Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิจัย มทร.ธัญบุรี ปีที่ 20 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2564)

วารสารวิจัย มทร.ธัญบุรี ปีที่ 20 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2564)

Published by IRD RMUTT, 2021-06-30 09:30:43

Description: วารสารวิจัย มทร.ธัญบุรี ปีที่ 20 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2564)

Search

Read the Text Version

วารสารวจิ ยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ปที ่ี 20 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถนุ ายน 2564 วตั ถุประสงค์ วารสารวิจัย มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (RJ-RMUTT) เป็นวารสารที่เผยแพร่องค์ความรู้ และ ประสบการณ์ทางด้านวิชาการและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีจุดหมายและวัตถุประสงค์ของ วารสารวจิ ัยดงั นี้ 1. เพอ่ื เผยแพร่แนวความคิด งานวิจยั การพฒั นาและประเดน็ สำคญั ในด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 2. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกสาขาวิชา ซึ่งเป็นทั้งงานวิจัย พ้นื ฐานและงานวจิ ยั ประยกุ ต์ ทั้งนี้วารสารวิจัยของมหาวิยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีอยู่ในฐานข้อมูลดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index Centre, TCI Centre) โดยผ่านการรับรองคุณภาพจาก TCI และจะมุ่งเน้นพัฒนา คุณภาพเพื่อเขา้ ส่ฐู านข้อมูลสากลตอ่ ไป ผู้ช่วยศาตราจารยส์ มหมาย ท่ีปรกึ ษา รองศาสตราจารยก์ ฤษณช์ นม์ ผวิ สะอาด อธิการบดี ผชู้ ่วยศาตราจารย์พงศ์พชิ ญ์ ภมู ิกิตตพิ ชิ ญ์ รองอธกิ ารบดี ผชู้ ว่ ยศาตราจารย์สริ แิ ข ตว่ นภูษา รองอธิการบดี Prof. Sean พงษ์สวสั ด์ิ ผเู้ ชย่ี วชาญเฉพาะด้าน Prof. Hee Young Danaher Northumbria University (UK) Prof. Seiichi Lee Yeungnam University (Korea) Kawahara Nagaoka University of Technology (Japan) ผ้ชู ว่ ยศาตราจารย์วารณุ ี บรรณาธกิ าร อริยวิรยิ ะนนั ท์ ผอู้ ำนวยการสถาบนั วจิ ัยและพัฒนา กองบรรณาธกิ ารภายนอก ศาสตราจารย์ผดงุ ศกั ดิ์ รตั นเดโช มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ตรที ศ ศาสตราจารยพ์ ิเชษฐ เหลา่ ศริ ิหงส์ทอง มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารยค์ มสัน ศาสตราจารย์สนอง ล้ิมสุวรรณ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี ศาสตราจารยเ์ ภสัชกรหญงิ พรอนงค์ ศาสตราจารย์ชูกิจ มาลสี ี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั รองศาสตราจารยว์ สกร เอกสทิ ธิ์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั อรา่ มวิทย์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ลิมปิจาํ นงค์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี บัลลงั กโ์ พธ์ิ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

กองบรรณาธกิ ารภายใน รองศาสตราจารยบ์ ญุ ยัง ปลั่งกลาง คณะวศิ วกรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์จตรุ งค์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จักรี ลงั กาพนิ ธ์ุ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารยส์ รพงษ์ รองศาสตราจารย์อมร ศรีนนทฉ์ ตั ร คณะวศิ วกรรมศาสตร์ ผูช้ ่วยศาสตราจารยน์ รศิ ร์ ภวสุปรยี ์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ ไชยสตั ย์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี บาลทิพย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จดั ทำโดย สถาบนั วิจัยและพัฒนา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี เลขที่ 39 หมทู่ ี่ 1 ตำบลคลองหก อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทมุ ธานี 12110 โทรศพั ท์ 0 2549 4681 โทรสาร 0 2577 5038 และ 0 2549 4680 Website: http://www.ird.rmutt.ac.th คณะผู้จดั ทำ นางสาวกชกร ดาราพาณิชย์ สถาบันวจิ ัยและพัฒนา นางสาวสรญั ญา นางสาวฉตั รวดี สวุ นิ ยั สถาบนั วิจยั และพฒั นา นางสาวณฐั วรรณ นางสาวมนต์ทิชา สายใยทอง สถาบันวิจยั และพัฒนา ธรรมวัชรากร สถาบนั วิจัยและพฒั นา รัตนพันธ์ สถาบันวิจยั และพฒั นา นางสาวสรญั ญา สุวนิ ัย ออกแบบปก นางสาวมนต์ทชิ า รตั นพนั ธ์ สถาบันวจิ ัยและพฒั นา สถาบนั วิจยั และพัฒนา นางสาวสรญั ญา จดั ทำรปู เลม่ สวุ ินัย สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา

คำนำ วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (RJ-RMUTT) เป็นวารสารที่ส่งเสริมงานด้านวิจัยและ ดำเนินงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index, TCI Centre) รับตีพิมพ์บทความวิจัย บทความวิชาการ เปิดรับบทความทั้งเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยครอบคลุมในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีจุดมุ่งหมายเพือ่ เผยแพร่และถา่ ยทอดผลงานวจิ ยั และวิชาการ รวมถงึ แนวคิดในการพัฒนางานวิจัย เพ่ือกระตุน้ ใหเ้ กิดเป็นแนวทางการ อภปิ รายทุกสาขาซึง่ เปน็ ทง้ั งานวิจยั พนื้ ฐาน และวจิ ัยประยุกต์ ทงั้ ภายใน และภายนอกมหาวิทยาลยั สำหรับวารสารวิจัยปีที่ 20 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2564) ได้รวบรวมผลงานทางวิชาการจาก ผลการวิจัยทั้งสิ้น จำนวน 15 บทความ ประกอบด้วยบทความจากผลงานวิจัยจากหลากหลายสาขา ซึ่งได้ผ่านการ กลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิ (peer review) ทั้งภายนอกและภายในมหาวิทยาลัย กองบรรณาธิการหวังเป็นอย่างย่งิ ว่า ทกุ บทความจะเปน็ ประโยชนแ์ ละสามารถช่วยพัฒนางานวิจัยแกผ่ ูท้ ีส่ นใจให้ก้าวหนา้ ตอ่ ไปได้ กองบรรณาธกิ าร

สารบญั การศกึ ษาความเป็นไปได้ในการผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักร่วมระหว่างหญ้าเนเปียร์ทปี่ ลกู ในดนิ เส่ือมโทรม 1 และมลู สกุ ร Feasibility Study the Methane Production with Co-digestion between Napier Grass in Degrade Land and Swine Manure วนัสพรรศั ม์ สวัสดี มหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถมั ภ์ การวเิ คราะหแ์ นวโน้มงานตรวจพสิ ูจนเ์ ขม่าดินปนื ในประเทศไทย 9 Trend of Gunshot Residue Examination in Thailand เชษฐส์ ดุ า จิตตก์ ารุณย์ และ วรธชั วิชชวุ าณิชย์ โรงเรยี นนายร้อยตำรวจ การพัฒนารปู แบบระบบควบคุมฟารม์ อัจฉรยิ ะในโรงเรอื นปลกู พชื โดยใช้คอมพวิ เตอร์แบบฝงั 21 Development of Smart Farms in Greenhouses through the Embedded System ปวันนพสั ตร์ ศรีทรงเมอื ง, ชาญณรงค์ ศรที รงเมอื ง, สุมนา บุษบก และ ชุติกานต์ หอมทรัพย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ ศูนย์พระนครศรอี ยุธยาหันตรา การพัฒนาผลติ ภัณฑ์บราวนเี่ พือ่ สขุ ภาพจากถั่วสามสี 30 Development of Healthy Brownie from Three Colored Beans สุวภาณี บุญเสน, ณัฐสมิ า บุญใบ, สมุ นา พลู ยมิ้ , อญั ธิศร สริ ิทรัพย์เจรญิ , พรี พงศ์ งามนคิ ม, และ ศริ ิลกั ษณ์ สรุ นิ ทร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั จนั ทรเกษม ศึกษาอุณหภูมิสีของแสงเทียบเคียงแผ่นกรองแสงปรับอุณหภูมิสีของแสงโคมไฟสำหรับการจัดแสง 40 ภาพเคล่อื นไหว Study of Compared Color Temperature of Color Correction Filter from Luminaries for Motion Pictures จริ ศกั ดิ์ ปรีชาวีรกุล และ อนสุ รณ์ สาครดี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี เปรียบเทยี บลกั ษณะทางพฤกษศาสตรข์ องบัวหลวง 4 สายพนั ธเ์ุ พ่ือการใชป้ ระโยชน์ 53 Comparison of Botanical Characteristics of 4 Cultivars of Nelumbo nucifera Gaertn. for Utilization เยาวมาลย์ นอ้ ยใหม่, รจุ ิรา เดชสูงเนิน และ กฤษณะ กลัดแดง มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี Development of Stakeholder Data Management System 68 Suban Lertnawapan and Suchai Thanawastien Shinawatra University

สารบญั (ต่อ) การศึกษาบริเวณที่มีความหนาแน่นของการเกิดอาชญากรรมคดีโจรกรรมรถจักรยานยนต์เชิงพื้นที่ในเขต 79 ชายแดนไทย – กัมพูชา จังหวดั สระแกว้ ในรูปแบบภมู สิ ารสนเทศ Crime Mapping and Spatial Analysis of Motorcycle Thefts in the Thai-Cambodian Border in Sa Kaeo Province using the Geographic Information System อัจฉราพรรณ มากฤทธิ์ และ วรธชั วิชชุวาณชิ ย์ โรงเรยี นนายรอ้ ยตำรวจ ผลของชนิดบรรจภุ ัณฑต์ อ่ คุณภาพของเกสรบัวหลวงอบแห้ง 91 Effect of Packaging Types on Quality of Dried Lotus Stamens อนิ ทริ า ลจิ ันทรพ์ ร และ ภูรินทร์ อคั รกุลธร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี A Cost-Effective and Environmentally Friendly Approach in Using Green Tea Extracts 103 for The Determination of Iron Ion with PiCOEXPLORER Yaowalak Khanhuathon and Napaporn Wannaprom Chiang Rai Rajabhat University ลกั ษณะทางประสาทสัมผัสของขนมปงั ถ่วั เหลืองและขนมปังดอกดาวเรอื ง (Tagetes erecta L.) 114 Sensory Characteristics of Soybean Breads and Marigold (Tagetes erecta L.) Breads ณัฐกิตติ์ แพรศรีธนรกั ษ์, นารยี า ธนากรวิเศษ, นรศิ รา เหลืองประภา, กมลเนตร บญุ วเิ ทียน และ ณฐั ธญาณ์ ศรสี วุ อ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ In Vitro Self and Cross Pollinated Seed Culture of Nymphaea rubra ‘Maeploi’, A Night – 123 Blooming Tropical Waterlily Hybrid (Nymphaeaceae) from Thailand Itsaraphong Khaenthong, Ngarmnij Chuenboonngarm and Atchara Muengkrut Rajamangala University of Technology Thanyaburi ผลของผงวุ้นลกู สำรองตอ่ คุณสมบตั ิทางกายภาพ ทางเคมี และทางประสาทสมั ผัสของกุนเชยี งปลาดกุ 134 Effect of Malva Nut Gum Powder on Physical, Chemical and Sensorial Properties of Catfish Chinese Sausage อญั ชลินทร์ สิงหค์ ำ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี การจัดการกระบวนการฉีดพลาสตกิ กรณีศึกษา โรงงานผลิตชน้ิ ส่วนไฟฟา้ ประเภทโคมไฟ 145 Management of Plastic Injection Processes: A Case Study of Electric Lamp Manufacturing กนกพร พุม่ แยม้ , วรรณลกั ษณ์ เหล่าทวีทรพั ย์ และ สุพิชชา ชวี พฤกษ์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ

สารบญั (ต่อ) การพัฒนาระบบแสดงผลภาพเพื่อวิเคราะห์ปริมาณฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก 2.5 ไมโครเมตร (PM2.5) ในเขต 157 พนื้ ท่กี รุงเทพมหานคร Development of Data Visualization for Particulate Matter 2.5 micrometers Analysis in Bangkok วนั มงคล พิกุลแย้, ปราลี มณีรตั น์ และ นเิ วศ จิระวชิ ติ ชยั มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 1 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) การศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักร่วมระหว่างหญ้าเนเปียร์ ที่ปลกู ในดินเสอ่ื มโทรมและมูลสุกร Feasibility Study the Methane Production with Co-digestion between Napier Grass in Degrade Land and Swine Manure วนสั พรรศั ม์ สวัสด*ี Vanatpornratt Sawasdee* สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการสิ่งแวดล้อม วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏว ไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จ.ปทุมธานี 13180 Program in Innovation of Environmental Management, College of Innovative Management, Valaya Alongkorn Rajabhat University Under the Royal Patronage Pathumthani 13180, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected], [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: This research was feasibility study the methane production with Received: 21 May, 2020 co-digestion between Napier grass in degrade land and swine manure. Revised: 16 June, 2020 The feasibility consideration was divided into 2 parts: methane Accepted: 5 August, 2020 production and economic feasibility. The degrade land is saline, acid, and Available online: 3 February, 2021 compact soil. The ratio of co-digestion between Napier grass and swine DOI: 10.14456/rj-rmutt.2021.1 manure was 1:2 and the conditions were controlled for methane Keywords: feasibility study, production with completely mixed. This research found that the methane production, co- methane production from acid soil was effective with cumulative digestion, Napier grass, methane 9 liters, methane production potential 9,280 ml, and maximum degrade land methane production rate 872.20 ml h-1, in term of Napier grass in saline, and compact soil were 2,936.57 and 1,967.75, respectively. The maximum methane production rate from Napier grass in saline, and compact soil were 767.45, and 910.56 ml h-1, respectively. The consideration of feasibility study for the project was studied benefit / cost ratio (B/C ratio), net present value (NPV), internal rate return (IRR), and payback period (PBP). The research found that B/C ratio was more

2 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) than 1, B/C ratio is the first of factor that can be considered economic feasibility. Payback period was less than 1 year. NPV and Internal rate return (IRR) of Napier grass in acid soil were 95,991.95 bath and 117%, respectively. These factors showed that this project is worth to investment for methane production in household. บทคัดยอ่ คุ้มค่าและเหมาะสมสำหรับการนำมาปรับใช้ในการผลิต ก๊าซมเี ทนสำหรับครวั เรือนตอ่ ไป งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ในการ ผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักร่วมระหว่างหญ้าเนเปียร์ที่ คำสำคญั : การศกึ ษาความเป็นไปได้ การผลติ กา๊ ซมีเทน ปลูกในดินเสื่อมโทรมและมูลสุกร การพิจารณาความ การหมกั รว่ ม หญา้ เนเปียร์ ดินเสอ่ื มโทรม เป็นไปได้นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ผลผลิตก๊าซมีเทน และ ความเป็นไปไดใ้ นเชิงเศรษฐศาสตร์ พื้นที่ดินเสื่อมโทรมใน บทนำ งานวิจัยนี้ สามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ดินเค็ม ดิน เปรี้ยว และดินดาน อัตราส่วนหญ้าเนเปียร์ตอ่ มูลสกุ ร คือ พลังงานทางเลือกสำหรับประเทศไทยใน 1:2 และควบคุมสภาวะให้เหมาะสมต่อการผลิตกา๊ ซมีเทน ปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยใชร้ ะบบกวนสมบรู ณ์ (Completely Mixed) จากการ นอกจากจะหาพลังงานทางเลือกเพื่อทดแทนพลังงาน วิจยั พบว่าการผลิตก๊าซมเี ทนจากหญ้าเนเปียร์ท่ีปลูกในดิน ฟอสซิลนั้นยังสามารถลดมลพิษสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่าง เปรี้ยวมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยปริมาณมีเทนสะสม ดี โดยพลังงานทางเลือกมีหลายประเภท ดังนี้ พลังงาน มากถึง 9 ลิตร ที่อัตราการผลิตมีเทนสูงสุด 9,280.80 ความร้อนใต้พิภพ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม มิลลิลิตร และอัตราเร็วสูงสุดในการผลิต คือ 872.20 พลังงานน้ำขนาดเล็ก เชื้อเพลิงชีวมวล และก๊าซชีวภาพ มิลลลิ ิตร/ชั่วโมง ในส่วนหญ้าเนเปยี รท์ ปี่ ลกู ในดินเค็ม และ ซึ่งสำหรับประเทศไทยพลังงานที่น่าสนใจ คือ ก๊าซ ดินดาน มีอัตราการผลิตสูงสุดคือ 2,936.57 และ ชีวภาพ โดยกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพนั้นสามารถ 1,967.75 มิลลิลิตร อัตราเร็วสูงสุดในการผลิตมีเทนจาก ผลิตได้จากวัตถุดิบหลายชนิด เช่น น้ำเสียจากโรงงาน หญ้าเนเปียรท์ ่ปี ลูกในดนิ เคม็ และดนิ ดาน คอื 767.45 และ อุตสาหกรรม ของเหลือทิ้งทางการเกษตร พืชพลังงาน 910.56 มิลลิลติ ร/ชัว่ โมง ตามลำดับ เมอื่ พจิ ารณาถึงความ รวมถึงพืชทางเลือกสำหรับการผลิตพลังงานทดแทนอีก เป็นไปได้เชิงเศรษฐศาสตร์สำหรับโครงการจะศึกษา ด้วย ซึ่งวัตถุดิบที่น่าสนใจในปัจจุบัน คือ หญ้าเนเปียร์ซ่ึง อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน (B/C ratio) มูลค่า มีองประกอบเซลลูโลส ซึ่งเป็นแหล่งของสารอินทรีย์ท่มี ี ปัจจุบันสุทธิสะสม (NPV) อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ความอุดมสมบูรณ์ (1) หญ้าเนเปียร์สามารถปลูกได้ใน และระยะเวลาคนื ทุน (PBP) จากงานวิจัยพบว่าอัตราส่วน พื้นที่เสื่อมโทรม และยังนำไปใช้เป็นอาหารวัวได้อีกด้วย ผลตอบแทนต่อต้นทุนมีค่ามากกว่า 1 ซึ่ง B/C ratio เป็น ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบที่เหมาะสมสำหรับการผลิต ปัจจัยแรกที่ต้องพิจารณา ระยะเวลาคืนทุนไม่ถึง 1 ปี ก๊าซมีเทน เพื่อใช้ในชุมชนห่างไกล (2) และลดความ มูลค่าปัจจุบันสุทธิสะสมของหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดิน เหลื่อมล้ำในการเข้าถึงพลังงาน ก๊าซชีวภาพเกิดขึ้นโดย เปรี้ยวมีค่ามากท่สี ุด คือ 95,991.95 คา่ อตั ราผลตอบแทน อาศัยกระบวนการหมักแบบไม่ใช้อากาศ (Anaerobic ภายในมีค่าร้อยละ 117 แสดงให้เห็นว่าโครงการมีความ Digestion) โดยสารอินทรีย์ในระบบจะถูกย่อยสลาย โดยกลุ่มจุลินทรีย์ ซึ่งมีทั้งแบคทีเรีย และอาร์เคีย (3)

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 3 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ก๊าซที่ได้จะเป็นก๊าซผสมที่มีสัดส่วนต่างกันประกอบด้วย เป็น 2 ส่วน คือ 1) การผลิตก๊าซมีเทน และ 2) การ ก ๊ า ซ ม ี เ ท น (CH4) 65% โ ด ย ป ร ิ ม า ต ร ก ๊ า ซ คำนวณความเปน็ ไปไดท้ างเศรษฐศาสตร์ของโครงการ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 30% โดยปริมาตร ก๊าซ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) 2% โดยปริมาตร และก๊าซอื่นๆ 1. การผลติ ก๊าซมเี ทน 3% โดยปริมาตร ซึ่งกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ ที่เกิดข้ึน 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย ปฏิกิริยาไฮโดรไลซีส การผลิตก๊าซมีเทนนั้นเริ่มจากการจัดเตรียม (Hydrolysis) ปฏิกิริยาอะซิโดจินิซีส (Acidogenesis) วัตถุดิบ คือหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดินเสื่อมโทรม นำมา ปฏิกิริยาสร้างกรดอะซิติก (Acetogenesis) และ ผ่านการปรับสภาพทางกายภาพให้มีขนาดเล็กลง โดย ปฏิกิริยาสร้างก๊าซมีเทน (Methanogenesis) (4) ซึ่งใน การปรบั สภาพทางกายภาพใหม้ ีขนาดเลก็ ลงใช้วิธีการบด ปฏิกิริยาการสร้างกรดสามารถเกิดขึ้นโดยกล่มุ แบคทีเรีย เพื่อลดขนาด ให้มีขนาดไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร เพื่อให้ ผลิตกรด และในปฏิกิริยาการสร้างก๊าซมีเทนสามารถ ก ล ุ ่ ม จ ุ ล ิ น ท ร ี ย ์ ใ น ร ะ บ บ ส า ม า ร ถ ท ำ ง า น ไ ด ้ อ ย ่ า งเ ต็ ม เกิดขึ้นโดยกลุ่มอาร์เคีย ซึ่งการผลิตก๊าซมีเทนนั้น ประสิทธิภาพ โดยก่อนการนำหญ้าเนเปียร์เข้าสู่ระบบ สามารถใช้วิธีการหมักร่วม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตก๊าซชีวภาพนั้น มีการวิเคราะห์องค์ประกอบชีวมวล ผลิตก๊าซมีเทนให้ดียิ่งขึ้น จากงานวิจัยที่ผ่านมามีการ คือ เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน โดยวิธีการสกัด ใช้วัตุดิบที่มีลักษณะเป็นชีวมวล เช่น ผักตบชวาสามารถ ด้วยสารละลาย Neutral detergent Acid Detergent นำมาผลิตก๊าซชีวภาพได้ ซึ่งทีมนักวิจัย Njogu P. และ และ Permanganate Lignin (7) และมูลสุกรที่ใช้ใน คณะ (5) ได้ทำการศึกษาวิจัยการผลิตก๊าซชีวภาพจาก งานวิจัยนำมาจากโรง ฆ่าสัตว์ปทุมธานี โดยนำมาผ่าน ผักตบชวา ผลจากการวิจัยพบว่าสามารถผลิตก๊าซ ตะแกรงร่อน (Mesh) เพื่อกำจัดเศษสิ่งสกปรกที่เจือปน ชีวภาพโดยมีก๊าซมีเทน (CH4) ที่เป็นองค์ประกอบหลัก มา ก่อนนำเข้าสู่ถังปฏิกรณ์ (Reactor) ขนาด 10 ลิตร 49-53% และมีองค์ประกอบของก๊าซอ่ืนๆ ดังน้ันสำหรับ สำหรับผลิตก๊าซมีเทนแบบกวนสมบูรณ์ (Completely งานวิจัยน้ีเลือกใช้วัตถุดิบ คือ หญ้าเนเปียร์โดยเก็บเกี่ยว Mixed) โดยเป็นระบบแบบแบช (Batch) ในระบบมีการ จากพื้นที่ดินเสื่อมโทรม ซึ่งมีข้อจำกัดคือมีองค์ประกอบ ควบคุมสภาวะ ดังน้ี ค่าพีเอช 6.5-7 อุณหภูมิ 35-37 ชีวมวล คือ เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน ใน องศาเซลเซียส ค่าของแข็งทั้งหมด (Total Solid: TS) ปริมาณน้อย ทำให้เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะผลิตก๊าซ ของหญ้าเนเปียร์ 2% อัตราส่วนระหว่างหญ้าเนเปียร์ ชีวภาพให้มีคุณภาพดี จึงมีการหมักร่วมกับมูลสุกร โดย และมูลสุกรคือ 1:2 ปริมาตรของถังปฏิกรณ์ และอัตรา ใช้อัตราส่วน 1:2 (6) อีกทั้งยังควบคุมสภาวะให้มีความ การกวนผสม 100 รอบต่อนาที เหมาะสมในการผลิตก๊าซมีเทน และในงานวิจัยนี้ยังมี การศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ในการผลิต เมื่อกำหนดพารามิเตอร์ที่ใช้ในการผลิตก๊าซ ก๊าซมีเทนของโครงการวิจัยเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ มีเทนจากหญ้าเนเปยี ร์ในพนื้ ท่ีดนิ เส่ือมโทรมแล้ว จึงนำมา สนใจอีกด้วย สู่ขั้นตอนการเริ่มเดินระบบ โดยการเติมมูลสุกรและหญ้า เนเปียร์ ควบคุมสภาวะในระบบผลิตก๊าซมีเทน ทำการ วธิ ีดำเนนิ การวจิ ัย ทดลองทั้งหมด 3 ซ้ำ ในถังปฏิกรณ์เดียวกัน เพื่อลดความ คาดเคลอ่ื นท่ีจะเกิดข้นึ จากถงั ปฏกิ รณ์ ติดตามพารามเิ ตอร์ วธิ ีการดำเนนิ การวจิ ยั การศึกษาความเป็นไปได้ ต่างๆ โดยเก็บตัวอย่างของเหลวและก๊าซมาวิเคราะห์ (8, ในการผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักร่วมระหว่างหญ้าเน 9) พารามิเตอร์แสดงดังตารางท่ี 1 เปียร์ที่ปลูกในดินเสื่อมโทรมและมูลสุกร สามารถแบ่งได้

4 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ตารางที่ 1 พารามเิ ตอร์และวิธีวเิ คราะห์ใชใ้ นการวเิ คราะห์ 2.1 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน (Benefit Cost ratio หรือ B/C ratio) ในการคำนวณค่าอัตราส่วน ของเหลวและก๊าซ ที่มผี ลต่อระบบผลติ กา๊ ซมเี ทน ผลตอบแทนต่อต้นทนุ ดงั สมการท่ี 2 มีเงือ่ นไขดงั น้ี (11) พารามเิ ตอร์ วิธีวิเคราะห์ ถา้ B/C ratio มคี ่ามากกวา่ 1 แสดงว่าโครงการ ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับท่ีลงทุนไป คา่ ความเปน็ กรดด่าง pH Meter ถ้า B/C ratio มีค่าน้อยกว่ า 1 แสดงว่า (pH) ผลตอบแทนทไี่ ดร้ ับจากโครงการไมค่ ุ้มกับเงินลงทุนท่ีเสียไป กรดไขมันระเหยง่าย Gas chromatography (Volatile Fatty Acid) องคป์ ระกอบกา๊ ซ Gas chromatography ������ /������ ������������������������������ = มลู ค่าปจั จุบนั ของผลตอบแทน (2) มลู ค่าปจั จบุ ันของคา่ ใชจ้ ่าย ชวี ภาพ (%) 2.2 มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value: ปรมิ าตรก๊าซชวี ภาพ Gas counter NPV) ในการคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิสามารถคำนวณ (มิลลลิ ติ ร) ได้ (11) ดงั สมการท่ี 3 โดยพารามิเตอร์ทำการวิเคราะห์ทุก ๆ 3 วัน ������������������ = ∑������������=1 ������������− ������������ (3) เมื่อได้ข้อมูลการผลิตก๊าซมีเทน จึงนำมาคำนวณค่าทาง (1+������)������ จลนศาสตร์การผลิตก๊าซมีเทน เพื่อหาประสิทธิภาพ ของระบบ โดยใช้สมการ Modify Gompertz (10) ดัง 2.3 อัตราผลตอบแทนจากโครงการ (Internal สมการท่ี 1 Rate of Return: IRR) ในการคำนวณอัตราผลตอบแทน จากโครงการ จะมีการคำนวณตั้งแต่ปีที่ 1-10 ตามอายุ ของอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ (11) โดยสามารถคำนวณได้ (1)������ = ������_������������������ × ������������������ {−������������������ [������������������������������ (������ − ������) + 1]} จากสมการที่ 4 ������������������������ ������������������ = ������������ + (������������ + ������������) × ������������������������ (4) โดยที่ H คือ ปริมาณก๊าซมีเทนสะสม (ml) T ������������������������−������������������������ คือ ระยะเวลาในการหมัก (hr) Rmax คือ อัตราการผลิต ก๊าซมีเทนสูงสุด (ml hr-1) Hmax คือ ปริมาณก๊าซมีเทนสูงสุด 2.4 ระยะเวลาคืนทนุ (Payback period: PBP) (ml) λ คือ ระยะเวลาแลกเฟส (hr) และ e คือ ค่าคงท่ี 2.7182818 ในการคิดค่าระยะเวลาคืนทุนนั้น คิดได้จากค่า NPV 2. การคำนวณความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ของ สะสม และ NPV ทีเ่ ปล่ยี นเปน็ บวก (11) ดังสมการท่ี 5 โครงการ (Economic Feasibility) ������������������������������������������������������������������������������ = ปีท่ี ������������������ เปลย่ี นเปน็ บวก + ������������������ สะสม (5) ในการคำนวณความเปน็ ไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ ������������������ ทีเ่ ปลย่ี นเปน็ บวก ของโครงการนั้น มีการคำนวณต้นทุนจาก 2 ส่วน คือ ต้นทุนที่เป็น Fixed cost และต้นทุนที่เป็น Variable การคำนวณความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ cost โดย Fixed cost คือ อุปกรณ์ที่นำมาใช้งานสำหรบั การผลิตก๊าซชีวภาพ จะคำนวณจากถังพลาสติก และ ของโครงการนั้น ควรพิจารณาในส่วนอัตราส่วน อุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง 1 ชุด ราคา 3,500 บาท และ Variable cost คือค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเพื่อให้ ผลตอบแทนตอ่ ตน้ ทนุ ก่อนเปน็ อนั ดับแรก เพ่อื เป็นข้อมูล หญ้า เนเปียร์เจริญเติบโต 2,400 บาทต่อปี โดยการ คำนวณจะแบง่ เป็น 4 ตวั ชวี้ ดั ดังนี้ สำหรับโครงการว่าควรมีการพิจารณาในการดำเนินการ ต่อหรือไม่ เมื่อมีการคำนวณอัตราส่วนผลตอบแทนต่อ ต้นทุน และได้ค่ามากกว่า 1 นั้น จึงเป็นข้อมูลยืนยัน เบ้ืองต้นวา่ โครงการนี้มีความเหมาะสมตอ่ การดำเนนิ การ ต่อไป

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 5 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ผลการศกึ ษาและอภิปรายผล คือ ในระบบควรมีค่าประมาณ 20-200 มิลลิกรัม กรด อะซิติกต่อลิตร (4) นอกจากนี้กลุ่มอาร์เคียต้องใช้กรด ในการผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักร่วมระหว่าง ไขมันระเหยง่าย เช่น กรดอะซิติก กรดฟอร์มิก เป็นหลัก มูลสุกร และหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดินเสื่อมโทรม ทำการ ในการสร้างก๊าซมีเทน เมื่อในระบบมีปริมาณกรดไขมัน ทดลองท้งั หมด 3 ซ้ำ ในถังปฏิกรณ์เดยี วกัน เพือ่ ลดความ ระเหยง่ายน้อยเกินไป จึงไมเ่ พียงพอตอ่ ความต้องการของ คาดเคล่อื นที่จะเกิดขนึ้ จากถงั ปฏิกรณ์ ดนิ เส่อื มโทรมแบ่ง กลุ่มอาร์เคีย แต่อย่างไรก็ตามระบบไม่ได้มีสภาวะเป็น ได้เป็น 3 ประเภท คือ ดินเค็ม ดินเปรย้ี ว และดินดาน ซ่ึง กรดจดั ดังนนั้ จงึ ยังสามารถรกั ษาสมดุลไวไ้ ด้ ไมส่ ่งผลเสยี ดินเหล่านี้เป็นดนิ ท่ีมีธาตุอาหารต่ำ ไม่เหมาะกับการปลูก รนุ แรงต่อแบคทีเรียและอารเ์ คียในระบบ พชื โดยผลการวจิ ยั แสดงดังน้ี 2) การเปรียบเทียบการผลิตก๊าซมีเทนจากหญา้ เนเปยี ร์ที่ 1) ค่าพีเอช (pH) และกรดไขมันระเหยง่าย (Volatile ปลูกในดินเปรยี้ ว ดินเคม็ และดินดาน Fatty Acid: VFA) จากการทดสอบประสิทธิภาพการผลิตก๊าซ ในการผลิตก๊าซมีเทนจากหญ้าเนเปียร์ในพ้ืน ชีวภาพที่ปลูกในดินต่างชนิดกัน ซึ่งเป็นดินเสื่อมโทรม ที่ดินเค็ม ดินเปรี้ยว และดินดานนั้น ระบบจะถูกควบคมุ ทั้งสิ้น พบว่าสามารถนำหญ้าเนเปียร์มาผลิตก๊าซชีวภาพ ค่าพีเอชให้เริ่มต้นที่พีเอช 7 เพื่อให้ระบบมีสเถียรภาพ ได้จากการปลูกในดินทั้งสามชนิด แต่ในการปลูกจากดิน มากที่สุด เมื่อเริ่มเดินระบบจนถึงสิ้นสุดพบว่ามีค่าพีเอช แต่ละชนิดจะให้ผลการทดสอบการผลิตก๊าซชีวภาพที่ ของหญ้าเนเปียร์ในพื้นที่ดินเค็ม อยู่ในช่วง 6.12-6.79 แตกตา่ งกัน เนือ่ งจากกา๊ ซชีวภาพมีองค์ประกอบหลักเป็น ดินเปรี้ยว อยู่ในชว่ ง 6.6-7.9 และดนิ ดาน อยใู่ นช่วง 6.1- ก๊าซมีเทน ดังนั้นจงึ ใช้ก๊าซมเี ทนเป็นตัวหลักสำคัญในการ 7.1 ตามลำดับ ค่าพีเอชในระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้ เปรียบเทียบ ดังตารางที่ 2 ซึ่งจากการพิจารณา อากาศที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง ประสทิ ธิภาพการผลิตกา๊ ซชีวภาพจากหญ้าเนเปยี ร์ที่ปลูก 6.5-7.8 หากค่าพเี อช ลดลงถงึ 6.2 จะทำให้ประสิทธิภาพ ในดินทั้ง 3 ชนิด คือ ดินเปรี้ยว ดินเค็ม และดินดานนั้น ในระบบลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การผลิตก๊าซชีวภาพ พบว่า หญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดินเปรี้ยวมีประสิทธิภาพดี เปน็ ไปอยา่ งไม่มีประสิทธิภาพ ซง่ึ เมอ่ื พิจารณาคา่ พีเอชใน ที่สุด และเมื่อพิจารณาจากรูปที่ 1 แสดงให้เห็นอย่าง แต่ละชุดพบว่าค่าพีเอชของระบบผลิตก๊าซมีเทนจาก ชัดเจนว่าหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดินเปรี้ยวสามารถผลิต หญา้ เนเปยี รใ์ นพ้ืนท่ดี ินเคม็ และดินดานลดลงตำ่ กว่า 6.2 ก๊าซมีเทนได้ดีที่สุด เนื่องจากหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในพ้ืน เนื่องจากมีการสะสมของกรดไขมันระเหยง่าย ซึ่งอาจ ท่ีดนิ เปร้ยี วมปี รมิ าณเซลลูโลส และเฮมิเซลูโลส มากท่ีสุด ส่งผลให้ประสิทธภิ าพการผลติ ก๊าซมเี ทนลดลง แต่ในส่วน คือ เซลลูโลส 14.48% และ เฮมิเซลลูโลส 6.87% ดินเปรี้ยวนั้นค่าพีเอชตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งจบการวิจัยน้ัน ตามลำดับ ซึ่งทั้งเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลสนั้นเป็น ลดลงไม่ต่ำกว่า 6.5 จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ สารอนิ ทรีย์ให้สำหรับกลุม่ จลุ นิ ทรียภ์ ายในระบบผลิตก๊าซ การผลิตก๊าซมเี ทน มีเทน ซึ่งเซลลูโลส และเฮมิเซลลูโลสนั้นสามารถถูกย่อย สลายให้กลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวในขั้นตอน นอกจากนี้มีการพิจารณาร่วมกับปริมาณกรด ไฮโดรไลซีส (Hydrolysis) และจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดอะ ไขมันระเหยง่ายภายในระบบพบว่ากรดไขมันระเหยง่าย ซิติก กรดไขมันสายสั้น แอลกอฮอล์ และ CO2+H2 (12) ของระบบผลิตก๊าซมีเทนจากหญ้าเนเปียร์ในดินเค็มและ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นก๊าซมีเทนโดยกลุ่ม ดินดานนั้นมีปริมาณน้อยมาก จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพ แบคทีเรียผลิตมีเทน (Methanogen) ซึ่งจัดอยู่ใน การผลิตก๊าซมีเทน เมื่อเทียบกับหญ้าเนเปียร์จากดิน เปรี้ยว มีปริมาณกรดไขมันระเหยง่ายอยู่ในช่วงที่กำหนด

6 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) แบคทีเรียกลุ่มอาร์เคีย ดังนั้นประสิทธิภาพของการผลิต ประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทน นอกเหนือจากสภาวะ ก๊าซมีเทนนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เติมเข้าไปในระบบ ภายในระบบการผลติ ก๊าซมเี ทน รวมถึงอัตราส่วนในการหมักร่วม ถือเป็นปัจจัยสนับสนุน ตารางที่ 2 การเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพการผลติ กา๊ ซมเี ทนจากหญา้ เนเปียรจ์ ากดนิ เค็ม ดินเปรยี้ ว และดินดาน พารามิเตอร์ หญา้ เนเปยี รท์ ่ปี ลูก หญา้ เนเปยี รท์ ปี่ ลกู ใน หญา้ เนเปยี รท์ ปี่ ลูก ในดินเปรยี้ ว ดินเคม็ ในดินดาน เปอรเ์ ซน็ ต์การเกดิ กา๊ ซมเี ทน (%CH4) 71% 36.11% 29.8% ปรมิ าณก๊าซรวมสะสม (liter) 20 13 11.1 ปริมาณมีเทนสะสม (Cumulative methane: liter) 9 2.89 1.99 อตั ราการผลติ มเี ทนสงู สดุ (Hmax : ml) 9,280.80 2,936.57 1,967.75 อัตราเรว็ สูงสดุ ในการผลติ มเี ทน (Rmax : ml hr-1) 872.20 767.45 910.56 80เปอ ์รเซนต์การผ ิลต ๊กาซมีเทน สารอินทรีย์ในการเจริญเติบโตมากที่สุด อีกทั้งจุลินทรีย์ 70 จะมีกิจกรรมทางเมทาบอลิซึมมากที่สุด ดังนั้นถือได้ว่า 60 ดินเปรยี้ ว เป็นช่วงที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม และ 50 สามารถผลิตก๊าซมีเทนได้มากที่สุดอีกด้วย เมื่อจุลินทรีย์ ในระบบเขา้ สูส่ ภาวะ stationary phase จะสง่ ผลให้การ 40 เกิดก๊าซมีเทนเข้าสู่สภาวะคงที่ เนื่องจากสารอินทรีย์ใน 30 ระบบถูกใชไ้ ปจนมปี รมิ าณลดลง นอกจากนี้อัตราการเกิด 20 และอัตราการตายของจุลินทรยี ์ยังมีอัตราเท่ากัน และใน 10 ระยะสุดท้าย death phase เป็นระยะที่อัตราการตาย 0 มากกว่าอัตราการเกิด ส่งผลให้ก๊าซมีเทนที่ผลิตได้ลดลง ดังนั้นการเดินระบบแบบกะ (Batch) ทำให้ได้ข้อมูล 0 3 6 9 12 15 18 21 24 ระยะเวลาที่จะนำไปสู่การเดินระบบแบบต่อเนื่อง มี เวลา (วนั ) ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเติมสารอินทรีย์เพื่อให้เกิด กา๊ ซมีเทนอยา่ งตอ่ เน่อื ง (13) รปู ที่ 1 การเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์ก๊าซมีเทนจากการ หมักร่วมของหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดินเค็ม 3) การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ของ ดินเปร้ียว และดินดาน โครงการ (Economic Feasibility) นอกจากนี้ อัตราการผลิตก๊าซมีเทนยังขึ้นอยู่ ในการผลิตก๊าซมีเทนจากหญ้าเนเปียร์จากพื้น กับกิจกรรมของกลุ่มจุลินทรีย์ในระบบ เนื่องจากระบบ ทด่ี ินเส่อื มโทรมท้งั 3 ชนดิ คือ ดินเปรีย้ ว ดนิ เค็ม และดิน การผลิตก๊าซมีเทนเป็นแบบกะ (Batch) ดังนั้นกิจกรรม ดานนั้น สามารถนำก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้มาทดแทนก๊าซ ของจุลินทรีย์ในระบบจึงสามารถพิจารณาตามระยะของ หุงต้ม และนำไปใช้ในครัวเรือนได้ นำไปสู่การลด การเจริญ (Phases of Growth) โดยจะถูกแบ่งออกเป็น ค่าใช้จ่ายในการซื้อก๊าซหุงต้ม อีกทั้งยังเป็นแนวทาง 4 ระยะ คือ lag phage เป็นระยะที่ยังไม่มีการเพิ่ม สำหรับการนำไปสู่การนำก๊าซมีเทนที่ได้จากหญ้าเนเปียร์ จำนวนเซลล์ นั่นคือไม่มีการเจริญเติบโต แต่เป็นช่วง ระยะเวลาการปรับตวั เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ logarithmic phase ซึ่งเป็นระยะที่มีการเพิ่มจำนวน อย่างรวดเร็ว โดยในระยะนี้เป็นระยะที่ต้องการ

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 7 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ไปสู่การผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับพื้นที่ที่มีศักยภาพใน วิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ การปลกู หญ้า เนเปียร์ไดอ้ ีกด้วย ซึ่งในการวเิ คราะห์ความ ความเป็นไปได้ในการลงทุนของโครงการนั้นสามารถ เป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการนั้น จะคิดใน วิเคราะห์ได้โดยมีพารามิเตอร์ ดังนี้ อัตราส่วน กรณีทดแทนก๊าซหุงต้ม โดยก๊าซมีเทน 1 ลูกบาศก์เมตร ผลตอบแทนต่อต้นทุน (B/C Ratio) มูลค่าปัจจุบันสุทธิ สามารถทดแทนก๊าซหุงต้มได้ 0.46 กิโลกรัม และจึงนำ (NPV) ระยะเวลาคืนทุน (PBP) และอัตราผลตอบแทน ข้อมูลมาวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ โดยการ ภายใน (IRR) แสดงดงั ตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ข้อมลู การวเิ คราะหค์ วามเปน็ ไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ พารามเิ ตอรท์ าง หญ้าเนเปยี ร์ทป่ี ลกู ใน หญ้าเนเปยี ร์ท่ปี ลูกใน หญ้าเนเปยี ร์ที่ปลกู ใน เศรษฐศาสตร์ ดนิ เปรี้ยว ดินเคม็ ดินดาน 9.03 5.87 5.01 อ ั ต ร า ส ่ ว น ผ ล ต อ บ แ ท น ต่ อ ต้นทนุ (B/C Ratio) 95,991.95 57.821.99 47,417.56 NPV สะสม 0.24 ปี 0.43 ปี 0.50 ปี ระยะเวลาคนื ทนุ (PBP) ร้อยละ 117 ร้อยละ 105 รอ้ ยละ 94 อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) จากตารางพบว่าการผลิตก๊าซมเี ทนจากหญ้าเน สารอาหาร ปริมาณเซลลโู ลส เฮมิเซลลูโลส ลิกนิน ทั้งยัง เปียร์ที่ปลูกในดินเปรี้ยว มีความคุ้มค่าเศรษฐศาสตร์มาก รวมถึงกิจกรรมของจุลินทรีย์ภายในระบบอีกด้วย (14) ที่สุด เมื่อวิเคราะห์พารามิเตอร์แรก คือ อัตราส่วน จึงทำให้การหมักร่วมระหว่างหญ้าเนเปียร์ และมูลสุกร ผลตอบแทนต่อต้นทุน มีค่าสูงถึง 9.03 ซึ่งเมื่อ สำหรับการวิจยั นี้มกี ารกำหนดอัตราส่วน 1:2 อ้างอิงจาก เปรียบเทียบกบั 2 แหล่ง พบว่ามีค่าน้อยกว่า แต่อย่างไร งานวิจยั ก่อนหน้า (6) เน่อื งจากเปน็ อตั ราสว่ นท่ีเหมาะสม ก็ตามอัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนยังมีค่ามากกว่า 1 โดยจากผลการวจิ ัยพบวา่ การนำหญา้ เนเปียรท์ ่ปี ลูกในดิน เมื่อนำมาพิจารณายังถือว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุน เปรี้ยวมาผลิตก๊าซมีเทน ถือได้ว่ามีศักยภาพและ พิจารณาในส่วนระยะเวลาคืนทุนจากการผลิตก๊าซมีเทน เหมาะสมท่สี ุด เน่ืองจากเม่อื พิจารณาถึงคา่ เซลลโู ลส และ จากทั้ง 3 พื้นที่ พบว่าระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 1 ปี ถือ เฮมเิ ซลลูโลส ของหญา้ เนเปียร์ท่ีปลูกในดนิ เปรี้ยวพบว่ามี เป็นระยะเวลาสั้น คืนทุนเร็ว ดังนั้นจากข้อมูล คา่ มากท่ีสดุ ดงั นน้ั จงึ ควรมนี โยบายการสนับสนุนส่งเสริม ประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทน และการวิเคราะหค์ วาม การปลูกหญ้าเนเปียร์ ในพื้นที่ชุมชนห่างไกล หรือ คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตรแ์ สดงใหเ้ หน็ วา่ การผลติ ก๊าซมีเทน ต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นหญ้าที่สามารถเป็นอาหารวัว จากหญา้ เนเปียรท์ ีป่ ลูกในดนิ เส่อื มโทรมนน้ั มคี วามคมุ้ ค่า ปลูกและดูแลรักษาง่าย อีกทั้งยังมีศักยภาพในการผลิต และเหมาะกับการลงทนุ เพื่อทดแทนกา๊ ซหงุ ตม้ ในชุมชน ก๊าซมีเทน เพื่อใช้ในการทดแทนก๊าซหุงต้ม และผลิต กระแสไฟฟ้าไดเ้ ปน็ อยา่ งดี จากงานวิจัยในการผลิตก๊าซมีเทนจากหญ้าเน เปียร์จากพื้นที่ดินเสื่อมโทรมทั้ง 3 ชนิด คือ ดินเปร้ียว กิตตกิ รรมประกาศ ดินเค็ม และดินดานนั้น มีศักยภาพที่แตกต่างกันไป ซึ่ง การผลิตก๊าซมีเทนนั้นจะมีศักยภาพแตกต่างกันไป คณะผู้วิจัยขอขอบคุณ สำนักงาน เช่นเดียวกัน เนื่องจากปริมาณสารอินทรีย์ ปริมาณ คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สถาบันวิจัยและพัฒนา

8 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรม 7. Mansor AM, Lim JS, Ani FN, Hashim H, Ho WS. ราชูปถัมภ์ ที่สนับสนุนทุนวิจัย ประจำปีงบประมาณ Characteristics of Cellulose, Hemicellulose 2562 และขอขอบคุณห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง and Lignin of MD2 Pineapple Biomass. CET สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระ Journal. 2019;72:79-84. นครเหนือ ที่อำนวยความสะดวกทำให้งานวิจัยสำเร็จ ลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดี 8. Sawasdee V, Pisutpaisal N. Economic Feasible Evaluation of Biogas Production เอกสารอา้ งองิ from Napier Grass. Res J Biotech. 2015;10(3):94-8. 1. Chen H. Biotechnology of lignocellulose: Theory and Practice. 1st ed. Netherlands: 9. Sawasdee V, Haosagul S, Pisutpaisal N. Co- Springer Netherlands; 2014. digestion of waste glycerol and glucose to enhance biogas production. Int J Hydrog 2. วนัสพรรัศม์ สวัสดี, นิพนธ์ พิสุทธิ์ไพศาล. การ Energy. 2019;44(56):29575-82. ทดสอบประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจาก หญ้าเนเปียร์ที่ปลูกในดินเค็ม ดินเปรี้ยว และดิน 10. Tjørve KMC, Tjørve E. The use of Gompertz ดาน. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการ models in growth analyses, and new วจิ ยั แห่งชาติ (วช.); 2562. วช.04_2562. Gompertz-model approach: An addition to the Unified-Richards family. PLOS one. 3. กรรณิการ์ ชูเกียรติวัฒนา. จุลชีววิทยาสำหรับ 2017;12(6):1-17. นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรสิ่งแวดลอ้ ม. พิมพ์ครั้งท่ี 1. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ 11. เยาวเรศ ทับพันธุ์. การประเมินโครงการตาม มหาวทิ ยาลัย; 2561. แ น ว ท า ง เ ศ ร ษ ฐ ศ า ส ต ร ์ . พ ิ ม พ ์ ค ร ั ้ ง ท ี ่ 3. ก ร ุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร : ส ำ น ั ก พ ิ ม พ์ 4. สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์. ระบบบำบัดน้ำเสีย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2551. Wastewater Treatment System. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: สำนักพมิ พ์ทอ้ ป จำกัด; 2557. 12. อลิศรา เรืองแสง. เชื้อเพลิงชีวภาพและชีวเคมภี ัณฑ์ โดยจุลินทรีย์. พิมพ์ครั้งที่ 1. ขอนแก่น: โรงพิมพ์ 5. Njogu P, Kinyua R, Muthoni P, Nemoto Y. มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ; 2562. Biogas production using water hyacinth (Eicchornia Crassipes) for electricity 13. สาวิตรี วทัญญูไพศาล. จุลชีววิทยาเบื้องต้น. พิมพ์ generation in Kenya. EPE Journal. ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศูนย์ผลิตตำราเรียน 2015;7:209-16. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร เหนือ; 2552. 6. ฟาริดา พรหมมา, ดุษณี ธนะบริพัฒน์, ปราโมทย์ ศิริโรจน์. การผลิตก๊าซชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ 3 14. Nuansawan N, Sawasdee V. Biochemical สายพันธ์ุ. วารสารวิทยาศาสตร์ลาดกระบัง. Methane Potential from Leachate, Case 2557;23(2):30-50. study Sainoi, Nonthaburi Province. J Ind Tech. 2018;14(3):82-92.

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 9 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) การวเิ คราะห์แนวโน้มงานตรวจพิสจู นเ์ ขม่าดินปืนในประเทศไทย Trend of Gunshot Residue Examination in Thailand เชษฐส์ ุดา จติ ตก์ ารุณย์ และ วรธชั วชิ ชุวาณชิ ย์* Chetsuda Jithkaroon and Woratouch Vichuwanich* คณะนติ วิ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนนายรอ้ ยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม 73110 Faculty of Forensic Science, Royal Police Cadet Academy, Samphran, Nakhonpathom 73100, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: The objective of this research is trend analysis of gunshot Received: 5 June, 2020 residue examination in Thailand by referring to the comparison Revised: 24 June, 2020 between the result of expert interview and both Thai and American Accepted: 11 August, 2020 research in the recent five years (2015 – 2019), All research is public Available online: 8 February, 2021 for all access. All experts belong to police officers of Firearms and DOI: 10.14456/rj-rmutt.2021.2 Ammunition Sub – Division of Central Police Forensic Science Division, Keywords: gunshot residue, Central. The questionnaire result showed that all 8 experts are analysis, research trend graduated with bachelor's and higher bachelor degree. They have more than 5 years in Ballistic forensics experience. The interview is included activity details of gunshot residue analysis such as Type of gun, testing method and the material sample. The problem in their work, Applied the research in working and also the interesting study topic. The result of trends analysis of gunshot residue examination was shown in 3 categories 1. Trends of gunshot residue examination for practice 1.1. Strengthen the relationship between the related organization 1.2. Continually sourcing innovation of weapon information which could contribute to the characteristic of gunshot residue 1.3. organize document 2. Trends of gunshot residue examination for organization 2.1 Support officer in terms of training 2.2 Scholarship or observation study abroad 2.3. Increasing budget for

10 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) scientific equipment for the provincial part 3. Trend of gunshot residue examination for the researchers shows by the interest topics, 1.) Interested topic and relate to recent research. 2.) Interested topic and new research. 3.) Interesting topic and could reference by American research, which could direct the future study and the result of this research would be an advantage to the near future. บทคดั ยอ่ คำสำคัญ: เขมา่ ปนื วิเคราะห์ แนวโน้ม การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา เพื่อศึกษา บทนำ การตรวจวิเคราะห์เขม่าดินปืนในประเทศไทย รวมถึง ความคดิ เห็นผู้ตรวจวเิ คราะห์ เพอ่ื ทราบแนวโนม้ การตรวจ ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับอาวุธปืนมีจำนวนมาก วเิ คราะห์เขม่าดินปนื ของประเทศไทยในอนาคต โดยอาศัย ขึ้น อ้างอิงจากการประเมินของ GunPolicy.org เว็บไซต์ ผลการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและ ทด่ี ำเนนิ การโดยคณะสาธารณสขุ ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ เครื่องกระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งประเมิน ณ ปี 2558 จำนวนปืน แห่งชาติ และวิเคราะห์ความสอดคล้องกับงานวิจัย ท้งั ถกู กฎหมายและผดิ กฎหมายทีพ่ ลเรอื นไทยครอบครอง ย้อนหลงั 5 ปี เพ่อื ทราบถึง (พ.ศ. 2558 -2562) เพ่ือทราบ มีประมาณ 10 ล้านกระบอก นำมาสู่การก่อคดีท่ี แนวโน้มการตรวจวิเคราะห์เขม่าดินปืน ผลของการ เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในจำนวนที่มากขึ้นในทุก ๆ ปี วเิ คราะห์แนวโนม้ แบง่ ออกเปน็ 3 หวั ขอ้ ได้แก่ 1. แนวโนม้ เช่นกัน โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ การวิเคราะห์เขม่าดินปืนสำหรับผู้ปฏิบัติงาน 1.1 เพิ่ม เกี่ยวกับคดีรับแจ้งอาชญากรรมทั่วราชอาณาจักรพบว่า ความสมั พันธ์ระหว่างผ้ปู ฏิบตั ิงานและเจา้ หนา้ ทหี่ น่วยงาน ในปี พ.ศ.2550 ถึง พ.ศ. 2559 มีคดีที่เกี่ยวกับชีวิต ต่าง ๆ ที่เก่ยี วขอ้ ง 1.2 สง่ เสรมิ การสืบคน้ ขอ้ มูลนวัตกรรม รา่ งกายและเพศมีจำนวนมากกว่า สองหม่นื คดใี นแต่ละปี ของอาวธุ ปืนท่อี าจส่งผลต่อลักษณะเขม่าดินปนื 1.3 จัดทำ หมายรวมคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ทะเบียนเอกสาร เพื่อรวบรวมเอกสาร 2. แนวโน้มการ ลักพาเรียกค่าไถ่ (1) ซึ่งปืนคือหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ใช้ก่อ วิเคราะห์เขม่าดินปืนสำหรับองค์กร 2.1 สนับสนุนให้ คดี อย่างไรก็ตามคดีเหล่านี้สามารถตรวจพยานหลักฐาน ผู้ปฏิบัติงานได้รับการฝึกอบรม อย่างเท่าเทียมและ ที่เกิดขึ้นหลังก่อเหตุได้ทั้งเพื่อพิสูจน์ความผิดและยืนยัน ต่อเนื่อง จัดการอบรม 2.2 สนับสนุนทุนการศึกษา และ ความบริสุทธิ์ในหลายๆคดี ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องใช้ การศึกษาดูงานต่างประเทศ 2.3 เพิ่มงบประมาณด้าน พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ เช่น ปลอกกระสุน เครื่องมือวิทยาศาสตร์ 3. แนวโน้มการวิเคราะห์เขม่าดิน ลักษณะบาดแผล และ เขม่าดินปืนซึ่งนับเป็นอีกหน่ึง ปืนสำหรบั ผูว้ ิจัยซึง่ แจกแจงตามหัวข้อวิจัยดังนี้ 1.) หัวข้อ หลักฐานที่ประกอบในหลาย ๆ คดี ตัวอย่างคดีเช่น คดีท่ี ท่ตี อบสนองตอ่ หวั ข้อท่ีผ้เู ช่ียวชาญสนใจและสอดคล้องกับ คนร้ายยิง นายสุวัฒน์ ผลอุดม สมาชิกองค์การบริหาร งานวิจัยของไทยและจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป 2.) หัวข้อ ส่วนจังหวัดราชบุรี (ส.อบจ.) เขต 5 เสียชีวิตที่ร้าน ตอบสนองต่อหัวข้อที่ผู้เชี่ยวชาญสนใจแต่ยังไม่พบใน จำหนา่ ยของฝาก จ.เพชรบรุ ี และจบั กุมนายสหรัช ชะน่ิม งานวิจัยไทย 3.) หัวข้อที่พบในงานวิจัยสหรัฐอเมริกาและ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านสงิ ห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ยังไม่พบในงานวิจัยไทย ซ่ึงงานวิจัยน้ีเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ี ได้ในระหว่างช่วงเกิดเหตุ เนื่องจากใช้รถคล้ายคลึงกับผู้ สนใจทำวจิ ัยดา้ นงานตรวจพสิ จู น์เขมา่ ดนิ ปืนในอนาคต ก่อเหตุและมพี ฤติกรรมต้องสงสัย หลบหนีการตรวจสอบ

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 11 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ของเจ้าหน้าที่ด่านสกัด สภ.บ้านลาด ในช่วงระยะเวลา ทั้งเสนอแนวโน้มการตรวจวิเคราะห์เขม่าดินปืนที่ควรมี ใกล้เคียงเกิดเหตุ แต่เมื่อนำตัวมาตรวจสอบรอยเขม่าดนิ การพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและยกระดับ ปืนบนร่างกายไม่พบรอยเขม่าดินปืน ประกอบกับ ความสามารถอยา่ งมีประสิทธิภาพ หลักฐานอืน่ จึงเช่ือไดว้ ่านายสหรัชเปน็ ผู้บริสทุ ธ์ิ (2) วตั ถุประสงค์ในการวจิ ัย จะเห็นได้ว่าเขม่าดินปืนเป็นอีกหนึ่งพยานวัตถุ 2.1 เพื่อศึกษาการตรวจวิเคราะห์เขม่าดินปืน ทีม่ ีความสำคญั ตอ่ การสบื สวนสอบสวนและใช้เป็นหนง่ึ ใน ในประเทศไทย เคร่ืองมอื พสิ ูจนค์ วามผิดในคดีความบนชน้ั ศาลได้ อย่างไร ก็ตามขั้นตอนการตรวจสอบเขม่าดินปืนโดยตรวจหา 2.2 เพื่อศึกษาความคิดเห็นผู้ตรวจวิเคราะห์ ส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ผลมีความ เขมา่ ดินปืนในประเทศไทย คลาดเคลื่อนได้ จึงนำมาสู่ขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานและ เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบที่จำเป็นต้องมีความ 2.3 เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการตรวจวิเคราะห์ แม่นยำ รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และเชื่อถือได้ เพื่อ เขม่าดินปืนในอนาคตของประเทศไทย เพิ่มน้ำหนักให้แก่พยานหลักฐานบนชั้นศาลที่น่าเชื่อม่ัน คำถามในงานวิจยั มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถลดโอกาสการเกิดผล ผิดพลาดได้อกี ดว้ ย การตรวจวิเคราะห์เขม่าดินปืนในประเทศไทย ควรมแี นวโนม้ เป็นอยา่ งไร ถึงแม้ว่าปัจจุบันปัญหาทีเ่ กิดขึ้นจากเขม่าดินปนื มีไม่มาก แต่ในอนาคตอันใกล้แนวโนม้ ปัญหานี้มใี ห้พบเหน็ วธิ ีดำเนนิ การวจิ ยั มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่าง รวดเร็วทำให้อาวุธและกระสุนปืนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น - รวบรวมงานวิจัยและบทความทางการศึกษา และแนวโน้มการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา อาวุธปืนและเครื่องกระสุนอาจส่งผลต่อกระบวนการตรวจ พสิ ูจนเ์ ขม่าดินปืนในอนาคต ดงั นั้น การศกึ ษาแนวโน้มการ - ออกแบบบทสัมภาษณแ์ ละแบบสอบถาม ตรวจวิเคราะหเ์ ขม่าดินปนื จงึ มีความสำคัญ เพื่อให้เกิดการ - สมั ภาษณ์ผูเ้ ช่ยี วชาญ ปรับปรุงแนวทางการตรวจวิเคราะห์ให้ทันสมัยและ - วิเคราะห์บทสัมภาษณ์เป็นเชิงสถิตแิ ละจดั ทำ ทันท่วงที อีกทั้งส่งผลต่อความสงบสุขเรียบร้อยของ แผนภาพเปรียบเทียบ ประชาชนในภายภาคหน้าโดยปัจจุบันหลักการวิเคราะห์ เขม่าดินปืนทางกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจ กลุ่มประชากรทใ่ี ชใ้ นการวิจัย/ กลุม่ เปา้ หมายในการวิจัย แห่งชาติ ใช้การวิเคราะห์ด้วย Atomic Absorption Spectrophotometer (AAS) และ เครื่อง Inductively - ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวธุ ปนื และงานตรวจพิสจู น์ Coupled Plasma-Mass Spectrometer (ICP-MS) (3) เขม่าดินปืน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจ แหง่ ชาติ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจทีจ่ ะศึกษาการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน การเก็บรวบรวมข้อมูล/ ขอ้ มลู ในการทดลอง กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย สัมภาษณ์ และวิเคราะห์ความสอดคล้องกับงานวิจัยยอ้ น - รวบรวมงานวิจัย บทความทางการศึกษา ท่มี ใี นห้วงเวลา 5 ปี ย้อนหลงั (พ.ศ.2558 - 2562) พร้อม ระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย จัดหมวดหมู่และ วิเคราะห์เนอ้ื หา - รวบรวมข้อมูลและความเหน็ จากผู้เชี่ยวชาญ เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัย/ อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทดลอง สรา้ งบทสมั ภาษณ์ (ภาคผนวก) ท่ีใชใ้ นงานวิจัย นี้ผูว้ ิจัยดำเนนิ การ ดังน้ี

12 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) - ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัย ระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานมีสถิติการตรวจ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พิสูจน์เขม่าดินปืนในหัวข้อต่าง ๆ โดยผู้วิจัยรวบรวม ขอ้ มูลและสรุปข้อมลู เป็นหวั ขอ้ ดังนี้ - ศึกษาวิธีสร้างบทสัมภาษณ์เชิงโครงสร้างให้ ครอบคลุมเนอ้ื หา โดยผวู้ จิ ยั ไดอ้ ้างองิ การทำบทสัมภาษณ์ 2.1 อาวุธปืน แบบมีโครงสร้างแบง่ เปน็ ทั้งหมด 3 ตอน ดังน้ี ประเภทปืนสั้นและปืนประกอบเองถูกส่งตรวจ มากที่สุด รองลงมาคือปืนยาวที่มีการพบอยู่ และปืนกล ตอนที่ 1 ข้อมูลด้านสถานภาพส่วนบุคคล พบน้อยสุดหรือไมพ่ บเลย ซง่ึ สะท้อนใหเ้ ห็นว่า อาวุธปืนท่ี ตอนที่ 2 ขอ้ มูลการปฏิบัติงานเกย่ี วกับเขม่าดิน เกี่ยวข้องในคดีนั้น ส่วนมากเป็นปืนสั้น ซึ่งประชาชน ปืนของกล่มุ งานตรวจพิสจู น์ สามารถถือครองได้ อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่สะดวกต่อการ ตอนที่ 3 ความเหน็ ต่องานตรวจพิสจู น์เขม่าดนิ พกพา ซ่งึ สอดคลอ้ งกับปัญหาเก่ียวกบั อาวุธปนื ทีม่ ีจำนวน ปืนและงานวจิ ยั เก่ียวกบั เขมา่ ดนิ ปืน มากขึ้น จากการประเมินของ GunPolicy.org เว็บไซต์ท่ี - นำบทสัมภาษณ์เสนออาจารย์ที่ปรึกษาและ ดำเนินการโดยคณะสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบความครบถ้วนของเนื้อหาและ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งประเมิน ณ ปี 2558 จำนวนปืน ภาษาทใี่ ช้ ผู้วิจยั นำมาปรบั ปรงุ ทงั้ ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายที่พลเรือนไทยครอบครอง มีประมาณ 10 ล้านกระบอก (4) การวิเคราะห์ขอ้ มูล 2.2 วิธวี เิ คราะห์ Inductively Coupled Plasma (ICP/MS) และ ในการวิจัยผู้วิจัยใช้การวิเคราะห์บทสัมภาษณ์ Color Test มีการพบอยู่ในระดับพบมากที่สุด เนื่องจาก ในแตล่ ะตอน ดังน้ี ปัจจุบัน กลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน กอง พิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการใช้ ตอนท่1ี วิเคราะห์ข้อมลู โดยใช้สถติ ิร้อยละ เคร่ืองมือวิเคราะหเ์ ขมา่ ดนิ ปนื 2 วิธโี ดยแบง่ ตามวตั ถุพยาน ตอนท่ี 2 และ 3 วเิ คราะห์บทสมั ภาษณ์ โดยใช้ ที่ส่งตรวจ หากเป็นวัตถุพยานที่เก็บมาจากฝ่ามือ จะ การวิเคราะหเ์ นอ้ื หา (Content Analysis) ดำเนินการตรวจด้วยวิธีวิเคราะห์ ICP/MS เพื่อหาธาตุ องค์ประกอบหลัก คือ Ba Pb และ Sb แต่หากเป็นวัสดุ ผลการศึกษาและอภิปรายผล อื่นๆ จะทำการวิเคราะห์ด้วยวิธี Color Test เพื่อหา ปริมาณไนเตรทและไนไตร์ทที่ปรากฏ และสำหรับส่วน ตอนที่ 1 ข้อมลู ดา้ นสถานภาพสว่ นบุคคล ภูมิภาคจะใช้วิธีวิเคราะห์ด้วย Atomic Absorption Spectrophotometer (AAS) แทนวธิ วี ิเคราะห์ ICP/MS ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและงานตรวจพิสูจน์ การทีป่ จั จบุ นั กลมุ่ งานตรวจอาวุธปนื และเครือ่ ง เขมา่ ดินปนื กองพสิ ูจนห์ ลกั ฐานกลาง จำนวนท้ังสน้ิ 8 ท่าน กระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจ คดิ เปน็ เพศชาย 2 ทา่ น (รอ้ ยละ 25) และ เพศหญิง 6 ท่าน แห่งชาติ ยังคงใช้วิธีวิเคราะห์ ICP/MS เพื่อหาธาตุ (ร้อยละ 75) ระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี คิดเป็น องค์ประกอบหลัก คือ Ba Pb และ Sb จากการวิเคราะห์ ร้อยละ 50 และ สูงกว่าปริญญาตรีคิดเป็นร้อยละ 50 โดย เพียงครั้งเดียว โดยข้อดีของวิธีวิเคราะห์ ICP/MS คือ ท้งั หมดมีช่วงอายุอย่รู ะหว่าง 30-55 ปี และเป็นผูเ้ ชีย่ วชาญ สามารถวเิ คราะห์ตวั อย่างท่มี ีความซับซอ้ นทางเคมี ใหผ้ ล กลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน กองพิสูจน์ เชิงคุณภาพและปรมิ าณของธาตุโลหะและอโลหะ โดยใช้ หลักฐานกลาง และ มปี ระสบการณ์มากกวา่ 5 ปที ง้ั สิ้น ตอนท่ี 2 ขอ้ มูลด้านการตรวจวิเคราะหข์ องกล่มุ งาน ผปู้ ฏบิ ัติงาในกลมุ่ งานตรวจพิสูจน์อาวุธปืนและ เครื่องกระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง โดยตลอด

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 13 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ตวั อยา่ งนอ้ ยมากระดบั ไมโครกรมั ตอ่ ลติ ร ได้อยา่ งรวดเรว็ วสั ดทุ ร่ี ับตรวจมากทีส่ ดุ มือผ้ยู ิง (หลังมือ- ฝ่ามือ) และมีความไวสูง สอดคลอ้ งกับงานวิจยั ที่ระบุวา่ ใชเ้ ทคนคิ และอาวุธปืนถูกใช้เป็นรองลงมาคือ เครื่องแต่งกาย ICP-MS สามารถทว่ี ิเคราะห์ให้ผลรวดเรว็ และวิเคราะหไ์ ด้ ยานพาหนะและปลอกกระสุนซึ่งรับตรวจปานกลาง จะเห็น หลายธาตุในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ICP-MS สามารถ วา่ มีความสอดคลอ้ งกบั ผลในหวั ข้อวิธวี ิเคราะห์ ควบคมุ สิ่งรบกวนอ่ืน 2.4 ระยะเวลาของวัตถุพยานที่สามารถใช้ใน จากการค้นคว้าพบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกา การตรวจพสิ จู น์ มีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ Scanning Electron Microscopy/ Energy Dispersive X-Ray Spectrometry คำตอบของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 8 ท่านเป็นไปใน (5) โดยวิเคราะหน์ ้ีเป็นการวิเคราะห์หาเขมา่ ดินปืนทั้งเชิง ทิศทางเดียวกัน โดยสอดคล้องตามข้อปฏิบัติต่อวัตถุ ปริมาณ เชิงคุณภาพ และสามารถดูการกระจายตัวไดอ้ กี พยานท่ีใชใ้ นเพอ่ื ตรวจพสิ จู น์เขมา่ ดินปืน ดงั ตอ่ ไปนี้ ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบกลับได้ นอกจากน้ี วิธีดังกล่าวยังถูกกำหนดในมาตรฐานการวิเคราะห์ชื่อว่า 1. มือผู้ต้องสงสัย ต้องเก็บตัวอย่าง ASTM E1588-10: Standard Guide for Gunshot เขม่า ภายใน 6 ชั่วโมง นับแต่มีการยิงปนื Residue Analysis by Scanning Electron Microscopy/ Energy Dispersive X-Ray Spectrometry อีกด้วย (6) 2. มือศพ ต้องเก็บตัวอย่างเขม่า แต่หากเปน็ วัสดุอื่น ๆ จะใช้วิเคราะห์ด้วยวิธี Color test ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่มีการยิงปืน โดยให้ใช้ เพื่อหาปริมาณไนเตรทและไนไตร์ท เนื่องจากสามารถ ถุงพลาสติกสวมมอื ศพไวจ้ นกว่าจะเก็บเขมา่ ปืน ระบุได้อย่างรวดเร็ว วิธีตรวจสอบการพบสารประกอบ ประเภทไนไตร์ท ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของดินปืน ไม่วา่ 3. เครื่องแต่งกาย ยานพาหนะ และ จะชนิดใดก็ตามหรืออาจเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของ อาวุธปืนไม่จำกัดเวลา โดยเป็นผลการสัมภาษณ์ของ กระสนุ ปืน โดยหากผลเปน็ บวกจะเปลยี่ นสีเปน็ สีชมพูเขม้ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 8 ท่าน ที่สอดคลอ้ งตามข้อปฏิบัติต่อวัตถุ (7) อย่างไรก็ตามผลวิเคราะห์มีโอกาสที่อาจเป็นผลบวก พยานที่ใช้ในเพื่อตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืน โดยเฉพาะ ลวงได้ แต่ด้วยกรอบงานพิสูจน์ หาปริมาณไนเตรท ประเด็นระยะเวลาที่ตรวจมือผู้มีชีวิต ต้องเก็บตัวอย่าง ไนไตร์ทนั้น เป็นเพียงการนำผลเบื้องต้นนี้ประกอบการ เขม่า ภายใน 6 ชั่วโมง นับแต่มีการยิงปืนและพบว่ามี เขียนรายงานเท่านน้ั ความสอดคล้องกบั ผลงานวิจยั เรื่อง การศกึ ษาระยะเวลา การคงอยู่ของปริมาณเขม่าปืนภายหลังการยิงปืน 9 มม. ซึ่งจากงานวิจัยเรื่องการวิเคราะห์หาปริมาณ บนหลังมือและฝ่ามือจำแนกตามช่วงเวลาหลังยิงปืนและ ไนไตรทแ์ ละไนเตรทในเขม่าดินปืนที่ติดบนมือและปลอก ลกู กระสุนปนื (10) โดยเกบ็ เขมา่ ปนื บนหลังมอื ขวา ฝ่ามอื กระสุนปืน โดยเทคนิค ไอออนโครมาโทกราฟีในการ ขวา หลงั มือซ้ายและฝ่ามือซ้ายของกลุ่ม ตวั อยา่ งหลงั จาก ตรวจวเิ คราะหเ์ ขมา่ ดนิ ปนื เพื่อหาปรมิ าณไนไตรท์ (NO2-) ยิงปืนที่ช่วงเวลาต่างกัน คือ หลังยิงปืน 6 8 และ และไนเตรท (NO3-) (8) และ การวิเคราะห์ปริมาณ 10 ช่ัวโมง หลงั ยงิ ปนื เมื่อเวลาเก็บเขมา่ ปืนที่มือภายหลัง ปริมาณไนไตรท์และไนเตรทในตัวอย่างเขม่าที่เกิดจาก การยิงปืนนานกว่า 6 ชั่วโมง ไม่สามารถยืนยันได้ว่ากลมุ่ การยิงปืนด้วย วิธีการสเปกโตรโฟโตเมตรี (9) อย่างไรก็ ตัวอย่างเกี่ยวข้องกับการยิงปืนซึ่งเป็น การยืนยันได้ว่า ตามวิธีวิเคราะห์เหล่านี้ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานในการ ตรวจวเิ คราะห์ปริมาณไนไตรท์ และไนเตรท ในเขมา่ ได้ ตรวจเขม่าปืนที่ยึดถือปฏิบัติมา ว่าไม่สามารถ ตรวจหรือ ยืนยันการยิงปืนได้เมื่อเวลาผ่านไปมากกว่า 6 ชั่วโมง ได้ 2.3 วสั ดเุ ปา้ หมายที่ใชต้ รวจสอบ โดยมีเกณฑ์การแปรผลการวิเคราะห์ปริมาณธาตุ แอนติโมนีตามตารางที่ 1

14 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ตารางที่ 1 เกณฑม์ าตรฐานของกองพสิ ูจน์หลกั ฐานตำรวจ (10) วิเคราะห์ปริมาณธาตุแอนติโมนี หลังมอื ฝา่ มอื การแปรผล ตัง้ แต่ 20 ppb ข้นึ ไป ไมต่ อ้ งพิจารณา ตรวจพบธาตุ Antimony และ Barium ทมี่ อื ของ...ใน ปรมิ าณทเ่ี ชือ่ ได้ว่า...เกยี่ วขอ้ งกบั การยิงปืน ตง้ั แต่ 20 ppb ขน้ึ ไป ไม่ต้องพจิ ารณา ตรวจพบธาตุ Antimony ทีม่ อื ของ...ในปรมิ าณท่ี ตัง้ แต่ 10 – นอ้ ยกวา่ 20 ppb ไม่ต้องพิจารณา สนั นิษฐานได้วา่ ...เกย่ี วข้องกบั การยงิ ปนื (Barium น้อย น้อยกว่า 10 ppb กว่า 200 ppb) ตรวจพบธาตุ Antimony ทีม่ ือของ...ในปริมาณทไี่ มอ่ าจ ยนื ยนั ได้ว่า...เกี่ยวขอ้ งกบั การยิงปนื หรือไม่ ตั้งแต่ 20 ppb ขนึ้ ไป น้อยกวา่ 10 ppb น้อยกวา่ 20 ppb ตรวจไม่พบธาตสุ ำคญั ทมี่ าจากการยงิ ปนื ท่ีมอื ของ... *เกณฑม์ าตรฐาน Sb ต้งั แต่ 20 ppb, Ba ตงั้ แต่ 200 ppb, Pb ตัง้ แต่ 300 ppb ท้ังนงี้ านวิจยั เร่ืองความสัมพันธร์ ะหว่างปริมาณ 2. Scanning Electron Microscope/ เขมา่ ปืนในโพรงจมกู ผูย้ งิ ปนื กบั ระยะเวลาภายหลงั การยิง Energy Dispersive X-ray Spectroscope (SEM/EDS) ที่วิเคราะห์ โดยเทคนิค Inductively Coupled Plasma ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ชวั่ โมง Optical Emission Spectrometry (ICP-OES) (11) ยืนยันผลการตรวจเขม่าปืนที่ฝ่ามือ พบว่า เขม่าปืนจะ 3. Color test 1 วัน ลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมงหลังการยิง 2.6 ข้อจำกัดอื่น ๆ ตามความเห็นของ ปืนและจะมีอัตราลดลงคงที่ ภายหลังการยิงปืน ผเู้ ช่ียวชาญ 5-8 ชั่วโมง ซึ่ง สามารถตรวจพบธาตุครบทั้ง 3 ชนิดได้ การดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจผิดวิธี ส่งผล ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงหลังการยิงทั้งนี้การเก็บ ใหเ้ กดิ การปนเปื้อน ซึง่ ผ้เู ชี่ยวชาญมีการเน้นย้ำเรอ่ื งน้ี ก่อน คราบเขม่าปืนที่ฝ่ามืออาจมีค่าที่แตกต่างขึ้นกับกิจวัตร ทำการเก็บเขม่าปืนที่มือ ห้ามพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำความ ของผูย้ งิ แต่ละบคุ คล (11) สะอาด หรอื ล้างมือของผ้ทู ่จี ะถกู เกบ็ เขมา่ ปืนทม่ี ือ กรณีศพ ใหใ้ ช้ถุงพลาสติกสวมมอื ศพไว้จนกว่าจะเก็บเขม่าปืน เป็นต้น 2.5 ข้อปฏิบัติด้านระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจ ดังคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญท่านที่ 1 ที่ว่า “… วัตถุพยานที่จัดส่งมา หากมีการปนเปื้อนของเลือด จะ พสิ จู น์ สง่ ผลตอ่ การวเิ คราะห์ color test ได้…” ดังคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญท่านที่ 8 ที่ว่า “...1. 1. ICP/MS ระยะเวลาดำเนินการ กรณีทีม่ ือ ทำการเกบ็ เขมา่ ท่ีมือผดิ วธิ ี 2. เกบ็ มาจากอาวุธ ประมาณ 1 - 2 วนั หากรวมระยะเวลาจนถึงออกรายงาน จะใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการ ยกเว้นกรณี เรง่ ด่วน ซง่ึ จะใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการ ปืนที่ไม่สามารถตรวจด้วย ICP หรือ AAS ได้ 3. กรณีท่ี

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 15 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) วัตถุ เช่น รถท่านการล้างทำความสะอาดมาแล้วอาจทำ ใหญ่และเล็ก จากงานวิจัย “การทดสอบประสิทธิภาพของ สำลกี า้ นในการเก็บตัวอย่างเขม่าปืนชนิดอนนิ ทรยี ์ (12) ซ่ึง ใหต้ รวจไมพ่ บ...” ผลจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงผลบวกลวงที่มีโอกาส เกิดข้ึนไดใ้ นกระบวนการเก็บวัตถุพยานมาตรวจวิเคราะห์ ตอนที่ 3 ความเห็นต่องานตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนและ งานวจิ ยั เกี่ยวกับเขมา่ ดินปนื 3.2 ความเห็นตอ่ องค์ความรู้เกี่ยวกับงานตรวจ พิสจู นเ์ ขม่าดินปืน 3.1 อุปสรรคและข้อจำกัดของงานตรวจพิสูจน์ เขม่าดินปนื มีในการปฏบิ ตั กิ าร ระดับขององค์ความรู้ภายในองค์กร อยู่ในระดับ เพียงพอมาก โดยมีการเรียนรู้หลักการและวิธีวิเคราะห์ท่ี 1. วิธีวิเคราะห์วัตถุพยาน เป็นแบบ เพียงพอต่อการตรวจพิสจู น์เขมา่ ดนิ ปืนเบ้ืองตน้ แลว้ singlemethodกลา่ วคือScanningElectronMicroscope/ Energy Dispersive X-ray Spectroscope (SEM/EDS) ใช้ อย่างไรก็ตาม ดังคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญท่านที่ ยืนยันการพบธาตุด้วย ซึ่งยังไม่ครอบคลุม Morphology 3 และ 4 ที่กล่าวสอดคล้องกัน กล่าวคือ คำกล่าวของ ในขณะที่ ICP/MS ยืนยันการพบธาตุ เนื่องจากยังไม่มี ผู้เช่ียวชาญทา่ นที่ 3 ที่กล่าวว่า“...พน้ื ฐานเจา้ หน้าทใี่ นกลุ่ม procedure มารองรับ งานมที ้งั จบโดยตรงในสายเคมี ซงึ่ ตนร้สู กึ เข้าไม่ถึงแก่นของ ศาสตร์ในเชิงหลักการหรือเครื่องมือวิเคราะห์ที่อาศัย 2. การปนเปื้อนของวัตถุพยาน/การ ปฏิกิริยาเคมีได้อยากถ่องแท้มากนัด จึงอยากให้มีการ เกบ็ รักษาวัตถุพยานผดิ วธิ ี เพิ่มเติมความรู้ตรงนี้ให้มากขึ้น เช่น การเชิญวิทยากรเข้า มาบรรยาย เป็นตน้ ...” 3. การตรวจวิเคราะห์ด้วย ICP/MS เปน็ วธิ วี เิ คราะห์ทีไ่ ม่สามารถตรวจซ้ำได้ คอื เมือ่ วิเคราะห์ ความเห็นดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจและสะท้อน แล้ว ตัวอย่างจะมีการเปล่ียนแปลงและสูญเสียไปแล้วใน ใหเ้ ห็นถงึ พ้นื ฐานความร้ขู องเจ้าหน้าทปี่ ฏบิ ัติการท่ีแตกต่าง การวเิ คราะหค์ รั้งแรก กัน ระหว่างผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางเคมีและฟสิ ิกสท์ ี่ จะมีโอกาสพัฒนาองคค์ วามร้ทู ี่แตกตา่ งกันออกไป 4. กระสุนบางรุ่นไม่ผสม Sb เข้าไป ทำให้บางครั้งการตรวจก็ไม่สามารถแปรผลได้ว่าพบเขม่า นอกจากนี้มีการระบุถึงปัญหาขององค์ความรู้ ปืนและยงั ไมม่ ีงานวิจัยรองรบั ภายในองค์กรดังคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญท่านที่ 8 “... เอกสารที่ใช้อ้างอิงขั้นตอนปฏิบัติงานไม่ครบถ้วน ทำให้ 5. แหล่งไนเตรทและไนไตร์ท ซึ่งเป็น ปฏิบัติงานโดยขาดความรู้ความเข้าใจในที่มาของขั้นตอน สารท่ีไม่ไดพ้ บแคใ่ นเขมา่ ปนื เท่านั้น ทำใหผ้ ูต้ รวจมีความไม่ ปฏิบัติงานต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น เอกสารมีการสูญหายไป มั่นใจว่าที่เจอนั้น หมายถึงเขม่าหรือไม่ รวมถึงธาตุ Sb Pb ในระหวา่ งท่มี กี ารเปล่ียนตำแหน่งของผู้ปฏิบตั ิงาน ไม่มกี าร และ Ba ก็เช่นกัน ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้พบแค่ในเขม่าปืน จัดระบบเอกสารให้สืบค้นเท่าใดนัก มีแต่การอบรมในครั้ง เทา่ นน้ั แรกๆที่มาเริ่มปฏิบัติงานแล้วสั่งสมความรู้ตามจำนวนวัตถุ และคดที ชี่ อบ เปน็ ตน้ ...” ดังคำกล่าวของผเู้ ชีย่ วชาญท่านที่ 6 ท่ีกล่าวไว้ว่า “...การตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืน ปัจจุบันยังวิเคราะห์ด้วย 3.3 การประยุกต์องค์ความรู้จากงานวิจัยด้าน Color test ซึ่งใช้ในการตรวจหา ไนเตรทและไนไตร์ท ซ่ึง การตรวจพสิ ูจนเ์ ขมา่ ดินปนื มาใช้ในการปฏบิ ตั ิงาน เป็นสารที่ไม่ได้พบแค่ในเขม่าปืนเท่านั้น ทำให้ผู้ตรวจมี ความไม่มั่นใจว่าไนไตร์ทที่ตรวจเจอนั้น หมายถึงเขม่า ระดับการใช้งานวิจัยมาประยุกต์กับการ หรอื ไม่...” ปฏิบัติงานอยู่ในระดับน้อยมาก มักอ้างอิงจากวิธีปฏิบัติ มาตรฐานทีก่ ำหนดไวส้ ำหรับเครื่องมอื นั้น ๆ อกี ทั้งงานวิจัย สอดคล้องกับการปนเปื้อนธาตุแบเรี่ยม (Ba) ใน ตัวอย่างควบคุมของสำลีก้านไม้ สำลีก้านพลาสติกขนาด

16 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ในประเทศไทยไม่ค่อยมีน้ำหนักในการอ้างอิงเพื่อใช้ในการ ปฏิบัติสอดคล้องกัน รวมถึง รูปแบบในการเตรียมตัวอย่าง ปฏิบัติงาน นอกจากงานวิจัยที่เกิดประโยชน์ต่อการ ทส่ี อดคลอ้ งกัน ปฏิบตั งิ านจรงิ เช่น การตรวจหาปริมาณ Sb Pb และ Ba ที่ มใี นบคุ คลทป่ี ระกอบอาชีพต่าง ๆ (13) ด้านความแตกต่าง ประเทศไทยกำหนด ระยะเวลาเขม่าดินปืนที่เก็บบนฝ่ามือที่ ไม่เกิน 6 ชม.หลัง 3.4 ความเห็นตอ่ รูปแบบที่ใช้ในการวิเคราะห์การ การยิง ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดระยะเวลา ตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบ เขม่าดินปนื ทเ่ี กบ็ บนฝ่ามือที่ ไมเ่ กิน 4 ชม.หลงั การยิง และ กับประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถสรุปความเห็นได้ ตาม ประเทศไทยรับตรวจพยานหลัก-ฐานทุกชนิด ไม่มีการ ตารางท่ี 2 กำหนดเงื่อนไข ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนด เงื่อนไขของวัตถุพยาน ละเอียดลงไป เช่น ตรวจเฉพาะเส้ือ ด้านความสอดคล้อง ทั้งประเทศไทยและ ทมี่ รี ูเทา่ นั้น หรอื ตรวจเฉพาะเสือ้ แขนยาวถึงขอ้ มอื เท่านัน้ สหรัฐอเมรกิ ามีหลกั เกณฑใ์ นการพิจารณาจดุ ตอ้ งสงสัยและ ตารางที่ 2 แสดงข้อสรุปความเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่อรูปแบบที่ใช้ในการตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนของประเทศไทย เปรยี บเทียบกับประเทศสหรัฐอเมรกิ า ความสอดคลอ้ ง ความแตกต่าง (ไทย- สหรฐั อเมริกา) ไทย สหรฐั อเมรกิ า - หลกั เกณฑใ์ นการพิจารณาจุดต้องสงสยั - กำหนดระยะเวลาเขมา่ ดินปืนทเ่ี ก็บบน - กำหนดระยะเวลาเขม่าดินปืนท่เี ก็บบน ปฏบิ ัติเหมือนกนั ฝ่ามือท่ี ไมเ่ กนิ 6 ชม. หลังการยงิ ฝา่ มอื ท่ี ไม่เกนิ 4 ชม.หลงั การยิง - รูปแบบในการเตรยี มตัวอย่างเหมือนกนั - เสอื้ รับตรวจทั้งหมด ไมม่ ีการกำหนด - กำหนดเง่ือนไขของวัตถุพยาน เงอ่ื นไข ละเอียดลงไป เช่น ตรวจเฉพาะเสอ้ื ท่ีมรี ู เท่าน้ัน หรอื ตรวจเฉพาะเสื้อแขนยาวถึง ข้อมือเท่าน้ัน 3.5. ความเห็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง 4. หาวธิ วี เิ คราะห์ทสี ามารถตรวจซำ้ ได้ กับการตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนในประเทศไทยที่อาจเกิด และตรวจสอบยอ้ นกลับได้” ประโยชน์ในอนาคต 5. ศึกษาองค์ประกอบของเขม่าอ่ืน 1. ศึกษาเงื่อนไขของต่างชาติ เช่น องค์ประกอบเชิงซ้อนอื่น เพ่ือนำมาประกอบการเขยี น เปรียบเทียบกับการปฏิบัติจริงในประเทศไทยเพื่อหาจุด รายงานนอกจาก Sb Pb และ Ba วกิ ฤติทีเ่ หมาะสมทีใ่ ชต้ ัดสิน และนำวิธีที่มอี ยมู่ าทดลองใช้ กับวัตถุพยานทีไ่ ม่ได้ทดลองในปัจจบุ ันเพอ่ื ใช้ยนื ยันผล 6. วิจัยเกย่ี วกบั กระสนุ แบบใหม่ ๆ ทม่ี ี องค์ประกอบต่างจากเดิม หากวันหนึ่งมีกรณีเกิดขึ้นจริงก็ 2. งานวิจัยค่า Likelihood Ratio จะมีงานวจิ ัยรองรบั เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกันระหว่างสถานที่ใดท่ี หนง่ึ และวตั ถพุ ยานหรือบคุ คลใดบคุ คลหน่ึง เพื่อประกอบ 7. งานวิจยั ทกี่ ้าวข้ามข้อจำกัดเดิมของ ข้อสนั นษิ ฐานในคดคี วาม วิธีวิเคราะห์ที่ใช้ในปัจจุบัน อาจเป็นวิธีวิเคราะห์ แบบใหม่ เช่น HPLC เปน็ ตน้ หรอื ศกึ ษาพัฒนาวิธใี หม่ ๆ ข้นึ มา 3. วิจยั เกยี่ วกับกรณี False Positive ในวิธีวิเคราะห์ แบบ Color Test และ ICP/MS 8. งานวิจัยเกี่ยวกับอาชีพที่ไม่ เกี่ยวข้องกับการยิงปืน แต่สามารถตรวจพบธาตสุ ำคัญได้ เชน่ เดียวกบั เขม่าดินปืน

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 17 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ดังที่ผู้เชี่ยวชาญท่านที่ 1 กล่าวไว้ว่า “...กรณี เทคนิคเดิม ๆ ได้เลย เนื่องจาก HPLC สามารถใช้ ตรวจวิเคราะห์ที่มือ ด้วยความที่สภาพอากาศต่างประเทศ วเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบสารทเี่ ตมิ ไปในกระสุนปืน...” กับประเทศไทยต่างกัน จึงอยากให้ศึกษาเงื่อนไขของ ต่างชาติเปรียบเทียบกับการปฏิบัติจริงในประเทศไทยเพ่ือ นบั ว่า งานวจิ ยั เรื่องรูปแบบการกระจายตัวของ หาจุดวิกฤติที่เหมาะสมที่ใช้ตัดสิน และนำวิธีที่มีอยู่มา เขมา่ ปนื ชนดิ อนิ ทรีย์บนมอื ภายหลังการยงิ ปืน” (15) เป็น ทดลองใช้กับวัตถุพยานที่ไม่ได้ทดลองในปัจจุบันเพื่อใช้ หนึ่งตัวอย่างงานวิจัยที่น่าสนใจสำหรับผู้เชี่ยวชาญ โดย ยืนยันผล ยกตัวอย่างเช่นวิธีวิเคราะห์ ICP เราใช้สำหรับ วิจัยการกระจายตัวของเขม่าหลังจากการยิงในแต่ละ วิเคราะหเ์ ขม่าจากมือ สามารถนำตัวอย่างเขม่าจากวัตถมุ า บริเวณของมือ แล้ววิเคราะห์ด้วยเทคนิค High ตรวจไดห้ รอื ไม่ และ เกณฑ์ตัดสนิ ท่ีระดบั ใด…” Performance Liquid Chromatography (HPLC) และ สามารถตรวจพบเขม่าปืนอินทรีย์กระจายที่บริเวณหลัง สอดคล้องกับงานวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์ มือ มีส่วนน้อยที่พบที่ฝ่ามือ ซึ่งสามารถระบุรูปแบบการ อนภุ าคเขม่าปนื และปรมิ าณของแบเรียม ตะกั่วและพลวง กระจายตัวของเขมา่ ปนื ชนิดอนิ ทรีย์เบ้อื งต้นได้ ภายหลังการยิงปืนบนเสื้อผ้าด้วยอาวุธปืนประเภท M16 A1 ด้วยเครื่อง SEM/EDS (10) โดยผลการวิเคราะห์ สรปุ ผล ข้อมูลปรากฏค่าสถิติ F เท่ากับ 102.872 และค่า sig เท่ากับ 0.000 ซึ่งยืนยันได้ว่าการใช้เครื่องมือ SEM/EDS การศึกษานี้เป็นการศึกษาเพื่อนำร่องการ เป็นอีกหนึ่งวิธีวิเคราะห์อนุภาคเขม่าปืนและตรวจสอบ วิเคราะหแ์ นวโน้มงานตรวจพสิ ูจนห์ ลักฐานด้านเขม่าดินปืน ปริมาณแบเร่ยี ม ตะก่ัว และพลวงไดอ้ ีกท้งั ยังเปน็ งานวิจัย ของประเทศไทย โดยดำเนินการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญกล่มุ ของไทยท่ีตรงกับหัวเรอ่ื งทน่ี า่ สนใจของผู้เชย่ี วชาญ งานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน กองพิสูจน์หลักฐาน กลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 8 ท่าน และ ดังที่ผู้เชี่ยวชาญท่านที่ 2 กล่าวไว้ว่า “... เปรียบเทียบงานวิจัย โดยกำหนดกรอบช่วงปีงานวิจัยใน งานวิจัยเกี่ยวกับการตรวจหาค่า Likelihood Ratio เพื่อ การตีพิมพ์ ระหว่าง พ.ศ. 2558 – 2462 และเป็น ตรวจสอบความสอดคล้องกันระหว่างสถานที่ใดที่หนึ่ง ผลงานวิจัยด้านการตรวจพิสูจน์เขมา่ ดินปืนในประเทศไทย และวัตถุพยานหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อประกอบข้อ และสหรฐั อเมริกา ซึ่งสามารถเช่อื มโยงกับนวัตกรรมใหม่ ๆ สันนิษฐานในคดีความ...”ซึ่งไม่พบงานวิจัยของประเทศ ที่มีการศึกษาในช่วง 5 ปี (ระหว่าง พ.ศ.2558 – 2462) ซึ่ง ไทยที่วิจัยด้านนี้ อย่างไร ก็ตามในชว่ งปีท่ีผู้วิจัยศึกษาพบ จากการวิเคราะห์สามารถสรุปแนวโน้มสำหรับงานตรวจ งานวจิ ัยในหัวขอ้ “From binary presumptive assays พิสูจนเ์ ขมา่ ดินปืนในอนาคตได้ เป็น 3 หวั ขอ้ ดังนี้ to probabilistic assessments: Differentiation of 1. แนวโนม้ การวเิ คราะห์เขมา่ ดินปนื สำหรับผูป้ ฏิบัตงิ าน shooters from non-shooters using IMS, OGSR, neural networks and likelihood ratios.” (1 4 ) ซึ่ ง 1.1 เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานและ ศึกษาในหัวข้อ Likelihood Ratio เพื่อใช้ประกอบการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อสะดวกต่อการ จำแนกมือปืนออกจากกลุ่มที่ปะปนกันทัง้ ผูท้ ่ยี ิงและไม่ยิง ประสานงาน รวมถึงการเน้นย้ำลำดับขั้นตอนที่เก็บวัตถุ ซง่ึ สามารถนำไปประกอบการประเมินได้ดีเป็นอย่างยิง่ พยาน รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติต่อวัตถุพยาน เพื่อลดการ สูญเสีย และการปนเปื้อนของวัตถุพยาน รวมถึงการส่งต่อ ดังที่ผู้เชี่ยวชาญท่านที่ 7 กล่าวไว้ว่า “... วตั ถุพยานระหว่างองคก์ ร งานวิจัยที่ข้ามข้อจำกัดเดิมของวิธีวิเคราะห์ที่ใช้อยู่ใน ปัจจุบัน อาจเป็นวิธีวิเคราะห์แบบใหม่ เช่น SEM HPLC 1.2 สืบค้นข้อมูลนวัตกรรมของอาวุธปืนที่อาจ เป็นต้น หรือศึกษาพัฒนาวิธีใหม่ๆขึ้นมาเพื่อทดแทน ส่งผลต่อลักษณะเขม่าดินปืน รวมทั้งนวัตกรรมในเชิงวิธี

18 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) วิเคราะห์ เพื่อเท่าทันเทคโนโลยีและเยแพร่แก่ผู้ปฏิบัติงาน 3. แนวโน้มการวิเคราะห์เขม่าดินปืนสำหรับผู้วิจัยใน ภายในองค์กรเพอ่ื เปน็ การพัฒนาองค์ความร้ภู ายในองค์กร อนาคตแบ่งเป็นกลุ่มงานวิจยั เปน็ 3 กลุ่ม คือ 1.3 จัดทำทะเบียนเอกสาร เพื่อรวบรวมเอกสาร 3.1 หัวข้อที่ตอบสนองต่อหัวข้อที่ผู้เชี่ยวชาญ องค์ความรู้ภายในองค์กรให้เป็นหมวดหมู่มากขึ้น เพ่ือ สนใจและสอดคล้องกับงานวิจัยของไทยและจำเป็นต้อง สะดวกต่อการสบื ค้น พฒั นาต่อไป 2. แนวโน้มการวเิ คราะห์เขมา่ ดนิ ปนื สำหรบั องค์กร 1.“ศึกษาองค์ประกอบของเขม่าอื่น 2.1 จัดการอบรม เน้นย้ำถึงความสำคัญของ เช่น องค์ประกอบเชิงซ้อนอื่น เพ่ือนำมาประกอบการเขยี น พยานหลักฐาน คำนึงถึงคุณค่าของพยานหลักฐาน เพื่อ รายงานนอกจาก Sb Pb และ Ba” ก่อให้เกิดความตระหนักรู้ในกระบวนการตรวจพิสูจน์ รวมถึงหว่ งโซค่ รอบครองวตั ถพุ ยาน 2. ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดผลบวกลวงได้ เช่น ด้านอาชีพ เป็นต้น ถึงแม้ปัจจุบันมีการวิจัยเกี่ยวกับ 2.2 ให้ความสำคัญกับการป้องกันและรักษา อาชีพแล้ว ยกตัวอย่างเช่นงานวิจัยที่มีการเลือกกลุ่ม สถานที่เกิดเหตุ และการเก็บตัวอย่างจากที่เกิดเหตุด้วย ตัวอย่างโดยแบ่งตามกลุ่มอาชีพ ได้แก่ อาจารย์ นักยิงปืน กระบวนการ วิธี ภาชนะ/หีบห่อวัตถุพยานทีเ่ หมาะสมเพื่อ เกษตรกรและช่างซ่อมรถ โดยไม่พบผลที่แน่ชัดด้านอาชีพ ป้องกันการสูญเสียวัตถุพยานระหว่างการส่งมอบ รวมถึง (13) อย่างไรก็ตามกรอบอาชีพที่ทดลองนั้นก็ยังไม่ การตรวจวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความจริงใน ครอบคลุมอาชีพที่เกี่ยวข้องกับแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบ คดีและใช้เป็นหลกั ฐานในช้นั ศาลได้ หลักของเขม่า จงึ ควรศกึ ษากลุม่ อาชีพทหี่ ลากหลายมากข้ึน รวมถงึ ปจั จยั ต่าง ๆ มากข้นึ เช่นกัน 2.3 สนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับการฝึกอบรม อย่างเท่าเทียมและต่อเนื่อง เพื่อทราบถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ 3. งานวิจยั ท่กี า้ วข้ามข้อจำกดั เดิมของ ในการตรวจเขม่าปืน รวมถึงแขนงต่าง ๆ ตามกรอบการ วิธีวิเคราะห์ที่ใช้ในปัจจุบัน อาจเป็นวิธีวิเคราะห์แบบใหม่ ปฏบิ ตั ิงานของผู้ปฏบิ ตั งิ าน เช่น HPLC เป็นต้น ถึงแม้มีงานวิจัยไทยที่ใช้วิธีวิเคราะห์ HPLC โดยดำเนินการตรวจสอบเขม่าชนิดอินทรีย์ (15) 2.4 สนับสนุนทุนการศึกษา หรือทุนใน อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้ยังระบุถึงประเด็นความไวในการ การศึกษา/อบรมในหน่วยงานต่างประเทศที่มีหน้าท่ี วิเคราะหเ์ ขมา่ ปนื ทย่ี งั ต้องพฒั นาในลำดับต่อไป รับผิดชอบคล้ายกัน เพื่อจะได้นำความรู้กลับมาพัฒนาทั้ง ตนเองและองค์กรตอ่ ไป 3.2 หัวขอ้ ตอบสนองตอ่ หัวข้อท่ผี ูเ้ ชี่ยวชาญสนใจ แตย่ ังไมพ่ บในงานวิจัยไทย 2.5 เพิ่มงบประมาณด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดสรรเครื่องมือตรวจ 1. ศึกษาเงื่อนไขของต่างชาติ พิสูจน์หลักฐานให้สามารถวิเคราะห์เพื่อยืนยันผลการ เปรียบเทียบกับการปฏิบัติจริงในประเทศไทยเพื่อหาจุด วิเคราะห์ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องวิเคราะห์เพื่อยืนยันหา วิกฤติที่เหมาะสมที่ใช้ตัดสิน และนำวิธีที่มีอยู่มาทดลองใช้ ปริมาณไนเตรทและไนไตร์ท เพื่อลดการเกิดผลบวกลวง กับวตั ถุพยานทีไ่ มไ่ ด้ทดลองในปัจจบุ ันเพื่อใชย้ ืนยันผล จากการตรวจวเิ คราะหด์ ้วยวธิ ี Color Test รวมถึงยกระดับ มาตรฐานการวิเคราะห์ให้เป็นสากลมากขึ้น เช่น ปรับวิธี 2. งานวิจัยที่ศึกษาพัฒนาวิธีใหม่ ๆ วเิ คราะห์ ธาตุหลักจากวธิ ีวิเคราะห์ Inductively Coupled โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Raman Spectroscopy, Surface Plasma (ICP) เป็นการวิเคราะห์ด้วยเครื่อง Scanning Enhanced Raman Spectroscopy (SERS) รวมถึ งวิ ธี Electron Microscope (SEM) เปน็ ต้น วิเคราะห์อื่น ๆ ได้แก่ CMV-GC-MS, DART-MS, ICP, Ion Mass Spectroscopy (IMS), Ion Chromatography, LC- MS, และ Laser Induced Breakdown, Spectroscopy

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 19 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) (LIBS) ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงวัสดุที่ต้องการตรวจสอบ และ เอกสารอา้ งองิ ความพรอ้ มของอปุ กรณท์ มี่ ีในประเทศไทยอกี ด้วย 1. กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ 3. หาวิธวี เิ คราะห์ทีสามารถตรวจซำ้ ได้ ตำรวจ (ผอ.สยศ.ตร.). สถิติฐานความผิด คดีอาญา และตรวจสอบยอ้ นกลบั ได้” รายปี [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [สืบค้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563]. จาก: http://pitc.police.go.th/ 4. งานวิจัยเกี่ยวกับกระสุนแบบใหมท่ ่ี dirlist/dirlist.php?dir=/crimes มอี งค์ประกอบต่างจากเดิม 2. สำนักข่าวไทยรัฐ. ถล่ม5นัดดับ ส.จ.เมืองโอ่ง 5. การศึกษาค่า Likelihood Ratio [อินเทอร์เน็ต]. 2558 [สืบค้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. เพ่ือนำมาประกอบการประเมนิ วัตถพุ ยาน 2 5 6 3 ] . จ า ก : https://www.thairath.co.th/ news/local/485424 3.3 หัวข้อที่พบในงานวิจัยสหรัฐอเมริกาและยัง ไม่พบในงานวจิ ยั ไทย 3. ยุทธพงศ์ เศรษฐีสมบัติ, ศิริรัตน์ ชูสกุลเกรียง. การ หาปริมาณไนเตรทและไนไตรท์ในเขม่าปืนที่ติดบน กา ร ทด ล องศ ึ กษา การ ตรวจ วิเคราะห์ ผิวรถยนต์โดยเทคนิคไออนโครมาโตกราฟี. วารสาร องค์ประกอบพอลิเมอร์และเขม่าดนิ ปืนจากอาวุธปนื จาก Veridian E Journal ฯ สาขาวิทยาศาสตร์และ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (16) การตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนซึ่ง เทคโนโลย.ี 2557;1(2):64-75. เป็นศาสตร์อีกหนึ่งแขนงที่มีความสำคัญต่อการสืบสวน สอบสวนและใช้เปน็ หนึง่ ในเครอ่ื งมอื พิสูจน์ความผิดในคดี 4. Carter L. Gunning for firearms [อินเทอร์เน็ต]. ความบนชั้นศาลได้ ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบเขม่าดินปืน 2562 [สืบค้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563]. จาก: โดยตรวจหาส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียวอาจทำ https://www.bangkokpost.com/thailand/spe ให้ผลมีความคลาดเคลื่อนได้ จึงนำมาสู่ขั้นตอนที่เป็น cial-reports/1691936/gunning-for-firearms มาตรฐานและเครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการตรวจสอบทจ่ี ำเป็นตอ้ ง มคี วามแม่นยำ รวดเร็ว ประหยดั ค่าใชจ้ า่ ย และเช่ือถือได้ 5. Terry M, Fookes B, Bridge CM. Determining เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้แก่พยานหลักฐานบนชั้นศาลที่น่า the effect of cartridge case coatings on GSR เชื่อม่นั มากข้ึน นอกจากนยี้ งั สามารถลดโอกาสการเกดิ ผล using post-fire priming cup residue. Forensic ผดิ พลาดได้ Sci Int. 2017;276:51-63. ขอ้ แนะนำในการวิจยั 6. Do SEM 24 hr. วิเคราะห์เขม่าดินปืน ด้วยเทคนิค รวบรวมงานวิจัยของแหล่งอื่น เช่น ประเทศใน SEM, EDS/EDX [อินเทอร์เน็ต]. 2557 [สืบค้นเม่ือ แถบยุโรปและแถบเอเชีย เพื่อใช้เปรียบเทียบกับงานวิจัย วันที่ 15 พ.ค. 2563]. จาก: http://www. ประเทศไทย dosem2 4 hr.com/index.php?lay=show&ac=a rticle&Id=539649730&Ntype=8 กติ ติกรรมประกาศ 7. เบญจ์ พุฒินิล, ศุภชัย ศุภลักษณ์นารี. การวิเคราะห์ ขอขอบคุณกลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่อง หาปริมาณไนเตรทและไนไตร์ทในเขม่าดินปืนด้วย กระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์ ออนโครมาโทกราฟ.ี วารสาร Veridian E Journal ฯ หลักฐานตำรวจ ที่ให้ความร่วมมือในงานวิจัย และ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2555;5(2):730- ขอขอบคณุ คณะนติ วิ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 41. ทเี่ ออ้ื เฟ้ือสถานทีใ่ นการทำวิจยั

20 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 8. กุลยา วันจันทร์. การวิเคราะห์หาปริมาณไนไตรท์ ปนื บนหลงั มือและฝ่ามือ จำแนกตามอาชีพ ช่วงเวลา และไนเตรทในเขม่าดินปืนที่ติดบนมือและปลอก หลังยิงตามขนาดอาวุธปืนและลูกกระสุนปืน. ใน: กระสุนปืนโดยเทคนิค ไอออนโครมาโทกราฟี บูรณาการงานวิจัยสู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน. [วิทยานิพนธ์ปริญญาบัณฑิต]. นครปฐม: สัมมนาวิชาการ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลยั ศิลปากร; 2560. มหาวิทยาลัยราชภัฎภาคเหนือ ครั้งที่ 17; 21 ก.ค. 2560; ศูนย์วฒั นธรรมภาคเหนือตอนลา่ ง วังจนั ทน์ริ 9. พัชรี เปรมกระโทก, วรรณฤดี ทองจุลกลาง, อารี เวอร์วิว มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม รัตน์ ริมใหม่, ธนากร เปลื้องกลาง. การวิเคราะห์ พิษณุโลก; 2560. น. 2579-92. ปริมาณไนไตรท์และไนเตรทในตัวอย่างเขม่าที่เกิด จากการยิงปืนด้วย วิธีสเปกโตรโฟโตเมตรี. วารสาร 14. Bell S, Seitzinger L. From binary presumptive วิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราช assays to probabilistic assessments: ภฏั นครราชสมี า. 2560;2(2):17-30. Differentiation of shooters from non- shooters using IMS, OGSR, neural networks 10. พุทธิชาต มิ่งชะนิด, ณรงค์ กุลนิเทศ. การศึกษา and likelihood ratios. Forensic Sci Int. 2016; ระยะเวลาการคงอยู่ของปริมาณเขมา่ ดนิ ปนื ภายหลงั 263:176-85. การยิงปืน 9 มม. บนหลังมือและ ฝ่ามือ จำแนกตาม ช่วงเวลาหลงั ยิงปืนตามขนาดอาวุธปืนและลูกกระสุน 15. พลอยไพลิน แก้วบุญเรือง. รูปแบบการกระจายตัว ปืน. วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฉบับ ของเขม่าปืนแบบอินทรีย์บนมือภายหลังการยิงปืน. บณั ฑิตศกึ ษา). 2560;17(3):8-18. ใน: Full Papers NIGRC 2016. The national and international graduate research conference 11. สุรีย์พร ตันติศักดิ์. ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณ 2016; 15 ม.ค. 2559; อาคารพจน์ สารสิน เขม่าปืนในโพรงจมูกผู้ยิงปืนกับระยะเวลาภายหลัง มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ขอนแก่น: 2559. น. 175- การยิงที่วิเคราะห์ โดยเทคนิค Inductively 82. coupled plasma optical emission spectrometry (ICP-OES) [วิทยานิพนธ์ปริญญา 16. Black O, Cody R, Edwards D, Cizdziel JV. บัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; Identification of polymers and organic 2559. gunshot residue in evidence from 3D-printed firearms using DART-mass spectrometry. 12. คุณิตา อ่อนละออ, จิรวัชร ธนูรัตน์. การทดสอบ Forensic Chem. 2017;(5):26-32. ประสิทธิภาพของสำลีก้านในการเก็บตัวอย่างเขม่า ปืนชนิดอนินทรีย์. ใน: Full Papers NIGRC 2016. The national and international graduate research conference 2016; 15 ม.ค. 2559; อาคารพจน์ สารสิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอนแก่น. 2559. น. 166-74. 13. พุทธิชาต มิ่งชะนิด, ณรงค์ กุลนิเทศ. การศึกษา ความสัมพันธ์ของปริมาณเขม่าปืนภายหลังการยิง

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 21 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) การพัฒนารูปแบบระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์ แบบฝงั Development of Smart Farms in Greenhouses through the Embedded System ปวันนพสั ตร์ ศรที รงเมือง* ชาญณรงค์ ศรที รงเมอื ง สมุ นา บษุ บก และ ชุตกิ านต์ หอมทรพั ย์ Pavannaphat Srisongmuang*, Channarong Srisongmuang, Sumana Budsabok and Chutikan Homsup สาขาระบบสารสนเทศและคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ คณะบรหิ ารธรุ กิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ ศนู ย์พระนครศรีอยธุ ยาหนั ตรา จ.พระนครศรอี ยุธยา 13000 Computing and Information Technology, Business Administration and Information Technology, Rajamangala University of Technology, Suvarnabhumi Phra Nakhon Si Ayutthaya Hantra Center, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province 13000, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: The purposes of this study were to develop smart farm Received: 8 June, 2020 management system in the greenhouses model through the Revised: 14 July, 2020 embedded system, to assess quality of smart farms management Accepted: 31 August, 2020 system in the greenhouses and evaluate the satisfaction of the Available online: 15 February, 2021 samples in a system. The research was conducted by developing, DOI: 10.14456/rj-rmutt.2021.3 implementing, and evaluating the smart farms management system Keywords: smart farm, model through the embedded system, 40 samples ware lecturer, embedded system, internet student, staff and farmers who stayed at faculty of Agricultural of things Technology and Agro-industry, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Hantra campus. They were selected by a purposive sampling method. Data were collected and statistically analyzed by using mean and standard deviation statistics. The results revealed that the developed system was evaluated by the experts at an acceptable high level. After refining the system according to the expert’s opinion and was used to evaluate the system, the quality of the system was considered at a high level (������̅ = 4.64, S.D.

22 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) = 0.18) and satisfaction level of sample towards for the system was considered at a high level (������̅ = 4.60, S.D. = 0.04). It can be concluded that the smart farm management system in the greenhouses model through the embedded system improves convenience and ease the burden for farmers. Which farmers can control turning on-off watering in greenhouses via smartphone from anywhere at anytime. บทคัดยอ่ ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ คอมพิวเตอร์แบบฝังที่พัฒนาขึ้น ช่วยในการอำนวยความ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบ สะดวกและแบ่งเบาภาระของเกษตรกรในการควบคุม ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ สั่งการเปิด-ปิดการให้น้ำในโรงเรือนปลูกพืชผ่านทาง คอมพิวเตอร์แบบฝัง หาคุณภาพระบบควบคุมฟาร์ม สมารต์ โฟนจากทุกทที่ กุ เวลา อัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืช และศึกษาความพึงพอใจของ ผู้ใช้งานที่มีต่อระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะกระบวนการ คำสำคัญ: ฟาร์มอัจฉริยะ คอมพิวเตอร์แบบฝัง วิจัยได้ดำเนินการโดยพัฒนารูปแบบระบบควบคุมฟาร์ม อินเทอรเ์ น็ตของสรรพส่งิ อัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง ที่ ผ่านการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บทนำ และด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรกลเกษตร จากนั้นนำไป พัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดย เทคโนโลยียุค 4.0 มีส่วนสำคัญในการดำเนิน ใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง เสร็จแล้วนำระบบไปประเมินกับ ชีวิตประจำวัน และการทำงานในดา้ นตา่ ง ๆ เป็นอย่างมาก กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นอาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ และ ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of เกษตรกร คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรม Things) หรือ IoT ซึ่งหมายถึงการที่สิ่งของอุปกรณ์หรือ การเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เครื่องมือทีใ่ ช้ต่าง ๆ รอบตัวเราทั้งที่เป็นสิ่งของเครือ่ งใช้ใน ศูนยห์ นั ตรา จำนวน 40 คน ไดม้ าโดยการเลอื กแบบเจาะจง ชีวิตประจำวันเช่น นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ด้วยสถิติค่าเฉลี่ยและส่วน หลอดไฟ ตู้เย็น ทีวี หม้อหุงข้าว ป๊ัมน้ำ พัดลม เครื่อง เบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบว่า ผู้เชี่ยวชาญประเมนิ ปรับอากาศ เคร่อื งมอื เครือ่ งจกั รกลในโรงงานอุตสาหกรรม รูปแบบท่ีพฒั นาขึ้นอยู่ในระดบั เหมาะสมมากที่สุด และเมื่อ ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันบนโลกของอินเทอร์เน็ต ทำให้ ประเมินหาคุณภาพของระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะใน สามารถควบคุมหรือสั่งการอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝังที่พัฒนาตาม การเปิด-ปิดไฟเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ปั้มน้ำ ฯลฯ รูปแบบ พบว่า คณุ ภาพของระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะใน ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้ วยสมาร์ตโฟน โรงเรอื นปลกู พชื โดยใช้คอมพิวเตอรแ์ บบฝงั จากการทดสอบ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์พกพาอื่น ๆ นอกจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราแล้วเทคโนโลยี IoT ยังถูกนำไปใช้กับงานด้าน ของผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมากที่สุด (������̅ = 4.64, การแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และอื่น ๆ โดยเฉพาะ S.D. = 0.18) และกลุ่มตัวอย่าง ได้แสดงความพึงพอใจที่มี อย่างยิ่งในด้านฟาร์มอัจฉริยะ เป็นการนำเทคโนโลยี IoT ต่อการใช้งานระบบที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับพึงพอใจมาก มาใช้กับงานด้านการเกษตร เช่น การนำอุปกรณ์เซ็นเซอร์ มาตรวจวัดความชื้นในดิน ปริมาณแสดงแดด อุณหภูมิใน ท่สี ุด (������̅ = 4.60, S.D. = 0.04) ดังนน้ั จึงสรปุ ได้ว่า รูปแบบ

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 23 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) อากาศ และนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์และสั่งการไปยัง ผู้วิจัยได้ลงพื้นที่ร่วมกับผู้ควบคุมดูแลโรงเรือน อุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมท่ี ปลูกพืชคณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรม เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งการนำเอา การเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เทคโนโลยี IoT มาประยกุ ตใ์ ช้ นอกจากจะช่วยให้เกษตรกร ศูนย์หันตรา พบว่า โรงเรือนปลูกพืชยังคงใช้วิธีการดูแล ประหยัดทรัพยากรท่ีใช้ยังช่วยให้สามารถคาดการณ์ แปลงปลูกพืชแบบดั้งเดิมโดยใช้คนรดน้ำ ซึ่งทำให้ ชว่ งเวลาในการเก็บเกี่ยว และปริมาณของผลผลติ ได้แม่นยำ สิน้ เปลอื งค่าใชจ้ ่าย และเสียเวลาในการให้นำ้ แกพ่ ืชผักใน อีกด้วย (1) ธรัช และวรปภา (2) ได้พัฒนาระบบไอโอที โรงเรือน อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมปริมาณการใช้น้ำได้ สำหรบั การตรวจสอบความชนื้ และอุณหภมู ิเพ่ือสง่ เสรมิ การ จากความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหาข้างต้นผู้วิจัย เพาะเลี้ยงเห็ดในโรงเรือนให้มีผลผลิตที่สมบูรณ์ ซึ่งระบบ จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะใน สามารถควบคุมสั่งเปิด -ปดิ การพ่นละอองน้ำในโรงเรือนได้ โรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง เพื่อช่วย ตามเงอื่ นไขที่กำหนด และ ศภุ วุฒิ และ คณะ (3) ได้พัฒนา ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกสบายในการให้ ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมต่อการ น้ำแกพ่ ืชผักในโรงเรอื นปลูกพชื โดยใชบ้ อรด์ คอมพิวเตอร์ เจริญเติบโตของเห็ดในโรงเพาะเห็ดบ้านทุ่งบ่อแป้น ตำบล แบบฝงั (NodeMCU ESP8266) ผ้ใู ชง้ านสามารถควบคมุ ปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง พบว่าระบบ สั่งการเปิด-ปิดการให้น้ำในโรงเรือนปลูกผ่านทางสมาร์ต สามารถควบคุมอณุ หภูมิและความช้นื เป็นไปตามท่ีต้องการ โฟนจากทุกที่ทุกเวลาผู้วิจัยได้ออกแบบกรอบแนวคิดใน และในส่วนของปริมาณน้ำในแต่ละครั้งที่ใช้ในโรงเพาะเห็ด การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูก ลดลงกว่าการให้น้ำในโรงเพาะเห็ดโดยวิธีเดิมประมาณ พืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝงั ดังรปู ท่ี 1 70 ลติ ร (4) วิธีดำเนนิ การวจิ ัย ระบบควบคุมฟาร์มอจั ฉรยิ ะในโรงเรือนปลกู พืช โดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝงั การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยมีการดำเนนิ การวิจัยตาม - พัฒนาระบบควบคุมฟารม์ อจั ฉริยะฯ ขน้ั ตอนดังตอ่ ไปนี้ - ทดลองใชร้ ะบบระบบควบคมุ ฟารม์ อัจฉริยะฯ - ความพงึ พอใจของผใู้ ช้ที่มีตอ่ ระบบฯ ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมลู ผลผลติ ท่ี ผ้วู จิ ยั ไดท้ ำการศึกษารวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง ต้องการ กับความ สำคัญของการใช้ประโยชน์จากระบบควบคุม ระบบควบคุมฟารม์ อจั ฉริยะในโรงเรอื นปลกู ฟาร์มอัจฉริยะใน โรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์ พชื โดยใชค้ อมพิวเตอร์แบบฝงั แบบฝัง และกระบวนการวิธีเพื่อนำระบบควบคุมฟาร์ม อจั ฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใชค้ อมพวิ เตอรแ์ บบฝัง ที่ คุณภาพระบบควบคุมฟารม์ อัจฉริยะฯ สามารถสง่ั การควบคมุ การเปิด-ปิดนำ้ ในโรงเรือนปลูกพืช ข อ ง ค ณ ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร เ ก ษ ต ร แ ล ะ อ ุ ต ส า ห ก ร ร ม ความพงึ พอใจของผ้ใู ชง้ านทมี่ ีตอ่ การใช้งาน การเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ระบบควบคุมฟาร์มอจั ฉรยิ ะฯ ศูนย์หันตรา จากการลงพื้นที่สอบถามพูดคุยกับ คณาจารย์ที่รับผิดชอบดูแลแปลงสวนผัก พบว่ายังขาด รูปท่ี 1 กรอบแนวคิดของการวจิ ัย ความเป็นสมาร์ทฟาร์มและยังคงใช้แรงคนในการดูแลรด

24 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) น้ำแปลงพืชทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกทั้งไม่สามารถ รูปท่ี 3 การออกแบบสถาปตั ยกรรมของระบบควบคมุ ติดตามดูแลแบบเรียลไทม์ ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ต โฟนได้ ปัจจุบันได้มีเทคโนโลยี IoT ที่มีการนำสรรพสิ่ง ต่าง ๆ เชื่อมด้วยอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความสำคัญในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน และการทำงานในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตร จึงได้นำข้อมูลท่ีผู้วิจัยต้องการ ทราบถึงสถานะของข้อมูลการรดน้ำและการดูแลแปลง พืชผักมาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และออกแบบและ พัฒนาระบบตอ่ ไป ออกแบบและจัดทำระบบ ผู้วิจัยได้ออกแบบและจัดทำโครงสร้างการ ทำงานของระบบดงั รปู ท่ี 2 รปู ที 4 การเชอื่ มตอ่ อุปกรณร์ ะบบ การพฒั นาระบบ รูปที่ 2 โครงสร้างการทำงาน จากการศึกษาและออกแบบระบบขั้นตอน วธิ ีการพัฒนาระบบควบคุมฟารม์ อัจฉริยะในโรงเรอื นปลกู การออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบควบคุมฟาร์ม พืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง เพื่อดูการทำงานของ อัจฉริยะ ระบบผ่านกล้องวงจรปิดได้แบบเรียลไทม์ ตามขั้นตอน ดังตอ่ ไปนี้ การออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบควบคุม ฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์ 1. การเชือ่ มตอ่ อปุ กรณ์ระบบ แบบฝัง เป็นการทำงานของระบบที่แสดงให้เห็นว่า - ต่อขาเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ วัดความชื้น ผู้ใช้งาน (User) เมื่อเข้าสู่ระบบ (Login) ผ่านสมาร์ตโฟน ระบบสามารถแสดงค่าอุณหภูมิ ค่าความชืน้ ในดนิ ส่ังการ อากาศด้วย DHT11 เซ็นเซอร์วัดความชื้นความแห้งในดิน เปิด-ปดิ การรดน้ำ ดูการทำงานของระบบผ่านกลอ้ งวงจร เข้าที่บอร์ด Arduino NodeMCU ESP8266 และเชื่อมต่อ ปิดได้แบบเรยี ลไทม์ ดงั แสดงตามรูปที่ 3 กล้องวงจรปดิ ดกู ารทำงานของระบบแบบเรยี ลไทม์ - ต่อพาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจาก 220 โวลต์เป็น 5-12 โวลต์เพอ่ื ใหก้ ระแสไฟกับรเี ลย์ และ โซลนิ อยด์วาล์ว

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 25 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) - ต่อวาล์วน้ำเข้าที่โซลินอยด์วาล์ว และต่อ สถติ ิท่ีใช้ในการวจิ ยั และการวิเคราะหข์ ้อมลู สายยางเพื่อให้น้ำออกจากโซลินอยด์วาล์ว ไปยังฟาร์ม อัจฉรยิ ะของระบบ ดังแสดงตามรปู ท่ี 4 ผู้วิจัยได้นำระบบให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินความ เหมาะสมของรูปแบบระบบที่พัฒนาขึน้ โดยอาศัยค่าทาง 2. การออกแบบส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติการวัดระดับความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อ Graphical User Interface (GUI) การเข้าสู่ระบบ ดัง ระบบที่พัฒนาขึ้น คือ การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเฉล่ีย แสดงตามรูปที 5 เ ล ข ค ณ ิ ต ข อ ง ข ้ อ ม ู ล ท ี ่ ไ ม ่ ไ ด ้ แ จ ก แ จ ง ค ว า ม ถ่ี ส า ม า ร ถ คำนวณไดจ้ ากสตู ร รูปท่ี 5 แสดงหนา้ จอเข้าสรู่ ะบบ โดยที่ ������̅ คือ ค่าเฉลีย่ ในการประเมนิ 3. พัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะใน ∑������������=1 ������������ คือ ผลรวมของคะแนนที่ได้จากการ ประเมิน โรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง ผู้วิจัยใช้ ������ คือ จำนวนผูใ้ ช้งานท้งั หมดท่ใี ช้ในการประเมนิ โปรแกรม Arduino IDE ในการเขียนโค้ดเพื่อควบคุม อุปกรณ์ของระบบตามท่ีออกแบบสถาปัตยกรรมของ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน กลุ่มตัวอย่าง (ค่า SD ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ ของกล่มุ ตัวอยา่ ง) สามารถคำนวณได้จากสูตร คอมพิวเตอรแ์ บบฝัง เมือ่ ต้องการสง่ั การระบบให้เปิด-ปิด น้ำ กดปุ่มเปิด-ปิด ถ้าปุ่มเปิดจะแสดงเป็นสีเขียว และวดั โดยที่ S.D. คือ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ค่าอุณหภูมิ ความชื้นในดิน ถ้าปิดจะแสดงเป็นสีดำ ดัง ������������ คือ คะแนนท่ีได้จากการประเมนิ แสดงตามรปู ที่ 6 ������̅ คอื ค่าเฉลย่ี ของการประเมิน ������ คอื จำนวนผ้ใู ช้งานทงั้ หมดทีใ่ ช้ในการประเมิน รปู ที่ 6 แสดงหนา้ จอประมวลผลการทำงานของระบบ ขนั้ ตอนการทดลองใชโ้ ปรแกรมและการประเมินผล ผวู้ จิ ยั มีกระบวนการในการทดลองประเมินผล การพัฒนาระบบควบคุมฟารม์ อจั ฉริยะในโรงเรือนปลูก พชื โดยใชค้ อมพวิ เตอรแ์ บบฝงั 1. ประเมินรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ 1 ครั้ง เพื่อปรบั ปรงุ แกไ้ ข 2. ประเมินคุณภาพของระบบโดยผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและด้า นเทคโนโลยี เคร่อื งจักรกลเกษตร จำนวน 3 ทา่ น

26 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 3. ประเมินความพึงพอใจ อาจารย์/นักศึกษา/ เจ้าหน้าที่คนงาน/นักศึกษา/เกษตรกร/นักธุรกิจ/ผู้สนใจ ทั่วไป จำนวน 40 คน รูปที่ 10 นักศึกษาศกึ ษาดูงานในโรงเรอื นปลูกพืช ผลการศึกษาและอภิปรายผล รปู ท่ี 7 โรงเรอื นปลูกพชื ในการทดลองระบบฯ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยเร่อื ง การพฒั นา ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ รูปที่ 8 ผู้เชี่ยวประเมินรูปแบบระบบควบคุมฟาร์ม คอมพิวเตอร์แบบฝัง ผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือที่พัฒนาขึ้น อจั ฉริยะในโรงเรอื นปลกู พืช เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ ชี่ยวชาญประเมนิ หาความเหมาะสมของรูปแบบ ระบบที่พัฒนาขึ้นและคุณภาพของระบบ อีกทั้งได้นำไป ให้ผู้ใช้งานและผู้ใช้ที่สนใจทั่วไปประเมินความพึงพอใจท่ี มีต่อการใช้ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูก พืชโดยใช้คอมพิวเตอรแ์ บบฝัง ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี 1. ผลการประเมินความเหมาะสมของ องค์ประกอบรูปแบบระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะใน โรงเรือนปลกู พืชโดยใชค้ อมพวิ เตอรแ์ บบฝัง 2. ผลการประเมินแบบคุณภาพระบบควบคุม ฟาร์มอัจฉรยิ ะในโรงเรือนปลูกพชื โดยใชค้ อมพวิ เตอร์แบบฝัง 3. ผลการประเมินความพึงพอใจการใช้ระบบ ควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ คอมพิวเตอรแ์ บบฝัง รปู ที่ 9 จัดสถานที่ในการทดลองใช้งานระบบควบคุม ฟารม์ อจั ฉรยิ ะในโรงเรอื นปลูกพืช รูปท่ี 11 ผลผลติ ทีไ่ ด้จากการทดลองของระบบ

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 27 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ตารางที่ 1 ผลการประเมนิ ความเหมาะสมขององค์ประกอบรปู แบบระบบควบคมุ ฟารม์ อัจฉรยิ ะในโรงเรือนปลกู พืชโดย ใชค้ อมพิวเตอรแ์ บบฝงั รายการประเมิน ���̅��� S.D. การแปลผล 1. แนวคดิ และหลักการมคี วามสอดคล้องสมั พันธก์ นั กบั วตั ถุประสงค์ 5.00 0.00 มากที่สุด 2. ครอบคลมุ ตามองค์ประกอบหลักของรูปแบบการพัฒนาระบบควบคมุ 4.67 0.47 มากทส่ี ดุ ฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรอื นปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝงั 3. ความเหมาะสมกบั การพัฒนาระบบควบคมุ ฟารม์ อัจฉรยิ ะใน 5.00 0.00 มากที่สดุ โรงเรือนปลูกพืชโดยใชค้ อมพวิ เตอรแ์ บบฝังในแปลงพืชท่ที ดลอง 4. องคป์ ระกอบของรูปแบบ 5.00 0.00 มากที่สดุ ค่าเฉล่ยี รวมทุกด้าน 4.91 0.23 มากที่สุด การประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบรปู แบบ เหมาะสมเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการมีความสอดคล้อง สัมพันธ์กันกับวัตถุประสงค์ ความเหมาะสมกับการพัฒนา จากตารางท่ี1 ผลการประเมินความเหมาะสม ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ ขององค์ประกอบของรูปแบบระบบการพัฒนาระบบ คอมพวิ เตอร์แบบฝงั ในแปลงพชื ที่ทดลอง และองคป์ ระกอบ ค ว บ ค ุ ม ฟ า ร ์ ม อ ั จ ฉ ร ิ ย ะ ใ น โ ร ง เ ร ื อ น ป ล ู ก พ ื ช โ ด ย ใ ช้ ของรูปแบบ ที่ระดับความเหมาะสมเท่ากันท่ีค่าเฉล่ีย คอมพิวเตอร์แบบฝัง ขององค์ประกอบของรูปแบบโดย เท่ากับ 5.00 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.00 และ ผู้เชี่ยวชาญพบว่า ค่าเฉลี่ยรวมความเหมาะสมของ ด้านครอบคลุมตามองค์ประกอบหลักของรูปแบบการ องค์ประกอบของรูปแบบที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับความ พัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดย เหมาะสมมากท่ีสุด (������̅ = 4.91, S.D. = 0.23) และเม่ือ ใช้คอมพวิ เตอร์แบบฝัง คา่ เฉล่ยี เทา่ กบั 4.67 ส่วนเบ่ียงเบน พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ผู้เชี่ยวชาญให้ระดับความ มาตรฐานเท่ากบั 0.47 ตามลำดบั ตารางที่ 2 ประเมินคุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อการใช้งานระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือน ปลูกพืชโดยใชค้ อมพิวเตอร์แบบฝัง รายการประเมิน ���̅��� S.D. การแปลผล คุณภาพของการพฒั นาระบบควบคมุ ฟาร์มอจั ฉรยิ ะฯ 1. ดา้ นความสามารถของระบบ 4.56 0.32 มากทสี่ ุด 2. ดา้ นการออกแบบสว่ นของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ (GUI) 4.54 0.00 มากทีส่ ุด 3. ดา้ นประโยชนแ์ ละการใชง้ าน 4.83 0.00 มากที่สดุ คา่ เฉลีย่ รวมทุกดา้ น 4.64 0.18 มากท่สี ุด ความพงึ พอใจของผู้ใชง้ านท่ีมตี อ่ การใช้งานระบบควบคมุ ฟาร์มอัจฉรยิ ะฯ 1. ดา้ นความสำคญั ของเทคโนโลยี IOT 4.55 0.04 มากท่ีสุด 2. ด้านความสามารถของระบบ 4.61 0.09 มากทส่ี ดุ 3. ด้านประโยชนแ์ ละการใช้งาน 4.64 0.01 มากที่สดุ ค่าเฉล่ยี รวมทกุ ดา้ น 4.60 0.04 มากท่ีสุด

28 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) คุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อการใช้งาน เหมาะสมมากที่สุดท่ีค่าเฉลีย่ เท่ากับ 4.16 ความพึงพอใจ ระบบควบคุมฟาร์มอจั ฉริยะฯ ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีต่อระบบควบคุม เกษตร อัจฉริยะโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง มีความพึงพอใจอยู่ จากตารางที่ 2 ประเมินคุณภาพและความพึง ในระดับมากโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.3 ค่าเบี่ยงเบน พอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อการใช้งานระบบควบคุมฟาร์ม มาตรฐานเท่ากบั 0.74 อัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง พบว่า คุณภาพของการพฒั นารปู แบบระบบควบคุมฟารม์ สรุปผล อัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์ที่พัฒนา ตามรูปแบบ ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพ การพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะใน ของระบบโดยรวมในระดับมากทสี่ ุดท่ีค่าเฉล่ียรวมทุกดา้ น โรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง มีคุณภาพ เท่ากับ 4.64 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 0.18 ของระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดย (������̅ = 4.64, S.D. = 0.18) และเมื่อพิจารณาเป็นรายดา้ น ใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้นในระดับ พบว่า ผู้เชี่ยวชาญประเมินด้านประโยชน์และการใช้งาน ที่มากท่ีสุด และผู้ใช้งานมคี วามพึงพอใจต่อระบบควบคมุ มากทีส่ ุด ทีค่ า่ เฉลยี่ เทา่ กับ 4.83 สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ฟาร์มอัจฉริยะอยู่ในระดับที่มากที่สุด ดังนั้น รูปแบบ 0.00 รองลงมา ด้านความสามารถของระบบค่าเฉล่ีย ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้ เท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.32 และ คอมพิวเตอร์แบบฝังที่ผู้วจิ ัยพฒั นาขึน้ นั้น ช่วยให้มีความ ด้านการออกแบบส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (GUI) สะดวกสบายและแบ่งเบาภาระของเกษตรกรหรือผู้ท่ี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ สนใจทั่วไป ในการควบคุมสั่งการเปิด-ปิดการให้น้ำใน 0.00 ตามลำดบั โรงเรือนปลูกพืชผ่านทางสมาร์ตโฟนจากทุกที่และทุก เวลาในแปลงพืชผักทดลองสาขาพืชคณะเทคโนโลยี ความพึงพอใจของผู้ใชง้ านท่ีมีต่อระบบควบคมุ การเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัย ฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนปลูกพืชโดยใช้คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ ศนู ย์หนั ตรา ได้จรงิ แบบฝัง โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดท่ี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.60 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ กิตติกรรมประกาศ 0.04 (������̅ = 4.60, S.D. = 0.04) หากพิจารณาเป็นราย ด้านพบว่าด้านประโยชน์และการใช้งานมีความพึงพอใจ ขอกราบขอบพระคุณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ในระดับมากที่สุด ที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.64 ส่วนเบี่ยงเบน ราชมงคลสุวรรณภูมิ ที่ให้การสนับสนุนทุนในการวิจัย มาตรฐานเท่ากับ 0.01 รองลงมา ด้านความสามารถของ และท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ชาญณรงค์ ศรีทรงเมือง ระบบมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตพืชการป้องกันกำจัดศัตรูพืชใน 4.61 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.01 ด้าน โรงเรือน ผศ.ดร.อาณัติ รัตนถิรกุล ที่ให้ความอนุเคราะห์ ความสำคัญของเทคโนโลยี มีความพึงพอใจในระดับมาก แปลงผักทดลองสำหรับทดสอบระบบการจัดการฟาร์ม ที่สุดที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ครั้งนี้ อีกทั้งให้คำปรึกษาด้านข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เท่ากับ 0.04 ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ด้วยดเี สมอมาจนงานวจิ ัยไดส้ ำเร็จลุล้วงไปไดด้ ้วยดี กาญจนาพร และ นฤมล (4) เรื่องการพัฒนาระบบ ควบคุมเกษตรอัจฉริยะโดยใช้คอมพิวเตอรแ์ บบฝัง พบว่า ระบบควบคุมเกษตรอัจฉริยะโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝัง ที่พัฒนาขึ้น อยู่ในเกณฑ์รูปแบบที่พัฒนาในระดับความ

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 29 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) เอกสารอา้ งอิง 1. กอบเกียรติ สระอุบล. พัฒนา IoT บนแพลตฟอร์ม Arduino ด้วย NodeMCU. พิมพค์ รั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: อินเตอรม์ เี ดยี ; 2561. 2. ธรัช อารีราษฎร์, วรปภา อารีราษฎร์. ระบบไอโอที สำหรับการตรวจสอบความชื้นและอุณหภูมิเพื่อ ส่งเสริมการเพาะเลี้ยงเห็ดในโรงเรือนให้มีผลผลิตที่ สมบูรณ์. วารสารวชิ าการการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ. 2563;6(1):7-17. 3. ศุภวุฒิ ผากา, สันติ วงศ์ใหญ่, อดิศร ถมยา. การ พัฒนาระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่ เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเห็ดในโรงเพาะ บ้านทุ่งบ่อแป้น ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง. วารสารวิชาการคณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. 2557;7(1):58-69. 4. กาญจนาพร เตียวเจริญกิจ, นฤมล อ่อนเมืองดง. การพัฒนาระบบควบคุมเกษตรอัจฉริยะโดยใช้ คอมพิวเตอร์แบบฝัง [ปริญญานิพนธ์]. พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลสุวรรณภมู ิ; 2562.

30 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) การพฒั นาผลติ ภณั ฑบ์ ราวน่ีเพ่ือสุขภาพจากถว่ั สามสี Development of Healthy Brownie from Three Colored Beans สุวภาณี บุญเสน1 ณัฐสิมา บุญใบ1 สุมนา พูลยมิ้ 1 อัญธศิ ร สริ ทิ รัพย์เจรญิ 1 พีรพงศ์ งามนคิ ม2 และ ศริ ลิ กั ษณ์ สรุ ินทร์3* Suwaphanee Boonsean1 , Nutsima Boonbai1 , Sumana Poonyim1 , Auntisorn Sirisubjareon1, Peerapong Ngamnikom2 and Siriluck Surin3* 1สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจนั ทรเกษม เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 10900 2สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (ศนู ย์รังสติ ) อ.ธญั บุรี จ.ปทมุ ธานี 12130 3สาขาวิทยาศาสตร์และการจัดการเทคโนโลยีอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธญั บุรี อ. คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12110 1Division of Food and Nutrition, Faculty of Science, Chandrakasem Rajabhat University, Chatuchak, Bangkok 10900, THAILAND 2Division of Food Science and Technology, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi (Rangsit Campus), Thanyaburi, Pathumthani 12130, THAILAND 3Division of Food Science and Technology Management, Faculty of Science and Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Khlong Luang, Pathumthani, 12110 *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: Brownie is a bakery product with the main composition of Received: 23 June, 2020 wheat flour. Therefore, this research was to develop brownie made Revised: 6 August, 2020 from three colors of bean (black-, white-, and red kidney beans) to Accepted: 31 August, 2020 replace wheat flour and to add nutritional value to the brownie. Based Available online: 15 February, 2021 on the results of the selection of basic brownie recipes, consumers DOI: 10.14456/rj-rmutt.2021.4 rated the most preference recipe from The Health and Cuisine Keywords: brownie, beans, magazine (S3). The score was in the range of 7.2-7.9 (moderate sensory evaluation, nutrition, preference) due to its higher chocolate and cocoa composition than physical properties the basic S1 and S2 recipes. Therefore, the S3 recipe was a prototype in the development of three-colored bean brownie, which was a 100%

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 31 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) substitute for wheat flour. In the study of bean ratio (black: white: red), the ratio was 50:25:25 (M1), 25:50:25 (M2) and 25:25:50 (M3). From sensory evaluation, it was found that consumers rated the highest preference recipe for M2 in taste and overall liking, significantly (p < 0.05). The score was in the range of 6.8-7.5 (slight to moderate preference). For the physical properties of M2, its color showed L*, a* and b* as 6.75, 2.24 and 1.18, respectively. Its water activity (aw) was 0.75. The nutritional value of 3 recipes of three-colored bean brownie products in comparison with S3 (50 grams of weight per serving was used in the calculation) showed that all three-colored bean brownies contained protein and fiber with the increased average volume by 14.31 and 67.72%, respectively. According to customer acceptance testing (100 persons), it was found that 88% of consumers accepted and were willing to purchase brownie M2. บทคัดย่อ ความชอบอยู่ในช่วง 6.8 - 7.5 (ชอบเล็กน้อยถึงชอบปาน กลาง) สำหรับบราวนี่ถั่วสามสีอัตราสว่ นสตู ร M2 นั้น มีค่า บราวน่ี เป็นผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่มีองค์ประกอบ สี L* a* และ b* เท่ากับ 6.75 2.24 และ 1.18 ตามลำดับ ของแป้งสาลเี ปน็ หลัก อาจไม่เหมาะกบั ผ้ทู แ่ี พก้ ลูเตนในแป้ง และปริมาณน้ำอิสระ เท่ากับ 0.75 เมื่อคำนวณคุณค่าทาง สาลี ดงั นน้ั ในงานวจิ ยั นี้จึงมีวัตถุประสงค์พฒั นาบราวน่ีจาก โภชนาการของผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่วสามสี ทั้ง 3 สูตร ถั่วสามสี ได้แก่ ถั่วดำ ถั่วขาว และถั่วแดง เพื่อทดแทนแป้ง เปรียบเทียบกับสูตรพื้นฐาน (S3) กำหนดน้ำหนักต่อหนึ่ง สาลีในการผลิตบราวน่ี และเป็นการเพิ่มคุณค่าทาง หน่วยบริโภคเท่ากับ 50 กรัม พบว่า บราวนี่จากถั่วสามสีมี โภชนาการให้กับผลิตภัณฑ์บราวน่ี จากผลการคัดเลือกสูตร ปริมาณโปรตีน และใยอาหารเพิ่มงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 14.31 พื้นฐานในการผลิตบราวนี่ พบว่า ผู้บริโภคให้คะแนน และ 67.72 ตามลำดับ และเมื่อทดสอบการยอมรับ ความชอบบราวนี่สูตรพื้นฐานจากนิตยสารแฮลแอนคลูซีน ผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่วสามสี อัตราส่วนสูตร M2 กับ (S3) สูงสุด คะแนนอยู่ในช่วง 7.2-7.9 (ชอบปานกลาง) ผู้บริโภคจำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคทั่วไปให้การ เนื่องจากมีส่วนประกอบของช็อกโกแลตและโกโก้สูงกว่า ยอมรบั และตดั สินใจซอื้ ร้อยละ 88 สูตรพื้นฐาน S1 และ S2 ดังนั้นจึงได้นำบราวนี่สูตร S3 ไป เป็นต้นแบบในการพัฒนา บราวนี่จากถั่วสามสี ซึ่งทดแทน คำสำคัญ: บราวน่ี ถั่ว การทดสอบทางด้านประสาทสมั ผัส แป้งสาลีร้อยละ 100 สำหรับการศึกษาการผันแปร คุณคา่ ทางโภชนาการ คณุ ภาพทางกายภาพ อัตราส่วน เลือกใช้เป็น ถั่วดำ:ถั่วขาว:ถั่วแดง ร้อยละ 50:25:25 (M1) 25:50:25 (M2) และ 25:25:50 (M3) ของ บทนำ ปริมาณแป้งสาลี จากการทดสอบทางด้านประสาทสัมผัส พบว่า ผู้บริโภคให้คะแนนความชอบบราวนี่อัตราส่วนสูตร ในปัจจุบันสังคมไทยมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ M2 สูงสุด ในคุณลกั ษณะรสชาตแิ ละความชอบโดยรวม ซ่ึง เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสังคมเมอื งที่ผู้คนมี แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) มีค่าคะแนน ความเร่งรีบมากขึ้น ผู้บริโภคต่างให้ความสำคัญกับการ

32 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ทำอาหารเองนอ้ ยลง ดังนั้นผลติ ภัณฑ์เบเกอร่ีจึงเปน็ ส่วน สายตา บำรุงไต ลดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ขับเหง่ือ หนึ่งที่ผู้บริโภคสามารถเลือกรับประทานเป็นอาหารว่าง กระตุ้นการขับถ่าย และเพิ่มประสิทธภิ าพระบบภูมิคุม้ กัน รวมไปถงึ อาหารม้อื หลกั ได้ ผลิตภณั ฑ์เบเกอรสี่ ่วนใหญ่ทำ เนื่องจากมีสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) โฟเลต มาจากแป้งสาลี มีองค์ประกอบของกลูเตนที่ส่งผลให้ แมกนีเซียม วิตามินบี6 วิตามินบี1 และวิตามินบี2 ใน ผู้บริโภคบางกลุ่มที่แพ้กลูเตนไม่สามารถรับประทานได้ ปริมาณสูง (6) ส่วนถ่วั แดงชว่ ยต้านอนุมลู อสิ ระ ชะลอการ โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้ คิดเป็นร้อยละ 1 ของประชากรทั่ว เกิดโรคไขมนั อดุ ตันในหลอดเลอื ด ลดโรคหลอดเลอื ดหัวใจ โลก ดังนั้นในหลายประเทศจึงหันมาให้ความสำคัญต่อ แข็งตวั และบำรุงเลอื ด เนื่องจากอดุ มไปดว้ ยสารแอนโทไซ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดจากกลูเตน (Gluten-free ยานิน และธาตุเหล็กสูง (7) โดยถั่วทั้งสามชนิดนี้ สามารถ Foods) วางจำหน่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในอเมริกา ใชท้ ดแทนแป้งสาลใี นการทำผลิตภณั ฑ์เบเกอร่ีได้ ออสเตรเลีย และประเทศในฝ่ังยุโรป (1) ดังนน้ั ผวู้ จิ ยั จึงพฒั นาผลิตภณั ฑ์บราวนีโ่ ดยใช้ถวั่ บราวนี่เป็นผลิตภัณฑ์เบเกอรี่อย่างหนึ่งที่รู้จัก สามสี ได้แก่ ถั่วขาว ถั่วดำ และถั่วแดง มาทดแทนการใช้ กันทั่วไปและรับประทานง่าย โดยมีลักษณะคล้ายเค้ก แป้งสาลี เพื่อเพิม่ ทางเลือกผลิตภัณฑ์ให้กบั ผู้บริโภคที่แพ้ ช็อกโกแลตเข้มข้น แต่เนื้อแน่นกว่าเค้ก เพราะมีปริมาณ กลูเตน และกลมุ่ ผบู้ ริโภคที่รักสุขภาพ อีกท้ังงานวิจัยนี้ยัง ผงฟูน้อย บราวนี่นิยมอบในถาดแบนรปู ส่ีเหล่ียมสูง 1 น้ิว เป็นการส่งเสริมการใช้วัตถดุ บิ ทางการเกษตรของประเทศ แล้วตดั แบง่ เปน็ ชน้ิ ลกั ษณะสเ่ี หลย่ี ม ทั้งน้ีมีหลายงานวิจัย ลดการนำเข้าแป้งสาลีจากต่างประเทศ งานวิจัยนี้จึงมี ที่ศึกษาการทดแทนการใช้แป้งสาลีในผลิตภัณฑ์ บราวน่ี วัตถุประสงคเ์ พื่อหาอัตราส่วนถั่วสามสที ี่เหมาะสมในการ เพื่อเพม่ิ ทางเลอื กให้กับผบู้ ริโภคทร่ี ักสุขภาพและผู้บริโภค ผลติ บราวน่ี โดยศกึ ษาการยอมรบั ทางด้านประสาทสมั ผสั ที่แพ้กลูเตน ตัวอย่างเช่น การทดแทนแป้งสาลีด้วยแป้ง คุณสมบตั ทิ างกายภาพ คุณค่าทางโภชนาการ และศึกษา กล้วยน้ำว้าที่ปริมาณร้อยละ 50 และการใช้แป้งข้าวไรซ์ การยอมรับของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ บราวนี่จากถ่ัว เบอร์รี่ในปริมาณร้อยละ 100 ทดแทนการใช้แป้งสาลีใน สามสีท่พี ฒั นาได้ การผลิตบราวนี่ ผลิตภัณฑ์บราวนี่ที่พัฒนาได้ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นั้น มีใยอาหารที่เพิ่มขึ้น และยังได้รับการ วธิ ดี ำเนินการวิจยั ยอมรบั จากผ้บู รโิ ภคมากกวา่ ร้อยละ 80 (2, 3) นอกจากน้ี มีงานวิจัยศึกษาการใช้มันเทศสีส้ม (orange sweet วัตถุดิบและอุปกรณ์ potato) ทดแทนแป้งสาลีในการผลิตบราวนี่เพื่อเพิ่ม ปรมิ าณเสน้ ใยอาหาร ซึง่ สามารถทดแทนแป้งสาลไี ด้สูงถึง วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตบราวนี่ ได้แก่ ถั่วสามสี ร้อยละ 50–75 โดยไม่ส่งผลต่อลักษณะปรากฏและการ แบบแห้ง คือ ถั่วดำ ถั่วขาว และถั่วเดง (ตราไร่ทิพย์) ประเมินทางประสาทสัมผัสของผบู้ ริโภค (4) ช็อกโกแลตและผงโกโก้ (ตราทิวลิป) แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) แป้งเค้ก (ตราพดั โบก) นำ้ ตาลทรายขาว (ตราลิน) ถั่วเป็นวัตถุดิบอย่างหนึ่งที่มีคุณค่าทาง น้ำตาลทรายแดง (ตรามิตรผล) ไข่ไก่ (ตราซีพี) เนยจืด โภชนาการสูง นอกจากนย้ี ังมีคุณสมบตั เิ ฉพาะตัวบางอย่าง (ตราอลาวร)่ี เกลือ (ตราปรุงทพิ ย์) เบกก้งิ โซดา (ตราแม๊กกา เช่น ถั่วขาวมีคุณสมบัติการช่วยควบคมุ น้ำหนัก เนื่องจาก แรต) และกลิ่นวานิลลา (ตราวินเนอร์) สำหรับอุปกรณ์ใน มีสารฟาซิโอลามีน (phaseolamin) ซึ่งยับยั้งการทำงาน การผลิตบราวนี่ ใชอ้ ปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทีใ่ ชใ้ นการผลิตขนมอบ ของเอนไซม์อัลฟาอะไมเลส (α-amylase) ทำให้ไม่ การคัดเลือกบราวน่สี ตู รพื้นฐาน สามารถย่อยคาร์โบไฮเดรตได้ ร่างกายจึงได้รับพลังงาน จากคาร์โบไฮเดรตลดลง (5) ถั่วดำช่วยบำรุงหัวใจ บำรุง คัดเลอื กสูตรบราวน่ีพ้ืนฐาน 3 สตู ร จากแหลง่ ท่ีมา ดังต่อไปน้ี หนังสือถั่วและธัญพืชเมล็ดพันธุ์เพ่ือสุขภาพ (S1)

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 33 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) (8) หนังสือ Chocolate Lover (S2) (9) และ นิตยสารแฮล ได้แก่ ถั่วดำ ถั่วขาว และถั่วแดง โดยใช้ทดแทนแป้งสาลี แอนคลูซีน (S3) (10) ส่วนผสมของแต่ละสูตรดังตารางที่ 1 ร้อยละ 100 ในสูตรบราวนี่พ้ืนฐาน และกำหนดอัตราส่วน นำบราวนี่สูตรพื้นฐานทั้ง 3 สูตร ไปทดสอบคุณภาพทาง ของถั่วทั้ง 3 ชนิด ดังตารางที่ 2 นำตัวอย่างไปทดสอบ ประสาทสัมผัสในด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และ คุณภาพทางประสาทสัมผัสในด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อ ความชอบโดยรวม ซึ่งประเมินด้วยวิธี 9-Point Hedonic สัมผสั และความชอบโดยรวม โดยผ้ทู ดสอบจำนวน 50 คน Scale (คะแนน 1 = ไมช่ อบมากที่สดุ ถึง 9 = ชอบมากที่สุด) โดยใชผ้ ู้ทดสอบชิมบุคคลทัว่ ไป จำนวน 50 คน ตารางที่ 2 อัตราส่วนถั่วดำ ถั่วขาว และถั่วแดงในการ ผลติ บราวนี่ ตารางที่ 1 สตู รของบราวน่ีพื้นฐานท้ัง 3 สูตร ชนิดของถว่ั อัตราส่วน (รอ้ ยละ) สูตรที่ M1 สูตรท่ี M2 สูตรท่ี M3 ส่วนผสม ปรมิ าณ (รอ้ ยละ) สตู รท่ี S1* สตู รที่ S2** สูตรที่ S3*** ถัว่ ดำ 50 25 25 ชอ็ กโกแลต 19.6 20.1 28.2 ถ่วั ขาว 25 50 25 ผงโกโก้ - 2.2 6.1 ถว่ั แดง 25 25 50 เนยจืด 11.8 19.0 14.1 ขั้นตอนการเตรยี มถั่วสามสใี นการผลติ บราวน่จี ากถั่วสามสี แปง้ อเนกประสงค์ 18.3 - 13.4 สำหรับขั้นตอนการเตรียมถั่ว นำถั่วแต่ละชนิด ต้มที่อุณหภูมิน้ำเดือดจนถั่วสุก จากนั้นนำถั่วมาพักไว้ให้ แป้งเคก้ - 12.8 - เย็นที่อุณหภูมิห้อง เมื่อถั่วมีอุณหภูมิเย็นลงประมาณ 50 องศาเซลเซียส จึงนำถั่วทั้ง 3 ชนิด มาบดด้วยเครื่อง ไขไ่ ก่ 16.4 16.7 18.8 บดอาหาร (HR1399, Philips) จนละเอียด แล้วนำมากด ผ่านตะแกรงร่อนแป้ง ความถี่ 60 เมซ นำถั่วที่ได้มาชั่ง นำ้ ตาลทราย 32.7 20.1 16.9 ตามอตั ราสว่ นท่กี ำหนดในตารางท่ี 2 และนำไปทำบราวน่ี ด้วยขน้ั ตอนการผลติ แบบเดียวกับบราวนีส่ ูตรพืน้ ฐาน น้ำตาลทรายแดง - 7.8 - การทดสอบทางด้านประสาทสมั ผสั ของบราวน่ี เบกกง้ิ โซดา - - 0.4 นำผลิตภัณฑ์บราวนี่มาทดสอบทางด้าน เกลือป่น 0.3 0.2 0.4 ประสาทสัมผัสในคุณลักษณะด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อ สัมผัส และความชอบโดยรวม แบบ 9-Point Hedonic กลิ่นวานลิ ลา 0.8 1.1 1.9 Scale โดยผู้ทำการทดสอบเป็นบุคคลท่ัวไป จำนวน 50 คน ทำการทดสอบในโรงอาหาร มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทร ข้นั ตอนการทำบราวนีส่ ูตรพนื้ ฐาน เกษม สำหรับวิธีการทดสอบทางด้านประสาทสัมผัส ตัวอย่างบราวนี่ถูกตัดให้มีขนาด 3×3 เซนติเมตร และ สำหรับวิธีการทำบราวนี่เริ่มจากการละลายเนย บรรจุในถ้วยพลาสติกที่มีฝาปิด แต่ละตัวอย่างจะติดรหสั จืด ช็อกโกแลต และผงโกโก้ด้วยไอน้ำแล้วพักไว้ จากนั้นตี สุ่ม 3 ตัว ตัวอย่างจะถูกเสิร์ฟทีละตัวอย่างแบบสุ่ม โดย ไขไ่ ก่ นำ้ ตาล เกลือ เบกกง้ิ โซดา และกลิ่นวานลิ ลาใหเ้ ข้ากัน ระหว่างการทดสอบชิมผู้ทดสอบชิมจะต้องดื่มน้ำค่ัน ผสมแป้งสาลีและช็อกโกแลตที่ละลายไว้คนให้เป็นเน้ือ ระหวา่ งตัวอย่าง เดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้เทใส่ถาดและอบด้วยเตาอบที่ อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30–35 นาที จากนั้นพักไว้ในเตาอบ นาน 15 นาที นำตัวอย่าง บราวน่ี ออกจากเตาอบ เพื่อนำไปศกึ ษาคุณสมบัติในข้ันตอนต่อไป อัตราสว่ นถ่ัวสามชนดิ ทีเ่ หมาะสมในการผลิตบราวน่ี เลือกสูตรบราวนี่พื้นฐานที่ได้คะแนนทางด้าน ประสาทสัมผัสมากท่ีสดุ มาศึกษาอัตราส่วนของถั่วสามชนิด

34 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ตารางท่ี 3 คุณคา่ ทางโภชนาการของวตั ถุดบิ ในการผลติ บราวน่ีจากถัว่ สามสี วัตถดุ บิ พลงั งาน โปรตนี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ใยอาหาร แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส เหลก็ วติ ามินเอ (มลิ ลกิ รัม) (มลิ ลิกรมั ) (ไมโครกรมั ) (กโิ ลแคลลอรี)่ (กรัม) (กรมั ) (กรัม) (กรัม) (มลิ ลกิ รัม) 16 1.1 3300 เนยจดื 725 0.5 1.4 81.6 - 15 455 2.7 60 558 7.4 30 ช็อกโกแลต 331 - 53.4 28.1 2.2 92 347 6.5 10 - 6.8 - โกโก้ 281 - 51.7 21.2 - 90 285 4 55 - - - ถว่ั ดำ 357 - 70 1.4 6.7 59 186 3.5 1140 - 0.1 - ถัว่ ขาว 359 22.3 61.1 2.8 3.1 - ถ่ัวแดง 352 - 64.5 3.1 7.3 397 นำ้ ตาล 387 - 96.8 - - - ไข่ไก่ 169 12.7 1.7 11.9 - 76 เกลือ - - - - - 253 ท่ีมา: หนังสอื ตารางแสดงคณุ ค่าทางโภชนาการของอาหารไทย ตารางที่ 4 การทดสอบทางดา้ นประสาทสมั ผัสของบราวน่สี ูตรพน้ื ฐาน สตู รพนื้ ฐาน สี คุณลกั ษณะ กล่นิ รสชาติ เน้ือสัมผสั ความชอบโดยรวม สูตรที่ S1 6.6 b ±1.3 6.8 b ±1.2 7.1 a ±1.3 7.0 a ±1.6 7.5 a ±1.2 สูตรที่ S2 7.6 ab ±1.2 7.1 a ±1.2 7.6 a ±1.1 7.3 a ±1.6 7.8 a ±1.1 สูตรที่ S3 7.8 a ±1.2 7.5 a ±1.2 7.5 a ±1.2 7.2 a ±1.3 7.9 a ±1.3 หมายเหตุ: ตวั อกั ษรทีแ่ ตกตา่ งกันในแนวต้งั หมายถึง มีความแตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ิ (p < 0.05) ตัวอักษรทไี่ มแ่ ตกตา่ งกนั ในแนวตั้ง หมายถงึ ไมม่ คี วามแตกต่างกันอย่างมนี ยั สำคัญทางสถิติ (p ≥ 0.05) ตารางท่ี 5 การทดสอบทางด้านประสาทสมั ผสั ของบราวนี่จากถว่ั สามสี ถวั่ ดำ : ถ่วั ขาว : ถ่ัวแดง คุณลกั ษณะ (สูตรท่)ี สี กล่ิน รสชาติ เน้อื สัมผัส ความชอบโดยรวม 50 : 25 : 25 (สตู รที่ M1) 6.6 a ±1.3 6.6 a ±1.2 6.2 b ±1.2 6.8 a ±1.7 6.2 b ±1.3 25 : 50 : 25 (สตู รที่ M2) 6.8 a ±1.4 6.8 a ±1.2 7.2 a ±1.5 6.9 a ±1.6 7.5 a ±1.0 25 : 25 : 50 (สูตรท่ี M3) 6.3 a ±1.8 6.6 a ±1.2 5.8 b ±1.5 6.7 a ±1.7 6.2 b ±1.5 หมายเหตุ: ตวั อักษรที่แตกตา่ งกันในแนวตง้ั หมายถึง มีความแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติ (p < 0.05) ตัวอักษรทไ่ี ม่แตกต่างกนั ในแนวตงั้ หมายถงึ ไมม่ คี วามแตกต่างกันอยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิติ (p ≥ 0.05) การวิเคราะหค์ ณุ ภาพทางกายภาพของบราวน่ีจากถ่ัวสามสี USA) และ ปริมาณน้ำอิสระ (aw) ด้วยเครื่อง Novasina (AW Sprint TH-500, Switzerland) นำตัวอย่างบราวนี่จากถั่วสามสี วิเคราะห์ คุณสมบัติทางกายภาพภายใน 24 ชั่วโมง โดยคุณภาพ คณุ คา่ ทางโภชนาการของบราวนจ่ี ากถัว่ สามสี ทางกายภาพที่วิเคราะห์ ได้แก่ ค่าสีในระบบ CIELAB (L* a* b*) ด้วยเครื่องวัดค่าสี (ColorFlex EZ, HunterLab, คุณค่าทางโภชนาการของบราวนี่ถั่วสามสี ใช้ วิธีการคำนวณโดยเทียบบัญญัติไตรยางค์กับข้อมูลจาก หนังสือตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 35 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) (11) โดยคุณคา่ ทางโภชนาการของวตั ถุดบิ 100 กรมั ทใี่ ช้ นิตยสารแฮลแอนคลูซีนสูงที่สุด ดังตารางที่ 4 โดยคะแนน ในการคำนวณ แสดงดงั ตารางที่ 3 คุณลักษณะในดา้ นสีและกลิ่นอย่ใู นชว่ ง 7.5–7.8 (ชอบปาน กลาง) ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) การยอมรับของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บราวน่ีจากถ่ัว จากสูตรที่ S1 เนื่องจากสูตรบราวนี่พื้นฐาน S3 นั้นมี สามสีทพ่ี ัฒนาได้ สว่ นผสมของชอ็ กโกแลตและผงโกโกใ้ นปรมิ าณที่มากกว่า สตู รพน้ื ฐานสตู ร S1 ทำใหบ้ ราวนีส่ ูตร S3 มกี ลิ่นหอมของ นำผลิตภัณฑบ์ ราวนี่ที่พัฒนาได้ มาทดสอบการ ช็อกโกแลตมากกว่า จึงส่งผลให้คะแนนความชอบ ยอมรับของผลิตภัณฑ์กับผู้ทดสอบจำนวน 100 คน โดย ทางด้านกลิ่นได้คะแนนสูงกว่าสูตรพื้นฐาน S1 ส่วน เตรียมตัวอย่างบราวนี่ขนาด 3×3 เซนติเมตร และถูก ทางด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวมท้ัง บรรจุในถ้วยพลาสติกที่มีฝาปิดให้ชิม พร้อมทั้งนำเสนอ 3 สตู ร ผู้ทดสอบชิมใหค้ ะแนนไม่แตกต่างอย่างมีนยั สำคญั ผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่วสามสีที่พัฒนาได้ โดยการบรรจุ (p ≥ 0.05) ซง่ึ อยใู่ นชว่ ง 7.0-7.8 (ชอบปานกลาง) ดังนั้น ในกล่องพร้อมจำหนา่ ยเชงิ พาณิชย์ จำนวน 1 ช้นิ นำ้ หนัก ผลิตภัณฑ์บราวนี่พื้นฐานสูตรที่ S3 จึงมีความเหมาะสมที่ 50 กรมั เละกำหนดราคาขาย 35 บาทต่อกลอ่ ง จะนำไปพฒั นาสูตรผลติ ภัณฑ์บราวนจ่ี ากถว่ั สามสตี อ่ ไป การวิเคราะหข์ อ้ มูลทางสถิติ งานวิจัยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ ผลการทดสอบทางดา้ นประสาทสัมผัสของบราวนถ่ี ั่วสามสี ( Completely Randomized Design; CRD) ท ำ ก า ร ทดลอง 3 ซ้ำข้อมูลจากการทดสอบทางประสาทสัมผัส จากสูตรการทำบราวนี่พื้นฐาน สูตรบราวนี่ S3 และสมบัติทางกายภาพ ถูกนำไปวิเคราะห์ความ ได้คะแนนสูงสุด จึงถูกนำมาใช้ในการศึกษาการทดแทน แปรปรวนของข้อมูลโดยวิธี Analysis of Variance แป้งสาลีในสูตรพื้นฐานร้อยละ 100 ด้วยถั่วสามสี ได้แก่ (ANOVA) และเปรียบเทียบความแตกตา่ งทางสถิติด้วยวิธี ถั่วดำ ถั่วขาว และถั่วแดง โดยสัดส่วนของถั่วแต่ละชนิด Duncan’s new multiple range test (DMRT) ด ้ วย ดังตารางท่ี 5 บราวนที่ ่ีถูกทดแทนแป้งสาลีดว้ ยถ่ัวสามสี มี โปรแกรมสำเร็จรูป (PAWS Statistics 18.0, IBM) ที่ ลักษณะสีดำ กลิ่นหอมช็อกโกแลต และรสหวาน ไม่ ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 สำหรับคุณค่าทาง แตกต่างจากสูตรบราวนี่พื้นฐานสูตร S3 แต่คุณลักษณะ โภชนาการและการทดสอบการยอมรับของผู้บริโภค ทางดา้ นเนือ้ สัมผสั มีความแตกต่าง โดยบราวน่ีจากถว่ั สาม นำไปคำนวณค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สีจะมีลักษณะเนื้อแน่นและหนึบ ซึ่งต่างจากบราวนี่สูตร (Standard Deviation) หรือร้อยละ (Percentage) ด้วย พื้นฐานที่มีส่วนผสมของแป้งสาลีที่จะนุ่มฟู เนื่องจากใน โปรแกรม MS Office (Microsoft) แป้งสาลีสามารถเกิดโครงสร้างของกลูเตนที่ช่วยกักเก็บ แก๊สที่เกิดจากการขึ้นฟู ทำให้โครงสร้างของบราวนี่ ผลการศึกษาและอภปิ รายผล หลงั จากการอบไมย่ บุ ตัว (12) ผลการคดั เลือกบราวนี่สูตรมาตรฐาน สำหรับการทดสอบการยอมรับทางประสาท สัมผัสด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบ นำบราวนี่สูตรพื้นฐานท้ัง 3 สูตร ไปประเมินทาง โดยรวม แบบ 9-Point Hedonic Scale กับผู้ทดสอบชิม ประสาทสัมผัสด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และ จำนวน 50 คน พบว่า บราวนี่ถั่วสามสีทั้ง 3 สูตร ให้ ความชอบโดยรวม แบบ 9-Point Hedonic Scale กับผู้ คุณลักษณะในด้านสี กลิ่น และเนื้อสัมผัส ไม่แตกต่างกัน ทดสอบชิมจำนวน 50 คน ในโรงอาหาร มหาวิทยาลัยราช อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p ≥ 0.05) โดยมีคะแนน ภัฎจนั ทรเกษม ผู้ทดสอบชิมใหค้ ะแนนสูตรพ้ืนฐาน S3 จาก ความชอบอยู่ในช่วง 6.3 - 6.9 (ชอบเล็กน้อย) ดังตารางที่

36 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 5 ส่วนรสชาติและความชอบโดยรวมของสูตรที่ M2 มีค่า สถิติ (p < 0.05) โดยสูตรบราวนี่ถั่วสามสี M2 จะมีค่า L* สูงที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ดังนั้นสูตร สูงกว่าอัตราส่วนของถ่ัวสามสีสตู ร M1 และ M3 ดังตาราง M2 จงึ มคี วามเหมาะสมในการผลิตบราวนีจ่ ากถั่วสามสี ที่ 6 เนื่องจากมีการใช้ถั่วขาวในอัตราส่วนร้อยละ 50 ซ่ึง ส่งผลให้สีของ บราวนี่เป็นสีดำที่สว่างกว่าสูตร M1 และ ผลการทดสอบทางดา้ นกายภาพของบราวนีถ่ ั่วสามสี M3 นอกจากนี้ บราวนี่อัตราส่วนของถ่ัวสูตร M2 ยังส่งผล ค่า a* และ b* ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน สำหรับการ สำหรับคุณสมบัติทางกายภาพของบราวนี่สูตรท่ี วิเคราะห์ปรมิ าณนำ้ อิสระ พบวา่ ผลิตภณั ฑ์ บราวนี่จากถั่ว ใช้ถั่วสามสีที่นำมาทดแทนแป้งสาลี (สูตรที่ M1 M2 และ ทั้ง 3 สูตร ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ M3) นั้น พบว่า เมื่อใช้ถั่วสามสีแทนแป้งสาลใี นการผลิตบ (p ≥ 0.05) โดยค่า aw อยใู่ นช่วง 0.75 - 0.79 ราวนี่ทั้ง 3 สูตร ค่า L* แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง ตารางท่ี 6 คุณสมบัติทางกายภาพของบราวนสี่ ตู รท่ีใช้ถว่ั สามสี (M1 M2 และ M3) สูตรบราวน่ี คณุ ลกั ษณะ ปรมิ าณน้ำอิสระ ค่าความสวา่ ง (L*) ค่าสีแดง (a*) ค่าสีเหลอื ง (b*) (aw) 50 : 25 : 25 (สูตรท่ี M1) 4.89 b ±1.51 0.92 c ±0.01 0.57 b ±0.17 0.78 a ±0.03 25 : 50 : 25 (สตู รท่ี M2) 6.75 a ±1.52 2.24 a ±0.45 1.18 a ±0.35 0.75 a ±0.02 25 : 25 : 50 (สตู รที่ M3) 3.39 c ±0.16 1.21 b ±0.67 0.67 b ±0.03 0.79 a ±0.03 หมายเหตุ: ตัวอกั ษรทแ่ี ตกต่างกนั ในแนวต้งั หมายถึง มคี วามแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ (p < 0.05) ตัวอกั ษรที่ไม่แตกต่างกันในแนวต้ัง หมายถึง ไม่มีความแตกต่างกันอยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถิติ (p ≥ 0.05) ตารางที่ 7 คณุ ค่าทางโภชนาการที่ไดจ้ ากผลติ ภณั ฑบ์ ราวนสี่ ูตรพ้ืนฐาน S3 และบราวนจ่ี ากถ่วั สามสี (1 หนว่ ย, 50 กรมั ) สูตรบราวน่ี คุณค่าทางโภชนาการ พน้ื ฐาน 50 : 25 : 25 25 : 50 : 25 25 : 25 : 50 (สตู รท่ี S3) (สูตรที่ M1) (สูตรที่ M2) (สูตรท่ี M3) พลงั งาน (กโิ ลแคลลอร่)ี 181.16 182.44 182.03 181.81 โปรตนี (กรัม) 4.53 5.35 5.29 5.22 ไขมนั (กรัม) 11.77 11.87 11.88 11.87 คาร์โบไฮเดรต (กรัม) 23.21 22.49 22.42 22.46 ใยอาหาร (กรัม) 0.34 0.96 0.92 1.28 แคลเซียม (มิลลิกรัม) 31.09 35.38 33.54 35.50 ฟอสฟอรัส (มิลลกิ รัม) 109.84 117.07 113.93 121.03 เหล็ก (มิลลกิ รัม) 0.92 1.37 1.28 1.17 วติ ามินเอ (ไมโครกรมั ) 59.46 59.49 59.47 59.47 คณุ ค่าทางโภชนาการของผลิตภณั ฑ์บราวน่ีจากถั่วสามสี คำนวณโดยการเทียบบัญญัติไตรยางค์ แสดงดังตารางที่ 7 จากการเปรยี บเทยี บคุณค่าทางโภชนาการของบราวน่ีสูตร คุณคา่ ทางโภชนาการของผลติ ภัณฑบ์ ราวน่ี โดย พื้นฐาน S3 และบราวนี่จากถั่วสามสีทั้ง 3 สูตร (M1 M2 ใช้ข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทยในการ

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 37 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) และ M3) โดยการคำนวณอ้างอิงจากหนังสือคุณค่าทาง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน (13, 14) การ โภชนาการของอาหารไทยและตารางแสดงคุณค่าอาหาร พัฒนาผลิตภัณฑบ์ ราวนี่จากถว่ั สามสีจึงเปน็ ทางเลอื กหนึง่ ไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม (11) พบว่า ผลิตภณั ฑ์บราวน่ี ให้กับผู้บริโภคที่แพ้กลูเตนในแป้งสาลีและกลุ่มผู้บริโภค ทั้ง 4 สูตร ท่มี หี นว่ ยการบรโิ ภคเท่ากับ 50 กรัม มีปริมาณ รักสุขภาพ เพราะมีปริมาณโปรตีนและใยอาหาร พลังงาน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และวิตามินเอ ใกล้เคียงกัน มากกวา่ บราวน่ที ั่วไปตามทอ้ งตลาด เมื่อพิจารณาผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่วสามสีทั้ง 3 สูตร พบว่า ปริมาณโปรตีน และเส้นใยมีปริมาณท่ีเพิ่มสูงข้ึน การยอมรับของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่ว เฉลยี่ ร้อยละ 14.31 และ 67.72 ตามลำดับ เม่ือเปรียบเทียบ สามสีทพ่ี ฒั นาได้ กับบราวนี่สูตรพื้นฐานที่ใช้แป้งสาลี เนื่องจากถั่วเป็น ธัญพืชท่ีเป็นแหล่งของโปรตีน ซึ่งมีสูงถึงร้อยละ 20–30 จากการทดสอบการยอมรับของผู้บริโภคที่มีต่อ นอกจากนี้ในถั่วยังอุดมไปด้วยใยอาหาร และสตาร์ชที่ทน ผลิตภณั ฑ์บราวนจ่ี ากถ่ัวสามสที ีพ่ ัฒนาได้ จำนวน 100 คน ต่อการย่อย (Resistance Starch) ดังนั้นการใช้ถั่วดำ ในโรงอาหารมหาวิทยาลัยราชภัฎจนั ทรเกษม ส่วนใหญ่ผู้ ถั่วขาว และถั่วแดงทดแทนแป้งข้าวสาลีนี้ สามารถกล่าว ประเมินเป็นเพศหญิง ร้อยละ 73 และเพศชาย ร้อยละ อ้างว่าผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่วสามสี เป็นแหล่งของ 27 และมีอายุในช่วง 18–25 ปี ร้อยละ 75 โดยนำเสนอ โปรตีน เนื่องจากมีปริมาณโปรตีนมากกว่าร้อยละ 10 ผลติ ภัณฑ์บราวนี่จากถ่ัวสามสที ่ีพัฒนาไดต้ ่อผูบ้ ริโภค โดย ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (Thai นำบราวนี่จากถั่วสามสีที่พัฒนาได้บรรจุในกล่อง จำนวน Recommended Daily Intakes) และยังสามารถกล่าว 1 ชิ้น น้ำหนัก 50 กรัม ราคา 35 บาท พบว่าผู้บริโภค อ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใยอาหารสูง โดยมีมากกว่า ทั่วไปให้การยอมรับ ร้อยละ 88 และไม่แนใ่ จ ร้อยละ 12 ร้อยละ 20 ของปริมาณสารอาหารทีแ่ นะนำให้บริโภคต่อ นอกจากนี้ยังมีการสอบถามความคิดเห็นด้านการ วัน (12) นอกจากน้ีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพในถั่ว ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์บราวนี่ถ่ัวสามสีที่พัฒนาได้ พบว่า โดยเฉพาะถั่วดำและถั่วแดง ยังสามารถพบสารประกอบ ผู้บริโภคมีความสนใจที่จะซื้อสงู ร้อยละ 88 และไมแ่ น่ใจที่ ฟนี อลคิ ประเภทสารแอนโทไซยานิน ทีม่ สี มบตั ใิ นการตา้ น จะซื้อ ร้อยละ 12 ดังรูปที่ 1 สรุปได้ว่า ถ้าหากผลิต อนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันโลหิต รวมทั้งป้องกัน ผลติ ภัณฑบ์ ราวนีจ่ ากถวั่ สามสีทพี่ ฒั นาได้ออกมาจำหน่าย ผู้บรโิ ภคมีความสนใจท่จี ะซ้ือผลติ ภัณฑ์ การยอมรบั ผลติ ภัณฑบ์ ราวนจี่ ากถวั่ สามสีทพ่ี ฒั นาได้ การจาหน่ายผลิตภัณฑบ์ ราวนจ่ี ากถว่ั สามสีทีพ่ ฒั นาได้ 12% 12% สนใจซ้อื ไมแ่ น่ใจ ยอมรับ ไม่แน่ใจ 88% 88% (ก) (ข) รปู ท่ี 1 (ก) ผลการทดสอบดา้ นการยอมรับผลติ ภณั ฑ์บราวนี่จากถั่วสามสีท่พี ัฒนาได้ และ (ข) ผลการทดสอบด้านการ จำหน่ายผลิตภณั ฑบ์ ราวนจ่ี ากถว่ั สามสที ่พี ัฒนาได้

38 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) สรุปผล ธัญบุรี ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ ต่าง ๆ และห้องปฏิบัติการในการวิเคราะห์คุณภาพ จากการศกึ ษาบราวนส่ี ตู รพื้นฐาน 3 สตู ร พบว่า ทางด้านอาหาร ผู้บริโภคให้คะแนนความชอบสูตรพื้นฐานที่ได้มาจาก นิตยสารแฮลแอนคลูซนี (S3) สูงสุด ในคุณลักษณะสีและ เอกสารอา้ งอิง กลิ่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) โดยมีค่า คะแนนอยู่ในช่วง 7.2 - 7.9 (ชอบปานกลาง) จึงเหมาะ 1. จิระนาถ รุ่งเรือง, นภัศรพี เหลืองสกุล. การพัฒนา สำหรับนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์บราวนี่จากถั่วสามสีท่ี ผลิตภัณฑ์คุกกี้จากแป้งปราศจากกลูเตนบางชนิด. ใชท้ ดแทนแปง้ สาลใี นสตู รพนื้ ฐาน ร้อยละ 100 ซึ่งถั่วที่ใช้ วารสารวิจัยราชภฎั พระนคร สาขาวิทยาศาสตร์และ ในการศึกษา ได้แก่ ถั่วดำ ถั่วขาว และถั่วแดง และผัน เทคโนโลยี. 2561;13(2):34-45. แปรอัตราส่วน ถั่วดำ:ถั่วขาว:ถั่วแดง เป็นร้อยละ 50:25:25 (M1) 25:50:25 (M2) และ 25:25:50 (M3) 2. พรรัตน์ สินชัยพานิช, กุลรภัส บุตรพงษ์, ศศพินทุ์ จากการทดสอบทางด้านประสาทสัมผัส พบว่า ผู้บริโภค ดิษนิล, เรณู ทวิชชาติวิทยากุล. ผลของแป้งข้าวใน ใหค้ ะแนนความชอบบราวน่จี ากถวั่ สามสีในอัตราส่วนสตู ร ไรซ์เบอร์รี่ที่ใช้ทดแทนแป้งสาลีในบราวนี่. วารสาร M2 สูงสุดแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) วิจัย มสด สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. โดยมีค่าคะแนนความชอบอยู่ในช่วง 6.8 - 7.5 (ชอบ 2551;10(2):69-79. เล็กน้อยถึงชอบปานกลาง) สำหรับบราวนี่ถั่วสามสี อัตราส่วนสูตรM2 นั้น มีค่าสี L* a* และ b* เท่ากับ 6.75 3. ณนนท์ แดงสังวาลย์, น้องนุช ศิริวงศ์, ศิริพร 2.24 และ 1.18 ตามลำดับ และปริมาณน้ำอิสระ เท่ากับ เรียบร้อย. การใช้แป้งกล้วยน้ำว้าทดแทนแป้งสาลี 0.75 เมื่อทดสอบคุณค่าทางโภชนาการผลิตภัณฑ์บราวน่ี ในบราวนี่. เรื่องเต็มการประชุมทางวิชาการของ จากถั่วสามสี ทั้ง 3 สูตร กำหนดน้ำหนักต่อหนึ่งหน่วย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ครัง้ ท่ี 49: สาขาส่งเสริม บริโภคเท่ากับ 50 กรัม พบว่า ปริมาณโปรตีนและใย การเกษตรและคหกรรมศาสตร์. การประชุมทาง อาหารมีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับบราวน่ี วิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 49; สูตรพื้นฐาน เฉลี่ยร้อยละ 14.31 และ 67.72 ตามลำดับ 1-4 ก.พ. 2554; กรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ: สำนัก และเมื่อทดสอบการยอมรับผลิตภัณฑ์บราวนีจ่ ากถ่ัวสาม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์; 2554. สี สูตรอัตราส่วน M2 นั้นกับผู้บริโภคจำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคทั่วไปให้การยอมรับและตัดสินใจซื้อ 4. Selvakumaran L, Shukri R, Ramli NS, Pak Dek ร้อยละ 88 MS, Wan Ibadullah WZ. Orange sweet potato (Ipomoea batatas) puree improved กติ ติกรรมประกาศ physicochemical properties and sensory acceptance of brownies. J Saudi Soc. ขอขอบคุณอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ สาขาวิชา 2019;18(3):332-6. อาหารและโภชนาการ คณะวิทยาศาสตร์ และสาขาวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร คณะเกษตรและ 5. บุศรินทร์ จงเจริญยานนท์. คุณสมบัติเชิงหน้าที่ของ ชีวภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และคณะ ถั่วขาวและการประยุกต์แป้งถั่วขาวในผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ขนมอบ. วารสารเทคโนโลยกี ารอาหาร มหาวิทยาลยั สยาม. 2559;11(1):1-12.

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 39 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 6. มาฤดี ผ่องพิพัฒน์พงศ์, อำนาจ คูตะคุ, ดวงจันทร์ 14. กุลยา ลิ้มรุ่งเรืองรัตน์, อโนชา สุขสมบูรณ์, อาภัสรา เฮงสวัสดิ์, กรุณา วงษก์ ระจา่ ง, ชมดาว สกิ ขะมณฑล. แสงนาค. การพัฒนาผลิตภัณฑ์พาสต้าข้าวเจ้าเพื่อ การผลิตอาหารเพื่อสุขภาพจากถั่ว 5 สีสำหรับผู้สูง สุขภาพเสริมแป้งถั่ว. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; วัยด้วยกรรมวิธีเอ็กซ์ทรูชัน. การประชุมวิชาการ 2560. 173196. สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย ระดับชาติ ครั้งที่ 14 และระดับนานาชาติ ครั้ งที่ 6; มหาวิทยาลยั ราชมงคลธญั บุร.ี ปทุมธานี: 2556. 7. หรรษา เวียงวะลัย, กานติมา ภูวงษ์. ผลของแป้งถั่ว แดงที่ทดแทนแป้งสาลีต่อสมบัติทางเคมีกายภาพ และฤทธ์ิตา้ นอนุมูลอสิ ระในหมัน่ โถว. Thai Journal of Science and Technology. 2 561;7 (5 ฉ บั บ เสริม):534-43. 8. ททั ยา อนสุ รร. ถัว่ และธญั พืชเมล็ดพนั ธ์ุแห่งสุขภาพ. พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: มติชน; 2555. 9. วราภา ปวงเงิน. Chocolatelover. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: อมรินทร์; 2552. 10. Martha stewart. นิตยสารแฮลแอนคลูซีน. พิมพ์ ครงั้ ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทร์; 2552. 11. กลุ่มงานวิเคราะห์อาหารและโภชนาการ กอง โภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: องค์การทหารผ่านศึก; 2544. 12. กระทรวงสาธารณสขุ . ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบับที่ 182) พ.ศ. 2541 เรื่อง ฉลากโภชนาการ [อินเทอร์เน็ต]. 2541 [สืบค้นเมื่อ 15 ก.พ. 2563]. จ า ก : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/ DATA/PDF/2541/D/047/23.PDF 13. ไชยสิทธิ์ พันธุ์ฟูจินดา, เลอลักษณ์ เสถียรรัตน์, อรวัลภ์ อุปถัมภานนท์. การพัฒนาผลติ ภัณฑ์บราวน่ี โดยใช้แป้งข้าวเหนียวดำทดแทนแป้งสาลี. วารสาร มทร. อีสาน ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2560;10(1):106-19.

40 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ศึกษาอุณหภูมิสีของแสงเทียบเคียงแผ่นกรองแสงปรับอุณหภูมิสีของแสงโคมไฟสำหรับการ จัดแสงภาพเคล่ือนไหว Study of Compared Color Temperature of Color Correction Filter from Luminaries for Motion Pictures จริ ศกั ด์ิ ปรีชาวีรกุล* และ อนุสรณ์ สาครดี Jirasak Prechaveerakul* and Anusorn Sakorndee สาขาวิชาเทคโนโลยที างภาพและเสยี ง คณะเทคโนโลยสี ือ่ สารมวลชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี อ.ธญั บรุ ี จ.ปทุมธานี 12110 Department of Visual and audio Technology, Faculty of Mass Communication Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Thanyaburi, Pathumthani 12110, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: The research is to study a light filter adjusting the color Received: 5 June, 2020 temperature of comparative light which is blue light frequency or (Color Revised: 22 July, 2020 Temperature Blue: CTB) of number 201 Full CTB, 202 Half CTB, and 203 Accepted: 31 August, 2020 Quarter CTB by using with Fresnel Lens Lamp from 1000 W Tungsten– Available online: 21 February, 2021 Halogen (T-H). Then, the measured value was compared with the DOI: 10.14456/rj-rmutt.2021.5 calculated value from McCamy formula. The result found that, in the case Keywords: correlated color of non-filter, the CT of T-H Light was 3060K of the measured value and temperature, color 3067K of the calculated value. To change the CT, in the case of altering correction filter, luminaries the number 201 filter which could change the CT from 3200K to 5700K, it for motion pictures could be measured the CT of the light from 3060K to 5258K with 7.754 % of the deviation, and the calculated value of the CT of the light changed from 3067K to 5259K. In the case of altering the number 202 filter to change the CT from 3200K to 4300K, the measured value changed from 3060K to 3910K with 9.069 % of the deviation, based on the calculation of 3067K to 3916K. In the case of 203 CT-change filter, the value was measured from 3060K to 3430K and its deviation was 4.722 % from the

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 41 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) calculation of 3067K to 3439K. The causes of CT value of the deviation light in this research were in the measuring step, and the calculation. For the measuring step, the filters from various production companies contained different properties to change the CT, and the measuring instrument were not held steadily while studying. For the calculation, the CIE-1931 was needed for the basis of the measuring steps from moving the measuring instrument while measuring the value resulted in the deviation in the calculation step. Consequently, the research selected the properties of the Color Correction Filter of Blue Light Frequency or CT Blue: CTB whichcould bring the result to use an optionof otherlight filters for measuring CT value of the color light frequency. บทคัดย่อ แทนการถือจากผู้ทำการวัด และผลการศึกษาค่าคงท่ี เปลี่ยนอุณหภูมิองศา สามารถนำค่าการคำนวณไปใช้เลือก การปรับอุณหภูมิสีด้วยแผ่นกรองแสงเป็นการ แผ่นกรองแสงเปลี่ยนอุณหภูมิสีได้ จะช่วยช่างภาพ สร้างอารมณ์และกำหนดโทนสีของภาพถือว่ามคี วามสำคญั (Director of Photography) และผ ู ้ จ ั ดแสง (Graffer) สำหรับงานด้านโทรทัศน์และภาพยนตร์ วัตถุประสงค์ของ ตัดสนิ ใจเลอื กแผ่นกรองแสงปรับอุณหภมู สิ หี าค่าอุณหภูมิสี วิจัยศึกษาแผ่นกรองแสง (Filter color Temperature) ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสงได้ เพื่อช่วยการถ่ายทำได้เร็ว 3 แบบ คอื เต็ม (Full) ครง่ึ (Half) และ ส่ีส่วน (Quarter) ท่ี ขึ้นและเกิดความแม่นยำสำหรับควบคุมคุณภาพของแสงท่ี ปรับอุณหภูมิสีของแสงเทียบเคียง กรณีคลื่นแสงสีฟ้า เสมือนจรงิ มากทีส่ ดุ (Color Temperature Blue: CTB) ร่วมกับโคมเฟรสเนล เลนส์หลอดไฟทังสเตน-ฮาโรเจน 1000W และ กรณีคลื่น คำสำคัญ: อุณหภูมิสีของแสงเทียบเคียง แผ่นกรองแสง แสงสีส้ม (Color Temperature Orange: CTO) ร่วมกับ ปรับอุณหภูมิสีของแสง โคมไฟสำหรับการจัดแสง โคมเฟรสเนลเลนส์หลอดไฟเอช เอม ไอ 1200W โดย ภาพเคลื่อนไหว เปรียบเทียบค่าจากการวัด และการคำนวณตามสูตร McCamy และการคำนวณความเหมาะสมค่าคงที่เปลี่ยน บทนำ อณุ หภมู ิองศา (Mired Shift) ผลการศกึ ษาพบวา่ กรณคี ล่ืน แสงสีฟ้า (CTB) 3 แบบร่วมกับโคมเฟรสเนลเลนส์หลอดไฟ ปัจจุบันงานทางด้านสื่อสารมวลชน ได้แก่ การ ทังสเตน-ฮาโรเจน 1000W เปรียบเทียบระหว่างการ ผลิตรายการทางโทรทัศน์ และ ทางภาพยนตร์ จัดเป็นภาค คำนวณคุณสมบัติฟิลเตอร์อุณหภูมิสีของแสงกับการวัดมี ธุรกิจบันเทิงที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงที่ ความคลาดเคลื่อนอยู่ระหว่าง 4.375% - 9.069% สำหรับ ใกลเ้ คยี งกับภาคธุรกจิ การค้าและอุตสาหกรรม คือ ตอ้ งการ กรณีคลื่นแสงสีฟ้า (CTO) 3 แบบ ร่วมกับโคมเฟรสเนล ใช้พลังงานไฟฟ้ามากในระดับปานกลางแต่มีการใช้อย่าง เลนส์หลอดไฟ เอช เอม ไอ 1200W พบว่าค่าความ ต่อเนื่อง และพบว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าจะถูกนำไปใช้ใน คลาดเคลื่อนอยู่ระหว่าง 2.760% - 11.92% สาเหตุ กระบวนการผลิตรายการในส่วนของการใช้พลังงานไฟฟ้า ความคลาดเคลื่อนมาจากความไม่เสถียรของผู้ที่ทำการวัด ด้านแสงสว่าง ซึ่งมีความต้องการเพิ่มความสว่าง และการ ในขณะถือเครื่องวัดแสง ดังนั้นควรยึดจับด้วยแท่นจับยึด กำหนดสีสัน หรือเรียกว่าโทนสีที่ปรากฏให้กับฉาก และ

42 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) เวที รวมไปถึงนักแสดงที่ต้องเข้าฉาก ดังนั้น แหล่งกำเนิด ทางแสงของอุณหภูมิสีของแสงเทียบเคียง (Correlated แสง หรือหลอดไฟ ทใี่ ชม้ ีหลายประเภท มขี นาดกำลังวัตต์ที่ Color Temperature; CCT) ที่เกิดจากแผ่นกรองแสงหรือ แตกต่างกัน และสิ่งที่จะนำมาพิจารณาในการเลือกใช้คือ ฟิลเตอรส์ ำหรบั ปรบั อณุ หภูมสิ ีของแสง ได้แก่ ฟิลเตอร์ปรับ โทนสีของแสงที่เปล่งออกมาจากหลอดไฟ หรืออุณหภูมิสี แสงเป็นคลื่นแสงสีฟ้า (Color Temperature Blue: CTB) ของแสงแตกต่างกัน เช่น โคมไฟประเภทที่ใช้หลอดไฟ และ ฟิลเตอร์ปรับแสงเป็นคลื่นแสงสีส้ม (Color ทังสเตน-ฮาโรเจน (Tungsten-Halogen Lamp) ที่มีขนาด Temperature Orange: CTO) ที่เปล่ยี นอุณหภมู ิสีของแสง กำลังวตั ต์ ต้งั แต่ 500 วัตต์ ถงึ 2,000 วตั ต์ ให้อุณหภูมิของ หลอดไฟทังสเตน-ฮาโรเจน และหลอด เอช เอม ไอ (3) แสงประมาณ 3,200 องศาเคลวิน เพื่อทดแทนแสงจาก สำหรับนำไปใช้ในการจัดแสงภายในสตูดิโอด้านโทรทัศน์ ธรรมชาติในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตกและเป็น และภาพยนตร์ เพื่อให้ได้ค่าความเหมาะสม และความถูก อุณหภูมิของแสงที่ให้ความสมจริงมากที่สุดเกิดความ ต้องใกล้เคียงไม่เกิดความผิดเพี้ยน อุณหภูมิสีของแสงที่ตก ผิดเพี้ยนน้อยมาก นิยมสำหรับการจัดแสงภายในสตูดิโอ กระทบบนตัวแบบ วัตถุ และฉาก ซึ่งจะช่วยช่างภาพ และ โคมไฟประเภทที่ใช้หลอดไฟคอมแพ็คฟลูออเรสเซนท์ (Director of Photography) และผ ู ้ จ ั ดแสง (Graffer) และ ประเภทหลอดไฟอาร์ก (Hydrargyrum Medium-arc ตัดสนิ ใจเลือกแผน่ กรองแสงปรับอุณหภูมิสีหาค่าอุณหภูมิสี Iodide; HMI) มีขนาดตั้งแต่ 75 วัตต์ ถึง 10,000 วัตต์ จัด ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสงได้ เพื่อช่วยการถ่ายทำได้เร็ว อยู่ในกลุ่มอุณหภูมิสีประมาณ 5,600 องศาเคลวิน นิยมจัด ขึ้นและเกิดความแม่นยำสำหรับการควบคุมคุณภาพของ แสงภายนอกสตูดิโอ เพื่อทดแทนแสงธรรมชาติในช่วงเวลา แสงท่เี สมอื นจริงมากท่ีสุด กลางวัน (1) ดังนั้นขนาดกำลังไฟฟ้าที่ใชจ้ ำเปน็ ต้องมีขนาด กำลังไฟฟ้าจำนวนปริมาณที่สูง แสดงดังรูปที่ 1 ดังนั้น วิธีดำเนินการวจิ ยั ข้ันตอนทีส่ ำคญั ในการบันทกึ ภาพหรอื การถา่ ยทำคอื การจัด แสงเปน็ การเปล่ยี นอุณหภมู สิ ีของแหลง่ กำเนิดแสงประดิษฐ์ การเตรียมระบบการจัดแสงวัดค่าอุณหภูมิสีของแสงจาก จากหลอดไฟเพือ่ ให้เป็นไปตามสภาพของกาลเวลา สามารถ โคมไฟทส่ี วมฟิลเตอรแ์ ละไมส่ วมฟลิ เตอร์ ทำได้โดยการใช้แหล่งกำเนิดแสงให้ถูกต้อง เช่น หาก ต้องการแสงพระอาทิตย์ 2300K แทนด้วยแหล่งกำเนิดแสง กรณีโคมหลอดไฟทังสเตน ฮาโรเจน 1000W มี หลอดไฟ ทังสเตน ฮาโรเจน หรือ หากต้องการแสงตอน อุณหภูมิสีของแสงใกล้เคียง 3200K ร่วมกับฟิลเตอร์ปรบั กลางวัน (Day Light) 5600K แทนด้วยแหล่งกำเนิดแสง แสงเป็นคลื่นแสงสีฟ้า 201 Full CTB 202 Half CTB ประเภท เอช เอม ไอ แต่หากถูกจำกัดด้วยการใช้ และ 203 Quarter CTB ภายใต้สภาวะการจัดแสงหมวด แหล่งกำเนิดแสงประดิษฐ์เพียงแหล่งกำเนิดแสงเดียว ควบคุมการกระจายแสงเป็นจุด (Spot) 8 องศา ส่งผลให้ สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีของแหล่งกำเนิดแสง โดยใช้ เกิดการกระจายแสงแคบเป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง อุปกรณ์หรือวัสดุที่เรียกว่าฟิลเตอร์ (Filter) หรือแผ่น 0.4 เมตร และ โคมหลอดไฟ เอช เอม ไอ 1200W มี กระจก (Dichroic Filter) (2) มี 2 ชนิด คอื เปล่ียนอุณหภูมิ อุณหภูมิสีของแสงใกล้เคียง 5600K ร่วมกับฟิลเตอร์ปรับ สีของแหล่งกำเนิดแสงจากโทนร้อนประมาณ 3200K เป็น แสงเป็นคลื่นแสงสีส้ม 204 Full CTO 205 Half CTO อุณหภูมิสีของแหล่งกำเนิดแสงจากโทนเย็นประมาณ และ 206 Quarter CTO ตำแหน่ง Spot 5 องศา ขนาด 5600K และ เปลยี่ นอุณหภูมสิ ขี องแหลง่ กำเนิดแสงจากโทน เส้นผ่านศูนย์กลางแสงกระจายแคบ 0.3 เมตร ควบคุม เย็นประมาณ 5600K เป็น อุณหภูมิสีของแหล่งกำเนิดแสง ทิศทางแสงจากโคมไฟไปยังตัวแบบบุคคล วัดค่าด้วย จากโทนร้อนประมาณ 3200K งานวิจัยนี้ศึกษาคุณสมบัติ เครื่องวัดค่าความรับรังสีรวมของแหล่งกำเนิดแสง (MK350S) แสดงดงั รูปที่ 1-8

Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 20, Issue 1, 2021 43 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) รูปที่ 1 ตดิ ต้ังโคมหลอดไฟทงั สเตน-ฮาโรเจน 1000W ที่ไม่สวมฟิลเตอร์ รปู ที่ 2 ติดตง้ั โคมหลอดไฟทงั สเตน-ฮาโรเจน 1000W สวมฟลิ เตอร์ 201 Full CTB รปู ที่ 3 ติดตง้ั โคมหลอดไฟทงั สเตน-ฮาโรเจน 1000W สวมฟิลเตอร์ 202 Half CTB รูปที่ 4 ติดต้ังโคมหลอดไฟทงั สเตน-ฮาโรเจน 1000W สวมฟลิ เตอร์ 203 Quarter CTB