ชนเผ่าอาข่า หรือ อกี ้อ วถิ ีชีวิต และลักษณะบ้านเรือน : อาข่าเป็ นชาวเขาท่ีมีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย หาเช้ากนิ ค่า เวลาไปทาไร่หลงั จากท่ีพน้ จากประตูหมู่บา้ น ก็จะมีการร้องเพลง ไปดว้ ยจะไดห้ ายเหงา และเม่ือไปถึงไร่ของตนเองก็จะร้องเพลงโตต้ อบกบั ฝ่ าย ผหู้ ญิง เวลาจะกลบั ก็ล่าลากนั ดว้ ยเสียงเพลง แลว้ จะนดั กนั ตอนกลางคืน ท่ีลาน วฒั นธรรม ซ่ึงเป็นชีวิตท่ีมีสีสันมากแต่สมยั น้ีการใชช้ ีวิตแบบน้ีเริ่มหาดูไดย้ าก เหลือเพยี งแต่คาบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน
ชนเผ่าอาข่า หรือ อกี ้อ ศาสนา ความเชื่อ และพธิ ีกรรม : ชนเผ่าอาข่าไม่มีคาว่า “ศาสนา” แต่มีคาว่า “บัญญตั อิ าข่า” ซ่ึงครอบคลุมไปถงึ ขนบธรรมเนียมประเพณแี ละพธิ ีการทุกอย่าง ในการดาเนินชีวติ มีความเช่ือในเร่ืองผี โชคลาง และการเสี่ยงทายเป็ นทีส่ ุด ผีหรือ “แหนะ” ได้เข้ามามีบทบาทในวถิ ชี ีวติ ของชาวอา นอกจากน้ียงั พบว่าชนเผา่ อาข่า นบั ถือผีบรรพบุรุษ โดยทุกครัวเรือนจะมีหิ้งผีบรรพบุรุษไวเ้ ซ่นไหวป้ ี ละ 9 คร้ัง รองลงมาได้แก่ผีใหญ่ ซ่ึงถือว่าเป็ นหัวหน้าผีท้งั ปวง และเป็ นตนเดียวท่ีอยู่บน สวรรคม์ ีหนา้ ท่ีดูแลความทุกขส์ ุข ผตี ามความเชื่อของอาขา่
ชนเผ่าอาข่า หรือ อกี ้อ การแต่งกาย : ผหู้ ญิงชนเผา่ อาข่าเม่ือแต่งตวั ครบเคร่ืองน้นั มีความสวยงามเป็น อยา่ งมาก ต้งั แต่ศีรษะจรดเทา้ ส่วนเครื่องแต่งกายของผชู้ ายชนเผา่ อาข่า จะไม่ เยอะเท่าของผูห้ ญิง แต่ก็มีความเฉียบและเรียบ อาข่าใช้ผ้าฝ้ายทอเนื้อแน่น ย้อมเป็ นสีนา้ เงนิ เข้มเกือบดา ซ่ึงแต่ก่อนนีจ้ ะปลูกฝ้ายมาป่ันใช้เอง ปัจจุบนั ซื้อ ฝ้ายดิบจากคนไทย หญิงอาข่าสอนให้ป่ันด้ายต้ังแต่อายุ 6-7 ขวบ มาทอผ้าให้ ใช้กนั ท้งั ครอบครัว ซึ่งเป็ นผลติ ผลพืน้ บ้าน
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง • ข้อมูลท่ัวไป : ดาราอ้งั แปลว่า เผา่ ที่ชอบอาศยั อยบู่ นภูเขา ปัจจุบนั ดาราอ้งั ทว่ั โลกมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ ดาราอ้ัง “ว่อง” หรือท่ีรู้จักกันทั่วไป ดาราอ้งั ดา ซ่ึงกลุ่มนีแ้ ต่งกายคล้ายๆ กบั ลาหู่แชแล ดาราอ้งั “เหร่ง” หรือ ดาราอ้งั แดง และดาราอ้งั “ลุ่ย” หรือดาราอ้งั ขาว สาหรับชนเผ่าดาราอ้งั ท้งั 3 กล่มุ กระจ่ายกนั อยู่ในประเทศพม่า
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง ปะหล่องเป็ นชนเผ่าที่อพยพมาจากพม่า เรียกตัวเองว่า \"ดาระอัง\" คาว่า \"ปะหล่อง\" เป็ นภาษาไทยใหญ่ซ่ึงใชเ้ รียกชนกลุ่มน้ี นอกจากน้นั ยงั มีคาเรียกท่ีแตกต่างกนั ออกไปอีก เช่น ชาวพม่าเรียกปะหล่องว่า \"ปะลวง\" และไทยใหญ่บางกลุ่มก็ใชค้ าว่า \"คุณลอย\" ซ่ึงมีความหมายว่า คนดอย หรือคนภูเขา แทนคาวา่ ปะหล่อง
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง • ภาษา : ชนเผา่ ปะหล่องจะมีภาษาพูดเป็ นของตัวเองแต่โดยทว่ั ไปชนเผา่ ปะหล่องสามารถพูดภาษาฉานในการติดต่อกบั คนต่างเผา่ ปะหล่องจะใช้ ภาษาไทยใหญ่
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง • วิถีชีวิต และลักษณะบ้านเรือน :ชุมชนปะหล่องแต่เดิมเม่ือคร้ังอยู่ใน เมียนมาร์ จะต้ังบ้านเรือนอยู่รวมกันเป็ นหมู่บา้ นบนสันเขาส่วนใหญ่มี ลักษณะเป็ นแบบครอบครัวขยาย บางหลังคาเรือนอยู่รวมกันถึง 20 ครอบครัว แต่ละครอบครัวอาจจะมีความสมั พนั ธ์ทางเครือญาติหรือไม่ก็ ได้
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง • ศาสนา ความเชื่อ และพิธีกรรม : ชนเผ่าปะหล่องมีวิถีชีวิต ปราศจากอบายมุข ยึดถือ คติธรรม คาสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่องครัด ทุกหมู่บา้ นจะมีวดั เป็ น ศูนยก์ ลางทางพระพุทธศาสนาและทุกหลงั คาเรือนจะมีหิ้งพระเพื่อเคารพบชู าชน เผ่าปะหล่องมีความเชื่อในเร่ืองวิญญาณโดยมีเช่ือว่าวิญญาณท่ัวไปจะมีอยู่ 2 ระดับ ได้แก่ ระดับหนึ่ง เรียกว่า “กาบ” เป็ นวิญญาณของสิ่งมีชีวิต และอีกระดับหน่ึง เรียกว่า “กานา” เป็ นวญิ ญาณทส่ี ิงสถิตย์อยู่ในสิ่งทไ่ี ม่มชี ีวิต
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง • พธิ ีกรรม : การทาบุญและประกอบพิธีกรรม ในวันสาคัญทางศาสนาพุทธแล้ว มีพิธี สาคัญท่ีสุดที่ชนเผ่าปะหล่องต้องกระทาทุก ปี คือ การบูชาผีเจ้าที่ โดยจะกระทาปี ละ 2 คร้ัง ในการทาพธิ ีแต่งงานจะมีการเชื้อเชิญผี เจ้าท่ีออกไปรับเครื่องเซ่นบูชาด้วย ชาวบา้ น ทุกหลงั คาเรือนจะตอ้ งมาในพิธีน้ี โดยนาไก่ ต้มสับเป็ นชิ้นๆ นาไปรวมกันท่ีศาลเจ้าท่ี จากน้ัน \"ด่าย่าน\" หรื อผู้นาในการทา พิธีกรรม ก็จะเป็ นผู้บอกกล่าวแก่ผีเจ้าท่ี ต่อไป
ชนเผ่าดาราอ้งั หรือ ปะหล่อง • การแต่งกาย : ผู้หญงิ ชนเผ่าอาข่า เมื่อแต่งตัวครบเคร่ืองน้ันมีความ สวยงามเป็ นอย่างมาก ต้งั แต่ศีรษะ จรดเท้า ส่ วนเครื่องแต่งกายของ ผู้ชายชนเผ่าอาข่า จะไม่เยอะเท่า ของผู้หญิง แต่ก็มีความเฉียบและ เรียบ อาข่าใช้ผา้ ฝ้ายทอเน้ือแน่น ยอ้ มเป็นสีน้าเงินเขม้ เกือบ
ชนเผ่าลซี ู หรือ ลซี อ
ชนเผ่าลซี ู หรือ ลซี อ • ข้อมูลทั่วไป : ชนเผ่าลซี ู (ลซี อ) ลซี ูเป็ นกลุ่มชาติพนั ธ์ุทจ่ี ัดอยู่ในกลุ่มธิ เบต-พม่า ของชนชาติโลโล ถ่ินอยบู่ ริเวณตน้ น้าโขงและแม่น้าสาละวิน อยู่เหนือหุบเขาสาละวินในเขตมณฑลยูนนานตะวนั ตกเฉียงเหนือและ ตอนเหนือของรัฐคะฉ่ิน ประเทศพม่า ชนเผ่าลซี ูเคยมีอาณาจกั ร เป็ นของ ตนเอง แต่ต้องเสียดินแดนให้กบั จนี และกลายเป็ นคนไร้ชาติ
ชนเผ่าลซี ู หรือ ลซี อ • ภาษา : ลีซอ อยู่กลุ่มเดียวกบั มูเซอ และ อ า ข่ า เ รี ย ก ว่ า โ ล โ ล ก ลุ่ ม โ ล โ ล มี ความสัมพันธ์กับภาษาพม่ามีภาษาพูดใน กลุ่มหยี (โลโล) ตระกูลธิเบต-พม่า 30% เป็ นภาษาจีนฮ่อ ไม่มีภาษาเขียนของ ตนเอง แต่สาหรับ ลีซูอที่นับถือเป็ นคริส เตียน ได้ใช้อักษรโรมันมาดัดแปลงเป็ น ภาษาเขียนของชนเผ่า มีลกั ษณะการสืบ ทอดต่อๆ กนั มามากกวา่
ชนเผ่าลซี ู หรือ ลซี อ • ลกั ษณะบ้านแบบคร่อมดิน: ลกั ษณะของบ้านแบบปลูกคร่อมดินน้ัน มักจะปลูกใน พื้นดินที่เรียบเสมอกัน ส่วนวสั ดุการก่อสร้างใชไ้ มไ้ ผ่ ยกเวน้ เสาบา้ นท่ีตอ้ งใช้ ไม้ เน้ือแขง็ เพื่อความตัวบ้านจะไม่มีหน้าต่างมปี ระตูเข้าด้านหน้าด้านเดียว รูปแบบใน การสร้างบ้านของลีซูน้ัน แบบเดียวกับอาข่า เพราะคานึงถึงประโยชนใช้สอย ดงั น้ันการสร้างบ้านในลกั ษณะนีก้ นั ท้ังฝน และลมหนาวได้ดี
ชนเผ่าลซี ู หรือ ลซี อ • การแต่งกาย : ลกั ษณะการแต่งกาย ของชนเผา่ ลีซู (ลีซอ) เทศกาลปี ใหม่เป็ น เ ว ล า ลี ซู จ ะ แ ต่ ง ก า ย กั น อ ย่ า ง เ ต็ ม ท่ี ใ ส่ เคร่ืองประดับเงินจนเต็มยศ สวมเส้ือกกั๊ กามะหยี่ดา ซ่ึงปักปรายไปด้วยดุมเงิน เป็ นสายและดอกดวง ท้งั ดา้ นหน้าและ หลงั ส่วนขอ้ มือท้งั สองสวมกาไลแผ่น กว้าง แต่งด้วยอัญมณี แม้นิ้วก็สวม แหวนเงินไว้
ชนเผ่าม้ง
ชนเผ่าม้ง • ข้อมูลท่ัวไป : ม้ง หมายถึง อสิ ระชน เดิมอาศัยอยู่ในประเทศจีน มง้ มี อยู่ 2 กลุ่มไดแ้ ก่ มง้ น้าเงินและมง้ ขาว ไม่ชอบให้เรียกว่าแม้ว โดยถือว่า เป็ นการดูถูกเหยียดหยาม ประชากรของมง้ ในประเทศไทย มีมากเป็ น อนั ดบั 2 รองจากกะเหร่ียง ต้งั ถิ่นฐานอยตู่ ามภูเขาสูง หรือที่ราบเชิงเขา
ชนเผ่าม้ง • ภาษา : ภาษามง้ จดั อยใู่ นสาขาเม้ียว-เยา้ ไม่มภี าษาเขยี นแต่ยืมตัวอกั ษร ภาษาโรมัน มาใช้ ม้งไม่มีภาษาท่ีแน่นนอน ส่วนใหญ่มักจะรับภาษาอื่น มาใช้พูดกนั เช่น ภาษาจีนยนู นาน ภาษาลาว ภาษาไทยภาคเหนือ เป็นตน้
ชนเผ่าม้ง • วิถีชิวิต : ในอดีตน้นั มง้ อาศยั อยู่ตามภูเขาอยู่ตามธรรมชาติ มง้ ตอ้ ง ตรากตราทางานหนักอยู่แต่ในไร่เท่าน้นั ทาให้มง้ ไม่มีเวลาที่จะดูแลตวั เอง และครอบครัว ดงั น้นั ชีวิตความเป็ นอยู่ของม้งจึงเป็ นแบบเรียบง่าย เพราะ คลุกคลีกับธรรมชาติเป็ นส่วนใหญ่เท่าน้ัน ชีวิตประจาวันของม้งคือ จะทาไร่ ทาสวน และหารายได้เลก็ น้อยเพื่อจุนเจือครอบครัว ส่วนเร่ืองอาหารกจ็ ะเป็น เรื่องเรียบง่าย
ชนเผ่าม้ง • ลักษณะบ้านเรือน : ชนเผ่าม้ง นิยมสร้างบ้านอยู่บนภูเขาสูง การคมนาคม พอท่ีจะเขา้ ไปถึงได้ หมู่บ้านม้งจะประกอบด้วยกลุ่มเรือนหลายๆ หย่อม แต่ละ หย่อมจะมีบ้านราวๆ 7-8 หลงั คาเรือน โดยทีม่ ีเรือนใหญ่ของคนสาคัญอยู่ตรง กลาง ส่วนเรือนท่ีเป็นเรือนเล็กจะเป็นลูกบา้ นหรือลูกหลาน ส่วนแต่ละหยอ่ ม น้นั จะหมายถึงตระกลู เดียวกนั หรือเป็นญาติพนี่ อ้ งกนั นน่ั เอง
ชนเผ่าม้ง • ศาสนา ความเชื่อ และพธิ ีกรรม : ชาวมง้ มีการนบั ถือวิญญาณ บรรพ บุรุษ ส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิเก่ียวกับธรรมชาติส่ิงแวดลอ้ มท่ีอยู่บนฟ้า ในลาน้า ประจาตน้ ไม้ ภูเขา ไร่นา ฯลฯ ชาวมง้ จะตอ้ งเซ่นสงั เวยสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิต่างๆ เหล่าน้ีปี ละคร้ัง
ชนเผ่าม้ง • การแต่งกาย : ชาย ตวั เส้ือจะเป็นผา้ กามะหยี่ เส้ือแขนยาวจรดขอ้ มือ ชายเส้ือจะยาวคลุมเอว ดา้ นหนา้ มีสาบเส้ือสองขา้ งลงมาตลอดแนว สาย เส้ือลงไปยงั ชายเส้ือ ดา้ นหลงั มกั จะปักลวดลาย สวยงาม • หญิง: ตวั เส้ือจะเป็นผา้ กามะหยี่ เส้ืออาจจะเป็ น สีน้าเงินเขม้ หรือดา เป็ นเส้ือแขนยาว ซ่ึงท่ีปลาย แขนน้ีมีการปักลวดลายใส่ดา้ นหน้ามีสาบเส้ือ สองขา้ งลงมา และมีการปักลวดลายใส่ดว้ ย การ แต่งกายของหญิงมง้ ขาว (มง้ เด๊อะ) เดิมจะสวม ก ร ะ โ ป ร ง จี บ ร อ บ ตัว สี ข า ว ล้ว น ไ ม่ มี ก า ร ปั ก ลวดลายใดๆ
ชนเผ่าเมี่ยน หรือ เย้า
ชนเผ่าเมี่ยน หรือ เย้า • ข้อมูลท่ัวไป : เมี่ยน หรือ เยา้ ชาวเมี่ยน (เยา้ ) ถ่ินฐานเดิมอยใู่ นประเทศ จีนแถบแม่น้าแยงซี “เมี่ยน” เป็นช่ือที่ทางราชการต้งั ให้ หรือบางคร้ังจะ เรียกว่า “อิ้วเมี่ยน” แปลว่า มนุษย์ ไดร้ ับการจดั ให้อยู่ในเช้ือชาติ มองโกลอยด์ คือ อยใู่ นตระกูลจีนธิเบต บรรพชนไดต้ ้งั ถ่ินฐานอยูท่ ี่ราบ แถบแม่น้าแยงซี
ชนเผ่าเม่ยี น หรือ เย้า • ภาษา : ภาษาของเม่ียนจดั อยใู่ นภาษาตระกุลจีนธิเบต สาขาแมว้ -เยา้ ภาษาพูดของเมี่ยนพัฒนาจากกลุ่มภาษาหน่ึงของชาวหมาน และ แพร่กระจายไปสู่เขตต่างๆ ตามทอ้ งถ่ินท่ีมีชาวเมี่ยน
ชนเผ่าเม่ยี น หรือ เย้า • วถิ ีชีวิต และลักษณะบ้านเรือน : วิถีชิวิตดา้ นการละเล่นไมโ้ กงกาง (ม่า เกะเฮา้ )โครงสร้างทางสังคมชุมชนของเมี่ยนในอดีตน้นั พ่ึงตนเองค่อนขา้ งสูง ท้งั ในดา้ นการดารงชีวิต และการจดั การภายในชุมชน จะมีตาแหน่งฝ่ ายต่างๆ ท่ีมีความสาคญั และเอ้ือต่อการจดั การในชุมชน ครอบครัวของเม่ียนเป็ นคร อบครัวที่ขยาย มีสมาชิกในครอบครัวมาก เพราะถือว่าเป็ นแรงงานสาคญั หวั หนา้ ครอบครัว คือ ผชู้ ายอาวโุ สสูงสุด
ชนเผ่าเมย่ี น หรือ เย้า • ลักษณะบ้านเรือน : ชาวเมี่ยนนิยมสร้างบา้ นที่สูงกว่าระดบั น้าทะเล ประมาณ 1,000-1,500 เมตร ปัจจุบนั ชาวเม่ียนบางกลุ่มอาศยั อยู่ พ้ืนที่ราบ ท้งั น้ีข้ึนอยู่กบั ความสะดวกในการประกอบอาชีพ และการ ปกครองของทางราชการ บา้ นของเม่ียนมกั หันหลงั สู่เนินเขา หากอยพู่ ้ืน ราบมกั หนั หนา้ ออกสู่ถนน ผงั บา้ นเป็นรูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ปลูกคร่อมดินมี หอ้ งนอนแบ่งแยกยอ่ ยเป็นหลายๆ หอ้ ง ภายในบา้ น
ชนเผ่าเม่ยี น หรือ เย้า • ศาสนา ความเช่ือ และพิธีกรรม : ชาวเม่ียนส่วนใหญ่จะนับถือเทพยดา วญิ ญาณบรรพบุรุษ และวิญญาณทว่ั ไป ทุกบา้ นจะมีหิ้งบูชา เป็นท่ีสิงสถิตของ วิญญาณบรรพบุรุษ และมีความเชื่อในเรื่องที่อยู่เหนือธรรมชาติ และส่ิง ศกั ด์ิสิทธ์ิ ตลอดจนการนบั วนั เดือนปี ส่ิงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ชีวิตประจาวนั โชค ลางและการทานาย
ชนเผ่าเม่ยี น หรือ เย้า • การแต่งกาย : ชาวเม่ียนมีชื่อเสียงในเร่ืองการตีเคร่ืองเงิน ท้งั น้ีเพราะ เมี่ยนนิยมใช้เคร่ืองประดบั ที่เป็ นเงินเช่นเดียวกบั ชาวชนเผ่ากลุ่มอ่ืนๆ และรูปแบบเครื่องประดับแต่ล่ะชิ้น เป็ นงานฝี มือปราณีต เมื่อมีงาน ประเพณีผหู้ ญิงเมี่ยนจะประดบั เครื่องเงินกนั อยา่ งเตม็ ท่ี
ชนเผ่าคะฉ่ิน หรือ จิมเผาะ
ชนเผ่าคะฉิ่น หรือ จมิ เผาะ • ข้อมูลท่ัวไป : ชนเผา่ คะฉ่ิน หรือ จิมเผาะ คะฉ่ิน เรียกตนเองว่า “จิงปอ” หรือ “จ่ิง เผาะ” อพยพจากรัฐฉานประเทศพม่าเขา้ มาทางดอยลาง อาเภอแม่อาย จงั หวดั เชียงใหม่ ไปอยทู่ ่ีดอยวาวี อาเภอแมส่ รวย จงั หวดั เชียงราย แลว้ อพยเชียงพมาอยทู่ ี่บา้ น ใหม่หมอกจ๋าม อาเภอแม่อาย บา้ นใหม่พฒั นา อาเภอดาว จงั หวดั เชียงใหม่ คะฉ่ินมีค วามใกลช้ ิดกบั ไทใหญ่ ลีซอ มูเซอ และอีกอ้ เน่ืองจากอยู่ในกลุ่มตระกลู ภาษาทิเบต- พม่าเช่นเดียวกนั แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มไดแ้ ก่ จิมเผาะ, แหม่ลู่, ระวาง, แหล่ชี, อ่าจย,ี หล่ีซู, และหง่อชาง ซ่ึงมีภาษาและวฒั นธรรมที่คลา้ ยกนั
ชนเผ่าคะฉิ่น หรือ จิมเผาะ • ภาษา : ชนเผา่ คะฉ่ินจะใชภ้ าษาพูดแบบเดียวกนั กบั ชนเผา่ อาข่า หรือ อีกอ้ เนื่องจากจดั อยใู่ นกลุ่มภาษาสาจา ยิ (โลโล) ของตระกูลพม่า-ธิเบต เช่นเดียวกนั มีภาษาพดู แต่ไม่มีภาษาเขียน
ชนเผ่าคะฉิ่น หรือ จมิ เผาะ • วถิ ชี ีวติ และลกั ษณะบ้านเรือน : วิถีชีวิตดา้ นอาชีพวิถีชีวิตดา้ นครอบครัวของ ชนเผ่าคะฉิ่นน้นั ส่วนมากเป็ นครอบครัวขนาดกลาง มีการอาศยั อยู่ประมาณ สิบคนต่อหน่ึงครอบครัว มีผชู้ ายเป็นหวั หนา้ ครอบครัว เมื่อลกู ชายโตข้ึน และ ไดค้ ู่ครองแลว้ ก็จะไปสร้างครอบครัวใหม่อีกหลงั หน่ึง ส่วนเรื่องอานาจใน การตดั สินใจเรื่องราวต่างๆ ในครอบครัวของชนเผ่าคะฉ่ินน้ัน ผูช้ ายจะมี อานาจในการตดั สินใจมากกวา่ ผหู้ ญิง
ชนเผ่าคะฉิ่น หรือ จมิ เผาะ • วถิ ชี ีวติ ด้านอาชีพ : แต่เดิมมีอาชีพทาไร่ทาสวน ปลูกขา้ ว ขา้ วโพด ถวั่ ดิน ถว่ั แดง งา ฟักทอง ตอนน้ีมีผลไมใ้ หม่ที่ชาวบา้ นนิยมปลูก คือ เสาวรส มะม่วง อะวาคาโด โดยมีรายไดห้ ลกั มาจากการปลูกขา้ วโพด ถว่ั ดิน ถว่ั ดา ส่วนรายได้ รองกไ็ ดม้ าจากการรับจา้ งทวั่ ไปหรือทอผา้ เยบ็ ผา้ ขาย เป็นตน้
ชนเผ่าคะฉ่ิน หรือ จิมเผาะ • ลกั ษณะบ้านเรือน : คะฉิ่นนิยมสร้างบา้ นแบบยกพ้ืนสูงข้ึน มีหอ้ งนอนหลาย ห้อง หลงั คามุงดว้ ยหญา้ คา ฝาบา้ นทาดว้ ยไมไ้ ผ่ มีสองประตู คือ ประตูหน้า บา้ นและประตูหลงั บา้ น มีหิ้งบูชาอยู่ที่ขา้ งหน้าห้องทางเขา้ หิ้งบูชาเป็ นสิ่ง ศกั ด์ิที่ชนเผ่าคะฉ่ินนับถือและให้ความเคารพ ห้ามทาการจบั ตอ้ งหรือล่วง ละเมิดเดด็ ขาด
ชนเผ่าคะฉิ่น หรือ จมิ เผาะ • ศาสนา ความเช่ือ และพธิ ีกรรม : ศาสนาสถานท่ีสาคญั ของชนเผ่าคะฉ่ิน เรียกว่า มะหน่าว เป็นสถานท่ีท่ีเปรียบเสมือนศูนยร์ วมดา้ นจิตใจรวมตวั ของ คนในหมู่บา้ น เป็นสถานที่ท่ีใชส้ าหรับการเตน้ ราในพิธีเฉลมิ ฉลองต่างๆ เดิม ทีชนเผ่าคะฉิ่นนับถือผีบรรพบุรุษ ผีเจา้ ท่ี ต่อมาหลงั จากท่ีเปลี่ยนมานับถือ คริสตศ์ าสนาแลว้ ชาวคะฉิ่นไดเ้ ปล่ียนมาประกอบพิธีกรรมท่ีโบสถแ์ ทนศาล เจา้ ที่
ธรรมชาตสิ รา้ งสรรค์
ธรรมชาตสิ รา้ งสรรค์ (ภาคเหนือ) • ลกั ษณะธรรมชาตสิ รา้ งสรรคแ์ หลง่ ทอ่ งเทีย่ วทางภาคเหนือ ภาคเหนือมีพ้ ืนท่ีรอ้ ยละ 80 เป็ นเทือกเขาและทิวเขาทาใหม้ ี ความหลากหลายทางชีวภาพและโครงสรา้ งทางธรณีที่ซบั ซอ้ นทา ใหเ้ กิดทวิ ทศั นท์ ่ีสวยงามหลากหลายรูปแบบและเป็ นอีกหนึ่งพ้ ืนที่ ท่องเทย่ี วทสี่ าคญั ของประเทศ
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) 1. โครงสรา้ งทางธรณีท่ีซบั ซอ้ นและหลากหลาย ภาคเหนือถือว่าเป็ นภาคที่มีความซับซอ้ นทาง ธรณีวิทยาที่พจิ ารณาไดจ้ ากโครงสรา้ งท่ีโก่ง โคง้ งอเป็ น สนั เขาและหุบเขาภายใตแ้ ผ่นเปลือกโลกท่ีโก่ง โค้ง งอ มีรอยแตกแยก
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) 2. ภมู ิประเทศเป็ นสนั เขาและหุบ เขา ภูมิประเทศที่สาคัญคือเป็ น เทือกเขาที่เป็ นสันวางตัวในแนว เหนือ-ใต้ ทาให้ภาพลักษณ์ภูมิ ประเทศไดช้ ่ือว่าเป็ น แผน่ ดินแห่ง สั น เ ข า แ ล ะ หุ บ เ ข า ใ ช้เ ป็ น คุณสมบัติของแหล่งท่องเท่ียวได้ เช่น ยอดเขาสูง สันเขา หน้าผา ชะงอ่ นผา น้าตก น้าพรุ อ้ น รอ่ งน้า
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) 3. ความตา่ งระดบั ของพ้ นื ที่ซึ่งเป็ นท่ีสูง ผลจากการมีภูมิประเทศที่ซับซอ้ นหลากหลายจึง มีจุดสูงสุดของประเทศอยู่ในพ้ ืนที่คุณสมบัติของพ้ ืนท่ี สูงเป็ นคุณสมบัติเฉพาะของบางพ้ ืนท่ี เช่น ดอยอิน ทนนท์ ดอยอา่ งขาง ดอยแม่สลอง ภชู ้ ีฟ้า
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) 4. ภูมิอากาศท่ีมีคณุ สมบตั ขิ องอณุ หภูมิท่ีเยน็ บางจดุ ในภาคเหนือสามารถตอบสนองความตอ้ งการ ของนกั ทอ่ งเที่ยวไดใ้ นเรืองของอณุ หภูมิ ซ่ึงไดแ้ ก่ยอดดอย ที่มีระดบั สูงตา่ งๆ
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) 5. พชื พรรณธรรมชาตทิ ี่หลากหลาย ผลจากภูมิประเทศและภูมิอากาศทาใหภ้ าคเหนือถูก ปกคลุมไปดว้ ยพืชพรรณนานาชนิดมากมาย เช่น ป่ าดิบ ช้ ืน ป่ าดบิ แลง้ ป่ าดบิ เขา ฯลฯ
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) 6. แอ่งระหว่างหุบเขาที่อดุ มสมบูรณ์ ทร่ี าบภาคเหนือมีภเู ขาสูงลอ้ มรอบมีขอบเขตทเ่ี ดน่ ชดั เป็ น ผลใหม้ ีตะกอนแรธ่ าตทุ ่ีผุสลายมาทบั ถมอยา่ งตอ่ เนื่องทาให้ ดนิ มีความอุดมสมบูรณส์ ่งผลใหม้ ีภมู ิทศั นข์ องพชื ผลท่เี จริญ งอกงามและมีคณุ สมบตั เิ ดน่ แปลกและหลากหลาย
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคเหนือ) ในส่วนของระบบธรรมชาติ ดอย มีความสาคญั ในสว่ นของ การเป็ นสถานที่ซ่ึงมีคุณสมบตั ิท่ีเป็ นที่สูงขนาดใหญ่เป็ นแหล่งตน้ น้าปกคลมุ ดว้ ยป่ าไมม้ ีความหนาวเยน็
ธรรมชาตสิ รา้ งสรรค์ (ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ) พ้ ืนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความเป็ นเอกลักษณ์คือ เป็ นแผน่ ดินหินทราย มีภูมิอากาศทม่ี ีช่วงฤดแู ลง้ ท่ียาวนานกว่า ฤดฝู นพชื พรรณสว่ นใหญเ่ ป็ นป่ า เตง็ รงั แหลง่ ทอ่ งเที่ยวสวนใหญ่ จงึ มีภมู ิลกั ษณข์ องหินทรายเป็ นส่วนใหญ่
องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคธ์ รรมชาติ (ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ) • สณั ฐานหินทรายกบั แหลง่ ทอ่ งเท่ียว 1. ภูเขายอดตดั หรือภูเขายอดราบ เป็ นภูเขาทมี่ ีเอกลกั ษณม์ ีอยู่ 2 แบบคือ ภูเขายอดราบคลา้ ยโตะ๊ และ ภูเขายอดราบคลา้ ยมีด อีโต้
องคป์ ระธกรอรบมใชนกาาตรสิ รา้า้ งงสสรรครธ์คร์รมชาติ (ภ(าภคาคตตะะววนั นั อออกกเเฉฉียียงเงหเนหือน)ือ) 2. อนุสณั ฐานหินทราย อนุสณั ฐานหินทรายเกิดข้ ึนโดยการกระทาของตวั การทาที่อยู่บน ผิวโลก เช่น อุณหภูมิ ความช้ ืน เม็ดฝน น้าคา้ ง น้าใตด้ ิน ทาใหเ้ กิด การเซาะก่อน จนทาใหเ้ กิดลกั ษณะ ของโขดหิน หน่อหินทราย ป่ ุม หิน
ธรรมชาตสิ รา้ งสรรค์ (ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ) สรุปไดว้ ่าหินทรายในภาคอีสานมีส่วนผลักดันทาให้มีการ ก่อกาเนิดวัฒนธรรมหินทราย ปริมาณหินทรายท่ีมากมายมีส่วน ทาใหเ้ กิดปราสาทหินกระจายตวั อยูโ่ ดยรอบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337