Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 41 (รวมเล่ม)

สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 41 (รวมเล่ม)

Description: สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 41 (รวมเล่ม)

Keywords: สารานุกรมไทย,สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ,สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม ๔๑

Search

Read the Text Version

22 ล้อจกั รยาน ยางนอกของจกั รยานน้นั ได้ถกู ออกแบบไวห้ ลาย แบบเพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั ถนน ทง้ั ในลกั ษณะทาง ๓) ยางนอกและยางในจกั รยาน เรยี บทางทเี่ ปน็ หนิ อดั เปน็ หนิ รว่ น หรอื เปน็ โคลน โดยทว่ั ไปยางจกั รยานมี ๒ แบบ คอื แบบมี ยางในหรอื เรยี กวา่ ยางคลนิ เชอร์ (Clincher) และ สำ� หรบั ยางนอกของรถจกั รยานทใี่ ชแ้ ขง่ ขนั แบบไมม่ ยี างใน เรยี กชอื่ วา่ ยางทบู ลู าร์ (Tubular) บนพนื้ ถนนเปยี ก นยิ มใชด้ อกยางทมี่ ลี กั ษณะเปน็ โดยแบบทไี่ มม่ ยี างในนน้ั ยางนอกกบั ยางในถกู เยบ็ แบบดอกผสม (Rib-Lug Pattern) ซง่ึ ผสมระหวา่ ง ตดิ กนั จนไมส่ ามารถแยกไดว้ า่ เปน็ ยางในหรอื ยาง ยางดอกละเอยี ดและลายดอกบง้ั โดยตรงกลางของ นอกสมบตั ขิ องยางทบู ลู ารม์ นี ำ�้ หนกั เบาและสบู ลม หนา้ ยางเปน็ ลายแบบยางดอกละเอยี ด แตด่ า้ นซา้ ย ไดแ้ ขง็ กวา่ ยางคลนิ เซอร์ ทำ� ใหช้ ว่ ยลดแรงเสยี ด และขวาเปน็ ลายดอกบงั้ ยางแบบนชี้ ว่ ยใหเ้ บรก ทานตอ่ พน้ื ถนน จกั รยานสามารถเคลอ่ื นทไี่ ปขา้ ง และควบคุมทิศทางได้ดี หากต้องลุยโคลน หิน หนา้ ไดเ้ รว็ ขนึ้ แตม่ ขี อ้ เสยี คอื เวลายางแตกตอ้ งใช้ หรอื ใชง้ านในเสน้ ทางวบิ าก ดอกยางควรมบี งั้ ใหญ่ เวลานานในการเลาะตะเขบ็ เพอื่ ปะยาง จงึ เปน็ ยาง และมรี อ่ งยางหา่ งเพอื่ เนน้ การสลดั โคลน หนิ หรอื ทนี่ ยิ มใชใ้ นการแขง่ ขนั จกั รยานเทา่ นนั้ นอกจากนี้ นำ้� ในกรณกี ารแขง่ ขนั จกั รยานบนถนนทแี่ หง้ ยาง จกั รยานทใ่ี ชค้ วรมลี กั ษณะเรยี บและไมม่ ดี อกยาง ยางคลนิ เซอร์ (ซ้าย) และยางทบู ูลาร์ (ขวา) โดยความเรยี บของยางและความกวา้ งของหนา้ ยาง ชว่ ยลดแรงเสยี ดทาน และเพม่ิ แรงหนดื ในการยดึ เกาะถนน ยางลกั ษณะนเ้ี รยี กวา่ ยางสลกิ (slick) วสั ดทุ น่ี ำ� มาใชผ้ ลติ สว่ นประกอบของยางใน แตล่ ะสว่ น มคี วามแตกตา่ งกนั กลา่ วคอื ดอกยาง นยิ มเลอื กใชย้ างชนดิ สไตรนี บวิ ทาไดอนี ทมี่ คี วาม ต้านทานต่อการขัดถูสูง โดยใช้ร่วมกับยางชนิด บวิ ทาไดอนี และยางธรรมชาตเิ พอื่ ใหย้ างมคี วามรอ้ น สะสมในระหวา่ งการใชง้ านตำ�่ สำ� หรบั แกม้ ยางเปน็ สว่ นทม่ี กี ารรบั แรงกดจากนำ้� หนกั รถ และยงั เปน็ สว่ นทท่ี ำ� ใหม้ คี วามนมุ่ นวลในการขี่ จงึ เลอื กใชย้ าง ธรรมชาติ เนอ่ื งจากยางธรรมชาตมิ คี วามยดื หยนุ่ สงู และยางสามารถกลับคืนสู่รูปร่างเดิมได้รวดเร็ว นอกจากน้ียงั มกี ารนำ� ยางบวิ ไทลม์ าใชใ้ นการผลติ ยางในรถจกั รยาน เนอื่ งจากยางบวิ ไทลม์ กี ารซมึ ผา่ นของแกส๊ ทตี่ ำ่� ดเู พม่ิ เตมิ เรอ่ื ง พลาสตกิ กบั ชวี ติ ในปจั จบุ นั เลม่ ๒๘

23 บรรณานกุ รม กฤษฎา บานชนื่ . คมู่ อื จกั รยานเพอ่ื สขุ ภาพ. กรงุ เทพฯ : สำ� นกั พมิ พห์ มอชาวบา้ น, ๒๕๔๔. กตกิ าเทนนสิ .[ออนไลน]์ .แหลง่ ทมี่ า:http://www.school.net.th/library/webcontest2003/100team/dlnes019/Structure/ rules.htm [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] จกั รยานไทย. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://thbike.blogspot.com/2010/12/bicycle-wheels-and-tires.html [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] ชยั นอ้ ย ชาญชยั สมภพ. วสั ดสุ ำ� หรบั อปุ กรณก์ ฬี า. กรงุ เทพฯ : สำ� นกั พมิ พศ์ นู ยเ์ ทคโนโลยวี สั ดแุ หง่ ชาต,ิ ๒๕๔๓. เซปกั ตะกรอ้ . [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.takraw.or.th/th/regu/sepaktakraw.htm [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] ตะกรอ้ . [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/ตะกรอ้ [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] ตะกรอ้ ผวิ นมุ่ . [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9490000041924 [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] ตะกรอ้ หวาย. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทมี่ า : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=470535 [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] . [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.thaisportworld.com/content/view/22/46/ [๒๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๕] ทวไี ทย บรบิ รู ณ.์ จกั รยานโบราณ. กรงุ เทพฯ : สำ� นกั พมิ พโ์ นรา, ๒๕๔๒ พงษธ์ ร แซอ่ ยุ . ยาง : ชนดิ สมบตั ิ และการใชง้ าน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : ศนู ยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและวสั ดแุ หง่ ชาติ (เอม็ เทค), ๒๕๔๘. ไมเคลิ เฟลป.์ [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNak F5TURrMU1RPT0=&sectionid=Y25Wd1lXbHRiMlJs&day=TWpBd09DMHdPUzB3TWc9PQ == [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] ยางสงั เคราะห.์ [ออนไลน]์ . แหลง่ ทมี่ า : http://th.wikipedia.org/wiki/ยางสงั เคราะห์ [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] สมบตั ขิ องยาง. [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://www.promma.ac.th/main/chemistry/boonrawd_site/rubber_properties. htm [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] สมบตั ขิ องวสั ด.ุ [ออนไลน]์ . แหลง่ ทมี่ า : http://www.pantown.com/group.php?display=content&id=36011&name =content4&area=3 [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] เสน้ ใยอะรามดี . [ออนไลน]์ . แหลง่ ทมี่ า : http://www.mtec.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=75&Ite mid=36&limit=1&limitstart=1 [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] Boron fiber. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://specmaterials.com/boronfiber.htm [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] Dean, B. and Bhushan, B., 2010, “Shark-skin surfaces for fluid-drag reduction in turbulent flow: a review.” Phil. Trans. R. Soc., Vol.368, pp.4775-4806. Speedo. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.speedo.com/en/ [๙ มนี าคม ๒๕๕๕] Swimsuit [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า : http://www.moreswimsuits.com/swimsuit-fabric.html [๙ มนี าคม ๒๕๕๕]

202

เทคโนโลยชี ีวภาพ203 ทางการแพทย์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์กนก ภาวสุทธไิ พศิฐ ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ณุ สัตวแพทย์หญงิ ยนิ ดี กติ ยิ านนั ท์ อาจารย์ นายแพทย์ชนนิ ทร์ ลม่ิ วงศ์ ผ้เู ขยี น ส่วนเดก็ เลก็ รองศาสตราจารย์ ดร. ว่าทร่ี ้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพนั ธ์ ผ้เู รียบเรียง นบั ต้งั แตส่ มยั โบราณ เราไดน้ ำ� เอาสิ่งมีชีวติ ตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบตวั ไมว่ า่ จะเป็นพชื สตั ว์ สาหร่าย เห็ดรา หรือแมแ้ ตเ่ ช้ือแบคทีเรีย มาใชป้ ระโยชนเ์ ป็น ปัจจยั ๔ ของชีวติ เพอ่ื การอปุ โภคบริโภค เช่น การนำ� เอาเน้ือสตั ว์ ผกั ผลไม้ มาประกอบเป็นอาหาร การนำ� เอาสมนุ ไพรมาใชเ้ ป็นยารักษาโรค การนำ� ไม้ มาสร้างเป็นบา้ นเรือนที่อยอู่ าศยั การนำ� เอาเสน้ ใยพชื และหนงั สตั วม์ าทำ� เป็น เครื่องนุ่งห่ม มนุษยย์ งั ไดส้ ะสมความรู้เกี่ยวกบั ส่ิงมชี ีวติ และนำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ น ทางออ้ มทนี่ ำ� ไปสู่การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของคนเรา เชน่ การนำ� เอาเช้อื จลุ นิ ทรีย์ ในธรรมชาตมิ าใชใ้ นการหมกั สำ� หรบั ผลติ อาหาร ไมว่ า่ จะเป็นการใชย้ สี ตท์ ำ� ให้ แป้งขนมปังข้นึ ฟู หรือการหมกั ดองอาหารใหม้ รี สเปร้ียวหรือรสเคม็ อยา่ งเช่น ผกั กาดดอง แหนม น้ำ� สม้ สายชูหมกั ซีอว๊ิ เตา้ เจ้ียว น้ำ� ปลา

204 นอกจากน้ี เรายงั สามารถเพาะเล้ียงเช้ือจุลินทรียท์ ่ีสร้างสารบางอยา่ ง ข้นึ มาและนำ� ไปผลติ เป็นยารักษาโรค เช่น เพาะเล้ยี งเช้ือราท่ีสร้างยาปฏชิ ีวนะ และนำ� เอายาน้นั ไปใชฆ้ ่าเช้ือแบคทีเรีย การนำ� เอาความรู้เกี่ยวกบั ชีววทิ ยามา ประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นการรักษาและป้องกนั โรค สิ่งตา่ ง ๆ เหลา่ น้ีเรียก วา่ “เทคโนโลยชี ีวภาพทางการแพทย”์ ปัจจุบนั เทคโนโลยชี ีวภาพทางการแพทยไ์ ดม้ ีการคน้ ควา้ วจิ ยั พฒั นา เพม่ิ ข้ึนเป็นลำ� ดบั และมีประโยชนต์ อ่ ชีวติ มนุษยอ์ ยา่ งมาก นกั วทิ ยาศาสตร์ ไดศ้ ึกษาวิจยั เก่ียวกบั ลกั ษณะของสารพนั ธุกรรมในร่างกายของเรา และนำ� ไปใชใ้ นการตรวจวนิ ิจฉยั วา่ คนท่ีป่ วยเป็นโรคตา่ ง ๆ น้นั เกิดจากการติดเช้ือ จลุ นิ ทรียท์ ก่ี อ่ โรคหรือวา่ เกดิ จากความผดิ ปกตทิ างพนั ธุกรรมของคนคนน้นั เอง อตุ สาหกรรมเคมี เทคโนโลยกี ารแพทย์ อตุ สาหกรรมอาหาร จุลินทรียท์ ่ีนำ� มา เทคโนโลยกี ารเกษตร การอนุรักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม ดดั แปลงโดยใช้ อตุ สาหกรรมพลงั งาน เทคโนโลยชี ีวภาพ ประโยชนอ์ นั เกิดจากผลของความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยชี ีวภาพในดา้ นต่าง ๆ

205 พืชจีเอม็ โอหรือพืชดดั แปรพนั ธุกรรมมีคุณค่าทางอาหารสูงและสร้างสารที่เป็นประโยชนท์ างการแพทย์ เทคโนโลยชี ีวภาพยงั คงกา้ วหนา้ ไปอยา่ งรวดเร็ว จนนำ� ไปสู่การสร้าง จลุ นิ ทรีย์ พชื และสตั วด์ ดั แปรพนั ธุกรรมทมี่ ลี กั ษณะพเิ ศษ มคี ณุ คา่ ทางอาหาร สูงข้นึ หรือสามารถสร้างสารตา่ ง ๆ ที่เป็นประโยชนท์ างการแพทย์ เช่น สร้าง โปรตีนท่ีนำ� มาสกดั ใชเ้ ป็นยารักษาโรคบางอยา่ งไดจ้ ากเช้ือจุลินทรียด์ ดั แปร พนั ธุกรรมหรือแมแ้ ตส่ รา้ งสารในน้ำ� นมของสตั วใ์ หเ้ รานำ� มาบริโภคไดโ้ ดยตรง วนั หน่ึงในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี เราน่าจะไดเ้ ห็นการเพาะเล้ยี งเน้ือเยอ่ื และ อวยั วะต่าง ๆ จากเซลลร์ ่างกายของผปู้ ่ วย เพ่ือนำ� มาผา่ ตดั เปลี่ยนถ่ายใหแ้ ก่ ผปู้ ่ วยคนน้นั เอง ซ่ึงทำ� ใหโ้ อกาสท่ีจะประสบความสำ� เร็จในการเปล่ียนถ่าย อวยั วะเพมิ่ สูงข้นึ กวา่ ที่ทำ� กนั อยใู่ นปัจจบุ นั แตค่ วามกา้ วหนา้ ท่ีเกิดจากการวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยชี ีวภาพทางการแพทยน์ ้นั จะตอ้ งดำ� เนินไปอยา่ งรอบคอบ โดยในการทดลองตอ้ งคำ� นึงถึงหลกั การทางดา้ นความเหมาะสมทางความเชื่อ ศาสนา และสงั คมเป็นสำ� คญั เพอื่ ใหม้ น่ั ใจไดว้ า่ การวจิ ยั พฒั นาน้นั จะสร้าง คณุ ประโยชนแ์ กส่ งั คมมนุษย์ โดยไมท่ ำ� ใหเ้ กิดผลร้ายทางออ้ มท่ีคาดไมถ่ งึ

206 ส่วนเดก็ กลาง รองศาสตราจารย์ ดร. ว่าทรี่ ้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพนั ธ์ ผ้เู รียบเรียง ปัจจบุ นั ความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยสี าขาชีววทิ ยาทนี่ ำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น ดา้ นการรกั ษาพยาบาลและสาธารณสุขน้นั มกี ารพฒั นาใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ข้นึ อยา่ งมากเมอื่ เทยี บ กบั สมยั ก่อน จนอาจกลา่ วไดว้ า่ เทคโนโลยชี ีวภาพทางการแพทยน์ ้ีเป็นวทิ ยาการใหมใ่ นการ เปล่ียนแปลงและยกระดบั คุณภาพชีวติ ของมนุษยชาติ ตอ่ จากยคุ ของการปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม และความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ไดก้ า้ วขา้ มผา่ นยคุ ของเทคโนโลยชี ีวภาพสมยั แรกท่ีเริ่มนำ� เช้ือจลุ นิ ทรียม์ าเพาะเล้ยี งเพอ่ื สร้างสารท่ีออกฤทธ์ิเป็นยารกั ษาโรคได้ มาถงึ ยคุ ของเทคโนโลยี ชีวภาพสมยั ใหมท่ ่ีอาศยั ความรู้เกี่ยวกบั โครงสร้างของดีเอน็ เอ (DNA) หรือสารพนั ธุกรรมใน ร่างกายส่ิงมีชีวติ แลว้ นำ� มาหาลำ� ดบั ดีเอน็ เอท้งั หมดในเซลลข์ องเราหรือท่ีเรียกวา่ โครงการ จีโนมมนุษย์ (Human Genome Project: HGP) จนทำ� ใหน้ กั วทิ ยาศาสตร์สามารถเรียนรู้ถงึ การ ทำ� งานของยนี (gene) ที่ควบคมุ การสร้างโปรตีน เอนไซม์ ฮอร์โมน ฯลฯ ในร่างกายของเรา ท้งั ยงั ทำ� ใหน้ กั วจิ ยั และบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขสามารถพฒั นาเทคโนโลยใี หม่ ๆ ท่ีจะช่วยวนิ ิจฉยั รกั ษา บรรเทา รวมไปถงึ ป้องกนั โรคร้ายหรือภาวะผดิ ปกติตา่ ง ๆ ที่ในอดีต เราอาจไมเ่ คยคาดคดิ วา่ จะรักษาหายได้ การทน่ี กั วทิ ยาศาสตร์มวี ธิ ีทจ่ี ะระบตุ ำ� แหนง่ ของยนี ตา่ งๆทส่ี นใจวา่ อยบู่ นโครโมโซม แทง่ ใดหรือบริเวณใดในจีโนมของเรา ทำ� ใหก้ ารคน้ หายนี ท่ีสายพนั ธุอ์ าจเกิดการกลายแลว้ กอ่ ใหเ้ กิดโรคทางพนั ธุกรรมในแตล่ ะคนทำ� ไดส้ ะดวกและถกู ตอ้ งแมน่ ยำ� ยง่ิ ข้นึ การเปรียบเทียบ ขอ้ มูลระหวา่ งลำ� ดบั ดีเอน็ เอของคนปกติกบั ลำ� ดบั ดีเอน็ เอของผปู้ ่ วยจะช่วยใหแ้ พทยส์ ามารถ ตรวจสอบไดล้ ว่ งหนา้ วา่ เรามีโอกาสจะเกิดโรคทางพนั ธุกรรมน้นั ไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด หรือ วนิ ิจฉยั ไดว้ า่ อาการผดิ ปกติท่ีกำ� ลงั เป็นอยนู่ ้นั มีสาเหตมุ าจากการมียนี ที่ก่อใหเ้ กิดโรคหรือไม่ ซ่ึงจะนำ� ไปสู่การรกั ษาโรคทางพนั ธุกรรมดว้ ยเทคโนโลยชี ีวภาพสมยั ใหมท่ กี่ ำ� ลงั พฒั นาอยู่ เชน่ การบำ� บดั ดว้ ยยนี (gene therapy) การรักษาโรคดว้ ยยนี หรือการบำ� บดั ดว้ ยยนี น้ีเป็นนวตั กรรมในการรักษาโรคทาง พนั ธุกรรมที่เหมือนกบั เป็นความหวงั ใหม่และความหวงั เดียวของผปู้ ่ วย เน่ืองจากโดยทว่ั ไป

207 โรคทางพนั ธุกรรมน้นั ไมส่ ามารถรักษาใหห้ ายขาดได้ เพราะภาวะผดิ ปกติของร่างกายผปู้ ่ วย จะมีสาเหตมุ าจากสายพนั ธุท์ ่ีกลาย หรือความผดิ ปกติของลำ� ดบั พนั ธุกรรมภายในตวั ผปู้ ่ วยเอง จนไมอ่ าจสร้างโปรตนี และสารตา่ งๆทจี่ ำ� เป็นตอ่ การดำ� รงชีวติ เช่น ในกรณีของโรคฮีโมฟิเลยี (เลือดไหลไมห่ ยดุ ) โรคกลา้ มเน้ือฝ่อลีบ กลมุ่ โรคความผดิ ปกติของเมแทบอลิซึมต้งั แตเ่ กิด โรคมะเร็ง ใน พ.ศ. ๒๕๕๘ นกั วทิ ยาศาสตร์กำ� ลงั พยายามพฒั นาเทคนิคสมยั ใหมท่ ี่จะทำ� ให้ แพทยส์ ามารถนำ� เอายนี ท่ีเป็นปกติใส่เขา้ ไปในจีโนมของผปู้ ่ วย โดยอาจใชไ้ วรัสมาทำ� หนา้ ท่ี เป็นเหมอื นตวั นำ� ยนี ท่ีนำ� ยนี ถา่ ยทอดเขา้ ไปสู่เซลลเ์ ป้าหมาย หรืออาจใชร้ ะบบนำ� ส่งยนี แบบ อื่น ๆ เช่น การฉีดยนี เขา้ ไปสู่นิวเคลียสของเซลลโ์ ดยตรง ซ่ึงสุดทา้ ยแลว้ ถา้ วธิ ีการรักษา โรคดว้ ยยนี น้ีไดร้ ับการพฒั นาจนสำ� เร็จสมบูรณ์ ผลที่ไดอ้ าจทำ� ใหร้ ่างกายของผปู้ ่ วยสามารถ กลบั มาสร้างสารตา่ ง ๆ และดำ� รงชีวติ ไดอ้ ยา่ งปกติอกี คร้งั หน่ึง นอกจากการนำ� เอาเทคโนโลยชี ีวภาพมาใชใ้ นการวนิ ิจฉยั และรักษาโรคแลว้ นกั วทิ ยาศาสตร์ยงั ไดอ้ าศยั ความรู้สมยั ใหมใ่ นดา้ นชีววทิ ยาการเจริญพนั ธุม์ าช่วยแกป้ ัญหาใหแ้ ก่ คสู่ มรสที่ประสบกบั ภาวะมบี ตุ รยากดว้ ยการทำ� เดก็ หลอดแกว้ ซ่ึงอาศยั วธิ ีการทำ� ใหเ้ ซลลอ์ สุจิ ของฝ่ ายสามีและเซลลไ์ ข่ของภรรยาสามารถปฏิสนธิกนั ภายนอกร่างกาย แลว้ นำ� เอม็ บริโอ (embryo) ท่ีเล้ยี งไดน้ ้นั กลบั เขา้ ไปฝังไวใ้ นมดลกู วธิ ีการทำ� เดก็ หลอดแกว้ น้ีอาศยั เทคนิคตา่ ง ๆ อกี หลายอยา่ งทไี่ ดพ้ ฒั นาใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากข้ึนไมว่ า่ จะเป็นวธิ ีการเจาะเกบ็ ไข่ การแช่แขง็ ข้นั ตอนแรก กระบวนการเกบ็ ไข่ เอม็ บริโอ รงั ไข่ สเปิ ร์ม ไข่ เอม็ บริโอ มดลกู กระบวนการถา่ ยตวั เอม็ บริโอเขา้ สู่โพรงมดลกู ผสมกนั ในหลอดแกว้ กระบวนการทำ� เดก็ หลอดแก้ว

208 ไข่ การเพาะเล้ยี งเซลลไ์ ขแ่ ละเอม็ บริโอในหอ้ งปฏิบตั ิการ ตลอดจนการตรวจวนิ ิจฉยั โรคทาง พนั ธุกรรมจากเซลลบ์ างเซลลข์ องเอม็ บริโอไดอ้ ีกดว้ ย ความรู้จากการวจิ ยั พฒั นาวธิ ีการเพาะ เล้ยี งเอม็ บริโอน้ียงั ไดน้ ำ� ไปสู่การสรา้ งเซลลต์ น้ กำ� เนิด (stem cell) จากเอม็ บริโอ ซ่ึงมแี นวโนม้ ที่ จะนำ� ไปใชใ้ นการรกั ษาโรคตา่ ง ๆ มากมาย ดว้ ยการเพาะเล้ยี งและกระตนุ้ เซลลต์ น้ กำ� เนิดจาก เอม็ บริโอใหเ้ จริญเตบิ โตข้นึ และเปลยี่ นแปลงไปเป็นเซลลห์ รือเน้ือเยอื่ ชนิดตา่ งๆในร่างกายได้ โดยไมเ่ กิดการตอ่ ตา้ นจากระบบภมู คิ มุ้ กนั ของร่างกายผปู้ ่ วยเอง นวตั กรรมในการสรา้ งและเพาะเล้ยี งเอม็ บริโอในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารไดพ้ ฒั นาข้นึ ไปอกี ข้นั หน่ึงดว้ ยเทคนิคทเ่ี รียกวา่ การโคลนน่ิง(cloning)โดยแทนทจ่ี ะใหเ้ ซลลข์ องอสุจิมาปฏสิ นธิ กบั เซลลไ์ ข่ แตก่ ลบั ทำ� การถา่ ยโอนเอาแตเ่ ฉพาะส่วนนิวเคลยี ส (nucleus) จากเซลลท์ ว่ั ไปของ สตั วต์ วั ใดตวั หน่ึง ไปผสมเขา้ กบั เซลลข์ องไขท่ ี่ถกู ดดู นิวเคลยี สทิง้ ไปแลว้ ของสตั วอ์ กี ตวั หน่ึง ทำ� ใหไ้ ดเ้ อม็ บริโอท่ีมีลกั ษณะทางพนั ธุกรรมเหมือนกบั สิ่งมีชีวติ ที่เป็นผใู้ หน้ ิวเคลียสน้นั ทุก ประการ การโคลนน่ิงไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งตอ่ เน่ืองและทำ� ไดส้ ำ� เร็จแลว้ ในสตั วเ์ ล้ยี งลกู ดว้ ย น้ำ� นมหลายชนิด ไมว่ า่ จะเป็นแกะ หนู โค กระบือ ฯลฯ คาดวา่ จะเป็นประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ตอ่ แกะตวั บริจาค เซลลจ์ ากตอ่ มน้ำ� นม พนั ธุกรรม ของแกะตวั บริจาค แกะตวั รับ พนั ธุกรรม กระบวนการเชื่อมเซลลผ์ บู้ ริจาค และผรู้ บั เขา้ เป็นเซลลเ์ ดียว เซลลไ์ ขจ่ ากแกะตวั รบั กำ� จดั นิวเคลียส กระตนุ้ ใหเ้ ซลล์ ออกจากไข่ มกี ารแบง่ ตวั แกะ “ดอลล”ี่ เอม็ บริโอลกู ผสมถา่ ยโอน ที่เกิดจากการ เขา้ สู่แกะตวั รับ โคลนนิ่ง กระบวนการโคลนน่ิง

209 การปรับปรุงพนั ธุ์สตั วห์ ลายชนิดโดยการโคลนนิ่งทำ� ใหเ้ กิดพนั ธุ์สตั วท์ ี่ดีข้ึน หนูที่ไดจ้ ากการโคลนน่ิงนำ� มาใชเ้ ป็น เช่น แกะ (ซา้ ย) โค (ขวา) สตั วท์ ดลองในหอ้ งปฏิบตั ิการ การพฒั นาปรับปรุงสายพนั ธุข์ องสตั วเ์ ศรษฐกิจตา่ ง ๆ รวมไปถงึ การพฒั นาการเล้ยี งปศสุ ตั วท์ ่ี สามารถผลติ โปรตีนและสารตา่ ง ๆ ที่มปี ระโยชนใ์ นทางการแพทยไ์ ดอ้ กี ดว้ ย การที่นกั วทิ ยาศาสตร์สามารถพฒั นาพนั ธุส์ ตั ว์ พชื หรือจุลินทรียท์ ี่สร้างสารท่ีมี ประโยชนไ์ ดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั เทคโนโลยชี ีวภาพสมยั ใหมท่ ี่เรียกวา่ การสร้างส่ิงมชี ีวติ ดดั แปร พนั ธุกรรมหรือจีเอม็ โอ(GeneticallyModifiedOrganisms: GMOs)โดยใชว้ ธิ ีการตดั เอายนี ของ ส่ิงมีชีวติ ชนิดหน่ึงถา่ ยโอนเขา้ ไปตอ่ รวมกบั จีโนมของส่ิงมีชีวติ อีกชนิดหน่ึง ซ่ึงจะทำ� ใหส้ ่ิงมี ชีวิตที่ถูกดดั แปรพนั ธุกรรมน้นั มีลกั ษณะพิเศษเพิ่มข้ึน เช่น การสร้างแกะหรือโคดดั แปร พนั ธุกรรมที่สามารถผลิตน้ำ� นมท่ีมียาหรือโปรตีนสำ� หรับใชใ้ นทางการแพทย์ ซ่ึงไดจ้ ากการ ดดั แปรให้สัตวต์ วั น้นั มียีนส�ำหรับสร้างโปรตีนส�ำคญั ของมนุษยอ์ ยู่ดว้ ย นอกจากน้ี นกั วทิ ยาศาสตร์ยงั พยายามทจี่ ะพฒั นาสรา้ งสตั วด์ ดั แปรพนั ธุกรรมทมี่ ยี นี ของมนุษย์ เพอ่ื นำ� อวยั วะ ต่าง ๆ ท่ีเหมาะสมของสตั วน์ ้นั มาปลูกถ่ายใหแ้ ก่ผปู้ ่ วยท่ีจำ� เป็นตอ้ งผา่ ตดั เปลี่ยนอวยั วะ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิดการตอ่ ตา้ นจากภมู คิ มุ้ กนั ของร่างกายไดอ้ กี ดว้ ย เช่น หวั ใจของสุกร อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ความกา้ วหนา้ ดา้ นเทคโนโลยชี ีวภาพทางการแพทยจ์ ะไดร้ ับ การวจิ ยั พฒั นาไปอยา่ งกา้ วกระโดดเชน่ น้ี แตก่ ารนำ� เอามาใชง้ านจริงในกรณีตา่ งๆไมว่ า่ จะเป็น การนำ� วธิ ีบำ� บดั ดว้ ยยนี มาใชร้ ักษาผปู้ ่ วยโรคทางพนั ธุกรรม การสร้างสตั วด์ ดั แปรพนั ธุกรรม เพอ่ื เป็นแหล่งของอวยั วะ การสร้างเซลลต์ น้ กำ� เนิดข้ึนจากเอม็ บริโอของมนุษย์ หรือแมแ้ ต่ การใชว้ ธิ ีโคลนนิ่งเพอ่ื สร้างสตั วห์ รือมนุษยข์ ้ึนมาน้นั เป็นประเดน็ ท่ีจะคำ� นึงถึงความถกู ตอ้ ง และเหมาะสมของการทดลองท้งั ในมนุษยแ์ ละในสตั ว์ ผลกระทบที่อาจตามมาจากเทคโนโลยี ดงั กล่าวต่อสงั คมเป็นประเดน็ ที่ตอ้ งมีการพจิ ารณาอยา่ งลึกซ้ึงและรอบคอบ และน่าที่จะนำ� ไปสู่การออกกฎเกณฑก์ ารควบคมุ ดแู ลที่เหมาะสมยง่ิ ข้นึ ในอนาคต

210 ส่วนเดก็ โต ศาสตราจารย์ นายแพทย์กนก ภาวสุทธไิ พศิฐ ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ณุ สัตวแพทย์หญงิ ยนิ ดี กติ ยิ านนั ท์ และอาจารย์ นายแพทย์ชนนิ ทร์ ลม่ิ วงศ์ ผ้เู ขยี น ๑. พฒั นาการของเทคโนโลยชี ีวภาพ สู่ยคุ เทคโนโลยชี ีวภาพ ซ่ึงจะสรา้ งผลงานในระยะ ยาวอกี นานปั การ มนุษยใ์ ชเ้ วลายาวนานในการพฒั นาคณุ ภาพ ชวี ติ ตนเองและสงั คมใหเ้ จริญกา้ วหนา้ มาเป็นลำ� ดบั นวตั กรรมทางเทคโนโลยชี ีวภาพซ่ึงเป็นท่ี จนมาถงึ ยคุ เทคโนโลยชี ีวภาพในปัจจบุ นั ในระยะ สนใจกนั ทวั่ โลกในปัจจบุ นั น้นั ไมใ่ ชส่ ่ิงแปลกใหม่ แรกมนุษยไ์ ดพ้ ฒั นาทางดา้ นการเกษตร เพอ่ื ผลิต หากมองยอ้ นไปดูความเป็นมาทางประวตั ิศาสตร์ อาหารใหอ้ ดุ มสมบรู ณท์ ้งั ปริมาณและคณุ ภาพ การ เห็นไดว้ า่ เทคโนโลยนี ้ีเร่ิมมมี านานแลว้ โดยเป็น พฒั นาน้ีถอื ไดว้ า่ เป็นความเปลยี่ นแปลงในยคุ ตน้ ๆ การนำ� เอาความรู้เกี่ยวกบั สิ่งมีชีวติ ท้งั สตั ว์ พชื ของอารยธรรมมนุษย์ และจุลินทรีย์ ตลอดจนกระบวนการและผลิตผล จากส่ิงมีชีวติ มาใชป้ ระโยชน์ ดงั จะเห็นไดว้ า่ ใน ตอ่ มาเปลยี่ นเป็นยคุ อตุ สาหกรรม ซ่ึงเร่ิมตน้ สมยั แรก ๆ มนุษยร์ ู้จกั ใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพงา่ ย ๆ ในประเทศองั กฤษ แลว้ ขยายไปสู่ประเทศต่าง ๆ ในการถนอมและแปรรูปอาหาร เช่น ใชจ้ ลุ นิ ทรีย์ ทำ� ใหเ้ กิดการประดิษฐค์ ดิ คน้ เครื่องจกั รนานาชนิด บางชนิดในการผลติ อาหารที่ไดจ้ ากการหมกั นน่ั เพอ่ื เพมิ่ ผลผลิตทางภาคอตุ สาหกรรม ประเทศท่ี คอื การเพาะจลุ นิ ทรียใ์ หผ้ ลติ อาหารตามท่ีตอ้ งการ พฒั นาโดดเดน่ ในยคุ น้ไี ดช้ อื่ วา่ ประเทศอตุ สาหกรรม เช่น น้ำ� ปลา ซีอวิ๊ เตา้ เจ้ียว ขนมปัง ตอ่ มามนุษย์ ทก่ี า้ วหนา้ หลงั จากน้นั สงั คมมนุษยไ์ ดม้ กี ารพฒั นา รูจ้ กั ใชเ้ ทคโนโลยชี วี ภาพคดั สรรและปรบั ปรุงพนั ธุ์ ตอ่ ๆมา จนมาถงึ คร่ึงหลงั ของคริสตศ์ ตวรรษที่๒๐ จลุ นิ ทรียใ์ หเ้ ป็นประโยชนท์ างดา้ นการแพทยใ์ นการ จงึ สนใจและพฒั นาดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศหรือ ผลติ ยารกั ษาโรคหลายชนิด โดยเฉพาะยาปฏชิ ีวนะ ไอที (Information Technology: IT) ซ่ึงกอ่ ใหเ้ กิด เช่น ยาเพนิซิลลนิ ซ่ึงมาจากการคน้ พบฤทธ์ิของ ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นการโทรคมนาคมที่เห็นใน เช้อื ราทสี่ ามารถฆา่ แบคทเี รียได้ แลว้ นำ� มาสกดั สาร ปัจจบุ นั มใี ยแกว้ นำ� แสง สญั ญาณดิจิทลั การใช้ ทเี่ ป็นตวั ยาเพอื่ ผลติ ยาน้นั นอกจากยาปฏชิ วี นะแลว้ อนิ เทอร์เนต็ รวมท้งั เทคโนโลยไี รส้ าย ยคุ แห่งการ การผลิตวคั ซีนต่าง ๆ กใ็ ชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพเป็น พฒั นาเทคโนโลยสี ารสนเทศน้ีสร้างการพฒั นาให้ ปัจจยั สำ� คญั ดว้ ยเช่นกนั ทรงพลงั และมีผลกระทบทว่ั โลก ต่อมาการวจิ ยั และพฒั นาไดผ้ า่ นจากยคุ เทคโนโลยสี ารสนเทศเขา้

211 เทคโนโลยชี ีวภาพในปัจจุบนั กา้ วหนา้ กวา่ ร่างกายมนุษย์ สมยั กอ่ นมาก และมบี ทบาทอยา่ งสูงในการพฒั นา เซลล์ คุณภาพชีวิตมนุษย์ หากเปรียบเทียบพฒั นาการ ทางเทคโนโลยชี วี ภาพนบั แตแ่ รกเร่ิมแลว้ จะเหน็ ได้ โครโมโซม วา่ เทคโนโลยชี ีวภาพทางการแพทยใ์ นยคุ ใหมเ่ ขา้ มามีบทบาทในการแกไ้ ขปัญหาในเรื่องโรคภยั ไข้ โมเลกลุ ดีเอน็ เอ เจบ็ และการเส่ือมสภาพทางร่างกายของมนุษยม์ าก ข้ึน ซ่ึงสามารถแสดงใหเ้ ห็นเป็นรูปพรี ะมิด โดย คู่เบสที่เป็นองคป์ ระกอบ มเี ทคโนโลยขี องเซลล์ การปฏิสนธิและเอม็ บริโอ ของโมเลกลุ ดีเอน็ เอ (embryo)เป็นฐาน มเี ทคโนโลยกี ารจำ� ลองพนั ธุต์ อ่ แผนภาพแสดงสารพนั ธุกรรม ซ่ึงประกอบดว้ ย เบส หรือ ข้นึ ไปจากเทคโนโลยขี องเซลล์ และมเี ทคโนโลยี นิวคลีโอไทด์ ประกอบเป็ นสายดีเอน็ เอ ท่ีขดตวั กนั แน่นเป็ น การโคลนน่ิงเป็ นส่วนยอด โครโมโซม บรรจุอยใู่ นนิวเคลียสภายในเซลลข์ องร่างกาย ๒. โครงการจโี นมมนุษย์ ร่างกายมนุษยป์ ระกอบดว้ ยอวยั วะระบบ ตา่ ง ๆ เช่น ระบบประสาท ประกอบดว้ ย สมอง ไขสนั หลงั เสน้ ประสาทสมอง และเสน้ ประสาท ไขสนั หลงั ระบบย่อยอาหาร ประกอบดว้ ย หลอด อาหาร กระเพาะอาหาร ลำ� ไสเ้ ลก็ ลำ� ไสใ้ หญ่ รวมท้งั ตบั และตบั ออ่ น ระบบสืบพนั ธ์ุ ประกอบ ดว้ ย อณั ฑะในเพศชาย รังไขใ่ นเพศหญิง และ ทางเดินในอวยั วะสืบพนั ธุ์ อวยั วะตา่ ง ๆ ท้งั หมด ประกอบดว้ ยเน้ือเย่ือและเซลล์ เซลลม์ ีเย่ือหุ้ม เซลล์ และภายในเย่ือหุ้มเซลลม์ ีนิวเคลียสและ ไซโทพลาซึม (cytoplasm) ภายในนิวเคลียสมี โครโมโซม (chromosome) และในโครโมโซมมี ดีเอน็ เอ(DNA)หรือสารพนั ธุกรรม ทีม่ โี ครงสร้าง เป็นสาย ๒ เส้นไขวก้ นั เป็นเกลียวประกอบดว้ ย น้ำ� ตาล ฟอสเฟต และเบส (base) ๔ ชนิด คือ อะดีนีน (adenine) กวานีน (guanine) ไซโทซีน (cytosine) และไทมีน (thymine) เรียงกนั เป็ น เสน้ ยาว

212 โครงการจีโนมมนุษย์ (The Human Genome Project: HGP) เป็ นการวิจยั คน้ ควา้ ดีเอน็ เอท่ีสำ� คญั เร่ิมตน้ ในสหรฐั อเมริกาต้งั แตว่ นั ที่ ๑ ตลุ าคมค.ศ.๑๙๙๐เป็นตน้ มา เพอ่ื หา ลำ� ดบั เบสของจีโนมมนุษยท์ ้งั ๓ พนั ลา้ นคเู่ บสใหค้ รบถว้ นสมบรู ณภ์ ายใน ค.ศ. ๒๐๐๕ ใชง้ บประมาณในการ ดำ� เนินการ ๓ พนั ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ไดร้ บั ความร่วมมอื จากประเทศตา่ งๆ เจมส์ ดิวอีย์ วอตสัน (คนนง่ั ) และฟรานซิส แฮร์รี คอมป์ ตนั คริก (คนยืน) และทำ� การวจิ ยั อยา่ งรวดเร็ว ทำ� ให้ กบั แบบจำ� ลองโมเลกลุ ดีเอน็ เอท่ีคน้ พบและนำ� เสนอร่วมกนั ทำ� ใหไ้ ดร้ ับรางวลั คน้ พบลำ� ดบั เบสของจีโนมมนุษย์ โนเบลสาขาฟิิ สิกส์ ใน ค.ศ. ๑๙๖๒ จีโนม (genome) คอื ดีเอน็ เอท้งั หมดที่มอี ยู่ อยา่ งครบถว้ นสมบรู ณ์ก่อนเวลาท่ีไดค้ าดหมายไว้ ในเซลล์ ยนี (gene) คอื ส่วนของดีเอน็ เอทำ� หนา้ ท่ี ทำ� ใหม้ นุษยส์ ามารถอา่ นรหสั พนั ธุกรรม (genetic ควบคมุ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมในนวิ เคลยี สของมนษุ ย์ code) ของตนเองได้ ส่งผลให้เกิดการวิจยั หลงั มนุษยม์ โี ครโมโซมท้งั หมด ๒๓ คู่ เป็นโครโมโซม จีโนม (postgenomic research) ข้ึนมากมาย เช่น ร่างกาย๒๒คู่ เรียกวา่ ออโตโซม(autosome) และ การคน้ หายนี หรือส่วนของดีเอน็ เอท่ีกำ� หนดการ อกี ๑ คเู่ ป็นโครโมโซมเพศ (sex chromosome) สร้างโปรตีนต่าง ๆ ในร่างกายซ่ึงเป็นตวั กำ� หนด โครโมโซมแต่ละคู่ไดร้ ับการถ่ายทอดจาก ลกั ษณะและการทำ� งานที่แทจ้ ริงของมนุษย์ การ พอ่ และแมฝ่ ่ายละคร่ึง โครโมโซม๒๓คมู่ เี บสรวม วจิ ยั ในการตรวจหาหนา้ ที่เฉพาะของยนี แต่ละยนี ท้งั สิ้นราว ๓.๑ พนั ลา้ นเบส มนุษยพ์ ยายามศกึ ษา วา่ ทำ� งานอะไรและทำ� งานร่วมกนั อยา่ งไร การวจิ ยั ดีเอน็ เอของสิ่งมีชีวิตมาเป็ นเวลา นาน จน ค.ศ. ๑๙๕๓ เจมส์ ดิวอีย์ วอตสนั (James Dewey Watson) ๑ ๒ ๓ ๔๕ ชาวอเมริกนั และฟรานซิส แฮร์รี ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ คอมป์ ตนั คริก (Francis Harry Compton Crick) ชาวองั กฤษ ได้ ๑๓ ๑๔ ๑๕ คน้ พบโครงสร้างของดีเอ็นเอใน ๑๖ ๑๗ ๑๘ ธรรมชาติ มีลกั ษณะเป็นเกลียวคู่ ๑๙ ๒๐ ๒๑ ๒๒ XY ประกอบดว้ ยสารพนั ธุกรรมท่ีมี แผนภาพแสดงโครโมโซมปกติของมนุษยเ์ พศชาย ในภาวะปกติ มนุษยม์ โี ครโมโซม ดีเอน็ เอ ๒ สายกลบั ทิศทางกนั จำ� นวน ๒๓ คู่ เป็นโครโมโซมที่กำ� หนดเพศ ๑ คู่ ในเพศชายโครโมโซมเพศเป็น XY ส่วนในเพศหญิงโครโมโซมเพศเป็น XX

213 หลงั จีโนมจะเป็นประโยชนต์ ่อสุขภาพและความ เกดิ โรคตอ้ งอาศยั ท้งั ปัจจยั ภายในร่างกายและปัจจยั อยดู่ กี นิ ดขี องมนุษยใ์ นยคุ ปัจจบุ นั โดยจะเชื่อมโยง ภายนอก จะขาดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงไมไ่ ด้ กบั เทคโนโลยชี ีวภาพ ในช่วงเวลาที่มีโครงการ จีโนมมนุษย์ นกั วทิ ยาศาสตร์ไดพ้ ฒั นาและคดิ คน้ ปจั จบุ นั อยใู่ นชว่ งทค่ี น้ พบยนี ทเี่ ป็นสาเหตขุ อง เทคโนโลยที ส่ี ำ� คญั หลายอยา่ ง ซ่ึงส่งผลใหม้ ีการ โรคตา่ งๆไดใ้ นเวลารวดเร็วเพราะนกั วทิ ยาศาสตร์ เปลยี่ นแปลงในการป้องกนั รกั ษาโรค สามารถศกึ ษารหสั พนั ธุกรรมของมนุษยท์ เ่ี ป็นโรค เปรียบเทียบกบั รหสั พนั ธุกรรมของบคุ คลปกติซ่ึง ๓.เทคโนโลยกี ารค้นหายนี ก่อโรคและ อยใู่ นฐานขอ้ มลู ของโครงการจีโนมมนุษย์ ทำ� ให้ ยนี ก่อความเส่ียงต่อโรค การคน้ พบความแตกต่างในยีนเหล่าน้นั เป็ นไป ไดง้ า่ ยกวา่ ในอดีตมาก กระบวนการคน้ หายนี ใน วิธีการรักษาโรคท่ีดีที่สุดคือ การรักษาท่ี ปัจจบุ นั อาจทำ� ไดโ้ ดยการศกึ ษายนี ทค่ี าดวา่ จะเป็น สาเหตุของโรค ปัจจุบนั เป็นที่ทราบกนั แน่ชดั วา่ สาเหตขุ องโรคโดยอาศยั ความรูท้ ม่ี มี ากอ่ น วธิ ีการ พนั ธุกรรมเป็นปัจจยั สำ� คญั ทที่ ำ� ใหเ้ กิดโรค นน่ั คอื น้ีเรียกวา่ แคนดิเดตยนี แมปปิ ง (candidate gene การกลายทำ� ใหย้ นี ไมส่ ามารถทำ� หนา้ ทเี่ ป็นตน้ แบบ mapping) เช่น การตรวจหาการกลายในยนี ตวั รับ ในการสงั เคราะหโ์ ปรตนี ไดอ้ ยา่ งปกติ ซ่ึงส่งผลให้ วติ ามนิ ดีในผปู้ ่ วยโรคกระดกู พรุน เพราะทราบวา่ เกิดเป็นโรคข้นึ ในร่างกายมนุษย์ โรคจำ� นวนมาก วิตามินดีทำ� หนา้ ท่ีส่งเสริมการสร้างมวลกระดูก เกดิ จากผลการกลายของยนี เรียกวา่ โรคพนั ธุกรรม การคน้ หายนี อกี วธิ ีหน่ึงเป็นการคน้ หาตำ� แหนง่ ของ (genetic disorders) ซ่ึงสามารถถา่ ยทอดไปสู่บตุ ร ยนี โดยอาศยั เทคโนโลยที างพนั ธุศาสตร์เทา่ น้นั ไม่ หลานของบคุ คลทเี่ ป็นโรคได้ แตโ่ รคส่วนใหญเ่ กดิ จำ� เป็นตอ้ งทราบขอ้ มูลวา่ ยนี ใดน่าจะก่อโรค วธิ ี จากผลร่วมกนั ของยนี และส่ิงแวดลอ้ ม ทำ� ใหก้ าร น้ีเรียกวา่ โพซิชนั นลั ยนี แมปปิ ง (positional gene ครอบครัวผปู้ ่ วยโรคพนั ธุกรรม การระบตุ ำ� แหน่งของยนี กอ่ โรคบนโครโมโซม การคน้ หาตำ� แหน่งโดยละเอยี ดบนส่วนโครโมโซม กระบวนการศกึ ษาดว้ ยเคร่ืองหมาย ชิ้นดีเอน็ เอขนาดเลก็ ๆ จากบริเวณท่ีสนใจ คน้ พบโครงสร้าง ดีเอน็ เอท่ีกระจายตวั อยใู่ นจีโนม ถกู นำ� มาคน้ หายนี กอ่ โรค ของยนี กอ่ โรค การอา่ นรหสั ของ กระบวนการค้นหาตำ� แหน่งของยนี ก่อโรค ยนี บริเวณดงั กลา่ ว เพอื่ ยนื ยนั การคน้ พบ ยนี กอ่ โรค

214 mapping) หลงั จากทราบตำ� แหน่งวา่ ยนี ก่อโรค เก่ียวกบั การรักษาโรคดว้ ยยนี น้ีเกิดจากความรู้ใน อยทู่ ี่ใดแลว้ จึงทำ� การศึกษาหนา้ ที่ปกติและการ เร่ืองโมเลกลุ พยาธิกำ� เนิดของโรค วา่ เกิดจากความ เปลย่ี นแปลงทที่ ำ� ใหเ้กดิ โรคเป็นลำ� ดบั ตอ่ ไปปจั จบุ นั ผดิ ปกติของยนี (genetic etiology) หรือเกิดจากยนี การคน้ หายนี กอ่ โรคใชว้ ธิ ีการผสมผสานระหวา่ งท้งั มีผลต่อความโนม้ เอียงต่อการเกิดโรค (genetic ๒ วธิ ี เรียกวา่ โพซิชนั นลั แคนดิเดตยนี แมปปิ ง susceptibilityfactor) ดงั น้นั การแกไ้ ขความผดิ ปกติ (positional candidate gene mapping) การ พ้นื ฐานท่ีทำ� ใหเ้ กิดโรคจึงไมใ่ ช่การรักษาท่ีอวยั วะ คน้ พบยนี ก่อโรคนำ� ไปสู่การพฒั นาวธิ ีการตรวจที่ อนั เป็นผลจากพยาธิวทิ ยาของโรค แตค่ วรทำ� ดว้ ย จำ� เพาะตอ่ โรคน้นั ๆ ช่วยใหแ้ พทยส์ ามารถยนื ยนั วธิ ีการแกไ้ ขจากสาเหตุของความผดิ ปกติที่ระดบั การวนิ ิจฉยั โรคไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำ� และเปิ ดโอกาสให้ ยนี หรือผลผลิตของยนี กระบวนการรักษาดว้ ยยนี มกี ารพฒั นาการรกั ษาดว้ ยยนี หรือการบำ� บดั ดว้ ยยนี ประกอบดว้ ยข้นั ตอนหลกั คอื นำ� ยนี ทมี่ รี หสั ถกู ตอ้ ง ตอ่ ไป หรือยนี ท่ีตอ้ งการเขา้ สู่เซลล์ ตอ่ มาจะมีการคงอยู่ ของยนี น้นั ซ่ึงส่วนมากเกิดจากยนี ที่ใส่เขา้ ไปน้นั ๔. เทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยยีน เกิดการรวมตวั กบั จีโนมของเซลลร์ ับ แลว้ มีการ หรือการบำ� บดั ด้วยยนี (Genetherapy) แสดงออกของยนี น้นั เพอ่ื สร้างผลผลติ ท่ีตอ้ งการ การบำ� บดั ดว้ ยยนี หมายถึง การเพ่มิ หรือ โรคที่สามารถบำ� บดั ไดด้ ว้ ยยนี เป็นโรคท่ีมี เปลย่ี นแปลงยนี และ/หรือผลผลติ ของยนี ในเซลล์ ยนี เป็นปัจจยั ตอ่ การเกิดโรค ระยะเร่ิมตน้ ของการ เพอื่ หวงั ผลในการบำ� บดั รกั ษาโรค แนวคดิ ในเรื่อง รักษาดว้ ยวธิ ีน้ี กลุ่มโรคท่ีเป็นเป้าหมายหลกั คือ โรคพนั ธุกรรมทเ่ี กิดจากความผดิ ปกตขิ องยนี เดี่ยว ๑. เกบ็ เซลลจ์ ากผปู้ ่ วย ๒. เตรียมไวรสั โดย กำ� จดั ยนี กอ่ โรคออก จากอนุภาคไวรสั ๗. เซลลท์ ี่เขา้ ไปในร่างกาย ผลติ โปรตีน ๓. บรรจยุ นี ที่ตอ้ งการ ท่ีเป็นผลผลติ ของยนี ที่ตอ้ งการ ลงในอนุภาคไวรสั ๖. นำ� เซลลถ์ า่ ยกลบั เขา้ สู่ร่างกาย ผปู้ ่ วย ๕. เซลลผ์ ปู้ ่ วยรับยนี จากไวรัสเขา้ สู่เซลล์ ๔. ติดเช้ือไวรสั และมกี ารแสดงออกของยนี น้นั ๆ เขา้ สู่เซลลข์ องผปู้ ่ วย การรักษาด้วยยนี หรือการบำ� บดั ด้วยยนี

215 ไวรัส พอลิเมอร์ เดนดริเมอร์ เพปไทด์ ไลโปโซม ตวั นำ� ยนี disease) ที่พบในผใู้ หญ่ ไดแ้ ก่ โรคไขมนั ในเลอื ด สูง โรคความดนั โลหิตสูง โรคหวั ใจโคโรนารี เพราะ (single gene Mendelian disorder) เช่น โรค มผี ปู้ ่ วยเป็นโรคเหลา่ น้ีจำ� นวนมาก ฮีโมฟิ เลีย (haemophilia) โรคกลา้ มเน้ือฝ่ อลีบ (amyotrophy) กลมุ่ โรคความผดิ ปกติของเอนไซม์ ตวั นำ� ยนี มีส่วนสำ� คญั ยง่ิ ตอ่ ความสำ� เร็จของ แตก่ ำ� เนิด (inborn error of metabolism) โรคภาวะ การรักษาดว้ ยยนี เพราะโดยทว่ั ไปเซลลจ์ ะไมร่ ับ เกิดพงั ผดื กระเพาะปัสสาวะ (cystic fibrosis) แต่ ยนี แปลกปลอมเขา้ ไปในไซโทพลาซึม หรือยนี อาจ ในเวลาไม่นานกเ็ ป็นท่ีประจกั ษว์ า่ การรักษาดว้ ย ถกู ทำ� ลายกอ่ นท่ีจะไปถงึ เซลลเ์ ป้าหมาย ตวั นำ� ยนี ยนี ในโรคตา่ ง ๆ ดงั กลา่ วไมส่ ามารถทำ� ไดโ้ ดยงา่ ย จะพายนี เขา้ สู่เซลลเ์ ป้าหมายเพอ่ื ใหย้ นี สามารถเขา้ เน่ืองจากปัจจยั หลายประการ ท่ีสำ� คญั คอื ความผดิ ไปยงั เซลลแ์ ละแสดงออกได้ ส่วนอุปสรรคของ ปกตขิ องยนี มอี ยใู่ นทกุ เซลล์ ทำ� ใหก้ ารแกไ้ ขความ การรกั ษาดว้ ยยนี มหี ลายประการ ท้งั ทเ่ี กิดจากโรค ผดิ ปกติของยนี เหลา่ น้นั ตอ้ งทำ� ในเซลลต์ น้ กำ� เนิด และยนี กอ่ โรคเอง และระบบตวั นำ� ทยี่ งั ไมส่ มบรู ณ์ (stemcell) ซ่ึงยงั มอี ปุ สรรคทางเทคโนโลยแี ละทาง แต่มีเพียงระบบตวั นำ� ยนี เท่าน้นั ที่สามารถพฒั นา จริยธรรมอยมู่ าก ความสนใจเร่ืองการบำ� บดั ดว้ ย แกไ้ ขได้ ดงั น้นั ปัจจบุ นั ระบบตวั นำ� ยนี ท่ีสมบรู ณ์ ยีนจึงมุ่งมาท่ีโรคท่ีเกิดกบั เซลลจ์ ำ� นวนนอ้ ยของ จึงเป็นเป้าหมายหลกั ของผพู้ ฒั นาการรกั ษาดว้ ยยนี ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง ซ่ึงสามารถที่จะแกไ้ ข ระบบของตวั นำ� ยนี ท่ีใชใ้ นปัจจบุ นั มี ๒ ระบบคอื ความผดิ ปกตขิ องเซลลเ์ ฉพาะทแี่ ละจำ� นวนนอ้ ยได้ ระบบทใี่ ชไ้ วรสั (viraldeliverysystem) และระบบ นอกจากน้ี กลุ่มโรคท่ีกำ� ลงั ไดร้ ับความสนใจไม่ ที่ไมใ่ ชไ้ วรัส (nonviral delivery system) นอ้ ยไปกวา่ โรคมะเร็งคอื โรคพหุปัจจยั (complex

216 โครงสร้างพนั ธุกรรมของไวรัส เซลลท์ ี่มที ้งั ยนี ไวรสั -ดีเอน็ เอมนุษย์ ระบบภมู คิ มุ้ กนั ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั กบั ระบบที่ ที่ตอ้ งการนำ� ไปใชร้ กั ษาโรค ใชไ้ วรสั ยนี ควบคมุ ยนี โครงสร้าง ยนี กอ่ โรค ระบบการนำ� ยนี เขา้ สู่เซลลท์ ่ีไม่ใช้ การแบง่ ตวั อนุภาคไวรัส ไวรัสยงั เป็ นท่ีนิยมกนั นอ้ ย เน่ืองจากมี ประสิทธิภาพตำ่� และบรรจยุ นี ไดข้ นาดเลก็ เมอื่ เทยี บกบั ระบบทใ่ี ชไ้ วรสั แตม่ ขี อ้ ดีคอื กระตนุ้ ระบบภมู คิ มุ้ กนั ไดน้ อ้ ย ในอนาคต พนั ธุกรรมไวรสั ที่กำ� จดั ยนี กอ่ โรคออกไป ยงั ตอ้ งมีการพฒั นาระบบน้ีอกี มากหากจะ ชิ้นดีเอน็ เอท่ีตอ้ งการใหแ้ สดงผล อนุภาคไวรัสที่มยี นี ท่ีกำ� หนดแตไ่ มม่ ียนี กอ่ โรค นำ� มาเป็นทางเลอื กในการนำ� ยนี เขา้ สู่เซลล์ เพอื่ รักษาโรค และไมม่ ยี นี ท่ีจะสร้างอนุภาคไวรสั ตอ่ ไป ขอ้ มูลการรักษาดว้ ยยนี ในปัจจุบนั วธิ ีเตรียมตวั น�ำยนี เข้าสู่เซลล์ด้วยไวรัส กวา่ ๔๐๐ โครงการ พบวา่ มีการทดลอง ๑. ระบบการนำ� ยนี ด้วยไวรัส เพอื่ นำ� มารักษาโรคมะเร็งมากท่ีสุด โดยมสี ดั ส่วน โดยการใชไ้ วรสั บรรจยุ นี ทตี่ อ้ งการนำ� เขา้ ใน เป็นร้อยละ ๗๐-๗๕ ของการทดลองท้งั หมด และ เซลลต์ ิดเช้ือหรือเซลลร์ ับ หลงั จากน้นั ยนี ที่อยใู่ น เป็นการรักษาท่ีทำ� ในเซลลร์ ่างกาย (somatic cell) ไวรัสจะถูกถ่ายทอดเขา้ สู่เซลลร์ ับ ระบบน้ีมีขอ้ ดี ท้งั หมดไมใ่ ชใ่ นเซลลต์ น้ กำ� เนิด การบำ� บดั ดว้ ยยนี คอื เพาะเล้ยี งและเตรียมไดง้ า่ ย สามารถบรรจยุ นี ในปัจจบุ นั ยงั ไมป่ ระสบผลสำ� เร็จแพร่หลายมากนกั ท่ีมขี นาดใหญไ่ ด้ มปี ระสิทธิภาพสูงในการนำ� ยนี เพราะตวั นำ� ยนี ทมี่ อี ยยู่ งั มปี ัญหาของการแสดงออก เขา้ สู่เซลล์ และทำ� ใหม้ ีการแสดงออกของยนี ใน ของยนี ในระยะยาว รวมท้งั การกระตนุ้ ระบบภมู ิ ระยะยาวได้ แตม่ ขี อ้ เสียคอื จำ� เป็นตอ้ งกำ� จดั ยนี ท่ี คมุ้ กนั จึงตอ้ งมกี ารพฒั นาเพมิ่ ข้นึ อกี ในอนาคต ทำ� ใหม้ ีการกอ่ โรคของไวรัสออกไป เพอื่ ป้องกนั การเกดิ โรคในมนษุ ย์ และตอ้ งระวงั เรื่อง การกระตนุ้ ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของร่างกาย อปุ กรณน์ ำ� ดีเอน็ เอเขา้ สู่เซลล์ อปุ กรณป์ ื นยงิ ดีเอน็ เอเขา้ สู่เซลล์ โดยตวั นำ� ยนี ท่ีจะทำ� ใหป้ ระสิทธิภาพ โดยใชก้ ระแสไฟฟ้า ลดลงในระยะยาวดว้ ย พอลิเมอร์และเดนดริเมอร์ในการนำ� ยนี เขา้ สู่เซลล์ ตวั นำ� ยนี ที่เป็นไขมนั ๒. ระบบการนำ� ยนี ทไ่ี ม่ใช้ไวรัส ระบบน้ีใช้สารเคมีจบั กบั ยีนที่ วธิ ีต่าง ๆ ในการน�ำยนี เข้าสู่เซลล์โดยไม่ใช้ไวรัส ตอ้ งการนำ� เขา้ สู่เซลลโ์ ดยผา่ นทางตวั รบั คอื เป็นการนำ� ยนี เขา้ สู่เซลลร์ บั โดยตรง มีขอ้ ดีคือ ไมต่ อ้ งกงั วลเร่ืองอนุภาคติด เช้ือแตม่ ปี ระสิทธิภาพตำ่� กวา่ ระบบการ นำ� ยนี ดว้ ยไวรสั และสามารถจะกระตนุ้

217 การเพาะเล้ียงเซลลใ์ นหอ้ งปฏิบตั ิการ ๕. เทคโนโลยกี ารเพาะเลยี้ งเซลล์และการปฏสิ นธิ เซลลท์ ี่ถือว่ามีความสำ� คญั ในการปฏิสนธิ เตบิ โตของไขท่ ร่ี งั ไข่ ไขท่ ต่ี กจากรงั ไขอ่ ยใู่ นระยะ เพอื่ สืบทอดเผา่ พนั ธุ์ ไดแ้ ก่ เซลลไ์ ขข่ องเพศหญงิ ท่ีมคี วามพร้อมในการปฏิสนธิกบั เซลลอ์ สุจิ และ และเซลลอ์ สุจิของเพศชาย เซลลไ์ ขม่ ีกำ� เนิดจาก มโี ครโมโซมทเ่ี ป็นสารพนั ธุกรรมจากแมค่ ร่ึงหน่ึง รงั ไข่ และเซลลอ์ สุจิมาจากอณั ฑะ ขณะเมอื่ แรก ไข่ที่มีการแบ่งตวั โดยสมบูรณ์เม่ือเซลลอ์ สุจิผา่ น เกิดมนุษยม์ เี ซลลไ์ ขป่ ระมาณ ๒ ลา้ นใบ คร่ึงหน่ึง เขา้ ไปในไข่ จะผสมรวมกบั เซลลอ์ สุจทิ ม่ี โี ครโมโซม อยใู่ นระยะเส่ือมสลายหรือฝ่อ การฝ่อของไขเ่ ป็น เป็นสารพนั ธุกรรมจากพอ่ อกี คร่ึงหน่ึง เรียกวา่ การ กระบวนการท่ีเกิดข้นึ ตลอดเวลา เมอื่ เขา้ สู่วยั สาว ปฏิสนธิ (fertilization) จำ� นวนไขใ่ นรังไขจ่ ะลดลงเหลือเพยี ง ๔๐๐,๐๐๐ ใบ โดยประมาณวา่ มีเพยี ง ๘,๐๐๐ ใบท่ีจะเจริญ เซลลอ์ สุจหิ รือเซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศชายสรา้ งจาก เตบิ โต และมเี พยี ง๓๐๐-๔๐๐ใบเทา่ น้นั ทจี่ ะเจริญ อวยั วะเพศชายทเ่ี รียกวา่ อณั ฑะ ในวยั หนมุ่ ฮอร์โมน เติบโตจนถงึ ระยะไขต่ ก การเจริญเติบโตและการ เอฟเอสเอช(FSH)จากตอ่ มใตส้ มองส่วนหนา้ และ ตกไข่เป็ นกระบวนการท่ีมีการคดั เลือกและการ ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน(testosterone)จากอณั ฑะ ควบคุมอยา่ งดีจากการหลง่ั ฮอร์โมนจากสมองมา ทำ� หนา้ ทค่ี วบคมุ เซลลอ์ สจุ ใิ หแ้ บง่ ตวั และเจริญเตบิ โต ควบคมุ ตอ่ มใตส้ มองส่วนหลงั และควบคมุ การเจริญ อยา่ งสมบรู ณ์ อณั ฑะเป็นอวยั วะที่ทำ� หนา้ ท่ีสร้าง เซลลอ์ สุจิและฮอร์โมนเพศชายเทสทอสเทอโรน

218 เอม็ บริโอระยะตน้ มกี ารแบง่ ตวั เป็นลำ� ดบั จาก ๒ เป็น ๔ เป็น ๘ เป็น ๑๖ เซลล์ ไปเร่ือย ๆ เอม็ บริโอระยะท่ีมโี พรง เอม็ บริโอท่ีเริ่มแบง่ ตวั ภายใน (ประมาณวนั ท่ี ๔) เอม็ บริโอระยะ ๖ วนั พร้อมจะฝังตวั ไขท่ ่ีมนี ิวเคลยี สของสเปิ ร์ม และไขร่ วมกนั หลงั ปฏสิ นธิ การปฏสิ นธิ ไขท่ ี่ตกจากรังไข่ แผนภาพแสดงวงจรการสุกของไข่ในมนุษยภ์ ายในรังไข่ของเพศหญิง การตกไข่ การเคล่ือนท่ีของไข่จากรังไข่มาสู่ท่อนำ� ไข่ การปฏิสนธิของไข่กบั สเปิ ร์ม และการเคลื่อนที่มาเพ่ือฝังตวั ในโพรงมดลูก อณั ฑะมี ๒ ขา้ ง อยภู่ ายในถงุ อณั ฑะ ซ่ึงจะปรับ เมอ่ื เขา้ สู่โพรงมดลกู เอม็ บริโอกแ็ บง่ ตวั และเจริญ อณุ หภมู ขิ องอณั ฑะและทอ่ ใหอ้ ยทู่ ร่ี ะดบั ประมาณ เตบิ โตตอ่ ไปจนถงึ ระยะบลาสโทซิสต์(blastocyst) ๓๓ องศาเซลเซียส เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั การเจริญ และหลุดออกจากเยื่อหุ้มเอ็มบริโอฝังตวั ท่ีเย่ือบุ ของเซลลอ์ สุจิ เซลลอ์ สุจิถกู ขบั ออกมากบั น้ำ� อสุจิ โพรงมดลกู เอม็ บริโอระยะบลาสโทซิสตม์ โี พรง ทางทอ่ ปัสสาวะ เมอื่ มกี ารหลงั่ น้ำ� อสุจใิ นชอ่ งคลอด อยู่ตรงกลางและเซลลถ์ ูกแยกออกเป็ น ๒ กลุ่ม ของเพศหญงิ เซลลอ์ สุจทิ เ่ี คลอื่ นไหวไดด้ จี ะเคลอื่ น กลมุ่ หน่ึงรวมตวั กนั อยทู่ างข้วั ที่เรียกวา่ กลมุ่ เซลล์ ผา่ นปากมดลกู คอมดลกู และเขา้ สู่โพรงมดลกู ภายใน หรือเซลลไ์ อซีเอม็ (Inner Cell Mass: ICM) จากตวั มดลกู เซลลอ์ สุจิจะเคลื่อนตอ่ ไปถึงทอ่ นำ� ซ่ึงจะเจริญตอ่ ไปเป็นทารกในครรภ์ (fetus) เซลล์ ไข่ ซ่ึงเป็ นตำ� แหน่งที่มีการปฏิสนธิกบั ไข่ท่ีตก อีกกลุ่มหน่ึงท่ีลอ้ มรอบจะเจริญต่อกลายเป็ นรก ออกมาจากรังไข่ (placenta)ทารกในครรภจ์ ะเจริญเตบิ โตในถงุ น้ำ� คร่ำ� การปฏสิ นธิทำ� ใหม้ กี ารรวมกนั ของนิวเคลยี ส (amniotic sac) จนถงึ ระยะท่ีคลอด ตามภาวะปกติ ของเซลลไ์ ขแ่ ละเซลลอ์ สุจิ จากน้นั เร่ิมมีการแบง่ ในแต่ละรอบของการตกไข่ หญิงท่ีแต่งงานจะมี ตวั เป็น ๒ เซลล์ เรียกวา่ เอม็ บริโอ (embryo) ซ่ึง โอกาสต้งั ครรภป์ ระมาณร้อยละ ๒๕ ภาวะการมี แบง่ ตวั เพมิ่ จำ� นวนเซลลเ์ ป็น ๔, ๘, ๑๖, ๓๒ และ บตุ รยากเป็นปัญหาสุขภาพที่สำ� คญั ซ่ึงภาวะน้ีจะ ๖๔ เซลล์ เรียกแต่ละเซลลท์ ่ีไดจ้ ากการแบ่งใน ตา่ งกนั ไปในแตล่ ะชมุ ชน โดยเฉลย่ี พบไดป้ ระมาณ เอม็ บริโอวา่ บลาสโทเมยี ร์ (blastomere) เอม็ บริโอ รอ้ ยละ ๘-๑๐ ของคสู่ มรส จากขอ้ มลู ขององคก์ าร จะแบง่ ตวั และเจริญเติบโตในทอ่ นำ� ไข่ และเขา้ สู่ อนามยั โลกระบวุ า่ มคี สู่ มรสประมาณ๕๐-๘๐ลา้ น โพรงมดลกู ในระยะทม่ี ขี นาดประมาณ๘-๖๔เซลล์ คทู่ ว่ั โลกประสบปัญหาการมบี ตุ รยาก

219 การศึกษาคน้ ควา้ และวจิ ยั ดา้ นชีววทิ ยาการ (cryopreservation) ในกระบวนการปฏิสนธินอก เจริญพนั ธุใ์ นระยะ ๒๐ ปี ที่ผา่ นมา ทำ� ใหแ้ พทย์ ร่างกาย โดยทว่ั ไปใชฮ้ อร์โมนกระตนุ้ ใหเ้ ซลลไ์ ข่ สามารถชว่ ยแกไ้ ขภาวะการมบี ตุ รยากได้ นบั ต้งั แต่ สุกในรงั ไข่ ซ่ึงสิ้นเปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยเกยี่ วกบั ฮอร์โมน แพทริก สเตปโท (Patrick Steptoe) สูติแพทยช์ าว และเกิดผลเสียตอ่ รังไข่ จึงไดม้ คี วามพยายามเพาะ องั กฤษ และรอเบิร์ต เอดเวดิ ส์ (Robert Edwards) เล้ียงเซลลไ์ ข่ที่เจาะเก็บออกมาจากรังไข่ในจาน นกั สรีรวทิ ยาชาวองั กฤษไดร้ ายงานความสำ� เร็จคร้งั แกว้ ดว้ ยเครื่องอลั ตราซาวนด์หรือเครื่องคลนื่ เสียง แรกในการปฏสิ นธิภายนอกร่างกายของเซลลอ์ สุจิ ความถส่ี ูง เพอ่ื ใหเ้ ซลลไ์ ขเ่ จริญเติบโตจนสามารถ และเซลลไ์ ข่ (in vitro fertilization: IVF) และการ ปฏสิ นธิกบั เซลลอ์ สุจภิ ายนอกร่างกายและถา่ ยโอน ถา่ ยโอนเอม็ บริโอ (embryo transfer: ET) ทำ� ใหไ้ ด้ เอม็ บริโอใหเ้ กิดการต้งั ครรภไ์ ด้ การพฒั นาเครื่อง เดก็ หลอดแกว้ เมื่อ ค.ศ. ๑๙๗๘ เทคโนโลยนี ้ีมีผู้ อลั ตราซาวนดใ์ หม้ ปี ระสิทธิภาพสูงทำ� ใหส้ ามารถ สนใจเพมิ่ ข้นึ อยา่ งรวดเร็วทวั่ โลก จงึ เกดิ เทคโนโลยี ตรวจพบเซลลไ์ ข่ขนาดเล็กและเจาะเก็บไดท้ าง ชีวภาพที่ช่วยการเจริญพนั ธุโ์ ดยวธิ ีตา่ ง ๆ มากมาย ชอ่ งคลอด จงึ ไมต่ อ้ งมกี ารกระตนุ้ รงั ไขด่ ว้ ยฮอรโ์ มน ท้งั ยงั ทำ� ใหม้ แี หลง่ ของเซลลไ์ ขส่ ำ� หรบั บริจาคเพม่ิ การศึกษาคน้ ควา้ วิจยั เก่ียวกบั เซลลไ์ ข่มีอยู่ ข้นึ ในระยะเวลา ๑๐ ปี ท่ีผา่ นมา นกั วจิ ยั ไดพ้ ฒั นา หลายประการ ทน่ี ่าสนใจคอื การเพาะเล้ยี งเซลลไ์ ข่ เทคโนโลยีชีวภาพในการแช่แขง็ เซลลไ์ ข่ ซ่ึงมี ในหอ้ งปฏิบตั ิการใหเ้ จริญสมบรู ณเ์ ตม็ ที่ (in vitro ประโยชนใ์ นกรณีทมี่ กี ารบริจาคไขห่ ลายฟอง และ maturation:IVM) และกระบวนการแชแ่ ขง็ เซลลไ์ ข่ ถงั ไนโตรเจนเหลวอุณหภูมิต่ำ� มากภายในหอ้ งปฏิบตั ิการ ซ่ึงเป็นอุปกรณ์ใชเ้ กบ็ รักษาเซลลไ์ ข่ สามารถเกบ็ รักษาในสภาวะเยอื กแขง็ เพ่อื จะนำ� มาใชผ้ สมเอม็ บริโอในภายหลงั ได้

220 เกบ็ รักษาเซลลไ์ ข่ไวก้ ่อนที่ผปู้ ระสบปัญหาการมี ลกั ษณะของสเปิ ร์มปกติ (บน) และสเปิ ร์มท่ีมีลกั ษณะผดิ ปกติ บตุ รยากจะมารบั การผา่ ตดั รงั ไขห่ รือฉายแสง การ หลายชนิด (ล่าง) ซ่ึงพบไดบ้ ่อยในเพศชายท่ีเป็นหมนั แช่แขง็ เซลลไ์ ข่เป็ นเทคโนโลยที ี่ยงุ่ ยากและเป็ น ปัญหามากกวา่ การแช่แขง็ เซลลอ์ สุจิและเอม็ บริโอ จะฝังตวั ทผี่ นงั โพรงมดลกู และเกิดการต้งั ครรภใ์ น เนื่องจากเซลลไ์ ขม่ นี ้ำ� มากและมีขนาดใหญ่ อตั ราทส่ี ูงข้นึ การแชแ่ ขง็ เอม็ บริโอใหเ้ กบ็ ไวไ้ ดน้ าน เพอ่ื ถา่ ยโอน และวธิ ีการผา่ ตดั แยกเซลลเ์ อม็ บริโอ ปัญหาหน่ึงของการรักษาผทู้ ่ีมีบุตรยากดว้ ย เพอ่ื วนิ จิ ฉยั หรือตรวจหาความผดิ ปกตขิ องพนั ธกุ รรม การปฏิสนธินอกร่างกายคือ การที่เซลลไ์ ข่และ กอ่ นการฝงั ตวั ทโ่ี พรงมดลกู ซ่งึ วธิ กี ารเหลา่ น้สี ามารถ เซลลอ์ สุจิไมส่ ามารถปฏสิ นธิไดเ้ พราะเซลลอ์ สุจิมี ตรวจหาความผดิ ปกตขิ องโรคพนั ธุกรรมจากเซลล์ ปริมาณและคณุ ภาพไมด่ ีพอ วธิ ีทชี่ ่วยการปฏสิ นธิ ของเอม็ บริโอก่อนการถา่ ยโอนเพยี งเซลลเ์ ดียวได้ อาจทำ� ไดด้ ว้ ยการฉีดเซลลอ์ สุจิเพยี ง๑เซลลเ์ ขา้ ไป โดยใชเ้ วลาในการตรวจนอ้ ยและมคี วามแมน่ ยำ� สูง ในไซโทพลาซึมของไข่ซ่ึงประสบผลสำ� เร็จสูงมาก นอกจากการวินิจฉยั แลว้ ยงั มีการนำ� เทคโนโลยี และเป็ นวิธีที่นิยมใชแ้ กไ้ ขปัญหาการมีบุตรยาก ชวี ภาพทเี่ กย่ี วเน่ืองกบั พนั ธวุ ศิ วกรรมมาใชแ้ กไ้ ขขอ้ ปัจจบุ นั ถา้ เพศชายไมม่ อี สุจใิ นน้ำ� เช้อื แพทยส์ ามารถ บกพร่องทางพนั ธุกรรมในเซลลข์ องเอม็ บริโอดว้ ย ดูดหรือผา่ ตดั เอาเซลลอ์ สุจิออกจากท่อนำ� น้ำ� อสุจิ หรือจากอณั ฑะ เพอ่ื นำ� มาฉีดเขา้ ไปในไซโทพลาซึม ของเซลลไ์ ขใ่ หเ้ กิดการปฏสิ นธิได้ การวิจยั และพฒั นาเทคโนโลยชี ีวภาพของ เอม็ บริโอจากการปฏิสนธินอกร่างกายมีอยหู่ ลาย วธิ ี ต้งั แต่วธิ ีการเพาะเล้ียงเอม็ บริโอนอกร่างกาย (in vitro culture: IVC) ใหส้ ามารถแบง่ ตวั ถงึ ระยะ ภาพจากกลอ้ งจุลทรรศนข์ องเคร่ืองมือตดั เซลลเ์ อม็ บริโอ แสดง หลอดแกว้ ที่ใชด้ ูดตรึงไขไ่ ม่ใหเ้ คลื่อนไหว (ซา้ ย) และแท่งแกว้ ที่ใชเ้ จาะไข่ (ขวา) สำ� หรับฉีดสเปิ ร์มหรือเซลลเ์ ขา้ สู่ไข่ เพ่ือ หวงั ผลในการรักษาผทู้ ี่มีบุตรยาก

221 เอม็ บริโอจากการถ่ายโอนนิวเคลียสระยะ เอม็ บริโอระยะบลาสโทซิสตท์ ่ีฝังตวั ท่ีผนงั มดลูก กอ่ นการฝงั ตวั จะพฒั นาเป็นทารกในครรภไ์ ดเ้ มอื่ มี จะเจริญเติบโตเป็นลกู ออ่ น และเกิดเป็นทารกเมอ่ื การฝังตวั เอ็มบริโอที่ไดจ้ ากการปฏิสนธินอก ครบกำ� หนดคลอด เซลลต์ น้ กำ� เนิดจากเอม็ บริโอที่ ร่างกายและเหลือจากการถ่ายโอนสามารถนำ� มา เพาะเล้ยี งไดเ้ หลา่ น้ีมปี ระโยชนม์ ากเมอื่ นำ� มาทำ� ให้ เพาะเล้ียงให้เป็ นเซลล์ต้นกำ� เนิดเอ็มบริโอได้ มกี ารเปลย่ี นแปลงและพฒั นา โดยการใชส้ ารหรือ ปัจจุบนั ประเทศท่ีพฒั นาแลว้ หลายประเทศได้ ปัจจยั การเตบิ โตตา่ งๆ กระตนุ้ ใหเ้ จริญไปเป็นเซลล์ ออกกฎหมายใหม้ ีการวจิ ยั เกี่ยวกบั เซลลต์ น้ กำ� เนิด ของเน้ือเยอื่ เริ่มตน้ ท่ีข้นั เอก็ โทเดิร์ม (ectoderm) เอม็ บริโอเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เซลลท์ ี่ เมโซเดริ ์ม(mesoderm)และเอนโดเดริ ์ม(endoderm) แยกไดจ้ ากเอม็ บริโอในช่วงกอ่ นทจ่ี ะมกี ารฝังตวั ที่ ตามลำ� ดบั เซลลข์ องเน้ือเยอื่ เริ่มตน้ สามารถเจริญ มดลูกสามารถเพาะเล้ียงให้เป็ นเซลลต์ น้ กำ� เนิด ไปเป็ นเซลลข์ องเน้ือเยื่อร่างกายท่ีเฉพาะเจาะจง เอม็ บริโอได้ เซลลต์ น้ กำ� เนิดจากเอม็ บริโอท่ีเพาะ เชน่ สามารถพฒั นาใหเ้ ป็นเซลลป์ ระสาทชนดิ ตา่ งๆ เล้ียงในหอ้ งวจิ ยั จะแบ่งตวั อยา่ งรวดเร็ว นกั วจิ ยั เซลลก์ ลา้ มเน้ือหวั ใจ เซลลต์ บั เซลลไ์ ต เซลล์ สามารถท่ีจะใหเ้ ซลลต์ น้ กำ� เนิดจากเอม็ บริโอแบง่ ผวิ หนงั เซลลต์ บั ออ่ น เซลลเ์ มด็ เลอื ด การวจิ ยั และ ตวั ไปเรื่อย ๆ หรือเหน่ียวนำ� ให้เซลลต์ น้ กำ� เนิด พฒั นาเทคโนโลยแี บบน้ีเรียกวา่ การโคลนน่ิงเพอื่ เปลี่ยนแปลงเป็นเซลลร์ ่างกายไดท้ ุกชนิด แบบ การรักษาโรค (therapeutic cloning) เดียวกบั เอม็ บริโอระยะบลาสโทซิสตท์ ี่ไดจ้ ากการ ในประเทศไทยมโี รคหลายชนิดและมผี ปู้ ่ วย ปฏสิ นธิระหวา่ งเซลลอ์ สุจแิ ละเซลลไ์ ขใ่ นทอ่ นำ� ไข่ จำ� นวนมากท่ีจำ� เป็นตอ้ งใหก้ ารรักษาโดยใชเ้ ซลล์ ตามธรรมชาติ แลว้ ฝังตวั ที่ผนงั มดลกู ในเพศหญิง รักษา การพฒั นาเทคโนโลยดี า้ นเซลลว์ ทิ ยาและ เซลล์ตน้ กำ� เนิดเอ็มบริโอ ถอื เป็นการเริ่มตน้ ของเซลล์ ความสามารถในการแบง่ ตวั รกั ษาทางการแพทยใ์ นโรค ไปไดไ้ มจ่ ำ� กดั โดยไมพ่ ฒั นา ตา่ ง ๆ เช่น โรคพาร์กินสนั ไปเป็นเซลลเ์ ฉพาะ โรคเบาหวานโรคหลอดเลอื ด และหวั ใจ โรคอลั ไซเมอร์ ตลอดจนโรคทางพนั ธกุ รรม อนื่ ๆ รวมไปถงึ การปลกู ถา่ ย เซลลต์ น้ กำ� เนิดต้งั ตน้ เซลลผ์ วิ หนงั ใหแ้ ก่ผปู้ ่ วยท่ี ถกู ไฟลวกและมกี ารสูญเสีย ผวิ หนงั ดว้ ย หากสามารถ เพาะเล้ียงเซลล์เหล่าน้ีให้ ความสามารถในการพฒั นาไปเป็นเซลลแ์ ละเน้ือเยอื่ เฉพาะ และหยดุ แบง่ ตวั ไดป้ ริมาณมาก แลว้ ทำ� การ แผนภาพแสดงการแบ่งตวั ของเซลลต์ น้ กำ� เนิด

222 ๖. เทคโนโลยกี ารดดั แปรพนั ธุกรรม สิ่งมชี ีวติ ทดสอบคณุ สมบตั แิ ละแชแ่ ขง็ ไว้ สามารถนำ� ไปใช้ ประโยชนท์ างดา้ นเซลลเ์ พอื่ รกั ษาผมู้ คี วามบกพร่อง ในปัจจบุ นั มนุษยส์ ามารถใชค้ วามรู้ทางดา้ น ของเซลลเ์ หล่าน้นั โดยการนำ� ไปปลูกถ่ายแทน เทคโนโลยกี ารดดั แปรพนั ธุกรรมสิ่งมชี วี ติ เพอื่ เพมิ่ เซลลท์ ี่เสียหายไป โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สามารถใช้ ผลผลติ ท้งั ของพชื และสตั วบ์ างชนิดใหม้ คี ณุ ภาพดี เซลลร์ ่างกายของผปู้ ่ วยนำ� มาทำ� โคลนนิ่งเพอ่ื ใหไ้ ด้ ข้นึ ในพชื ไดม้ กี ารผลติ พชื สายพนั ธุใ์ หมเ่ พม่ิ ข้นึ อกี เซลล์ตน้ กำ� เนิดจากเอ็มบริโอของตวั ผูป้ ่ วยเอง หลายชนิด พชื เหลา่ น้ีมีความตา้ นทานโรคและมี สำ� หรับนำ� มาใชใ้ นการรกั ษาเพอ่ื ป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิด ผลผลติ ปริมาณมาก ใหค้ ณุ คา่ ทางโภชนาการสูงข้นึ ภาวะการไมย่ อมรับเซลลท์ ่ีปลกู ถา่ ยเขา้ ไป ตลอดจนมลี กั ษณะผลทสี่ มบรู ณแ์ ละสีสนั สวยงาม เช่น มะเขือเทศ มะละกอ การวจิ ยั เทคโนโลยี การสรา้ งเซลลจ์ ำ� เพาะจากเอม็ บริโอทไี่ ดจ้ าก ชีวภาพทางดา้ นพชื กา้ วหนา้ มากกวา่ ทางดา้ นสตั ว์ การปฏสิ นธริ ะหวา่ งเซลลไ์ ขก่ บั เซลลอ์ สจุ ใิ นหอ้ งวจิ ยั เน่ืองจากพชื มคี วามซบั ซอ้ นนอ้ ยกวา่ การวจิ ยั การ อาจกอ่ ใหเ้ กิดปัญหาทางกฎหมายและจริยธรรมใน ดดั แปรพนั ธุกรรมสตั วท์ ำ� ใหส้ ตั วโ์ ตเร็วข้นึ มไี ขมนั บางประเทศ เพราะถือวา่ เป็นการดำ� เนินการท่ีผดิ ในเน้ือและในไขน่ อ้ ยลง มโี ปรตนี ในน้ำ� นมเพม่ิ ข้นึ ธรรมชาติและอาจทงิ้ ตวั ออ่ นซ่ึงเปรียบเสมือนการ ท้งั ปริมาณและคุณภาพ นอกจากน้ี สตั วม์ ีความ ทำ� ลายชีวติ แมว้ า่ ปัจจุบนั หลายประเทศที่มีความ ตา้ นทานโรคดีข้นึ และทนทานตอ่ สภาพภมู อิ ากาศ กา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยจี ะอนญุ าต ใหส้ รา้ งเซลลจ์ ากเอม็ บริโอในหอ้ งวจิ ยั ไดแ้ ลว้ กต็ าม การดดั แปรพนั ธุกรรมส่ิงมชี ีวติ เป็นเรื่องของ เทคโนโลยชี ีวภาพท่ีพฒั นาข้นึ ใหม่ โดยใชเ้ ทคนิค การสร้างเซลลจ์ ากการถ่ายโอนนิวเคลียส ทางพนั ธุวศิ วกรรมเปลย่ี นแปลงพนั ธุกรรม เพอื่ ใช้ ของเซลลร์ ่างกาย หรือการกระตนุ้ เซลลไ์ ขใ่ หเ้ จริญ ในการเพมิ่ คณุ ภาพผลิตภณั ฑอ์ าหาร ผลผลิตทาง แบง่ ตวั เป็นเอม็ บริโอระยะบลาสโทซิสต์ มขี อ้ ได้ การเกษตร การผลิตยาและวคั ซีน และการผลิต เปรียบทเ่ี ดน่ ชดั คอื สามารถสรา้ งเซลลห์ รือเน้ือเยอ่ื สตั วห์ รือพชื ที่มคี ณุ สมบตั ิดีกวา่ เดิม การผลติ สตั ว์ ไดจ้ ากตวั ผปู้ ่ วยเอง ซ่ึงจะไมเ่ กิดปัญหาการตอ่ ตา้ น ทม่ี กี ารดดั แปรพนั ธุกรรมเพอื่ ศกึ ษาโรคพนั ธุกรรม ของระบบภมู คิ มุ้ กนั ของร่างกาย แตด่ ว้ ยปัญหาทาง ในมนุษยจ์ ะเป็นประโยชน์อยา่ งยง่ิ ท่ีทำ� ใหเ้ ขา้ ใจ จริยธรรมและกฎหมาย นกั วจิ ยั จึงพยายามดำ� เนิน สาเหตขุ องการเกดิ โรคพนั ธุกรรมตา่ งๆ รวมท้งั การ การแยกเซลล์ท่ีเรียกว่า กลุ่มเซลล์ภายใน หรือ ตรวจวนิ ิจฉยั โรคและการรกั ษาโรคทางพนั ธุกรรม เซลลไ์ อซีเอม็ กอ่ นการพฒั นาและฝังตวั โดยนำ� มา ดว้ ยการแทรกยนี ท่ีร่างกายขาดเขา้ ไป หรือตดั ยนี ทำ� การเพาะเล้ียงในหอ้ งปฏิบตั ิการเพอื่ เพมิ่ จำ� นวน ส่วนเกินที่ทำ� ใหเ้ กิดโรคออกไป เซลลใ์ หม้ ากข้นึ ในขณะทเ่ี ซลลเ์ หลา่ น้นั ยงั ไมม่ กี าร พฒั นาไปเป็นเซลลช์ นิดตา่ ง ๆ ของร่างกาย ความ การดดั แปรพนั ธุกรรมส่ิงมีชีวติ นำ� มาใชใ้ น สามารถทำ� ใหเ้ซลลเ์หลา่ น้คี งสภาพและคงคณุ สมบตั ิ ทางการแพทยโ์ ดยทว่ั ไป ดงั น้ี ของเซลลเ์ ดิมตลอดไป ถือวา่ เป็นเซลลต์ น้ กำ� เนิด เอม็ บริโอ หรือเซลลต์ น้ แบบแรกสุดของร่างกาย

223 ๑) ใชใ้ นการวจิ ยั พ้นื ฐาน ประโยชน์ของการดัดแปรพันธุกรรม ๒) ใชใ้ นการปลูกถ่ายอวยั วะจากสตั วช์ นิด สิ่งมชี ีวติ หน่ึงไปยงั สตั วอ์ ีกชนิดหน่ึง หรือท่ีเรียกวา่ การ ปลกู ถา่ ยขา้ มชนิดสตั ว์ เทคโนโลยกี ารดดั แปรพนั ธุกรรมสิ่งมชี ีวติ มี ๓) ใชผ้ ลติ วคั ซีนหรือโปรตีนทางการแพทย์ ประโยชนอ์ ยา่ งชดั เจน ๓ ดา้ น คอื เช่น สารที่เก่ียวกบั การแขง็ ตวั ของเลอื ดหรือยาอกี หลายชนิด ๑. การผลติ ยา ๔) ใชใ้ นการศึกษาโรคทางพนั ธุกรรมของ ดร.เอียน วลิ มตุ (Ian Wilmut) นกั วจิ ยั แห่ง มนุษย์ โดยมโี รคประมาณ ๓,๐๐๐ ชนิดที่เกิดจาก สถาบนั วิจยั รอสลิน (Roslin Institute) ประเทศ พนั ธกุ รรมซ่ึงไมส่ ามารถศกึ ษาไดโ้ ดยตรงจากมนษุ ย์ สกอตแลนด์ ทำ� โคลนนิ่งแกะทดี่ ดั แปรพนั ธุกรรม แตส่ ามารถนำ� การตกแตง่ สารพนั ธุกรรมสตั วม์ าใช้ ๒ ตวั ใหส้ ามารถผลติ ยาในน้ำ� นมได้ ช่ือวา่ มอลล่ี ประโยชนใ์ นการศกึ ษาได้ และใชใ้ นการศกึ ษาชวี พษิ (Molly) และพอลลี่ (Polly) แกะโคลนนิ่งและดดั (toxin)ทมี่ ผี ลหรือชกั นำ� ใหเ้ กดิ การกลาย(mutation) แปรพนั ธุกรรมท้งั ๒ ตวั น้ีแตกตา่ งจากแกะดอลลี่ (Dolly) กลา่ วคอื แกะดอลลท่ี ำ� โคลนน่ิงจากเซลล์ เตา้ นมของแกะท่ีโตเตม็ วยั โดยเอานิวเคลยี สของ เซลลเ์ ตา้ นมไปใส่ในเซลลไ์ ข่ที่ยงั ไม่ไดป้ ฏิสนธิ และดูดเอานิวเคลียสออกไป แลว้ เพาะเล้ียงเซลล์ ยนี ตา้ นทานแมลง ๗. ถ่ายยนี เขา้ เซลลพ์ ืช ๑. ตดั ยนี ตา้ นทานแมลงออก มาจากจีโนมแบคทีเรีย ๒. ต่อเช่ือมยนี ตา้ นทานแมลง ๘. ยนี เขา้ สู่จีโนมของพชื กบั ยนี เครื่องหมายในตวั นำ� ยนี ๓. ใส่ยนี นำ� โรคที่ไดก้ ลบั เขา้ ๙. เล้ียงเซลลพ์ ชื ในจานเล้ียง ในเซลลแ์ บคทีเรีย และเลือกเซลลต์ ามยนี ที่ใส่ เคร่ืองหมายไว้ ๔.-๖. สกดั ยนี ท่ีไดจ้ ากการ ๑๐. นำ� เซลลท์ ่ีเลือกไวม้ า เล้ยี งแบคทีเรีย และบรรจใุ น เพาะเล้ียง จะไดพ้ ชื ที่มียนี อปุ กรณถ์ า่ ยยนี เขา้ สู่เซลล์ ซ่ึงผลิตโปรตีนที่มีฤทธ์ ิ ตา้ นทานแมลง ภาพแสดงการนำ� ยนี ตา้ นทานแมลงมาใชใ้ นการดดั แปรพนั ธุกรรมพชื ทำ� ใหพ้ ืชมีความตา้ นทานโรค และผลผลิตเพม่ิ ข้ึน

224 ไขท่ ี่ไดร้ ับการถา่ ยโอนนิวเคลียสใหเ้ ป็นเอม็ บริโอ รักษาโรคหวั ใจ โรคเยอ่ื หุม้ ปอด และยงั สามารถ ในระยะถา่ ยโอนใหต้ ้งั ทอ้ งในแมแ่ กะตวั อื่น เพอื่ ผลติ โปรตีนท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ ร่างกาย โดยท่ีใน ช่วยอมุ้ ทอ้ ง ส่วนแกะมอลลแี่ ละพอลลเ่ี ป็นลกู แกะ สมยั ก่อนจะตอ้ งสกดั จากเลือดของมนุษยซ์ ่ึงอาจ ที่ทำ� การโคลนน่ิงจากนิวเคลียสของเซลลเ์ น้ือเยอื่ มกี ารปนเป้ื อนเช้ือไวรสั หรือแบคทเี รียทกี่ อ่ ใหเ้ กิด ของลกู แกะที่อยใู่ นครรภซ์ ่ึงมอี ายุ ๒๖ วนั โดยได้ อนั ตรายได้ นอกจากน้ี นกั วทิ ยาศาสตร์จากแควน้ รบั ยนี ของมนษุ ยท์ คี่ วบคมุ การสรา้ งสารแฟกเตอร์๙ สกอตแลนดส์ ามารถผลิตไกด่ ดั แปรพนั ธุกรรมได้ (FactorIX)แทนทจ่ี ะเป็นเซลลเ์ ตา้ นมแบบเดียวกบั และต้งั ช่ือแมไ่ กว่ า่ บริตนยี ์ (Britney) ซ่ึงในไขข่ าว แกะดอลล่ี ท้งั น้ี แฟกเตอร์ ๙ เป็นสารท่ีทำ� หนา้ ท่ี ของไกพ่ นั ธุน์ ้ีมโี ปรตีนมากเป็นพเิ ศษ สามารถนำ� เก่ียวกบั การแขง็ ตวั ของเลอื ด โรคพนั ธุกรรมท่ีเกิด โปรตีนเหลา่ น้ีไปผลติ ยาตา้ นโรคมะเร็งปากมดลกู จากการขาดสารแฟกเตอร์ ๙ ไดแ้ ก่ โรคฮีโมฟิเลยี โรคทรวงอก และโรคอนื่ ๆ ซ่ึงผทู้ เี่ ป็นโรคน้ีจะเกิดจ้ำ� เลอื ดไดง้ า่ ย และเลอื ดจะ ไหลไมห่ ยดุ เมอ่ื เกิดบาดแผล แกะโคลนน่ิงมอลลี่ ๒. การผลิตอวัยวะจากสัตว์เพ่ือปลูกถ่าย และพอลลี่สามารถผลิตน้ำ� นมท่ีมีสารดงั กล่าวได้ อวยั วะให้แก่มนุษย์ จำ� นวนมากพอทจ่ี ะสกดั ออกมาใชป้ ระโยชนใ์ นการ รกั ษาผปู้ ่ วยโรคน้ีได้ มนุษยม์ ีอวยั วะท่ีสามารถปลูกถ่ายไดเ้ พียง ร้อยละ ๕ เท่าน้นั จึงจำ� เป็นตอ้ งวจิ ยั และพฒั นา การดดั แปรสารพนั ธกุ รรมของมนษุ ยส์ ามารถ อวยั วะจากสตั วช์ นิดอนื่ มาปลกู ถา่ ยในมนุษย์ โดย ทำ� ในสตั วท์ ่ีผลิตน้ำ� นมไดจ้ ำ� นวนมาก เช่น โค สุกรมคี วามเหมาะสมมากกวา่ ลงิ และสตั วอ์ น่ื ๆจึง กระบือ แพะ แกะ สุกร ทำ� ใหม้ นุษยส์ ามารถผลติ มีการวจิ ยั จนสามารถทำ� ใหอ้ วยั วะจากสุกรไมเ่ กิด ยารักษาโรคจากน้ำ� นมไดอ้ ีกหลายชนิด เช่น ยา การตอ่ ตา้ นจากร่างกายมนุษย์ การปลกู ถา่ ยอวยั วะ จำ� เป็นจะตอ้ งทดสอบการอยรู่ อดของอวยั วะและ สุกรทว่ั ไป ต่อมน้ำ� ลาย สุกรส่ิงแวดลอ้ ม (Enviropig) กระเพาะ แผนภาพแสดงการดดั แปรพนั ธุกรรมสร้างสุกรส่ิงแวดลอ้ ม สุกรทว่ั ไปกินอาหารโปรตีนที่สลายเป็นฟอสฟอรัสที่ขบั ถ่ายออกสู่ส่ิง แวดลอ้ ม ก่อใหเ้ กิดมลพิษทางธรรมชาติ ส่วนสุกรส่ิงแวดลอ้ มมียนี จากแบคทีเรีย หรือมีการสร้างเอนไซมไ์ ฟเทสในต่อมน้ำ� ลาย ที่ ช่วยยอ่ ยสลายฟอสฟอรัสในกระเพาะใหเ้ ป็นฟอสเฟตท่ีลำ� ไสด้ ูดซึมไปใชไ้ ด้ ทำ� ใหล้ ดการขบั ถ่ายฟอสฟอรัสออกสู่ส่ิงแวดลอ้ ม

225 ๓. นำ� เซลลเ์ ยอ่ื บหุ วั ใจมาปลกู บน โครงสร้างท่ีทำ� ดว้ ยวสั ดสุ งั เคราะห์ รูปร่างเหมอื นลนิ้ หวั ใจ ๔. ไดล้ ิ้นหวั ใจเทียมท่ีมี โครงสร้างสงั เคราะห์ แต่พ้ืน ผวิ เป็นเซลลเ์ ยอ่ื บุหวั ใจปกติ ๑. เซลลต์ น้ กำ� เนิด ๒. นำ� เซลลต์ น้ กำ� เนิดมาเล้ียงในจานเล้ียง นำ� ไปปลูกถ่ายในหวั ใจของ ท่ีดดู มาจากไขกระดกู และกระตุน้ ใหพ้ ฒั นาเป็นเยอื่ บุหวั ใจ ผปู้ ่ วยได้ ภาพแสดงหลกั การใชป้ ระโยชนจ์ ากเซลลต์ น้ กำ� เนิด การทำ� งานของอวยั วะที่ปลูกถ่ายในร่างกายใหม่ (University of Guelph) รัฐออนแทรีโอ ประเทศ ขณะน้ีมกี ารปลกู ถา่ ยอวยั วะในข้นั ทดลองจากสุกร แคนาดา สามารถผลิตสุกรท่ีไดผ้ า่ นการดดั แปร ใหแ้ กล่ งิ แมว้ า่ ในทางการแพทยจ์ ะมกี ารปลกู ถา่ ย พนั ธกุ รรมใหเ้ ป็นสุกรสิ่งแวดลอ้ มหรือเอน็ ไวโรพกิ อวยั วะท่ีสำ� คญั เช่น ตบั ไต หวั ใจ เป็นผลสำ� เร็จ (Enviropig) ซ่ึงแตกตา่ งจากสุกรทว่ั ไป โดยสุกร แตน่ กั วทิ ยาศาสตร์ยงั ตอ้ งวจิ ยั และคน้ ควา้ การเพาะ ส่ิงแวดลอ้ มเมอ่ื ถา่ ยมลู ออกมาแลว้ ใหธ้ าตฟุ อสฟอรสั เล้ียงเซลลข์ องมนุษยใ์ นหอ้ งทดลองเพ่ือสร้างให้ นอ้ ยกวา่ สุกรทว่ั ไปถงึ ร้อยละ ๕๐ ทำ� ใหไ้ มท่ ำ� ลาย เป็นอวยั วะต่าง ๆ สำ� หรับการปลูกถ่ายซ่ึงเรียกวา่ สิ่งแวดลอ้ ม อวยั วะประดิษฐท์ างชีวะ (bio-artificial organs) ปัจจบุ นั อวยั วะประดษิ ฐท์ างชวี ะทที่ ำ� หนา้ ทตี่ บั ออ่ น การผลติ สตั วด์ ดั แปรพนั ธกุ รรมอาจเป็นปญั หา กำ� ลงั อยใู่ นข้นั ทดสอบในสุนขั ความสำ� เร็จของ ในดา้ นจริยธรรม จึงมกี ารคดั คา้ นจากกลมุ่ ป้องกนั เทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทยเ์ พ่ือการพฒั นา สวสั ดิภาพสตั ว์ โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ สตั วไ์ มใ่ ช่เคร่ือง คณุ ภาพชีวติ ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วแลว้ จะสร้างความฝันให้ จกั รกลท่ีจะผลติ ในลกั ษณะน้ี และควรมขี อ้ บงั คบั เป็นความจริงไดใ้ นอนาคต นบั เป็นวทิ ยาการใหม่ ใหก้ ารดดั แปรพนั ธุกรรมสตั วจ์ ะตอ้ งไดร้ บั อนุญาต ลา่ สุด จากสงั คมและกฎหมายกอ่ น รวมท้งั จะตอ้ งมกี าร ออกขอ้ กำ� หนดดา้ นจริยธรรมเพอ่ื ใหส้ งั คมยอมรบั ๓. การผลติ สัตว์หรือพืชทมี่ คี ุณภาพและมี วา่ การดำ� เนินการเชน่ น้ีเป็นประโยชน์ หรือทำ� การ ประโยชน์ต่อมนุษย์หรือส่ิงแวดล้อม ทดลองที่ขดั กบั ธรรมชาติ อยา่ งไรก็ตาม ถา้ การ วจิ ยั การดดั แปรพนั ธุกรรมไมไ่ ดท้ ำ� ใหส้ ตั วอ์ อกมา นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลยั เกลฟ์

226 พกิ าร แตไ่ ดร้ บั การปฏิบตั ิอยา่ งดี สามารถป้องกนั วธิ ี วธิ ีการโคลนน่งิ ทง่ี า่ ยทส่ี ุดคอื การผา่ ตดั แบง่ แยก ตนเองไมใ่ หต้ ดิ เช้ือโรคไดง้ า่ ย และมปี ระโยชนต์ อ่ เอม็ บริโอจาก ๑ เป็น ๒ โดยใชใ้ บมดี ผา่ แบง่ แยก การศึกษาวจิ ยั ในดา้ นการวนิ ิจฉยั และป้องกนั โรค หรือการใชเ้ คร่ืองมือจลุ ศลั ยกรรม (Microsurgical แลว้ การศกึ ษาวจิ ยั ดา้ นการดดั แปรพนั ธุกรรมกน็ า่ Instrument) ผา่ ตดั แยกเอม็ บริโอ ๑ ตวั ออกได้ ๒ จะเป็นคณุ ประโยชนม์ ากกวา่ เป็นโทษ ถึง ๔ ตวั แลว้ เพาะเล้ียงเอม็ บริโอหลงั การผา่ ตดั แบง่ แยก ทำ� ใหไ้ ดเ้อม็ บริโอทสี่ ามารถนำ� ไปถา่ ยโอน ร๗ัก.ษเาทโครคโนแโลละยกีกาารรรโักคษลานดน้วยิ่งเเซพล่ือลก์ าร ใหแ้ มอ่ มุ้ บญุ เพอื่ ใหไ้ ดล้ กู แฝดท่ีมีสารพนั ธุกรรม เหมอื นกนั ทกุ ประการและเพม่ิ จำ� นวนมากข้นึ โคลนน่ิง (cloning) มีรากศพั ทม์ าจากภาษา กรีก วา่ klon แปลวา่ กิ่งกา้ น แขนง ในภาษา การโคลนน่งิ โดยการผา่ ตดั แบง่ แยกเอม็ บริโอ องั กฤษ คำ� น้ีโดยทว่ั ไปหมายถงึ ลอกแบบหรือการ น้ีจะไดจ้ ำ� นวนเพม่ิ ข้นึ ไมม่ าก และไมส่ ามารถเกบ็ สำ� เนา (copying) แตใ่ นทางชีววทิ ยาหมายถงึ การ ตน้ กำ� เนิดสายพนั ธุข์ องเอม็ บริโอน้นั ได้ นกั วจิ ยั จึง คดั ลอกสายพนั ธุข์ องส่ิงมชี ีวติ ทางชีวเคมี ไดน้ ำ� เอม็ บริโอที่มีจำ� นวนเซลลน์ ิวเคลียสมากข้ึน เช่น ในโคจะใชเ้ อม็ บริโอระยะ๑๖เซลล์ ภายหลงั การโคลนน่ิงดีเอน็ เอ หมายถึง วิธีการเพ่ิม การยอ่ ยเยอ่ื หุม้ เอม็ บริโอจะไดจ้ ำ� นวนนิวเคลียสที่ จำ� นวนดีเอน็ เอที่เหมือนกนั โดยวธิ ีการทางชีวเคมี มสี ารพนั ธุกรรมเหมอื นกนั ทกุ ประการจำ� นวน๑๖ นกั วจิ ยั จากประเทศองั กฤษไดท้ ำ� การวจิ ยั การเพม่ิ นิวเคลยี ส จากน้นั นำ� นิวเคลยี สที่ไดน้ ้ีฉีดเขา้ ไปใน จำ� นวนของกบทม่ี พี นั ธุกรรมเหมอื นกนั ทกุ ประการ เซลลไ์ ข่สุกของสัตวช์ นิดเดียวกนั ซ่ึงไดด้ ูดเอา โดยถา่ ยโอนนิวเคลยี สของกบสายพนั ธุห์ น่ึงใส่ใน นิวเคลียสในตวั ของมนั ออกแลว้ เหลือแต่เพียง ไขท่ ไี่ มม่ นี ิวเคลยี สของกบอกี สายพนั ธุห์ น่ึง ไดล้ กู ไซโทพลาซึม จากน้นั ใชก้ ระแสไฟฟ้ากระตนุ้ ให้ กบทมี่ พี นั ธุกรรมเหมอื นนิวเคลยี สทนี่ ำ� ไปถา่ ยโอน เยอื่ หุม้ นิวเคลียสท่ีฉีดเขา้ ไปหลอ่ หลอมกบั เยอ่ื หุม้ หลงั จากน้นั อกี ประมาณ ๑๐ ปี ไดน้ ำ� เอานิวเคลยี ส ไซโทพลาซึมของเซลลไ์ ขท่ ีด่ ดู นิวเคลยี สออกแลว้ จากเซลลผ์ วิ หนงั ของกบไปถา่ ยโอนในเซลลไ์ ขก่ บ รวมท้งั กระตนุ้ ใหน้ ิวเคลยี สและไซโทพลาซึมของ ทไ่ี มม่ นี ิวเคลยี ส ผลปรากฏวา่ นิวเคลยี สในเซลลไ์ ข่ เซลลเ์ อม็ บริโอใหมแ่ บง่ ตวั เอม็ บริโอท่ีไดจ้ ะแบง่ น้นั สามารถเจริญเติบโตไดเ้ พยี งระดบั ลกู ออ๊ ด แต่ ตวั ทวคี ณู ไปเร่ือย ๆ จาก ๑ เป็น ๒ เป็น ๔ เป็น ๘ ไมส่ ามารถเจริญเติบโตไปเป็นลกู กบได้ จนไดเ้ อม็ บริโอระยะทจ่ี ะนำ� ไปฝากใหแ้ มต่ วั รบั ต้งั ทอ้ ง หากเป็นเอม็ บริโอของสตั วส์ ายพนั ธุ์ดีและ ในสัตว์เศรษฐกจิ ถา้ นำ� เอม็ บริโอสายพนั ธุด์ ี ตอ้ งการเกบ็ สายพนั ธุน์ ้นั ไวใ้ ชต้ อ่ เนื่อง กส็ ามารถ ไปถ่ายโอนไวใ้ นมดลูกแม่ตวั รับใหต้ ้งั ทอ้ ง เม่ือ นำ� เอาเอม็ บริโอทผ่ี า่ นการโคลนนิ่งและเจริญมาถงึ ตกลกู จะไดล้ กู จำ� นวนทจ่ี ำ� กดั นกั วจิ ยั จงึ ไดพ้ ยายาม ระยะ ๑๖ เซลลม์ าทำ� โคลนน่ิงใหมไ่ ดอ้ กี วธิ ีการ คดั ลอกสายพนั ธุข์ องเอม็ บริโอใหไ้ ดพ้ นั ธุกรรมดี โคลนนิ่งแบบน้ีสามารถทำ� ไดส้ ำ� เร็จในสตั วห์ ลาย เหมอื นกนั และเพม่ิ จำ� นวนมากข้นึ ซ่ึงการคดั ลอก ชนิด เช่น หนู กระตา่ ย โค แกะ สายพนั ธุห์ รือการโคลนนิ่งสามารถกระทำ� ไดห้ ลาย

227 อยา่ งไรกต็ าม ในการโคลนน่ิงเอม็ บริโอดว้ ย ของแกะอีกตวั หน่ึงท่ีดูดเอานิวเคลียสออกไปแลว้ วิธีการถ่ายโอนนิวเคลียสในระยะ ๑๖ เซลล์ ถึง เหลอื แตไ่ ซโทพลาซึม แลว้ ใชก้ ระแสไฟฟา้ กระตนุ้ แมว้ า่ จะนำ� เอาเอม็ บริโอที่ทำ� โคลนน่ิงแลว้ มาทำ� ใหน้ ิวเคลยี สของเซลลเ์ ตา้ นมรวมกบั ไซโทพลาซึม ใหมไ่ ดอ้ กี กไ็ มส่ ามารถทำ� โคลนนิ่งตอ่ ไปไดต้ ลอด ของเซลลไ์ ขท่ ่ีไมม่ นี ิวเคลยี สของตนเอง และแบง่ เพราะนิวเคลยี สทน่ี ำ� มาทำ� ซ้ำ� ในชว่ งหลงั ๆจะหมด เซลลจ์ าก ๑ เซลล์ เป็น ๒ เซลล์ ไปเรื่อย ๆ จนถึง ศกั ยภาพที่จะแบ่งเซลล์ นกั วิจยั จึงไดค้ น้ ควา้ หา ระยะบลาสโทซิสต์ จงึ ยา้ ยเอาเอม็ บริโอทไ่ี ดไ้ ปฝาก วธิ ีการเพาะเล้ยี งเซลลต์ น้ กำ� เนิดจากเอม็ บริโอ โดย ไวใ้ นมดลูกของแกะอีกตวั หน่ึง เป็ นเหมือนแม่ ใชเ้ อม็ บริโอระยะบลาสโทซิสตท์ ห่ี ลดุ ออกจากเยอ่ื อมุ้ บญุ ใหต้ ้งั ทอ้ งและตกลกู โดยต้งั ช่ือวา่ “ดอลล”ี่ หุม้ เอม็ บริโอ เซลลต์ น้ กำ� เนิดจากเอม็ บริโอน้ีจะ สามารถเพาะเล้ยี งไดต้ อ่ เนื่อง และไดจ้ ำ� นวนเซลล์ นกั วิทยาศาสตร์เช่ือวา่ เซลลจ์ ากเอม็ บริโอ มากกวา่ ท้งั น้ี โครงการวจิ ยั ชีววทิ ยาระบบสืบพนั ธุ์ เท่าน้นั ท่ียงั มีศกั ยภาพหรือสามารถท่ีจะแบ่งเซลล์ ของสตั วบ์ กเศรษฐกจิ สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาวทิ ยา- ต่อไปเรื่อย ๆ และพฒั นาเป็นเซลลเ์ น้ือเยอื่ และ ศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ไดท้ ำ� อวยั วะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ ส่วนเซลลห์ รือ การเพาะเล้ียงเซลลต์ น้ กำ� เนิดจากเอม็ บริโอของโค นิวเคลียสจากสัตวท์ ี่โตแลว้ ไม่สามารถกลบั ไป ไดผ้ ลดี สามารถทำ� การเพาะเล้ียงไดต้ อ่ เน่ืองเป็น ต้งั ตน้ เหมือนกบั เซลลใ์ นเอม็ บริโอไดอ้ ีก เพราะ ระยะเวลานาน ไดเ้ ซลลจ์ ำ� นวนมาก และแช่แขง็ เซลลใ์ นสัตวท์ ี่โตแลว้ ไดพ้ ฒั นาเป็ นเน้ือเยอ่ื หรือ เซลลต์ น้ กำ� เนิดเหลา่ น้ีไว้ เมอื่ ทำ� การถา่ ยโอนเซลล์ อวยั วะของส่วนตา่ งๆไปแน่นอนแลว้ แตเ่ น่ืองจาก เหล่าน้ีเขา้ ไปในเซลลไ์ ข่ซ่ึงดูดเอานิวเคลียสออก ความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการดา้ นเซลลช์ ีววทิ ยาและ เอม็ บริโอของโคทโี่ คลนน่ิงไดส้ ามารถถา่ ยโอนให้ โมเลกลุ วทิ ยา จงึ ทำ� ใหค้ ณะนกั วจิ ยั ของสกอตแลนด์ แมโ่ คตวั รับ แตไ่ ดแ้ ทง้ กอ่ นคลอด ดงั น้นั จึงยงั ไม่ สามารถทำ� ให้เซลลเ์ ตา้ นมจากแกะท่ีมีอายุ ๖ ปี สามารถไดล้ ูกโคโคลนนิ่งจากการถ่ายโอนเซลล์ กลบั มาคลา้ ยกบั เซลลข์ องเอม็ บริโอได้ โดยหยดุ ตน้ กำ� เนิดของเอม็ บริโอ อยา่ งไรกต็ ามการโคลนน่ิง วงจรการแบง่ ตวั ของเซลลไ์ วท้ ร่ี ะยะทเี่ ซลลส์ ามารถ โดยวธิ ีการถ่ายโอนเซลลต์ น้ กำ� เนิดของเอม็ บริโอ กลบั มาต้งั ตน้ เป็ นเซลลเ์ ริ่มแรกได้ ดว้ ยการลด สามารถทำ� ไดส้ ำ� เร็จในหนูและกระตา่ ย อาหารในน้ำ� ยาเพาะเล้ยี งเซลล์ เม่ือเดือนกมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. ๑๙๙๗ ดร.เอียน ทางด้านปศุสัตว์ การโคลนน่ิงนบั ว่าเป็ น วลิ มุต จากสถาบนั วจิ ยั รอสลิน ประเทศสกอต- ประโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ เพราะนอกจากทำ� ใหไ้ ดจ้ ำ� นวน แลนด์ ไดร้ ายงานความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ของสตั วเ์ พ่ิมมากข้ึน นกั วทิ ยาศาสตร์ยงั สามารถ เกย่ี วกบั การโคลนน่ิงลงในวารสารเนเจอร์ (Nature) ผลติ สตั วเ์ ศรษฐกิจที่มโี ปรตีนในน้ำ� นมสูง มเี น้ือ ทำ� ใหป้ ระชาชนทว่ั โลกตนื่ เตน้ สนใจ โดยไดน้ ำ� เอา ที่มีคุณภาพดีคือ มีไขมนั ต่ำ� กวา่ เดิม และมีความ นิวเคลียสจากเซลลเ์ ตา้ นมของแกะอายุ ๖ ปี ท่ี ตา้ นทานโรคดีข้นึ หรือใหส้ ตั วช์ นิดน้นั ๆสามารถ ต้งั ทอ้ งได้๑๐๐วนั มาถา่ ยโอนไปใส่ในเซลลไ์ ขส่ ุก ผลิตสารท่ีมีประโยชน์ทางเภสชั กรรม เช่น ยา รักษาโรคหวั ใจ สารที่ทำ� ใหเ้ ลือดแขง็ ตวั

228 เซลลต์ น้ กำ� เนิด เน้ือเยอื่ บชุ ้นั ใน เน้ือเยอ่ื ช้นั กลาง เน้ือเยอ่ื ช้นั นอก เซลลต์ บั ออ่ น เซลลต์ น้ กำ� เนิดเมด็ เลอื ด ความสำ� เร็จใน อนาคตอนั ใกล้ เซลลร์ ะบบประสาท ความสำ� เร็จใน และสมอง ระยะยาว เซลลถ์ งุ ลมปอด เซลลก์ ลา้ มเน้ือและเยอ่ื บหุ วั ใจ ใชร้ กั ษาโรคถงุ ลมโป่ งพอง ใชร้ กั ษาโรคหวั ใจชนิดตา่ ง ๆ เทคนิคการโคลนน่ิงเซลลโ์ ดยใชเ้ ซลลต์ น้ กำ� เนิดเป็นเซลลต์ น้ แบบ การโคลนนง่ิ เซลล์โดยการใช้เซลล์ต้นแบบใน ทำ� ในข้นั ตอนเพาะเล้ียงก่อนการกระตุน้ จะเพ่มิ มนุษย์ ศกั ยภาพในการรกั ษาโรคตา่ งๆมากยง่ิ ข้นึ ในอนาคต การโคลนนิ่งเซลลโ์ ดยใชเ้ ซลลต์ น้ กำ� เนิดเป็น การโคลนนิ่งมนุษยแ์ มว้ า่ เป็นสิ่งทเี่ ป็นไปได้ เซลลต์ น้ แบบ ในทางทฤษฎีมคี ณุ ประโยชนอ์ ยา่ ง กต็ าม แต่กต็ อ้ งคำ� นึงถึงปัญหาทางจริยธรรมหรือ มหาศาลตอ่ วงการแพทย์ เพราะหากศกึ ษาจนทราบ ศลี ธรรม และผลกระทบตอ่ สงั คมมนุษย์ ซ่ึงเป็น กระบวนการพฒั นาการของเซลลเ์ ป็นเน้ือเยอ่ื ปกติ ปัญหาสำ� คญั ทใี่ นทกุ สงั คมจะตอ้ งสร้างขอ้ กำ� หนด ได้กจ็ ะสามารถกระตนุ้ กระบวนการดงั กลา่ วในหลอด หรือกฎเกณฑใ์ หช้ ดั เจนและรัดกมุ รอบคอบ เพอื่ ทดลองได้ โดยอาจใชเ้ ซลลต์ ้งั ตน้ ของคนไขเ้ องมา ป้องกนั ไม่ใหค้ วามกา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ กระตนุ้ จนสามารถสรา้ งเน้ือเยอ่ื ทดแทนเฉพาะแต่ เป็นภยั ตอ่ สงั คมมนุษย์ ไมไ่ ดส้ ร้างคณุ ประโยชน์ ละคนหรือเฉพาะอวยั วะแตล่ ะชนิด เชน่ กลา้ มเน้ือ ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีวางไว้ หวั ใจ เซลลป์ ระสาทสมองและไขสนั หลงั เซลล์ ตบั อ่อนท่ีผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เซลลเ์ มด็ เลือด ดเู พม่ิ เตมิ เร่ือง เทคโนโลยชี ีวภาพ เลม่ ๑๔ การ ชนิดต่าง ๆ เซลลเ์ หล่าน้ีจะไมถ่ ูกปฏิเสธหรือถูก ปรบั ปรุงพนั ธพุ์ ชื เลม่ ๑๗ การปฏวิ ตั ทิ างพนั ธกุ รรม ต่อตา้ นโดยร่างกายคนไข้ เพราะไดม้ าจากเซลล์ เลม่ ๒๗ เทคโนโลยชี ีวภาพทางการเกษตร เลม่ ตน้ กำ� เนิดของตวั คนไขเ้ อง หากตอ้ งการดดั แปร ๒๘ โรคพนั ธุกรรมในเดก็ เล่ม ๓๘ และการ พนั ธกุ รรมของเซลลเ์พอ่ื การบำ� บดั ดว้ ยยนี กส็ ามารถ โคลนนิ่งสตั ว์ เลม่ ๔๐

229 บรรณานุกรม Bernon, M., and Bodelle, J. “Medical biotechnology: a brief historical survey.” Bioprocess Technol 13(1991): xv-xxiii. Cohen, J., Grudzinskas, G., and Johnson, M.H. “The Edwards and Steptoe Research Trust: comme- morating the two great pioneers of our field and supporting their aspirations.” Reprod Biomed Online 24(2)(2012 Feb): 129-130. Forsberg, C.W., Meidinger, R.G., Liu, M., Cottrill, M., Golovan, S., and Phillips, J.P. “Integration, stability and expression of the E. Coli phytase transgene in the Cassie line of Yorkshire- EnviropigTM.” Transgenic Res 22(2)(2013 Apr): 379-389. Fu, W., Khraiwesh, B., Liu, H., and Kai, L. “Advances in Biotechnology for sustainable Development.” Biomed Res Int (2016): 7154916. Li, M., Guo, K., Kim, D.H., and Vanella, L. “Tissue-Derived Stem cell Research.” Stem Cells Int (2016): 4801953. Watson, J.D., and Crick, F.H. A structure for deoxyribose nucleic acid. n.p.: 1953.

230

โรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนิด231 ศาสตราจารย์ นายแพทย์บญุ ชอบ พงษ์พาณชิ ย์ ผ้เู ขยี น ส่วนเดก็ เลก็ รองศาสตราจารย์วรินทรา แพ่งสภา ผ้เู รียบเรียง ร่างกายของคนเรามหี วั ใจเป็นอวยั วะสำ� คญั มลี กั ษณะเป็นกลา้ มเน้ือ ขนาดเทา่ กำ� ป้ันของเราอยใู่ นทรวงอกดา้ นซา้ ย ทำ� หนา้ ทส่ี ่งเลอื ดไปฟอกทปี่ อด และรบั เลอื ดทฟี่ อกแลว้ จากปอดมาเล้ียงส่วนตา่ งๆของร่างกาย หวั ใจทมี่ คี วาม ผดิ ปกตขิ องส่วนใดส่วนหน่ึงและไมส่ ามารถทำ� หนา้ ทไ่ี ดต้ ามปกตถิ อื วา่ เป็นโรค หวั ใจพกิ าร ในจำ� นวนเดก็ แรกเกิด๑๐๐คนอาจมี ๑คนทห่ี วั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิด ซ่ึง สามารถตรวจพบเมอ่ื แมม่ เี ดก็ อยใู่ นทอ้ งประมาณ ๔ เดือน แตส่ ่วนมากตรวจ พบหลงั เกิดมาแลว้ ซ่ึงสงั เกตไดจ้ ากเดก็ ตวั เขยี ว เลบ็ เขยี ว ปากเขยี ว มอี าการ หอบเหมือนคนเหนื่อย บางรายไม่มีอาการดงั กลา่ ว แต่ตรวจพบไดจ้ ากการ ตรวจร่างกาย การมฟี ันผแุ ละการถอนฟันในเดก็ โรคหวั ใจพกิ ารอาจเป็นตน้ เหตุ ของโรคหวั ใจติดเช้ือ เพราะเช้ือโรคเขา้ ทางเหงือกสู่ระบบเลอื ดของร่างกาย

232 พอ่ แม่นำ� ลูกไปพบแพทย์ เพอื่ ตรวจหาโรคหวั ใจพกิ ารในเดก็ หากเดก็ ๆมอี าการดงั กลา่ วพอ่ แมไ่ มค่ วรนิ่งนอนใจ ตอ้ งรีบพาไปพบ แพทย์ หรือแพทยเ์ ฉพาะทางที่เรียกวา่ “กมุ ารแพทยโ์ รคหวั ใจ” ซ่ึงเป็นหมอท่ี เชี่ยวชาญเรื่องโรคหวั ใจของเดก็ จะไดร้ กั ษาทนั เวลา เนื่องจากกมุ ารแพทยโ์ รค หวั ใจในประเทศไทยมจี ำ� นวนนอ้ ย หากปลอ่ ยไวน้ านเดก็ อาจเป็นอนั ตรายกอ่ น พบแพทย์ เดก็ ที่เป็นโรคหวั ใจพิการบางชนิดมีความเส่ียงในการออกกำ� ลงั กาย เพราะอาจเป็นอนั ตรายทำ� ใหเ้ สียชีวติ ได้ แตถ่ า้ ผา่ ตดั แกไ้ ขเรียบร้อยและไม่มี อาการใดแลว้ ส่วนใหญส่ ามารถออกกำ� ลงั กายไดป้ กติหรือใกลเ้ คยี งปกติ แต่ ควรขอคำ� แนะนำ� จากแพทยท์ ่ีดแู ล

233 ส่วนเดก็ กลาง รองศาสตราจารย์วรินทรา แพ่งสภา ผ้เู รียบเรียง โครงสร้างของหวั ใจ หลอดเลือดดำ� ใหญ่จากส่วนบนของร่างกาย หวั ใจเป็ นอวยั วะสำ� คญั อยา่ งหน่ึง หวั ใจหอ้ งบนขวา หลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา ของคนเรา มลี กั ษณะเป็นกลา้ มเน้ือขนาดเทา่ หลอดเลือดดำ� กำ� ป้ันของเรา อยใู่ นอกดา้ นซา้ ย ต้งั แตเ่ ราอยู่ พลั โมนารี ในทอ้ งแม่ หวั ใจทำ� หนา้ ที่ส่งเลอื ดไปฟอกท่ี หลอดเลอื ดแดง ปอดซ่ึงอยดู่ า้ นขา้ ง และรับเลือดที่ฟอกแลว้ พลั โมนารี จากปอดมาฉีดไปตามเส้นเลือดเพ่ือไปเล้ียง ลนิ้ หวั ใจพลั โมนารี ลนิ้ หวั ใจไมทรลั ลนิ้ หวั ใจไทรคสั พดิ หวั ใจหอ้ งลา่ ง ซา้ ย ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย โดยหวั ใจจะบบี ตวั ใน หวั ใจหอ้ งล่างขวา ตอนฉีดเลือดและคลายตวั ในจงั หวะรับเลือด เหมือนกบั เรากำ� มือแน่นในจงั หวะฉีดเลือด และคลายมอื ในจงั หวะรับเลอื ด หลอดเลือดดำ� ใหญ่จากส่วนล่างของร่างกาย ลิ้นหวั ใจเอออร์ติก แผนภาพแสดงโครงสร้างของหัวใจ ภายในหวั ใจประกอบดว้ ยลนิ้ หวั ใจ และผนงั หุม้ หวั ใจ มหี ลอดเลอื ดแดงและหลอด เลือดดำ� กระจายทว่ั ร่างกาย มีระบบไฟฟ้าหวั ใจทำ� หนา้ ที่กระตนุ้ หวั ใจใหบ้ ีบรัดตวั มีกระดูก หนา้ อกป้องกนั อยทู่ างดา้ นหนา้ และกระดกู สนั หลงั อยดู่ า้ นหลงั หวั ใจซีกขวาอยดู่ า้ นหนา้ ส่วน หวั ใจซีกซา้ ยอยดู่ า้ นหลงั โครงสร้างภายในหวั ใจประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ ๓ ช้นั ไดแ้ ก่ เยอ่ื หุม้ หวั ใจ กลา้ มเน้ือหวั ใจ และเยอ่ื บภุ ายในหวั ใจ หวั ใจปกติมี ๔ หอ้ ง คอื หอ้ งบน ๒ หอ้ ง เรียกวา่ “เอเทรียม”(atrium)หอ้ งขวาและซา้ ย หอ้ งลา่ ง๒หอ้ งเรียกวา่ “เวนทริเคลิ ”(ventricle)หอ้ งขวา และซา้ ย หวั ใจหอ้ งบนขวารับเลือดดำ� จากหลอดเลือดดำ� ใหญซ่ ่ึงมาจากส่วนบนและส่วนลา่ ง ของร่างกาย และไหลผา่ นลนิ้ หวั ใจไทรคสั พดิ (ลนิ้ ระหวา่ งหวั ใจหอ้ งบนขวาและหอ้ งลา่ งขวา) ลงไปยงั หอ้ งลา่ งขวาในช่วงหวั ใจคลายตวั เมื่อหอ้ งลา่ งขวาบีบตวั เลือดจะไหลผา่ นลิน้ หวั ใจ พลั โมนารี ซ่ึงเป็นลนิ้ หวั ใจทเ่ี ป็นทางผา่ นของเลอื ดไปทป่ี อด ไปสู่หลอดเลอื ดทปี่ อดเพอ่ื นำ� ไป ฟอก เลอื ดที่ฟอกแลว้ จะถกู ส่งกลบั มาท่ีหอ้ งบนซา้ ยผา่ นลนิ้ หวั ใจไมทรลั ลงไปที่หอ้ งลา่ งซา้ ย ซ่ึงจะบบี ตวั ดนั เลอื ดไปทางหลอดเลอื ดแดงใหญผ่ า่ นลนิ้ หวั ใจเอออร์ตกิ นำ� เลอื ดไปเล้ยี งร่างกาย

234 เดก็ ท่ีเป็นโรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนิดชนิดเขียว แสดงอาการ ภาพถ่ายรังสีทรวงอกของเดก็ อายุ ๒ ปี ที่เป็นโรคหวั ใจพกิ าร ปากเขียว ปลายนิ้วมือนิ้วเทา้ เขียวคล้ำ� และมีนิ้วปุ้ม แต่กำ� เนิดชนิดผนงั ก้นั หอ้ งบนมีรูรั่ว มีลกั ษณะหวั ใจโต มี เงาหลอดเลือดในปอดเพม่ิ ข้ึน ลกั ษณะอาการ หวั ใจท่ีพกิ ารอาจมคี วามผดิ ปกติท่ีผนงั ก้นั ท่ีลนิ้ หวั ใจ หรือหลอดเลอื ด ในจำ� นวน เดก็ ๑๐๐คน อาจมี ๑คนท่ีเป็นโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิด ซ่ึงจะตรวจพบเมอ่ื แมม่ เี ดก็ อยใู่ นทอ้ ง ประมาณ ๔ เดือน ปัจจยั เส่ียงระหวา่ งการต้งั ครรภ์ เช่น แมด่ ่ืมสุรา รับประทานยาบางชนิด หรือเป็นโรคหดั เยอรมนั โรคหวั ใจพกิ ารบางชนิดอาจถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรมได้ การวนิ ิจฉยั โรคหวั ใจพกิ ารในเดก็ ต้งั แตอ่ ยใู่ นครรภโ์ ดยใชเ้ ครื่องมอื ทเี่ รียกวา่ “อลั ตราซาวนด”์ (ultrasound) อาจพบความผดิ ปกติ แตส่ ่วนมากตรวจพบหลงั จากเดก็ เกิดมาแลว้ สงั เกตไดจ้ ากเดก็ ตวั เขยี ว เมื่อดูดนมหรือร้องไห้ ริมฝีปากเขียว เลบ็ เขียว ปลายนิ้วมือและนิ้วเทา้ ปุ้ม มีอาการหอบ เหมอื นเหนื่อย และน้ำ� หนกั ข้นึ นอ้ ยเพราะด่ืมนมไดน้ อ้ ย บางรายไมม่ อี าการชดั เจน หากเดก็ มอี าการดงั กลา่ ว พอ่ แมต่ อ้ งรีบพาไปปรึกษาแพทย์ บางรายอาจตอ้ งปรึกษา แพทยเ์ ฉพาะทางที่เรียกวา่ “กมุ ารแพทยโ์ รคหวั ใจ” การตรวจและการรักษา การตรวจและการรักษาโรคหวั ใจโดยกมุ ารแพทยโ์ รคหวั ใจ ปัจจุบนั ตรวจดว้ ยวธิ ี การตรวจหวั ใจดว้ ยคลน่ื เสียงความถส่ี ูง(echocardiogram)และอาจใชเ้ ครื่องเอกซเรยค์ อมพวิ เตอร์

235 การตรวจหวั ใจดว้ ยคลื่นเสียงความถ่ีสูง (echocardiogram) หรือที่เรียกวา่ เคร่ืองซีทีสแกน (CT Scan) หรือใชเ้ คร่ืองเอม็ อาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging: MRI) ซ่ึงจะใชเ้ ฉพาะรายที่จำ� เป็นจริง ๆ เพราะมคี า่ ใชจ้ า่ ยสูงและผปู้ ่ วยจะไดร้ ับรงั สี จากการตรวจซีทีสแกน รวมท้งั มกี ารรักษาโดยทางยา เช่น ยาบำ� รุงหวั ใจหรือยาขบั ปัสสาวะ ยาขยายหลอดเลอื ด ผปู้ ่ วยบางรายอาจตอ้ งรับการสวนหวั ใจ โดยนำ� สายสวนเขา้ ไปทางหลอด เลอื ดดำ� หรือหลอดเลอื ดแดงบริเวณขาหนีบ เพอ่ื ใชว้ ดั ความดนั โลหิตและดดู เลอื ดมาตรวจหา ปริมาณออกซิเจนในหอ้ งหวั ใจตา่ งๆหรือการขยายลนิ้ หวั ใจพลั โมนารีตบี ดว้ ยลกู โป่ งสายสวน หวั ใจ (pulmonary valve balloon dilation) ผปู้ ่ วยโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ๕๐ทจี่ ำ� เป็นตอ้ งรกั ษาโดยการผา่ ตดั เช่น ปิ ดรูรว่ั ท่ีผนงั ก้นั หอ้ งหวั ใจ สลบั หลอดเลอื ด ตดั ตอ่ หลอดเลอื ดที่ตีบ ซ่อมลนิ้ หวั ใจ หรือ ขยายลนิ้ หวั ใจท่ีตีบ การผา่ ตดั ดงั กลา่ วอาจจำ� แนกออกเป็น ๒ ชนิด คอื ชนดิ ปิ ด โดยไมต่ อ้ ง เปิ ดหวั ใจ และ ชนดิ เปิ ด ท่ีตอ้ งใชเ้ ครื่องปอด-หวั ใจเทียม (heart-lung machine) สำ� หรับดำ� รง การไหลเวยี นเลอื ดในช่วงที่หยดุ หวั ใจและเปิ ดหวั ใจ เพอื่ ผา่ ตดั ซ่อมส่วนที่ผดิ ปกติ การรกั ษาดว้ ยวธิ ีตา่ งๆมคี วามเส่ียงอยบู่ า้ ง โดยเฉพาะเดก็ เลก็ ทมี่ อี าการมาก จึงตอ้ ง รักษาและผา่ ตดั โดยกมุ ารแพทยโ์ รคหวั ใจที่ผา่ นการฝึกอบรมมาเป็นอยา่ งดี

236 ส่วนเดก็ โต ศาสตราจารย์ นายแพทย์บญุ ชอบ พงษ์พาณชิ ย์ ผ้เู ขยี น ๑. บทนำ� จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ตรวจโดยกมุ ารแพทย์ โรคหวั ใจจำ� นวนเดก็ นกั เรียนท้งั หมด๒,๗๖๔คน โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิด คอื ความพกิ าร พบอบุ ตั ิการณโ์ รคหวั ใจ ๔.๓๔ คนตอ่ ๑,๐๐๐ คน ของหวั ใจและหลอดเลอื ดต้งั แตอ่ ยใู่ นครรภม์ ารดา ในจำ� นวนน้ีเป็นโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิด๓.๓คน กอ่ นท่ีทารกคลอด ตอ่ ๑,๐๐๐ คน อกี ประมาณ ๑ คนตอ่ ๑,๐๐๐ คนเป็น โรคหวั ใจรูมาติก จำ� นวนน้ีใกลเ้ คยี งกบั อกี รายงาน ๑.๑ อบุ ตั กิ ารณ์ หน่ึงซ่ึงตรวจท่ีเขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพฯ และ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี โดยนายแพทยป์ รีชา วชิ ิตพนั ธุ์ โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดพบประมาณรอ้ ยละ ๑ ของทารกเกิดมชี ีวติ ซ่ึงใกลเ้ คยี งกนั ทว่ั โลก ใน ใน พ.ศ. ๒๕๔๘ การตรวจหาโรคหวั ใจจาก ประเทศไทยหลงั จากพ.ศ.๒๕๓๕มที ารกเกดิ ใหม่ เดก็ นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาทจี่ งั หวดั สุโขทยั โดย มชี วี ติ ปีละประมาณ๘๐๐,๐๐๐คนและทารกเกดิ ใหม่ พยาบาลวชิ าชีพและเจา้ หนา้ ที่สาธารณสุขจำ� นวน จะเป็นโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนดิ ประมาณ๘,๐๐๐คน ๗๐ คนท่ีไดร้ ับการฝึกอบรมจากกมุ ารแพทยโ์ รค หวั ใจ(PediatricCardiologist)ท้งั ทฤษฎีและปฏบิ ตั ิ ใน พ.ศ. ๒๕๓๔-๒๕๓๕ อบุ ตั ิการณห์ วั ใจ และสอบผา่ นการประเมินประสิทธิภาพการสอน พกิ ารแตก่ ำ� เนิดในประเทศไทย ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา พบวา่ เดก็ ช้นั ประถมศึกษาทว่ั ท้งั จงั หวดั จำ� นวน เด็กเกิดมีชีวิตท่ีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล ๕๑,๒๐๑ คน มอี บุ ตั ิการณ์ ๑.๑ คนตอ่ ๑,๐๐๐ คน รามาธิบดี โดยตรวจทารกเกิดใหมท่ ่ีโรงพยาบาล ซ่ึงใกลเ้ คียงกบั รายงานของจรัญ สายสถิตย์ ท่ี รามาธิบดี และติดตามจนอายุ๑ ปี มที ารกเกิดใหม่ รายงานในเดก็ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑-๖ ๗,๖๙๘ คน พบเป็นโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิด ๖๒ จำ� นวน ๓๘,๐๕๕ คน ในจงั หวดั ตาก คน คดิ เป็นอบุ ตั ิการณ์ ๘ คน ตอ่ ๑,๐๐๐ คน แตย่ งั มีอีกจำ� นวนหน่ึงตรวจพบภายหลงั อายุ ๑ ปี หรือ ๑.๒ สาเหตุ พบในวยั ผใู้ หญ่ การติดตามผลการรักษาในสมยั น้นั พบวา่ มที ารกเสียชีวติ รอ้ ยละ๒๒.๖๐ จากภาวะ ส่วนใหญย่ งั ไมท่ ราบสาเหตชุ ดั เจน ท่ีแน่ชดั หวั ใจวาย อาการเขยี วจากการขาดออกซิเจน และ ไม่เกินร้อยละ ๕ มาจากเด็กติดเช้ือหดั เยอรมนั ติดเช้ือท่ีปอด ววิ ฒั นาการทางดา้ นการวนิ ิจฉยั และ จากแม่ขณะต้งั ครรภช์ ่วง ๓ เดือนแรก และยาที่ การรักษาท้งั ทางยา การผา่ ตดั หรือใชส้ ายสวน แมร่ ับประทานระหวา่ งต้งั ครรภ์ หรือเกิดร่วมกบั ทำ� ใหป้ ัจจบุ นั อตั ราการเสียชีวติ ลดลงไปมาก ความผดิ ปกตขิ องโครโมโซมในทารก เชน่ เดก็ กลมุ่ อาการดาวน์(Down’ssyndrome)ซ่ึงอาจมภี าวะหวั ใจ ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ ไดม้ ีการศึกษาอุบตั ิการณ์ ของโรคหวั ใจในเดก็ วยั เรียนต้งั แตช่ ้นั ประถมศกึ ษา ปี ท่ี ๑ ถึงมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๖ ในอำ� เภอบางปะอิน

237 พกิ ารแตก่ ำ� เนิดถึงร้อยละ ๓๕-๔๐ แมท่ ่ีต้งั ครรภ์ ๒. หายใจหอบ และหายใจเร็วกว่าปกติ โดย ในช่วงสูงอายจุ ะมีความเส่ียงที่ลูกจะมีโรคหวั ใจ เฉพาะในเดก็ เลก็ อาจหายใจเร็วไดถ้ งึ ๖๐-๘๐ คร้งั พิการแต่กำ� เนิดมากกว่าแม่อายนุ อ้ ย หรือลูกคน ตอ่ นาที โดยทวั่ ไปเดก็ ปกตจิ ะหายใจไมเ่ กนิ ๔๐คร้งั กอ่ นมีหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิด โอกาสที่ลกู คนตอ่ ไป ตอ่ นาที อาการหอบมกั เป็นอยตู่ ลอดเวลาและหอบ จะมีหวั ใจพิการแต่กำ� เนิดมากกวา่ คนปกติ ส่วน มากข้นึ เมอื่ ออกแรง เช่น เวลาดดู นม อาการหอบ แม่ท่ีเป็ นโรคหวั ใจพิการแต่กำ� เนิดโอกาสมีลูกที่ เกิดจากมเี ลอื ดในปอดมากหรือมนี ้ำ� คง่ั ในปอด เป็นโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดสูงกวา่ คนปกติ ๓. เลยี้ งไม่โต โดยเฉพาะในรายท่ีเป็นทารก ๑.๓ อาการของโรค เนื่องจากดดู นมไดน้ อ้ ยเพราะจะเหน่ือยเวลาดดู นม ทำ� ใหไ้ ดร้ บั สารอาหารไมเ่ พยี งพอ นอกจากน้ีมกี าร เดก็ ที่เป็นโรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนิดมีอาการ ใชพ้ ลงั งานเพมิ่ จากการหอบ ปริมาณสารอาหารท่ี ที่ทำ� ใหน้ ่าสงสยั ดงั น้ี ทำ� ใหน้ ้ำ� หนกั เพมิ่ ไม่เพยี งพอ เดก็ บางรายจะผอม มากถา้ ไดร้ ับการรกั ษาชา้ ๑. อาการเขียว เกิดบริเวณเลบ็ มือ เลบ็ เทา้ เน่ืองจากภาวะเลือดแดงพร่องออกซิเจน หรือมี ๔.เหน่ือยเร็วกว่าเดก็ ปกติ ทำ� ใหเ้ ดก็ ไมค่ อ่ ย ออกซิเจนในเลือดแดงตำ่� จะเห็นไดช้ ดั เม่ือระดบั ออกกำ� ลงั บางรายพอ่ แมอ่ าจไมไ่ ดส้ งั เกตเนื่องจาก ความเขม้ ขน้ ออกซิเจนตำ่� กวา่ รอ้ ยละ๘๐-๘๕(ปกติ ความเคยชิน ระดบั ความเขม้ ขน้ ออกซิเจนในหลอดเลอื ดแดงจะ เกินร้อยละ ๙๕) อาการเขียวจะเพิ่มมากข้ึนขณะ ๕. การตดิ เชื้อในระบบทางเดนิ หายใจ ทำ� ออกแรง เช่น ขณะเดก็ ร้องไห้ หรือออกกำ� ลงั กาย ใหม้ อี าการป่วยบอ่ ย เชน่ ปอดบวม การทห่ี ลอดลม ปัจจบุ นั สามารถวดั ไดโ้ ดยเคร่ืองมอื จบั ผา่ นผวิ หนงั อกั เสบและหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดเป็นปัจจยั สำ� คญั ท่ี บริเวณปลายนิ้วมอื หรือนิ้วเทา้ (pulseoximeter) ใน ทำ� ใหเ้ สียชีวติ ในเดก็ ที่เป็นปอดบวม รายทม่ี อี าการเขยี วเป็นเวลานาน อาจมปี ลายนิ้วมอื และนิ้วเทา้ ป้มุ คอื บริเวณปลายนิ้วมอื และนิ้วเทา้ มี เดก็ หรือผใู้ หญท่ เี่ ป็นโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนดิ ยอดท่ีนูนกลม (clubbing) บางคนไมม่ อี าการชดั เจน บางคนเป็นนกั กีฬา จะ ทราบวา่ เป็นโรคหวั ใจเม่ือไดร้ ับการตรวจร่างกาย อยา่ งละเอียด หรือจากการถ่ายภาพรังสีทรวงอก เห็นความผดิ ปกติ เช่น เงาหวั ใจโต หรือหลอด เลอื ดในปอดผดิ ปกติ อาการเขียวในเดก็ หวั ใจพกิ ารชนิดเขียว มีเลบ็ มือและปลาย ๒. การวนิ จิ ฉัยเบือ้ งต้น นิ้วมือปุ้ม เกิดบริเวณเลบ็ เทา้ และปลายนิ้วเทา้ ดว้ ย การซกั ประวตั ิและการตรวจร่างกายอยา่ ง ละเอยี ดโดยแพทยห์ รือบคุ ลากรทางการแพทยท์ ไี่ ด้ รบั การฝึกอบรมจะทำ� ใหส้ ามารถวนิ ิจฉยั เบ้อื งตน้ ได้ วา่ เป็นโรคหวั ใจหรือไม่ แตก่ ารบอกชนิดของความ

238 พิการอาจตอ้ งอาศยั การตรวจพิเศษโดยแพทยท์ ี่ (Computer Tomography: CT) และเคร่ืองตรวจ ชำ� นาญเฉพาะทางกมุ ารเวชศาสตร์โรคหวั ใจ วินิจฉัยโรคดว้ ยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเคร่ือง เอม็ อาร์ไอ(MagneticResonanceImaging:MRI) ซ่ึง ๒.๑ การตรวจพเิ ศษ การตรวจที่จำ� เป็น จะตรวจในรายทจี่ ำ� เป็นเทา่ น้นั เพราะมคี า่ ใชจ้ า่ ยสูง และไดร้ ับรังสีในกรณีตรวจดว้ ยเคร่ืองซีทีสแกน ประกอบดว้ ย ๑. การถ่ายภาพรังสีทรวงอก เพ่ือดูขนาด ๕. การตรวจสวนหวั ใจ โดยการใชส้ ายสวน สอดเขา้ ทางหลอดเลือดดำ� หรือหลอดเลือดแดงใน และรูปร่างของหวั ใจ และหลอดเลอื ดในปอด บริเวณขาหนีบ เพ่ือวดั ความดนั และดูดเลือดมา ๒.การตรวจภาพคล่ืนไฟฟ้าหวั ใจ(Electro- ตรวจหาปริมาณออกซิเจนในหอ้ งตา่ งๆของหวั ใจ เป็นการตรวจที่มีความเสี่ยงอยบู่ า้ ง โดยเฉพาะเดก็ cardiogram:ECG,EKG)จะบอกจงั หวะการเตน้ เลก็ หรือเดก็ ที่มีอาการมาก จึงตรวจเฉพาะในราย ของหวั ใจ ขนาดหวั ใจท่ีโตผดิ ปกติ ความผดิ ปกติ ท่ีจำ� เป็น และตอ้ งตรวจโดยกมุ ารแพทยโ์ รคหวั ใจ ของแกนไฟฟ้าหวั ใจ และภาวะหวั ใจขาดเลอื ด ท่ีไดร้ บั การฝึกอบรมมาเป็นอยา่ งดี ๓. การตรวจหัวใจด้วยคล่ืนเสียงความถส่ี ูง ๒.๒ เครื่องมือท่ีช่วยการวินิจฉัยโรค (Echocardiogram) ปัจจุบนั เป็นเครื่องมือสำ� คญั หวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนดิ ในการวนิ ิจฉยั ชนิดของความพกิ าร สามารถตรวจ ละเอยี ดถงึ ความรุนแรงของความพกิ าร ตลอดจน การผา่ ตดั รักษาโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดจะ ภาวะการทำ� งานของกลา้ มเน้ือหวั ใจ ลนิ้ หวั ใจ และ ไดผ้ ลดีเมอื่ มกี ารวนิ ิจฉยั โรคท่ีแมน่ ยำ� ขนาดของหลอดเลอื ด โดยไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งตรวจสวน หวั ใจ การตรวจแบบน้ีไมม่ อี นั ตรายจากการตรวจ ใน ค.ศ. ๑๙๒๙ แวเนอร์ เทโอดอร์ ออตโต ฟอรสส์มนั น์ (Werner Theodor Otto Forßmann) ๔. การตรวจด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เครื่องเอกซเรยค์ อมพิวเตอร์หรือเครื่องซีทีสแกน ภาพทไ่ี ดจ้ ากการตรวจหวั ใจดว้ ยคลนื่ เสียง ความถส่ี ูงในทา่ ตา่ งๆซ่ึงแสดงบนหนา้ จอ การตรวจหวั ใจดว้ ยคล่ืนเสียงความถ่ีสูงในผปู้ ่ วยเดก็ โรคหวั ใจ

239 ภาพถ่ายรังสีจากเคร่ืองเอม็ อาร์ไอ แสดงเดก็ โรคหวั ใจชนิดที่มีความผดิ ปกติคือ หวั ใจหอ้ งล่างขวามี ๒ หอ้ ง ศลั ยแพทยช์ าวเยอรมนั ไดใ้ ส่สายสวนเขา้ ไปใน เปลี่ยนแปลงความถ่ีคลื่นเสียงเมื่ออวยั วะมีการ หัวใจของเขาเองไดส้ ำ� เร็จ ต่อมา ค.ศ. ๑๙๓๒ เคลอ่ื นไหว ทำ� ใหว้ นิ ิจฉยั โรคหวั ใจพกิ ารในทารก ดิกคินสนั ดบั เบิลย.ู ริชาดส์ (Dickinson W. Ri- ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งทำ� การตรวจสวนหวั ใจ chards) แพทยช์ าวอเมริกนั เร่ิมทำ� การตรวจสวน หวั ใจเพอื่ การวนิ ิจฉยั โรคหวั ใจ และในค.ศ.๑๙๔๙ ๒.๓ การตรวจเพ่ือวินิจฉัยโรคหัวใจ อองดร์ เฟรเดริก ครู ์นองด์ (André Frédéric Cour- พกิ ารแต่กำ� เนดิ ต้งั แต่ทารกอย่ใู นครรภ์มารดา nand) นกั ฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส และคณะไดร้ ายงาน (Fetal echocardiogram) ผลการตรวจเพอ่ื วนิ ิจฉยั โรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนิด ทำ� ใหม้ กี ารตรวจสวนหวั ใจในหลายสถาบนั วิวฒั นาการการตรวจหัวใจดว้ ยคลื่นเสียง ความถส่ี ูง ทำ� ใหส้ ามารถวนิ ิจฉยั ความผดิ ปกตขิ อง ววิ ฒั นาการในการตรวจหวั ใจดว้ ยคลนื่ เสียง หวั ใจทารกไดต้ ้งั แต่อยใู่ นครรภม์ ารดา ซ่ึงโดย ความถส่ี ูงหรือเครื่องเอก็ โค เร่ิมต้งั แต่ ค.ศ. ๑๙๕๔ ปกตกิ ารตรวจหาความผดิ ปกตขิ องหวั ใจจะทำ� เมอ่ื โดย อิงเก เอดเลอร์ (Inge Edler) แพทยช์ าว ต้งั ครรภต์ ้งั แต่ ๑๘ สัปดาห์ข้ึนไป แต่ปัจจุบนั ผู้ สวเี ดน และคาร์ล เฮลลม์ ทุ ท์ แฮทซ์ (Carl Hell- เช่ียวชาญบางคนอาจตรวจต้งั แตอ่ ายคุ รรภ์๓เดือน muthHertz)นกั ฟิสิกส์ชาวเยอรมนั ไดม้ กี ารเร่ิมใช้ เครื่องระบบ M-mode (Motion-mode) ที่แสดงผล การตรวจพบหวั ใจผดิ ปกตทิ ซี่ บั ซอ้ นรุนแรง ภาพความสว่างท่ีเปลี่ยนแปลงมิติเดียว แต่ยงั มี ต้งั แต่ต้งั ครรภไ์ ด้ ๓ เดือนแรก ในประเทศท่ีมี ขอ้ จำ� กดั ในการวนิ ิจฉยั จนใน ค.ศ. ๑๙๘๐ เร่ิมมี กฎหมายคมุ้ ครอง อาจมผี ลใหย้ ตุ ิการต้งั ครรภ์ แต่ การใชเ้ คร่ือง ๒ มิติ และตามมาดว้ ยเคร่ืองระบบ สำ� หรบั ประเทศไทยยงั ไมส่ ามารถทำ� ได้ การตรวจ Color Flow Doppler เป็นภาพสีซ่ึงอาศยั หลกั การ รู้ต้งั แตอ่ ยใู่ นครรภม์ ปี ระโยชนใ์ นกรณีหากมคี วาม พกิ ารซบั ซอ้ น แมจ่ ะไดเ้ ตรียมตวั คลอดในสถาบนั ที่มคี วามพร้อมในการดแู ลรกั ษา

240 การตรวจสวนหวั ใจซ่ึงแสดงภาพทางหนา้ จอคอมพวิ เตอร์ การป้องกนั ภาวะแทรกซอ้ น ของผปู้ ่ วยหวั ใจพิการแต่กำ� เนิดท่ี ๓. การรักษา สำ� คญั คอื การป้องกนั ไมใ่ หม้ กี าร ตดิ เช้ือทผ่ี นงั และลนิ้ หวั ใจ รวมท้งั ผปู้ ่ วยโรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดรอ้ ยละ๕๐ที่ การป้องกนั ภาวะแทรกซอ้ นทาง ตอ้ งการการรักษาท้งั ทางยา การผา่ ตดั หรือโดยใช้ สมอง เช่น ฝีในสมอง ซ่ึงเกิดใน สายสวน อีกร้อยละ ๕๐ ซ่ึงมีความพกิ ารไมม่ าก กรณีทม่ี เี ลอื ดดำ� ลดั วงจรไปปนกบั ไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งรักษา เช่น ผนงั หวั ใจรั่วขนาดเลก็ เลอื ดแดง ลนิ้ หวั ใจตบี หรือรวั่ ไมร่ ุนแรง สำ� หรบั กรณีผนงั ก้นั หวั ใจมรี ูรั่วเลก็ ๆ อาจปิ ดไดเ้ องตามธรรมชาติ เช้ือแบคทีเรียสำ� คญั ท่ีทำ� ให้ หวั ใจติดเช้ือ คือ เชือ้ โรคในปาก ๑. การรักษาทางยา ซ่ึงมปี กตใิ นทกุ คนในกรณีทฟ่ี ันผุ ในภาวะที่มีหัวใจวายจำ� เป็ นตอ้ งไดร้ ับยา ถอนฟันหรือทำ� หตั ถการซ่ึงทำ� ให้ บำ� รุงหวั ใจ เชน่ ยาลานอกซิน (Lanoxin) เป็นยาที่ มีแผลเลือดออกในเหงือก เช้ือแบคทีเรียจะเขา้ ไป ชว่ ยในการบบี ตวั ของหวั ใจ และ/หรือยาขบั ปัสสาวะ ในกระแสเลอื ดจำ� นวนมากและไหลวนบริเวณท่ีมี ผปู้ ่ วยบางรายตอ้ งไดร้ บั ยาขยายหลอดเลอื ดหรือยา ความพกิ าร ทำ� ใหต้ ดิ เช้อื ไดง้ า่ ย ปัจจบุ นั ในประเทศ บางชนิดที่ทำ� ใหห้ ลอดเลอื ดหดตวั ในรายท่ีรักษา ไทยแนะนำ� ใหผ้ ปู้ ่ วยรบั ประทานยาปฏชิ ีวนะ ทใี่ ช้ ดว้ ยยาแลว้ อาการไมด่ ีข้นึ จำ� เป็นตอ้ งรกั ษาโดยการ บอ่ ยคอื ยาอะมอกซีซิลลนิ (Amoxycillin) ขนาด ผา่ ตดั หรือใชส้ ายสวน ป๕ร๐ะทมาิลนลกิกอ่ รนัมทตำ�อ่ ฟกนั โิ ปลรกะรมมั าณไม๒๑เ-่ ก-นิ๑ช๒ว่ั โกมรงมั ครโ้งัดเยดรยี บัว โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนดิ ทไ่ี มร่ ุนแรงและไมม่ ี ส่ิงส�ำคญั ที่สุดคือ การป้องกนั ไม่ให้ฟันผุ อาการผดิ ปกติไม่จำ� เป็นตอ้ งรับการรักษา แพทย์ เป็นวธิ ีการป้องกนั ทม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ เดก็ ทกุ คน โดย จะแนะนำ� ใหม้ ารับการตรวจเพอ่ื ติดตามภาวะของ การทำ� ความสะอาดฟัน ไมอ่ มนม ไมอ่ มของหวาน โรคเป็นระยะ ๆ และแปรงฟันอยา่ งนอ้ ยวนั ละ๒คร้งั แพทยบ์ างคน อาจแนะนำ� ใหร้ บั ประทานฟลอู อไรดเ์ สริมในกรณี ท่ีปริมาณฟลอู อไรดใ์ นน้ำ� ด่ืมไมเ่ พยี งพอ ทารกที่มหี วั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดบางชนิด เช่น ผนงั ก้นั หอ้ งหวั ใจรว่ั หรือมเี ลอื ดไปทป่ี อดมากกวา่ ปกติ หากป่ วยเป็นหวดั อาจลกุ ลามเป็นหลอดลม อกั เสบ หรือปอดอกั เสบไดง้ า่ ย ควรหลีกเล่ียงไม่ เขา้ ใกลผ้ ทู้ เ่ี ป็นหวดั หรือตดิ เช้อื ระบบทางเดนิ หายใจ หรืออยใู่ นสถานทท่ี มี่ ผี คู้ นแออดั เชน่ หา้ งสรรพสนิ คา้

241 ท่อนำ� เลือดท่ี ไดร้ ับออกซิเจน แลว้ เขา้ สู่หลอด เลือดแดงใหญ่ ท่อนำ� เลือดดำ� ออกจากหวั ใจหอ้ งบนขวา เคร่ืองปั๊มเลือด เคร่ืองเติมออกซิเจน แผนภาพแสดงการทำ� งานของเคร่ืองปอด-หวั ใจเทียม (heart-lung machine: cardio-pulmonary bypass machine) ๒. การรักษาโดยการผ่าตดั ค.ศ. ๑๙๖๖ วลิ เลยี ม เจ. ราชกินด์ (William ผปู้ ่ วยโรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนิดร้อยละ ๕๐ J. Rashkind) แพทยโ์ รคหวั ใจชาวอเมริกนั เป็น จำ� เป็นตอ้ งรกั ษาโดยการผา่ ตดั เช่น การผา่ ตดั ปิ ดรู ผทู้ รี่ ิเร่ิมใชส้ ายสวนเพอ่ื รกั ษาโรคหวั ใจพกิ าร โดย รัว่ ท่ีผนงั ก้นั หอ้ งหวั ใจ การผา่ ตดั ซ่อมลนิ้ หวั ใจร่ัว การขยายช่องระหวา่ งหวั ใจหอ้ งบนซา้ ยและขวา หรือขยายลนิ้ หวั ใจทต่ี บี การผา่ ตดั สลบั หลอดเลอื ด เพอื่ ใหเ้ ลือดแดงมาปนเลือดดำ� ได้ (ในโรคหวั ใจ การตดั ตอ่ หลอดเลอื ดที่ตีบ ชนิดเขยี วบางชนิดจำ� เป็นตอ้ งใหเ้ ลอื ดแดงปนเลอื ด การผา่ ตดั ที่สำ� คญั มี ๒ ชนิด คอื ชนิดปิ ด ดำ� เพอื่ ใหผ้ ปู้ ่ วยรอดชีวติ จนกวา่ จะไดร้ บั การผา่ ตดั โดยไมต่ อ้ งเปิดหวั ใจและชนิดเปิ ดทต่ี อ้ งใชเ้ คร่ือง แกไ้ ขตอ่ ไป) และการขยายลนิ้ หวั ใจทเี่ ป็นทางผา่ น ปอด-หวั ใจเทียม (heart-lung machine: cardio- ของเลอื ดไปที่ปอด หรือลนิ้ หวั ใจพลั โมนารี (pul- pulmonary bypass machine) ระหวา่ งการผา่ ตดั monaryvalve) โดยใชล้ กู โป่ งสายสวน ผทู้ รี่ ิเร่ิมคอื ๓. การรักษาโดยใช้สายสวนหวั ใจ จีนเอส.แคน(JeanS.Kan) แพทยช์ าวองั กฤษจาก การวนิ ิจฉยั โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดโดยการ โรงพยาบาลจอหน์ ฮอปกินส์ (John Hopkins) ใน ตรวจสวนหวั ใจมีความจำ� เป็ นนอ้ ยลง เนื่องจาก ค.ศ.๑๙๖๒การขยายหลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออร์ตา สามารถวินิจฉยั ไดด้ ว้ ยการตรวจหวั ใจดว้ ยคล่ืน โดยใชบ้ ลั ลนู การปิดหลอดเลอื ดนอกหวั ใจโดยใช้ เสียงความถส่ี ูง อยา่ งไรกด็ ี การใชส้ ายสวนหวั ใจ สายสวน และการปิ ดรูรว่ั ท่ีผนงั หวั ใจหอ้ งบนไดม้ ี เพ่ือรักษาโรคหวั ใจพิการแต่กำ� เนิดกม็ ีการพฒั นา การพฒั นาอยา่ งรวดเร็ว ส่วนการปิดผนงั หวั ใจหอ้ ง ไปอยา่ งรวดเร็วเช่นกนั ลา่ งรั่วโดยใชส้ ายสวนยงั อยใู่ นข้นั ทดลอง และยงั

242 กล้ามเนือ้ หวั ใจ ไม่ไดร้ ับการรับรองจากสมาคมแพทยโ์ รคหวั ใจ หวั ใจมีลกั ษณะเป็ นกลา้ มเน้ือ มีขนาดเท่า สหรฐั อเมริกา เน่ืองจากอาจมภี าวะแทรกซอ้ นภาย กำ� ป้นั ของตนเอง กลา้ มเน้อื หวั ใจมหี นา้ ทสี่ ูบฉดี เลอื ด หลงั นอกจากน้ียงั มกี ารใชข้ ดลวดเพอ่ื ขยายหลอด ภายในหวั ใจประกอบดว้ ย ลนิ้ หวั ใจ หลอดเลอื ด เลอื ด วธิ ีรกั ษาท้งั หมดนบั วา่ เป็นประโยชนโ์ ดยไม่ แดงโคโรนารีที่นำ� เลอื ดไปเล้ยี งกลา้ มเน้ือหวั ใจ มี ตอ้ งผา่ ตดั ปัจจุบนั มีการทดลองเปล่ียนลิ้นหวั ใจ ระบบกระแสไฟฟา้ หวั ใจเพอื่ กระตนุ้ ใหห้ วั ใจบบี ตวั โดยใชส้ ายสวนแตย่ งั อยรู่ ะหวา่ งการวจิ ยั เพอื่ พฒั นา มีหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ� ขนาดต่าง ๆ กระจายไปทว่ั ร่างกาย และมเี ยอ่ื หุม้ หวั ใจ ๔. ลกั ษณะหวั ใจปกติ หวั ใจอยใู่ นทรวงอกดา้ นซา้ ย โดยมีกระดูก หวั ใจประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ ๓ ช้นั คอื เยอ่ื หุม้ หนา้ อกปอ้ งกนั อยทู่ างดา้ นหนา้ และกระดกู สนั หลงั หวั ใจ กลา้ มเน้ือหวั ใจ และเยอื่ บภุ ายในหวั ใจ สายสวนผา่ นผนงั รั่วก่อนปิ ด บลั ลูนก่อน ขยายลิ้น ลิ้นหวั ใจ พลั โมนารีที่ตีบ ภายหลงั การปิ ดรูรั่ว บลั ลูนภายหลงั ขยายลิ้น แผนภาพแสดงการปิ ดผนงั หวั ใจหอ้ งบนรัว่ โดยใชส้ ายสวน แผนภาพแสดงการขยายลนิ้ หวั ใจพลั โมนารีตีบโดยใชบ้ ลั ลนู

243 หลอดเลอื ดดำ� ใหญ่ หลอดเลอื ดแดงพลั โมนารี หลอดเลอื ดแดงพลั โมนารี จากส่วนบนของร่างกาย หลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออร์ตาส่วนตน้ หลอดเลอื ดดำ� พลั โมนารี หอ้ งบนขวา หอ้ งบนซา้ ย ลนิ้ หวั ใจไมทรลั ลนิ้ หวั ใจไทรคสั พดิ ลนิ้ หวั ใจเอออร์ติก ลนิ้ หวั ใจพลั โมนารี หอ้ งลา่ งซา้ ย หลอดเลอื ดดำ� ใหญจ่ ากส่วนลา่ งของร่างกาย ผนงั ก้นั หอ้ งลา่ งของหวั ใจส่วนท่ีเป็นกลา้ มเน้ือ หอ้ งลา่ งขวา ผนงั ก้นั หอ้ งลา่ งของหวั ใจ ส่วนท่ีเป็นพงั ผดื ซ่ึงจะนำ� เลือดมายงั หอ้ งบนซา้ ยและหอ้ งล่างซา้ ย ผา่ นลนิ้ หวั ใจไมทรลั (mitralvalve) เมอ่ื หอ้ งลา่ งซา้ ย แผนภาพแสดงลกั ษณะของหวั ใจปกติที่ผา่ ซีก บบี ตวั จะส่งเลอื ดไปยงั หลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออรต์ า (aortavalve) ผา่ นลนิ้ หวั ใจเอออร์ตกิ (aorticvalve) อยดู่ า้ นหลงั มีปอดอยดู่ า้ นขา้ ง หวั ใจซีกขวาอยู่ เพอ่ื ไปเล้ียงร่างกาย หวั ใจดา้ นขวาและซา้ ยมีผนงั ดา้ นหนา้ หวั ใจซีกซา้ ยอยคู่ ่อนไปทางดา้ นหลงั ก้นั ท้งั หอ้ งบน (atrial septum) และหอ้ งลา่ ง (ven- บางคนท่ีผดิ ปกติ หวั ใจอาจอยดู่ า้ นขวาหรือกลาง tricular septum) ทรวงอก กลา้ มเน้ือหวั ใจจะบีบตวั และคลายตวั เป็ น หวั ใจปกติมี ๔ หอ้ ง หอ้ งบน ๒ หอ้ ง คือ จงั หวะเพอ่ื สูบฉีดเลอื ดไปเล้ยี งร่างกายและนำ� เลอื ด หวั ใจหอ้ งบน (atrium) ขวาและซา้ ย หอ้ งลา่ ง ๒ เขา้ สู่หวั ใจ จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจควบคมุ โดย หอ้ ง คือ หวั ใจหอ้ งลา่ ง (ventricle) ขวาและซา้ ย จดุ กำ� เนิดไฟฟ้าหวั ใจ ซ่ึงอยสู่ ่วนบนของหวั ใจหอ้ ง หวั ใจหอ้ งบนขวารบั เลอื ดดำ� จากหลอดเลอื ดดำ� ใหญ่ บนขวาใกลห้ ลอดเลือดดำ� ใหญท่ ี่นำ� เลือดจากส่วน จากส่วนบนของร่างกาย (superior vena cava) บนของร่างกาย และส่วนลา่ งของร่างกาย (inferior vena cava) แลว้ จะไหลผา่ นลิ้นหวั ใจสามแผน่ หรือลิ้นไทรคสั พดิ ผนงั หวั ใจหอ้ งบนจะบาง ทำ� หนา้ ท่ีรับเลือด (tricuspidvalve) ซ่ึงอยรู่ ะหวา่ งหวั ใจหอ้ งบนขวากบั ดำ� จากร่างกาย และรับเลือดแดงจากปอด หวั ใจ หวั ใจหอ้ งลา่ งขวาในช่วงหวั ใจคลายตวั เม่ือหอ้ ง ห้องบน ๒ ห้องมีผนงั บางจะบีบตวั ไดน้ อ้ ยกว่า ลา่ งขวาบีบตวั เลอื ดจะผา่ นลนิ้ หวั ใจพลั โมนารีไป หวั ใจหอ้ งลา่ ง ๒ หอ้ ง ยงั หลอดเลือดแดงพลั โมนารี (pulmonary artery) ซ่ึงนำ� เลือดดำ� ไปฟอกท่ีปอด เลือดท่ีฟอกแลว้ จะ กลบั สู่หลอดเลอื ดดำ� พลั โมนารี (pulmonary vein)

244 หลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออร์ตา ๕. ชนดิ ของโรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนดิ หลอดเลอื ดดำ� ใหญ่ โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดแบง่ เป็น๒ชนิดคอื จากส่วนบนของร่างกาย โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดทพี่ บบอ่ ย และโรคหวั ใจ พกิ ารแตก่ ำ� เนิดท่ีพบไมบ่ อ่ ย หลอดเลอื ดแดง หลอดเลอื ดแดง พลั โมนารีขวา พลั โมนารี ๕.๑ โรคหัวใจพิการแต่ก�ำเนิดท่ีพบ บ่อย หวั ใจหอ้ งบนขวา หวั ใจหอ้ งบนซา้ ย หลอดเลือดแดง หลอดเลอื ดแดง โรคหวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดชนิดทพี่ บบอ่ ยมอี ยู่ ใหญโ่ คโรนารีซา้ ย ๕ ชนิด คดิ เป็นประมาณร้อยละ ๘๐-๘๕ ของโรค โคโรนารีขวา หวั ใจพกิ ารแตก่ ำ� เนิดท้งั หมด ดงั น้ี หลอดเลอื ดดำ� ใหญ่ หลอดเลอื ดแดงโคโรนารีซา้ ย ๑.ผนงั ก้นั ห้องล่างมรี ูรั่ว(Ventricularseptal จากส่วนลา่ งของร่างกาย defect) พบบ่อยที่สุดประมาณร้อยละ ๓๕ ของ หัวใจพิการแต่กำ� เนิดท้งั หมด ตำ� แหน่งท่ีมีรูรั่ว หลอดเลือดแดงโคโรนารีเซอร์คมั เฟลกซ์ อาจอยบู่ ริเวณผนงั ทเี่ ป็นกลา้ มเน้ือซ่ึงพบบอ่ ยทสี่ ุด (รอ้ ยละ๖๕) ถา้ ตรวจต้งั แตแ่ รกคลอดส่วนใหญร่ ูรว่ั แผนภาพแสดงลกั ษณะของหวั ใจ (มองจากดา้ นนอก) มกั มขี นาดเลก็ หากรูมขี นาดเลก็ กวา่ ๓ มลิ ลเิ มตร และตรวจพบในทารกแรกคลอด ส่วนใหญม่ โี อกาส หวั ใจหอ้ งลา่ ง๒หอ้ งมกี ลา้ มเน้ือแขง็ แรงกวา่ ปิ ดไดเ้ อง ถา้ ผนงั รว่ั บริเวณส่วนทเี่ ป็นพงั ผดื และมี หวั ใจหอ้ งบน หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยมผี นงั หนา และ ขนาดเลก็ เช่น เลก็ กวา่ ๕ มลิ ลเิ มตร กม็ โี อกาส บีบตวั ไดแ้ ขง็ แรงกวา่ หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา ปิ ดไดเ้ อง หรือเลก็ ลงเป็นส่วนใหญ่ และไม่ตอ้ ง รักษาโดยการผา่ ตดั กลา้ มเน้ือหวั ใจไดร้ ับเลือดแดงมาเล้ียงโดย หลอดเลอื ดแดงโคโรนารี ซ่ึงออกจากส่วนตน้ ของ รูรว่ั หลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา หลอดเลือดแดง แผนภาพแสดงผนงั ก้นั หวั ใจหอ้ งล่างมีรูรั่ว โคโรนารีประกอบดว้ ย หลอดเลอื ดแดงโคโรนารี ขวา ซ่ึงจะเล้ียงกลา้ มเน้ือหัวใจดา้ นขวา และ หลอดเลอื ดแดงโคโรนารีซา้ ย ทเ่ี ล้ยี งกลา้ มเน้อื หวั ใจ ดา้ นซา้ ย

245 ในกรณีผนงั ก้นั หอ้ งลา่ งมรี ูรว่ั อยใู่ กลล้ นิ้ หวั ใจ หายใจรบั ออกซิเจน โดยรกของแมจ่ ะทำ� หนา้ ทสี่ ่ง เอออร์ติก แมจ้ ะมีขนาดเลก็ แตม่ ีโอกาสท่ีจะร่ัว เลอื ดดีแกท่ ารก) เมอื่ ปอดขยายตวั รูรัว่ น้ีจะคอ่ ย ๆ ภายหลงั ได้ อาจตอ้ งทำ� การผา่ ตดั เพอื่ ป้องกนั ไม่ ปิ ดไปเอง ถา้ ยงั มรี ูรั่วอยู่ เลอื ดแดงจากหวั ใจหอ้ ง ใหล้ นิ้ ร่ัวมากข้นึ แตถ่ า้ รูรวั่ มขี นาดใหญอ่ าจทำ� ให้ บนซา้ ยจะไหลไปปนเลอื ดดำ� ในหวั ใจหอ้ งบนขวา มีภาวะหวั ใจวาย ภาวะน้ีส่วนใหญจ่ ะมอี าการเมอ่ื ทำ� ใหเ้ ลอื ดไปทป่ี อดมากกวา่ ปกติ ซ่ึงข้นึ กบั ขนาด ทารกมอี ายุ๔-๖สปั ดาห์ โดยมอี าการหอบ เหนื่อย ของช่องโหวด่ ว้ ย ถา้ เลก็ กวา่ ๕ มิลลิเมตร ในวยั เล้ยี งไมโ่ ต จำ� เป็นตอ้ งใหก้ ารรกั ษาทางยา ประกอบ ทารก (อายนุ อ้ ยกวา่ ๑ ปี โดยการตรวจหวั ใจดว้ ย ดว้ ย ยาท่ีช่วยการบีบตวั ของหัวใจ และยาขบั คลนื่ เสียงความถส่ี ูง) มกั จะปิ ดไดเ้ องเมอ่ื อายุ ๑-๒ ปัสสาวะ ถา้ อาการดีข้นึ หรือน้ำ� หนกั ตวั ดีข้นึ อาจ ปี แตถ่ า้ รูรั่วมขี นาดใหญต่ ้งั แต่ ๙ มลิ ลเิ มตรข้นึ ไป หยดุ ยาไดเ้ มอ่ื มอี ายุ ๖ เดือน แตถ่ า้ อาการไมด่ ีข้นึ โอกาสเลก็ ลงหรือปิ ดเองไม่ถึงร้อยละ ๑๐ ส่วน เช่น เล้ยี งไมโ่ ต หรือมภี าวะแทรกซอ้ นบอ่ ย ไดแ้ ก่ ใหญจ่ ำ� เป็นตอ้ งรกั ษาโดยการผา่ ตดั ปิดรูรว่ั หรือโดย ปอดบวม หรือหลอดลมอกั เสบ ควรพจิ ารณาผา่ ตดั ใชส้ ายสวน ท้งั น้ี รูร่ัวขนาด ๕-๙ มิลลเิ มตร มี ปิ ดรูร่ัว ซ่ึงไดผ้ ลดี ปัจจุบนั มีหลายสถาบนั ใน โอกาสเลก็ ลงหรือปิ ดเองประมาณร้อยละ ๕๐ ประเทศไทยที่สามารถทำ� การผา่ ตดั ไดผ้ ลดีแมว้ า่ ผปู้ ่ วยจะมนี ้ำ� หนกั นอ้ ย ผนงั หอ้ งบนมชี ่องโหว่ ภาวะแทรกซอ้ นหรือผลที่ตามมาภายหลงั แผนภาพแสดงผนงั ก้นั หวั ใจหอ้ งบนรั่ว ทำ� ใหเ้ ลือดแดงจาก นอกจากภาวะหวั ใจวายคือ มีภาวะความดนั เลือด หอ้ งบนซา้ ยไปปนกบั เลือดในหอ้ งบนขวา ในปอดสูง ถา้ ภาวะน้ีอยนู่ านเกินกวา่ ๑ ปี หลอด เลอื ดในปอดจะหนาตวั และมกี ารเปลย่ี นแปลงของ หลอดเลอื ดอยา่ งถาวร การรกั ษาโดยการผา่ ตดั ไม่ สามารถทำ� ใหภ้ าวะความดนั เลอื ดในปอดสูงลดลง ซ่ึงยากในการรกั ษา เดก็ จะเสียชีวติ กอ่ นวยั อนั ควร ผใู้ หค้ ำ� แนะนำ� ไดค้ ือ กมุ ารแพทยโ์ รคหวั ใจ พอ่ แมจ่ ะตอ้ งนำ� เดก็ มาตรวจอยา่ งสม่ำ� เสมอ ๒.ผนงั ก้นั หวั ใจห้องบนมรี ูรั่ว(Atrialseptal defect) ตามปกติระหว่างท่ีทารกอยู่ในครรภ์ ผนงั น้ีจะมีช่องโหวบ่ ริเวณตรงกลางเพื่อเป็นทาง ใหเ้ ลอื ดแดงจากรกของแมผ่ า่ นจากหอ้ งบนขวาไป ยงั หอ้ งบนซา้ ยและผา่ นหอ้ งลา่ งซา้ ย เพอ่ื นำ� เลอื ด แดงไปเล้ียงทารกในครรภ์ เน่ืองจากปอดยงั ไม่ ทำ� งาน (ทารกในครรภจ์ ะยงั ไม่ไดใ้ ชป้ อดในการ

246 ผนงั รั่วส่วนบน หวั ใจหอ้ งบนขวา ผนงั ก้นั หอ้ งบนรว่ั อกี ชนิดหน่ึงทพ่ี บไดน้ อ้ ย ผนงั รั่วบริเวณกลาง หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา กวา่ ชนิดแรกคอื ผนงั รั่วบริเวณส่วนล่างสุด พบได้ นอ้ ยกวา่ ชนิดแรกท่กี ลา่ วมาแลว้ ผนงั รว่ั ชนิดน้ีมกั ผนงั รั่วบริเวณ มีขนาดใหญ่และมีลิ้นไมทรัลแหวง่ และรั่ว ซ่ึงมี ส่วนลา่ งสุด อาการมากกวา่ จึงจำ� เป็นตอ้ งรักษาโดยการผา่ ตดั ปิ ดรูรว่ั และซ่อมลนิ้ หวั ใจ แผนภาพแสดงตำ� แหน่งผนงั ก้นั หวั ใจหอ้ งบนรั่วที่พบบ่อย ๓. หลอดเลือดนอกหัวใจไม่ปิ ด (Patent ผนงั หอ้ งบนมีรูรั่วขนาดใหญส่ ่วนหน่ึงจะมี Ductus Arteriosus: PDA) ตามปกติเมอื่ ทารกอยู่ อาการในวยั ทารก เช่น อาการหอบ เหน่ือยงา่ ย ในครรภ์ ปอดยงั ไม่ทำ� งาน เลือดแดงจากแมซ่ ่ึง เล้ียงไมโ่ ต บางรายไมม่ ีอาการจนเป็นผใู้ หญห่ รือ ปนกบั เลอื ดดำ� ของตวั ทารกจะไหลผา่ นหลอดเลอื ด วยั สูงอายุ การตรวจร่างกายทว่ั ไปโดยแพทยห์ รือ นอกหวั ใจทเี่ ช่ือมจากหลอดเลอื ดแดงพลั โมนารีไป พยาบาลที่ไดร้ ับการฝึกอบรมสามารถตรวจพบได้ ยงั หลอดเลือดแดงใหญเ่ อออร์ตา เมื่อทารกหายใจ บางรายจากภาพถา่ ยรังสีทรวงอกพบวา่ มหี วั ใจโต เอง เลอื ดดำ� จะไปฟอกทป่ี อดท้งั หมด หลอดเลอื ด นอกหวั ใจจะหดตวั ปิ ดเองภายในระยะเวลา ๑-๒ สปั ดาห์ กรณีทารกคลอดกอ่ นกำ� หนด ผนงั หลอด เลือดน้ีจะบางและเปิ ดอยู่ ทำ� ให้เลือดไหลจาก เอออร์ตาไปท่ีหลอดเลือดแดงปอดมากข้ึน การที่ ช่องระหวา่ งหวั ใจหอ้ งบน หลอดเลอื ดแดงพลั โมนารี หลอดเลอื ดนอกหวั ใจ หลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออร์ตา หอ้ งบนขวา หอ้ งลา่ งขวา หอ้ งลา่ งซา้ ย หอ้ งบนขวา หลอดเลือดแดง ตบั เลอื ดแดงจากรก พลั โมนารี รก หอ้ งลา่ งขวา หลอดเลอื ดฝอยในร่างกายทารก หลอดเลอื ดดำ� หอ้ งลา่ งซา้ ย หลอดเลอื ดดำ� จากส่วนลา่ งของร่างกาย จากส่วนลา่ งของร่างกาย แผนภาพแสดงระบบการไหลเวยี นเลอื ดของทารกในครรภม์ ารดา แผนภาพแสดงหวั ใจที่หลอดเลอื ดนอกหวั ใจไมป่ ิ ด (หลงั คลอด)

247 เลอื ดไปทป่ี อดมากข้นึ อาจทำ� ใหเ้ กดิ ภาวะหวั ใจวาย ภาพถ่ายรังสีแสดงการขยายลิ้นดว้ ยบลั ลูนในกรณีลิ้นหวั ใจ และมอี าการหอบ พบบอ่ ยกวา่ เดก็ ปกติ พลั โมนารีตีบ ปัจจบุ นั รกั ษาโดยการผา่ ตดั ผกู เสน้ เลอื ดหรือ ลกั ษณะบลั ลูน ใชส้ ายสวนไปอดุ หลอดเลอื ด กรณีเดก็ คลอดกอ่ น กำ� หนดอาจรักษาโดยใชย้ า เช่น ยาอนิ โดเมทาซิน บลั ลนู ผา่ นทางสายสวนขยายลนิ้ หวั ใจได้ โดยทำ� (Indomethacin) หรือยาบรูเฟน (Brufen) หลงั จากมอี ายุ๒ปีข้นึ ไป ส่วนใหญจ่ ะทำ� คร้งั เดยี ว แตถ่ า้ เดก็ อายตุ ่ำ� กวา่ ๒ ปี อาจตอ้ งมีการขยายซ้ำ� ถา้ หลอดเลือดนอกหวั ใจมีขนาดใหญแ่ ละมี เนื่องจากลนิ้ ยงั เปิ ดไมด่ ี ในกรณีที่ลนิ้ ตีบมากและ เลอื ดไปทปี่ อดมากเป็นเวลานาน ความดนั เลอื ดใน มขี อบลนิ้ แคบเลก็ มากอาจตอ้ งรกั ษาโดยการผา่ ตดั ปอดจะสูง หลอดเลอื ดในปอดมกี ารเปลย่ี นแปลง โดยผนงั หนาจากการมพี งั ผดื จนไมส่ ามารถขยายตวั ๕. โรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนดิ ชนดิ เขยี วทพ่ี บ ได้ แมไ้ ดร้ ับการผา่ ตดั แลว้ กอ็ าจไมส่ ามารถทำ� ให้ บ่อยทสี่ ุด (Tetralogy of Fallot: TOF) ประกอบ ความดนั เลือดในปอดลดลงปกติได้ กมุ ารแพทย์ ดว้ ยความพกิ าร ๔ อยา่ ง คอื ผนงั ก้นั หอ้ งลา่ งของ โรคหวั ใจจำ� เป็นตอ้ งตรวจอยา่ งละเอยี ดเพอื่ ตดั สิน หวั ใจมรี ูรวั่ ขนาดใหญ่ การตบี บริเวณทางออกของ ใจวา่ จะผา่ ตดั ไดห้ รือไม่ เลือดดำ� จากหวั ใจหอ้ งล่างขวาที่จะนำ� เลือดดำ� ไป ฟอกท่ีปอด ซ่ึงตีบต่ำ� กวา่ ลนิ้ เป็นอาการกลา้ มเน้ือ ๔. ลิ้นหัวใจพัลโมนารีตีบ (Pulmorary หวั ใจหอ้ งลา่ งขวาหนาตวั ข้ึน ทำ� ใหท้ างออกของ Valve Stenosis) คอื ความพกิ ารท่ีลนิ้ พลั โมนารี เลอื ดดำ� ไปทปี่ อดแคบ อาจมลี นิ้ หวั ใจพลั โมนารีตบี ซ่ึงเป็นลนิ้ หวั ใจทเ่ี ป็นทางผา่ นของเลอื ดดำ� จากหอ้ ง หรือมขี นาดวงรอบลนิ้ แคบร่วมดว้ ย นอกจากน้ีมี ลา่ งขวาไปปอดตบี ทำ� ใหเ้ ลอื ดดำ� ไปทปี่ อดยากข้นึ ความพกิ ารอกี ๒ อยา่ ง คอื กลา้ มเน้ือหอ้ งลา่ งขวา หวั ใจหอ้ งลา่ งขวาจะตอ้ งทำ� งานเพมิ่ ข้นึ ทำ� ใหก้ ลา้ ม หนาตวั และหลอดเลือดแดงใหญเ่ อออร์ตาออก เน้ือห้องล่างขวาหนาตวั ความดนั เลือดในห้อง คอ่ นไปดา้ นขวาคร่อมผนงั ก้นั หวั ใจหอ้ งลา่ ง ลา่ งขวาสูงข้นึ ปกติความดนั เลอื ดในหอ้ งลา่ งขวา ประมาณ ๓๐ มิลลิเมตรปรอท ขณะที่ความดนั เลอื ดในหอ้ งลา่ งซา้ ยประมาณ๑๐๐มลิ ลเิ มตรปรอท ถา้ ลนิ้ ยงิ่ ตีบมาก ความดนั เลอื ดในหอ้ งลา่ งขวาจะ ยงิ่ สูงข้นึ ถา้ ปลอ่ ยไวน้ านกลา้ มเน้ือหอ้ งลา่ งขวาจะ ยิ่งหนาข้ึนและมีพงั ผืดแทรก อาจมีภาวะหวั ใจ ดา้ นขวาวาย มอี าการบวม ตบั โต เหน่ือยเร็ว การตรวจร่างกาย จะมเี สียงฟ่ ชู ดั เจน ในราย ท่ีตีบปานกลางข้ึนไป เช่น มีความดนั เลือดใน หอ้ งลา่ งขวาสูงกวา่ ความดนั เลอื ดในปอดเกิน๔๐- ๕๐ มิลลิเมตรปรอทข้นึ ไป ปัจจุบนั รักษาโดยใช้

248 หลอดเลอื ดแดงใตก้ ระดกู ไหปลาร้าขวา ทอ่ กอร์เทกซ์ (Gortex) ท่ีตอ่ ระหวา่ ง หลอดเลอื ดแดงพลั โมนารีขวาและ หลอดเลอื ดแดงใตก้ ระดกู ไหปลารา้ ขวา หอ้ งบนขวา หลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออร์ตาคร่อมผนงั ท่ีรั่ว ช่องโหวข่ นาดใหญท่ ี่ผนงั ก้นั หอ้ งลา่ ง กลา้ มเน้ือท่ีหนาตวั บริเวณต่ำ� กวา่ ลิ้น ของหวั ใจ หวั ใจพลั โมนารีขวางทางออกของเลือด ดำ� ไปท่ีปอด หอ้ งลา่ งซา้ ย กลา้ มเน้ือหอ้ งลา่ งขวาหนากวา่ ปกติ แผนภาพแสดงลกั ษณะหวั ใจท่ีเป็นโรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนิดชนิดเขียวแบบ Tetralogy of Fallot การตรวจร่างกาย โดยฟังจะไดย้ นิ เสียงฟ่ขู อง เลือดเทียมพร้อมลิ้นหวั ใจแทน การผา่ ตดั แกไ้ ข หวั ใจ ซ่ึงเกดิ จากลนิ้ หวั ใจพลั โมนารีตบี ต้งั แตท่ ารก คร้งั เดยี วน้ีในสถานพยาบาลบางแห่งสามารถทำ� ได้ อายุ๒-๓วนั ส่วนทารกทม่ี อี าการเขยี วบางรายอาจ ต้งั แตม่ อี ายไุ ด้ ๖-๙ เดือน ตรวจไดภ้ ายหลงั อายุ ๖ เดือน ข้นึ กบั ความรุนแรง ในรายเดก็ เลก็ ที่มีอาการเขียวมาก เช่น มี ของโรค บางรายมอี าการเขยี วต้งั แตค่ ลอด บางราย ความเขม้ ขน้ ออกซิเจนในหลอดเลอื ดแดงนอ้ ยกวา่ มีอาการเมื่ออายมุ ากข้ึน บางรายอาจไม่มีอาการ รอ้ ยละ๗๕-๘๐หรือแขนงหลอดเลอื ดแดงมขี นาด ชดั เจน แต่ทุกรายจะมีอาการเหน่ือยเร็วกวา่ ปกติ เลก็ การผา่ ตดั แกไ้ ขคร้ังเดียวมคี วามเสี่ยงสูง จึงมี โดยเฉพาะเมอื่ เดก็ เริ่มคลานหรือเดนิ เดก็ ทเ่ี ป็นโรค การผา่ ตดั ชวั่ คราวโดยตอ่ ทอ่ จากหลอดเลอื ดแดงใต้ น้ีเมอ่ื มอี าการเหน่ือยจะนงั่ ยอง ๆ เป็นลกั ษณะการ กระดกู ไหปลาร้า (subclavian artery) มายงั แขนง นงั่ ทเ่ี รียกวา่ สควอตตงิ (Squatting) ผปู้ ่ วยโรคหวั ใจ หลอดเลอื ดแดงพลั โมนารี แลว้ ผา่ ตดั ข้นั สุดทา้ ยอกี พกิ ารแตก่ ำ� เนิดชนิดน้ีถา้ ไมไ่ ดร้ บั การรกั ษาอาจเสีย คร้ังเมอื่ เดก็ โตข้นึ และขนาดของแขนงหลอดเลอื ด ชีวติ ภายในอายุ๑๐ปี ถงึ ร้อยละ๔๐-๕๐จากภาวะ ไปที่ปอดโตข้นึ สมองขาดออกซิเจนหรือติดเช้ือในสมอง เช่น ฝี การติดตามผลการผา่ ตดั แกไ้ ขถา้ ระยะยาว ในสมอง เน่ืองจากเช้ือโรคจากร่างกายจะลดั วงจร เกินกวา่ ๓๐-๓๕ ปี ผปู้ ่ วยบางคนซ่ึงมีประมาณ ไปยงั สมองโดยตรง เกิดจากการทม่ี เี ลอื ดดำ� ไปปน ร้อยละ ๑๕-๒๐ อาจตอ้ งไดร้ ับการผา่ ตดั เปลี่ยน กบั เลอื ดแดงโดยไมผ่ า่ นปอด ลิน้ หวั ใจพลั โมนารี เนื่องจากลิน้ หวั ใจท่ีขยายไว้ การรักษา ปัจจบุ นั สามารถผา่ ตดั ปิดรูรว่ั และ รว่ั มาก และหวั ใจหอ้ งลา่ งขวาโตข้นึ โดยการใช้ ตดั กลา้ มเน้ือที่หนาออก ร่วมกบั การขยายลิน้ ที่ตีบ หลอดเลือดพร้อมลิ้นหวั ใจเทียม แพทยจ์ ะเป็นผู้ กรณีทเี่ ป็นรุนแรง เชน่ มหี ลอดเลอื ดแดงพลั โมนารี แนะนำ� ดงั น้นั ผปู้ ่ วยจะตอ้ งไดร้ บั การติดตามจาก และลนิ้ หวั ใจพลั โมนารีเลก็ มาก อาจตอ้ งใชห้ ลอด แพทยต์ ลอดชีวติ

๕.๒ โรคหัวใจพกิ ารแต่กำ� เนิดทพี่ บไม่ หลอดเลอื ดแดง 249 บ่อย ใหญเ่ อออร์ตา ส่วนตน้ หลอดเลอื ดแดงใหญ่ มหี ลายชนิด จะนำ� มากลา่ วเป็นบางชนิด เชน่ ใตก้ ระดกู ไหปลาร้า ๑. ภาวะที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา คอด (Co-arctation of aorta) ส่วนมากมกั คอด หลอดเลอื ดแดง บริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่ใตก้ ระดูกไหปลาร้า ใหญเ่ อออร์ตาคอด ซา้ ย ถา้ เป็ นรุนแรงอาจมีอาการต้งั แต่ทารกอายุ ๒-๓ สปั ดาหแ์ รก คอื มภี าวะหวั ใจวายหรือหอบ หอ้ งลา่ งซา้ ย และเสียชีวติ รวดเร็ว บางคร้งั กอ่ นจะมาพบแพทย์ การรกั ษาโดยการผา่ ตดั ตอ่ เสน้ เลอื ดหรือใชส้ ายสวน แผนภาพแสดงภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาคอด ไดผ้ ลดี หลงั ผา่ ตดั ควรไดร้ ับการติดตามระยะยาว โดยเฉพาะถา้ ทำ� ผา่ ตดั ขณะมอี ายนุ อ้ ย เพราะอาจมี แดงใหญเ่ อออร์ตา ส่วนใหญม่ อี าการเมอ่ื ทารกอายุ การตีบซ้ำ� ไดอ้ กี ได้๑-๒ สปั ดาหห์ ลงั คลอด ปัจจบุ นั สามารถรักษา ๒.โรคหวั ใจพกิ ารแต่กำ� เนดิ ทรี่ ุนแรงและเสีย ไดโ้ ดยการผา่ ตดั แตต่ อ้ งผา่ ตดั หลายคร้ัง ชีวิตในเวลารวดเร็ว (Hypoplastic left heart) คอื ภาวะท่ีหวั ใจดา้ นซา้ ยมขี นาดเลก็ ต้งั แตห่ วั ใจ หอ้ งบนซา้ ย หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ย และหลอดเลอื ด หลอดเลอื ดแดงใหญเ่ อออร์ตา ส่วนตน้ มขี นาดเลก็ หอ้ งบนขวา หอ้ งบนซา้ ย หอ้ งลา่ งซา้ ยมขี นาดเลก็ มาก หอ้ งลา่ งขวามขี นาดใหญ่ ร่วมกบั ลนิ้ ไมทรลั เลก็ แผนภาพแสดงภาวะหวั ใจหอ้ งล่างซา้ ยมีขนาดเลก็ ซ่ึงพบไม่บ่อย


สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 41 (รวมเล่ม)

The book owner has disabled this books.

Explore Others