระนครไหวด้วยความงดงาม อลงั การเชิงศิลปะมหรสพหลวงน้ัน เปน็ หนงั ใหญท่ ่ชี ว่ ยสร้างการตระหนกั รู้ขอ งคนไทยในปจั จบุ นั ภาครฐั พร้อม ภาคเอกชนใหค้ วามสาํ คญั อย่างสูงในเชงิ ประวตั ิศาสตร์และเชงิ อนรุ ักษ์ ส่วนเรอ่ื งราวความเป็นมาน้นั เป็นเรือ่ ง ที่ตอ้ งศกึ ษาค้นคว้ากนั ต่อไปอยา่ งรอบด้าน แต่หัวใจสําคญั ของพระนครไหวคอื ต้นแบบกระบวนความคดิ กรณีศกึ ษา ทจ่ี ะทาํ อยา่ งไรใหช้ ุมชนหนงั ใหญ่ ทวั่ ประเทศไทยตระหนกั เห็นถงึ ความสําคัญ พร้อมร่วมมอื ในการ รกั ษาและฟ้นื หนังใหญ่ให้กลับมาเคล่ือนไหวอกี ครงั้ 72 ทศกัณฐ์ ให้สทั ธาสูรและวิรญุ จาํ บัง ลูกพระยาทูษณ์ไปรบ หนุมานออกอุบายใหก้ ารขออาวธุ จากเทวดาของสทั ธาสูรไม่เปน็ ผล ผลทีส่ ุดสัทธาสูรถูก หนมุ านฆ่าตาย สว่ นวิรุญจาํ บังสู้ไม่ได้ จึงทาํ อุบายเพ่ือจะหนี ได้เอาผ้ามาทําเปน็ พยนต์ขมี่ ้ามาต่อสแู้ ทนและตนหนี ตอ่ มาพระรามร้วู า่ วิ รญุ จาํ บงั ท่รี บ อยไู่ ม่ใช่ตวั จรงิ ก็แผลงศรพาลจันทรเ์ ปน็ ขา่ ยเพชรลอ้ มผ้าพยนต์ แลว้ ใหห้ นมุ านตามไปฆ่า พบนางวานรินทร์ นางบอกทางใหห้ นมุ านเหาะไปสดุ เขา สัตภณั ฑ์พบฟองนํา้ ใหญจ่ ึงจบั ไว้ วริ ุญจาํ บงั เปน็ รปู เดมิ เข้าตอ่ สู้ แตแ่ พ้ได้แหวกนํ้าไปอยู่ใตด้ นิ ดาล หนุมานตามจนพบจบั วิรุญจาํ บังฟาดกบั เขาตาย 73 วัลย์วิภา บุรษุ รัตนพันธ,์ุ หม่อมหลวง.. การอนุรกั ษห์ นงั ใหญใ่ นโครงการ “หนงั ใหญร่ ัชกาลท่ี ๒ พระนครไหว.” ใน ๓๐ ปี ไทยคดศี ึกษา, กรงุ เทพฯ: สถาบนั ไทยคดีศกึ ษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๔๔
154 มหี นงั สอื เอกสารรปู ภาพตัวหนงั ใหญช่ ดุ พระนครไหว จัดพิมพ์ออกมาจํานวนหลายเล่ม ล้วนเป็น ประโยชนม์ หาศาลในการศกึ ษาลวดลายเทียบเคยี งภาพตัวละครของหนังใหญ่ วา่ มคี วามเ หมอื นหรือแตกต่าง กนั อย่างไร สมดุ ภาพหนงั พระนครไหว จดั ทําโดยกรมศลิ ปากร ปี ๒๕๔๙ เปน็ สมุดภาพงานหนังพระนครไหว พรอ้ มคาํ บรรยายภาษาอังกฤษ หนงั ใหญ่ชุดพระนครไหว\" โดยสาํ นักพมิ พ์เมืองโบราณ พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๖ ไดน้ ําเรือ่ งและภาพหนังใหญท่ ่ีเคยตีพิมพ์โดยโรงพิมพค์ ณะช่าง เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๐๖74 74แหลง่ ท่มี า http://www.oknation.net/blog/phaen/๒๐๐๗/๐๗/๒๗/entry-๑
155 ๓ หนังใหญว่ งั หนา้ รัตนโกสนิ ทร์ จากขอ้ มูลทคี่ รูวีระ มเี หมือน ไดบ้ ทพากย์หนงั ใหญ่ ของวงั หน้าจาํ นวน ๓ เรื่องหรอื ๓ ตอน อินทรชติ กนิ นมนางมณโฑ, นางดาว และทําการคดั ลอดใส่สมดุ ไทยไว้ใหมเ่ พื่อเก็บไวแ้ สดงในพพิ ิธภัณฑ์หนงั ใหญท่ ่ี อา่ งทอง รวมถึงใหผ้ ู้สนใจไ ด้คน้ คว้าต่อไปน้ัน เป็นประเดน็ หนึง่ ทีน่ า่ สนใจ ทาํ ใหเ้ หน็ ภาพของววิ ฒั นการหนัง ใหญ่รวมถึงมหรสพหลวงในราชสํานัก ทีเ่ ติบโตเปน็ คูข่ นานร่วมกนั ท้งั ในวังหลวงทมี่ ีกรมมหรสพดแู ล และวัง หนา้ ดงั ปรากฎใหเ้ หน็ ในเอกสารอ้างองิ ว่า เม่อื มงี านมหรสพทท่ี อ้ งสนามหลวง มหรสพสพวังหลวงกับวังหน้าจะ เลน่ กนั ละฝง่ั สนามกัน หรือมือ่ ครัง้ รชั กาลท่ี ๑ งานถวายพระเพลงิ พระบรมอัฐสิ มเด็จพระชนกาธบิ ดี พระราช พงศาวดารกล่าวว่า เมื่อเชญิ พระบรมอฐั ิออกสพู่ ระเมรุแล้ว มกี ารมหรสพครบทุกสิ่ง ...โขนชักรอกโรงใหญ่ ทง้ั โขนวงั หลวงและวงั หน้า แลว้ ประสมโรงเลน่ กลางแปลง เล่นเม่อื ศึก ทศกรรฐ์ยกทัพกบั ๑๐ ขุน ๑๐ รถ โขน วังหลวงเปน็ ทพั พระราม ยกไปแต่ทางพระบรมมหาราชวงั โขนวงั หนา้ เปน็ ทพั ทศกรรฐ์ยกออกจากพระราชวัง บวรฯ มาเล่นรบกนั ในทอ้ งสนามหน้าพลบั พลา ถงึ มีปืนบาเหร่ยี มรางเกวียนลากออกมายิงกนั ดงั สน่นั ไปโคลง ของกรมหมื่นศรีสเุ รนทร์บนั ทกึ ไวว้ ่ามโี ขนโรงประชนั กนั โรงหน่ึงเล่นชุดถวายแหวนอีกโรงหน่ึงเลน่ ชดุ ศึกอนิ ทร ชิตไม่สามารถสรุปไดว้ า่ พระองคไ์ หนให้การสนับสนุน75 กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือสามัญชนกันว่า วังหนา้ ในสมยั รัตนโกสนิ ทรม์ ดี ว้ ยกนั ๕ พระองค์ เริม่ ตง้ั แต่รัชกาลที่ ๑ จนไปถึงรชั กาลที่ ๕ ดังตอ่ ไปน้ี ตาราง ๕.๑ ลาํ ดบั กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในสมยั รตั นโกสินทร์ กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล รัชกาลที่ ความสมั พนั ธ์ ระยะเวลา สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาสุรสิงหนาท ๑ พระอนชุ า พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๔๖ สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟาู กรมหลวงอิศรสนุ ทร ๑ พระราชโอรส พ.ศ. ๒๓๔๙ - ๒๓๕๒ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรกั ษ์ ๒ พระอนชุ า พ.ศ. ๒๓๕๒ - ๒๓๖๐ สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาศักดพิ ลเสพ ๓ พระปติ ุลา พ.ศ. ๒๓๖๗ - ๒๓๗๕ พระบาทสมเดจ็ พระปิ่นเกลา้ เจา้ อยู่หวั ๔ พระอนุชา พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๐๘ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ๕ พระภาดา พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๒๘ 75 นติ ยสารศิลปากร ปี ที่ ๕๖ ฉบบั ท่ี ๖ หน้า ๓๐-๓๑
156 ตามพระราชประวตั แิ ละพระประวตั ิ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรอื วังหน้าเกอื บทกุ พระองค์ ล้วนทรงสนพระทัยสนับสนนุ ดา้ นศิลปการแสดง อาทิ สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจา้ ฟูากรมหลวงอศิ รสนุ ทร ต่อมาเสด็จข้นึ ครองราชสมบตั ิ รัชกาลที่ ๒ ซึง่ สมัยท่พี ระองคท์ ่านครองราชบตั กิ ไ็ ดส้ ร้างหนังใหญช่ ุดนครไหว ตอ่ มาสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจ้าอยู่หวั ฯ ทรงเป็นวังหน้าก็ทรงสนพระทยั ศลิ ปะการแสดงหลายแขนง ทรงพระปรีชาในการเปุาแคนและแอ่วแคน และมาถึง สมัยกรมพระราชวังบวรวไิ ชยชาญ วังหนา้ พระองค์ สดุ ท้าย เป็น พระโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระป่ินเกล้าฯ ทรงมีคุณานปู การตอ่ งานช่างทุกแขนง ทรงอุปถัมภ์ ชา่ งฝีมือเอกรวบรวมไว้ในวังหนา้ ฝีมือชา่ งวงั หน้าจงึ เป็นฝมี อื ช้ันสงู ในงานศลิ ปะหลายแขนง ด้านนาฏกรรม ทรงพระปรชี า เลน่ ห่นุ ไทย ห่นุ จีน เชิดหนัง76 เมื่อสน้ิ สุดวังหน้า หนงั ใหญแ่ ละเครอ่ื งประกอบการแสดงน่าจะโอนมาอยู่ กรมมหรสพหรืออาจตกทอด สรู่ าชสกุลและขา้ ราชบรพิ ารทีเ่ ก่ียวข้องซงึ่ ควรศกึ ษาในเชงิ ลึกตอ่ ไป ซงึ่ สามารถเทียบเคยี งค้นหาจากบทพากย์ที่ มีเรอื่ ง ตอน ตัวหนังตรงกนั ๓ สลักหนงั ใหญ่ รอบพระอุโบสถ วดั พระเชตุพนฯ วัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม ราชวรมหาวหิ าร เป็นพระอารามหลวงชั้นเ อก และเปน็ วดั ประจํา รัชกาลท่ี ๑ แหง่ ราชวงศจ์ กั รี เนอ่ื งจากพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟาู จุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรณุ าโปรด เกล้าฯ ใหส้ ถาปนาวดั โพธารามวัดเกา่ ท่ีเมอื งบางกอกคร้งั กรุงศรีอยุธยาเปน็ วัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวงั และท่ีใตพ้ ระแทน่ ประดษิ ฐาน พระพุทธเทวปฏิมากร พระประ ธานในพระอุโบสถเป็นทบ่ี รรจพุ ระบรมอัฐิของ พระองคท์ ่านไวด้ ว้ ย… มีหลกั ฐานปรากฏในศลิ าจารึกไวว้ ่า หลงั จากทพี่ ระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟูาจฬุ าโลกมหาราช ทรง สถาปนาพระบรมมหาราชวังแลว้ ทรงพระราชดาํ รวิ ่า มวี ัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง ๒ วัด ด้านเหนอื คือ วดั สลัก (วดั มหาธาตฯุ ) ดา้ นใต้คอื วดั โพธาราม จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหข้ นุ นางเจา้ ทรงกรมช่างสิบหมู่ อาํ นวยการบรู ณปฏสิ ังขรณ์ เรม่ิ เม่ือปี พ.ศ. ๒๓๓๑ ใช้เวลา ๗ ปี ๕ เดอื น ๒๘ วัน จึงแลว้ เสรจ็ และโปรดฯใหม้ ี 76 อรนุช ทัดติ. “ประวัตวิ งั หนา้ .” วารสารวังหนา้ , ม.ป.ป.
157 การฉลองเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๔ พระราชทานนามใหมว่ ่า “วัดพระเชตุพน วิมลมงั คลาวาศ ” ตอ่ มารัชกาลท่ี ๔ ได้ โปรดฯให้เปลีย่ นท้ายนามวดั เป็น \"วดั พระเชตพุ น วมิ ลมังคลาราม\" คร้ันรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ บูรณปฏิสังขรณค์ ร้ังใหญ่ นานถงึ ๑๖ ปี ๗ เดอื น ขยายเขตพระอารามดา้ นใต้และตะวันตก คอื ส่วนท่เี ปน็ พร ะ วิหารพระพุทธไสยาส สวนมิสกวนั สถาปนาขน้ึ ใหม่ พระมณฑป ศาลาการเปรยี ญ และสระจระเข้ บรู ณปฏิสังขรณใ์ หม่เปน็ โบราณสถานในพระอารามหลวง ทีป่ รากฏอยู่ทกุ วันนี้ แมก้ ารบูรณปฏสิ ังขรณ์ครั้ง ลา่ สุดเมอื่ ฉลองกรงุ เทพฯ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นเพยี งซ่อมสรา้ งของเกา่ ให้ดีขน้ึ มิได้สร้างเสริมสง่ิ ใดๆ เกรด็ ประวตั ศิ าสตร์ของการสถาปนาและการบูรณปฏิสังขรณว์ ัดโพธ์ิแหง่ น้บี ันทกึ ไว้ว่า รชั กาลที่ ๑ และที่ ๓ ขุนนางเจ้าทรงกรมช่างสิบหมู่ ได้ระดมชา่ งในราชสํานัก ชา่ งวังหลวง ชา่ งวงั หน้า และชา่ งพระสงฆท์ ่ี อยู่ในวัดต่างๆ ผเู้ ชี่ยวชาญงานศลิ ปกรรมสาขาตา่ งๆ ได้ ทมุ่ เทผลงานสร้างสรรคพ์ ทุ ธสถาน และสรรพส่งิ ที่ ประดับอยใู่ นวัดพระอารามหลวงด้วยพลงั ศรัทธา ตามพระราชประสงคข์ องพระองค์ ท่านท่ใี หเ้ ป็นแหล่งรวม สรรพศลิ ป์ สรรพศาสตร์ เปรียบเปน็ มหาวิทยาลัยเปดิ สรรพวชิ าไทยแห่งแรก ทีร่ วมเอาภูมปิ ัญญาไทยไว้เปน็ มรดกใหล้ ูกหลานไทยได้เรียนรู้กับอยา่ งไมร่ ้จู บส้นิ 77 ระหวา่ งเสาเฉลยี งพระอุโบสถด้านนอกประดับศลิ าจําหลักภาพเรือ่ งรามเกยี รต์ิ ๑๕๒ ภาพมโี คลงจารกึ บอกเนื้อเรื่องตดิ ไว้ ภาพสลักศลิ าเหล่าน้ี มาจากภาพหนังใหญ่ รชั กาลท่ี ๓ ทรงมพี ระราชปรารภวา่ “หนงั ใหญ่ เปน็ การเลน่ มหรสพของไทยมาแตอ่ ยธุ ยาตอนต้นถงึ สมยั รัตนโกสนิ ทร์ การเล่นหนงั ใหญต่ อ้ งใชศ้ ลิ ปะชั้นสูง หลายด้าน เพราะเหตนุ ้ี การเล่นหนงั ใหญ่จึงเป็นของเลน่ ให้ดไี ด้ยาก นับวันแต่จะโทรมลงไป เพอื่ ให้อนชุ น ได้ชมภาพตวั หนงั ดังกลา่ วจงึ ใหเ้ อาตวั หนังใหญ่มาแกะลงบนแผ่น ศิลาใหเ้ หมือนหนังฉลทุ กุ ส่วนตดิ ไว้ให้ ชม” ...ฝีมือลวดลายจาํ หลักเหลา่ น้ีละเอยี ดประณีตวจิ ิตรงดงามยิง่ นักมีผู้ สนใจงานศลิ ปะมาของลอกภาพกนั มาก ภาพรามเกยี รติ์เหล่านี้เคยเป็นสนิ คา้ ของที่ระลึกสัญลักษณข์ องวัดโพธิ์ ต่อมาแรงกดลอกลายภาพซ้ําๆ นบั แรมปี ทําใหล้ วดลายจางลง จงึ มีประกาศหา้ มลอกลายภาพกนั 78 77แหล่งทีม่ า http://www.watpho.com/history_of_watpho.php 78 แหลง่ ทีม่ า http://temple.siamganesh.com/?p=๒๑๓๑
158 ท้ังน้ยี ังเป็นหลักฐานช้นิ สาํ คัญยืนยันวา่ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลท่ี ๓ พระองค์ทา่ นทรงให้ความสนพระทยั สนบั สนุนในงานด้านศลิ ป์ทุกแขนง อาทิ หนังใหญ่ ควบคูไ่ ป กบั งานดา้ นเศรษฐกิจ การค้าขายภายในและต่างประเทศ จากการสอบถาม พระชินวโรภกิ ขุ (พระมหาชัยพร)79 ได้ขอ้ มูลเพิ่มเติมว่า มตี ัวหนงั ใหญ่สภาพเก่า จํานวนประมาณ ๒ ตัว เก็บไวใ้ นตําหนักวาสกุ รี ซ่ึง เคยเป็นท่ปี ระทับของ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรม พระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสงั ฆราชเจ้าองคท์ ี่ ๗ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ทรงเป็นเจ้านายชัน้ สูงพระองค์ แรก ท่ีได้รับการสถาปนา เป็นสมเ ด็จพระสังฆราชเจา้ พระผูท้ รงเป็นรัตนกวีของชาติ ซงึ่ องค์การยเู นสโกแหง่ สหประชาชาติ ประกาศยกยอ่ งใหเ้ ปน็ พระผู้มีผลงานดเี ด่นทางด้านวัฒธนธรรม ระดับโลก (กวเี อกของโลก) หนังใหญด่ งั กล่าวอาจมีความเกย่ี วขอ้ ง โดยเป็นต้นแบบงานสลักหนิ ออ่ นรอบพระอโุ บสถ และอาจ ได้รับตกทอดมาจากสมยั กรุงศรีอยธุ ยา หรอื เชอื่ มโยงเปน็ หนงั ใหญข่ องวังหน้า ช่วงสมยั ต้นรัตนโกสินทร์ ทั้งน้ีต้องทาํ การสืบคน้ เชงิ ลกึ กันตอ่ ไป ท่ีสําคัญ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส พระองคม์ คี วามเกยี่ วข้องโดยตรงกบั บท หนงั ใหญ่ เพราะ ทรงพระนิพนธ์ สมุทรโฆษคาํ ฉนั ท์ จนจบเรอื่ ง นบั ได้ ๘๖๑ บท หลังจากที่ค้างอยนู่ านถึง ๑๖๐ ปี นับจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสดจ็ สวรรคต เมือ่ พ .ศ. ๒๒๓๑ เนือ่ งจากไม่มีผ้ใู ดกล้าแตง่ ต่อ โดยได้ทรงพระนิพนธเ์ ปน็ สองช่วง และสุดท้ายกจ็ บเรื่อง เมอื่ พ.ศ. ๒๓๙๒ ดงั โคลงส่สี ุภาพท้ายเรอ่ื งท่ี ๔ บท ท่ี ทรงเล่าไว้ชัดแจ้ง ดังนี้ จวบจลุ ศกั ราชได้ พรรษ สหัสแฮ สองสตพรรษเอกา ทศอา้ ง กุกกฏุ สงั วจั ฉรา กตกิ มาส หมายเฮย อาทติ ยด์ ลฤถขี ้าง ปักษข์ ้นึ ปญั จมีฯ 79 สมั ภาษณ์ พระชนิ วโรภกิ ขุ : พระมหาชยั พร (ฝาุ ยดูแลด้านทศั นศกึ ษา) วัดพระเชตุพนฯ, ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๗
159 รงั สรรค์ฉนั ท์เสร็จสิน้ สดุ สาร สมุทรโฆษต่อตาํ นาน เน่ินคา้ ง รจิตเรอื่ งบพิ สิ ดาร อดีตเหตุ แสดงเฮย โดยพุทธพจนรสอา้ ง อรรถแจ้งแถลงธรรมฯ (จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ ปรี ะกา เดอื นสบิ สอง วนั อาทิตย์ ขึน้ ๕ คา่ํ ) หากถา้ รวมนับเวลาเรมิ่ แรกต้งั แต่ พระมหาราชครู รจนาสมทุ รโฆษคําฉันท์ ขึ้นในสมัยสมเดจ็ พระ นารายณม์ หาราช แห่งกรุงศรอี ยุธยา แต่แตง่ ต้ังปี พ .ศ. ใดไม่ปรากฏ คาดวา่ นา่ จะอยใู่ นราว พ .ศ. ๒๒๐๐ ท่านได้แตง่ ไว้ ๑,๒๕๒ บท จนมาถึงปจ๎ จบุ นั (พ.ศ.๒๕๕๗) รวมอยา่ งน้อย ๓๕๗ ปี ความต้ังพระราช หฤทัย ของสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชกย็ งั ไม่บรรลพุ ระราชประสงค์ คงยงั รอผมู้ าสานต่อนาํ บทพระราชนิพนธ์ สมุทรโฆษคําฉันท์ ไปสร้างสรรคเ์ ป็นการแสดงหนงั ใหญต่ ่อไป นอกจากศลิ าจําหลักภาพเร่ืองรามเกยี รต์ิ ๑๕๒ ภาพ ที่ได้ตน้ แบบมาจากตวั หนงั ใหญส่ มยั อยธุ ยาแล้ว ในวดั พระเชตพุ นฯยังมงี านศลิ ปท์ ่ีเป็นตน้ แบบหรอื ตกั ศิลาแหลง่ เรยี นรสู้ าํ หรับผสู้ นใจดา้ นการออกแบบลวดลาย ตวั หนังใหญ่อกี มากมายอาทิ ภาพจบั รามเกียรติ์ ๖๔ ภาพ ในหอไตรกรมสมเดจ็ พระปรมานุชิตชโิ นรส ภาพจบั รามเกียรต์ิเหลา่ นีห้ ากถอดแบบมาสลักหนงั ใหญ่ จะได้ตวั หนงั ใหญท่ ี่มคี วาม วจิ ิตรไมใ่ ชน่ อ้ ย ท้งั นี้ยงั ซอ่ นเรน้ แม่ ไมศ้ ลิ ปการต่อสูข้ ั้นสูง ตามตําราพิชยั สงครามโบราณไว้ในภาพจับ นอกน้ันยงั มปี ฏมิ ากรรมและภาพจิตรกรรม ฝาผนัง หลายช้นิ ทใ่ี ห้ความรู้เก่ียวกับการสร้างตวั หนงั ใหญ่และวรรณกรรมเรอื่ งรามเกียรติ์ พร้อมผูกโยงให้ไป ศกึ ษาตอ่ ไดท้ ่ี จิตรกรรมฝาผนงั รอบระเบียงวัดพระศรีรตั นศาสดาราม (วดั พระแกว้ ) จากขอ้ มลู ดงั กล่าว หากภาพสลกั รามเกยี รติร์ อบพระอโุ บสถวัดพระเชตุพนฯ มาจากลวดลายออกแบบ ตวั หนงั ใหญ่สมัยอยุธยา ก็ทําใหร้ ไู้ ดว้ า่ ในสมัยนน้ั มีการแสดงหนงั ใหญต่ อนอะไรบา้ ง ซ่ึงสามารถเทียบเคียงกับ ชุดหนังใหญจ่ ากกรมมหรสพยุคต้นรตั นโกสินทร์ท่ีสืบต่อมาถึงหนว่ ยงานในสังกดั กรมศลิ ปากรในปจั จุบนั ว่ามี ตัวหนังตรงกบั ตอนใดบา้ ง และภาพสลักหินตรงกับรปู ตวั หนงั จาํ นวนกต่ี ัว หรอื สามารถเทียบเคยี งกับตวั หนงั ใน ชมุ ชนตา่ งๆในประเทศไทยหรือทีเ่ ก็บรกั ษาไว้ในพิพิธภณั ฑ์ต่างประเทศ เพอ่ื ยืนยนั ประวัตศิ าตร์ ตัวหนงั ใหญใ่ น ประเทศไทยท่มี ีอายไุ ม่ต่ํากวา่ ๒๐๐ ปี จงึ เปน็ เรอ่ื งท่ีต้องขยายผลและศึกษาเจาะลึกลงไป
160 ๔.หนังใหญม่ หาวิทยาลัยเกษมบัณฑติ สถานทตี่ งั้ ๑๗๖๑ ถ.พัฒนาการ แขวง/เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ชว่ งระยะเวลาประมาณ รชั กาลที่ ๙ (พ.ศ.๒๕๕๔-ป๎จจบุ นั ) เจา้ ของคณะ ศนู ย์วฒั นธรรม มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ ผ้รู เิ ริ่มสร้างสรรค์ อาจารย์ชนะ กร่ํากระโทก80 ผ้สู อน ครูสมพร เกตุแกว้ บ้านพญาซอ สมุทรสงคราม มหาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑิตเปน็ สถานบนั การศึกษาอดุ มศึกษาเอกชน แห่งแรกทสี่ นบั สนนุ ส่งเสรมิ ให้ นกั ศึกษาได้เรยี นรู้หนงั ใหญ่จนสามารถออกแสดงในงานตา่ งๆ จนเปน็ ท่ีรู้จักและช่ืนชมโดยทั่วกนั ทัง้ นี้ด้ วย ความคดิ เริม่ และลงมือสรา้ งสรรคข์ อง อาจารยช์ นะ กราํ่ กระโทก ท่ีตอ้ งการให้ศิลปะการแสดงหนังใหญม่ หรสพ แห่งความย่งิ ใหญ่ประจาํ ชาตไิ ทย ให้เป็นทร่ี ับรู้ เรยี นรคู้ นร่นุ ใหม่ จงึ นาํ เสนอโครงการเรียนรู้หนังใหญแ่ ละพา นักศกึ ษาไปเรียนร้กู บั ครสู มพร เกตแุ ก้ว บา้ นพญาซอ สมทุ รสงคราม ครสู มพร เกตุแกว้ 81 ได้เคยใหส้ ัมภาษณไ์ ว้ในรายการไทยโชว์ เก่ียวกบั หนังใหญ่ท่ไี ดไ้ ปถา่ ยทอดให้ นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑิตว่า“เดก็ ๆนักศึกษา เขาไมไ่ ดเ้ รยี นรู้ แล้วมานําเสนอท้ังดนุ้ เขานํามา สร้างสรรคใ์ นมุมมองใหม่ อยา่ งหนงั ใหญเ่ ขาหยิบเอาตอน จบั ลิงหวั คา่ํ มาปดั ฝุน นําเสนอ เปน็ หนงั ใหญท่ ไ่ี ม่ตอ้ ง ต้งั ฉากหรือขึงจอหนงั แตง่ แต้มสสี นั ใหมบ่ นตัวหนังใหแ้ ปลกแตกต่าง เดิมจบั ลิงขาวลิงดาํ กม็ าเปน็ จับลิงหมู่ แบ่งเป็นสองฝาุ ยเพ่อื เพมิ่ พลังความยง่ิ ใหญ่ จับเร่ืองตอน หนมุ านจับนางสพุ รรณมัจฉา มานําเสนออยา่ งกระชบั ฉับไว ระหวา่ งเชิดหนังให ญก่ ็สลับฉากนําโขนตวั ลิงกบั ตวั นาง และหนุ่ กระบอกคนมาสลบั เลา่ เรือ่ งราวสรา้ ง ความหลากหลายนา่ ชม....เด็กๆนกั ศกึ ษาเขานําหนังใหญ่ทถี่ ่ายทอดแบบดั่งเดมิ มาสรา้ งสรรคต์ อ่ ยอดเอง ซ่งึ มองวา่ ทาํ ใหด้ นู า่ สนใจมากดีกวา่ ไม่ทําอะไรแลว้ ปลอ่ ยให้สูญหาย คือของเกา่ กต็ อ้ งเรียนรู้ ไว้”82 อาจารย์ชนะ กล่าํ กระโทก ศนู ยว์ ฒั นธรรม มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ เสริมว่า “เราต้องการนําเสนอ ใหค้ นรนุ่ ใหมส่ นใจ หากใครสนใจอยากดูหนังใหญแ่ บบด้งั เดิมกส็ ามารถไปดูได้ทวี่ ดั ขนอน ราชบรุ ี , วดั บ้านดอน ระยอง และวัดสวา่ งอารมณ์ สงิ ห์บรุ ี” 80 อาจารยป์ ระจําศนู ยว์ ฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั เกษมบัณฑติ บุคลากรดเี ดน่ ของสมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) ประจําปี ๒๕๕๖ ในงานดา้ นการสนบั สนนุ วิชาการ กล่มุ งานศลิ ปวฒั นธรรม ระดับผู้ปฏบิ ัติการ 81 คมสันต์ สุทนต์, ครูสมพร เกตุแก้ว พญาซอแหง่ บางคนฑ,ี หนังสือเมอื งศลิ ปนิ อัมพวา : พ.ศ. 2554 82 รายการไทยโชว์ ตอน ม.มติ รวัฒนธรรม วนั อาทติ ย์ท่ี ๖ มนี าคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๘.๐๐ น. ทางทวี ไี ทย
161 ๕.หนงั ใหญ่เลน่ ที่วัดอนิ ทารามวรวิหาร วดั อินทารามวรวิหาร เปน็ วัดอกี แหง่ หนึ่งทม่ี ีประวัตเิ กี่ยวขอ้ งกับการแสดงหนงั ใหญ่สมยั ธนบรุ ี โดยใน พงศาวดารสมยั กรงุ ธนบุรี ระบวุ า่ “..เมื่อพทุ ธศักราช ๒๓๑๘ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสดจ็ กลับจากพระราช สงครามท่ีเมอื งสระบรุ ี ไดโ้ ปรดให้สร้างเมรทุ ่วี ดั อินทาราม (คอื วัดอนิ ทารามวรวหิ าร หรอื บางยเี่ รือนอก ใน ปัจจบุ นั ) เพื่อถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระราชชนนีใชเ้ วลาสร้างอย่ถู งึ ๒ เดือน … มีการละเลน่ มหรสพ ตา่ ง ๆ กัน คอื กลางคนื มโี ขน ๒ โรง โรงง้ิว ๓ โรง เทพทอง ๒ โรง ราํ หญงิ ๔ โรง หนงั กลางวนั ๒ โรง หุ่น ญวน ๑ โรง หุ่นลาว ๒ โรง กลางคนื หนงั ใหญ่ ๓ โรง หนังใหญร่ ะหว่างชอ่ งระทา ๑๐ โรง หนงั จีน ๒ โรง83 ..” จากพงศาวดาร นอกจากน้ยี ังคน้ พบว่าหนงั ใหญท่ ําการแสดงในวดั ต่างๆ รวมถึงเร่ืองราวท่เี กีย่ วข้องเช่น จิตรกรรมฝา ผนงั , ศลิ ปินฯ ในเขตกรุงเทพมหานคร ต้ังแตต่ ้นรตั นโกสินทร์จนมาถึงปจั จุบนั ดว้ ยกันหลายวดั อาทิ วดั พระศรี รัตนศาสดาราม วดั พระเชตพุ น วัดสุวรรณาราม เป็นตน้ แต่ทง้ั น้ยี ังไม่มหี ลักฐานระบุไดว้ า่ มวี ดั หรือชมุ ชนใดใน กรงุ เทพมหานครทเี่ ปน็ เจ้าของคณะหนังใหญ่ 83 หนังกลางวนั หรอื หนงั สี หมายถงึ หนังใหญท่ ี่แสดงในชว่ งเวลากลางวนั หนงั ใหญ่ในทน่ี หี้ มายถงึ หนงั ใหญ่ที่ใชแ้ สดงตอนกลางคืน เป็นหนัง สขี าวดํา หนงั ใหญ่ระหว่างช่องระทาน่าจะหมายถงึ หนังใหญข่ นาดยอ่ มลงมา ใช้แสดงใน ระหว่างช่องระทาไฟบ้งกเ็ รียก หนังระทา (อา้ งสมั ภาษณ์ ครวู ีระ มเี หมือน) และนอกจากนน้ั ยังมคี ําว่า หนังจนี ปรากฏอยู่ดว้ ย
162 หนังใหญ่อยธุ ยา จากการศกึ ษาพบว่าจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงเกา่ มปี ระวตั ิความเปน็ มาของชุม ชนหนังใหญ่และ แหล่งขอ้ มูลที่เกยี่ วข้องกบั ศลิ ปิน และเรื่องเล่าการแสดงหนงั ใหญจ่ ํานวนมาก ล้วนมีความน่าสนใจเปน็ อย่างย่งิ จงึ รวบรวมไวเ้ ป็นหลักฐานเบอื้ งต้น เพอ่ื รอการสบื คน้ เชงิ ลกึ ตอ่ ไป ดงั น้ี ชมุ ชนหนงั ใหญ่ที่ปรากฏหลักฐาน ๑.หนังใหญ่วดั พระญาตกิ าราม ๒.หนงั ใหญว่ ดั กษัตราธิราชวรวหิ าร ๓.หนังใหญว่ ดั ตะกู ๔.หนงั ใหญค่ รวู น เกดิ ผล ชมุ ชนหนังใหญ่ทยี่ ังรอการสืบคน้ ๕.หนังใหญว่ ดั โคกเสือ ๖..หนังใหญบ่ างประหัน (หันสงั บังเพลงิ ) ศิลปินหนังใหญ่และเร่อื งเล่าหนงั ใหญ่อยุธยา ๗.ครูแข พยฆั คนิ ครูช่างหนงั ใหญ่ บ้านหนา้ วดั พระเมรุ พระนครศรีอยุธยา ๘.หม่อมราชวงศ์ จรญู สวัสดิ์ ศุขสวัสดิ์ ๙.ครูปุน เวชาคม ครโู ขนหนังอยุธยา ๑๐.ครูเปยี อยธุ ยา-ครูหนังคนแรกของวดั สวา่ งอารมณ์ สิงหบ์ รุ ี ๑๑.การแสดงหนงั ใหญ่ที่วัดตะโหนด นครหลวง –สมั ภาษณ์ รศ.บุญเสรมิ ภสู่ าลี
163 ชมุ ชนหนังใหญ่ทปี่ รากฏหลกั ฐาน หนังใหญ่วดั พระญาติการาม อยุธยา สถานทต่ี ั้ง ตําบลไผ่ลงิ อําเภอพระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ชว่ งระยะเวลาประมาณ รชั กาลที่ ๕ –รัชกาลท่ี ๙ (พ.ศ.๒๔๒๐-๒๔๙๐) เจ้าของคณะ ครฉู งิ่ พจนยี ์ (ประมาณเวลาวา่ อยใู่ นชว่ งเดยี วกับหลวงพ่อกลัน่ ) ผูอ้ ุปถมั ป์ หลวงพอ่ กล่นั ธมฺมโชโต (พ.ศ.๒๓๙๐-๒๔๗๗) หลวงพอ่ อัน้ คนฺธาโร (พ.ศ.๒๔๓๕-๒๕๑๒) สรุปลาํ ดับเหตุการณห์ นงั ใหญ่วัดพระญาตกิ าราม อยุธยา ตามเวลาปพี ุทธศกั ราช (พ.ศ.) ดงั นี้ พ.ศ.๒๓๙๐ ปเี กดิ หลวงพอ่ กลน่ั (ปลายรัชกาลที่ ๓) พ.ศ.๒๔๑๗ หลวงพ่อกลั่นบวชพระอายุ ๒๗ ปี หลวงพอ่ กลัน่ เปน็ จ้าอาวาส (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๒๐-๒๔๕๐) พ.ศ.๒๔๕๒ หลวงพ่อกล่นั รบั นมิ นต์ทดสอบพลังจติ ท่พี ระปฐมเดจีย์ พ.ศ.๒๔๕๖ หลวงพ่ออน้ั บวชพระ มีหลวงพอ่ กลน่ั เป็นพระอุปชั ฌายะ พ.ศ.๒๔๗๗ สร้างเหรียญหลวงพ่อกลนั่ รุ่นแรก เปน็ เหรียญหายากท่รี าคาแพงมาก พ.ศ.๒๔๗๗ หลวงพ่อกลั่นมรณะภาพ และหลวงพ่ออ้ัน เปน็ เจ้าอาวาส พ.ศ.๒๔๘๔ ปเี กิดทายาทหนังใหญ่ รตต.วัชระ พจนยี ์ ผใู้ หข้ อ้ มลู ประมาณหลงั พ.ศ.๒๔๙๐ หนงั ใหญว่ ัดพระญาตยิ ตุ กิ ารแสดง ตัวหนังใหญม่ คี นจีนนัง่ เรอื ทอยมาซอื้ ไป หนังเจ้า หรือหนังครู ๖ องค์ ถกู นาํ ไปไว้ที่โรงเรียนแห่งหนง่ึ ในอยุธยา ตาํ ราพากย์หนังผยุ อ่ ยสลายไปหมด พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงพอ่ อั้นมรณะภาพ และพระราชทานเพลิงศพ ปี พ.ศ.๒๕๓๖
164 หนังใหญ่ชุมชนวดั พระญาติการาม อยธุ ยา เป็นอีกหน่งึ ชมุ ชนคนอยุธยาในอดตี ท่เี ปน็ แหลง่ รวม ศลิ ปการแสดงต่างๆไมว่ า่ จะเปน็ ละคร ลเิ ก หนังเล็ก (หนงั ตะลงุ ) โขน หนังใหญฯ่ รวมถงึ งานช่างสิบหมแู่ กะปนั้ สลัก ไม้ หนงั แทงหยวก ไวไ้ ด้อยา่ งครบถว้ น สําหรบั การแสดงหนังใหญข่ องชมุ ชนนี้ สามารถสืบคน้ ได้เบอ้ื งตน้ ๓ ช่วงอายุคน หรือประมาณ ๑๔๐ ปี แตเ่ ชอ่ื วา่ ก่อนหนา้ นน้ั อาจมกี ารแสดงหนังใหญส่ ืบทอดกันมาต้ังแต่สมยั กรงุ ศรอี ยุธยาก็เปน็ ได้ จากการสมั ภาษณ์ ร้อยตาํ รวจตรีวชั ระ พจนีย์ (พ.ศ.๒๔๘๔-ปัจจบุ นั ) ทายาทศิลปินหนงั ใหญ่ เลา่ ว่าครู หนังหรอื นายหนังคนแรกคอื ปฉูุ ง่ิ พจนยี ์ 84 มคี วามสามารถในเชงิ ช่างสบิ หมแู่ ละศลิ ปการแสดง เป็นทงั้ ผู้ตอก หนงั สอนเชดิ หนงั พากยห์ นงั กบั ลกู ศิษย์ทง้ั หมด ซ่งึ มศี ิลปนิ รุ่นราวคราวเดียวกบั ปทุู ย่ี ังพ อจําไดค้ ือ ปุูพุด ปุูดดั ปุกู รุ่น ท้ังสามเป็นโขนลิเกด้วย รนุ่ ต่อมาคอื รุน่ กลาง มีลุงชบุ พจนีย์85 ลงุ อ๋อย ลงุ น้อย ลุงยอ้ ย และลงุ เสรฐิ 86 หนังใหญ่ทําการแสดงต้งั แตส่ มยั หลวงพ่อกลั่นเปน็ เจา้ อาวาส จนมาถึงหลวงพ่ออนั้ เป็นเจา้ อาวาสตอ่ ก็ ยังแสดงกนั อยู่ คร้งั หน่ึงผ้ใู หข้ ้ อมูล ตอนเป็นเด็กเคยรว่ มเดินทางติดตามไปแสดงท่ี อ .สามชกุ จ .สุพรรณบรุ ี ใน งานศพของคุณแมอ่ ยั การท่านหน่งึ ขึ้นเรอื ยนตห์ ลวงพ่ออ้นั จากทา่ น้ําวัดพระญาตเิ ดนิ ทางไปสุพรรณฯ หนงั ท่วี ดั พระญาตฯิ มีท้งั หนงั สี (หนังกลางวัน) และหนงั ขาวดํา (หนังกลางคืน) จาํ นวนหลายร้อยตัว ขอบจอหนังเปน็ สีแดงขึงเปลือย เพราะดา้ นบนยอดเสาไม่มีธงชาติ หรอื หางนกยงู อะไรประดับประดา สมยั ก่อน ยังไม่มีไฟก็ใช้ไต้ ไม่ก็ตะเกยี งเจา้ พายุ จดุ ใหแ้ สงเงาเชิดหนงั ใหญ่ คนพากยก์ ต็ ะโกนจนคอโกง่ เพราะไฟฟูาเพง่ิ มามยี ุคพระพร ภริ มย์เปน็ พระเอกลเิ ก มปี ีพ่ าทย์เครอ่ื งห้าบรรเลงเพลง ประกอบ เครื่องประกอบจังหวะกม็ ีท้ัง ไมต้ ะขาบ มีเกราะ มา้ ลอ่ บางทีกเ็ อาซออมู้ าสแี ทรกมขุ ตลก สรา้ งสสี ันความสนกุ สนาน 84 ป่ ฉู ิ่ง พจนยี ์ เป็ นป่ ขู องผ้ใู ห้ข้อมลู รตต.วชั ระ พจนียแ์ ละเป็ นบดิ าของคณุ พอ่ เฉลิม พจนีย์ 85 เปน็ ลงุ ของ รตต.วชั ระ พจนยี ์ เสยี ชีวติ กอ่ นผใู้ ห้ข้อมลู เกดิ (ก่อน พ.ศ.๒๔๘๔) 86 ประเสริฐ มสี มวงษ์ เจา้ ของคณะลิเกและเป็นบดิ าของพระพร ภริ มย์
165 ทกุ ครัง้ พอแสดงเสรจ็ ก็จะมาเก็บตวั หนงั ใหญไ่ ว้ท่ศี าลาใกลค้ ลองหน้าวัดพระญาติฯ ไมไ่ ด้ไปเกบ็ ไวใ่ น บา้ นเพราะขนยา้ ยลาํ บาก บา้ นปฉูุ ิ่ง87ต้องเดนิ ผ่านปาุ ลกึ และในวดั มีพน้ื ท่ีบริเวณเหมาะแก่การฝึกซ้อมกนั ช่วงทา้ ยศิลปนิ หนังใหญ่ตา่ งกม็ ีอายกุ นั มากขึ้น ความนยิ มของคนดูก็ลดลง ประกอบกับมี เหตุการณ์ที่ คนเชดิ คนพากยห์ นงั ๓ ทา่ น เสียชีวิต ในเวลาไลเ่ ล่ียปีเดยี วกัน ขวญั และกําลังใจของคนที่ยังอย่จู งึ หดหาย ตวั หนังใหญ่ถกู ทบั ถมกองสุมไวใ้ นเรือนมุงจาก มุงสงั กะสที ่ผี ุพัง จงึ เปน็ ธรรมดาทีต่ ้องเจอทง้ั แดดและ ฝนจนตัวหนังเปือ่ ยยุ่ย ต่อมามพี ่อค้าซือ้ ของเกา่ ชาวจีน นัง่ เรือทอยมาซ้อื เหมาหนงั ใหญไ่ ปทงั้ หมด เหลือไวเ้ พียง หนงั เจา้ ๖ องค์ สุดท้ายผ้ใู หข้ ้อมูลเล่าว่า ขณะยังเด็กกาํ ลังปุวยเปน็ ไขม้ าลาเรี ย ลุกเดนิ ไปไหนไมไ่ ด้ เห็นคนข้นึ มาบน เรือนและนําหนังใหญเ่ จ้า หรอื หนังครูไป หลังจากหายไขส้ อบถามผ้ใู หญ่ ทราบความวา่ มคี นขนเอาไปไว้ท่ี โรงเรียนเอกชนแหง่ หนงึ่ ในตัวเมอื งอยธุ ยา ต่อมาเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญต่ นเองเคยไปทวงขอ แต่ได้รับการปฏิเสธ น่นั หมายความว่า หนังใหญว่ ดั พระ ญาตแิ ทบจะไมเ่ หลอื หลกั ฐานเป็นช้นิ เปน็ อนั ทจี่ ับตอ้ งได้เลย คงเหลอื แต่ เรอ่ื งเลา่ เลือนลาง ทีน่ ่าจะน่าเป็นเร่อื งท้าทายและช่วยจุดประกายใหค้ นรุ่นใหมค่ ้นควา้ เชิงลกึ ต่อไป 87 บริเวณบ้านป่ ฉู ิ่ง พจนีย์ ในอดตี เป็ นป่ าช้าวดั ปัจจบุ นั ตกทอดมาเป็ นของ รตต.วชั ะ พจนีย์
166 ประวตั ิหลวงพอ่ กลนั่ วดั พระญาตกิ าราม หลวงกลนั่ ธมฺมโชโต ท่านเกดิ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ตรงกับปลายรชั กาลที่ ๔ ที่ ต.อรญั ญกิ อ .นครหลวง จ . พระนครศรอี ยธุ ยา ครอบครัวมีฐานะยากจน ตอนช่วงวัยหนุม่ ได้ศกึ ษาและมีเชี่ยวชาญวิชากระบี่กระบองอย่าง หาคนเปรยี บไมไ่ ด้ อายไุ ด้ ๒๗ ปี ทา่ นได้อปุ สมบท ณ วดั โลกยสุธาศาลาปูน โดยมี พระญาณไตรโลก (สอาด) ต่อมาเปน็ พระธรรมราชานุวตั ร (อาจ) เจ้าคณะใหญ่อยธุ ยา เป็นพระอุปัชฌายะ พระครกู ุศลธรรมธาดา วัดขุนยวน (วดั พรหมนิวาส) กบั พระอธกิ ารชื่น วดั พระญาตฯิ เปน็ คู่สวด ไดฉ้ ายาว่า ธมมฺ โชติ แปลวา่ เป็นผูส้ วา่ งในทาง ธรรม หลงั จากนนั้ ทา่ นได้จําพรรษาอยทู่ ่วี ัดประดู่ทรงธรรม ท่านไดศ้ กึ ษาพระธรรมวนิ ัย และ เรยี นรู้วิชาอาคม จน แตกฉาน เม่อื ฝึกฝนวิชาตา่ ง ๆ จนเชย่ี วชาญแล้ว จงึ ได้ออกธุดงค์ไปทัว่ ปุาเขาลําเนาไพรเผชญิ สัตวร์ า้ ยนานา จากออกธุดงค์ มาถงึ วัดพระญาติการามในเวลาคํา่ ท่านพิจารณาว่า วัดน้ีเงียบสงบดี เหมาะแกก่ ารบาํ เพ็ญสมณ ธรรม สามารถเจรญิ สมาธิและปฏิบัตวิ ปิ ัสสนากรรมฐานไดส้ ะดวก ทา่ นจึงได้ปกั กลดพกั อยทู่ บี่ รเิ วณวดั ในคืนน้นั หลวงพ่อกลน่ั ท่านยังมวี ิชาลกู เบา หรือวชิ าชาตรี ซ่ึงเป็นวิชาอยยู่ งคงกระพนั วิชาหนึ่งขอท่าน อํานาจจติ ของ หลวงพอ่ กลัน่ นน้ั มากมาย ทา่ นถงึ แกม่ รณภาพเม่ือปี พ.ศ.๒๔๗๗ ตรงกบั รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอย่หู ัวและพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล พระอฐั มรามาธิบดนิ ทร ประวัติหลวงพ่ออ้ัน วัดพระญาติการาม หลวงพอ่ อน้ั เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๔๓๕ โยมบดิ าชอ่ื นายคลา้ ย ศภุ สขุ โยมมารดาชอ่ื นางสมบุญ ศภุ สุข ส่วนชาติภมู ิของทา่ นคือบา้ นท่าหิน ต.ธนู อ.อุทยั อยธุ ยา มีพนี่ อ้ งร่วมบิดา-มารดา ๗ คน หลวงพ่ออั้น บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสมี า วัดพระญาตกิ าราม เมอื่ วนั ที่ ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๔๕๖ โดยมี หลวงพอ่ กลน่ั ธมมฺ โชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อฉาย คงคฺ สุวณฺโณ (เมอ่ื คร้ังยังดาํ รงสมณศักด์ิที่ พระ ครรู ัตนาภิรมย์) วัดตองปุ เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ จนเมอื่ พระอุปัชฌาย์ถงึ มรณภาพเมื่อ พ .ศ.๒๔๗๗ จงึ ได้ก้าวขน้ึ เป็นเจา้ อาวาสสืบแทน (โดยใช้คาํ นําหนา้ นามว่า พระอธิการอั้น) มรณภาพ เมือ่ วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๑๒ ด้วยโรคลมปัจจุบนั และพระราชทาน เพลงิ ศพในพ.ศ.๒๕๓๖88 88 เมธี ไทยนกิ ร , พระอปุ ช๎ ฌายก์ ลนั่ ธมฺมโชติ สุดยอดพระเกจิแหง่ เมอื ง กรงุ เกา่ นติ ยสารลานโพธ์ิ ฉบับท่ี ๑๐๕๐-๑๐๕๑ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๓
167 หนงั ใหญว่ ัดกษัตราธริ าชวรวิหาร อยุธยา สถานทตี่ ง้ั วัดกษตั ราธริ าชวรวหิ าร ต.บ้านปูอม อ.พระนครศรอี ยุธยา จ.พระนครศรีอยธุ ยา ชว่ งระยะเวลาประมาณ รัชกาลท่ี ๕ –รชั กาลที่ ๙ (พ.ศ.๒๔๖๒-๒๕๒๒) ผ้อู ปุ ภัมป์หนงั ใหญ่ พระวิสุทธาจารเถร (หลวงปุูเทยี ม) สรุปลาํ ดบั เหตุการณห์ นังใหญ่วดั กษัตราธริ าชวรวหิ าร อยุธยา ตามเวลาปีพทุ ธศักราช(พ.ศ.) ดงั น้ี พ.ศ.๒๔๔๗ ปีเกิดหลวงปูเุ ทยี ม พ.ศ.๒๔๖๒ หลวงปเูุ ทยี มเรยี นสลกั หนังใหญ่และสามารถออกแสดงได้ (อายุ ๑๕ ปี) พ.ศ.๒๔๖๗ หลวงปุเู ทยี ม บรรพชาอปุ สมบท พ.ศ.๒๖๘๗ หลวงปูเุ ทียม เปน็ เจ้าอาวาสวัดกษตั ราธิราชวรวหิ าร พ.ศ.๒๕๒๒ หลวงปเุู ทยี ม มรณะภาพ กลา่ วกันว่ามอบตวั หนงั ใหญท่ ีเ่ หลอื กับกรมศิลปากร ประวตั หิ ลวงปูเุ ทียม89 พระวสิ ุทธาจารเถร หรือ หลวงปูุเทยี ม มนี ามเดมิ วา่ เทยี ม หาเรือนศรี เกิดเมอื่ วนั เสารท์ ่ี ๑๐ ธันวาคม ๒๔๔๗ ณ ต .บ้านปูอม หมู่ ๗ อ.พระนครศรีอยธุ ยา เปน็ บตุ รของนายสุ่นและนางเลียบ อาชีพทาํ นา เริ่มต้น การศกึ ษาภาษาไทยกบั พระภิกษมุ อญและอาจารยป์ ิ่น ทีว่ ดั กษตั รา ควบคูไ่ ปกับการเรียนวชิ าชา่ งทง้ั การเขียน และการแกะสลกั ตอ่ มาไดฝ้ ากตัวเปน็ ลกู ศิ ษย์อาจารยจ์ นั ทร์เพอ่ื เรียนภาษาขอม อายุ ๑๕ จึงไดล้ าไปช่วยบิดา ทํานา แตด่ ว้ ยเปน็ ผใู้ ฝุเรยี นร้จู งึ ได้เรียนวิชาต่างๆ มากมาย โดยเริม่ เรียนวชิ าไสยศาสตรแ์ บบลงผงลงยนั ตก์ บั ลงุ ช่อื อาจารยท์ รัพย์ เรียนวชิ าธาตุกสณิ กับนายเงิน วชิ าประดบั ตกแต่ง ก่อสรา้ ง กับนายชมและนายเชย วิ ชา 89 ประวตั หิ ลวงพอ่ เทียม วดั กษตั ราธิราชวรวหิ าร แหลง่ ทม่ี า http://www.krusiam.com
168 กระบี่กระบองกับบิดา การเปาุ ปช่ี วากบั พชี่ าย จนสามารถออกแสดง ตามงานพธิ ตี า่ งๆ ควบคู่กับการรบั จ้าง เปน็ ชา่ งไม้ นอกจากนน้ั ได้หดั แกะ หนงั ใหญ่และแสดงได้ คร้ันเมื่ออายคุ รบ ๒๐ ปีบรบิ รู ณไ์ ดเ้ ขา้ พิธีอปุ สมบท โดยมีพระครวู ินยานุวตั ิคณุ เจา้ อาวาสวดั กษตั ราธิ ราช เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ ไปศึกษาปฏิบัตธิ รรม ณ สํานักเรยี นวัดประด่ทู รงธรรมและวิชาท่ีสาํ นกั อืน่ จนถงึ พรรษา ที่ ๙ ไดก้ ลับมาอยทู่ ่ีวัดกษัตราธิราช กระท่ัง พ .ศ.๒๔๘๗ เม่ือตาํ แหนง่ เจ้าอาวาสว่างลงจงึ ได้รับแตง่ ตงั้ เป็นเจา้ อาวาส หลวงพ่อเทียม เปน็ พระเกจเิ กา่ ที่มีวิทยาคมและพทุ ธาคมสงู วัตถุมงคลของทา่ น อาทิ ตะกรุดหลวงปุู เทยี ม หรือเหรยี ญวตั ถุมงคล มชี อื่ เสียงในด้านอยยู่ งคงกระพัน แคลว้ คลาดปลอดภยั จนเป็นทป่ี ร ะจักษ์แก่คณะ ศิษย์ทใี่ ห้ความเลอื่ มใสศรัทธาโดยเฉพาะตะกรุดมหาระงบั วดั กษัตราธริ าช เปน็ ทโี่ ดง่ ดังมาก หลวงปเูุ ทียมละ สงั ขารลงอย่างสงบ เมอื่ วนั ที่ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๒๒ สิรอิ ายุ ๗๕ ปี ๕๕ พรรษา เปรม หาเรอื นชีพ วัย ๗๐ ปี ทายาทศิลปนิ ในชุมชนวัดกษตราธริ าชวรวหิ ารเล่าวา่ หลวงพอ่ เทยี มเปน็ คนท่ีต้ังใจทาํ อะไรแล้ว ต้องทาํ ให้ไดท้ ําใหส้ าํ เร็จ เป็นผ้สู นใจงานชา่ งสิบหมู่และศลิ ปการแสดงมาต้งั แต่วัยเดก็ เมอ่ื บวชเป็นพระจนมาเปน็ เจา้ อาวาสไดใ้ ห้การสนบั สนนุ ให้มกี ารแสดงหลายอยา่ งไมว่ า่ จะเปน็ หนังเล็ก(ตะลงุ ) หนงั ใหญ่ กลองยาว ป่พี าทย์ กระบ่ีกระบอง ในบางครง้ั ลงมอื ฝกึ สอนเอง สมยั ทเ่ี ล่นหนังใหญ่กันจะมีพ่อ พากยร์ อ้ งเลน่ ดนตรี (ครไู ปล่ หาเรือนชพี อายุ ๙๗ ปี : พ.ศ.๒๕๕๗) ลุงเจยี ร, ลุงขาว ลงุ เฟี้ยม ผาเดช เชิดหนงั มี ลุงขาว เปาุ ปี่ เท่าท่ีจาํ ได้ คนท่เี ชิดหนังตะลงุ ก็เชิดไป จะไมม่ า เก่ียวกับหนังใหญ่
169 หนังใหญ่วัดกษัตราฯ น่าจะมีประมาณ ๑๐๐ กว่าตัว เปน็ หนังขาวดาํ (หนังกลางคืน) ตวั หนังสว่ นหน่งึ ได้มาจากวัดปอู มแก้ว เพราะเจ้าอาวาสกเ็ ป็นเครอื ญาติกัน เขาว่ามีคนเอามาไว้ที่วัด (ปอู มแก้ว) ท่วี ัดเขาไม่มคี น เป็นหนัง ไดม้ าหลวงพอ่ เทียมฝึกเอง และแกะหนงั เพ่ิมเติมอกี เล่นศกึ กมุ ภกรรณ ศึกอนิ ทรชติ และนางลอย มีอยู่ครงั้ หนึ่งไปเลน่ ที่วัดลอดชา่ งหน้านํ้า(ท่วม)ด้วย ก็ตง้ั จอกนั กลางน้าํ ข้างศาลาวดั พอจะเลน่ เบิกโรง เลน่ จบั ลิงหัวค่าํ กนั คนในคณะก็ตกใจหาลิงข าวไมเ่ จอ หาแลว้ หาอกี ก็ไม่เจอ ลงิ ขาวลงิ ดาํ ตอ้ งออกจอแล้ว ปรากฏว่า ได้ยนิ เสียงจ๋อมแจม๋ ๆๆ เหมอื นใครวา่ ยนํา้ มา เป็นหนังลิงขาววา่ ยน้ํามา และปนี ขึ้นจอหนงั สร้าง ความตกตะลึงแกผ่ คู้ นในวนั นั้นและกลา่ วขานกันมาจนถงึ ทกุ วนั น้ี ซงึ่ ไม่ใชต่ ํานานเพราะผู้ให้สัมภาษณก์ ลา้ ยืนยนั (เปรม หาเรอื นชีพ ) เพราะอย่ใู นเหตกุ ารณต์ ลอด “หนังลิงขาวตัวนน้ั ทาํ จากหนังตายโหง (ตายพราย) และผ่านวิชาอาคม”90 ระยะหลงั ทงั้ หนังเล็กหนงั ใหญ่เริม่ ซบเซาเพราะมสี ิ่งบนั เทงิ อ่นื มาแทนท่ี และด้วยหลวง พอ่ เทยี มเปน็ เกจิอาจารยช์ ่ือดังมีกจิ นมิ นตท์ ว่ั ประเทศและต้องคอยตอ้ นรบั สาธชุ นทม่ี าปรกึ ษาทุกขร์ ้อน หรือ แสวงหาเครอื่ งรางของขลงั จาํ นวนแนน่ ขนัดทุกวันไม่มวี ันหยดุ ตัวหนงั ใหญน่ ั้นใหค้ นเขายมื กันไปกันมา คนื บา้ ง ไม่คนื บา้ ง จนท้ายสุดจึงเหลือติดขา้ งฝากฎุ ิหลวงพ่อเทยี ม ๔ ตวั เมอื่ ติดข้างฝาไว้กน็ ่าจะไม่มใี ครกล้าขอยืมอกี 91 หลงั จากหลวงพอ่ เทยี ม มรณะภาพในปี พ.ศ.๒๕๒๒ เจา้ อาวาสรูปถดั มาได้มอบหนงั ใหญท่ เ่ี หลือพรอ้ ม หนังตะลุงใหก้ รมศิลปากร แตไ่ ม่หลักฐานท่ีสามารถยืนยันได้ว่า หนังใหญ่ชุดดงั กล่าวเกบ็ ไว้ในหนว่ ยงานใดกนั แน่ 90 สมั ภาษณ์ ครูเปรม หาเรือนชพี ,อยธุ ยา ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๗ 91 ครูเปรม หาเรือนชีพ ทายาทศลิ ปิ นหนงั ใหญ่ ชมุ ชนวดั กษัตรธิราชวรวิหาร อยธุ ยา เป็นอดีตพระเอกลิเก ลูกชายของนายไปล่ หาเรือน ชีพ (อายุ ๙๗ ปี ) ครูดนตรีมชี ่ือ และเป็ นหลานป่ เู ปร่ือง หาเรือนชีพ ซงึ่ เป็ นตระกลู ศิลปิ นและชา่ งสิบหมู่
170 หนังใหญว่ ัดตะกู อยธุ ยา สถานที่ตงั้ ตาํ บลตะกู อาํ เภอบางบาล จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ช่วงระยะเวลาประมาณ รัชกาลที่ ๕ – ต้นรชั กาลที่ ๙ (พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๑๖) ผ้ใู หก้ ารอปุ ถัมป์ หลวงพ่อเจมิ เป็นผเู้ รมิ่ ต้นคณะหนังใหญว่ ดั ตะกู หลวงพอ่ เกลี้ยง เป็นผสู้ รา้ งช่ือเสียงให้กบั คณะหนังใหญว่ ัดตะกู สรุปลําดบั เหตกุ ารณห์ นงั ใหญว่ ดั ตะกู อยุธยา ตามเวลาปพี ุทธศักราช (พ.ศ.) ดังนี้ พ.ศ.๒๔๔๓ หลวงพ่อเจยี มซอื้ ตัวหนังใหญม่ าจากอา่ งทอง และใหค้ รูหลาํ มาสอนหนงั ใหญ่ พ.ศ.๒๔๖๓ หลวงพอ่ เกลย้ี ง สร้างรูปปนั้ พระฤาษี “พ่อปูฤุ าษอี รุ ุเวลามหากัสสปะ” พ.ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๔ หลวงพ่อเกลย้ี งได้รบั มอบหนังใหญเ่ พิม่ เตมิ มาจากวัดโคกเสอื อาํ เภอเสนา พ.ศ.๒๕๑๓ หลวงพ่อเกลย้ี งสร้างเหรียญพ่อแก่ วัดตะกู รนุ่ แรก พ.ศ.๒๕๑๖ หนังใหญ่จํานวนกว่า ๓๐๐ ตัว ถูกขายไปทง้ั หมด ในราคา ๑๓,๐๐๐ บาท เหลือแต่สมดุ ไทยบทพากย์หนงั ชุดศึกอินทรชติ ศึกวริ ญุ มุข นางลอย และบทแทรก เพลงพ้ืนบา้ น พ.ศ.๒๕๓๐ พระครูเมตตาธคิ ุณ (หลวงพ่อเกลย้ี ง) มรณะภาพ ประวัติชมุ ชนหนังใหญว่ ัดตะกู วัดตะกู เดิมข้นึ อยกู่ บั อาํ เภอเสนาใหญ่ (อาํ เภอผกั ไหใ่ นปัจจุบัน) ต่อมามกี ารแบ่งการปกครองใหม่ จึง มาขนึ้ อย่กู บั พ้ืนที่การปกครองของอําเภอบางบาล ทีไ่ ดช้ ่ือว่าตําบลวัดตะกู มีตํานานเล่าวา่ บรเิ วณวดั ตะกใู นปจั ุ บันนี้ เดมิ มีตน้ ตะกปู ลูกอยมู่ าก และมตี ้นตะกูตน้ ใหญเ่ ป็นโพรงคนสามารถเข้าไปน่งั เล่นได้ ตอ่ มามีการก่อสร้าง ศาลาวดั จึงตัดตน้ ตะกูบางส่วนออก และต่อมาเปล่ียนชอ่ื วัดเป็น วัดสว่างอารมณ์ แตช่ าวบ้านไม่นยิ มเรียกยงั คง เรยี กว่าวดั ตะกูเหมอื นเดมิ
171 พ.ศ.๒๔๔๓ หลวงพ่อเจยี มซื้อตวั หนงั ใหญ่มาจากอา่ งทอง และให้ ครหู ลํามาสอนหนงั ใหญ่ หลวงพ่อ เจยี ม อดตี เจา้ อาวาสรปู นี้ มีศักดิ์เป็นอาหลวงพ่อเกลี้ยง ทา่ นเปน็ เจา้ อาวาสกอ่ นหนา้ ๓ รูป หลวงพ่อเจียม , หลวงพ่อชม และรกั ษาการเจ้าอาวาส หนังใหญ่ทซี่ ้ือมากล่าววา่ ซื้อมาจากตอนเหนอื ของอ่างทอง ซ่งึ พกิ ดั ที่ว่า นนั้ ตรงกับ ชมุ ชนหนังใหญ่วัดบ้านอฐิ ท้งั เวลาและสถานที่ จงึ เปน็ ไปได้ว่าครูผู้สอนหนังใหญท่ ่ชี ื่อ หลํา อาจเป็น ครทู ่ีมาจากบา้ นอิฐด้วยเช่นกัน สมัยที่หลวงพอ่ เกลีย้ ง ตสิ โชโต (พ.ศ.๒๔๓๕-๒๕๓๐) หรอื พระครูเมตตาธคิ ุณ เปน็ เกจิอาจารย์ที่มี ช่อื เสียงโดยฌฉพาะในแวดวงศลิ ปินดนตรปี พ่ี าทย์นาฏศลิ ป ลเิ ก จะใหค้ วามเคารพศรัทธาอย่างสงู ตอนเปน็ ฆราวาสนน้ั มีความรกั ผูกพนั ธก์ บั ศลิ ปการแสดง และทา่ นเป็นหนึง่ ในนักพากยห์ นงั ใหญแ่ หง่ วัดตกู ต่อมาได้ อุปสมบทและได้รบั แตง่ ตงั้ เปน็ เจ้าอาวาสวดั ตะกนู นั้ ประมาณชว่ ง พ .ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๔ ทา่ นไดร้ ับมอบตัวหนงั ใหญ่ ไม่ทราบจํานวน จากวัดโคกเสอื อาํ เภอเสนา ซ่งึ มีระยะห่างกัน ๗.๙ กโิ ลเมตร ด้วยเหตุผลว่าไม่สะดวกใน การหาทจี่ ดั เก็บหรืออาจเหน็ วา่ ถ้ามาอยรู่ วมสมทบกบั หนงั ใหญ่วดั ตะกจู ะสร้างคุณประโยชนม์ ากกวา่ และไม่ ห่างจากวดั โคกเสือมากนกั หนังวัดตะกูจะเป็นหนังขาวดาํ (หนังกลางคืน)ท้ังหมด มบี ทพากย์ท่ีโดดเดน่ เพราะแทรกบทตลกดว้ ย เพลงพืน้ บา้ นภาคกลางไวอ้ ย่างสนกุ สนานตัวหนงั ใหญ่ วดั ตะกู มจี าํ นวน ๖ ชดุ ดังนี้92 ๑.ตอนศกึ กภุ กรรณ ๒.ตอนศกึ อนิ ทรชิต ๓.ตอนศกึ วริ ญุ จําบัง ๔.ตอนศกึ วิรุญมุข ๕.ตอนศึกทศกรรณฐ์ ๖.ตอนนางลอย 92 สมพนั ธ์ เลขะพันธ์ุ, หนงั ใหญ่วดั ตะกู อาํ เภอบางบาล จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา, 2523
172 หนังใหญค่ รูวน อยธุ ยา สถานท่ีตง้ั ๕๗ หมู่ ๔ ตําบลบา้ นใหมฯ่ อาํ เภอพระนครศรอี ยธุ ยา ชว่ งระยะเวลาประมาณ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ผู้กอ่ ตั้งเจา้ ของคณะ ผู้ควบคมุ ดแู ล รัชกาลที่ ๕ – ต้นรชั กาลท่ี ๙ (ประมาณ พ.ศ.๒๔๓๙-๒๔๘๑) ครูวน เกดิ ผล ครูหงส์ เกิดผล สรปุ ลาํ ดับเหตกุ ารณห์ นังใหญ่ครวู น อยธุ ยา ตามเวลาปีพุทธศักราช (พ.ศ.) ดงั น้ี พ.ศ. ๒๔๐๙ ปเี กดิ ครูวน เกดิ ผล (สมยั ปลายรชั กาลที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๑ ครูวน เกิดผล เสยี ชวี ติ ครูวน เกิดผล ผ้เู ป็นโตโ้ ผมหรสพกรุงเกา่ ทเี่ กิดในชว่ งรชั กาลท่ี ๔ และมชี อื่ ดงั เสียงในชว่ งรัชกาลที่ ๕ ครสู ําราญ เกิดผล ศิลปนิ แห่งชาติ นัน้ เปน็ บตุ รชายครูห งส์และเปน็ หลานปขูุ องครวู น ทีเ่ ป็นหนึ่งในเสาหลักสืบ สานงานป่พี าทยใ์ นนาม วงบ้านใหม่หางกระเบน จากบทความ การเดินทางจากอดีต ของวงป่ีพาทยบ์ ้านใหม่หางกระเบน (พาทยรตั น์) (๑-๒), ของ พิช ชาณฐั ตู้จินดา ได้บันทกึ เรอื่ งราวประวตั ิศาสตร์วงการดนตรีไทยลาํ้ ค่า กล่าวว่า “ครูวน เกิดผล ซง่ึ นอกจาก ทา่ นจะเป็นผ้รู เิ ริ่มก่อตั้งวงปี่พาทย์ ทา่ นยงั เปน็ ผู้กอ่ ต้ัง คณะหนงั ใหญ่ แตรวง ลเิ ก อังกะลุง และเพลงพ้นื บา้ น โดยแบง่ หนา้ ที่กนั ครูวน จะดูปี่พาทย์ นางชอ้ น เกิดผล (ภรรยา) ดแู ลลเิ ก นายหงส์ เกิดผล ลกู คนโตดูแลหนัง ใหญ่ และนางสงั วาล เกดิ ผล (ภรรยานายหงส์) ดแู ลเพลงพนื้ บา้ น ครูสําเรงิ เกิดผล กลา่ วว่า “เท่าท่ีจําได้ ปูวุ นทา่ นคุมปพี่ าทย์ ยา่ ช้อนคมุ ลเิ ก ลูกวงลเิ กมาจากปาุ โมก จังหวัดอา่ งทอง ลกู วงแตรวงใช้คนจากอําเภอบางบาล คนเชิดหนงั ใหญเ่ ปน็ ญาติกันท้งั หมด หนงั ใหญโ่ บราณ
173 ทา่ นเรยี กเป็นศกึ ปุูวนสรา้ งไว้ ๓ ศึก ประมาณ ๑๐๐ กว่าตวั สมยั กอ่ นเวลาไปงานตอ้ งไปเรือยนต์ เพราะมี ทง้ั เครื่องปพี่ าทย์ ตัวหนงั ใหญ่ เคร่อื งลิเก พ่วงไปเป็นลําๆ” ครูจาํ ลอง เกิดผล กล่าวว่า “วงปี่พาทย์บา้ นใหมฯ่ มีขนาดวงตั้งแต่วงปพี่ าทยเ์ คร่อื งหา้ จากนั้นจึงขยบั ขยายมาเป็นเคร่ืองคูแ่ ละเครอ่ื งใหญ่ในทีส่ ดุ ปุวู นทา่ นเป็นคนสร้างมาทั้งนนั้ รวมท้งั นายหงส์ ลูกชายคนโตของปุู วนก็ร่วมเป็นหลักสาํ คญั ด้วย” ประวัติชีวติ ของนายวน เกิดผล ผู้กอ่ ตง้ั วงป่ีพาทยบ์ า้ นใหม่ฯ บรรพบรุ ษุ คนสาํ คัญของตระกูลเกดิ ผล เกิดวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ .ศ. ๒๔๐๙ เชอ้ื สายจีน เดมิ แซต่ ัน ไมป่ รากฏว่าบิดามารด าเปน็ ใคร ดา้ นดนตรี สามารถเปุาปจ่ี นี ได้ เสยี ชวี ิตวนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๘๑ สมรสกบั นางชอ้ น เกดิ ผล (เกดิ วนั ท่ี ๔ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๐๙ พ้ืนเพเดมิ เปน็ คนจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ไมม่ คี วามรู้ความสามารถด้านดนตรีไทย เสียชวี ติ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๙) ท้ังสองมีบุตรธิดารว่ มกันทั้งหมด ๖ คน คือ นางชน่ื กุหลาบแย้ม (เกิดผล) นายหงส์ เกิดผล นายจาํ รสั เกิดผล นายพวง เกิดผล นายสังเวยี น เกิดผล และนางชด พวงประดบั (เกิดผล) นายหงส์ เกดิ ผล ...มีความสามารถในการเชดิ หนังใหญ่ และการแสดงโขน ทง้ั ยงั เปน็ กาํ ลังสาํ คญั ทชี่ ว่ ย พฒั นาวงปพ่ี าทยบ์ ้านใหม่ฯ ใหม้ คี วามเจริญทัดเทยี มวงป่พี าทย์คณะอน่ื ๆ ในยา่ นนนั้ 93 กาํ นันสาํ ราญ เกิดผล ศลิ ปินแหง่ ชาติ หลานปุคู รวู น และลกู ครูหงส์ เกิดผล ทายาทศิลปินหนังใหญ่ คณะครวู น เล่าความทรงจาํ เก่ียวกับหนังใหญ่ใหฟ้ งั ว่า ตอนเดก็ ๆยงั ทนั เหน็ พอ่ เชดิ หนงั (ครูหงส์ ) ได้ซกั พักใหญ่ ยังเคยไปเลน่ ป่พี าทยป์ ระกอบหนังใหญ่ จําไดว้ า่ พอโหมโรงจบเสมอ ตัวหนงั (หนังเจ้าหรอื หนงั ครู)ก็ออกหน้าจอ แล้ว “วันสุดทา้ ยทป่ี ุู(ครูวน)จะเสยี ท่บี า้ นเขาก็แจ้งขา่ วไปพระนคร ตนเองกร็ บี นง่ั เรือมาจากทา่ เตียน กว่าจะ ถึงถงึ บ้านกต็ อนตี ๑ ตีระนาดเดย่ี วกราวใน ตามท่ปี ูุต้ังใจรอคอยทีจ่ ะฟงั พอถงึ ตี ๔ ปูกุ ็เสีย ปไุู มส่ มบตั ิอะไรติดตวั นอกจากเครอ่ื งปพี่ าทย์ ลเิ ก หนังใหญ่ฯ ไรน่ าไม่มี เราเป็นพวกเต้นกนิ รํากนั จรงิ ๆ”94 93 พิชชาณฐั ตจู้ ินดา, การเดนิ ทางจากอดีต ของวงป่พี าทยบ์ ้านใหมห่ างกระเบน (พาทยรัตน์) [ออนไลน์], แหลง่ ทีม่ า www.thailifemusic.com 94 สมั ภาษณ์ ครูสาราญ เกิดผล (ศิลปิ นแหง่ ชาต)ิ , บ้านพาทยรตั น์ บางบาล พระนครศรีอยธุ ยา, ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๗
174 ชุมชนหนังใหญท่ ีย่ ังรอการสบื คน้ หนังใหญ่วดั โคกเสือ อําเภอเสนา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา สถานทีต่ ัง้ ๓๖ หมู่ ๔ ตาํ บลบา้ นแพน อําเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชว่ งระยะเวลาประมาณ กอ่ นรัชกาลท่ี ๘ (ก่อนพ.ศ.๒๔๘๔) ประวัตชิ มุ ชนหนงั ใหญ่วดั โคกเสือ มีตาํ นานชาวบ้านแพนเลา่ วา่ แตเ่ ดิมมสี ําเภาใหญล่ ่องมาทางคลองรางจระเข้ โดยหารูไ้ ม่วา่ บริเวณ ปากคลองนีม้ ีกระแสนํ้าวนเช่ียวกราก สาํ เภาจึงเสียการ ทรงตัวกระแทกเขา้ ริมตลิง่ แลว้ บา่ ยหวั ไปอีกทาง กระทบกระทั่งทุกอย่างทข่ี วางหน้าอย่างไร้ทิศทาง จนเรอื ลว่ งเข้าสู่ทา้ ยคลองจงึ จมลงอยา่ งสงบนง่ิ มีเพียง เสากระโดงโผล่ขึน้ เหนือนํา้ ส่วนขา้ วของและสัมภาระทีต่ ดิ มากับเรอื ต่างลอยกระจายอยทู่ ว่ั ไป ชาวบา้ นที่เหน็ เหตุการณ์ ต่ างเขา้ ชว่ ยตามกาํ ลัง สว่ นหน่งึ ลากเอาเส่อื ลําแพนที่ลอยไปตดิ เนนิ ดินข้นึ ตากจนแหง้ ภายหลงั จึงเรยี กชือ่ แหง่ นนั้ วา่ ”บ้านแพน” ส่วนเสือ่ กกทล่ี อยไปติดใกล้โคกใหญช่ าวบ้านไดช้ ่วยกนั นําตากบนโคกจึงเรยี กบรเิ วณนั้นวา่ “โคกเสอื่ ” โคกเสอื่ เปน็ พน้ื ที่ของวัดทส่ี ร้างมาสมยั อยธุ ยาเชน่ กัน โดยยังคงปรากฎเคา้ รอยของวิหารเกา่ แต่มีการ บูรณะขน้ึ ใหม่ ภายหลงั คนท่วั ไปจงึ เรียกชอ่ื วดั ตามชื่อเหตกุ ารณแ์ ละเพยี้ นมาเป็น “วัดโคกเสือ” ในปจั จุบัน95 อกี หนง่ึ คาํ บอกเลา่ ซงึ่ มคี วามนา่ สนใจไม่นอ้ ย กลา่ ววา่ เดมิ วดั โคกเสือ ต้ังอยใู่ นเขตตาํ บลบา้ นโพธ์ิ ฝง่ั ตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ี่ต้งั ปัจจบุ นั เป็นทเี่ นินสูง เรยี กวา่ “ โคก”ชาวพ่อค้ามักนาํ เส่อื หมอนทนี่ อนตา่ ง ๆ มาผึง่ แดด บรเิ วณนจ้ี ึงเรียกกันว่า“วดั โคกเส่อื ”ต่อมาเม่ือไดย้ ้ายวดั มาสรา้ งขึ้นท่ีบรเิ วณน้แี ล้วจงึ เรยี กนามวัดวา่ “วดั โคก เส่อื ”ตามไปดว้ ย ผดู้ าํ เนินการสร้างวดั คอื นายเอีย่ ม น ายดี และนายรน่ื สรา้ งขึ้นในที่ดนิ ของตน ในนาม \"วัดอมั พวนั นาราม\" หมายถงึ วดั สวนมะมว่ ง เพราะมมี ะม่วงมาก แตป่ ระชาชนไมน่ ิยมเรยี ก มักจะเรียกนานเดมิ ต่อๆ 95 ตํานานบา้ นแพน[ออนไลน์], แหลง่ ท่ีมา http://library๓๑๒๒.blogspot.com/p/blog-page_๑๐๖๔.html
175 มา ไดเ้ รยี กเปน็ “วดั โคกเสือ” และนานวนั เขา้ ได้กลายมาเปน็ วดั โคกเสือ \"ทางวดั จึงใช้นามนส้ี บื ตอ่ มา และได้รับ พระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมื่อวนั ท่ี ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ สมยั ทห่ี ลวงพอ่ เกล้ยี ง ตสิ โชโต (พ.ศ.๒๔๓๕-๒๕๓๐) หรอื พระครเู มตตาธคิ ณุ ...ไดร้ บั แตง่ ตั้งเป็นเจ้า อาวาสวัดตะกูนน้ั ประมาณชว่ ง พ .ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๔ ท่านได้รบั มอบตัวหนังใหญ่ ไมท่ ราบจํานวน จากวดั โคก เสือ อาํ เภอเสนา ซึ่งมีระยะหา่ งกนั ๗.๙ กโิ ลเมตร ด้วยเหตุผลวา่ ไม่สะดวกในการหาท่ีจัดเก็บหรอื อาจเหน็ ว่าถา้ มาอยู่รวมสมทบกับหนังใหญว่ ดั ตะกจู ะสรา้ งคณุ ประโยชน์มากกว่า และไม่ห่างจากวัดโคกเสือมากนกั มขี ้อมูล ว่ามลี ูกหลานของครหู นงั ยังเก็บรักษาบทพากยห์ นงั บูชาขึ้นหง้ิ อยู่ในสภาพเก่าเปอ่ื ยผมุ าก ซ่ึ งต้องทําการคน้ คว้า สบื เสาะกนั ตอ่ ไป ๖.หนังใหญ่บางประหนั (หนั สงั บังเพลงิ ) รตต.วชั ระ พจนีย์ ทายาทหนังใหญ่ชมุ ชนวัดพระญาตกิ ารามเล่าให้ฟังว่า เคยไปเจอกับลูกหลานคณะ หนังใหญแ่ ถวบางประหัน แต่ไมส่ ามารถระบไุ ด้วา่ บ้านอย่แู หง่ หลตาํ บลไหน มคี วามสอดคล้องกับคาํ บอกเลา่ ของครูวรี ะ มีเหมอื น ที่เคยมาเจอครโู ขนและบทพากย์หนังใหญ่ที่ “บ้านหนั สัง บงั เพลิง ” ซึงปจั จบุ ัน (พ.ศ. ๒๕๕๗) อยใู่ นเขตอาํ เภอบางประหัน ศลิ ปนิ หนังใหญแ่ ละเรอ่ื งเลา่ หนงั ใหญ่อยธุ ยา ๗.ครูแข พยัฆคิน ครูแข พยัฆคนิ ครูช่างหนังใหญ่ บ้านอยดู่ า้ นหนา้ วดั พระเมรุ พระนครศรี อยุธยา ยงั มีลกู หลานสบื ทอดงานศิลปด์ ้านอนื่ ๆอยู่ หม่อมราชวงศ์จรูญสวสั ด์ิ ศขุ สวสั ด์ิ เลา่ ใหค้ รวู รี ะ มเี หมอื น ฟังว่า ตวั หนงั ใหญใ่ น อยธุ ยาเกอื บทกุ คณะจะเปน็ ฝมี อื สลักของครูแข แทบเสียทั้งหมด96 96 สมั ภาษณ์ ครูวรี ะ มเี หมือน, เร่ืองเดียวกนั
176 ๘.หม่อมราชวงศ์ จรูญสวสั ด์ิ ศุขสวสั ดิ หม่อมราชวงศจ์ รญู สวสั ดิ์ ศขุ สวสั ดิ เปน็ บตุ รคนโตของหม่อมเจ้ากติ ติเดชขจร กับหม่อมจอน ศุขสวสั ดิ เกิดเมื่อวันท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๔๖๑ ณ วังกรมหลวงอดพิ รอุดมเดช พลโทพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงอดิศร อุดมเดช พระองค์เจา้ ศขุ สวสั ดิ์ ซ่งึ เป็นพระอยั กาและตน้ ราชสกุลศขุ สวสั ดิ วงั น้อี ยู่ขา้ งวดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วดั โพธท์ิ ่าเตยี น) อาํ เภอพระราชวัง กรงุ เทพมหานคร ปัจจุบันเป็นกระทรวงพาณิชย์ ภาพท่ี ๕.๑ หม่อมราชวงศ์จรูญสวัสดิ์ ศขุ สวัสดิ ขณะผ้ปู ระกอบพธิ ไี หว้ครูโขนละคร ที่มาของภาพ http://khonmask.blogspot.com ในวัยเด็กไดไ้ ปอยู่กับพระปิตลุ า คือ ม .จ.สืบ ศขุ สวัสดิ ทา่ นมีใจรกั ในเรือ่ งของประณตี ศลิ ป ท่านเข้า เรียนทโ่ี รงเรียนเพาะช่าง (มหาวิทยาลัยเพาะชา่ ง) เม่ือสาํ เร็จแล้วกส็ มรสกบั นางบรรจง ศภุ เวช เมื่อปี ๒๔๙๑ มี บตุ รธิดารวม ๔ คน หม่อมราชวงศ์จรญู สวสั ด์ิ ศขุ สวัสดิ มคี วามชํานาญงานช่างหลายสาขา ท้งั เขยี น ปน้ั แกะ ไม้ ลงรกั ปิดทอง ฉลุสลกั หนังใหญ่ โดยเฉพาะการทาํ หวั โขนท่านไดส้ รา้ งผลงานไวอ้ ย่างมาก แม้ว่าท่านจะไมไ่ ด้ สืบทอดวิชาชา่ งมาจากบรรพบุรษุ แตด่ ้วยความมใี จรักในวิชานี้ ทา่ นไดศ้ ึกษาหาความรู้ด้วยตัวท่านเอง และ ตอ่ มาท่านได้รับคาํ แนะนําจากครูชติ แก้วดวงใหญ่ จึงทาํ ใหท้ ่านมคี วามชาํ นาญเพิ่มขึ้น อกี ทง้ั ท่านเปน็ ผมู้ ี ความรเู้ รื่องการแสดงโขน-ละครได้เป็นอยา่ งดี ท่านไดฝ้ กึ หดั กับคุณครปู ุน เวชาคม นับวา่ เป็นนอ้ งพระยาสุนทร เทพระบาํ เมอ่ื ตอนอายุ ๑๖ ปี ฝึกหดั เป็นตวั พระ ไดอ้ อกแสดงเป็นตวั นายโรงหลายครง้ั เมื่อมีอายมุ ากขึน้ จึง ได้รบั มอบกรรมสทิ ธใิ์ ห้เปน็ ครูผ้ปู ระกอบพิธีไหว้ครูแบบโบราณ จากคุณครูหลายท่าน ไดแ้ ก่ คุณครปู ุน เวชา คม คุณครูหลวงวิลาศวงงาม คุณครูนิม่ โพธิเ์ อยี่ ม นับวา่ ท่านเปน็ ผ้รู อบรูห้ ลายแขนง เปน็ ปชู นียบุคคล อนั หาได้
177 ยากยิง่ ท่านเสยี ชีวิตเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ .ศ. ๒๕๓๘ มที ายาทผ้สู ืบทอดวชิ าช่างทาํ หวั โขนคือบตุ รชาย ๒ ทา่ น ไดแ้ ก่ หมอ่ มหลวง พงศ์สวสั ดิ์ ศุขสวสั ดิ และหมอ่ มหลวงพนั ธ์สวัสด์ิ ศุขสวัสดิ ปจั จุบนั มีอาชีพทาํ หัวโขน อยู่ท่ีจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ทง้ั นีค้ รูวรี ะ มเี หมอื น เป็นลกู ศษิ ย์อีกทา่ นหนึง่ ที่ หม่อมราชวงศ์ จรูญสวัสดิ์ ศุขสวัสดิให้ความเมตตา ถ่ายทอดต่อยอดความรู้งานศลิ ป์ รวมถึงหนงั ใหญใ่ ห้เพ่มิ เตมิ อีกด้วย ครูปุน เวชาคม ครปู นุ เวชาคม เป็นครูของ หมอ่ มราชวงศจ์ รูญสวัสดิ์ ศขุ สวัสดิ มีความเชี่ยวชาญด้านนาฏศิลปไทย หลายแขนงหนงึ่ ในนนั้ คือหนงั ใหญ่ ครอู าคม สายาคม ไดเ้ คยเขียนบนั ทกึ ถงึ ครปู ุน ไว้ว่า “...คร้ังหน่ึงผู้เขียนได้มี โอกาสเดนิ ไปกับคุณแม่เพีย้ น สายาคม โดยทาํ หนา้ ท่ีคุมเคร่อื งลิเก (นาฏะดนตรี) ไปเลน่ ทีจ่ งั หวดั พระนครศรอี ยุธยา คุณแม่ไดพ้ าไปหาลุงปนุ ซ่ึงมอี าชีพเป็นโต้โผหนงั ใหญ่และการละเล่นอน่ื ๆ ซึง่ เป็นคนที่มชี ่ือ ของอยุธยาในชว่ งนั้นกรงุ เทพไมม่ กี ารเลน่ หนงั ใหญ9่ 7” (หลัง พ.ศ. ๒๔๗๕) ๑๐.ครูเปยี ครูเปยี ช่อื ของท่านกลา่ วถงึ ในประวตั ิหนงั ใหญว่ ัดสวา่ งอารมณ์ สงิ ห์บรุ ี ว่านท่านน้ันเปน็ หัวหน้า คณะหนงั เรท่ อ่ี พยพหลบหนภี ยั สงครามในกรุงศรีอยุธยา แลว้ ได้นําหนงั ใหญส่ ่วนหนึง่ มาถวายหลวงพอ่ เรือง ทา่ นได้รบั การยกย่องวา่ มคี วามสามารถในการเชิดและพากยห์ นังใหญ่มาก ท่านไดฝ้ ึกหดั ใหช้ าวบ้านบางมอญ แสดงหนงั ใหญ่ โดยศษิ ย์เอกทไี่ ด้รับการถ่ายทอดจนมีชือ่ เสยี งสืบมาคือ กํานนั นวม ศภุ นคร หรือขุนบางมอญกิจ ประมวล ซ่ึงเป็นตน้ ตระกลู \"ศุภนคร\" ๑๑.หนงั ใหญแ่ สดง ท่วี ัดตะโหนด นครหลวง รองศาสตราจารยบ์ ญุ เสริม ภู่สาลี เลา่ วา่ ช่วงตอนเปน็ เด็กอายุ ๕-๗ ขวบ ประมาณ พ .ศ.๒๔๙๐- ๒๔๙๒ เคยมคี ณะหนงั ใหญ่จากอา่ งทอง หรอื สงิ ห์บุรี มาแสดงในงานศพ ที่วัดตะโหนด อําเภอนครหลวง มที ้ัง 97 ดร.อนกุ ูล โรจนสขุ สมบูรณ์ การเชดิ หนงั ใหญว่ ัดสวา่ งอารมณ์ จงั หวดั สงิ หบ์ รุ .ี ๒๕๔๒, หน้า ๔๑
178 ผู้ใหญ่เและเด็กเชดิ หนงั ตนเองเคยไปช่วยเขาเคาะเกราะ (หรอื อาจจะเป็นโกร่ง) ตอนฉากลิงกบั ยักษ์สรู้ บกนั และชว่ ยร้องรบั คาํ วา่ “เพย้ ” พรอ้ มกันหลังตะโพนท้ากลองทดั รับดว้ ย ตัวหนงั ใหญ่เป็นหนังสีดําสเี ดยี ว (หนังกลางคนื ) วงป่ีพาทยก์ ็มาพรอ้ มกบั หนงั ตั้งเคร่อื งหนั ประจนั จอ หนังฝงั่ เดยี วกบั คนดู คนพากย์เสียงดงั ฟังชัด น่ังหน้าวงปพี่ าทย์ สมยั ก่อนยงั ไมม่ ีเครือ่ งไฟขย ายเสยี ง คือไฟฟาู ยงั ไม่มีใช้ เขาใช้ตะเกยี งเจ้าพายุ จดุ ส่องแสงเงาตอนเล่นหนัง ตอนเขาข้ึนจอก็ไปชว่ ยเขาดงึ จอต้ัง เขาจะขงึ จอ กบั ไม้ไผ่ ใหเ้ รยี บรอ้ ยตรงพ้ืนราบกอ่ น จากนั้นแบ่งขา้ ง พวกหนึ่งดึงเชือก(เชอื กมะนิลา) อีกฝง่ั คอยผอ่ นเชอื ก ...งานศพเมรลุ อย เขาจะเผาจริงกต็ อน เที่ยงคนื หนงั จะเล่นกอ่ นเผา ในงานมมี หรสพอื่นๆด้วยไมว่ ่าจะ เปน็ ลเิ ก ละคร แตช่ ่วงทห่ี นงั ใหญ่ทําพธิ ไี หวค้ รู (เบิกหนา้ พระ) การแสดงทกุ ชนดิ เขาจะหยดุ นิ่งกนั หมด บรรดา ศิลปนิ แต่ละคณะจะพนมมือไหว้ แมแ้ ตต่ อนแสดงหนงั ใหญ่ช่วงพิธศี พ (หนงั หน้าไฟ) ก็จะไมม่ กี ารแสดงอื่นมา เลน่ รบกวน เพราะศลิ ปินเขาถือว่าหนังใหญ่เป็นมหรสพสงู สดุ ...หลงั จากวันน้ันไมเ่ คยเห็นการแสดงหนังใหญท่ ่ี อยธุ ยาอีกเลย98 98 สมั ภาษณ์(ทางโทรศพั ท)์ รองศาสตราจารยบ์ ญุ เสริม ภสู่ าล,ี (อายุ ๗๒ ปี) ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
179 หนังใหญ่ลพบุรี หนงั ใหญจ่ งั หวดั ลพบุรี ทค่ี น้ พบมีจํานวน ๓ วดั และ ๑ พิพธิ ภัณฑ์ เรม่ิ จากหนังใหญ่หลวงพ่อพริ้ง วดั โบสถ์ ตาํ บลโก่งธนู ซึง่ ในอดีตทว่ี ดั นี้มี ทั้งโขนพากย์นงั่ ราวและหนังใหญ่ ต่อมาตัวหนงั ถกู สง่ ต่อใหก้ ับวดั สว่าง อารมณ์ จงั หวดั สงิ หบ์ ุรี ถดั มาคือหนงั ใหญ่หลวงพอ่ ป่นั วัดตะเคยี น ตาํ บลทา้ ยตลาด แต่ก่อนทว่ี ัดแหง่ น้เี ปน็ ศนู ย์รวมมหรสพพนื้ บ้านไวไ้ ด้อย่างครบครนั ครง้ั หน่ึงมคี นขโมยหนงั ใหญ่ส่วนหนงึ่ ไปขายทกี่ รุงเทพ ฯ จึงมีการ จัดมอบหนงั ใหญใ่ ห้กรมศลิ ปากรดูแลรกั ษา วัดสดุ ท้ายคอื วดั หรรษา ทไ่ี มท่ ราบท่มี าของตัวหนัง แต่ทราบท่ีไปว่า ปจั จุบนั หนงั ใหญ่สว่ นหนึ่งอยทู่ พี่ ิพิธภณ์ ฑ์ในลพบุรี และพิพิธภณั ฑใ์ นอิตาลี จํานวน ๗๕๐ ตวั ดังจะขอ กลา่ วถึง ตามทไ่ี ดศ้ ึกษาเบื้องต้น ดงั น้ี ชมุ ชนหนังใหญ่และสถานที่เกยี่ วข้องกับหนังใหญ่ในลพบุรี ๑.หนงั ใหญว่ ดั โบสถ์ โก่งธนู ๒.หนงั ใหญว่ ัดตะเคยี น ๓.หนงั ใหญว่ ดั สําราญ ๔.พิพธิ ภณั ฑ์สถานแหง่ ชาติ สมเดจ็ พระนารายณ์ ๑.หนังใหญ่วัดโบสถ์ โก่งธนู “โขนราวหน้าจอหนงั -โขนตดิ หนัง” สถานทตี่ งั้ หมู่ ๔ ต.โก่งธนู อ.เมอื ง จ.ลพบุรี ชว่ งระยะเวลาประมาณ ปลายสมัยรัชกาลที่ ๖ (พ.ศ.๒๔๖๘-ไม่สามารถระบไุ ด้) ผรู้ ิเร่ิมและอุปถมั ปห์ นังใหญ่ พระครปู ระสาทวรคุณ (พรง้ิ มณีธาโน)
180 สรปุ ลาํ ดบั เหตุการณห์ นังใหญ่วัดโบสถ์ โก่งธนู ตามเวลาปพี ุทธศักราช (พ.ศ.) ดังนี้ พ.ศ.๒๔๖๘ หลวงพ่อพร้งิ เป็นเจา้ อาวาส และสนับสนุนมหรสพโขน(นงั่ ราว) และหนงั ใหญ่ พ.ศ.๒๔๗๔ หนังใหญว่ ัดโบสถ์ ไปอยทู่ ี่วัดสว่างอารมณ์99 ประวตั หิ ลวงพ่อพรง้ิ ผู้ริเร่มิ หนงั ใหญว่ ัดโบสถ์ โกง่ ธนู พระครปู ระสาทวรคุณ (พริ้ง มณธี าโน ) อายุ ๘๔ พรรษา ๖๔ นามเดมิ ชอ่ื พริง้ นามสกลุ เพง็ รอด เกิดเมื่อวันท่ี ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๓ บิดาชอ่ื นายดกึ มารดาช่ือ นางแสง นามสกลุ เพ็งรอด บา้ น คุ้งนามอญ ตําบลโกง่ ธนู อ .เมือง จ.ลพบุรี มพี นี่ ้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คนคือ๑. หลวงพ่อพริ้ง เพง็ รอด ๒. นางผลบ ไข่หงส์๓. นายกรู่ เพง็ รอด๔. นายโหน่ง เพ็งรอด๕. นายบา่ ย เพง็ รอด๖. นางสาวสาคร เพง็ รอด อปุ สมบทเมอ่ื วนั ที่ ๒ เมษายน พ .ศ. ๒๔๖๓ ณ พทั ธสมี าวดั ญาณเสน ตาํ บลโก่งธนู อําเภอเมือง จังหวดั ลพบุรี หลวงพ่อหลาํ เจ้าอาวาสวัดญาณเสนเป็นอุปชั ฌายะ หลวงพอ่ แสน วัดญาณเสนเป็นกรรมวาจารย์ หลวง พ่อฝอย วัดญาณเสน เปน็ อนุสาวนาจารย์ เมือ่ อปุ สมบทแล้ว ๕ พรรษาได้ปกครองวัดและเปน็ เจ้าอาวาสวดั โบสถ์ตําบลโกง่ ธนู เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พ .ศ. ๒๔๖๘ เป็นตน้ มา เปน็ เจา้ คณะตําบลโก่งธนูเมอื่ ๒๙ กันยายน พ .ศ. ๒๔๘๐ และได้รบั พระราชทานเลือ่ นสมณศกั ดิ์เป็นพระครชู น้ั สญั ญาบตั รท่ี พระครปู ระสาทวรคณุ เม่ือปี พ .ศ.๒๔๘๔ และไดร้ ับ เล่อื นสมณศักด์ิเป็นพระครูสญั ญาบัตรช้ันโท ในปี พ .ศ.๒๔๙๖ ทําการปกครองและพฒั นา วดั โบสถ์ จนถงึ ช่วง ปลายอายขุ ัย ทา่ นไดม้ รณภาพเมอ่ื วันท่ี ๒๔ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๕๒๗ เวลา ๑๖.๓๐ น. สิริอายุได้ ๘๔ พรรษา ๖๔ จากประวตั ิความเปน็ มาของหนังใหญว่ ดั สว่างอารมณ์บันทึกวา่ พ.ศ.๒๔๗๔ ครเู ช้อื ศุภนคร นายหนัง ไป ซื้อหนงั ใหญ่ ชุดตอนศกึ พระมงกฏุ พระลบ วัดโบสถ์ โก่งธนมู าเพ่ิมขนมาทางเรือ (น่าจะใช้เส้นทาง แม่น้ํา ลพบุรี) มอบหมายใหน้ ายครา้ มเป็นคนซอ้ื นั่นแสดงวา่ มีการเล่นหนงั ใหญใ่ นวดั โบสถเ์ ป็นเวลาอย่างนอ้ ย ๖ ปี ระหวา่ งพ.ศ.๒๖๘-๒๔๗๔ หากนบั จากปที ห่ี ลวงพ่อพริ้งเปน็ เจ้าอาวาส ซง่ึ ไม่ทราบว่าก่อนหน้านห้ี นงั ใหญม่ า จากไหนหรอื ใครเป็นผู้สร่างหนงั ใหญ่ชดุ วดั โบสถแ์ ห่งนี้ 99ครเู ชื้อ ศภุ นคร นายหนงั ไป ซอ้ื หนงั ใหญ่ ชดุ ตอนศึกพระมงกุฏพระลบ วัดโบสถ์ โก่งธนมู าเพม่ิ ขนมาทางเรอื (น่าจะใช้เส้นทาง แม่น้าํ ลพบรุ ี ) มอบหมายใหน้ ายครา้ มเป็นคนซอ้ื อ้างจากประวัตหิ นงั ใหญ่วัดสว่างอารมณ์ : พ.ศ.๒๔๗๔, เร่ืองเดียวกนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361