Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 40 (รวมเล่ม)

สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 40 (รวมเล่ม)

Description: สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 40 (รวมเล่ม)

Keywords: สารานุกรมไทย,สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ,สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม ๔๐

Search

Read the Text Version

150 ต ตัวัวอออ่่อนนตสอู้งกงเวล่าย้ี โงคโทค่ีเตควั ยรมบั ีลใูกหมพ้ ารแอ้ ลม้วลว่ กงอ่ หนนถา้า่ ย๓โอ-๔น การใชเ้ ซลลใ์ บหโู คบราหม์ นั เทาเพศเมยี ลกู โคทง้ั องิ และนโิ คลเปน็ ผลงานของดร.รงั สรรค์ พาลพา่ ย เดือนเพ่ือให้โคมีสุขภาพดี สามารถใช้ฮอร์โมน และคณะ ขณะปฏบิ ตั งิ านทคี่ ณะสตั วแพทยศาสตร ์ กระตนุ้ ใหโ้ คเปน็ สดั พรอ้ มกนั ครง้ั ละหลาย ๆ ตวั จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ในข้ันตอนการผลิตตัวอ่อนโคโคลนน่ิงจะ ต่อมาได้มีการโคลนนิ่งโดยใช้เซลล์ใบหูโค เลยี้ งตวั ออ่ นไว้ ๗ วนั ดงั นน้ั ตอ้ งคดั เลอื กโคตวั รบั พันธ์ุบราห์มันเทาเพศผู้ช่ือว่า ตูมตาม เป็นเซลล์ ทเี่ ปน็ สดั มาแลว้ ๗ วนั เพอื่ ใหผ้ นงั มดลกู ตรงกนั กบั อายขุ องตวั ออ่ น ทำใหห้ ลงั จากถา่ ยโอนตวั ออ่ นจะ มโี อกาสตงั้ ทอ้ งสงู การถา่ ยโอนตวั ออ่ นโคลนนง่ิ จำนวน ๑-๒ ใบเขา้ สปู่ กี มดลกู ของโคโดยการสอด ทอ่ ถา่ ยโอนตวั ออ่ นเขา้ ทางปากมดลกู ซง่ึ ไมต่ อ้ งมี การผา่ ตดั หลงั จากนนั้ นบั ไปอกี ๓๐ วนั จะตรวจ การตงั้ ทอ้ งดว้ ยอลั ตราซาวนด์ โคตวั ใดทต่ี งั้ ทอ้ ง จะแยกออกมาเลยี้ ง และลว้ งตรวจการตงั้ ทอ้ งทกุ ๆ องิ (ตวั สดี ำ) ลกู โคโคลนนง่ิ ตวั แรกของประเทศไทย เดอื นจนกวา่ จะครบกำหนดเกดิ มา โดยปกตโิ คมี ระยะเวลาตง้ั ทอ้ ง ๒๘๐-๒๘๕ วนั อตั ราการตงั้ ทอ้ ง หลงั การถา่ ยโอนตวั ออ่ นโคลนนง่ิ ในระยะ ๒ เดอื น แรกคอื รอ้ ยละ ๓๐-๔๐ และอตั ราการตง้ั ทอ้ งจน ครบกำหนดมปี ระมาณรอ้ ยละ ๑๐ ๓. ความสำเร็จของการโคลนนิ่งใน นโิ คล ลกู โคโคลนนงิ่ ตวั ท่ี ๒ ของประเทศไทยและแมโ่ คตวั รบั ประเทศไทย ขาวมงคล ลูกโคโคลนนิง่ ที่เกดิ จากเซลลต์ น้ แบบ ของดอยอนิ ทนนท ์ เทคนคิ วธิ กี ารโคลนนงิ่ โคดงั ทก่ี ลา่ วมามนี กั วทิ ยาศาสตรจ์ ำนวนมากนำไปใช้จนประสบความ สำเรจ็ อยา่ งแพรห่ ลาย สำหรบั ประเทศไทยสามารถ โคลนนง่ิ ลกู โคจากเซลลใ์ บหโู คพนั ธแ์ุ บรงกสั เพศ เมีย ได้ลูกโคช่ือว่า อิง เกิดเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ นับเป็นลูกโคโคลนน่ิงตัวแรกของ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ และเปน็ ตวั ที่ ๖ ของโลก นอกจากนย้ี งั มลี กู โคพนั ธบ์ุ ราหม์ นั เทาเพศเมยี ชอื่ วา่ นโิ คล เกดิ เมอื่ วนั ที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔ จาก

151 ตน้ แบบ ไดล้ กู โคโคลนนง่ิ จำนวน ๗ ตวั เกดิ มา พาลพ่าย และคณะ จากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัว ระหวา่ งวนั ที่ ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถงึ ๗ ออ่ นและเซลลต์ น้ กำเนดิ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และยงั มลี กู โคโคลนนงิ่ สรุ นารี จากเซลลใ์ บหโู คพนั ธบ์ุ ราหม์ นั แดงเพศเมยี เกดิ มา ๕ ตวั และลกู โคโคลนนงิ่ จากเซลลใ์ บหโู คนมพนั ธ ุ์ โฮลสไตนฟ์ รเี ชยี นเพศเมยี เกดิ มา ๓ ตวั รวมทง้ั ใช้ เซลล์ใบหูโคต้นแบบเพศผู้ช่ือว่า ดอยอินทนนท์ มาผลิตลูกโคโคลนนิ่งพันธุ์ขาวลำพูนเพศผู้ช่ือว่า ขาวมงคล เกดิ มาเปน็ ตวั แรกของประเทศไทยเมอื่ วนั ท่ี ๒๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และ เศวต เกดิ มา เม่ือวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซ่ึงลูกโค โคลนนง่ิ ทไี่ ดท้ ง้ั หมดเปน็ ผลงานของ ดร.รงั สรรค์ ตมู ตาม โคพนั ธบ์ุ ราหม์ นั เทาเพศผู้ ดอยอนิ ทนนท์ โคตน้ แบบพนั ธขุ์ าวลำพนู เพศผู้ เศวต ลกู โคโคลนนง่ิ ทเ่ี กดิ จากเซลลต์ น้ แบบของดอยอนิ ทนนท ์ โคโคลนนงิ่ ๗ ตวั อายุ ๑๑-๑๒ เดอื น ทเี่ กดิ จากเซลลใ์ บหขู องตมู ตาม

152 ๔ . กปาัจรจปุบรันะมยีสกุัตวต์หใ์ ลชาก้ ยาชรนโิดคทลี่เกนิดนจาง่ิกว ิธีการ ตวั ออ่ นทเี่ กดิ จากการปฏสิ นธติ ามธรรมชาติ และการปฏสิ นธใิ นหลอดแกว้ จะมสี ารพนั ธกุ รรม โคลนนงิ่ ไดแ้ ก่ แกะ โค หนถู บี จกั ร สกุ ร แมว ของพ่อและแม่ปนกันอยู่ เม่ือนำตัวอ่อนท่ีได้มา กระตา่ ย มา้ หนขู าว เฟอรเ์ รต็ กระบอื และอฐู ผลติ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ นเพอื่ ใชร้ กั ษาคนไข้ อาจ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจในการศึกษา ทำใหร้ า่ งกายเกดิ การตอ่ ตา้ นเซลลท์ ปี่ ลกู ถา่ ย แม้ เรอื่ งตา่ ง ๆ แตกแขนงออกไปมากขน้ึ เชน่ การ จะเปน็ บคุ คลใกลช้ ดิ ทางพนั ธกุ รรมกต็ าม การนำวธิ ี ดดั แปรพนั ธกุ รรมของเซลลต์ น้ แบบกอ่ นทจี่ ะนำมา การโคลนนงิ่ มาใชผ้ ลติ ตวั ออ่ นระยะบลาสโทซสี ต์ โคลนนงิ่ การนำตวั ออ่ นทผี่ ลติ ไดจ้ ากการโคลนนงิ่ เพอ่ื นำตวั ออ่ นทไี่ ดม้ าผลติ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ น มาผลติ เซลลต์ น้ กำเนดิ การโคลนนงิ่ เพอื่ นำไปใช้ จงึ เปน็ วธิ ที ก่ี ำลงั ศกึ ษากนั อยา่ งแพรห่ ลาย เพราะ ในการรกั ษาโรคทางการแพทย์ การโคลนนง่ิ เพอื่ สามารถใชเ้ ซลลจ์ ากผปู้ ว่ ยมาเปน็ เซลลต์ น้ แบบใน อนรุ กั ษแ์ ละเพม่ิ จำนวนสตั วท์ ใ่ี กลส้ ญู พนั ธ์ุ โดยมี การโคลนน่ิงเพ่ือผลิตเซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนได้ รายละเอยี ดดงั น้ี ซงึ่ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ นทไี่ ดจ้ ะมกี ารแสดงออก ของระบบภมู คิ มุ้ กนั เหมอื นกบั ผปู้ ว่ ยทเ่ี ปน็ เจา้ ของ ๔.๑ การโคลนนิ่งเพ่ือประโยชน์ทาง เซลล์ต้นแบบ ทำให้สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วย การแพทยแ์ ละการรกั ษาโรค โดยไมม่ กี ารตอ่ ตา้ นของระบบภมู คิ มุ้ กนั เรยี กวธิ นี ี้ วา่ การรกั ษาดว้ ยเซลลต์ น้ กำเนดิ ทมี่ รี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ๑. การโคลนนง่ิ ผลติ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ น เหมอื นคนไข้ (patient-specific stem cell therapy) เพอ่ื ใชร้ กั ษาโรค กลมุ่ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ นมนษุ ย์ (ตรงกลาง) เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน (embryonic stem- cell) ไดจ้ ากตวั ออ่ นระยะกอ่ นฝังตวั เปน็ เซลลท์ ่ี ยงั ไมม่ หี นา้ ทเี่ ฉพาะเจาะจง สามารถแบง่ เซลลไ์ ด้ อยา่ งไมจ่ ำกดั มคี วามสามารถในการพฒั นาไปเปน็ เซลลใ์ ด ๆ กไ็ ด้ เมอื่ ไดร้ บั การกระตนุ้ ทเ่ี หมาะสม จากสภาวะแวดลอ้ มหรอื จากสารอาหารทใ่ี ชเ้ ลยี้ ง เซลล์ การผลิตตัวอ่อนเพื่อนำมาผลิตเซลล์ต้น กำเนิดนั้นสามารถทำได้โดยการใช้ตัวอ่อนท่ีเกิด จากการปฏสิ นธติ ามธรรมชาติ การทำปฏสิ นธใิ น หลอดแกว้ หรอื การโคลนนงิ่ แลว้ นำตวั ออ่ นทอ่ี ยู่ ในระยะบลาสโทซีสต์มาสกัดแยกเซลล์ไอซีเอ็ม (ICM: Inner Cell Mass) จากนนั้ นำเซลลไ์ อซเี อม็ ที่ ไดม้ าเลย้ี งบนเซลลพ์ เี่ ลยี้ งในนำ้ ยาทเ่ี หมาะสมนาน ๕-๗ วัน หลังจากนน้ั เซลลไ์ อซีเอ็มจะเจรญิ เปน็ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ น

153 ทั้งนี้ เซลล์ต้นกำเนิดจะต้องกระตุ้นให้พัฒนาไป เปน็ เซลลเ์ ปา้ หมายทต่ี อ้ งการนำไปรกั ษาคนไขจ้ งึ จะ สามารถใชง้ านไดจ้ รงิ เชน่ กระตนุ้ ใหเ้ ปน็ เซลลบ์ ตี า (beta cell) ทผี่ ลติ อนิ ซลู นิ สำหรบั นำไปปลกู ถา่ ย ให้แก่คนไข้เพื่อให้ผลิตอินซูลินออกมารักษาโรค เบาหวานในกรณีป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดท่ี ๑ หรอื การผลติ เซลลป์ ระสาททสี่ ามารถผลติ สารสอื่ ประสาทโดปามีน เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรค พารก์ นิ สนั ซงึ่ มกี ารทดลองโคลนนงิ่ เซลลต์ น้ กำเนดิ ตวั ออ่ นไดเ้ ปน็ ผลสำเรจ็ ในลงิ วอก เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๐ และลา่ สดุ ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ ไดป้ ระสบความสำเรจ็ การโคลนนิง่ สัตว์ทดลองเพ่ือใช้ในงานวจิ ัย ในมนษุ ย์ ๒. การโคลนน่ิงสัตว์ทดลองเพ่ือใช้ในงาน วจิ ยั สตั วท์ ่นี ิยมนำมาใชใ้ นการทดลองสว่ นมาก คอื สตั วว์ งศ์หนู ซึง่ จากการทดลองครง้ั หนงึ่ ๆ ตอ้ งใชส้ ตั วท์ ดลองเปน็ จำนวนมากเพอ่ื ใหไ้ ดค้ วาม แมน่ ยำหลงั คำนวณคา่ ทางสถติ ิ สว่ นหนงึ่ เปน็ เพราะ สตั วแ์ ตล่ ะตวั ทใ่ี ชท้ ดลองมลี กั ษณะทางพนั ธกุ รรมไม ่ เหมอื นกนั ทกุ ประการ จงึ ทำใหม้ กี ารตอบสนองตอ่ การทดลองไมเ่ ทา่ กนั การทจี่ ะลดความแปรปรวน เหลา่ นล้ี งได้ จะตอ้ งทำโดยเพม่ิ จำนวนสตั วท์ ดลอง ใหม้ ากขนึ้ การผลติ สตั วท์ ดลองทม่ี คี วามเหมอื นกนั สตั ว์ทดลองวงศ์หนูที่ได้จากการโคลนนิ่ง ทกุ ประการโดยวธิ กี ารโคลนนง่ิ ทำใหค้ วามแปรปรวน เกย่ี วกบั การทำใหเ้ กดิ โรคโดยไวรสั ไขห้ วดั ใหญใ่ น ของผลการทดลองมนี ้อยลง และใช้สตั วท์ ดลอง มนุษย์ด้วย ทั้งน้ี มีรายงานความสำเร็จในการทำ น้อยลง แต่ก็ยังให้ผลการทดลองท่ีน่าเชื่อถือได้ โคลนนงิ่ เฟอรเ์ รต็ ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ อยา่ งไรกต็ าม เหมอื นเดมิ นอกจากสตั วว์ งศห์ นแู ลว้ เฟอรเ์ รต็ ยงั การโคลนนิ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับอัตราการแท้งสงู เปน็ สตั วท์ นี่ า่ สนใจในการทำโคลนนง่ิ เพอ่ื นำลกู นอกจากนยี้ งั มกี ารตายกอ่ นเกดิ ระหวา่ งเกดิ และ ทไี่ ดม้ าทำการทดสอบตา่ ง ๆ ในการวจิ ยั เนอ่ื งจาก หลงั เกดิ มาก จำเปน็ ตอ้ งหาทางแกไ้ ขปญั หาเหลา่ น ้ี เฟอร์เร็ตเป็นสัตว์ท่ีนิยมใช้ในการศึกษาเก่ียวกับ จงึ จะทำใหส้ ามารถผลติ ลกู สตั วโ์ คลนนง่ิ ไดจ้ ำนวน กลไกท่ีทำให้เกิดโรคของไวรัส รวมถึงการศึกษา มากพอตอ่ การนำไปใชใ้ นงานวจิ ยั

154 ๓. การโคลนนงิ่ เพอื่ ผลติ ยารกั ษาโรค ผลติ โปรตนี ทางการแพทยท์ ใี่ ชใ้ นการรกั ษาโรค โดย การโคลนนง่ิ เพอ่ื การผลติ ยารกั ษาโรคตอ้ งม ี การผลติ สตั วด์ ดั แปรพนั ธกุ รรม การดดั แปรพนั ธกุ รรมของเซลลต์ น้ แบบกอ่ น แลว้ จงึ นำเซลลต์ น้ แบบเหลา่ นน้ั มาโคลนนง่ิ การดดั แปร ๔. ผลิตอวัยวะสำรองสำหรับปลูกถ่ายให ้ พนั ธกุ รรม หมายถงึ การนำเอายนี อนื่ มาแทรกเขา้ แกผ่ ปู้ ว่ ย ในจโี นมของเซลลต์ น้ แบบ โดยยนี ทอี่ ยใู่ นจโี นมของ เซลล์ต้นแบบจะสามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลาน นอกจากการดัดแปรพันธุกรรมของเซลล์ ได้ ยนี ทน่ี ำมาใสเ่ พม่ิ นม้ี ปี ระโยชนใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ต้นแบบจะมีประโยชน์ในด้านการศึกษาวิจัยและ เปน็ ยนี ทคี่ วบคมุ การผลติ เอนไซม ์ ฮอรโ์ มน และ ผลติ โปรตนี ทางการแพทยท์ ใ่ี ชใ้ นการรกั ษาโรคแลว้ โปรตนี ตา่ ง ๆ ทม่ี คี ณุ คา่ และมปี ระโยชนต์ อ่ มนษุ ย ์ การนำเซลล์ต้นแบบท่ีดัดแปรพันธุกรรมแล้วมา โดยเปน็ โปรตนี ทใ่ี ชใ้ นการบำบดั รกั ษา (therapeutic โคลนน่ิงยังมีประโยชน์เพ่ือศึกษาวิจัยด้านการ protein) เชน่ ยนี แอลฟา-๑-แอนไททรปิ ซนิ (alpha-1- ปลูกถ่ายเซลล ์ เนื้อเย่ือ หรือระหว่างอวัยวะของ antitrypsin) ใช้ในการรักษาโรคซิสติกไฟโบรซีส สตั วช์ นดิ หนง่ึ ไปยงั สตั วอ์ กี ชนดิ หนงึ่ หรอื เรยี กวา่ (Cystic Fibrosis: CF) และภาวะมอี ากาศในเนอ้ื เยอ่ื การปลกู ถา่ ยขา้ มชนดิ สตั ว์ (xenotransplantation) (emphysema) ยีนฮิวแมนแฟกเตอร์ ๘ (human ในสหรัฐอเมริกามีการปลูกถ่ายอวัยวะกันมากใน factor VIII) และแฟกเตอร์ ๙ (factor IX) ใชร้ กั ษา แตล่ ะป ี และยงั มผี ปู้ ว่ ยทรี่ อการปลกู ถา่ ยอวยั วะเปน็ โรคฮีโมฟิเลีย (hemophilia) ดังน้ัน การดัดแปร จำนวนมาก การผลติ อวยั วะสำรองเพอื่ ใชป้ ลกู ถา่ ย พันธุกรรมของเซลล์ต้นแบบก่อนนำมาโคลนนิ่ง ให้แก่มนุษย์มักศึกษาโดยใช้สุกรเป็นสัตว์ทดลอง จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งมาก เพราะเซลลต์ น้ แบบที่ หลายคนสงสยั วา่ ทำไมตอ้ งเปน็ สกุ ร เนอ่ื งจากสตั ว์ ดดั แปรพนั ธกุ รรมแลว้ สามารถเลยี้ งใหเ้ พมิ่ จำนวน ในวงศไ์ พรเมต เชน่ ลงิ ชนดิ ตา่ ง ๆ นา่ จะมลี กั ษณะ ไดอ้ ยา่ งไมจ่ ำกดั ในสภาวะทเี่ หมาะสม เมอ่ื นำเซลล ์ ทางพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าสุกร ตน้ แบบทดี่ ดั แปรพนั ธกุ รรมแลว้ ไปโคลนนง่ิ ตวั ออ่ น แต่ปจั จุบนั การโคลนนิ่งลิงโดยใชเ้ ซลล์รา่ งกายลงิ ทุกตัวที่ผลิตได้จะเป็นตัวอ่อนดัดแปรพันธุกรรม เปน็ เซลลต์ น้ แบบยงั ไมป่ ระสบความสำเรจ็ และเม่ือนำตัวอ่อนถ่ายโอนให้ตัวรับ จะมีโอกาส ไดส้ ตั วด์ ดั แปรพนั ธกุ รรมเกดิ มาจำนวนมาก การ เมอ่ื ไดพ้ จิ ารณาจากสตั วห์ ลายชนดิ ทปี่ ระสบ ผลติ โคดดั แปรพนั ธกุ รรมถกู นำมาใชป้ ระโยชนก์ นั ความสำเรจ็ ในการโคลนนงิ่ แลว้ กพ็ บวา่ สกุ รเปน็ อยา่ งแพรห่ ลายในการผลติ โปรตนี ทม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ สัตว์ที่เหมาะสมมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น เนื่องจาก มนษุ ย์ หรอื โปรตนี ทใ่ี ชใ้ นการรกั ษาโรคซง่ึ มมี ลู คา่ อวยั วะของสกุ รมขี นาดใกลเ้ คยี งกบั อวยั วะของมนษุ ย ์ สงู เพราะสามารถผลติ ไดใ้ นปรมิ าณมาก โดยการ การโคลนนงิ่ สกุ รจงึ ประสบความสำเรจ็ เปน็ อยา่ งด ี ใหโ้ ปรตนี เหลา่ นน้ั หลงั่ ออกมากบั นำ้ นม และนำ นอกจากนส้ี กุ รใหล้ กู เปน็ ครอก ครอกละหลายตวั นำ้ นมมาสกดั โปรตนี ทต่ี อ้ งการ จากนน้ั จงึ ทำให้ ดงั นน้ั ถา้ สามารถผลติ สกุ รดดั แปรพนั ธกุ รรมจาก บรสิ ทุ ธ ์ิ ปจั จบุ นั มบี รษิ ทั หลายแหง่ ทที่ ำวจิ ยั เพอื่ การโคลนนง่ิ แลว้ นำสกุ รทผี่ ลติ ไดไ้ ปผสมพนั ธใุ์ ห้ เพมิ่ จำนวนมาก ๆ กอ่ นทจี่ ะนำอวยั วะนนั้ มาปลกู ถา่ ยใหแ้ กม่ นษุ ย ์ กน็ า่ จะมคี วามเปน็ ไปไดส้ งู

155 การปลูกถ่ายอวัยวะสุกรให้แกม่ นุษยน์ น้ั ไม่ แล้วกต็ าม แตก่ ย็ งั ไม่สามารถนำอวยั วะของสกุ ร สามารถทำไดโ้ ดยตรง เนอื่ งจากตามธรรมชาตพิ บ ไปปลกู ถา่ ยใหแ้ กผ่ ปู้ ว่ ยได้ เนอื่ งจากยงั มคี วามวติ ก ว่า เซลล์ของสุกรมียีนท่ีผลิตเอนไซม์บีตา ๑, ๓ กงั วลในเรอ่ื งอวยั วะของสกุ รทอี่ าจมเี ชอ้ื โรคตา่ ง ๆ กาแลกโตซลิ ทรานสเฟอเรส (beta 1, 3 galactocyl ทตี่ ดิ ตอ่ ถงึ คนได้ จงึ จำเปน็ ตอ้ งผลติ สกุ รทมี่ คี วาม transferase) ซง่ึ มสี ารจำพวกกาแลกโทส (galactose) ปลอดเชอ้ื โรคตา่ ง ๆ กอ่ น จงึ จะสามารถนำไปใช้ อยบู่ นผวิ เซลล์ เมอื่ นำอวยั วะสกุ รไปปลกู ถา่ ยให้ ปลกู ถา่ ยใหแ้ กม่ นษุ ยไ์ ดจ้ รงิ แกม่ นษุ ยจ์ ะทำใหร้ ะบบภมู คิ มุ้ กนั ของมนษุ ยส์ ามารถ ๔.๒ การโคลนนงิ่ เพอื่ เพม่ิ จำนวนของ ตรวจจบั ความแปลกปลอมของเซลลส์ กุ รได้ ดงั นน้ั สตั วป์ า่ สตั วใ์ กลส้ ญู พนั ธุ์ หรอื สตั วส์ ญู พนั ธ์ ุ รา่ งกายของมนษุ ยจ์ งึ เกดิ การตอ่ ตา้ นขนึ้ แตห่ ากลบ โดยทว่ั ไปวธิ กี ารโคลนนง่ิ สามารถแบง่ ออก การแสดงออกของยีนท่ีผลิตเอนไซม์บีตา ๑, ๓ เปน็ ๓ ชนดิ ไดแ้ ก่ กาแลกโตซลิ ทรานสเฟอเรสออกจากเซลลส์ กุ รกอ่ น ๑. การโคลนนงิ่ ภายในชนดิ เดยี วกนั (Intra- ทจ่ี ะนำมาโคลนนงิ่ จากนนั้ จงึ นำอวยั วะของสกุ รมา species cloning) เปน็ วธิ กี ารใชเ้ ซลลต์ น้ แบบและ ปลกู ถา่ ยใหแ้ กม่ นษุ ยก์ จ็ ะทำใหป้ ระสบความสำเรจ็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั ของสตั วช์ นดิ เดยี วกนั มาโคลนนง่ิ ดีข้ึน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ไม่พบ ๒. การโคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ และขา้ มสกลุ (Inter- ความแตกต่างบนผิวเซลล์สุกร ทั้งนี้ มีการผลิต species and genus cloning) เปน็ วธิ กี ารใชเ้ ซลล์ สุกรโคลนนิ่งท่ีไม่มียีนที่ผลิตเอนไซม์บีตา ๑, ๓ ตน้ แบบของสตั วช์ นดิ หนงึ่ และใชไ้ ซโทพลาซมึ กาแลกโตซลิ ทรานสเฟอเรสเกดิ มาแลว้ หลายตวั ผรู้ บั ของสตั วอ์ กี สกลุ หนง่ึ มาโคลนนง่ิ แม้ว่าจะสามารถผลิตสุกรที่ไม่มียีนที่ผลิต ๓. การโคลนนิ่งข้ามสกุล (Intergeneric เอนไซมบ์ ตี า ๑, ๓ กาแลกโตซลิ ทรานสเฟอเรสได้ cloning) เปน็ วธิ กี ารใชเ้ ซลลต์ น้ แบบของสตั วส์ กลุ หนงึ่ และใชไ้ ซโทพลาซมึ ผรู้ บั ของสตั ว ์ อกี สกลุ หนงึ่ มาโคลนนงิ่ วิธีการโคลนน่ิงเพื่อเพิ่มจำนวน สัตว์ใกล้สูญพันธ์ุมักใช้เทคนิควิธีการ โคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ ซงึ่ กค็ อื การนำไข่ หรือไซโทพลาซึมผู้รับจากสัตว์คนละ ชนิดกันกับสัตว์เจ้าของเซลล์ต้นแบบ มาใช้ เพ่ือสนับสนุนการเจริญเติบโต ของตวั ออ่ น เชน่ การโคลนนง่ิ กระทงิ โดยใชเ้ ซลลต์ น้ แบบจากผวิ หนงั กระทงิ (Bos gaurus) แตใ่ ชไ้ ซโทพลาซมึ ผรู้ บั ภาพเขยี นแสดงการผลติ อวยั วะสำรองของสกุ รสำหรบั ปลกู ถา่ ยใหแ้ กผ่ ปู้ ว่ ย จากไขโ่ ค (Bos taurus และ Bos indicus)

156 ใกนารอปดฏตี สกิ านรธเพใิ นม่ิ หจำลนอวดนแสกตัว้ แวใล์ กะลกส้ ารญู ถพา่ ยนั โธอน์ุ นยิ ตมวั ใอชอ่ ว้ นธิ ี สามารถใชเ้ ปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั สำหรบั เสอื เกาหลี แตป่ จั จบุ ันการโคลนนิ่งขา้ มชนดิ เขา้ มามีบทบาท ไดด้ กี วา่ ไขโ่ ค สำคญั เปน็ อยา่ งมากในการเพมิ่ จำนวนสตั วใ์ กลส้ ญู พันธุ์ และมีการศึกษาวิจัยเพ่ิมเติมอยู่ตลอดเวลา การโคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ สตั วใ์ นวงศโ์ ค เรมิ่ ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๔๑ เปน็ ตน้ มา มกี ารรวบรวม กระทิงเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์ุชนิดแรกท่ี เกบ็ ขอ้ มลู พนื้ ฐานเกย่ี วกบั การโคลนนงิ่ สตั วใ์ กลส้ ญู ประสบความสำเรจ็ ในการโคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ จนได ้ พนั ธห์ุ ลาย ๆ ชนดิ เชน่ การทดสอบหาไซโทพลาซมึ ลูกกระทิงเกิดมาใน พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยคณะนัก ผรู้ บั ทเี่ หมาะสมสำหรบั การโคลนนง่ิ สตั วต์ า่ งชนดิ วทิ ยาศาสตรส์ หรฐั อเมรกิ าใชไ้ ขโ่ คเปน็ ไซโทพลาซมึ และต่างสกุล ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลพบว่ามี ผรู้ บั หลงั จากถา่ ยโอนตวั ออ่ นระยะบลาสโทซสี ตใ์ ห ้ ไข่จากสัตว์หลายชนิดที่นิยมนำมาศึกษาเพ่ือใช ้ แมโ่ คตวั รบั และไดล้ กู กระทงิ โคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ เกดิ เปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั เชน่ ไขแ่ มว ไขก่ ระตา่ ย มาเปน็ รายแรกของโลก ๑ ตวั ตง้ั ชอ่ื ใหว้ า่ โนอาห์ ไข่โค แต่ไข่โคจะเป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจาก (Noah) แตเ่ สยี ชวี ติ หลงั เกดิ มาได้ ๒ วนั เนอ่ื งจาก ใหอ้ ตั ราการเจรญิ ของตวั ออ่ นไดด้ กี วา่ ไขจ่ ากสตั ว์ ตดิ เชอื้ ในระบบทางเดนิ อาหาร ชนดิ อนื่ ๆ สามารถนำมาใชเ้ ปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั ในประเทศไทยคณะนักวิจัยในห้องทดลอง สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมต่างชนิดได้ หรือ ของดร.รงั สรรค์ พาลพา่ ย ไดท้ ดลองโคลนนง่ิ กระทงิ เรยี กวา่ เปน็ ไซโทพลาซมึ สากล (universal recipient โดยใชเ้ ซลลไ์ ฟโบรบราสตผ์ วิ หนงั ของกระทงิ เพศผ ู้ cytoplasm) นอกจากนมี้ กี ารทดลองนำไขก่ ระบอื มา เปน็ เซลลต์ น้ แบบ และใชไ้ ขโ่ คเปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั ใชเ้ ปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั สำหรบั โคลนนง่ิ โคเชน่ กนั เชน่ กนั แลว้ ถา่ ยโอนตวั ออ่ นระยะบลาสโทซสี ตใ์ ห ้ พบวา่ ไขก่ ระบอื สามารถนำมาใชเ้ ปน็ ไซโทพลาซมึ โคตวั รบั จำนวน ๑๐ ตวั พบวา่ ตวั รบั ตง้ั ทอ้ ง ๑ ตวั ผรู้ บั สำหรบั โคได้ แตอ่ ตั ราการเจรญิ ของตวั ออ่ น เมอ่ื ครบกำหนดจงึ ผา่ ตดั ทำคลอดโคตวั รบั ไดล้ กู ตำ่ กวา่ การใชไ้ ขโ่ ค นอกจากไขข่ องสตั วช์ นดิ ตา่ ง ๆ กระทงิ เกดิ มา ๑ ตวั แรกเกดิ มสี ขุ ภาพดี แตห่ ลงั ตามทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ ยงั มไี ขข่ องสตั วท์ อี่ ยใู่ นวงศ์ เกดิ มาได้ ๓ ชวั่ โมง ลกู กระทงิ มอี าการหายใจหอบ (family) เดียวกบั สัตว์ตน้ แบบ สามารถนำมาใช้ และต่อมาเสียชีวิตหลังจากเกิดมาได้ ๑๒ ชั่วโมง เปน็ แหลง่ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เชน่ การ ซงึ่ จากการผา่ ดอู วยั วะภายในพบวา่ ปอดมกี ารเจรญิ ทดลองโคลนนง่ิ เสอื เกาหลี ทมี่ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ เปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพของไขโ่ คทมี่ คี ณุ สมบตั ิ โนอาห์ กระทงิ โคลนนง่ิ ตวั แรก ซง่ึ เสยี ชวี ติ หลงั เกดิ มาได้ ๒ วนั เป็นไซโทพลาซึมสากลกับไข่แมวที่เป็นสัตว์วงศ์ เดยี วกบั เสอื วา่ ไขข่ องสตั วช์ นดิ ใดทส่ี ามารถนำมา ใช้เป็นแหล่งไซโทพลาซึมผู้รับสำหรับเสือเกาหลี ได้ดีท่ีสุด จากผลการทดลองสรุปได้ว่า ไข่แมว

157 ไมส่ มบรู ณ์ นอกจากการโคลนนงิ่ กระทงิ แลว้ ยงั มี เก็บเซลล์คิวมูลัสมูฟลอนหลังเสียชีวิตเพื่อใช้ทำ การโคลนนงิ่ ในสตั วใ์ กลส้ ญู พนั ธวุ์ งศโ์ คชนดิ อน่ื อกี เซลล์ต้นแบบ ใช้ไข่แกะบ้านเป็นไซโทพลาซึม ไดแ้ ก่ บนั เตง็ (Banteng, Bos javanicus) โดยคณะ ผรู้ บั หลงั จากถา่ ยโอนตวั ออ่ นใหแ้ กะบา้ น แลว้ ได ้ นกั วทิ ยาศาสตรส์ หรฐั อเมรกิ าใชเ้ ซลลผ์ วิ หนงั ของ มฟู ลอนเกดิ มา ๑ ตวั มสี ขุ ภาพแขง็ แรง นอกจากน้ี บนั เตง็ เปน็ เซลลต์ น้ แบบ ใชไ้ ขโ่ คเปน็ ไซโทพลาซมึ ในพ.ศ.๒๕๕๒คณะนกั วทิ ยาศาสตรฝ์ รงั่ เศสรายงาน ผรู้ บั หลงั จากถา่ ยโอนตวั ออ่ นใหโ้ คตวั รบั ไดล้ กู การโคลนนง่ิ บคู ารโ์ ด (Capra pyrenaica pyrenaica) บนั เตง็ เกดิ มา ๒ ตวั แตม่ ชี วี ติ รอดเพยี งตวั เดยี ว ซงึ่ เปน็ แพะภเู ขาในสเปนทปี่ จั จบุ นั สญู พนั ธไุ์ ปแลว้ โดยใชเ้ ซลลไ์ ฟโบรบราสตข์ องบคู ารโ์ ดเชอื่ มกบั ไข่ การโคลนนิ่งข้ามชนิดสัตว์ในวงศ์แพะและ แพะบา้ น (Capra hircus) ทก่ี ำจดั นวิ เคลยี สออกไป แกะ แลว้ โดยถา่ ยโอนตวั ออ่ น ๑๕๔ ใบใหแ้ พะตวั รับ พ.ศ. ๒๕๔๒ นกั วทิ ยาศาสตรส์ หรฐั อเมรกิ า อารก์ าลี หรอื แกะภเู ขา รายงานการโคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ ของสตั ว์ในตระกูล แพะและแกะทใ่ี กลส้ ญู พนั ธหุ์ ลายชนดิ เรมิ่ จากมี การนำเซลล์ของอารก์ าลี (Argali, Ovis ammon) ซึ่งเป็นแกะภูเขาไปทำเซลล์ต้นแบบ และใช้ไข่ แกะบา้ น (Ovis aries) เปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั พบวา่ แกะตวั รบั ตง้ั ทอ้ งหลงั จากถา่ ยโอนตวั ออ่ นแตแ่ ทง้ ทงั้ หมด ใน พ.ศ. ๒๕๔๔ คณะนกั วทิ ยาศาสตร์ อติ าลไี ดร้ ายงานการโคลนนง่ิ มฟู ลอน (Ovis aries orientalis) ซึ่งเป็นแกะป่าที่เสียชีวิตไปแล้ว โดย บคู าร์โด หรอื แพะภูเขา บันเตง็ สัตวใ์ กลส้ ูญพนั ธุ์วงศ์โค

158 ๔ถา่ ๔ยโอตนวั ตเวั มออ่ื อ่ ตนรวพจทบอ้วงา่ ใมนแี วพนั ะทต่ีวั ๔รบั๕ หลงั จากการ และมีสุขภาพแข็งแรงหลังเกิดมา อย่างไรก็ตาม ๕ ตวั ตง้ั ทอ้ ง การเพม่ิ จำนวนของหมแี พนดา้ โดยการผสมเทยี ม แตม่ แี พะตวั รบั เพยี งตวั เดยี วทที่ อ้ งจนครบกำหนด กย็ งั ไมท่ นั ตอ่ จำนวนทล่ี ดลงทกุ ๆ ปี รฐั บาลจนี และได้ลูกบูคาร์โดเกิดมา ๑ ตัว แต่เสียชีวิตหลัง ไดส้ นบั สนนุ ใหน้ กั วทิ ยาศาสตรใ์ นประเทศทำวจิ ยั จากทเี่ กดิ ออกมาแลว้ ศึกษาระบบสืบพันธุ์ของหมีแพนด้า โดยต้ังแต ่ การโคลนนง่ิ ขา้ มสกลุ หมแี พนดา้ พ.ศ. ๒๕๔๕ เปน็ ตน้ มามกี ารเคลอื่ นไหวเกยี่ วกบั ปจั จบุ นั ในประเทศจนี มหี มแี พนดา้ นอ้ ยกวา่ การอนุรักษ์หมีแพนด้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ๑,๐๐๐ ตวั จงึ ถอื วา่ เปน็ สตั วใ์ กลส้ ญู พนั ธุ์ ในอดตี รวมทงั้ การสนบั สนนุ จากรฐั บาลเพอ่ื โคลนนงิ่ หมี ไดม้ กี ารนำเทคนคิ ตา่ ง ๆ มาชว่ ยในการขยายพนั ธ ุ์ แพนดา้ โดยนกั วจิ ยั จากสถาบนั วทิ ยาศาสตรแ์ หง่ เชน่ การผสมเทยี ม การทำปฏสิ นธใิ นหลอดแกว้ ชาตจิ นี (Chinese Academy of Science: CAS) ได้ การถา่ ยโอนตวั ออ่ น เทคนคิ ทป่ี ระสบความสำเรจ็ มาก รบั ทนุ สนบั สนนุ ใหโ้ คลนนงิ่ หมแี พนดา้ เรม่ิ การ ทสี่ ดุ คอื การผสมเทยี ม ไดม้ กี ารศกึ ษาตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ เพราะสามารถผลติ ลกู หมแี พนดา้ ไดอ้ ยา่ ง ตอ่ เนอ่ื ง การทดลองชว่ งแรกอตั ราความสำเรจ็ ยงั ตำ่ มาก แตใ่ นชว่ ง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปน็ ตน้ มา พบ ว่าอัตราการเกิดของหมีแพนด้าเพ่ิมอย่างต่อเน่ือง ทกุ ปี โดยใน พ.ศ. ๒๕๔๘ เปน็ ปที มี่ ลี กู หมแี พนดา้ เกดิ จากการผสมเทยี มมากทส่ี ดุ ใน พ.ศ. ๒๕๕๗ สวนสตั วต์ า่ ง ๆ ทวั่ ประเทศจนี มลี กู หมแี พนดา้ เกดิ มาจำนวน ๙๐ ตัว แต่มีเพียง ๗๗ ตัวที่ยังมีชีวิต หมแี พนด้าทเ่ี กิดจากการผสมเทยี ม

159 ตวั ออ่ นใหแ้ มวบา้ นเปน็ แมต่ วั รบั เพอื่ ตง้ั ทอ้ ง ซงึ่ ในความเปน็ จรงิ แลว้ ทงั้ กระตา่ ยและแมวมคี วาม แตกตา่ งจากหมีแพนด้ามาก เชน่ ขนาดของลูก แรกเกดิ ระยะเวลาในการตงั้ ทอ้ ง ดงั นนั้ การหา สัตว์ชนิดอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกับหมีแพนด้ามา เปน็ แมต่ วั รบั และตวั ใหไ้ ข่ นา่ จะทำใหก้ ารโคลนนง่ิ หมแี พนดา้ ประสบความสำเรจ็ มากกวา่ ทง้ั น้ี คณะ นกั วจิ ยั ไมไ่ ดม้ จี ดุ ประสงคท์ จ่ี ะโคลนนง่ิ หมแี พนดา้ เพอ่ื เปน็ การทดแทนหมแี พนดา้ ทเ่ี กดิ โดยธรรมชาต ิ แตท่ ดลองเพอื่ ตอ้ งการเพม่ิ จำนวนของหมแี พนดา้ ใหท้ นั ตอ่ การลดลงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งเทา่ นน้ั เพราะถา้ การโคลนนงิ่ ประสบความสำเรจ็ กจ็ ะสามารถเพม่ิ จำนวนของหมแี พนดา้ ใหม้ ากขน้ึ ในระยะเวลาอนั รวดเร็วในช่วงเวลาเดียวกับท่ีมีการวิจัยเก่ียวกับ หมแี พนดา้ ทเ่ี กดิ จากการผสมเทียม การโคลนนง่ิ ทง้ั นี้ ใน พ.ศ. ๒๕๔๘ มกี ารจดั ตง้ั ธนาคารเซลล์เพื่ออนุรักษ์เซลล์ร่างกายและเซลล์ วิจัยโดยใช้เซลล์จากแหล่งต่าง ๆ ของหมีแพนดา้ สบื พนั ธข์ุ องหมแี พนดา้ ควบคกู่ นั ไปดว้ ย เชน่ เซลลจ์ ากเตา้ นม เซลลเ์ ยอื่ บทุ อ่ นำไข่ เซลล์ กล้ามเน้ือ มาเป็นเซลล์ต้นแบบสำหรับโคลนนิ่ง การโคลนนง่ิ ขา้ มชนดิ สตั วใ์ นวงศม์ า้ และใชไ้ ขก่ ระตา่ ยเปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั จากการ ทดลองพบวา่ เซลลจ์ ากเตา้ นมเปน็ แหลง่ ของเซลล ์ การนำสัตว์ต่างชนิดที่มีจำนวนโครโมโซม ตน้ แบบทดี่ ที ส่ี ดุ ในการนำมาโคลนนงิ่ หมแี พนดา้ ไม่เทา่ กนั มาผสมพนั ธก์ุ นั ลกู ทีเ่ กดิ จะมีความผดิ นอกจากนยี้ งั ไดม้ กี ารนำตวั ออ่ นทไ่ี ดม้ านนั้ ถา่ ยโอน ปกตทิ างพนั ธกุ รรม เชน่ มา้ มโี ครโมโซม ๖๔ แทง่ ให้แมวบ้านเป็นแม่ตัวรับเพ่ือทดสอบการต้ังท้อง และลามโี ครโมโซม ๖๒ แทง่ เมอ่ื ผสมพนั ธกุ์ นั จะ ปรากฏวา่ ตวั ออ่ นหมแี พนดา้ ทใี่ ชไ้ ขก่ ระตา่ ยเปน็ ไดล้ กู ทเี่ รยี กวา่ ลอ่ ซง่ึ มโี ครโมโซม ๖๓ แทง่ แต่ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั สามารถฝงั ตวั ในมดลกู ของแมวได ้ เปน็ หมนั ไมส่ ามารถสบื พนั ธไุ์ ด้ การเพม่ิ จำนวนลอ่ แตไ่ มส่ ามารถเจรญิ อยจู่ นครบกำหนด ปจั จบุ นั การ เปน็ งานทที่ า้ ทายความสามารถของนกั วทิ ยาศาสตร ์ โคลนนง่ิ หมแี พนดา้ ยงั ไมม่ รี ายงานทป่ี ระสบความ เนอื่ งจากลอ่ เปน็ สตั วท์ เี่ ปน็ หมนั ไมส่ ามารถสบื พนั ธ ์ุ สำเรจ็ จนลกู หมแี พนดา้ เกดิ มา ซงึ่ ปจั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ไดโ้ ดยวธิ ธี รรมชาติ ใน พ.ศ. ๒๕๔๖ นกั วทิ ยาศาสตร ์ ต่าง ๆ ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าอย่างต่อเน่ือง สหรัฐอเมริกาได้รายงานการโคลนนิ่งล่อเพื่อเพ่ิม รวมทงั้ การหาสตั วท์ จ่ี ะนำมาใชเ้ ปน็ แมต่ วั รบั ดว้ ย จำนวน โดยใชไ้ ขม่ า้ เปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั และ เนอ่ื งจากในปจั จบุ นั นก้ี ารโคลนนงิ่ หมแี พนดา้ ไดน้ ำ ถา่ ยโอนตวั ออ่ นใหม้ า้ ตวั รบั ซง่ึ ประสบผลสำเรจ็ ไขก่ ระตา่ ยมาใชเ้ ปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั แลว้ ถา่ ยโอน ไดล้ กู ลอ่ โคลนนง่ิ เกดิ มา ๓ ตวั การทดลองนนี้ บั

160 คเปวน็ ามกสารำทเรด็จลเปอ็นงโรคาลยนแรนกงิ่ ขสอตั งวโต์ ลรกะกแลู ลมะา้ เทปปี่ ็นรคะวสาบม แมวปา่ แอฟรกิ าท่ีเกิดจากการโคลนนงิ่ ขา้ มชนิด สำเรจ็ ของการโคลนนง่ิ สตั วท์ ไ่ี มส่ ามารถสบื พนั ธ์ุ ไดโ้ ดยวธิ ธี รรมชาติ แตก่ ารโคลนนง่ิ ลอ่ กย็ งั มอี ตั รา แมวบา้ นเปน็ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั ไดต้ วั ออ่ นเจรญิ ถงึ การประสบความสำเรจ็ ไมส่ งู มาก เพราะยงั มอี ตั รา ระยะมอรลู าเทา่ นนั้ ไมส่ ามารถผลติ ตวั ออ่ นระยะ การแทง้ สงู เหมอื นกบั ลกู สตั วโ์ คลนนง่ิ ชนดิ อนื่ ๆ บลาสโทซสี ตไ์ ด้ สว่ นการนำเซลลผ์ วิ หนงั แมวดาว เป็นเซลล์ต้นแบบได้ตัวอ่อนระยะบลาสโทซีสต์ การโคลนนิ่งข้ามชนิดและข้ามสกุลสัตว ์ และหลงั จากถา่ ยโอนตวั โคลนนงิ่ แมวบา้ นจำนวน ในวงศแ์ มว ๒๔๗ ใบใหแ้ มวตวั รบั ๑๒ ตวั พบวา่ แมวตวั รบั ๒ ตวั ตง้ั ทอ้ ง ไดล้ กู ทงั้ หมด ๗ ตวั แตเ่ มอื่ ถา่ ยโอน การโคลนน่ิงข้ามชนิดและข้ามสกุลเพื่อ ตวั ออ่ นโคลนนงิ่ แมวลายหนิ ออ่ นจำนวน ๔๖๑ ใบ อนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในวงศ์แมว ใหแ้ มวบา้ นตวั รบั ๑๒ ตวั พบวา่ ไมม่ ตี วั ใดตง้ั ทอ้ ง เปน็ งานวจิ ยั ทมี่ กี ารศกึ ษากนั อยา่ งจรงิ จงั ในหลาย ประเทศ สำหรบั ในประเทศไทย คณะนกั วจิ ยั ของ การทดลองทน่ี บั วา่ ประสบความสำเรจ็ มาก ดร.รงั สรรค์ พาลพา่ ย ไดท้ ำการทดลองโคลนนง่ิ ที่สุดคือ การโคลนน่ิงข้ามชนิดแมวป่าแอฟริกา ขา้ มชนดิ แมวดาว (Leopard cat, Felis bengalensis) (Felis libyca) ใน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยนกั วทิ ยาศาสตร ์ โดยใช้เซลล์ผิวหนังแมวดาวเป็นเซลล์ต้นแบบ สหรฐั อเมรกิ ารายงานการโคลนนงิ่ ขา้ มชนดิ แมวปา่ และใชไ้ ขแ่ มวบา้ น (Felis catus) เปน็ ไซโทพลาซมึ แอฟริกาโดยใช้ไข่แมวบ้านเป็นไซโทพลาซมึ ผู้รับ ผรู้ บั สามารถไดต้ วั ออ่ นเจรญิ ถงึ ระยะบลาสโทซสี ต ์ และถ่ายโอนตัวอ่อนให้แมวบ้าน ได้ลูกแมวป่า และได้ทำการโคลนนิ่งข้ามสกุลแมวลายหินอ่อน แอฟรกิ าทเ่ี กดิ จากการโคลนนง่ิ หลายตวั ตอ่ มาใน (Marbled cat, Pardofelis marmorata) โดยใชเ้ ซลล์ พ.ศ. ๒๕๔๘ นักวิทยาศาสตร์คณะน้ีได้รายงาน ผวิ หนงั แมวลายหนิ ออ่ นเปน็ เซลลต์ น้ แบบ และไข ่ วา่ แมวปา่ แอฟรกิ าทเ่ี กดิ จากการโคลนนงิ่ มอี ตั รา การเจรญิ เตบิ โตเปน็ ปกติ สามารถสบื พนั ธแ์ุ ละให้ แมวลายหินออ่ น กำเนิดลูกแมวได้เหมือนแมวท่ีเกิดจากการผสม พนั ธตุ์ ามวธิ ธี รรมชาติ โดยแมวปา่ แอฟรกิ าโคลนนงิ่

161 เพศเมีย ๒ ตัว ชื่อว่า แมดจ์ (Madge) และแคท ี ลกู โคโกเบจากการโคลนนิ่ง (Caty) ได้ผสมพันธ์ุกับแมวป่าแอฟริกาโคลนนิ่ง เพศผชู้ อ่ื วา่ ดติ โต (Ditteaux) ทงั้ แมดจแ์ ละแคทไี ด้ ตง้ั ทอ้ งและใหก้ ำเนดิ ลกู แมว โดยแมดจเ์ กดิ ลกู แมว ๕ ตวั และแคทเี กดิ ลกู แมว ๓ ตวั จากรายงานน้ี ยืนยันได้ว่า แมวที่เกิดจากการโคลนน่ิงข้ามชนิด สามารถสบื พนั ธไุ์ ด้ ๔.๓ การโคลนนง่ิ เพอื่ เพมิ่ จำนวนสตั ว์ พนั ธกุ รรมดเี ยยี่ ม ความพยายามในการที่จะเพิ่มจำนวนของ สตั วท์ ม่ี พี นั ธกุ รรมดเี ยยี่ มโดยเฉพาะโคทเ่ี ปน็ สตั ว์ เศรษฐกจิ สำคญั ดงั เชน่ ในประเทศญป่ี นุ่ โคดำญปี่ นุ่ (Japanese black cattle) หรอื ทเี่ รยี กกนั ทว่ั ไปวา่ โค โกเบ ไดช้ อื่ วา่ เปน็ โคทม่ี ไี ขมนั แทรกดที ส่ี ดุ ในโลก การปรบั ปรงุ พนั ธมุ์ มี านานนบั รอ้ ยปี จนไดโ้ คโกเบ ที่มีพันธุกรรมดีเยี่ยม โดยเฉพาะพ่อโคตัวท่ีผ่าน การทดสอบสายพนั ธุ์ เมอ่ื มอี ายมุ ากจะไมส่ ามารถ โคโกเบสดี ำ รดี เกบ็ นำ้ เชอ้ื ได้ และอาจเกดิ อบุ ตั เิ หตหุ รอื ปว่ ยตาย ไม่แตกต่างจากโคที่เกิดจากการผสมพันธุ์ท่ัวไป เมอ่ื ใดกไ็ ด้ เพอื่ เปน็ หลกั ประกนั วา่ ยงั มพี นั ธกุ รรม นอกจากโคแลว้ มา้ กเ็ ปน็ สตั วเ์ ศรษฐกจิ อกี ชนดิ หนง่ึ ของโคโกเบเหลา่ นไ้ี วใ้ ชง้ านในอนาคตแมว้ า่ จะเกดิ ทม่ี ผี สู้ นใจโคลนนงิ่ และมรี ายงานการเกดิ มาแลว้ เหตกุ ารณใ์ ดกต็ าม นกั วทิ ยาศาสตรจ์ งึ ไดเ้ กบ็ เซลล ์ ใน พ.ศ. ๒๕๕๗ บรษิ ทั เอกชนทเ่ี ปดิ บรกิ าร รา่ งกายของโคโกเบนำมาเพาะเลย้ี งเพอ่ื ทำธนาคาร โคลนนง่ิ โคและสกุ ร ดงั นี้ เซลลแ์ ชแ่ ขง็ เกบ็ ไวส้ ำหรบั นำไปโคลนนงิ่ ลกู โคโกเบ - บรษิ ทั Cyagra ในสหรฐั อเมรกิ า ผลติ โค ออกมาใหม่ ซงึ่ ประสบความสำเรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๔๑ โคลนนง่ิ สายพนั ธตุ์ า่ ง ๆ แลว้ กวา่ ๑๐๐ ตวั บรษิ ทั สว่ นในวงการโคนมกเ็ ชน่ เดยี วกนั มกี ารโคลนนง่ิ นไี้ ดเ้ ปดิ สาขาใหบ้ รกิ ารโคลนนงิ่ ในประเทศบราซลิ ลกู โคจากแมโ่ คทใี่ หน้ ำ้ นมมากออกมาแลว้ ทป่ี ระเทศ และอารเ์ จนตนิ าดว้ ย นวิ ซแี ลนด์ อยา่ งไรกด็ ี มกี ารพสิ จู นแ์ ลว้ วา่ โคเพศ - บรษิ ทั ViaGen ในสหรฐั อเมรกิ า ประสบ ผู้ที่เกิดจากการโคลนนิ่งมีการผลิตตัวอสุจิท่ีปกติ ความสำเรจ็ ในการโคลนนงิ่ มา้ โค และสกุ ร โดย และเมอ่ื นำไปผสมเทยี มกบั โคเพศเมยี แลว้ สามารถ เปิดบริการโคลนน่ิงและรับเก็บเซลล์แช่แข็งสัตว์ ใหล้ กู ไดต้ ามปกติ ทงั้ นี้ มกี ารวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ ดังกล่าว อีกทั้งยังมีบริการเก็บเซลล์แช่แข็งของ ของน้ำนมจากโคนมทเ่ี กิดจากการโคลนน่งิ พบวา่ สตั วเ์ ลย้ี ง เชน่ สนุ ขั แมว

162 ๔.๔ การโคลนนง่ิ เพอ่ื เพมิ่ จำนวนสตั ว์ เลย้ี ง โคของตา่ งประเทศท่ีได้จากการโคลนนง่ิ สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว เป็นสัตว์ท่ีมี สกุ รของต่างประเทศทีไ่ ด้จากการโคลนน่งิ ความผกู พนั และใกลช้ ดิ กบั มนษุ ยม์ าก ผทู้ ร่ี กั สตั วจ์ งึ ตอ้ งการโคลนนง่ิ สตั วเ์ ลย้ี งทต่ี นเองรกั ขนึ้ มาใหมเ่ มอ่ื - บริษัท Advanced Cell Technology ใน สญู เสยี สตั วเ์ ลย้ี งตวั เดมิ ไป ซงึ่ ความตอ้ งการนไ้ี ด ้ สหรฐั อเมรกิ า ประสบความสำเรจ็ ในการโคลนนงิ่ เปน็ จรงิ ใน พ.ศ. ๒๕๔๕ เมอ่ื คณะนกั วทิ ยาศาสตร ์ ลกู โคและลกู กระทงิ และเปดิ รบั บรกิ ารโคลนนง่ิ สหรัฐอเมริกาได้รายงานความสำเร็จในการผลิต สกุ รและโค แมวโคลนนง่ิ ตวั แรกของโลก หลงั จากนน้ั คณะนกั วิทยาศาสตร์เกาหลีใต้ได้รายงานความสำเร็จการ - บริษัท L’Alliance Boviteq ในประเทศ โคลนนง่ิ แมวเชน่ กนั ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะ แคนาดา ประสบความสำเร็จในการโคลนน่ิงโค นกั วจิ ยั ของดร.รงั สรรค์ พาลพา่ ย กไ็ ดร้ ายงานการ พนั ธโ์ุ ฮลสไตนฟ์ รเี ชยี นรายแรกของประเทศ โดย เกดิ แมวโคลนนงิ่ ในประเทศไทย เป็นความร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ของ มหาวทิ ยาลยั มอนทรอี อล และรบั ผลติ ตวั ออ่ นโค การโคลนนิง่ สนุ ขั มีรายงานก่อนหน้าน้วี ่ามี โดยการปฏสิ นธทิ งั้ ในรา่ งกายและหลอดแกว้ รวม ขั้นตอนที่ยุ่งยาก เน่ืองจากเหตุผลหลายประการ ถงึ การชะลา้ งตวั ออ่ นจากโคตวั ให้ การแชแ่ ขง็ ตวั เชน่ ความไมเ่ ขา้ ใจในระบบสบื พนั ธขุ์ องสนุ ขั ดพี อ ออ่ น และการตรวจสอบเพศของตวั ออ่ น เพราะข้อมูลเกี่ยวกบั ระบบสืบพนั ธขุ์ องสนุ ัขยงั มี นอ้ ยมาก เหตผุ ลอกี ประการหนง่ึ อาจเปน็ เพราะผู้ สนใจทจี่ ะศกึ ษาระบบสบื พนั ธขุ์ องสนุ ขั เปน็ เพยี ง กลมุ่ คนบางอาชพี เชน่ นกั ชวี วทิ ยา สตั วแพทย์ ทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบสืบพันธ์ุของสุนัขไม่ มากนกั นอกจากน้ี การเปน็ สดั ทไ่ี มส่ มำ่ เสมอของ สนุ ขั ทำใหก้ ารเกบ็ ไขเ่ พอ่ื นำมาโคลนนงิ่ หรอื ถา่ ยโอน ตวั ออ่ นโคลนนงิ่ ใหส้ นุ ขั ตวั รบั นน้ั ทำไดย้ าก ทง้ั นี้ โดยปกตสิ นุ ขั ทไี่ มไ่ ดร้ บั การกระตนุ้ ฮอรโ์ มนเพอ่ื เรง่ การตกไข่จะเปน็ สัดเพยี งปีละ ๑-๒ ครง้ั หรอื ทุก ๖-๑๒ เดอื น วงจรการตกไขข่ องสนุ ขั แตกตา่ งจาก สตั วช์ นดิ อนื่ ๆ เพราะไขข่ องสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนำ้ นม เช่น โค กระบือ แพะ แกะ โดยท่ัวไปจะสุก พรอ้ มปฏสิ นธทิ รี่ งั ไข่ และจะตกมาทที่ อ่ นำไขเ่ พอ่ื รอการปฏสิ นธกิ บั อสจุ ิ แตส่ ำหรบั ไขข่ องสนุ ขั ท่ี

163 ตกมาจากรังไข่ยังไม่พร้อมที่จะปฏิสนธิ จะต้อง ตงั้ ชอื่ สนุ ขั ตวั นวี้ า่ สนปู ปี้ (Snuppy) รออีกประมาณ ๒-๕ วันในท่อนำไข่ ด้วยเหตุน้ี ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ทางคณะนกั วจิ ยั ได ้ ทำใหย้ ากตอ่ การกำหนดวนั เวลาสำหรบั การเกบ็ ไข ่ ออกมาทำการทดลอง จะต้องเจาะเลือดสุนัขทุก นำอสุจิของสนูปป้ีไปทำการผสมเทียมกับสุนัข วนั เพอื่ ตรวจหาฮอรโ์ มนทบี่ ง่ ชวี้ า่ ไขก่ ำลงั จะสกุ เพอ่ื โคลนนงิ่ เพศเมยี ๒ ตวั ไดล้ กู สนุ ขั เกดิ มา ๑๐ ตวั กำหนดวันเวลาเก็บไข่จากท่อนำไข่ อีกเหตุผลที่ แตเ่ สยี ชวี ติ ๑ ตวั (อายปุ ระมาณ ๑ เดอื น) อกี ๙ ตวั ทำใหก้ ารโคลนนงิ่ สนุ ขั ประสบความสำเรจ็ ไดย้ าก มสี ขุ ภาพแขง็ แรงดี คือ ความขัดแย้งด้านจริยธรรม เพราะสุนัขเป็น สตั วเ์ ลย้ี งทมี่ นษุ ยน์ ยิ มเลยี้ งมากทส่ี ดุ ดงั นนั้ การ นักวิจัยคณะน้ียังรายงานความสำเร็จการ โคลนนงิ่ อาจทำใหส้ นุ ขั เกดิ ความผดิ ปกตไิ ด้ จงึ มี โคลนนง่ิ สนุ ขั ออกมาอกี หลายสายพนั ธ์ุ เชน่ ใน ผคู้ ดั คา้ นการโคลนนง่ิ สนุ ขั เพราะไมต่ อ้ งการเหน็ ปลาย พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมศุลกากรของประเทศ สนุ ขั ทผี่ ดิ ปกตเิ กดิ ขน้ึ มา อยา่ งไรกด็ ี ปญั หาเหลา่ นี้ เกาหลใี ตแ้ ละนกั วทิ ยาศาสตรค์ ณะนปี้ ระสบความ นักวิทยาศาสตร์สามารถหาทางแก้ไข เช่น การ สำเร็จในการโคลนนิ่งสุนัขดมกลิ่น โดยใช้เซลล์ คดิ คน้ สตู รนำ้ ยาสำหรบั เลย้ี งไขส่ นุ ขั ใหส้ กุ ในหลอด จากสุนัขดมกลิ่นสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ชื่อ แกว้ โดยไมต่ อ้ งใหไ้ ขส่ กุ เองภายในรา่ งกาย วา่ เชส (Chase) ไดล้ กู สนุ ขั ทง้ั หมด ๗ ตวั จากแม่ ตวั รบั ๓ ตวั คณะผวู้ จิ ยั ตงั้ ชอื่ สนุ ขั เหลา่ นว้ี า่ ทอ็ ปปี้ ใน พ.ศ. ๒๕๔๘ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย (Toppy) ซงึ่ มาจาก Tomorrow’s puppy ภายหลงั แหง่ ชาตโิ ซล ประเทศเกาหลใี ต้ ไดป้ ระกาศความ จากการทดสอบพฤตกิ รรมและตรวจสอบคณุ ภาพ สำเร็จเป็นรายแรกของโลกในการโคลนน่ิงสุนัข ทางพนั ธกุ รรม ลกู สนุ ขั ๖ ตวั ผา่ นการทดสอบ ลกู โดยใชเ้ ซลลร์ า่ งกายเปน็ เซลลต์ น้ แบบ คณะนกั วจิ ยั สนุ ขั โคลนนงิ่ เหลา่ นจี้ ะถกู ฝกึ ใหเ้ ปน็ สนุ ขั ดมกลน่ิ เพอื่ เขา้ ปฏบิ ตั งิ านตรวจหาสารเสพตดิ ทส่ี นามบนิ สนูปปี้ สุนัขโคลนนงิ่ สนปู ปก้ี บั สนุ ขั พนั ธแ์ุ อฟรกิ นั ฮาวนดท์ เ่ี ปน็ ผใู้ หเ้ ซลลต์ น้ แบบ (ซา้ ย) และแมอ่ มุ้ ทอ้ งพนั ธล์ุ าบราดอร์ รที รฟี เวอร์ (ขวา)

164 น เกาานหาลชใีาตตไ้แิ ดลร้ ะะดบา่ นวุ า่พรลมกู แสดนุ นขั โทฆเ่ี กษดิกโขดอยงวกธิ รธีมรศรลุ มกชากาตร ิ สุนขั พนั ธ์บุ เี กลิ ของเกาหลใี ตท้ ีไ่ ด้จากการโคลนนงิ่ มเี พยี งรอ้ ยละ ๓๐ ทส่ี ามารถนำมาฝกึ ใหเ้ ปน็ สนุ ขั ดมกลิ่นได้ แต่ถ้าใช้วิธีการโคลนน่ิงจะมีลูกสุนัข พนั ธพ์ุ ติ บลู ลเ์ ทอรเ์ รยี ร์ ชอ่ื วา่ บเู กอร์ (Booger) ซง่ึ ถงึ รอ้ ยละ ๙๐ ทส่ี ามารถฝกึ ใหเ้ ปน็ สนุ ขั ดมกลน่ิ ตายดว้ ยโรคมะเรง็ ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยไดม้ กี าร เกบ็ เนอ้ื เยอื่ ใบหไู ปเพาะเลยี้ งเกบ็ ไว้ แลว้ สง่ ไปยงั ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ศนู ยฝ์ กึ อบรมสนุ ขั ดมกลนิ่ บรษิ ทั RNL Bio เพอ่ื ทำการโคลนนงิ่ จนไดล้ กู สนุ ขั ประเทศญป่ี นุ่ และคณะวจิ ยั ของบรษิ ทั RNL Bio ซงึ่ โคลนนง่ิ เกดิ มา ๕ ตวั ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ถอื วา่ เปน็ เปน็ บรษิ ทั ทตี่ งั้ ขน้ึ โดยความรว่ มมอื ของมหาวทิ ยาลยั การโคลนนงิ่ สนุ ขั เพอ่ื การคา้ ไดส้ ำเรจ็ เปน็ รายแรก แหง่ ชาตโิ ซล ประเทศเกาหลใี ต้ ไดป้ ระสบความ ของโลก สำเร็จในการโคลนน่ิงสุนัขดมกลิ่นเพ่ือตรวจหา มะเรง็ ในมนษุ ย์ ไดล้ กู สนุ ขั ทงั้ หมด ๔ ตวั โดยใช้ ประโยชนข์ องการโคลนนง่ิ มหี ลายดา้ นดงั ท่ี เซลลต์ น้ แบบจากสนุ ขั พนั ธลุ์ าบราดอรร์ ที รฟี เวอร ์ ไดก้ ลา่ วมาขา้ งตน้ ไมว่ า่ จะเปน็ ทางดา้ นเทคโนโลยี เพศเมยี สดี ำ อายุ ๖ ปคี รง่ึ ชอื่ วา่ มารนี (Marine) การแพทย์ การปศสุ ตั ว์ การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ หรอื ซง่ึ มคี วามสามารถในการดมกลน่ิ เซลลม์ ะเรง็ จาก การเพิ่มจำนวนของสัตว์เลี้ยง แต่เทคโนโลยีการ ปสั สาวะหรอื ลมหายใจ ลกู สนุ ขั โคลนนงิ่ เหลา่ น้ี โคลนนง่ิ อาจเปน็ โทษ ถา้ นำไปใชผ้ ดิ วตั ถปุ ระสงค์ ได้รับการฝึกเป็นระยะเวลา ๓ เดือนในประเทศ เชน่ การโคลนนง่ิ มนษุ ยส์ ำหรบั ใชเ้ ปน็ แหลง่ อวยั วะ เกาหลี ก่อนจะส่งไปฝึกเป็นสุนัขดมกล่ินเซลล์ ทดแทน อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้จะมีประโยชน์ มะเรง็ ทป่ี ระเทศญปี่ นุ่ ในปเี ดยี วกนั บรษิ ทั RNL Bio หรอื โทษขน้ึ อยกู่ บั ผทู้ จี่ ะนำไปใชง้ าน ดงั นน้ั ควร กป็ ระสบความสำเรจ็ อกี ครงั้ ในการโคลนนงิ่ สนุ ขั ไตร่ตรองเลือกใช้เทคโนโลยีในทางที่เหมาะสม เพอ่ื เปน็ ประโยชนส์ ขุ ตอ่ มนษุ ยชาตติ อ่ ไป ลูกสุนขั โคลนนง่ิ โดยใช้เซลลต์ น้ กำเนดิ จากเนอ้ื เยอื่ ไขมนั ของสนุ ัขพันธ์ุบเี กิล ดเู พมิ่ เตมิ เรอื่ ง การปฏวิ ตั ทิ างพนั ธกุ รรม เลม่ ๒๗

165 บรรณานุกรม Cibelli, J.B., Stice, S.L., Golueke, P.J., Kane, J.J., Jerry, J., Blackwell, C., Ponce de Leon, F.A. and Robl, J.M. “Cloned transgenic calves produced from nonquiescent fetal fibroblasts.” Science (1998) 280: 1256-1258. Parnpai, R., Srirattana, K., Imsoonthornruksa, S. and Ketudat-Cairns, M. “Somatic cell cloning for livestock and endangered species.” Thai J. Vet. (2011) Med Suppl. 41: 77-85. Wakayama,T., Perry, A.C., Zuccotti, M., Johnson, K.R. and Yanagimachi, R. “Full-term development of mice from enucleated oocytes injected with cumulus cell nuclei.” Nature (1998) 394: 369-374. Wilmut, I., Schnieke, A.E., McWhir, J., Kind, A.J. and Campbell, K.H.S. “Viable offspring derived from fetal and adult mammalian cells.” Nature (1997) 358: 810-813.



แรเ่ หลก็167 อานนท์ นนทโส ผู้เขยี น ส่วนเดก็ เล็ก เมื่อเด็ก ๆ ไปในเมืองใหญ่จะเห็นอาคารและตึกรามบ้านช่องตาม สถานที่ต่าง ๆ การสร้างบ้าน ตึกแถว อาคาร ตลอดจนการผลิตรถยนต์ มกั มสี ว่ นประกอบของเหลก็ อยดู่ ว้ ย แมก้ ระทงั่ บา้ นทเ่ี ดก็ ๆ อาศยั อยกู่ ม็ สี ว่ น หนง่ึ ทเ่ี ปน็ เหลก็ เหน็ ไดว้ า่ เหลก็ มสี ว่ นสำคญั ในการกอ่ สรา้ งและอตุ สาหกรรม ต่าง ๆ แร่เหล็กเป็นแร่ที่สำคัญชนิดหน่ึงใช้สำหรับผลิตเหลก็ และเหลก็ กลา้ เพ่ือใช้ประโยชน์ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง ยานยนต์ เครอื่ งจกั รกล การผลติ สี การผลติ อปุ กรณส์ ำนกั งาน เครอื่ งเรอื น เครอ่ื งไฟฟา้ ของเดก็ เลน่ เครอ่ื งประดบั

168 เหลก็ เปน็ โลหะ มสี เี งนิ สขี าว หรอื สเี ทา ขน้ึ เงา ใชค้ อ้ นทบุ เปน็ แผน่ บาง ๆ และยดื ได้ นำไฟฟา้ และความร้อนไดด้ ี สมบตั ิท่สี ำคญั ทสี่ ุดของเหล็ก คอื มคี วามทนทานมาก เหนยี ว สามารถนำมาหลอ่ และขน้ึ รปู เป็นลักษณะ ตา่ ง ๆ ได้ตามที่ตอ้ งการ เชน่ นำมาทำเปน็ แผน่ โคง้ งอ มว้ น หรอื รปู รา่ ง อนื่ ๆ เพื่อนำมาใชป้ ระโยชนใ์ นอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ เหลก็ กลา้ คอื เหลก็ ทผ่ี า่ นกรรมวธิ เี พม่ิ สารอนื่ ๆ เขา้ ไปเพอ่ื ปรบั ปรงุ สมบตั ขิ องเหลก็ ใหด้ ขี น้ึ มคี วามแขง็ แกรง่ และความตงึ สามารถรดี เปน็ แผน่ ได ้ การตเี หล็กเพื่อทำเป็นมดี และดาบ เปน็ การนำเหลก็ มาขึ้นรูปเป็นลกั ษณะตา่ ง ๆ ตามความต้องการใช้ประโยชน ์

169 ทอ้ งถนิ่ ทมี่ แี หลง่ แร่เหลก็ มีการนำแรเ่ หลก็ มาทำเป็นผลติ ภณั ฑข์ องชุมชน สรอ้ ยประคำจากแร่เหลก็ เคยี ว และมีด เปน็ เครือ่ งมอื เครอ่ื งใช้หรืออาวธุ ทท่ี ำจากเหลก็ ตง้ั แตส่ มยั โบราณประเทศไทยมกี ารนำแรเ่ หลก็ มาหลอมและตเี หลก็ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ หรอื อาวธุ เชน่ ดาบ มดี จอบ ไถ ปจั จุบนั พบ แรเ่ หลก็ ในทกุ ภาคของประเทศ แตเ่ ปน็ แหลง่ แรข่ นาดเลก็ แรเ่ หลก็ จากบางแหลง่ นำมาใชป้ ระโยชนใ์ นการทำผลติ ภณั ฑข์ องชมุ ชนในทอ้ งถน่ิ เชน่ เครอ่ื งประดบั จำพวกสรอ้ ยประคำ รปู แกะสลกั ของทร่ี ะลกึ

170 ส่วนเดก็ กลาง แรเ่ หลก็ เปน็ ทรพั ยากรธรณที ส่ี ำคญั ชนดิ หนง่ึ ในอดตี ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของแตล่ ะ ประเทศน้ันสามารถวัดหรือคาดคะเนได้จากอัตราการใช้เหล็ก ประเทศอุตสาหกรรมจะมี อัตราการใช้เหล็กต่อคนต่อปีมากกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา แร่เหล็กเป็นวัตถุดิบพื้นฐาน สำหรบั การพฒั นาทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และวทิ ยาศาสตร์ และเปน็ วตั ถดุ บิ ทสี่ ำคญั ทส่ี ดุ ในการถลงุ เหลก็ เพอ่ื การผลติ เหลก็ และเหลก็ กลา้ นบั เปน็ อตุ สาหกรรมตน้ นำ้ ทสี่ ำคญั สำหรบั อตุ สาหกรรมตอ่ เนอ่ื งอน่ื ๆ อกี มาก ประวตั กิ ารใชแ้ รเ่ หลก็ ชาวอียิปต์โบราณเป็นชนกลุ่มแรกท่ีรู้จักการใช้แร่เหล็กเม่ือประมาณ ๕,๐๐๐- ๖,๐๐๐ ปี มาแล้ว โดยการแยกเอาโลหะเหล็กจากลูกอุกกาบาต ในสมัยน้ันถือว่าเหล็กมีค่า มากกว่าทองคำ ในคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๔ ได้มีเตาถลุงเหล็กข้ึนคร้ังแรกท่ีประเทศอังกฤษ ในเอเชีย เหล็กเริม่ มีความสำคัญและเก่ียวขอ้ งกบั อารยธรรมเอเชยี ยุคแรก เช่น ในประเทศ อนิ เดยี มหี ลักฐานเปน็ เสาเหล็กหนักประมาณ ๖.๕ เมตรกิ ตัน ซึ่งมีอายุประมาณ ๑,๖๐๐ ปี นอกจากน้ี โลหะเหล็กยังมีความเก่ียวข้องกับอารยธรรมจีนยุคแรก โดยชาวฮั่นรู้จักการใช้ เหลก็ สร้างปืนใหญ่ และเครอื่ งมือตา่ ง ๆ มาตั้งแต่ประมาณ ๒๐๐ ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช

171 เครื่องประดบั และรูปแกะสลกั ที่ทำจากแรเ่ หล็ก จากแหลง่ แร่เหลก็ เขาอมึ ครมึ อำเภอบอ่ พลอย จงั หวัดกาญจนบรุ ี ประเทศไทยนำแร่เหล็กมาหลอม และตเี หลก็ ทำเปน็ ดาบ มดี จอบ และไถ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทม่ี ชี อ่ื เสยี งในสมยั โบราณ เชน่ แหลง่ แร่เหลก็ บ่อน้ำพี้ จังหวัดอุตรดติ ถ์ มี แรเ่ หลก็ คณุ ภาพดี ใชท้ ำมดี และดาบทมี่ คี วาม แขง็ แกรง่ และคมมาก สำหรบั เหลก็ จากแหลง่ แรเ่ หลก็ เขาอมึ ครมึ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ เหลก็ ทมี่ คี วามเหนยี วและคงทนมากกวา่ เคร่ืองประดบั ทที่ ำจากแร่เหล็ก จากแหล่งแรเ่ หล็กเขาอมึ ครมึ แหลง่ อน่ื ๆ ปจั จบุ นั แรเ่ หลก็ จากเขาอมึ ครมึ ใช้ อำเภอบอ่ พลอย จังหวดั กาญจนบุรี ประโยชนใ์ นการทำผลติ ภณั ฑข์ องชมุ ชนในทอ้ งถน่ิ เชน่ เครอ่ื งประดบั รปู แกะสลกั ของทร่ี ะลกึ ชนดิ และสมบตั แิ รเ่ หลก็ เหลก็ จดั เปน็ ธาตโุ ลหะชนดิ หนงึ่ มสี ญั ลกั ษณท์ างเคมคี อื Fe ซง่ึ มาจากคำในภาษา ละตนิ คอื ferrum ทแี่ ปลวา่ เหลก็ ในภาษาองั กฤษเรยี กโลหะเหลก็ วา่ iron แรเ่ หลก็ มหี ลายชนดิ มสี ว่ นประกอบทางเคมที ง้ั ในลกั ษณะของออกไซด์ ไฮดรอก- ไซด์ และคารบ์ อเนต โดยมสี ว่ นประกอบของธาตเุ หลก็ แตกตา่ งกนั ไป เชน่ แรแ่ มกนไี ทต์ แร่ฮีมาไทต์ แร่ไลมอไนต์ แร่เกอไทต์ แร่ซิเดอไรต์ และแร่ไพไรต์ โดยแร่เหล็กท่ีใช้เป็น

172 แรไ่ ลมอไนต์ แร่ฮีมาไทต์ แรแ่ มกนีไทต ์ แร่ซิเดอไรต์ วตั ถดุ บิ สำหรบั อตุ สาหกรรมถลงุ เหลก็ ประกอบดว้ ยแรแ่ มกนไี ทต์ แรฮ่ มี าไทต์ แรไ่ ลมอไนต์ และแรซ่ เิ ดอไรต์ โลหะเหล็กที่ได้จากการถลุงแร่เหล็กมีสีขาวเงิน หรือสีเทา สามารถดึงเป็นเส้น หรือแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ ได้ จัดเป็นโลหะท่ีมีสมบัติติดแม่เหล็ก ๑ ใน ๓ ชนิดท่ีเกิดตาม ธรรมชาติ นอกจากโลหะนกิ เกลิ และโคบอลต์ ประโยชนข์ องแรเ่ หลก็ แรเ่ หลก็ นำมาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ดงั นี้ ๑. เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก ซ่ึงจะได้เหล็กถลุงหรือเหลก็ ดบิ สำหรบั เปน็ วสั ดตุ งั้ ตน้ ในอตุ สาหกรรมการผลติ เหลก็ กลา้ หรอื เหลก็ เหนยี ว เหลก็ หลอ่ และ ผลติ ภณั ฑเ์ หลก็ ชนดิ ตา่ ง ๆ

173 ผลติ ภณั ฑ์เหลก็ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เหลก็ แผ่น เหลก็ เส้น ท่ีได้จากการถลุงแรเ่ หล็ก ๒. เหลก็ ผง ใชท้ ำผลติ ภณั ฑท์ างโลหกรรม แมเ่ หลก็ ชน้ิ สว่ นรถยนต์ สารเรง่ ปฏกิ ริ ยิ า เหลก็ กมั มนั ตรงั สี ใชใ้ นทางการแพทย์ การวจิ ยั ทางโลหกรรมและชวี เคมี ๓. แรเ่ หลก็ ชนดิ แรฮ่ มี าไทต์ ทม่ี สี แี ดงตามธรรมชาติ ใชใ้ นการผลติ สี ๔. ใชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ ในการผลติ ไอเอริ น์ ออกไซดส์ ตี า่ ง ๆ เชน่ สดี ำ สแี ดง สเี หลอื ง สีน้ำตาล สีม่วง ไอเอิร์นออกไซด์สีน้ำเงินใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสี หมึกพิมพ์ พลาสติก เครอ่ื งสำอาง สสี ำหรบั งานจติ รกรรม สยี อ้ มผา้ สกี ระดาษ สว่ นประกอบของปยุ๋ เคมี สี รถยนต์ และสสี ำหรบั อตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ไอเอริ น์ ออกไซดส์ ดี ำใชใ้ นการผลติ แมส่ ี นำ้ ยาขดั งานโลหกรรม การผลติ ยา หมกึ พมิ พช์ นดิ แมเ่ หลก็ และอตุ สาหกรรมอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ แหลง่ แรเ่ หลก็ ในประเทศไทย แหล่งแร่เหล็กพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย แต่จะเป็นแหล่งแร่เหล็กขนาด เล็กเม่ือเทียบกับแหล่งแร่เหล็กระดับโลก แหล่งแร่เหล็กของไทยส่วนใหญ่มีปริมาณสำรอง นอ้ ยกวา่ ๑ ลา้ นเมตรกิ ตนั บรเิ วณทม่ี แี รเ่ หลก็ คณุ ภาพดี ไดแ้ ก่ บรเิ วณอำเภอเชยี งคาน อำเภอ

174 แหล่งแรเ่ หลก็ ภูยาง ตำบลภยู าง อำเภอนาดว้ ง จงั หวดั เลย แหล่งแร่เหลก็ ภูบ่อ ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง จังหวดั เลย แรเ่ หลก็ จากแหลง่ แร่เหลก็ ภบู อ่ ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง จังหวดั เลย

175 แหลง่ แร่เหล็กบ้านนาแขม อำเภอเมอื งฯ จงั หวัดเลย เมอื งฯ อำเภอนาดว้ ง และอำเภอวงั สะพงุ จงั หวดั เลย แหลง่ แรเ่ หลก็ ทใ่ี หญท่ สี่ ดุ ในประเทศ ไทย ไดแ้ ก่ แหล่งแรเ่ หลก็ ภูยาง และแหล่งแร่เหล็กภูซาง อำเภอเชียงคาน จังหวดั เลย เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมอตุ สาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม ไดป้ ระเมนิ ปรมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ ในประเทศไทย เฉพาะพนื้ ทแี่ หลง่ แรเ่ หลก็ ทมี่ ปี รมิ าณสำรองแรม่ ากกวา่ ๑๐๐,๐๐๐ เมตรกิ ตนั ข้ึนไป โดยอาศัยข้อมูลเดิมของกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีทั้งหมด จำนวน ๒๖ แหลง่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ของโลก แหลง่ แรเ่ หลก็ ทส่ี ำคญั ของโลกพบอยใู่ นทกุ ทวปี สว่ นใหญเ่ ปน็ แหลง่ แรเ่ หลก็ ชนดิ ที่ตกตะกอนเป็นแถบช้ัน แต่ละแหล่งมักมีปริมาณสำรองตั้งแต่ ๑๐๐ ล้านเมตริกตันขึ้นไป แหลง่ แรเ่ หลก็ ทส่ี ำคญั ของโลกในประเทศตา่ ง ๆ เรยี งลำดบั ตามปรมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ ทม่ี ใี น ประเทศนนั้ จากมากไปหานอ้ ย ดงั นี้ ยเู ครน รสั เซยี จนี ออสเตรเลยี บราซลิ คาซคั สถาน สหรฐั อเมรกิ า อนิ เดยี สวเี ดน เวเนซเุ อลา แคนาดา อหิ รา่ น แอฟรกิ าใต้ เมก็ ซโิ ก และ มอรเิ ตเนยี โดยปรมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ ของโลกเฉพาะทมี่ คี ณุ ภาพดี รวมประมาณ ๓๔๐,๐๐๐ ล้านเมตริกตัน และปริมาณสำรองแร่เหล็กของโลกเฉพาะที่สามารถทำเหมืองคุ้มค่า รวม ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั

176 สว่ นเดก็ โต แร่เหลก็ จากแหลง่ แร่เหลก็ เขาทับควาย อำเภอโคกสำโรง จังหวดั ลพบุร ี “แร”่ มคี วามหมายตามพระราชบญั ญตั แิ ร่ แรเ่ หลก็ เปน็ แรท่ รพั ยากรธรณที สี่ ำคญั ชนดิ พ.ศ. ๒๕๑๐ คอื “ทรพั ยากรธรณที เี่ปน็ อนนิ ทรยี วตั ถุ หนง่ึ ในอดตี ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของแตล่ ะประเทศ มีส่วนประกอบทางเคมีกับลักษณะทางฟิสิกส์ สามารถวดั หรอื คาดคะเนไดจ้ ากอตั ราการใชเ้ หลก็ แนน่ อนหรอื เปลย่ี นแปลงไดเ้ ลก็ นอ้ ย ไมว่ า่ จะตอ้ ง ปจั จบุ นั ประเทศทพ่ี ฒั นาแลว้ ตอ้ งพง่ึ พาการใช้แร่ ถลุงหรือหลอมก่อนใช้หรือไม่ และหมายความ เหล็กเป็นวัตถุดิบพื้นฐาน เพื่อการสนับสนุนใน รวมตลอดถงึ ถา่ นหนิ หนิ นำ้ มนั หนิ ออ่ น โลหะ การพฒั นาทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และวทิ ยาศาสตร์ และตะกรนั ทไี่ ดจ้ ากโลหกรรม นำ้ เกลอื ใตด้ นิ หนิ แรเ่ หลก็ เปน็ วตั ถดุ บิ ทสี่ ำคญั ทสี่ ดุ ในการถลงุ เหลก็ ซึ่งกฎกระทรวงกำหนดเป็นหินประดับหรือหนิ เพอื่ ผลติ เหลก็ และเหลก็ กลา้ นบั เปน็ อตุ สาหกรรม อตุ สาหกรรม และดนิ หรอื ทรายซง่ึ กฎกระทรวง ตน้ นำ้ ทส่ี ำคญั สำหรบั อตุ สาหกรรมตอ่ เนอื่ งอนื่ ๆ กำหนดเปน็ ดนิ อตุ สาหกรรมหรอื ทรายอตุ สาหกรรม อกี มาก เชน่ อตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ ง เครอื่ งจกั ร แต่ท้ังนี้ไม่รวมถึงน้ำ เกลือสินเธาว์ ลูกรัง หิน ยานยนต์ รวมทง้ั อปุ กรณส์ ำนกั งาน เครอ่ื งเรอื น ดนิ หรอื ทราย” เครอื่ งไฟฟา้ เครอ่ื งประดบั ของเลน่ ซง่ึ อตุ สาห-

177 กรรมเหลา่ นต้ี ้องใช้เหล็กหรือเหล็กกลา้ เป็นสว่ น แร่เหล็กเขาอึมครมึ อำเภอบอ่ พลอย จงั หวัดกาญจนบุร ี ประกอบทส่ี ำคญั ทงั้ สนิ้ เครอ่ื งประดบั รปู แกะสลกั ของทรี่ ะลกึ จากแรเ่ หลก็ เขาอมึ ครมึ ๑. ความเปน็ มาของแรเ่ หลก็ แรเ่ หลก็ ทมี่ ชี อื่ เสยี งในสมยั โบราณ เปน็ แหลง่ แร่ มนษุ ยร์ จู้ กั ใชป้ ระโยชนจ์ ากแรเ่ หลก็ มาตงั้ แต่ ซงึ่ มแี รเ่ หลก็ ทแี่ ขง็ แกรง่ มาก คอื แหลง่ แรเ่ หลก็ ประมาณ ๔,๐๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช ชาวอยี ปิ ต์ บอ่ นำ้ พ ี้ จงั หวดั อตุ รดติ ถ ์ สว่ นเหลก็ จากแหลง่ แร่ โบราณเปน็ ชนกลมุ่ แรกทรี่ จู้ กั ใชแ้ รเ่ หลก็ โดยการ เหลก็ เขาอมึ ครมึ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ แยกเอาโลหะเหลก็ จากลกู อกุ กาบาต (meteoric iron) เหลก็ ทม่ี คี วามเหนยี วและคงทนมากกวา่ แหลง่ อนื่ ๆ และประมาณ ๑,๒๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช ไดเ้ รมิ่ ปจั จบุ นั แรเ่ หลก็ จากเขาอมึ ครมึ ใชป้ ระโยชนใ์ นการทำ มกี ารถลงุ แรเ่ หลก็ จนอกี ประมาณ ๔๐๐ ปตี อ่ มา ผลติ ภณั ฑข์ องชมุ ชนในทอ้ งถนิ่ เชน่ เครอ่ื งประดบั มีการใช้เหล็กมาก และสามารถเรียกได้ว่าเป็น รปู แกะสลกั ของทรี่ ะลกึ เวลาเร่ิมต้นของยุคเหล็ก ซ่ึงในยุคน้ันมนุษย์ได้ รจู้ กั การใชป้ ระโยชนจ์ ากโลหะเหลก็ สามารถแยก เอาโลหะเหลก็ มาใชป้ ระโยชนใ์ นการทำเครอ่ื งมอื อาวธุ และเครอื่ งใชอ้ น่ื ๆ ตง้ั แตน่ น้ั มาเหลก็ จงึ กลาย เปน็ โลหะทม่ี กี ารใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งแพรห่ ลาย และ มคี วามสำคญั มาก ทงั้ ตอ่ เศรษฐกจิ สงั คม และ คณุ ภาพชวี ติ ของมนษุ ย์ ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔ ได้มีเตาถลุงเหล็ก ขนึ้ ครง้ั แรกทปี่ ระเทศองั กฤษ และตอ่ มาประเทศ องั กฤษไดม้ กี ารพฒั นาอตุ สาหกรรมเหลก็ มากจนถงึ ในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๙ สง่ ผลใหป้ ระเทศองั กฤษ เปน็ ประเทศอตุ สาหกรรมชนั้ นำของโลก ในแถบ เอเชีย เหล็กเร่ิมมีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับ อารยธรรมเอเชยี ยคุ แรก โดยในประเทศอนิ เดยี มี หลกั ฐานคอื เสาเหลก็ หนกั ประมาณ ๖.๕ เมตรกิ ตนั มอี ายปุ ระมาณ ๑,๖๐๐ ป ี นอกจากนี้ โลหะเหลก็ ยังมีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมจีนยุคแรก โดย ชาวฮน่ั รจู้ กั การใชเ้ หลก็ สรา้ งปนื ใหญแ่ ละเครอื่ งมอื ตา่ ง ๆ มาตงั้ แตป่ ระมาณ ๒๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช ในประเทศไทยมีการนำแร่เหล็กมาหลอม และตเี หลก็ ทำเปน็ ดาบ มดี จอบ และไถ แหลง่

178 ๒. ชนดิ และสมบตั แิ รเ่ หลก็ ๕๕.๘๔๗ ซงึ่ ในธรรมชาตธิ าตเุ หลก็ จะไมเ่ กดิ เปน็ ธาตเุ ดยี่ ว ๆ แตจ่ ะเกดิ เปน็ สารประกอบในลกั ษณะ เหล็กเป็นธาตุโลหะชนิดหน่ึง สัญลักษณ์ ของแร่เหล็กชนิดต่าง ๆ โดยธาตุเหล็กเป็นส่วน ทางเคมคี อื Fe ซง่ึ มาจากคำในภาษาละตนิ คอื ferrum ประกอบรอ้ ยละ ๕ ของชนั้ เปลอื กโลก ท่ีแปลว่า เหล็ก ภาษาองั กฤษเรียกโลหะเหล็กว่า iron มาจากคำภาษาองั กฤษโบราณ คอื isaerm ท ่ี แร่เหล็กมีหลายชนิด มีส่วนประกอบทาง มาจากคำในภาษาเซลตกิ คอื isarnon ธาตเุ หลก็ มี เคมที งั้ ในลกั ษณะของออกไซด์ ไฮดรอกไซด์ และ เลขเชงิ อะตอม ๒๖ และนำ้ หนกั เชงิ อะตอมเทา่ กบั แรแ่ มกนีไทต ์ แรเ่ กอไทต ์ แรฮ่ มี าไทต ์ แรซ่ ิเดอไรต ์ แร่ไลมอไนต ์ แรไ่ พไรต ์

179 คารบ์ อเนต เชน่ แรแ่ มกนไี ทต์ (Magnetite) แร่ เหลก็ เปน็ วตั ถดุ บิ สำคัญในการก่อสร้าง ฮมี าไทต์ (Hematite) แรไ่ ลมอไนต์ (Limonite) แร ่ เกอไทต์ (Goethite) แร่ซิเดอไรต์ (Siderite) แร ่ เหล็กท่ีหลอ่ ขนึ้ รปู เปน็ วตั ถุดบิ ในอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ไพไรต์ (Pyrite) โดยมสี ว่ นประกอบของธาตเุ หลก็ แตกต่างกันไป แรเ่ หลก็ ทใี่ ชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ สำหรับ ๒. เหล็กผงใช้ทำผลิตภัณฑ์ทางโลหกรรม อตุ สาหกรรมถลงุ เหลก็ ประกอบดว้ ยแรแ่ มกนไี ทต์ แม่เหล็ก ชิ้นส่วนรถยนต์ และสารเร่งปฏิกิริยา แรฮ่ มี าไทต์ แรไ่ ลมอไนต์ และแรซ่ เิ ดอไรต์ สว่ นเหลก็ กัมมันตรังสีใช้ในทางการแพทย์ การ วจิ ยั ทางโลหกรรมและชวี เคมี โลหะเหลก็ ทไ่ี ดจ้ ากการถลงุ แรเ่ หลก็ ทมี่ สี ี ขาวเงนิ หรอื สเี ทา สามารถดงึ เปน็ เสน้ หรอื แผเ่ ปน็ ๓. แร่เหล็กชนิดแร่ฮีมาไทต์ที่มีสีแดงตาม แผน่ บาง ๆ ได้ นอกจากโลหะนกิ เกลิ และโคบอลต์ ธรรมชาตใิ ชใ้ นการผลติ สี เหลก็ ยงั เปน็ โลหะท่ีมีสมบัติติดแมเ่ หลก็ ทเ่ี กดิ ตาม ธรรมชาติ โลหะเหลก็ ทบี่ รสิ ทุ ธม์ิ จี ดุ หลอมเหลวที่ ๔. ใชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ ในการผลติ ไอเอริ น์ ออกไซด์ ๑,๕๓๖ องศาเซลเซยี ส จดุ เดอื ดที่ ๓,๐๐๐ องศา สตี า่ ง ๆ เชน่ สดี ำ สแี ดง สเี หลอื ง สนี ำ้ ตาล เซลเซยี ส และความถว่ งจำเพาะ ๗.๘๗ นอกจากน้ี สมี ว่ ง ไอเอริ น์ ออกไซดส์ นี ำ้ เงนิ ใชใ้ นอตุ สาหกรรม เหลก็ ยงั เปน็ โลหะทรี่ วมตวั กบั ธาตอุ อกซเิ จนไดง้ า่ ย ผลติ สี พลาสตกิ เครอื่ งสำอาง (เขยี นขอบตา) สี เกดิ เปน็ สารประกอบไอเอริ น์ ออกไซด์ (Iron oxide ยอ้ มผา้ สรี ถยนต์ สกี ระดาษ สสี ำหรบั อตุ สาหกรรม : FeO) ทเ่ี รยี กวา่ สนมิ เหลก็ ในธรรมชาตพิ บวา่ ตา่ ง ๆ สสี ำหรบั งานจติ รกรรม หมกึ พมิ พ์ สว่ น แร่แมกนีไทต์และแร่ฮีมาไทต์มักมีส่วนประกอบ ประกอบของปุ๋ยเคมี ไอเอิร์นออกไซด์สีดำใช้ใน อน่ื ๆ เกดิ รว่ มดว้ ยในปรมิ าณตา่ ง ๆ เรยี งตามลำดบั กไจดาำมกอะมอถกานกัไซไ(ปSด)ห์ (แาMนลnะอ้ Oฟย2อ)สคไฟอื ทอเรทซสั เลิ น(กิ Pยี า)ม(สไSดว่iอOน2อป)กรแไะซมกดองก์บ(าTอนนiื่ Oสี ๆ2)- เหลา่ นี้ ผใู้ ชแ้ รจ่ ะกำหนดวา่ ตอ้ งไมเ่ กนิ เทา่ ใด ๓. การใชป้ ระโยชนจ์ ากแรเ่ หลก็ แรเ่ หลก็ ประมาณรอ้ ยละ ๙๘ ใชป้ ระโยชน์ เปน็ วตั ถดุ บิ ในอตุ สาหกรรม เปน็ การใชป้ ระโยชน์ จากแรเ่ หลก็ และโลหะเหลก็ ดงั น้ี ๑. ใชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ สำหรบั อตุ สาหกรรมถลงุ เหลก็ ไดเ้ หลก็ ถลงุ หรอื เหลก็ ดบิ สำหรบั เปน็ วสั ดุ ตงั้ ตน้ ในอตุ สาหกรรมการผลติ เหลก็ กลา้ หรอื เหลก็ เหนยี ว เหลก็ หลอ่ และผลติ ภณั ฑเ์ หลก็ ชนดิ ตา่ ง ๆ

180 การผลติ แมส่ ี นำ้ ยาขดั งานโลหกรรม การผลติ ยา ๔.๑ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทกี่ ำเนดิ แบบแมกมา หมกึ พมิ พช์ นดิ แมเ่ หลก็ และอตุ สาหกรรมอเิ ลก็ - ทรอนกิ ส์ แหล่งแร่เหล็กท่ีกำเนิดแบบแมกมาเป็น แหลง่ แรท่ ม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั การแทรกซอนขนึ้ มา ๕. ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์ ของแมกมาจากใต้ผิวโลก โดยแมกมาเป็นแหล่ง โดยนำไปเผารวมกันกับหินปูนและหินดินดาน ต้นกำเนิดของสารละลายไอเอิร์นออกไซด์ที่มีท้ัง เพอื่ ใหไ้ ดป้ นู เมด็ แลว้ นำไปบดใหล้ ะเอยี ดและเตมิ แร่ฮีมาไทต์และแร่แมกนีไทต์ ซึ่งจะแยกตัวและ แร่ยิปซัมผงก็จะได้ปูนซีเมนต์สำหรับใช้งานด้าน แทรกเขา้ ไปในหนิ ชนดิ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยโู่ ดยรอบแมกมา ตา่ ง ๆ เหลา่ นน้ั แหลง่ แรเ่ หลก็ ทก่ี ำเนดิ จากแมกมาแบง่ ยอ่ ยออกเปน็ ๔ แบบ คอื ๖. ใช้เป็นส่วนผสมของคอนกรีต สำหรับ การพอกหรอื หมุ้ ทอ่ สง่ แกส๊ และทอ่ สง่ นำ้ มนั ในทะเล ๑. แหลง่ แรเ่ หลก็ แบบสายแร่ (Vein deposit) เพอื่ เพมิ่ นำ้ หนกั ทอ่ ใหจ้ มอยใู่ ตท้ ะเลไดด้ ี เปน็ แหลง่ แรท่ เ่ี กดิ จากสารละลายของไอเอริ น์ แแอมลอกะกแไมซราดใ่แนท์มขมี่กณสีนวะ่ีไทนทปตแี่ ม์ร(ะกFกมeอ3าOบก4ำข)ลอไงั งดเแย้แนร็ ยฮ่ตกมี วั ตาลไัวงทอแตอล์ก(ะFมแeา2ทจOรา3กก) ๔. การเกดิ แรเ่ หลก็ ขน้ึ มาตามรอยแตก รอยเลอื่ น หรอื ตามชอ่ งทาง ทงี่ า่ ยตอ่ การแทรกขน้ึ มาในหนิ ทอ้ งที่ แลว้ เยน็ ตวั แรเ่ หลก็ ทพ่ี บมอี ยใู่ นบรเิ วณตา่ ง ๆ ของโลก เป็นแรเ่ หล็กทั้งชนดิ แรแ่ มกนไี ทตแ์ ละแรฮ่ มี าไทต์ สามารถแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คอื จาก แทรกอยใู่ นรอยแตกและรอยเลอื่ นเหลา่ นนั้ แหลง่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทก่ี ำเนดิ แบบแมกมา (Magmatic iron แรเ่ หลก็ ทมี่ กี ำเนดิ แบบนี้ เชน่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ตำบล deposit) จดั เปน็ แหลง่ แรแ่ บบปฐมภมู ิ (Primary ore นาแขม อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั เลย และแหลง่ แรเ่หลก็ deposit) และจากแหล่งแร่เหล็กท่ีมีกำเนิดแบบ ตำบลนำ้ รอบ อำเภอลานสกั จงั หวดั อทุ ยั ธานี หนิ ชน้ั (Sedimentary iron deposit) จดั เปน็ แหลง่ แร่ แบบทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary ore deposit) รายละเอยี ด ของแหลง่ แรเ่ หลก็ แตล่ ะประเภทมดี งั นี้ แหลง่ แรเ่ หลก็ แบบสายแร่ ตำบลนาแขม อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั เลย

181 แหล่งแรเ่ หล็กเขาทบั ควาย อำเภอโคกสำโรง จงั หวดั ลพบรุ ี ๒. แหลง่ แรเ่ หลก็ แบบสการน์ (Skarn deposit) ๓. แหลง่ แรเ่ หลก็ แบบแทนท่ใี นหินทอ้ งที่ เป็นแหล่งแร่ที่เกิดจากแมกมาของหินอัคนี (Replacement deposit) ทแี่ ทรกซอนขนึ้ มาในหนิ ทอ้ งทที่ ม่ี สี ว่ นประกอบ เปน็ แหลง่ แรท่ เี่ กดิ จากกระบวนการแปรสภาพ เปน็ คารบ์ อเนต เชน่ หนิ ปนู หนิ ดนิ ดานปนปนู แบบแทนทเี่ ชน่ เดยี วกบั แหลง่ แรเ่ หลก็ แบบสการน์ แล้วเกิดกระบวนการแปรสภาพแบบแทนท่ี ใน โดยสารละลายของไอเอริ น์ ออกไซดท์ ม่ี สี ว่ นประกอบ บรเิ วณแนวสมั ผสั ระหวา่ งหนิ อคั นแี ละหนิ ทอ้ งท่ี ของแร่ฮีมาไทต์และแร่แมกนีไทต์ท่ีแทรกขึ้นมา ทำใหม้ แี รใ่ หมเ่ กดิ ขน้ึ และสารละลายของไอเอริ น์ ตามรอยแตกและรอยเล่ือนของหินท้องที่ท่ีเป็น ออกไซด์ท่ีมีส่วนประกอบของแร่แมกนีไทต์ได้ ชนั้ หนิ ทมี่ คี วามพรนุ ในเนอ้ื หนิ ซงึ่ ไดแ้ ก่ หนิ ทราย แยกตัวออกจากแมกมาดังกล่าว แล้วเย็นตัวเป็น หนิ ทรายแปง้ และหนิ ดนิ ดาน แลว้ สารละลายของ แร่เหล็กชนิดแร่แมกนีไทต์แทรกอยู่ในบริเวณ ไอเอริ น์ ออกไซดไ์ ดซ้ มึ เขา้ ไปแทนทใี่ นเนอ้ื หนิ ทอ้ งท่ี แนวสัมผัสระหว่างหินอัคนีและหินท้องที่ หิน เกอื บทง้ั หมดหรอื เพยี งบางสว่ น โดยลกั ษณะของ ชนดิ ใหมท่ เ่ี กดิ จากกระบวนการเปล่ยี นแปลงของ ช้ันหินท้องที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง เช่น แนวชั้น สว่ นประกอบ เรยี กวา่ แมกนไี ทตส์ การน์ และลกั ษณะเนอ้ื หนิ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทมี่ กี ำเนดิ แบบน้ี เชน่ แหลง่ แร่ ในธรรมชาตพิ บวา่ การแทนทขี่ องสารละลาย เหลก็ ตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี ตำบลหนองกลบั ของไอเอริ น์ ออกไซดม์ กั เกดิ ในบรเิ วณดา้ นบนและ อำเภอหนองบวั และตำบลวงั ขอ่ ย อำเภอไพศาลี ดา้ นขา้ งของสายแรเ่ หลก็ โดยสารละลายของไอเอริ น์ จงั หวดั นครสวรรค์ ออกไซดท์ เี่ ยน็ ตวั แทรกอยใู่ นรอยแตกและรอยเลอ่ื น

182 แหล่งแร่เหลก็ เขาอมึ ครึม ตำบลหนองรี อำเภอบอ่ พลอย จังหวดั กาญจนบุรี แร่เหล็กเขาอึมครมึ ๔. แหลง่ แรเ่ หลก็ ทส่ี มั พนั ธก์ บั แมกมาแบบ อน่ื ๆ จดั เปน็ แหลง่ แรเ่ หลก็ แบบสายแร่ สว่ นสารละลาย ของไอเอริ น์ ออกไซดท์ ซ่ี มึ เขา้ ไปในเนอ้ื หนิ เดมิ จะ ในแหล่งแร่เหล็กบางแหล่ง แร่แมกนีไทต์ ทำให้เกิดแหล่งแร่เหล็กแบบแทนท่ีในหินท้องที่ มกั เกดิ รว่ มกับหนิ ภเู ขาไฟชนดิ ทไี่ หลแทรกขน้ึ มา ดงั นั้น แหล่งแร่เหล็กทง้ั ๒ แบบดงั กล่าวมักเกิด โดยผลึกแรแ่ มกนีไทตเ์ กดิ รวมกนั เปน็ โซนภายใน รว่ มกนั เชน่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ภอู า่ ง ตำบลนาดนิ ดำ เน้ือหิน ในประเทศไทยไม่มีแหล่งแร่เหล็กท่ีเกิด อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั เลย และแหลง่ แรเ่ หลก็ เขา แบบนี ้ อมึ ครมึ ตำบลหนองรี อำเภอบอ่ พลอย จงั หวดั กาญจนบรุ ี ๔.๒ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทกี่ ำเนดิ แบบหนิ ชนั้ เกดิ จากตะกอนทม่ี สี ว่ นประกอบของแรเ่ หลก็ เป็นส่วนใหญ่ได้ตกทับถมกันภายในบริเวณแอ่ง สะสมตะกอนตามกระบวนการของการกำเนดิ หนิ ชน้ั โดยตะกอนแรเ่ หลก็ จะสะสมตวั เรยี งกนั เปน็ ชน้ั ๆ จนเกิดเป็นหินชั้นชนิดหน่ึง แต่มีส่วนประกอบ ของธาตเุ หลก็ เปน็ สว่ นใหญ่ แรเ่ หลก็ ทมี่ กี ำเนดิ ใน ลกั ษณะนแี้ บง่ ยอ่ ยเปน็ ๓ แบบ คอื ๑. แหลง่ แรเ่ หลก็ ทต่ี กตะกอนเปน็ แถบชน้ั มกั เรยี กกนั โดยทว่ั ไปวา่ BIF (Banded Iron

183 แหลง่ แรเ่ หล็กลักษณะท่ตี กตะกอนเป็นแถบชัน้ จัดเป็นชั้นหินที่มีอายุมากของยุคพรีแคมเบรียน (Precambrian) โดยมีอายุถึง ๓,๐๐๐ ล้านปี แต่ Formation) จดั เปน็ หนิ ชนั้ ทถี่ กู แปรสภาพ แหลง่ แร่ แหลง่ แรส่ ว่ นใหญม่ อี ายปุ ระมาณ ๒,๕๐๐ ลา้ นปี เหลก็ แบบนม้ี กี ารกำเนดิ แบบหนิ ชนั้ จากกระบวนการ และแหลง่ แรเ่ หลก็ ทมี่ กี ำเนดิ แบบนี้ โดยทว่ั ไปมกั ทางชวี เคมี โดยตะกอนทม่ี สี ว่ นประกอบของธาตุ มปี รมิ าณสำรองแรเ่หลก็ ประมาณ ๑๐๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั เหล็กได้ตกสะสมตัวในทะเลน้ำตนื้ แรเ่ หลก็ ทม่ี ี ขนึ้ ไป เชน่ แหลง่ แรเ่ หลก็ บรเิ วณทะเลสาบสพุ เี รยี ลกั ษณะเปน็ แถบชนั้ ประกอบดว้ ยชนั้ ของแรเ่ หลก็ สหรฐั อเมรกิ า แหลง่ แรเ่ หลก็ เทอื กเขาแฮเมริ ส์ ลยี ์ ซงึ่ เปน็ แรแ่ มกนไี ทต์ และแรฮ่ มี าไทต์ มลี กั ษณะสดี ำ (Hamersley Range) ในบริเวณภูมิภาคตะวันตก ถงึ สเี ทาและสเี งนิ เกดิ สลบั กบั ชนั้ ของหนิ ดนิ ดาน ของประเทศออสเตรเลีย และแคว้นทรานสวาล หนิ เชริ ต์ (Chert) และหนิ แจสเพอร์ (Jasper) ซงึ่ มี (Transvaal) ในประเทศแอฟรกิ าใต้ สำหรบั ประเทศ ลกั ษณะสแี ดง เนอื่ งจากมสี ว่ นประกอบของธาตุ ไทยไม่มีแหล่งแร่เหล็กแบบน้ี เน่ืองจากช้ันหิน เหล็กค่อนข้างสูง โดยความหนาของแต่ละชั้น สว่ นใหญม่ อี ายนุ อ้ ย ประมาณ ๑-๓ เซนตเิ มตร และเกดิ สะสมตวั สลบั กนั จนถงึ มคี วามหนาหลายรอ้ ยเมตร แรเ่ หลก็ บางสว่ น ๒. แหลง่ แรเ่ หลก็ ทเ่ี กดิ เปน็ ชน้ั แทรกอยใู่ นหนิ อาจมลี กั ษณะเปน็ เมด็ กลม โดยแหลง่ แรเ่ หลก็ บาง แหล่งแร่เหล็กแบบนี้ เป็นแหล่งแร่ที่มีอายุ แหง่ อาจเกดิ การแปรเปลย่ี นระดบั ตำ่ ทำใหเ้ กดิ แร ่ น้อยกว่าแหล่งแร่เหล็กท่ีตกตะกอนเป็นแถบช้ัน รเี บกไคต์ (Riebeckite) ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ เสน้ ใย เรยี กวา่ แหลง่ แร่ โดยเกดิ เปน็ ชนั้ แทรกสลบั อยใู่ นหนิ ชน้ั โครซโิ ดไลต์ (Crocidolite) เสน้ ใยดงั กลา่ วสว่ นใหญ่ หรอื หนิ แปร แรเ่ หลก็ เกดิ จากการตกทบั ถมกนั ของ จะถูกแทนที่ด้วยซิลิกาจนมีลักษณะคล้ายตาเสือ ตะกอนท่ีมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กเป็นส่วน (Tiger’s eye) ซง่ึ มคี วามสวยงามและใชท้ ำเครอ่ื ง ใหญ่ ซง่ึ อาจอยใู่ นลกั ษณะของตะกอนขนาดเลก็ ประดบั ได้ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทต่ี กตะกอนเปน็ แถบชนั้ นอกจากน้ี สภาพแวดลอ้ มของแอง่ สะสมตวั บาง แหง่ อาจทำใหต้ ะกอนแรเ่ หลก็ มกี ารเคลอ่ื นตวั ไป มาท่ีท้องแอ่งจนแร่เหล็กพอกตัวเป็นเม็ดไข่ปลา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑-๒ มิลลิเมตร แร่เหลก็ ทีเ่ กดิ เปน็ ชั้นแทรกอยใู่ นหนิ เป็นแบบเม็ดไข่ปลา

184 แล้วตกทับถมกันเป็นช้ันแร่เหล็กแทรกอยู่ในช้ัน โลกลงมาตามไหลเ่ ขา สะสมตวั ปะปนอยใู่ นชนั้ ดนิ หนิ ชนดิ อน่ื เชน่ หนิ ดนิ ดาน หนิ ดนิ ดานปนปนู ปนเศษหนิ ในบรเิ วณเชงิ เขา สว่ นแหลง่ แรเ่ หลก็ ที่ โดยช้ันแร่เหล็กมักมีสีแดงจนถึงสีแดงปนน้ำตาล สะสมตัวอยู่กับที่ (in-situ deposit) เป็นแหล่งแร่ แรเ่ หลก็ เปน็ ชนดิ แรฮ่ มี าไทต์ เกดิ สะสมตวั ในบรเิ วณ เหล็กท่ีเกิดจากแร่เหล็กที่ผุพังแตกหักจากสายแร่ พน้ื ทแ่ี คบ ๆ เทา่ นน้ั และมปี รมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ เหลก็ ในบรเิ วณนน้ั แลว้ สะสมตวั ทบั ถมกนั อยใู่ น ไมม่ ากนกั ในประเทศไทยพบแหลง่ แรเ่ หลก็ แบบ ที่เดิม กลายเป็นแหล่งแร่เหล็กท่ีมีกำเนิดในยุค น้ีที่อำเภอสามร้อยยอด และอำเภอบางสะพาน ปจั จบุ นั เชน่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ตำบลนคิ มเขาบอ่ แกว้ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ซงึ่ มกี ารทำเหมอื งแรใ่ น อำเภอพยหุ ะครี ี จงั หวดั นครสวรรค์ แหลง่ แรเ่ หลก็ แหลง่ ดงั กลา่ วเมอ่ื หลายปกี อ่ น และยงั พบแรเ่ หลก็ ภซู าง ตำบลบฮุ ม และแหลง่ แรเ่ หลก็ ตำบลเขาแกว้ เกดิ เปน็ ชนั้ แทรกสลบั อยใู่ นหนิ แปร เชน่ แหลง่ อำเภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย รวมทง้ั แหลง่ แรเ่ หลก็ แร่เหล็กท่ีตำบลหนองไม้แก่น อำเภอแปลงยาว ทท่ี ะเลทรายอาตากามา ประเทศชลิ ี ซงึ่ ตะกอน จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา โดยแรเ่ หลก็ ชนดิ แรแ่ มกนไี ทต์ ของแรเ่ หลก็ ไหลมาจากหนิ ภเู ขาไฟทมี่ แี รเ่ หลก็ เกดิ เกดิ เปน็ ชน้ั แทรกสลบั อยใู่ นหนิ ไมกาชสี ต์ รว่ มดว้ ย แหลง่ แรเ่ หลก็ ทเี่ กดิ การสะสมตวั เปน็ ชนั้ ปกคลมุ อยตู่ อนบนสดุ อยา่ งแหลง่ ศลิ าแลงกจ็ ดั เปน็ ๓. แหลง่ แรเ่ หลก็ ทส่ี ะสมตวั อยตู่ ามเชงิ เขา แหลง่ แรเ่ หลก็ ทมี่ กี ำเนดิ แบบนดี้ ว้ ย เชน่ แหลง่ และทลี่ มุ่ (Colluvial deposit) แร่เหล็กเขาแก้ว อำเภอพรานกระต่าย จังหวัด กำแพงเพชร และแหลง่ แรเ่ หลก็ อำเภอพชิ ยั จงั หวดั เปน็ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทเ่ี กดิ จากสายแรเ่ หลก็ ใน อตุ รดติ ถ์ บริเวณท่ีสูงกว่าได้ผุพังแตกหักเป็นก้อนแร่เหล็ก ขนาดตา่ ง ๆ แล้วเคล่อื นตวั ตามแรงโน้มถว่ งของ แหล่งแร่เหลก็ ทีเ่ กิดจากการสะสมตัวอยู่ตามเชิงเขาและท่ีลมุ่ ๕. การสำรวจแรเ่ หลก็ การสำรวจแหลง่ แรแ่ ละวตั ถดุ บิ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ ๓ ขน้ั ตอน  โดยเรยี งตามลำดบั ดงั น้ี ๑.  การสำรวจธรณวี ทิ ยาระยะไกล  วธิ กี ารสำรวจธรณวี ทิ ยาระยะไกล หมายถงึ การศึกษาข้อมูลเบ้ืองต้นจากภาพถ่ายทางอากาศ หรอื ภาพถา่ ยดาวเทยี ม โดยใชก้ ารแปลความหมาย ของลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทแ่ี ตกตา่ งกนั บนภาพถา่ ย ทางอากาศหรอื ภาพถา่ ยดาวเทยี ม จดั ทำเปน็ แผนท่ี โครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยา ซง่ึ จะเปน็ ตวั กำหนดความ เป็นไปได้ของขอบเขตการแผ่กระจายของแหล่ง และวตั ถดุ บิ ในบรเิ วณทต่ี อ้ งการสำรวจ  ทง้ั นี้ จะเปน็

185 สว่ นชว่ ยในการวางแผนการสำรวจและตรวจสอบ ความเปน็ ไปไดใ้ นภาคสนามตอ่ ไป ๒.  การสำรวจธรณวี ทิ ยาพนื้ ผวิ วิธีการสำรวจธรณีวิทยาพ้ืนผิว หมายถึง การตรวจสอบภาคสนาม โดยการศึกษาดินและ หนิ ทโ่ี ผลต่ ามภเู ขา รอ่ งหว้ ย บอ่ นำ้ หรอื พนื้ ผวิ ท่ี มีการขุดเปิดหนา้ ดินออกไป เช่น ตดั ถนน ขดุ สระนำ้ ขดุ ไถทด่ี นิ ทำการเกษตร เกบ็ ตวั อยา่ งดนิ และหนิ เพอื่ วเิ คราะหแ์ ละทดสอบสมบตั ทิ างเคมี และฟิสกิ ส ์ แลว้ รวบรวมขอ้ มูลทัง้ หมดมาจัดทำ เปน็ แผนทธ่ี รณวี ทิ ยาแสดงโครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยา  และขอบเขตการแผก่ ระจายของชน้ั ดนิ และชน้ั หนิ รวมทงั้ แหลง่ แรห่ รอื แหลง่ วตั ถดุ บิ ทต่ี อ้ งการ ทำให้ สามารถคดั เลอื กพน้ื ทศ่ี กั ยภาพทมี่ โี อกาสจะขดุ พบ แหลง่ แรห่ รอื วตั ถดุ บิ ดงั กลา่ ว และประเมนิ ความ เปน็ ไปไดเ้ บอื้ งตน้ สำหรบั การเจาะตรวจสอบหรอื ขุดหลุมสำรวจในระดับความลึกจากผิวดิน เพื่อ การศึกษาขอ้ มลู เบือ้ งตน้ จากภาพถา่ ยดาวเทียม เป็นวธิ ีการ ประเมนิ ปรมิ าณสำรองและตรวจสอบคณุ ภาพใน สำรวจธรณีวิทยาระยะไกล ขน้ั ตอ่ ไป ๓.  การสำรวจธรณวี ทิ ยาใตด้ นิ                       วธิ กี ารสำรวจธรณวี ทิ ยาใตด้ นิ เปน็ การสำรวจ ในขนั้ รายละเอยี ดตอ่ เนอ่ื งจากการสำรวจธรณวี ทิ ยา พนื้ ผวิ ซงึ่ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ ๓ วธิ ดี งั นี้ ๑) การขดุ หลมุ สำรวจและขดุ รอ่ งสำรวจ ใช้ สำหรบั แหลง่ แรท่ อี่ ยไู่ มล่ กึ จากผวิ ดนิ โดยการขดุ ดว้ ยแรงงานคนหรอื รถขดุ ทรี่ ะดบั ความลกึ ตง้ั แต่ ๑-๑๐ เมตร ๒)  การสำรวจทางธรณีฟิสิกส ์ โดยอาศัย หลกั การทวี่ า่ ชนั้ ดนิ และชน้ั หนิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ยอ่ ม มีสมบัติทางฟิสิกส์ที่แตกต่างกัน เช่น ค่าความ ตา้ นทานไฟฟา้ อตั ราการสะทอ้ นกลบั หรอื หกั เห ของคลน่ื สนั่ สะเทอื น ความเปน็ แมเ่ หลก็ และมวล การศกึ ษาดินและหินเพอ่ื เก็บตวั อยา่ ง เป็นวธิ ีการสำรวจ ธรณีวิทยาพ้นื ผิว

186 ด้วยข้อมูลที่ได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถ จำลองรปู แบบโครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยาของแหลง่ แรไ่ ดถ้ กู ตอ้ งและรวดเรว็ มากขน้ึ ๓) การเจาะสำรวจ   เปน็ การเจาะตรวจสอบ คณุ ภาพและปรมิ าณสำรองของแหลง่ แรแ่ ละวตั ถดุ บิ ในระดบั ลกึ จากผวิ ดนิ ดว้ ยกำลงั คน หรอื ดว้ ยเครอื่ ง เจาะชนดิ ตา่ ง ๆ ซงึ่ มอี ยู่ ๓ ระบบใหญค่ อื การเจาะ แบบกระแทก การเจาะแบบหมนุ และการเจาะ แบบใชน้ ำ้ ดนั ตะกอน   การเจาะสำรวจเปน็ ขนั้ ตอน สุดท้ายของการสำรวจแร่ เพ่ือประเมินปริมาณ สำรองแหลง่ แรแ่ ละวตั ถดุ บิ วา่ จะคมุ้ คา่ ตอ่ การลงทนุ เชงิ เศรษฐกจิ หรอื ไม่ เชน่ ปรมิ าณสำรองแหลง่ แร่ มนี อ้ ยเกนิ ไปสำหรบั การลงทนุ ทำเหมอื งแร่ หรอื แหลง่ แรอ่ ยลู่ กึ เกนิ ไปทำใหต้ น้ ทนุ สงู ในการลงทนุ ทำเหมอื งแร่ ไมค่ มุ้ คา่ สำหรบั การลงทนุ                      การสำรวจทางธรณฟี สิ กิ ส์ แบบวดั คา่ ความเขม้ สนามแมเ่ หลก็ โลก การเจาะสำรวจเพื่อตรวจสอบคุณภาพและปริมาณสำรองของ แหล่งแร่เหล็ก ความหนาแนน่ ตวั อยา่ งเชน่ เมอ่ื ปลอ่ ยกระแสไฟฟา้ หรอื คลน่ื สนั่ สะเทอื นผา่ นลงไปในชน้ั ดนิ และชน้ั หนิ ในระดบั ลกึ จากผวิ ดนิ คา่ ความแตกตา่ งของความ ตา้ นทานไฟฟา้ ทจี่ บั วดั ได้ หรอื อตั ราความเรว็ ของ คลนื่ สน่ั สะเทอื นทสี่ ะทอ้ นกลบั หรอื หกั เหกลบั ขนึ้ มา และสามารถจับวัดได้ ย่อมนำมาเป็นข้อมูลแปล ความหมายหาโครงสรา้ งของชน้ั ดนิ และชน้ั หนิ ที่ อยลู่ กึ จากผวิ ดนิ ตลอดจนกำหนดขอบเขตการแผ่ กระจายของชนั้ ดนิ และชน้ั หนิ หรอื แหลง่ แรใ่ นแตล่ ะ บรเิ วณได้ ซงึ่ จำเปน็ ตอ้ งเจาะตรวจสอบตอ่ ไป ทง้ั น้ี วธิ กี ารสำรวจทางธรณฟี สิ กิ สจ์ ะชว่ ยกำหนดตำแหนง่ ของหลมุ เจาะเพอื่ เจาะตรวจสอบ และแสดงความ ตอ่ เนอ่ื งของชน้ั ดนิ ชนั้ หนิ หรอื แหลง่ แรท่ เี่ จาะ พบระหวา่ งหลมุ เจาะดว้ ย  ปจั จบุ นั การประมวลผล

187 ๖. แหลง่ แรเ่ หลก็ ของประเทศไทย เหลก็ อำเภอชนแดนและอำเภอหนองไผ่ จงั หวดั เพชรบูรณ์ แหล่งแร่เหล็กบ้านน้ำรอบ อำเภอ แหลง่ แรเ่ หลก็ มใี นทกุ ภาคของประเทศไทย ลานสกั จงั หวดั อทุ ยั ธานี แหลง่ แรเ่ หลก็ หนองโพ แต่เป็นแหล่งแร่ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับแหล่งแร่ อำเภอตาคลี แหล่งแร่เหล็กนิคมเขาบ่อแก้ว เหลก็ ระดบั โลก บรเิ วณทมี่ แี รเ่ หลก็ คณุ ภาพสงู สดุ อำเภอพยุหะคีรี แหล่งแร่เหล็กอำเภอหนองบัว ไดแ้ ก่ บรเิ วณอำเภอเชยี งคาน อำเภอเมอื งฯ และ จังหวัดนครสวรรค์ และแหล่งแร่เหล็กเขาแก้ว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยแหล่งแร่เหล็ก อำเภอพรานกระตา่ ย จงั หวดั กำแพงเพชร ทใ่ี หญท่ สี่ ดุ ในประเทศไทย ไดแ้ ก่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ภยู าง และแหลง่ แรเ่ หลก็ ภซู าง อำเภอเชยี งคาน แหล่งแรเ่ หล็กอำเภอหนองบวั จงั หวดั นครสวรรค์ จงั หวดั เลย ข้อมูลการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณี พบวา่ ประเทศไทยมแี หลง่ แรท่ สี่ ำคญั ดงั น ้ี ๑. ภาคเหนอื แหลง่ แรเ่ หลก็ แมโ่ ถ อำเภอ แมแ่ จม่ จงั หวดั เชยี งใหม่ แหลง่ แรเ่ หลก็ ดอยจง อำเภอเถนิ จงั หวดั ลำปาง แหลง่ แรเ่ หลก็ บา้ นปา่ สกั อำเภอวงั ชน้ิ จงั หวดั แพร่ แหล่งแร่เหล็กอำเภอ ทองแสนขนั จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ แหลง่ แรเ่ หลก็ แม่ ระมาด อำเภอแมร่ ะมาด จงั หวดั ตาก แหลง่ แร่ แหล่งแร่เหลก็ อำเภอทองแสนขัน จงั หวดั อตุ รดติ ถ์

188 ๒. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื แหลง่ แรเ่ หลก็ ภอู า่ ง อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั เลย แหลง่ แรเ่ หลก็ ภซู าง ภยู าง ภเู หลก็ และภเู ฮยี๊ ะ อำเภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย แหลง่ แรเ่ หลก็ บา้ นนางวิ้ อำเภอสงั คม จงั หวดั หนองคาย และแหลง่ แรเ่ หลก็ ในจงั หวดั อดุ รธานี แหล่งแร่เหลก็ บา้ นหนองผำ ตำบลนาดนิ ดำ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเลย ๓. ภาคกลาง แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาอมึ ครมึ อำเภอบอ่ พลอย จงั หวดั กาญจนบรุ ี แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาถำ้ อำเภอสามรอ้ ยยอด จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาทบั ควาย อำเภอโคกสำโรง และแหลง่ แร่ เหลก็ เขาวง อำเภอเมอื งฯ จงั หวดั ลพบรุ ี แหล่งแร่เหลก็ เขาทับควาย อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบรุ ี

189 ๔. ภาคตะวนั ออก แหลง่ แรเ่ หลก็ หนองไมแ้ กน่ อำเภอแปลงยาว และแหลง่ แรเ่ หลก็ หนองบอน อำเภอบางคลา้ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาชโี อน-ชจี รรย์ อำเภอสตั หบี แหลง่ แรเ่ หลก็ ปรกฟา้ อำเภอบา้ นบงึ แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาดนิ แดง-เขาสระตาพรม อำเภอพนสั นคิ ม จงั หวดั ชลบรุ ี แหลง่ แรเ่ หลก็ อำเภอแกลง จงั หวดั ระยอง แหลง่ แร่เหลก็ ภาคตะวันออก อำเภอแกลง จงั หวัดระยอง ๕. ภาคใต้ แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาเหลก็ อำเภอนบพติ ำ แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาควนทงั อำเภอฉวาง จงั หวดั นครศรธี รรมราช และแหลง่ แรเ่ หลก็ เกาะมว่ ง-เกาะเหลก็ อำเภอเกาะลนั ตา จงั หวดั กระบี ่ แหลง่ แรเ่ หลก็ เขาเหลก็ อำเภอนบพติ ำ จงั หวดั นครศรธี รรมราช

190 ผลผลติ แรเ่ หล็กของประเทศไทย ผลผลิตแร่เหลก็ ทส่ี ำคัญของโลก ประเทศไทยสามารถผลติ สนิ แรเ่ หลก็ เมอื่ ในชว่ ง ๓ ปที ผ่ี า่ นมามกี ารผลติ สนิ แรเ่ หลก็ คดิ จากชว่ งเวลาในรอบปใี นแตล่ ะปี คอื ใน พ.ศ. ในอตั ราทเ่ี พม่ิ มากขนึ้ เรอ่ื ย ๆ โดยใน พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒๕๕๒ สามารถผลติ แรเ่ หลก็ รวมทงั้ หมดประมาณ ผลผลติ สนิ แรเ่ หลก็ ของโลกรวมทง้ั หมดประมาณ ๐.๖๑ ลา้ นเมตรกิ ตนั ใน พ.ศ. ๒๕๕๓ ประมาณ ๒,๙๓๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ ประมาณ ๐.๙๗ ลา้ นเมตรกิ ตนั ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ประมาณ ๓,๑๑๐ ล้านเมตริกตัน และใน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๐.๔๘ และใน พ.ศ. ๒๕๕๕ ประเทศไทยสามารถ ประมาณ ๓,๒๒๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั โดยประเทศผู้ ผลติ แรเ่ หลก็ รวมทง้ั หมดไดป้ ระมาณ ๐.๒๘ ลา้ น ผลติ รายใหญป่ ระกอบดว้ ย ประเทศจนี ออสเตรเลยี เมตรกิ ตนั บราซลิ อนิ เดยี และรสั เซยี ตามลำดบั ๗. แหลง่ แรเ่ หลก็ ของโลก ๘. การทำเหมอื งแรเ่ หลก็ ในประเทศไทย แหล่งแร่เหล็กท่ีสำคัญของโลกมีอยู่ในทุก ปจั จบุ นั ในประเทศไทยมเี หมอื งแรเ่ หลก็ ทมี่ ี ทวปี โดยแหลง่ แรเ่ หลก็ ทมี่ ขี นาดใหญแ่ ละมปี รมิ าณ ประทานบตั รเปดิ ดำเนนิ การอยจู่ ำนวน ๑๒ แปลง สำรองแหลง่ แรเ่ หลก็ มาก เปน็ แหลง่ แรเ่ หลก็ ชนดิ ไดแ้ ก่ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา ๑ แปลง ชลบรุ ี ๑ แปลง ตกตะกอนเปน็ แถบชนั้ พบในบรเิ วณทม่ี หี นิ ฐาน นครสวรรค์ ๑ แปลง เพชรบรู ณ์ ๑ แปลง อทุ ยั ธานี ทวปี ซง่ึ เปน็ ชนั้ หนิ ทม่ี อี ายมุ ากทส่ี ดุ ของโลก แหลง่ ๑ แปลง และเลย ๗ แปลง โดยทว่ั ไปของการทำ แรเ่ หลก็ ทมี่ กี ารกำเนดิ แบบดงั กลา่ วนแ้ี ตล่ ะแหลง่ เหมอื งแรเ่ หลก็ มวี ธิ กี ารทำเหมอื งแบบเหมอื งเปดิ มกั มปี รมิ าณสำรองตงั้ แต่ ๑๐๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั ขนึ้ ไป ซง่ึ เหมาะสำหรบั แหลง่ แรท่ อี่ ยไู่ มล่ กึ จากผวิ ดนิ มาก นอกนนั้ เปน็ แหลง่ แรเ่ หลก็ ทม่ี กี ารกำเนดิ แบบอน่ื ๆ เรมิ่ จากการเปดิ หนา้ ดนิ ลงไปเรอ่ื ย ๆ จนถงึ แหลง่ แหล่งแร่เหล็กท่ีสำคัญของโลกต้ังอยู่ในประเทศ แร่เหล็ก ซ่ึงหน้าเหมืองจะต้องใช้พื้นที่มาก ถ้า ตา่ ง ๆ เรยี งลำดบั ตามปรมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ ทมี่ ใี น แหลง่ แรอ่ ยใู่ นระดบั ทลี่ กึ หนา้ เหมอื งตอ้ งเปดิ ให้ ประเทศนนั้ จากมากไปหานอ้ ย ดงั น้ี ยเู ครน รสั เซยี กวา้ งขนึ้ เพอื่ สะดวกและปลอดภยั ในการทำเหมอื ง จีน ออสเตรเลีย บราซิล คาซัคสถาน สหรัฐ และการนำแรข่ นึ้ มา การทำเหมอื งแรแ่ บบนตี้ อ้ ง อเมริกา อินเดีย สวีเดน เวเนซุเอลา แคนาดา ใชเ้ ครอ่ื งมอื หนกั เชน่ รถขดุ รถตกั รถขนแร่ อหิ รา่ น แอฟรกิ าใต้ เมก็ ซโิ ก และมอรเิ ตเนยี โดย ขนาดใหญ่ เครอ่ื งเจาะ รวมถงึ การระเบดิ บรเิ วณ ปรมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ ของโลกเฉพาะทม่ี คี ณุ ภาพดี หนา้ เหมอื งเพอื่ เขา้ ถงึ แหลง่ แร่ โดยจะตอ้ งทำเปน็ รวมประมาณ ๓๔๐,๐๐๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั และปรมิ าณ ขนั้ บนั ไดวนลงไปหาแหลง่ แรท่ อี่ ยลู่ กึ ลงไป และ สำรองแรเ่ หลก็ ของโลกเฉพาะทสี่ ามารถทำเหมอื ง เปน็ เสน้ ทางลำเลยี งแรข่ นึ้ มาเพอื่ เขา้ สกู่ ระบวนการ แรค่ มุ้ คา่ รวมประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ลา้ นเมตรกิ ตนั แตง่ แรต่ อ่ ไป

191 โรงงานบดย่อยแร่เหลก็ แร่เหลก็ ท่ถี กู บดย่อยส่งมาตามสายพาน แรเ่ หล็กทถ่ี ูกบดยอ่ ยขนาดตา่ ง ๆ แยกกองไว้ กองแรเ่ หลก็ ทีไ่ ด้จากการบดย่อย การทำเหมอื งแรเ่ หล็กทภ่ี อู ่าง ตำบลนาดินดำ อำเภอเมืองฯ จงั หวดั เลย

192 ๙. การถลงุ แรเ่ หลก็ เหลก็ มสี มบตั ทิ างกายภาพและทางเคมที เ่ี หมาะสม กอ่ นทจี่ ะปอ้ นเขา้ เตาเผา แรเ่ หลก็ ทไี่ ดจ้ ากการทำเหมอื งนน้ั จะอยใู่ น ลักษณะเป็นสารประกอบและมีส่ิงอื่น ๆ ผสม ๒. ถา่ นโคก้ เปน็ เชอ้ื เพลงิ หลกั ทใ่ี ชใ้ นการถลงุ ปะปนอยู่ เชน่ ดนิ หนิ ทราย เมอื่ นำแรเ่ หลก็ มา เหลก็ นอกจากนนั้ ยงั เปน็ สารทที่ ำใหป้ ฏกิ ริ ยิ าทาง ถลงุ จะไดโ้ ลหะเหลก็ ทย่ี งั มสี ว่ นประกอบอนื่ ๆ ดว้ ย เคมภี ายในเตาเปน็ ไปอยา่ งสมบรู ณข์ ณะทำการถลงุ ซงึ่ นำมาใชป้ ระโยชนใ์ นทางอตุ สาหกรรมไดน้ อ้ ย เนอ่ื งจากมคี ณุ สมบตั ใิ นการใชง้ านคอ่ นขา้ งจำกดั ถ่านโคก้ เช้อื เพลิงหลกั ท่ใี ชใ้ นการถลงุ แร่เหล็ก ดงั นนั้ เหลก็ ทจี่ ะนำไปใชง้ านทางดา้ นอตุ สาหกรรม โดยทั่วไปจะเป็นเหล็กผสม สารท่ีผสมลงไปใน ๓. ถ่านหินแอนทราไซต์ เป็นถ่านหิน เนือ้ เหลก็ มที ง้ั ท่ีเป็นโลหะและอโลหะ ท้งั นี้ เพ่ือ ประเภทท่มี ีคุณภาพสงู ท่ีสดุ มีส่วนประกอบของ ตอ้ งการปรบั ปรงุ คณุ ภาพเหลก็ ใหส้ ามารถนำไปใช้ คารบ์ อนคงตวั ตงั้ แตร่ อ้ ยละ ๘๖-๙๘ มคี า่ ความ งานไดด้ ยี งิ่ ขนึ้ เชน่ ทำใหเ้ หลก็ มคี วามแขง็ มากขนึ้ รอ้ นจำเพาะประมาณ ๑๕,๐๐๐ บที ยี /ู ปอนด์ โดยจะ สามารถทนตอ่ แรงดงึ ไดม้ ากขนึ้ วตั ถดุ บิ ทใี่ ชใ้ นการ บดใหเ้ ปน็ ผงสำหรบั ใชใ้ นกรรมวธิ แี รเ่ หลก็ อดั กอ้ น ถลงุ แรเ่ หลก็ ไดแ้ ก่ เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ รเ่ หลก็ อดั กอ้ น โดยทว่ั ไปจะใชถ้ า่ นหนิ แอนทราไซตท์ ม่ี สี ว่ นประกอบของคารบ์ อนคงตวั ๑. สนิ แรเ่ หลก็ เปน็ วตั ถดุ บิ หลกั ในการถลงุ ตงั้ แตร่ อ้ ยละ ๗๘ ขนึ้ ไป เหลก็ ซงึ่ ไดจ้ ากการทำเหมอื งแรเ่ หลก็ ซงึ่ ประกอบ ด้วยแร่แมกนีไทต์และแร่ฮีมาไทต์เป็นส่วนใหญ่ ขน้ั ตอนแรกสดุ จะตอ้ งแยกเอากอ้ นหนิ และกอ้ นแร่ อนื่ ๆ ทปี่ ะปนมากบั กอ้ นสนิ แรเ่หลก็ ออกไป หลงั จาก ไดส้ นิ แรเ่ หลก็ ในลกั ษณะเปน็ กอ้ นขนาดตา่ ง ๆ แลว้ จะตอ้ งนำมาผา่ นกระบวนการแตง่ แร่ เพอื่ ใหส้ นิ แร่ สนิ แร่เหลก็ วัตถดุ ิบหลักในการถลงุ แรเ่ หล็ก ถา่ นหนิ แอนทราไซต์ เชอื้ เพลงิ คณุ ภาพสงู ทใี่ ชใ้ นการถลงุ แรเ่ หลก็

193 ๔. วสั ดทุ ใ่ี ชเ้ ปน็ ฟลกั ซ์ (flux) หรอื วตั ถดุ บิ ของหินปูนก็คือ เป็นตัวช่วยเร่งปฏิกิริยาการลด ทเ่ี ตมิ แลว้ ทำใหส้ ารเจอื ปนบางชนดิ ในสนิ แรเ่ หลก็ ออกซเิ จนในเตาสงู ใหส้ มบรู ณย์ ง่ิ ขนึ้ ซง่ึ การถลงุ ทม่ี จี ดุ หลอมเหลวสงู มอี ณุ หภมู ติ ำ่ ลง ประกอบดว้ ย เหลก็ ดบิ หรอื เหลก็ ถลงุ โดยกระบวนการตา่ ง ๆ อาจ หนิ ปนู แรโ่ ดโลไมต์ และปนู ขาว ฟลกั ซท์ ำหนา้ ที่ ใชว้ ตั ถดุ บิ เปน็ ฟลกั ซท์ ต่ี า่ งกนั บางกระบวนการ แยกสารเจอื ปนในสนิ แรเ่ หลก็ ออก สารเจอื ปนจะ ใชห้ นิ ปนู เพยี งอยา่ งเดยี ว บางกระบวนการใชแ้ ร่ ถูกหลอมละลายแยกตัวออกมาเป็นตะกรันและ โดโลไมตแ์ ละปนู ขาวรว่ มดว้ ย ซง่ึ ขน้ึ อยกู่ บั เทคนคิ ลอยตวั อยเู่ หนอื ผวิ นำ้ เหลก็ ประโยชนอ์ กี อยา่ งหนง่ึ ของแตล่ ะกระบวนการถลงุ หนิ ปนู วสั ดทุ ี่ใชเ้ ป็นฟลกั ซ์ในการถลุงแร่เหล็ก ๕. เศษเหล็ก สาเหตุท่ตี อ้ งใส่เศษเหล็กซ่งึ ผา่ นการถลงุ มาแลว้ ครง้ั หนงึ่ ลงไปดว้ ย เนอ่ื งจาก ตอ้ งการประหยดั สนิ แร่ ทำใหล้ ดตน้ ทนุ การผลติ ลง แตเ่ ศษเหลก็ ทใ่ี สล่ งไปนนั้ จะตอ้ งมกี ารคดั เลอื ก เหล็กท่ีมีสารเจือปนจำพวกสารที่มิใช่เหล็ก เช่น สงั กะสี ดบี กุ วสั ดตุ า่ ง ๆ ใหป้ ะปนอยนู่ อ้ ยทส่ี ดุ ทง้ั น้ี เศษเหลก็ กไ็ มใ่ ชว่ ตั ถดุ บิ ทจ่ี ำเปน็ ตอ้ งใสเ่ สมอ ไป บางครง้ั อาจใสเ่ ฉพาะสนิ แรเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว แร่โดโลไมต์ วสั ดุท่ใี ช้เป็นฟลักซใ์ นการถลุงแรเ่ หล็ก ปนู ขาว วสั ดทุ ใ่ี ชเ้ ปน็ ฟลักซ์ในการถลงุ แรเ่ หลก็ เศษเหล็กที่ใสใ่ นการถลงุ แรเ่ หลก็

194 การใช้น้ำระบายความร้อนบริเวณเตาถลงุ ๖. อากาศ เปน็ วตั ถดุ บิ ทสี่ ำคญั เนอ่ื งจากใน ลมร้อนท่พี น่ จากเตาถลุง การเผาไหมภ้ ายในเตาตอ้ งการออกซเิ จนเขา้ ไปชว่ ย เหล็กทีอ่ อกจากเตาถลงุ ในการเผาไหม้ อากาศจะถกู เปา่ เขา้ ไปในเตาเผา แต่ เหล็กแผ่นที่ไดจ้ ากกระบวนการถลงุ ลมทพ่ี น่ เขา้ ไปนนั้ จะตอ้ งทำใหร้ อ้ นเสยี กอ่ น เพอื่ เพม่ิ อณุ หภมู ใิ หแ้ กเ่ ตา เปน็ การประหยดั เชอ้ื เพลงิ ๗. น้ำ ใช้สำหรับระบายความร้อนบริเวณ เปลอื กเตาซง่ึ ทำดว้ ยแผน่ เหลก็ นำ้ ทใี่ ชต้ อ้ งเปน็ นำ้ สะอาด โดยทว่ั ไปอาจใชน้ ำ้ จากแมน่ ำ้ ลำคลอง แต่ ไมค่ วรใชน้ ำ้ ทะเล เพราะอาจกดั กรอ่ นชน้ิ สว่ นของ เปลอื กเตาทำใหช้ ำรดุ ไดง้ า่ ย การถลงุ เหลก็ ดบิ โดย ทว่ั ไปมสี ดั สว่ นของวตั ถดุ บิ ดงั น้ี ปรมิ าณเหลก็ ดบิ ๑ เมตรกิ ตนั ตอ้ งใชส้ นิ แรเ่หลก็ ประมาณ ๒ เมตรกิ ตนั ถา่ นโคก้ ๑ เมตรกิ ตนั หนิ ปนู ซงึ่ เปน็ ฟลกั ซป์ ระมาณ ๐.๕ เมตรกิ ตนั และลมรอ้ นทพ่ี น่ เขา้ เตาทอ่ี ณุ หภมู ิ ๗๐๐ องศาเซลเซยี ส จำนวน ๔.๕ เมตรกิ ตนั ดเู พมิ่ เตมิ เรอ่ื ง อตุ สาหกรรม เลม่ ๒ เปลอื กโลก และหนิ เลม่ ๓๓ และทองคำ เลม่ ๓๖

195 บรรณานกุ รม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่. โครงการพัฒนาการทำเหมืองแร่เหล็กและแร่อื่นเพื่อ สนบั สนนุ อตุ สาหกรรมเหลก็ ตน้ นำ้ : ปงี บประมาณ ๒๕๕๐. กรงุ เทพฯ, ๒๕๕๑. . สถานการณอ์ ตุ สาหกรรมเหมอื งแรข่ องไทยปี ๒๕๕๕ และแนวโนม้ ปี ๒๕๕๖. กรงุ เทพฯ : กรมอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร,่ ๒๕๕๕. จำลอง ปนิ ตาวงศ.์ การประเมนิ ปรมิ าณสำรองแรเ่ หลก็ จงั หวดั เลย. สว่ นอนรุ กั ษแ์ ละจดั การทรพั ยากร แร,่ สำนกั ทรพั ยากรแร,่ กรมทรพั ยากรธรณ,ี ๒๕๕๓. . มาตรฐานคุณสมบัติทรัพยากรแร่เหล็กและการใช้ประโยชน์. ส่วนอนุรักษ์และจัดการ ทรพั ยากรแร,่ สำนกั ทรพั ยากรแร,่ กรมทรพั ยากรธรณ,ี ๒๕๕๒. พิภพ พริกใย. แหล่งแร่เหล็ก บริเวณบ้านน้ำรอบ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี. กองอนุรักษ์และ จดั การทรพั ยากรธรณี กรมทรพั ยากรธรณ,ี ๒๕๔๘. สำนกั พฒั นาและสง่ เสรมิ สำนกั วชิ าการแร่ และศนู ยส์ ารสนเทศอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร.่ คุณลักษณะของแร่ตามมาตรฐานการใช้งานและมาตรฐานการซอื้ ขายแร่ในตลาดแร่. กรม อตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร,่ ๒๕๕๐. อกนษิ ฐ์ สวุ รรณสงิ ห.์ แหลง่ แรเ่ หลก็ . กองเศรษฐธรณวี ทิ ยา, กรมทรพั ยากรธรณ,ี ๒๕๐๙. . แหลง่ แรเ่ หลก็ ในประเทศไทย, กองเศรษฐธรณวี ทิ ยา, กรมทรพั ยากรธรณ,ี  การประชมุ สมั มนานกั ธรณวี ทิ ยา (ประจำปงี บประมาณ ๒๕๑๕), ๒๕๑๕. U.S. Geological Survey. Mineral Commodity Summaries: January 2008. Washington: United States Government Printting, 2008. . Mineral Resources Program. Iron Ore: World Production, 2007.

196

การใชเ้ ลเซอ1ร97 ์ ในทางการแพทย์ ศาสตราจารย์ ดร.พเิ ชษฐ ลม้ิ สวุ รรณ ผเู้ ขยี น ส่วนเด็กเลก็ เอิบบุญ สุทธปิ ระภา ผู้เรยี บเรยี ง คนเราแทบทกุ คนเคยเจบ็ ปว่ ยเปน็ โรคตา่ ง ๆ คนจำนวนมากเมอื่ ไม่ สบายก็ไปพบแพทย์ หรือผู้ท่ีมีหน้าท่ีบำบัดรักษา แพทย์จะซักถามอาการ และตรวจรา่ งกายดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ เชน่ ถา้ เปน็ ไข้ กใ็ หว้ ดั อณุ หภมู ขิ องรา่ งกาย ดว้ ยเทอรโ์ มมเิ ตอรว์ ดั ไข้ วดั ความดนั โลหติ ใหอ้ า้ ปากเพอื่ ดวู า่ คออกั เสบหรอื ไม่ หรอื ถา้ ไอมาก ๆ กต็ อ้ งเอกซเรยป์ อด ตรวจการเหน็ การไดย้ นิ สว่ นมาก แลว้ จะตรวจหลายอยา่ งประกอบกนั จากนนั้ กพ็ จิ ารณาใหก้ ารบำบดั รกั ษา วธิ รี กั ษากม็ หี ลายแบบ เชน่ ใหย้ า อาจเปน็ ยารบั ประทาน ยาทา ยา พ่น ยาฉดี ใหท้ ำกายภาพบำบัด เชน่ การประคบความรอ้ นบริเวณทป่ี วด บางโรคอาจต้องผ่าตัด เช่น ไส้ต่ิงอักเสบ เนื้องอก อาจให้ใส่แว่นตาเม่ือ สายตาสนั้ สายตายาว สายตาเอยี ง

198 ผา่ ตดั บางใชนนกดิ ารเผพา่ รตาดัะนทน้ัำใหแเ้ตสก่ยี ่อเลนอื ใดชนม้ อ้ ีดยผา่ ลตดดั กาปรเจัจจบ็ บุปนัวดมแกี ลาะรอใาชกเ้ ลารเซบอวมรใอ์ นกั กเสาบร หลงั ผา่ ตดั แผลจากการใชเ้ ลเซอรเ์ ลก็ กวา่ การผา่ ตดั ดว้ ยมดี การผา่ ตดั อวยั วะ ภายในบางอยา่ ง เชน่ ไสต้ งิ่ นวิ่ ในถงุ นำ้ ดี ถา้ ใชม้ ดี ผา่ ตดั จะตอ้ งผา่ หนา้ ทอ้ ง แตถ่ า้ ใชเ้ ลเซอรจ์ ะสง่ แสงเลเซอรไ์ ปตามเสน้ ใยแกว้ นำแสงทตี่ ดิ กบั กลอ้ งสอ่ ง ภายในเขา้ ไปรกั ษาได้ โดยไมต่ อ้ งผา่ หนา้ ทอ้ ง นอกจากน้ี ผทู้ ส่ี ายตาสนั้ สายตายาว สายตาเอยี ง ถา้ ไมช่ อบใสแ่ วน่ หรอื เลนสส์ มั ผสั อาจแกส้ ายตาผดิ ปกตไิ ดด้ ว้ ยเลเซอร์ “เลเซอร์” เป็นคำทับศัพท์ภาษา องั กฤษวา่ LASER เปน็ การทำใหเ้ กดิ แสง เลเซอรโ์ ดยใชเ้ ครอื่ งกำเนดิ แสงเลเซอร์ สว่ น ประกอบสำคัญของเคร่ืองดังกล่าวคือ ตัว กลางเลเซอร์ ซงึ่ มหี ลายชนดิ แพทยจ์ ะเลอื ก แพทย์กำลงั ผ่าตัดตาดว้ ยเลเซอร ์ ใชใ้ หเ้หมาะสมกบั การบำบัดรักษา เช่น ใช้เลเซอร์ คารบ์ อนไดออก- ไซด์สลายเซลล์ มะเรง็ ใชเ้ ลเซอร ์ ทบั ทมิ ในการลบ ปานแดง การเตรยี มการผา่ ตัดเพื่อแกส้ ายตาผิดปกตดิ ว้ ยเลเซอร์

199 ส่วนเดก็ กลาง เอบิ บุญ สุทธปิ ระภา ผู้เรียบเรยี ง ปจั จบุ นั มกี ารนำวทิ ยาการใหม่ ๆ และเครอื่ งมอื ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขนึ้ มาใช ้ ในวงการแพทย์ เพื่อตรวจและรักษาโรคต่าง ๆ เคร่ืองเลเซอร์ก็เป็นอีกชนิดหน่ึงที่นำมาใช้ การใชเ้ ลเซอรท์ างการแพทยจ์ งึ เปน็ ความกา้ วหนา้ ทนี่ า่ สนใจมาก “เลเซอร”์ เปน็ คำทบั ศพั ทภ์ าษาองั กฤษวา่ LASER ซงึ่ ยอ่ มาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation อาจแปลเปน็ ภาษาไทยวา่ การขยายสญั ญาณแสงโดย การปลอ่ ยแสงแบบเรา้ การเกดิ แสงเลเซอรต์ อ้ งมเี ครอื่ งกำเนดิ แสงเลเซอร์ ซงึ่ มอี งคป์ ระกอบ ทสี่ ำคญั ๓ สว่ น คอื ๑. ตวั กลางเลเซอร์ ไดแ้ ก่ วสั ดทุ ตี่ อ้ งการกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การปลอ่ ยแสงเลเซอร์ อาจ เปน็ แกส๊ ของเหลว ของแขง็ หรอื สารกง่ึ ตวั นำ ๒. ออปทคิ ลั เรโซเนเตอร์ ชว่ ยใหเ้ กดิ การขยายสญั ญาณแสง ประกอบดว้ ยกระจก ๒ แผน่ เรยี กวา่ กระจกหนา้ และกระจกหลงั วางหนั หนา้ เขา้ หากนั โดยมตี วั กลางเลเซอร์ อยรู่ ะหวา่ งกระจกทง้ั ๒ แผน่ กระจกทงั้ ๒ แผน่ มคี า่ การสะทอ้ นแสงตา่ งกนั กระจกหลงั มคี า่ การสะทอ้ นแสงมากกวา่ กระจกหนา้ กระจกหลงั จะสะทอ้ นแสงไดห้ มดหรอื เกอื บหมด


สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนฯ เล่ม 40 (รวมเล่ม)

The book owner has disabled this books.

Explore Others