ความเป็นมา : บทสวด : คา� แปล ยานธี ะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภมุ มานิ วา ยานิ วะ อันตะลกิ เข ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปชู ิตัง ธมั มงั นะมัสสามะ สวุ ัตถิ โหต.ุ เทวดาเหล่าใด ผูเ้ กิดทพ่ี ้ืนดนิ หรือเกดิ ทวี่ มิ านอากาศ ผู้ มาประชุมกันในที่น้ี ขอพวกเราเหลา่ น้ัน จงนมสั การพระนิพพาน ธรรม อันพระพทุ ธเจา้ เปน็ ตน้ ทรงบรรลแุ ลว้ อยา่ งน้นั อนั เทวดา และมนษุ ยท์ ั้งหลายบชู าแลว้ ขอจงมคี วามสวสั ดี ยานธี ะ ภตู านิ สะมาคะตานิ ภมุ มานิ วา ยานิ วะ อนั ตะลิกเข ตะถาคะตัง เทวะมะนสุ สะปูชติ งั สังฆงั นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ. เทวดาเหล่าใด ผ้เู กดิ ทพี่ ้ืนดิน หรอื เกิดทีว่ มิ านอากาศ ผูม้ า ประชมุ กันในที่น้ี ขอพวกเราเหล่าน้ัน จงนมสั การพระสงฆ์ ผดู้ �าเนิน ไปแล้วอยา่ งน้นั อนั เทวดาและมนษุ ย์ทง้ั หลายบชู าแล้ว ขอจงมี ความสวัสด.ี ๑๐๐ มหาราชปรติ ร
มหาราชปริตร
ความเปน็ มา : บทสวด : ค�าแปล เมตตปรติ ร ป่าแห่งน้ีคือท่ีที่พระสงฆ์ห้าร้อยรูปตกลงใจอยู่จ�าพรรษา หลังจากกราบลาพระพุทธเจ้ามาหาท่ีเหมาะสมอยู่ปฏิบัติธรรม เป็นความลงตัวของสถานท่ี เพราะนอกจากจะร่มร่ืนน่าอยู่แล้วยัง อยไู่ ม่ใกล้ไมไ่ กลกบั หม่บู ้าน หมู่บา้ นแห่งนี้อยตู่ ดิ ชายแดนมคี นอยพู่ นั ครอบครัว นานทีปี หนจะได้พบเหน็ พระสงฆ์ ฉะน้ัน เมอื่ ไดพ้ บพระสงฆม์ ากมายเชน่ นี้ ทกุ คนดอี กดใี จเปน็ ทสี่ ดุ ชว่ ยกันสรา้ งท่พี ักหา้ รอ้ ยหลงั พร้อม อุปกรณ์ เชน่ เตยี ง ตัง่ หมอ้ น�า้ ฉัน นา้� ใช้ ครบทุกอยา่ ง แลว้ ไปนมิ นต์ พระสงฆใ์ ห้อยูจ่ �าพรรษาสามเดือน พระสงฆ์รับนมิ นตโ์ ดยมีเงอ่ื นไข วา่ “เม่ือไม่มอี นั ตราย” เพราะความตงั้ ใจปฏิบัตธิ รรมรกั ษาศีลของพระสงฆ์ ทา� ให้ เหลา่ รกุ ขเทวดาในปา่ ตอ้ งเกรงใจ จากทีเ่ คยอย่วู มิ านบนตน้ ไมใ้ หญ่ ๑๐๒ มหาราชปรติ ร
เมตตปริตร กต็ ้องยา้ ยลงมาอยู่ทพี่ ้นื ดิน พาลกู ๆ เทีย่ วระหกระเหินไป ได้แต่ คอยดูอยู่ไกล ๆ วา่ เมอ่ื ไหร่ทา่ นจะไป ตอ่ มาจงึ แนใ่ จว่าพระสงฆ์ จะอยู่จ�าพรรษา นนั่ หมายถงึ เทวดาจะตอ้ งพาลกู ๆ ลงจากวมิ านอยู่ อยา่ งระหกระเหนิ อีกนาน นานถงึ สามเดอื น แล้วเหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มเกิดกับพระสงฆ์ทีละรูป บางรปู เห็นยักษ์นา่ กลัว บางรูปเห็นผีหัวขาดต่อหนา้ หลายรูปได้ ยนิ เสียงชวนหวาดผวายามกลางคนื ซ�้ารา้ ยกลิ่นชวนคลนื่ เหยี นก็รบ กวนโดยไม่รู้ทม่ี า ต่อเมอ่ื พระสงฆ์มาอย่รู วมกันจงึ ไดส้ งั เกตกนั เอง แตล่ ะรูป ลว้ นแต่มอี าการซบู โทรมผิดไปจากเดิมมาก จนพระรูปหนึ่งได้ บอกออกมาว่าท่านถูกยักษ์หลอกหลอน จนฉนั ไมไ่ ด้ นอนไมห่ ลบั นัน่ แหละพระรูปอนื่ ๆ จงึ เลา่ เหตกุ ารณท์ ต่ี นพบเจอมา เล่าความ ทุกข์ใจจากภูตผีท่ีเปน็ เหตขุ องความซบู โทรม ท้งั หมดทงั้ มวลนไ้ี ม่ ใช่ยกั ษห์ รือผหี ัวขาดแต่อยา่ งใด แตเ่ ป็นเทวดาน่ันเองทีเ่ จตนาท�า หลอกหลอน มหาราชปรติ ร ๑๐๓
ความเป็นมา : บทสวด : ค�าแปล พระเถระประธานสงฆก์ ลา่ วอ้างองิ พระวินยั ว่าดว้ ยเร่อื งการ จา� พรรษาว่ามีแบบ จ�ำในวันแรม ๑ ค�่ำ เดือน ๘ กับ จ�ำในวัน แรม ๑ คำ่� เดือน ๙ ทีถ่ ดั ไปอีกหน่งึ เดอื นกไ็ ด้ แตต่ อ้ งเลอื่ นวนั ออกพรรษาไปหนง่ึ เดอื น ซ่ึงหากจะหาที่จา� พรรษาใหมย่ งั สามารถ ท�าได้ตามพระวนิ ัย และเพราะประสบภัยเรง่ ดว่ นเช่นนี้ ทางออก คอื ควรไปขอค�าปรกึ ษากบั พระพทุ ธเจ้า พระพุทธองค์จะทรง ทราบสถานท่ีทเ่ี ราควรจา� พรรษา แล้วค่อยท�าตามทพ่ี ระพุทธองค์ ทรงแนะนา� น้ัน จากนน้ั พระสงฆ์หา้ รอ้ ยกพ็ ากนั ออกเดินทางโดยไม่ไดล้ ่า� ลาญาตโิ ยมแตอ่ ยา่ งใด รูปการออกมาอยา่ งที่เทวดาต้องการใหเ้ ปน็ เม่อื พระไมอ่ ยู่แล้ว เทวดากก็ ลับมาอย่วู ิมานตามเดิม พระพุทธเจ้าทราบความที่พระกราบทูลแล้วทรงพิจารณา ดว้ ยพระญาณถงึ สถานที่ทเ่ี หมาะสมแลว้ จงึ ตรสั บอกวา่ ท่ีทอ่ี ยแู่ ล้ว สามารถบรรลธุ รรมได้ก็คอื ที่ป่านน้ั นั่นเอง เพราะพระพทุ ธองค์ทรง ทราบดีถึงอุปสรรคดังกล่าว จึงตรัสบอกหลกั ปฏิบตั ิและประทาน พระปริตรให้ ๑๐๔ มหาราชปริตร
เมตตปริตร พระสงฆ์ห้าร้อยรูปกลับถึงป่าเดิมแล้วเร่ิมปฏิบัติตามหลัก ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงแนะน�า พากัน แผ่เมตตำ, เจริญอสภุ กรรมฐำน, เจริญมรณำนสุ ต,ิ ระลึกถงึ สังเวควัตถแุ ปดประกำร ทุก ๆ วัน ท้งั เชา้ และเยน็ กำรระลึกถึงสังเวควัตถุเป็นวิธีกำรเรียกควำมเพียรให้เกิด ข้ึน ดว้ ยกำรคิดถงึ กำรเกิด แก่ เจ็บ ตำย คดิ ถงึ ทกุ ข์ในอบำยภูมิ คดิ ถึงผลกรรมควำมทกุ ข์ท่เี คยเกิดข้ึน คดิ ถึงผลกรรม ควำมทกุ ข์ที่ อำจจะไดร้ บั ในอนำคต และคดิ ถึงควำมลำ� บำกในกำรหำอำหำร ซง่ึ จะช่วยเตอื นใจใหป้ ฏบิ ตั ธิ รรมเพื่อพน้ ทุกขท์ ง้ั ปวง นอกจากน้ัน พระสงฆ์ท้ังห้าร้อยรปู ยงั สาธยายพระปรติ รทัง้ เช้าและเยน็ ตามท่ีพระพทุ ธองคท์ รงแนะนา� และสนทนาธรรมกถา กันทุกวันพระ นั่นเป็นผลให้เหล่าเทวดาเกดิ ความรกั และเมตตา มองพระในแงใ่ หม่ว่า ท่านหวงั ดแี ละมาเพ่ือใหป้ ระโยชน์ แต่นัน้ กไ็ ม่ปรากฏการหลอกหลอนทน่ี ่ากลวั อกี เลย เปน็ มหาราชปรติ ร ๑๐๕
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล เทวดาเสียอีกที่ช่วยอ�านวยความสะดวกให้พระสงฆ์ได้อยู่กันอย่าง ผาสกุ เมื่อถึงวนั ปวารณาออกพรรษา พระสงฆก์ ท็ �ากจิ กรรมทาง สงฆด์ ้วยบุคคลผไู้ ม่มีกิเลสท้งั หมด เพราะพระสงฆ์ทุกรูปได้บรรลุ ธรรมเป็นพระอรหันต์ในพรรษานนั้ นน่ั เอง ในเมตตปรติ รนนั้ ได้บอกคุณสมบัติอันพงึ ประสงค์ ที่ผู้ ปรารถนาจะบรรลธุ รรมควรประพฤติ ๑๔ ขอ้ ซ่งึ พระสงฆห์ ้ารอ้ ย รูปสามารถทา� ตามบทสวดได้ทุกขอ้ แน่นอนวา่ หากเราผสู้ วดจะปฏิบตั ติ นให้มีคุณสมบัตดิ งั กล่าวด้วย ย่อมเป็นประโยชนม์ าก ดว้ ยว่าได้สวดและได้ทา� เนื้อหาอีกส่วนของพระปริตรนว้ี ่าดว้ ย กำรเจริญเมตตำ ตัว พระปรติ รไม่ใช่สง่ิ ท่เี รยี กว่าเมตตา แตส่ ภำพจติ ใจที่ปรำรถนำดแี ละ มอบควำมปรำรถนำดคี อื เมตตำ พระปริตรทีส่ วดไปจากจติ ใจที่มี เมตตาก็ย่อมมผี ลไพบูลย์ เมตตำ เปน็ สภาพทดี่ ีโดยธรรมชาตขิ องตัวเอง และเป็นท่ี ปรารถนาของทกุ คน เคยมผี ู้ท�าฌานด้วยการแผ่เมตตาแบบขยาย รศั มี ท่านเหล่านนั้ มอบเมตตาใหส้ ง่ิ มีชวี ติ ทั้งหมดในหมบู่ ้านอย่าง เสมอหน้ากนั ดว้ ยใจเปน็ จรงิ จากนนั้ กร็ ะลึกกวา้ งออกไปเปน็ ต�าบล อา� เภอ ฯลฯ และสามารถแผ่ไปไดท้ ัง้ โลกและจักรวาล ในการทา� ฌานจะเรยี กเมตตาวา่ อัปปมัญญำ เพราะแผ่ออกไปอย่างไรข้ ดี จา� กดั นี้เอง ขอใหพ้ บความสุขความเจรญิ ขอให้บรรลุอานสิ งส์แห่ง พระปรติ รนี้ เทอญ ๑๐๖ มหาราชปรติ ร
อานิสงส์เมตตา อานสิ งสเ์ มตตา ๑. หลบั เป็นสขุ ๒. ตืน่ เป็นสขุ ๓. ไมฝ่ ันรา้ ย ๔. เป็นที่รกั ของคนทั่วไป เป็นคนมีเสนห่ ์ ไปท่ใี ดมแี ต่ คนรัก ปราศจากศัตรผู ู้คิดรา้ ย แม้ผูไ้ มช่ อบใจกจ็ ะ กลับมาชอบได้ ๕. เปน็ ท่รี ักของอมนษุ ยท์ วั่ ไป ๖. เทวดารักษาคุม้ ครอง ๗. ไฟ ศาสตรา ยาพษิ ไมแ่ ผว้ พาน ๘. จติ เปน็ สมาธิไว ๙. หน้าตาผวิ พรรณจะผ่องใส แมไ้ มถ่ ึงกับหน้าตาดี แต่ หนา้ ตาและผิวพรรณของผ้มู จี ติ ใจเมตตาจะมีนา้� มี นวลผอ่ งใส ๑๐. ไม่หลงเวลาตาย จะไมท่ รุ นทรุ ายเพราะมีสติ สิ้นใจ อย่างสงบเหมือนนอนหลบั ไป ๑๑. เม่อื ไมอ่ าจบรรลธุ รรมช้นั สูง ย่อมเขา้ ถงึ พรหมโลก มหาราชปริตร ๑๐๗
ความเป็นมา : บทสวด : ค�าแปล บทขดั เมตตปรติ ร ยสั สานภุ าวะโต ยกั ขา เนวะ ทสั เสนติ ภงิ สะนัง ยัมห๎ ิ เจวานยุ ญุ ชันโต รัตตนั ทวิ ะมะตันทโิ ต. สุขัง สุปะติ สุตโต จะ ปาปงั กิญจิ นะ ปัสสะติ เอวะมาทิคณุ เู ปตงั ปะรติ ตนั ตมั ภะณามะ เห. เทวดาทัง้ หลายไม่แสดงสงิ่ ทน่ี า่ กลวั เพราะอานุภาพแหง่ พระปรติ รใด อนึ่ง บุคคลผูไ้ มเ่ กยี จครา้ น สาธยายอย่เู นอื ง ๆ ซึ่ง พระปริตรใด ทั้งกลางวันและกลางคนื ย่อมหลบั เปน็ สุข และเมอ่ื หลบั ย่อมไมฝ่ ันร้ายอะไร ๆ ขอเราท้งั หลายจงสวดพระปริตรนนั้ อัน ประกอบดว้ ยคณุ อย่างนีเ้ ปน็ ต้น เทอญ. ๑๐๘ มหาราชปริตร
บทเมตตปริตร บทเมตตปรติ ร กะระณยี ะมัตถะกุสะเลนะ ยันตงั สันตัง ปะทงั อะภสิ ะเมจจะ สกั โก อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ จสั สะ มุทุ อะนะติมานี. บคุ คลผฉู้ ลาดในสงิ่ ที่เป็นประโยชน์ ผปู้ ระสงค์จะบรรลุพระ นพิ พานอันสงบควรบรรลุนั้น พึงอบรมสิกขาสาม บคุ คลนน้ั พึงเป็น ผู้อาจหาญ ซอ่ื ตรง แนว่ แน่ ว่าง่าย ออ่ นโยน ไมถ่ อื ตวั สันตสุ สะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สลั ละหกุ ะวุตติ สนั ตนิ ท๎รโิ ย จะ นิปะโก จะ อปั ปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ. พึงเป็นผูส้ ันโดษ เล้ยี งง่าย มีกิจธุระนอ้ ย ด�าเนนิ ชีวติ เรยี บ งา่ ย มอี นิ ทรีย์สงบ มีปญั ญารกั ษาตน ไมค่ ะนองกาย วาจา ใจ ไม่พวั พนั ในสกลุ ทง้ั หลาย. นะ จะ ขทุ ทงั สะมาจะเร กญิ จิ เยนะ วิญญู ปะเร อปุ ะวะเทยยุง สขุ โิ น วา เขมโิ น โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวนั ตุ สุขิตัตตา. มหาราชปริตร ๑๐๙
ความเป็นมา : บทสวด : คา� แปล อนึ่ง วิญญชู นต�าหนิคนพาล ผ้มู คี วามประพฤตติ า่� ทราม เหล่าอน่ื ดว้ ยกายทุจริต วจที จุ ริต และมโนทจุ ริตเหลา่ ใด บคุ คลนน้ั ไมพ่ ึงประพฤติทจุ รติ ๓ อยา่ งนัน้ อนั ต�่าทราม ถึงจะเลก็ น้อยอะไร ๆ (พึงแผเ่ มตตาอย่างน้ีว่า) ขอสตั วท์ ้งั ปวง จงเปน็ ผู้มคี วามสขุ กาย ปราศจากภัยและอุปัทวะทั้งปวง มคี วามสขุ ใจเถดิ เย เกจิ ปาณะภตู ตั ถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา ทีฆา วา เย มะหนั ตา วา มชั ฌมิ า รสั สะกา อะณกุ ะถูลา. สัตวม์ ีชีวิตทั้งหมด ทีม่ ีความหวาดกลัวกด็ ี ทม่ี น่ั คงก็ดี ทงั้ สนิ้ ไม่มเี หลือ มีอยู่ แมส้ ัตวเ์ หลา่ น้ีทง้ั หมด จงเป็นผู้มีความสุขใจเถดิ สตั ว์เหลา่ ใด ท่ีมีกายยาว ใหญ่ ปานกลาง สนั้ ละเอียด (เลก็ ) หรือ อ้วนกลม แม้สตั ว์เหล่านที้ ้งั หมด จงเปน็ ผ้มู คี วามสุขใจเถิด ทฏิ ฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสนั ติ อะวทิ เู ร ภตู า วา สัมภะเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวนั ตุ สขุ ิตตั ตา. สัตวเ์ หลา่ ใดที่ตนเคยเห็นหรือไม่เคยเหน็ แมส้ ัตว์เหล่าน้ี ทั้งหมด จงเป็นผมู้ คี วามสขุ ใจเถดิ สัตวเ์ หล่าใดทอ่ี ย่ไู กลหรอื ใกล้ แมส้ ตั วเ์ หลา่ นีท้ ง้ั หมด จงเปน็ ผ้มู คี วามสุขใจเถิด สตั ว์เหลา่ ใดที่เกดิ แลว้ หรอื ก�าลงั แสวงหาทเี่ กิด ขอสตั ว์เหลา่ น้ที งั้ หมดจงเปน็ ผมู้ ีความ สขุ ใจเถดิ ๑๑๐ มหาราชปริตร
บทเมตตปรติ ร นะ ปะโร ปะรัง นกิ ุพเพถะ นาตมิ ญั เญถะ กตั ถะจิ นัง กญั จิ พย๎ าโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะมญั ญัสสะ ทกุ ขะมจิ เฉยยะ. สัตวอ์ ่นื ไมพ่ งึ หลอกลวงสัตวอ์ ืน่ ไม่พึงดูหม่ินสัตว์น่นั ผู้ใดผู้ หนงึ่ ผ้ดู า� รงอย่ใู นที่ไหน ๆ ไมพ่ ึงปรารถนาความทุกข์แกก่ นั และกัน ด้วยการท�าร้ายและวาจาหยาบคาย หรือด้วยใจมุ่งรา้ ย มาตา ยะถา นยิ งั ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข เอวัมปิ สพั พะภเู ตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะรมิ าณัง. มารดาถนอมบตุ รผู้เกดิ ในตน ผ้เู ป็นบุตรคนเดยี ว ดว้ ยชีวิต ฉันใด บคุ คลพงึ เจรญิ เมตตาจิตไมม่ ปี ระมาณในสตั ว์ท้งั ปวง ฉันนน้ั เมตตัญจะ สัพพะโลกสั ๎มิง มานะสัมภาวะเย อะปะรมิ าณงั อทุ ธงั อะโธ จะ ติริยญั จะ อะสมั พาธัง อะเวรงั อะสะปตั ตัง. อนึง่ บุคคลนัน้ พึงเจรญิ เมตตาจติ อันไมม่ ีประมาณ ไม่มี ขอบเขต ไมม่ ีเวร ไมม่ ศี ตั รู ในสตั วโ์ ลกทง้ั หมด ทง้ั ในอรปู ภูมเิ บือ้ ง บน รูปภูมเิ บอ้ื งกลาง และกามาวจรภมู เิ บื้องตา่� . มหาราชปรติ ร ๑๑๑
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล ตฏิ ฐัญจะรงั นสิ ินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วคิ ะตะมิทโธ เอตัง สะตงิ อะธฏิ เฐยยะ พร๎ ัห๎มะเมตัง วิหารงั อิธะ มาห.ุ บุคคลน้นั เมื่อยืน เดิน นง่ั หรือนอน พึงเปน็ ผู้ปราศจาก ความงว่ ง ตลอดกาลเพียงใด พงึ ตงั้ สติ (สตใิ นเมตตาฌาน) อย่างน้ี ไว้ตลอดกาลเพียงนน้ั พระพุทธเจ้าทัง้ หลายตรสั เรยี กการอยเู่ ชน่ นี้ ว่าเปน็ การอยอู่ ยา่ งประเสรฐิ ในพระศาสนาน้.ี ทิฏฐิญจะ อะนุปะคมั มะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน กาเมสุ วิเนยยะ เคธงั นะ หิ ชาตุคคพั ภะเสยยะ ปนุ ะเรติ. บคุ คลนน้ั ออกจากเมตตาฌานแลว้ ไมเ่ ขา้ ไปอาศยั ความเห็น ผิด เปน็ ผ้มู ศี ลี เปน็ ผู้บรบิ ูรณ์ด้วยความเหน็ ชอบ ขจดั ความยนิ ดีใน กามทั้งหลายได้แล้ว ยอ่ มไม่เข้าถึงการเกดิ ในครรภอ์ กี อย่างแน่แท้. ๑๑๒ มหาราชปริตร
มหาราชปรติ ร
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล ขันธปริตร อุบัติเหตุจากการถูกงูกัดขณะก�าลังผ่าฟืนท่ีโรงอบยาสมุน ไพรในวัด ทา� ให้พระสงฆ์รูปหนึง่ ถึงแก่ชีวิตในทันที ข่าวการมรณ- ภาพเปน็ ทรี่ บั ร้ขู องพระสงฆใ์ นวดั พระเชตวัน หลายประเด็นในเหตุ การณ์ถูกพระสงฆ์น�ามาสนทนาเม่ือพบกันที่ศาลารวม ๑๑๔ มหาราชปรติ ร
ขนั ธปริตร พระพทุ ธเจา้ ทรงร่วมสนทนากบั คณะพระสงฆ์ด้วย เพราะ ตามปกติ เมอ่ื มีประเด็นใด ๆ เกิดข้ึน พระพทุ ธองค์จะถือโอกาส น้ันแสดงธรรมะและยกเรื่องราวในอดีตกาลมาประกอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษทุ ี่ถูกงูกัดได้แผ่เมตตา ให้พญางสู ตี่ ระกลู ทา่ นจะไมไ่ ด้รบั อันตรายจากงู จะมีความ ปลอดภัยเหมือนกับท่ีดาบสในอดีตเคยปลอดภัยด้วยการเจริญ เมตตา” ดาบสที่พระพุทธเจ้าตรัสถงึ คือฤาษีกลุ่มใหญ่ที่ปลูกอาศรม รายกันอยู่ท่ีคุ้งนา�้ ในปา่ หมิ พานต์ หัวหน้ากลุ่มเป็นฤาษีหนุ่มจาก แคว้นกาสีซง่ึ มคี วามช�านาญในอภญิ ญาสมาบัติ มหาราชปริตร ๑๑๕
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล ฤๅษใี นคุ้งนา�้ อยู่กนั อยา่ งผาสุก แต่ขณะเดียวกันก็ไดข้ า่ วของ ฤๅษกี ลุม่ หนงึ่ ทอี่ ยูฝ่ ่งั แม่น�้าคงคาว่า มีฤๅษีถึงแกช่ วี ิตจา� นวนมากจาก การถูกงหู ลายชนดิ กัดเอา หวั หน้าฤๅษปี า่ หมิ พานตเ์ รยี กประชมุ และแนะนา� ให้เจรญิ เมตตาใหพ้ ญางสู ี่เหล่าซ่งึ เปน็ ตน้ ตระกูลของงูทุกชนิด และใหเ้ จริญ เมตตาไปยังสัตวช์ นดิ ตา่ ง ๆ ให้พบแตค่ วามเจริญ อย่าไดเ้ ป็นทกุ ข์ และใหร้ ะลึกถึงคณุ พระรตั นตรัยตอ่ เน่ืองกนั ลงทา้ ยด้วยการนอบ นอ้ มพระพทุ ธเจา้ ทง้ั เจด็ พระองค์ เม่ือฤๅษีทั้งหมดปฏิบัติตามค�าแนะน�าก็ได้รับความปลอดภัย จากงแู ละสตั ว์อน่ื ทั้งที่มีพษิ และไมม่ พี ิษ พระพุทธองค์จบการสนทนาธรรมกับเหล่าพระภิกษุว่า หวั หนา้ ฤาษคี ือเราตถาคต ส่วนฤาษที ง้ั หลายนน้ั ก็คือพทุ ธบรษิ ทั ทง้ั หลายในบัดน้ีนั่นเอง ขอให้เจริญด้วยไมตรีจติ ขอให้บรรลอุ านิสงสข์ องพระปริตร นี้ เทอญ. ๑๑๖ มหาราชปริตร
บทขดั ขันธปริตร บทขดั ขันธปริตร สพั พาสีวิสะชาตีนัง ทิพพะมันตาคะทัง วิยะ ยันนาเสติ วิสัง โฆรงั เสสญั จาปิ ปะรสิ สะยงั . อาณกั เขตตมั ๎หิ สพั พตั ถะ สพั พะทา สัพพะปาณินงั สัพพะโสปิ นวิ าเรติ ปะริตตนั ตมั ภะณามะ เห. พระปรติ รใด ย่อมขจดั พิษรา้ ยของอสรพิษทุกชนิดได้ ดจุ ทพิ ยมนตแ์ ละโอสถทพิ ย์ อน่งึ พระปริตรใด ยอ่ มปอ้ งกนั อนั ตราย อ่ืน ๆ จากพิษของสตั ว์ทกุ ชนิดได้ แมโ้ ดยประการทั้งปวง ในเขต แห่งอ�านาจทกุ แหง่ ในกาลทุกเมอ่ื ขอเราทงั้ หลายจงสวดพระปรติ ร นัน้ เทอญ. มหาราชปริตร ๑๑๗
ความเปน็ มา : บทสวด : ค�าแปล บทขันธปรติ ร วริ ูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม ฉัพ๎ยาปตุ เตหิ เม เมตตัง เมตตงั กณั ห๎ าโคตะมะเกหิ จะ. ข้าพเจ้าขอแผเ่ มตตาจิตในงตู ระกลู วริ ปู กั ษ์ ขา้ พเจ้าขอแผ่ เมตตาจิตในงูตระกูลเอราบถ ข้าพเจา้ ขอแผ่เมตตาจติ ในงูตระกูล ฉพั ยาบุตร ข้าพเจ้าขอแผเ่ มตตาจติ ในงูตระกูลกัณหาโคดม อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทปิ าทะเกหิ เม จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตงั พะหปุ ปะเทหิ เม. ๑๑๘ มหาราชปรติ ร
บทขันธปรติ ร ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาจิตในสัตวไ์ ม่มีเทา้ ข้าพเจ้าขอแผ่ เมตตาจิตในสตั ว์สองเท้า ข้าพเจ้าขอแผเ่ มตตาจติ ในสัตว์สีเ่ ท้า ข้าพเจ้าขอแผเ่ มตตาจติ ในสัตวท์ ีม่ ีเท้ามาก มา มงั อะปาทะโก หงิ สิ มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก มา มงั จะตุปปะโท หงิ สิ มา มงั หงิ สิ พะหุปปะโท. สตั ว์ไม่มเี ท้าอยา่ ไดเ้ บียดเบียนขา้ พเจ้า สัตวท์ ่ีมสี องเท้า อย่าได้เบยี ดเบียนข้าพเจา้ สตั วท์ ี่มสี ี่เทา้ อย่าได้เบียดเบียนข้าพเจา้ และสัตวท์ มี่ เี ทา้ มากอย่าได้เบยี ดเบยี นข้าพเจ้า สัพเพ สตั ตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา สัพเพ ภัทร๎ านิ ปสั สนั ตุ มา กญั จิ ปาปะมาคะมา. ขอสัตวท์ ั้งปวง ปราณชาติทั้งปวง สัตวท์ ่เี กิดแล้วทง้ั ปวง ถว้ นทว่ั ทกุ ตวั ตน จงประสบความเจรญิ ทกุ อยา่ งเถดิ ขอความ ทุกข์อยา่ ได้เขา้ ถึงใคร ๆ เลย อัปปะมาโณ พทุ โธ, อปั ปะมาโณ ธัมโม, อัปปะมาโณ สงั โฆ ปะมาณะวันตานิ สริ งิ สะปาน,ิ อะหิ วิจฉิกา สะตะปะท-ี อุณณานาภี สะระพู มูสิกา. มหาราชปริตร ๑๑๙
ความเป็นมา : บทสวด : ค�าแปล พระพุทธเจา้ ทรงพระคณุ หาประมาณมไิ ด้ พระธรรมทรง พระคณุ หาประมาณมไิ ด้ พระสงฆ์ทรงพระคณุ หาประมาณมิได้ แต่ สัตว์เลอ้ื ยคลาน คือ งู แมงปอ่ ง ตะขาบ แมงมุม ตุก๊ แก และหนู เป็นสัตวท์ ่ปี ระมาณได้ กะตา เม รักขา, กะตา เม ปะรติ ตา, ปะฏิกกะมนั ตุ ภตู าน.ิ โสหงั นะโม ภะคะวะโต, นะโม สัตตันนงั สมั มาสมั พทุ ธานงั . ขา้ พเจ้าได้คมุ้ ครองตนแลว้ ข้าพเจา้ ได้ป้องกนั ตนแล้ว เหลา่ สัตวจ์ งหลกี ไป ขา้ พเจา้ ขอนอบน้อมพระผู้มพี ระภาคเจา้ ขอนอบ นอ้ มพระสมั มาสัมพุทธเจา้ ทงั้ ๗ พระองค์ ๑๒๐ มหาราชปริตร
มหาราชปรติ ร
ความเปน็ มา : บทสวด : ค�าแปล โมรปริตร มีพระรูปหนึ่งท่านข่มใจได้ยากเย็นด้วยว่าได้เห็นหญิงสาว แตง่ องคท์ รงเคร่อื งงามพรง้ิ เป็นความทุกข์อย่างย่ิงที่ใจตอ้ งกระ หวดั คดิ ถงึ สาวเจา้ เสยี ทกุ ยามไปเมอื่ เพอื่ นพระเหน็ อาการและทราบ ความก็ได้พามาเข้าเฝ้าพระศาสดา พระพุทธเจ้ำตรัสว่ำ เป็นธรรมดำท่ีจิตใจเธอจะหว่ันไหว เพรำะเมื่อก่อนผู้ท่ีได้ช่ือว่ำเป็นผู้รู้ก็ยังหว่ันไหวเพรำะเร่ืองแบบ เดยี วกันนี้ ท�ำใหล้ มื สำธยำยมนต์ค้มุ ครองจนตกอยู่ในสถำนกำรณท์ ่ี ลำ� บำก พระพุทธเจ้าน�าเรื่องมาประกอบเทศนาโดยกล่าวย้อนไปที่ เมืองพาราณสี มีนกยูงสีทองอาศัยอยู่ในเทือกเขาลึกท่ีต้องข้าม เขาเข้าไปถึงสามเทือกเขา ทุก ๆ วนั เวลารุ่งสางนกยูงจะยืนบน ยอดเขาท่ีสูงที่สุด หันหน้าไปทิศตะวันออก พอพระอาทิตย์ ปรากฏ กส็ าธยายนอบน้อมพระอาทิตย์ และนอบน้อมผ้ไู ม่มกี เิ ลส คอื พระพทุ ธเจา้ ในอดตี ใหค้ ุ้มครองตนตลอดวนั จงึ คอ่ ยออกหากิน ๑๒๒ มหาราชปรติ ร
โมรปริตร เวลาพลบค่า� นกยูงก็สาธยายพลางมองพระอาทติ ยท์ ่กี �าลงั ลับตาขอให้คมุ้ ครองตนตลอดคืน ด้วยการนอบน้อมท�าให้แคล้ว คลาดปลอดภัยมาตลอด สถานการณเ์ รมิ่ อนั ตรายต่อนกยูงทอง เม่ือพรานปา่ คนหน่งึ ไปเห็นเขา้ แล้วกลบั มาเล่าให้ลูกฟัง ล�าพังเท่านีก้ ็คงไม่ใช่ปัญหา หากไม่มเี หตกุ ารณ์ทางพระราชวงั มาประจวบกนั ชว่ งเวลาเดยี ว กันนั้นพระเทวีองค์หน่ึงได้ทรงสุบินเห็นนกยูงทองแล้วไปทูลพระ ราชาว่าอยากไดน้ กยูงทองมาเปน็ เพ่อื นคุย พระราชาส่ังให้พรานป่าทั้งเมืองรายงานตัวพร้อมกันแล้ว ตรัสเรื่องนกยงู ทอง ลูกของพรานป่าคนทีเ่ หน็ นกยงู ทองยืนยนั วา่ มแี น่นอน พอ่ ตนเพง่ิ เหน็ ไม่นาน นนั่ จึงเป็นทม่ี าของการออกค้นหา พร้อมดว้ ยค�าส�าทบั จากพระราชาวา่ จับเป็น ห้ามจับตาย มหาราชปรติ ร ๑๒๓
ความเปน็ มา : บทสวด : ค�าแปล พรานป่าเข้าป่าไปดักบ่วงตามท่ีอยู่ท่ีหากินและที่ทั้งหมด กจ็ บั ไม่ได้ พยายามแล้วพยายามเลา่ ก็ไมเ่ ปน็ ผล นกยูงทองรอด ไปได้ทุกคราวด้วยอานุภาพมนต์ทีส่ าธยายชว่ ยคุ้มครอง การนีก้ นิ เวลาเจ็ดปี เป็นเจด็ ปที ปี่ ลอดภัยส�าหรับนกยูงทอง แต่เป็นเจ็ดปี ที่เหนอื่ ยนกั ส�าหรับพรานป่า เขาเสยี ชีวิตไปขณะทภ่ี ารกจิ น้ยี งั ไมล่ ุ ล่วง และเจ็ดปีเดยี วกนั นีย้ งั เปน็ เจ็ดปีทีช่ �้าใจรุนแรงสา� หรบั พระเทวี รนุ แรงถงึ กับสนิ้ พระชนมด์ ว้ ยความผดิ หวัง สง่ ผลเปน็ ความกรว้ิ ของ พระราชา พระองค์ทรงสัง่ ให้ทา� จารกึ แผน่ ทองว่า มีนกยูงทองอยู่ เทือกเขาทส่ี ่ี ผู้ได้กินเนอ้ื มันจะไมแ่ ก่ตาย อายุยนื เป็นอมตะ แล้วก็ เสดจ็ สวรรคตตามพระเทวไี ม่นาน ข้อความในจารึกดึงดูดพระราชาพระองค์ใหม่ให้ตามจับ นกยูงเพ่ือสนองความเปน็ อมตะ แต่กไ็ มส่ ามารถจับได้ จนล่วงเลย มาถึงรัชสมยั ของพระราชาล�าดับทีเ่ จ็ด พรานป่าฝีมอื ดถี กู เรยี กตัว และรับมอบภารกจิ ค้นหานกยงู ทองต่อ นายพรานผรู้ บั คา� สัง่ ไม่ได้ ตรงไปจบั เลยทีเดียว แต่เขาหานกยงู ตัวเมียมาตัวหนง่ึ แล้วฝึกมนั ให้ ร ้อ ง แ ล ะ เ ต้ น ร�าจ น ไ ด้ น า ง น ก ต่ อ ที่ส่ัง ไ ด้ ด ้ว ยเพียงดีดนิ้วเท่านั้น จากน้ันเขาจงึ พานางนกขา้ มเขาไปยังท่ีอยขู่ องนกยูงทอง ๑๒๔ มหาราชปรติ ร
โมรปริตร รุ่งสางทย่ี อดเขาสูง นกยูงทองมองไปทางทิศตะวนั ออก รอเวลาที่ดวงอาทติ ย์จะพ้นแนวเขามาในอกี ไม่นาน ฟากพราน ป่าทีเ่ สร็จจากวางบว่ งก็ปล่อยนกต่อออกเดิน ดวงอาทิตย์ส่องแสงฉายน�ามา เมอื่ พรานป่าดีดน้ิวเปาะ นางนกก็ส่งเสียงเปน็ เพลงน่าฟัง เสยี งร้องของนางนกยูงถงึ แม้ไม่ใช่ เสียงเรยี ก แตก่ ็สามารถเรียกนกยงู ทองมาหาไดใ้ นทนั ที และบ่วง บาศกร็ ดั อิสรภาพเอาไวท้ ันทพี ร้อมกบั ท่พี ระอาทติ ย์โผลม่ าน่ันเอง นกยงู ทองกา� ลังจะกล่าวค�านอบนอ้ มอยู่แลว้ เทยี ว แต่จติ ใจ ไม่อยูก่ บั เนื้อกบั ตัวไปเสยี ก่อนจึงไมไ่ ด้แคลว้ คลาดเช่นทกุ คราว พรานป่าน�านกยูงทองเคราะห์ร้ายออกจากภูเขามาถึงใน วังทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นนกยงู ทม่ี สี ีสนั สวยงามแปลกตาเช่นนั้น ก็ทรงแย้มพระสรวลอย่างพึงพอพระทัย “ข้ำแต่มหำรำช เหตใุ ดจึงต้องมีรับสงั่ ให้จบั ขำ้ พเจำ้ ” นก ยูงทองถามเป็นค�าแรกหลังจากเกาะบนกิ่งไม้ประดับที่พระราชา ให้เจา้ หนา้ ท่ีน�ามาตง้ั มหาราชปรติ ร ๑๒๕
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล “ในจำรกึ เก่ำบอกไว้ ผ้ไู ดก้ นิ เนอื้ เจำ้ จะไม่แกต่ ำย มีอำยุ ยืนเปน็ อมตะ จงึ ได้จบั เจำ้ มำ” เม่อื ทราบคา� ตอบจากพระราชา นกยงู ทองกลา่ ววา่ “จะกิน ขำ้ พเจ้ำหรือไมก่ นิ ก็ชำ่ งเถิด แต่ข้ำพเจ้ำจะตอ้ งตำยใช่ไหม” “แน่นอน เจำ้ ตอ้ งตำย” นกยงู ทองกราบทลู วา่ “ข้ำแตม่ หำรำช เมือ่ ข้ำพเจำ้ เองยัง ตอ้ งตำย แล้วท�ำไมคนทก่ี ินขำ้ พเจ้ำถึงจะไม่ตำย” พระราชาเงียบไปพกั หนง่ึ แล้วตรัสตอบนกว่า “ก็เพรำะเจ้ำ เป็นนกยงู ทอง ผไู้ ดก้ นิ เนอ้ื เจ้ำจงึ ไมต่ ำย” “ข้ำแต่มหำรำช ข้อท่ีข้ำพเจ้ำมสี ที องน้ี กม็ ีสำเหตอุ ยู่ ข้ำพเจ้ำเคยเปน็ พระเจ้ำจกั รพรรดคิ รองเมืองพำรำณสนี ้ี ตอน นั้นข้ำพเจ้ำได้รักษำศีลห้ำและแนะน�ำประชำชนให้รักษำศีลด้วย พอส้ินชวี ิตแล้วไปบงั เกดิ บนสวรรค์ชน้ั ดำวดึงส์ หมดอำยุในสวรรค์ ก็เกิดเป็นนกยูงตำมบำปกรรมส่งผลมำ และผลบญุ จำกกำรรกั ษำ ศลี น่ันเองทีท่ ำ� ให้มีสที อง” ๑๒๖ มหาราชปรติ ร
โมรปริตร “แล้วเรำจะเชอ่ื ได้อยำ่ งไร ใครจะยนื ยนั ไดว้ ำ่ เจำ้ เคยเป็น พระเจำ้ จักรพรรดิ” พระราชาตรัสหลงั จากฟังเร่อื งท่นี กยงู ทองเลา่ “ข้ำแต่มหำรำช ครั้งขำ้ พเจำ้ เป็นพระเจำ้ จักรพรรดิ มีรำช รถคนั ใหญ่ ตอนนรี้ ถกย็ งั อยู่ จมอยูใ่ นสระอทุ ยำน ขอจงทรงโปรด ให้น�ำขึน้ มำเถดิ ” พอด�าเนินการขุดค้นและยกขึ้นมาบนบกก็เป็นราชรถคัน ใหญจ่ รงิ อยา่ งนกยงู ทองว่า และนน่ั เปน็ หลักฐานท่ีมีน้�าหนักพอท่ี พระราชาจะทรงเช่อื ถอื ได้ นกยงู ทองจงึ กลา่ วกถาธรรมถวายพระราชาวา่ “ขำ้ แตม่ หำ- รำช ธรรมทปี่ รงุ แตง่ ทัง้ หมด นอกจำกพระอมตมหำนพิ พำนแล้ว ก็ลว้ นแตไ่ ม่เทยี่ ง สน้ิ ไปกับเสอื่ มไปตำมธรรมดำ ทมี่ กี ็กลำยเป็น ไม่มี” และเลา่ เรอ่ื งศลี หา้ และอานิสงส์ แนะน�าใหพ้ ระราชาต้ังอย่ใู น ศลี ธรรม มหาราชปรติ ร ๑๒๗
ความเป็นมา : บทสวด : ค�าแปล ธรรมกถาที่นกยูงทองแสดงเป็นที่พอพระทัยพระราชา ย่ิงนกั ด้วยว่าได้ยงั แสงศรัทธาและปญั ญาให้เกดิ ข้ึนในชีวิตของพระ ราชา และรวมไปถึงประชาชนทง้ั ปวง นกยูงทองได้รับการเล้ียงดูและได้รับส่ิงของบูชาธรรม มากมาย แตก่ ไ็ ดม้ อบถวายของทั้งหมดแดพ่ ระราชา สามวันตอ่ มา นกยูงทองกก็ ราบบงั คมลาพระราชา กระพอื ปีกน�าร่างตนข้นึ กลาง อากาศ โบยบนิ ไปโดยมุ่งหน้าสยู่ อดเขาเดมิ เร่ืองรำวที่พระพุทธเจ้ำน�ำมำประกอบเทศนำท่ีท�ำให้พระ ภกิ ษตุ น้ เรื่องบรรลุพระอรหันตธรรม คอื ท่ีมำของ โมรปริตร ทมี่ ี อำนภุ ำพคมุ้ ครองผสู้ วดใหแ้ คลว้ คลำดจำกภยนั ตรำยทง้ั ปวง เปน็ บท เดยี วกบั ทีน่ กยงู ทองเคยสวดเชำ้ เย็นบนยอดเขำ พระปรติ รน้ีไม่ใช่เป็นค�ำของนกทัว่ ไป แต่เป็นค�ำแสดง ควำมนอบนอ้ มของพระโพธสิ ตั ว์ เพรำะนกยูงทองคอื พระชำติหน่งึ ของพระพุทธเจ้ำ และผูท้ ี่ตรสั พระปริตรนี้ก็คือพระพุทธเจำ้ ขอให้มีศีลห้าและธรรมะที่มั่นคงสม่�าเสมอในการท�าความดี ถึงอานสิ งสแ์ หง่ พระปรติ รธรรมนี้ เทอญ. ๑๒๘ มหาราชปรติ ร
บทขดั โมรปรติ ร บทขดั โมรปริตร ปูเรนตัมโพธสิ มั ภาเร นิพพัตตัง โมระโยนยิ งั เยนะ สงั วหิ ติ ารกั ขงั มะหาสตั ตัง วะเนจะรา. จริ ัสสงั วายะมันตาปิ เนวะ สักขิงสุ คณั ห๎ ติ ุง พ๎รัหม๎ ะมนั ตนั ติ อักขาตัง ปะริตตันตมั ภะณามะ เห. พวกพรานไพรแม้พยายามอยชู่ ้านาน กไ็ มส่ ามารถจับพระ มหาสตั ว์ ผูบ้ ังเกิดในกา� เนดิ แหง่ นกยงู ทอง ผบู้ �าเพญ็ บารมเี พอ่ื จะ บรรลพุ ระสพั พญั ญุตญาณ ผ้คู ุ้มครองตนอยา่ งดีแล้วด้วยพระปรติ ร ใด ขอเราท้ังหลายจงสวดพระปรติ ร ทพ่ี ระพุทธเจ้าตรัสเรยี กว่า เป็นมนตอ์ ันประเสรฐิ นั้น เทอญ. มหาราชปริตร ๑๒๙
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล บทโมรปรติ ร อุเทตะยญั จกั ขุมา เอกะราชา หะรสิ สะวณั โณ ปะฐะวปิ ปะภาโส ตงั ตัง นะมสั สามิ หะรสิ สะวณั ณงั ปะฐะวิปปะภาสงั ตะยชั ชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสงั . พระอาทติ ย์ผ้เู ปน็ ดวงตาของจกั รวาล ผูย้ ิง่ ใหญ่แห่งแสง สวา่ งพระองคน์ ี้ ทรงพระรัศมสี ที องสาดสอ่ งปฐพี เสดจ็ อทุ ยั ขึน้ ไป เพราะเหตุน้ัน ข้าพเจา้ ขอนอบน้อมพระอาทิตย์พระองคน์ ัน้ ผูท้ รง พระรศั มีสีทองสาดสอ่ งปฐพี ข้าพเจ้าทงั้ หลายอันพระองคค์ ้มุ ครอง ดแี ลว้ ในวันน้ี พงึ อยเู่ ป็นสุขตลอดวัน เย พร๎ าหม๎ ะณา เวทะคู สพั พะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มงั ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานงั นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมตุ ตานงั นะโม วิมตุ ตยิ า อมิ ัง โส ปะริตตงั กัตว๎ า โมโร จะระติ เอสะนา. ๑๓๐ มหาราชปริตร
บทโมรปรติ ร พระพุทธเจ้าเหลา่ ใดผูท้ รงรู้แจง้ ธรรมทัง้ ปวง ขอพระพทุ ธ- เจ้าเหลา่ น้ัน จงรบั การนอบน้อมของข้าพเจา้ อน่งึ ขอพระพทุ ธเจา้ เหล่านนั้ โปรดคุ้มครองขา้ พเจา้ ด้วย ขอนอบน้อมแดพ่ ระพุทธเจา้ ท้งั หลาย ขอนอบน้อมแดพ่ ระโพธิญาณ ขอนอบนอ้ มแด่พระพุทธเจ้า เหล่านน้ั ผู้หลดุ พ้นแลว้ ขอนอบนอ้ มแดว่ ิมตุ ติธรรม เมอื่ นกยูงนน้ั สาธยายพระปรติ รอย่างนี้แล้ว จงึ เทยี่ วไปแสวงหาอาหาร อเปตะยญั จกั ขมุ า เอกะราชา หะริสสะวณั โณ ปะฐะวิปปะภาโส ตงั ตงั นะมสั สามิ หะริสสะวณั ณัง ปะฐะวิปปะภาสงั ตะยัชชะ คตุ ตา วหิ ะเรมุ รตั ตงิ . พระอาทติ ยผ์ ูเ้ ปน็ ดวงตาของจกั รวาล ผู้ยิง่ ใหญแ่ หง่ แสง สวา่ งพระองค์นี้ ทรงพระรศั มีสที องสาดสอ่ งปฐพี เสดจ็ อัสดงคตไป เพราะเหตุน้นั ข้าพเจา้ ขอนอบน้อมพระอาทติ ย์พระองค์น้นั ผทู้ รง พระรศั มีสที องสาดสอ่ งปฐพี ข้าพเจ้าทงั้ หลายอันพระองคค์ ุม้ ครอง ดีแล้วในวนั น้ี พึงอยู่เป็นสขุ ตลอดราตรี มหาราชปริตร ๑๓๑
ความเป็นมา : บทสวด : คา� แปล เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคู สพั พะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมตั ถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมตุ ตานัง นะโม วมิ ตุ ตยิ า อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร วาสะมะกัปปะย.ิ พระพทุ ธเจา้ เหล่าใดผู้ทรงร้แู จ้งธรรมทั้งปวง ขอพระพทุ ธ- เจา้ เหล่านั้น จงรับการนอบน้อมของขา้ พเจา้ อนึง่ ขอพระพทุ ธเจา้ เหล่าน้ันโปรดคุ้มครองข้าพเจ้าดว้ ย ขอนอบนอ้ มแดพ่ ระพุทธเจา้ ท้งั หลาย ขอนอบน้อมแดพ่ ระโพธิญาณ ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า เหล่านั้นผู้หลดุ พ้นแลว้ ขอนอบนอ้ มแดว่ มิ ตุ ตธิ รรม เมือ่ นกยูงน้ัน สาธยายพระปริตรอย่างนแี้ ลว้ จงึ นอน ๑๓๒ มหาราชปรติ ร
มหาราชปริตร
ความเป็นมา : บทสวด : ค�าแปล วฏั ฏกปรติ ร พระอานนทเถระถือผ้าสังฆาฏิของพระพุทธเจ้าเดินไป หยดุ ทเ่ี หมาะสมทหี่ นึ่ง วางสังฆาฏิลงกบั พืน้ แลว้ คล่ีปู กราบทลู อาราธนาพระพุทธเจ้าใหป้ ระทับนง่ั พระสงฆ์ท้งั หมดนงั่ รายล้อม พระพุทธเจ้า ทัว่ บริเวณที่ไกลออกไปเหน็ แต่รอยไหมเ้ กรยี ม เปลวควนั สี เทาเขม้ ลอยขึ้นสกู่ ลางอากาศ เวลาลมตคี วันกก็ ระพือกนั ทหี นึง่ เช้าวนั นพี้ ระพทุ ธเจ้าเสดจ็ ไปบณิ ฑบาตนอกเมอื งมคธ หลงั จากทรงทา� ภตั กจิ ณ ท่หี นึ่งแลว้ กเ็ สดจ็ กลับ โดยมีพระสงฆ์จ�านวน มากร่วมสายทางมาด้วย ทางที่ปลอดภัยดีเมอ่ื ขามา แตข่ ากลบั ได้ เป็นดังทะเลเพลงิ ดว้ ยว่าปรากฏไฟปา่ ขน้ึ ๑๓๔ มหาราชปริตร
วัฏฏกปริตร ไ ฟ ป่า ลุก ล า ม กิ น ต้ น ไ ม ้ ใ บ ห ญ้ า อย่างร ว ด เร็ว แ ล ะ ร้ อ น แรง แต่ท่รี ้ายไปกว่านน้ั กค็ ือมันได้โอบล้อมพระพุทธเจ้าและหมู่ พระสงฆ์เอาไว้ ไอร้อนที่เริ่มผ่าวแรงและเสียงปะทุปุปะดังล่ันท�าให้พระ สงฆห์ วน่ั กลวั บางรปู หยิบตะบนั ไฟจะตจี ดุ ไฟขนึ้ เผาคุม จะใช้ไฟ ต้านไฟ แต่พระกห็ ้ามกนั ไม่ให้จดุ เรามากับพระพทุ ธเจา้ รบี ไปหา พระพทุ ธเจ้ากนั เถอะ พระกลุ่มท่ีอยู่ข้างหน้าพระพุทธเจ้าก็ถอยกลับมาหาพระ พุทธเจ้า ส่วนอกี กลุ่มหนึ่งท่ตี ามหลงั มากเ็ รง่ ฝีเท้า ในทสี่ ดุ กม็ ารวม กันอยู่กลางทะเลเพลิงที่ก�าลังโหมกระพือโบกเปลวเร่งเร้าวูบ วาบ แตเ่ มื่อไฟนน้ั มาใกล้ก็กลับหยดุ ลงทนั ใด เว้นพื้นท่ีไว้ประมาณ ๖๔๐ ตารางเมตร ทพ่ี ระพุทธเจ้ากบั พระสงฆย์ นื อยู่ เหตุกำรณ์ท่ีเพิ่งเกิดขึ้นนี้ท�ำให้พระสงฆ์กล่ำวเป็นเสียง เดียวกนั ว่ำ คุณของพระพทุ ธเจำ้ ชำ่ งน่ำอศั จรรย์จริง มหาราชปริตร ๑๓๕
ความเปน็ มา : บทสวด : ค�าแปล พระพุทธเจ้าประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏิท่ีพระอานนท์ปูถวาย แลว้ ตรสั วา่ “น่เี ปน็ กำ� ลังของสัจจะ ไม่ใชเ่ พ่ิงจะมีคร้ังนีน้ ะ ในอดตี ก็เคย มมี ำแลว้ ” พระสงฆ์ที่น่ังแวดล้อมพระพุทธเจ้าตั้งสติฟังเร่ืองท่ีพระ พุทธเจ้าทรงนา� มาเลา่ เป็นเร่ืองของครอบครัวนกคมุ้ ทปี่ ระกอบดว้ ย พอ่ แม่ ลูก ลกู นกนนั้ เป็นอดีตชำติหน่ึงของพระพทุ ธเจ้ำ ลูกนกคมุ้ อย่ใู นรงั ติดพื้นดนิ มพี ่อแม่คาบอาหารมาปอ้ นเป็น ปกติสขุ แต่ปา่ ท่อี ย่นู นั้ ถึงฤดูร้อนก็จะเทา่ กับเปน็ ฤดูไฟปา่ น่ันเทียว วนั นห้ี น้าแล้ง พ่อแม่นกออกหากนิ โดยไม่ลืมจะคาบอาหาร มาฝากลกู แต่นกทัง้ คู่ไม่สามารถกลบั รังได้ เพราะไฟป่าลกุ ไหมก้ ้นั ทางไป จนใจทจ่ี ะฝ่าไปหาลูกน้อยเพราะขา้ งหนา้ มแี ต่ไฟและไฟ ๑๓๖ มหาราชปริตร
วัฏฏกปริตร ไฟป่ำนนั้ มีควำมเปน็ อสิ ระอยำ่ งยงิ่ ไม่มสี ่งิ ใดควบคมุ หรือ ขวำงกั้น มันสะบัดเปลวลงิ โลดไปเรอ่ื ย เมอ่ื ได้ไหม้ลำมไปแล้วกม็ แี ต่ จะเพม่ิ ควำมแรงให้กับตัวมนั เอง ศักยภำพกำรเผำผลำญทวคี ูณขนึ้ ขณะตอ่ ขณะ นกนานาชนิดที่ท�ารังอยู่บริเวณเดียวกันต่างส่งเสียงด้วย ความหวาดผวาบนิ หนตี ายกันจา้ ละหวน่ั ลูกนกคุ้มรู้ได้ถึงสถานการณ์มหนั ตภัย ไอรอ้ นผะผา่ วมาถงึ รงั ชะเงอ้ คอขึ้นมองเห็นแตเ่ ปลวไฟลกุ โชน มหาราชปริตร ๑๓๗
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล ลกู นกคุม้ ทรงสติเอาไว้ ทา� ความระลกึ ไปในกุศลธรรม สิง่ ที่ เรยี กวา่ ศีล นน้ั เป็นส่ิงทม่ี คี ณุ อยู่จริง สง่ิ ที่เรยี กว่า สัจจะ กเ็ ป็นสงิ่ ที่มคี ุณจรงิ พระพทุ ธเจำ้ แต่ละพระองค์ท่ีท่านนงั่ ตรสั รู้ท่ีใต้ต้นไม้ น้ัน ท่านกม็ ีคณุ ความดขี องท่าน มศี ีล สมำธิ ปัญญำ มสี ัจจะ ธรรมะ ท่ที ่านรแู้ จง้ นน้ั ต้องมคี ุณแน่นอน ในตวั เรำเอง กต็ ้องมี สจั จะ อยู่ แนน่ อน เราควรอ้างเอา สจั จะ ของเราเพือ่ กันไฟป่าเสีย ลูกนกคุ้มน้อมใจระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้ำในอดีต ปรำรภถงึ ภำวะอันเป็นสจั จริงในตวั ของตนสำมอยำ่ ง คอื ปีกมี แต่ ไม่สำมำรถบนิ ไปได้ ขำมี แต่เดินวง่ิ ไม่ได้ พอ่ แมม่ ี แตต่ อนนที้ ำ่ น ไมไ่ ดอ้ ยูด่ ว้ ย ขอใหไ้ ฟป่ำจงถอยไป พลันไฟป่าก็ดับสนิทเหมือนจุ่มไฟฟืนลงในสระน�้ากว้าง ระยะจากรังนกคมุ้ ๖๔๐ ตารางเมตร เปน็ พนื้ ทท่ี ี่ปราศจากไฟ ๑๓๘ มหาราชปรติ ร
วัฏฏกปริตร พระพุทธเจ้าตรสั บอกพระสงฆว์ า่ มิใช่ก�าลังแห่งสัจจะใน ปจั จุบันอย่างเดียว แต่เปน็ สจั จะในอดีตดว้ ย ทที่ ่ีปลอดภัยจากไฟ ในตอนนี้ กบั ทท่ี ี่เป็นรงั นกคุม้ น้นั เป็นท่ที ีเ่ ดยี วกนั และเป็นทท่ี ่จี ะ ปลอดภยั จากอัคคภี ัยตลอดไป พระพุทธเจ้าแสดงธรรมค�าสอนอนั เป็นสัจธรรมตอ่ เน่อื งไป พอจบเทศนา พระสงฆ์แต่ละรปู ก็บรรลุธรรมเปน็ พระอรยิ - สงฆ์ ขอใหท้ รงไวซ้ ง่ึ สจั จะ ขอให้เหน็ แจง้ สจั ธรรม ขอให้ปราศ จากอคั คีภัยและภัยทงั้ ปวง ขอใหบ้ รรลุถงึ อานสิ งสข์ องพระปรติ รน้ี เทอญ. มหาราชปริตร ๑๓๙
ความเปน็ มา : บทสวด : คา� แปล บทขดั วฏั ฏกปรติ ร ปูเรนตมั โพธสิ ัมภาเร นพิ พัตตงั วฏั ฏะชาติยัง ยัสสะ เตเชนะ ทาวคั คิ มะหาสัตตงั ววิ ชั ชะย.ิ ไฟป่าหลกี ให้พระมหาสัตว์ ผ้บู ังเกิดในชาตินกค้มุ ผูบ้ า� เพญ็ บารมีเพอื่ จะบรรลพุ ระสพั พัญญตุ ญาณ ด้วยเดชของพระปริตรใด เถรัสสะ สารปิ ตุ ตสั สะ โลกะนาเถนะ ภาสิตัง กปั ปฏั ฐายิง มะหาเตชงั ปะริตตนั ตัมภะณามะ เห. ขอเราทง้ั หลายจงสวดพระปริตรนนั้ อนั มเี ดชมาก ด�ารง อยูต่ ลอดกัป ที่พระโลกนาถเจา้ ทรงภาษติ ไว้แกพ่ ระสารบี ตุ รเถระ เทอญ. ๑๔๐ มหาราชปริตร
บทวัฏฏกปรติ ร บทวัฏฏกปรติ ร อตั ถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง โสเจยยะนุททะยา เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิรยิ ะมะนตุ ตะรัง. คณุ แห่งศลี ความสัตย์ ความหมดจด พระสพั พัญญพู ุทธเจ้า ผู้ประกอบด้วยความเอ็นดูกรณุ า ปรากฏอย่จู ริงในโลก ด้วยความ จรงิ นน้ั เราจักทา� สจั กิรยิ าอันยอดเย่ียม อาวชั ชติ ว๎ า ธัมมะพะลงั สะรติ ๎วา ปุพพะเก ชิเน สัจจะพะละมะวสั สายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหงั . เราน้อมนกึ ถงึ อานุภาพแหง่ พระธรรม ระลึกถงึ พระชนิ เจา้ ทงั้ หลายในปางก่อนแล้ว อาศยั อานภุ าพแหง่ ความจริง ได้ทา� สัจ- วาจา (ดงั นี้วา่ ) สนั ติ ปักขา อะปะตะนา สันติ ปาทา อะวญั จะนา มาตา ปติ า จะ นิกขนั ตา ชาตะเวทะ ปะฏกิ กะมะ. ปกี ท้งั สองของเรามีอยู่ แต่กบ็ นิ ไมไ่ ด้ เท้าทัง้ สองของเรา มอี ยู่ แตก่ ็เดินไมไ่ ด้ อนงึ่ มารดาบดิ ากบ็ ินหนีไปแล้ว ดูกอ่ นไฟ ขอทา่ นจงหลกี ไปเถิด มหาราชปริตร ๑๔๑
ความเป็นมา : บทสวด : คา� แปล สะหะ สจั เจ กะเต มยั ห๎ งั มะหาปชั ชะลโิ ต สขิ ี วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ปตั ๎วา ยะถา สิขี สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมี. เม่ือเราท�าสัจวาจาเชน่ นแี้ ล้ว ไฟท่ลี ุกโชติช่วงอยู่ กด็ บั ไปเป็น พน้ื ที่ถงึ ๑๖ กรีสะ ในทนั ที ด่ังไฟตกถึงนา้� ดบั ไป ฉะนนั้ ส่ิงอ่ืนใดที่ เสมอกบั ความสัตยข์ องเราไม่มี นี้เปน็ สจั บารมขี องเรา. ๑๔๒ มหาราชปริตร
มหาราชปรติ ร
ความเป็นมา : บทสวด : ค�าแปล ธชัคคปริตร ค�าวา่ พระอนิ ทร์ ท่ีเคยได้ยนิ กนั นน้ั ไมใ่ ชช่ อ่ื บคุ คล หาก แต่เป็นเหมือนต�าแหน่งหนึ่งในเทวโลกท่ีมีการเปล่ียนบุคคลเมื่อ บคุ คคลเดิมสิน้ อายุขัยไปจากภพภมู ิ ตา� แหน่งพระอินทร์นั้น เปน็ ตา� แหน่งท่เี ปดิ กว้าง รองรับผู้ ใดก็ได้ที่มี คณุ สมบัติ ๗ ประกำร คือ เล้ียงดูบิดำมำรดำ ประพฤติ อ่อนน้อม พูดเปน็ สจั จะ ไมพ่ ดู คำ� หยำบ ไมพ่ ูดส่อเสยี ด ไม่ตระหน่ี ไม่โกรธ โดยทุกข้อต้องถอื ปฏิบัติตลอดชีวิต พระอินทร์องค์ปัจจบุ ัน มชี ่ือคร้งั เป็นมนษุ ย์ว่า มฆ- มำณพ ได้สร้างสาธารณประโยชน์ร่วมกบั มติ รสหาย ๓๒ คน กุศล ส่งให้บังเกิดในภพดาวดึงส์ร่วมภพกับเทพกลุ่มหน่ึงซึ่งอยู่มาก่อน หน้า ๑๔๔ มหาราชปรติ ร
ธชัคคปริตร ในงานสันทนาการตอ้ นรับผูม้ าใหม่ เทพกล่มุ เกา่ นา� สรุ ามา ด่มื จนเมามาย กลุ่มใหมท่ ี่ทา� ทแี กล้งดื่มยงั มสี ติเต็มดอี ยกู่ จ็ ับเหว่ียง เทพกลุ่มเดิมไปจากภพ เหล่าเทพผเู้ มามายไมถ่ งึ กับเดอื ดร้อนเสยี ที เดียวเมื่อบุญกุศลที่พวกเขาเคยท�ามาได้บันดาลให้ได้ท่ีท่ีหน่ึงเป็น ทอี่ ยู่อาศัย บทเรยี นจากการเมามายจนต้องสญู เสียถน่ิ อาศยั อัน แสนสุข ท�าให้พวกเขาตั้งใจว่าจะไมเ่ สพสุราอีกตอ่ ไป น่นั คือท่มี า ของค�าว่า อสรู ทห่ี มายถงึ เทพอสรุ ำ กลุ่มนี้ ความเป็นอยู่ในภพอสูรอาจน้อยกว่าในดาวดึงส์บ้างใน บางเร่อื ง แตศ่ ักด์ิและสทิ ธขิ์ องความเปน็ ทิพย์ทีท่ ัดเทยี มกนั ท�าให้ เทพอสรู พอลืมความเจบ็ ปวดทีต่ นถกู กระท�าได้บา้ ง แต่ถึงฤดูท่ดี อก แคฝอยผลดิ อกเมือ่ ใด บาดแผลในใจกก็ า� เริบเมื่อน้ัน เพราะคิดไป ถึงดอกปาริฉตั รอันเป็นทิพย์ท่ีเคยไดช้ น่ื ชมในดาวดึงสส์ วรรค์ ดอกแคฝอยท่ีแย้มบานเหมือนเป็นสัญญาณให้อสูรกรีฑา ทพั บุกแดนสวรรค์ ขณะทพ่ี ระอนิ ทร์ทีม่ ีอา� นาจเตม็ กเ็ ตรยี มการวาง ก�าลงั ไว้หา้ ด่าน โดยมที า้ วจตุโลกบาลสี่พระองค์เปน็ ด่านสดุ ทา้ ยท่ี รบยนั รอพระอินทรน์ า� ทัพเทวดาออกมาทา� สงครามกบั อสูร มหาราชปรติ ร ๑๔๕
ความเป็นมา : บทสวด : คา� แปล พระพุทธเจ้าตรัสถึงวิธีการที่พระอินทร์ใช้ปลุกใจเทวดาท่ี มีความหวนั่ กลัวเมอ่ื ตอ้ งสูศ้ ึกกบั อสรู วา่ พระอนิ ทรแ์ นะน�าใหเ้ หลา่ เทพบริวารมองดูยอดธงชัยของจอมทัพและแม่ทัพผู้เกรียงไกรกลาง สมรภมู ิสวรรค์ จากนน้ั พระพุทธองค์ตรสั ผลลัพธ์ของวธิ ีการดงั กล่าววา่ เทพ ทหี่ ายกลัวกม็ ี เทพทยี่ ังกลวั ก็มี เพราะเทพจอมทพั และเทพแม่ทพั ยังมีความโลภ โกรธ และหลงอยู่ เมื่อเทยี บกบั การทีภ่ ิกษผุ ปู้ ฏิบัติ ธรรมต้องตอ่ สู้กับความกลัว ไมว่ ่าจะด้วยสาเหตใุ ด พระพุทธองค์ ทรงแนะนา� ให้ภิกษรุ ะลึกถงึ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะ พระพทุ ธเจ้าไม่มีความโลภ ไมม่ ีความโกรธ ไม่มคี วามหลง จึงท�าให้ ผูร้ ะลกึ ปราศจากความกลัวทกุ ประการ ขอใหพ้ ้นจากความโลภ โกรธ หลง บรรลุอานสิ งสแ์ หง่ พระ ปรติ รน้ี เทอญ. ๑๔๖ มหาราชปรติ ร
บทธชัคคปรติ ร บทขัดธชัคคปรติ ร ยัสสานสุ สะระเณนาปิ อนั ตะลิกเขปิ ปาณิโน ปะติฏฐะมะธคิ จั ฉันติ ภูมิยงั วิยะ สพั พะทา. เพราะการระลกึ ถึงพระปริตรใด สัตวท์ งั้ หลายแมน้ ัง่ ใน อากาศ ยอ่ มไดท้ ีพ่ ึ่งดจุ น่ังอยูบ่ นพน้ื ดินในกาลทกุ เมือ่ สพั พปู ัททะวะชาลมั ห๎ า ยกั ขะโจราทสิ ัมภะวา คะณะนา นะ จะ มุตตานงั ปะรติ ตนั ตัมภะณามะ เห. อนง่ึ สัตวท์ งั้ หลายผู้พ้นจากข่ายแห่งอปุ ทั วนั ตรายท้งั ปวง อนั เกดิ จากยักษแ์ ละโจรเปน็ ตน้ นบั จ�านวนไมไ่ ด้ ขอเราท้ังหลาย จงสวดพระปรติ รน้ัน เทอญ. มหาราชปริตร ๑๔๗
ความเปน็ มา : บทสวด : ค�าแปล บทธชคั คปรติ ร เอวมั เม สุตัง. ข้าพเจ้า (พระอานนทเถระ) ไดส้ ดับมาแลว้ อย่างน้ี เอกงั สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถยิ ัง วหิ ะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑกิ ัสสะ อาราเม. สมัยหนง่ึ พระผมู้ พี ระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวนั อารามของทา่ นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถี ตตั ๎ระ โข ภะคะวา ภิกขู อามนั เตสิ ภิกขะโวติ. ณ ทนี่ น้ั แล พระผูม้ พี ระภาคเจ้า ตรัสเรยี กภกิ ษุทั้งหลายวา่ ดกู ่อนภิกษทุ งั้ หลาย ๑๔๘ มหาราชปรติ ร
บทธชคั คปริตร ภะทนั เตติ เต ภกิ ขู ภะคะวะโต ปจั จสั โสสุง. ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระด�ารัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า ภะคะวา เอตะทะโวจะ. พระผมู้ พี ระภาคเจ้าไดต้ รสั พระพทุ ธพจน์ดังนวี้ ่า ภตู ะปุพพงั ภิกขะเว เทวาสุระสังคาโม สะมปุ ัพ๎ยฬุ ๎โห อะโหส.ิ ดูกอ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย นานมาแลว้ ไดเ้ กดิ สงครามระหว่าง เทวดากับอสรู ข้นึ อะถะ โข ภกิ ขะเว สกั โก เทวานะมนิ โท เทเว ตาวะติงเส อามันเตสิ. ดกู ่อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย คร้งั น้นั ท้าวสกั กะจอมเทพรับส่งั กบั ทวยเทพช้ันดาวดึงสว์ า่ สะเจ มาริสา เทวานงั สังคามะคะตานงั อุปปัชเชยยะ ภะยงั วา ฉัมภิตัตตัง วา โลมะหงั โส วา. ดกู ่อนท่านผปู้ ราศจากทกุ ข์ ถา้ ความกลวั ความหวาดหวน่ั หรือความขนพองสยองเกลา้ พงึ เกิดขน้ึ แกท่ ่านท้ังหลาย ผูเ้ ปน็ เทพ ก�าลังเข้าสงคราม มะเมวะ ตัสม๎ งิ สะมะเย ธะชคั คงั อุลโลเกยยาถะ. ในขณะนนั้ ขอให้ทา่ นท้งั หลายแหงนดยู อดธงของเรานั่น เทยี ว มหาราชปรติ ร ๑๔๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230