250 ก ารตรวจวผินู้ชิจาฉยัยสตงู าวมัยขทั้น่มี ตีออากนารคผือดิ เปรกิ่มตจาใิ นกกกาารรตขรบั วถจ่าตย่อปมัสลสูกาวหะมคาวกรรโีบดไยปกพาบรสแอพดทนย้ิว์ เเขพ้า่อื ทราบั ง ทวารหนกั เพอ่ื ตรวจขนาดวา่ โตกวา่ ปกติ หรอื มพี น้ื ผวิ แขง็ และไมเ่ รยี บหรอื ไม่ ขน้ั ตอ่ ไปกค็ อื การตรวจเลอื ด เพอ่ื หาคา่ พเี อสเอ (PSA: Prostate Specific Antigen) ถา้ คา่ พเี อสเอสงู กวา่ ปกติ กอ็ าจเปน็ มะเรง็ หรอื อาจเปน็ เพราะการอกั เสบของตอ่ มลกู หมากกไ็ ด้ จงึ ตอ้ งตดั ชนิ้ เนอ้ื ไป ตรวจทางพยาธวิ ทิ ยาตอ่ ไป นบั เปน็ ขน้ั ตอนสำคญั เพอ่ื วนิ จิ ฉยั วา่ เปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากหรอื ไม่ และเปน็ อยใู่ นระยะใด ซง่ึ แพทยจ์ ะพจิ ารณาใหก้ ารรกั ษาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมตอ่ ไป การรกั ษามะเรง็ ตอ่ มลกู หมากมหี ลายวธิ ี ดงั น้ี ๑. การผา่ ตดั โดยการตัดต่อมลูกหมากออก แลว้ เยบ็ คอกระเพาะปัสสาวะต่อเข้า กบั ทอ่ ปสั สาวะ ๒. รังสีรักษา หรือที่เรียกกันว่า การฉายแสง ทำได้โดยการให้รังสีจากเคร่ือง กำเนดิ รงั สภี ายนอกรา่ งกาย หรอื โดยการฝงั แรก่ มั มนั ตรงั สเี ขา้ ไปในตอ่ มลกู หมาก ๓. เคมบี ำบดั เปน็ การใชย้ าเพอ่ื ทำลายเซลลม์ ะเรง็ ยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตและการ แพรก่ ระจายของเซลลม์ ะเรง็ เคร่อื งเอกซเรยค์ อมพิวเตอร์ หรือเครือ่ งซีทสี แกน (CT Scan)
251 ชนิ้ เน้ือทีเ่ จาะจากตอ่ มลูกหมาก เคร่ืองอัลตราซาวนด์ หวั อัลตราซาวนดท์ างทวารหนักพรอ้ มเข็มตดั ชิ้นเนอื้ แพทยจ์ ะเปน็ ผวู้ นิ จิ ฉยั วา่ ผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายควรรกั ษาดว้ ยวธิ ใี ดจงึ จะเหมาะสม อาจ ตอ้ งใชห้ ลายวธิ รี ว่ มกนั เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลดที ส่ี ดุ ในการรกั ษา นอกจากวธิ เี ดมิ เหลา่ นท้ี กี่ ลา่ วแลว้ ยงั มวี ธิ ใี หมท่ ใ่ี ชร้ กั ษามะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก คอื การรกั ษาดว้ ยความเยน็ โดยการทำใหเ้ นอื้ ตอ่ มลกู หมากเยน็ ลงถงึ -๑๔๐ องศาเซลเซยี ส หรอื โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปท่ีต่อมลูกหมาก ซึ่งจะทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง ๘๐ องศา เซลเซยี ส ทงั้ ๒ วธิ นี จี้ ะทำใหเ้ นอ้ื ตอ่ มลกู หมากถกู ทำลาย แตย่ งั เปน็ วธิ ใี หมท่ ตี่ อ้ งตดิ ตามผลดี และผลเสยี ของการรกั ษาตอ่ ไป การดูแลสุขภาพในระหว่างหรือหลังการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากเป็นสิ่งสำคัญ จากการวจิ ยั พบวา่ อาหารบางชนดิ มสี ว่ นชว่ ยลดอตั ราการเกดิ และการกระจายตวั ของมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก เชน่ ชาเขยี ว มะเขอื เทศ ทบั ทมิ ถว่ั เหลอื ง บางชนดิ ทำใหม้ ะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก ลกุ ลามเรว็ ขน้ึ ไดแ้ ก่ เนอ้ื สตั ว์ และผลติ ภณั ฑจ์ ากนม จงึ ควรหาความรแู้ ละขอคำแนะนำจาก แพทยผ์ เู้ ชยี่ วชาญในเรอื่ งอาหาร นอกจากนี้ การออกกำลงั กายอยา่ งสมำ่ เสมอ การทำจติ ใจให้ สดชนื่ ไมเ่ ครยี ด จะทำใหค้ นปกตทิ วั่ ไปมชี วี ติ ทหี่ า่ งไกลจากโรคมะเรง็ และผปู้ ว่ ยโรคมะเรง็ ท่ี อยภู่ ายใตก้ ารดแู ลของแพทยก์ จ็ ะมชี วี ติ อยา่ งปกตสิ ขุ ตอ่ ไปได ้
252 สว่ นเดก็ โต ศาสตราจารย์ นายแพทยว์ ชริ คชการ ผเู้ ขยี น ๑. ตอ่ มลกู หมาก ลกู หมากยงั มกี ลไกหรู ดู ทมี่ ลี กั ษณะเปน็ กลา้ มเนอื้ ตอ่ มลกู หมากเปน็ อวยั วะเลก็ ๆ ในเพศชาย ท้ังกล้ามเน้ือเรียบและกล้ามเนื้อลายที่ติดอยู่กับ มรี ปู รา่ งคลา้ ยลกู เกาลดั ขนาดประมาณ ๒๐-๒๕ ตอ่ มลกู หมาก ทำหนา้ ทใี่ นการควบคมุ ไมใ่ หป้ สั สาวะ มลิ ลลิ ติ ร หรอื เทา่ กบั ชมพผู่ ลยอ่ ม ๆ วางอยดู่ า้ นลา่ ง เลด็ ราดออกมา ของกระเพาะปสั สาวะตรงทอ่ ปสั สาวะสว่ นตน้ โดย ตอ่ มลกู หมากเปน็ อวยั วะสว่ นหนง่ึ ของระบบ ตอ่ มลกู หมากจะหมุ้ รอบทอ่ ปสั สาวะสว่ นตน้ ไว้ ซง่ึ สบื พนั ธชุ์ ายและเซลลต์ อ่ มลกู หมากจะเจรญิ เตบิ โต ทอ่ ปสั สาวะกจ็ ะลอดผา่ นตอ่ มลกู หมากจนออกมา ภายใตอ้ ทิ ธพิ ลของฮอรโ์ มนเพศชาย ตอ่ มลกู หมาก สู่อวัยวะเพศชาย ดังน้ัน เมื่อเกิดความผิดปกติ จะเรม่ิ โตขน้ึ เมอ่ื ผชู้ ายเขา้ สวู่ ยั รนุ่ และโตขนึ้ เรอ่ื ย ๆ บรเิ วณตอ่ มลกู หมาก จงึ ทำใหผ้ ปู้ ว่ ยมอี าการผดิ ปกต ิ ตามอายทุ เี่ พม่ิ ขน้ึ และจะโตจนกระทง่ั กอ่ ปญั หา ในเวลาขบั ถา่ ยปสั สาวะ นอกจากนี้ บรเิ วณตอ่ ม ในการขบั ถา่ ยปสั สาวะ ซงึ่ มกั จะเกดิ เมอื่ ผชู้ ายมอี าย ุ ประมาณ ๕๐ ปขี น้ึ ไป ต่อมลูกหมากยังทำหน้าที่เก่ียวข้องกับการ หลง่ั นำ้ เชอื้ อสจุ ิ โดยจะมที อ่ นำนำ้ เชอื้ อสจุ ทิ มี่ าจาก ต่อมหมวกไต ลูกอัณฑะ และท่อจากถุงเก็บน้ำหล่อเลี้ยงอสุจ ิ ไต (seminal vesicle) มาพบกนั บรเิ วณตอ่ มลกู หมาก เมอ่ื มเี พศสมั พนั ธห์ รอื มกี ารหลง่ั นำ้ เชอ้ื อสจุ ิ ตอ่ ม ทอ่ ไต ลูกหมากและกล้ามเนื้อโดยรอบจะบีบตัวไล่อสุจิ ออกมา ผู้ป่วยท่ีได้รับการผ่าตัดเอาต่อมลูกหมาก ท่อนำน้ำเชอ้ื ทวารหนกั ออกไปจงึ ไมม่ กี ารหลงั่ นำ้ เชอื้ อสจุ ิ กรกะรเะพดากูะหปวัสั หสนาว่าะว ถงุ เกบ็ นำ้ หล่อเล้ยี งอสุจ ิ ตอ่ มลูกหมาก การเจริญเติบโตของเซลล์ต่อมลูกหมากอยู่ ทอ่ ปสั สาวะ อองคณั ชฑาตะ ภายใต้ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (testos- terone) ซง่ึ จะมกี ารเปลย่ี นแปลงเปน็ ไดไฮโดรเทส- โทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรอื ฮอรโ์ มน ทดแทนในชายวยั ทอง เมอ่ื เขา้ สตู่ อ่ มลกู หมาก ทำให ้ ตอ่ มลกู หมากโต ดงั นนั้ หากผชู้ ายทม่ี คี วามผดิ ปกติ ไมส่ ามารถผลติ ฮอรโ์ มนนไ้ี ดจ้ ากการสญู เสยี อณั ฑะ ตอ่ มลกู หมากและอวยั วะทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
253 หรอื อณั ฑะไมพ่ ฒั นา หรอื ไมส่ ามารถเปลย่ี นฮอรโ์ มน กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ เทสโทสเตอโรนให้เป็นไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน กระบวนการโตของตอ่ มลกู หมากแตอ่ ยา่ งใด โดย ทำให้ต่อมลูกหมากไม่โต เซลล์ต่อมลูกหมากจะ อาจแทรกอยใู่ นเนอื้ ตอ่ มลกู หมากทโี่ ตตามปกตไิ ด้ ฝ่อไป หลักการน้ีนำมาซึ่งหลักในการรักษาโรค การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ท่ีเป็นมะเร็งจนทำให้ ต่อมลูกหมากท้ังทีเ่ ปน็ ลกู หมากโตแบบปกตหิ รือ เซลล์มีลักษณะที่ผิดปกติไปจากเซลล์ท่ัวไป คือ เปน็ มะเรง็ มอี ตั ราการแบง่ ตวั ทร่ี วดเรว็ มคี วามสามารถทจี่ ะ ลกุ ลามไปสสู่ ว่ นอนื่ ๆ และยงั สามารถกระจายตวั ๒. มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก ผ่านได้ทั้งทางเดินน้ำเหลืองและทางกระแสเลือด เมอื่ เซลลก์ ลายเปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากจะโตมาก โดยปกตเิ ซลลต์ อ่ มลกู หมากมเี ซลลเ์ กดิ ใหม่ ขนึ้ และมลี กั ษณะทผี่ ดิ ปกติ คอื แขง็ ตะปมุ่ ตะปา่ และเซลล์ที่ตายไปในอัตราท่ีเท่า ๆ กัน จึงทำให้ ซง่ึ แตกตา่ งจากการโตตามปกตทิ เี่ รยี บและมคี วาม ตอ่ มลกู หมากคงขนาดเทา่ เดมิ การเกดิ และการสลาย นมุ่ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากสามารถกระจายตวั ผา่ นได้ ตายไปของเซลล์น้ีเป็นปกติในเกือบทุกระบบใน ทางท่อน้ำเหลืองไปยังต่อมน้ำเหลืองต่าง ๆ และ รา่ งกาย เรยี กวา่ แอพอปโทซสิ (apoptosis) เปน็ ไปยงั กระดกู ผา่ นทางกระแสเลอื ด กระบวนการตายของเซลลร์ ปู แบบหนง่ึ ปรากฏการณ ์ น้ีเป็นลักษณะปกติเสมือนหน่ึงร่างกายคนเรามี ๒.๑ ความชกุ ชมุ ของมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก การตง้ั โปรแกรมเอาไว้ จงึ ทำใหอ้ วยั วะของรา่ งกาย ไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงขนาด เมอื่ ผชู้ ายอายมุ ากขนึ้ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากเปน็ มะเรง็ ทพ่ี บไดบ้ อ่ ย มีการเปลี่ยนแปลงในด้านฮอร์โมนเพศ อาจเป็น ทส่ี ดุ เปน็ อนั ดบั ท่ี ๑ ในเพศชาย ในสหรฐั อเมรกิ า เหตหุ นง่ึ ทท่ี ำใหต้ อ่ มลกู หมากโตขน้ึ แตเ่ ปน็ การ องั กฤษ และประเทศในยโุ รป เปน็ สาเหตกุ ารตาย โตปกติตามช่วงอายุ โดยค่อย ๆ โตข้ึนตามลำดับ อนั ดบั ที่ ๒ อตั ราการตรวจพบมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก จนกระทงั่ กดี ขวางการไหลของนำ้ ปสั สาวะ ทำใหม้ ี ในแต่ละเชื้อชาติมีความแตกต่างกัน ดังแสดงใน ความผดิ ปกตใิ นการขบั ถา่ ยปสั สาวะ เชน่ ปสั สาวะ ตาราง ไมพ่ งุ่ ลำปสั สาวะเลก็ ลง ปสั สาวะไมห่ มด หรอื อาจถา่ ยปสั สาวะไมอ่ อก การโตของตอ่ มลกู หมาก อัตราการพบมะเร็งต่อมลูกหมาก ศึกษาจากประชากร ตามอายุนี้ เรียกว่า “ต่อมลูกหมากโต” (Benign ในสหรฐั อเมรกิ า แยกตามเชอ้ื ชาตแิ ละสายพนั ธุ์ เปน็ สถติ ใิ น prostatic hyperplasia) ซึ่งหมายความว่า ตอ่ ม พ.ศ. ๒๕๕๔ ลูกหมากโตชนิดธรรมดา ไม่ได้เป็นมะเร็ง และ สามารถพบได้ท่ัวไปคือ เมื่อผู้ชายมีอายุมากขึ้น เชอ้ื ชาติ/สายพนั ธุ์ ประชากรเพศชาย จนอายปุ ระมาณ ๕๐ ปขี นึ้ ไป จะมอี าการผดิ ปกตใิ น ทกุ เชื้อชาต ิ ๑๕๔.๘ ตอ่ ๑๐๐,๐๐๐ การขบั ถา่ ยปสั สาวะ ปสั สาวะลำบาก การโตของ ผิวขาว ๑๔๖.๙ ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ ต่อมลูกหมากในลักษณะน้ีไม่ได้เป็นอาการเริ่ม ผวิ ดำ ๒๓๖.๐ ตอ่ ๑๐๐,๐๐๐ แรกของโรคมะเร็ง เซลล์ต่อมลูกหมากสามารถ ชาวเอเชียและหม่เู กาะในแปซฟิ ิก ๘๕.๔ ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ ชาวพื้นเมืองเดมิ ในสหรฐั อเมรกิ า (อินเดยี นแดง) ๗๘.๔ ตอ่ ๑๐๐,๐๐๐ ชาวอเมรกิ ากลาง อเมรกิ าใต ้ ๑๒๕.๙ ต่อ ๑๐๐,๐๐๐
254 ล กู หมจาะกเใหนน็ ปไรดะว้ ชา่ ากอรตัแรตาล่ กะาเรชตอื้ รชวาจตพแิ บลมะะสเารยง็ พตนัอ่ มธุ์ ๔. แสงแดด ซง่ึ เกย่ี วขอ้ งกบั วติ ามนิ ดี พบวา่ มีความแตกต่างกัน พบว่า เม่ือมีการย้ายถ่ินฐาน ประเทศทม่ี ปี รมิ าณแสงแดดนอ้ ย ๆ เชน่ ประเทศ เช่น ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ หรือชาวญี่ปุ่นท่ีอพยพ ในแถบสแกนดิเนเวีย มีอัตราการพบมะเร็งต่อม ไปตง้ั ถนิ่ ฐานในสหรฐั อเมรกิ า จะมอี ตั ราการพบ ลกู หมากมากกวา่ มะเร็งต่อมลูกหมากสูงข้ึนอย่างชัดเจนเมื่อเทียบ กบั ผทู้ ยี่ งั อยใู่ นทเ่ี ดมิ ซงึ่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ นอกจาก ๒.๓ อาการของมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก ปจั จยั ดา้ นเชอ้ื ชาตแิ ลว้ สง่ิ แวดลอ้ ม อาหาร วถิ ี การดำรงชวี ติ กย็ งั มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การเกดิ มะเรง็ มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มแรกจะไม ่ ตอ่ มลกู หมากดว้ ย สำหรบั สถติ ใิ นประเทศไทยนนั้ มอี าการใด ๆ แตเ่ มอ่ื กอ้ นมะเรง็ มขี นาดโตขนึ้ จงึ จะ อาจยงั ไมช่ ดั เจน แตจ่ ากรายงานใน พ.ศ. ๒๕๕๑ มี ปรากฏอาการ เนอื่ งจากการทกี่ อ้ นเนอ้ื กดเบยี ดทอ่ อตั ราการพบ ๕.๕ คนตอ่ ประชากรชาย ๑๐๐,๐๐๐ ปสั สาวะทำใหผ้ ปู้ ว่ ยรสู้ กึ วา่ ปสั สาวะไมพ่ งุ่ ลำเลก็ คน ซง่ึ ยงั หา่ งจากสถติ ขิ องประเทศอนื่ มาก จดั เปน็ ต้องเบ่งปัสสาวะ แต่อาการดังกล่าวไม่ได้เฉพาะ มะเร็งที่พบบ่อยเป็นลำดับท่ี ๕ ในเพศชาย รอง เจาะจงวา่ เปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก ตอ่ มลกู หมาก จากมะเรง็ ตบั มะเรง็ ปอด มะเรง็ ลำไสใ้ หญ่ และ โตทไ่ี มใ่ ชม่ ะเรง็ กม็ อี าการเชน่ เดยี วกนั หากอาการ มะเรง็ ตอ่ มนำ้ เหลอื ง อายทุ ม่ี กั จะพบคอื ๖๐-๗๐ ปี มากขึ้น คือ ก้อนมะเร็งลุกลามเข้าสู่กระเพาะ และพบนอ้ ยมากในอายตุ ำ่ กวา่ ๕๐ ปี ปสั สาวะหรอื เขา้ สถู่ งุ เกบ็ นำ้ หลอ่ เลยี้ งอสจุ ิ ผปู้ ว่ ย อาจปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีอสุจิปนเลือด เมื่อ ๒.๒ ปจั จยั เสย่ี งทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ มะเรง็ ตอ่ ม กอ้ นมะเรง็ โตมากขนึ้ อาจกดทอ่ ไตสว่ นปลายทำให้ ลกู หมาก ปสั สาวะไหลลงมาไมไ่ ด้ จะมอี าการไตวาย เชน่ บวม ออ่ นเพลยี คลน่ื ไส้ อาเจยี น การกระจาย สาเหตทุ ที่ ำใหเ้ กดิ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากนนั้ ยงั ของมะเรง็ ไปทตี่ อ่ มนำ้ เหลอื งอาจทำใหข้ าบวมจาก ไมท่ ราบแนช่ ดั แตพ่ บวา่ มปี จั จยั บางประการทท่ี ำให้ การอดุ กนั้ ของทอ่ นำ้ เหลอื ง แตก่ ระดกู จะเปน็ จดุ ท่ี เปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากไดม้ ากขน้ึ ไดแ้ ก ่ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากกระจายมา ทำใหม้ อี าการปวด กระดกู ตรงจดุ ทม่ี ะเรง็ กระจาย เชน่ บรเิ วณกระดกู ๑. กรรมพนั ธ์ุ หากมปี ระวตั คิ นในครอบครวั สนั หลงั กระดกู เชงิ กราน ซโี่ ครง ถา้ กระดกู สนั หลงั เชน่ ปู่ บดิ า พช่ี าย เปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก จะมี ทมี่ ะเรง็ ตอ่ มลกู หมากกระจายมาทรดุ หรอื หกั อาจ โอกาสเปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากสงู มากกวา่ คนทว่ั ไป กดไขสนั หลงั ทำใหผ้ ปู้ ว่ ยเปน็ อมั พาต มอี าการชา ขยบั ขาไมไ่ ด้ กลา้ มเนอ้ื ขาออ่ นแรง ถอื เปน็ ภาวะ ๒. เชอื้ ชาติ สายพนั ธ์ุ พบวา่ ในชนชาตทิ าง ฉุกเฉิน ปัญหานี้หากแก้ไขได้รวดเร็วจะทำให้ผู้ ตะวนั ตกจะมอี ตั ราการพบมะเรง็ ตอ่ มลกู หมากมาก ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ถ้าไม่สามารถแก้ กวา่ ชาวเอเชยี ปญั หาไดท้ นั กาลจะทำใหผ้ ปู้ ว่ ยพกิ าร ไมส่ ามารถ ชว่ ยเหลอื ตวั เองได้ กลายเปน็ ภาระของครอบครวั ๓. อาหารท่ีมีไขมันสูง หากรับประทาน และสงั คม อาหารทม่ี ไี ขมนั สงู เปน็ ประจำ จะมปี จั จยั เสย่ี งให้ เกดิ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากมากกวา่ อาหารทมี่ ไี ขมนั ตำ่
255 ๒.๔ การวนิ จิ ฉยั มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก โดยทวั่ ไป ประการสำคญั คอื การคลำตอ่ มลกู หมาก แพทยจ์ ะสวมถงุ มอื โดยใชส้ ารหลอ่ ลน่ื ชว่ ย แลว้ เน่ืองจากมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่ม สอดนว้ิ เขา้ ไปทางชอ่ งทวารหนกั การตรวจลกั ษณะ แรกไมป่ รากฏอาการ ดงั นน้ั การตรวจวนิ จิ ฉยั จงึ น้ี แพทยส์ ามารถบอกถงึ ขนาดของตอ่ มลกู หมาก มงุ่ คน้ หาผทู้ เ่ี ปน็ มะเรง็ ในระยะแรก คอื ผชู้ ายทไ่ี มม่ ี ผิวของต่อมลูกหมากว่า ตะปุ่มตะปา่ แข็งมากผดิ อาการใด ๆ หรอื มอี ายทุ น่ี า่ จะพบมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก ปกติหรือไม่ หรือมีการลุกลามออกสู่อวัยวะข้าง ดงั ทไี่ ดก้ ลา่ วในตอนตน้ วา่ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากใน เคยี งหรอื ไม่ คนไทยมกั จะพบเมอื่ อายปุ ระมาณ ๖๐-๗๐ ปี แต่ มีข้อมูลท่ีศึกษาการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง การตรวจเลอื ดหาคา่ พเี อสเอ (Prostate Specific พบวา่ จากมะเรง็ กอ้ นเลก็ ๆ และโตจนกระทงั่ เกดิ Antigen: PSA) ซงึ่ เปน็ สารทผ่ี ลติ จากตอ่ มลกู หมาก อนั ตรายตอ่ ผปู้ ว่ ยจะใชเ้ วลาประมาณ ๑๐ ปี ดงั นน้ั สามารถตรวจพบไดใ้ นกระแสเลอื ด สามารถบอก ชว่ งอายทุ คี่ วรไดร้ บั การตรวจคดั กรองหามะเรง็ นา่ ถงึ โอกาสทจี่ ะพบมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก แตก่ ารเพม่ิ จะอยใู่ นชว่ งอายุ ๔๕-๕๐ ปี แตถ่ า้ อยใู่ นกลมุ่ ทม่ี ี ขน้ึ ของพเี อสเอไมไ่ ดเ้ จาะจงเฉพาะการวนิ จิ ฉยั มะเรง็ ปัจจัยเสี่ยง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง ตอ่ มลกู หมาก คา่ ปกตทิ ยี่ อมรบั โดยทว่ั ไปของพเีอสเอ ต่อมลูกหมาก ก็ควรได้รับการตรวจเร็วข้ึน เช่น คอื ๐-๔ นาโนแกรม/มลิ ลลิ ติ ร (nanogram/ml) ถงึ อาจตรวจตง้ั แตอ่ ายุ ๔๐ ปี สว่ นผทู้ ม่ี อี าการทน่ี า่ แมค้ า่ พเี อสเอจะสงู กวา่ ปกติ ยงั อาจเกดิ ไดจ้ ากหลาย สงสัยว่าจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากดังที่กล่าวมา สาเหตุ เชน่ การอกั เสบบรเิ วณตอ่ มลกู หมาก การ แลว้ ยงิ่ มคี วามจำเปน็ ตอ้ งตรวจวา่ เปน็ มะเรง็ ตอ่ ม กระทบกระเทือน เช่น การสวนปัสสาวะ หรอื ลกู หมากหรอื ไม่ การสอ่ งกลอ้ งทางทอ่ ปสั สาวะ แมก้ ระทงั่ การมเี พศ สมั พนั ธย์ งั ทำใหค้ า่ พเี อสเอสงู เชน่ กนั หรอื แมแ้ ต่ การตรวจวนิ จิ ฉยั มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากนน้ั สงิ่ ผชู้ ายทมี่ อี ายมุ ากกวา่ มกั จะมผี ลเลอื ดสงู กวา่ ผชู้ าย สำคญั คอื การตรวจรา่ งกาย แพทยจ์ ะตรวจรา่ งกาย ตอ่ มลกู หมาก ท่อนำน้ำเชือ้ หรู ูด กระเพาะปัสสาวะ อณั ฑะ ถงุ เกบ็ นำ้ หลอ่ เล้ียงอสจุ ิ ทวารหนัก น้วิ มือแพทย์ การตรวจตอ่ มลกู หมาก
256 อ ทาม่ี ยอี ุ าดยนงุั นอ้ นั้ยกควา่า่ พเีกอลสา่เอวคออืยา่ งคเา่ดพยี เีวอยสงั เไอมเพเ่ พมิ่ ยี ขงนพึ้ ตอใานม การเพ่ิมของค่าพีเอสเอต่อปี ปัจจุบันการศึกษา การยืนยันการวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก จะ คน้ ควา้ วจิ ยั เพอ่ื คน้ หาสง่ิ ทจ่ี ะใชท้ ำนายการตรวจพบ ตอ้ งมกี ารเจาะชนิ้ เนอื้ และนำชน้ิ เนอื้ สง่ ตรวจทาง มะเร็งต่อมลูกหมากยังคงดำเนินการต่อไปอย่าง พยาธวิ ทิ ยา ดงั นนั้ จงึ ไดค้ ดิ วธิ กี ารทท่ี ำใหค้ า่ พเี อสเอ ต่อเน่ือง ในอนาคตหวังว่าจะมีสารท่ีสามารถใช้ มคี วามเจาะจงมากขน้ึ เพอ่ื หลกี เลย่ี งการเจาะชนิ้ ทำนายโอกาสการตรวจพบมะเรง็ ตอ่ มลกู หมากได้ เนอ้ื ตอ่ มลกู หมากโดยไมจ่ ำเปน็ เชน่ การตรวจหา ดกี วา่ คา่ พเี อสเอ คา่ ฟรพี เี อสเอ (free PSA) ซงึ่ เปน็ พเี อสเอทยี่ งั เปน็ อสิ ระ ไมไ่ ดจ้ บั กบั สารอน่ื ใด คา่ พเี อสเอเดนซติ ี การเจาะชน้ิ เนอื้ เพอ่ื สง่ ตรวจทางพยาธวิ ทิ ยา (PSA density) ซึ่งเป็นการคำนวณหาค่าพีเอสเอ เปน็ ขนั้ ตอนสำคญั ในการวนิ จิ ฉยั แพทยจ์ ะทำการ เมอื่ เทยี บกบั ปริมาตรต่อมลูกหมาก และหาอตั รา อลั ตราซาวนดผ์ า่ นทางชอ่ งทวารหนกั แลว้ ใชเ้ ขม็ ทอี่ อกแบบมาเปน็ พเิ ศษเจาะตอ่ มลกู หมาก เพอื่ นำ ชน้ิ เนอ้ื จากตอ่ มลกู หมากเมอ่ื มองผา่ นกลอ้ งจลุ ทรรศนก์ ำลงั ขยายตำ่ เอาชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ส่งให้พยาธิแพทย์ตรวจวินิจฉัย ตอ่ ไป ขน้ั ตอนนเี้ ปน็ ขนั้ ตอนสำคญั ทสี่ ามารถจะ ชน้ิ เนอื้ จากตอ่ มลกู หมากชนดิ คะแนนเกลยี สนั ตำ่ วนิ จิ ฉยั ไดว้ า่ เปน็ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากหรอื ไม่ และ พยาธแิ พทยย์ งั สามารถจดั ลำดบั ความรนุ แรงของ ชนิ้ เนอ้ื จากตอ่ มลกู หมากชนดิ คะแนนเกลยี สนั สงู เซลลท์ สี่ ามารถทำนายความกา้ วรา้ วและโอกาสทอ่ี าจ เปน็ อนั ตราย หรอื การลกุ ลามของมะเรง็ ไดอ้ กี ดว้ ย แสดงการจดั ระยะเซลลม์ ะเรง็ แบบเกลยี สนั การจดั ลำดบั ทเี่ ปน็ มาตรฐานในปจั จบุ นั เปน็ วธิ ขี อง โดนลั ด์ เอฟ. เกลยี สนั (Donald F. Gleason) แพทย์ ชาวอเมรกิ นั โดยการจดั ลกั ษณะของเซลลเ์ ปน็ ลำดบั จาก ๑-๕ โดยทเี่ ซลลใ์ นลำดบั นอ้ ย ๆ จะมพี ฤตกิ รรม กา้ วรา้ วนอ้ ยกวา่ พยาธแิ พทยจ์ ะนำเอาลำดบั ของเซลล ์ ทพ่ี บบอ่ ยทสี่ ดุ ในชนิ้ เนอื้ ของผปู้ ว่ ยมารวมกบั ทพ่ี บ บอ่ ยเปน็ ลำดบั ๒ ในชน้ิ เนอื้ นน้ั ๆ กจ็ ะไดค้ า่ ตวั เลข ทเ่ี รยี กวา่ คะแนนเกลยี สนั (Gleason score) คะแนน เตม็ ๑๐ กลา่ วคอื มแี ตเ่ ซลลล์ ำดบั ที่ ๕ ทง้ั สนิ้ จงึ นำ เอา ๕ มาบวกกบั ๕ คะแนนตำ่ สดุ ๒ ซงึ่ หมายถงึ ลำดบั ที่ ๑+๑ ตวั อยา่ งในการรายงาน หากเซลลท์ ี่ พบมากทส่ี ดุ คอื เกรด ๕ และเซลลท์ พ่ี บลำดบั ที่ ๒ คอื เกรด ๓ จะรายงานวา่ Gleason grade 8 (๕+๓) ยง่ิ คะแนนมาก มะเรง็ จะมคี วามกา้ วรา้ วมาก มโี อกาสลกุ ลาม กระจายตวั ไดเ้ รว็ และรนุ แรง
257 กระดกู ทป่ี กต ิ กระดกู ทมี่ เี ซลลม์ ะเรง็ กระจาย ภาพแสดงผลการสแกนกระดกู การตรวจทางรงั สี เชน่ เอกซเรยค์ อมพวิ เตอร ์ ยงั อวยั วะอน่ื แตบ่ างคนยงั เคยชนิ กบั การแบง่ ระยะ (CT scan) เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็ก (Magnetic แบบเดมิ คอื ระยะที่ ๑, ๒, ๓, ๔ ซงึ่ ระยะที่ ๑ Resonance Imaging: MRI) ไมไ่ ดใ้ ชใ้ นการวนิ จิ ฉยั หมายถงึ กอ้ นมะเรง็ ยงั อยใู่ นตอ่ มลกู หมาก ระยะ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก แตจ่ ะชว่ ยใหร้ ายละเอยี ดกอ่ น ท่ี ๒ หมายถงึ กอ้ นใหญข่ นึ้ เรม่ิ ลกุ ลามพน้ ออกมา การรกั ษา เชน่ การผา่ ตดั หรอื การใหร้ งั สรี กั ษา สขู่ า้ งนอก ระยะท่ี ๓ หมายถงึ กระจายสอู่ วยั วะ ขา้ งเคยี ง และระยะท่ี ๔ หมายถงึ กระจายไปสู่ การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ท่ีเป็น อวยั วะอน่ื ๆ ทอี่ ยไู่ กลจากตอ่ มลกู หมาก แตก่ าร มาตรฐานในการรักษาผู้ป่วย เป็นการตรวจเพื่อ แบ่งแบบนี้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ผู้ป่วยและ คน้ หาวา่ มะเรง็ มกี ารกระจายไปหรอื ไม่ วธิ ที น่ี ยิ ม ญาติมาก เพราะระยะท่ี ๔ เป็นระยะท่ีมากท่ีสุด ปฏบิ ตั กิ นั คอื การตรวจสแกนกระดกู (Bone scan) ไม่มีระยะท่ีมากกว่าน้ีแล้ว จึงเข้าใจว่าเป็นระยะ โดยการฉีดสารบางชนิดท่ีสามารถใช้กล้องพิเศษ สดุ ทา้ ย ทำใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ วา่ เปน็ มะเรง็ ในระยะ จบั ภาพไดเ้ ขา้ ไปในรา่ งกาย เปน็ การตรวจทใี่ หผ้ ล สดุ ทา้ ย แตใ่ นความเป็นจรงิ มะเร็งตอ่ มลกู หมาก เรว็ และไมเ่ จบ็ ปวด ระยะนยี้ งั รกั ษาได้ ถงึ แมไ้ มห่ ายขาด แตผ่ ปู้ ว่ ยยงั สามารถมอี ายยุ นื ยาวไดอ้ กี หลายปี แมว้ า่ มะเรง็ จะ ๒.๕ การจดั ระยะของโรค กระจายไปแลว้ กต็ าม การจดั ระยะโรคนบั วา่ มคี วาม การจัดระยะของโรคจะบ่งบอกว่ามะเร็งได้ จำเป็นเพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสม กระจายไปมากหรอื นอ้ ยเพยี งใด ในปจั จบุ นั นยิ ม ในผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย จดั ระยะของโรคเปน็ ระบบ TNM ซงึ่ T หมายถงึ ขนาดของก้อนมะเร็ง N หมายถึง การกระจาย ไปยงั ตอ่ มนำ้ เหลอื ง M หมายถงึ การกระจายไป
258 ๒.๖ การรกั ษา และคาดว่าจะมีอายุยืนยาวอีกไม่ถึง ๑๐ ปี หรือ สขุ ภาพไมด่ ที อี่ าจมปี จั จยั เสย่ี งในการรกั ษา แพทย์ การพจิ ารณาใหก้ ารรกั ษาใด ๆ ทเ่ี หมาะสม สามารถพจิ ารณาวธิ กี ารรกั ษาโดยการเฝา้ ตดิ ตามผู้ กับผู้ป่วยแต่ละรายมีอยู่หลายปัจจัย เช่น ระยะ ปว่ ยรายน้ี และนดั ผปู้ ว่ ยมาตรวจเปน็ ระยะ ๆ เชน่ ของโรค อายขุ องผปู้ ว่ ย สขุ ภาพและโรคประจำตวั การตรวจรา่ งกาย เชน่ ตรวจเลอื ดหาคา่ พเีอสเอ และ ท่ีผู้ป่วยเป็นอยู่ การยอมรับของผู้ป่วยและญาติ เฝา้ ระวงั วา่ จะเรมิ่ มปี ญั หาจากมะเรง็ หรอื ไม่ เพอ่ื ความพรอ้ มของบคุ ลากรและสถานทนี่ น้ั ๆ ยงั ไมม่ ี พจิ ารณาใหก้ ารรกั ษาทเ่ี หมาะสมตอ่ ไป สำหรบั ผู้ การรกั ษาใด ๆ ทเี่ หมาะสมกบั ผปู้ ว่ ยทกุ ราย หาก ปว่ ยทเี่ หมาะสมจะเลอื กวธิ นี ใี้ นการรกั ษา ไดแ้ ก่ ผทู้ ี่ ผู้ป่วยที่อายุมากมีมะเร็งขนาดเล็กและยังอยู่ใน มอี ายมุ ากเกนิ กวา่ อายคุ าดเฉลยี่ (Life Expectancy) ตอ่ มลกู หมาก อาจไมต่ อ้ งทำการรกั ษา เพราะกวา่ ในประเทศไทยจากการสำรวจสำมะโนประชากร ก้อนมะเร็งจะโตขึ้นจนเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจะ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๒ เพศชายอยทู่ อ่ี ายุ ๖๙.๕ ปี ต้องใช้เวลาอีกนับ ๑๐ ปี ท้ังนี้ มีผลการวิจัยใน หากผปู้ ว่ ยทม่ี อี ายเุ กนิ กวา่ อายคุ าดเฉลยี่ มาก และมี ตา่ งประเทศยนื ยนั การตรวจศพผสู้ งู อายทุ เี่ สยี ชวี ติ มะเร็งก้อนเล็กจึงควรเลือกใช้วิธีน้ี ส่วนผู้ป่วยท่ี ดว้ ยสาเหตอุ น่ื พบวา่ มมี ะเรง็ ตอ่ มลกู หมากซอ่ น มีอายุน้อย หรือมีมะเร็งก้อนใหญ่ และมีอาการ อยโู่ ดยทผ่ี นู้ นั้ ไมม่ อี าการใด ๆ มากอ่ นเลย ดงั นน้ั แล้ว ไม่อยู่ในเง่ือนไขที่จะเลือกรักษาด้วยวิธีดัง การพจิ ารณาเลอื กวธิ กี ารรกั ษาใด ๆ ในแตล่ ะรายจงึ กลา่ วน ้ี ต้องพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ผลดีและผลเสีย ก่อน ตดั สนิ ใจใหก้ ารรกั ษาผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย แตก่ ารรกั ษา ๒. การผา่ ตดั ทดี่ ใี นสถาบนั ชน้ั นำทว่ั โลกแนะนำใหก้ ารรกั ษาแบบ ในการรกั ษามะเรง็ ตอ่ มลกู หมากระยะตน้ ที่ สหสาขา ซงึ่ ประกอบดว้ ยศลั ยแพทยร์ ะบบปสั สาวะ กอ้ นมะเรง็ ยงั คงอยใู่ นตอ่ มลกู หมากนน้ั แพทยจ์ ะ อายุรแพทย์ รังสีแพทย์ พยาธิแพทย์ พยาบาล ผา่ ตดั เอาตอ่ มลกู หมากออก แลว้ นำเอาคอกระเพาะ และผู้เก่ียวข้อง เพื่อปรึกษาหารือบนฐานข้อมูล ปสั สาวะมาเยบ็ ตอ่ กบั ทอ่ ปสั สาวะ การผา่ ตดั สามารถ และสอบทานขอ้ มลู ผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย การรกั ษาที่ ทำไดโ้ ดยการมแี ผลผา่ ตดั หรอื การเจาะชอ่ งเลก็ ๆ เปน็ มาตรฐานในปจั จบุ นั ไดแ้ ก ่ แลว้ ผา่ ตดั ผา่ นกลอ้ งวดี ทิ ศั น์ หรอื ใชห้ นุ่ ยนตช์ ว่ ย ๑. การเฝา้ ตดิ ตาม (active surveillance) ในการผา่ ตดั ซงึ่ ปจั จบุ นั มกี ารใชท้ ง้ั ๓ วธิ ี จากที่ได้กล่าวแล้วว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากท่ี การผ่าตัดโดยมีแผลผ่าตัดทำได้ทั้งผ่านทาง ได้รับการผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากออกด้วยสาเหตุ หนา้ ทอ้ ง และผา่ นทางฝเี ยบ็ ซงึ่ อยรู่ ะหวา่ งอณั ฑะกบั อน่ื หรอื ตรวจศพพบวา่ มมี ะเรง็ ตอ่ มลกู หมากซอ่ น ชอ่ งทวารหนกั ศลั ยแพทยจ์ ะใชแ้ ผลนเี้ ขา้ ไปผา่ ตดั อยู่จำนวนมาก ทั้ง ๆ ท่ีขณะผู้ป่วยมีชีวิตไม่ได้มี เอาตอ่ มลกู หมากออก ศลั ยแพทยส์ ามารถสมั ผสั อาการใด ๆ และจากการศกึ ษาถงึ การเจรญิ เตบิ โต กบั บรเิ วณผา่ ตดั โดยตรง สว่ นการผา่ ตดั ผา่ นทาง ของกอ้ นมะเรง็ คาดวา่ จากจดุ เลก็ ๆ นา่ จะใชร้ ะยะ กล้องวีดิทัศน์จะผ่าตัดผ่านการเจาะรูเล็ก ๆ แล้ว เวลานบั ๑๐ ปี ดงั นนั้ ในกรณผี ปู้ ว่ ยทม่ี อี ายมุ าก ใช้กล้องท่ีมีการออกแบบมาเป็นพิเศษสอดเข้าไป
259 ผ่าตัด ทั้งนี้ ศัลยแพทย์ไม่ได้สัมผัสกับบริเวณที่ ภารกิจตามปกติได้ อาการข้างเคียงจากการดม ผา่ ตดั โดยตรง ดงั นน้ั ตอ้ งมกี ารฝกึ ฝนใหช้ ำนาญ ยาสลบและการผ่าตัดใหญ่ขึ้นอยู่กับสุขภาพและ ข้อดีของการผ่าตัดผ่านวีดิทัศน์มีหลายประการ โรคประจำตวั ของผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายดว้ ย อาการขา้ ง เช่น ผู้ป่วยฟ้ืนตัวเร็ว นอนที่โรงพยาบาลระยะ เคยี งทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ การกลน้ั ปสั สาวะ และการเสอ่ื ม ส้ันกว่า ส่วนการผ่าตัดโดยการใช้หุ่นยนต์เป็น สมรรถภาพทางเพศ ทง้ั น้ี เนอ่ื งจากตอ่ มลกู หมาก วิวัฒนาการท่ีต่อยอดมาจากการผ่าตัดผ่านทาง จะมกี ลา้ มเนอื้ หรู ดู แนบตดิ กนั อยู่ ซง่ึ เปน็ กลไกการ กลอ้ งวดี ทิ ศั น์ ศลั ยแพทยจ์ ะควบคมุ การผา่ ตดั อยู่ กล้ันปัสสาวะ เม่ือผ่าตัดออกจึงกระทบต่อการ ขา้ ง ๆ เตยี งผา่ ตดั การขยบั เคลอ่ื นไหวของกลอ้ ง กลนั้ ปสั สาวะ แตท่ งั้ นข้ี น้ึ อยกู่ บั ระยะของโรคและ และอุปกรณ์ผ่าตัดจะควบคุมด้วยหุ่นยนต์ การ ประสบการณ์ของศัลยแพทย์ดว้ ย หากยุ่งยากใน ทำงานละเอียดกว่าและได้ผลดีดีกว่า อย่างไรก็ดี การผา่ ตดั ผา่ นกลอ้ งวดี ทิ ศั นแ์ ละหนุ่ ยนตจ์ ะตอ้ งมี การลงทนุ เกย่ี วกบั เครอ่ื งมอื ตา่ ง ๆ ซง่ึ มรี าคาแพง และต้องใช้เวลาในการฝึกฝนศัลยแพทย์ ดังนั้น โรงพยาบาลโดยทว่ั ไปอาจยงั ไมม่ คี วามสามารถใน การผา่ ตดั แบบน้ี การผา่ ตดั แบบมแี ผลจงึ ยงั คงใช้ เปน็ มาตรฐาน ขอ้ ดขี องการผา่ ตดั เพอ่ื การรกั ษามะเรง็ ตอ่ ม ลูกหมากคือ เป็นวิธีการรักษาท่ีได้ผลดีในมะเร็ง ต่อมลูกหมากท่ีก้อนมะเร็งยังอยู่ในต่อมลูกหมาก หากการผ่าตัดสามารถนำเอา ศลั ยแพทยค์ วบคมุ กลอ้ งวดี ทิ ศั นใ์ นระหวา่ งการผา่ ตดั กอ้ นมะเรง็ ออกไดห้ มดจะเปน็ ผลดีมาก ทำให้ผู้ป่วยมีอายุ ยืนยาวเท่ากับญาติพ่ีน้องที่ไม่ ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก สว่ นขอ้ เสยี คอื เปน็ การผา่ ตดั ใหญ่ ตอ้ งดมยาสลบ ใชร้ ะยะ เวลานานในการฟนื้ ตวั แมจ้ ะใช ้ กลอ้ งวดี ทิ ศั นก์ ต็ าม การนอนที่ โรงพยาบาลแมจ้ ะสน้ั กวา่ แตก่ ็ ยังต้องใช้ระยะเวลาในการพัก ฟ้ืนต่อที่บ้านจนกว่าจะปฏิบัติ การผา่ ตดั โดยใชห้ นุ่ ยนตเ์ คลอ่ื นไหวกลอ้ งและอปุ กรณผ์ า่ ตดั
260 ๓. การใหร้ งั สรี กั ษา วิธีการนี้เคยรู้จักกัน เครอ่ื งฉายรงั สี ในนามของวิธกี ารฉายแสง แตป่ จั จบุ นั มวี วิ ฒั นาการออก การผ่าตัดหรือขาดความระมัดระวัง จะทำให้มี ไปมากแตกต่างจากในอดตี ภาวะการกลนั้ ปสั สาวะไมอ่ ยู่ แตถ่ า้ ผา่ ตดั ดว้ ยความ เชน่ การสรา้ งแหลง่ กำเนดิ ระมดั ระวงั จะทำใหป้ ญั หาการกลน้ั ปสั สาวะไมไ่ ด้ รงั สมี มี ากขนึ้ เครอื่ งมอื และ เปน็ เพยี งชว่ั คราว สว่ นปญั หาดา้ นสมรรถภาพทาง อปุ กรณต์ า่ ง ๆ มคี วามแมน่ ยำ เพศจะเก่ียวเน่ืองกับเส้นประสาทท่ีควบคุมการ ทำใหป้ ระสทิ ธภิ าพของการ แขง็ ตวั ของอวยั วะเพศ ซงึ่ อยชู่ ดิ กบั ตอ่ มลกู หมาก ใหร้ งั สรี กั ษาดขี น้ึ กวา่ ในอดตี หากการผา่ ตดั กระทบกระเทอื นตอ่ เสน้ ประสาทนี้ มาก การใหร้ งั สรี กั ษาโรคนนั้ จะมผี ลทำใหเ้ สอ่ื มสมรรถภาพทางเพศได้ เหมาะสมกับมะเร็งท่ียังอยู่ ในต่อมลูกหมาก แต่ในกรณีที่มีการกระจายออก ตอ่ มลกู หมากทต่ี ดั ออกมาแลว้ ไปแลว้ เชน่ การกระจายไปทกี่ ระดกู การใหร้ งั สี รกั ษากเ็ ปน็ เพยี งการรกั ษาเพอื่ ประคบั ประคองชว่ ย ลดอาการปวด การให้รังสีรักษามีวิธีการหลัก ๒ วิธี คือ การใหร้ งั สรี กั ษาจากภายนอกรา่ งกาย และการฝงั สารกมั มนั ตรงั สเี ขา้ ไปในตอ่ มลกู หมาก - การให้รังสีรักษาจากภายนอก (external beam radiotherapy) เปน็ การสง่ รงั สมี าจากเครอ่ื งมอื ภายนอกรา่ งกาย รงั สจี ะพงุ่ ตรงไปสตู่ อ่ มลกู หมาก คล้ายกับการถ่ายภาพเอกซเรย์ แต่ชนิดของรังสี ปริมาณจะแตกต่างกัน ก่อนการรักษาต้องตรวจ ภาพเอกซเรยข์ องตอ่ มลกู หมากใหล้ ะเอยี ด กำหนด ปรมิ าณ และกำหนดจดุ ในการฉายเอกซเรย์ การ ใหร้ งั สรี กั ษาทำสปั ดาหล์ ะ ๕ วนั เปน็ เวลา ๔-๗ สปั ดาห์ โดยไมต่ อ้ งนอนคา้ งในโรงพยาบาล แตล่ ะ ครง้ั ใชเ้ วลาประมาณ ๑๕ นาที เปน็ วธิ กี ารรกั ษาท่ี ผปู้ ว่ ยไมไ่ ดม้ คี วามเจบ็ ปวดใด ๆ
261 - การฝังสารกัมมันตรังสีเข้าต่อมลูกหมาก ขอ้ จำกดั ไมส่ ามารถใชร้ กั ษาผปู้ ว่ ยทกุ รายได้ บาง (brachytherapy) โดยแพทยจ์ ะสอดสารกมั มนั ตรงั ส ี รายยงั ตอ้ งอาศยั การฉายรงั สจี ากภายนอก หรอื ใช้ ท่ีออกแบบมาเป็นพิเศษ เป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาด วธิ กี ารผา่ ตดั ประมาณเทา่ เมลด็ ขา้ วสาร ปจั จบุ นั ใชส้ ารอริ เิ ดยี ม (iridium (Ir)-๑๙๒) ไอโอดีน (iodine (I)-๑๒๕) ๔. การรักษาโดยใช้ความเย็น ทำโดยการ แพลเลเดยี ม (palladium (Pd)-๑๐๓) จำนวนเมด็ ของ ใชค้ วามเยน็ เขา้ ไปทำลายกอ้ นเนอ้ื มะเรง็ แพทยจ์ ะ สารกมั มนั ตรงั สขี นึ้ อยกู่ บั ขนาดของตอ่ มลกู หมาก ทำอลั ตราซาวนดผ์ า่ นทางชอ่ งทวารหนกั คลา้ ยกบั ซึ่งแพทย์จะต้องวัดขนาดด้วยการอัลตราซาวนด์ การฝังสารกัมมันตรังสี ผู้ป่วยต้องได้รับการดม และคำนวณมากอ่ น โดยทวั่ ไปมกั ใชจ้ ำนวนประมาณ ยาสลบ แลว้ แพทยจ์ ะสอดแกนนำความเยน็ ซง่ึ คลา้ ย ๑๐๐ เมด็ เขม็ เลก็ ๆ ทม่ี คี วามยาวมากพอทจ่ี ะสอดเขา้ สตู่ อ่ ม ลกู หมากผา่ นทางฝเี ยบ็ เขม็ นจี้ ะตอ่ กบั เครอ่ื งกำเนดิ ขน้ั ตอนการสอดสารกมั มนั ตรงั สี แพทยจ์ ะ ทำอลั ตราซาวนดผ์ า่ นทางทวารหนกั และกำหนดจดุ การรกั ษาโดยใชค้ วามเยน็ ทจ่ี ะสอดสารกมั มนั ตรงั สเี ขา้ ไป หลงั จากนนั้ จะมี อุปกรณ์ช่วยในการสอดและวางสารกัมมันตรังส ี ขอ้ ดขี องการรกั ษาแบบนค้ี อื ไมต่ อ้ งผา่ ตดั ผู้ป่วย ฟน้ื ตวั ไดเ้ รว็ ผลกระทบตอ่ การกลน้ั ปสั สาวะและ ดา้ นสมรรถภาพทางเพศมนี อ้ ยกวา่ การรกั ษาใน ระยะแรก ๆ ผปู้ ว่ ยจะมอี าการปสั สาวะขดั แสบ หรอื มีเลือดออก อย่างไรก็ตาม การรักษาแบบน้ียังมี สายสวนปัสสาวะ อัลตราซาวนด์ในชอ่ งทวารหนัก เข็มปลอ่ ยเม็ดสารกมั มนั ตรังส ี แผงกำหนดตำแหน่งจุดแทงเข็ม วธิ กี ารฝงั แร่
262 กระเพาะปัสสาวะ การรักษานี้จะต้องดมยาสลบเช่นกัน ใช้เวลาใน การรกั ษาแตล่ ะครงั้ ประมาณ ๓ ชว่ั โมง เนอื่ งจาก ต่อมลกู หมาก เปน็ วธิ กี ารใหม่ จงึ ตอ้ งตดิ ตามการรกั ษาน้ี สารกัมมันตรงั สี ทอ่ ปัสสาวะ ๖. การรกั ษาโดยการยบั ยง้ั ฮอรโ์ มนเพศ ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ การเจรญิ เตบิ โตของ ภาพแสดงตอ่ มลกู หมากทฝ่ี งั แรแ่ ลว้ เซลลต์ อ่ มลกู หมากอาศยั ฮอรโ์ มนเพศชาย ดงั นนั้ หากนำเอาฮอรโ์ มนเพศชายออกไปหรอื หา้ มการผลติ ความเยน็ ซง่ึ ใชแ้ กส๊ อารก์ อน (Argon) หรอื ฮเี ลยี ม ทำใหต้ อ่ มลกู หมากฝอ่ ทงั้ เซลลป์ กตแิ ละเซลลม์ ะเรง็ (Helium) แสดงดงั ภาพการรกั ษาโดยใชค้ วามเยน็ ผทู้ ค่ี น้ พบกลไกนค้ี อื ชารลส์ บ.ี ฮกั กนิ ส์ (Charles หลงั จากใชค้ วามเยน็ จนกระทงั่ เสมอื นแชแ่ ขง็ เนอื้ B. Huggins) แพทยช์ าวแคนาดา ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๘๔ ตอ่ มลกู หมากชวั่ ระยะเวลาหนงึ่ จากนนั้ ทำใหต้ อ่ ม ซง่ึ ตอ่ มาไดร้ บั รางวลั โนเบล ดว้ ยผลงานการคน้ พบ ลูกหมากอุ่นข้ึนโดยลดความเย็นลง อุณหภูมิจะ ความเกี่ยวข้องของฮอร์โมนเพศชายกับการเจริญ กลบั สอู่ ณุ หภมู หิ อ้ ง การกระทำซำ้ แบบนจ้ี ะทำให้ เตบิ โตของตอ่ มลกู หมาก นบั เปน็ ววิ ฒั นาการสำคญั เนื้อต่อมลูกหมากถูกทำลาย ท้ังนี้ อุณหภูมิความ ในการรกั ษามะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก แตก่ ารรกั ษาโดย เยน็ ลดถงึ -๑๔๐ องศาเซลเซยี ส การรกั ษาดว้ ยวธิ ี การยบั ยง้ั ฮอรโ์ มนจะพจิ ารณาใชใ้ นกรณที ม่ี ะเรง็ ตอ่ ม นแี้ พทยจ์ ะตอ้ งระมดั ระวงั การทำลายทอ่ ปสั สาวะ ลูกหมากมีการลุกลามแล้วคือ อาจผ่านผนังต่อม และหูรูด เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ลกู หมากออกมา หรอื อาจกระจายไปทอี่ วยั วะอน่ื ปสั สาวะไมอ่ อก หรอื กลนั้ ปสั สาวะไมอ่ ยู่ การรกั ษา การกำจัดแหล่งผลิตฮอร์โมนเพศทำได้ ๒ ดว้ ยวิธีน้ียังเป็นวิธีการใหม่ที่จะต้องติดตามผลใน วธิ ี คอื การผา่ ตดั เอาอณั ฑะออก และการใชย้ าเขา้ ระยะยาววา่ ไดผ้ ลดเี พยี งใด ไปยบั ยง้ั การผลติ ฮอรโ์ มน - การผา่ ตดั เอาอณั ฑะออก เปน็ วธิ ดี ง้ั เดมิ แต ่ ๕. การรกั ษาโดยการใชค้ ลน่ื ความถส่ี งู ไดผ้ ลดี และยงั คงมใี ชก้ นั ในปจั จบุ นั ทำโดยการมี (High intensity focused ultrasound: HIFU) แผลผ่าตัดบริเวณถุงอัณฑะ จากน้ันแพทย์จะนำ เอาลกู อณั ฑะออก ทำใหส้ ามารถลดระดบั ฮอรโ์ มน เปน็ การใชค้ ลน่ื ความถสี่ งู ผา่ นอปุ กรณท์ สี่ อด เพศชายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว แต่ ผา่ นเขา้ ชอ่ งทวารหนกั คลนื่ ความถสี่ งู ทส่ี ง่ ออกมา เนอื่ งจากตอ้ งมกี ารผา่ ตดั และเอาลกู อณั ฑะออกไป จะเขา้ ไปทำลายเนอื้ ตอ่ มลกู หมาก โดยจดุ รวมของ จงึ ทำใหผ้ ปู้ ว่ ยบางรายไมช่ อบการรกั ษาดว้ ยวธิ นี ้ี แต่ คลนื่ จะมอี ณุ หภมู สิ งู ประมาณ ๘๐ องศาเซลเซยี ส การรกั ษาดว้ ยวธิ นี ยี้ งั มคี วามจำเปน็ เพราะสามารถ ลดระดับฮอร์โมนได้ดี โดยเฉพาะกรณีท่ีมีการ กระจายไปทก่ี ระดกู สนั หลงั และกดประสาทสนั หลงั ทำใหก้ ลา้ มเนอ้ื ขาออ่ นแรง หากทงิ้ ไวจ้ ะกลายเปน็
263 อมั พาตครง่ึ ตวั การตดั อณั ฑะออกไปทำใหอ้ าการ มะเรง็ ซงึ่ แบง่ ตวั เรว็ กวา่ เซลลป์ กตไิ ดร้ บั ผลมากกวา่ ของผู้ป่วยดีข้ึนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ ซง่ึ การรกั ษามะเรง็ ตอ่ มลกู หมากจะพจิ ารณาใหย้ า ใช้กันโดยท่ัวไป และอาจทำร่วมกับการฉายรังสี เคมีบำบัดเม่ือมะเร็งต่อมลูกหมากไม่ตอบสนอง บรเิ วณสนั หลงั ดว้ ย ต่อการยับยั้งฮอร์โมนแล้ว ในปัจจุบันมียาหลาย ชนิดที่ได้รับการยอมรับให้นำมาใช้ในการรักษา - การใชย้ าเขา้ ไปยบั ยงั้ การผลติ ฮอรโ์ มน โดย มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก การใช้ยาเข้าไปในร่างกายเพื่อยับยั้งไม่ให้อัณฑะ ผลติ ฮอรโ์ มน ทง้ั นี้ อาศยั ความรทู้ ว่ี า่ กลไกการผลติ ๘. การรกั ษาอน่ื ๆ ฮอรโ์ มนเพศชายของอณั ฑะอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ การรกั ษาอน่ื ๆ ทน่ี ำมาใชร้ ว่ มในการรกั ษา ของตอ่ มใตส้ มอง (pituitary gland) จงึ ไดค้ ดิ คน้ หา มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก เชน่ การรกั ษาเพอ่ื ลดอาการ ตวั ยาทจ่ี ะเขา้ ไปยบั ยง้ั การทำงานของฮอรโ์ มนจาก ปวดในผปู้ ว่ ยทมี่ ะเรง็ กระจายไปอวยั วะอนื่ แลว้ โดย ต่อมใต้สมอง ซ่ึงทำให้ลูกอัณฑะไม่สามารถผลิต เฉพาะกระจายไปทก่ี ระดกู ทำใหม้ อี าการปวดมาก ฮอร์โมนเพศได้ตามปกติ ยาท่ีใช้จะอยู่ในรูปยา กระดกู เหลา่ นจ้ี ะมคี วามเปราะทมี่ โี อกาสหกั ไดง้ า่ ย ฉดี เขา้ กลา้ มเนอ้ื หรอื ฉดี เขา้ ใตผ้ วิ หนงั อาจฉดี ทกุ จงึ ไดพ้ ยายามหาทางทำใหก้ ระดกู มคี วามแขง็ แรง ๑ เดอื น หรือทกุ ๓ เดือนแล้วแตช่ นดิ และขนาด มากข้ึนเพ่ือลดโอกาสท่ีจะมีกระดูกหัก โดยการ ของยา ซง่ึ ไดผ้ ลในการผลติ ฮอรโ์ มนเทา่ ๆ กบั การ ใหย้ าบางชนดิ เสรมิ ความแขง็ แรงแกก่ ระดกู ตัดอัณฑะ แต่จะต้องฉีดไปตลอด จึงมีค่าใช้จ่าย การรกั ษายงั มวี ธิ ธี รรมชาตบิ ำบดั เชน่ การ จำนวนมากในการซอ้ื ยา ควบคุมอาหาร การทำจิตใจให้สดช่ืน ซ่ึงเป็นที่ ยอมรบั กนั วา่ นา่ จะทำใหม้ ะเรง็ ตอ่ มลกู หมากเจรญิ โดยท่ัวไปฮอร์โมนเพศชายจะผลิตจากลูก เตบิ โตชา้ ลง อณั ฑะประมาณรอ้ ยละ ๙๕ อกี รอ้ ยละ ๕ ผลติ จาก ตอ่ มหมวกไต การยบั ยง้ั ฮอรโ์ มนเพศจงึ ควรไดร้ บั การให้ยาเคมีบำบัด ยาเข้าไปต้านการผลิตฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ดว้ ย ซงึ่ จะเปน็ ยารบั ประทาน เมอื่ ใชก้ ารรกั ษาดว้ ย ยาท่ีออกฤทธ์ิยับย้ังท่ีอัณฑะและท่ีต่อมหมวกไต แลว้ จะทำใหผ้ ลการรกั ษามะเรง็ ตอ่ มลกู หมากใน ระยะลกุ ลามไดผ้ ลดขี น้ึ แมว้ า่ จะไมห่ ายขาดกต็ าม แตก่ ส็ ามารถทำใหผ้ ปู้ ว่ ยมคี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ขี นึ้ และ มอี ายยุ นื ยาวออกไประยะหนง่ึ ๗. การใหย้ าเคมบี ำบดั เป็นการใช้ยาเพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโต ของเซลลม์ ะเรง็ ซง่ึ ยาจะมฤี ทธใ์ิ นการทำลายเซลล์ ในระยะใดระยะหนง่ึ ของการแบง่ เซลล์ ทำใหเ้ ซลล ์
264 ๓ . อาหารและการดแู ลสขุ ภาพ น้ำมะเขือเทศ มีสารท่ีเรียกว่า ไลโคพีน (lycopene) สามารถชะลอการเจรญิ ของเซลลต์ อ่ ม จากการวจิ ยั มหี ลกั ฐานยนื ยนั วา่ อาหารบาง ลกู หมาก จงึ นา่ จะชว่ ยชะลอการลกุ ลามของมะเรง็ ชนดิ สามารถยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตของมะเรง็ ตอ่ ม ตอ่ มลกู หมาก สารไลโคพนี จะแตกออกจากเซลล์ ลกู หมาก หรอื สามารถปอ้ งกนั การเปน็ มะเรง็ กลบั มะเขอื เทศหลังจากการปนั่ หรอื ผา่ นกระบวนการ ซำ้ ภายหลงั การรกั ษา ไดแ้ ก ่ ทางอตุ สาหกรรม สว่ นการเคย้ี วธรรมดาไมท่ ำให้ การดื่มไวน์แดง กล่าวกันว่ามีส่วนในการ สารนี้แตกออกมาได้ ดังน้ัน การรับประทานผล ปอ้ งกนั การเกดิ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก จากการศกึ ษา มะเขอื เทศจงึ ไมไ่ ดผ้ ลเทา่ กบั การดมื่ นำ้ มะเขอื เทศ ในสตั วท์ ดลองพบวา่ สามารถยบั ยงั้ การโตของมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก แตเ่ มอื่ ศกึ ษาในคน ยงั ไมม่ หี ลกั ฐาน น้ำทับทิม มีการศึกษาและสังเกตว่า ผู้ท ี่ ทย่ี นื ยนั วา่ ไวนแ์ ดงสามารถลดอตั ราการเกดิ มะเรง็ ดมื่ นำ้ ทบั ทมิ ทำใหม้ ะเรง็ ตอ่ มลกู หมากโตชา้ ลง ต่อมลูกหมาก และยับยั้งการลุกลามของมะเร็ง ตอ่ มลกู หมาก ทง้ั นี้ ผลของการยบั ยง้ั เซลลม์ ะเรง็ นา่ จะเกย่ี วกบั ตวั ตา้ นออกซเิ ดชนั (antioxidant) ชาเขยี ว มฤี ทธใิ์ นการตอ่ ตา้ นอนมุ ลู เสรี ซง่ึ ผลจากการศกึ ษา สงั เกต และเฝา้ ตดิ ตาม เชอื่ วา่ สามารถลดอตั ราการพบและการลกุ ลามของมะเรง็ ต่อมลกู หมาก แตย่ งั ไมส่ ามารถบอกไดว้ า่ ควรได้ รบั ในปรมิ าณเทา่ ใดตอ่ วนั น้ำมะเขือเทศ และผลมะเขอื เทศ น้ำชาเขยี ว และใบชาเขยี ว นำ้ ทบั ทิม และผลทับทมิ
265 บรอกโคลี อาจทำให้มะเร็งต่อมลกู หมาก บรอกโคล ี โตชา้ ลง ๔. บทสรปุ ถั่วเหลืองและนมถ่ัวเหลือง น่าจะทำให้ มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากโตชา้ ลง ทง้ั นี้ เพราะมผี ลคลา้ ย มะเรง็ ตอ่ มลกู หมากเปน็ มะเรง็ ในเพศชายท่ี ฮอรโ์ มนเพศหญงิ ทำใหร้ ะดบั ฮอรโ์ มนเพศชายลด พบบอ่ ยในชาตติ ะวนั ตก สว่ นในประเทศไทยยงั พบ ลงบา้ ง หรอื อาจดว้ ยเหตอุ น่ื ทยี่ งั ไมช่ ดั แจง้ ไดไ้ มบ่ อ่ ยเทา่ กบั ตา่ งประเทศ แตป่ จั จบุ นั มแี นวโนม้ พบมะเรง็ ตอ่ มลกู หมากในชายไทยมากขน้ึ เพราะ ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและลดปริมาณ สภาพการใชช้ วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ มเปลยี่ นแปลงไป ลง ไดแ้ ก่ ผลติ ภณั ฑจ์ ากนม เนอื้ สตั วโ์ ดยเฉพาะ อย่างไรก็ดี สามารถลดโอกาสของการเกิดมะเร็ง เน้ือแดง ซึ่งเช่ือกันว่าอาจมีส่วนทำให้มะเร็งต่อม ตอ่ มลกู หมากและชะลอการลกุ ลามได้ เพยี งปรบั ลูกหมากลุกลามเร็วขึ้น นอกจากน้ี ผู้ป่วยควร เปลย่ี นพฤตกิ รรมการใชช้ วี ติ และการรบั ประทาน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์พอดี เพราะมีการ อาหาร สำหรับการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากมี ศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่สามารถลดน้ำหนักลงจาก หลากหลายวธิ ี ซงึ่ ไดผ้ ลดมี ากเมอื่ เทยี บกบั มะเรง็ เดมิ จะมอี ตั ราการลกุ ลามของมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก อวัยวะอ่ืน เพียงแต่ควรตรวจสุขภาพเพ่ือให้ได ้ ช้ากว่าผู้ป่วยที่ยังมีน้ำหนักเกิน อีกประการหนึ่ง การวินิจฉัยในระยะแรก ๆ และดูแลสุขภาพตาม ควรออกกำลงั กายอยา่ งสมำ่ เสมอ แตไ่ มม่ ากเกนิ ไป คำแนะนำของแพทย์ จนทำใหร้ า่ งกายออ่ นลา้ เชน่ การเดนิ วงิ่ เหยาะ ๆ วา่ ยนำ้ วนั ละไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๐ นาที หรอื อยา่ งนอ้ ย ดูเพ่ิมเติมเรื่อง เครื่องมือทางการแพทย์ท่ีใช้ สปั ดาหล์ ะ ๓-๕ วนั และควรรบั แสงแดดออ่ น ๆ ใน เทคโนโลยขี น้ั สงู เลม่ ๑๙ ตอนเชา้ ซงึ่ จะเปน็ ผลดกี บั ผปู้ ว่ ย น้ำนมถั่วเหลอื ง และถว่ั เหลือง
266 บรรณานกุ รม สำนกั งานสถติ แิ หง่ ชาต.ิ ตวั ชวี้ ดั ทส่ี ำคญั : ผลสำมะโน/สำรวจของสำนกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑. Aronson WJ, Barnard RJ, Freedland SJ, Henning S, Elashoff D, Jardack PM et al. “Growth inhibitory effect of low fat diet on prostate cancer cells: Results of a prospective, randomised dietary intervention trial in men with prostate cancer.” Journal of Urology 183, 201: 345-350. Berkow SE, Barnard ND, Saxe GA, Ankerberg-Nobis T. “Diet and survival after prostate cancer diagnosis.” Nutrition Reviews 9, 65 (2009): 391-403. Catalona WJ. “Management of cancer of the prostate.” N Engl J Med 15, 331(13 Oct 1994): 996-1004. Cooper Buschemeyer III W and Freedland SJ. “Obesity and prostate cancer: epidemiology and clinical implications.” European Urology 52 (2007): 331-343. Georgakopoulos J, Zygogianni A, Papadopoulos G, Papandreou N, Kouvaris J, Armonis V, Kelekis N, Kouloulias V. “Permanent implantation as brachytherapy technique for prostate carcinoma-review of clinical trials and guidelines.” Rev Recent Clin Trials 3, 7 (1 Aug 2012): 173-80. Giovannucci E, Liu Y, Platz EA et al. “Risk factors for prostate cancer incidence and progression in the health professionals follow-up study.” Int J Cancer 7, 121 (2007): 1571-1578. Haseen F, Cantwell MM, O'Sullivan JM, Murray LJ. “Is there a benefit from lycopene supplementation in men with prostate cancer? A systematic review.” Prostate Cancer and Prostatetic Diseases 12 (2009): 325-332. Kirsh VA, Peters U, Mayne ST, Subar AF, Chatterjee N, Johnson CC et al. “Prospective study of fruit and vegetable intake and risk of prostate cancer.” Journal of the National Cancer Institute 99 (2007): 1200-1209. Leewansangtong S, Soontrapa S. “Hormonal ablation therapy for metastatic prostatic carcinoma: a review.” J Med Assoc Thai 2, 82 (Feb 1999): 192-205. Moore SC, Peters TM, Ahn J, Park Y, Scatzkin A, Albanes D et al. “Physical activity in relation to total, advanced, and fatal prostate cancer.” Cancer Epidemiol Biomarkers Prev 9, 17 (2008): 2458-2466.
267 Rohrmann S, Platz EA, Kavanaugh CJ et al. “Meat and dairy consumption and subsequent risk of prostate cancer in a US cohort study.” Cancer Causes Control 1, 18 (2007): 41-50 Santillo VM, Lowe FC. “Role of vitamins, minerals and supplements in the prevention and management of prostate cancer.” International Braz J Urol 1, 32 (2006): 3-14. Sim HG, Cheng CW. “Changing demography of prostate cancer in Asia.” Eur J Cancer 6, 41 (Apr 2005): 834-845. Srinualnad S, Charoenkraikamol C, Toraksa S, Uiprasertkul M, Amornvesukit T, Taweemonkongsap T, Udompunturak S, Nualyong C, Tantiwong A. “Prevalence of prostate cancer in aging males receiving PSA (prostate specific antigen) screening test (A campaign for celebration of Siriraj Established Day).” J Med Assoc Thai 1, 89 (Jan 2006): 37-42. Stitnimankarn T, Thakerngpol K, Tansurat P. “Autopsy findings in the aged population of Thailand.” Arch Pathol 2, 88 (Aug 1969): 181-187. Tantiwong A, Soontrapa S, Sujijantrarat P, Vanprapar N, Sawangsak L. “The prevalence of prostate cancer screening in Thai elderly.” J Med Assoc Thai 4, 85 (Apr 2002): 502-508. Van Patten CL, de Boer JG & Tomlinson Guns ES. “Diet and dietary supplement intervention trials for the prevention of prostate cancer recurrence: A review of the randomized controlled trial evidence.” The Journal of Urology 180 (2008): 2314-2322. Von Low EC, Perabo FG, Siener R, Muller SC. Review. “Facts and fiction of phytotherapy for prostate cancer: a critical assessment of preclinical and clinical data.” In Vivo 2, 21 (2007): 189-204. Wiwanitkit V. “Prostate specific antigen for screening for prostate cancer: an appraisal of Thai reports.” Asian Pac J Cancer Prev 4, 5 (Oct-Dec 2004): 406-408. Wolff JM, Mason M. “Drivers for change in the management of prostate cancer-guidelines and new treatment techniques.”BJU Int 109 Suppl (Jun 2012): 33-41
268 สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า เจา้ ฟ้ามหาจกั รีสริ ินธร รฐั สมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี องคท์ ป่ี รึกษา คณะกรรมการ โครงการสารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว กรรมการบริหาร ประธานกรรมการ พลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์ รองประธาน ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ุณ นายแพทย์เกษม วฒั นชยั กรรมการ ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลติ ดร. คณุ หญิงกลั ยา โสภณพนิช ศาสตราจารย์ ดร.สุขุม ศรีธัญรัตน์ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์มาลี ชว่ งสุวนิช นายวฒุ ิ สมุ ิตร อาจารย์สิรนิ ทร์ ช่วงโชติ ศาสตราจารยพ์ ิเศษ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง ศาสตราจารย์เกยี รติคุณ คณุ หญิงไขศรี ศรีอรุณ ศาสตราจารย์เกียรตคิ ณุ นายแพทยม์ นตรี ตู้จินดา ดร. คณุ หญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กรรมการและเลขาธกิ าร ศาสตราจารย์กิตตคิ ุณ ไพฑรู ย์ พงศะบตุ ร กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขาธิการ ศาสตราจารยก์ ติ ติคุณ ดร.พัทยา สายหู ศาสตราจารย์กิตติคุณ สมุ น อมรววิ ัฒน์ กรรมการและเหรัญญกิ รองศาสตราจารยว์ ัฒนา ศิวะเกื้อ
269 กรรมการสาขาวชิ า ประธานกรรมการ ดร. คุณหญงิ กัลยา โสภณพนชิ ประธานสาขาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศาสตราจารย์กติ ตคิ ุณ ศักดา ศริ ิพันธ์ุ กรรมการ ศาสตราจารย์ ดร.วสิ ทุ ธ์ิ ใบไม้ ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี า วบิ ลู ยส์ วัสด์ิ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยธุ ยา ดร.รอยล จิตรดอน รองศาสตราจารย์ ดร.รศั มดี ารา หนุ่ สวัสด์ิ ประธานสาขาวศิ วกรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณพงศ์ กรี ตกิ ร กรรมการ พลอากาศเอก ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ุณ พิเนต ศกุ รวรรณ รองศาสตราจารย์ ดร.วีระศักด์ิ สุระเรอื งชยั รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย จันทรช์ าวนา ศาสตราจารย์ ดร.ณรงคฤ์ ทธ์ิ สมบัติสมภพ รองศาสตราจารย์ ดร.เชาวลติ ลมิ้ มณีวจิ ิตร ดร.พนั ธวุ์ งค์ คณุ ธนะวฒั น์ ประธานสาขาสงั คมศาสตร ์ ศาสตราจารยพ์ ิเศษ ดร.ประคอง นมิ มานเหมินท์ กรรมการ ศาสตราจารย์ ดร.สภุ างค์ จันทวานิช รองศาสตราจารย์ ดร.ปฐม มณีโรจน์ รองศาสตราจารย์ ดร.สกุ ญั ญา สุจฉายา ประธานสาขาเกษตรศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ศุภมาศ พนิชศกั ดพิ์ ฒั นา กรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.ศรปราชญ์ ธไนศวรรยางกูร ศาสตราจารย์เบญจมาศ ศิลาย้อย รองศาสตราจารย์ ดร.พนู พิภพ เกษมทรัพย์ ประธานสาขามนษุ ยศาสตร์ ศลิ ปะ และวัฒนธรรม ศาสตราจารย์เกียรตคิ ุณ คุณหญงิ ไขศรี ศรีอรณุ กรรมการ ศาสตราจารย์ ดร.กุสมุ า รกั ษมณี ศาสตราจารย์เกยี รติคุณ ดร.สนั ติ เลก็ สุขุม ประธานสาขาศึกษาศาสตร ์ รองศาสตราจารย์ ดร.ทองอินทร์ วงศ์โสธร กรรมการ ศาสตราจารย์กติ ติคณุ สมุ น อมรวิวฒั น์ รองศาสตราจารย์ ดร.ปราณี สังขะตะวรรธน์ ประธานสาขาแพทยศาสตรแ์ ละสาธารณสุข ศาสตราจารยเ์ กียรติคณุ แพทยห์ ญงิ ชนิกา ต้จู นิ ดา กรรมการ ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ุณ นายแพทยม์ นตรี ต้จู ินดา ศาสตราจารย์ แพทย์หญงิ คุณนันทา มาระเนตร์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประกิต วาทสี าธกกจิ ศาสตราจารย์ นายแพทยป์ ระพนั ธ์ ภานุภาค รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สรุ เกียรติ อาชานานภุ าพ
270 สาราณียกร ศาสตราจารย์พเิ ศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลติ ศาสตราจารยก์ ิตตคิ ุณ ไพฑูรย์ พงศะบตุ ร ศาสตราจารย์กติ ตคิ ุณ สมุ น อมรววิ ฒั น์ ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณา ชตุ มิ า ศาสตราจารยพ์ ิเศษ ดร.ประคอง นมิ มานเหมนิ ท์ อาจารย์สริ ินทร์ ชว่ งโชติ นางสาวเอิบบุญ สุทธปิ ระภา กรรมการฝ่ายการเงิน รองศาสตราจารย์วัฒนา ศวิ ะเกื้อ ศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ุณ ไพฑูรย์ พงศะบตุ ร ดร. คณุ หญิงกัลยา โสภณพนิช ศาสตราจารย์กติ ตคิ ุณ ดร.พทั ยา สายหู ผู้สอบบญั ชี ดร.วิรัช อภเิ มธธี ำรง ทป่ี รึกษาฝ่ายกฎหมาย ศาสตราจารยม์ ารตุ บนุ นาค กรรมการฝา่ ยศลิ ปแ์ ละการพิมพ์ นายธัชชัย ถิระธรรม รองศาสตราจารยว์ รพงศ์ วรชาตอิ ุดมพงศ์ อาจารย์สุมิตรา ขันตยาลงกต นายจักรพงษ์ แสงอรณุ นายสมพงษ์ องั คทะวิวัฒน์ นายวสันต์ มงคลลาภกิจ
271 กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทา่ นผหู้ ญิงวลิ าวณั ย์ วรี านวุ ตั ต ์ิ ดร. คณุ หญิงกัลยา โสภณพนิช คณุ หญงิ สภุ รณ์ วิจิตรานชุ ศาสตราจารยเ์ กยี รติคุณ คณุ หญิงไขศร ี ศรีอรณุ คณุ หญงิ กุลทรัพย ์ เกษแมน่ กจิ รองศาสตราจารยส์ ุนยี ์ สนิ ธเุ ดชะ นางอรสา คณุ วัฒน ์ หม่อมราชวงศ์ถนัดศร ี สวัสดิวัตน ์ นายอำนาจ สอนอิม่ สาตร์ นายอดุ ม จะโนภาษ นาวาตรี เกริก ต้ังสง่า กรรมการฝา่ ยจดั จำหน่าย ศาสตราจารย์กิตตคิ ณุ ไพฑรู ย์ พงศะบุตร รองศาสตราจารยว์ ฒั นา ศิวะเก้อื รองศาสตราจารยว์ ลยั ชวลิตธำรง นางสาวอุไรวรรณ กรวทิ ยาศิลป นายธนะชัย สันติชัยกลู นายวรพนั ธ ์ โลกติ สถาพร นางสจุ ติ รา กลนิ่ เกษร กรรมการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ดร. คณุ หญิงกลั ยา โสภณพนชิ ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ ดร.ทวศี ักด์ิ กออนันตกูล ดร.ชนมช์ นก วรี วรรณ นางทพิ าวัลย ์ หนูขวญั กรรมการฝ่ายสนับสนุนการเผยแพร่และจัดหาทนุ ไลออน รอ้ ยเอก ขจติ หัพนานนท ์ ไลออน สรุ พล ธรรมลงั กา ไลออน วุฒิ บญุ นิกรวรวิทย ์ ไลออน สภุ ชัย สทิ ธสิ ทุ ธิ์ ไลออน สมศกั ด์ิ โลห่ ์วสิ ทุ ธ ิ์ ไลออน อชริ าวทิ ย ์ เศรษฐ์โยธนิ ไลออน พงศ์ศักดิ ์ เกตสุ วัสดวิ งศ์ ไลออน ประดษิ ฐ ์ หิรญั ประดิษฐ ไลออน ชยั วัฒน ์ มหตั ถนาพาณิช ไลออน ดร.สวรส เสริมพรววิ ฒั น์ ไลออน พัลลภ เวศย์วรตุ ม์ ไลออน ขนิษฐา นนทรีย์ ไลออน พัชร งามเสง่ียม ไลออน ดร.พีระวัฒน์ ธมั อุทัยพร ไลออน ชเู กียรติ เทวาดเิ ทพ ไลออน สเุ มธ เตชะไกรศรี
272 หัวหน้าสำนักงาน นางสจุ ติ รา กลนิ่ เกษร เจ้าหนา้ ที่ นางหุสนยี ์ ศุภพาณิชย์ นางสาววกุล แจ้งอักษร การจัดทำสารานุกรมไทยฯ ฉบบั ใหญ่ นางอุษณยี ์ สิทธไิ กรพงษ์ งานต้นฉบับและการจัดพมิ พ ์ นายวรเดช พกิ ุลทอง นายศภุ กร ศภุ กิจจานสุ รณ์ งานศิลป์ นางกรรณกิ าร์ ทองประเทือง นางสาวศิริรัตน์ รัตนอำนวยศิริ การจดั ทำสารานุกรมไทยฯ ฉบับเสรมิ การเรียนรู้ งานศลิ ป์ นางสาวอัญชุลี เกิดมงคล นางปรยี าภา สุขมะโน งานตน้ ฉบับและการจัดพมิ พ ์ นางสาวประภา สวุ ทิ ยธรรม นางสาวชญานตุ ม์ ไตรรตั นผ์ ลาดล งานเลขานกุ ารและสารบรรณ นางสาวศรีสุดา ตาปนั นางสาวบษุ บา ศรีเพง็ งานการเงินและบัญชี นางสาวจนั ทมิ า คงคาหลวง นางรินทอง อาภาศริ ิกุล นายกัลดนัย อจั ฉริยะอสุ าห์ นางสาวอรพรรณ อัศวินนมิ ติ กุล งานจัดจำหน่าย นางสาวศริ จิ ันทร์ ศิริวัฒน์ นายอฑั ฒฐ์ ณัส พชิ ติ ธนปัญญา นายวีรชัย วเิ ชยี รฉาย งานคอมพวิ เตอร์ นายธนติ โล่หเ์ พยี รพากเพียร นายวรี ยทุ ธ ดรบณั ฑิต งานคลังสินคา้ และจัดสง่
273 ผูเ้ ขียนสารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชนฯ เลม่ ๔๐ พพิ ธิ ภัณฑสถาน ผเู้ ขยี นและผูเ้ รยี บเรียงสว่ นเด็กเลก็ และเดก็ กลาง นางสมลักษณ์ เจรญิ พจน ์ ศศ.บ. (โบราณคดปี ระวตั ิศาสตร์) คณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลัยศิลปากร M.A. (Art History with Museum Studies) University of Denver, U.S.A. อดีตรองอธิบดี กรมศลิ ปากร ข้าราชการบำนาญ กรมศลิ ปากร รางวลั ซีไรต ์ ผูเ้ ขยี นและผเู้ รยี บเรียงส่วนเด็กเลก็ และเดก็ กลาง นางสาวรนื่ ฤทัย สจั จพันธ์ุ อ.บ. (ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษาฝร่ังเศส) จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั อ.ม. (ภาษาไทย) จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั อ.ด. (ภาษาไทย) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ศาสตราจารย์ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคำแหง ภาคีสมาชกิ ราชบณั ฑติ ยสถาน สำนักศลิ ปกรรม ประเภทวรรณศิลป์ สาขาวรรณกรรมรอ้ ยแก้ว เมธวี จิ ัยอาวโุ ส สกว.
274 นกเงือกไทย ผเู้ ขียน นางสาวพิไล พลู สวัสดิ์ ค.บ. (มัธยมศกึ ษา) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย วท.ม. (จลุ ชีววิทยา) มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล D.Sc. (Biology: Avian Ecology) Osaka City University, Japan. ประกาศนยี บัตรชน้ั สงู (นิวเคลียร์เทคโนโลย)ี จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ุณ (ข้าราชการบำนาญ) ภาควิชาจลุ ชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล อาจารยส์ มทบ ภาควิชาจุลชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล ผู้เรียบเรยี งสว่ นเดก็ เลก็ และเด็กกลาง นางสาวศริ ิวรรณ นาคขนุ ทด วท.บ. (ชีววทิ ยา) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วท.ม. (สัตว์ป่า) ภาควชิ าชวี วทิ ยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นกั วิจัยโครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงอื ก คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหดิ ล
275 เห็ด ผู้เขยี นและผเู้ รยี บเรียงส่วนเด็กเล็กและเดก็ กลาง นางพูนพิไล สุวรรณฤทธ์ ิ กส.บ. (โรคพืช) มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วท.ม. (จลุ ชวี วิทยา) มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ รองศาสตราจารย์ (ขา้ ราชการบำนาญ) ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ์ อาจารยพ์ ิเศษ ภาควชิ าจุลชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ นางสาวอุทัยวรรณ แสงวณชิ วท.บ. (เกษตรศาสตร-์ โรคพืช) เกยี รตินยิ มอันดบั ๒ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วท.ม. (เกษตรศาสตร-์ โรคพชื ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Ph.D. (Forest Resources) Forest Pathology and Mycorrhizal Physiology University of Washington, Seattle, U.S.A. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ภาควชิ าชวี วิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ผทู้ รงคุณวฒุ ิพิเศษ สาขาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพปา่ ไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
276 การโคลนนิง่ สตั ว์ ผเู้ ขียน นายรังสรรค์ พาลพา่ ย วท.บ. (ชีววทิ ยา) มหาวิทยาลัยบรู พา วท.ม. (สัตววิทยา) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร ์ Dr.Agri.Sci. (Animal Reproduction) Kyoto University, Japan รองศาสตราจารย์ ประจำสาขาวชิ าเทคโนโลยชี วี ภาพ สำนกั วชิ าเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี รุ นาร ี ผเู้ รียบเรยี งสว่ นเด็กเลก็ และเด็กกลาง ว่าท่รี ้อยตรี เจษฎา เดน่ ดวงบรพิ นั ธ์ วท.บ. (พนั ธศุ าสตร์) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย วท.ม. (เทคโนโลยชี ีวภาพ) มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล Ph.D. (Molecular Biology) University of Edinburgh, U.K. รองศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย แร่เหลก็ ผเู้ ขียนและผ้เู รียบเรียงส่วนเดก็ เล็กและเด็กกลาง นายอานนท์ นนทโส วท.บ. (ธรณวี ทิ ยา) คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ M.S. (Earth Science) Manchester University, U.K. นักธรณวี ิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี
277 การใชเ้ ลเซอร์ในทางการแพทย์ ผู้เขยี น นายพิเชษฐ ล้ิมสวุ รรณ วท.บ. (ฟสิ กิ ส์) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั Ph.D. (Physics) Pennsylvania State University, U.S.A. ศาสตราจารย์ ภาควิชาฟสิ กิ ส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ประธานกรรมการสภาวจิ ยั แหง่ ชาติ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณติ ศาสตร์ ข้าราชการบำนาญ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุร ี ผู้เรียบเรียงส่วนเดก็ เลก็ และเดก็ กลาง นางสาวเอบิ บุญ สทุ ธปิ ระภา วท.บ. จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย M.A. Ball State University, U.S.A. ข้าราชการบำนาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
278 ไข้ออกผื่น ผู้เขียน แพทย์หญิงกลุ กญั ญา โชคไพบูลย์กจิ พ.บ. (แพทยศาสตร์) คณะแพทยศาสตรศ์ ิริราชพยาบาล มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ประกาศนียบัตรช้ันสูงทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก (กุมารเวชศาสตร์) คณะแพทยศาสตรศ์ ริ ิราชพยาบาล มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล วุฒบิ ัตรแสดงความรคู้ วามชำนาญในการประกอบวชิ าชีพเวชกรรม (กุมารเวชศาสตร์) ภาควชิ ากมุ ารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลยั มหิดล Diplomate, American Subboard of Pediatric Infectious Diseases 1997, Cedars-Sinai Medical Center, Los Angeles, California, U.S.A. Diplomate, American Board of Pediatrics 1995, University of Tennessee Medical Center at Knoxville, U.S.A. ศาสตราจารย์ หัวหน้าสาขาวิชาโรคตดิ เชอ้ื ภาควิชากมุ ารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศริ ริ าช พยาบาล มหาวิทยาลยั มหดิ ล ผ้เู รียบเรียงส่วนเด็กเล็กและเด็กกลาง นางกติ ิยวดี บุญซ่ือ อ.บ., ค.บ. จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย M.Ed. Wayne State University, U.S.A. อดีตหวั หน้าภาควิชาประถมศกึ ษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ (ขา้ ราชการบำนาญ) ภาควิชาประถมศึกษา คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั
279 โรคมะเรง็ ตอ่ มลกู หมาก ผ้เู ขียน นายแพทย์วชริ คชการ วท.บ. (วิทยาศาสตร์การแพทย)์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร ์ พ.บ. (เกียรตนิ ยิ ม) คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วุฒบิ ัตรผู้เช่ยี วชาญ สาขาศัลยศาสตรย์ โู รวิทยา คณะแพทยศาสตรโ์ รงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล น.บ. (นิติศาสตร์) มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช Certificate Clinical Fellow in Female Urology, Reconstructive Urology, University of Tennessee, Memphis, Tennessee, U.S.A. Certificate Clinical, Fellow in Neuro Urology, University Hospital Maastricht, the Netherlands Fellow of the American College of Surgeon ศาสตราจารย์ระดบั ๑๑ สาขาวิชาศลั ยศาสตรร์ ะบบปสั สาวะ คณะแพทยศาสตรโ์ รงพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหดิ ล รองคณบดีฝ่ายวชิ าการ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล อุปนายก สมาคมศลั ยแพทยร์ ะบบปัสสาวะแหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถัมภ ์ ผูเ้ รียบเรียงสว่ นเด็กเลก็ และเด็กกลาง นางอัจฉรา ปรชี าวุฒิ วท.บ. (เกยี รตนิ ิยมอันดบั ๒) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย M.S. University of Hawaii, U.S.A. รองศาสตราจารย์ (ขา้ ราชการบำนาญ) ภาควชิ าฟิสกิ ส์ คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
280 ผใู้ ห้ความร่วมมอื ในการจดั ทำภาพประกอบและตน้ ฉบบั นางกวินนาถ บวั เรือง นายสมบรู ณ์ มาตรศร ี นางนฤมล นชุ วานชิ นายสมาน วงศ์เออ้ื อารี นางมะลิวัลย์ หมกคล้าย นายสตั วแพทยส์ ุรชัย จนั ทร์ทพิ ย ์ นางวิลาวัณย์ โนนทะราช นายสุรนิ ทร์ สายทอง นางสาวจุฑารตั น์ กา้ นจักร ศาสตราจารย์คลนิ ิก นายแพทย์อภิชาติ สิงคาลวณชิ นางสาวชริดา ปุกหุต ศาสตราจารย์ ดร.เพทาย เยน็ จติ โสมนสั นางสาวณัฏฐต์ วัน จริ ัชยาปกรณ ์ ศาสตราจารย์ นายแพทยส์ บง ศรีวรรณบูรณ์ นางสาวนาถนภสิ ประทปี ณ ถลาง คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศริ ิราชพยาบาล นางสาวบุญธรรม กรานทอง นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ชยั นาท นางสาววิไลวรรณ วงศใ์ หญ ่ นางสาวศรสี รุ างค์ ลขิ ิตเอกราช นางสาวสมทรง ศกนุ ตนาค นางสาวอรพชิ า เรืองกลุ กรมทรพั ยากรธรณ ี นางอจั ฉรา พยพั พานนท์ บริษทั มตชิ น จำกัด (มหาชน) นางอไุ รลักษณ์ วาจยี ะสัตย ์ โรงพยาบาลยันฮ ี นายเกตุ กล่อมชมุ่ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระป่ินเกล้า นายฐากูร บนุ ปาน โรงเรยี นจอมสุรางคอ์ ปุ ถัมภ ์ นายณรงค์ สวุ รรณรงค ์ โรงแรมโอเรยี นเต็ล นายทินกร สขุ ประสบโชค ศนู ยส์ ัตว์ทดลองแหง่ ชาติ นายบารมี สกลรกั ษ์ สวนสัตว์เปดิ เขาเขียว นายไพโรจน์ กลุ จรัสสุธี สวนเหด็ อรัญญกิ นายเรวัฒร์ พันธุพ์ พิ ฒั น์
281 ดชั นี ก กระบวนการขยายสญั ญาณแสง ๒๐๕ สินแร่เหลก็ ๑๙๒ กรา่ ง ๗๖ อากาศ ๑๙๔ กลมุ่ ปา่ ฮาลา-บาลา ๘๒, ๘๔, ๘๕, ๘๘, ๙๐ การทดสอบทูนิเกต์ ๒๔๑ กอนด์วานาแลนด์ ๖๗ การทำโคลนนง่ิ ในประเทศไทย, ความสำเรจ็ ๑๕๐-๑๕๑ กอร์ วิดาล ๔๗ การทำพนั ธุวิศวกรรม ๑๔๒ กาเขา ๙๐-๙๑ การทำเหมอื งแรเ่ หลก็ ในประเทศไทย ๑๙๐ การกระจายของนกเงอื ก ๖๗ การบริหารจัดการวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ์, ข้นั ตอน ๒๖-๒๙ การกระต้นุ ใหเ้ ซลล์แบง่ ตวั ๑๔๘-๑๔๙ จดั เก็บ ๒๗ การกำเนดิ แสงเลเซอร,์ ขัน้ ตอน ๒๐๗ จัดทำทะเบียน ๒๖ การเกดิ แรเ่ หลก็ , ประเภท ๑๘๐-๑๘๔ จัดแสดง ๒๗ แบบแมกมา ๑๘๐-๑๘๒ บริการการศกึ ษา ๒๙ แบบหินชั้น ๑๘๒-๑๘๔ รกั ษาความปลอดภยั ๒๙ การแกว่งกวัดของเลเซอร์ ๒๐๕ เล่าเรื่อง ๒๗ การโคลนนิ่ง ๑๔๔, ๑๕๒-๑๖๔ อนุรักษ ์ ๒๖-๒๗ การประยุกต์ใช้ ๑๕๒-๑๖๔ การปล่อยโฟตอน, แบบ ๒๐๓, ๒๐๔ ประวัต ิ ๑๔๔ การปล่อยแสงแบบเร้า ๒๐๔, ๒๐๕ การโคลนนง่ิ โดยใชเ้ ซลลร์ า่ งกาย, ขน้ั ตอน ๑๔๕-๑๕๐ การปลกู ถา่ ยข้ามชนิดสัตว์ ๑๕๔ การโคลนน่ิงสตั ว์ ๑๓๗-๑๖๕ การผสมเทียม ๑๕๘ การใช้ประโยชน์จากแรเ่ หลก็ ๑๗๙-๑๘๐ การเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือ ๑๔๔ การใชเ้ ลเซอร์ในทางการแพทย์ ๑๙๗-๒๑๗ การเล้ียงตวั อ่อนโคลนนิ่งในหลอดแก้ว ๑๔๙ การเตรยี มเซลล์ต้นแบบ ๑๔๕-๑๔๖ การสลายเนื้อเยอ่ื ด้วยเลเซอร์ ๒๑๒ การเตรยี มไซโทพลาซึมผ้รู ับ ๑๔๗ กาแลกโตซลิ ทรานสเฟอเรส ๑๕๕ การถลงุ แร่เหล็ก ๑๙๒ กาแลกโทส ๑๕๕ การถลงุ แรเ่ หลก็ , วัตถุดบิ ๑๙๒-๑๙๔ การอนุรักษน์ กเงอื ก ๗๘-๘๐ ถา่ นโคก้ ๑๙๒ กำเนดิ นกเงอื ก ๖๖ ถา่ นหินแอนทราไซต์ ๑๙๒ กุเรเตอร์ ๓๑ น้ำ ๑๙๔ เกรอัม กรีน ๔๐ วสั ดุที่ใชเ้ ป็นฟลักซ ์ ๑๙๓ เกออร์ค เดอ มาทุน ๒๓๒ เศษเหลก็ ๑๙๓ โกเบ, โค ๑๖๑
282 เครอ่ื งกำเนิดแสงเลเซอร์, โครงสร้างพ้ืนฐาน ๒๐๖-๒๐๗ ข เคิรท์ ว้าชไฟท์ล ๓๗, ๔๐, ๔๑ แคที ๑๖๑ ขนุนเขา ๘๗, ๙๓ แคลมป์คอนเนกชัน ๑๐๗ ขยายสัญญาณแสง, กระบวนการ ๒๐๕ ขนั้ ตอนการกำเนิดแสงเลเซอร์ ๒๐๗ ง ขาวมงคล ๑๕๐, ๑๕๑ ขอ้ี า้ ย ๘๗ งามจิตร บุรฉัตร, หม่อม ๔๑ ขนุ ทอง...เจ้าจะกลบั เม่อื ฟา้ สาง ๓๖, ๔๔, ๔๘ งามพรรณ เวชชาชีวะ ๓๖, ๔๘, ๕๒ เขตรักษาพนั ธส์ุ ัตวป์ า่ ฮาลา-บาลา ๙๐ งสู วดั , โรค ๒๒๓, ๒๒๘-๒๓๐ เขาอมึ ครึม, แหล่งแรเ่ หลก็ ๑๗๑, ๑๗๗ ไข้ออกผ่นื ๒๑๙-๒๔๕ ความสำคัญและลักษณะอาการ ๒๒๖ ชนิด ๒๒๒ ไข้อีดำอแี ดง ๒๒๕ ค จ คลังพิพิธภณั ฑ์ ๒๗ จอห์น เลอ กาเร ๔๐ คลอโรเพอรอกซิเดส ๑๒๘ จนั ทนป์ า่ ๘๒ คลีโอ ๑๔ จันทนม์ ่วง ๘๔, ๘๕ ความสขุ ของกะทิ ๓๖ จันทรแ์ จม่ บนุ นาค, นาง ๔๑ ความเปน็ มาของแรเ่ หลก็ ๑๗๗ จานเลย้ี งเซลล์ ๑๔๖ คอกซ์แซกกีเอ ๑๖, ไวรัส ๒๓๖ จริ ะนนั ท์ พิตรปรชี า ๔๗, ๔๘, ๕๒ คอนิเดียม ๑๐๘ จดุ ค็อปลิก ๒๓๐ คอรเ์ ทก็ ซ,์ เซลล์ ๑๑๗ จุดเลซงิ ๒๐๖ คะแนนเกลียสัน ๒๕๖ เจมส์ เอ. มเิ ชอเนอร์ ๔๐, ๔๗ คลั ไลอะปี ๑๔ เจษฎาเทคนคิ มวิ เซยี ม ๑๓ คา่ งเตน้ ๘๔ โจเซฟ คอนราด ๔๐ คำพพิ ากษา ๔๗, ๔๘, ๕๒ คำพนู บญุ ทวี ๓๖, ๓๙, ๔๓, ๔๘ ฉ คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช, ม.ร.ว. ๔๗ เครสทนิ , ยา ๑๒๖ ฉากไดโอรามา ๒๕
283 ช เซลลร์ า่ งกาย ๑๔๐, ๑๔๔, ๑๖๓ ชนดิ ของไขอ้ อกผนื่ ๒๒๒-๒๒๕ เซลลไ์ อซเี อม็ ๑๕๒ ช่วงแสง, ส่วน ๒๐๒ ไซโกไมโคตา, ไฟลัม ๑๐๖ แสงทต่ี ามองเหน็ ๒๐๒ ไซโคลเฮกซไิ มด์ ๑๔๙ อัลตราไวโอเลต ๒๐๒ ไซโทชาลาซนิ ดี ๑๔๙ อินฟราเรด ๒๐๒ ไซโทพลาซมึ ผรู้ บั ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๔๘, ๑๕๖, ๑๕๙ ชาติ กอบจติ ติ ๔๗, ๔๘, ๕๒ ไซโทพลาซมึ ผ้รู ับ, การเตรียม ๑๔๗ ชารลส์ บ.ี ฮักกนิ ส์ ๒๖๒ ไซโทพลาซมึ สากล ๑๕๖ ชสิ โซฟลิ แลน, ยา ๑๒๖ เชส ๑๖๓ เชอรล์ อ็ ก โฮมส,์ พพิ ิธภัณฑ์ ๒๒ ด เชอ้ื ริกเก็ตต์เซยี ๒๒๖ ดอยอินทนนท,์ โค ๑๕๑ ซ ดอลล่ี ๑๓๗, ๑๓๘, ๑๔๐, ๑๔๑, ๑๔๕ ดำรงราชานุภาพ, สมเดจ็ ฯ กรมพระยา ๑๐ ดติ โต ๑๖๑ ซมั เมอร์เซต็ มอม ๔๐ เดง็ ก,่ี ไวรสั ๒๔๐ ซีโนซิตกิ ไฮฟา ๑๐๖ โดนลั ด์ เอฟ. เกลยี สัน ๒๕๖ ซุนดาแลนด,์ เขต ๖๐, ๖๖ โดลิพอรเ์ ซปตมั ๑๐๗ ซมุ บา, นกเงือก ๖๙ ไดโอรามา, ฉาก ๒๕ ซสู , เทพเจา้ ๑๔ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ๒๕๒, ๒๕๓ เซปเทตไฮฟา ๑๐๗ เซฟาสปอริน ๒๓๕ เซลลค์ อร์เท็กซ์ ๑๑๗ ต เซลลต์ ้นกำเนดิ ๑๔๓ เซลลต์ น้ กำเนิดตวั ออ่ น ๑๔๓, ๑๕๒ ตน้ กาลอ ๙๔ เซลลต์ น้ แบบ ๑๔๒, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๔๗, ตน้ ไทรกะเหรีย่ ง ๙๘ ๑๔๘, ๑๕๕, ๑๖๐, ๑๖๓ ต้นสมพง ๙๘ เซลลต์ น้ แบบ ๑๔๕-๑๔๖, ๑๔๘ ตัวตน้ แบบ ๑๔๐, ๑๔๔ การเชอ่ื มใหต้ ดิ กับไซโทพลาซึมผรู้ บั ๑๔๘ ตวั ต้านออกซเิ ดชัน ๒๖๔ การเตรยี ม ๑๔๕-๑๔๖ ตาเสือ ๘๕, ๘๖, ๘๗, ๙๓ เซลลบ์ ตี า ๑๕๓ ตาเสือดง ๗๖ เซลล์ไฟโบรบราสต์ ๑๔๖, ๑๕๖, ๑๕๗ ตาเสือเล็ก ๗๖, ๙๖, ๙๗
284 ตาเสือใหญ่ ๗๖, ๘๖, ๙๑, ๙๖, ๙๗ นกเงือก ๖๖-๖๘, ๗๖, ๗๐-๘๐, ๗๘-๘๐ ตูมตาม ๑๓๙, ๑๕๐, ๑๕๑ การอนุรักษ์ ๗๘-๘๐ ตูอ้ บเลย้ี งเซลล์ ๑๔๗, ๑๔๙ กำเนดิ ๖๖ ไตอักเสบเฉยี บพลนั ๒๓๔-๒๓๖ การกระจาย ๖๗ นกเงอื ก, ศตั รู ๗๖ ในยคุ ปัจจุบนั ๖๗ ท ลกั ษณะเดน่ ๖๘ วัฏจักรชีวิต ๗๐-๘๐ อาหาร ๗๕ ทราเดสแคนต์ ๑๖ นกเงือกกรามชา้ ง ๕๗, ๖๒, ๖๓, ๖๙, ๗๓, ๗๔, ๗๕, ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ๒๐๓ ๗๖, ๗๙, ๘๐, ๙๕-๙๖ ท็อปป้ี ๑๖๓ นกเงือกกรามชา้ งปากเรยี บ ๕๗, ๖๒, ๖๙, ๗๔, ๘๐, ทอมัส คิง, ดร. ๑๔๔ ๘๘-๘๙ ทงั ๘๒, ๘๕ นกเงือกกบั ระบบนเิ วศป่า ๗๗-๗๘ ทังป่า ๘๖, ๙๑ นกเงอื กคอแดง ๕๗, ๖๒, ๖๙, ๘๐, ๘๖-๘๗, ๙๓ ทาลิอา ๑๔ นกเงอื กซุมบา ๖๙ ทูนิเกต์, การทดสอบ ๒๔๑ นกเงอื กดำ ๕๗, ๖๒, ๖๘, ๗๔, ๘๐, ๘๒-๘๓ เทพเจ้าซสู ๑๔ นกเงือกไทย, สถานภาพ ๘๐-๙๘ เทพเี นโมซเี น ๑๔ นกเงือกนารค์ อนแดม ๖๙ เทริ ป์ ซิเคอรี ๑๔ นกเงือกป่า ๖๗ โทมซิ ากุ คาวาซากิ ๒๓๘ นกเงือกปากดำ ๕๗, ๖๒, ๖๘, ๖๙, ๗๔, ๙๐-๙๑ โทษของเห็ด ๑๒๙-๑๓๒ นกเงอื กปากยน่ ๕๗, ๖๒, ๖๙, ๘๓-๘๔ นกเงอื กปาปวน ๖๙ นกเงือกพื้นดนิ ๖๐, ๖๖, ๖๗, ๖๘ น นกเงอื กฟิลิปปินส์ ๖๙ นกเงอื กสนี ้ำตาล ๕๗, ๖๒, ๖๙, ๗๔, ๘๐, ๙๒-๙๓ นกเงอื กสนี ำ้ ตาลคอขาว ๕๗, ๖๒, ๖๙, ๗๓, ๗๔, ๘๐, นกกก ๕๗, ๖๒, ๖๘, ๖๙, ๗๐, ๗๕, ๗๖, ๗๙, ๘๐, ๙๑-๙๒ ๙๒, ๙๓ นกเงือกหัวแรด ๕๗, ๖๒, ๖๘, ๗๔, ๘๐, ๘๕-๘๖ นกเงือกหวั หงอก ๕๗, ๖๒, ๖๘, ๖๙, ๗๔, ๘๐, นกกะวะ ๙๓-๙๔ ๘๕-๘๖, ๘๙-๙๐ นกกาฮงั ๙๓-๙๔ นกกู๋กี๋ ๙๕-๙๖ นกชนหิน ๕๗, ๖๐, ๖๒, ๖๘, ๖๙, ๗๔, ๘๐, ๘๔-๘๕ นกแกก๊ ๕๗, ๖๒, ๖๘, ๖๙, ๗๓, ๗๕, ๗๖, ๙๖-๙๗ นกทแู คน ๖๖, ๖๗ นกแกง ๙๖-๙๗ นกนายพราน ๘๙-๙๐
285 นกมมู ๗๘ ป นกหมาพราน ๘๙-๙๐ นักเขยี นซรี อง ๔๗ ประพาสพพิ ธิ ภัณฑ์, พระทนี่ งั่ ๓๐ น้ำยายอ่ ยเซลล์ ๑๔๐ ปรากฏการณป์ ระชากรผกผนั ๒๐๕ น้ำยาเลย้ี งเซลล์ ๑๔๐, ๑๔๖ ปลวกเลย้ี งรา ๑๑๙ นำ้ ยาเลย้ี งตวั ออ่ น ๑๔๑ ปาปวน, นกเงือก ๖๙ นโิ คล ๑๕๐ ปาเลส์เดอลาเดกูแวรต์ , พพิ ธิ ภณั ฑ์ ๑๘ นติ ยา มาศะวสิ ทุ ธ์ิ, ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ๔๕, ๕๔ เปรมบุรฉัตร, พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ ๔๑ นทิ รรศการ, แบบ ๒๗-๒๙ ชว่ั คราว ๒๘-๒๙ ผ ถาวร ๒๘ นิวโรสปอรา ๑๐๕ ผื่นกุหลาบ ๒๒๔ เนโมซเี น, เทพี ๑๔ แผน่ แมนเทิล ๑๑๗ โนอาห์ ๑๕๖ โนเอล โคเวริ ด์ ๔๐ บ พ บันเตง็ ๑๕๗ พญาไม้ ๙๒ บราวนร์ อต ๑๑๕, ๑๑๖ พน ๘๖ บริติชมิวเซียม ๑๗, ๒๐ พรศรี หลูไพบลู ย,์ นาง ๔๑ บ่อนำ้ พ้ี, แหลง่ แรเ่ หลก็ ๑๗๑, ๑๗๗ พระทนี่ ั่งประพาสพพิ ิธภัณฑ์ ๓๐ บารบ์ ารา คาร์ตแลนด์ ๔๐ พระทน่ี ั่งราชฤดี ๓๐ บตี ากลแู คน ๑๒๖ พอลิแซก็ คาไรด์ ๑๒๖ บเู กอร์ ๑๖๔ พอลแิ ซ็กคาไรด-์ เพปไทด์ ๑๒๖ บคู าร์โด ๑๕๗ พอลิฮิมนิอา ๑๔ เบซดิ โิ อไมโคตา, ไฟลมั ๑๐๔, ๑๐๖, ๑๐๗, ๑๐๙, พารโ์ วไรรสั บี ๑๙ ในคน ๒๓๗ ๑๒๐, ๑๒๘ พารามเี ซียม ๑๔๔ เบซดิ ิโอไมซติ ิส ๑๒๖, ๑๒๘ พพิ วน ๙๒, ๙๖ เบซิดิโอสปอร์ ๑๐๔, ๑๑๐, ๑๑๑, ๑๑๒ พิพิธภัณฑ์ ๗, ๙, ๑๔ เบซิเดยี ม ๑๑๒, ๑๒๐ พิพิธภัณฑช์ า้ งเอราวณั ๒๒ โบร์, ทฤษฎีอะตอม ๒๐๓ พพิ ิธภณั ฑ์ชาติพันธ์ุวทิ ยา ๑๑
286 พิพธิ ภัณฑเ์ ชอรล์ อ็ ก โฮมส์ ๒๒ ฟ พิพธิ ภัณฑไ์ ซเบอร์ ๒๕ พิพิธภัณฑ์เด็ก ๘ ฟรพี ีเอสเอ ๒๕๖ พพิ ิธภัณฑ์บ้านจมิ ทอมป์สัน ๑๐, ๒๒ ฟิฟท,์ โรค ๒๓๗ พพิ ิธภัณฑ์บ้านดำ ๑๒ เฟอร์เรต็ ๑๔๕, ๑๕๒ พพิ ธิ ภณั ฑ์ปาเลสเ์ ดอลาเดกูแวรต์ ๑๘ โฟตอน, แบบการปลอ่ ย ๒๐๔ พิพิธภณั ฑผ์ ้า ๑๑ เกดิ เอง ๒๐๔ พิพิธภณั ฑ์มชี ีวติ ๑๑, ๒๕ เร้า ๒๐๔ พพิ ิธภณั ฑ์ลฟู วร์ ๑๗ ไฟโตไบออนต์ ๑๒๑ พิพธิ ภณั ฑ์วังวรดศิ ๑๐ ไฟลัมไซโกไมโคตา ๑๐๖ พพิ ธิ ภณั ฑ์วังสวนผกั กาด ๑๐ ไฟลัมเบซดิ โิ อไมโคตา ๑๐๔, ๑๐๖, ๑๐๗, ๑๐๙, พพิ ิธภณั ฑ์วกิ ตอเรยี และแอลเบริ ์ต ๑๘ ๑๒๐, ๑๒๘ พพิ ิธภณั ฑแ์ วนโก๊ะ ๒๓ ไฟลัมแอสโคไมโคตา ๑๓๐ พพิ ิธภัณฑสถาน, ประเภท ๙-๑๒, ๒๐-๒๔, ๒๕ รูปแบบ ๒๔ ภ เลา่ เร่ืองคน ๙-๑๒ เลา่ เรอ่ื งธรรมชาต ิ ๑๒ ภาวะก้านสมองอกั เสบ ๒๓๗ หนา้ ที ่ ๒๕ พิพธิ ภัณฑสถานชุมชน ๑๑ ม พพิ ิธภัณฑสถานในโลก, ววิ ฒั นาการ ๑๕-๑๙ พพิ ิธภณั ฑสถานพ้ืนบ้าน ๑๑ มะกอกเกล้ือน ๗๖ พพิ ธิ ภณั ฑสถานเสมอื น ๑๙ มะเกม้ิ ๗๖, ๘๗, ๙๖ พิพิธภัณฑ์หนุ่ ขผี้ ้งึ มาดามทสุ โซ ๒๒ มะพรา้ วนกกก ๗๖ พพิ ิธภัณฑอ์ อนไลน์ ๒๕ มะเรง็ ตอ่ มลูกหมาก ๒๔๗, ๒๖๗ พิพิธภัณฑแ์ อชโมลนี ๑๖ การวนิ จิ ฉัย ๒๕๕-๒๕๗ พีระพงศ์ เกษมศร,ี หมอ่ มหลวง ๑๑ อาการ ๒๕๔ พีเอสเอเดนซิตี ๒๕๖ มะเร็งต่อมลกู หมาก, ปจั จัยเส่ียง ๒๕๔ เพนิซลิ เลยี มโนเทตัม ๑๐๕ กรรมพนั ธ์ุ ๒๕๔ เพยี งความเคล่อื นไหว ๓๖ เช้อื ชาต ิ สายพนั ธ ุ์ ๒๕๔ โพรทีโอกลแู คน ๑๒๖ แสงแดด ๒๕๔ โพรทโี อกลูแคนเครสทิน ๑๒๖ อาหารท่มี ไี ขมนั สูง ๒๕๔ โพลารบ์ อดีที่ ๑ ๑๔๗
287 มะเรง็ ต่อมลกู หมาก, วิธีการรกั ษา ๒๕๐-๒๕๑, ยีนฮิวแมนแฟกเตอร์ ๘ ๑๕๔ ๒๖๐-๒๖๓ ยีนฮิวแมนแฟกเตอร์ ๙ ๑๕๔ เคมบี ำบัด ๒๕๐, ๒๖๓ ยเู ทอรป์ ี ๑๔ ใชค้ ลน่ื ความถี่สูง ๒๕๑, ๒๖๒ ยูเรนิอา ๑๔ ใชค้ วามเยน็ ๒๕๑, ๒๖๑ ผ่าตดั ๒๕๐, ๒๕๘-๒๕๙ ร ยับยัง้ ฮอรโ์ มนเพศ ๒๖๒-๒๖๓ รังสีรักษา ๒๕๐, ๒๖๐ รงั สรรค์ พาลพ่าย, ดร. ๑๕๐, ๑๕๑, ๑๕๖, ๑๖๐, ๑๖๒ อนื่ ๆ ๒๖๓ รา, ลกั ษณะท่ัวไป ๑๐๖-๑๐๗ มะหาด ๗๖ รางวลั ซีไรต์ ๓๕-๕๕ มะอ้า ๗๖, ๘๗, ๙๑, ๙๖, ๙๗ งานพระราชทานรางวลั ๓๙ มตั สตึ าเกะ, เหด็ ๑๐๒ บทบาท ๓๙ มารนี ๑๖๔ ประวตั คิ วามเปน็ มา ๓๗, ๔๐-๔๑ มิวเซยี ม ๑๔, ๓๐, ๓๑ วัตถปุ ระสงค์ ๓๘, ๔๒ มีเซลิ ส,์ ไวรสั ๒๓๐ หลกั เกณฑ์การคัดเลอื กและตัดสิน ๔๒ มูฟลอน ๑๕๗ ราชฤดี, พระทนี่ ่ัง ๓๐ เมดิชี ๑๕ รกิ เก็ตต์เซยี , เชื้อ ๒๒๖ เมลพอมินี ๑๔ รเู บลลา, ไวรัส ๒๓๒ แมดจ์ ๑๖๑ รปู แบบของพิพธิ ภณั ฑสถาน ๒๔ แมนเทลิ , แผ่น ๑๑๗ เรย์ซนิ โดรม ๒๒๙ แมวปา่ แอฟรกิ า ๑๔๒, ๑๖๐ แร่เหล็ก ๑๖๗-๑๙๕ แมวลายหินออ่ น ๑๖๐ แร่เหลก็ ๑๗๐-๑๗๑, ๑๗๒, ๑๗๗, ๑๗๙-๑๘๐, ไมโคไบออนต์ ๑๒๑ ๑๘๐-๑๘๔, ๑๘๔-๑๘๖, ๑๙๐, ๑๙๒, ๑๙๔ ไมโทคอนเครยี ลดเี อ็นเอ ๑๔๔ การเกดิ ๑๘๐-๑๘๔ ไมโอซิส ๑๑๒ การใชป้ ระโยชน์ ๑๗๙-๑๘๐ การถลุง ๑๙๒-๑๙๔ ย การทำเหมอื งในประเทศไทย ๑๙๐ ขัน้ ตอนการสำรวจ ๑๘๔-๑๘๖ ยอรจ์ เซเดส,์ ศาสตราจารย์ ๓๑ ใต้ดนิ ๑๘๕-๑๘๖ ยาเครสทิน ๑๒๖ พ้นื ผวิ ๑๘๕ ยางโอน ๗๖, ๘๗, ๙๒, ๙๓, ๙๗ ความเปน็ มา ๑๗๗ ยาชสิ โซฟิลแลน ๑๒๖ ประโยชน์ ๑๗๒-๑๗๓ ยีนแอลฟา-๑-แอนไททรปิ ซนิ ๑๕๔ ประวตั กิ ารใช้ ๑๗๐-๑๗๑
288 โรคไขเ้ ลอื ดออก ๒๒๕ เลเซอรใ์ นทางการแพทย,์ การใช้ ๑๙๗-๒๑๗, ๒๑๐ โรคคาวาซากิ ๒๓๘-๒๔๐ บำบดั รักษาโรคโดยตรง ๒๑๐ โรคงสู วดั ๒๒๓, ๒๒๘-๒๓๐ วนิ ิจฉัยโรค ๒๑๐ โรคฟิฟท์ ๒๓๗ เลนทแิ นน ๑๒๕ โรคมอื เทา้ ปาก ๒๒๕, ๒๓๖-๒๓๗ เลสกิ ๒๐๑, ๒๑๔ โรคหัด ๒๒๔, ๒๓๐-๒๓๑ เลอื ด ๘๔, ๘๕, ๘๗, ๙๓ โรคหดั เยอรมนั ๒๒๔, ๒๒๗, ๒๓๒-๒๓๓ เลือดม้า ๗๖ โรคหวั ใจรมู าติกเฉียบพลัน ๒๓๔ ไลโคพีน ๒๖๔ โรคอีดำอแี ดง ๒๒๕, ๒๓๔-๒๓๖ โรคอีสกุ อีใส ๒๒๒, ๒๒๘-๒๓๐ ว โรแบร์ท ฮาร์ทชิ ๑๑๗ ไรซ์ และบีบี ๑๒๘ วงแหวนนางฟ้า ๑๑๖ วรรณกรรม, ประเภท ๔๒ ล กวนี พิ นธ ์ ๔๑ นวนิยาย ๔๒ ลกั ษณะเด่นของนกเงอื ก ๖๘ บทละคร ๔๒ ลกิ นนิ ๑๑๕ เรื่องสั้น ๔๒ ลูกอสี าน ๓๖, ๔๓, ๔๔, ๔๘, ๕๒ วอลนัต ๒๔๗ ลูซ่ี ๘ วังวรดิศ, พพิ ธิ ภณั ฑ์ ๑๐ ลูฟวร์, พพิ ิธภณั ฑ์ ๑๗ วังสวนผักกาด, พิพธิ ภณั ฑ์ ๑๐ เลเซอร์ ๑๙๘, ๒๐๒ วัฏจกั รชีวิตของนกเงอื ก ๗๐-๘๐ เลเซอร,์ ชนดิ ๒๐๐, ๒๐๘-๒๑๐ วสั ดเุ จ้าบา้ น ๒๐๘ แกส๊ ๒๐๐, ๒๐๘ วาริเซลลา, ไวรัส ๒๒๒, ๒๒๘ ของแข็ง ๒๐๐, ๒๐๘ วิกตอเรียและแอลเบริ ต์ , พิพธิ ภัณฑ์ ๑๘ ของเหลว ๒๐๐, ๒๐๘ วธิ ถี า่ ยโอนนิวเคลยี ส ๑๔๐ ไดโอด ๒๐๐, ๒๑๐ วนิ ทร์ เลียววาริณ ๔๗, ๔๘, ๕๑ เลเซอร์, วธิ กี ารผา่ ตัด ๒๑๖ วิมลฉตั ร, พระวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจา้ ๔๑ พอี ารเ์ ค ๒๑๖ วลิ เลียม โกลดงิ ๔๗ เลสิก ๒๑๖ แวนโกะ๊ , พิพิธภัณฑ์ ๒๓ เลเซอร์, องคป์ ระกอบ ๑๙๙-๒๐๐, ๒๐๖ ไวตร์ อต ๑๑๔, ๑๑๕ ตัวกลางเลเซอร์ ๑๙๙, ๒๐๖ ไวรสั เด็งกี่ ๒๔๐ แหล่งกำเนดิ พลงั งาน ๒๐๐, ๒๐๖ ไวรัสมีเซลิ ส์ ๒๓๐ ออปทคิ ลั เรโซเนเตอร ์ ๑๙๙, ๒๐๕, ๒๐๖
ศ 289 หมขี อ ๕๘, ๖๓, ๗๖ ศตั รูของนกเงือก ๗๖ หอคองคอเดีย ๓๐, ๓๑ ศาลาสหทัยสมาคม ๓๐, ๓๑ หันช้าง ๙๓ เศวต ๑๕๑ เหด็ ๑๐๑-๑๓๕ เห็ด ๑๐๔-๑๐๕, ๑๑๔, ๑๑๔-๑๒๑, ๑๒๑-๑๒๙, ส ๑๒๙-๑๓๒ กลุม่ ๑๑๔-๑๒๑ สเตร็ปโทค็อกคสั ไพโอจีเนส ๒๒๙, ๒๓๕ โทษ ๑๒๙-๑๓๒ สแตฟิโลค็อกคสั ออเรียส ๒๒๙ ประโยชน์ ๑๒๑-๑๒๙ สถานภาพนกเงอื กไทย ๘๐-๘๑ ประโยชน์และโทษ ๑๐๔-๑๐๕ สถาบันวิจัยโรสริน ๑๔๕ หนา้ ท่ีในระบบนเิ วศ ๑๑๔ สถาบันสมธิ โซเนยี น ๒๐ เห็ดกระดุม ๑๑๓, ๑๒๗ สนูปปี้ ๑๖๓ เห็ดกระดมุ สนี ำ้ ตาล ๑๒๒ สภาการพิพธิ ภณั ฑ์ระหวา่ งชาติ ๑๙ เห็ดกระโดงตนี ตำ่ ครีบเขียว ๑๓๑ ส้มโมง ๗๖, ๘๒, ๘๔, ๙๒, ๙๖ เห็ดขมนิ้ น้อยสายพันธ์ุชมพู ๑๑๘ สมธิ โซเนียน, สถาบัน ๒๐ เห็ดขอนขาว ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๒๘ สวนเห็ด ๑๑๙ เห็ดขอนสสี ้ม ๑๑๖ สะเตียว ๘๒ เห็ดขีค้ วาย ๑๓๐ สา่ ไข้ ๒๒๔ เห็ดเขม็ เงนิ ๑๒๒ สุขุมพันธุ์ บริพตั ร, หมอ่ มราชวงศ์ ๔๑ เหด็ เขม็ ทอง ๑๒๗ สุภาว์ เทวกลุ , นาง ๔๑ เหด็ เขาเหมน็ ๑๑๑ เสน้ พาสเทีย ๒๓๕ เหด็ ไข่ ๑๐๓, ๑๑๓ เส้นใยตตยิ ภูมิ ๑๐๙ เหด็ ไขห่ า่ นเหลอื ง ๑๑๘ เสน้ ใยทุติยภมู ิ ๑๐๙ เหด็ โคน ๑๑๙-๑๒๐, ๑๒๔, ๑๒๘ แสงเลเซอร,์ หลักการกำเนิด ๒๐๕-๒๐๖ เหด็ โคนน้อย ๑๒๒, ๑๒๓ เหด็ แซปโพรไฟต์ ๑๑๔ ห เห็ดตนี ปลอก ๑๑๔, ๑๑๖ เห็ดถัว่ ๑๒๓ หมากนกมูม ๘๗, ๙๓ เห็ดนางรม ๑๒๓ หมาไม้ ๕๘, ๖๓, ๗๖ เห็ดนางรมภูฏาน ๑๒๓ เหด็ นางรมสชี มพู ๑๒๓ เหด็ บด ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๒๘ เห็ดปะการัง ๑๑๑ เหด็ ปะการงั สีมว่ ง ๑๑๘
290 แหล่งแร่เหล็กของไทย ๑๘๗-๑๘๙ เห็ดปลวก ๑๑๙-๑๒๐ ภาคกลาง ๑๘๘ เห็ดผ้งึ ๑๑๐ ภาคตะวันออก ๑๘๙ เหด็ ผง้ึ ทอ้ งรุ ๑๓๑ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ๑๘๘ เหด็ เผาะ ๑๒๔, ๑๒๘ ภาคใต้ ๑๘๙ เหด็ พิษ ๑๒๙, ๑๓๒ ภาคเหนอื ๑๘๗ เห็ดฟนั ๑๑๐ แหลง่ แร่เหลก็ ของโลก ๑๗๕ เห็ดฟาน ๑๒๔, ๑๒๕ แหล่งแรเ่ หลก็ เขาอึมครมึ ๑๗๑, ๑๗๗ เห็ดมตั สตึ าเกะผง ๑๒๘ แหล่งแรเ่ หล็กท่กี ำเนดิ แบบหนิ ช้นั , แบบ ๑๘๒-๑๘๔ เห็ดมันกงุ้ ๑๑๘ ตกตะกอนเปน็ แถบชั้น ๑๘๒-๑๘๓ เหด็ มันปู ๑๑๑ เปน็ ชน้ั แทรกอยู่ในหิน ๑๘๓-๑๘๔ เหด็ มือเนา่ ๑๑๑ สะสมตวั อยู่ตามเชิงเขาและที่ลุ่ม ๑๘๔ เหด็ ยานางิ ๑๒๒, ๑๒๗ แหล่งแร่เหล็กในประเทศไทย ๑๗๓-๑๗๕ เหด็ เยอื่ ไผ่ ๑๑๑, ๑๒๘ แหลง่ แรเ่ หลก็ บ่อน้ำพี้ ๑๗๑, ๑๗๗ เห็ดระโงกขาว ๑๐๓, ๑๑๓ แหล่งแรเ่ หล็กแบบสการน์ ๑๘๑ เห็ดระโงกแดง ๑๒๔ แหล่งแรเ่ หลก็ แบบสายแร่ ๑๘๐ เห็ดระโงกเหลอื ง ๑๑๘ แหลง่ แร่แบบทุติยภมู ิ ๑๘๐ เหด็ รังนก ๑๑๒ แหลง่ แรแ่ บบปฐมภูมิ ๑๘๐ เหด็ รา่ งแห ๑๑๑, ๑๒๘ เหด็ ลม ๑๑๖ อ เหด็ ลูกฝ่นุ ๑๑๑ เห็ดไลเคน ๑๒๐-๑๒๑ องคก์ ารนาซา ๒๑ เห็ดแสงสม้ แดง ๑๑๘ องคก์ ารอนามยั โลก ๒๒๐, ๒๒๒, ๒๒๗ เห็ดหลม่ ๑๒๔, ๑๒๕ ออปทคิ ัลแควติ ี ๒๐๕-๒๐๖ เห็ดหลายหนา้ ๑๑๘ ออปทิคลั เรโซเนเตอร์ ๒๐๕-๒๐๖ เห็ดหลินจือ ๑๒๕, ๑๒๘ ออร์แกเนลล์ ๑๐๖ เหด็ หอม ๑๒๒ อะไซโคลเวยี ร์ ๒๒๙ เหด็ หัวลิง ๑๒๓, ๑๒๔ อะดโี นไวรัส ๒๒๗ เหด็ ห้ิง ๑๑๐ อะฟลาท็อกซิน ๑๐๕ เหด็ หูหนู ๑๑๖, ๑๒๒, ๑๒๘ อัศศิริ ธรรมโชติ ๓๖, ๔๔, ๔๘ เหด็ หหู นูขาว ๑๒๘ เห็ดเอกโทไมคอรไ์ รซา ๑๑๗-๑๑๙ เหอื ด ๒๒๔
291 อารก์ าลี ๑๕๗ อาหารของนกเงือก ๗๕ อิมมโู นโกลบลู นิ ๒๔๐ อิง ๑๓๙, ๑๕๐ อิเรโต ๑๔ อรี ทิ ีมาอนิ เฟกทโิ อซมั ๒๓๗ อีรโิ ทรเจนกิ ทอกซิน ๒๓๔ อรี โิ ทรไมซนิ ๒๓๕ อรู ์ ๑๕ เอกโทไมคอร์ไรซา ๑๐๔ เอชเอชวี ๖ ๒๓๓ เอดเวิร์ด เจนเนอร,์ นายแพทย์ ๒๒๖ เอด็ ฮันเตอร์ ๔๑ เอนโดเดอรม์ สิ ๑๑๗ เอนเทอโรไวรสั ๗๑ ๒๒๗, ๒๓๖ เอป็ สไตน์-บารรไ์ วรสั ๒๒๗ เอยี น วิลมตุ , ดร. ๑๔๐, ๑๔๕ แอชโมลีน, พพิ ิธภัณฑ์ ๑๖ แอพอปโทซสิ ๒๕๓ แอลเบิรต์ ไอนส์ ไตน์ ๒๐๔ แอลฟา-๑-แอนไททริปซนิ ๑๕๔ แอสโคไมโคตา, ไฟลมั ๑๐๖, ๑๒๐, ๑๓๐ ฮ ฮนั ซหู ยนิ ๔๗ ฮาลา-บาลา, กลุ่มปา่ ๘๒, ๘๔, ๘๕, ๘๘, ๙๐ ฮิวแมนแฟกเตอร์ ๘, ยีน ๑๕๔ ฮวิ แมนแฟกเตอร์ ๙, ยนี ๑๕๔ เฮมเิ ซลลูโลส ๑๑๕, ๑๑๖ เฮอร์พีสไ์ วรัสแบบชนดิ ๖ ในคน ๒๓๓
ศ 289 หมขี อ ๕๘, ๖๓, ๗๖ ศตั รูของนกเงือก ๗๖ หอคองคอเดีย ๓๐, ๓๑ ศาลาสหทัยสมาคม ๓๐, ๓๑ หันช้าง ๙๓ เศวต ๑๕๑ เหด็ ๑๐๑-๑๓๕ เห็ด ๑๐๔-๑๐๕, ๑๑๔, ๑๑๔-๑๒๑, ๑๒๑-๑๒๙, ส ๑๒๙-๑๓๒ กลุม่ ๑๑๔-๑๒๑ สเตร็ปโทค็อกคสั ไพโอจีเนส ๒๒๙, ๒๓๕ โทษ ๑๒๙-๑๓๒ สแตฟิโลค็อกคสั ออเรียส ๒๒๙ ประโยชน์ ๑๒๑-๑๒๙ สถานภาพนกเงอื กไทย ๘๐-๘๑ ประโยชน์และโทษ ๑๐๔-๑๐๕ สถาบันวิจัยโรสริน ๑๔๕ หนา้ ท่ีในระบบนเิ วศ ๑๑๔ สถาบันสมธิ โซเนยี น ๒๐ เห็ดกระดุม ๑๑๓, ๑๒๗ สนูปปี้ ๑๖๓ เห็ดกระดมุ สนี ำ้ ตาล ๑๒๒ สภาการพิพธิ ภณั ฑ์ระหวา่ งชาติ ๑๙ เห็ดกระโดงตนี ตำ่ ครีบเขียว ๑๓๑ ส้มโมง ๗๖, ๘๒, ๘๔, ๙๒, ๙๖ เห็ดขมนิ้ น้อยสายพันธ์ุชมพู ๑๑๘ สมธิ โซเนียน, สถาบัน ๒๐ เห็ดขอนขาว ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๒๘ สวนเห็ด ๑๑๙ เห็ดขอนสสี ้ม ๑๑๖ สะเตียว ๘๒ เห็ดขีค้ วาย ๑๓๐ สา่ ไข้ ๒๒๔ เห็ดเขม็ เงนิ ๑๒๒ สุขุมพันธุ์ บริพตั ร, หมอ่ มราชวงศ์ ๔๑ เหด็ เขม็ ทอง ๑๒๗ สุภาว์ เทวกลุ , นาง ๔๑ เหด็ เขาเหมน็ ๑๑๑ เสน้ พาสเทีย ๒๓๕ เหด็ ไข่ ๑๐๓, ๑๑๓ เส้นใยตตยิ ภูมิ ๑๐๙ เหด็ ไขห่ า่ นเหลอื ง ๑๑๘ เสน้ ใยทุติยภมู ิ ๑๐๙ เหด็ โคน ๑๑๙-๑๒๐, ๑๒๔, ๑๒๘ แสงเลเซอร,์ หลักการกำเนิด ๒๐๕-๒๐๖ เหด็ โคนน้อย ๑๒๒, ๑๒๓ เหด็ แซปโพรไฟต์ ๑๑๔ ห เห็ดตนี ปลอก ๑๑๔, ๑๑๖ เห็ดถัว่ ๑๒๓ หมากนกมูม ๘๗, ๙๓ เห็ดนางรม ๑๒๓ หมาไม้ ๕๘, ๖๓, ๗๖ เห็ดนางรมภูฏาน ๑๒๓ เหด็ นางรมสชี มพู ๑๒๓ เหด็ บด ๑๑๖, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๒๘ เห็ดปะการัง ๑๑๑ เหด็ ปะการงั สีมว่ ง ๑๑๘
290 แหล่งแร่เหล็กของไทย ๑๘๗-๑๘๙ เห็ดปลวก ๑๑๙-๑๒๐ ภาคกลาง ๑๘๘ เห็ดผ้งึ ๑๑๐ ภาคตะวันออก ๑๘๙ เหด็ ผง้ึ ทอ้ งรุ ๑๓๑ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ๑๘๘ เหด็ เผาะ ๑๒๔, ๑๒๘ ภาคใต้ ๑๘๙ เหด็ พิษ ๑๒๙, ๑๓๒ ภาคเหนอื ๑๘๗ เห็ดฟนั ๑๑๐ แหลง่ แร่เหลก็ ของโลก ๑๗๕ เห็ดฟาน ๑๒๔, ๑๒๕ แหล่งแรเ่ หลก็ เขาอึมครมึ ๑๗๑, ๑๗๗ เห็ดมตั สตึ าเกะผง ๑๒๘ แหล่งแรเ่ หล็กท่กี ำเนดิ แบบหนิ ช้นั , แบบ ๑๘๒-๑๘๔ เห็ดมันกงุ้ ๑๑๘ ตกตะกอนเปน็ แถบชั้น ๑๘๒-๑๘๓ เหด็ มันปู ๑๑๑ เปน็ ชน้ั แทรกอยู่ในหิน ๑๘๓-๑๘๔ เหด็ มือเนา่ ๑๑๑ สะสมตวั อยู่ตามเชิงเขาและที่ลุ่ม ๑๘๔ เหด็ ยานางิ ๑๒๒, ๑๒๗ แหล่งแร่เหล็กในประเทศไทย ๑๗๓-๑๗๕ เหด็ เยอื่ ไผ่ ๑๑๑, ๑๒๘ แหลง่ แรเ่ หลก็ บ่อน้ำพี้ ๑๗๑, ๑๗๗ เห็ดระโงกขาว ๑๐๓, ๑๑๓ แหล่งแรเ่ หล็กแบบสการน์ ๑๘๑ เห็ดระโงกแดง ๑๒๔ แหล่งแรเ่ หลก็ แบบสายแร่ ๑๘๐ เห็ดระโงกเหลอื ง ๑๑๘ แหลง่ แร่แบบทุติยภมู ิ ๑๘๐ เหด็ รังนก ๑๑๒ แหลง่ แรแ่ บบปฐมภูมิ ๑๘๐ เหด็ รา่ งแห ๑๑๑, ๑๒๘ เหด็ ลม ๑๑๖ อ เหด็ ลูกฝ่นุ ๑๑๑ เห็ดไลเคน ๑๒๐-๑๒๑ องคก์ ารนาซา ๒๑ เห็ดแสงสม้ แดง ๑๑๘ องคก์ ารอนามยั โลก ๒๒๐, ๒๒๒, ๒๒๗ เห็ดหลม่ ๑๒๔, ๑๒๕ ออปทคิ ัลแควติ ี ๒๐๕-๒๐๖ เห็ดหลายหนา้ ๑๑๘ ออปทิคลั เรโซเนเตอร์ ๒๐๕-๒๐๖ เห็ดหลินจือ ๑๒๕, ๑๒๘ ออร์แกเนลล์ ๑๐๖ เหด็ หอม ๑๒๒ อะไซโคลเวยี ร์ ๒๒๙ เหด็ หัวลิง ๑๒๓, ๑๒๔ อะดโี นไวรัส ๒๒๗ เหด็ ห้ิง ๑๑๐ อะฟลาท็อกซิน ๑๐๕ เหด็ หูหนู ๑๑๖, ๑๒๒, ๑๒๘ อัศศิริ ธรรมโชติ ๓๖, ๔๔, ๔๘ เหด็ หหู นูขาว ๑๒๘ เห็ดเอกโทไมคอรไ์ รซา ๑๑๗-๑๑๙ เหอื ด ๒๒๔
291 อารก์ าลี ๑๕๗ อาหารของนกเงือก ๗๕ อิมมโู นโกลบลู นิ ๒๔๐ อิง ๑๓๙, ๑๕๐ อิเรโต ๑๔ อรี ทิ ีมาอนิ เฟกทโิ อซมั ๒๓๗ อีรโิ ทรเจนกิ ทอกซิน ๒๓๔ อรี โิ ทรไมซนิ ๒๓๕ อรู ์ ๑๕ เอกโทไมคอร์ไรซา ๑๐๔ เอชเอชวี ๖ ๒๓๓ เอดเวิร์ด เจนเนอร,์ นายแพทย์ ๒๒๖ เอด็ ฮันเตอร์ ๔๑ เอนโดเดอรม์ สิ ๑๑๗ เอนเทอโรไวรสั ๗๑ ๒๒๗, ๒๓๖ เอป็ สไตน์-บารรไ์ วรสั ๒๒๗ เอยี น วิลมตุ , ดร. ๑๔๐, ๑๔๕ แอชโมลีน, พพิ ิธภัณฑ์ ๑๖ แอพอปโทซสิ ๒๕๓ แอลเบิรต์ ไอนส์ ไตน์ ๒๐๔ แอลฟา-๑-แอนไททริปซนิ ๑๕๔ แอสโคไมโคตา, ไฟลมั ๑๐๖, ๑๒๐, ๑๓๐ ฮ ฮนั ซหู ยนิ ๔๗ ฮาลา-บาลา, กลุ่มปา่ ๘๒, ๘๔, ๘๕, ๘๘, ๙๐ ฮิวแมนแฟกเตอร์ ๘, ยีน ๑๕๔ ฮวิ แมนแฟกเตอร์ ๙, ยนี ๑๕๔ เฮมเิ ซลลูโลส ๑๑๕, ๑๑๖ เฮอร์พีสไ์ วรัสแบบชนดิ ๖ ในคน ๒๓๓
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299