Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการสอนวิชาบัญชีสินค้าและใบสำคัญ 1-2564

สื่อการสอนวิชาบัญชีสินค้าและใบสำคัญ 1-2564

Published by kruyim0806785025, 2021-05-03 03:44:50

Description: สื่อการสอนวิชาบัญชีสินค้าและใบสำคัญ 1-2564

Search

Read the Text Version

สื่อการสอน วิชาบัญชสี นิ ค้าและระบบใบสาคญั จดั ทาโดย นางสาวธนญั ภรณ์ ธรรมใจ ตาแหนง่ ครูผ้ชู ่วย สังกดั สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ

หนว่ ยที่ 1 ความรู้เก่ยี วกับสนิ คา้

สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของสนิ คา้ 2. ประเภทของสนิ ค้า 3. เอกสารท่ีใชเ้ ก่ยี วกับสินคา้ 4. ความสาคัญของสนิ ค้าคงเหลือ 5. การแสดงรายการสนิ ค้าคงเหลือในงบการเงนิ

ความหมายของสนิ คา้ สินคา้ (Goods หรือ Merchandise) หมายถึง สิง่ ของซึ่งธรุ กิจมไี วเ้ พ่ือขายตามลักษณะการประกอบธรุ กิจ ปกติ หรืออยใู่ นระหวา่ งกระบวนการผลติ เพ่อื ให้เปน็ สินค้าสาเร็จรปู เพอ่ื ขาย หรือมไี ว้เพอื่ ใช้ในการผลิตสินค้า หรือ การใหบ้ ริการ สินค้าในทางบัญชีหมายถึงสินค้าคงเหลือ (Inventory) ความหมายตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 (ปรับปรุง 2561) เร่อื ง สนิ คา้ คงเหลือ ของสภาวิชาชพี บญั ชใี นพระบรมราชูปถมั ภ์ มีดังน้ี สินค้าคงเหลือ หมายถงึ สนิ ทรพั ย์ซ่ึงมีลักษณะใดลักษณะหน่งึ ดังตอ่ ไปน้ี 1) ถอื ไวเ้ พอ่ื ขายตามลกั ษณะการประกอบธรุ กิจตามปกติของกิจการ 2) อยู่ในระหวา่ งกระบวนการผลิตเพอ่ื ใหเ้ ปน็ สนิ ค้าสาเรจ็ รปู เพ่ือขาย หรอื 3) อยใู่ นรปู ของวัตถดุ ิบหรือวสั ดทุ ่ีมไี ว้เพอื่ ใชใ้ นกระบวนการผลติ สินค้าหรือให้บรกิ าร

ประเภทของสนิ คา้ สินค้า หรอื สนิ ค้าคงเหลือ ในทางบัญชีจาแนกตามลกั ษณะของธุรกิจ ดงั น้ี 1. กจิ การซอ้ื ขายสินค้า (Merchandising Business) สินค้าคงเหลอื ประกอบด้วยสนิ คา้ ทซี่ ื้อและถือไวเ้ พื่อ ขาย เช่น สินคา้ ท่ีผู้ขายปลีกซ้อื ไว้เพ่ือขาย (สนิ คา้ สาเร็จรปู ) หรือท่ดี ินและสนิ ทรพั ยอ์ นื่ ๆ ทซี่ ื้อไว้เพอ่ื ขาย 2. กิจการอุตสาหกรรมหรือกจิ การผลติ (Manufacturing Business) สินคา้ คงเหลือมี 4 ประเภท คอื 2.1 สินคา้ สาเร็จรปู (Finished Goods) หมายถึง สินคา้ ที่นาวตั ถดุ ิบไปแปรรูปโดยนาเข้าสกู่ ระบวนการ ผลิตจนเป็นสินคา้ สาเรจ็ รปู พรอ้ มทีจ่ ะขายได้ เช่น รองเทา้ กระเป๋า อปุ กรณส์ านกั งาน เส้อื ผ้า รถยนต์ ฯลฯ 2.2 งานระหวา่ งทา (Work in Process) หรอื สนิ ค้าระหวา่ งผลิต (Goods in Process) หมายถึง สินค้า ทนี่ า วัตถุดบิ ไปแปรรปู โดยนา เขา้ สูก่ ระบวนการผลติ แลว้ แตย่ งั ผลติ ไมเ่ สร็จ ไมส่ ามารถนาไปขายได้ จึงเป็นสนิ คา้ ทอี่ ย่ใู นระหวา่ งทาหรือระหว่างผลิต แต่ถอื เป็นสนิ ค้าอย่างหนงึ่ เพราะเข้าสูก่ ระบวนการผลติ แลว้ จะคดิ ราคาตน้ ทุน ของงานระหว่างทา ตามหลกั การบัญชีตน้ ทนุ เชน่ รถยนต์ทยี่ งั ไม่ไดใ้ ส่ลอ้ ตู้เย็นท่ียงั ไมไ่ ดต้ ดิ มอเตอร์ เสื้อท่ยี ังไมไ่ ด้ ติดกระดุม ฯลฯ

2.3 วตั ถดุ ิบ (Raw Materials) หมายถึง สงิ่ ของทกี่ ิจการนามาใช้ในการประกอบธรุ กิจการผลติ โดยตรง เพือ่ ให้เป็นสนิ คา้ สาเร็จรูป ซง่ึ สินค้าของกจิ การหนงึ่ อาจจะเปน็ วัตถุดบิ ของกจิ การอกี แห่งหนึ่ง เพราะการผลติ จานวนมากต้องแบ่งงานกันทา ไม่ไดท้ าเองท้งั หมด การแบ่งงานกนั ทาทาใหเ้ กิดความชานาญในการผลติ สนิ ค้า นัน้ ๆ ตัวอย่าง เชน่ ฝา้ ย เปน็ วัตถดุ ิบของกจิ การทาดา้ ย ดา้ ย เปน็ วัตถุดิบของกิจการทอผา้ ผ้า เปน็ วตั ถุดบิ ของกจิ การตดั เยบ็ เสือ้ ผ้า กจิ การทผ่ี ลิตสนิ คา้ เองท้ังหมดทกุ ขนั้ ตอนเรมิ่ ต้ังแตผ่ ลติ วตั ถุดิบเอง เรียกว่า กิจการครบวงจร 2.4 วัสดุโรงงาน (Factory Supplies) หรือวสั ดสุ น้ิ เปลือง (Supplies) หมายถึง สง่ิ ของท่นี ามาใช้ ประกอบการผลิตซึง่ ไมใ่ ช่วัตถุดิบหลกั จึงเป็นสว่ นประกอบย่อยในการผลติ ซึ่งจะสนิ้ เปลืองหมดไปหากยงั ไม่ไดใ้ ช้ ให้ถอื ว่าเป็นสินค้าคงเหลือ ส่วนท่ีใชไ้ ปถอื เปน็ ค่าใชจ้ ่าย จะบนั ทึกในบญั ชวี ัสดุโรงงานใช้ไปหรอื วัสดสุ ้ินเปลอื งใชไ้ ป เชน่ กระดุม ด้าย ซปิ นอต ตะปู ฯลฯ 3. กจิ การบริการ สนิ คา้ คงเหลอื ประกอบด้วย ต้นทนุ งานให้บรกิ าร (ประกอบด้วยค่าแรงงานและคา่ ใชจ้ ่ายอ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การให้บริการ) ในสว่ นท่ีสัมพันธก์ บั รายไดท้ ย่ี งั ไมร่ บั รขู้ องกจิ การที่ใหบ้ รกิ าร

เอกสารทีใ่ ช้เกี่ยวกับสินค้า กิจการซ้อื ขายสนิ คา้ และกจิ การทีผ่ ลติ สนิ ค้า จะตอ้ งมีการส่งั ซ้ือสนิ คา้ หรือวตั ถดุ บิ เข้ามาจนกระทั่งขายหรอื ผลิตเสร็จแลว้ นาออกขายจงึ ต้องมีเอกสารท่ีใชเ้ ก่ียวกับสนิ คา้ หลายชนิด ดงั นี้ 1. ใบขอซ้ือหรอื ใบขออนมุ ัติซ้ือ (Purchase requisition) จะใชใ้ นกรณสี นิ ค้าถกู เบกิ ไปถึงจานวนต่าสดุ แลว้ ผตู้ ้องการใชส้ ินค้าหรือวัตถุดิบก็จะเปน็ ผขู้ อซอ้ื โดยแนบใบขอซ้อื หรอื ใบขออนมุ ัติจัดซอ้ื โดยระบุประเภท ชนิด ปรมิ าณของสินค้า เม่ือได้รับอนมุ ตั แิ ลว้ จึงส่งให้แผนกจัดซอ้ื 2. ใบสั่งซอื้ (Purchase Order) จัดทาเม่ือใบขออนุมัตจิ ัดซื้อได้รับอนุมตั ใิ ห้จัดซ้ือได้ แผนกจดั ซอื้ ก็จะทา ใบสงั่ ซ้ือเพื่อสั่งซอ้ื สินคา้ หรือวัตถดุ บิ 3. ใบรับของ (Receiving Report) แผนกคลงั สนิ คา้ หรอื แผนกรบั ของจะออกใบรับของเพื่อตรวจสอบกับ ใบสง่ ของทผ่ี ขู้ ายนาส่งมาพรอ้ มกบั สินคา้

4. ใบส่งของ/ใบกากับสินค้า/ใบกากับภาษี (Delivery Order/Invoice/Tax Invoice) เป็นเอกสารท่ีผู้ขายจัดทาข้ึนเมื่อมีการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ ต้นฉบับส่งให้กับผู้ ซ้ือพร้อมสินค้า เพื่อให้ผู้ซ้ือใช้ตรวจสอบกับสินค้าที่ได้รับว่าตรงกันหรือไม่ ผู้ขายจะเก็บ สาเนาไวเ้ ป็นหลกั ฐานในการบันทึกบญั ชี 5. ใบส่งคืนสินค้าหรือใบขอลดหน้ี (Debit Noteหรือ Debit Memorandum) เป็นเอกสารท่ีผู้ซ้ือสินค้าจัดทาข้ึนเพื่อส่งไปให้ผู้ขายสาหรับขอลดหน้ีค่าสินค้าและ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากสินค้าชารุดหรือเส่ือมคุณภาพฯ ควรจัดทาอย่างน้อย 2 ฉบับ ต้นฉบับส่งไปให้ผู้ขายพร้อมกับสินค้าท่ีส่งคืนสาเนาเก็บไว้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี และหกั เงนิ ที่ต้องชาระตามใบกากับสินค้า

6. ใบรับคนื สนิ ค้าหรอื ใบหักหนห้ี รือใบลดหนี้ (Credit Note หรือ Credit Memorandum) เม่ือ ผู้ขายไดร้ บั สนิ คา้ คนื จากผซู้ ือ้ เนือ่ งจากสินคา้ ชารุดหรือเสอื่ มคุณภาพฯ ผู้ขายจะออกใบรับคืนสินคา้ หรือใบหัก หนแี้ ลว้ ส่งไปให้ผู้ซื้อ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ผู้ขายได้บันทึกการลดหนี้ค่าสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่มต้นฉบับส่งไป ใหก้ บั ผู้ซือ้ สาเนาเกบ็ ไวเ้ ปน็ หลักฐานการบันทกึ บญั ชีในการลดหน้ี และหักเงินท่จี ะไดร้ บั ชาระหนตี้ ามใบกากบั สินคา้ 7. ใบเพม่ิ หน้ี ในบางครัง้ ผ้ขู ายสนิ ค้าอาจจะคิดราคาสินคา้ ต่ากว่าราคาจริง หรือมีการเพ่ิมราคาสินค้า ผู้ขายจะจัดทาใบเพ่ิมหน้ีส่งไปให้ผู้ซื้อ เพ่ือแจ้งการเพิ่มหนี้ค่าสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่มต้นฉบับส่งไปให้ผู้ซื้อ สาเนาเกบ็ ไวเ้ ป็นหลักฐาน การบันทึกบัญชใี นการเพ่ิมหนแ้ี ละเพ่ิมเงินท่จี ะรับชาระหนต้ี ามใบกากับสนิ ค้า

ความสาคญั ของสนิ ค้าคงเหลอื สนิ คา้ หรือสนิ ค้าคงเหลือมคี วามสาคญั ตอ่ กิจการคา้ มาก เพราะเปน็ สินทรพั ยห์ มุนเวยี นทมี่ ีมูลคา่ เปน็ เงินที่ สามารถนาไปเปล่ยี นสภาพเปน็ เงนิ สดไดเ้ รว็ โดยการขาย รองจากเงนิ สดและเงนิ ฝากธนาคารหากสนิ ค้าขาดมอื อาจ ทาใหก้ ิจการหยุดชะงกั สญู เสยี รายได้ สินคา้ จะมกี ารหมนุ เวยี นโดยการซ้อื มาและขายไป ในวนั สิ้นงวดจะมีการ ตรวจนับและคานวณตน้ ทุนสนิ คา้ คงเหลอื แผนกบญั ชกี ็จะ บันทกึ ราคาทุนของสินค้าทีซ่ ้อื มาและราคาทุนของ สนิ คา้ ทขี่ ายไป หากมขี อ้ ผดิ พลาดจะกระทบตอ่ งบแสดงผลการดาเนนิ งานและงบแสดงฐานะการเงินของกจิ การ น่นั คอื ทาให้ตน้ ทนุ ขาย กาไรขาดทนุ และงบแสดงฐานะการเงนิ ผดิ พลาดซง่ึ มีผลกระทบดังน้ี 1. สินคา้ คงเหลอื ปลายงวดสงู ไป ตน้ ทุนขายต่า กาไรสุทธสิ ูงไป 2. สินค้าคงเหลอื ปลายงวดต่าไป ต้นทุนขายสงู กาไรสุทธิต่าไป 3. สนิ ค้าคงเหลือตน้ งวดสูงไป ตน้ ทุนขายตา่ กาไรสุทธิสงู ไป 4. สินคา้ คงเหลือตน้ งวดตา่ ไป ตน้ ทนุ ขายสงู กาไรสุทธติ ่าไป

ตัวอย่างท่ี 1 รา้ นมดี ี มีสินคา้ คงเหลอื ต้นงวด 15,000 บาท ระหว่างปีซอ้ื สินคา้ 122,000 บาท สง่ คนื สนิ คา้ 4,500 บาท ยอดขายสนิ ค้าทงั้ สิ้น 300,000 บาท รับคืนสนิ คา้ 6,400 บาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 85,000 บาท ส้ินงวดมีสินค้าคงเหลือ 17,000 บาท แต่ ตรวจนับและคานวณต้นทุนสูงไป 3,000 บาท ทาให้สินค้าคงเหลือปลายงวดมี ราคา 20,000 บาท ให้ทา 1. แสดงผลของการคานวณตน้ ทุนสนิ ค้าคงเหลือผดิ พลาดท่ีมผี ลกระทบต่องบกาไรขาดทุน 2. สรุปผลกระทบของการคานวณตน้ ทนุ สนิ ค้าคงเหลอื

สรปุ ผลกระทบต่อการคานวณตน้ ทุนสนิ คา้ คงเหลอื ปลายงวดสงู ไป 3,000 บาท ทาใหม้ ีผลกระทบตอ่ งบกาไรขาดทนุ ดังนี้ - ตน้ ทุนขายตา่ กว่าความจริง 3,000 บาท (115,500 – 112,500) - กาไรสุทธิสูงกวา่ ความจรงิ 3,000 บาท (96,100 – 93,100)

ตัวอย่างที่ 2 ร้านกังหนั มยี อดขายสนิ คา้ ท้งั สน้ิ 185,000 บาท รบั คืนสินค้า 5,000 บาท สว่ นลดจ่าย 3,600 บาท สินค้าคงเหลือตน้ งวด 25,000 บาท ซือ้ สินคา้ 115,000 บาท คา่ ขนสง่ เขา้ 4,500 บาท ส่วนลดรับ 8,000 บาท คา่ ใชจ้ า่ ยท้ังสนิ้ 52,700 บาท (ประกอบด้วย ค่าใช้จา่ ยในการขาย 22,200 บาท คา่ ใช้จ่ายในการบรหิ าร 20,000 บาท และคา่ ใชจ้ า่ ย อื่น10,500 บาท) สนิ ค้าคงเหลือปลายงวดตรวจนบั และคานวณตน้ ทนุ ได้ 34,000 บาท ยงั ไมไ่ ด้รวมสินคา้ ที่สัง่ ซื้อใหมเ่ มื่อวันที่ 30 ธนั วาคม 25X1 ซึ่งไดบ้ นั ทึกบัญชแี ล้ว แต่ ผูต้ รวจนบั ยงั ไม่ไดต้ รวจนับสนิ คา้ ราคา 6,500 บาท ใหท้ า 1. แสดงผลของการคานวณตน้ ทุนสนิ ค้าคงเหลอื ผิดพลาดท่ีมผี ลกระทบต่องบกาไรขาดทนุ 2. สรุปผลกระทบของการคานวณตน้ ทนุ สนิ คา้ คงเหลอื

สรปุ ผลกระทบต่อการคานวณต้นทุนสนิ ค้าคงเหลอื ปลายงวดตา่ ไป 6,500 บาท ทาใหม้ ีผลกระทบตอ่ งบกาไรขาดทนุ ดังนี้ - ตน้ ทนุ ขายสูงกวา่ ความจริง 6,500 บาท (102,500 – 96,000) - กาไรสุทธติ า่ กวา่ ความจรงิ 6,500 บาท (27,700 – 21,200)

การแสดงรายการสินคา้ คงเหลือในงบการเงิน สนิ คา้ คงเหลือจะแสดงในงบการเงิน ดงั น้ี 1. งบกาไรขาดทุน สินค้าคงเหลือจะแสดงในต้นทุนขายโดยสินค้าคงเหลือต้นงวดจะแสดงเป็น รายการบวก (ส่วนที่ขายไปแล้ว) ส่วนสินค้าคงเหลือปลายงวด จะแสดงเป็นรายการหัก (ส่วนที่ เหลอื อยู่) โดยแสดงเปน็ งบประกอบตน้ ทนุ ขายดงั นี้

ตวั อย่างที่ 3 จากตวั อย่างที่ 2 จะแสดงงบกาไรขาดทนุ และหมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน ดงั น้ี งบกาไรขาดทนุ จาแนกค่าใช้จา่ ยตามหนา้ ท่ี : แบบขน้ั เดยี ว

งบกาไรขาดทนุ จาแนกค่าใชจ้ ่ายตามหนา้ ท่ี : แบบหลายข้นั



2. งบแสดงฐานะการเงิน สินค้าคงเหลือ (ปลายงวด) ในกิจการซื้อขายสินค้า จะแสดงในงบแสดงฐานะ การเงิน ในหัวข้อสินทรัพย์หมุนเวียนต่อจากบัญชีลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น ส่วนในกิจการอุตสาหกรรมจะ แสดงสินค้าคงเหลือ 4 รายการ คือ สินค้าสาเร็จรูป งานระหว่างทา (สินค้าระหว่างผลิต) วัตถุดิบและวัสดุ โรงงาน (วสั ดุสิ้นเปลอื ง) โดยจะแสดงเรยี งลาดบั ตงั้ แต่สนิ คา้ สาเร็จรปู จนถึงวัสดุโรงงาน ตวั อยา่ งที่ 4 งบแสดงฐานะการเงินของกจิ การซ้อื ขายสินค้า

ตวั อย่างท่ี 5 งบแสดงฐานะการเงนิ ของกจิ การอตุ สาหกรรม

หนว่ ยท่ี 2 ระบบการควบคุมสนิ คา้

สาระการเรยี นรู้ 1. การควบคุมสนิ คา้ 2. การควบคุมการดาเนินงาน 3. การควบคมุ ทางบญั ชี 4. การควบคุมค่าใช้จ่ายเก่ยี วกบั สนิ คา้ 5. การควบคุมปริมาณการสง่ั ซอื้ 6. การควบคุมปรมิ าณสินคา้ คงเหลือ 7. การใชร้ หัสแทง่

การควบคมุ สินคา้ การควบคมุ สนิ ค้า มคี วามสาคญั ต่อธรุ กิจเพ่อื ใหก้ ารดาเนนิ งานมปี ระสทิ ธิภาพ ธุรกจิ ต้องมีการ ควบคุมในเรือ่ งตอ่ ไปน้ี 1. การควบคุมการดาเนนิ งาน 2. การควบคุมทางบญั ชี 3. การควบคมุ คา่ ใช้จา่ ยเกี่ยวกบั สนิ คา้ 4. การควบคมุ ปรมิ าณการสงั่ ซอื้ 5. การควบคุมปรมิ าณสนิ คา้ คงเหลือ

การควบคมุ การดาเนินงาน การควบคมุ การดาเนินงาน (Operating Control) เปน็ การควบคมุ ภายในจะต้อง กาหนดวธิ ีควบคมุ ให้รดั กมุ ซง่ึ จะมกี ารควบคุมในเรื่องดังน้ี 1. การขออนมุ ัตซิ ื้อ 2. การสัง่ ซือ้ 3. การรับของ 4. การเก็บรักษา 5. การเบิกจา่ ย เพ่ือให้การควบคุมภายในรดั กุม งานทงั้ 5 ขัน้ ตอนข้างต้นจะตอ้ งแยกกนั โดย ปฏิบตั ิตามขั้นตอนตา่ งๆ ดงั น้ี

1. การขออนุมัติซื้อ แผนกท่ีต้องการใช้สินค้าหรือวัตถุดิบจะต้องดาเนินการขออนุมัติซ้ือโดยทาใบขออนุมัติซื้อ (Purchase Requisition) ขึน้ 3 ฉบับ ฉบับท่ี 1 สง่ ใหแ้ ผนกจัดซ้อื ดาเนนิ การขออนมุ ัติซอื้ ฉบบั ท่ี 2 สง่ ให้แผนกบญั ชี ฉบับที่ 3 แผนกขออนุมตั ซิ อื้ เกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ในกรณีที่เป็นสินค้าหรือวัตถุดิบที่ไม่เคยใช้มาก่อน จะต้องให้ระดับผู้บริหารซ่ึงเป็นผู้ส่ังให้ซ้ือสินค้านั้น ดาเนินการขออนุมัติซ้ือเองเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจะต้องกาหนดลักษณะของสินค้าจานวนและคุณภาพให้ ละเอยี ด เพื่อปอ้ งกนั การผิดพลาดในการจดั ซอ้ื ซึ่งใบอนมุ ัติซ้อื จะต้องทาขึน้ 3 ฉบับเช่นเดยี วกบั การขอซือ้ โดยปกติ

ตวั อย่างใบขออนมุ ัตซิ ้อื

2. การสงั่ ซอื้ เม่อื ได้รับอนมุ ัติใหจ้ ดั ซ้ือแลว้ แผนกจัดซอ้ื กด็ าเนนิ การจดั ซอ้ื ตามระเบียบการจัดซอ้ื ของบริษทั ซ่ึงก่อนจะส่งั ซ้อื จะมวี ธิ ีการคดั เลอื กผขู้ ายวธิ ตี า่ งๆ ดังนี้ 2.1 สอบถามราคาทางโทรศพั ท์ วธิ ีน้จี ะใช้ในกรณีที่ส่ังซอ้ื สนิ คา้ ราคาไม่สงู และจัดซือ้ เปน็ ประจา อาจจะสอบถามจากผ้ขู ายหลายๆ ราย แลว้ จดบนั ทึกไวเ้ พื่อตรวจสอบราคาในการสง่ั ซ้ือคราว ตอ่ ไป หรือตรวจสอบราคาทางอนิ เทอร์เน็ตได้ 2.2 ส่งจดหมายไปถงึ ผูข้ ายหลายๆ แห่ง เพือ่ ใหผ้ ู้ขายเสนอราคามายงั บริษัทเป็นลายลกั ษณ์ อักษร เพ่ือไดเ้ ปรียบเทยี บราคาและคณุ ภาพ แลว้ จึงส่งั ซ้อื จากผขู้ ายท่ีเสนอราคาต่าสดุ คณุ ภาพดีทสี่ ดุ และ ใหก้ ารรับประกันท่ีดที ่สี ดุ ซ่ึงปัจจบุ นั อาจจะสง่ E-mail สอบถามราคาจากผูข้ ายกไ็ ด้ 2.3 ยื่นซองประมลู ราคา ในกรณีที่จัดซ้ือสนิ คา้ จานวนและราคารวมในการซื้อสงู อาจจะใช้วิธี เปดิ ใหย้ ืน่ ซองประมลู ราคา โดยมีคณะกรรมการพิจารณาคัดเลอื กผู้ขายทเ่ี หมาะสม แต่จะตอ้ งใช้เวลามาก การย่ืนซองประมลู ราคาอาจจะยืน่ ซองทาง Internet กไ็ ด้ ซึ่งกาลงั เปน็ ท่ีนยิ มกัน ซงึ่ เรียกว่า E-Auction

2. การสัง่ ซ้ือ เมือ่ ไดร้ บั อนมุ ัตใิ หจ้ ดั ซ้ือแลว้ แผนกจัดซ้อื ก็ดาเนนิ การจัดซอ้ื ตามระเบียบการจัดซื้อ ของบรษิ ัท ซง่ึ ก่อนจะสง่ั ซอ้ื จะมวี ธิ ีการคดั เลอื กผู้ขายวิธีต่างๆ ดังน้ี 2.1 สอบถามราคาทางโทรศัพท์ วิธีน้ีจะใช้ในกรณีที่ส่ังซ้ือสินค้าราคาไม่สูงและจัดซื้อเป็น ประจา อาจจะสอบถามจากผู้ขายหลายๆ ราย แล้วจดบันทึกไว้เพ่ือตรวจสอบราคาในการส่ังซ้ือคราว ต่อไป หรอื ตรวจสอบราคาทางอินเทอรเ์ นต็ ได้ 2.2 ส่งจดหมายไปถึงผู้ขายหลายๆ แห่ง เพื่อให้ผู้ขายเสนอราคามายังบริษัทเป็นลายลักษณ์ อกั ษร เพอื่ ไดเ้ ปรียบเทียบราคาและคณุ ภาพ แลว้ จึงสงั่ ซือ้ จากผขู้ ายที่เสนอราคาตา่ สดุ คุณภาพดที สี่ ุดและ ให้การรับประกันทดี่ ีที่สุดซึง่ ปจั จบุ นั อาจจะสง่ E-mail สอบถามราคาจากผู้ขายกไ็ ด้ 2.3 ยน่ื ซองประมลู ราคา ในกรณีทจี่ ัดซ้อื สินคา้ จานวนและราคารวมในการซื้อสูง อาจจะใช้วิธี เปิดให้ยื่นซองประมูลราคา โดยมีคณะกรรมการพจิ ารณาคัดเลอื กผขู้ ายทีเ่ หมาะสม แตจ่ ะต้องใช้เวลามาก การย่นื ซองประมลู ราคาอาจจะยืน่ ซองทาง Internet ก็ได้ ซึ่งกาลงั เปน็ ทีน่ ิยมกัน ซง่ึ เรยี กวา่ E-Auction

เมือ่ ดาเนินการพจิ ารณาคัดเลอื กผขู้ ายแลว้ แผนกจัดซ้ือกจ็ ะทาใบสัง่ ซอ้ื (Purchase Order) อยา่ งน้อย 5 ฉบบั โดยสง่ ไปแผนกตา่ งๆ ดังนี้ ฉบบั ท่ี 1 สง่ ไปยงั ผขู้ าย ฉบับที่ 2 ส่งไปแผนกตรวจรับของ เพื่อตรวจสอบกับของทีไ่ ด้รบั และรายการในใบสง่ ของที่ได้รับจากผู้ขาย ฉบับที่ 3 ส่งไปยังแผนกท่ขี ออนุมตั ซิ อื้ เพอ่ื แจง้ ใหท้ ราบว่าได้ดาเนนิ การจดั ซอ้ื แล้ว ฉบับท่ี 4 สง่ ไปแผนกบญั ชีเจา้ หน้ี เพ่ือตรวจสอบกบั ใบสง่ ของ/ใบกากับสนิ ค้า ทีผ่ ูข้ ายส่งมาให้ ฉบับท่ี 5 แผนกจดั ซื้อเก็บไว้เป็นหลกั ฐาน



3. การรบั ของ เมอ่ื ไดร้ ับของตามท่สี ่งั ซ้ือแลว้ กเ็ ปน็ หนา้ ทีข่ องแผนกรับของ (Receiving Department) ทีจ่ ะตรวจรับท้ังปริมาณและคุณภาพว่าตรงกบั ทซ่ี ื้อหรือไม่ กจิ การบางแห่งจะตงั้ กรรมการชดุ หนึ่งขึน้ ทาหนา้ ท่ี เปน็ คณะกรรมการตรวจรบั ของ สาหรบั การซื้อแตล่ ะครง้ั จะเปลยี่ นคณะกรรมการอยู่เสมอ ถา้ เป็นสินค้า/วตั ถดุ ิบท่ี แผนกอ่ืนๆ เสนอซือ้ ควรจะมเี จ้าหนา้ ทจ่ี ากแผนกจดั ซอื้ มารว่ มเปน็ กรรมการตรวจรบั ของด้วย เม่ือถกู ต้องแล้วจะ ส่งตอ่ ไปยงั คลงั พัสดุเม่ือตรวจรบั ของแล้วจะตอ้ งระมดั ระวงั ใหด้ ี โดยมิใหผ้ หู้ นง่ึ ผูใ้ ดนาออกไปใช้ เพราะยังไมไ่ ด้มี การลงบญั ชีแตอ่ ย่างใด แต่ถา้ เป็นของท่ีมผี ูเ้ สนอซื้อเปน็ พเิ ศษก็จะสง่ ไปให้ผ้เู สนอซอ้ื โดยตรง วธิ ีการในการรบั ของ มีดังน้ี 3.1 นาใบสงั่ ซือ้ มาเปรยี บเทียบกบั ของทไ่ี ดร้ ับจริง วา่ เป็นชนิดเดียวกับท่สี ั่ง โดยทัว่ ๆ ไปแล้วในใบส่งั ซื้อ นจ้ี ะแสดงจานวนทส่ี ่ังซ้อื ไว้ด้วย ซึง่ จะทาใหพ้ นักงานรับของทราบไดว้ า่ ของทไ่ี ด้รบั มาน้ันตรงตามจานวนทส่ี ง่ั หรอื ไม่ ถา้ ขาดหรอื เกนิ ก็จะแจง้ ให้แผนกจัดซ้ือทราบ เพือ่ จะได้ตดิ ต่อกบั ผูข้ าย

บางกรณเี พื่อปอ้ งกันมิให้พนักงานรับของละเลยไมต่ รวจนบั ของทไี่ ด้รบั โดยทีใ่ บสั่งซื้อที่สง่ มายงั แผนกน้ีจะไมแ่ สดงจานวนหนว่ ย แผนกรบั ของจาเปน็ ตอ้ งบันทกึ จานวนท่ไี ดร้ ับโดยการตรวจนบั วิธนี ี้มี ขอ้ บกพร่องคอื ถา้ หากมีของขาดหรือเกินจะไมท่ ราบทนั ที แต่มขี อ้ ดี คอื ถ้าได้รบั ของเกนิ มากจ็ ะเปน็ การปอ้ งกันแผนกรับของ ไมใ่ ห้ ยกั ยอกเอาจานวนท่เี กนิ นนั้ ไปใชเ้ องและลงจานวนทีไ่ ด้รบั เพยี งเทา่ ท่ี สงั่ ซื้อ กรณีที่เปน็ การซือ้ ของทีแ่ ผนกหน่ึงแผนกใดต้องการใชเ้ ป็น พิเศษ ควรเชญิ เจา้ หน้าทใ่ี นแผนกน้นั มารว่ มในการตรวจ เพ่อื ใหแ้ นใ่ จ ว่าของทีไ่ ด้รับมคี ณุ ภาพตรงตามท่ตี อ้ งการ

เมอื่ แผนกรบั ของตรวจเรียบรอ้ ยแลว้ จะทาใบรับของ (Receiving Report) อย่างนอ้ ย 5 ฉบบั แล้วสง่ คนื พร้อม ทัง้ ใบรับของไปยังแผนกคลงั พัสดุ เพือ่ ให้แผนกคลงั พัสดุตรวจนับอีกครงั้ หนึ่งแลว้ เซ็นรับในใบรบั ของ ฉบับที่ 1 ส่งไปให้แผนกสัง่ ซอ้ื เพอื่ เปรียบเทยี บกบั ใบส่ังซอ้ื ฉบบั ท่ี 2 แผนกคลังพสั ดเุ ก็บไว้เป็นหลกั ฐานในการลงบัตรพสั ดุ ฉบบั ท่ี 3 สง่ ไปยงั แผนกบัญชีเจา้ หนีเ้ พอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ใบสงั่ ซือ้ และบิลเกบ็ เงินหรอื ใบกากบั สนิ คา้ ท่ผี ขู้ ายสง่ ให้ เมอื่ ถงึ กาหนดจ่ายเงิน ฉบับท่ี 4 สง่ ไปแผนกบัญชีพัสดุ ฉบับที่ 5 เกบ็ ไว้เองเปน็ หลักฐาน 3.2 เปรยี บเทยี บใบรับของกับใบสัง่ ซ้ือ เม่อื แผนกรบั ของไดร้ ับของแลว้ จะจดั ส่งใหแ้ ผนกจดั ซ้ือ ซง่ึ แผนกจดั ซื้อ จะนาใบรบั ของเปรยี บเทยี บกบั ใบส่ังซ้อื โดยตรวจสอบจานวนราคา คณุ ภาพเม่ือตรงกับใบสั่งซื้อแล้วกจ็ ะนาใบสง่ั ซอ้ื ที่ ไดร้ ับของแลว้ แยกอกี แฟ้มหนง่ึ แฟม้ ที่ยังไมไ่ ด้รับของก็จะต้องตดิ ตามทวงถามต่อไป

ตวั อยา่ งใบรบั ของ

4. การเกบ็ รกั ษา เปน็ หนา้ ท่ขี องแผนกคลงั สินค้า ซ่งึ จะตอ้ งรบั ผดิ ชอบให้ความสะดวกในการเบกิ จา่ ยและ ควบคมุ ดแู ลรกั ษาไมใ่ หส้ นิ คา้ เสยี หาย จะต้องมีผูร้ กั ษาคลังสนิ คา้ (Store Keeper) ทาหนา้ ท่รี ับผิดชอบดแู ลสินค้าทอี่ ยใู่ น คลังสินคา้ หรือโกดังเกบ็ สนิ คา้ ถา้ กจิ การขนาดใหญ่จะมผี อู้ านวยการคลงั สนิ ค้าเปน็ หวั หนา้ ของผ้รู บั สินคา้ ผู้รักษา คลังสินคา้ และพนกั งานบัญชีสนิ คา้ อีกข้นั หนงึ่ เพื่อควบคมุ สินค้าไว้ไม่ให้สญู หายหรือเสอื่ มคุณภาพจะต้องจัดเก็บใหเ้ รยี บรอ้ ย โดยทาชนั้ เกบ็ ของหรือแยกชนิด สนิ ค้า เพอื่ ประหยดั เวลาในการเบกิ จ่ายทาใหล้ ดตน้ ทุนการผลติ ได้ การเกบ็ รกั ษาท่ีดีนัน้ แผนกคลงั สินคา้ จะตอ้ งจดั ทาบัตรสนิ ค้าและรหัสสนิ ค้าขึน้ เพื่อสะดวกในการควบคุมสนิ คา้ 4.1 บตั รสินค้าหรอื บัตรประจาสินคา้ (Stock Card หรอื Bin Card หรือ BinTag) ใชบ้ ันทึกจานวนสินคา้ แต่ละชนิดวา่ รับมาเมอื่ ใด เท่าใด จ่ายไปเม่ือใด จานวนเทา่ ใด คงเหลือเท่าใด หากสินค้ามีจานวนน้อยถงึ จดุ ทีจ่ ะต้องสัง่ ซื้อ จะตอ้ งเสนอขออนมุ ัติซอื้ ตอ่ ไป บตั รสนิ ค้าที่จัดทาขนึ้ สาหรับสนิ ค้าแต่ละอย่าง อยา่ งละ 1 แผ่น จะตดิ หรอื แขวนไวใ้ นท่ี เก็บสินค้าน้ัน เพือ่ สะดวกในการตรวจสอบบัตรสนิ คา้ ควรมีขนาดกะทัดรดั ใช้กระดาษหนาเพอ่ื ความทนทาน จะไม่แสดง จานวนเงินจะแสดงเฉพาะจานวนสง่ิ ของเท่าน้ัน





4.2 รหัสสินค้า (Code) กิจการส่วนใหญ่จะสร้างรหัสสินค้า เพื่อการจัดหมวดหมู่ สนิ ค้าจะทาให้การควบคุมสินค้ารัดกุม มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน แผนกเก็บรักษาจะต้อง ทารหัสสินค้าข้ึนเพ่ือเป็นเคร่ืองช่วยในการทางาน ซึ่งการกาหนดเลขรหัสสินค้า จะทาให้ สินค้าถูกจาแนกไว้เป็นประเภทชนิด และถูกจัดไว้เป็นหมวดหมู่ ประโยชน์ของการจัดทา รหัสสนิ คา้ มดี งั น้ี - เพ่อื เป็นเครอื่ งมือในการจดั เกบ็ เอกสาร - เพ่อื ประหยัดเวลาและง่ายตอ่ การจดจา เพราะสนิ ค้าถกู จดั เปน็ หมวดหมู่ - เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการเบกิ จา่ ย - เพ่ือให้การควบคมุ และการเบิกจ่ายเป็นไปอย่างถูกต้องและมปี ระสิทธิภาพ - เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยในคลังสินค้า ซึ่งรหัส พสั ดุ/สนิ คา้ จะบอกสถานทเ่ี กบ็ พสั ดดุ ้วย

ประเภทของรหัสสินค้า มี 4 แบบ คือ 1. ตัวอกั ษร เช่น ก, ข, ค….. หรอื A, B, C….. (ให้ยกเวน้ I, O, Q…..เพราะ 3 ตัวน้คี ลา้ ยตวั เลข) 2. ตัวเลข เช่น 1, 2, 3….. 3. ตวั เลขและตัวอกั ษรผสมกนั เช่น A-1, A-2, A-3….. 4. สี เช่น แดง, ดา, ขาว…. ขนั้ ตอนในการสร้างรหัสสินค้า ขน้ั ท่ี 1 เขียนรายการของสนิ ค้าทงั้ หมดเรียงลาดับกนั ลงมา ขั้นที่ 2 แบ่งสนิ ค้าเป็นกล่มุ ใหญ่ ขั้นที่ 3 แบง่ กลมุ่ ใหญ่เป็นกลมุ่ ย่อย ขัน้ ที่ 4 จัดแบบรายละเอยี ดของสนิ ค้าแต่ละชนิด

ตัวอย่างการสร้างรหัส (แบบตวั อักษรและตวั เลขผสมกัน) 1. Main Group จดั หมวดหมู่สนิ ค้า เช่น เครื่องใช้สานักงาน A ตเู้ กบ็ เอกสาร B โตะ๊ ทางาน C เกา้ อีท้ างาน D ชั้นวางของ 2. Sub Group แบง่ ย่อยลงไปอีก เชน่ A-01 ตู้เก็บเอกสารแบบลนิ้ ชัก A-02 ตเู้ กบ็ เอกสารแบบ 2 บาน B-01 โต๊ะทางานไม้ B-02 โตะ๊ ทางานไฟเบอร์ 3. Kind of Inventory แบ่งตามชนดิ ของสนิ ค้า A-011 ต้เู กบ็ เอกสาร 4 ลิน้ ชกั A-012 ตเู้ กบ็ เอกสาร 6 ลน้ิ ชัก A-013 ตูเ้ ก็บเอกสาร 10 ลิ้นชกั A-014 ตเู้ กบ็ เอกสาร 12 ลนิ้ ชกั

4. Give Details แบง่ ย่อยตามรายละเอียดสินคา้ A-011.1 ต้เู กบ็ เอกสาร 4 ล้นิ ชัก ทาด้วยไม้ A-011.2 ตู้เกบ็ เอกสาร 4 ล้ินชกั ทาดว้ ยเหล็ก 5. Give Sub Details แบง่ ย่อยลงไปอีก A-011.11 ตู้เกบ็ เอกสาร 4 ล้ินชัก ทาดว้ ยไม้ บานกระจก A-011.12 ตเู้ กบ็ เอกสาร 4 ลิ้นชกั ทาด้วยไม้ บานไฟเบอร์ รหัสสินค้าจะต้องมีคู่มือ (Manual) เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีแผนกคลังสินค้าเก็บไว้เป็นคู่มือในการจัดหมวดหมู่ สนิ ค้าให้มีประสทิ ธิภาพ ทาให้การดูแลรกั ษาสินค้าเกดิ ผลดยี ง่ิ ข้ึน ปจั จบุ ันนิยมใชร้ หัสแท่ง (Bar Code) แทนรหัสสินค้าสาหรับกิจการขนาดใหญ่ เพราะเป็นมาตรฐานที่ใช้ กนั ทั่วโลก รหัสสินคา้ จงึ ยังใชก้ ันสาหรบั กิจการขนาดกลางและขนาดยอ่ มบางกจิ การ

5. การเบิกจ่าย เม่ือแผนกคลังสินค้ารับของเข้าโกดังเก็บสินค้า แลว้ การเบกิ จา่ ยสนิ ค้าจะต้องควบคุมให้รัดกุม โดยต้องมีใบเบิกของซ่ึง แผนกหรืองานใดตอ้ งการสนิ ค้า จะต้องทาใบเบิกของอย่างน้อย 4 ฉบับ และควรใช้กระดาษแยกเป็น 4 สี เพราะจะต้องส่งไปให้แผนกที่ เกี่ยวข้อง ดังนี้ ฉบบั ที่ 1 ส่งใหแ้ ผนกคลังสนิ ค้า เพื่อบันทึกในบัตรสนิ คา้ ฉบบั ที่ 2 ส่งใหแ้ ผนกบญั ชสี ินคา้ เพอ่ื บันทกึ ในทะเบยี นสินค้า ฉบับท่ี 3 แผนกคลังสินค้าคืนให้แผนกที่ขอเบิกหลังจากรับของ แลว้ ฉบบั ท่ี 4 แผนกท่ขี อเบกิ เกบ็ ไว้เปน็ หลักฐาน

ผู้ขอเบิกสนิ ค้าจะตอ้ งเขียน ชอ่ื ชนิดสนิ ค้า สิ่งของที่ตนตอ้ งการจะเบิก พร้อมด้วยจานวนหรือปริมาณ ใน ใบเบิกของจะมีช่อง รหัส เลขท่ี และราคาทุนของสินค้าที่เบิก แต่ส่วนมาก ผู้เบิกสินค้าจะไม่ทราบรหัส เลขท่ี และราคาทุนของสินค้าท่ีเบิก ฉะนั้นช่องดังกล่าวนี้ ผู้เบิกสินค้าจะเว้นช่องว่างไว้ไม่ต้องเขียน แล้วผู้เบิกเซ็นช่ือ ตรงชอ่ งผู้เบิกสินคา้ และเมื่อใบเบิกของได้รับการอนมุ ตั ใิ ห้เบกิ แลว้ ผู้เบิกจะเก็บสาเนาไว้ท่ีแผนก 1 ฉบับ ที่เหลือ 3 ฉบับ ผู้เบิกจะส่งมายังแผนกคลังสินค้า แผนกคลังสินค้ารับใบเบิกทั้ง 3 ฉบับมา เจ้าหน้าที่ทราบรหัสเลขที่ และราคาทุนของสนิ ค้าจะเปน็ ผกู้ รอกรหัส เลขทีแ่ ละราคาทนุ ของสินค้าท่เี บิกลงไปในช่องว่างที่เวน้ ไว้ เมื่อแผนก คลงั สนิ คา้ จา่ ยของตามใบเบิกของแล้วผู้จ่ายของจะลงช่ือในใบเบิกของและจ่ายสินค้าให้ผู้เบิกของจากน้ัน ก็จะ ลงช่ือและคืนใบเบิกให้ผู้เบิก 1 ฉบับ แผนกคลังสินค้าเก็บไว้เอง 1 ฉบับ เพื่อบันทึกในบัตรสินค้า (Bin Code) และอีก 1 ฉบับ สง่ ไปให้แผนกบัญชีสนิ ค้า ในกรณีท่ีสนิ คา้ เหลอื เกินตอ้ งการ จะตอ้ งนาสง่ โดยจัดทาใบคืนสินค้า หรือใบคืนของเข้าคลังสินค้าโดยทา 4 ฉบับ เชน่ เดยี วกับการเบกิ ของ



การควบคมุ ทางบัญชี การควบคุมสินค้านอกจากจะควบคุมการดาเนินงาน ต้ังแต่การขออนุมัติซื้อจนถึงการ เบิกจ่ายแล้วต้องควบคุมทางบัญชี โดยจัดทาบัญชีสินค้า ซึ่งเป็นบัญชีอีกชุดหน่ึงแยกจากบัญชี การเงินเพ่ือเป็นเคร่ืองมือควบคุมสินค้าเพราะบันทึกจานวนสิ่งของ แต่บัญชีการเงินจะไม่มี จานวนสนิ ค้า บัญชีสินค้าประกอบดว้ ย 1. ทะเบยี นรับสินค้า 2. ทะเบียนจา่ ยสนิ ค้า 3. บัญชแี ยกประเภทสนิ คา้ 4. ทะเบียนสินคา้ กิจการบางแหง่ อาจจะไม่มีทะเบยี นรบั สินค้า ทะเบียนจ่ายสินค้า ทะเบียนใช้บัญชีชนิดเดียว คือ บญั ชแี ยกประเภทสินค้าและทะเบยี นสนิ ค้า

1. ทะเบียนรับสินค้า ทะเบียนรับสินค้าใช้สาหรับลงรายการรับสินค้า การลงรายการในทะเบียนให้เรียง ตามลาดับวันท่ีเหมอื นสมดุ รายวัน แล้วผา่ นไปบัญชแี ยกประเภทสนิ ค้าแต่ละชนดิ หลกั ฐานที่จะนามาลงทะเบยี นรับ สินค้าคือ ใบรับของและใบคืนของ เมื่อสิ้นเดือนจะต้องรวมยอดสินค้ารับ เพื่อนายอดรวมไปตรวจสอบความ ถูกตอ้ งกบั บัญชกี ารเงิน ตัวอย่างทะเบียนรบั สินค้า

2. ทะเบยี นจา่ ยสนิ คา้ ใชส้ าหรับลงรายการจา่ ยสนิ ค้า การลงรายการให้เรยี งตามลาดบั วนั ทีเ่ หมือนสมุด รายวนั แล้วผา่ นไปบัญชีแยกประเภทสินค้าแตล่ ะชนดิ เมื่อมผี เู้ บกิ สินคา้ ผู้จา่ ยสนิ คา้ จะจา่ ยสนิ คา้ ตามลาดบั เข้า ก่อนออกก่อน หรอื วิธีอ่นื แลว้ แตน่ โยบายของกจิ การ หลกั ฐานทีจ่ ะนามาลงทะเบียนจา่ ยสินคา้ คือ ใบเบิกของ หรอื ใบส่งของคนื เมอ่ื สนิ้ เดือนจะตอ้ งรวมยอดสนิ คา้ จา่ ย เพือ่ นายอดรวมไปตรวจสอบความถกู ต้อง

ตวั อยา่ งท่ี 1 รา้ นน้าหวาน มรี ายการสนิ คา้ คงเหลอื เมื่อวนั ท่ี 31 ธนั วาคม 25X1 ดงั น้ี

ต่อไปนเี้ ปน็ การรบั -จ่ายสนิ คา้ ในระหว่างเดอื นมกราคม 25X2 ดงั นี้ ใบเบิกที่ 31 25X2 ใบรบั ท่ี 20 ม.ค. 1 ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง เครื่องละ 55,000 บาท ใบเบิกที่ 32 ใบรบั ที่ 21 4 ซื้อเครอ่ื งถ่ายเอกสาร 3 เครอ่ื ง เครือ่ งละ 43,000 บาท ใบเบิกที่ 33 8 ขายเคร่ืองโทรสาร 5 เครื่อง เครื่องละ 35,000 บาท ใบรบั ที่ 22 12 ซอื้ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง เครื่องละ 32,000 บาท ใบเบกิ ที่ 34 15 ขายเคร่อื งถา่ ยเอกสาร 5 เครือ่ ง เครอ่ื งละ 60,000 บาท ใบเบกิ ที่ 35 20 ซ้ือเครอ่ื งโทรสาร 6 เครื่อง เครือ่ งละ 26,000 บาท ใบรับท่ี 23 23 ขายเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 3 เคร่ือง เครอ่ื งละ 47,000 บาท ใบเบิกที่ 36 25 ขายเคร่ืองโทรสาร 3 เครื่อง เครื่องละ 36,000 บาท ใบเบิกที่ 37 28 ซือ้ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 3 เครือ่ ง เครือ่ งละ 37,000 บาท 30 ขายเครื่องถ่ายเอกสาร 2 เครอ่ื ง เครื่องละ 63,000 บาท 31 ขายเครือ่ งโทรสาร 2 เคร่อื ง เคร่อื งละ 34,000 บาท

ใหท้ า 1. ทะเบยี นรับสินค้า 2. ทะเบยี นจา่ ยสนิ คา้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook