ก คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้ New Express English 4 จัดทำข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นแนวทางในการ จดั การเรยี นรู้ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ผู้จดั ทำไดว้ ิเคราะห์แลว้ ว่าเน้อื หาสาระของ หน่วยการเรียนรู้ท้ังหมดมีความสอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัดทกี่ ำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ของแต่ละหน่วยการเรียนรู้เป็นรายชั่วโมง คำนึงถึงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่เป็นเป้าหมายของหน่วยเป็นสำคัญ ทุกองค์ประกอบที่เสนอไว้จึงมี ความเชื่อมโยงกับมาตรฐานและตัวช้ีวัดที่เป็นเป้าหมายของหน่วย มีการกำหนดการวัดและประเมินผลการ เรียนรเู้ พ่ือแสดงให้เหน็ ว่าผเู้ รยี นจะบรรลผุ ลตามเป้าหมายท่กี ำหนดไว้ แผนการจัดการเรียนรู้นำเสนอด้วยแนวทางด้วยข้ันนำเข้าสู่บทเรียน ข้ันนำเสนอเนื้อหา ข้ันฝึกฝน ขั้น การสร้างผลงาน และขั้นสรุป ตามรายละเอียดของมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัดของแต่ละช้ันปี และสาระการ เรยี นรู้แกนกลางตามท่ีกำหนดไว้ของกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ท้ัง 4 สาระ โดยคำนงึ ถึงการ สอนดา้ นคำศัพท์ ไวยากรณ์ สำนวน และโครงสร้างประโยคที่ถกู ตอ้ ง ในการจดั การเรยี นการสอนทุกข้ันนนั้ จะมี วิธีการนำเสนอการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพ่ือให้ผู้เรียนมีโอกาสแสดงออกและฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษ โดยมีครูเป็นผู้ทำหน้าที่สอน แนะนำ อธิบายวิธี และจัดบรรยากาศท่ีเหมาะสมกับความรู้ความสามารถ และ ส่ิงแวดล้อมของผู้เรียน อีกทั้งกิจกรรมการจัดการเรียนรู้นี้มีการปรับจุดเน้นการสอนภาษาภาษาอังกฤษท่ีเน้น การส่ือสาร Communicative Language Teaching (CLT) มีส่วนช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้กับ สถานการณ์ต่าง ๆ รอบตัวในชีวิตประจำวนั พร้อมท้ังให้ผู้เรียนเปิดโลกทัศน์การเรียนภาษาอังกฤษในศตวรรษ ท่ี 21 ที่มีความทันสมัย เสริมสร้างสมรรถนะและพัฒนาระดับความสามารถของผู้เรียนให้ก้าวทันการ เปลยี่ นแปลงของสงั คมโลก ผจู้ ัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการจัดการเรียนรู้นี้จะเปน็ ประโยชน์ต่อครูผู้สอนที่จะนำสื่อการเรยี นรู้ ทั้งหมดของชุดนี้ไปใช้จัดกิจกรรมและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ทางภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน และเพ่ิมขีดความสามารถให้ผู้เรียนมีรากฐานความรู้ด้านภาษาอังกฤษ นำไปตอ่ ยอดในระดับการเรียนทส่ี งู ขึน้ ต่อไป
ข สารบัญ หนา้ -ตารางแสดงความสอดคล้องกบั สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้วี ัดช้นั ปี และสาระการเรยี นรู้ ค แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ง พทุ ธศกั ราช 2551 ของแผนการจดั การเรียนรู้ New Express English 4 -คำอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ สาระการเรียนรู้พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ -โครงสร้างรายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาองั กฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ฉ -หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลุม่ สาระภาษาต่างประเทศ ฌ -คณุ ภาพผู้เรียน ญ -สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ฎ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 Daily activities แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 41 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 Daily activities แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 42 6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 5 Daily activities แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 43 11 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 Daily activities แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 44 16 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 Daily activities แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 45 21 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 Daily activities แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 46 25 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 Daily activities แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 47 30 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 Daily activities แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 48 35 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 Daily activities แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 49 39 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 Daily activities แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 50 43 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 Visiting the farm แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 51 59 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 Visiting the farm แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 52 65 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 6 Visiting the farm แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 53 70 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 Visiting the farm แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 54 75 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 Visiting the farm แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 55 80 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 Visiting the farm แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 56 84 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 Visiting the farm แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 57 88
สารบัญ(ต่อ) ค หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 Visiting the farm แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 58 หนา้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 Visiting the farm แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 59 93 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 Visiting the farm แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 60 98 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 People around me แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 61 103 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 7 People around me แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 62 119 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 People around me แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 63 123 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 People around me แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 64 128 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 People around me แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 65 132 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 People around me แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 66 137 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 People around me แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 67 142 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 People around me แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 68 146 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 People around me แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 69 150 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 People around me แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 70 155 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 71 160 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 How much are they? แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 72 176 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 73 180 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 74 184 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 75 188 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 76 193 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 77 197 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 How much are they? แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 78 201 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 8 How much are they? แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 79 206 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 How much are they? แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 80 211 216
ฆ
ง คำอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ สาระการเรียนรูพ้ น้ื ฐานภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 80 ชวั่ โมง ศึกษา คำส่ัง คำขอร้อง ภาษาท่าทาง คำแนะนำท่ีใช้ในห้องเรียน และในสถานศึกษา การอ่านออก เสียงคำ กลุ่มคำ ประโยค ขอ้ ความงา่ ย ๆ บทพูดเข้าจังหวะ ตามหลักการอ่านออกเสียง ศึกษาวงคำศัพท์สะสม ท้ังที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม ประมาณ 550-700 คำ รวมถึงการใช้พจนานุกรม การระบุ /วาดภาพ เกี่ยวกับ ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่ิงแวดล้อม อาหาร เคร่ืองดื่ม เวลาว่าง นันทนาการ สุขภาพ สวัสดิการ การซ้ือ-ขาย ลมฟ้าอากาศ ให้ตรงกับความหมายของกลุ่มคำ ประโยคเด่ียว สัญลักษณ์ และเครื่องหมายต่าง ๆ การหาใจความสำคัญของเร่ือง การถาม ตอบด้วยประโยค บทสนทนา นิทานที่มีภาพประกอบ การพูด และ เขียนบทสนทนา ประโยค ข้อความที่ใช้ในการส่ือสารระหว่างตนเอง เพ่ือน บุคคลใกล้ตัว การใช้คำศัพท์ สำนวนภาษาในการตอบรับ การใช้คำส่ัง คำขอร้อง คำขออนุญาตงา่ ย ๆ ในห้องเรยี น ประโยคที่ใช้แสดงความ ตอ้ งการ แสดงความรูส้ ึก และขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ง่าย ๆ การขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง และ ส่ิงใกล้ตัว การใช้เคร่ืองหมายวรรคตอน การเช่ือมโยงความสัมพันธ์ของภาพกับคำหรือกลุ่มคำโดยใช้ภาพ แผนภูมิ แผนภาพ แผนผัง การพูดและทำท่าทางประกอบตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม คำศัพท์ และ ขอ้ มูลเก่ียวกับเทศกาล วันสำคัญ งานฉลอง และการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา กิจกรรมทางภาษา และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา การเปรียบเทียบความแตกต่างของเสียง ตัวอักษร คำ กลุ่มคำ และประโยค ของภาษาต่างประเทศ และภาษาไทย การเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตา่ ง ระหว่างวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษากับของไทย การค้นคว้า รวบรวม และการนำเสนอคำศัพท์ท่ีเกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน การใช้ภาษาในการสื่อสารในสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและในท้องถ่ิน การใช้ ภาษาต่างประเทศในการสบื คน้ และการรวบรวมคำศัพทท์ ีเ่ ก่ียวข้องใกลต้ วั จากส่ือและแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ โดยใชท้ ักษะ กระบวนการเรยี นรูท้ างภาษาท่ีหลากหลาย เน้นการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน เน้น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน การฝึกปฏิบัติตามสถานการณ์ต่าง ๆ กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการศึกษาค้นคว้า และสืบค้นข้อมูล เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถอ่านออก เขียนได้ และมี ทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษในการส่ือสารได้อย่างเหมาะสมกับวยั และสถานการณ์ต่าง ๆ ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา เห็นประโยชน์ของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ แสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง รักความเป็นไทย สามารถปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น และดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้ อยา่ งมีความสขุ
จ ตวั ช้ีวัด สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ต 1.1 ป.4/1,ป.4/2,ป.4/3,ป.4/4 ต 1.2 ป.4/1,ป.4/2,ป.4/3,ป.4/4,ป.4/5 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ต 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ต 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 2. ความสามารถในการคดิ 2. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ ต 2.2 ป.4/1 ต 3.1 ป.4/1 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีวินยั ต 4.1 ป.4/1 ต 4.2 ป.4/1, ป.4/2 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 4. ใฝเ่ รียนรู้ รวม 20 ตัวชี้วัด 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. อยูอ่ ย่างพอเพียง 6. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มจี ติ สาธารณะ
ฉ โครงสร้างรายวชิ าพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 80 ช่วั โมง คะแนนเกบ็ 100 คะแนน หนว่ ยการ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั จุดประสงค์การเรียนรู้ เวลา น้ำหนกั เรียนรู้ การเรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน (100 คะแนน) 1 I can do it ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/4 นักเรียนสามารถพูดและเขียน 10 ต 1.2 ป.4/1, ต 1.2 ป.4/2, ต 1.2 ป.4/3 บ อ ก ว่าต น เอ งแ ล ะ เพื่ อ น ต 1.3 ป.4/1 สามารถทำอะไรได้บ้าง และ ต 2.1 ป.4/1 สามารถใช้ประโยคในเชิงขอ ต 2.2 ป.4/1 อ นุ ญ า ต ไ ด้ เ ห ม า ะ กั บ ต 3.1 ป.4/1 สถานการณ์ ต 4.1 ป.4/1 2 My body ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/3, นักเรียนสามารถบรรย าย 10 ต 1.1 ป.4/4 ลักษณะของส่วน ต 1.2 ป.4/2 ต่ าง ๆ ข อ งร่ างก าย ว่ ามี ต 1.3 ป.4/1, ต 1.3 ป.4/2,ต 1.3 ป.4/3 ลักษณะอย่างไร มีหน้าที่อะไร ต 2.1 ป.4/1 และสามารถใช้ประโยคคำส่ัง ต 2.2 ป.4/1 อย่างง่ายกับส่วนต่าง ๆ ของ ต 3.1 ป.4/1 รา่ งกายได้ ต 4.1 ป.4/1 ต 4.2 ป.4/1 3 Weather ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/4 นักเรียนสามารถถาม-ตอบ 10 and ต 1.2 ป.4/1, ต 1.2 ป.4/4, ต 1.2 ป.4/5 เกี่ยวกับสภาพอากาศในฤดู seasons ต 1.3 ป.4/1, ต 1.3 ป.4/2, ต 1.3 ป.4/3 ต่าง ๆ และกิจกรรมท่ีทำแต่ ต 2.1 ป.4/1 ละฤดไู ด้ ต 2.2 ป.4/1 ต 4.1 ป.4/1
ช หน่วยการ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ดั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เวลา น้ำหนกั เรยี นรู้ การเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน (100 4 Clothes คะแนน) ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/3, นักเรียนสามารถบอกและ 10 ต 1.1 ป.4/4 เลือกซ้ือเส้ือผ้าสวมใส่ได้ตาม ต 1.2 ป.4/1, ต 1.2 ป.4/2,ต 1.2 ป.4/3, โอกาสท่ีเหมาะสม ตามสภาพ ต 1.2 ป.4/4 ดินฟ้าอากาศ ต 1.3 ป.4/1, ต 1.3 ป.4/2, ต 1.3 ป.4/3 ต 2.1 ป.4/1, ต 2.1 ป.4/2 ต 2.2 ป.4/1, ต 2.2 ป.4/2 ต 3.1 ป.4/1 5 Daily ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/3, นกั เรียนสามารถอ่านและบอก 10 activities ต 1.1 ป.4/4 เว ล า ใ น ก า ร ท ำ กิ จ วั ต ร ต 1.2 ป.4/1, ต 1.2 ป.4/4 ป ร ะ จ ำ วั น ข อ ง ต น เอ ง แ ล ะ ต 1.3 ป.4/1, ต 1.3 ป.4/2 เพ่อื นได้ ต 2.1 ป.4/1 ต 2.2 ป.4/1 ต 3.1 ป.4/1 ต 4.1 ป.4/1 6 Visiting the ต 1.1 ป.3/1, ต 1.1 ป.3/4 นักเรียนสามารถใช้ประโยค 10 farm ต 1.2 ป.3/1, ต 1.2 ป.3/4, ต 1.2 ป.3/5 ค ำ สั่ ง อ ย่ า ง ง่ า ย ได้ แ ล ะ ต 1.3 ป.3/1 สามารถบอกได้ว่าตนเองนิยม ต 2.1 ป.3/1, ต 2.1 ป.3/3 เล้ี ย ง สั ต ว์ อ ะ ไร บ้ า ง ที่ ฟ า ร์ ม ต 2.2 ป.3/1 แ ล ะ ท่ี ฟ า ร์ ม น้ั น มี กิ จ ก ร ร ม ต 3.1 ป.3/1 อะไรบ้าง ต 4.1 ป.3/1 ต 4.2 ป.3/1
ซ หน่วยการ ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เวลา น้ำหนัก เรียนรู้ การเรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/3, นักเรียนสามารถถาม-ตอบ ว่า (100 7 People ต 1.1 ป.4/4 แต่ละอาชีพคืออะไร และทำ 10 คะแนน) around us ต 1.2 ป.4/1, ต. 1.2 ป.4/4 ห น้ า ท่ี อ ะ ไร บ้ าง ร ว ม ทั้ ง ต 1.3 ป.4/1, ต 1.3 ป.4/2 สถานท่ีทำงานของอาชีพต่าง ต 2.1 ป.4/1 ๆนั้นทำที่ใด และสามารถ ต 2.2 ป.4/1 บ รรย าย อาชี พ ของต น ใน ต 3.1 ป.4/1 อนาคตได้ ต 4.1 ป.4/1ต 4.2 ป.4/1 8 How much ต 1.1 ป.4/1, ต 1.1 ป.4/2, ต 1.1 ป.4/3, นักเรียนสามารถใช้คำบอก 10 are they? ต 1.1 ป.4/4 ปริมาณของอาหารที่ต้องการ ต 1.2 ป.4/1, ต 1.2 ป.4/2, ต 1.2 ป.4/3, ซ้ือและตอบคำถามเกี่ยวกับ ต 1.2 ป.4/4 ราคาสินคา้ ได้ ต 1.3 ป.4/1, ต 1.3 ป.4/2, ต 1.3 ป.4/3 ต 2.1 ป.4/1 ต 2.2 ป.4/1 ต 3.1 ป.4/1 ต 4.1 ป.4/1 ต 4.2 ป.4/1 Total in one year 80
ฌ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ทำไมต้องเรียนภาษาต่างประเทศ ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญของชุมชนโลก ช่วยให้ตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมุมมอง ของสังคมโลก นำมาซึ่งมิตรไมตรีและการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การ สร้างความเข้าใจเก่ียวกับวัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ ความรว่ มมือกับประเทศต่าง ๆ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความ เข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และใช้ ภาษาต่างประเทศเพื่อการส่ือสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายและกว้างข้นึ และมีวิสัยทัศน์ในการ ดำเนินชวี ติ ภาษาต่างประเทศที่เป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน ซ่ึงกำหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษาข้ัน พื้นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษาฝร่ังเศส เยอรมัน จีน ญ่ีปุ่น อาหรับ บาลี และ ภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอ่ืน ๆ ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาท่ีจะจดั ทำรายวิชาและจัดการ เรยี นรูต้ ามความเหมาะสม เรียนรูอ้ ะไรในภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติท่ีดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ ภาษาต่างประเทศเพ่ือส่ือสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อในระดับท่ี สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลกและสามารถ ถ่ายทอดความคิดและวฒั นธรรมไทยไปยังสังคมโลกไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ ประกอบดว้ ยสาระสำคัญ ดงั น้ี • ภาษาเพ่ือการสื่อสาร การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ตีความ นำเสนอข้อมลู ความคิดรวบยอดและความคดิ เห็นในเรื่องตา่ ง ๆ และ สร้างความสัมพันธร์ ะหวา่ งบุคคลอยา่ งเหมาะสม • ภาษาและวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศตามวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา โดยให้สัมพันธก์ ับความ เหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับวัฒนธรรมไทย และนำไปใชอ้ ย่างเหมาะสม • ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น การใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับ กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่ เปน็ พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน • ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก การใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน ชุมชน และสังคมโลก เป็นเคร่ืองมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ ประกอบอาชีพ และ แลกเปลยี่ นเรียนรู้กบั สังคมโลก
ญ คุณภาพผเู้ รยี น จบช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ⚫ ปฏิบัติตามคำส่ัง คำขอร้อง และคำแนะนำที่ฟังและอ่าน อ่านออกเสียงประโยค ข้อความ นิทาน และบทกลอนสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุประโยคและข้อความตรงตามความหมายของ สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่อ่าน บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทาน งา่ ย ๆ และเรื่องเลา่ ⚫ พูด/เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คำส่ัง คำขอร้อง คำขออนุญาต และให้ คำแนะนำ พูด/เขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ง่าย ๆ พูดและเขียนเพ่ือขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัว พูด/ เขียนแสดงความร้สู ึกเกย่ี วกับเรื่องตา่ ง ๆ ใกล้ตวั กิจกรรมต่าง ๆ พร้อมท้ังให้เหตผุ ลสนั้ ๆ ประกอบ ⚫ พูด/เขียนให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เพื่อน และส่ิงแวดล้อมใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตารางแสดงขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ที่ฟังและอ่าน พูด/เขียนแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั เรอ่ื งต่าง ๆ ใกล้ตัว ⚫ ใชถ้ ้อยคำ น้ำเสียง และกริ ิยาท่าทางอย่างสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา ให้ข้อมูลเกย่ี วกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา เข้าร่วม กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ ⚫ บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย เปรียบเทียบความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลอง และประเพณีของเจ้าของภาษากับของ ไทย ⚫ ค้นคว้ารวบรวมคำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหล่งการเรียนรู้และ นำเสนอด้วยการพดู /การเขียน ⚫ ใชภ้ าษาสือ่ สารในสถานการณต์ ่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา ⚫ ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้นและรวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ ⚫ มีทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ (เน้นการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน) สื่อสารตามหัวเร่ืองเกี่ยวกับ ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อม อาหาร เครื่องดม่ื เวลาวา่ งและนันทนาการ สขุ ภาพและสวสั ดิการ การ ซอ้ื -ขาย และลมฟ้าอากาศ ภายในวงคำศัพทป์ ระมาณ 1,050-1,200 คำ (คำศัพท์ทเี่ ป็นรูปธรรมและนามธรรม) ⚫ ใชป้ ระโยคเดี่ยวและประโยคผสม (Compound Sentence) ส่ือความหมายตามบริบทตา่ ง ๆ
ฎฎ มาตรฐาน ต 1.1 มาตรฐาน ต 1.2 มาตรฐาน ต 1.3 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งท่ฟี งั และอา่ น มีทกั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการ นำเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบ จากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ แลกเปลยี่ นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึกและความ ยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องตา่ ง ๆ โดยการพูด อย่างมเี หตุผล คดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และการเขียน ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี ตวั ชว้ี ัดชน้ั ปี ตัวชวี้ ัดชั้นปี 1. ปฏิบัตติ ามคำส่ัง คำขอรอ้ ง และคำแนะนำ 1. พดู /เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบคุ คล 1. พูด/เขยี นใหข้ ้อมูลเกย่ี วกับตนเองและเร่ืองใกล้ (instructions) งา่ ย ๆ ที่ฟงั หรืออา่ น 2.ใช้คำสัง่ คำขอรอ้ ง และคำขออนญุ าตงา่ ย ๆ ตัว 2. อ่านออกเสียงคำ สะกดคำ อา่ นกลุ่มคำ 3. พูด/เขียนแสดงความตอ้ งการของตนเอง และขอ 2. พูด/วาดภาพแสดงความสัมพนั ธ์ของสง่ิ ต่าง ๆ ประโยค ขอ้ ความง่าย ๆ และบทพูดเข้าจงั หวะ ใกลต้ ัวตามท่ฟี งั หรืออา่ น ถกู ต้องตามหลักการอา่ น ความชว่ ยเหลอื ในสถานการณ์ง่าย ๆ 3. พดู แสดงความคดิ เห็นง่าย ๆ เกี่ยวกับเร่ือง 3. เลือก/ระบภุ าพหรือสัญลกั ษณ์ หรือ 4. พูด/เขียนเพอื่ ขอและใหข้ ้อมลู เกย่ี วกับตนเอง ตา่ ง ๆ ใกล้ตัว เคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและ ขอ้ ความส้ัน ๆ ท่ีฟังหรืออา่ น เพ่ือน และครอบครวั 4. ตอบคำถามจากการฟังและอา่ นประโยค บท 5. พดู แสดงความรู้สึกของตนเองเก่ียวกับเรอ่ื ง สนทนา และนิทานง่าย ๆ บทสนทนา หรือนทิ าน ตา่ ง ๆ ใกล้ตวั และกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามแบบที่ฟงั มาตรฐาน ต 2.1 มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และ เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของ เจา้ ของภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทยและนำมาใช้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม นำมาใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตัวชี้วดั ช้นั ปี ตัวชี้วดั ชน้ั ปี 1. บอกความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คำ กลมุ่ คำ ประโยค และข้อความของ 1. พูดและทำท่าประกอบอย่างสุภาพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย เจ้าของภาษา 2. บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาลและงานฉลองตาม 2. ตอบคำถามเกี่ยวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากบั ของไทย งา่ ย ๆ ของเจ้าของภาษา 3. เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะกบั วยั มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเช่อื มโยงความรู้กบั กลมุ่ สาระการเรียนร้อู ่นื และเปน็ พ้ืนฐานในการพัฒนา แสวงหาความรแู้ ละเปิดโลกทัศน์ของตน ตวั ช้วี ัดชัน้ ปี 1. ค้นคว้า รวบรวมคำศพั ทท์ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อ่ืน และนำเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น มาตรฐาน ต 4.1 มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้ังในสถานศกึ ษา ชุมชน ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การ และสังคม ประกอบอาชพี และการแลกเปลี่ยนเรยี นร้กู บั สังคมโลก ตวั ช้ีวัดช้นั ปี ตวั ชวี้ ัดชั้นปี 1. ฟงั และพูด/อา่ นในสถานการณ์ทเ่ี กดิ ข้ึนในหอ้ งเรยี นและสถานศกึ ษา 1. ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ
ฏ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 จำนวน 10 ชว่ั โมง
1 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 41 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ รายวชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน (อ14101) ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นบา้ นนาวงั หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 : Daily activities จำนวน 10 ช่วั โมง เร่ือง : What time is it? เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่ ........ เดือน ........................ พ.ศ. ................. ผู้สอน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร ต 1.1 ป. 4/3 เลอื ก/ระบุภาพหรือสญั ลักษณ์หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค และข้อความส้นั ๆ ท่ีฟังหรืออ่าน ต 1.2 ป. 4/1 พูด/เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบุคคล สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม ต 2.1 ป. 4/1 พดู และทำท่าประกอบอย่างสุภาพตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา ต 2.2 ป. 4/1 บอกความแตกต่างของเสียง ตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยคและข้อความของภาษาต่างประเทศ และภาษาไทย สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ต 3.1 ป. 4/1 คน้ ควา้ รวบรวมคำศพั ทท์ ่เี กย่ี วขอ้ งกับกลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ ื่น และนำเสนอด้วยการพูด/การเขียน สาระที่ 4 ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั ชุมชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพดู /อ่านในสถานการณ์ทเี่ กิดข้นึ ในห้องเรยี นและสถานศึกษา จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. นักเรียนสามารถอ่านเวลาได้ ด้านกระบวนการ (Process) 2. นกั เรยี นนำเสนอข้อมลู ได้อยา่ งถูกต้อง ด้านคณุ ลักษณะ (Attribute) 3. นกั เรยี นมรี ะเบียบวนิ ยั และมุง่ ม่นั ในการทำงาน
2 สาระสาคญั กจิ วตั รประจำวนั ของแตล่ ะคนมสี ่วนคล้ายคลึงกนั เปน็ กจิ กรรมทที่ ุกคนทำใหล้ ุล่วงไปในแตล่ ะวัน สาระการเรียนรู้ คำศพั ท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time โครงสร้างประโยค What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/ She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตย์สจุ รติ มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง มจี ติ สาธารณะ ม่งุ มั่นในการทำงาน รักความเปน็ ไทย
3 การจดั กิจกรรมกาเรียนรู้ ข้ันเตรยี มความพรอ้ ม (Warm-up) 1. ครเู ปดิ วิดี เร่ือง การนับเลขให้นักเรยี นชม - ครเู ขยี นเลขบนกระดานให้นักเรยี นดู และสอนอ่านพร้อมกัน - ครสู อนการถามเวลาWhat is it? ครูเขยี นบนกระดาน _ _ _ _ _ (clock) ขั้นดำเนินการสอน (Presentation) • สอนศัพท์และประโยค five-fifty-five, What time is it? It’s............ 2. ครูสอนจำนวนเลขเพื่อใช้ในการบอกเวลาใหน้ ักเรียนฟัง เพิ่มทีละห้า five-ten-fifteen ... fifty-five พรอ้ มสะกดคำ ครูแนะคำทีค่ วรจำเปน็ พิเศษ เชน่ thirty forty fifty 3. ครูใชน้ าฬกิ าจำลองทำดว้ ยกระดาษหรือนาฬิกาจรงิ สอนการอ่านเวลาทีอ่ ่านดว้ ย o’clock ครู ยกตัวอย่างพรอ้ ม ๆ กบั หมุนเข็มนาฬิกา เช่น T : It’s six o’clock. 4. ครใู ช้การหมุนเขม็ สั้นสอนการอา่ นนาฬิกาเปน็ ช่วั โมง จาก one ถึง twelve 5. ครใู ชก้ ารหมนุ เขม็ ยาวสอนการอ่านนาฬิกาเปน็ นาที จาก five ถึง fifty five 6. ครใู ช้นาฬกิ าจำลองหมุนนาฬิกาเป็นเวลาตา่ ง ๆ ถามคำถาม What time is it? ใหน้ ักเรยี นตอบ เชน่ T : What time is it? Ss : It is eight o’clock. ข้นั การฝกึ (Practice) 7. ให้นักเรียนบอกเวลา โดยขึน้ ตน้ ประโยคด้วย It’s (one o’clock). จนคลอ่ ง ครูอาจจะเขยี นเวลา ที่เปน็ ช่วั โมงนีบ้ นกระดานดว้ ย 8. ครูหมนุ นาฬิกาเป็นชว่ั โมงและครง่ึ ชั่วโมงโดยครูอาจจะเขยี นคำอ่าน เชน่ one-thirty seven-thirty two-thirty eight-thirty three-thirty nine-thirty four-thirty ten-thirty five-thirty eleven-thirty six-thirty twelve-thirty ใหน้ กั เรยี นพดู ประโยค It’s (one-thirty). จนคล่อง
4 ขัน้ นำไปใช้ (Production) 9. ให้นักเรียนจับคู่กนั เพื่อถามตอบเวลา โดยครจู ะหมนุ เข็มนาฬกิ าเปน็ ชัว่ โมงก่อน เพ่ือให้เด็กเขา้ ใจ พร้อม ๆ กันท้ังชนั้ 10. เมื่อนักเรยี นเข้าใจการถามตอบ และการดูเวลาเปน็ ชวั่ โมงแล้ว ต่อไปครหู มนุ เขม็ นาฬิกาเปน็ ครง่ึ ชั่วโมง ครูยำ้ ว่าตอ้ งมีคำวา่ “thirty” คือเวลา 30 นาที 11. ครูเขียนเวลาเปน็ ตวั เลขบนกระดาน ใหน้ กั เรียนลองอา่ นเพื่อเสรมิ ความเขา้ ใจ และใหน้ กั เรียนเขยี น ลงสมุดแบบฝกึ หัด 1. 2.30 น. __________ 2. 6.30 น. __________ 3. 11.30 น. __________ 4. 3.30 น. __________ 5. 12.30 น. __________ 6. 9.30 น. __________ 7. 5.30 น. __________ 8. 10.30 น. __________ 12. ครใู ห้นกั เรียนจบั ค่นู าฬิกา ใหต้ รงกบั ตัวเลข และบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ เปน็ กลมุ่ 13. ครอู ่าน นักเรียนฟงั และอ่านตามทลี ะประโยค และออกเสยี งพร้อมกนั ทั้งช้นั รายกลุ่มและ รายบคุ คล ขัน้ สรุป (Wrap up) 14. ครสู รปุ การอา่ นเวลาของนาฬิกา เข็มส้นั จะบอกเวลาเป็นช่วั โมงเมือ่ เขม็ ยาวชี้ทเี่ ลข 12 ดงั นั้น เม่ือถึงเลขใดจะเป็นเวลาตามตวั เลขนน้ั เช่น 1.00คอื one o’clock 2.00คือ two o’clock นับไปเรื่อย ๆ จนถึงเลข 12 เขม็ สน้ั และเขม็ ยาวอยู่ทีเ่ ลข 12 คือ เท่ยี งคืนหรอื เทีย่ งวัน 15. เมื่อเข็มส้นั อยู่ทีเ่ ลขใด และเข็มยาวอยู่ทเ่ี ลข 6 จะเป็นเวลารอบ 30 นาที เชน่ เขม็ สน้ั อยู่ท่ีเลข 2 เข็มยาวเลข 6 เป็นเวลา 2 นาฬกิ า 30 นาที เขียนแทนด้วยเลข 2.30 น. เลขอื่น ๆ อ่านเช่นเดียวกัน สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ 1. นาฬกิ าจำลองทำด้วยกระดาษหรอื นาฬิกาจรงิ 2. หนงั สือเรียนภาษาอังกฤษ New Express English ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
5 การประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ชิ้นงาน/การแสดงออก วิธปี ระเมนิ /เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ ของผเู้ รียน สงั เกต-ประเมินพฤตกิ รรม นักเรยี นอา่ นเวลาไดอ้ ยา่ ง ดา้ นความรู้ Knowledge การอา่ นเวลา ถูกต้อง 1. นกั เรียนสามารถอ่านเวลาได้ พฤติกรรมการอา่ นเวลา แบบสงั เกตการถาม-ตอบ นกั เรียนสามารถนำเสนอได้ คำถาม โดยผา่ นเกณฑร์ ะดับดี ด้านกระบวนการ Process แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นมีพฤติกรรมผา่ น 2. นกั เรยี นนำเสนอข้อมลู ได้ พฤติกรรมการถาม-ตอบ ให้ เกณฑ์ระดบั ดี อยา่ งถูกต้อง ข้อมูล ด้านคณุ ลักษณะ (Attribute) 3. นกั เรยี นมรี ะเบยี บวนิ ัยและ การประเมินพฤติกรรม ม่งุ ม่นั ในการทำงาน หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผา่ นการประเมินไว้ในระดับดี (3) เพ่อื ท้าทายผเู้ รียนให้ยกระดบั คุณภาพ ชิ้นงานของตนหรือเพิ่มพูนทักษะให้สูงข้ึน ทั้งน้ีการกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากง่ายของจดุ ประสงค์การเรียนรู้และพ้ืนฐานของผู้เรยี น
6 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 42 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ14101) ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียนบา้ นนาวัง หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 5 : Daily activities จำนวน 10 ชัว่ โมง เรอ่ื ง : It’s time for breakfast. เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่ ........ เดอื น ........................ พ.ศ. ................. ผู้สอน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการ เรียนรู้ สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสอื่ สาร ต 1.1 ป. 4/3 เลอื ก/ระบุภาพหรอื สญั ลักษณ์หรอื เคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค และข้อความส้ัน ๆ ท่ีฟงั หรอื อ่าน ต 1.3 ป. 4/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เกยี่ วกับตนเองและเรอื่ งใกลต้ ัว สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม ต 2.1 ป. 4/1 พูดและทำท่าประกอบอยา่ งสุภาพตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา สาระที่ 3 ภาษากับความสมั พันธ์กบั กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ต 3.1 ป. 4/1 ค้นควา้ รวบรวมคำศพั ทท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกับกลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ ื่น และนำเสนอด้วยการพดู /การเขียน สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับชมุ ชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟังและพดู /อา่ นในสถานการณท์ ี่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. นกั เรยี นสามารถบอกไดว้ ่า ขณะนี้เป็นเวลาสำหรบั ทำอะไร ด้านกระบวนการ (Process) 2. นักเรียนนำเสนอขอ้ มูลได้อย่างถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ (Attribute) 3. นักเรยี นมีระเบยี บวินัยและมุ่งม่ันในการทำงาน สาระสาคญั กจิ วตั รประจำวันของแต่ละคนมีสว่ นคล้ายคลงึ กัน เป็นกิจกรรมทีท่ ุกคนทำใหล้ ุล่วงไปในแต่ละวัน
7 สาระการเรียนรู้ คำศพั ท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, โครงสร้างประโยค science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/ She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของ ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ผเู้ รยี น ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซื่อสัตย์สจุ รติ มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ อย่อู ยา่ งพอเพยี ง มจี ิตสาธารณะ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน รกั ความเปน็ ไทย
8 การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นเตรยี มความพร้อม (Warm-up) 1. ครูเขยี นตัวเลขชว่ั โมงของนาฬิกาใหน้ กั เรียนอา่ น เชน่ Ss : 1.00 - one o’clock 7.00 - seven o’clock 2. ครเู ขียนตวั เลขชั่วโมงและ 30 นาที เช่น Ss : 6.30 - six-thirty 11.30 - eleven-thirty 3. ครูหมุนเขม็ นาฬิกาจำลองให้นักเรยี นบอกเวลา ช่วั โมงและครง่ึ ช่ัวโมง (30 นาที) ขัน้ ดำเนนิ การสอน (Presentation) • สอนประโยค It’s time for breakfast/lunch/dinner/school/bed/a bath. 4. ครชู ูภาพครอบครัวน่งั รบั ประทานอาหารเช้า นาฬิกาหมุนท่ี 7 นาฬกิ า ครูพดู อธิบายภาพซำ้ 2-3 ครง้ั ให้นักเรยี นพดู ตามและสะกดคำศัพท์ time, breakfast. T : It is 7 o’clock. It’s time for breakfast. t-i-m-e t-i-m-e b-r-e-a-k-f-a-s-t b-r-e-a-k-f-a-s-t Ss : It is 7 o’clock. It’s time for breakfast. t-i-m-e t-i-m-e b-r-e-a-k-f-a-s-t b-r-e-a-k-f-a-s-t 5. ครสู อน It’s time for lunch/dinner/school/bed/bath ดำเนินการสอนวิธกี ารเดยี วกับข้อ 4 6. ครหู มนุ เข็มนาฬิกาโดยใหเ้ ข็มส้ันอย่ทู ช่ี ั่วโมง และเข็มยาวขยับไปทลี ะตัวเลข เป็นเวลา 5 นาที (five minutes) โดยหมนุ ตงั้ แต่ 1 นาฬิกา เช่น 1.00 - one o’clock 1.05 - one five 1.10 - one ten 1.15 - one fifteen 1.20 - one twenty 1.25 - one twenty-five 1.30 - one thirty 1.35 - one thirty-five 1.40 - one forty
9 1.45 - one forty-five 1.50 - one fifty 1.55 - one fifty-five 2.00 - two o’clock ข้ันการฝึก (Practice) 7. ครูหมนุ เข็มนาฬิกาไปยังตำแหน่งเวลาต่าง ๆ และให้นกั เรยี นอ่านเวลา เช่น 3 : 45 Ss : three forty-five 8 : 50 Ss : eight fifty 7 : 20 Ss : seven twenty 8. ครใู หน้ ักเรียนอาสาสมัครออกมาหมุนเข็มนาฬิกา และใหน้ ักเรยี นคนอื่นบอกเวลาทงั้ ชน้ั เรียน ราย กลุม่ และรายบุคคล ให้นักเรียนพดู เป็นประโยค เช่น Ss : It’s nine twenty five. (9.25) Ss : It’s twelve fifteen. (12.15) 9. นกั เรียนเปิดหนังสอื เรียนหนา้ 96 จบั คู่ฝึกถามและตอบ ข้ันนำไปใช้ (Production) 10. ใหน้ กั เรยี นฝึกเขยี นเวลาให้ถกู ต้องตามตวั เลขเวลาท่กี ำหนด ครพู ดู และใหน้ กั เรียนเขยี นลงบนสมดุ จดบนั ทกึ 1. 10.05 6. 9.15 2. 12.45 7. 11.45 3. 8.15 8. 2.15 4. 5.25 9. 1.50 5. 7.10 10. 3.55 11. ครูหมุนนาฬิกาและให้นกั เรียนฝกึ เขียนเวลาลงบนสมุดจดบนั ทกึ ข้นั สรปุ (Wrap up) 12. ครูสรปุ อีกครัง้ ว่า เมื่อเข็มยาวเดินไป 1 ตัวเลข จะเป็นเวลา 5 นาที ดงั น้ัน ถา้ เขม็ ยาวเดินไปทเ่ี ลข 1 จะเป็นเวลา 5 นาที เดินไปท่เี ลข 2 เป็นเวลา 10 นาที เลข 3 เปน็ เวลา 15 นาที
10 สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ 1. นาฬกิ าจำลอง ภาพ 2. หนงั สอื เรยี นภาษาอังกฤษ New Express English ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ชิ้นงาน/การแสดงออก วธิ ีประเมนิ /เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ของผู้เรียน สงั เกต-ประเมินพฤติกรรม นกั เรยี นอา่ นเวลาได้อยา่ ง ดา้ นความรู้ Knowledge การอา่ นเวลา ถกู ต้อง 1. นกั เรียนสามารถบอกได้วา่ พฤติกรรมการอา่ นเวลา แบบสงั เกตการถาม-ตอบ นกั เรยี นสามารถนำเสนอได้ คำถาม โดยผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี ขณะนเ้ี ปน็ เวลาสำหรับทำอะไร แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนมพี ฤตกิ รรมผ่าน ด้านกระบวนการ Process พฤติกรรมการถาม-ตอบ ให้ เกณฑร์ ะดับดี 2. นักเรยี นนำเสนอข้อมูลได้ ข้อมลู อยา่ งถูกต้อง การประเมินพฤตกิ รรม ดา้ นคณุ ลักษณะ Attribute 3. นักเรยี นมีระเบียบวินยั และ มุง่ มั่นในการทำงาน หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผา่ นการประเมนิ ไวใ้ นระดับดี (3) เพ่อื ท้าทายผูเ้ รียนให้ยกระดบั คุณภาพ ช้ินงานของตนหรือเพ่ิมพูนทักษะให้สูงขึ้น ทั้งน้ีการกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากงา่ ยของจดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละพ้ืนฐานของผู้เรยี น
11 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 43 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ รายวิชาภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน (อ14101) ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนบ้านนาวัง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 : Daily activities จำนวน 10 ชว่ั โมง เรอื่ ง : What time does he get up? เวลา 1 ชั่วโมง สอนวนั ท่ี ........ เดือน ........................ พ.ศ. ................. ผสู้ อน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการสื่อสาร ต 1.1 ป. 4/3 เลอื ก/ระบภุ าพหรอื สญั ลักษณ์หรอื เครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค และข้อความส้นั ๆ ที่ฟงั หรอื อ่าน ต 1.1 ป. 4/4 ตอบคำถามจากการฟงั และอ่านประโยค บทสนทนาและนิทานงา่ ย ๆ ต 1.2 ป. 4/1 พดู /เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคล ต 1.3 ป. 4/1 พดู /เขียนให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องใกล้ตวั สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม ต 2.1 ป. 4/1 พดู และทำท่าประกอบอยา่ งสภุ าพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา สาระท่ี 3 ภาษากับความสมั พันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ต 3.1 ป. 4/1 ค้นควา้ รวบรวมคำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ืน่ และนำเสนอด้วยการพูด/การเขยี น สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พันธ์กับชมุ ชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพดู /อ่านในสถานการณท์ ีเ่ กิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1.นกั เรยี นสามารถบอกไดว้ า่ ขณะนเ้ี ป็นเวลาสำหรับทำอะไร ด้านกระบวนการ (Process) 2.นักเรยี นนำเสนอข้อมูลได้อย่างถกู ต้อง ดา้ นคุณลักษณะ (Attribute) 11. นักเรียนมรี ะเบียบวนิ ัยและมุ่งมัน่ ในการทำงาน
12 สาระสาคญั กจิ วัตรประจำวนั ของแต่ละคนมสี ว่ นคล้ายคลงึ กนั เป็นกิจกรรมท่ีทุกคนทำใหล้ ลุ ่วงไปในแตล่ ะวัน สาระการเรียนรู้ คำศพั ท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, โครงสรา้ งประโยค science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซือ่ สัตย์สุจริต มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มีจติ สาธารณะ มุ่งม่ันในการทำงาน รกั ความเปน็ ไทย
13 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั เตรียมความพร้อม (Warm-up) 1. ครทู บทวนเรื่องการอา่ นเวลา โดยเล่นเกม แชมป์ 2 สมัย วิธีการเล่น คือ ครูบอกเวลา T : It’s time for lunch. It’s eleven fifty-five. นกั เรยี นแต่ละคนนำนาฬิกากระดาษขึน้ มา หมุนเขม็ นาฬิกาตามทีค่ รูบอก เสรจ็ แล้วรีบไปยืนชู นาฬกิ าหน้าช้ัน ผ้ทู ีต่ ้งั นาฬกิ าได้เร็วที่สดุ ตดิ กนั 2 คร้งั จะไดอ้ อกมาบอกเวลาให้เพอื่ น ๆ หมนุ เขม็ นาฬิกา ขั้นดำเนนิ การสอน (Presentation) • สอนคำศัพท์และประโยคคำถาม get up, take a bath, get dressed, have breakfast, go to school, study maths, science, English, social studies, physical education, play computer games 2. ครูสอนคำศพั ท์กริยาในชีวติ ประจำวันโดยเลา่ เป็นนิทานหมี 3 ตวั ขณะทเี่ ล่าดำเนนิ เรือ่ ง ครูจะออก เสยี งคำศัพทซ์ ำ้ 2-3 ครั้ง ให้นักเรียนมสี ว่ นรว่ มโดยการพูดซ้ำ สะกดคำ และบอกความหมายคำศัพท์ด้วยโดยใช้ บัตรคำศัพท์ประกอบ T : Once upon a time, there are 3 bears. (ตดิ ภาพหมี 3 ตวั บนกระดาน) They live in a wooden house in the forest. (ตดิ ภาพบ้านบนกระดาน) This is a father bear. This is a mother bear. And this is the naughty bear, but diligent little bear. He gets up every morning. (ครูทำ เสยี งหมรี อ้ งทักทาย) It’s 5.30. It’s very early. T : get up, get up พูดพร้อมติดแถบประโยค Ss : get up, get up g-e-t u-p g-e-t u-p T : What time does he get up? พดู ซำ้ 2-3 คร้ัง ติดแถบประโยคบนกระดาน Ss : What time does he get up? T : He gets up at 5.30. Ss : He gets up at 5.30. T : That’s very good. The naughty bear is a good boy. Then he…… ครเู ล่านทิ านไปเร่ือย ๆ ยึดเนื้อเร่อื งจาก Bell’s Weekdays ในหนังสอื เรยี นหนา้ 97 ครูสามารถ เปล่ียนแปลงเวลาได้ตามความเหมาะสม แต่ไมล่ มื เปลย่ี นเสียง s ทที่ ้ายคำกริยา และย้อนถามคำถาม What time does he ….? และ Does he………..?
14 ขน้ั การฝกึ (Practice) 3. ครูเขียนบนกระดาน ให้นักเรียนฝกึ พูดคำศัพทเ์ ก่ยี วกบั ชีวิตประจำวนั get up I get up at………………. take a bath I take a bath at……………… brush the teeth I brush my teeth at …………….. have breakfast I have breakfast at……………. go to school I go to school at……………… lunch break I have lunch break at…………….. go home I go home at………….. go to bed I go to bed at………….. 4. ครเู ขยี นบนกระดาน ให้นักเรียนฝกึ พูดเกีย่ วกบั การเรยี นวิชาตา่ ง ๆ study maths I study maths at…………. study science I study science at…………. study English I study English at………….. study social studies I study social studies at…………… study physical education I study physical education at………… play computer games I play computer games at………. ขน้ั นำไปใช้ (Production) 5. ใหน้ ักเรยี นเขียนประโยคเกี่ยวกับชวี ติ ประจำวันลงในสมุดจดบนั ทึก โดยใหน้ ักเรยี นใส่เวลา ตามความเปน็ จรงิ 6. ใหน้ กั เรียนเขยี นประโยคเกี่ยวกับวชิ าทเี่ รยี นลงในสมดุ จดบันทึก โดยให้นักเรยี นใส่เวลา ตามความเปน็ จริง ข้นั สรปุ (Wrap up) 7. แบ่งนักเรียนท้ังหอ้ งเปน็ 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ชูบตั รคำศัพทเ์ กี่ยวกับชวี ติ ประจำวัน กลุ่มท่ี 2 อา่ น ออกเสยี งและบอกความหมายภาษาไทย และสลบั กันทายโดยใชบ้ ัตรคำศัพทเ์ กีย่ วกับชีวิตประจำวัน และวชิ า ผลดั กันถามและบอกความหมายภาษาไทยจนคล่อง
15 ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1. บตั รคำ ภาพ แถบประโยค นาฬกิ าจำลอง 2. หนังสอื เรยี นภาษาองั กฤษ New Express English ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ชิน้ งาน/การแสดงออก วธิ ีประเมนิ /เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน ของผเู้ รียน สงั เกต-ประเมินพฤติกรรม นกั เรยี นสนทนาได้อยา่ ง ดา้ นความรู้ Knowledge การถาม-ตอบคำถาม ถูกต้องมากกว่า 80 1. นกั เรียนสามารถบอกไดว้ า่ พฤติกรรมการถาม-ตอบ แบบสังเกตการถาม-ตอบ นกั เรียนสามารถนำเสนอได้ คำถาม โดยผ่านเกณฑร์ ะดับดี ขณะน้ีเป็นเวลาสำหรบั ทำอะไร คำถาม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นมพี ฤติกรรมผา่ น ดา้ นกระบวนการ Process เกณฑร์ ะดบั ดี 2.นกั เรียนนำเสนอข้อมลู ได้ พฤติกรรมการถาม-ตอบ ให้ อย่างถูกต้อง ข้อมูล ด้านคณุ ลกั ษณะ Attribute 3.นักเรยี นมีระเบยี บวนิ ัยและ การประเมินพฤติกรรม ม่งุ มน่ั ในการทำงาน หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผา่ นการประเมนิ ไวใ้ นระดบั ดี (3) เพ่ือท้าทายผู้เรยี นให้ยกระดบั คุณภาพ ชิ้นงานของตนหรือเพ่ิมพูนทักษะให้สูงข้ึน ท้ังน้ีการกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากงา่ ยของจดุ ประสงค์การเรียนรู้และพื้นฐานของผู้เรยี น
16 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 44 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชาภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน (อ14101) ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนบ้านนาวงั หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 : Daily activities จำนวน 10 ช่วั โมง เรอ่ื ง : What time does he get up? 2 เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันท่ี ........ เดือน ........................ พ.ศ. ................. ผู้สอน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร ต 1.2 ป. 4/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการส่อื สารระหวา่ งบคุ คล ต 1.3 ป. 4/1 พดู /เขยี นให้ข้อมลู เกย่ี วกบั ตนเองและเรอื่ งใกลต้ ัว สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม ต 2.1 ป. 4/1 พดู และทำท่าประกอบอย่างสภุ าพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพดู /อา่ นในสถานการณท์ ่ีเกดิ ข้นึ ในห้องเรยี นและสถานศกึ ษา จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. นกั เรียนสามารถถามคำถามและตอบคำถามว่าทำอะไรในเวลาใด ดา้ นกระบวนการ (Process) 2. นกั เรียนนำเสนอข้อมูลได้อยา่ งถูกต้อง ดา้ นคณุ ลักษณะ (Attribute) 3. นกั เรยี นมรี ะเบยี บวินัยและมุง่ มั่นในการทำงาน สาระสาคญั กิจวัตรประจำวนั ของแต่ละคนมีสว่ นคล้ายคลงึ กัน เปน็ กจิ กรรมทท่ี ุกคนทำใหล้ ลุ ่วงไปในแตล่ ะวัน
17 สาระการเรียนรู้ คำศัพท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, the afternoon, at noon, o’clock, time โครงสรา้ งประโยค What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สัตย์สจุ ริต มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง มีจิตสาธารณะ มุ่งมั่นในการทำงาน รกั ความเป็นไทย
18 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นเตรียมความพร้อม (Warm-up) 1. ครูทบทวนประโยค Do you………..? เช่น T : Do you have breakfast? Ss : Yes, I do. T : Do you brush your teeth? Ss : Yes, I do. 2. ครูถามคำถามโดยใชค้ ำ What time…………? เกีย่ วกบั ชวี ิตประจำวนั เช่น T : What time do you get up? Ss : I get up at…………. ขั้นดำเนนิ การสอน (Presentation) 3. ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 5 กลุ่ม ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันคิดคำถามคำตอบ ตามตวั อย่างที่ครูถาม และส่ง ตวั แทนออกมาเขียนบนกระดานโดยแยกเปน็ คำถามเก่ียวกับชีวติ ประจำวัน และคำถามเก่ยี วกบั วิชาที่เรยี น 4. ครูช่วยตรวจสอบความถูกต้องของประโยคคำถามและคำตอบท่นี กั เรียนเขยี นบนกระดาน ประโยคทนี่ กั เรยี นน่าจะเขยี น เชน่ 1. What time do you go to school? 2. What time do you go to bed? 3. What time do you have breakfast? 4. What time do you go home? 5. What time do you have dinner? 6. What time do you have lunch? 5. ครเู ปดิ CD Track 24 ใหน้ กั เรยี นฟงั และพดู ตาม 6. ใหน้ กั เรยี นเปดิ หนังสือเรียนหนา้ 97 ครเู ปดิ CD Track 24 ใหน้ ักเรียนฟงั และอ่านตามทลี ะประโยค 7. นักเรยี นอา่ นพร้อมกนั เปน็ กลุ่มและรายบุคคล ข้นั การฝึก (Practice) 8. ให้นักเรยี นจบั คู่ฝกึ ถามและตอบคำถามจาก Bell’s weekdays ในหนงั สือหนา้ 97 โดยดูตัวอย่าง ประโยคคำถามหน้า 98 เช่น S1 : What time does Bell get up?
19 S2 : She gets up at 6.00. S1 : What time do Bell and Bob go to school? S2 : They go to school at 8 o’clock. S1 : Do they go to school at 8 o’clock? S2 : Yes, they do. ขั้นนำไปใช้ (Production) 9. ให้นักเรยี นเขียน เรื่อง My Weekdays โดยดูตวั อยา่ งการเขยี นในหนังสอื เรียนหนา้ 97 โดยครู อธิบายว่า การใชส้ รรพนามต้องเปลย่ี นเป็น I ดงั นั้น กริยาจึงไมเ่ ติม s แต่ในเนอื้ เรื่องสรรพนามเป็น she ตอ้ งมี s จึงตอ้ งตัด s ท้ิงไป 10. ครูคอยตรวจดูความถูกตอ้ งของการใชค้ ำกริยาและตอบข้อขอ้ งใจของนักเรยี นเพิม่ เติม ขน้ั สรปุ (Wrap up) 11. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรปุ - การถาม-ตอบ Do you ………….. ? - การถาม-ตอบ What time do you………….? - การใชส้ ำนวนIt’s time for (breakfast/lunch/dinner). - การเตมิ s, es ทค่ี ำกรยิ า เมือ่ ประโยคเป็นเหตกุ ารณ์เกย่ี วกับชีวิตประจำวัน ถือเปน็ ส่ิงท่ีเกิดขน้ึ สมำ่ เสมอ เมื่อประธานของประโยคเป็น He/She/It กริยาตอ้ งเติม s, es โดยมีกฎเกณฑ์ดังนี้ 1. กริยาทว่ั ไปเติม s เชน่ cooks, runs 2. กริยาลงท้ายดว้ ย o, sh, ch, เติม es เชน่ goes, washes, watches 3. กรยิ าทา้ ยด้วย y เปลย่ี น y เป็น i เตมิ es เช่น fly-flies study-studies ยกเวน้ หน้า y เปน็ สระเตมิ s เพยี งตวั เดยี ว เช่น play-plays 4. การใชค้ ำกริยา have/has ถ้าประธานประโยคเปน็ He/She/It ใช้ has ถา้ ประธานเป็น I/You/We/They ใช้ have และการใช้ do/does เปน็ กริยาชว่ ยในการทำเปน็ ประโยคคำถามและประโยค ปฏเิ สธ
20 ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียนภาษาองั กฤษ New Express English ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 2. CD Track 24 การประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ชน้ิ งาน/การแสดงออก วธิ ีประเมนิ /เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ของผูเ้ รียน สังเกต-ประเมินพฤติกรรม นักเรียนสนทนาได้อยา่ ง ด้านความรู้ Knowledge การถาม-ตอบคำถาม ถกู ต้องมากกวา่ 80 1. นักเรยี นสามารถถาม พฤติกรรมการถาม-ตอบ แบบสงั เกตการถาม-ตอบ นักเรียนสามารถนำเสนอได้ คำถาม โดยผา่ นเกณฑร์ ะดับดี คำถามและตอบคำถามว่าทำ คำถาม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนมีพฤตกิ รรมผ่าน อะไรในเวลาใด เกณฑร์ ะดบั ดี ด้านกระบวนการ Process 2. นักเรียนนำเสนอข้อมูลได้ พฤติกรรมการถาม-ตอบ ให้ อย่างถูกต้อง ข้อมลู ด้านคณุ ลกั ษณะ Attribute การประเมนิ พฤตกิ รรม 3. นกั เรียนมีระเบียบวินัย และมงุ่ ม่ันในการทำงาน หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผ่านการประเมินไวใ้ นระดบั ดี (3) เพอื่ ท้าทายผู้เรียนให้ยกระดบั คุณภาพ ช้ินงานของตนหรือเพ่ิมพูนทักษะให้สูงข้ึน ทั้งน้ีการกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากงา่ ยของจดุ ประสงค์การเรียนรู้และพืน้ ฐานของผเู้ รยี น
21 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 45 กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ รายวิชาภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน (อ14101) ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียนบ้านนาวงั หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 : Daily activities จำนวน 10 ชว่ั โมง เรื่อง : I get up.... เวลา 1 ชั่วโมง สอนวนั ที่ ........ เดอื น ........................ พ.ศ. ................. ผู้สอน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการสื่อสาร ต 1.3 ป. 4/1 พูด/เขียนให้ข้อมลู เก่ียวกับตนเองและเรอื่ งใกลต้ วั ต 1.3 ป. 4/2 พดู /วาดภาพแสดงความสมั พันธ์ของส่ิงตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ตามที่ฟังหรืออา่ น สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพูด/อา่ นในสถานการณท์ เี่ กดิ ขึน้ ในห้องเรยี นและสถานศกึ ษา จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. นกั เรียนสามารถบอกไดว้ ่า ทำกิจวัตรประจำวนั เวลาอะไร ดา้ นกระบวนการ (Process) 2. นกั เรียนนำเสนอข้อมลู ได้อยา่ งถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ (Attribute) 3. นักเรยี นมรี ะเบียบวนิ ยั และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน สาระสาคญั กจิ วัตรประจำวนั ของแตล่ ะคนมีสว่ นคล้ายคลึงกนั เปน็ กจิ กรรมทีท่ ุกคนทำใหล้ ลุ ่วงไปในแตล่ ะวัน สาระการเรยี นรู้ คำศัพท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time
22 โครงสรา้ งประโยค What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซือ่ สตั ยส์ ุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มีจิตสาธารณะ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน รกั ความเปน็ ไทย การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นเตรยี มความพร้อม (Warm-up) 1. ครทู บทวนการทักทายและการกล่าวลา หน้า 107 เชน่ การทกั ทาย Good morning / Good afternoon / Good evening / How are you? / I’m fine. Thank you, and you? การกลา่ วลา Good bye, Bye, Bye-Bye, See you soon, See you later, Good night 2. ครทู บทวนการอ่านเวลาจากนาฬกิ า การบอกเวลาในการทำกิจกรรมประจำวันและการเรียน
23 ขน้ั ดำเนนิ การสอน (Presentation) 3. ครูอ่านโคลงในหนังสอื เรียนหนา้ 105 ใหน้ กั เรยี นฟงั 1 ครง้ั 4. ให้นกั เรยี นเปิดหนังสือเรยี นหน้า 105 ครูอ่านโคลงอีกครั้ง ใหน้ กั เรยี นฟงั และอา่ นตามพร้อมกันทง้ั ชน้ั รายกลุ่มและรายบคุ คล 5. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเปน็ 3 กลุม่ อ่านโคลงและทำทา่ ประกอบ กลุ่มละ 1 คน ขั้นการฝึก (Practice) 6. นกั เรียนทำกจิ กรรมหนา้ 105-106 ข้อ 1, 2 Key: หน้า 105 ให้นักเรียนเตมิ เข็มนาฬกิ า เขียนบอกเวลา และเขยี นบอกด้วยว่าเปน็ เวลาสำหรับทำอะไร หน้า 106 I get up at ten o’clock. I study maths at eight o’clock. I do homework at two o’clock. I play computer at six-thirty. I read books at nine-ten. 7. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดหนา้ 107-108 ข้อ 1, 2 ขั้นนำไปใช้ (Production) 8. ใหน้ กั เรียนเขยี นเกี่ยวกับกิจกรรมทีต่ นเองทำในเวลาว่างลงในสมุดจดบนั ทึก โดยใชส้ ำนวนที่เคย เรียนมาก่อนหนา้ นี้ และใช้สำนวนท่ไี ดเ้ รยี นในบทเรียนที่ 5 ให้นักเรยี นบนั ทึกว่าได้กนิ อาหารอะไรบ้างในแตล่ ะ มอื้ ข้นั สรุป (Wrap up) 9. ครทู บทวนการตอบคำถามและถามคำถาม What time do you……………….? และ Do you…………….? ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนภาษาอังกฤษ New Express English ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
24 การประเมินผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ช้นิ งาน/การแสดงออก วธิ ปี ระเมนิ /เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน ของผเู้ รียน ด้านความรู้ Knowledge สังเกต-ประเมนิ พฤตกิ รรม นกั เรยี นอ่านเวลาได้อย่าง 1. นกั เรยี นสามารถบอกได้ พฤติกรรมการอ่านเวลา การอ่านเวลา ถกู ต้อง ว่า ทำกิจวตั รประจำวนั เวลา อะไร แบบสังเกตการถาม-ตอบ นักเรียนสามารถนำเสนอได้ คำถาม โดยผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี ดา้ นกระบวนการ Process 2.นักเรียนนำเสนอข้อมลู ได้ พฤติกรรมการถาม-ตอบ ให้ อยา่ งถูกต้อง ข้อมลู ดา้ นคณุ ลักษณะ การประเมินพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนมพี ฤตกิ รรมผา่ น Attribute เกณฑร์ ะดบั ดี 3. นักเรียนมรี ะเบยี บวนิ ัย และมุง่ มนั่ ในการทำงาน หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผ่านการประเมินไวใ้ นระดบั ดี (3) เพ่ือท้าทายผเู้ รยี นให้ยกระดบั คุณภาพ ช้ินงานของตนหรือเพ่ิมพูนทักษะให้สูงขึ้น ทั้งนี้การกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากงา่ ยของจุดประสงค์การเรียนรู้และพน้ื ฐานของผ้เู รยี น
25 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 46 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ าภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน (อ14101) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นบา้ นนาวงั หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 : Daily activities จำนวน 10 ชั่วโมง เรอ่ื ง : It’s half past one. เวลา 1 ช่ัวโมง สอนวันท่ี ........ เดอื น ........................ พ.ศ. ................. ผู้สอน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร ต 1.1 ป. 4/3 เลอื ก/ระบุภาพหรอื สญั ลักษณ์หรอื เครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค และข้อความสนั้ ๆ ท่ีฟังหรืออ่าน สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม ต 2.2 ป. 4/1 บอกความแตกต่างของเสียง ตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยคและข้อความของภาษาต่างประเทศ และภาษาไทย สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ต 3.1 ป. 4/1 คน้ ควา้ รวบรวมคำศัพท์ที่เกย่ี วขอ้ งกับกลุม่ สาระการเรยี นรู้อืน่ และนำเสนอด้วยการพดู /การเขยี น สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พันธ์กับชมุ ชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพูด/อ่านในสถานการณท์ ี่เกดิ ข้ึนในห้องเรยี นและสถานศกึ ษา จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. นกั เรยี นสามารถอ่านเวลาได้ ด้านกระบวนการ (Process) 2. นักเรยี นนำเสนอขอ้ มลู ได้อย่างถูกต้อง ดา้ นคุณลักษณะ (Attribute) 3. นกั เรียนมีระเบยี บวินยั และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน สาระสาคญั กิจวัตรประจำวันของแตล่ ะคนมสี ว่ นคลา้ ยคลงึ กนั เป็นกจิ กรรมท่ีทุกคนทำใหล้ ุล่วงไปในแตล่ ะวัน
26 สาระการเรยี นรู้ คำศพั ท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time โครงสรา้ งประโยค What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่อื สตั ย์สจุ ริต มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ อยู่อยา่ งพอเพยี ง มีจติ สาธารณะ มงุ่ ม่ันในการทำงาน รกั ความเป็นไทย
27 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั เตรียมความพร้อม (Warm-up) 1. ครทู บทวนการบอกเวลาเปน็ ชั่วโมง เชน่ 1.00 one o’clock 2.00 two o’clock 2. ครทู บทวนการบอกเวลา 30 นาทีใช้คำ thirty เชน่ 2.30 two thirty 7.30 seven thirty 10.30 ten thirty การบอกเวลา 30 นาที อาจใช้คำอืน่ บอกเวลาได้อกี เช่น ใชค้ ำวา่ “half” ส่วนคำว่า past ใช้เพ่อื บอกเวลาทีผ่ า่ นไป ขั้นดำเนินการสอน (Presentation) 3. นักเรียนเรียนการบอกเวลา 30 นาที โดยใช้ half past เชน่ 1.30 อา่ นวา่ It’s half past one. 2.30 อ่านว่า It’s half past two. 3.30 อา่ นวา่ It’s half past three. 4.30 อ่านว่า It’s half past four. 5.30 อ่านว่า It’s half past five. 6.30 อา่ นว่า It’s half past six. 7.30 อ่านวา่ It’s half past seven. 8.30 อ่านวา่ It’s half past eight. 9.30 อ่านวา่ It’s half past nine. 10.30 อ่านว่า It’s half past ten. 11.30 อา่ นว่า It’s half past eleven. 12.30 อา่ นวา่ It’s half past twelve.
28 ขน้ั การฝกึ (Practice) 4. ครใู หน้ กั เรียนจับคู่ และแจกกระดาษแข็ง ให้นักเรียนแต่ละคทู่ ำนาฬิกาจำลอง ครจู ะมอี ุปกรณใ์ ห้ เชน่ กรรไกร กาว เทปกาว ปากกาเมจิก จากนนั้ ให้แต่ละคู่ฝึกการพูดเวลา 30 นาที โดยให้นกั เรียนนำนาฬิกา กระดาษของตนท่ีทำไว้มาใช้ โดยหมนุ เขม็ สั้นเป็นชัว่ โมงและเขม็ ยาวให้ตรงเลข 6 = 30 นาที สลับกนั ฝึกจน คล่องแคลว่ ครเู ดินตรวจดูการฝึกของนักเรียน ข้ันนำไปใช้ (Production) 5. ใหน้ ักเรียนเขียนเวลาตามทค่ี รูหมุนเข็มนาฬกิ าจำนวน 10 ข้อลงในสมดุ จดบนั ทกึ 6. ให้นักเรียนเขียนเวลาลงในสมุด ครูเขยี นโจทยเ์ วลาใหน้ ักเรียนเขียนให้ถูกตอ้ ง โดยใช้คำ half past 1. 3.30 6. 11.30 2. 1.30 7. 12.30 3. 8.30 8. 2.30 4. 7.30 9. 9.30 5. 5.30 10.6.30 ขน้ั สรปุ (Wrap up) 7. ครสู รปุ ใหน้ กั เรยี นทราบว่า การเขยี นเวลา 30 นาทีมี 2 วธิ ีคอื 1. เขยี นตามเวลา 30 นาที ใช้ thirty 2. เขียนโดยใช้คำว่า half past ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ 1. กระดาษแขง็ กรรไกร กาว เทปกาว ปากกาเมจิก 2. นาฬกิ าจำลองหรอื นาฬิกาจริง
29 การประเมินผลการ เรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ช้ินงาน/การแสดงออก วิธปี ระเมนิ /เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ ของผ้เู รียน ด้านความรู้ Knowledge 1. นักเรยี นสามารถอา่ นเวลา พฤติกรรมการอา่ นเวลา สงั เกต-ประเมินพฤตกิ รรม นกั เรยี นอ่านเวลาได้อย่าง การอา่ นเวลา ถูกต้อง ได้ สงั เกต-ประเมินพฤติกรรม นกั เรยี นสนทนาได้อย่าง การถาม-ตอบคำถาม ถูกต้องมากกว่า 80 ดา้ นกระบวนการ Process แบบสังเกตการทำงานกล่มุ นักเรียนสามารถทำงานเปน็ 2. นักเรยี นทำงานร่วมกัน การทำงานรว่ มกัน กลุ่มได้ในระดับดี เป็นกลุ่มได้ ดา้ นคณุ ลักษณะ Attribute แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นมีพฤติกรรมผ่าน 3. นักเรียนมีระเบียบวินัย การประเมินพฤติกรรม เกณฑ์ระดับดี และมุ่งมนั่ ในการทำงาน หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผ่านการประเมินไวใ้ นระดบั ดี (3) เพือ่ ท้าทายผเู้ รียนให้ยกระดบั คุณภาพ ช้ินงานของตนหรือเพิ่มพูนทักษะให้สูงขึ้น ท้ังนี้การกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากงา่ ยของจุดประสงค์การเรียนรูแ้ ละพ้นื ฐานของผู้เรียน
30 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 47 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน (อ14101) ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นบา้ นนาวัง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 : Daily activities จำนวน 10 ชวั่ โมง เรอื่ ง : I get up at 6.30 เวลา 1 ช่ัวโมง สอนวันท่ี ........ เดือน ........................ พ.ศ. ................. ผสู้ อน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการ เรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร ต 1.2 ป. 4/4 พดู /เขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง เพ่ือน และครอบครัว ต 1.3 ป. 4/1 พูด/เขียนให้ข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเองและเรือ่ งใกล้ตวั สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม ต 2.1 ป. 4/1 พูดและทำท่าประกอบอยา่ งสุภาพตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา สาระที่ 3 ภาษากับความสมั พันธก์ ับกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ต 3.1 ป. 4/1 ค้นควา้ รวบรวมคำศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ และนำเสนอด้วยการพดู /การเขยี น สาระที่ 4 ภาษากับความสมั พันธ์กบั ชุมชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟงั และพูด/อ่านในสถานการณท์ เ่ี กิดขน้ึ ในห้องเรยี นและสถานศึกษา จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. นักเรยี นสามารถบอกไดว้ ่า ทำกจิ วัตรประจำวนั เวลาอะไร ด้านกระบวนการ (Process) 2. นกั เรียนนำเสนอขอ้ มูลได้อย่างถูกต้อง ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (Attribute) 3. นักเรยี นมรี ะเบยี บวนิ ยั และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน สาระสาคญั กิจวตั รประจำวนั ของแตล่ ะคนมสี ่วนคลา้ ยคลึงกนั เป็นกิจกรรมท่ีทุกคนทำให้ลลุ ว่ งไปในแต่ละวนั
31 สาระการเรียนรู้ คำศพั ท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time โครงสร้างประโยค What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของ ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ผเู้ รียน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ซอื่ สัตย์สุจรติ มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์ มีจติ สาธารณะ มุง่ ม่ันในการทำงาน รกั ความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อยา่ งพอเพยี ง
32 การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั เตรียมความพร้อม (Warm-up) 1. ครทู บทวนการถามและตอบเรื่องเวลา เชน่ ครูหมุนเขม็ นาฬิกาที่ 1.30 น. T : What time is it? Ss : It’s half past one. T : What time do you get up? S1 : I get up at 7.00. S2 : I get up at 6.30. S3 : I get up in the morning. ขนั้ ดำเนินการสอน (Presentation) 2. ครูให้นักเรยี นบอกสำนวนทเี่ กี่ยวกบั ชวี ิตประจำวันท่ีไดเ้ รียนไปบา้ ง เช่น get up take a shower get dressed do homework go to school study maths go to bed study English go home study social studies go shopping study physical education have breakfast play computer games have lunch read books have dinner read comic books watch T.V. ขัน้ การฝกึ (Practice) 3. ใหน้ ักเรยี นพูดประโยค และบอกเวลาท่นี ักเรียนทำกิจกรรมน้ัน ๆ ทลี ะคน เช่น S1 : I get up at 6.30 S2 : I have breakfast at 7.10. S3 : I go to school at 7. S4 : I have lunch at 11.00. 4. ให้นักเรียนจับคู่กบั เพ่ือนพดู ประโยค และบอกเวลาท่นี ักเรียนทำกจิ กรรมนน้ั ๆ และเปลีย่ นคู่ สลบั กันไป พร้อมเปลย่ี นประโยคท่ีพดู ด้วย ครูคอยสังเกตการณใ์ ห้นักเรยี นทุกคนได้พูดหลากหลาย
33 ขัน้ นำไปใช้ (Production) 5. ใหน้ กั เรียนเขียนประโยคชีวิตประจำวันคนละ 5 ประโยค ลงในสมุดบันทึก 6. ครเู ขียนบนกระดาน ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั จงใช้คำทีก่ ำหนดให้เติมลงในช่องวา่ งหนา้ คำ เพื่อให้เป็นกลุ่มคำศัพท์ทถี่ ูกตอ้ ง go, get, have, take, study 1. ___________dressed 6. ___________up 2. ___________ home 7. ___________a shower 3. ___________ shopping 8. __________ maths 4. __________ breakfast 9. __________ dinner 5. _________ social studies 10.__________ lunch 7. ครเู ขยี นบนกระดาน ให้นักเรียนนำกลมุ่ คำศัพท์ (วลี) ท่ีกำหนดใหใ้ สล่ งในตารางตามเวลา ใหถ้ กู ต้อง morning afternoon evening have lunch have dinner take a shower have breakfast go to school make the bed go home study maths go to bed play computer games do homework read books watch T.V. ขั้นสรุป (Wrap up) 8. ครเู ฉลยคำตอบที่ถูกต้อง และอธิบายความหมายของสำนวนบางคำให้นักเรยี น เชน่ make the bed คอื การจัดเตยี งในตอนเชา้ เม่ือลุกขน้ึ มาจากเตยี ง พร้อมสอนการจดั เตยี งให้นักเรยี น
34 การประเมินผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ชิ้นงาน/การแสดงออก วธิ ปี ระเมนิ /เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ ของผ้เู รียน ดา้ นความรู้ Knowledge สังเกต-ประเมนิ พฤตกิ รรม นกั เรียนอ่านเวลาไดอ้ ย่าง 1. นกั เรยี นสามารถบอกได้ พฤติกรรมการอ่านเวลา การอา่ นเวลา ถูกต้อง ว่า ทำกจิ วัตรประจำวนั เวลา อะไร แบบสงั เกตการถาม-ตอบ นกั เรียนสามารถนำเสนอได้ คำถาม โดยผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี ด้านกระบวนการ Process แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนมพี ฤติกรรมผ่าน 2. นักเรยี นนำเสนอข้อมูลได้ พฤติกรรมการถาม-ตอบ ให้ เกณฑ์ระดับดี อย่างถูกต้อง ขอ้ มูล ด้านคุณลักษณะ Attribute 3. นักเรยี นมีความใฝร่ ู้โดยหา การประเมนิ พฤติกรรม ความรู้เพม่ิ เตมิ จากแหล่งตา่ ง ๆ ได้ หมายเหตุ การกำหนดเกณฑ์ การผา่ นการประเมนิ ไวใ้ นระดบั ดี (3) เพอื่ ท้าทายผเู้ รยี นให้ยกระดับคุณภาพ ชิ้นงานของตนหรือเพ่ิมพูนทักษะให้สูงขึ้น ท้ังน้ีการกำหนดเกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ควรพิจารณาความ ยากงา่ ยของจดุ ประสงค์การเรียนรู้และพ้นื ฐานของผู้เรยี น
35 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 48 กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ รายวชิ าภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน (อ14101) ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนบ้านนาวัง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 : Daily activities จำนวน 10 ชั่วโมง เรอื่ ง : wash the dishes เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันท่ี ........ เดอื น ........................ พ.ศ. ................. ผู้สอน นางสาวจุฑามณี สุขไสว สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร ต 1.1 ป. 4/3 เลอื ก/ระบุภาพหรือสญั ลักษณ์หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค และข้อความสน้ั ๆ ท่ีฟงั หรืออ่าน สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ต 3.1 ป. 4/1 ค้นคว้า รวบรวมคำศพั ทท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ่ืน และนำเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับชมุ ชนและโลก ต 4.1 ป. 4/1 ฟังและพูด/อา่ นในสถานการณ์ท่ีเกดิ ข้นึ ในห้องเรยี นและสถานศึกษา จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. นกั เรียนสามารถอา่ นออกเสยี งและสะกดคำศัพท์คำกริยาท่ที ำในชวี ิตประจำวัน ชอ่ื วิชาต่าง ๆ ทเ่ี รียนได้ ด้านกระบวนการ (Process) 2. นักเรียนนำเสนอข้อมลู ได้อย่างถูกต้อง ดา้ นคุณลกั ษณะ (Attribute) 3. นักเรยี นมีระเบยี บวนิ ยั และม่งุ ม่นั ในการทำงาน สาระสาคญั กิจวตั รประจำวันของแตล่ ะคนมีสว่ นคลา้ ยคลงึ กัน เป็นกิจกรรมทที่ ุกคนทำให้ลลุ ่วงไปในแตล่ ะวนั
36 สาระการเรยี นรู้ คำศัพท์ weekdays, get up, take a bath, get dressed, study math, English, science, social studies, physical education, lunch break, in the morning, in the afternoon, at noon, o’clock, time โครงสร้างประโยค What time is it? It is six o’clock. It is six-thirty. What time do you/they go to school? I/They go to school at 7.30. What time does he/she go to school? He/She goes to school at 7.30. It is time for school. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มีจิตสาธารณะ มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเปน็ ไทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244