Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมคือหน้าที่

ธรรมคือหน้าที่

Published by Piyaphon Khatipphatee, 2021-10-29 13:11:39

Description: ธรรมคือหน้าที่

Search

Read the Text Version

130 ธรรมะคือหน้าท่ี ต้มน�้ำให้เดือดท�ำน้�ำร้อนกินได้ เพราะเรารู้กฎของธรรมชาติว่าเอาความร้อนใส่ เข้าไป น�้ำมันก็เดอื ด อยา่ งนเ้ี ป็นตน้ ถ้าเรารูเ้ ร่อื งกฎของธรรมชาติ แตไ่ มส่ �ำ คญั เทา่ ความหมายวา่ หนา้ ท่ี จะตอ้ งท�ำ อยา่ งไรชวี ติ นจ้ี ะรอดอยู่ และไมร่ อดอย่เู ฉยๆ จะรอดในทางทด่ี ีย่ิงข้นึ ไป เจรญิ ยิง่ ข้นึ ไปจนถงึ ระดับสงู สุด เดี๋ยวน้ีเรายังไม่รู้จักว่าระดับสูงสุดอยู่ที่ไหน เพียงแต่ถือว่ามันมีก็แล้วกัน มันก็ คอ่ ยๆ รไู้ ปเองปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ หถ้ กู ตอ้ งตามกฎของธรรมะแลว้ กจ็ ะเจรญิ ยง่ิ ๆ ขนึ้ ไปจนรไู้ ดเ้ องวา่ ไปจบกนั ทไี่ หน ทจ่ี รงิ มนั กไ็ ปจบตรงเรอื่ งทวี่ า่ นพิ พาน คอื จติ ใจ อยใู่ นสภาพทไี่ มม่ คี วามทกุ ขเ์ ลยเหนอื ปญั หาทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ไมม่ คี วามทกุ ขเ์ ลย ถา้ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทค่ี รบถว้ นจรงิ ๆ แลว้ มนั เปน็ อยา่ งนี้ แลว้ นนั่ แหละคอื ผลของธรรมะ ท่ีเรยี กวา่ ได้รบั จากการท�ำ หน้าที่ ขอให้สนใจคำ�ว่าธรรมะในฐานะเป็นเร่ืองของธรรมชาติ ที่คนทั่วไปทุก คนจะตอ้ งรู้เปน็ พื้นฐานไมว่ า่ คนชาติไหน ภาษาไหนก็จะต้องรู้เร่ืองนี้ ไม่นนั้ เขาก็ ตายแล้ว แลว้ เขาจะไม่มีความเจริญแห่งรา่ ยกายและจิตใจ เราก็เป็นคนไทยถอื พุทธศาสนามีคำ�ว่าธรรมะอยู่เป็นหลัก ก็ควรจะรู้ ถึงแม้ศาสนาอ่ืนก็เอาคำ�ว่า ธรรมะไปใช้ได้ แลว้ ก็ได้ใช้อยเู่ หมอื นกันในความหมายท่คี ลา้ ยกันมาก คือหน้าท่ี ทม่ี นษุ ยจ์ ะต้องปฏิบัติ ถ้ามพี ระเจา้ ก็คอื หนา้ ทีท่ มี่ นษุ ย์จะตอ้ งปฏบิ ตั ิต่อพระเจ้า ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีแลว้ เขากไ็ ด้รบั ความสขุ กอ็ ยา่ งเดยี วกนั ดังนั้นในชั้นนี้ก็จำ�คำ�ว่าธรรมะ ว่าเป็นเร่ืองของธรรมชาติมีอยู่สี่ความ หมาย คอื ตวั ธรรมชาติ ตวั กฎของธรรมชาติ ตวั หนา้ ทตี่ ามกฎของธรรมชาติ และ

131ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ ผลทีเ่ กิดมาจากหน้าทนี่ นั้ ๆ แลว้ มาสรปุ ความได้ว่า ความหมายที่ ๓ ส�ำ คัญทส่ี ดุ คือหน้าท่ี ที่เรามาศึกษาเรื่องศีลธรรมก็ดี เรื่องอะไรก็ดีในโลกทั้งหมดนี้มันก็คือ หนา้ ทท่ี ม่ี นษุ ยจ์ ะตอ้ งท�ำ จึงมหี น้าทีท่ จ่ี ะตอ้ งศกึ ษาใหร้ ู้ ครนั้ รูแ้ ล้วก็ปฏบิ ตั ิ กไ็ ด้ ผลของการปฏบิ ตั ิ และทีน้ีก็มีผู้ที่ต้องการจะจำ�กัดความ คือสรุปบทนิยามสำ�หรับคำ�ว่า ธรรมะในแงข่ องการปฏบิ ัติที่จะเปน็ ประโยชน์แก่มนุษย์ เม่อื เรว็ ๆ นพ้ี วกสมาคม Theosophy, Theosophy, Theosophical Society ไมใ่ ช่ Philosophy ฟงั ใหด้ นี ะ Theosophy คือ เปน็ หม่คู นพวกหน่ึงเขารวมกันทุกศาสนา ระหว่างศาสนา เอา ความรู้ทุกศาสนามารวมกัน ในท่ีสุดตรงกันตรงท่ีว่าทุกศาสนาก็มีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ ธรรมหรือธรรมะ และเขาก็ชวนกนั ให้บทนิยาม คือให้ definition ให้กับ ค�ำ ๆ น้ี เขาสรปุ ความเปน็ บทนยิ ามตรงกนั หมดทกุ ศาสนาใชไ้ ดว้ า่ ธรรมะนน้ั คอื ระบบปฏิบัติ คำ�แรกระบบปฏิบัติไม่ใช่ระบบเล่าเรียนจดๆ เขียนๆ ธรรมะคือ ระบบปฏิบัติ และก็ถูกต้อง แล้วก็ต่อความเป็นมนุษย์ ทุกขั้นทุกตอนแห่ง วิวัฒนาการของเขาท้ังในทางส่วนตัวและในทางสังคม เข้าใจว่าคงจะยาวจนจำ� ไมไ่ ดแ้ ล้วกล็ มื ทง้ิ กนั ไวท้ ่ีตรงนี้แนน่ อน ธรรมะคือระบบการปฏบิ ัติ ทีถ่ ูกต้องแก่ ความเปน็ มนษุ ย์ ถกู ตอ้ งหรอื เหมาะสมแกค่ วามเปน็ มนษุ ยท์ กุ ขน้ั ทกุ ตอนแหง่ วิวฒั นาการของเขาท้งั ในทางส่วนตัวและในทางสงั คม นคี้ อื ธรรมะ ทีนี้คำ�แรกที่ต้องสนใจคือ ธรรมะคือระบบปฏิบัติ เป็นระบบของการ กระท�ำ ต้องกระท�ำ ด้วยกาย วาจา ใจ ไมใ่ ชร่ ะบบเล่าเรยี นทอ่ งๆ จำ�ๆ จดไว้ใน

132 ธรรมะคือหน้าท่ี สมุด อันนนั้ ไม่ใชธ่ รรมะ ธรรมะคอื ระบบการปฏิบตั ติ ้องมาอยทู่ ตี่ ัวการปฏบิ ตั ิ ทท่ี �ำ อยดู่ ว้ ยกาย วาจา ใจ ธรรมะคอื ระบบการปฏบิ ตั ิ ทนี ก้ี ารปฏบิ ตั นิ นั้ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม ใช้ค�ำ วา่ ถกู ต้องกพ็ อแล้ว ถกู ตอ้ งแก่ความเป็นมนษุ ย์ เราเปน็ มนษุ ย์ เราไม่ใชส่ ัตว์เดรจั ฉาน หรอื ไมใ่ ชอ่ ะไรท้ังนนั้ แต่วา่ ถกู ต้องแก่ความเป็นมนุษย์ ทนี ค้ี วามเปน็ มนษุ ยม์ นั มหี ลายขน้ั ตอน จงึ ตอ้ งพดู วา่ ทกุ ขนั้ ตอน ถกู ตอ้ ง แกค่ วามเปน็ มนษุ ยท์ กุ ขน้ั ตอน คอื ตง้ั แตเ่ กดิ มาเปน็ ทารก เปน็ เดก็ เปน็ เดก็ วยั รนุ่ เปน็ หนมุ่ เปน็ สาว เป็นพ่อบ้านแม่เรอื น เป็นคนเฒ่าคนแก่ ทุกขัน้ ตอนแก่ วิวัฒนาการ ทุกข้ันตอนแห่งวิวัฒนาการ จะมองดูกันในวิวัฒนาการไหน ตอน ไหนของววิ ฒั นาการ การปฏบิ ตั นิ น้ั ตอ้ งถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ งแกค่ วามเปน็ มนษุ ยท์ กุ ขน้ั ตอนแหง่ ววิ ฒั นาการของเขา ทง้ั ในแงข่ องสว่ นตวั คอื ประโยชนส์ ว่ นตวั และใน แง่ของสังคมคอื ประโยชน์ส่วนรวม นี้คอื ธรรมะ ดงั นนั้ ไปเขยี นไวใ้ หเ้ หน็ งา่ ยๆ เพอ่ื จะไดท้ ดสอบวา่ เรามธี รรมะหรอื ไม่ เรา ต้องมีการปฏบิ ัตทิ ี่เป็นระบอบ คอื ไม่ใชป่ ฏบิ ตั ิขอ้ เดียว ตอ้ งปฏบิ ตั หิ ลายๆ ข้อ หลายๆ อย่างรวมกันในคราวเดียวกัน จึงต้องเรียกว่าระบบการปฏิบัติถูกต้อง เหมาะสมแก่ความเป็นมนุษย์ของเรา เพ่ือความเป็นมนุษย์ของเราจะถูกต้องจะ เปน็ ไปดว้ ยดี ทกุ ขน้ั ตอนแหง่ ววิ ฒั นาการ แลว้ แตว่ า่ เราก�ำ ลงั เปน็ อะไร หรอื วา่ จะ ชนดิ แหง่ การด�ำ รงชพี กย็ งั ได้ เชน่ เปน็ ครู เปน็ ชาวนา เปน็ พอ่ คา้ เปน็ ทนายความ เป็นอะไรของมันทุกรูปแบบแห่งวิวัฒนาการก็ได้ของผู้น้ันทุกๆ ขั้นตอนแห่ง วิวฒั นาการ ทง้ั ท่ีมันเป็นประโยชน์เพอื่ สว่ นตวั ตวั แทๆ้ คนเดียวแทๆ้ จะด่ิงไป

133ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ นิพพานก็ได้ หรอื ว่าประโยชน์ของสงั คมด้วย ที่จะอยู่กนั เป็นประโยชนส์ ว่ นรวม ในโลก ถ้าใครยังมีสติปัญญาที่จะเติมให้แก่บทนิยามน้ีตรงไหนอีกก็ได้ ก็ท้าให้ เชิญๆ ให้ลองเตมิ ดู ดจู ะไม่มีแล้ว คือเขาช่วยคดิ กนั ตง้ั หลายปี ตั้งหลายพวก ตง้ั หลายคณะ เขาไดส้ รปุ ออกมาอยา่ งน้ี มนั ยงั เหลอื อยแู่ ตว่ า่ เราจะเอาประโยชนไ์ ด้ อยา่ งไรจากการศกึ ษาธรรมะ รธู้ รรมะ มีธรรมะ เรามธี รรมะจรงิ กต็ ่อเมอื่ เราปฏบิ ตั ถิ ูกต้องแกค่ วามเปน็ มนุษย์ของเรา ทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ ท้ังเพื่อส่วนตัวและส่วนรวม คือเขาถือว่ามนุษย์ จะสมบรู ณไ์ ดก้ เ็ พราะมเี รอื่ งผอู้ นื่ ดว้ ย มเี รอื่ งแตเ่ รอ่ื งสว่ นตวั นน้ั กถ็ อื วา่ ไมถ่ กู ตอ้ ง จะถูกตอ้ งครึ่งเดยี วหรือไม่ถึงครึง่ ดงั นัน้ อย่าลืมเรื่องของผู้อืน่ เดี๋ยวนี้คนเราเหน็ แกต่ วั โลกหาความสงบสขุ ไมไ่ ด้ เกดิ การยอื้ แยง่ ทะเลาะววิ าทกนั ไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ก็เพราะไมเ่ หน็ แกผ่ อู้ น่ื ไมร่ ักผูอ้ ่นื เราอยู่ในโลกคนเดียวไมไ่ ด้ น้มี ันเป็นเรื่องที่ควรจะมองเห็น แตท่ ี่ไมเ่ ห็น หรือว่าไม่มอง เราคิดว่าเราอยู่ท่ีกรุงเทพฯ ท้ังหมดคนเดียวเป็นอย่างไรบ้าง กรงุ เทพฯ ทงั้ หมดใหเ้ ราอยคู่ นเดยี วมนั จะเปน็ อยา่ งไรบา้ ง ไมต่ อ้ งพดู ถงึ วา่ ทงั้ โลก เราอยู่คนเดียว แม้แต่ในบ้านเรา เราอยู่คนเดียว เราก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกันใน บา้ นเราแทๆ้ ดงั นน้ั เราอยคู่ นเดยี วไมไ่ ด้ เราตอ้ งมกี ารประพฤตกิ ระท�ำ ทเ่ี หมาะ ส�ำ หรบั จะอยู่ด้วยกัน

134 ธรรมะคอื หน้าที่ เพราะฉะนนั้ ชาวพทุ ธนี้ เขาจงึ มหี ลกั วา่ ใหถ้ อื วา่ ทกุ คนเปน็ เพอื่ น เกดิ แก่ เจ็บ ตาย อยา่ เพง่ิ หวั เราะเยาะ คนสมัยน้มี กั จะหัวเราะเยาะค�ำ ของคนแกๆ่ สตั ว์ ทงั้ หลายเป็นเพือ่ นทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันท้ังหมดท้งั สนิ้ เด็กสมยั นี้ก็ หัวเราะเยาะ เพราะเขาฟังไม่ถูก เขาฟังไมเ่ ข้าใจว่ามันเปน็ อะไร และในท่ีสดุ เขา ก็จะเป็นคนเห็นแก่ตัว เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ เขาจงึ เหน็ แกต่ ัว ถา้ เราไม่เหน็ แกต่ วั เรารกั ผู้อ่ืน เร่อื งจะไม่เกิด เดี๋ยวน้ีเร่ืองเลวร้ายเกิดข้ึนในกรุงเทพฯ เร่ืองเลวร้ายที่สุดท่ีหน้า หนังสอื พมิ พม์ ลี งอยู่ อยากจะพูดว่าสกปรกปาก อย่าใหต้ ้องเอามาเล่าเลย เรื่อง ที่มนั เกดิ อยู่ในกรงุ เทพฯ ทุกวันๆ ทางหน้าหนงั สือพิมพ์มนั สกปรกปาก อย่าต้อง เอามาเล่าที่นี้อีกเลย ถ้าว่าคุณไม่กลัวสกปรกตาคุณก็ไปหาดูเอาเองเถอะ หน้า หนงั สือพมิ พ์ไปหาดเู อาเองวา่ มนั มอี ะไรบ้าง เรือ่ งเลวรา้ ยท้งั หมดนน้ั มันมเี พราะว่าคนมนั ไมร่ กั ผอู้ นื่ ถ้าคนมนั รกั ผู้ อ่นื มนั ก็เกิดไม่ได้ เร่ืองชนดิ นน้ั มนั จะเกดิ ไมไ่ ด้ ดงั น้ันขอใหจ้ ำ�ไว้เปน็ พเิ ศษตรงนี้ ขอแทรกพดู หนอ่ ยเรอ่ื งวา่ ความรกั ผอู้ น่ื นนั้ มนั เปน็ ทร่ี วบรวมของธรรมะโดยออ้ ม ถา้ เรารักผอู้ น่ื เราจะไปฆ่าใครลง ถ้าเรารักเขารักฆา่ เขาไม่ลง เราจะไปขโมยเขาก็ ไม่ได้ถ้าเรารกั เขา เราจะไปล่วงละเมดิ ของรกั ของใครข่ องเขากไ็ ม่ไดถ้ ้าเรารักเขา เราจะโกหกเขาก็ไม่ได้ เราจะสบู บหุ ร่ใี หเ้ ขาร�ำ คาญก็ไมไ่ ด้ คดิ ดเู ท่านี้ อยา่ ว่าแต่ไปกนิ เหล้าเมายาใหเ้ ขารำ�คาญ ถา้ เรารกั ผ้อู ่ืนมนั ก็ ไมม่ กี ารกระทบกระทงั่ ถา้ รกั กนั ถงึ มาตรฐานกก็ ลายเปน็ ศาสนาของพระศรอี รยิ -

135ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ เมตไตรย เขาเรียกกันสั้นๆ วา่ ศาสนาพระศรีอารยิ ์ ศรอี ริยเมตไตรย เมตไตรย แปลว่ารกั ผูอ้ ืน่ เมตตาแปลว่ารกั ผ้อู ืน่ ศาสนาของพระศรอี ริยเมตไตรย คอื ศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้สอนให้ รักผ้อู ่ืน ไม่มใี ครฆ่า ไมม่ ีใครลกั ไม่มใี ครประพฤติผิดในกาม ไม่มีใครโกหก ไมม่ ี ใครทำ�อะไรทกุ อย่างทมี่ นั ผอู้ ่ืนเขาเดือดรอ้ น เลยอยู่กันเป็นสขุ อย่างย่งิ ธรรมะ มหี ลกั การปฏบิ ตั สิ รปุ เปน็ การรกั ผอู้ นื่ แลว้ กจ็ ะอยกู่ นั เปน็ ผาสกุ ในโรงเรยี นไมไ่ ด้ สอนเรอ่ื งรักผอู้ ื่น สอนหนงั สือสอนแต่ใหฉ้ ลาด สอนแตใ่ ห้ฉลาด แล้วก็กอบโกย และทำ�นาบนหลงั ผู้อ่ืน มนั ไมไ่ ดส้ อนใหร้ กั ผ้อู น่ื การศกึ ษาในยุคปัจจบุ นั ท่ีคุณเล่าเรียนมาแล้วมันตรงไหนบ้างที่สอนให้รักผู้อ่ืน มันมีแต่สอนให้ ฉลาด ใหข้ ยายประโยชน์ ใหข้ ยายทางแสวงหาประโยชน์ มนั กไ็ ม่มคี วามรกั ผ้อู นื่ นกั เรยี นวทิ ยาลยั ยกพวกกนั เปน็ ฝงู ๆ ไปตกี นั ไปฆา่ กนั เปน็ รอ้ ยๆ นกั ศกึ ษาระดบั วิทยาลัยเขายกพวกไปฆ่ากันเป็นร้อยๆ เพราะมันไม่ได้สอนเรื่องความรักผู้อ่ืน การศึกษาทผี่ ิดพลาดมันเปน็ อยา่ งน้นั บางทีจะเอาเรื่องการกีฬามาเป็นข้อแก้ตัวว่า กีฬามีจุดมุ่งหมายสร้าง ความเขา้ ใจและรกั ผอู้ นื่ มบี ทรอ้ งวา่ กฬี าเปน็ ยาวเิ ศษ แกก้ องกเิ ลสท�ำ คนใหเ้ ปน็ คน มันก็จรงิ วา่ ท่จี ริงถ้าแก้กองกิเลสได้แล้วก็ทำ�คนใหเ้ ป็นคน หมายถึงคนท่ีดีท่ี เรยี กวา่ มนษุ ย์ ไมใ่ ชค่ นธรรมดาสกั วา่ เกดิ มากเ็ ปน็ คน แตเ่ ดยี๋ วนมี้ นั มแี ตร่ อ้ งมแี ต่ ปากร้อง มีแต่เสียงร้องว่าทำ�คนให้เป็นคน ในสนามกีฬาคือท่ีท่ีคดโกงกันท่ีสุด

136 ธรรมะคอื หน้าที่ ทุจริตกันที่สุดเมื่อลงไปเล่นกีฬา โคช้ ทส่ี อนนกั กฬี าคือสอนวธิ โี กงใชไ่ หม เพราะ เรอื่ งกฬี าไมม่ ที างทจ่ี ะท�ำ ใหค้ นเปน็ คน เพราะมงุ่ หมายจะเอาเปรยี บ มงุ่ หมายจะ คดโกง หาวธิ ีจะคดโกงในเรอื่ งของการกฬี า มนษุ ยม์ นั หมดธรรมะคอื วา่ มนั เป็นอยา่ งน้ี มนษุ ย์ไมม่ ธี รรมะมันจะเป็น อย่างน้ี มันไม่มีเรอ่ื งอะไรทีท่ �ำให้มนุษยเ์ ป็นมนุษย์ เป็นคนก็ยงั ไมไ่ ด้ เปน็ คนทดี่ ี ที่เรียกวา่ พอจะเปน็ คนไดก้ ย็ งั เป็นไมไ่ ด้ แมจ้ ะเป็นมนษุ ย์ได้ มนษุ ย์มันดีกว่าคน มาก มนั มจี ิตใจสงู ดกี ว่าคนมาก เราขาดธรรมะ เราก็ไมร่ ักผูอ้ นื่ เราก็เหน็ แกต่ ัว เห็นแกต่ ัวจนเกดิ ลัทธินายทุน ก็เกิดพวกชนกรรมาชีพคิดฆ่าท�ำลายนายทุน สมยั ทมี่ นษุ ยย์ งั ไมเ่ หน็ แกต่ วั ยงั รกั ผอู้ น่ื ระบบนายทนุ มนั เกดิ ขนึ้ มาไมไ่ ด้ ในโลกน้ีมันจึงไม่มีปัญหา ระบบนายทุนมันเพิ่งเกิดเม่ือในโลกนี้มีคนเห็นแก่ตัว สามารถเห็นแก่ตัว มีสติปัญญาในการผลิต ในการเศรษฐกิจ ร่�ำรวยแต่ฝ่ายตัว เขาเรียกว่าเห็นแก่ตัวสุดเหวี่ยง มันก็เกิดคนท่ีต่อต้านต่อสู้ข้ึนมา แล้วก็สู้กันจน กระทั่งวันนี้ โลกน้ีมันก็เหลือแต่การต่อสู้ระหว่างนายทุนกับชนกรรมาชีพ ไม่มี ท่ีสิ้นสุด เพราะไม่มีธรรมะก็มีแต่ความเห็นแก่ตัว ไม่มีความรักผู้อื่น ถ้าเป็น ครูบาอาจารย์ก็ไปนึกดูเอาเองเถอะว่า การศึกษาในโรงเรียนของเราไม่ได้สอน เรื่องรักผู้อื่น สอนแต่ให้ฉลาด เพ่ือแสวงหาประโยชน์ให้ได้มาก การศึกษาก็ เป็นการสอนคนให้ฉลาดในการจะกอบโกยประโยชน์เสียมากกว่าที่ว่าจะมี ธรรมะแล้วอยูก่ นั อย่างสนั ติสขุ สันตภิ าพ ในโลกนมี้ นั กเ็ ลยไมม่ ีความสงบสขุ เราท่ไี ม่ได้ไปท�ำอะไรกบั เขาก็พลอยได้รับผลกระทบกระเทือนด้วย

137ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภิกขุ เมอ่ื ในโลกนม้ี นั มคี วามเลวรา้ ยแลว้ กเ็ ดอื ดรอ้ นกนั ไปทกุ คน แมค้ นดๆี ไมม่ สี ว่ นกระท�ำ ความเลวรา้ ยมนั กพ็ ลอยเดอื ดรอ้ น เชน่ วา่ เศรษฐกจิ ปน่ั ปว่ น นี่ ก็เดือดร้อนกันไปท้ังหมดไม่ยกเว้นใคร ไม่มีธรรมะมันเป็นอย่างน้ี ใครจะคิด อยา่ งไรกต็ ามใจ แตว่ า่ ไมม่ ธี รรมะมนั เปน็ อยา่ งน้ี มนั จะเดอื ดรอ้ นกนั เปน็ ไฟทง้ั โลก อยา่ งน้ี ดังนั้นขอใหเ้ รารจู้ ักสิง่ ท่ีเรียกว่าธรรมะ ธรรมะคือส่ิงท่ีจะแก้ปัญหาของมนุษย์ที่เป็นความทุกข์ความเดือดร้อน ยังสงสยั อยวู่ า่ ทอี่ ุตสา่ หม์ าจากกรงุ เทพฯ น้ี มปี ญั หา มีความทกุ ข์ มีความเดอื ด ร้อนไหม ถา้ ไม่มีกไ็ ม่มปี ระโยชน์ ถึงมาทนี่ กี่ ไ็ มม่ ปี ระโยชน์ เพราะท่นี ีม่ นั พดู เร่ือง ธรรมะ จะแก้ปญั หา จะดบั ความทุกข์ ถ้าไมม่ ีความทุกข์ก็ไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไรจะ มาท่ี ถ้าพดู ตรงๆ กว็ า่ เชิญกลับได้ แตไ่ มห่ ยาบคายถงึ ขนาดน้ัน มันมีพวกฝรั่งโดยมากท่ีเข้ามาท่ีนี้ ท่ีจริงเขาก็มาเที่ยวทั่วๆ มารอบโลก มาอะไร กม็ าศกึ ษาพทุ ธศาสนา กถ็ ามถึงว่าจะมปี ัญหาอะไร มีความทุกขอ์ ะไรที่ จะตอ้ งศึกษาพุทธศาสนา เขาบอกวา่ มันไม่มี ถามเทา่ ไรๆ มันก็ไม่มี เราก็บอกว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาศึกษาพุทธศาสนาถ้าคุณไม่มีความทุกข์ เพราะมันมี แตเ่ ร่อื งดบั ทกุ ข์น่ีพุทธศาสนา บางคนกต็ อบว่า ศึกษาไวส้ ำ�หรับเปน็ ความรรู้ อบ ตัว รอบตวั กร็ อบเปล่าๆ ไม่มีประโยชนอ์ ะไร มันตอ้ งดับทุกข์ มนั จงึ จะมคี า่ เด๋ียวนเ้ี ราไมไ่ ดส้ อนกนั ให้ละเอยี ดในเร่อื งท่จี ะเกิดปญั หา เชน่ เราไม่รกั ผู้อืน่ ในโรงเรียนก็ไมไ่ ด้สอนใหเ้ ห็นว่านี่เปน็ ตัวปญั หา นเี่ ปน็ ตวั ความทุกข์ กเ็ ลย ไม่มีใครคิดจะแก้ปัญหา ไม่คิดจะดับทุกข์ มันก็ไม่ต้องการธรรมะ หรือท่ีว่าคน

138 ธรรมะคอื หน้าที่ ประพฤติผิดฉนุ เฉยี ว ท�ำ อาชญากรรม ฉุนเฉยี วเหมอื นกบั ว่าเลน่ เขาก็ไม่เหน็ วา่ เป็นความทุกข์ อะไรๆ เขาก็ไม่เห็นว่าเป็นความทุกข์ เขาถือว่ามันไปแก้ได้ด้วย การไปด่มื เหล้า ไปสบู เฮโรอนี ความรสู้ กึ ที่เปน็ ทกุ ขม์ นั ก็หายไป มันกไ็ มม่ าคิดวา่ จะหาธรรมะเปน็ เครอื่ งดบั ทุกข์ ธรรมะกเ็ ปน็ หมนั มากขึน้ ทุกทจี ะไปโทษใคร จะ ไปโทษธรรมะหรอื โทษใคร ธรรมะมันจะดับทกุ ขไ์ ด้ แตไ่ ม่มีใครรู้สึกว่ามีความ ทกุ ข์ หรอื จะเอาธรรมะไปดับทกุ ข์ ธรรมะมนั กเ็ ป็นหมัน ดังนั้น เราอุตสาห์มาศึกษาธรรมะก็ควรจะรู้ว่าจะเอาไปทำ�อะไร ทุก อยา่ งทเี่ รามอี ยมู่ นั ลว้ นแตใ่ ชท้ �ำ อะไรทกุ ๆ อยา่ งไปเลย แตว่ า่ ธรรมะนดี้ จู ะไมค่ อ่ ย รวู้ า่ จะเอาไปใชท้ ำ�อะไร แลว้ กส็ นใจกส็ นใจตามธรรมเนยี ม ศกึ ษาตามธรรมเนยี ม หรอื วา่ ตน่ื กนั ตามธรรมเนยี มวา่ ตอ้ งรธู้ รรมะไมอ่ ยา่ งนน้ั ไมใ่ ชค่ นไทย ไมใ่ ชถ่ อื พทุ ธ ไม่ใชอ่ ะไรตา่ งๆ ไมพ่ อ ดังนัน้ เราจะต้องเห็นความจำ�เป็นทีจ่ ะต้องมธี รรมะ เหมอื นทีเ่ ราตอ้ งมี ขา้ วกนิ จ�ำ เปน็ เทา่ ไร เราตอ้ งมเี ครอ่ื งนงุ่ หม่ นม้ี นั จ�ำ เปน็ เทา่ ไร มยี าแกโ้ รค มอี ะไร ทจี่ ะตอ้ งมี เราเหน็ ความจ�ำ เปน็ เทา่ ไร นเี่ ราจะตอ้ งเหน็ วา่ ธรรมะยงั จ�ำ เปน็ กวา่ นน้ั แม้ว่าคณุ จะมีอาหาร มเี ครือ่ งนมุ่ หม่ มที ี่อยู่อาศัย มรี ถยนต์สิบคนั มตี ึกสงู เทียม ฟ้าก็ตาม ถ้าว่าไม่มีธรรมะจิตใจมันก็ยังร้อนเป็นไฟด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ส่งิ เหลา่ นนั้ กไ็ ม่ให้มคี วามสขุ ได้ สมบตั ิทเ่ี รามอี ยู่ไมช่ ว่ ยให้เรามคี วาม สงบสขุ ไดถ้ ้าไมม่ ธี รรมะ นี้จงึ วา่ ธรรมะไปแกป้ ญั หาทเ่ี กี่ยวกบั ความทกุ ข์

139ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ เดย๋ี วนท้ี ง้ั โลกกว็ า่ ไดไ้ มเ่ ฉพาะประเทศไทย เขาจะแกป้ ญั หาดว้ ยเศรษฐกจิ เขาจะแก้ปัญหาด้วยเศรษฐกิจกันท้ังบ้านท้ังเมือง เราบอกว่าต้องแก้ปัญหาของ โลกดว้ ยธรรมะ เศรษฐกจิ จะแกป้ ญั หาไม่ได้ ปัญหาของโลก ความทุกข์ของโลก ตอ้ งแก้ด้วยธรรมะ ช่วยไปคดิ ดใู ห้ดีๆ จะเหน็ อยา่ งไร จะเห็นฝ่ายไหน ถ้าจะแก้ ปญั หาดว้ ยเศรษฐกจิ ได้ กไ็ มต่ อ้ งมาทส่ี วนโมกขห์ รอก ไมม่ เี รอื่ งจะพดู หรอก ถา้ วา่ จะแกป้ ญั หาดว้ ยเศรษฐกจิ ถา้ จะแกป้ ญั หาดว้ ยศลี ธรรมหรอื ธรรมะเราจะมเี รอ่ื งพดู ดังน้ันเดี๋ยวน้ีเราอยากจะให้มองกันอย่างน้ีว่า หากถ้าสมมติว่า ฝนทุก เมด็ ตกลงมาเปน็ ทองคำ� เปน็ เหรยี ญทองค�ำ ทกุ เมด็ ๆ เตม็ ไปทงั้ โลกนจี้ ะแกป้ ญั หา ของมนุษย์ได้ไหม เพราะว่าเราจะทำ�เศรษฐกิจให้ดีอย่างไรก็คงจะไม่มีผลถ้าว่า ฝนตกลงมาเป็นทองคำ�ทุกเม็ด รัฐบาลไหนจะแก้เศรษฐกิจของประเทศชาติ อยา่ งไร ดอี ยา่ งไร ก็คงไมม่ ีผลเท่ากบั วา่ มีฝนตกลงมาเป็นทองค�ำ ทกุ เมด็ เอา้ , ทนี ี้สมมติว่าฝนมันตกลงมาเป็นทองค�ำ ทกุ เม็ดจะแกป้ ัญหาของ ประเทศได้ไหม คณุ ลองคิดดู มนั ก็คงตีกนั ตายแย่งฝนเมด็ ทองคำ� จะมากกว่า เด๋ียวน้ีเสียอีก ถ้าใครเก็บฝนเม็ดทองคำ�เหรียญทองคำ�นี้ไว้มาก บ้านนั้นจะถูก ปลน้ กอ่ นแน่ มนั จะไมม่ คี วามสงบสขุ ไดแ้ มว้ า่ เมด็ ฝนจะตกลงมาเปน็ เมด็ ทองเปน็ ทองคำ� แตเ่ ขากย็ ังคดิ วา่ จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยเศรษฐกจิ ในทางธรรมะกส็ ัน่ หัว มนั เป็นไปไม่ได้ เพราะมันจะย่ิงทำ�ให้คนโลภมากขึน้ คนนีม้ ไี ว้มากคนหนง่ึ ก็ ตอ้ งมาปลน้ หรอื วา่ มาแยง่ กนั เกบ็ เมด็ ฝนกค็ งจะตกี นั ตายตรงนนั้ เองไมท่ นั ไดเ้ กบ็ ไป เพราะวา่ ความตอ้ งการของคนมนั ไมห่ ยดุ ไดด้ ว้ ยการสนองความอยาก มนั

140 ธรรมะคือหน้าท่ี ตอ้ งหยดุ ไดด้ ว้ ยปญั ญา ดว้ ยวชิ ชา ดว้ ยความรู้ วา่ มนั ควรจะท�ำ อยา่ งไร มเี ทา่ ไร ใช้อยา่ งไร และนั่นมันจะหยดุ ความต้องการได้ ในพระบาลีมีคำ�กล่าวอีกคำ�หนึ่งว่า แม้ว่าภูเขาท้ังลูกกลายเป็นทองคำ� ทัง้ ลกู ภูเขาทัง้ ลกู ภูเขาใหญๆ่ กลายเป็นทองค�ำ ทงั้ ลกู ภูเขาทองค�ำ สองลูกกไ็ ม่ พอแกค่ วามตอ้ งการของคนคนเดยี ว ฟงั ดู เทยี บดเู ถอะ แมภ้ เู ขามนั จะเปน็ ทองค�ำ ไปทงั้ ลูก ๒ ลูกแลว้ กม็ ันกไ็ มพ่ อแกค่ วามตอ้ งการของมนุษยเ์ พยี งคนเดียว และ ในโลกน้ีมีมนุษย์กี่คน โลกนี้มีมนุษย์ก่ีคน ดูเหมือนสามพันล้านคนใช่ไหม ประมาณก็ได้ แล้วมันจะมีภูเขาทองคำ�ก่ีลูก ๒ ลูกก็ไม่พอแม้แต่ความต้องการ ของคนคนเดยี ว ดงั นน้ั มนั เปน็ ไปไมไ่ ดท้ จ่ี ะแกป้ ญั หาดว้ ยเศรษฐกจิ ใหค้ นรจู้ กั อมิ่ รูจ้ ักพอ อยู่กนั ดว้ ยความสงบสุข ดงั นนั้ ผทู้ ม่ี ปี ญั ญาเปน็ บณั ฑติ เชน่ พระพทุ ธเจา้ เปน็ ตน้ ทา่ นจงึ บอกวา่ มนั ไมแ่ กป้ ญั หาไดด้ ว้ ยการสนองความตอ้ งการของกเิ ลสตณั หาใหม้ ากขนึ้ ไป มนั ตอ้ งควบคมุ ใหค้ วามตอ้ งการมนั หยดุ คอื ธรรมะ คอื ศลี ธรรม ถา้ ทกุ คนตอ้ งการ เท่าที่จำ�เป็นมันก็ไม่ต้องเป็นทองคำ�เท่าภูเขาท้ังสองลูกหรอก เดี๋ยวน้ีแม้จะเป็น อย่างนั้นมันก็ยังไม่หยุดความต้องการของคนคนเดียวได้ หรือว่าฝนจะตกลงมา เปน็ เหรยี ญทองค�ำ เรอ่ื ยไป มนั กย็ งั คงฆา่ กนั ตาย เพราะแยง่ กนั เกบ็ เหรยี ญทองค�ำ ใครมไี วม้ ากกต็ อ้ งถกู แยง่ ถกู ชงิ ถกู ปลน้ ถกู ฆา่ มนั ไมแ่ กป้ ญั หาไดเ้ รอื่ งเศรษฐกจิ ถ้าเรามีธรรมะรักผู้อื่นเท่าน้ัน คำ�เดียวพอ รักผู้อ่ืนเท่าน้ันก็ไม่มีใครทำ� อันตรายใคร มีธรรมะมันถูกต้องสำ�หรับความเป็นมนุษย์ทุกข้ันตอนแห่ง

141ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภิกขุ วิวัฒนาการ มนั หมายความว่าอย่างน้ี มันแก้ปญั หาของโลกได้ของมนษุ ย์ไดโ้ ดย ไมต่ อ้ งมฝี นตกลงมาเปน็ ทองค�ำ จะมคี วามสขุ ยงิ่ กวา่ ฝนตกมาเปน็ ทองค�ำ เสยี อกี คงจะคดิ วา่ อาตมากำ�ลังเดินตลาดให้ธรรมะใช่ไหม พูดกันอย่างน้ี พดู ไปเรอื่ ย หลายคนคดิ วา่ นม้ี นั เปน็ คนเดนิ ตลาดขายธรรมะของพระพทุ ธเจา้ จะคดิ อยา่ งนัน้ ก็ได้ แต่ขอให้ลองดูวา่ ธรรมะน้ีมนั จะเอาไปทำ�อะไรไดบ้ ้าง มนั จะใชแ้ ก้ ปญั หาของบคุ คล ของบา้ นเมอื ง ของโลก ไดห้ รอื ไมไ่ ปคดิ ดู ธรรมะมนั มปี ระโยชน์ สงู สุด ไม่มที ส่ี นิ้ สดุ อย่างนีจ้ รงิ ๆ จึงเอามาพดู ไมใ่ ช่พูดแบบเดนิ ตลาดขายสินค้า ดงั นนั้ คณุ กม็ าดว้ ยความตงั้ ใจวา่ จะศกึ ษาธรรมะ กจ็ ะตอ้ งรใู้ หช้ ดั ลงไปเลยวา่ มนั ดี อย่างไร มนั จะเอาไปใชป้ ระโยชนอ์ ะไร ทนี ม้ี นษุ ย์นีม้ ันควรจะเป็นกนั อยา่ งไร อยากดี อยากได้ อยากอะไรมาก ข้ึนไปๆ มันจะไปจบกันอย่างไร ที่ตรงไหน อย่าลืมท่ีว่าฝนตกลงมาเป็นเหรียญ ทองคำ�มนั กไ็ ม่มีความสุขได้ เพราะวา่ ความทุกข์มนั ไมไ่ ด้เกิดเพราะไมม่ สี ิง่ นน้ั ความทุกข์มันเกิดเพราะมีกิเลสเผาจิตใจให้ร้อน กิเลสนี้มันไปตาม ธรรมชาติ เราอยู่ในท้องแมไ่ ม่มกี ิเลส ศึกษาเถอะจะรวู้ า่ เม่อื เรายังอยูใ่ นทอ้ งแม่ ยังไม่มีกิเลส คิดไม่เป็น คิดไม่ได้ ไม่มีอวัยวะสำ�หรับสัมผัสที่จะให้เกิดความคิด ความนกึ แต่พอเราคลอดออกมาจากทอ้ งแม่ เราก็เรม่ิ มีสัมผัสทางตา ทางหู ทาง จมูก ทางลน้ิ ทางกาย ทางผิวหนงั ทางจติ ใจ เม่ือสมั ผัสแล้วมนั กเ็ กดิ ความรู้สกึ ท่ีเรยี กวา่ เวทนา

142 ธรรมะคือหน้าที่ ถ้ามันอร่อย มันสบาย เช่นสวย เช่นไพเราะ เช่นอรอ่ ยที่ลิ้น แมแ้ ตก่ ินนม แม่เปน็ ครัง้ แรก กินอาหารอรอ่ ย มันกร็ ูว้ ่าอย่างน้ดี ี อย่างนีอ้ รอ่ ย อย่างนีส้ บาย แล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายหน่ึงตรงกันข้ามไม่อร่อย เราเริ่มรู้จักความอร่อยและความไม่ อร่อยแลว้ ทีนีเ้ ราก็หลงรักในฝา่ ยท่ีอร่อย อย่างนเ้ี ขาเรยี กวา่ กิเลสไดเ้ กิดขึน้ แล้ว เรียกวา่ ความโลภ หลงรกั เพราะความโง่ ไมใ่ ช่หลงรกั เพราะสติปัญญา ถา้ มีสตปิ ญั ญาไม่ตอ้ งหลงรกั ถงึ แมม้ นั จะสวย จะอร่อย จะสบาย อะไร ก็ไม่ต้องหลงรักมัน มันเป็นอย่างน้ันเอง แต่ไม่มีสติปัญญามันก็หลงรัก กิเลสก็ เกดิ ขนึ้ ประเภทความโลภกเ็ รยี กราคะ ความก�ำ หนดั กเ็ รยี ก มนั กเ็ กดิ กเิ ลสขนึ้ มา พอไมไ่ ดอ้ ยา่ งใจมนั กเ็ กดิ กเิ ลสโทสะ โกธะ ความโกรธประทษุ รา้ ยขน้ึ มา แลว้ เมอื่ มนั ไม่รูว้ ่าจะเป็นอะไรแน่ มนั ก็มโี มหะหลงสงสัยวนเวียนอยู่ เรากต็ ้องเกดิ โลภะ โทสะ โมหะ ด้วยกันทุกคน นเ้ี รยี นธรรมะจรงิ ไมใ่ ชเ่ รยี นจากหนงั สอื เรยี นธรรมะจรงิ ตอ้ งเรยี นจาก จติ ใจ เรียนจากชวี ติ ท่ีเปน็ มาแล้ว ให้เรยี นให้รวู้ า่ โลภะ โทสะ โมหะ เกดิ ข้ึน อย่างไร แล้วก็เป็นทุกข์เป็นร้อนอยู่ตลอดไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ มีเงินก็มี โลภะ โทสะ โมหะ ไม่มเี งนิ กม็ โี ลภะ โทสะ โมหะ ถา้ มโี ลภะ โทสะ โมหะ แล้วก็ ต้องร้อน เพราะมันเป็นของรอ้ น เป็นของใหเ้ กิดความทกุ ข์ ฉะน้ันเราจึงหลีกไม่ ได้ที่จะไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ถ้าเราเกิดขึ้นมาในโลกนี้แล้ว เราก็เผชิญกันกับ โลภะ โทสะ โมหะ ของเราเอง เรากต็ ้องเป็นทุกข์

143ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ ถา้ เราจะไมเ่ ปน็ ทกุ ขจ์ ะสงบเยน็ เราตอ้ งมธี รรมะชะลา้ งโลภะ โทสะ โมหะ นนั่ คอื การปฏบิ ตั อิ ยา่ งทว่ี า่ ปฏบิ ตั ทิ ช่ี �ำ ระชะลา้ งโลภะ โทสะ โมหะ เปน็ ตน้ ออก ไปเสยี จากจติ ใจ และเป็นจิตใจทเ่ี ยอื กเย็น มีความสขุ เยน็ เปน็ พุทธบรษิ ัท นัน่ ธรรมะมันเป็นอยา่ งน้ัน ถา้ ไมม่ ธี รรมะความโลภ โลภะ โทสะ โมหะ ก็จะแรงข้นึ ๆๆ จนทำ�ผิดไป หมด จนอาชญากรรมเต็มไปทัง้ บา้ นทง้ั เมอื งตามถนนหนทาง โลภะ โทสะ โมหะ เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ออกไปถงึ ภายนอก และแมไ้ มม่ ภี ายนอก ตวั เราเองในภายในของ เราเอง ก็ลองไปสังเกตดูตอนนี้สำ�คัญท่ีสุด ท่ีจะรู้จักธรรมะ เมื่อเกิดโลภะหรือ ราคะ รอ้ นอย่างไร เมื่อเกดิ โทสะหรือโกธะ ร้อนอย่างไร เมอื่ เกดิ โมหะ ความโง่ ความสะเพรา่ ความหลง ความกลวั ความวิตกกงั วลเหล่านี้ เป็นโมหะทง้ั นั้น มนั รอ้ นเทา่ ไร นจี่ ะรธู้ รรมะ ถา้ ไมศ่ กึ ษาใหร้ จู้ กั สง่ิ เหลา่ นก้ี ป็ ว่ ยการ จะรแู้ ตต่ วั หนงั สอื ไม่รู้ธรรมะ หนงั สือไม่ใชธ่ รรมะ ธรรมะไมใ่ ช่ตัวหนงั สอื คงจะไปดรู ูปเต่าด่าคนมาแล้วในตึกน้ัน รูปเตา่ ที่มีคมั ภรี ์วางอยบู่ นหลงั คนวา่ เตา่ บรมโง่ คมั ภรี ว์ างอยบู่ นหลงั ยงั ไมร่ ธู้ รรมะ คลา้ ยๆ วา่ ธรรมะวางอยบู่ น หลงั ยงั ไมร่ ธู้ รรมะ เตา่ มนั กม็ โี อกาสทจี่ ะดา่ สวนวา่ เอย้ , คนโง่ นนั้ มนั กระดาษนะ เวย้ ไมใ่ ชธ่ รรมะ กนู ธ้ี รรมะ กตู วั เปน็ หนิ แลว้ ตากบ็ อด แตห่ มายความวา่ ไมม่ คี วาม ทกุ ขน์ ะ่ เตา่ หนิ ตาบอดมนั ไมม่ คี วามทกุ ข์ สภาพทไี่ มม่ คี วามทกุ ข์ นน่ั คอื ธรรมะ คนมันว่าเต่าโง่ มีธรรมะวางอยู่บนหลังยังไม่รู้ เต่าก็ว่าคนโง่ นั่นมันหนังสือมัน กระดาษ ธรรมะแท้คอื ความที่ไมม่ คี วามทกุ ข์ เพราะเทา่ ทต่ี วั เป็นหนิ แล้วตาก็

144 ธรรมะคอื หน้าท่ี บอด น่ีคือสัญลักษณข์ องความไม่มีความทุกข์ ไมม่ คี วามทกุ ขค์ อื ธรรมะ เราก็ คงจะมีความรู้สกึ อย่างน้ีกนั บ้างแลว้ เหมอื นกัน ไปทะเลาะกับเต่าดูบา้ ง เราก็จะต้องรู้จักความทุกข์เป็นข้อแรก มันก็จะมีปัญหาเกิดข้ึนสำ�หรับ จะดับทุกข์ แล้วเรามาศึกษาธรรมะสำ�หรับดับทุกข์ เร่ืองมันก็ตรงกันคือได้รับ ประโยชน์ ถา้ ไมม่ คี วามทกุ ขแ์ ล้วจะเอาธรรมะไปท�ำ อะไร ถ้าเชน่ นน้ั พวกฝรัง่ เขา เท่ียวรอบโลกกันเปน็ ฝูง ศกึ ษาพุทธศาสนาก็เลยไมร่ ู้ ไม่รูพ้ ทุ ธศาสนา อยา่ งจะรู้ บา้ งกร็ พู้ ทุ ธปรชั ญา เรอ่ื งปรชั ญาเปน็ เรอ่ื งเพอ้ เจอ้ มนั ไมม่ จี ดุ จบแลว้ ดบั ทกุ ขไ์ มไ่ ด้ ปรชั ญาดับทุกขไ์ มไ่ ด้ มแี ต่เพอ้ เจอ้ ไม่ร้จู บ สว่ นศาสนามนั ไม่ใชเ่ พ้อ เจ้อ เพราะมันเอาตัวความทกุ ขเ์ ขา้ มา ดับลงไป ฉะน้ันจึงไม่เพ้อเจอ้ ปรชั ญา เขาเรยี นกันอยา่ งสมมตๆิ มีจุดสมมติ มี hypothesis ขึ้นมา สมมตวิ า่ เปน็ อย่าง นั้นจะแก้อยา่ งไร สมมติว่าอยา่ งน้จี ะแก้อย่างไร มันก็เรียนแตส่ มมตอิ ยอู่ ย่างนั้น แหละ มนั กไ็ มด่ บั ทุกข์ ฉะนน้ั ฝรงั่ จงึ ไมร่ พู้ ทุ ธศาสนา จะรบู้ า้ งกพ็ ทุ ธปรชั ญาเพอ้ เจอ้ คณุ กค็ งจะ เปน็ ลกู ศษิ ยฝ์ รง่ั กนั หลายคน เพราะเขาจา้ งฝรงั่ ไปสอนในโรงเรยี น ในมหาวทิ ยาลยั กนั มากข้ึน เขาจงึ ไม่ดบั ทุกข์ เพราะว่าเขาไม่ได้สอนเรอ่ื งความจริงของธรรมชาติ ธรรมะต้องเป็นวิทยาศาสตร์ ธรรมะไม่ใช่ปรัชญา ถ้าใครยังคิดว่า ธรรมะเป็นปรัชญาแล้วรบี ไปดเู สยี ใหม่ ธรรมะไมใ่ ช่ปรชั ญา เป็นวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ของจริง ต้องมขี องจริงกต็ ้องแกก้ ันดว้ ยของจริง แล้วก็ไดร้ ับผลจริงๆ อยา่ ง

145ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ น้ีมนั เปน็ ลักษณะของวทิ ยาศาสตร์ ไม่ใชป่ รัชญาซึ่งอาศัยการค�ำ นวณ แต่ว่าเรา เอาธรรมะไปพูดอย่างปรัชญากไ็ ดเ้ หมอื นกนั เพราะมันเปน็ เร่ืองพูด เอาธรรมะ ไปพดู เปน็ ปรชั ญาใหไ้ มร่ จู้ บกไ็ ด้ เอาไปเปรยี บเทยี บกบั ปรชั ญาทกุ สาขา ปรชั ญา เก่าแก่ ปรัชญาใหม่ ปรัชญากรีก ปรัชญาใครก็สุดแท้ เอาไปพูดอย่างน้ันก็ได้ เหมอื นกนั แหละ แต่แลว้ ไม่มปี ระโยชน์อะไร ธรรมะตวั จรงิ ของพระพุทธเจา้ ทา่ นเปน็ วทิ ยาศาสตร์ แตเ่ ราเรียกกนั ว่า ศาสนา ศาสนาพทุ ธไม่ใช่ปรัชญา ถึงศาสนาอ่ืนก็ไมใ่ ชป่ รชั ญา เพียงแต่ว่าเอาไป พดู อยา่ งปรชั ญากไ็ ดเ้ หมอื นกนั ถา้ ใครเคยตดิ เฮโรอนี ปรชั ญากช็ ว่ ยนกึ ดใู หม่ คณุ ชอบปรัชญาจนเหมือนกับติดเฮโรอีน ไปคิดดูเสียใหม่ พุทธศาสนาไม่มีทางจะ เป็นปรัชญา ถ้าเป็นปรัชญาก็กลายเป็นว่ามิใช่พุทธศาสนา มันกลายเป็นพุทธ- ปรัชญา ซงึ่ จะชวนใหเ้ พอ้ เจอ้ เหมอื นปรัชญาท้งั หลายซงึ่ ไม่ดับทกุ ข์ เราจะดูมนษุ ยท์ ุกขน้ั ตอน ทเ่ี รยี กว่าตรงกับความเปน็ มนษุ ย์ทุกข้ันตอน แห่งวิวฒั นาการ มีขัน้ ตอนที่น่าดู เรามีชวี ิตกเ็ ป็นสตั วม์ ชี ีวิต คนทุกคนน้ีโดยพนื้ ฐานต้ังอยูใ่ นฐานะเป็นสัตว์ทม่ี ชี วี ติ เรียกว่าสตั วก์ ็แล้วกนั มันกเ็ หมอื นกัน สตั ว์ เดรัจฉานอะไรก็ตามมันเป็นสัตว์ท่ีมีชีวิตก็แล้วกัน น่ีข้ันพื้นฐานแท้ๆ ถ้าสูงขึ้น มากว่านนั้ หน่อย เอ้า, เราจะเรยี กว่าคน เป็นสัตว์ชนิดคน หรอื จะเป็นคนแล้วได้ สงู ขน้ึ มาอกี กค็ อื เปน็ มนษุ ย์ เพราะมนษุ ยก์ แ็ ปลวา่ คนทมี่ นั มจี ติ ใจสงู คนนไี้ มต่ อ้ ง มจี ติ ใจสงู กไ็ ด้ เพราะวา่ เกดิ มามนั กเ็ ปน็ คน แตถ่ า้ จะเปน็ มนษุ ยก์ นั แลว้ ตอ้ งมจี ติ ใจ สงู ดว้ ย

146 ธรรมะคอื หน้าที่ ทีนี้เป็นมนุษย์แล้วช้ันธรรมดา ก็สูงธรรมดา มันต้องเป็นมนุษย์ชั้นเลิศ เขาเรยี กวา่ พระอรยิ เจา้ รจู้ กั วา่ คน มนษุ ย์ และพระอรยิ เจา้ จดุ สงู สดุ ของพระอรยิ เจา้ กค็ อื พระอรหนั ต์ ดขู น้ั ตอนแหง่ ววิ ฒั นาการอนั นด้ี บู า้ ง จากระดบั สตั วท์ มี่ ชี วี ติ ทัว่ ไปแม้แตส่ ัตว์เดรัจฉานกเ็ ปน็ สัตว์มชี วี ติ แลว้ สงู ขึน้ มากเ็ ปน็ คน สงู ขนึ้ ไปอกี ก็ เป็นมนุษย์ สูงขึ้นไปอีกเป็นมนุษย์ช้ันเลิศคืออริยเจ้า พอจุดจบแล้วคือเป็นพระ อรหนั ต์ จุดสงู สดุ ของพระอริยเจา้ มันเป็นขน้ั ตอนอย่างน้ี ความแตกตา่ งเหลา่ น้ี มเี พราะธรรมะไมเ่ ทา่ กัน มีธรรมะยิ่งขน้ึ ไปสูงขึ้นไปมันก็เป็นสตั ว์ท่ีสงู ๆๆ ข้ึนไป จนเป็นพระอรหนั ต์ ธรรมะจะชว่ ยใหเ้ ราเลอ่ื นชั้นจากสง่ิ มชี วี ิตธรรมดาไดเ้ ป็น คนซง่ึ พอดไู ด้ จากคนเปน็ มนษุ ย์ จากมนุษยเ์ ปน็ อริยชน อรยิ เจา้ จากอรยิ เจ้า เป็นพระอรหันต์ พอพดู ถงึ อริยเจา้ หรอื อรหนั ต์ คนกห็ ลบั กนั หมดไมส่ นใจ เพราะถือเสีย วา่ ไมใ่ ชเ่ รอื่ งของเรา ถา้ อยา่ งนก้ี จ็ ะล�ำ บากมาก คอื ยงั ไมร่ วู้ า่ จะเรยี นธรรมะกนั ไป ทางไหน เพราะถา้ ขนื เรยี นธรรมะแล้วมันจะไปทางนัน้ มันไมม่ ีทางอ่นื อกี ดังนน้ั ถา้ ไมส่ นใจเรื่องพระอริยเจ้าหรือเรือ่ งพระอรหันต์ มนั กไ็ ม่รู้จะเรียนธรรมะกนั ไป ทางไหน คนกห็ ลบั ผฟู้ งั กห็ ลบั ผฟู้ งั กไ็ ปคยุ กนั เสยี บา้ ง ไปหยอกกนั เสยี บา้ ง เพราะ ฟังกันไม่รู้เร่ืองว่ามนุษย์จะไปทางไหนกัน ธรรมะจะเลื่อนระดับแห่งชีวิต จาก ความเป็นชวี ติ ธรรมดาสามญั มาเปน็ คน จากคนเป็นมนุษย์ จากมนุษย์เปน็ พระ- อรยิ เจ้า จากพระอรยิ เจา้ เปน็ ยอดสดุ คือพระอรหนั ต์ หรอื พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ยอดสุดอย่ทู ีน่ นั่ ถา้ ไมเ่ อาก็ไม่เอา จะทำ�ยงั ไงได้

147ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ แตเ่ ดย๋ี วนเี้ ราไมไ่ ดพ้ ดู วา่ จะเปน็ นน่ั เปน็ เหมอื นกบั แตง่ ตง้ั หรอื เปน็ เครดติ เปน็ เกยี รติ ไมม่ งุ่ หมายอยา่ งนน้ั มงุ่ หมายแตจ่ ะดบั ทกุ ขท์ า่ เดยี ว คนตอ้ งดบั ความ ทกุ ขไ์ ดม้ ากกวา่ สตั ว์ มนษุ ยต์ อ้ งดบั ความทกุ ขไ์ ดม้ ากกวา่ คน พระอรยิ เจา้ ตอ้ งดบั ความทุกข์ได้กว่ามนุษย์ธรรมดา พระอริยเจ้าสูงสุดก็ดับความทุกข์ได้มากกว่า พระอริยเจ้าธรรมดา คือพระอรหันต์จบกันท่ีน่ัน สำ�เร็จด้วยการรู้จักธรรมชาติ หรือกฎธรรมชาติ หน้าทตี่ ามกฎธรรมชาติ ผลจากหนา้ ท่ตี ามกฎธรรมชาตอิ ยา่ ง ดๆี ถ้าเห็นว่าเปน็ ธรรมะสงู เกินไป ยากเกินไป เปน็ ปรมตั ถ์มากเกนิ ไป คนก็ไม่ สนใจเหมือนกนั เคยถกู มาแล้ว เคยประสบมาแลว้ ว่าธรรมะทม่ี นั ลกึ เกนิ ไปไม่มี ใครสนใจ แมแ้ ตเ่ รอื่ งวา่ เปน็ ทกุ ขไ์ หม ถา้ เขายงั ตอบวา่ ไมเ่ ปน็ ทกุ ข์ เรากจ็ นปญั ญา ด้วยจะพดู อะไรกับเขา เรามแี ต่เรือ่ งดบั ทกุ ข์ เม่ือเขาไมม่ ีทกุ ข์ เราก็เลยไมม่ เี ร่อื ง จะพูด ขอใหช้ ว่ ยกันหน่อยให้มนั มีเร่อื งจะพดู ช่วยให้มีเรอ่ื งจะพดู คือมเี รื่องดบั ทกุ ข์กันข้ึนมาได้ เร่ืองมนุษยก์ บั คน เด๋ียวน้ีเขาไม่สนใจ เขาวา่ เกิดมากเ็ ปน็ มนษุ ย์ เลย เราวา่ ยงั เปน็ แต่เพยี งคน พวกคอมมวิ นสิ ตเ์ ขาเขยี นดา่ ในหนงั สอื ของพวกคอมมวิ นสิ ตว์ า่ ทา่ นพทุ ธ- ทาสยังเป็นเต่าล้านปี ยังมีชนชั้น มีชนช้ันคน มีชนชั้นมนุษย์ ยังแบ่งชนช้ันอยู่ พวกคอมมวิ นสิ ตเ์ ขาว่าอยา่ งนั้น เรากบ็ อกวา่ ไม่จรงิ ถา้ เป็นคนยงั มที กุ ข์มากกวา่ มนุษย์ ถ้าเป็นมนุษย์จะหมดปัญหา จะไม่ต้องมีคอมมิวนิสต์ ถ้าว่าทุกคนมันมี ความเป็นมนุษย์ มันรักผู้อ่ืนแล้ว คอมมิวนิสต์เกิดไม่ได้เพราะมันไม่มีนายทุน เพราะไม่มธี รรมะจงึ เกิดนายทุน เพราะมีนายทนุ จงึ เกดิ คอมมิวนสิ ต์

148 ธรรมะคือหน้าท่ี ถา้ มีธรรมะมันกไ็ ม่มปี ัญหายุง่ ยากอย่างนี้ คอื มนั มแี ต่มนุษย์ไม่ต้องมคี น คนเห็นแก่ตัว มนุษย์ต้องไม่เห็นแก่ตัว เมื่อคร้ังอาทิตย์ท่ีแล้วก่อนโน้นแสดง ปาฐกถาทางวิทยุวันอาทติ ย์เรื่องวา่ “ถ้ามัวเป็นกนั แต่คน กไ็ มม่ ีมนษุ ย์” มนุษย์ กไ็ ม่มี ใครฟังกนั บา้ งหรอื เปลา่ วันอาทิตยท์ ่ี ๑๙ อะไรทีแ่ ลว้ มา ถ้ามัวเปน็ กนั แต่ คน มนษุ ยก์ ไ็ มม่ นี ะในโลกน้ี ชว่ ยเขยบิ เปน็ มนษุ ยก์ นั เถอะแลว้ โลกกจ็ ะหมดปญั หา ชีวิตมันมีปัญหาเมื่อมันไม่มีธรรมะ ถ้ามีธรรมะมันก็จะไม่มีปัญหา แต่ มนษุ ย์ชนิดคน ชวี ิตชนดิ คนมนั จะมีปญั หา เพราะวา่ คนมนั คิดเกง่ คนมันฉลาด มาก คนมนั น้ีพดู จากนั ได้ มันสง่ั สอนกันได้ ถ่ายทอดความรกู้ ันได้ เพราะฉะน้ันสมองมันก้าวหน้า มันฉลาด มันคิดนึกได้มาก มันก็สร้าง ปัญหาได้มาก ดังนั้นมันจึงแก้ปัญหาได้ยาก ดับทุกข์ได้ยาก เพราะคนมันมีมัน สมองฉลาด แตม่ นั ใชค้ วามฉลาดผดิ มนั กส็ รา้ งปญั หาแลว้ มนั กด็ บั ปญั หาของมนั เองไมไ่ ด้ ดงั น้ันมนษุ ยจ์ งึ เตม็ ไปด้วยปญั หาต้องฆา่ ฟันกันอยเู่ ร่อื ยไปไม่มที ี่สิ้นสดุ จนกวา่ ธรรมะจะกลับมา ถ้าธรรมะกลับมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง โลกนี้ก็จะหยุดวิกฤตการณ์ที่ กำ�ลังรบราฆ่าฟันกันอยู่เดี๋ยวนี้ หรือกำ�ลังจ้องจะรบราฆ่าฟันกันอยู่จนเดี๋ยวนี้ แม้ประเทศไทยเรากน็ อนตาไมห่ ลับเหน็ ไหมมนั มปี ญั หาคอยขอู่ ยู่ คอยจอ้ งอยทู่ ่ี จะเป็นอันตรายหรือจะทำ�ลาย ฉะน้ันก็พยายามท่ีจะเป็นมนุษย์กันอย่าเป็นแต่ เพยี งคน เป็นมนษุ ย์มีจติ ใจสูง สูงอยู่เหนอื ปญั หา อย่เู หนือความทกุ ข์

149ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภิกขุ ทีแรกเราไม่มีความทุกข์แล้วเรามาโง่สร้างความทุกข์ขึ้น และเราก็ต้อง ดบั ความทกุ ขน์ น้ั เสยี แลว้ กจ็ ะเกลยี้ งเกลาจากความทกุ ข์ อยใู่ นสภาพทน่ี า่ พอใจ เหมอื นท่ีพดู เมื่อตะก้ีอยู่ในท้องไมม่ คี วามทุกข์ ไม่มปี ญั หาคดิ ไม่เป็น จติ ว่างจาก ความทุกข์ พอคลอดออกมาแล้วก็รู้จักสร้างความทุกข์มากๆๆ เมื่อได้รู้จักดับ ความทุกข์กันอีกทีหน่ึง มันจะว่างจะเกล้ียง ทีน้ีก็ไม่มีความทุกข์ จิตจะว่างจะ เกลย้ี งอกี ทหี นง่ึ เปน็ ภาพทคี่ วรจะมองเหน็ หรอื ควรจะสนใจและมองใหเ้ หน็ เรา มันตั้งต้นมาด้วยความว่างคือไม่มีความทุกข์ มันก็สร้างความทุกข์มากข้ึนๆๆ จนกวา่ จะดบั ทกุ ขใ์ หเ้ กลย้ี งใหว้ า่ งไปอกี ทหี นง่ึ สมมตวิ า่ รธู้ รรมะจนเปน็ พระอรหนั ต์ จติ กเ็ กลย้ี งกว็ า่ งไมม่ คี วามทกุ ขอ์ กี ทหี นงึ่ ตง้ั ตน้ จากความวา่ ง มาเปน็ ความวนุ่ แลว้ กจ็ บลงดว้ ยความวา่ ง ถา้ ไดอ้ ยา่ ง นกี้ ด็ ี ส�ำ หรบั จะทดสอบความรขู้ องเราเอง อยากจะบอกวา่ ใหล้ องเขยี นภาพชวี ติ ไว้ดูเลน่ คอื ตั้งต้นดว้ ยวงกลมศูนย์ แล้วทนี ้กี ข็ ยุกขยกิ ๆ ปัน่ ปว่ นใหม้ ากแลว้ มันก็ เล็กลงจนศนู ย์วา่ งอีกนนั่ แหละคอื ภาพชีวิต ทีแ่ ท้จริงมนั จะเปน็ อย่างน้ัน ทนี บี้ างคนมนั ตายเสยี กอ่ นไมท่ นั วา่ ง เกดิ มาวา่ งแลว้ กว็ นุ่ วนุ่ แลว้ ตายไป เลย ถา้ เขาสามารถมธี รรมะเพยี งพอแลว้ มนั กด็ บั ทกุ ขไ์ ด้ มนั วา่ งอกี ทหี นง่ึ ทนี มี้ นั จะไม่ตายแลว้ เพราะมันวา่ งเสยี แล้ว มันไมต่ ายแลว้ ไม่มใี ครจะตาย ชีวิตวา่ ง วุ่น แล้วกว็ า่ ง นเ้ี ปน็ เคร่อื งช่วยใหเ้ ราเข้าใจธรรมะหรือชีวติ ไดด้ ขี น้ึ มีธรรมะสำ�หรบั จะระงบั ความวนุ่ ใหห้ มดไปไมม่ คี วามทกุ ข์ แลว้ กว็ า่ งจากความทกุ ข์ ทแี รกมนั วา่ ง ในทอ้ งแม่นัน้ เพราะว่าง เพราะไม่มอี ะไรกวน มนั ยงั โงอ่ ยู่

150 ธรรมะคือหน้าท่ี ดังนั้นพอคลอดออกมามันจึงวุ่นเพราะมันยังโง่อยู่มันก็สร้างความทุกข์ ขึ้นมา แต่ความทกุ ข์น้เี ป็นของเจ็บปวดทำ�ให้เราคดิ แก้ เราจงึ พบและแกแ้ ลว้ จึง วา่ ง ควรจะขอบใจความทกุ ข์ ความทกุ ขม์ าสอนใหค้ นฉลาด ถา้ ไมม่ คี วามทกุ ข์ มนุษย์จะไม่ฉลาด ปัญหาหรืออุปสรรคหรือความทุกข์ท้ังหลายมันเป็นส่ิงท่ีมา ท�ำ ใหม้ นุษย์ฉลาด ทเี่ ดยี๋ วนท้ี เ่ี ขาคน้ ควา้ พบอะไรมากออกไปๆ มนั กเ็ ปน็ เรอ่ื งความทกุ ขบ์ บี บงั คบั ใหพ้ บหยกู พบยา พบวธิ แี กไ้ ขปญั หา หรอื วา่ ความไมส่ ะดวกสบายตา่ งๆ ให้ หมดไป ความทกุ ขม์ ันบีบค้ัน ฉะนนั้ ผทู้ ม่ี ปี ญั ญาจะเห็นวา่ ความทกุ ขม์ ันมาท�ำให้ มนษุ ยฉ์ ลาด ไมใ่ ชม่ าท�ำใหม้ นษุ ยม์ านงั่ รอ้ งไห้ หรอื ไปกระโดดนำ�้ ตาย หรอื กนิ ยา ตาย ยงิ ตัวตายเหมือนทีเ่ ป็นๆ กนั อยูท่ วั่ ๆ ไปนนั้ เขาเขา้ ใจผิด ความทกุ ขต์ อ้ งมา ชว่ ยให้เราฉลาดและก็แกป้ ญั หาน้ันได้ และจะแก้ปัญหาน้นั ได้คอื รู้ธรรมะข้ึนมา นัน่ เอง ถ้าเรามคี วามทุกขท์ ีหน่งึ เรารู้ธรรมะขอ้ หนง่ึ แล้วก็จะวเิ ศษ นั้นเปน็ ธรรมชาติ ธรรมะมันเกิดขึ้นในหมู่คนหมู่มนุษย์ นี่ก็เพราะความทุกข์มันบีบ บงั คับ ว่าตอ้ งท�ำอย่างนี้ ต้องท�ำอยา่ งนี้ ต้องท�ำอยา่ งนท้ี ี่จะไมท่ ุกข์ เราจึงรเู้ รื่อง ความไมท่ กุ ข์มากขึน้ ทเ่ี ป็นชัน้ ตำ่� สุดขอใหด้ เู ถอะ สนุ ขั และแมว หมู ไก่ อะไร ก็ตาม ท�ำไมมันรู้ว่าอันนี้กินไม่ได้ กินเข้าไปตายนะ ท�ำไมมันรู้ล่ะ แล้วอันน้ีไม่ สบาย ไปอยตู่ รงนน้ั ดกี วา่ ไปนอนอยา่ งนนั้ ดกี วา่ ไปท�ำอยา่ งนนั้ ดกี วา่ มนั รขู้ น้ึ มา จนเป็นความร้ปู ระจ�ำชีวิต คนยังอาจจะไมร่ ใู้ นแงน่ ี้ในบางเรอ่ื ง แต่สัตวเ์ ดรัจฉาน เช่น ไก่ เชน่ แมว เชน่ น้ี มันรู้ ท่เี รายงั ไม่รทู้ คี่ นยงั ไม่รู้เพราะมันไม่จ�ำเปน็ จะตอ้ งรู้

151ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ ฉะนั้นคนเห็นไก่มันจะออกไปนอนกิ่งที่เล็กที่สุดที่ยื่นออกไปอ่อน เนิบนาบนน่ั นะ่ ไกม่ นั จะไปนอนท่ีน่ัน คนมันกว็ ่าไกน่ ี้โง่ กิ่งใหญ่ๆ นอนสบายมัน ไม่เอา ไปนอนทปี่ ลายกิ่งออ่ นเนบิ นาบ ไก่มันกจ็ ะบอกว่าคนมันโง่ นอนทนี่ ่ันมนั ปลอดภยั นอนทปี่ ลายกงิ่ เนบิ นาบมนั ปลอดภยั อนั ตรายมากร็ เู้ สยี กอ่ นแลว้ กบ็ นิ ปร๋อไปเลย ก็ถ้าไปนอนทโ่ี คนกง่ิ ใหญ่ๆ อนั ตรายมาไม่รูก้ ็ยังหลับอยู่ มนั ก็กินเลย ไก่มันยังรู้ มันยังรู้ ใครสอนมันเล่า ก็สัตว์เดรัจฉานมันยังสอนตัวเองได้ด้วย ความทุกขท์ ่ีได้เกดิ ข้ึน แล้วมนั สอนตดิ อย่ใู นสญั ชาตญาณ ถ่ายยนี อะไรกนั มา ไดม้ นั กร็ ทู้ กุ ตวั ไกท่ กุ ตวั เกดิ มากร็ วู้ า่ ตอ้ งนอนทปี่ ลายกง่ิ ออ่ นๆ แมล้ กู ไกม่ นั กเ็ รมิ่ รู้ ความทกุ ขม์ นั สอนให้ เรากฉ็ ลาดขึ้น เราก็ท�ำตัวให้เป็นผู้ที่ความทุกข์มันสอนให้ แล้วก็ฉลาดขึ้น อย่าไปนั่ง รอ้ งไห้ อยา่ ไปกระโดดนำ้� ตาย อยา่ ไปกนิ ยาฆา่ แมลง เหมอื นทเี่ ขาท�ำๆ กนั อยู่ มนั ไม่มปี ระโยชนอ์ ะไร เสียเวลาที่ไดเ้ กิดมาเปน็ มนุษย์กับเขาทหี นงึ่ ไมไ่ ดป้ ระโยชน์ อะไร ควรจะต้อนรับความทกุ ขก์ ด็ ี ความเจบ็ ไข้กด็ ี อะไรกด็ ี ที่จะท�ำให้เราฉลาด ขึ้นๆ ธรรมะมากมายแต่สรปุ แล้วมนั กจ็ ะดบั ทุกข์ ความทกุ ข์ก็มากมาย สรุปแล้วก็เพราะว่าเรามีจิตไปเกาะเก่ียวเข้าที่สิ่งน้ันๆ เพื่อจะรักมันก็มี เพ่ือจะเกลียดมันก็มี ท่ีไปเกาะเก่ียวมันด้วยความรักมันก็กัดเอาแบบหนึ่ง ที่ไป เกาะเก่ียวมันด้วยความเกลียดมันก็กัดเอาอีกแบบหนึ่ง ฉะน้ันอย่าไปรักอย่าไป เกลียดมันดีกว่ามันจะไม่กัดเอา ที่เรียกว่าว่างๆ น้ันคือไม่ไปจับยึดไว้เป็นตัวเรา เป็นของเรา

152 ธรรมะคอื หน้าท่ี แตอ่ ยากจะเตอื นสกั นดิ หนง่ึ วา่ ใหท้ กุ คนสงั เกตดใู หด้ ี เมอื่ จติ ใจของเรา ไปจับเข้าที่อะไร มันเป็นอย่างไรบ้าง กับเม่ือจิตของเราไม่ได้ไปจับที่อะไรเลย มนั เปน็ อยา่ งไรบา้ ง เมอื่ สกั ครบู่ อกแลว้ วา่ มาจากกรงุ เทพฯ มาทธ่ี รรมชาตมิ นั บบี บังคับให้จิตมันว่าง หรือมันวางไม่จับนั่นจับเหมือนอยู่ท่ีบ้านมันต่างกันอย่างไร เราไปจับฉวยอะไรในแงข่ องความรัก มนั ก็เปน็ ทาสของสงิ่ นน้ั มนั ก็หนักอ้งึ มันก็ รอ้ น เราไปจบั ฉวยอะไรในสง่ิ ทไ่ี มร่ กั มนั กร็ อ้ นเปน็ ไฟ เพราะเราเกลยี ด เพราะ เราร�ำ คาญ ฉะน้ันเป็นจิตที่ว่างจากความรักและความเกลียด ว่างจากความรัก และความชัง ชนดิ นั้นไมร่ อ้ น เรียกวา่ จติ ว่าง เขาฟังไม่ถกู เขาเลยดา่ เร่อื งจิต วา่ ง เราพดู เรอ่ื งจติ วา่ ง เพราะเขาฟงั ไมถ่ กู เขาวา่ จติ วา่ งแลว้ กไ็ มท่ �ำ อะไร หรอื มนั นอนตายแลว้ หรอื วา่ มนั ไมร่ กั ชาติ รกั บา้ นเมอื ง รกั อะไร หนงั สอื พมิ พเ์ ขาไปเขยี น ดา่ เรอื่ งจติ วา่ งกนั อยพู่ กั หนง่ึ แตเ่ ดย๋ี วนหี้ ายไปแลว้ มนั รวู้ า่ วา่ งนนั้ คอื อยา่ งไร วา่ ง ชนิดที่ไม่รู้จักอะไรก็ไม่คิดอะไรก็เหมือนกับคนตายแล้ว ว่างนี้หมายความว่าจิต ไม่โง่ไปรักอะไรเข้า หรือไปเกลียดอะไรเข้า เราไปยึดถืออะไรเราก็ตกเป็นทาส ของสิ่งนั้น ไม่ว่าสิ่งท่ีเรารักหรือสิ่งท่ีเราเกลียด เราไปจับฉวยยึดถือสิ่งที่เรา เกลยี ด เรากต็ อ้ งเปน็ ทกุ ขเ์ พราะความเกลยี ด เราไปจบั ฉวยในความรกั กต็ อ้ งเปน็ ทกุ ขเ์ พราะความรัก ภาษาธรรมะก็พดู เป็นกลางๆ วา่ ไปยดึ มนั่ ถอื มน่ั ในสง่ิ ใด จะต้องเป็น ทกุ ขเ์ พราะสง่ิ นน้ั ทง้ั ทเ่ี ปน็ สงิ่ ทน่ี า่ รกั และเปน็ สง่ิ ทน่ี า่ เกลยี ด อนั นม้ี นั เปน็ เรอื่ ง ทไ่ี กลขน้ึ ไปจนถงึ ธรรมะชนั้ สงู คนธรรมดาเขาไมเ่ ขา้ ใจและเขาจะหาวา่ พดู ผดิ พดู ถงึ ช้ันสงู สุดชัน้ พระอรหนั ต์ ท่านไมจ่ บั ฉวยไม่ยึดถือท้งั สิง่ ดแี ละสิ่งช่วั

153ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ ทีน้ีเราทุกคนเป็นชาวบ้านอย่างนี้ยังต้องการจะทำ�ดี เขาสอนอยู่ตลอด เวลาให้เวน้ ทำ�ชวั่ ใหท้ ำ�ดี ให้ยึดถือความดี ให้หวังความดี ให้สรา้ งความดี และ เรากผ็ กู พนั ตวั อยกู่ บั ความดี และกม็ ปี ญั หาเรอ่ื งความดี มคี นฆา่ ตวั ตายดว้ ยปญั หา ทีเ่ น่อื งมาจากความดนี ้ีมากมาย คอื ดไี ม่ไดส้ มใจ คือเสียหายไป หรอื ตวั จะไม่ได้ ดี อยา่ งน้เี ป็นต้น เขากลัวจะเสยี ชอ่ื เขากลวั จะอะไรตา่ งๆ เขากเ็ ป็นทุกข์ เขาก็ ฆ่าตวั ตายเสียกอ่ น น่เี รียกวา่ ความดีเหมือนกับวา่ ไปจบั ยึดเข้าแล้วมนั ก็มีปัญหา ให้ทุกข์ให้ร้อนเหมือนกัน สู้อยู่ตรงกลางๆ ไม่ชั่วไม่ดีไม่ได้ตรงนั้นมันไม่มีความ ทกุ ข์ ตรงที่ว่าง ไม่ดีไม่ชวั่ ตรงนั้นวา่ งไม่มคี วามทกุ ข์ มนั จงึ บอกหลกั ธรรมะทเ่ี รยี กวา่ มนั ประยกุ ตท์ สี่ ดุ คอื apply ทสี่ ดุ วา่ ไป ระวังให้ดี เรามันมีหน้าท่ีอะไรบ้าง มนุษย์เราจะแบ่งเวลาของเราเป็นเวลา ทำ�งานก็อย่ามีความทุกข์ เวลาพักผ่อนก็อย่ามีความทุกข์ เวลาบริหารชีวิต ร่างกายกอ็ ยา่ มีความทุกข์ เวลาเจ็บไข้กอ็ ย่ามีความทุกข์ เวลาหลบั นอนหลบั กอ็ ยา่ มคี วามทุกข์ ถา้ วา่ ยงั เรยี นอยใู่ นโรงเรยี น ในมหาวทิ ยาลยั การเรยี นนนั่ แหละกเ็ ปน็ การ งาน ถา้ เราไปท�ำ งานออฟฟศิ ราชการ บรษิ ทั แลว้ การงานนัน้ กเ็ ป็นการงาน เรา ก็มกี ารงานท่เี ราจะตอ้ งท�ำ อย่ามคี วามทกุ ข์ อย่าทำ�ด้วยความยดึ ถอื จงทำ�ดว้ ย จติ ทเ่ี ปน็ อสิ ระปกตไิ มย่ ดึ ถอื แลว้ จะไมเ่ กดิ ความทกุ ขเ์ พราะการงาน ถา้ เรายดึ ถอื เราจะหวาดกลวั เราจะระแวง เราจะกระทบกระทง่ั ไมม่ คี วามสขุ ฉะนน้ั เมอ่ื ท�ำ การงานท�ำ จติ ใหว้ า่ ง ไมย่ ดึ ถอื ไดเ้ สยี บญุ ดชี ว่ั อะไรกนั นกั ตงั้ ใจท�ำ ด้วยจติ ท่ไี มม่ อี ะไรมากลมุ้ รุมเกาะเกย่ี ว จะทำ�งานไดด้ ี ท�ำ งานไดเ้ ร็ว

154 ธรรมะคอื หน้าที่ มผี ลงานดี แลว้ มคี วามสขุ ในการท�ำ งาน งานอาชพี ของเรากท็ �ำ อยา่ งไมต่ อ้ งเปน็ ทกุ ข์ การกศุ ลชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ กไ็ มต่ อ้ งเปน็ ทกุ ข์ แมง้ านพเิ ศษจะตอ้ งชว่ ยเลย้ี งเปด็ เลี้ยงไก่ เลย้ี งเดก็ เล้ียงอะไรบา้ ง ก็ไม่ตอ้ งเป็นทุกข์ ไมว่ ่างานอะไรตอ้ งทำ�ดว้ ย จิตที่ปกติไม่เป็นทุกข์ เขาเรียกว่าจิตว่างหรือจิตอิสระจิตท่ีเป็นทุกข์ไม่ได้ เร่ือง ชวี ิตเป็นการงานอยู่ในตัวตลอดเวลา อยา่ ใหเ้ ปน็ เรื่องส�ำ หรับยึดถือ ถา้ เรากนิ อาหารอยา่ งทเ่ี รยี กวา่ ตามธรรมชาตมิ นั กไ็ มย่ ดึ ถอื แตถ่ า้ เราไป หลงในความอร่อยมันก็ยึดถือ แล้วก็มันกลายเป็นกินเหย่ือ หรือกลายเป็น กามารมณ์ เปน็ อะไรไปมนั กย็ งุ่ มนั กท็ กุ ขร์ อ้ น ฉะนน้ั จะท�ำ อะไรกอ็ ยา่ ใหม้ นั ท�ำ ไป ด้วยความยึดถอื ท�ำ ไปดว้ ยจติ ที่เปน็ อิสระ ทีนจ้ี ะพักผ่อนก็จติ ต้องว่างตอ้ งปล่อยวางเหมอื นว่างเหมอื นก�ำ ลังน่ังอยู่ ที่นี้เรยี กวา่ จิตว่าง ไม่มตี ัวกู ไม่มีของกเู ร่าร้อนอยู่ เรยี กว่าจิตวา่ ง จะพกั ผ่อนสัก นาทีเดียวก็ต้องพักด้วยจิตว่าง เหนื่อยนักจะงีบสักห้านาทีก็ต้องทำ�ด้วยจิตว่าง ถา้ จิตไม่ว่างมนั ไม่พักผ่อน ให้นอนสกั คนื หนึง่ ก็ไมพ่ กั ผอ่ นถา้ จิตมนั ไม่ว่าง มันจะ กระวนกระวายด้ินรนฝันร้ายอะไรอยู่เร่ือยไป ดังนั้นเวลาพักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ดว้ ยจติ วา่ ง จงึ จะเปน็ การพกั ผอ่ นทไ่ี ดผ้ ล เชน่ เดยี วกบั เมอื่ ท�ำ การงานตอ้ งท�ำ ดว้ ย จิตวา่ งจึงจะท�ำ ไดด้ ี จติ ปกตดิ ี ทีนี้เมื่อบริหารกายเราจะต้องกินอาหาร ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือ แม้แต่ฝึกบริหารกายด้วยกายบริหารอะไรก็ต้องท�ำด้วยจิตท่ีปกติ จะกินอาหาร จะนุ่งห่ม จะบรหิ ารร่างกายในระเบยี บใดๆ กต็ อ้ งจติ ว่างปกติ ถา้ ไมอ่ ย่างนน้ั มนั

155ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ จะเป็นทุกข์ มันจะไม่บริหารกาย จะไม่ได้ประโยชน์แก่การบริหารกาย เช่นว่า ไปบริหารกายออกท่าดัดตนอะไรอย่างวิทยุ หรือว่าร�ำมวยจีนไทเก๊ก ถ้าจิตไม่ วา่ งจะไมไ่ ดป้ ระโยชนอ์ ะไรเลย จะบรหิ ารกายกลางสนามถา้ ท�ำไปดว้ ยจติ วา่ งจะ ไดผ้ ลของการบรหิ ารกาย ถา้ จติ มนั ไม่ท�ำ จิตมันวุ่น มันโกรธใครอยู่ หรอื มันวิตก กงั วลอะไรอยู่ จะไม่ได้ผลของการบรหิ ารกายแล้วจะแสลงเสียดว้ ยซ�ำ้ ไป แม้แต่ บรหิ ารกายกใ็ หท้ �ำดว้ ยจติ ท่ีวา่ งทีป่ รกติ ทนี เ้ี จบ็ ปว่ ยขน้ึ มา เจบ็ ไขข้ น้ึ มา ปวดหวั ตวั รอ้ น เจบ็ ปว่ ยอะไรกต็ าม อยา่ ไปโกรธ อยา่ ไปกลวั อยา่ ไปว่นุ วาย ทำ�จติ ให้วา่ งมนั จะเจบ็ น้อย แมจ้ ะเจ็บแผลก็ จะเจ็บน้อยถ้าจิตว่าง ถ้าจิตยึดถือตัวกูจะตายแล้วโว้ยมันก็เจ็บมาก หยุดความ ยึดถือเสียเจ็บมันจะเจ็บน้อย ทีนี้ว่าถ้ามันเป็นโรคมากมันก็จะหายเร็ว เม่ือเรา เจบ็ ไขเ้ ราท�ำ จติ ใหว้ า่ งไดโ้ รคจะหายเรว็ ถา้ สมมตวิ า่ มนั ไมห่ าย มนั จะตอ้ งตาย กต็ ายดที ส่ี ดุ ตายดกี วา่ คนทจ่ี ติ วนุ่ จติ วนุ่ ตายไปเปน็ ผี เปน็ เปรต เปน็ อะไรไมน่ า่ ดู ฉะนน้ั คนท่จี ิตวา่ งตายไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ไปนิพพานทัง้ น้นั ดังนน้ั ถา้ วา่ เจบ็ ไขก้ ข็ อใหเ้ จบ็ ไขด้ ว้ ยจติ วา่ ง จะเจบ็ ปวดนอ้ ย ในกรณที หี่ ายกจ็ ะหายเรว็ ในกรณที ่ีไมห่ ายก็จะตายดี เรียกว่าตายดี ธรรมะช่วยถึงขนาดน้ี เมอ่ื หลบั คนเรามนั ตอ้ งหลับ ร่างกายธรรมชาติมันตอ้ งหลบั หลับกต็ อ้ ง หลบั ดว้ ยจติ วา่ งมนั จงึ จะหลบั สนทิ ไมเ่ ชน่ นน้ั มนั จะสะดงุ้ อยเู่ รอื่ ยไปไมม่ ผี ล นอน กช่ี วั่ โมงกไ็ มส่ ดชน่ื ถา้ หลบั ดว้ ยจติ ทป่ี กตสิ งบ หลบั ยสี่ บิ นาทตี น่ื ขนึ้ มากย็ งั สดชนื่ แม้แต่หลับก็ต้องหลับด้วยธรรมะ คือหลับด้วยจิตว่างจึงจะได้ผลแห่งการหลับ

156 ธรรมะคือหน้าท่ี หลับด้วยสติต้ังสติจะหลับ แล้วก็ตื่นมาตามท่ีกำ�หนดไว้ว่าจะตื่น แล้วก็ไม่วิตก กงั วลอะไร หดั นอนหลบั โดยไมว่ ติ กกงั วลอะไรจะไดร้ บั ผลของการหลบั ถา้ มวี ติ ก กงั วลอะไรไมเ่ ปน็ การหลบั มนั เปน็ การตนื่ ของจติ ใจ รา่ งกายอยนู่ ง่ิ ๆ ไมไ่ ดผ้ ลเปน็ ความสดช่นื จากการหลบั สรุปว่าเม่อื ท�ำ การงานกม็ ีธรรมะด้วยจิตว่าง เมอ่ื พกั ผอ่ นกต็ อ้ งมธี รรมะ โดยท่ีจิตมันวา่ ง แล้วเมอ่ื บรหิ ารรา่ งกายอย่กู ็ดว้ ยจิตมีธรรมะมนั ว่าง เม่ือเจบ็ ไข้ กไ็ ด้ธรรมะมจี ติ วา่ ง เมื่อจะนอนหลับกต็ อ้ งมธี รรมะมีจติ ว่าง หมดแลว้ ไมม่ ีอะไร ไม่มเี วลาอืน่ ทจี่ ะให้เป็นทุกขแ์ ลว้ ถ้าท�ำ ทุกระยะน้ใี หม้ ันไมม่ ีความทกุ ข์ได้ กไ็ ม่มี ระยะไหนท่ีจะเหลือไว้ส�ำ หรับจะเป็นทกุ ข์ พอว่างมันกไ็ มม่ ที ุกข์ ควรจะจบแลว้ วา่ งแลว้ จะไปไหนกันอีกล่ะ มนั ไม่มีอะไรจะไปไหนแล้ว ถา้ ว่างแลว้ ไม่มีตวั ตนจะ ไปไหนกนั อีก เรื่องมันจบ พระนพิ พานนัน้ คือวา่ งอยา่ งยิ่ง จิตวา่ งอยา่ งยิง่ อะไรๆ วา่ งอยา่ งยงิ่ หยดุ การปรงุ แตง่ หยดุ การอะไรหมด วา่ งทสี่ ดุ คอื พระนพิ พานกถ็ อื วา่ เปน็ ที่จบ นี้คือเร่ืองธรรมะถ้าเราประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมะ จะไมม่ ปี ญั หา จะไมม่ คี วามทกุ ข์ จะอยดู่ ว้ ยความเยอื กเยน็ เปน็ นพิ พาน นพิ พาน แปลว่าเย็น ในฐานะคนท่ัวไปรู้ธรรมะโดยหลักใหญ่ยืดยาวพอเท่าน้ีเรียกว่า สำ�หรับคนท่ัวไป ถ้าเป็นธรรมะสำ�หรับพวกครู พวกอะไรโดยเฉพาะก็พูดอย่าง อนื่ แตท่ ีนพี้ ดู ส�ำ หรับคนท่วั ไปตอ้ งมีธรรมะตามหลักของธรรมชาตถิ ูกต้อง อยา่ ตอ้ งมีความทกุ ข์ความรอ้ นเลย ถ้ามีความทุกขก์ ็คอื ขาดทุน เราไม่ได้เกดิ มาเพื่อ ความทกุ ข์

157ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ ฉะนั้นขอให้จำ�ไว้เป็นหลักว่าจะไม่ต้องมีความทุกข์ ใครมีความทุกข์ คนนน้ั แหละคนนา่ ละอาย เปน็ คนท�ำ ผดิ ทคี่ วรนา่ ละอายยง่ิ กวา่ สงิ่ ใดทง้ั หมด คอื มันมีความทุกข์ ฉะน้ันอย่ามีความทุกข์เป็นอันขาด ศึกษาให้เพียงพอ มี สติสัมปชัญญะ ระมัดระวังให้เพียงพอ อย่ามีความทุกข์ จะเป็นท่ีน่าละอาย ทส่ี ดุ กวา่ เร่ืองใดๆ ทง้ั หมดท่ีเขาละอายกนั นัก แล้วก็การบรรยายนี้มันก็สมควรแก่เวลา ก็จะยุติกันไว้สักทีหน่ึง ขอให้ ไปทบทวนดใู หด้ ีหัวขอ้ มีอยู่อยา่ งไร อยา่ งน้อยก็เอาหัวขอ้ ไปใหไ้ ด้ เอาละ, ขอยตุ ิการบรรยาย.

“...ธรรมะจะช่วยใหเ้ ราเลื่อนชั้น จากสิง่ มีชีวิตธรรมดาไดเ้ ปน็ คนซึง่ พอดไู ด้ จากคนเป็นมนุษย์ จากมนุษย์เป็นอริยชน อริยเจา้ จากอริยเจา้ เป็นพระอรหนั ต์... ”

ความเจบ็ เอกสารจดหมายเหตพุ ุทธทาส อนิ ทปัญโญ. รวมภาพวาดลายเส้น และค�ำ กลอน. (พ.ศ.2472-2496). BIA 5.2/1 (2/2) กลอ่ ง 1. หนา้ 334.

ธรรมบรรยายเร่ือง หนา้ ท่ีท่ตี ้องประพฤตปิ ฏิบัตใิ หด้ บั ทกุ ข์ได้ อบรมพระภิกษุราชภฏั สุราษฎร์ธานี ครั้งท่ี ๑ วนั ท่ี ๒๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ผู้ถอดค�ำ บรรยาย คณุ ภทั ริ า นภบุตร์ ผูต้ รวจทาน คณุ อรวรรณ โฉมศรี

159ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ หนา้ ที่ที่ต้องประพฤติปฏิบตั ิ ให้ดับทกุ ขไ์ ด้ ผมขอแสดงความยินดี อนโุ มทนาต่อพระราชภัฏท่ลี าบวชทง้ั หลาย ขอ แสดงความยินดีในการที่ท่านทั้งหลายได้รับโอกาส ได้มีโอกาสท่ีได้บวช และท่ี จะไดฝ้ กึ ฝนพระธรรมในพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื ประโยชนห์ ลายอยา่ งหลายประการ โดยเฉพาะอย่างย่ิงก็คือจะเป็นผู้สืบอายุพระศาสนา ไม่เคยบวชไม่ค่อย จะรหู้ นา้ ทใี่ นการทจี่ ะชว่ ยสบื อายพุ ระศาสนา ถา้ เคยบวช เคยไดย้ นิ ไดฟ้ งั ไดเ้ ลา่ เรียนรู้ รอบรู้ก็สามารถท่ีจะสืบอายุพระศาสนา ไม่ว่าจะยังคงอยู่เป็นบรรพชิต หรือแม้ที่สุดแต่จะออกไปครองเรือน ฆราวาสผู้ครองเรือนก็มีหน้าที่ที่จะต้อง สืบอายพุ ระศาสนาด้วยเหมือนกัน และก็ไดเ้ ป็นมาแลว้ ตลอดเวลา

160 ธรรมะคอื หน้าท่ี ส�ำ หรบั การบวชน้ี ถา้ วา่ โดยเนอ้ื แทน้ นั้ กเ็ ปน็ เรอ่ื งของผตู้ อ้ งการจะสละ ความเป็นอยู่อย่างวิสัยโลก ออกไปสู่ชีวิตแบบที่สูงกว่าธรรมดาโลกในข้ัน ปลาย ในเบอื้ งปลายแหง่ ชวี ติ ทงั้ นน้ั นเ้ี ปน็ ธรรมเนยี ม อายมุ ากกนั แลว้ กบ็ วชเพอื่ แสวงหาความสุขในบ้นั ปลายแห่งชีวติ จากการบวช แต่บัดนี้ มันก็เกิดมีขนบธรรมเนียมประเพณีข้ึนในประเทศไทยเรา ให้ คนหนุ่มบวชช่ัวคราว มันก็ไม่ขัดแย้งอะไรกัน ไม่ได้เป็นการฝืนคำ�สั่งสอนหรือ อะไรท�ำ นองน้นั เพราะวา่ จะไดศ้ ึกษาสิง่ ท่ีจะทำ�ใหเ้ ป็นมนษุ ยอ์ ยา่ งถูกต้องต่อไป แมจ้ ะสกึ ออกมาเปน็ ฆราวาสกจ็ ะเปน็ มนษุ ยท์ ไ่ี มม่ ปี ญั หาโดยทกุ ทศิ ทกุ ทาง มนั ดี อยา่ งนน้ั และอีกทางหนง่ึ เทา่ ท่ีเราทราบมา แมใ้ นประเทศอินเดีย ก็มีระเบยี บให้ คนหนุ่มออกไปอยู่ในลักษณะท่ีเป็นการฝึกฝนอย่างยิ่ง คือไปเข้าอาศรมในทาง ศาสนา ฝกึ ฝนเร่ืองทางกาย ทางวาจา ทางใจ ชนดิ ท่ีสูงข้นึ ไปกว่าธรรมดา จน อาจารย์ผูเ้ ปน็ หัวหน้าผฝู้ กึ บอกว่า เอ้า, พอแลว้ คณุ กลับไปได้ แลว้ กลับไปบ้าน ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ บณั ฑติ กลบั มาคอื มคี วามรพู้ อตวั ทจี่ ะด�ำ เนนิ ชวี ติ เปน็ มนษุ ยท์ ด่ี ที ส่ี ดุ เขาเรยี กวา่ เปน็ บัณฑิต เดย๋ี วนกี้ ย็ งั มรี ะเบยี บอยา่ งนใ้ี ชอ้ ยแู่ มว้ า่ จะไมม่ ากมาย เพราะวา่ การศกึ ษา สมัยใหม่มันเข้ามาแทรกแซงแล้ว ก็เป็นเร่ืองบัณฑิตอย่างแบบใหม่ไปหมด แต่ แบบเก่าเขาก็เรียกวา่ บณั ฑติ ดว้ ยเหมอื นกัน

161ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ นี้ก็หมายความว่า คนหนุ่มออกไปศึกษาฝึกฝนเร่ืองที่ควรจะศึกษา ฝกึ ฝน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ กค็ อื ใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ ด่ี ที ส่ี ดุ ทจี่ ะดไี ดน้ นั่ เอง นน่ั แหละ คือความประสงค์มุ่งหมาย ถ้าสมมติว่าจะไปเป็นพ่อบ้านก็จะไปเป็นพ่อบ้าน ที่ดี จะไปเป็นพลเมืองก็ไปเป็นพลเมืองที่ดี จะไปเป็นอะไรก็ตาม จะไปเป็น หน้าทีต่ �ำ แหน่งใดในโลกนกี้ จ็ ะเปน็ ไดอ้ ย่างดี เพราะเหตไุ ร เพราะเหตุว่าเคย ฝึกฝนส่ิงท่ีควรจะฝึกฝน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการบังคับตัวเอง คือบังคับกาย วาจา ใจ ไดส้ �ำ เรจ็ เปน็ ผคู้ ลอ่ งแคลว่ ในการทจ่ี ะบงั คบั จติ ซง่ึ จะบงั คบั กาย บงั คบั วาจาด้วย ไมใ่ ห้เกดิ โทษขึน้ มาเพราะเหตุน้ัน ดังน้นั คนชนดิ นีจ้ ึงมีประโยชน์ แม้ ในความเปน็ ฆราวาส สำ�หรับเร่ืองการบวช นี่เราจะถือเอาความมุ่งหมายอย่างนี้เป็นหลัก สำ�หรับพระราชภัฏทั้งหลาย แต่ถ้าโดยหลักทั่วไปมันหมายถึงบวชเลย บวชไป เลย อย่างน้ันมนั ก็อกี เรอื่ งหนงึ่ ไปหมด เวน้ หมด จากความเป็นฆราวาส ไปเป็น บรรพชติ จนตลอดชวี ติ น้ันมันกอ็ กี เร่อื งหนึ่ง ถา้ ทำ�ไดก้ ็ท�ำ และท�ำ ต่อไป ถา้ ท�ำ ไม่ ได้จำ�เปน็ จะตอ้ งสกึ ท่จี ะตอ้ งลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสนัน้ ก็ทำ�ใหด้ ีท่ีสุด รู้สึก วา่ สามสเี่ ดอื นนย่ี งั นอ้ ยไป ยงั มกี ารฝกึ ทนี่ อ้ ยไป แตเ่ มอ่ื มนั มธี รรมเนยี มบวชเพยี ง สามสเี่ ดอื นกพ็ ยายามใชเ้ วลาใหด้ ที สี่ ดุ ในการทจี่ ะฝกึ ฝนปรบั ปรงุ ตวั เองใหไ้ ด้ รับประโยชนส์ มตามความมงุ่ หมาย ผมอยากจะใชค้ �ำรวมกนั ไมว่ า่ จะเป็นบรรพชิตหรือจะเป็นฆราวาส ค�ำ รวมกนั ค�ำนน้ั ก็คือว่า การชนะโลก ชนะโลกไมพ่ า่ ยแพ้แก่โลก ชนะโลก อยอู่ ยา่ ง

162 ธรรมะคือหน้าท่ี บรรพชิตไปก็เป็นการชนะโลกโดยเด็ดขาดสูงๆ ข้ึนไป แต่ว่าแม้จะออกไปเป็น ฆราวาสกต็ อ้ งมกี ารชนะโลก ตามสมควรแกอ่ ตั ภาพของตนๆ ถา้ พ่ายแพ้แกโ่ ลก มันก็คือความวนิ าศแม้ฆราวาสนัน่ แหละ ฆราวาสที่พ่ายแพ้แก่โลกกห็ มายความ วา่ พา่ ยแพ้แกก่ ิเลส ก็ท�ำไปในลกั ษณะท่ที �ำตวั เองใหต้ �่ำ ตกตำ่� ตกตำ่� ตกต�ำ่ ไป กวา่ ระดบั ความเปน็ มนษุ ยท์ คี่ วรจะเปน็ อยา่ งนก้ี เ็ รยี กวา่ ไมช่ นะโลก หรอื พา่ ยแพ้ แกโ่ ลก ฉะนนั้ แมว้ า่ เราจะลาสกิ ขาเปน็ ฆราวาส กจ็ ะตอ้ งมหี ลกั วา่ จะออกไปเปน็ ผชู้ นะโลก ไมใ่ หโ้ ลกครอบง�ำยำ�่ ยเี รา เสยี หายหมด แตจ่ ะกระท�ำสงิ่ ทกุ สงิ่ ใหเ้ ปน็ ไปเพอื่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งสวสั ดมี ชี ยั แกช่ วี ติ จติ ใจ ทงั้ แกต่ นเองและแกผ่ อู้ น่ื น้ี คอื ชนะโลก เพราะฉะนน้ั เราจึงมกี ารบวชไดแ้ ม้ช่ัวคราวและเพื่อฝกึ ฝนการชนะ โลก ซง่ึ จะต้องศกึ ษากนั เสียแต่บดั น้ี อยากจะพดู ว่าการทมี่ าอยอู่ ยา่ งน้ี อบรมอย่างนี้ ฝกึ ฝนอยา่ งน้ี เรอ่ื งกิน เรอ่ื งอยู่ เรอ่ื งใช้ เร่ืองสอย เรอ่ื งอะไรต่างๆ น้ี ล้วนแตฝ่ ึกเพื่อชนะโลก ท่จี ะบงั คับ กิเลสได้ จะไม่ปล่อยให้กิเลสครอบง�ำย่�ำยี และไปท�ำในสิ่งที่ไม่ควรจะท�ำ เช่น อบายมุข เป็นต้น และวา่ จะไดฝ้ กึ ฝนการเป็นอยูอ่ ยา่ งต�่ำ ซึ่งเป็นธรรมชาตหิ รือ ใกล้ชดิ กับธรรมชาติทส่ี ดุ ตวั อยา่ งประจักษอ์ ยูเ่ ด๋ยี วน้แี ล้วว่า เดี๋ยวนเ้ี ราก�ำลงั น่ัง กลางดิน เราไม่ตอ้ งน่ังบนตึก บนเก้าอ้ี บนอะไรท่ีมันมีราคาเปน็ ลา้ นๆ เหมือนท่ี เขาท�ำกันอยู่ในมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ นัน้ ไม่เปน็ การศึกษาในส่วนน้ี เดี๋ยวน้ีเรานั่งกลางดิน ถ้าใครยังไม่ทราบก็ควรจะทราบเถอะว่า พระพุทธเจ้านนั้ ทา่ นกป็ ระสูติกลางดนิ เมอ่ื ตรสั รกู้ ็ตรสั รูก้ ลางดิน นั่งกลางดนิ

163ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภิกขุ ตรัสรู้ ไมไ่ ด้ตรสั รูใ้ นมหาวทิ ยาลัยอะไรทไี่ หน แลว้ ท่านก็สอน สว่ นมากก็เมือ่ นัง่ กนั อยกู่ ลางดิน เมอ่ื เดินทางไปก็ได้ เพราะวา่ กุฏิ วหิ ารท่ีใช้อาศัยอยู่ก็เปน็ พนื้ ดนิ สอนกลางดนิ อยกู่ ลางดนิ ปฏบิ ตั งิ านกลางดนิ แลว้ ในทสี่ ดุ กน็ พิ พานกลางดนิ ชว่ ยเอามอื คล�ำ ดนิ เอามอื ลบู ดนิ ใหม้ คี วามรสู้ กึ นกึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ วา่ แผน่ ดนิ นี้เปน็ ท่ีประสตู ิ เป็นทตี่ รสั รู้ เป็นท่สี งั่ สอน เปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั เป็นทป่ี รินพิ พาน แผ่น ดินโคนต้นไม้ มีแถมเข้ามาหน่อยว่าโคนต้นไม้ ประสูติก็โคนต้นไม้ ตรัสรู้ก็โคน ตน้ ไม้ สอนโดยมากกเ็ รอ่ื งใตต้ น้ ไม้ กน็ พิ พานในทสี่ ดุ กใ็ ตต้ น้ ไม้ แตไ่ มส่ �ำ คญั เทา่ กบั กลางดนิ เราจงพยายามดำ�รงชีวิตใกล้ชิดกับแผ่นดินให้มากเท่าที่จะมากได้ เพราะว่ามนั เป็นการใกลธ้ รรมชาตอิ ยา่ งธรรมชาติ คนุ้ เคยกบั ธรรมชาติ เม่อื คุน้ เคยกับธรรมชาติแลว้ มันกง็ ่ายในการที่จะศกึ ษาปฏบิ ัตธิ รรมะและร้ธู รรมะ เพราะว่าธรรมะนี้มันเป็นเร่ืองของธรรมชาติ ช่วยเข้าใจกันไว้ดีๆ ว่า มองในแง่ หน่ึงแล้วจะเห็นได้ทันทีว่า ธรรมะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ธรรมะ คือ ตัว ธรรมชาตทิ งั้ หลาย ตวั ธรรมชาตทิ ง้ั หลาย เปน็ รปู ธรรม นามธรรม สงั ขตธรรม อสงั ขตธรรม อะไรกต็ าม ท่ีเป็นตวั ธรรมชาติน่ันแหละ เรียกวา่ ธรรม ในภาษา บาลี เรียกธรรมเฉยๆ ทีน้ีตัวกฎของธรรมชาติ ในฐานะท่ีเป็นสัจธรรม มันก็เป็นกฎของ ธรรมชาติ จะดบั ทุกข์หรือจะเกดิ ทุกข์ หรือจะอะไรก็ตาม มนั เป็นไปตามกฎของ ธรรมชาติ กฎของธรรมชาตนิ ใี้ นภาษาบาลีกเ็ รียกว่า ธรรม คำ�เดยี วกันอกี

164 ธรรมะคือหน้าที่ ทนี ก้ี ม็ าถงึ หนา้ ทท่ี จ่ี ะตอ้ งประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ หด้ บั ทกุ ขไ์ ด้ มนั ตอ้ งปฏบิ ตั ิ ให้ถูกตอ้ งตามกฎของธรรมชาติ ซ่งึ เราจะต้องฝกึ กนั อยเู่ สมอ ฝึกท�ำ หน้าที่ให้ ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ หน้าท่ีอันนี้ก็เรียกในภาษาบาลีว่า ธรรม คำ� เดยี วกนั อีก แต่หมายถงึ ปฏบิ ัติธรรม ปฏิบัตธิ รรม ในท่ีสดุ มันได้ผลมา ตามควร แกก่ ารปฏบิ ัติ จะเป็นเรื่องโลกก็ดี เป็นเรอ่ื งธรรมะ เป็นมรรคผลนิพพานก็ดี ผล ของการปฏบิ ตั ิตามหน้าท่ีนี้ กย็ ังเรยี กโดยบาลวี า่ ธรรม ธรรมคำ�เดยี วกันอีก ขอใหร้ เู้ ถอะวา่ ธรรมะทง้ั สคี่ วามหมายนมี้ นั เปน็ เรอ่ื งของธรรมชาติ ตาม ธรรมชาตธิ รรมดาทว่ั ไปเรยี กวา่ สภาวธรรม กฎของธรรมชาตเิ รยี กวา่ สจั ธรรม หนา้ ทีต่ ามกฎของธรรมชาติ เรียกว่า ปฏปิ ตั ตธิ รรม ผลท่ีได้รบั จากการปฏิบัติ หนา้ ที่ เรียกว่า ปฏิเวธธรรม ท้งั สี่อย่างนี้ในภาษาบาลีเรียกวา่ ธรรมค�ำ เดยี ว ซงึ่ แสดงใหเ้ ห็นว่ามันเป็นเรอื่ งของธรรมชาติ ฉะนน้ั เราจะมาอยู่ ทดลองเป็นอยู่ อยา่ งใกลช้ ิดกบั ธรรมชาติท่สี ดุ อย่าง ว่ามาพักค้างอยู่ท่ีน่ี ก็ฝึกฝนอะไรหลายๆ อย่าง ท่ีให้มันลดลงไปอยู่ในระดับ ธรรมชาติ จะเปน็ การฉนั อาหารกด็ ี การอยกู่ ด็ ี การทกุ อยา่ ง เราจะมลี กั ษณะชนดิ ท่ีใกลช้ ิดธรรมชาติ น่ังกลางดนิ โคนตน้ ไม้ ใกล้ชดิ ธรรมชาติ ยิ่งกวา่ จะนั่งจะอยู่ จะเรยี นบนตกึ ราคาเปน็ ลา้ นๆ มนั ยง่ิ ไกลธรรมชาติ เดย๋ี วนเ้ี รามาฝกึ ฝน การทจ่ี ะ เอาชนะความรู้สึกต่างๆ ซ่ึงเป็นกิเลส ซ่ึงล้วนแต่ตีตนออกห่างจากธรรมชาติ เพราะว่ากิเลสมันต้องการสวยงาม สนุกสนาน เอร็ดอร่อย ผิดธรรมชาติ ไกล ธรรมชาติ

165ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ ทีนก้ี ม็ าฝกึ มาฝน การชนะกเิ ลสโดยการเปน็ อยใู่ หใ้ กล้ชิดธรรมชาติ จึง ขอบอกกล่าวว่า ตลอดเวลาที่อยู่ท่ีนี่ จงพยายามเป็นอยู่อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ อย่างน้อยที่สุดว่า ฉันข้าวด้วยมือ อย่างน้ีมันเหมือนกับพระพุทธเจ้าอย่างย่ิง พระพุทธเจ้าฉันอาหารด้วยพระหัตถ์ ด้วยมือ ไม่มีช้อนส้อมตลอดเวลา และ ไม่มีอะไรๆ อีกมากอย่างเหมือนอย่างที่เรามี พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้รถยนต์ พระพุทธเจ้าไม่มีอะไร แม้ท่ีสุดแต่ว่าคีมตัดเล็บสวยๆ สะดวกๆ เหมือนท่ีเราใช้ กนั อยนู่ ้ี พระพุทธเจ้าไม่เคยมี ไมเ่ คยรจู้ กั แลว้ เปน็ ว่าเราจะให้มันงา่ ย ใหม้ ันต่�ำ ลงไป มีการกนิ การอยกู่ ารใชก้ ารปฏบิ ตั ติ า่ งๆ ให้มนั ใกล้ชดิ ธรรมชาติ ผลทีส่ ุดมนั กก็ ลา่ วได้วา่ มชี วี ติ อยู่ไดโ้ ดยแทบจะไมต่ อ้ งใช้เงนิ แทบจะ ไมต่ ้องใช้เงิน ไมต่ อ้ งใช้เงินเลยก็ยังอยไู่ ด้ บางองคก์ ็ปฏบิ ัติอย่อู ย่างไม่ตอ้ งใชเ้ งิน เลย แม้แตค่ า่ ถา่ นไฟฉายก็ไมซ่ ื้อ ให้มันไดม้ าก็ได้มาตามทว่ี ่าไม.่ .. ไม่มีการใชเ้ งิน เอากนั อยา่ งนน้ั อยา่ งนก้ี เ็ ปน็ การฝกึ อยา่ งแรง ซง่ึ จะเอาไปใชไ้ ดส้ �ำหรบั เมอื่ ออก ไปเปน็ ฆราวาส มนั กจ็ ะใชเ้ งนิ นอ้ ยทส่ี ดุ จะสามารถเปน็ อยไู่ ดอ้ ยา่ งใชเ้ งนิ นอ้ ย ทสี่ ดุ หรอื ในบางอยา่ งบางกรณโี ดยมากไมต่ อ้ งใชเ้ งนิ เลย นเ้ี รยี กว่ามนั เอาชนะ โลก เอาชนะกิเลส เอาชนะปญั หาในโลก ฉะนน้ั ขอใหเ้ หน็ วา่ เปน็ การฝกึ ทม่ี คี า่ ยงิ่ กวา่ ทจ่ี ะไปสอบไลไ่ ดเ้ กยี รตบิ ตั ร ปรญิ ญาบตั ร ประกาศนยี บตั รอะไรไปเสยี อกี ขอใหไ้ ดธ้ รรมะตามหลกั เกณฑข์ อง พระพทุ ธเจา้ มาอยกู่ บั เนอื้ กบั ตวั เรอ่ื ยๆ ไปจนตลอดเวลา และกจ็ ะตดิ เปน็ สนั ดาน และกจ็ ะเปน็ อยไู่ ดโ้ ดยงา่ ยในโลกน้ี โดยไมต่ อ้ งมคี วามทกุ ข์ ใหเ้ ปน็ อยอู่ ยา่ งทเี่ รยี ก

166 ธรรมะคอื หน้าที่ ว่าชนะโลก ชนะโลก อย่าให้ตอ้ งร้องไห้ อย่าให้ต้องฆา่ ตัวตาย เพราะพ่ายแพแ้ ก่ ปัญหาในโลก น้ีเรียกว่าการบวชแบบน้ี การบวชแบบพระราชภัฏที่จะบวชชั่วคราว ไม่ใช่บวชตลอดไป เพียงแต่อกี ความหมายหน่ึง แม้จะบวชช่ัวคราวก็ยังได้อะไร มหาศาล มากมายมหาศาล ทไี่ ดร้ บั การฝกึ ฝน ไดร้ บั ความรสู้ �ำ หรบั จะเปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ิ อย่อู ย่างชนะโลก ชนะโลก ชว่ ยจำ�ไวค้ �ำ หนึง่ ด้วย ถ้าเราเปน็ ผชู้ นะโลก เรากจ็ ะ อยใู่ นโลกสบาย สงบเยน็ เป็นสขุ ไมม่ ปี ัญหาอะไร ถา้ เปน็ ผ้พู า่ ยแพแ้ ก่โลก มัน กค็ อื พา่ ยแพแ้ กก่ เิ ลส มนั เตม็ ไปดว้ ยความทกุ ขท์ รมาน ถกู บบี คน้ั ถกู อะไรดว้ ย กเิ ลส ดว้ ยสง่ิ ทีเ่ รยี กวา่ กิเลสและเอาชนะมันไมไ่ ด้ บางทกี ย็ ง่ิ ประชด ยิ่งท�ำ ให้ มนั เลว ใหม้ นั ชว่ั หนักขนึ้ ไปอกี อยา่ งนม้ี นั กเ็ ปน็ เรอ่ื งฉบิ หายหมดวนิ าศหมด ไมม่ ี อะไรเหลือในการท่ีจะดำ�รงชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทั้งหมดน้ีเราจะเรียกสั้นๆ ว่า การ บวชแบบนี้ คอื บวชแบบช่วั คราว ทีน้ถี า้ จะถามว่าท�ำ ไม ท�ำ ไมจะตอ้ งบวช เนอื่ งจากอะไร กบ็ อกมาแล้ว เป็นครา่ วๆ ข้างต้นแลว้ วา่ เพราะมันยังขาดผูท้ มี่ ีคณุ ธรรม ยงั ขาดความเปน็ ผ้มู ี คุณธรรม สำ�หรบั จะเป็นมนุษย์ทีถ่ ูกตอ้ ง และโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งผชู้ ายนก้ี ็เพื่อ จะเปน็ พ่อบ้านทด่ี ี คณุ ธรรมส�ำ หรบั ความเปน็ พ่อบ้านทด่ี ี มอี ยู่หลายอยา่ งหลาย ประการ ก็เพราะยังขาดคุณธรรมข้อน้ันแหละ เราจึงต้องออกมาฝึกฝน แม้ใน ระหว่างทเ่ี รยี กวา่ บวช คอื ฝกึ ฝนการบังคับตวั เอง ฝกึ ฝนก�ำ ลงั จิต ให้มกี ำ�ลงั จิต เขม้ แขง็ มากพอ ใหม้ คี วามอดกลนั้ อดทน ไมท่ �ำ อะไรทกุ อยา่ งทม่ี นั เปน็ การบบี คน้ั

167ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ กเิ ลส ไมใ่ หก้ เิ ลสมันบบี คัน้ เรา พอ่ บา้ นทดี่ ีไมใ่ ชง่ ่ายจะตอ้ งมีความรู้เพียงพอ จะ ตอ้ งมสี ตสิ มั ปชญั ญะเพยี งพอ จะตอ้ งมคี วามอดกลนั้ อดทนเพยี งพอ มสี มาธเิ พยี ง พอ ตามสมควรแกก่ รณี ฉะนน้ั อยา่ เหน็ วา่ บวชสามสเ่ี ดอื นนมี้ นั จะพอ ผมคดิ วา่ มนั จะไดเ้ พยี งเคา้ เงอื่ น เพียงเคา้ เง่อื นสำ�หรับศกึ ษาต่อไป นี้กน็ บั วา่ ดที สี่ ดุ แลว้ โอกาสสามเดอื นสี่ เดอื นนศี่ กึ ษาใหร้ เู้ รอื่ งราว ใหร้ เู้ หตผุ ล ใหร้ เู้ คา้ เงอ่ื นของการทจ่ี ะเปน็ มนษุ ยผ์ ชู้ นะ โลก แลว้ กจ็ ะตอ้ งศกึ ษาฝกึ ฝนตอ่ ไป แมก้ ลบั ออกไปเปน็ ฆราวาสแลว้ มนั กย็ งั ตอ้ ง ท�ำ อยนู่ น่ั แหละ ต้องทำ�การศกึ ษาฝึกฝนตอ่ นไ้ี มต่ อ้ งพดู ถงึ ธรรมะทงั้ หมดในพระศาสนา เพยี งแตธ่ รรมะส�ำ หรบั ความ เปน็ ฆราวาสทส่ี มบรู ณก์ ย็ งั ตอ้ งศกึ ษากนั ถงึ ขนาดนี้ เผอญิ วา่ มนั มาตรงกนั กบั เรอ่ื ง ของพระธรรม ท่ีจะอยู่อย่างในเพศบรรพชิต มันก็มีธรรมะมากมายหลายอย่าง หลายประการ บางทีก็ตรงกันเลย บรรพชิตก็ใช้ธรรมะนั้น ฆราวาสก็ใช้ธรรมะ นั้น ศกึ ษาฝกึ ฝนให้มองเหน็ ให้เขา้ ใจ ไดร้ วบรวมเข้าไว้ นี้เรียกว่าเพราะเหตุท่ีว่าเรายังขาดคุณสมบัติสำ�หรับจะเป็นมนุษย์ที่ดี หรือจะพดู ใหช้ ดั ลงไปวา่ ส�ำ หรับผู้ชายทจี่ ะเป็นพ่อบา้ นท่ดี ี เพราะเหตมุ ันขาดส่ิง เหล่าน้ี เราจึงต้องทำ� คือทำ�การศึกษา แต่ถ้าไม่มาบวชก็ไม่รู้จะไปศึกษาที่ไหน อยา่ งไร และไมส่ ะดวก และไม่ครบถว้ น ไมบ่ ริบรู ณเ์ หมือนกับวา่ มาบวช ศกึ ษา อย่างเป็นพระ นั้นก็ศึกษาส่วนนั้น แต่ว่าคุณธรรมเหล่านี้มันไปใช้ได้แม้เมื่อ ลาสกิ ขาไปแล้ว

168 ธรรมะคือหน้าท่ี สจั จะ ทมะ ขนั ตี จาคะ เขา้ ใจวา่ เคยเรยี นกนั มาแลว้ อยา่ งนพ้ี ระกใ็ ช้ พระ ก็ใชอ้ ยา่ งย่ิง จึงจะก้าวหนา้ ในหน้าท่ีการงานการปฏิบัติ มสี จั จะ มที มะ มีขันตี มี จาคะ และธรรมะหมวดนม้ี ชี อื่ เรยี กวา่ ฆราวาสธรรม หมายความวา่ ฆราวาสธรรม จ�ำเปน็ จะตอ้ งมธี รรมะเหลา่ นี้ หรอื จะใหด้ กี วา่ นน้ั กเ็ ปน็ ธรรมะส�ำหรบั ฆราวาสจะ ใช้ยกตนเองจากระดับตำ่� ขึ้นไปส่รู ะดบั สงู หรอื พ้นจากความเป็นฆราวาส ถา้ ฆราวาสตอ้ งการจะเจรญิ ในทางจติ ใจเหนอื ความเปน็ ฆราวาส กใ็ ช้ ฆราวาสธรรมน่แี หละ ศึกษาดู มนั จะชว่ ยฆราวาสพ้นจากความเป็นฆราวาส ไม่ใช่ว่าส�ำหรับจะจมอยู่ในความเป็นฆราวาสนั้นมันไม่ไหวหรอก มันไม่ได้มี แผนการหรือหลักการอะไรที่จะให้คนจมอยู่ในความเป็นฆราวาส มีแต่จะให้สูง ขน้ึ มา สงู ขน้ึ มา จนพน้ จากระดบั นน้ั มจี ติ ใจสงู กวา่ ระดบั นนั้ ค�ำวา่ ฆราวาสธรรม ควรจะมีความหมายอย่างน้ี ไมใ่ ช่ส�ำหรับจมอยู่ในฆราวาส แต่จะหลดุ ออกไปได้ จากความเป็นฆราวาส ฉะนั้นการบวชของเราก็เลยเป็นการฝึกฝนครบถ้วน เพ่ือจะอยู่เป็น บรรพชติ กไ็ ด้ จะเปน็ ฆราวาสกไ็ ด้ แลว้ กข็ อพดู ถงึ อานสิ งสใ์ หญห่ ลวงของการบวช เสยี เลย วา่ การบวชจะตอ้ งไดอ้ านสิ งสร์ วบยอดใหญๆ่ สามประการ คอื ตวั เราเอง ได้ คือประการแรก ประการทส่ี องญาตทิ ั้งหลายมีบดิ ามารดา เป็นตน้ หรือผมู้ ี พระคณุ ทงั้ หลายพลอยได้ และประการที่สามกค็ อื พระศาสนาหรอื โลกทงั้ ปวง น้พี ลอยได้

169ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภกิ ขุ ข้อแรก ที่ว่า เราผู้บวชจะพลอยได้ ก็เหมือนอย่างที่ว่ามาแล้วตลอด เวลา ถา้ บวชจรงิ เรียนจรงิ ปฏิบัตจิ รงิ ไดผ้ ลจรงิ แลว้ มันกไ็ ด้ผลอย่างทว่ี ่า ส�ำ หรับตวั เรา เป็นการได้ในสง่ิ ทีด่ ที ่ีสุด ท่มี คี า่ มากเหลอื ทจี่ ะตคี า่ กันได้ ไดส้ ่งิ ที่ดจี นเหลอื การทจ่ี ะตคี า่ เขาเรยี กว่าหาค่ามไิ ด้ หมายความว่า อยูเ่ หนือการตคี า่ ฉะน้ันขอใหเ้ ราบวชจริง เรยี นจรงิ ปฏิบัตจิ รงิ ได้ผลจริง แลว้ ก็จะได้รบั สง่ิ ซ่งึ อยู่ เหนอื การตคี า่ นี้ขอให้อุตสาหะ อดกล้ัน อดทน ทำ�ใหไ้ ด้ มันคมุ้ คา่ กนั เหลือเกิน ทนี ที้ บี่ ดิ ามารดาหรอื ผมู้ ีพระคุณท้ังหลายจะพลอยได้รับนั้น มันก็เปน็ ส่ิงผูกพันมนุษย์สิ่งหนึ่งด้วยเหมือนกัน เรามีบิดามารดาเป็นเจ้าหนี้บุญคุณ เรา เปน็ หนบี้ ญุ คณุ เราตอ้ งตอบแทน การตอบแทนอยา่ งอน่ื นนั้ ไมด่ เี ทา่ หรอื ไมส่ งู เทา่ การบวชในพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ จะดงึ จะจงู บดิ ามารดามาใกลช้ ดิ กบั ศาสนามากขน้ึ สมัยก่อนเขาใช้คำ�พูดว่าเป็นญาติในพระศาสนามากข้ึน ก็ถูกเพราะมา เกย่ี วข้องกบั พระศาสนามากข้นึ ทั้งทางวตั ถุ ทั้งทางจติ ใจ กอ่ นนี้พอ่ แม่ไม่ค่อย เข้าวัด พอลูกมาบวชอยู่ในวัด ก็เข้าเช้าเข้าเย็น และก็จะศึกษาอะไรอีกหลายๆ อย่าง และถ้าว่าลูกสามารถก็ยิ่งดีใหญ่ คือจะไปช่วยแนะนำ�สั่งสอนชักจูงชี้แจง ป้องกันอะไรให้บิดามารดารู้ธรรมะมากขึ้น และปลอดภัยจากกิเลสมากข้ึน น้ี เปน็ การตอบแทนพระคณุ อยา่ งสงู สดุ คอื เราท�ำ ใหบ้ ดิ ามารดาปลอดภยั จากกเิ ลส มากขึน้ ขอใหช้ ว่ ยนกึ ไว้ด้วย ถา้ มีความกตญั ญตู ่อบดิ ามารดา ขอใหช้ ว่ ยนึกไวด้ ว้ ย วา่ เราไดบ้ วชทงั้ ที นเี้ รายงั มหี นา้ ทส่ี ว่ นหนงึ่ คอื จะท�ำ ใหบ้ ดิ ามารดาปลอดภยั จากกเิ ลสมากขน้ึ สบาย

170 ธรรมะคือหน้าที่ มากขน้ึ มีความผาสุกในทางธรรมะมากขนึ้ ข้อน้อี ย่าลืม ขอ้ น้อี ยา่ ลมื เพราะมนั ท�ำ ได้พรอ้ มกนั ไปในตวั ถ้ามีเวลามโี อกาสก็ช้ีแจงแนะน�ำ หรอื แม้แต่ทำ�ตวั อย่าง ท่ีดีให้ดูอยู่ทุกวัน มันก็เหลือเกินแล้ว ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้เป็นตัวอย่างอยู่ทุก วนั ๆ บดิ ามารดามาเหน็ เขา้ กพ็ อใจ ยง่ิ กวา่ จะพอใจ มคี วามศรทั ธาปสาทะเลอื่ มใส ในธรรมะในศาสนายิง่ ขึน้ ฉะนนั้ ค�ำ วา่ บวชเพอ่ื ทดแทนพระคณุ บดิ ามารดานเี้ ปน็ สง่ิ ทม่ี เี หตผุ ล ไมใ่ ช่ ค�ำ พูดเหลวไหล และไมใ่ ชค่ ำ�พดู อา้ งกนั สนกุ ๆ มนั ต้องเปน็ เรอื่ งทเ่ี ป็นไปไดจ้ ริงๆ ญาติทง้ั หลาย แมแ้ ตญ่ าตหิ า่ งๆ อะไรกต็ าม ไม่ตอ้ งเฉพาะบดิ ามารดาหรอก ขอ ใหไ้ ดร้ บั ประโยชนจ์ ากการบวชของเราด้วย นีเ้ ปน็ ประโยชน์อยา่ งยง่ิ ขอ้ ทีส่ อง ข้อท่ีสาม น้ันว่าให้พระศาสนาได้รับประโยชน์ ให้โลกท้ังโลกได้รับ ประโยชน์ พระศาสนาไดร้ บั ประโยชน์ก็คือ มคี นบวชสบื อายพุ ระศาสนา บวชกี่ วนั กเี่ ดอื น กป่ี ี มันก็สืบอายพุ ระศาสนา เทา่ นน้ั วัน เท่านน้ั เดอื น เท่านน้ั ปี ขอ อยา่ งเดยี วคือว่า ใหม้ นั บวชจรงิ เรียนจริง ปฏิบตั ิจริง ไดผ้ ลจริง สอนสืบๆ กันไป จรงิ แลว้ ทำ�อย่างนี้ สุดความสามารถ เอา้ , บวชสามเดือนเสรจ็ ไป ทนี สี้ ึกไปเปน็ ฆราวาสกท็ �ำ อยา่ งนอ้ี กี ยงั คงท�ำ อยา่ งนอี้ ยอู่ กี ยงั ใชธ้ รรมะทไี่ ดศ้ กึ ษาเลา่ เรยี นมา ให้เป็นประโยชน์แก่ทุกคน ตามธรรมชาติของพระธรรม ซึ่งจะช่วยผู้ที่มีธรรมะ น้ันแหละ ให้รอดจากความทุกข์ท้ังปวง น่ีคือพระศาสนาได้รับการสืบอายุพระ ศาสนาจากเราผู้ก�ำ ลังบวชอยู่ และจากเราผ้แู มจ้ ะลาสกิ ขาออกไปแลว้ กเ็ พราะ ว่าเราไปเป็นอุบาสก อุบาสิกา ไปเป็นฆราวาสท่ีดี ทำ�สง่ิ ทีเ่ ป็นประโยชนแ์ ก่พระ

171ธรรมบรรยายโดย พทุ ธทาสภิกขุ ศาสนาอยตู่ ลอดเวลา นพี้ ระศาสนาไดร้ บั ประโยชนค์ อื มผี สู้ บื อายพุ ระศาสนา แต่ ถา้ บวชไมจ่ รงิ บวชเหลวไหล มนั มผี ลตรงกนั ขา้ ม กข็ อใหก้ ลวั ใหม้ าก อยา่ ไปขอ้ ง แวะเลย ทนี ท้ี วี่ า่ ประโยชนจ์ ะไดแ้ กส่ ตั วโ์ ลกนี้ มนั เปน็ การทมี่ องเหน็ ไดไ้ มย่ ากนกั ถา้ ศาสนามนั ยงั มอี ยใู่ นโลก โลกนม้ี นั กป็ ลอดภยั ฉะนน้ั การทบี่ วชนเี้ ปน็ การท�ำ ให้ พระศาสนายังมีอยู่มีในโลก คนท่ีอยู่ในโลกก็พลอยได้รับประโยชน์จากพระ ศาสนาหรอื จากพระธรรม นมี้ นั เปน็ อานภุ าพอนั ศกั ดสิ์ ทิ ธขิ์ องพระธรรม เพราะ ถา้ มอี ยใู่ นโลก และกค็ มุ้ ครองโลก ฉะนนั้ ถา้ เราทำ�ใหม้ นั มอี ยใู่ นโลก โลกกพ็ ลอย ได้รับประโยชน์ สัตว์โลกทง้ั โลกพลอยไดร้ บั ประโยชน์จากการที่เราสืบอายุพระ ศาสนาไวใ้ นโลก เร่อื งนไ้ี มใ่ ชเ่ ลก็ น้อย ถ้ามองเห็นแลว้ ก็จะเกดิ กำ�ลังใจมหาศาล ในการท่ี จะประพฤตใิ ห้ดที ส่ี ุด ใหเ้ ป็นการบวชจริง เรียนจรงิ ปฏิบตั ิจรงิ ไดผ้ ลจริง แลว้ ก็ เผยแผ่สอนต่อๆ กนั ไปจริงๆ ทุกคนท�ำ การเผยแผไ่ ด้ ไม่ต้องเป็นพระนกั เทศน์ ผบู้ รรยายอนั มีช่อื เสยี งหรอก ขอแต่ใหเ้ ราปฏบิ ตั ิธรรมะอยู่กบั เนอื้ กับตัว แล้ว แสดงใหผ้ อู้ นื่ เหน็ นน่ั แหละเปน็ การเผยแผท่ ป่ี ระเสรฐิ ทส่ี ดุ คอื เขาเหน็ แลว้ เขา พอใจ เขานับถือ เขาอดรนทนอยู่ไม่ได้ เขาก็ต้องทำ�ตาม เรียกว่าเผยแผ่อย่าง หุบปาก หบุ ปากเงียบ แสดงธรรมะอยู่ที่เน้ือที่ตัวอย่างยง่ิ อยูต่ ลอดเวลา คนเห็น เขา้ กเ็ สอ่ื มใส จะเลอ่ื มใสยง่ิ กวา่ คนทพ่ี ดู มากเสยี อกี เปน็ การเผยแผด่ ว้ ยการท�ำ ตวั อย่างให้ดู เป็นผูม้ ีความสขุ ให้ดู วา่ อยู่อย่างน้ี อยู่อย่างน้ี มนั มคี วามสุข แลว้ คน เขากพ็ ากนั ท�ำ ตาม ท�ำ ตาม การเผยแผอ่ ยา่ งลกึ ซง้ึ คอื การเผยแผอ่ ยา่ งนี้ ซง่ึ ไดเ้ ปน็ มาแล้วต้ังแต่ครัง้ พุทธกาล

172 ธรรมะคอื หน้าท่ี ในครัง้ พุทธกาล การเผยแผด่ ว้ ยการเปน็ ผู้มคี วามสขุ ใหด้ ูเทีย่ วไปในโลก ใหช้ าวโลกไดเ้ หน็ ตวั อยา่ งของผทู้ เี่ อาชนะความทกุ ขไ์ ดก้ ห็ นั มานบั ถอื พทุ ธศาสนา กนั มากมาย ไมไ่ ดม้ กี ารเทศน์วิทยุหรือพมิ พห์ นงั สอื มากมายมหาศาลอย่างเดยี๋ ว น้ีในครั้งพุทธกาล แต่ก็ได้ทำ�การเผยแผ่มาอย่างประสบความสำ�เร็จ ฉะนั้นขอ อยา่ ไดท้ อ้ ถอยวา่ เราไมม่ อี ะไรตอ่ อะไร จะไปเผยแผอ่ ยา่ งไรได้ เราปฏบิ ตั ธิ รรมะ ให้ดู น่ันแหละคอื ยอดสดุ ของการเผยแผ่ การเผยแผ่ขั้นสดุ ยอด คือ การปฏบิ ตั ิ ธรรมะใหด้ ู มีความสุขใหด้ ู เอาละ, เปน็ อนั วา่ การบวชของเรามโี อกาสทจ่ี ะไดร้ บั อานสิ งสป์ ระเสรฐิ ที่สุดถึงสามประการ ตัวเราเป็นเหมือนกับว่าเกิดใหม่ได้สิ่งที่ดีที่สุด เกิดใหม่ใน อรยิ ชาติ แลว้ กญ็ าตทิ งั้ หลายบดิ ามารดาเปน็ ตน้ กพ็ ลอยไดร้ บั ธรรมะกศุ ลมหาศาล และพระศาสนาและโลกทงั้ ปวงกพ็ ลอยไดร้ บั การสบื ตอ่ อายแุ ละการอยกู่ นั อยา่ ง สงบสขุ มนั เกนิ คา่ แมว้ า่ จะตอ้ งอดทนอดกลนั้ อยไู่ ปจนตลอดชวี ติ กย็ งั เกนิ คา่ ทนี ี้ ได้บวชสามเดือนทำ�ได้อย่างน้ีมันก็เรียกว่าได้ผลมหาศาลเหมือนกัน เป็นเร่ืองท่ี จะต้องตัดสินเอาเอง ในที่สุดมันก็จะต้องพูดว่า ต้องจริงคำ�เดียว เพ่ือจะได้รับ ประโยชนต์ ามนนั้ ตามท่ีพูดมานั้นได้ก็ด้วยในสิ่งท่ีเรียกว่าจริง จริงคำ�เดียว คือขอให้บวช จรงิ บวชจริงๆ เคารพระเบยี บวินัยของการบวชจริงๆ ไม่ใชบวชเล่น บวชหลอก บวชลวงอะไร บวชจรงิ แลว้ กป็ ฏบิ ตั จิ รงิ มอบกายถวายชวี ติ ใหแ้ กก่ ารปฏบิ ตั เิ ลย เรยี กว่า เอ้า, เรียนจรงิ กอ่ น บวชจริง แล้วก็เรยี นจรงิ อะไรท่มี เี รื่องทจี่ ะต้องเรยี น

173ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ ก็เรียนจริงๆ เรียนอย่างที่เรียกว่าพอใจ แล้วก็ปฏิบัติจริง ปฏิบัติสุดกำ�ลังความ สามารถ คร้ันปฏิบัติจริงมันก็ได้ผลจริง ได้ผลจริงนี้เป็นการตอบแทนมหาศาล และก็เพอ่ื ประโยชน์แกผ่ ้อู ืน่ กแ็ นะนำ�สง่ั สอนไปตามที่จะท�ำ ได้ เรารูเ้ ท่าไรเรากม็ ี สทิ ธทิ จ่ี ะบอกกลา่ วสง่ั สอนแกผ่ อู้ นื่ เทา่ นน้ั แหละ แมจ้ ะไมส่ งู สดุ หรอื หมดทง้ั พระ ศาสนา กเ็ อาเทา่ ทเ่ี รารู้ เราเขา้ ใจ เราปฏิบัติได้ เรามคี วามชอบธรรมทจี่ ะพดู จะ บอก จะสอนไปตามที่เรามอี ยู่ อยา่ งน้ีไม่มที างติเตยี น ผมอยากจะพูดวา่ แม้บวชวันเดียวก็สอนได้ แม้พ่งึ บวชไดว้ ันเดียว แต่ถ้า มคี วามรจู้ ริง ที่ปฏบิ ัติได้จรงิ และปฏบิ ัตอิ ยู่กบ็ อกได้ บอกตามที่เราท�ำ ได้ เท่าที่ เราท�ำ ได้ ฉะนนั้ ไมต่ อ้ งทอ้ ใจทวี่ า่ จะสอนใครไมไ่ ด้ มนั มกี ารสอนไดด้ ว้ ยการท�ำ ให้ ดู แลว้ ก็พดู ตามที่รอู้ ยูเ่ ท่าไร ทนี ม้ี หี มวดธรรมะทอ่ี ยากจะฝากไว้ ฝากไปให้ ฝากไปเลยในคราวเดยี วกนั วา่ หมวดธรรมะเลก็ ๆ หมวดหนง่ึ ในนวโกวาท ทเี่ รยี กวา่ อปณั ณกปฏปิ ทา เขา้ ใจ วา่ เคยผ่านกนั มาแล้วทงั้ นน้ั เพราะบวชมาหลายๆ วันแล้ว ตงั้ ครึ่งพรรษาแล้วมนั คงจะผ่านธรรมะนวโกวาทมาตามสมควร อปัณณกปฏิปทา อินทรียสังวร โภชเนมตั ตญั ญตุ า ชาครยิ านโุ ยค พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงอานสิ งสไ์ วใ้ นพระบาลี ข้อนว้ี า่ ตสฺส โยนิ อาสวกฺขยาย อารทธฺ า –ผูใ้ ดประพฤติปฏบิ ตั ิสามอย่างน้ี การ เกดิ หรอื กำ�เนดิ ของบุคคลนน้ั ปรารภความสิ้นอาสวะแล้ว มันเปน็ หมวดธรรมะ ทป่ี ระหลาด ทแี่ สดงไวด้ ใู กลๆ้ กไ็ มเ่ ทา่ ไร แตท่ รงแสดงไวว้ า่ สน้ิ อาสวะ แตแ่ ลว้ ใน ทส่ี ุดมันกม็ าตรงกบั เร่อื งของฆราวาสอย่างยิง่

174 ธรรมะคอื หน้าท่ี ถ้าฆราวาสประพฤติ ปฏิบัติธรรมหมวดนี้อยู่ก็การเป็นการปรารภเพื่อ ความส้ินอาสวะด้วยเหมือนกัน ไม่เร็วก็ช้า ขอให้สนใจเป็นพิเศษเถิดว่า อนิ ทรียสงั วร ส�ำ รวม ตา หู จมกู ล้นิ กาย ใจ อย่าใหผ้ ดิ พลาดได้จากการทีว่ ่า ตา หู จมกู ล้นิ กายใจ รับอารมณ์ รปู เสียง กลิน่ รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ์ เรามี ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจเป็นธรรมดา ดงั น้นั มันต้องมกี ารรับอารมณท์ างตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ แตถ่ า้ เราไมม่ สี ติปัญญา ไม่มธี รรมะ ไม่มีความรอบรแู้ ล้ว อนั นัน้ มันจะเปน็ เหตใุ หท้ �ำ ผิด ให้เกิดกิเลสและเป็นทกุ ข์ สำ�รวมตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ คอื มสี ติปญั ญา ศกึ ษามาในเร่ืองของความรู้ว่ามนั เป็นธรรมชาตเิ ชน่ น้ัน เอง ไมใ่ ชต่ วั ตนอะไรท่ีไหน แล้วกว็ า่ มันเป็นสง่ิ ท่ีจะตอ้ งควบคมุ ใหถ้ กู ต้อง การดดู ว้ ยตา การฟงั ด้วยหู การดมด้วยจมูก การลม้ิ ด้วยลิน้ การสมั ผัส ด้วยผิวหนัง การรู้สึกด้วยจิตใจ นี้จะต้องมีสติปัญญามาทันเวลาท่ีมีการกระทบ อยา่ ไปรกั ทมี่ นั นา่ รกั อยา่ ไปโกรธเกลยี ดทมี่ นั นา่ โกรธ นา่ เกลยี ด หรอื แมท้ ม่ี นั นา่ กลวั ถ้าไปรัก ไปโกรธ ไปเกลยี ด ไปกลัวแลว้ มนั ลม้ ละลายแล้ว จิตใจไมอ่ ยกู่ ับ เนือ้ กับตวั แล้ว จติ ใจไปเป็นทาสของสิ่งเหลา่ น้นั เสียแล้ว ถา้ มสี ตปิ ญั ญาพอ มนั กจ็ ะรวู้ า่ นา่ รกั มนั กส็ กั วา่ นา่ รกั ถา้ ไปรกั มนั กห็ ลง โง่ เปน็ ทาสของมนั จะไปโกรธไปเกลยี ดกเ็ หมอื นกนั กไ็ มต่ อ้ ง แลว้ กม็ จี ติ ใจอยู่ ตรงกลาง เปน็ อิสระ มีจิตใจอยู่ตรงกลาง ไม่รกั ไมโ่ กรธ ไมเ่ กลยี ด ไมก่ ลัว ไม่ อะไรหมด ถา้ มสี ติควบคุมไดอ้ ยา่ งนี้ กเ็ รยี กวา่ สำ�รวมอนิ ทรยี ์ ตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ ไว้ได้

175ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ แลว้ คุณก็ลองคดิ ดูเถอะวา่ มนั จะมปี ระโยชน์ก่ีมากน้อย เดย๋ี วน้ที ่ีมันฆ่า ฟนั กนั ตาย มนั ฆา่ ตัวเองตาย ยงิ ตวั เองตาย ยงิ เมียตาย ยงิ ลูกตาย มันก็ลว้ นมา แตก่ ารทีส่ �ำ รวม ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ไว้ไม่ได้ ถา้ สำ�รวม ตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ไวไ้ ด้ เรอ่ื งเหลา่ นีม้ ันกไ็ ม่มี มันก็ไม่มี นค่ี ิดดู ฉะน้นั ขอให้เห็นชดั และถือไว้เป็น ของเครง่ ครัดว่า แม้ไปเป็นฆราวาสแล้วกจ็ ะตอ้ งสำ�รวม ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ เม่ือฆราวาสสำ�รวมอยู่อย่างน้ี การปฏิบัติของเขาเป็นไปเพื่อความส้ินกิเลสตาม สมควรแก่เหตกุ ารณ์ ตามสมควรแก่กรณี นีข้ ้อทห่ี นงึ่ วา่ ส�ำ รวมระวงั ตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ ทนี ขี้ อ้ ทส่ี องโภชเนมตั ตญั ญตุ า –รปู้ ระมาณในการบรโิ ภค ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเลก็ นอ้ ย ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเลก็ นอ้ ย ทใี่ ครเหน็ วา่ มนั เปน็ เรอื่ งเลก็ นอ้ ยมนั วนิ าศทกุ คนเลย คน ทมี่ นั ตอ้ งวนิ าศทางเศรษฐกจิ หรอื วนิ าศทางท�ำ ชว่ั หรอื ทจุ รติ อะไรตา่ งๆ นานา กเ็ พราะว่ามนั ไมร่ ู้จักประมาณในการบริโภค มนั อยากกนิ อยากเลน่ อยากมี อยากใช้ อยากให้เกิน เกนิ ฐานะของตน ทา่ นสอนให้รคู้ วามพอดี คือ ไมน่ อ้ ย ไม่ ขาด และไม่เกนิ ฉะน้นั ค�ำ วา่ การบรโิ ภค รูป้ ระมาณในการบริโภค ค�ำ วา่ การบริโภค คำ� เดยี วนมี้ นั ขยายเนอ่ื งออกไปถงึ วา่ การทจ่ี ะหามาบรโิ ภค การทจี่ ะเกบ็ ไวบ้ รโิ ภค และการจะใชจ้ า่ ยบรโิ ภค การทจี่ ะแจกปนั ไปใหเ้ พอ่ื นฝงู ไดพ้ ลอยบรโิ ภค หรอื การจะเสียสละตามหน้าท่ขี องมนษุ ย์ ชว่ ยเหลอื เพอ่ื นมนษุ ย์ มนั ก็อย่ใู นคำ�ว่า บริโภค บรโิ ภคไปหมด ฉะนน้ั รู้จักความถกู ตอ้ งดีกว่า ในเรอื่ งทกุ เรอ่ื งท่เี กย่ี วกับ

176 ธรรมะคือหน้าที่ การบริโภค การหามาก็ดี การเก็บไว้ก็ดี การใช้สอยก็ดี การจะเจียดไปชว่ ยเหลอื ผอู้ ืน่ ก็ดี ลว้ นแตร่ วมอยู่ในคำ�วา่ บรโิ ภคของบุคคลนั้น ฉะนน้ั ตอ้ งท�ำ ใหถ้ กู ตอ้ ง วา่ จ�ำ เปน็ หรอื ไมจ่ �ำ เปน็ ส�ำ หรบั ฆราวาส แมพ้ ระ กจ็ �ำ เปน็ พระที่ไม่ถกู ต้องในการบรโิ ภคน้นั กเิ ลสก็ครอบง�ำ เดย๋ี วกอ็ ย่ไู มไ่ ด้ เดีย๋ ว กท็ �ำ ผดิ ทง้ั ทอี่ ยไู่ ด้ กท็ �ำ สงิ่ ทไี่ มค่ วรจะท�ำ ยงิ่ เปน็ ฆราวาสดว้ ยแลว้ ยง่ิ จ�ำ เปน็ อยา่ ง ย่งิ ทีจ่ ะต้องมคี วามถกู ต้องเกย่ี วกบั การบริโภค เพราะวา่ การบริโภคมันเปน็ ของ ธรรมดาสามัญจำ�เป็นทสี่ ุดส�ำ หรบั มนุษย์ มนุษยจ์ ะอยโู่ ดยการไมบ่ รโิ ภคไม่ได้ มันก็ตอ้ งมกี ารบรโิ ภคท่ถี ูกตอ้ ง คอื รคู้ วามพอดี นี้ขอ้ ท่สี อง ลองเป็นอยูอ่ ย่างนี้ มันลดกิเลส มันลดกิเลส ฉะนั้นธรรมะข้อนี้มันก็เป็นการปรารภเพื่อความสิ้น อาสวะแมแ้ ก่ของฆราวาส ทนี ขี้ อ้ สดุ ทา้ ยทวี่ า่ ชาครยิ านโุ ยค –ประกอบความเพยี รของบคุ คลผตู้ นื่ อยูเ่ สมอ ค�ำ วา่ ตื่น ในท่นี ้ีไมใ่ ชต่ น่ื ตมู ไม่ใช่แตกตื่น เปน็ การตืน่ จากหลบั จาก กเิ ลส จากความโง่ จากอวชิ ชา เปน็ ผตู้ นื่ อยู่ ตรงกนั ขา้ มกบั คนหลบั มนั ท�ำ อะไร ไมไ่ ด้ ถ้าคนมันต่ืนอยู่มันก็ท�ำ อะไรได้ ฉะนน้ั เราเปน็ คนตน่ื อยู่ แตม่ ันมคี วามตน่ื จากกิเลส จากอวชิ ชา ดงั น้ัน มนั จงึ ไมใ่ ชเ่ พยี งแตว่ า่ ตื่นอย่อู ยา่ งนี้ มันตอ้ งมีจติ ใจสดใส แจม่ ใส ชมุ่ ชืน่ เบกิ บาน เยือกเย็น มจี ติ ใจชนดิ น้ันจงึ เรียกว่า ตืน่ อยู่ ด้วยความต่นื ท่ถี กู ต้อง ไม่หลบั ด้วย กิเลส ด้วยอวชิ ชา

177ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภกิ ขุ สว่ นการจะนอน ถงึ เวลานอนนน้ั กน็ อน กค็ งนอนไมใ่ ชว่ า่ จะไมน่ อน นอน ตามธรรมดากน็ อนกห็ ลบั ไปตามธรรมดาทคี่ วรจะมี แตอ่ ยา่ ใหม้ นั มาก ใหเ้ วลา ท่มี นั ตื่นอยู่มากกวา่ ตามธรรมดา เวลาจะนอนกม็ ีสตนิ อนจนตลอดเวลานอน ตื่นข้ึนมาก็เลยมีสติรับช่วงกันต่อไปใหม่ มันก็เลยมีสติเป็นเคร่ืองต่ืนอยู่ตลอด เวลา สตินน่ั แหละเปน็ เครือ่ งตน่ื เมอ่ื ไรมีสติอยู่เม่ือน้นั ชอื่ วา่ ต่ืนอยู่ เมื่อไรขาด สตเิ มอื่ นน้ั ชอ่ื วา่ หลบั อยา่ งนจ้ี �ำ เปน็ ไหม จ�ำ เปน็ ส�ำ หรบั ฆราวาสไหม มนั จ�ำ เปน็ เทา่ กนั เลย ไม่ว่าจะเป็นพระหรือจะเป็นฆราวาส ต้องมีสติเป็นเคร่ืองตื่นอยู่อย่างนี้ มนั จึงจะท�ำ อะไรไมผ่ ิด ก็เลยมผี ลเป็นวา่ ถา้ ตื่นอยอู่ ย่างนีม้ นั ไม่เกดิ กิเลสได้ มัน บรรเทากเิ ลส มนั ลดกเิ ลส มนั กเ็ ปน็ ไปเพอ่ื ความสน้ิ อาสวะ ตสั สะ โยนิ อาสะวกั - ขยายะ อารทั ธา –โยนขิ องเขาปรารภเพอื่ ความส้ินอาสวะแล้ว ฉะน้นั ขอจำ�กัด ความคำ�วา่ อาสวะกแ็ ปลวา่ ส่ิงเศรา้ หมองที่ไมค่ วรจะมที ุกๆ ชนดิ เลย ฆราวาสก็ มอี าสวะอยา่ งฆราวาส บรรพชิตก็มอี าสวะอย่างบรรพชิต ใครๆ กม็ ีอาสวะตาม แบบของตน เหมอื นกนั หมด อาสวะคอื เครอ่ื งเศรา้ หมองแกจ่ ติ ใจ แกน่ สิ ยั สนั ดาน สติปัญญา ซ่ึงท�ำ ใหเ้ ศรา้ หมอง กเ็ รยี กวา่ อาสวะทั้งนัน้ ฉะน้ันขอให้ศึกษาให้ดีที่สุด ถ้าอย่างไรๆ ก็ต้องได้ธรรมะหมวดนี้ สาม ข้อนต้ี ิดไปกับชีวติ ตลอดเวลา เรยี กวา่ อปณั ณกปฏปิ ทา ก็จะเป็นภิกษุบรรพชิต ที่ดีตลอดเวลา ถ้าจะกลับออกไปเป็นฆราวาสก็จะดีท่ีสุด ดีที่สุด จนถึงกับ พระพุทธเจา้ ทา่ นตรสั วา่ ปรารภความส้นิ อาสวะ เรอื่ งเรียนนักธรรมนั้นก็ขอให้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook