สมยั ของพระเจา้ ซาร์แห่งรัสเซีย ก็เลยคิดคน้ ประดิษฐ์เคร่ืองผลิตโดนทั ข้ึนมาในปี ค.ศ.1940 ซ่ึงยิ่งช่วยขยาย ความนิยมใหโ้ ดนทั อยา่ งกวา้ งขวางไปทว่ั โลก จนข้ึนแท่นเป็ นขนมสุดฮิตในอเมริกา แถมยงั เก๋าพอที่จะมีวนั พิเศษเป็นของตวั เอง ซ่ึงกค็ ือ วนั โดนทั แห่งชาติ หรือวนั ศุกร์แรกของเดือนมิถุนายนในทุก ๆ ปี อีกดว้ ย รู้จักกบั แชมป์ ไร้พ่ำย ใน 5 ลกี ใหญ่ของยุโรป มีแชมป์ ไร้พา่ ย กนั หลายทีม วนั น้ีเราไปรู้จกั กบั ทีมเหล่าน้นั กนั 1. เปรสตนั 1888-89 (องั กฤษ) น่ีถือเป็ นทีม แรกในประวตั ิศาสตร์ลูกหนงั ท่ีเป็นแชมป์ ไร้ พา่ ย โดยในขณะน้นั ลีกองั กฤษมีเพยี งแค่ 12 ทีมท่ีดวลแขง้ กนั หลงั จบ 22 นดั ของท้งั ฤดูกาล เปรสตนั ไดแ้ ชมป์ ดว้ ยผลงานชนะ 18 นดั เสมอ 4 นดั 2.แอธเลติก บิลเบา 1929-30 (สเปน) บิลเบา เป็นทีมแรกของที่ควา้ แชมป์ ลา ลีกา ดว้ ย ผลงานไร้พา่ ย ขณะน้นั สเปนมีทีมลงแขง่ ขนั เพยี ง 10 สโมสร จบฤดูกาล 18 นดั บิลเบาทา ผลงานชนะ 12 นดั เสมออีก 6 นดั 3.เรอลั มาดริด 1931-32 (สเปน) หลงั จากบิลเบาไดแ้ ชมป์ ไร้พา่ ยแลว้ มาดริดก็ทาไดบ้ า้ งใน 2 ฤดูกาลต่อมา ที่ จริงแลว้ ฤดูกาลน้นั บิลเบาชนะได้ 11 นดั มากกวา่ มาดริดที่ชนะ 10 นดั แตบ่ ิลเบาดนั พลาดท่าแพไ้ ปถึง 4 นดั เสมออีก 3 นดั ทาใหม้ าดริดที่เสมออีก 8 นดั ที่เหลือไดแ้ ชมป์ โดยในฤดูกาลน้ีมาดริดไม่ไดใ้ ชค้ าวา่ “เรอลั ” นาหนา้ ช่ือสโมสร เน่ืองจากอยใู่ นยคุ การปกครองของเผดจ็ การจอมพลฟรานซิสโก ฟรังโก ทาใหท้ ุกสโมสร ตอ้ งยกเลิกสญั ลกั ษณ์ทุกอยา่ งที่ส่ือถึงการไดร้ ับความอุปถมั ภจ์ ากราชวงศ์ 4.เอซี มิลาน 1991-92 (อิตาลี) ตอ้ งบอกวา่ น่ีเป็ นหน่ึงในทีมที่ยอดเยย่ี มสุดแห่งประวตั ิศาสตร์ลูกหนงั กว็ า่ ได้ ดว้ ยนกั เตะอยา่ ง 3 ทหารเสือดตั ช์ รุด กลุ ลิต, แฟรงค์ ไรการ์ด, มาร์โก ฟาน บาสเทน กบั แนวรับท่ีมี ฟรานโก บาเรซี, เปาโล มลั ดินี, อเลสซานโดส คอสตาคูร์ตา, เมาโร ทสั ซ็อตติ มิลานจึงเป็นทีมไร้เทียมทานแห่งยคุ จากเกมเตะ 34 นดั มิลานชนะไป 22 นดั เสมอ 12 นดั เกบ็ ไดถ้ ึง 56 แตม้ ทิ้งห่างรองแชมป์ อยา่ งยเู วนตุสแบบ ขาดกระจุย 8 คะแนนเลยทีเดียว 5.อาร์เซนอล 2003-04 (องั กฤษ) เป็นผลงานที่ทาใหผ้ คู้ นจดจาชายชื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ ไปตลอดกาล ดว้ ย ขมุ กาลงั อยา่ ง เธียร์รี อองรี, ปาทริค วเิ อรา, โรแบร์ ปิ แรส และอื่นๆ อาร์เซนอลจึงกลายเป็นทีมที่เจ๋งมากใน เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 38
ยคุ น้นั “ปื นใหญ่” ลงเตะ 38 นดั ชนะ 26 เสมอ 12 เก็บไปได้ 90 แตม้ พร้อมกบั ควา้ โทรฟี่ ทองคาซ่ึงทาข้ึน เป็นพิเศษ เพื่อเชิดชูผลงานไร้พา่ ย ทวา่ นน่ั กเ็ ป็นแชมป์ ลีกสูงสุดคร้ังสุดทา้ ยของอาร์เซนอล 6.ยเู วนตุส 2011-12 (อิตาลี) แมจ้ ะไม่มีโชคในระดบั ยโุ รป แตถ่ า้ เป็นในประเทศแลว้ ตอ้ งบอกวา่ น่ีเป็ นยคุ ของ เบียงโคเนรีอยา่ งแทจ้ ริง ภายใตก้ ารคุมทพั ของ อนั โตนิโอ คอนเต ยเู วนตุสยงิ ไดไ้ ม่เยอะนกั แค่ 68 ประตู แตก่ ็ เสียนอ้ ยเพยี ง 20 ประตู แนวรับอยา่ ง จานลุยจิ บุฟฟอน, อนั เดรีย บาร์ซาญี, จอร์โจ คิเอลลินี และเลโอนาร์โด โบนุชชี บอกไดเ้ ลยวา่ ถา้ ไมแ่ น่จริงคงเจาะตาข่ายไม่เขา้ ยเู วนตุสลงเตะ 38 นดั ชนะ 23 เสมอ 15 เก็บไปได้ 84 คะแนน ซ่ึงหลงั จากฤดูกาลน้นั “มา้ ลาย” ก็ครองแชมป์ เซเรีย อา ชนิดไม่แบ่งใครมา 8 สมยั ซอ้ น ท้งั น้ีกม็ ีบางทีมที่ไร้พา่ ย แตไ่ มไ่ ดแ้ ชมป์ ก็มีเหมือนกนั นนั่ คือ เปรูจา 1978-79 (อิตาลี) ไม่น่าเชื่อวา่ น่ีจะเป็ น ทีมแรกของอิตาลี ที่ทาผลงานไร้พา่ ยตลอดฤดูกาล และไม่น่าเช่ือเช่นกนั วา่ น่ีเป็นทีมแรกในประวตั ิศาสตร์ท่ี ไร้พา่ ยตลอดฤดูกาล แต่ดนั ไม่ไดแ้ ชมป์ เปรูจาสร้างความฮือฮาอยา่ งมากในฤดูกาลดงั กล่าว เนื่องจากเพงิ่ เป็น ฤดูกาลท่ี 4 ท่ีทีมเล่ือนช้นั ข้ึนมาเล่นลีกสูงสุด แต่จาก 30 นดั ตลอดฤดูกาล เปรูจาดนั หลุดเสมอมากถึง 19 นดั ชนะไป 11 นดั แชมป์ จึงตกเป็นของเอซี มิลาน ท่ีชนะ 17 เสมอ 10 แพ้ 3 ส่วนทีมที่ไร้พา่ ยมากท่ีสุดตลอดกาล นน่ั คือสเตอวั บคู าเรสต์ (FCSB) โคตรทีมแห่งโรมาเนีย สร้างสถิตติไร้ พา่ ย ในฟุตบอลลีก 3 ฤดูกาลติดต่อกนั ในฤดูกาล 1986 - 1989 ซ่ึงสเตอวั สร้างสถิติ ไร้พา่ ยถึง 119 นดั เลย ทีเดียว ทมี่ ำของคำว่ำพระเดชพระคุณ คาวา่ \"พระเดชพระคุณ\" เชื่อวา่ หลายท่านคงจะเคยไดย้ นิ คาพดู ที่วา่ \"พระเดช พระคุณ\" กันมาบ่อยคร้ังแล้ว และก็คงจะพอ เขา้ ใจว่าหมายถึงอะไร แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ท่ีมาของคาน้ีมาจากอะไร คาตอบก็คือ มาจาก เทพเจ้าในศาสนาฮินดู เป็ นท่ีทราบกันดีว่า ใน ศาสนาฮินดูน้นั มีเทพเจา้ ผูย้ ิ่งใหญ่อยู่ 3 องค์ คือ พระพรหม ซ่ึงเป็ นผูส้ ร้าง ดงั ที่เคยไดย้ นิ กนั บ่อย ๆ ก็คือ \"พรหมลิขิต\" ซ่ึงหมายถึงพระพรหมไดส้ ร้างส่ิงน้นั เอาไวแ้ ลว้ ไม่อาจฝื นไดน้ น่ั เอง ส่วนเทพอีกสอง องคค์ ือพระศิวะ (หรือพระอิศวร) กบั พระวษิ ณุ (พระนารายณ์) นนั่ มีการนบั ถือท่ีแตกต่างกนั ไป สาหรับใน เมืองไทยน้นั โดยมากจะเป็ นลทั ธิศิวะเวท คือถือวา่ พระศิวะเป็ นพระผรู้ ักษาโลก มีหน้าท่ีอภิบาลและอานวย พรแก่ผูท้ ี่ประพฤติดีประพฤติชอบ ดว้ ยเหตุน้ีเองจึงไดเ้ รียกวา่ เป็ น \"พระคุณ\" ในขณะท่ีพระวิษณุหรือพระ นารายณ์ เป็ นพระผูท้ าลาย มีหนา้ ท่ีกาจดั ทาลายลา้ งผทู้ ่ีประพฤติผิดประพฤติชวั่ ดงั เช่นท่ีปรากฏในตานาน เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 39
เร่ืองนารายณ์สิบปาง ท่ีพระวิษณุอวตารลงมายงั โลกมนุษยเ์ พ่ือกาจดั คนพาลคืนความสงบสุขใหก้ บั โลก จึง ไดเ้ รียกวา่ เป็ น \"พระเดช\" (แต่สาหรับลทั ธิวษิ ณุเวท ซ่ึงนบั ถือกนั มากในอินเดียก็เป็ นตรงขา้ ม คือพระวิษณุ เป็น \"พระคุณ\" ผรู้ ักษา ส่วนพระศิวะเป็น \"พระเดช\" ผทู้ าลายลา้ ง) สาหรับคาวา่ \"พระเดชพระคุณ\" น้นั ท่ีแท้ แลว้ ในความหมายด้งั เดิมก็คือ พระเจา้ แผน่ ดิน ซ่ึงตามคติของฮินดูแลว้ ถือว่าทรงเป็ นท้งั พระวิษณุและพระ ศิวะอวตารลงมายงั โลกมนุษยน์ น่ั เอง รู้จักกบั ผนี ้อย “ผนี ้อย” เป็นคาแสลงที่ใชเ้ รียกพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มหน่ึงที่ลกั ลอบไปทางานต่างประเทศ อยา่ งผิดกฎหมาย โดยเริ่มจากการทาทีว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศดงั กล่าว แต่หลงั จากน้นั ก็แอบ หลบหนีไม่ยอมกลบั ประเทศตามเวลาที่กฎหมายอนุญาตใหอ้ ยไู่ ด้ เพ่ือ ลกั ลอบหางานทาในประเทศดงั กล่าว และจากการท่ีลกั ลอบเขา้ เมือง อย่างผิดกฎหมาย จึงทาให้คนเหล่าน้ีต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ถูกเจา้ หนา้ ท่ีทางการของประเทศน้นั จบั ตวั ไดแ้ ละส่งกลบั บา้ น เสมือนผที ี่ไม่สามารถเปิ ดเผยตวั ตนใหใ้ ครเห็น ได้ ประเทศท่ีเหล่า “ผี น้อย” นิยมไปทางานมากท่ีสุด ก็คือประเทศเกาหลีใต้ จนแทบจะ เรียกวา่ เมื่อพดู ถึงผีนอ้ ย จะหมายถึงแรงงานไทยที่อยอู่ ยา่ งผิดกฎหมาย ในเกาหลีใตเ้ ป็ นหลกั การที่บรรดาผีน้อยนิยมไปทางานในเกาหลีใต้ กนั มากก็ดว้ ยเหตุผลหลกั 2 ประการ อยา่ งแรกคือ ในอดีตน้นั เนื่องจาก ไทยเคยเป็ นหน่ึงในประเทศที่ส่งทหารเขา้ ไปร่วมรบในสงครามเกาหลี จึงทาใหเ้ กาหลีใตเ้ ห็นไทยเป็ นมิตร ประเทศและอนุญาตใหค้ นไทยเขา้ ประเทศไดค้ อ่ นขา้ งสะดวก โดยสามารถทอ่ งเที่ยวอยไู่ ด้ 90 วนั โดยไม่ตอ้ ง ขอวีซา จึงทาให้บรรดาผีน้อยอาศยั ช่องโหวน่ ้ีในการลกั ลอบเขา้ ประเทศเกาหลีใตไ้ ดง้ ่ายโดยแฝงมาในรูป ของนกั ท่องเท่ียวนนั่ เอง และเหตุผลสาคญั คือ หลงั จากประเทศเกาหลีใตพ้ ฒั นาดา้ นอุตสาหกรรมอย่าง รวดเร็วในช่วง 40-50 ปี ที่ผา่ นมา ทาให้เกาหลีใตเ้ กิดปัญหาขาดแคลนแรงงานและจาเป็ นตอ้ งรับแรงงาน ต่างชาติเขา้ ไปทางานในงานบางประเทศท่ีชาวเกาหลีใตไ้ ม่นิยมทา โดยเฉพาะในดา้ นเกษตรกรรม โรงงาน อุตสาหกรรม งานในภาคบริการ (และตามข่าวบอกว่ารวมถึงงาน “อย่างว่า” ดว้ ย) ทาให้มีแรงงานจาก ประเทศอื่นตอ้ งการเขา้ ไปทางานในเกาหลีใตก้ นั มาก เนื่องจากไดค้ ่าแรงท่ีสูงกวา่ ที่ทางานในประเทศตวั เอง อย่างไรก็ตาม การเขา้ ไปทางานในเกาหลีใตอ้ ย่างถูกกฎหมายน้ันมีกฎระเบียบเขม้ งวดและจะตอ้ งผ่าน ข้นั ตอนต่าง ๆ มากมาย (เช่น ตอ้ งรู้ภาษาเกาหลีในระดบั ที่กาหนดไวก้ ่อน) แถมตวั นายจา้ งเองหากรับแรงงาน อย่างถูกกฎหมายแล้วก็จะตอ้ งจ่ายค่าแรงรวมถึงสวสั ดิการเช่นเดียวกบั แรงงานชาวเกาหลีใตเ้ องด้วย ไม่ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 40
เหมือนกบั การจา้ งแรงงานผดิ กฎหมายที่มีค่าแรงต่ากวา่ และไมต่ อ้ งมีสวสั ดิการให้ดว้ ย เมื่อความตอ้ งการของ ท้งั สองฝ่ ายมาตรงกนั แบบน้ี จึงกลายเป็ นจุดกาเนิดของ “ผีนอ้ ย” ข้ึนมานนั่ เอง การเขา้ ไปทางานแบบ “ผี น้อย” ส่วนใหญ่แลว้ จะทากันเป็ นขบวนการ มีนายหน้า ในการดาเนินงานให้ทุกข้นั ตอนต้งั แต่การหา ตาแหน่งงาน ประกาศรับคนงาน การจดั การเร่ืองเอกสาร การเดินทางและท่ีพกั และที่สาคญั สุดคือ การตบตา บรรดา ตม. ของเกาหลีใต้ นายหนา้ ดงั กล่าวน้ีบางส่วนก็คือพวก “ผีนอ้ ย” รุ่นพี่ที่อยมู่ าก่อนหนา้ นน่ั เองจนมี ความชานาญในเรื่องพวกน้ี แมว้ า่ รายไดข้ อง “ผีน้อย” จะดีพอสมควร เนื่องจากค่าแรงในเกาหลีแมจ้ ะเป็ น แรงงานผิดกฎหมายก็สูงกว่าในหลายประเทศ แต่ก็ตอ้ งเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง เช่น ไม่ได้รับความ คุม้ ครองชีวิตและทรัพยส์ ิน (โดนจ้ีปลน้ ชิงทรัพยท์ าร้ายร่างกายยงั ไงก็แจง้ ความไม่ได้ ไม่ง้นั ก็เสร็จโดน ตารวจจบั ส่งกลบั บา้ นแน่) หรือหากเจบ็ ป่ วยข้ึนมาก็ตอ้ งรักษากนั เองไม่สามารถใชบ้ ริการสาธารณสุขของรัฐ ได้ เป็นตน้ และที่สาคญั คือ ผลจากการมี “ผนี อ้ ย” จึงทาให้ในภายหลงั ทางการเกาหลีใตจ้ ึงตอ้ งตรวจสอบคน ไทยที่ตอ้ งการเขา้ ประเทศเกาหลีใตอ้ ย่างเขม้ งวดมากข้ึน เพ่ือป้ องกนั บรรดา “ผีน้อย” นน่ั เอง จากการ ประมาณการตวั เลขอยา่ งเป็ นทางการท้งั จากฝ่ ายเกาหลีใตแ้ ละฝ่ ายไทย คาดวา่ มีแรงงานไทยที่เป็ น “ผนี อ้ ย” อยใู่ นเกาหลีใตไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 1.4 แสนคน แอลกอฮอล์ที่เรำใช้ด่ืมกับแอลกอฮอล์ท่ีใช้เช็ดแผลต่ำงกันยังไง แอลกอฮอล์ไม่ไดห้ มายถึงเหลา้ เท่าน้นั แต่ จริงๆแล้วมนั เป็ นสารประกอบอินทรีย์ ซ่ึงท่ีเรารู้จกั กันมากที่สุ ดก็มีหลักๆด้วยกัน 2 อย่างคือ เ อ ทิ ล แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ แ ล ะ เ ม ทิ ล แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ “เอทิลแอลกอฮอล์” หรือท่ีเรียกกนั วา่ เอทานอล เป็ น ของเหลวท่ีไม่มีสี ไม่มีกล่ินไวไฟสูง สามารถระเหย และละลายน้าได้ เกิดจากการหมักพืชผลทางการ เกษตร เช่น ออ้ ย มนั สาปะหลงั ขา้ วโพด ซ่ึงเป็ นแอ ลกฮอล์ที่กินได้ ส่วน “เมทิลแอลกอฮอล์” หรือ เมทานอล น้นั ก็มีคุณสมบตั ิคลา้ ยกนั แต่ท่ีต่างกนั คือ เม ทานอล เป็ นผลพลอยไดจ้ ากกระบวนการกลน่ั ทางปิ โตรเคมีจากสารพวกถ่านหิน นิยมนามาใช้เป็ นตวั ทา ละลายในอุตสาหกรรมการทาเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีทาไม้ น้ามนั เคลือบเงา มนั จึงเป็ นพิษต่อร่างกายมากถึงข้นั ทาให้เสียชีวิตได้ความต่างของแอลกอฮอล์ท้งั 2 ชนิดน้ีก็คือ แอลกอฮอล์ที่เป็ นเคร่ืองดื่มน้ันเป็ น เอทิลแอลกอฮอล์ เกิดจากการหมกั พืชหรือผลไม้ เพอ่ื เปลี่ยนแป้ งเป็ นน้าตาลโดยมียสี ตเ์ ป็ นตวั เร่ง เมื่อไดเ้ ป็ น เอทานอลแลว้ ก็เอาไปกลนั่ ใหบ้ ริสุทธ์ิมากข้ึนในขณะที่แอลกอฮอล์ที่ใชท้ าความสะอาดหรือฆ่าเช้ือ หรือท่ีมี เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 41
ชื่อทางวทิ ยาศาสตร์วา่ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” (Isopropyl Alcohol) จะไดม้ าจากสารโพรพีน ซ่ึงมาจาก ปิ โตรเลียมนอกจากน้ี มนั ยงั มีปริมาณความเขม้ ขน้ ท่ีต่างกนั ซ่ึงในเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลแ์ ต่ละประเภทเองก็ จะมีปริมาณของเอทานอลแตกต่างกนั ดว้ ย เช่น เบียร์มีปริมาณแอลกอฮอล์นอ้ ยคือ 4-6% ในขณะท่ีเหลา้ มีสูง ถึง 40-50%ส่วนแอลกอฮอล์ท่ีใช้ทาความสะอาดหรือฆ่าเช้ือ โดยทว่ั ไปจะมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกวา่ คือ ร้อยละ 70 และมีน้าเป็ นส่วนประกอบอีก 30% มีราคาถูกกวา่ พิษของแอลกอฮอลช์ นิดน้ีจะทาให้เกิดอาการ เมาไดเ้ หมือนพิษของเอทิลแอลกอฮอล์ แต่ไม่อนั ตรายเท่าเมทิลแอลกอฮอล์ท่ีปริมาณเพียง 30 ซีซีหรือชอ้ น โตะ๊ กท็ าใหต้ ายได้ พมิ เสน กำรบูร เมนทอล ต่ำงกนั อย่ำงไร พิมเสน\" พมิ เสนธรรมชาติ หรือ พมิ เสนแท้ คือ พิมเสนที่ไดม้ าจาก การระเหิดของยางจากตน้ ไม้ (ไดจ้ ากการกลนั่ เน้ือไม)้ ลกั ษณะของ ไมช้ นิดน้ีเป็ นไมย้ นื ตน้ ขนาดใหญ่ มีความสูงไดถ้ ึง 70 เมตร โดย ยางที่ไดจ้ ากการระเหิดจะมีลกั ษณะเป็นเกล็ดใส มีขนาดเล็ก เป็น รูปหกเหล่ียม และเปราะแตกไดง้ ่าย พมิ เสนจะมีเน้ือแน่นกวา่ การบรู ระเหิดไดช้ า้ กวา่ *สรรพคุณของพมิ เสน* -พิมเสนมีรสเผด็ ขม มีกลิ่นหอม เป็นยาเยน็ ออกฤทธ์ิต่อหวั ใจและ ปอด มีสรรพคุณเป็ นยาบารุงหวั ใจ ช่วยดบั พษิ ร้อนในร่างกาย ช่วยกระตุน้ สมอง กระตุน้ การหายใจ แกล้ ม วงิ เวยี นหนา้ มืด หวั ใจอ่อน ทาใหช้ ุ่มชื่น ใชเ้ ป็นยาระงบั ความกระวนกระวาย แกห้ ลอดลมอกั เสบ ใชเ้ ป็นยา ฆ่าเช้ือโรคผวิ หนงั ตา่ ง ๆบดผงใส่บาดแผล แกแ้ ผลอกั เสบ ฟกช้า แกผ้ ดผน่ื คนั เป็นยาแกป้ วดบวม \"การบรู \" คือผลึกท่ีแทรกอยใู่ นเน้ือไมข้ องตน้ การบูร ท่ีมีอยทู่ วั่ ไปท้งั ตน้ ผงการบูรเป็นเกลด็ กลมเล็ก ๆ สีขาว แหง้ อาจจบั กนั เป็ นกอ้ นร่วน ๆ แตกง่าย ทิง้ ไวใ้ นอากาศ จะระเหิดไปหมด มีรสร้อนปร่าเมา *ประโยชนข์ องการบูร* -น้ามนั การบูรจะช่วยกระตุน้ ความรู้สึกและทาใหจ้ ิตใจโล่งและปลอดโปร่ง ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ และทาใหต้ ่ืนตวั ช่วยบรรเทาอาการวงิ เวยี นศีรษะ เมารถ เมาเรือ การบูรเมื่อนามาวางในหอ้ งหรือตูเ้ ส้ือผา้ จะสามารถช่วยไล่ยงุ และแมลง และยงั นามาผสมเป็นตวั ดบั กลิ่นอบั ในรองเทา้ ไดอ้ ีกดว้ ย \"เมนทอล\" (Menthol Crystal) -เป็นสารสกดั จากน้ามนั สะระแหน่ ซ่ึงไดม้ าจากพืช Mentha piperita ใชเ้ ป็นยาภายนอกเก่ียวกบั การลดอาการ ปวดเม่ือย ฆา่ เช้ือ ทาใหผ้ วิ หนงั ส่วนท่ีถูกสัมผสั รู้สึกเยน็ ข้ึน เมื่อนาไปสูดดมหรือใชก้ บั ผวิ หนงั เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 42
วธิ ีเกบ็ ดอกไมใ้ หอ้ ยนู่ าน ดอกไมท้ ี่ถูกตดั ออกจากตน้ แลว้ ยงั ไม่ตาย ซ่ึงดอกไมย้ งั ตอ้ งการน้าและสารอาหาร ท่ีจะตอ้ งลาเลียงผา่ นท่อเลก็ ๆ ที่เหมือนเส้นเลือดฝอย ท่ีเราเรียกวา่ ไซเลม ดงั น้นั การท่ีดอกไมจ้ ะบานไดน้ าน เท่าไหร่น้ัน วิธีตดั และการปฏิบตั ิภายหลงั การปัก จึงมี ความสาคญั มาก การตดั กา้ นจะให้ดีที่สุดตอ้ งตดั กา้ นใต้ น้า หรือตดั แลว้ จุ่มลงในน้าทนั ที เพื่อกนั ไม่ใหอ้ ากาศเขา้ ไปแทนท่ี .ส่วนการตดั ปลายกา้ นน้นั ควรใช้กรรไกรท่ี คม สะอาด ตดั กา้ นออก 2 ถึง 3 เซนติเมตร รวมถึงตดั บริเวณรอยต่อออกไปดว้ ย ป้ องกนั เช้ือจุลินทรีย์ ท่ีสาคญั คือตอ้ งตดั แบบเฉียง และรอยตดั จะตอ้ งตดั เรียบเพ่ือจะ เพม่ิ พ้นื ที่ใหไ้ ดร้ ับน้าไดม้ ากข้ึน นอกจากน้ีเรายงั สามารถ ยดื อายขุ องดอกไมไ้ ดง้ ่ายๆดว้ ย โดยการเติมน้าอดั ลมปริมาณสัก 1 ส่วน 4 ขวด ลงไปในแจกนั เพราะน้าตาล และความเป็นกรดเลด็ นอ้ ยน้นั จะช่วยทาใหด้ อกไมส้ ดนานข้ึน แตต่ อ้ งระวงั นิดนึง เพราะวา่ น้าตาลเป็ นแหล่ง อาหารของแบคทีเรีย ซ่ึงสามารถทาให้ดอกไมเ้ น่าได้ เพราะฉะน้นั ถา้ จะใชน้ ้าอดั ลม ก็ให้เติมสารฟอกขาว หรือน้ายาซกั ผา้ ขาวไฮเตอร์ ลงไปสัก 1 ช้อนชา สภาพแวดลอ้ มของการเลือกที่วางแจกนั ก็สาคญั ไม่แพก้ นั ซ่ึงไม่ควรวางแจกนั ในท่ีที่โดนแสงอาทิตยโ์ ดยตรง และควรวางใหห้ ่างจากผลไ้้มด้ ว้ ย เพราะวา่ ผลไมก้ ็มี การผลิตกา๊ ซเอทิลีน ซ่ึงเป็นตวั เร่งใหผ้ ลไมส้ ุกเร็วข้ึน นนั่ กห็ มายความวา่ ดอกไมก้ จ็ ะตายเร็วข้ึนดว้ ย อย่ำใช้มือปิ ดปำก เวลำไอ/จำม เพรำะหวดั กระจำยมำกกว่ำ เราอาจเคยไดย้ ินวา่ เม่ือไอหรือจามควรเอามือปิ ดปาก เพื่อ ไม่ให้เช้ือหวดั แพร่กระจายสู่ผูอ้ ่ืน แต่รู้ไหมคะว่าการทา แบบน้ี กลบั จะยิ่งทาให้หวดั แพร่เช้ือไดม้ ากกวา่ เดิมซะอีก เพราะมือของเราไดส้ มั ผสั กบั เช้ือโรคโดยตรง ทาใหเ้ มื่อเอา มือไปจบั สิ่งอื่นต่อ เช้ือหวดั ก็จะไปติดส่ิงน้นั และถา้ มีคน มาใชส้ ิ่งน้นั ล่ะ เห็นไหมครับ? แค่น้ีก็ติดกนั ไดง้ ่ายๆแลว้ ดงั น้ัน ทางท่ีดี ควรมีผา้ ปิ ดปากขณะไอหรือจามจะดีที่สุด แตถ่ า้ ช่วงน้นั หาไม่ไดจ้ ริงๆ ใหใ้ ชแ้ ขนเส้ือปิ ดปากไว้ จะช่วยให้ไวรัสอยเู่ ฉพาะตรงท่ีจาม ไม่แพร่กระจายไป ไหนไกลครับ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 43
ฟ้ รู้จกั กบั ฟ้ าทะลายโจร ฟ้ าทะลายโจร (Creat หรือ green chireta) เป็นพืชชนิดหน่ึงในจาพวกพชื ดอก ใบ เล้ียงคู่ ในอนั ดบั กะเพรา (Lamiales) มีช่ือทาง วทิ ยาศาสตร์คือ Andrographis paniculata มี ถ่ินกาเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ต้งั แต่ เอเชียตอนใต้ ศรีลงั กา รวมถึงเอเชียตะวนั ออก เฉียงใต้ ฟ้ าทะลายโจรเป็ นพืชลม้ ลุก ลาตน้ สูง ประมาณ 30-70 เซนติเมตร ลาตน้ เป็ นเหลี่ยม ใบเด่ียวรูปร่างเรียยาวสีเขียวเขม้ เป็นมนั ปลาย แหลม กวา้ งประมาณ 1 เนติเมตร ดอกเป็นช่อ ออกที่ปลายก่ิงและซอกใบ ดอกยอ่ ยขนาดเล็กสีขาวดา้ นในสีม่วง ผลเป็ นฝัก เม่ือแก่จะมีสีน้าตาล ภายในฝักมี เมลด็ สีน้าตาลอ่อนจานวนมาก ฟ้ าทะลายโจรเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จกั ดีมานานแลว้ สรรพคุณทว่ั ไปของฟ้ าทะลายโจร เช่น 1. ช่วยสร้างภูมิคุม้ กนั ในร่างกาย ลดไข้ อาการร้อนใน ตา้ นไขห้ วดั ทวั่ ไป ไขห้ วดั ใหญ่ 2. ตา้ นไวรัส โดยเฉพาะกลุ่มท่ีทาใหเ้ กิดการติดเช้ือทางเดินหายใจ 3. ระงบั อาการอกั เสบในระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการไอ เจบ็ คอ คออกั เสบ ต่อมทอมซิล หลอดอกั เสบ อาการอกั เสบท่ีปอด ช่วยขบั เสมหะ 4. รักษาโรคผวิ หนงั ฝี 5. ช่วยใหเ้ จริญอาหาร กาใชฟ้ ้ าทะลายโจรในการรักษาโรคทาไดห้ ลายรูปแบบ ในอดีตจะทาเป็นยาตม้ ยาดอง หรือนามาชงดื่ม แต่ ปัจจุบนั มีการนามาสกดั ตวั ยาเป็นยาลูกกลอนและยาแบบแคปซูลออกจาหน่าย อยา่ งไรก็ตามแมว้ า่ ฟ้ าทะลาย โจรจะมีสรรพคุณในทางยา แตก่ ็มีผลขา้ งเคียงไดเ้ ช่นกนั เช่น ทาใหค้ วามดนั เลือดต่า หรือมีอาการแพ้ ทาให้ เกิดอาการปวดทอ้ ง อาเจียน หรือหายใจติดขดั รวมถึงผทู้ ี่มีอาการไตอกั เสบ ความดนั ต่า หรือสตรีครรภ์ ควร ปรึกษาแพทยก์ ่อนจะใชย้ าสมุนไพรจากฟ้ าทะลายโจร เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 44
ทำไม ยำคูลท์มีแค่ขนำดเดียว โดย ยาคูลท์ 1 ขวด ให้พลงั งาน 71 kcal และมีปริมาณน้าตาลเท่ากบั 3.5 ชอ้ น ชา นอกจากน้ีท่ียาคูลทม์ ีแต่ขนาด 80 cc ขนาดเดียว เท่าน้ัน เป็ นเพราะว่า ยาคูลทเ์ ป็ นผลิตภณั ฑ์นมเปร้ียวท่ี ได้จากการหมกั โดยเช้ือจุลินทรีย์ที่เป็ นแบคทีเรีย ช่ือ แลคโตบาซิลลสั ท่ีทาให้เกิดรสชาติเปร้ียว เนื่องจากเกิด กรดข้ึนมาหลายชนิดระหวา่ งกระบวนการหมกั ซ่ึงส่วน ใหญ่เป็ นกรดแลคติก ปัจจุบันใช้เช้ือชื่อ Lactobaciius Balgaricu ร่วมกบั Stroptcoccus themophilus ใน อุตสาหกรรมผลิตนมเปร้ียวและโยเกิร์ต โดยปกติ ธรรม ชาติ แ ล้วจุ ลิ นทรี ย์ชนิ ด น้ี มี อยู่แล้วต ามทา งเดิ น อาหารของคนเรา และเป็ นจุลินทรียท์ ี่ดีมีประโยชน์ ช่วย ทาให้เกิดกระบวนการยอ่ ย และหมกั ในทางเดินอาหาร ในส่วนที่ร่างกายคนเราไม่ามารถยอ่ ยได้ จุลินทรียก์ ลุ่มน้ีจะคอยช่วยเหลือ ถา้ มีจานวนมากเกินไปก็อาจเป็ น อนั ตรายต่อเราไดเ้ ช่นกนั คืออาจทาให้เกิดอาการทอ้ งเสียได้ เพราะจุลินทรียผ์ ลิตกรดข้ึนมา ซ่ึงเป็ นผลทาให้ ยาคูลทผ์ ลิตขนาดเดียว คือ 80 cc. ท่ีพอเหมาะกบั ปริมาณของเช้ือแลคโตบาซิลลสั โดยสังเกตขา้ งขวดท่ีเขียน ไ ว้ว่ า มี เ ช้ื อ แ ล ค โ ต บ า ซิ ล ลั ส 8.0 x 10 ( ย ก ก า ลัง 9) ถา้ ทายาคูลทใ์ หม้ ีขนาดใหญ่พอๆ กบั ยาคูลท์ 6 ขวดเล็กรวมกนั คงไม่ดีต่อผบู้ ริโภคแน่ เพราะจะทาใหไ้ ดร้ ับ ปริมาณเช้ือแลคโตบาซิลลสั มากเกินพอ หรือถา้ จะทาขนาด 450 cc. ข้ึนมาจริงๆ แลว้ ลดปริมาณแลคโต บาซิลลัสลงอาจจะทาได้ แต่เชื่อแน่ว่ารสชาติของยาคูลท์อาจจะเปล่ียนไปไม่อร่ อยเหมือนเคย และถา้ หากเราทานยาคูลทว์ นั ละ 6 ขวด เพ่ือความอร่อยแต่อาจเกิดโทษได้ ปริมาณท่ีแนะนาใหท้ านวนั เพียง 1 ขวดก็เพียงพอแลว้ คนที่ไม่ทานเลยก็ไม่วา่ อะไร เพราะวา่ ในร่างกายของเรามีจุลินทรียช์ นิดน้ีอยเู่ รียบร้อย แลว้ อีกเร่ืองท่ีควรสังเกต เพ่ือความปลอดภยั ของผูบ้ ริโภค ยาคูลท์ คือ อย่าลืมดูวนั หมดอายุขา้ งขวด และ เลือกซ้ือจากตูแ้ ช่ท่ีเก็บไวใ้ นอุณหภูมิต่ากวา่ 10 องศาเซลเซียส เพราะจะทาให้จุลินทรียพ์ ร้อมที่จะทางานให้ เราไดท้ นั ที เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 45
ตำนำนของเอคโค่ เอคโค่ ชื่อน้ีมาจากตานานกรีก เร่ือง เอคโค่กบั นาร์ซิสซสั เอคโค่เป็ นนางไมแ้ สนงาม แต่ นางเป็ นคนท่ีช่างพูด แมผ้ ูอ้ ื่น จะราคาญท่ีนางพูดมากเช่นน้ี แ ต่ ก็ ไ ม่ มี ใ ค ร ท า อ ะ ไ ร จนกระทงั่ วนั หน่ึง มีประชุม เหล่านางไมแ้ ละนางพราย ซ่ึง เทวีเฮร่า(ในภาษาโรมนั เรียก จูโน)เจา้ แม่แห่งสรวงสวรรค์ เป็ นประธาน ....เป็ นไปตามที่ ทุกคนคาด นางไมเ้ อคโค่เล่นจอ้ เสียคนเดียวโดยไม่เวน้ ช่องไฟใหใ้ ครไดพ้ ดู เลย แมก้ ระทงั่ ตวั เฮร่าเองก็หา จงั หวะจะแทรกไม่ได้ ทาให้เฮร่าท้งั โกรธท้งั ราคาญความเป็ นนกแก้วนกขุนทองยงั อายของนาง เทพีแห่ง สรวงสวรรค์จึงร่ายคาสาปใส่เอคโค่ ให้นางพูดสิ่งใดไม่ไดน้ อกจากคอยพูดตามคาสุดทา้ ยของประโยค ที่ ผูอ้ ่ืนพูด เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคาท้ายประโยคของผู้อ่ืน และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า ประชุมหรือสมาคมกบั ใครอีกเลย ซ่ึงบรรดานางไมน้ างพรายท้งั หลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็ นทุกขร์ ้อนท่ีนาง หาย หนา้ ไป กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผหู้ น่ึงนามวา่ นาร์ซิสซสั เป็ นผชู้ อบท่องไปตามป่ าเขาลาเนาไพร นาร์ ซิสซสั ถือเป็นชายหนุ่มที่งามท่ีสุดในยคุ น้นั ทีเดียว ทาใหม้ ีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็ น อนั กินอนั นอน เขาจึงตดั สินใจมาอยใู่ นป่ าเพอ่ื ตดั ความราคาญ แต่ไม่วายมีเหล่านางไมน้ างพรายมาหลงใหล ไดป้ ล้ืมอีก โดยเฉพาะเอคโค่น้นั หลงรักนาร์ซิสซสั จนตามติดทุกฝี กา้ วแบบไปไหนไปกนั นาร์ซิสซัสออก ปากไล่ก็ยงั ไม่ยอมไป ซ้ายงั ทาหนา้ ใสซ่ือทวนคาทา้ ยประโยคของเขาอีก ทาใหช้ ายหนุ่มปลงๆข้ีเกียจตอแย ดว้ ย และปล่อยใหน้ างไมผ้ นู้ ้ี ติดตามต่อไปตามใจนาง นาร์ซิสซสั ไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้ นางพรายที่หลงรักเขา ซ้ายงั ดูแคลนความรัก ของพวกนางอีกดว้ ย วา่ เป็ นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อ สิ้นดี เรื่องน้ีร้อนถึงเทวอี ะโฟรไดที (วนี สั ในโรมนั ) เทพีแห่งความรัก นางเห็นวา่ การท่ีหนุ่มรูปงามเช่นนาร์ ซิสซัสไม่มีความรักน้ันเป็ นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว จึงสาปให้นาร์ซิสซัสหลงรักเงาตนเอง ฝ่ ายนาร์ซิสซสั รูปงามน้นั ไม่รู้เร่ืองอะไรเลยวา่ ตวั เองโดนอะโฟรไดทีสาปเขา้ เตม็ ๆ เม่ือเดินทางมาถึง ลาธาร ใสสะอาดก็กม้ ลงหวงั จะวกั น้าลา้ งหนา้ ลา้ งตาให้สดช่ืน แต่พลนั สายตาของเขาก็ไปสบกบั ดวงตาของชาย หนุ่มท่ี รูปงามท่ีสุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ นาร์ซิสซสั ยมิ้ ใหช้ ายหนุ่มซ่ึงเขาก็ยิม้ ตอบมาดว้ ยรอยยมิ้ ละไม เช่นกนั ความรัก น้นั ก็บงั เกิดข้ึนเต็มใจของนาร์ซิสซสั เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบ้ือง หนา้ แตท่ วา่ เมื่อมือของเขา สัมผสั กบั ผวิ น้า ภาพชายหนุ่มกห็ ายไปและกลบั คืนมาเมื่อน้าเรียบสงบดงั เดิม ผล เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 46
จากคาสาปทาใหน้ าร์ซิสซสั เฝ้ ามองชายในน้าโดยไม่รู้วา่ เป็ นเงาของตน เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย จะ โอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก แต่ผลกเ็ ป็นเหมือนเดิม จนในที่สุด หนุ่มรูปงามผนู้ ้ีก็สิ้นใจลงขา้ งลาธาร นนั่ เอง ร่างของเขากลายเป็ นดอกไมท้ ี่งดงามริมน้า ราวกบั ว่า คอยชะโงกดูเงาของตน และเพื่อเป็ นการไว้ อาลยั ต่อชายหนุ่มผงู้ ดงาม จึงเรียกดอกไมน้ ้ีวา่ นาร์ซิสซสั (Narcissus ,ดอกจะมีขนาดใหญ่ ลาตน้ แขง็ ต้งั ตรง ข้ึนอยตู่ ามริมน้า ซ่ึงในภาษาจีนเรียกวา่ ”จุ๊ยเซียน” และต่อมาก็เกิดคาเรียกผทู้ ี่หลง ใหลตนเอง บูชาตนเองวา่ Nacissism) ส่วนนางไมเ้ อคโค่น้นั เสียใจเป็ นอยา่ งยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซสั และไม่มีใครเห็นนางอีก เลย มีเพียงเสียง ของนางท่ีคอยกอ้ งสะทอ้ นคาสุดทา้ ยของผคู้ นตามป่ าเขาและถ้าเท่าน้นั ที่บ่งบอกวา่ นางยงั คง อยู่ เป็นท่ีมาของศพั ทค์ าวา่ echo ในภาษาองั กฤษซ่ึงแปลวา่ เสียงกอ้ ง เสียงสะทอ้ น รู้จักกับแหม่ม โพธ์ิดำ Q ควีนโพธ์ิดา ตวั จริงคือ ราชินีบดู ิกา้ (ราชินีผกู้ ลา้ หาญท่ีนาทพั ไอซีนีไปสู้กบั โรมนั ) ในคริสตศกั ราชท่ี 60-61 พระราชินีบูดิก้า เป็ นราชินีของบริทิชไอเซนี ได้นาทัพเผ่าไอเซนี ปะทะกบั โรมนั เหตุการณ์สู้รบมีอยวู่ า่ ก่อนหนา้ น้นั สามีของเธอ พระนามว่า พราซูทากสั (Prasutagus) ไดต้ กลงยกลูกสาวของตนให้จกั รวรรดิโรมนั เพ่ือยุติการรุกราน แต่สามีสิ้นกระชนมไ์ ปเสียก่อน จกั รวรรดิ โรมนั จึงถือวา่ คาสัตยน์ ้นั ไมเ่ คยมีและเขา้ ยดึ ครอง เธอไดถ้ ูกเฆี่ยนตีและลูกสาวก็ถูกข่มขืน ดว้ ยความเจบ็ ปวด น้ีเธอจึงไดน้ าทพั สู้กบั โรมนั บางแหล่งขอ้ มูลระบุวา่ เธอไดส้ ละตนเองเป็ นเครื่องบูชายญั แด่เทพีแอนดราส เพือ่ คุม้ ครองและขอใหเ้ ผา่ ไอเซนีของเธอชนะ Q ควีนดอกจิก : ตวั จริงคือราชินีแห่งซีบา (มเหสีของโซโลมอนกษตั ริยอ์ งคแ์ ห่งอิสราเอล) ราชินีแห่งซีบา มเหสีของโซโลมอนกษตั ริยอ์ งคแ์ ห่งอิสราเอล เป็ นราชินีที่โด่งดงั อยู่ในแถบเอธิโอเปี ยเธอ และราชินีแห่งซี บา Q ควนี โพธ์ิแดง ตวั จริงคือ ครีโอพตั ราท่ี 7 (ราชินีผเู้ ปี่ ยมไปดว้ ยปัญญาและเสน่หาแมไ้ ม่ไดม้ ีหนา้ ตาที่งดงาม ก็ตาม) เป็นราชินีแห่งอียปิ ตโ์ บราณ และเช้ือพระวงศอ์ งคส์ ุดทา้ ยของราชวงศป์ โตเลมีแห่งมาเซโดเนีย ดงั น้นั จึงเป็นผปู้ กครองอียปิ ตท์ ี่มีเช้ือสายกรีกคนสุดทา้ ย Q ควนี ขา้ วหลามตดั ตวั จริงคือราชินีเอสเธอร์ (ชาวยิวผไู้ ดเ้ ป็ นราชินีแห่งอิหร่าน) เอสเธอร์สาวยวิ ที่ไดเ้ ป็ น ราชินีของเปอร์เซีย ( อิหร่าน ) เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 47
ท้งั สี่พระราชินีผูย้ ่ิงใหญ่ด้วยความสวยและความสามารถของเธอจึงได้รับการเล่าขานและบนั ทึกลงใน ประวตั ิศาสตร์เพ่ือให้คนรุ่นหลงั ไดร้ าลึกและรู้จกั กนั อยา่ งกวา้ งขวางในทุกวนั น้ี และยงั ไดม้ อบความสนุก ใหก้ บั เหล่าบรรดานกั เสี่ยงโชคท้งั หลายท่ีชื่นชอบการเดิมพนั ในเกมไพช่ นิดตา่ งๆ อีกดว้ ย ตัว Z อ่ำนว่ำ แซด หรือ ซี ในการพดู ภาษาองั กฤษแบบอเมริกนั (American English) คือสาเนียงแบบคนอเมริกนั ตวั Z จะอ่านวา่ \"ซี\"\" (/ziː/) ถา้ เป็นการพดู ภาษาองั กฤษแบบบริติช (British English) หรือสาเนียงคนองั กฤษ ตวั Z จะอ่านวา่ \"เซด\" หรือ \"แซด\" (/zɛd/) โดยจะเห็นไดจ้ ากเพลงตวั อกั ษรของภาษาองั กฤษ ท่ีเสียงของตวั อกั ษร Z ออกเสียงวา่ ซี เพ่อื ใหม้ ีสัมผสั กบั ตวั อกั ษร V (ว)ี ในวรรคก่อนหนา้ ในประเทศไทยนิยมออกเสียง \"แซด\" เพ่ือใหแ้ ตกตา่ งกบั \"ซี\" จากตวั อกั ษร C และในหลกั การถอดเสียงอ่านจากราชบณั ฑิตยสถานกาหนดไว้ ให้ ออกเสียง แซด รู้หรือไม่ว่ำเผ็ดไม่ใช่รส พริกทาให้เรารู้สึกเผด็ ไดเ้ พราะมนั มีสารใหค้ วามเผด็ เป็ นสารเคมีที่มีช่ือวา่ แคปไซ ซิน (Capsicin) ซ่ึงเป็ นสารอลั คาลอยด์ (Alkaloid) ที่มีอยู่ ตามธรรมชาติ นอกจากน้ียงั มีสารเคมีอีกชนิดที่ให้ความ เผด็ เช่นกนั แต่เผด็ นอ้ ยกวา่ แคปไซซินคือ ไฮโดรแคปไซ ซิน (Hydrocapsicin) โดยสารในตระกลู น้ีละลายไดใ้ นน้า แต่ละลายในน้ามนั ไดด้ ีกว่า ดงั น้นั น้าพริกเผา หรือการ นาพริกไปควั่ กบั น้ามนั จึงให้รสเผ็ดกว่าการนาไปแช่น้า หรือการตม้ ในน้า จะวา่ ไปแลว้ ตอ่ มรับรสอาหารของคนเรามีแค่เปร้ียว เค็ม หวาน และขมเท่าน้นั (ภายหลงั มี การกล่าวถึงรสอูมามิหรือรสกลมกล่อมดว้ ย) ไมม่ ีตอ่ มรับรสเผด็ ดงั น้นั การกล่าววา่ อาหารหรือพริกมีรสเผด็ จึงเป็นสิ่งท่ีไม่ตรงกบั ความเป็ นจริงท่ีเกิดข้ึนนกั เพราะแคปไซซินไม่ไดท้ าใหเ้ กิดรส แต่มนั ทาใหเ้ กิดอาการ ระคายเคืองของเน้ือเยอื่ ทาใหร้ ู้สึกแสบร้อน นนั่ แปลวา่ หากคุณเอาพริกมาถูตวั สารแคปไซซินในพริกก็จะ ทาให้ผิวของคุณเผด็ หรือรู้สึกร้อนไดเ้ ช่นเดียวกบั ที่ลิ้นของคุณรู้สึก แต่เพราะวา่ ลิ้นและช่องปากมีเน้ือเยอ่ื ที่ บอบบางกวา่ จึงทาใหร้ ู้สึกเผด็ หรือแสบร้อนไดม้ ากกวา่ ในทานองเดียวกนั การที่กินอาหารเผด็ มาก ๆ ทาให้ เกิดอาการแสบร้อน ระคายเคืองไปท้งั ระบบทางเดินอาหาร นบั ต้งั แต่ริมฝี ปากไปจนกระทงั่ ถึงส่วนปลายสุด เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 48
ของลาไส้เมื่อเราขบั ถ่ายออกมาเช่นกนั ดงั น้นั การกินอาหารที่มีพริกหรือสารแคปไซซินเป็ นส่วนประกอบ นอกจากจะมีรสเผด็ หรืออาการร้อน อยา่ งท่ีหลายคนชอบแลว้ ยงั เป็ นการกระตุน้ ใหร้ ่างกายอบอุ่นหรือร้อน ข้ึนดว้ ย ดงั ท่ีบางคนกินพริกแลว้ หนา้ แดง เหงื่อออก รู้สึกภายในร่างกายร้อนข้ึน ความพิเศษของสารแคปไซ ซินนอกจากจะทาใหเ้ กิดอาการแสบร้อนแลว้ มนั ยงั สามารถทนต่อความร้อนและความเยน็ ดงั น้นั แลว้ เราจึง สามารถนาพริกไปตม้ หรือแช่ช่องแขง็ เกบ็ เอาไวใ้ ชใ้ นภายภาคหนา้ โดยท่ียงั คงรสเผด็ ของมนั เอาไวไ้ ดอ้ ยู่ ไม่ วา่ จะตม้ ผดั แกง ทอด ปิ้ ง เผา ลว้ นแต่เป็นกรรมวธิ ีการปรุงอาหารซ่ึงไม่ทาลายรสชาติของพริกท้งั น้นั หลงั จากมีปัญหาหนา้ กากอนามยั ขาดแคลน แลว้ มีการทดสอบแลว้ ก็มีข่าววา่ “ผา้ มสั ลิน” มีคุณสมบตั ิในการ ป้ องกันดีที่สุด (พอข่าวออก พรุ่งน้ีผา้ มัสลินขาดตลาดทันที 555555) ผา้ มสั ลิน (Muslin) หมายถึงผา้ ที่ทาจากเส้นใยฝ้ ายนามา ทอเป็ นผืนดว้ ยการทอแบบลายขดั ธรรมดา (Plain weave) ซ่ึงจะ ใช้การขดั ลายระหว่างเส้นด้ายในแนวต้งั ฉากกัน มีเน้ือละเอียด และเรียบลื่น ช่ือของผา้ มสั ลิน เชื่อกนั ว่ามาจากช่ือเมืองโมซุล (Mosul) ในประเทศอิรัก ซ่ึงเป็ นแหล่งจาหน่ายผา้ ชนิดน้ีส่งออก ไปยงั ยุโรป แต่ความจริงแล้วตน้ กาเนิดของผา้ ชนิดน้ีอยู่ท่ีเมือง ธากา (Dhaka) เมืองหลวงของประเทศบงั กลาเทศในปัจจุบนั ซ่ึงมีการทอผา้ ชนิดน้ีมาต้งั แต่ยคุ พุทธกาลแลว้ ในช่วงท่ีองั กฤษเขา้ ปกครองอินเดีย (ซ่ึงตอนน้นั บงั กลาเทศยงั เป็ นส่วนหน่ึงของอินเดีย) ไดม้ ีความพยายามท่ี จะนาผา้ ฝ้ ายทอจากเคร่ืองจกั รของตนมาขายในอินเดีย จึงไดส้ ั่งหา้ มและปราบปรามการผลิตผา้ พ้ืนเมืองใน อินเดียรวมถึงผา้ มสั ลินดว้ ย จนทาใหก้ ารผลิตผา้ มสั ลินในอินเดียซบเซาลงอยา่ งมาก กระทงั่ เม่ืออินเดียไดร้ ับ เอกราช จึงไดม้ ีการฟ้ื นฟกู ารผลิตผา้ มสั ลินแบบทอมือข้ึนอีกคร้ังในอินเดียและบงั กลาเทศ ผา้ มสั ลินมีขอ้ ดีคือ มีเน้ือโปร่ง ระบายอากาศไดด้ ี จึงเหมาะกบั การตดั เยบ็ เส้ือผา้ สาหรับใส่แบบลาลอง โดยเฉพาะในเขตร้อน ท่ี สาคญั คือเป็นผา้ ท่ีทาจากเส้นใยธรรมชาติจึงไม่ทาให้เกิดการแพส้ ารเคมี (ยกเวน้ มีการยอ้ มสี) นอกจากน้นั ยงั นามาใชท้ าขา้ วของเคร่ืองใชใ้ นบา้ นและในสานกั งาน แมก้ ระทง่ั ฉากในโรงละคร ประโยชน์อีกอยา่ งคือ การ ใชเ้ ป็นอุปกรณ์ในการกรองแยกสาร เนื่องจากโครงสร้างที่เกิดจากการสานขดั ของเส้นใยทาให้เกิดรูพรุนซ่ึง จะช่วยในการกรองแยกสารที่เป็นของแขง็ ขนาดเล็กออกจากของเหลวไดด้ ี เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 49
ตัวอักษรนี้อ่ำนว่ำอะไร \"W\" ดับบลิว หรือ ดับเบิลยู ตวั อักษร ภาษาองั กฤษ ตวั น้ี อ่านออกเสียงให้ถูก ตอ้ งอ่านวา่ ดบั เบิลยู เท่าน้นั ครับ ไม่สามารถอ่านเป็นดบั บลิวได้ โดยทุกชาติที่ใชภ้ าษาองั กฤษเป็ น หลักจะออกว่าดับเบิลยู ท้งั องั กฤษ อเมริกา หรืออสเตรเลีย เช่น รถยนตย์ ห่ี ้อ BMW ก็จะอ่านวา่ บีเอ็มดบั เบิลยู ท้งั น้ีมีแต่ ไทยแลนด์ โอนลี่เทา่ น้นั ที่อา่ นวา่ ดบั บลิว กำรทำงำนท่ีบ้ำนใช้ work from home หรือ work at home ในการให้พนกั งานไม่ตอ้ งมาท่ี ทางานแลว้ ทางานอยทู่ ่ีบา้ น จะเรียก work from home แต่ถา้ เราทางานส่วนตวั ท่ีบา้ น จะเรียก work at home หรือสรุปให้ง่ายข้ึนคือ work from home คือการทางานโดยเน้นประโยชน์ของ บริษทั ส่วน work at home คือการทางานโดยเนน้ ประโยชนส์ ่วนตวั ไวรัส เป็ นสิิ่งมีชีวติ หรือไม่ ไวรัสมีรากศพั ทม์ าจากภาษาละติน ซ่ึงมีความหมายวา่ “เป็ นพิษ” (poison/toxic) เน่ืองจากไวรัสเป็ นสิ่งมีชีวิตท่ีมีขนาดเล็กมาก (ขนาดที่ไม่สามารถมองเห็นไดแ้ มใ้ ชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้ แสง) ที่ก่อโรคในมนุษย์ และเป็ นอนั ตรายต่อส่ิงมีชีวิต อื่น ๆ ท้งั ที่เป็ นสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม สัตวป์ ี ก ปลา แมลง ต้นไม้ หรือแมแ้ ต่แบคทีเรีย มีหลักฐานเก่าแก่ ท่ีสุดท่ีระบุว่ามนุษยถ์ ูกไวรัสทาร้ายมานานกวา่ สองพนั ปี น่ันคือ บันทึกการระบาดโรคฝี ดาษของจีนและ โปลิโอในอียิปต์ โดย ไวรัสเป็ นส่ิงมีชีวติ ที่แตกต่างจาก สิ่งมีชีวิตอ่ืนทวั่ ไปตรงท่ีไวรัสไม่มีส่วนท่ีเป็ นเย่ือหุ้มเซลล์ของตวั เอง แต่เป็ นอนุภาคที่ประกอบดว้ ยโปรตีน ซ่ึงห่อหุ้มสารพนั ธุกรรมเอาไว้ ไวรัสมีขนาดเล็กมาก ไวรัสสามารถเพ่ิมจานวนตวั เองไดเ้ มื่อเขา้ ไปอยู่ใน เซลลห์ รือร่างกายของสิ่งมีชีวิตชนิดอ่ืน ดงั น้นั ในสภาวะดงั กล่าว จึงถือวา่ ไวรัสเป็ นส่ิงมีชีวิต ในทางตรงกนั ขา้ มถา้ ไวรัสไม่ไดอ้ ยภู่ ายในเซลล์หรือร่างกายของส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืน ไวรัสก็ไม่สามารถเพิ่มจานวนตวั เองได้ ดงั น้นั ในสภาวะเช่นน้ีจะถือวา่ ไวรัสไมใ่ ช่สิ่งมีชีวติ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 50
รู้จักกบั โรคจับไข้ หัวโกร๋น ช่วงน้ีโรค COVID-19 กาลงั ระบาด เลยอยากเล่าถึง โรคจบั ไขห้ วั โกร๋ น ซ่ึงโรคน้ี ไม่ไดเ้ กิดจากการเจอผแี ต่อยา่ งใด โรคจบั ไขห้ วั โกร๋ น มีอีกช่ือวา่ โรคไทฟอยด์ หรือไขร้ ากสาดนอ้ ย พบได้ บ่อยในสมยั โบราณ มีไขอ้ ยเู่ ป็ นแรมเดือนทาให้เกิดอาการผมร่วง เพราะไม่มียารักษา ชาวบา้ นจึงเรียกกนั ว่า ไขห้ ัวโกร๋ นไทฟอยด์ โรคน้ีเป็ นไดก้ บั คนทุกวยั แต่พบบ่อยในคนอายุ 10-30 ปี พบโรคน้ีได้ตลอดท้งั ปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน อาจพบการระบาดใน ถ่ินที่การสุขาภิบาลไม่ดี ผูต้ ิดเช้ือสามารถเป็ น พ า ห ะ แ พ ร่ เ ช้ื อ ไ ป สู่ ผู้อื่ น ไ ด้โ ด ย ไ ม่ มี อ า ก า ร แสดงใดๆ สาเหตุ เกิดจากเช้ือแบคทีเรีย ช่ือ ซลั โมเนลลาไทฟิ (Salmonella typhi) โรคน้ีติดต่อ โดยการด่ืมน้าหรือกินอาหารท่ีปนเป้ื อนเช้ือจาก อุจจาระปัสสาวะของผปู้ ่ วย โดยผปู้ ่ วยจะมีอาการ่ที่เด่นชดั คือมีไขส้ ูงแบบเร้ือรัง เริ่มแรกจะมีไขต้ ่าๆ ครั่นเน้ือ ครั่นตวั ปวดเวยี นศีรษะ อ่อนเพลียคลา้ ยไขห้ วดั หรือไขห้ วดั ใหญ่ ไม่มีน้ามูก อาจมีเลือดกาเดาออก อาจมีไอ แห้งๆ เจ็บคอบา้ งเล็กนอ้ ย มกั พบอาการทอ้ งผูกในผูใ้ หญ่ หรือถ่ายเหลวในเด็กร่วมดว้ ย อาจมีอาการปวด แน่นทอ้ ง ทอ้ งอืดกดเจบ็ เล็กนอ้ ย มีอาการคล่ืนไส้ อาเจียน ไขจ้ ะค่อยๆ สูงข้ึนทุกวนั และจบั ไขต้ ลอดเวลาแม้ จะไดร้ ับยาลดไขแ้ ล้วก็ตาม เมื่อจบั ไขจ้ ะปวดศีรษะมาก ถา้ ไม่ไดร้ ับการรักษา อาจมีไขส้ ูงเร้ือรังนานถึง 3 สัปดาห์ บางรายอาจนานถึง 6 สัปดาห์ แลว้ อาการไขจ้ ะค่อยๆ ลดลงเป็ นปกติเมื่อพน้ 4 สัปดาห์ไปแลว้ ซ่ึง จากการมีอาการไขส้ ูงติดตอ่ กนั ทาใหผ้ มบนหนงั ศรีษะล่วง คนโบราณ จึงเรียกโรคน้ีวา่ จบั ไขห้ วั โกร๋น ทีม่ ำของคำว่ำ quarantine (อ่านว่า ควอแรนทีน) ท่ีแปลวา่ การกกั กนั โรค คาน้ีมีท่ีมาจากสมยั ท่ีกาฬโรคระบาดในยุโรป และคร่าชีวิตคนในทวีปราวหน่ึงในสาม หลงั จากท่ีผูค้ นล้ม ตายเป็ นเบือ ทางการประเทศต่างๆ จึงเริ่ มหามาตรการ ป้ องกนั ไม่ให้โรคแพร่กระจาย ไม่ว่าจะจบั ผูป้ ่ วยไปปล่อย เกาะบา้ ง หรือไม่ให้ผคู้ นเดินทางเขา้ ออกพ้ืนท่ีบางแห่งบา้ ง ส่วนที่เมืองเวนิซ เพื่อใหม้ น่ั ใจว่าคนบนเรือที่จะมาเทียบท่าไม่ไดพ้ กพาเช้ือโรคกาฬโรคมาดว้ ย ทางการจึง ออกกฏให้เรือท่ีตอ้ งสงสัยลอยลาอยู่ 40 วนั ก่อนจะใหเ้ ทียบท่า ช่วงเวลา 40 วนั น้ีในภาษาอิตาเลียนเรียกวา่ quarantina giorni (quarantina คือ 40 ส่วน giorni คือ วนั ) ไปๆ มาๆ ส่วนแรกของคาน้ีก็กลายมาใชเ้ รียกการ กกั ตวั เพื่อดูวา่ มีโรคไหม และกลายเป็นคาวา่ quarantine แบบท่ีใชก้ นั ทุกวนั น้ีนน่ั เอง เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 51
ทมี่ ำของวคั ซีน วธิ ีการสาคญั ที่จะช่วยป้ องกนั ไม่ใหส้ ตั วเ์ ล้ียงของเรากลายเป็ นพาหะโรคพิษสุนขั บา้ ก็คือการ นาลูกรักของเราไปฉีดวคั ซีน (vaccine) วคั ซีนน้ีมี เช้ืออยู่ แต่ไม่แรงพอที่จะทาใหเ้ กิดโรค ร่างกายจึง ยงั ต่อสู้ไหวและสร้างภูมิคุ้มกันเพ่ือป้ องกันตัว หากเจอเช้ือโรคเดียวกนั ในอนาคต คาวา่ vaccine มาจากคานาม vacca ในภาษาละตินท่ีแปลว่า ววั เพ่ือให้เห็นว่าววั มาเกี่ยวกับวคั ซีนได้อย่างไร ก็ ตอ้ งยอ้ นกลบั ไปถึงการคิดคน้ วคั ซีน สมยั ปลาย คริสต์ศตวรรษที่ 18 เอ็ดเวิร์ด เจ็นเนอร์ (Edward Jenner) เห็นวา่ คนรีดนมววั มกั ไม่เป็ นโรคฝี ดาษซ่ึงเป็ นโรคร้ายแรงถึงตาย เพราะวา่ ติดโรคฝี ดาษววั ที่อาการ เบากวา่ มากไปแลว้ จึงทดลองนาหนองของคนรีดนมววั ที่เคยเป็ นฝี ดาษววั แลว้ ไปปลูกในเด็กวยั แปดขวบ ภายหลงั พบว่าเด็กคนน้ีไม่ติดเช้ือฝี ดาษ จึงเร่ิมขยายมาทดลองกบั ลูกตวั เองด้วยและตีพิมพว์ ิธีการลงใน วารสาร โดยต้งั ชื่อวิธีการน้ีว่า vaccination เพราะเป็ นการนาเช้ือฝี ดาษววั มาใส่ในร่างกายท้งั น้ี ผูท้ ี่คิดคน้ วคั ซีนโรคพิษสุนัขบา้ ไม่ใช่เอ็ดเวิร์ด เจ็นเนอร์ แต่เป็ น หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) ซ่ึงเป็ นผคู้ ิดคน้ กระบวนการพาสเจอไรซ์ และฝากช่ือไวใ้ นคาวา่ pasteurize อยา่ งที่เราเจอบนกล่องนมนนั่ เอง รู้จักกับ CORONA VIRUS ไวรัสโคโรน่า เป็ นไวรัสท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุดที่มีสารพนั ธุกรรมเป็ นอาร์เอ็นเอ และมีเปลือกหุ้มดา้ นนอกที่ประกอบดว้ ยโปรตีนคลุมดว้ ย กลุ่มคาร์โบไฮเดรทเป็ นป่ ุมๆ (spikes) ย่ืนออกไปจาก อนุภาคไวรัส ทาให้เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน จะเห็นเป็ นเหมือนมงกุฎ (ภาษาลาติน corona แปลว่า crown หรือ มงกุฎ) ลอ้ มรอบ จึงเป็ นที่มาของช่ือเช้ือไวรัส ในกลุ่มน้ีที่มีสมาชิกหลากหลาย ติดเช้ือก่อโรคไดท้ ้งั ในคน และสัตวห์ ลายชนิด เช่น สัตวป์ ี ก สัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม (มา้ ววั แมว สุนขั คา้ งคาว กระต่าย หนู อูฐ และสัตว์ ป่ าอ่ืนๆ) และสัตวเ์ ล้ือยคลาน เช่น งู ดงั น้นั ไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์ท่ีก่อโรคในสัตวท์ ้งั ระบบทางเดินหายใจ แ ล ะ ท า ง เ ดิ น อ า ห า ร อ า จ แ พ ร่ ม า สู่ ค น แ ล ะ ก่ อ โ ร ค ใ น ค น ไ ด้ ( zoonotic infection) ไวรัสโคโรน่าถูกแบ่งเป็ น 4 ยีนสั คือ Alphacoronavirus, Betacoronavirus, Gammacoronavirus และ Deltacoronavirus โดยไวรัสโคโรน่าที่ก่อโรคในคนท่ีทาให้มีอาการของระบบทางเดินหายใจท่ีไม่รุนแรง เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 52
และมกั มีการติดเช้ือแบบไม่มีอาการ จดั อยใู่ นยนี สั Alphacoronavirus ส่วนไวรัสโคโรน่าท่ีก่อโรครุนแรงใน คนและขา้ มสปี ชีส์มาจากสตั ว์ เช่น SARS-CoV และ MERS-CoV จดั อยใู่ นยนี สั Betacoronavirus ไวรัสโคโร น่ามีสารพนั ธุกรรมเป็ นอาร์เอ็นเอจึงมีโอกาสกลายพนั ธุ์สูง และสามารถก่อการติดเช้ือขา้ มสปี ชีส์ไดม้ ากข้ึน ในสถานที่ท่ีนาสัตวเ์ หล่าน้ีมาอยรู่ วมกนั อยา่ งหนาแน่น ดงั เช่น ในตลาดคา้ สัตวเ์ พ่ือเป็ นอาหาร ท่ีเป็ นแหล่ง แพร่เช้ือ SARS-CoV จาก civet cat สู่คน ท้งั น้ีการต้งั ชื่อไวรัสจะหลีกเลี่ยงการอา้ งอิงถึงสัตว,์ ชนิดของสัตว,์ ชื่อคน, วฒั นธรรม, ประชากร, อุตสาหกรรม, อาชีพ หรือสถานท่ีตามภูมิศาสตร์ เพื่อไม่ใหส้ ่ิงต่างๆเหล่าน้ี ไดร้ ับผลกระทบจากการถูกต้งั เป็นชื่อของไวรัส วิธีกำรเก็บไข่ให้อยู่ได้นำน ช่วงน้ีไข่แพง เลยอยากบอกเล่า วธิ ีการเกบ็ ไข่ใหอ้ ยไู่ ดน้ านนบั ปี โดยไม่ตอ้ งแช่ตูเ้ ยน็ เพียงแค่ มีน้ามนั พืชก็สามารถช่วยให้ไข่ของเราอยู่ไดน้ านย่ิงข้ึนโดย เตรียมใส่ถุงมือพลาสติก และหยดน้ามนั พืชลงบนฝ่ ามือเพียง เลก็ นอ้ ย ไม่ตอ้ งใหช้ ุ่มมาก ถูน้ามนั ให้ทว่ั มือพอหมาดๆ และ นาไข่มาคลึงบนมือ ให้น้ามนั เคลือบไข่จนทว่ั และเก็บไวใ้ น ถาดเหมือนเดิม วิธีน้ีไข่จะอยู่ไดน้ าน 10-12 เดือน โดยไม่ ตอ้ งแช่ตูเ้ ยน็ น้ามนั จะทาหน้าที่ป้ องกนั ออกซิเจนซึมเขา้ ไป ในไข่ เหมือนไขท่ ี่เพิง่ ออกมาจากแมไ่ ก่ใหมๆ่ ไขมนั ของแม่ไก่จะเคลือบไขเ่ อาไว้ ทาใหไ้ ขอ่ ยไู่ ดน้ าน ทำไมเรียกตุ๊กตำหมีทีม่ ีขนปุยว่ำเท็ดดี้ แบร์ \"ตุก๊ ตาหมีขนปุย\" มีตน้ กาเนิดมาจาก 'มาร์กาเร็ต ชไตร์ฟ' หญิง พิการชาวเยอรมนั ได้ผลิตตุ๊กตาหมียดั นุ่นวางขาย ต้งั ช่ือว่า \"Teddy Bear\" ส่วนที่มาของชื่อมาจากชื่อเล่นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนท่ี 26 'ธีโอดอร์ รูสเวลท'์ ท่ีมีช่ือเล่นวา่ \"เท็ดด้ี\" ซ่ึงมีเร่ืองเล่าจากการ ท่ีเขาไดเ้ ดินทางไปยงั เมืองมิสซิสซิปป้ี และมีโอกาสไดอ้ อกล่าสัตว์ แต่ เขาไม่สามารถล่าสัตวไ์ ด้ กลุ่มผูต้ ิดตามจึงจบั หมีตวั หน่ึงมาเพ่ือให้เขา ยิง แต่เขากลบั ปฏิเสธ และบอกวา่ แบบน้ีไม่ใช่กีฬาล่าสัตว์ การกระทา ของท่านไดร้ ับการยกยอ่ ง หนงั สือพิมพว์ อชิงตนั โพสต์ นาไปลงเป็ น ขา่ วใหญ่พร้อมท้งั มีการ์ตูนรูปหมีประกอบแพร่หลายไปทว่ั โลก เป็ นผลให้ตุ๊กตาหมีมีที่ขายกนั อยเู่ ดิม ขายดี เป็นเทน้าเทท่า และมีช่ือเรียกนั ใหม่วา่ \"หมีของเทด็ ด้ี\" แลว้ เป็น \"Teddy Bear\" ในที่สุด เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 53
ชั่วกัปช่ัวกัลป์ นำนแค่ไหน คาว่า กัป มาจากภาษาบาลี. ส่วนคาว่า กลั ป์ มาจากภาษาสันสกฤต ท้งั 2 ค า มี ค ว า ม ห ม า ย เ ห มื อ น กั น ว่ า ร ะ ย ะ เ ว ล า อ า ยุ ข อ ง โ ล ก คื อ ระยะเวลาต้งั แตส่ ร้างโลกจนถึงเกิด ไฟประลัยกัลป์ ไหม้โลกหมด เรียกวา่ 1 กปั หรือ 1 กลั ป์ . เวลา 1 กั ป น้ั น ท่ า น นั บ ด้ ว ย ก า ร เปรียบเทียบวา่ มีที่แห่งหน่ึงกวา้ ง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ มีกาแพงโดยรอบสูง 1 โยชน์. เอาเมล็ดพนั ธุ์ผกั กาด บรรจุไวใ้ หเ้ ต็ม. ทุก 100 ปี ใหเ้ อาเมล็ดผกั กาดออกไป 1 เมล็ด เมล็ดผกั กาดหมดจากที่น้นั เม่ือไร นบั เท่ากบั เวลา 1 กปั . เวลา 1 กปั จึงเป็ นเวลาที่นานเกินจะนบั ได.้ ชว่ั กปั ชว่ั กลั ป์ หมายถึง ตลอดเวลาชว่ั 1 กปั คือ เวลา ชวั่ อายขุ องโลกหน่ึงโลก ใชเ้ ป็นสานวน หมายถึง ระยะเวลาท่ีนานมาก ผ้ำคำดเตียงมีไว้ทำไม คุณเคยสังเกตไหมเวลาไปพกั โรงแรม เปิ ดประตูหอ้ งมาจะมี \"ผา้ คาดเตียง\" อยทู่ ุกคร้ัง แต่น้ันไม่ได้มีไวเ้ พื่อความสวยงามนะ แล้วมนั มีไวเ้ พ่ืออะไร ความเป็ นจริงแล้วมนั มีท่ีมาและท่ีไปนะ ผเู้ ชี่ยวชาญชาวญี่ป่ ุนออกมาเฉลยวา่ “ผา้ คาดเตียง” ที่มีลวดลายสวยงามน้นั ท่ีจริง “มีไวร้ องรองเทา้ ของแขก ท่ีมาเขา้ พกั ” ต่างหาก เพราะในโรงแรมน้นั ทุก คนจะใส่รองเทา้ เขา้ มาในห้องอยแู่ ล้ว ดงั น้นั ผา้ ผืนน้ีจึงมีไวใ้ ห้แขกรอง \"รองเท้า\" เวลา นอน เพราะในวฒั นธรรมของญี่ป่ ุนและอีก หลายประเทศน้ันจะสวมรองเทา้ หรือถุงเทา้ นอน ดังน้ันผ้าผืนน้ีจึงสะดวกกับคนที่ใส่ รองเทา้ นอนเป็ นอยา่ งมาก เพ่ือป้ องกนั ท่ีนอน เป้ื อนนน่ั เอง เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 54
ทำไม แมวถึงชอบให้เกำคำง สาเหตุท่ีเจา้ แมวชอบให้ลูบหรือเกาท่ีบริเวณคางและหัวส่วนท่ีกล่าวมาน้นั ก็ เน่ืองจาก บริเวณหน้าผาก แก้ม และคางของแมว มีต่อมประเภท “Scent glands” ท่ีคอยสร้างฟี โรโมน (pheromone) ซ่ึงฟี โรโมนเป็ นสารเคมีตามธรรมชาติที่มีบทบาทในการสร้างกลิ่นท่ีคุน้ เคยในสิ่งแวดลอ้ มที่ แมวอาศยั อยู่ ทาให้แมวรู้สึกปลอดภยั และสงบสุข (calming scent) ถา้ สังเกตจะเห็นไดว้ า่ โดยปกติแมวมี พฤติกรรมชอบเอาคางไปถูไถกบั คนหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อยเู่ สมอ นนั่ ก็เพ่ือเป็ นการทาเครื่องหมายแสดง อาณาเขต (mark territory) โดยการปล่อยกลิ่น ซ่ึง เป็ นการประทบั ตราไวบ้ ริเวณน้นั ส่วนสาเหตุที่แมว ชอ บใ ห้คน เก า คา งน้ัน ก็ เพ่ื อ ปล่ อย ก ลิ่ น ท า เครื่องหมายบนตวั มนุษยน์ น่ั เอง เนื่องจากหลงั จากที่ เราลูบคางของแมวกพ็ บวา่ จะมีฟี โรโมนติดอยบู่ นมือ ของเรา โดยมนุษยไ์ ม่สามารถรับรู้กล่ินท่ีแมวใช้ใน การทาเคร่ืองหมายน้ี แต่แมวสามารถรับรู้ได้ และใช้ มนั เพื่อจดจาสมาชิกทุกคนในครอบครัว หรืออีกนยั หน่ึง กเ็ พือ่ ประกาศวา่ เจา้ มนุษยค์ นน้ี ไดเ้ ป็ น “ทาส” ของขา้ แลว้ นอกจากน้ี กลิ่นดงั กล่าว ยงั ทาให้แมว ผอ่ นคลายและสร้างความสัมพนั ธ์ที่ดี(bonding experience) ระหวา่ งมนุษยก์ บั แมวข้ึนอีกดว้ ย อีกเหตุผลหน่ึง ที่แมวชอบใหล้ ูบไลบ้ ริเวณคางและหนา้ ก็คือโดยปกติแลว้ แมวเป็ นสัตวท์ ี่ชอบเลียขนทาความสะอาดตวั เอง (grooming) แต่บริเวณหวั และคางน้นั เป็ นจุดที่แมวไม่สามารถเลียทาความสะอาดไดถ้ ึง ดงั น้นั แมวจึงชอบ ให้คนมาลูบคางใหเ้ พราะเหมือนมีเพื่อนมาช่วยทาความสะอาดตวั ให้ นอกจากน้นั ยงั เป็ นการเตือนให้แมว นึกถึงความทรงจาใน “วยั เด็ก” ที่มีแม่แมวคอยดูแลเลียขนให้ดว้ ยความรักอีกดว้ ย ดงั น้นั การมีคนมาลูบหนา้ และเกาคางใหจ้ ึงทาใหแ้ มวรื่นรมยแ์ ละผอ่ นคลายเป็นอยา่ งมาก อยา่ งไรก็ตาม ไม่ใช่แมวทุกตวั จะชอบให้คน มาลูบคาง เกาหนา้ หรือสัมผสั ตวั นะครับ แมวบางตวั (ที่ถือตวั มากๆ) ก็ไม่ชอบให้ใครมาโดนตวั เลย(คงเห็น วา่ อยคู่ นละช้นั กนั กบั เขา) แมวบางตวั ยอมใหจ้ บั ไดเ้ ฉพาะบางบริเวณ เช่น ลูบหลงั ไดบ้ า้ ง แต่ถา้ ไปโดนส่วน อื่น ก็จะไม่สบอารมณ์ ก็จะหนั มางบั ซ่ึงพฤติกรรมดงั กล่าวอาจจะเกิดจากประสบการณ์ก่อนหนา้ น้ี ท่ีแมวแต่ ละตวั เรียนรู้จากอดีตที่อาจโดนแกลง้ หรือทาร้ายจนระแวง จึงตอ้ งระมดั ระวงั เพือ่ ความอยรู่ อดก็เป็นได้ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 55
กึ๋น คืออะไร ก๋ึน คืออวยั วะในระบบทางเดินอาหารอย่างหน่ึงพบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่นแมลงสาบ สัตว์เล้ือยคลานบางชนิด(แมก้ ระทงั่ ไดโนเสาร์กินพืชบางบาง ชนิด) ในไก่ประกอบข้ึนดว้ ยผนงั กลา้ มเน้ือท่ีแข็งแรง(แน่นอนวา่ ในแมลงสาบก๋ึนยอ่ มมีโครงสร้างไม่เหมือนของไก่) มีหนา้ ท่ีใน การยอ่ ยเชิงกล แน่นอนวา่ ลาพงั กลา้ มเน้ืออยา่ งเดียวคงทางานได้ ไมด่ ีนกั บางคร้ังสัตวจ์ าตอ้ งกลืนกรวดกอ้ นเล็กๆเขา้ ไปเพ่ือการน้ี กอ้ นกรวดเหล่าน้ีอาจเรียกให้หรูๆได้วา่ Gastrolith เมื่อไก่กลืน อาหารลงไป จะตกถึงกระเพาะท่ีหน่ึงซ่ึงคนเราไม่มี เรียกว่า \"กระเพาะพกั \" อยู่ที่ตน้ คอ อาหารจะพกั อยู่ท่ีน่ีชั่วคราวก่อนท่ีจะลงกระเพาะจริง เพื่อทาการย่อยให้เป็ น ประโยชน์แก่ร่างกาย ถดั ไปเป็ นกระเพาะที่สามหลงั กระเพาะจริงเรียกกนั วา่ ก๋ึน ถา้ สังเกตจะเห็นว่าก๋ึนน้ีมี ผนงั หนา และมกั จะมีกอ้ นกรวดเล็ก ๆ อยู่เป็ นจานวนพอสมควร ธรรมชาติสร้างก๋ึนไวใ้ ห้เพ่ือจะ ไดช้ ่วยบด อาหารซ่ึงเป็ นเมล็ดขา้ ว เมล็ดขา้ วโพดเหล่าน้ีมีเปลือกแขง็ และยอ่ ยอยา่ งปกติดว้ ยน้ายอ่ ยในกระเปลือกแข็ง และย่อยอย่างปกติดว้ ยน้ายอ่ ยในกระเพาะจริงไม่ได้ จะตอ้ งหาโม่มาโม่เสียก่อนส่งไปลาไส้ ก๋ึนน้ีแหละทา หนา้ ท่ีโมแ่ ทนการบดเค้ียวในปากเพราะไก่ไม่มีฟัน และกอ้ นกรวดเมด็ ทรายซ่ึงอยภู่ ายในก๋ึน ก็เป็ นเครื่องช่วย บดให้ไดผ้ ลดว้ ย ดงั น้นั เราจะเห็นวา่ สัตวป์ ี กท่ีกินเมล็ดขา้ ว กินอาหารค่อนขา้ งหยาบมากจะมีก๋ึนท่ีแขง็ แรง และมีขนาดค่อนขา้ งโต ถา้ ไก่เล้ียงที่กินเฉพาะอาหารอ่อน อาหารป่ นหรือสัตวป์ ี กท่ีกินอาหารเน้ือเป็ นประจา ขนาดก๋ึนจะค่อนขา้ งเล็ก เพราะไม่จาเป็ นตอ้ งใชง้ านมาก ในคนไม่มีก๋ึนนะครับ แต่ใช้เป็ นคาเปรียบเทียบ ประมาณวา่ เก่ง มีไหวพริบ ก็คือตอ้ งมีท้งั สมอง ประสบการณ์ ความรอบรู้ ช่างสังเกต ทมี่ ำของเคอร์ฟิ ว เคอร์ฟิ ว (Curfew) หมายถึง คาสั่งที่ประกาศ ขอ้ บงั คบั เพื่อหา้ มมิใหป้ ระชาชนกระทาบางสิ่งบางอยา่ งที่ตาม กาหนดไว้ ซ่ึงโดยมากแล้วมักจะเป็ นการห้ามออกนอก เคหสถาน ห้ามดาเนินกิจกรรมบางอยา่ ง หรือห้ามมิให้ธุรกิจ หรื อหน่วยงานบางแห่งดาเนินกิจการในช่วงเวลาใด ซ่ึง โดยมากแลว้ มกั จะหมายถึงคาสั่งที่ออกโดยรัฐบาล แต่บางคร้ัง ก็อาจจะหมายรวมถึงคาสั่งท่ีออกโดยผูม้ ีอานาจดาเนินการ ภายในกลุ่มคนกลุ่มหน่ึ งโดยเฉพาะได้เช่ นกัน (เช่ น มหาวิทยาลัยอาจจะส่ังห้ามนักศึกษาออกนอกหอพักของ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 56
มหาวทิ ยาลยั ในเวลาที่กาหนดไว้ เป็นตน้ ) ที่มาของเคอร์ฟิ วน้นั กล่าวกนั วา่ มีมาต้งั แต่สมยั ของพระเจา้ วิลเลียม ผพู้ ิชิตในยคุ กลางแลว้ คาวา่ เคอร์ฟิ ว ก็มาจากภาษาฝร่ังเศสโบราณ Couvre-feu แปลวา่ “ควบคุมไฟ” (Cover- fire) เนื่องจากในสมยั โบราณ บา้ นเรือนประชาชนแทบท้งั หมดจะทาจากไม้ และในเมืองหนาวโดยเฉพาะใน ฤดูหนาว การจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นน้ันเป็ นสิ่งจาเป็ นอย่างมากสาหรับบา้ นเรือน อย่างไรก็ตาม หาก เจา้ ของเผลอเขา้ นอนโดยลืมดบั ไฟในเตาผิงให้เรียบร้อยเสียก่อนก็อาจจะทาให้เกิดเพลิงไหมไ้ ด้ เมื่อเป็ น เช่นน้ี เพื่อป้ องกนั การเกิดเพลิงไหมบ้ า้ นเรือนประชาชน ทางการจึงจะมีเจา้ หน้าท่ีคอยเดินตรวจสอบพร้อม ท้งั ตีระฆงั บอกเวลาต้งั แต่ 1 ทุ่ม จนถึง 2 ทุ่ม เพื่อเตือนใหผ้ คู้ นตามบา้ นเรือนทราบวา่ ถึงเวลาดบั ไฟและเขา้ นอนไดแ้ ลว้ ซ่ึงหากบา้ นใดฝ่ าฝื นคาส่ังก็จะถูกลงโทษตามกฎหมาย ต่อมาจึงไดม้ ีการนามาใชใ้ นความหมาย ปัจจุบนั ต้งั แต่เม่ือประมาณศตวรรษท่ี 19 เป็ นตน้ มา การประกาศเคอร์ฟิ วแมจ้ ะเป็ นการจากดั เสรีภาพอยบู่ า้ ง แต่กม็ ีความจาเป็ นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และควบคุมสถานการณ์ไม่ใหล้ ุกลามบานปลายออกไป ซ่ึง อาจจะทาใหป้ ระชาชนไดร้ ับความเดือดร้อนยงิ่ กวา่ เดิมได้ รู้จักกบั “ทฤษฎขี องมำสโลว์”เอ่ยชื่อน้ีแลว้ คน ส่วนใหญ๋อาจจะไม่รู้จกั วา่ เป็ นใคร แต่ถา้ บอกวา่ ทา่ นผนู้ ้ีเป็ นศาสตราจารยท์ างดา้ นจิตวทิ ยา ซ่ึง เป็นผเู้ สนอทฤษฎีลาดบั ข้นั ความตอ้ งการของ มาสโลว์ (Maslow's hierarchy of needs) แลว้ ก็ เชื่อวา่ หลายคนน่าจะเคยไดย้ ินมาบา้ ง เพราะเป็ น ทฤษฎีที่ถูกพดู ถึงในวงวชิ าการหลายสาขา ท้งั ใน วงการดา้ นจิตวทิ ยา สงั คม หรือแมแ้ ต่เศรษฐกิจ ทฤษฎีลาดบั ความตอ้ งการของมาสโลว์ เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงความตอ้ งการของมนุษยใ์ นลาดบั ตา่ ง ๆ โดย กล่าววา่ มนุษยจ์ ะพยายามแสวงหาสิ่งตา่ ง ๆ เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของตนเองตามความสาคญั แตล่ ะ ลาดบั ข้นั โดยเริ่มจากข้นั ต่าสุดก่อน เมื่อความตอ้ งการแตล่ ะข้นั ไดร้ ับการตอบสนองอยา่ งบริบูรณ์แลว้ มนุษย์ จึงจะเร่ิมแสวงหาเพื่อเติมเตม็ ความตอ้ งการในข้นั ลาดบั ข้นั ที่สูงกวา่ โดยมาสโลวไ์ ดแ้ บง่ ความตอ้ งการ ดงั กล่าวออกเป็ น 5 ข้นั เรียงจากต่าสุดไปหาสูงสุด คือ 1. ความตอ้ งการทางกายภาพ (Physiological Needs) ก็คือความตอ้ งการข้นั พ้ืนฐานท่ีมนุษยจ์ าเป็นตอ้ งไดร้ ับ เพ่ือที่จะใหม้ ีชีวิตอยรู่ อด เช่น อาหาร น้า เครื่องนุ่งห่ม ท่ีอยอู่ าศยั และการรักษาอาการเจบ็ ป่ วย ซ่ึงแน่นอนวา่ หากสิ่งเหล่าน้ียงั ขาดตกบกพร่องอยู่ มนุษยก์ ็ยงั ไม่สามารถจะไปแสวงหาสิ่งอื่น ๆ ท่ีสูงกวา่ น้นั ได้ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 57
2. ความตอ้ งการดา้ นความมนั่ คงปลอดภยั (Safety Needs) เป็นความตอ้ งการข้นั ต่อมา คือเมื่อมีชีวติ รอดแลว้ มนุษยก์ ย็ อ่ มตอ้ งการแสวงหาความมนั่ คงปลอดภยั ในชีวิต เช่น มีครอบครัวที่อบอุน่ มีการงานมน่ั คงท่ีจะ เล้ียงตวั เองและคนในครอบครัวได้ รวมถึงความมนั่ ใจวา่ หากตนเองไมส่ ามารถหาเล้ียงชีพไดแ้ ลว้ กจ็ ะยงั มี ชีวติ ท่ีเป็นปรกติสุขอยไู่ ด้ เป็ นตน้ 3. ความตอ้ งการมีความรักและความเป็นเจา้ ของ (Belongingness and Love Need) เมื่อมีชีวติ ที่มน่ั คงแลว้ คน ก็เริ่มตอ้ งการไดร้ ับความรัก ตอ้ งการไดร้ ับการยอมรับใหเ้ ขา้ กลุ่ม มีพวกพอ้ งเพ่อื นฝงู มีการคบคา้ สมาคม 4. ความตอ้ งการท่ีจะมีเกียรติยศชื่อเสียงและความภาคภูมิใจ (Self- Esteem Need) เม่ือไดร้ ับการตอบสนอง ทางกายภาพและความมนั่ คงทางกายและใจครบถว้ นแลว้ มนุษยก์ ็จะเขา้ สู่ข้นั ที่ 4 คือความตอ้ งการมีเกียรติยศ ชื่อเสียง เป็นที่รู้จกั และยอมรับกนั ทวั่ ไปในสงั คมวา่ เป็นผมู้ ีความรู้ความสามารถ ไดร้ ับการยกยอ่ งจากคน ทวั่ ไป 5. ความตอ้ งการความสมบรู ณ์ของชีวติ (Self-Actualization Needs) เป็นความตอ้ งการข้นั สูงสุดของมนุษย์ ที่ มีครบทุกอยา่ งแลว้ ท้งั ความตอ้ งการร่างกาย จิตใจ และเกียรติยศชื่อเสียง เขาก็จะเริ่มทาในส่ิงท่ีตวั เอง ปรารถนา ดว้ ยการใชค้ วามสามารถและศกั ยภาพที่ตวั เองมีในการพยายามไปใหถ้ ึงจุดสูงสุดของชีวติ ที่ตวั เอง ปรารถนา เช่น ศิลปิ นบางคนท่ีมีครบแลว้ กอ็ าจจะอุทิศตวั เพอื่ สร้างสรรคง์ านแต่ละชิ้นตามใจปรารถนาของ ตวั เอง โดยไมค่ านึงถึงวา่ งานชิ้นน้นั จะขายไดห้ รือไม่ มาสโลวไ์ ดน้ าเสนอทฤษฎีน้ีเม่ือปี 1943 และไดเ้ ป็นหน่ึงในทฤษฎีที่มีศึกษาและวพิ ากษว์ จิ ารณ์อยา่ ง กวา้ งขวาง รวมถึงไดม้ ีการนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นดา้ นต่าง ๆ โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ การวเิ คราะห์ตลาดและ แบ่งกลุ่มลูกคา้ เป็นตน้ มำรู้จักกบั กำแฟแบบไทยๆ โอยวั ะ คาน้ีมาจากภาษาจีนแตจ้ ิ๋ว “โอ” แปลวา่ ดา “ยวั ะ” แปลวา่ ร้อน รวมคากนั จึงแปลไดว้ ่าเป็ นกาแฟดาร้อน เป็ นอเมริกาโนแบบไทยโบราณท่ีไม่ใส่ครีมหรือน้าตาลนนั่ เอง เรียกไดว้ ่า เขม้ ขน้ สุดติ่งตาคา้ งตาแข็งกนั เลย โอเล้ียง ลดระดบั ความ เขม้ ลงมาอีกนิด แต่ก็แค่นิดเดียวเท่าน้นั ดว้ ยน้าตาลไม่กี่ ชอ้ นชาก็จะกลายเป็ น “โอเล้ียง” ซ่ึงคาน้ีมาจากภาษาจีน แตจ้ ิ๋ว เป็นเครื่องด่ืมของชาวจีนท่ีอพยพมาหลงั สมยั กรุงศรี อยธุ ยา “โอ” แปลวา่ ดา ส่วนคาวา่ “เล้ียง” แปลวา่ เยน็ เม่ือ รวมคากนั ก็กลายเป็ นกาแฟดาใส่น้าแข็ง โอเล้ียงจ้าบ๊ะ เป็ นโอเล้ียงดี ๆ นี่เอง โดยจะใช้น้ าหวานสีแดงหรื อ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 58
น้าหวานสีเขียวแทนน้าตาลทราย กลิ่น และรสชาติจึงหอมหวานไปอีกแบบ ส่วนท่ีมาของช่ือน้นั เชื่อว่ามา จากน้าแขง็ ไสจ้าบะ๊ ท่ีใชน้ ้าหวานสีแดงหรือสีเขียวราด โอเล้ียงยกลอ้ ไม่ไดม้ าจากคนชงกาแฟไปยกลอ้ ไปนะ จ๊ะ แต่ยกลอ้ ท่ีวา่ คือโอเล้ียงใส่นมนนั่ เอง สันนิษฐานวา่ ในสมยั น้นั ยี่ห้อนมขน้ จืดชนิดหน่ึงเป็ นรูปจกั รยาน เม่ือคนชงเทนมลงไปลกั ษณะคลา้ ยการยกลอ้ จึงเรียกโอเล้ียงใส่นมวา่ ยกลอ้ แตน่ ้นั มา หรือจะเรียกวา่ เป็ นลาเต้ เวอร์ชนั่ ฝร่ังก็ได้ โกปี๊ โกป๊ี มาจากคาวา่ Coffee สาเนียงภาคใตอ้ อกเสียงวา่ โกปิ๊ โกป้ี หรือโกปี แลว้ แต่ ทอ้ งถ่ิน ซ่ึงท้งั หมดน้ีเป็ นกาแฟดาใส่นมขน้ หวาน แต่ถา้ เรียกวา่ “โกปี๊ ออ” คือกาแฟดาร้อน ไม่ใส่นม กาแฟ เยน็ เมนูยอดฮิตเวลาไปสั่งที่ร้านน้ารถเขน็ พูดส้ัน ๆ ง่าย ๆ วา่ กาแฟเยน็ คนชงก็จะชงกาแฟใส่นมขน้ หวาน นมสด และน้าแข็งมาให้ เป็ นกาแฟเยน็ ที่จดั เต็มรสหอมหวาน มิตรแสนดีของเหล่ามนุษยอ์ อฟฟิ ศที่ตอ้ งการ เติมพลงั ยามเชา้ ยามสาย และยามบ่าย ที่มำของคำว่ำ ป่ิ นโต เดิมมีการเขา้ ใจผดิ วา่ \"ปิ่ นโต\" แต่กอ้ นเช่ือกนั วา่ ปิ่ นโต มาจากคาวา่ \"ปิ นโต\" ในภาษา โปรตุเกส แต่โสมทตั เทเวศร์ (นามปากกาของ ส.พลายน้อย หรือ สมบตั ิ พลายน้อย) นกั ภาษาศาสตร์ เห็นแยง้ ว่า น่าจะเป็ นการจาไขวเ้ ขวกบั ฝร่ัง โปรตุเกสท่ีเขา้ มาอยเู่ มืองไทยสมยั กรุงศรีอยุธยา ชื่อ ฟื ร์เนา เมงดึช ปิ งตู (Fernão Mendes Pinto) จึงทาให้เชื่อคลอ้ ยตามกนั มาก ความจริงแลว้ ตาม พจนานุกรมภาษาโปรตุเกส คาวา่ \"Pinto\" หมายถึงลูกไก่ ดงั น้นั ภายหลงั ส่วนใหญ่ลงความเห็นสอดคล้องกนั ว่าน่าจะมาจากคาวา่ \"เบนโต\" ( 弁当) ในภาษาญี่ป่ ุน ซ่ึงหมายถึง ขา้ วกล่อง ซ่ึงอาจจะผ่านมาจากภาษาจีน คาว่า \"เป้ี ยนตงั \" (便當, biàndāng) ท่ีแปลวา่ สะดวกสบาย ทำไม ยกั ษ์วดั พระแก้ว ถงึ หันหน้ำเข้ำหำวดั ซ่ึง ตา่ งจากยกั ศว์ ดั อ่ืนๆ ท่ีหนั หนา้ ออกนอกวดั สาเหตุท่ียกั ษว์ ดั พระแกว้ หนั หนา้ เขา้ หาวดั น้นั ตอ้ งไปดูที่ประวตั ิการสร้างพระแกว้ มรกต โดย เม่ือพระนาคเสนะเถระ ปรารภจะสร้าง พระพุทธรูปดว้ ยรัตนะ พระอินทร์จึงอาสา สงั่ ใหพ้ ระวสิ สุกรรมไปนาแกว้ มณีสีขาวนวลซ่ึง เป็นแกว้ สาหรับพระจกั รพรรดิ จากภูเขาวบิ ุลบรรพต โดยแกว้ มณีกอ้ นน้ี มีพวกกมุ ภณั ฑเ์ ฝ้ ารักษา บารมีพระ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 59
วสิ สุกรรมไม่พอ กมุ ภณั ฑไ์ ม่ยอมให้ พระอินทร์ตอ้ งออกแรงเสดจ็ ไปเอง พวกกมุ ภณั ฑเ์ กรงบารมีก็มีท่าที ออ่ นลง ตอ่ รองวา่ อยา่ เอาแกว้ มณีสีขาวไปไดห้ รือไม่ ขอใหเ้ อาแกว้ มณีสีเขียว ที่เรียกวา่ แกว้ อมรโกฏไปแทน พระอินทร์จาใจรับ ไดแ้ กว้ อมรโกฏสีเขียวมาแลว้ กส็ ง่ั ใหพ้ ระวสิ สุกรรมแปลงร่างเป็นช่าง จาหลกั จนสาเร็จ เป็นองคพ์ ระแกว้ มรกต ก็ดว้ ยเหตุท่ีแกว้ อมรโกฏเคยอยใู่ นการดูแลของพวกกุมภณั ฑ์ เมื่อมาเป็นพระพุทธรูป แลว้ จึงเห็นควรใหม้ ีกมุ ภณั ฑม์ าทาหนา้ ท่ีพทิ กั ษร์ ักษา คร้ันเม่ือพระแกว้ มรกตมาประดิษฐานอยใู่ นวดั พระศรี รัตนศาสดาราม จึงใหส้ ร้างรูปยกั ษ์ ยนื เรียงราย หนั หนา้ เขา้ หาอุโบสถ ยกั ษท์ ้งั หมด มี 6 คูด่ ว้ ยกนั คู่ที่ 1 อินทรชิต กายสีเขียว บุตรทศกณั ฐ์ กบั สุริยาภพ กายสีแดง บุตรทา้ วจกั รวรรดิ คูท่ ่ี 2 มงั กรกณั ฐ์ กายสีเขียว บุตรพญาขร กบั วริ ุฬหก กายสีขาบ เป็นพระยารากษส คู่ท่ี 3 ทศคีรีวนั กายสีเขียว บุตรทศกณั ฐ์ กบั ทศคีรีธร กายสีหมอ้ ใหม่ ฝาแฝดกบั ทศคีรีวนั คู่ท่ี 4 วริ ุฬจาบงั กายสีมอหมึก บุตรพระยาทูษณ์ กบั มยั ราพณ์ กายสีมว่ งออ่ น เป็ นพญาเมืองบาดาล คูท่ ี่ 5 สหสั สเดชะ กายสีขาว รากษสครองเมืองปางตาล กบั ทศกณั ฐ์ กายสีเขียว เจา้ กรุงลงกา คู่ท่ี 6 จกั รวรรดิ กายสีขาว ครองกรุงมลิวลั กบั อศั กรรณมารา กายสีมว่ งแก่ ครองเมืองดุรัม เหตุเพราะมีพญายกั ษ์ ผเู้ รืองฤทธ์ิเดช...จบั คูก่ นั หกคู่ ถือกระบองใหญ่ ยนื อารักขา...จึงไม่มีใครกลา้ นิมนต์ ทา่ นยา้ ยไปท่ีไหน ทำไมในภำษำองั กฤษถึงเรียกเอนร้อยหวำยว่ำ อคิลลสี เทนดอน ช่ือน้ีมาจากวรี บุรุษในตานานกรีกท่ีชื่อวา่ อคิลลิส ซ่ึงเป็นลูกของ ทา้ วพลี ูส กษตั ริยช์ าวเมอร์ มิดอน กบั นางอปั สรธีทิส ซ่ึงนางอปั สรธีทิส น้นั ตอ้ งการใหล้ ูกของตนเป็นอมตะแบบเทพ จึงนา บุตรชายไปจุ่มตวั ลงในแม่น้าสติกส์เพอื่ ใหเ้ ป็นคง กระพนั ร่างกายของอคิลลีสจึงแขง็ แกร่งไม่มีอาวธุ ใดทาอนั ตรายได้ แต่ส่ิงท่ีพระนางลืมจุม่ ลงไปดว้ ย คือขอ้ เทา้ ของลูกชายตวั เอง (จนนี่กลายเป็นจุดอ่อนเพียงจุดเดียวของเขา) อคิลลีส เขา้ ร่วมสงครามกรุงทรอย โดยเขา้ กบั ฝ่ ายกรีก และเอาชนะ เฮคเตอร์แมท่ พั ที่เก่งสุดของฝ่ าย ทรอยลงได้ แต่ตวั อคิลลีส ก็ตอ้ งเสียชีวติ เพราะธนูจากฝีมือของเจา้ ชายปารีส ท่ีพุง่ ปักเขา้ ท่ีขอ้ เทา้ ซ่ึงเป็นจุดอ่อนเดียวของอคิลลีส จากเร่ืองน้ีทาให้ ภาษาองั กฤษมีสานวนวา่ “Achilles’ heel” หมายถึง “จุดอ่อน” และช่ือเรียก “เอน็ ร้อยหวาย” ในทาง การแพทยก์ ็ถูกเรียกวา่ “Achilles Tendon” เลยทีเดียว เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 60
รู้จักประเภทของยำแก้ปวด ยำแก้ปวด นบั เป็นยาสามญั ประจาบา้ นท่ีเรียกไดว้ า่ แทบทุกบา้ นตอ้ งมีติดไว้ เพราะสามารถออกฤทธ์ิระงบั ความเจบ็ ปวดได้ หลากหลายและรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่วา่ ยาประเภทระงบั ความปวด (Painkiller/Analgesic) มีแบ่งไดถ้ ึง 4 กลุ่ม ง่ายๆ ท้งั แบบที่เป็นสามญั ประจาบา้ น และแบบท่ีแพทย์ ตอ้ งส่งั จา่ ย 1. กลุ่มพาราเซตามอล และแอสไพริน กลุ่มยาพาราเซตามอล (อะเซตามิโนเฟน) ระงบั อาการปวดโดยการขดั ขวางกระบวนการเปลี่ยนกรดอะราคิ โนติก เป็น โพรสตาแกลนดิน ซ่ึงส่งผลให้ อาการปวด ไข้ และบวม ลดลง เป็นยาท่ีปลอดภยั ใชร้ ะงบั อาการ ปวดอ่อนๆ ไดด้ ี แต่หากใชเ้ กินขนาด หรือตอ่ เน่ืองนานเกินไป กเ็ ป็นผลต่อตบั และไตได้ กลุ่มยาแอสไพริน (กรดอะเซติกซาลิซิลิก) ระงบั อาการปวดดว้ ยกระบวนการเดียวกนั กบั พาราเซตามอล แต่ ออกฤทธ์ิดีกวา่ ต่ออาการบวม มีผลขา้ งเคียงจากการใชย้ ามากกวา่ เช่น เลือดออกในระบบยอ่ ยอาหาร และมี รายงานกลุ่มท่ีแพย้ าประเภทน้ีมากกวา่ 2. ยาแกอ้ กั เสลชนิดไม่มีสเตียรอยด์ NSAID (Non-Sterodical Anti-Inflammatory Drugs) ยากลุ่มน้ีระงบั อาการปวดคลา้ ยกบั พาราเซตามอล แต่ออกฤทธ์ิมากกวา่ ใชร้ ะงบั อาการปวดระดบั กลางถึงรุนแรง ยาในกลุ่ม น้ีที่เป็นท่ีรู้จกั กนั ดีคือ พอนสแตน (ponstan) และไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ยาในกลุ่มน้ีมีฤทธ์ิกดั กระเพาะ ควรรับประทานหลงั อาหารเทา่ น้นั 3. กลุ่ม COX–2 Inhibitor ออกฤทธ์ิระงบั อาการปวดคลา้ ยกลุ่ม NSAIDs แต่ผลขา้ งเคียงดา้ นเลือดออกใน ระบบยอ่ ยอาหารนอ้ ยกวา่ มีขอ้ มลู วา่ อาจก่อโรคหวั ใจ ยาในกลุ่มประเภทน้ี เช่น ยาเซเลโคซิป 4. ยาแกป้ วดชนิดเสพติด เป็นกลุ่มอนุพนั ธ์ของฝิ่นและมอร์ฟี น ออกฤทธ์ิกดประสาทสมองส่วนหนา้ หรือซี รีบรัม มีประสิทธิภาพสูง แต่ยากลุ่มน้ีตอ้ งสัง่ จ่ายโดยแพทย์ เพราะตอ้ งระวงั ใกลช้ ิดเร่ืองปัญหาเรื่องการเสพ ติดและอาการด้ือยา ซ่ึงค่อนขา้ งอนั ตราย จะเห็นไดว้ า่ ยาแตล่ ะชนิดกม็ ีขอ้ ดีและขอ้ เสียตา่ งกนั ไป หากมีอาการเจบ็ ปวดมากๆ ปรึกษาแพทยห์ รือเภสชั เพอื่ รับคาแนะนาและทานยาท่ีเหมาะสมจะดีที่สุด เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 61
มำรู้จักกบั โคอำลำ โคอาลา เป็นสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมมีกระเป๋ าหนา้ ทอ้ ง จาพวกพอสซมั (ไม่ใช่หมี) ตวั เมียจะ มีกระเป๋ าหน้าท้อง สาหรับให้ลูกอ่อนอาศยั อยู่ จาก การท่ีมีลกั ษณะรูปร่างหนา้ ตาคลา้ ยสัตวใ์ นตระกูลหมี ทาให้ส่วนใหญ่นิยมว่า \"หมีโคอาลา\" หรื อ \"หมี ตน้ ไม\"้ ใน ค.ศ. 1798 มีบนั ทึกคร้ังแรกสุดท่ีพบโคอา ลา ขอ้ มูลรายละเอียดของโคอาลาเร่ิมถูกตีพิมพ์ใน ซิดนีย์กาเซ็ตต์ ค.ศ. 1816 นักธรรมชาติวิทยาชาว ฝร่ังเศส อองรี-มารีย์ ดูโครเตย์ เดอ แบลงวิลล์ ต้งั ช่ือ ทางวทิ ยาศาสตร์ให้ ชื่อวา่ Phascolarctos ซ่ึงมาจากภาษากรีก โดยเกิดจากคา 2 คา รวมกนั คือคาวา่ \"กระเป๋ า หนา้ ทอ้ งของจิงโจ\"้ และคาวา่ \"หมี\" ต่อมานกั ธรรมชาติวทิ ยาชาวเยอรมนั ยอร์จ ออกสั โกลดฟ์ ัสส์ ไดต้ ้งั ชื่อ ท่ีเฉพาะเจาะจงลงไปเป็ น cinereus ซ่ึงหมายถึง \"สีข้ีเถา้ \" ส่วนชื่อสามญั คาวา่ \"โคอาลา\" มาจากภาษาอะบอริ จินี มีความหมายวา่ \"ไม่กินน้า\" เนื่องจากพฤติกรรมที่เป็ นสัตวท์ ่ีไม่ด่ืมน้าเลย เพราะไดร้ ับน้าในปริมาณท่ี เพียงพอจากใบยคู าลิปตสั อยแู่ ลว้ ทำไม เรำต้อง สรงนำ้ พระในช่วงเทศกำลสงกรำนต์ ในพระพุทธศาสนากล่าวถึงการสรงน้าพระ (พระท่ีเป็ น คนจริง ๆ ในคัมภีร์เรี ยกว่า “สรงเถราภิ เษก”) ไวว้ า่ ในกาลคร้ังน้นั องคส์ มเด็จพุทธ เจ้า เสด็จประทับอยู่ ณ เชตวนั มหาวิหาร พร้อมภิกษุสงฆ์ 500 รูป พระเจา้ ปัสเสนทิ โกศล พร้อมดว้ ยมหาอามาตยท์ ้งั หลาย ได้ นา เครื่องสักการะท้งั หลาย เขา้ ไปสู่พระเช ตะวันมหาวิหาร ถวายอภิวาท แด่องค์ สมเด็จพระผูม้ ีพระภาคเจา้ แลว้ ประทบั นงั่ ณ ที่ควรส่วนขา้ งหน่ึง แลว้ ทูลถามวา่ ภนฺเต ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จริญ อนั บุคคลใดกระทาสกั การะบูชาสรงเถราภิ เษก แก่สงฆ์ ดว้ ยใจเล่ือมใสศรัทธา จะไดผ้ ลอานิสงส์เป็ นอยา่ งไรพระเจา้ ขา้ องคส์ มเด็จพระผมู้ ีพระภาค เจา้ จึงตรัสวา่ ดูกรมหาราช บุคคลใด มีความเชื่อในคุณพระรัตนตรัยท้งั 3 ประการในเมื่อปรารถนาอนั ใด ก็จะ สม ความมุง่ มาตรปรารถนา ทุกประการ การทาเถราภิเษก (สรงน้าพระ) น้ีไดท้ ากนั สืบ ๆ มาในคร้ังพุทธเจา้ ก่อน ๆ จากเหตุการณ์น้ีเป็ นการยืนยนั วา่ มีพิธีสรงน้าพระ คือการอาบน้าพระภิกษุมาแต่สมยั พุทธกาล ใน เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 62
เทศกาลสงกรานตบ์ างวดั ยงั รักษาพิธีสรงน้ากบั พระที่เป็ นคนจริง ๆ อยู่ มกั มีปฏิบตั ิตามวดั ต่างจงั หวดั ส่วน เรื่องของอานิสงส์มีดงั น้ี ในกาลคร้ังน้นั เป็ นสมยั คร้ังศาสนาของพระเมธงั กรพุทธเจา้ ยงั มี พระยาพระองค์ หน่ึง ทรงพระนามวา่ วชิ ยั ยะ ไดเ้ สวยสมบตั ิ ในเมืองสารนครประกอบไปดว้ ยทศพิธราชธรรม 10 ประการ มี เถระองคห์ น่ึงชื่อวา่ “อุสสา” เป็ นอนั เตวาสิกแห่งพระเมธงั กรพุทธเจา้ พระยาวชิ ยั ยะ ไดท้ อดพระเนตรเห็น พระมหาเถระเขา้ มาในเมือง พระยาวิชยั ยะก็มีใจศรัทธาเล่ือมใส ในอิริยาบถ ของพระมหาเถระเจา้ เสร็จไป ตอ้ นรับนิมนต์ให้ไปสู่ปราสาทของพระองค์ แลว้ ก็จดั แจง สรงเถราภิเษก (สรงน้าพระ) ดว้ ยน้าหอม เสร็จ แลว้ ถวายภตั ตาหาร ต้งั ความปรารถนาวา่ ปวงชนท้งั หลายท่ีอยใู่ น ขอบเขตขณั ฑเสมา ขอจงต้งั อยใู่ น โอวาท คาสอน ของพระองค์ ทุกเมื่อ และขอใหข้ า้ พระองคไ์ ดพ้ น้ จากทุกขภ์ ยั เวร ขา้ ศึกศตั รูท้งั หลายดว้ ยบุญกุศลที่ ขา้ พเจา้ ไดก้ ระทาไวใ้ นอนาคตกาลโนน้ เทอญ พระมหาเถระเจา้ ก็ไดอ้ นุโมทนาแห่งพระยาวชิ ยั ยะ แลว้ ถวาย พระพร 10 ประการ แลว้ ลากลบั ไปสู่ สานกั แห่งพระมหาเถระเจา้ พระยาวิชยั ยะไดร้ ับพร แห่งพระมหาเถระ แลว้ มีจิตยนิ ดีรื่นเริงบนั เทิงใจ ต่อบุญกุศลของพระองคท์ ่ีทรงกระทาไว้ คร้ันจุติจากโลกแลว้ ก็ไปอุบตั ิ อยบู่ น สวรรคช์ ้นั ดุสิตพภิ พ มีวมิ านทองสูง 22 โยชน์ มีนางเทพอปั สรแสนหน่ึงเป็ นบริวาร คร้ันสิ้นชีพเทวบุตรแลว้ ไดไ้ ปเกิดเป็นเจา้ พระสิริตะ เสริมสร้างบารมีให้แก่กลา้ ข้ึนไป ไดม้ าเกิดเป็ น องคพ์ ระตถาคต เดี๋ยวน้ีแล ส่วน การสรงน้าพระพุทธรูป รวมถึงส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิที่แต่ละครอบครัวนบั ถือ สันนิษฐานวา่ คงมาจากอิทธิพลของ เรื่องเถราภิเษกเช่นกนั แต่เพียงเปลี่ยนพระที่เป็ นคน มาเป็ นรูปเคารพในพระพุทธศาสนาแทนทาไมจึงมีการ สรงน้าพระในเทศกาลสงกรานต์ ดงั ท่ียกอานิสงส์ของการสรงน้าพระมาน้ี แสดงใหเ้ ห็นวา่ การสรงน้าพระ เป็นการแสดงความเคารพในพระพุทธคุณและพระสงั ฆคุณ การแสดงความเคารพบูชาเช่นน้ีเป็ นบุญกุศล ได้ อานิสงส์ใหไ้ ปสู่สุคติโลกสวรรค์ ไมต่ กอบายภูมิ พธิ ีน้ีจึงนิยมทากนั ในเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเป็ นการเร่ิมตน้ สิ่งใหม่ ๆ ท่ีดี ดว้ ยการทาบุญกุศล ในวนั เริ่มตน้ ของปี ใหม่ไทย ควำมหมำยของคำว่ำ สงกรำนต์ คาวา่ สงกรานต์ มาจากคา สันสกฤต สงฺกฺรานติ (อ่านว่า สัง-กฺราน-ติ) ซ่ึงแปลว่า เคล่ือนยา้ ยเขา้ ไป. คาน้ีมี 2 ความหมาย ความหมายหน่ึงคือ เทศกาลเนื่องในการข้ึนปี ใหม่อย่างเก่า. คนไทยถือว่า เทศกาลข้ึนปี ใหม่มี 3 วนั คือวนั ที่ 13 14 และ 15 เมษายน. วนั ที่ 13 เมษายน เป็ นวนั มหาสงกรานต์ คือวนั ที่ดวงอาทิตยจ์ ะเคลื่อนเขา้ สู่ราศีเมษวนั ที่ 14 คือวนั เนา. เนา เป็ นคาภาษาเขมร แปลวา่ อยู่. ถือว่าเป็ นวนั ว่างท่ีอยู่ระหว่าง 2 ศก. และวนั ที่ 15 เมษายน เป็ นวนั เถลิงศก แปลวา่ ยกศกใหม่ ถือเป็นวนั ที่ดวงอาทิตยจ์ ะเขา้ สู่ราศีเมษอยา่ งเตม็ ที่ จึงเป็นวนั ท่ีข้ึนศกั ราชใหม่ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 63
รู้จักกับ ชำรล์ ดำร์วิน เจา้ ของทฤษฎีคดั สรรโดยธรรมชาติ และทฤษฎีวิวฒั นาการ ชาร์ลส์ ดาร์วิน เกิดเม่ือ วนั ท่ี 12 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2352 ที่เมืองชรูว์สเบอรี (Shrewsbury) ประเทศองั กฤษ ในครอบครัวที่มีฐานะร่ารวย บิดาซ่ึงเป็ นนายแพทย์ ตอ้ งการให้ดาร์วินดาเนินรอยตาม จึงส่งเขาไปเรียนแพทย์ แต่เน่ืองจาก ไม่ไดเ้ ป็ นส่ิงท่ีดาร์วินชื่นชอบ เขาจึงไม่สนใจเรียน แต่กลบั ต้งั ใจศึกษา เรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติรอบตวั และสะสมแมลงต่างๆ ดาร์วินเรียน แพทยไ์ ดแ้ ค่ 2 ปี ก็ลาออก หลงั จากน้นั เขาถูกส่งไปเรียนต่อดา้ นศาสนาที่ มหาวิทยาลยั เคมบริดจ์จนจบการศึกษาระหว่างที่ดาร์วินเรียนเกี่ยวกบั ศาสนา เขาไดล้ งเรียนวิชาเกี่ยวกบั การศึกษาสิ่งมีชีวติ และไดร้ ่วมสารวจ วงจรชีวิตของสัตวท์ ะเล รวมถึงศึกษาดา้ นพฤกษศาสตร์กบั บาทหลวง จอห์น สตีเวนส์ เฮนสโลว์ (John Steven Henslow) ผทู้ ี่แนะนาให้เขาเดินทางไปสารวจพ้ืนท่ีบริเวณชายฝั่ง ทะเลของทวปี อเมริกาใตแ้ ละหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิ กเพ่ือทาแผนท่ีกบั เรือหลวงบีเกิ้ล (H.M.S.Beagle) ในฐานะนกั สารวจธรรมชาติวิทยา ดาร์วนิ ออกเดินทางจากองั กฤษ เมื่อวนั ที่ 27 ธนั วาคม พ.ศ. 2374 และ กลบั ถึงองั กฤษเมื่อวนั ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2379 การสารวจใชเ้ วลานานเกือบ 5 ปี จากท่ีกาหนดไวเ้ พียง 2 ปี เท่าน้นั เนื่องจากเรือไดเ้ ดินทางขา้ มมหาสมุทรแอตแลนติกไปสารวจประเทศออสเตรเลียอีกดว้ ย .ระหวา่ ง เดินทาง ดาร์วินพบเห็นความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตท่ีอาศยั อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดย เฉพาะท่ีหมเู่ กาะกาลาปากอส (Galapagos) ดาร์วนิ ไดพ้ บกบั ความน่าท่ึงของสัตวช์ นิดต่างๆ ซ่ึงเป็ นชนิดพนั ธุ์ ใหม่ที่พบไดเ้ ฉพาะบนเกาะน้ีเท่าน้นั เขาเกิดความคิดข้ึนมาวา่ สัตวเ์ หล่าน้ีน่าจะมีตน้ กาเนิดมาจากที่อื่นและ เม่ือเวลาผา่ นไปจึงววิ ฒั นาการตามสภาพแวดลอ้ มของเกาะ ดาร์วินต้งั สมมติฐานวา่ พืชและสัตวต์ ่างๆ ไม่ได้ ถูกสร้างข้ึนในทนั ทีทนั ใด แต่มีการวิวฒั นาการให้เขา้ กับสภาพแวดล้อมที่อาศยั อยู่ โดยต้องต่อสู้ดิ้นรน เพ่ือให้มีชีวิตอยรู่ อดต่อไปได้ ตวั ท่ีอ่อนแอหรือปรับตวั ไม่ไดก้ ็จะตายและสูญพนั ธุ์ไป ส่วนตวั ที่แข็งแกร่ง และอยรู่ อด จะถ่ายทอดลกั ษณะน้นั ๆต่อไปยงั ลูกหลาน หรือท่ีเรียกวา่ “การคดั สรรตามธรรมชาติ” (Natural Selection) ซ่ึงถือเป็ นหัวใจสาคญั ของทฤษฎีวิวฒั นาการ รวมถึงต้งั สมมติฐานว่าพระเจา้ ไม่ไดเ้ ป็ นผสู้ ร้าง มนุษย์ แต่มนุษยน์ ่าจะมีวิวฒั นาการมาจากลิง ดาร์วินใช้เวลาศึกษาและรวบรวมหลกั ฐานเพื่อมาสนบั สนุน ทฤษฎีววิ ฒั นาการจากการคดั สรรโดยธรรมชาติ อยนู่ านถึง 20 ปี กระทงั่ ไดร้ ับจดหมายจาก อลั เฟรด รัสเซล วอลเลซ (Alfred Russel Wallace) นกั ธรรมชาติวทิ ยาที่มีแนวคิดตรงตามทฤษฎีววิ ฒั นาการของเขา ท้งั คู่ได้ ร่วมกนั นาเสนองานวิจยั ทฤษฎีวิวฒั นาการในการประชุมสมาคมลินเนียนท่ีกรุงลอนดอน และได้รับการ ประกาศวา่ เป็ นผคู้ น้ พบทฤษฎีน้ี .พ.ศ. 2402 หนงั สือ “กาเนิดสิ่งมีชีวิต” (The Origin of Species) ของดาร์วนิ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 64
ไดร้ ับการตีพิมพห์ ลงั จากที่หนงั สือออกวางจาหน่ายไดเ้ กิดประเด็นขดั แยง้ ข้ึนในสังคม มีการถกเถียงกนั ถึง แนวคิดของเขาท่ีกระทบตอ่ ความเช่ือด้งั เดิมของชาวคริสต์ ท่ีเชื่อวา่ พระเจา้ เป็ นผสู้ ร้างโลกและมนุษยไ์ ม่ไดม้ ี บรรพบุรุษมาจากลิง (Ape) ซ่ึงในขณะน้นั นกั วิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นดว้ ยกบั ทฤษฎีของดาร์วนิ แต่ดว้ ย ความเชื่อด้งั เดิมน้นั ฝังรากลึกลงไปในสังคมยากเกินจะเปลี่ยนแปลง ทาใหด้ าร์วินไม่ไดร้ ับการยกยอ่ งหรือ รางวลั ใดๆ จากผลงานของเขาเลย .แตเ่ มื่อโลกพฒั นาไปไกลข้ึนทาใหส้ ามารถพสิ ูจน์ไดว้ า่ ทฤษฎีววิ ฒั นาการ ของเขาน้นั ถูกตอ้ ง กระทงั่ วนั ท่ี 12 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2452 ซ่ึงตรงกบั วนั ครบรอบวนั คลา้ ยวนั เกิด 100 ปี ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน นกั วทิ ยาศาสตร์ทว่ั โลกกวา่ 400 ชีวิตและผทู้ รงเกียรติจาก 167 ประเทศทว่ั โลก ไดจ้ ดั พิธี เฉลิมฉลองคร้ังใหญ่เพื่อเป็ นเกียรติแก่เขาที่มหาวทิ ยาลยั เคมบริดจ์ และไดก้ าหนดให้ทุกวนั ท่ี 12 กุมภาพนั ธ์ เป็ นวนั ดาร์วินสากล (International Darwin Day) เพื่อร่วมราลึกถึง “ชาร์ลส์ ดาร์วิน” บิดาแห่งทฤษฎี ววิ ฒั นาการและนกั ธรรมชาติวทิ ยาผปู้ ฏิวตั ิความเช่ือเรื่องจุดกาเนิดของสิ่งมีชีวติ purple กับ violet ที่แปลว่ำสีม่วงแตกต่ำงกนั อย่ำงไร คาวา่ purple คือ สีม่วงที่เกิดจากการผสมสีระหวา่ งสี แดงกบั สีน้าเงิน ซ่ึงเม่ือนาท้งั 2 สีมาผสมกนั ก็ จะเกิดเป็ นสีม่วงซ่ึงในภาษาองั กฤษจะเรียกว่า “purple” ส่วน violet ก็คือสีม่วงเช่นกนั แต่ มกั จะใช้ในแง่ของทางวิทยาศาสตร์ อยา่ งเช่น รุ้งกินน้าท่ีมีสีม่วง จะถูกเรียกวา่ “violet” อีก ท ฤ ษ ฎี นึ ง ที่ ส า ม า ร ถ อ ธิ บ า ย ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ระหวา่ ง purple และ violet ไดเ้ ช่นกนั ก็คือ purple จะเป็ นสีม่วงท่ีออกไปทางโทนที่เขม้ และมืดกวา่ สีม่วง แบบ violet ซ่ึงจะเป็นสีม่วงที่มีโทนที่อุ่นหรือสวา่ งกวา่ ฝ้ ำขำว บนชอคโกแลต เกิจำกอะไร ฝ้ าขาว น้นั เรียกว่า Fat Bloom ซ่ึงเป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดเมื่อชอคโกแลตละลาย โดย เม่ือนาออกจากตูเ้ ยน็ จะทาให้ส่วนท่ีเป็ นไขมนั ที่แทรกอยู่ ในชอคโกแลต ซึมออกมาที่ผิวหน้าได้ง่าย เนื่องจากมัน เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็ นของเหลว แล้วพอเอาปแช่ แขง็ อีก ไขมนั ส่วนน้ีก็จะไม่ซึมกลบั เขา้ ไปแลว้ ทาให้เม่ือเจอความเยน็ ก็จะแขง็ เห็นเป็ นฝ้ า ขาวๆนะครับ ท้งั น้ี ชอคโกแลตที่เกิด Fat Bloom สามารถทานไดา้ มปกตินะครับ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 65
ทำไมลูกโป่ งบำงชนิดลอยได้ ลูกโป่ งบำงชนิดลอยไม่ได้ ทาไมลูกโป่ งท่ีขายตามทอ้ งตลาดถึงลอยได้ แลว้ ทาไมลูกโป่ งที่เราเป่ าเองจึงไมส่ ามารถลอยไดท้ ี่เป็นเช่นน้นั เพราะ ชนิดของ ก๊าซที่อยใู่ นลูกโป่ ง การท่ีลูกโป่ งที่เราเป่ าเองไม่สามารถลอยอยบู่ นอากาศ ได้ แต่ลูกโป่ งตามงานวดั กลบั สามารถลอยได้น้ัน ก็เป็ นเพราะว่าก๊าซท่ี บรรจุอยู่ภายในลูกโป่ ง เนื่องจากก๊าซท่ีบรรจุอยู่ภายในลูกโป่ งมีความ หนาแน่นของก๊าซที่แตกต่างกนั และลูกโป่ งที่เราใชป้ ากเป่ าเองแลว้ มนั ไม่ สามารถลอยได้นานน้ัน ก็เป็ นเพราะว่าภายในลูกโป่ งน้นั ไม่ไดม้ ีแต่ลมท่ี เป่ าออกจากปากเทา่ น้นั แตว่ า่ มนั กลบั มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไอน้าและ ยงั มีน้าลายของเราอีกดว้ ย ทาใหโ้ ดยรวมแลว้ ภายในลูกโป่ งที่เราเป่ าเองน้นั มีความหนาแน่นท่ีมากกวา่ อากาศภายนอกทาให้มนั ไม่สามารถลอยไดน้ นั่ เอง ฉะน้นั หากเราตอ้ งการทาให้ ลูกโป่ งลอยก็เราก็ควรท่ีจะทาให้ความหนาแน่นภายในลูกโป่ งนอ้ ยกวา่ อากาศเราจึงจะสามรถทาใหล้ ูกโป่ ง ลอยอยบู่ นอากาศได้ โดยก๊าซที่จะใชม้ ีอยดู่ ว้ ยกนั 2 ชนิด คือ ก๊าซฮีเลียม (Helium Gas) และก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen Gas) โดยเจา้ ก๊าซฮีเลียมเป็นก๊าซเฉื่อยที่ไม่มีสี ไมม่ ีกลิ่นและยงั ไมส่ ามารถติดไฟไดอ้ ีกดว้ ย ฉะน้นั ก๊าซฮีเลียมจึงมีความปลอดภยั ท่ีค่อนขา้ งสูงแต่ว่ามนั กลบั มีราคาแพงทาใหม้ ีการนาเอาก๊าซไฮโดรเจนมาใช้ แทนแตถ่ ึงแมว้ า่ กา๊ ซไฮโดรเจนมีคุณสมบตั ิที่เบากวา่ ก๊าซฮีเลียมก็ตามแต่มนั กลบั เป็ นก๊าซท่ีค่อนขา้ งไวไฟซ่ึง น้นั ก็หมายความว่าเมื่อมนั โดยประกายไฟหรือเปลวไฟ มนั ก็จะเกิดลุกไหมก้ ลายเป็ นเช้ือเพลิงและหาก จานวนลูกโป่ งท่ีบรรจุก๊าซไฮโดรเจนน้นั ไดอ้ ยรู่ วมกนั เป็ นจานวนมากก็อาจจะก่อทาใหเ้ กิดการสูญเสียทาง ทรัพยส์ ินหรืออาจจะถึงแก่ชีวติ ไดเ้ ลย หากกา๊ ซน้นั ลุกติดไฟข้ึนมา ทำไมชุดนักบินอวกำศ ถึงมี สีส้มกบั สีขำว ชุดอวกำศทีม่ ีสีส้ม จะถูกสวมใส่ ขณะท่ียานถูกปล่อยข้ึน ภายในน้ันจะมี ส่วนประกอบที่สาคญั ไม่ว่าจะเป็ น หมวกกันน็อก ร่มชูชีพ อุปกรณ์สื่อสาร ถุงมือ และรองเทา้ บูท ชุดสีส้มที่วา่ น้ี สามารถ ท่ีจะ ปรับความดันภายในเพื่อป้ องกันนักบินจากการ เปลี่ยนแปลงความดนั และอุณหภูมิกระทนั หันในกรณีที่เกิด เหตุขดั ขอ้ งจนตอ้ งสละยานทิ้ง อีกท้งั สีส้มของชุด จะช่วยใน เรื่องของการกูภ้ ยั ขณะท่ีนกั บินอวกาศใชร้ ่มชูชีพแลว้ ร่อนลง มาถึงพ้ืนดินหรื อกลางมหาสมุทรได้ แต่ในขณะท่ีอยู่บน อวกาศแลว้ นกั บินอวกาศไม่จาเป็ นท่ีจะตอ้ งสวมใส่ชุดสีส้ม เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 66
อีกตอ่ ไป ชุดที่พวกเขาสวมใส่จะทาจากผา้ ธรรมดาที่มีสมบตั ิติดไฟไดย้ ากเท่าน้นั เพราะภายในยานน้นั จะถูก ออกแบบมาใหม้ ีการปรับความดนั และอุณหภูมิท่ีเหมาะสาหรับกาดารงชีวติ ของมนุษยอ์ ยแู่ ลว้ และเม่ือใดท่ี พวกเขาตอ้ งปฏิบตั ิภารกิจนอกยานหรือสถานีอวกาศ พวกเขาจะตอ้ งสวมชุดอวกาศท่ีมีช่ือว่า EMU หรือ Extravehicular Mobility Unit ที่เป็ นสีขาว และเหตุผลสาคญั ท่ีมนุษยอ์ วกาศโดยจะตอ้ งสวมใส่ชุดอวกาศ ดงั กล่าวน้ี เป็ นเพราะวา่ ในอวกาศน้นั ไม่มีความดนั บรรยากาศ ไม่มีการออกซิเจน หากไม่มีการสวมใส่ชุด อวกาศที่เหมาะสม อาจจะหมดสติไดภ้ ายในเวลา 15 วินาที เนื่องจากไม่มีออกซิเจนไปหล่อเล้ียงระบบเลือด และของเหลวภายในร่างกายจะเดือด เนื่องจากไมม่ ีความดนั บรรยากาศ ท้งั หมดน้นั จะส่งผลใหผ้ วิ หนงั หวั ใจ และอวยั วะภายในระเบิดออก ทำไมเวลำเรำโดนกระดำษบำดถึงรู้สึกเจ็บมำก จากการศึกษาของด๊อกเตอร์ Hayley Goldbach แพทยผ์ วิ หนงั จากมหาวิทยาลัย UCLA ประเทศ สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า บริเวณปลายนิ้ว นอกจากจะเป็ นบริ เวณท่ีรับความรู้สึก ละเอียดไดม้ ากกวา่ บริเวณอื่นแลว้ ยงั เป็ น อีกบริ เวณหน่ึงที่มีตัวรับความรู้สึกต่อ ความเจบ็ ปวดหรือ nocicertor อยมู่ าก ซ่ึง นน่ั เป็ นกลไกหน่ึงในการป้ องกนั ตวั เองของร่างกาย ขอบกระดาษท่ีเรามองเห็นดว้ ยตาเปล่าวา่ มีขอบที่เรียบ เนียน เป็นเส้นตรงราวกลบั ใบมีด แทจ้ ริงแลว้ เม่ือขยายดูในบริเวณดงั กล่าวแลว้ ขอบกระดาษเหล่าน้นั กลบั มี ลกั ษณะคลา้ ยใบเลื่อยมากกว่าใบมีด ซ่ึงเมื่อมนั ไดเ้ ปิ ดผิวหนงั ของคุณแลว้ จะทิ้งรอยหยกั เหล่าน้นั ไวใ้ น บาดแผล และนนั่ จะทาให้เรารู้สึกเจบ็ มากกว่าแผลที่เป็ นขอบเรียบจากใบมีดโกนหรือใบมีดเสียอีก แพทย์ ผวิ หนงั ท่านน้ียงั ไดอ้ ธิบายต่ออีกวา่ การท่ีบาดแผลจากการถูกกระดาษบาดรู้สึกเจ็บมากกวา่ การถูกของมีคม อยา่ งอ่ืนบาดลึกกวา่ นนั่ เป็ นเพราะเม่ือมีเลือดออกจากบาดแผลลึก ร่างกายมนุษยจ์ ะมีกลไกในการห้ามเลือด จนแผลตกสะเก็ด และพฒั นาการรักษาตวั เองภายใตผ้ ิวหนงั บริเวณน้นั แต่แผลจากการถูกกระดาษบาดน้นั ไม่ไดร้ ับการรักษาแบบเดียวกนั กบั กลไกดงั กล่าว เพราะบริเวณผิวหนงั ที่เปิ ดจากกระดาษเป็ นแผลต้ืนๆ ที่ ตวั รับความเจ็บปวดสามารถส่งสัญญาณไปยงั สมองได้ และก็ยงั คงสัมผสั กบั สิ่งต่างๆ ท่ีคุณจบั ตอ้ ง นนั่ จึง เป็ นเหตุผลที่ทาให้คุณรู้สึกเจบ็ ปวดอยตู่ ลอดเวลา เพราะฉะน้นั ถา้ หากไม่อยากรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่มือตลอด ท้งั วนั กค็ วรระมดั ระวงั กระดาษแผน่ บางๆ แตร่ ้ายกาจน้ีไว้ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 67
รู้จักกบั โต๊ะญป่ี ่ นุ ทาไม ถึงเรียกโตะ๊ เต้ียๆน้ีวา่ โต๊ะญี่ป่ ุน เพราะ มนั มีตน้ กาเนิดมาจากญี่ป่ ุน โดยคนญ่ีป่ ุน จะเรียกโต๊ะชนิดน้ีว่า ชาบูได ซ่ึงโต๊ะจะสูงจากพ้ืนประมาณ 15-30 เซนติเมตร และท่ี สาคญั ของโตะ๊ ญี่ป่ ุน คือขาท้งั 4 ตอ้ งพบั ได้ ถา้ พบั ไม่ไดไ้ ม่ถือ เป็ นโต๊ะญ่ีป่ ุน สาเหตุท่ีขาท้งั 4 ตอ้ งพบั ได้ก็เพราะ ประเทศ ญี่ป่ ุน มีพ้ืนท่ีน้อยก็เลยต้องใช้พ้ืนที่อย่างคุ้มค่าท่ีสุด โดยคน ญ่ีป่ ุน จะใช้โต๊ะชนิดน้ีในกาทางานหรือทานอาหาร และใน หน้าหนาว จะมีการคลุมผา้ นวมและใส่ฮีทเตอร์ เพื่อให้ความ อบอุน่ แก่ขาอีกดว้ ย ทำไมยำนรบหุ้มเกรำะติดตีนตะขำบ ถึงเรียกว่ำ รถถัง (Tank) ท่ีมาจากคาวา่ ถงั น้า โดยรถถงั เร่ิมนามาใชใ้ น สงครามโลกคร้ังที่ 1 คร้ังแรกโดยองั กฤษ ไดแ้ ก่ Mark IV tank เพ่ือใช้มนั สนับสนุนทหารราบในการฝ่ าทะลุแนว สนามเพลาะ พวกมนั ถูกใชใ้ นยทุ ธการซอมมใ์ นจานวนนอ้ ย มาก ในช่วงที่มนั ถูกสร้างข้ึนมนั ถูกเรียกว่ายานลาเลียงน้า เพ่ือปกปิ ดวตั ถุประสงค์การใช้งานจริงของมนั เพ่ือไม่ให้ ฝ่ ายเยอรมนั สงสัยวา่ กาลงั ผลิตอาวุธชนืดใหม่ คาวา่ \"แท็งค์\" (tank) น้นั มาจากคาวา่ \"Water tank\" ท่ีแปลวา่ ถงั น้า นน่ั เอง Song กบั Music ต่ำงกันอย่ำงไร song = เพลง ซ่ึงก็หมายถึงทานองท่ีมีเน้ือร้องเขา้ มารวมเป็ นเพลง ส่วน music = เสี ยงดนตรี ซ่ึงหมายรวมท้ังเพลงที่มีทานองอย่างเดียวและเพลงที่มีเน้ือร้อง นน่ั กห็ มายความวา่ song เป็ นส่วนหน่ึงของ music นนั่ เอง.. แลว้ อยา่ งน้ีเวลาใชจ้ ะใชแ้ ทนกนั ไดร้ ึเปล่า? song ใช้แท น music ไ ม่ ได้ท้ัง ห มด เ พ รา ะ song มี คว า มห มา ย แค่ เพ ล งท่ี มี เ น้ื อร้ อ ง music ใชแ้ ทน song กไ็ ด้ แต่ถา้ จะพดู วา่ “ร้องเพลง” กต็ อ้ งใช้ sing a song ไม่ใช่ sing a music เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 68
รู้จักกบั อำรต์ซัค ประเทศทไ่ี ม่มใี ครยอมรับ อารตซ์ ดั หรือดินแดนนาโกโน่ คาราบคั โดยมีเมืองหลวงช่ือวา่ ส เตฟานนาเกิร์ค มีประชากร ราว 150,000 คน มีขนาดประมาณ จงั หวดั น่าน ซ่ึงดินแดนน้ีเป็ น ดินแดนที่ชาวอาร์เมเนียอาศัย อยู่ แต่ข้ึนกับประเทศอาเซอร์ ไบจนั เพราะในช่วงท่ีประเทศ อา ร์ เ ม เ นี ย แ ล ะ อ า เ ซ อ ร์ ไ บ จัน ถู ก รว มเ ป็ น ส่ วน หน่ึ งข อ ง สหภาพโซเวียต โซเวียตยกดินแดน อารค์ซคั น้ีให้กบั อาเซอร์ไบจนั และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ท้งั อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจนั ต่างประกาศเป็ นเจา้ ของ ทาให้เกิดสงครามระหวา่ งท้งั 2 ชาติ ผลของสงคราม ปรากฎวา่ ฝ่ ายอาร์เมเนียไดร้ ับชยั ชนะ จากการยทุ ธภูมิเมืองซูชิ หรือปฏิบตั ิการการแต่งงานบนภูเขา (ชื่อน้ีมา จากมีทหารคนหน่ึงสัญญากบั แฟนว่า ถ้าชนะศึกจะแต่งงานดว้ ย อาร์เมเนียชนะแต่ทหารคนน้ีเสียชีวิตใน สงคราม) ปัจจุบนั อารคซ์ คั เป็ นดินแดนอิสระ ไม่ข้ึนกบั อาเซอร์ไบจนั แต่ก็ไม่สามารถรวมกบั อาร์เมเนียได้ เพราะวา่ สหประชาชาติไม่ยอมรับ และยงั มีปัญหา สู้รบกบั อาเซอร์ไบจนั มาโดยตลอด ท้งั น้ีคนไทยสามารถ ขอวซี ่าไปอารคซ์ คั ได้ โดยขอผา่ นทางสถานฑูตอาร์เมเนียนะครับ รู้จักกบั สัญลกั ษณ์ของ อำร์คซัค รูปป้ัน \"We are our Mountains\" หรือรูปศีรษะชาย-หญิง น้ีเป็ นสัญลักษณ์ของอาร์ตซัค ความหมาย ของมนั ส่ือว่าชาวอาร์มีเนียมีอธิปไตยใน ดินแดนของตนเอง และการท่ีรูปป้ันโผล่มา แค่หวั กแ็ ปลวา่ ไดฝ้ ังรากคือลาตวั อยา่ งลึกล้า ในภูเขาน้ีแลว้ คนทอ้ งถ่ินเรียกรูปน้ีวา่ tatik- papik แปลวา่ รูปคุณตาคุณยาย เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 69
ทำไมเรำต้องถอดหมวก เม่ือเข้ำไปภำยในอำคำร จุดเร่ิมตน้ ของธรรม เนียมน้ี คงตอ้ งยอ้ นไปสมยั ยุคกลาง ที่มีอศั วินสวมชุดเกราะหนาเตอะ คลุมต้งั แต่หวั ยนั เทา้ ซ่ึงการถอดหมวกน้ีเริ่มจากการท่ีเหล่าอศั วินเขา้ เฝ้ า กษตั ริย์ เพราะวา่ การถอดหมวกของอศั วินถือวา่ เป็ นการเปิ ดช่องวา่ งให้ ถูกโจมตีได้ ดงั น้นั การถอดหมวกจึงเป็ นสัญลกั ษณ์แสดงความเชื่อใจว่า กษตั ริยจ์ ะไม่ทาอนั ตรายพวกเคา้ ในกรณีท่ีเข้าโบสถ์ก็เช่นกนั อศั วินก็ ตอ้ งถอดหมวกเพ่ือแสดงความเคารพต่อความศกั ด์ิสิทธ์ิของสถานที่และ ให้การยอมรับวา่ น่ีเป็ นสถานท่ีท่ีปราศจากอนั ตราย ดว้ ยเหตุน้ีเอง ธรรม เนียมน้ีก็แพร่หลายไปยงั คนชนช้นั ต่างๆ และการถอดหมวกออกเม่ืออยู่ ในอาคาร เช่น บา้ นพกั กก็ ลายเป็นมารยาทท่ีดีซ่ึงแสดงถึงความสุภาพและความเคารพ cold vs. cool สองคำนีแ้ ตกต่ำงกนั อย่ำงไร ซ่ึงท้งั สองคา แปลวา่ เยน็ ท้งั คู่ แต่ cool มนั จะเยน็ นอ้ ยกวา่ cold คา ว่า cool จะออกแนวเยน็ สดช่ืน ให้ความรู้สึกเย็นนิด หน่อย ช่ืนใจ เช่น I love the cool breeze from the sea. ฉนั ชอบลมเยน็ ๆจากทะเลจงั เลย ส่วน cold น้นั หมายถึง หนาว หนาวกวา่ cool เช่น The weather is cold. อากาศ หนาว ตรงตัวค่ะ ถ้าหนาวมากๆเราอาจจะพูดว่า It's freezing! หมายถึงหนาวจนจะแขง็ แลว้ เนี่ย ก็ได้ PROGRAM กับ APPLICATION ต่ำงกนั อย่ำงไร โปรแกรม คือ ชุดคาสั่งท่ีสร้างมาเพ่ือใหท้ างานใดงาน หน่ึ ง(หรื อหล าย งาน) โด ย ท่ี งานน้ันๆ ไ ม่ จาเป็ นตอ้ งติดต่อกบั ผใู้ ชเ้ ลยก็ได้ อยา่ งเช่น driver การ์ดจอ เราแค่ลงไว้ และไม่ตอ้ งทาอะไรกบั มนั ต่อ ถึงเวลามนั ก็ทางานของมนั เอง (อาจจะเป็ น service หรืออะไรก็ตามที่เราไม่ตอ้ งไปสุงสิงกบั มนั ) แอพพลิเคชน่ั เอาเขา้ จริงๆมนั ก็คือโปรแกรม นนั่ แหละครับ แต่มนั มีส่วนท่ีติดต่อกบั ผูใ้ ช้ด้วย มนั ถึงเรียกวา่ ประยกุ ตม์ าใหใ้ ชง้ านกบั ผใู้ ชต้ รงๆ ดงั น้นั โปรแกรมบน smart phone ส่วนมากจึงถูกเรียกว่า เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 70
mobile application คาวา่ แอพพลิเคชนั่ มีมานานแลว้ ครับ ก่อนยคุ smart phone อีก แต่มกั จะใชเ้ ป็ นศพั ท์ เฉพาะแทน การพฒั นาเวบ็ ไซต์ เราไม่ไดเ้ รียกวา่ web program ครับ เราเรียกมนั วา่ web application ดว้ ย เหตุผลเดียวกนั คือมนั มีส่วนท่ีตอ้ งติดต่อผใู้ ช้ (เวบ็ เล็กๆแค่โชวข์ อ้ ความให้ผใู้ ชด้ ูก็ถือวา่ เป็ น แอพพลิเคชน่ั แลว้ ครับ) แต่ในไทยมกั จะเรียกว่า \"เขียนเวบ็ ๆ\" ท่ีถูกมนั ตอ้ ง \"เขียนเวบ็ แอพฯ\" อย่างไรก็ดีมีเวบ็ ไซต์อีก ประเภทที่ทางานให้บริการอยเู่ บ้ืองหลงั เราเรียกมนั วา่ web service อนั น้ีก็พอจะบอกวา่ มนั คือ \"โปรแกรม บนเครือข่าย\" ได้อยู่ ดังน้ันทุกๆ แอพพลิเคชั่น คือ โปรแกรมครับ แต่โปรแกรมไม่จาเป็ นต้องเป็ น แอพพลิเคชนั่ Rock กบั Stone ต่ำงกนั อย่ำงไร Rock แปลวา่ หิน ส่วนใหญ่จะ หมายถึงหินโสโครก หินที่ติดอยู่กบั ที่ หินที่ติดกับภูเขา ส่วน Stone แปลวา่ หินที่เป็ นกอ้ น ๆ เช่นกอ้ นหิน กรวด สลกั หิน เสา หิน บางคร้ังก็มีความหมายว่า ลูกอณั ฑะ ก้อนนิ่วในกระเพาะ ปัสสาวะ เครื่องประดบั ที่เป็ นพลอย หรือความหมายของกริยาก็ หมายถึงการควา้ นเมล็ดออกจากผลไม้ Ship กับ Boat สองคำนี้ แปลว่ำเรือเหมือนกัน แต่ต่ำงกัน อย่ำงไร Ship คือเรือลาใหญ่ๆ เช่น Titanic แต่ Boat คือเรือลา เล็กๆ เช่นเรือแจว หลายๆคนคงเคยดูหนงั Titanic กนั ใช่ไหม เราสามารถแบ่งง่ายๆเลยถา้ เป็ นเรือลาใหญ่ๆ แบบน้ี Titanic เน่ีย ฝรั่งเขาเรียกกนั วา่ Ship แต่ถา้ เป็ นเรือตกปลาลาเล็กๆอีก แบบจะเรียกวา่ Boat นนั่ เอง SEX กับ GENDER ต่ำงกันอย่ำงไร ท้งั สองคาแปลว่า เพศ Sex คือ เพศทางกายภาพท่ีมีมาต้งั แต่กาเนิด Gender มี 2 ความหมาย ความหมายแรก หมายถึงเพศทางจิตใจ โดย ให้ยึดจิตใจเป็ นหลกั สมมุติถา้ ร่างกายเป็ นชาย แต่ใจเป็ นหญิง เราก็ จะเรียก gender วา่ เป็ นหญิง แต่เรียก sex ว่าชาย ความหมายสอง หมายถึงเพศทางสังคม โดยให้ยึดที่รูปร่างหน้าตาท่ีเห็น สมมุติว่า เกิดมาเป็ นเพศชาย แต่รูปร่างหน้าตาที่เห็นเป็ นหญิง (โดยไม่สนใจ อวยั วะสืบพนั ธุ์วา่ จะมีการแปลงเพศหรือไม่) เรากจ็ ะเรียก gender วา่ เป็นหญิง แตเ่ รียก sex วา่ ชาย เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 71
ทำไมคนแบกถุงกอล์ฟ ถงึ เรียกว่ำ แคดดี้ คาวา่ แคดด้ีน้นั มีท่ีมาจากคาวา่ คาเดต (Cadet) ซ่ึงเป็นคาที่มีท่ีมาจาก ภาษาฝร่ังเศส แปลว่า “เด็กผูช้ าย” แต่เม่ือมาถึงองั กฤษ คาน้ีก็ได้เปลี่ยนความหมายไปใช้เรียกบรรดา นายทหารหนุ่มท่ีเพิ่งเขา้ ประจาการใหม่ แต่การท่ีทาใหค้ าน้ีกลายความหมายมาน้นั มีบางตานานกล่าวกนั วา่ เกิดข้ึนในช่วงศตวรรษท่ี 16 โดยมาท่ีมาจากพระราชินีแมรีแห่งสก็อตแลนด์ (Queen Mary of Scotland) ซ่ึง ทรงโปรดการเล่นกีฬากอล์ฟมาก และเวลาที่พระองคเ์ สด็จไปทรงเล่นกอลฟ์ ก็จะมีบรรดานายทหารหนุ่มท่ี ทาหนา้ ท่ีอารักขาติดตามพระองคไ์ ปดว้ ย พระองคก์ ็เลยใช้ ให้นา ย ท หา รเหล่ า น้ ี ช่ วย แบก ถุ ง ก อล์ฟ ใ ห้ด้วย เสี ย เล ย อย่างไรก็ตามก็มีหลายแห่งไม่เชื่อในตานานดังกล่าวน้ี และกล่าววา่ คาวา่ แคดด้ี น่าจะเกิดข้ึนหลงั จากน้นั คือราว ศตวรรษท่ี 17 โดยในเวลาน้ัน โรงแรมต่าง ๆ มกั จะจา้ ง บรรดาเดก็ ผชู้ ายเอาไวท้ าหนา้ ท่ีคอยยกกระเป๋ าและอานวย ความสะดวกให้แขกท่ีมาพกั เวลามาเล่นกอล์ฟ ต่อมาก็คงจะมีบางคนขอให้เด็กเหล่าน้ีช่วยถือถุงกอล์ฟให้ ตวั เองเวลาเล่นกอล์ฟ ไป ๆ มา ๆ เด็กเหล่าน้ีก็เลยกลายมีหน้าท่ีหลกั ในการถือถุงกอล์ฟให้กบั นักกอล์ฟ เสียเลย จึงทาใหค้ าวา่ แคดด้ี ที่เคยใชเ้ รียกเด็กที่ทาหนา้ ท่ีประจาโรงแรมถูกนามาใชเ้ รียกคนท่ีทาหนา้ ท่ีถือถุง กอลฟ์ ใหก้ บั นกั กอลฟ์ แทนแคดด้ีจะมีหนา้ ที่หลกั ๆ นอกจากการแบกถุงกอลฟ์ แลว้ ยงั ตอ้ งคอยดูแลไมก้ อล์ฟ ทาความสะอาดลูกกอลฟ์ (ก่อนการเล่น) เกลี่ยทรายในหลุมหลงั นกั กอลฟ์ ตีลูกออกไปแลว้ รวมถึงหนา้ ท่ีอื่น ๆ ตามแต่นกั กอลฟ์ จะร้องขอ เช่น ช่วยหาลูกกอลฟ์ ที่ตีออกนอกเส้นทาง คอยถือธงบอกตาแหน่งหลุมเวลา จะพตั ตล์ ูกจากระยะไกล หรือทาสัญญาณขอใหผ้ ชู้ มหยดุ เคล่ือนไหวในขณะที่นกั กอลฟ์ จะตีลูก ฯลฯ รวมถึง นกั กอลฟ์ อาจจะขอความเห็นบางอยา่ งจากแคดด้ี เช่น ระยะทางโดยประมาณจากตาแหน่งลูกถึงหลุม เป็นตน้ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 72
พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ ำ ป ร ะ สู ติ วั น ท่ี เ ท่ ำ ไ ร เรา ท รา บ กันดี ว่า พ ระ พุท ธ เจ้า ป ระ สู ติ ตรัสรู้และ ปรินิพพาน ในวนั เพญ็ 15 ค่า เดือน 6 แต่ถา้ เปลี่ยนเป็ นปฏิทินทาง สุริ ยคติ จะตรงกบั วนั ท่ีเท่าไร ในความเป็ จ ริงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า พระพุทธเจ้าเกิด วนั ที่เท่าไรกันแน่ เพราะ มีข้อแตกต่าง กนั ในปฏิทินทางจนั ทรคติ และปฏิทิน แบบสุริยคติ ซ่ึงท้งั ปฏิทินแบบเกรกอเรียน และจูเลียน ที่ใช้กันในปัจจุบนั ก็ เกิดหลงั จากท่ีพระพุทธเจา้ ปรินิพพานไปแลว้ แต่ก็มีคนพยายามคานวน โดยมีวนั ต่างๆ ดงั น้ี 1.พุทธศาสนา ฝ่ ายมหายาน คานวนวา่ วนั ประสูติ - วนั ท่ี 4 เมษายน B.C. 557 ตรงกบั วนั ศุกร์ ข้ึน 15 ค่า เดือน 6 ปี มะโรง ปี กลียค 2545 วนั ตรัสรู้ - วนั ท่ี 8 เมษายน B.C. 522 ตรงกบั วนั พุธ ข้ึน 15 ค่า เดือน 6 ปี เถาะ ปี กลียค 2580 วนั ปรินิพพาน - วนั ที่ 1 เมษายน B.C. 478 ตรงกบั วนั องั คาร ข้ึน 15 ค่า เดือน 6 ปี กุน พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ รัชกาลท่ี 4 คานวน วา่ พระพุทธเจา้ ประสูติ ในวนั ท่ี 18 พฤษภาคม อาจารยท์ องเจือ อ่างแกว้ ไดใ้ ชส้ ูตรปฏิทิน 5129 ปี คานวนวนั ไดด้ งั น้ี วนั ประสูติ วนั ศุกร์ ข้ึน 15 ค่า เดือน 6 ปี จอ ตรงกบั วนั ท่ี 7 เมษายน บีซี. 587 วนั จนั ทร์เพญ็ เวลา 13.51 น. (ตามสูตร ดร.ชรุมป์ ) วนั ตรัสรู้ วนั พุธข้ึน 15 ค่า เดือน 6 ปี ระกา ตรงกบั วนั ที่ 10 เมษายน บีซี. 552 วนั จนั ทร์เพญ็ เวลา 10.11 น. วนั ปรินิพพาน วนั องั คาร ข้ึน 15 ค่า เดือน 6 ปี มะเส็ง ตรงกบั วนั ที่ 3 เมษายน บีซี. 508 จนั ทร์เพญ็ เวลา 02.36 น. (ของคืนวนั ท่ี 4 เมษายน) ทำไม กระดำษหนังสือพมิ พ์ถึงเช็ดกระจกได้สะอำด สาเหตุที่กระดาษหนงั สือพมิ พเ์ ช็ดกระจกไดส้ ะอาด เป็ น เพราะว่าในหมึกพิมพ์ของกระดาษหนังสือพิมพ์ มี แอมโมเนียเป็ นส่วนประกอบครับ จึงสามารถขจดั คราบ ไขมันออกจากกระจกได้เร็ว และ มีประสิ ทธิภาพ นอกจากน้นั ยงั มีสูตรการเช็ดกระจกให้ใส แวววาว คือ ใหห้ ยด \"แอมโมเนีย\" ประมาณคร่ึงชอ้ นชาลงในน้าคร่ึง ถงั เม่ือเช็ดกระจกแลว้ จะไดผ้ ลดี แวววาวเช่นเดียวกบั หนงั สือพิมพค์ รับ หรือหากหาแอมโมเนียไม่ได้ ก็ใชน้ ้าส้มสายชูแทนได้ แต่อาจไม่ไดผ้ ลดีเท่า ท้งั น้ีถา้ ใชผ้ า้ เช็ด อาจจะมีขนติดตามกระจกเลยทาใหด้ ูวา่ กระจกไมใ่ สเท่าหนงั สือพิมพ์ ครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 73
ทม่ี ำของสำนวนบ่ำงช่ำงยุ ท่ีมาของสานวนน้ีมาจาก นิทานสุภาษิตที่มีเน้ือเรื่องวา่ บ่างอาศยั ร่วมกบั คา้ งคาว ในป่ า ท้งั บ่างและคา้ งคาวต่างก็กินผลไมเ้ ป็ นอาหาร แต่บ่างน้นั เคล่ือนไหวชา้ ทาให้ออกหากินไม่ทนั คา้ งคาว จึงเกิดความเดือดร้อนมิประสงค์จะให้คา้ งคาวอยู่ร่วมกนั ณ ที่ ตน้ ไมน้ ้นั มีนกและหนูทารังอยู่ดว้ ยกนั คา้ งคาวน้ันไปหานกก็ว่า เป็นนกเพราะบินได้ ไปหาหนูก็วา่ เป็นหนูเพราะหนา้ ตาเหมือนกนั นกและหนูจึงรับคา้ งคาวเป็ นเพื่อน บ่างจึงหวงั ที่ให้คา้ งคาว หนู และนกต้องแตกกันจึงไปเล่าบอกข้อเท็จจริงให้ฟัง และยุว่า คา้ งคาวเป็ นสัตวร์ ้ายจะนาเอาพิษมาทิ้งไวใ้ ห้นกหนูตาย (เพราะข้ี คา้ งคาวมีกลิ่นแรง) นกหนูเช่ือบ่างจึงช่วยกนั ขบั ไล่ไม่ให้คา้ งคาว อยทู่ ี่ตน้ ไมน้ ้นั คา้ งคาวจึงตอ้ งจากไป โบราณนาเอาคาพงั เพยน้ี มาเตือนคนว่าคนท่ี พดู ส่อเสียด ให้ทะเลาะ กนั ยยุ งส่งเสริมใหแ้ ตกร้าว ใหแ้ ตกแยกกนั วา่ เป็นพวก “บา่ งช่างย”ุ นนั่ เอง ที่มาของคาว่าลงแดง ความเป็ นจริงแลว้ คาวา่ “ลง” ในภาษาไทยจะหมายความถึงอาการ “ทอ้ งเสีย” หรือ “ทอ้ งร่วง” แต่พอประกอบกบั คาวา่ “แดง” เป็ น “ลงแดง” ก็จะหมายความวา่ เป็ นอาการทอ้ งเสียอยา่ งรุนแรง ถ่ายซะจนมีเลือดสด ๆ ปนออกมาจนอุจจาระมีสีแดง และมกั ใชก้ บั คนอดฝ่ิ น ต่อมาก็นามาใชเ้ รียกอาการท่ี ขาดสิ่งเสพติดหรือเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบกะทนั หัน ท่ีปวดทอ้ ง กลา้ มเน้ือเกร็งจนสาไส้บีบตวั ทาให้มี เลือดออกในทางเดินอาหารและถ่าย ออกมาปนกับอุจจาระ ย้ าว่าต้อง ออกมาทางทวารหนกั นะ ถา้ ออกทาง ปากจนมีเลือดปน จะใช้คาว่า “ราก เลือด” (รากหมายถึงอาเจียน) และก็ ต่อมาอีกที วงการแพทย์นามาใช้ให้ หมายถึ งอาการท่ี ขาดส่ิ งเสพติดอย่าง กะทนั หนั (Withdrawal Symptoms) จนมีอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดกระสบั กระส่าย คลื่นไส้อาเจียน ทอ้ งเสีย มีไข้ เหง่ือออกเยอะ และชกั เกร็ง โดยไม่จาเป็ นตอ้ งถ่ายให้มีเลือดปนออกมาให้เห็นก็เรียกวา่ “ลงแดง”ตาม ภาษาแพทยไ์ ดแ้ ลว้ และก็ต่อมาอีกที เรา ๆ ท่าน ๆ ก็เอาคาน้ีมาใชก้ บั คนท่ีตอ้ งอดทาอะไรบางอยา่ งแลว้ ออก อาการหงุดหงิด พลุ่งพล่าน เช่นโดนเคอร์ฟิ วออกไปไหนไม่ไดเ้ ลยตอ้ งฝ่ าฝื นออกนอกบา้ นให้ตารวจจบั ให้ หายหงุดหงิดซะง้นั เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 74
ทำไมจึงมคี นเรียก \"กำรบินไทย\" ว่ำ \"เจ้ำจำปี \" เคร่ืองหมายนน่ั เหมือน \"ดอกจาปี \" เหรอ ? เร่ืองน้ีมีมานาน ต้งั แต่บริษทั การบินไทยเร่ิมก่อต้งั เมื่อ 29 มีนาคม 2503 (แต่จะถือวา่ วนั ท่ี 1 พฤษภาคม เป็ นเสมือน วนั เกิด เนื่องจากเป็ นวนั เร่ิมเท่ียวบินปฐมฤกษ์ ไทย-ฮ่องกง) ซ่ึงเดิมใชร้ ูปละครรา (The Dancing Man) แต่ดูแลว้ ไม่เป็ นสากล แถมต่างชาติยงั งง ๆ ว่าอะไรมนั ห้อยอยู่ระหว่างขาหว่า? เพราะไม่ คุน้ เคยกบั เครื่องแต่งกายของละครไทย พอปี 2518 จึงไดจ้ า้ งบริษทั ต่างชาติทาการออกแบบเคร่ืองหมายข้ึน ใหมใ่ หเ้ ป็นสากล อนั มาลงตวั ตรงรูป \"ใบเสมา\" ตะแคงขา้ งพุ่งไปขา้ งหนา้ และใชส้ ีม่วงแทนความหมายของ ดอกกลว้ ยไม้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บริการช่ือดงั ในยคุ น้นั ท่ีเรียกวา่ \"บริการเอ้ืองหลวง\" ดง้ น้นั เคร่ืองหมายน้ีจึง ไมใ่ ช่กลีบดอกกลว้ ยไมห้ รือดอกจาปี และกไ็ ม่ใช่กลีบดอกรักท่ีแมจ้ ะดูคลา้ ยมากก็ตาม เหตุที่เรียกกนั วา่ \"เจา้ จาปี \" น้นั วา่ กนั วา่ เรื่องจริงก็คือยคุ น้นั บริษทั การบินไทยไปวา่ จา้ งบริษทั ตา่ งชาติออกแบบในราคาค่าจา้ งท่ีสูง มาก จนเป็นกระแสวพิ ากษว์ จิ ารณ์กนั วา่ เปลืองโดยใช่เหตุ และทาไมไม่จา้ งคนไทยออกแบบ ดงั เช่นรูปละคร รากอ็ อกแบบโดยคนไทยคือ \"หม่อมเจา้ ไกรสิงห์ วฒุ ิไชย\" พอเครื่องหมายดงั กล่าวไดร้ ับการคดั เลือกมาเป็ น เคร่ืองหมายบริษทั นกั วาดการ์ตูนชื่อดงั ของหนงั สือพิมพไ์ ทยรัฐที่ถือวา่ เป็ นผทู้ รงอิทธิพลทางความคิดของ ไทยในยคุ น้นั คือ \"ประยรู จรรยาวงษ\"์ ก็ออกมาวจิ ารณ์ทนั ทีวา่ เหมือนรูปวาด \"เจา้ จาปี \" หรือ \"จู๋เด็ก\" ท่ีเด็ก ๆ จะวาดกนั แบบน้ี(แต่ปลายแหลมจะช้ีลงค่ะ) เท่าน้นั แหละ สังคมก็พากนั ขบขนั และเห็นคลอ้ ยตามวา่ เป็ นรูป \"เจา้ จาปี \" จริง ๆ และพอต่อมาเม่ือองคก์ ารก๊าซธรรมชาติ ฯ หรือการปิ โตรเลียม ฯ ในยุคน้ี ออกแบบมาเป็ น รูปเปลวไฟมีวงกลมตรงกลางขา้ งล่างเมื่อปี 2523 \"ประยรู จรรยาวงษ\"์ ก็แหยเ่ ขา้ อีกดอก ว่าเหมือน \"ดอก จาปา\" หรือ \"จิ๋มเด็ก\" เขา้ คู่กบั การบินไทยพอดีเลย แต่ดีนะท่ีคาหลงั ไม่ฮิตติดปากเหมือนของการบินไทย ปัจจุบนั น้ีการบินไทยกน็ าเอาคาวา่ \"เจา้ จาปี \" มาใชใ้ นความหมายของดอกไมจ้ ริง ๆ จนพนกั งานรุ่นใหม่ก็ไม่ ทราบถึงท่ีมา เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 75
ทม่ี ำของคำว่ำ ชักโครกและสำนวนมลี กู สำวกเ็ หมอื นมสี ้วมอย่หู น้ำบ้ำน ท่ีขบั ถ่ายในสมยั ก่อนจะใชค้ าวา่ \"เวจ /เวจ็ \" จนมาถึงสมยั รัชกาลท่ี 5 จึงนิยมเรียกแบบสุภาพว่า\"หอ้ งสุขา\" โดยยึดโยงมาจากชื่อหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลส้วมสาธารณะที่ช่ือ \"กรมสุขาภิบาล\" ท่ีต้งั ข้ึนในปี พ.ศ. 2440 และก็ในรัชสมยั น้ีเอง ไทย ก็เร่ิ มนาเอาส้วมแบบยุโรปที่ ทันสมัยไม่ต้องตักน้ าราดท่ี เรี ยกว่า \"Flush toilet\" อนั เป็ นประดิษฐกรรมของ \"เซอร์ จอห์น แฮร์ริงตนั \" (ประดิษฐ์เม่ือปี พ.ศ. 2137 และพฒั นากนั ต่อๆมาจนทนั สมยั ในทุก วนั น้ี) ด้วยไอเดียสร้างถงั เก็บน้าอยูเ่ หนือท่ีนัง่ และมีคนั ชักสาหรับ ปล่อยน้าลงมา แตเ่ พื่อไมใ่ หเ้ กะกะศีรษะคนนงั่ และยงั ทาใหน้ ้าไหลลงมาแรง เจา้ ถงั เก็บน้าน้ีจึงอยคู่ ่อนขา้ งสูง และคนั ชกั เปิ ดวาล์วน้าก็จะสูงเกินมือเอ้ือมขณะนงั่ จึงใชส้ ายชกั ผกู คนั ชกั หอ้ ยลงมาให้ดึงไดส้ ะดวก ทีน้ีพอ ชกั สายชกั ปั๊บน้ากจ็ ะไหลลงมาอยา่ งแรงเสียงดงั \"โครก\" ไทยเรากเ็ ลยเรียกมนั วา่ \"ส้วมชกั โครก\" ไปดว้ ยเหตุ น้ี แมว้ ่าปัจจุบนั จะนั่งกดป่ ุมหรือโยกกระเดื่องวาล์วได้สะดวกก็ยงั คงเรียกมนั ตามน้นั มาตลอด แต่ภาษา ราชการจะใชค้ าว่า \"ส้วมนงั่ ราบ\" แต่ความจริงแลว้ คาว่า \"ส้วม\" น่ีความหมายเดิมจะไม่เป็ นห้องสาหรับ ขบั ถ่ายแบบ \"toilet\" นะ ถา้ เป็นภาคเหนือ เดิมจะหมายถึง \"หิ้งบูชา หรือท่ีนอนของพระโดยเฉพาะเจา้ อาวาส\" และถา้ เป็ นภาคอีสาน เดิมจะหมายถึง \"ห้องนอนของลูกสาว หรือของเจา้ บ่าว-เจา้ สาว\" อีกดว้ ย โดยเหตุแต่ เดิมชาวบา้ นมกั จะขบั ถ่ายกนั ในป่ าในทุ่ง ท่ีมกั พูดกนั วา่ \"ไปทุ่ง\" หรือ \"ไปป่ า\" การจะมีห้องสาหรับขบั ถ่าย โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่มกั เป็นบา้ นขนุ น้าขนุ นางหรือคหบดีข้ึนไปและวดั วาอารามเท่าน้นั และก็มกั จะใชค้ าวา่ \"เวจ/เวจ็ \" และ \"ถาน\"(สาหรับภิกษุสงฆ)์ ดงั น้นั คาโบราณเดิมท่ีวา่ \"มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยหู่ นา้ บา้ น\" น้นั \"ส้วม\" คาน้ีจึงยงั จะไมน่ ่าหมายถึงหอ้ งขบั ถ่ายแตอ่ ยา่ งใด เพียงแต่ต่อมาในภายหลงั เรานาคาน้ีมาใชแ้ ทนห้อง ขบั ถ่ายให้ฟังดูดีจนลืมความหมายเดิมไปหมด สรุปก็คือ \"มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน\" น่าจะ หมายความวา่ มีลูกสาวเหมือนมีหิ้งบูชาอยหู่ นา้ บา้ น ย่งิ เพียบพร้อมแบบ\"เบญจกลั ยาณี\"หรือ\"เรือนสามน้าส่ี\" นี่หัวบนั ไดไม่แห้งเลยแหละ เป็ นที่เชิดชูของครอบครัวไปท้งั บางไปท้งั เมือง ใครที่คิดว่าหมายถึงมี\"ห้อง สุขา\" อยหู่ นา้ บา้ นโปรดเปล่ียนความคิดใหม่ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 76
ทมี่ ำของตู้ปันสุข ซ่ึง ตูแ้ บ่งปัน หรือ ตปู้ ันสุข ไมไ่ ดเ้ พ่งิ จะถูกคิดคน้ ในช่วงน้ี แต่วา่ มนั มีอยมู่ านานแลว้ ในชื่อ ของ The Little Free Pantry ท่ีไดร้ ับความนิยมและแพร่หลายใน ต่างประเทศนน่ั เอง โดยมาทาความรู้จกั กบั โครงการ ตูป้ ันสุข มีท่ีมา จากไหน กนั แน่ โดยโครงการ The Little Free Pantry เริ่มข้ึนที่ ประเทศอเมริกาโดยเป็ นโครงการท่ีจะช่วยเหลือเพ่ือนบา้ นท่ีร่วมกนั แบ่งปันของต่างๆ โดบจุดเริ่มตน้ เริ่มจากการแลกเปล่ียนหนงั สือท่ีอ่าน แลว้ ในชุมชน และเม่ือเกิดวกิ ฤตโควดิ - 19 ไดม้ ีการเปล่ียนูห้ นงั สือใน ชุมชน ให้เป็ นตู้แลกเปลี่ยนอาหาร ให้หยิบใช้กันได้ฟรี ๆ เมื่อ จาเป็นตอ้ งใช้ และทุกๆ คนก็ยงั สามารถรับบทบาทผใู้ หใ้ นการแบ่งปัน ในการนาของมาใส่เอาไวใ้ นตูไ้ ดอ้ ีกดว้ ย โดย The Little Free Pantry หรือ ตูป้ ันสุข น้นั มีกฎระเบียบอยวู่ า่ Take what you need. Give what you can. หรือแปลไทยไดว้ า่ หยบิ ไปเท่าที่จาเป็ น และแบ่งบนั เท่าที่ทาได้ ซ่ึงเป็ นการทาให้สังคมไดม้ ีการแบ่งปันและมีปฏิสัมพนั ธ์ที่ดีต่อกนั นนั่ เอง โดยแนวคิดโครงการ The Little Free Pantry ไดถ้ ูกกระจายไปทว่ั ประเทศไทยอยา่ งรวดเร็ว และนามาต้งั ชื่อเป็ นภาษาไทยแบบน่ารักๆ วา่ ตู้ แบ่งปัน หรือ ตูป้ ันสุข และไดป้ ระสบความสาเร็จอย่างท่วมทน้ สาหรับผูท้ ่ีจาเป็ นตอ้ งใชข้ องในช่วงน้ีเป็ น อยา่ งมาก ทำไมหัวถึงปูดหรือโนได้ เชื่อว่าใครหลายๆ คนคงมีประสบการณ์ท่ีหัวไปกระแทกกบั ประตู ชนขอบ หนา้ ต่าง หรือแมก้ ระทงั่ หวั ชนกนั เอง แลว้ เราก็จะมีกอ้ นปูดๆ นูนข้ึนมา บริเวณหนา้ ผาก ทาไมมนั ถึงปดู ล่ะ ที่ปดู ก็เพราะวา่ บริเวณหนา้ ผากและ หวั จะมีเส้นเลือดมาเล้ียงส่วนน้นั เป็นจานวนมาก เม่ือเวลาโดนกระแทก จะทาให้เส้นเลือดฝอยแตก ส่งผลทาให้มีเลือดออกใตผ้ ิวหนงั บริเวณ หวั และหนา้ ฝาก เมื่อทิ้งไวส้ กั พกั เลือดเหล่าน้นั จะจบั ตวั รวมกนั แลว้ ปูด นูนออกมา ถึงแมจ้ ะเป็ นอุบตั ิเหตุเล็กๆ บางคร้ังก็อาจเกิดเป็ นรอยบวม ใหญ่ได้ ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั พ้ืนผวิ และความเร็วในการกระแทกดว้ ย วิธีปฐม พยาบาลอาการหวั โน 1.ใชด้ ินสอพองผสมมะนาวทาบริเวณที่โน แม้ จะฟังดูเป็ นแผนโบราณไปหน่อย แต่ช่วยบรรเทาอาการได้ 2.ใชผ้ า้ เยน็ หรือผา้ ขนหนูแช่เยน็ ผา้ มกั จะนุ่มเบาและแช่เยน็ ในระดบั ท่ีพอดี จะช่วยใหร้ ู้สึกเยน็ สบายกาลงั ดี ไม่หนกั หรือ เยน็ จนเกินไป เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 77
ทม่ี ำของคำว่ำ Breakfast คาวา่ Breakfast มองแวบแรกอาจคิดวา่ เป็ นคาที่ผสมมาจากคาวา่ break (v. แตก, หกั , ทาลาย) และ fast (adj./adv. วอ่ งไว, รวดเร็ว) แต่จริงๆ แลว้ คาวา่ fast ในท่ีน้ีไม่ไดเ้ ป็ นคาวเิ ศษณ์หรือ คาคุณศพั ทท์ ่ีแปลวา่ เร็ว หากแต่เป็ นคานาม ท่ีแปลวา่ ช่วงเวลาการอดอาหาร To break fast จึงหมายถึงการ ทาลายช่วงเวลาอดอาหารจากการนอนหลบั มาท้งั คืน แลว้ เติมกระเพาะด้วยของอร่อยๆ ยามเช้า หรือแปล ง่ายๆ คือการกลบั มากินอีกคร้ัง หลงั จากนอนหลบั ไปตอนกลางคืนนนั่ เอง อยา่ งไรก็ตาม คาวา่ Breakfast ไม่ เคยถูกนามาใชจ้ นกระทงั่ เขา้ ศตวรรษที่ 14 เพราะในภาษาองั กฤษเก่า (Old English) คาวา่ อาหารเชา้ คือคาวา่ morgenmete ซ่ึงเป็ นคาที่ผสมจาก morgen หมายถึง morning (n. ตอนเชา้ ) และ mete หมายถึง meal (n. ม้ืออาหาร) ท้งั ยงั เป็ นรากศพั ท์ของคาว่า meat (n. เน้ื อสัตว์) ท่ี ใ ช้ใ นปั จจุ บันด้วย ดังน้ัน คาว่า morgenmete จึงแปลตรงตวั ไดว้ า่ ม้ือเชา้ ในเม่ือมีคา สละสลวยท่ีแปลตรงตวั ไดว้ า่ ม้ือเชา้ อยแู่ ลว้ คาถามที่ น่าสนใจคือ ทาไมคาวา่ breakfast ถึงเขา้ มาแทนท่ีคาวา่ morgenmete? ปัจจุบนั เราอาจจะไดย้ นิ คาพดู วา่ “ม้ือ เชา้ สาคญั ท่ีสุด” หรือ “Breakfast is the most important meal of the day!” แต่หากยอ้ นไปในช่วงยุคกลาง (Middle Ages) ของยโุ รป ในช่วงศตวรรษที่ 5-15 ผูค้ นจะรับประทานอาหารสองม้ือเท่าน้นั คือ mid-day dinner เทียบไดก้ บั ม้ือกลางวนั และ evening supper คือม้ือเยน็ เหล่าคนช้นั สูงและนกั บวชในยุคน้นั จะ หลีกเลี่ยงการรับประทานหลงั ตื่นเช้า เพราะเชื่อว่ามนุษยเ์ ราควรอยู่ในช่วงเวลาของการ fasting หรืออด อาหารต้งั แต่ตอนเขา้ นอน จนถึงเวลากลางวนั ของวนั ถดั ไป โดยเช่ือมโยงกบั คาสอนในคมั ภีร์ไบเบิลวา่ ผทู้ ี่มี ความตะกละคือคนบาป ทาให้การรับประทานอาหารเชา้ เป็ นเร่ืองน่าอบั อาย จะมีขอ้ ยกเวน้ ก็แค่กบั ชนช้นั ต่า ท่ีตอ้ งใชแ้ รงทางานในตอนเชา้ และคนป่ วยเท่าน้นั ที่ไดร้ ับอนุญาตให้รับประทานอาหารเชา้ ได้ เพราะความ เชื่อดงั กล่าว การ break fast จึงเป็ นคาที่ใชอ้ า้ งถึงการกระทาที่อ่อนแอ ไม่สามารถยบั ย้งั ชงั่ ใจให้ตนเองอด อาหารจนถึงม้ือกลางวนั ได้ แต่แน่นอนวา่ ไม่วา่ มนุษยย์ ุคไหนต่ืนมาก็หิวตอนเชา้ กนั ท้งั น้นั การ break fast จึงเกิดข้ึนซ้าแลว้ ซ้าเล่า จนกลายเป็นคาท่ีใชแ้ ทนการรับประทานเชา้ ในท่ีสุด เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 78
วธิ ีหุงข้ำวให้สวย สาหรับแม่บา้ นมือใหม่ หรือคุณพอ่ บา้ นท่ีอยากลงมือหุงขา้ วดว้ ยตวั เองบา้ ง ลองมาดู 5 เคลด็ ลบั ง่ายๆ ในการหุงขา้ วใหน้ ุ่ม เมลด็ อวบสวย น่ารับประทาน กนั 1. ลา้ งขา้ วสารใหส้ ะอาด อยา่ งนอ้ ย 2-3 น้า หรือสงั เกตุวา่ น้าลา้ งดูใสข้ึน แตอ่ ยา่ ลา้ งมากเกิน 3 คร้ัง เพราะจะ ทาใหส้ ูญเสียคุณค่าทางอาหาร 2. เมื่อลา้ งขา้ วจนสะอาดแลว้ ใหแ้ ช่ในน้าเยน็ ทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชว่ั โมง เพ่ือใหเ้ ม็ดขา้ วไดด้ ูดซบั น้า เอาไว้ แลว้ ขา้ วท่ีหุงออกเสร็จเมด็ จะสวย น่า รับประทาน 3. เติมเกลือลงไป 1 ชอ้ นชา ก่อนจะกดป่ ุมหมอ้ หุง ขา้ ว วธิ ีน้ีจะทาใหข้ า้ วนุ่ม หอมน่ารับประทาน วธิ ีหุงขา้ ว 1. อตั ราส่วนของขา้ วและน้าอยทู่ ี่ ขา้ ว 1 : น้า 1.2 ส่วน หรือใชม้ ือจุ่มลงไปในหมอ้ ใหน้ ้าสูงเลยข้ึนมา 1 ขอ้ มือ ก็ไดเ้ ช่นกนั 2. ป้ องกนั ขา้ วติดหมอ้ ไดง้ ่ายๆ คือ ใหถ้ อดปลกั๊ หลงั จากมีสัญญาณเตือนอยา่ งนอ้ ย 15 นาที เพือ่ ใหไ้ อน้าระอุ ไปถึงกน้ หมอ้ Trip. อุน่ ขา้ วเก่า ดว้ ยการนาเกลือเล็กนอ้ ยมาละลายในน้า จากน้นั นาไปพรมบนขา้ วเก่าพอใหช้ ุ่มนิดๆ แลว้ นาไปอุน่ อีกคร้ัง แค่น้ีก็ไดข้ า้ วเก่าที่เหมือนใหมแ่ ลว้ ทมี่ ำของคำว่ำ เซ็งเป็ ด เทาไมตอ้ งเซ็ง \"เป็ ด\" เซ็ง \"ไก่\" ไม่ไดเ้ หรอ คาวา่ \"เซ็งเป็ด\" ท่ีหมายถึงอาการเซ็งหรือ เบื่อหน่ายแบบหมดอาลยั ตายอยาก โดยมีที่มาจากหลาย ตานาน ดงั น้ี ตานานหน่ึงก็วา่ แบบคอ่ นขา้ งปัจจุบนั หน่อยวา่ เกิดจากทีมฟุตบอลที่มีสญั ลกั ษณ์เป็นสัตวป์ ี กบินสูง (หงส์) ท่ี ผลการแข่งขนั จะเสมอตน้ เสมอปลาย คือเสมอบ่อยมากจะ เสมอจนแฟนบอลตอ้ งบ่น \"เซ็งเป็ด\" คือเทียบสัญลกั ษณ์ทีม เป็นเป็ด ท่ีบินสูงไม่ไดส้ ักที (จะเซ็ง \"ไก่\" มนั ก็อีกทีมหน่ึงไม่ เกี่ยวขอ้ งกนั ) ตานานหน่ึงกว็ า่ แบบอดีตกาลไปนิด วา่ เกิดจาก ชุมชนรอบศาลเจา้ แห่งหน่ึงท่ีผคู้ นมกั เอาเป็ดมาถวายทุกเม่ือ เช่ือวนั จนชุมชนน้นั กินเป็ดกนั จนเอียน เลยบน่ กนั วา่ \"เซ็งเป็ด\" (ดงั น้นั จึงไมเ่ ซ็ง\"ไก่\"เพราะไม่มีใครถวาย) เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 79
อีกตานานเก่ากวา่ หนกั ข้ึนไปอีกถึงข้นั เป็นนิทาน วา่ ผองสัตวท์ ่ีชวนกนั ไปเที่ยวเกิดอาการเซ็ง \"เป็ด\" ท่ีร้อง กลบั ท่าเดียว (ก็เสียงกา้ บ ๆ นน่ั แหละ ดงั น้นั จึงไม่เซ็ง \"ไก่\" เพราะมนั ไม่ร้องกลบั ) แตเ่ ท่าที่ฟัง \"ผรู้ ู้\" หลาย ทา่ น ใหค้ วามเห็นตรงกนั วา่ มนั เป็นศพั ทว์ ยั รุ่น ประเภทนกั ทอ่ งราตรี เช็คบิลร้านน้ีเสร็จกช็ วนไปต่อร้านน้นั ตอ่ จากร้านน้นั ก็ชวนไปต่อร้านโนน้ แต่โดยธรรมชาติของสตั วส์ งั คม (มนุษย)์ ที่ในกลุ่มหน่ึง ๆ ก็จะมีคน ประเภทคิดถึงบา้ น (หรืออาจกลวั กลบั บา้ นชา้ อาจตอ้ งใชข้ วานจามกุญแจประตถู ึงจะเขา้ บา้ นได)้ จอ้ งจะชวน กลบั ท่าเดียว ไอเ้ สียง \"กลบั ๆ\" นี่แหละ ผองเพื่อนก็เลยออกอาการเซ็ง แลว้ เทียบไอห้ มอนน่ั มนั ช่างคลา้ ย \"เป็ด\" ซะเหลือเกิน ร้อง \"กา้ บ ๆ\" อยคู่ าเดียว กเ็ ลยบน่ กนั วา่ รู้สึก \"เซ็งเป็ด\" Teaser กบั Trailer หนัง แตกต่ำงกนั อย่ำงไร ถา้ ใหอ้ ธิบายส้นั ๆ แบบมองเห็นภาพรวมในเบ้ืองตน้ คือ ทีเซอร์ (Teaser) จะส้ันกวา่ เทรลเลอร์ (Trailer) และถูกปล่อยออกมาก่อน หนงั ฉายเป็ นระยะเวลาค่อนขา้ งนาน บางคร้ังถึงปี หรือนานกวา่ ปี ก็มี ยิ่งดูจากรากศพั ทจ์ ะเขา้ ใจชดั เจนข้ึน เพราะ Teaser มาจากคา วา่ Tease ท่ีแปลว่ายว่ั เยา้ กระตุน้ ใหเ้ กิดความสนใจ จุดประสงค์ ของการทาทีเซอร์จึงเนน้ ให้คนดูสนใจและเฝ้ ารอติดตามมากกว่า จะเล่าเร่ืองราวท้งั หมด ทีเซอร์ส่วนใหญ่จะถูกปล่อยออกมาก่อน หนงั ถ่ายทาเสร็จหรือบางคร้ังถูกปล่อยออกมาก่อนหนงั จะเริ่มเปิ ด กล้องถ่ายทาเสียด้วยซ้า โดยอาจจะใช้แค่ตวั หนังสือหรือภาพ สัญลกั ษณ์อะไรบางอยา่ ง ไม่จาเป็ นตอ้ งใช้ฟุตเทจจากหนงั จริงๆ โดยทีเซอร์จะมีความยาวไม่มากนกั เพียงแค่ราว 1 นาทีกวา่ ๆ ที เซอร์ยุคแรกๆ ท่ีประสบความสาเร็จคือ Superman (1978) และ Batman (1989) กระน้นั กด็ ี หนงั ทุกเร่ืองไมไ่ ดม้ ีทีเซอร์ ส่วนใหญจ่ ะเป็ นหนงั ฟอร์มยกั ษโ์ ปรแกรมเด็ดท่ีอยาก ให้คนดูรอชมขา้ มปี ในขณะท่ีเทรลเลอร์น้ัน คือตวั อย่างหนังปกติที่หนงั แทบทุกเรื่องตอ้ งมี นิยมปล่อย ออกมาในระยะเวลาใกล้วนั ฉาย เทรลเลอร์หนงั เร่ืองแรกใช้สาหรับโปรโมทมิวสิคลั เรื่อง The Pleasure Seekers ต้งั แต่เมื่อปี 1913 และถูกพฒั นาเร่ือยมาจนกลายเป็ นธรรมเนียมปกติของการสร้างหนงั มาจนถึง ปัจจุบนั สาหรับให้คนดูได้เพลิดเพลินก่อนดูหนังจริงในโรง (แต่ตอนน้ีเปล่ียนไปกลายเป็ นดูจากยูทูบ เวบ็ ไซต์ หรือโซเชียลมีเดียไดเ้ ลย) เทรลเลอร์จะบอกเรื่องราว นกั แสดง ผกู้ ากบั และวนั ฉาย รวมไปถึงการใช้ ฟุตเทจจากหนงั จริงๆ มากกวา่ ท่ีเราเห็นในทีเซอร์ (หลายต่อหลายคร้ังท่ีเราเห็นบางซีนบางช็อตในเทรลเลอร์ หนงั แต่ไมม่ ีในหนงั จริง) เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 80
ทำไม ถุงขนมด้ำนในต้องเป็ นสีเงิน ถุงขนมท่ีดา้ นในเป็ นสีเงิน ไม่ไดใ้ หค้ วามสวยอยา่ งเดียว มนั เป็ นหน่ึงใน ความลบั ท่ีทาให้ขนมยงั คงกรุบกรอบเค้ียวเพลิน ตอ้ งอธิบายก่อนวา่ ถุงบาง ๆ ท่ีเราเห็นน้นั จริง ๆ แลว้ ประกอบดว้ ยพลาสติกหลายช้นั ซ่ึงมีคุณสมบตั ิ แตกต่างกนั ออกไป เม่ือมาประกอบเขา้ ด้วยกนั ก็จะสามารถปกป้ องขนม กรุบกรอบใหม้ ีคุณภาพท่ีดีท่ีสุดเม่ือมาถึงมือเพ่ือน ๆ โดยซองแบบน้ีเรียกวา่ ซอง metallized โดยส่วนสีเงินด้านใน คือช้ันที่เป็ นฟิ ล์มเมทัลไลซ์ (Metalized Film) ซ่ึงเป็ นฟิ ลม์ พลาสติกท่ีเคลือบดว้ ยช้นั โลหะบาง ๆ ช่วย เพ่ิมความสามารถในการป้ องกนั อากาศร่ัว และป้ องกนั ความช้ืน กนั อากาศ กนั แสง ไม่ให้เขา้ มาสัมผสั กบั ขนม ไม่ง้นั ขนมคงจะเหี่ยว เค้ียวไม่มนั และส่ิงน้ียงั ป้ องกนั ความมนั ร่ัวไหลออกเป็ นอยา่ งดี ไม่เช่นน้นั เวลา จบั ถุงขนมดา้ นนอก มือจะเป้ื อนน้ามนั จากขนมไดค้ รับ รู้จักกับ ดำวเทียมดวงแรกของโลก สปุกนิก 1 เมื่อสหภาพโซเวยี ตไดส้ ่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (Sputnik 1) ซ่ึง เป็ นส่ิงประดิษฐ์ชิ้นแรกของมนุษย์ท่ีถูกส่งออกไป นอกโลก ดาวเทียมสปุตนิก 1 (ชื่อสปุตนิกเป็ นภาษา รัสเซีย แปลว่า \"ดาวเทียม\") มีลกั ษณะเป็ นทรงกลม ทาจากโลหะหนา 2 เซนติเมตร และเคลือบผวิ นอก โดยโลหะผสมของอลู มิเนี ย ม -แมกนี เซี ย ม - ไทเทเนียม เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 58.5 เซนติเมตร ดา้ น นอกมีเสาอากาศสาหรับส่งสัญญาณวิทยุ 4 เสา น้าหนกั รวมท้งั หมด 83.6 กิโลกรัม ดาวเทียมสปุตนิก 1 ไดถ้ ูกส่งข้ึนสู่วงโคจรของโลกโดยจรวดนาส่ง Sputnik 8K71PS จากฐานส่งจรวด Baikonur (ปัจจุบนั อยใู่ นประเทศคาซกั สถาน) เมื่อวนั ท่ี 4 ตุลาคม 1957 เวลา 19:28:34 UTC ก่อนจะเขา้ สู่วงโคจรท่ีระดบั สูงประมาณ 500 กิโลเมตรจากพ้ืนโลก ใชเ้ วลาโคจรรอบ โลกรอบละประมาณ 96 นาที ความเร็วในวงโคจร 29000 กิโลเมตรต่อชว่ั โมง และไดส้ ่งสัญญาณวิทยุความถี่ 20.005 และ 40.002 เมกะเฮิร์ตซ์กลบั มายงั โลก ซ่ึงมีนกั วทิ ยุตรวจจบั สัญญาณวิทยุดงั กล่าวไดห้ ลายคน ดาวส ปุตนิก 1 ไดส้ ่งสัญญาณวทิ ยอุ อกมาอยา่ งต่อเนื่องจนกระทง่ั สิ้นสุดการทางานเมื่อวนั ที่ 26 ตุลาคม แต่ยงั คง โคจรอยรู่ อบโลกตอ่ ไปจนกระทงั่ ตกสู่บรรยากาศโลกและถูกเผาไหมห้ มดในวนั ที่ 4 มกราคม 1958 หลงั จาก โคจรอยรู่ อบโลกมานานกวา่ 3 เดือน และโคจรเป็นระยะทางมากกวา่ 70 ลา้ นกิโลเมตร เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 81
ทม่ี ำของชื่อโปรแกรม Nero วนั น้ีลบโปรแกรมในเครื่องทิ้ง จึงอยากเล่าถึงที่มาของชื่อโปรแกรม Nero ชื่อ Nero น้นั มาจากช่ือของสมเด็จพระจกั รพรรดินีโร มีช่ือเต็มวา่ “ลูเซียส คลอดิอุส นีโร” หรือที่รู้จกั ในชื่อ “นีโรจอมโหด” เป็นจกั รพรรดิรัชกาลท่ี 5 แห่งราชวงศจ์ ลู ิโอ-คลอเดียน แห่งจกั รวรรดิโรมนั เกิดเมื่อวนั ที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 37 ท่ีเมืองแอนเธียม แห่ง จักรวรรดิโรมัน ซ่ึงสาเหตุท่ีชื่อ พระองค์ กลายเป็ นชื่อโปรแกรม คอมพิวเตอร์น้ันมา จาก เม่ือ ค.ศ. 64 วนั ท่ี 18 กรกฎาคม ตอน กลางคืน เกิดไฟไหมข้ ้ึนท่ีร้านขายวตั ถุไวไฟ แห่งหน่ึงในกรุงโรม ประกอบกบั การที่ถนนกรุงโรมในช่วงน้ันแคบ ทาให้ไฟจากร้านคา้ วตั ถุไวไฟน้ัน ลุกลามไปยงั บา้ นเรือนหลงั อ่ืนๆอยา่ งรวดเร็ว และไมน่ านนกั ไฟก็ไหมท้ วั่ เมือง นีโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิง ที่หอคอยมิเซนุส (Maecenas) แลว้ ก็บอกวา่ เปลวเพลิงน้นั ช่างสวยงาม นง่ั มองไฟผลาญกรุงโรมอยา่ งสบาย อารมณ์ พร้อมท้งั นาเครื่องดนตรีมาบรรเลงอยา่ งสุนทรียโ์ ดยไม่ส่งทหารไปช่วยดบั ไฟ (เห้ย จกั รพรรด์ิ!!) จน 6 วนั ล่วงไปแลว้ วนั ที่ 25 กรกฎาคม เปลวเพลิงที่ผลาญกรุงโรมมาตลอด 6 วนั 6 คืนดบั ลงในวนั ท่ี 7 เผา บา้ นเผาเรือนไป 132 หลงั ใน 4 หมู่บา้ น นีโรส่ังให้เวนคืนท่ีดินจานวนหน่ึงมาสร้างพระราชวงั ทองคา (Golden Palace) ประกอบกบั การท่ีนีโรไม่ส่งทหารไปช่วยดบั ไฟ และในอดีตพระองคเ์ คยคิดจะเปลี่ยนช่ือ กรุงโรมเสียใหม่ว่า กรุงนีโรโพลิส (Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเช่ือว่านีโรเป็ นผูเ้ ผากรุงโรม (นัก ประวตั ิศาสตร์ในปัจจุบนั เองก็บอกวา่ มีความเป็ นไปไดท้ ่ีนีโรจะเป็ นผเู้ ผากรุงโรม) นีโรจึงสุ่มสี่สุ่มห้าบอก ไปว่าผูท้ ี่นับถือลทั ธิคริสเตียน (ศาสนาคริสต์เมื่อเกือบสองพนั ปี ก่อนในจกั รวรรดิโรมนั เป็ นเพียงแต่ลทั ธิ เล็กๆ มิใช่ศาสนาอนั ย่ิงใหญ่เหมือนปัจจุบนั ) เป็ นกลุ่มคิดกบฎและพยายามเผาโรม จึงเกิดเป็ นการประหาร หมู่ชาวคริสเตียนในโรมนั ดว้ ยขอ้ หาเผาโรม ประหารโดยวิธีให้อดอาหารสัตวป์ ่ าในโคลอสเซียมจนหิวโซ และนาชาวคริสเตียนไปปล่อยที่สนามโคลอสเซียม และปล่อยสัตวป์ ่ าให้มารุมฉีกท้ึงชาวคริสเตียนต่อหน้า ผชู้ ม นอกจากน้ียงั เก็บภาษีอย่างหนกั เพื่อมาซ่อมแซมบา้ นเมืองและแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของโรม ทาให้ ประชาชนคลางแคลงใจในนีโร จนเกิดเป็ นคาติดปากประชาชนชาวโรมวา่ “เนโรเผาโรม” (Nero Burning Rome) ซ่ึงในปัจจุบนั วลีอายกุ วา่ 2,000 ปี น้ี ไดถ้ ูกใชเ้ ป็นช่ือโปรแกรมซอฟตแ์ วร์เขียนแผน่ ซีดี/ดีวดี ี ซ่ึง จากวลี Nero Burning Rome ถูกแปลงใหมจ่ นกลายมาเป็น Nero Burning Rom แทน เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 82
ทำไม ก่อนฝนตกลมถึงแรง สาเหตุที่ฝนตกเพราะอากาศร้อนที่มีความช้ืนมาเจอกบั อากาศเยน็ ความแตกตา่ ง ของอุณหภูมิทาใหอ้ ากาศไหล ทาใหเ้ กิดลม 1 ก่อนฝนตก ลมจะนิ่ง และร้อนอบอา้ ว 2ตอนฝน เร่ิมจะตก ลมจะแรงมาก แรงกวา่ ตอนฝนตกอีก 3ตอนฝนหยดุ ตก ลมจะน่ิง เพราะ 1 อากาศร้อนและมีความช้ืนสูง กาลงั ลอยข้ึน ขา้ งบน ตรงจุดที่ฝนกาลงั จะตก เป็นศนู ยก์ ลางของ หยอ่ มความกดอากาศต่า ลมแทบไมม่ ีการไหลในแนวราบ แตม่ ีลมจะไหลจากรอบๆหยอ่ มฯ เขา้ สู่หยอ่ มฯ แลว้ ลอยข้ึนขา้ งบน ความช้ืนจะลอยตามข้ึนไปดว้ ย 2 ความช้ึนที่ลอยข้ึนสูง เจอความเยน็ ของอากาศช้นั บน กลน่ั ตวั เป็ นหยดน้าใหญข่ ้ึนเร่ือยๆและเริ่มหนกั หล่นลงมา และพาใหค้ วามช้ืนท่ีอยตู่ ่าลงมาเยน็ ตามไปดว้ ย และกลน่ั ตวั เป็นหยดน้าท้งั หมด ฝนเริ่มตก มวลน้าฝนจานวนมากกาลงั หล่นลงมาจากฟ้ า และพาอากาศไหลตามลงมาดว้ ย ลมจะพดั แรงในแนวดิ่งตามเมด็ ฝน เม่ือใกลจ้ ะถึงพ้นื ลมจะเปล่ียนทิศเป็นไหลขนานกบั พ้นื ในทิศวงิ่ ออก จากหยอ่ มฯ ท่ีขอบของหยอ่ มที่ฝนตก ลมจะกระโชกแรงไม่นานนกั ตอนท่ีฝนเร่ิมตก 3 ตอนที่ฝนตกจนหมดฟ้ าแลว้ ไมม่ ีความช้ืน(ท่ีไหลจากท่ีอ่ืน)มาเติม จะไม่มีลมจากฝนอีก และฝนทาให้ พ้ืนดินเยน็ ลง จึงไมม่ ีอากาศร้อนลอยข้ึนขา้ งบนอีก ความกดอากาศจะสูงข้ึน จึงไมม่ ีอากาศไหลจากรอบๆหยอ่ มฯเขา้ มาเติม อีก อากาศจะนิ่งจนกวา่ พ้นื ดินที่ช้ืน จะเร่ิมสะสมความร้อนจากแสงแดดอีก และเกิดกระบวนการน้ีอีก มำรู้จักกบั รถกระป๊ อ เช่ือวา่ หลายคนคงรู้จกั กบั รถ\"กะป๊ อ\" วา่ แต่ กระป๊ อ มนั แปลว่าอะไร ถ้าฟังจากคนเฒ่าคนแก่หลายๆคน ท่ีมี ประสบการณ์กบั รถกะป๊ อมานานต้งั แต่แรกเขา้ เมืองไทย ก็จะได้ ความวา่ เดิมทีเป็นรถมือสองขนาดเล็ก ใหญ่กวา่ รถตุ๊กๆ เล็กนอ้ ย แต่ขา้ งหน้าจะมีท่ีนง่ั ผโู้ ดยสาร ย่ีห้อ\"ซูบารุ\" รุ่น Sambar แรกๆ ผคู้ นจึงเรียกรถโดยสารขนาดเล็กน้ีวา่ รถ\"ซูบารุ\" กนั ตรงตวั แต่ ดว้ ยราคาถูก กินน้ามนั น้อย เหมาะทารถโดยสารระยะส้ันหรือ ตามตรอกตามซอย โดยเฉพาะแถวหน้า ม.รามคาแหง ที่มีรถ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 83
เท่าไรก็แทบไม่พอบริการ จึงไดม้ ีการนาเขา้ รถยีห่ ้ออื่นๆเขา้ มากนั เพียบ เช่น ไดฮทั สุ ซูซูกิ ฮอนดา้ มิตซูบิชิ แต่ทุกรุ่นลว้ นเป็ นรถขนาดเล็กไม่ต่างกบั รถซูบารุ ต่อมาก็มีการเรียกชื่อรถขนาดเล็กน้ีใหม่ และก็กลายเป็ น ชื่อ\"กะป๊ อ\" จนในปัจจุบนั สาเหตุที่เรียกรถแบบน้ีวา่ รถกระป๊ อ น้นั มาจาก ้่นส่วนใหญ่จะเรียกมนั ว่า\"รถ กระป๋ อง\" ซ่ึงหมายรวมไปถึงรถเก๋งขนาดเล็กดว้ ย เพราะมนั ดูบอบบางไม่ค่อยปลอดภยั เท่าไรนกั แต่ต่อมาก็ เพ้ียนเป็น\"รถกะป๋ อ\" แลว้ กก็ ลายเป็น\"รถกระป๊ อ\"ดงั ปัจจุบนั มำจักกบั คำว่ำเมถุน คำว่ำ เมถุน ในภาษาไทยมี 2 คา คาหน่ึงหมายถึง การมีเพศสัมพนั ธ์ ใชเ้ ฉพาะกบั ภิกษุ คา น้ีมาจากภาษาบาลีวา่ เมถุน (อ่านว่า เม-ถุ -นะ) ซ่ึงแปลเหมือนกนั เช่น ภิกษุที่เสพเมถุน ตอ้ งอาบตั ิปาราชิกซ่ึงเป็ นอาบตั ิร้ายแรง แมจ้ ะยงั นุ่งห่ม ผา้ เหลืองอยู่ก็เรียกได้ว่าขาดจากสมณเพศแล้ว. ภิกษุท่ีอยู่กับสีกาตาม ลาพงั ในท่ีลับตาคน ก็อาจต้องปาราชิกด้วยขอ้ หาเสพเมถุนได้. ส่วน เมถุนอีกคาหน่ึง เป็นช่ือราศีลาดบั ท่ี 3 ในจกั รราศีต่อจากราศีพฤษภ (อ่าน วา่ พฺรึด-สบ) เรียกวา่ ราศีเมถุน คาน้ีมาจากภาษาสันสกฤตวา่ มิถุน (อ่าน ว่า มิ-ถุ -นะ) แปลว่า คู่ ฝาแฝด. และเป็ นช่ือกลุ่มดาวในจักรราศี ประกอบดว้ ยดาวท่ีเรียงกนั เป็ นรูปคลา้ ยเด็กหนุ่มฝาแฝดหันหน้าเขา้ หา กนั กลุ่มดาวน้ีคนไทยเรียกวา่ ดาวคนคู่. ตามความเช่ือโหราศาสตร์ไทย ผทู้ ี่มีดวงตกอยใู่ นราศีเมถุนไดแ้ ก่ผทู้ ่ี เกิดระหวา่ งวนั ท่ี 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม คาวา่ เมถุน ซ่ึงเป็ นช่ือราศี เป็ นคาละคากบั เมถุน ในคาว่า เสพเมถุน เพราะมีท่ีมาและความหมายแตกต่างกนั สำนวน สุภำษิต คำพังเพย ต่ำงกันอย่ำงไร สานวน คือ คาพูด หรือ ถอ้ ยคาท่ีค่อนขา้ งกระทดั รัด ดูไพเราะ สละสลวย สานวนไทยจะมีความหมายโดยนัย เป็ น ลักษณะความหมายเชิงอุปมาเปรียบเทียบ จะไม่แปล ความหมายตรงตามตวั อกั ษร ตวั อยา่ งสานวน เช่น ปาก เสีย, ไขสือ ยกเมฆ, ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ฯลฯ คาพังเพย คือ ถ้อยคาท่ีเปรียบเทียบเหตุการณ์ หรื อ เรื่องราวต่างๆ ที่พบเห็นได้ในการดารงชีวิตของคนรุ่น ก่อน โดยมากไม่เน้นการส่ังสอน แต่ ใช้ ในทานองเสียดสีประชดประชนั เพ่ือให้สะทอ้ นความคิด ความ เชื่อถือ และเป็ นคติเตือนใจ หรือเป็ นขอ้ คิดสะกิดใจให้นามาปฏิบตั ิ ตวั อย่างคาพงั เพย เช่น งมเข็มใน เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 84
มหาสมุทร, ขิงก็ราข่าก็แรง, ตาน้าพริกละลายแม่น้า ฯลฯ สุภาษิต คือ คากล่าวที่มีคติสอนใจ สุภาษิตจึงมี ลกั ษณะเดียวกบั สานวนและคาพงั เพย แตม่ ีจุดมุง่ หมายเพือ่ การส่ังสอน เตือนสติใหค้ ิด ไม่มีการเสียดสีหรือติ ชมอยา่ งคาพงั เพย เป็ นถอ้ ยคาที่แสดงหลกั ความจริง เป็ นที่ยอมรับกนั โดยทว่ั ๆ ไป ภาษิตน้ียงั มีความหมาย รวมไปถึง สัจธรรม คาส่ังสอนที่เป็ นความจริงอนั เท่ียงแทท้ างศาสนาดว้ ย ตวั อยา่ งสุภาษิต เช่น ทาดีไดด้ ีทา ชวั่ ไดช้ ว่ั , ตนเป็นท่ีพ่ึงแห่งตน, คนล่วงทุกขไ์ ดเ้ พราะความเพียร ฯลฯ ควำมหมำยของ กระเบื้องจะเฟื่ องฟูลอย น้ำเต้ำน้อยจะถอยจม เป็ นสานวนมีความหมายถึง ยุคที่มีความ วิปริตผิดปรกติ กระเบ้ืองซ่ึงมีน้าหนกั มาก ปรกติจะ จมน้า กลบั ลอยน้าได้ เปรียบเหมือนคนชว่ั ท่ีเฟ่ื องฟู คือไดด้ ี และเป็ นแบบอยา่ งให้คนชว่ั อ่ืนๆ ทาชวั่ ตาม ส่วนลูกน้าเตา้ แหง้ ซ่ึงปรกติลอยน้าได้ กลบั จมน้าลง ไป เปรียบไดก้ บั คนดีท่ีกลบั ตกต่า นอกจากไม่เป็ นที่ สนใจของสังคมแลว้ ยงั ถูกคนชวั่ รังแกเอา เช่น ในข่าวโทรทศั น์มีแต่ภาพและข่าวของคนชว่ั ทาผดิ กฎหมาย อยเู่ ตม็ จอ แตก่ ็ไม่สามารถเอาตวั มาลงโทษได้ คนดีไดแ้ ต่ทอ้ แท้ เป็ นยคุ ที่กระเบ้ืองจะเฟื่ องฟูลอย น้าเตา้ นอ้ ย จะถอยจมแทๆ้ สานวนน้ีเป็ นสานวนเก่า ปรากฏคร้ังแรกในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยธุ ยาวา่ ผมู้ ีศีลจะเสีย ซ่ึงอานาจ นกั ปราชญจ์ ะตกต่าตอ้ ย กระเบ้ืองจะเฟ่ื องฟูลอย น้าเตา้ อนั ลอยน้นั จะถอยจม รู้จักกับโคลิน เคเปอร์นิก ผู้เริ่มทำท่ำคุกเข่ำข้ำงเดียวเพื่อเรียกร้องควำมเป็ นธรรมให้กับคนผิวสี โคลิน เค เปอร์นิก คือนกั กีฬาอเมริกนั ฟุตบอลของทีมซานฟ รานซิสโก โฟร์ต้ีไนท์เนอร์ส การคุกเข่าของโคลิน ในปี 2016 สร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมทว่ั อเมริกา ก่อนการแข่งขนั จะเร่ิมข้ึน มีการเปิ ดเพลงชาติดัง กึกกอ้ งทว่ั สนาม โคลินทาส่ิงไม่มีใครคาดคิดอยา่ ง การคุ กเข่าหน่ึ งข้างต่อหน้าธงชาติสหรั ฐอเมริ กา แสดงจุดยนื ทางสญั ลกั ษณ์วา่ อยากใหค้ นผวิ สีไดร้ ับความยุติธรรม บอกผา่ นการกระทากบั คนท้งั สนามวา่ เขา จะไม่ยืนตรงเคารพธงชาติให้ประเทศที่ไม่เคยมอบความเท่าเทียมให้คนผิวสี รวมถึงแสดงออกเพื่อต่อตา้ น ความรุนแรงเกินกวา่ เหตุจากเหตุการณ์ตารวจวิสามญั พอล โอนีล (Paul O’neal) เด็กชายผวิ สีวยั 18 ปี ที่ไม่มี อาวุธปื น เหตุการณ์ดงั กล่าวก่อให้เกิดกระแสร้อนแรงทวั่ โซเชียล ลุกลามหนักจนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 85
โดนลั ด์ ทรัมป์ โตต้ อบการกระทาของโคลินดว้ ยการกดดนั ให้ NFL (American National Football League) ออกบทลงโทษบางประการหรือไล่นกั กีฬาท่ีไมย่ นื ตรงเคารพธงชาติออกจากสนาม พร้อมกบั กล่าวประณาม นกั กีฬากลุ่มแรกที่คุกเข่าวา่ ขาดความรักชาติ ซ่ึงทาให้โคลิน ไม่มีทีมสังกดั และตอ้ งจกงานไป ถึง 4 ปี เลย ทีเดียว สาหรับปี 2020 กระแสการเรียกร้องความเท่าเทียมกนั ของคนทุกสีผิวกลายเป็ นประเด็นร้อนแรงใน สังคมอีกคร้ัง จากกรณีของ จอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ถูกตารวจผิวขาวชาวอเมริกนั ใชเ้ ข่ากดคอจน เสียชีวติ ผคู้ นต่างเจบ็ ปวด รู้สึกรับไมไ่ ดก้ บั การกระทาดงั กล่าว แถมเหตุการณ์คร้ังน้ีย่ิงสนบั สนุนแนวคิดที่วา่ ‘ไม่เคยมีความเท่าเทียมกนั จริง ๆ ระหว่างคนผิวสีกบั คนผิวขาวในสังคมอเมริกนั ’ ดงั เช่นโคลินท่ีออกมา เรียกร้องสิทธิเพ่ือชาวแอฟริกนั -อเมริกนั โคลิน เคเปอร์นิก ถือเป็ นอีกหน่ึงคนท่ีใช้ชื่อเสียงในวงการกีฬา ผลกั ดนั สิทธิ เสรีภาพ และความเทา่ เทียมของโลกเพ่ือสร้างแรงบนั ดาลใจ ทาใหส้ ังคมเกิดการต้งั คาถามเร่ือง สิทธิมากข้ึน แมค้ นบางส่วนมองวา่ นกั กีฬาไม่ควรยงุ่ กบั การเมือง แต่ในฐานะมนุษยค์ นหน่ึงที่มองเห็นความ ไม่เท่าเทียมมาตลอดชีวติ โคลินเลือกท่ีจะแลกหนา้ ท่ีการงานเพ่ืออุดมการณ์ท่ีตวั เองยดึ มนั่ และท่าคุกเข่าของ เขากก็ ลายเป็นสัญลกั ษณ์ในการเรียกร้องความเท่าเทียมในการประทว้ งคร้ังน้ี ท่ีมำของคำว่ำพิเรนทร์ คาวา่ เล่นพิเรนทร์ มีเรื่องเล่าท่ีมาของการใช้คาดงั กล่าวปรากฏอยู่ในหนงั สือเรื่อง ปกิณณกะในรัชกาลท่ี 5 โดยนายแพทยน์ วรัต ไกรฤกษ์ ใหค้ วามหมายและท่ีมาของคาว่า พิเรนทร์ จากคาบอก เล่าของพระยาบุรุษรัตนราชพลั ลภ (นพ ไกรฤกษ์) ผู้เป็ นบิดา ว่า เม่ือไทยเกิดกรณีพิพาทกับฝร่ังเศส ใน ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) น้นั มีพลเมืองท่ีนิยมทาง ไสยศาสตร์เกี่ยวกบั การอยู่ยงคงกระพนั ล่องหนหายตวั ได้ คิดอาสาสมคั รออกรบกบั ฝร่ังเศส มีพระตารวจ หลวงผหู้ น่ึงราชทินนามวา่ พระพเิ รนทรเทพ ออกความคิดจะจดั ต้งั และฝึกหดั หน่วยจู่โจมพิเศษ โดยให้ดาน้า ไปเจาะเรือรบฝรั่งเศสให้จม พระพิเรนทร์ฯ ไดจ้ ดั การฝึ กหดั บ่าวไพร่และผอู้ ่ืนที่อาสาสมคั รในคลองหน้า บา้ นของท่านทุกวนั เพ่ือให้เกิดความชานาญและดาน้าไดท้ นเป็ นพิเศษ แต่บางคนดาน้าไดไ้ ม่นานก็โผล่ ข้ึนมา พระพิเรนทร์ฯ ตอ้ งใชไ้ ม้ถ่อค้าคอไวไ้ ม่ใหโ้ ผล่ข้ึนมาเร็วเกินไปจนเกิดมีการตายข้ึนจากการกระทา ดงั น้ัน ความคิดที่จะจดั ต้งั หน่วยจู่โจมพิเศษจึงตอ้ งลม้ เลิกไป พวกชาวบา้ นจึงพากนั เรียกการกระทาของ พระพิเรนทร์ฯ วา่ \"เล่นอยา่ งพิเรนทร์\" ซ่ึงเป็ นคาพดู ติดปากกนั ต่อมา เม่ือมีใครทาสิ่งใดแผลง ๆ อุตรินอกลู่ นอกทางในส่ิงท่ีเป็นไปไมไ่ ด้ หรือไมค่ วรกระทา จึงไดช้ ่ือวา่ เป็นผทู้ ่ี \"เล่นพิเรนทร์\" หรือเป็น \"คนพิเรนทร์\" เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 86
ทม่ี ำของ คำว่ำขนำดจัมโบ้ โดยท่ีมาของคาวา่ จมั โบท้ ่ีแปลวา่ ใหญ่น้นั มาจากช่ือ ของชง้ ตวั หน่ึงท่ีมีขนาดใหญ่ เป็นพิเศษ โดยชื่อวา่ ชา้ งจมั โบ้ โดยชา้ งจมั โบ้ (Elephant named Jumbo : African bush elephant ,1861 – กนั ยายน ค.ศ. 1885) มีน้าหนกั 6.5 ตนั สูงกวา่ 5 เมตร โดยเป็นชา้ งท่ีมีชื่อเสียง อยใู่ นสวนสัตวใ์ นกรุงลอนดอน (The London Zoo) มาเป็ นระยะเวลา 17 ปี อาหารมนั คือหญา้ 200 ปอนด์ น้า 5 ถงั และวิสก้ี 1 ควอ็ ต ก่อนท่ี นาย พี.ที.บาร์นมั (P.T. Barnum) เจา้ ของคณะละครสัตวช์ ื่อ Ringling Bros. and Barnum & Bailey Circus ไดท้ าสัญญานามนั ไปแสดงท่ีอเมริกา คนทว่ั เกาะองั กฤษ รวมท้งั พระราชินีวิคตอร์เรีย (Queen Victoria), พรินซ์ ออฟ เวลล์ (Prince of Wales), และจอห์น รัสกิ้น (John Ruskin) ต่างก็คดั คา้ นดว้ ยเห็นวา่ เจา้ ชา้ งจมั โบ้ เป็ นสมบตั ิของ ชาติอยา่ งหน่ึง และขอให้ยกเลิกสัญญา แต่ในปี ค.ศ.1882 เจา้ ชา้ งจมั โบไ้ ดเ้ ดินทางไปอเมริกา การเดินทางใช้ เวลา 15 วนั เจา้ ชา้ งจมั โบก้ ็ถึงนิวยอร์ก ในคณะละครสัตวม์ นั เป็ นช้างมหัศจรรยม์ าก เด็กๆเกือบลา้ นคนมี โอกาศไดข้ ่ีหลงั มนั จนเยน็ วนั หน่ึงของเดือนกนั ยายน ค.ศ.1885 ขณะที่เจา้ ช้างจมั โบก้ าลงั ถูกจูงขา้ มทาง รถไฟ รถไฟสินคา้ ที่ไม่ไดก้ าหนดไวใ้ นตารางเดินรถ วง่ิ มาดว้ ยความเร็วสูง ชนเจา้ จมั โบต้ ายทนั ที จากผลการ ทดสอบเจา้ ชา้ งจมั โบ้ ปรากฏว่ามนั ยงั ไม่โตเต็มทีเลยดว้ ยซ้า และเมื่อมนั ตายลง เจา้ ของโรงละครสัตวไ์ ด้ สตาฟ์ ไว้ เพือ่ ขายภาพลกั ษณ์ของมนั ไดอ้ ีกนาน จนคาวา่ วา่ จมั โบ้ หมายถึง ส่ิงท่ีมีขนาดใหญ่เป็ นพิเศษ นนั่ เอง ควำมแตกต่ำงของคำว่ำ Weather และ Climate ซ่ึงท้งั 2 คาแปลวา่ สภาพอากาศ โดยคาวา่ Weather คือสภาพ อากาศแบบวนั ต่อวนั ท่ีเปลี่ยนไปตามเวลาและสถานที่ อยา่ ง ข่าวพยากรณ์อากาศจะใช้ weather เพราะวนั น้ีอากาศอบอุ่น แต่มีความช้ืนสูง แต่พรุ่งน้ีฝนน่าจะตกทว่ั กรุงเทพ หรือถา้ จะ บ่นกบั เพื่อนวา่ สองสามวนั น้ีร้อนมาก แดดเปร้ียงตลอดก็ใช้ weather Climate คือรูปแบบสภาพอากาศ ณ สถานที่ใด สถานท่ีหน่ึงท่ีผ่านการสังเกตและทาสถิติมาหลายสิบปี จนรู้แลว้ วา่ ช่วงไหนของปี ท่ีร้อนที่สุด ช่วงไหนคือ หนา้ ฝน หรืออุณหภูมิต่าสุดในเดือนไหน เช่นนอ้ งจะไปเรียนเมืองนอกปี หน้า ก็หาขอ้ มูลว่าฤดูร้อนเขาอยู่ ช่วงเดือนไหน อุณหภูมิเฉล่ียเท่าไหร่ พวกน้ีคือ climate ซ่ึง climate จะไม่สามารถบอกละเอียดไดถ้ ึงขนาด “มีเมฆมากเป็ นบางส่วน” อยา่ ง weather นอกจากน้ีถา้ จะพูดถึงสภาพอากาศที่จะเปล่ียนแปลงในอีกร้อยปี เพราะโลกร้อน สภาพอากาศในท่ีน้ีคือ climate เช่นกนั เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 87
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212