Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนโคช

แผนโคช

Published by nuyeieiza29, 2019-11-16 01:31:47

Description: แผนโคช

Search

Read the Text Version

คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ าว 30225 รายวิชา เคมี (เพิม่ เติม) กลุํมสาระการเรยี นร๎ูวิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรียน 60 ชวั่ โมง จานวน 1.5 หนํวยกติ ศึกษาทดลองการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนในปฏกิ ิริยาระหว฽างโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน ศึกษา ปฏิกิรยิ าออกซเิ ดชัน ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชนั ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ ตวั รีดิวซ์ ตัวออกซไิ ดซ์ การเขยี นและ ดุลสมการรีดอกซ์ โดยใช฾เลขออกซิเดชันและครึ่งปฏิกิริยา ศึกษาเซลล์ไฟฟูาเคมี ศึกษาและทดลองเก่ียวกับ หลักการของ เชลล์ กัลวานกึ ศึกษาการเขยี นแผนภาพของเซลล์กัลวานิก การหาค฽าศักย์ไฟฟูาของเซลล์ และศักย์ไฟฟูามาตรฐาน ของคร่ึงเซลล์ ปฏิกิริยาในเซลล์กัลวานิกประเภทเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิ บางชนิด ทดลองเพ่ือศึกษา หลักการสร฾างและการทํางานของเซลล์สะสมไฟฟูาแบบตะกั่ว ศึกษาหลักการ ของเซลล์อิเล็กโทรไลติก การแยกสารไอออนิกที่หลอมเหลวด฾วยกระแสไฟฟูา และทดลองการแยกสาร ละลายด฾วยกระแสไฟฟูาตาม หลักการของเซลล์อิเล็กโทรไลติก ศึกษาและทดลองชุบโลหะด฾วยไฟฟูา ศึกษาวิธีการทําให฾โลหะบริสุทธิ์ การถลงุ แร฽ ศึกษาและทดลองเก่ียวกบั การกดั กร฽อนและการปูองกนั การ ผกุ รอ฽ นของโลหะ ศึกษาความก฾าวหน฾า ทางเทคโนโลยีท่เี ก่ยี วขอ฾ งกับเซลลไ์ ฟฟูาเคมี ศึกษาและสืบค฾นข฾อมูลเกี่ยวกับชนิด สมบัติ และการนํามาใช฾ประโยชน์ของธาตุและสารประกอบ ท่ีสําคัญในประเทศไทย ศึกษาแร฽ประกอบหิน แร฽เศรษฐกิจ การถลุงหรือการสกัดแร฽เพ่ือนําไปใช฾ประโยชน์ ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมแร฽ อุตสาหกรรมเซรามิกส์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข฾องกับโซเดียมคลอไรด์ และอุตสาหกรรมปย฻ุ เพ่ือให฾มีความร฾ูความเข฾าใจเกี่ยวกับเซลล์ไฟฟูาเคมีและปฏิกิริยาในเซลล์ไฟฟูาเคมี ธาตุ และ สารประกอบอนินทรยี ท์ ส่ี าํ คญั ในอตุ สาหกรรม โดยใช฾การเรยี นรดู฾ ว฾ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะ หาความร฾ู การสํารวจตรวจสอบ สามารถนําความรู฾และหลักการไปใช฾ประโยชน์ในการอธิบายปรากฏการณ์ หรือแก฾ปัญหาในชีวิตประจําวัน มีความสามารถในการจัดกระทําและวิเคราะห์ข฾อมูล ตัดสินใจ แก฾ปัญหา สอ่ื สารสิ่งท่ีเรยี นร฾ู รวมทัง้ มีจิตวทิ ยาศาสตร์ เห็นคุณค฽าของวิทยาศาสตร์ มีจริยธรรม คุณธรรม และ ค฽านิยมที่ เหมาะสม

ผลการเรยี นร๎ู 1. อธิบายความหมายของปฏิกิรยิ าออกซเิ ดชัน ปฏิกิริยารดี ักชนั ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ ตัวรดี วิ ซ์ และตวั ออกซไิ ดส์ ในด฾านการถา฽ ยโอนอเิ ลก็ ตรอนและการเปลีย่ นแปลงเลขออกซเิ ดชันได฾ 2. จัดลําดับความสามารถในการใหแ฾ ละรับอิเลก็ ตรอนของธาตุหรอื ไอออนเปรียบเทียบ ความสามารถในการเปน็ ตัวรดี วิ ซห์ รอื ตวั ออกซิไดส์ได฾ 3. ดุลสมการรดี อกซ์โดยใช฾เลขออกซเิ ดชนั และครึง่ ปฏกิ ริ ิยาได฾ 4. ต฽อเซลล์กัลวานิกจากคร่งึ เซลล์ท่ีกาํ หนดให฾ พรอ฾ มทั้งบอกข้วั แอโนด ข้วั แคโทดและเขียน สมการ แสดงปฏิกริ ิยาได฾ 5. เขยี นแผนภาพเซลล์กัลวานิกได฾ 6. อธบิ ายวธิ ีหาคา฽ ศกั ย์ไฟฟาู มาตรฐานของครึ่งเซลล์ (E0) โดยการเปรยี บเทียบกบั ครึ่งเซลล์ ไฮโดรเจน มาตรฐานได฾ 7. ใช฾ค฽า E0 ของครง่ึ เซลล์คํานวณหาคา฽ ศกั ยไ์ ฟฟูาของเซลลแ์ ละทํานายการเกิดปฏิกริ ยิ ารดี อกซไ์ ด฾ 8. อธบิ ายหลกั การทํางานของเซลลก์ ลั วานิก เซลล์ปฐมภมู ิ เซลลท์ ุตยิ ภมู ิและเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลตกิ ได฾ 9. อธิบายหลักการของการแยกสารดว฾ ยกระแสไฟฟาู การชุบโลหะดว฾ ยไฟฟาู และการทําโลหะให฾ บริสุทธ์ิ พรอ฾ มทงั้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ิริยาทีเ่ กดิ ขึ้นได฾ 10. อธิบายสาเหตุหรอื ภาวะท่ีทําใหโ฾ ลหะเกิดการผกุ รอ฽ นพร฾อมทง้ั เขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาได฾ 11. อธิบายวธิ ีปูองกนั การผุกร฽อนของโลหะโดยวิธอี ะโนไดซ์ การรมดํา วิธแี คโทดกิ การเคลือบผิวด฾วย พลาสตกิ สีหรือนาํ้ มนั การซุบด฾วยโลหะได฾ 12. อธบิ ายหลักการทํางานของแบตเตอรอ่ี ิเลก็ โทรไลตข์ องแขง็ แบตเตอรอี่ ากาศ การทําอเิ ลก็ โทร ไดอะลิซิสนํา้ ทะเลได฾ 13. อธิบายหลกั การถลงุ แรห฽ รือการสกดั แรท฽ องแดง สงั กะสแี ละแคดเมยี ม ดีบุก โคลัมไบต์แทนทาไลต์ ทงั สเตน พลวง และเซอร์คอน พรอ฾ มทัง้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึนได฾ 14. อธิบายสมบัติและประโยชน์ของแร฽รัตนชาติชนิดตา฽ ง ๆ ได฾ 15. อธิบายวธิ พี ฒั นาคณุ ภาพของแรร฽ ัตนชาติได฾ 16. อธิบายขน้ั ตอนสาํ คญั ของการทําผลิตภัณฑเ์ ซรามกิ สไ์ ด฾ 17. บอกประโยชนข์ องผลติ ภัณฑ์เซรามิกสพ์ ร฾อมท้ังยกตวั อย฽างได฾ 18. อธบิ ายวิธีการผลิตเกลือสมุทรและเกลือสนิ เธาวไ์ ด฾ 19. อธบิ ายวิธีการผลติ โซเดียมไฮดรอกไซต์และแก฿สคลอรีนจากโซเดยี มคลอไรต์ โดยใช฾เซลล์เพอ่ื แลกเปล่ียนไอออน พรอ฾ มทง้ั เขียนสมการแสดงปฏิกิรยิ าทีเ่ กดิ ขน้ึ ได฾ 20. อธิบายกระบวนการผลิตโซดาแอชและสารฟอกขาว พรอ฾ มท้ังเขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าท่ีเกิดขนึ้ ได฾ 21. อธิบายกระบวนการผลติ ป฻ยุ ไนโตรเจน ปยุ฻ ฟอสเฟต ปย฻ุ โพแทส และปยุ฻ ผสม ตลอดจนผลกระทบ ต฽อสิ่งแวดล฾อม ทเี่ กดิ จากการใช฾ปย฻ุ ได฾ รวมทัง้ หมด 21 ผลการเรยี นร๎ู

โครงสรา๎ งรายวชิ า รายวชิ า เคมี (เพ่ิมเติม) รหสั วชิ า ว 30225 กลุํมสาระการเรยี นร๎ูวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 60 ชม./คาบ จานวน 1.5 หนวํ ยกิต หนํวยการ ชอื่ หนํวยการเรยี นรู๎ ผลการ สาระสาคัญ เวลา นน. เ ีรยน ๎ูรท่ี9 ไฟฟาู เคมี เรียนรู๎ (ชม./ คะแนน คาบ) 10 ธาตแุ ละสารประกอบ อนนิ ทรีย์ใน 1 -11 9.1 ปฎกิ ิรยิ ารดี อกซ์ 34 30 อตุ สาหกรรม 9.2 การดุลสมการรีดอกซ์ 9.3 เซลลไ์ ฟฟูาเคมี 9.3.1 เซลลก์ ัลวานิก 9.3.2 เซลลอ์ เิ ล็กโทรไลต์ 9.3.3 การปอู งกนั ของโลหะและการปูองกนั 9.4 ความก฾าวหน฾าทางเทคโนโลยที ่ีเกยี่ วขอ฾ งกับ เซลลไ์ ฟฟาู เคมีอากาศ 9.4.1 แบตเตอรอี ิเล็กโทรไลต์แขง็ 9.4.2แบตเตอรี 9.4.3 การทําอเิ ล็กโทรไดอะลิซสิ นาํ้ ทะเล 12 - 20 10.1อุตสาหกรรมแร฽ 24 30 10.2 อตุ สาหกรรมเซรามกิ ส์ 1 20 10.3 อตุ สาหกรรมทีเ่ กีย่ วข฾องกับNaCl 1 20 60 100 10.3.1 การผลติ NaCl 10.3.2 การผลติ NaOH และ Cl2 10.3.3 การผลิตNa2CO3 10.3.4 การผลติ สารฟอกขาว 10.4 อุตสาหกรรมป฻ยุ สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม

ขอบเขตและขอ๎ ตกลงในการเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 รหสั วชิ า ว 30225 รายวิชา เคมี 5  เพม่ิ เติม จํานวน 1.5 หน฽วยกิต เวลาเรียน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ คะแนนเกบ็ ระหว฽างภาค : ปลายภาค 80 : 20 นกั เรียนขาดเรยี นไดไ฾ มเ฽ กิน 20 % ของเวลาเรียนทง้ั หมด ( คิดเป็น 10 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น ) ชอื่ ครผู ฾ูสอน นางสาวสุทิพย์ สุขสบาย หอ฾ งทาํ งาน 335 โทรศัพท์ 080 0930931 โครงการสอนประกอบดว฾ ยหนว฽ ยการเรยี นรู฾ จาํ นวน 2 หน฽วย หนว฽ ยการ สาระการเรยี นรู฾ ภาระงาน/ชน้ิ งาน สื่อ/แหลง฽ เรียนร฾ู วิธวี ดั ผล ส่ือ/อปุ กรณท์ ใ่ี ช฾ใน เวลา นํ้าหนกั เรยี นรทู฾ ่ี การเรียน ชวั่ โมง คะแนน รอ฾ ยละ 9 ไฟฟาู เคมี 9.1 ปฎิกริ ิยารีดอกซ์ -แบบฝึกในใบงาน -ใบความร฾ู -ตรวจแบบฝึกหัด -หนังสอื แบบเรียน 30 50 9.2 การดลุ สมการ รี -แบบทดสอบ - power-point -แบบทดสอบ -อปุ กรณแ์ ละ ดอกซ์ -แบบฝกึ หดั ใน - สอื่ มลั ตมิ ีเดีย -แบบประเมิน สารเคมี 9.2.1การดุลสมการรี หนงั สอื เรยี น เซลลก์ ลั วานิก -ตรวจรายงาน -สื่อ power point ดอกซ์โดยใช฾เลข -รายงานการทดลอง และเซลลอ์ เิ ลก็ การทดลอง - ส่อื มลั ติมเี ดยี ออกซเิ ดชัน -Mind mapping โทรไลต์ -ตรวจMind เซลลก์ ัลวานกิ 9.2.2การดลุ สมการ รี -Internet mapping และเซลล์อิเลก็ โทร ดอกซ์โดยใช฾ครง่ึ -หนงั สือแบบเรียน ไลต์ ปฏกิ ิริยา -บทปฏิบตั ิการ 9.3 เซลลไ์ ฟฟูาเคมี -อุปกรณแ์ ละ 9.3.1 เซลลก์ ลั วานกิ สารเคมี 9.3.1.1การเขียน -แบบทดสอบ แผนภาพของ เซลล์กัล วานิก - แบบฝึกหดั 9.3 9.3.1.2 ศกั ยไ์ ฟฟูาของ เซลลแ์ ละศักยไ์ ฟฟาู มาตรฐานของครงึ่ เซลล์ - แบบฝกึ หัด 9.4 9.3.1.3 ประเภทของ เซลล์กัลวานิก - แบบฝกึ หดั 9.5 9.3.2 เซลล์ อิเลก็ โทรไลต์ 9.3.2.1 การแยก สารละลายด฾วย กระแสไฟฟูา 9.3.2.2 การแยกสารที่ หลอมเหลวด฾วย กระแสไฟฟูา 9.3.2.3 การชบุ โลหะ ด฾วยกระแสไฟฟาู 9.3.2.4 การทําโลหะให฾ บริสุทธโิ์ ดยใชเ฾ ซลล์อิ เลก็ โทรไลต์

หน฽วยการ สาระการเรียนร฾ู ภาระงาน/ชิ้นงาน สือ่ /แหลง฽ เรียนร฾ู วิธีวัดผล สอื่ /อุปกรณ์ทใ่ี ชใ฾ น จาํ นวน นาํ้ หนัก เรียนรูท฾ ่ี การเรยี น ช่ัวโมง คะแนน ร฾อยละ 9 เซลล์ - แบบฝึกหดั 9.6 ไฟฟูาเคมี 9.3.3 การปอู งกนั ของ โลหะและการปูองกัน - แบบฝกึ หดั 9.7 9.4 ความกา฾ วหนา฾ ทาง เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข฾อง กับเซลล์ไฟฟาู เคมี 9.4.1 แบตเตอรี อเิ ลก็ โทรไลต์แขง็ 9.4.2แบตเตอรี อากาศ 9.4.3 การทําอิเล็กโทร ไดอะลซิ สิ น้ําทะเล - แบบฝกึ หดั ท฾ายบท 10 ธาตุและ 10.1อุตสาหกรรมแร฽ -แบบฝึกในใบงาน -ใบความรู฾ -ตรวจแบบฝกึ หดั -หนังสอื แบบเรยี น 30 50 สาร แบบฝึกหัด 10.1,10.2 -แบบทดสอบ - power-point -แบบทดสอบ -อปุ กรณ์และ ประกอบใน 10.2 อุตสาหกรรมเซรา -แบบฝกึ หัดใน - VCD กบนอก -แบบประเมิน สารเคมี อุตสาหกรรม มกิ ส์ โรงเรียน -ตรวจรายงาน -สอ่ื power point หนังสือเรยี น แบบฝกึ หดั 10.3 -รายงานการทดลอง -Internet การทดลอง - ตัวอย฽างแร฽ 10.3 อุตสาหกรรมท่ี -Mind mapping -หนังสือแบบเรยี น -ตรวจสอบ เกย่ี วข฾องกบั NaCl -กบนอกโรงเรยี น -บทปฏิบตั กิ าร ความถูกตอ฾ งของ - แบบฝกึ หดั 10.4 ศึกษาอตุ สาหกรรม -อปุ กรณ์และ Mind mapping 10.3.1 การผลิต NaCl ในท฾องถิน่ สารเคมี ผลงานกบนอก 10.3.2 การผลติ NaOH -แบบทดสอบ โรงเรยี น และ Cl2 -หนังสอื เลม฽ เล็ก 10.3.3 การผลติ -แหล฽งเรยี นรใ฾ู น Na2CO3 ชมุ ชน -แบบฝกึ หัด 10.5 - การทาํ นาเกลอื 10.3.4 การผลติ สาร -การทําพลอย ฟอกขาว -เซรามมกิ ส์ ฯลฯ -แบบฝึกหัด 10.6 10.4 อตุ สาหกรรมปุ฻ย - แบบฝกึ หัดทา฾ ยบท หมายเหตุ สามารถเปลย่ี นแปลงได฾ตามความเหมาะสม เพ่ือใหเ฾ กดิ ประโยชนส์ ูงสุดต฽อผเู฾ รียน

วิธีการวัดผลประเมนิ ผล คะแนนเก็บ : คะแนนปลายภาค = 80 : 20 คะแนนเก็บ = 80 คะแนน แบ฽งเปน็ 1. สอบกลางภาคเรยี น = 20 คะแนน 2. สอบยอ฽ ยระหว฽างเรียน = 30 คะแนน 3. ชิน้ งาน = 10 คะแนน 4. ใบงาน = 10 คะแนน 5. ทักษะปฏิบตั ิการและรายงานผลการทดลอง = 10 คะแนน ลงชอื่ .................................................... ลงชอื่ .................................................... ( นางสาวสทุ ิพย์ สขู สบาย) ( นางพนารตั น์ เอกปจั ชา ) ครปู ระจําวชิ า ประธานอนุกรรมการกลมุ฽ สาระการเรียนรว฾ู ทิ ยาศาสตร์ ลงชือ่ .................................................... ( นางสาว ศริ ดา พรมเทพ ) รองผ฾อู ํานวยการฝุายจัดการศกึ ษาและพฒั นาวชิ าการ ลงชอื่ .................................................... ( นายอภิวัชร์ หาญปราบ ) รองผอ฾ู าํ นวยการโรงเรียนรกั ษาการในตําแหน฽ง ผูอ฾ ํานวยการโรงเรียนเบญจมราชทู ิศ จงั หวดั จันทบุรี พันธะสัญญาระหวาํ งผ๎ูปกครอง นกั เรียน ครูและผ๎อู านวยการ ขา฾ พเจา฾ เป็นผู฾ปกครองทน่ี กั เรียนพกั อาศยั ร฽วมกัน ขอรับรองว฽า ได฾รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเรยี นการสอนแล฾ว ข฾าพเจา฾ ขอสัญญาว฽าจะดแู ลใหน฾ ักเรยี น 1) ทาํ งานส฽งตามท่คี รูกาํ หนดตรงตามเวลาและครบถว฾ น 2) ต้งั ใจเรยี น ทบทวนบทเรยี น ทาํ การบ฾าน และตัง้ ใจทําแบบทดสอบ 3) ถ฾านกั เรียนติด 0 ร.และ มส. ตอ฾ งแกไ฾ ขให฾เรยี บร฾อยภายในภาคเรียนที่ 2/2562 4) หากนกั เรยี นตอ฾ งหยุดเรยี นวันใด ให฾นกั เรียนสง฽ ใบลา หรือโทรศัพท์แจ฾ง ตอ฽ ครูประจาํ วชิ าทุกครงั้ 5) มาโรงเรียนและเข฾าเรียนตรงเวลาสมํา่ เสมอ และปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบียบของหอ฾ งเรียนและของโรงเรยี นอย฽างเครง฽ ครัด 6) ถา฾ นกั เรยี นขาดเรียนเกิน 10 ชั่วโมง/ภาคเรียน นักเรยี นจะไม฽มีสิทธ์ิสอบ ยกเวน฾ นักเรียนมเี หตุจําเป็นและมใี บรบั รองแพทย์ ลงช่ือ.........................................................นกั เรยี น ลงชื่อ...........................................................ผปู฾ กครอง (.........................................................) (.............................................................) หมายเลขโทรศพั ท.์ ................................................ หมายเลขโทรศพั ท์................................................. หมายเหตุ ครูเคมี ม.6 2. นางธีรนชุ สุพรรณสุด เบอรโ์ ทรศพั ท์ 09-1723-5944 1. นางสาวบญุ จรี า แทนนิกร เบอร์โทรศัพท์ 06-3569-8995 4. นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย เบอร์โทรศพั ท์ 08-00930931 3. นางสาวเบ็ญจวรรณ แกว฾ คุณงาม เบอร์โทรศัพท์ 06-2469-8946

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 9 ไฟฟ้ าเคมี

หนํวยการเรียนรู๎ท่ี 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจัดการเรียนรทู๎ ่ี 1 เร่อื ง เลขออกซิเดชนั รหัสวิชา ว30225 กลํมุ สาระการเรียนรว๎ู ิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 รายวิชา เคมี 5 (เพ่ิมเติม) ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชัว่ โมง ผลการเรียนร๎ู อธิบายความหมายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และ ตัวออกซไิ ดซไ์ ด฾ สาระการเรียนรู๎ เลขออกซิเดชันเป็นค฽าประจุไฟฟาู ทีส่ มมติขึ้นของไอออนหรืออะตอมของธาตุ โดยคํานวณการรับหรือ การจา฽ ยอิเล็กตรอน หรอื การใชพ฾ ันธะร฽วมกนั จดุ ประสงค์การเรียนรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) 1. สามารถอธิบายการความหมายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และตัวออกซไิ ดซไ์ ด฾ ดา๎ นทกั ษะ (Process) 2. คาํ นวณหาคา฽ ออกซเิ ดชนั ของธาตุในรูปของสารประกอบและในรูปของไอออนได฾ ดา๎ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผม฾ู ีความสนใจใฝรุ ฾ู และมีระเบยี บวินยั 2. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผ฾ูมีความรบั ผิดชอบ ตรงตอ฽ เวลา 3. ปฏิบตั ติ นเป็นผ฾มู ีความซอื่ สัตย์ สุจริต ความคดิ รวบยอด ปฏิกิริยารีดอกซ์ คือ ปฏิกิริยาเคมี ท่ีมีการแลกเปล่ียนอิเล็กตรอนระหว฽างสารตั้งต฾นทําให฾เลข ออกซิเดชันมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะทําให฾มีอะตอมของธาตุบางตัวสูญเสียหรือได฾รับอิเล็กตรอน จะเรียก ปฏิกิริยาท่ีเกิดการเสียอิเล็กตรอนว฽า ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) และเรียกปฏิกิริยาท่ีมีการรับ อเิ ลก็ ตรอนว฽าเลขออกซิเดชนั ( Oxidation number หรือ Oxidation state ) เลขออกซิเดชัน ย฽อว฽า ON. คือค฽าประจุไฟฟูาท่ีสมมติข้ึนของไอออนหรืออะตอมของธาตุ โดยคิดจาก จาํ นวนอิเล็กตรอนทีใ่ ห฾หรือรับหรือใช฾รว฽ มกับอะตอมของธาตุตามเกณฑ์ท่ีกําหนดข้ึน เลขออกซิเดชันส฽วนใหญ฽ เป็นเลขจํานวนเต็มบวกหรือลบหรอื ศนู ย์ สมรรถนะสาคัญของผู๎เรียน  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป฾ ัญหา  ความสามารถในการใช฾ทกั ษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ฾ ทคโนโลยี

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ  มีวินัย  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  อยู฽อย฽างพอเพียง  มง฽ุ ม่ันในการทาํ งาน  มจี ติ สาธารณะ  ใฝุเรยี นรู฾  รักความเป็นไทย แนวความคิดเพอื่ การเรียนร๎ใู นศตวรรษท่ี 21  ทักษะด฾านการเรยี นร฾แู ละนวัตกรรม  สาระวชิ าหลัก (Core Subjects)  ทักษะด฾านชีวิตและอาชีพ  ทักษะดา฾ นสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนร๎ู วธิ ีสอน โดยใช฾กระบวนการสืบเสาะความร฾ู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงที่ 1-3 1. ขนั้ สรา๎ งความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1.1 ครูสนทนากับนกั เรียนเกย่ี วกบั เรื่อง ไฟฟูาเคมี โดยเช่อื มโยงกับเรือ่ งราวในชีวิตประจําวนั 1.2 นักเรียนถกู กระตุน฾ ความสนใจโดยครถู ามคําถามนักเรียนว฽า 1. ในชีวิตประจําวันของเราเกี่ยวขอ฾ งกับไฟฟาู เคมีอย฽างไร นักเรียนลองช฽วยยกตัวอย฽างคนละ 1 ตวั อย฽าง ตอบ ถ฽านไฟฉาย แบตเตอรี่ การแยกน้าํ ดว฾ ยไฟฟูา การชบุ โลหะ 1.3 ครูอธิบายขอบเขตการศึกษาไฟฟูาเคมีว฽ามีเรียนอะไรบ฾าง ได฾แก฽ ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวออกซิไดซ์ ตวั รดี วิ ซ์ ปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชนั ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชนั เป็นตน฾ 1.4 เมอ่ื ครูเกร่ินเน้ือหาว฽า ปฏิกิริยารีดอกซ์ คือ ปฏิกิริยาเคมี ที่มีการแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอนระหว฽าง สารต้ังต฾นทําให฾เลขออกซิเดชันมีการเปลี่ยนแปลงไป ซ่ึงจะทําให฾มีอะตอมของธาตุบางตัวสูญเสียหรือได฾รับ อเิ ล็กตรอน จะเรียกปฏิกริ ยิ าทีเ่ กดิ การเสียอเิ ล็กตรอนว฽า ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชัน (Oxidation) และเรียกปฏิกิริยา ทม่ี กี ารรับอเิ ลก็ ตรอนวา฽ เลขออกซเิ ดชนั ( Oxidation number หรอื Oxidation state ) 1.4 ครูนํานกั เรยี นเขา฾ สบ฽ู ทเรยี นเรอ่ื ง เลขออกซเิ ดชนั 2. ข้นั สารวจและคน๎ หา (Exploration) (50 นาท)ี 2.1 ครูทบทวนเนอ้ื หาเร่ือง เลขออกซิเดชนั โดยใชค฾ าํ ถามกระตน฾ุ นกั เรยี นดงั น้ี 1. เลขออกซิเดชัน คืออะไร ตอบ ตัวเลขท่แี สดงถึงค฽าประจไุ ฟฟูาของอะตอมของธาตุในโมเลกลุ ของสารประกอบ หรือไอออนของสารนัน้ 2. ไฮโดรเจนมีเลขออกซเิ ดชนั ไดก฾ ่ีค฽า อะไรบ฾าง ตอบ 2 ค฽า คอื เมอื่ รวมกบั ธาตอุ โลหะ หรอื กลมุ฽ ของไอออนลบ จะมเี ลขออกซเิ ดชนั +1 แต฽ถ฾ารวมกับธาตุโลหะ จะมเี ลขออกซิเดชัน -1 2.2 ครูอธิบายข฾อสังเกตเกี่ยวกับการกําหนดเลขออกซิเดชันของธาตุชนิดต฽าง ๆ ดังนี้ (ใช฾หนังสือ ประกอบการเรยี น) การกาหนดเลขออกซเิ ดชนั มีเกณฑด์ ังน้ี 1. เลขออกซเิ ดชันของธาตุอสิ ระทกุ ชนิดไมว฽ า฽ ธาตนุ ้นั หนึ่งโมเลกุลจะประกอบด฾วย กี่อะตอมก็ตามมีค฽า เทา฽ กับศูนย์ เชน฽ Na, Zn, Cu, He, H2, N2, O2, Cl2, P2, S2 ฯลฯ มเี ลขออกซเิ ดชนั เท฽ากบั ศนู ย์

2. เลขออกซิเดชันของไฮโดรเจนในสารประกอบโดยท่ัวไป (H รวมตัวกับอโลหะ ) เช฽น HCl , H2O , H2SO2ฯลฯ มีค฽าเท฽ากับ + 1 แต฽ในสารประกอบไฮไดรด์ของโลหะ (H รวมตัวกับโลหะ ) เช฽น NaH , CaH2 ไฮโดรเจนมีเลขออกซเิ ดชันเทา฽ กบั -1 3. เลขออกซิเดชันของออกซเิ จนในสารประกอบโดยทว่ั ไปเท฽ากบั -2 แต฽ในสารประกอบเปอร์ออกไซด์ เช฽น H2O2 และ BaO2 ออกซิเจนมีเลขออกซิเดชันเท฽ากับ -1 ในสารประกอบซุปเปอร์ออกไซด์ ออกซิเจนมี เลขออกซิเดชันเท฽ากบั -1/2 และในสารประกอบ OF2 เทา฽ นนั้ ทีอ่ อกซิเจนมีเลขออกซิเดชนั เท฽ากบั +2 4. เลขออกซิเดชันของไอออนท่ีประกอบด฾วยอะตอมชนิดเดียวกันมีค฽าเท฽ากับประจุท่ีแท฾จริงของ ไอออนนนั้ เชน฽ Mg 2+ ไอออน มีเลขออกซิเดชนั เท฽ากับ +2 ,F - ไอออนมเี ลขออกซเิ ดชันเทา฽ กบั -1 เปน็ ตน฾ 5. ไอออนที่ประกอบดว฾ ยอะตอมมากกว฽าหนึ่งชนิด ผลรวมของเลขออกซิเดชันของอะตอมท้ังหมดจะ เท฽ากับประจุที่แท฾จริงของไอออนนั้น เช฽น SO4 2- ไอออน เท฽ากับ – 2 เลขออกซิเดชันของ NH4 + ไอออน เท฽ากับ + 1 เปน็ ตน฾ 6. ในสารประกอบใดๆ ผลบวกของเลขออกซิเดชันของอะตอมทั้งหมดเท฽ากับศูนย์ เช฽น H2O ซึ่ง H มเี ลขออกซิเดชันเท฽ากับ + 1 แต฽มี H 2 อะตอม จึงมีเลขออกซิเดชันท้ังหมด เท฽ากับ + 2 O มีเลขออกซิเดชัน เทา฽ กบั – 2 เมือ่ รวมกันจะเท฽ากบั ศูนยเ์ ปน็ ตน฾ เพ่ิมเติม 1. ธาตุหม฽ู IA , IIA , IIIA ในสารประกอบตา฽ งๆ มีเลขออกซเิ ดชันเท฽ากับ +1 , + 2 , + 3 ตามลําดบั 2. ธาตุอโลหะส฽วนใหญ฽ในสารประกอบมีเลขออกซิเดชันได฾หลายค฽า เช฽น Cl ใน HCl HClO HClO 2 HClO3 และ HClO4 มีเลขออกซเิ ดชนั เท฽ากบั - 1, +1, +3, +5 และ +7 ตามลาํ ดับ 3. ธาตุแทรนซิชันส฽วนใหญ฽มีเลขออกซิเดชันได฾มากกว฽าหน่ึงค฽า เช฽น Fe ใน FeO และ Fe2O3 มีเลข ออกซิเดชันเทา฽ กับ +2 และ +3 ตามลําดบั การหาเลขออกซเิ ดชัน การหาเลขออกซเิ ดชันอาจทําไดโ฾ ดยวิธีดงั น้ี 1. สมมตเิ ลขออกซิเดชันของธาตุทต่ี ฾องการหา 2. นําค฽าเลขออกซิเดชันของธาตุท่ีทราบแล฾ว และเลขออกซิเดชันของธาตุท่ีต฾องการหาเขียนเป็น สมการตามข฾อตกลงในข฾อ 5 และขอ฾ 6 แลว฾ แก฾สมการเพอ่ื หาเลขออกซเิ ดชันของธาตุ ดงั กลา฽ ว 3. สําหรบั สารประกอบไอออนกิ ที่ประกอบด฾วยไอออนเชิงซ฾อน และไม฽ทราบค฽า เลขออกซิเดชันของ ธาตุมากกว฽า 1 ธาตุ เมื่อต฾องการหาค฽าเลขออกซเิ ดชันของธาตุ ควรแยกเปน็ ไอออนบวกและไอออนลบก฽อน จึง สมมตคิ ฽าเลขออกซิเดชนั ของธาตุทีต่ อ฾ งการหา แล฾วนาํ คา฽ เลขออกซิเดชันของธาตุที่ทราบแล฾วกับธาตุที่ต฾องการ ทราบไปเขียนสมการตามข฾อตกลงในข฾อ 5 จากนั้นจงึ แกส฾ มการเพอ่ื หาเลขออกซิเดชันของธาตุดังกลา฽ ว 2.3 ครยู กตวั อยา฽ งการหาเลขออกซเิ ดชนั ดงั นี้ ตวั อยํางท่ี 1 จงหาเลขออกซิเดชันของ Cr ใน [ Cr(H2O)4Cl2]ClO4 วิธีทา HCl2-Oมีเมลเี ขลอขออกอซกเิซดิเชดันชเันทเา฽ทก฽าบักับ- 0 1 ClO4 มีเลขออกซเิ ดชันเท฽ากับ - 1 ให฾ Cr มีเลขออกซิเดชนั เท฽ากบั A A+(0x4)+(-1x2)+(-1)=0 A=+1+2=+3 ดงั นั้น Cr มเี ลขออกซเิ ดชันเทา฽ กบั + 3

3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) (50 นาที) 3.1 ครูใหน฾ ักเรียนทาํ ใบงานท่ี 1 เร่ือง เลขออกซเิ ดชนั 3.2 ครูใหน฾ ักเรยี นศึกษาทําด฾วยตนโดยครคู อยแนะนําการคิด 3.3 เม่ือนกั เรียนทาํ ใบงานเสร็จแล฾วใหน฾ ักเรยี นช฽วยกันออกมาเฉลยหน฾ากระดานดาํ 3.4 ครูและนักเรียนชว฽ ยกนั ตรวจคาํ ตอบและอธิบายเพิ่มเตมิ ในข฾อทีไ่ ม฽เข฾าใจ 4. ขัน้ ขยายความรู๎ (Elaboration) (40 นาท)ี 4.1 ครูให฾นกั เรียนเล฽นเกม คิดผิดชีวิตเปล่ียน เป็นการคํานวณหาเลขออกซิเดชันของธาตุต฽าง ๆ ตาม แผน฽ ปาู ย 4.2 ครูให฾นักเรียนแบ฽งกลุ฽ม กลุ฽มละ 10 คน จากนั้นให฾นักเรียนต฽อแถว ในกล฽องจะมีแผ฽นปูายโจทย์ และตัวหนีบที่ติดประจุของเลขออกซิเดชัน (ในแต฽ละกล฽องจะมีแผ฽นปูายโจทย์ที่แตกต฽างกัน จะมีทั้งหมด 5 แผน฽ ปูาย) 4.3 ครูจับเวลาแผน฽ ปูายล฽ะ 1 นาที จากนั้นใหน฾ ักเรยี นสบั เปลี่ยนกัน จนกว฽าจะทาํ เสรจ็ 4.4 ครใู หน฾ ักเรียนออกมาจบั ฉลากเฉลย กล฽มุ ใครทําคะแนนได฾มากทีส่ ุดเปน็ ผ฾ชู นะ 5. ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (20 นาที) 5.1 ครูประเมนิ นักเรียนจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมรายกลม฽ุ ด฾านกระบวนการทํางานกลุ฽ม 5.3 การสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลดา฾ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.4 ใบงานท่ี 1 เร่อื ง เลขออกซเิ ดชนั 5.5 เกม คิดผิดชีวิตเปล่ยี น วสั ดุ อุปกรณ์ สือ่ และแหลํงเรยี นรู๎ 1. Power point เร่อื ง เลขออกซิเดชัน 2. ชดุ เกมคดิ ผิดชวี ิตเปลีย่ น 3. หนังสอื เรยี นเคมเี ลม฽ 4 การวัดและการประเมนิ ผล การวัดผลประเมินผลดา๎ น วธิ กี ารวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์การผาํ น 1. คาํ ถาม 1. ดา฾ นความร฾ู 1. การตอบคําถาม 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขึน้ ไป 2. ดา฾ นทกั ษะ 1.ทําใบงานที่ 1 1. ใบงานท่ี 1 1. ไดค฾ ะแนนร฾อยละ 2.สงั เกตพฤตกิ รรมการ 3. ดา฾ นคุณลักษณะทพี่ ึง ทาํ งานเปน็ กล฽ุม 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม 60 ข้ึนไป ประสงค์ - สงั เกตพฤติกรรม การทํางานเป็นกลุ฽ม 2. ระดับคุณภาพ รายบุคคล ปานกลางขึ้นไป - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 1. ระดบั คณุ ภาพ รายบคุ คล ปานกลางข้ึนไป

ความสนใจใฝ่ ู๎ร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมที่พงึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ฽ สดงพฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ตามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต฽ ๓ รายการข้ึนไป ถือว฽า ผา฽ นเกณฑ์การประเมนิ

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานเปน็ กลมุํ กล฽มุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลม฽ุ 1. 2....................................................................... ...................................................................... 3. 4....................................................................... ...................................................................... 5. 6....................................................................... ...................................................................... คาชีแ้ จง: ใหน฾ กั เรยี นทาํ เครอื่ งหมาย  ในชอ฽ งทีต่ รงกบั ความเปน็ จริง พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ฽วนร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 2. มคี วามกระตือรือรน฾ ในการทาํ งาน 3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ดร฾ บั มอบหมาย 4. มีขั้นตอนในการทํางานอย฽างเปน็ ระบบ 5. ใชเ฾ วลาในการทํางานอยา฽ งเหมาะสม รวม เกณฑก์ ารให๎คะแนน พฤตกิ รรมที่ทําเป็นประจํา ให฾ 3 คะแนน พฤตกิ รรมที่ทาํ เป็นบางครง้ั ให฾ 2 คะแนน พฤติกรรมทที่ าํ น฾อยครงั้ ให฾ 1 คะแนน เกณฑ์การให๎คะแนน ชว฽ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 13-15 ดี 8-12 ปานกลาง 5-7 ปรบั ปรงุ

บันทกึ หลงั แผนการจดั การเรียนรู๎ รายวชิ าเคมี 5 รหัสวชิ า ว30225 ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแกไ๎ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสทุ ิพย์ สุขสบาย) ............../............../...........

ใบงานที่ 1 เรอื่ ง เลขออกซเิ ดชัน คาชี้แจง : จงหาเลขออกซิเดชันของธาตทุ ุกตวั ในสารประกอบหรอื สมการเคมีทีก่ ําหนดให฾ สารประกอบ/สมการเคมี เลขออกซเิ ดชัน Mn ใน MnO-4 P ใน (NH4)2HPO4 Pb ใน PbCrO4 Co ใน Na2[CoCl4] Na3[Fe(CN)6] [Cr(NH3)4Cl2] [Co(NH3)4SO4]NO3 HBrO2 K2SO4 + 2AgNO3  2KNO3 + Ag2SO4 3NH4Br + CrPO4  CrBr3 + (NH4)3PO4 Zn3Sb2 + 6H2O  3Zn(OH)2 + 2SbH3 Sb2S3 + 12HCl  2H3SbCl6 + 3H2S

ใบงานที่ 1 เฉลย เรอื่ ง เลขออกซเิ ดชัน คาชี้แจง : จงหาเลขออกซิเดชันของธาตุทกุ ตัวในสารประกอบหรอื สมการเคมีท่กี าํ หนดให฾ สารประกอบ/สมการเคมี เลขออกซิเดชัน Mn ใน MnO-4 P ใน (NH4)2HPO4 Mn = +7 Pb ใน PbCrO4 P = +5 Pb = +2 Co ใน Na2[CoCl4] Co = +2 Na3[Fe(CN)6] Na = +1 Fe = +3 C = +2 N = -3 [Cr(NH3)4Cl2] Cr = +2 N = -3 H = +1 Cl = -1 Co = +3 N ใน NH3 = -3 H = +1 S = +6 O = -2 [Co(NH3)4SO4]NO3 N ใน NO3 = +5 H = +1 Br = +3 O = -2 HBrO2 K = +1 S = +6 O = -2 Ag = +1 N = +5 K2SO4 + 2AgNO3  2KNO3 + Ag2SO4 N = +3 H = +1 Br = -1 Cr = +3 P = +5 O = -2 3NH4Br + CrPO4  CrBr3 + (NH4)3PO4 Zn = +2 Sb = -3 H = +1 O = -2 Zn3Sb2 + 6H2O  3Zn(OH)2 + 2SbH3 Sb = +3 S = -2 H = +1 Cl = -1 Sb2S3 + 12HCl  2H3SbCl6 + 3H2S

หนํวยการเรยี นร๎ทู ี่ 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจดั การเรยี นรท๎ู ่ี 2 เร่อื ง ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์ รหัสวชิ า ว30225 กลุํมสาระการเรยี นรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 รายวชิ า เคมี 5 (เพมิ่ เตมิ ) ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 4 ชัว่ โมง ผลการเรียนร๎ู 1. อธิบายความหมายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรีดิวซ์ และตัว ออกซิไดซ์ได฾ 2. เปรียบเทยี บความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือตวั ออกซิไดซ์ และดลุ สมการรดี อกซ์ได฾ สาระการเรยี นร๎ู ปฏิกริ ิยารีดอกซ์ หมายถงึ ปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กีย่ วกับการถา฽ ยเท e- เป็นปฏิกริ ิยาท่ีมีทัง้ การให฾หรือเสยี อิเลก็ ตรอน และการรับอิเล็กตรอน การเสียอิเล็กตรอนเป็นส฽วนหน่ึงของปฏิกิริยาไฟฟูาเคมี เรียกปฏิกิริยาในการเสีย อิเลก็ ตรอนว฽าปฏกิ ริ ิยาออกซิเดชนั แต฽เรียกอนภุ าคที่เกิดปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชนั วา฽ ดวั รดี ิวซ์ หรือจะเรียกว฽าตัวถูก ออกซิไดซ์ กไ็ ด฾ ในเวลาเดยี วกนั อีกอนุภาคหนึ่งจะเปน็ ฝุายได฾รับอเิ ลก็ ตรอน การรับอิเล็กตรอนเป็นอีกส฽วนหนึ่ง ของปฏิกริ ิยาไฟฟูาเคมี เรยี กว฽าปฏิกิรยิ ารดี ักชนั (reduction reaction) แต฽เรียกอนุภาคที่เกิดปฏิกิริยารีดักชัน ว฽า ตัวออกซไิ ดซ์หรอื จะเรยี กว฽า ตัวถกู รดี วิ ซ์ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร๎ู ด๎านความร๎ู (Knowledge) 1. สามารถอธบิ ายการถา฽ ยโอนอิเล็กตรอนระหว฽างโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยาได฾ 2. อธิบายความหมายของปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชัน ปฏกิ ิริยารดี กั ชัน และปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์ได฾ ดา๎ นทักษะ (Process) 3. เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าของปฏกิ ิริยาออกซิเดชัน ปฏกิ ิรยิ ารดี ักชัน และปฏิกริ ิยารีดอกซ์ได฾ 4. เปรยี บเทียบความสามารถในการเป็นตัวออกซิไดซ์ และตัวรีดวิ ซไ์ ด฾ ด๎านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผ฾มู คี วามสนใจใฝุร฾ู และมีระเบยี บวนิ ยั 2. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผม฾ู คี วามรับผิดชอบ ตรงต฽อเวลา 3. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผม฾ู คี วามซือ่ สตั ย์ สจุ ริต ความคดิ รวบยอด ไฟฟา้ เคมี เป็นการศกึ ษาเก่ียวกบั ปฏกิ ิรยิ าเคมที ีท่ าํ ใหเ฾ กดิ กระแสไฟฟูา ปฏิกิรยิ าไฟฟาู เคมี เป็นปฏกิ ริ ยิ าท่มี กี ารให฾และรับอิเล็กตรอนระหว฽างสาร หรือหมายถึงปฏิกิริยาออกซิเดชัน– รีดักชัน ปฏิกิริยาที่มีการให฾อิเล็กตรอน เรียกว฽า ปฏิกิริยาออกซิเดชัน ส฽วนปฏิกิริยาที่มีการรับอิเล็กตรอน เรียกว฽า ปฏกิ ริ ิยารดี ักชนั กระ แสไฟฟูาทําให฾เกิดปฏิกิริยาเคมีหากใช฾การถ฽ายเทอิเล็กตรอน เป็น เกณฑ์แล฾วป ฏิกิริยาเคมี แบ฽งเปน็ 2 ประเภท

1. ปฏกิ ริ ยิ าทีม่ กี ารถ฽ายเท e- เรียกว฽าปฏกิ ิริยารดี อกซ์ (Redox Reaction) 2. ปฏิกริ ยิ าทไ่ี ม฽มีการถ฽ายเท e- เรียกวา฽ ปฏิกิริยานอนรดี อกซ์ (Nonredox Reaction) ปฏิกิริยารีดอกซ์ หมายถึง ปฏิกิริยาที่เกี่ยวกับการถ฽ายเท e- เป็นปฏิกิริยาท่ีมีท้ังการให฾หรือเสีย อิเล็กตรอน และการรับอิเล็กตรอน การเสียอิเล็กตรอนเป็นส฽วนหนึ่งของปฏิกิริยาไฟฟูาเคมี เรียกปฏิกิริยาใน การเสยี อเิ ล็กตรอนวา฽ ปฏิกริ ิยาออกซิเดชัน (oxidation reaction) แต฽เรียกอนภุ าคท่ีเกดิ ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชันว฽า ดัวรีดิวซ์ (reducer , reducing agent) หรือจะเรียกว฽าตัวถูกออกซิไดซ์ (oxidised) ก็ได฾ ในเวลาเดียวกันอีก อนุภาคหน่ึงจะเป็นฝุายได฾รับอิเล็กตรอน การรับอิเล็กตรอนเป็นอีกส฽วนหนึ่งของปฏิกิริยาไฟฟูาเคมี เรียกว฽า ปฏิกิริยารีดักชัน (reduction reaction) แต฽เรียกอนุภาคที่เกิดปฏิกิริยารีดักชันว฽า ตัวออกซิไดซ์ (oxidiser , oxidising agent) หรือจะเรียกว฽า ตัวถูกรีดิวซ์ (reduced) ก็ได฾ ปฏิกิริยาท้ัง 2 ส฽วนที่ว฽านี้จะเกิดข้ึนพร฾อมกัน จึงเรยี กชือ่ รวมกนั ว฽า รีดักชัน-ออกซเิ ดชนั (Reduction-reduction reaction)เรยี กยอ฽ ๆ ว฽าปฏิกริ ิยารดี อกซ์ (Redox reaction) สมรรถนะสาคัญของผ๎เู รียน  ความสามารถในการสอื่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก฾ปัญหา  ความสามารถในการใช฾ทกั ษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ฾ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์  ความซื่อสัตย์สุจรติ  มีวินัย  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  อยู฽อย฽างพอเพียง  มงุ฽ ม่ันในการทาํ งาน  มีจติ สาธารณะ  ใฝุเรียนร฾ู  รกั ความเป็นไทย แนวความคดิ เพ่อื การเรยี นรู๎ในศตวรรษท่ี 21  ทกั ษะดา฾ นการเรียนรแู฾ ละนวตั กรรม  สาระวชิ าหลกั (Core Subjects)  ทักษะด฾านชวี ติ และอาชพี  ทกั ษะดา฾ นสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนรู๎ วิธีสอน โดยใชก฾ ระบวนการสืบเสาะความร฾ู (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงท่ี 1-2 1. ขั้นสรา๎ งความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากับนักเรียนทบทวนเร่ือง เลขออกซิเดชัน พร฾อมให฾นักเรียนช฽วยกันหาเลขออกซิเดชัน ของธาตสุ ารประกอบหรือไอออนต฽าง ๆ เชน฽ KMnO4 , K2Cr2O7, PO43- เป็นตน฾ 1.2 ครยู กตัวอย฽างสมการตา฽ ง ๆ ทส่ี ารมกี ารเปล่ียนแปลงและไมเ฽ ปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชัน 1.3 ครูให฾นักเรียนหาเลขออกซิเดชัน ของธาตุหรือไอออนในปฏิกิริยาน้ัน ๆ เพ่ือให฾ทราบว฽าเลข ออกซเิ ดชนั เพื่อใหท฾ ราบวา฽ เลขออกซิเดชนั ของธาตุในบางปฏิกิริยามีการเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาแต฽บางปฏิกิริยา ไมเ฽ กิดการเปล่ยี นแปลง 1.4 ครูใหน฾ กั เรียนทําการศกึ ษาปฏิกิริยาการถา฽ ยโอนอิเลก็ ตรอนในการทดลอง

2. ข้ันสารวจและคน๎ หา (Exploration) (40 นาท)ี 2.1 ครูแบ฽งกล฽ุมนักเรียนกลุ฽มละ เท฽า ๆ กัน จากน้ันแจกใบกิจกรรมการทดลองท่ี 1 เรื่อง ปฏิกิริยา ระหว฽างโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน 2.2 ครูและนกั เรยี นร฽วมกันอธิบายขน้ั ตอนการทดลองใหช฾ ัดเจน 2.3 ครูใหน฾ กั เรียนแบ฽งหน฾าท่ีกนั ในกลมุ฽ เพอื่ รวดเรว็ ตอ฽ การทําการทดลอง 2.4 ครแู นะนาํ เกยี่ วกบั การทดลองดังน้ี - ใช฾กระดาษทรายขัดชิ้นโลหะทองแดงและสังกะสใี ห฾สะอาด - สงั เกตลกั ษณะของช้ินโลหะและสขี องสารละลายกอ฽ นทําการทดลอง 2.5 ครูให฾นักเรียนบันทึกผลใส฽ตารางในใบกิจกรรมการทดลองท่ี 1 เร่ือง ปฏิกิริยาระหว฽างโลหะกับ สารละลายของโลหะไอออน 2.6 ครใู หน฾ ักเรียนทําการทดลองเปน็ เวลา 30 นาที 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) (35 นาที) 3.1 ครูให฾นักเรยี นแต฽ละกล฽มุ รว฽ มกนั อภปิ รายตามแนวคําถามทา฾ ยการทดลองจนได฾ข฾อสรุป และร฽วมกนั อภิปรายผลการทดลองแตล฽ ะกล฽มุ Cu2+ 1. สารละลาย CuSO4 มีสีฟูาและในสารละลายมี (aq) สารสารละลาย ZnSO4 ไม฽มีสีและใน สารละลายมี Zn2+ 2. ระบบที่เกิดปฏิกิริยาได฾แก฽ Zn จ฽ุมลงในสารละลาย Cu2+ (aq) และมี Cu และ Zn2+(aq) เกิดขึ้น แสดงว฽า มีการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนระหว฽าง Zn กับ Cu2+ (aq) หลังจากเกิดปฏิกิริยาแล฾วในสารละลายจะมี Zn2+(aq) เพ่ิมข้ึน สว฽ น Cu2+ (aq) ลดลง เป็นผลทาํ ใหส฾ ฟี ูาของสารละลายเจือจางลง 3.3 ครูอธิบายเพ่ิมเติม โดยใชห฾ นงั สือประกอบการเรยี น 1. ปฏิกิริยาที่สารให฾อิเล็กตรอน เรียกว฽า ปฏิกิริยาออกซิเดชัน ส฽วนปฏิกิริยาที่สารรับอิเล็กตรอน เรยี กวา฽ ปฏิกิริยารีดกั ชนั 2. ปฏิกิริยาออกซิเดชันและปฏิกิริยารีดักชันต฽างก็จัดเป็นครึ่งปฏิกิริยา เม่ือรวมทั้งสองปฏิกิริยาเข฾า ด฾วยกนั จะได฾ปฏกิ ริ ยิ าท่ี เรียกว฽า ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ 3. สารท่ีให฾อิเล็กตรอนกับสารอ่ืนและมีเลขออกซิเดชันเพิ่มข้ึน เรียกว฽า ตัวรีดิวซ์ ส฽วนสารที่รับ อิเลก็ ตรอนกับสารอื่นและมเี ลขออกซเิ ดชันลดลง เรยี กวา฽ ตัวออกซิไดซ์ การทดลองจ฽มุ โลหะทองแดง ลงในสารละลาย Zn2+ (aq) แล฾วไมเ฽ กิดปฏิกิริยา แสดงว฽า ความสามารถ ในการใหอ฾ เิ ลก็ ตรอนของทองแดงนอ฾ ยกวา฽ โลหะสังกะสีแต฽ Cu2+ (aq) จะรบั อิเลก็ ตรอนได฾ดกี ว฽า Zn2+ (aq) 3.4 ครูให฾นักเรียนวิเคราะห์การทดลองว฽าปฏิกิริยาใดเป็นปฏิกิริยารีดอกซ์และปฏิกิริยาใดไม฽ใช฽ ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ 4. ข้นั ขยายความรู๎ (Elaboration) (20 นาที) 4.1 ครูให฾นักเรียนตอบคําท฾ายการทดลอง พร฾อมกับเขียนสรุปผลการทดลองลงในใบกิจกรรมการ ทดลองที่ 1 เรือ่ ง ปฏกิ ิรยิ าระหวา฽ งโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน 5. ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (10 นาท)ี 5.1 ครปู ระเมินนกั เรียนจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมรายกลุ฽มด฾านกระบวนการทาํ งานกลม฽ุ

5.3 ใบกจิ กรรมการทดลองท่ี 1 เร่อื ง ปฏิกริ ยิ าระหว฽างโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน ช่วั โมงท่ี 3 - 4 1. ขั้นสร๎างความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี 1.1 ครสู นทนากบั นักเรยี นเร่ือง การทดลองปฏิกริ ิยาระหว฽างโลหะกบั สารละลายของโลหะไอออน 1.2 ครูใช฾กระตุน฾ นักเรียนดงั น้ี 1. ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์หมายถึง ตอบ ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ (รดี กั ชัน + ออกซิเดชนั ) หมายถึง ปฏิกิริยาท่ีมีการให฾และรับอิเล็กตรอน หรือ ปฏกิ ริ ยิ าที่มีการถา฽ ยโอนอิเลก็ ตรอนจากสารหนึง่ ไปยังอีกสารหนึ่ง 1.3 จากทที่ าํ การทดลองตอนใดเกดิ ปฏกิ ิริยารดี อกซ์ ตอบ ตอน ก. ปฏิกริ ิยาระหว฽างโลหะ Zn กบั สารละลาย CuSO4 1.4 ครเู กริน่ นาํ นักเรยี นเข฾าสูบ฽ ทเรียน เร่อื งปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ 2. ขั้นสารวจและค๎นหา (Exploration) (45 นาที) 2.1 ครูอธิบายเน้ือหาเรื่อง เรื่องปฏิกิริยารีดอกซ์ โดยแจกใบความรู฾ เร่ือง ปฏิกิริยารีดอกซ์ให฾กับ นักเรยี น เนื้อหาการสอนดงั น้ี ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ หมายถงึ ปฏิกริ ิยาท่ีมกี ารถ฽ายโอนอิเล็กตรอน เกิดเป็นพลังงานทางเคมี แล฾วถูกปล฽อยออกมา ในรูปพลังงานไฟฟาู ซึง่ สามารถพบในเซลล์ถา฽ นไฟฉาย แบตเตอร่รี ถยนต์ Redox มาจากคาํ วา Reduction + Oxidation ปฏิกิริยา Reduction (รดี ักชนั ) หมายถึง ปฏิกิรยิ าท่มี ีการรับอิเลก็ ตรอน ปฏิกิรยิ า Oxidation (ออกซิเดชัน) หมายถงึ ปฏิกิริยาทีม่ ีการให฾อิเล็กตรอน ดังนน้ั ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ (รดี ักชนั + ออกซิเดชนั ) จึงหมายถึง ปฏิกิริยาท่ีมีการให฾ และ รับอิเล็กตรอน หรอื ปฏกิ ิริยาทมี่ กี ารถ฽ายโอนอิเล็กตรอนจากสารหนึ่งไปยงั อกี สารหนึ่ง ปฏิกิรยิ าเคมีแบํงโดยการใช๎การถํายโอนอเิ ล็กตรอนเปน็ เกณฑ์ มี 2 ชนิด คอื 1. ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ (Redox reaction) ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ หรือ ปฏกิ ริ ิยาออกซิเดชนั -รดี ักชัน คือ ปฏิกริ ิยาทม่ี ีการถา฽ ยโอนอิเลก็ ตรอน หรือ เปน็ ปฏิกริ ิยาทีม่ กี ารให฾ และรบั อิเล็กตรอน เชน฽ ถ่ายโอน e- Cu2+(aq) + Zn(s) Cu(s) + Zn2+(aq) รับ e- ให้ e- เขยี นแยกสมการไดด฾ ังนี้ Zn(s)  Zn2+(aq) + 2e- Cu2+(aq) + 2e-  Cu(s) จะเห็นได฾ว฽า ปฏิกิริยาท่ีมีการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนจะมีเลขออกซิเดชันเปลี่ยนแปลง กล฽าวคือ ส฽วนของ สารท่ีให฾อิเล็กตรอน (e- ) จะมีเลขออกซิเดชันเพิ่มข้ึน และส฽วนของสารทีรับอิเล็กตรอนจะมีเลขออกซิเดชัน ลดลง

2. ปฏกิ ริ ยิ านอนรีดอกซ์ (Non-redox reaction) ปฏกิ ริ ยิ านอนรีดอกซ์ คือ ปฏิกิริยาท่ีไม฽มีการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนหรือเป็นปฏิกิริยาท่ีไม฽มีการให฾ และรบั อเิ ลก็ ตรอนในปฏิกิรยิ านั้น เชน฽ จากสมN+กa1ารOข-Hอ2(งa+ปq1ฏ) กิ +ิรยิ -า1H+ข1C฾าlง(aตqน฾ ) ไม฽มีธาต-ุใN1+ดa1เปClล(ีย่aqน)แป+ล-ง2+Hเล12ขOอ(lอ)กซเิ ดชนั เลย แสดงว฽า ไม฽มีธาตุให฾หรือรับ อิเล็กตรอนเลย การพจิ ารณาวาํ ปฏิกิรยิ าใดเปน็ ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์และปฏิกิรยิ านอนรีดอกซ์ 1. ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ จะมสี ารทใ่ี ห฾อิเล็กตรอนและรบั อิเล็กตรอนเท฽ากันในสมการท่ีดุลแล฾ว ดังน้ันสมการจึงไม฽มี อเิ ล็กตรอนแสดงอยู฽ เชน฽ Cu2+(aq) + Zn(s)  Cu(s) + Zn2+(aq) จากสมการ จะพบว฽า Zn 1 โมลให฾อิเล็กตรอนแก฽ Cu2+ 1 โมล พอดีกัน ไม฽มีอิเล็กตรอนเหลือหรือ ขาด ดังนน้ั ในสมการจึงไมม฽ ีอิเล็กตรอนแสดงอย฽ู 2. ปฏิกริ ยิ าที่มธี าตอุ สิ ระร฽วมอยู฽ดว฾ ย ไมว฽ า฽ จะเป็นสารตัง้ ตน฾ หรอื สารผลติ ภณั ฑ์ จะเปน็ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ เชน฽ 20Na(s) ++12H2O(l)  2+N1aOH(aq) + 0H2(g) Z0n(s) + 2+H1Cl(aq)  +ZnCl2(aq) + 0H2(g) 2 2KM+7n+O24(s)  K2M+6nO4(s) + +M2nO2(s) + O02(g) 3. ปฏกิ ริ ิยาสนั ดาบ และสงั เคราะห์แสง จะเป็นปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์เพราะมแี ก฿ส O2 เป็นสารตงั้ ต฾น เช฽น CH4 + 3O2  CO2 + 2H2O 4. ปฏกิ ิรยิ าที่เกดิ ในเซลล์ไฟฟูาเคมที ุกชนดิ เป็นปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ 5. ปฏิกริ ิยาเมตาบอลซิ ึม ในรา฽ งกายเป็นปฏิกริ ิยารดี อกซ์ 6. ปฏกิ ิริยาที่มีธาตทุ รานซชิ นั รว฽ มอยด฽ู ฾วย มัก เป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ 7. นอกเหนอื จากน้ี ให฾ตรวจสอบดูวา฽ ธาตุตา฽ งๆ ที่อยใ฽ู นปฏิกิริยานั้นมีเลขออกซิเดชันเปล่ียนแปลงหรือไม฽ โดย เริม่ พิจารณาจาก ธาตทุ รานซิชัน , อะโลหะหม฽ู 4 , 5 , 6 , 7 ตามลําดับ หากมกี ารเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน จะเป็นปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ ถ฾ามธี าตุหม฽ู IA และ 2A ในรูปสารประกอบไม฽ต฾องตรวจเลขออกซิเดชัน เพราะไม฽ เปลย่ี น แตจ฽ ะคงท่เี สมอ ตัวออกซไิ ดซ์และตวั รดี วิ ซข์ องสารในปฏิกิริยารีดอกซ์ ปฏิกิริยารดี อกซ์ หรอื ปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชัน - รีดักชัน เป็นปฏิกิริยาที่มีการถ฽ายโอนอิเล็กตรอน หรือเป็น ปฏิกิรยิ าทมี่ ีเลขออกซเิ ดชันของธาตเุ ปลย่ี นแปลง ซง่ึ เขียนแยกเปน็ สองส฽วนได฾ ซง่ึ ประกอบด฾วย 2 ปฏกิ ริ ิยาดงั นี้ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน(Oxidation Reaction)คือ ปฏิกิริยาที่มีการให฾อิเล็กตรอนเกิดขึ้น เลข ออกซเิ ดชนั เพมิ่ ข้ึน ถูกออกซิไดส์โดยเรียกสารทใ่ี ห฾อิเล็กตรอนว฽า ตัวรีดิวซ์ (Reducer หรือ Reducing agent)

ปฏกิ ิริยารดี กั ชนั (Reduction Reaction) คือ ปฏกิ ิรยิ าทม่ี กี ารรับอเิ ล็กตรอนเกดิ ขึน้ เลขออกซิเดชัน ลดลง ถูกรดี วิ ซ์โดยเรียกสารทรี่ บั อเิ ลก็ ตรอนว฽า ตวั ออกซิไดส์ (Oxidizing agent) การพจิ ารณาปฏกิ ริ ยิ าระหวา฽ งโลหะ Zn กบั Cu2+ ดังนี้ เลขออกซิเดชนั เพิ่ม (เสยี e- ) เกิดปฏิกริยาออกซิเดชัน ถกู ออกซไิ ดส์ เZป็nน(ตsวั)รดี+วิ ซC์ u2+(aq)  Zn2+(aq) + Cu(s) เลขออกซเิ ดชันลด (รับ e- ) เกิดปฏิกรยิ ารีดักชัน ถกู รีดวิ ซ์ การพิจารณาปฏกิ ิรยิ าตา฽ ง ๆ+ดว฾ 6ยHแ+ผนภา+พสมเ5ป+Sก็น4Oาร3ตเ2วคั -อมอีดกงั ตซัวไิ อดยสา฽ ์ งตอ฽ ไป2นMี้+n22+ + 3H2O + 5SO4+26- 2M+n7O4- S 6+ + 2e- ปฏิกิริยาออกซิเดชนั S4+ ปฏิกิริยารีดกั ชนั Mn+7 + 5e- Mn 2+ ตวั ออกซิไดซ์ ตวั รีดิซ์ 1. MnO4- เป็นตัวออกซไิ ดส์ จะไดว฾ า฽ MจะnไOด฾ว4-฽าอSอOก3ซ2ิไ-ดรสดี์ วิ SซO์ 3M2- nแOต฽4- Mแตn฽OS4-Oถ3ูก2-รดีถิวกู ซอ์โอดกยซไิ SดOส์โ3ด2-ย MnO4- SO32- เป็นตวั รดี ิวซ์ 6C0l2 (g) + 6Ba(OH)2 (aq) 5Ba-C1l2 (aq) + Ba(+C5lO3)2 + 6H2O ปฏิกิริยารีดกั ชนั Cl0 + e- Cl - ปฏิกิริยาออกซิเดชนั Cl0 Cl +5 + 5e- ตวั ออกซิไดซและตวั รีดิวซ์ 2. Cl2 เปน็ ตัวออกซิไดส์ และตัวรีดิวซ์ จะไดว฾ ฽า Cl2 ออกซไิ ดส์ และรีดวิ ซ์ Cl2 ด฾วยกันเอง เรียกปฏิกิริยาแบบนี้ ว฽า Autoredox reaction หรือ Selfredox reaction หรือ Disproportion reaction

K+C5lO-23 (s) 2K-C1l(s) + 30O2 (g) ปฏิกิริยารีดกั ชนั Cl+5 + 6e- Cl - ปฏิกิริ ยาออกซิเดชนั O2- Oo + 2e- 3. KClO3 เปน็ ทง้ั ตัวออกซไิ ดส์ และตัวรีดิวซ์ เพราะ Cl มีเลขออกซิเดชันลดลง(รับอิเล็กตรอน) และ O มีเลข ออกซิเดชันเพิ่มข้ึน (ให฾อิเล็กตรอน) ปฏิกิริยาน้ีสารชนิดเดียวกันถูกทั้งออกซิไดส์และถูกรีดิวซ์ เรียก Autoredox reaction M+4nO2(s) + 2K+B1r(aq) + 2H2SO4(aq) +M2 nSO4(aq)+ K2SO4(aq) + 2H2O(l) +0Br2(l) เลขออกซิเดชนั เพิ่มข้ึน : ปฏิกิริยาออกซิเดชนั เลขออกซิเดชนั ลดลง :ปฏิกิริยารีดกั ชนั ตวั ออกซิไดซ์ ตวั รีดิซ์ 4. MnO2 เป็นตวั ออกซไิ ดส์ จะไดว฾ า฽ MnO2 ออกซไิ ดส์ KBr แต฽ MnO2 ถูกรีดวิ ซ์โดย KBr KBr เปน็ ตัวรีดิวซ์ จะไดว฾ ฽า KBr รีดวิ ซ์ MnO2 แต฽ KBr ถูกออกซไิ ดสโ์ ดย MnO2 3. ขน้ั อธิบายและลงข๎อสรปุ (Explanation) (35 นาท)ี 3.1 ครแู ละรว฽ มกนั อภปิ รายเร่อื ง ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ ไดด฾ ังน้ี - ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ หรือปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชัน - รดี กั ชนั เปน็ ปฏิกริ ิยาที่มกี ารถ฽ายโอนอิเลก็ ตรอน หรือเป็น ปฏกิ ิริยาที่มเี ลขออกซิเดชนั ของธาตเุ ปลย่ี นแปลง ซง่ึ เขยี นแยกเป็นสองส฽วนได฾ ซึ่งประกอบดว฾ ย 2 ปฏิกริ ิยาดังน้ี ปฏกิ ิรยิ าออกซิเดชัน(Oxidation Reaction)คือ ปฏิกิริยาทม่ี ีการใหอ฾ ิเลก็ ตรอนเกิดข้ึน เลขออกซิเดชัน เพ่มิ ขนึ้ ถูกออกซิไดส์โดยเรยี กสารท่ใี ห฾อิเลก็ ตรอนว฽า ตัวรีดวิ ซ์ (Reducer หรือ Reducing agent) ปฏกิ ริ ยิ ารีดักชนั (Reduction Reaction) คือ ปฏิกิริยาที่มกี ารรับอิเล็กตรอนเกดิ ข้ึน เลขออกซิเดชนั ลดลง ถกู รดี ิวซโ์ ดยเรยี กสารทร่ี ับอเิ ลก็ ตรอนวา฽ ตัวออกซิไดส์ (Oxidizing agent) - ปฏิกริ ยิ านอนรีดอกซ์ คือ ปฏกิ ิรยิ าท่ีไมม฽ กี ารถา฽ ยโอนอเิ ลก็ ตรอนหรอื เปน็ ปฏิกิรยิ าทีไ่ มม฽ กี ารใหแ฾ ละรับ อเิ ลก็ ตรอนในปฏิกิรยิ านนั้ 4. ขน้ั ขยายความร๎ู (Elaboration) (20 นาที) 4.1 ครูให฾นักเรยี นทาํ แบบฝึกหดั เรอ่ื ง ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ ลงในสมุด 4.2 ครแู ละนกั เรยี นช฽วยกันเฉลยแบบฝกึ หดั 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (10 นาท)ี 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตอบคําถาม 5.2 การสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5.3 แบบฝึกหัดเรอ่ื ง ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์

วสั ดุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหลํงเรียนรู๎ 1. Power point เร่ือง เลขออกซิเดชนั 2. ชดุ เกมคิดผิดชวี ิตเปล่ยี น 3. หนงั สอื เรยี นเคมเี ลม฽ 4 4. แบบฝกึ หัดเร่อื ง ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ การวัดและการประเมนิ ผล การวดั ผลประเมนิ ผลด๎าน วิธกี ารวดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารผําน 1. ดา฾ นความรู฾ 1. การตอบคําถาม 1. คาํ ถาม 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 2. โจทยแ์ บบฝึกหดั 60 ขนึ้ ไป 2. การทําแบบฝึกหัด 2. ดา฾ นทกั ษะ 1. ทําใบกิจกรรมการ 1. ใบกจิ กรรมการ 1. ได฾คะแนนร฾อยละ ทดลอง ทดลอง 60 ข้ึนไป 2. สงั กตพฤติกรรมดา฾ น 2. แบบประเมนิ 2. ระดบั คณุ ภาพ ทักษะปฏิบตั ิ พฤติกรรมดา฾ นทักษะ ปานกลางขน้ึ ไป 3. ตรวจการเขยี น ปฏบิ ตั ิ รายงานการทดลอง 3. แบบประเมนิ การ 4.สังเกตพฤตกิ รรมการ เขยี นรายงานการทดลอง ทํางานเป็นกลุ฽ม 4. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทํางานเปน็ กล฽ุม 3. ด฾านคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบคุ คล ปานกลางขน้ึ ไป

บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรียนร๎ู รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........

ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามส ๎รางสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไม฽แสดงพฤติกรรมท่พี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต฽ 3 รายการขึน้ ไป ถอื วา฽ ผา฽ นเกณฑก์ ารประเมนิ

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานเป็นกลุมํ กลมุ฽ .......................................................................................................... สมาชิกในกลม฽ุ 1. 2....................................................................... ...................................................................... 3. 4....................................................................... ...................................................................... 5. 6....................................................................... ...................................................................... คาชีแ้ จง: ใหน฾ กั เรยี นทาํ เครื่องหมาย  ในชอ฽ งทต่ี รงกับความเปน็ จริง พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ฽วนร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 2. มคี วามกระตือรือรน฾ ในการทาํ งาน 3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ดร฾ บั มอบหมาย 4. มีขั้นตอนในการทํางานอย฽างเปน็ ระบบ 5. ใชเ฾ วลาในการทํางานอยา฽ งเหมาะสม รวม เกณฑก์ ารให๎คะแนน พฤตกิ รรมที่ทําเป็นประจาํ ให฾ 3 คะแนน พฤติกรรมทท่ี ําเปน็ บางคร้ัง ให฾ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ที ํานอ฾ ยคร้ัง ให฾ 1 คะแนน เกณฑ์การให๎คะแนน ช฽วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 13-15 ดี 8-12 ปานกลาง 5-7 ปรับปรุง

แบบประเมินพฤตกิ รรมด๎านทักษะปฏบิ ตั ิ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/ ....... กลํมุ .................... ท่ี รายการทป่ี ฏบิ ตั ิ ระดบั คุณภาพการปฏิบตั ิ 3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรับปรงุ ) 1. ใชอ฾ ปุ กรณ์ไดเ฾ หมาะสมและถูกตอ฾ ง 2. ทําการทดลองตามขน้ั ตอนทก่ี าํ หนดไว฾ 3. ทาํ การทดลองเสร็จในเวลาทกี่ ําหนด 4. จัดพ้นื ทก่ี ารทดลองเหมาะสมและปลอดภัย 5. รักษาความสะอาดและจดั เก็บอปุ กรณไ์ ด฾ถกู ตอ฾ ง รวมคะแนน คะแนน 15 เกณฑ์การใหค๎ ะแนน ได฾ 3 คะแนน เมือ่ ปฏิบัตถิ ูกต฾องเหมาะสม มีข฾อบกพร฽องเพียงเลก็ นอ฾ ยหรอื ไม฽มีเลย ได฾ 2 คะแนน เม่อื ปฏบิ ัตถิ กู ต฾องเหมาะสมเกนิ ครง่ึ หนงึ่ มีขอ฾ บกพร฽องค฽อนขา฾ งมาก ได฾ 1 คะแนน เม่อื ปฏิบตั ถิ กู ตอ฾ งเหมาะสมตํ่ากว฽าครึ่งหนึง่ มีข฾อบกพร฽องเป็นส฽วนใหญห฽ รอื ไมไ฽ ด฾ ปฏิบตั ิ เกณฑค์ ณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ชํวงคะแนน ปรบั ปรุง 0-6 ปานกลาง 7-11 12-15 ดี

แบบประเมินการเขียนรายงานการทดลอง ท่ี รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ 3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ ) 1. การเขยี นจุดประสงคก์ ารเรียนรูก฾ ารทดลอง 2. การตง้ั สมมตุ ฐิ าน 3. การแปลผลการทดลอง 4. การสรุปผลการทดลอง 5. ความสมบูรณ์ของช้ินงาน รวมคะแนน คะแนน 15 เกณฑก์ ารให๎คะแนน ได฾ 3 คะแนน เมอ่ื มคี วามถกู ตอ฾ ง สมบรู ณ์ ชัดเจน หรอื บกพร฽องเพียงเลก็ นอ฾ ย ได฾ 2 คะแนน เมื่อมีข฾อบกพรอ฽ งไมเ฽ กนิ คร่ึง ได฾ 1 คะแนน เมือ่ มีข฾อบกพรอ฽ งมากเกนิ ครึ่งหนึ่งหรือไมไ฽ ด฾เขียน เกณฑ์คุณภาพ ระดับคณุ ภาพ ชํวงคะแนน ปรับปรงุ 0-6 ปานกลาง 7-11 ดี 12-15

ใบความร฾ู เรอื่ ง ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ ไฟฟูาเคมี\" เป็นความสัมพันธร์ ะหว฽างปฏกิ ิรยิ าเคมีและพลงั งานไฟฟาู ซ่งึ กระบวนการ ทางไฟฟาู เคมีจะเกิดจากการถา฽ ยโอนอเิ ล็กตรอนจากสารหนึง่ ไปยังสารหนึง่ และเม่ือมีการ ถ฽ายโอนอิเล็กตรอน ปฏิกิริยาเคมีก็จะสามารถทําให฾เกิดพลังงานไฟฟูาได฾ ในทํานองกลับกันพลังงานไฟฟูาก็ สามารถทําให฾เกิดปฏิกิริยาเคมีได฾เช฽นกัน ปฏิกิริยาที่มีการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนนี้เรียกว฽า ปฏิกิริยารีดอกซ์ (Redox Reaction) ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ หรอื ปฏิกิรยิ าออกซิเดชัน-รีดกั ชัน (Oxidation-Reduction Reaction) จะเกิดสองปฏิกิริยาย฽อยควบค฽ูกันไปเสมอ น่ันคือ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction) และ ปฏกิ ริ ยิ ารีดกั ชัน (Reduction Reaction) ปฏกิ ริ ิยารดี อกซส์ ฽วนมากจะเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช฽น การ นาํ โลหะสงั กะสี (Zn) จ฽มุ ลงไปในสารละลายของทองแดง (Cu2+) ดังรูป ปฏกิ ิรยิ าทีเ่ กดิ ขน้ึ เป็นไปตามสมการ Zn(s) + Cu2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s) อเิ ลก็ ตรอนจะถูกถา฽ ยโอนจาก Zn ไปยงั Cu2+ ในสารละลายไดโ฾ ดยตรง สิ่งทจ่ี ะสงั เกต เห็นได฾ชัดเจนก็คือ แผ฽นสังกะสีจะกร฽อน มีตะกอนของทองแดงเกิดขึ้นบนแผ฽นสังกะสี และเมื่อตั้งทิ้งไว฾ สารละลายสีฟูาของ Cu2+ จะค฽อย ๆ เปลี่ยนเป็นไม฽มีสี โดยเกดิ ปฏิกริ ยิ ายอ฽ ย หรอื ท่ีเรียกว฽าครึ่งปฏิกิริยา (half- reaction) คอื ปฏกิ ิริยาออกซเิ ดชัน เปน็ ปฏกิ ริ ิยาที่มกี ารใหอ฾ เิ ลก็ ตรอน โดย Zn ให฾อเิ ลก็ ตรอนแล฾ว กลายเปน็ Zn2+ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- (1) ถ฾าพิจารณาเลขออกซิเดชนั ของ Zn เม่ือให฾อเิ ล็กตรอนแล฾วมเี ลขออกซิเดชนั เพิ่มขนึ้ จาก 0 เป็น +2 ปฏิกิริยาออกซิเดชันจึงเป็นปฏิกิริยาที่มีการเพ่ิมขึ้นของเลขออกซิเดชัน และอาจกล฽าวว฽า สารท่ี สูญเสียอเิ ลก็ ตรอนและเลขออกซิเดชนั เพมิ่ ข้นึ (Zn) นี้ถูกออกซไิ ดซ์

ปฏิกิริยารดี กั ชนั เป็นปฏิกิรยิ าทมี่ ีการรบั อเิ ลก็ ตรอน โดย Cu2+ รบั อเิ ลก็ ตรอนแลว฾ กลายเปน็ อะตอมของ Cu Cu2+(aq) + 2e- Cu(s) (2) Cu2+ เม่ือรับอเิ ลก็ ตรอนแลว฾ มีเลขออกซเิ ดชันลดลงจาก +2 เปน็ 0 ปฏกิ ิริยารีดักชนั จงึ เป็นปฏกิ ิรยิ าท่มี กี ารลดลงของเลขออกซเิ ดชัน และอาจกล฽าวว฽า สารทีร่ ับอิเล็กตรอนและมเี ลขออกซิเดชันลดลง (Cu2+) นถ้ี กู รดี ิวซ์เมื่อรวมปฏกิ ิรยิ า (1) และ (2) จะได฾ปฏกิ ิริยาดงั สมการ Zn(s) + Cu2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s) (3) ปฏกิ ิริยา (3) เรยี กวา฽ ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชนั -รีดกั ชัน หรอื หรือเรยี กสัน้ ๆ วา฽ ปฏิกิริยา รดี อกซ์ โดย Zn รีดิวซ์ Cu2+ ให฾เป็น Cu และ Cu2+ ออกซิไดซ์ Zn ให฾กลายเป็น Zn2+ หรืออาจกล฽าวว฽า Cu2+ ถูกรีดิวซ์โดย Zn และ Zn ถูกออกซิไดซ์โดย Cu2+ Zn จึงเป็นตัวรีดิวซ์ (reducing agent) และ Cu2+ เป็น ตวั ออกซิไดซ์ (oxidizing agent) ตัวอยาํ งปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์เพม่ิ เตมิ H2(g) + I2(g) 2HI(g) 2KClO3(s) 2KCl(s) + 3O2(g) 2Na(s) + H2O(l) 2NaOH(aq) + H2(g) Cu(s) + 22ABgr-N(aOq3)(aq) 2Cl-(aCqu)(N+OB3)r22((al)q) + 2Ag(s) Cl2(g) + *** การรวมปฏกิ ริ ิยาต฾องตรวจสอบจาํ นวนอิเลก็ ตรอนที่ใหแ฾ ละทร่ี บั ของทง้ั สองคร่งึ ปฏกิ ิรยิ าใหเ฾ ทา฽ กันกอ฽ น *** ปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชัน คือปฏกิ ิรยิ าทมี่ กี ารให฾อิเล็กตรอน หรือปฏกิ ิรยิ าท่ีมกี ารเพม่ิ ขึ้นของเลขออกซิเดชนั *** สารที่เกิดปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชนั เรยี กวา฽ ตัวรดี ิวซ์ หรอื ถูกออกซิไดซ์ *** ปฏกิ ิริยารดี ักชัน คือปฏิกริ ยิ าท่มี กี ารรบั อิเลก็ ตรอน หรือปฏกิ ิริยาทมี่ กี ารลดลงของเลขออกซเิ ดชัน *** สารท่ีเกิดปฏกิ ริ ยิ ารีดกั ชันเรียกว฽า ตวั ออกซไิ ดซ์ หรือถูกรดี วิ ซ์

ใบกจิ กรรมการทดลองที่ 1 ปฏิกิริยาระหวาํ งโลหะกบั สารละลายของโลหะไอออน วตั ถุประสงคก์ ารทดลอง 1. ทาํ การทดลองเพื่อศกึ ษาปฏิกิริยาระหว฽างโลหะกับโลหะไอออนในสารละลายได฾ 2. อธิบายการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนระหว฽างโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยา พร฾อมท้ังเขียนสมการ แสดงการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนได฾ สารเคมีและอปุ กรณ์ สารเคมี ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. อุปกรณ์ ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ………………………………………………….. ขน้ั ตอนการทดลอง 1. ใส฽สารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ลงในบีกเกอร์ 2 ใบ ใบละ 25 cm3 สังเกตสขี องสารละลาย 2. จม฽ุ โลหะสังกะสขี นาด 0.5 cm x 7 cm และโลหะทองแดงขนาดเดยี วกัน ลงในบีกเกอรใ์ บที่ 1 และ 2 3. ตัง้ ท้ึงไวส฾ กั ครู฽ สังเกตการเปลีย่ นแปลงที่เกดิ ขึ้นท้งั สารละลายและแผ฽นโลหะ ถ฾าสารมาเกาะบนแผ฽นโลหะให฾ ใชแ฾ ทง฽ แกว฾ เขี่ยออกและสังเกตผิวของโลหะอกี คร้ัง 4. ทําการทดลองเช฽นเดยี วกบั ข฾อ 1 และ 2 แตใ฽ ช฾สารละลาย ZnSO4 1 mol/dm3 แทนสารละลายCuSO4 ตารางบันทกึ ผล ตารางท่ี 1 ลกั ษณะของชน้ิ โลหะและสีของสารละลาย โลหะและสารละลาย ลกั ษณะ Zn Cu สารละลาย CuSO4 สารละลาย ZnSO4

ตารางท่ี 2 ปฏิกริ ิยาระหวํางโลหะกบั สารละลาย บันทกึ การเปลยี่ นแปลงเมือ่ จํมุ โลหะลงในสารละลาย การเปลีย่ นแปลงที่สังเกตได๎ ระบบที่ทดสอบ ช้ินโลหะ สารละลาย Zn ในสารละลาย CuSO4 Cu ในสารละลาย CuSO4 Zn ในสารละลาย ZnSO4 Cu ในสารละลาย ZnSO4 คาถาม 1. สารละลาย CuSO4 มไี อออนอะไรบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. CuSO4 มสี ีหรอื ไม฽ เป็นสีของอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เมื่อจุม฽ แผ฽น Zn ลงใน CuSO4 มกี ารเปลีย่ นแปลงเกดิ ขนึ้ หรอื ไม฽ รไู฾ ด฾อยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สีฟาู ท่จี ากลงเกดิ ขน้ึ ได฾อยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การทดลองของปฏิกิริยาระหว฽าง Cu ในสารละลาย CuSO4 ,Zn ในสารละลาย ZnSO4 และCu ใน สารละลาย ZnSO4 เกิดปฏกิ ิริยาหรอื ไม฽ เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบกิจกรรมการทดลองท่ี 1 ปฏกิ ิริยาระหวาํ งโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน วัตถปุ ระสงคก์ ารทดลอง 1. ทาํ การทดลองเพอื่ ศึกษาปฏกิ ิริยาระหวา฽ งโลหะกบั โลหะไอออนในสารละลายได฾ 2. อธิบายการถ฽ายโอนอิเล็กตรอนระหว฽างโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยา พร฾อมท้ังเขียนสมการ แสดงการถา฽ ยโอนอเิ ลก็ ตรอนได฾ สารเคมีและอุปกรณ์ สารเคมี 1. สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3 2. สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3 3. สังกะสีขนาด 0.5 cm 4. ทองแดงขนาด 0.5 cm อุปกรณ์ 1. บีกเกอรข์ นาด 50 cm3 2. กระบอกตวงขนาด 25 cm3 3. กระดาษทรายขนาด 3 cm ข้นั ตอนการทดลอง 1. ใสส฽ ารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ลงในบกี เกอร์ 2 ใบ ใบละ 25 cm3 สังเกตสีของสารละลาย 2. จม฽ุ โลหะสงั กะสีขนาด 0.5 cm x 7 cm และโลหะทองแดงขนาดเดยี วกัน ลงในบกี เกอร์ใบท่ี 1 และ 2 3. ตง้ั ทงึ้ ไวส฾ กั คร฽ู สังเกตการเปลย่ี นแปลงที่เกิดขน้ึ ทงั้ สารละลายและแผ฽นโลหะ ถ฾าสารมาเกาะบนแผ฽นโลหะให฾ ใชแ฾ ท฽งแก฾วเข่ียออกและสงั เกตผิวของโลหะอกี คร้ัง 4. ทาํ การทดลองเช฽นเดยี วกับข฾อ 1 และ 2 แตใ฽ ช฾สารละลาย ZnSO4 1 mol/dm3 แทนสารละลายCuSO4 ตารางบนั ทึกผล ตารางท่ี 1 ลกั ษณะของชนิ้ โลหะและสีของสารละลาย โลหะและสารละลาย ลักษณะ Zn ผวิ เรยี บ Cu ผิวเรยี บ สฟี าู สารละลาย CuSO4 ไมม฽ ีสี สารละลาย ZnSO4

ตารางที่ 2 ปฏกิ ริ ยิ าระหวํางโลหะกบั สารละลาย บันทึกการเปลยี่ นแปลงเมือ่ จุํมโลหะลงในสารละลาย การเปล่ยี นแปลงที่สังเกตได๎ ระบบทที่ ดสอบ ชิน้ โลหะ สารละลาย Zn ในสารละลาย CuSO4 มสี ารสีน้ําตาลเกาะบน Zn เม่ือเขย่ี ออกแผน฽ สฟี ูาคอ฽ ย ๆ จางลง จนไมม฽ สี ี Cu ในสารละลาย CuSO4 Zn มลี ักษณะขรขุ ระ ไม฽เกดิ การเปลย่ี นแปลง ไมเ฽ กิดการเปลี่ยนแปลง Zn ในสารละลาย ZnSO4 ไมเ฽ กิดการเปลย่ี นแปลง ไมเ฽ กิดการเปลี่ยนแปลง Cu ในสารละลาย ZnSO4 ไมเ฽ กิดการเปลีย่ นแปลง ไม฽เกิดการเปลยี่ นแปลง คาถาม 1. สารละลาย CuSO4 มไี อออนอะไรบ฾าง Cu2+ + SO42- ตอบ CuSO4 + H2O 2. CuSO4 มสี หี รอื ไม฽ เป็นสขี องอะไร ตอบ มีสีฟูาของ Cu2+ 3. เมอ่ื จุ฽มแผน฽ Zn ลงใน CuSO4 มีการเปลีย่ นแปลงเกิดขึน้ หรอื ไม฽ ร฾ไู ด฾อยา฽ งไร ตอบ เปลีย่ นแปลง ดูจากสฟี าู ท่จี างลงของสารละลายและแผ฽น Zn 4. สีฟูาท่จี ากลงเกิดขน้ึ ไดอ฾ ยา฽ งไร Zn2++ ตอบ Cu2+ บางส฽วนของสารละลายลดลง โดยเกิดเปน็ ทองแดงเกาะบนแผน฽ Zn เนื่องจาก Cu2+ + 2e- Cu เกิดปฏิกิริยารีดักชัน ขณะเดียวกัน Zn เกิดปฏิกิริยา Oxidation Zn(s) 2e- แผน฽ สงั กะสมี ลี ักษณะขรขุ ระ 5. การทดลองของปฏิกิริยาระหว฽าง Cu ในสารละลาย CuSO4 , Zn ในสารละลาย ZnSO4 และCu ใน สารละลาย ZnSO4 เกดิ ปฏิกิริยาหรือไม฽ เพราะเหตุใด ตอบ เม่ือจมุ฽ Cu ลงใน CuSO4 สมการได฾ดังนี้ Cu + Cu2+ ไมเ฽ กิดปฏกิ ิรยิ า เปน็ การจ฽ุมโลหะของไอออนท่ีโลหะชนิดเดยี วกนั Zn กบั ZnSO4 ไมม฽ สี ที ง้ั คู฽ Zn + Zn2+ และ ง. ระหว฽าง Cu + Zn2+ ไม฽เกิดปฏิกิริยาเชน฽ เดียวกนั

เฉลยแบบฝึกหัด 1. จงพิจารณาว฽าปฏกิ ิริยาใดเปน็ ปฏิกิริยารดี อกซ์ ก. 2HCl (aq) + ONHa-2C(aOq3) (aq) 2NaCl (aq) +CHO23O2- (l) +CO2 (g) ข. HCO3- (aq) + H2O (l) + (aq) ค. Cr2O72- (aq) + 2OH- (aq) 2CrO42- (aq) + H2O (l) ช. 2CH3COOH(aq) + CaCO3(s) (CH3COO)2Ca(aq) + CO2(g) + H2O(l) ซ. 2 Cl2(g) + 2OH-(aq) ClO-(aq) + Cl-(aq) + H2O(l) ปฏกิ ิรยิ า ก ค และ จ ไมใ฽ ช฽ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ เนอ่ื งจากเลขออกซิเดชนั ของสารไม฽เปล่ยี นแปลง ปฏกิ ิรยิ า ข และ ง เป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ เนอ่ื งจากเลขออกซิเดชันของสารเปลี่ยนแปลง 2. เม่อื ทดลองจมุ฽ ลวดโครเมยี มลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ เจือจาง พบวา฽ สารละลาย เปลย่ี นจากไมม฽ ีสีเป็นสฟี ูา และมแี ก฿สเกดิ ขน้ึ 2.1 จงเขียนสมการแสดงครึ่งปฏิกริ ยิ าและปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ พรอ฾ มทั้งระบุตวั ออกซไิ ดส์และ ตวั รดี วิ ส์ แสดงว฽า โลหะ Cr เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเปล่ียนเป็น Cr2+ (aq) ส฽วน H+ (aq) เกิดปฏิกิริยารีดักชัน เปล่ียนไปเป็น H2 (g) เขยี นสมการได฾ดงั นี้ Cr2+ (aq) + 2e- ปฏกิ ิรยิ าออกซิเดชัน Cr (s) ปฏิกิริยารีดักชนั 2H+ (aq) + 2e- Cr (s) + 2H+ H2 (g) ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ ในสารละลาย (aq) Cr2+ (aq) + H2 (g) 2.2 H+ กบั Cr2+ ไอออนชนิดใดรับอเิ ล็กตรอนไดด฾ กี ว฽ากัน เพราะเหตใุ ด H+ (aq) รับอิเลก็ ตรอนได฾ดีกวา฽ Cr2+ (aq) 3. จงเขียนสมการแสดงปฏกิ ิรยิ าท่ีเกิดขึน้ และพิจารณาวา฽ เปน็ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซห์ รือไม฽ เพราะ เหตุใด 3.1 ผสมสารละลาย Pb(NO3)2 กับสารละลาย KI เกดิ ตะกอนสเี หลอื ง Pb2+ (aq) + 2I- (aq) PbI2 (s) หรือ Pb(NO3)2 (aq) + KI (aq) PbI2 (s) + KNO3 (aq) ไม฽จัดเป็นปฏิกิริยารดี อกซ์ เนื่องจากเลขออกซเิ ดชันของสารไมเ฽ ปล่ียนแปลง 3.2 จ฽มุ ลวดแมกนีเซยี มลงในสารละลาย ZnSO4 เกิดสารสเี ทาเงินท่ีชนิ้ แมกนีเซียมตรงส฽วน ทีจ่ ุม฽ ในสารละลาย เมื่อเคาะสารสีเทาเงนิ ออกพบว฽าลวดแมกนเี ซยี มกร฽อนไป Mg (s) + Zn2+ (aq) Mg (aq) + Zn (s) หรอื Mg (s) + ZnSO4 (aq) MgSO4 (aq) + Zn (s) จัดเปน็ ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ เนือ่ งจากเลขออกซเิ ดชนั ของสารเปลีย่ นแปลง 4. โลหะแมกนีเซียมทําปฏิกริ ยิ ากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริกและสารละลาย ZnSO4 ส฽วนโลหะสงั กะสที าํ ปฏกิ ิริยากบั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ แต฽ไมท฽ าํ ปฏกิ ิริยากบั สารละลาย MgSO4

4.1 จงเขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาทีเ่ กดิ ข้นึ Mg(s) + 2H+(aq) Mg2+ (aq) + H2 (g) Mg(s) + Zn2+(aq) Mg2+ (aq) + Zn (s) Zn(s) + 2H+(aq) Zn2+ (aq) + H2 (g) Zn(s) + Mg2+(aq) 4.2 จงเขยี นลาํ ดับความสามารถในการรับอเิ ลก็ ตรอนของ H+ Mg2+ และ Zn2+ ใน สารละลายจากงา฽ ยไปหายาก H+ Zn2+ Mg2+ และลาํ ดบั ความสามารถในการเปน็ ตวั รดี วิ ซข์ อง H2 Mg และ Zn จากงา฽ ยไปหายาก Mg Zn H2 5. จงระบุตัวออกซิไดซแ์ ละตัวรีดิวซ์ของปฏกิ ิริยาต฽อไปน้ี 5.1 4NH3 + 5O2 4NO + 6H2O NH3 เปน็ ตวั ออกซไิ ดซ์ และ O2 เปน็ ตัวรดี ิวซ์ 5.2 CrCl3 + Na2O2 + NaOH Na2CrO4 + NaCl + H2O CrCl3 เป็นตวั รีดิวซ์ และ Na2O2 เปน็ ตัวออกซิไดซ์

แบบฝกึ หดั 1. จงพจิ ารณาว฽าปฏกิ ิริยาใดเป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ ก. 2HCl (aq) + Na2CO3 (aq) 2NaCl (aq) + H2O (l) +CO2 (g) ข. HCO3- (aq) + OH- (aq) H2O (l) + CO32- (aq) ค. Cr2O72- (aq) + 2OH- (aq) 2CrO42- (aq) + H2O (l) ช. 2CH3COOH(aq) + CaCO3(s) (CH3COO)2Ca(aq) + CO2(g) + H2O(l) ซ. 2 Cl2(g) + 2OH-(aq) ClO-(aq) + Cl-(aq) + H2O(l) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 2. เมือ่ ทดลองจม฽ุ ลวดโครเมียมลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ เจอื จาง พบวา฽ สารละลาย เปลย่ี นจากไม฽มสี เี ปน็ สีฟาู และมีแก฿สเกดิ ขึ้น 2.1 จงเขียนสมการแสดงคร่งึ ปฏกิ ิรยิ าและปฏิกิริยารีดอกซ์ พร฾อมทง้ั ระบตุ ัวออกซิไดส์และ ตวั รีดิวส์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 2.2 H+ กบั Cr2+ ในสารละลาย ไอออนชนดิ ใดรับอิเล็กตรอนไดด฾ กี วา฽ กนั เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 3. จงเขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาท่เี กิดขึ้นและพิจารณาวา฽ เป็นปฏิกริ ยิ ารดี อกซห์ รือไม฽ เพราะ เหตุใด 3.1 ผสมสารละลาย Pb(NO3)2 กบั สารละลาย KI เกดิ ตะกอนสีเหลอื ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 3.2 จ฽มุ ลวดแมกนเี ซยี มลงในสารละลาย ZnSO4 เกิดสารสีเทาเงินท่ีชิน้ แมกนเี ซยี มตรงส฽วน ท่ีจุม฽ ในสารละลาย เม่ือเคาะสารสเี ทาเงนิ ออกพบว฽าลวดแมกนเี ซยี มกรอ฽ นไป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 4. โลหะแมกนีเซียมทําปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ และสารละลาย ZnSO4 สว฽ นโลหะสงั กะสีทาํ ปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก แตไ฽ มท฽ ําปฏิกิรยิ ากับ สารละลาย MgSO4 4.1 จงเขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 4.2 จงเขียนลาํ ดบั ความสามารถในการรับอเิ ลก็ ตรอนของ H+ Mg2+ และ Zn2+ ใน สารละลายจากงา฽ ยไปหายาก …………………… และลาํ ดบั ความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซข์ อง H2 Mg และ Zn จากง฽ายไปหายาก ………………. 5. จงระบตุ ัวออกซิไดซแ์ ละตัวรีดิวซข์ องปฏิกริ ยิ าตอ฽ ไปน้ี 5.1 4NH3 + 5O2 4NO + 6H2O 5.2 CrCl3 + Na2O2 + NaOH Na2CrO4 + NaCl + H2O ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....

แผนการจดั การเรยี นรูท๎ ่ี 3 หนํวยการเรยี นรท๎ู ี่ 9 ไฟฟ้าเคมี เร่ือง การดลุ สมการรีดอกซโ์ ดยใช๎เลขออกซเิ ดชนั รหสั วชิ า ว30225 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 รายวชิ า เคมี 5 (เพ่ิมเตมิ ) กลุํมสาระการเรยี นร๎ูวทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 3 ช่วั โมง ผลการเรียนร๎ู เปรียบเทยี บความสามารถในการเปน็ ตวั รีดิวซ์หรอื ตวั ออกซิไดซ์ และดลุ สมการรดี อกซไ์ ด฾ สาระการเรียนร๎ู การดลุ สมการของปฏกิ ิริยารดี อกซ์ นอกจากเปน็ การทําให฾จาํ นวนอะตอมของธาตุต฽าง ๆ ในสารต้ังต฾น และสารผลิตภณั ฑ์มจี ํานวนเท฽ากันแล฾ว จะต฾องทําให฾เลขออกซิเดชันที่เปลี่ยนแปลงมีค฽าเท฽ากัน หรือต฾องทําให฾ จํานวนอิเล็กตรอนท่ีให฾และรับเท฽ากัน หรือต฾องทําให฾จํานวนประจุรวมทางด฾านซ฾ายและด฾านขวาของสมการ เทา฽ กนั อกี ดว฾ ย จุดประสงคก์ ารเรียนรู๎ ดา๎ นความรู๎ (Knowledge) - สามารถอธิบายหลักการดลุ สมการรดี อกซ์โดยใช฾เลขออกซเิ ดชัน ดา๎ นทกั ษะ (Process) - ดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยใช฾เลขออกซเิ ดชันได฾ ด๎านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผม฾ู ีความสนใจใฝุรู฾ และมรี ะเบยี บวนิ ยั 2. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผูม฾ ีความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอ฽ เวลา 3. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผ฾มู ีความซ่อื สัตย์ สุจรติ ความคดิ รวบยอด การดลุ สมการของปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์ แบง฽ ออกเปน็ 2 แบบ คือ การดุลสมการรีดอกซโ์ ดยใช๎เลขออกซิเดชนั การดุลสมการรีดอกซ์โดยใช฾วิธีเลขออกซิเดชันที่เปลี่ยนแปลง (The Oxidation Number Change Method) เป็นการดุลสมการของปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ โดยทําเลขออกซิเดชันที่ลดลงเท฽ากับเลขออกซิเดชันท่ีเพิ่มข้ึน แล฾วทํา จํานวนอะตอมของธาตุต฽าง ๆ ทางซ฾ายและทางขวาให฾เท฽ากัน แต฽ถ฾าเป็นสมการไอออนิกต฾องทําค฽าประจุรวม ทางซา฾ ย และทางขวาใหเ฾ ท฽ากันดว฾ ย สมรรถนะสาคัญของผ๎เู รียน  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก฾ปัญหา  ความสามารถในการใช฾ทักษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ฾ ทคโนโลยี

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์  ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต  มีวินยั  ความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  อยู฽อย฽างพอเพียง  ม฽งุ มนั่ ในการทาํ งาน  ใฝุเรียนร฾ู  รกั ความเป็นไทย  มจี ิตสาธารณะ แนวความคิดเพ่อื การเรยี นรู๎ในศตวรรษท่ี 21  ทกั ษะดา฾ นการเรยี นรแู฾ ละนวัตกรรม  สาระวชิ าหลัก (Core Subjects)  ทักษะดา฾ นชวี ติ และอาชพี  ทกั ษะด฾านสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี กิจกรรมการเรยี นรู๎ วิธสี อน โดยใชก฾ ระบวนการสืบเสาะความรู฾ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ช่ัวโมงท่ี 1-3 1. ขั้นสรา๎ งความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากบั นักเรยี นทบทวนเร่อื ง ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ และใชค฾ าํ ถามกระต฾ุนผู฾เรียน ดงั น้ี - ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ ประกอบด฾วย 2 ปฏกิ ริ ยิ าย฽อย คือ ปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชัน และปฏกิ ิรยิ ารีดักชนั - สมการเคมคี ืออะไร สมการเคมีเปน็ สญั ลกั ษณ์ที่แสดงการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีระหว฽างสารตง้ั ต฾น เพื่อเกดิ เปน็ ผลติ ภัณฑ์ โดยเขียนแทนดว฾ ยสัญลักษณ์ และสูตรโมเลกลุ ทเี่ ป็นตวั แทนของธาตทุ ีอ่ ยใ฽ู นสารประกอบ มีลูกศรท่ีช้ี จากด฾านซ฾ายของสมการไปทางด฾านขวาเพ่ือบ฽งบอกว฽าสารต้ังต฾น(reactant)ทางด฾านซ฾ายมือ ทําปฏิกิริยาเกิด สารใหมข฽ น้ึ มาเรียกวา฽ ผลิตภณั ฑ์ (product) ทางดา฾ นขวามือ ดังน้ัน จากสมการเคมเี ราสามารถใช฾คํานวณหาได฾ ว฽าใช฾สารตง้ั ตน฾ เท฽าไรแลว฾ จะไดผ฾ ลิตภณั ฑ์ออกมาเท฽าไร และตอ฾ งดุลสมการให฾เท฽ากันอีกดว฾ ย - การดุลปฏิกิริยารีดอกซแ์ บ฽งออกเปน็ กี่วิธี - 2 วิธี คือ การดุลสมการรีดอกซ์โดยใช฾เลขออกซิเดชัน และการดุลสมการรีดอกซ์โดยใช฾ครึ่ง ปฏกิ ิริยา 1.2 ครเู กรน่ิ นาํ เรื่องการ การดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยใช฾เลขออกซิเดชัน 1.3 ครูนาํ นกั เรยี นเข฾าสบ฽ู ทเรียน 2. ข้นั สารวจและคน๎ หา (Exploration) (70 นาที) 2.1 ครสู อนนักเรยี น เรือ่ ง การดลุ สมการรีดอกซ์โดยใช฾เลขออกซิเดชัน เนือ้ หาดงั น้ี หลักการดุลสมการรดี อกซ์โดยวธิ เี ลขออกซเิ ดชนั 1. หาเลขออกซเิ ดชันเพม่ิ ขนึ้ ของตัวรดี วิ ซ์ และเลขออกซิเดชันท่ลี ดลงของตัวออกซิไดซ์ ระวัง !! หากอะตอมในสารต้งั ต฾นท่ีเปลีย่ นเลขออกซิเดชนั มหี ลายตัวให฾เอาจํานวนอะตอมคณู เลข ออกซิเดชนั เฉพาะตัวท่เี ปล่ียนนน้ั ดว฾ ย และ หากอะตอมในผลติ ภัณฑ์ท่เี ปลี่ยนเลขออกซเิ ดชันมีหลายตวั ใหเ฾ อาจํานวนอะตอมนัน้ คูณท้งั เลข ออกซิเดชันทงั้ ทีเ่ พ่มิ และลด ดว฾ ย 2. ทําเลขออกซิเดชันทเี่ พ่ิมข้ึนและลดลงให฾เท฽ากัน ด฾วยการคูณไขว฾สลับค฽าเลขออกซิเดชันท่ีเพิ่มข้ึนและ ลดลงนน้ั

3. ทําจํานวนอะตอมของธาตทุ ีเ่ ปลยี่ นเลขออกซเิ ดชัน ทั้งซ฾ายและทางขวาใหเ฾ ทา฽ กนั 4. ดลุ จาํ นวนอะตอมของธาตุอื่น ๆ ทไ่ี มเ฽ ปลี่ยนแปลงเลขออกซเิ ดชันใหเ฾ ท฽ากัน ถ฾ามี H2O ( H และ O ไม฽ เปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชัน) รวมอยดู฽ ว฾ ยให฾ดลุ เปน็ อนั ดบั สดุ ท฾าย 5. สาํ หรบั สมการไอออนิก เมื่อดุลถึงข้ันที่ 3 ให฾ดูประจุทั้งทางซ฾ายและขวาให฾เท฽ากันแล฾วจึงดุลขั้นท่ี 4 ตอ฽ 6. สมการท่ดี ลุ แลว฾ ตอ฾ งทาํ เลขสมั ประสิทธิ์ขา฾ งหน฾าของสารทุกชนิดเป็นตัวเลขอยา฽ งตา่ํ ตวั อยาํ ง 1 จงดลุ สมการปฏิกริ ิยาต฽อไปนี้ MnO2(s) + KBr(aq) + H2SO4(aq)  MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) วิธที ํา ขัน้ ท่ี 1 หาเลขออกซเิ ดชันเพิม่ ขึน้ ของตวั รดี ิวซ์ และเลขออกซิเดชันทล่ี ดลงของตวั ออกซไิ ดส์ M+4nO2(s) + KB-1r(aq) + H2SO4(aq) M+n2SO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(0l) ON ลดลง = 2 2 ลด ON เพิ ่ มขึ ้ น = 1 1 เพิ่ม ขัน้ ท่ี 2 ทาํ เลขออกซิเดชันทเี่ พมิ่ ข้ึนและลดให฾เท฽ากันดว฾ ยการใชค฾ ฽าเลขออกซิเดชนั คูณไขว฾ 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq) MnSO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) 21 ขั้นที่ 3 ดลุ อะตอมของธาตุที่เปล่ียนเลขออกซิเดชันทั้งทางขวาและซา฾ ยใหเ฾ ท฽ากนั 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq)  1MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) ขนั้ ที่ 4 ดุลอะตอมของธาตุอื่น ๆ ด฾วยการตรวจพินิจ คือ ตรวจ K ใน KBr เท฽ากับ K ใน K2SO4 จึงไม฽ ต฾องเติมตัวเลขใด ๆ หน฾า K2SO4 ส฽วนกลุ฽ม SO42- ทางด฾านขวามี 2 กลุ฽ม จึงต฾องเติมเลข 2 หน฾า H2SO4 เพ่ือให฾ทางด฾านซ฾ายและขวาเท฽ากัน ดุล H ใน H2O นับจํานวนอะตอมของ H ทางด฾านซ฾ายในกรด H2SO4 เท฽ากับ 4 จงึ เติม 2 หน฾า H2O ตรวจจาํ นวนอะตอมของ O ใน MnO2 และ O ใน H2O พบว฽าเท฽ากัน ดังน้ี MnO2(s) + 2KBr(aq)+ 2H2SO4(aq)  MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + 2H2O(l) + Br2(l) ตรวจนับจํานวนอะตอมของธาตุแต฽ละชนิดทางซา฾ ยและขวา พบวา฽ เท฽ากันแสดงว฽าสมการดลุ 2.1 ครใู ห฾นักเรียนจากใบความร฾ูเร่ือง การดลุ สมการรีดอกซ์ 3. ขน้ั อธบิ ายและลงข๎อสรุป (Explanation) (10 นาท)ี 3.1 ครูสรปุ เนอื้ ใหก฾ ับนักเรยี น เก่ียวกบั หลังการดลุ สมการรดี อกซ์โดยใชเ฾ ลขออกซเิ ดชัน 1. หาเลขออกซิเดชันเพ่ิมข้ึนของตัวรีดวิ ซ์ และเลขออกซิเดชันทล่ี ดลงของตวั ออกซไิ ดซ์ ระวงั !! หากอะตอมในสารต้งั ต฾นทเ่ี ปลย่ี นเลขออกซเิ ดชนั มหี ลายตัวให฾เอาจํานวนอะตอมคณู เลข ออกซเิ ดชันเฉพาะตัวที่เปลยี่ นนน้ั ดว฾ ย และ หากอะตอมในผลติ ภัณฑ์ทเ่ี ปลย่ี นเลขออกซเิ ดชันมีหลายตัวให฾เอาจาํ นวนอะตอมนัน้ คูณทงั้ เลข ออกซิเดชันทง้ั ท่เี พ่มิ และลด ดว฾ ย 2. ทาํ เลขออกซเิ ดชันทีเ่ พ่ิมขน้ึ และลดลงให฾เท฽ากัน ด฾วยการคูณไขว฾สลับค฽าเลขออกซิเดชันที่เพิ่มข้ึนและ ลดลงนนั้ 3. ทําจาํ นวนอะตอมของธาตทุ ี่เปลย่ี นเลขออกซิเดชัน ทัง้ ซา฾ ยและทางขวาให฾เท฽ากัน

4. ดลุ จํานวนอะตอมของธาตุอน่ื ๆ ที่ไม฽เปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชันให฾เท฽ากัน ถ฾ามี H2O ( H และ O ไม฽ เปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชนั ) รวมอยด฽ู ว฾ ยให฾ดลุ เป็นอนั ดบั สดุ ท฾าย 5. สําหรบั สมการไอออนิก เมื่อดุลถึงข้ันที่ 3 ให฾ดูประจุท้ังทางซ฾ายและขวาให฾เท฽ากันแล฾วจึงดุลข้ันที่ 4 ต฽อ 6. สมการที่ดุลแลว฾ ตอ฾ งทําเลขสัมประสทิ ธขิ์ ฾างหน฾าของสารทกุ ชนิดเป็นตวั เลขอย฽างต่ํา 4. ขั้นขยายความรู๎ (Elaboration) (80 นาท)ี 4.1 ครใู หน฾ กั เรยี นแบบฝกึ หดั เรื่อง การดลุ สมการรีดอกซ์โดยใชเ฾ ลขออกซิเดชัน 4.2 ครสู ุ฽มนักเรียนออกมาเฉลยแบบฝึกหัดพร฾อมท้ัง ใหอ฾ ธิบายวิธีการทํา จากน้ันครูอธิบายเสริมตรงท่ี นักเรยี นไม฽เข฾าใจ 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การทาํ แบบฝกึ หดั เร่อื ง การดลุ สมการรดี อกซ์โดยใชเ฾ ลขออกซิเดชัน 5.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล วัสดุ อปุ กรณ์ ส่อื และแหลงํ เรยี นรู๎ 1. Power point เรือ่ ง การดลุ สมการรดี อกซ์ 2. ใบความรเู฾ ร่อื ง การดลุ สมการรดี อกซ์ 3. หนังสอื เรยี นเคมีเล฽ม 4 4. แบบฝึกหัด การวัดและการประเมินผล การวดั ผลประเมินผลด๎าน วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การผําน 1. คําถาม 1. ด฾านความรู฾ 1. การตอบคําถาม 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขนึ้ ไป 2. ดา฾ นทักษะ 1. การทาํ แบบฝกึ หดั 1. โจทยแ์ บบฝึกหัด 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขน้ึ ไป 3. ด฾านคุณลักษณะท่ีพึง - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบคุ คล ปานกลางขนึ้ ไป

บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรียนรู๎ รายวิชาเคมี 5 รหัสวชิ า ว30225 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ปัญหาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสทุ พิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........

ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมที่พงึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ฽ สดงพฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ตามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต฽ ๓ รายการข้ึนไป ถือว฽า ผา฽ นเกณฑ์การประเมนิ

แบบฝึกหัดเรอื่ ง การดุลสมการรดี อกซ์ 1. จงดุลสมการรีดอกซ์ดว฾ ยวิธีใชเ฾ ลขออกซเิ ดชันท่ีเปลย่ี นแปลง 1.1 Al + NaOH + NaHSO4  Al2O3 + H2O + Na2S 1.2 K2Cr2O7 + HCl  CrCl3 + Cl2 + H2O + KCl 1.3 (NH4)2Cr2O7  Cr2O3 + N2 + H2O 1.4 Pb(NO3)2  PbO + NO2 + O2 เฉลย 1.1 8 Al + 3NaOH + 3NaHSO4  4 Al2O3 + 3H2O + 3Na2S 1.2 K2Cr2O7 + 14HCl  2CrCl3 + 3Cl2 + 7H2O + 2 KCl 1.3 (NH4)2Cr2O7  Cr2O3 + N2 + 4H2O 1.4 2Pb(NO3)2  2 PbO + 4 NO2 + O2

ใบความรู๎ การดลุ สมการรดี อกซ์ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ เป็นปฏิกิริยาท่ีมีการเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชัน โดยมีท้ังเลขออกซิเดชันลดลงและ เพิ่มข้ึน หรอื เปน็ ปฏิกริ ิยาท่ีมีการให฾และรับอเิ ลก็ ตรอน (มกี ารถ฽ายโอนอิเล็กตรอน) ดังนั้น การดุลสมการของ ปฏิกิริยารีดอกซ์ จึงใช฾ 2 วิธี คือ การใช฾เลขออกซิเดชันท่ีเปล่ียนแปลงไป และใช฾การให฾และรับอิเล็กตรอน (หรอื การใช฾ครึง่ ปฏิกิริยา) การดุลสมการทว่ั ไป เปน็ การทาํ จํานวนอะตอมของธาตุต฽าง ๆ ของสารตั้งต฾น เท฽ากับจํานวนอะตอมของ ธาตุต฽าง ๆ ของสารผลิตภัณฑ์ หรือทําจํานวนอะตอมของธาตุต฽าง ๆ ทางซ฾าย และขวาของสมการให฾เท฽ากัน สาํ หรบั ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ นอกจากจะต฾องทําจํานวนอะตอมของธาตตุ ฽าง ๆ ทางซา฾ ยและขวาให฾เท฽ากัน ยังต฾องทํา เลขออกซิเดชันที่เปล่ียนแปลงไปให฾เท฽ากัน หรือต฾องทําจํานวนอิเล็กตรอนท่ีให฾และรับให฾เท฽ากัน และถ฾าเป็น การดุลสมการไอออนิก ตอ฾ งทาํ จํานวนประจุทางซ฾ายและขวาใหเ฾ ท฽ากนั อีกด฾วย การดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยใช๎เลขออกซเิ ดชัน การดุลสมการรีดอกซ์โดยใช฾วิธีเลขออกซิเดชันท่ีเปลี่ยนแปลง (The Oxidation Number Change Method) เป็นการดุลสมการของปฏิกิริยารีดอกซ์ โดยทําเลขออกซิเดชันท่ีลดลงเท฽ากับเลขออกซิเดชันท่ี เพม่ิ ขน้ึ แล฾วทําจํานวนอะตอมของธาตุต฽าง ๆ ทางซ฾ายและทางขวาให฾เท฽ากัน แต฽ถ฾าเป็นสมการไอออนิกต฾อง ทําค฽าประจรุ วมทางซ฾าย และทางขวาให฾เท฽ากันดว฾ ย หลักการดุลสมการรดี อกซ์โดยวธิ ีเลขออกซเิ ดชัน 1. หาเลขออกซิเดชันเพม่ิ ขึ้นของตวั รีดิวซ์ และเลขออกซิเดชันท่ีลดลงของตัวออกซิไดซ์ ระวัง !! หากอะตอมในสารต้ังต฾นท่ีเปลี่ยนเลขออกซิเดชันมีหลายตัวให฾เอาจํานวนอะตอมคูณเลข ออกซเิ ดชันเฉพาะตวั ท่เี ปลีย่ นน้ันดว฾ ย และ หากอะตอมในผลิตภัณฑ์ที่เปล่ียนเลขออกซิเดชันมีหลายตัวให฾เอาจํานวนอะตอมน้ันคูณท้ังเลข ออกซเิ ดชนั ท้งั ท่ีเพ่ิมและลด ดว฾ ย 2. ทาํ เลขออกซิเดชันทีเ่ พ่ิมขนึ้ และลดลงให฾เทา฽ กัน ด฾วยการคูณไขว฾สลับค฽าเลขออกซิเดชันท่ีเพิ่มข้ึนและ ลดลงนั้น 3. ทาํ จํานวนอะตอมของธาตทุ ีเ่ ปลยี่ นเลขออกซเิ ดชัน ทั้งซา฾ ยและทางขวาใหเ฾ ทา฽ กัน 4. ดลุ จาํ นวนอะตอมของธาตอุ ืน่ ๆ ท่ีไมเ฽ ปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชันให฾เท฽ากนั ถ฾ามี H2O ( H และ O ไม฽ เปลีย่ นแปลงเลขออกซเิ ดชัน) รวมอยู฽ดว฾ ยใหด฾ ุลเปน็ อันดบั สุดท฾าย 5. สําหรับสมการไอออนิก เมื่อดุลถึงขั้นที่ 3 ให฾ดูประจุทั้งทางซ฾ายและขวาให฾เท฽ากันแล฾วจึงดุลขั้นท่ี 4 ต฽อ 6. สมการท่ีดลุ แลว฾ ตอ฾ งทําเลขสมั ประสทิ ธ์ขิ ฾างหนา฾ ของสารทกุ ชนดิ เปน็ ตวั เลขอยา฽ งต่ํา ตัวอยาํ ง 1 จงดุลสมการปฏิกริ ิยาต฽อไปนี้ MnO2(s) + KBr(aq) + H2SO4(aq)  MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) วิธที าํ

ขน้ั ท่ี 1 หาเลขออกซเิ ดชันเพ่มิ ขึน้ ของตัวรดี วิ ซ์ และเลขออกซิเดชนั ทล่ี ดลงของตัวออกซิไดส์ M+4nO2(s) + KB-1r(aq) + H2SO4(aq) M+n2SO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(0l) ON ลดลง = 2 2 ลด 1 เพ่ิม ON เพิ ่ มขึ ้ น = 1 ขน้ั ที่ 2 ทําเลขออกซิเดชันท่ีเพม่ิ ขน้ึ และลดใหเ฾ ทา฽ กันดว฾ ยการใช฾คา฽ เลขออกซิเดชนั คณู ไขว฾ 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq) MnSO4(aq)+ K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) 21 ขนั้ ที่ 3 ดลุ อะตอมของธาตุทีเ่ ปลี่ยนเลขออกซิเดชันทง้ั ทางขวาและซา฾ ยให฾เท฽ากนั 1MnO2(s) + 2KBr(aq) + H2SO4(aq)  1MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + H2O(l) + Br2(l) ข้ันที่ 4 ดุลอะตอมของธาตุอื่น ๆ ด฾วยการตรวจพินิจ คือ ตรวจ K ใน KBr เท฽ากับ K ใน K2SO4 จึงไม฽ ต฾องเติมตัวเลขใด ๆ หน฾า K2SO4 ส฽วนกลุ฽ม SO42- ทางด฾านขวามี 2 กล฽ุม จึงต฾องเติมเลข 2 หน฾า H2SO4 เพื่อให฾ทางด฾านซ฾ายและขวาเท฽ากัน ดุล H ใน H2O นับจํานวนอะตอมของ H ทางด฾านซ฾ายในกรด H2SO4 เทา฽ กบั 4 จงึ เติม 2 หนา฾ H2O ตรวจจํานวนอะตอมของ O ใน MnO2 และ O ใน H2O พบว฽าเทา฽ กัน ดังนี้ MnO2(s) + 2KBr(aq)+ 2H2SO4(aq)  MnSO4(aq) + K2SO4(aq) + 2H2O(l) + Br2(l) ตรวจนับจํานวนอะตอมของธาตุแตล฽ ะชนดิ ทางซา฾ ยและขวา พบวา฽ เทา฽ กันแสดงวา฽ สมการดุล ตัวอยาํ ง 2 Cr2O3 + Na2CO3 + KNO3  Na2CrO4 + CO2 + KNO2 วิธที าํ ขัน้ ที่ 1 หาเลขออกซิเดชันเพม่ิ ขึ้นของตวั รดี วิ ซ์ และเลขออกซเิ ดชนั ท่ลี ดลงของตัวออกซไิ ดส์ C+r32O3 + Na2CO3 + +5 Na2+C6rO4 + CO2 + KN+3O2 KNO3 ON เพิ ่ มขึ ้ น = 2 x 3 = 6 ON ลดลง = 2 1 เพ่ิม 2 ลด 6 ขนั้ ท่ี 2 ทําเลขออกซิเดชันท่ีเพม่ิ และลดใหเ฾ ท฽ากันด฾วยการใช฾คา฽ เลขออกซิเดชนั คูณไขวก฾ นั 2Cr2O3 + Na2CO3 + 6KNO3 Na2CrO4 + CO2 + KNO2 62

ขน้ั ท่ี 3 ดุลอะตอมของธาตทุ เ่ี ปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชันท้ังทางซา฾ ยและขวาใหเ฾ ทา฽ กนั 2Cr2O3 + Na2CO3 + 6KNO3  4Na2CrO4 + CO2 + 6KNO2 ข้นั ท่ี 4 ดลุ อะตอมของธาตุอืน่ ๆ ด฾วยการตรวจพินิจ คือ 2Cr2O3 + 4Na2CO3 + 6KNO3  4Na2CrO4 + 4CO2 + 6KNO2 ตรวจนบั จํานวนอะตอมของธาตุแตล฽ ะชนดิ ทางซา฾ ยและขวาพบว฽าเทา฽ กัน แสดงว฽าสมการดุลแลว฾ ตัวอยาํ ง 3 จงดลุ สมการของปฏิกิรยิ าน้ี Cu + HNO3  Cu(NO3)2 + H2O + NO2 วิธีทํา ข้นั ท่ี 1 เขียนสมการทย่ี ังไมด฽ ุล และเขียนเลขออกซเิ ดชันของธาตทุ ่ีเปลย่ี นแปลง ดังนี้ C0u + HN+5O3 +C2u(NOO3N)2ลด+ลงH=21O +4 + NO2 ON เพิ ่ มขึ ้ น = 2 ขั้นท่ี 2 ทาํ เลขออกซเิ ดชนั ทเ่ี พิม่ และลดให฾เท฽ากัน ดว฾ ยการใช฾ค฽าเลขออกซเิ ดชนั คณู ไขวก฾ นั 1Cu + 2HNO3 Cu(NO3)2 + H2O + NO2 21 ขน้ั ท่ี 3 ดลุ อะตอมของธาตทุ เ่ี ปลย่ี นเลขออกซเิ ดชนั ท้งั ทางซ฾ายและขวาให฾เทา฽ กัน - Cu = 1 เทา฽ กบั Cu ใน Cu(NO3)2 จงึ ไมต฽ อ฾ งเตมิ เลขใด ๆ หนา฾ Cu(NO3)2 - เน่อื งจาก N ใน HNO3 = 2 จึงต฾องเตมิ เลข 2 หนา฾ NO2 เพ่อื ทําให฾ N ทั้ง 2 ข฾างเทา฽ กัน Cu + 2HNO3  Cu(NO3)2 + H2O + 2NO2 ข้ันท่ี 4 ดลุ อะตอมของธาตุอ่ืน ๆ ด฾วยการตรวจพนิ ิจ ดังน้ี เนือ่ งจาก N ใน HNO3 ทําให฾เกิด N ใน NO2 ขึ้นเท฽ากันแล฾ว แต฽ผลิตภัณฑ์ยังเกิด NO3- ใน HNO3 อีกพวกหนง่ึ จํานวน 2 หมเู฽ ทา฽ กนั ด฾วยคอื 2HNO3 + Cu + 2HNO3  Cu(NO3)2 + H2O + 2NO2 ดุล H ใน H2O นับจํานวนอะตอมของ H ทางด฾านซ฾าย = 4 จึงเติมเลข 2 หน฾า H2O จึงจะพบว฽า H ทง้ั สองข฾างเท฽ากนั แล฾วเตมิ กรด HNO3 ทางดา฾ นซา฾ ย = 4 Cu + 4HNO3  Cu(NO3)2 + 2H2O + 2NO2 ตรวจนับ จาํ นวนอะตอมของธาตุแต฽ละชนิดทางซา฾ ยและขวาพบว฽าเทา฽ กนั แสดงว฽าสมการดลุ แล฾ว การดุลสมการรดี อกซโ์ ดยใชค๎ ร่ึงปฏกิ ิรยิ า การดุลสมการรีดอกซ์โดยใช฾วิธีการคร่ึงปฏิกิริยา (Half reaction Method) หรือ วิธีการไอออน- อเิ ล็กตรอน (Ion-electron Method) เป็นวิธีท่ีดุลสมการด฾วยการทําจํานวนอิเล็กตรอนท่ีให฾และรับให฾เท฽ากัน สมการทีจ่ ะดุลด฾วยวธิ ีนตี้ ฾องเปน็ สมการไอออนิก

หลักการดุลสมการโดยใช๎วิธกี ารคร่งึ ปฎกิ ิรยิ า 1. ใช฾การเปลี่ยนเลขออกซเิ ดชนั ของธาตุ แบง฽ สว฽ นทถ่ี กู ออกซิไดส์ และถูกรีดวิ ซ์ เขียนโครงครึ่งปฏิกิริยา ไอออนกิ สุทธิ 2 โครง โดยโครงหนึ่งเป็นสว฽ นที่ถกู ออกซไิ ดส์ และอกี ส฽วนหน่งึ ถูกรีดวิ ซ์ 2. ดลุ แต฽ละครง่ึ ปฏกิ ิริยาทีแ่ ยกได฾ 2.1. ดุลอะตอมของธาตุท่ีถูกออกซิไดส์ และท่ีถูกรีดิวซ์ ทั้งสารต้ังต฾นและผลิตภัณฑ์ ยกเว฾น O และ H ยังไม฽ดุล 2.2 ในดลุปธฏาิกตริ ุอยิ อากทซี่เปิเจ็นนกดร฾วดยเตกิมารHเต+ิมลงนใ้ํานข(Hา฾ ง2Oท่ีม) ีไโฮดโยดเรตเิมจนHน2฾อOยลกงวขา฽ ฾าขงอทงม่ีสมอี กอากรซเเิพจ่ือนดนุล฾ออยะกตวอา฽ มของ H 2.3 2.4. เติมจาํ นวนอิเลก็ ตรอนลงในข฾างท่ีมีประจุมาก จํานวนอิเล็กตรอนที่เติมลงไปเท฽ากับผลต฽าง ระหว฽างประจรุ วมทัง้ 2 ขา฾ ง 3. ทาํ จาํ นวนอิเล็กตรอนในสมการของปฏิกิรยิ าออกซิเดชนั และรดี กั ชันใหเ฾ ทา฽ กนั แลว฾ นําสมการทั้งหมด มาบวก อเิ ลก็ ตรอนหักล฾างหมดไป จะได฾สมการของปฏิกิรยิ ารีดอกซท์ ่ีดลุ แล฾วตามต฾องการ ตรวจนับ จาํ นวนอะตอมของธาตุแต฽ละธาตุเทา฽ กัน และประจุรวมข฾างซ฾ายเท฽ากับประจุรวมข฾างขวาแสดง สมการดุลแลว฾ ระวัง!! สําหรบั ปฏิกริ ิยาทีเ่ ปน็ เบสเม่ือดลุ ถึงข้ึนน้ีถ฾าในสมการมี H+ เกิดขึ้นไม฽ว฽าอย฽ูทางข฾างซ฾ายหรือขวา ใหท฾ ําลาย H+ ทงั้ หมดด฾วยการบวก OH- เขา฾ ไปในสมการทงั้ ข฾างซ฾ายและขวาด฾วยจํานวนเท฽ากับจํานวน H+ นั้น เพ่ือสะเทนิ กรด (H+) ทัง้ หมดด฾วย OH- ตัวอยําง 1 จงดุลสมการของปฏิกริ ยิ าน้ี I2(s) + S2O32-(aq)  I-(aq) + S4O62-(aq) วิธีทาํ ขั้นที่ 1 ใชก฾ ารเปลีย่ นเลขออกซเิ ดชนั ของธาตุแบง฽ ส฽วนทถ่ี ูกออกซไิ ดส์และถกู รีดวิ ซ์ Re. I2(s)  I-(aq) Ox. S2O32-(aq)  S4O62-(aq) ขนั้ ที่ 2 ดุลแต฽ละครงึ่ ปฏกิ ริ ิยาทแ่ี ยกได฾ ดลุ อะตอมของธาตุทเ่ี ปลยี่ นเลขออกซเิ ดชนั I ใน I2 = 2 จงึ เติมเลข 2 หน฾า I- จงึ จะทําให฾ I ทั้ง 2 ข฾างเทา฽ กนั Re. I2(s)  2I-(aq) S ใน S4O62-(aq)(ทางขวา) = 4 จงึ เตมิ เลข 2 หน฾า S2O32-(aq) จงึ จะทาํ ให฾ S ท้ัง 2 ข฾างเทา฽ กัน Ox. 2S2O32-(aq)  S4O62-(aq สมการทั้ง 2 ไมต฽ อ฾ งดลุ O และ H เพราะเทา฽ กัน จงึ ไม฽ต฾องเติม H2O และ H+ ดุลประจุ ด฾วยการเติมอิเล็กตรอนลงในข฾างที่มีประจุมาก จํานวนอิเล็กตรอนที่เติมเท฽ากับผลต฽าง ระหว฽างประจุท้ังสองขา฾ งดังน้ี 2e- + I2(s)  2I-(aq) 2S2O32-(aq)  S4O62-(aq) + 2e- …………. (1) …………. (2)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook