Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือกลุ่มบริหารงานบุคคล

คู่มือกลุ่มบริหารงานบุคคล

Published by singburiprovin, 2020-11-08 12:36:49

Description: คู่มือกลุ่มบริหารงานบุคคล

Search

Read the Text Version

-2- 6. Flow Chart การโอนพนักงานส่วนท้องถ่นิ และขา้ ราชการอืน่ มิใชข่ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา สานกั งานศึกษาธิการจงั หวดั รบั เร่ือง จากสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจงั หวัดตรวจสอบ ขอ้ มลู ตาแหน่งว่าง กศจ. พจิ ารณา ไม่เหน็ ชอบ เห็นชอบ กศจ. กาหนดองค์ประกอบการประเมนิ ตัวช้ีวัด แบบประเมนิ และคะแนนประเมิน กศจ. ประกาศรับโอน ก่อนวนั รับสมคั รไมน่ อ้ ยกว่า 7 วนั กศจ. ตง้ั คณะกรรมการประเมินไมน่ อ้ ยกวา่ 5 คน กศจ. พจิ ารณา ไมอ่ นุมัติ การรับโอน อนมุ ัติ ผู้มอี านาจตามมาตรา 53 สง่ั รับโอน และส่งคาสง่ั ให้ ก.ค.ศ.รับทราบ ส้นิ สุดกระบวนการ คู่มือปฏบิ ัตงิ านสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด กลุ่มบริหารงานบคุ คล หน้า 95

-3- ขอ้ สังเกตในระดบั ปฏิบตั ิ 1. การรบั โอนจะต้องดาเนินการภายหลังจากการย้าย เปล่ียนตาแหน่ง และการบรรจุและแต่งตั้งฯ เสรจ็ สิ้นแลว้ 2. กศจ. ทีป่ ระสงค์จะรับโอนจะตอ้ งทาความตกลงกับผู้มีอานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง่ ตัง้ ของส่วนราชการ หรอื หน่วยงานสงั กัดเดิมของผู้ขอโอน และผขู้ อโอนตอ้ งได้รับการยินยอมให้โอนจากผู้มีอานาจส่ังบรรจุและแต่งต้ัง ของส่วนราชการ หรอื หนว่ ยงานต้นสงั กดั เดิม หรอื คณะกรรมการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น 3. การบรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ตาแหน่งใดต้องไมส่ ูงกวา่ ระดบั เดมิ และได้รับเงนิ เดอื นเทา่ เดมิ และไมส่ งู กวา่ ขนั้ สูงของระดับตาแหน่งทีไ่ ดร้ บั การแตง่ ตัง้ ตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด 4. กรณีการรับโอนมาบรรจุและแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชานาญการ หรือ ชานาญการพิเศษ ให้ดาเนินการประเมินผลงานตามหนังสือสานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันท่ี 15 กนั ยายน 2548 5. การพิจารณารับโอนให้ดารงตาแหน่งประเภทใด สายงานใด ระดับใด ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน การเทียบตาแหนง่ โดยให้คานงึ ถึงความจาเปน็ และประโยชน์ท่ที างราชการจะได้รับ 6. ผทู้ ่ีไดร้ บั คาสั่งรับโอนตอ้ งรายงานตัวเพอ่ื ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีในหน่วยงานการศึกษาที่รับโอน ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ออกคาสั่งรับโอน หากพ้นกาหนดระยะเวลาดังกล่าว ผู้มีอานาจสั่งรับโอนอาจดาเนินการเพื่อยกเลิก การรบั โอนกไ็ ด้ คมู่ อื ปฏิบัตงิ านสำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั กลุม่ บรหิ ารงานบุคคล หนา้ 96

ภาระงานของกลมุ่ อานวยการขอ้ 1 ตามประกาศมอบหมายงาน สป. 1. ชอ่ื กระบวนงาน งานเลื่อนเงนิ เดือนบคุ ลากรทางการศกึ ษาอ่นื ตามมาตรา 38 ค. (2) 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติการเล่ือนอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาแหน่ง บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ให้ได้รับสูงข้ึนจากอัตราเงินเดือนที่ได้รับอยู่เดิมอันเป็นผล จากการปฏิบัตงิ าน 3. ขอบเขตของงาน เป็นการเล่ือนเงินเดือนจากการประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน ตามกฎ ระเบียบ หลกั เกณฑท์ เ่ี ก่ยี วข้อง ดังน้ี 3.1 หนังสือสานกั งาน ก.ค.ศ.ท่ี ศธ 0206.5/ ว 21 ลงวนั ท่ี 17 ธนั วาคม 2552 3.2 หนังสือสานักงาน ก.พ.ท่ี นร 1012/ ว 20 ลงวนั ที่ 3 กนั ยายน 2552 3.3 หนังสือสานกั งาน ก.พ.ท่ี นร 1008/ ว 27 ลงวนั ที่ 29 กันยายน 2552 3.4 หนงั สอื สานกั งาน ก.พ.ด่วนทส่ี ุด ที่ นร 1008.1/ ว 28 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2552 3.5 กฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลอ่ื นเงินเดอื น พ.ศ. 2552 3.6 กฎ ก.พ. วา่ ด้วยการเลื่อนเงินเดอื น (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2556 3.7 การปรับเงินเดอื นเข้าสูบ่ ญั ชีเงนิ เดือนขนั้ ต่าข้นั สงู และการเลือ่ นเงินเดือนของข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ตาแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ตามหนังสือสานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.5/ว 10 ลงวันที่ 26 มถิ ุนายน 2558 3.8 การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนข้ันต่าขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามหนงั สือสานกั งาน ก.พ. ด่วนที่สดุ ท่ี นร 1012.2/ว 6 ลงวนั ที่ 25 พฤษภาคม 2558 3.9 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามหนังสือสานักงาน ก.พ. ด่วนท่ีสุด ที่ นร 1012.2/ว 7 ลงวันท่ี 25 พฤษภาคม 2558 3.10 หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูง ของตาแหน่งที่ได้รับการแต่งต้ัง มาใช้สาหรับตาแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ตามหนงั สือสานกั งาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.5/ว 23 ลงวันท่ี 27 ธันวาคม 2559 3.11 หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูง ของตาแหน่งที่ได้รับการแต่งต้ัง ตามหนังสือสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ท่ี นร 0505/ว 347 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2559 คู่มอื ปฏบิ ัตงิ านสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด กล่มุ บริหารงานบคุ คล หนา้ 97

-2- 4. คาจากัดความ - 5. ข้ันตอนการปฏิบัตงิ าน 5.1 สานกั งานศึกษาธิการจงั หวัดรับเรอื่ งจากสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา 5.2 สานกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวดั ตรวจสอบว่าการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ริ าชการประเมินจากผลการปฏิบัติงาน ได้แก่ ผลสัมฤทธ์ิของงาน พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ/สมรรถนะท่ีเก่ียวข้องกับการปฏิบัติราชการตามท่ี ส่วนราชการกาหนด หรอื ไม่ 5.3 สานกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั นาผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการ ผลการพิจารณาการเลื่อนเงินเดือน และการบรหิ ารวงเงนิ งบประมาณสาหรับการเลอ่ื นเงินเดือนเสนอต่อ กศจ. 5.4 กศจ. พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ 5.5 ผมู้ อี านาจตามมาตรา 53 ส่ังเล่ือนเงนิ เดอื น และสง่ คาสัง่ ให้ ก.ค.ศ. ทราบ ค่มู ือปฏิบัติงานสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวัด กล่มุ บริหารงานบุคคล หนา้ 98

-3- 6. Flow Chart การดาเนินการเลือ่ นอัตราเงนิ เดอื นฯ สานักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวัดรบั เรื่อง จากสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา สานักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด ตรวจสอบผลการปฏิบัตริ าชการ ออกคาสัง่ ต่อไป เสนอผลการพจิ ารณาตอ่ กศจ. ใหท้ บทวน กศจ. พจิ ารณา เห็นชอบ ใหผ้ ้มู ีอำนำจตำมมำตรำ 53 สงั่ เลื่อนเงินเดอื น ออกคาสง่ั ต่อไป สง่ คาสงั่ ให้ ก.ค.ศ. รับทราบ ส้ินสุดกระบวนการ คู่มอื ปฏิบตั ิงานสำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั กลมุ่ บริหารงานบุคคล หนา้ 99

ภาระงานของกลมุ่ อานวยการข้อ 1 ตามประกาศมอบหมายงาน สป. 1. ช่อื กระบวนงาน งานคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษาอ่ืนตามมาตรา 38 ค. (2) ในสายงานนิติการให้ได้รับเงิน เพ่ิมพเิ ศษสาหรับตาแหน่งทีม่ เี หตพุ เิ ศษ ตาแหนง่ นติ กิ ร 2. วตั ถุประสงค์ เพอ่ื เปน็ แนวปฏิบตั ใิ นการคัดเลอื กบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ในสายงานนิติการ ให้ได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งท่ีมีเหตุพิเศษ ตาแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) ตามหนังสือสานักงาน ก.ค.ศ. ด่วนท่ีสุด ท่ี ศธ 0206.5/ว 10 ลงวนั ที่ 30 ธันวาคม 2553 และ ที่ ศธ 0206.5/ว 11 ลงวนั ที่ 26 มถิ ุนายน 2558 3. ขอบเขตของงาน เป็นการคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษา ผู้ดารงตาแหน่งประเภทวิชาการ ในสายงานนิติการ ตาแหนง่ นิติกร ซ่งึ มีคณุ สมบตั ิอยู่ในหลกั เกณฑ์และเง่ือนไข เป็นผู้ดารงตาแหน่งที่มีเหตุพิเศษ เพ่ือให้ได้รับเงินเพิ่มพิเศษ สาหรับตาแหน่งที่มเี หตุพิเศษ (พ.ต.ก.) 4. คาจากดั ความ - 5. ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิงาน 5.1 สานักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั รบั เรือ่ งจากสานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษา 5.2 สานักงานศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคล จากการอบรมหลักสูตรการพัฒนา นักกฎหมายภาครัฐหรือหลักสูตรอ่ืนท่ีเทียบเท่า ตามหนังสือสานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.5/ว 17 ลงวันท่ี 30 พฤษภาคม 2555 ระยะเวลาปฏิบัติงานด้านกฎหมาย และสัดส่วนการปฏิบัติงานด้านกฎหมาย เพื่อเสนอ กศจ. ใหค้ วามเหน็ ชอบ 5.3 กศจ. พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบคาขอรบั การคัดเลอื กเพ่ือให้ได้รับ พ.ต.ก. เพื่อเสนอส่วนราชการและ ก.ค.ศ. ดาเนินการตอ่ ไป 5.4 กศจ. รบั ทราบผลการพิจารณาคดั เลือกบุคคลเพื่อใหไ้ ดร้ บั พ.ต.ก. 5.5 ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 สั่งให้ผู้ดารงตาแหน่งนิติกรที่ผ่านการคัดเลือกฯ ได้รับ พ.ต.ก. ในแต่ละระดับ ตาแหนง่ และสง่ คาส่ังให้ ก.ค.ศ. รับทราบ ค่มู อื ปฏบิ ัตงิ านสำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวดั กลุม่ บริหารงานบุคคล หนา้ 100

-2- 6. Flow Chart การให้ไดร้ ับเงินเพิม่ พิเศษสาหรับตาแหนง่ ท่ีมเี หตุพเิ ศษ ตาแหนง่ นิตกิ ร สานกั งานศกึ ษาธิการจังหวัดรบั เร่อื ง จากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ตรวจสอบคุณสมบตั ิ เสนอ กศจ. ไมเ่ ห็นชอบ กศจ.พจิ ารณาให้ ความเหน็ ชอบคาขอ ขอ เห็นชอบ สพท. นาเสนอส่วนราชการ ก.ค.ศ พจิ ารณา นาเสนอ กศจ. เพ่อื ทราบ ผมู้ อี านาจตามมาตรา 53 สัง่ ให้ได้รับเงิน พ.ต.ก. กรณที ี่ ก.ค.ศ. มมี ติอนุมัติ ส่งคาสง่ั ให้ ก.ค.ศ. รบั ทราบ สิน้ สุดกระบวนการ คู่มือปฏบิ ตั งิ านสำนักงานศึกษาธิการจงั หวัด กล่มุ บรหิ ารงานบคุ คล หน้า 101

ภาระงานของกลุ่มอานวยการข้อ 1 ตามประกาศมอบหมายงาน สป. 1. ช่อื กระบวนงาน งานสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาแหน่งบคุ ลากรทางการศกึ ษาอนื่ ตามมาตรา 38 ค. (2) 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ เป็นแนวปฏิบัติสาหรับการสอบแข่งขันและการนารายช่ือผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่งไปขึ้น บัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น และการยกเลิกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ตามหนังสือสานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.5/ว 27 ลงวันที่ 8 พฤศจกิ ายน 2555 และที่ ศธ 0206.5/ว 4 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2559 3. ขอบเขตของงาน สาหรับการสอบแข่งขัน และการนารายช่ือผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหน่ึงไปขึ้นบัญชีเป็น ผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น ตาแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ตาแหน่งประเภททั่วไป และ ประเภทวิชาการ 4. คาจากัดความ - 5. ขั้นตอนการปฏิบัตงิ าน 5.1 กรณีการสอบแข่งขัน 1) สานักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั รับเรือ่ งจากสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา 2) สานักงานศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบข้อมูลตาแหน่งว่างตามกรอบอัตรากาลังท่ี ก.ค.ศ. กาหนด และ มอี ัตราเงนิ เดอื น พรอ้ มทัง้ จดั ทารายละเอยี ดเกี่ยวกับตาแหนง่ ว่างท่จี ะดาเนนิ การสอบแข่งขัน เพ่ือเสนอ กศจ. พิจารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบ 3) กศจ. ตงั้ คณะกรรมการดาเนินการสอบ 4) กศจ. ประกาศรบั สมคั รสอบก่อนวนั รบั สมัครไมน่ ้อยกวา่ 7 วนั 5) กศจ. รับสมัครไมน่ อ้ ยกว่า 15 วนั 6) คณะกรรมการตรวจสอบเอกสาร คณุ สมบัติ และคณุ วฒุ ิของผู้สมัครตามท่ีระบไุ ว้ในประกาศรับสมัคร 7) ประกาศผมู้ ีสทิ ธิเข้าสอบกอ่ นวนั สอบไมน่ ้อยกว่า 5 วัน พร้อมกาหนดวนั เวลา และสถานท่ีสอบ 8) กศจ. ดาเนินการสอบตามหลักสูตรการสอบแข่งขัน และวนั เวลา ท่สี ่วนราชการกาหนด 9) กศจ. ประกาศข้ึนบญั ชีผู้สอบแขง่ ขันไดไ้ มเ่ กิน 2 ปี 10) กศจ. เรียกตัวผสู้ อบแข่งขนั ได้มารายงานตวั เพ่ือรบั การบรรจแุ ละแตง่ ต้งั โดยแจ้งรายละเอียดเก่ียวกับ วัน เวลา สถานที่รายงานตัว เอกสารและหลักฐานที่ใช้ประกอบการรายงานตัว ลาดับท่ีผู้สอบแข่งขันได้ท่ีมีสิทธ์ิ ได้รับการบรรจุและแต่งต้ัง รายชื่อและที่ต้ังสถานศึกษาหรือหน่วยงานการศึกษาที่จะบรรจุและแต่งต้ัง วันท่ีจะ บรรจุและแต่งตั้ง และอ่นื ๆ ตามท่ีเหน็ สมควร ค่มู ือปฏิบัติงานสำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัด กล่มุ บริหารงานบคุ คล หน้า 102

-2- 11) ผูม้ ีอานาจตามมาตรา 53 สัง่ บรรจแุ ละแต่งตั้ง และสง่ คาสั่งให้ ก.ค.ศ. รับทราบ 12) กศจ. รายงานไปยังสานักงาน ก.ค.ศ. ภายใน 5 วันทาการ นับตั้งแต่วันประกาศผลการสอบ โดยให้ส่งเอกสารประกอบการรายงาน ได้แก่ ข้อสอบวิชาละ 1 ชุด พร้อมเฉลยคาตอบ บัญชีกรอกคะแนน 1 ชุด พร้อมแฟ้มขอ้ มูลที่เป็น Excel และสาเนาบัญชผี ้สู อบแขง่ ขันได้ 1 ชดุ 13) เมื่อมีการยกเลิกการข้ึนบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หรือขึ้นบัญชีผู้ใดไว้ตามเดิม ให้แจ้งไปยังสานักงาน ก.ค.ศ. ภายใน 5 วนั ทาการ นับตั้งแต่วันยกเลกิ หรอื ขนึ้ บญั ชผี นู้ น้ั 5.2 กรณีขอนารายชือ่ ผ้สู อบแข่งขันได้ในบัญชหี นงึ่ ไปข้ึนบญั ชีเปน็ ผสู้ อบแขง่ ได้ในบัญชอี ืน่ 1) สานักงานศึกษาธิการจงั หวัดรับเรอื่ งจากสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษา 2) สานักงานศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบข้อมูลตาแหน่งว่างตามกรอบอัตรากาลังที่ ก.ค.ศ. กาหนด และ มีอัตราเงินเดือน พร้อมท้ังจัดทารายละเอียดเก่ียวกับตาแหน่งว่างที่จะดาเนินการนารายช่ือเสนอ กศจ. พิจารณาให้ ความเห็นชอบ 3) สานกั งานศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบว่าการขอนารายช่ือได้ดาเนินการตามลาดับการขอนารายช่ือผู้ สอบแข่งขันได้ในบัญชีหน่ึงไปข้ึนบัญชีเป็นผู้สอบแข่งได้ในบัญชีอื่น จากผู้สอบแข่งขันได้ในตาแหน่งเดียวกันกับ ตาแหน่งว่างที่จะใช้บรรจแุ ละแตง่ ตง้ั และมีคุณวฒุ ิตรงตามมาตรฐานตาแหน่งทจี่ ะบรรจแุ ละแตง่ ตั้ง หรือไม่ ดงั น้ี - ขอจากบญั ชีรายชื่อผู้สอบแข่งขนั ได้ของ กศจ. กอ่ น - กรณีไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของ กศจ. ได้เสนอขอจากบัญชีรายช่ือผู้สอบแข่งขันได้ จาก อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ต้ัง ดังน้ี อ.ก.ค.ศ. สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และอ.ก.ค.ศ. สานักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา หรือไม่ - กรณีไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของ อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ต้ัง ได้เสนอขอจากบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ ในประเภทขา้ ราชการพลเรือนสามญั ของสว่ นราชการตน้ สงั กดั หรอื ไม่ - ก ร ณี ไ ม่ มี บั ญ ชี ผู้ ส อ บ แ ข่ ง ขั น ไ ด้ ข อ ง ส่ วนร าชการ ต้ น สั งกั ด ข อ จ า ก บั ญ ชี ร า ย ชื่ อ ผู้สอบแข่งขันได้ ในประเภทข้าราชการพลเรือนสามัญของส่วนราชการอ่ืนได้ โดยต้องเป็นผู้สอบแข่งขันได้ ในตาแหนง่ เดียวกันกับตาแหน่งว่างทจี่ ะใช้บรรจแุ ละแตง่ ตั้ง 4) กศจ. ดาเนินการขอใชบ้ ญั ชตี ามลาดบั การขอนารายชื่อผู้สอบแขง่ ขันได้ในบัญชีหน่งึ ไปขึ้นบญั ชี เป็นผู้สอบแขง่ ได้ในบญั ชีอ่นื จากผู้สอบแขง่ ขนั ได้ในตาแหนง่ เดียวกันกบั ตาแหนง่ วา่ งทจี่ ะใชบ้ รรจแุ ละแตง่ ตั้ง 5) นารายชอื่ ของผู้สมัครใจมาประกาศขนึ้ บัญชีเปน็ ผู้สอบแข่งขนั ได้ 6) ผูม้ อี านาจตามมาตรา 53 สงั่ บรรจแุ ละแตง่ ตงั้ และสง่ คาส่ังให้ ก.ค.ศ. รบั ทราบ 7) เมื่อ กศจ. ท่ีขอใช้บัญชี ประกาศข้ึนบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของตนเองแล้วให้แจ้ง กศจ. เจ้าของบัญชี เพือ่ ยกเลกิ การขนึ้ บญั ชี คมู่ ือปฏบิ ัตงิ านสำนกั งานศึกษาธิการจังหวัด กลมุ่ บริหารงานบุคคล หน้า 103

6. Flow Chart การปฏิบัติงาน -3- กรณกี ารสอบแขง่ ขนั สานักงานศึกษาธิการจงั หวดั รับเรอื่ ง จากสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา สานกั งานศึกษาธิการจงั หวัดตรวจสอบขอ้ มลู และ จดั ทารายละเอียดเก่ียวกับตาแหน่งว่างเสนอ กศจ. กศจ. พจิ ารณา ไม่เห็นชอบ เหน็ ชอบ กศจ. ตง้ั คณะกรรมการดาเนนิ การสอบ ประกาศรับสมคั รกอ่ นวันรับสมัครไม่น้อยกวา่ 7 วัน รับสมคั รไมน่ ้อยกว่า 15 วนั คณะกรรมการตรวจสอบเอกสารคุณสมบัติ และ คณุ วฒุ ิ ให้ถกู ตอ้ งตามทรี่ ะบไุ วใ้ นประกาศรับสมคั ร ประกาศรายช่อื ผ้มู ีสิทธิเขา้ สอบกอ่ นวนั สอบ ไมน่ ้อยกว่า 5 วัน พรอ้ มกาหนดวัน เวลา และสถานที่สอบ ดาเนินการสอบตามหลกั สูตรการสอบแขง่ ขัน ส้ินสดุ กระบวนการ ประกาศข้ึนบัญชีผสู้ อบแข่งขนั ได้ หนา้ 104 รายงานผลการสอบ และยกเลกิ บญั ชี เรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้มารายงานตัว ให้ ก.ค.ศ. ทราบ ภายใน 5 วันทาการ เพื่อรบั การบรรจแุ ละแต่งตั้ง คู่มอื ปฏบิ ัติงานสำนักงานศกึ ษาธิการจงั หวัด ผู้มอี านาจตามมาตรา 53 ส่งั บรรจุและแตง่ ตงั้ และส่งคาสงั่ ให้ ก.ค.ศ รบั ทราบ กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล

-4- กรณกี ารนารายชือ่ ผสู้ อบแข่งขนั ได้ในบญั ชีหน่ึงไปข้ึนบญั ชเี ปน็ ผูส้ อบแข่งขันได้ในบญั ชอี ื่น สานกั งานศกึ ษาธิการจังหวัดรบั เรื่อง จากสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา สานกั งานศึกษาธกิ ารจังหวัดตรวจสอบข้อมูล และจัดทารายละเอียดเกีย่ วกบั ตาแหนง่ วา่ ง เสนอ กศจ. กศจ. พิจารณา ไมเ่ หน็ ชอบ เห็นชอบ กศจ. ดาเนินการขอใชบ้ ญั ชตี ามลาดับ นารายชอ่ื ของผู้สมคั รใจมาประกาศข้ึนบัญชี เปน็ ผสู้ อบแข่งขนั ได้ ให้ผูม้ ีอานาจตามมาตรา 53 สงั่ บรรจุและแต่งตง้ั และสง่ คาส่ัง ให้ ก.ค.ศ. รับทราบ แจ้ง กศจ. เจา้ ของบญั ชี เพอ่ื ยกเลิกการขน้ึ บัญชี ส้นิ สุดกระบวนการ คู่มอื ปฏิบตั งิ านสำนักงานศกึ ษาธิการจงั หวัด กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 105

งานสรรหาและบรรจแุ ต่งตัง้ 1 1. ชื่องาน (กระบวนงาน) : การลาออกจากราชการของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา 2. วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ พิจารณาอนุญาตให้ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ลาออกจากราชการ เป็นไปตามท่ี กฎหมายกาหนด 3. ขอบเขตของงาน การให้ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พน้ จากตาแหนง่ หนา้ ท่ตี ามระเบยี บที่ ก.ค.ศ. กาหนด 4. คาจากัดความ การลาออกจากราชการ หมายถงึ การออกจากราชการตามความประสงค์ของตนเอง 5. ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน 5.1 ผู้ประสงค์ขอลาออกจากราชการ ยนื่ หนังสือขอลาออกจากราชการ (ตามแบบที่ ก.ค.ศ. กาหนด) ตอ่ ผบู้ งั คับบัญชา โดยให้ย่นื ล่วงหนา้ กอ่ นวนั ลาออกไมน่ ้อยกวา่ 30 วัน กรณีย่ืนลว่ งหน้านอ้ ยกวา่ 30 วัน หากผู้ มอี านาจอนญุ าตการลาออกเห็นวา่ มีเหตุผลและความจาเปน็ จะอนญุ าตให้ลาออกก็ได้ 5.2 เจ้าหน้าที่ดาเนินการตรวจสอบขอ้ มูลประกอบการนาเสนอผูม้ อี านาจตามมาตรา 53 กรณี ดงั ตอ่ ไปนี้ 5.2.1 อยูร่ ะหว่างดาเนนิ การทางวินัย 5.2.2 การลาศึกษาต่อ/การชดใช้ทุน 5.2.3 การเปน็ /ไมเ่ ปน็ สมาชิก กบข. 5.3 เสนอผู้มีอานาจตามมาตรา 53 พิจารณาอนุญาต/ไม่อนญุ าตใหล้ าออกจากราชการ 5.3.1 กรณีอนญุ าตให้ลาออก ผมู้ ีอานาจตามมาตรา 53 มีคาสั่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการ แล้วแจ้งใหผ้ ู้ขอลาออกจากราชการทราบกอ่ นวันขอลาออกและหน่วยงานที่เก่ยี วขอ้ ง 5.3.2 กรณียบั ย้งั การลาออกเพ่ือประโยชนข์ องทางราชการ ให้ผมู้ อี านาจตามมาตรา 53 ยับยั้ง การลาออกไดไ้ ม่เกิน 90 วัน เมื่อครบกาหนดเวลาทย่ี ับย้งั แล้วใหก้ ารลาออกมีผลตงั้ แต่วันถัดจากวันครบ กาหนดเวลาที่ยับยั้ง 5.4 ในกรณที ่ีผูข้ อลาออกไดอ้ อกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เน่อื งจากผู้มีอานาจอนุญาต การลาออกมไิ ดม้ ีคาสง่ั อนญุ าตให้ลาออก และมไิ ด้มคี าสั่งยับยัง้ การอนญุ าตให้ลาออกกอ่ นวนั ขอลาออก หรอื เนือ่ งจากครบกาหนดเวลายับยั้งการอนญุ าตใหล้ าออก ให้ผ้มู อี านาจอนญุ าตการลาออกมหี นังสือแจ้งวนั ออกจาก ราชการใหผ้ ู้ขอลาออกราชการทราบภายใน 7 วัน นบั แต่วันทผ่ี ูน้ น้ั ออกจากราชการ และแจ้งให้สว่ นราชการท่ี เกย่ี วข้องทราบดว้ ย คู่มือปฏิบัติงานสำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัด กลุม่ บรหิ ารงานบคุ คล หน้า 106

งานสรรหาและบรรจุแต่งต้งั 2 6. แผนภูมแิ สดงข้ันตอนการปฏิบัติงาน ผู้ประสงค์ขอลาออก ย่ืนหนังสอื ต่อผบู้ งั คับบญั ชา หนว่ ยงานการศึกษา รับเร่ือง การตรวจสอบข้อมลู ประกอบการนาเสนอ ผมู้ ีอานาจพจิ ารณา ผ้มู ีอานาจตามมาตรา 53 พจิ ารณาอนญุ าตใหล้ าออก/ ยับยงั้ เปน็ ลายลักษณ์อักษร แจง้ ผู้ลาออกและหนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง 7. รูปแบบท่ีใช้ แบบหนงั สือขอลาออกจากราชการ ตามระเบยี บ ก.ค.ศ. กาหนด 8. เอกสาร/หลักฐานอา้ งองิ 8.1 พระราชบญั ญัตบิ าเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ พ.ศ. 2494 และท่แี ก้ไขเพิ่มเตมิ 8.2 พระราชบัญญตั กิ องทุนบาเหน็จบานาญข้าราชการ พ.ศ.2539 และทแี่ ก้ไขเพิม่ เตมิ 8.3 มาตรา 53 มาตรา 107 มาตรา 108 มาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2551 8.4 ระเบยี บ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยการลาออกจากราชการของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2548 9. ขอ้ สังเกต 9.1กรณียบั ย้ังใหแ้ จง้ ผูข้ อลาออกทราบเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร 9.2ผปู้ ระสงคข์ อลาออก ต้องย่นื หนงั สอื ขอลาออกจากราชการตามแบบที่ ก.ค.ศ. กาหนด 9.3กรณที ไ่ี ม่สามารถลงลายมือช่อื ในหนงั สอื ขอลาออกไดใ้ ห้พมิ พ์ลายนิ้วมอื หวั แม่มือ และมพี ยาน รับรองอย่างน้อย 2 คน 9.4กรณีผขู้ อลาออกมีวทิ ยฐานะ ผอ.สพท. เป็นผมู้ อี านาจอนญุ าต สาหรบั ผ้ไู ม่มวี ิทยฐานะผู้อานวยการ สถานศึกษาเปน็ ผู้มีอานาจอนุญาต 9.5การยืน่ คาขอลาออกไปสมัครรับเลือกตง้ั สามารถยนื่ ลาออกนอ้ ยกว่า30วันได้ และให้มผี ลต้งั แต่วนั ทข่ี อลาออก คมู่ อื ปฏบิ ัตงิ านสำนักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั กลุ่มบริหารงานบุคคล หนา้ 107

1. ชอื่ กระบวนงาน งานเลือ่ นเงนิ เดือนขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเป็นแนวปฏิบัติการเล่ือนอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ได้รับ สูงข้นึ จากอตั ราเงนิ เดอื นทไี่ ดร้ บั อยู่เดิมอนั เป็นผลจากการปฏบิ ตั งิ าน 3. ขอบเขตของงาน การเลื่อนเงินเดือนจากการประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน ตามกฎ ระเบยี บ หลักเกณฑ์ทเี่ กี่ยวข้อง 4. คาจากัดความ - 5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 5.1 สานักงานศึกษาธิการจงั หวัดรบั เร่ืองจากสานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา 5.2 สานักงานศึกษาธิการจังหวดั ตรวจสอบ 1) ผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการประเมินจากผลการปฏิบัติงาน ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ของงาน พฤติกรรมการปฏิบัตริ าชการ/สมรรถนะทเี่ กยี่ วข้องกบั การปฏบิ ตั ริ าชการตามที่ส่วนราชการกาหนด หรอื ไม่ 2) การบริหารวงเงนิ ท่ไี ดร้ บั จดั สรร 5.3 สานักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั นาผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการ ผลการพิจารณาการเล่ือนเงินเดือน และการบรหิ ารวงเงนิ งบประมาณสาหรับการเลอื่ นเงินเดือนเสนอตอ่ อกศจ.และ กศจ. 5.4 กศจ. พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ 5.5 ผู้มอี านาจตามมาตรา 53 ส่งั เลือ่ นเงินเดือน และส่งคาส่งั ให้ ก.ค.ศ. /สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาทราบ คู่มอื ปฏิบตั ิงานสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 108

-2- 6. Flow Chart การดาเนนิ การเลอื่ นอัตราเงนิ เดอื นฯ สานกั งานศึกษาธิการจงั หวดั รบั เร่อื ง จากสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา สานกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวดั ตรวจสอบผลการปฏบิ ัติราชการ ออกคาสั่งตอ่ ไป เสนอผลการพิจารณาต่อ กศจ. ให้ทบทวน กศจ. พจิ ารณา เห็นชอบ ให้ผูม้ อี ำนำจตำมมำตรำ 53 สัง่ เล่ือนเงินเดือน ออกคาส่งั ต่อไป สง่ คาส่งั ให้ ก.ค.ศ./สพท. รบั ทราบ คมู่ อื ปฏบิ ตั ิงานสำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 109

ประเภทเอกสาร : คมู่ ือข้นั ตอนการดาเนนิ งาน ช่อื เอกสาร : งานเสริมสร้างขวัญและกาลังใจ การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ และสิทธปิ ระโยชนอ์ ่ืนของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ค่มู อื ปฏบิ ตั ิงานสำนักงานศึกษาธิการจังหวดั กลุ่มบริหารงานบุคคล หน้า 110

1. ชื่องาน (กระบวนงาน) งานเสรมิ สร้างขวญั และกาลงั ใจ การยกย่องเชิดชูเกียรติและสทิ ธปิ ระโยชน์อื่นของ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 2. วตั ถุประสงค์ เพ่ือเป็นคมู่ ือการดาเนนิ การงานเสริมสร้างขวญั และกาลังใจ การยกย่องเชิดชูเกียรตแิ ละสิทธิ ประโยชน์อน่ื ของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 3. ขอบเขตของงาน ดาเนินการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนา เสริมสร้างขวัญกาลังใจ ปกป้องคุ้มครองระบบ คุณธรรมและยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 23 “ให้การศึกษามีอานาจและหน้าที่ ดังน้ี...(5) ส่งเสริมการสนับสนุนพัฒนาการเสริมสร้าง ขวัญกาลังใจ การปกป้องคุ้มครองระบบคุณธรรม การจัดสวัสดิการและการยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา” มาตรา 75 วรรคหน่ึง “ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดมีความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ มีผลงานดีเด่นเป็นท่ีประจักษ์ให้ กระทรวงเจ้าสังกัดสว่ นราชการและหนว่ ยงานทางการศึกษาดาเนินการยกยอ่ งเชิดชูเกยี รตติ ามควรแกก่ รณี” 4. คาจากดั ความ - 5. ขัน้ ตอนการปฏิบัตงิ าน 5.1 ประสานการจัดสรรงบประมาณโดยเสนอเป็นแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี เพือ่ สร้างขวญั และ กาลังใจแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ มี ความคดิ รเิ ริ่ม สรา้ งสรรค์ และผลงานดเี ดน่ เปน็ ท่ีประจักษ์ให้ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ 5.2 สานักงานศกึ ษาธิการจังหวัดเสนอหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและคัดเลือกข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาท่สี มควรได้รับการยกย่องเชดิ ชูเกยี รติ ต่อ กศจ. 5.3 สานักงานศกึ ษาธิการจังหวัด แจ้งประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและคัดเลือกไป ยงั หน่วยงานการศกึ ษาทัง้ ภาครฐั และเอกชน 5.4 สานักงานศึกษาธิการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับยก ยอ่ งเชดิ ชเู กียรติใหเ้ ปน็ ไปดว้ ยความบริสุทธ์ิ ยุติธรรม โดยคานึงถึงความประพฤติ วินัย และการรักษาวินัย การ ปฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ความรู้ความสามารถ และผลงานการปฏิบัติงาน ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทีก่ าหนด ค่มู อื ปฏิบตั งิ านสำนักงานศึกษาธกิ ารจงั หวัด กลุม่ บริหารงานบคุ คล หนา้ 111

5.5 ประกาศผลการสรรหาและคัดเลือกผู้ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้ทราบโดยท่ัวกัน และดาเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติ เผยแพร่ผลงานตามควรแก่กรณี เช่น การจัดแสดงผลงาน การเผยแพร่ ประวตั แิ ละผลงานทางสือ่ สิ่งพมิ พ์ หรอื ทางเวบ็ ไซต์ เป็นตน้ 5.6 ดาเนินการมอบเกยี รติบตั รหรือรางวัลในโอกาสอันควร 6. Flow Chart การปฏบิ ตั ิงาน จัดทาหลกั เกณฑว์ ิธกี ารสรรหาและคัดเลือก นาเสนอ กศจ. ศึกษาพจิ ารณาหลักเกณฑ์ วิธกี ารสรรหาและคดั เลอื ก ประกาศหลกั เกณฑว์ ธิ กี ารสรรหาและคัดเลอื ก ดาเนินการสรรหาและคดั เลอื ก ประกาศและประชาสมั พนั ธ์ มอบเกยี รตบิ ัตรหรอื รางวัลตามโอกาสอนั ควร คูม่ ือปฏบิ ตั งิ านสำนักงานศกึ ษาธิการจังหวดั กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 112

7. แบบฟอรม์ ทีใ่ ช้ ตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารที่กาหนด 8. เอกสาร/หลกั ฐานอ้างอิง 8.1 มาตรา 23 และมาตรา 75 แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ. 2547 และท่แี กไ้ ขเพิม่ เตมิ 8.2 คาสั่งหวั หนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ส่งั ณ วนั ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 8.3 มาตรา 9 แห่งพระราชบญั ญตั สิ ภาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2546 9. ขอ้ สังเกตในระดับปฏบิ ัติ การดาเนินการสรรหาและคัดเลือกผู้ท่ีสมควรได้รบั ยกยอ่ งเชิดชูเกยี รติ อาจแบ่งเป็นประเภทและระดับ ต่างๆ ดาเนนิ การตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทกี่ าหนด ค่มู อื ปฏิบัตงิ านสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 113

๑. ชือ่ งาน (กระบวนงาน) การดาเนนิ การทางวนิ ยั ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ๒. วัตถปุ ระสงค์ เพอื่ เปน็ แนวทางในการดาเนนิ การทางวนิ ัย สาหรบั นิติกรท่ปี ฏบิ ัติหนา้ ทใ่ี นสานักงานศึกษาธกิ าร จงั หวดั ๓. ขอบเขตของงาน เป็นการส่งเสริมวินัยเเละป้องปรามมิให้กระทาผิด แก่ข้าราชการครูเเละบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนรบั เร่อื งรอ้ งเรียน สืบสวนข้อเท็จจริง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง รวมถงึ การส่ังพักราชการ และการสัง่ ใหอ้ อกจากราชการไวก้ อ่ น สาหรับการดาเนินการในส่วนนี้ กล่าวถึงเฉพาะในส่วนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามพระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษ พ.ศ.2547 เเละทแี่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ เทา่ นั้น ๔. คาจากดั ความ ๔.๑ อ.ก.ศ.จ. หมายถึง คณะอนกุ รรมการศึกษาธกิ ารจงั หวดั ๔.๒ กศจ. หมายถงึ คณะกรรมการศึกษาธกิ ารจังหวดั 4.3 ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 หมายถึง ศึกษาธิการธิการจังหวัด ตามคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความ สงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เร่ือง การปฏริ ปู การศกึ ษาในภมู ิภาคของกระทรวงศึกษาธกิ าร ลงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 ๕. ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน 5.1 การดาเนนิ การทางวนิ ยั ไม่รา้ ยแรงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสานักงาน ศกึ ษาธิการจังหวัด ๕.๑.๑ เม่ือได้รับข้อร้องเรียน กล่าวหา หรือปรากฏเป็นข่าวในส่ือส่ังคมออนไลน์ หรือได้รับ ทราบข้อมูลจากหนว่ ยงานอน่ื หรือผบู้ งั คับบญั ชาพบเหน็ การกระทาความผิด นิตกิ รหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เสนอแตง่ ต้งั คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เเละดาเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงถึงพฤติการณ์ที่ต้องสงสัยว่า เป็นการกระทาความผดิ วินัย ๕.๑.๒ ตรวจสานวนการสืบสวนข้อเท็จจิริง หากไม่มีมูลให้เสนอศึกษาธิการจังหวัดในฐานะ ผู้บังคับบัญชายุติเรื่อง หากพบว่าเป็นการกระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็เสนอให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง ตามแบบ สว.1 ๕.๑.๓ คณะกรรมการสอบสวนวินยั ไมร่ า้ ยแรงดาเนนิ การสอบสวนตามกฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยการ สอบสวนพจิ ารณา พ.ศ. 2550 ๕.๑.๔ เสนอรายงานการสอบสวน ตามแบบ สว.6 พร้อมสานวนการสอบสวน ให้ผู้สั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายเเรงเป็นผู้พิจารณา หากพิจารณาว่าไม่ผิดวินัยให้ยุติเร่ื อง แต่ถ้า พิจารณาว่าเป็นความผิดวินัยถ้าเห็นว่าเป็นการกระทาผิดวินัยให้พิเคราะห์ว่าเป็นความผิดวินัยกรณีใด คู่มอื ปฏิบัตงิ านสำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวดั กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 114

ตามมาตราใด ควรลงโทษสถานใด ถ้าอยู่ในอานาจของผู้บังคับบัญชาผู้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็ให้ออกคาส่ังลงโทษ ถ้าเกินอานาจก็รายงานต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น ถ้าพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นการกระทาผิดวินัย อย่างร้ายแรง และอยู่ในอานาจต้องต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัย อย่างร้ายแรง ถ้าไม่มอี านาจก็ให้รายงานผู้บังคับบัญชาช้ันเหนือขึ้นไปพิจารณาดาเนินการต่อไป ตามระเบียบ ก.ค.ศ.วา่ ดว้ ยวธิ กี ารออกคาสั่งเก่ียวกับการลงโทษทางวนิ ยั ข้าราชการครเู เละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2548 ประกอบกบั กฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยอานาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงนิ เดอื น หรือลดเงินเดือน พ.ศ. 2561 ๕.2 รายงานการดาเนนิ การทางวินัยไม่รา้ ยแรง 5.2.1 กรณกี ารรายงานการดาเนนิ การทางวนิ ัยขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา สงั กดั สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด เมื่อศกึ ษาธิการจงั หวัดไดด้ าเนินการทางวินัยไม่รา้ ยแรงของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา สงั กัดสานักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั ผ้ใู ดและได้สง่ั ยตุ ิเรือ่ ง งดโทษ หรือลงโทษภาคทณั ฑ์ ตดั เงินเดอื น หรอื ลดเงนิ เดือนแกผ่ ้นู ้นั แล้ว ใหร้ ายงานไปยงั ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พจิ ารณาตอ่ ไป เมอื่ ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการไดร้ บั รายงานการดาเนินการทางวินัยไมร่ ้ายแรงแลว้ ใหพ้ ิจารณาดาเนนิ การตาม อานาจหน้าท่ี ดงั น้ี ๑) ในกรณีท่เี หน็ วา่ การยตุ เิ ร่อื ง การงดโทษ หรอื การส่งั ลงโทษไม่ถกู ต้องหรือ ไม่เหมาะสม ก็ ใหส้ ่งั งดโทษ หรือลดโทษเปน็ สถานโทษหรืออัตราโทษท่เี บาลง เพม่ิ โทษเป็นสถานโทษหรืออัตราโทษทีห่ นกั ข้ึน หรอื เปลี่ยนแปลงและแก้ไขข้อความในคาส่งั เดมิ หรอื ดาเนินการอยา่ งใดเพ่มิ เติมเพื่อประกอบการพิจารณาให้ ได้ ความจริงและความยตุ ิธรรมได้ตามควรแกก่ รณี หรอื หากเหน็ ว่าไมไ่ ดก้ ระทาผดิ กใ็ หส้ ัง่ ยกโทษ ๒) ในกรณที ่เี หน็ ว่าเป็นการกระทาผิดวนิ ัยอย่างร้ายแรงก็ให้ดาเนนิ การ สง่ั แตง่ ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง ตามมาตรา ๔๔ วรรคสอง มาตรา ๑๐๐ วรรคหก หรอื มาตรา ๑๐๔ (๑) หรอื ดาเนินการทางวนิ ยั อย่างรา้ ยแรง กรณีความผดิ ท่ีปรากฏชัดแจง้ โดยอาจสั่งพักราชการหรือใหอ้ อกจาก ราชการไวก้ ่อนตามมาตรา ๑๐๓ หรือกรณีทเ่ี หน็ ว่าเป็นกรณีตามมาตรา ๑๑๐ (๔) หรือมาตรา ๑๑๑ กใ็ ห้มี อานาจส่ังแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนได้ เม่อื ปลดั กระทรวงศึกษาธกิ ารไดด้ าเนินการตามอานาจหน้าท่ีในขา้ งต้นแล้ว ให้รายงาน อ. ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ต้ัง พจิ ารณา เมื่ออ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้งพจิ ารณามมี ติเปน็ ประการใดแล้ว ให้ปลดั กระทรวง ศกึ ษาธกิ ารสง่ั หรอื ปฏิบตั ิไปตามนั้น และให้การดาเนินการทางวินัยเป็นอนั ถงึ ทส่ี ดุ 5.2.2 กรณกี ารรายงานการดาเนินการทางวนิ ยั ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา สงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขึน้ พ้ืนฐาน 1) กรณผี ้อู านวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา ได้รับรายงานการดาเนินการทางวินยั จาก ผอู้ านวยการสถานศึกษา และพจิ ารณา ดาเนินการตามอานาจหน้าท่ี หรอื ไดด้ าเนินการทางวนิ ยั แกข่ ้าราชการ ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาผู้ใดแลว้ ให้รายงาน กศจ. พจิ ารณา เม่อื กศจ. ได้รับรายงานตามวรรคสองและ พิจารณามีมติเป็นประการใดแล้ว ให้ผูม้ อี านาจ ตามมาตรา ๕๓ สงั่ หรอื ปฏบิ ตั ไิ ปตามนน้ั แลว้ รายงานการ ดาเนินการทางวนิ ยั พร้อมสานวนการสอบสวนต่อเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานพจิ ารณาตอ่ ไป คมู่ อื ปฏบิ ตั ิงานสำนักงานศึกษาธกิ ารจงั หวัด กล่มุ บรหิ ารงานบุคคล หนา้ 115

5.3 การดาเนนิ การทางวินัยอย่างรา้ ยแรงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 5.3.1 เสนอเเตง่ ตัง้ คณะกรรมการสบื สวนขอ้ เท็จจรงิ เมื่อมกี ารรอ้ งเรยี น หรือปรากฏเปน็ ขา่ วในสอ่ื มวลชนหรือไดร้ บั รายงานจากหนว่ ยงานอนื่ หรอื ผบู้ ังคบั บญั ชาพบเห็นการกระทาความผิด 5.3.2 ตรวจสานวนการสบื สวนข้อเท็จจริง หากเปน็ กรณีไม่มมี ลู ก็เสนอผู้บังคับบญั ชายุตเิ รือ่ ง แต่ถ้าเปน็ กรณีมมี ูลเป็นความผดวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง กเ้ สนอผู้มอี านาจส่ังบรรจุและเเต่งตงั้ ตามมาตรา 53 แหง่ พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และท่ีเเกไ้ ข เพมิ่ เติม แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อย่างร้ายแรง 5.3.3 คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยอยา่ งร้ายแรงดาเนินการตามกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการ สอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2550 5.3.4 เสนอรายงานการสอบสวนตามแบบ สว.6 พร้อมสานวนการสอบสวนให้ผสู้ งั่ แตง่ ต้ัง คณะกรรมการสอบสวนการพจิ ารณา ความเห็นของผูส้ ั่งแตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบสวน เมื่อผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าคณะกรรมการสอบสวนดาเนินการถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์แล้ว ให้ผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนแสดงความเห็นไว้ในสานวนการสอบสวนว่ามี ความเห็นอย่างไร เห็นด้วยกับกรรมการสอบสวนหรือไม่ และควรลงโทษสถานใด เพราะเหตุใด และให้ ดาเนนิ การดังน้ี 1) ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวน หรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าเป็น ความผิดวินยั อย่างรา้ ยแรงให้เสนอ กศจ. พิจารณา และเม่ือ กศจ. มีมติเป็นประการใดแล้ว ให้ผู้มีอานาจตาม มาตรา 53 สงั่ หรอื ปฏิบตั ิไปตามนั้น แลว้ รายงานให้ ก.ค.ศ. พิจารณา 2) ในกรณีท่ีคณะกรรมการสอบสวนและผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าเป็น ความผิดวินัยไม่ร้ายแรง และผู้มีอานาจตามมาตรา 53 (ศึกษาธิการจังหวัด) ได้สั่งยุติเร่ือง งดโทษ หรือให้มี การสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือนผู้ใดแล้ว ให้ส่งเรื่องไปยังผู้อานวยการสถานศึกษา หรือผู้อานวยการสานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาแล้วแตก่ รณี สงั่ ลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน แล้วส่งเรื่องหรือสานวนให้ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 เพื่อรายงานการดาเนินการทางวินัย ต่อ กศจ. และ เมอ่ื กศจ. พิจารณามมี ติเปน็ ประการใดแลว้ ใหผ้ มู้ อี านาจตามมาตรา ๕๓ สงั่ หรอื ปฏิบัติไปตามนั้นแล้วรายงาน ให้ ก.ค.ศ. พิจารณา ตามลาดับ 5.4 ส่ังพกั ราชการ 5.4.1 การสั่งพักราชการ หมายถึง การส่ังให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ้น จากตาแหนง่ หน้าท่ี ราชการไวก้ อ่ นเพอ่ื รอฟังผลการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง โดยงดเบิกจ่ายเงินเดือนและเงิน อืน่ ๆ ท่ีจา่ ยเปน็ รายเดอื น ตลอดจนเงนิ ช่วยเหลอื ต่าง ๆ ไวก้ อ่ น สาเหตุท่ีจะสัง่ พักราชการได้ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีมีกรณีถูกกล่าวหาว่า กระทาผิดวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง และถกู ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินยั อย่างรา้ ยแรง ถูกฟ้องคดอี าญา หรือต้องหา ว่ากระทาความผิดอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ อย่างไรก็ตามมิใช่ จะตอ้ งถูกสัง่ พกั ราชการทุกกรณีไป จะส่งั พกั ราชการได้ตอ่ เม่ือมีเหตอุ ย่างหนง่ึ อย่างใด ดังน้ี คู่มอื ปฏิบัติงานสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั กลมุ่ บริหารงานบคุ คล หน้า 116

1) ผ้นู นั้ ถกู ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอยา่ งรา้ ยแรง อันเนื่องมาจากข้อกล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าท่ี ราชการ หรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจหรือถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาว่า กระทาความผิดอาญาอันเน่ืองมาจากข้อกล่าวหา ดังกล่าว ซ่ึงมิใช่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือ ความผดิ ลหโุ ทษตามทป่ี ระมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้และผู้ท่ีถูกฟ้องนั้น พนักงานอัยการมิได้รับเป็นทนาย แกต้ า่ งใหแ้ ละผู้มีอานาจแตง่ ต้ังกรรมการสอบสวนวินยั อยา่ งรา้ ยแรงได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้าให้ผู้นั้นคงอยู่ใน หนา้ ท่ีราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ซึ่งผู้ส่ังพักราชการต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าหากอยู่ในราชการ แลว้ จะเกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างไร 2) ผู้นั้นถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและผู้มีอานาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวน ได้พิจารณาแล้วเหน็ วา่ ผนู้ ัน้ มีพฤติการณท์ ี่แสดงวา่ ถา้ ใหค้ งอยใู่ นหน้าที่ราชการจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน พจิ ารณา หรือจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย 3) ผ้นู ้ันอยู่ระหว่างถูกควบคุมหรือขังโดยเป็นผู้ถูกจับในคดีอาญาหรือต้องจาคุกโดยคาพิพากษา และได้ถกู ควบคุมขงั หรือต้องจาคุกเป็นเวลาติดต่อกันเกินสิบหา้ วันแลว้ เว้นแต่ผู้น้ันได้รับการประกันตัวก่อนท่ี จะดาเนนิ การออกคาสง่ั พักราชการ 4) ผ้นู นั้ ถกู ตั้งกรรมการสอบสวนและตอ่ มามีคาพิพากษาถึงที่สุดวา่ เป็นผู้กระทาความผดิ อาญาใน เรือ่ งท่สี อบสวนนัน้ หรือผนู้ น้ั ถกู ตงั้ กรรมการสอบสวนภายหลังที่มคี าพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผกู้ ระทาความผิด อาญาในเร่ืองท่ีสอบสวนนน้ั และผู้มอี านาจดงั กล่าวพิจารณาเหน็ ว่าข้อเทจ็ จริงทปี่ รากฏ ตามคาพพิ ากษาถงึ ทีส่ ุดน้นั ไดค้ วามประจกั ษ์ชัดอยู่แล้ววา่ การกระทาความผิดอาญาของผ้นู ัน้ เปน็ ความผดิ วินยั อยา่ งรา้ ยแรง 5.4.2 ผู้มีอานาจส่งั พกั ราชการ คือ ผู้มีอานาจสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 98 วรรคสอง วรรคสี่ หรือวรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ประกอบกบั ข้อ 13 ของคาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษา ในภูมภิ าคของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวันท่ี 3 เมษายน พ.ศ. 2530 ดังนี้ 1. นายกรัฐมนตรี หรือรฐั มนตรเี จ้าสังกัด 2. ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 3. ผมู้ ีอานาจตามมาตรา ๕๓ (ศึกษาธกิ ารจงั หวัด) 5.5 การส่ังให้ออกจากราชการไวก้ อ่ น สาเหตทุ ีจ่ ะส่งั ใหอ้ อกจากราชการไว้กอ่ น เปน็ กรณีทขี่ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ผู้ใดมี เหตุท่อี าจถูกสงั่ พกั ราชการ ดังนี้ 1) ถูกกลา่ วหาว่ากระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกต้ังกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง หรือถูก ฟ้อง คดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทาความผิดอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือเกี่ยวกับ ความประพฤติ หรอื พฤตกิ ารณ์อันไมน่ า่ ไวว้ างใจ (อนั มิใชค่ วามผิดทไี่ ดก้ ระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ตามทปี่ ระมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ และผู้ท่ีถูกฟ้องนั้นพนักงานอัยการมิได้รับเป็นทนายแก้ต่างให้) และ ผบู้ งั คบั บญั ชา พจิ ารณาแล้วเห็นว่าถ้าให้ผู้นั้นคงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ซ่ึงผู้สั่ง พักราชการต้องอธิบาย ให้ชัดเจนว่าหากอยู่ในหน้าที่ราชการแล้วจะเกิดความเสียหายต่อทางราชการอย่างไร (ระบไุ วใ้ นคาส่ัง) คู่มอื ปฏบิ ัติงานสำนกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั กลุม่ บรหิ ารงานบุคคล หน้า 117

2) กรณีถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเห็นว่า ถา้ ใหค้ งอยู่ในหนา้ ท่ีราชการจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน พิจารณา หรือจะก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยข้ึน 3) ผู้นั้นอยู่ระหว่างถูกควบคุมหรือขัง โดยเป็นผู้ถูกจับในคดีอาญาหรือต้องจาคุกโดยคา พิพากษา และไดถ้ ูกควบคมุ หรอื ตอ้ งจาคุกเป็นเวลาติดตอ่ กันเกินกวา่ สบิ หา้ วันแล้ว 4) ผู้นั้นถูกตั้งกรรมการสอบสวนและต่อมามีคาพิพากษาถึงท่ีสุดว่าเป็นผู้กระทาความผิดอาญา ในเรอื่ งท่สี อบสวนนน้ั หรือผ้นู น้ั ถูกต้ังกรรมการสอบสวนภายหลังที่มคี าพิพากษาถงึ ทีส่ ดุ ว่าเปน็ ผ้กู ระทาความผิด อาญาในเรอ่ื งทส่ี อบสวนน้นั และผู้มอี านาจดงั กล่าวพจิ ารณาเห็นวา่ ข้อเท็จจรงิ ทีป่ รากฏตามคาพิพากษาถึงท่ีสุด น้นั ไดค้ วามประจกั ษ์ชดั อยู่แลว้ ว่า การกระทาความผิดอาญาของผู้น้ันเป็นความผดิ วนิ ยั อย่างร้ายแรง ท่ีสาคัญนอกจากสาเหตุดังกล่าวแล้ว การให้ออกจากราชการไว้ก่อนจะต้องเป็นกรณีท่ีผู้มีอานาจ สง่ั ให้ออกจากราชการไวก้ ่อน พจิ ารณาแลว้ เห็นว่าการสอบสวนพจิ ารณาจะไมแ่ ลว้ เสรจ็ โดยเรว็ คาสัง่ ใหอ้ อกจากราชการไว้กอ่ น การออกคาสงั่ ตอ้ งทาเปน็ หนงั สอื ระบชุ ื่อผถู้ กู สัง่ ใหอ้ อกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งสาเหตุที่ต้องออก จากราชการไว้ก่อนเหมือนการสั่งพักราชการแต่ต้องมีข้อความระบุมีสาระสรุป พิจารณาฯ ท่ีเป็นเหตุให้พัก ราชการน้ันจะไม่แลว้ เสร็จโดยเร็ว ผู้มอี านาจส่ังใหอ้ อกจากราชการไวก้ ่อน คือผู้มีอานาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตามวรรคสอง วรรคส่ี และวรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ประกอบกับข้อ 13 ของ คาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติท่ี 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ กระทรวงศกึ ษาธิการ ลงวันท่ี 3 เมษายน พ.ศ. 2560 ดงั น้ี 1. นายกรัฐมนตรี หรอื รัฐมนตรเี จา้ สังกัด 2. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 3. ผูม้ ีอานาจตามมาตรา ๕๓ (ศกึ ษาธกิ ารจงั หวัด) คมู่ อื ปฏบิ ัติงานสำนักงานศกึ ษาธิการจงั หวัด กลุม่ บริหารงานบุคคล หน้า 118

๖. Flow Chart การปฏบิ ตั งิ าน เรมิ่ ตน้ มีกรณกี ลา่ วหา โดยการร้องเรียน เป็นขา่ วทางสอื่ มวลชน ผู้บงั คบั บญั ชาพบเห็น หรอื ไดร้ ับรายงานจากหน่วยงานอน่ื แต่งตงั้ คณะกรรมการสืบสวนข้อเทจ็ จริง มมี ูล ไม่มมี ลู ยตุ ิเร่อื ง แตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัย แตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนวินัย อยา่ งร้ายแรง ไม่ร้ายแรง พกั ราชการ ใหอ้ อกจาราชการ ผู้บงั คับบัญชาสง่ั ตาม ไว้ก่อน อานาจหน้าที่ ผมู้ ีอานาจตามมาตรา 53 พจิ ารณาสานวน รายงานตาม ม.104(1) ผดิ วนิ ยั ไม่ผิดวนิ ยั ยตุ เิ ร่ือง กศจ.พจิ ารณา เห็นพ้องใน เหน็ แย้งกันใน เหน็ พอ้ งในระดบั สพฐ.พิจารณา ระดับโทษไม่ ระดับโทษ โทษร้าย รา้ ยแรง ผมู้ ีอานาจสั่ง กศจ.พจิ ารณา กรณีเห็นเเยง้ กบั มติ กรณีเหน็ ดว้ ยกับมติ ลงโทษ กศจ. กศจ. (วนิ ัยสน้ิ สุด) ผู้มอี านาจสง่ั หรือปฏบิ ตั ิตามมติ ก.ค.ศ. พิจารณา รายงานตามมาตรา 104(2) วนิ ัยสิ้นสุด ก.ค.ศ. พจิ ารณา วินยั สิน้ สุด คมู่ ือปฏิบัตงิ านสำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวดั กล่มุ บรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 119

๗. แบบฟอรม์ ท่ใี ช้ ๗.๑ แบบ สว.1 7.2 แบบ สว.2 7.3 แบบ สว.3 7.4 แบบ สว.4 7.5 แบบ สว.5 7.6 แบบ สว.6 7.7 แบบคาส่งั ลงโทษทางวินัย 7.8 แบบคาสง่ั พักราชการ 7.9 แบบคาส่ังให้ออกจากราชการไวก้ ่อน ๘. เอกสาร/หลักฐานอ้างอิง 8.1พระราชบัญญตั ิระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 8.2พระราชบัญญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 8.3 คาสงั่ หัวหนา้ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 8.4 กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2550 8.5 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดท่ีปรากฏชัดแจง้ พ.ศ. 2549 8.6 กฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยอานาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตดั เงนิ เดอื น หรอื ลดเงนิ เดือน พ.ศ. 2561 8.7 ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยวิธกี ารออกคาส่งั เกย่ี วกับการลงโทษทางวินยั ขา้ ราชการครู และบคุ ลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2548 8.8 ระเบยี บ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยการรายงานเกย่ี วกบั การดาเนนิ การทางวนิ ยั และการออกจากราชการของ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2561 ๙. ข้อสังเกตในการปฏบิ ตั ิ 9.๑ การดาเนนิ การทางวินยั ไม่รา้ ยแรงและรา้ ยแรง ตอ้ งดาเนินการตาม กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสอบสวน พิจารณา พ.ศ.2550 อย่างเคร่งครัด มิเชน่ นั้นอาจสง่ ผลให้การดาเนินการทางวนิ ัยเสยี ไปทงั้ หมดหรอื บางสว่ น 9.2 การกาหนดมาตรฐานโทษสาหรบั ความผดิ ทางวนิ ัย ควรกาหนดตาม ความเหมาะสมหรือตามกรอบ หรือหลักเกณฑ์ ที่ ก.ค.ศ. เปน็ ผู้กาหนด 9.3 กอ่ นมีการดาเนินการทางวนิ ยั แกข่ า้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้บังคับบัญชาควรมีการ สืบสวนขอ้ เทจ็ จริงให้เเนช่ ัดก่อน ว่ามีมลู กรณคี วามผิดวนิ ัย เว้นแต่กรณที เ่ี ป็นความผิดปรากฏชัดเเจ้ง หรือกรณีที่ กฎหมายกาหนดให้ดาเนนิ การทางวินยั ทนั ที 9.4 ต้องทาเป็นหนังสือโดยระบุชื่อ ตาแหน่ง และวิทยฐานะของผู้ถูกสั่งพักราชการ ตลอดจนกรณี และสาเหตทุ ่สี ่ังใหพ้ กั ราชการ 9.5 หา้ มมใิ หส้ ่ังพกั ราชการยอ้ นหลังไปก่อนวันออกคาส่ัง เว้นแต่ผู้ถูกสั่งพักราชการอยู่ในระหว่างถูก ควบคุม หรือขัง โดยเป็นผู้ถูกจับในคดีอาญาหรือต้องจาคุกโดยคาพิพากษา ก็ให้ส่ังย้อนหลังไปถึงวันท่ี ผนู้ นั้ ถูกควบคุมขงั หรือจาคุก 9.6 การออกคาส่ังพักราชการอันมีเหตุมาจากการกระทาความผิดวินัยอย่างร้ายแรง คาส่ังพักราชการ จะตอ้ งออกภายหลังคาสัง่ แตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างรา้ ยแรงแลว้ คมู่ อื ปฏิบตั งิ านสำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั กลุม่ บรหิ ารงานบคุ คล หน้า 120

9.7 ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนย่อมพ้นสภาพการเป็นข้าราชการและต้องออกจากราชการ ไปช่ัวคราว แต่เป็นการออกจากราชการที่ไม่เด็ดขาดจะต้องมีการสั่งการอย่างใดอย่างหน่ึงเม่ือการสอบสวน พิจารณาเสรจ็ แล้วอีกช้ันหนึ่ง 9.8 ถา้ ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไวก้ ่อน เห็นวา่ ตนไม่ได้รบั ความเปน็ ธรรม หรอื เห็นวา่ ผู้บงั คบั บญั ชา ใชอ้ านาจหน้าทอ่ี อกคาสง่ั โดยไมถ่ กู ต้อง หรอื ไม่ปฏิบตั ิใหถ้ กู ต้องตามกฎหมาย ใหม้ ีสิทธิร้องทุกขต์ ่อ ก.ค.ศ. ได้ 9.9 ผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งต้ังหรือเลือนข้าราชการผู้อ่ืนให้มาดารงตาแหน่งท่ีว่างน้ันแทนผู้ถูก สัง่ ใหอ้ อกจากราชการไว้ก่อนได้ คมู่ อื ปฏิบตั งิ านสำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด กลุม่ บรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 121

๑. ชอ่ื งาน (กระบวนงาน) การอุทธรณ์ ๒. วัตถุประสงค์ เพ่ือให้การอุทธรณ์ และการพิจารณาอุทธรณ์ มีกระบวรนการที่ถูกต้องเป็นธรรม และเป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด ๓. ขอบเขตของงาน ตามกฎ ก.ค.ศ.วา่ ด้วยการอุทธรณแ์ ละการพจิ ารณาอทุ ธรณ์ พ.ศ. 2550 การอุทธรณค์ าสั่งลงโทษทางวินยั ใหอ้ ทุ ธรณไ์ ด้สาหรบั ตนเองเทา่ นน้ั จะอุทธรณ์แทนผอู้ ืน่ หรือมอบหมายใหผ้ ู้อน่ื อทุ ธรณแ์ ทนไม่ได้ ๔. คาจากัดความ การอุทธรณ์ หมายถงึ การที่ผู้ถูกลงโทษทางวินัยร้องขอใหผ้ ูม้ ีอานาจหน้าท่ีตามกฎหมายกาหนดไว้ให้ ไดย้ กเรอื่ งข้ึนพจิ ารณาใหมใ่ ห้เปน็ ไปในทางท่ีเปน็ คณุ แก่ผู้รอ้ ง ๕. ข้ันตอนการปฏบิ ัติงาน 1. การอทุ ธรณแ์ ละการพจิ ารณาอุทธรณ์คาส่ังลงโทษทางวินัย ให้อุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่ วันทไ่ี ด้รับแจง้ คาสัง่ 2. การอทุ ธรณค์ าสง่ั ลงโทษทางวินัย ให้อุทธรณ์ได้สาหรับตนเองเท่าน้ัน จะอุทธรณ์แทนผู้อื่นหรือ มอบหมายให้ผ้อู ืน่ อทุ ธรณ์แทนไมไ่ ด้ 3. การอุทธรณ์คาส่งั ลงโทษทางวินัยของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทส่ี ังกดั สานักงาน เขตพ้ืนท่ี การศึกษาให้ดาเนนิ การดังต่อไปน้ี 3.1 การอุทธรณ์คาส่ังลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ให้อุทธรณ์ต่อ ก.ค.ศ. และ ให้ ก.ค.ศ. เปน็ ผ้พู จิ ารณา 3.2 การอุทธรณ์คาส่ังลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือนของผู้อานวยการ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาหรอื ผู้อานวยการสถานศกึ ษา ให้อทุ ธรณ์ต่อ กศจ. และให้ กศจ. เปน็ ผพู้ จิ ารณา 3.3 การอุทธรณ์คาสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือนของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรเี จา้ สังกดั เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน หรือคาสั่งของผู้บังคับบัญชา ซ่ึงส่ังตามมติ ของ กศจ. ให้อุทธรณต์ ่อ ก.ค.ศ. และให้ ก.ค.ศ. เป็นผ้พู จิ ารณา 4. การอุทธรณ์ต่อ กศจ. ให้ทาเป็นหนงั สืออุทธรณถ์ ึงประธาน กศจ. หรือศึกษาธิการจังหวดั การอุทธรณ์ตอ่ ก.ค.ศ. ให้ทาหนงั สอื ถงึ อุทธรณ์ประธาน ก.ค.ศ. หรือ เลขาธิการ ก.ค.ศ. และย่ืนที่ สานักงาน ก.ค.ศ. การยื่นหรือส่งหนังสืออุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์จะยื่นหรือส่งผ่านผู้บังคับบัญชาก็ได้โดยให้ ผู้บังคับบัญชานั้นส่งหนังสืออุทธรณ์ไปยังศึกษาธิการจังหวัดหรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี ภายใน สามสิบวนั ทาการนบั แต่วันที่ผู้บงั คับบญั ชาดังกลา่ วได้รบั หนังสืออทุ ธรณ์ 7. อุทธรณ์ท่ีจะรับไว้พิจารณาได้ต้องเป็นอุทธรณ์ท่ีถูกต้องในสาระสาคัญและได้อุทธรณ์ภายใน กาหนดเวลา ในกรณที ี่ กศจ.หรือ ก.ค.ศ. แลว้ แตก่ รณี มีมติไม่รับอุทธรณ์คาสั่งลงโทษไว้พิจารณาให้เป็นท่ีสุด และแจ้งมตนิ ัน้ พร้อมสทิ ธใิ นการฟอ้ งศาลปกครองใหผ้ ูอ้ ุทธรณ์ทราบเปน็ หนงั สอื โดยเร็ว 8. ผู้อุทธรณ์จะขอถอนอุทธรณ์ก่อนท่ี กศจ.หรือ ก.ค.ศ. วินิจฉัยอุทธรณ์เสร็จส้ินก็ได้ เมื่อได้ถอน อุทธรณ์แลว้ การพิจารณาอุทธรณใ์ หเ้ ป็นอนั ระงบั คูม่ อื ปฏิบัติงานสำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัด กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หน้า 122

9. เมื่อ กศจ. หรอื ก.ค.ศ. ได้มีมตเิ ปน็ ประการใดแล้ว ให้ผูม้ อี านาจตามมาตรา 53 สั่ง หรือปฏิบัติ ให้เป็นไปตามมตนิ ั้น 10. ในกรณที ผ่ี ูม้ ีอานาจตามมาตรา 53 ได้สงั่ ตามมติแลว้ ผู้อุทธรณจ์ ะอทุ ธรณต์ ่อไปอีกมไิ ด้ เวน้ แต่ ผ้มู ีอานาจดังกล่าวส่ังเพิ่มโทษเป็นโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ หรือสั่งให้ออกจากราชการ ผอู้ ุทธรณ์ มีสทิ ธิอทุ ธรณ์หรือรอ้ งทกุ ขต์ อ่ ก.ค.ศ. 11. การพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คาสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการในกรณีที่อุทธรณ์ ต่อ ก.ค.ศ. เมื่อ ก.ค.ศ. มีมติเป็นประการใด ผู้อุทธรณ์จะอุทธรณ์หรือร้องทุกข์ต่อไปอีกมิได้ และให้แจ้ง ผอู้ ุทธรณ์ทราบพรอ้ มทัง้ แจง้ สิทธฟิ ้องคดีตอ่ ศาลปกครอง 12. เมื่อมีการอุทธรณ์มายัง กศจ. หรือ ก.ค.ศ. คณะกรรมการดังกล่าวต้องพิจารณาอุทธรณ์ ภายใน 90 วัน นบั แตว่ ันทไ่ี ด้รบั หนงั สอื อทุ ธรณ์ตามมาตรา 122 แหง่ พระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการครู และบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และพระราชบัญญตั วิ ิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 13. การพิจารณาอุทธรณ์คาสั่งลงโทษทางวินัย ให้ถือว่าการพิจารณาอุทธรณ์เป็นการพิจารณา รายงานการดาเนนิ ทางวินัยด้วย ตามขอ้ 7 วรรคหา้ ของระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานการดาเนินการ ทางวินยั และการออกจากราชการของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2561 13.1 เมอื่ ประธาน กศจ. หรือศกึ ษาธกิ ารจังหวัดไดร้ บั หนังสอื อทุ ธรณ์แลว้ มคี าส่ังมอบหมาย ให้เจ้าหน้าท่ีผู้ดารงนิติกรเป็นเจ้าของสานวนรับผิดชอบเพื่อพิจารณาหนังสืออุทธรณ์ ท้ังข้อเท็จจริง ขอ้ กฎหมาย และข้อโต้แย้งของผู้อุทธรณ์ โดยพิจารณาจากสานวนการสืบสวนหรือการพิจารณาในเบ้ืองต้น ตามมาตรา 95 และสานวนการดาเนินการทางวินัยตามมาตรา 98 หรือสานวนการไต่สวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรอื ตามกฎหมายอน่ื ท่ีบัญญัติให้ฟังขอ้ เท็จจรงิ ตามนัน้ และในกรณีจาเป็นและสมควร อาจขอเอกสารและหลักฐานทเี่ ก่ยี วข้องเพ่ิมเติม รวมทั้งคาช้ีแจงจากหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจหน่วยงานอื่น ของรัฐห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือบุคคลใดๆ หรือขอให้ผู้แทนหน่วยราชการรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอ่ืนของรัฐ หา้ งหุ้นส่วน บรษิ ทั ข้าราชการหรือบุคคลใดๆ มาใหถ้ ้อยคาหรือช้แี จงขอ้ เท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาได้ ในกรณที ่ผี ู้อุทธรณข์ อแถลงการณ์ด้วยวาจา หากเห็นว่าการแถลงการณ์ด้วยวาจา ไม่จาเป็นแก่การพิจารณา วนิ ิจฉัยอทุ ธรณ์ จะให้งดการแถลงการณ์ด้วยวาจากไ็ ด้ ในกรณีท่ีนัดให้ผู้อุทธรณ์มาแถลงการณ์ด้วยวาจาต่อที่ ประชมุ ใหแ้ จ้งให้ผู้ดารงตาแหน่งท่ีส่ังลงโทษหรือเพ่ิมโทษทราบด้วยว่า ถ้าประสงค์จะแถลงแก้ก็ให้มาแถลง ด้วยตนเองหรือมอบหมายเป็นหนังสือให้ข้าราชการท่ีเกี่ยวข้องเป็นผู้แทนมาแถลงแก้ต่อที่ประชุมคร้ังน้ันได้ ทั้งนี้ใหแ้ จ้งล่วงหนา้ ตามควรแกก่ รณี และเพ่ือประโยชน์ในการแถลงแกด้ งั กล่าว ให้ผู้ดารงตาแหน่งท่ีสงั่ ลงโทษ หรือเพม่ิ โทษหรือผ้แู ทนเขา้ ฟังคาแถลงการณด์ ว้ ยวาจาของผูอ้ ุทธรณไ์ ด้ ในการพจิ ารณาอทุ ธรณ์ เห็นสมควรที่ จะต้องสอบสวนใหมห่ รอื สอบสวนเพม่ิ เติมเพื่อประโยชน์แห่งความถูกต้องและเหมาะสมตามความเป็นธรรม ใหเ้ สนอ กศจ. มมี ติ ใหส้ อบสวนใหมห่ รอื สอบสวนเพ่มิ เตมิ ในเรอ่ื งนนั้ ได้ตามความจาเป็น โดยจะสอบสวนเอง หรอื แตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนใหส้ อบสวนใหมห่ รือสอบสวนเพิ่มเติมแทนก็ได้ หรือกาหนดประเด็นหรือ ขอ้ สาคญั ท่ีต้องการทราบสง่ ไปให้ผู้สอบสวนเดมิ ทาการสอบสวนเพิ่มเติม กไ็ ด้ เมื่อนิติกรเจา้ ของสานวนพิจารณาแล้ว เสนอศึกษาธิการจังหวดั เพ่อื นาเสนอ กศจ. พิจารณา มมี ตไิ ด้ดังต่อไปนี้ (1) ถา้ เหน็ วา่ การสัง่ ลงโทษถกู ต้องและเหมาะสมกับความผดิ แล้ว ใหม้ ีมตใิ ห้ยกอทุ ธรณ์ (2) ถ้าเห็นว่าการสั่งลงโทษไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับความผิด และเห็นว่าผู้อุทธรณ์ได้ กระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรง แต่ควรไดร้ บั โทษหนกั ขน้ึ ให้มมี ตใิ หเ้ พมิ่ โทษเปน็ สถานโทษหรอื อตั ราโทษท่ีหนักขน้ึ (3) ถ้าเห็นว่าการส่ังลงโทษไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับความผิด และเห็นว่าผู้อุทธรณ์ได้ กระทาผดิ วนิ ยั ไมร่ า้ ยแรง ควรได้รบั โทษเบาลง ให้มมี ตใิ หล้ ดโทษเปน็ สถานโทษหรืออัตราโทษท่ีเบาลง คู่มอื ปฏบิ ตั ิงานสำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด กลุ่มบรหิ ารงานบุคคล หน้า 123

(4) ถ้าเห็นว่าการส่ังลงโทษไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับความผิด และเห็นว่าผู้อุทธรณ์ได้ กระทาผดิ วินยั ไมร่ า้ ยแรง ซงึ่ เปน็ การกระทาผิดวินัยเลก็ นอ้ ย และมเี หตุอันควรงดโทษใหม้ ีมติให้ส่ังงดโทษโดย ใหท้ าทณั ฑบ์ นเป็นหนังสอื หรือว่ากล่าวตักเตอื นกไ็ ด้ (5) ถ้าเห็นว่าการส่ังลงโทษไม่ถูกต้อง และเห็นว่าการกระทาของผู้อุทธรณ์ไม่เป็นความผิด วินัยหรอื พยานหลกั ฐานยังฟงั ไมไ่ ด้ว่าผอู้ ุทธรณก์ ระทาผิดวินัย ใหม้ ีมตใิ หย้ กโทษ (6) ถ้าเหน็ วา่ ขอ้ ความในคาสั่งลงโทษไม่ถูกตอ้ งหรือไม่เหมาะสม ใหม้ มี ตใิ หแ้ ก้ไขเปลี่ยนแปลง ขอ้ ความใหเ้ ป็นการถกู ตอ้ งเหมาะสม (7) ถา้ เหน็ ว่าการส่ังลงโทษไมถ่ กู ตอ้ งหรือไมเ่ หมาะสมกบั ความผิด และเหน็ วา่ กรณีมีมูลท่ีควร กลา่ วหาวา่ ผู้อทุ ธรณ์กระทาผิดวินยั อย่างรา้ ยแรง ให้มมี ติให้ผูบ้ งั คับบัญชาแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวนตาม มาตรา 98 วรรคสอง และดาเนนิ การตามกฎหมายต่อไป (8) ในกรณีที่เห็นว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามที่ กาหนดใน กฎ ก.ค.ศ. หรอื เห็นว่าผู้อทุ ธรณ์กระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้มีการดาเนินการทางวินัยตาม มาตรา 98 วรรคสอง แล้ว ให้มมี ตใิ หเ้ พิ่มโทษเปน็ ปลดออกหรอื ไล่ออกจากราชการ (9) ถา้ เห็นวา่ การสั่งลงโทษไม่ถูกตอ้ งหรอื ไม่เหมาะสมกบั ความผิดและเห็นวา่ ผูอ้ ทุ ธรณ์มีกรณี ท่ีสมควรแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือให้ออกจากราชการตามมาตรา 110 (4) มาตรา 111 หรือมาตรา 112 ให้มีมติใหผ้ บู้ ังคับบัญชาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน และดาเนนิ การตามกฎหมาย ตอ่ ไป (10) ถ้าเห็นสมควรดาเนินการโดยประการอื่นใด เพ่ือให้มีความถูกต้องตามกฎหมายและมี ความเป็นธรรม ใหม้ มี ติใหด้ าเนนิ การไดต้ ามควรแกก่ รณี การออกจากราชการของผู้อุทธรณ์ไม่เป็นเหตุท่ีจะยุติการพิจารณาอุทธรณ์ แต่จะมีมติตาม (2) หรอื (9) มไิ ด้ หรอื ถ้าเปน็ การออกจากราชการเพราะตายจะมีมตติ าม (7) หรือ (8) มิได้ ในกรณีที่มีผู้ถูกลงโทษทางวินัยในความผิดที่ได้กระทาร่วมกัน และเป็นความผิดในเรื่อง เดียวกันโดยมีพฤติการณ์แห่งการกระทาอย่างเดียวกัน เมื่อผู้ถูกลงโทษคนใดคนหน่ึงใช้สิทธิอุทธรณ์คาส่ัง ลงโทษดงั กลา่ ว และผลการพิจารณาเป็นคุณแก่ผู้อุทธรณ์ แมผ้ ู้ถูกลงโทษคนอ่ืนจะไม่ไดใ้ ช้สทิ ธอิ ทุ ธรณ์ หากพฤตกิ ารณข์ องผูไ้ มไ่ ดใ้ ช้สทิ ธอิ ุทธรณ์เป็นเหตุในลักษณะคดีอันเป็นเหตุเดียวกับกรณีของ ผู้อุทธรณ์แล้ว ให้มีมติให้ผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ได้รับการพิจารณาการลงโทษให้มีผลในทางท่ีเป็นคุณ เช่นเดยี วกบั ผู้อทุ ธรณด์ ้วย คมู่ ือปฏบิ ัตงิ านสำนักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั กลุม่ บรหิ ารงานบุคคล หน้า 124

๖. Flow Chart การปฏิบัตงิ าน ยน่ื อุทธรณ์ คาสง่ั ลงโทษ ทางวินัยไม่ร้ายแรง ยนื่ อุทธรณ์ คาสง่ั ลงโทษ ทางวนิ ัยรา้ ยแรง (ยืน่ เป็นหนงั สือดว้ ยตนเองเท่านั้นและตอ้ งย่นื ภายใน 30 วัน (ย่ืนเป็นหนังสอื ดว้ ยตนเองเท่านนั้ และต้องยื่นภายใน นับแต่วันที่ได้รบั ทราบคาสงั่ ตอ่ กศจ.) 30 วัน นบั แตว่ ันทไี่ ดร้ ับทราบคาสั่ง ตอ่ ก.ค.ศ.) ประธาน กศจ. หรือ ก.ค.ศ. หรอื สานักงานศึกษาธิการจังหวดั รบั หนังสอื อุทธรณ์ เเล้ว มอบหมายเจา้ หนา้ ท่ี หรือนติ ิกรพิจารณและจัดทาความเหน็ เสนอ กศจ. กศจ. หรอื ก.ค.ศ. แลว้ เเต่กรณี เป็นผพู้ จิ ารณา โดยพจิ ารณาภายใน 90 วันนับแต่วันทไี่ ด้รบั หนังสือ เมือ่ กศจ. หรือ ก.ค.ศ.แล้วเเต่กรณี พิจารณาแล้วมีมติเป็นประการใดให้ ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 สั่ง หรือ ปฏบิ ัตใิ หเ้ ปน็ ไปตามมตนิ ้ัน ในกรณที ี่ผูม้ อี านาจตามมาตรา 53 ได้สงั่ ตามมติแลว้ ผู้อุทธรณจ์ ะ อุทธรณต์ ่อไปอีกมิได้ เว้นแต่ ผู้มีอานาจดงั กลา่ วสัง่ เพ่มิ โทษเปน็ โทษ ปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ หรือสง่ั ให้ออกจากราชการ ผอู้ ุทธรณ์ มีสิทธอิ ุทธรณ์หรือรอ้ งทุกขต์ อ่ ก.ค.ศ. คู่มือปฏบิ ตั ิงานสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั กลุม่ บริหารงานบคุ คล หนา้ 125

๗. แบบฟอรม์ ทีใ่ ช้ แบบฟอร์มการอทุ ธรณ์คาสัง่ ลงโทษ (ตัวอย่างตามภาคผนวก) ๘. เอกสาร/หลกั ฐานอ้างองิ ๘.๑ มาตรา ๕๓ มาตรา 122 แห่งพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔๗ และทีแ่ ก้ไขเพิม่ เตมิ ๘.๒ กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการอุทธรณแ์ ละการพจิ ารณาอทุ ธรณ์ พ.ศ. 2550 ๙. ขอ้ สงั เกตในการปฏบิ ตั ิ 1. การนบั ระยะเวลาอุทธรณใ์ หน้ บั แตว่ นั ท่ีผ้ถู ูกลงโทษลงลายมอื ชื่อรับทราบคาสงั่ ลงโทษฯ 2. ผู้อทุ ธรณม์ ีสทิ ธคิ ดั คา้ น คณะอนุกรรมการหรือคณะกรรมการผ้พู จิ ารณาอทุ ธรณ์ กรณหี ากพบวา่ คณะอนุกรรมการหรอื คณะกรรมการดังกลา่ วเป็นผู้มีสภาพรา้ ยแรงอันจะส่งผลใหก้ ารพิจารณาอุทธรณ์ไม่เปน็ กลาง 3. ผูอ้ ทุ ธรณท์ ่ีประสงค์ จะแถลงดว้ ยวาจา 4. การยน่ื หรอื ส่งหนงั สอื อทุ ธรณ์ ผูอ้ ทุ ธรณ์จะยน่ื หรอื ส่งผา่ นผบู้ ังคบั บัญชาก็ได้ โโยให้ผู้บงั คบั บญั ชา นั้นสง่ หนงั สอื ไปยัง หน่วยงานีทท่ี าหนา้ ทเ่ี ลขานุการ กศจ. หรอื ก.ค.ศ. แลว้ แตก่ รณี ภายใน 3 วันนับแตว่ ันที่ ผู้บังคับบญั ชาได้รบั หนงั สือดงั กล่าว 5. ผู้อทุ รณ์ สามารถถอนอุทธรณ์ก่อนที่จะมีการวินจิ ฉัยอุทธรณเ์ สรจ็ ส้นิ โดยตอ้ งทไเปน็ หนังสอื สง่ ตรง ตอ่ กศจ. ค่มู ือปฏบิ ตั งิ านสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั กล่มุ บริหารงานบคุ คล หน้า 126

๑. ชื่องาน (กระบวนงาน) การร้องทุกข์ ๒. วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ เปน็ แนวทางสาหรับนติ กิ รในการดาเนินงานเรื่องร้องทุกข์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา และสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา โดยการร้องทกุ ข์เปน็ กรณีท่รี ัฐจัดใหม้ หี ลักประกันเพื่อความเป็นธรรมสาหรับข้าราชการ เป็นหลักการ ท่ีสาคัญประการหนึ่งในการบริหารงานบุคคลอันเป็นการเสริมสร้างขวัญกาลังใจและประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงานของข้าราชการ โดยมีจุดมุ่งหมายท่ีสาคัญเพื่อคุ้มครองป้องกันมิให้ข้าราชการถูกกล่ันแกล้ง หรือไดร้ ับการปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรม ๓. ขอบเขตของงาน ครอบคลุมต้ังแต่การรับเรื่องร้องทุกข์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตลอดจนการ ดาเนินการแจง้ ผลใหท้ ราบ การร้องทุกข์ กลา่ วถงึ เฉพาะในสว่ นของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาพ. ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมเท่านั้น ไม่ได้มีความหมาย รวมไปถึงการร้องทุกข์ของพนักงานราชการลูกจ้างประจาและลูกจ้างช่ัวคราวท่ีใช้ระเบียบกฎหมายแยกต่าง หากแต่อยา่ งใด ๔. คาจากดั ความ 1) การร้องทุกข์ หมายถึง การท่ีข้าราชการร้องขอความเป็นธรรมขอให้แก้ไขปัญหาท่ีเห็นว่าตนไม่ได้ รบั ความเป็นธรรมหรือมีความคับข้องใจเน่อื งจากการกระทาของผู้บงั คับบัญชา ในเร่ืองเกี่ยวกับการบริหารงาน บุคคล หรื อจากการท่ีข้าราชการถูก กระ ทบสิทธิหรื อไม่ได้รั บคว ามเป็นธ รรมจาก คาส่ังขอ ง ฝา่ ยปกครอง ไมว่ า่ การกระทานัน้ จะเปน็ การใชอ้ านาจตามกฎหมาย หรือ เป็นการใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา ผู้อย่ใู ต้บงั คับบัญชาย่อมมีสิทธิรอ้ งทกุ ข์ได้โดยชอบ ตามพระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 122 และมาตรา 123 บัญญัติให้ผู้ถูกส่ังให้ออกจากราชการมีสิทธิร้องทุกข์ ต่อ ก.ค.ศ. และผู้ซึ่งเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีความคับข้องใจเน่ืองจากการกระทาของ ผู้บังคบั บัญชา หรอื กรณถี ูกตงั้ กรรมการสอบสวนมสี ิทธริ อ้ งทกุ ข์ต่อ กศจ. ภายใน 30 วนั นบั แตว่ ันทรี่ ู้เหตุแห่ง การร้องทุกข์ หรือในกรณีที่เห็นว่า กศจ. มีมติไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ให้ร้องทุกข์ต่อ ก.ค.ศ. ซึง่ มติ ก.ค.ศ. ถอื เปน็ ทส่ี ุด 2) กศจ. หมายถงึ คณะกรรมการศกึ ษาธกิ ารจังหวัด ทไ่ี ดร้ ับการแต่งตัง้ เพอ่ื พิจารณาเกยี่ วกับการ บรรจุ การแตง่ ต้ัง การโยกย้าย การดาเนนิ การทางวนิ ยั การกาหนดวิทยฐานะ หรอื การกาหนดสทิ ธิประโยชน์ ตา่ งๆของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา 3) อ.ก.ศ.จ. หมายถึง คณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ท่ีได้รับการแต่งตั้งเพ่ือช่วยเหลือ หรือ กล่ันกรองงานให้แก่ กศจ. เกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งต้ัง การโยกย้าย การดาเนินการทางวินัย การกาหนด วิทยฐานะ หรอื การกาหนดสทิ ธิประโยชนต์ ่างๆของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา คู่มอื ปฏบิ ตั ิงานสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด กลมุ่ บริหารงานบุคคล หน้า 127

4) ผู้มอี านาจตามมาตรา 53 หมายถึง ศกึ ษาธิการจังหวัด ซึ่งเป็นผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งต้ังตาม มาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไ ข เพิม่ เติม ๕. ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงาน 5.1 การร้องทุกข์สาหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดเขตพื้นที่ การศึกษาให้ดาเนนิ การดงั นี้ (1) ในกรณีที่เหตุร้องทุกข์เกิดจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี เลขาธิการ หรือคาส่ังของ ผู้บังคับบญั ชาสั่งการตามมติของ กศจ. หรือกรณีเหตุร้องทุกข์ เกิดจากการถูกส่ังพักราชการตามมาตรา 103 และการส่ังให้ออกจากราชการทุกกรณี ให้รอ้ งทกุ ขต์ ่อ ก.ค.ศ. และให้ ก.ค.ศ. เป็นผ้พู จิ ารณา (2) ในกรณีที่เหตุร้องทุกข์เกิดจากผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาลงมา ให้รอ้ งทุกข์ตอ่ กศจ. และให้ กศจ. เปน็ ผพู้ จิ ารณา 5.2การร้องทุกข์สาหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีมิได้สังกัดเขตพื้นที่ การศึกษาใหด้ าเนินการดงั ต่อไปน้ี (1) ในกรณีท่ีเหตุร้องทุกข์เกิดจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ปลัดกระทรวงหรือ คาส่ังของผู้บังคับบัญชาซ่ึงสั่งการตามมติของ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือกรณีเหตุร้องทุกข์เกิดจากการ ถูกสัง่ พกั ราชการตามมาตรา 103 ใหร้ ้องทุกขต์ ่อ ก.ค.ศ. และให้ ก.ค.ศ. เปน็ ผู้พิจารณา (2) ในกรณที ่เี หตรุ ้องทุกข์เกิดจากปลดั กระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ อธิบดีหรือตาแหน่ง ทีเ่ รียกช่อื อย่างอื่นท่มี ีฐานะเทียบเท่า อธิการบดหี รือตาแหนง่ ที่เรียกช่ืออยา่ งอื่นท่มี ีฐานะเทียบเท่าผู้อานวยการ สานัก ผู้อานวยการกอง ผู้อานวยการสถานศึกษาหรือตาแหน่งท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่า ให้ร้อง ทุกขต์ อ่ อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ตั้ง และให้ อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ต้ัง เป็นผพู้ ิจารณา 5.3 การพจิ ารณาเรอ่ื งร้องทุกข์ เม่อื ไดร้ บั เรือ่ งร้องทุกข์ เมอ่ื ไดร้ ับหนงั สอื ร้องทกุ ขแ์ ลว้ สานักงานศกึ ษาธิการจงั หวัดซ่ึงทาหนา้ ทเ่ี ลขานุการ กศจ. หรือส่วน ราชการท่ีทาหน้าที่เลขานุการของ อ.ก.ค.ศ.ที่ ก.ค.ศ. ต้ัง หรือสานักงาน ก.ค.ศ.แล้วแต่กรณี มีหนังสือแจ้ง พร้อมท้ังส่งสาเนาหนังสือร้องทุกข์ให้ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุแห่งการร้องทุกข์ทราบโดยเร็ว และ ใหผ้ บู้ ังคับบัญชาส่งเอกสารหลักฐานท่ีเกี่ยวข้องพร้อมคาช้ีแจงไปเพ่ือประกอบการพิจารณา ภายใน 7 วัน ทา การนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ทั้งน้ี ให้พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่ วันได้รับหนังสือร้องทุกข์ และเอกสารหลักฐานคาช้ีแจงจากผู้บังคับบัญชาแล้ว แต่ถ้ามีความจาเป็นไม่อาจ พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าว ให้ขยายเวลาพิจารณาได้อีกไม่เกิน 30 วัน และให้บันทึกแสดง เหตุผลความจาเปน็ ทีต่ ้องขยายเวลาไวด้ ้วย ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการพิจารณาเร่ืองร้องทุกข์ พิจารณาถึงเหตุแห่งการไม่ได้รับความเป็น ธรรม หรือ เหตุแห่งความคับข้องใจเน่ืองจากการกระทาของผู้บังคับบัญชา หรือเหตุแห่งการแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวน รวมทั้งคาช้ีแจงจากหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ ห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือบุคคลใด ๆ หรือขอให้ผู้แทนหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ ห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคาหรือช้ีแจงข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาได้ เมื่อพิจารณาแล้วให้ทา ความเหน็ เสนอศกึ ษาธกิ ารจังหวัดเพ่อื นาเสนอ อกศจ. และ กศจ. พิจารณา ดงั ต่อไปนี้ คู่มอื ปฏิบัตงิ านสำนักงานศึกษาธิการจงั หวดั กลุม่ บรหิ ารงานบุคคล หน้า 128

(1) ถ้าเหน็ ว่าเหตุที่ทาให้ไม่ไดร้ บั ความเป็นธรรม หรือเหตแุ หง่ ความคับขอ้ งใจ หรือการแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนทางวนิ ัยนนั้ ผบู้ ังคบั บญั ชาได้ใช้อานาจหนา้ ที่ปฏิบัตติ ่อ ผู้รอ้ งทกุ ข์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้มีมติยกคารอ้ งทกุ ข์ (2) ถ้าเห็นว่าเหตุท่ีทาให้ไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรม หรือเหตแุ หง่ ความคบั ข้องใจ หรือการแตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบสวนทางวนิ ยั น้ัน ผบู้ ังคบั บัญชาไดใ้ ช้อานาจหน้าทป่ี ฏบิ ัตติ ่อผู้ร้องทกุ ขโ์ ดยไม่ชอบดว้ ย กฎหมาย ใหม้ มี ติเพกิ ถอนหรอื ยกเลิกการปฏบิ ตั หิ รอื ให้ข้อแนะนาตามที่เห็นสมควร เพือ่ ให้ผู้บังคบั บญั ชาปฏิบัติ ใหถ้ ูกต้องตามระเบยี บและแบบธรรมเนยี มของทางราชการ (3) ถ้าเห็นสมควรดาเนินการโดยประการอื่นใด เพื่อให้มีความถูกต้องตามกฎหมายและ มคี วามเปน็ ธรรม ใหม้ มี ติให้ดาเนินการได้ตามควรแกก่ รณี (4) ถา้ เหน็ วา่ การรอ้ งทุกข์ไม่เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ในข้อ 5 วรรคหน่ึงหรือวรรคสอง ข้อ 7 หรือ ขอ้ 8 ใหม้ ีมตไิ ม่รับคารอ้ งทุกข์ เมือ่ กศจ. มีมติเป็นประการใดแล้วให้เป็นท่สี ุด หากผรู้ อ้ งทกุ ข์ยงั ไม่พอใจอาจใชส้ ิทธิฟอ้ งคดตี ่อ ศาลปกครองได้ภายใน 90 วนั นับแต่วันไดร้ ับแจ้งคาวนิ จิ ฉยั รอ้ งทกุ ข์ คู่มือปฏิบตั ิงานสำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวัด กลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล หนา้ 129

๖. Flow Chart การปฏบิ ัติงาน เร่มิ ตน้ ขา้ ราชการครเู ห็นว่าตนไม่ไดร้ ับความเปน็ ธรรมหรือมีความคบั ขอ้ ง ใจเนื่องจากการกระทาของผบู้ งั คบั บัญชา ร้องทกุ ข์ เหน็ ว่าตนไม่ไดร้ บั ความเปน็ ธรรมหรอื มีกรณใี หค้ บั ถูกสงั่ ให้ออกจากราชการ ถกู สงั่ พกั ราชการ หรือ ขอ้ งใจเนอื่ งจากการกระทาของผู้บงั คับบญั ชาหรอื เห็นว่าคาส่งั ของผูบ้ งั คับบัญชาซงึ่ ตามมติ กศจ. ถกู แตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ไม่ถกู ตอ้ งหรือไมเ่ ป็นธรรม แจ้งผูบ้ งั คบั บัญชาผ้เู ป็นเหตุแหง่ การรอ้ งทุกขท์ ราบ แจ้งผู้บงั คบั บัญชาผ้เู ปน็ เหตแุ หง่ การรอ้ งทกุ ข์ทราบ เพอื่ ใหจ้ ดั สง่ เอกสารพรอ้ มคาช้ีแจงเพือ่ เพ่อื ให้จัดสง่ เอกสารพร้อมคาช้ีแจงเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา ประกอบการพจิ ารณา กศจ. พจิ ารณา (มติเป็นทสี่ ุด) ก.ค.ศ. พจิ ารณา (มติถือเปน็ ทสี่ ุด แจง้ ผูม้ ีอานาจตามมาตรา 53 ส่ัง หรอื ปฏบิ ัตติ ามมติ แจง้ ผูร้ อ้ งทกุ ข์ทราบ พร้อมสิทธิฟ์ ้องคดีตอ่ ศาล ปกครอง คู่มือปฏบิ ัตงิ านสำนกั งานศึกษาธิการจงั หวัด กลมุ่ บริหารงานบคุ คล หนา้ 130

๗. แบบฟอรม์ ทีใ่ ช้ - ๘. เอกสาร/หลักฐานอา้ งอิง ๘.1 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ และที่แก้ไข เพิ่มเตมิ 8.2 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรอ้ งทกุ ข์และการพิจารณาร้องทุกข์ พ.ศ. 2551 ๘.3 คาสง่ั คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๐ สัง่ ณ วันท่ี ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๐ 8.4 กฎหมาย กฎ ระเีบยี บ แและหนังสือเวยี นอื่นทเ่ี ก่ียวข้อง ๙. ข้อสงั เกตในการปฏบิ ัติ 9.1 ให้ร้องทุกขส์ าหรบั ตนเองเท่าน้ัน จะร้องทกุ ข์แทนผอู้ ่ืนหรอื ให้บุคคลภายนอกรอ้ งทุกขแ์ ทนไมไ่ ด้ 9.2 ให้ร้องทุกข์เป็นหนังสือลงลายมือช่ือพร้อมที่อยู่ของผู้ร้องทุกข์ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้ ทราบหรือควรทราบเหตุแห่งการร้องทุกข์ ยกเว้น กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือคับข้องใจจากการกระทา ของผู้บังคับบัญชา ผู้ร้องทุกข์อาจร้องทุกข์ด้วยวาจาเพื่อปรึกษาหรือแก้ข้อคับข้องใจต่อผู้บังคับบัญชาของตน ก่อนก็ได้ แต่หากไม่พอใจจึงร้องทุกขเ์ ปน็ หนงั สอื ตอ่ ไป 9.3 หนังสือร้องทุกข์ต้องมีสาระสาคัญที่แสดงข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายและเหตุผล ใหเ้ ห็นวา่ ไม่ไดร้ บั ความเป็นธรรมหรอื มคี วามคับข้องใจอย่างไร และแจ้งความประสงค์ของการร้องทุกข์ พร้อม พยานหลักฐานทม่ี ี 9.4 ผู้รอ้ งทกุ ขม์ สี ทิ ธขิ อแถลงการณด์ ว้ ยวาจาตอ่ ผูม้ ีอานาจพิจารณาร้องทุกข์ 9.5 ยน่ื ภายใน 30 วัน นับแต่วันทีไ่ ดท้ ราบหรือควรทราบเหตุแห่งการร้องทกุ ข์ 9.6 การยนื่ หนังสือร้องทุกข์อาจยื่นด้วยตนเองหรือสง่ ทางไปรษณีย์ก็ไดโ้ ดยถอื วันทสี่ านักงานไปรษณีย์ โทรเลขประทับตรารับท่ซี องเป็นวันทีย่ ่ืนหนงั สอื รอ้ งทุกข์ 9.7 ผู้ร้องทุกข์จะยื่นหรือส่งหนังสือร้องทุกข์ พร้อมกับสาเนารับรองถูกต้องหน่ึงฉบับผ่าน ผู้บังคับบัญชาผู้เป็นเหตุแห่งการร้องทุกข์ก็ได้ และให้ผู้บังคับบัญชาน้ันส่งหนังสือร้องทุกข์ พร้อมท้ังเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีคาช้ีแจงประกอบด้วย เพ่ือประกอบการพิจารณาของผู้มีอานาจพิจารณา รอ้ งทุกขภ์ ายใน 7 วนั ทาการ นบั แตว่ ันที่ได้รับหนังสอื รอ้ งทุกข์ 9.8 การรอ้ งทกุ ข์ กรณี การถูกส่ังให้ออกจากราชการทุกกรณี การถูกสั่งพักราชการตามมาตรา 103 หรือกรณีทีเ่ หตุร้องทกุ ขเ์ กดิ จากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ปลัดกระทรวง หรือคาส่ังของผู้บังคับบัญชา ห รื อ ผู้ มี อ า น า จ ต า ม ม า ต ร า 5 3 ซึ่ ง ส่ั ง ก า ร ต า ม ม ติ ข อ ง ก ศ จ . ใ ห้ ยื่ น ห นั ง สื อ ร้ อ ง ทุ ก ข์ ต่อ ก.ค.ศ. คู่มอื ปฏบิ ตั งิ านสำนกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั กลมุ่ บริหารงานบคุ คล หน้า 131

ประเภทเอกสาร : คมู่ ือขั้นตอนการดาเนนิ งาน ชอื่ เอกสาร : การจดั ทาแผนและส่งเสริมการพฒั นา ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา คมู่ ือปฏิบตั งิ านสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวัด กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 132

1. ชอื่ กระบวนการ การจัดทาแผนและส่งเสรมิ การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2. วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื เป็นแนวการปฏบิ ัติงานในการจดั ทาแผนและส่งเสรมิ การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา 3. ขอบเขตของงาน ตามพระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 79 ผบู้ ังคับบญั ชาทุกคน ทกุ ระดบั มีหนา้ ท่ีส่งเสรมิ สนบั สนนุ ใหข้ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาผู้อยู่ใต้ บงั คับบัญชาทุกคน ไดร้ ับงานพัฒนาอย่างเปน็ ระบบ ตอ่ เนอ่ื งและได้มาตรฐานถอื วา่ การปฏิบัติงานและการ เรยี นรู้เป็นเร่อื ง จาเป็นต้องพฒั นาตลอดเวลา ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ทุกคนมีหน้าที่ต้อง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนอ่ื งด้วย ใหม้ สี มรรถนะในการปฏิบตั ิงานก้าวทนั ต่อการเปลย่ี นแปลงทางวิชาการ และอนื่ ๆ นาผลการพฒั นาไปใช้ 4. คาจากัดความ “บุคลากรทางการศึกษา” หมายถึง ข้าราชการสงั กัดสานักงานศกึ ษาธิการจังหวดั “การพัฒนา” การพฒั นา คือ การทาให้เปลีย่ นแปลง - 5. ข้ันตอนการปฏิบตั งิ าน 5.1จัดทาขอ้ มูลสารสนเทศ โดยการจัดทาขอ้ มลู สารเทศท่ีมคี วามจาเปน็ ท่จี ะนามาใชว้ างแผนพฒั นา เชน่ -หาความจาเปน็ ในการพฒั นา (เชน่ การจาเป็นในการพัฒนางาน, พัฒนาคน และเรียงลาดับ ความจาเป็น) หรอื จัดทา Id plan - ตามความรคู้ วามสามารถ ความสนใจและความต้องการในการพัฒนาของบุคลาการของ หน่วยงาน - ขอ้ มลู สถานทีใ่ นการจัดอบรมพฒั นา หนว่ ยงานท่เี ป็นเครือข่ายในการพฒั นา - บคุ ลากรที่มคี วามเช่ยี วชาญ วทิ ยากร ในสาขาตา่ งๆ - ส่งบุคลากรไปร่วมพัฒนากับหน่วยงานอ่ืนตามความจาเป็น และความต้องการของ หนว่ ยงานและบุคคล 5.2จัดทาแผนพฒั นา เครอ่ื งมือ และเอกสารในการพฒั นา 5.3ดาเนินการพฒั นา 5.4ตดิ ตามและประเมนิ ผล 5.5นาผลการพัฒนาไปใช้ประโยชน์ ค่มู ือปฏบิ ัตงิ านสำนักงานศกึ ษาธิการจังหวัด กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หน้า 133

6. Flow Chart การปฏบิ ัตงิ าน 1.จัดทาขอ้ มูลสารสนเทศวางแผนการพฒั นา 2.จดั ทาแผนและ เคร่ืองมือการพฒั นา 4.ดาเนนิ การพัฒนา 5.ติดตามและประเมินผล 6.การนาผลการพฒั นาไปใช้ 7. แบบฟอร์มทีใ่ ช้ 7.1แบบสารวจขอ้ มูล 7.2แผนงาน/โครงการ 7.3แบบปฏิทินการปฏิบัตงิ าน 7.4แบบบนั ทึกการดาเนินงาน 7.5แบบสรปุ ผล 7.6แบบเสนอแนะ 8. เอกสาร/หลักฐานอา้ งอิง 8.1 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไข เพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 57 8.2 หนงั สอื สานักงาน ก.ค.ศ.ท่ี ศธ 0206/ว10 ลงวนั ท่ี 27 สิงหาคม 2551 เร่ือง หลักเกณฑ์และ วิธกี ารพฒั นาข้าราชการครแู ละบุคลาการทางการศึกษาผู้อยูใ่ ตบ้ ังคับบญั ชา คู่มือปฏบิ ตั ิงานสำนักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั กลุม่ บรหิ ารงานบุคคล หนา้ 134

1. ชือ่ กระบวนงาน การจดั ทาแฟ้มประวัติ ก.พ.7 ของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาบรรจุแต่งตัง้ ใหม่ 2. วตั ถุประสงค์ เพ่อื เปน็ แนวปฏิบัตกิ ารปฏิบตั ิงานการจดั ทาแฟม้ ประวัตขิ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา 3. ขอบเขตของงาน ตามหนังสือสานกั งาน ก.พ. ท่ี สร 1007/ ว.28 ลงวันท่ี 15 กันยายน 2518 เรอ่ื ง ก.พ. 7 แบบใหม่ และแฟ้มประวตั ขิ า้ ราชการไดก้ าหนดให้สว่ นราชการเจ้าสังกัด ตามแนวปฏบิ ัติ ขอ้ (2.4) ต้องจดั ทา แฟม้ ประวัติข้าราชการให้แกผ่ ู้รบั การบรรจเุ ขา้ รบั ราชการใหม่ และผู้ทเ่ี ป็นขา้ ราชการอยู่แลว้ ทุกคน คนละ 1 แฟม้ ให้มขี ้อมลู ที่สมบรู ณ์ และทนั สมัยอยู่เสมอ และเกบ็ รกั ษาไวท้ ส่ี ว่ นราชการเจ้าสังกัดระดับกรม 4. คาจากัดความ แฟ้มประวัติ หมายถึง แฟ้มประวัติข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาที่ ก.ค.ศ.กาหนด และรวมถงึ ลกู จ้างประจาและพนกั งานราชการ 5. ข้นั ตอนการปฏบิ ัติงาน 5.1 ผูบ้ รรจเุ ข้ารับราชการใหม่ต้องเตรียมเอกสารในการจดั ทา ก.พ.7 ได้แก่ แบบใบสมัครคดั เลือกเพือ่ บรรจุเขา้ รบั ราชการหรอื แบบใบสมัคร สอบแขง่ ขนั เพอื่ บรรจแุ ตง่ ตง้ั ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาแลว้ แตก่ รณี จานวน 1 ชุด 5.1.1 ใบรายงานตวั เขา้ ราชการ จานวน 1 ชดุ 5.1.2 คาสงั่ แต่งต้ังใหด้ ารงตาแหน่ง 5.1.3 หนงั สอื ส่งตวั ผซู้ งึ่ จะบรรจเุ ข้ารับราชการ ไปพิมพ์ลายนิ้วมือเพอื่ ตรวจสอบความประพฤติ ยงั สถานีตารวจท่ขี ้าราชการผู้นั้นมภี มู ลิ าเนาอยู่ (ตามสาเนาทะเบียนบา้ น) 5.1.4 สาเนาทะเบียนบ้าน จานวน 1 ฉบับ 5.1.5 สาเนาปรญิ ญาบตั ร จานวน 1 ฉบับ 5.1.6 ใบรับรองแพทย์ (ระบหุ ม่โู ลหิตด้วย) จานวน 1 ฉบับ 5.1.7 รูปถ่ายขนาด 3 x4 ซม. การแต่งกาย ใช้เครอื่ งแบบขา้ ราชการไมต่ ้องประดบั เคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์และแถบสีต่าง ๆ จานวน 4 รปู 5.1.8 หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตวั ชอ่ื สกลุ จานวน 1 ฉบับ (ถ้าม)ี 5.1.9 สาเนาทะเบียนสมรส จานวน 1 ฉบบั (ถ้ามี) 5.1.10 สาเนาบตั รประชาชน จานวน 1 ฉบับ 5.2 เจ้าหน้าที่ทะเบยี นประวัติ จัดเตรยี มเอกสารที่ต้องใช้สาหรบั จดั ทา ก.พ. 7 ผู้บรรจใุ หม่ 5.2.1 แฟ้มประวตั ิ ข้าราชการ จานวน 1 แฟ้ม 5.2.2 ก.พ.7 จานวน 2 แฟ้ม 5.2.3 หนงั สอื แสดงเจตนาระบตุ วั ผู้รับบาเหน็จตกทอด จานวน 1 ฉบับ 5.2.4 หนงั สอื แสดงเจตนาระบตุ วั ผ้รู ับเงินช่วยพเิ ศษกรณีขา้ ราชการถงึ แก่ความตาย จานวน 1 ฉบบั 5.3 เจ้าหน้าที่ทะเบยี นประวัติ อธบิ ายการกรอกข้อมลู ใน ก.พ. 7 โดยให้ผู้บรรจุเข้ารับราชการตอ้ ง เปน็ ผูบ้ ันทกึ ด้วยตนเอง ได้แก่ ช่อื ตวั -ชื่อสกลุ ,วนั เดือน ปี เกิด, ช่ือคู่สมรส (ถ้ามี), ช่ือบิดา มารดา, ประวตั กิ ารศึกษา ฝกึ อบรม และดงู าน และบนั ทึกชอ่ื ตวั – ช่อื สกุล ระดบั ท่บี รรจุ คูม่ ือปฏิบัตงิ านสำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หนา้ 135

5.4 เจา้ หนา้ ท่ีทะเบียนประวัติ ตรวจสอบความถูกต้อง และบันทึกขอ้ มลู ในส่วนเจ้าหน้าท่แี ละเกบ็ เอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในแฟม้ ประวัตขิ า้ ราชการ เสนอหวั หน้าส่วนราชการลงนามใน ก.พ. 7 โดยส่งไปเก็บไวท้ ี่สานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จานวน 1 ชุด และเก็บไว้ท่ีสานกั งานศึกษาธิการจงั หวดั จานวน 1 ชุด 6. Flow Chart การปฏบิ ัตงิ าน เตรียมเอกสาร ผ้บู รรจุ เจ้าหน้าที่อธิบายวธิ ีกรอกข้อมลู ผ้บู รรจจุ ดั ทาทะเบียนประวตั ิ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถกู ต้อง เสนอศกึ ษาธิการจงั หวดั ลงนาม จดั เก็บ สง่ สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ จานวน 1 ชดุ 7. แบบพอรม์ ท่ใี ช้ - ก.พ.7 - แฟม้ ประวัติข้าราชการ 8. เอกสาร/หลักฐานอ้างอิง 1. พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 2. หนงั สือเลขาธิการคณะรฐั มนตรี ที่ สร 0203/ว.6 ลงวนั ท่ี 13 มกราคม 2518 เรอื่ ง การพิจารณา ปรับปรุงสมดุ ประวตั ิขา้ ราชการ 3. หนังสือสานักงาน ก.พ.ที่ สร 1007/ ว.28 ลงวนั ที่ 15 กันยายน 2518 เร่อื ง ก.พ.7 แบบใหม่และแฟม้ ประวัตขิ ้าราชการ 4. หนงั สอื สานกั งาน ก.พ. ท่ี สร 1007/ ว.40 ลงวันท่ี 28 พฤศจิกายน 2518 เรื่อง ค่มู ือการจัดทาก.พ.7 แบบใหม่ 5. ระเบยี บว่าดว้ ยการเกบ็ รักษา ก.พ.7 พ.ศ.2522 6. หนังสอื สานักงาน ก.ค. ที่ ศธ 1502/38067 ลงวนั ที่ 2 ธนั วาคม 2526 คู่มือปฏบิ ตั ิงานสำนกั งานศึกษาธิการจังหวดั กลุม่ บริหารงานบคุ คล หนา้ 136

1. ช่อื กระบวนงาน การบันทกึ วนั ลาประจาปใี นแฟม้ ประวตั ขิ า้ ราชการและลูกจา้ งประจา 2. วตั ถุประสงค์ เพอ่ื เป็นแนวปฏบิ ัตกิ ารบนั ทกึ วนั ลาในแฟ้มประวัติขา้ ราชการและลกู จา้ ง 3. ขอบเขตของงาน เปน็ การตรวจสอบควบคมุ และบันทึกข้อมูลการลาของขา้ ราชการและลูกจ้างประจา ลงในปกแฟ้มประวัติขา้ ราชการและสมดุ ประวัติของแต่ละคน 4. คาจากดั ความ - 5. ขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ าน 5.1 เจา้ หน้าท่ผี รู้ บั ผดิ ชอบจัดทาบญั ชรี ายงานการลาประเภทต่าง ๆ ของขา้ ราชการครแู ละ บุคลากรทางการศึกษา และลูกจ้างประจา โดยนบั ตามปงี บประมาณ (1 ตลุ าคม – 30 กนั ยายน) 5.2 เจ้าหนา้ ท่ผี ูร้ ับผิดชอบจัดสง่ บญั ชีวนั ลาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และลูกจ้างประจาตามลาดับชนั้ 5.3 เจ้าหนา้ ท่ตี รวจสอบความถูกต้องและรายงานผบู้ ังคบั บัญชา 5.4 เจา้ หนา้ ทีบ่ ันทึกขอ้ มูลการลาของขา้ ราชการและลกู จา้ งประจามาลงปกแฟ้มประวัติ ข้าราชการและสมุดประวตั ิของแตล่ ะคน 6. Flow Chart การปฏบิ ตั งิ าน เจา้ หนา้ ที่ผู้รบั ผิดชอบจัดทา บัญชีรายงานการลาทกุ ประเภท เจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบจดั ทาบญั ชวี ันลา เจ้าหนา้ ที่ผ้รู บั ผดิ ชอบตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งและรายงานผบู้ ังคบั บญั ชา ตรวจสอบความถกู งและรายงาน เจ้าหน้าท่บี นั ทกึ ข้อมลู การลาลงปกแฟม้ ประวตั ิและสมดุ ประวตั ิ คู่มือปฏิบัติงานสำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัด กลุ่มบริหารงานบคุ คล หนา้ 137

ขอ้ สงั เกตในระดับปฏิบัติ ควรจัดทาปฏทิ นิ กาหนดวนั รายงานวนั ลาประจาปีงบประมาณและแจ้งให้ทราบลว่ งหนา้ 7. แบบฟอรม์ ท่ใี ช้ - 8. เอกสาร/หลกั ฐานอ้างอิง 8.1 พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551 8.2 ระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีว่าดว้ ยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535 8.3 ระเบียบว่าดว้ ยการเก็บรักษา ก.พ.7 พ.ศ. 2522 คู่มือปฏิบัตงิ านสำนักงานศึกษาธิการจงั หวัด กลุ่มบรหิ ารงานบุคคล หน้า 138

1. ช่ือกระบวนงาน งานดาเนินการเกย่ี วกบั แฟม้ ประวัติข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาท่อี อกจากราชการ ทุกกรณี 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื เป็นแนวปฏบิ ัตกิ ารดาเนินการเกี่ยวกบั แฟ้มประวัติข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา กรณีลาออกจากราชการหรอื ถึงแกก่ รรม 3. ขอบเขตของงาน ทะเบยี นประวัติข้าราชการ หมายถึง เอกสารท่ีใช้บนั ทึกและรวบรวมรายละเอยี ดข้อมูลต่าง ๆ ของขา้ ราชการ เพื่อประโยชน์ในการบรหิ ารงานบคุ คลตง้ั แตป่ จั จุบันจนพ้นจากราชการทกุ กรณี 4. คาจากัดความ - 5. ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิงาน 5.1 กรณีมีขา้ ราชการลาออกจากราชการหรอื ถงึ แก่กรรม ดาเนินการตามขั้นตอนดงั นี้ กรณลี าออกจากราชการ 1. เมอ่ื ไดร้ บั คาสั่งลาออกจากราชการตรวจสอบความถูกต้อง 2. ประสานขอทราบวันลาหยุดราชการท้ังปี ในปที ีล่ าออกจากราชการแลว้ นามากรอก วันลาในแฟ้มประวัติ 3. กรอกรายละเอียดใน ก.พ. 7 รายการข้อ 13 ตาแหน่งและอตั ราเงินเดอื นตอ่ จากรายการ สุดท้ายโดยเริม่ กรอก วนั เดอื น ปี ท่ีลาออกจากราชการ ชอ่ งตาแหน่งและอัตราเงินเดือน กรอกคาว่าลาออกจาก ราชการตามด้วยเหตผุ ล แลว้ กรอกช่องเอกสารอา้ งอิง จะกรอกข้อมลู ตามคาส่ังลาออก 4. มอบเอกสารใหก้ ล่มุ อานวยการ (งานบริหารการเงนิ และสินทรัพย)์ ไปดาเนนิ การ ในสว่ นท่เี กยี่ วขอ้ ง 5. เกบ็ ที่กลุม่ อานวยการ (งานบรหิ ารการเงินและสินทรพั ย)์ เพือ่ จัดสง่ กรมบญั ชีกลาง 6. สาเนาเรอ่ื งและใบรับรองวันทวีคณู รวบรวมเกบ็ ไว้ กรณีถึงแก่กรรม 1. เมื่อไดร้ บั ใบมรณะบตั ร 2. ประสานขอทราบวันลาหยดุ ราชการท้ังปี ในปีท่ีถงึ แก่กรรมแลว้ นามากรอกวันลา ในแฟ้มประวัติ 3. กรอกรายละเอยี ดใน ก.พ.7 รายการขอ้ 13 ตาแหนง่ และอตั ราเงนิ เดือนตอ่ จากรายการ สุดท้าย โดยเรมิ่ กรอกวัน เดือน ปี ทีถ่ งึ แก่กรรม ชอ่ งตาแหนง่ และอัตราเงนิ เดือน กรอกคาว่าถึงแกก่ รรมด้วยโรค (ระบุในใบมรณะบตั ร) ทีถ่ ึงแก่กรรมแลว้ กรอกช่องเอกสารอ้างองิ ตามมรณะบัตรเลขท.่ี .. วันท.่ี .. เดือน................ พ.ศ. ........... ณ อาเภอ………….. จงั หวดั ...............…. 4. มอบเอกสารให้กลุ่มอานวยการ (งานบริหารการเงนิ และสนิ ทรัพย์) ไปดาเนนิ การ ในส่วนที่เกยี่ วขอ้ ง 5. เก็บทีก่ ลุม่ อานวยการ (งานบริหารการเงนิ และสินทรัพย์) เพื่อจัดส่งกรมบญั ชกี ลาง 6. สาเนาเร่ืองและใบรับรองวนั ทวีคณู คมู่ อื ปฏบิ ตั ิงานสำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัด กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล หน้า 139

6. Flow Chart การปฏิบัตงิ าน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกรอกรายการ ข้อ 13 ของ ก.พ.7 สาเนาเรื่องใบรับรองวนั ทวีคณู เก็บไว้ด้วย แจ้งงานบรหิ ารการเงนิ และสนิ ทรพั ย์เพ่ือดาเนินการตอ่ ไป จดั สง่ กรมบญั ชีกลาง ข้อสังเกตในระดบั ปฏิบัติ มกี ารจัดระบบเอกสารท่ีดี สืบคน้ ง่าย ตรวจสอบขอ้ มลู ไดถ้ กู ตอ้ งและการบรกิ ารทีร่ วดเรว็ เปน็ การสร้างความพึงพอใจท่ีดแี ก่ผ้มู าขอรบั บริการ 7. แบบฟอรม์ ทีใ่ ช้ - 8. เอกสาร/หลกั ฐานอ้างอิง 8.1 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 8.2 หนงั สอื สานกั งานเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ที่ สร 0203/ว 6 ลงวันที่ 13 มกราคม 2518 เรอ่ื ง การพิจารณาปรับปรงุ สมุดประวัตขิ า้ ราชการ 8.3 หนงั สอื สานักงาน ก.พ. ที่ สร 1007/ว 28 ลงวนั ท่ี 15 กนั ยายน 2518 เร่ือง ก.พ. 7 แบบใหม่ และแฟม้ ประวัติข้าราชการ 8.4 หนังสอื สานกั งาน ก.พ. ท่ี สร 1007/ว 40 ลงวันที่ 28 พฤศจกิ ายน 2518 เรอ่ื ง คมู่ อื การจดั ทา ก.พ. 7 แบบใหม่ 8.5 ระเบียบว่าดว้ ยการเกบ็ รกั ษา ก.พ.7 พ.ศ. 2522 คู่มอื ปฏิบัติงานสำนักงานศกึ ษาธิการจังหวัด กลมุ่ บริหารงานบุคคล หนา้ 140

1. ช่อื กระบวนงาน การขอเพมิ่ วฒุ กิ ารศกึ ษาในทะเบียนประวตั ิ 2. วัตถุประสงค์ เพอ่ื เป็นแนวปฏบิ ตั ิการดาเนินการขอเพ่ิมวุฒิการศึกษาในทะเบียนประวตั ิ 3. ขอบเขตของงาน เป็นการดาเนนิ การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู วฒุ กิ ารศกึ ษาของข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา ใหเ้ ป็นปจั จบุ นั 4. คาจากดั ความ วุฒกิ ารศึกษา คือ วุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองเปน็ คุณวุฒทิ างการศกึ ษา 5. ขัน้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน 5.1 ข้าราชการทีไ่ ดร้ บั วฒุ ิเพม่ิ ขนึ้ เสนอผู้บังคับบัญชาเพือ่ ขอเพมิ่ วฒุ ิในทะเบยี นประวตั ิ 5.2 สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัดดาเนนิ การตรวจสอบคุณวฒุ แิ ละดาเนินการเพม่ิ วฒุ ิใน ก.พ. 7 5.3 แจง้ ผู้ขอเพมิ่ คุณวุฒิทราบ 5.4 รายงานผทู้ เี่ ก่ยี วขอ้ งทราบ 6. Flow Chart การปฏบิ ัติงาน ผ้ขู อเพม่ิ วุฒิการศกึ ษานาเรอื่ งเสนอขอพรอ้ มหลักฐาน เจ้าหน้าท่ี ศธจ.ตรวจสอบ และเพม่ิ วฒุ ิใน ก.พ. 7 รายงาน สป.และผ้เู กี่ยวข้อง ขอ้ พึงสังเกตในระดบั ปฏบิ ัติ ตรวจสอบหนังสอื รับรองหรอื สาเนาปรญิ ญาบตั รหรือวฒุ ิท่ีขอเพิม่ ให้ละเอยี ดโดยเฉพาะกรณจี บจาก สถาบันการศกึ ษาจากตา่ งประเทศ คูม่ ือปฏบิ ตั งิ านสำนกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั กลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล หน้า 141

7. แบบฟอร์มท่ีใช้ - แบบคาขอเพิม่ วุฒิในทะเบียนประวัติ 8. เอกสาร/หลักฐานอ้างองิ 8.1 พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2551 8.2 หนังสอื สานกั งานเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0203/ว 6 ลงวนั ที่ 13 มกราคม 2518 เร่ือง การพิจารณาปรับปรุงสมดุ ประวัติข้าราชการ 8.3 หนงั สือสานกั งาน ก.พ. ที่ สร 1007/ว 28 ลงวันท่ี 15 กนั ยายน 2518 เร่ือง ก.พ. 7 แบบใหม่ และแฟ้มประวตั ิขา้ ราชการ 8.4 หนงั สอื สานกั งาน ก.พ. ท่ี สร 1007/ว 40 ลงวนั ท่ี 28 พฤศจกิ ายน 2518 เร่ือง คมู่ อื การจัดทา ก.พ. 7 แบบใหม่ คู่มอื ปฏิบตั งิ านสำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั กลมุ่ บริหารงานบุคคล หน้า 142

1. ชอื่ กระบวนงาน งานเปล่ียนแปลงชื่อ – สกุลในทะเบียนประวตั ิ 2. วัตถุประสงค์ เพ่อื เป็นแนวปฏบิ ัตกิ ารดาเนินการเปล่ียนแปลงช่อื – สกลุ ในทะเบียนประวตั ิ 3. ขอบเขตของงาน เปน็ การเปล่ยี นแปลงขอ้ มูลช่ือ – สกุลในทะเบียนประวัติของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาแต่ละคนใหถ้ กู ต้องตามหลกั ฐานของทางราชการ 4. คาจากัดความ - 5. ข้ันตอนการปฏบิ ัติงาน 5.1 ผทู้ ี่ตอ้ งการเปลีย่ นแปลงทะเบียนประวัตเิ สนอคารอ้ งตามลาดับขั้น 5.2 ผบู้ ังคบั บญั ชาชั้นต้นเสนอผู้มีอานาจเหนือขึ้นไป 5.3 เจ้าหนา้ ที่สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั ตรวจเอกสารที่เกยี่ วขอ้ ง 5.3.1 ทะเบียนสมรส (คร.3) 5.3.2 ทะเบียนหยา่ (คร.7) 5.3.3 เอกสารการขอเปล่ยี นชื่อตัว (ทร.3) 5.3.4 เอกสารการขอเปล่ยี นชอ่ื สกลุ (ทร. 4) 5.3.5 ทะเบยี นบา้ น (ทร.14) 5.3.6 ใบรบั รองคุณวฒุ หิ รือปริญญาบตั ร 5.4 เสนอศกึ ษาธิการจังหวัด/สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อนุมัติ 5.5 เปล่ียนแปลง บันทึกข้อมลู ลงใน ก.พ.7 สมดุ ประวัติ/แฟ้มประวัติ 5.6 แจง้ ผูเ้ กีย่ วขอ้ งทราบ คู่มือปฏิบัติงานสำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั กลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล หนา้ 143

6. Flow Chart การปฏิบตั งิ าน ผ้ทู ่ีต้องการเปลี่ยนแปลงทะเบยี นประวตั เิ สนอคาร้อง เจา้ หนา้ ท่ีสานักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั ตรวจเอกสารที่เกีย่ วข้อง ดาเนินการแก้ไขในทะเบยี นประวตั ิ แจ้งหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพ่อื ดาเนินแก้ไข ขอ้ สงั เกตในระดบั ปฏบิ ตั ิ ควรระมัดระวงั กรณที ี่ขอเปลีย่ นแปลงช่ือ – ชอ่ื สกุล ในปีที่ใกล้เกษยี ณอายุราชการเพราะ อาจมีผลตอ่ คาสง่ั หนังสอื และการขอรับสิทธิประโยชนท์ เ่ี กีย่ วข้อง 7. แบบพอรม์ ทใี่ ช้- ก.พ.7 - แบบคาขอเปลีย่ นชอ่ื –สกลุ ในทะเบียนประวัติ 8. เอกสาร/หลกั ฐานอ้างองิ 8.1 พระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551 8.2 หนังสือสานกั งาน ก.ค. ที่ ศธ 1502/38067 ลงวันท่ี 2 ธันวาคม 2526 คมู่ อื ปฏิบตั ิงานสำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวัด กลุ่มบรหิ ารงานบุคคล หน้า 144


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook