คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ าว 30225 รายวิชา เคมี (เพิม่ เติม) กลุํมสาระการเรยี นร๎ูวิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรียน 60 ชวั่ โมง จานวน 1.5 หนํวยกติ ศึกษาทดลองการถายโอนอิเล็กตรอนในปฏกิ ิริยาระหวางโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน ศึกษา ปฏิกิรยิ าออกซเิ ดชัน ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชนั ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ ตวั รีดิวซ์ ตัวออกซไิ ดซ์ การเขยี นและ ดุลสมการรีดอกซ์ โดยใชเลขออกซิเดชันและครึ่งปฏิกิริยา ศึกษาเซลล์ไฟฟูาเคมี ศึกษาและทดลองเก่ียวกับ หลักการของ เชลล์ กัลวานกึ ศึกษาการเขยี นแผนภาพของเซลล์กัลวานิก การหาคาศักย์ไฟฟูาของเซลล์ และศักย์ไฟฟูามาตรฐาน ของคร่ึงเซลล์ ปฏิกิริยาในเซลล์กัลวานิกประเภทเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิ บางชนิด ทดลองเพ่ือศึกษา หลักการสรางและการทํางานของเซลล์สะสมไฟฟูาแบบตะกั่ว ศึกษาหลักการ ของเซลล์อิเล็กโทรไลติก การแยกสารไอออนิกที่หลอมเหลวดวยกระแสไฟฟูา และทดลองการแยกสาร ละลายดวยกระแสไฟฟูาตาม หลักการของเซลล์อิเล็กโทรไลติก ศึกษาและทดลองชุบโลหะดวยไฟฟูา ศึกษาวิธีการทําใหโลหะบริสุทธิ์ การถลงุ แร ศึกษาและทดลองเก่ียวกบั การกดั กรอนและการปูองกนั การ ผกุ รอ นของโลหะ ศึกษาความกาวหนา ทางเทคโนโลยีท่เี ก่ยี วขอ งกับเซลลไ์ ฟฟูาเคมี ศึกษาและสืบคนขอมูลเกี่ยวกับชนิด สมบัติ และการนํามาใชประโยชน์ของธาตุและสารประกอบ ท่ีสําคัญในประเทศไทย ศึกษาแรประกอบหิน แรเศรษฐกิจ การถลุงหรือการสกัดแรเพ่ือนําไปใชประโยชน์ ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมแร อุตสาหกรรมเซรามิกส์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวของกับโซเดียมคลอไรด์ และอุตสาหกรรมปยุ เพ่ือใหมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับเซลล์ไฟฟูาเคมีและปฏิกิริยาในเซลล์ไฟฟูาเคมี ธาตุ และ สารประกอบอนินทรยี ท์ ส่ี าํ คญั ในอตุ สาหกรรม โดยใชการเรยี นรดู ว ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะ หาความรู การสํารวจตรวจสอบ สามารถนําความรูและหลักการไปใชประโยชน์ในการอธิบายปรากฏการณ์ หรือแกปัญหาในชีวิตประจําวัน มีความสามารถในการจัดกระทําและวิเคราะห์ขอมูล ตัดสินใจ แกปัญหา สอ่ื สารสิ่งท่ีเรยี นรู รวมทัง้ มีจิตวทิ ยาศาสตร์ เห็นคุณคาของวิทยาศาสตร์ มีจริยธรรม คุณธรรม และ คานิยมที่ เหมาะสม
ผลการเรยี นร๎ู 1. อธิบายความหมายของปฏิกิรยิ าออกซเิ ดชัน ปฏิกิริยารดี ักชนั ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ ตัวรดี วิ ซ์ และตวั ออกซไิ ดส์ ในดานการถา ยโอนอเิ ลก็ ตรอนและการเปลีย่ นแปลงเลขออกซเิ ดชันได 2. จัดลําดับความสามารถในการใหแ ละรับอิเลก็ ตรอนของธาตุหรอื ไอออนเปรียบเทียบ ความสามารถในการเปน็ ตัวรดี วิ ซห์ รอื ตวั ออกซิไดส์ได 3. ดุลสมการรดี อกซ์โดยใชเลขออกซเิ ดชนั และครึง่ ปฏกิ ริ ิยาได 4. ตอเซลล์กัลวานิกจากคร่งึ เซลล์ท่ีกาํ หนดให พรอ มทั้งบอกข้วั แอโนด ข้วั แคโทดและเขียน สมการ แสดงปฏิกริ ิยาได 5. เขยี นแผนภาพเซลล์กัลวานิกได 6. อธบิ ายวธิ ีหาคา ศกั ย์ไฟฟาู มาตรฐานของครึ่งเซลล์ (E0) โดยการเปรยี บเทียบกบั ครึ่งเซลล์ ไฮโดรเจน มาตรฐานได 7. ใชคา E0 ของครง่ึ เซลล์คํานวณหาคา ศกั ยไ์ ฟฟูาของเซลลแ์ ละทํานายการเกิดปฏิกริ ยิ ารดี อกซไ์ ด 8. อธบิ ายหลกั การทํางานของเซลลก์ ลั วานิก เซลล์ปฐมภมู ิ เซลลท์ ุตยิ ภมู ิและเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลตกิ ได 9. อธิบายหลักการของการแยกสารดว ยกระแสไฟฟาู การชุบโลหะดว ยไฟฟาู และการทําโลหะให บริสุทธ์ิ พรอ มทงั้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ิริยาทีเ่ กดิ ขึ้นได 10. อธิบายสาเหตุหรอื ภาวะท่ีทําใหโ ลหะเกิดการผกุ รอ นพรอมทง้ั เขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาได 11. อธิบายวธิ ีปูองกนั การผุกรอนของโลหะโดยวิธอี ะโนไดซ์ การรมดํา วิธแี คโทดกิ การเคลือบผิวดวย พลาสตกิ สีหรือนาํ้ มนั การซุบดวยโลหะได 12. อธบิ ายหลักการทํางานของแบตเตอรอ่ี ิเลก็ โทรไลตข์ องแขง็ แบตเตอรอี่ ากาศ การทําอเิ ลก็ โทร ไดอะลิซิสนํา้ ทะเลได 13. อธิบายหลกั การถลงุ แรห รือการสกดั แรท องแดง สงั กะสแี ละแคดเมยี ม ดีบุก โคลัมไบต์แทนทาไลต์ ทงั สเตน พลวง และเซอร์คอน พรอ มทัง้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึนได 14. อธิบายสมบัติและประโยชน์ของแรรัตนชาติชนิดตา ง ๆ ได 15. อธิบายวธิ พี ฒั นาคณุ ภาพของแรร ัตนชาติได 16. อธิบายขน้ั ตอนสาํ คญั ของการทําผลิตภัณฑเ์ ซรามกิ สไ์ ด 17. บอกประโยชนข์ องผลติ ภัณฑ์เซรามิกสพ์ รอมท้ังยกตวั อยางได 18. อธบิ ายวิธีการผลิตเกลือสมุทรและเกลือสนิ เธาวไ์ ด 19. อธบิ ายวิธีการผลติ โซเดียมไฮดรอกไซต์และแก฿สคลอรีนจากโซเดยี มคลอไรต์ โดยใชเซลล์เพอ่ื แลกเปล่ียนไอออน พรอ มทง้ั เขียนสมการแสดงปฏิกิรยิ าทีเ่ กดิ ขน้ึ ได 20. อธิบายกระบวนการผลิตโซดาแอชและสารฟอกขาว พรอ มท้ังเขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าท่ีเกิดขนึ้ ได 21. อธิบายกระบวนการผลติ ปยุ ไนโตรเจน ปยุ ฟอสเฟต ปยุ โพแทส และปยุ ผสม ตลอดจนผลกระทบ ตอสิ่งแวดลอม ทเี่ กดิ จากการใชปยุ ได รวมทัง้ หมด 21 ผลการเรยี นร๎ู
โครงสรา๎ งรายวชิ า รายวชิ า เคมี (เพ่ิมเติม) รหสั วชิ า ว 30225 กลุํมสาระการเรยี นร๎ูวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 60 ชม./คาบ จานวน 1.5 หนวํ ยกิต หนํวยการ ชอื่ หนํวยการเรยี นรู๎ ผลการ สาระสาคัญ เวลา นน. เ ีรยน ๎ูรท่ี9 ไฟฟาู เคมี เรียนรู๎ (ชม./ คะแนน คาบ) 10 ธาตแุ ละสารประกอบ อนนิ ทรีย์ใน 1 -11 9.1 ปฎกิ ิรยิ ารดี อกซ์ 34 30 อตุ สาหกรรม 9.2 การดุลสมการรีดอกซ์ 9.3 เซลลไ์ ฟฟูาเคมี 9.3.1 เซลลก์ ัลวานิก 9.3.2 เซลลอ์ เิ ล็กโทรไลต์ 9.3.3 การปอู งกนั ของโลหะและการปูองกนั 9.4 ความกาวหนาทางเทคโนโลยที ่ีเกยี่ วขอ งกับ เซลลไ์ ฟฟาู เคมีอากาศ 9.4.1 แบตเตอรอี ิเล็กโทรไลต์แขง็ 9.4.2แบตเตอรี 9.4.3 การทําอเิ ล็กโทรไดอะลิซสิ นาํ้ ทะเล 12 - 20 10.1อุตสาหกรรมแร 24 30 10.2 อตุ สาหกรรมเซรามกิ ส์ 1 20 10.3 อตุ สาหกรรมทีเ่ กีย่ วของกับNaCl 1 20 60 100 10.3.1 การผลติ NaCl 10.3.2 การผลติ NaOH และ Cl2 10.3.3 การผลิตNa2CO3 10.3.4 การผลติ สารฟอกขาว 10.4 อุตสาหกรรมปยุ สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม
ขอบเขตและขอ๎ ตกลงในการเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 รหสั วชิ า ว 30225 รายวิชา เคมี 5 เพม่ิ เติม จํานวน 1.5 หนวยกิต เวลาเรียน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ คะแนนเกบ็ ระหวางภาค : ปลายภาค 80 : 20 นกั เรียนขาดเรยี นไดไ มเ กิน 20 % ของเวลาเรียนทง้ั หมด ( คิดเป็น 10 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น ) ชอื่ ครผู ูสอน นางสาวสุทิพย์ สุขสบาย หอ งทาํ งาน 335 โทรศัพท์ 080 0930931 โครงการสอนประกอบดว ยหนว ยการเรยี นรู จาํ นวน 2 หนวย หนว ยการ สาระการเรยี นรู ภาระงาน/ชน้ิ งาน สื่อ/แหลง เรียนรู วิธวี ดั ผล ส่ือ/อปุ กรณท์ ใ่ี ชใน เวลา นํ้าหนกั เรยี นรทู ่ี การเรียน ชวั่ โมง คะแนน รอ ยละ 9 ไฟฟาู เคมี 9.1 ปฎิกริ ิยารีดอกซ์ -แบบฝึกในใบงาน -ใบความรู -ตรวจแบบฝึกหัด -หนังสอื แบบเรียน 30 50 9.2 การดลุ สมการ รี -แบบทดสอบ - power-point -แบบทดสอบ -อปุ กรณแ์ ละ ดอกซ์ -แบบฝกึ หดั ใน - สอื่ มลั ตมิ ีเดีย -แบบประเมิน สารเคมี 9.2.1การดุลสมการรี หนงั สอื เรยี น เซลลก์ ลั วานิก -ตรวจรายงาน -สื่อ power point ดอกซ์โดยใชเลข -รายงานการทดลอง และเซลลอ์ เิ ลก็ การทดลอง - ส่อื มลั ติมเี ดยี ออกซเิ ดชัน -Mind mapping โทรไลต์ -ตรวจMind เซลลก์ ัลวานกิ 9.2.2การดลุ สมการ รี -Internet mapping และเซลล์อิเลก็ โทร ดอกซ์โดยใชครง่ึ -หนงั สือแบบเรียน ไลต์ ปฏกิ ิริยา -บทปฏิบตั ิการ 9.3 เซลลไ์ ฟฟูาเคมี -อุปกรณแ์ ละ 9.3.1 เซลลก์ ลั วานกิ สารเคมี 9.3.1.1การเขียน -แบบทดสอบ แผนภาพของ เซลล์กัล วานิก - แบบฝึกหดั 9.3 9.3.1.2 ศกั ยไ์ ฟฟูาของ เซลลแ์ ละศักยไ์ ฟฟาู มาตรฐานของครงึ่ เซลล์ - แบบฝกึ หัด 9.4 9.3.1.3 ประเภทของ เซลล์กัลวานิก - แบบฝกึ หดั 9.5 9.3.2 เซลล์ อิเลก็ โทรไลต์ 9.3.2.1 การแยก สารละลายดวย กระแสไฟฟูา 9.3.2.2 การแยกสารที่ หลอมเหลวดวย กระแสไฟฟูา 9.3.2.3 การชบุ โลหะ ดวยกระแสไฟฟาู 9.3.2.4 การทําโลหะให บริสุทธโิ์ ดยใชเ ซลล์อิ เลก็ โทรไลต์
หนวยการ สาระการเรียนรู ภาระงาน/ชิ้นงาน สือ่ /แหลง เรียนรู วิธีวัดผล สอื่ /อุปกรณ์ทใ่ี ชใ น จาํ นวน นาํ้ หนัก เรียนรูท ่ี การเรยี น ช่ัวโมง คะแนน รอยละ 9 เซลล์ - แบบฝึกหดั 9.6 ไฟฟูาเคมี 9.3.3 การปอู งกนั ของ โลหะและการปูองกัน - แบบฝกึ หดั 9.7 9.4 ความกา วหนา ทาง เทคโนโลยีท่ีเก่ียวของ กับเซลล์ไฟฟาู เคมี 9.4.1 แบตเตอรี อเิ ลก็ โทรไลต์แขง็ 9.4.2แบตเตอรี อากาศ 9.4.3 การทําอิเล็กโทร ไดอะลซิ สิ น้ําทะเล - แบบฝกึ หดั ทายบท 10 ธาตุและ 10.1อุตสาหกรรมแร -แบบฝึกในใบงาน -ใบความรู -ตรวจแบบฝกึ หดั -หนังสอื แบบเรยี น 30 50 สาร แบบฝึกหัด 10.1,10.2 -แบบทดสอบ - power-point -แบบทดสอบ -อปุ กรณ์และ ประกอบใน 10.2 อุตสาหกรรมเซรา -แบบฝกึ หัดใน - VCD กบนอก -แบบประเมิน สารเคมี อุตสาหกรรม มกิ ส์ โรงเรียน -ตรวจรายงาน -สอ่ื power point หนังสือเรยี น แบบฝกึ หดั 10.3 -รายงานการทดลอง -Internet การทดลอง - ตัวอยางแร 10.3 อุตสาหกรรมท่ี -Mind mapping -หนังสือแบบเรยี น -ตรวจสอบ เกย่ี วของกบั NaCl -กบนอกโรงเรยี น -บทปฏิบตั กิ าร ความถูกตอ งของ - แบบฝกึ หดั 10.4 ศึกษาอตุ สาหกรรม -อปุ กรณ์และ Mind mapping 10.3.1 การผลิต NaCl ในทองถิน่ สารเคมี ผลงานกบนอก 10.3.2 การผลติ NaOH -แบบทดสอบ โรงเรยี น และ Cl2 -หนังสอื เลม เล็ก 10.3.3 การผลติ -แหลงเรยี นรใู น Na2CO3 ชมุ ชน -แบบฝกึ หัด 10.5 - การทาํ นาเกลอื 10.3.4 การผลติ สาร -การทําพลอย ฟอกขาว -เซรามมกิ ส์ ฯลฯ -แบบฝึกหัด 10.6 10.4 อตุ สาหกรรมปุย - แบบฝกึ หัดทา ยบท หมายเหตุ สามารถเปลย่ี นแปลงไดตามความเหมาะสม เพ่ือใหเ กดิ ประโยชนส์ ูงสุดตอผเู รียน
วิธีการวัดผลประเมนิ ผล คะแนนเก็บ : คะแนนปลายภาค = 80 : 20 คะแนนเก็บ = 80 คะแนน แบงเปน็ 1. สอบกลางภาคเรยี น = 20 คะแนน 2. สอบยอ ยระหวางเรียน = 30 คะแนน 3. ชิน้ งาน = 10 คะแนน 4. ใบงาน = 10 คะแนน 5. ทักษะปฏิบตั ิการและรายงานผลการทดลอง = 10 คะแนน ลงชอื่ .................................................... ลงชอื่ .................................................... ( นางสาวสทุ ิพย์ สขู สบาย) ( นางพนารตั น์ เอกปจั ชา ) ครปู ระจําวชิ า ประธานอนุกรรมการกลมุ สาระการเรียนรวู ทิ ยาศาสตร์ ลงชือ่ .................................................... ( นางสาว ศริ ดา พรมเทพ ) รองผอู ํานวยการฝุายจัดการศกึ ษาและพฒั นาวชิ าการ ลงชอื่ .................................................... ( นายอภิวัชร์ หาญปราบ ) รองผอู าํ นวยการโรงเรียนรกั ษาการในตําแหนง ผูอ ํานวยการโรงเรียนเบญจมราชทู ิศ จงั หวดั จันทบุรี พันธะสัญญาระหวาํ งผ๎ูปกครอง นกั เรียน ครูและผ๎อู านวยการ ขา พเจา เป็นผูปกครองทน่ี กั เรียนพกั อาศยั รวมกัน ขอรับรองวา ไดรับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเรยี นการสอนแลว ขาพเจา ขอสัญญาวาจะดแู ลใหน ักเรยี น 1) ทาํ งานสงตามท่คี รูกาํ หนดตรงตามเวลาและครบถว น 2) ต้งั ใจเรยี น ทบทวนบทเรยี น ทาํ การบาน และตัง้ ใจทําแบบทดสอบ 3) ถานกั เรียนติด 0 ร.และ มส. ตอ งแกไ ขใหเรยี บรอยภายในภาคเรียนที่ 2/2562 4) หากนกั เรยี นตอ งหยุดเรยี นวันใด ใหนกั เรียนสง ใบลา หรือโทรศัพท์แจง ตอ ครูประจาํ วชิ าทุกครงั้ 5) มาโรงเรียนและเขาเรียนตรงเวลาสมํา่ เสมอ และปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบียบของหอ งเรียนและของโรงเรยี นอยางเครง ครัด 6) ถา นกั เรยี นขาดเรียนเกิน 10 ชั่วโมง/ภาคเรียน นักเรยี นจะไมมีสิทธ์ิสอบ ยกเวน นักเรียนมเี หตุจําเป็นและมใี บรบั รองแพทย์ ลงช่ือ.........................................................นกั เรยี น ลงชื่อ...........................................................ผปู กครอง (.........................................................) (.............................................................) หมายเลขโทรศพั ท.์ ................................................ หมายเลขโทรศพั ท์................................................. หมายเหตุ ครูเคมี ม.6 2. นางธีรนชุ สุพรรณสุด เบอรโ์ ทรศพั ท์ 09-1723-5944 1. นางสาวบญุ จรี า แทนนิกร เบอร์โทรศัพท์ 06-3569-8995 4. นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย เบอร์โทรศพั ท์ 08-00930931 3. นางสาวเบ็ญจวรรณ แกว คุณงาม เบอร์โทรศัพท์ 06-2469-8946
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 9 ไฟฟ้ าเคมี
หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจัดการเรียนรทู๎ ่ี 1 เร่อื ง เลขออกซิเดชนั รหัสวิชา ว30225 กลํมุ สาระการเรียนรว๎ู ิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 รายวิชา เคมี 5 (เพ่ิมเติม) ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชัว่ โมง ผลการเรียนร๎ู อธิบายความหมายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และ ตัวออกซไิ ดซไ์ ด สาระการเรียนรู๎ เลขออกซิเดชันเป็นคาประจุไฟฟาู ทีส่ มมติขึ้นของไอออนหรืออะตอมของธาตุ โดยคํานวณการรับหรือ การจา ยอิเล็กตรอน หรอื การใชพ ันธะรวมกนั จดุ ประสงค์การเรียนรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) 1. สามารถอธิบายการความหมายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และตัวออกซไิ ดซไ์ ด ดา๎ นทกั ษะ (Process) 2. คาํ นวณหาคา ออกซเิ ดชนั ของธาตุในรูปของสารประกอบและในรูปของไอออนได ดา๎ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผมู ีความสนใจใฝรุ ู และมีระเบยี บวินยั 2. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผูมีความรบั ผิดชอบ ตรงตอ เวลา 3. ปฏิบตั ติ นเป็นผมู ีความซอื่ สัตย์ สุจริต ความคดิ รวบยอด ปฏิกิริยารีดอกซ์ คือ ปฏิกิริยาเคมี ท่ีมีการแลกเปล่ียนอิเล็กตรอนระหวางสารตั้งตนทําใหเลข ออกซิเดชันมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะทําใหมีอะตอมของธาตุบางตัวสูญเสียหรือไดรับอิเล็กตรอน จะเรียก ปฏิกิริยาท่ีเกิดการเสียอิเล็กตรอนวา ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) และเรียกปฏิกิริยาท่ีมีการรับ อเิ ลก็ ตรอนวาเลขออกซิเดชนั ( Oxidation number หรือ Oxidation state ) เลขออกซิเดชัน ยอวา ON. คือคาประจุไฟฟูาท่ีสมมติข้ึนของไอออนหรืออะตอมของธาตุ โดยคิดจาก จาํ นวนอิเล็กตรอนทีใ่ หหรือรับหรือใชรว มกับอะตอมของธาตุตามเกณฑ์ท่ีกําหนดข้ึน เลขออกซิเดชันสวนใหญ เป็นเลขจํานวนเต็มบวกหรือลบหรอื ศนู ย์ สมรรถนะสาคัญของผู๎เรียน ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป ัญหา ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ มีวินัย ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยูอยางพอเพียง มงุ ม่ันในการทาํ งาน มจี ติ สาธารณะ ใฝุเรยี นรู รักความเป็นไทย แนวความคิดเพอื่ การเรียนร๎ใู นศตวรรษท่ี 21 ทักษะดานการเรยี นรแู ละนวัตกรรม สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทักษะดานชีวิตและอาชีพ ทักษะดา นสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนร๎ู วธิ ีสอน โดยใชกระบวนการสืบเสาะความรู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงที่ 1-3 1. ขนั้ สรา๎ งความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1.1 ครูสนทนากับนกั เรียนเกย่ี วกบั เรื่อง ไฟฟูาเคมี โดยเช่อื มโยงกับเรือ่ งราวในชีวิตประจําวนั 1.2 นักเรียนถกู กระตุน ความสนใจโดยครถู ามคําถามนักเรียนวา 1. ในชีวิตประจําวันของเราเกี่ยวขอ งกับไฟฟาู เคมีอยางไร นักเรียนลองชวยยกตัวอยางคนละ 1 ตวั อยาง ตอบ ถานไฟฉาย แบตเตอรี่ การแยกน้าํ ดว ยไฟฟูา การชบุ โลหะ 1.3 ครูอธิบายขอบเขตการศึกษาไฟฟูาเคมีวามีเรียนอะไรบาง ไดแก ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวออกซิไดซ์ ตวั รดี วิ ซ์ ปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชนั ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชนั เป็นตน 1.4 เมอ่ื ครูเกร่ินเน้ือหาวา ปฏิกิริยารีดอกซ์ คือ ปฏิกิริยาเคมี ที่มีการแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอนระหวาง สารต้ังตนทําใหเลขออกซิเดชันมีการเปลี่ยนแปลงไป ซ่ึงจะทําใหมีอะตอมของธาตุบางตัวสูญเสียหรือไดรับ อเิ ล็กตรอน จะเรียกปฏิกริ ยิ าทีเ่ กดิ การเสียอเิ ล็กตรอนวา ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชัน (Oxidation) และเรียกปฏิกิริยา ทม่ี กี ารรับอเิ ลก็ ตรอนวา เลขออกซเิ ดชนั ( Oxidation number หรอื Oxidation state ) 1.4 ครูนํานกั เรยี นเขา สบู ทเรยี นเรอ่ื ง เลขออกซเิ ดชนั 2. ข้นั สารวจและคน๎ หา (Exploration) (50 นาท)ี 2.1 ครูทบทวนเนอ้ื หาเร่ือง เลขออกซิเดชนั โดยใชค าํ ถามกระตนุ นกั เรยี นดงั น้ี 1. เลขออกซิเดชัน คืออะไร ตอบ ตัวเลขท่แี สดงถึงคาประจไุ ฟฟูาของอะตอมของธาตุในโมเลกลุ ของสารประกอบ หรือไอออนของสารนัน้ 2. ไฮโดรเจนมีเลขออกซเิ ดชนั ไดก ่ีคา อะไรบาง ตอบ 2 คา คอื เมอื่ รวมกบั ธาตอุ โลหะ หรอื กลมุ ของไอออนลบ จะมเี ลขออกซเิ ดชนั +1 แตถารวมกับธาตุโลหะ จะมเี ลขออกซิเดชัน -1 2.2 ครูอธิบายขอสังเกตเกี่ยวกับการกําหนดเลขออกซิเดชันของธาตุชนิดตาง ๆ ดังนี้ (ใชหนังสือ ประกอบการเรยี น) การกาหนดเลขออกซเิ ดชนั มีเกณฑด์ ังน้ี 1. เลขออกซเิ ดชันของธาตุอสิ ระทกุ ชนิดไมว า ธาตนุ ้นั หนึ่งโมเลกุลจะประกอบดวย กี่อะตอมก็ตามมีคา เทา กับศูนย์ เชน Na, Zn, Cu, He, H2, N2, O2, Cl2, P2, S2 ฯลฯ มเี ลขออกซเิ ดชนั เทากบั ศนู ย์
2. เลขออกซิเดชันของไฮโดรเจนในสารประกอบโดยท่ัวไป (H รวมตัวกับอโลหะ ) เชน HCl , H2O , H2SO2ฯลฯ มีคาเทากับ + 1 แตในสารประกอบไฮไดรด์ของโลหะ (H รวมตัวกับโลหะ ) เชน NaH , CaH2 ไฮโดรเจนมีเลขออกซเิ ดชันเทา กบั -1 3. เลขออกซิเดชันของออกซเิ จนในสารประกอบโดยทว่ั ไปเทากบั -2 แตในสารประกอบเปอร์ออกไซด์ เชน H2O2 และ BaO2 ออกซิเจนมีเลขออกซิเดชันเทากับ -1 ในสารประกอบซุปเปอร์ออกไซด์ ออกซิเจนมี เลขออกซิเดชันเทากบั -1/2 และในสารประกอบ OF2 เทา นนั้ ทีอ่ อกซิเจนมีเลขออกซิเดชนั เทากบั +2 4. เลขออกซิเดชันของไอออนท่ีประกอบดวยอะตอมชนิดเดียวกันมีคาเทากับประจุท่ีแทจริงของ ไอออนนนั้ เชน Mg 2+ ไอออน มีเลขออกซิเดชนั เทากับ +2 ,F - ไอออนมเี ลขออกซเิ ดชันเทา กบั -1 เปน็ ตน 5. ไอออนที่ประกอบดว ยอะตอมมากกวาหนึ่งชนิด ผลรวมของเลขออกซิเดชันของอะตอมท้ังหมดจะ เทากับประจุที่แทจริงของไอออนนั้น เชน SO4 2- ไอออน เทากับ – 2 เลขออกซิเดชันของ NH4 + ไอออน เทากับ + 1 เปน็ ตน 6. ในสารประกอบใดๆ ผลบวกของเลขออกซิเดชันของอะตอมทั้งหมดเทากับศูนย์ เชน H2O ซึ่ง H มเี ลขออกซิเดชันเทากับ + 1 แตมี H 2 อะตอม จึงมีเลขออกซิเดชันท้ังหมด เทากับ + 2 O มีเลขออกซิเดชัน เทา กบั – 2 เมือ่ รวมกันจะเทากบั ศูนยเ์ ปน็ ตน เพ่ิมเติม 1. ธาตุหมู IA , IIA , IIIA ในสารประกอบตา งๆ มีเลขออกซเิ ดชันเทากับ +1 , + 2 , + 3 ตามลําดบั 2. ธาตุอโลหะสวนใหญในสารประกอบมีเลขออกซิเดชันไดหลายคา เชน Cl ใน HCl HClO HClO 2 HClO3 และ HClO4 มีเลขออกซเิ ดชนั เทากบั - 1, +1, +3, +5 และ +7 ตามลาํ ดับ 3. ธาตุแทรนซิชันสวนใหญมีเลขออกซิเดชันไดมากกวาหน่ึงคา เชน Fe ใน FeO และ Fe2O3 มีเลข ออกซิเดชันเทา กับ +2 และ +3 ตามลําดบั การหาเลขออกซเิ ดชัน การหาเลขออกซเิ ดชันอาจทําไดโ ดยวิธีดงั น้ี 1. สมมตเิ ลขออกซิเดชันของธาตุทต่ี องการหา 2. นําคาเลขออกซิเดชันของธาตุท่ีทราบแลว และเลขออกซิเดชันของธาตุท่ีตองการหาเขียนเป็น สมการตามขอตกลงในขอ 5 และขอ 6 แลว แกสมการเพอ่ื หาเลขออกซเิ ดชันของธาตุ ดงั กลา ว 3. สําหรบั สารประกอบไอออนกิ ที่ประกอบดวยไอออนเชิงซอน และไมทราบคา เลขออกซิเดชันของ ธาตุมากกวา 1 ธาตุ เมื่อตองการหาคาเลขออกซเิ ดชันของธาตุ ควรแยกเปน็ ไอออนบวกและไอออนลบกอน จึง สมมตคิ าเลขออกซิเดชนั ของธาตุทีต่ อ งการหา แลวนาํ คา เลขออกซิเดชันของธาตุที่ทราบแลวกับธาตุที่ตองการ ทราบไปเขียนสมการตามขอตกลงในขอ 5 จากนั้นจงึ แกส มการเพอ่ื หาเลขออกซิเดชันของธาตุดังกลา ว 2.3 ครยู กตวั อยา งการหาเลขออกซเิ ดชนั ดงั นี้ ตวั อยํางท่ี 1 จงหาเลขออกซิเดชันของ Cr ใน [ Cr(H2O)4Cl2]ClO4 วิธีทา HCl2-Oมีเมลเี ขลอขออกอซกเิซดิเชดันชเันทเาทกาบักับ- 0 1 ClO4 มีเลขออกซเิ ดชันเทากับ - 1 ให Cr มีเลขออกซิเดชนั เทากบั A A+(0x4)+(-1x2)+(-1)=0 A=+1+2=+3 ดงั นั้น Cr มเี ลขออกซเิ ดชันเทา กบั + 3
3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) (50 นาที) 3.1 ครูใหน ักเรียนทาํ ใบงานท่ี 1 เร่ือง เลขออกซเิ ดชนั 3.2 ครูใหน ักเรยี นศึกษาทําดวยตนโดยครคู อยแนะนําการคิด 3.3 เม่ือนกั เรียนทาํ ใบงานเสร็จแลวใหน ักเรยี นชวยกันออกมาเฉลยหนากระดานดาํ 3.4 ครูและนักเรียนชว ยกนั ตรวจคาํ ตอบและอธิบายเพิ่มเตมิ ในขอทีไ่ มเขาใจ 4. ขัน้ ขยายความรู๎ (Elaboration) (40 นาท)ี 4.1 ครูใหนกั เรียนเลนเกม คิดผิดชีวิตเปล่ียน เป็นการคํานวณหาเลขออกซิเดชันของธาตุตาง ๆ ตาม แผน ปาู ย 4.2 ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 10 คน จากนั้นใหนักเรียนตอแถว ในกลองจะมีแผนปูายโจทย์ และตัวหนีบที่ติดประจุของเลขออกซิเดชัน (ในแตละกลองจะมีแผนปูายโจทย์ที่แตกตางกัน จะมีทั้งหมด 5 แผน ปูาย) 4.3 ครูจับเวลาแผน ปูายละ 1 นาที จากนั้นใหน ักเรยี นสบั เปลี่ยนกัน จนกวาจะทาํ เสรจ็ 4.4 ครใู หน ักเรียนออกมาจบั ฉลากเฉลย กลมุ ใครทําคะแนนไดมากทีส่ ุดเปน็ ผชู นะ 5. ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (20 นาที) 5.1 ครูประเมนิ นักเรียนจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมรายกลมุ ดานกระบวนการทํางานกลุม 5.3 การสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลดา นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.4 ใบงานท่ี 1 เร่อื ง เลขออกซเิ ดชนั 5.5 เกม คิดผิดชีวิตเปล่ยี น วสั ดุ อุปกรณ์ สือ่ และแหลํงเรยี นรู๎ 1. Power point เร่อื ง เลขออกซิเดชัน 2. ชดุ เกมคดิ ผิดชวี ิตเปลีย่ น 3. หนังสอื เรยี นเคมเี ลม 4 การวัดและการประเมนิ ผล การวัดผลประเมินผลดา๎ น วธิ กี ารวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์การผาํ น 1. คาํ ถาม 1. ดา นความรู 1. การตอบคําถาม 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขึน้ ไป 2. ดา นทกั ษะ 1.ทําใบงานที่ 1 1. ใบงานท่ี 1 1. ไดค ะแนนรอยละ 2.สงั เกตพฤตกิ รรมการ 3. ดา นคุณลักษณะทพี่ ึง ทาํ งานเปน็ กลุม 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม 60 ข้ึนไป ประสงค์ - สงั เกตพฤติกรรม การทํางานเป็นกลุม 2. ระดับคุณภาพ รายบุคคล ปานกลางขึ้นไป - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 1. ระดบั คณุ ภาพ รายบคุ คล ปานกลางข้ึนไป
ความสนใจใฝ่ ู๎ร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมที่พงึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ สดงพฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ตามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต ๓ รายการข้ึนไป ถือวา ผา นเกณฑ์การประเมนิ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานเปน็ กลมุํ กลมุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลมุ 1. 2....................................................................... ...................................................................... 3. 4....................................................................... ...................................................................... 5. 6....................................................................... ...................................................................... คาชีแ้ จง: ใหน กั เรยี นทาํ เครอื่ งหมาย ในชอ งทีต่ รงกบั ความเปน็ จริง พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต คะแนน 1 32 1. มสี วนรวมในการแสดงความคดิ เห็น 2. มคี วามกระตือรือรน ในการทาํ งาน 3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ดร บั มอบหมาย 4. มีขั้นตอนในการทํางานอยางเปน็ ระบบ 5. ใชเ วลาในการทํางานอยา งเหมาะสม รวม เกณฑก์ ารให๎คะแนน พฤตกิ รรมที่ทําเป็นประจํา ให 3 คะแนน พฤตกิ รรมที่ทาํ เป็นบางครง้ั ให 2 คะแนน พฤติกรรมทที่ าํ นอยครงั้ ให 1 คะแนน เกณฑ์การให๎คะแนน ชว งคะแนน ระดบั คุณภาพ 13-15 ดี 8-12 ปานกลาง 5-7 ปรบั ปรงุ
บันทกึ หลงั แผนการจดั การเรียนรู๎ รายวชิ าเคมี 5 รหัสวชิ า ว30225 ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแกไ๎ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสทุ ิพย์ สุขสบาย) ............../............../...........
ใบงานที่ 1 เรอื่ ง เลขออกซเิ ดชัน คาชี้แจง : จงหาเลขออกซิเดชันของธาตทุ ุกตวั ในสารประกอบหรอื สมการเคมีทีก่ ําหนดให สารประกอบ/สมการเคมี เลขออกซเิ ดชัน Mn ใน MnO-4 P ใน (NH4)2HPO4 Pb ใน PbCrO4 Co ใน Na2[CoCl4] Na3[Fe(CN)6] [Cr(NH3)4Cl2] [Co(NH3)4SO4]NO3 HBrO2 K2SO4 + 2AgNO3 2KNO3 + Ag2SO4 3NH4Br + CrPO4 CrBr3 + (NH4)3PO4 Zn3Sb2 + 6H2O 3Zn(OH)2 + 2SbH3 Sb2S3 + 12HCl 2H3SbCl6 + 3H2S
ใบงานที่ 1 เฉลย เรอื่ ง เลขออกซเิ ดชัน คาชี้แจง : จงหาเลขออกซิเดชันของธาตุทกุ ตัวในสารประกอบหรอื สมการเคมีท่กี าํ หนดให สารประกอบ/สมการเคมี เลขออกซิเดชัน Mn ใน MnO-4 P ใน (NH4)2HPO4 Mn = +7 Pb ใน PbCrO4 P = +5 Pb = +2 Co ใน Na2[CoCl4] Co = +2 Na3[Fe(CN)6] Na = +1 Fe = +3 C = +2 N = -3 [Cr(NH3)4Cl2] Cr = +2 N = -3 H = +1 Cl = -1 Co = +3 N ใน NH3 = -3 H = +1 S = +6 O = -2 [Co(NH3)4SO4]NO3 N ใน NO3 = +5 H = +1 Br = +3 O = -2 HBrO2 K = +1 S = +6 O = -2 Ag = +1 N = +5 K2SO4 + 2AgNO3 2KNO3 + Ag2SO4 N = +3 H = +1 Br = -1 Cr = +3 P = +5 O = -2 3NH4Br + CrPO4 CrBr3 + (NH4)3PO4 Zn = +2 Sb = -3 H = +1 O = -2 Zn3Sb2 + 6H2O 3Zn(OH)2 + 2SbH3 Sb = +3 S = -2 H = +1 Cl = -1 Sb2S3 + 12HCl 2H3SbCl6 + 3H2S
หนํวยการเรยี นร๎ทู ี่ 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจดั การเรยี นรท๎ู ่ี 2 เร่อื ง ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์ รหัสวชิ า ว30225 กลุํมสาระการเรยี นรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 รายวชิ า เคมี 5 (เพมิ่ เตมิ ) ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 4 ชัว่ โมง ผลการเรียนร๎ู 1. อธิบายความหมายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และตัว ออกซิไดซ์ได 2. เปรียบเทยี บความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือตวั ออกซิไดซ์ และดลุ สมการรดี อกซ์ได สาระการเรยี นร๎ู ปฏิกริ ิยารีดอกซ์ หมายถงึ ปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กีย่ วกับการถา ยเท e- เป็นปฏิกริ ิยาท่ีมีทัง้ การใหหรือเสยี อิเลก็ ตรอน และการรับอิเล็กตรอน การเสียอิเล็กตรอนเป็นสวนหน่ึงของปฏิกิริยาไฟฟูาเคมี เรียกปฏิกิริยาในการเสีย อิเลก็ ตรอนวาปฏกิ ริ ิยาออกซิเดชนั แตเรียกอนภุ าคที่เกิดปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชนั วา ดวั รดี ิวซ์ หรือจะเรียกวาตัวถูก ออกซิไดซ์ กไ็ ด ในเวลาเดยี วกนั อีกอนุภาคหนึ่งจะเปน็ ฝุายไดรับอเิ ลก็ ตรอน การรับอิเล็กตรอนเป็นอีกสวนหนึ่ง ของปฏิกริ ิยาไฟฟูาเคมี เรยี กวาปฏิกิรยิ ารดี ักชนั (reduction reaction) แตเรียกอนุภาคที่เกิดปฏิกิริยารีดักชัน วา ตัวออกซไิ ดซ์หรอื จะเรยี กวา ตัวถกู รดี วิ ซ์ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร๎ู ด๎านความร๎ู (Knowledge) 1. สามารถอธบิ ายการถา ยโอนอิเล็กตรอนระหวางโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยาได 2. อธิบายความหมายของปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชัน ปฏกิ ิริยารดี กั ชัน และปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์ได ดา๎ นทักษะ (Process) 3. เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าของปฏกิ ิริยาออกซิเดชัน ปฏกิ ิรยิ ารดี ักชัน และปฏิกริ ิยารีดอกซ์ได 4. เปรยี บเทียบความสามารถในการเป็นตัวออกซิไดซ์ และตัวรีดวิ ซไ์ ด ด๎านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผมู คี วามสนใจใฝุรู และมีระเบยี บวนิ ยั 2. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผมู คี วามรับผิดชอบ ตรงตอเวลา 3. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผมู คี วามซือ่ สตั ย์ สจุ ริต ความคดิ รวบยอด ไฟฟา้ เคมี เป็นการศกึ ษาเก่ียวกบั ปฏกิ ิรยิ าเคมที ีท่ าํ ใหเ กดิ กระแสไฟฟูา ปฏิกิรยิ าไฟฟาู เคมี เป็นปฏกิ ริ ยิ าท่มี กี ารใหและรับอิเล็กตรอนระหวางสาร หรือหมายถึงปฏิกิริยาออกซิเดชัน– รีดักชัน ปฏิกิริยาที่มีการใหอิเล็กตรอน เรียกวา ปฏิกิริยาออกซิเดชัน สวนปฏิกิริยาที่มีการรับอิเล็กตรอน เรียกวา ปฏกิ ริ ิยารดี ักชนั กระ แสไฟฟูาทําใหเกิดปฏิกิริยาเคมีหากใชการถายเทอิเล็กตรอน เป็น เกณฑ์แลวป ฏิกิริยาเคมี แบงเปน็ 2 ประเภท
1. ปฏกิ ริ ยิ าทีม่ กี ารถายเท e- เรียกวาปฏกิ ิริยารดี อกซ์ (Redox Reaction) 2. ปฏิกริ ยิ าทไ่ี มมีการถายเท e- เรียกวา ปฏิกิริยานอนรดี อกซ์ (Nonredox Reaction) ปฏิกิริยารีดอกซ์ หมายถึง ปฏิกิริยาที่เกี่ยวกับการถายเท e- เป็นปฏิกิริยาท่ีมีท้ังการใหหรือเสีย อิเล็กตรอน และการรับอิเล็กตรอน การเสียอิเล็กตรอนเป็นสวนหนึ่งของปฏิกิริยาไฟฟูาเคมี เรียกปฏิกิริยาใน การเสยี อเิ ล็กตรอนวา ปฏิกริ ิยาออกซิเดชัน (oxidation reaction) แตเรียกอนภุ าคท่ีเกดิ ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชันวา ดัวรีดิวซ์ (reducer , reducing agent) หรือจะเรียกวาตัวถูกออกซิไดซ์ (oxidised) ก็ได ในเวลาเดียวกันอีก อนุภาคหน่ึงจะเป็นฝุายไดรับอิเล็กตรอน การรับอิเล็กตรอนเป็นอีกสวนหนึ่งของปฏิกิริยาไฟฟูาเคมี เรียกวา ปฏิกิริยารีดักชัน (reduction reaction) แตเรียกอนุภาคที่เกิดปฏิกิริยารีดักชันวา ตัวออกซิไดซ์ (oxidiser , oxidising agent) หรือจะเรียกวา ตัวถูกรีดิวซ์ (reduced) ก็ได ปฏิกิริยาท้ัง 2 สวนที่วานี้จะเกิดข้ึนพรอมกัน จึงเรยี กชือ่ รวมกนั วา รีดักชัน-ออกซเิ ดชนั (Reduction-reduction reaction)เรยี กยอ ๆ วาปฏิกริ ิยารดี อกซ์ (Redox reaction) สมรรถนะสาคัญของผ๎เู รียน ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปัญหา ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ติ ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ความซื่อสัตย์สุจรติ มีวินัย ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยูอยางพอเพียง มงุ ม่ันในการทาํ งาน มีจติ สาธารณะ ใฝุเรียนรู รกั ความเป็นไทย แนวความคดิ เพ่อื การเรยี นรู๎ในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะดา นการเรียนรแู ละนวตั กรรม สาระวชิ าหลกั (Core Subjects) ทักษะดานชวี ติ และอาชพี ทกั ษะดา นสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนรู๎ วิธีสอน โดยใชก ระบวนการสืบเสาะความรู (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงท่ี 1-2 1. ขั้นสรา๎ งความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากับนักเรียนทบทวนเร่ือง เลขออกซิเดชัน พรอมใหนักเรียนชวยกันหาเลขออกซิเดชัน ของธาตสุ ารประกอบหรือไอออนตาง ๆ เชน KMnO4 , K2Cr2O7, PO43- เป็นตน 1.2 ครยู กตัวอยางสมการตา ง ๆ ทส่ี ารมกี ารเปล่ียนแปลงและไมเ ปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชัน 1.3 ครูใหนักเรียนหาเลขออกซิเดชัน ของธาตุหรือไอออนในปฏิกิริยาน้ัน ๆ เพ่ือใหทราบวาเลข ออกซเิ ดชนั เพื่อใหท ราบวา เลขออกซิเดชนั ของธาตุในบางปฏิกิริยามีการเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาแตบางปฏิกิริยา ไมเ กิดการเปล่ยี นแปลง 1.4 ครูใหน กั เรียนทําการศกึ ษาปฏิกิริยาการถา ยโอนอิเลก็ ตรอนในการทดลอง
2. ข้ันสารวจและคน๎ หา (Exploration) (40 นาท)ี 2.1 ครูแบงกลุมนักเรียนกลุมละ เทา ๆ กัน จากน้ันแจกใบกิจกรรมการทดลองท่ี 1 เรื่อง ปฏิกิริยา ระหวางโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน 2.2 ครูและนกั เรยี นรวมกันอธิบายขน้ั ตอนการทดลองใหช ัดเจน 2.3 ครูใหน กั เรียนแบงหนาท่ีกนั ในกลมุ เพอื่ รวดเรว็ ตอ การทําการทดลอง 2.4 ครแู นะนาํ เกยี่ วกบั การทดลองดังน้ี - ใชกระดาษทรายขัดชิ้นโลหะทองแดงและสังกะสใี หสะอาด - สงั เกตลกั ษณะของช้ินโลหะและสขี องสารละลายกอ นทําการทดลอง 2.5 ครูใหนักเรียนบันทึกผลใสตารางในใบกิจกรรมการทดลองท่ี 1 เร่ือง ปฏิกิริยาระหวางโลหะกับ สารละลายของโลหะไอออน 2.6 ครใู หน ักเรียนทําการทดลองเปน็ เวลา 30 นาที 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) (35 นาที) 3.1 ครูใหนักเรยี นแตละกลมุ รว มกนั อภปิ รายตามแนวคําถามทา ยการทดลองจนไดขอสรุป และรวมกนั อภิปรายผลการทดลองแตล ะกลมุ Cu2+ 1. สารละลาย CuSO4 มีสีฟูาและในสารละลายมี (aq) สารสารละลาย ZnSO4 ไมมีสีและใน สารละลายมี Zn2+ 2. ระบบที่เกิดปฏิกิริยาไดแก Zn จุมลงในสารละลาย Cu2+ (aq) และมี Cu และ Zn2+(aq) เกิดขึ้น แสดงวา มีการถายโอนอิเล็กตรอนระหวาง Zn กับ Cu2+ (aq) หลังจากเกิดปฏิกิริยาแลวในสารละลายจะมี Zn2+(aq) เพ่ิมข้ึน สว น Cu2+ (aq) ลดลง เป็นผลทาํ ใหส ฟี ูาของสารละลายเจือจางลง 3.3 ครูอธิบายเพ่ิมเติม โดยใชห นงั สือประกอบการเรยี น 1. ปฏิกิริยาที่สารใหอิเล็กตรอน เรียกวา ปฏิกิริยาออกซิเดชัน สวนปฏิกิริยาที่สารรับอิเล็กตรอน เรยี กวา ปฏิกิริยารีดกั ชนั 2. ปฏิกิริยาออกซิเดชันและปฏิกิริยารีดักชันตางก็จัดเป็นครึ่งปฏิกิริยา เม่ือรวมทั้งสองปฏิกิริยาเขา ดวยกนั จะไดปฏกิ ริ ยิ าท่ี เรียกวา ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ 3. สารท่ีใหอิเล็กตรอนกับสารอ่ืนและมีเลขออกซิเดชันเพิ่มข้ึน เรียกวา ตัวรีดิวซ์ สวนสารที่รับ อิเลก็ ตรอนกับสารอื่นและมเี ลขออกซเิ ดชันลดลง เรยี กวา ตัวออกซิไดซ์ การทดลองจมุ โลหะทองแดง ลงในสารละลาย Zn2+ (aq) แลวไมเ กิดปฏิกิริยา แสดงวา ความสามารถ ในการใหอ เิ ลก็ ตรอนของทองแดงนอ ยกวา โลหะสังกะสีแต Cu2+ (aq) จะรบั อิเลก็ ตรอนไดดกี วา Zn2+ (aq) 3.4 ครูใหนักเรียนวิเคราะห์การทดลองวาปฏิกิริยาใดเป็นปฏิกิริยารีดอกซ์และปฏิกิริยาใดไมใช ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ 4. ข้นั ขยายความรู๎ (Elaboration) (20 นาที) 4.1 ครูใหนักเรียนตอบคําทายการทดลอง พรอมกับเขียนสรุปผลการทดลองลงในใบกิจกรรมการ ทดลองที่ 1 เรือ่ ง ปฏกิ ิรยิ าระหวา งโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน 5. ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (10 นาท)ี 5.1 ครปู ระเมินนกั เรียนจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมรายกลุมดานกระบวนการทาํ งานกลมุ
5.3 ใบกจิ กรรมการทดลองท่ี 1 เร่อื ง ปฏิกริ ยิ าระหวางโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน ช่วั โมงท่ี 3 - 4 1. ขั้นสร๎างความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี 1.1 ครสู นทนากบั นักเรยี นเร่ือง การทดลองปฏิกริ ิยาระหวางโลหะกบั สารละลายของโลหะไอออน 1.2 ครูใชกระตุน นักเรียนดงั น้ี 1. ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์หมายถึง ตอบ ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ (รดี กั ชัน + ออกซิเดชนั ) หมายถึง ปฏิกิริยาท่ีมีการใหและรับอิเล็กตรอน หรือ ปฏกิ ริ ยิ าที่มีการถา ยโอนอิเลก็ ตรอนจากสารหนึง่ ไปยังอีกสารหนึ่ง 1.3 จากทที่ าํ การทดลองตอนใดเกดิ ปฏกิ ิริยารดี อกซ์ ตอบ ตอน ก. ปฏิกริ ิยาระหวางโลหะ Zn กบั สารละลาย CuSO4 1.4 ครเู กริน่ นาํ นักเรยี นเขาสูบ ทเรียน เร่อื งปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ 2. ขั้นสารวจและค๎นหา (Exploration) (45 นาที) 2.1 ครูอธิบายเน้ือหาเรื่อง เรื่องปฏิกิริยารีดอกซ์ โดยแจกใบความรู เร่ือง ปฏิกิริยารีดอกซ์ใหกับ นักเรยี น เนื้อหาการสอนดงั น้ี ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ หมายถงึ ปฏิกริ ิยาท่ีมกี ารถายโอนอิเล็กตรอน เกิดเป็นพลังงานทางเคมี แลวถูกปลอยออกมา ในรูปพลังงานไฟฟาู ซึง่ สามารถพบในเซลล์ถา นไฟฉาย แบตเตอร่รี ถยนต์ Redox มาจากคาํ วา Reduction + Oxidation ปฏิกิริยา Reduction (รดี ักชนั ) หมายถึง ปฏิกิรยิ าท่มี ีการรับอิเลก็ ตรอน ปฏิกิรยิ า Oxidation (ออกซิเดชัน) หมายถงึ ปฏิกิริยาทีม่ ีการใหอิเล็กตรอน ดังนน้ั ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ (รดี ักชนั + ออกซิเดชนั ) จึงหมายถึง ปฏิกิริยาท่ีมีการให และ รับอิเล็กตรอน หรอื ปฏกิ ิริยาทมี่ กี ารถายโอนอิเล็กตรอนจากสารหนึ่งไปยงั อกี สารหนึ่ง ปฏิกิรยิ าเคมีแบํงโดยการใช๎การถํายโอนอเิ ล็กตรอนเปน็ เกณฑ์ มี 2 ชนิด คอื 1. ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ (Redox reaction) ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ หรือ ปฏกิ ริ ิยาออกซิเดชนั -รดี ักชัน คือ ปฏิกริ ิยาทม่ี ีการถา ยโอนอิเลก็ ตรอน หรือ เปน็ ปฏิกริ ิยาทีม่ กี ารให และรบั อิเล็กตรอน เชน ถ่ายโอน e- Cu2+(aq) + Zn(s) Cu(s) + Zn2+(aq) รับ e- ให้ e- เขยี นแยกสมการไดด ังนี้ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- Cu2+(aq) + 2e- Cu(s) จะเห็นไดวา ปฏิกิริยาท่ีมีการถายโอนอิเล็กตรอนจะมีเลขออกซิเดชันเปลี่ยนแปลง กลาวคือ สวนของ สารท่ีใหอิเล็กตรอน (e- ) จะมีเลขออกซิเดชันเพิ่มข้ึน และสวนของสารทีรับอิเล็กตรอนจะมีเลขออกซิเดชัน ลดลง
2. ปฏกิ ริ ยิ านอนรีดอกซ์ (Non-redox reaction) ปฏกิ ริ ยิ านอนรีดอกซ์ คือ ปฏิกิริยาท่ีไมมีการถายโอนอิเล็กตรอนหรือเป็นปฏิกิริยาท่ีไมมีการให และรบั อเิ ลก็ ตรอนในปฏิกิรยิ านั้น เชน จากสมN+กa1ารOข-Hอ2(งa+ปq1ฏ) กิ +ิรยิ -า1H+ข1Cาlง(aตqน ) ไมมีธาต-ุใN1+ดa1เปClล(ีย่aqน)แป+ล-ง2+Hเล12ขOอ(lอ)กซเิ ดชนั เลย แสดงวา ไมมีธาตุใหหรือรับ อิเล็กตรอนเลย การพจิ ารณาวาํ ปฏิกิรยิ าใดเปน็ ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์และปฏิกิรยิ านอนรีดอกซ์ 1. ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ จะมสี ารทใ่ี หอิเล็กตรอนและรบั อิเล็กตรอนเทากันในสมการท่ีดุลแลว ดังน้ันสมการจึงไมมี อเิ ล็กตรอนแสดงอยู เชน Cu2+(aq) + Zn(s) Cu(s) + Zn2+(aq) จากสมการ จะพบวา Zn 1 โมลใหอิเล็กตรอนแก Cu2+ 1 โมล พอดีกัน ไมมีอิเล็กตรอนเหลือหรือ ขาด ดังนน้ั ในสมการจึงไมม ีอิเล็กตรอนแสดงอยู 2. ปฏิกริ ยิ าที่มธี าตอุ สิ ระรวมอยูดว ย ไมว า จะเป็นสารตัง้ ตน หรอื สารผลติ ภณั ฑ์ จะเปน็ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ เชน 20Na(s) ++12H2O(l) 2+N1aOH(aq) + 0H2(g) Z0n(s) + 2+H1Cl(aq) +ZnCl2(aq) + 0H2(g) 2 2KM+7n+O24(s) K2M+6nO4(s) + +M2nO2(s) + O02(g) 3. ปฏกิ ริ ิยาสนั ดาบ และสงั เคราะห์แสง จะเป็นปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์เพราะมแี ก฿ส O2 เป็นสารตงั้ ตน เชน CH4 + 3O2 CO2 + 2H2O 4. ปฏกิ ิรยิ าที่เกดิ ในเซลล์ไฟฟูาเคมที ุกชนดิ เป็นปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ 5. ปฏิกริ ิยาเมตาบอลซิ ึม ในรา งกายเป็นปฏิกริ ิยารดี อกซ์ 6. ปฏกิ ิริยาที่มีธาตทุ รานซชิ นั รว มอยดู วย มัก เป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ 7. นอกเหนอื จากน้ี ใหตรวจสอบดูวา ธาตุตา งๆ ที่อยใู นปฏิกิริยานั้นมีเลขออกซิเดชันเปล่ียนแปลงหรือไม โดย เริม่ พิจารณาจาก ธาตทุ รานซิชัน , อะโลหะหมู 4 , 5 , 6 , 7 ตามลําดับ หากมกี ารเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน จะเป็นปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ ถามธี าตุหมู IA และ 2A ในรูปสารประกอบไมตองตรวจเลขออกซิเดชัน เพราะไม เปลย่ี น แตจ ะคงท่เี สมอ ตัวออกซไิ ดซ์และตวั รดี วิ ซข์ องสารในปฏิกิริยารีดอกซ์ ปฏิกิริยารดี อกซ์ หรอื ปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชัน - รีดักชัน เป็นปฏิกิริยาที่มีการถายโอนอิเล็กตรอน หรือเป็น ปฏิกิรยิ าทมี่ ีเลขออกซเิ ดชันของธาตเุ ปลย่ี นแปลง ซง่ึ เขียนแยกเปน็ สองสวนได ซง่ึ ประกอบดวย 2 ปฏกิ ริ ิยาดงั นี้ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน(Oxidation Reaction)คือ ปฏิกิริยาที่มีการใหอิเล็กตรอนเกิดขึ้น เลข ออกซเิ ดชนั เพมิ่ ข้ึน ถูกออกซิไดส์โดยเรียกสารทใ่ี หอิเล็กตรอนวา ตัวรีดิวซ์ (Reducer หรือ Reducing agent)
ปฏกิ ิริยารดี กั ชนั (Reduction Reaction) คือ ปฏกิ ิรยิ าทม่ี กี ารรับอเิ ล็กตรอนเกดิ ขึน้ เลขออกซิเดชัน ลดลง ถูกรดี วิ ซ์โดยเรียกสารทรี่ บั อเิ ลก็ ตรอนวา ตวั ออกซิไดส์ (Oxidizing agent) การพจิ ารณาปฏกิ ริ ยิ าระหวา งโลหะ Zn กบั Cu2+ ดังนี้ เลขออกซิเดชนั เพิ่ม (เสยี e- ) เกิดปฏิกริยาออกซิเดชัน ถกู ออกซไิ ดส์ เZป็nน(ตsวั)รดี+วิ ซC์ u2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s) เลขออกซเิ ดชันลด (รับ e- ) เกิดปฏิกรยิ ารีดักชัน ถกู รีดวิ ซ์ การพิจารณาปฏกิ ิรยิ าตา ง ๆ+ดว 6ยHแ+ผนภา+พสมเ5ป+Sก็น4Oาร3ตเ2วคั -อมอีดกงั ตซัวไิ อดยสา ์ งตอ ไป2นMี้+n22+ + 3H2O + 5SO4+26- 2M+n7O4- S 6+ + 2e- ปฏิกิริยาออกซิเดชนั S4+ ปฏิกิริยารีดกั ชนั Mn+7 + 5e- Mn 2+ ตวั ออกซิไดซ์ ตวั รีดิซ์ 1. MnO4- เป็นตัวออกซไิ ดส์ จะไดว า MจะnไOดว4-าอSอOก3ซ2ิไ-ดรสดี์ วิ SซO์ 3M2- nแOต4- MแตnOS4-Oถ3ูก2-รดีถิวกู ซอ์โอดกยซไิ SดOส์โ3ด2-ย MnO4- SO32- เป็นตวั รดี ิวซ์ 6C0l2 (g) + 6Ba(OH)2 (aq) 5Ba-C1l2 (aq) + Ba(+C5lO3)2 + 6H2O ปฏิกิริยารีดกั ชนั Cl0 + e- Cl - ปฏิกิริยาออกซิเดชนั Cl0 Cl +5 + 5e- ตวั ออกซิไดซและตวั รีดิวซ์ 2. Cl2 เปน็ ตัวออกซิไดส์ และตัวรีดิวซ์ จะไดว า Cl2 ออกซไิ ดส์ และรีดวิ ซ์ Cl2 ดวยกันเอง เรียกปฏิกิริยาแบบนี้ วา Autoredox reaction หรือ Selfredox reaction หรือ Disproportion reaction
K+C5lO-23 (s) 2K-C1l(s) + 30O2 (g) ปฏิกิริยารีดกั ชนั Cl+5 + 6e- Cl - ปฏิกิริ ยาออกซิเดชนั O2- Oo + 2e- 3. KClO3 เปน็ ทง้ั ตัวออกซไิ ดส์ และตัวรีดิวซ์ เพราะ Cl มีเลขออกซิเดชันลดลง(รับอิเล็กตรอน) และ O มีเลข ออกซิเดชันเพิ่มข้ึน (ใหอิเล็กตรอน) ปฏิกิริยาน้ีสารชนิดเดียวกันถูกทั้งออกซิไดส์และถูกรีดิวซ์ เรียก Autoredox reaction M+4nO2(s) + 2K+B1r(aq) + 2H2SO4(aq) +M2 nSO4(aq)+ K2SO4(aq) + 2H2O(l) +0Br2(l) เลขออกซิเดชนั เพิ่มข้ึน : ปฏิกิริยาออกซิเดชนั เลขออกซิเดชนั ลดลง :ปฏิกิริยารีดกั ชนั ตวั ออกซิไดซ์ ตวั รีดิซ์ 4. MnO2 เป็นตวั ออกซไิ ดส์ จะไดว า MnO2 ออกซไิ ดส์ KBr แต MnO2 ถูกรีดวิ ซ์โดย KBr KBr เปน็ ตัวรีดิวซ์ จะไดว า KBr รีดวิ ซ์ MnO2 แต KBr ถูกออกซไิ ดสโ์ ดย MnO2 3. ขน้ั อธิบายและลงข๎อสรปุ (Explanation) (35 นาท)ี 3.1 ครแู ละรว มกนั อภปิ รายเร่อื ง ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ ไดด ังน้ี - ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ หรือปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชัน - รดี กั ชนั เปน็ ปฏิกริ ิยาที่มกี ารถายโอนอิเลก็ ตรอน หรือเป็น ปฏกิ ิริยาที่มเี ลขออกซิเดชนั ของธาตเุ ปลย่ี นแปลง ซง่ึ เขยี นแยกเป็นสองสวนได ซึ่งประกอบดว ย 2 ปฏิกริ ิยาดังน้ี ปฏกิ ิรยิ าออกซิเดชัน(Oxidation Reaction)คือ ปฏิกิริยาทม่ี ีการใหอ ิเลก็ ตรอนเกิดข้ึน เลขออกซิเดชัน เพ่มิ ขนึ้ ถูกออกซิไดส์โดยเรยี กสารท่ใี หอิเลก็ ตรอนวา ตัวรีดวิ ซ์ (Reducer หรือ Reducing agent) ปฏกิ ริ ยิ ารีดักชนั (Reduction Reaction) คือ ปฏิกิริยาที่มกี ารรับอิเล็กตรอนเกดิ ข้ึน เลขออกซิเดชนั ลดลง ถกู รดี ิวซโ์ ดยเรยี กสารทร่ี ับอเิ ลก็ ตรอนวา ตัวออกซิไดส์ (Oxidizing agent) - ปฏิกริ ยิ านอนรีดอกซ์ คือ ปฏกิ ิรยิ าท่ีไมม กี ารถา ยโอนอเิ ลก็ ตรอนหรอื เปน็ ปฏิกิรยิ าทีไ่ มม กี ารใหแ ละรับ อเิ ลก็ ตรอนในปฏิกิรยิ านนั้ 4. ขน้ั ขยายความร๎ู (Elaboration) (20 นาที) 4.1 ครูใหนักเรยี นทาํ แบบฝึกหดั เรอ่ื ง ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ ลงในสมุด 4.2 ครแู ละนกั เรยี นชวยกันเฉลยแบบฝกึ หดั 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (10 นาท)ี 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตอบคําถาม 5.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5.3 แบบฝึกหัดเรอ่ื ง ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์
วสั ดุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหลํงเรียนรู๎ 1. Power point เร่ือง เลขออกซิเดชนั 2. ชดุ เกมคิดผิดชวี ิตเปล่ยี น 3. หนงั สอื เรยี นเคมเี ลม 4 4. แบบฝกึ หัดเร่อื ง ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ การวัดและการประเมนิ ผล การวดั ผลประเมนิ ผลด๎าน วิธกี ารวดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารผําน 1. ดา นความรู 1. การตอบคําถาม 1. คาํ ถาม 1. ไดคะแนนรอยละ 2. โจทยแ์ บบฝึกหดั 60 ขนึ้ ไป 2. การทําแบบฝึกหัด 2. ดา นทกั ษะ 1. ทําใบกิจกรรมการ 1. ใบกจิ กรรมการ 1. ไดคะแนนรอยละ ทดลอง ทดลอง 60 ข้ึนไป 2. สงั กตพฤติกรรมดา น 2. แบบประเมนิ 2. ระดบั คณุ ภาพ ทักษะปฏิบตั ิ พฤติกรรมดา นทักษะ ปานกลางขน้ึ ไป 3. ตรวจการเขยี น ปฏบิ ตั ิ รายงานการทดลอง 3. แบบประเมนิ การ 4.สังเกตพฤตกิ รรมการ เขยี นรายงานการทดลอง ทํางานเป็นกลุม 4. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทํางานเปน็ กลุม 3. ดานคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบคุ คล ปานกลางขน้ึ ไป
บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรียนร๎ู รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........
ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามส ๎รางสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแสดงพฤติกรรมท่พี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต 3 รายการขึน้ ไป ถอื วา ผา นเกณฑก์ ารประเมนิ
แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานเป็นกลุมํ กลมุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลมุ 1. 2....................................................................... ...................................................................... 3. 4....................................................................... ...................................................................... 5. 6....................................................................... ...................................................................... คาชีแ้ จง: ใหน กั เรยี นทาํ เครื่องหมาย ในชอ งทต่ี รงกับความเปน็ จริง พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี วนรวมในการแสดงความคดิ เห็น 2. มคี วามกระตือรือรน ในการทาํ งาน 3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ดร บั มอบหมาย 4. มีขั้นตอนในการทํางานอยางเปน็ ระบบ 5. ใชเ วลาในการทํางานอยา งเหมาะสม รวม เกณฑก์ ารให๎คะแนน พฤตกิ รรมที่ทําเป็นประจาํ ให 3 คะแนน พฤติกรรมทท่ี ําเปน็ บางคร้ัง ให 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ที ํานอ ยคร้ัง ให 1 คะแนน เกณฑ์การให๎คะแนน ชวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 13-15 ดี 8-12 ปานกลาง 5-7 ปรับปรุง
แบบประเมินพฤตกิ รรมด๎านทักษะปฏบิ ตั ิ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/ ....... กลํมุ .................... ท่ี รายการทป่ี ฏบิ ตั ิ ระดบั คุณภาพการปฏิบตั ิ 3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรับปรงุ ) 1. ใชอ ปุ กรณ์ไดเ หมาะสมและถูกตอ ง 2. ทําการทดลองตามขน้ั ตอนทก่ี าํ หนดไว 3. ทาํ การทดลองเสร็จในเวลาทกี่ ําหนด 4. จัดพ้นื ทก่ี ารทดลองเหมาะสมและปลอดภัย 5. รักษาความสะอาดและจดั เก็บอปุ กรณไ์ ดถกู ตอ ง รวมคะแนน คะแนน 15 เกณฑ์การใหค๎ ะแนน ได 3 คะแนน เมือ่ ปฏิบัตถิ ูกตองเหมาะสม มีขอบกพรองเพียงเลก็ นอ ยหรอื ไมมีเลย ได 2 คะแนน เม่อื ปฏบิ ัตถิ กู ตองเหมาะสมเกนิ ครง่ึ หนงึ่ มีขอ บกพรองคอนขา งมาก ได 1 คะแนน เม่อื ปฏิบตั ถิ กู ตอ งเหมาะสมตํ่ากวาครึ่งหนึง่ มีขอบกพรองเป็นสวนใหญห รอื ไมไ ด ปฏิบตั ิ เกณฑค์ ณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ชํวงคะแนน ปรบั ปรุง 0-6 ปานกลาง 7-11 12-15 ดี
แบบประเมินการเขียนรายงานการทดลอง ท่ี รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ 3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ ) 1. การเขยี นจุดประสงคก์ ารเรียนรูก ารทดลอง 2. การตง้ั สมมตุ ฐิ าน 3. การแปลผลการทดลอง 4. การสรุปผลการทดลอง 5. ความสมบูรณ์ของช้ินงาน รวมคะแนน คะแนน 15 เกณฑก์ ารให๎คะแนน ได 3 คะแนน เมอ่ื มคี วามถกู ตอ ง สมบรู ณ์ ชัดเจน หรอื บกพรองเพียงเลก็ นอ ย ได 2 คะแนน เมื่อมีขอบกพรอ งไมเ กนิ คร่ึง ได 1 คะแนน เมือ่ มีขอบกพรอ งมากเกนิ ครึ่งหนึ่งหรือไมไ ดเขียน เกณฑ์คุณภาพ ระดับคณุ ภาพ ชํวงคะแนน ปรับปรงุ 0-6 ปานกลาง 7-11 ดี 12-15
ใบความรู เรอื่ ง ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ ไฟฟูาเคมี\" เป็นความสัมพันธร์ ะหวางปฏกิ ิรยิ าเคมีและพลงั งานไฟฟาู ซ่งึ กระบวนการ ทางไฟฟาู เคมีจะเกิดจากการถา ยโอนอเิ ล็กตรอนจากสารหนึง่ ไปยังสารหนึง่ และเม่ือมีการ ถายโอนอิเล็กตรอน ปฏิกิริยาเคมีก็จะสามารถทําใหเกิดพลังงานไฟฟูาได ในทํานองกลับกันพลังงานไฟฟูาก็ สามารถทําใหเกิดปฏิกิริยาเคมีไดเชนกัน ปฏิกิริยาที่มีการถายโอนอิเล็กตรอนนี้เรียกวา ปฏิกิริยารีดอกซ์ (Redox Reaction) ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ หรอื ปฏิกิรยิ าออกซิเดชัน-รีดกั ชัน (Oxidation-Reduction Reaction) จะเกิดสองปฏิกิริยายอยควบคูกันไปเสมอ น่ันคือ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction) และ ปฏกิ ริ ยิ ารีดกั ชัน (Reduction Reaction) ปฏกิ ริ ิยารดี อกซส์ วนมากจะเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เชน การ นาํ โลหะสงั กะสี (Zn) จมุ ลงไปในสารละลายของทองแดง (Cu2+) ดังรูป ปฏกิ ิรยิ าทีเ่ กดิ ขน้ึ เป็นไปตามสมการ Zn(s) + Cu2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s) อเิ ลก็ ตรอนจะถูกถา ยโอนจาก Zn ไปยงั Cu2+ ในสารละลายไดโ ดยตรง สิ่งทจ่ี ะสงั เกต เห็นไดชัดเจนก็คือ แผนสังกะสีจะกรอน มีตะกอนของทองแดงเกิดขึ้นบนแผนสังกะสี และเมื่อตั้งทิ้งไว สารละลายสีฟูาของ Cu2+ จะคอย ๆ เปลี่ยนเป็นไมมีสี โดยเกดิ ปฏิกริ ยิ ายอ ย หรอื ท่ีเรียกวาครึ่งปฏิกิริยา (half- reaction) คอื ปฏกิ ิริยาออกซเิ ดชัน เปน็ ปฏกิ ริ ิยาที่มกี ารใหอ เิ ลก็ ตรอน โดย Zn ใหอเิ ลก็ ตรอนแลว กลายเปน็ Zn2+ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- (1) ถาพิจารณาเลขออกซิเดชนั ของ Zn เม่ือใหอเิ ล็กตรอนแลวมเี ลขออกซิเดชนั เพิ่มขนึ้ จาก 0 เป็น +2 ปฏิกิริยาออกซิเดชันจึงเป็นปฏิกิริยาที่มีการเพ่ิมขึ้นของเลขออกซิเดชัน และอาจกลาววา สารท่ี สูญเสียอเิ ลก็ ตรอนและเลขออกซิเดชนั เพมิ่ ข้นึ (Zn) นี้ถูกออกซไิ ดซ์
ปฏิกิริยารดี กั ชนั เป็นปฏิกิรยิ าทมี่ ีการรบั อเิ ลก็ ตรอน โดย Cu2+ รบั อเิ ลก็ ตรอนแลว กลายเปน็ อะตอมของ Cu Cu2+(aq) + 2e- Cu(s) (2) Cu2+ เม่ือรับอเิ ลก็ ตรอนแลว มีเลขออกซเิ ดชันลดลงจาก +2 เปน็ 0 ปฏกิ ิริยารีดักชนั จงึ เป็นปฏกิ ิรยิ าท่มี กี ารลดลงของเลขออกซเิ ดชัน และอาจกลาววา สารทีร่ ับอิเล็กตรอนและมเี ลขออกซิเดชันลดลง (Cu2+) นถ้ี กู รดี ิวซ์เมื่อรวมปฏกิ ิรยิ า (1) และ (2) จะไดปฏกิ ิริยาดงั สมการ Zn(s) + Cu2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s) (3) ปฏกิ ิริยา (3) เรยี กวา ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชนั -รีดกั ชัน หรอื หรือเรยี กสัน้ ๆ วา ปฏิกิริยา รดี อกซ์ โดย Zn รีดิวซ์ Cu2+ ใหเป็น Cu และ Cu2+ ออกซิไดซ์ Zn ใหกลายเป็น Zn2+ หรืออาจกลาววา Cu2+ ถูกรีดิวซ์โดย Zn และ Zn ถูกออกซิไดซ์โดย Cu2+ Zn จึงเป็นตัวรีดิวซ์ (reducing agent) และ Cu2+ เป็น ตวั ออกซิไดซ์ (oxidizing agent) ตัวอยาํ งปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์เพม่ิ เตมิ H2(g) + I2(g) 2HI(g) 2KClO3(s) 2KCl(s) + 3O2(g) 2Na(s) + H2O(l) 2NaOH(aq) + H2(g) Cu(s) + 22ABgr-N(aOq3)(aq) 2Cl-(aCqu)(N+OB3)r22((al)q) + 2Ag(s) Cl2(g) + *** การรวมปฏกิ ริ ิยาตองตรวจสอบจาํ นวนอิเลก็ ตรอนที่ใหแ ละทร่ี บั ของทง้ั สองคร่งึ ปฏกิ ิรยิ าใหเ ทา กันกอ น *** ปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชัน คือปฏกิ ิรยิ าทมี่ กี ารใหอิเล็กตรอน หรือปฏกิ ิรยิ าท่ีมกี ารเพม่ิ ขึ้นของเลขออกซิเดชนั *** สารที่เกิดปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชนั เรยี กวา ตัวรดี ิวซ์ หรอื ถูกออกซิไดซ์ *** ปฏกิ ิริยารดี ักชัน คือปฏิกริ ยิ าท่มี กี ารรบั อิเลก็ ตรอน หรือปฏกิ ิริยาทมี่ กี ารลดลงของเลขออกซเิ ดชัน *** สารท่ีเกิดปฏกิ ริ ยิ ารีดกั ชันเรียกวา ตวั ออกซไิ ดซ์ หรือถูกรดี วิ ซ์
ใบกจิ กรรมการทดลองที่ 1 ปฏิกิริยาระหวาํ งโลหะกบั สารละลายของโลหะไอออน วตั ถุประสงคก์ ารทดลอง 1. ทาํ การทดลองเพื่อศกึ ษาปฏิกิริยาระหวางโลหะกับโลหะไอออนในสารละลายได 2. อธิบายการถายโอนอิเล็กตรอนระหวางโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยา พรอมท้ังเขียนสมการ แสดงการถายโอนอิเล็กตรอนได สารเคมีและอปุ กรณ์ สารเคมี ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. อุปกรณ์ ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ขน้ั ตอนการทดลอง 1. ใสสารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ลงในบีกเกอร์ 2 ใบ ใบละ 25 cm3 สังเกตสขี องสารละลาย 2. จมุ โลหะสังกะสขี นาด 0.5 cm x 7 cm และโลหะทองแดงขนาดเดยี วกัน ลงในบีกเกอรใ์ บที่ 1 และ 2 3. ตัง้ ท้ึงไวส กั ครู สังเกตการเปลีย่ นแปลงที่เกดิ ขึ้นท้งั สารละลายและแผนโลหะ ถาสารมาเกาะบนแผนโลหะให ใชแ ทง แกว เขี่ยออกและสังเกตผิวของโลหะอกี คร้ัง 4. ทําการทดลองเชนเดยี วกบั ขอ 1 และ 2 แตใ ชสารละลาย ZnSO4 1 mol/dm3 แทนสารละลายCuSO4 ตารางบันทกึ ผล ตารางท่ี 1 ลกั ษณะของชน้ิ โลหะและสีของสารละลาย โลหะและสารละลาย ลกั ษณะ Zn Cu สารละลาย CuSO4 สารละลาย ZnSO4
ตารางท่ี 2 ปฏิกริ ิยาระหวํางโลหะกบั สารละลาย บันทกึ การเปลยี่ นแปลงเมือ่ จํมุ โลหะลงในสารละลาย การเปลีย่ นแปลงที่สังเกตได๎ ระบบที่ทดสอบ ช้ินโลหะ สารละลาย Zn ในสารละลาย CuSO4 Cu ในสารละลาย CuSO4 Zn ในสารละลาย ZnSO4 Cu ในสารละลาย ZnSO4 คาถาม 1. สารละลาย CuSO4 มไี อออนอะไรบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. CuSO4 มสี ีหรอื ไม เป็นสีของอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เมื่อจุม แผน Zn ลงใน CuSO4 มกี ารเปลีย่ นแปลงเกดิ ขนึ้ หรอื ไม รไู ดอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สีฟาู ท่จี ากลงเกดิ ขน้ึ ไดอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การทดลองของปฏิกิริยาระหวาง Cu ในสารละลาย CuSO4 ,Zn ในสารละลาย ZnSO4 และCu ใน สารละลาย ZnSO4 เกิดปฏกิ ิริยาหรอื ไม เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลยใบกิจกรรมการทดลองท่ี 1 ปฏกิ ิริยาระหวาํ งโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน วัตถปุ ระสงคก์ ารทดลอง 1. ทาํ การทดลองเพอื่ ศึกษาปฏกิ ิริยาระหวา งโลหะกบั โลหะไอออนในสารละลายได 2. อธิบายการถายโอนอิเล็กตรอนระหวางโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยา พรอมท้ังเขียนสมการ แสดงการถา ยโอนอเิ ลก็ ตรอนได สารเคมีและอุปกรณ์ สารเคมี 1. สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3 2. สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3 3. สังกะสีขนาด 0.5 cm 4. ทองแดงขนาด 0.5 cm อุปกรณ์ 1. บีกเกอรข์ นาด 50 cm3 2. กระบอกตวงขนาด 25 cm3 3. กระดาษทรายขนาด 3 cm ข้นั ตอนการทดลอง 1. ใสส ารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ลงในบกี เกอร์ 2 ใบ ใบละ 25 cm3 สังเกตสีของสารละลาย 2. จมุ โลหะสงั กะสีขนาด 0.5 cm x 7 cm และโลหะทองแดงขนาดเดยี วกัน ลงในบกี เกอร์ใบท่ี 1 และ 2 3. ตง้ั ทงึ้ ไวส กั ครู สังเกตการเปลย่ี นแปลงที่เกิดขน้ึ ทงั้ สารละลายและแผนโลหะ ถาสารมาเกาะบนแผนโลหะให ใชแ ทงแกวเข่ียออกและสงั เกตผิวของโลหะอกี คร้ัง 4. ทาํ การทดลองเชนเดยี วกับขอ 1 และ 2 แตใ ชสารละลาย ZnSO4 1 mol/dm3 แทนสารละลายCuSO4 ตารางบนั ทึกผล ตารางท่ี 1 ลกั ษณะของชนิ้ โลหะและสีของสารละลาย โลหะและสารละลาย ลักษณะ Zn ผวิ เรยี บ Cu ผิวเรยี บ สฟี าู สารละลาย CuSO4 ไมม ีสี สารละลาย ZnSO4
ตารางที่ 2 ปฏกิ ริ ยิ าระหวํางโลหะกบั สารละลาย บันทึกการเปลยี่ นแปลงเมือ่ จุํมโลหะลงในสารละลาย การเปล่ยี นแปลงที่สังเกตได๎ ระบบทที่ ดสอบ ชิน้ โลหะ สารละลาย Zn ในสารละลาย CuSO4 มสี ารสีน้ําตาลเกาะบน Zn เม่ือเขย่ี ออกแผน สฟี ูาคอ ย ๆ จางลง จนไมม สี ี Cu ในสารละลาย CuSO4 Zn มลี ักษณะขรขุ ระ ไมเกดิ การเปลย่ี นแปลง ไมเ กิดการเปลี่ยนแปลง Zn ในสารละลาย ZnSO4 ไมเ กิดการเปลย่ี นแปลง ไมเ กิดการเปลี่ยนแปลง Cu ในสารละลาย ZnSO4 ไมเ กิดการเปลีย่ นแปลง ไมเกิดการเปลยี่ นแปลง คาถาม 1. สารละลาย CuSO4 มไี อออนอะไรบาง Cu2+ + SO42- ตอบ CuSO4 + H2O 2. CuSO4 มสี หี รอื ไม เป็นสขี องอะไร ตอบ มีสีฟูาของ Cu2+ 3. เมอ่ื จุมแผน Zn ลงใน CuSO4 มีการเปลีย่ นแปลงเกิดขึน้ หรอื ไม รไู ดอยา งไร ตอบ เปลีย่ นแปลง ดูจากสฟี าู ท่จี างลงของสารละลายและแผน Zn 4. สีฟูาท่จี ากลงเกิดขน้ึ ไดอ ยา งไร Zn2++ ตอบ Cu2+ บางสวนของสารละลายลดลง โดยเกิดเปน็ ทองแดงเกาะบนแผน Zn เนื่องจาก Cu2+ + 2e- Cu เกิดปฏิกิริยารีดักชัน ขณะเดียวกัน Zn เกิดปฏิกิริยา Oxidation Zn(s) 2e- แผน สงั กะสมี ลี ักษณะขรขุ ระ 5. การทดลองของปฏิกิริยาระหวาง Cu ในสารละลาย CuSO4 , Zn ในสารละลาย ZnSO4 และCu ใน สารละลาย ZnSO4 เกดิ ปฏิกิริยาหรือไม เพราะเหตุใด ตอบ เม่ือจมุ Cu ลงใน CuSO4 สมการไดดังนี้ Cu + Cu2+ ไมเ กิดปฏกิ ิรยิ า เปน็ การจุมโลหะของไอออนท่ีโลหะชนิดเดยี วกนั Zn กบั ZnSO4 ไมม สี ที ง้ั คู Zn + Zn2+ และ ง. ระหวาง Cu + Zn2+ ไมเกิดปฏิกิริยาเชน เดียวกนั
เฉลยแบบฝึกหัด 1. จงพิจารณาวาปฏกิ ิริยาใดเปน็ ปฏิกิริยารดี อกซ์ ก. 2HCl (aq) + ONHa-2C(aOq3) (aq) 2NaCl (aq) +CHO23O2- (l) +CO2 (g) ข. HCO3- (aq) + H2O (l) + (aq) ค. Cr2O72- (aq) + 2OH- (aq) 2CrO42- (aq) + H2O (l) ช. 2CH3COOH(aq) + CaCO3(s) (CH3COO)2Ca(aq) + CO2(g) + H2O(l) ซ. 2 Cl2(g) + 2OH-(aq) ClO-(aq) + Cl-(aq) + H2O(l) ปฏกิ ิรยิ า ก ค และ จ ไมใ ชปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ เนอ่ื งจากเลขออกซิเดชนั ของสารไมเปล่ยี นแปลง ปฏกิ ิรยิ า ข และ ง เป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ เนอ่ื งจากเลขออกซิเดชันของสารเปลี่ยนแปลง 2. เม่อื ทดลองจมุ ลวดโครเมยี มลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ เจือจาง พบวา สารละลาย เปลย่ี นจากไมม ีสีเป็นสฟี ูา และมแี ก฿สเกดิ ขน้ึ 2.1 จงเขียนสมการแสดงครึ่งปฏิกริ ยิ าและปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ พรอ มทั้งระบุตวั ออกซไิ ดส์และ ตวั รดี วิ ส์ แสดงวา โลหะ Cr เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเปล่ียนเป็น Cr2+ (aq) สวน H+ (aq) เกิดปฏิกิริยารีดักชัน เปล่ียนไปเป็น H2 (g) เขยี นสมการไดดงั นี้ Cr2+ (aq) + 2e- ปฏกิ ิรยิ าออกซิเดชัน Cr (s) ปฏิกิริยารีดักชนั 2H+ (aq) + 2e- Cr (s) + 2H+ H2 (g) ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ ในสารละลาย (aq) Cr2+ (aq) + H2 (g) 2.2 H+ กบั Cr2+ ไอออนชนิดใดรับอเิ ล็กตรอนไดด กี วากัน เพราะเหตใุ ด H+ (aq) รับอิเลก็ ตรอนไดดีกวา Cr2+ (aq) 3. จงเขียนสมการแสดงปฏกิ ิรยิ าท่ีเกิดขึน้ และพิจารณาวา เปน็ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซห์ รือไม เพราะ เหตุใด 3.1 ผสมสารละลาย Pb(NO3)2 กับสารละลาย KI เกดิ ตะกอนสเี หลอื ง Pb2+ (aq) + 2I- (aq) PbI2 (s) หรือ Pb(NO3)2 (aq) + KI (aq) PbI2 (s) + KNO3 (aq) ไมจัดเป็นปฏิกิริยารดี อกซ์ เนื่องจากเลขออกซเิ ดชันของสารไมเ ปล่ียนแปลง 3.2 จมุ ลวดแมกนีเซยี มลงในสารละลาย ZnSO4 เกิดสารสเี ทาเงินท่ีชนิ้ แมกนีเซียมตรงสวน ทีจ่ ุม ในสารละลาย เมื่อเคาะสารสีเทาเงนิ ออกพบวาลวดแมกนเี ซยี มกรอนไป Mg (s) + Zn2+ (aq) Mg (aq) + Zn (s) หรอื Mg (s) + ZnSO4 (aq) MgSO4 (aq) + Zn (s) จัดเปน็ ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ เนือ่ งจากเลขออกซเิ ดชนั ของสารเปลีย่ นแปลง 4. โลหะแมกนีเซียมทําปฏิกริ ยิ ากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริกและสารละลาย ZnSO4 สวนโลหะสงั กะสที าํ ปฏกิ ิริยากบั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ แตไมท าํ ปฏกิ ิริยากบั สารละลาย MgSO4
4.1 จงเขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาทีเ่ กดิ ข้นึ Mg(s) + 2H+(aq) Mg2+ (aq) + H2 (g) Mg(s) + Zn2+(aq) Mg2+ (aq) + Zn (s) Zn(s) + 2H+(aq) Zn2+ (aq) + H2 (g) Zn(s) + Mg2+(aq) 4.2 จงเขยี นลาํ ดับความสามารถในการรับอเิ ลก็ ตรอนของ H+ Mg2+ และ Zn2+ ใน สารละลายจากงา ยไปหายาก H+ Zn2+ Mg2+ และลาํ ดบั ความสามารถในการเปน็ ตวั รดี วิ ซข์ อง H2 Mg และ Zn จากงา ยไปหายาก Mg Zn H2 5. จงระบุตัวออกซิไดซแ์ ละตัวรีดิวซ์ของปฏกิ ิริยาตอไปน้ี 5.1 4NH3 + 5O2 4NO + 6H2O NH3 เปน็ ตวั ออกซไิ ดซ์ และ O2 เปน็ ตัวรดี ิวซ์ 5.2 CrCl3 + Na2O2 + NaOH Na2CrO4 + NaCl + H2O CrCl3 เป็นตวั รีดิวซ์ และ Na2O2 เปน็ ตัวออกซิไดซ์
แบบฝกึ หดั 1. จงพจิ ารณาวาปฏกิ ิริยาใดเป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ ก. 2HCl (aq) + Na2CO3 (aq) 2NaCl (aq) + H2O (l) +CO2 (g) ข. HCO3- (aq) + OH- (aq) H2O (l) + CO32- (aq) ค. Cr2O72- (aq) + 2OH- (aq) 2CrO42- (aq) + H2O (l) ช. 2CH3COOH(aq) + CaCO3(s) (CH3COO)2Ca(aq) + CO2(g) + H2O(l) ซ. 2 Cl2(g) + 2OH-(aq) ClO-(aq) + Cl-(aq) + H2O(l) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 2. เมือ่ ทดลองจมุ ลวดโครเมียมลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ เจอื จาง พบวา สารละลาย เปลย่ี นจากไมมสี เี ปน็ สีฟาู และมีแก฿สเกดิ ขึ้น 2.1 จงเขียนสมการแสดงคร่งึ ปฏกิ ิรยิ าและปฏิกิริยารีดอกซ์ พรอมทง้ั ระบตุ ัวออกซิไดส์และ ตวั รีดิวส์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 2.2 H+ กบั Cr2+ ในสารละลาย ไอออนชนดิ ใดรับอิเล็กตรอนไดด กี วา กนั เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 3. จงเขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาท่เี กิดขึ้นและพิจารณาวา เป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซห์ รือไม เพราะ เหตุใด 3.1 ผสมสารละลาย Pb(NO3)2 กบั สารละลาย KI เกดิ ตะกอนสีเหลอื ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 3.2 จมุ ลวดแมกนเี ซยี มลงในสารละลาย ZnSO4 เกิดสารสีเทาเงินท่ีชิน้ แมกนเี ซยี มตรงสวน ท่ีจุม ในสารละลาย เม่ือเคาะสารสเี ทาเงนิ ออกพบวาลวดแมกนเี ซยี มกรอ นไป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 4. โลหะแมกนีเซียมทําปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ และสารละลาย ZnSO4 สว นโลหะสงั กะสีทาํ ปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก แตไ มท ําปฏิกิรยิ ากับ สารละลาย MgSO4 4.1 จงเขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 4.2 จงเขียนลาํ ดบั ความสามารถในการรับอเิ ลก็ ตรอนของ H+ Mg2+ และ Zn2+ ใน สารละลายจากงา ยไปหายาก …………………… และลาํ ดบั ความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซข์ อง H2 Mg และ Zn จากงายไปหายาก ………………. 5. จงระบตุ ัวออกซิไดซแ์ ละตัวรีดิวซข์ องปฏิกริ ยิ าตอ ไปน้ี 5.1 4NH3 + 5O2 4NO + 6H2O 5.2 CrCl3 + Na2O2 + NaOH Na2CrO4 + NaCl + H2O ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
แผนการจดั การเรยี นรูท๎ ่ี 3 หนํวยการเรยี นรท๎ู ี่ 9 ไฟฟ้าเคมี เร่ือง การดลุ สมการรีดอกซโ์ ดยใช๎เลขออกซเิ ดชนั รหสั วชิ า ว30225 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 รายวชิ า เคมี 5 (เพ่ิมเตมิ ) กลุํมสาระการเรยี นร๎ูวทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 3 ช่วั โมง ผลการเรียนร๎ู เปรียบเทยี บความสามารถในการเปน็ ตวั รีดิวซ์หรอื ตวั ออกซิไดซ์ และดลุ สมการรดี อกซไ์ ด สาระการเรียนร๎ู การดลุ สมการของปฏกิ ิริยารดี อกซ์ นอกจากเปน็ การทําใหจาํ นวนอะตอมของธาตุตาง ๆ ในสารต้ังตน และสารผลิตภณั ฑ์มจี ํานวนเทากันแลว จะตองทําใหเลขออกซิเดชันที่เปลี่ยนแปลงมีคาเทากัน หรือตองทําให จํานวนอิเล็กตรอนท่ีใหและรับเทากัน หรือตองทําใหจํานวนประจุรวมทางดานซายและดานขวาของสมการ เทา กนั อกี ดว ย จุดประสงคก์ ารเรียนรู๎ ดา๎ นความรู๎ (Knowledge) - สามารถอธิบายหลักการดลุ สมการรดี อกซ์โดยใชเลขออกซเิ ดชัน ดา๎ นทกั ษะ (Process) - ดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยใชเลขออกซเิ ดชันได ด๎านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผมู ีความสนใจใฝุรู และมรี ะเบยี บวนิ ยั 2. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผูม ีความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอ เวลา 3. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผมู ีความซ่อื สัตย์ สุจรติ ความคดิ รวบยอด การดลุ สมการของปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์ แบง ออกเปน็ 2 แบบ คือ การดุลสมการรีดอกซโ์ ดยใช๎เลขออกซิเดชนั การดุลสมการรีดอกซ์โดยใชวิธีเลขออกซิเดชันที่เปลี่ยนแปลง (The Oxidation Number Change Method) เป็นการดุลสมการของปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ โดยทําเลขออกซิเดชันที่ลดลงเทากับเลขออกซิเดชันท่ีเพิ่มข้ึน แลวทํา จํานวนอะตอมของธาตุตาง ๆ ทางซายและทางขวาใหเทากัน แตถาเป็นสมการไอออนิกตองทําคาประจุรวม ทางซา ย และทางขวาใหเ ทากันดว ย สมรรถนะสาคัญของผ๎เู รียน ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปัญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีวินยั ความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อยูอยางพอเพียง มงุ มนั่ ในการทาํ งาน ใฝุเรียนรู รกั ความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ แนวความคิดเพ่อื การเรยี นรู๎ในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะดา นการเรยี นรแู ละนวัตกรรม สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทักษะดา นชวี ติ และอาชพี ทกั ษะดานสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี กิจกรรมการเรยี นรู๎ วิธสี อน โดยใชก ระบวนการสืบเสาะความรู (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ช่ัวโมงท่ี 1-3 1. ขั้นสรา๎ งความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากบั นักเรยี นทบทวนเร่อื ง ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ และใชค าํ ถามกระตุนผูเรียน ดงั น้ี - ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ ประกอบดวย 2 ปฏกิ ริ ยิ ายอย คือ ปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชัน และปฏกิ ิรยิ ารีดักชนั - สมการเคมคี ืออะไร สมการเคมีเปน็ สญั ลกั ษณ์ที่แสดงการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีระหวางสารตง้ั ตน เพื่อเกดิ เปน็ ผลติ ภัณฑ์ โดยเขียนแทนดว ยสัญลักษณ์ และสูตรโมเลกลุ ทเี่ ป็นตวั แทนของธาตทุ ีอ่ ยใู นสารประกอบ มีลูกศรท่ีช้ี จากดานซายของสมการไปทางดานขวาเพ่ือบงบอกวาสารต้ังตน(reactant)ทางดานซายมือ ทําปฏิกิริยาเกิด สารใหมข น้ึ มาเรียกวา ผลิตภณั ฑ์ (product) ทางดา นขวามือ ดังน้ัน จากสมการเคมเี ราสามารถใชคํานวณหาได วาใชสารตง้ั ตน เทาไรแลว จะไดผ ลิตภณั ฑ์ออกมาเทาไร และตอ งดุลสมการใหเทากันอีกดว ย - การดุลปฏิกิริยารีดอกซแ์ บงออกเปน็ กี่วิธี - 2 วิธี คือ การดุลสมการรีดอกซ์โดยใชเลขออกซิเดชัน และการดุลสมการรีดอกซ์โดยใชครึ่ง ปฏกิ ิริยา 1.2 ครเู กรน่ิ นาํ เรื่องการ การดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยใชเลขออกซิเดชัน 1.3 ครูนาํ นกั เรยี นเขาสบู ทเรียน 2. ข้นั สารวจและคน๎ หา (Exploration) (70 นาที) 2.1 ครสู อนนักเรยี น เรือ่ ง การดลุ สมการรีดอกซ์โดยใชเลขออกซิเดชัน เนือ้ หาดงั น้ี หลักการดุลสมการรดี อกซ์โดยวธิ เี ลขออกซเิ ดชนั 1. หาเลขออกซเิ ดชันเพม่ิ ขนึ้ ของตัวรดี วิ ซ์ และเลขออกซิเดชันท่ลี ดลงของตัวออกซิไดซ์ ระวัง !! หากอะตอมในสารต้งั ตนท่ีเปลีย่ นเลขออกซิเดชนั มหี ลายตัวใหเอาจํานวนอะตอมคณู เลข ออกซิเดชนั เฉพาะตัวท่เี ปล่ียนนน้ั ดว ย และ หากอะตอมในผลติ ภัณฑ์ท่เี ปลี่ยนเลขออกซเิ ดชันมีหลายตวั ใหเ อาจํานวนอะตอมนัน้ คูณท้งั เลข ออกซิเดชันทงั้ ทีเ่ พ่มิ และลด ดว ย 2. ทําเลขออกซิเดชันทเี่ พ่ิมข้ึนและลดลงใหเทากัน ดวยการคูณไขวสลับคาเลขออกซิเดชันท่ีเพิ่มข้ึนและ ลดลงนน้ั
3. ทําจํานวนอะตอมของธาตทุ ีเ่ ปลยี่ นเลขออกซเิ ดชัน ทั้งซายและทางขวาใหเ ทา กนั 4. ดลุ จาํ นวนอะตอมของธาตุอื่น ๆ ทไ่ี มเ ปลี่ยนแปลงเลขออกซเิ ดชันใหเ ทากัน ถามี H2O ( H และ O ไม เปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชัน) รวมอยดู ว ยใหดลุ เปน็ อนั ดบั สดุ ทาย 5. สาํ หรบั สมการไอออนิก เมื่อดุลถึงข้ันที่ 3 ใหดูประจุทั้งทางซายและขวาใหเทากันแลวจึงดุลขั้นท่ี 4 ตอ 6. สมการท่ดี ลุ แลว ตอ งทาํ เลขสมั ประสิทธิ์ขา งหนาของสารทุกชนิดเป็นตัวเลขอยา งตา่ํ ตวั อยาํ ง 1 จงดลุ สมการปฏิกริ ิยาตอไปนี้ MnO2(s) + KBr(aq) + H2SO4(aq) MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) วิธที ํา ขัน้ ท่ี 1 หาเลขออกซเิ ดชันเพิม่ ขึน้ ของตวั รดี ิวซ์ และเลขออกซิเดชันทล่ี ดลงของตวั ออกซไิ ดส์ M+4nO2(s) + KB-1r(aq) + H2SO4(aq) M+n2SO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(0l) ON ลดลง = 2 2 ลด ON เพิ ่ มขึ ้ น = 1 1 เพิ่ม ขัน้ ท่ี 2 ทาํ เลขออกซิเดชันทเี่ พมิ่ ข้ึนและลดใหเทากันดว ยการใชค าเลขออกซิเดชนั คูณไขว 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq) MnSO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) 21 ขั้นที่ 3 ดลุ อะตอมของธาตุที่เปล่ียนเลขออกซิเดชันทั้งทางขวาและซา ยใหเ ทากนั 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq) 1MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) ขนั้ ที่ 4 ดุลอะตอมของธาตุอื่น ๆ ดวยการตรวจพินิจ คือ ตรวจ K ใน KBr เทากับ K ใน K2SO4 จึงไม ตองเติมตัวเลขใด ๆ หนา K2SO4 สวนกลุม SO42- ทางดานขวามี 2 กลุม จึงตองเติมเลข 2 หนา H2SO4 เพ่ือใหทางดานซายและขวาเทากัน ดุล H ใน H2O นับจํานวนอะตอมของ H ทางดานซายในกรด H2SO4 เทากับ 4 จงึ เติม 2 หนา H2O ตรวจจาํ นวนอะตอมของ O ใน MnO2 และ O ใน H2O พบวาเทากัน ดังน้ี MnO2(s) + 2KBr(aq)+ 2H2SO4(aq) MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + 2H2O(l) + Br2(l) ตรวจนับจํานวนอะตอมของธาตุแตละชนิดทางซา ยและขวา พบวา เทากันแสดงวาสมการดลุ 2.1 ครใู หนักเรียนจากใบความรูเร่ือง การดลุ สมการรีดอกซ์ 3. ขน้ั อธบิ ายและลงข๎อสรุป (Explanation) (10 นาท)ี 3.1 ครูสรปุ เนอื้ ใหก ับนักเรยี น เก่ียวกบั หลังการดลุ สมการรดี อกซ์โดยใชเ ลขออกซเิ ดชัน 1. หาเลขออกซิเดชันเพ่ิมข้ึนของตัวรีดวิ ซ์ และเลขออกซิเดชันทล่ี ดลงของตวั ออกซไิ ดซ์ ระวงั !! หากอะตอมในสารต้งั ตนทเ่ี ปลย่ี นเลขออกซเิ ดชนั มหี ลายตัวใหเอาจํานวนอะตอมคณู เลข ออกซเิ ดชันเฉพาะตัวที่เปลยี่ นนน้ั ดว ย และ หากอะตอมในผลติ ภัณฑ์ทเ่ี ปลย่ี นเลขออกซเิ ดชันมีหลายตัวใหเอาจาํ นวนอะตอมนัน้ คูณทงั้ เลข ออกซิเดชันทง้ั ท่เี พ่มิ และลด ดว ย 2. ทาํ เลขออกซเิ ดชันทีเ่ พ่ิมขน้ึ และลดลงใหเทากัน ดวยการคูณไขวสลับคาเลขออกซิเดชันที่เพิ่มข้ึนและ ลดลงนนั้ 3. ทําจาํ นวนอะตอมของธาตทุ ี่เปลย่ี นเลขออกซิเดชัน ทัง้ ซา ยและทางขวาใหเทากัน
4. ดลุ จํานวนอะตอมของธาตุอน่ื ๆ ที่ไมเปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชันใหเทากัน ถามี H2O ( H และ O ไม เปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชนั ) รวมอยดู ว ยใหดลุ เป็นอนั ดบั สดุ ทาย 5. สําหรบั สมการไอออนิก เมื่อดุลถึงข้ันที่ 3 ใหดูประจุท้ังทางซายและขวาใหเทากันแลวจึงดุลข้ันที่ 4 ตอ 6. สมการที่ดุลแลว ตอ งทําเลขสัมประสทิ ธขิ์ างหนาของสารทกุ ชนิดเป็นตวั เลขอยางต่ํา 4. ขั้นขยายความรู๎ (Elaboration) (80 นาท)ี 4.1 ครใู หน กั เรยี นแบบฝกึ หดั เรื่อง การดลุ สมการรีดอกซ์โดยใชเ ลขออกซิเดชัน 4.2 ครสู ุมนักเรียนออกมาเฉลยแบบฝึกหัดพรอมท้ัง ใหอ ธิบายวิธีการทํา จากน้ันครูอธิบายเสริมตรงท่ี นักเรยี นไมเขาใจ 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การทาํ แบบฝกึ หดั เร่อื ง การดลุ สมการรดี อกซ์โดยใชเ ลขออกซิเดชัน 5.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล วัสดุ อปุ กรณ์ ส่อื และแหลงํ เรยี นรู๎ 1. Power point เรือ่ ง การดลุ สมการรดี อกซ์ 2. ใบความรเู ร่อื ง การดลุ สมการรดี อกซ์ 3. หนังสอื เรยี นเคมีเลม 4 4. แบบฝึกหัด การวัดและการประเมินผล การวดั ผลประเมินผลด๎าน วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การผําน 1. คําถาม 1. ดานความรู 1. การตอบคําถาม 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขนึ้ ไป 2. ดา นทักษะ 1. การทาํ แบบฝกึ หดั 1. โจทยแ์ บบฝึกหัด 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขน้ึ ไป 3. ดานคุณลักษณะท่ีพึง - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบคุ คล ปานกลางขนึ้ ไป
บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรียนรู๎ รายวิชาเคมี 5 รหัสวชิ า ว30225 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ปัญหาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสทุ พิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........
ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมที่พงึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ สดงพฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ตามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต ๓ รายการข้ึนไป ถือวา ผา นเกณฑ์การประเมนิ
แบบฝึกหัดเรอื่ ง การดุลสมการรดี อกซ์ 1. จงดุลสมการรีดอกซ์ดว ยวิธีใชเ ลขออกซเิ ดชันท่ีเปลย่ี นแปลง 1.1 Al + NaOH + NaHSO4 Al2O3 + H2O + Na2S 1.2 K2Cr2O7 + HCl CrCl3 + Cl2 + H2O + KCl 1.3 (NH4)2Cr2O7 Cr2O3 + N2 + H2O 1.4 Pb(NO3)2 PbO + NO2 + O2 เฉลย 1.1 8 Al + 3NaOH + 3NaHSO4 4 Al2O3 + 3H2O + 3Na2S 1.2 K2Cr2O7 + 14HCl 2CrCl3 + 3Cl2 + 7H2O + 2 KCl 1.3 (NH4)2Cr2O7 Cr2O3 + N2 + 4H2O 1.4 2Pb(NO3)2 2 PbO + 4 NO2 + O2
ใบความรู๎ การดลุ สมการรดี อกซ์ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ เป็นปฏิกิริยาท่ีมีการเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชัน โดยมีท้ังเลขออกซิเดชันลดลงและ เพิ่มข้ึน หรอื เปน็ ปฏิกริ ิยาท่ีมีการใหและรับอเิ ลก็ ตรอน (มกี ารถายโอนอิเล็กตรอน) ดังนั้น การดุลสมการของ ปฏิกิริยารีดอกซ์ จึงใช 2 วิธี คือ การใชเลขออกซิเดชันท่ีเปล่ียนแปลงไป และใชการใหและรับอิเล็กตรอน (หรอื การใชครึง่ ปฏิกิริยา) การดุลสมการทว่ั ไป เปน็ การทาํ จํานวนอะตอมของธาตุตาง ๆ ของสารตั้งตน เทากับจํานวนอะตอมของ ธาตุตาง ๆ ของสารผลิตภัณฑ์ หรือทําจํานวนอะตอมของธาตุตาง ๆ ทางซาย และขวาของสมการใหเทากัน สาํ หรบั ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ นอกจากจะตองทําจํานวนอะตอมของธาตตุ าง ๆ ทางซา ยและขวาใหเทากัน ยังตองทํา เลขออกซิเดชันที่เปล่ียนแปลงไปใหเทากัน หรือตองทําจํานวนอิเล็กตรอนท่ีใหและรับใหเทากัน และถาเป็น การดุลสมการไอออนิก ตอ งทาํ จํานวนประจุทางซายและขวาใหเ ทากนั อีกดวย การดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยใช๎เลขออกซเิ ดชัน การดุลสมการรีดอกซ์โดยใชวิธีเลขออกซิเดชันท่ีเปลี่ยนแปลง (The Oxidation Number Change Method) เป็นการดุลสมการของปฏิกิริยารีดอกซ์ โดยทําเลขออกซิเดชันท่ีลดลงเทากับเลขออกซิเดชันท่ี เพม่ิ ขน้ึ แลวทําจํานวนอะตอมของธาตุตาง ๆ ทางซายและทางขวาใหเทากัน แตถาเป็นสมการไอออนิกตอง ทําคาประจรุ วมทางซาย และทางขวาใหเทากันดว ย หลักการดุลสมการรดี อกซ์โดยวธิ ีเลขออกซเิ ดชัน 1. หาเลขออกซิเดชันเพม่ิ ขึ้นของตวั รีดิวซ์ และเลขออกซิเดชันท่ีลดลงของตัวออกซิไดซ์ ระวัง !! หากอะตอมในสารต้ังตนท่ีเปลี่ยนเลขออกซิเดชันมีหลายตัวใหเอาจํานวนอะตอมคูณเลข ออกซเิ ดชันเฉพาะตวั ท่เี ปลีย่ นน้ันดว ย และ หากอะตอมในผลิตภัณฑ์ที่เปล่ียนเลขออกซิเดชันมีหลายตัวใหเอาจํานวนอะตอมน้ันคูณท้ังเลข ออกซเิ ดชนั ท้งั ท่ีเพ่ิมและลด ดว ย 2. ทาํ เลขออกซิเดชันทีเ่ พ่ิมขนึ้ และลดลงใหเทา กัน ดวยการคูณไขวสลับคาเลขออกซิเดชันท่ีเพิ่มข้ึนและ ลดลงนั้น 3. ทาํ จํานวนอะตอมของธาตทุ ีเ่ ปลยี่ นเลขออกซเิ ดชัน ทั้งซา ยและทางขวาใหเ ทา กัน 4. ดลุ จาํ นวนอะตอมของธาตอุ ืน่ ๆ ท่ีไมเ ปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชันใหเทากนั ถามี H2O ( H และ O ไม เปลีย่ นแปลงเลขออกซเิ ดชัน) รวมอยูดว ยใหด ุลเปน็ อันดบั สุดทาย 5. สําหรับสมการไอออนิก เมื่อดุลถึงขั้นที่ 3 ใหดูประจุทั้งทางซายและขวาใหเทากันแลวจึงดุลขั้นท่ี 4 ตอ 6. สมการท่ีดลุ แลว ตอ งทําเลขสมั ประสทิ ธ์ขิ างหนา ของสารทกุ ชนดิ เปน็ ตวั เลขอยา งต่ํา ตัวอยาํ ง 1 จงดุลสมการปฏิกริ ิยาตอไปนี้ MnO2(s) + KBr(aq) + H2SO4(aq) MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) วิธที าํ
ขน้ั ท่ี 1 หาเลขออกซเิ ดชันเพ่มิ ขึน้ ของตัวรดี วิ ซ์ และเลขออกซิเดชนั ทล่ี ดลงของตัวออกซิไดส์ M+4nO2(s) + KB-1r(aq) + H2SO4(aq) M+n2SO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(0l) ON ลดลง = 2 2 ลด 1 เพ่ิม ON เพิ ่ มขึ ้ น = 1 ขน้ั ที่ 2 ทําเลขออกซิเดชันท่ีเพม่ิ ขน้ึ และลดใหเ ทา กันดว ยการใชคา เลขออกซิเดชนั คณู ไขว 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq) MnSO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) 21 ขนั้ ที่ 3 ดลุ อะตอมของธาตุทีเ่ ปลี่ยนเลขออกซิเดชันทง้ั ทางขวาและซา ยใหเทากนั 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq) 1MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) ข้ันที่ 4 ดุลอะตอมของธาตุอื่น ๆ ดวยการตรวจพินิจ คือ ตรวจ K ใน KBr เทากับ K ใน K2SO4 จึงไม ตองเติมตัวเลขใด ๆ หนา K2SO4 สวนกลุม SO42- ทางดานขวามี 2 กลุม จึงตองเติมเลข 2 หนา H2SO4 เพื่อใหทางดานซายและขวาเทากัน ดุล H ใน H2O นับจํานวนอะตอมของ H ทางดานซายในกรด H2SO4 เทา กบั 4 จงึ เติม 2 หนา H2O ตรวจจํานวนอะตอมของ O ใน MnO2 และ O ใน H2O พบวาเทา กัน ดังนี้ MnO2(s) + 2KBr(aq)+ 2H2SO4(aq) MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + 2H2O(l) + Br2(l) ตรวจนับจํานวนอะตอมของธาตุแตล ะชนดิ ทางซา ยและขวา พบวา เทา กันแสดงวา สมการดุล ตัวอยาํ ง 2 Cr2O3 + Na2CO3 + KNO3 Na2CrO4 + CO2 + KNO2 วิธที าํ ขัน้ ที่ 1 หาเลขออกซิเดชันเพม่ิ ขึ้นของตวั รดี วิ ซ์ และเลขออกซเิ ดชนั ท่ลี ดลงของตัวออกซไิ ดส์ C+r32O3 + Na2CO3 + +5 Na2+C6rO4 + CO2 + KN+3O2 KNO3 ON เพิ ่ มขึ ้ น = 2 x 3 = 6 ON ลดลง = 2 1 เพ่ิม 2 ลด 6 ขนั้ ท่ี 2 ทําเลขออกซิเดชันท่ีเพม่ิ และลดใหเ ทากันดวยการใชคา เลขออกซิเดชนั คูณไขวก นั 2Cr2O3 + Na2CO3 + 6KNO3 Na2CrO4 + CO2 + KNO2 62
ขน้ั ท่ี 3 ดุลอะตอมของธาตทุ เ่ี ปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชันท้ังทางซา ยและขวาใหเ ทา กนั 2Cr2O3 + Na2CO3 + 6KNO3 4Na2CrO4 + CO2 + 6KNO2 ข้นั ท่ี 4 ดลุ อะตอมของธาตุอืน่ ๆ ดวยการตรวจพินิจ คือ 2Cr2O3 + 4Na2CO3 + 6KNO3 4Na2CrO4 + 4CO2 + 6KNO2 ตรวจนบั จํานวนอะตอมของธาตุแตล ะชนดิ ทางซา ยและขวาพบวาเทา กัน แสดงวาสมการดุลแลว ตัวอยาํ ง 3 จงดลุ สมการของปฏิกิรยิ าน้ี Cu + HNO3 Cu(NO3)2 + H2O + NO2 วิธีทํา ข้นั ท่ี 1 เขียนสมการทย่ี ังไมด ุล และเขียนเลขออกซเิ ดชันของธาตทุ ่ีเปลย่ี นแปลง ดังนี้ C0u + HN+5O3 +C2u(NOO3N)2ลด+ลงH=21O +4 + NO2 ON เพิ ่ มขึ ้ น = 2 ขั้นท่ี 2 ทาํ เลขออกซเิ ดชนั ทเ่ี พิม่ และลดใหเทากัน ดว ยการใชคาเลขออกซเิ ดชนั คณู ไขวก นั 1Cu + 2HNO3 Cu(NO3)2 + H2O + NO2 21 ขน้ั ท่ี 3 ดลุ อะตอมของธาตทุ เ่ี ปลย่ี นเลขออกซเิ ดชนั ท้งั ทางซายและขวาใหเทา กัน - Cu = 1 เทา กบั Cu ใน Cu(NO3)2 จงึ ไมต อ งเตมิ เลขใด ๆ หนา Cu(NO3)2 - เน่อื งจาก N ใน HNO3 = 2 จึงตองเตมิ เลข 2 หนา NO2 เพ่อื ทําให N ทั้ง 2 ขางเทา กัน Cu + 2HNO3 Cu(NO3)2 + H2O + 2NO2 ข้ันท่ี 4 ดลุ อะตอมของธาตุอ่ืน ๆ ดวยการตรวจพนิ ิจ ดังน้ี เนือ่ งจาก N ใน HNO3 ทําใหเกิด N ใน NO2 ขึ้นเทากันแลว แตผลิตภัณฑ์ยังเกิด NO3- ใน HNO3 อีกพวกหนง่ึ จํานวน 2 หมเู ทา กนั ดวยคอื 2HNO3 + Cu + 2HNO3 Cu(NO3)2 + H2O + 2NO2 ดุล H ใน H2O นับจํานวนอะตอมของ H ทางดานซาย = 4 จึงเติมเลข 2 หนา H2O จึงจะพบวา H ทง้ั สองขางเทากนั แลวเตมิ กรด HNO3 ทางดา นซา ย = 4 Cu + 4HNO3 Cu(NO3)2 + 2H2O + 2NO2 ตรวจนับ จาํ นวนอะตอมของธาตุแตละชนิดทางซา ยและขวาพบวาเทา กนั แสดงวาสมการดลุ แลว การดุลสมการรดี อกซโ์ ดยใชค๎ ร่ึงปฏกิ ิรยิ า การดุลสมการรีดอกซ์โดยใชวิธีการคร่ึงปฏิกิริยา (Half reaction Method) หรือ วิธีการไอออน- อเิ ล็กตรอน (Ion-electron Method) เป็นวิธีท่ีดุลสมการดวยการทําจํานวนอิเล็กตรอนท่ีใหและรับใหเทากัน สมการทีจ่ ะดุลดวยวธิ ีนตี้ องเปน็ สมการไอออนิก
หลักการดุลสมการโดยใช๎วิธกี ารคร่งึ ปฎกิ ิรยิ า 1. ใชการเปลี่ยนเลขออกซเิ ดชนั ของธาตุ แบง สว นทถ่ี กู ออกซิไดส์ และถูกรีดวิ ซ์ เขียนโครงครึ่งปฏิกิริยา ไอออนกิ สุทธิ 2 โครง โดยโครงหนึ่งเป็นสว นที่ถกู ออกซไิ ดส์ และอกี สวนหน่งึ ถูกรีดวิ ซ์ 2. ดลุ แตละครง่ึ ปฏกิ ิริยาทีแ่ ยกได 2.1. ดุลอะตอมของธาตุท่ีถูกออกซิไดส์ และท่ีถูกรีดิวซ์ ทั้งสารต้ังตนและผลิตภัณฑ์ ยกเวน O และ H ยังไมดุล 2.2 ในดลุปธฏาิกตริ ุอยิ อากทซี่เปิเจ็นนกดรวดยเตกิมารHเต+ิมลงนใ้ํานข(Hา ง2Oท่ีม) ีไโฮดโยดเรตเิมจนHน2อOยลกงวขา าขงอทงม่ีสมอี กอากรซเเิพจ่ือนดนุลออยะกตวอา มของ H 2.3 2.4. เติมจาํ นวนอิเลก็ ตรอนลงในขางท่ีมีประจุมาก จํานวนอิเล็กตรอนที่เติมลงไปเทากับผลตาง ระหวางประจรุ วมทัง้ 2 ขา ง 3. ทาํ จาํ นวนอิเล็กตรอนในสมการของปฏิกิรยิ าออกซิเดชนั และรดี กั ชันใหเ ทา กนั แลว นําสมการทั้งหมด มาบวก อเิ ลก็ ตรอนหักลางหมดไป จะไดสมการของปฏิกิรยิ ารีดอกซท์ ่ีดลุ แลวตามตองการ ตรวจนับ จาํ นวนอะตอมของธาตุแตละธาตุเทา กัน และประจุรวมขางซายเทากับประจุรวมขางขวาแสดง สมการดุลแลว ระวัง!! สําหรบั ปฏิกริ ิยาทีเ่ ปน็ เบสเม่ือดลุ ถึงข้ึนน้ีถาในสมการมี H+ เกิดขึ้นไมวาอยูทางขางซายหรือขวา ใหท ําลาย H+ ทงั้ หมดดวยการบวก OH- เขา ไปในสมการทงั้ ขางซายและขวาดวยจํานวนเทากับจํานวน H+ นั้น เพ่ือสะเทนิ กรด (H+) ทัง้ หมดดวย OH- ตัวอยําง 1 จงดุลสมการของปฏิกริ ยิ าน้ี I2(s) + S2O32-(aq) I-(aq) + S4O62-(aq) วิธีทาํ ขั้นที่ 1 ใชก ารเปลีย่ นเลขออกซเิ ดชนั ของธาตุแบง สวนทถ่ี ูกออกซไิ ดส์และถกู รีดวิ ซ์ Re. I2(s) I-(aq) Ox. S2O32-(aq) S4O62-(aq) ขนั้ ที่ 2 ดุลแตละครงึ่ ปฏกิ ริ ิยาทแ่ี ยกได ดลุ อะตอมของธาตุทเ่ี ปลยี่ นเลขออกซเิ ดชนั I ใน I2 = 2 จงึ เติมเลข 2 หนา I- จงึ จะทําให I ทั้ง 2 ขางเทา กนั Re. I2(s) 2I-(aq) S ใน S4O62-(aq)(ทางขวา) = 4 จงึ เตมิ เลข 2 หนา S2O32-(aq) จงึ จะทาํ ให S ท้ัง 2 ขางเทา กัน Ox. 2S2O32-(aq) S4O62-(aq สมการทั้ง 2 ไมต อ งดลุ O และ H เพราะเทา กัน จงึ ไมตองเติม H2O และ H+ ดุลประจุ ดวยการเติมอิเล็กตรอนลงในขางที่มีประจุมาก จํานวนอิเล็กตรอนที่เติมเทากับผลตาง ระหวางประจุท้ังสองขา งดังน้ี 2e- + I2(s) 2I-(aq) 2S2O32-(aq) S4O62-(aq) + 2e- …………. (1) …………. (2)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247