Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือคอมพิวเตอร์สำหรับครู - ฉบับผ่านการ

หนังสือคอมพิวเตอร์สำหรับครู - ฉบับผ่านการ

Published by Master of Education Suandusit, 2022-07-06 02:38:35

Description: หนังสือคอมพิวเตอร์สำหรับครู - ฉบับผ่านการ

Search

Read the Text Version

128 ภาพที่ 5.66 การเลือกโฟล์เดอรท์ ่ตี ้องการจดั เก็บไฟล์ เลือกเปน็ PNG กดบันทกึ ภาพท่ี 5.67 การบนั ทึกสไลด์เปน็ ไฟล์รูปภาพ

129 2. การบันทึกเป็นไฟล์รูปภาพในที่น้ีต้องการบันทึกเพียงสไลด์ที่เป็นฉากหลังเพียงสไลด์ เดียวเท่าน้ันจึงคลิก Just This One ดังภาพที่ 5.68 > โปรแกรมบันทึกสไลด์เป็นไฟล์รูปภาพ > ตรวจสอบการบันทึกด้วยการเข้าไปท่ีโฟลเดอร์ท่ีได้เลือกบันทึกไฟล์ไว้ เช่น ภาพที่ 5.69 แสดง การบันทึกภาพนิง่ ของฉากหลังไวท้ ี่ > DATA (D) > โฟลเดอรก์ ระต่ายกับเต่า > ไฟล์พน้ื หลัง ภาพท่ี 5.68 การตอบคาถามกอ่ นทาการบนั ทึก ไฟล์ที่บันทึก ภาพที่ 5.69 การตรวจสอบไฟล์ที่บันทึก

130 การสรา้ งแอนิเมชนั เรอื่ งกระต่ายกับเต่า หากอ่านมาถึงตรงนี้แสดงว่าผู้สอนได้สร้างตัวละครและฉากหลังไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ข้ันตอนตอ่ จากนี้ไปเปน็ การนาตัวละครกระต่าย เต่า และฉากหลังมาสร้างเป็นแอนเิ มชัน โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1. เปิดโปรแกรม Microsoft PowerPoint ข้ึนมาใหม่อีกหน้าต่างหนึ่ง โดยหน้าต่างเดิมที่ ประกอบด้วยตัวละครและฉากหลังก็ยังคงเปิดไว้เหมือนเดิม > ลบกรอบข้อความบนสไลด์ออกให้ กลายเป็นสไลด์เปล่า > เปล่ียนฉากหลังเป็นฉากที่เตรียมไว้ด้วยการคลิกขวาบนงพ้ืนท่ีว่างบนสไลด์ > Format Background ดงั ภาพท่ี 5.70 ภาพที่ 5.70 การเปลย่ี นภาพพ้ืนหลงั 2. จะปรากฏแถบ Format Background ข้ึนมาทางด้านขวามือ > Picture or texture fill > Insert ดังภาพท่ี 5.71 > From a file > ไปยังโฟลเดอร์ที่บันทึกภาพน่ิงฉากหลังไว้ > คลิกท่ีภาพ > Insert ดงั ภาพที่ 5.72 พ้ืนหลังของสไลด์จะกลายเปน็ ฉากทีส่ ร้างไว้ > Apply to All ดังภาพท่ี 5.73 ภาพที่ 5.71 การแทรกรปู ภาพเป็นภาพพื้นหลัง

131 เลอื กภาพที่ต้องการ คลกิ ภาพที่ 5.72 การเลือกภาพเพ่ือแทรกเปน็ ภาพพ้ืนหลัง ภาพท่ี 5.73 การต้งั คา่ พื้นหลงั ใหเ้ ปน็ ภาพเดียวกันทุกสไลด์ 3. คัดลอกตัวละครท่ีสร้างไว้มาใส่ในสไลด์ฉากหลัง โดยเร่ิมจากกระต่าย และตามด้วยเต่า ดังภาพท่ี 5.74 >ปรบั ขนาดตวั ละครกระต่ายกบั เต่าตามต้องการ > จัดวางไว้ตรงตาแหนง่ ดา้ นลา่ งซ้าย ของจอภาพ

132 ภาพที่ 5.74 การคดั ลอกกระตา่ ยกับเต่ามาใส่ PowerPoint ปัจจบุ นั 4. คัดลอกสไลด์แรกด้วยการคลิกขวาที่สไลด์ > Copy > คลิกขวาใต้สไลด์แรก > Past แบบ Keep Source Formatting เพ่อื วางสไลดท์ ีค่ ัดลอกโดยยังคงรูปแบบเหมือนต้นฉบับทุกประการ ภาพท่ี 5.75 การคดั ลอกและวางสไลด์ 5. ปรับเปล่ียนท่าทางของตัวละครในสไลด์ท่ีสองให้เคล่ือนไหวต่างจากสไลด์แรก เร่ิมจาก ขยับขาและแขนของกระต่ายด้วยการคลิกขวาท่ีตัวละครกระต่าย > Group > Ungroup ดังภาพที่ 5.76 จะทาให้ส่วนประกอบของกระต่ายที่รวมกลุ่มไว้แยกออกจากกันเพ่ือจะได้ง่ายต่อการแก้ไขตัว ปรับท่าทาง และการเดินของตวั ละคร

133 ภาพท่ี 5.76 การยกเลกิ การจดั กลุ่มรปู ร่าง 6. หมุนขาและแขนของกระต่ายให้อยู่ในลักษณะกาลังก้าวเดินดังภาพท่ี 5.77 > จัดกลุ่ม ส่วนประกอบของกระตา่ ยเข้าดว้ ยกนั ตามเดิม หากต้องการดูการเคล่ือนไหวของกระต่ายว่าเหมาะสมดีหรือไม่ให้คลิกสลับสไลด์แรกกับ สไลดท์ สี่ องไปมา และหากตอ้ งการแกไ้ ขให้กลับมาแก้ไขที่สไลดท์ ส่ี องเท่าน้นั ภาพที่ 5.77 การขยบั ขาและแขนของกระต่าย 7. ขยับส่วนขาของเต่าในสไลด์ที่สองเช่นเดียวกับกระต่ายด้วยการคลิกขวาท่ีตัวเต่าเพื่อ ยกเลิกการจัดกลุ่ม > Group > Ungroup > หมุนขาท้ังส่ขี ้างของเตา่ ให้อยู่ในลักษณะกาลังก้าวเดินดัง ภาพที่ 5.78 > เม่ือขยับขาของเต่าตามต้องการแล้วจัดกลุ่มส่วนประกอบของเต่าทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตามเดิม หากต้องการดูการเคล่อื นไหวของเต่าวา่ เหมาะสมหรือไม่ให้คลิกสลับระหว่างสไลด์แรกกบั สไลด์ทส่ี องไปมา และหากต้องการแกไ้ ขใหก้ ลบั มาแก้ไขท่ีสไลดท์ ส่ี องเท่านั้น

134 ภาพที่ 5.78 การขยับขาของเตา่ 8. สรา้ งภาพเคลื่อนไหวด้วยการขยับกระต่ายในสไลด์ทีส่ องก่อนดว้ ยการคลิกท่ีกระต่ายให้ เกิดเส้นกรอบ > กดปุ่มลูกศรที่แป้นพิมพ์ไปทางซ้ายจานวน 10 คร้ังเพ่ือให้กระต่ายขยับตาแหน่งไป จากสไลด์แรกตามภาพที่ 5.79 และเพอื่ ให้การเคล่ือนไหวเป็นไปอย่างต่อเนื่องกาหนดให้กระต่ายขยับ ไปทางซ้ายทีละ 10 คร้งั เทา่ กนั ทกุ สไลด์ ภาพที่ 5.79 การเคลื่อนท่ีของกระต่าย 9. ขยบั ตาแหนง่ ของเต่าเชน่ เดียวกับกระต่ายแต่จะขยับให้ชา้ กว่าดว้ ยการคลิกทีเ่ ต่าให้เกิด เส้นกรอบ > กดปุ่มลูกศรท่ีแป้นพิมพ์ไปทางซ้ายจานวน 5 คร้ังเพ่ือให้เต่าขยับตาแหน่งไปจากสไลด์ แรก และเพ่ือให้การเคล่ือนไหวเป็นไปอย่างต่อเน่ืองกาหนดให้เต่าขยับไปทางซ้ายทีละ 5 ครั้งเท่ากัน ทกุ สไลด์ หากต้องการตรวจสอบการเคลอ่ื นท่ใี ห้คลิกสลับไปมาระหว่างสไลดท์ หี่ น่งึ และสไลด์ท่ีสอง

135 ภาพท่ี 5.80 การเคลื่อนที่ของเตา่ 10. การเคลือ่ นทข่ี องกระตา่ ยกับเตา่ ในลาดับต่อจากน้ีไปจะกา้ วเท้าสลับกนั ไปมาพร้อมกับ การขยับตาแหน่งของกระต่ายไปทางซ้าย 10 ครั้งและขยับตาแหน่งของเต่าไปทางซ้าย 5 คร้ัง โดยใช้ การสลับสไลด์ทหี่ นึ่งและสไลดท์ สี่ องเปน็ หลัก ดงั นี้ 10.1 จากสไลด์ที่สองกระต่ายกับเต่าขยับมาทางด้านซ้าย 10 คร้ังและ 5 คร้ัง ตามลาดับแล้ว ลาดับต่อไปสร้างสไลด์ที่สามด้วยการคัดลอกสไลด์ที่หน่ึงมาวางด้านล่างสไลด์ท่ีสอง > คลิกท่ีตัวกระต่ายและกดปุ่มลูกศรที่แปน้ พิมพ์ขยบั กระต่ายมาด้านซ้าย 20 ครั้ง และคลิกที่ตัวเต่าและ กดปมุ่ ลกู ศรที่แป้นพมิ พข์ ยับเตา่ มาดา้ นซ้าย 10 คร้ังดงั ภาพท่ี 5.82 10.2 สร้างสไลด์ที่สี่ด้วยการคัดลอกสไลด์ที่สองมาวางด้านล่างสไลด์ที่สาม > คลิกที่ตัวกระต่ายและกดปุ่มลูกศรท่ีแปน้ พิมพ์ขยับกระต่ายมาด้านซ้าย 30 คร้ัง และคลิกท่ีตัวเตา่ และ กดป่มุ ลูกศรที่แปน้ พมิ พข์ ยบั เตา่ มาดา้ นซ้าย 15 ครง้ั ดังภาพที่ 5.83 10.3 สร้างสไลด์ท่ีห้าด้วยการคัดลอกสไลด์ที่สามมาวางด้านล่างสไลด์ที่สี่ > คลิกท่ีตัวกระต่ายและกดปุ่มลกู ศรที่แป้นพิมพ์ขยับกระต่ายมาด้านซ้าย 40 ครั้ง และคลิกที่ตัวเต่าและ กดปมุ่ ลูกศรทีแ่ ป้นพมิ พ์ขยบั เต่ามาด้านซา้ ย 20 ครัง้ ดังภาพที่ 5.84 มาถึงข้นั ตอนน้ีหากต้องการดูการเคลื่อนท่ีของกระต่ายและเต่าให้คลิกทลี ะสไลดจ์ ากสไลด์ ที่หน่ึงถึงสไลด์ท่ีห้าจะพบว่ากระต่ายกับเต่าขยับตาแหน่งไปทางซ้ายตามสไลด์ที่คลิก หากคลิกสไลด์ เร็วขึ้นจะพบว่ากระต่ายกับเต่าเคลื่อนที่ไปทางซ้ายอย่างต่อเนื่องกันเร็วข้ึนเช่นเดียวกันจนรู้สกึ เหมือน กระต่ายกับเตา่ เคลือ่ นไหวได้

136 คดั ลอกสไลด์ท่หี นึง่ มา เปน็ สไลด์ทีส่ าม ภาพที่ 5.81 การคดั ลอกสไลด์ และการเคลอ่ื นที่ของกระต่ายกบั เตา่ คัดลอกสไลด์ทสี่ องมา เป็นสไลด์ทส่ี ี่ ภาพที่ 5.82 การคัดลอกสไลด์ และการเคลอ่ื นที่ของกระต่ายกับเต่า

137 คัดลอกสไลด์ท่สี ามมา เป็นสไลด์ท่หี ้า ภาพท่ี 5.83 การคดั ลอกสไลด์ และการเคล่อื นท่ีของกระต่ายกับเตา่ 10.4 จะสังเกตได้ว่าในการคัดลอกสไลด์จะคัดลอกสไลด์เว้นสไลด์ดังตัวอย่าง เช่น คัดลอกสไลด์หนึ่งมาเป็นสไลด์สาม คัดลอกสไลด์สองมาเป็นสไลด์ส่ี และคัดลอกสไลด์สามมาเป็น สไลด์ห้า เป็นต้น เม่ือเข้าใจการคัดลอกสไลด์และการขยับตาแหน่งของกระต่ายกับเต่าแล้วก็ทาแบบน้ี ไปเรื่อย ๆ จนกระต่ายกับเต่าอยใู่ นตาแหน่งท่ีต้องการ ในท่ีน้ีคัดลอกและขยับตาแหน่งกระต่ายกับเตา่ ไปสามสิบสไลด์จงึ อยู่ในตาแหนง่ ที่ต้องการดงั ภาพที่ 5.84 คดั ลอกสไลด์ทยี่ ีส่ บิ แปด มาเปน็ สไลด์ที่สามสิบ ภาพที่ 5.84 การเคลอ่ื นย้ายตัวละครใหม้ าอยู่ตาแหน่งทต่ี ้องการ

138 เมื่อกระต่ายกับเต่าอยู่ในตาแหน่งท่ีต้องการหรือจบข้ันตอนน้ีแล้วหากต้องการดู การเคล่ือนท่ีของกระต่ายและเต่าให้คลิกทีละสไลด์จากสไลด์ท่ีหน่ึงถึงสไลด์ท่ีสามสิบหรือคลิก Slide Show จะพบว่ากระตา่ ยกบั เตา่ ขยบั ตาแหนง่ ไปทางซา้ ยเร่ือย ๆ ตามสไลดท์ ี่คลกิ หากคลิกสไลด์เร็วขึ้น กระต่ายกับเต่าก็จะเคล่ือนท่ีไปทางซ้ายอย่างต่อเนื่องเร็วขึ้นด้วยเช่นเดียวกันจนรู้สึกเหมือนกระต่าย กับเต่าเคล่ือนไหวได้ และจะพบว่ากระต่ายเดินห่างออกจากเต่าไปเร่ือย ๆ เนื่องจากกระต่ายเดินเร็ว กวา่ เต่านั่นเอง การบันทึกไฟลแ์ อนิเมชนั และการเผยแพร่ เมื่อสร้างภาพน่ิงสาหรับแอนิเมชันกระต่ายกับเต่าเสร็จแล้วจะนาทุกภาพน่ิงหรือทุกสไลด์ มาต่อกันเป็นไฟล์วิดีโอ (Video) เพื่อให้สามารถนาแอนิเมชันกระต่ายกับเต่าไปเผยแพร่ให้ผู้เรียนได้ดู และเรียนร้ผู ่านช่องทางต่าง ๆ ต่อไป การบันทกึ ไฟล์แอนิเมชนั และการเผยแพร่มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิก Transitions >  After > Apply To All > Slide Show ดงั ภาพท่ี 5.85 ภาพท่ี 5.85 การตัง้ เวลาให้เปลย่ี นสไลดอ์ ตั โนมัติ 2. บันทึกไฟล์แอนิเมชันคลิก File > Save As > Browse ดังภาพท่ี 5.86 เลือกโฟลเดอร์ ที่ตอ้ งการบนั ทกึ > ตง้ั ชอื่ ไฟล์ > เลอื กนามสกุลไฟลเ์ ปน็ MPEG – 4 Video > Save ดงั ภาพที่ 5.87 3. เมื่อกดบันทึกโปรแกรมจะทาการบันทึกไฟล์เป็น VDO โดยจะแสดงแถบสถานะ การบนั ทึกดังภาพที่ 5.88 รอจนกวา่ แถบบันทกึ จะหายไปแสดงวา่ บันทึกเสร็จเรยี บรอ้ ย 4. เม่ือบันทึกไฟล์สาเร็จแล้วให้ลองเข้าไปดูในโฟลเดอร์ที่บันทึกไว้ว่ามีไฟล์ VDO ที่บันทึก เมื่อสักครู่หรือไม่ ถ้ามีไฟล์ VDO ดังภาพที่ 5.89 ลองกดเล่น VDO ดูหากดูได้แสดงว่าการสร้าง แอนเิ มชันเปน็ อนั เสรจ็ สมบูรณ์ สามารถส่งตอ่ ไฟล์ให้ผ้เู รียนได้ดแู ละเรยี นร้ตู อ่ ไปได้แล้ว

139 ภาพที่ 5.86 การบันทกึ ไฟล์ เลอื กนามสกลุ ไฟล์ คลกิ เพื่อบนั ทกึ ภาพที่ 5.87 การเปล่ียนนามสกุลไฟลใ์ ห้เป็นไฟล์ VDO

140 ภาพที่ 5.88 การบนั ทึกไฟล์ ภาพท่ี 5.89 ไฟล์ VDO ทบ่ี นั ทกึ ไว้ บทสรุป แอนิเมชัน (Animation) คือการนาภาพน่ิงท่ีมีความแตกต่างกันเล็กน้อย อาทิ มีขนาดที่ แตกต่างกนั มตี าแหน่งการจดั วางทแ่ี ตกตา่ งกนั มีทา่ ทางและการเคล่ือนไหวทแี่ ตกตา่ งกนั มาทาให้เกิด การเคลื่อนไหวตามลาดับอย่างรวดเร็ว มีเทคนิคในการสร้าง 3 เทคนิคหลัก ประกอบด้วย การวาด ด้วยมือ (Hand Drawing Animation) การถ่ายภาพ (Stop Motion Animation) และการสร้างด้วย โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ (Computer Animation) การวาดด้วยมือ การวาดตัวละคร (Objects) ด้วยมือลงบนแผ่นใสหรือกระดาษทีละภาพ แลว้ นาไปลงสีให้สวยงามกอ่ นจะวางซ้อนลงบนภาพทที่ าหนา้ ท่เี ป็นฉากหลังและใชก้ ล้องบันทึกภาพแต่ ละภาพ แลว้ นาภาพทไ่ี ดม้ าฉายตอ่ เนื่องกนั ดว้ ยความเร็วสูง

141 การถ่ายภาพ เป็นการถ่ายภาพทีละภาพในอิริยาบถ หรือตาแหน่งที่แตกต่างกันของหุ่น ตุ๊กตา ของจริง คน หรือสัตว์ แล้วนามาทาให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและต่อเน่ืองเหมือนมี ชีวิต มีเทคนิคในการสร้าง ประกอบด้วย เทคนิค Clay Animation เทคนิค Cutout Animation เทคนิค Model Animation และเทคนิค Pixilation Animation ที่ใช้คนจริงมาขยับท่าทางและ ถา่ ยภาพทลี ะภาพ การสร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างตัวละคร ตั้งแต่สร้าง โมเดลหรือตัวละคร การลงสี การสร้างฉาก การทาท่าทางของตัวละคร การใส่เสียง การตัดต่อ เป็น วิธีการทีค่ ่อนขา้ งสะดวก สมจริง และมีชีวิตชีวา แอนิเมชันทั้ง 3 เทคนิคปัจจุบันถูกนามาใช้งานรวมกันเพ่ือส่งเสริมให้แอนิเมชันมีคุณภาพ และสร้างได้น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์เนื่องจากสมรรถนะของ คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสูงมาก จึงส่งเสริมให้การสร้างแอนิเมชันด้วยวิธีนี้ประสบคววามสาเร็จ คอ่ นขา้ งมาก การสรา้ งแอนเิ มชนั ด้วย Microsoft PowerPoint สามารถสรา้ งภาพน่ิงออกมาได้น่าสนใจ ตามจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ โดยไม่ตอ้ งกังวลกับการใช้งานของโปรแกรม เน่อื งจากใช้งาน ง่ายและผู้เรยี นคยุ้ เคย สร้างภาพนง่ิ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว และช่วยลดข้อจากดั เร่ืองแสงและเงาไดเ้ ปน็ อย่างดี ติดตามชมผลงานแอนเิ มชันเพ่ือสง่ เสริมการเรียนรู้จานวนมากได้จากคิวอาร์โค๊ดน้ี

143 บทที่ 6 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตแ์ ละการใชง้ านเพ่อื จดั การเรียนการสอนออนไลน์ การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 ทาให้การจัดการเรียนการสอนเปล่ียนรูปแบบไปจากจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติหรือ เรียกว่าออนไซต์ (Onsite) ด้วยซอฟต์แวร์ประยุกต์เพ่ือจัดการเรียนการสอนออนไซต์ไปเป็น จัดการเรียนการสอนออนไลน์ด้วยซอฟต์แวร์ประยุกต์เพ่ือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์อย่างเต็ม รูปแบบแทน อย่างไรก็ตามหากผู้สอนไม่ประสงค์จะใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์จัดการเรียนการสอน ออนไลน์เต็มรูปแบบก็สามารถนามาใช้จัดการเรียนการสอนควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอนออน ไซต์ (Onsite) ได้ หมายถึงจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติด้วยซอฟต์แวร์ประยุกต์เพ่ือ การจัดการเรียนการสอนออนไซต์ควบคู่ไปกับจัดการเรียนการสอนออนไลน์ด้วยซอฟต์แวร์ประยุกต์ เพ่ือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนและการบริหารจัดการการเรียน การสอนของผู้สอนว่าต้องการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใดเป็นเวลานานเท่าใดหรือเป็นจานว น กค่ี รง้ั เรยี กวา่ การจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน (Hybrid) การจัดการเรียนการสอนออนไลน์มี 2 รูปแบบ ประกอบด้วยการจัดการเรียนการสอน ออนไลน์แบบประสานเวลา (Synchronous) และการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบไม่ประสาน เวลา (Asynchronous) ความเหมือนของการจัดการเรียนการสอนออนไลน์สองรูปแบบน้ีคือ จัดการเรียนการสอนออนไลน์ด้วยซอฟต์แวร์ประยกุ ต์สาหรบั จัดการเรยี นการสอนออนไลน์ และผ้สู อน และผู้เรียนอยู่คนละสถานที่เหมือนกัน ส่วนความแตกต่างคือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบ ประสานเวลาผู้สอนและผู้เรียนจะต้องออนไลน์ด้วยซอฟต์แวร์ประยุกต์สาหรับการจัดการเรียน การสอนออนไลนแ์ บบประสานเวลาพรอ้ มหน้าพร้อมตาในเวลาเดยี วกนั มีการกาหนดวนั เวลาเข้าเรียน อย่างชดั เจนเหมือนการจัดการเรียนการสอนในห้องเรยี นปกติ ผู้สอนสามารถบรรยาย พูดคุย นาเสนอ ถามตอบ และทากิจกรรมการเรียนการสอนกับผู้เรียนได้เสมือนอยู่ในห้องเรียนเดียวกัน ในขณะที่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบไม่ประสานเวลาผู้สอนและผ้เู รียนนอกจากจะอย่ตู า่ งสถานที่กนั แล้วยังอยู่ต่างเวลากันอีกด้วย โดยผู้สอนจะเป็นผู้ออกแบบและเตรียมการสอนออนไลน์ไว้ด้วย ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ตเ์ พื่อจัดการเรียนการสอนออนไลนแ์ บบไม่ประสานเวลา และเม่ือผเู้ รียนแตล่ ะคนจะ เข้าเรียนก็สามารถเข้าเรียนได้ตามวันและเวลาท่ีผู้เรียนแต่ละคนพร้อมและสะดวก เน้นเรียนด้วย ตนเองเป็นหลักตามลาดับการเรียนรู้ที่ผู้สอนออกแบบและเตรียมการสอนไว้ ภาพที่ 6.1 แสดงให้เห็น การจัดการเรียนการสอนออนไซต์ที่ผู้สอนกับผู้เรียนอยู่ในสถานท่ีเดียวกันคือห้องเรียน กับการจัด การเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลาที่ผู้สอนกับผู้เรียนอยู่คนละสถานที่กัน แต่อยู่ในเวลา เดียวกัน

144 ภาพท่ี 6.1 เปรยี บเทียบระหว่างการจัดการเรียนการสอนออนไซต์กบั ออนไลน์ เพือ่ ใหผ้ ูส้ อนรู้ เข้าใจ และสามารถใชซ้ อฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อจัดการเรียนการสอนออนไลน์ แบบประสานเวลาและแบบไม่ประสานเวลาได้ บทเรียนนี้จึงนาเสนอซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อจัด การเรยี นการสอนออนไลน์แบบประสานเวลาและแบบไมป่ ระสานเวลาดว้ ยซอฟต์แวร์ตระกลู Google ซึ่งประกอบด้วย Google Meet สาหรับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลา และ Google Classroom สาหรับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบไม่ประสานเวลา ซอฟต์แวร์ ตระกูล Google เป็นซอฟต์แวร์ที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นท่ีรู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถเรียนรู้ ทาความใจ และนามาใช้งานได้ไม่ยาก มีซอฟต์แวร์ประยุกต์อ่ืน ๆ ในตระกูล Google ให้นามาใช้ในการจัด การเรียนการสอนร่วมกับ Google Meet และ Google Classroom จานวนมาก ซ่ึงจะได้นาเสนอ ต่อไป และทส่ี าคญั Google Meet และ Google Classroom รองรบั การทางานกบั คอมพิวเตอร์ส่วน บุคคลทุกชนิดที่ผู้สอนและผู้เรียนเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ไม่จาเป็นต้องซื้อหาโปรแกรมมาติดตั้งเพิ่มแต่ อย่างใด โดยมีรายละเอียดดงั น้ี ภาพท่ี 6.2 ตวั อย่างซอฟต์แวร์ประยกุ ตเ์ พ่ือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์

145 การจดั การเรยี นการสอนออนไลน์แบบประสานเวลาดว้ ย Google Meet Google Meet เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์จากตระกูล Google ท่ีนิยมนามาใช้สาหรับ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลา สามารถเข้าถึงและใช้งานได้หากมีอีเมลของ Google มีความพร้อมของเคร่ืองมือดิจิทัลที่รองรับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ อาทิ ช่อง ทางการสือ่ สารด้วยเสียงและวดิ โี อ การนาเสนอเอกสารสาหรับการบรรยาย การพดู คยุ และแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นผ่านข้อความ การตรวจสอบและควบคุมช้ันเรียน รองรับผู้เรียนได้จานวนมาก บันทึก การสอนได้ เป็นซอฟต์แวร์จากตระกูลท่ีน่าเช่ือถือและได้รับความนิยม และรองรับการใช้งานบน คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทุกแบบ สาหรับบทน้ีผู้เขียนเน้นนาเสนอการใช้ Google Meet ด้วย คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบตั้งโต๊ะและแบบโน้ตบุ๊กเป็นหลัก และมีข้อตกลงเบ้ืองต้นก่อนท่ีผู้สอนจะ เข้าใช้งาน Google Meet ได้คือผู้สอนจาเป็นต้องมีบัญชีอีเมลของ Google ที่ลงท้ายด้วย @gmail.com ก่อนเสมอ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลาด้วย Google Meet มีรายละเอยี ดตามลาดับดังต่อไปนี้ 1. การ Login เพื่อเข้าใชง้ าน Google Meet 1.1 การ Login เพื่อเข้าใช้งาน Google Meet เริ่มต้นด้วยการคลิกปุ่ม Chrome เป็น ปุ่มที่มีสัญลักษณ์เป็นโลโก้ของ Google ดังภาพท่ี 6.3 ซึ่งอาจจะวางอยู่บน Taskbar ตรงตาแหน่ง ซ้ายมือด้านล่างของจอภาพหรือ Desktop สาหรับคอมพิวเตอร์บางเคร่ืองอาจจะวางไว้ในตาแหน่งที่ แตกตา่ งกันได้ ปุม่ Chrome ภาพท่ี 6.3 การ Login เข้าใช้งาน Google Meet ผา่ น Chrome 1.2 เมื่อคลิกท่ีปุ่ม Chrome จะพบกับหน้าว่าง ๆ ของ Chrome ให้เข้าใช้งาน Google Meet ด้วยการคลิกท่ี Google apps หรือจุดเก้าจุดตรงบริเวณด้านขวามือบนของจอภาพตามภาพท่ี 6.4 > Meet > The meeting started > Sign in ด้วยอีเมลของ Google ท่ีสมัครไว้ > Next > Enter your password หรือป้อนรหัสผ่านของอีเมล > Next > เข้าสู่หน้าแรกของ Google Meet ตามภาพที่ 6.6

146 ภาพท่ี 6.4 การเข้าใชง้ าน Google Meet ผ่านทาง Google apps ภาพท่ี 6.5 หน้าแรกของ Google Meet กอ่ น Sign in ด้วยอีเมลของ Google 2. ตรวจสอบและเตรียมความพรอ้ มของ Google Meet กอ่ นเขา้ ห้องเรียน 2.1 ตรวจสอบการทางานของไมโครโฟน > คลิกวงกลมสีแดงที่มีสัญลักษณ์ของ ไมโครโฟน > จะพบกับจุดสีเขียว 3 จุดตามภาพที่ 6.6 อยู่ด้านซ้ายมือล่างของจอ > ทดลองพูดผ่าน ไมโครโฟน > หากจดุ สีเขียว 3 จดุ มีการขยับตามจงั หวะการพดู แสดงว่าไมโครโฟนใชง้ านได้ 2.2 หากไมโครโฟนใชง้ านไม่ได้ > คลิกท่ีจุดสีขาว 3 จุด หรือ More options ตามภาพ ท่ี 6.6 > Settings > microphone > เลือกไมโครโฟนท่ีสามารถใช้งานได้ตามภาพท่ี 6.7 > ทดสอบ เสยี งลาโพง

147 ปมุ่ More options ภาพที่ 6.6 ตรวจสอบและเตรยี มความพร้อมของไมโครโฟนกอ่ นเขา้ หอ้ งเรยี น ภาพที่ 6.7 ตรวจสอบและเตรยี มความพร้อมของไมโครโฟนกอ่ นเขา้ หอ้ งเรียน (ต่อ) 2.3 ตรวจสอบการทางานของกล้องวิดีโอ > คลิกวงกลมสีแดงที่มีสัญลักษณ์ของกล้อง วดิ ีโอ > หากใช้งานได้จะปรากฎภาพผา่ นกล้องวิดโี อขึ้นมาดังตัวอยา่ งในภาพท่ี 6.8 2.4 กรณีท่ีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังสามารถสลับกล้องหลัง เป็นกล้องหน้าได้ด้วยการคลิกท่ีจุดสีขาว 3 จุด หรือ More options > Change camera > จะสลับ จากกลอ้ งหลังเปน็ กลอ้ งหน้า

148 ภาพที่ 6.8 ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของกล้องวดิ โี อก่อนเข้าห้องเรียน 2.5 การเปล่ียนฉากหลังจะช่วยทาใหไ้ ด้ฉากท่ีสวยงามและสะอาดตาทาได้โดยคลกิ ท่ปี มุ่ Change background ท่อี ย่ตู รงมมุ ขวาล่างของจอ > เลอื ก Background ท่ชี อบตามภาพที่ 6.9 2.6 เม่ือตรวจสอบและเตรียมความพร้อม Google Meet ก่อนเข้าห้องเรียนเสร็จ เรียบร้อยแล้ว > คลิกปุ่ม Join Now เพือ่ เข้าส่หู อ้ งเรียน ปุ่ม Join Now ป่มุ Change background Background ภาพที่ 6.9 การเปล่ยี นฉากหลงั หรือ Background ของวดิ ีโอ

149 3. เข้าสู่ห้องเรียนของ Google Meet 3.1 เมอื่ คลิกปุ่ม Join Now เพอ่ื เขา้ สหู่ ้องเรยี นจะพบกบั หน้าต่างเล็ก ๆ ท่ีประกอบด้วย ส่วนสาคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ลิงก์สาหรับเข้าห้องเรียน และ Add people สาหรับการเพ่ิมผู้เรียนแสดง ข้ึนมาดงั ภาพท่ี 6.10 ลิงก์สาหรับเขา้ ห้องเรยี น Add people ภาพท่ี 6.10 ลงิ กส์ าหรับเข้าหอ้ งเรียนและการเพิม่ ผู้เรียน 3.1.1 ลิงก์สาหรับเข้าห้องเรียน เป็นลิงก์ท่ีผู้สอนสามารถ Copy และส่งต่อให้ ผู้เรียนทางไลน์ (Line) หรือทางช่องทางไหนก็แล้วแต่ท่ีสามารถส่งต่อไปยังผู้เรียนได้ เม่ือผู้เรียนคลิกท่ี ลิงก์น้ีจะสามารถเข้าห้องเรียนได้ การคลิกลิงก์เพื่อเข้าสู่ห้องเรียนน้ีมักใช้ในกรณีที่ผู้สอนยังไม่ได้เพ่ิม ผู้เรียนเข้ามาในห้องเรียน ซ่ึงหากผู้เรียนมีจานวนมากจะรบกวนผู้สอนและผู้เรียนอยู่พอสมควร เนอื่ งจากจะมีหนา้ ต่างเล็ก ๆ แสดงขึ้นมาให้ผู้สอนคลกิ อนญุ าตผเู้ รยี นทุกคนใหส้ ามารถเขา้ ห้องเรียนได้ หากผู้เรียนคนไหนเข้าห้องเรียนมาเรียนตอนท่ีผู้สอนกาลังสอนอยู่อาจจะเป็นการรบกวนการจัด การเรียนการสอนในห้องเรียนออนไลน์ได้ เหมือนกับห้องเรียนปกติที่ผู้เรียนเข้าห้องเรียนสายอาจทา ใหร้ บกวนการจดั การเรียนการสอนได้ 3.1.2 Add people เป็นช่องทางเพ่ิมผู้เรียน (Invite) อีกช่องทางหน่ึงท่ีสะดวก ง่าย และไม่รบกวนการจัดการเรียนการสอน แต่ผู้สอนจะต้องเพ่ิมผู้เรียนไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยชื่อ- นามสกุลหรืออีเมลของผู้เรียน เม่ือผู้เรียนได้รับลิงก์สาหรับเข้าห้องเรียนผู้เรียนเหล่านั้นก็จะได้รับการ อนุญาตให้เข้าห้องเรียนออนไลน์โดยอัตโนมัติและผู้สอนไม่ต้องมาคอยคลิกอนุญาตให้เข้าช้ันเรียน วิธีการคือผู้สอนจะต้องขออีเมลจากผู้เรียนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วนาอีเมลท้ังหมดเหล่าน้ันเพ่ิมลงไปตรง Add people ในช่อง Enter name or email ให้ครบทุกคน ดังภาพที่ 6.11 เพียงเท่าน้ีผู้เรียนก็จะ เป็นสมาชิกของห้องเรียนออนไลน์นี้และคร้ังต่อไปท่ีผู้เรียนจะเข้าห้องเรียนก็เพียงแค่คลิก ลิงก์สาหรับ เข้าหอ้ งเรยี นเท่าน้นั ไมต่ ้องขออนญุ าตเขา้ ห้องเรียนอีกต่อไป

150 ภาพท่ี 6.11 การเพมิ่ ผเู้ รียนด้วยช่อื และอเี มล 3.2 เคร่ืองมืออานวยความสะดวกในการสอนออนไลน์ด้วย Google Meet ตามภาพท่ี 6.12 ประกอบด้วยปุ่มเปิดและปิดไมโครโฟน ปุ่มออกจากห้องเรียน ปุ่มเปิดและปิดกล้องวิดีโอ ปุ่ม นาเสนอเอกสารการสอน ปมุ่ More option ปุ่มแสดงจานวนสมาชิก ปุ่มพมิ พ์ข้อความ มรี ายละเอียด ดังนี้ 3.2.1 ปุ่มเปิดและปิดไมโครโฟนและปุ่มเปิดและปิดกล้องวิดีโอทาหน้าที่เช่นเดียวกัน กับไมโครโฟนและกล้องวิดีโอท่ีได้นาเสนอไปแล้วในหัวข้อตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของ Google Meet ก่อนเขา้ ห้องเรยี น ใช้ในกรณีทตี่ อ้ งการปิด-เปิดเสียงไมโครโฟนและปดิ -เปดิ กล้องวิดีโอ แสดงจานวนสมาชิกในหอ้ งเรียน ปุ่มแชทหรอื พิมพข์ ้อความ ปุม่ เปิดและปิดกลอ้ งวิดโี อ ปุม่ More option ป่มุ สาหรับนาเสนอเอกสารการสอน ปมุ่ สาหรับออกจากหอ้ งเรยี น ปุ่มเปดิ และปิดไมโครโฟน ภาพท่ี 6.12 เครื่องมือสนบั สนนุ การจัดการเรียนการสอนออนไลนข์ อง Google Meet

151 3.2.2 ปุ่มสาหรับนาเสนอเอกสารการสอนจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ใช้ในการนาเสนอ เอกสารประกอบการสอน เช่น PowerPoint หรือข้อมูลท่ีผู้สอนต้องการให้ผู้เรียนได้รับรู้จากหน้า จอคอมพิวเตอร์ของผู้สอนสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้เรียน และในทางตรงกันข้ามผู้เรียน ก็สามารถใช้ปุ่มเดียวกันนี้นาเสนองานหรือสิ่งท่ีผู้สอนมอบหมายให้นาเสนอได้เช่นเดียวกัน สาหรับ รูปแบบการนาเสนอของ Google Meet ซ่ึงอยู่ภายใต้ปุ่ม Present immediately ตามภาพที่ 6.13 ประกอบด้วย 1) Whole screen สาหรับนาเสนอเพื่อให้ผู้เรียนเห็นหน้าจอของผู้สอนตามท่ี ผ้สู อนเหน็ 2) window สาหรับนาเสนอหน้าจอใดหน้าจอหน่ึงตามท่ีผู้สอนกาหนดให้ผู้เรยี น เหน็ 3) Chrome tab สาหรับนาเสนอขอ้ มูลบนเว็บผา่ น Chrome สาหรับภาพที่ 6.14 เปน็ ตัวอย่างการเลือกนาเสนอขอ้ มูลแบบ Whole screen เมอื่ ผูส้ อน คลิกท่ีหน้าต่างเล็ก ๆ ที่แสดงข้ึนมาจะทาให้ปุ่ม Share กลายเป็นสีน้าเงิน เมื่อผู้สอนคลิกที่ Share ส่ิงที่ผู้สอนนาเสนออยู่ที่หน้าจอของผู้สอนจะไปแสดงท่ีหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของผู้เรียน เช่นเดียวกันกับท่ีนาเสนออยู่ท่ีหน้าจอของผู้สอน ดังตัวอย่างการนาเสนอข้อมูลในภาพที่ 6.15 เปรียบเทียบระหว่างหน้าจอของผู้สอนกับหน้าจอของผู้เรียนที่แสดงผลข้อมูลเหมือนกัน และเม่ือ ต้องการหยุดนาเสนอข้อมูลหรือสลับให้คนอื่นนาเสนอบ้างให้คลิกท่ีปุ่ม Stop sharing การนาเสนอ ข้อมูลก็จะส้ินสุดลง หากต้องการนาเสนออีกคร้ังก็คลิกที่ปุ่มสาหรับนาเสนอเอกสารการสอน และ ทาตามขัน้ ตอนเดิม ภาพท่ี 6.13 ป่มุ สาหรบั นาเสนอเอกสารการสอนจากผู้สอนไปยงั ผเู้ รยี น

152 คลกิ ที่น่ี คลกิ Share ภาพท่ี 6.14 การนาเสนอเอกสารการสอนจากผู้สอนไปยังผู้เรยี นดว้ ย Whole screen หนา้ จอผสู้ อน หน้าจอผู้เรียน ภาพที่ 6.15 เปรียบเทียบหน้าจอของผสู้ อนกบั ผ้เู รียนทีแ่ สดงผลข้อมูลเหมือนกัน 3.2.3 ปุ่ม More option ปุ่มที่มีสัญลักษณ์เป็นจุด 3 จุด วางอยู่ด้านขวามือด้านล่าง ของจอเป็นปุ่มสาหรับคลิกเพื่อเปิดเข้าไปพบกับเมนูช่วยเหลือผู้สอนเพิ่มเติมประกอบด้วยเมนู Change the layout ดังภาพที่ 6.16 ใช้สาหรับปรับมุมมองของห้องเรียนขณะนาเสนอหรือบรรยาย หรือช่วยให้มองเห็นผู้เรียนได้หลายคนพร้อม ๆ กันดังภาพท่ี 6.17 เมนู Full Screen สาหรับปรับ หน้าจอให้มีขนาดใหญ่ เมนู Change camera สาหรับปรับกล้องหน้าและกล้องหลัง เมนู Change

153 background สาหรับเพิ่มภาพฉากหลัง และเมนู Turn on subtitles สาหรับแปลงสิ่งท่ีผู้สอนพูดให้ ออกมาเปน็ ข้อความใหผ้ เู้ รียนได้อา่ นดังตัวอยา่ งในภาพท่ี 6.18 ภาพท่ี 6.16 ป่มุ More option และเมนยู ่อยภายใน ภาพที่ 6.17 เมนู Change the layout

154 ภาพที่ 6.18 เมนู Turn on subtitles สาหรบั แปลงสง่ิ ทผี่ สู้ อนพดู ออกมาเป็นขอ้ ความ 3.2.4 ปุ่มแสดงจานวนสมาชิกในห้องเรียน จะแสดงจานวนสมาชกิ ทั้งหมดในห้องเรียน ผู้สอนสามารถคลิกที่ปุ่มน้ีเพื่อดูว่าสมาชิกเหล่าน้ันมีใครบ้าง และมีใครบ้างท่ีเปิดไมโครโฟนค้างไว้ ซึ่งผู้สอนสามารถแจ้งให้ผู้เรียนปิดเพ่ือจะได้ไม่รบกวนการจัดการเรียนการสอน จากภาพท่ี 6.19 จะพบมีผู้สมาชิกอย่ใู นหอ้ งเรยี นจานวน 1 คน และสมาชกิ คนนน้ั กาลังเปิดไมโครโฟนอยู่ จานวนสมาชกิ สัญลกั ษณท์ ี่แสดงวา่ ไมโครโฟนเปิด ภาพที่ 6.19 แสดงจานวนสมาชกิ ในหอ้ งเรยี น

155 3.2.5 ป่มุ แชทหรอื พมิ พ์ข้อความ ทาหน้าท่สี าหรับการพิมพ์ข้อความเหมือนไลน์ (Line) เปน็ อีกช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหวา่ งผ้สู อนกบั ผเู้ รียน เชน่ ทักทายผเู้ รยี น ผ้เู รยี นรายงานตัว เข้าเรียน ถามและตอบคาถาม หรือแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดการเรียนการสอน ดังภาพที่ 6.20 ข้อความท่พี ิมพ์ทกั ทายผู้เรยี น ชอ่ งสาหรับพิมพข์ ้อความ ภาพที่ 6.20 ปมุ่ แชทหรือพิมพข์ ้อความชอ่ งทางสื่อสารระหว่างผสู้ อนกับผเู้ รยี น 3.2.6 เม่ือเสร็จส้ินกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนด้วย Google Meet การออกจาก ห้องเรียนผู้สอนและผเู้ รียนสามารถคลิกที่ปมุ่ สแี ดงที่มสี ัญลักษณ์คล้ายโทรศัพท์เพ่ือออกจากห้องเรยี น ดงั ภาพท่ี 6.21 ปมุ่ สาหรับออกจากหอ้ งเรยี น ภาพที่ 6.21 ปุ่มสาหรบั ออกจากห้องเรยี น

156 ทั้งหมดน้ีคือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลาด้วย Google Meet ผู้สอนควรฝึกใช้งานและฝึกแก้ไขปัญหาจากการใช้งานบ่อย ๆ อาทิ หากช่วงท่ีสอนสัญญาณ อินเทอร์เน็ตช้าหรือไม่มีสัญญาณ ผู้เรียนเข้าห้องเรียนไม่ได้ ไมโครโฟนไม่มีเสียง กล้องไม่มีภาพ หรือ นาเสนอเอกสารประกอบการสอนไม่ได้ เป็นต้น ซ่ึงเมื่อใช้งานและแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนบ่อย ๆ ก็จะ เกิดความคุ้นเคยและสามารถใช้ Google Meet จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป และเพ่ือให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลา จาเป็นที่ผู้สอนกับผู้เรียนจะต้องมีกฎระเบียบและกติกาในการเข้าร่วมช้ันเรียนเช่นเดียวกันกับการเขา้ เรยี นในห้องเรียนปกติ กฎระเบยี บและกตกิ าในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลา กฎระเบียบ และกตกิ ามีไวเ้ พ่ือให้การจัดการห้องเรียนออนไลน์เปน็ ไปอย่างเรยี บร้อยและมี ประสิทธิภาพรวมท้ังผูเ้ รยี นมีระเบยี บวินัย และเข้าใจในประเด็นต่าง ๆ ตรงกัน กฎระเบยี บ และกติกา ในชน้ั เรยี นออนไลน์อาจไม่แตกต่างจากการจดั กาเรียนการสอนในชน้ั เรียนปกติ เพียงแต่บางอย่างอาจ จาเป็นต้องปรับให้เข้ากับบริบทของการเรียนการสอน ซ่ึงกฎระเบียบ และกติกาเหล่านี้ผู้สอนต้อง ชีแ้ จงกับผเู้ รยี นให้ชดั เจนและเข้าใจตรงกันทง้ั หมด อาจจะมเี ปน็ เอกสารให้นกั ศึกษาได้ดาวน์โหลดหรือ สามารถเรียกดูได้ทุกคร้ังที่จาเป็นต้องใช้ จิระ จิตสุภา (2563) ได้ยกตัวอย่างกฎระเบียบ และกติกาใน การจดั การเรยี นการสอนเอาไว้ดงั น้ี 1. กาหนดเวลาเข้าออกชน้ั เรียนและเวลาพกั ระหว่างเรยี นให้ชดั เจน โดยเฉพาะเวลาเขา้ ชั้น เรียนออนไลน์ควรให้ผู้เรียนเข้ามารายงานตัวและเตรียมความพร้อมในห้องเรียนออนไลน์ก่อนเรียน 10-20 นาที เน่ืองจากผู้เรียนบางคนอาจจะมีปัญหาเรื่องการเข้าช้ันเรียนออนไลน์จะได้ช่วยกันแก้ไข กอ่ นถงึ เวลาเรียน 2. การแต่งกายเข้าชั้นเรียนออนไลน์ โดยปกติการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ผู้เรียน สามารถเข้าช้ันเรียนได้จากทุกสถานท่ี ดังน้ันการแต่งกายสามารถแต่งได้ตามความเหมาะสมของ สถานที่ แตไ่ ม่ถงึ กบั แตง่ ชุดนอนเขา้ ชั้นเรยี นเมือ่ เรยี นอยู่ท่บี า้ น 3. เม่ือเข้าช้ันเรียนแล้วขอให้ผู้เรียนทุกคนปิดไมโครโฟนไว้ ถึงแม้โปรแกรมท่ีใช้ในการ จัดการเรียนการสอนออนไลน์ผู้สอนจะสามารถควบคุมไมโครโฟนของผู้เรียนได้ท้ังหมด แต่ควรจะให้ ผู้เรียนเปิดไมโครโฟนเฉพาะตอนที่ตอบและถามคาถามเท่านั้น เนื่องจากเสียงจากไมโครโฟนของ นกั ศึกษาอาจรบกวนการจดั การเรยี นการสอน 4. สาหรับการเปิดกล้องวิดีโอ การเปิดกล้องให้ผู้สอนพิจารณาตามความเหมาะสม การเปิดกล้องเพื่อจะได้เห็นหน้าผู้เรียนตลอดเวลาเป็นส่ิงที่ดี ผู้สอนจะได้เห็นสีหน้าแววตาของผู้เรียน ว่าเข้าใจเน้ือหาท่ีผู้สอนสอนหรือไม่มากน้อยเพียงใด แต่สามารถให้ผู้เรียนเลือกเปิดเฉพาะตอนท่ี จาเป็น เช่น ตอนถามตอบกับผู้สอน ตอนนาเสนองาน เป็นต้น เน่ืองจากส้ินเปลืองทรัพยากร อนิ เทอรเ์ น็ตของผ้เู รยี นพอสมควร อาจเป็นภาระค่าใช้จา่ ยแก่ผูเ้ รยี นได้ 5. หากผู้เรียนมีความสงสัยหรือต้องการถาม คาถามผู้สอนสามารถให้ผู้เรียนยกมือผ่าน กล้อง หรือใช้เคร่ืองมือท่ีเป็นสัญลักษณ์ยกมือที่มาพร้อมกับโปรแกรมท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน

157 เท่านั้น ห้ามถามแทรกเข้ามาในขณะสอน เครื่องมือเหล่าน้ี เช่น ยกมือ ปิดเปิดกล้องและไมโครโฟน ช่องทางพูดคุยออนไลน์ หรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่จาเป็นในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผู้สอนควรสาธิตให้ ผ้เู รียนดูและเขา้ ใจตรงกนั จะไดใ้ ช้งานอยา่ งถกู ต้องเหมาะสม 6. การใช้คาพูด และกรยิ าทา่ ทางในชนั้ เรียนออนไลนต์ ้องสภุ าพ เนอ่ื งจากอาจมกี ารบันทึก วิดีโอการจดั การเรียนการสอนไว้ดยู อ้ นหลัง 7. ผู้เรียนต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรอบข้างทราบทุกคร้ังที่เรียนออนไลน์ เพ่ือไม่ให้รบกวน การเรียนของผู้เรียน และจะได้ไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อหน้ากล้องวิดีโอ และการเรียน ออนไลนข์ องผู้เรยี นเองก็ต้องไม่รบกวนกจิ กรรมของผอู้ ่ืนดว้ ยเชน่ กนั 8. รักษาความมั่นคงปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น การระมัดระวังเรือ่ งรหัสผ่านเข้าช้ันเรยี นไม่ควรเปิดเผยผู้อ่ืน เก็บรักษาวัสดุอุปกรณ์ประกอบการเรียน ให้เรยี บร้อยและปลอดภยั 9. แจ้งหมายเลขโทรศัพท์หรือช่องทางในการติดต่อกับบุคลากรทางการศึกษาท่ีเก่ียวข้อง กับระบบการเรียนการสอนออนไลน์แก่ผู้เรียน เพื่อจะได้ขอความช่วยเหลือกรณีเกิดปญั หาการจัดการ เรียนการสอน 10. แจ้งนักศึกษาเกี่ยวกับหนังสือ ตารา หรือเอกสารประกอบการเรียนการสอน แหล่ง เรยี นรู้ กิจกรรมการจัดการเรียนการสอน งานเดย่ี ว งานกลุ่ม การเก็บคะแนน การสอบ รวมถงึ การวัด และประเมนิ ผลการเรียนแก่ผเู้ รียนทราบ จะได้เตรยี มตัวและวางแผนการเรยี น 11. แจ้งช่องทางสาหรบั การส่งงานออนไลน์ให้ชดั เจน เช่น สง่ ทางเมล ทางไลน์ ทางระบบ บรหิ ารจัดการการเรยี นการสอน 12. นอกเหนอื จากเวลาสอนออนไลน์แล้ว ผสู้ อนควรกาหนดเวลาใหค้ าปรึกษาการเรียนแก่ ผู้เรียนอย่างชัดเจน เช่น 14.00 – 17.00 น. ของวันอังคารกับวันพุธ ผู้เรียนบางส่วนมักจะกังวลและ เกรงใจผู้สอนไม่กล้าติดต่อมาเพื่อปรึกษา เนื่องจากคิดว่าจะเป็นการรบกวนเวลาของผู้สอน การกาหนดเวลาอย่างชัดเจนทาให้ผู้เรียนรู้สึกอิสระที่จะติดต่อเข้ามา และไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของ ผสู้ อนจนเกินไป 13. สุดท้ายการแจ้งกฎระเบียบ และกติกาการจัดสอบปลายภาคเรียน อาจจะมี ความซบั ซ้อน ผ้สู อนไวแ้ จง้ ผเู้ รยี นอีกคร้ังหลังจากระบบเริ่มนิ่งและใช้งานไดด้ ีแลว้ หรือรอฟังวิธีการจัด สอบจากสถานศึกษาแล้วค่อยแจ้งผู้เรียนต่อไป อาจจะให้น้าหนักกับสอบปลายภาคไม่มากนักและไป เพิ่มคะแนนสว่ นของกิจกรรมการจัดการเรยี นการสอนแทน การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์แบบไม่ประสานเวลาดว้ ย Google Classroom Google Classroom เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ท่ีใช้สาหรับการจัดการเรียนการสอน ออนไลน์แบบไม่ประสานเวลาจากตระกูล Google เช่นเดียวกันกับ Google Meet แต่ Google Classroom เหมาะสมสาหรับการจดั การเรยี นการสอนแบบที่ผ้สู อนกับผู้เรียนอยู่คนละสถานทีแ่ ละคน ละเวลากนั โดยผู้สอนเตรยี มการเรียนการสอนผา่ น Google Classroom ไวค้ รบทกุ อยา่ งทัง้ คาแนะนา การเรียน เนือ้ หาการเรียน เอกสารประกอบการเรียน แบบฝกึ หัด แบบทดสอบ งานและการฝกึ ปฏิบัติ

158 ที่ผู้สอนกาหนดไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม Google Classroom มีช่องทางให้ผู้เรียนสามารถติดต่อสอบถาม พูดคุย และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้สอนได้ตลอดเวลาผ่าน ช่องทางสาหรับการส่ือสารทางเดียว (One way Communication) และการส่ือสารสองทาง (Two way Communication) หรืออาจจะใช้ช่องทางเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่น ๆ เช่น ไลน์ สาหรับการ สอ่ื สารกส็ ามารถทาได้เชน่ กัน Google Classroom รองรับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทุกประเภท แต่ในที่นี้ ผู้เขียนจะเน้นการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบต้ังโต๊ะและแบบโน้ตบุ๊กเป็นหลัก และ ขอ้ ตกลงเบอ้ื งตน้ ก่อนท่ีจะเข้าใช้งาน Google Classroom ผสู้ อนจาเป็นต้องมีบัญชอี เี มลของ Google ที่ลงท้ายด้วย @gmail.com เพ่ือให้สามารถเข้าใช้งาน Google Classroom ได้ การจัดการเรียน การสอนออนไลนด์ ว้ ย Google Classroom มรี ายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้ 1. การ Login เพ่ือเขา้ ใชง้ าน Google Classroom การ Login เพื่อเข้าใช้งาน Google Classroom เริ่มต้นด้วยการคลิกปุ่ม Chrome > Google apps หรือเรียกกันว่าจุดเก้าจุดตรงบริเวณด้านขวามือบนตามภาพที่ 6.22 > Classroom > Sign in ด้วยอีเมลของ Google ท่สี มัครไว้ > Next > Enter your password หรอื ป้อนรหสั ผา่ นของ อเี มล > Next > เข้าสหู่ น้าแรกของ Google Classroom ตามภาพที่ 6.23 ภาพที่ 6.22 การเข้าใช้งาน Google Classroom ผา่ นทาง Google apps

159 ภาพท่ี 6.23 หนา้ แรกของ Google Classroom 2. การสรา้ งห้องเรียนใน Google Classroom คลิกท่ีเครื่องหมาย + (บวก) ที่อยู่ติดกับจุดเก้าจุดตรงบริเวณด้านขวามือบนตามภาพที่ 6.24 > เลอื ก Create a class > ต้งั ชอ่ื หอ้ งเรียนและกลุ่มเรียน > Create > ระบบจะสร้างห้องเรียน ใหด้ งั ภาพที่ 6.25 ภาพที่ 6.24 การสร้างห้องเรียนใน Google Classroom

160 ตงั้ ช่ือห้องเรยี นและกลุ่มเรียน Google apps ภาพที่ 6.25 การต้ังชื่อหอ้ งเรยี นและกลุ่มเรียน ภายในห้องเรียนที่ถูกสร้างข้ึนมาใหม่ประกอบด้วย ช่ือรายวิชา ตอนเรียน รหัสสาหรับเขา้ ห้องเรียน เมนู Steam สาหรับแจ้งข้อมูลข่าวสารแก่ผู้เรียน เมนู Class work สาหรับการมอบหมาย งาน เมนู The people สาหรับเพ่ิม-ลด และบริหารจัดการผเู้ รยี น เมนู Score แหล่งรวบรวมคะแนน ของผู้เรียน เมนู Soon สาหรับแจ้งเตือนกิจกรรมหากใกล้ช่วงเวลาที่กาหนด และเมนู Choose a theme สาหรับเลอื กธีมหรอื รปู แบบของหอ้ งเรียน เช่น ภาพ สี เป็นต้น และรหัสเข้าหอ้ งเรียน ภาพที่ 6.26 เครื่องมือสนบั สนนุ การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ของ Google Classroom

161 3. การจดั การช้นั เรียนใน Google Classroom 3.1 การตกแต่งชั้นเรียนคลิกท่ีเมนู Choose a theme > เลือกรูปแบบที่ชอบใน แกลเลอรี่ดังตัวอย่างตามภาพที่ 6.27 > เลือกธีมของช้ันเรียน > หลังจากนั้นจะได้ผลลัพธ์ตาม ภาพท่ี 6.28 ภาพท่ี 6.27 ภาพหรอื ธมี สาหรับใช้ในการตกแตง่ ห้องเรยี นใน Google Classroom ภาพที่ 6.28 ตัวอย่างภาพหรือธีมทเ่ี ลอื กใช้

162 3.2 เม่ือต้องการแจ้งข้อมูลข่าวสารแก่ผู้เรียน > Steam > คลิก Share information with the class > พิมพ์ข้อความ > Post > ได้ผลลัพธ์เป็นตัวอย่างข้อความท่ีแจ้งแก่ผู้เรียนตามภาพ ท่ี 6.29 และ 6.30 ภาพที่ 6.29 การแจ้งข้อมลู ข่าวสารแก่ผู้เรียนผ่าน Google Classroom ภาพที่ 6.30 การแจ้งข้อมูลข่าวสารแกผ่ ูเ้ รียนผา่ น Google Classroom 3.3 การมอบหมายงาน > คลิก Class work > create > เลือกงานที่ต้องการมอบหมาย > เช่น Work > กรอกชื่องาน > แนบไฟล์เอกสารประกอบการมอบหมายงาน > assign > ตัวอย่าง การมอบหมายงานตามภาพท่ี 6.31 ถงึ ภาพที่ 6.34

163 ภาพที่ 6.31 การมอบหมายงานแกผ่ ู้เรยี นใน Google Classroom ภาพที่ 6.32 ตวั อยา่ งงานทม่ี อบหมายแกผ่ ู้เรยี น

164 ภาพที่ 6.33 ตวั อย่างงานทม่ี อบหมายแก่ผู้เรียน ภาพที่ 6.34 ตัวอยา่ งงานทมี่ อบหมายแกผ่ ้เู รียน 3.4 การเพิ่มผู้สอนร่วมเข้ามาในห้องเรียน > คลิก The people > คลิก Invite teachers ตามภาพที่ 6.35 > พิมพ์ช่ือหรืออีเมล > invite ตามภาพที่ 6.36 > คาเชิญจะถูกส่งไปทางอีเมลของ ผสู้ อนรว่ ม > รอใหผ้ ู้สอนร่วมตอบรบั ตามคาเชิญดงั ภาพที่ 6.37

165 ภาพที่ 6.35 การเพ่ิมผสู้ อนร่วมในห้องเรยี น ภาพท่ี 6.36 การเพม่ิ ผู้สอนร่วมในหอ้ งเรยี น (ต่อ) ภาพท่ี 6.37 การรอใหผ้ ู้สอนร่วมตอบรับการเชิญเขา้ สอนร่วม

166 ภาพท่ี 6.38 ตวั อย่างอีเมลหรือจดหมายเชิญทผี่ สู้ อนรว่ มจะไดร้ บั 3.5 การเพ่ิมผู้เรียนสามารถทาได้ 2 ทางประกอบด้วย > คลิก The people > Invite students ด้วยการท่ีผู้สอนพิมพ์ช่ือ-นามสกุลหรืออีเมลของผู้เรียนจนครบทุกคน หรือเพิ่มด้วยการส่ง ลิงก์ให้ผู้เรียนเป็นคนกรอกข้อมูลด้วยตนเอง ดังภาพที่ 6.39 > invite > คาเชิญเพ่ือให้เข้าร่วม กจิ กรรมการเรียนการสอนออนไลนจ์ ะถกู สง่ ไปทางอเี มลของผเู้ รยี น > รอผ้เู รยี นตอบรับ ภาพที่ 6.39 การเพ่ิมผ้เู รยี นเขา้ หอ้ งเรียน

167 ภาพท่ี 6.40 การเพม่ิ ผเู้ รียนด้วยลิงกห์ รือดว้ ยการพมิ พ์อเี มลหรือช่อื -นามสกลุ ของผ้เู รยี น ภาพที่ 6.41 การรอผเู้ รยี นตอบรับเข้าร่วมชัน้ เรียนออนไลน์

168 ภาพท่ี 6.42 สว่ นหน่ึงของผู้เรยี นทต่ี อบรบั เข้ารว่ มช้นั เรียนออนไลน์ 4. การตรวจงานและจัดการกับคะแนนงานของผเู้ รียน คะแนนจากการส่งงานท่ีผู้สอนได้รับมอบหมายไว้ในห้องเรียนออนไลน์แบบไม่ประสาน เวลาให้ผู้เรียนทาและส่งตามเวลาท่ีกาหนดจะมีความเกี่ยวข้องกับภาพท่ี 6.43 ซ่ึงเป็นตัวอย่างงานที่ ผู้สอนได้มอบหมายแก่ผู้เรียนไว้จานวน 3 งาน เม่ือผู้สอนต้องการตรวจงานหรือต้องการตรวจสอบว่า ผู้เรยี นคนใดส่งงานบา้ งสามารถทาไดโ้ ดย > คลกิ score > เม่ือคลิกเขา้ ไปแลว้ จะพบกบั ชือ่ ผูเ้ รยี น งาน ที่มอบหมายจานวน 3 งาน คะแนนของงาน และงานท่ีเลยกาหนดส่ง > เมื่อคลิกไปยังงานท่ีผู้สอน มอบหมายงานใดงานหนง่ึ จะพบกบั รายช่ือผเู้ รยี นและข้อมูลการส่งงานดงั ภาพที่ 6.44 ซึ่งสอดคล้องกับ ข้อมลู การส่งงานของผเู้ รียนในภาพที่ 6.43 ภาพที่ 6.43 งานและคะแนนงานของผู้เรยี น

169 ภาพที่ 6.44 รายชอื่ ผู้เรยี นและข้อมลู การส่งงาน บทสรปุ การจัดการเรียนการสอนเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน ปกติไปเป็นการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ใน 2 รูปแบบ ประกอบด้วยการจัดการเรียนการสอน ออนไลน์แบบประสานเวลา (Synchronous) และการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบไม่ประสาน เวลา (Asynchronous) การจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสาน ผู้สอนและผู้เรียนออนไลน์ด้วยซอฟต์แวร์ ประยุกต์สาหรับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลาพร้อมหน้าพร้อมตาในเวลา เดียวกัน มีการกาหนดวันเวลาเข้าเรียนอย่างชัดเจนเหมือนการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติ ผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกับผู้เรียนได้เสมือนอยู่ในห้องเรียนเดียวกัน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ท่ี นยิ มนามาใช้ อาทิ Google Meet, Microsoft Teams, Facebook, Line, และ Zoom เปน็ ตน้ กฎระเบียบและกติกาในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบประสานเวลา อาจ ประกอบด้วย กาหนดเวลาเข้าออกชั้นเรียนและเวลาพักระหว่างเรียน การแต่งกายเข้าช้ันเรียน ออนไลน์ การเปิดปิดไมโครโฟนและกล้องวิดีโอ การถามคาถาม การใช้คาพูด และกริยาท่าทางในช้ัน เรยี นออนไลน์ แจ้งผทู้ ีเ่ กีย่ วข้องรอบข้างทราบทุกคร้ังท่ีเรียนออนไลน์ การเรยี นออนไลน์ต้องไม่รบกวน กิจกรรมของผู้อื่น การรักษาความมั่นคงปลอดภยั ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หมายเลขโทรศัพท์หรือ ช่องทางในการติดต่อกับบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับระบบการเรียนการสอนออนไลน์ แจ้ง หนังสอื ตารา หรอื เอกสารประกอบการเรียนการสอน แหลง่ เรียนรู้ กิจกรรมการจัดการเรียนการสอน งานเดี่ยว งานกลุ่ม การเก็บคะแนน การสอบ รวมถึงการวัดและประเมินผลการเรียนแก่ผู้เรียน จะได้ เตรียมตัวและวางแผนการเรีย แจ้งช่องทางสาหรับการส่งงาน กาหนดเวลาให้คาปรึกษาการเรียนแก่ ผูเ้ รยี น และการจดั สอบปลายภาคเรียน

170 การจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบไม่ประสานเวลา ผู้สอนและผู้เรียนอยู่ต่างสถานที่ และอยู่ต่างเวลากันอกี ดว้ ย โดยผสู้ อนออกแบบและเตรยี มการสอนออนไลน์ไว้ดว้ ยซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ เพ่ือจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบไม่ประสานเวลา ผู้เรียนแต่ละคนสามารถเข้าเรียนได้ตามวัน และเวลาท่ีผู้เรียนแต่ละคนพร้อมและสะดวก เน้นเรียนด้วยตนเองเป็นหลักตามลาดับการเรียนรู้ที่ ผู้สอนออกแบบและเตรียมการสอนไว้ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ท่ีได้รับความนิยมนามาใช้ อาทิ Google Classroom, Microsoft Teams, Edmodo, และ Moocs เป็นต้น

171 บทที่ 7 แหล่งทรัพยากรออนไลน์เพ่อื สนับสนุนการเรียนการสอน ปัจจุบันมีแหล่งทรัพยากรแบบออนไลน์ที่สามารถนามาใช้สาหรับการสนับสนุนการจัด การเรียนการสอนหรือเพ่ือการศึกษาจานวนมากท้ังประเภทข้อความ เสียง ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว กราฟิกรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชัน อาทิ www.bensound.com เว็บไซต์ท่ี ให้บริการดาวน์โหลดเสียง www.pixabay.com เว็บไซต์ท่ีให้บริการดาวน์โหลดเสียง ภาพนิ่ง และ ภาพเคล่ือนไหว รวมถึง www.youtube.com และ www.facebook.com เป็นต้น แหล่งทรัพยากร เหล่านี้ส่วนหน่ึงได้รับการสนับสนุนเงินจากโฆษณา จากการบริจาคเงินโดยผู้ใช้งาน จากการขาย ลิขสิทธิ์ของเสียง ภาพน่ิง และภาพเคล่ือนไหว และเงินจากค่าบริการหรือค่าเช่าใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชัน เป็นต้น ซ่ึงนับเป็นประโยชน์ต่อผ้สู อนในการนาทรัพยากรเหล่านไ้ี ปใช้ ในการสร้างสรรค์ผลงานและจัดการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ทรพั ยากรเหลา่ นี้ยงั คงเปน็ ทรัพย์สนิ ทางปัญญา (Intellectual Property) ของเจ้าของผลงานเหล่านั้น อยู่ แต่ผู้สอนสามารถเลือกนาไปใช้สร้างสรรค์ผลงานและจัดการเรียนการสอนได้โดยไม่ผิดลิขสิทธิบ์ น พื้นฐานของการนาไปใช้อย่างมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และไม่ละเมิดกฎหมายที่เก่ียวข้องซึง่ จะไดน้ าเสนอ ในบทที่ 11 ตอ่ ไป ในบทน้ีแบ่งการนาเสนอออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยแหล่งทรัพยากรออนไลน์เพื่อ สนับสนุนการเรียนการสอน และการรวบรวมและจัดเก็บแหล่งทรัพยากรออนไลน์ เพ่ือให้ผู้สอนมี แหล่งทรัพยากรท่ีสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการสนับสนุนการจัดเรียนการสอนและสร้างสรรค์ ผลงานตามภาระหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว เช่น เตรียมการสอน เขียนเอกสารประกอบการสอน จัดการเรียนการสอน ทาวิจัยและเขียนบทความ บริการวิชาการ สนับสนุนการเรียนของผู้เรียน ช่วยงานของสถานศึกษา และเป็นแหล่งรวบรวมและจัดเก็บผลงานหรือแฟ้มสะสมผลงานออนไลน์ (e-Portfolio) ของผู้สอนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เป็นแหล่งรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากร และเผยแพร่ ผลงานของผู้สอนต่อผู้บังคับบัญชา ผู้ปกครอง และผู้เรียนให้สามารถเข้าถึง นาไปใช้งาน และ ประเมินผลงานได้ตลอดเวลา โดยการใชเ้ คร่อื งมือสาหรับออกแบบและสรา้ งแหล่งรวบรวมและจัดเก็บ ทรัพยากรออนไลนท์ ี่มีประสทิ ธิภาพอยา่ ง Google Sites Google Sites ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตป์ ระเภทออนไลน์ที่อย่ใู นตระกลู Google เป็นเครอื่ งมือ ทใ่ี ช้สาหรับสร้างแหล่งรวบรวมและจัดเก็บทรัพยากร และเผยแพร่ผลงานที่มีความเหมาะสมกับผู้สอน เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานง่าย สะดวกสบาย รองรับซอฟต์แวร์ประยุกต์ตระกูล Google จานวนมาก ไม่ต้องเช่าพื้นที่สาหรับจัดเก็บเว็บไซต์ (Server) มีมาตรฐานและทันสมัย ได้รับความนิยม และเหมาะ กับผู้สอนที่มคี วามรู้ด้านคอมพิวเตอรใ์ นระดับพน้ื ฐาน อย่างไรกต็ าม Google Sites ถูกออกแบบมาให้ รองรับผู้ใช้งานทุกระดับจึงอาจมีข้อจากัดบางประการในการใช้งานอยู่บ้าง ซ่ึงจะได้เรียนรู้ร่วมกันใน หัวขอ้ ถัดไปในบทเรียนบทนี้

172 แหล่งทรัพยากรออนไลน์เพ่อื สนบั สนุนการเรียนการสอน แหล่งทรัพยากรออนไลน์ที่สามารถนามาใช้ในการสนับสนุนการจัดเรียนการสอนและ สร้างสรรค์ผลงานตามภาระหน้าท่ี และเป็นแหล่งรวบรวมและจัดเก็บผลงานหรือแฟ้มสะสมผลงาน ออนไลน์ (e-Portfolio) ของผู้สอนประกอบด้วยแหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทข้อความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว กราฟกิ และแหล่งเรยี นรู้ โดยมรี ายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ 1. แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทข้อความ ในที่นี้หมายถึงแหล่งจัดเก็บข้อมูลประเภท ข้อความแบบออนไลน์ที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและนามาใช้งานได้ ซ่ึงผู้สอนสามารถนาข้อมูลมาใช้ ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนหรือให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้ามาประกอบการเรียน การทา รายงาน เปน็ ตน้ ได้แก่ 1.1 ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre : TCI) ฐานข้อมูลสาหรับการสืบค้นผลงานวิจัยและผลงานวิชาการท่ีตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ของไทยซ่ึงมี ผลงานวจิ ัยและบทความจานวนมากจากนกั วิจยั ที่มคี ณุ ภาพและผา่ นการคดั กรองคุณภาพผลงานจากผู้ ทรงวุฒิและผู้เช่ียวชาญ ผู้สอนสามารถสืบค้นและนาไปใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน การมอบหมายงานแกผ่ ู้เรียน และการทาวิจัยของผู้สอนเองได้ ภาพที่ 7.1 ศนู ย์ดัชนีการอา้ งองิ วารสารไทย แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทข้อความ 1.2 Google Scholar ฐานข้อมูลสาหรับการสืบค้นผลงานวิจัยและผลงานวิชาการที่ ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทั้งของไทยและต่างประเทศ อยู่ในตระกูล Google ท่ีนักวิจัยสามารถสร้าง บัญชีและนาเสนอผลงานวิจัยและผลงานวิชาการของตนเอง ซึ่งได้รับความสนใจจากนักวิจัยของไทย และของทั่วโลกเข้าใช้งานกันเป็นจานวนมาก ส่งผลให้มีแหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทข้อความที่ ผู้สอนสามารถนามาใช้งานได้จานวนมาก ดังภาพที่ 7.2 เป็นบัญชี Google Scholar ผลงานวิจัยและ บทความของศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญนันท์ นิลสุข นักวิชาการผู้เช่ียวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อการศึกษา และการจัดการเรยี นการสอนออนไลน์

173 ภาพที่ 7.2 Google Scholar แหลง่ ทรัพยากรออนไลนป์ ระเภทขอ้ ความ 1.3 Research Gate เป็นเสมือนเครือข่ายสังคมออนไลน์สาหรับนักวิจัยที่สามารถนา ข้อมูลและงานวิจัยมานาเสนอและเผยแพร่เพ่ือแบ่งปันกับนักวิจัยจากท่ัวโลก และเป็นเครื่องมือ สาหรับการส่ือสารและสืบคนข้อมูลที่เก่ียวข้องของนักวิจัย ภายใต้แนวคิดที่ว่านักวิจัยทาอะไรได้ มากกว่าหากร่วมมือกันทางานผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จึงเป็นช่องทางหน่ึงที่ทาให้นักวิจัย สามารถสร้างความร่วมมือกันได้อย่างไร้ขีดจากัดและมีพลังมากย่ิงขึ้น ผู้สอนสามารถสมัครและเข้า ร่วมเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเข้าถึงข้อมูลและผลงานวิจัยเหล่าน้ีและสามารถนาไปประยุกต์ใช้ให้ เป็นประโยชน์กับการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพที่ 7.3 เป็นบัญชี Research Gate แสดงผลงานวจิ ัยและบทความของศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญนันท์ นิลสุข นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารเพ่ือการศึกษา และการจดั การเรยี นการสอนออนไลน์ ภาพท่ี 7.3 Research Gate แหลง่ ทรพั ยากรออนไลน์ประเภทข้อความ

174 2. แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทเสียง ในที่น้ีหมายถึงแหล่งจัดเก็บข้อมูลประเภทเสียง อาทิ เสยี งเพลง เสยี งดนตรี เสยี งประกอบ เปน็ ตน้ ซึง่ เหมาะสมอยา่ งย่ิงทผี่ ูส้ อนจะนาไปประยุกต์ใช้ใน การจัดการเรียนการสอน เช่น การใช้เสียงสาหรับการตัดต่อวิดีโอการสอน การทาสื่อการสอน และท่ี สาคัญสามารถนามาใชง้ านได้โดยไม่เสียค่าใช้จา่ ย แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทเสียงที่ได้รับความ นิยม อาทิ Bensound, Soundcloud และ Free-Stock-Music เปน็ ต้น ภาพที่ 7.4 Bensound แหล่งทรพั ยากรออนไลนป์ ระเภทเสยี ง 3. แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทภาพน่ิงและภาพเคลื่อนไหว เป็นแหล่งข้อมูลสาหรับ สบื คน้ และคัดเลือกภาพนิ่งและภาพเคล่ือนไหวหรอื วดิ ีโอท่ีมีลขิ สทิ ธ์ิ แต่อนญุ าตใหผ้ ้สู อนสามารถนามา ประยุกต์ใช้ในการจัดการรเรียนการสอน ทาส่ือประกอบการสอน หรือมอบหมายงานให้ผู้เรียนได้ลง มือปฏิบัติโดยใช้ภาพน่ิงและภาพเคล่ือนไหวที่เจ้าของลิขสิทธ์ิอนุญาตให้สามารถนามาใช้เป็นสว่ นหนงึ่ ของผลงานที่ได้รับมอบหมายได้ และผู้สอนสามารถให้ข้อมูลในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรออนไลน์ ประเภทภาพน่ิงและภาพเคลื่อนไหวที่แก่ผู้เรียนเพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อาทิ แหลง่ ทรพั ยากรออนไลนป์ ระเภทภาพน่ิงและภาพเคล่ือนไหวจาก Pixabay และ Pixel เปน็ ต้น

175 ภาพที่ 7.5 Pixabay แหล่งทรพั ยากรออนไลน์ประเภทภาพนง่ิ และภาพเคลื่อนไหว ภาพที่ 7.6 Pixel แหลง่ ทรัพยากรออนไลน์ประเภทภาพน่ิงและภาพเคลื่อนไหว 4. แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทกราฟิก เป็นแหล่งทรัพยากรสาหรับการนาเสนอ โปรแกรมที่เก่ียวข้องกับการทางานด้านกราฟิก อาทิ โปรแกรมตกแต่งและตัดต่อภาพ ตกแต่งและ จดั รูปแบบเอกสารสาหรับนาไปใชเ้ ผยแพร่เป็นรปู เล่มหรอื เผยแพรผ่ ่านเครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ การนา ฉากหลังของภาพที่ไม่ต้องการออก หรือนาภาพน่ิงมาทาให้เป็นภาพเคลื่อนไหวในลักษณะของภาพ .GIF เป็นต้น ซึ่งมีหลายโปแกรมที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผู้สอนสามารถนาไป ประยุกต์ใช้ในการเตรียมการสอน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมก็สามารถทา ได้เช่นเดียวกัน และในท่ีน้ีแหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทกราฟิกที่จะกล่าวถึงประกอบด้วย โปรแกรม Canva โปรแกรม Removebg และ โปรแกรม GIFMaker ดังรายละเอียดในภาพท่ี 7.7 ถงึ ภาพท่ี 7.9

176 ภาพท่ี 7.7 Canva แหลง่ ทรพั ยากรออนไลน์ประเภทกราฟกิ ภาพท่ี 7.8 Removebg แหล่งทรพั ยากรออนไลนป์ ระเภทกราฟิก

177 ภาพที่ 7.9 GIFMaker แหลง่ ทรพั ยากรออนไลน์ประเภทกราฟกิ 5. แหล่งทรัพยากรออนไลน์ประเภทแหล่งเรียนรู้ เป็นแหล่งรวบรวมและจัดเก็บแหล่ง เรียนรู้เพ่ือเพ่ิมพูนความรู้ของผู้สอนในประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้สอนสนใจหรือประเด็นท่ีจาเป็นต่อ การจัดการเรียนการสอน และท่ีสาคัญเป็นการอัปเดตองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้ทันกับการเปล่ียนแปลง ของสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี แหล่งเรียนรู้เหล่านี้มีท้ังแหล่งเรียนรู้ของไทยและของ ต่างบประเทศ ทั้งแบบไม่มีค่าใช้จ่ายและมีค่าใช้จ่าย ผู้สอนเลือกเรียนรู้ให้เหมาะสมกับตนเอง และยัง สามารถมอบหมายให้ผู้เรียนเข้าไปเรียนรู้มาก่อนจากท่ีบ้านและมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในห้องเรียน ต่อไปเป็นรูปแบบการเรียนรู้ท่ีกาลังได้รับความนิยมเรียกว่าห้องเรียนกลับด้าน หรือ Flipped Classroom ประกอบด้วย ภาพท่ี 7.10 Skillshare แหลง่ ทรัพยากรออนไลนป์ ระเภทแหล่งเรยี นรู้

178 ภาพท่ี 7.11 Skilllane แหล่งทรพั ยากรออนไลนป์ ระเภทแหลง่ เรยี นรู้ ภาพท่ี 7.12 ThaiMOOC แหล่งทรพั ยากรออนไลนป์ ระเภทแหล่งเรยี นรู้ ภาพท่ี 7.13 edX MOOCs แหลง่ ทรัพยากรออนไลนป์ ระเภทแหลง่ เรยี นรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook