Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเรียนการสอนเพื่อใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

คู่มือการเรียนการสอนเพื่อใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

Published by daony23, 2022-09-27 10:48:19

Description: คู่มือการเรียนการสอนเพื่อใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

Search

Read the Text Version

TEACHER’S GUIDE คูมอื การเรียนการสอน FOR PROMOTING เพื่อการใชยาอยา งสมเหตผุ ล RATIONAL DRUG USE equity nment ational communication rug ethics cost-effectivene patient safety se good prescribing practice คณะทำงานขบั เคล่อื นการพัฒนาระบบการผลิตและพฒั นากำลังคนดา นสขุ ภาพเพ่อื การใชย าอยางสมเหตุผล ภายใตคณะอนกุ รรมการสงเสรมิ การใชย าอยา งสมเหตุผล 2560



ค่มู ือการเรียนการสอนเพ่อื การใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล Teacher’s Guide for Promoting Rational Drug Use โดย คณะทำงำนขบั เคล่ือนกำรพัฒนำระบบกำรผลิตและพัฒนำกำลังคนดำ้ นสุขภำพ เพื่อกำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตผุ ล ภำยใต้คณะอนกุ รรมกำรส่งเสริมกำรใชย้ ำอย่ำงสมเหตุผล เมษำยน 2560 ภาพหนา้ ปก : นักศึกษำเภสัชศำสตร์ ณัฐสทิ ธ์ิ รตั นพำณิชย์ ขอ้ มูลบรรณานุกรม คณะทำงำนขับเคลื่อนกำรพัฒนำระบบกำรผลติ และพัฒนำกำลงั คนด้ำนสุขภำพ เพ่ือกำรใช้ยำอยำ่ ง สมเหตุผล. 2560. คมู่ ือกำรเรียนกำรสอนเพ่ือกำรใช้ยำอย่ำงสมเหตผุ ล. นนทบุรี: สำนักงำน คณะกรรมกำรอำหำรและยำ กระทรวงสำธำรณสขุ . Rational Use of Drug Subcommittee. 2017. Teacher’s Guide for Promoting Rational Drug Use. Nonthaburi: Food and Drug Administration, Ministry of Public Health, Thailand. ดำวน์โหลดคู่มอื ผ้สู อนประเมนิ คู่มือฯ & ผเู้ รยี นประเมนิ แบ่งปันประสบกำรณ์ คมู่ ือกำรเรียนกำรสอน http://drug.fda.moph.go.th/ กำรจดั กำรเรยี นกำรสอน https://goo.gl/qtW9sD https://goo.gl/CQ4E1u

คานา นโยบำยแห่งชำติด้ำนยำ พศ..2554 และยุทธศำสตร์กำรพัฒนำระบบยำแห่งชำติ พ .ศ.2555- 2559 กำหนดให้มีกลยุทธกำรพัฒนำระบบกำรผลิตและพัฒนำกำลังคนด้ำนสุขภำพเพื่อกำรใช้ยำสม เหตุผล คณะอนุกรรมกำรส่งเสริมกำรใช้ยำสมเหตุผล ร่วมกับสภำวิชำชีพด้ำนสุขภำพ เห็นถึง ควำมสำคัญของกำรพัฒนำกำลังคนก่อนปริญญำ จึงกำหนดเป้ำหมำยร่วมกันในกำรพัฒนำระบบกำร ผลติ และพัฒนำกำลังคนด้ำนสขุ ภำพเพื่อกำรใช้ยำอย่ำงสมเหตุผลขึน้ นอกจำกน้ีคณะอนุกรรมกำรฯ ยัง ไดพ้ ัฒนำโมดูลกำรเรียนรู้กลำงเพ่อื กำรใชย้ ำอย่ำงสมเหตุผล เพื่อให้แต่ละวิชำชีพด้ำนสุขภำพนำไปปรับ ใชใ้ นหลักสูตรกำรเรียนกำรสอนกำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตุผลของปกี ำรศึกษำ 2560 คู่มือกำรเรียนกำรสอนเพื่อกำรใช้ยำสมเหตุผลฉบับนี้ จึงได้จัดทำขึ้น เพ่ือใช้เป็นแนวทำงของ ครูผู้สอนของวิชำชีพด้ำนสุขภำพให้เข้ำใจถึงทิศทำงกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอน และแนะนำเนื้อหำ โมดลู กำรเรยี นรู้และกำรประเมนิ ผลทีพ่ ัฒนำข้นึ รวมทง้ั อธิบำยวธิ กี ำรจัดกำรเรยี นกำรสอนของโมดลู อย่ำงไรก็ตำมกำรพัฒนำกำรเรยี นกำรสอนด้ำนกำรใช้ยำอย่ำงสมเหตุผล จำเป็นต้องอำศัยควำม ร่วมมือจำกหน่วยงำนหลำยภำคส่วน ต้ังแต่สภำวิชำชีพ เครือข่ำยกำรศึกษำของแต่ละวิชำชีพ สถำบันกำรศกึ ษำ จนถงึ ครผู สู้ อน เพื่อสรำ้ งบณั ฑติ รุ่นใหม่ ให้มีควำมรู้ ทักษะ และเจตคติทดี่ ใี นกำรใช้ยำ อย่ำงสมเหตุผล คณะอนุกรรมกำรส่งเสริมกำรใช้ยำอย่ำงสมเหตุผล โดยคณะทำงำนขับเคล่ือนกำรพัฒนำระบบ กำรผลิตและพัฒนำกำลังคนด้ำนสุขภำพเพื่อกำรใช้ยำอย่ำงสมเหตุผล หวังเป็นอยำ่ งย่ิงว่ำ ค่มู ือนจ้ี ะเป็น ประโยชนใ์ นกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนเพื่อกำรใช้ยำอยำ่ งสมเหตุผลในสถำบันกำรศึกษำของท่ำน เพ่ือ สรำ้ งบัณฑติ ทจ่ี ะสรำ้ งสงั คมใชย้ ำสมเหตุผลตอ่ ไป คณะอนกุ รรมกำรส่งเสรมิ กำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตุผล i

ii

สารบญั คานา……………………………………………………………………………………………………………..……. i สารบญั …………………………………………………………………………………………………………..…… iii บทนา…………………………………………………………………………………………………………..……… 1 แนวทางการใชค้ ู่มอื การเรยี นการสอนเพอ่ื การใช้ยาอย่างสม 9 เหตุผล……………….…….…… Part I เนอื้ หาหลักและสมรรถนะทพ่ี งึ มี เพอื่ การใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล……………… 11 Part II แนวทางการบูรณาการเนอื้ หาหลัก กับหลักสตู รปัจจบุ นั การจัดการเรียนการสอน และการประเมนิ ผล……………………..……..………… 25 Part III โมดลู วธิ กี ารจัดการเรยี นการสอน และประสบการณ์ ของคณะผ้จู ดั ทาและผ้ทู ีเ่ คยนาไปใช้สอนจริง……………..…………….…………. 39 The Consultation Module 1 หลักกำรและควำมสำคัญของกำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตผุ ล…….. 1.1 - 1.88 Module 2 ข้ันตอนกำรสัง่ ใช้ยำอย่ำงสมเหตุผล…………………………..…… 2.1 - 2.12 Module 3 กำรสอื่ สำรที่จำเป็นเพือ่ กำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตผุ ล………..…… 3.1 - 3.22 Prescribing Governance = Rational Prescribing Module 4 กำรใช้ยำอย่ำงสมเหตุผลเพอื่ ควำมปลอดภัยของผปู้ ว่ ย…..... 4.1 - 4.8 Module 5 ผลกระทบของยำต่อสิ่งแวดลอ้ ม………………………………..….. 5.1 – 5.20 Module 6 จริยศำสตร์กับกำรสง่ เสริมกำรใชย้ ำอย่ำงสมเหตุผล…….…… 6.1 - 6.12 Module 7 ควำมเสมอภำคในกำรใชย้ ำ และกำรคำนงึ ถึงควำมคมุ้ ค่ำ ตำมหลกั เศรษฐศำสตรก์ ำรแพทย์……………………………..…… 7.1 - 7.6 Module 8 ควำมรว่ มมอื ของสหวิชำชพี เพอื่ กำรใชย้ ำ…………………..…… 8.1 - 8.14 Module 9 กำรประเมินหลกั ฐำนทำงกำรแพทย์ และแหล่งเรียนรูใ้ น กำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตุผล…………………..………………..………… 9.1 - 9.28 Module 10 กำรพัฒนำควำมสำมำรถอยำ่ งตอ่ เนอื่ ง เพ่ือกำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตผุ ล……………….……………..………… 10.1 - 10.20 เรอื่ งเล่าจากเพือ่ นรว่ มทาง: การจัดการเรยี นการสอนเพ่อื RDU……………..……….. 11.1- 11.14 ภาคผนวก: คณะทำงำน และเพอื่ นร่วมทำง…………….………..……………….………………… A1.1-A1.3 iii

iv

คมู อื การเรยี นการสอนเพือ่ การใชยาอยา งสมเหตผุ ล 2560 แนวทางการใชคมู ือฯ บทนาํ 1. ความเปนมาและเหตผุ ล การใชยาอยางสมเหตุผล เปนประเด็นเรงดวนของประเทศตาง ๆ ที่ตองดําเนินการ เนื่องจากสงผลตอ การรักษาของผูปวย การเกิดอาการไมพึงประสงค การเกิดเชื้อด้ือยาเพ่ิมสูงขึ้น1 และการสูญเสียทางการ เงนิ การคลงั 2, 3 ,4 ในประเทศไทย การใชย าอยางไมสมเหตุผลเกดิ ขนึ้ ท้ังในสถานพยาบาลและชมุ ชน นับเปนปญ หาระดบั ชาติ มานานหลายทศวรรษ องคก ารอนามัยโลก กลาวไววาการสรางความตระหนักและความเขาใจที่ถูกตอง เก่ียวกับการใชย า ท้งั ในผปู ฏิบัติงานดานสุขภาพและประชาชน รวมทั้งการจัดหาใหมียาท่ีเหมาะสมอยาง เพียงพอในระบบบริการสุขภาพ เปนวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผล การใชว ธิ ีการใดวิธีการหนึ่งเพยี งลาํ พังมกั มขี อจาํ กดั และอาจยังไมมีประสิทธภิ าพเพยี งพอในการแกป ญหา5 ดังนั้นเพ่ือแกปญหาดังกลาว การใชยาอยางสมเหตุผลจึงถูกกําหนดไวในนโยบายแหงชาติดานยา พ.ศ. 2554 และยุทธศาสตรการพัฒนาระบบยาแหงชาติ พ.ศ. 2555-2559 โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบ ยาแหงชาติ (ซ่ึงมี รองนายกรัฐมนตรีท่ีไดรับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเปนประธาน) ไดมอบหมายให คณะอนุกรรมการสงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผล (คณบดีคณะแพทยศาสตร ศิริราชพยาบาล เปน ประธาน) ขับเคลื่อนการดําเนินการใหเปนไปตามยุทธศาสตร และยังทําดําเนินการตอเน่ืองภายใต นโยบายแหง ชาตดิ านยาและยุทธศาสตรการพฒั นาระบบยาแหง ชาติ พ.ศ. 2560-2564 ในสวนการขับเคลื่อนเพือ่ พัฒนาระบบการผลติ และพฒั นากําลงั คนดานสุขภาพ คณะอนุกรรมการสงเสริม การใชยาสมเหตุผล ไดแตงตั้งคณะทํางานพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนากําลังคนดานสุขภาพเพ่ือ สงเสริมการใชยาสมเหตุผล (รศ.นพ.อานุภาพ เลขะกุล เปนประธาน) ซ่ึงประกอบดวยตัวแทนจาก เครอื ขา ยสถาบันการศกึ ษา สภาวชิ าชีพ และองคกรวิชาชีพทเ่ี กย่ี วขอ ง รว มกนั วางแผนและดาํ เนนิ การเพื่อ ขบั เคลื่อนยุทธศาสตรด งั กลาว คณะทาํ งานชุดน้ีไดก ําหนดเปา หมายการพฒั นากําลังคนดานสุขภาพใหเปนผูท่ีสามารถทําหนาที่เปนกลไก สําคัญในการใชยาอยางสมเหตุผล โดยมีคุณลักษณะท่ีสําคัญใน 3 องคประกอบ คือเปนผูมีความรู (knowledge หรือ cognitive domain) ทักษะ (skills หรือ psychomotor domain) และเจตคติ (attitudes หรือ affective domain) ท่ีเอื้อตอการใชยาสมเหตุผล ในการสรางบุคลากรสุขภาพใหมี คุณลักษณะครบทั้ง 3 องคประกอบ คณะทํางานฯ จึงพัฒนาชุดหลักสูตรการเรียนการสอน ประกอบไป ดว ย เนอ้ื หาหลักสาํ หรับสาระการสอน วิธีการจัดการเรียนการสอน และเครื่องมือตาง ๆ เชน กรณีศึกษา รวมท้ังวิธีการประเมินผล ท่ีจะชวยใหคณะวิชาตาง ๆ สามารถนําไปใชไดโดยสะดวก และสามารถ ปรบั เปลี่ยนใหเขา กบั บริบทของการเรยี นการสอนของแตล ะคณะวิชา 1 บุปผา ศิริรัศมี. 2540. พฤติกรรมสุขภาพในเร่ืองการใชยาปฏิชีวนะของประชาชนในจังหวัดนครปฐม.สถาบันวิจัยประชากรและ สังคม มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. 2 สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. 2554. มูลคาการบริโภคยาภายในประเทศ และมูลคาการบริโภคยาในประเทศในราคาผูผลิต ป 2553. 3 สุวิทย วบิ ุลผลประเสริฐ และคณะ. 2550. การสาธารณสขุ ไทย. สํานักนโยบายและยุทธศาสตร กระทรวงสาธารณสุข. 4 World Health Organization. 2006. Progress in the rational use of medicines: Report by the secretariat. WHO 60th World Health Assembly. Provisional agenda item 12.17. 5 World Health Organization. 2010. Medicines: rational use of medicines. Fact sheet No.338 May 2010.

คมู อื การเรยี นการสอนเพื่อการใชย าอยา งสมเหตผุ ล 2560 คมู ือการเรียนการสอนเพ่ือการใชยาอยางสมเหตุผลเลมนี้ เปนจุดเริ่มตนของชุดหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น จะ มงุ เนน ลกั ษณะการเรยี นการสอนท่มี ุง ผูเรียนเปนหลัก มีกรณีศึกษา และผนวกเขากับวิธีการเรียนการสอน ท่ีสามารถพัฒนาทักษะที่จําเปนตอไปในการใชยาอยางสมเหตุผล ไดแก การสืบคนขอมูล การวิเคราะห และสังเคราะหขอมูลเพ่ือพิจารณาความนาเชื่อถือของขอมูล การพัฒนาทักษะในการสื่อสารกับผูปวย ระหวา งทีมสหสาขาวชิ าชีพ เพอ่ื เปน สว นเสริมใหการใชยาสมเหตผุ ลทําไดอ ยางครบวงจรไปจนถงึ การใชย า ของผูปวย เปนตน 2. ภาพรวมการดําเนินการเพื่อสงเสริมการใชย าอยางสมเหตผุ ล ป 2555-2559 นโยบายแหงชาติดานยา พ.ศ.2554 และแผนยุทธศาสตรการพัฒนาระบบยาแหงชาติ พ.ศ. 2555-25591 มี วิสยั ทศั นคือ “ประชาชนเขา ถงึ ยาถวนหนา ใชยามีเหตุผล ประเทศพึ่งตนเอง” โดยกําหนดเปาประสงคเพ่ือให ประชาชนไดรับการปองกันและแกไขปญหาสุขภาพท่ีไดมาตรฐาน โดยการประกันคุณภาพ ความปลอดภัยและ ประสิทธผิ ลของยา การสรา งเสริมระบบการใชย าอยางสมเหตุผล การสงเสริมการเขาถึงยาจําเปนใหเปนไปอยาง เสมอภาค ยั่งยืน ทันการณ การสรางกลไกการเฝาระวังที่มีประสิทธิภาพ และอุตสาหกรรมยามีการพัฒนาจน ประเทศสามารถพ่ึงตนเองได ภายใตแ ผนยทุ ธศาสตร 4 ดาน ไดแ ก ดานท่ี 1 การเขาถงึ ยา ดานที่ 2 การใชยาอยา งสมเหตผุ ล ดานที่ 3 การพฒั นาอตุ สาหกรรมผลติ ยา ชวี วัตถุ และสมุนไพรเพอื่ การพึ่งพาตนเอง ดานท่ี 4 การพัฒนาระบบการควบคุมยาเพอ่ื ประกันคณุ ภาพ ประสทิ ธผิ ลและความปลอดภัยของยา จากนโยบายและยุทธศาสตรฯ ดังกลาวท่ีมีวิสัยทัศน มุงเนนใหเกิด “การใชยาอยางสมเหตุผล” นั้น จึงไดมีการ กําหนดใหมียุทธศาสตรดา นที่ 2 เพือ่ สง เสริมการใชอยางอยางสมเหตผุ ล โดยมยี ุทธศาสตรยอ ย 7 ดาน ดังนี้ 1) การพฒั นาระบบและกลไกการกาํ กบั ดแู ล เพ่อื ใหเกิดการใชยาอยางสมเหตผุ ล 2) การพัฒนาระบบการผลิตและพฒั นากําลงั คนดานสขุ ภาพ 3) การพฒั นากลไกและเครือ่ งมือ เพอ่ื ใหเ กดิ การใชย าอยางสมเหตผุ ล 4) การสรางความเขม แขง็ ภาคประชาชนดา นการใชยาอยา งสมเหตผุ ล 5) การสง เสริมการผลิตและประกนั คณุ ภาพยาช่ือสามญั 6) การพัฒนาระบบและกลไกปองกนั และแกไ ขปญ หาท่เี กดิ จากการใชย าตา นจุลชพี และการดือ้ ยาของ เชอ้ื กอ โรค 7) การสง เสริมจรยิ ธรรมผสู ั่งใชย าและยุตกิ ารสง เสรมิ การขายยาท่ีขาดจริยธรรม 1 คณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง ชาต.ิ 2554. นโยบายแหง ชาติดา นยา พ.ศ. 2554 และยทุ ธศาสตรก ารพัฒนาระบบยาแหง ชาติ พ.ศ. 2555 – 2559. กรุงเทพฯ: โรงพิมพชมุ นมุ สหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย จาํ กัด. 2

บทนํา คณะอนุกรรมการสงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผล ไดดําเนินการตามยุทธศาสตรการสงเสริมการใชยาอยางสม เหตุผลใหเปน รปู ธรรม ซึง่ แตล ะสว นมีความเกย่ี วเน่ืองสอดคลองกัน สรุปไดด ังน้ี 1) โครงการโรงพยาบาลสงเสรมิ การใชยาอยา งสมเหตผุ ล (RDU Hospital) โครงการโรงพยาบาลสงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผล หรือ RDU Hospital1 เปนโครงการที่บูรณาการมาตรการเพ่ือสงเสริมการใช ยาอยา งสมเหตผุ ลในโรงพยาบาล ตามนโยบายแหงชาติดานยาและ แนวทางขององคก ารอนามัยโลกไปสกู ารปฏิบตั ิอยา งเปน รูปธรรม RDU Hospital มีวัตถปุ ระสงคเพื่อสรางตนแบบของโรงพยาบาล สงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผล โดยการสนับสนุนเคร่ืองมือและ ใชก ลไกเครือขา ยเพื่อสงเสรมิ การใชย าอยา งสมเหตผุ ล เพือ่ รวมกนั แกป ญหาการใชยาไมสมเหตุผลท่ีมักพบ ในระบบยาของโรงพยาบาล ตั้งแตก ารคัดเลือกยา การจดั หา การส่ังใชยา การจายยา ทั้งนี้มีโรงพยาบาล ท่ีเขารวมโครงการฯ ท้ังจากโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย โรงพยาบาลศูนย/โรงพยาบาลทั่วไปและ โรงพยาบาลชุมชน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย ซึ่งจะเปนการสรางสิ่งแวดลอมและระบบ ตามโครงการ RDU Hospital เพอ่ื ใหน สิ ติ นกั ศกึ ษาซึมซับแนวคิดและเรยี นรรู ะบบกอ นออกไปทาํ งานจริง ในป พ.ศ. 2559 กระทรวงสาธารณสุขกําหนดใหการใชยาอยางสมเหตุผล เปนแผนพัฒนาระบบบริการ สุขภาพที่ 152 จึงมีนโยบายใหทุกโรงพยาบาลในสังกัดดําเนินการสงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผลและ จัดทําเปนคํารับรองในการปฏิบัติงานต้ังแตระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และผูตรวจราชการดวย นอกจากนี้ ในปเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขยังไดกําหนดใหการใชยาอยางสมเหตุผลเปนแผนงานใน ยุทธศาสตรช าติ ระยะ 20 ป ดานสาธารณสขุ ดวย โดยเปนสวนหนงึ่ ในแผนงานพัฒนาความเปนเลิศ ดาน ความมนั่ คงดานยาและเวชภณั ฑแ ละการคมุ ครองผบู ริโภค3 RDU Hospital website: http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/node/10362 2) การสรางเสรมิ ธรรมาภบิ าลระบบยาดวยเกณฑจ รยิ ธรรมวาดวยการสงเสรมิ การขายยา เกณฑจริยธรรมวาดว ยการสง เสรมิ การขายยา4 เปน เกณฑกลางของประเทศ เพือ่ พฒั นาระบบทีโ่ ปรงใส ตรวจสอบไดของระบบยาในหนวยงานทจี่ ดั ซือ้ ยา และสง เสริมความรวมมอื กับบริษทั ยาในการปฏิบตั ติ ามเกณฑด งั กลาว 1 ชยั รัตน ฉายากลุ และคณะ. (บรรณาธกิ าร). 2558. คูมอื การดําเนนิ งานโครงการ โรงพยาบาลสงเสริมการใชยาอยางสมเหตผุ ล (Rational Drug Use Hospital Manual). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พชุมนมุ สหกรณก ารเกษตรแหงประเทศไทย. 2 พรพมิ ล จนั ทรค ุณาภาส, ไพรํา บญุ ญฤทธิ,์ วรนดั ดา ศรสี พุ รรณ, ไพทิพย เหลืองเรืองรอง, นชุ นอ ย ประภาโส, (บรรณาธกิ าร). 2559. การ พฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาพฒั นาระบบบริการใหม กี ารใชย าอยางสมเหตุผล (Service Plan: Rational Drug Use). นนทบรุ ี: กลุมงาน พัฒนาระบบสนบั สนนุ บรกิ าร สาํ นกั บริหารการสาธารณสขุ สํานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข. 3 สาํ นกั นโยบายและยุทธศาสตร กระทรวงสาธารณสขุ . 2559. แผนยทุ ธศาสตรช าติ ระยะ 20 ป (ดานสาธารณสขุ ). 4 สนุ ทรี ท. ชัยสมั ฤทธโิ์ ชค, วรสุดา ยูงทอง, นภาภรณ ภูรปิ ญญวานชิ , (บรรณาธิการ). 2557. เกณฑจริยธรรมวา ดว ยการสงเสรมิ การขายยาของ ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พช มุ นมุ สหกรณก ารเกษตรแหง ประเทศไทย จํากดั . 3

คมู ือการเรียนการสอนเพ่ือการใชยาอยา งสมเหตผุ ล 2560 3) การพฒั นาการเรยี นการสอนเพอื่ การใชยาอยางสมเหตุผล การพัฒนาการเรียนการสอนเพ่ือการใชยาอยางสมเหตุผล เปน สวนหน่ึงของการขับเคล่ือนการพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนา กําลังคนดานสุขภาพเพื่อการใชยาอยางสมเหตุผล โดยมี เปาหมายในการจัดการระบบการเรียนการสอนและโครงสรางท่ี เกี่ยวขอ ง ของท้งั 5 วชิ าชพี ดา นสุขภาพทเ่ี กี่ยวของกับยาโดยตรง ไดแก แพทย ทนั ตแพทย เภสัชกร สัตวแพทย และพยาบาล ให สามารถผลิตและพฒั นาบุคลากรที่มีความรู ทักษะ และเจตคติที่ ดีตอการใชยาอยางสมเหตุผล โดยไดมีการกําหนดเปาหมาย รวมกันระหวางหาวิชาชีพเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนใน หลักสูตรกอนปริญญา การศึกษาตอเนื่องและการสอบใบ ประกอบวิชาชีพ (รายละเอียดในหัวขอถัดไป 3. การพัฒนาการ เรียนการสอนเพ่ือการใชยาอยางสมเหตุผลใน) คูมือการเรียนการ สอนเพ่ือการใชยาอยางสมเหตุผลเลมน้ี เปนสวนหน่ึงของการ เร่มิ ตน ดาํ เนินงานดานน้ี 4) การสงเสรมิ การใชย าอยางสมเหตุผลภาคประชาชน การสงเสริมการใชยาอยางสมเหตุผลภาคประชาชน เปนการสราง ความตระหนักของประชาชน “คิดกอนใชยา” ใชยา “ถูกโรค ถูก คน ถกู ยา” และคาํ นงึ ถงึ ความไมปลอดภยั จากการใชยาอยางไมสม เหตุผลในกลุมโรคและกลุมยาท่ีพบบอย และมีการประเมินผล อยางเปนระบบ ในการขับเคลื่อนงานดานน้ี มีคณะทํางานสราง เ ส ริ ม ค ว า ม เ ข ม แ ข็ ง ภ า ค ป ร ะ ช า ช น ด า น ก า ร ใ ช ย า อ ย า ง ส ม เหตุผล (สยส.) และเครอื ขา ยตา ง ๆ รว มมอื กนั 4

บทนํา 3. การพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อการใชยาอยา งสมเหตผุ ล ในหลกั สูตรกอ นปรญิ ญา เปาหมายรวมของ 5 วชิ าชีพดานสขุ ภาพ (แพทย ทันตแพทย สตั วแพทย เภสชั กร และพยาบาล) ในการพัฒนาการผลิตและพฒั นากาํ ลงั คน เพอ่ื การใชยาอยางสมเหตผุ ล (มตคิ ณะอนุกรรมการสงเสรมิ การใชยาอยางสมเหตผุ ล ในการประชุมครงั้ ท่ี 1/2559 เมือ่ วันที่ 30 มีนาคม 2559) 1. องคก รหรือสถาบัน1 ท่ีรบั ผิดชอบเก่ียวกับหลักสูตรของทุกสาขาวิชาชีพดานสุขภาพ มีมตินําเรื่อง การใชยาอยางสมเหตุผลบรรจุในหลักสูตรของคณะวิชาตางๆ และกําหนดเปนสมรรถนะหลัก ของแตละวิชาชพี ภายใน พ.ศ. 2559 2. องคกรหรือสถาบันที่รับผิดชอบเกี่ยวกับหลักสูตรของทุกสาขาวิชาชีพดานสุขภาพ มีหลักสูตร กลาง2ของการใชยาสมเหตุผล และพัฒนาศักยภาพผูสอนเรื่องการใชยาอยางสมเหตุผลภายใน พ.ศ. 2559 2.1 หลักการและคาํ จาํ กัดความ 2.2 เน้ือหาสาระและรปู แบบการจัดประสบการณก ารเรียนรู 2.3 การวัดและประเมินผลทีเ่ หมาะสม 3. คณะวชิ าตามขอ 1 และ 2 กาํ หนดวตั ถปุ ระสงค เนือ้ หาการจัดประสบการณการเรียนรู และการ ประเมนิ ผลเกี่ยวกับการใชยาอยา งสมเหตผุ ลทุกหลกั สตู ร ภายใน พ.ศ. 2559 โดยใหเปนไปตาม แนวทางท่ีกําหนดในขอ 2 และครอบคลุมไปถึงในระบบการศึกษาหลังปริญญาดวย เพื่อให บณั ฑติ มสี มรรถนะและความตระหนักตอการใชยาสมเหตผุ ล 4. คณะวิชาตามขอ 1 และ 2 จัดใหม ีขอสอบที่ครอบคลุมเน้อื หาทกุ องคประกอบของการใชย าอยา ง สมเหตุผลเปนองคป ระกอบของขอสอบทุกรายวิชาท่ีเกี่ยวของกับยา และการสอบรวบยอดหรือ การสอบประมวลความรู (comprehensive examination) โดยมีสัดสวนเร่ืองการใชยาอยางสม เหตผุ ลตอ ขอสอบท้งั หมดอยางมีนยั สาํ คญั 3 ภายใน พ.ศ. 2559 5. ขอความรวมมอื ใหส ภาวชิ าชีพ 5.1 กําหนดใหก ารใชยาอยางสมเหตผุ ลเปนประเดน็ หน่ึงในการรบั รองหลกั สูตร 5.2 จัดใหมีขอสอบเรื่องการใชยาอยางสมเหตุผลเปนสวนหน่ึงในการสอบใบประกอบ วิชาชพี 5.3 กําหนดใหเรือ่ งการใชยาสมเหตผุ ลเปน สวนหนงึ่ ของการศึกษาตอเนื่อง 1 องคก รหรอื สถาบนั หมายถงึ กลุมสถาบันแพทยศาสตรแ หง ประเทศไทย ภาคเี ครอื ขายการศกึ ษาวิชาชพี ทนั ตแพทย สตั วแพทย เภสัชกร พยาบาลและหลักสูตรหลงั ปริญญา รวมพยาบาลเวชปฏิบัติ รวมถงึ สภาวชิ าชีพ 2 หลกั สตู รกลาง core content มที ง้ั กระบวนการ 2.1 – 2.3 โดยใช core topics, core skills, core attitudes เปนกรอบแนวคดิ 3 1.เสนอใหส ดั สว นเรอื่ งการใชยาอยางสมเหตผุ ลตอขอ สอบทงั้ หมดอยางมนี ัยสาํ คัญดงั น้ี 1.1 ระดับปรีคลนิ กิ หรอื วทิ ยาศาสตรพน้ื ฐานไมนอ ยกวา รอ ยละ 10 1.2 ระดับคลนิ กิ /วชิ าแกนของสายวชิ าชีพไมน อ ยกวา รอ ยละ 30 2.ขอ สอบนอี้ าจนับรวมขอ สอบเดมิ ท่ีใชในการเรียนการสอน 5

คูมือการเรียนการสอนเพือ่ การใชย าอยา งสมเหตผุ ล 2560 ต้ังแตป พ .ศ. 2556 คณะอนุกรรมการสง เสริมการใชย าสมเหตุผล โดยคณะทาํ งานขบั เคล่อื นการพัฒนา ระบบการผลิตและพฒั นากําลงั คนดานสขุ ภาพเพือ่ การใชยาสมเหตผุ ล ไดด ําเนนิ การดงั สรุปในรูปที่ 1 สรา งความเขาใจ และการมีสว นรวมกําหนดเปาหมาย สนบั สนุนการใชคูมอื ฯ ในทกุ วชิ าชีพ & การพัฒนาการเรียนการสอนเพ่ือ RDU ในวิชาชีพตาง ๆ ติดตามประเมินผล ก.ย. 57: ประชุมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารครงั้ ที่ 1 พัฒนาศกั ยภาพครูผูสอน กําหนดเปาหมายการพัฒนากาํ ลังคนแต เม.ย. 59: ประชมุ เชงิ ปฏิบัติการครัง้ ท่ี 3 ละวชิ าชีพ & กําหนดเน้อื หาหลกั Training for the trainer 2556 25 57 25 58 25 59 25 60 สาํ รวจสถานการณก ารเรียน พฒั นาคูมอื การเรียนการสอน RDU ก.ย. 59: ประชุมเชงิ การสอน RDU ในระดบั ก.ค. 58: ประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการครั้ง ปฏบิ ตั ิการ พัฒนา ปริญญาตรี ปก ารศกึ ษา 2556 ที่ 2 แนะนาํ รางโมดูลและสาธติ การ กรณีศึกษาสาํ หรับโมดูล จัดการเรยี นการสอน รูปที่ 1 การขบั เคล่อื นการพฒั นาระบบการผลติ และพฒั นากาํ ลงั คนดา นสุขภาพเพอ่ื การใชย า อยางสมเหตุผล ระหวางป พ.ศ. 2556 - 2560 1) สาํ รวจสถานการณขอมลู การเรียนการสอนเกย่ี วกับการใชยาอยา งสมเหตุผล ในหลกั สูตรกอ นปริญญา สาขาวชิ าดา นวทิ ยาศาสตรส ุขภาพปการศกึ ษา 2556 การสํารวจสถานการณขอมูลการเรียนการสอนเก่ียวกับการใชยาอยางสม เหตุผล ในหลักสูตรกอนปริญญา (หลักสูตรปริญญาตรี) สาขาวิชาดาน วิทยาศาสตรสุขภาพ ปการศึกษา 25561 ดําเนินการสํารวจหลังจากการ สํารวจของกลุมสถาบันแพทยศาสตรแหงประเทศไทย (กสพท.) ในป พ.ศ. 2556 ท่ีพบวาการศึกษาระดับแพทยศาสตรบัณฑิตยังมีการสอนการใชยา อยา งสมเหตผุ ลอยา งจาํ กดั ท้ังในระดับปรีคลินิกและระดบั คลนิ กิ สาํ รวจระหวางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ถงึ เดือนกุมภาพันธ พ.ศ. 2557 ใน 6 หลักสูตร คือ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรเภสัชศาสตร บณั ฑิต หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต หลกั สูตรสาธารณสขุ ศาสตรบณั ฑติ และ หลกั สตู รสัตวศาสตรบณั ฑติ ท้งั ในสถาบนั ของรฐั และเอกชน รวม 179 แหง มกี ารตอบกลับ 56 แหง (รอยละ 31.8) ผูตอบสวนใหญเปนรองคณบดฝี า ยวชิ าการ และผูสอน ในวชิ าท่ีเก่ยี วของทงั้ ในสถาบันและสถาบนั รว มสอน หลักสูตรดานวิทยาศาสตรสุขภาพรอยละ 14-56 กําหนดเรื่องการใชยาสมเหตุผลไวในวัตถุประสงคของ หลักสูตร การจัดการเรียนการสอนในแตละหลักสูตร มีความหลากหลายของหัวขอสอน จํานวนช่ัวโมง สอน ภาควิชา/หนวยงานท่ีดูแล วิธีสอน และช้ันปในการสอนแตละหัวขอ ยกเวนหลักสูตรเภสัชศาสตร บณั ฑติ ท่ใี กลเ คยี งกนั มากกวา ในหลักสตู รอน่ื ๆ 1 ศิริตรี สทุ ธจิตต, คณะทาํ งานขับเคลอื่ นการพฒั นาระบบการผลิตและพัฒนากาํ ลังคนดา นสขุ ภาพเพอื่ การใชย าอยา งสมเหตุผล. 2557. สถานการณการเรียนการสอนเกี่ยวกับการใชยาสมเหตุผลในหลักสูตรกอนปริญญา สาขาวิชาดานวิทยาศาสตรสุขภาพ ปการศึกษา 2556. นนทบุรี: สาํ นักยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. 6

บทนํา การสอนสวนใหญ คลุมเน้ือหาดานความรู (รอยละ 26-82) และทักษะ (รอยละ 21-47) มากกวาเจตคติ (รอยละ 16-30) การสอนความรูหลัก (core topics) พบมากในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและ เภสัชศาสตรบัณฑิต หลักสูตรอ่ืนมีแนวโนมเรียนเกี่ยวกับเภสัชวิทยามากกวาดานเภสัชกรรมบําบัด และ ในบางหลักสูตรไมมีสถาบันใดสอนในหัวขอ core topics เลย ลักษณะการจัดการเรียนรูมีความ หลากหลายระหวา งสถาบนั สว นใหญยงั เนนการบรรยาย ในสวนทักษะหลกั (core skills) พบความแตกตางกนั ตามธรรมชาตขิ องวิชาชีพ และรูปแบบการสอนยังใช การบรรยายเปนหลัก สวนเจตคติ (core attitudes) พบวาสถาบันท่ีขาดการสอนในดานความรูและ ทักษะ มักขาดการสอนดานเจตคตดิ วย ในภาพรวม รอยละ 49.1 ของหลักสูตรมีการวัดผลสัมฤทธ์ิของการสอนที่เก่ียวกับการใชยา โดยคร่ึงหนึ่ง เปนการสอบขอเขียน (รอยละ 45.6) และมีการสอบภาคปฏิบัติเพียงรอยละ 12.3 สถาบันสวนใหญไม สามารถประเมนิ วา บณั ฑติ ของตนมีความสามารถในการใชยาอยางสมเหตุผลในระดับใด เพราะไมมีขอมูล หรือไมม ีการวัดผลท่ชี ัดเจนในประเด็นดงั กลาว โดยสถาบนั ประเมินวา จดุ ออนสําคัญของบัณฑิต คือ การ ประเมนิ เพื่อเทียบระหวา งประสทิ ธผิ ลและความเสี่ยง (รอยละ 59.6) ดานคาใชจาย/เศรษฐศาสตร (รอย ละ 52.6) และดา นขอบงใช รปู แบบยา ขนาดยา การบริหารยา (รอยละ 42.1) 2) สรา งความเขา ใจและสรางการมีสว นรวมในการกําหนดเปาหมายการดาํ เนนิ การในการ พฒั นาการเรยี นการสอนของทุกวิชาชพี และพัฒนาศกั ยภาพครผู สู อนในสถาบันนาํ รอง คณะทํางานฯ มีกระบวนการสรางความเขาใจและการมีสวนรวม ท้ังระดับผูบริหารและผูสอน โดยใน ระดับผูบ รหิ าร คณะทํางานฯ ไดน าํ เสนอวาระการพัฒนาการเรยี นการสอนเพื่อการใชย าอยา งสมเหตุผลใน การประชุมเครือขายการศึกษาตางๆ ไดแก กลุมสถาบันแพทยศาสตรแหงประเทศไทย (กสพท.) ภาคี คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตรแหงประเทศไทย กรรมการผูบริหารคณะทันตแพทยศาสตรแหงประเทศไทย (อบทท.) ประธานกรรมการศูนยประสานงานการศึกษาเภสัชศาสตรแหงประเทศไทย (ศศภท.) และภาคี เครือขายพยาบาลศาสตรศึกษา เขาช้ีแจงแกสภาวิชาชีพตางๆ รวมทั้งจัดประชุมเพ่ือการพัฒนาการ จัดการเรยี นการสอนของวิชาชีพดานสุขภาพ ตามลําดับในตารางที่ 1 เพ่ือขอความรวมมือในการนําไปใช ในทกุ วิชาชีพภายในปก ารศกึ ษา 2560 ตารางที่ 1 ลําดับการจัดประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ ารเพื่อพัฒนาศกั ยภาพครูผูส อนการใชยาอยางสมเหตผุ ล 25-26 กันยายน พ.ศ. 2557  ผเู ขา ประชุม: ผแู ทนคณบดแี ละครผู ูสอน ตวั แทนสภาวชิ าชีพ @โรงแรมแมนดาริน กรงุ เทพฯ  อภปิ รายสถานการณจ ัดการเรียนการสอนเพ่ือ RDU แตล ะ ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ เร่ือง การ พัฒนาการจดั การเรยี นการสอนของ วชิ าชีพ ระดมสมองกลมุ ยอ ยตามวชิ าชพี เพื่อระบปุ ระเด็น วชิ าชีพดานสุขภาพเพ่อื การใชยาอยา ง ปญ หาการใชย าไมส มเหตุผลทค่ี วรแกไขและปจ จยั ดา นการเรียน สมเหตผุ ล การสอนทีเ่ ปนสาเหตุ เนอ้ื หาหลกั เพอื่ พฒั นาคูมอื ผูส อน แผน ดําเนินการของวชิ าชีพ 17-18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558  ทีป่ ระชมุ มขี อสรปุ วา ทุกวชิ าชพี จะมีเปา หมายรว มกนั ในการ @โรงแรมนารายณ กรุงเทพ พัฒนาระบบการผลติ และพัฒนากาํ ลังคนดา นสุขภาพเพอื่ RDU ประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ าร เรือ่ งหลกั สตู ร  ผูเ ขา ประชุม: ครูผสู อนในสถาบนั นาํ รองทสี่ นใจ และ กลางการใชยาอยา งสมเหตผุ ลสําหรบั คณะทาํ งานจากศนู ยป ระสานงานการศกึ ษาแตล ะวิชาชีพ การเรยี นการสอนของวชิ าชพี ดา น  แนะนาํ ตวั อยางโมดูลและสาธติ วิธกี ารจดั การเรยี นการสอน สุขภาพ  เผยแพรซ ดี ี Rational Drug Use Practical Guidebook ฉบับ ราง โดยกลุมสถาบันแพทยศาสตรแ หงประเทศไทย (.กสพท) 7

คมู อื การเรยี นการสอนเพือ่ การใชย าอยา งสมเหตผุ ล 2560 25-26 เมษายน พ.ศ. 2559  ผเู ขา ประชมุ : ครผู ูสอนในสถาบนั นํารอ งท่ีสนใจ และ @โรงแรมมริ าเคลิ แกรนด กรุงเทพฯ คณะทํางานจากศูนยประสานงานการศึกษาแตล ะวชิ าชีพ  แนะนาํ โมดูลและสาธิตวธิ กี ารจัดการเรยี นการสอน การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ เรอ่ื ง การ  อภปิ รายสถานการณก ารขบั เคล่อื น RDU และปจ จัย พัฒนาการเรยี นการสอนการใชย าอยา งสม เกื้อหนุนการพัฒนากําลังคนเพือ่ RDU เหตุผลของวชิ าชพี ดานสขุ ภาพ พ.ศ. 2559  ประชมุ กลมุ ยอ ย (World Café) อนาคตการพฒั นาการ เรียนการสอนเพื่อ RDU เพอื่ เสนอตอการพฒั นานโยบาย แหงชาติดานยาฉบบั ใหม (พ.ศ. 2560-2564) 15-16 กันยายน พ.ศ. 2559  ผูเ ขา ประชมุ : ครูผูสอนและคณะทาํ งานจากศูนย @โรงแรมบดั ด้โี อเรยี นทอลฯ นนทบุรี ประสานงานการศกึ ษาแตล ะวิชาชพี  ประชุมกลมุ ยอย ปรบั ปรุงโมดลู การเรยี นรูท ง้ั 10 โมดูลให การประชุมเชิงปฏิบตั ิการ เร่อื ง การ สมบรู ณ เตมิ กรณศี กึ ษา ปรับปรงุ โมดูลการเรียนรเู พอื่ การใชย า อยางสมเหตุผลของวชิ าชีพดา นสขุ ภาพ 3) ดาํ เนินการพัฒนาเนื้อหาหลักท่ีพึงมีสําหรับการเรียนการสอนเร่ืองการใชยาอยางสมเหตุผล ในรปู คมู ือการเรยี นการสอนเพื่อการใชย าอยา งสมเหตุผล และโมดูลการเรยี นรู คูมือฯ นี้ พัฒนาจากความรวมมือของผูทรงคุณวุฒิในทุกสาขาวิชาชีพ ดานสุขภาพ ทั้งดานการใชยาในมนุษยและสัตว ประกอบดวยเน้ือหา หลักและสมรรถนะท่ีจําเปนสําหรับการใชยาอยางสมเหตุผล และ 10 10 โมดูลตัวอยาง ที่ครอบคลุมตั้งแต การทําความเขาใจหลักการ แนวคิดของการใชยาสมเหตุผล ไปถึงแนวปฏิบัติในการเรียนการสอน เพ่ือใหสามารถสรางความรู ทักษะ ตลอดจนการปรับเปล่ียนใหมีเจต คติตอการใชยาสมเหตุผล อยางไรก็ตาม การพัฒนาโมดูลน้ี ยังเปน เพยี งจดุ เรม่ิ ตนท่จี ะกระตุนใหแตละคณะวิชาไดมีความพยายามในการ ปรับหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนเพื่อใหเกิดการใชยาสม เหตุผล และเกิดการนํา “หลักการและแนวคิดการใชยาสมเหตุผล” ไปสูการบรู ณาการกบั การเรียนการสอนประจาํ ในทกุ รายวิชาตอไป นอกจากน้ี คณะทํางานฯ ไดมีความพยายามในการขับเคล่ือนใหมีระบบสนับสนุนอ่ืนๆที่จะเก้ือกูลและ ผลักดันใหเกิดการเปล่ียนแปลงในดานการเรียนการสอนอื่นๆ ไดแก การสรางความรวมมือกับสภา วิชาชีพตางๆใหมีการกําหนดเรื่องการใชยาสมเหตุผลเปนหน่ึงในสมรรถนะหลักของบุคลากร ใหมีการ ปรับปรุงขอ สอบใหส อดคลองกับแนวคิดการใชย าสมเหตผุ ล เปนตน คณะทาํ งานฯ มคี วามตระหนกั เปนอยางยิ่งวา ความสําเร็จใน “การผลักดันใหบุคลากรสุขภาพมีเจตคติ ในการใชย าสมเหตุผลเปน ฐานคิดในการสั่งใชย าและการใชย า” ตองมาจากรากฐานระบบการศกึ ษาทีท่ กุ คณะวิชากําลังดําเนินการอยู ดังนั้นคณาจารยทุกทานคือปจจัยสําเร็จรวมกันในการทําใหเกิด ความสําเร็จในอนาคต 8

คมู่ ือการเรียนการสอนเพื่อการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 แนวทางการใชค้ มู่ ือฯ แนวทางการใช้คู่มอื การเรียนการสอน เพอื่ การใชย้ าอย่างสมเหตุผล คู่มือการเรียนการสอนเพ่ือการใช้ยาอย่างสมเหตุผลฉบับนี้จัดทาโดยคณะทางานพัฒนาระบบการผลิต และพัฒนากาลงั คนด้านสุขภาพเพอ่ื ส่งเสริมการใชย้ าอย่างสมเหตุผล ตามแนวทางท่ีแนะนาจากองค์การ อนามัยโลก (WHO)1 สถาบันสุขภาพและความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์แห่งชาติ (NICE)2 ใน สหราชอาณาจักร องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) และกลุ่มองค์กร เพ่ือพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเร่ืองการใช้ยาในต่างประเทศหลายๆ แห่ง เพ่ือเป็นแนวทางสาหรับ ครผู ู้สอนของวชิ าชีพด้านสุขภาพในประเทศไทย ให้ทราบถึงเนอื้ หาท่สี าคญั แนวทางการจัดการเรียนการ สอน และการประเมินผลที่เหมาะสมแก่นักศึกษาในระดับก่อนปริญญา ทั้งสามารถบูรณาการเข้ากับ หลักสูตรที่มีอยู่ทั้งในวิชาชีพแพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ พยาบาล สัตวแพทย์ และวิชาชีพด้านสุขภาพ อื่นๆ ได้ โดยมีตัวอย่างโมดูลวิธีการจัดการเรียนการสอนท่ีนาไปประยุกต์ใช้ได้ตามบริบทของสถาบัน ท้ังน้ี เพ่อื ใหผ้ ูส้ าเรจ็ การศึกษาไดม้ ีความรู้ (cognitive domain) ทักษะ (psychomotor domain) และ เจตคติ (affective domain) ที่เอ้ือต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในการประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ รวมถึงการมภี ูมคิ ้มุ กันตอ่ ปจั จยั ทอ่ี าจมีผลกระทบตอ่ การเลือกสั่งหรือใช้ยาในขณะปฏิบัตงิ าน ด้วยคานึงถึงความหลากหลายของวิชาชพี และสถาบนั ที่จัดการเรียนการสอน คณะผู้จดั ทาค่มู ือฯ ฉบับ น้ีจึงพยายามแสดงให้เห็นถึงเค้าโครงโดยรวมของเนื้อหาวิชาการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ไม่ได้ลงไปใน รายละเอียดของแต่ละเร่ือง แต่เป็นมุมมองเชิงระบบเพื่อให้สามารถนาเน้ือหาไปบูรณาการได้กับ หลักสูตรเดิม โดยปรับเปลี่ยนชั่วโมงสอนหรอื วิธีการสอนบ้าง ไมจ่ าเป็นต้องไปจัดเป็นรายวชิ าแยกข้นึ มา แตก่ ็อาจทาได้เพอ่ื เนน้ ถงึ ความสาคัญในเรอื่ งดงั กล่าว ขึน้ กับความต้องการของแต่ละหลักสูตร คู่มือฯ ฉบับนี้ ตั้งใจจัดทาข้ึนเพ่ือเป็นแนวทางสาหรับผู้ดูแลหลักสูตรวิชาชีพด้านสุขภาพต่างๆ ท้ังใน ระดับประเทศและในระดับสถาบัน ซ่ึงเห็นความสาคัญในการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนเรื่อง การใช้ยาของบัณฑิตจบใหม่หรือกลุ่มเป้าหมายอื่นที่เหมาะสม และต้องการเห็นการเปล่ียนแปลงเรื่อง การใช้ยาอย่างสมเหตุผลแบบครบวงจร กระน้ัน เนื้อหาในหลายๆ ส่วน ยังให้ความสาคัญถึงการที่ ผู้สอนจะนาไปใช้ได้เลยในการเรยี นการสอนท่ดี าเนนิ การอยแู่ ล้ว คมู่ อื ฯ ฉบับนไ้ี ด้ถูกจัดแบง่ เปน็ 3 ส่วน สาคัญ ได้แก่ ส่วนท่ี 1: เนือ้ หาหลกั และสมรรถนะท่พี งึ มี เพื่อการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล สว่ นที่ 2: แนวทางการบรู ณาการเนื้อหาหลัก กบั หลักสูตรปัจจบุ นั การจดั การเรยี นการสอน และการประเมนิ ผล ส่วนท่ี 3: โมดูลวิธีการจดั การเรียนการสอน และประสบการณ์ของคณะผจู้ ัดทาและผทู้ เี่ คย นาไปใชส้ อนจรงิ โดยมีรายละเอยี ดแตล่ ะส่วน ดงั เนอ้ื หาในสว่ นถดั ไป 1 World Health Organization. 2002. Promoting rational use of medicines: core components. 2 Royal Pharmaceutical Society. 2016. A competency framework for all prescribers. Available at: http://www.rpharms.com/support- pdfs/prescribing-competency-framework.pdf. 9

คมู่ อื การเรียนการสอนเพอ่ื การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 10

Part 1: เนือ้ หาหลัก และสมรรถนะท่ีพงึ มี Part 1: เนื้อหาหลักและสมรรถนะที่พึงมี เพ่ือการใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล เนื้อหาในส่วนท่ี 1 น้ี ประกอบดว้ ยเน้ือหาหลกั ท่ีพึงมีสาหรบั การจดั การเรียนการสอนเพือ่ การใชย้ าอย่าง สมเหตผุ ล ทง้ั ในสว่ นที่เป็นความรูพ้ ้นื ฐาน ความรทู้ างคลินิก เจตคติ และทักษะ นิยามของ “การใชย้ าอย่างสมเหตผุ ล” กล่องที่ 1: นยิ ามของการใชย้ าอย่างสมเหตุผล Rational Use “การใชย้ าอย่างสมเหตุผล” of Medicines หมายถึง การใช้ยาโดยมีขอ้ บ่งชี้ เป็นยาที่มีคุณภาพ มี “Patients receive ประสิทธผิ ลจรงิ สนบั สนุนดว้ ยหลกั ฐานทเ่ี ชอื่ ถือได้ ให้ medications appropriate ประโยชน์ทางคลนิ ิกเหนอื กวา่ ความเสีย่ งจากการใช้ยา to their clinical needs, in อย่างชัดเจน มีราคาเหมาะสม คุ้มค่าตามหลัก เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ไม่เป็นการใช้ยาซ้าซ้อน doses that meet their คานึงถึงปัญหาเชื้อดื้อยา เป็นการใช้ยาในกรอบบัญชี own individual ยายังผลอย่างเป็นข้ันตอนตามแนวทางการพิจารณา การใช้ยา โดยใช้ยาในขนาดทเี่ หมาะสมกับผูป้ ่วยในแต่ requirements, for an ละกรณี ด้วยวิธีการให้ยาและความถ่ีในการให้ยาท่ี adequate period of ถกู ต้องตามหลกั เภสัชวิทยาคลินิก ด้วยระยะเวลาการ time, and at the lowest รกั ษาทีเ่ หมาะสม ผูป้ ว่ ยใหก้ ารยอมรับ และสามารถใช้ cost to them and their ยาดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง กองทุนใน ระบบประกันสุขภาพหรือระบบสวัสดิการสามารถให้ community” เบิกจ่ายค่ายานั้นได้อย่างย่ังยืน เป็นการใช้ยาท่ีไม่ เลือกปฏิบัติ เพ่ือให้ผู้ป่วยทุกคนสามารถใช้ยาน้ันได้ (WHO, 1985)2 อย่างเท่าเทยี มกันและไมถ่ ูกปฏเิ สธยาทส่ี มควรได้รบั 1 “ผู้ป่วยไดร้ ับยาที่เหมาะสมกบั ปัญหา สุขภาพ โดยใช้ยาในขนาดท่ีถูกต้อง กับผู้ป่วยแต่ละราย ด้วยระยะเวลา ก า ร รั ก ษ า ท่ี เห ม า ะ ส ม แ ล ะ มี ค่าใช้จ่ายต่อชุมชนและผู้ป่วยน้อย ที่สุด” 1 คณะอนุกรรมการพัฒนาบญั ชยี าหลักแหง่ ชาต.ิ 2553. คมู่ ือการใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ลตามบัญชียาหลักแหง่ ชาติ ยาระบบประสาทสว่ นกลาง เลม่ 1. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. 2 World Health Organization. 1985. The rational use of drugs. Report of the Conference of Experts, Nairobi, 25-29 November 1985. Geneva: WHO. 11

คมู่ ือการเรียนการสอนเพอ่ื การใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 เน้ือหาหลกั ทพี่ งึ มี ประเด็นเนื้อหาหลักในส่วนนี้ พัฒนาจากร่างเน้ือหาโดยกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ประกอบกับการรับฟังความเห็นของผู้เช่ียวชาญ และการประชุมของคณะทางานขับเคล่ือน พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนากาลังคนด้านสุขภาพเพื่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล แบ่งเป็น 3 มิติ สาคัญ คือ Core topics 20 ประเด็นความรู้ Core skills 9 ประเด็นทักษะ และ Core attitudes 6 ประเด็นเจตคติ รวมท้ังหมด 36 ประเด็น เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้พ้ืนฐานที่เหมาะสม สามารถค้นคว้า เพมิ่ พูนความรไู้ ด้ มคี วามรคู้ วามเข้าใจทางคลินิกเพื่อการใชย้ าได้อยา่ งสมเหตุผล มเี จตคติท่ีดตี อ่ การใช้ ยาอย่างสมเหตุผล และสามารถใช้ยาในการรักษาอย่างสมเหตผุ ล วิเคราะห์แก้ไขปัญหาทเี่ กดิ ข้ึนได้ ดัง ภาพสรุปในกล่องที่ 2 รายละเอยี ดของทั้ง 36 ประเด็นในตารางท่ี 2-4 กลอ่ งท่ี 2: RDU core contents Core topics 1. Principles of RDU 2. Irrational/ inappropriate use of medicine 3. Monitoring & evaluation impact of drug therapy Core 4. Developing new drugs and generic drugs Topics 5. National List of Essential Medicines (NLEM) 6. Adherence to treatment guideline 7. Benefit-risk and cost assessment and decision making in prescription 8. Managing drug system & prescribing practice in the health service 9. RDU in common illness Other core topics 10. Basic pharmacology (pharmacodynamics) 11. Clinical pharmacokinetics 12. Factors that determine interpersonal variation in drug response 13. Adverse drug reactions 14. Drug interactions 15. Medication errors 16. Clinical drug toxicology 17. Prescribing for patients with special requirements 18. Legal aspects of prescribing drugs 19. Drug allergy 20. Clinical pharmacokinetics Core 21. Taking an accurate and informative drug history Skills 22. Prescription writing 23. Administer drug safely 24. Provide patients and carers with appropriate information about their medicines 25. Monitor drug therapeutic and adverse effects properly & reporting drug related problems 26. Interact professionally with pharmaceutical industry and representatives 27. Obtaining accurate objective information to support safe and effective prescribing 28. Continuous professional development in RDU 29. Multi-professional care team to improve drug use Core 30. Awareness of rational approach to prescribing and therapeutics Attitudes 31. Assessing the balance of benefit to harm 32. Recognizing the responsibilities of a doctor as part of the prescribing community 33. Responding to the future 34. Ethics of prescribing and drug promotion 35. Adhering to National Drug Policy (NDP) and National Policy on Health 12

Part 1: เนือ้ หาหลกั และสมรรถนะที่พงึ มี ตารางที่ 2 รายละเอียดของ Core topics I. CORE TOPICS Details 1. Principles of Rational 1.1 Definition; Use of Drug (RUD) 1.2 Importance of RUM for medical students and doctors; 1.3 WHO’s twelve core interventions to promote more RDU - The Framework of RDU - Dose - Indication - Method of - Efficacy administration - Safety - Frequency of dose - Cost - Duration of treatment - Other considerations - Patient Compliance 2. Irrational / 2.1 The reasons why medicines are used irrationally; inappropriate use of 2.2 Common misconceptions in medicines; medicine 2.3 Frequency of irrational/inappropriate use of medicine; 2.4 The burden of irrational use of medicine and misuse of drugs; 2.5 Common types of irrational/inappropriate use of medicine a. Polypharmacy and drugs duplication b. Over prescribing of antibiotics c. Over injection d. Non-adherence to guideline e. Inappropriate self-medication 3. Monitoring and 3.1 The importance of monitoring the impact of drug evaluation impact of therapy; drug therapy 3.2 Identifying which therapeutic effect to observe; 3.3 Using measurement clinical outcomes, pharmacodynamic responses, or plasma drug concentrations appropriately (which and when); 3.4 The variable relation between plasma drug concentration and drug effect. 3.5 Acting appropriately on the results 4. Developing new drugs 4.1 Misconception of generic drug quality (ให้เชื่อมโยงไปบญั ชียาหลัก and generic drugs แห่งชาติด้วย) 4.2 Drug patent, issues on protection of intellectual properties and hindrance of drug access (ever greening patency, free trade agreement, compulsory licensing); 4.3 Discrepancy of drug information in Thailand’s drug labels and other countries (eg. the US and the UK); 4.4 Drug development, including clinical trials (Phase I to Phase IV); 4.5 Bioequivalence and quality of medicines; 4.6 The approval process and major regulatory authorities in Thailand; 4.7 Good clinical trial design including consent, ethics, bias, statistics; dissemination of information. 5. National List of Essential 5.1 Access to medicines; Medicine (NLEM) 5.2 Concept and development of NLEM; 5.3 List of NLEM and List of Herbal Medicinal Products; 5.4 NELM as RDU tool. 6. Adherence to 6.1 Clinical Practice Guideline (CPG) development and Treatment Guidelines applications; 6.2 Evidence-based prescribing; 6.3 See Core skills –21. Prescription writing. 13

คูม่ อื การเรยี นการสอนเพื่อการใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางที่ 2 (ต่อ) I. CORE TOPICS (cont.) Details 7. Benefit -Risk and cost 7.1 Principles of pharmacoeconomics; assessment and decision making in 7.2 Methods of evaluation: cost & person; prescription 7.3 Risk and cost concern in prescription; 8. Managing Drug system and prescribing 7.4 Pharmacoeconomics in NLEM. practice in the health 8.1 The role of local formularies; service 8.2 The roles of pharmacy and therapeutics committee (PTC); 8.3 Thailand health system funding (NHSO, SSS, CSMBS) 8.4 The system influences that affect individual prescribing choices; 8.5 The rational assessment of new drugs to be included in the formulary based on safety, efficacy and cost- effectiveness. 9. Rational drug use in 9.1 The management of common acute and chronic common illnesses therapeutic problems. 9.2 Commonly used drugs and misconception 9.3 Myths in drug prescriptions. OTHER core topics Details 10. Basic pharmacology 10.1 The general mechanisms of action of drugs at molecular, cellular, tissue, and organ level; 11. Clinical pharmacokinetics 10.2 The ways in which these actions produce therapeutic and adverse effects; 12. Factors that determine interpersonal variation in 10.3 The receptor as a target of drug action and related drug response concepts such as agonism, antagonism, partial agonism, and selectivity; 13. Adverse drug reactions 10.4 The development of tolerance to drugs. 10.5 The development of Antimicrobial resistance (AMR) 11.1 The mechanisms of drug absorption, distribution, metabolism and excretion; 11.2 The concepts of volume of distribution, clearance, and half-life, and their clinical relevance; 11.3 How these factors determine the optimal dose, route, frequency and duration of drug administration; 11.4 Using core knowledge of pharmacokinetics to inform safe prescribing. 12.1 Adherence to therapy; 12.2 Pharmaceutical variation; 12.3 Pharmacokinetic variation in handling of drugs; 12.4 Pharmacogenetic variation; 13.1 Types and mechanisms of adverse drug reactions; 13.2 The frequency of adverse reactions in primary and secondary care; 13.3 Recognition of common susceptibility factors and how risks can be minimized; 13.4 The importance of reporting adverse reactions and other approaches to pharmacovigilance. 14

Part 1: เนือ้ หาหลัก และสมรรถนะทพ่ี ึงมี ตารางที่ 2 (ต่อ) OTHER core topics Details 14. Drug interactions 14.1 The potential for drugs to interact to cause beneficial and harmful effects; 14.2 The mechanisms of drug interactions (pharmaceutical, pharmacokinetic, pharmacodynamic); 14.3 The ways in which interactions can be predicted and avoided. 15. Medication errors 15.1 The different types of medication errors; 15.2 The common reasons for medication errors in practice; 15.3 The ways to reduce the risks of medication errors 16. Clinical drug 16.1 The assessment, recognition and treatment of common toxicology intoxications (e.g. paracetamol); 16.2 The principles of removing or counteracting the effects of toxic substances after ingestion; 16.3 Toxicokinetic and toxicodynamics. 16.4 Preventive measure of drug toxicity (e.g. dose restriction of paracetamol) 17. Prescribing for 17.1 Elderly patients; patients with 17.2 Children; special 17.3 Women of child-bearing potential; requirements 17.4 Pregnant and breast-feeding women; 17.5 Patients with renal disease; 17.6 Patients with liver disease. 17.7 Patients with co-morbidity 18. Legal aspects of 18.1 Categorization of drugs as over-the-counter formulations, prescribing drugs prescription-only medicines, and controlled drugs (comparison between Thai & other countries’ system, e.g. the US and the UK); 18.2 The prescribing of ‘unlicensed’ medicines or medicines ‘off label’; 18.3 The responsibilities associated with prescribing controlled drugs. 19. Drug allergy 19.1 Recognizing allergic drug reactions and taking a history of allergic reaction; 19.2 Treating allergic reactions, the emergency treatment of acute anaphylaxis. 20. Complementary 20.1 The patients’ motivations to seek complementary and and alternative alternative therapies; medicine 20.2 Some common methods and appraisal of the evidence for their efficacy; 20.3 How such therapies can interact with drugs that patients are receiving; 20.4 The National Essential Medicine for Thai Herbal Medicines. 15

คมู่ อื การเรียนการสอนเพื่อการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางท่ี 3 รายละเอยี ดของ Core skills (แสดงออกให้เห็น และมกี ารฝกึ ปฏิบตั ิ) II. CORE SKILLS Details 21. Taking an 21.1 Communication to obtain accurate information about current accurate and prescription and non-prescription drugs; informative 21.2 Making an assessment of adherence to a medication regimen; drug history 21.3 Recording current and past adverse drug reactions, including allergies; 21.4 Assessing drugs as possible causes of symptoms and signs; 21.5 Medication reconciliation (IPD). 22. Prescription 22.1 Choosing a safe and effective drug and an appropriate dosage writing regimen (WHO’s six-step model of rational prescribing and P(ersonalized)-drug); Adherence to Treatment Guidelines 22.2 Writing accurate, legible, and legal prescriptions, including controlled drugs (OPD, IPD); 22.3 Using generic names and National Formulary first; 22.4 Keeping accurate records of prescriptions and responses; 22.5 Calculating drug doses based on patient weight or a nomogram; 22.6 Calculating the strength of an infusion based on the required rate of drug administration; 22.7 Prescribing oxygen (flow rate, delivery); 22.8 Prescribing high risk medicines (warfarin, insulin, intravenous fluids) and ways to improve medication safety 22.9 Practical prescribing exercises on selected common illnesses (out patient and in patient). 22.10 Prescribing drugs in special conditions o Elderly, children, pregnancy, breast-feeding, women of child-bearing potential, renal and liver diseases, and patients with multiple co-morbidities; o Palliation of pain and other distressing symptoms; o Palliative care. 22.11 Prescribing drugs in acute care settings; 22.12 Prescribing drugs to relieve pain and distress. 23. Administer drug 23.1 Selecting the appropriate route of administration; Giving subcutaneous, intramuscular, and intravenous injections; safely 23.2 Preparing drugs for parenteral administration, including mixing and dissolving drugs; 23.3 Preparing and giving drugs by an infusion pump; Preparing and giving nebulized drugs; 23.4 Advising patients about special modes of drug delivery (topical, 23.5 inhaled, infusion). 23.6 24. Provide 24.1 Providing with enough information about drugs to allow them to patients and make informed decisions about their treatment; discussing carers with benefits and risks of drug therapy with patients; exploring appropriate patients’ own views and wishes in relation to drug treatment. information about their 24.2 Obtaining informed consent to treatment medicines 25.1 Identifying which therapeutic effect to observe and potential 25. Monitor drug variation in drug response; therapeutic and adverse 25.2 Using laboratory test appropriately (which and when); effects 25.3 Assessing drugs as possible causes of symptoms and signs; properly and 25.4 Recognizing the potential for drug related problems (including reporting drug related adverse drug interactions, interactions, toxicity, or potential errors problems in medication management cycle); (Pharmacovigi 25.5 Appraising critically the prescribing of others; lance) 25.6 Ability to communicate effectively and clearly to allow sharing of medication safety; 25.7 Reporting and learning from errors. 16

Part 1: เน้ือหาหลกั และสมรรถนะท่พี ึงมี ตารางที่ 3 (ต่อ) II. CORE SKILLS Details 26. Interact 26.1 Recognizing significant ethical concerns and the potential professionally conflicts of interests that can result from the gifting and with sponsoring processes; pharmaceutical industry and 26.2 Ability to conduct and interact professionally according to representatives the national ethical codes and institutional policies; 26.3 Effective interpretation of promotional product information, and a sensitized awareness of the influence of marketing techniques. 27. Obtaining 27.1 Practicing evidence-based prescription; accurate 27.2 Assessing the validity of evidence about new drugs or objective information to therapies; support safe 27.3 Reading, assessing, and criticizing clinical studies; and effective 27.4 Spotting methodological flaws, including sources of bias; prescribing 27.5 Recognizing the difference between clinical and surrogate end-points. 27.6 Understanding basic principles of pharmacoeconomic assessment; 27.7 Discriminating between the reliability of varying sources of evidence and opinion. 27.8 Using National Formulary: TNF, BNF 27.9 Accessing reliable drug information from medical journals and databases: The Cochrane Collaboration, Evidence-based guidelines 27.10 Accessing Poisons Information Services; 27.11 Accessing official drug labeling and summary of product characteristics (SPC): US FDA access data, UK electronic Medicines Compendium (eMC) 27.12 Accessing electronic textbooks & articles: MD Consult online, Access Medicine online, UpToDate online 27.13 Accessing Electronic Drugs Databases o Clinical Pharmacology (Gold Standard Inc.) o Lexicomp online o Micromedex Drugdex Drug Evaluations o AHFS drug information 27.14 Accessing Electronic drug interaction analysis 28. Continuous 28.1 Keeping up to date with advances in practice and emerging professional safety concerns relating to drug use; development in 28.2 Take responsibility for own learning and continuing rational drug use professional development plan. 29. Multiprofessional 29.1 Contribution of effective interdisciplinary team to delivery of care team to safe and high-quality care; improve drug use 29.2 Roles and expertise of health and social care professionals in the context of working and learning as a multi-professional 29.3 care team; Effective team player/leadership, communication, positive working relationships and team capacity building 17

คู่มอื การเรียนการสอนเพอ่ื การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางท่ี 4 รายละเอยี ด Core attitudes III. CORE ATTITUDES Details 30. Awareness of 30.1 Identifying the correct diagnosis; rational approach to 30.2 Understanding the pathophysiological processes prescribing and 30.3 involved; therapeutics 30.4 Knowing the drugs that might beneficially influence these 30.5 processes; 31. Assessing the 30.6 Establishing the end-points with which to monitor the balance of benefit to 31.1 therapeutic response; harm Assessing the potential risks and benefits of treatment; 32.1 Communicating with the patient in making the decision 32. Recognizing the 32.2 to treat. responsibilities of a 32.3 doctor as part of the 32.4 Recognizing that there are harms and benefits prescribing 32.5 associated with all medicines; community 32.6 33.1 - Recognizing these may differ between patients 33. Responding to the 33.2 depending on a variety of factors; future 33.3 33.4 - Recognizing that doctors should monitor the effects 34. Ethics of prescribing 33.5 of the drugs prescribed. and drug promotion Avoidance of wasteful prescribing and consumption of limited resources; Recognizing the need to report ADRs for the common good; Controlling the availability of restricted drugs; Adhering to therapeutic guidelines and drug formularies as appropriate; Recognizing the effect of drugs on the environment; Avoidance of indiscriminate prescribing of antibiotics. Recognizing the need to update prescribing practices; Ensuring that patients benefit when possible from advances in medical knowledge; Recognizing the need to assess the benefits and harms of new therapies; Knowing the limitations of applying clinical trial data to individual patients Recognizing personal limitations in knowledge and the need to seek further information about drugs when faced with unfamiliar prescribing problems 34.1 Drug use and medical ethics (beneficence, non- maleficence, autonomy and justice); 34.2 Interacting appropriately with pharmaceutical representatives and companies; 34.3 Informed patient consent and concordance; 34.4 People centered health care. 35. Adhering to National 35.1 Policy on National List of Essential Medicines; Drug Policy and 35.2 Policy on generic name and generic drug prescribing National Policy on 35.3 Policy on antimicrobial agents and drug resistance Health control 18

Part 1: เนอ้ื หาหลกั และสมรรถนะที่พงึ มี สมรรถนะทีพ่ ึงมี คูม่ อื นี้ ยดึ กรอบสมรรถนะของผู้ส่ังใช้ยา “The Prescribing Competency Framework” ท่กี าหนด โดยสถาบนั สขุ ภาพและความเปน็ เลศิ ทางดา้ นการแพทยแ์ ห่งชาติ (The National Institute for Health Care Excellence, NICE) และสมาคม เภสัชกรรม (The Royal Pharmaceutical Society) ของสหราชอาณาจกั ร1 ฉบบั ตพี มิ พ์ เผยแพรใ่ นเดอื นกรกฎาคม พ.ศ.2559 โดยให้ ความสาคญั ของการดแู ลทม่ี ีผู้ปว่ ยเปน็ ศูนยก์ ลาง ซง่ึ แบง่ สมรรถนะทีพ่ ึงมขี องผ้ใู ชย้ าเป็น 2 มิติ (Domain) ไดแ้ ก่ การร่วมปรึกษาหารอื (Consultation) กอ่ นใชย้ า และการดูแลใหเ้ กิด การใช้ยาทีด่ ี อย่างสมเหตผุ ล (Prescribing governance) ซงึ่ ในแต่ละสว่ น ประกอบดว้ ย สมรรถนะยอ่ ย 6 ดา้ น (สมรรถนะท่ี 1-6) และ 4 ดา้ น (สมรรถนะท่ี 7-10) ตามลาดบั ดังน้ี การร่วมปรกึ ษาหารือกอ่ นใช้ยา (The Consultation) 1. สามารถประเมนิ ปญั หาในผูป้ ว่ ย ทอี่ าจเก่ียวข้องกบั การใชย้ า หรือความจาเปน็ ตอ้ งใชย้ ารักษาได้ (Assess the patient) 2. สามารถเลอื กใชย้ าได้อย่างเหมาะสม ตามความจาเป็น (Consider the options) 3. สามารถสื่อสารเพือ่ ใหก้ ารตัดสนิ ใจรว่ มของผูป้ ว่ ยในการใชย้ า เป็นไปบนข้อมูลทางเลือกที่ถกู ตอ้ ง เหมาะกบั บรบิ ทและเคารพในมมุ มองของผปู้ ว่ ย (Reach a shared decision) 4. สามารถสง่ั ใชย้ าได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (Prescribe) 5. สามารถใหข้ ้อมูลท่ีจาเปน็ ต่อการใช้ยาได้อย่างเพียงพอ (Provide information) 6. สามารถตดิ ตามผลการรักษา และรายงานผลขา้ งเคยี งที่อาจเกดิ ขนึ้ จากการใช้ยาได้ (Monitor and review) การดแู ลใหเ้ กิดการใชย้ าที่ดี อย่างสมเหตผุ ล (Prescribing Governance) 7. สามารถใช้ยาได้อยา่ งปลอดภัยท้ังต่อผ้ปู ่วย และไมเ่ กดิ ผลกระทบต่อสงั คมโดยรวม (Prescribe safely) 8. สามารถใช้ยาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตามความรคู้ วามสามารถทางวชิ าชีพ และเป็นไปตามหลักเวชจรยิ ศาสตร์ (Prescribe professionally) 9. สามารถพฒั นาความรูค้ วามสามารถในการใชย้ า ได้อยา่ งตอ่ เนื่อง (Improve prescribing practice) 10. สามารถทางานรว่ มกับบคุ ลากรอ่ืนแบบสหวชิ าชีพ เพื่อส่งเสรมิ ให้เกดิ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Prescribe as part of a team) 1 Royal Pharmaceutical Society. 2016. A competency framework for all prescribers. Available at: http://www.rpharms.com/support- pdfs/prescribing-competency-framework.pdf. 19

คู่มือการเรียนการสอนเพื่อการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 จากกรอบสมรรถนะข้างต้น เนื้อหาหลักท่ีพึงมีในการเรียนการสอนเพื่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล สามารถนาไปสสู่ มรรถนะแตล่ ะมติ ิ ดงั แสดงในตารางท่ี 5 ตารางที่ 5 ความเช่ือมโยงระหว่างความรู้ ทักษะ เจตคติ กับสมรรถนะท่ีพึงมี สมรรถนะท่พี งึ มี The Consultation Prescribing Governance Domain Domain (competency) เนอ้ื หาหลัก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 CORE TOPICS 1 Principles of Rational Use      of Drug (RUD)      2 Irrational / inappropriate   use of medicine   3 Monitoring and   evaluation impact of drug therapy    4 Developing new drugs    and generic drugs   5 National List of Essential  Medicine (NLEM) 6 Adherence to Treatment Guidelines 7 Benefit -Risk and cost assessment and decision making in prescription 8 Managing Drug system and prescribing practice in the health service 9 Rational drug use in common illnesses 10 Basic pharmacology 11 Clinical   pharmacokinetics  12 Factors that determine    interpersonal variation in drug response 13 Adverse drug reactions 14 Drug interactions   15 Medication errors   16 Clinical drug toxicology   17 Prescribing for patients  with special requirements 18 Legal aspects of    prescribing drugs 19 Drug allergy 20 Complementary and   alternative medicine สมรรถนะทพ่ี ึงมี The Consultation: 1=Assess the patient, 2=Consider the options, 3=Reach a shared decision, 4=Prescribe, 5=Provide information, 6=Monitor and review; Prescribing Governance: 7=Prescribe safely, 8=Prescribe professionally, 9= Improve prescribing practice, 10=Prescribe as part of a team 20

Part 1: เน้ือหาหลัก และสมรรถนะท่พี ึงมี ตารางที่ 5 (ต่อ) สมรรถนะท่ีพึงมี The Consultation Prescribing Governance Domain Domain (competency) เน้ือหาหลัก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 CORE SKILLS  21 Taking an accurate and informative drug history 22 Prescription writing   23 Administer drug safely  24 Provide patients and   carers with appropriate information about their  medicines  25 Monitor drug therapeutic   and adverse effects properly and reporting  drug related problems (Pharmacovigilance)         26 Interact professionally with pharmaceutical    industry and  representatives   27 Obtaining accurate objective information to support safe and effective prescribing 28 Continuous professional development in rational drug use 29 Multi-professional care team to improve drug use CORE ATTITUDES 30 Awareness of rational approach to prescribing and therapeutics 31 Assessing the balance of benefit to harm 32 Recognizing the responsibilities of a doctor as part of the prescribing community 33 Responding to the future 34 Ethics of prescribing and drug promotion 35 Adhering to National Drug Policy and National Policy on Health สมรรถนะที่พงึ มี The Consultation: 1=Assess the patient, 2=Consider the options, 3=Reach a shared decision, 4=Prescribe, 5=Provide information, 6=Monitor and review; Prescribing Governance: 7=Prescribe safely, 8=Prescribe professionally, 9= Improve prescribing practice, 10=Prescribe as part of a team 21

คู่มือการเรียนการสอนเพ่ือการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ทั้งนี้ โมดูลท่ี 1 ถึง 10 ใน Part 3 ซ่ึงเป็นตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนที่ผู้สอนสามารถเลือกนาไป ประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม มีความสอดคล้องกับกรอบสมรรถนะการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของ NICE ดงั แสดงในตารางที่ 6 ตารางที่ 6 ความเชือ่ มโยงระหวา่ งความรู้ ทกั ษะ เจตคติ กับสมรรถนะทพี่ งึ มี สมรรถนะทีพ่ งึ ม1ี The Consultation Prescribing Domain Governance (competency) Domain ตัวอย่าง Module 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 หลักการและความสาคัญของการใชย้ า  อย่างสมเหตผุ ล 2 ขัน้ ตอนการสั่งใชย้ าอยา่ งสมเหตุผล  3 การส่ือสารเพื่อการใช้ยาอยา่ งสม  เหตผุ ล 4 การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ลเพื่อความ  ปลอดภัยของผปู้ ่วย 5 ผลกระทบของยาต่อสิ่งแวดลอ้ ม  6 จรยิ ศาสตร์กับการสง่ เสรมิ การใชย้ า  อยา่ งสมเหตุผล 7 ความเสมอภาคในการใชย้ า และการ คานงึ ถงึ ความคุ้มค่าตามหลัก  เศรษฐศาสตรก์ ารแพทย์ 8 ความรว่ มมอื ของสหวชิ าชีพเพ่ือการใช้  ยาอยา่ งสมเหตุผล 9 การประเมินหลกั ฐานทางการแพทย์ และแหล่งเรยี นรู้ในการใชย้ าอย่างสม  เหตุผล 10 การพฒั นาความสามารถอยา่ งตอ่ เน่อื ง  เพือ่ การใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล สมรรถนะท่ีพึงมี1 0= Introductory part The Consultation: 1=Assess the patient, 2=Consider the options, 3=Reach a shared decision, 4=Prescribe, 5=Provide information, 6=Monitor and review; Prescribing Governance: 7=Prescribe safely, 8=Prescribe professionally, 9= Improve prescribing practice, 10=Prescribe as part of a team 1 Royal Pharmaceutical Society. 2016. A competency framework for all prescribers. Available at: http://www.rpharms.com/support- pdfs/prescribing-competency-framework.pdf. 22

Part 1: เนอ้ื หาหลกั และสมรรถนะท่พี ึงมี กลอ่ งที่ 3: รายการโมดูลตวั อย่างท้ัง 10 The Module 1 หลกั การและความสาคัญของการใช้ยาอยา่ งสม Consultation เหตุผล Concepts and principles of RDU Module 2 ขน้ั ตอนการส่ังใชย้ าอยา่ งสมเหตุผล Good prescribing practice for RDU Module 3 การสื่อสารเพ่ือการใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล Communications for RDU Prescribing Module 4 การใช้ยาอย่างสมเหตุผลเพื่อความปลอดภยั ของ Governance ผปู้ ว่ ย RDU for patient safety Module 5 ผลกระทบของยาต่อส่ิงแวดลอ้ ม Impact of medication on environment Module 6 จริยศาสตร์กบั การส่งเสรมิ การใชย้ าอย่างสม เหตุผล Ethics and Promoting Rational Drug Use Module 7 ความเสมอภาคในการใชย้ า และการคานงึ ถงึ ความคมุ้ คา่ ตามหลกั เศรษฐศาสตร์การแพทย์ Equity and cost-effectiveness concern Module 8 ความร่วมมอื ของสหวชิ าชพี เพ่อื การใช้ยาอย่าง สมเหตุผล Interprofessional Teamwork for RDU Module 9 การประเมนิ หลักฐานทางการแพทย์ และแหลง่ เรียนร้ใู นการใชย้ าอย่างสมเหตุผล Evidence-based Medicine and Information Resources for RDU Module 10 การพัฒนาความสามารถอยา่ งตอ่ เนือ่ ง เพ่ือ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล Always Improving in Rational Drug Use 23

คมู่ อื การเรียนการสอนเพอ่ื การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 24

Part 2: แนวทางบรู ณาการเนอ้ื หาหลกั Part 2: แนวทางการบูรณาการเนอ้ื หาหลัก กบั หลกั สูตรปัจจบุ นั การจัดการเรยี นการสอน และการประเมินผล การนาเน้ือหาหลักของการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (รายละเอยี ดในส่วนท่ี 1) ไปใช้จัดการเรียนการสอนใน หลกั สตู รนั้น อาจแบง่ ไดเ้ ปน็ 6 ขั้นตอนหลกั พรอ้ มมขี อ้ เสนอแนะดงั น้ี  เทียบเคยี ง     หา (ทีม) หลกั สตู ร กาหนดวิธี ประเมนิ ผล ขยายผลและ ปรับปรงุ และ แชมเป้ยี น ปจั จุบนั จัดการเรยี น แลกเปลยี่ น ผู้เรยี น ตดิ ตาม การสอน ระดบั เรยี นรู้ หลกั สตู ร  หา (ทมี ) แชมเปีย้ น: หาผนู้ าและกลุ่มผสู้ นใจเพือ่ มอบหมายเปน็ champion ในเร่อื งการใชย้ า อยา่ งสมเหตผุ ลของหลกั สตู ร  ทมี แชมเปีย้ น ควรมที งั้ ผ้สู อนในระดบั ก่อนและหลงั ขน้ึ เรยี นในชน้ั คลนิ ิกแลว้  สถาบนั และหลกั สูตร ควรให้การสนบั สนนุ ทมี แชมเปย้ี นน้ีอยา่ งเปน็ รปู ธรรม  สว่ นกลาง ประสานงานจัดใหม้ กี ารแลกเปล่ียนเรยี นรสู้ าหรบั บคุ ลากรกลุ่มน้ขี องแตล่ ะสถาบนั ในระยะตอ่ ไป  เทยี บเคยี งหลกั สูตรปจั จบุ นั : ศึกษาความรู้ ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะทีพ่ ึงมี ดงั เสนอไวใ้ น คมู่ อื ฯ เปรยี บเทยี บกับหลักสตู ร ณ ปจั จุบัน  เปรยี บเทียบเนือ้ หาของหลกั สตู รปัจจุบนั กบั สมรรถนะทพี่ ึงมแี ละเนอ้ื หาหลักท่ีกาหนดไวใ้ น คูม่ อื ฯ นี้ เพ่ือระบุถงึ เนอื้ หาส่วนที่ยงั ไม่มกี ารจดั การเรียนการสอน  ควรกระจายการสอนเกีย่ วกับการใช้ยาอย่างสมเหตผุ ลให้ครอบคลุมรายวชิ าทางคลินิก โดยมี ทีมแชมเปี้ยนชว่ ยรับผิดชอบวางแผนในภาพรวม mapping เทยี บเคยี งประเดน็ ตา่ งๆ เพื่อให้มี การสอนได้ในทกุ หวั ข้อและทุกชน้ั ปอี ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง  ตารางท่ี 11 ในตอนท้ายของส่วนที่ 2 น้ี แสดงตวั อยา่ งรายการเพ่ือทบทวนหลกั สตู รหรอื การ เรยี นการสอนทสี่ ถาบันมีอย่ใู นปจั จบุ นั เทียบกบั หวั ข้อสมรรถนะทกี่ าหนดไวโ้ ดยสถาบนั สขุ ภาพและความเป็นเลศิ ทางดา้ นการแพทยแ์ หง่ ชาติ (NICE) 25

คมู่ อื การเรียนการสอนเพอื่ การใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560  กาหนดวิธกี ารจดั การเรียนการสอนให้ครอบคลมุ เน้ือหาท่ีมีอยู่  สถาบันจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning) เป็นสาคัญ มีปัญหา ทางคลนิ กิ เปน็ จดุ เร่มิ ตน้ (เปลย่ี นจาก Drug-centered เป็น Patient-centered) ตามคาแนะนา ขององค์การอนามัยโลก1 โดยผู้สอนทาหน้าท่ีสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยให้คาปรึกษา กระตุ้นให้ผู้เรียนดึงความรู้เดิมท่ีมีอยู่มาใช้ และเรียนรู้เพิ่มเติมโดยการต้ังคาถามและค้นคว้า ท้ัง ใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลับเพอ่ื ให้ผู้เรยี นเกิดการพฒั นาตนเอง  วิธีจดั การเรยี นการสอน อาจขึน้ อยกู่ ับความตอ้ งการของผสู้ อนวา่ จะเนน้ วตั ถุประสงคด์ ้านใด ตัวอย่างเชน่ ตารางที่ 7 ตารางท่ี 7 ตวั อย่างรูปแบบวิธจี ัดการเรยี นการสอน ทส่ี อดคล้องกับมิตขิ องวตั ถปุ ระสงค์ด้าน สมรรถนะ มิตขิ องวัตถุประสงคด์ ้าน ตัวอยา่ งรูปแบบวิธจี ดั การเรยี นการสอน สมรรถนะ  การบรรยาย ((Lectures)  การอภิปรายกลมุ่ ยอ่ ย ความรู้  การอ่าน (Reading) (Small group)  การระดมสมอง (Cognitive domain  สือ่ โสตทศั น์ (AV materials) or Knowledge) (Brainstorming)  การแสดงบทบาทสมมตุ ิ เจตคติ  การอภปิ ราย (Discussion) (Role playing)  การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ (Affective domain  การศกึ ษาจากผนู้ าตน้ แบบ or Attitude) (Experience sharing) (Role modeling)  ทัศนศกึ ษา (Field trips) ทกั ษะ  การฝึกปฏบิ ัติ (Practice)  คาช้แี จง (Instruction)  การฝกึ อบรมในขณะ (Psychomotor domain  การสาธติ (Demonstration) or Skill) ปฏิบตั ิงาน (On the job training)  ควรจัดให้มกี ารเรียนการสอนแบบสหวชิ าชพี (Interprofessional education) ในหวั ขอ้ ที่ เกี่ยวข้อง เพอื่ หลอ่ หลอมผู้เรียนให้สามารถทางานร่วมกบั วชิ าชพี อ่ืนๆ ดา้ นวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ ได้ดี เข้าใจและเรยี นรบู้ ุคลากรในวิชาชีพอ่นื  การประเมินผลผเู้ รียน  การประเมินผลควรทาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทราบว่าผู้เรียนได้เรียนรู้ และบรรลุตาม วัตถุประสงค์ท่ีตั้งไว้เพียงใด และจะทาอย่างไรเพ่ือให้เกิดการพัฒนาเพิ่มข้ึน โดยคานึงถึง หลกั การ 3 อยา่ งในการประเมิน คอื ต้องสัมพันธ์กับวัตถปุ ระสงคท์ ี่สาคัญ (Relevance) มคี วาม เท่ยี งตรง (Validity) และมคี วามน่าเชื่อถอื (Reliability)  ควรมกี ารประเมนิ ทัง้ ในระหวา่ งศกึ ษา (Formative assessment) และการประเมินผลขน้ั สดุ ทา้ ย (Summative assessment) 1 World Health Organization. 2002. Promoting rational use of medicines: core components. 26

Part 2: แนวทางบรู ณาการเนือ้ หาหลัก  วธิ กี ารประเมนิ อาจเลือกวิธีตามปริ ามิดแห่งการเรยี นรู้ ดังตวั อยา่ งในรูปที่ 2 DOES  Mini Clinical Evaluation Exercise (Mini-CEX) “Action”  Direct Observation of Procedural Skills  Clinical Work Sampling  360-degree evaluation  Logbooks  Portfolios SHOWS How  Objective Structured Clinical Evaluation “Performance” (OSCE)  Long and short cases KNOWS How  Multiple choice questions (MCQ) “Competence”  Short answer questions  Structured short answer questions KNOWS  Modified essay questions “Knowledge”  Extended matching items  Structured oral examination/ viva  Structured essays รปู ที่ 2 วิธกี ารประเมนิ ตามปิรามิดแห่งการเรยี นรู้ (ดดั แปลงจาก...........)1  ตารางที่ 12 ในส่วนท้ายของส่วนท่ี 2 นี้ แสดงตัวอย่างการจัดช่ัวโมงการเรียนการสอนตาม เนอ้ื หาหลกั ท่ีระบุไวใ้ นคมู่ ือฯ แยกเปน็ ชน้ั ปีทางปรคี ลินิก-คลินิก ในหลกั สตู รแพทยศาสตรบัณฑติ และแนวทางการประเมนิ  ขยายผลและติดตามระดบั หลักสูตร: การนาไปปฏิบัติจรงิ รวมถงึ การกาหนดและตดิ ตามตัวชวี้ ัด เพอ่ื ประเมินความสาเรจ็ ในการจัดการเรียนการสอนในหลักสตู ร ทัง้ ในเรื่องความครบถ้วนของ เนือ้ หาและกระบวนการเรียนรู้  ทกุ ฝา่ ยต้องตระหนักรแู้ ละเหน็ ความสาคญั ในการสอดแทรกเร่อื งการใช้ยาอย่างสมเหตผุ ลในทกุ รายวิชาของทุกหลักสูตรท่ีเกีย่ วขอ้ งกับยา โดยคณะวชิ าและผู้สอนมีสว่ นสาคญั อย่างยิ่งในการทา ใหเ้ กิดการบูรณาการเนอื้ หาหลักของการใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ลไปปรับเข้ากับหลักสตู รทมี่ อี ยู่แลว้ ของคณะนัน้ ๆ อยา่ งเหมาะสม  การกาหนดตัวชี้วดั และค่าเปา้ หมายท่ีถูกตอ้ ง จะสามารถนาไปใชป้ ระเมินผลโครงการและได้ ผลลพั ธท์ ีช่ ว่ ยสะท้อนผลการนาคมู่ ือการเรียนการสอนฯ ไปใชอ้ ย่างแท้จริง  การประเมินความสาเร็จในการบรู ณาการเนื้อหาหลักของการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ลในแตล่ ะ สถาบนั ประกอบด้วยการประเมนิ สามระดับ ได้แก่ 1) การประเมนิ ในระดบั ผูเ้ รียนและผู้สอน 2) การประเมนิ ในระดบั คณะและหลักสตู ร และ 3) การประเมินในระดบั นโยบาย โดยตารางท่ี 10 แสดงตัวช้ีวัดเพื่อประเมินความสาเร็จในการบูรณาการเน้อื หาหลักของการ ใช้ยาอย่างสมเหตุผลสาหรับการเรียนการสอนของวิชาชีพด้านสุขภาพ (Rational Drug Use core curriculum RDU-c หรือ เน้ือหาหลักฯ) ท่ีมีการนาไปปรับเข้ากับหลักสูตรท่มี ีอยู่แลว้ ของ คณะ แบ่งเป็น ตัวช้ีวัดในระดับก่อนปริญญา 9 ตัวช้ีวัด และระดับการศึกษาต่อเนื่องหลัง ปรญิ ญา 2 ตวั ชว้ี ัด รวมเป็น 11 ตวั ชว้ี ัด 1 Learning pyramid 27

คู่มือการเรยี นการสอนเพ่ือการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางท่ี 10 ตวั ชวี้ ดั ความสาเร็จในการบูรณาการเนอ้ื หาหลักฯ กบั หลกั สตู รปจั จบุ ันและวิธปี ระเมิน วธิ ีประเมินกลมุ่ เปา้ หมายแตล่ ะระดับ ตวั ชีว้ ดั ความสาเรจ็ ระดบั ผ้สู อนและ ระดบั คณะ ระดับนโยบาย 1 ผเู้ รยี น และหลักสตู ร การศกึ ษาในระดบั ก่อนปรญิ ญา 1. การรบั รแู้ ละระดับความพึงพอใจของผ้สู อน ผสู้ อน ประเมินด้วย คณบด/ี รอง ผแู้ ทนสภา และผู้ท่เี กย่ี วข้องกับนโยบายและการพฒั นา ตนเองผา่ น วิชาการ วชิ าชพี / คูม่ ือการเรียนการสอนเพื่อการใชย้ าสมเหตผุ ล แบบสอบถาม ประเมนิ ดว้ ย ประเมินด้วย ออนไลน์ ตนเองผา่ น ตนเองผ่าน (เช่น การรบั รู้และมสี ว่ นรว่ มในนโยบาย แบบสอบถาม แบบสอบถาม ประสิทธิภาพการประสัมพันธ์โครงการ สิ่ง https://goo.gl/CQ ออนไลน์ ออนไลน์ สนับสนุนจากคณะในการบรู ณาการเนือ้ หาหลักฯ รปู แบบการจดั การเรียนการสอนและการ 4E1u ประเมนิ ผลในรายวิชาท่มี ีการบูรณาการ เปน็ ตน้ ) 2. ระดับประสิทธิภาพของคู่มือฯ ผู้สอนประเมนิ ดว้ ย - - ตนเอง ผา่ น - - (เช่น ความสมบรู ณ์ของเนอื้ หา ความยากงา่ ยของ แบบสอบถาม เนือ้ หา ความน่าสนใจของส่ือ ตวั อย่างกรณศี กึ ษา ออนไลน์ การประยกุ ตใ์ ช้ในการเรียนการสอนจรงิ ข้อจากดั ในการนาไปใชผ้ ลสัมฤทธิ์ตอ่ ผ้เู รียน เป็นต้น) https://goo.gl/CQ 3. ระดับความพงึ พอใจของนักศกึ ษา 4E1u (เชน่ การรบั รู้และมสี ว่ นรว่ มในนโยบาย ความพึง นักศกึ ษา ประเมนิ พอใจต่อการจัดการเรียนการสอนในวชิ าที่บรู ณา ดว้ ยตนเอง ใช้ การเนือ้ หาหลักฯ ในดา้ นเนื้อหาสาระ รปู แบบ แบบสอบถาม การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ การประเมนิ ออนไลน์ สมรรถนะดา้ นการใช้ยาอยา่ งสมเหตุผล) https://goo.gl/qtW 9sD 4. จานวนคณะ ทก่ี าหนดนโยบายนาแนวคิดเร่อื ง - ทีมประเมิน - การใชย้ าอยา่ งสมเหตุผลสู่หลักสตู ร และ ภายนอก จัดการเรียนร้ทู ่ีบรู ณาการเน้อื หาหลกั ฯ ที่ รวบรวมขอ้ มลู สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของหลกั สตู รของแต่ละคณะ จากคณะ 5. จานวนรายวิชาทบ่ี รู ณาการเน้ือหาหลกั ฯ เข้า ทีมประเมนิ ภายนอก - กับหลกั สูตรที่มีอยู่แล้ว และการจัดการเรยี น สอบถาม การสอน ในปีการศกึ ษา 2560 ผรู้ บั ผดิ ชอบรายวิชา (เชน่ ชื่อวิชา จานวนช่ัวโมงสอน รายละเอียด เนือ้ หา รูปแบบการเรยี นการสอน สัดส่วนจานวน ข้อสอบ RDU ต่อข้อสอบท้งั หมดในรายวิชา) 1ระดบั นโยบาย ได้แก่ สภาวิชาชพี /ศนู ย์ประสานงานการศกึ ษาของแต่ละวิชาชพี (Professional Education Consortium) 28

Part 2: แนวทางบูรณาการเนอื้ หาหลัก ตารางท่ี 10 (ตอ่ ) วิธีประเมินกลมุ่ เปา้ หมายแตล่ ะระดบั ตวั ช้วี ดั ความสาเร็จ ระดบั ผสู้ อนและ ระดบั คณะ ระดบั นโยบาย 1 ผู้เรียน และหลักสตู ร 6. จานวนวชิ าชพี ท่ีบรรจเุ ร่ืองการใช้ยาอย่างสม เหตผุ ลในหลกั สูตรของคณะ ตงั้ แตพ่ .ศ.2559 -- 7. จานวนวิชาชพี ทมี่ ีการกาหนดใหเ้ รอื่ งการใชย้ า ทีมประเมิน อยา่ งสมเหตผุ ลเปน็ สมรรถนะหลกั ของวิชาชีพ ต้งั แต่ปี 2559 - - ภายนอกรวม ประกาศสภา/ 8. จานวนวชิ าชพี ที่มีนโยบายให้มีขอ้ สอบเรอื่ งการ ใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ลในการสอบใบประกอบ บันทกึ การ วิชาชีพ - - ประชมุ /เอกสาร 9. คะแนนสอบของนกั ศึกษา 5 สาขาวชิ าชพี เมือ่ อ่ืน ๆ ที่มีการ ทดสอบโดยใช้ข้อสอบกลางท่ีใช้วดั ความรู้ เก่ียวกับการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล (Rational ระบุนโยบาย Drug Use Index, RDU Index) - - ทีมประเมิน ภายนอกขอ คะแนนสอบจาก สภาวชิ าชพี การศึกษาต่อเนอ่ื งหลังปรญิ ญา 10. จานวนวชิ าชีพทีก่ าหนดให้มีการจดั - - ทมี ประเมิน ประสบการณก์ ารเรียนรู้ และประเมนิ ผล ภายนอก เก่ยี วกับการใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล ในระบบ รวบรวมจาก การศึกษาหลังปริญญา สภาวิชาชีพ 11. จานวนคณะทจี่ ัดประสบการณ์การเรียนรู้และ - ทีมประเมนิ - ประเมินผลเกีย่ วกับการใชย้ าอย่างสมเหตผุ ล ใน ภายนอก ระบบการศึกษาหลังปรญิ ญา เช่น การจัด รวบรวมจาก ประชมุ วิชาการ การจดั ทาบทความศกึ ษาดว้ ย สภาวิชาชีพ ตนเองใหแ้ กบ่ ณั ฑติ 1ระดับนโยบาย ได้แก่ สภาวิชาชพี /ศูนย์ประสานงานการศึกษาของแต่ละวชิ าชพี (Professional Education Consortium) 29

คู่มือการเรยี นการสอนเพอื่ การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560  ปรบั ปรุง และแลกเปล่ียนเรยี นรู้: การนาผลการประเมินทีไ่ ด้ ท้งั ในระดบั ผ้เู รียน ระดับ หลกั สูตร และระดบั นโยบาย ไปปรบั ปรงุ วิธีการจดั การเรียนการสอน และการพัฒนา กาลงั คนเพ่ือการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ลในระยะต่อไป รวมทัง้ การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ระหวา่ งสถาบนั และวิชาชีพ  ผลการประเมินในระดับนโยบาย ซึ่งสะท้อนระดับการรับรู้ การให้ความสาคัญของระดับ นโยบายต่อการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอน ตลอดจนปัจจยั สนับสนุนทั้งในระดับ นโยบาย และระดับปฏิบัติ เช่น ความต้องการด้านทรัพยากรและการพัฒนาศักยภาพของ ผู้สอนท่ีจาเป็นต้องมีและพัฒนาให้เพิ่มข้ึน จะเป็นประเด็นข้อเสนอแนะเพื่อขอให้สภาวิชาชีพ ศนู ยป์ ระสานงานการศึกษา และคณะวชิ าตา่ งๆ ให้การสนับสนนุ  ผลการประเมินการนาคู่มือฯ และตัวอย่างโมดูลท้ัง 10 โมดูลท่ีพัฒนาขึ้น ไปใช้จริง ทั้งในด้าน ความเหมาะสมของเน้ือหาสาระ และ กระบวนการจัดการเรียนการสอน ความคิดเห็นหรือ ข้อจากัดของผู้สอนที่ได้นาไปใช้ ผลสัมฤทธ์ิต่อผู้เรียน จะเป็นข้อมูลสาหรับการพัฒนาคู่มือ ผู้สอนและผู้เรียน รวมถึงโมดูลในระยะต่อไป จานวนโมดูลตัวอย่างในคู่มือนี้ซ่ึงมีจานวน จากดั แต่การมีโอกาสไดท้ ดลองนาโมดลู ไปสู่กระบวนการจัดการเรียนสอนจริง จะทาให้ผู้สอน สามารถนาเอาหลักคิดเพ่ือการจัดการเรียนการสอนให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผลไปพัฒนา ภาพรวมของหลกั สูตรของแตล่ ะสาขาวิชาชพี ต่อไป  ส่วนกลาง (คณะทางานขับเคล่ือนการพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนากาลังคนด้านสุขภาพ เพื่อการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ล) จะจัดเวทเี พ่อื แลกเปลี่ยนเรยี นรเู้ ป็นระยะ เก่ียวกับประสบการณ์ ในการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนระหว่างสถาบัน เพ่ือร่วมผลักดันให้เกิด ความสาเรจ็ ครบในทกุ คณะวชิ า และครบทกุ วชิ าชพี 30

Part 2: แนวทางบูรณาการเนอ้ื หาหลัก ตารางที่ 11 ตวั อยา่ งรายการเพ่ือทบทวนความครอบคลมุ ของการเรยี นการสอนเกย่ี วกับการใชย้ า อยา่ งสมเหตผุ ลในปจั จบุ ัน เทยี บกบั หัวขอ้ สมรรถนะทีก่ าหนดไว้โดย NICE Domain: การรว่ มปรกึ ษาหารือกอ่ นใชย้ า THE CONSULTATION (สมรรถนะดา้ นท่ี 1-6) รายละเอียดสมรรถนะ การเรียนการสอนทม่ี ี อยู่ ณ ปัจจุบัน สมรรถนะด้านท่ี 1: ASSESS THE PATIENT (ระบุข้อมูลหรือหลกั ฐานท่ี 1.1 Takes an appropriate medical, social and medication history แสดงถึงการจดั การเรยี นการ including allergies and intolerances. สอนในสมรรถนะนี้) 1.2 Undertakes an appropriate clinical assessment. 1.3 Accesses and interprets all available & relevant patient records to ensure knowledge of the patient’s management to date. 1.4 Requests and interprets relevant investigations necessary to inform treatment options. 1.5 Makes, confirms or understands, the working or final diagnosis by systematically considering the various possibilities. 1.6 Understands the condition(s) being treated, their natural progression and how to assess their severity, deterioration and anticipated response to treatment. 1.7 Reviews adherence to and effectiveness of current medicines. 1.8 Refers to or seeks guidance from another team member, a specialist or a prescribing information source when necessary. สมรรถนะดา้ นที่ 2: CONSIDER THE OPTIONS 2.1 Considers both non-pharmacological and pharmacological approaches to modifying disease and promoting health. 2.2 Considers all pharmacological treatment options including optimizing doses as well as stopping treatment (appropriate polypharmacy, de-prescribing). 2.3 Assesses the risks and benefits to the patient of taking or not taking a medicine or treatment. 2.4 Applies understanding of the mode of action and pharmaco- kinetics of medicines and how these may be altered (e.g. by genetics, age, renal impairment, pregnancy). 2.5 Assesses how co-morbidities, existing medication, allergies, contraindications and QoL impact on management options. 2.6 Takes into account any relevant patient factors (e.g. ability to swallow, religion) and the potential impact on route of administration and formulation of medicines. 2.7 Identifies, accesses, and uses reliable and validated sources of information and critically evaluates other information. 2.8 Stays up-to-date in own area of practice and applies the principles of evidence-based practice, including clinical and cost- effectiveness. 2.9 Takes into account the wider perspective including the public health issues related to medicines and their use and promoting health. 2.10 Understands antimicrobial resistance and the roles of infection prevention, control and antimicrobial stewardship measures. 31

คมู่ ือการเรียนการสอนเพอื่ การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางที่ 7 (ตอ่ ) Domain: การรว่ มปรกึ ษาหารอื กอ่ นใช้ยา THE CONSULTATION (สมรรถนะด้านท่ี 1-6) รายละเอยี ดสมรรถนะ การเรียนการสอนท่ีมี อยู่ ณ ปัจจบุ ัน สมรรถนะด้านท่ี 3: REACH A SHARED DECISION 3.1 Works with the patient/carer in partnership to make informed choices, agreeing a plan that respects patient preferences including their right to refuse or limit treatment. 3.2 Identifies and respects the patient in relation to diversity, values, beliefs and expectations about their health and treatment with medicines. 3.3 Explains the rationale behind and the potential risks/benefits of management options in a way the patient/carer understands. 3.4 Routinely assesses adherence in a non-judgmental way and understands the different reasons non-adherence can occur and how best to support patients/carers. 3.5 Builds a relationship which encourages appropriate prescribing and not the expectation that a prescription will be supplied. 3.6 Explores the understanding of a consultation and aims for a satisfactory outcome for the patient/carer and prescriber. สมรรถนะดา้ นที่ 4: PRESCRIBE 4.1 Prescribes a medicine only with adequate, up-to-date awareness of its actions, indications, dose, contraindications, interactions, cautions, and unwanted effects. 4.2 Understands the potential for adverse effects and takes steps to avoid/minimize, recognize and manage them. 4.3 Prescribes within relevant frameworks for medicines use as appropriate (e.g. local formularies, protocols and guidelines). 4.4 Prescribes generic medicines where practical and safe and knows when they should be prescribed by branded product. 4.5 Understands and applies relevant national frameworks for medicines use to own prescribing practice. 4.6 Accurately completes and routinely checks calculations relevant to prescribing and practical dosing. 4.7 Considers the potential for misuse of medicines. 4.8 Uses up-to-date information about prescribed medicines (e.g. availability, 4.9 pack sizes, storage conditions, excipients, costs). 4.10 4.11 Electronically generates or writes legible unambiguous and complete prescriptions which meet legal requirements. 4.12 4.13 Effectively uses the systems necessary to prescribe medicines (e.g. medicine charts, electronic prescribing, decision support). Only prescribes medicines that are unlicensed, ‘off-label’, or outside standard practice if satisfied that an alternative licensed medicine would not meet the patient’s clinical needs. Makes accurate legible and contemporaneous records and clinical notes of prescribing decisions. Communicates information about medicines and what they are being used for when sharing or transferring prescribing responsibilities/ information. 32

Part 2: แนวทางบูรณาการเนอ้ื หาหลัก ตารางท่ี 11 (ตอ่ ) Domain: การรว่ มปรึกษาหารือก่อนใช้ยา THE CONSULTATION (สมรรถนะดา้ นท่ี 1-6) รายละเอยี ดสมรรถนะ การเรยี นการสอนท่ีมี อยู่ ณ ปัจจุบนั สมรรถนะดา้ นที่ 5: PROVIDE INFORMATION (ระบุขอ้ มูลหรอื หลักฐานท่ี 5.1 Checks the patient/carer’s understanding of and commitment to the แสดงถึงการจดั การเรียนการ patient’s management, monitoring and follow-up. สอนในสมรรถนะน้ี) 5.2 Gives the patient/carer clear, understandable and accessible information about their medicines (e.g. what it is for, how to use it, possible unwanted effects and how to report them, expected duration of treatment). 5.3 Guides patients/carers on how to identify reliable sources of information about their medicines and treatments. 5.4 Ensures that the patient/carer knows what to do if there are any concerns about the management of their condition, if the condition deteriorates or if there is no improvement in a specific time frame. 5.5 When possible, encourages and supports patients/carers to take responsibility for their medicines and self-manage their conditions. สมรรถนะดา้ นท่ี 6: MONITOR AND REVIEW 6.1 Establishes and maintains a plan for reviewing the patient’s treatment. 6.2 Ensures that the effectiveness of treatment and potential unwanted effects are monitored. 6.3 Detects and reports suspected adverse drug reactions using appropriate reporting systems. 6.4 Adapts the management plan in response to on-going monitoring and review of the patient’s condition and preferences. 33

คมู่ อื การเรยี นการสอนเพือ่ การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางที่ 11 (ตอ่ ) Domain: การดแู ลใหเ้ กดิ การใชย้ าที่ดี สมเหตุผล PRESCRIBING GOVERNANCE (สมรรถนะดา้ นที่ 7-10) รายละเอยี ดสมรรถนะ การเรียนการสอนทมี่ ีอยู่ ณ ปัจจบุ ัน สมรรถนะด้านที่ 7: PRESCRIBE SAFELY (ระบุขอ้ มูลหรือหลักฐานท่แี สดงถึงการ 7.1 Prescribes within own scope of practice and recognizes the limits of จัดการเรียนการสอนในสมรรถนะน้)ี own knowledge and skill. 7.2 Knows about common types and causes of medication errors and how to prevent, avoid and detect them. 7.3 Identifies the potential risks associated with prescribing via remote media (phone, email or third party) and minimizes them. 7.4 Minimizes risks to patients by using or developing processes that support safe prescribing particularly in areas of high risk (e.g. transfer of information, prescribing of repeat medicines). 7.5 Keeps up to date with emerging safety concerns related to prescribing. 7.6 Reports prescribing errors, near misses and critical incidents, and reviews practice to prevent recurrence. สมรรถนะดา้ นที่ 8: PRESCRIBE PROFESSIONALLY 8.1 Ensures confidence and competence to prescribe are maintained. 8.2 Accepts personal responsibility for prescribing and understands the legal and ethical implications. 8.3 Knows and works within legal and regulatory frameworks affecting prescribing practice (e.g. controlled drugs, unlicensed/off label medicines, regulators guidance, supplementary prescribing). 8.4 Makes prescribing decisions based on the needs of patients and not the prescriber’s personal considerations. 8.5 Recognizes and deals with factors that might unduly influence prescribing (e.g. pharm. industry, media, patient, colleagues). 8.6 Works within the national/organizational regulatory and other codes of conduct when interacting with the pharm. industry. สมรรถนะดา้ นที่ 9: IMPROVE PRESCRIBING PRACTICE 9.1 Reflects on own and others prescribing practice, and acts upon feedback and discussion. 9.2 Acts upon colleagues’ inappropriate or unsafe prescribing practice using appropriate mechanisms. 9.3 Understands and uses available tools to improve prescribing (e.g. patient and peer review feedback, prescribing data analysis and audit). สมรรถนะด้านที่ 10: PRESCRIBE AS PART OF A TEAM 10.1 Acts as part of a multidisciplinary team to ensure that continuity of care across care settings is developed and not compromised. 10.2 Establishes relationships with other professionals based on understanding, trust and respect for each other’s roles in relation to prescribing. 10.3 Negotiates the appropriate level of support and supervision for role as a prescriber. 10.4 Provides support and advice to other prescribers or those involved in administration of medicines where appropriate. 34

Part 2: แนวทางบรู ณาการเนือ้ หาหลกั ตารางที่ 12 ตวั อยา่ งการจดั ช่วั โมงการเรยี นการสอนตามเนอ้ื หาหลกั ตวั อยา่ งการปรับใช้เนือ้ หาหลกั ท่ีระบไุ วใ้ นคู่มือฯ น้ี สาหรบั การจัดช่ัวโมงสอน และแนวทางประเมิน ใน หลักสูตรแพทยศาสตรบณั ฑติ แยกเป็นชัน้ ปที างปรคี ลนิ กิ และคลินกิ เนื้อหาหลกั รายละเอยี ด วธิ ีการสอน และวิธปี ระเมิน 1. ความเขา้ ใจเร่ือง  Definition of RDU ตอ้ งมีหวั ข้อนีใ้ นทกุ หลักสูตร  Irrational use of medicine worldwide & การใชย้ าอย่างสม impact และเน้นยา้ เม่อื ข้นึ ทางคลนิ ิก เหตผุ ล และ  Effect of drugs on the environment วธิ สี อน: lecture, self- ความสาคญั วิธีประเมิน: Resistant micro-organisms from inappropriatedirected learning use of antibiotics (SDL)  WHO’s 12 core interventions to promote RDU  The framework of RDU: indication, efficacy, clinical dose, frequency, cost, administration observation, method, duration of treatment, patient objective structured adherence, safety (benefit/risk), other clinical evaluation considerations (OSCE) case approach, modified essay questions (MEQ), multiple choice questions 2. ความรพู้ นื้ ฐานใน  Clinical Pharmacology (MCQ) ระดบั ปรคี ลนิ กิ ที่ o Pharmacokinetics, pharmacodynamics, จาเป็นสาหรับ pharmacogenetics (with focus on แต่ละสถาบันทบทวน RDU interpersonal variation in drug response) หลกั สตู รที่มีอย่แู ละเพมิ่ เตมิ o Commonly used drug groups หัวข้อท่ียงั ขาด o Adverse drug reactions (ADRs) วธิ สี อน: lecture, SDL, o Drug interaction simulated patient  Essential pharmacoeconomics  Developing new drugs and generic drugs วธิ ปี ระเมิน: observe with  National List of Essential Medicine (NLEM)  Concepts of clinical practice guideline other items, MCQ, MEQ, essay 3. หลักการซกั ประวัติ  Communication to obtain accurate สอนชว่ งเตรยี มขึน้ ชั้นคลินิก เกีย่ วกับยาที่ สาคัญ วิธสี อน:information about current use of prescription mini-lecture,  and non-prescription drugs (Over-the-  counter (OTC) medicines, supplements and problem-based  herbal products) learning (PBL), OPD Assessment of patient adherence to a bedside, simulated medication regimen patient, student’s Current and past ADR, allergies patient report Medication reconciliation (MR) วิธีประเมิน: clinical observation, OSCE case approach 4. ข้ันตอนในการสัง่  WHO’s six-step approach in good สอนชว่ งปรคี ลินกิ และช่วง prescribing และใช้ยาอย่างสม 1) Evaluate and clearly define the patient’s เตรยี มขึ้นชั้นคลินิก เหตุผล problem วธิ สี อน: mini-lecture, PBL, 2) Specify the therapeutic objective 3) Select the appropriate drug therapy simulated patient, 4) Initiate therapy with appropriate details Bedside-OPD, skill and consider non-pharmacologic therapies practice under 5) Give information, instructions, and supervision วิธปี ระเมนิ : clinical warnings; and observation, OSCE 6) Evaluate therapy regularly case approach MCQ=multiple choice questions, MEQ=modified essay questions, MR=medication reconciliation, OSCE=objective structured clinical evaluation, PBL=problem-based learning, SDL=self-directed learning 35

คูม่ อื การเรยี นการสอนเพ่อื การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 ตารางที่ 12 (ตอ่ ) เนอื้ หาหลัก รายละเอียด วิธกี ารสอน และวธิ ีประเมนิ 4. (ต่อ) + two additional steps 7) Consider drug cost when prescribing; วิธีสอน: mini-lecture, PBL, 5. การตดิ ตาม 8) Use computers & other tools to reduce ประสิทธิผลของ OPD bedside, การรักษา prescribing errors. simulated ผลข้างเคียงทอ่ี าจ patient/situation, เกดิ จากการใชย้ า  Prescribing for patients with special Bedside-OPD และแนวปฏบิ ตั ิ requirements: elderly, children, renal disease, เมือ่ พบปญั หาจาก liver disease, women of child-bearing วิธปี ระเมิน: clinical การใช้ยา potential, pregnant and breast-feeding women, patient with multiple co-morbidities, observation, OSCE 6. การใช้ยาโดย pain control, palliative care patients case approach คานงึ ถึงความ คุ้มค่าตามหลัก  Monitoring drug therapy: clinical วธิ สี อน: mini-lecture, PBL, เศรษฐศาสตร์ observation, drug level การแพทย์ simulated patient,  Considering for drug discontinuation Bedside-OPD  Observation for drug efficacy, ADRs, drug วธิ ปี ระเมิน: clinical interaction and drug toxicity observation, OSCE  Report of drug-related problems and case approach medication error  Treating allergic reactions and acute anaphylaxis  Adhering to National Drug Policy and National Policy of Health (including NLEM and generic drug prescribing)  Reimbursement system and Health economics 7. กฎหมายและ  Beneficence, non-maleficence, justice, วิธสี อน: mini-lecture, PBL, จริยธรรมทาง autonomy การแพทย์ที่ simulated patient, เกย่ี วข้องกับการ  Informed patient and related persons with enough information and appropriate way, Bedside-OPD, consent and concordance o The best doctor prescribes the least conference วิธีประเมิน: clinical สงั่ ใช้ยา medicine observation, OSCE o Patient’s satisfaction as guidance not a case approach rule for prescriber to comply to.  Legal aspects of drug prescribing  Professional interaction with pharmaceutical representatives 8. ความปลอดภยั ใน  The 5 Rs for medication safety: right drug, วธิ ีสอน: PBL, simulated right route, right time, right dose, right การใช้ยา patient; patient/situation o Add-ons: right documentation and the รว่ มกับหัวข้ออ่ืนๆ, right (of staff, patient and carer) to conference, SDL (e- question medication orders. resource)  Medication errors  Risk of medication use วธิ ีประเมนิ : clinical  Safety of high-alert medications  Ways to make medication use safer observation, OSCE case approach, MCQ, MEQ MCQ=multiple choice questions, MEQ=modified essay questions, MR=medication reconciliation, OSCE=objective structured clinical evaluation, PBL=problem-based learning, SDL=self-directed learning, NLEM=National List of Essential Medicine 36

Part 2: แนวทางบูรณาการเน้อื หาหลัก ตารางท่ี 12 (ตอ่ ) เนือ้ หาหลัก รายละเอียด วิธกี ารสอน และวิธีประเมิน 9. แนวทางพัฒนา  วิธีสอน:Recognizing personal limitation in knowledge practice, SDL ความสามารถใน and the need to update prescribing การสงั่ ใช้ยา  practices วิธปี ระเมิน: clinical  How to obtain objective information to observation, OSCE support RDU case approach Finding the evidence from online electronic sources  Analyzing new evidence 10.ตัวอย่างการใช้ยา  Incorrect prescribing or Medication error:  ต้องมหี ัวขอ้ นี้ในทกุ อย่างไมเ่ หมาะสม หลกั สตู ร ทพี่ บไดบ้ อ่ ยในทาง o การใช้ยาโดยไมม่ ขี ้อบง่ ช้ี หรอื ขอ้ มลู เชงิ ประจักษ์ คลินิก สนับสนนุ  สอนในช่วงปรคี ลนิ กิ สาหรับโรคทว่ั ไปทพี่ บ o การใชย้ าโดยไม่คานงึ ถงึ ความเสี่ยงในผปู้ ่วยบาง ปัญหาไดบ้ อ่ ย กลุ่ม o การใช้ยาไมถ่ กู ขนาด วิธี ความถ่ี ระยะเวลา  Extravagant prescribing:  สอนขณะมี clinical rotation ดว้ ยโรคท่ีพบได้ o การเลอื กใช้ยาราคาแพงแทนยาราคาประหยัดทีม่ ี บอ่ ยในแต่ละสาขา คณุ ภาพเท่าเทยี มกัน วิธีสอน: PBL, simulated o การใช้ยาโดยไม่คานึงถงึ ความคุ้มค่าตามหลกั เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข และความสามารถในการ patient/situation  จ่ายของสงั คม รว่ มกับหวั ข้ออื่นๆ,   Over-prescribing: conference, SDL (e-  resource) o การใช้ยาทปี่ ระโยชนไ์ ม่คุ้มกับความเสี่ยงจาก  อันตรายของยา วธิ ีประเมนิ : clinical o การใช้ยาโดยขาดความตระหนักถงึ ปัญหาเชื้อดอ้ื ยา observation, OSCE Multiple prescribing (Polypharmacy): case approach, MCQ, MEQ o การใช้ยาซ้าซ้อน o การใช้ยามากชนิดเกินจาเป็น ตามมาตรฐานการ รกั ษา Under-prescribing: การใชย้ าไม่ถูกขนาด วธิ ี ความถี่ ระยะเวลา Inappropriate monitoring: o ขาดการประเมนิ ประสิทธิผลและความเสี่ยงอย่าง เหมาะสม (ภาวะแทรกซ้อน หรืออันตรกริ ยิ า) o ขาดการประเมนิ ถึงความต่อเนอื่ งและความ ครบถ้วน Inappropriate self-medication: การใชย้ าและ สมนุ ไพรเองของผู้ปว่ ย โดยไมไ่ ดต้ ระหนกั ถึงความ ปลอดภัยและผลเสยี MCQ=multiple choice questions, MEQ=modified essay questions, MR=medication reconciliation, OSCE=objective structured clinical evaluation, PBL=problem-based learning, SDL=self-directed learning, NLEM=National List of Essential Medicine 37

คมู่ อื การเรียนการสอนเพอ่ื การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 2560 38

Part 3: ตวั อย่างโมดูล Part 3: โมดูลวธิ กี ารจดั การเรียนการสอน และ ประสบการณข์ องคณะผู้จัดทาและผทู้ ่ีเคยนาไปใช้ สอนจริง 39

Part 3: ตวั อยา่ งการจดั การเรยี นการสอน 40

ภาคผนวก: คณะทางาน และเพ่ือนรว่ มทาง คณะทางานขับเคลื่อนการพฒั นาระบบการผลิตและพัฒนากาลังคนดา้ น สุขภาพเพอื่ การใชย้ าอยา่ งสมเหตุผล คำส่ังคณะอนกุ รรมกำรสง่ เสรมิ กำรใชย้ ำอยำ่ งสมเหตผุ ล ท่ี 1/2556 ลงวนั ท่ี 31 ตุลำคม พ.ศ. 2556 1. นำยอุดม คชนิ ทร คณบดีคณะแพทยศำสตร์ ศิรริ ำชพยำบำล ที่ปรกึ ษำ 2. นำยอำนภุ ำพ เลขะกุล คณะแพทยศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยสงขลำนครินทร์ ประธำน 3. เลขำธิกำรกล่มุ สถำบันแพทยศำสตรแ์ ห่งประเทศไทย (ก.ส.พ.ท.) หรอื ผ้แู ทน ผทู้ ำงำน 4. ประธำนรำชวิทยำลยั อำยรุ แพทยแ์ หง่ ประเทศไทย หรือผแู้ ทน ผทู้ ำงำน 5. ประธำนภำคคี ณบดคี ณะสัตวแพทย์แหง่ ประเทศไทย หรือผแู้ ทน ผทู้ ำงำน 6. ประธำนกรรมกำรผู้บรหิ ำรคณะทนั ตแพทยศำสตรแ์ หง่ ประเทศไทย หรือผ้แู ทน ผู้ทำงำน 7. ประธำนกรรมกำรศนู ยป์ ระสำนงำนกำรศกึ ษำเภสชั ศำสตรแ์ หง่ ประเทศไทย ผู้ทำงำน (ศ.ศ.ภ.ท.) หรือผ้แู ทน 8. นำยกแพทยสภำ หรือผู้แทน ผู้ทำงำน 9. นำยกสัตวแพทยสภำ หรอื ผู้แทน ผู้ทำงำน 10. นำยกทันตแพทยสภำ หรอื ผ้แู ทน ผู้ทำงำน 11. นำยกสภำเภสชั กรรม หรือผแู้ ทน ผู้ทำงำน 12. นำยกสภำกำรพยำบำล หรอื ผู้แทน ผู้ทำงำน 13. ผู้อำนวยกำรสถำบนั พระบรมรำชชนก หรอื ผ้แู ทน ผทู้ ำงำน 14. ประธำนชมรมผู้อำนวยกำรโรงพยำบำลศูนย/์ โรงพยำบำลทั่วไป หรอื ผแู้ ทน ผู้ทำงำน 15. นำยกสมำคมเภสัชกรรมโรงพยำบำล (ประเทศไทย) หรือผแู้ ทน ผทู้ ำงำน 16. ประธำนมลู นธิ เิ ภสชั ศำสตรเ์ พอ่ื สงั คม หรอื ผู้แทน ผทู้ ำงำน 17. นำยวทิ ยำ ศรดี ำมำ คณะแพทยศำสตร์ จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย ผทู้ ำงำน 18. นำยพิสนธ์ิ จงตระกูล คณะแพทยศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ผทู้ ำงำน 19. นำงสำวศิรอิ ร สินธุ คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั มหดิ ล ผ้ทู ำงำน 20. นำงสำวรงุ่ ทวิ ำ หมน่ื ปำ โรงพยำบำลลำปำง ผทู้ ำงำน 21. นำงยุพดี ศริ ิสนิ สขุ คณะเภสัชศำสตร์ จฬุ ำลงกรณ์มหำวิทยำลยั ผทู้ ำงำนและเลขำนุกำร 22. นำงสำวเสำวลกั ษณ์ ตรุ งครำวี คณะแพทยศำสตร์วชิรพยำบำล ผู้ทำงำนและเลขำนกุ ำร มหำวทิ ยำลยั นวมินทรำธริ ำช รว่ ม 23. นำงสำวศิริตรี สุทธจิตต์ คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลัยเชยี งใหม่ ผู้ทำงำนและ ผู้ช่วยเลขำนุกำร 24. นำงนภำภรณ์ ภรู ิปญั ญำวำนชิ ผู้ทำงำนและ สำนกั ยำ สำนกั งำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ ผชู้ ว่ ยเลขำนุกำร A1.1

ผู้เรียบเรียงเน้ือหา (เรียงตามสงั กัด) พนั เอก ปุญชทร ทิพยวงษ์ กรมแพทยท์ หำรบก กองทัพบก อ.ดร. ทพญ.อำรีรัตน์ นิรนั ต์สทิ ธิรัชต์ คณะทนั ตแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยเชยี งใหม่ ภญ. จิรนันท์ โชตธิ รรมนำวี คณะทันตแพทยศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยมหดิ ล ผศ.ดร. ทพญ.กนกพร ปำงสมบูรณ์ คณะทนั ตแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยสงขลำนครินทร์ ผศ.ดร. วรี ะพร ศุทธำกรณ์ คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวิทยำลัยเชยี งใหม่ รศ.ดร. ศศิมำ กุสมุ ำ ณ อยุธยำ คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวิทยำลยั มหดิ ล รศ.ดร. วมิ ลรตั น์ ภ่วู รำวุฒิพำนชิ คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวิทยำลยั มหิดล อ. นฤมล อังศริ ศิ กั ดิ์ คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวิทยำลยั สยำม รศ.นพ. อำนภุ ำพ เลขะกลุ คณะแพทยศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยสงขลำนครินทร์ ผศ.นพ. พสิ นธิ์ จงตระกลู คณะแพทยศำสตร์ จฬุ ำลงกรณ์มหำวิทยำลยั รศ.พญ. สำยสวำท ไชยเศรษฐ คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลยั เชียงใหม่ นพ. รวิสุต เดียวอศิ เรศ คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยนเรศวร อ.พญ. พนั ธิตรำ สิงหเ์ ขยี ว คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยนเรศวร อ.นพ. อรุณชัย แสงพำนิชย์ คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ผศ.ดร. อรพิณ วงศ์สวสั ด์กิ ลุ คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวโิ รฒ อ.ภก. ธนกร สุรำรักษ์ คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ อ.นพ. บรุ ภัทร สงั ข์ทอง คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลยั สงขลำนครนิ ทร์ รศ.พญ. ธนนั ดำ ตระกำรวนิช คณะแพทยศำสตร์วชริ พยำบำล มหำวิทยำลัยนวมนิ ทรำธริ ำช อ.นพ. ชำญยทุ ธ บณั ฑิตวัฒนำวงศ์ คณะแพทยศำสตรว์ ชิรพยำบำล มหำวิทยำลัยนวมินทรำธิรำช ภญ. เสำวลกั ษณ์ ตุรงครำวี คณะแพทยศำสตร์วชริ พยำบำล มหำวิทยำลัยนวมนิ ทรำธริ ำช ศ.นพ. ชัยรัตน์ ฉำยำกลุ คณะแพทยศำสตรศ์ ิรริ ำชพยำบำล ผศ.ดร. ภญ. ยพุ ดี ศริ ิสินสุข คณะเภสัชศำสตร์ จุฬำลงกรณม์ หำวิทยำลัย ผศ.ดร.ภญ. สนุ ทรี ท. ชัยสมั ฤทธิโ์ ชค คณะเภสัชศำสตร์ จฬุ ำลงกรณม์ หำวิทยำลัย ผศ.ดร.ภญ. พกั ตรว์ ภิ ำ สวุ รรณพรหม คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลยั เชียงใหม่ รศ.ดร.ภญ. หทัยกำญจน์ เชำวนพูนผล คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลัยเชยี งใหม่ ผศ.ดร.ภญ. ศิริตรี สุทธจติ ต์ คณะเภสัชศำสตร์ มหำวิทยำลัยเชียงใหม่ อ.ภก.กติ ติภัค เจ็งฮว้ั คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลยั พะเยำ อ.ดร.ภญ. อุษำวดี สตุ ะภกั ด์ิ คณะเภสัชศำสตร์ มหำวิทยำลัยพำยัพ อ.ภญ. อมรทศั น์ สดใส คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ อ.ภก. ชุตพิ ันธ์ุ เจรญิ ดำชยั คณะเภสัชศำสตร์ มหำวิทยำลยั สงขลำนครินทร์ ผศ.ดร.รท.ญ. สพ.ญ. เนำวรตั น์ สธุ ัมนำถพงษ์ คณะสัตวแพทยศำสตร์ จฬุ ำลงกรณ์มหำวิทยำลยั อ.น.สพ.ดร. รักธรรม เมฆไตรรัตน์ คณะสตั วแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลยั เชยี งใหม่ อ.น.สพ.ดร. ไพฑรู ย์ ศรมี นตรี คณะสตั วแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหิดล พญ. บญุ รตั น์ วรำชิต โครงกำรรว่ มผลิตแพทย์เพิ่มเพ่ือชำวชนบท รศ.ดร.ภญ. จิรำพร ล้ิมปำนำนนท์ มูลนธิ เิ ภสัชศำสตร์เพือ่ สังคม ภญ.ดร.เบญจพร ศิลำรักษ์ โรงพยำบำลขอนแกน่ ภญ.ดร. รุ่งทิวำ หมื่นปำ โรงพยำบำลลำปำง ผศ.ดร. สตรีรตั น์ ธำดำกำนต์ โรงเรียนพยำบำลรำมำธิบดี คณะแพทยศำสตรโ์ รงพยำบำลรำมำธบิ ดี ผศ.ดร. จฬุ ำรักษ์ กวีววิ ิธชยั โรงเรยี นพยำบำลรำมำธิบดี คณะแพทยศำสตร์โรงพยำบำลรำมำธิบดี ผศ.ดร. จริยำ วิทยะศุภร โรงเรยี นพยำบำลรำมำธิบดี คณะแพทยศำสตรโ์ รงพยำบำลรำมำธิบดี พ.อ.หญิง ดร. วำสนำ นยั พัฒน์ วทิ ยำลัยพยำบำลกองทัพบก อ.ดร. ทุติยรัตน์ รื่นเรงิ วทิ ยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนี ชลบุรี อ.ดร. สุภำวดี นพรุจจนิ ดำ วทิ ยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนี สพุ รรณบุรี อ.ดร. วภิ ำ เอี่ยมสำอำงค์ จำรำมิลโล วิทยำลยั พยำบำลบรมรำชชนี นครลำปำง ผศ. ภำวิดำ พุทธขิ ันธ์ วิทยำลยั พยำบำลสภำกำชำดไทย อ. ศุทธิจติ ภูมวิ ฒั นะ วทิ ยำลัยพยำบำลสภำกำชำดไทย ภญ. นภำภรณ์ ภรู ปิ ญั ญำวำนชิ สำนกั งำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ ภก. ธนกฤต มงคลชัยภกั ดิ์ สำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ A1.2

เร่อื งเล่าจากเพอ่ื นรว่ มทาง: การจดั การเรียนการสอนเพอ่ื RDU รศ.ดร. ภญ. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลยั มหิดล อ.ดร. ภญ. ณัฐำศิริ ฐำนะวุฑฒ์ คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลัยสงขลำนครนิ ทร์ ผศ.ดร. ภญ. ยพุ ดี ศริ ิสินสุข คณะเภสชั ศำสตร์ จฬุ ำลงกรณ์มหำวิทยำลยั ผศ.ดร. ภก. แสวง วัชระธนกิจ คณะเภสัชศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั อุบลรำชธำนี ผศ.ดร. ภญ. ชนัตถำ พลอยเล่ือมแสง คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม ผศ.ดร. ภญ. นันทวรรณ กติ กิ รรณำกรณ์ คณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลัยเชียงใหม่ ผศ.ดร. จริยำ วทิ ยะศภุ ร โรงเรยี นพยำบำลรำมำธิบดี คณะแพทยศำสตรโ์ รงพยำบำลรำมำธิบดี ผศ.ดร. จฬุ ำรกั ษ์ กวีววิ ิธชัย โรงเรียนพยำบำลรำมำธิบดี คณะแพทยศำสตรโ์ รงพยำบำลรำมำธิบดี อ.นพ. อรณุ ชยั แสงพำนิชย์ คณะแพทยศำสตร์ มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ภาพหน้าปก นกั ศกึ ษำเภสัชศำสตร์ ณฐั สทิ ธิ์ รัตนพำณชิ ย์ คณะเภสัชศำสตร์ มหำวิทยำลยั เชยี งใหม่ A1.3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook