Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_12

tripitaka_12

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_12

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 151ของสีหนาทสิบกอนและสหี นาทสิบกอ น. ก็ในพระสูตรอ่นื จากพระสูตรนี้สหี นาทมปี ระมาณเพียงน้ี หาไดยาก เพราะเหตนุ ้นั สตู รนี้จงึ เรยี กวา มหาสหี นาทสตู ร. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงปฏเิ สธวาทะและอนุวาทะอยา งนวี้ า พระ-สมณโคดมยอมบนั ลอื สีหนาทแล แตบ ันลอื ในเรอื นวา งเปลา บดั นีเ้ มื่อจะทรงแสดงสหี นาท ซงึ่ เคยบนั ลอื แลวในบริษัทอีกจึงตรัสเปนอาทวิ าเอกมิทาห ดวยประการฉะน.ี้ ในบทเหลานน้ั บทวา ตตฺร ม อฺตโร เตสพรฺ หมฺ จารี ความวา เพ่อื นพรหมจารีของทานคนหนึง่ ชอื่ นิโครธปรพิ าชก(ไดถามปญ หา) กะเราผูอยูที่เขาคชิ กูฏ ใกลก รงุ ราชคฤหนั้น. บทวาอธิชิคจุ เฺ ฉ ความวา ถามปญหาในเรอื่ งการเกลียดชงั บาปดว ยวิรยิ ะ. พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั น่งั ในมหาวหิ ารขางเขาคิชฌกูฏ ทรงสดบั ถอยคาํ สนทนาของนโิ ครธปรพิ าชก และสนั ธานอบุ าสก ผูน่งั ในอุทยานของพระนางอุทมุ พริกาเทวี ดว ยทพิ ยโสตธาตุ เสด็จเหาะมาประทบั นัง่ บนอาสนะทป่ี แู ลวในสํานักของทานท้ังสองน้ันแลว ทรงแกปญ หาท่ีนิโครธปรพิ าชกทลูถามในเรอ่ื งเกลยี ดชังอยา งยิ่งนใี้ ด ทา นกลา วหมายถึงปญหานัน้ . บทวา ปรวิย มตฺตาย ความวา โดยประมาณอยา งยิง่ คือ โดยประมาณใหญม าก. บทวา โก หิ ภนฺเต ความวา คนอ่ืนที่เปนชาตบิ ัณฑติ เวน อันธพาลผมู ที ิฏฐใิ ครเ ลา ที่ฟงพระธรรมของพระผมู ีพระภาคเจา แลวกลา ววา ไมพ งึดใี จ. เขาคิดวา เราประกอบตนในสวนทไี่ มนําออกจากทกุ ขไดรบั ความลําบากเปน เวลานานหนอ เราอาบน้าํ ในฝง แมนา้ํ แหงขอด เราเหมือนกลงิ้กลับไปกลับมาเหมอื นโปรยแกลบ ก็ไมย งั ประโยชนอะไรใหส ําเรจ็ ได เอาเถอะเราจกั ประกอบตนไวในความเพยี ร จึงทลู วา ขาพระองคพึงได ดงั น้ี. อนง่ึ เดียรถียปรวิ ารใดที่พระองคทรงบัญญตั ไิ วในขันธกะ ซง่ึ ผูเคย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 152เปน อัญญเดยี รถยี ดาํ รงอยใู นสามเณรภูมิ จะตองสมาทานอยูป รวิ าสโดยนัยเปน ตน วา ขาแตทานผูเจรญิ ขา พเจาเคยเปน อญั ญเดียรถียชื่อนี้ หวงัอปุ สมบทในพระธรรมวนิ ยั นี้ ขา พเจา นัน้ ขอสงฆอยูปรวิ าสตลอดสเี่ ดือน ดังนี้พระผมู ีพระภาคเจา ทรงหมายถึงเดียรถยี ป รวิ าสนั้น จึงตรัสวา ดูกอ นกัสสปะผใู ดแลเคยเปนอญั ญเดยี รถยี  ดังน้ีเปน ตน . ในบทเหลานั้น บทวา ปพฺพชฺช ทา นกลาวดวยอาํ นาจความสละสลวยแหงวจนะเทา นน้ั . เพราะไมอยูปรวิ าสเลย ยอมไดบ รรพชา. แตผูตอ งการอุปสมบทพึงอยูปริวาสบําเพญ็ วตั รแปดประการเปนตน วา การเขา บานตามกาลพิเศษ. บทวา อารทธฺ จติ ฺตา ความวา มีจติ ยนิ ดีดวยการบาํ เพ็ญวตั รแปด. ความสังเขปในบทนนั้ ดงั น.ี้ สว นเดียรถียปริวาสนัน้ พึงกลา วโดยพสิ ดาร ดวยนยั ทก่ี ลาวไวใ นปพ พชั ชาขนั ธกวณั ณนา ในวนิ ัยอรรถกถา ช่อืสมนั ตปาสาทิกา นัน้ เทียว. บทวา อป เมตถฺ ความวา แตว า เรารู (ความตา งแหงบคุ คล) ในขอน.้ี บทวา ปุคฺคลเวมตตฺ ตา วทิ ติ า ความวา เรารูความแตกตางแหงบคุ คล. พระผูมีพระภาคเจา ทรงรวู าบุคคลนี้ ควรอยูป ริวาส นีไ้ มควรอยูปรวิ าส จงึ ทรงแสดงวา ขอนีป้ รากฏแกเ รา. ลําดับน้ัน กัสสปะคิดวา โอหนอพระพทุ ธศาสนาเปนของอัศจรรยที่บุคคลทั้งหลาย ประกาศแลว กระพอื แลวอยางน้ี ยอ มถอื เอาสิ่งทีค่ วรเทานั้น ละทง้ิ สิ่งที่ไมควร มีความอตุ สาหะเกิดข้ึนพรอ มในบรรพชาดียง่ิ กวานัน้ จึงทูลวา สเจ ภนเฺ ต ดงั นี้เปน ตน. ลําดับนัน้ แล พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรคู วามท่ีกสั สปะนน้ั เปนผูมฉี นั ทะแรงกลาวา กัสสปะไมค วรอยูปรวิ าส จงึ ตรัสเรยี กภิกษุรูปอืน่ มาวา ดกู อ นภกิ ษุเธอจงไป พากัสสปะนั้นอาบนํ้าแลว ใหบรรพชานาํ มา. ภกิ ษนุ ้นั ไดก ระทาํ ตามพระดาํ รสั อยา งนนั้ แลวใหกสั สปะบวชแลว พากนั ไปสูส ํานกั ของพระผูมพี ระ-

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 153ภาคเจา . พระผูม พี ระภาคเจา ทรงใหกัสสปะน้ันนั่งในทา มกลางคณะแลวทรงใหอุปสมบท. ดว ยเหตุนนั้ ทานจงึ กลาววา อเจลกสั สปะไดบ รรพชา ไดอ ปุ สมบทในสาํ นกั ของพระผมู พี ระภาคเจา. บทวา อจริ ปู สมปฺ นโฺ น ความวา เปน ผูอุปสมบทแลว ไมน าน. บทวา วปู กฏโ ความวาเปนผูมีกายและจิตสงบจากวตั ถกุ าม และกเิ ลสกามท้ังหลาย. บทวา อปฺปมตโฺ ต ความวาไมละสติในกรรมฐาน. บทวา อาตาปความวา มคี วามเพยี รดว ยวิรยิ ะ กลา วคอื ความเพียรทางกายและทางใจ.บทวา ปหติ ตโฺ ต ความวา มีจิตสงแลว คอื มอี ัตตภาพสละแลวเพราะความเปนผไู มม คี วามเยอ่ื ใยในกายและชีวิต. บทวา ยสสฺ ตฺถาย ความวา เพ่ือผลอันใด. บทวา กุลปุตตฺ า ไดแ ก กลุ บุตรผมู มี รรยาท. บทวาสมมฺ เทว ความวาดวยเหตุเทียว ดวยการณเทยี ว. บทวา ตทนุตตฺ ร ความวา ประโยชนอ ันยอดเย่ียมนั้น. บทวา พพฺ หมฺ จริยปรโิ ยสาน ความวาพระอรหตั ตผลอนั เปน ทส่ี ดุ รอบแหง มรรคพรหมจรรย. ก็กุลบุตรทั้งหลายยอมบวชเพ่อื ผลอันนน้ั . บทวา ทฏิ เว ธมเฺ ม ความวา ในอัตตภาพนี้เทียว.บทวา สย อภิฺา สจฺฉิกตวฺ า ความวา กระทาํ ใหป ระจักษดว ยปญ ญาดว ยตนเอง คอื รโู ดยไมมีคนอ่นื เปน ปจ จัย. บทวา อปุ สมปฺ ชชฺ วหิ รติ ความวา บรรลแุ ลว ใหถ งึ พรอ มแลว อยู. พระผูม ีพระภาคเจาเพอ่ื ทรงแสดงภูมิแหง ปจ จเวกขณะของกสั สปะนัน้ อยางน้ีวา ภิกษุเมอ่ื เปนอยูอยา งนี้ ยอ มรูแจง วา ชาตสิ น้ิ แลว ฯลฯ ยังเทศนาใหจ บลงดว ยยอดธรรม คอื พระอรหัตจึงตรัสวา กท็ า นกัสสปะเปน พระอรหนั ตร ูปหนึ่งในจาํ นวนพระอรหนั ตทัง้ หลายดงั น้ี. ในบทเหลานนั้ บทวา อฺตโร ความวา รูปหนงึ่ . บทวา อรหตความวา แหงพระอรหันตท งั้ หลาย. ในบทนั้นมีอธบิ ายอยางน้วี า เปน พระอรหนั ตร ูปหนง่ึ ในจาํ นวนพระอรหันตสาวกของพระผูมีพระภาคเจา . กบ็ ท

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 154ใด ๆ ไมไดก ลาวไวต ามลาํ ดบั บทนัน้ ๆ ปรากฏแลว เทียวเพราะไดก ลา วแลว ในทนี่ น้ั ๆ ดังนแ้ี ล. มหาสหี นาทสตู รวญั ณนา ในทฆี นิกายอรรถกถา ช่ือสมุ ังคลวิลาสินี จบดว ยประการฉะน้.ี จบมหาสหี นาทสตู รที่ ๘

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 155 โปฏฐปาทสตู ร เร่ือง ของปริพาชกโปฏฐปาทะ [๒๗๕] ขาพเจาไดส ดับมาแลว อยางน้.ี สมัยหนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยพู ระเชตวัน อารามทา นอนาถปณฑกิ ะ กรุงสาวัตถี. สมยั น้นั โปฏฐปาทปรพิ าชก อาศยั อยใู นสถานที่สําหรับโตตอบลัทธิ แถวปา ไมม ะพลบั มีศาลาทพี่ กั หลังเดยี ว เปนอารามของพระนางมลั ลกิ า พรอมดวยปริพาชกบริษัทหมูใหญป ระมาณ ๓,๐๐๐ ครง้ั นน้ัพระผมู ีพระภาคเจา ทรงครองอันตรวาสกในเวลาเชา ทรงถอื บาตรและจีวรเสด็จเขาไปบณิ ฑบาตในกรุงสาวตั ถี ไดทรงดาํ รวิ า จะเทีย่ วไปบณิ ฑบาตในกรงุสาวตั ถี ยงั เชา นกั ถากระไรเราเขาไปหาโปฏฐปาทปริพาชก ณ สถานท่ีโตต อบลทั ธิ แถวปา ไมม ะพลบั มีศาลาที่พกั หลงั เดียว เปน อารามของพระนางมลั ลิกา แลว จงึ เสด็จเขาไป ณ ท่นี น้ั . [๒๗๖] สมัยน้ัน โปฏฐปาทปรพิ าชก นัง่ อยูกับปริพาชกบริษทัหมใู หญ กลาวดริ ัจฉานกถาตา ง ๆ ดวยเสยี งอนั ดังล่ัน คอื พดู ถึงพระเจาแผน ดนิ พดู ถึงโจร พดู ถึงมหาอาํ มาตย พูดถงึ กองทพั พดู ถึงภัย พูดถงึ การรบ พดู ถึงขาว พดู ถึงนํ้า พูดถึงผา พดู ถงึ ทีน่ อน พูดถงึ ดอกไม พูดถงึ ของหอม พูดถึงญาติ พดู ถงึ ยานพาหนะ พดู ถงึ บา น พูดถึงนคิ ม พูดถงึ เมอื ง พูดถึงชนบท พูดถงึ สตรี พูดถึงบุรษุ พดู ถงึ คนกลา หาญ พดู ถึงตรอก พดู ถึงทานา้ํ พดู ถึงคนที่ตายแลว พูดถึงความเปนตาง ๆ พดู ถึงโลก พดู ถึงทะเล พดู ถงึ ความเจรญิ และความเสอื่ มเพราะเหตุนี.้ โปฏฐปาท-ปริพาชก ไดเห็น พระผมู ีพระภาคเจา เสด็จมาแตไกลจงึ ไดห า มบรษิ ทัของตนวา เสยี งเบา ๆ หนอย พวกทานอยาไดท ําเสยี งดังนัก. พระสมณโคดม

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 156กาํ ลังเสด็จมา ทานโปรยเสียงเบา กลา วชมเสยี งเบา ถา ไฉนทานทราบวาบรษิ ัทมีเสยี งเบา บางทีกจ็ ะเสดจ็ เขามา. เมอ่ื โปฏฐปาทปริพาชกกลา วอยา งนี้แลว พวกปริพาชกเหลา นน้ั ไดพากันน่งิ . [๒๗๗] ครั้งนน้ั พระผมู ีพระภาคเจา ไดเสดจ็ เขาไปหาโปฏฐปาทปริพาชก แลว เขาไดท ูลเชอ้ื เชญิ พระองคว า เสดจ็ มาเถดิ พระผูมีพระภาคเจาผเู จรญิ พระผูม ีพระภาคเจาเสด็จมาดีแลว นานจรงิ หนอ พระผมู ีพระภาคเจาจึงไดเ สดจ็ มาถึงทนี่ ี้ เชิญประทบั นงั่ เถิด พระเจาขา นอี่ าสนะไดแตงไวแ ลว. พระผมู พี ระภาคเจาประทบั นั่งบนอาสนะทเ่ี ขาแตง ไวแลว. ฝายโปฏฐปาทปริพาชกถือเอาอาสนะตาํ่ นงั่ ลงทางขา งหนง่ึ . พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรสั ถามเขาวา โปฏฐปาทะ ในขณะท่เี ราจะมาถงึ นี้ พวกทา นประชมุ สนทนากนั ดว ยเร่ืองอะไรหนอ กแ็ ลกถาอะไรทพี่ วกทา นสนทนากนั คางไวก อ นแตเรามาถึง. [๒๗๘] เม่ือพระองคร บั สัง่ แลวอยางนี้ โปฏฐปาทปริพาชกไดทูลวากถาทพี่ วกขา พระองคน ่งั สนทนากันในขณะท่ีพระองคจะเสดจ็ มาถงึ น้งี ดเสียเถิดกถานจี้ ะทรงสดับภายหลงั ก็ไดไมย าก พระเจาขา. วนั กอน ๆ สมณพราหมณเดยี รถียตา ง ๆ น่ังประชมุ กันในโกตุหลศาลา ไดพากันเจรจาในอภสิ ัญญา-นิโรธวา ทา นผเู จริญ อภสิ ัญญานโิ รธเปน ไฉน ดังนี้. ในชุมนมุ นั้น บางพวกกลาวอยางนวี้ า สัญญาของคนไมมเี หตุไมมปี จจยั เกิดเอง ดบั เอง เกดิในสมยั ใด สตั วกม็ สี ัญญาในสมัยนั้น ดงั ในสมัยใด สตั วกไ็ มม ีสญั ญาในสมัยนน้ั พวกหนง่ึ บัญญัตอิ ภิสัญญานิโรธ ดวยประการอยา งนี้. เจา ลทั ธิอน่ืกลาวกะเขาวา ทา นผูเ จริญ ขอน้ีจักเปน เชน นัน้ กห็ ามไิ ด เพราะวา สญั ญาเปนอัตตาของคน ก็แลอัตตานน้ั มาสบู างไปปราศบาง มาสใู นสมยั ใด สัตวก็มีสญั ญาในสมัยนั้น ไปปราศในสมัยใด สตั วก ็ไมมสี ัญญาในสมัยนั้น พวก

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 157หน่งึ บญั ญัติอภิสญั ญานิโรธ ดว ยประการอยางน้.ี เจา ลทั ธิอนื่ กลาวกะเขาวา ทานผูเจริญ กข็ อ นี้จกั เปนเชนนนั้ หามไิ ดเพราะวา สมณพราหมณที่มีฤทธมิ์ าก มีอานุภาพมาก มอี ยู ทา นเหลา นน้ั สวมใสบา ง พรากออกบาง ซงึ่ สญั ญาของคนนี้ สวมใสในสมยั ใด สตั วก ม็ ีสัญญาในสมยั น้ัน พรากออกในสมัยใด สัตวก ไ็ มม สี ัญญาในสมยั น้ัน พวกหนงึ่บญั ญัตอิ ภิสัญญานิโรธ ดว ยประการอยางน.้ี เจาลัทธิอืน่ กลา วกะเขาวา ทานผเู จรญิ ก็ขอ นี้จกั เปน เชน นัน้ หามิได เพราะวา ทวยเทพท่ีมีฤทธ์ิมาก มีอานภุ าพมาก มอี ยู ทวยเทพเหลานัน้ สวมใสบ าง พรากออกบาง ซงึ่ สัญญาของคนน้ี สวมใสในสมัยใด สัตวกม็ สี ญั ญาในสมยั นน้ั พรากออกในสมัยใดสตั วไ มม สี ัญญาในสมยั นน้ั พวกหนึ่งบญั ญัตอิ ภิสญั ญานโิ รธ ดว ยประการอยางน.ี้ สติของขา พระองคเ กิดปรารภพระผมู ีพระภาคเจา วา นา เล่ือมใสจรงิหนอ พระสุคต ทที่ รงฉลาดในธรรมเหลา นีเ้ ปน อยางดี พระผมู ีพระภาคเจาทรงเปนผฉู ลาด ทรงรูช่ําชองซึ่งอภสิ ญั ญานิโรธ กอ็ ภสิ ัญญานโิ รธเปนไฉนพระเจา ขา. [๒๗๙] พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา โปฏฐปาทะ ในสมณพราหมณเหลานน้ั พวกท่กี ลาววา สัญญาของคน ไมมีเหตุ ไมมีปจ จัย เกิดเองดับเอง ความเห็นของพวกนน้ั ผดิ แตต นทเี ดยี ว. เพราะเหตุไร. เพราะวาสญั ญาของคน มเี หตุ มีปจ จยั ท้ังเกิด ทงั้ ดับ สญั ญาบางอยางเกดิ ข้นึ เพราะการศกึ ษาก็มี บางอยางดับไปก็มี กส็ กิ ขาเปนอยา งไร. โปฏฐปาทะ พระตถาคตอบุ ัตขิ น้ึ ในโลกน้ีเปนพระอรหนั ตต รสั รูเองโดยชอบ ฯลฯ พ. โปฏฐปาทะภกิ ษุถึงพรอ มดว ยศลี อยางนแ้ี ล มที วารอันรักษาแลวในอนิ ทรียทัง้ หลายประกอบดวยสติสมั ปชญั ญะ เปนผสู ันโดษ. เม่ือภิกษุนนั้ ละนวิ รณ ๕ เหลานแ้ี ลว ตามเห็นในตน ปราโมทยยอ มเกดิ เมือ่ ปราโมทยแลว ปตยิ อ มเกิด

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 158กายของผมู ีใจเปย มดว ยปต ยิ อมสงบ มกี ายสงบยอมเสวยสขุ จติ ของผมู สี ุขยอมตงั้ มน่ั . เธอสงดั แลวเทยี วจากกามทง้ั หลาย จากอกศุ ลธรรมทัง้ หลายเขา ถึงปฐมฌาน มวี ติ กวจิ าร ปตแิ ละสุขอนั เกดิ แตวิเวกอย.ู สัญญาเกยี่ วดว ยกามมีในกอนยอ มดบั ไป สญั ญาในสัจจะอนั ละเอยี ดมีปติและสขุ อันเกิดแตวิเวกยอ มมีในสมยั นัน้ . เธอเปน ผมู ีสัญญาในสัจจะอนั ละเอยี ด มีปต ิและสขุ อันเกดิ แตว เิ วกในสมัยนนั้ สญั ญาบางอยา งในสกิ ขายอ มเกดิ บางอยางยอมดบั แมด วยประการฉะนี้ แมน ี้ก็เปนสิกขาอยางหน่ึง (คอื ปฐมฌาน). [๒๘๐] อกี ขอหน่งึ ภิกษเุ ขาถึงทุตยิ ฌาน อนั ยงั จิตใหผ องใสภายในตน ยังความเปน ธรรมเอกผุดขนึ้ แหงจิตใหเกิด (ยงั สมาธิจิตใหเ จริญข้ึน)ไมมีวติ ก ไมม ีวิจาร เพราะวติ กและวิจารสงบ มปี ต ิและสขุ อันเกิดแตส มาธิอยู. สญั ญาในสัจจะอนั ละเอียดมปี ต ิและสุขเกดิ แตวเิ วกอันมใี นกอนของเธอยอ มดบั . สญั ญาในสัจจะอนั ละเอียด มปี ต แิ ละสขุ อนั เกิดแตส มาธยิ อ มมใี นสมัยนน้ั . เธอเปน ผมู ีสัญญาในสจั จะอันละเอียด มีปตแิ ละสขุ อนั เกิดแตสมาธิในสมัยน้นั สัญญาบางอยา งในสกิ ขายอมเกิด บางอยางยอ มดบั ดวยประการฉะนี้ แมน กี้ เ็ ปน สกิ ขาอยา งหนง่ึ (คอื ทุติยฌาน). [๒๘๑] อกี ขอหนึ่ง ภิกษเุ ขา ถึงตติยฌาน เพราะคลายปติประกอบดวยอเุ บกขาอยู มีสติสมั ปชัญญะและเสวยสุขดว ยนามกาย ท่พี ระอริยเจาทั้งหลายสรรเสริญผูไดฌานนั้นวา เปนผอู ุเบกขา มสี ติอยเู ปน สขุ ดงั นแี้ ลวแลอย.ู สัญญาในสจั จะอนั ละเอียดประกอบดว ยปติและสุขเกิดแตส มาธิมใี นกอนของเธอยอมดบั . สัญญาในสัจจะอนั ละเอยี ดประกอบดวยสขุ อันเกดิ แตอ ุเบกขายอมมใี นสมยั นัน้ . เธอเปนผูมีสัญญาในสัจจะอันละเอียดประกอบดว ยสุขอนัเกิดแตอเุ บกขา ในสมัยนน้ั . สัญญาบางอยางในสกิ ขายอมเกดิ บางอยางยอ มดับ ดว ยประการฉะนี.้ แมนีก้ ็เปน สิกขาอยา งหนง่ึ (คือตติยฌาน)

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 159 [๒๘๒] อีกขอ หน่ึง ภิกษเุ ขาถงึ จตตุ ถฌาน อันไมมีทุกข ไมมสี ขุเพราะละสุขและเพราะละทุกข เพราะดบั โสมนสั และโทมนสั ในกาลกอนเสยีมีความทแี่ หง สติเปนธรรมชาตบิ รสิ ุทธ์ิ เพราะอุเบกขาแลว แลอย.ู สญั ญาในสจั จะอันละเอยี ดประกอบดวยสขุ อันเกิดแตอเุ บกขา มใี นกอ นยอมดบั . สัญญาในสัจจะอนั ละเอียดอนั ไมมีทุกข ไมม ีสขุ ยอมมใี นสมัยนน้ั . เธอเปนผมู ีสัญญาในสจั จะอันละเอยี ด อันไมม ที ุกข ไมม สี ขุ ในสมยั น้ัน. สญั ญาบางอยางในสกิ ขายอมเกดิ บางอยา งยอมดับ ดวยประการฉะน้.ี แมน ้ีกเ็ ปนสิกขาอยางหน่ึง (คือจตุตถฌาน). [๒๘๓] อกี ขอหน่งึ ภิกษเุ ขาถึงอากาสานัญจายตนะวา อากาสไมม ีทสี่ ุดดังนี้ เพราะความกาวลว งรปู สัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะดับปฏิฆสัญญา เพราะไมท าํ ไวใ นใจซึง่ สัญญาโดยประการตาง ๆ แลว แลอยู.รูปสัญญามีในกอนของเธอยอมดับไป สัญญาในสัจจะอันละเอยี ดประกอบดว ยอากาสานัญจายตนะ ยอมมใี นสมัยน้นั . เธอเปน ผมู ีสญั ญาในสจั จะอันละเอยี ดประกอบดวยอากาสานัญจายตนะ ในสมัยน้นั . สัญญาบางอยา งในสกิ ขายอมเกดิ บางอยางยอ มดบั ดว ยประการฉะนี้. แมน ี้กเ็ ปนสิกขาอยางหน่ึง(คืออากาสานญั จายตนะ). [๒๘๔] อีกขอหน่งึ ภิกษเุ ขา ถงึ วิญญาณัญจายตนะวา วิญญาณไมมีทสี่ ุดดังนี้ เพราะกาวลว งอากาสานัญจายตนะโดยประการท้ังปวงแลวแลอยู.สัญญาในสจั จะอนั ละเอยี ดประกอบดวยอากาสานญั จายตนะ มีในกอนของเธอยอมดับไป. สญั ญาในสจั จะอันละเอยี ดประกอบดว ยวญิ ญาณัญจายตนะยอมมใี นสมัยนน้ั . เธอเปน ผูมีสัญญาในสจั จะอนั ละเอยี ดประกอบดวยวิญญาณญัจายตนะในสมยั นัน้ . สัญญาบางอยางในสกิ ขายอมเกิด บางอยา งยอ มดบั ดว ยประการฉะน้ี. แมนก้ี เ็ ปน สกิ ขาอยางหนึ่ง (คอื วิญญาณัญจายตนะ).

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 160 [๒๘๕] อีกขอ หนงึ่ ภกิ ษเุ ขา ถึงอากิญจัญญายตนะวา อะไร ๆ นอ ยหนึ่งไมม ีดงั น้ี เพราะกาวลวงวิญญาณญั จายตนะโดยประการทัง้ ปวงแลว แลอยู. สัญญาในสัจจะอนั ละเอยี ดประกอบดวยวญั ญาณญั จายตนะมใี นกอนของเธอยอ มดับไป. สญั ญาในสจั จะอันละเอยี ดประกอบดว ยอากัญจัญญายตนะยอมมีในสมยั นน้ั . เธอเปนผมู ีสัญญาในสจั จะอันละเอยี ดประกอบดวยอากิญ-จัญญายตนะในสมยั นน้ั . สัญญาบางอยา งในสิกขายอ มเกิด บางอยา งยอ มดบัดวยประการฉะน.ี้ แมน ีก้ เ็ ปนสิกขาอยางหน่ึง (คืออากิญจญั ญายตนะ). [๒๘๖] โปฏฐปาทะ ภกิ ษุในพระศาสนานี้ มีสกสญั ญา (มีความสําคญั ดวยสญั ญาในฌานของตน) คือออกจากปฐมฌานนนั้ แลว มีสัญญาในทุติยฌานโนน ออกจากทุติยฌานนนั้ แลว มีสัญญาในตตยิ ฌานโนน โดยลําดบั ไปถึงยอดสญั ญา (อากญิ จญั ญายตนะ๑) เมื่อเธอต้ังอยูใ นยอดสญั ญา มีความคํานึงอยางน้วี า เม่อื เราจํานงอยู ไมดเี ลย เมื่อไมจํานงอยู ดกี วา ถาแลวา เราพึงจํานง พงึ มุง หวังอากิญจญั ญายตนสัญญาน้ขี องเราพงึ ดับ และสญั ญาหยาบอยางอื่น (ภวงั คสญั ญา) พึงเกดิ ขึน้ มฉิ ะนนั้ เราไมควรจํานงไมค วรมงุ หวัง. จึงไมจาํ นงดว ย ทง้ั ไมมงุ หวังดว ย เมื่อไมจาํ นง ไมม ุงหวงั อยู อากิญจัญญายตนสญั ญาน้นั ยอมดับดวย ทัง้ สญั ญาหยาบอยางอื่นยอมไมเ กิดขึ้นดว ย เธอยอมถงึ สัญญานิโรธ ฉนั ใด สัญญานิโรธสมาบัตขิ องภิกษุผมู สี ัมปชญั ญะโดยลาํ ดบั ยอ มมีฉนั น้ันแล. พ. ทานสาํ คัญความขอ นั้น เปน ไฉน สัญญานโิ รธสมาบตั ขิ องภิกษุผมู สี ัมปชญั ญะโดยลําดับเชน น้ี ทานเคยฟง มาแลวในกาลกอนแตกาลนบี้ างหรอื .๑. อากญิ จัญญายตนะ ชอื่ วา ยอดสญั ญา เพราะเปนองคท สี่ ุดแหงสมาบัติท่ีมีหนา ทํากจิ อนัเปน โลกยี  พระโยคตี งั้ อยูในอากญิ จญั ญายตนสมาบตั แิ ลว ยอมเขาถงึ แนวสัญญานาสัญญายตนสมาบตั บิ าง นโิ รธสมาบัติบา ง. อรรกถาทีฆนกิ ายสลี ขันธวรรค หนา ๔๒๔.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 161 ป. หามิไดพ ระเจาขา ขา พระพุทธเจา รทู ่วั ถึงธรรมท่พี ระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงแลว ดว ยอาการอยางน้แี ล. พ. เพราะเหตุทภี่ ิกษมุ สี กสัญญา คอื ออกจากปฐมฌานน้ันแลว มีสัญญาในทุตยิ ฌานโนน ออกจากทตุ ยิ ฌานนน้ั แลว มีสัญญาในตติยฌานโนนโดยลําดับไปถงึ ยอดสัญญา เม่ือเธอตัง้ อยูใ นยอดสัญญา มีความคํานงึ อยางนว้ี าเม่อื เราจํานงอยู ไมด เี ลย เมือ่ ไมจํานงอยู ดกี วา ถา แลวาเราพงึ จํานง พึงมงุ -หวัง อากญิ จญั ญายตนสญั ญาน้ีของเราพึงดับ และสญั ญายาบอยางอน่ื พงึ เกิดขึ้น มฉิ ะนั้นเราไมควรจาํ นง ไมค วรมงุ หวงั . จงึ ไมจ าํ นงดวย. ทง้ั ไมม ุงหวงัดว ย เมื่อไมจ ํานงอยู ไมมงุ หวงั อยู อากญิ จัญญายตนสญั ญานนั้ ยอมดับดว ยท้ังสัญญาหยาบอยา งอ่นื ยอ มไมเกดิ ขึน้ ดวย เธอยอ มถงึ สญั ญานิโรธ. สัญญา-นิโรธสมาบตั ขิ องภกิ ษุผมู ีสัมปชัญญะโดยลาํ ดับ ยอ มมีอยา งน้ีแล. [๒๘๗] พ. ทา นจงรบั ไวด ว ยดีอยางนเี้ ถดิ . ป. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงบัญญตั ยิ อดสญั ญาอยา งเดียวเทา นัน้ หรอืวา ทรงบญั ญัติยอดสญั ญาเปน อนั มาก พระเจา ขา . พ. เราบญั ญัติยอดสญั ญาอยางเดยี วกม็ ี มากกม็ ี. ป. พระผมู ีพระภาคเจาทรงบัญญัตยิ อดสัญญาอยา งเดียวกม็ ีน้นั อยางไรทว่ี ามากกม็ ีนนั้ อยางไร พระเจา ขา . พ. ภกิ ษถุ ึงสญั ญานิโรธฉนั ใด ๆ เราบญั ญตั ยิ อดสัญญาฉนั นนั้ ๆ เราบัญญัตยิ อดสญั ญาอยา งเดียวกม็ ี มากกม็ ี อยางน้ีแล. [๒๘๘] ป. พระเจา ขา สัญญาเกิดกอ น ญาณเกิดทหี ลงั หรือวา ท้งัสญั ญาทัง้ ญาณเกิดไมกอนไมหลงั กัน. พ. สญั ญาแลเกดิ กอน ญาณเกดิ ทีหลัง ก็เพราะสญั ญาเกดิ ขึน้ ญาณ

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 162จงึ เกดิ ขึน้ ได เขารอู ยนู ว้ี า ญาณไดเกิดข้ึนแลวแกเราเพราะสญั ญาน้ีเปนปจจยั . ทา นพงึ ทราบความขอน้ัน โดยปรยิ ายเชนดงั่ วา สญั ญาเกดิ กอน ญาณเกดิ ทีหลงั ก็เพราะสัญญาเกิดข้นึ ญาณจงึ เกดิ ขน้ึ ได. [๒๘๙] ป. สัญญาเปนตนของบุรุษ หรือวา สัญญาอยา งหนึง่ ตนอยางหนง่ึ พระเจาขา . พ. ทา นปรารถนาตนอยางไร. ป. ขา พระเจาปรารถนาตนที่หยาบ คือมีรูป เปน ทีป่ ระชมุ แหงมหา-ภูตรปู ๔ มกี วฬิงการาหารเปนภักษา. พ. ก็ตนของทานหยาบ คือมรี ูป เปนทีป่ ระชมุ มหาภูตรปู ๔ มกี ว-ฬิงการาหารเปนภักษา จกั มแี ลว . เม่อื เปน เชน นีส้ ญั ญาของทา นจักเปนอยา งหน่ึง ตนจักเปน อยา งหนงึ่ . ทา นพงึ ทราบความขอ น้นั แมโ ดยปรยิ ายเชน ดง่ัวา สัญญาจกั เปน อยางหนึ่งตางหาก ตนก็จักเปน อยางหน่ึง. ตนน้ันหยาบ คอืมีรปู เปน ท่ีประชุมแหงมหาภตู รูป ๔ มีกวฬิงการาหารเปน ภักษา ยอมตั้งอยูเทีย่ ว เมื่อเปนเชน น้ี สัญญาของบุรษุ นี้ อยา งหนึง่ ตางหากเกดิ ขนึ้ อยา งหน่ึงตางหากดับไป ทานพงึ ทราบความขอ นน้ั โดยปริยายเชน ดัง่ วา สัญญาจกั เปนอยางหนึ่งตา งหาก ตนก็จักเปน อยา งหนึง่ ด่ังนี้. [๒๙๐] ป. ขาพระเจาปรารถนาตนอันสาํ เร็จดวยใจ คือมีอวัยวะนอ ยใหญครบทุกอยางมีอินทรียไมเสอื่ มทราม. พ. ตนของทา นก็สําเร็จดวยใจ คือมีอวัยวะนอ ยใหญค รบทุกอยา ง มีอินทรยี ไ มเ ส่ือมทราม จกั มีแลว แมเ มือ่ เปนเชน นนั้ สญั ญาของทา นจักเปนอยางหนึ่ง และตนของทา นกจ็ กั เปนอยา งหน่งึ ทา นพึงทราบความขอ นั้นแมโดยปริยายเชนดงั่ วา สัญญาจักเปนอยา งหนง่ึ ตา งหาก ตนกจ็ กั เปน อยา งหนงึ่ . ตนสาํ เรจ็ ดวยใจ คอื มอี วัยวะนอ ยใหญค รบทกุ อยาง มีอนิ ทรยี ไม

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 163เสือ่ มทรามยอมตั้งอยเู ทยี ว เม่ือเปนเชน นน้ั สญั ญาของบรุ ุษนี้ อยา งหนึง่ ตา งหากเกดิ ข้นึ อยางหนึ่งตา งหากดับไป. ทา นพงึ ทราบความขอน้นั โดยปริยายเชน ดั่งวา สญั ญาจกั เปนอยา งหนง่ึ ตา งหาก ตนกจ็ ักเปนอยางหนงึ่ ดั่งน้ี. [๒๙๑] ป. ขา พระเจา ปรารถนาตนทไ่ี มม ีรูป คอื ทส่ี ําเรจ็ ดวยสัญญา. พ. ก็ตนของทา นทไ่ี มมีรปู คอื สําเร็จดวยสัญญา จักมีแลว เมอ่ื เปนเชน นั้น สัญญาของทา นจักเปน อยา งหนึ่งตา งหาก ตนของทานกจ็ ักเปน อยา งหน่ึง ทานพงึ ทราบความขอ น้นั แมโ ดยปริยายเชนดั่งวา สัญญาจกั เปน อยาง-หนึ่งตา งหาก ตนก็จกั เปน อยางหนึ่ง. ตนท่ไี มม รี ูป คอื ทส่ี ําเร็จดว ยสญั ญานี้ยอ มตัง้ อยูเทียว เมือ่ เปนเชนน้นั สญั ญาของบรุ ษุ น้ี อยางหนงึ่ ตา งหากเกดิ ข้ึนอยางหน่งึ ตางหากดับไป ทานพงึ ทราบความขอน้ัน แมโ ดยปริยายเชน ด่งั วาสญั ญาจกั เปนอยางหนง่ึ ตา งหาก ตนก็จกั เปน อยางหนง่ึ ดั่งน้.ี [๒๙๒] ป. กข็ า พระเจาอาจทราบไดหรอื ไมวา สัญญาเปน ตนของบรุ ุษ หรือสัญญากอ็ ยา งหนง่ึ ตนกอ็ ยางหน่ึง. พ. ขอวาสญั ญาเปนตนของบรุ ุษ หรอื สัญญาก็อยางหน่งึ ตนกอ็ ยางหน่งึ ดัง่ นีน้ ้ัน อันทานผมู ีทฏิ ฐิเปน อยา งอนื่ มขี นั ตเิ ปนอยางอืน่ มคี วามชอบใจเปนอยา งอ่ืน มีความพยายามในลัทธิอืน่ มอี าจารยใ นลทั ธิอ่นื รูไดย ากนกั . ป. ถา ขอ ทว่ี านั้น ขาพระเจาผมู ีทิฏฐเิ ปนอยา งอืน่ มขี นั ตเิ ปนอยา งอนื่ มีความขอบใจเปนอยางอ่นื มีความพยายามในลทั ธอิ ืน่ มีอาจารยในลัทธิ-อ่ืน รูไดยากนกั ไซร กค็ ําทีว่ า โลกเทย่ี งนแ้ี ลจรงิ คําอน่ื เปลา ดัง่ นหี้ รืออยางไรพระเจาขา . พ. คําทีว่ า โลกเทยี่ งน้ีแลจริง คาํ อ่ืนเปลา ดงั นี้ เราไมไ ดพยากรณ.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 164 ป. ก็โลกไมเ ท่ียงนี้แลจรงิ คําอน่ื เปลา ดัง่ นี้หรือ พระเจาขา . พ. แมขอ นน้ั เรากไ็ มไ ดพ ยากรณ. ป. ก็โลกมที ีส่ ดุ ฯลฯ โลกไมม ีทส่ี ดุ . ชพี กอ็ ันนน้ั สรรี ะก็อนั นน้ั .ชีพเปนอื่น สรีระก็เปน อ่ืน. ตถาคต เบอ้ื งหนาแตตายแลว ยอมม.ี ตถาคตเบือ้ งหนา แตต ายแลว ยอ มไมม.ี ตถาคต เบอ้ื งหนาแตต ายแลว ยงั มบี างไมมีบาง. ตถาคต เบอ้ื งหนาแตต ายแลว มกี ็ไมใ ช ไมมีก็ไมใ ช นี้แลจรงิคาํ อนื่ เปลา ดังนี้หรือ พระเจาขา. พ. แมขอ น้ัน ๆ เรากไ็ มไดพ ยากรณ. ป. ก็เพราะเหตุไร พระผูมีพระภาคเจาจงึ ไมทรงพยากรณ พระเจา ขา . พ. เพราะขอ นน้ั ๆ ไมป ระกอบดว ยอรรถ ไมประกอบดว ยธรรมไมเ ปน เบ้ืองตน แหง พรหมจรรย ไมเปน ไปเพ่ือความเบอ่ื หนา ย ไมเ ปนไปเพอ่ื ความปลอ ยวาง ไมเปน ไปเพอื่ ความดับ ไมเ ปน ไปเพอ่ื ความสงบ ไมเปนไปเพือ่ ความรูยิง่ ไมเปนไปเพ่อื ความตรัสรู ไมเปน ไปเพอ่ื นิพพานฉะนั้น เราจงึ ไมพ ยากรณ. [๒๙๓] ป. ก็อะไร พระผมู ีพระภาคเจา ทรงพยากรณละ พระเจา ขา. พ. ทกุ ข เหตุเกดิ ทุกข ความดับทกุ ข ขอ ปฏิบัตใิ หถึงความดบั ทกุ ขนแ้ี ล เราพยากรณ. ป. กเ็ พราะเหตไุ ร พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ทรงพยากรณอ ยา งนั้นพระเจา ขา. พ. เพราะขอ น้นั ๆ ประกอบดวยอรรถ ประกอบดวยธรรม เปนเบอ้ื งตน แหง พรหมจรรย เปน ไปเพอ่ื ความเบอื่ หนาย เปน ไปเพือ่ ความปลอ ยวาง เปนไปเพือ่ ความดบั เปน ไปเพอื่ ความสงบ เปนไปเพอื่ ความรยู ิ่งเปน ไปเพ่อื ความตรัสรู เปนไปเพ่ือนิพพาน ฉะนน้ั เราจงึ พยากรณ.

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 165 ป. ขอ นีเ้ ปนอยางนนั้ พระผมู พี ระภาคเจา ขอ นี้เปนอยางนั้น พระสุคตในบัดน้ี ขอพระผูมพี ระภาคเจาทรงทราบกาลท่ีสมควรเถดิ พระเจาขา ดงั น้ี.ลําดบั นนั้ พระผูมีพระภาคเจาเสดจ็ ลุกจากอาสนะแลวหลีกไป. [๒๙๔] ฝา ยพวกปรพิ าชกเหลา นั้น เมือ่ พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ หลีกไปแลว ไมน าน ไดทําการเสียดแทงโปฏฐปาทปรพิ าชก ดว ยปฏักคือถอ ยคาํเสียดแทงโดยรอบวา ก็ทานโปฏฐปาทะน้ี อนุโมทนาตามคําทพ่ี ระสมณโคดมกลาวอยา งนี้วา ขอน้ีเปนอยางนั้น พระผมู พี ระภาคเจา ขอ นีเ้ ปน อยา งนนั้พระสุคต ด่งั น้.ี กแ็ ตวา พวกเรามิไดเ ขา ใจธรรมทพ่ี ระสมณโคดมทรงแสดงแลวโดยสว นเดยี ว แตอ ยางใดอยางหนง่ึ ที่วา โลกเที่ยงหรือโลกไมเ ทีย่ ง ฯลฯตถาคต เบ้อื งหนา แตตายแลว มกี ็ไมใ ช ไมม กี ไ็ มใ ช ดั่งน้.ี [๒๙๕] เมื่อปรพิ าชกเหลานั้นกลาวแลวอยางน้ี โปฏฐปาทปริพาชกไดบอกกบั เขาวา พอ คุณ แมฉ นั ก็มิไดเขา ใจธรรมทพี่ ระสมณโคดมแสดงแลว โดยสวนเดยี ว แตอ ยางใดอยา งหน่งึ วา โลกเทีย่ งหรอื ฯลฯ ตถาคตเบื้องหนาแตตายแลว มีก็ไมใ ช ไมม ีกไ็ มใ ช ก็แตว า พระสมณโคดมทรงบญั ญตั ปิ ฏปิ ทาทีจ่ รงิ ทีแ่ ท ที่แนนอน ทม่ี ปี กติตั้งอยูใ นธรรม ท่ถี กู ตองตามทาํ นองคลองธรรม ไฉนบุรุษผเู ปน บณั ฑติ เชนดง่ั เรา จกั ไมอ นุโมทนาสภุ าษิตของพระสมณโคดม โดยความเปนสภุ าษิตเลา . [๒๙๖] ตอมาลวงไปได ๒-๓ วัน จติ ตผเู ปนบุตรแหงควาญชาง และโปฏฐปาทปรพิ าชก พากันเขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคเจา ครัน้ แลวจติ ตผ เู ปนบตุ รแหงควาญชา ง ถวายอภิวาทพระผมู พี ระภาคเจา นง่ั ณ ที่สวนขางหนึ่ง.ฝา ยโปฏฐปาทปริพาชก กลา วถอยคาํ ปราศรยั กบั พระผมู พี ระภาคเจา พอเปน ที่ต้ังแหง ความปลาบปลื้มเปน ทต่ี ้งั แหงความระลึก แลว นัง่ ณ ที่สว นขา งหนง่ึ

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 166แลวกราบทูลวา ขา แตพระองคผ เู จริญ ในคราวนัน้ เม่อื พระองคเ สด็จหลีกไปไมน าน พวกปริพาชกไดพ ากันรุมตอวาขาพระองคดวยถอ ยคําตดั พอ ตา ง ๆวา อยา งน้ที เี ดยี วทา นโปฏฐปาทะ พระสมณโคดมตรัสคาํ ใด ทา นพลอยอ-นุโมทนาคาํ น้ันทกุ คาํ วา ขาแตพ ระผูมีพระภาคเจา ขอนน้ั ตองเปนเชน นี้ขาแตพระสุคต ขอนนั้ ตองเปนเชน น้ี ฝายพวกเรามไิ ดเ ขาใจธรรมที่พระสมณ-โคดมทรงแสดงแลว โดยสว นเดียว แตส กั นอ ยหนงึ่ วา โลกเทีย่ งหรอื โลกไมเท่ียงโลกมที สี่ ดุ หรอื โลกไมมที สี่ ุด ชพี อันนน้ั สรรี ะกอ็ นั น้ัน หรือชพี อยางหนง่ึสรรี ะอยางหนึ่ง ตถาคตเบ้อื งหนาแตตายไปมอี ยู หรือตถาคตเบอ้ื งหนา แตตายไปไมมอี ยู ตถาคตเบ้อื งหนา แตต ายไป มีอยกู ็มี ไมมอี ยกู ม็ ี หรอืตถาคตเบ้อื งหนา แตต ายไปมีอยูก ม็ ิใช ไมม ีอยกู ม็ ิใช เม่ือพวกปริพาชกกลาวอยางนแ้ี ลว ขา พระองคไดบอกปริพาชกเหลานั้นวาทานทั้งหลาย แมขาพเจาเองก็มิไดเ ขาใจธรรมท่ีพระสมณโคดมทรงแสดงแลว โดยสว นเดยี ว แตส กั นอ ยหนึ่งวา โลกเที่ยงหรือโลกไมเ ท่ยี ง โลกมที สี่ ดุ หรอื โลกไมม ที ่สี ดุ ชพี อนั นนั้สรรี ะก็อันนั้น หรอื ชพี อยางหนึง่ สรีระอยา งหนง่ึ ตถาคตเบื้องหนาแตต ายไปมอี ยูก ม็ ี หรือตถาคตเบื้องหนาแตต ายไปไมมีอยู ตถาคตเบือ้ งหนาแตต ายไปมอี ยกู ม็ ี ไมม อี ยกู ม็ ี หรอื ตถาคตเบื้องหนา แตตายไป มอี ยูก ม็ ใิ ช ไมมอี ยูกม็ ิใช. แตว าพระสมณโคดมบัญญตั ปิ ฏปิ ทาท่จี รงิ แทแ นนอนเปน ธรรมฐติ ิธรรมนยิ าม ก็เมื่อพระสมณโคดมบัญญตั ปิ ฏปิ ทาที่จรงิ แทแ นน อน เปนธรรมฐติ ิ ธรรมนยิ าม ไฉนเลาวญิ ชู นเชน เราไมพ ึงอนโุ มทนา สภุ าษติ ของพระ-สมณโคดมโดยเปน สุภาษิต. [๒๙๗] พ. โปฏฐปาทะ ปริพาชกเหลา น้ที ้ังหมดเปน คนบอด หาจกั ษมุ ไิ ด ในชุมชนนัน้ ทา นคนเดยี วเปนคนมจี กั ษุ. เพราะเราแสดงแลว

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 167บญั ญัตแิ ลว ซงึ่ ธรรมเปนไปเพือ่ ความสิ้นทุกขโ ดยสว นเดียวบาง ซึ่งธรรมที่ไมเ ปนไปเพ่ือความส้นิ ทุกขโ ดยสวนเดียวบา ง. ก็ธรรมท่ีไมเปนไปเพ่อื ความส้นิ ทุกขโ ดยสว นเดยี ว ทเี่ ราแสดงแลว บัญญตั แิ ลว เปน ไฉน. คอื โลกเทีย่ งโลกไมเ ทีย่ ง โลกมที ีส่ ุด โลกไมมที ี่สดุ ชีพกอ็ นั น้ัน สรีระก็อนั นัน้ ชพี เปน อ่นืสรรี ะกเ็ ปนอนื่ ตถาคต เบือ้ งหนา แตต ายแลว ยอ มมี ตถาคต เบื้องหนาแตต ายแลว ยอมไมม ี ตถาคต เบอ้ื งหนา แตต ายแลว ยงั มีบาง ไมม บี า งตถาคต เบือ้ งหนาแตต ายแลว มีกไ็ มใ ช ไมมกี ไ็ มใช ด่ังนี้แลว เปนธรรมทีไ่ มเ ปนไปเพ่ือความสิ้นทุกขโ ดยสวนเดียว เราแสดงแลว บญั ญตั แิ ลว.เพราะเหตไุ ร เราจึงแสดงบัญญตั ิวา เปน ธรรมทไ่ี มเปน ไปเพื่อความส้ินทุกขโดยสวนเดยี ว. เพราะธรรมเหลานี้ ไมประกอบดวยอรรถ ไมป ระกอบดวยธรรม ไมเปน เบื้องตนแหง พรหมจรรย ไมเ ปน ไปเพอื่ ความเบ่อื หนา ย ไมเปน ไปเพอื่ ความปลอยวาง ไมเปน ไปเพือ่ ความดบั ไมเปน ไปเพ่ือความสงบไมเ ปนไปเพือ่ ความรยู ง่ิ ไมเ ปนไปเพ่อื ความตรัสรู ไมเ ปน ไปเพ่ือนพิ พานเพราะฉะน้นั เราจงึ ไดแสดงบญั ญตั วิ า ไมเ ปน ไปเพอื่ ความสนิ้ ทกุ ขโดยสว นเดียว. [๒๙๘] กธ็ รรมทเี่ ปน ไปเพื่อความส้ินทุกขโ ดยสวนเดียว เราแสดงแลวบญั ญัติแลว เปนไฉน. คือ นีท้ ุกข น้ีเหตุเกดิ ทกุ ข น้ีความดบั ทุกขนี้ปฏิปทาใหถงึ ความดบั ทกุ ข ดั่งนี้แล เปนธรรมทเ่ี ปน ไปเพ่อื ความส้ินทุกขโดยสว นเดียว เราแสดงแลว บญั ญตั ิแลว ก็เพราะเหตไุ ร เราจงึ แสดงแลวบญั ญตั ิแลววา เปน ธรรมที่เปน ไปเพื่อความสน้ิ ทกุ ข โดยสว นเดยี ว. เพราะธรรมเหลาน้ปี ระกอบดวยอรรถ ประกอบดวยธรรม เปน เบอื้ งตน แหงพรหมจรรย เปนไปเพือ่ ความเบ่ือหนาย เปน ไปเพอ่ื ความปลอ ยวาง เปน ไปเพือ่ ความดบั เปนไปเพอ่ื ความสงบ เปน ไปเพ่ือความรยู ่งิ เปนไปเพือ่ ความ

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 168ตรัสรู เปนไปเพอื่ นพิ พาน เพราะฉะนน้ั เราจึงไดแสดงบญั ญตั วิ า เปน ไปเพื่อความสิน้ ทุกขโดยสว นเดยี ว. [๒๙๙] โปฏฐปาทะ สมณพราหมณพ วกนัน้ มวี าทะอยางน้ี มที ฏิ ฐิอยางน้ีวา ตนเบือ้ งหนาแตตายไป มสี ขุ โดยสว นเดียว หาโรคมิได เราเขาไปหาสมณพราหมณพวกนน้ั กลา วอยางน้ีวา ไดยนิ วา ทานมวี าทะอยา งนี้ มที ิฏฐิอยา งนี้วา ตนเบ้ืองหนาแตต ายไป มีสขุ โดยสวนเดยี ว หาโรคมไิ ด ดงั น้ีจรงิ หรอื . ถา วา พวกเขาที่ถูกเราถามอยางนีแ้ ลว ปฏิญญารับคาํ ไซร เราก็จะกลาวกะพวกเขาอยางนว้ี า เออ ทที่ า นรเู หน็ โลก มีสขุ โดยสว นเดยี วอยูห รอื .เขาถูกถามดั่งน้ี ก็จะตอบวา หามิได เราจะกลา วกะเขาวา เออ กท็ านรสู ึกตนเปน สขุ โดยสวนเดยี ว ช่วั วนั หนง่ึ คืนหนง่ึ หรอื ครึง่ คืนคร่งึ วัน เขากจ็ ะตอบวา หามไิ ด เราจะกลาวกะเขาวา เออ กท็ า นรวู า น้ีมรรคา น้ีปฏปิ ทาเพอ่ื ทําใหแจง ซ่งึ โลก ท่มี ีสุขโดยสวนเดยี วหรือ. เขากจ็ ะตอบวา หามิได.เรากจ็ ะกลา วกะเขาวา ทา นจงฟงเสียงของเหลาเทวดา ผูเ ขา ถงึ โลกที่มีสขุ โดยสว นเดยี ว ผกู ลา วอยูวา จงปฏบิ ตั ดิ เี ถดิ จงปฏิบัติตรงเถิด ทานผนู ิรทุกขเพอ่ื ทาํ ใหแจงซง่ึ โลก ทม่ี ีสขุ โดยสว นเดียว เพราะวา แมพ วกเราปฏิบัตอิ ยา งนี้แลว จึงเขา ถึงโลกทีม่ สี ขุ โดยสว นเดียว. เขากจ็ ะตอบวา หามไิ ด. พ. โปฏฐปาทะ ทา นจะสําคญั ความขอ นนั้ เปน ไฉน เม่อื เปนเชนน้ีภิกษติ ของสมณพราหมณพ วกนน้ั จะถงึ ความไมนา อศั จรรย (ไรผ ล) มิใชห รือ. ป. แนน อน พระเจาขา เม่อื เปนเชน นั้น ภาษติ ของสมณพราหมณพวกนน้ั กย็ อมถงึ ความไมนา อัศจรรย (ไรผล). [๓๐๐] พ. โปฏฐปาทะ เชนเดียวกับบุรุษ พงึ กลา วอยางน้วี า ขาพเจาปรารถนารกั ใครซ ึ่งนางงามประจําชนบทนี้ ชนทั้งหลายจะพงึ กลาวกะเขาวาแนะ พอ หนุม นางงามประจาํ ชนบทท่ีทานปรารถนารักใครน ั้น ทา นรหู รอื วา

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 169เปนนางกษตั รยิ  หรอื นางพราหมณ เปนนางแพศย หรอื นางศทู ร เม่ือเขาถูกถามดัง่ น้ี กจ็ ะตอบวา ไมร .ู ชนทงั้ หลายกจ็ ะพึงกลาวกะเขาวา แนะพอหนมุ นางงามประจําชนบททท่ี า นปรารถนารกั ใครน้ัน ทา นรหู รอื วา มีช่อือยางน้ี มโี คตรอยางน้ี สูงหรอื ตํา่ หรือพอสันทดั ดําหรอื ขาว หรอื สีแมลงทับ อยใู นบาน ในนิคม หรือในเมอื งโนน . เขากจ็ ะตอบวา ไมร ชู นทงั้ หลายก็จะกลาวกะเขาวา แนะ พอหนมุ ทา นปรารถนารกั ใครน างงามท่ียงัไมร ู ไมเ ห็นกัน ดงั น้นั หรือ. เขาก็จะพงึ กลาววา อยางนน้ั . โปฏฐปาทะทานจะสําคญั ความขอนน้ั เปน ไฉน เมื่อเปน เชน นั้น คําพดู ของบุรุษน้นั จะถึงความไมนา อศั จรรย (ไรผล) มิใชหรือ. ป. แนน อนทีเดียว พระเจา ขา คาํ พูดของบรุ ุษนน้ั จะถงึ ความไมนาอัศจรรย. พ. โปฏฐปาทะ กฉ็ นั นั้นเหมอื นกัน สมณพราหมณทมี่ วี าทะอยางนี้มีทิฏฐอิ ยางนี้วา ตนเบื้องหนาแตตายไป มีสขุ โดยสวนเดียว หาโรคมิได เราเขาไปหาสมณพราหมณพ วกน้นั กลา วอยางนีว้ า ไดยนิ วาทา นมวี าทะอยางน้ี มีทฏิ ฐิอยางนว้ี า ตนเบื้องหนา แตต ายไป มีสุขโดยสวนเดยี ว หาโรคมไิ ด ดัง่ น้ีจรงิ หรือ ถาพวกเขาทีถ่ ูกเราถามแลว ปฏิญญารบั ไซร เรากจ็ ะกลาวกะพวกเขาวา เออ กท็ า นรเู ห็นโลก มีสุขโดยสวนเดยี วอยหู รอื . เขาก็จะตอบวา หามิไดเราจะกลา วกะเขาวา เออ กท็ า นรูส ึกตนเปนสุขโดยสวนเดียว ชั่ววันหนงึ่ คนื หนึ่งหรอื คร่งึ คืน ครึง่ วัน. เขากจ็ ะตอบวา หามไิ ด. เราจะกลาวกะเขาวา เออ กท็ านรูวา น้มี รรคา นีป้ ฏิปทา เพ่อื ทาํ ใหแจง ซง่ึ โลกมสี ขุ โดยสวนเดียวหรือ. เขากจ็ ะตอบวา หามิได. เราก็จะกลาวกะเขาวา ทานจะฟง เสียงของเหลา เทวดา ผเู ขาถงึ โลกทม่ี ีสขุ โดยสวนเดยี ว ผูกลา วอยูวา จงปฏิบัตดิ ี จงปฏบิ ัตติ รงเถดิ ทา นผูนริ ทุกข เพื่อทําใหแ จงซ่ึงโลกทมี่ สี ขุ โดยสวนเดียว เพราะวา แมพ วกเราปฏบิ ัติอยางน้แี ลว จงึ เขา ถึงโลกทมี่ ีสุขโดยสว นเดียว. เขากจ็ ะตอบวา หามไิ ด.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 170 . พ. โปฏฐปาทะ ทา นจะสาํ คญั ความขอนั้นเปนไฉน เมือ่ เปน เชน นน้ัภาษิตของสมณพราหมณพ วกนนั้ จะถึงความไมน าอัศจรรย (ไรผล ) มิใชหรือ. ป. แนน อน พระเจาขา เมอ่ื เปนเชนนน้ั ภาษิตของสมณพราหมณพวกน้นั ก็ยอ มถงึ ความไมน าอัศจรรย (ไรผ ล) [๓๐๑] พ. โปฏฐปาทะ เชนเดียวกับบุรษุ พึงทําบนั ไดท่ีหนทางใหญ๔ แพรง เพอ่ื ขน้ึ สูป ราสาท ชนทัง้ หลายจะพงึ ถามเขาวา แนะ พอ คณุ ปราสาททท่ี า นทําบันไดเพอื่ จะขน้ึ ทา นรจู กั หรือวา ปราสาทน้นั อยูท างทศิ ตะวนั ออกหรือทิศใต ทศิ ตะวันตก หรอื ทิศเหนือ และสูงหรอื ต่ํา หรือพอปานกลาง.เขากจ็ ะตอบวา ยังไมรู ชนทัง้ หลาย ก็จะกลา วกะเขาวา แนะพอ คุณ ปราสาทที่ทา นไมร ไู มเ ห็น ทานจะทําบนั ไดเพือ่ ข้ึนไดหรอื . เม่อื ถกู ถามอยางน้ี เขากพ็ งึกลา วรบั คาํ . พ. โปฏฐปาทะ ทานจะสําคัญความขอ นนั้ เปนไฉน เมอ่ื เปนเชน นน้ัคําพดู ของบรุ ุษน้ัน จะถงึ ความไมน า อัศจรรย มิใชห รอื . ป. แนนอน พระเจา ขา เมอ่ื เปนเชน น้ัน คําพูดของบรุ ษุ นนั้ ถงึ ความเปนของไมน าอศั จรรย. พ. โปฏฐปาทะ ก็ฉันน้ันเหมอื นกัน สมณพราหมณท่มี ีวาทะอยางน้ีมที ิฏฐิอยา งน้ีวา เบื้องหนาแตต ายไป อตั ตามีสุขโดยสว นเดียว หาโรคมิได มีอยู เราเขาไปหาสมณพราหมณพ วกน้นั แลว กลาวอยา งนวี้ า ไดย ินวา ทานมีวาทะอยางน้ี มที ิฏฐิอยางนี้วา เบอื้ งหนาแตตายไป อัตตามีสุขโดยสว นเดียวหาโรคมิได มีอยจู ริงหรอื . ถาสมณพราหมณพวกนั้นถูกเราถามอยางนีแ้ ลวปฏญิ ญาวา จริง เราจะกลาวกะเขาวา เออก็ทานยงั รเู หน็ วา โลกมีสุขโดยสวนเดยี วบางหรือ. เมอื่ เขาถูกถามอยา งนีแ้ ลว เขาจะตอบวา หามไิ ด เราจะกลา วกะเขาวา เออกท็ า นรวู าอัตตามีสุขโดยสวนเดยี ว ชว่ั วนั หนง่ึ คนื หนง่ึ หรอื ก่งึ วันก่ึงคืน เมอื่ เขาถูกถามอยางนีแ้ ลว เขาจะตอบวา หามไิ ด เราจะกลา วกะเขาวาเออก็ทานยังรวู า นีม้ รรคา น้ีขอ ปฏิบัติ เพอื่ ทาํ ใหแ จงซึ่งโลกมคี วามสขุ โดย

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 171สวนเดยี วบา งหรอื . เม่อื เขาถกู ถามอยา งน้แี ลว เขาจะตอบวา หามไิ ด เราจะกลาวกะเขาวา เออก็ทา นยังไดยนิ เสียงพวกเทวดาผเู ขา ถึงโลกมสี ุขโดยสวนเดยี ว ผูกาํ ลงั พดู กนั วา ทานผูนิรทุกข ทา นปฏบิ ตั ิดี ปฏิบัติตรงแลว เพอื่ทาํ ใหแ จง ซ่ึงโลกที่มีสขุ โดยสวนเดยี ว เพราะวา แมพวกเราปฏิบัติอยางนจ้ี งึเขาถงึ โลกที่มีสุขโดยสว นเดียว. เขากจ็ ะปฏิเสธ. พ. โปฏฐปาทะ ทานจะสําคญั ความขอ นั้นเปน ไฉน เมอ่ื เปน เชนน้นัภาษติ ของสมณพราหมณเหลา นัน้ กจ็ ะถงึ ความไมน าอศั จรรยม ใิ ชห รือ. ป. แนนอน พระเจาขา เม่ือเปน เชน นน้ั ภาษติ ของสมณพราหมณเหลา นน้ั กจ็ ะถึงความเปนของไมนาอัศจรรย. [๓๐๒] พ. โปฏฐปาทะ การไดอตั ตภาพ ๓ นี้ คอื ที่หยาบ ท่สี ําเรจ็ดว ยใจ ทหี่ ารูปมไิ ด. ก็การไดอตั ตภาพท่ีหยาบเปนไฉน. กายทม่ี ีรูปเปน ท่ีประชุมแหง มหาภูต ๔ มีคําขาวเปนภกั ษา น้คี อื การไดอัตตภาพทห่ี ยาบ. การไดอัตตภาพที่สําเรจ็ ดวยใจเปนไฉน. กายทีม่ ีรูปสาํ เร็จดว ยใจ มอี วัยวะนอ ยใหญค รบทุกอยาง มีอินทรยี ไมเ ส่อื มทราม นี้คอื การไดอัตตภาพทสี่ าํ เร็จดว ยใจ.การไดอัตตภาพอันหารปู มไิ ดเปน ไฉน. กายอันหารปู มิไดสําเร็จดวยสญั ญา นี้คอื การไดอ ัตตภาพอันหารูปมิได. [๓๐๓] พ. โปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพอ่ื การละความไดอตั ตภาพท่ีหยาบวา พวกทานปฏิบตั อิ ยางไร จักละสงั กเิ ลสธรรมได โวทานธรรม* จักเจรญิ ย่งิ และทา นทง้ั หลายจักทําใหแ จง ซึ่งความบรบิ รู ณไ พบลู ยแหง ปญ ญาดว ยความรยู ิง่ เฉพาะตวั ในปจจุบนั แลว แลอย.ู พ. โปฏฐปาทะ ก็ทานจะพงึ มีความเห็นอยางนว้ี า สงั กิเลสธรรมจักเปนอนั ละได โวทานธรรมจกั เจรญิ ยง่ิ จักทาํ ใหแจง ซึง่ ความบริบรู ณไพบลู ยแ หงปญ ญา ดว ยความรูย งิ่ เฉพาะตัวในปจจุบนั แลวแลอยู แตเปน การอยูล ําบาก.๑. ธรรมอนั ผองแผว

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 172 พ. โปฏฐปาทะ กท็ านไมค วรเห็นอยางนน้ั แทจรงิ สังกิเลสธรรมจกั เปน อนั ละได โวทานธรรมจกั เจรญิ ย่งิ และจักทําใหแจง ซง่ึ ความบรบิ ูรณไพบลู ยแหงปญญา ดวยความรยู ิ่งเฉพาะตวั ในปจจบุ นั แลวแลอยู ปราโมทยปต ิ ปส สัทธิ และสตสิ มั ปชัญญะ จักเกิดมี มกี ารอยูอยางสบาย. [๓๐๔] พ. โปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรม เพื่อการละความไดอัตตภาพ แมทีส่ ําเร็จดว ยใจวา พวกทานปฏิบตั ิอยา งไร จึงจกั ละสงั กเิ ลสธรรมได โวทานธรรมจักเจริญยงิ่ ขึน้ พวกทา นจักทําความบรบิ ูรณและความไพบูลยแ หง ปญ ญาใหแจง ดวยปญ ญาอนั ยิ่งดว ยตนเองในปจจุบัน เขาถงึ อยู. ดูกอนโปฏฐปาทะ บางคราวทานจะพงึ มคี วามเหน็ อยา งนี้วา สังกเิ ลสธรรมเราจะละได โวทานธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น ผูม ีความเพยี รจกั ทําใหแ จงซึ่งความบรบิ รู ณแ ละความไพบลู ยแ หงปญญา ดวยปญญาอนั ยง่ิ ดว ยตนเองในปจ จุบัน เขา ถงึ อยู แตความอยูไ มสบาย. ดกู อ นโปฏฐปาทะ แตเ รื่องน้ที า นไมพ ึงเหน็ อยา งนั้น ทแี่ ทส งั กเิ ลสธรรมพวกทานจกั ละได โวทานธรรมจกั เจรญิ ยง่ิ ข้นึ ผมู คี วามเพยี รจักทําใหแ จง ซึ่งความบรบิ ูรณ และความไพบูลยแ หง ปญ ญา ดว ยปญ ญาอนั ยิ่งดว ยตนเองในปจ จุบนั เขา ถงึ อยูได ความปราโมทย ปติ ปสสทั ธิ สติสัมปชัญญะ จักเกดิ มีเปนการอยูอยา งสบาย. [๓๐๕] พ. โปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรม เพอื่ การละความไดอตั ตภาพแมท่ไี มม รี ูปวา พวกทา นปฏิบตั อิ ยางไร จึงจกั ละสงั กเิ ลสธรรมได โวทานธรรมจกั เจริญยิ่งข้ึน พวกทา นจกั ทําความบริบูรณแ ละความไพบูลยแหงปญ ญาใหแจง ดวยปญ ญาอันยงิ่ ดวยตนเองในปจ จบุ ัน เขาถึงอยู. ดูกอนโปฏฐปาทะ บางคราวทา นจะพงึ มคี วามเหน็ อยางนว้ี า สงั กิเลสธรรมเราจกั ละได โวทานธรรมจกั เจริญขึน้ ผูมคี วามเพยี รจักทําใหแ จงซึ่ง

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 173ความบรบิ ูรณแ ละความไพบลู ยแ หงปญ ญา ดว ยปญญาอันย่งิ ดว ยตนเองในปจจบุ นั เขาถงึ อยู แตค วามอยูไมสบาย. ดูกอนโปฏฐปาทะ แตเรอ่ื งน้ี ทานไมพึงเห็นอยางนั้น ทีแ่ ทส งั กเิ ลสธรรม พวกทานจักละได โวทานธรรมจกั เจรญิ ยง่ิ ขน้ึ ผูม คี วามเพียรจะทําใหแจง ซ่ึงความบรบิ รู ณ และความไพบูลยแ หง ปญ ญา ดว ยปญญาอนั ย่ิงดว ยตนเองในปจจบุ นั เขา ถึงอยู ไดความปราโมทย ปติ ปส สัทธิ สติสัมปชัญญะเปน การอยอู ยา งสบาย. [๓๐๖] โปฏฐปาทะ ถาเจาลทั ธิพวกอน่ื จะพึงถามพวกเราวา แนะทา น การไดอ ตั ตภาพที่หยาบ ซึ่งทา นแสดงธรรม เพอ่ื ใหล ะเสียวา พวกทา นปฏบิ ตั อิ ยา งไร จักละสงั กิเลสธรรมได โวทานธรรมจกั เจริญยิง่ และทา นทง้ัหลายจักทําใหแจงซงึ่ ความบรบิ รู ณไพบลู ยแ หง ปญญา ดวยความรูยง่ิ เฉพาะตัว ในปจจบุ ันแลว แลอยู เปนไฉน. พวกเราถูกถามแลว อยางน้ี พึงพยากรณแกเขาวา การไดอ ัตตภาพอันหยาบทเี่ ราแสดงธรรมเพ่อื ละเสียวา พวกทานปฏบิ ตั อิ ยางไรจักละสังกเิ ลสธรรมได โวทานธรรมจกั เจริญยงิ่ และทานทัง้หลายจกั ทําใหแจงซึง่ ความบรบิ ูรณไ พบูลยแ หงปญ ญา ดว ยความรูย ่งิ เฉพาะตวั ในปจจบุ ันแลวแลอยู อนั นแ้ี ล. [๓๐๗] โปฏฐปาทะ ถา เจาลัทธพิ วกอืน่ จะพงึ ถามพวกเราวา แนะทา น กก็ ารไดอ ตั ตภาพท่สี าํ เร็จดวยใจฯลฯ การไดอตั ตภาพทห่ี ารปู มิไดซ ง่ึ ทา นแสดงธรรมเพ่อื ใหล ะเสยี วา พวกทา นปฏบิ ัติอยา งไร ฯลฯ แลว แลอยู ดง่ั น้ีเปนไฉน. โปฏฐปาทะ ทานจะสาํ คญั ความขอนัน้ เปน ไฉน เม่อื เปนเชน น้ันภาษติ ก็ถงึ ความนา อศั จรรย มใิ ชหรือ. ป. แนนอน พระเจา ขา เม่ือเปน เชน นนั้ ภาษิตกถ็ งึ ความนาอัศจรรย. [๓๐๘] พ. โปฏฐปาทะ เชน เดียวกับบุรุษพึงทําบันได เพอ่ื ข้นึ สู

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 174ปราสาท. ทีใ่ ตปราสาทนน้ั ชนท้งั หลายจะพึงกลา วกะเขาวา แนะพอคณุปราสาททที่ า นทาํ บันไดเพ่ือจะขนึ้ ทานรูหรอื วา อยทู ิศตะวนั ออกหรือทศิ ใตทศิ ตะวนั ตกหรือทศิ เหนอื สงู หรือตํา่ หรือพอปานกลาง. ถา บุรษุ นน้ั จะพึงตอบอยา งนี้วา ปราสาทท่ีเราทาํ บันไดเพอ่ื จะขนึ้ อยูทใี่ ตป ราสาทน้ัน นีแ้ ล. โปฏฐปาทะ ทานจะสําคัญความขอ นั้นเปนไฉน เมือ่ เปน เชน น้ัน คําพดูของบรุ ษุ นัน้ กถ็ ึงความนา อัศจรรย มิใชห รอื . ป. แนนอน พระเจาขา คาํ พูดของบุรุษนัน้ กถ็ ึงความนาอศั จรรย. พ. โปฏฐปาทะ กฉ็ นั นน้ั เหมือนกัน ถาเจา ลัทธิอืน่ พึงถามพวกเราวา การไดอตั ตภาพที่หยาบ....ท่สี าํ เร็จดว ยใจ....ทีห่ ารปู มไิ ด.... ซ่ึงทานแสดงธรรมเพอื่ ใหละเสยี วา พวกทานปฏบิ ัตอิ ยา งไร ฯลฯ แลวแลอยู ดังนี.้ โปฏฐปาทะ ทา นจะสําคัญความขอ นัน้ เปน ไฉน เมอื่ เปนเชน นั้นภาษิตจะถงึ ความนา อศั จรรย มใิ ชหรอื . ป. แนนอน พระเจา ขา . [๓๐๙] เมือ่ พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสอยา งนแี้ ลว จิตตบ ตุ รควาญชางไดท ูลวา พระเจาขา สมยั ใด ไดอ ัตตภาพอันหยาบ สมัยน้ัน การไดอตั ตภาพที่สําเรจ็ ดว ยใจเปน โมฆะ การไดอ ตั ตภาพทีไ่ มมีรปู กเ็ ปน โมฆะในสมยั นน้ั พงึ มแี ตก ารไดอ ัตตภาพอนั หยาบ เปนสัจจะ กระน้นั หรอื ?และสมยั ใด ไดอตั ตภาพทีส่ ําเรจ็ ดว ยใจ สมยั นัน้ การไดอตั ตภาพอันหยาบเปน โมฆะ การไดอัตตภาพอนั ไมมีรปู กเ็ ปนโมฆะ ในสมัยนน้ั การไดอัตตภาพที่สําเร็จดว ยใจ เปน สัจจะ กระน้นั หรอื ? และสมยั ใด ไดอ ัตตภาพอนั ไมรปู สมัยน้ัน การไดอ ตั ตภาพอันหยาบเปน โมฆะ การไดอัตตภาพ













พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 181ทรงเหน็ วา เวลายังเชา นกั จึงมพี ระดํารนิ ัน่ . บทวา ยนฺนนู าห ความวา เปนนบิ าตเหมอื นแสดงความสงสยั . กพ็ ระพุทธเจาท้ังหลายไมมคี วามสงสยั . แตนั้นเปนสว นเบอื้ งตนของพระปรวิ ติ กอยา งนี้วา เราจกั ทํากจิ น้ี จกั ไมท าํ กิจน้ีเราจักแสดงธรรมแกคนน้ี จักไมแสดงธรรมแกคนน้ี ยอมไดแ กพระพุทธเจาท้งั หลาย. ดว ยเหตุน้ัน จงึ ตรสั วา ยนฺนนู าห ความวา กถ็ า เรา. บทวา อุนนฺ าทินิยา ความวา อันดงั ลน่ั . กเ็ สยี งน้ันซงึ่ บันลืออยา งนี้ชื่อวา สูง ดว ยสามารถไปในสว นเบอ้ื งสูง ชือ่ วา เสยี งดงั ดวยสามารถกระจายไปในทศิ ทงั้ หลาย เพราะฉะน้นั ดว ยเสียงอันดงั ล่นั . จริงอยู เจติยวตั รโพธวิ ตั ร อาจริยวัตร อุปชฌายวัตร หรอื โยนโิ สมนสิการ อันชอ่ื วาควรลกุ ขึน้ ทาํ แตเชา ยอมไมมแี กปริพาชกเหลานน้ั . เพราะเหตนุ ัน้ ปริพาชกเหลา นนั้ ลกุ ขึ้นแตเชา ตรแู ลวน่ังในทม่ี แี สงแดดออน ปรารภถึงอวยั วะ มีมือและเทาเปนตน ของกันและกันอยางน้ีวา มอื ของคนน้งี าม เทาของคนน้ีงามหรอื ปรารภถงึ ผิวพรรณของหญิงชาย เด็กชายและเดก็ หญงิ ทัง้ หลาย หรือปรารภถึงวตั ถอุ ืน่ ที่มคี วามยินดใี นกามและความยนิ ดีในภพเปนตน ต้งั ถอ ยคําขน้ึ แลว กลาวตริ จั ฉานกถาตา ง ๆ มพี ูดถงึ พระเจาแผนดินเปน ตน โดยลําดบั .ดวยเหตุนน้ั ทานจงึ กลา ววา กลา วตริ ัจฉานกถาตา ง ๆ ดว ยเสยี งอันดงั ลน่ัดังนี้. ตอ แตนัน้ โปฏฐปาทปรพิ าชกมองดปู ริพาชกพวกน้ันคิดวา ปรพิ าชกเหลาน้ไี มเคารพตอ กันและกนั เลย และพวกเราก็จะเปนเหมอื นหงิ่ หอ ยเมอ่ืพระอาทิตยขึ้น จําเดิมแดพระสมณโคดมเสด็จมาปรากฏ แมลาภสกั การของพวกเรากเ็ ส่อื มไป ก็ถาสมณโคดม สาวกของพระโคดม หรอื คฤหสั ถผ ูบํารงุ สมณโคดมน้นั จะพึงมาสูส ถานท่นี ไี้ ซร ก็จกั มคี วามนา ละอายเหลอื เกิน

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 182อน่งึ โทษของบรษิ ัทแล จะตกอยูก บั หวั หนา บรษิ ทั เทานัน้ ดังน้ี เหลียวมองรอบ ๆ ก็เหน็ พระผมู พี ระภาคเจา. ดว ยเหตนุ นั้ ทานจึงกลา ววา โปฏฐปาท-ปริพาชกไดเ ห็นแลวแล ฯลฯ ปริพาชกเหลา นัน้ ไดพ ากนั น่งิ . ในบทเหลา น้ัน บทวา สณฺ เปสิ อธิบายวา ใหส ําเหนียกถึงโทษแหงเสียงนัน้ คอื ใหเ งียบเสียง พักเสยี งนนั้ โดยประการที่เสยี งจะตอ งเงยี บอยางด.ีเพื่อปกปดโทษของเสยี งนัน้ เหมอื นอยางบรุ ุษเขา มาสทู ามกลางบริษัท ยอมนงุ ผาเรยี บรอ ย หมผาเรยี บรอย เชด็ ถูสถานทีส่ กปรกดวยธุลเี พอื่ ปกปดโทษฉะนนั้ . บทวา อปฺปสทฺทา โภนฺโต ความวา เม่ือใหสาํ เหนียก ก็ใหเงียบเสยี งนั้นโดยประการท่ีเสียงจะเงยี บอยา งดี. บทวา อปปฺ สทฺ กาโม ความวาโปรดเสียงเบา คนหนง่ึ น่ัง คนหน่งึ ยนื ยอ มไมใ หเ ปน ไปดว ยการคลกุ คลีดว ยหมู. บทวา อุปสงกฺ มิตพฺพ มณฺเยยฺ ความวา สาํ คญั วาจะเสดจ็ เขามาในสถานนี้. ถามวา กเ็ พราะเหตุอะไร โปฏฐปาทปรพิ าชกนัน่ จงึ หวงั การเสดจ็เขา มาของพระผมู พี ระภาคเจา. แกว า เพราะปรารถนาความเจริญแกต น. ไดยนิ วา ปรพิ าชกทั้งหลาย คร้นั พระพุทธเจา หรือสาวกของพระพุทธ-เจา มาสูสํานกั ของตนแลว ยอ มยกตนขึน้ ในสํานักของผบู าํ รงุ ท้ังหลายของตนยอมต้งั ตนไวใ นทส่ี ูงวา ในวันนี้สมณโคดมเสดจ็ มาสูส ํานกั ของพวกเรา พระ-สารบี ตุ รกม็ า ทานไมไ ปยงั สาํ นักของใครเลย ทา นท้ังหลายพงึ ดคู วามยิง่ ใหญของพวกเรา ดงั น.ี้ ยอมพยายามเพ่ือคบอปุ ฎ ฐากทงั้ หลายของพระผมู พี ระ-ภาคเจาดวย. ไดย นิ วา ปรพิ าชกเหลา นั้นเห็นอปุ ฏ ฐากท้ังหลายของพระผูม ีพระภาคเจาแลว กลาวอยางนว้ี า ครูของพวกทานจะเปน พระโคดมกต็ าม จะเปนสาวกของพระโคดมกต็ าม เปน ผูเจริญยอมมาสสู าํ นกั ของพวกเรา พวกเราพรอมเพรียงกนั แตทา นท้ังหลายไมอยากมองดูพวกเราเลย ไมท ําสามจี ิกรรม

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 183พวกเรากระทําความผิดอะไรแกพวกทา นเลา. อนงึ่ มนุษยบางพวกคดิ วา แมพระพุทธเจาท้ังหลายยอ มไปสูสาํ นกั ของปรพิ าชกเหลา นั้นได ก็จะไปสูสํานกั ของพวกเราไดมิใชหรอื จําเดิมแตน ัน้ คร้นั เหน็ พระพุทธเจา ท้งั หลายแลว ก็ไมประมาท. บทวา ตุณฺหี อเหส ความวา พวกปรพิ าชกเหลา นั้น ลอมโปฏฐปาทะแลว พากันนั่งเงยี บ. บทวา สวฺ าคต ภนเฺ ต ความวา ขา แตพระองคผ เู จรญิ การเสด็จมาของพระผมู ีพระภาคเจาเปน การดี. ทา นแสดงไววา ก็ครั้นพดู พระผูม ีพระภาคเจาเสดจ็ มา กม็ คี วามยินดี ครน้ั เสดจ็ ไปก็เศรา โศก. ถามวา เพราะเหตอุ ะไรโปฏฐปาทะจงึ ทลู วา ขาแตพระองคผเู จริญ เปน เวลานานแล แมใ นกาลกอนพระผูมพี ระภาคเจาเคยเสดจ็ ไปในที่น้ันหรอื . ตอบวา ไมเคยเสดจ็ ไป. ก็มนษุ ยทัง้ หลายยอ มทักทายดว ยคาํ นารักเปนตนอยางนี้วา ทา นจะไปไหน ไปไหนมาทา นหลงทางหรอื ทา นมานานแลวหรือ ดงั น้ี เพราะเหตุนั้น โปฏฐปาทะ จึงทลู อยา งนั้น. ก็ครน้ั ทูลอยา งนีแ้ ลว เปน ผูไ มก ระดา งดว ยมานะนั่ง แตล กุจากอาสนะแลวทําการตอนรับพระผูมีพระภาคเจา. ดวยวา เห็นพระผมู พี ระ-ภาคเจาเสดจ็ เขา ไป แลวไมเ ช้ือเชญิ ดว ยอาสนะ หรือไมทาํ การออนนอม เปนการไดยาก. เพราะเหตุอะไร. เพราะความเปน ผูมีตระกูลสูง. ปรพิ าชกแมนี้ตบอาสนะที่ตนนง่ั แลว เม่ือทลู เชื้อเชญิ พระผูมพี ระภาคเจา ดวยอาสนะไดทูลวาขอพระผูม พี ระภาคเจาประทับน่งั เถดิ พระเจาขา นี่อาสนะไดแ ตงไวแ ลว ดงั นี.้ บทวา อนตฺ รากถา วปิ ปฺ กตา ความวา ทรงเปดเผยอยา งพระสัพพัญูวา ตั้งแตพวกทา นนงั่ มาแตต น จนถงึ เรามา สนทนากันเร่อื งอะไรทค่ี า งไวในระหวางนั้น คือ ถอ ยคําอะไรทย่ี งั ไมจบ เพราะเหตเุ รามาถงึ ขอพวกทานจงบอกเถิด เราจะนําถอ ยคํานนั้ แสดงใหจ บ. ลาํ ดับนั้น ปริพาชกแสดงวา

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 184กถาน้ันเปน กถาไรประโยชน ไมมีสาระ องิ อาศยั วฏั ไมค วรนํามากลา วเฉพาะพระพักตรของพระองค จงึ ทลู คาํ เปน ตน วา กถาน้ันจงงดเสยี เถดิ พระเจาขา. บทวา ตฏิ เตสา ภนฺเต ความวา ปรพิ าชกแสดงวา ถา พระผูม-ีพระภาคเจาจักประสงคจะฟงไซร กถานั่นจะทรงสดับภายหลังกไ็ ดไมย าก ก็ประโยชนด วยกถานี้ไมมีแกพวกขา พระองค แตพวกขา พระองคไ ดก ารเสด็จมาของพระผมู ีพระภาคเจาแลว จะทูลถามถึงเหตุการณด อี ยา งอื่นเทียว. ตอแตนน้ั เมอื่ จะทลู ถามเหตกุ ารณน ั้น จึงทูลคาํ เปนตน วา ปรุ มิ านิ ภนฺเต ดงั น้ี. ในบทเหลานัน้ บทวา โกตูหลสาลาย ความวา ศาลาแตล ะหลังช่ือวา ศาลาอลหมานไมม ี แตส มณะและพราหมณทัง้ หลาย ผถู อื ลทั ธติ าง ๆกลา วถอ ยคาํ ชนดิ ตา ง ๆ ใหเปนไปในศาลาใด ศาลานนั้ เรียกวา โกตูหลสาลาเพราะเปนสถานทเ่ี กิดความอลหมานสับสนแกช นมากวา คนนก้ี ลา วอะไร คนนีก้ ลา วอะไร. คําวา อภิ ในบทวา อภสิ ฺานิโรเธ นน้ั เปน เพียงอุปสรรค.บทวา สฺ านิโรเธ ความวา กถาเกิดข้ึนแลว ในจิตตนโิ รธ คอื ขณิกนโิ รธ.ก็คําวา สัญญานิโรธน้ี เปน เหตุการณเกดิ ขน้ึ แหง กถานนั้ . ไดยินวา ในกาลใด พระผมู พี ระภาคเจา แสดงชาดกหรือทรงบญั ญตั -ิสกิ ขาบท ในกาลนน้ั เสียงสรรเสรญิ เกยี รติคณุ ของพระผูมพี ระภาคเจาก็แผกระจายไปท่ัวชมพทู วีป. พวกเดียรถยี ไดฟ งเกียรติคณุ นั้นแลว ก็กระทํากริ ยิ าตรงขา มกับพระผมู พี ระภาคเจา วา นัยวา พระโคดมผูเจริญทรงแสดงบรุ พจรยิ าพวกเราไมสามารถเพื่อแสดงบุรพจรยิ าบางอยา ง เชน นนั้ บา งหรอื แสดงลทั ธิระหวา งภพหน่ึง. บญั ญัติสกิ ขาบทบางอยา งแกสาวกของตนวา พระโคดมผูเจริญไดบญั ญตั สิ ิกขาบทแลว พวกเราจะไมสามารถบัญญตั หิ รอื . กใ็ นกาลน้ันพระผมู พี ระภาคเจา ประทบั น่ังในทา มกลางบริษทั ทงั้ ๘ ทรงแสดงนิโรธกถา.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 185พวกเดยี รถียไดฟ ง นิโรธกถานัน้ แลว พากนั ประชมุ กลา ววา นัยวา พระโคดมผเู จริญทรงแสดงกถาชอ่ื นโิ รธ แมพ วกเราก็จกั แสดง. ดว ยเหตนุ ั้นทา นจึงกลาววา กถาไดเ กิดแลว ในอภสิ ญั ญานิโรธ ดังน.้ี บทวา ตเตรฺ กจเฺ จ ความวา ในบรรดาสมณพราหมณน้ัน บางพวก. กใ็ นเร่อื งน้ี บรรพชติ ในลทั ธิเดียรถียภายนอกคนแรกบางคนเห็นโทษในความเปนไปของจิต เจริญสมาบตั วิ า ความไมมจี ติ สงบแลว จุตจิ ากโลกนไ้ี ปตกอยใู นอสญั ญภี พสน้ิ ๕๐๐ กัลป ก็มาเกดิ ในโลกนี้อีก เมอื่ ไมเหน็ความเกดิ ข้ึนของสัญญาและเหตใุ นความดับของคนน้ัน จึงกลาววา ไมมเี หตุไมมปี จ จยั . คนทีส่ องปฏเิ สธคาํ กลา วน้ัน ถอื เอาความทีม่ คิ สงิ คิดาบส ไมมสี ญั ญาจึงกลาววา มาสบู าง ไปปราศบาง. นัยวา มคิ สิงคดิ าบสสมีตบะรอ น มีตบะกลา มีอินทรียต ั้งมน่ั อยา งยงิ่ . ดว ยเดชแหง ศลี ของดาบสนั้น ทําใหว ิมานของทา วสักกะรอนได. ทาวสกั กะเทวราช ทรงคดิ วา ดาบสตอ งการตําแหนงทาวสักกะหนอแล จึงสง เทพกญั ญา นามวา อลมั พุสา ดวยเทพบญั ชาวา เธอจงมาทําลายตบะของดาบส. เทพกญั ญานน้ั ไปแลว ในท่ีน้นั . ดาบสเหน็ เทพ-กัญญาในวันแรก ก็หลีกไปสูบ รรณศาลา. ในวันทส่ี อง ดาบสถูกนีวรณค อื กามฉันทะกลุมรมุ จงึ จับมอื เทพกญั -ญานัน้ . ดาบสนัน้ ถกู ตองทิพยส มั ผสั นน้ั กส็ ้ินสัญญา ตอเมื่อลวงไปสามปจงึ กลบั ไดสญั ญา. เขาเหน็ มคิ สิงคิดาบสนั้นแลว มคี วามเห็นแนว แนส าํ คญั วาออกจากนิโรธโดยลว งไปสามป จึงกลาวอยางน้นั . คนทสี่ ามปฏิเสธคาํ กลา วของคนท่สี องน้นั มงุ ถึงการประกอบอาถรรพณจงึ กลาววา สวมใสบาง พรากออกบา ง ดังนี้. ไดย ินวา พวกอาถรรพณ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 186ประกอบอาถรรพณ กระทําสัตวแสดงเหมอื นศีรษะขาดมอื ขาดและเหมือนตายแลว . เขาเหน็ สัตวน้นั เปนปกตอิ ีก จงึ มคี วามเหน็ แนวแนว า สัตวน ีอ้ อกจากนิโรธ จึงกลาวอยา งน้นั . คนท่สี ่คี ดั คา นคนที่สามมงุ ถึงการเมาและการหลบั ใหลของนางยกั ษทาสที งั้ หลาย จงึ กลาวคาํ เปนตนวา ดูกอ นผเู จริญก็เทวดาทัง้ หลายมีอยู ดงั นี.้ไดย นิ วา พวกนางยักษท าสที าํ การบํารงุ เทวดาตลอดทั้งคืน ฟอ นรํา รอ งเพลงในวนั อรุณขน้ึ ก็ดื่มสรุ าถาดหน่งึ กล้ิงไปมาหลับแลว ต่ืนในกลางวัน. เขาเหน็ เหตกุ ารณน ัน้ ก็มีความเห็นแนว แนส ําคัญวา ในเวลาหลบั ประกอบดวยนโิ รธ ในเวลาต่นื ออกจากนิโรธ ดงั นี้ จึงกลา วอยางนนั้ . ก็โปฏฐปาทปริพาชกน้เี ปนชาติบณั ฑติ ดว ยเหตนุ ัน้ เขามีความเดอื ดรอนเพราะฟงกถานี้ กถาของพวกนน้ั เปนเหมอื นถอยคําของแพะใบ ยอ มถงึ นโิ รธส่ีน่นั และธรรมดานโิ รธนีพ้ ึงมอี ยา งเดยี ว ไมพงึ มีมาก แมนโิ รธนนั้พงึ เปน อยา งอื่นอยา งเดยี วเทา นัน้ ก็เขาอันคนอ่ืนไมอ าจจะใหรูได นอกจากพระสพั พญั ู จงึ ระลกึ ถึงพระทศพลเทาน้นั มา ถา พระผูมพี ระภาคเจาจกั มีในท่ีนี้ กจ็ กั ระทาํ นิโรธใหปรากฏในวนั น้ที เี ดียว เหมอื นตามประทปี ต้ังพนั ดวงใหโชตชิ วงชัชวาล นีน้ ิโรธ นม้ี ิใชน โิ รธ เพราะฉะนัน้ จึงทูลคาํเปน ตนวา สติของขา พระองคน้นั พระเจาขา. ในบทเหลาน้ัน คําวา อโห นูน ทัง้ สองเปน นบิ าตลงในอรรถวาระลึกถงึ . ดวยเหตุนัน้ เขาเมอ่ื ระลกึ ถึงพระผูมพี ระภาคเจา จงึ มีสติอยางนี้วา นาเล่ือมใสจริงหนอ พระผมู พี ระภาคเจา นา เลอ่ื มใสจรงิ หนอ พระสุคต ในบทวาโย อิเมส นัน่ มอี ธบิ ายอยางน้วี า พระผูมีพระภาคเจา พระองคใ ด ทรงฉลาดดีคอื ฉลาดดวยดี เฉยี บแหลม เฉลยี วฉลาดในนโิ รธธรรมเหลา นั้น โอหนอ

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 187พระผูม ีพระภาคเจา พระองคน ัน้ พงึ ตรัส โอหนอพระสุคตพระองคนน้ั พึงตรัส.บทวา ปกตฺ ู ความวา พระผูมีพระภาคเจาเชอื่ วา ทรงรูปกติ คอื สภาพเพราะความทีพ่ ระองคทรงฉลาดเปนเนือ่ งนิตย เพราะฉะนั้น พระองคจึงชื่อวา ปกตญั ู ทรงรชู ํา่ ชอง. ปรพิ าชกเม่อื จะทลู ขอวา ขา แตพระผูมพี ระภาคเจาขาพระองคไมรู พระองคทรงรู โปรดตรัสบอกแกขาพระองคเถดิ จงึ กลาวคํานว้ี า กอ็ ภสิ ัญญานิโรธเปน ไฉนหนอ พระเจาขา . คร้นั พระผมู พี ระภาคเจาจะทรงแสดง จึงตรสั วา ตตรฺ โปฏ ปาท เปนตน . ในบทเหลานี้ บทวา ตตรฺ ความวา ในสมณพราหมณเ หลา นัน้ .บทวา อาทิโต ว เตส อปรทฺธิ ความวา ความเห็นของพวกน้ันผิดแตตน ทีเดียว. ทานแสดงวา ผิดพลาดในทา มกลางเรอื นทเี ดยี ว. เหตุก็ดี ปจจยั ก็ดีในบทนี้วา สเหตุสปฺปจฺจยา เปนชื่อของเหตกุ ารณน ัน้ เทียว. ความวา มีการณ. ก็เมือ่ จะทรงแสดงการณนัน้ จงึ ตรัสวา สกิ ขฺ า เอกา. ในบทเหลานั้นบทวา สกิ ฺขา เอกา สฺ า อุปฺปชชฺ ติ ความวา สัญญาบางอยางยอ มเกิดข้ึนเพราะศึกษา. บทวา กา จ สิกขฺ าติ ภควา อโวจ ความวา กส็ กิ ขาน้นั เปนอยางไร เพราะฉนนั้ พระผมู ีพระภาคเจา จึงตรสั ดว ยอํานาจการถามเพราะมีพระประสงคจ ะใหส กิ ขานัน้ พิสดาร. อน่งึ เพราะสกิ ขามีสามประการคอื อธิสีลสกิ ขา อธจิ ิตตสกิ ขาอธปิ ญญาสกิ ขา เพราะฉะน้ันพระผูมพี ระภาคเจา เมอ่ื จะทรงแสดงสกิ ขาเหลา นั้นจงึ ทรงต้งั ตนั ตธิ รรมจาํ เดมิ แตการเสด็จอบุ ัติของพระพทุ ธเจา เพ่ือทรงแสดงนโิ รธเกิดขึ้นอยางมเี หตุเพราะสัญญา จึงตรสั วา ดกู อ นโปฏฐปาทะ พระตถาคตอบุ ัติข้ึนโลกนเ้ี ปน ตน . บรรดาสิกขาทั้งสามนนั้ สกิ ขาสองอยา งนี้คอื อธ-ิลลี สิกขา อธิจิตตสิกขา เทานนั้ มาโดยยอ สวนสกิ ขาทสี่ ามพึงทราบวามาแลว

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 188เพราะเปนสิกขาทเ่ี กย่ี วเน่ืองดว ยอํานาจแหง สมั มทฏิ ฐแิ ละสมั มาสงั กปั ปะในพระบาลีน้วี า ดูกอ นโปฏฐปาทะ ธรรมโดยสว นเดยี วอนั เราแสดงแลววา นี้ทุกขนโิ รธคามนิ ปี ฏปิ ทา ดงั น้แี ล. บทวา กามสฺ า ไดแกร าคะอันระคนดวยกามคุณหาบาง กาม-ราคะอนั เกิดขึ้นไมสม่าํ เสมอบา ง. ในสองอยา งนั้น ราคะอนั ระคนดวยกามคุณหา ยอ มถงึ การกาํ จัดดวยอนาคามิมรรค สว นกามราคะอนั เกิดขึน้ ไมสมํา่เสมอยอ มเปน ไปในฐานะนี้ เพราะฉะนั้น บทวา ตสสฺ ยา ปุริมา กามสฺาจึงมีอรรถวา สญั ญาใดของภกิ ษุนนั้ ผปู ระกอบพรอมดวยปฐมฌาน พงึ เรยี กวา สญั ญาเก่ียวดว ยกามมใี นกอ น เพราะเปนเชนกับกามสญั ญาทเ่ี คยเกดิ ในกาลกอ น สญั ญานัน้ ยอมดับ และท่ีไมเกิดแลว กย็ อมไมเ กิด. บทวา วิเวก-ชปตสิ ุขสุขมุ สจจฺ สฺา ตสฺมึ สมเย โหติ ความวา สัญญาอนั ละเอียดกลาวคอื มีปตแิ ละสขุ อนั เกดิ แตว เิ วกในสมยั ปฐมฌานนัน้ เปนสัจจะ คอื มีจรงิ .อนง่ึ สญั ญาน้นั อนั ละเอียดดว ยสามารถละองคอนั หยาบมีกามฉนั ทะเปน ตนและช่อื วา เปนสัจจะ เพราะเปน ของมีจรงิ เพราะฉะนนั้ สญั ญาน้ัน จึงเปนสญั ญาในสจั จะอนั ละเอยี ด สญั ญาในสจั จะอันละเอยี ดท่ีสมั ปยตุ ดว ยปตแิ ละสุขอันเกิดแตวเิ วก เพราะฉะน้นั จึงชื่อวา วเิ วกปตสิ ุขสขุ มุ สจั จสัญญา.สัญญานั้นของภิกษุมีอยู เพราะฉะน้นั ภิกษนุ ัน้ จึงช่ือวา มสี ญั ญาในสจั จะอนั ละเอยี ดมปี ต แิ ละสุขอันเกิดแตว เิ วก พงึ เหน็ อรรคในบทนน้ั เพียงเทา นี้.ในบทท้ังปวงกม็ นี ยั เชนนน้ั . ในบทวา เอว ป สกิ ฺขา นั้น ความวา เพราะภกิ ษเุ ขา ถึงและอธิษฐานปฐมฌานศกึ ษาอยู เพราะฉะนนั้ ปฐมฌานนั้นเรยี กวา สิกขา เพราะเปนกิจทค่ี วรศกึ ษาอยา งน้ี สัญญาในสัจจะอันละเอยี ดมีปตแิ ละสุขอันเกดิ แตวเิ วกบาง

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 189อยาง ยอ มเกดิ ข้ึนอยางนี้ ดวยปฐมฌานกลา วคือสิกขาแมนนั้ กามสญั ญาบางอยางยอมดบั อยางน้.ี บทวา อย สิกฺขาติ ภควา อโวจ ความวา พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา นก้ี เ็ ปนสิกขาอยางหน่ึงคอื ปฐมฌาน. พึงเหน็ เน้อืความในบททง้ั ปวง โดยทาํ นองน้นั . กเ็ พราะการพจิ ารณาโดยองคแ หง สมาบัติที่แปดยอมมีพระพุทธเจาท้งั หลายเทา น้ัน ยอ มไมมีแกสาวกท้ังหลาย แมเชน กบั พระสารบี ุตร แตก ารพิจารณาโดยรวมกลุม เทา น้ันยอมมแี กสาวกทัง้ หลาย และการพิจารณาโดยองคอยางนี้วา สัญญา สญั ญา น้ีไดย กขึ้นแลว เพราะฉะน้ัน พระผูมีพระภาคเจาจงึ ตรสั วา ดกู อ นโปฏฐปาทะ เพราะภิกษุ ฯลฯ ถงึ ยอดสัญญา ดงั น้ี เพื่อทรงแสดงอากญิ จัญญายตนสัญญาอนั ยอดเยย่ี มแท แลว แสดงสญั ญาน้ันอีกวายอดสัญญา. ในบทเหลานนั้ บทวา ยโต โข โปฏปาท ภกขฺ ุ ความวา ดกู อนโปฏฐปาทะ ภกิ ษุช่ือใด. บทวา อธิ สกสฺี โหติ ความวา ภิกษใุ นพระศาสนานี้มีสกสัญญา. อกี ประการหน่งึ บาลกี เ็ ปนอยา งน้ี ความวา ภกิ ษุมีสัญญาดว ยสญั ญา ในปฐมฌานของตน. บทวา โส ตโต อมุตรฺ ตโต อมุตฺรความวา ภกิ ษนุ ั้นมีสกสญั ญา ดวยฌานสญั ญานั้น ๆ อยางน้คี อื ออกจากปฐมฌานนน้ั แลว มสี ัญญาในทตุ ิยฌานโนน ออกจากทุตยิ ฌานนั้นแลว มีสัญญาในตตยิ ฌานโนน โดยลาํ ดบั ไปถงึ ยอดสัญญา. อากญิ จญั ญายตนะ เรยี กวาสัญญคั คะยอดสัญญา. เพราะเหตุอะไร. เพราะเปนองคท่ีสดุ แหงสมาบัตทิ ีม่ ีหนา ที่ทาํ กิจอนั เปนโลกีย. กภ็ ิกษุต้ังอยูในอากญิ จญั ญาจตนสมาบตั แิ ลว ยอ มเขาถึงเนวสญั ญานาสญั ญายตนสมาบตั ิบาง นิโรธสมาบตั ิบา ง. อากญิ จญั ญาย-ตนสัญญาน้นั เรียกวา ยอดสัญญา เพราะเปนองคท่สี ดุ แหง สมาบัตทิ มี่ ีหนาท่ี

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 190ทาํ กจิ อนั เปน โลกีย ดวยประการฉะน้.ี ความวา พระภิกษุถึงคอื บรรลยุ อดสัญญานน้ั . บัดน้ี เพื่อทรงแสดงอภสิ ญั ญานิโรธ จึงตรัสวา เมอ่ื เธอต้งั อยูในยอดสัญญาเปน ตน . ในบทเหลา น้ันความวา ภิกษเุ ขาถงึ ฌานในสองบทวาเราพงึ จาํ นง เราพงึ มุงหวงั ชือ่ วายอมคิด คอื ใหส ําเรจ็ บอย ๆ. ภกิ ษุกระทาํความใคร เพอื่ ประโยชนแ กสมาบัตชิ ั้นสงู ขึ้นไป ชื่อวา พึงมุงหวัง. บทวาอิมา จ เม สฺา นริ ุชฺเฌยยุ ความวา อากญิ จญั ญายตนสัญญาน้ี พึงดับ.บทวา อฺา จ โอฬาริกา ความวา และภวงั คสัญญา อนั หยาบอยา งอื่นพึงเกดิ ขนึ้ . ในบทนี้วา เธอจึงไมจ ํานงดวยทงั้ ไมมุงหวงั ดวย ภกิ ษุนนั้ เม่อืจาํ นง ชือ่ วาไมจ าํ นง เมื่อมุงหวัง ชื่อวา ไมมงุ หวังแนแ ท การพิจารณาโดยผูกใจวา เราออกจากอากิญจญั ญายตนแลว เขา ถงึ เนวสญั ญานาสญั ญายตนตง้ั อยชู ั่ววาระจิตหนง่ึ สอง ยอมไมมีแกภ กิ ษุน้ี แตยอ มมเี พอื่ ประโยชนแกนโิ รธสมาบตั ิชนั้ สงู เทา นนั้ . เน้ือความนน้ี ้ัน พงึ แสดงดวยการมองดเู รอื นของบตุ ร. ไดยนิ วา พระเถระถามภกิ ษหุ นุมผูไปโดยทา มกลางเรือนของบิดาแลวนาํ เอาโภชนะอนั ประณตี จากเรอื นของบตุ รในภายหลังมาสอู าสนศาลาวา บิณ-ฑบาตซึง่ นา พอใจอนั เธอนํามาจากทีไ่ หน. เธอจึงบอกเรือนทไี่ ดโภชนะวาจากเรือนคนโนน. กเ็ ธอไปแลว ก็ดี มาแลวกด็ ี โดยทา มกลางเรอื นบิดาใด แมความผูกใจของเธอในทามกลางเรือนน้ัน ยอมไมม .ี ในเร่อื งน้ัน พึงเหน็อากญิ จัญญายตนสมาบตั ิ เหมือนอาสนศาลา. เนวสญั ญานาสัญญายตนสมาบัติเหมอื นเรือนของบิดา นโิ รธสมาบตั เิ หมอื นเรอื นของบตุ ร การท่ไี มพจิ ารณาโดยแยบคายวา เราออกจากอากิญจัญญายตนแลว เขา ถึงแนวสัญญานาสญั ญาย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 191ตนจักต้งั อยชู ว่ั วาระจิตหนงึ่ สองแลวมนสกิ าร เพือ่ ประโยชนแกน ิโรธสมาบตั ิช้ันสูงเทานั้น เปรียบเหมอื นการยืนอยใู นอาสนศาลา ไมส นใจถงึ เรอื นของบิดาแลวบอกเรือนของบุตรฉะนนั้ . ภิกษุน้นั เมื่อจาํ นง ก็ชอื่ วา ยอ มไมจาํ นงเม่ือมุงหวงั กช็ ่อื วา ยอ มไมม ุงหวงั ดว ยประการฉะน้.ี บทวา ตา เจว สฺา ความวา ฌานสัญญาน้ันยอ มดับ. บทวาอฺา จ ความวา ท้งั ภวังคสญั ญาอยางหยาบอน่ื ยอ มไมเกดิ ข้ึน. บทวาโส นโิ รธ ผสุ ติ ความวา ภิกษนุ ้ันปฏิบัตอิ ยา งน้ี ยอมถึง คอื ยอมได ยอมไดรับสัญญาเวทยิตนโิ รธ. คาํ วา อภิ ในบทวา อนุปพุ ฺพาภสิ ฺ านโิ รธสมฺป-ชานสมาปตฺตินั้น เปน เพยี งอปุ สรรค. บทวา สมฺปชาน ไดกลาวไวในระหวา งนิโรธบท. ก็ในบทวา สมฺปชานสฺ านิโรธสมาปตฺติ นั้นมีเน้ือความตามลําดบั ดงั น้.ี แมใ นบทนนั้ บทวา สมปชานสฺานีโรธสมาปตตฺ ิ มอี รรถพิเศษอยา งน้ีวา สญั ญานิโรธสมาบัตใิ นที่สุด ยอมมแี กภิกษผุ รู ตู วั อยู หรือแกภิกษุผูเปน บณั ฑิตรูตวั อยู. บดั น้ี ทา นทีอ่ ยูในทน่ี ้ี พึงแสดงนิโรธสมาบตั ิกถา. ก็นิโรธสมาบตั กิ ถาน้นี ั้น ไดแ สดงไวแลว ในหัวขอ วาดวยอานิสงสแ หงการเจริญปญญา ในวิสทุ ธิมรรคโดยอาการทัง้ ปวง. เพราะฉะน้นั พงึ ถอื เอาจากท่ีกลาวแลว ในวสิ ทุ ธิมรรคนน้ั . พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสนิโรธกถาแกโปฏฐปาทปรพิ าชกอยา งนีแ้ ลวตอมา เพือ่ ใหโ ปฏฐปาทปริพาชกนน้ั รับรูถงึ กถาเชนนัน้ ไมมีในท่อี ืน่ จงึ ตรัสวาเธอสําคัญความขอนัน้ เปน ไฉนเปนตน. ฝา ยปริพาชกเมือ่ จะทลู รับรูวา ขา แตพระผูมพี ระภาคเจา ในวนั น้ี นอกจากกถาของพระองคแลว ขาพระองคไ มเ คยไดฟงกถาเหน็ ปานน้ีเลย จึงทลู วา หามไิ ดพระเจาขา เมื่อจะแสดงถึงความท่ีกถาของพระผมู ีพระภาคเจา ตนไดเรียนโดยเคารพอีก จึงทูลวา ขาพระองคร ู

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 192ท่วั ถึงธรรมดว ยอาการอยา งน้แี ล เปน ตน . ลาํ ดับนั้น พระผมู ีพระภาคเจา เมือ่จะทรงอนุญาตแกป รพิ าชกน้ันวา เธอจงรบั ไวดว ยดเี ถดิ จงึ ตรัสวา อยางนนั้โปฏฐปาทะ. ครัง้ นน้ั ปรพิ าชกคิดวา อากิญจญั ญายตนะอนั พระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา ยอดสญั ญา อากิญจัญญายตนะเทานัน้ หนอแล เปนยอดสญั ญา หรือวา ยงั มียอดสัญญาแมใ นสมาบัตทิ ่เี หลืออกี เมอื่ จะทูลถามอรรถน้นั จึงทลู วา อยา งเดยี วเทา น้นั หรอื หนอแล เปน ตน . ฝายพระผมู ีพระภาคเจา ทรงแกค ําถามของปริพาชกน้นั แลว. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ปุถปู  ไดแกม ากกม็ ี. บทวายถา ยถา โช โปฏ ปาท นิโรธ ผุสติ ความวา ดว ยกสิณใด ๆ ในบรรดากสณิ ทงั้ หลายมีปฐวกี สณิ เปน ตน หรือดว ยฌานใด ๆ บรรดาฌานทัง้ หลายมีปฐมฌานเปน ตน . ทา นกลาวอยางน้วี า ก็ถาภิกษเุ ขาถงึ ปฐวีกสิณสมาบัตดิ วยปฐวกี สณิ เปนเหตเุ พียงครั้งเดยี ว ยอมถึงสญั ญานโิ รธอันกอ น ยอดสญั ญาก็มีอันเดยี ว ถา เขาถงึ สองครง้ั สามครง้ั รอยครั้ง พันครงั้ หรอื แสนคร้ังก็ยอ มถงึ สัญญานโิ รธอนั กอ น ยอดสญั ญาก็มถี ึงแสน. ในกสณิ ท่ีเหลือทั้งหลายกม็ ีนัยเชน เดยี วกนั . แมในฌานทงั้ หลาย ถา เขา ถงึ สญั ญานโิ รธอนั กอนดว ยปฐมฌานเปน เหตเุ พียงคร้ังเดยี ว ยอดสัญญาก็มีอยา งเดียว ถา เขาถงึ สัญญา-นโิ รธอนั กอนสองครง้ั สามครัง้ รอยคร้ัง พันคร้งั หรอื แสนคร้ัง ยอด-สญั ญาก็จะมีถึงแสน. ในฌานสมาบัตทิ เ่ี หลือท้ังหลายกน็ ยั นี้. ยอดสญั ญายอ มมีหนง่ึ ดวยอาํ นาจการเขา ถงึ เพยี งครง้ั เดยี ว หรือเพราะสงเคราะหวารแมทั้งปวงดว ยลักษณะแหง การรจู ํา. ยอดสัญญายอมมีมากดวยสามารถการเขา ถงึบอ ย ๆ. บทวา สฺ า นโุ ข ภนเฺ ต ความวา ปริพาชกทลู ถามวา สัญญาของ

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 193ภิกษุผูเ ขาถงึ นโิ รธ ยอมเกดิ ขึ้นกอนหรือพระเจา ขา . พระผมู ีพระภาคเจาทรงพยากรณแกปรพิ าชกนน้ั วา สญั ญาแลเกิดกอน โปฏฐปาทะ. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สฺ า ไดแกฌ านสญั ญา. บทวา าณ ไดแก วปิ สสนา-ญาณ. อกี นัย. บทวา สาฺ  ไดแ ก วิปส สนา. บทวา าณ ไดแ กมรรคสญั ญา. อกี นยั . บทวา สฺา ไดแ ก มรรคสญั ญา. บทวา าณไดแกผลญาณ. ก็พระมหาสิวเถระทรงไตรปฎ กกลาววา ภิกษเุ หลานีพ้ ูดอะไรกัน โปฏฐปาทะไดท ลู ถามนิโรธกะพระผมู พี ระภาคเจา มาแลว บัดนี้ เมอ่ืจะทูลถามถงึ การออกจากนโิ รธ จึงทูลวาขาแตพ ระผมู พี ระภาคเจา เมือ่ ภกิ ษุออกจากนโิ รธ อรหัตตผลสัญญาเกดิ กอ น หรอื วา ปจ จเวกขณญาณเกดิ กอนลําดบั น้นั พระผูมีพระภาคเจา ตรัสแกปริพาชกน้นั วา ผลสญั ญาเกิดกอ นปจจเวกขณญาณเกิดทหี ลงั เพราะฉะนนั้ สัญญาแลเกดิ กอ น โปฏฐปาทะดังน้ีเปนตน. ในบทเหลา นัน้ บทวา สฺ ปุ ฺปาทา ความวา ความเกิดขึน้ แหงปจ จเวกขณญาณยอมมอี ยางนว้ี า เพราะอรหตั ตผลสัญญาเกิดขนึ้ อรหัตตผลน้ีจึงเกดิ ทีหลัง. บทวา อทิ ปปฺ จจฺ ยา กิร เม ความวา นยั วา ปจจเวกขณญาณไดเ กิดขนึ้ แลวแกเ รา เพราะผลสมาธิสัญญาเปนปจจยั . บัดนี้ สกุ รบา นถูกใหอ าบในนํ้าหอม ลูบไลด วยเคร่อื งหอม ประดับประดาพวงมาลา แมย กใหน อนบนทนี่ อนอนั เปนสิริ ก็ไมไดความสขุ ปลอ ยใหไปสูสถานคถู โดยเรว็ ยอ มไดค วามสขุ ฉันใด ปรพิ าชกก็ฉันนนั้ เหมือนกันถกู พระผูมีพระภาคเจาใหอ าบ ลบู ไล ประดับประดาดวยเทศนาท่ปี ระกอบดว ยไตรลักษณอนั ละเอยี ดสขุ มุ บาง ยกข้ึนสูท ี่นอนอันเปนสริ คิ อื นโิ รธกถา เมอื่ ไมไดความสขุ ในนโิ รธกถานั้น ถอื เอาลัทธขิ องตนเชน เดียวกับสถานคถู เม่อื

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 194จะทูลอรรถนน้ั เทยี ว จึงทลู วา พระเจา ขา สัญญาหนอแลเปน ตนของบรุ ษุ ดงั นี้เปน ตน ลําดับน้ัน พระผมู ีพระภาคเจา ทรงถือมติเล็กนอ ยของปรพิ าชกน้ันมีพระประสงคจะพยากรณ จงึ ตรัสวา กเ็ ธอปรารถนาตนอยา งไร เปนตน.โดยทปี่ รพิ าชกนน้ั เปน ผูม ลี ัทธอิ ยา งนีว้ า ตนไมม ีรูป จงึ คดิ วา พระผมู พี ระ-ภาคเจา ทรงฉลาดดใี นการแสดงพระองคค งไมก ําจดั ลัทธขิ องเราตั้งแตต น เทยี วเมื่อจะนําลทั ธขิ องตน จึงทูลวา อันหยาบแลเปน ตน . ครัน้ พระผูม พี ระภาคเจาจะทรงแสดงโทษในลัทธินนั้ แกป รพิ าชกน้นั จึงตรสั คาํ เปนตนวา กต็ นของเธอหยาบ ดงั น.้ี บรรดาบทเหลา น้นั บทวา เอว สนฺต ความวา คร้นั เมอ่ื เปนอยางนน้ั .จรงิ อยูคาํ น้นั เปน ทุติยาวิภัตตลิ งในอรรถแหง สตั ตมวี ภิ ตั ติ. อกี อยางหนง่ึ ในบทนวี้ า ครนั้ เม่อื เปนเชนนัน้ เมื่อเธอปรารถนาตนมอี รรถดังน้.ี ทา นกลา ววากเ็ พราะความที่ขนั ธ ๔ เกิดพรอ มกบั ดบั พรอมกัน สญั ญาใดเกดิ สัญญานนั้ ดบักเ็ พราะอาศยั กนั และกัน สญั ญาอ่ืนเกดิ และสญั ญาอื่นดบั . บดั นี้ ปรพิ าชกเมือ่ จะแสดงลัทธอิ น่ื จงึ กลาวคําวา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ขา พระองคปรารถนาตนอนั สาํ เรจ็ ดวยใจแล ดังน้ีเปนตน ครัน้ แมในลัทธนิ ้นั ใหโทษแลว ถือลัทธิอนื่ ละลทั ธิอนื่ เม่อื จะกลา วลทั ธิของตนในบัดนี้ จึงทลู วา ไมมีรูปแล ดังน้ีเปนตน เหมอื นคนบาถือสัญญาอืน่ สละสญั ญาอ่นื ตราบเทาท่สี ญั ญาของเขาไมต งั้ มน่ั แตจะกลา วคาํ ทค่ี วรกลา วในกาลท่มี ีสัญญาตงั้ ม่ัน. ในลัทธแิ มน ั้น เพราะเขาปรารภความเกดิ และความดับแหงสญั ญา แตส าํ คญั ตนวาเทย่ี ง เพราะฉะนัน้ พระผูม ีพระภาคเจา เมือ่ ทรงแสดงโทษแกปรพิ าชกอยางนั้น จึงตรัสวา ครั้นเปนอยางนน้ั เปน ตน . ลําดบั นัน้ปรพิ าชกไมรูตนตา ง ๆ น้นั แมท ี่พระผูมพี ระภาคเจา ตรัส เพราะความทตี่ นถูก

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 195ความเห็นผิดครอบงาํ จงึ ทลู วา ก็ขา พระองคอาจทราบไดหรือไมว า สญั ญาเปน ตน ของบุรุษ หรอื สัญญาก็อยา งหน่ึง ตนก็อยา งหนงึ่ ดงั นเ้ี ปน ตน.ลําดับนั้น เพราะปริพาชกน้ันแมเหน็ อยซู ่ึงความเกิดและความดับแหงสญั ญาจึงสําคญั ตน อนั สําเร็จดวยสัญญาเปนของเทย่ี งทีเดยี ว เพราะฉะนั้น พระผูพระภาคเจาจึงตรสั คําวา รูไดย าก เปนตนแกป รพิ าชกนน้ั . ในบทนนั้ เนือ้ ความโดยยอ ดงั นี้ เธอมที ฏิ ฐเิ ปน อยา งอื่น มีขันติเปนอยางอน่ื มีความชอบใจเปนอยา งอนื่ มที สั นะเปนไปโดยประการอ่ืนและทัสนะอยางอ่นื ควรแกเ ธอ และพอใจแกเธอ มีความพยายามในลทั ธิอน่ื มอี าจารยใ นลัทธิอน่ื เพราะความท่ปี ระกอบความขวนขวายปฏบิ ตั ิอยางอืน่ คือความเปน อาจารยในลัทธิเดยี รถยี อยา งอ่นื ดวยเหตนุ นั้ ขอ ที่วา สญั ญาเปน ตนของบรุ ุษ หรือสญั ญาก็อยา งหนึง่ ตนก็อยางหนง่ึ ดังน้ันนั่น อันเธอผมู ีทิฏฐิอยางอ่ืนมขี ันติเปนอยางอ่ืน มคี วามชอบใจเปน อยา งอ่นืมคี วามพยายามในลัทธอิ ืน่ มีอาจารยในลัทธิอ่นื รไู ดย ากนกั . ลําดับนน้ั ปริพาชกคดิ วา สัญญาเปนตนของบุรษุ หรอื วา สัญญาเปนอยา งอน่ื เราจักทูลถามถึงความทตี่ นนั้นเปนของเท่ียงเปน ตน นน่ั จึงทูลอกี วา กึ ปน ภนเฺ ต เปน ตน . บรรดาบทเหลาน้นั บทวา โลโก ความวาปริพาชกกลา วหมายถึงตน. บทวา น เหต โปฏปาท อตถฺ สฺหติ  ความวาดกู อ นโปฏฐปาทะ ขอนั่นอิงทฏิ ฐิ ไมป ระกอบดวยประโยชนใ นโลกนี้หรอืในโลกอ่นื ไมประกอบดว ยประโยชนต นและประโยชนค นอ่นื . บทวาน ธมมฺ สฺหติ  ความวา ไมประกอบดวยโลกุตตรธรรมเกา. บทวาน อาทพิ รฺ หมจฺ รยิ ก ความวา ไมเ ปน เบื้องตนแหง พรหมจรรยในศาสนากลาวคือไตรสิกขา ท้ังไมเ ปนอธลิ ีลสกิ ขาดวย บทวา น นพิ ฺพทิ าย ความวา

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 196ไมเปนไปเพอื่ ประโยชนแหง ความเบื่อหนายในสงั สารวัฏ. บทวา น วิราคายความวา ไมเ ปนไปเพอ่ื ประโยชนแ หง การสํารอกวัฏ. บทวา น นิโรธธายความวา ไมเปนไปเพ่ือประโยชนแหงการกระทาํ การดบั วฏั . บทวาน อปุ สมาย ความวา ไมเ ปน ไปเพอื่ ประโยชนใ นการสงบระงบั วฏั . บทวาน อภิฺาย ความวา ไมเปนไปเพ่อื รแู จง ซึ่งวัฏ คือ เพ่ือกระทาํ ใหป ระจักษ.บทวา น สมฺโพธาย ความวา ไมเ ปน ไปเพอ่ื ประโยชนแ กก ารรูชอบซ่งึ วฏั .บทวา น นิพพฺ านาย ความวา ไมเปน ไปเพ่ือกระทําใหป ระจักษ ซ่งึ อมต-มหานิพพาน. ในบทวา นท้ี ุกข เปนตน มอี รรถวา ขนั ธหา อันเปน ไปในภมู ิสามเวน ตัณหา เราพยากรณว าทุกข ตณั หาอันมขี นั ธหา น้ันเปนปจ จัย เพราะเปนบอ เกดิ แหง ทกุ ขน ้นั เราพยากรณว า ทุกขสมทุ ยั ความไมเปนไปแหงขันธ และตัณหาทั้งสองนั้น เราพยากรณวา ทกุ ขนิโรธ มรรคมอี งคแ ปดอนั ประเสริฐ เราพยากรณว า ทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา. กพ็ ระผมู พี ระภาคเจาครนั้ ตรสั ดังนแ้ี ลว ทรงดาํ รวิ า ชื่อวา ความปรากฏแหง มรรคหรือการกระทําใหแจงซงึ่ ผล ไมม แี กป ริพาชกน้ี และเปน เวลาภกิ ษาจารของเราแลว จงึ ทรงน่งิ เสยี . ฝายปรพิ าชกรพู ระอาการนัน้ เหมือนจะทลู บอกถึงการเสดจ็ ไปของพระผมู พี ระภาคเจา จงึ ทลู วา เอวเมต เปน ตน. บทวา วาจาย สนฺนิปโตทเกน ความวา ดวยปฏักคอื ถอยคํา. บทวาสฺชมภฺ ริมภ สุ ความวา ไดท ําการเสยี ดแทงโปฏฐปาทปรพิ าชกโดยรอบคือกระทบเนอ่ื งนติ ย. ทา นกลา ววา เสยี ดแทงเบือ้ งบน. บทวา ภูต ความวา มอี ยูโดยสภาพ. บทวา ตจฉฺ  ตถ เปนไวพจนข องบทนน้ั แล. บทวา ธมมฺ ฏ ิตต ความวา สภาพตง้ั อยใู นโลกตุ ตรธรรมเกา .

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 197บทวา ธมมฺ นิยามต ความวา แนน อนถกู ตอ งตาม ทํานองคลองโลกตุ ตรธรรม.จรงิ อยู ขน้ึ ช่ือวา กถาทีพ่ น จากสจั จะท้ังส่ี ยอ มไมม ีแกพ ระพุทธเจาทงั้ หลายเพราะฉะน้นั กถาจงึ เปน เชน น้ี. บทวา จิตโฺ ต จ หตถฺ ิสารปิ ตุ โฺ ต ความวา ไดย ินวาจิตตหัตถิสารบี ตุ รนน้ั เปนบตุ รของควาญชางในกรุงสาวตั ถี บวชในสาํ นักของพระผูมีพระภาคเจา เลาเรียนไตรปฎ ก เปนผฉู ลาดในระหวา งแหง อรรถทงั้ หลายอนั ละเอียด.แตบ วชแลว สกึ เปนคฤหสั ถถ ึงเจด็ ครง้ั ดว ยอํานาจแหง บาปกรรมท่เี คยกระทําไวในกาลกอ น. ไดย ินวา ในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพทุ ธเจา พระนามวา กัสสปะยงั มีสหายสองคนพรอ มเพียงกนั สาธยายรว มกนั . ในสหายทัง้ สองน้ัน สหายคนหน่งึ ไมค วามยนิ ดี ยงั จติ ใหเ กิดข้ึนในความเปน คฤหสั ถ จึงกลาวแกสหายอกี คนสหายคนหน่ึงนนั้ แสดงโทษในความเปน คฤหัสถแ ละอานสิ งสแหงบรรพชาส่ังสอนเธอ. สหายคนแรกนน้ั ฟงสหายอกี คนนัน้ แลว ยินดีในวันหน่ึงอกีครั้นจิตเชน นัน้ เกิดขน้ึ แลว จึงบอกกะเพื่อนวา ทานผูม ีอายุ จติ เห็นปานนัน้เกดิ ขึน้ แกผ ม ผมจักใหบาตรและจีวรนี้แกทา น. สหายอีกคนนัน้ เพราะมีความโลภในบาตรและจีวร จึงแสดงอานสิ งสในความเปนคฤหัสถ แสดงโทษแหงบรรพชาอยา งเดยี ว. ครง้ั น้นั เพราะความท่ีเขาฟงเพ่ือนแลว เปน คฤหสั ถจิตก็เบื่อหนายยนิ ดีในบรรพชาอยางเดยี ว. เธอนั้นไดส ึกถึงหกคร้ังในบดั นี้เพราะความทเี่ ธอแสดงอานิสงสใ นความเปน คฤหสั ถแ กภ กิ ษผุ มู ศี ลี ในกาลน้ันแลวบวชในครงั้ ท่ี ๗ ไดโตแ ยง สอดขน้ึ ในระหวา งทีพ่ ระมหาโมคคลั ลานะและพระมหาโกฏฐิตเถระ กลา วอภธิ รรมกถา. ลาํ ดับน้นั พระมหาโกฏฐิตเถระจึงไดร กุ รานตเิ ตยี นเธอ. เธอเมือ่ ไมอาจเพื่อดาํ รงอยใู นวาทะทมี่ หาสาวกกลา วได

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 198จงึ ไดส กึ เปน ฆราวาส. ก็เธอผูน้ี เปนเพอ่ื นคฤหัสถของโปฏฐปาทปริพาชกเพราะฉะนน้ั จงึ สึกไปสูสาํ นกั ของโปฏฐปาทปริพาชกโดยลว งไปสองสามวัน.ตอมาโปฏฐปาทะนัน้ เหน็ เขาแลว จงึ พดู วา แนะเพื่อน ทา นทําอะไร ทา นจึงหลีกออกจากศาสนาของพระศาสดาเห็นปานนี้ จงมา ทานสมควรบวชในบดั น้ีพาเขาไปสสู ํานักของพระผมู พี ระภาคเจา. ดวยเหตนุ น้ั ทา นจึงกลา ววา จติ ต-หัตถิสารีบตุ รและโปฏฐปาทปรพิ าชก ดังน้.ี บทวา อนฺธา ความวา เพราะความทีจ่ ักษุคือปญ ญาไมม.ี ช่อื วาไมม ีจกั ษุ เพราะไมมีจกั ษคุ อื ปญญาน้ัน. บทวา ตฺวเฺ จว เนส เอโก จกฺขมุ าความวา มจี ักษคุ อื ปญญาสกั วา รสู ภุ าษิตและทุพภาสติ . บทวา เอก สกิ า ความวาสว นหนึ่ง. บทวา ปฺ ตฺตา ความวา ตง้ั แลว . บทวา อเนก สิกา ความวาไมใ ชส ว นเดียว อธบิ ายวา ไมไ ดต รสั วา เท่ยี ง หรือวาไมเทีย่ งโดยสวนเดียว. พระผูม พี ระภาคเจาทรงปรารภคาํ วา สนฺติ โปฏ ปาท นี้ เพราะเหตุไร.เพอ่ื ทรงแสดงถงึ บัญญัตทิ ี่สดุ อนั เจา พาเหยี รทง้ั หลายบัญญัติไว ไมเ ปน เคร่ืองใหอ อกจากทุกขได. เดยี รถยี แ มท ั้งปวง ยอ มบัญญตั ิทส่ี ุดดวยอํานาจวา โลกมีที่สุดเปน ตน ในลทั ธขิ องตน ๆ เหมือนพระผมู ีพระภาคเจาทรงบญั ญัติอมตนพิ พานฉะนน้ั . กบ็ ัญญตั ิทสี่ ุดนั้น ไมเปน ทนี่ าํ ออกจากทุกขไ ด เปนเพียงบญั ญตั ิยอ มไมราํ ออกจากทุกข ไมไ ป อันบณั ฑิตท้ังหลายปฏิเสธเปน ไปกลบั โดยประการอืน่ เพื่อทรงแสดงบญั ญัตทิ ส่ี ุดน้นั พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสอยางนี้ในบทเหลานั้น บทนี้วา เอกนตุ สขุ  โลก ชาน ปสฺส ความวา ทา นทัง้ หลายเมื่อรเู มื่อเหน็ อยา งนีว้ า ในทิศตะวันออก โลกมีสุขโดยสวนเดียว หรอื ในทศิ ใดทิศหนงึ่ บรรดาทศิ ท้งั หลายมีทิศตะวันตกเปน ตน อยเู ถดิ วัตถทุ ง้ั หลายมีทรวดทรงแหงรางกายเปนตนของมนุษยท ง้ั หลายในโลกน้นั ทานทั้งหลายเคย

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 199เห็นแลว . บทวา อปฺปาฏหิ ิรีกต ความวา ภาษติ ไรผ ล คอื เวนจากการแจง ใหทราบ ทา นกลา ววาเปนทไี่ มน าํ ออกจากทุกข. บทวา ชนปทกลยฺ าณี ความวา ไมเปนเชน กับหญิงทั้งหลายอ่ืน ท่ีมีผวิพรรณทรวดทรงลีลาอากปั กิริยาเปนตนในชนบท. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงความที่บัญญัตทิ สี่ ุด ในสมณพราหมณเหลา อืน่ ไมเปน ทน่ี าํ ออกจากทุกขอยางนีแ้ ลว จึงตรัสวา ตโย โข เม โปฏ-ปาท เปน ตน เพือ่ ทรงแสดงความท่ีบญั ญัตขิ องพระองคเ ปนธรรมนําออกจากทกุ ขได. ในบทเหลานน้ั บทวา อตฺตปฏลิ าโภ ความวาการกลบั ไดอัตตภาพ.กใ็ นบทวา อตตฺ ปฏลิ าโภ นน้ั พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงภพ ๓ ดวยการกลับไดอ ัตตภาพ ๓ อยา ง. ทรงแสดงกามภพตัง้ แตอ วจี ิ มปี รนมิ มติ วสวสั ดีเปนท่ีสุดดว ยการกลบั ไดอัตตภาพท่หี ยาบ. ทรงแสดงรูปภพต้ังแตช น้ั ปฐมฌาน ถงึ อกนิฏ-ฐพรหมโลกเปน ทสี่ ุด ดว ยการกลบั ไดอัตตภาพท่ีสาํ เรจ็ ดวยใจ. ทรงแสดงอรปู -ภพตงั้ แตอากาสานญั จายตนพรหมโลกมีแนวสัญญาณสญั ญายตนพรหมโลกเปนท่สี ุด ดวยการกลบั ไดอ ัตตภาพทไี่ มมรี ปู . อกศุ ลจิตตปุ บาทสิบสองอยาง ช่ือวา สงั กเิ ลสธรรม สมถวปิ ส สนา ชื่อวาโวทานธรรม. บทวา ปฺ าปารปิ ูรึ เวปลุ ลฺ ตตฺ  ความวา ซง่ึ ความบรบิ ูรณและความไพบูลยแ หง มรรคปญญาและผลปญ ญา. บทวา ปามชุ ชฺ  ไดแ กปต ิอยา งออน. บทวา ปต ิ ไดแกความยนิ ดีมีกาํ ลัง. ทา นกลาวอยางไร. ทานกลาวอยา งนวี้ า ในบทที่ทา นกลาววา กระทําแจงดว ยอภญิ ญาดว ยตนเอง จกั เขา ถงึอยนู ้นั เมอ่ื ภิกษนุ ั้น อยูอ ยา งน้ี กจ็ ักมคี วามปราโมทย ปต ิ ความสงบใจและกาย สติดาํ รงดี อดุ มญาณและอยอู ยา งสุข และในบรรดาการอยูท ัง้ ปวง การอยูอยางน้ีนัน้ เทยี ว สมควรกลา ววา เปน สุข คือสงบแลว มคี วามหวานอยางยิ่ง.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 200 บรรดาฌานเหลาน้นั ในปฐมฌาน ยอมไดธ รรมแมหกอยา งมีความปราโมทยเ ปน ตน. ในทตุ ิยฌาน ความปราโมทยก ลาวคอื ปต อิ ยางออ น ยอ มเปน ไป ยอ มไดธรรมหาอยางที่เหลอื . ในตตยิ ฌาน แมปตทิ ีย่ อ มเปน ไป ยอ มไดธรรมสอ่ี ยางทเ่ี หลอื . ในจตตุ ถฌานกเ็ หมอื นกัน. ก็ในฌานเหลาน้ี ทานกลาวฌานทีเ่ ปนบาทแหงวปิ ส สนาบริสทุ ธเ์ิ ทา นั้นไวในสมั ปสาทสูตร. กลา ววิปสสนาพรอ มกับมรรคสี่ในปาสาทกิ สูตร. กลา วผลสมาบตั ิอนั เกี่ยวกับจตตุ ถญานในทสุตตรสตู ร. ผลสมาบัตเิ ก่ยี วกบั ทุตฌิ านทําปราโมทยใหเปน ไวพจนของปติพึงทราบวา ทา นกลา วไวแลว ในโปฏฐปาทสูตรน้ี. วา ศัพทใ นบทนว้ี า อย วา โส เปนอรรถลงในการทําใหแจง . เราใหแจม แจง แลว ประกาศแลววา นนี้ น้ั พงึ พยากรณ. ความวา สมณพราหมณเหลา อื่น ถูกเราถามอยางน้ีวา ทานท้งั หลายรูจกั ตนอนั มีสุขโดยสวนเดียวหรือกจ็ ะกลา ววา ไมร จู กั โดยประการใด เราจะไมก ลา วโดยประการนนั้ . บทวาสปฺปาฏิหิรกี ต ความวา ภาษิตจะมกี ารแจงใหทราบ คือเปนทีน่ ําออกจากทกุ ข. บทวา โมโฆ โหติ ความวา เปน ของเปลา. อธบิ ายวา การไดอตั ตภาพนั้น ยอมไมมีในสมยั น้นั . บทวา สจโฺ จ โหติ ความวา เปน ของมีจรงิ . อธิบายวา การไดอัตตภาพนน้ั เทยี ว เปนของจริงในสมัยนั้น. กใ็ นขอน้ี จติ ตบตุ รควาญชางนแี้ สดงการไดอ ตั ตภาพ ๓ อยางเพราะความท่ีตนไมเ ปน สัพพญั ู จึงไมส ามารถยกข้ึนอางวา ธรรมดา การไดอัตตภาพนัน่ เปน เพยี งบญั ญตั ิ จงึ กลาวเล่ียงวา การไดอตั ตภาพเทานัน้ . ลาํ ดบั นัน้ พระผูมีพระภาคเจา ทรงประสงคจ ะแสดงแกจิตตบ ตุ รควาญชา งนน้ั วา กใ็ นขอ นี้ ธรรมทั้งหลายมรี ูปเปน ตน การไดอัตตภาพน้ันเปน เพยี งสกั วาชื่อ คร้นั ธรรมทัง้ หลายมีรปู เปนตน น้นั ๆ มีอยูโวหารมรี ูปปานนี้ ก็ยอมมี เพ่ือทรงจับเอาถอยคําของจติ ตบ ตุ รควาญ-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook