Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โสวัฒนธรรมอีสานในงานวิจัย

Description: โสวัฒนธรรมอีสานในงานวิจัย

Search

Read the Text Version

150 โสวฒั นธรรม หลากชนดิ และเดมิ เศรษฐกิจเป็นแบบยังชีพและต่อมามีการค้าแบบทุนนิยมทำ� ให้ เศรษฐกิจของหมู่บ้านเปลี่ยนไป มีการตัดไม้เผาถ่านเพื่อการค้า รวมท้ังโครงสร้าง ปัจจัยพื้นฐานมีมากข้ึนโดยเฉพาะถนน นอกจากน้ีสมดังจิต กีรติพลพงษ์ (2543) ได้ศึกษาปัจจัยท่ีท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาชีพทอผ้าไหมมัดหมี่ของชาวบ้าน โคกกงุ ต�ำบลดอนกอก อ�ำเภอนาโพธิ์ จงั หวดั บุรีรัมย์ พบว่า เดิมชาวบ้านมีความ ช�ำนาญในการทอผ้าไหมมัดหม่ีมาแต่บรรพบรุ ุษ ซึ่งเป็นการทอเพอ่ื ยังชพี และเรม่ิ มาจำ� หนา่ ยในปพี .ศ.2524 และภายหลงั การทำ� นาเรม่ิ ประสบปญั หา ชาวบา้ นจงึ ทำ� อาชพี ทอผา้ ไหมมดั หมคี่ วบคกู่ นั ไป สว่ นปจั จยั ทที่ �ำใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงอาชพี นนั้ พบว่า มาจากเร่ืองรายได้ และการประกวดผ้าไหมมดั หม่ี งานวิจัยของบัวพันธ์ พรหมพักพิง (2545) เร่ือง เศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้าน อีสานห้าทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กรณีศึกษาบ้านท่า เป็นงานที่ศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของหมู่บ้าน และศึกษาพลังหรือปัจจัย ท่ีสามารถท�ำให้ชุมชนด�ำรงอยู่ได้และพัฒนาต่อไปอย่างมีศักดิ์ศรี โดยใช้วิธีการ วิจยั เชงิ คณุ ภาพ พบว่า บ้านท่าก่อต้ังมาตัง้ แต่ปี 2465 เศรษฐกจิ บ้านท่าในยุคแรก มีการท�ำมาหากินแบบยังชีพควบคู่กับการผลิตและค้าเกลือ ในช่วงทศวรรษท่ี 2500 ชาวบ้านเร่มิ ปลกู พชื เศรษฐกิจ คอื ปอ ในปัจจุบนั ครวั เรอื นบ้านท่า มรี ปู แบบ การยังชีพท่ีส�ำคัญ 2 รูปแบบคือ 1) อาศัยที่ดินหรือท�ำการเกษตรเป็นหลัก 2) เป็นการยังชีพโดยการหาอยู่หากิน อาศัยทักษะและประสบการณ์แบบดั้งเดิม บวกกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ และงานวจิ ยั ของจรุ รี ตั น์ ผลดี (2544) เรอื่ ง การเปลย่ี นแปลง วฒั นธรรมการหาปลาของชมุ ชนลมุ่ นำ�้ มลู ตอนปลายภายหลงั การสรา้ งเขอ่ื นปากมลู การศึกษาการเปล่ียนแปลงภายหลังการสร้างเขื่อนปากมูล วิถีชีวิตของชุมชน ลุ่มน�ำ้ มูลตอนปลายพึง่ พิงทรพั ยากรปลาจากแม่นำ�้ มูลในการดำ� รงชีวติ วฒั นธรรม การหาปลาของชาวประมง เริ่มจากการสังเกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติใน แต่ละฤดูกาลและศึกษาลักษณะนิสัยของปลา จนน�ำไปสู่การคิดค้นเคร่ืองมือจับ ปลารปู แบบตา่ งๆ เครอ่ื งมอื จบั ปลาทถ่ี กู คดิ ค้นขน้ึ เพอื่ ให้จบั ปลาทตี่ นต้องการ ตอ้ ง สอดคล้องกับลักษณะทางธรรมชาติและรักษาความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลาน

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 151 ความรทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การหาปลาไดผ้ า่ นการถา่ ยทอดจากรนุ่ สรู่ นุ่ สบิ ปที ผ่ี า่ นมาภาย หลงั การสรา้ งเขอ่ื นปากมลู สง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรมการหาปลาของ ชุมชนลุ่มนำ้� มลู อย่างย่งิ บทความของสวุ ทิ ย์ ธรี ศาศวตั (2545) เรอ่ื ง ประวตั ศิ าสตรเ์ ศรษฐกจิ หมบู่ า้ น อสี านหา้ ทศวรรษหลงั สงครามโลกครง้ั ทส่ี อง (พ.ศ.2488-2544) : กรณศี กึ ษาบา้ นบวั จังหวัดสกลนคร เป็นงานศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เศรษฐกิจหมู่บ้านอีสานห้า ทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กรณีศึกษาบ้านบัว จังหวัดสกลนคร พบว่า บา้ นบวั เปน็ หมบู่ า้ นชาวกะเลงิ ซง่ึ อพยพหนภี ยั สงครามในประเทศลาว มาตง้ั รกราก ที่เชิงเขาภูพาน เมื่อ 117 ปีก่อนเป็นหมู่บ้านท่ีเคยอุดมสมบูรณ์ ในช่วงปี 2509 เป็นต้นมา เมื่อชาวบ้านเร่ิมปลูกมันส�ำปะหลังเพื่อขาย ป่าไม้รอบๆ หมู่บ้านก็ถูก ทำ� ลาย ปจั จยั ทสี่ ม่ี าจากธรรมชาตกิ ล็ ดลง ประกอบกบั ประชากรเพม่ิ ขน้ึ เปน็ 7.4 เทา่ ในช่วง 64 ปี ทำ� ให้พน้ื ทถี่ ือครองต่อครัวเรอื นลดลง มชี าวบ้านทต่ี ้องซอื้ ข้าวกินถึง ร้อยละ 70 ของครัวเรือนทั้งหมด แต่ในปัจจุบันครัวเรือนส่วนหนงึ่ มีศักยภาพทาง เศรษฐกจิ สงู ขึน้ ส่วนบทความของสมศักดิ์ ศรีสันติสุข (2543) เรื่อง มองอนาคต : บทวเิ คราะหว์ ฒั นธรรมของคน ไดศ้ กึ ษาเกย่ี วกบั วฒั นธรรมของคนอสี าน พบวา่ เปน็ วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเป็นพหุลักษณ์ มีความแตกต่างหลากหลาย ทีผ่ ่านมาในอดตี การพัฒนาของรัฐก่อให้เกิดปัญหาความไม่สมดลุ ซึ่งในช่วงต่อมา มีการเรียนรู้ร่วมกันของชุมชนในมิติวัฒนธรรมการพัฒนา และการปรับตัวของ คนอีสานในอนาคต จะเกิดข้นึ จากพลังของพลวตั วัฒนธรรม อย่างไรก็ตามการวิจัยวัฒนธรรมของคนอีสานยังมีความจ�ำเป็นเพ่ือจะได้ เขา้ ใจในระบบคดิ การปรบั ตวั และการแกไ้ ขปญั หาของคนอสี านมากยง่ิ ขน้ึ บทความ ของอนงคน์ ชุ เทยี นทองและประภสั สร เตชะประเสรฐิ วทิ ยา (2542) การเปลยี่ นแปลง ทางเศรษฐกจิ และสงั คมกบั การถอื ครองพนื้ ทดี่ นิ งานชนิ้ นศี้ กึ ษาถงึ การเปลย่ี นแปลง ทางเศรษฐกจิ และสงั คมกบั การถอื ครองพนื้ ทดี่ นิ กรณศี กึ ษา หมบู่ า้ นกดุ กวา้ ง อ�ำเภอ เมือง จังหวัดขอนแก่น พบว่า ความเป็นมาของหมู่บ้านเป็นระบบเศรษฐกิจแบบ พอยังชีพ ต่อมามีความเจริญอย่างรวดเร็วเป็นผลท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้าน

152 โสวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสังคม กลายมาเป็นระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้ามากข้ึน และมีความ เป็นอยู่แบบยุ่งยากมากขึ้น มีพ้ืนที่ท�ำการเกษตรลดลง เป็นผลต่อเน่ืองในด้าน ผลกระทบต่ออาชีพของประชาชน และบทความของมณีมัย ทองอยู่ (2547) เร่ือง ยุทธศาสตร์เพ่ือการอยู่รอดและทุนทางสังคมของชาวนาอีสาน ได้ศึกษาถึง ยทุ ธศาสตร์เพอ่ื การอย่รู อดและทนุ ทางสงั คมของชาวนาอสี าน พบว่า การแทรกตวั ของระบบทุนนิยมเข้าสู่เศรษฐกิจชาวนานั้น ท�ำให้ชาวนาต้องเผชิญความเส่ียง เพิม่ ข้นึ ดงั นนั้ ชาวนาอสี านจงึ ไดพ้ ฒั นายทุ ธศาสตรเ์ พอ่ื การอยรู่ อดของครวั เรอื นขนึ้ ยุทธศาสตร์ที่ส�ำคัญคือ การผลิตเพ่ือการบรโิ ภคภายในครอบครัวไปพร้อมๆ กับ การผลิตเพ่ือการค้า การแตกกิจกรรมทางเศรษฐกิจของครัวเรือนออกไปอย่าง หลากหลาย ทัง้ นอกไร่นาและนอกภาคการเกษตร โดยเฉพาะการไปท�ำงานรับจ้าง ต่างถน่ิ การพยายามรกั ษาท่ดี ินเพอื่ การเกษตรของครอบครวั ไว้ การรกั ษาบทบาท ของครอบครัวในฐานะเป็นหน่วยในการจัดสรรแรงงานและทรัพยากรท่ีหาได้ และ หนงั สือของมณีมัย ทองอยู่ (2546) เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจชาวนา อสี าน ไดอ้ ธบิ ายถงึ กระบวนการเปลยี่ นแปลงเศรษฐกจิ ของชาวนาในภาคตะวนั ออก เฉยี งเหนือของไทย การปรับตัวของชาวนาในชุมชนและครัวเรือนต่อทุนนิยม และ ประเมนิ ถงึ ผลกระทบของการปรบั ตวั พบวา่ การเปลย่ี นแปลงของชาวนามรี ปู แบบที่ แตกต่างกัน 3 แบบ คือ ชาวนาส่วนหนง่ึ สามารถพัฒนากจิ การลงทนุ เพื่อผลกำ� ไร เป็นผปู้ ระกอบการได้ อกี ส่วนก่อตวั ขน้ึ ในเขตชลประทานพฒั นาในการเกษตร และ แบบทผี่ ลิตและมรี ายได้ไม่เพยี งพอต่อการดำ� รงชพี แต่มีลกั ษณะร่วมท่สี �ำคญั เช่น ยังคงอยู่ของการผลิตข้าว และพยายามรักษาท่ีดินเพื่อการเกษตรไว้ การแตกตัว ของกจิ กรรมเศรษฐกจิ จากการเกษตรไปสกู่ ารรบั จา้ งนอกภาคเกษตร มกี ารโยกยา้ ย แรงงานบางสว่ นไปรบั จา้ งตา่ งถนิ่ ทงั้ นกี้ ารพฒั นาแบบทนุ นยิ มโดยการชกั น�ำของรฐั ในภาคอีสาน ก่อให้เกดิ การแตกตวั และแตกข้ัวในชนบทเชอื่ งช้ามาก ส่วนบทความของประนชุ ทรัพยาสารและประทวน บุญปรก (2544) เร่ือง

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 153 ภูมิปัญญาชาวบ้านกับการพัฒนาอีสาน เป็นบทสรุปจากการอภิปรายในงาน ช่อพะยอมบาน 2543 วนั ที่ 4 ธนั วาคม 2543 หวั ข้อเรอ่ื ง ภมู ิปัญญาชาวบ้านกับ การพัฒนาอีสาน ซ่ึงสรุปได้ว่า สิ่งที่มีค่าทุนเดิมคือทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่เป็น ทนุ เดมิ ในท้องถนิ่ ทงั้ ดนิ หญ้า ปา่ ดง ววั ควาย นก หนู นค่ี อื ความหลากหลายทาง ชวี ภาพ ทกุ ชีวติ อยู่รวมกันคอื มีค่ามหาศาล คือทนุ อันยง่ิ ใหญ่ แรงงานสองสามพัน คนไปท�ำงานให้คนเดียว แรงงานมีค่ามหาศาล วัฒนธรรมการแบ่งปันเอ้ืออาทร ต่อกนั ในชุมชน กลุ่มอินแปงเป็นกลุ่มชาวบ้านพฒั นาภูมปิ ัญญา พฒั นาธรรมชาติ ร่วมกับองค์กรของรัฐบาลและเอกชน ยุคปัจจุบันนี้ส�ำคัญท่ีสุดคือ การพัฒนาคน จงึ ตอ้ งพฒั นาปญั ญาใหเ้ กดิ ความสามารถคนื สรู่ ากเหงา้ คอื ประยกุ ตเ์ อาสงิ่ เกา่ และ ส่งิ ใหม่สอดคล้องกลมกลนื มาพฒั นาให้เกิดประโยชน์ งานวจิ ยั ของวลิ าวลั ย์ เออ้ื วงศก์ ลู (2542) เรอ่ื ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฒั นาการ ของเมอื งกับการเปลีย่ นแปลงวฒั นธรรม : กรณีศกึ ษาเมอื งเรณนู คร การศกึ ษาได้ แบ่งพัฒนาการของพื้นท่ีศึกษาออกเป็น 3 ยคุ คอื ในยุคดั้งเดิม (พ.ศ.2387-2446) ยคุ ของการเปลยี่ นแปลง (พ.ศ.2447-2488) และยคุ ปจั จบุ นั (พ.ศ.2489-2542) ลกั ษณะ ทางกายภาพของเมืองเรณูนครเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน และระบบโครงข่ายการคมนาคมซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายมุ่งเน้นการ พัฒนาเพื่อให้เกิดความมั่นคงของชาติ วิถีชีวิตของชุมชนได้ถูกปรับเปลี่ยนจากท่ี เคยเรยี บงา่ ย มาสรู่ ะบบสงั คมทซี่ บั ซอ้ นมากยงิ่ ขน้ึ ซงึ่ สง่ ผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงทาง กายภาพ การใชพ้ นื้ ทเ่ี มอื งตลอดจนวถิ ชี วี ติ ของคนเมอื งเรณนู ครไปดว้ ย พฒั นาการ ของเมืองเรณนู ครที่เกิดข้ึนได้สะท้อนให้เห็นรูปแบบวัฒนธรรมใหม่ในการดำ� เนนิ ชีวิตที่มุ่งหาความเป็นส่วนตัวหรือกระแสปัจเจกมากกว่าวัฒนธรรมร่วมท่ีเคย ยดึ ถอื ปฏบิ ตั ใิ นระดบั ชมุ ชน จากการศึกษาพบว่า การจะรักษาวัฒนธรรมชมุ ชนให้ ย่ังยืนควบคู่ไปกับการพัฒนาเมือง น่าจะต้องไม่มองวัฒนธรรมว่าเป็นส่ิงที่หยุคนงิ่ การใช้พื้นที่เมืองเพื่อให้เกิดกิจกรรมทางวัฒนธรรมไม่ควรกระจุกอยู่ท่ีใดท่ีหนงึ่ จน เกนิ ไป และงานวจิ ยั ของโชคชยั เทวานฤมติ ร (2543) เรอ่ื ง วฒั นธรรมกบั การพฒั นา หมู่บ้าน : กรณีศึกษาบ้านสวายสอ ต�ำบลเมืองไผ่ อ�ำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์

154 โสวฒั นธรรม พบว่า หมู่บ้านสวายสอมีปัญหา คล้ายกับหมู่บ้านชนบททั่วไป มีขนบธรรมเนียม ประเพณวี ฒั นธรรมทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ ซงึ่ เปน็ ผลจากการปฏบิ ตั สิ บื ทอดตอ่ กนั มาเปน็ ระยะเวลานาน มีรากฐานมาจากความคิด ความเช่ือในศาสนาพุทธแบบชาวบ้าน และศาสนาพราหมณท์ ปี่ รากฏอยใู่ นประเพณพี ธิ กี รรมตา่ งๆ ของชาวบา้ น เชน่ การ นับถอื ผบี รรพบรุ ษุ การเล่นแม-ม้วด การโกนจุก การแต่งงานและประเพณงี านศพ ส่วนบทความของพัฒนา กิตติอาษา (2545) เร่ือง คนข้ามแดนนาฏกรรม ชีวิตและการข้ามพรมแดนในวัฒนธรรมอีสาน เป็นบทความเกี่ยวกับรูปแบบและ ช่องทางการเคลื่อนไหวทางกายภาพของสังคมชาวอีสานในยุคการพัฒนาใน ทศวรรษที่ 1960 ข้ามพรมแดนทางสงั คมและวฒั นธรรมเพื่อดิ้นรนต่อสู้และตอบโต้ นโยบายการพฒั นาของรฐั ไทย คำ� ถามสำ� คญั คอื ทำ� ไมคนอสี านจงึ เดนิ ทางขา้ มแดน นบั ตงั้ แตย่ คุ พฒั นามาจนยคุ โลกาภวิ ตั น์ วาทกรรมทอี่ า้ งถงึ คอื ความยากจน ความ อดอยาก ความด้อยโอกาส ความตำ่� ต้อยของภมู ิภาคและคนอสี าน มสี ่วนผลกั ดัน ให้ออกแสวงหาชีวติ ท่ีดกี ว่า สำ� หรบั ถวลั ย์ ภูถวัลย์ (2545) ได้ศกึ ษาเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลอื กภาค อสี าน ขบวนการเคลอ่ื นไหวเพอ่ื เปลยี่ นแปลงสงั คมโดยกลมุ่ คนจน กลา่ วถงึ เครอื ขา่ ย เกษตรกรรมทางเลอื กภาคอสี านเปน็ รปู ธรรมอนั หนง่ึ ของการแกป้ ญั หาความยากจน ของประเทศไทยทผ่ี ลพวงมาจากทศิ ทางการพฒั นาประเทศ การกำ� หนดโครงสร้าง ทางเศรษฐกจิ สงั คมและการเมอื งท่ไี ม่เป็นธรรม ส่วนศิริพร ศรสี ินธุ์อุไร (2541) ได้ ศึกษาปฏิบัติการทางวาทกรรมของชาวบ้าน : กรณีศึกษาป่าทามกุดเป่ง เป็นการ ศึกษาวาทกรรมของชาวบ้านในภาคอีสานที่สร้างข้ึน ในกระบวนการต่อสู้เพ่ือการ อนุรักษ์และจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างวาทกรรมของชาวบ้าน กับบริบททางสังคม กระบวนการในการปฏิบัติการเชิงวาทกรรมของชาวบ้านหรือ ครอบครัว พ้ืนท่ีและครองความเป็นเจ้า พบว่า กรณศี ึกษาป่าทามกดุ เป่ง ทปี่ รากฏ ขึ้นบนเส้นทางการต่อสู้กรณีฝายราศีไศลโดยสรุปกระบวนการต่อสู้ของชาวบ้าน คือ การโต้แย้งและตอบโต้วาทกรรมกระแสหลักของรัฐ 2 ประเด็น คือ วาทกรรม ว่าด้วยการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่มิได้ให้ความสนใจกับ

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 155 องค์ความรู้ของชมุ ชนท้องถนิ่ ส�ำหรับเบญจวรรณ นาราสัจจ์ (2541) ได้ศึกษาการรับช่วงการผลิตกับ ระบบความสัมพันธ์ทางสังคมในชุมชน ศึกษากรณี กิจการแหอวนในหมู่บ้าน จังหวัดขอนแก่น เป็นการศึกษาการรับช่วงการผลิตจากโรงงานเข้าสู่หมู่บ้านด้วย ระบบตัวแทนหรือคนกลาง เพ่ือท�ำความเข้าใจลักษณะความสัมพันธ์ท่ีเกิดขึ้นใน เครือข่ายรับช่วงการผลิต การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมที่เกิดข้ึนใน หมบู่ า้ น พบวา่ การรบั ชว่ งการผลติ อวนในฐานะกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ไมเ่ ออ้ื อำ� นวย ให้เกิดกลุ่มความสัมพันธ์ทางสังคมแบบใหม่ และเงื่อนไขในการท�ำงานเปิดโอกาส ให้ผู้ปะอวนร่วมกิจกรรมทางสังคม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างไว้ การ รับช่วงการผลิตอวนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมภายในหมู่บ้านให้เข้มแข็ง ขึ้น มีรายได้เป็นเงินสดอย่างสมำ่� เสมอ มีความเป็นอยู่ท่ีดี มีเครื่องอ�ำนวยความ สะดวกต่างๆ ส่งเสริมการศึกษาแก่ลูกหลาน ร่วมท�ำบุญช่วยเหลือ บริจาคแก่ กิจกรรมส่วนรวมของหมู่บ้าน ก่อให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ ภายในครัวเรือนและชุมชน คือผู้หญิงเป็นผู้ปะอวนมีความส�ำคัญขึ้น และธวัชชัย เพ็งพินิจ (2544) ได้ศึกษาวิถีชีวิตของเกษตรกรชานเมืองภายหลังการขายที่ดิน ทำ� กิน : กรณศี ึกษาบ้านโนนม่วง หมู่ท่ี 3 ต�ำบลศิลา อำ� เภอเมือง จงั หวดั ขอนแก่น พบวา่ บา้ นโนนมว่ งเกดิ จากการอพยพยา้ ยถนิ่ เพอื่ แสวงหาทอ่ี ยอู่ าศยั และทด่ี นิ ทำ� กนิ ชาวบา้ นมอี าชพี เดมิ คอื การทำ� นาในทดี่ นิ ทำ� กนิ ของตนเอง หลงั จากขายทดี่ นิ ทำ� กนิ ชาวบ้านอพยพเข้าไปท�ำงานรับจ้างในภาคอุตสาหกรรมและบริการในตัวเมืองและ อีกส่วนกป็ ระกอบอาชีพอน่ื ๆ ในหมู่บ้าน ปัจจัยทม่ี ีผลต่อการขายท่ดี นิ ได้แก่ ภาระ หนส้ี นิ ค่านิยม การขยายตัวของเมือง และภาวะความแปรปรวนของธรรมชาติ ซง่ึ เกดิ ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลงขนึ้ ในโครงสรา้ งทกุ สว่ นในหมบู่ า้ น ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นสงั คม วฒั นธรรม พฤตกิ รรมของคนในหมบู่ า้ น ท�ำใหร้ ากฐานทางความคดิ และ ค่านยิ มเปล่ยี นแปลงไป งานวจิ ยั ของพชั รนิ ทร์ ลาภานนั ท์ (2546) เรอื่ ง การปรบั ตวั ทางวฒั นธรรมของ

156 โสวัฒนธรรม ชาวชนบททไ่ี ด้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ : กรณีศกึ ษาเขือ่ นปากมูล มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายกระบวนการปรับวัฒนธรรมในการด�ำเนนิ ชีวิตของชาว ชุมชนลุ่มน้�ำมูลที่ได้รับผลกระทบจากเข่ือนปากมูล รวมท้ังอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างบริบทของครัวเรือน ชุมชนและวิธีการท�ำงานของรัฐท่ีส่งผลต่อการปรับตัว และการโต้กลับของผู้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึน วิธีการศึกษา คอื การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ พน้ื ทศ่ี กึ ษาคอื ชมุ ชนลมุ่ น�้ำมลู 3 หมบู่ า้ นทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบ จากเขอื่ นปากมลู พบวา่ การสรา้ งเขอื่ นปากมลู สง่ ผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศนข์ องลมุ่ นำ�้ ซงึ่ การเปล่ียนแปลงทเ่ี กดิ ขนึ้ ท�ำให้ชุมชนต้องปรบั ตัวในหลายด้าน คอื การโยกย้าย ชุมชนและบ้านเรือน การผลิตของครัวเรือน ทั้งเพื่อบรโิ ภคและเพื่อสร้างรายได้ ความสัมพันธ์ทางสังคม และงานวิจัยของฤทธ์ิชัย ภูตะวัน, ทวี หอมหวนและ ปราณี มัคศนนั ท์ (2546) เรอื่ ง ชะตากรรมชาวนาไทยในภาคอีสาน พบว่า อาชพี เกษตรกรรมส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย การท�ำนาเป็นอาชีพหลัก เม่ือการ ทำ� นาในปจั จบุ นั มลี กั ษณะตอ้ งใชต้ น้ ทนุ สงู ตอ้ งพง่ึ พาธรรมชาติ ผลผลติ ราคาทขี่ าย ไดไ้ มค่ มุ้ กบั ตน้ ทนุ ทำ� ใหช้ าวนาขาดทนุ ชาวนาสว่ นใหญค่ ดิ วา่ คนจนคอื คนไมม่ เี งนิ มหี นสี้ นิ ไมพ่ อกนิ ไมพ่ ออยาก หาเชา้ กนิ คำ่� อยไู่ ปลมๆ แลง้ ๆ เมอื่ โครงการกอ่ สรา้ ง ฝายราศไี ศล การสญู เสยี ทท่ี ำ� กนิ ทวคี วามรนุ แรงขนึ้ เกดิ นำ้� ทว่ มนาทามทส่ี าธารณะ สำ� หรบั ทำ� นาของชาวบา้ น จงึ ไมส่ ามารถทำ� การผลติ ขา้ วได้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความทกุ ขย์ าก และบทความของรตั นา โตสกลุ (2541) เร่ือง ความหมายของการพัฒนาในสายตา ของชาวบ้านภาคอีสาน : มิติทางมานุษยวิทยา งานชิ้นน้ีศึกษาผลสรุปการให้ ความหมายด้านการพฒั นาของชาวบ้านชาติพนั ธุ์ไท-ลาว 2 หมู่บ้านในภาคอีสาน หลังจากท่ีเข้ารับการพัฒนาของภาครัฐมาต้ังแต่ทศวรรษ 1960 พบว่า ขณะท่ีรัฐ ของไทยมบี ทบาทความรบั ผดิ ชอบหลกั ในการเสนอแนวคดิ และนโยบายการพฒั นา ประเทศชาตแิ ตช่ าวบา้ นไมไ่ ดส้ ะทอ้ นถงึ การยอมรบั โดยปราศจากการตง้ั ค�ำถามตอ่ แนวคิดและนโยบายการพัฒนา ดังนนั้ การพัฒนาจึงเป็นพ้ืนที่หนงึ่ ทางวัฒนธรรม ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความหมายซึ่งประกอบด้วย ความร่วมมือ การโต้แย้งและ การท้าทายกับแนวคิดการพัฒนาท่ีเป็นกระแสหลัก โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านสร้าง

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 157 ความหมายของการพัฒนาโดยอิงจากสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมเก่าและใหม่ กลไกอ�ำนาจรัฐมีอิทธิพลต่อการสร้างความคิดเร่ืองการพัฒนาของชาวบ้าน ได้แก่ โรงเรียน หน่วยราชการท้องถิ่น ส่วนบทความของสมศักด์ิ ศรสี นั ตสิ ขุ (2546) เรอ่ื ง การประเมินความยากจนแบบมีส่วนร่วมในกลุ่มชาติพันธุ์กะเลิงบ้านทรายแก้ว ต�ำบลกุดบาก อ�ำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร งานช้ินนี้ศึกษาการประเมินความ ยากจนแบบมีส่วนร่วม ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเลิง จังหวัดสกลนคร โดยใช้วิธีการ สนทนากลุ่ม พบว่าความหมายของความยากจนเป็นมิติทางใจและทางกายภาพ สาเหตุของความยากจนในทัศนะของคนจนคือ ด้านภูมิศาสตร์ท่ีต้องอาศัยและ พึ่งพิงธรรมชาติในการเก็บหาของป่าและอาหารและด้านคมนาคมที่ติดต่อกับ ภายนอกล�ำบาก บทความของอรทยั ศรที องธรรม (2541) เรอื่ ง วัฒนธรรมความเช่อื หมู่บ้าน อีสานในการอนุรักษ์ป่าชุมชน กรณีศึกษา : หมู่บ้านในอ�ำเภอเดชอุดม จังหวัด อบุ ลราชธานี เปน็ งานทศ่ี กึ ษาเกยี่ วกบั วฒั นธรรมความเชอื่ ของชาวบา้ นอสี านทม่ี ตี อ่ การอนรุ กั ษป์ า่ ชมุ ชน การเปลยี่ นแปลงความเชอ่ื และปจั จยั ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ความเชอื่ การเก็บข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์ผู้รู้ในชมุ ชน ศกึ ษาบ้านนาดี ในอ�ำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ความเชื่อและพิธีกรรมเก่ียวกับผีปู่ตาและผีเจ้านาย ความเชอ่ื เรอื่ งปา่ ชา้ และความเชอ่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ มผี ลตอ่ พฤตกิ รรมในการอนรุ กั ษป์ า่ ชมุ ชนในรปู การกำ� หนดเปน็ กฎเกณฑ์ ขอ้ หา้ ม บทลงโทษ และกำ� หนดบทบาทหนา้ ทข่ี องชาวบา้ นในการอนรุ กั ษป์ า่ ชมุ ชน และยงั มอี ทิ ธพิ ลตอ่ วิถีชีวิตก�ำหนดบรรทัดฐานทางสังคม ท่ีส�ำคัญคือเป็นที่ยึดเหน่ียวจิตใจของ ชาวบ้านในทุกเรื่อง และมีปัจจัยต่างๆ เข้ามาก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงด้านการ ประกอบอาชพี ทเ่ี ป็นรายได้หลัก โครงสร้างประชากรและความสัมพันธ์ในชมุ ชน บทความของชอบ ดีสวนโคกและอุดม บัวศรี (2546) เร่ือง เจ้าโคตร : ผเู้ วา้ แลว้ แลว้ โลด งานชน้ิ นี้ ศกึ ษาระบบเจา้ โคตร ซง่ึ เปน็ ระบบดงั้ เดมิ ทถี่ อื เปน็ ระบบ หรอื กฎทีส่ ำ� คัญต่อสงั คมอีสาน เจ้าโคตร : การจัดการความขัดแย้ง ในวฒั นธรรม อีสาน เป็นระบบที่ทุกคนได้ถือเป็นระบบในฐานะเป็นสถาบัน สถาบันเจ้าโคตร

158 โสวัฒนธรรม สามารถควบคุมปัญหาข้อขัดแย้งในสังคมอีสาน ผลการศึกษาใน 3 จังหวัด คือ มุกดาหาร ขอนแก่นและอุบลราชธานี แสดงให้เห็นว่าทุกหมู่บ้านรู้จักและเข้าใจ ระบบเจ้าโคตรในชอ่ื ท่แี ตกต่างกันออกไป ส่วนบทความของชนตุ รา อิทธิธรรมวนิ จิ (2542) รอ้ ยแปดคะล�ำของชาวไทยอสี าน งานชนิ้ น้ี ศกึ ษาคะล�ำ (taboo) ซงึ่ เปน็ ภาษา อีสานท่ีผู้อาวุโสหรือผู้เฒ่าใช้ทักท้วงการกระทำ� ท่ีเป็นส่ิงไม่ดี ไม่งาม ไม่เหมาะสม คะล�ำจึงเป็นส่ิงศักด์ิสิทธิ์ท่ีถูกทักท้วงจะไม่กล้ากระท�ำต่อไป คะล�ำจึงเป็นจารีต ประเพณี และจริยธรรมของชาวไทยอีสานท่ียังคงถือปฏิบัติต่อมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม คะล�ำเป็นปัจจัยหนึ่งท่ีท�ำให้เกิดปัญหาทางพฤติกรรมสุขภาพไม่ พึงประสงค์ เน่ืองจากคะลำ� ท่ีเก่ียวข้องกับการบรโิ ภค โดยเฉพาะอย่างย่ิงคะลำ� ใน หญิงมคี รรภ์ หญงิ หลงั คลอด ส�ำหรับวารีรัตน์ ปั้นทอง (2543) ได้ศึกษาวัฒนธรรมกับการบรโิ ภคอาหาร ของชาวไทยเช้ือสายเวียดนามในเขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานี พบว่า ชาวไทย เช้ือสายเวยี ดนามอพยพมาตงั้ ถ่ินฐานในจังหวดั อุบลราชานีในปีพ.ศ 2488 มีอาชีพ ปลูกผกั ช่างเหล็ก ช่างซ่อม ขายหมูยอ ขายอาหารเวียดนาม เป็นต้น วัฒนธรรม การบรโิ ภคอาหารของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม รับเอาวัฒนธรรมการบรโิ ภคจาก ประเทศจีนและฝรั่งเศสและผสมกลมกลืนวฒั นธรรมของท้องถนิ่ ที่อาศัย ซง่ึ บรโิ ภค อาหาร 3 ม้อื คอื ม้ือเช้า คอื ก๋วยจั๊บ มอื้ เที่ยวคือเฝ๋อและอาหารอีสาน อาหารมอื้ เยน็ คอื แกงจดื ผดั ผกั ตม้ หมู วธี กี ารเปลยี่ นแปลงทมี่ ผี ลตอ่ การบรโิ ภคอาหารมปี จั จยั ด้านเศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม เราอาจกล่าวได้ว่า การส�ำรวจองค์ความรู้การวิจัยวัฒนธรรมในภาค ตะวันออกเฉยี งเหนือภายใต้ประเด็นพลังความคิดและภูมิปัญญา ที่แยกวิเคราะห์ ตามกรอบการศึกษาด้านพลังความคิดและอุดมการณ์ ด้านการศึกษาภูมิปัญญา ด้านทุนเศรษฐกิจ และด้านการศึกษาภูมิปัญญาในฐานพลังชุมชนนนั้ ต่างสะท้อน ให้เห็นองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมมากมายของชุมชนอีสาน และมีการ ปรบั เปลย่ี นไปตามบรบิ ทของสงั คมในแตล่ ะชว่ ง อยา่ งไรกต็ ามนนั้ งานศกึ ษาทกุ ชนิ้ ใช่ว่าจะช้ีให้เห็นแค่เร่ืองขององค์ความรู้ท่ีขีดกรอบเฉพาะเร่ืองของเนื้อหาของ

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 159 วัฒนธรรมเพยี งแค่นนั้ แต่ยงั พบว่างานแต่ละชนิ้ ล้วนมสี ่วนสมั พันธ์เชอื่ มโยงให้เหน็ ถงึ วถิ ชี วี ติ ของชาวอสี าน การปรบั ตวั เพอ่ื การอยรู่ อดในสงั คมทม่ี พี ลวตั อยตู่ ลอดเวลา การโยกยา้ ยถน่ิ ฐานเพอื่ ไปทำ� งานตา่ งถน่ิ หรอื ตา่ งแดน การปรบั วฒั นธรรมเพอ่ื ความ อยู่รอด ตลอดจนการปฏิสังสรรค์ระหว่างกลุ่มวัฒนธรรมที่มีความแตกต่าง การ สังเคราะห์งานในครั้งน้ียังต้องการและจ�ำเป็นที่จะต้องค้นหาประเด็นอีกมากมาย ในการสงั เคราะหง์ านเพอ่ื ใหเ้ หน็ ภาพทเี่ ปลยี่ นแปลงไปของวฒั นธรรม และเพอ่ื สรา้ ง องค์ความรู้ เปิดเผยแง่มุมออกสู่สงั คม ท้ายท่ีสดุ ก็เพ่อื สังคมได้เข้าใจในวฒั นธรรม ทม่ี พี ลวตั และมคี วามเป็นพหลุ ักษณ์ด้วย 3.5 แนวคิด ทฤษฎี และปญั หาทางวธิ วี ทิ ยา จากการสังเคราะห์งานวิจัยวัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือในบทที่ ผ่านมา เป็นการรวบรวมงานวิจยั ภายใต้ 3 ประเด็นหลักคือ ประเด็นแรกเป็นการ รวบรวมงานวิจัยวัฒนธรรมด้านพลังความคิดและภูมิปัญญา ซ่ึงหมายรวมถึงการ ศึกษาพลังความคิดและอุดมการณ์ การศึกษาภูมิปัญญาด้านทุนเศรษฐกิจ และ การศกึ ษาภมู ปิ ญั ญาในฐานพลงั ชมุ ชน ประเดน็ ทงั้ หมดรวบรวมไปถงึ การสงั เคราะห์ งานวจิ ยั ดา้ นวฒั นธรรมกบั การพฒั นา และงานวจิ ยั ดา้ นวฒั นธรรมกบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ เขา้ ดว้ ย ซง่ึ งานทร่ี วบรวมมาทงั้ หมดไดส้ งั เคราะหภ์ ายใตแ้ นวคดิ หลกั ทยี่ อมรบั ความ หลากหลายทางวัฒนธรรมในสังคมอีสาน และพยายามท�ำความเข้าใจในความ เป็นพลวัตของวัฒนธรรม ตามบริบททางสังคมและการเมืองที่เปล่ียนแปลงไปอยู่ ตลอดเวลา พร้อมๆ กับการสังเคราะห์งานวจิ ยั ให้เหน็ ภาพการเปลีย่ นแปลง ปัจจัย ที่เอ้ือ และส่งผลให้วฒั นธรรมของสงั คมอีสานนนั้ เปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเวลา ผลจากการสังเคราะห์ด้านกระบวนการวิจัยสรุปได้ว่า การศึกษาสังคม โดยนกั สังคมศาสตร์ด้วยกระบวนการวิจัยสังคมอีสาน โดยใช้แนวคิดและวิธีวิทยา ในการศึกษาสังคม พบว่า ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาสังคมโดยนักสังคมศาสตร์

160 โสวฒั นธรรม จากประสบการณ์วิจัยสังคมอีสาน ซึ่งนักสังคมศาสตร์ ได้แก่ นักวิชาการสาย มนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ นกั พฒั นาทท่ี ำ� งานเกยี่ วขอ้ งกบั คนอสี านและสงั คม ของคนอสี าน กลมุ่ ของปราชญช์ าวบา้ นอสี าน และนอกนน้ั ยงั มงี านวทิ ยานพิ นธข์ อง นกั ศกึ ษาสายมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ เปน็ หลกั กลมุ่ คนเหลา่ นม้ี กั ใชร้ ะเบยี บ วธิ กี ารศกึ ษาทสี่ ามารถแบ่งอย่างกว้างๆ ได้เป็น 3 กล่มุ คอื 1) ระเบยี บวธี กี ารศกึ ษา กระแสหลกั ทงั้ เชงิ ปรมิ าณและเชงิ คณุ ภาพ 2) ระเบยี บวธิ กี ารศกึ ษาเพอ่ื การพฒั นา ได้แก่ ระเบียบวธิ กี ารวิจัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารทีส่ ่งเสริมให้ชมุ ชนมีส่วนร่วม (Particioatory Action Research~PAR) การประเมินสภาวะชนบทแบบเร่งด่วน (RRA) และ 3) การ วิจัยไทบ้าน การแบ่งกลุ่มวิธกี ารวิจยั พิจารณาเกณฑ์ 2 ประการ คอื ประการแรก ไดแ้ ก่ อำ� นาจในการควบคมุ กระบวนการวจิ ยั ของนกั วจิ ยั กบั กลมุ่ คนทถ่ี กู ศกึ ษาและ ประการที่สอง การน�ำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหา ของชมุ ชนหรือของกลุ่มคนท่ถี ูกศกึ ษา (วิยุทธ์ จ�ำรสั พันธุ์, 2547) ส่วนผลจากการสังเคราะห์งานวิจัยทางวัฒนธรรมในภาคตะวันออก เฉยี งเหนือสะท้อนให้เห็นว่า งานวิจัยด้านวัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ มีหลากหลายแง่มุม นับแต่การศึกษาวิจัยทางประวัติศาสตร์ท้ังในเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ ด้านอุดมการณ์พลังความคิด ความเช่ือ งานวิจัยหลายชิ้นได้ท�ำการศึกษาองค์ความรู้ท้องถ่ิน หรือภูมิปัญญา ตา่ งๆ ทถ่ี า่ ยทอดสบื ตอ่ มาเปน็ จารตี ประเพณี วฒั นธรรมในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื งานวจิ ยั สะทอ้ นใหเ้ หน็ การสบื ทอด ตอกยำ�้ รวมถงึ การผลติ ใหมใ่ นเชงิ วฒั นธรรมให้ เขา้ กบั ยคุ สมยั ความเปลยี่ นแปลงตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสงั คมอสี านตลอดเวลาทผ่ี า่ นมา ทางด้านงานวจิ ยั วัฒนธรรรมกับการพัฒนาในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ใน ชว่ งปลายทศวรรรษ 2540 งานวจิ ยั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ การเปดิ ประเดน็ ใหมๆ่ ทส่ี อดรบั กับสถานการณ์ทางสังคม ดังเช่นที่ปรากฏในประเด็นการวิจัยวัฒนธรรมกับการ พัฒนา ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนในเร่ืองโครงการพัฒนาต่างๆ งานวิจัยจ�ำนวนหนง่ึ สะท้อนปัญหาความขัดแย้งเข่ือนปากมูลและราศีไศล ท่ีการ พัฒนาของรัฐส่งผลให้เกดิ ความเปล่ยี นแปลงทางสงั คม วฒั นธรรม และเศรษฐกิจ

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 161 ของประชาชนในพ้ืนท่ีเป้าหมายของโครงการดังกล่าว นอกจากน้ีในด้านการวิจัย วัฒนธรรมการพฒั นา ยังมีการวจิ ัยทคี่ รอบคลมุ ไปถึงประเด็นต่างๆ กล่าวคอื การ ศึกษาวิจัยวัฒนธรรมชุมชนกับการเปล่ียนแปลงท้ังทางด้านสังคม เศรษฐกิจ ซ่ึง หมายรวมถึงปัญหาท่ีเกิดจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น การเปล่ียนแปลงของ ระบบการผลิตจากสังคมเกษตรไปสู่การอพยพ การเคล่ือนย้ายจากชุมชนท้องถ่ิน เข้าสู่หัวเมืองใหญ่ในภูมภิ าคต่างๆ เพือ่ เข้าสู่การเป็นแรงงานในระบบอตุ สาหกรรม ซงึ่ ระบบอุตสาหกรรมไม่เพียงแต่จะกระจกุ ตัวอยู่ในหัวเมืองใหญ่ๆ หรือในเขตนคิ ม อุตสาหกรรมเท่านนั้ แต่ระบบอุตสาหกรรมยังได้ลุกลามเข้ามาสู่ชุมชนท้องถิ่นใน รูปแบบของการจ้างงานเหมาช่วง หรือแรงงานนอกระบบ ผลจากการศึกษาวิจัย ได้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของประชาชนในท้องถ่ินท่ีขาดทุนรอน หรือการ ศึกษาที่สูงตามที่สังคมจะยอมรับได้ เพ่ือใช้ต่อสู้ต่อรองในโลกยุคสมัยโลกาภิวัตน์ การปรบั เปล่ียนระบบเศรษฐกิจยงั ชีพในครัวเรอื น จงึ ส่งผลสืบเนอื่ งไปสู่การผลิตซำ้� และสรา้ งใหมใ่ นเชงิ วฒั นธรรม ดงั เชน่ สะทอ้ นในงานวจิ ยั ทางวฒั นธรรมวา่ ดว้ ยเรอ่ื ง ขบวนแหผ่ า้ ปา่ ทอดกฐนิ ของกลมุ่ แรงงานในระบบอตุ สาหกรรม ทงั้ ในประเทศและ ต่างประเทศ เป็นการปรับแปลงความคิด ความเช่ือ ความศรัทธาในพุทธศาสนาที่ สอดรบั กบั สภาพสงั คมชนบทสมัยใหม่ นอกจากน้ียังมีงานวิจัยวัฒนธรรมท่ีเชื่อมโยงกับเร่ืองการดูแลสุขภาพ ซึ่งมี ทงั้ เปน็ งานวจิ ยั ทสี่ ะทอ้ นการรวบรวมองคค์ วามรขู้ องกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ หรอื องคค์ วามรู้ ท้องถิ่นท่ีเก่ียวกับการดูแลสุขภาพ งานวิจัยหลายช้ินศึกษาการผสมผสานระหว่าง ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ในการดแู ลสขุ ภาพเขา้ กบั การดแู ลสขุ ภาพในรปู แบบสมยั ใหม่ ท่ี ให้ความส�ำคญั กบั ยาปฏชิ วี นะและกระบวนการรกั ษาพยาบาลตามหลกั การแพทย์ แผนปัจจุบัน ซ่ึงผลจากการศึกษาวิจัยได้สรุปบทเรียนส�ำคัญถึงระบบการดูแล สขุ ภาพตามหลกั การแพทย์สมยั ใหม่ว่า ไม่ควรละเลยทนุ ทางสงั คมหรอื องคค์ วามรู้ เกย่ี วกบั สขุ ภาพทมี่ อี ยใู่ นชมุ ชนทอ้ งถนิ่ มาปรบั ใช้ และเชอ่ื มตอ่ ผสมผสานองคค์ วามรู้ ความเชื่อ ซ่ึงจะเป็นผลดีกับผู้รับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ เนื่องจาก ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ไมเ่ พยี งแตร่ กั ษาอาการทางรา่ งกายเทา่ นน้ั แตย่ งั ใหค้ วามสำ� คญั

162 โสวฒั นธรรม กบั กลไกการรกั ษาภายในดา้ นจติ ใจควบคกู่ นั ไปดว้ ย นอกจากนงี้ านวจิ ยั ดา้ นสขุ ภาพ และวัฒนธรรม ยังมกี ารศกึ ษาวิจยั ท่ผี กู โยงถึงเรอ่ื งของความเข้มแขง็ ของชมุ ชนกบั ระบบการจดั การดแู ลสขุ ภาพโดยชมุ ชนเอง รวมถงึ งานวจิ ยั อกี หลายชน้ิ ทศี่ กึ ษาเกย่ี ว กับการใช้ทุนทางสังคมในชุมชนท้องถิ่นดูแลผู้ติดเช้ือเอดส์ และการวิจัยที่เกี่ยวกับ การดแู ลผสู้ งู อายุ ซง่ึ เปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ งานวจิ ยั ดา้ นการดแู ลผสู้ งู อายใุ นบรบิ ทของ สังคมปัจจุบันยงั คงมีไม่มากนกั ส่วนด้านวัฒนธรรมกับการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ประเด็นการ ศึกษาวิจัยส่วนใหญ่เน้นหนักเก่ียวกับการสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นลุกขึ้นมามี ส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมร่วมกับองค์กรส่วนท้องถิ่นและ หน่วยงานรัฐอื่นๆ ท้งั นสี้ ่วนหนงึ่ เป็นผลสบื เนื่องจากกระแสการสะท้อนกลบั ปัญหา ท่ีเกิดจากการพัฒนาของรัฐ ซึ่งเป็นการรวบอ�ำนาจและผูกขาดเพียงฝ่ายเดียวของ รัฐในกระบวนการจัดการทรัพยากรของประเทศตลอดเวลาทผี่ ่านมา ซ่งึ แน่นอนว่า มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกบั ประชาชนมาโดยตลอดเช่นกัน ในสภาพการณ์ ปจั จบุ นั ทจี่ ำ� นวนประชากรเพม่ิ มากขน้ึ ขณะทที่ ด่ี นิ หรอื ทรพั ยากรธรรมชาตลิ ดนอ้ ย ถอยลง ทำ� ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ เกยี่ วกบั การแยง่ ชงิ ทรพั ยากรทง้ั ในระดบั ปจั เจกบคุ คล ชุมชน และตัวแทนการจัดการของรัฐ งานวิจัยด้านวัฒนธรรมกับการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จึงสะท้อนให้เห็น ถึงการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ทุนทางสังคมในชุมชนและการเข้ามามีส่วนร่วมใน การออกสิทธ์ิออกเสียงและร่วมมือกันในการจัดการแบ่งปัน เพ่ือให้ทุกคนในชุมชน เขา้ ถงึ ทรพั ยากรตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งเทา่ เทยี ม รวมถงึ การศกึ ษาวจิ ยั ในเรอ่ื งของขบวนการ เคลอื่ นไหวทางสงั คมของประชาชน (social movement) มกี ระบวนการในการโตต้ อบ การตอ่ รองกบั อำ� นาจเบด็ เสรจ็ เดด็ ขาดของตวั แทนรฐั ทจ่ี ะเขา้ มาจดั การทรพั ยากรท่ี มคี วามส�ำคญั กับความอยรู่ อดของประชาชนในท้องถ่นิ นน้ั ๆ ซง่ึ งานวจิ ยั ได้ชใี้ ห้เหน็ ถงึ พลงั ของชมุ ชนในการเคลอื่ นไหว และชมุ ชนเองกไ็ ดใ้ ชห้ ลกั คดิ และภมู ปิ ญั ญาเนน้ เรอ่ื งสทิ ธขิ องชมุ ชนในการคดั คา้ นกบั อำ� นาจเผดจ็ การของรฐั ทคี่ ดิ มาใหแ้ บบเบด็ เสรจ็ ตายตัว แต่ทว่าได้ส่งผลกระทบสร้างความเดอื ดร้อนให้เกดิ กบั ชมุ ชน

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 163 ส่วนการวิจัยวัฒนธรรมด้านพลังความคิดและภูมิปัญญาที่สัมพันธ์กับกลุ่ม ชาติพันธุ์ จากการสังเคราะห์งานวิจัยเห็นได้ว่า ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือมีความ หลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นอย่างมาก ซ่ึงหากนับแต่สืบเน่ืองจากงานวิจัย ทางสังคมและวัฒนธรรมต้ังแต่ยุคแรกเร่ิมแล้วนนั้ ประเด็นการวิจัยทางชาติพันธุ์ ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ อาจกล่าวได้ว่า มีองค์ความรู้ด้านพลังความคิดและ ภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์จากงานวิจัยจ�ำนวนมาก ซ่ึงงานวิจัยเก่ียวกับกลุ่ม ชาติพันธุ์ในทศวรรษ 2540 ส่วนใหญ่เน้นไปที่การปรับตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ การรกั ษา สบื ทอด ผลติ ใหมใ่ นเชงิ วฒั นธรรม จารตี ประเพณี ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความ เปลี่ยนแปลงในชุมชน รวมท้ังแสดงให้เห็นพลังความคิดและภูมิปัญญาที่สามารถ ปรับใช้วัฒนธรรมให้เป็นทุนทางสังคม หรือทุนทางเศรษฐกิจเข้าสู่ชุมชน ดังเช่นที่ ปรากฏในรปู แบบของการจดั การท่องเทย่ี วชมุ ชนชาติพันธุ์ต่างๆ ในภาคตะวนั ออก เฉยี งเหนือ ด้วยลักษณะของโฮมสเตย์หรอื การท่องเที่ยวเชงิ วัฒนธรรม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เป็นท่ีน่าสังเกตว่า ในทศวรรษที่ผ่านมานนั้ งานวิจัยทาง วัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านพลังความคิดและภูมิปัญญา ได้ให้ ความสำ� คญั กบั การศกึ ษาวจิ ยั บทบาทสตรมี ากขน้ึ การปรบั เปลย่ี นบทบาทผหู้ ญงิ ใน สงั คมอสี าน ทปี่ รากฏอยทู่ กุ แงม่ มุ การวจิ ยั ไมว่ า่ จะเปน็ บทบาทผหู้ ญงิ กบั การพฒั นา ผหู้ ญงิ กบั ขบวนการตอ่ สู้ ตอบโต้ ตอ่ รอง กบั ความขดั แยง้ ทเ่ี กดิ จากการพฒั นา หรอื การศกึ ษาประเดน็ ของเพศสภาพ (gender) ระหว่างชายหญงิ ท่ามกลางบรบิ ททาง สงั คมสมยั ใหม่ เปน็ ต้น นอกจากนน้ั ยงั มกี ารใช้มมุ มองใหม่ๆ ในการศกึ ษาวจิ ยั ทาง วฒั นธรรมด้านพลงั ความคิดและภูมิปัญญาอกี ด้วย เช่น แนวคดิ สกุลหลังทันสมยั (postmodern) ที่ปรากฏจนเป็นท่ีน่าสังเกต เช่น แนวคิดอัตลักษณ์ แนวคิดคน ชายขอบ แนวคิดวาทกรรม หรือแนวคดิ คนพลดั ถ่ิน เป็นต้น จากทก่ี ลา่ วมาทง้ั หมดขา้ งตน้ เมอื่ พจิ ารณาถงึ วธิ วี ทิ ยาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาวจิ ยั ทางวฒั นธรรม รวมทงั้ กรอบแนวคดิ ตา่ งๆ แลว้ นน้ั เหน็ ไดว้ า่ การวจิ ยั ทางวฒั นธรรม ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือด้านพลังความคิดและภูมิปัญญา ส่วนใหญ่ยังคงให้ ความส�ำคัญกับกระบวนการวิจัยโดยใช้วิธีวิทยาเชิงคุณภาพในกระบวนการเก็บ

164 โสวฒั นธรรม ข้อมูล เนื่องจากข้อมูลทางวฒั นธรรม มลี ักษณะเป็นนามธรรม เช่น วิถชี วี ติ ระบบ ความคดิ ความเชอื่ ของผคู้ น การศกึ ษาวจิ ยั จงึ ตอ้ งใชก้ ลวธิ กี ารวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพทม่ี วี ธิ ี การทห่ี ลากหลายรว่ มดว้ ย ซงึ่ มที ง้ั การสงั เกตการณแ์ บบมสี ว่ นรว่ มและไมม่ สี ว่ นรว่ ม การสัมภาษณ์เชิงลึก รวมถึงการสร้างความสนทิ สนมคุ้นเคยกับพื้นที่ศึกษาและผู้ ใหข้ อ้ มลู กม็ คี วามสำ� คญั ไมย่ งิ่ หยอ่ นไปกวา่ กนั โดยเฉพาะการศกึ ษาวจิ ยั ในประเดน็ ความขัดแย้งนน้ั จะเห็นได้ว่า นกั วิจัยต้องใช้กลวิธีในการเก็บข้อมูลหลากหลาย รูปแบบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความน่าเช่ือถือย่ิงขึ้น ส่วนแนวคิดทฤษฎีที่ปรากฏใน การสังเคราะห์งานวิจัยคร้ังน้ี สรุปได้ว่าการวิจัยวัฒนธรรมท่ีใช้มุมมองใหม่ๆ ถึง จะมีบ้างแต่ในการศึกษาท่ีสังเคราะห์ก็ยังคงพบว่า มีน้อยชิ้น ส่วนใหญ่เป็นการ ศึกษาวิจัยแบบรวบรวมองค์ความรู้ท้องถ่ิน ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นหลัก ซึ่งก็เป็น ทน่ี ่ายนิ ดวี ่า การวจิ ยั ทางวฒั นธรรมทผ่ี า่ นมาไดส้ ร้างกระแสการใหค้ วามส�ำคญั กบั องค์ความรู้ท้องถ่ินท่ีมคี วามแตกต่างหลากหลาย ซง่ึ ก่อนหน้านอี้ งค์ความรู้ท้องถ่นิ บางอย่างแทบจะสูญหายไปจากสงั คมอย่างน่าเสียดาย นอกจากนก้ี ารวจิ ยั วฒั นธรรมดา้ นพลงั ความคดิ และภมู ปิ ญั ญายงั ผกู โยงกบั ประเด็นการพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งปัญหาการพัฒนาประเทศท่ีผ่านมายังประสบ ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอยู่ระดับหนง่ึ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในด้านการพัฒนาสังคม ซึ่งหากจะพิจารณาในสายตาของนกั วัฒนธรรม ย่อมจะเห็นว่า ปรากฏการณ์ทางสังคมของการพัฒนาประเทศดังกล่าว เกิดจาก ความไมส่ มดลุ ของการพฒั นาวฒั นธรรมทางดา้ นวตั ถแุ ละจติ ใจ จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หา การพัฒนาประเทศ ส่วนพลงั ความคดิ เรื่องวฒั นธรรมกบั การพัฒนา ที่ยังไม่ชัดเจน นน้ั เห็นควรว่าจะต้องเน้น “การพัฒนาวัฒนธรรม” หรือ “การใช้วัฒนธรรมเพ่ือ การพัฒนา” (สมศักด์ิ ศรีสันติสุข, 2539) ดังนน้ั จึงยากที่จะปฏิเสธได้ว่ามิติทาง วฒั นธรรมมคี วามสำ� คญั กบั การพฒั นาสงั คมไทยเป็นอย่างยง่ิ จงึ เปน็ ความท้าทาย ของนกั วิจัยวัฒนธรรมที่จะน�ำองค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสอดรับกับสถานการณ์ทางสังคม ท่ีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ในกระแส โลกาภิวัตน์ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการดูหมิ่นดูแคลนทางชาติพันธุ์ท่ี

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 165 แตกต่าง การกดี กันคนชายขอบไม่ให้เข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมหรือโครงสร้างสงั คมที่ คนสว่ นใหญก่ ำ� หนดขนึ้ การเบยี ดขบั วฒั นธรรมยอ่ ยๆ ใหแ้ ปลกแยกแตกตา่ ง ปญั หา ทางวัฒนธรรมมากน้อยท่ีมีในสังคมไทยจะได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด ซึ่งงานวิจัยใน อนาคตจะสามารถเปิดเผยเรื่องราวและมีข้อเสนอแนะให้กับการพัฒนาสังคม มขี อ้ เสนอเชงิ นโยบายทางดา้ นสงั คมและวฒั นธรรมทส่ี ามารถนำ� ไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ตอ่ ไป 3.6 บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ “งานวิชาการ” หรอื “การวิจัย” เป็นศัพท์ท่ีเพิ่งพัฒนาข้ึนภายใต้วิธคี ดิ /วิธี การหาความรู้เมอ่ื ราว 300 ปีก่อน ก่อนหน้านน้ั โลกมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นสงั คมชนเผ่า หรอื อนื่ ๆ ต่างมวี ธิ กี ารหา/สรา้ งความรใู้ นรปู แบบทห่ี ลากหลาย กระทงั่ เมอ่ื ไมน่ านน้ี มกี ารเกิดขนึ้ ของลทั ธิ “ประจักษ์นิยม” (empricism) ซ่ึงมีแนวคิดส�ำคญั 2 ประการ ประการแรกเปน็ การก�ำหนดวา่ สงิ่ ทน่ี บั วา่ เปน็ “ความร”ู้ ตอ้ งสามารถสมั ผสั หรอื รบั รู้ ได้ผ่านประสาทสมั ผสั ท้งั ห้าเท่านน้ั นอกเหนือจากนี้ไปก็จะไม่นบั ว่าเป็น “ความรู้” ดังนนั้ ความเชื่อเร่ืองจิตวิญญาณ ความเช่ือเร่ืองผี จึงไม่ถูกนับว่าเป็น “ความรู้” ทงั้ ทก่ี อ่ นหนา้ นนั้ สงั คมตา่ งๆ ตา่ งกม็ คี วามรใู้ นลกั ษณะนเ้ี ตม็ ไปหมด ประการถดั มา เปน็ การแยกระหวา่ งโลกแหง่ ความจรงิ หรอื วตั ถใุ นการศกึ ษากบั มนษุ ยท์ เี่ ปน็ ผศู้ กึ ษา โดยวางมนษุ ยไ์ วใ้ นฐานะผสู้ งั เกตการณห์ รอื ผเู้ ขา้ ไปคน้ พบ/ศกึ ษาสจั ธรรมทด่ี ำ� รงอยู่ แลว้ เทา่ นน้ั ประการหลงั นเี้ ปน็ รากฐานทร่ี องรบั การเกดิ ขนึ้ ของวธิ กี ารหาความรแู้ บบ วิทยาศาสตร์ในสมัยต่อมาหรือท่เี รยี กว่า “ปฏฐิ านนิยม” ปฏฐิ านนยิ ม (positivism) เปน็ ปรชั ญาสกลุ หนงึ่ ซง่ึ รองรบั วธิ กี ารหาความรแู้ บบ วิทยาศาสตร์ ตามฐานคิดของประจักษ์นิยมท่ีมองว่าความรู้มีเท่าท่ีสามารถสัมผัส ได้ ปฏฐิ านนยิ มกไ็ ด้เสนอว่า ความจริงมีเท่าที่สามารถพสิ ูจน์หรือทดลองได้ด้วยวธิ ี การทางวิทยาศาสตร์เท่านนั้ อนั นำ� มาสู่การลดทอนโลกของความเป็นจรงิ ให้กลาย เปน็ ตวั เลขหรอื ตวั แปรทสี่ ามารถคำ� นวณได้ ขณะทสี่ าขาวชิ าตา่ งๆ กพ็ ยายามศกึ ษา อย่างเป็นวทิ ยาศาสตร์โดยเน้นวธิ กี ารศึกษาเชงิ ปริมาณ อาทิ ศาสตร์ในการศกึ ษา สังคมก็สถาปนาตนเองเป็นสังคมวิทยาที่มุ่งศึกษาสังคมอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

166 โสวฒั นธรรม เช่นเดียวกับสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์บางสาย จนอาจกล่าวได้ว่า แนวทางนีไ้ ด้กลายเป็นกระแสหลกั ในการหา/สร้างความรู้ของมนุษย์ไปแล้ว ปัจจัยท่ีท�ำให้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เติบโตและสถาปนาตัวเองจนกลาย เป็นกระแสหลักในการหาความรู้ของสังคมมนุษย์ได้นนั้ ก็คือ การที่วิทยาศาสตร์ อ้างความเป็นกลางหรอื อ้างว่าตนปราศจากอคติ เนอ่ื งจากเชอื่ ว่าสามารถแยกโลก ทถ่ี กู ศกึ ษาและผศู้ กึ ษาออกจากกนั ได้ และผศู้ กึ ษากม็ ฐี านะเปน็ เพยี งผสู้ งั เกตการณ์ ความเป็นไปของสิ่งต่างๆ เท่านนั้ รวมทั้งการที่วิทยาศาสตร์อ้างว่าความจริงของ ตนเป็นสากล สามารถน�ำไปทดลองซ�้ำหรือใช้ได้ในทุกบริบทสังคมวัฒนธรรม เช่น เดียวกับที่เมื่อเทน�้ำแล้วก็ย่อมต้องไหลจากท่ีสูงลงสู่ที่ต�่ำเสมอไม่วาจะเกิดข้ึน ณ ท่ใี ดในโลกกต็ าม อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาวิธีการหาความรู้แบบกระแสหลักดังกล่าวก็มี ขอ้ จำ� กดั อยมู่ าก โดยเฉพาะประเดน็ ทว่ี า่ ความเปน็ กลางหรอื การปราศจากอคตขิ อง ผู้ศึกษานนั้ ไม่เคยมีอยู่จริง มนุษย์ไม่เคยศึกษาหรือเข้าใจโลกโดยปราศจากอคติ แต่กระบวนการนี้เกิดข้ึนผ่านทฤษฎี กรอบคิด โลกทัศน์ หรือระบบวัฒนธรรม บางอย่างเสมอ นอกจากนนั้ การทวี่ ธิ กี ารศกึ ษาแบบวทิ ยาศาสตรม์ กั อา้ งถงึ ขอ้ มลู ทย่ี งั ไมผ่ า่ น การวเิ คราะห์ว่าเป็น “ข้อมูลดิบ” นนั้ อันทจ่ี รงิ “ข้อมูลดบิ ” ไม่น่าจะเคยมีอยู่จริง เนอื่ งจากอะไรกต็ ามทเ่ี รานบั วา่ เปน็ “ขอ้ มลู ” กเ็ ทา่ กบั วา่ ไดผ้ า่ นกรอบคดิ หรอื ทฤษฎที ่ี กลนั่ กรอง คดั เลอื ก หรอื ตคี วามมาแลว้ ชน้ั หนงึ่ จากผศู้ กึ ษา ไมว่ า่ จะเปน็ การกลนั่ กรอง หรอื คัดเลอื กว่าอะไรสงั เกตได้อะไรสงั เกตไม่ได้ อะไรน่าสนใจ อะไรไม่น่าสนใจ ขณะเดยี วกนั กม็ ขี อ้ จำ� กดั อกี ประการทวี่ า่ ความจรงิ ไมไ่ ดด้ ำ� รงอยอู่ ยา่ งโดดๆ แต่ด�ำรงอยู่อย่างสัมพันธ์หรือเช่ือมโยงกันเสมอ ยกตัวอย่างเช่นหน้าปัดนาฬิกาจะ กลมก็ต่อเมื่อเรามองตรงแบบ 90 องศา แต่ถ้าหากมองแบบเอียง/เฉยี งหน้าปัด นาฬิกากจ็ ะเปน็ วงรี ดงั นนั้ ความเปน็ กลางจงึ ไม่มอี ยจู่ รงิ แต่จะสมั พทั ธ์กบั ต�ำแหน่ง ของผู้สังเกตการณ์ตลอด ตลอดจนข้อจ�ำกัดท่ีว่าเม่ือวิทยาศาสตร์สถาปนาตัวเอง ข้ึนมาแล้วก็พยายามจะย่อทุกอย่างให้กลายเป็นส่ิงท่ีสามารถศึกษาได้โดยไม่เว้น

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 167 แม้แต่มนุษย์ วิธีการหาความรู้แบบวิทยาศาสตร์จึงได้ลดทอนมนุษย์ให้กลายเป็น เพยี งวตั ถแุ ห่งการศึกษา เช่นเดยี วกบั กรวด หิน ดิน ทราย และสัตว์ จากข้อจ�ำกัดของวิธีการหาความรู้แบบวิทยาศาสตร์ดังที่กล่าวมาท�ำให้เมื่อ ราว 100 ปีก่อนมีความพยายามในแวดวงปัญญาชน นกั วิชาการ และนกั คิดใน การวิพากษ์วิธีการหาความรู้แบบน้ี ด้วยให้ความส�ำคัญกับแนวทางภาษาศาสตร์ แนวทางนท้ี ไี่ มเ่ ชอ่ื วา่ ภาษาจะมฐี านะเปน็ เพยี งสอ่ื กลางหรอื เปน็ กระจกเงาทส่ี ะทอ้ น ความจรงิ ไดอ้ ยา่ งตรงไปตรงมา อกี ทง้ั ภาษากไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ เพยี งแคเ่ ครอ่ื งมอื ทมี่ นษุ ยใ์ ช้ สอ่ื สารความคดิ ของตวั เองหรือส่ือสารโลกแห่งความจริงโดยท่ัวไปเท่านน้ั แต่ภาษา เปน็ ตวั กระทำ� และเปน็ สว่ นหนงึ่ ของความจรงิ บางครงั้ ภาษากบ็ ดิ เบอื นและบางครงั้ กเ็ ปน็ ผคู้ วบคมุ กฎ ดงั นน้ั ความสำ� คญั ของมนษุ ยใ์ นฐานะผศู้ กึ ษาตามแนวทางนจ้ี งึ คอ่ ยลดความสำ� คญั ลง เดมิ มองวา่ ผศู้ กึ ษามฐี านะเปน็ ผสู้ งั เกตการณ์ ผตู้ คี วาม หรอื ไม่ก็เป็นผู้กระท�ำ/ผู้เขียนเรื่องราวของตัวเองโดยเอาระบบความคิดบางอย่างมาใช้ กก็ ลายมาเปน็ การมองมนษุ ยท์ เ่ี ปน็ ผศู้ กึ ษาวา่ เปน็ เพยี งรา่ งทรงของภาษาทใี่ ชใ้ นการ เขยี นเทา่ นนั้ นน่ั คอื เขาไมไ่ ดเ้ ขยี น แตภ่ าษาเขยี นผา่ นตวั เขาไป ปจั จบุ นั มกี ารนำ� เอา ทฤษฎีหรือวิธีการศึกษาตามแนวทางภาษาศาสตร์มาปรับใช้ศึกษากับหลายสาขา วิชา โดยเฉพาะอย่างย่งิ สาขาประวัตศิ าสตร์และมานษุ ยวิทยา นอกจากนี้ แนวทางการศึกษาปรากฏการณ์นยิ ม (phenomenology) ได้เป็น ท่ีนิยมในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม เน่ืองจากยังมีฐานคิด ประจักษ์นิยมเช่นกัน แต่สลัดวิธีคิดแบบเดิม โดยจะให้ความส�ำคัญของข้อมูลท่ี เป็นความรู้สึกนกึ คิด พฤติกรรมของมนุษย์ และการให้ความหมายท่ีมนุษย์ให้ต่อ ปรากฏการณ์ทางสังคมและวฒั นธรรม จึงเน้นวธิ กี ารศกึ ษาเชงิ คุณภาพ ทก่ี ลา่ วมาเปน็ ภาพรวมการเคลอ่ื นตวั ทางวชิ าการ ซงึ่ ดคู ลา้ ยกบั วา่ เปน็ ความ หมกมุ่นในทางวชิ าการในช่วง 100 ปีทผี่ ่านมาซง่ึ วนเวียนอยู่แต่กบั เรือ่ งราวสถานะ ของผู้ศึกษากับภาษา เน่ืองจากบรรดานกั คิดและนกั วิชาการมีฐานะเป็นผู้ศึกษา ท่ีไม่สามารถท�ำสิ่งอ่ืนใดได้นอกจากการเขียนงานวิจัย จึงไม่แปลกใจท่ีข้อถกเถียง เหลา่ นจ้ี งึ ลว้ นเกดิ ขนึ้ ในหมนู่ กั วชิ าการเทา่ นนั้ โดยทไี่ มเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ตวั ผถู้ กู ศกึ ษาหรอื

168 โสวัฒนธรรม ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้เกิดแนวทางการ วจิ ยั แบบมสี ว่ นรว่ ม ซงึ่ แตกตา่ งไปจากแนวทางการหาความรตู้ า่ งๆ ทม่ี มี ากอ่ นหนา้ โดยมุ่งให้ความส�ำคัญกับการปรับเปลี่ยนสถานะของมนุษย์ผู้ถูกศึกษา ที่เดิม เป็นเพียงวัตถุในการศึกษาท่ีสามารถจะจัดแบ่ง/จ�ำแนกให้เป็นอะไรก็ได้กลายเป็น ผู้ศกึ ษาร่วมกัน อันเป็นการเปลี่ยนความสมั พนั ธ์เชิงอำ� นาจระหว่างผู้ศึกษากบั ผู้ถกู ศึกษาใหม่ รวมทั้งให้ความส�ำคัญกับประเด็นท่ีว่าแหล่งของความรู้ไม่ได้มีเพียงใน เอกสาร แต่มีอยู่หลายแหล่งและมีวิธีการได้หลายกระบวนการ แตกต่างจากกลุ่ม นกั วิชาการผู้หมกมุ่นในประเด็นภาษาทยี่ ังยดึ ตดิ เฉพาะแต่เพียงเรอื่ งราวในเอกสาร เท่านน้ั (อนุสรณ์ อณุ โณ 2546) ส�ำหรับการส�ำรวจสถานภาพความรู้การวิจัยวัฒนธรรมด้านพลังความคิด และภูมิปัญญาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีมุมมองหลายอย่างที่ไม่แตกต่าง ไปจากกระบวนการค้นหาความจริงแต่ทว่าก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามบริบทด้วย และเป็นการคัดสรรงานวิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือในช่วง ทศวรรษ 2540 เพอื่ ประเมนิ สถานภาพขององคค์ วามรู้ เพอื่ สงั เคราะหอ์ งคค์ วามรู้ รวม ทงั้ การประมวลข้อเสนอแนะ เพื่อปรบั เป็นแนวทางในการพฒั นาสังคมและท้องถนิ่ ผลจากการศึกษาครั้งน้ีสรุปได้ 3 ประการ กล่าวคือ ประการท่ีหนงึ่ ประเด็นพลัง ความคดิ และภมู ปิ ญั ญา มคี วามหลากหลายครอบคลมุ ทง้ั ดา้ นความรแู้ ละความเชอ่ื ภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน ด้านสุขภาพ การละเล่น นิทานพ้ืนบ้าน ภาษา ประเพณี พธิ กี รรม สถาปัตยกรรมพน้ื ถน่ิ งานวจิ ยั สะทอ้ นให้เห็นถงึ การสบื ทอด ผลติ ซ�้ำ และ สรา้ งใหมใ่ นทางวฒั นธรรมของกลมุ่ ตา่ งๆ ทต่ี อ้ งปรบั ตวั เพอื่ ความอยรู่ อดทา่ มกลาง ความเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนในสังคม รวมถึงการปรับใช้ภูมิปัญญาวัฒนธรรม ให้ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเป็นทุนทางสังคมในการพัฒนาชุมชน ให้กลายเป็น ชุมชนเข้มแข็งและสามารถด�ำรงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้อย่าง ยงั่ ยนื งานวจิ ยั ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาของทอ้ งถน่ิ ทถ่ี า่ ยทอด ปรบั เปลยี่ นไป ตามการเปลยี่ นแปลงของสงั คม และพบถงึ ความสอดคล้องไดเ้ ป็นอย่างดกี บั สงั คม โลกาภิวัตน์ ชุมชนอีสานสามารถพ่ึงตนเองได้ถ้ารู้จักอนุรักษ์และสืบทอดเรื่องของ

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 169 ภูมิปัญญาท้องถ่ินของตนเอง หรือกระท่ังการเข้าใจในสิทธิของชุมชนไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนเอง ซึ่งจากเดิมเคย ใช้ระบบของชมุ ชนด้านขนบธรรมเนียมประเพณีในการอนุรกั ษ์และดูแล ประการทส่ี อง ประเดน็ พลงั ความคดิ และภมู ปิ ญั ญาทสี่ มั พนั ธก์ บั การพฒั นา ผลจากการส�ำรวจสถานภาพองค์ความรู้แสดงให้เห็นถึง การศึกษาพลังความคิด และภูมิปัญญาท่ีผูกโยงกับมิติการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งในระดับปัจเจก ชุมชน และระดับรัฐ ส่วนใหญ่เน้นหนกั ในเรื่องวัฒนธรรมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม วฒั นธรรมกบั การดแู ลสขุ ภาพ และเปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ ดา้ นวฒั นธรรมกบั การจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มไดร้ วมถงึ ประเดน็ การศกึ ษาวฒั นธรรมกบั ความ ขัดแย้งในการพัฒนาที่เกิดจากการจัดการทรัพยากรธรรมชาติเป็นเร่ืองเด่นที่พูดถึง ความขัดแย้งท่ีเกิดขึ้นในสังคมระหว่างชุมชนและรัฐ งานวิจัยหลายช้ินมีการใช้ มุมมองหรือกรอบแนวคิดหลังสมัยใหม่เข้ามาศึกษาวิเคราะห์ปรากฏการณ์นน้ั ๆ ทั้งยังเปิดพ้ืนท่ีให้กับการศึกษาบทบาทผู้หญิงภายใต้สถานการณ์การความขัดแย้ง ทเ่ี กดิ จากการพฒั นาไวห้ ลายชนิ้ ดว้ ย อยา่ งไรกต็ ามดา้ นวฒั นธรรมกบั การทอ่ งเทย่ี ว ยงั มกี ารศกึ ษาไม่มากนกั ซงึ่ อาจเปน็ ไปไดว้ ่าเนอ่ื งจากกระแสการปรบั ใชว้ ฒั นธรรม ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานมาน้ี ส่วนงานที่ผ่านมาในประเด็นน้ี กย็ งั ขาดการวเิ คราะหถ์ งึ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการเปดิ ชมุ ชนใหก้ ลายเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว ทางวัฒนธรรมให้รอบด้านท้ังทางสังคม เศรษฐกิจ รวมถึงในมิติด้านเพศสภาพ ระหว่างชาย-หญงิ ในครอบครวั ประการท่ีสามประเด็นพลังความคิดและภูมิปัญญาที่สัมพันธ์กับกลุ่ม ชาตพิ นั ธ์ุ การศกึ ษาวจิ ยั ดา้ นนใ้ี นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มมี านานหลายทศวรรษ แล้ว องค์ความรู้ท่ีมีอยู่จึงค่อนข้างครบถ้วนรอบด้านเร่ิมตั้งแต่องค์ความรู้ท่ีเก่ียว กับชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆ การปรับตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ การสร้าง อัตลักษณ์ทาง ชาติพันธุ์ก็เริ่มมีให้ศึกษา แต่อย่างไรก็ตามแนวทางการศึกษาชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ ยงั คงเปน็ แบบโครงสรา้ งนยิ ม แมใ้ นการสงั เคราะหค์ รง้ั นจี้ ะมกี ารนำ� เสนอมมุ มองการ ปรับตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ตามบริบทของพลังความคิดและภูมิปัญญา

170 โสวฒั นธรรม ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป แต่การศึกษาเปรียบเทียบให้เห็นพลวัตอย่าง ต่อเน่ืองของชุมชนตัวอย่างที่ศึกษาในระยะยาวก็ยังมีน้อย รวมท้ังการใช้แนว ความคดิ ทฤษฎีหลงั ทนั สมัยนยิ มก็ยงั คงปรากฏน้อยชิ้นเช่นกัน ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนางานวิจัยทางวัฒนธรรมด้านพลังความคิด และภมู ิปัญญาในอนาคต ดังต่อไปน้ี 1. ควรตอ้ งศกึ ษาวจิ ยั ทางวฒั นธรรมดา้ นพลงั ความคดิ และภมู ปิ ญั ญาอยา่ ง ต่อเน่อื งและลกึ ซ้ึง เพอ่ื หาแนวทางการพฒั นาการเรียนรู้ร่วมกันรวมท้ังการเผยแพร่ ความส�ำคัญด้านพลังความคดิ และภมู ิปัญญาของคนในสงั คม 2. ควรศึกษาการจัดการความรู้การวิจัยวัฒนธรรมด้านพลังความคิดและ ภมู ิปัญญาเพ่ือให้เกิดการบวนการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นต่อๆ ไป 3. ควรศึกษาแนวทางการประยุกต์การวิจัยวัฒนธรรมด้านพลังความคิด และภูมิปัญญาให้สามารถใช้กับมิติต่างๆ เพื่อตอบสนองการเรียนรู้ รวมท้ังสร้าง องคค์ วามรใู้ หมใ่ หเ้ ทา่ ทนั กบั ความเปลย่ี นแปลงทางสงั คมทเี่ กดิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ไดใ้ น สถานการณป์ จั จบุ นั ของสงั คมไทย โดยเฉพาะในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทก่ี ำ� ลงั จะ เกดิ ความเปลย่ี นแปลงอนั มสี าเหตมุ าจากนโยบายของรฐั และประเทศเพอ่ื นบา้ นใน อนุภมู ิภาคลุ่มน�ำ้ โขง 4. ควรสังเคราะห์ผลการวิจัย ซ่ึงเป็นองค์ความรู้ด้านพลังความคิดและ ภูมิปัญญา ไปสู่การเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐ เพ่ือให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ทอ้ งถน่ิ และทำ� ใหก้ ารพฒั นาตงั้ อยบู่ นรากฐานดา้ นพลงั ความคดิ และภมู ปิ ญั ญาของ ชุมชน เพอื่ นำ� ไปสู่การพัฒนาของชมุ ชน โดยชมุ ชน เพ่อื ชุมชนอย่างย่งั ยนื 5. ควรส่งเสริมพัฒนานกั วิจัยวัฒนธรรมหน้าใหม่ให้มากยิ่งขึ้น เพ่ือสนอง ความต้องการพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ในบทบาทของนกั วจิ ัยวัฒนธรรม ที่มีความรู้ ความสามารถในการศึกษาวิจยั และพฒั นาด้านพลังความคดิ และภมู ปิ ัญญา และ วัฒนธรรมด้านอื่นๆ ในพ้ืนที่ชายแดนรอบด้าน ซ่ึงเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน คอื เส้นทางระเบยี งเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor)

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 171 เอกสารอา้ งองิ กมล วงษ์คำ� (2545) คตคิ วามเช่ือเก่ียวกบั การสร้างเรือนไม้พืน้ บ้านอีสานในจงั หวดั มหาสารคาม วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศึกษา) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั มหาสารคาม กรองพร ชาญศรี (2541) วฒั นธรรมเกี่ยวกบั อาหารของชาวไทยเขมรบ้านทา่ สวา่ ง ตำ� บลทา่ สวา่ ง อ�ำเภอเมือง จงั หวดั สรุ ินทร์ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวชิ าไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม กฤช เหลอื ลมยั (2546) ผวั ฝร่ังที่บ้านส�ำโรง วารสารเมืองโบราณ 29(4): 110-111 กฤษณา กลุ ทรัพย์ศกั ดิ์ (2540) ประเพณีพธิ ีกรรมความฮ้าของชาวอสี าน วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตร มหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม การุณนั ทน์ รัตนแสนวงษ์ (2543) คตชิ น : ภมู ิปัญญาชาวบ้านด้านการดแู ลรักษาสขุ อนามยั กรณี ศกึ ษา อ�ำเภอกระนวน จงั หวดั ขอนแก่น วารสารศรีปทุม 2(2): 87-101 กนั ฑมิ า เรไร (2543) พธิ ีกรรมเก่ียวกบั ความตายของชาวบ้านลาด ตำ� บลยางกลกั อำ� เภอ เทพสถติ จงั หวดั ชยั ภมู ิ วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม กิตต์ไพฑรู ย์ สมบรรณ (2540) รูปแบบการรักษาอาการแพ้ต้นน�ำ้ เกลีย้ ง อ�ำเภอขนุ หาญ จงั หวดั ศรีสะเกษ วทิ ยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวชิ าไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั ก่ิงแก้ว เกษโกวทิ และคณะ (2542) การดแู ลสุขภาพตนเองของชาวชนบทอีสานขอนแก่น: คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ก่ิงแก้ว เกษโกวิทและคณะ (2548) ภูมิปัญญาชาวบ้านท่ียังคงสืบทอดของหญิงตัง้ ครรภ์ หญงิ หลงั คลอดและการเลยี้ งดเู ดก็ ในเขตอำ� เภอหนองเรือ จงั หวดั ขอนแกน่ ขอนแกน่ : รวมบทคดั ยอ่ ผลงานวิจยั โครงการวิจยั 2544-2547 ฝ่ ายวจิ ยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น เกษม คนไว (2546) เฮด็ อยเู่ ฮด็ กนิ :ทางออกหนสี ้ นิ ของชมุ ชน วารสารสงั คมพฒั นา 31(2-3): 73-76 โกเมท บญุ ไชย (2542) พฒั นาการชมุ ชนริมฝ่ังแมน่ �ำ้ ชี : ศกึ ษากรณีบ้านทา่ ไคร้ อ�ำเภอเสลภมู ิ จงั หวดั ร้อยเอ็ด วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศึกษา) บณั ฑิต วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม เขมิกา หวงั สขุ (2543) พฒั นาการทางวฒั นธรรมในลมุ่ แม่น�ำ้ มลู : กรณีศกึ ษาแหลง่ โบราณคดี เมืองเสมา อ�ำเภอสงู เนิน จงั หวดั นครราชสมี า วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขา ไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม คนงึ นิตย์ จนั ทบตุ ร และบญุ ธรรม ทองเรือง (2542)ภูมิปัญญาชาวบ้านอุบลราชธานี กรณี เทคโนโลยีพืน้ บ้าน อบุ ลราชธานี:คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ สถาบนั ราชภฏั อบุ ลราชธานี

172 โสวฒั นธรรม ครรชิต จุประพัทธศรี (2545) เงื่อนไขและปัจจัยด้านวัฒนธรรมความเชื่อต่อการจัดการ ป่ าชุมชนในหม่บู ้านอีสาน : กรณีศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง 2 หม่บู ้านในจงั หวดั สกลนคร วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหิดล จงดี ภิรมย์ไชยและจีระวฒั น์ พืชสี (2545) ผึง้ กบั สขุ ภาพ อีกหน่ึงภมู ิปัญญาชาวบ้านส่กู ารพ่งึ พา ตนเอง วารสารสาธารณสุขขอนแก่น 14(158): 30-31 จตุพร ไชยทองศรี (2544) การศึกษาเปรียบเทียบความเช่ือผีป่ ูตาภาคอีสานและความเช่ือ ผีตายายภาคใต้ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั รามค�ำแหง จรัญญา วงษ์พรหม (2541) ผู้หญิงอีสาน : ทางเลือก ศักยภาพและแนวทางการพฒั นา : รวม บทความและบทวเิ คราะห์ประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกบั ผ้หู ญิง ขอนแกน่ : สถาบนั วจิ ยั และ พฒั นา มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น จรัญญา วงศ์พรหม (2542) แรงงานสตรีอสี าน การรับชว่ งการผลติ ของอตุ สาหกรรม ดอกไม้ประดษิ ฐ์ วารสารข่าววจิ ยั และพฒั นา 11(6): 4-5 จรัสเรือง ศิริวัฒนรัตน์ (2542) การพัฒนาแบบพึ่งตนเองกับการพัฒนาเชิงพุทธ กรณีศึกษา ศรีษะอโศก วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลยั รามค�ำแหง จารุวรรณ ธรรมวตั ร (2540) การเฝ้ าไข้อีสาน อีกรูปแบบของวฒั นธรรมที่โรงพยาบาล ควรเอาใจใส่ วารสารส่ืออีสาน 1-31 มีนาคม 2540: 5 จ�ำเนียร พนั ทวี (2540) พิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวบ้านหมมู ้น วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหา บณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม จิรพร ศรีบญุ ลือ (2546) การศึกษา “ผญา” ส่ือประเพณี:การสืบทอดและการสะท้อนอตั ลกั ษณ์ ของชุมชนคนอีสาน วิทยานิพนธ์วารสารศาสตรมหาบณั ฑิต (การบริหารส่ือมวลชน) คณะ วารสารศาสตร์และสือ่ สารมวลชน มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ จิตกร เอมพนั ธ์ (2545) พญานาค เจ้าแห่งแม่น�ำ้ โขง : พิธีกรรมกบั ระบบความเช่ือพืน้ บ้านแห่ง วฒั นธรรมอีสาน วทิ ยานิพนธ์ (มน.ม.) จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั จีรวรรณ หสั โรค (2542) วฒั นธรรมกับการบริโภคอาหารในฮีตสิบสองของชาวอีสาน วารสาร สาธารณสุขมูลฐาน ภาคอีสาน 14(1): 44-46 จลุ พงษ์ พนั ธ์สุ มบตั ิ (2541) สมนุ ไพรกบั วถิ ชี วี ติ ของชาวบ้านเชอื ก ต. เขวา อ.เมอื ง จ.มหาสารคาม มหาสารคาม: มหาวิทยาลยั มหาสารคาม จรุ ีรัตน์ ผลดี (2544) การเปล่ียนแปลงวัฒนธรรมการหาปลาของชุมชนลุ่มน�ำ้ มูลตอนปลาย ภายหลังการสร้างเข่ือนปากมูล กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั มหิดล ใจสะคราญ หิรัญพฤกษ์ (2540) กลยุทธ์ในการเสริมสร้างความเสมอภาคของบทบาทหญิง ชายในการพัฒนาท้องถ่ินทุรกันดารอีสานใต้ กรุงเทพฯ : สถาบนั วิจยั และพฒั นาแห่ง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 173 ฉตั รชยั แฝงสาเคน (2538) ความสมั พนั ธ์ของกระบวนการผลิตผ้าไหมมดั หม่ีกบั วิถีชีวิตของ ชาว บ้านก�ำพี ้ อ�ำเภอบรบือ จงั หวดั มหาสารคาม วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวชิ า ไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม เฉลียว ดอนกวนเจ้า (2543) การปรับเปล่ียนพิธีกรรมเลีย้ งผีของชาวไทญ้อ จงั หวดั นครพนม วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศึกษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ชอบ ดีสวนโคก (2540) ของเก่าบ่เล่ามันลืม : เฮียนธรรมน�ำคำ� โบฮานอีสาน ขอนแก่น : สำ� นกั สง่ เสริมศลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ชอบ ดีสวนโคก (2544) “แมญ่ ิง” หมอลำ� ทรง/หมอลำ� ผีฟ้ า : มิตกิ ารรักษาพยาบาล วารสารธรรม ทรรศน์ 1(3): 93-96 ชอบ ดีสวนโคกและอดุ ม บวั ศรี (2546) เจ้าโคตร : ผ้เู ว้าแล้วแล้วโลด วารสารคณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 20(2): 34-39 ชวิพร มง่ั สวุ รรณ(2543) การยอมรับนวตั กรรมทางการเกษตรของเกษตรกรในหม่บู ้านใกล้เคียง วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลมิ พระเกียรติ จงั หวดั สกลนคร ชาตชิ ยั ฉายมงคล (2543) การปรับเปลย่ี นพธิ ีกรรมการฟ้ อนผหี มอชาวบ้านโส้ อำ� เภอดงหลวง จงั หวดั มกุ ดาหาร วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ชนนิ ทร จารุจนั ทร์ (2540) ผ้เู ฒา่ มีลกู : แบบชีวติ และการปรับตวั ของยายเลยี ้ งหลานกรณีศกึ ษาบ้าน ภเู หลก็ ตำ� บลภเู หลก็ อำ� เภอบ้านไผ่ จงั หวดั ขอนแกน่ วทิ ยานพิ นธ์สงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา มหาบณั ฑิต คณะสงั คมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ชนตุ รา อิทธิธรรมวินิจ (2542) ร้อยแปดคะล�ำของชาวไทยอีสาน วารสารภาษาและวัฒนธรรม 18(1): 29-39 ชลฤทยั ผา่ นทอง (2545) ภมู ปิ ัญญาอสี าน:นทิ านมขุ ตลกไมใ่ ชแ่ คเ่ ร่ืองตลก วารสารสารวฒั นธรรม สำ� นกั วฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 8(2): 11-12 ชยั ศกั ดิ์ ภมู ลู (2543) การผลิตแคนเชิงธุรกิจ ศกึ ษากรณีบ้านท่าเรือ ต�ำบลท่าเรือ อ�ำเภอนาหว้า จงั หวดั นครพนม วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม โชคชยั เทวานฤมติ ร (2543) วฒั นธรรมกบั การพฒั นาหมบู่ ้าน: กรณีศกึ ษาบ้านสวายสอ ตำ� บลเมือง ไผ่ อ�ำเภอกระสงั จงั หวดั บรุ ีรัมย์ วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ดนยั วโิ รจน์อไุ รเรือง (2544) การศกึ ษาเทคโนโลยที ้องถ่นิ จงั หวดั อบุ ลราชธานี อบุ ลราชธาน:ี คณะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบนั ราชภฏั อบุ ลราชธานี

174 โสวัฒนธรรม ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์ (2543) พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของ “ท้องถ่ินนิยม” และ ภูมิภาค ขอนแก่น : ภาควิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดีคณะมนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น เดช ภสู องชนั้ (2546) ประวัตศิ าสตร์สามัญชนฅนท่งุ กุลา พิมพ์ครัง้ ท่ี 2 กรุงเทพฯ : มตชิ น ถวัลย์ ภูถวัลย์ (2545) เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสานขบวนการเคลื่อนไหวเพ่ือ เปล่ยี นแปลงสงั คมโดยกลมุ่ คนจน วารสารช่อพะยอม 13(1): 81-95 ถาวร ด�ำเนตร (2545) คติความเช่ือในประเพณีพิธีกรรมเก่ียวกบั เจ้าจอมปากช่องภเู วียง อำ� เภอ ภูเวียง จงั หวดั ขอนแก่น วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดี ศึกษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ทรงคณุ จนั ทจร (2544) การถ่ายทอดภมู ิปัญญาพืน้ บ้านเรื่องทรัพยากรดนิ น�ำ้ ป่ าไม้ของกลมุ่ ชาติ พนั ธ์กุ ะเลงิ วทิ ยานิพนธ์ดษุ ฎีบณั ฑิต (สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา) มหาวิทยาลยั มหิดล ทรรศตวรรณ เดชมาลา (2541) หมอน�ำ้ มันงากับการักษาโรคของชาวบ้านหัวขวาง อ�ำเภอ โกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาไทย คดีศกึ ษา)บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ทองสนุ ทร์ คามนา (2540) แอแล-อีหลบุ วารสารสารวัฒนธรรม สำ� นกั วฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 3(3): 9-13 ทวี ถาวโร (2541) การสร้างงานและการกระจายรายได้ของหมอลำ� มหาสารคาม : สถาบนั วจิ ยั ศลิ ปและวฒั นธรรมอีสาน มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ทิพย์อาภา รัตนวโรภาส (2541) ศิลปหตั ถกรรมผ้าไหม ในโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บ้านกดุ นาขาม จ.สกลนคร : กรณีศึกษาเก่ียวกับการส่งเสริมศิลปหตั ถกรรมท้องถ่ิน กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร (การศกึ ษาผ้ใู หญ่) ทศั น์ ทศั นียานนท์ (2547) ภมู ปิ ัญญาชาวบ้านเพ่อื การพัฒนาคุณภาพชีวติ : กรณีการท�ำยา และน�ำ้ ยาไลแ่ มลงจากสมนุ ไพรใกล้ตวั อบุ ลราชธานี : คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อบุ ลราช-ธานี ทศั น์ ทศั นยี านนท์ (2546) ภมู ปิ ัญญาชาวบ้านเพ่อื เพ่มิ รายได้แก่ชมุ ชน : กรณที ำ� เจยี ้ กระดาษจาก ต้นปอเตา่ ให้ อบุ ลราชธานี:คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ สถาบนั ราชภฏั อบุ ลราชธานี ทิพย์สดุ า พรรณสหพาณิชย์ (2545) บทบาทสตรีชาวผ้ไู ทยในพิธีกรรมเหยา ต�ำบลป่ าไร่ อ�ำเภอ ดอนตาล จงั หวดั มกุ ดาหาร วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ไทยวฒั น์ นลิ เขต (2543) นาวาน: ฤาจะเป็นการแบง่ ปันแคใ่ นตำ� นาน วารสารสงั คมพฒั นา 28(3): 43-55 ธาดา สทุ ธิธรรม (2542) รูปแบบแผนผังชุมชนอีสานสายวัฒนธรรมไท ขอนแก่น: คณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 175 ธาดา สทิ ธิธรรม (2542) รูปแบบและระบบนิเวศวัฒนธรรมของผังบ้านชาวอีสานตอนบน ขอนแก่น:คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ธาดา สทุ ธิธรรม (2544) ผังเมืองในประเทศไทย ผังชุมชนและการใช้ท่ดี นิ สายอารยธรรม เขมรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ธาณี วงค์คงเดช (2542) ผกั พืน้ บ้านอาหารธรรมชาติอีสานและสมนุ ไพร วารสารสาธารณสุข มูลฐาน อีสาน 14(2): 41-44 ธิดารัตน์ ดวงสินธ์ุ (2546) แนวคิดเชิงปรัชญาที่ปรากฏในประเพณีแห่เทียนพรรษาของ ประชาชนอำ� เภอเมืองอบุ ลราชธานี วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าปรัชญา มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ธวชั ชยั เพง็ พนิ ิจ (2544) วถิ ีชีวติ ของเกษตรกรชานเมืองภายหลงั การขายท่ีดนิ ท�ำกิน : กรณีศกึ ษา บ้านโนนมว่ ง หมทู่ ี่ 3 ต�ำบลศลิ า อ�ำเภอเมือง จงั หวดั ขอนแกน่ วทิ ยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหา บณั ฑิต สาขาวิชาพฒั นาชนบทศกึ ษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหิดล ธีระพงษ์ จตรุ พาณิชย์ (2541) พระอปุ คตุ กบั งานบญุ ผะเหวด วารสารเมืองโบราณ 24(4): 130-135 นิภาวดี ทะไกรราช (2544) การศึกษานิเวศวฒั นธรรม : ศึกษาเฉพาะกรณีบ้านโคกกลาง หมทู่ ่ี 5 ต. แคน อ.วาปี ปทมุ จ.มหาสารคาม วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (พฒั นา ชนบท) มหาวทิ ยาลยั มหิดล นิพทั ธ์พร เพง็ แก้ว (2542) ไทบ้านดดู าว วารสารเมืองโบราณ 25(4): 123-124 นิตนิ นั ท พ์ นั ทวี (2544) การศกึ ษาพิธีกรรม ท้องถิ่น ในฐานะ เพ่ือการพฒั นาชมุ ชน กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั นาตยา อยู่คง (2542) การเปล่ียนแปลงสถานภาพและบทบาทของลูกเขยในสงั คมอีสาน วิทยานิพนธ์ปริญญามานษุ ยวิทยามหาบณั ฑิต สาขาวิชามนษุ ยศาสตร์ บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศลิ ปกร บ�ำเพ็ญ ไชยรักษ์ (2542) “การถ่ายโยงภมู ิปัญญา”: ขบวนการแห่งเสรีภาพของชาวนาสไมย์ วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 3(2): 65-68 บญุ เกิด พมิ พ์วรเมธากลุ และนภาพร พมิ พ์วรเมธากลุ 2546 ฮตี -คอง-คะลำ� วถิ ชี วี ติ ของคนไทย อีสาน [ขอนแก่น] : คลงั นานาวิทยา บญุ เกิด มะพารัมย์ (2544) บทบาทของพระสงฆ์กบั การพฒั นาชนุ ที่พดู ภาษาเขมรถิ่นไทย : กรณี ศกึ ษา บทบาทหลวงพอ่ เม้า อิสสโร วดั ป่ าเลไลย์ และเครือขา่ ย จ. บรุ ีรัมย์ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ป ศาสตรมหาบณั ฑิต พฒั นาชนบทศกึ ษา มหาวิทยาลยั มหิดล บญุ รอด ศิริทอง (2542) การสานฝาบ้านอดุ ม ต�ำบลหนองไผ่ อ�ำเภอธวชั บรุ ี จงั หวดั ร้อยเอ็ด วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาวชิ าไทยคดศี กึ ษา) บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

176 โสวัฒนธรรม บญุ สม ยอดมาลี (2540) ข้าวเหนียวกบั วฒั นธรรมอีสาน วารสารสาร RINAC สถาบนั วิจยั ศิลป และวฒั นธรรมอีสาน ม.ค.-ก.พ.:6-7 บรรทมทิพย์ มีชยั (2540) ภมู ิปัญญาลกู กรู ต�ำบลชมุ เหด็ อ�ำเภอเมือง จงั หวดั บรุ ีรัมย์ วิทยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศกึ ษา)บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม เบญจวรรณ นาราสจั จ์ (2541) การรับช่วงการผลิตกับระบบความสมั พนั ธ์ทางสงั คมในชุมชน ศึกษากรณี กิจการแหอวนในหม่บู ้าน จงั หวดั ขอนแก่น สงั คมวิทยาและมานษุ วิทยา มหา บณั ฑิต(มานษุ ยวทิ ยา)คณะสงั คมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยามหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ บวั พนั ธ์ พรหมพกั พิง (2542) ความสมั พนั ธ์หญิงชายและสทิ ธิทางทรัพย์สนิ ในสงั คมชนบทอีสานใน วารสารทางวชิ าการ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ 11(2): มกราคม-มถิ นุ ายน 2542 บวั พนั ธ์ พรหมพกั พงิ (2545) เศรษฐกจิ ชมุ ชนหม่บู ้านอสี านห้าทศวรรษหลงั สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ขอนแก่น: คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น บศุ รา กาญจนบตั รและคณะ (2545) การพฒั นากลวิธีการผสมผสานบริการการแพทย์แผนไทย เข้ากบั บริการการแพทย์แผนไทยเข้ากบั บริการแพทย์แผนปัจจุบนั ของอสม. วารสารคณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 25(1):14-22 ปกรณ์ คณุ ารักษ์ (2544) การปันมลู (แบง่ มรดก) วารสารธรรมทรรศน์ 3(1): 90-100 ปกรณ์ คณุ ารักษ์ (2543) กุด (KUD) ตลาดสดที่ไม่มีวนั ตายในสายชีวิตอีสาน วารสารธรรม ทรรศน์ 1(1): 79-81 ปกรณ์ คณุ ารักษ์ (2543) เปิ งบ้าน วารสารธรรมทรรศน์ 1(2): 58-61 ประสพสขุ ฤทธิเดช (2543) นาตาแฮกในวฒั นธรรมอีสาน วารสารแก่นเกษตร 28(4): 182-186 ปรารถนา มงคลธวชั (2545) ผีตาโขน...ท�ำด้วยกะลามะพร้าวอีกชิน้ งานหน่ึงของภมู ิปัญญาไทย วารสารวัฒนธรรมสัมพนั ธ์สาร 13(99): 18-19 ปรีชา จนั ทราช (2542) พิธีกรรมขนึ ้ เฮือนใหมข่ องชาวบ้าน:ศกึ ษากรณีชาวบ้านเกิง้ ต�ำบลบ้านเกิง้ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั มหาสารคาม วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาวชิ าไทยคดศี กึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ประนชุ ทรัพยาสารและประทวน บญุ ปรก (2544) ภมู ิปัญญาชาวบ้านกบั การพฒั นาอีสาน วารสาร ช่อพะยอม 12(1): 24-29 ประไพ เจริงบญุ (2540) การผสมผสานวฒั นธรรมชาวไทย-ลาว และชาวไทย-เขมร ในพธิ ีมงกว็ ลจองได ท่ีบ้านดม อ�ำเภอสงั ขะ จงั หวดั สรุ ินทร์ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวชิ าไทยคดี ศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ประสาน สงิ ห์ทอง (2540) การเคีย้ วหมากในวถิ ีชีวิตของชาวผ้ไู ทย ต�ำบลหนองสงู อ�ำเภอหนองสงู จงั หวดั มกุ ดาหาร วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศึกษา) บณั ฑิต วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 177 ประเสริฐ ปาณีนิจ (2542) พิธีกรรมดารของชาวบ้านกระหาด ต�ำบลกระหาด อ�ำเภอจอมพระ จงั หวดั สรุ ินทร์ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ปิ ยะมาศ เม็ดไธสง (2544) แนวทางการจดั การขนั้ พืน้ ฐานเพ่ือการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของชาวกยู ใน จ.สรุ ินทร์ กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวิทยาลยั คณะครุศาสตร์ (พืน้ ฐานการศกึ ษา) จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั พวงพะยอม เหรียญทอง (2541) การประกอบอาชีพแบบพงึ่ พาตนเองของเกษตรกร วิทยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาวิชาการพฒั นาสงั คม) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น พวงพกิ ลุ มชั ฌมิ า (2547) ปลาแดก ในวฒั นธรรมการบริโภคของชาวอสี าน วารสารคณะวชิ าศกึ ษา ท่วั ไป 1(1): 45-50 พวงเพชร ชปุ วา (2542) ธุงผะเหวดกบั วิถีชีวิตของชาวบ้านหนองดู่ ต�ำบลธงธานี อ�ำเภอธวชั บรุ ี จงั หวดั ร้อยเอ็ด วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม พระครูอรัญเขตพิทกั ษ์ (2546) พระสงฆ์กบั ความเช่ือเร่ืองนรกกบั สวรรค์: กรณีศกึ ษาพระสงฆ์ในเขต อ.เมือง จ.เลย วทิ ยานิพนธ์ (ศศ.ม.) สถาบนั ราชภฏั เลย พระมหาบญุ ชู สริ ิบญุ โญ (2544) สายม่ิง สายแนน:ศาสตร์แหง่ โลกสนั นิวาสของชาวอีสาน วารสาร ธรรมทรรศน์ 2(1): 91-97 พระมหาสมใจ อ้วนแก้ว (2546) พีธีกรรมทางศาสนานิยมในวิถีชาวพทุ ธพืน้ บ้าน กรณีการบชู าศาล เจ้าป่ หู ลบุ วารสาร พ.ส.ล. 36(242): 52-63 พชั รินทร์ ลาภานนั ท์ (2546) การปรับตัวทางวัฒนธรรมของชาวชนบทท่ไี ด้รับผลกระทบจาก โครงการพัฒนาของรัฐ : กรณีศึกษาเข่ือนปากมลู ขอนแก่น : ส�ำนกั งานคณะกรรมการ วฒั นธรรมแหง่ ชาต(ิ สวช.) พชั รินทร์ ลาภานนั ท์ (2547) “ผ้หู ญิงชนบทกบั ขบวนการเคล่ือนไหวสิ่งแวดล้อม : วิธีคิดและ พืน้ ที่ การต่อส้”ู วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น 21,2 (ม.ค-มี.ค.): 141-159 พฒั นา กิตติอาษา (2545) คนข้ามแดนนาฏกรรมชีวิตและการข้ามพรมแดนในวฒั นธรรมอีสาน วารสารทางวชิ าการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ 15(1): 109-166 พิทกั ษ์ น้อยวงั คลงั (2545) การศกึ ษารูปแบบและคตคิ วามเชื่อเกี่ยวกบั ธรรมาสน์ริมฝ่ังโขง วารสาร สำ� นักคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ 34(1): 113-132 พิสิษฐ์ บุญไชย (2542) ความรู้และความเช่ือในการใช้สมุนไพรรักษาสุขภาพของผู้ไทย มหาสารคาม: สถาบนั วิจยั ศิลปวฒั นธรรมอีสาน เพลนิ พิศ เจริญศกั ดิข์ จร (2540) การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลติ ผ้าหม่ เหยียบ บ้านสงยาง ต�ำบล กมลาไสย จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิต วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

178 โสวัฒนธรรม ไพรวลั ย์ เตชะโกศล,สมศกั ด์ิ ศรีสนั ติสขุ และบวั พนั ธ์ พรหมพกั พิง (2547) การจดั การสขุ ภาพของ ชมุ ชนในจงั หวดั ขอนแก่น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น 21(4): 45-58 ภมู ิศกั ดิ์ พิทกั ษ์เข่ือนขนั ธ์ และคณะ (2543) สถานภาพการแปรรูปผลิตภณั ฑ์จากข้าวในชนบท ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น : สถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น มณีมยั ทองอยู่ (2546) การเปล่ียนแปลงของเศรษฐกจิ ชาวนาอีสาน: กรณีชาวนาลุ่มน�ำ้ พอง กรุงเทพมหานคร : สร้างสรรค์ มณีมยั ทองอยู่ (2547) ยทุ ธศาสตร์เพ่ือการอย่รู อดและทนุ ทางสงั คมของชาวนาอีสาน วารสาร มนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 21(3): 79-101 มาริโกะ คาโตะ (2545) ผลกระทบของการอา่ นหนงั สอื ได้ตอ่ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ างศาสนาของผ้หู ญิง ในหมบู่ ้านภาคอสี าน ประเทศไทย:ศกึ ษากรณีจ�ำศลี ผ้หู ญิงในชว่ งเข้าพรรษาใน เอกสารประกอบ การประชมุ วนั ท่ี 27-29 มีนาคม 2545 ศนู ย์มานษุ ยวิทยาสริ ินธร(องค์กรมหาชน) มชี ยั จริยะนรวชิ ช์ (2543) ภมู ปิ ัญญาของหมอพนื ้ บ้านในการรักษาโรคกระดกู ศกึ ษากรณีอ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั มหาสารคาม วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาวชิ าไทยคดศี กึ ษา) มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม เมขลา สอนสภุ ี (2540) ผีฟ้ า วารสารดอกฝ้ าย 7: 33-36 ยงยทุ ธ ตรีนชุ กร และทีมงานศนู ย์อินแปง จงั หวดั สกลนคร 2542 ภมู ิปัญญาพืน้ บ้าน :กรณีศกึ ษา อาหารพืน้ บ้านไทย บ้านบวั อ.กดุ บาก จ.สกลนคร กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานคณะกรรมการสภา วจิ ยั แหง่ ชาติ ยศ สนั ตสมบตั ิ (2537) ความหลากหลายทางชีงภาพมิตทิ างสงั คมแลนิเวศวทิ ยา กรุงเทพมหานคร : สถาบนั ชมุ ชนท้องถิ่นพฒั นา โครงการจดั พิมพ์คบไฟ ยกู ิโอ ฮายาชิ (2541) รูปลกั ษณ์ใหมข่ องผีค้มุ ครองหมบู่ ้านในหมบู่ ้านชาวไทย-ลาว ในภาคตะวนั ออก- เฉยี งเหนอื ของประเทศไทย วารสารมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 17(1): 2-19 เยาวดี วิเศษรัตน์ (2541) ภมู ิปัญญาพืน้ บ้านในการบ�ำบดั รักษาความเจ็บป่ วยของผ้ไุ ทยบ้านดงยาง ต�ำบลห้องแซง อ�ำเภอเลงิ นกทา จงั หวดั ยโสธร วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทย คดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม รชนี กรกระหวดั (2542) เชิดหนงั แลกพริกแลกข้าว หนงั ตะลงุ ชาวอีสานบ้านสระแก้ว วารสาร วัฒนธรรมไทย 36(12): 15-18 รัตนา โตสกุล (2541) ความหมายของการพัฒนาในสายตาของชาวบ้านภาคอีสาน: มิติทาง มานษุ ยวทิ ยา วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น 16(1): 37-50 รุ่งทพิ ย์ ชาญชยั ศริ ิกลุ (2546) สตรีแมบ่ ้านในชมุ ชนวฒั นธรรมเขมรกบั บทบาทการดแู ลรักษาสขุ ภาพ: กรณีศกึ ษาบ้านตลงุ เกา่ ตำ� บลโคกม้า อำ� เภอประโคนชยั จงั หวดั บรุ ีรัมย์ วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตร มหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 179 เรียบ รัชสมบตั ิ (2542) เหด็ กบั วิถีชีวิตของชาวบ้านหวั หนอง ต�ำบลดอนหวา่ น อ�ำเภอเมือง จงั หวดั มหาสารคาม วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศึกษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม เรืองวทิ ย์ เกษสวุ รรณ (2546) ชมุ ชนเบยี ้ กดุ ชมุ : การแลกเปลยี่ นทางวฒั นธรรมของสงั คมที่ก�ำลงั แปร เปลยี่ นภายใต้เศรษฐกิจและการเมืองโลก อบุ ลราชธานี:คณะวทิ ยาการจดั การ สถาบนั ราชภฏั อบุ ลราชธานี ฤทธิ์ชยั ภตู ะวนั ,ทวี หอมหวนและปราณี มคั ศนนั ท์(2546) ชะตากรรมชาวนาไทยในภาคอีสาน กรุงเทพมหานคร : สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั ลกั ขณา จินดาวงษ์ (2543) แยกฝ้ าย เก็บไหมมดั หม่ี วารสารเมืองโบราณ 26(2): 131-132 ลกั ขณา จินดาวงษ์ (2545) หมอน�ำ้ มนั ภมู ิปัญญาโบราณในการรักษาโรคของชาวร้อยเอด็ วารสาร เมืองโบราณ 28(1):90-93 ลนิ ดา เพยี วริทซ์ (2542) ความจริงทางประวตั ศิ าสตร์หรือภาพมายา ประวตั ศิ าสตร์เศรษฐกจิ ครอบครัว อสี าน:กรณีหมบู่ ้านแหง่ หนงึ่ ในจงั หวดั ชยั ภมู ิ วทิ ยานพิ นธ์อกั ษรศาสตรมหา บณั ฑติ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั วรจนั ทร์ วฒั เนสก์ (2541) รูปแบบและระบบนิเวศวัฒนธรรมของผังบ้านชาวอีสานตอนบน ขอนแก่น:ภาควชิ าสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น วรรณชนก จนั ทชมุ และคณะ (2545) การพฒั นาภมู ิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมนุ ไพรเพื่อการดแู ล สขุ ภาพเบือ้ งต้น วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 25(1): 23-32 วลี ลือประเสริฐ (2541) หม้อคราม การกลบั ฟื น้ คืนชีพใหม่ที่บ้านนาดี สกลนคร ภมู ิปัญญาด้าน เทคโนโลยีชีวภาพของชนบทไทย วารสารเทคโนโลยีท่เี หมาะสม 15(2):75- 80 วลยั ลกั ษณ์ ทองศริ ิ (2546) การฝังศพครัง้ ที่สองท่ีทงุ่ กลุ าร้องไห้ วารสารเมืองโบราณ 29(2): 26-35 วชั รินทร์ ศรีรักษาและคณะ (2538) เทคนิคการผลิตหมอนขิดแบบครบวงจจรของหม่บู ้านศรีฐาน อ�ำเภอป่ าตวิ ้ จงั หวดั ยโสธร วารสารคณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 18(1): 52-56 วชั รินทร์ เขจรวงศ์ (2547) ครกมองหรือครกกระเด่ือง ภมู ิปัญญาไทยอีสานคบู่ ้านชาวนาไทย มตชิ น ฉบบั เทคโนโลยชี าวบ้าน 16(337): 107-108 วฒั นา นิลทะราช (2540) ภมู ิปัญญาการรักษาโรคด้วยสมนุ ไพร:ศกึ ษากรณีบ้านสวาท ต�ำบลสวาท อ�ำเภอเลิงนกทา จงั หวดั ยโสธร วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทย คดีศึกษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม วนั ชยั ปานพิมพ์ (2543)ไวน์อีสาน ภมู ิปัญญาไทย ขายใต้ดิน วารสารข่าววิจัยและพัฒนา มข. 12(2): 2-3 วารีรัตน์ ปัน้ ทอง (2543) วัฒนธรรมกับการบริโภคอาหารของชาวไทยเชือ้ สายเวียดนาม ในเขตเทศบาลเมืองอบุ ลราชธานี วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

180 โสวัฒนธรรม วาสนา ตอ่ ชาติ (2545) การจดั การทรัพยากรป่ าชมุ ชนของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ผุ ้ไู ทบ้านค�ำโพน ต�ำบลค�ำ โพน อ�ำเภอปทมุ ราชวงศา จงั หวดั อ�ำนาจเจริญ วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขา ไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม วิมล ภศู รี (2542) วิถีการด�ำเนินชีวิตตามฮีตคองของชาวบ้านขวาว ต�ำบลขวาว อ�ำเภอเสลภมู ิ จงั หวดั ร้อยเอ็ด วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม วิรัตน์ สมใจ (2540) ประเพณีพิธีกรรมเลีย้ งเดือนเลีย้ งปี ของชาวอ�ำเภอคอนสาร จงั หวดั ชยั ภมู ิ วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม วิลาวลั ย์ เอือ้ วงศ์กลู 2542 ความสัมพันธ์ระหว่างพัฒนาการ ของเมืองกับการเปล่ียนแปลงวัฒนธรรม : กรณีศึกษาเมืองเรณูนคร อุบลราชธานี : ศนู ย์ขา่ วประชาสงั คมจงั หวดั อบุ ลราชธานี วเิ ชียร มบี ญุ (2541) พธิ ีกรรมการจบั ปลาบกึ ในแมน่ �ำ้ โขง วารสารมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 2(2): 34-45 วีรยทุ ธ ไชยเพชร (2542) ประเพณีพิธีกรรมเก่ียวกบั เจ้าแมส่ องนางจงั หวดั มกุ ดาหาร วิทยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม วีระ สดุ สงั ข์ (2542) การเลน่ สะเองของชาวกยู ศรีสะเกษ วารสารเมืองโบราณ 26(1): 105-108 วนั ทา แกน่ วงษ์คำ� (2539) ประเพณีการทำ� บญุ เบน็ ของชาวบ้านพราณ ตำ� บลพราณ อำ� เภอขนุ หาญ จงั หวดั ศีรสะเกษ วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ว.ศรีสโุ ร (นามแฝง) (2540) เล้าข้าว ย้งุ ฉางแหง่ ภมู ปิ ัญญาอสี าน วารสารสารคดี 12(143): 167-172 ศรีศกั ร วลั ลโิ ภดม (2541) วัฒนธรรมปลาแดกสกลนคร:สำ� นักงานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ยั โครงการเมธีวจิ ยั อาวุโส สำ� นกั งานสามญั ศกึ ษา จงั หวดั สกลนคร ศิวะ ศุภวิบูลย์ (2542) การประกอบอาชีพหตั ถกรรมท�ำของที่ระลึกของชาวบ้านอ�ำเภอขุขนั ธ์ จงั หวดั ศรีสะเกษ วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ศิริพงษ์ บญุ ถกู (2544) การศกึ ษาเครือข่ายทางสงั คมในกิจกรรมการทอดผ้าป่ าของสงั คมอีสาน วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวิทยาลยั รามค�ำแหง ศริ ิพร โคตะวนิ นท์ (2543) ผ้หู ญิงในขบวนการเคล่ือนไหวของประชาชนชายขอบ กรณีศกึ ษา ฝาย ราษีไศล: หมบู่ ้านแมม่ นู มน่ั ยืน2 และ 3 วทิ ยานิพนธ์สงั คมวทิ ยาและมานษุ วทิ ยา มหาบณั ฑิต คณะสงั คมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศริ ิพร บณุ ยะกาญจน (2542) การผลติ หตั ถกรรมไม้ไผข่ องชาวผ้ไู ทบ้านหนองห้าง ต�ำบลหนองห้าง อำ� เภอกฉุ ินารายณ์ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาไทยคดศี กึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 181 ศริ ิพร ศรีสนิ ธ์อุ ไุ ร 2541 ปฏบิ ตั กิ ารทางวาทกรรมของชาวบ้าน:กรณีศกึ ษา ป่ าทามกดุ เป่ ง วทิ ยานพิ นธ์ สงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยามหาบณั ฑิต คณะสงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยามหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศิริมา นามประเสริฐ (2544) การสนับสนุนทางสงั คมของครอบครัวและชุมชนต่อผู้ป่ วยเอดส์ วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาการพัฒนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ศริ ิรักษ์ จรัณยานนท์ (2542) ความเช่ือเรื่องผีป่ ตู าของชาวบ้านหนองตาตื่น ต�ำบลเขวา อ�ำเภอเมือง จงั หวดั มหาสารคาม วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาไทยคดศี กึ ษา) บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม สพสนั ต์ เพชรค�ำ (2540) ปากยาม: หม่บู ้านประมงในล่มุ น�ำ้ สงครามกับการเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกจิ และสงั คม วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาไทยคดศี กึ ษา) บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม สมชาย นิลอาธิ (2546) บวชควาย ในงานบญุ บงั้ ไฟเหน็ ร่องรอยการใช้ไถเมื่อ 2,500 ปี วารสารศลิ ป วัฒนธรรม 25(6): 47-49 สมชาย นิลอาธิ (2548) บญุ เข้ากรรม เดือนอ้าย พิธีกรรมเริ่มต้นชีวิตใหมท่ ี่บริสทุ ธ์ิในวนั ปี ใหมไ่ ทย วารสารศลิ ปวัฒนธรรม 26(3): 58-60 สมดงั จิต กีรติพลพงษ์ (2543) ปัจจยั ท่ีท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงอาชีพทอผ้าไหมมดั หมี่ของ ชาว บ้านโคกกงุ ต�ำบลดอนกอก อ�ำเภอนาโพธิ์ จงั หวดั บรุ ีรัมย์ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม สมเดช บญุ สาง (2546) เศรษฐกิจชมุ ชน : กรณีศกึ ษาเคร่ืองจกั สานบ้านท่งุ นางโจก ต. ท่งุ นาโจก อ.เมอื ง จ. ยโสธร อบุ ลราชธานี : สงั คมศาสตร์เพอื่ การพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อบุ ลราชธานี สมศกั ดิ์ บญุ ชบุ (2543) ปลาส้มกบั วถิ ีชวี ติ ของชาวจงั หวดั ยโสธร วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม สมศกั ดิ์ ศรีสนั ติสขุ (2539) “การพฒั นาวฒั นธรรมหรือการใช้วฒั นธรรมเพื่อการพฒั นา” วารสาร มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 15 (1): 63-69 สมศกั ดิ์ ศรีสนั ตสิ ขุ (2546) การประเมนิ ความยากจนแบบมสี ว่ นร่วมในกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์กุ ะเลงิ บ้านทราย แก้ว ต�ำบลกดุ บาก อ�ำเภอกดุ บาก จงั หวดั สกลนคร วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 20(2): 40-44 สมศกั ดิ์ ศรีสนั ตสิ ขุ (2543) มองอนาคต : บทวเิ คราะห์วฒั นธรรมขงิ คนอสี าน วารสารมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ 18,1 ตลุ าคม- ธนั วาคม: 27-32 สมร ศรีบญุ เรือง (2543) การปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาอาการปวดศีรษะด้วยพิธีสอ่ นตะเวน็ ของชาว บ้านในเขตอ�ำเภอกระนวน จงั หวดั ขอนแก่น วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทย คดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม

182 โสวัฒนธรรม สินี ช่วงฉ�่ำ (2545) อุตสาหกรรมชุมชน:3 ปี บนเส้นทางการพัฒนา เรียนรู้ สู่การขยายผล ขอนแก่น : สถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลยั ขอนแก่น สจุ ิตรา ขนั ตีชู (2540) ครกหิน วารสารดอกฝ้ าย 7: 69-71 สพุ รรณ ภบู ญุ เติม (2540) เล้าข้าวต�ำบลบวั บาน อ�ำเภอยางตลาด จงั หวดั กาฬสินธ์ุ วิทยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม สพุ ชิ ฌาย์ จินดาวฒั นภมู ิ (2542) ความเช่ือเรื่องนาคของชมุ ชนอีสานลมุ่ น�ำ้ โขง (ปลายพทุ ธศตวรรษ ท่ี 19 จนถงึ ปัจจบุ นั ) วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ เอกประวตั ศิ าสตร์ไทย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร สมุ นา ศรีชลาลยั และคณะ (2545) ผญาในมิติของการดูแลส่งเสริมสุขภาพจิต กรุงเทพฯ : ศนู ย์สขุ ภาพจิตท่ี 7 กรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ สภุ าวดี ต้มุ เงิน (2538) การทอผ้าแพรวาที่บ้านโพน อ�ำเภอมว่ ง จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ วทิ ยานิพนธ์ศลิ ป ศาสตรมหาบณั ฑิต (สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวุ ทิ ย์ ธีรศาศวตั (2545) ประวตั ศิ าสตร์เศรษฐกจิ หมบู่ ้านอสี านห้าทศวรรษหลงั สงครามโลกครัง้ ทส่ี อง (พ.ศ.2488-2544) : กรณีศกึ ษาบ้านบวั จงั หวดั สกลนคร วารสารมหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม 21(1): 87-92 สรุ ิยา บรรพลา (2544) พธิ ีกรรมเลีย้ งผี อำ� เภอวังสะพุง จ. เลย เลย:สถาบนั ราชภฏั เลย สรุ ิยา สมทุ คปติ์ พฒั นา กิตติอาษา ศิลปะกิจ ต่ีขนั ติกลุ และจนั ทนา สรุ ะพินิจ (2540) พธิ ีกรรม “ข่วงผีฟ้ อน” ของ “ลาวข้าวเจ้า” จงั หวดั นครราชสีมา นครราชสีมา:ส�ำนกั วิชาเทคโนโลยี สงั คม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี สรุ ิยา สมทุ คปุ ติแ์ ละพฒั นา กิตตอิ าษา (2546) คนอีสานในอดีตใช้ผ้าซนิ่ หอ่ คมั ภีร์ใบลาน วารสาร ศลิ ปวัฒนธรรม เมษายน 2546: 82-95 สรุ ัตน์ จงดา (2541) “ฟ้ อนผฟี ้ านางเทยี ม: การฟ้ อนร�ำในพธิ ีกรรมและความเชอ่ื ชาวอสี าน วทิ ยานพิ นธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั เสริม ผลเพิ่ม (2541) ประเพณีพิธีกรรมเก่ียวกบั เฮือสว่ งเมืองอบุ ล วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตร มหา บณั ฑิต(สาขาไทยคดีศกึ ษา) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม หาญชยั อมั ภาผล (2545) การศกึ ษากลยทุ ธเพ่อื ยกระดบั ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ : กรณีศกึ ษาสมนุ ไพร นวดหน้า นวดผิวเนียน บ้านระกาใต้ ต. บ้านปรือ จ. บรุ ีรัมย์ บรุ ีรัมย์: สถาบนั ราชภฏั บรุ ีรัมย์ อนงค์นชุ เทียนทองและประภสั สร เตชะประเสริฐวทิ ยา (2542) การเปลยี่ นแปลงทาง เศรษฐกิจและ สงั คมกบั การถือครองพืน้ ที่ดนิ วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 17(1): 7-13 อรทยั ศรีทองธรรม (2541) วฒั นธรรมความเช่ือหมบู่ ้านอีสานในการอนรุ ักษ์ป่ าชมุ ชน กรณีศกึ ษา: หมบู่ ้านในอ�ำเภอเดชอดุ ม จงั หวดั อบุ ลราชธานี วารสารนิเวศวทิ ยา 25(1): 19-33

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 183 อภิศกั ดิ์ โสมอนิ ทร์ (2542) หญิงอีสาน: การเปลย่ี นแปลงปรับตวั เพื่ออยรู่ อด วารสารมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 3(2):58-64 อภิศกั ดิ์ ไฝทาค�ำ (2545) การศกึ ษามรดกทางวัฒนธรรมท้องถ่นิ ของเมืองขอนแก่นเพ่อื การ พฒั นางาน ขอนแก่น : คณะมนษุ ยศาตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น อภวิ นั ท์ มนมิ นากร (2544) ผลของการออกก�ำลงั กายโดยทา่ ร�ำประกอบเพลงพนื ้ เมอื งอสี าน ประยกุ ต์ ตอ่ อตั ราการใช้ออกซเิ จนสงู สดุ และความพงึ พอใจในคนสงู อายุ วารสารวจิ ยั มข. 6(1): 84-91 อิศราพร จนั ทร์ทอง (2543) มนายปาเล: ภาพสะท้อนความสัมพนั ธ์ของพฤตกิ รรมทางสังคม และวัฒนธรรม ในหมู่ชาวกูย สรุ ินทร์: สถาบนั ราชภฏั สรุ ินทร์ อดุ ม บวั ศรี (2541) ไม้ข่มเหง วารสารสารวัฒนธรรม ส�ำนกั วฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 4(3-4): 11-12 เอกวิทย์ ณ ถลาง (2544) ภมู ปิ ัญญาอีสาน พิมพ์ครัง้ ที่ 2 กรุงเทพฯ : อมรินทร์ http://www.culture.go.th/study.php?&YY=2548&MM=5&DD=16 ค้นเมื่อวนั ที่ 1 พฤษภาคม 2552



บทท่ี 4 พลวัตวฒั นธรรม ในวถิ ีของการพัฒนา สมมาตร์ ผลเกิด 4.1 บทนำ� สงั คมชาวชนบทภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย ในอดตี เปน็ สงั คม ท่ีมวี ิถชี ีวิตความเป็นอยู่ท่เี รยี บง่าย มพี ื้นฐานทางเศรษฐกจิ อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างตำ่� เม่ือเปรียบเทียบกับสภาพทางเศรษฐกิจในภาคอ่ืนๆ แต่สังคมชาวตะวันออกเฉยี ง เหนือเป็นสังคมที่มีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรม มีภูมิปัญญาท้องถ่ินสาขาต่างๆ เปน็ จำ� นวนมากทถี่ า่ ยทอดเปน็ มรดกอนั อนั ลำ้� คา่ ใหอ้ นชุ นไดภ้ าคภมู ใิ จอยา่ งตอ่ เนอื่ ง มาโดยตลอด สภาพทางสังคมของชาวชนบทอีสานในช่วงก่อนน�ำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติมาใช้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ แต่หลังจากมีการนำ� แผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจากฉบับแรกจนถึงปัจจุบันมาใช้ ส่งผลให้ ชนบทอีสานได้รับการพฒั นาขึน้ เป็นอย่างมากจนท�ำให้สภาพสงั คม เศรษฐกจิ และ เทคโนโลยีต่างๆ มคี วามก้าวหน้าไม่แตกต่างจากชมุ ชนในภาคอ่ืนๆ ของประเทศ แต่เป็นท่ีน่าเสียดายที่การพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เกิดข้ึนในภาคตะวันออก เฉยี งเหนือ ไม่ได้เกิดข้ึนบนพ้ืนฐานความเข้าใจในบริบททางวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตอันงดงามของชาวชนบทอีสานอย่างแท้จริง จึงส่งผลให้ความปรารถนา

186 โสวัฒนธรรม ดีท่ีจะสร้งความเจริญก้าวหน้าเหล่านน้ั กลับกลายเป็นการท�ำลายคติความเช่ือ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตของชาวอีสานลงไปอย่างน่าเสียดายและ นบั วนั จะทวีความรุนแรงเพม่ิ ข้นึ เป็นล�ำดับ สาเหตุของปัญหาความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรมของชาวอีสานที่เกิดข้ึน หลายเรอื่ งหลายเหตกุ ารณใ์ นแตล่ ะยคุ แตล่ ะสมยั นน้ั สว่ นใหญม่ กั เกดิ จากนโยบาย ในการพฒั นาของภาครัฐเป็นส�ำคญั กล่าวคอื การพฒั นาของรัฐบาลแทบทุกยคุ ทุก สมยั ตา่ งกม็ เี ปา้ หมายสงู สดุ เหมอื นกนั คอื เพยี งเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ เงนิ หรอื ทเ่ี รยี กใหฟ้ งั รนื่ หูว่า ความเจรญิ เติบโตทางด้านเศรษฐกจิ ซึ่งผลพวงจากความเจริญเตบิ โตทาง เศรษฐกิจได้ท�ำลายความสงบสุข สันติสุขของชีวิตและสังคมลงอย่างน่าเป็นห่วง ความสมดลุ ทางธรรมชาตถิ กู ทำ� ลายลงเพยี งเพอ่ื ใหท้ กุ คนมเี งนิ มากขน้ึ ใชเ้ งนิ ไดม้ าก ขนึ้ และบรโิ ภคได้มากขนึ้ โดยเข้าใจว่าการมเี งินมากข้ึน การได้ซ้ือหาจับจ่ายเครอ่ื ง อุปโภคบรโิ ภคมากขึ้น จะช่วยให้คนมีความสุขในชีวิตมากขึ้น แต่ปรากฏว่าการณ์ กลบั ตรงกนั ขา้ มยง่ิ พฒั นายง่ิ พบวา่ ทรพั ยากรธรรมชาตยิ ง่ิ ลดลง ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ วัฒนธรรมอันดงี ามของท้องถ่ินย่งิ ถูกท�ำลายลงอย่างหลกี เลีย่ งไม่ได้ คร้ันจะหันไปพึ่งการศึกษาของรัฐซ่ึงถือได้ว่าเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญในการ สร้างคนให้เป็นมันสมองของชาติให้มีความรู้ ความเข้าใจปัญหาและสามารถ หาแนวทางในการป้องกันและแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้ึนได้อย่างเหมาะสม แต่ ความหวังดูเหมือนจะเลือนลางริบหร่ีลงทุกขณะ ด้วยเหตุท่ีการศึกษาในระบบ โรงเรียนนน้ั ท�ำหน้าที่เป็นเพียงโกดัง ส�ำหรับเก็บสินค้าวิชาการจากโลกตะวันตก ท่ีได้ชื่อว่ามีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี เพื่อรอเวลาท่ีจะน�ำออกมา บังคับขายให้แก่ผู้บรโิ ภคคือ นกั เรียน นกั ศึกษา โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนเน้ือหา สาระของบทเรียนให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมหรือบริบทของสังคมไทย ดังนน้ั จะเห็นว่าระบบการศึกษาของไทยมีสภาพไม่แตกต่างจากพิมพ์เขียว เพราะ เป็นระบบการศึกษาท่ีเหมือนกันทั้งชาติ มีเนื้อหาแยกเป็นส่วนๆ แยกจากเร่ือง วิถชี วี ติ และแยกออกจากเร่อื งของวิธคี ิดแบบไทย เป็นการศกึ ษาทีล่ มื สถาบันชมุ ชน ท่มี ีประวัติศาสตร์ มีเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมเฉพาะถน่ิ มีวถิ ชี ีวิต วิธีการผลติ ตาม ลักษณะภมู ิประเทศ มลี กั ษณะนเิ วศและวัฒนธรรมท่ีแตกต่างกนั

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 187 ดังนน้ั การศึกษาของไทยในยุคปัจจุบันจึงมีสภาพเหมือนม่านบังตาเยาวชน เพราะการศกึ ษาไดป้ ดิ กน้ั เยาวชนไมใ่ หเ้ หน็ สภาพแวดลอ้ มทางสงั คมและวฒั นธรรม ทีต่ นเองมอี ยู่ เหยยี ดหยามทรพั ยากรในท้องถิ่น เยาวชนมคี วามรู้สกึ ว่าตนเองและ วัฒนธรรมของตนต่�ำต้อยน่าละอาย ปัจจัยเหล่านี้ได้ท�ำลายความม่ันในในตัวเอง ของเยาวชนลงอย่างสนิ้ เชงิ การศึกษาสมัยใหม่ สร้างให้เยาวชนมีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ต่างชาติท้ังด้านการแต่งกาย การด�ำเนินชีวิต และการกินอาหารแบบตะวันตก ดูโก้เก๋ มีรสนิยมสูง จึงส่งผลให้คนในชนบทต้องรับเอาค่านิยมเหล่านี้ไปปฏิบัติ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะท�ำให้เขาได้รับการยอมรับจากคนในสังคมเมืองว่าเป็น ผู้พัฒนาแล้ว เปน็ ทท่ี ราบกนั ดวี า่ การพฒั นาใดๆ ทข่ี าดพน้ื ฐานแหง่ ความเขา้ ใจวฒั นธรรม ของท้องถ่ิน การพัฒนานนั้ จะด�ำรงอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าหากน�ำเอาวัฒนธรรมมา เปน็ เครอ่ื งมอื ในการพฒั นาแลว้ การพฒั นานนั้ จะมคี วามมนั่ คง ยงั่ ยนื และยาวนาน ตัวอย่างของความล้มเหลวในการพัฒนาท่ีขาดความเข้าใจในมิติทางวัฒนธรรมจะ เห็นได้จากการพัฒนาของไทยนับต้ังแต่มีการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สงั คมแหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 1 เมอื่ พ.ศ.2504 เรอ่ื ยมาจนถงึ ปจั จบุ นั รฐั บาลไดใ้ ชเ้ วลานาน กว่า 5 ทศวรรษแล้วแต่การพฒั นาชนบท โดยเฉพาะภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จะ เหน็ ว่าแม้รฐั บาลจะทุ่มงบประมาณพฒั นาเป็นจ�ำนวนมหาศาลแล้วก็ตาม แต่ภาพ โดยรวมชองชาวชนบทภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื กย็ งั ประสบวกิ ฤตความยากจนอยู่ เชน่ เดมิ และชอ่ งวา่ งของความเหลอื่ มลำ้� ในการกระจายรายไดท้ างเศรษฐกจิ และการ บรกิ ารสวสั ดกิ ารขนั้ พนื้ ฐานนบั วนั แตจ่ ะหา่ งกนั มากขนึ้ ในขณะเดยี วกนั สภาพนเิ วศ และส่ิงแวดล้อมของอีสานกลับแย่ลงท้ังป่าไม้ คุณภาพของน้�ำและความแห้งแล้ง กอ่ เกดิ ปญั หาในทกุ ทอ้ งถนิ่ สง่ ผลใหช้ าวอสี านตอ้ งหนตี ายหลง่ั ไหลเขา้ ไปหางานทำ� ในเมืองใหญ่ๆ และกรุงเทพฯ เป็นจ�ำนวนมาก ท้ิงให้เด็กและคนชราต้องเผชิญ ชะตากรรมกันตามลำ� พงั โดยไม่มใี ครช่วยขจดั ปัดเป่าปัญหาเหล่านนั้ ให้ลดลงได้

188 โสวฒั นธรรม แตก่ ย็ งั พอมสี ง่ิ ทน่ี า่ ยนิ ดเี กดิ ขนึ้ อยบู่ า้ ง ในทา่ มกลางความวกิ ฤตของปญั หาท่ี ชาวชนบทภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื กำ� ลงั เผชญิ อยู่ นน่ั กค็ อื ในทศวรรษทผี่ า่ นมา ได้ เกดิ ขบวนการของปญั ญาชน และชนชนั้ กลางทต่ี น่ื ตวั ออกไปทำ� งานในชนบทมากขน้ึ โดยมีสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น องค์กรเอกชนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม NGO ได้เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวท่ีมีอุดมการณ์และมีความรักห่วงใยวิถีชีวิตอันงดงาม ของชาวอสี านทกี่ ำ� ลงั จะสญู หายไป ไดเ้ ขา้ ไปทำ� การศกึ ษาวจิ ยั ดว้ ยการฝงั ตวั ทำ� งาน เป็นลกู หลานอยกู่ บั ชาวบา้ นใชช้ วี ติ อยกู่ บั ชมุ ชน ร่วมกจิ กรรมตา่ งๆ ของชมุ ชน เนน้ การใช้กระบวนการศึกษาวิเคราะห์ชุมชนและเข้าถึงปัญหาชุมชนด้วยกรอบวิธีการ ทางสังคมศาสตร์ โดยเน้นการร่วมคิดวิเคราะห์แลกเปล่ียนความรู้จากกลุ่มพูดคุย ไปสู่การเกดิ กิจกรรม เกิดผู้นำ� กลุ่มกิจกรรม ซงึ่ เป็นผู้นำ� ด้านคุณธรรม เสยี สละและ ขยายผลไปสกู่ ารกอ่ รปู ขององคก์ รชมุ ชนทมี่ กี ารสรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื ใหข้ ยาย วงกวา้ งขน้ึ เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ พลงั ในการแกป้ ญั หาโดยน�ำเอาวฒั นธรรมมาเปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการพฒั นาอนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาทม่ี คี วามยงั่ ยนื ยาวนาน ทง้ั นเ้ี พราะ ทกุ คนในชมุ ชนมสี ว่ นร่วมคดิ รว่ มตดั สนิ ใจ ร่วมท�ำ ร่วมรบั ผลประโยชนแ์ ละร่วมรบั ผดิ ชอบต่อสงิ่ ท่ีจะเกดิ ข้ึนตามมาด้วยความเต็มใจ เมอ่ื ปีพ.ศ.2532 องค์การสหประชาชาตโิ ดยข้อเสนอขององค์การ UNESCO ได้ประกาศ “ทศวรรษแห่งวัฒนธรรมกับการพัฒนา” โดยเล็งเห็นว่าในการพัฒนา นน้ั ถา้ ใชแ้ ตว่ ทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยเี พยี งอยา่ งเดยี วสงั คมจะเสยี ความสมดลุ จ�ำเปน็ ต้องนำ� วฒั นธรรมเข้ามาเป็นฐานของการพฒั นา ในอดตี ทผ่ี ่านมา สถาบนั การศึกษาตา่ งๆ ยงั ให้ความสนใจวฒั นธรรมอยู่ใน ขอบเขตทจ่ี ำ� กดั กล่าวคือ ยังมองวัฒนธรรมเป็นเรอื่ งของดนตรี การร้องรำ� ท�ำเพลง และศิลปวัตถุเท่านั้น มองไปไม่ถึงภูมิปัญญาแห่งชาติหรือภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ี สมั พันธ์กบั ชวี ิต สงั คมและส่ิงแวดล้อมหรือวิถชี ีวิตท้งั มวลของคนไทย ซ่งึ บรรพชน ได้มอบให้เป็นมรดกทีล่ �้ำค่าในด้านต่างๆ แก่ชาวไทยทุกคน เช่น วฒั นธรรมในการ ท�ำมาหากิน วัฒนธรรมในการรักษาสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมทางการแพทย์และ สาธารณสุข เป็นต้น ตัวอย่างบางประการของการนำ� เอาวัฒนธรรมมาใช้ในการ พฒั นาได้อย่างเหมาะสมได้แก่

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 189 เกษตรแผนปัจจุบันที่เน้นการปลูกพืชเชิงเด่ียวเพ่ือขาย เช่น ปลูกข้าว อย่างเดยี ว ปลกู อ้อยอย่างเดียว ปลกู มนั สำ� ปะหลังอย่างเดยี ว ปลกู ปออย่างเดียว มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม สังคมเศรษฐกิจของชนบทอย่างรุนแรง เพราะป่าท่ีมี คุณค่ามหาศาลถูกแผ้วถางลงจนถึงขั้นวิกฤติเพ่ือให้พ้ืนท่ีแก่การเกษตรกรรมราคา ถกู และเปน็ การเกษตรทต่ี อ้ งนำ� เอาสารเคมจี ำ� นวนมหาศาลเขา้ มาใชเ้ พอื่ เรง่ ผลผลติ ให้ทันต่อการบรโิ ภค ซ่ึงเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์เป็นอย่างย่ิงรวมทั้ง เปน็ การเพม่ิ รายจา่ ยใหแ้ กเ่ กษตรกรอยา่ งไมม่ ที างหลกี เลยี่ งได้ เกษตรกรตอ้ งท�ำงาน หนกั ข้ึนแต่ขาดทุนเป็นหนี้สินก่อให้เกิดภาวะความเครียด และปัญหาสังคมต่างๆ ก็ตามมา เกษตรผสมผสานเป็นการเกษตรท่ีปลูกพืชหลายชนิดรวมอยู่ในพ้ืนท่ี เดียวกัน เช่น ปลูกข้าว ปลูกผัก ปลูกผลไม้ เล้ียงหมู เลี้ยงปลา เล้ียงเป็ด เลี้ยง ไก่ เป็นต้น หากผลผลิตส่วนหนง่ึ ส่วนใดประสบปัญหาเนื่องจากน้�ำท่วม ฝนแล้ง โรคระบาดหรอื ราคาผลผลติ ตกตกตำ�่ ผลผลติ จากสว่ นอน่ื สามารถคำ�้ จนุ ใหอ้ ย่รู อด โดยไม่เดือดร้อนมากนกั ผลประโยชน์ท่ีได้จากการทำ� การเกษตรแบบผสมผสานท่ี ตามมาก็คอื 1.1 ได้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะมีต้นไม้ข้ึนเป็นจ�ำนวนมาก มีการสร้าง สมดลุ จากวฏั จกั รของพชื และสตั ว์ทอี่ ย่ดู ว้ ยกนั อย่างกลมกลนื ไมต่ ้องใชป้ ๋ยุ ไม่ตอ้ ง ใช้ยาฆ่าแมลง 1.2 ไดภ้ มู คิ ้มุ กนั ทางเศรษฐกจิ สามารถกนิ อม่ิ กนิ เหลอื มขี ายไม่เป็นหนส้ี นิ ไมไ่ ดร้ บั ผลกระทบทางเศรษฐกจิ จากการเปลย่ี นแปลงจากภายนอก เพราะเปน็ ระบบ เศรษฐกิจแบบภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจท่ีเน้นความเชื่อมโยงการตลาดแบบสุดข้ัวท�ำให้ คนจนได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย เช่น ราคานำ�้ มัน สงครามและ นโยบายของประเทศอืน่ ๆ เป็นเศรษฐกิจทีข่ าดภูมิคุ้มกนั 1.3 ไดพ้ ฒั นาจติ ใจ เพราะกจิ กรรมไมไ่ ดม้ งุ่ เนน้ ทำ� การเกษตรกรรมอยา่ งเดยี ว แตเ่ ปน็ การกระทำ� ดว้ ยปญั ญาทเี่ ขา้ ใจธรรมชาตไิ ดร้ บั ความพอใจทางเศรษฐกจิ และ ชวี ติ ทป่ี ระสานสอดคล้องกบั ธรรมชาตแิ ละกับเพอื่ นมนษุ ย์

190 โสวัฒนธรรม การพัฒนาสมัยใหม่ได้ทอดทิ้งศาสนาท้ังในรูปของสถาบันและคุณค่าจึง ส่งผลให้สังคมประสบกับความยุ่งยากสับสนในปัจจุบัน ศาสนาอันเกิดจาก ภูมิปัญญาอันสูงส่งได้ถูกทอดทิ้งให้ปราศจากบทบาทที่เหมาะสม ความเป็นจริง สถาบนั ศาสนาเปน็ กลไกและเปน็ ทรพั ยากรทส่ี ำ� คญั ของสงั คม เพราะมที ง้ั หลกั ธรรม มีท่ีดิน มีอาคารสถานที่ มีอุปกรณ์ มีบุคลากร มีเงินและมีศรัทธา ซึ่งเป็นท่ี น่าเสยี ดายทีส่ ถาบนั หลักในการยกระดับจิตวิญาณของคนให้มคี ุณธรรม จริยธรรม ของคนให้สูงขึ้นกลับถูกทอดท้ิงอย่างไร้เย่ือใยจากผู้บริหารประเทศ ทั้งจากความ จงใจและความไม่รู้มองไม่เห็นผลประโยชน์หรือวิธีการน�ำเอาศาสนามาเป็น เครอื่ งมอื ในการพฒั นา แต่ก็เป็นท่ีน่ายินดีที่มีพระสงฆ์จ�ำนวนไม่น้อยท่ีข้ามาป็นก�ำลังส�ำคัญใน การพัฒนาชนบท ด้วยการใช้คุณค่าและสถาบันดั้งเดิมของสังคม ซึ่งถือว่าเป็น ภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีส�ำคัญเข้ามาช่วยงานพัฒนา การใช้คุณค่าทางศาสนาในการ พัฒนาเป็นการผสานส่ิงต่างๆ เข้ามาหากัน รวมทงั้ ส่งเสรมิ การพัฒนาจิตใจ ทำ� ให้ คนรู้จักให้รู้จักรับและรู้จักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซ่ึงต่างจากการพัฒนาทาง เศรษฐกจิ อยา่ งเดยี วทไี่ มก่ ลา้ อยกู่ บั โลกแหง่ ความเปน็ จรงิ มแี ตก่ ารแขง่ ขนั แกง่ แยง่ ผลประโยชน์ท่เี ตม็ ไปด้วยโทสจรติ อนั นำ� ไปสู่ความแตกแยกและความรุนแรงให้แก่ สังคม การแพทยแ์ ผนตะวนั ตกหรอื การแพทยแ์ ผนวทิ ยาศาสตรม์ คี วามชะงดั ในบาง เรอ่ื งแตไ่ มใ่ ชท่ กุ เรอ่ื ง ถา้ จะเอาแพทยต์ ะวนั ตกไปใชก้ บั ทกุ เรอ่ื ง ยอ่ มเกดิ ปญั หาตาม มาอย่างไม่จบส้ิน เพราะการแพทย์ตะวันตกมีราคาแพง ให้บริการแก่ผู้เกี่ยวข้อง ได้น้อยจงึ เกดิ การกระจกุ ตวั ท�ำให้การบริการไม่เพยี งพอ ผู้คนต้องตะเกียกตะกาย แยง่ ชงิ กนั เขา้ รบั บรกิ าร นอกจากเทคโนโลยตี า่ งๆ ทใี่ ชใ้ นทางการแพทยแ์ ผนตะวนั ตก จะมีราคาแพงแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพและให้ผลคุ้มค่า โรคส่วนใหญ่หายไปเพราะเหตุอ่ืน เช่น หายเอง หายเพราะความเชื่อและผลของ ยา หลอกหายเพราะได้รับความสนใจและได้รับความพอใจ ฯลฯ เพราะฉะนนั้ การ รกั ษาโรคจงึ ไมค่ วรมรี ะบบแพทยแ์ ผนตะวนั ตกเพยี งระบบเดยี ว แตค่ วรมหี ลายแบบ

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 191 เป็นพหลุ ักษณ์ ในการแพทย์พหลุ กั ษณ์นน้ั การแพทย์พ้ืนบ้านนน้ั มีความสำ� คญั เป็น อย่างย่ิง เพราะการแพทย์แบบพ้ืนบ้านเป็นภูมิปัญญาท้องถ่ินโดยมีวัฒนธรรมเป็น ฐานในการรักษา ไม่ใช่วิทยาศาสตร์เป็นฐาน การแพทย์ทางวัฒนธรรมมีฐานอยู่ที่ จิตและสงั คมมากกว่าการแพทย์เชงิ วิทยาศาสตร์ มติ ทิ างจติ และสงั คมมบี ทบาทสำ� คญั ตอ่ เรอื่ งสขุ ภาพกลา่ วคอื ผปู้ ว่ ยไดข้ วญั กำ� ลังใจจากญาติพี่น้องทม่ี าเฝ้าไข้ คอยปรนนิบัติพูดคุยให้ขวัญกำ� ลงั ใจ เกดิ ความ อบอุ่นคลายทุกข์ จิตใจมีความเข้มแข็ง ร่างกายก็แข็งแรงหายเจ็บป่วย เป็นการ บำ� บดั ทส่ี อดคลอ้ งกบั คำ� พงั เพยไทยทว่ี า่ ใจเปน็ นายกายเปน็ บ่าว แตก่ ารแพทย์แผน วทิ ยาศาสตรเ์ นน้ ทร่ี ะบบชวี วทิ ยาเปน็ สำ� คญั จงึ มคี วามออ่ นดอ้ ยเกย่ี วกบั เรอ่ื งจติ และ สงั คม ดงั นนั้ จงึ มรี ปู แบบความคดิ เรอ่ื งสขุ ภาพทส่ี มบรู ณก์ วา่ การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั กล่าวคือควรจะเป็นรปู แบบ ชีว – จิต – สงั คม (Bio-Psycho-Social) การแพทย์แนว วัฒนธรรมอ่อนด้อยทางชีววิทยาแต่เข้มแข็งทางจิตและสังคม ถ้าจะใช้การแพทย์ แนววทิ ยาศาสตร์อย่างเดยี วย่อมไม่สมบรู ณ์ และทำ� ให้สขุ ภาพดีถ้วนหน้าเป็นไปไม่ ไดจ้ งึ จำ� เปน็ ต้องนำ� การแพทยแ์ นววฒั นธรรมหรอื ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ เขา้ มาร่วมดว้ ย จงึ จะรกั ษาไข้ได้อย่างสมบรู ณ์แบบ การประเมนิ สถานภาพการศกึ ษาวฒั นธรรมกบั การพฒั นานชี้ ว่ ยใหเ้ กดิ ความ เขา้ ใจและความรแู้ บบบรู ณาการบนความหลากหลายทางวฒั นธรรมของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ซึ่งจะน�ำไปสู่การเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาลได้ อันจะช่วยให้ เกิดความเข้าในเข้าถงึ และพัฒนาท้องถน่ิ อย่างยง่ั ยนื ได้เป็นอย่างดี ผลการประเมินสถานภาพองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมกับการพัฒนาใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวความคิดท่ีส�ำคัญหลายแนวความคิด ซึ่งมีผล งานวิจัยโดยมีรายละเอียดจ�ำแนกตามแนวความคิดหลัก และแนวความคิดย่อย ดงั ต่อไปน้ี

192 โสวฒั นธรรม 1. ประเภทขององคค์ วามรู้ เอกสารวิจัยและบทความทางวิชาการที่เป็นองค์ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม ในช่วงระหว่างปีพ.ศ.2535-2545 มีจ�ำนวน 50 เร่ือง และสามารถจัดหมวดหมู่ของ องค์ความรู้ออกเป็น 3 กลุ่มดงั นค้ี อื ด้านประวัติศาสตร์ จ�ำนวน 18 เร่ือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบทความที่ตีพิมพ์ เผยแพร่ในวารสาร โดยผู้เขียนจะกล่าวถึงความเป็นมาของเมืองและจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ด้านประวัติศาสตร์ สภาพทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และกลมุ่ ชาตพิ นั ธต์ุ า่ งๆ ของแตล่ ะจงั หวดั ไดอ้ ยา่ งนา่ สนใจ เชน่ ผลงานของปรงุ ศรี วัลลิโภดม (2544) วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และ ภูมิปัญญาจังหวัดต่างๆ เช่นจังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร จงั หวัดเลย จงั หวดั หนองคายและจังหวดั อนื่ ๆ อกี หลายจังหวัด ผลงานของสวุ ทิ ย์ ธรี ศาศวัตและปรชี า อุยตระกูล (2536) ประวัตศิ าสตร์อสี าน : พรมแดนแห่งความรู้ เรื่องกบฏผู้มีบุญโสภาแห่งบ้านสาวะถี จังหวัดขอนแก่น ผลงานเรื่องความจริง ทางประวัติศาสตร์หรอื ภาพมายา ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจครอบครัวอีสาน : กรณี หมู่บ้านแห่งหนง่ึ ในจังหวัดชัยภูมิของลินดา เพียวริทซ์ (2541) พบว่าครอบครัว ชาวนาภาคอสี านในอดตี เปน็ หนว่ ยพน้ื ฐานการผลติ และการบรโิ ภค ทม่ี กี ารรว่ มแรง ร่วมใจกนั เป็นอย่างดี วลยั ลกั ษณ์ ทรงศิริ (2539) วิจัยแหล่งผลติ เกลอื สมยั โบราณ ลมุ่ แมน่ ำ้� สงคราม พบวา่ ลกั ษณะทางธรณวี ทิ ยาของพน้ื ทบี่ รเิ วณนปี้ ระกอบดว้ ยหนิ ชดุ ตา่ งๆ หมวดหนิ ชดุ สำ� คญั ในบรเิ วณนค้ี อื หมวดหนิ มหาสารคามหรอื หมวดหนิ เกลอื ซง่ึ มแี รโ่ ปรแตซและเกลอื หนิ ทนี่ �ำไปใชใ้ นอตุ สาหกรรม ลกั ษณะและวธิ ผี ลติ เกลอื ใน สมยั โบราณและสมัยปัจจบุ ันมีความคล้ายคลงึ กนั ด้านวิชาการ จ�ำนวน 22 เรื่อง เป็นทั้งบทความทางวิชาการและผลงาน วิจัยท่ีบรรดาปราชญ์ทางสังคมศาสตร์อันได้แก่นกั วิชาการ นกั พัฒนาและปราชญ์ ชาวบา้ น ไดท้ ำ� การศกึ ษาไวอ้ ยา่ งเปน็ ระบบทง้ั กระบวนการศกึ ษา วธิ วี ทิ ยาและการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ไปอยา่ งถกู ตอ้ งตามศาสตรแ์ หง่ การวจิ ยั ครอบคลมุ ทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม โดยมกี ารน�ำเสนอในงานประชมุ สมั มนาทางวชิ าการทสี่ ถาบนั

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 193 การศกึ ษาตา่ งๆ ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จดั ขน้ึ และไดพ้ มิ พเ์ ปน็ เอกสารเผยแพร่ ต่อสาธารณะอย่างกว้างขวาง นอกจากปราชญ์ทางสังคมศาสตร์ดังกล่าวแล้วโรงเรียนทั้งในระดับ ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาได้จัดท�ำหลักสูตรในการศึกษาภูมิปัญญาท้องถ่ิน และทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ศนู ยข์ อ้ มลู ทอ้ งถน่ิ ใหแ้ กผ่ ทู้ ส่ี นใจไดเ้ ขา้ ไปศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเชน่ ผลงานของพวงรตั น์ วทิ ยตมาภรณ์ (2541) การศกึ ษาการใชแ้ หลง่ ความรใู้ นชมุ ชนในการเรยี นการสอนกลมุ่ สรา้ งเสรมิ ประสบการณช์ วี ติ (สงั คมศกึ ษา) ในโรงเรยี นประถมศกึ ษา พบวา่ ครผู สู้ อนใชแ้ หลง่ ความรใู้ นการเรยี นการสอนในระดบั ปานกลาง โดยน�ำความรู้มาจากพิธีกรรมในวันส�ำคัญทางศาสนาที่ชุมชนจัดข้ึน และกจิ กรรมทางประเพณี เชน่ บญุ บง้ั ไฟ บญุ ขา้ วจี่ เปน็ ตน้ ครผู สู้ อนจะนำ� นกั เรยี น ออกไปศกึ ษาและร่วมกจิ กรรมทช่ี มุ ชนจดั ขน้ึ และนำ� สงิ่ แวดลอ้ มทอี่ ย่ตู ามธรรมชาติ มาประกอบการเรยี นการสอน ผลงานวจิ ยั ของ วลิ าวัลย์ เอื้อวงศ์กูล (2541) ความ สัมพันธ์ระหว่างพัฒนาการของเมืองกับการเปล่ียนแปลงวัฒนธรรม : กรณีศึกษา เมืองเรณนู คร พบว่าการจะรักษาวัฒนธรรมชุมชนให้ย่ังยืนควบคู่ไปกับการพัฒนา เมืองจะต้องไม่มองวัฒนธรรมว่าเป็นสิ่งท่ีหยุคน่ิง การใช้พ้ืนท่ีเมืองเพ่ือให้เกิด กจิ กรรมทางวฒั นธรรมไมค่ วรกระจกุ อยทู่ ใี่ ดทหี่ นง่ึ จนเกนิ ไป ศนู ยว์ ฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ควรมีบทบาทและมีการใช้ประโยชน์พื้นท่ีอย่างเต็มที่ชุมชนควรมีส่วนร่วมในการ กำ� หนด เกร็ดความรู้ จ�ำนวน 10 เรื่อง ซ่ึงประกอบด้วยเกร็ดความรู้ด้าน ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ในวถิ ี ชวี ติ ของชาวอสี านทง้ั ในรปู แบบของบทความ ผญา กลอนล�ำ ฯลฯ เชน่ ผลงานเขยี น ของสทุ นิ สนองผนั (2540) จากเมอื งสบิ เอด็ ฝกั ตู สบิ แปดปอ่ งเอยี้ ม ซาวเกา้ แมข่ น้ั ได : เมืองที่มีชื่อประหลาดในดินแดนอีสาน สู่ความสัมพันธ์กับเครือข่ายทางสังคม ใกล้เคียง งานช้ินน้ีเป็นบทความเก่ียวกับเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นชื่อเมืองท่ีแปลกใน ดินแดนอีสานสู่ความสัมพันธ์กับเครือข่ายทางสังคมใกล้เคียง กล่าวได้ว่าเมือง ร้อยเอ็ดเป็นเมืองโบราณท่ีมีความส�ำคัญยิ่งในแถบลุ่มน้�ำชี การล่มสลายของเมือง

194 โสวัฒนธรรม ร้อยเอ็ดท�ำให้เกิดเมืองต่างๆ ข้ึนมากมายในบริเวณใกล้เคียงทั้งเมืองที่ยึดถือใน เปิงบ้าน เปิงเมืองแบบเก่าหรือกลุ่มคนท่ีอพยพเข้ามาอยู่ใหม่อย่างชาวกูย ผู้ไทย ไทยกะเลงิ และกลุ่มอื่นๆ และผลงานของจังหวัดหนองคาย (2540) ได้รวบรวมเรอ่ื ง ราวเนือ้ หาเกี่ยวกับจังหวัดหนองคาย ในเกือบทุกด้าน ทัง้ ทางประวตั ิศาสตร์ ศิลป วัฒนธรรม สังคมท้องถ่ิน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตลอดจนสถานท่ีท่องเท่ียวที่ สวยงามเป็นจ�ำนวนมากและประเพณีอนั ดีงาม ความเชอ่ื ต่างๆ ของชาวหนองคาย นอกจากน้ียังน�ำเสนอเรื่องราวเก่ียวกับแหล่งโบราณคดีในจังหวัดหนองคายรวมทั้ง บุคคลส�ำคัญอีกด้วย ซ่ีงมีแนวคิดท่ีต้องการจะรวบรวมเร่ืองราวต่างๆ ของจังหวัด ให้ครบถ้วน เพ่อื เป็นประโยชน์แก่นกั เรยี น นกั ศกึ ษา บคุ คลทั่วไปท่สี นใจ สามารถ ใช้ในการอ้างอิง ค้นคว้า 4.2 เศรษฐกจิ ชมุ ชน การเกษตร ความยากจน และแรงงาน การศึกษาวิจัยเศรษฐกิจชุมชนในของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือในรอบหนง่ึ ทศวรรษที่ผ่านมา มีจ�ำนวน 99 เรื่อง โดยแบ่งกลุ่มหัวข้อเร่ืองท่ีท�ำการวิจัยออก เป็น 4 กลุ่ม ดงั นค้ี ือ การศึกษาสภาพทัว่ ไปของเศรษฐกิจภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงปัจจุบัน (2488-2544) มีจ�ำนวน 21 เร่ือง โดยในเนื้อหาจะกล่าวถึงวิถีชีวิตและสภาพเศรษฐกิจของชุมชนในยุคแรกว่า โครงสร้างทางสงั คมรวมกนั อยู่แบบเครือญาติ เคารพอาวุโส เชื่อบญุ กรรม ศรัทธา ในพระพุทธศาสนา การท�ำมาหากินเป็นแบบการผลิตเพ่ือยังชีพโดยพึ่งตนเองเป็น หลกั และตอ้ งพงึ่ พาทรพั ยากรจากธรรมชาตสิ งู อาชพี หลกั ทส่ี �ำคญั ไดแ้ ก่ การท�ำนา ท�ำไร่ ท�ำสวน วัฒนธรรมอีสานมีส่วนส�ำคัญท�ำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจชุมชน หมู่บ้านเข้มแข็ง แต่ในช่วงทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา ระบบทุนนิยมเร่ิมเข้าสู่ภาค อีสาน ชาวบ้านเร่ิมปรับเปลี่ยนอาชีพการเกษตรมาปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวท่ี ส�ำคัญได้แก่ มันส�ำปะหลัง ปอแก้ว ข้าวโพด ฯลฯ และหลังจากการประกาศใช้

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 195 แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 1 (2504-2509) เปน็ ตน้ มาจนปจั จบุ นั ระบบเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉยี งเหนือก็เข้าสู่ระบบทุนนิยมเต็มตัว ดังจะเห็นได้ จากผลงานวจิ ัยตอไปนี้ มณีวรรณ บัวจูม (2539) ได้ศึกษาวิจัยวิถีชีวิตของชาวบ้านเวิน ต�ำบล โนนศรีงาม อ�ำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ พบว่าบ้านเวินมีลักษณะเป็นชุมชน พ่ึงตนเอง ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในด้านต่างๆ เช่น บรโิ ภคอาหารท่ีได้จากแหล่ง ธรรมชาติและรักษาโรคด้วยสมุนไพร โกเมท บุญไชย (2542) ศึกษาพัฒนาการ ชุมชนริมฝั่งแม่นำ้� ชี : ศึกษากรณบี ้านท่าไคร้ อำ� เภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พบ ว่าพัฒนาการด้านเศรษฐกิจของบ้านท่าไคร้ในอดีตเริ่มจากการท�ำนา หลังจาก รฐั บาลประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 เป็นต้นมา ก็ เรมิ่ มกี ารค้าขายมากขนึ้ การพงึ่ พาอาศยั กนั ของคนในชมุ ชนลดลง ชอบ ดสี วนโคก (2543) ศึกษาเศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านอีสาน : ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจอีสาน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงปัจจุบัน พบว่า ก่อนจะมีการประกาศใช้แผนพัฒนา เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ สภาพเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรมเป็นแบบพ่ึงพา ตนเอง พ่ึงพาธรรมชาติ และพึ่งพาสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ชาวบ้านมีการช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อกันในชุมชน ต่อมาชุมชนอีสานเปล่ียนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ การช่วยเหลือจากญาติพี่น้องลดลง การรักษาพยาบาลจะไม่ใช้ยากลางบ้านหรือ สมุนไพรและการเซ่นไหว้ผีแบบดั้งเดมิ ลดลงมาก การเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มีผลงานวิจัยจ�ำนวน 27 เร่ือง เน้ือหาโดยรวมกล่าวถึงสาเหตุแห่งการ เปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจของชุมชนภาคตะวันออกเฉยี งเหนือว่า ความเจริญที่ เกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงทั้งทางด้านสังคมและด้าน เศรษฐกิจ กลายเป็นเศรษฐกิจเพ่ือการค้ามากข้ึน มีความสลับซับซ้อนมากข้ึน ท�ำให้เศรษฐกิจของชุมชนเข้าไปผูกติดกับกลไกของตลาดมากข้ึน ชุมชนต้องปรับ เปลี่ยนระบบการผลิตโดยการน�ำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้เพ่ือตอบสนอง

196 โสวัฒนธรรม ให้ทันต่อความต้องการของผู้บรโิ ภค ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตสูงข้ึน กลไกราคา ถูกก�ำหนดโดยพ่อค้าคนกลาง การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของคนในชุมชน ลดลง ผลจากการพัฒนาด้านเศรษฐกิจส่งผลให้ชุมชนพัฒนากลายเป็นชุมชน แบบชุมชนเมือง ชุมชนเมืองเดิมกลายเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่หรือกลายเป็น เมืองหลัก ความเจริญก่อให้เกิดอาชีพใหม่ๆ เกิดข้ึนอย่างหลากหลาย โครงสร้าง เศรษฐกจิ ชมุ ชนเปลยี่ นแปลงไปจากภาคเกษตรกรรมเปน็ อตุ สาหกรรม รายไดต้ อ่ หวั ตอ่ ครวั เรอื นเพม่ิ ขนึ้ แตก่ ารกระจายรายไดไ้ มม่ คี วามเปน็ ธรรม นอกจากนผ้ี ลจากการ พัฒนาเมืองหลักท�ำให้ท่ีดินมีราคาสูงข้ึนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกษตรกรท่ีมีฐานะ ยากจนขายทด่ี นิ ทอี่ ดุ มสมบรู ณใ์ หแ้ กน่ ายทนุ ละทงิ้ อาชพี การเกษตรไปเปน็ กรรมกร ขายแรงงานในภาคอุตสาหกรรมในเมืองใหญ่ จากการศึกษาของมณีมัย ทองอยู่ (2546) เรอ่ื งการเปลย่ี นแปลงเศรษฐกจิ ชาวนาอสี าน : กรณชี าวนาลมุ่ นำ�้ พอง จงั หวดั ขอนแกน่ พบวา่ พฒั นาการของเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ มทง้ั ในระดบั ประเทศและระดบั โลกทำ� ให้ภาคเกษตรอ่อนแอ เกดิ การอพยพแรงงานจากภาคเกษตร เข้าสู่แรงงาน ภาคอตุ สาหกรรม ซง่ึ กส็ อดคลอ้ งกบั ผลงานวจิ ยั ของอนงนชุ เทยี นทองและประภสั สร เตชะประเสริฐวทิ ยา (2542) เร่อื งการเปล่ยี นแปลงเศรษฐกิจและสงั คมการถอื ครอง ที่ดิน : กรณีศึกษาบ้านกุดกว้าง จังหวัดขอนแก่น พบว่าวิถีชีวิตชุมชนในระยะ แรกมีระบบเศรษฐกิจเป็นแบบยังชีพ ต่อมามีความเจริญอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิด การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคม กลายเป็นระบบเศรษฐกิจแบบการค้า มากข้ึนและมีความเป็นอยู่ท่ซี ับซ้อนมากขึ้น เป็นต้น จากการศึกษาวิจัยพบว่ามีปัจจัย 2 ประการท่ีมีส่วนส�ำคัญในการ ผลกั ดนั โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ของชมุ ชนอสี านเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ ปจั จยั แรกคือปัจจัยภายใน คืออัตราการเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วของชาวอีสาน ส่วน ปจั จยั ประการตอ่ มาคอื ปจั จยั ภายนอกซง่ึ เปน็ ผลมาจากการประกาศใชแ้ ผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตขิ องรัฐบาลนนั่ เอง

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 197 ผลกระทบทางเศรษฐกจิ ของชมุ ชนภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ มีผลงานวิจัยจ�ำนวน 13 เร่ือง มีเนื้อหาโดยสรุปได้ว่า ผลจากการพัฒนา เศรษฐกจิ มผี ลกระทบตอ่ วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชนภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทง้ั ในดา้ นบวก และด้านลบและเม่ือเปรียบเทียบผลกระทบท้ังสองด้านแล้วจะเห็นว่าแม้ประชาชน ชาวอีสานจะมีรายได้เพม่ิ ขึ้น ทำ� ให้คณุ ภาพชวี ติ ดีขน้ึ ก็ตาม แต่มผี ลกระทบในด้าน ทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาส่ิงแวดล้อม ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาทางสังคม อ่ืนๆ ตามมามากมาย ซ่ึงนับวันแต่จะทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายท้ังท่ี เป็นเม็ดเงินและทุนด้านอ่ืนๆ ที่ภาครัฐต้องน�ำไปใช้เยียวยาแก้ปัญหาต่างๆ ท่ีเกิด ข้ึน ดูจะไม่คุ้มกับการสูญเสียดังกล่าว ดังจะเห็นได้จากผลงานวิจัยของวราภรณ์ นวลเพ็ญ (2539) เรืองการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวบ้านเขือง จงั หวดั รอ้ ยเอด็ พบวา่ ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ มสง่ ผลใหร้ ายจา่ ย ในครวั เรอื นมากขนึ้ มกี ารกยู้ มื และการมหี นสี้ นิ เพอื่ นำ� ไปประกอบอาชพี เสรมิ มกี าร สะสมเครอื่ งอำ� นวยความสะดวกมากขึ้น และจากผลการวิจยั ของสุวิทย์ ธีรศาศวัต และชอบดี สวนโคก (2536) เรอ่ื งการเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม ของหมู่บ้านอีสานเหนือและอีสานกลางก่อนและหลังมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สงั คมแหง่ ชาติ พบวา่ ประชาชนชาวอสี านทงั้ อสี านเหนอื และอสี านกลางมกี ารอพยพ จากบริเวณทีม่ ีประชากรหนาแน่นไปตง้ั ถ่ินฐานในพน้ื ทที่ ีม่ คี วามอุดมสมบูรณ์ และ เกษตรกรต้องพึ่งพานายทุนและรฐั บาลมากข้นึ เป็นต้น ยุทธศาสตร์เพอ่ื การอยู่รอดของชุมชนภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ มีผลงานวิจัยจ�ำนวน 38 เรื่องที่เป็นงานวิจัยที่เสนอยุทธศาสตร์เพื่อการ อยู่รอดของชุมชนภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ เช่น ผลการวิจัยของสมคิด พรมจุ้ย (2546) เร่ืองเศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านอีสานใต้ : ความอยู่รอดของชุมชนท่ามกลาง กระแสความเปล่ียนแปลง พบว่ากลุ่มชาติพันธุ์ท่ีอยู่ในพื้นที่อีสานใต้ประกอบด้วย กยู เขมร ลาวและไทยโคราช มอี าชพี หลกั คอื การทำ� นาวธิ ีการผลติ ค่อยๆ เปล่ียน ไปตามกระแสโลกภายนอก ท�ำให้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจชุมชนจากการ

198 โสวัฒนธรรม ผลิตเพื่อการยังชีพ เป็นการผลิตเพ่ือการค้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากการศึกษา การ เพ่ิมประชากรและอ�ำนาจรัฐ พรเพ็ญ ทับเปลี่ยน (2541) วิจัยเรื่องการวิเคราะห์ ความอยู่รอดของชุมชนในระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้า พบว่าชุมชนจะอยู่รอดได้ ในระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้าก็ต่อเม่ือชุมชนสามารถที่จะเปล่ียนแปลงโครงสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างระบบเศรษฐกิจชุมชนกับระบบเศรษฐกิจท่ีเหนือกว่าให้เป็น ความสัมพันธ์แบบสมดุล จะท�ำให้ชุชนมีอ�ำนาจในการต่อรองทางเศรษฐกิจและ ลดความเสียเปรียบจากกระบวนการทางเศรษฐกิจได้ กรรณกิ าร์ ศรีฉลวย (2536) วิจัยเร่ืองหมอนขิดที่บ้านศรีฐาน จังหวัดยโสธร ที่เสนอให้มีการพัฒนารูปแบบ ของหมอนขิดให้มีความหลากหลาย เหมาะสมกับการใช้งานและสอดคล้องกับ ความต้องการของสังคมปัจจุบัน ผลงานวิจัยของสุกัญญา เอมอ่ิมธรรม (2546) เร่ืองการประกอบธุกิจชุมชนเพ่ือการพัฒนาอาชีพ จังหวัดขอนแก่น ได้เสนอให้มี กลุ่มหรือองค์กรชุมชนร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กใช้ต้นทุนตำ�่ การบริหารเป็น ไปอย่างใกล้ชิดซึ่งก็สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สุปราณี ลักษณะศิโย (2540) ได้ท�ำการวิจัยเรื่องกระบวนการ ประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าสตรีในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม พบว่า ผู้ประกอบอาชีพสามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้ ส่วนผลกระทบทางด้านสังคมพบ ว่าท�ำให้ครอบครัวอบอุ่นเพราะไม่ต้องออกไปท�ำงานนอกบ้าน สุพจน์ หารพรม (2540) วิจัยเรื่องศักยภาพเชิงเศรษฐกิจของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผลิตสมุนไพรผง บ้านห้วยซ้อซับสมบูรณ์ จังหวัดขอนแก่น พบว่าการแปรรูปสมุนไพรผง สามารถ พฒั นาได้ทง้ั ในด้านปริมาณและคณุ ภาพ ก่อให้เกิดรายได้เพ่มิ ขึ้นมาก เป็นต้น ซ่งึ ผลงานวจิ ยั ต่างๆ เหล่านนั้ มเี น้อื หาโดยสรุปได้ว่า การแทรกตัวของระบบทนุ นิยม เข้าส่เู ศรษฐกจิ แบบพง่ึ ตนเองของชาวนา ทำ� ให้ชาวนาตอ้ งเผชญิ ความเสยี่ งเพมิ่ ขนึ้ ดังน้ันยุทธศาสตร์ท่ีส�ำคัญที่จะรักษาชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ อยู่รอดมีดังนคี้ อื 1) น�ำกระบวนการผลิตเพ่ือการบรโิ ภคภายในครอบครัวมาใช้ควบคู่ไปกับ กระบวนการผลติ เพอ่ื การค้า

งานวิจัยวัฒนธรรมภาคอีสาน 199 2) น�ำเอาภูมิปัญญาไทยท่ีสมาชกิ ในชุมชนได้รับการถ่ายทอดจากบรรพชน มาพฒั นากระบวนการผลติ ใหก้ ลายเปน็ สนิ คา้ ทม่ี คี ณุ ภาพสง่ ออกสตู่ ลาดสากล จะ ทำ� ให้ชมุ ชนมรี ายได้เพิ่มขน้ึ และส่งผลให้มีคณุ ภาพชีวิตดีขนึ้ ตามมา 3) นำ� เอาวัฒนธรรมซึ่งเป็นจุดแข็งของชุมชนอีสานมาปรบั เปล่ยี นเป็นสินค้า ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมเป็นสินค้าประเภทเดียวที่ไม่มีคู่แข่งเป็นสินค้าท่ี ไม่ทำ� ลายทรัพยากรธรรมชาติและเป็นสนิ ค้าท่ีขายไม่มวี ันหมด การศึกษาวิจัยด้านการเกษตรของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือในช่วง 10 ปี ทผ่ี า่ นมา (2535 -2545) มจี �ำนวน 18 เรอื่ ง เนอื้ หาโดยรวมเปน็ การกลา่ วถงึ สภาพวถิ ี ชีวิต คณุ ภาพชวี ิต ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาของกลุ่มเกษตรกรภาคตะวัน ออกเฉยี งเหนือ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยท�ำนาเป็นหลักแต่มีพ้ืนท่ีในการ ถอื ครองน้อย ผลผลติ ทไ่ี ดจ้ งึ ไมพ่ อเลย้ี งครอบครวั รวมทง้ั ผลผลติ กข็ ายไดไ้ ม่คมุ้ กบั ราคาต้นทุน ดังนนั้ ประชาชนจึงตกอยู่ในภาวะยากจน มีหนี้สินล้นพ้นตัว จนต้อง ทงิ้ อาชพี ภาคการเกษตรไปขายแรงงานในภาคอตุ สาหกรรมและงานบรกิ ารในทส่ี ดุ แม้ว่ารัฐพยายามส่งเสริมความรู้และจัดพัฒนาอาชีพเสริมให้จัดหาเมล็ด พันธุ์พืชที่มีคุณภาพดี ตลอดจนน�ำเอาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้เพื่อ ทุ่นแรงและเพ่ิมผลผลิต ก็ไม่ประสบผลส�ำเร็จเท่าท่ีควร ทั้งนี้เพราะเกษตรกรยัง ขาดความรู้ ความเข้าใจในการประกอบอาชีพใหม่ ประกอบกับมีงบประมาณ ไม่เพียงพอในการมาลงทุนอาชีพใหม่ เกษตรกรขาดการรวมกลุ่มกันจึงขาด อ�ำนาจในการต่อรองกับกลุ่มพ่อค้านายทุน จากข้อมูลดังกล่าวเหล่านี้ ล้วนแต่ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จาก ผลงานวิจัยหลายช้ิน เช่น ผลงานวิจัยของจารุวรรณ ธรรมวัตร (2543) เร่ือง ความสัมพันธ์ระหว่างวิถีชีวิตและวิธีคิดต่อวิถีการผลิตแบบพอเพียงของคนอีสาน จีระ ศรเสนา (2541) การพัฒนาอาชีพเสริมของกลุ่มเกษตรกรท�ำนาโคกส�ำราญ จังหวัดขอนแก่น พบว่าสภาพด้านการประกอบอาชีพของกลุ่มเกษตรกรยัง ขาดความรู้ความเข้าใจในการประกอบอาชีพ ทุนไม่เพียงพอ ขาดการรวมกลุ่ม ไม่สามารถจ�ำหน่ายผลผลิตได้ ฤทธ์ิชัย ภูตะวันและคณะ (2546) วิจัยเรื่องชะตา