Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่1 ไฟฟ้าและแม่เหล็ก

หน่วยที่1 ไฟฟ้าและแม่เหล็ก

Published by khaimook spp, 2022-08-02 17:36:46

Description: หน่วยที่1 ไฟฟ้าและแม่เหล็ก

Search

Read the Text Version

การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) เกณฑก์ ารให้คะแนนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการทดลอง ประเด็นการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 1.การวางแผนการ เตรียมตัวทดลองโดย เตรียมตัวทดลองมา ไม่มีการเตรียมตัว ไม่มีการเตรียมตัว ทดลองและเตรียม ก า ร ว า ง แ ผ น ก า ร บ้างโดยการวาง สาหรับการทดลอง สาหรับการทดลอง อุปกรณ์ก่อนการ ทดลองล่วงหน้า และ แผนการทดลอง แ ต ่ ส า ม า ร ถ ว า ง ไ ม ่ ส า ม า ร ถ ว า ง ทดลอง เตรียมอุปกรณ์ก่อน ล่วงหน้าเล็กน้อย แผนการทดลองได้ แผนการทดลองได้ การทดลองมีความ และเตรียมอุปกรณ์ แ ล ะ จั ด เ ต ร ี ย ม และไม่จัดเตรียม พร้อมส าหรับการ ก่อนการทดลองมี อุปกรณ์การทดลอง อุปกรณ์การทดลอง ทดลอง ความพร้อมสาหรับ ก่อนการทดลองได้ ก่อนการทดลอง การทดลอง 2.การทดลองตาม ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ทดลองไม่ถูกต้อง แผนที่กาหนด และขั้นตอนที่กาหนด แ ล ะ ข ั ้ น ต อ น ที่ แ ล ะ ข ั ้ น ต อ น ท่ี ตามว ิธ ีการและ ไว้อย่างถูกต้องด้วย ก า ห น ด ไ ว ้ ด ้ ว ย กาหนดไว้โดยมีครู ขั้นตอนที่กาหนดไว้ ตนเองมีการปรับปรุง ตนเองมีการปรับ หรือผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ปรงุ แก้ไขบา้ ง แนะนา แก้ไข 3.การใช้อุปกรณ์และ ใ ช ้ อ ุ ป ก ร ณ ์ แ ล ะ ใ ช ้ อ ุ ป ก ร ณ ์ แ ล ะ ใ ช ้ อ ุ ป ก ร ณ ์ แ ล ะ ใ ช ้ อ ุ ป ก ร ณ ์ แ ล ะ เครื่องมอื เครื่องมือในการ เครื่องมือในการ เครื่องมือในการ เครื่องมือในการ ทดลองได้ อ ย ่ า ง ทดลองได้อย่าง ทดลองได้อย่าง ทดลองไม่ถูกต้อง ถ ู ก ต ้ อ ง ต า ม ห ลั ก ถูกต้องตามหลัก ถูกต้องโดยมีครู แ ล ะ ไ ม ่ ม ี ค ว า ม ปฏ ิบัติและค ล ่ อ ง ปฏิบัติแต่ไม่คล่อง หรือผู้อื่นเป็นผู้ คล่องแคล่วในการ แคลว่ แคล่ว แนะนา ใช้

ประเด็นการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 4.การบันทึกผลการ บันทึกผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทึกผลไม่ครบ ไม่ ท ด ล อ ง แ ล ะ ก า ร อ ย ่ า ง ถ ู ก ต ้ อ ง มี อย่างถูกต้อง มี แต่ไม่เป็นระเบียบ มีการระบุหน่วย สรปุ ผลการทดลอง ระเบียบ มีการระบุ ระเบียบ มีการระบุ ไม่มีการระบุหน่วย และไม่เป็นไปตาม หน่วย มีการอธิบาย หนว่ ย มีการอธิบาย และไม่มีการอธิบาย การทดลอง สรุปผล ข้อมูลให้เห็นความ ข ้ อ ม ู ล ใ ห ้ เ ห็ น ข ้ อ ม ู ล ใ ห ้ เ ห็ น ก า ร ท ด ล อ ง ต า ม เช่ือมโยงเปน็ ภาพรวม ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ์ ความสัมพันธ์ของ ความรู้ที่พอมีอยู่ เป็นเหตุเป็นผล และ เ ป ็ น ไ ป ต า ม ก า ร การทดลอง สรุปผล โดยไม่ใช้ข้อมูลจาก เ ป ็ น ไ ป ต า ม ก า ร ทดลอง สรุปผลการ การทดลองได้ โดย การทดลอง ทดลอง สรุปผลการ ทดลองได้อ ย ่ า ง มีครูหรือผู้อื่นเป็นผู้ ท ด ล อ ง ไ ด ้ อ ย ่ า ง ถูกต้อง แต่ยังไม่ แ น ะ น า บ ้ า ง จึ ง ถ ู ก ต ้ อ ง ก ร ะ ชั บ ครอบคลุมข้อมูล สามารถสร ุ ป ไ ด้ ชัดเจน และครอบ จากการวิเคราะห์ ถูกตอ้ ง คลุมข้อมูลจากการ ท้ังหมด วเิ คราะห์ทั้งหมด 5.การดูแลและการ ดูแลอุปกรณ ์ ห รื อ ดูแลอุปกรณ์หรือ ดูแลอุปกรณ์หรือ ไม่ดูแลอุปกรณ์หรือ เก็บอุปกรณ์ หรื อ เ ค ร ื ่ อ ง ม ื อ ใ น ก า ร เครื่องมือในการ เครื่องมือในการ เครื่องมือในการ เคร่อื งมือ ทดลองและมีการทา ทดลองและมีการ ทดลองและมีการ ทดลองและไม่สนใจ ความสะอาดและเก็บ ท าคว ามสะอาด ทาความสะอาดแต่ ท าคว ามสะอาด อย่างถูกต้องตาม อย่างถูกต้อง แต่ เก็บไม่ถูกต้อง ต้อง รวมทั้งเก็บไม่ถูก หลักการ และแนะนา เกบ็ ไมถ่ กู ต้อง ให้ครูหรือผู้ อื่ น ตอ้ ง ให้ผู้อื่นดูแลและเก็บ แนะนา ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เกณฑก์ ารให้คะแนน ดมี าก 4 หมายถงึ ดี 3 หมายถึง พอใช้ 2 หมายถึง ปรับปรุง 1 หมายถงึ

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ดมี าก 16 – 20 อยใู่ นระดับ ดี 11 – 15 อยู่ในระดับ พอใช้ 6 – 10 อยใู่ นระดับ ปรับปรงุ 1 – 5 อยู่ในระดับ

การประเมินดา้ นเจตคติ (A) เกณฑ์การประเมนิ การทางานรว่ มกับผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ ประเดน็ การประเมิน 3 คะแนน 1 2 1. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชิกกลุ่มทุกคนมีส่วน สมาชิกกลุ่มส่วนใหญ่มี สมาชิกกลุ่มให้ความ ร่วมในการปฏิบัติงาน ส่วนร่วมในการปฏิบัติ ร่วมมอื ในการปฏิบัติงาน กลมุ่ งานกล่มุ กล่มุ เปน็ สว่ นนอ้ ย 2. การว างแผนในกา ร มีการวางแผนและแบ่ง มีการวางแผนในการ ไม่มีการวางแผนในการ ทางาน หน้าที่ในการทางานของ ทางาน แต่ไม่มีการแบ่ง ทางาน และสมาชิกทุก สมาชกิ ครบทุกคน หน้าท่ีให้สมาชิกทกุ คน คนมีหน้าที่ในการท า งานทีไ่ ม่ชัดเจน 3. ร่วมคิดแก้ไขปัญหาใน มีการระดมความคิดใน มีการระดมความคิดแต่ ไม่มีการระดมความคิด ระหวา่ งการทางานกลมุ่ การแก้ไขปัญหาและรับ รับฟังความคิดเห็นไม่ สมาชิกแก้ไขปัญหาเป็น ฟังความคิดเห็นของทุก ครบทุกคน หรือบางคน สว่ นนอ้ ย คน ไมอ่ อกความคิดเหน็ เกณฑ์การให้คะแนน ดมี าก 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถงึ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ดีมาก 7 - 9 อยใู่ นระดบั ดี 4 - 6 อย่ใู นระดับ พอใช้ 1 - 3 อยู่ในระดับ

การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคด์ ้านใฝ่เรยี นรู้ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ดา้ นใฝ่เรยี นรู้ ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งชี้ ตวั ชี้วดั พฤติกรรมบ่งชี้ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน และ 4.1.1 ตง้ั ใจเรยี น เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1.2 เอาใจใส่และมคี วามเพียรพยายามในการเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 4.2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ส่ือ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการ เทคโนโลยีต่างๆ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน และ เลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ เลอื กใช้ส่ือไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยน 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสิง่ ที่เรียนรู้ สรุปเป็นองค์ เรียนรู้ และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ ความรู้ 4.2.3 แลกเปลย่ี นเรยี นร้ดู ้วยวิธีการตา่ งๆ และนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั เกณฑ์การใหค้ ะแนน (ใช้ขอ้ มูลจากการสงั เกตตามสภาพจริงของครูผูส้ อน) พฤตกิ รรมบ่งชี้ 321 ตามข้อ 4.1 – 4.2 เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เอาใจใส่ในการเรียน และมี เรียน เอาใจใส่ในการเรียน เรียน เอาใจใส่ในการเรียน ส่วนร่วมในการเรียนรู้ และ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ และเข้าร่วมกิจกรรมการ และเข้าร่วมกิจกรรมการ ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก เรียนร้ตู ่างๆ บ่อยคร้งั เรียนรู้ต่างๆ เปน็ บางครง้ั โรงเรียนเปน็ ประจา ระดับเกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 3 อยู่ในระดับ ดีเยย่ี ม 2 อยใู่ นระดบั ดี 1 อยู่ในระดบั ผ่าน 0 อยู่ในระดบั ไม่ผ่าน หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์

การประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) แบบประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการทดลอง กลุ่มที่…………. รายชอื่ สมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประเด็นการประเมนิ ระดบั คะแนน 4 3 21 1.การทดลองตามแผนทก่ี าหนด 2.การใช้อปุ กรณแ์ ละเครื่องมือ 3.การบนั ทึกผลการทดลอง 4.การสรุปผลการทดลอง 5.การดแู ลและการเกบ็ อุปกรณห์ รือเคร่ืองมือ รวมคะแนน ผลการประเมนิ อย่ใู นระดบั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดีมาก 4 หมายถงึ ดี 3 หมายถึง พอใช้ 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ 1 หมายถึง เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ดีมาก 16 – 20 อยู่ในระดบั ดี 11 – 15 อยู่ในระดับ พอใช้ 6 – 10 อยู่ในระดบั ปรับปรุง 1 – 5 อยู่ในระดับ

การประเมินดา้ นเจตคติ (A) แบบประเมินการทางานรว่ มกบั ผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ กล่มุ ท…่ี ………. รายชือ่ สมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประเดน็ การประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1. การมีสว่ นรว่ ม 2. การวางแผนในการทางาน 3. ร่วมคิดแก้ไขปัญหาในระหวา่ งการทางานกลุ่ม รวมคะแนน ผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดมี าก 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถงึ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ดีมาก 7 - 9 อยูใ่ นระดับ ดี 4 - 6 อยใู่ นระดับ พอใช้ 1 - 3 อยใู่ นระดับ

การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (ใฝเ่ รยี นรู้) นักเรยี นระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6/1 คาชแ้ี จง: ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน ลาดับ ชอื่ - นามสกุล คะแนน 1 ท่ี 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ดเี ยย่ี ม 3 อยู่ในระดับ ดี 2 อยใู่ นระดับ ผ่าน 1 อยใู่ นระดบั ไมผ่ า่ น 0 อยูใ่ นระดบั หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์

บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการจดั กจิ กรรม ตารางท่ี 1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ (K) ลาดับที่ ระดบั ชนั้ จานวน ดีมาก (4) สรุปผลการประเมนิ รวม นกั เรยี น รวม ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) ลาดับท่ี ระดับชน้ั จานวน สรปุ ผลการประเมิน ปรับปรงุ รวม นักเรียน ดีมาก ดี พอใช้ (1 – 5) 1 ม.6/1 (16 – 20) (11 – 15) (6 – 10) 2 ม.6/3 3 ม.6/4 รวม 4 ม.6/5

บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการจดั กิจกรรม ตารางที่ 3 ผลการประเมินด้านเจตคติ (A) ลาดบั ที่ ระดับชั้น จานวน สรปุ ผลการประเมิน รวม นักเรียน ดมี าก (7 - 9) ดี (4 - 6) พอใช้ (1 - 3) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 รวม 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 4 ผลการประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ลาดบั ที่ ระดับชั้น จานวน ดีมาก (3) สรปุ ผลการประเมนิ ไมผ่ า่ น (0) รวม นักเรียน รวม ดี (2) ผ่าน (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5

บันทกึ หลังการสอน ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ผลการสอน ดา้ นความรู้......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ดา้ นทกั ษะ........................................................................................................................................................... ......................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................................................................ ด้านเจตคต.ิ ................................................................................................................................. ......................... ......................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................................................................ ด้านสมรรถนะ..................................................................................................................................................... ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์............................................................................................................................ ปัญหา/อปุ สรรค................................................................................................................ .................................. ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ไข................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............... หมายเหต.ุ .................................................................................................................... ........................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ลงชือ่ ..........................................................ผสู้ อน (.............................................................) ........./........................./.........

ใบงานที่ 1.3 สนามแมเ่ หลก็ จากกระแสไฟฟ้าผา่ นลวดตัวนา จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายสนามแม่เหล็กของลวดตัวนาเส้นตรง ลวดตวั นาวงกลม และโซเลนอยดท์ ่มี ีกระแสไฟฟ้าผ่าน ได้ (K) 2. สังเกตและทดลองสนามแม่เหล็กของลวดตัวนาเส้นตรง ลวดตัวนาวงกลม และโซเลนอยด์ที่มี กระแสไฟฟา้ ผ่านได้ (P) 3. การทางานร่วมกับผู้อืน่ ได้อย่างสร้างสรรค์ (A) คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนสงั เกตทศิ ทางของสนามแม่เหล็กทเ่ี กิดจากกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตวั นาเสน้ ตรง ลวดตัวนา วงกลม และโซเลนอยด์ในการทดลอง วสั ดุ-อุปกรณ์ 1) ลวดตัวนาเส้นตรง 1 เส้น 6) ผงเหลก็ 1 กลอ่ ง 4 เสน้ 2) ลวดตัวนาวงกลม 1 ขด 7) สายไฟ 3 แผ่น 1 อนั 3) โซเลนอยด์ 1 ขด 8) กระดาษแขง็ 4) แบตเตอรี่ขนาด 1.5 โวลต์ 4 กอ้ น พร้อมกระบะ 2 ชดุ 9) สวิตซ์ 5) เขม็ ทิศ 5 อนั วิธที ากิจกรรม 1) สอดลวดตัวนาเส้นตรงผ่านกระดาษแขง็ ตัง้ ฉากกบั ระนาบกระดาษ แล้วต่อปลายทั้งสองของลวดตวั นา กบั กระแสไฟฟา้ กระแสตรง 6 โวลต์ จากแบตเตอร่แี ละสวติ ซ์ (ดงั รูป) รปู ลวดตัวนาเส้นตรงวางตั้งฉากกับระนาบกระดาษ

2) เปดิ สวติ ซแ์ ล้วโรยผงเหลก็ รอบๆ จากนัน้ เคาะกระดาษแข็งจนกระท่ังผงเหล็กเรียงตวั เป็นแนว 3) ปดิ สวิตซ์ สงั เกตและวาดเส้นแนวการเรียงตัวของผงเหลก็ 4) วางเขม็ ทศิ บนกระดาษแขง็ ตามแนวการเรียงตัวของผงเหลก็ ณ ตาแหนง่ ต่างๆ เปดิ สวิตซ์ สงั เกตการวางตัว ของเข็มทิศ ปิดสวติ ซ์ เขียนทิศทางบนเส้นแนวการเรยี งตัวของเข็มทิศ 5) ทาชา้ ข้อ 1-4 โดยเปลยี่ นลวดตวั นาเสน้ ตรงเป็นลวดตวั นาวงกลมและโซเลนอยด์ (ดงั รปู ) ผลการทากจิ กรรม ตารางบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม ท่ี ลวดตัวนา แนวการเรียงตวั ของผงเหล็ก 1 ลวดตัวนาเสน้ ตรง 2 ลวดตัวนาวงกลม 3 โซเลนอยด์

ท่ี ลวดตวั นา แนวการเรียงตัวของผงเหล็ก 1 ลวดตวั นาเส้นตรง 6. คาถามท้ายกจิ กรรม 1) แนวการเรียงตัวของผงเหล็กของสามกรณีเมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนาาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ตอบแตกต่างกันโด................................................................................................................................................ - กรณลี วดตวั นาเสน้ ตรงผงเหล็กจะเรยี งตวั เปน็ วงกลมรอบเส้นลวด....................................................... - กรณีลวดตัวนาาวงกลมบริเวณใกล้ ๆ ลวดตัวนา ผงเหล็กจะเรียงตัวเป็นวงกลมรอบเส้นลวด คล้าย กรณลี วดตัวนา เสน้ ตรง แตบ่ รเิ วณก่ึงกลางของลวดตวั นาวงกลม ผงเหลก็ มกี ารเรยี งตวั ตง้ั ฉาก กับระนาบลวดตวั นาวงกลม - กรณโี ซเลนอยด์บริเวณภายในโซเลนอยด์ผงเหล็กมีการเรียงตัวอยู่ใน แนวแกนโซเลนอยด์ ภายนอกรอบ ๆ โซเลนอยด์ ผงเหล็กจะเรียงตัวคล้ายกับการเรียงตัวของผงเหล็ก รอบแทง่ แมเ่ หลก็ อ โซเลนอยด์ ผงเหล็กจะเรียงตัวคล้ายกับการเรียง. 2) ขณะไม่มีกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนากับเมื่อมีกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนา การวางตัวของเข็มทิศต่างกันหรือไม่ อยา่ งไร ตอบแตกต่างกนั โด................................................................................................................................................ - กรณลี วดตวั นาเส้นตรงผงเหล็กจะเรียงตัวเป็นวงกลมรอบเสน้ ลวด....................................................... - กรณีลวดตัวนาาวงกลมบริเวณใกล้ ๆ ลวดตัวนา ผงเหล็กจะเรียงตัวเป็นวงกลมรอบเส้นลวด คล้าย กรณีลวดตัวนา เสน้ ตรง แต่บริเวณกึ่งกลางของลวดตวั นาวงกลม ผงเหล็กมีการเรียงตัว ตง้ั ฉาก กบั ระนาบลวดตัวนาวงกลม - กรณโี ซเลนอยด์บริเวณภายในโซเลนอยด์ผงเหล็กมีการเรียงตัวอยู่ใน แนวแกนโซเลนอยด์ ภายนอกรอบ ๆ โซเลนอยด์ ผงเหล็กจะเรียงตัวคล้ายกับการเรียงตัวของผงเหล็ก รอบแทง่ แม่เหลก็ อ โซเลนอยด์ ผงเหล็กจะเรียงตัวคลา้ ยกับการเรีย.ง

7. สรปุ ผลการทากจิ กรรม - กรณลี วดตัวนาเสน้ ตรงผงเหลก็ จะเรยี งตวั เป็นวงกลมรอบเสน้ ลวด....................................................... - กรณีลวดตัวนาาวงกลมบริเวณใกล้ ๆ ลวดตัวนา ผงเหล็กจะเรียงตัวเป็นวงกลมรอบเส้นลวด คล้าย กรณลี วดตวั นา เสน้ ตรง แตบ่ รเิ วณกึ่งกลางของลวดตวั นาวงกลม ผงเหลก็ มกี ารเรียงตัว ต้งั ฉาก กับระนาบลวดตวั นาวงกลม - กรณีโซเลนอยด์บริเวณภายในโซเลนอยด์ผงเหล็กมีการเรียงตัวอยู่ใน แนวแกนโซเลนอยด์ ภายนอกรอบ ๆ โซเลนอยด์ ผงเหล็กจะเรียงตัวคล้ายกับการเรียงตัวของผงเหล็ก รอบแทง่ แมเ่ หลก็ อ โซเลนอยด์ ผงเหล็กจะเรียงตัวคลา้ ยกับการเรียง. - กรณลี วดตวั นาาวงกลมบรเิ วณใกล้ ๆ ลวดตัวนา ผงเหล็กจะเรียงตัวเปน็ วงกลมรอบเส้นลวด คลา้ ย... กรณีลวดตัวนา เสน้ ตรง แต่บรเิ วณก่ึงกลางของลวดตัวนาวงกลม ผงเหลก็ มกี ารเรียงตัว ต้งั ฉ......

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว30205 รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ แม่เหลก็ และไฟฟ้า เร่ือง แรงแมเ่ หลก็ ทกี่ ระทาตอ่ อนุภาคท่มี ปี ระจุไฟฟา้ วันท…่ี …….เดอื น……………พ.ศ……………… เวลา……………………น. จานวน 1 ชวั่ โมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ผสู้ อน นางสาวไขม่ กุ สุพร สาระฟิสกิ ส์ 3. เขา้ ใจแรงไฟฟา้ และกฎของคลู อมบ์ สนามไฟฟ้า ศักยไ์ ฟฟ้า ความจไุ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้า และกฎของ โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงาน ไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้า การเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทากับประจุไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎ ของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลบั คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าและการสื่อสาร รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ อธิบายและคานวณแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก แรงแมเ่ หล็กท่ีกระทาต่อเสน้ ลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รศั มคี วามโคง้ ของการเคล่ือนที่ เมื่อประจุเคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก รวมทั้งอธิบายแรงระหว่างเส้นลวดตัวนาคู่ขนานที่มีกระแสไฟฟ้า ผ่าน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธิบายแรงแมเ่ หล็กทกี่ ระทาต่ออนภุ าคและอธิบายรัศมีความโค้งของการเคล่ือนที่ ของอนภุ าคท่ีมีประจไุ ฟฟ้าเคล่อื นท่ีในสนามแม่เหล็กได้ (K) 2. นักเรียนสามารถคานวณหาแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคและคานวณหารัศมีความโค้งของการ เคลื่อนทข่ี องอนภุ าคทมี่ ปี ระจุไฟฟ้าเคล่ือนท่ีในสนามแม่เหล็ก รวมทง้ั ปริมาณทีเ่ กย่ี วข้องได้ (P) 3. มคี วามมงุ่ มั่นในการทางานและมคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ (A) สาระการเรยี นรู้ เมอ่ื อนุภาคทีม่ ีประจุไฟฟ้า +q เคล่อื นท่ดี ว้ ยความเรว็ v ทามุม θ กบั สนามแม่เหล็ก B จะมีขนาดของ แรงแม่เหล็กกระทาต่ออนุภาค ตามสมการ ������ = ������������������������������������������ ทิศทางของแรงแม่เหล็ก หาได้โดยใช้มือขวา ชี้นิ้วทั้งสี่ไปตามทิศทางของความเร็ว แล้ววนนิ้วทั้งสี่ไปหาทิศทางสนามแม่เหล็กนิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศทางของ แรงแม่เหล็กซึ่งต้ังฉากกับความเร็วและสนามแม่เหล็ก หากเป็นประจุลบแรงที่กระทาต่อประจุลบจะมีทิศ ทางตรงข้ามกับทิศทางของนิ้วหัวแม่มือ กรณีท่ีอนุภาคเคล่ือนที่อยู่ในสนามแม่เหล็กโดยทิศทางความเร็วของ

อนุภาคตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กอนุภาคจะเคลื่อนที่แบบวงกลมในสนามแม่เหล็ก โดยมีรัศมีความโค้งของการ เคลื่อนที่ r ตามสมการ ������ = ������������ ������������ สาระสาคัญ แรงแม่หล็กกระทาตอ่ อนุภาคที่มีประจไุ ฟฟ้า เม่ืออนุภาคที่มีประจุไฟอยู่ในสนามไฟฟ้า จะเกิดแรงไฟกระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้านั้นหาก อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงแม่เหล็กกระทาต่ออนุภาคนั้น หลอดรังสีแคโทด เป็นหลอดสุญญากาศชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยขั้วแคโทดและขัว้ แอโนด สาหรับต่อเข้ากับขั้วลบและขั้วบวกของ แหล่งจา่ ยไฟฟา้ กระแสตรงโวลตส์ งู ตามลาดับดังรูป รปู ตัวอยา่ งหลอดรังสแี คโทด เม่ือตอ่ แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงโวลตส์ ูงเข้ากับขั้วแคโทดและแอโนด ทาใหอ้ ิเล็กตรอนหลุดจากแผ่น แคโทด C เคลื่อนที่ผ่านฉากที่ฉาบด้วยสารเรืองแสง (Phosphor) ไปยังแผ่นแอโนด A ซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่า แผ่นแคโทด C ทาให้ปรากฎเป็นแนวสว่างขึ้น เรียกว่า แนวการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนต่อขั้วแคโทดของ หลอดรังสีแคโทดเข้ากับขั้วลบ และต่อข้ัวแอโนดเข้ากับขั้วบวกของแหล่งจ่าย ไฟฟ้ากระแสตรงโวลต์สูง (12000 – 15000 โวลต)์ ดังรปู รปู การจดั อปุ กรณ์ เปดิ สวิตซ์ใหเ้ คร่ืองจา่ ยไฟฟ้ากระแสตรงโวลต์สูงทางาน สังเกตผลที่เกดิ ขน้ึ ในกรณีนาข้ัวเหนือของแท่ง แมเ่ หล็กเข้าใกล้หลอดรงั สีแคโทด ในทิศทางตัง้ ฉากกบั แนวการเคล่ือนท่ีของอิเล็กตรอนและในกรณสี ลับข้ัวแท่ง แมเ่ หลก็ เปน็ ขว้ั ใต้ จากสถานการณ์ข้างต้น เมื่อเปิดสวิตซ์แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงโวลต์สูง หลอดรังแคโทดทางาน จะเห็นแนวสวา่ งหรือแนวการเคล่ือนที่ของอเิ ล็กตรอนเป็นเสน้ ตรงเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งข้ัวแคโทดและขวั้ แอโนดดงั รูป

รปู แนวการเคลื่อนทีข่ องอิเลก็ ตรอนระหว่างข้วั แคโทดและข้ัวแอโนด เมื่อนาขั้วเหนือของแท่งแม่เหล็กเข้าใกลใ้ นทิศทางตั้งฉากกับแนวการเคลือ่ นที่ของอิเล็กตรอน จะเห็น ว่าแนวการเคลื่อนทีข่ องอเิ ล็กตรอนเบนไปจากแนวเดมิ ดงั รูป อเิ ลก็ ตรอนเปน็ อนุภาค ประจุไฟฟ้ลบเคล่ือนท่ใี น ทิศทางตง้ั ฉากกบั สนามแม่เหล็กท่มี ที ิศทางออกจากฉาก แนวการเคล่ือนที่ อเิ ล็กตรอนจะเบนโค้งข้นึ ดงั รปู รปู การเบนของแนวการเคลือ่ นทขี่ องอิเล็กตรอนเมื่อนาแมเ่ หลก็ ขั้วเหนือเขา้ ใกล้ เมื่อสลับขั้วแท่งแม่หล็ก โดยนาขัว้ ใต้ของแท่งแม่เหล็กเขา้ ใกล้หลอดรังสีแคโทด แนวการเคลื่อนที่ของ อเิ ลก็ ตรอนจะเบนจากแนวเดิมในทิศทางเบนโค้งลง ดังรปู การสลบั ขั้วแท่งแม่เหล็กเป็นการเปลี่ยนทิศทางของ สนามแม่หล็ก ทาให้สนามแม่เหล็กมีทศิ ทางเข้าสู่ฉาก ทาให้แนวการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนเบนโค้งลง ดังรูป รูปการเบนของแนวการเคลื่อนทข่ี องอเิ ลก็ ตรอนเมือ่ นาแม่เหลก็ ข้ัวใตเ้ ข้าใกล้ การที่อิเล็กตรอนภายในหลอดรังสีแคโทดเคลื่อนที่เบนโค้งในสนามแม่เหล็ก แสดงว่ามีแรงเนื่องจาก สนามแมเ่ หลก็ กระทาต่ออิเล็กตรอน

ทศิ ทางของแรงแม่เหลก็ เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในทิศทางตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก จะมีแรงเนื่องจากสนาม แม่เหล็กกระทาต่ออนุภาคน้ัน หรือเรียกว่า แรงแม่เหล็ก (Magnetic force) พิจารณาทิศทางและขนาดของ แรงไดด้ ังน้ี ก.อนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟา้ บวกเคลือ่ นท่ี ข.ทิศทางของแรงแม่เหล็กท่ีกระตอ่ ค.ทศิ ทางของแรงแม่เหล็กทีก่ ระตอ่ ทศิ ทางตง้ั ฉากกบั สนามแมเ่ หล็ก อนุภาคทมี่ ปี ระจไุ ฟฟ้าบวก โดยใชม้ ือขวา อนุภาคทม่ี ีประจไุ ฟฟา้ ลบ โดยใช้มอื ขวา รปู การหาทศิ ทางของแรงกระทาต่ออนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าเคลือ่ นที่ในสนามแม่เหล็ก ทิศทางของแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวกเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว (������) ในทิศทาง ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก (B⃑ ) ดังรูป ก. หาทิศทางของแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคโดยใช้มือขวา ชี้นิ้วทั้งส่ี ไปตามทิศทางของความเรว็ แล้ววนนวิ้ ทง้ั สี่ไปหาทศิ ทางสนามแม่เหล็ก น้ิวหัวแม่มอื จะชท้ี ิศทางของแรง (F⃑ ) ดัง รูป ข. สาหรับการหาทิศทางของแรงที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุ ยังคงใช้มือขวา ในการหาทิศทางของแรง ⃑F ได้ แต่ทิศทางของแรงที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบจะมีทิศทางตรงข้ามกับทิศของนิ้วหัวแม่มือ ดังรปู ค. ขนาดของแรงแม่เหลก็ สาหรับอนุภาคทีม่ ปี ระไฟฟ้าแต่อยนู่ ิ่ง ในสนามแมเ่ หล็ก ดงั รปู ก. หรือเคลอื่ นท่ีในแนวขนานกนั ทิศทาง สนามแม่เหล็ก ดงั รปู ข. และ ค. ตามลาดบั จะไม่มแี รงแม่เหลก็ กระทากบั อนภุ าคน้นั รูปแรงแมเ่ หลก็ ที่กระทาอนุภาคทมี่ ปี ระจไุ ฟฟ้าที่อยูน่ ่ิงหรือเคล่อื นท่ีขนานกบั สนามแม่เหลก็ มคี ่าเป็นศูนย์ รปู แรงแมเ่ หล็กทก่ี ระทาต่ออนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าและเคลื่อนท่ตี ัง้ ฉากกับสนามแมเ่ หล็ก

แต่ในกรณีอนุภาคเคลื่อนที่ในแนวต้ังฉากกับทิศทางของสนามแม่เหล็กจะมีแรงแม่เหล็กกระทาต่อ อนุภาคโดยขนาดแรงแม่เหลก็ หาไดจ้ ากสมการ ������ = ������������������ เมอื่ ������ คอื ขนาดของแรง มหี น่วย นิวตนั (N) ������ คือ ขนาดของประจุไฟฟ้า มหี นว่ ย คูลอมบ์ (C) ������ คือ ขนาดของความเรว็ มหี น่วย เมตรตอ่ วินาที (m/s) ������ คือ ขนาดของสนามแม่เหลก็ มีหนว่ ย เทสลา (T) ในกรณีอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ������ ทามุม ������ กับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� ดังรูป ก. พิจารณาได้ว่าอนุภาคนี้มีองค์ประกอบความเร็วของการเคลื่อนที่ทั้งในแนวขนานกับสนามแม่เหล็ก และใน แนวตั้งฉากกับสนามแมเ่ หล็กพรอ้ มกัน ดังรูป ข. รูปแสดงอนุภาคท่มี ปี ระจไุ ฟฟ้าเคลือ่ นทีด่ ้วยความเรว็ ������ ทามุม ������ กบั สนามแม่เหล็ก ���⃑��� การเคล่ือนทีใ่ นแนวขนานกับสนามแม่เหล็กจะไม่มีแรงแมเ่ หล็กกระทาต่ออนุภาค ส่วนการเคล่ือนที่ใน แนวตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กจะมีแรงแม่เหล็กกระทาตามสมการ ������ = ������������������ โดยความเร็วในสมการนี้มีค่า เท่ากับองค์ประกอบความเร็วในแนวตั้งฉาก (������������������������������) นั่นคือในกรณีนี้ขนาดของแรง ������ ที่กระทาต่ออนุภาค หาได้จากสมการ ������ = ������(������������������������������)������ ������ = ������������������������������������������ เมอ่ื ������ เป็นมมุ ระหวา่ งความเร็ว ������ ของอนภุ าคกบั สนามแมเ่ หล็ก ���⃑��� การเคล่อื นที่ของนภุ าคทมี่ ีประจไุ ฟฟา้ ในสนามแม่เหล็ก เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็กจะมีแรงแม่เหล็กกระทาต่ออนุภาคดังกล่าว หากความเร็วของอนุภาคนี้มีทิศทางตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กตลอดเวลา อนุภาคจะมีการเคลื่อนที่เป็นแบบใด พิจารณาได้ตั้งนี้ เม่อื อนุภาคมีประจุไฟฟ้าบวก q มวล m เคลอ่ื นทดี่ ว้ ยความเร็ว ������ ในทิศทางตงั้ ฉากกับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� แรงแม่เหล็ก ������ ที่เกิดขึ้นมีทิศทางต้ังฉากกับความเร็วตลอดเวลา ทาให้อนุภาคมีประจุไฟฟ้าบวกเคลื่อนที่ แบบวงกลมในสนามแมเ่ หล็ก ดงั รปู

รูปแสดงอนภุ าคทม่ี ีประจุไฟฟ้าบวกเคลอื่ นท่แี บบวงกลมในสนามแม่เหล็ก พิจารณารัศมีการเคลื่อนที่แบบวงกลม (r) ของอนุภาคมีประจุไฟฟ้าได้ดังน้ี แรงแม่เหล็กตั้งฉากกับ ความเร็วตลอดเวลาและทาหน้าทเ่ี ปน็ แรงสู่ศนู ยก์ ลาง จะได้ ������������2 ������ = ������������ ������������������ = ������ หรอื ������������ ������ = ������������ เมอ่ื r คือ รัศมีการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมของอนุภาคมวล m ทมี่ ปี ระจุไฟฟ้า q สมรรถนะสาคัญ ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทกั ษะการคดิ สังเคราะห์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (จติ วทิ ยาศาสตร์) ความมุ่งมั่นในการทางานและมีความอยากรู้อยากเหน็ นักเรียนแสดงออกถึงความตั้งใจความต้องการ ที่จะรู้และเสาะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่สนใจหรือต้องการค้นพบสิ่งใหม่ แสดงออกได้โดยการถาม คาถาม หรือมีความสงสัยในสงิ่ ท่สี นใจอยากรู้ มคี วามกระตือรอื ร้นในการเสาะแสวงหาข้อมลู ท่ีเก่ยี วข้องกับส่ิงท่ี สนใจ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจ ในการปฏิบัติ กจิ กรรมต่างๆ ใหส้ าเรจ็ ลลุ ่วงตามเปา้ หมายทกี่ าหนดด้วยความรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจในผลงาน ชิ้นงาน/ภาระงาน ใบงานที่ 1.4 แรงแมเ่ หล็กท่กี ระทาต่ออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้า

กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ สี อนใชร้ ูปแบบวงจรการเรียนรู้ 5 ข้ันตอน (5E Learning Cycle model) ข้ันที่ 1 ข้ันสร้างความสนใจ ( 5 นาที ) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับครูทบทวนความรู้เดิมในหัวข้อเรื่อง สนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าผ่าน ลวดตวั นา 2. ครูตงั้ คาถามเพือ่ นาเข้าส่กู ารทากจิ กรรม โดยมีประเดน็ คาถาม ดังตอ่ ไปน้ี - หากอนุภาคที่มีประจไุ ฟฟ้าเคลื่อนท่ีในบรเิ วณที่มีสนามแมเ่ หล็กและไม่มีสนามแม่เหล็ก จะเกิด แรงแม่เหลก็ กระทาต่ออนภุ าคน้ันหรือไม่ อย่างไร - ลกั ณะการเคลอื่ นทขี่ องอนุภาคเป็นอยา่ งไร (แนวคาตอบ ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคาตอบท่ี ถกู ต้อง) ข้ันที่ 2 ขัน้ สารวจและคน้ หา ( 25 นาที ) 3. ครูสาธิตการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในสนามแม่เหล็กด้วยหลอดรังสีแคโทด จากนั้นให้นักเรียน สงั เกตแนวการเคลอ่ื นท่ีของอิเลก็ ตรอนและตอบคาถาม โดยมปี ระเดน็ คาถาม ดงั ต่อไปน้ี - จากการสาธิต เม่ือไม่มีสนามแม่เหลก็ แนวการเคล่ือนทีข่ องอเิ ล็กตรอนเป็นอย่างไร - จากการสาธติ เมอ่ื มีสนามแมเ่ หล็ก แนวการเคล่อื นท่ีของอิเลก็ ตรอนเป็นอย่างไร 4. ครูนานักเรียนศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหา และแจกใบกิจกรรม ตามรายละเอียดในใบงานที่ 1.4 แรง แม่เหล็กทกี่ ระทาตอ่ อนภุ าคท่ีมปี ระจุไฟฟา้ 5. ครูช้ีแจงจุดประสงค์และวธิ ีการปฏิบัติกจิ กรรมให้นักเรียนทราบ 6. ให้นักเรียนแตล่ ะคนคานวณหาคานวณหาแรงแม่เหล็กทีก่ ระทาต่ออนุภาคและคานวณหารศั มีความ โค้งของการเคล่ือนที่ของอนภุ าคท่ีมปี ระจุไฟฟ้าเคลือ่ นท่ีในสนามแม่เหล็ก รวมทั้งปรมิ าณทีเ่ ก่ียวข้องจากโจทย์ ทกี่ าหนดให้ 7. นักเรยี นลงมอื ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และรายงานผล ขัน้ ท่ี 3 ขน้ั สร้างคาอธิบายและลงขอ้ สรุป ( 15 นาที ) 8. สุ่มนักเรยี นออกมานาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าชั้นเรียน 9. ครใู ห้นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเพอ่ื นาไปสกู่ ารสรุป โดยใช้คาถามตอ่ ไปนี้ - จากการสาธิต เมือ่ ไม่มสี นามแม่เหลก็ แนวการเคล่ือนทข่ี องอเิ ลก็ ตรอนเป็นอยา่ งไร (แนวคาตอบ เม่ือไมม่ ีสนามแม่เหล็กการเคล่อื นที่ของอิเลก็ ตรอนเปน็ แนวเสน้ ตรง แสดงว่าไม่มี แรงกระทาตอ่ อเิ ลก็ ตรอน)

- จากการสาธิต เมอ่ื มสี นามแม่เหลก็ แนวการเคล่อื นที่ของอเิ ล็กตรอนเปน็ อยา่ งไร (แนวคาตอบ เมอ่ื มีสนามแม่เหล็ก โดยนาขั้วเหนอื หรอื ขั้วใตข้ องแท่งแมเ่ หล็กใกลก้ บั แนวการ เคลอื่ นท่ีของอเิ ลก็ ตรอนในทิศทางตั้งฉาก แนวการเคลอ่ื นท่ีของอิเลก็ ตรอนจะเบนตรงขา้ มกัน) 10. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ เรื่อง แรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า ดังนี้ อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า q เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว v ในทิศตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� จะมีแรงแม่เหล็ก ������ กระทาต่ออนุภาคที่มีขนาด F=qvB ถ้าอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว v มีทิศทางทามุม θ กับ สนามแม่เหล็ก ���⃑��� จะมแี รงแมเ่ หล็ก ������ กระทาต่ออนุภาคมีขนาด F=qvBsinθ ทศิ ทางของแม่เหล็กท่ีกระทาต่อ อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว v หาได้โดยใช้มือขวา ชี้นิ้วทั้งสี่ไปตามทิศทางของความเร็วแล้ว วนนิ้วทั้งสี่ไปทิศทางสนามแม่เหล็ก นิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศทางของแรงที่กระทาต่อประจุบวก ซึ่งตั้งฉากกับ ความเร็วและสนามแม่เหล็ก ส่วนประจุลบ ใช้มือขวาหาทิศทางของแรงได้เช่นกัน แต่นิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศตรง ข้ามกับทิศทางของแรงกระทาต่อประจุลบ และอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอยู่นิ่งในสนามแม่เหล็กหรือเคลื่อนที่ใน แนวขนานกบั ทิศทางของสนามแมเ่ หล็กจะไมม่ ีแรงแมเ่ หล็กกระทากบั อนุภาคนนั้ ขั้นท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ ( 10 นาที ) 11. ครูให้นักเรียนฝึกทาโจทย์การคานวณเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทักษะการคานวณให้กับนักเรียนเพื่อความ แมน่ ยาในการทาแบบฝกึ หดั และทาข้อสอบต่อไป ข้นั ที่ 5 ประเมินผล ( 15 นาที ) 12. ครูสังเกตและประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในขณะที่ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมและ การนาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรม วสั ด/ุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1 สงั กดั อจท. 2. หนังสอื เรียนฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 5 สงั กดั สสวท. 3. PowerPoint เรอื่ ง กระแสไฟฟา้ ทาให้เกิดสนามแม่เหล็ก 4. ห้องเรียน 5. หอ้ งสมุด 6. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 7. ใบงานท่ี 1.4 แรงแม่เหลก็ ท่กี ระทาต่ออนุภาคทมี่ ปี ระจไุ ฟฟา้

การวดั ผลและประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธวี ัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน 1. นักเรียนสามารถอธิบายแรง ตรวจใบงาน ใ บ ง า น ท ี ่ 1.4 แ ร ง ได้ระดับคุณภาพดี แม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาค แม่เหล็กที่กระทาต่อ จงึ ผ่านเกณฑ์ และอธิบายรัศมีความโค้งของ อนุภาคที่มีประจไุ ฟฟา้ การเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มี ป ร ะ จ ุ ไ ฟ ฟ ้ า เ ค ล ื ่ อ น ท่ี ใ น สนามแม่เหลก็ ได้ (K) 2. นักเรียนสามารถคานวณหา สังเกตและประเมินการ แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร ได้ระดับคุณภาพดี แรงแม่เหล็กทกี่ ระทาต่ออนุภาค ปฏิบัติกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมการ จึงผา่ นเกณฑ์ แ ล ะค า น ว ณห าร ั ศมี คว ามโ ค้ ง คานวณ ของการเคลอ่ื นท่ีของอนุภาคที่มี ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ใน สนามแมเ่ หลก็ รวมท้งั ปริมาณท่ี เกี่ยวขอ้ งได้ (P) 3. มีความอยากร้อู ยากเหน็ (A) สังเกตและประเมินการมี แบบประเมินการความ ได้ระดับคุณภาพดี ความอยากรู้อยากเห็น มอี ยากรอู้ ยากเห็น จึงผ่านเกณฑ์ 4. คุณลักษณะดา้ นมุ่งม่ันในการ สงั เกตพฤติกรรม แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ - ได้ระดับคุณภาพดี ทางาน ลักษณะอันพึงประสงค์ จงึ ผ่านเกณฑ์ ด้านมุ่งมั่นในการทา งาน ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา .............................................................................................................................................................................. .................................................................................. ............................................................... ............................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา (…………………….………….……….………………………….) ........./........................./.........

การประเมนิ ด้านความรู้ (K) เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน ประเดน็ การประเมนิ คะแนน 4 321 อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า q เคลื่อนที่ด้วย ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงาน มี ค ว า ม ค ว า ม เ ร ็ ว v ใ น ท ิ ศ ต ั ้ ง ฉ า ก กั บ กับประเด็น การ กับประเด็นการ กับประเด็นการ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ สนามแม่เหล็ก ���⃑��� จะมีแรงแม่เหล็ก ������ ประเมิน เนื้อหา ประเมนิ ส่วนใหญ่ ประเมิน เนื้อหา ป ร ะ เ ด ็ น ก า ร กระทาต่ออนุภาคที่มีขนาด F=qvB ถ้า อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย สาระของผลงาน เนื้อหาสาระของ สาระของผลงาน ประเมินเนื้อหา ความเร็ว v มีทิศทางท ามุม θ กับ ถกู ตอ้ งครบถว้ น ผลงานถูกต้องแต่ ถูกต้องเป็นบาง สาระแค่บางส่วน ยังมีข้อบกพร่อง ป ร ะ เ ด ็ น แ ต่ และมีข้อบกพร่อง สนามแม่เหล็ก ���⃑��� จะมีแรงแม่เหล็ก ������ กระทาต่ออนุภาคมีขนาด F=qvBsinθ เล็กนอ้ ย มี ข ้ อ บ ก พ ร ่ อ ง มาก ทิศทางของแม่เหล็กที่กระท าต่อ บางสว่ น อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วย ความเรว็ v หาได้โดยใช้มือขวา ชี้นวิ้ ทั้ง ส่ีไปตามทิศทางของความเรว็ แล้ววนน้ิว ทั้งสี่ไปทิศทางสนามแม่เหล็ก นิ้วหัว แม่มือจะชี้ทิศทางของแรงที่กระทาต่อ ประจุบวก ซึ่งตั้งฉากกับความเร็วและ สนามแมเ่ หลก็ สว่ นประจลุ บ ใชม้ อื ขวา หาทิศทางของแรงได้เช่นกัน แต่ นิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศตรงข้ามกับทิศทาง ของแรงกระทาต่อประจุลบ และ อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอยู่นิ่งใน สนามแม่เหล็กหรือเคลื่อนที่ใน แนวขนานกับทิศทางของสนาม แม่เหล็กจะไม่มีแรงแม่เหล็กกระทากับ อนุภาคนั้น

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ดมี าก 4 อยู่ในระดับ ดี 3 อยู่ในระดบั พอใช้ 2 อยู่ในระดับ ปรับปรงุ 1 อย่ใู นระดบั

การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการคานวณ ประเด็นการประเมนิ 3 ระดับคะแนน 1 2 1.การว ิเคราะห์โ จทย์ บอกส่งิ ที่โจทยใ์ หม้ า และ บอกสง่ิ ทโี่ จทยใ์ ห้มา และ บอกสิ่งท่ีโจทยใ์ หม้ า และ ปญั หา สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ อย่างถูก และเขียน และเขียนสมการการ และเขียนสมการการ สมการการคานวณของ โจทย์ได้อย่างถูกตอ้ ง ค านวณของโจทย์ได้ คานวณของโจทยไ์ ด้ อยา่ งถกู ต้อง 2.เลือกสูตรที่เหมาะสม เลือกสูตรการคานวณที่ เลือกสูตรการคานวณที่ เลือกสูตรการคานวณท่ี และสมั พันธก์ ับโจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ ต้องการให้หาได้อย่าง ต้องการให้หาได้อย่าง ต้องการให้หาได้ แต่ไม่ ถกู ต้องและเหมาะสม ถกู ตอ้ ง สามารถหาค าตอบที่ ถกู ตอ้ งได้ 3.การแทนค่าและแสดงวิธี การแทนค่าของตัวแปร การแทนค่าของตัวแปร การแทนค่าของตัวแปร หาคาตอบ ในโจทย์ได้อย่างถูกต้อง ในโจทย์ได้อย่างถูกต้อง ในโจทย์ได้ และแสดง แสดงวิธีการคานวณเป็น แสดงวิธีการคานวณเป็น วิธกี ารคานวณได้ ลาดบั ขั้นตอนชัดเจนและ ล าดับขั้นตอนและได้ ได้ค าตอบที่ถูกต้องมี คาตอบทถ่ี กู ต้อง ความแมน่ ยา 4.ตรวจสอบค าตอบของ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ โจทย์ และระบุหน่วยได้ คาตอบของโจทยไ์ ด้อย่าง คาตอบของโจทยไ์ ด้ และ คาตอบของโจทย์ได้บ้าง ชดั เจน ถูกต้อง และระบุหน่วย ระบหุ น่วยไดช้ ัดเจน เล็กน้อย และระบุหน่วย ไดช้ ดั เจน ได้ เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ 9 – 12 อยใู่ นระดบั ดีมาก 5 – 8 อยู่ในระดับ ดี 1 – 4 อยใู่ นระดับ พอใช้

การประเมินดา้ นเจตคติ (A) เกณฑ์การประเมินการมีความอยากรู้อยากเหน็ ประเดน็ การประเมิน 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะ พยายามหาความรู้ใหม่ๆ มีการแสวงหาความรู้บ้าง ไม่มีการแสวงหาความรู้ เสาะแสวงหาความรู้ใน อยู่เสมอ ซึ่งไม่สามารถ นาความรู้ที่มีอยู่เดิมมา ใดๆ ใช้เพียงความรู้เดิม ส ถ า น ก า ร ณ ์ ใ ห ม่ ๆ อธิบายได้ด้วยความรู้ที่มี อธิบายเล็กน้อย จึงทาให้ ทมี่ ีอย่เู ท่านนั้ ไม่เกดิ การ ต ร ะ ห น ั ก ถ ึ ง ค ว า ม อยู่เดิม เพื่อให้เกิดการ เกดิ การเรียนรไู้ ดน้ ้อย ซ่ึง เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ สาคัญของการแสวงหา เรียนรู้ และใช้ความรู้ที่ อ า จ ป ร ั บ ใ ช ้ ไ ด ้ กั บ สามารถแก้ไขต่างๆ ได้ ข้อมูลเพิ่มเติม และช่าง ได้ในการแก้ปัญหา หรือ ชี ว ิ ต ป ร ะ จ า ว ั น แ ค่ ไม่ให้ความสาคัญกับการ ซัก ช่างถาม ช่างอ่าน ใช้กับชีวิตประจาวันได้ บางส่วน ให้ความสาคัญ เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ เพื่อให้ได้ค าตอบเป็น ให้ความสาคัญกับการ กับการเรียนรู้บ้าง แต่ไม่ มีการสังเกต หรือเกิด ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เรียนรู้ เป็นผู้กระตือ- มีความกระตือรือร้นใน ความสงสัยเท่าทค่ี วร ย่ิงขน้ึ รือร้นในการเรียนหรือ การเรียนหรือแสวงหา แสวงหาความรอู้ ยู่เสมอ ความรู้ และรู้จักถามเมื่อ และช่างสงสัย สังเกต มีข้อสงสัยจากการได้ รู้จักถามเมื่อมีข้อสงสัย สังเกตบ้าง ท าให้ ได้ ท าให้ได้ค าตอบท่ีเป็น ค าตอบที่เป็นความรู้ ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เพมิ่ เติมจากความรู้เดิม ยิ่งขึ้น เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดบั ดี 2 อยูใ่ นระดับ พอใช้ 1 อยูใ่ นระดบั

การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ด้านมุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ดา้ นมงุ่ มน่ั ในการทางาน ตัวชี้วดั และพฤตกิ รรมบ่งช้ี ตัวชีว้ ัด พฤติกรรมบ่งชี้ 6.1 ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการทางานให้ 6.1.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบตั หิ นา้ ทท่ี ีไ่ ด้รบั มอบหมาย สาเรจ็ 6.1.2 ต้ังใจและรับผิดชอบในการทางานให้แล้วเสรจ็ 6.1.3 ปรบั ปรุงและพฒั นาการทางานดว้ ยตนเอง 6.2 ทางานด้วยความเพียรพยายาม และ 6.2.1 ทุ่มเททางาน อดทน ไม่ย่อท้อตอ่ ปัญหาและอุปสรรคใน อดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเปา้ หมาย การทางาน 6.2.2 พยายามแกป้ ญั หาและอุปสรรคในการทางานให้แลว้ เสรจ็ 6.2.3 ช่ืนชมผลงานด้วยความภาคภมู ิใจ เกณฑ์การใหค้ ะแนน (ใช้ข้อมูลจากการสงั เกตตามสภาพจริงของครผู ู้สอน) พฤตกิ รรมบ่งช้ี 3 2 1 0 ตามข้อ 6.1 – ตั้งใจและรับผิดชอบ ต้ังใจและรับผดิ ชอบ ตั้งใจและรับผิดชอบ ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ี 6.2 ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ ในการปฏบิ ตั ิหน้าที่ท่ี ในการปฏบิ ัติหน้าท่ีที่ การงาน ได้รับมอบหมายให้ ได้รับมอบหมายให้ ได้รับมอบหมายให้ สาเร็จ มีการปรับปรุง สาเร็จ มกี ารปรับปรงุ สาเร็จ และพัฒนาการทางาน แ ล ะ พ ั ฒ น า ก า ร ให้ดีขึ้นภายในเวลาท่ี ทางานให้ดขี ึ้น กาหนด ระดบั เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ดเี ยยี่ ม 3 อยใู่ นระดบั ดี 2 อย่ใู นระดับ ผา่ น 1 อยใู่ นระดบั ไม่ผ่าน 0 อยใู่ นระดบั หมายเหตุ นกั เรียนสามารถทางานได้ 2 คะแนนข้นึ ไปจึงจะผ่านเกณฑ์

การประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) แบบประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมการคานวณ รายช่ือสมาชกิ …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………….………………………………………………………………………………………………………………………… คาชแี้ จง: ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียน แล้วขีด ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดับคะแนน ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน 3 21 1.การวเิ คราะห์โจทยป์ ัญหา 2.เลือกสตู รที่เหมาะสมและสัมพนั ธ์กับ โจทย์ 3.การแทนค่าและแสดงวธิ ีหาคาตอบ 4.ตรวจสอบคาตอบของโจทย์ และระบุ หนว่ ยได้ชัดเจน รวมคะแนน ผลการประเมนิ อย่ใู นระดบั เกณฑก์ ารให้คะแนน ดมี าก 3 หมายถึง ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ดมี าก 9 – 12 อย่ใู นระดบั ดี 5 – 8 อย่ใู นระดับ พอใช้ 1 – 4 อยู่ในระดบั

การประเมินดา้ นเจตคติ (A) แบบประเมินการมีความอยากร้อู ยากเหน็ รายช่ือสมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………….………………………………………………………………………………………………………………………… คาชีแ้ จง: ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ประเด็นการประเมนิ 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะเสาะ แสวงหาความรู้ในสถาน การณ์ใหม่ๆ ตระหนักถึง ความสาคัญของการแสวงหา ข้อมูลเพิ่มเติม และช่างซัก ช่างถาม ช่างอ่าน เพื่อให้ได้ คาตอบเป็นความรู้ที่สมบูรณ์ แบบย่งิ ขึ้น รวมคะแนน ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อย่ใู นระดบั พอใช้ 1 อยู่ในระดบั

การประเมินดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (มุ่งม่ันในการทางาน) นักเรยี นระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1 คาชแ้ี จง: ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียน แลว้ ขีด ลงในช่องทต่ี รงกับระดบั คะแนน ลาดับ ชื่อ - นามสกลุ คะแนน 1 ที่ 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ดเี ยย่ี ม 3 อยู่ในระดับ ดี 2 อยใู่ นระดับ ผ่าน 1 อยใู่ นระดบั ไมผ่ า่ น 0 อยูใ่ นระดบั หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์

บนั ทกึ หลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ผลการจัดกจิ กรรม ตารางท่ี 1 ผลการประเมินด้านความรู้ (K) ลาดบั ที่ ระดบั ช้นั จานวน ดมี าก (4) สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรยี น รวม ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางท่ี 2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) ลาดับท่ี ระดบั ช้ัน จานวน สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรียน ดมี าก (9 – 12) ดี (5 – 8) พอใช้ (1 – 4) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 รวม 3 ม.6/4 4 ม.6/5

บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ผลการจดั กจิ กรรม ตารางท่ี 3 ผลการประเมนิ ดา้ นเจตคติ (A) ลาดบั ที่ ระดับชนั้ จานวน ดีมาก (3) สรุปผลการประเมนิ พอใช้ (1) รวม นกั เรยี น รวม ดี (2) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 4 ผลการประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ลาดับที่ ระดับชน้ั จานวน ดมี าก (3) สรุปผลการประเมิน ไม่ผา่ น (0) รวม นักเรียน รวม ดี (2) ผา่ น (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5

บันทึกหลังการสอน ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ผลการสอน ด้านความรู้......................................................................................................... ................................................ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ดา้ นทักษะ.............................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................................................. ............... ................................................................................................................................ ............................................ ด้านเจตคติ.............................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................................................. ............... ................................................................................................................................ ............................................ ดา้ นสมรรถนะ............................................................................................................. ........................................ ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์............................................................................................................. ............... ปัญหา/อปุ สรรค.................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ แนวทางการแกไ้ ข................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ หมายเหตุ..................................................................................................................... ........................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ลงชือ่ ..........................................................ผสู้ อน (.............................................................) ........./........................./.........

ใบงานที่ 1.4 แรงแม่เหล็กท่ีกระทาตอ่ อนุภาคทีม่ ีประจไุ ฟฟ้า จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคและอธิบายรัศมีความโค้งของการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มี ประจุไฟฟา้ เคลือ่ นทใ่ี นสนามแม่เหลก็ ได้ (K) 2. คานวณหาแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคและคานวณหารัศมีความโค้งของการเคลื่อนที่ของ อนุภาคทม่ี ปี ระจุไฟฟา้ เคล่อื นท่ีในสนามแม่เหล็ก รวมท้ังปรมิ าณท่ีเกย่ี วข้องได้ (P) 3. มีความอยากรู้อยากเหน็ (A) คาชี้แจง : ให้นักเรียนคานวณหาแรงแม่เหล็กทกี่ ระทาต่ออนภุ าคและคานวณหารัศมีความโค้งของการเคลื่อนท่ี ของอนภุ าคท่ีมีประจไุ ฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแมเ่ หลก็ รวมทง้ั ปรมิ าณทีเ่ ก่ียวขอ้ งจากโจทย์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้ให้ ถูกต้อง 1. อนุภาคประจุลบขนาด 2 ไมโครคูลอมบ์ เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 20 เมตรตต่อวินาที เข้ามาในบริเวณที่มี สนามแม่เหลก็ พ่งุ ออกสมา่ เสมอ 5 เทสลา จงหาขนาดของแรง ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 2. บรเิ วณหน่ึงมสี นามแม่เหล็กสมา่ เสมอเท่ากับ 0.40 มิลลเิ ทสลา ในทิศทาง +x โปรตอนถูกยิงให้มีความเร็ว ในทิศทาง +y ด้วยอัตราเร็ว 2.0 x 106 เมตรต่อวินาที จงหาทิศทางและขนาดของแรงที่กระทาตอ่ โปรตอน ณ ขณะน้ัน (กาหนดให้โปรตอนมปี ระจุไฟฟา้ 1.6 x 10-19 คลู อมบ์) ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ .... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................... ........ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

3. อิเลก็ ตรอนเคล่ือนที่ด้วยความเรว็ คงตวั ขนาด 2.0 x 106 เมตรตอ่ วินาที เข้าไปในสนามแม่เหล็กสม่าเสมอ ขนาด 5.0 x 10-3 เทสลา ในทศิ ทางทามุม 30 องศากบั สนามแม่เหลก็ ดงั รูป ทิศและขนาดแม่เหล็กท่ีกระทาต่อ อเิ ล็กตรอนมคี า่ เท่าใด (กาหนดให้ อเิ ลก็ ตรอนมปี ระจุไฟฟ้า 1.6 x 10-19 คลู อมบ)์ ���⃑��� ������ 30° ................................................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว30205 รายวิชา ฟิสกิ ส์ 5 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ แม่เหลก็ และไฟฟ้า เรอ่ื ง แรงกระทาต่อลวดตัวนาที่อยู่ในสนามแม่เหล็กขณะมกี ระแสไฟฟา้ ผ่าน วันท…่ี …….เดอื น……………พ.ศ……………… เวลา……………………น. จานวน 2 ชวั่ โมง ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 ผูส้ อน นางสาวไขม่ กุ สพุ ร สาระฟสิ ิกส์ 3. เขา้ ใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ย์ไฟฟา้ ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกฎของ โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงาน ไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทากับประจุไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎ ของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลบั คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าและการส่อื สาร รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ อธิบายและคานวณแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก แรง แมเ่ หล็กทกี่ ระทาต่อเส้นลวดที่มีกระแสไฟฟา้ ผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รศั มคี วามโค้งของการเคลื่อนท่ีเมื่อ ประจุเคลอ่ื นที่ตัง้ ฉากกบั สนามแมเ่ หลก็ รวมทงั้ อธิบายแรงระหว่างเสน้ ลวดตวั นาคขู่ นานที่มีกระแสไฟฟ้าผา่ น จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายแรงแม่เหล็กที่กระทาต่อเส้นลวดตัวนาที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางใน สนามแมเ่ หลก็ ได้ (K) 2. นักเรียนสามารถคานวณหาแรงแม่เหล็กที่กระทาต่อเส้นลวดตัวนาที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางใน สนามแม่เหลก็ รวมทงั้ ปริมาณท่ีเกยี่ วขอ้ งได้ (P) 3. มีความมุ่งมัน่ ในการทางานและมีความอยากรู้อยากเห็น (A) สาระการเรยี นรู้ ลวดตัวนาเส้นตรงมีกระแสไฟฟ้าผ่าน ������ วางทามุม ������ กับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� โดยมีความยาวของลวด ตัวนา ������ ที่อยู่ในสนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงกระทากับลวดตัวนาด้วยขนาด ������ = ������������������������������������������ หาทิศทางของแรง โดยใช้มอื ขวา ชน้ี ว้ิ ท้ังสไี่ ปตามทศิ ทางของกระแสไฟฟ้า แลว้ วนน้วิ ทง้ั สี่ปาหาทิศทางสนามแม่เหล็ก นวิ้ หัวแม่มือ จะชี้ทิศทางของแรงซง่ึ ตั้งฉากกับสนามแมเ่ หล็กและกระแสไฟฟ้าทีผ่ ่านลวดตัวนา

สาระสาคัญ แรงแม่เหล็กกระทาต่อลวดตัวนาทมี่ ีกระแสไฟฟา้ ผา่ น เมื่อลวดตัวนาเส้นตรงมีกระแสไฟฟ้าผ่านขณะอยู่ในสนามแม่เหล็กจะมีแรงแม่เหล็กกระทาต่อลวดตวั นั้น และเมื่อกลับทิศทางของกระแสไฟฟ้าหรือทิศทางของสนามแม่เหล็กพบว่าแรงกระทาจะกลับทิศทางด้วย แสดงวา่ แรงทกี่ ระทาตอ่ ลวดตวั นามคี วามสมั พนั ธก์ บั ทิศทางของกระแสไฟฟ้าและสนามแมเ่ หล็ก หาทศิ ทางของ แรงได้โดยใช้มือขวาชี้น้ิวทั้งสี่ไปตามทิศทางของกระแสไฟฟ้า ������ แล้ววนนิ้วทั้งสี่ไปหาทิศทางสนามแม่เหล็ก ���⃑��� น้ิวหวั แม่มือจะชท้ี ิศทางของแรง ������ ดงั รปู รปู แสดงทิศทางของกระแสไฟฟา้ สนามแมเ่ หล็ก และแรงกระทาต่อลวดตัวนา จากแรงแมเ่ หล็กกระทาต่อลวดตวั นาเส้นตรงดังกล่าว พจิ ารณาขนาดของแรงได้ ดงั นี้ - กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาเส้นตรงเกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระด้วยความเร็วลอยเลื่อน ������������ ดังนั้นเมื่อลวดตัวนาวางตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กจะเกิดแรงแม่เหล็กกระทาต่ออิเล็กตรอนอิสระประจุ ������ เหล่านต้ี ามสมการ ������������ = ������������������������ เมือ่ ������������ คือ แรงแมเ่ หล็กกระทาต่ออิเล็กตรอนอิสระประจุ ������ พิจารณาตลอดความยาวลวดมีอิเล็กตรอนอิสระจานวน ������ อนุภาคอยู่ภายในลวดตัวนา ดังนั้นขนาด แรงลัพธ์ ������ ที่กระทาต่อลวดตัวนาเท่ากับผลรวมแรงแม่เหล็กที่กระทาต่ออิเล็กตรอนอิสระ ������ อนุภาค ตามสมการ ������ = ������������������������������ แทนค่า ������ = ������������ ในสมการนจี้ ะได้ ������ = ������������������������ ถ้าประจุไฟฟ้า ������ เคลื่อนทีผ่ ่านภาคตัดขวางของลวดตัวนาในเวลา ∆������ เป็นระยะทางเทา่ กับความยาว ลวดตัวนา ������ ท่อี ยูใ่ นสนามแมเ่ หล็ก จากนยิ ามของกระแสไฟฟา้ เขียนได้ว่า ������ = ������∆������ และ ������������ = ������ ∆������

จะได้ ������ = (������∆������ ) ( ������ ) ������ ∆������ ������ = ������������������ เม่ือ ������ คอื ขนาดของแรงแม่เหล็กทก่ี ระทาต่อลวดตวั นา มหี นว่ ยเป็น นวิ ตัน (N) ������ คอื กระแสไฟฟ้าทผ่ี ่านลวดตวั นา มีหนว่ ยเปน็ แอมแปร์ (A) ������ คือ ความยาวลวดตัวนาท่ีอยู่ในสนามแมเ่ หลก็ มีหนว่ ยเปน็ เมตร (m) ������ คือ ขนาดของสนามแม่เหล็ก มหี นว่ ยเปน็ เทสลา (T) พิจารณาทานองเดียวกันกับกรณีอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ������ ไม่ตั้งฉากกับ สนามแม่เหล็ก ���⃑��� ทาให้เกิดแรงกระทาต่อประจุไฟฟ้า q ตามสมการ ������ = ������������������������������������������ จะนามาใช้หาแรง กระทาต่อลวดตัวนามกี ระแสไฟฟา้ ผ่าน ขณะลวดตวั นาวางตวั ในแนวทามุม ������ กับสนามแม่เหลก็ ���⃑��� เปน็ ไปตาม สมการ ������ = ������������������������������������������ โดย ������ คือ มมุ ระหวา่ งกระแสไฟฟ้าทผี่ ่านลวดตัวนากับสนามแม่เหล็ก สมรรถนะสาคญั ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดสงั เคราะห์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (จิตวิทยาศาสตร์) ความมุ่งมั่นในการทางานและมีความอยากรู้อยากเหน็ นักเรียนแสดงออกถึงความต้ังใจความตอ้ งการ ที่จะรู้และเสาะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ทีสนใจหรือต้องการค้นพบสิ่งใหม่ แสดงออกได้โดยการถาม คาถาม หรอื มคี วามสงสยั ในสิง่ ท่ีสนใจอยากรู้ มีความกระตือรอื รน้ ในการเสาะแสวงหาข้อมูลท่ีเกยี่ วข้องกับสิ่งท่ี สนใจ ตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมายด้วยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจ ในการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ ให้สาเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่กาหนดด้วยความรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจในผลงาน ช้ินงาน/ภาระงาน ใบงานที่ 1.5 แรงกระทาต่อลวดตวั นาท่อี ยใู่ นสนามแมเ่ หลก็ ขณะมีกระแสไฟฟ้าผา่ น

กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธสี อนใช้รูปแบบวงจรการเรียนรู้ 5 ขนั้ ตอน (5E Learning Cycle model) ขัน้ ที่ 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ ( 15 นาที ) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมในเรื่อง ทิศทางของแรงแม่เหล็ก โดยใช้มือขวา ขนาดของแรงแม่เหล็ก และ การเคล่อื นท่ีของอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟา้ ในสนามแมเ่ หล็ก 2. ครูตัง้ คาถามเพอื่ นาเข้าสู่การทากิจกรรม โดยมีประเดน็ คาถาม ดงั ต่อไปนี้ - กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาเกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระ ถ้านาลวดตัวนาที่มี กระแสไฟฟ้าไปไวใ้ นสนามแมเ่ หลก็ จะเกดิ แรงกระทาต่อลวดตัวนาน้นั หรือไม่ อยา่ งไร (แนวคาตอบ ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคาตอบท่ี ถกู ต้อง) ขน้ั ท่ี 2 ข้นั สารวจและค้นหา ( 45 นาที ) 3. ครูชีแ้ จงจดุ ประสงค์และวิธีการปฏิบัติกิจกรรมให้นกั เรยี นทราบ ตามรายละเอียดในใบงานที่ 1.5 แรง กระทาต่อลวดตัวนาทอี่ ยใู่ นสนามแม่เหล็กขณะมกี ระแสไฟฟา้ ผ่าน 4. ให้นักเรียนแต่ละคนคานวณหาแรงแม่เหล็กที่กระทาต่อเส้นลวดตัวนาที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและวาง ในสนามแม่เหลก็ รวมท้ังปริมาณทเ่ี กย่ี วขอ้ งได้จากโจทยท์ ีก่ าหนดให้ 5. นักเรยี นลงมือปฏิบัตกิ จิ กรรม และรายงานผล ขั้นท่ี 3 ขนั้ สรา้ งคาอธิบายและลงข้อสรปุ ( 30 นาที ) 6. สมุ่ นักเรียนออกมานาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าช้ันเรยี น 7. ครใู ห้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเพอ่ื นาไปส่กู ารสรปุ โดยใชค้ าถามตอ่ ไปนี้ - กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนาเส้นตรงมีทิศทางจาก B ไป A สนามแม่เหล็กมีทิศทางช้ีลงลวด ตัวนาเส้นตรงเคลือ่ นที่ไปทางใด (แนวคาตอบ ลวดตวั นาเสน้ ตรงเคล่ือนที่ออกจากแมเ่ หล็กรูปตวั ยู) - กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนาเส้นตรงมีทิศทางจากA ไป B สนามแม่เหล็กมีทิศทางชี้ลงลวด ตัวนาเสน้ ตรงเคลื่อนท่ไี ปทางใด (แนวคาตอบ ลวดตวั นาเสน้ ตรงเคลื่อนท่ีเขา้ หาแมเ่ หล็กรปู ตวั ยู) - ทิศทางของกระแสไฟฟ้ามีผลตอ่ การเคลื่อนทีข่ องลวดตวั นาเสน้ ตรงหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคาตอบ มีผล เพราะเมื่อกลับทิศทางของกระแสไฟฟ้า การเคลื่อนที่ของลวดตัวนา เสน้ ตรงจะมที ศิ ทางตรงขา้ ม)

- เมื่อกลับขั้วของแม่เหล็กรูปตัวยู สนามแม่เหล็กมีทิศทางไปทางใด และลวดตัวนาเคลื่อนท่ี อยา่ งไร เมอ่ื เทยี บกบั ตอนแรก (แนวคาตอบ เมื่อกลับขั้วของแม่เหล็กรูปตัวยู สนามแม่เหล็กมีทศิ ทางตรงข้ามกับทิศทางเดมิ มีผล ทาใหล้ วดตัวนาเส้นตรงเคลอื่ นทีใ่ นทศิ ทางตรงขา้ มกับตอนแรก) - ทิศทางของสนามแม่เหล็กมีผลต่อการเคลื่อนที่ของลวดตัวนาเส้นตรงที่มีกระแสไฟฟ้าผ่าน หรอื ไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ มีผล เพราะเมื่อกลับทิศทางของสนามแม่เหล็ก การเคลื่อนที่ของลวดตัวนา เส้นตรงจะมที ศิ ทางตรงขา้ ม) - เพราะเหตใุ ดเมือ่ กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตวั นาเสน้ ตรงจึงเคลื่อนทีไ่ ด้ (แนวคาตอบ เพราะมีแรงแม่เหล็กกระทากับลวดตวั นา เม่ือมีกระแสไฟฟา้ ผ่านลวดตัวนาที่อยู่ ในสนามแมเ่ หล็ก) - ในแต่ละกรณีลวดตัวนาเส้นตรงเคลื่อนที่ในทิศทางที่ตั้งฉากกับทิศทางของกระแสไฟฟ้าและ ทิศทางของสนามแม่เหลก็ หรอื ไม่ (แนวคาตอบ ลวดตวั นาเคลอื่ นท่ีในทิศทางตั้งฉากกับทิศทางของกระแสไฟฟา้ และทิศทางของ สนามแม่เหล็ก) 8. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับ เรื่อง แรงกระทาต่อลวดตวั นาที่อยู่ในสนามแม่เหลก็ ขณะมี กระแสไฟฟ้าผ่าน ดังน้ี ลวดตัวนาเส้นตรงมีกระไฟฟ้าผ่าน ������ วางตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� โดยมีความยาว ของลวดตัวนาที่อยู่ในสนามแม่เหล็ก ������ จะมีแรงแม่เหล็กกระทาต่อลวดตัวนามีขนาดตามสมการ ������ = ������������������ ลวดตัวนาเส้นตรงวางในทิศทางทามุม ������ กับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� จะมีแรงแม่เหล็กกระทาต่อลวดตัวนามีขนาด ตามสมการ ������ = ������������������������������������������ และหาทิศทางของแรงแม่เหล็กทีก่ ระทากับลวดตัวนาทีม่ ีกระแสไฟฟ้าผ่านได้โดย ใช้มือขวาชี้นิ้วทงั้ สี่ไปตามทิศทางของกระแสไฟฟ้า แล้ววนนวิ้ ทงั้ ส่ไี ปหาทิศทางสนามแมเ่ หล็ก น้ิวหัวแม่มือจะชี้ ทศิ ทางของแรงโดยแรงแมเ่ หล็กจะมที ิศทางตั้งฉากกับสนามแม่เหลก็ และกระแสไฟฟา้ ทีผ่ า่ นตวั นา ข้นั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ ( 15 นาที ) 9. ครูให้นักเรียนฝึกทาโจทย์การคานวณเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทักษะการคานวณให้กับนักเรียนเพื่อความ แม่นยาในการทาแบบฝกึ หัดและทาข้อสอบต่อไป ขัน้ ท่ี 5 ประเมินผล ( 15 นาที ) 10. ครูสังเกตและประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในขณะที่ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมและ การนาเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม

วสั ด/ุ อปุ กรณ์ สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 สังกัด อจท. 2. หนังสือเรยี นฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 5 สงั กดั สสวท. 3. PowerPoint เรอื่ ง กระแสไฟฟา้ ทาให้เกดิ สนามแมเ่ หลก็ 4. หอ้ งเรยี น 5. ห้องสมุด 6. แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ 7. ใบงานท่ี 1.5 แรงกระทาตอ่ ลวดตัวนาทอ่ี ยใู่ นสนามแม่เหล็กขณะมกี ระแสไฟฟ้าผ่าน การวัดผลและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน 1. นักเรียนสามารถอธิบายแรง ตรวจใบงาน ใ บ ง า น ท ี ่ 1.5 แ ร ง ได้ระดับคุณภาพดี แม่เหล็กที่กระทาต่อเส้นลวด กระทาต่อลวดตัวนาท่ี จึงผา่ นเกณฑ์ ตัวนาที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและ อยู่ในสนามแม่เหล็ก วางในสนามแม่เหล็กได้ (K) ข ณ ะ ม ี ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ้ า ผ่าน 2. นักเรียนสามารถคานวณหา สังเกตและประเมินการ แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร ได้ระดับคุณภาพดี แรงแม่เหล็กที่กระท าต่อ ปฏิบัตกิ จิ กรรม ปฏิบัติกิจกรรมการ จึงผ่านเกณฑ์ เส้นลวดตัวนาที่มีกระแสไฟฟ้า คานวณ ผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รวมทั้งปริมาณที่เกี่ยวข้องได้ (P) 3. มีความอยากรอู้ ยากเห็น (A) สังเกตและประเมินการมี แบบประเมิน การมี ได้ระดับคุณภาพดี ความอยากรู้อยากเห็น ความอยากรูอ้ ยากเห็น จึงผ่านเกณฑ์ 4. คุณลกั ษณะด้านมุ่งม่ันในการ สงั เกตพฤติกรรม แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ - ได้ระดับคุณภาพดี ทางาน ลักษณะอันพึงประสงค์ จึงผา่ นเกณฑ์ ด้านมุ่งมั่นในการทา งาน

ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ..................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ................................................................ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (…………………….………….……….………………………….) ........./........................./.........

การประเมินด้านความรู้ (K) เกณฑก์ ารให้คะแนนใบงาน ประเดน็ การประเมนิ 4 คะแนน 1 32 ลวดตัวนาเสน้ ตรงมีกระไฟฟ้าผ่าน ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงาน มี ค ว า ม ������ วางตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� กับประเด็น การ กับประเด็นการ กับประเด็นการ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ โดยมีความยาวของลวดตัวนาที่ ประเมิน เนื้อหา ประเมนิ ส่วนใหญ่ ประเมิน เนื้อหา ป ร ะ เ ด ็ น ก า ร อยู่ในสนามแม่เหล็ก ������ จะมีแรง แม่ เ ห ล ็ กกร ะท าต่ อล วด ตั วน ามี สาระของผลงาน เนื้อหาสาระของ สาระของผลงาน ประเมินเนื้อหา ขนาดตามสมการ ������ = ������������������ ลวด ถกู ต้องครบถ้วน ผลงานถูกต้องแต่ ถูกต้องเป็นบาง สาระแค่บางส่วน ยังมีข้อบกพร่อง ป ร ะ เ ด ็ น แ ต่ และมีข้อบกพร่อง ตัวนาเส้นตรงวางในทิศทางทามุม ������ กับสนามแม่เหล็ก ���⃑��� จะมีแรง เลก็ น้อย ม ี ข ้ อ บ ก พ ร ่ อ ง มาก แม่ เ ห ล ็ กกร ะท า ต่ อล วด ตั วน ามี บางส่วน ข น า ด ต า ม ส ม ก า ร ������ = ������������������������������������������ และหาทศิ ทางของแรง แม่เหลก็ ท่ีกระทากับลวดตัวนาท่ีมี กระแสไฟฟ้าผ่านได้โดยใช้มือขวา ช ี ้ น้ิ ว ท ั ้ ง ส ี ่ ไ ป ต า ม ท ิ ศ ท า ง ข อ ง กระแสไฟฟา้ แลว้ วนนว้ิ ทัง้ สี่ไปหา ท ิ ศ ท า ง ส น า ม แ ม ่ เ ห ล ็ ก นิ้ ว หัวแม่มือจะชี้ทิศทางของแรงโดย แรงแม่เหล็กจะมีทิศทางตั้งฉาก กับสนามแม่เหล็กและกระแส ไฟฟ้าที่ผ่านตัวนา เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ดีมาก 4 อยูใ่ นระดับ ดี 3 อยู่ในระดบั พอใช้ 2 อยใู่ นระดับ ปรับปรุง 1 อยใู่ นระดับ

การประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) เกณฑ์การประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการคานวณ ประเด็นการประเมนิ 3 ระดับคะแนน 1 2 1.การว ิเคราะห์โ จทย์ บอกส่งิ ท่ีโจทยใ์ ห้มา และ บอกสงิ่ ทโี่ จทยใ์ ห้มา และ บอกสิ่งท่ีโจทยใ์ หม้ า และ ปญั หา สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ อย่างถูก และเขียน และเขียนสมการการ และเขียนสมการการ สมการการคานวณของ โจทย์ไดอ้ ย่างถูกต้อง ค านวณของโจทย์ได้ คานวณของโจทยไ์ ด้ อยา่ งถูกตอ้ ง 2.เลือกสูตรที่เหมาะสม เลือกสูตรการคานวณที่ เลือกสูตรการคานวณที่ เลือกสูตรการคานวณท่ี และสมั พันธก์ ับโจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ ต้องการให้หาได้อย่าง ต้องการให้หาได้อย่าง ต้องการให้หาได้ แต่ไม่ ถกู ตอ้ งและเหมาะสม ถกู ต้อง สามารถหาค าตอบที่ ถกู ตอ้ งได้ 3.การแทนค่าและแสดงวิธี การแทนค่าของตัวแปร การแทนค่าของตัวแปร การแทนค่าของตัวแปร หาคาตอบ ในโจทย์ได้อย่างถูกต้อง ในโจทย์ได้อย่างถูกต้อง ในโจทย์ได้ และแสดง แสดงวิธีการคานวณเป็น แสดงวิธีการคานวณเป็น วิธกี ารคานวณได้ ลาดบั ขั้นตอนชดั เจนและ ล าดับขั้นตอนและได้ ได้ค าตอบที่ถูกต้องมี คาตอบทถ่ี กู ต้อง ความแมน่ ยา 4.ตรวจสอบค าตอบของ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ โจทย์ และระบุหน่วยได้ คาตอบของโจทยไ์ ด้อย่าง คาตอบของโจทยไ์ ด้ และ คาตอบของโจทย์ได้บ้าง ชดั เจน ถูกต้อง และระบุหน่วย ระบหุ นว่ ยไดช้ ัดเจน เล็กน้อย และระบุหน่วย ได้ชัดเจน ได้ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ 9 – 12 อย่ใู นระดับ ดมี าก 5 – 8 อยูใ่ นระดบั ดี 1 – 4 อยใู่ นระดับ พอใช้

การประเมินดา้ นเจตคติ (A) เกณฑ์การประเมินการมีความอยากรู้อยากเหน็ ประเด็นการประเมิน 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะ พยายามหาความรู้ใหม่ๆ มีการแสวงหาความรู้บ้าง ไม่มีการแสวงหาความรู้ เสาะแสวงหาความรู้ใน อยู่เสมอ ซึ่งไม่สามารถ นาความรู้ที่มีอยู่เดิมมา ใดๆ ใช้เพียงความรู้เดิม ส ถ า น ก า ร ณ ์ ใ ห ม่ ๆ อธิบายได้ด้วยความรู้ที่มี อธิบายเล็กน้อย จึงทาให้ ที่มีอยเู่ ท่าน้นั ไมเ่ กิดการ ต ร ะ ห น ั ก ถ ึ ง ค ว า ม อยู่เดิม เพื่อให้เกิดการ เกดิ การเรียนรไู้ ด้น้อย ซ่ึง เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ สาคัญของการแสวงหา เรียนรู้ และใช้ความรู้ที่ อ า จ ป ร ั บ ใ ช ้ ไ ด ้ กั บ สามารถแก้ไขต่างๆ ได้ ข้อมูลเพิ่มเติม และช่าง ได้ในการแก้ปัญหา หรือ ช ี ว ิ ต ป ร ะ จ า ว ั น แ ค่ ไม่ให้ความสาคัญกับการ ซัก ช่างถาม ช่างอ่าน ใช้กับชีวิตประจาวันได้ บางส่วน ให้ความสาคัญ เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ เพื่อให้ได้ค าตอบเป็น ให้ความสาคัญกับการ กับการเรียนรู้บ้าง แต่ไม่ มีการสังเกต หรือเกิด ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เรียนรู้ เป็นผู้กระตือ- มีความกระตือรือร้นใน ความสงสยั เทา่ ที่ควร ยิ่งขึ้น รือร้นในการเรียนหรือ การเรียนหรือแสวงหา แสวงหาความรอู้ ยู่เสมอ ความรู้ และรู้จักถามเมื่อ และช่างสงสัย สังเกต มีข้อสงสัยจากการได้ รู้จักถามเมื่อมีข้อสงสัย สังเกตบ้าง ท าให้ ได้ ท าให้ได้ค าตอบท่ีเป็น ค าตอบท่ีเป็นความรู้ ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เพ่ิมเตมิ จากความรูเ้ ดมิ ย่ิงขึ้น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อยใู่ นระดับ พอใช้ 1 อยู่ในระดับ

การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านมุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ดา้ นมงุ่ มน่ั ในการทางาน ตัวชี้วดั และพฤติกรรมบง่ ชี้ ตวั ชี้วดั พฤติกรรมบ่งช้ี 6.1 ตงั้ ใจและรบั ผิดชอบในการทางานให้ 6.1.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบตั หิ นา้ ทท่ี ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย สาเรจ็ 6.1.2 ต้ังใจและรับผิดชอบในการทางานให้แล้วเสร็จ 6.1.3 ปรบั ปรุงและพฒั นาการทางานดว้ ยตนเอง 6.2 ทางานด้วยความเพยี รพยายาม และ 6.2.1 ทุ่มเททางาน อดทน ไม่ย่อท้อตอ่ ปัญหาและอปุ สรรคใน อดทนเพอื่ ใหง้ านสาเร็จตามเปา้ หมาย การทางาน 6.2.2 พยายามแกป้ ญั หาและอุปสรรคในการทางานใหแ้ ลว้ เสรจ็ 6.2.3 ช่ืนชมผลงานด้วยความภาคภมู ิใจ เกณฑ์การให้คะแนน (ใชข้ อ้ มูลจากการสังเกตตามสภาพจริงของครผู ู้สอน) พฤตกิ รรมบ่งช้ี 3 2 1 0 ตามข้อ 6.1 – ตั้งใจและรับผิดชอบ ต้ังใจและรับผดิ ชอบ ตั้งใจและรับผิดชอบ ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ี 6.2 ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ ในการปฏบิ ตั ิหน้าที่ท่ี ในการปฏบิ ัติหน้าท่ีท่ี การงาน ได้รับมอบหมายให้ ได้รับมอบหมายให้ ได้รับมอบหมายให้ สาเร็จ มีการปรับปรุง สาเร็จ มกี ารปรับปรงุ สาเร็จ และพัฒนาการทางาน แ ล ะ พ ั ฒ น า ก า ร ให้ดีขึ้นภายในเวลาท่ี ทางานให้ดขี ึ้น กาหนด ระดบั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ดเี ยยี่ ม 3 อยู่ในระดับ ดี 2 อยู่ในระดบั ผา่ น 1 อยู่ในระดบั ไมผ่ ่าน 0 อยู่ในระดบั หมายเหตุ นักเรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนข้นึ ไปจึงจะผ่านเกณฑ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook