Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเล่มเอกสารประกอบการอบรมพยาบาลพี่เลี้ยง

รวมเล่มเอกสารประกอบการอบรมพยาบาลพี่เลี้ยง

Published by thastri, 2021-05-29 13:07:34

Description: รวมเล่มเอกสารประกอบการอบรมพยาบาลพี่เลี้ยง

Search

Read the Text Version

ทฤษฎกี ารเร การศกึ ษาถงึ กระบวนกา จากพฤตกิ รรมเดมิ ไปเป็ นพฤ เป็ นผลมาจากการฝึกฝนหรอื •การเปลยี่ นแปลงทไ่ี มจ่ ัดวา่ พฤตกิ รรมทเี่ ป็ นการเปลยี่ นแ เปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมทเ่ี นอ่ื

รยี นรู้ คอื ารทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง ฤตกิ รรมใหมท่ คี่ อ่ นขา้ งถาวร อการมปี ระสบการณ์ าเกดิ จากการเรยี นรู ้ ไดแ้ ก่ แปลงชวั่ คราว และการ องมาจากวฒุ ภิ าวะ

ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ (Theo มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การจัดการเรยี นก แนวทางในการกาหนดปรัชญ ประสบการณ์ เนอ่ื งจากทฤษฎ กระบวนการ วธิ กี ารและเงอ่ื น และตรวจสอบวา่ พฤตกิ รรมขอ ไดอ้ ยา่ งไร

ory of Learning) การสอนมาก เพราะจะเป็ น ญาการศกึ ษาและการจัด ฎกี ารเรยี นรเู ้ ป็ นสง่ิ ทอ่ี ธบิ ายถงึ นไขทจี่ ะทาใหเ้ กดิ การเรยี นรู ้ องมนุษย์ มกี ารเปลยี่ นแปลง

ทฤษฎกี ารเ เป็ นการศกึ ษาถงึ กระบว เกดิ ขนึ้ และสถานการณท์ ม่ี ทฤษฎกี ารเรยี นรมู ้ หี ลาย แตกตา่ งกนั ไป

เรยี นรู้ วนการทท่ี าใหก้ ารเรยี นรู ้ มผี ลตอ่ การเรยี นรนู ้ ัน้ ยทฤษฎี ซง่ึ จะมสี มมตฐิ านท่ี

ความหมายของ -การเรยี นรู ้ เป็ นการเปลยี่ ในพฤตกิ รรม อนั เป็ นผล การเสรมิ แรง (Kimble, 1964)

งการเรยี นรู้ ยนแปลงคอ่ นขา้ งถาวร ลมาจากการฝึกทไ่ี ดร้ บั )

แผนภมู กิ ารเร 10% 20% 70% • I hear………..I • I see………….I • I do……………I

รยี นรขู้ องผเู้ รยี น Tell % Show % Do forget (David Kolb,1984) remember I understand





จดุ มงุ่ หมายของก มงุ่ พัฒนาผเู ้ รยี นใน 3 ดา้ น ดงั น้ี (Bloo 1. ดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั (Cognitive Dom ความสามารถทางสมอง ความรู ้ จา คว การสงั เคราะหแ์ ละประเมนิ ผล 2. ดา้ นเจตพสิ ยั (Affective Doma เปลย่ี นแปลงดา้ นความรสู ้ กึ ความสนใ 3. ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor เป็ นความสามารถดา้ นการปฏบิ ตั ิ การก และความชานาญ

การเรยี นรู้ om et al, ) main) คอื ผลของการเรยี นรทู ้ เ่ี ป็ น วามเขา้ ใจ การนาไปใช ้ การวเิ คราะห์ ain ) คอื ผลของการเรยี นรทู ้ ี่ ใจ ทศั นคตแิ ละคา่ นยิ ม r Domain) คอื ผลของการเรยี นรทู ้ ่ี กระทา การปฏบิ ตั งิ าน การมที กั ษะ

องคป์ ระกอบสาคญั ของก 1. แรงขบั (Drive) เป็ นความตอ้ งกา พรอ้ มทจี่ ะเรยี นรขู ้ องบคุ คลทก่ี อ่ ใหเ้ เรยี นรตู ้ อ่ ไป 2. สงิ่ เรา้ (Stimulus) กอ่ นทจ่ี ะเรยี นรู ้ ตอ้ ขวนขวายและใฝ่ ใจทจ่ี ะเรยี นรใู ้ นสง่ิ ทน่ี ่าส 3. การตอบสนอง (Response) เป็ น เมอื่ บคุ คลไดร้ ับการกระตนุ ้ จากสง่ิ เร สามารถสงั เกตเห็นได ้ 4. การเสรมิ แรง (Reinforcement) เป็ นก ใหเ้ กดิ การเชอ่ื มโยง ระหวา่ งสงิ่ เรา้ กบั การ มที งั้ ทางบวกและทางลบ ซง่ึ มผี ลตอ่ การเ

การเรยี นรู้ ารทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในตวั บคุ คล เป็ นความ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าหรอื พฤตกิ รรมทน่ี าไปสกู่ าร องมสี งิ่ เรา้ ทนี่ ่าสนใจ ทาใหบ้ คุ คล สนใจนัน้ นปฏกิ ริ ยิ า หรอื พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกมา รา้ ทงั้ สว่ นทสี่ งั เกตเห็นไดแ้ ละสว่ นทไ่ี ม่ การใหส้ ง่ิ ทม่ี ผี ลในการเพม่ิ พลงั รตอบสนองเพมิ่ ขน้ึ การเสรมิ แรง เรยี นรขู ้ องบคุ คล

กฎการเ • 1. กฎแหง่ ความพรอ้ ม -ความพรอ้ มทางรา่ งกาย วฒุ ภิ าวะและอวยั วะตา่ งๆขอ -ความพรอ้ มทางดา้ นจติ ใ เกดิ จากความพงึ พอใจเป็ นส ยอ่ มนาไปสกู่ ารเรยี นรู ้ ถา้ เก เกดิ การเรยี นรู ้

เรยี นรู้ ย หมายถงึ ความพรอ้ มทาง องรา่ งกาย ใจ หมายถงึ ความพรอ้ มท่ี สาคญั ถา้ เกดิ ความพอใจ กดิ ความไมพ่ อใจจะทาใหไ้ ม่

กฎการ • 2. กฎแหง่ การฝึ กหดั การ การเรยี นรทู ้ นี่ านและคงทน 2.1 กฎแหง่ การใช ้ ( 2.2 กฎแหง่ การไมใ่ ช

รเรยี นรู้ รทาซ้าบอ่ ยๆยอ่ มทาใหเ้ กดิ (Law of Used) ช ้ (Law of Disused)

กฎการเร • 3. กฎแหง่ ผลทไ่ี ดร้ บั (La ถา้ ไดผ้ ลทพี่ งึ พอใจผเู ้ รยี น ดงั นัน้ ถา้ จะทาใหก้ ารเช ตอบสนองมัน่ คงถาวร ตอ้ ง พอใจทงั้ นขี้ นึ้ อยกู่ บั ความพ

รยี นรู้ aw of Affect) นจะอยากเรยี นรอู ้ กี ชอื่ มโยงระหวา่ งสง่ิ เรา้ กบั การ งทาใหผ้ เู ้ รยี นไดร้ ับผลทพ่ี งึ พงึ พอใจของแตล่ ะคน

กระบวนการ เรยี 1.สงิ่ เรา้ 2.ประสาทส 5.ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง

ยนรู้ 5 ขน้ั ตอน สมั ผสั 3.การรบั รู้ 4.ความคดิ รวบยอด

การแบง่ กลมุ่ ทฤษฎกี แบง่ ออกเป็ น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1. ทฤษฎเี ชอื่ มโยงความ การตอบสนอง 1.1 ทฤษฎกี ารเรยี นรตู้ อ่ เน “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการลองผดิ ลอง “การเรยี นรเู ้ กดิ จากความสมั พันธร์ ะ

การเรยี นรู้ มสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ เรา้ และ นอ่ื งของธรอนไดร์ งถกู ” ะหวา่ งสงิ่ เรา้ และการตอบสนอง”

(ตอ่ ) 1.2 ทฤษฎกี ารเชอื่ มโยงข “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการกระท “การเรยี นรคู ้ วรเกดิ จากการจงู 1.3 ทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ อง “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการเสรมิ แ การเสรมิ แรงทางรา่ งกายและ

ของกทั ธรี ทา” งใจมากกวา่ การเสรมิ แรง” งฮลั ล์ แรงมากกวา่ การจงู ใจ ซง่ึ ไดแ้ ก่ ะจติ ใจ”

2. ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไข 2.1 ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบ พาฟลอฟ = “การเรยี นรขู ้ องสงิ่ มชี วตั สนั = “การเกดิ อารมณ์จาก 2.2 ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบ สกนิ เนอร์ = “การเรยี นรเู ้ กดิ จากก การเสรมิ แรง”

บคลาสสคิ ของพาฟลอฟและวตั สนั ชวี ติ เกดิ จากการวางเงอื่ นไข” กการวางเงอื่ นไข” บการกระทา การทบี่ คุ คลไดม้ กี ารกระทาแลว้ ไดร้ บั

3. ทฤษฎสี นามหรอื กลมุ่ เก 3.1 ทฤษฎสี นาม โคหเ์ ลอรแ์ ละเ โดยสว่ นรวมกอ่ นแลว้ จะแยกเป็ นสว่ น ทสี่ ดุ เห็นชอ่ งทางทาใหเ้ กดิ การหยง่ั 3.2 ทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ องเลวนิ จากความรเู ้ ดมิ โดยการจงู ใจทาใหเ้ 3.3 ทฤษฎกี ารเรยี นรเู้ ครอื่ งหมา การทบี่ คุ คลตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ โดย เป้าหมายทาใหเ้ กดิ การเรยี นรดู ้ ว้ ยค

กสตลั ท์ (Gestalt) เลวนิ “การเรยี นรจู ้ ะพจิ ารณาสง่ิ เรา้ นยอ่ ยเพอ่ื หาความสมั พันธจ์ นใน งเห็น” “การเรยี นรเู ้ กดิ จากการเปลย่ี นแปลง เกดิ ความรอู ้ ยา่ งแจม่ แจง้ ” ายของทอลแมน “การเรยี นรเู ้ กดิ จาก ยใชเ้ ครอ่ื งหมายหรอื สญั ลกั ษณน์ าไปสู่ ความเขา้ ใจ”

ทอลแมน “การเสรมิ แรงหร การเสรมิ แรงทงั้ ทางบวกแล ไมจ่ าเป็ นเสมอไปทจี่ ะตอ้ งใ เรยี นร”ู ้ ประสบการณท์ ส่ี รา้ งความ ใหเ้ กดิ การเรยี นรเู ้ ปรยี บเสม

รอื รางวัลนัน้ ไมม่ คี วามจาเป็ น ละทางลบมผี ลตอ่ การเรยี นรแู ้ ต่ ใหร้ างวลั ผเู ้ รยี นเพอ่ื ใหเ้ กดิ การ มพอใจและไมพ่ งึ พอใจเป็ นตวั เรง่ มอื นรางวลั และลงโทษในตัวมันเอง

การนาทฤษฎกี ารเรย ในการเรยี นการ ทฤษฎกี ารเรยี นรแู ้ บบตอ่ เนอื่ ง การสอน 1.ผสู ้ อนจะตอ้ งเตรยี มตวั ใหพ้ ร 2.ผสู ้ อนมอบหมายงาน กจิ กรร ใหค้ ดิ เป็ น ทาเป็ น และแกป้ ัญหาเป 3.ผสู ้ อนใชห้ ลกั การใหร้ างวลั แ ทาชว่ั ไดช้ วั่

ยี นรไู้ ปใช้ รสอน งของธรอนไดร์ นาไปใชใ้ นการเรยี น รอ้ มกระตนุ ้ ใหผ้ เู ้ รยี นพรอ้ มทจี่ ะเรยี น รม แบบฝึกหดั และการบา้ น เพอ่ื ฝึก ป็ น และการลงโทษ เพอื่ ใหร้ วู ้ า่ ทาดไี ดด้ ี

ทฤษฎกี ารเชอ่ื มโยงของกทั ธ 1.ผสู ้ อนตอ้ งจงู ใจใหผ้ เู ้ รยี น 2.ผสู ้ อนดาเนนิ การสอนตา เรยี นรู ้ 3.ผสู ้ อนฝึกใหผ้ เู ้ รยี นไดเ้ รยี 4.กอ่ นจบบทเรยี นควรใหผ้ ถกู ตอ้ ง

ธรี นาไปใชใ้ นการเรยี นการสอน นสนใจทจี่ ะเรยี น ามเนอื้ หาสาระเพอ่ื ใหเ้ กดิ การ ยนรดู ้ ว้ ยการกระทา ผเู ้ รยี นชว่ ยกนั สรปุ บทเรยี นให ้

ทฤษฎกี ารเรยี นรขู ้ องฮลั ล์ นาไ 1.ผสู ้ อนพยายามจัดการศกึ ผเู ้ รยี น 2.ผสู ้ อนพยายามเสรมิ แรงท 3.ผสู ้ อนจัดการเรยี นการสอน 4.ผสู ้ อนจัดชว่ งเวลาเรยี นให 5.ผสู ้ อนเปลย่ี นกจิ กรรมการส งว่ งนอน

ไปใชใ้ นการเรยี นการสอน กษา โดยคานงึ ถงึ ความตอ้ งการของ ทกุ ขนั้ ตอน นจากงา่ ยไปหายาก หพ้ อเหมาะแกว่ ยั ของผเู ้ รยี น สอน เมอ่ื พบวา่ ผเู ้ รยี นออ่ นลา้ หรอื

ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบคลาสส ในการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนสรา้ งบรรยากาศทด่ี ใี นกา 2.ผสู ้ อนวางตวั ใหผ้ เู ้ รยี นศรัทธาแ ไดส้ อน 3.ผสู ้ อนจัดบทเรยี นใหน้ ่าสนใจแ 4.ผสู ้ อนไมใ่ หค้ วามสนใจในพฤต พฤตกิ รรมดงั กลา่ วจะหายไป

สคิ ของพาฟลอฟและวตั สนั นาไปใช ้ ารเรยี นจะเป็ นการวางเงอ่ื นไขทด่ี ี และรกั เพอื่ ผเู ้ รยี นจะรักวชิ าทผี่ สู ้ อน และเกดิ ความสนุกสนาน ตกิ รรมทไ่ี มด่ ขี องผเู ้ รยี นในทส่ี ดุ

(ตอ่ ) 5.ผเู ้ รยี นจัดบทเรยี นใหส้ มั พัน แลว้ 6.ผสู ้ อนใหผ้ เู ้ รยี นไดท้ บทวน ไดเ้ รยี นรเู ้ หมอื นเดมิ 7.ผสู ้ อนใหผ้ เู ้ รยี นรจู ้ ักวธิ กี าร 8.ผสู ้ อนใชท้ ฤษฎกี ารวางเงอ่ื เปลย่ี นทศั นคตทิ ไี่ มด่ ตี อ่ วชิ าตา่

นธก์ บั บทเรยี นทผ่ี เู ้ รยี นไดเ้ รยี นรู ้ นบทเรยี นทไ่ี ดเ้ รยี นรไู ้ ปแลว้ จะ รจาแนกหรอื วเิ คราะห์ อนไขแบบคลาสสกิ มาใชใ้ นการ างๆ

ทฤษฎกี ารวางเงอ่ื นไขแบบการก ในการเรยี นการสอน 1.ผสู ้ อนสรา้ งนสิ ยั ทดี่ ใี หผ้ เู ้ รยี ชวี ติ 2.ผสู ้ อนลบนสิ ยั ทไ่ี มด่ อี อกจา พฤตกิ รรม 3.ผสู ้ อนใหก้ ารเสรมิ แรงแกผ่ เู ้ 4.นามาใชส้ รา้ งบทเรยี นสาเร็จ 5.นามาใชใ้ นการสอนวธิ กี ารพ ฝึ กพดู

กระทาของสกนิ เนอร์ นาไปใช ้ ยนเพอื่ การสรา้ งคณุ ภาพแหง่ ากผเู ้ รยี นโดยวธิ กี ารปรับ เรยี นทก่ี ระทาความดี จรปู พดู เป็ นการใหแ้ รงเสรมิ ในการ

ทฤษฎสี นามของกลมุ่ เกสตลั ท์ 1.ผสู ้ อนชใ้ี หเ้ ห็นวตั ถปุ ระสงค บทเรยี น 2.ผสู ้ อนอธบิ ายใหผ้ เู ้ รยี นเห็น บทเรยี นกอ่ นสอน 3.ผสู ้ อนแนะนากจิ กรรมทผี่ เู ้ ร ความเขา้ ใจ 4.สอนใหผ้ เู ้ รยี นแกป้ ัญหาดว้ ย เป็ น ทาเป็ นและแกป้ ัญหาเป็ น

นาไปใชใ้ นการเรยี นการสอน คห์ รอื ความมงุ่ หมายของ นภาพรวมหรอื โครงสรา้ งของ รยี นควรฝึกปฏบิ ตั เิ พอื่ นาไปสู่ ยตนเองเพอื่ นาไปสกู่ ารคดิ

ทฤษฎกี ารเรยี นรขู ้ องเลวนิ นาไ 1.ผสู ้ อนใชว้ ธิ กี ลมุ่ สมั พันธก์ บั ดว้ ยความเขา้ ใจ 2.ผสู ้ อนมงุ่ เนน้ การสอนแบบ 3.ผสู ้ อนใหผ้ เู ้ รยี นตงั้ เป้าหมา วชิ า แตล่ ะบทเรยี น 4.ผสู ้ อนใชว้ ธิ กี ารจงู ใจเพอื่ ก บทเรยี น 5.ผสู ้ อนฝึกใหผ้ เู ้ รยี นรจู ้ ักแกป เพม่ิ ความยากขนึ้ ตามลาดบั

ไปใชใ้ นการเรยี นการสอน บผเู ้ รยี นจะไดเ้ กดิ การเรยี นรู ้ บใหผ้ เู ้ รยี นเป็ นศนู ยก์ ลาง ายในชวี ติ เป้าหมายในแตล่ ะ กระตนุ ้ ใหผ้ เู ้ รยี นตอบสนองตอ่ ป้ ัญหาในตวั อยา่ งทง่ี า่ ยและ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook