Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาการดำเนินงานการท่องเทียวเดินป่า

วิชาการดำเนินงานการท่องเทียวเดินป่า

Published by nuengrutaiw, 2021-02-01 08:38:16

Description: วิชาการดำเนินงานการท่องเทียวเดินป่า

Keywords: เดินป่า,การท่องเที่ยว,ท่องเที่ยวเดินป่า

Search

Read the Text Version

ภูมศิ าสตร์การท่องเทย่ี ว แหล่งท่องเทย่ี วทางประวตั ิศาสตร์ • ศาสนสถาน หมายถึง สถานที่ประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนา เช่น โบสถ์ วหิ าร สถูป เจดีย์ เป็ นศาสนสถานทางพระพทุ ธศาสนา มัสยดิ เป็ นศาสน สถานทางศาสนาอสิ ลาม

บุโรพทุ โธ Borobudur หรือ โบโรบูดูร์ บุโรพทุ โธคือสถาปัตยกรรมท่ีสาคญั อกี แห่งหนึ่งของศาสนาพทุ ธลทั ธิมหานยาน เป็ นพุทธศาสนาท่ีเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก กษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทราแห่งชวา เป็ นผู้กาหนดให้ก่อสร้างขนึ้ ด้วยแรงศรัทธาท่มี ตี ่อพระพทุ ธเจ้า บุโรพทุ โธจงึ เป็ นศูนย์ รวมใจชาวพุทธในชวารวมท้ังชาวเอเชียในซีกโลกตะวันออก และนับเป็ น สถาปัตยกรรมทเ่ี ชิดหน้าชูตาอนิ โดนีเซียมากทสี่ ุดมาทุกยคุ ทุกสมยั

ภูมศิ าสตร์การท่องเทย่ี ว แหล่งท่องเทย่ี วทางประวัติศาสตร์ • พระราชวงั

พระราชวงั ต้องห้าม ประเทศจีน พระราชวงั แห่งนี้ เป็ นเขตหวงห้ามไม่ไห้ประชาชนเข้า แม้ข้าราชการช้ันสูง ยงั ต้องขออนุญาต เป็ นกรณีพิเศษ จึงเรียกพระราชวังนี้ว่า \"พระราชวังต้องห้าม\" จักรพรรดิจะทรงประทับอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ก้ันพระองค์จากโลกภายนอก โดยมี สนมกานัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอด ชีวิต เพื่อความสาราญของถึงแม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว พระราชวงั ต้องห้ามกย็ งั คงเป็ นสัญลกั ษณ์ของประเทศจนี จนถงึ ปัจจุบนั

พระราชวงั ฮาวา มาฮาล ประเทศอนิ เดีย พระราชวังแห่งสายลม 953 หน้าต่าง สุดตระการตา แห่งเมืองชัยปุระ เป็ นงาน สถาปัตกรรมที่มีการออกแบบอย่างละเอียดปราณีต สร้างขึ้นเมื่อปี 1799 มีขนาดใหญ่ อลงั การเป็ นทสี่ ะดุดตาถ้าได้พบเห็น สร้างขึน้ มาจากหินทรายธรรมชาติ และสีของวังแห่ง นีเ้ ป็ นหน่ึงส่ิงทที่ าให้เมืองชัยปรุ ะมีฉายาว่า “เมืองสีชมพ”ู (The Pink City)

ภูมศิ าสตร์การท่องเทยี่ ว แหล่งท่องเทยี่ วทางประวัติศาสตร์

ทชั มาฮาล สถาปัตยกรรมหินอ่อนท่ีสวยที่สุดแห่งหน่ึงของโลก ต้ังอยู่ในสวนริมฝ่ังแม่น้าย มุนา ในเมืองอัครา ถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดบั ลวดลายเคร่ืองเพชร พลอย หิน โมราและเคร่ืองประดบั จากมติ รประเทศ มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน การก่อสร้างกนิ เวลานานถึง 22 ปี ซึ่งสมเดจ็ พระจักรพรรด์ชาห์จาห์ฮาล ทรงสร้าง อนุสาวรีย์ใหญ่ให้เป็ นทีฝ่ ังพระศพพระนางมุมตสั มาฮาล มเหสีท่ที รงรักยง่ิ

‘อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ’ เมืองลสิ บอน โปรตุเกส อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบนี้เป็ นอีกหน่ึงมรดกท่ียืนยันถึงยุครุ่งเรืองที่สุดใน ประวตั ศิ าสตร์ชาตโิ ปรตุเกส เม่ือคร้ังท่ยี งั เป็ นมหาอานาจทางทะเล มีรูปปทรงเป็ นแท่ง คอนกรีตขนาดใหญ่ทมี่ รี ูปลกั ษณ์คล้ายด้านหน้าของเรือสีขาว ต้ังตระหง่านโดดเด่นอยู่ ริมแม่นา้ Tagas บริเวณทางเข้าท่าเรือ เมืองลสิ บอน เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส ผู้ท่ีอยู่เบื้องหลังการก่อสร้างภูมิทัศน์แห่งความทรงจานี้ คือ Cottinelli Telmo สถาปนิกชาวลสิ บอน และ Leopoldo de Almeida ประตมิ ากรชาวลสิ บอนอกี เช่นกนั

ภูมศิ าสตร์การท่องเทย่ี ว แหล่งท่องเทย่ี วทางประวัติศาสตร์ • ส่ิงปลกู สร้างทม่ี คี วามสาคญั

ซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ อาคารนีอ้ ยู่ในรายช่ือของหน่ึงในอาคารท่เี ป็ นงานสถาปัตยกรรมท่ียอดเยยี่ ม ทสี่ ุดของศตวรรษที่ 20 ซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ต้งั อย่บู นซิดนีย์ฮาร์เบอร์ และอย่ใู นรายช่ือ ของสถานท่ที เ่ี ป็ นมรดกโลก ทุก ๆ ปี มผี ้คู นกว่าหน่ึงล้านคนมาชมการแสดงที่น่ี และ อกี หลายล้านคนมาทน่ี ี่เพื่อช่ืนชมอาคาร

ภูมศิ าสตร์การท่องเทยี่ ว แหล่งท่องเท่ยี วทางวฒั นธรรม วถิ ชี ีวติ ท้องถ่นิ

ภูมศิ าสตร์การท่องเทย่ี ว แหล่งท่องเทย่ี วทม่ี นุษย์สร้างขนึ้

ภูมศิ าสตร์การท่องเทย่ี ว กจิ กรรมความสนใจเฉพาะ

ภูมศิ าสตร์การท่องเทย่ี ว เทศกาลงานประเพณี

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเท่ยี ว • ที่ต้งั และลกั ษณะทวั่ ไปของประเทศไทย ประเทศไทยต้ังอยู่บริเวณตอนกลางของ คาบสมุทรอินโดจีนจัดอยู่ในประเทศเขตร้ อน จากท่ีประเทศไทยทาเลท่ีต้ังเป็ นคาบสมุทร จึง ส่ งผลดีต่ อการเพาะปลูกของประเทศตลอดมา และประเทศไทยต้ังอยู่ท่ามกลางดินแดนของ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็ นจุด ยุทธศาสตร์สาคญั แห่งหน่ึงของโลก

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว อาณาเขตตดิ ต่อ • อาณาเขตติดต่อกบั สหภาพพม่า • อาณาเขตตดิ ต่อกบั สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว • อาณาเขตติดต่อกบั ราชอาณาจักรกมั พูชา • อาณาเขตตดิ ต่อกบั มาเลเซีย • อาณาเขตทางทะเล ตดิ ต่อกบั ทะเลท้งั ด้านอ่าว ไทยและด้านทะเลอนั ดามนั

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทย่ี ว ปัจจัยทก่ี ่อให้เกดิ ลกั ษณะภูมิประเทศ • เกดิ จากการผนั แปรของเปลือกโลกเนื่องจากพลงั งานภายใน ทาให้เปลือกโลกถูกบีบอดั ยก ตวั สูงขนึ้ หรือทะเลต่าลงและอกี ประการหนึ่งเกดิ จาก การกระทาของตัวกระทาต่างๆ • การกระทาของมนุษย์กม็ สี ่วนในการทาให้เกดิ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศบางอย่างได้เช่น กนั แต่ มีขอบเขตจากดั กว่าการกระทาตามกระบวนการทางธรรมชาติ

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทย่ี ว • เขตภูมภิ าคทางภูมศิ าสตร์ของประเทศไทยแบ่งออกเป็ น 6 เขตใหญ่ ดงั นี้ 1. เขตภูเขาและหุบเขาภาคเหนือ บริเวณ ที่สูงและภูเขาท้ังหมดในภาคเหนือ ภูมิประเทศบริเวณที่สูงของภาคนี้ มีลักษณะ เป็ นภูเขาและหุบเขาสลับกันเป็ นแนวยาว บริเวณท่ีสูงภาคเหนือนี้ถือว่าเป็ นแหล่งกาเนิดของ แม่นา้ สายสาคญั ของประเทศ

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว 2. เขตทรี่ าบล่มุ ภาคกลาง บริเวณที่ราบตอนกลางและตอนล่างของลุ่มแม่นา้ ท้ังหมดท่ีไหลลงสู่อ่าวไทย จึงทาให้บริเวณแอ่งแผ่นดินที่ต่าถูกทับถมด้วยโคลนตะกอนสูงๆ ขึน้ จนในที่สุด อย่เู หนือระดบั นา้ กลายเป็ นทรี่ าบ ซึ่งเป็ นบริเวณทร่ี าบกว้างขวางทสี่ ุดในประเทศ เขตทร่ี าบภาคกลางอาจแบ่งได้เป็ น 2 บริเวณ 1. บริเวณทร่ี าบลุ่มนา้ ตอนบนและบริเวณขอบที่ ราบตอนล่าง 2. บริเวณทรี่ าบลุ่มนา้ ตอนล่าง

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว 3. เขตเทือกเขาและหุบเขาภาคตะวนั ตก ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็ นทิวเขาและหุบเขาสลับซับซ้อน มีลักษณะเป็ นเทือกเขาและหุบ เขามากกว่าท่ีราบซ่ึงคล้ายกับภาคเหนือ ประชากรในภาคนี้มีไม่มากนักเพราะเป็ นเขตป่ าเขา เป็ น ดนิ แดนท่อี ุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาตหิ ลายประเภทมคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกิจ มีแหล่ง นา้ ที่สมบูรณ์ท่ีเหมาะแก่การทาเกษตรกรรม มีป่ าไม้และสัตว์ป่ านานาชนิด เป็ นแหล่งผลติแร่โลหะและ อโลหะท่ีสาคัญในด้านอุตสาหกรรม รวมท้ังเป็ นแหล่งพลงั งานนา้ มันท่ีนามาพฒั นาและใช้ประโยชน์ได้ อย่างมหาศาล

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทย่ี ว 4. เขตชายฝ่ังตะวนั ออกของอ่าวไทย เป็ นเขตที่มีเนื้อท่ีน้อยที่สุด ภูมิประเทศโดยท่ัวไปจะเป็ นท่ีราบลุ่มแม่น้าและท่ีราบ ชายฝั่งทะเล มีฝนตกชุกและมีป่ าไม้เหมือนภาคใต้และภาคเหนือมีการเพาะปลูกพืชไร่ และการค้ า เหมือนภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนื อ ยังเป็ นแหล่ ง ทรัพยากรธรรมชาติทีส่ าคญั ทางเศรษฐกจิ หลายอย่าง

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว 5. เขตท่รี าบภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ พื้นที่ ส่วนใหญ่เป็ นท่ีราบสูง ลักษณะของพื้นที่เป็ นแอ่งคล้ายจานลาดเอียงไป ทางตะวันออกเฉียงใต้ไปทางบริเวณ แม่น้าโขง แม้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะ เป็ นภาคที่มีพื้นท่ีกว้างใหญ่ท่ีสุด หากทางด้านทรัพยากรธรรมชาติทีสาคัญเป็ น พื้นฐานในการพฒั นาเศรษฐกจิ แล้ว อาจด้อยกว่าภาคอื่นๆ

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทย่ี ว 6. เขตคาบสมุทรภาคใต้ เป็ นพื้นท่ีราบ บริเวณชายฝั่งทะเล และภูเขาท่ีเป็ นแกนหรือสันของคาบสมุทร มี ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศแตกต่างจากภาคอ่ืนๆ อย่างชัดเจน พื้นที่ส่วนใหญ่ ประกอบด้วยเทือกเขา ซ่ึงเป็ นแกนกลางเขตคาบสมุทรท่ีสาคัญ ลักษณะชายฝ่ังทาง ภาคใต้มีลักษณะของพื้นแผ่นดินที่มีการยกตัวสูงขึน้ ด้วยเหตุนี้ชายฝ่ังอ่าวไทยจึงมีที่ ราบชายฝั่ง เป็ นบริเวณกว้างจงึ เป็ นแหล่งเพาะปลูกทีส่ าคญั

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทย่ี ว ลกั ษณะภูมิอากาศของประเทศไทย ปัจจยั ทมี่ ผี ลต่อภูมอิ ากาศของประเทศไทย 1. ทตี่ ้งั ตามแนวละตจิ ูด 2. ความใกล้ไกลจากทะเล 3. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ➢ ความสูงของพืน้ ที่ ➢ การวางตัวของภูเขา ➢ ทศิ ทางของลมประจา

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว • ลมมรสุมทพ่ี ดั ผ่านประเทศไทยมี 2 ชนิด ตามทศิ ทางลมทพี่ ดั มาคือ ➢ ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ ➢ ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว องค์ประกอบของภูมอิ ากาศ 1. อุณหภูมิ อณุ หภูมใิ นประเทศไทยแบ่งออกเป็ น 2 บริเวณอย่างกว้างๆ ตามลักษณะ ภูมิอากาศ คือ ➢ ประเทศไทยตอนบน ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวนั ออก ➢ ประเทศไทยตอนล่าง ได้แก่ ภาคใต้ อณุ หภูมติ ลอดท้ังปี จะไม่เปลยี่ นแปลงมากนัก

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว องค์ประกอบของภูมิอากาศ 2. ปริมาณนา้ ฝน มคี ่อนข้างมาก ส่วนใหญ่มกั เกดิ ในรูปของฝนตกหนักในระยะส้ัน และมกั พบในเวลาเยน็ หรือเช้าตรู่ การพจิ ารณาฝนในประเทศไทยอาจแบ่งออกได้ เป็ น 2 บริเวณ คือ ➢ ประเทศไทยตอนบน ➢ ประเทศไทยตอนล่าง

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศของแหล่งท่องเทยี่ ว องค์ประกอบของภูมิอากาศ 3. ฤดูกาล ประเทศไทยแบ่งฤดูกาลออกเป็ น 3 ฤดู ดงั นี้ ➢ ฤดูฝน เร่ิมต้งั แต่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม มรี ะยะเวลา 5 – 6 เดือน โดย ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ได้พดั ปกคลมุ ประเทศไทยแล้ว ➢ ฤดูหนาว เร่ิม ต้งั แต่กลางเดือนพฤศจกิ ายน ไปจนถึงกลางเดือนกมุ ภาพนั ธ์ มรี ะยะเวลา 3 เดือน ในระยะนีล้ มมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือได้พดั ปกคลุมประเทศไทยทาให้อุณหภูมลิ ดลง ➢ ฤดูร้อน เร่ิมต้งั แต่กลางเดือนภุมภาพนั ธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม มีระยะเวลา 3 เดือน เป็ น ระยะท่ลี มมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนืออ่อนกาลงั ลง

แบบฝึ กหัด 1. ภูมศิ าสตร์ คืออะไร ? 2. องค์ประกอบภูมศิ าสตร์ทางการท่องเทย่ี วมอี ะไรบ้าง ? 3. องค์ประกอบของภูมอิ ากาศของประเทศไทยมีอะไรบ้าง จงอธิบาย ? 4. ลมมรสุมทพี่ ดั ผ่านประเทศไทยมี 2 ชนิดมีอะไรบ้าง ?



สัตว์ป่ าหมายถึง สัตว์ทุกชนิดไม่ว่า สัตว์บก สัตว์น้า สัตว์ปี ก แมลงหรือแมง ซึ่งตามสภาพ ธรรมชาติย่อมเกิดและดารงชีวิต อยู่ในป่ าหรือในน้า และให้ หมายความรวมถึง ไข่ของสัตว์ป่ า เหล่าน้ันทุกชนิดด้วย

ประเภทของสัตว์ป่ า ➢แบ่งสตั วป์ ่ าออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สั ตว์ ป่ าสงวน เป็ นสัตว์ป่ าที่หายากและ ปัจจุบนั มีจานวนน้อยมากบางชนิดสูญพนั ธุ์ ไปแลว้ มีอยู่ 15 ชนิด 2. สัตว์ป่ าคุ้มครอง เป็ นสตั วท์ ้งั ท่ีปกติไม่นิยมใช้ เป็นอาหารและใชเ้ ป็นอาหารท้งั ท่ีไม่ใช่ล่าเพ่ือ การกีฬาและล่าเพ่อื การกีฬา

1. ด้านเศรษฐกิจ ประโยชน์ด้านเศรษฐกจิ ที่ มนุษย์ได้จากสัตว์ป่ าก็ได้แก่การค้าสัตว์ป่ า หรือซากของสัตว์ป่ า รวมถึงรายได้ต่าง ๆ จากการท่องเทยี่ วในการชมสัตว์ด้วย 2. การเป็ นอาหาร มนุษย์ได้ใช้เนื้อของสัตว์ป่ า เป็ นอาหารเป็ นเวลาช้านานแล้ว ซึ่งสัตว์ป่ า หลายชนิดก็ได้พัฒนาจนกระท่ังกลายเป็ น เลี้ยง สัตว์ป่ าหลายชนิดตามธรรมชาติคนก็ ยงั นิยมใช้เนื้อเป็ นอาหารอยู่

3. เครื่ องใช้ เครื่ องประดับ อวัยวะ บางอย่างของสัตว์ป่ าก็ยังใช้ประโยชน์ ได้อีกมากมาย เช่น หนังใช้ทากระเป๋ า รองเท้า เคร่ืองนุ่งห่ม 4. การนันทนาการและด้านจิตใจ นับเป็ นคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของสัตว์ป่ า แต่ไม่สามารถประเมินเป็ นตัวเงินได้ โดยง่าย การท่องเที่ยวชมสัตว์ป่ าใน สวนสัตว์ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษา พนั ธ์ุสัตว์ป่ าและแหล่งสัตว์ป่ าอื่น ๆ

5. ด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และ การแพทย์ สัตว์ป่ านับมีคุณค่าใหญ่ หลวงที่ทาให้ นักวิทยาศาสตร์ นั ก การศึกษาและแพทย์ ประสบผลสาเร็จ ในด้านการค้นคว้าทดลองต่าง ๆ 6. เป็ นตัวควบคุมส่ิงมีชีวิตอ่ืน ๆ สัตว์ ป่ านับได้ว่าเป็ นตัวควบคุมสิ่งมีชีวิตอ่ืน ๆ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ สัตว์ด้วยกนั เอง ทา ให้ผลกระทบต่อคนบรรเทาเบาบางลง ไปไม่มากกน็ ้อย

7. คุ ณ ค่ า ข อ ง สั ต ว์ ป่ า ต่ อ ทรัพยากรธรรมชาตอิ ื่น ๆ สัตว์ป่ ามีผล ต่อทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ไม่น้ อย เช่นเดียวกัน อย่างเช่นทรัพยากรป่ าไม้ สัตว์ป่ า กม็ ีส่วนช่วยหลายอย่าง เช่น การ ผสมเกสร การขบั ถ่ายเมลด็ พนั ธ์ุพืช 8. สัตว์ป่ าช่วยทาลายศัตรูป่ าไม้ ต้นไม้ ในป่ าจะมีศัตรูตามธรรมชาตเิ สมอ ๆ เช่น โรคและแมลงหากมีตัวทาลายสัตว์ป่ า หลายชนิดเป็ นตัวกาจดั แมลงจะกนิ แมลง ทมี่ าทาลายใบ และ ดอก

ทรัพยากรป่ าไม้

ป่ าไม้เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสาคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต เพราะป่ าไม้มปี ระโยชน์ท้งั การเป็ นแหล่งวตั ถุดบิ ของปัจจยั ส่ี คือ อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคสาหรับมนุษย์ และยังมี ประโยชน์ในการรักษาสมดุลของส่ิงแวดล้อม

ประเภทของป่ าไม้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการกระจายของฝน ระยะเวลาที่ฝนตกรวมท้ังปริมาณนา้ ฝนทาให้ป่ าแต่ละแห่งมีความชุ่มชื้น ต่างกนั สามารถจาแนกได้เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ก. ป่ าประเภททไี่ ม่ผลดั ใบ (Evergreen) ข. ป่ าประเภทท่ีผลดั ใบ (Deciduous)

ป่ าประเภทท่ไี ม่ผลดั ใบ (Evergreen) ป่ าประเภทนีม้ องดูเขียว ชอุ่มตลอดปี เน่ืองจากต้นไม้แทบท้ังหมดท่ขี ึน้ อยู่เป็ นประเภทท่ีไม่ผลัด ใบ ป่ าชนิดสาคญั ซึ่งจัดอยู่ในประเภทนีไ้ ด้แก่

1. ป่ าดงดบิ (Tropical Evergreen Forest or Rain Forest) ป่ าดงดิบทม่ี ีอยู่ท่ัวในทุกภาคของประเทศ แต่ท่ีมีมากทส่ี ุด ได้แก่ ภาคใต้และ ภาคตะวันออก ในบริเวณนี้มีฝนตกมากและมีความชื้นมากในท้องที่ภาคอื่น ป่ า ดงดิบมักกระจายอยู่บริเวณท่ีมีความชุ่มชื้นมาก ๆ เช่น ตามหุบเขาริมแม่น้าลา ธาร ห้วย แหล่งน้า และบนภูเขา ซ่ึงสามารถแยกออกเป็ นป่ าดงดิบชนิดต่าง ๆ ดงั นี้ 1.1 ป่ าดบิ ชื้น 1.2 ป่ าดบิ แล้ง 1.2 ป่ าดบิ เขา

2. ป่ าสนเขา (Pine Forest) ป่ าสนเขามักปรากฎอยู่ตามภูเขาสูงส่วนใหญ่เป็ นพื้นท่ีซ่ึงมีความ สูงประมาณ 200-1800 เมตร ขึ้นไปจากระดับน้าทะเล ป่ าสนเขามี ลกั ษณะเป็ นป่ าโปร่ง ชนิดพนั ธ์ุไม้ทส่ี าคญั ของป่ าชนิดนีค้ ือ สนสองใบ และสนสามใบ

ความแตกต่างระหว่าง สน 2 ใบและ สน 3 ใบ



3. ป่ าชายเลน (Mangrove Forest) บางทเี รียกว่า \"ป่ าเลนนา้ เคม็ \" หรือป่ าเลน มตี ้นไม้ขึน้ หนาแน่น แต่ละชนิดมีรากคา้ ยนั และรากหายใจ ป่ าชนิดนีป้ รากฏอยู่ตามทดี่ ินเลน ริมทะเลหรือบริเวณปากนา้ แม่นา้ ใหญ่ ๆ ซ่ึงมนี า้ เค็มท่วมถึง

4. ป่ าพรุหรือป่ าบงึ นา้ จืด (Swamp Forest) ป่ าชนิดนีม้ ักปรากฏในบริเวณที่มีน้าจืดท่วมมาก ๆ ดินระบายนา้ ไม่ดี ป่ าพรุ แบ่งออกได้ 2 ลกั ษณะ ลกั ษณะแรกคือ\"ป่ าพรุเสม็ด หรือ ป่ าเสม็ด\" อกี ลกั ษณะเป็ น ป่ าทมี่ พี นั ธ์ุไม้ต่าง ๆ มากชนิดขึน้ ปะปนกนั

5. ป่ าชายหาด (Beach Forest) เป็ นป่ าโปร่งไม่ผลดั ใบขนึ้ อยู่ตามบริเวณหาดชายทะเล

ตน้ ไมท้ ่ีข้ึนอยใู่ นป่ าประเภทน้ีเป็นจาพวกผลดั ใบแทบท้งั สิ้น ในฤดู ฝนป่ าประเภทนีจ้ ะมองดูเขียวชอุ่มพอถึงฤดูแล้งต้นไม้ ส่วนใหญ่จะพา กันผลัดใบทาให้ป่ ามองดูโปร่งขึ้น และมกั จะเกิดไฟป่ าเผาไหมใ้ บไม้ และตน้ ไมเ้ ลก็ ๆ ป่ าชนิดสาคญั ซ่ึงอยใู่ นประเภทน้ี

1. ป่ าเบญจพรรณ (Mixed Declduous Forest) ป่ าเบญจพรรณมีลักษณะเป็ นป่ าโปร่งและยงั มีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กระจัดกระจายทั่วไปภาคเหนือมกั จะมีไมส้ ักข้ึนปะปน พนั ธุ์ไม้ ชนิดสาคญั ไดแ้ ก่ สกั ประดู่แดง มะคา่ โมง และ ไมไ้ ผ่

2. ป่ าเต็งรัง (Declduous Dipterocarp Forest) ลักษณะท่ัวไปเป็ นป่ าโปร่ง อยู่ในพื้นที่แห้งแล้งดินร่วนปนทราย หรือกรวด ลูกรัง พบอยู่ทั่วไปในท่ีราบและที่ภูเขาทีม่ ีดินตื้นและแห้งแล้งมากตามเนินเขาหรือ ที่ราบดินทรายชนิดพันธ์ุไม้ท่ีสาคัญในป่ าแดง หรือป่ าเต็งรัง ส่วนไม้พืน้ ล่างที่พบ มาก ได้แก่ มะพร้าวเต่า ปรงและหญ้าชนิดอื่น ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook