Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก 2563

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก 2563

Published by Bunchana Lomsiriudom, 2021-01-08 07:20:40

Description: เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก 2563

Keywords: เรื่องน่ารู้,นกฮูก,หนองแขม,อัธยาศัย, กศน.

Search

Read the Text Version

สรุปผลการดาํ เนินการจดั การศึกษา ผ่านส่ือสังคมออนไลน์ ครูนกฮูก ปี 2563 กศน.เขตหนองแขม สํานักงาน กศน.กรุงเทพมหานคร สํานักงาน กศน.

คำนำ จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวนั ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บท ส่งเสริมวฒั นธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย พ.ศ. 2560 – 2564 ตามที่กระทรวงวฒั นธรรม นาเสนอ ในการส่งเสริม กระตุน้ การอ่านของประชากรไทย ผา่ น 4 ยุทธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ย สร้างพฤติกรรม รักการอ่านให้กบั คนทุกช่วงวยั ให้การอ่านเป็ นสิ่งที่เขา้ ถึงได้ง่ายในทุกภูมิภาคของประเทศไทย พฒั นา คุณภาพ ยกระดบั แหล่งการเรียนรู้ และสร้างสภาพแวดลอ้ มท่ีเอ้ือเฟ้ื อต่อวฒั นธรรมการอ่าน อีกท้งั นโยบาย ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ไดม้ ุ่งเน้นให้ประชาชนไทยอ่าน หนังสือเพื่อพฒั นาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมการจดั การศึกษาตามอธั ยาศยั ให้กบั ประชาชนเพื่อให้พฒั นา สังคมให้เป็ นสังคมแห่งการเรียนรู้น้ัน ซ่ึงจากนโยบายดงั กล่าว ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั เขตหนองแขม จึงได้ดาเนินการจดั การศึกษาตามอัธยาศัยผ่านส่ือสังคมออนไลน์ ในช่ือ Facebook ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม ที่ลงสาระความรู้และข่าวสารกิจกรรมงานการศึกษานอกโรงเรียน ซ่ึงในปี พ.ศ.2562 ไดด้ าเนินการใหค้ วามรู้ จานวน 330 เรื่อง และมีผูต้ ิดตามเฟส มากกวา่ 4,500 คน ในการน้ี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เขตหนองแขม จึงไดส้ รุปความรู้ที่ไดป้ ระชาสัมพนั ธ์ เพ่ือเป็ นคลงั ความรู้ และสื่อของสถานศึกษาต่อไป ท้งั น้ีคณะผูท้ างาน หวงั เป็ นอย่างยิ่งว่าการสรุปผลการ ดาเนินการจดั การศึกษาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ครูนกฮูก ปี 2563 ฉบบั น้ีจะเป็ นแรงบนั ดาลใจในการจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการจดั การศึกษาตามอธั ยาศยั ในอนาคตต่อไป กศน.เขตหนองแขม มกราคม 2564

สารบญั หน้า 1 เรื่อง 1 ทำไมเรำตอ้ งแทนตวั เองวำ่ ลูกชำ้ ง 1 ที่มำของสำนวนก่อหวอด 2 กวำงเรนเดียร์ของลุงซำนตำ้ เป็นตวั ผหู้ รือตวั เมีย 3 ท่ีมำของชื่อจิงโจ้ 4 ทำไม “ประเทศออสเตรีย” และ “ประเทศออสเตรเลีย” ถึงมีชื่อคลำ้ ย ๆ กนั 4 รู้จกั กบั ปลำทู ปลำทู แม่กลอง 5 ควำมหมำยของโอม 5 จรวดกบั ขีปนำวธุ ตำ่ งกนั ตรงไหน 6 ทำไมเมื่อแลง้ ดินจึงแตกระแหง 7 ควำมเป็นมำของ “เด็กเอ๋ย เด็กดี” 7 มะปรำงกบั มะยงชิด ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 8 กญั ชำ กบั กญั ชง ต่ำงกนั อยำ่ งไร 9 ควำมหมำยของดอกไมไ้ หวค้ รู 10 ทำไมเรำจึงตอ้ งบูชำพระพิฆเนศ ดว้ ยหญำ้ แพรก 11 ทำไมเบำะรถแข่งถึงกลำยเป็นเกำ้ อ้ีมำ้ นง่ั สำรองในเกมฟุตบอล 12 ทำไมเรำจึงหยดุ งำนวนั เสำร์ อำทิตย์ 12 ฤษี โยคี มุนี นกั พรต ดำบส ชฎิล ต่ำงกนั อยำ่ งไร 14 รู้จกั กบั บุญเพง็ หีบเหล็ก 15 ทำไมเลือดถึงมีสีแดง 16 ท่ีมำของพระปำงสะดุง้ มำร 17 ทำไมตอ้ งเผำออ้ ยก่อนตดั 17 รู้จกั กบั ขนมจนั อบั 18 ทำไมตรุษจีน ตอ้ งใส่ชุดแดง 19 ถงั ขยะแต่ละสี มีควำมหมำยวำ่ อยำ่ งไร 19 ในงำนพิธี ตอ้ งจุดเทียนหรือจุดธูปก่อน 20 กำรสอบ N-Net คืออะไร หลกั กำรใชค้ ำเชื่อม แด่ แต่ แก่ ตอ่

สารบัญ หน้า 21 เร่ือง 22 ที่มำของชื่อวนั ในภำษำองั กฤษ 22 ท่ีมำของสำนวนเรียบร้อยโรงเรียนจีน 23 ทำไมปลำสลิดถึงไม่มีหวั 23 ไมเ้ ทำ้ คำดูเซียส สัญลกั ษณ์ทำงกำรแพทย์ 24 ท่ีมำของหนำ้ กำกอนำมยั 24 ช่ือเรียกเคร่ืองในสัตว์ ส่วนต่ำง ๆ 25 พระพุทธเจำ้ ทำอยำ่ งไรให้ พระสงฆ์ 1,250 รูป ไดย้ นิ ท้งั หมด 26 ท่ีมำของสญั ลกั ษณ์ มินิ ฮำร์ท 27 กำรจดั กำลงั ทหำรของไทย 28 เดยค์ รีม กบั ไนทค์ รีม ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 28 ทำไม วนั ที่ 14 กมุ ภำพนั ธ์ ถึงเป็นวนั แห่งควำมรัก 29 ท่ีมำของสญั ลกั ษณ์รูปหวั ใจ 29 ยำบรรเทำปวดแบบร้อนกบั แบบเยน็ ต่ำงกนั อยำ่ งไร 30 ท่ีมำคำวำ่ โกเ้ ก๋ 30 ผดั กระเพรำ ผดั ข้ีเมำ ผดั ฉ่ำ ต่ำงกนั อยำ่ งไร 31 ทำไมจงั หวดั อุบลรำชธำนี ถึงมีคำวำ่ รำชธำนีต่อทำ้ ย ท้งั ๆที่ไม่ไดเ้ ป็นเมืองหลวง 31 ทำไมแมลงสำบมกั หงำยทอ้ งตำย 32 ทำไมหมูยอตอ้ งห่อใบตอง 32 รู้จกั สำมเหล่ียมมรกต สำมเหลี่ยมมรกต 32 ท่ีมำของสญั ลกั ษณ์ PX 33 สลำกกินแบง่ กบั สลำกกำรกศุ ลต่ำงกนั อยำ่ งไร 33 ท่ีมำของสัญลกั ษณ์อินฟิ นิต้ี 34 ทำไมชำยกบั หญิงอยกู่ นั สองคนถึงเรียกสองต่อสอง 34 รู้จกั กบั ไอโอ (ที่เป็นดวงจนั ทร์) 35 ที่มำของภำพพระพทุ ธเจำ้ 36 สีน้ำมูกบอกโรคได้ ที่มำของซอสมำยองเนส

สารบญั หน้า 37 เร่ือง 38 รู้จกั กบั โดนทั 39 รู้จกั กบั แชมป์ ไร้พำ่ ย ใน 5 ลีกใหญข่ องยโุ รป 40 ที่มำของคำวำ่ พระเดชพระคุณ 41 รู้จกั กบั ผนี อ้ ย “ผนี อ้ ย” 42 แอลกอฮอลท์ ี่เรำใชด้ ่ืมกบั แอลกอฮอลท์ ี่ใชเ้ ช็ดแผลตำ่ งกนั ยงั ไง 43 พิมเสน กำรบรู เมนทอล ต่ำงกนั อยำ่ งไร 43 วธิ ีเก็บดอกไมใ้ หอ้ ยนู่ ำน 44 อยำ่ ใชม้ ือปิ ดปำก เวลำไอ/จำม เพรำะหวดั กระจำยมำกกวำ่ 45 รู้จกั กบั ฟ้ ำทะลำยโจร 46 ทำไม ยำคูลทม์ ีแคข่ นำดเดียว 47 ตำนำนของเอคโค่ 48 รู้จกั กบั แหมม่ โพธ์ิดำ 48 ตวั Z อ่ำนวำ่ แซด หรือ ซี 49 รู้หรือไมว่ ำ่ เผด็ ไม่ใช่รส 50 มำรู้จกั กบั ผำ้ มสั ลิน 50 ตวั อกั ษรน้ีอ่ำนวำ่ อะไร 50 กำรทำงำนท่ีบำ้ นใช้ work from home หรือ work at home 51 ไวรัส เป็นสิิ่งมีชีวติ หรือไม่ 51 รู้จกั กบั โรคจบั ไข้ หวั โกร๋น 52 ที่มำของคำวำ่ quarantine 52 ท่ีมำของวคั ซีน 53 รู้จกั กบั CORONA VIRUS 53 วธิ ีกำรเกบ็ ไข่ใหอ้ ยไู่ ดน้ ำน 54 ทำไมเรียกตุก๊ ตำหมีที่มีขนปุยวำ่ เทด็ ด้ี แบร์ 54 ชวั่ กปั ชว่ั กลั ป์ นำนแคไ่ หน 55 ผำ้ คำดเตียงมีไวท้ ำไม ทำไม แมวถึงชอบใหเ้ กำคำง

สารบญั หน้า 56 เร่ือง 56 ก๋ึน คืออะไร 57 ที่มำของเคอร์ฟิ ว เคอร์ฟิ ว 58 รู้จกั กบั “ทฤษฎีของมำสโลว์ 59 มำรู้จกั กบั กำแฟแบบไทยๆ 59 ท่ีมำของคำวำ่ ป่ิ นโต 60 ทำไม ยกั ษว์ ดั พระแกว้ ถึงหนั หนำ้ เขำ้ หำวดั 61 ทำไมในภำษำองั กฤษถึงเรียกเอนร้อยหวำยวำ่ อคิลลีส เทนดอน 62 รู้จกั ประเภทของยำแกป้ วด ยำแกป้ วด 62 มำรู้จกั กบั โคอำลำ 63 ทำไม เรำตอ้ ง สรงน้ำพระในช่วงเทศกำลสงกรำนต์ 64 ควำมหมำยของคำวำ่ สงกรำนต์ 65 รู้จกั กบั ชำรล์ ดำร์วนิ 65 purple กบั violet ท่ีแปลวำ่ สีม่วงแตกตำ่ งกนั อยำ่ งไร 66 ฝ้ ำขำว บนชอคโกแลต เกิจำกอะไร 66 ทำไมลูกโป่ งบำงชนิดลอยได้ ลูกโป่ งบำงชนิดลอยไมไ่ ด้ 67 ทำไมชุดนกั บินอวกำศ ถึงมี สีส้มกบั สีขำว ชุดอวกำศที่มีสีส้ม 68 ทำไมเวลำเรำโดนกระดำษบำดถึงรู้สึกเจบ็ มำก 68 รู้จกั กบั โตะ๊ ญ่ีป่ ุน 68 ทำไมยำนรบหุม้ เกรำะติดตีนตะขำบ ถึงเรียกวำ่ รถถงั 69 Song กบั Music ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 69 รู้จกั กบั อำรตซ์ คั ประเทศท่ีไม่มีใครยอมรับ 70 รู้จกั กบั สญั ลกั ษณ์ของ อำร์คซคั 70 ทำไมเรำตอ้ งถอดหมวก เม่ือเขำ้ ไปภำยในอำคำร 70 cold vs. cool สองคำน้ีแตกต่ำงกนั อยำ่ งไร 71 PROGRAM กบั APPLICATION ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 71 Rock กบั Stone ตำ่ งกนั อยำ่ งไร Ship กบั Boat สองคำน้ี แปลวำ่ เรือเหมือนกนั แต่ต่ำงกนั อยำ่ งไร

สารบญั เร่ือง หน้า SEX กบั GENDER ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 71 ทำไมคนแบกถุงกอลฟ์ ถึงเรียกวำ่ แคดด้ี 72 พระพทุ ธเจำ้ ประสูติวนั ที่เท่ำไร 73 ทำไม กระดำษหนงั สือพิมพถ์ ึงเช็ดกระจกไดส้ ะอำด 73 ที่มำของสำนวนบำ่ งช่ำงยุ 74 ท่ีมำของคำวำ่ ลงแดง 74 ทำไมจึงมีคนเรียก กำรบินไทย วำ่ เจำ้ จำปี 75 ท่ีมำของคำวำ่ ชกั โครกและสำนวนมีลูกสำวก็เหมือนมีส้วมอยหู่ นำ้ บำ้ น 75 ท่ีมำของตปู้ ันสุข 77 ทำไมหวั ถึงปดู หรือโนได้ 77 ที่มำของคำวำ่ Breakfast 78 วธิ ีหุงขำ้ วใหส้ วย 79 ท่ีมำของคำวำ่ เซ็งเป็ ด 79 Teaser กบั Trailer หนงั แตกตำ่ งกนั อยำ่ งไร 80 ทำไม ถุงขนมดำ้ นในตอ้ งเป็ นสีเงิน 81 รู้จกั กบั ดำวเทียมดวงแรกของโลก สปุกนิก 1 81 ท่ีมำของช่ือโปรแกรม Nero 82 ทำไม ก่อนฝนตกลมถึงแรง 83 มำรู้จกั กบั รถกระป๊ อ 83 มำจกั กบั คำวำ่ เมถุน คำวำ่ เมถุน 84 สำนวน สุภำษิต คำพงั เพย ต่ำงกนั อยำ่ งไร 84 ควำมหมำยของ กระเบ้ืองจะเฟื่ องฟูลอย น้ำเตำ้ นอ้ ยจะถอยจม 85 รู้จกั กบั โคลิน เคเปอร์นิก ผเู้ ริ่มทำท่ำคุกเข่ำขำ้ งเดียวเพื่อเรียกร้องควำมเป็ นธรรมใหก้ บั คนผวิ สี 85 ท่ีมำของคำวำ่ พิเรนทร์ 86 ท่ีมำของ คำวำ่ ขนำดจมั โบ้ 87 ควำมแตกต่ำงของคำวำ่ Weather และ Climate 87 ทำไมตวั กำร์ตูนของ Walt Disney ตอ้ งใส่ถุงมือสีขำว 88

สารบัญ หน้า 88 เร่ือง 91 CPTPP คืออะไร 91 ทำไมคนไทย เรียกนกั บวชในศำสนำคริสตว์ ำ่ บำทหลวง 92 มำรู้จกั ท่ีมำของขนมจีน 92 ท่ีมำของช่ือตน้ มินต์ 94 ในเกมยงิ ไขเ่ ขำพดู วำ่ อะไร 94 ที่มำของชื่อตน้ สะระแหน่ 95 สงครำมนกอีมู สงครำมที่คนพำ่ ยแพใ้ หแ้ ก่นก 96 ฝนตก 1 ห่ำ เทำ่ กบั เทำ่ ไร 97 มำรู้จกั กบั ขำ้ ว 5 % 15% 30% 97 ทอดทิง้ กบั ละทิ้ง หนำ้ ท่ีรำชกำรต่ำงกนั อยำ่ งไร 98 ควำมหมำยของอนุเสำวรียป์ ระชำธิปไตย 99 รู้จกั กบั หมุดคณะรำษฎร 100 เรื่องธงแดงในกำรสวนสนำมวนั แห่งชยั ชนะของรัสเซีย 100 รู้จกั กบั วหิ คอมตะฟิ นิกซ์ 101 ท่ีมำของคำ่ วำ่ กรู ู 101 ควำมหมำยของสำนวนหมำเยย่ี วรดภูเขำทอง 102 ที่มำของผมทรงนกั เรียน 103 รู้จกั กบั กองเชียร์อุลตร้ำ 103 ทำไมเมฆจึงมีสีขำว 104 ที่มำของเจำ้ มำ้ ลำพองสัญลกั ษณ์ของเฟอรำรี่ 104 ทำไมเรียกสีเมจิก 105 กญั ชำ กบั กญั ชง ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 106 Movie Film Cinema ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 106 ท่ีมำของชื่อ เมอร์ซิเดส เบนซ์ 107 ทำไมขำ้ วกลอ้ งแพงกวำ่ ขำ้ วขำว 108 รู้จกั กบั สงครำมดอกกุหลำบ ทำไมน้ำอดั ลมหรือเบียร์ท่ีแช่เยน็ จดั ๆ พอเปิ ดขวดแลว้ จะกลำยเป็นเกลด็ น้ำแขง็

สารบญั หน้า 108 เรื่อง 109 รู้จกั กบั ถว้ ยพรีเมียร์ลีก 109 รู้จกั กบั แฟลชมอ็ บ 110 รู้จกั กบั ซีอุย 111 ที่มำของคำวำ่ เมืองแพร่แห่ระเบิด 112 รู้จกั กบั เจำ้ หนูแฮมทำโร่ 112 มำรู้จกั กบั แยกคอกววั 113 ทำไมสนำมหลวงถึงปลูกตน้ มะขำม 114 ทำไม 29 กรกฎำคม ถึงเป็นวนั ภำษำไทยแห่งชำติ 115 รู้จกั กบั โคเคน 115 ท่ีมำของช่ือถวั่ ลนั เตำ ถวั่ ลนั เตำ 115 ท่ีมำของคำวำ่ โป๊ คำวำ่ ‘โป๊ ’ 116 ทำไมเรียกซีรำยช์ ำยรักชำย วำ่ ซี่รีย์ วำย 117 เกม กบั เกมส์ ต่ำงกนั อยำ่ งไร 117 Sex กบั Gender ตำ่ งกนั อยำ่ งไร 118 ควำมแตกตำ่ งระหวำ่ ง โรงแรม กบั รีสอร์ท 118 ทำไม เวลำจดั งำนศพของทหำรตอ้ งเป่ ำแตร 120 รู้จกั กบั สำยล่อฟ้ ำ 121 ท่ีมำของกำรชู 3 นิ้ว 122 รู้จกั กบั เพลง Do You Hear the People Sing 123 ที่มำของช่ือสโมสร อตำลนั ตำ 124 ควำมหมำยของกำรชู 2 นิ้ว 124 พริกไทยขำวกบั พริกไทยดำต่ำงกนั อยำ่ งไร 125 สัญลกั ษณ์ จุดสีเขียว และจุดสีน้ำตำล บนฉลำกอำหำรหมำยถึงอะไร 125 ทำไม ถึงมีประโยคที่วำ่ อำ่ นสำมก๊กครบ 3 จบ คบไมไ่ ด้ 126 สำเหตุท่ีดำวพลูโตถูกกอดจำกกำรเป็ นดำวเครำะห์ 126 ท่ีมำของสำนวน กินคำวไม่กินหวำนสันดำนไพร่ ท่ีมำของดินสอ

สารบัญ หน้า 127 เรื่อง 128 ท่ีมำของสติกเกอร์ เศรษฐีเรือทอง 128 ทำไมในกำร์ตูนเวลำตวั ละครหลบั ตอ้ งมี ตวั ZZZZ 129 รู้จกั กบั รัฐธรรมนูญฉบบั แรกของโลก 130 ที่มำของ สำนวนแมวมอง 130 ทำไมแขกจึงมกั จะประกอบอำชีพขำยถว่ั 131 น้ำท่ีเหลือจำกกำรซกั ผำ้ ใชร้ ดตน้ ไมไ้ ดจ้ ริงหรือ 132 รู้จกั กบั รำชกิจจำนุเบกษำ 132 ที่มำของประโยค พบกนั ใหมเ่ ม่ือชำติตอ้ งกำร 133 ท่ีมำของชื่อ บำงรัก 133 ทำไมเวลำดื่มเหลำ้ แลว้ หนำ้ แดง 134 ทำไมถึงมีกำรบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบำรมีในโรงภำพยนตร์ 135 ทำไมหนงั สือแผนท่ี จึงเรียกวำ่ แอตลำส (Atlas) 136 รู้จกั กบั สะพำนมฆั วำนรังสรรค์ 137 รู้จกั บั ฟอสฟิ น 138 รู้จกั กบั มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ 139 ทำไม ชุดนกั เรียนหญิง ม.ตน้ ถึงคลำ้ ยชุดกะลำสีเรือ 140 วธิ ีแกอ้ ำกำรปวดข้ีแบบฉุกเฉิน 140 ประชำชน ประชำกร พลเมือง รำษฎร คำเหล่ำน้ีตำ่ งกนั อยำ่ งไร 141 รู้จกั กบั ท่ำพระจนั ทร์ 141 ทำไมกินวำซำบิ แลว้ ถึงเผด็ ข้ึนจมูก 142 YMCA ยอ่ มำจำกอะไร 143 วธิ ีกำรพิจำรณำกฎหมำยของรัฐสภำ 143 สงั ฆกรรมคืออะไร 144 มีโอกำสเทำ่ ไรที่รำงวลั ท่ี 1 จะออกเลข 999997 145 น้ำสีฟ้ ำที่ตำรวจใชก้ บั ผชู้ ุมนุมคืออะไร 145 ที่มำของตำแหน่งคุณหญิง ทำไม ธนบตั รไม่เป่ื อยยยุ่ ในน้ำ

สารบญั หน้า 146 เรื่อง 147 เม่ือถึงวนั \"เกษียณ\" 147 หินปูนคืออะไร 148 ทำไมไมม่ ี วติ ำมีน F G H I J 148 ขนมปังขำวกบั ขนมปังโฮสวตี แตกตำ่ งกนั อยำ่ งไร 149 ทำไมเวลำ เรำเจบ็ เรำถึงร้องเสียงดงั 149 ปังปุริเย่ แปลวำ่ อะไร 150 รู้จกั กบั พระกิตติวฒุ ิโท 151 ผวิ เผอื กเกิดจำกอะไร 152 คุก กบั ตะรำงต่ำงกนั อยำ่ งไร 153 Clock กบั Watch ต่ำงกนั อยำ่ งไร 153 ในนิทำนกระตำ่ ยกบั เต่ำ กระตำ่ ยตอ้ งนอนนำนแค่ไหนถึงแพเ้ ตำ่ 155 รู้จกั กบั วสิ ำ คญั ทพั 156 รู้จกั กบั โคกหนองนำโมเดล 156 รู้จกั กบั ทำเนียบรัฐบำล 157 Nude กบั Naked ต่ำงกนั อยำ่ งไร 157 ทำไมพระศิวะ ถึงมีคอสีดำ 158 ทำไม คนไทยจึงใชค้ ำวำ่ เห้ียเป็นคำด่ำ 158 ที่มำของชื่อ ชำ และ ที 159 รู้จกั กบั แอพพลิเคชนั Telegram 160 รู้จกั กบั แกงเทโพ 161 รู้จกั กบั กฐิน 162 ทำไมหอยนำงรมถึงเป็ นของเจ 163 ไพแ่ จก็ , ควนี , คิง แตล่ ะหนำ้ หมำยถึงบุคคลใด 164 รู้จกั กบั ไวรัส RSV 165 ทำไมในวนั ฮำโลวนี ตอ้ งมีฟักทอง รู้จกั กบั พระแมค่ งคำ

สารบญั หน้า 166 เรื่อง 167 ทำไมสญั ลกั ษณ์ของพรรคกำรเมืองอเมริกำ ถึงเป็นชำ้ งกบั ลำ 168 เคร่ืองหมำย CE ในผลิตภณั ฑเ์ ครื่องใชไ้ ฟฟ้ ำหมำยถึงอะไร 169 รู้จกั กบั สลอ็ ตแมชชีน 169 ทำไมนกแกว้ ถึงพดู ได้ 170 ที่มำของวนั ที่ 11 เดือน 11 170 รู้จกั กบั หมำ่ ล่ำ 171 ท่ีมำคตั เตอร์ 172 รู้จกั กบั ที่มำของไอศกรีมแท่ง 172 รู้จกั กบั ควำมหมำยของคำวำ่ เกียกกำย 173 ที่มำของคำวำ่ ค-ว-ย ท้งั น้ี คำวำ่ \"ค - ว – ย” 173 ที่มำของสำนวนทิ้งทวน\"ทิ้งทวน\" 174 รู้จกั กบั เป็ดเหลือง 175 ทำไมเดก็ มกั จะติดหมำเน่ำ 176 ทำไมประตใู นห้องน้ำสำธำรณะถึงไมต่ ิดสนิทกบั พ้ืน 177 รู้จกั กบั มำริโอ 178 ที่มำของวนั ชำติโรมำเนีย 178 ชุดไปรเวทคืออะไร 179 รู้จกั กบั ท่ีมำของเมล็ดก๋วยจี๊ 180 ทำไมทีมชำติอำร์เจนติน่ำ ถึงไมม่ ีนกั เตะผวิ สี 181 ท่ีมำของตน้ คริสตม์ ำส 181 ท่ีมำของช่ือแขวงหนองคำ้ งพลู 182 ตำนำนดอกทำนตะวนั 183 วธิ ีกำรอำบน้ำไม่ใหห้ นำว 184 ท่ีมำของสัญลกั ษณ์คอ้ น เคียว 184 ทำไมถึงเรียกน้ำส้มสำยชู 184 รู้จกั กบั ทรงผมของชำวญ่ีป่ ุนสมยั โบรำณ รู้จกั กบั ไมโล

สารบัญ หน้า เร่ือง 185 รู้จกั บั ประเทศที่ไมีมีทำงออกทะเล 187 ทำไมถึงเรียกนกรู้ 187 ทำไมวดั มอญถึงตอ้ งมีหงส์ 188 รู้จกั กบั กลองมโหระทึก 188 ที่มำของสำนวนนกั ขำ่ วหวั เห็ด 189 รู้จกั กบั กลุ่มดำวยไู รอนั 189 วธิ ีกำรเลือกขนำดของถุงยำงอนำมยั 190 รู้จกั คำฮิตติดเทรนต์ หวดั ดีเบลลค์ ืออะไร 191 รู้จกั กบั ยพุ ิน จำกเพลงหนุ่มนำขำ้ วสำนำเกลือ 192 วนั แห่งกำรปฏิวตั ิของประเทศโรมำเนีย 193 ทำไมประเทศสหรัฐอเมริกำถึงเรียกฟุตบอลวำ่ ซอคเกอร์ 194 ผมหงอกยง่ิ ถอนยง่ิ หงอกจริงหรือ 195 รีดผำ้ ใหเ้ รียบ ทำไมตอ้ งพรมน้ำ 195 ประวตั ิพระเจำ้ อชำตศตั รู 197 ทำไมสัตวป์ ระเภทมีเปลือกเช่น กุง้ ปูเมื่อถูกควำมร้อนแลว้ ถึงเปลี่ยนเป็นสีแดง 198 ทำไมนำงรำในวงั ตอ้ งหนำ้ ขำว **********************************

ทำไมเวลำทีไ่ หว้พระขอพร ต้องเรียกแทนตัวเองว่ำ\"ลูกช้ำง เหตุท่ีคนเรา โดยเฉพาะพวกที่ไปบนบานศาลกล่าว นิยม เรียกตวั เองวา่ ลูกชา้ ง เพราะชา้ งมีความสาคญั มาก เป็ นสัตว์ ที่มีคุณประโยชน์ ช่วยเหลือในกิจการหลาย ๆ ด้าน แมใ้ น การรบก็ใช้ช้างเป็ นพาหนะ ดังน้ันจึงเปรียบตัวเองเป็ น ลูกช้าง หมายถึง ผูท้ ่ีคอยรับใช้ เวลาไปกราบไหวบ้ นบาน ศาลกล่าวที่ไหนก็วา่ ลูกชา้ งจะขออยา่ งน้นั อยา่ งน้ี ท้งั ยงั นิยม นาชา้ ง ไม้ ไปถวายดว้ ย ไม่วา่ จะเป็นพระหรือเป็นเทพ ท้งั น้ีก็เพือ่ ใชเ้ ป็นสัญลกั ษณ์เพ่ือแทนตวั เองวา่ เป็ นผรู้ ับ ใชท้ า่ นเทา่ น้นั เอง ทม่ี ำของสำนวนก่อหวอด หวอด คือ ฟองน้าท่ีปลาบางชนิด เช่น ปลากระด่ี ปลากดั ใชเ้ ป็นท่ีเก็บไข.่ เมื่อถึงเวลาจะวางไข่ ปลาตวั ผตู้ วั เมียท่ีเป็นคูก่ นั จะ ช่วยกนั พน่ น้าใหเ้ กิดฟองน้าเป็นแพติดอยตู่ ามกอหญา้ ในน้า แลว้ จึงวางไข่ที่ แพฟองน้าน้นั ไข่ปลาจะอาศยั หวอดน้ีอยจู่ นเจริญเติบโตเป็นลูกปลา คาวา่ ก่อ หมายถึง ทาใหเ้ กิดข้ึน ทาให้มีข้ึน. สานวน ก่อหวอด ใชเ้ ปรียบกบั การทา หวอดของปลา หมายถึงเร่ิมรวมตวั เพื่อก่อการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง มกั เป็นส่ิงท่ี ไมด่ ีและไมส่ งบ เช่น พนกั งานบริษทั น้ีกาลงั ก่อหวอดเรียกร้องให้เพ่ิมคา่ แรง ข้นั ต่า สหภาพแรงงานกส็ นบั สนุนใหพ้ นกั งานบริษทั อ่ืนเขา้ ร่วมชุมนุมดว้ ย กวำงเรนเดียร์ของลุงซำนต้ำ เป็ นตัวผู้หรือตัวเมีย กวางเรนเดียร์ (Reindeer) เป็ นสัตวท์ ี่อยใู่ นสปี ชีส์เดียวกนั กบั Caribou (ใชช้ ่ือทางวทิ ยาศาสตร์เดียวกนั วา่ Rangifer tarandus) มกั อาศยั อยใู่ นสถานท่ีท่ีมีอากาศเยน็ จดั อย่างในแถบ อลาสกา, แคนาดา, สแกนดิเนเวีย และ รัสเซีย อาหารของพวกมนั คือตน้ หญา้ หรือพืชที่เติบโต ในภูมิอากาศแบบทุนดรา โดยในไซบีเรี ยจะเรี ยก Caribou ว่า “เรนเดียร์ป่ า (Wild Reindeer)” และเรน เดียร์บางส่วนถูกเล้ียงดูโดยมนุษยเ์ พื่อใชแ้ รงงาน ท้งั น้ี ลักษณะเขาของกวาง เรนเดียร์ของซานตาน้ันจะ แตกต่างกนั ไปตามจินตนาการ ของผวู้ าด และกวางเรนเดียร์ตวั ผกู้ บั ตวั เมียจะมีลกั ษณะของเขาท่ีไม่แตกต่าง เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 1

กนั มากนกั กต็ าม แต่ไมม่ ีกวางเรนเดียร์ตวั ผตู้ วั ใดท่ี “มีเขา” ในช่วงเทศกาลคริสตม์ าส เพราะกวางเรนเดียร์ตวั ผสู้ ่วนหน่ึงจะ สูญเสียเขา ไปจากการต่อสู้เพื่อแยง่ ชิงตวั เมีย ในฤดูผสมพนั ธุ์ (ช่วงเดือนกนั ยายน) และเรน เดียร์ตวั ผตู้ วั อ่ืนๆ จะ ผลดั เขา (คลา้ ยๆ การผลดั ขนในสัตวช์ นิดอื่นๆ แต่เรนเดียร์และกวางมูสจะผลดั เขาออก แทน) ในช่วงฤดูหนาว หลงั จากจบฤดูผสมพนั ธุ์ของพวกมนั (ช่วงก่อนเดือนธนั วาคม) จากน้นั จะ งอกเขา ใหม่ในช่วงเดือนปลายเดือนกุมภาพนั ธ์ ส่วนเรนเดียร์ตวั เมียจะผลดั เขาออกหลงั จากคลอดลูกในช่วงเดือน พฤษภาคมและงอกเขาใหม่ในช่วงเวลาตอ่ มา นอกจากน้ีแลว้ “เรนเดียร์ตวั ผ”ู้ จะหลงเหลือ ไขมนั เพียงแค่ 5% ในช่วงฤดูหนาวอนั โหดร้าย เพราะพวกมนั ไดส้ ูญเสียพลงั งาน ไปมากกบั การต่อสู้กบั เพ่ือนตวั อ่ืนๆ ในฤดู ผสมพนั ธุ์ ในขณะที่ “เรนเดียร์ตวั เมีย” ยงั มีไขมนั ใหเ้ ผาผลาญอีกกวา่ 50% และดว้ ยช้นั ไขมนั ท่ีหนาก็ทาให้ เรนเดียร์สามารถคงอุณหภูมิร่างกายของมนั ไวไ้ ดโ้ ดยที่ยงั ไม่แข็งตายในอุณหภูมิราว 45 องศาฟาเรนไฮต์ (-43 องศาเซลเซียส) ซ่ึง “กวางเรนเดียร์” ของซานตา้ ท่ีเราคุน้ เคยกนั ดีน้นั เป็น “กวางท่ีมีเขา” และเรนเดียร์ท่ีมี เขาในช่วงคริสตม์ าสน้นั เป็ น “กวางตวั เมีย” ทาให้กวางของซานตา้ ท้งั หมดน้นั เป็ นกวางตวั เมียตามไปดว้ ย และถา้ ช่วงฤดูผสมพนั ธุ์ของเรนเดียร์หมดไปต้งั แต่ก่อนเดือนธันวาคมก็แสดงวา่ ซานตา้ ใช้งาน กวางเรน เดียร์ตวั เมียท่ีกาลงั ต้งั ครรภอ์ อ่ นๆ ในการลากรถลากเล่ือนท่ีเตม็ ไปดว้ ยของขวญั ไปยงั ประเทศต่างๆ ทวั่ โลก.. ทาไมซานตา้ ที่ดูออ่ นโยนและใจดีกบั เด็กๆ ถึงเป็นคนโหดร้ายกบั สัตวแ์ บบน้ีนะ ทีม่ ำของชื่อจิงโจ้ คาวา่ จิงโจใ้ น ภาษาองั กฤษท่ีวา่ “Kangaroo” (แคง-กา-รู) น้นั มีที่มาจากเมื่อชาวตะวนั ตกมี การคน้ พบทวปี ออสเตรเลียเป็นคร้ังแรก ไดพ้ บเห็นจิงโจก้ ระโดดไปมามากมาย และมีขนดว้ ยไม่รู้วา่ คือสัตว์ อะไร จึงถามชาวอะบอริจินส์ ซ่ึงเป็ นชาวพ้ืนเมืองของออสเตรเลียดว้ ยภาษาของตน แต่ชาวอะบอริจินส์รับ ฟังไม่ออก จึงกล่าววา่ “gunggurru” ซ่ึงแปลวา่ “ฉนั ไม่เขา้ ใจ” จิงโจจ้ ึงถูกเรียกวา่ “ Kangaroo” ต้งั แต่น้นั มา ส่วนคาวา่ คาวา่ \"จิงโจ\"้ เป็ นคาไทยหรือคาต่างประเทศกนั แน่? ในความ เป็ นจริงแลว้ คาว่า \"จิงโจ\"้ น้นั ถือไดว้ า่ เป็ นคาไทยแท้ หาไดเ้ ป็ นคาที่ถูก คิดข้ึนเพือ่ ใชเ้ รียกสตั วต์ า่ งประเทศอยา่ ง \"Kangaroo\" อยา่ งที่คนส่วนใหญ่ คิดแต่อยา่ งใดไม่ กล่าวคือ ตามขอ้ เท็จจริงแลว้ คาวา่ \"จิงโจ\"้ น้นั มีการคิด และใช้มาก่อนการใช้เรียกสัตวต์ ่างประเทศขา้ งตน้ เสียอีก ดงั จะเห็นได้ จากการท่ีคนไทยมีการเรียกแมลงชนิดหน่ึงวา่ \"จิงโจน้ ้า\" นน่ั เอง ท้งั น้ีสืบ เน่ืองมาจากคาวา่ \"จิงโจ\"้ ในภาษาไทยหมายถึง แมลงตวั ลีบ ขาหนา้ ส้ัน ขาสองคู่หลงั ยาว เดินยงโยย่ งหยกอย่ใู นน้า ดงั น้นั จึงไดถ้ ูกนาไปใช้เพ่ือ ใช้เรี ยกสัตว์ต่างประเทศท่ีพบมากในประเทศออสเตรเลียอย่าง \"Kangaroo\" ในเวลาต่อมา แต่ที่สาคญั ยิ่งไปกว่าน้นั หลายท่านรู้ไหมว่า คาว่า \"จิงโจ\"้ น้นั คือ สัตวใ์ น เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 2

วรรณคดีชนิดหน่ึงในป่ าหิมพานตค์ ลา้ ยๆ นกกินรี มาถึงตรงน้ีคงทาใหใ้ ครหลายคนประหลาดใจพอสมควร เพราะ \"จิงโจ\"้ เป็นนกชนิดหน่ึงที่มีศีรษะเป็ นมนุษย์ มีปี กและขาเป็ นนก โดยต่างกบั นกกินรีท่ีมีกายท่อนบน บนเป็นมนุษยแ์ ละกายท่อนล่างเป็นนก ใครอยากเห็นภาพของจิงโจก้ ็สามารถท่ีจะดูไดจ้ ากภาพไทยตามผนงั ของวดั วาอารามตา่ งๆ ได้ ทำไม “ประเทศออสเตรีย” และ “ประเทศออสเตรเลยี ” ถึงมีชื่อคล้ำย ๆ กัน หลายๆ คนอาจจะเคยสงสัยวา่ ทาไมชื่อของสองประเทศน้ีถึงคลา้ ยกนั จงั เลย ต่างกนั เพียงตวั อกั ษรแค่สองตวั เอง วนั น้ีเรามีคาตอบมาใหล้ ่ะ เรามาเร่ิมท่ี “ประเทศออสเตรีย” กนั ก่อนเลยแลว้ กนั ในภาษาเยอรมนั น้นั ชื่อประเทศออสเตรียจะเขียนว่า “Österreich” ซ่ึงแปลวา่ รัฐหรือประเทศที่อยทู่ างดา้ นตะวนั ออก คาวา่ “Osten” แปลวา่ ตะวนั ออก และคาว่า “Reich” หมายถึง รัฐหรืออาณาจกั ร โดยช่ือน้ีมาท่ีมาจากขุนนางแห่งเมืองบาวาเรีย (ซ่ึงเป็ นของประเทศ เยอรมนี) เน่ืองจากตาแหน่งท่ีต้งั ของประเทศที่อยู่ทางทิศตะวนั ออก แล้ว “ประเทศออสเตรเลีย” ล่ะ ในยุคก่อนที่ประเทศออสเตรเลียจะถูกคน้ พบน้นั ผคู้ นในโลกยุคเก่าคิดว่าโลกที่อยอู่ ีกฝ่ังของเส้นศูนยส์ ูตร น้นั เป็ นดินแดนทางใตล้ ึกลบั โดยในภาษาละตินใชค้ าวา่ “Terra Australis Incognita” ที่จริงแลว้ ในตอนแรก น้นั ช่ือน้ีหมายถึงดินแดนที่อยทู่ างตอนใตข้ องเส้นศูนยส์ ูตร จนกระทงั่ ลอคแลน แมคควอรี ผูว้ ่าการรัฐนิว เซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ไดอ้ อกมาแนะนาอย่างเป็ นทางการว่าให้เรียกทวีปใหม่น้ีว่า ออสเตรเลีย โดยทวั่ ไปแลว้ คาตอบของคาถามที่วา่ มีอะไรบา้ งท่ีประเทศออสเตรียและประเทศออสเตรเลียมีเหมือนกนั ก็ อาจจะเป็นการท่ีท้งั สองประเทศน้ี ถูกต้งั ช่ือจากตาแหน่งที่อยขู่ องโลกเหมือนๆ กนั เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 3

รู้จักกับปลำทู ปลำทู แม่กลอง เป็ นท่ีข้ึนช่ือ ลือชา ในเรื่องของความอร่อย (เน้ือมนั ) ก็เพราะมีวธิ ีการจบั ที่ไม่ เหมือนใคร ดว้ ยภูมิปัญญาชาวบา้ นสมยั ก่อน เอาไม่ไผ่ ไปปักเพื่อให้เป็ นวงกลม วงรี เรียกกนั ว่า โป๊ ะ ปลาทู เม่ือเห็นความสงบภายในโป๊ จึงต่างพากนั เขา้ ไปวางไข่ ปลาทูในช่วงวางไข่ เน้ือจะมีไขมนั สูง จึงทาให้มีความ อร่อยในเน้ือของปลา ทาไม ปลาทูแม่กลอง หรื อ มหาชยั ตอ้ ง หนา้ งอ คอหกั อาจจะเป็ นเพราะความเชื่อ ของบุคคลน้นั ๆ วา่ ปลาทูที่อร่อย ตอ้ ง หนา้ งอ คอหกั เทา่ น้นั ซ่ึงเป็นความเชื่อ ที่ไมค่ ่อยจะถูกตอ้ ง สักเท่าไหร่ ปลาทู ไม่วา่ จะมาจากแหล่งไหน ถา้ นามาน่ึงแลว้ ตอ้ งหน้างอ คอหักเสมอ เพราะหากว่า ไม่หกั คอ ปลาท่ี นามาน่ึงจะไมส่ วย ฉน้นั จาเป็นตอ้ งหกั คอเพ่อื ที่จะบรรจุในเขง่ ไดอ้ ยา่ งสวยงาม การน่ึงน้นั กเ็ ช่นกนั ความจริง เคา้ ใชต้ ม้ ในน้าเกลือที่มีความเค็มจดั หากวา่ ความเค็มไม่พอ หนงั ปลาก็จะถลอกไม่สวย จึงตอ้ งใชค้ วามเคม็ รัดตวั ปลา ผิวของปลาจึงสวย น่าทาน ปลาทูน่ึง จะไม่มีความหวาน ของเน้ือปลา เพราะจะถูกความเคม็ กลบ หมด ตอ้ งเป็นปลาทูสดเท่าน้นั ความหวานของเน้ือ มีแน่นอน ปลาทสู ด จะมีความหอมของเน้ือปลา มากกวา่ ปลาทูน่ึง และปลาทูสด มีอายใุ นการเก็บ โดยการแช่ฟรีส หรือ แช่น้าแข็งไดไ้ ม่นาน เกินสามวนั ก็จะมีกล่ิน คาว แสดงวา่ ไมส่ ด อาจเป็นเพราะเหตุน้ีเอง จึงทาใหค้ นส่วนมาก บริโภคแต่ ปลาทนู ่ึง ควำมหมำยของโอม โอม เป็ นคาที่ประกอบดว้ ยเสียง 3 เสียง คือ อะ อุ มะ ซ่ึงเป็ นเสียงพยางคท์ า้ ยของนาม เทพเจา้ ท้งั 3 ในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู คาว่า อะ มา จากชื่อพระศิวะ หรือพระอิศวร. คาว่า อุ มาจาก ชื่อพระ วิษณุ หรือพระนารายณ์. คาว่า มะ มาจากชื่อพระพรหม เมื่อรวมเสี ยง อะ อุ มะ เป็ นคาว่า โอม จึงถือเป็ นคา ศกั ด์ิสิทธ์ิ มกั ใชเ้ ป็นคาข้ึนตน้ ของการกล่าวมนตร์ เช่น บท สวดบชู าพระพิฆเนศ ข้ึนตน้ วา่ “โอมคะเนศายะ นะมะหะริโอม“ ผทู้ ่ีนบั ถือศาสนาพุทธ ไดน้ าคาวา่ โอม มา ใชแ้ ละบอกที่มาใหเ้ ขา้ กบั ความเช่ือในพระพุทธศาสนา หมายถึงพระรัตนตรัย คือ อะ อุ มะ ซ่ึงมาจากพยางค์ ตน้ ของคา 3 คา ไดแ้ ก่ อะ มาจากคาว่า อรหงั (อ่านวา่ อะ –ระ -หัง) หมายถึงพระพุทธเจา้ . อุ มาจากคาว่า อุตตมธรรม (อ่านวา่ อุด-ตะ -มะ-ทา) หมายถึงพระธรรมอนั สูงสุด และ มะ มาจากคาวา่ มหาสงฆ์ หมายถึง พระสงฆ.์ ชาวพุทธมกั จะเปล่งเสียง โอม แลว้ ตามดว้ ยเสียง เพ้ียง เม่ือตอ้ งการขอพร ขอความช่วยเหลือ หรือ ต้งั จิตอธิษฐานใหเ้ ป็นอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เช่น โอมเพ้ียง ขอใหผ้ มสอบไดค้ ะแนนดี ๆ ดว้ ยเถิด. แม่เป่ าแผลให้ ลูกท่ีเดินหกลม้ หวั เข่าถลอก แลว้ พดู วา่ โอมเพ้ยี งขอใหห้ ายเร็ว ๆ นะลูก. เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 4

จรวดกับขีปนำวุธต่ำงกันตรงไหน ขีปนาวุธ = Guide Missile อาวุธที่ใช้แรงซัดเหวี่ยงออกไป แต่มกั จะ หมายถึงอาวุธที่ยิง ออกไปโดยการบงั คบั ให้ไปตามทิศทางที่ต้องการ จรวด = Rocket อาวุธหรือยานอวกาศท่ีขบั เคล่ือนด้วยความเร็วสูงมาก โดยใชเ้ ช้ือเพลิงในตวั เองเผาไหมเ้ ป็นแก๊สพุ่งออกมาจากส่วนทา้ ย มีท้งั ชนิดที่ใช้เช้ือเพลิงแข็งและชนิดที่ใชเ้ ช้ือเพลิงเหลว หรือพูด ง่าย ๆ คือ จรวด จะเป็นอาวธุ หรือไมใ่ ช่อวธุ ก็ไดแ้ ละไมน่ าวถิ ี ส่วนขีปนาวธุ จะเป็นอาวธุ แน่ๆ และนาวถิ ีดว้ ย ทำไมเมอ่ื แล้ง ดินจึงแตกระแหง เวลาพดู ถึงภยั แลง้ ทีไรแลว้ ภาพที่แทบทุกคนจะตอ้ งเคยเห็นมาจนชินตาและ นึกถึงเป็ นอันดับแรกก็คือ ภาพของท้องไร่ท้องนาที่แห้ง จนกระทง่ั ดินแตกระแหงกวา้ งสุดลูกหูลูกตา ทาไมเม่ืออากาศ แลง้ ดินจึงแตกระแหง (Mudcracks) ในธรรมชาติ ดินตะกอน ตามทอ้ งนาเป็ นวสั ดุที่มีความสามารถในการพองตวั ได้เม่ือ ได้รับน้า ทาให้ดินมีการขยายตัวออกจนเต็มพ้ืนท่ี แต่เม่ือ อากาศแห้ง ดินท่ีอยู่บริเวณผิวหน้าจะสูญเสียน้าก่อน ซ่ึงเกิด ท้ังจากแสงแดดและลมที่พัดผ่านหน้าดิน เมื่อดินผิวหน้า สูญเสียน้าถึงจุดหน่ึงก็จะแห้งและเร่ิมมีการหดตวั ในขณะท่ีดินที่อยดู่ า้ นล่างยงั คงมีความช้ืนหลงเหลืออยจู่ ึง ไม่หดตวั ตามไปดว้ ย จึงเกิดแรงดึงทาให้ดินที่บริเวณด้านบนที่แห้งแลว้ แยกตวั ออกจากกนั ทาให้เกิดรอย แตกระแหงเป็ นแนวยาวเต็มพ้ืนที่ และหากช้นั ของดินโคลนบางมาก เมื่อดินโคลนแห้งและหดตวั อยา่ ง รวดเร็ว มนั อาจจะเกิดการหลุดร่อนจากช้นั ดินดา้ นล่างที่แข็งและโคง้ งอเป็ นแผ่นบาง ๆ คล้ายกบั ใบไม้ ท่ี เรียกกนั วา่ Mud Curls หรือ Mud Chips ไดเ้ ช่นกนั เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 5

ควำมเป็ นมำของ “เด็กเอ๋ย เด็กดี” เม่ือถึงวนั เดก็ ทีไรแลว้ แน่นอนเหลือเกินวา่ ไม่วา่ ไปทาง ไหนก็น่าจะไดย้ ินเพลงประจาวนั เด็กของไทย ท่ีข้ึนตน้ ดว้ ยคาวา่ “เด็กเอ๋ย เด็กดี ตอ้ งมีหนา้ ท่ี สิบอย่างด้วยกัน” ง้นั วนั น้ีมารู้จกั ที่มาของ เพลงน้ีกนั ดีกวา่ เพลงน้ีมีช่ืออยา่ งเป็ นทางการ ว่า “หน้าที่ของเด็ก” ประพนั ธ์เน้ือร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ ครูชอุ่มเล่าถึงความเป็ นมา ของเพลงน้ีวา่ ในปี พ.ศ. 2498 สหประชาชาติ ได้ประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยหน้าท่ีของ เด็ก และเชิญชวนให้ประเทศต่าง ๆ ท่ีเป็ น สมาชิกสหประชาชาติร่ วมจัดงานวันเด็ก เพ่ือให้ประชาชนเห็นความสาคญั และความ ต้องการของเด็ก รวมถึงกระตุ้นให้เด็ก ตระหนกั ถึงความสาคญั ของตนเอง ซ่ึงรัฐบาล ไทยโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็ น นายกรัฐมนตรีในเวลาน้นั เห็นชอบให้มีการ จดั งานวนั เด็กข้ึน และไดจ้ ดั ต้งั คณะกรรมการจดั งานวนั เด็กแห่งชาติข้ึนมา เพ่ือจดั งานวนั เด็กข้ึนท้งั ใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ครูชอุ่มซ่ึงไดร้ ับเลือกใหเ้ ป็ นหน่ึงในคณะกรรมการชุดน้ีดว้ ย จึงไดน้ าเอาแนวคิด เก่ียวกบั การจดั งานวนั เด็ก ซ่ึงตอ้ งการให้เด็กรู้จกั สิทธิ หน้าท่ี ความรับผิดชอบ ระเบียบวินยั ที่มีต่อตนเอง และสงั คม และมีความยดึ มน่ั สถาบนั ชาติและศาสนา นามาเรียบเรียงใหเ้ ป็นขอ้ และแต่งเป็ นกลอนข้ึนมาก่อน จากน้ันจึงขอให้ครูเอ้ือ สุนทรสนาน แต่งทานองประกอบ เม่ือเรียบร้อยแล้วจึงได้นาเพลงดังกล่าวมา บนั ทึกเสียงโดยวงสุนทราภรณ์ ก่อนจะเปิ ดทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพนั ธ์ในงานวนั เด็กแห่งชาติ และ ยงั คงเป็นเพลงประจางานวนั เด็กแห่งชาติมาจนทุกวนั น้ี เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 6

มะปรำงกบั มะยงชิด ต่ำงกนั อย่ำงไร โดยทว่ั ไปแลว้ มะปรางกบั มะยงชิด เป็ นพืชในกลุ่มเดียวกนั ดูที่กิ่งใบก็ คลา้ ยกนั มาก จนแทบจะแยกไม่ออกว่าตน้ ไหน มะปรางหวานหรื อต้นไหนมะยงชิ ด ท้ังน้ี เน่ืองจากมีการปลูกโดยเมล็ดและมีการกลายพนั ธุ์ ทาใหม้ ีลกั ษณะท่ีแสดงออกแตกต่างกนั ไป จึงทา ให้มะปรางถูกเรียกแยกออกเป็ นหลายกลุ่ม เช่น มะปรางหวาน มะยงชิดมาก มะยงชิดน้อย มะปรางเปร้ี ยว กาวาง ซ่ึงจะเห็นว่า การแบ่ง ลกั ษณะมะปรางออกเป็ นกลุ่มได้ 5 กลุ่ม โดยใชล้ กั ษณะรสชาติเป็ นหลกั และขนาดผลร่วมดว้ ย ซ่ึงลกั ษณะ ทรงพุม่ ขนาดของใบ การเรียงตวั ของใบ เส้นใบ สีของยอดอ่อน รสของยอดอ่อน ยงั ไม่มีใครศึกษาลกั ษณะ เหล่าน้ีเพื่อคดั แยกกลุ่มของมะปราง และจากการแยกของเกษตรกร หรือนกั วิชาการ บุคคลทว่ั ไป ก็ไม่ใช้ ลกั ษณะเหล่าน้ี เนื่องจากใชล้ กั ษณะเหล่าน้ีแลว้ แยกออกไมเ่ ด่นชดั นอกเหนือจากรสชาติและขนาดผลเท่าน้นั มะยงชิดกับมะปรางต่างกันอย่างไร มะปรางโดยรวมแล้วขนาดของผลจะเล็กกว่ามะยงชิด มะปรางบางสายพนั ธุ์รับประทานแลว้ อาจคนั หรือระคายคอ แต่มะยงชิดเมื่อรับประทานแลว้ จะไม่มีอาการ ดังกล่าว มะปรางผลดิบจะมีสี เขียวออกซีด แต่มะยงชิดผลดิบจะมีสี เขียวจัดกว่ามะปราง มะปรางผลสุกมีสีเหลืองออ่ น แต่มะยงชิดจะมีสีเหลืองแกมส้ม มะปรางผลดิบมีรสมนั แต่มะยงชิดผลดิบรส จะเปร้ียวจดั มะปรางผลสุกมีรสหวานมาก แต่มะยงชิดผลสุกจะมีรสหวานอมเปร้ียว กัญชำ กับ กัญชง ต่ำงกันอย่ำงไร กญั ชา กบั กญั ชง เริ่มท่ีกญั ชากนั ก่อน กญั ชามีชื่อภาษาองั กฤษที่มกั ถูก เรียกว่า Marijuana ตวั ลาตน้ มกั จะมีลกั ษณะ เต้ียและเป็ นพุ่ม ต้นกัญชาจะแตกกิ่งก้าน ค่อนขา้ งมากเมื่อเทียบกับกัญชง ส่วนใบก็สี เขียวจดั จะมีประมาณ 5-7 แฉก ที่สาคญั เลยที ช่วยแยกแยะสองส่ิงน้ีออกจากกนั คือสารท่ีทา ให้เมาหรือ THC (Tetrahydroconnabinol) ซ่ึง จะพบมากในกญั ชา เมื่อเราเสพสารชนิดน้ีไป แลว้ มนั จะทาใหเ้ คลิบเคลิ้มเป็ นพิเศษ น่ีจึงเป็ น เหตุผลทาให้กัญชาถูกนาไปใช้ในเร่ื องของ สันทนาการ (อย่างไรก็ดีสารสกัดของ THC เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 7

ก็สามารถนาไปใช้ในทางการแพทยไ์ ดด้ ว้ ยเหมือนกนั นะ) ส่วน กญั ชง น้นั มีชื่อภาษาองั กฤษว่า Hemp สาหรับลกั ษณะภายนอก กญั ชงจะมีตน้ ท่ีสูงและเรียว ยงิ่ ถา้ เทียบกบั ตน้ กญั ชาแลว้ ตน้ กญั ชงมกั จะสูงกวา่ ใน ส่วนของใบกญั ชงจะมีขนาดใหญ่กว่ากญั ชา มีการเรียงสลบั ของใบท่ีห่างกนั ลกั ษณะของใบกัญชงจะมี ประมาณ 7-11 แฉก โดยสีของใบกญั ชงจะเป็ นเขียวอ่อน ขณะท่ีจุดเด่นของกญั ชงน้นั จะไม่ใช่สาร THC แต่ จะเป็ น CBD (Canabidiol) ซ่ึงถา้ หากเสพ CBD แลว้ จะไม่ไดเ้ คลิบเคลิ้มเหมือนกบั กญั ชา หลกั ๆ แลว้ จะถูก สกดั ออกมาเพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น การลดอาการเจ็บปวด หรือช่วยตา้ นอาการของโรคลมชกั ขณะเดียวกนั สารน้ีก็มกั ถูกนาไปใชใ้ นอุตสาหกรรมสิ่งทอบางชนิดดว้ ยเหมือนกนั เอาเขา้ จริงแลว้ กญั ชา และกญั ชงเป็ นเหมือนพืชท่ีมีแม่คนเดียวกนั เพราะตน้ กาเนิดของพวกมนั มาจาก Cannabis sativa L. เหมือนกนั ควำมหมำยของดอกไม้ไหว้ครู - หญา้ แพรก เป็นตวั แทนที่แสดงถึงความเขม้ แขง็ อดทนถึงแมจ้ ะแห้งแลง้ คน เดินเหยียบย่า หญา้ แพรกก็จะไม่ตาย พอไดร้ ับโอกาสท่ี เหมาะสม ไดร้ ับความชุมช้ืน ก็จะแตกยอดเจริญงอกงาม เป็นอยา่ งดี ครูจึงตอ้ งเป็ นผทู้ ี่เขม้ แขง็ อดทนต่อปัญหาต่าง ๆ ของนักเรียนนักศึกษามากมาย และค่อย ๆสะท้อน ปลูกฝังความมุง่ มนั่ อดทน เขม้ แขง็ ไปสู่นิสัยของนกั เรียน นั ก ศึ ก ษ า ฝึ ก ใ ห้ เ ข า เ ข้ ม แ ข็ ง อ ด ท น ใ ห้ จ ง ไ ด้ - ขา้ วตอก เป็ นขา้ วท่ีเกิดจากการใช้เมล็ดขา้ สารไปควั่ โดยมีฝาครอบไว้ เม่ือไดร้ ับความร้อนระดบั หน่ึง เมล็ดขา้ วก็จะพองตวั และแตกตวั ออกเป็ นขา้ วตอก มีกลิ่น หอม เช่นเดียวกบั การให้การศึกษา ครูผูส้ อนตอ้ งให้การอบรมคู่กนั ไปดว้ ย \"อบเพ่ือให้สุกรมเพื่อให้หอม\" เช่นเดียวกบั การทาขา้ วตอก การส่ังสอนอบรมของครู บางคร้ังตอ้ งมีการว่ากล่าวตกั เตือน ติติงหรือทาโทษ ในการกระทาท่ีไม่เหมาะสมเสมือนการใชค้ วามร้อนกบั เมล็ดขา้ ว โดยมีกฏระเบียบหรือแนวปฏิบตั ิ เสมือน เป็ นฝาครอบ ไม่ให้ลูกศิษย์กระเด็นกระดอนออกนอกลู่นอกทาง ครูจึงตอ้ งทาหน้าที่สั่งสอนอบรมให้ นกั เรียน นักศึกษาเป็ นดงั เช่นขา้ วตอก คือ \"สุกและหอม\" ซ่ึงหมายถึง การสั่งสอนแนะนาให้เขามีความรู้ ความสามารถและเป็นคนดีท่ียอมรับนนั่ เอง - ดอกมะเขือ ลกั ษณะของดอกมะเขือ เวลาบานจะสีขาวสะอาดและดอกจะโนม้ คว่าลงพ้นื ดินซ่ึงก็เป็ นปริศนา ธรรม แสดงถึงความสะอาดบริสุทธ์ิของจิตใจ เป็นคนซื่อสตั ย์ ออ่ นนอ้ มถ่อมตนเสมอ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 8

- ดอกเขม็ ลกั ษณะของดอกเขม็ จะมียอดดอกแหลม ซ่ึงเป็ นปริศนาธรรมวา่ ครูตอ้ งจดั การเรียนการสอนเพ่ือ ปลูกฝังความคิด ให้นักเรียนนกั ศึกษาเป็ นคนฉลาด(หัวแหลม) รู้จกั วิเคราะห์วิจารณ์ ใช้ความคิดให้เป็ น ประโยชน์แกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ที่พบเห็น ความเฉียบคมทางความคิดจะทะลุทะลวงทุกปัญหาได้ ทำไมเรำจึงต้องบูชำพระพิฆเนศ ด้วยหญ้ำ แพรก หากมีโอกาสได้ไปสักการะองค์พระ พิฆเนศ ณ เทวาลัย (หรื อวัดฮิ นดู อื่ น ๆ โดยเฉพาะในอินเดีย) หลายๆแห่ง มกั จะให้ผู้ ศรัทธาบูชาองค์พระพิฆเนศดว้ ยหญา็ แพรกกา เล็กๆพร้อมดอกไม้ เพ่อื ความเป็ นสิริมงคล ซ่ึง ความเป็ นมาของการบูชาพระพิฆเนศดว้ ยหญา้ แพรกน้นั ในคมั ภีร์ปุราณะและอุปปุราณะ ได้ เขียนไวว้ ่าการบูชาองค์พระพิฆเนศด้วยหญา้ แพรก ไดถ้ ูกปฏิบตั ิกนั มานานแล้วต้งั แต่สมยั โบราณ ส่วน เหตุผลน้นั ในตานานขององคพ์ ระพิฆเนศไดก้ ล่าวไวว้ า่ กาลคร้ังหน่ึง มีอสูรร้ายตนหน่ึงนามว่า “อนลสูร” ไดส้ ร้างความเดือดร้อนต่อโลกมนุษย์ จนบรรดาเทพเทวดาท้งั หลายจึงรุดเขา้ ไปขอความช่วยเหลือจากองค์ พระพิฆเนศ คร้ันพระพิฆเนศไดเ้ สด็จลงมาและไดเ้ ผชิญหนา้ กบั อสูร อสูรร้ายจึงเขา้ โจมตี แต่ทนั ใดน้นั เอง พระพฆิ เณศไดข้ ยายร่างแลว้ กลืนกินอสูรร้ายในทนั ที แมอ้ สูรร้ายจะสิ้นชีพไปในทนั ที แต่พิษของเพลิงอคั คี ในตวั ของมนั กลบั ไปเผาผลาญอยใุ่ นทอ้ งขององคพ์ ระพิฆเนศ ทาใหม้ หาเทพปวดแสบร้อนเป็ นย่ิงนกั แทบจะ ทานทนได้ เหล่าเทพเทวดาก็พยายามรักษาดว้ ยยาทิพยน์ านาชนิด แต่ก็ไม่ไดบ้ รรเทาอาการให้ดีข้ึน ทนั ใด น้นั เอง ฤษีกชยาปะก็ไดป้ รากฏตวั ข้ึน พร้อมไดน้ าหญา้ แพรก 21 ตน้ ไปถวายแด่องคพ์ ระพิฆเนศ และเมื่อ พระองค์ได้กลืนกินหญา้ แพรกท้งั หมดแลว้ อาการปวดแสบร้อนก็ค่อยๆหายไปอย่างน่ามหัศจรรย์ พระ พิฆเนศจึงตรัสวา่ \"ผใู้ ดที่บูชาพระองคด์ ว้ ยหญา้ แพรก จะไดร้ ับพรท่ีเป็ นสิริมงคลจากพระองค\"์ ต้งั แต่น้นั มา หญา้ แพรกจึงถูกนามาบูชาแด่องคพ์ ระพิฆเนศในทุกๆคร้ังไป ท้งั การบูชาปกติรวมท้งั ในงานพิฆเนศจตุรถี การบูชา นิยมบูชาดว้ ยหญา้ แพรกเป็ นมดั เล็กๆ 1, 3 , 5 , หรือ 21 มดั ท้งั น้ีเน่ืองดว้ ยพระพิฆเนศ ถือเป็ นครู ของเหล่าทวยเทพ ในงานวนั ครู จึงมีการไหวค้ รูดว้ ยหญา้ แพรก อีกดว้ ย เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 9

ทำไมเบำะรถแข่งถงึ กลำยเป็ นเก้ำอมี้ ้ำนั่งสำรองในเกมฟุตบอล โบราณที่เป็ นการนาไมก้ ระดานมาตอกยดึ กบั ขาต้งั แบบง่ายๆ ม้านงั่ สารองก็ค่อยๆ มีพฒั นาการตามลาดับ ไม่ว่าจะเป็ นการตอกไม้เพิ่มอีกชิ้นเพ่ือให้ สามารถนั่งพิงได้ จนถึงการนาเก้าอ้ีพลาสติก ที่หล่อข้ึนให้รองรับสรี ระของคนมากข้ึนมาใช้ แต่ถึงจะมีการปรับเปล่ียนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในด้านดีไซน์ ทว่าบางสิ่งก็ยงั คงเดิม เมื่อ แผ่นไม้, พลาสติก ตลอดจน โลหะ ก็ยงั เป็ นวสั ดุที่ไดร้ ับความนิยมในการทาเป็ นมา้ นง่ั สารองอยเู่ สมอแทบไม่เปลี่ยน ปัญหาก็ คือ วสั ดุแบบน้ีมกั จะมีความแข็งเฉพาะตวั จึงทาให้ไม่ใช่ทุกคนท่ีจะมีความสุขกบั การนงั่ บนอะไรท่ีแข็งๆ เป็นเวลานาน ยง่ิ บุคคลน้นั มีปัญหาทางสุขภาพ ก็ ย่ิ ง ก ล า ย เ ป็ น ค ว า ม ท ร ม า น ข้ึ น อี ก ซ่ึง ฟรีเดิ้ล เราช์ กุนซือของ ไกเซอร์สเลาเทิร์น อดีตยกั ษใ์ หญ่แห่งฟุตบอลบุนเดสลีกา ลีกสูงสุด ของเยอรมนี ในช่วงระหว่างปี 1993-96 ท่ี ประสบปัญหาบริเวณหลงั มานานก็เป็ นหน่ึงใน น้นั ... โชคดีท่ีปัญหาสุขภาพของเราช์น้นั มีผรู้ ับ ฟัง และเร่ืองดงั กล่าวก็นามาซ่ึงการแกป้ ัญหาท่ีหลายคนก็คาดไม่ถึง ช่วงเวลาเดียวกบั ที่เราช์เป็ นกุนซือของ ทีมน้นั ทีมปี ศาจแดงแห่งเบทเซ่นแบร์กมีบอร์ดบริหารอยูค่ นหน่ึงช่ือ อูลริช พุทช์ส ซ่ึงเขายงั มีตาแหน่งที่ สาคญั อีกอยา่ ง นนั่ คือผถู้ ือหุน้ ของ เรคคาโร่ บริษทั ผลิตเบาะรถแข่งอนั ดบั 1 ของโลก เม่ือพุทช์สทราบข่าว ถึงปัญหาสุขภาพของกุนซือ เขาจึงหาโอกาสไปพูดคุยดว้ ยทนั ที พร้อมกบั เสนอทางแกป้ ัญหาว่า “ในเมื่อ บริษทั ของผมก็ผลิตเบาะที่ใช้สาหรับรถแข่งท่ีเน้นความกระชบั แถมยงั นงั่ สบายเต็มหลงั กวา่ อยแู่ ลว้ เอาง้ี เด๋ียวผมจะส่งเบาะท่ีวา่ มาใหค้ ุณใชเ้ ป็ นกรณีพิเศษ จะไดค้ ุมเกมอยา่ งมีความสุขข้ึนกวา่ เดิมม้ยั ล่ะ?” แน่นอน ท้งั ตวั ผูจ้ ดั การทีมและสโมสรตอบรับขอ้ เสนอทนั ที เบาะรถแข่งหุ้มหนงั สีแดง สกรีนโลโก้สโมสรและ ตวั อกั ษร RECARO จึงถูกนามาติดต้งั อยู่ขา้ งๆ มา้ นงั่ สารองที่มีอยแู่ ต่เดิมในปี 1994 เพ่ือให้กุนซือไดใ้ ช้ โดยเฉพาะ ซ่ึงหากจะมองอีกมุมก็คงปฏิเสธไม่ไดว้ า่ การติดโลโกย้ ี่ห้อเบาะลงไปดว้ ย มนั ก็เป็ นการโฆษณา กลายๆ จากผสู้ นบั สนุนท่ีอยใู่ นบอร์ดบริหารของทีมนนั่ แหละ แตไ่ ม่วา่ อยา่ งไรก็ตาม มนั ก็ไดส้ ร้างความโดด เด่นเป็นที่กล่าวถึง รวมถึงกระตุกต่อมอยากไดใ้ ห้กบั นกั เตะในทีม ซ่ึงอยากจะไดท้ ่ีนงั่ ขา้ งสนามท่ีดีกวา่ ท่ีนง่ั อยทู่ ุกเม่ือเชื่อวนั กบั เขาบา้ ง ไม่ใช่ปัญหา … เม่ือนกั เตะขอมา สปอนเซอร์ใจดีอย่างเรคคาโร่ก็พร้อมจดั ให้ พวกเขาจึงนาเบาะชุดใหญ่เขา้ มาเปลี่ยนแทนที่มา้ นั่งของเดิม แถมยงั เสริมออปชั่นพิเศษให้กบั เบาะของ สมาชิกทุกคนในทีมเหยา้ นนั่ ก็คือ ฮีทเตอร์ ที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นใหก้ บั นกั เตะในวนั ท่ีสภาพอากาศไม่เป็ น ใจอีกดว้ ย นบั แต่น้นั มา เบาะรถแข่งสุดเท่ แสนสบาย และโอบกระชบั ทุกสัดส่วน ก็ไดก้ ลายเป็ นสัญลกั ษณ์ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 10

อนั โดดเด่นตรงมา้ นง่ั สารองของ ฟริตซ์ วอลเตอร์ สตาดิโอน จนอาคนั ตุกะที่มาเยอื นเป็ นตอ้ งอิจฉาเม่ือไดม้ า เห็น รวมถึงสอบถามกบั ไกเซอร์สเลาเทิร์น ซ่ึงใชส้ นามแห่งน้ีเป็ นรังเหยา้ วา่ “ไปเอามาไดอ้ ยา่ งไร?” จนทา ใหส้ โมสรอื่นๆ สงั่ ผลิตบา้ ง ทำไมเรำจึงหยุดงำนวันเสำร์ อำทิตย์ วนั หยุดในสมยั ก่อนน้นั ไม่ไดใ้ ชห้ ลกั การกาหนดในแบบปัจจุบนั และ แตกต่างกนั ไปในแต่ล่ะประเทศ ชาวโรมโบราณ จะมีวนั Nundinae (ภาษาลาตินแปลวา่ ตลาด) ซ่ึงจะจดั ใน ทุกๆ 8 วนั ซ่ึงประชาชนส่วนหน่ึงจะหยดุ จากการทางานของตวั เองมารวมตวั กนั ในเมืองเพ่ือซ้ือขายสินคา้ ต่างๆ การนบั วนั แบบ 7 วนั ต่อสัปดาห์โดยไม่มีการ อา้ งอิงกบั ดวงจนั ทร์หรือหลกั การทางธรรมชาติใดๆ น้นั เร่ิมตน้ ข้ึนจากศาสนายิว เชื่อกนั ว่าระบบนับวนั แบบน้ี ถูกนามาใช้ต้งั แต่ประมาณช่วง 6 ศตวรรษก่อนก่อน คริสตกาล ชาวยวิ น้นั จะถือวา่ ต้งั แต่พระอาทิตยต์ กในวนั ศุกร์ถึงพระอาทิตยต์ กในวนั เสาร์เป็ นวนั พกั ผ่อน ของ พวกเขา ส่วนการหยดุ พกั ผอ่ นในวนั อาทิตยน์ ้นั เช่ือกนั วา่ มาจากความแพร่หลายของศาสนาคริสต์ โดยอา้ งอิง ตามคมั ภีร์ไบเบิล ว่าวนั ท่ี 7 น้นั เป็ นวนั ของการพกั ผอ่ นและการบูชาพระเจา้ เมื่อทาการนบั วนั ตามหลกั ความคิดที่ว่าหน่ึงสัปดาห์มี 7 วนั แล้ว วนั อาทิตย์จึงถูกนับเป็ นวนั หยุดพกั ผ่อนน่ันเอง อย่างไรก็ตาม วฒั นธรรมการหยดุ 2 วนั น้นั เกิดข้ึนพร้อมๆ จากการลดสัปดาห์การทางานใหส้ ้ันลงในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ในองั กฤษ ในช่วงน้นั ไดม้ ีการเรียกร้องจากแรงงานในประเทศเพ่ือเวลาการพกั ผอ่ นท่ียาวนานข้ึน จากการ ทางานในสภาพการทางานที่เลวร้ายของอุตสาหกรรมในตอนน้นั ที่หนกั ยงิ่ กวา่ การทาไร่ทานาท่ียงั มีเวลาหยดุ พกั เม่ือไมม่ ีแสงแดด โดยมีการยดื เวลาวนั หยดุ ให้ครอบคลุมไปยงั วนั เสาร์ต้งั แต่บ่ายสองเป็ นตน้ ไป และเป็ น คร้ังแรกที่พจนานุกรมภาษาองั กฤษออกซฟอร์ดมีการใชค้ าวา่ Weekend หรือสุดสัปดาห์ ในปี 1879 ในปี 1908 ระบบวนั หยุดสองวนั ในสหรัฐอเมริกาถูกก่อต้งั โดยโรงงานผลิตผา้ ฝ้ ายนิวอิงแลนด์ โดยที่พวกเขา อนุญาตใหค้ นงานชาวยวิ หยดุ ต้งั แต่เยน็ วนั ศุกร์ถึงเยน็ วนั เสาร์ และในปี 1926 Henry Ford ก็เริ่มทาการปิ ด โรงงานของเขาในวนั เสาร์ อาทิตย์ สามปี ต่อมาในปี 1929 นน่ั เอง กลุ่มคนงานเส้ือผา้ ของสหภาพอเมริกาก็ กลายเป็ นสหภาพแรกท่ีทาการหยุดงาน 2 วนั และอเมริกาท้งั ประเทศก็เร่ิมทาตามพวกเขา หลกั การวนั หยุด สองวนั น้ันได้รับความนิยมอย่างมากในหลายๆ ประเทศ กระทงั่ ในหลายทศวรรษต่อมา ทาให้ความคิด วนั หยดุ สองวนั น้นั แพร่กระจายไปทวั่ โลกอยา่ งรวดเร็วนนั่ เอง เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 11

ฤษี โยคี มุนี นักพรต ดำบส ชฎลิ ต่ำงกนั อย่ำงไร ฤษี [รึ-สี] หรือ ฤๅษี [รือ-สี] ตามพจนานุกรมใหค้ านิยามไว้ ว่าหมายถึง นักบวชพวกหน่ึง มีมาก่อนยุค สมยั ของพระพทุ ธเจา้ เป็ นผทู้ ี่สละบา้ นเรือน ออกไปบาเพญ็ พรตแสวงหาความสงบ ตาม ป่ าตาเขา บา้ งว่า หมายถึง ผูแ้ สวงหาคุณมี ฌาน สาวกห้าคนแรกของพระพุทธเจา้ เป็ น ฤษีมาก่อน คนมกั คิดวา่ ฤษีเป็ นของศาสนา ฮินดู-พราห์ม แต่ท่ีจริงแล้วน่าจะมีหลาย แน วท าง คว าม เชื่ อ ห รื อ หล าย สา นัก \"นกั พรต\" เดิมกถ็ ูกใชเ้ รียกหมายถึงฤษีดว้ ย ส่วน \"โยคี\" แปลวา่ นกั บวชผปู้ ฏิบตั ิตามลทั ธิโยคะ หมายถึงผมู้ ุ่ง ท่ีจะเขา้ ถึงเทพท่ีสูงสุดหรือภาวะทางจิตท่ีสูงสุด \"มุนี\" พจนานุกรมนิยามวา่ หมายถึง นกั ปราชญ์ ฤษี และ พระสงฆ์ วรรณคดีสันสกฤตหมายถึง ผูบ้ าเพ็ญพรตโดยไม่ยอมพูดจาใดๆ ท้งั สิ้น ถือความเงียบเป็ นพรต ปฏิบตั ิสูงสุด (ศาสนาพุทธอาจเรียกพระพุทธเจา้ วา่ มุนี แต่ความหมายของมุนีทางศาสนาพุทธไม่เหมือนกบั ทางวรรณคดีสันสกฤต) \"ดาบส\" หมายถึง ผบู้ าเพญ็ ตบะเพ่ือเผากิเลส มุ่งไปในทางทรมานกายและ จิต เช่น นงั่ สมาธิโดยไม่ลุกข้ึนเป็ นเวลานาน ถา้ เป็ นเพศหญิงใชว้ า่ ดาบสินี และทา้ ยสุดคือคาวา่ ชฎิล ซ่ึงเป็ นคาเรียก นกั พรตจาพวกหน่ึงที่มีผมมุน่ สูงเป็นชฎา รู้จักกับบุญเพ็ง หีบเหล็ก บุญเพ็ง หีบเหล็ก” น้นั เป็ นฉายาของ นายบุญเพ็ง ฆาตกรสุดเห้ียมโหดในสมยั รัชกาลที่ 6 โดยนายบุญเพง็ เกิดท่ีเมืองท่าอุเทน มณฑลอุดร และไดเ้ ขา้ มาอยใู่ นกรุงเทพมหานคร ต้งั แต่อายุ 5 ขวบ โดยอาศยั อยู่กบั ตาสุกและยายเพียร เดิมทีนายบุญเพง็ เป็ นพระสงฆจ์ าพรรษาอยู่ท่ีวดั แห่งหน่ึงในเมือง นนทบุรี และมีลูกศิษยล์ ูกหาจานวนมาก โดยเฉพาะลูกศิษยท์ ่ีเป็นผหู้ ญิงร่ารวย ซ่ึงบุญเพง็ ไดใ้ ชว้ ิชาอาคมดว้ ย การทาเมตตามหานิยมให้กับผูห้ ญิงท่ีหลงเช่ือ ด้วย การหลอกล่อเอาเงินและมีเพศสัมพนั ธ์กบั สีกาที่มาให้ บุญเพ็งทาเสน่ห์ ในช่วงน้ัน บุญเพ็งมีสีกาติดพัน ค่อนขา้ งเยอะ มีเขา้ ไปหาตอนกลางคืนและนงั่ คุยจน ดึกด่ืน ซ่ึงผหู้ ญิงเหล่าน้นั ต่างก็ตกเป็ นทาสสวาทของ บุญเพ็งแทบทุกราย และนานวนั เขา้ ก็เป็ นที่น่าสังเกต วา่ ผหู้ ญิงที่ไปติดพนั บุญเพ็งค่อย ๆ หายตวั ไปอยา่ งลึกลบั พร้อมหีบเหล็กท่ีหายไปทีละใบ..ทีละใบ.. ส่วน เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 12

สาเหตุท่ีบุญเพง็ ตอ้ งลงมือฆ่าสีกาเหล่าน้นั บา้ งก็ว่ากนั วา่ เป็ นเพราะหวงั ทรัพยส์ มบตั ิ รวมไปถึงเล่นบทรัก กบั เหล่าสีกาอย่างซาดิสต์ ทารุณ และทรมานร่างกายจนขาดใจตายหลงั จากน้นั บุญเพ็งก็ใช้มีดสับศพเป็ น ท่อน ๆ ก่อนท่ีจะนาศพยดั ใส่หีบเหล็กและนาไปทิ้งลงคลองย่านบางลาภูเพื่อทาลายหลกั ฐานสาหรับศพ สุดท้ายท่ีบุญเพ็งลงมือฆ่าน้นั เป็ นคุณนายท่ีถูกสามีทอดทิ้ง ซ่ึงคุณนายกบั บุญเพ็งเสพสมกนั เป็ นประจา จนกระทง่ั คุณนายเกิดต้งั ทอ้ งและร้องใหบ้ ุญเพง็ รับผดิ ชอบ แต่บุญเพง็ ก็ไม่พอใจจึงคิดฆ่าคุณนายเหมือนกบั ฆ่าหญิงคนอ่ืน ๆ ท่ีผา่ นมา นี่จึงเป็ นท่ีมาของฉายา “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” หลงั จากน้นั ชาวบา้ นก็เริ่มระแคะ ระคาย ดา้ นบุญเพง็ จึงหลบหนีไปบวชที่วดั แถวอยุธยา แต่ก็ตอ้ งสึกออกมาเพราะตอ้ งการแต่งงานกบั หญิงท่ี หมายปอง ซ่ึงในวนั แต่งงานน้นั เอง ตารวจก็ไดล้ อ้ มจบั กุมบุญเพง็ ในขอ้ หาฆ่าคนตาย เนื่องจากพบหลกั ฐาน หลงั ชาวบา้ นไปทอดแหและเจอหีบ 7ใบ ซ่ึงมีซากศพถูกหน่ั เป็ นท่อน ๆ บุญเพ็งจึงตอ้ งโทษประหารชีวิต ดว้ ยการตดั คอเป็นคนสุดทา้ ย ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวนั ท่ี 19สิงหาคม2462 โดยในช่วงประหาร บุญเพง็ น้นั มีผคู้ นมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่วา่ ไม่มีญาติของบุญเพง็ เลยสักคน และมีเสียงลือเสียงเล่า อา้ งวา่ ในตอนแรกขณะที่ประหารเพชฌฆาตไม่สามารถตดั คอบุญเพง็ ไดเ้ นื่องจากความแก่กลา้ ในคาถาอาคม ต่อมาเพชฌฆาตก็เอาพระขวา้ งทิ้งไปในกอไผ่ พร้อมกบั ราดาบใหม่อีกคร้ัง คราวน้ีเมื่อฟันดาบลงไปท่ีคอ เลือดก็พงุ่ กระฉูด หวั กระเด็นตกพ้ืน สิ้นใจในที่สุด อยา่ งไรก็ตาม ก็มีเร่ืองเล่าเกี่ยวกบั บุญเพง็ อีกกระแสหน่ึง โดยบอกว่า บุญเพง็ ไม่ไดล้ งมือฆ่าหญิงสาว 7ศพ แลว้ ยดั ลงหีบถ่วงน้าท้งั หมด แต่แทจ้ ริงแลว้ บุญเพ็ง ฆ่า เพยี ง 2ศพเท่าน้นั เป็นชายหน่ึงคนและหญิงหน่ึงคน อีกท้งั การลงมือฆ่าผชู้ าย บุญเพง็ ไม่ไดล้ งมือคนเดียว แต่ ร่วมมือกบั นายจรัญ ลูกนอ้ ง เพื่อฆ่าชิงทรัพย์ โดยศพแรกที่บุญเพง็ ฆ่า เป็ นพอ่ คา้ เพชรพลอยช่ือ “นายลอ้ ม” โดยบุญเพง็ กบั ลูกนอ้ ง ไดท้ าการหัน่ ศพนายลอ้ มท่ีวดั สุทศั น์ เพื่อยดั ลงหีบและนาใส่รถเจก๊ มาทิ้งไวท้ ี่คลอง บางลาพู… ท้งั น้ีท่ีฆ่าก็เพื่อหวงั ชิงทรัพยเ์ ท่าน้ัน ขณะท่ีศพท่ีสอง บุญเพ็งไดร้ ่วมมือกบั พระเจริญ และ นายจรัญ รวมเป็ นสามคน ลงมือฆ่า “นางปริก” ภรรยาขนุ สิทธิคดี ซ่ึงเป็ นคนรวย ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆ่าน้นั เนื่องมาจาก นางปริกเป็ นคู่ขากบั บุญเพ็งสมสู่กนั เป็ นประจา จนกระทงั่ นางปริกต้งั ทอ้ ง จึงเรียกร้องให้บุญ เพง็ รับผิดชอบ ด้านบุญเพ็งจึงคิดแผนการลงมือฆ่านางปริกในท่ีสุด ต่อมาชาวบา้ นย่านวดั ไทรมา้ จงั หวดั นนทบุรี คนหน่ึงไดพ้ บหีบเหล็กใบหน่ึงลอยอยกู่ ลางแม่น้าเจา้ พระยาหนา้ วดั จึงช่วยกบั ชาวบา้ นอีกคนเพื่อ ลากหีบข้ึนมาเปิ ด และเม่ือเปิ ดหีบเป็ นตอ้ งผงะ เนื่องจากในหีบน้นั มีศพหญิงสาวถูกมดั มือมดั เทา้ ในท่านง่ั ยอง ๆ ยดั ใส่อยใู่ นหีบพร้อมมุง้ คลุมศพและกอ้ นอิฐถ่วงหีบอีก 8 กอ้ น โดยก่อนหนา้ น้ี แม่ของนางปริกไดเ้ ขา้ แจง้ ความกบั ตารวจว่า นางปริกลูกสาว แต่งตวั สวยไปงานจิตรลดา ต้งั แต่วนั ท่ี 7มกราคม ซ่ึงก่อนออกจาก บา้ น นางปริกไดร้ ับจดหมายจากบุญเพง็ วา่ ให้ไปรับสร้อยท่ีบุญเพง็ ยมื ไป หลงั จากน้นั ก็นางปริกก็หายตวั ไป จนมาพบศพถูกห่วงในหีบดงั กล่าว และหลงั จากน้ัน บุญเพ็งก็ถูกตารวจจบั ได้เพียงแค่ช่ัวขา้ มคืนเท่าน้ัน เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 13

สาหรับศพบุญเพ็ง หีบเหล็ก น้นั ทาพิธีกรรมทางศาสนาที่วดั ภาษี เขตวฒั นา ริมคลองแสนแสบ ปัจจุบนั มี ศาลบุญเพง็ ซ่ึงบุคคลในวดั จะเรียกบุญเพง็ วา่ “ลุงบุญเพง็ ” และยงั เชื่อวา่ หีบเหล็กท้งั 7 ใบน้นั ถูกฝังอยใู่ ตศ้ าล ของบุญเพ็งท่ีวดั และเร่ืองราวของเขาก็ถูกเล่าต่อซ้าแลว้ ซ้าเล่า… เน่ืองจากเป็ นฆาตกรที่โหดเห้ียมท่ีสุดใน สมยั น้นั เลยก็วา่ ได้ ทำไมเลือดถึงมีสีแดง ในส่ิงมีชีวิตทุกชนิดไม่ว่าจะเป็ นคนหรื อสัตว์ ภายในร่างกายก็จะมีน้ าเป็ น ส่วนประกอบเป็นส่วนใหญ่ และของเหลวชนิดหน่ึงในร่างกายที่มีความสาคญั ที่ทาให้มนุษยเ์ ราดารงชีวิตอยู่ ไ ด้ก็ คื อ เ ลื อ ด ท า ไ ม เ ลื อ ด ม นุ ษ ย์ถึ ง มี สี แ ด ง แ ต่ บ า ง ค ร้ั ง ก็ ดู เ ห มื อ น ว่า สี มัน อ อ ก จ ะ ด า ๆ ? ในเลือดจะประกอบไปดว้ ย น้าเลือดหรือพลาสมา เม็ดเลือด และเกล็ด เลือด เม่ือพูดถึงสีของเลือด เราก็จะดูในส่วนท่ีเป็ นเม็ดเลือดแดง ซ่ึงเมื่อ นามาส่องผา่ นกลอ้ งจุลทรรศน์ก็จะเห็นเป็ นแพกลมๆสีแดง มีขนาดเส้น ผ่านศูยก์ ลางประมาณ 6-8 ไมโครเมตร มีลักษณะค่อนข้างกลม เวา้ บ ริ เ ว ณ ก ล า ง ท้ั ง ส อ ง ด้ า น ค ล้ า ย โ ด นั ท ลึกลงไปในระดบั โมเลกลุ ในเซลลเ์ มด็ เลือดแดงเลก็ ๆน้ีเองมีสารประกอบ สาคัญที่เรี ยกว่า ฮีโมโกลบินซ่ึ งเป็ นโปรตีนขนาดใหญ่ โดยมี องคป์ ระกอบที่เป็นหน่วยยอ่ ยสาคญั ที่เรียกวา่ ฮีม (Heme) ซ่ึงมีอยดู่ ว้ ยกนั 4 ฮีมและตรงกลางของฮีมก็มีธาตุเหลก็ เป็นส่วนประกอบทาหนา้ ที่จบั กบั ออกซิเจน และน่ีเองคือเหตุผลท่ีทาให้ฮีโมโกลบินมีสีแดง หน้าที่ของฮีโมโกลบินก็คือ ทาหน้าที่จบั กบั ออกซิเจน เพ่ือนาไปเล้ียงเซลล์และเน้ือเย่ือต่างๆทว่ั ร่างกาย ซ่ึงถา้ จะเปรียบใหเ้ ขา้ ใจง่ายๆก็คือ ฮีโมโกลบิน เปรียบเสมือนยานหรือพาหนะท่ีช่วยขนส่งและลาเลียงออกซิเจนไปยงั จุดหมายต่างๆ อยา่ งไรก็ดี บางคร้ัง เลือดดูออกจะเป็ นสีเขม้ จนเกือบดาอยา่ งเช่นเวลาท่ีเราไปเจาะเลือด แต่จริงๆแลว้ เลือดน้นั มีสีแดงเสมอ แต่ เลือดท่ีเพ่ิงผา่ นการฟอกที่ปอดและกรองท่ีไตแลว้ จะเป็ นเลือดดี มีปริมาณออกซิเจนอยู่มากจึงมีแดงสด แต่ หลงั จากที่ถูกส่งออกไปใชง้ านแลว้ ปริมาณออกซิเจนก็จะนอ้ ยลง สีของเลือดมนั ก็เลยคล้าลงจนทาใหด้ ูกลาย เหมือนกบั วา่ เป็ นสีดา คนมีเลือดสีแดงก็เพราะเลือดทาปฏิกริยากบั ธาตุเหล็ก แต่สัตวบ์ างชนิด เช่น สัตวท์ ่ีมี เปลือกแขง็ อยา่ งแมลง กุง้ และปู กลบั มีเลือดสีฟ้ าเพราะเลือดของมนั มี ฮีโมไซยานิน และสารประกอบธาตุ ทองแดง เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 14

ทมี่ ำของพระปำงสะดุ้งมำร หรือพระปางมารวชิ ยั พระพุทธรูปปางมารวชิ ยั อ่านว่า มา-ระ-วิ-ชัย ซ่ึงแปลว่า ชนะมาร อย่าอ่านว่า มาน-วิ-ชัย ซ่ึงจะ แปลว่า มารชนะ โดยพระพุทธรูปปางน้ีมีลกั ษณะ เป็ นพระพุทธรูปอยู่ใน พระอิริยาบถนง่ั ขดั สมาธิ พระหตั ถข์ วาวางคว่าบนพระชานุ นิ้วพระหตั ถ์ช้ี ลงพ้ืนธรณี ที่มาของพระพุทธรูงปางน้ีมาจาก ขณะท่ีพระพุทธเจา้ ประทบั ณ โพธิบลั ลงั ก์ พญามารวสวตั ตีประทบั บนหลงั ชา้ งคีรีเมฃล์สูง 150 โยชน์ ยกทพั มาหมายจะทาลายความเพียรของพระองค์ พญามารเนรมิตร่างสูง ใหญ่มีมือนบั พนั ถือศสั ตราวธุ พร้อม นาเหล่าเสนามารมากมายมืดฟ้ ามวั ดิน เหล่าเทวดาท้งั หลายหนีไปหมด แต่พระบรมโพธิสัตวม์ ิไดห้ วาดกลวั พวก มารซัดศสั ตราวุธเขา้ ใส่พระบรมโพธิสัตว์ แต่ศสั ตราวุธเหล่าน้นั กลายเป็ นบุปผามาลยั ไปสิ้น พญามารยงั กล่าวทึกทกั ว่า รัตนบลั ลังก์เป็ นของตน พระบรมโพธิสัตว์ ทรงกล่าวว่า รัตนบลั ลงั ก์น้ีเกิดมาด้วยบุญท่ี พระองคส์ ่ังสมมาแต่ปางก่อน โดยอาศยั แม่พระธรณีเป็ นพยาน จึงนาพระหตั ถ์ขวาช้ีลงท้เั บ้ืองล่าง พระแม่ พระธรณีจึงปรากฎและไดไ้ ดป้ ล่อยมวยผมบีบน้าที่พระพุทธเจา้ กรวดอุทิศผลบุญจากการทาทานของพระ บรมโพธิสัตวใ์ นชาติตา่ ง ๆ ใหไ้ หลพดั พาเหล่ามารไปจนสิ้น ส่วนสาเหตุท่ีพระปางน้ีไดร้ ับอีกช่ือหน่ึงวา่ ปาง สะดุง้ มาร น้นั มาจาก คร้ังหน่ึง สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศรวยิ าลงกรณ์ สมเด็จพระสังฆราช องค์ท่ี 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผูท้ รงให้กาเนิดพระกริ่งและพระกร่ิงปวเรศ ไดเ้ สด็จไปเยือนพิพิธภณั ฑ์ สถาน และเมื่อทรงเห็นพระพุทธรูปปางมารวิชยั องคห์ น่ึงมีพระพกั ตร์ไม่งาม ก็ตรัสดว้ ยพระอารมณ์ขนั วา่ “พระองคน์ ้ีคงจะสะดุง้ มาร” ต่อมาสมเด็จฯกรมพระยาดารงราชานุภาพ ผทู้ รงจดั พิพิธภณั ฑ์สถานสาหรับ พระนคร ไดเ้ สด็จไปตรวจพิพิธภณั ฑ์ และทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปองค์หน่ึงมีพระพกั ตร์ไม่งาม จึง ตรัสข้ึนวา่ “องคน์ ้ีพระสะดุง้ มารน่ี” ต่อมา หลวงบริบาลบุรีภณั ฑ์ หวั หนา้ กองพิพิธภณั ฑ์และโบราณวตั ถุ ผดู้ ูแลพิพิธภณั ฑ์ ไดท้ าบตั รติดพระพุทธรูปไวว้ า่ เป็ นปางไหน จึงพาซ่ือเขียนป้ ายติดองคท์ ี่สมเด็จฯกรมพระ ยาดารงเคยตรัสไวว้ า่ “ปางสะดุง้ มาร” คร้ันสมเด็จฯกรมพระยาดารงมาเห็นป้ าย จึงเล่าเรื่องความเป็ นมาของ “พระปางสะดุง้ มาร” ให้หลวงบริบาลบุรีภณั ฑ์ทราบ และปรับเป็ นเงิน 1 บาทใส่ตูบ้ ารุงพิพิธภณั ฑ์ หลวง บริบาลบุรีภณั ฑเ์ ป็นผเู้ ชี่ยวชาญทางโบราณคดีและพระพุทธรูปอยา่ งมาก แต่เพราะความซื่อทาให้พลาดเร่ือง น้ี ท่านเป็ นผดู้ ูแลพิพิธภณั ฑ์สถานสาหรับพระนครในยุคก่อต้งั และวางรากฐานไวอ้ ยา่ งดีจนกา้ วหน้าถาวร มาถึงในวนั น้ี สมกบั ที่สมเด็จกรมพระยาดารงราชานุภาพทรงตรัสไวว้ า่ “ฉนั รักหลวงบริบาลฯเท่าไร หลวง บริบาลฯทราบอยแู่ ลว้ ถา้ รักฉนั ตอบ ขอใหบ้ ารุงรักษาพพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานซ่ึงเป็ นของรักของฉนั ให้ถาวรต่อไป” ดว้ ยเหตุน้ี พระปางมารวชิ ยั จึงไดอ้ ีกชื่อวา่ พระปางสะดุง้ มาร เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 15

ทำไมต้องเผำอ้อยก่อนตัด สาเหตุท่ีชาวไร่ออ้ ยตอ้ งเผาออ้ ยก่อนตดั ก็เพราะวา่ ในเวลาตดั ออ้ ย หรือเวลาเก็บ เก่ียวผลผลิตออ้ ยน้นั ตอ้ งใชค้ นงาน หรือจา้ งคนงานเขา้ ไปตดั ออ้ ยจานวนมาก แต่ไร่ไหนท่ีไม่เผาออ้ ยก่อนที่ จะใหค้ นงานเขา้ ไปตดั มกั จะโดนปฏิเสธจากคนงาน ไม่ยอมรับงานเขา้ ไปตดั เพราะออ้ ยสดน้นั ใบออ้ ยคม คนงานเขา้ ไปตดั ลาบาก จึงเก่ียงกนั และเลือกที่จะไปตดั ออ้ ยใหก้ บั ไร่ท่ีเผาออ้ ยก่อน เพราะทางานไดส้ ะดวก กว่า ประกอบกับเจ้าของไร่ อ้อยน้ัน ไม่มี ทางเลือกดา้ นแรงงานมากนกั เพราะระยะเวลา ในการเปิ ดหีบอ้อย และการรับซ้ืออ้อยของ โรงงานน้ัน มีระยะเวลาจากดั เป็ นช่วงเวลา ส้ันๆใน 1 ปี ชาวไร่ออ้ ยในพ้ืนที่ ตอ้ งรีบตดั ออ้ ยไปส่ง ในช่วงท่ีโรงงานรับซ้ือน้นั แรงงาน หรือคนงานตดั อ้อย เป็ นท่ีตอ้ งการเป็ นอย่าง มาก เจา้ ของไร่ใด ท่ีอานวยความสะดวกใหค้ นงานไดม้ ากที่สุด ก็จะไดจ้ า้ งก่อน เจา้ ของไร่ออ้ ย จึงใชว้ ิธีเผาไร่ ออ้ ย เพ่ือใหค้ นงานสามารถทางานไดส้ ะดวกย่ิงข้ึน ถึงแมว้ า่ การเผาออ้ ยน้นั จะทาใหค้ ่า CCS หรือค่าความ หวานของออ้ ยลดลง ทาใหข้ ายออ้ ยไดใ้ นราคาต่าลงก็ตาม ถามวา่ ปัจจุบนั มีบทลงโทษอะไรกรณีเผาออ้ ย หรือไม่ คาตอบคือ มี นอกจากตามระเบียบสานกั งานคณะกรรมการออ้ ยและน้าตาลทรายกาหนดวา่ ถา้ ใคร เผาออ้ ยจะถูกหกั 30 บาทตอ่ ตนั ออ้ ย โดยนาเงินที่หกั ไปส่งเสริมใหก้ บั เกษตรกรที่ตดั ออ้ ยสด โดยเพ่ิมราคาให้ สูงข้ึน อีกท้งั ยงั มีกฎหมายทอ้ งถ่ิน โดยกระทรวงมหาดไทย ระบุวา่ เกษตรกรชาวไร่ออ้ ยเก็บเกี่ยวออ้ ยดว้ ย วธิ ีการเผาไร่ออ้ ยก่อนตดั ส่งเขา้ โรงงานน้าตาล มีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคแรก ผูใ้ ดกระทาให้เกิดเพลิงไหมแ้ ก่วตั ถุใด ๆ แมเ้ ป็ นของตนเอง จนน่าจะเป็ นอนั ตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ ของผอู้ ่ืน ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท และมาตรา 25 วรรค 4 แห่ง พระราชบญั ญตั ิการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 การกระทาใด ๆ อนั เป็นเหตุใหเ้ กิดกล่ิน แสง รังสี ความร้อน สิ่งมี พิษ ความส่ันสะเทือน ฝ่ ุน ละออง เขม่า เถา้ หรือ กรณีอ่ืนใด จนเป็ นเหตุให้เส่ือมหรืออาจเป็ นอนั ตรายต่อ สุขภาพ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 16

รู้จักกบั ขนมจันอบั คาวา่ จนั อบั เป็ นคาที่เพ้ียนมาจากคาจีนท่ีมีความหมายวา่ กล่องใส่ของ กล่องบูชา หรือ ป่ิ นโต โดยภายในกล่องจะใส่ขนมท่ีเรียกว่า แตเ้ หล้ียว (เต่เหลียว) แต่ในปัจจุบนั น้ีความหมายของคาว่า จนั อบั กลายเป็นขนมหวานอยา่ งแหง้ ของจีน โดยขนมชนิดน้ีมีขายมาต้งั แต่ยคุ กรุงศรีอยธุ ยาแลว้ จากเอกสาร และบนั ทึกต่างๆ พบวา่ จนั อบั จะบรรจุขนมอยหู่ ลายชนิด เช่น สมยั รัชกาลท่ี 5 จะหมายถึงขนม 6 อยา่ ง แต่ เอกสารบางเล่มบอกวา่ เครื่องจนั อบั จะมีขนมมากถึง 58 อยา่ ง เรียกวา่ แตเ้ หล้ียว เป็ นขนมสาหรับการไหว้ ตรุษจีนและใช้ในงานเทศกาลต่างๆ ของจีน ใน เมืองไทยมี แตเ้ หล้ียว อยู่ 2 ชนิด คือ แบบฮกเก้ียน ที่มี เครื่องประกอบ 8 ชนิด พบไดเ้ ฉพาะท่ีจงั หวดั ภูเก็ต เท่าน้ัน และ แบบแต้จิ๋วหรื อกวางตุ้ง ท่ีมีเครื่ อง ประกอบ 5 ชนิด ภายในชุด ประกอบดว้ ย ถวั่ ตดั งาตดั ขา้ วพอง ฟักเชื่อม และลูกกวาด ซ่ึงนอกจากการไหว้ เจา้ แลว้ ขนมจนั อบั ยงั ถูกใชใ้ นงานมงคลอื่นๆ โดยเฉพาะงานแต่งงาน เพราะมีความหมายอนั เป็ นมงคลวา่ มี ความหวานช่ืนและความสุขที่เพมิ่ พนู ตลอดไป ทำไมตรุษจีน ต้องใส่ชุดแดง เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน สิ่งท่ีจะเห็นไดโ้ ดดเด่นตลอดเทศกาลก็คือ \"สีแดง\" ไม่วา่ จะเป็นโคมไฟ ขา้ วของเคร่ืองใช้ ของไหวเ้ จา้ หรือแมแ้ ต่ส่ิงท่ีประดบั ประดาอยตู่ ามบา้ นเรือนต่าง ๆ ของคน ไทยเช้ือสายจีน รวมไปถึง เส้ือผา้ ตรุษจีน ก็มกั เห็นแต่คนใส่แฟชนั่ ชุด แดงกนั ซะเป็ นส่วนใหญ่ สาหรับเหตุผลที่ชาวจีนนิยมใส่ \"สีแดง\" ใน วนั ตรุษจีนหรือวนั ข้ึนปี ใหม่ของจีนแทนเส้ือผา้ สีอื่นน้ัน เป็ นเพราะสี แดงในความเชื่อของชาวจีนถือเป็ นสีแห่งความเป็ นสิริมงคล ความโชค ดี ความสุข และเป็ นสีแห่งแสงสวา่ ง เชื่อกนั วา่ เป็ นสีท่ีมีพลงั อานาจใน การขบั ไล่สิ่งชวั่ ร้าย สิ่งอปั มงคล และภูตผีปี ศาจท้งั หลาย นอกจากน้ีสี แดงยงั เป็ นสัญลกั ษณ์แทนธาตุไฟ ท่ีส่ือถึงความเป็ นมงคลและความ เจริญรุ่งเรืองอีกดว้ ย ซ่ึงไมเ่ พียงแต่เทศกาลตรุษจีนเทา่ น้นั ท่ีคนจีนจะนิยมใส่สีแดง แต่ยงั นิยมใส่ในงานมงคล ต่าง ๆ ด้วย เช่น งานแต่งงาน งานเปิ ดกิจการใหม่ หรือวนั สาคญั ต่าง ๆ ของชาวจีน เป็ นตน้ และนอกจาก ความเช่ือเรื่องสีแดงคือสีแห่งมงคลแลว้ ยงั มีตานานของตรุษจีนท่ีเก่ียวกบั สีแดงอีกวา่ ในสมยั โบราณ ในป่ า ทึบแห่งหน่ึง มีสัตวป์ ่ าท่ีดุร้ายและน่ากลวั มากตวั หน่ึง เรียกวา่ \"เหนียน\" มกั ออกอาละวาดกินคนเป็ นประจา ในคืนก่อนวนั ตรุษจีน ทาให้ผคู้ นหวาดกลวั จนตอ้ งป้ องกนั การมาของเหนียน แรก ๆ ทุกครัวเรือนจะสะสม เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 17

เสบียงอาหารไวใ้ นบา้ น เม่ือถึงตอนค่าของวนั ที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิ ดประตูและหนา้ ต่างเอาไว้ ไม่หลบั ไม่ นอนตลอดคืน จนกระทง่ั ถึงรุ่งเชา้ (วนั ข้ึน 1 ค่า เดือน 1) เมื่อเหนียนกลบั ไปแลว้ ทุก ๆ บา้ นก็จะเปิ ดประตู ออกมาแสดงความยินดีต่อกนั ท่ีโชคดีไม่ไดถ้ ูกเหนียนทาร้าย แต่ต่อมาชาวบา้ นพบวา่ เหนียนมีจุดอ่อนคือ มี อยคู่ ร้ังหน่ึง เหนียนไปยงั หมู่บา้ นแห่งหน่ึงเจอเด็ก ๆ กาลงั เล่นหวดแส้กนั เสียงดงั เปร้ียงปร้างก็เลยตกใจเผน่ หนีไป เม่ือไปถึงหมู่บา้ นอีกแห่งหน่ึงก็เห็นมีชุดเส้ือผา้ สีแดงฉูดฉาดตากอยหู่ นา้ บา้ น เหนียนก็ตกใจเผน่ หนี ไปอีก และเมื่อไปถึงหมู่บา้ นแห่งท่ีสาม ปรากฏวา่ เหนียนไปพบเห็นกองเพลิงบนถนน สีของเพลิงท่ีเจิดจา้ ส่องสว่างก็ทาให้เหนียนเผน่ หนีไปอีกคร้ัง และต้งั แต่น้นั มาชาวบา้ นจึงไดร้ ู้วา่ เหนียนแมจ้ ะดุร้าย แต่ก็กลวั เสียงดงั สีแดง และไฟ และจากเหตุผลและตานานความเชื่อขา้ งตน้ น้ี จึงทาให้เป็ นท่ีมาของการใส่เส้ือสีแดง และการประดบั ประดาสถานที่ต่าง ๆ ดว้ ยสีแดงในวนั ตรุษจีนต้งั แต่น้นั มา เพราะเชื่อวา่ สีแดง เป็ นสีมงคล สามารถขบั ไล่สิ่งชว่ั ร้ายได้ นอกจากน้ียงั เชื่ออีกวา่ สีแดง ใส่ในวนั ข้ึนปี ใหม่แลว้ จะยง่ิ เฮงอีกดว้ ย ถังขยะแต่ละสี มีควำมหมำยว่ำอย่ำงไร สีของถงั ขยะ ถงั ขยะสีเขียว ถงั ขยะสีเขียวรองรับขยะที่เน่าเสียและยอ่ ยสลายไดเ้ ร็ว สามารถนามาหมกั ทาป๋ ุยได้ เช่น ผกั ผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ ถงั ขยะสีเหลือง ถงั ขยะสีเหลืองรองรับขยะท่ีสามารถนามารีไซเคิลหรือขาย ได้ เช่น แกว้ กระดาษ พลาสติก โลหะ ถงั ขยะสีฟ้ า ถงั ขยะสีฟ้ ารองรับขยะยอ่ ยสลายไม่ได้ ไม่เป็นพิษและไมค่ ุม้ คา่ การรีไซเคิล เช่น พลาสติกห่อลูกอม ซอง บะหม่ีสาเร็จรูป ถุงพลาสติก โฟมและฟอลย์ ท่ีเป้ื อนอาหาร ถงั ขยะสีแดง หรือ ถงั ขยะสีเทาฝาสีส้ม ถงั ขยะสีแดง หรือ ถงั ขยะสีเทาฝาสีส้มรองรับขยะที่มีอนั ตรายต่อส่ิงมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม เช่น หลอด ฟลูออเรสเซนต์ ขวดยา ถ่านไฟฉาย กระป๋ องสีสเปรย์ กระป๋ องยาฆ่าแมลง ภาชนะบรรจุสารอนั ตรายต่าง ๆ รู้แลว้ ทิ้งกนั ใหถ้ ูกถงั นะครับ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 18

ในงำนพิธี ต้ องจุดเทียนหรือจุดธูปก่อน การจุดธูปเทียนเป็ นการเร่ิ มต้นประกอบพิธีกรรมทาง พระพุทธศาสนา เจา้ ภาพควรเป็นผจู้ ุดธูปเทียนเอง หากเชิญให้ บุคคลอื่นมาเป็ นประธานในพิธี ควรเชิญให้ผเู้ ป็ นประธานน้นั เป็ นผูจ้ ุด และการจุดธูปเทียน ให้จุดเทียนทางขวามือของ พระพุทธรูปก่อน แลว้ จึงจุดเล่มทางซ้ายมือ เม่ือจุดเทียนแลว้ ให้จุดธูปเป็ นลาดบั ต่อไป โดยรวมธูปท้งั 3 ดอกมาจุดต่อกบั เทียนเล่มใดก็ได้ จากน้นั จึงปักธูปเรียงทีละดอก จากขวามือพระพุทธรูปไปทางซ้ายมือ ในกรณีท่ีมีผสู้ ่งเทียน ชนวน และปักธูปเรียงดอกชุบน้ามนั ที่ปลายธูปไวเ้ รียบร้อยแลว้ ประธานจะใชเ้ ทียนชนวนจุดเรียงดอกก็ได้ การจุดธูปเทียนบูชามีหลกั ในการจุดคือ ตอ้ งจุดเทียนก่อนจุดธูป หากเทียนมี 2 เล่ม และมีกระถางธูปอยตู่ รง กลาง ใหจ้ ุดเล่มท่ีอยดู่ า้ นซา้ ยมือของผจู้ ุดก่อนแลว้ จึงจุดเล่มขวามือ จากน้นั จึงจุดธูป วิธีจุดแบบน้ีใชท้ ว่ั ไปใน การจุดบูชาพระพุทธรูปท้งั งานมงคลและงานอวมงคล และจุดบูชาพระธรรมในงานศพ โดยมีเทียน 2 เล่ม ธูป 3 ดอก สรุปแลว้ ตอ้ งจุดเทียนก่อน จึงควรเรียกวา่ จุดเทียนธูป กำรสอบ N-Net คอื อะไร มีนกั ศึกษาสงสยั วา่ ทาไม ตอ้ งสอบ N-Net สอบไปทาไม N-Net คืออะไร? ยอ่ มา จากอะไร? ใชท้ าอะไร? มีประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง วนั น้ีเรามาดูกนั วา่ N-Net สาคญั อยา่ งไรบา้ ง ทาไมนกั ศึกษา กศน.ตอ้ งสอบกนั เรามาทาความรู้จกั กบั N-Net กนั N-Net ยอ่ มาจากภาษาองั กฤษ Non formal National Education Test คือ การทดสอบทางการศึกษาในระดบั ชาติข้นั พ้นื ฐานสาหรับนกั ศึกษาการศึกษานอก โรงเรียน -ใครเป็นผจู้ ดั ใหม้ ีการทดสอบ N- Net? สทศ. หรือ สถาบนั ทดสอบทาง การศึกษาแห่งชาติ (องคก์ าร มหาชน) ชื่อภาษาองั กฤษ National Institute of Educational Testing Service (Public Organization) ช่ือยอ่ “NIETS” -ขอ้ สอบประกอบไปดว้ ยวชิ าหรือเน้ือหาอะไรบา้ ง ขอ้ สอบมีท้งั หมด 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ 1. สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 2. ภาษาไทย 3. คณิตศาสตร์ 4. องั กฤษ 5. วทิ ยาศาสตร์ -ใครสามารถทดสอบหรือสอบ N-Net ไดบ้ า้ ง? เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 19

N-Net จะใชว้ ดั ความรู้และความคิดนกั ศึกษาใน ช้นั ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมธั ยมศึกษาตอน ปลาย สาหรับนกั ศึกษาที่จะจบการศึกษาในภาคเรียนน้นั ๆ -เอาคะแนนไปทาอะไรไดบ้ า้ ง มีความสาคญั อยา่ งไร 1. สาหรับช้นั ป.6 และ ม.3 นาคะแนน N-Net เพื่อไปประกอบและสมคั รเขา้ เรียนในช้นั ม.1 และ ม.4 ตามลาดบั โดยจะใชค้ ะแนน N-Net 20% จาก 100% และ อีก 80% เป็นคะแนนสอบแต่ละโรงเรียน 2. สาหรับช้นั ม.6 ใช้ N-Net เพือ่ ประกอบการสมคั รเขา้ เรียนมหาวทิ ยาลยั ในระบบ Admission ประมาณ 30% -ช่วงเวลากาหนดการทดสอบ N-Net สทศ. จะดาเนินการจดั สอบ N-Net ในทุกภาคเรียน ในช่วงเดือน สิงหาคม และเดือน มกราคม หรือ กมุ ภาพนั ธ์ สรุป N-Netเป็นการทดสอบเพอ่ื วดั และประเมินผลการศึกษาของแตล่ ะสถานศึกษาเพ่ือใหไ้ ดม้ าตรฐานเดียวกนั ทว่ั ประเทศและยงั สามารถนาผลการทดสอบไปสมคั รคดั เลือกเขา้ เรียนในช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ตอนปลาย และสถาบนั อุดมศึกษา หลกั กำรใช้คำเช่ือม แด่ แต่ แก่ ต่อ คาวา่ แด่ เป็นคาบุพบทท่ีใชแ้ ทนความหมายถึงผรู้ ับ โดย จะใชใ้ นกรณีท่ีผรู้ ับเป็นบุคคลท่ีเคารพ และมี สถานะสูงกวา่ เช่น ฉนั มอบดอกไมแ้ ด่คุณครู, เธอต้งั ใจเขียนการ์ดแด่พอ่ และแม่ เป็นตน้ คาวา่ แต่ เป็นคาบุพบทท่ีใชเ้ ช่ือมคานาม เพื่อใช้ บอกเวลา เช่น เขามาโรงเรียนแตเ่ ชา้ เลย, ฝนตก ต้งั แต่เชา้ จนถึงเยน็ แลว้ คาวา่ แก่ เป็นคาบุพบทท่ีใชแ้ ทนความหมายถึงผรู้ ับ โดยจะใชใ้ นกรณีที่ผรู้ ับเป็ นบุคคลที่มีอายนุ อ้ ยกวา่ หรือ มีสถานะนอ้ ยกวา่ ผพู้ ดู เช่น ฉนั ซ้ือขนมมาแจกใหแ้ ก่เดก็ ๆ , ครูใหร้ างวลั แก่เดก็ นกั เรียนเป็นประจา คาวา่ ตอ่ เป็นคาบุพบทที่ใชเ้ ช่ือมคานามเขา้ ดว้ ยกนั เพื่อแสดงความหมายของการมอบสิ่งของใหต้ อ่ หนา้ หรืออยใู่ นบริบทของการประจนั หนา้ เช่น ทุกคนควรซื่อสตั ยต์ อ่ หนา้ ท่ีของตนเอง, เด็กนกั เรียนแสดงความ เคารพต่อหนา้ ครูใหญ่ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 20

ที่มาของช่ือวนั ในภาษาองั กฤษ Sunday (วนั อาทิตย)์ Sunday มีรากศพั ทม์ าจากคา วา่ Sun (พระอาทิตย)์ ภาษาองั กฤษโบราณเรียกวนั อาทิตยว์ า่ Sunnandaeg หมายถึง Sun’s day วนั ของพระอาทิตย์ ประเพณีทางศาสนาส่วนใหญจ่ ะมีข้ึนในวนั ทิตยด์ ว้ ยวา่ เป็ นวนั เร่ิมตน้ สัปดาห์ และเม่ือแหงน หนา้ ข้ึนมองทอ้ งฟ้ า พระอาทิตยจ์ ะเป็นดาวที่ใหญท่ ่ีสุด ดงั น้นั จึงกลายเป็นชื่อวนั แรกของสัปดาห์ Monday (วนั จนั ทร์) Monday กเ็ ช่นเดียวกบั วนั อาทิตย์ มีที่มาจากเวลาท่ีชาวโรมนั โบราณแหงนหนา้ ข้ึนมอง ทอ้ งฟ้ า Monday มีรากศพั ทม์ าจากคาวา่ Moon (พระจนั ทร์) และภาษาองั กฤษโบราณเรียกวนั จนั ทร์วา่ Monandaeg หมายถึง วนั ของพระจนั ทร์ (Day of the Moon) Tuesday (วนั องั คาร) เป็นช่ือวนั ท่ีมาจากชื่อของดาวเคราะห์ซ่ึงหมายถึงช่ือของเทพในสมยั โรมนั วนั องั คาร นบั เป็นวนั ท่ี 3 ของสปั ดาห์ ต้งั ช่ือมาจาก Mars (ดาวองั คาร, เทพมาร์ส) อยา่ งไรกต็ าม ในประวตั ิศาสตร์ “ตานานเทพปกรณมั นอร์ส” เริ่มโดดเด่นข้ึนมา ส่งผลใหว้ นั ท่ี 4 ของ 7 วนั ในสัปดาห์ต้งั ชื่อตามเทพปกรณมั นอร์ส และ Tuesday ต้งั มาจากเทพเทียร์ (Týr) ซ่ึงเป็นเทพแห่งสงครามผกู้ ลา้ หาญแห่งเทพปกรณมั นอร์ส Týr ในภาษาองั กฤษโบราณคือ Tïw และกลายมาเป็นวนั องั คารในภาษาองั กฤษปัจจุบนั ดงั น้ี Tiwesdaeg → Tïw's day →Tuesday Wednesday (วนั พธุ ) รากศพั ทข์ องวนั พธุ คือ Odin เทพโอดินผสู้ ร้างโลกเป็นอีกหน่ึงเทพในตานานเทพ ปกรณมั นอร์ส อีกท้งั ยงั เคยถูกเขียนวา่ Woden ดว้ ย เทพโอดินเป็นบิดาของเทพเทียร์ (Týr) แห่งวนั องั คาร วนั ของ Odin ในภาษาองั กฤษโบราณ คือ Wōdnesdaeg → day of Woden → Wednesday Thursday (วนั พฤหสั บดี) ในสมยั โรมนั วนั พฤหสั บดีต้งั ช่ือมาจาก Jupiter (ดาวพฤหสั ) ส่วนในปัจจุบนั ถือวา่ เป็นวนั ของเทพธอร์ (Thor) หน่ึงใน ตานานเทพปกรณมั นอร์ส เทพธอร์เป็นลูกชายของเทพโอดิน Þunresdaeg → Thunor's day → Thursday วนั พฤหสั ฯ ในภาษาองั กฤษโบราณเรียกวา่ Þunresdaeg จากน้นั กลายมาเป็นวนั ของเทพธอร์ และเป็นวนั พฤหสั บดีในภาษาองั กฤษปัจจุบนั Friday (วนั ศุกร์) Frīġedaeġ → day of Frigg → Friday Friday ในภาษาองั กฤษโบราณคือ Frīġedaeġ มา จากรากศพั ทค์ าวา่ Frigg (เทพีฟริกก)์ ดงั น้นั วนั ศุกร์กค็ ือวนั ของเทพฟี ริกก์ (day of Frigg) นนั่ เอง เทพีฟริกก์ (Frigg) เป็นภรรยาของเทพโอดิน และเป็ นเทพแห่งความรักและการแตง่ งาน Saturday (วนั เสาร์) วนั เสาร์เป็น วนั แห่งดาวเสาร์ (Saturn) ท้งั ดาวเสาร์และวนั เสาร์ต่างก็ต้งั ชื่อตาม Saturn เทพแห่งการเกษตรกรรม การเก็บ เกี่ยว และพลงั เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 21

ที่มำของสำนวนเรียบร้อยโรงเรียนจีน สานวนเรียบร้อยโรงเรียนจีน เป็ นสานวนท่ีมีอายุมายาวนานร่วม ศตวรรษ คือเกิดข้ึนในสมยั ก่อนท่ีมีหน่วยงานหน่ึงชื่อวา่ กองโรงเรียนราษฎร์ ซ่ึงเป็ นส่วนราชการสังกดั กรม สามญั ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ส่วนราชการน้ีมีหนา้ ที่ดูแล และควบคุมสถานศึกษาที่เป็ นของเอกชน ท้งั หมด ซ่ึงปัจจุบนั น้ีได้เปลี่ยนช่ือจาก กองโรงเรียนราษฎร์ มาเป็ น สานักงานคณะกรรมการการศึกษา เอกชนตามที่เราไดค้ ุน้ ช่ือกนั แหละครับ... แต่เหตุท่ีเกิดสานวนน้ีข้ึน ก็เพราะว่ากองโรงเรียนราษฎร์มี เจา้ หน้าที่ตรวจโรงเรียน ดูแลความเรียบร้อยเก่ียวกบั การเรียนการสอน อาคารสถานท่ี รวมไปถึงการจดั สวสั ดิการใหแ้ ก่ครูและนกั เรียนใหเ้ ป็นไปตามระเบียบ และหลกั เกณฑ์ที่ทางราชการกาหนด ซ่ึงทุกคร้ังที่มี การตรวจโรงเรียนแตล่ ะคร้ัง จะสร้างความต่ืนตวั และต่ืนเตน้ ใหก้ บั โรงเรียนแต่ละแห่งมากๆ...เพราะหากผล ประเมินออกมาไมด่ ี โรงเรียนน้นั กอ็ าจจะตอ้ งปิ ดตวั ไป ดงั น้นั ทางเจา้ ของโรงเรียนก็จาเป็ นท่ีจะตอ้ งเอาใจใส่ ตอ้ นรับขบั สู้เป็นพเิ ศษในทุกคร้ังท่ีมีการไปตรวจโรงเรียน แน่นอน เจา้ ของโรงเรียนท่ีเป็ นคนจีนยอ่ มถนดั ใน เร่ืองเช่นน้ียิ่งกว่าเจา้ ของที่เป็ นคนไทย เพราะคนจีนจะเก่งดา้ นการเจรจา การคา้ ซ่ึงก็เป็ นท่ีรู้จกั ในบรรดา เจา้ หน้าที่วา่ ใครไดไ้ ปตรวจโรงเรียนจีน คนน้นั ยอ่ มเป็ นคนโปรดของหวั หน้ากอง หรือไม่ก็เป็ นท่ีชอบพอ เป็นพิเศษของผบู้ งั คบั บญั ชาระดบั สูงข้ึนไป ผลการตรวจกจ็ ะตอ้ งออกมาวา่ เรียบร้อยทุกคร้ังไป ซ่ึงก็เป็ นที่มา ของสานวนวา่ เรียบร้อยโรงเรียนจีน เพราะหากมาตรวจทีไรจะเรียบร้อย ครบถว้ น ถูกตอ้ งซะทุกที... ทำไมปลำสลิดถึงไม่มีหัว ปลาสลิดน้นั เป็ นปลาน้าจืด รูปร่างหน้าตาก็คลา้ ยกบั ปลากระด่ีหมอ้ ตวั สีเขียว มะกอกหรือสีน้าตาลคล้า มีแถบยาวตามลาตวั และก็มีหวั เหมือนปลาทว่ั ๆ ไป ดว้ ยเหตุท่ีเป็ นปลาเศรษฐกิจท่ี สาคญั อีกชนิดหน่ึงของไทย และนิยมนามาแปรรูปเป็ นปลาเคม็ หรือปลาสลิดตากแหง้ แบบที่เรารู้จกั กนั ดี ก็ เป็ นที่มาของการท่ีจะตอ้ งตดั หัวปลาสลิดออก เนื่องจากปลาสลิดน้นั เป็ นปลาท่ีมีมนั มาก โดยเฉพาะในส่วน ทอ้ งหรือพุงปลา ซ่ึงก่อนจะนามาคลุกเคลา้ เกลือเพื่อแปรรูปน้นั จะตอ้ งควกั ไส้ควกั พุง ตดั หวั ออก เพื่อเวลา ตากแดดแล้วปลาจะได้แห้งสนิท ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า อีกส่วนก็ เพ่ือใหเ้ กลือท่ีคลุกเคลา้ ตวั ปลาน้นั ซึมซาบเขา้ สู่เน้ือปลาไดท้ วั่ ท้งั ตวั มีความเค็มเท่าๆ กนั ท้งั ตวั เมื่อนาหวั และพุงปลาออกแลว้ เกลือก็ จะเขา้ ไปแทนที่ เป็นการยบั ย้งั แบคทีเรียท่ีจะทาใหป้ ลาเน่า และเมื่อ นาไปตากแดดให้แห้งสนิทแลว้ ก็จะช่วยถนอมอายุของปลาสลิด ให้สามารถเก็บไวก้ ินไดน้ านข้ึน ส่วนปลาสลิดท่ีมีช่ือเสียงที่รู้จกั กนั ทว่ั ก็คงจะเป็ น “ปลาสลิดบางบ่อ” ใน อ.บางบ่อ และ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซ่ึงเป็นพ้นื ที่เล้ียงปลาสลิดขนาดใหญ่ในอดีต เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 22

ไม้เท้ำคำดูเซียส สัญลักษณ์ทำงกำรแพทย์ หากกล่าวถึงตรา สัญลักษณ์ทางการแพทย์ ก็จะทาให้นึกถึงงูพนั ไม้เท้า ซ่ึง ส ถ า บัน ท า ง ก า ร แ พ ท ย์ห ล า ย แ ห่ ง ท้ ัง ใ น ป ร ะ เ ท ศ แ ล ะ ต่างประเทศไดน้ ามาใช้ ถา้ สังเกตใหด้ ีจะพบวา่ งูที่พนั ไมเ้ ทา้ มีท้งั แบบ 1 ตวั และ 2 ตวั แบบ 1 ตวั เรียกไมเ้ ทา้ แอสคูลาปิ อุส ส่วนแบบ 2 ตวั เรียกไมเ้ ทา้ คาดูเซียส ไมเ้ ทา้ แอสคูลาปิ อุส....แอสคูลาปิ อุส เป็ นบุตรของเทพอพอลโล ซ่ึงบิดาได้ นาไปฝากไครอนท่ีเป็ นเซ็นทอร์เล้ียงดูและประสิทธ์ ิประสาท วชิ าให้ แอสคูลาปิ อุสเป็ นเด็กท่ีเฉลียวฉลาดและแตกฉานในวชิ าการต่างๆ โดยเฉพาะโรคศิลป์ เมื่อโตข้ึนได้ เป็ นหมอรักษาโรคที่มีความสามารถยิง่ กวา่ อาจารย์ ชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล การที่งูเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งกบั แอสคู ลาปิ อุสน้นั มีเร่ืองเล่าวา่ ขณะที่ทา่ นกาลงั รักษาผปู้ ่ วยอยนู่ ้นั มีงูเล้ือยเขา้ มากดั ผปู้ ่ วย เลยตดั สินใจใชไ้ มเ้ ทา้ ตีงู จนตาย และรักษาผปู้ ่ วยรายน้นั กระทง่ั หายดี จากน้นั กใ็ ชส้ มุนไพรชุบชีวิตงูตวั น้นั ข้ึนมา งูจึงสานึกในบุญคุณ และเล้ือยข้ึนมาพนั ไมเ้ ทา้ และยอมเป็ นผูร้ ับใชใ้ นการรักษาโรคนบั แต่น้นั มา ภาพไมเ้ ทา้ ที่มีงูพนั หน่ึงตวั จึง เป็นสัญลกั ษณ์ของการแพทยแ์ ละการรักษา แสดงถึงจริยธรรมอนั แน่วแน่ ที่มำของหน้ำกำกอนำมัย หน้ากากอนามยั (Surgical mask) หมายถึง ผา้ ท่ีใช้สาหรับปิ ดปากปิ ดจมูก มี ลกั ษณะเป็นแถบสี่เหลี่ยมผนื ผา้ ที่ยดื ออกไดเ้ พื่อใหส้ ามารถครอบไดท้ ้งั จมูกและปาก มีสายโยงสาหรับคลอ้ ง ท่ีหู ใชส้ าหรับการปิ ดปากปิ ดจมูกเพื่อป้ องกนั เช้ือโรคเขา้ สู่ร่างกาย รวมถึงยงั สามารถใช้ป้ องกนั ฝ่ ุนละอองท่ีมีขนาดไม่เล็กมากเข้า จมูกไดด้ ว้ ย การใชห้ นา้ กากอนามยั น้นั เกิดข้ึนเม่ือช่วงเกือบสิ้น ศตวรรษท่ี 19 หลงั จากที่มีการคน้ พบวา่ เช้ือโรคสามารถติดต่อกนั ไดท้ างอากาศจากการหายใจเอาเช้ือโรคท่ีออกมาการไอหรือจาม ของคนไข้ ปอล แบร์เกอร์ (Paul Berger) แพทยช์ าวฝรั่งเศส ไดร้ ับ การบนั ทึกว่าเป็ นแพทยค์ นแรกที่สวมหน้ากากอนามยั ในระหว่างการผ่าตดั คนไข้ เม่ือปี ค.ศ. 1897 ใน ระยะแรกน้นั ผทู้ ่ีสวมหนา้ กากอนามยั มีเฉพาะแพทยแ์ ละบุคลากรที่ทางานดา้ นสาธารณสุขเท่าน้นั แต่ต่อมา เมื่อเกิดการระบาดของไขห้ วดั สเปนในปี 1919 จึงทาให้ประชาชนทวั่ ไปเร่ิมหนั มาสวมหนา้ กากอนามยั กนั บา้ งโดยเฉพาะเมื่อเวลาเจบ็ ป่ วยดว้ ยโรคที่ติดต่อทางการหายใจได้ เช่น โรคหวดั เพื่อป้ องกนั การติดเช้ือโรค รวมถึงป้ องกนั โรคไม่ใหแ้ พร่ขยายออกไปในวงกวา้ ง หนา้ กากอนามยั ในปัจจุบนั มกั จะมีโครงสร้างแบ่งเป็ น เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 23

3 ช้นั โดยช้นั นอกจะทาจากผา้ ที่ไม่ทอและเคลือบผวิ เอาไวเ้ พื่อป้ องกนั การผา่ นของเช้ือโรคและฝ่ ุนละอองใน อากาศ ตวั ผา้ มกั จะทาเป็ นจีบพบั เพ่ือให้สามารถดึงยืดออกเพ่ือครอบปากและจมูกได้ ดา้ นบนมกั จะมีลวด หรือแถบพลาสติกเพื่อช่วยกดใหผ้ า้ ติดกบั จมูกใหแ้ น่นข้ึนไม่เผยอออกไดง้ ่าย แน่นอนวา่ การสวมหนา้ กาก อนามยั ก็เป็ นแนวทางหน่ึงในการป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรคได้ แต่ก็ไม่ใช่ท้งั หมด เพราะเช้ือโรคยงั สามารถแพร่ระบาดไดด้ ว้ ยวธิ ีอื่น ๆ ไดอ้ ีก ดงั น้นั นอกจากการสวมหนา้ กากแลว้ การรักษาความสะอาดก็เป็ น สิ่งจาเป็น เช่น การใชน้ ้ายาฆ่าเช้ือทาความสะอาดในบริเวณที่มีการสัมผสั จบั ตอ้ งบ่อย (เช่น ลูกบิดประตู ราว บนั ไดหรือราวจบั บนรถโดยสาร) การลา้ งมือเป็ นประจา รวมถึงปฏิบตั ิตามคาแนะนาของแพทย์ ก็มีความ จาเป็นเช่นกนั ในการป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรค ชื่อเรียกเครื่องในสัตว์ ส่วนต่ำง ๆ เซ่ียงจี๊ คือ ไตของหมู ก๋ึน คือ กระเพาะบดอาหารของไก่ มีกลา้ มเน้ือ แข็งแรงสาหรับบดอาหาร โดยมีกอ้ นกรวดขนาดเล็กท่ีสัตวก์ ินเขา้ ไปเป็ น เคร่ืองช่วย ไส้ตนั คือ คือมดลูกของหมู และมีเฉพาะในหมูตวั เมียเท่าน้นั ผา้ ข้ีริ้ว คือ กระเพาะอาหารลาดบั แรกของววั ทางเดินอาหารของสัตวเ์ ค้ียว เอ้ือง มีลกั ษณะต่างจากสัตวก์ ินพืชอ่ืนๆ คือ ส่วนกระเพาะอาหารแบ่ง ออกเป็ น 4 ส่วน กระเพาะปลา คือ กระเพาะปลาไม่ใช่กระเพาะของปลา แต่มนั คือถุงลมของปลา มนั กุง้ คือ มนั กุง้ ไม่ใช่ไขมนั ของกุง้ แต่เป็ นตบั ของกงุ้ ไขห่ อยเมน่ คือ อณั ฑะ กบั รังไข่ ของหอยเม่น พระพุทธเจ้ำทำอย่ำงไรให้ พระสงฆ์ 1,250 รูป ได้ยนิ ท้งั หมด ถา้ เอาวธิ ีการทางคณิตศาสตร์มาคานวน พ้ืนท่ี ต่อคนเท่ากบั 1 ตร.ม. นง่ั ลอ้ มเป็นวงกลม สูตรพ้นื ท่ีวงกลม pi*r*r ลองแทนรัศมีท่ี 20 เมตร จะได้ 3.14 * 20 * 20 = 1,256 ตร.ม. ระยะ 1เมตร ตรงจุดศูนยก์ ลางเป็นพระบรมศาสดา ใหพ้ ระสงฆ์ นง่ั ลอ้ มรอบ พระพุทธองคเ์ ป็นวงกลม ผมเรื่ม ที่ วงแรกเลยนะครับ 1.วงแรก ใหพ้ ระสงฆ์ นง่ั บนวงกลม เส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง 4เมตร > เส้นรอบวง= 3x4 ยาว 12 เมตร (คา่ Pi 3.14 คิด 3 ถว้ น) ใหน้ ง่ั ตามตาแหน่งเลข นาฬิกา 12 ตาแน่งเลย = 12 รูป 2.วงที่2 คือวงกลมขนาดโต 6 เมตร (รัศมีบวกขา้ งละ 1 เมตร) = 18 รูป 3.วงท่ี3 คือวงกลมขนาดโต 8 เมตร = 24 รูป 4.วงท่ี4 คือวงกลมขนาดโต 10 เมตร= 30 รูป เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 24

5.วงที่5 คือวงกลมขนาดโต 12 เมตร = 36 รูป 6.วงท่ี6 คือวงกลมขนาดโต 14 เมตร = 42 รูป 7.วงที่7 คือวงกลมขนาดโต 16 เมตร = 48 รูป 8.วงที่8 คือวงกลมขนาดโต 18 เมตร = 54 รูป 9.วงที่9. คือวงกลมขนาดโต 20 เมตร= 60 รูป 10.วงท่ี10 คือวงกลมขนาดโต 22 เมตร= 66 รูป 11.วงท่ี11 คือวงกลมขนาดโต 24 เมตร= 72 รูป 12.วงท่ี12 คือวงกลมขนาดโต 26 เมตร= 78 รูป 13.วงที่13 คือวงกลมขนาดโต 28 เมตร= 84 รูป 14.วงที่14 คือวงกลมขนาดโต 30 เมตร = 90 รูป 15.วงที่15 คือวงกลมขนาดโต 32 เมตร= 96 รูป 16.วงท่ี16 คือวงกลมขนาดโต 34 เมตร = 102 รูป 17.วงท่ี17 คือวงกลมขนาดโต 36 เมตร = 108 รูป 18.วงที่18 คือวงกลมขนาดโต 38 เมตร = 114 รูป 19.วงที่19 คือวงกลมขนาดโต 40 เมตร = 120 รูป รวมกนั แลว้ ได้ = 1254 รูป พระสงฆน์ งั่ ห่างจากพระบรมศาสดา เป็นวงกลมรัศมี 20 เมตร เท่าน้นั วงนอก สุดโต40 เมตร หากผมคิดอะไรผดิ แยง้ ไดน้ ะครับ หรือจะเป็นวธิ ีที่สอง สงฆน์ ง่ั เป็ นรูปคร่ึงวงกลม แบง่ เป็น ส่วนช้นั ใน ช้นั นอก พอพระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมเป็นประโยคภาษาบาลี จบ ทีละประโยค สงฆช์ ้นั ใน ท่ีไดย้ นิ จากพระโอษฐ์ กจ็ ะสวดตาม เพอ่ื ขยายเสียง ไปใหส้ งฆช์ ้นั นอกไดย้ นิ ท่มี ำของสัญลักษณ์ มินิ ฮำร์ท มินิฮาร์ท คือ การใชน้ ิ้วโป้ ง ไขวน้ ิ้วช้ี คลา้ ยดีดนิ้ว บางคนเรียก ฟิ งเกอร์ ฮาร์ท เป็ นการ สัญลกั ษณ์ที่ตอ้ งการส่ือความหมายวา่ \"หัวใจดวงนอ้ ยๆ\" สาหรับท่ีมาของท่ามินิฮาร์ท ไม่ปรากฎแน่ชดั แต่โด่งดงั และเเพร่หลายหลังจากบรรดาศิลปิ นเกาหลีเป็ นคนเริ่ม นามาใช้ โดยคาดกนั วา่ พฒั นามาจากทา่ \"ซารางเฮโย\" ท่ีใช้ สองมือโคง้ เป็ นรูปหัวใจบนศรีษะ คนเกาหลีเรียกมนั วา่ 미니 하트 = mini heart ตามท่ีทราบมา หมายถึง ‘หวั ใจดวงนอ้ ย‘ คนเกาหลีจะออกเสียงวา่ มินิฮาทึ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 25

กำรจัดกำลงั ทหำรของไทย การเขียนนามหน่วยทหาร ในทางปฎิบตั ิแลว้ จะกระทาถึงเพยี งระดบั กองร้อย เทา่ น้นั เพราะกองร้อย เป็ นหน่วยเล็กท่ีสุดที่มีการดาเนินงานดา้ นธุรการ เช่น กองร้อยอาวธุ เบาที่ 2 กองพนั ทหารราบที่ 3 กรมทหารราบท่ี 23 จะเขียนวา่ ร.23 พนั 3 ร้อย 2 โดย * 1 หมู่ มี 11 นาย (ต่างประเทศบางแห่งอาจจดั 7-8 นาย) * 4 หมู่ (Section) เป็น 1 หมวด (1 หมวด = 44 นาย) (บางแห่งอาจจดั 2-4 หมู)่ * 4 หมวด (Platoon) เป็น 1 กองร้อย (1 กองร้อย = 176 นาย) * 4 กองร้อย (Company) เป็น 1 กองพนั (1 กองพนั = 704 นาย) * 4 กองพนั (Battalion) เป็น 1 กรม (1 กรม = 2,186 นาย) * 4 กรม (Regiment) เป็น 1 กองพล (1 กองพล = 11,264 นาย) * 4 กองพล (Division) เป็น 1 กองทพั ภาค (1 กองทพั ภาค = 45,056 นาย) (Field army) โดยทวั่ ไปกองพลทหารราบของไทยน้นั จะประกอบดว้ ย * 3 กรมทหารราบ (6,558 นาย) * 1 กรมทหารปื นใหญ่ (2,186 นาย) * กองพนั ทหารมา้ (704 นาย) * กองพนั ทหารช่าง (704 นาย) * กองพนั สื่อสาร (704 นาย) * กองพนั เสนารักษ์ (704 นาย) * กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล (176 นาย) * กองร้อยทหารมา้ ลาดตระเวน (176 นาย) * กองร้อยบิน (176 นาย) * และส่วนสนบั สนุนและช่วยรบอื่นๆ เช่น กองสรรพาวธุ กองพลาธิการ สารวตั รทหาร (ราว 100 นาย) * รวมท้งั สิ้น 1 กองพลทหารราบมีทหารราว (12,188 นาย) ~ ราว 1 กองพลตามที่คานวณไวแ้ ต่ตน้ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 26

เดย์ครีม กบั ไนท์ครีม ต่ำงกนั อย่ำงไร โดยทว่ั ไปแลว้ ครีมบารุงผวิ น้นั จะมีส่วนประกอบหลกั สาคญั ดว้ ยกนั 2 อยา่ งก็คือ น้าและน้ามนั ซ่ึงน้าและน้ามนั จะทาหนา้ ท่ีช่วยบารุงและใหค้ วามชุ่มชื่นแก่ผิวหลงั จากที่เราทา ความสะอาดหรือหลงั จากที่เราลา้ งหนา้ นนั่ เอง ซ่ึงครีมบารุงผวิ น้นั จะมี 2 แบบดว้ ยกนั ก็คือ ครีมบารุงผวิ หนา้ กลางวนั และครีมบารุงผวิ หนา้ กลางคืน ซ่ึงครีมท้งั สองอยา่ งน้ีมีความแตกตา่ งกนั ท้งั ส่วนประกอบ และ วธิ ีการใชบ้ ารุงผวิ อีกดว้ ย ครีมสาหรับทากลางวนั (Day Cream) เป็นครีมที่ใช้ ทาในช่วงกลางวนั เน่ืองจากครีมชนิดน้ีจะเนน้ ใน เรื่องการปกป้ องผวิ จากรังสี UV สารเคมีและอนุมลู อิสระที่ปะปนอยใู่ นมลพิษทางอากาศ เพราะเหตุน้ี เองจึงทาใหค้ รีมสาหรับกลางวนั จึงไดผ้ สมสารกนั แดดลงไปเพ่ือปกป้ องผวิ ของเราไม่ใหเ้ กิดการไหมแ้ ดดและยงั ช่วยลดความหมองคล้า นอกจากน้นั ยงั ช่วนลด ความหยาบกร้านของผวิ อีกดว้ ย ซ่ึงส่วนใหญ่ครีมสาหรับกลางวนั มกั จะถูกออกแบบมาใหม้ ีลกั ษณะคลา้ ย ครีมลองพ้นื ฉะน้นั ครีมกลางวนั จึงมีเน้ือครีมสมั ผสั ที่เบาเกลี่ยง่ายและเน้ือครีมยงั ซึมซบั เขา้ สู่ผวิ ของเราได้ ง่าย หลงั จากท่ีใชค้ รีมทากลางวนั น้ีจะสังเหตุไดเ้ ลยวา่ ผวิ หนา้ ของเราจะไม่ค่อยมนั สกั เทา่ ไหร่นอกจากน้ียงั ไมอ่ ุดตนั รูขมุ ขนบนผวิ หนา้ ของเราอีกดว้ ย ครีมสาหรับทากลางคืน (Night Cream) เป็นครีมท่ีใชท้ าช่วงกลางคืนหรือก่อนนอน เนื่องจากครีมจะชนิดจะ เป็นครีมบารุงผวิ ท่ีเนน้ ไปทางคุณสมบตั ิในการช่วยฟ้ื นฟูผวิ โดยส่วนใหญแ่ ลว้ ครีมทากลางคืนน้นั จะช่วยใน เรื่องการตา้ นการเกิดริ้วรอย ช่วยใหผ้ วิ ชุ่มชื่นมากเป็นพิเศษ ฉะน้นั ครีมทากลางคืนจึงมีเน้ือครีมท่ีมีความ เขม้ ขน้ มากกวา่ ครีมทากลางวนั และการซึมเขา้ สู่ผวิ กใ็ ชเ้ วลานานกวา่ เป็นชวั่ โมงเลยทีเดียว เราสามารถใชค้ รีมท้งั 2 อยา่ งน้ีแทนกนั ไดห้ รือไม่? ความจริงแลว้ การที่เราจะใชค้ รีมกลางวนั แทนครีม กลางคืนหรือครีมกลางคืนแทนครีมกลางวนั ก็ตามใหเ้ ราดูในส่วนของสารประกอบหรือส่วนผสมในครีม เป็ นหลกั 1. การใชค้ รีมกลางคืนแทนครีมกลางวนั ใหเ้ ราดูก่อนวา่ ครีมกลางครีมยหี่ อ้ ไหนมีเพยี งแคส่ ารใหค้ วามชุ่มช่ืน แก่ผวิ หรือเป็ นเพยี งครีมธรรมดากส็ ามารถใชท้ าในช่วงกลางวนั ไดแ้ ตข่ อ้ เสียของมนั หลงั จากที่เราทาก็คือมนั จะทาใหใ้ บหนา้ ของเรามนั และยงั ไมช่ ่วยกนั แดดจากรังสี UV อีกดว้ ย 2. การใชค้ รีมกลางวนั แทนครีมกลางคืน ซ่ึงการใชค้ รีมกลางวนั แทนครีมกลางคืนน้นั มนั จะไม่มีประโยชน์ เลยเนื่องจากในครีมกลางวนั จะมีสารท่ีช่วยป้ องกนั แสงแดดหรือรังสี UV และในช่วงกลางคืนน้นั เป็นช่วงทื่ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 27

ไม่มีแสงแดดอยเู่ ลย นอกจากน้ีสาหรับบางคนก็อาจจะเกิดแพค้ รีมหรือสารบางตวั ที่อยใู่ นสารกนั แดดข้ึนได้ ดงั น้นั ก่อนท่ีเราจะเลือกทาครีมบารุงผวิ หรือใชค้ รีมบารุงผิวตา่ งๆ เราควรเลือกใหเ้ หมาะสมกบั สภาพผวิ ของ เรา เน่ืองจากคนเรามีท้งั มีแห้ง ผวิ มนั และผวิ ผสม นอกจากน้ีใหเ้ ราดูวา่ ครีมน้นั มีกลิ่นท่ีหอมเกินไปหรือไม่ เพราะถา้ เกิดครีมน้นั หอมเกินไปแสดงวา่ มีน้าหอมเป็นส่วนผสมอยคู่ ่อนขา้ งมาก ซ่ึงในบา้ งคร้ังอาจจะทาให้ เราเกิดแพค้ รีมข้ึนมาได้ อยา่ งไรกต็ ามควรเลือกใชค้ รีมกลางวนั ไวท้ าในตอนกลางและครีมกลางคืนทาใน ตอนกลางคืนเพ่อื ใหผ้ วิ ของเราไดป้ ระโยชน์สูงสุดและประสิทธิภาพดีที่สุดนนั่ เอง ทำไม วนั ท่ี 14 กุมภำพนั ธ์ ถงึ เป็ นวนั แห่งควำมรัก เหตุเป็นเพราะวนั ท่ี 14 กุมภาพนั ธ์น้นั เป็ นวนั เสียชีวติ ของ นกั บุญวาเลนไทน์ หรือเซนตว์ าเลนไทน์ นกั บุญแห่งความรัก นน่ั เอง นกั บุญวาเลนไทน์ เป็ นผรู้ ิเริ่มการจดั งานแต่งงานในยุค ท่ีไมน่ ิยมใหแ้ ตง่ งานกนั เหตุเพราะในช่วงน้นั โรม ตอ้ งประสบ กบั สงคราม จกั รพรรดิคลอดิอุสท่ีสอง ตอ้ งการเกณฑค์ นไปรบ แต่มีบุคคลจานวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่ อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทาให้ จกั รพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตดั สินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหม้นั ท้งั หมดของชาวโรมนั ในยคุ น้นั ไปหมด อยา่ งสิ้นเชิง แต่นกั บุญวาเลนไทน์กลบั สวนกระแสของจกั รพรรดิคล อดิอุสท่ีสอง ชกั ชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจบั ตวั ไปขงั เอาไว้ และในคุกท่ีคุมขงั นกั บุญวา เลนไทน์น้นั เขาไดพ้ บรักกบั สาวตาบอดนางหน่ึง เมื่อโดนจบั ได้ นกั บุญวาเลนไทน์จึงถูกนาตวั ไปประหาร ในวนั ท่ี 14 กุมภาพนั ธ์ วนั ดงั กล่าวจึงกลายมาเป็ น วนั วาเลนไทน์ วนั ท่ีผูค้ นจะราลึกถึงนกั บุญผอู้ ุทิศตนให้ ความรักนนั่ เอง ทม่ี ำของสัญลกั ษณ์รูปหัวใจ รูปหวั ใจท่ีเราเห็นกนั ทุกวนั น้ีมี ตน้ ตอมาแต่ยุคโรมนั โบราณท่ีนิยมใช้รูปทรงของใบไอว่ี (ตน้ ไมเ้ ล้ือยท่ีใบรูปหัวใจน่ะครับ) จารึกลงบนศิลา เพราะ ความหมายโดยนยั ไอว่เี ป็ นพืชท่ีมีใบสีเขียวสดตลอดปี ไม่ วา่ อากาศจะเป็นอยา่ งไรก็ตาม หรือแมว้ า่ ตน้ ไมอ้ ื่นจะเปลี่ยน สีใบไปตามสภาพอยา่ งไร แต่ไอว่ีจะยงั คงความเขียวสดอยู่ เช่นน้นั เสมอ ดงั น้นั ไอวจี่ ึงถูกผกู โยงเขา้ กบั ความรัก และความซื่อสัตย์ แลว้ ดว้ ยความเป็ นไมเ้ ล้ือยที่เกาะเก่ียว มว้ นพนั ไปเร่ือย ๆ ไอว่ีจึงส่ือไดถ้ ึงความผกู พนั ท่ีไม่มีวนั เส่ือมคลายดว้ ยเหมือนกนั รวม ๆ ความหมายแลว้ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 28

ไอว่ีเลยส่ือไดถ้ ึง ‘ความรักอนั เป็ นนิรันดร์’ ดว้ ยความหมายเช่นน้ีชาวคริสเตียนจึงนิยมจารึกหลุมศพของผู้ เป็นท่ีรัก ดว้ ยใบทรงรูปหวั ใจของไอวี่ ตอ่ มาศิลปิ นในยคุ คริสตศตวรรษท่ี 12-13 ก็ไดน้ าเอาใบไอว่ีมาระบาย ดว้ ยสีแดง และเริ่มใชใ้ บไมส้ ีแดงน้ีเพ่ือส่ือถึงความรัก และแพร่หลายกนั มากในช่วงยคุ กลาง จากน้นั เม่ือรูป หวั ใจอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิของคาทอลิกแพร่กระจายไปทว่ั โลก รูปหวั ใจกก็ ลายเป็นสัญลกั ษณ์ที่ส่ือแทนความรักของ คนเรา รวมไปถึงความรักความศรัทธาในศาสนาดว้ ย ยำบรรเทำปวดแบบร้อนกับแบบเย็นต่ำงกนั อย่ำงไร แบบร้อนใชเ้ ม่ือ จากการพิจารณาเบ้ืองตน้ ถา้ มีอาการ ปวดแบบเป็ นๆ หายๆ มีอาการมานานหรื อเร้ือรัง หรือปวด ร่วมกบั มีอาการตึงกลา้ มเน้ือ ควรใชย้ าบรรเทาอาการปวดอกั เสบ กลา้ มเน้ือสูตรร้อน เพราะความร้อนจะทาใหห้ ลอดเลือดขยายตวั การไหลเวียนของเลือดจะดีข้ึนจึงช่วยลดอาการปวดตึงกลา้ มเน้ือ ได้ ท้งั น้ี ไม่ควรถูหรือนวดมากเกินไป เพราะจะทาให้รู้สึกแสบ ร้อนบริเวณที่ทายา และตอ้ งไม่ใช้ยาบรรเทาอาการปวดอกั เสบ กล้ามเน้ือสูตรร้อนในบริเวณที่มีบาดแผลเปิ ดหรือมีเลือดออก เพราะจะยิง่ ทาให้มีการอกั เสบเพิ่มมากข้ึน แบบเยน็ ใชเ้ ม่ือ จาก การพิจารณาเบ้ืองตน้ หากเกิดการบาดเจ็บเฉียบพลนั หรือ มีอาการปวด บวม ควรเลือกใชย้ าบรรเทาอาการ ปวดอกั เสบกลา้ มเน้ือสูตรเยน็ เพราะความเยน็ จะทาให้เส้นเลือดหดตวั ทาใหเ้ ลือดออกนอ้ ยลงและช่วยลด บวมได้ ไม่ควรใชย้ าทาสูตรร้อน เพราะมนั จะไปกระตุน้ การอกั เสบ ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยปวดอกั เสบ กลา้ มเน้ือควรใชภ้ ายใตก้ ารดูแลของเภสชั กร หรือแพทยเ์ ท่าน้นั นะครับ หากอาการปวดอกั เสบไม่บรรเทาลง เลยภายใน 2 สปั ดาห์หลงั การใชย้ า ควรรีบปรึกษาแพทยโ์ ดยด่วน ทม่ี ำคำว่ำ โก้เก๋ โกเ้ ก๋ หมายถึง หรูหรา งามเขา้ ที มกั ใชก้ บั การแต่งตวั หรือกิริยาอื่นๆ เช่น “เฮย้ แก ดูคนน้ันสิทาผมทรงพายุหมุนพดั ทุ่ง หญา้ ดว้ ย ดูโกเ้ ก๋มากเลยอะ” แต่รู้หรือไม่วา่ ตน้ กาเนิดของคาวา่ โกเ้ ก๋ น้ันมาไกลจากฝรั่งเศสเลยทีเดียว แถมรากศพั ท์เดิมไม่ได้แปลว่า หรูหราเสียดว้ ย แต่เป็นชื่อกีฬาชนิดหน่ึง เอ๊ะแลว้ ชื่อกีฬากลายมาเป็ น โกเ้ ก๋ของเราไดย้ งั ไงวนั น้ีไปหาคาตอบกนั ครับ คาวา่ โกเ้ ก๋มีที่มาจาก กีฬาชื่อ Coquet เขา้ มาในช่วงสมยั รัชกาลท่ี5ของไทย ช่วงน้นั ไทย เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 29

กาลงั เปิ ดรับวฒั นธรรมและชาวต่างชาติมากข้ึนเพื่อพฒั นาชาติใหร้ อดพน้ จากการล่าอาณานิคม ของจากทาง ฝรั่งจึงดูเป็ นส่ิงทนั สมยั และดูเท่ ช่วงน้ันสุภาพสตรีช้ันสูงชาวตะวนั กาลงั นิยมเล่นCoquetกนั มาก ทาให้ เจา้ นายฝ่ ายในของสยามฝึกหดั เล่นดว้ ย สุดทา้ ยเรียกไปเรียกมาCoquetก็เพ้ียนกลายเป็ นโกเ้ ก๋แลว้ เอามาใชใ้ น ความหมายวา่ หรูหรางามเขา้ ที เพราะคนท่ีเล่นโกเ้ ก๋ไดใ้ นสมยั ก่อนน้นั จะดูทนั สมยั ดูดีมีรสนิยมนนั่ เอง ผดั กระเพรำ ผดั ขีเ้ มำ ผดั ฉ่ำ ต่ำงกนั อย่ำงไร ผดั กระเพรา > จะมีใบกะเพราเป็นหลกั พริก กระเทียม และเน้ือ ตามตอ้ งการ กลิ่นกะเพราจะโดดเด่นมาก ผดั ข้ีเมา > จะคลา้ ย ผดั กะเพรา แต่จะมีผกั เพ่ิมข้ึนมา เช่น ขา้ วโพดอ่อน แครอท พริกไทอ่อน พริกช้ีฟ้ า จะดูหลากหลายข้ึน รสชาติเผด็ นา เนน้ หอมเคร่ืองมากกวา่ ผดั ฉ่า > จะออกไปดา้ นสมุนไพรเสีย มากกวา่ นะครับ มีกระชาย พริกไทออ่ น และโหระพา กล่ินจะ แตกต่างจากสองอยา่ ง ดา้ นบน สีจดั จา้ นออกแดงๆส้มๆ แต่ เผด็ เหมือนกนั ครับ ส่วนที่มาของผดั ข้ีเมาน้นั มาจาก พวกข้ีเมานงั่ ลอ้ มวงด่ืมกนั อนั ขาดกบั แกลม้ เสียมิได้ แต่ ความดึกดื่นประกอบกบั ในครัวขาดของจึงร้ือตูเ้ ยน็ มีสิ่งใดก็จบั โยนลงกระทะไป ใส่เผด็ ใส่ร้อนแรงไปให้ สะดุง้ ลิ้นพวกข้ีเมาจึงจะเห็นว่าผดั ข้ีเมาน้นั ใส่เครื่องหลายอย่างไปหมด ส่วนชื่อผดั ฉ่า น้นั มาจาก เสียงที่ อาหารถูกจดั เสิร์ฟลงบนกระทะร้อนเสียงดงั ฉ่าาาาาาาาเลยเป็ นท่ีมาของผดั ฉ่า ส่วนเคร่ืองปรุงสมุนไพรต่างๆ น้นั ใส่เพือ่ ดบั กลิ่นและเพ่มิ ความเผด็ ร้อนครับ ทำไมจังหวัดอุบลรำชธำนี ถึงมีคำว่ำรำชธำนีต่อท้ำย ท้ังๆท่ีไม่ได้เป็ นเมืองหลวง ชื่อน้ีน้นั เกิดข้ึนในสมยั รัชกาลท่ี 1 โดยมีบนั ทึกวา่ “…เมืองอุบลฯ น้ี โปรดเกล้า ให้เป็ นเมืองอาสาหลวงเดิม เ พ ร า ะ ถ้ า มี พ ร ะ ร า ช ส ง ค ร า ม ม า ติ ด พ ัน ประเทศ เมืองอุบลฯ (พระประทุมฯ) ก็โปรด เ ก ล้า ฯ ใ ห้ติ ด ส อ ย ห้ อ ย ต า ม เ ส ด็ จ ไ ป ปราบปรามทุกคร้ังฐานะเป็ นประเทศราช จึง พระราชทานนามเมืองอุบลฯ ต่อทา้ ยวา่ “เมืองอุบลราชธานี” ดงั กล่าว…” เพื่อเป็ นบาเหน็จความดีความชอบ คร้ังน้ี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหย้ กฐานะบา้ นหว้ ยแจะละแม่ ข้ึนเป็ น “เมืองอุบลราชธานี” ตามนามพระประทุมฯ ท่ีปรากฏในจดหมายเหตุทรงต้งั เจา้ ประเทศราช สมยั เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 30

กรุงรัตนโกสินทร์ตอนตน้ ดงั น้ี หรือ สรุปง่ายๆ คือ ในอดีต อุบลราชธานี น้นั มีฐานะเป็ นประเทศราช และ เป็ นเมืองสาคญั อีกท้งั ผปู้ กครองก็ยงั สนบั สนุนพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 1 จึงโปรดให้เจา้ เมืองเป็ น กษตั ริย์ ครองเมืองประเทศราช ทำไมแมลงสำบมักหงำยท้องตำย ปกติเม่ือเราฉีดยาฆ่าแมลงมกั พบกวา่ แมลงสาบจะหงายทอ้ งตาย สาเหตุที แ ม ล ง ส า บ ห ง า ย ท้อ ง ต า ย น้ัน เ พ ร า ะ ว่า แมลงสาบไมไ่ ดถ้ ูกสร้างข้ึนมาเพ่ืออาศยั อยบู่ น พ้ืนผิวเรี ยบๆลื่นๆ และโล่งๆ โครงสร้าง ร่างกายของมนั ส่วนใหญ่สร้างมาเพื่ออาศยั อยู่ ในพ้ืนที่ขรุขระ มีเศษวสั ดุอย่างเช่น ใบไม้ ก่ิง ไม้ กระจดั กระจายไปทว่ั เม่ือมนั มาอาศยั อยู่ ในเมือง ซ่ึงมีแต่พ้ืนเรียบๆลื่นๆ และโล่งๆ ก็ จะทาใหม้ นั มีโอกาสมากที่จะพลิกกลบั ลาตวั ไม่ได้ เม่ือเผอิญหงายทอ้ งไป ดงั น้นั อาจบอกไดว้ ่า บา้ นใครท่ี สะอาดๆ แมลงสาบมีโอกาสจะตายเอง มากกวา่ แมลงสาบท่ีพบหงายทอ้ งตาย มกั ตายจากยาฆ่าแมลง ซ่ึงยา ฆ่าแมลงน้ี จะมีผลต่อระบบประสาทของแมงสาบ โดยไปยบั ย้งั การทางานของอนไซ Cholinesterase เอนไซมช์ นิดน้ีเป็ นเอนไซมท์ ่ีมีหนา้ ท่ีสลาย Acetylcholine (ACh) ซ่ึงเป็ นสารส่ือประสาท เม่ือเอนไซมไ์ ม่ ทางาน มี ACh มากเกินไป จะทาให้กลา้ มเน้ือเกิดอาการอมั พาต ขาของแมลงสาบจะงอเขา้ หากนั เกิดเป็ น ความไม่สมดุล และทาใหแ้ มลงสาบหงายทอ้ งตายน้นั เอง ทำไมหมูยอต้องห่อใบตอง การทาหมยู อตอ้ งห่อดว้ ยใบตองหนาๆ ก็เพราะวา่ ในการทาหมูยอตอ้ งน่ึงหรือตม้ ถา้ ห่อบาง เวลาน่ึงหรือตม้ หมูยอจะแตกออกมาครับ คนทา จึงเพียรพยายามห่อใบตองหลายๆช้ัน อีกท้งั การห่อด้วย ใบตองจะทาให้ หมูยอมีกล่ินหอม และรสชาติอร่อยกวา่ ไม่ ห่อ หรือห่อดว้ ยพลาสติกอีกด้วย อีกท้งั เป็ นการเก็บรักษา หมูยอให้มีอายุได้ยาวนาน โดยหมูยอที่ห่อด้วยใบตอง สามารถเก็บไดน้ านถึง 7 วนั ในอุณหภูมิห้อง (อยา่ ร้อนมาก เกินไป) ถา้ ใส่ตูเ้ ยน็ จะเก็บไดน้ านกวา่ น้นั เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 31

รู้จักสำมเหล่ียมมรกต สำมเหลี่ยมมรกต หรือ ช่องบก เป็ นพ้ืนท่ีรอยต่อระหวา่ งชายแดนไทย ประเทศลาว และประเทศกมั พชู า มีพ้ืนที่ประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร สาหรับพ้ืนที่ส่วนที่อยใู่ นประเทศไทยคือ พ้ืนท่ีใน อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อาเภอน้ายืน จงั หวดั อุบลราชธานี พ้ืนท่ีในเขตประเทศลาวคือเมืองมูลประ โมกข์ แขวงจาปาศกั ด์ิ ส่วนพ้ืนที่ในประเทศกมั พูชาคือเมืองจอมกระสานต์ จงั หวดั พระวิหาร สามเหลี่ยม มรกตต้งั ช่ือเลียนแบบสามเหล่ียมทองคา ซ่ึงเป็ นพ้ืนที่รอยต่อ ของไทย ลาว และพม่า ในภาคเหนือ โดยสามเหล่ียมมรกต เป็ นช่ือที่มาเรียกกนั ในช่วงหลงั แต่ในช่วงปี 2528-2530 จะ เป็ นท่ีรู้จกั ของผูค้ นในยุคสมยั น้นั ในช่ือ ช่องบก ซ่ึงเป็ นยุทธ ภูมิการต่อสู้ระหวา่ งทหารไทยกบั ทหารเวียดนามในเขมรที่รุก ล้าเขา้ มาในดินแดนไทย เป็ นตานานการสู้รบที่ทหารไทยตอ้ ง สละชีพลงถึง 109 นาย และเป็ นพ้ืนท่ีเคล่ือนไหวของกลุ่มเขมรแดง ทาให้พ้ืนที่โดยรอบยงั มีทุ่นกบั ระเบิดที่ ถูกฝังไวโ้ ดยยงั ไม่ไดก้ ูอ้ ีกเป็ นจานวนมาก โดยชื่อสามเหล่ียมมรกต น้นั มาจากชื่อ ห้วยพลาญเสือตอนบน เป็นผนื น้าสีเขียวเขม้ ที่คลา้ ยสีของมรกต ท่ีมำของสัญลกั ษณ์ PX เคร่ืองหมาย Px เป็ นสัญลกั ษณ์ของวชิ าชีพเภสัชกรรม เป็ น เคร่ืองบ่งบอกวา่ ร้านที่มี เครื่องหมายน้ีเป็ นร้านขายยาท่ีเกี่ยวข้องกับวิชาชีพเภสัช กรรม ตวั |R| มาจากภาษาลาตินวา่ |รีซิเป| Recipe แปลวา่ | จงเอา| ส่วนเคร่ืองหมาย | | ท่ีหางตวั R เช่ือกนั วา่ เป็ น เครื่องหมายแสดงถึงดวงตาของเทพเจา้ โฮรัส Horus หรือจู ปี เตอร์ Jupiter ซ่ึงเป็ นเทพเจา้ แห่งการบาบดั รักษาโรคของโรมนั สัญลกั ษณ์อีกอย่างหน่ึงของวิชาชีพเภสัช กรรม คือ รูปงูพนั ถว้ ยยาของเทพีไฮเยยี Hygeia ซ่ึงเป็นหมอเช่ียวชาญเร่ืองยาและเป็ นเทพีแห่งสุขภาพในเทพ นิยายของกรีก “ สลำกกนิ แบ่งกบั สลำกกำรกุศลต่ำงกนั อย่ำงไร สลากท้งั 2 ประเภท ออกโดยสานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ ความแตกต่างของสลาก 2 ประเภทน้ีคือ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ถา้ เราถูก แลว้ ไปข้ึนเงิน เราจะถูกหกั อยทู่ ่ีร้อยละ 0.5 บาท แต่สลากการกุศุลจะถูกหกั ท่ีร้อยละ 1 บาท แต่ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 32

โดยทวั่ ไปคนถูกเลขทา้ ยตามต่างจงั หวดั ก็คงไม่มีใครไปข้ึนเงินท่ีกองสลากหรอก จริงม้ยั ?? ก็จะโดนหกั แบบ สลากกินแบ่งรัฐบาล 2 บาท สลากการกุศล จะโดน 3 บาท ประมานน้ี เวลาซ้ือควรดูดีๆ เพราะใบคู่ พวกใบหลงั เคา้ จะชอบหนีบ สลากการกุศลพว่ งมา ที่มำของสัญลกั ษณ์อินฟิ นิตี้ สัญลกั ษณ์อินฟิ นิต้ี (Infinity, ∞) ท่ีมีลกั ษณะเป็ นวงกลมสองวงอยตู่ ิดกนั หรือ เลข 8 นอนตะแคง (Lazy 8) ในบางคร้ังเรียก เคร่ืองหมายน้ีวา่ lemniscate เป็ นสัญลกั ษณ์ ที่พบไดใ้ นทางคณิตศาสตร์และฟิ สิกส์ แทน ความหมายว่า ไม่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต เป็ น อนันต์ เช่น ตัวเลขในระบบการนับท่ี สามารถนบั ไปไดเ้ ร่ือยๆ จนไม่รู้วา่ ไปสิ้นสุด ท่ีไหน หรือระยะทางท่ีไกลมากๆ จนไมส่ ามารถระบุไดว้ า่ ไกลแค่ไหน สัญลกั ษณ์อินฟิ นิต้ีถูกใชค้ ร้ังแรกใน ปี ค.ศ. 1655 โดยจอห์น วอลลิส (John Wallis) นกั คณิตศาสตร์ชาวองั กฤษ คาดกนั วา่ สร้างข้ึนตามลกั ษณะ ของอูโรโบรอส (Ouroboros) หรืองูกินหาง อูโรโบรอส มาจากคาสองคาในภาษากรีก คือ Oura ซ่ึงหมายถึง หาง และ Boros ซ่ึงหมายถึงการกิน เม่ือมารวมกนั จึงหมายถึง ผกู้ ินหางตวั เอง หรือหมายถึงการตายและการ เกิดใหมท่ ี่ไมม่ ีวนั สิ้นสุดนน่ั เอง นอกจากน้ียงั มีนยั สาคญั ท่ีแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวในทิศทางตามเข็ม และทวนเข็มนาฬิกา ที่ตีความได้ว่าเป็ นความตรงกันข้ามท่ีแฝงไปด้วยความสมดุล เช่น ผูช้ าย-ผูห้ ญิง กลางวนั -กลางคืน สญั ลกั ษณ์อินฟิ นิต้ีมีปรากฏใหเ้ ห็นในชีวติ ประจาวนั อยบู่ า้ ง เช่น บนเลนส์กลอ้ งถ่ายภาพ เคร่ืองหมายการคา้ ตา่ งๆ เคร่ืองประดบั ท่ีนาแนวคิด \"ไม่มีจุดสิ้นสุด\" มาประกอบการออกแบบ หรือในแง่มุม ของหนงั สือ กล่าวคือ สัญลกั ษณ์น้ีถูกนามาใชก้ บั หนงั สือท่ีพิมพจ์ ากผลิตภณั ฑก์ ระดาษท่ีปราศจากกรด ซ่ึงมี ขอ้ ดีคือกระดาษจะไมเ่ หลืองเหมือนกระดาษทว่ั ไปและไร้สารพษิ ทำไมชำยกบั หญงิ อย่กู นั สองคนถึงเรียกสองต่อสอง เพราะ สมยั ก่อนจะมีพี่ เล้ียงไปดว้ ย คือผชู้ ายกม็ ีพี่เล้ียงเป็นผชู้ าย ผหู้ ญิงมีพี่เล้ียงเป็ นผหู้ ญิง ที่จะไป ไหนมาไหนดว้ ยกนั ตลอด ดงั น้นั จะไม่ไดอ้ ยกู่ นั แค่สองคน แต่เป็ นส่ีคน จึง เรียก สองตอ่ สอง เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 33

รู้จักกับไอโอ (ที่เป็ นดวงจันทร์) ไอโอ เป็ นดาวบริวารของดาวพฤหสั บดี โดยเป็ นหน่ึงในสี่ดวงจนั ทร์กาลิ เลี่ยน อนั ไดแ้ ก่ไอโอ ยโู รป้ า แกนีมีด และคลั ลิสโต ซ่ึงเป็ นดวง จนั ทร์ส่ีดวงแรกที่กาลิเลโอส่องเห็นในปี 1609 โดยต้งั ช่ือตามไอ โอนกั บวชของเฮราท่ีตกเป็นภรรยาของซูส ไอโอมีขนาดเส้นผา่ น ศูนยก์ ลาง 3,642 กิโลเมตร เป็ นดาวบริวารขนาดใหญ่อนั ดบั ส่ีใน ระบบสุริยะ และใหญ่ที่สุดเป็ นอนั ดบั ที่สามของดาวพฤหัส มี ขนาดใหญ่กวา่ ดวงจนั ทร์ของโลกเราเล็กนอ้ ย และมีเอกลกั ษณ์ที่ ชดั เจนคือมีภูเขาไฟมีพลงั อยมู่ ากกวา่ 400 แห่ง ซ่ึงทาใหไ้ อโอเป็ น วตั ถุท่ีมีความ Geologically Active ซ่ึงยงั ปะทุซลั เฟอร์และซลั เฟอร์ไดออกไซดอ์ อกมาเป็นคร้ังคราว ที่มำของภำพพระพุทธเจ้ำ ภาพท่ีใช้ประกอบเร่ืองน้ีคงเป็ นที่คุ้นตา หลายคนเพราะเป็ นภาพท่ีมีการเผยแพร่กนั มาก แต่นอ้ ยคนนกั ท่ีจะรู้ถึง ที่มาท่ีไป ของภาพ บา้ งก็เชื่อวา่ เป็นภาพถ่ายท่ีมีคนไปถ่ายรูปตน้ พระศรี มหาโพธ์ิท่ีพุทธคยา แลว้ มีภาพพระพุทธเจา้ ติดมาในฟิ ล์ม บา้ งก็เช่ือวา่ เป็ นภาพท่ีวาดโดยโอรสของรัชกาลที่ 5 บา้ งก็เชื่อว่า เป็ นภาพวาดของ จิตรกรชาวฝร่ังเศส ซ่ึงความเชื่อที่กล่าวมาขา้ งตน้ น้นั ลว้ นแต่ผิดท้งั สิ้น ความจริงแลว้ รูปตน้ ฉบบั น้นั เป็นภาพวาดท่ีวาดโดย ใชส้ ีน้ามนั บนผา้ ใบ ขนาด กวา้ ง 290 ซม. ยาว 366 ซม. ดงั น้ีครับ ภาพดงั กล่าวมีชื่อเป็ นภาษา สเปนว่า Las tentaciones de Buda (ตรงกบั ภาษาองั กฤษคือ The temptation of Buddha) วาดโดยจิตรกรชาวสเปน ท่ีช่ือ Eduardo Chicharro จิตรกรทา่ นน้ีไดร้ ับแรงบนั ดาลใจในศาสนาตะวนั ออกจาก รพินทรนาถ ฐากูร ชาวอินเดีย ซ่ึงเป็ น คนเอเชีย คนแรกที่ไดร้ ับรางวลั โนเบล โดยไดร้ ับใน สาขาวรรณกรรม Eduardo Chicharro ไดว้ าดภาพน้ีข้ึน ระหวา่ ง ปี พศ. 2459 – 2464 (ใชเ้ วลาวาดประมาณ 5-6 ปี ) ปัจจุบนั ภาพน้ีแขวนอยทู่ ี่ La Academia de Bellas Artes de San Fernando (The Academy of fined arts of St. Ferdinan) กรุงมาดริดประเทศสเปน ส่วน เหตุการณ์ในภาพน้นั เป็ นเหตุการณ์หลงั จากที่พระพุทธเจา้ องคป์ ัจจุบนั (พระสมณโคดมพุทธเจา้ ) ไดต้ รัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแลว้ 1 ปี ภาพในส่วนของพระพุทธองค์ : นบั วา่ สมจริงมากจนเม่ือมีคนแปลงภาพ retouch เป็นสีขาวดาและ crop เอามาเฉพาะภาพในส่วนท่ีเป็ นพระพุทธเจา้ ทาใหค้ นที่ไม่รู้ท่ีมาหลายคน นึก วา่ เป็นภาพท่ีถ่ายติดมาโดยบงั เอิญจากตน้ พระศรีมหาโพธ์ิเลยทีเดียว ! เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 34

สีนำ้ มูกบอกโรคได้ เมื่อน้ามกู ไหล คน ส่วนใหญก่ ็มกั จะรีบหากระดาษทิชชู่มา เช็ด หรือสัง่ น้ามูกทิ้งไปแลว้ ไม่ไดใ้ ส่ใจ อะไรมากนกั แต่เช่ือหรือไม่วา่ สีน้ามูก หรือเสมหะสามารถบอกไดว้ า่ คุณมีโรค แฝง หรือปัญหาเก่ียวกบั จมกู ซ่อนอยู่ หรือไม่? 1. สีใส น้ามูก หรือเสมหะที่ใส มกั เกิดจากหวดั เย่ือบุจมกู อกั เสบ หรือการติดเช้ือในระบบทางเดินหายใจ และยงั อาจเกิดจากสารก่อภมู ิแพ้ ท่ีกระตุน้ เย่ือบุจมกู ของผปู้ ่ วยท่ีเป็น โรคจมูกอกั เสบจากภมู ิแพ้ (allergic rhinitis) ใหผ้ ลิตน้ามูกใสออกมาไดเ้ ช่นกนั 2. สีขาว หากน้ามูกที่ไหลออกมามีลกั ษณะเหนียว สีขาวขนุ่ อาจเกิดจากการที่เยอื่ บุจมกู บวม ทาใหน้ ้ามกู ขงั อยใู่ นโพรงจมูกเป็นเวลานาน การกินผลิตภณั ฑท์ ี่เก่ียวกบั นมมากเกินไปก็สามารถทาใหน้ ้ามกู ท่ีออกมามีสี ขาวข่นุ ไดเ้ ช่นกนั เพราะไขมนั ในผลิตภณั ฑน์ มสามารถทาใหน้ ้ามูกสูญเสียความชุ่มช้ืน ทาใหน้ ้ามกู หรือ เสมหะมีลกั ษณะหนา และเหนียว และมีสีขาวขนุ่ ได้ 3. สีเหลือง น้ามกู สีเหลือง เป็ นสัญญาณบอกวา่ มีการติดเช้ือแบคทีเรียในโพรงจมกู หรือไซนสั เมื่อระบบ ภูมิคุม้ กนั ร่างกายทาปฏิกิริยาต่อตา้ นเช้ือแบคทีเรีย เซลลเ์ มด็ เลือดขาว และเช้ือแบคทีเรียที่ตายแลว้ จะรวมตวั กนั จนกลายเป็นน้ามูกสีเหลือง นอกจากน้ี น้ามกู ท่ีคา้ งอยใู่ นโพรงจมกู เป็นเวลานาน เช่น ตลอดช่วงกลางคืน กท็ าใหเ้ กิดน้ามกู สีเหลืองไดโ้ ดยไมม่ ีการติดเช้ือแบคทีเรีย ซ่ึงในกรณีน้ี น้ามกู จะมีสีเหลืองเฉพาะช่วงต่ืน นอนตอนเชา้ เท่าน้นั ในขณะเดียวกนั เสมหะสีเหลืองเขม้ ก็สามารถเป็นสญั ญาณท่ีบง่ บอกของโรคหลอดลม อกั เสบ หรือติดเช้ือในช่องอกไดด้ ว้ ย 4. สีเทา น้ามกู สีเทา อาจหมายถึงวา่ ในจมกู ของคุณมีริดสีดวงจมูก ซ่ึงเกิดจากเยอ่ื บุจมกู หรือไซนสั บวมเป็น กอ้ นอยใู่ นโพรงจมกู หรือไซนสั ริดสีดวงจมกู ไมใ่ ช่เน้ืองอกร้าย แต่เกิดจากการอกั เสบเร้ือรังของเยอื่ บุจมกู ท่ีมีสาเหตุมาจากโรคจมกู อกั เสบภูมิแพ้ โรคไซนสั อกั เสบเร้ือรัง โรคหืด หรือภาวะแพย้ าแอสไพริน โรค ไซนสั อกั เสบจากเช้ือรากส็ ามารถทาใหน้ ้ามูก หรือเสมหะมีสีเทาไดเ้ ช่นกนั มกั มีสาเหตุมาจากเยอ่ื บุจมูกมี การบาดเจบ็ เร้ือรัง หรือภูมิตา้ นทานของร่างกายลดลง 5. สีเขียว น้ามูกสีเขียว คลา้ ยกบั น้ามกู สีเหลืองท่ีเป็นสญั ญาณบอกวา่ ร่างกายกาลงั ต่อตา้ นเช้ือแบคทีเรีย มกั เกิดจากการติดเช้ือแบคทีเรียภายในโพรงจมูก หรือเป็นไซนสั อกั เสบ โดยมีอาการคือ บริเวณโพรงจมูกจะ บวมข้ึน ทาใหน้ ้ามูกติดอยภู่ ายในจมูกและเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และเช้ือรา เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 35

6. สีแดง น้ามูกสีแดง มกั เกิดจากมีเส้นเลือดในโพรงจมกู แตก ทาใหม้ ีเลือดปนออกมากบั น้ามกู เส้นเลือดใน จมกู แตกน้ีเกิดไดจ้ ากหลายสาเหตุ เช่น การระคายเคืองหรือบาดเจบ็ บริเวณจมูก การอกั เสบในโพรงจมูก เน้ือ งอก โรคหลอดเลือดชนิดต่าง ๆ หรือแมแ้ ตก่ ารที่เยอ่ื บุจมูกแหง้ เกินไป ทาใหม้ ีการแตกของเส้นเลือดไดง้ ่าย แต่ถา้ มีเลือดออกเป็นจานวนมาก หรือมีติดต่อกนั หลายวนั หรือมีน้ามูกสีแดงออกจากจมกู เพียงขา้ งใดขา้ ง หน่ึง คุณควรไปพบแพทยเ์ พ่ือตรวจหาสาเหตุที่แทจ้ ริง 7. สีดา น้ามูกสีดา พบไดบ้ ่อยในผทู้ ่ีสูบบุหร่ีหรือสูดยานตั ถ์ ใชย้ าเสพติดผดิ กฎหมาย หรือผทู้ ่ีอยใู่ น สิ่งแวดลอ้ มท่ีมีมลภาวะทางอากาศมาก หรือเกิดจากการติดเช้ือราของโพรงจมูกหรือไซนสั เม่ือรู้อยา่ งน้ีแลว้ ตอนท่ีส่ังน้ามกู คร้ังต่อไป อยา่ ลืมสังเกต สีน้ามกู ดว้ ยละ เพ่อื ใหร้ ู้วา่ คุณมีแนวโนม้ ที่จะมี โรคที่ซ่อนอยใู่ นโพรงจมูกหรือไซนสั ของคุณหรือไม่ และถา้ หากน้ามูกมีสีที่ผดิ ปกติจนทาใหค้ ุณเป็นกงั วล การไปพบแพทยเ์ พ่อื รับการวนิ ิจฉยั โรค และการรักษาท่ีถูกตอ้ งยอ่ มเป็ นทางเลือกท่ีดีที่สุด ท่ีมำของซอสมำยองเนส มายองเนส (mayonnaise) ซอสครีมสีเหลืองขาวนวลที่ทาจากน้ามนั มะกอก น้า มะนาวหรือน้าส้มสายชูกับไข่แดงอันโด่งดังน้ี หน่ึงในตานานท่ีมีความเป็ นไปได้สูงมาจากเรื่องราว ประวตั ิศาสตร์การสู้รบทางทหารขององั กฤษและฝรั่งเศส ณ เมืองท่ามาฮอน (Mahón) เมืองหลวงของเกาะมิ นอร์กา (Menorca) แห่งหมู่เกาะแบลีแอริกในประเทศสเปน ซ่ึงเป็ นเร่ืองราวที่ชาวองั กฤษอาจรู้สึกไม่ค่อย สวยงามนกั ในประวตั ิศาสตร์ เกาะมินอร์กาเคยตกเป็ นเมืองข้ึนหลายต่อหลายคร้ัง คร้ันในปี ค.ศ.1756 เกาะ แห่งน้ีตกอยภู่ ายใตอ้ าณานิคมขององั กฤษ ขณะน้นั มีพลเรือเอกจอห์น บิง (Admiral John Byng, 1704-1757) เป็นผกู้ ากบั ดูแลพร้อมกองเรือองั กฤษ 13 ลา แตเ่ นื่องจากดาเนินกลยทุ ธ์ผดิ พลาด กองเรือจึงถูกทาลายสิ้นโดย ทหารฝรั่งเศส ภายใตก้ ารนาของดยุคแห่งริเชอลิเยอ (Duke of Richelieu, 1696-1788) ท่านดยคุ นาทหาร ฝร่ังเศสกว่า 15,000 นายข้ึนฝั่งที่เมืองมาฮอนไดส้ าเร็จ ทางองั กฤษท่ีเหลือกองทหารรักษาการณ์อยู่เพียง 3,000 นายจึงยอมยกเกาะใหฝ้ ร่ังเศสในวนั ที่ 28 พฤษภาคม เม่ือนายพลบิงเดินทางกลบั ไปยงั ยิบรอลตาร์ก็ถูก นาตวั ข้ึนไต่สวนโดยศาลทหารและถูกตดั สินดว้ ยขอ้ หาไร้ความสามารถ จึงถูกลงโทษประหารชีวติ โดยการ ยงิ เป้ า วอลแตร์ (Voltaire) นกั ปรัชญาชาวฝร่ังเศส แสดงความเห็นเก่ียวกบั การไต่สวนคร้ังน้ีไวใ้ นนว นิยายส้ันเชิงเสียดสีช่ือ Candide ตีพิมพใ์ นปี 1759 ด้วยประโยคอนั โด่งดังว่า “คนองั กฤษยิงนายพล บ่อยๆ เพ่ือให้กาลงั ใจพวกที่เหลือ” สิ่งท่ีทาให้ องั กฤษยิ่งขายหน้ามากข้ึนไปอีกเม่ือพบว่าการบุก เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 36

เมืองท่ามาฮอนคร้ังน้นั ของฝร่ังเศสในวนั ท่ี 19 เมษายนประสบความสาเร็จมากท่ีวา่ ทหารฝร่ังเศสไม่เสียชีวติ แมแ้ ตค่ นเดียว ดยคุ แห่งริเชอลิเยอกจ็ ดั งานเล้ียงฉลองอยา่ งหรูเลิศอลงั การ ตานานเล่าวา่ เชฟของท่านดยคุ เพ่ิง รู้ตวั ขณะเตรียมอาหารเฉลิมฉลองวา่ ไม่มีวตั ถุดิบทาครีมสาหรับซอสขน้ ท่ีจาเป็ นอยา่ งยิ่ง ดว้ ยความเขา้ ตาจน เขาจึงนาสูตรซอสทอ้ งถิ่นที่ชื่อไอโอลี (aioli) ซ่ึงเป็ นที่นิยมในแถบเมดิเตอร์เรเนียนหลายแห่ง แต่ดดั แปลง ใหม่โดยไม่ใส่กระเทียมเขาั ไปตามสูตรเดิม เม่ือท่านดยุคไดล้ ิ้มลองซอสครีมใหม่ที่เชฟเตรียมน้ีกลบั พบวา่ เป็ นที่น่าพอใจอยา่ งย่ิง ท่านดยคุ จึงนาสูตรครีมใหม่น้ีกลบั ฝร่ังเศสดว้ ยแลว้ เรียกวา่ “มาฮอนเนส” เพื่อระลึก ถึงชยั ชนะเหนือองั กฤษท่ีเมืองท่ามาฮอน หลงั จากน้นั การใชม้ ายองเนสเป็ นน้าสลดั และเป็ นส่วนผสมของ ซอสอื่นเร่ิมแพร่หลายไปอยา่ งรวดเร็วทว่ั ฝรั่งเศสหลงั การกลบั บา้ นเกิดพร้อมชยั ชนะของดยคุ แห่งริเชอลิเยอ ชาวองั กฤษเล่ียงมายองเนสอยู่เกือบ 100 ปี แต่แลว้ ก็ยอมใจอ่อนในท่ีสุด ตามขอ้ มูลใน Oxford English Dictionary องั กฤษรับซอสชนิดน้ีมาใชป้ รุงอาหารในปี 1841 และกใ็ ชก้ นั มานบั แต่น้นั รู้จักกับโดนัท นกั โบราณคดีท่ีมีความเช่ือวา่ ขนม โดนทั หรือที่ชาวดตั ช์เรียกขานวา่ ออยล์เคก้ (Oil Cake) น้นั กาเนิดมาบนโลกน้ียาวนานกวา่ 400 ปี มาแลว้ นะจะ๊ เพราะพวกเขาไดข้ ดุ พบซากชิ้นส่วน ฟอสซิลที่มีลกั ษณะคลา้ ยขนมโดนทั จากกองขยะ ของชาวอเมริกาพ้ืนเมืองในยคุ ก่อนประวตั ิศาสตร์ โน่น จึงสันนิษฐานวา่ โดนทั น้นั เริ่มมีข้ึนคร้ังแรก ที่เมืองแมนฮตั ตนั หรือนิวอมั สเตอร์ดมั ซ่ึงเป็ นเมืองอพยพของชาวดตั ช์ที่มาต้งั รกรากในอเมริกา หรือใน ปัจจุบนั กค็ ือ มหานครนิวยอร์กนน่ั เอง ซ่ึงคนแรกที่ใหก้ าเนิดโดนทั ข้ึนมาก็คือ เอลิซาเบธ เกรกอร่ี (หลกั ฐาน ทางประวตั ิศาสตร์ระบุไวเ้ มื่อประมาณปี 1847) แม่ของแฮนสัน เกรกอร่ี กปั ตนั เรือนิวอิงแลนดท์ ่ีจดั การทา ขนมปังทอดไวส้ าหรับเป็ นเสบียงอาหารใหล้ ูกชายยามออกเดินเรือ ซ่ึงแรกเริ่มเดิมทีเธอก็ใชส้ ่วนประกอบ ของเคร่ืองเทศเท่าที่มีในเรือ เช่น ลูกจนั ทน์เทศ อบเชย และเปลือกมะนาว มาผสมกบั แป้ งเคก้ แลว้ ก็ป้ันเป็ น กอ้ นกลม ๆ เสร็จแลว้ ก็นาไปทอดจนเหลืองน่ากิน และนาถว่ั เฮเซลนทั มาวางตรงกลางขนม และเรียกขนมน้ี วา่ โดนทั นบั ต้งั แต่น้นั มา และสาเหตุท่ีเจา้ โดนทั ตอ้ งมีรูก็เป็นเพราะวา่ แฮนสันน้นั ไม่ค่อยถูกใจขนมโดนทั ที่ อมน้ามนั มากเกินไป เขาก็เลยใชข้ วดพริกไทยบนเรือเจาะรูตรงกลางของขนมเพ่ือเอาน้ามนั ออกไป และทุก คร้ังที่มีงานปาร์ต้ี แฮนสนั ก็จะนาขนมโดนทั ออกมาเล้ียงแขกเหรื่อท่ีมาร่วมงาน เป็ นจุดเริ่มตน้ ท่ีทาให้โดนทั เริ่มเป็ นที่รู้จกั นบั แต่น้นั เป็ นตน้ มา หลงั จากโดนทั เป็ นท่ีรู้จกั อยา่ งแพร่หลาย นายอดอล์ฟ เลวิตต์ ผลู้ ้ีภยั จาก เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2563 37


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook