Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เสนอแผนการเรียนรู้วิชาสังคม ม.1 64

เสนอแผนการเรียนรู้วิชาสังคม ม.1 64

Published by ศรีมูล สมบุตร, 2021-05-01 02:51:52

Description: เสนอแผนการเรียนรู้วิชาสังคม ม.1 64

Search

Read the Text Version

แผนการเรียนรู้เตม็ รปู แบบ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมพื้นฐาน รหสั วชิ า ส 21101 ระดบั ช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/2 ปกี ารศึกษา 2564 จดั ทำโดย นายศรีมูล สมบตุ ร ตำแหนง่ ครชู ำนาญการ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ตำบลชา่ งเค่ิง อำเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชยี งใหม่ สำนกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ สำนกั งานการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คำอธิบายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี น รสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วิชา ส 21101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ปกี ารศึกษา 2564 ศึกษา วิเคราะห์ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาสปู่ ระเทศเพอ่ื นบา้ น ความสำคญั ของพระพุทธศาสนาที่ชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเข้าใจอันดี กบั ประเทศเพอื่ นบ้านเป็นรากฐานของวัฒนธรรมเอกลักษณ์ของชาติและมรดกของชาติ การพฒั นาชุมชนและการจดั ระเบยี บสังคม พทุ ธ ประวตั ิตอนผจญมารการตรสั รกู้ ารสง่ั สอนประวตั ิพระสารบี ุตร พระโมคคลั ลานะ นางขชุ ชตุ ตรา พระเจา้ พมิ พิสาร มติ ตวนิ ทุกชาดก ราโชวาทชาดก พระมหาธรรม-ราชาลไิ ทย สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสโครงสร้างและสาระสังเขปของพระวินัยปิฎก พระสตุ ตนั ตปิฎก และพระอภธิ รรมปฎิ ก อธิบายและปฏบิ ัตติ นตามธรรมคณุ และปฏบิ ตั ิตนตามข้อธรรมสำคัญในกรอบอรยิ สจั 4 ในเรือ่ ง ธรรมคณุ 6 อริยสจั 4 ทุกข์ (ธรรมทีค่ วรร้)ู ในเรอ่ื ง ขันธ์ 5 (อายตนะ) สมุทัย (ธรรมทค่ี วรละ) ในเร่ืองหลกั กรรม (สมบัติ 4 วิบตั ิ 4) อกุศลกรรมบถ 10 อบายมขุ 6 นโิ รธ (ธรรมทค่ี วรบรรล)ุ ในเรอื่ ง สุข 2 (สามสิ นิรามสิ ) มรรค (ธรรมท่ีควรเจริญ) ในเรอื่ ง บุพพนิมิตของ มัชฌิมาปฏิปทา ดรณุ ธรรรม 6 กุลจริ ัฏฐติ ธิ รรม 4 กศุ ลกรรมบถ 10 สตปิ ฏั ฐาน 4 มงคล 38 ในเร่อื ง ประพฤตธิ รรม เวน้ จากความชว่ั เวน้ จาก การด่ืมน้ำเมา พทุ ธศาสนสภุ าษิต กมมฺ นุ า วตฺตติ โลโก กลยฺ าณการี กลยฺ าณํ ปาปการี จ ปาปกํ สโุ ข ปุญฺญสฺส อจุ จฺ โย ปชู โก ลภเต ปูชํ วนฺท โก ปฏวิ นทฺ นํ การพฒั นาจิตเพ่ือการเรียนรแู้ ละดำเนนิ ชีวติ ด้วยวิธีคดิ แบบอุบายปลกุ เรา้ คณุ ธรรม และวิธคี ิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ สวด มนต์แปล แผ่เมตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาดว้ ยอานาปานสติ มมี รรยาทของความเปน็ ศาสนกิ ชนที่ดี ปฏิบตั ติ นในศาสนพิธี พิธกี รรม และหลักคำสอนท่ีเกยี่ วเนือ่ งกับวันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา โดยใชก้ ระบวนการคดิ กระบวนการสืบค้นขอ้ มลู กระบวนการทางสังคม กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแกป้ ญั หา เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำไปปฏิบัตใิ นการดำเนินชีวติ นำไปพัฒนาและแก้ปญั หาของชมุ ชนและสังคม มคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ในด้านรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่ือสัตย์สจุ ริต มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้อยู่ อยา่ งพอเพยี ง มุ่งมน่ั ในการทำงาน รักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ สามารถดำเนนิ ชีวิตอยรู่ ว่ มกันได้อยา่ งสันติสขุ ศึกษาวเิ คราะห์บทบาท ความสำคัญและความสมั พันธ์ของสถาบันทางสังคม ความคลา้ ยคลงึ และความแตกต่างของวฒั นธรรม ไทย และวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพ่ือนำไปสคู่ วามเข้าใจอนั ดรี ะหวา่ งกัน ข้อมลู ขา่ วสารทางการเมืองการปกครองทม่ี ี ผลกระทบต่อสังคมไทยสมยั ปัจจุบนั กระบวนการในการตรากฎหมาย การปกปอ้ งคุ้มครองผู้อนื่ ตามหลักสทิ ธิมนุษยชน การปฏบิ ตั ิตนตาม สถานภาพ บทบาท สิทธเิ สรีภาพ และหน้าทใ่ี นฐานะพลเมืองดีโดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบคน้ ขอ้ มูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแกป้ ัญหา กระบวนการปฏบิ ัติ และกระบวนการกลุม่ เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจ และปฏิบัติตนตาม หน้าท่ขี องการเปน็ พลเมอื งดี ดำรงชีวติ รว่ มกนั ในสงั คมไทย และสงั คมโลกอย่างสันตสิ ุข มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม และมคี ุณลกั ษณะอนั พึง ประสงคใ์ นด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่อื สตั ย์สุจรติ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน มีจติ สาธารณะ รกั ความเปน็ ไทย ศกึ ษา วิเคราะห์ ระบบเศรษฐกจิ แบบต่างๆ การพึง่ พาอาศยั กัน และการแขง่ ขันกันทางเศรษฐกิจในภูมภิ าคเอเชยี การกระจายของ ทรพั ยากรในโลกทีส่ ่งผลต่อความสัมพนั ธ์ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ การแขง่ ขนั ทางการคา้ ในประเทศและต่างประเทศทสี่ ง่ ผลตอ่ คณุ ภาพสินคา้ ปริมาณการผลิตและราคาสินคา้ ปัจจัยท่ีมีผลตอ่ การลงทนุ และการออม ปัจจยั การผลิตสินค้าและบรกิ ารและปจั จยั ทีม่ ี อิทธพิ ลต่อการผลติ สินค้าและบริการเสนอแนวทางการพัฒนาการผลิตในทอ้ งถน่ิ ตามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งการคุ้มครองสิทธิของ ตนเอง ในฐานะผบู้ รโิ ภค โดยใช้กระบวนการคดิ กระบวนการสืบคน้ ขอ้ มูล กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และ

แก้ปญั หา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการกลุม่ เพอ่ื ให้มคี วามรู้ความเข้าใจความสัมพันธท์ างเศรษฐกิจสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยจู่ ำกดั ได้ อยา่ งมีประสิทธิภาพและคุม้ ค่า เขา้ ใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการดำรงชวี ิตสามารถสอ่ื สารสิง่ ท่เี รยี นรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม และ มีคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นด้านมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ มุง่ ม่ันในการทำงาน มีจิตสาธารณะ อย่อู ย่างพอเพียง ศกึ ษาการใช้เคร่อื งมอื ทางภมู ิศาสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมลู เก่ยี วกบั ลักษณ ทางกายภาพ และสงั คมของ ทวปี ยุโรปและแอฟริกา วิเคราะห์ความสัมพันธร์ ะหว่างลักษณะทางกายภาพ และสังคมของทวปี ยุโรปและแอฟรกิ า การก่อเกดิ ส่ิงแวดลอ้ มใหมท่ างสงั คมอันเป็นผลจากการเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาติ และทางสงั คมของทวีปแอฟริกา แนวทางการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ในทวีปยุโรปและแอฟรกิ า ปัญหาเก่ยี วกับสิง่ แวดลอ้ มท่เี กิดข้ึนในทวปี ยโุ รปและแอฟริกา สาเหตุและ ผลกระทบทีป่ ระเทศไทยได้รับจากการเปลยี่ นแปลงของสง่ิ แวดลอ้ มในทวีปยโุ รปและแอฟรกิ า โดยใช้กระบวนการคดิ กระบวนการสืบคน้ ขอ้ มลู กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชญิ สถานการณแ์ ละแก้ปญั หา กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการกลุ่ม เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรคู้ วาม เขา้ ใจ สามารถสื่อสารสิ่งทเ่ี รยี นรู้ มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยใี นการสบื คน้ ขอ้ มูล มีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ในดา้ นใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมนั่ ในการทำงาน มีวนิ ัย มจี ิตสาธารณะ เหน็ คณุ ค่าและมีจิตสำนกึ ในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม รหัสตัวชว้ี ดั สงั คมศึกษา ม.1 ส 1.1 ม.1/1 อธบิ ายการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ส 1.1 ม.1/2วิเคราะห์ความสำคญั ของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่ตนนับถือ ส 1.1 ม.1/3วิเคราะห์ความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือในฐานะทเี่ ป็นรากฐานของวฒั นธรรม เอกลักษณข์ องชาตแิ ละมรดกของชาติ ส 1.1 ม.1/4 อภปิ รายความสำคญั ของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทตี่ นนับถอื กบั การพัฒนาชุมชนและการจัดระเบยี บ สงั คม ส 1.1 ม.1/5 วิเคราะห์พทุ ธประวตั หิ รอื ประวัตศิ าสดาของศาสนาทตี่ นนับถอื ตามที่กำหนด ส 1.1 ม.1/6 วเิ คราะห์และประพฤตติ นตามแบบอย่างการดำเนินชวี ิตและขอ้ คิดจากประวัตสิ าวก ชาดก เรอ่ื งเล่า และศาสนิกชนตัวอยา่ งตามท่กี ำหนด ส 1.1 ม.1/7 อธิบายโครงสร้างและสาระโดยสงั เขปของพระไตรปฎิ ก หรือคัมภรี ข์ องศาสนาที่ตนนับถือ ส 1.1 ม.1/8 อธบิ ายธรรมคณุ และข้อธรรมสำคัญในกรอบอรยิ สจั 4หรือหลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถือตามทกี่ ำหนด เห็นคุณคา่ และนำไปพฒั นาแกป้ ัญหาของชุมชนและสงั คม ส 1.1 ม.1/9 เห็นคุณค่าของการพฒั นาจิตเพื่อการเรยี นรู้และดำเนินชวี ติ ด้วยวิธีคดิ แบบโยนิโสมนสกิ ารคอื วธิ ีคิดแบบ

อุบายปลกุ เรา้ คณุ ธรรม และวธิ ีคิดแบบอรรถธรรมสมั พันธ์ หรือการพฒั นาจิตตามแนวทางของศาสนาท่ี ตนนบั ถอื ส 1.1 ม./10 สวดมนต์ แผเ่ มตตา บริหารจติ และเจรญิ ปญั ญาดว้ ยอานาปานสติ หรอื ตามแนวทางของศาสนาที่ตนนับถอื ส 1.1 ม.1/11 วิเคราะห์การปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ เพอ่ื การดำรงตนอยา่ งเหมาะสมในกระแส ความเปลยี่ นแปลงของโลก และการอยู่ร่วมกันอยา่ งสันตสิ ุข ส 1.2 ม.1/1 ปฏบิ ตั ิตนอย่างเหมาะสมต่อบคุ คลต่างๆตามหลกั ศาสนาทตี่ นนบั ถือตามท่ีกำหนด ส 1.2 ม.1/2 มมี ารยาทของความเปน็ ศาสนิกชนทด่ี ตี ามท่ีกำหนด ส 1.2 ม.1/3 วิเคราะหค์ ุณคา่ ของศาสนพธิ ีและปฏิบตั ติ นได้ถกู ตอ้ ง ส 1.2 ม.1/4 อธบิ ายคำสอนทเี่ กีย่ วเน่ืองกนั วันสำคัญทางศาสนาและปฏบิ ตั ิตนได้ถกู ตอ้ ง ส 1.2 ม.1/5 อธิบายความแตกตา่ งของศาสนพิธี พิธีกรรมตามแนวปฏบิ ตั ขิ องศาสนาอืน่ ๆ เพ่ือนำไปสกู่ ารยอมรับและ ความเข้าใจซ่งึ กันและกัน ส 2.1 ม.1/1 อธิบายและปฏบิ ัติตามกฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศ ส 2.1 ม.1/2 เหน็ คณุ คา่ ในการปฏิบัตติ นตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าทใ่ี นฐานะพลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ส 2.1 ม.1/3 วิเคราะห์บทบาท ความสำคัญ และความสมั พันธ์ของสถานบันทางสงั คม ส 2.1 ม.1/4 อธิบายความคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมของประเทศไทย ภูมภิ าคเอเชียเพ่ือนำไปสคู่ วามเขา้ ใจอันดีระหวา่ งกนั ส 2.2 ม.1/1 อธิบายกระบวนการในการตรากฎหมาย ส 2.2 ม.1/2 วเิ คราะห์ขอ้ มูล ขา่ วสาร ทางการเมอื งการปกครองทม่ี ผี ลกระทบตอ่ สังคมไทยสมัยปัจจบุ ัน ส 3.1 ม.1/1 วิเคราะหป์ จั จัยที่มผี ลต่อการลงทุน และการออม ส3.1ม.1/2 อธิบายปจั จัยและการผลิตสินค้าและบรกิ ารและปัจจัยที่มอี ทิ ธิพลตอ่ การผลติ สนิ ค้าและบรกิ าร ส 3.1 ม.1/3 เสนอแนวทางการพัฒนาการผลติ ในทอ้ งถ่ินตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ส 3.1 ม.1/4 อภปิ รายแนวทางการคมุ้ ครองสทิ ธิของตนเองในฐานะผ้บู รโิ ภค

ส 3.2 ม.1/1 อภปิ รายระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ ง ๆ ส 3.2 ม.1/2 ยกตวั อย่างท่สี ะทอ้ นให้เห็นการพึ่งพาอาศัยกันและการแข่งขันทางเศรษฐกิจในภูมภิ าคเอเชยี ส 3.2 ม.1/3 วิเคราะห์การกระจายของทรัพยากรในโลกทสี่ ่งผลตอ่ ความสมั พันธท์ างเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ ส 3.2 ม.1/4 วเิ คราะห์การแขง่ ขนั ทางการค้าในประเทศและตา่ งประเทศท่สี ง่ ผลต่อคุณภาพสนิ คา้ ปริมาณการผลติ และราคาสนิ คา้ ส 5.1 ม.1/1 ใชเ้ คร่อื งมอื ทางภมู ศิ าสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลเกย่ี วกบั ลกั ษณะทางกายภาพ และสังคมของทวปี ยุโรปและแอฟรกิ า ส 5.1 ม.1/2 วเิ คราะห์ความสัมพันธร์ ะหวา่ งลักษณะทางกายภาพและสงั คมของทวีปยโุ รปและแอฟริกา ส 5.2 ม.1/1 วิเคราะห์การกอ่ เกิดสิ่งแวดล้อมใหม่ทางสังคม อนั เป็นผลจากการเปล่ียนแปลงทางธรรมชาตแิ ละทาง สังคมของทวปี ยโุ รป และแอฟรกิ า ส 5.2 ม.1/2 ระบุแนวทางการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมในทวีปยุโปและแอฟริกา ส 5.2 ม.1/3 สำรวจ อภปิ รายประเดน็ ปญั หาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทีเ่ กดิ ขึน้ ในทวปี ยุโปและแอฟริกา ส 5.2 ม.1/4 วเิ คราะห์เหตุเหตุและผลกระทบท่ีประเทศไทยไดร้ บั จากการเปลยี่ นแปลงของสง่ิ แวดส้อมในทวปี ยโุ รปและแอฟริกา รวมทัง้ หมด 36 ตัวชว้ี ดั

รายวชิ า สังคมพื้นฐาน รหัสวชิ า ส 21101 ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 ชอ่ื หนว่ ย ประวตั ิความสำคญั ของ ชอื่ หนว่ ย พลเมือง วฒั นธรรม และ ศาสนา การดำเนนิ ชีวิตในสงั คม จำนวน 10 ช่วั โมง : 25 คะแนน จำนวน 10 ชั่วโมง : 25 คะแนน รายวชิ า สังคมพ้นื ฐาน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 40 ชวั่ โมง ชอ่ื หนว่ ย ภูมศิ าสตร์ ชอื่ หน่วย ระบบเศรษฐศาสตร์ จำนวน 10 ชวั่ โมง : 25 คะแนน จำนวน 10 ชว่ั โมง : 25 คะแนน

ผงั มโนทัศน์ รายวชิ า สงั คมพื้นฐาน รหัสวชิ า ส 21101 ระดบั ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง ประวตั ิความสำคัญของพระพทุ ธศาสนา จำนวน 10 ชว่ั โมง : 25 คะแนน ผังมโนทัศน์ รายวชิ า สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส 21101 ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม จำนวน 40 ชว่ั โมง 40 คะแนน ชอ่ื หนว่ ยท่ี 1 ประวตั ิและความสำคัญ ชอื่ หนว่ ยที่ 5 หนา้ ที่ชาวพุทธและ ของพระพุทธศาสนา มารยาทชาวพทุ ธ จำนวน 5 ชั่วโมง : 5 คะแนน จำนวน 4 ชั่วโมง : 5 คะแนน ชื่อหนว่ ยที่ 2 พทุ ธประวัติ พระสาวก ช่ือหนว่ ยท่ี 6 วนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา ศาสนิกชนตัวอย่างและชาดก และศาสนพิธี จำนวน 5 ช่ัวโมง : 5 คะแนน จำนวน 4 ชั่วโมง : 5 คะแนน ช่อื หนว่ ยที่ 3 หลกั ธรรมทาง พระพุทธศาสนา ช่อื หน่วยท่ี 7 การบรหิ ารจติ และ การเจริญปัญญา จำนวน 10 ช่ัวโมง : 5 คะแนน จำนวน 4 ชั่วโมง : 5 คะแนน

ชือ่ หนว่ ยที่ 4 พระไตรปิฎกและ ชือ่ หนว่ ยท่ี 8 การปฏิบตั ิตนตามหลักธรรม พทุ ธศาสนสุภาษิต ทางพระพทุ ธศาสนา จำนวน 4 ช่ัวโมง : 5 คะแนน จำนวน 4 ชั่วโมง : 5 คะแนน ผงั มโนทศั น์ รายวชิ า สังคมพ้นื ฐาน รหสั วชิ า ส 21101 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง ประวตั ิและความสำคญั ของพระพุทธศาสนา จำนวน 5 ช่วั โมง : 5 คะแนน ช่อื เรือ่ ง ประวตั ิความสำคญั ของศาสนา ตอ่ สังคมไทย จำนวน 3 ช่วั โมง : 8 คะแนน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง ประวัตคิ วามสำคัญของ พระพุทธศาสนา 3 จำนวน 5 ชว่ั โมง : 5 คะแนน

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่ือง แผนจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง ประวตั ิความสำคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย รายวชิ า สงั คมพืน้ ฐาน รหสั วิชา ส 21101 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 น้ำหนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 5 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสำคัญ (ความเข้าใจท่คี งทน) พระพุทธศาสนามีความสำคัญต่อสงั คมไทย ในฐานะเป็นศาสนาประจำชาติไทย เป็นสถาบนั หลักของสงั คมไทย มี ผลตอ่ สภาพแวดล้อมท่กี ว้างขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทย 2. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้ีวดั ชน้ั ปี/ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส 1.1 ม.1/2 ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วิเคราะหค์ วามสำคัญของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนับถอื ทม่ี ีต่อสภาพแวดล้อมในสงั คมไทย รวมท้งั การพฒั นาตนและครอบครวั 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลกั : Knowledge ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทยในฐานะเปน็ - ศาสนาประจำชาติ - สถาบันหลักของสังคมไทย - สภาพแวดลอ้ มทกี่ ว้างขวางและครอบคลมุ สงั คมไทย 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process ทำกิจกรรมรายบคุ คล รายกลมุ่ ในการศกึ ษาเรยี นรู้ตามเน้อื หา 3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude ประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชวี ติ ทด่ี ีในสังคมอย่างมี ความสุข 4. สมรรถนะสำคัญของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรับผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม 6. คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซือ่ สัตย์สจุ ริต

3. มวี นิ ัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน : 7.1 เรอื่ ง ความสำคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทยในฐานะเป็น - ศาสนาประจำชาติ - สถาบนั หลักของสงั คมไทย - สภาพแวดลอ้ มทีก่ วา้ งขวางและครอบคลุมสงั คมไทย - ใบงานท่ี 1.1 ใหศ้ ึกษาเร่ือง วเิ คราะห์ความสำคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสงั คมไทย (ทำหนังสือเล่มเลก็ ) - แบบฝึกทักษะที่ 1 นำเสนอ เรื่อง เรือ่ ง ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทยในฐานะเป็น - ศาสนาประจำชาติ - สถาบันหลกั ของสังคมไทย - สภาพแวดลอ้ มท่ีกว้างขวางและครอบคลุมสงั คมไทย 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. วิเคราะห์พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจำชาติไทยได้ 2. วิเคราะห์พระพุทธศาสนาวา่ เป็นสถาบันหลักของสงั คมไทยได 3. วิเคราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาว่าเป็นสภาพแวดลอ้ มทีก่ วา้ งขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทยได้ ข้ันนำเข้าสู่บทเรยี น/ขัน้ ตัง้ คำถาม ชวั่ โมงท่ี 1 - 5 1.ให้น่ังสมาธิ 3 นาที ครูใหน้ กั เรียนดูภาพพุทธศาสนิกชนทำกิจกรรมต่างๆ ทางพระพทุ ธศาสนาร่วมกนั แลว้ ให้นักเรยี นตอบ คำถามต่อไปน้ี - ภาพดงั กลา่ ว มีความสำคัญอยา่ งไร - ภาพดงั กล่าว เกี่ยวข้องกบั พระพุทธศาสนาอยา่ งไร 2. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจว่า พระพุทธศาสนามีความสำคญั ตอ่ สงั คมไทย 3. นักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคิด 4.นักเรยี นแต่กลมุ่ รว่ มกนั ศึกษาความรู้ในศูนยก์ ารเรยี น เรอื่ ง ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย โดยหมุนเวยี นเขา้ ศึกษาตาม ศูนย์การเรยี น 3 ศนู ย์ ดังน้ี - ศนู ยฯ์ ท่ี 1 : พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาตไิ ทย - ศนู ยฯ์ ที่ 2 : พระพุทธศาสนาเป็นสถาบันหลกั ของสงั คมไทย - ศูนยฯ์ ที่ 3 : พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดล้อมที่กว้างขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทย 5.สมาชิกแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันสรุปประเดน็ สำคญั ท่ไี ด้จากการ ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย

6.ครูสมุ่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอประเด็นสำคญั จากการศึกษาความร้จู ากกลุม่ การเรียนหนา้ ช้นั เรยี น กลมุ่ ละ 1 หัวข้อ โดยให้เพอ่ื นกลุ่มอนื่ ร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเพม่ิ เติมในส่วนทแ่ี ตกต่างกันออกไป 7.ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา ท่มี ีผลตอ่ สภาพแวดลอ้ มในสังคมไทย 8.ทำแบบทดสอบก่อนเรียน 10 ขอ้ ขน้ั สำรวจและค้นพบ/ขนั้ เตรยี มการค้นหาคำตอบ 1. แบง่ กล่มุ ให้ศึกษาใบความรู้ รายบุคคล และ รายกลุ่ม 2. ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอเน้อื หาหน้าชั้นเรียน โดยสลบั กัน จนครบทกุ กลุ่ม 3. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปบทเรยี นในหนว่ ยการเรียน 4. นักเรียนทำแบบฝึกหัดทา้ ยหน่วยการเรยี น และทำแบบทดสอบหลังเรียน 10 ขอ้ นำผลการเรียนมา เปรยี บเทียบกับแบบทดสอบก่อนเรยี น 9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ จำนวน สภาพการใชส้ ือ่ 1 ชดุ ข้นั ตรวจสอบความรูเ้ ดมิ รายการสื่อ 1 ชุด ข้ันสำรวจและคน้ พบ 1 ชุด ขน้ั ขยายความรู้ 1.คลบิ วดี ีโอ เร่ืองความสำคัญของพระพุทธศาสนาต่อ สังคมไทย 2.ใบงาน 1.1 เรอ่ื งความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย (ทำหนังสือเลม่ เลก็ ) 3. แบบฝกึ ทกั ษะ 1 เร่ือง ความสำคญั ของ พระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย (บตั รคำส่ัง)

10. การวดั ผลและประเมินผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ วี ัด เคร่ืองมือวัดฯ ประเด็น/ การเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน การตรวจผลงาน เกณฑก์ ารให้ ใบงาน การตรวจผลงาน เกณฑก์ ารประเมินผลงาน 1.สามารถอธิบาย ใบงาน นักเรียน คะแนน การสงั เกต ผ่านระดบั ดขี น้ึ ไป ความสำคญั ของ แบบบันทกึ พระพทุ ธศาสนาต่อ เกณฑ์การประเมินผลงาน ผ่านระดับดีข้นึ ไป สังคมไทย นักเรียน 2.สามารถนำเสนอ แบบบันทกึ การสงั เกต ผ่านระดับดขี น้ึ ไป พฤติกรรม รายบุคคล ความสำคญั ของ และรายกลุม่ พระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย 3.มคี วามสนใจ ใฝร่ ู้ อยากเรียน อยาก เห็นภาพของ ความสำคัญของ พระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย 11. การบรู ณาการตามจุดเน้นของโรงเรยี น (ตวั อย่าง) หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผูเ้ รยี น พอเพยี ง พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดีดา้ นจติ ใจ 1. ความพอประมาณ รจู้ ักใชเ้ ทคโนโลยีมาผลติ สอ่ื ทีเ่ หมาะสม มีจติ สำนกึ ที่ดี เอ้ืออาทร ประนีประนอม และสอดคล้องเนอื้ หาเป็นประโยชนต์ ่อ นกึ ถึงประโยชน์สว่ นรวม/กลุ่ม ผเู้ รียนและพฒั นาจากภูมิปญั ญาของผูเ้ รยี น

2. ความมีเหตผุ ล - ยดึ ถือการประกอบอาชพี ดว้ ยความถูกต้อง ไม่หยดุ นิ่งทหี่ าหนทางในชีวิต หลดุ พน้ จาก สจุ รติ แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาดแคลน ใน ความทกุ ข์ยาก (การคน้ หาคำตอบเพ่ือให้ 3. มีภูมิคมุ กันในตวั ที่ดี การดำรงชีวิต หลดุ พ้นจากความไม่รู)้ ภมู ิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ 4. เงือ่ นไขความรู้ ระมดั ระวงั ระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ 5. เงือ่ นไขคุณธรรม ความรอบรู้ เรื่อง งานและกำลัง ที่ ความรอบรู้ เรอ่ื ง งานและกำลัง กรณที ่ี สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น เก่ียวข้องรอบดา้ น ความรอบคอบทีจ่ ะนำ เกิดงาน ปริมาณทีเ่ ก่ยี วข้อง การคำนวณสตู ร ความรเู้ หลา่ นั้นมาพจิ ารณาใหเ้ ชอ่ื มโยงกัน ที่ตอ้ งใช้ สามารถนำความรู้เหล่าน้นั มา งานและกำลัง เพ่ือประกอบการวางแผน การดำเนินการจัด พิจารณาให้เช่อื มโยงกัน สามารถประยกุ ต์ - การเกดิ งานแตล่ ะกรณี กิจกรรมการเรยี นรู้ให้กับผ้เู รียน ใชใ้ นชีวิตประจำวัน - การเกิดกำลัง การได้เปรียบ เชิงกล มีความตระหนกั ใน คณุ ธรรม มคี วาม มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ สิ่งแวดลอ้ ม ซ่อื สัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มคี วามเพียร ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ และมีความอดทน มีความเพียร งานและพลงั งาน ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนินชีวิต ใช้สติปญั ญาในการดำเนินชวี ติ - การเลือกใช้อย่างถูกวิธี - การอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม ครู ผ้เู รียน งานและกำลัง งานและกำลงั - ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการเกดิ งาน - ระบปุ ัจจัยที่มผี ลต่อการเกิดงาน - ปรมิ าณทีเ่ กีย่ วข้องกับการเกดิ งานและ - ทดลองเปรียบเทยี บการเกิดงานและ กำลงั กำลัง พรอ้ มคำนวณปรมิ าณท่ีเก่ยี วข้อง ครู ผู้เรียน งานและพลังงาน งานและพลังงาน - การเลอื กใชอ้ ย่างถูกวิธี/ เทคนคิ วธิ ีการ - ยกตวั อยา่ งการใช้อุปกรณ/์ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า - กระบวนการการอนุรกั ษ์สง่ิ แวดล้อม อยา่ งถกู วิธี - แสนอแนะแนวทางอนรุ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม ลงชอื่ ................... .....................ผู้สอน (นายศรมี ลู สมบตุ ร)

แบบทดสอบก่อนเรียน คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบทถี่ ูกต้องที่สุด เพียงคำตอบเดยี ว 1. คำรณ เปน็ ตัวแทนเพื่อน ๆ ในหอ้ งเรียน กลา่ วขอบคณุ ครูทช่ี ่วยสอนพเิ ศษใหแ้ ก่นักเรียน การกระทำดงั กลา่ ว สอดคล้องกับเรอ่ื งใด ก. การคบบณั ฑิต ข. การบชู า ผูค้ วรบชู า ค. การใหแ้ ก่ผ้สู มควรให้ ง. การสำนกึ ในความดี ความช่ัว (วิเคราะห)์ 2. เพราะเหตใุ ดจึงกล่าววา่ พระพุทธศาสนาเป็นสถาบนั คู่พระมหากษัตริยไ์ ทย ก. คนไทยสว่ นใหญน่ บั ถอื พระพทุ ธศาสนา ข. รฐั บาลไทยสนบั สนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนา ค. พระมหากษตั รยิ ์ไทย ทรงอุปถัมภ์การศกึ ษาคณะสงฆ์ ง. พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทกุ พระองคท์ รงเปน็ พุทธมาม กะ (ความเข้าใจ) 3. ขอ้ ใดแสดงถึงประเพณที ม่ี าจากพระพุทธศาสนาโดยตรง ก. ประเพณีแตง่ งาน ข. ประเพณีทอดกฐนิ ค. ประเพณีงานศพ ง. ประเพณีสืบชะตาต่ออายุ (ความจำ) 4. อะไรคอื เหตุผลที่แสดงวา่ พระพุทธศาสนาคอื สภาพแวดลอ้ มทีด่ ีของสังคมไทย ก. ประเทศเพอื่ นบา้ นไทยกน็ บั ถือพระพทุ ธศาสนา ข. เพ่อื ความม่นั คงและแพรห่ ลายของพระพทุ ธศาสนา ค. พระพทุ ธศาสนาได้เข้ามาเผยแผ่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน ง. พระพุทธศาสนาเปน็ บ่อเกดิ วัฒนธรรม และประเพณที ่ีดงี ามของไทย (การนำไปใช)้ 5. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ ง ก. พระพทุ ธศาสนาใหค้ นไทยไมเ่ ปลย่ี นแปลงศาสนา ข. วถิ ีชีวติ ของคนไทยส่วนใหญม่ พี ้นื ฐานมาจากพุทธศาสนา ค.พระพทุ ธศาสนาเปน็ สถาบนั หลักของสงั คมไทย มาต้งั แตส่ มัยทวารวดี ง. ไทยไมเ่ คยรู้จกั ศาสนาอ่นื มาก่อนจงึ ตอ้ งนบั ถอื พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาติ (การสังเคราะห์) 6. ข้อใดแสดงถึงอิทธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาที่มตี อ่ ภาษาไทย ก. ชื่อและนามสกลุ ของบุคคล ข. ชอ่ื ถนนและชอื่ สะพาน ค. ชอ่ื ห้างร้านและสถานท่ีทางราชการ ง. ภาษไทยส่วนใหญม่ ีพื้นฐานมาจากภาษาบาลีสันสกฤต(วเิ คราะห์)

7. ข้อใดแสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาสอดคล้องกบั ลกั ษณะนสิ ยั ของคนไทย ก. ประเทศเพื่อนบา้ น นบั ถอื ศาสนาอนื่ ๆ ข. แนวคดิ เร่อื งนรกสวรรค์ในพระพทุ ธศาสนา ค. พระพุทธศาสนา เปน็ ศาสนาแหง่ อสิ ระเสรภี าพ ง. พระพุทธศาสนาเป็นศาสนากลมุ่ แรกท่ีคนไทยรู้จกั (การ นำไปใช้) 8. “ขาวคือบรสิ ทุ ธ์ิ ศรีสวัสดิ์ หมายถงึ พระรตั นตรัย และ ธรรมะคมุ้ ครองจิตใจไทย” ข้อความท่เี ปน็ ตัวหนา้ หมายถึงขอ้ ใด ก. ธงชาตไิ ทย ข. พระพุทธศาสนา ค. วรรณคดี ง. ช่อื พระสงฆใ์ นพระพทุ ธศาสนา (การประเมิน คา่ ) 9. ข้อใดสอดคล้องกับคณุ ของอริยสัจ ก. การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ข. การแกป้ ัญหาด้วยปัญญาและเหตุผล ค. การแก้ปญั หารว่ มกันเป็นหมู่คณะ ง. การแกป้ ญั หาเพอื่ เอาหน้ารอด 10. ตะวนั ชอบชวนเดือนฉายไปอา่ นหนงั สอื ทหี่ ้องสมุดทกุ เชา้ กอ่ นเขา้ เรียนทำใหเ้ ดอื นฉายมีความรอบรู้หลายอย่าง เหตกุ ารณ์นี้สอดคลอ้ งกบั ข้อใด ก. กายกรรม ข. ความพยายาม ค. การคบบัณฑติ ง. ความเอาใจใส่ (การสรา้ งสรรค์)

กจิ กรรมการเรียน เร่ือง ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย บัตรคำสัง่ คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในศนู ยก์ ารเรยี น ดังน้ี 1. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลมุ่ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรู้จากศนู ยก์ ารเรียน เรอื่ ง ความสำคัญของ พระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทย 3 ศูนย์ ดังน้ี - ศนู ย์ฯ ท่ี 1 : พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ - ศูนย์ฯ ท่ี 2 : พระพุทธศาสนาเป็นสถาบันหลักของสังคมไทย - ศนู ย์ฯ ท่ี 3 : พระพุทธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มท่กี ว้างขวางและครอบคลุมสังคมไทย 2. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มปฏบิ ตั ิตนตามข้ันตอนตอ่ ไปนี้ 1) ศกึ ษาบตั รเนอื้ หา 2) ทำบัตรคำถาม 3) ตรวจคำตอบจากบัตรเฉลย ถ้าไม่ถกู ต้องให้กลับไปศกึ ษาหาความรใู้ นบตั รเนอื้ หาใหม่ แล้วแกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง 4) ประชุมสรุปความรู้

ใบความรู้การเรยี นรูท้ ่ี 1 พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาติไทย บัตรเนอื้ หา พระพุทธศาสนาอยู่เคยี งค่กู บั สัมคมไทยมาหลายศตวรรษ ประวัติศาสตร์ไทยจึงมีเร่อื งราวเกยี่ วพนั กับ พระพทุ ธศาสนาอยเู่ สมอ นบั ต้งั แต่คนไทยสามารถรวมตัวกนั ก่อต้งั อาณาจกั รของตนเองข้ึนมา พระพุทธศาสนาได้เข้ามามี บทบาทต้ังแต่นั้นจนถงึ ปจั จุบนั คนไทยสว่ นใหญ่ยอมรบั นับถือพระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติโดยไมเ่ ปลย่ี นแปลงไป ยดึ ถอื ศาสนาอน่ื ใดเปน็ ศาสนาประจำชาติ ทั้งนเ้ี หตผุ ลของการนับถอื ยอมรับพระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาติไทย มี ดงั นี้ 1. คนไทยส่วนใหญย่ อมรบั นบั ถือ การยอมรับนับถือพระพทุ ธศาสนาของคนไทยมีมาแต่อดีต สืบเนอื่ งจนถงึ ปัจจุบนั ทั้งน้ีพระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาอนั ดบั แรกๆ ท่สี งั คมรู้จักและคุ้นเคย แม้ภายหลงั จะมีศาสนาอื่นเผยแผเ่ ขา้ มาบ้าง หรอื แม้สังคมไทยจะเปดิ กวา้ งใหม้ ี การเผยแผศ่ าสนาต่างๆ ไดต้ ามใจชอบ แต่ผคู้ นสว่ นใหญใ่ นสังคมไทยประมาณร้อยละ 95 ก็เลอื กนับถอื พระพุทธศาสนา 2. มีสัญลกั ษณ์แทนพระพุทธศาสนาในสถานทร่ี าชการ นอกเหนอื จากพระบรมฉายาลักษณ์ และธงชาติไทยแลว้ สถานทีร่ าชการซึง่ เป็นของรฐั สว่ นใหญม่ ักจะมี พระพุทธรูปอันเป็นสัญลกั ษณ์อยา่ งหนงึ่ ของพระพทุ ธศาสนาประดิษฐานไว้ 3. พระมหากษัตริยท์ รงเปน็ พุทธมามกะและอัครศาสนูปถมั ภก พระมหากษตั ริย์ไทยในอดีตจนถึงปัจจุบนั ทุกพระองค์ทรงเป็นพทุ ธมามกะตามขัตติยราชประเพณี แม้มีการ เปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์มาเปน็ ระบอบประชาธิปไตย รฐั ธรรมนญู ฉบับปัจจุบัน พุทธศักราช 2550 ไดบ้ ญั ญัตไิ วใ้ นหมวด 2 มาตรา 9 วา่ พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเปน็ อัคร ศาสนปู ถัมภกเท่ากับเปน็ การกำหนดให้สถาบันพระมหากษัตรยิ ์มีพระพทุ ธศาสนาอยู่เคยี งครู่ วมทั้งเปน็ หลักประกันว่า พระ ประมุขของชาติเปน็ ชาวพทุ ธ นบั ถอื ศาสนารว่ มกับประชาชนสว่ นใหญใ่ นประเทศ 4. กำหนดให้วันสำคญั ทางพระพุทธศาสนาเป็นวันหยุดราชการ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตา่ งๆ นั้น ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดท่ัวประเทศ เพอื่ เปิดโอกาสให้ พทุ ธศาสนกิ ชนได้มีเวลาไปปฏิบัติศาสนกิจ อันยำ้ ให้เหน็ ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย แม้นานาชาติ ทัว่ โลกก็รับทราบว่าวนั ดงั กล่าวน้ี ทางราชการและรัฐวิสาหกจิ ตลอดจนบริษัทเอกชนส่วนใหญจ่ ะหยดุ ทำการ ทงั้ นว้ี ันสำคัญ ทางพระพทุ ธศาสนาที่ราชการกำหนดใหเ้ ป็นวนั หยุด ได้แก่ วนั มาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบชู า วันเขา้ พรรษา โดยในวันดงั กล่าว นอกจากทางราชการจะเปน็ แกนนำในการจดั ศาสนพิธใี นสถานที่บางแหง่ แล้ว ยงั รณรงคใ์ ห้พทุ ธศาสนกิ ชน ไปปฏบิ ตั ศิ าสนกิจท่วี ดั และลด ละ เลกิ ความประพฤติเสียหายทงั้ ปวง ท่ีมา : วทิ ย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐียรพงษ์ วรรณปก. 2552. หนงั สือเรียน รายวิชาพน้ื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 10. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทศั น์.

ใบงานการเรียนรทู้ ี่ 1 พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาติไทย บัตรคำถาม 1. บอกเหตุผลท่ีคนส่วนใหญ่ในสงั คมไทยนับถอื พระพุทธศาสนาประมาณร้อยละ 95 มาอยา่ งน้อย 2 ขอ้ 2. ระบรุ ายละเอียดในธงพระพุทธศาสนาทีป่ ระดบั คธู่ งชาตไิ ทยในวันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 3. สถาบันพระมหากษตั รยิ ม์ สี ว่ นชว่ ยธำรงใหพ้ ระพทุ ธศาสนาอยคู่ ู่ชาติไทยได้อยา่ งไร 4. ประกาศสำนักนายกรฐั มนตรี เรื่อง กำหนดวนั ห้ามขายเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2552 ประกาศ ณ วนั ท่ี 30 มิถนุ ายน พ.ศ. 2551 โดยหา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดขายเครือ่ งด่มื แอลกอฮอล์ในวนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนาวันใด

เฉลยใบงานการเรียนรทู้ ี่ 1 พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตไิ ทย บัตรเฉลย 1. บอกเหตผุ ลที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยนับถือพระพุทธศาสนาประมาณรอ้ ยละ 95 มาอยา่ งน้อย 2 ข้อ 1) พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตไิ ทย และอยู่เคยี งคู่กบั สังคมไทยมาหลายศตวรรษ 2) พระมหากษัตริย์ไทยในประวัติศาสตร์หลายศตวรรษทรงมีพระราชกรณยี กจิ ในการทำนบุ ำรุง พระพุทธศาสนา ทำใหป้ ระชาชนเลือ่ มใสในพระพทุ ธศาสนาดว้ ย 2. ระบุรายละเอยี ดในธงพระพทุ ธศาสนาที่ประดับคู่ธงชาตไิ ทยในวันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ธงพระพทุ ธศาสนา เป็น ธงสีเหลือง อนั หมายถึง พระพุทธศาสนา และมีรปู ธรรมจกั ร เปน็ กงลอ้ อยู่กลางผืนธง 3. สถาบันพระมหากษตั ริย์มีสว่ นชว่ ยธำรงให้พระพทุ ธศาสนาอยคู่ ู่ชาตไิ ทยไดอ้ ยา่ งไร รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยทุกฉบบั ไดบ้ ัญญัตวิ า่ พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ พทุ ธมามกะ และทรงเปน็ อัครศาสนปู ถัมภก จึงเปน็ การกำหนดให้สถาบนั กษัตริยด์ ำรงอย่คู ู่กับสถาบันศาสนา ซึง่ ร้อยละ 95 ของคนไทย นับถือพระพทุ ธศาสนา 4. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรอื่ ง กำหนดวันห้ามขายเครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2552 ประกาศ ณ วนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2551 โดยหา้ มมิใหผ้ ใู้ ดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลใ์ นวันสำคัญทางพระพทุ ธศาสนาวันใด 1) วันมาฆบูชา 2) วันวิสาขบูชา 3) วันอาสาฬหบูชา 4) วันเข้าพรรษา

ใบความรู้บตั รเนอ้ื หา สถาบันหลักของไทยมี 3 สถาบัน ได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ ทง้ั 3 สถาบันนี้ ตา่ งเกอ้ื หนนุ คำ้ จุนกันเสมือนหนงึ่ เปน็ โครงสร้างอนั แข็งแกรง่ ใหส้ งั คมไทยและชาติไทยดำรงอยไู่ ดต้ ัง้ แต่อดีตจนถงึ ปัจจุบัน โดยเฉพาะพระพทุ ธศาสนาเปน็ สถาบันทม่ี ีบทบาทอยา่ งสงู ในการควบคุมพฤติกรรมของผู้คนในสงั คมไทย ทง้ั นีเ้ หตุผล ทที่ ำ ใหส้ ถาบนั พระพุทธศาสนาเปน็ หนึง่ ในสถาบนั หลกั ของสังคมไทย เนือ่ งมาจาก 1. พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบันคูช่ าติไทย พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เขา้ มาในดนิ แดนสวุ รรณภมู อิ นั เปน็ ที่ต้งั ของประเทศไทยในปัจจบุ นั นับตง้ั แต่ พุทธ ศตวรรษท่ี 3 อาณาจกั รชาตไิ ทยต่างๆ ลว้ นสืบทอดพระพุทธศาสนาไวต้ ้งั แต่สมยั สุโขทัย สมัยอยธุ ยา สมัยธนบุรี จนมาถงึ สมยั รัตนโกสนิ ทรไ์ ว้อยา่ งมั่นคง จงึ กล่าวได้ว่า พระพุทธศาสนาเปน็ สถาบันค่ชู าตไิ ทย 2. พระมหากษตั ริยไ์ ทยทรงเปน็ พทุ ธมามกะ ในประวัติศาสตร์ของชาตอิ นื่ กษัตริยท์ ป่ี กครองประเทศในแตล่ ะสมัยมกั จะนับถือศาสนาต่างกัน แต่พระมหา-กษตั ริย์ ไทยทกุ สมัยล้วนเป็นพุทธมามกะ โดยราชประเพณี ก่อนที่พระมหากษัตรยิ ์ไทยทุกพระองค์จะขนึ้ ครองราชย์ จะมพี ระราช ประเพณใี หอ้ อกผนวชช่วั คราวเพ่อื ศกึ ษาหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาและนำหลักธรรมมาประยกุ ตใ์ ช้ในการปกครองประเทศ แม้ในกรณีทไ่ี มส่ ามารถออกผนวชก่อนขน้ึ เสวยราชสมบัติก็ต้องออกผนวชหลงั จากขน้ึ ครองราชยแ์ ลว้ ดังกรณพี ระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยหู่ ัวรัชกาลปจั จุบัน เป็นตน้ 3. พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ อคั รศาสนปู ถัมภก พระมหากษตั ริย์ไทยทุกพระองค์ทรงใหค้ วามสำคญั ในการอปุ ถมั ภ์พระพทุ ธศาสนา โดยทรงถอื เป็นพระราช-ภารกิจ สำคญั พระราชภารกิจทีพ่ ระมหากษตั ริยไ์ ทยทรงทำนุบำรงุ พระพทุ ธศาสนา อาทิ ทรงสร้างวัด ปฏิสงั ขรณว์ ดั และปชู นยี สถาน ต่างๆ ทรงอปุ ถัมภ์การศึกษาพระพทุ ธศาสนา ทรงสง่ เสรมิ การปฏบิ ตั ิธรรมทรงยกยอ่ งพระสงฆ์ผูเ้ ชยี่ วชาญ ในพระปรยิ ัตแิ ละ เชย่ี วชาญในการปฏิบตั ิให้ดำรงสมณศักด์ติ ามความสามารถและความเหมาะสม ทรงสนบั สนุน การสังคายนา ดังท่ี พระมหากษัตริย์บางพระองคไ์ ดท้ รงสนบั สนนุ อปุ ถัมภก์ ารสังคายนา (ดงั ในสมัยรัชกาลท่ี 1 และรชั กาลที่ 9 เปน็ ตน้ ) และทรงวาง พระองคเ์ ป็นแบบอย่างของชาวพทุ ธท่ีดี 4. รฐั บาลไทยสง่ เสริมสนับสนุนพระพุทธศาสนา เมือ่ ประเทศไทยได้เปล่ียนแปลงระบอบการปกครองมาเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย พระราชอำนาจและพระราช-ภารกจิ ในการอปุ ถัมภ์บำรงุ พระศาสนาของพระมหากษัตรยิ ์แต่เดิมก็ถูกมอบหมายใหร้ ฐั บาลทำหน้าท่สี ืบแทนตอ่ ไป เพราะฉะน้นั รฐั บาลจงึ มี หนา้ ท่ีโดยตรงที่จะอปุ ถมั ภพ์ ระพุทธศาสนา ท้ังด้านการศกึ ษาและด้านการปฏบิ ัตพิ ระศาสนา โดยกำหนดเป็นนโยบายทแี่ น่นอน และปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลผุ ลตามนโยบายทก่ี ำหนดไว้ ทง้ั น้โี ดยการดำเนินงานผ่านทางหนว่ ยงานที่เก่ียวข้องอาทิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น ทมี่ า : วทิ ย์ วิศทเวทย์ และเสฐียรพงษ์ วรรณปก. 2552. หนังสือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน พระพุทธศาสนา ม.1. พิมพค์ ร้ังท่ี 10. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทัศน์.

ใบงานการเรียนร้ทู ่ี 2 พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย บัตรคำถาม 1. สถาบันหลักตามโครงสรา้ งของสงั คมไทยทีม่ ีสว่ นชว่ ยค้ำจนุ ใหส้ งั คมไทยและชาติไทยดำรงอย่มู าจนถึงปจั จุบนั ประกอบดว้ ยสถาบนั ใดบา้ ง 2. เหตุผลสำคญั ท่ที ำให้สถาบันพระพุทธศาสนาเปน็ สถาบันหนึง่ ของสงั คมไทยคอื อะไร 3. “พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นอัครศาสนปู ถัมภก” หมายความว่าอยา่ งไร 4. หนว่ ยงานของรฐั บาลไทยท่ีมีแนวนโยบายและการดำเนนิ งานทเ่ี กีย่ วกับการสนับสนุนสง่ เสริมพระพทุ ธศาสนา ได้แก่หน่วยงานใดบ้าง

แบบเฉลยการเรียนรู้ท่ี 2 พระพุทธศาสนาเปน็ สถาบันหลักของสงั คมไทย บัตรเฉลย 1. สถาบนั หลกั ตามโครงสร้างของสงั คมไทยทมี่ สี ว่ นช่วยค้ำจนุ ใหส้ ังคมไทยและชาตไิ ทยดำรงอยู่มาจนถึงปัจจบุ ัน ประกอบด้วยสถาบนั ใดบ้าง 1) สถาบันชาติ 2) สถาบันศาสนา 3) สถาบันพระมหากษัตริย์ 2. เหตผุ ลสำคญั ทที่ ำใหส้ ถาบนั พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบันหน่งึ ของสังคมไทยคืออะไร เพราะสถาบันพระพทุ ธศาสนามบี ทบาทในการควบคมุ พฤตกิ รรม และกำหนดแนวทางการดำเนินชวี ิต ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาของคนในสงั คมไทย 3. “พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอคั รศาสนปู ถัมภก” หมายความวา่ อย่างไร หมายถึง พระราชกรณียกจิ ของพระมหากษัตริยท์ ่ีทรงใหค้ วามสำคญั ในการอปุ ถัมภพ์ ระพุทธศาสนา เพ่ือให้พระพุทธศาสนาธำรงอยคู่ ู่สงั คมไทย เช่น ทางสร้างวัด ปฏิสังขรณ์วดั และปชู นียสถานต่างๆ ทรงอุปถัมภ์ การศกึ ษาพระพุทธศาสนา ทรงสนบั สนนุ การสงั คายนาพระพุทธศาสนา เป็นต้น 4. หน่วยงานของรฐั บาลไทยที่มีแนวนโยบายและการดำเนนิ งานทเี่ กยี่ วกับการสนบั สนุนส่งเสริมพระพทุ ธศาสนา ไดแ้ ก่หน่วยงานใดบ้าง 1) กระทรวงศกึ ษาธิการ 2) กระทรวงวฒั นธรรม 3) กระทรวงมหาดไทย 4) กระทรวงพัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนษุ ย์ 5) สำนักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ

ใบความรกู้ ารเรยี นรทู้ ่ี 3 พระพุทธศาสนาเป็นสภาพแวดล้อมท่กี วา้ งขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทย บัตรเนอ้ื หา คนไทยส่วนใหญภ่ ายในสังคมไทยเป็นชาวพุทธโดยกำเนิด ไมต่ อ้ งมีการประกาศเพราะวิถีชวี ติ ของคนไทยไดร้ บั การ ผสมผสานกลมกลนื เปน็ อันหน่งึ อันเดยี วกับพระพุทธศาสนามาทกุ ยคุ ทกุ สมัย สภาพแวดลอ้ มรอบตัวท้งั ทางกายภาพและ สภาพแวดล้อมทางสงั คม สว่ นใหญ่มักไดร้ บั อิทธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนา หรือกลา่ วอีกนยั หนง่ึ คอื ตั้งแต่เกิดจนตายคนไทยสว่ น ใหญม่ กั ตอ้ งสัมผสั กบั พระพทุ ธศาสนามากหรอื น้อยบา้ งตามโอกาส ดังนั้นพระพุทธศาสนาจงึ เปน็ สภาพแวดล้อมที่กวา้ งขวางและ ครอบคลุมสังคมไทยอยา่ งแทจ้ รงิ ดว้ ยเหตผุ ลดังนี้ 1. มีวดั และสำนักสงฆ์มากมายทวั่ ประเทศ จากสถติ ิ พ.ศ. 2552 ในประเทศไทยมีวดั ประมาณ 35,271 วัด และสำนักสงฆอ์ กี จำนวนมาก มีพระภิกษุและสามเณร ประมาณ 322,000 รูป ไม่นบั พระภิกษสุ ามเณรผูบ้ วชช่วั คราว ทกุ หมบู่ ้านมีวดั ประจำหมู่บา้ น แม้เม่ือจะก่อต้ังหม่บู า้ นขึน้ ใหม่ก็ นยิ มสรา้ งวัดไว้เปน็ สถานที่บำเพ็ญบญุ ทางพระศาสนาด้วย วดั จึงนบั เป็น “ศนู ยก์ ลาง” ของสงั คมไทยส่วนใหญม่ าแต่อดตี ถงึ ปัจจบุ นั 2. มปี ูชยีนสถาน ปชู นียวตั ถุมากมาย เหตทุ ีว่ ัดเปน็ สภาพแวดล้อมทีค่ รอบคลุมสงั คมไทยทว่ั ไป จงึ มปี ชู นยี สถานและปูชนียวตั ถสุ ำคญั ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องกบั พระพุทธศาสนาประดษิ ฐานเก็บรักษาอย่มู ากมาย เชน่ พระบรมธาตไุ ชยา พระปฐมเจดีย์ พระธาตุดอยสุเทพ พระพุทธรปู ตู้ พระไตรปฎิ ก วิหาร เป็นต้น 3. ประเพณพี ิธีกรรมตา่ งๆ ของคนไทย มาจากพระพทุ ธศาสนาโดยตรง เช่น ประเพณกี ารอปุ สมบท ประเพณวี นั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา ประเพณี ทอดผ้าป่า ประเพณีทอดกฐิน และคตบิ างอย่างก็นำเอาแนวคดิ ทางพระพุทธศาสนาไปปรบั ใชใ้ หผ้ สมผสานกลมกลนื เชน่ การตง้ั ชอ่ื โกนผมไฟ ขน้ึ บ้านใหม่ ทำบุญอายุ งานศพ ถ้าไมม่ พี ระพุทธศาสนา ประเพณีพิธีกรรมเหล่าน้อี าจเป็นไปในรูปแบบอนื่ นอกจากน้ีจิตใจของคนไทยสว่ นใหญ่ก็อาจขาดการขดั เกลาหรือมไิ ดถ้ ูกหลอ่ หลอมให้มีลกั ษณะเป็นคนไทยอย่างท่ีเหน็ เป็นอยใู่ น ปัจจุบันนก้ี ไ็ ด้ 4. ลกั ษณะนิสยั และมารยาทของคนไทยสว่ นใหญม่ ีรากฐานจากพระพุทธศาสนา คนไทยได้รับการยกยอ่ งจากชาวต่างชาตวิ ่าเป็นคนท่ีมลี ักษณะนิสัยดงี าม เช่น มีความเอื้อเฟ้ือเผอ่ื แผ่ มนี ำ้ ใจ เมตตา กรณุ า เกรงใจ พรอ้ มให้อภัยคนอืน่ เสมอ ยมิ้ แย้มแจ่มใส เปน็ ตน้ คนไทยมีคำพูดติดปาก คือ “ไม่เป็นไร” อนั หมายถึง ไม่ถือโทษ ไม่อาฆาตมาดร้าย ใหอ้ ภัยอย่เู สมอ ลักษณะนิสัยเหล่านลี้ ว้ นหลอ่ หลอมมาจากพระพทุ ธศาสนา อันเป็น สภาพแวดล้อมท่ีครอบคลุมสงั คมไทยอย่างกวา้ งขวาง ดว้ ยกริ ยิ ามารยาทนน้ั คนไทยมกี ริ ิยามารยาทเรียบรอ้ ย น่มุ นวล การไหว้ การกราบ มารยาทในการต้อนรบั การแต่งกาย ตลอดจนอิริยาบถของคนไทย ลว้ นไดร้ บั การช่นื ชม จากทั่วโลก ท้งั นี้มารยาท เหลา่ นลี้ ว้ นมพี นื้ ฐานมาจากหลกั คำสอนทางพระพุทธศาสนา เช่น หลักคารวธรรม หลักการปฏสิ ันถาร เปน็ ต้น

5. ภาษาและวรรณคดไี ทยมีอิทธพิ ลมาจากพระพทุ ธศาสนา ภาษาไทยทใ่ี ช้อย่ใู นปจั จบุ ันส่วนมากมพี นื้ ฐานมาจากภาษาบาลสี ันสกฤต ซ่งึ เปน็ ภาษาในทางพระพุทธศาสนาสังเกตได้ จากชื่อ นามสกลุ ช่อื บรษิ ทั ห้างร้าน สถานท่ี แมก้ ระทั่งช่ือหน่วยงานราชการต่างๆ ตลอดจนวรรณคดไี ทยต่างๆ มักมแี นวคิดทาง พระพุทธศาสนาเปน็ แนวคิดหลัก โดยสะทอ้ นความเชอื่ เรื่อง นรก สวรรค์ บุญ บาป กรรม สงั สารวฏั เป็นตน้ 6. การนับศกั ราช การนับศักราชอย่างเปน็ ทางการของประเทศไทยจะนับเป็น “พทุ ธศกั ราช” โดยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงมีพระราชดำรใิ ห้เปลีย่ นแปลงจากการนบั ศกั ราชแบบรตั นโกสินทรศ์ ก มาเปน็ พทุ ธศักราช อนั แสดงใหเ้ หน็ ว่า ประเทศไทยให้ ความสำคัญอยา่ งยงิ่ ยวดแก่พระพุทธศาสนา และประเทศไทยเปน็ ประเทศเดยี วในโลกที่ใช้วิธกี ารนบั ศกั ราชเช่นน้ี ท่มี า : วิทย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐยี รพงษ์ วรรณปก. 2552. หนงั สือเรียน รายวิชาพน้ื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พ์คร้งั ท่ี 10. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน.์

ใบงานการเรยี นรทู้ ี่ 3 พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มทก่ี ว้างขวาง และครอบคลุมสงั คมไทย บตั รคำถาม 1. ปชู นียสถาน ปชู นยี วัตถสุ ำคญั ๆ ทเี่ ก่ียวข้องกับพระพทุ ธศาสนาไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ยกตัวอยา่ งอย่างน้อย 4 ตัวอยา่ ง 2. ประเพณีพธิ ีกรรมของคนไทยท่ีมาจากพระพทุ ธศาสนาโดยตรง ไดแ้ ก่อะไรบ้าง 3. ลกั ษณะนสิ ัยและมารยาทของคนไทยที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 4. วรรณคดขี องไทยไดร้ ับแนวคิดทางพระพุทธศาสนาอย่างไร

แบบเฉลยการเรยี นรทู้ ่ี 3 พระพุทธศาสนาเป็นสภาพแวดล้อมทีก่ ว้างขวาง และครอบคลุมสังคมไทย บัตรเฉลย 1. ปูชนยี สถาน ปชู นยี วัตถุสำคญั ๆ ท่ีเก่ียวข้องกบั พระพทุ ธศาสนาไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ยกตัวอยา่ งอยา่ งนอ้ ย 4 ตัวอยา่ ง - พระปฐมเจดยี ์ - วิหาร - พระธาตุดอยสุเทพ - ตูพ้ ระไตรปฎิ ก - พระพุทธรปู 2. ประเพณีพิธีกรรมของคนไทยทีม่ าจากพระพทุ ธศาสนาโดยตรง ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง - ประเพณกี ารบวช - ประเพณวี นั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา - ประเพณีทอดผ้าป่า - ประเพณที อดกฐนิ - ประเพณขี ้ึนบ้านใหม่ 3. ลักษณะนิสัยและมารยาทของคนไทยทม่ี รี ากฐานมาจากพระพทุ ธศาสนา ได้แก่อะไรบา้ ง - ลกั ษณะนสิ ยั มคี วามเอื้อเฟ้ือเผอ่ื แผ่ มีนำ้ ใจ เมตตากรณุ า เกรงใจ พร้อมให้อภัยคนอ่ืนเสมอ ยิ้มแย้มแจ่มใส - มารยาท เรียบรอ้ ย นุม่ นวล การไหว้ การกราบ การตอ้ นรับ 4. วรรณคดขี องไทยได้รบั แนวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร มีแนวคิดทางพระพทุ ธศาสนา โดยสะทอ้ นความเชอื่ เรอื่ ง นรก สวรรค์ บุญ บาป กรรม สงั สารวฏั เป็นต้น

สือ่ การเรียน ช่วยกนั ทายภาพ 3. บตั รคำถาม คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเขียนบรรยายใต้ภาพท่ีกำหนดใหถ้ กู ต้อง 1. 2. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12.

แบบเฉลยสื่อการเรียน ช่วยกนั ทายภาพ คำชแี้ จง บัตรคำถาม 3. 1. ใหน้ กั เรยี นเขียนบรรยายใตภ้ าพทกี่ ำหนดใหถ้ กู ต้อง 2. พระบรมธาตไุ ชยา วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดเบญจมบพิตร 4. 5. 6. วดั ราชบรู ณะ พระธาตดุ อยสเุ ทพ พระปฐมเจดีย์ 7. 8. 9. พิธีอปุ สมบท พิธที อดผา้ ปา่ การทำบุญตักบาตร 10. 11. 12. การเทศน์มหาชาติ การกราบพระสงฆ์ ประเพณแี ห่เทยี นพรรษา

บตั รภาพ  ภาพการทำบุญใส่บาตรในวนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ภาพการถวายสงั ฆทานในวนั สำคัญทางพระพทุ ธศาสนา ท่ีมา : วทิ ย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐยี รพงษ์ วรรณปก. 2552. หนังสือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์.

แบบทดสอบหลังเรยี น คำช้ีแจง ให้นกั เรียนเลือกคำตอบทถี่ ูกต้องท่สี ดุ เพยี งคำตอบเดียว 1.คำรณ เป็นตวั แทนเพอื่ น ๆ ในห้องเรียน กล่าวขอบคุณครทู ี่ช่วยสอนพิเศษให้แกน่ ักเรียน การกระทำดงั กล่าว สอดคล้องกบั เร่ืองใด ก. การคบบณั ฑติ ข. การบชู า ผูค้ วรบชู า ค. การใหแ้ ก่ผูส้ มควรให้ ง. การสำนกึ ในความดี ความชวั่ (วิเคราะห์) 2. เพราะเหตใุ ดจึงกล่าวว่า พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั คู่พระมหากษัตรยิ ์ไทย ก. คนไทยส่วนใหญ่นับถือพระพทุ ธศาสนา ข. รฐั บาลไทยสนบั สนุนส่งเสรมิ พระพทุ ธศาสนา ค. พระมหากษัตริยไ์ ทย ทรงอุปถัมภ์การศึกษาคณะสงฆ์ ง. พระมหากษัตรยิ ์ไทยทุกพระองคท์ รงเป็นพุทธมาม กะ (ความเข้าใจ) 3. ขอ้ ใดแสดงถึงประเพณที ี่มาจากพระพุทธศาสนาโดยตรง ก. ประเพณแี ต่งงาน ข. ประเพณที อดกฐนิ ค. ประเพณงี านศพ ง. ประเพณสี ืบชะตาตอ่ อายุ (ความจำ) 4. อะไรคอื เหตุผลท่ีแสดงว่า พระพุทธศาสนาคือ สภาพแวดลอ้ มที่ดีของสังคมไทย ก. ประเทศเพ่ือนบา้ นไทยกน็ บั ถือพระพุทธศาสนา ข. เพือ่ ความมน่ั คงและแพรห่ ลายของพระพทุ ธศาสนา ค. พระพุทธศาสนาไดเ้ ขา้ มาเผยแผ่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน ง. พระพุทธศาสนาเปน็ บ่อเกิดวฒั นธรรม และประเพณที ีด่ ีงามของไทย (การนำไปใช้) 5.ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ ง ข. พระพทุ ธศาสนาใหค้ นไทยไมเ่ ปลย่ี นแปลงศาสนา ข. วถิ ีชวี ติ ของคนไทยส่วนใหญม่ ีพืน้ ฐานมาจากพุทธ ศาสนา ค.พระพุทธศาสนาเปน็ สถาบันหลกั ของสงั คมไทย มาตั้งแต่สมัยทวารวดี ง. ไทยไมเ่ คยรู้จกั ศาสนาอ่ืนมาก่อนจึงต้องนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาติ (การสงั เคราะห์) 6. ข้อใดแสดงถงึ อิทธพิ ลของพระพุทธศาสนาที่มตี อ่ ภาษาไทย

ก. ชื่อและนามสกุลของบุคคล ข. ชอ่ื ถนนและชอ่ื สะพาน ค. ช่ือห้างร้านและสถานทีท่ างราชการ ง. ภาษไทยสว่ นใหญ่มีพ้นื ฐานมาจากภาษาบาลีสันสกฤต(วิเคราะห์) 7. ขอ้ ใดแสดงให้เห็นวา่ พระพุทธศาสนาสอดคล้องกบั ลักษณะนิสัยของคนไทย ก. ประเทศเพือ่ นบา้ น นบั ถือศาสนาอนื่ ๆ ข. แนวคิดเร่ืองนรกสวรรค์ในพระพุทธศาสนา ค. พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแหง่ อสิ ระเสรีภาพ ง. พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนากลุ่มแรกที่คนไทยรจู้ กั (การ นำไปใช)้ 8. “ขาวคือบริสุทธ์ิ ศรสี วัสด์ิ หมายถึงพระรตั นตรยั และ ธรรมะคุม้ ครองจิตใจไทย” ข้อความทเ่ี ปน็ ตวั หนา้ หมายถึงข้อใด ก. ธงชาตไิ ทย ข. พระพุทธศาสนา ค. วรรณคดี พระพทุ ธศาสนา ง. ชื่อพระสงฆใ์ น พระพทุ ธศาสนา (การประเมินค่า) 9. ขอ้ ใดสอดคลอ้ งกับคณุ ของอรยิ สัจ ก. การแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ ข. การแกป้ ญั หาด้วยปัญญาและเหตุผล ค. การแก้ปญั หารว่ มกันเป็นหมู่คณะ ง. การแก้ปญั หาเพ่ือเอาหน้ารอด 10. ตะวนั ชอบชวนเดอื นฉายไปอ่านหนังสือที่ห้องสมดุ ทกุ เชา้ ก่อนเข้าเรยี นทำใหเ้ ดอื นฉายมีความรอบร้หู ลายอย่าง เหตกุ ารณน์ ส้ี อดคลอ้ งกับข้อใด ก. กายกรรม ข. ความพยายาม ค. การคบบัณฑติ ง. ความเอาใจใส่ (การสร้างสรรค์)

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น คำช้แี จง ให้นกั เรียนเลอื กคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งที่สุด เพียงคำตอบเดียว 1.คำรณ เปน็ ตวั แทนเพื่อน ๆ ในหอ้ งเรยี น กลา่ วขอบคุณครทู ี่ชว่ ยสอนพเิ ศษให้แกน่ กั เรยี น การกระทำดังกลา่ ว สอดคล้องกับเรือ่ งใด ก. การคบบณั ฑิต ข. การบูชา ผูค้ วรบูชา ค. การให้แก่ผู้สมควรให้ ง. การสำนึกในความดี ความชว่ั (วเิ คราะห์) 2. เพราะเหตใุ ดจงึ กล่าวว่า พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั คู่พระมหากษตั ริยไ์ ทย ก. คนไทยสว่ นใหญ่นบั ถือพระพุทธศาสนา ข. รฐั บาลไทยสนับสนนุ ส่งเสรมิ พระพทุ ธศาสนา ค. พระมหากษัตรยิ ์ไทย ทรงอปุ ถมั ภ์การศกึ ษาคณะสงฆ์ ง. พระมหากษตั รยิ ์ไทยทุกพระองคท์ รงเปน็ พทุ ธมาม กะ (ความเขา้ ใจ) 3. ขอ้ ใดแสดงถึงประเพณที ม่ี าจากพระพทุ ธศาสนาโดยตรง ก. ประเพณีแตง่ งาน ข. ประเพณที อดกฐิน ค. ประเพณงี านศพ ง. ประเพณสี ืบชะตาตอ่ อายุ (ความจำ) 4. อะไรคือเหตุผลที่แสดงว่า พระพทุ ธศาสนาคอื สภาพแวดล้อมทด่ี ขี องสังคมไทย ก. ประเทศเพ่ือนบา้ นไทยก็นับถอื พระพทุ ธศาสนา ข. เพ่ือความมัน่ คงและแพร่หลายของพระพุทธศาสนา ค. พระพุทธศาสนาไดเ้ ขา้ มาเผยแผ่ในประเทศไทยเปน็ เวลานาน ง. พระพทุ ธศาสนาเปน็ บ่อเกิดวัฒนธรรม และประเพณีทด่ี งี ามของไทย (การนำไปใช)้ 5.ข้อใดกล่าวถกู ต้อง ก. พระพทุ ธศาสนาให้คนไทยไม่เปล่ยี นแปลงศาสนา ข. วิถชี ีวติ ของคนไทยส่วนใหญ่มีพน้ื ฐานมาจากพุทธศาสนา ค.พระพุทธศาสนาเป็นสถาบันหลกั ของสงั คมไทย มาต้งั แต่สมยั ทวารวดี ง. ไทยไมเ่ คยรจู้ กั ศาสนาอ่ืนมาก่อนจึงตอ้ งนับถือพระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ (การสงั เคราะห)์ 6. ข้อใดแสดงถงึ อิทธิพลของพระพทุ ธศาสนาที่มีตอ่ ภาษาไทย

ก. ช่ือและนามสกลุ ของบุคคล ข. ชอ่ื ถนนและชื่อ สะพาน ค. ช่อื ห้างร้านและสถานท่ีทางราชการ ง. ภาษไทยส่วนใหญม่ พี ้ืนฐานมาจากภาษาบาลสี ันสกฤต(วิเคราะห์) 7. ขอ้ ใดแสดงให้เหน็ วา่ พระพทุ ธศาสนาสอดคล้องกับลักษณะนิสยั ของคนไทย ก. ประเทศเพ่ือนบา้ น นับถือศาสนาอนื่ ๆ ข. แนวคิดเรอื่ งนรกสวรรค์ในพระพทุ ธศาสนา ค. พระพุทธศาสนา เปน็ ศาสนาแหง่ อสิ ระเสรภี าพ ง. พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนากล่มุ แรกท่คี นไทยรจู้ ัก(การ นำไปใช)้ 8. “ขาวคือบริสุทธ์ิ ศรสี วสั ดิ์ หมายถึงพระรตั นตรัย และ ธรรมะค้มุ ครองจิตใจไทย” ขอ้ ความท่ีเปน็ ตัวหน้า หมายถงึ ข้อใด ก. ธงชาตไิ ทย ข. พระพทุ ธศาสนา ค. วรรณคดี ง. ชอ่ื พระสงฆ์ในพระพทุ ธศาสนา (การประเมนิ คา่ ) 9. ข้อใดสอดคล้องกบั คุณของอรยิ สจั ก. การแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ ข. การแกป้ ัญหาด้วยปญั ญาและเหตุผล ค. การแก้ปญั หาร่วมกันเป็นหมคู่ ณะ ง. การแกป้ ัญหาเพื่อเอาหน้ารอด 10. ตะวันชอบชวนเดือนฉายไปอา่ นหนังสือที่ห้องสมุดทุกเช้าก่อนเขา้ เรยี นทำใหเ้ ดือนฉายมคี วามรอบรู้หลายอยา่ ง เหตกุ ารณน์ สี้ อดคล้องกับข้อใด ก. กายกรรม ข. ความพยายาม ค. การคบบณั ฑิต ง. ความเอาใจใส่ (การสรา้ งสรรค)์

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการท่ีกำหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทีต่ รงกับระดับคะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 1 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา 2 ความคดิ สร้างสรรค์ 3 วิธีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่อื ......................... ....................... ผ้ปู ระเมิน (นายศรีมูล สมบุตร) เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องบางส่วน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีขอ้ บกพร่องเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ช่ือกลมุ่ ท่ี 1 ชน้ั ม.1/1 คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 1 การแบง่ หน้าท่กี ันอยา่ งเหมาะสม 2 ความรว่ มมือกนั ทำงาน 3 การแสดงความคิดเห็น 4 การรับฟงั ความคิดเห็น 5 ความมีน้ำใจชว่ ยเหลือกัน รวม ลงช่ือ ........................ ............................ ผู้ ประเมนิ (นายศรีมลู สมบตุ ร) เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ

แบบประเมิน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเม่อื ไดย้ ินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏิบัติตนตามสทิ ธิและหน้าท่ีของนกั เรยี น 2. ซ่อื สัตย์ สจุ รติ 1.3 ใหค้ วามรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำงานกับสมาชกิ ในชนั้ เรียน 1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมทสี่ ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ต่อ 3. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ 4. ใฝ่เรยี นรู้ โรงเรียนและชุมชน 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 1.5 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถือ ปฏบิ ัติตนตามหลักของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมทเี่ กยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามทโ่ี รงเรยี น และ ชมุ ชนจดั ขนึ้ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏิบัติในสิ่งทีถ่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทจี่ ะทำความผิด ทำตามสญั ญาที่ ตนให้ไว้กับเพอ่ื น พ่อแม่หรอื ผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อ่ืนด้วยความซ่ือตรง 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของครอบครวั และ โรงเรยี น มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจำวนั 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรอู้ ย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คมุ้ ค่า และเก็บรกั ษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใช้ทรพั ยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั คุ้มคา่ และเก็บรกั ษาดูแลอยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไมเ่ อาเปรียบผอู้ ืน่ และไม่ทำให้ผู้อ่นื เดือดร้อน พรอ้ มใหอ้ ภยั เมื่อผ้อู น่ื กระทำ ผิดพลาด

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ดา้ น 4321 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชวี ิตประจำวันบนพืน้ ฐานของ 6. มุ่งมั่นในการ ความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ทำงาน 5.6 ร้เู ท่าทันการเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรับตัว 7. รกั ความเป็นไทย อยู่รว่ มกับผู้อืน่ ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ 8. มจี ิตสาธารณะ 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออุปสรรคเพอื่ ให้งานสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ชว่ ยคดิ ชว่ ยทำ และแบง่ ปันส่งิ ของใหผ้ ูอ้ ืน่ 8.3 รูจ้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรยี น โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เข้ารว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชือ่ .................. ............... ผูป้ ระเมิน (นายศรมี ลู สมบุตร) เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 191 - 108 ดมี าก ให้ 1 คะแน 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ต่ากว่า 54 ปรบั ปรงุ

แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน  ด้านความรู้  ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน  ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมท่มี ปี ัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี ) มนี ักเรียนชายบางคนขาดเรียน /ไมม่ ่ความรับผดิ ชอบต่องานท่มี อบหมาย  ปญั หา/อปุ สรรค นักเรียนชายชอบขาดเรยี น  แนวทางการแก้ไข บันทึก แจ้งผา่ นไลน์กลุ่มงานในราชการ เพอ่ื ให้คุณครปู รึกษาไดต้ ดิ ตามอบรมให้นักเรียนใฝ่เรยี นรู้ ความเหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ .............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง ประวัติและความสำคัญของพระพุทธศาสนา รายวิชา สงั คมพ้นื ฐาน รหัส ส 21101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ช่ือ-สกลุ ครูผู้สอน นายศรีมูล สมบตุ ร ********************* คำชแ้ี จง แบบประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้ ฉบับน้ี มีวัตถุประสงค์เพือ่ ใหท้ า่ นซึง่ เป็นผนู้ ิเทศไดก้ รณุ าพจิ ารณาความ เหมาะสม และความสอดคลอ้ งระหว่างองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของแผนการจดั การเรียนรู้ แบบประเมินแบ่งเป็น 2 ตอน คือ ตอนท่ี 1 แบบประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้เปน็ การพจิ ารณาองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของ แผนการจัดการเรยี นรวู้ ่ามคี วามเหมาะสมเพียงใด ตอนท่ี 2 แบบประเมนิ ความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้ เป็นการพจิ ารณาองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของ แผนการจัดการเรยี นรวู้ ่ามีความสอดคลอ้ งกนั เพียงใด ตอนที่ 1 แบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ คำชีแ้ จง โปรดทำเครอื่ งหมาย √ ในชอ่ งระดับความเหมาะสมที่ตรงกบั ความคิดเหน็ ของทา่ น และขอความกรุณา เขยี นขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ เพอ่ื เปน็ แนวทางในการปรบั ปรุงแผนการจดั การเรยี นรูต้ ่อไป ขอ้ รายการประเมิน ระดบั ความคิดเห็น ใช่ ไม่ใช่ 1 แผนการจดั การเรียนรู้มอี งค์ประกอบสำคัญครบถ้วนตามแบบฟอร์มทีโ่ รงเรียนกำหนด √ 2 การเขยี นสาระสำคญั ในแผนการจัดการเรียนรู้มคี วามถกู ตอ้ ง √

3 จุดประสงคก์ ารเรยี นรรู้ ะบุพฤตกิ รรมชัดเจน สามารถวัดได้ √ 4 สาระการเรยี นร้คู รบถว้ น สัมพันธ์กับตัวชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้/จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ √ 5 ระบวุ ิธีการวัดผลประเมนิ ผลอย่างชดั เจน √ 6 ระบุเคร่อื งมือสำหรับการวดั ผลประเมินผลอย่างชัดเจน √ 7 ระบเุ กณฑ์การวัดผลประเมนิ ผลอย่างชัดเจน √ 8 กจิ กรรมการเรยี นรมู้ คี วามเหมาะสม ครบถ้วนทกุ ข้ันตอนตามวิธสี อน หรือกระบวนการ √ หรอื เทคนิคการสอนที่ระบไุ วใ้ นแผนการจัดการเรียนรู้ √ 9 ระบุการใช้ส่ือ นวัตกรรม/แหลง่ เรยี นร้สู มั พนั ธ์สอดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ √ 10 มีหลักฐานประกอบ เช่น ส่ือ ใบกิจกรรม ใบความรู้ เคร่ืองมอื วัด ฯ ทป่ี รากฏใน แผนการจดั การเรียนร้คู รบถ้วน ตอนท่ี 2 แบบประเมินความสอดคลอ้ งองค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ คำช้ีแจง โปรดทำเครื่องหมาย / ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ความคิดเหน็ ของท่าน ข้อที่ รายการประเมิน สอดคลอ้ ง ไม่แน่ใจ ไมส่ อดคลอ้ ง (1) (0) (-1) 1 การเขียนสาระสำคญั มีความสมั พันธ์สอดคลอ้ งกับตวั ช้วี ัด/ผลการ √ เรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2 จุดประสงคก์ ารเรยี นร้มู คี วามสอดคล้องสมั พันธ์กบั √ สาระการเรียนรู้ 3 หลกั ฐานการเรียนรู้มีความสมั พันธ์ สอดคล้องกับสาระ การเรียนรู้ √ ตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู/้ กิจกรรมการเรียนรู้

4 วธิ กี ารวัดผลประเมินผลมีความสัมพันธ์กบั สาระการเรียนรู้ ตัวชี้วดั / √ √ ผลการเรยี นรู้ √ √ 5 เครือ่ งมอื วัดผลประเมินผล มคี วามสมั พนั ธก์ ับคุณลักษณะอันพึง √ ประสงค์ของผ้เู รียน √ √ 6 เครือ่ งมอื วดั ผลประเมินผล มคี วามสัมพนั ธก์ บั สมรรถนะทส่ี ำคญั ของ √ ผเู้ รียน √ 7 กิจกรรมการเรยี นรมู้ ีความสัมพันธส์ อดคล้องกบั สาระการเรียนรู้ √ ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ 8 กิจกรรมการเรียนรู้มคี วามสัมพันธส์ อดคลอ้ งกับคุณลักษณะอันพึง ประสงคข์ องผูเ้ รยี น 9 กิจกรรมการเรยี นรูม้ ีความสมั พันธ์สอดคลอ้ งสมรรถนะทสี่ ำคญั ของ ผู้เรียน 10 สอ่ื -นวัตกรรม/อปุ กรณ/์ แหล่งเรียนรู้ มีความสมั พันธส์ อดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 11 แผนการจดั การเรียนรมู้ กี จิ กรรมบรู ณาการกบั งานสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียน 12 แผนการจัดการเรียนรู้มีกจิ กรรมบรู ณาการกบั หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 13 แผนการจัดการเรยี นรูม้ กี จิ กรรมบรู ณาการกบั งานส่งิ แวดล้อม เกณฑก์ ารประเมิน ความสอดคลอ้ งของแผนการจัดการเรยี นรู้ คา่ ความสอดคล้องตอ้ งมคี ่าตงั้ แต่ 0.50 ขึ้นไป ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ คะแนนระหว่าง 1 - 4 ระดับคุณภาพ ต้องปรับปรุง คะแนนระหว่าง 5 - 8 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนนระหว่าง 9 - 13 ระดบั คุณภาพ ดี

ผังมโนทศั น์ รายวชิ า สังคมพ้นื ฐาน รหัสวชิ า ส 21101 ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง พุทธประวตั ิ สาวก ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง และชาดก จำนวน 5 ชว่ั โมง : 5 คะแนน ชือ่ เร่อื ง พุทธประวตั ิ สาวก ศาสนิกชนตวั อยา่ ง และชาดก จำนวน 3 ชั่วโมง : 8 คะแนน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง พทุ ธประวัติ สาวก ศาสนิก ชนตัวอย่าง และชาดก 3 จำนวน 5 ช่วั โมง : 5 คะแนน

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอ่ื ง แผนจดั การเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง พทุ ธสาวก ศาสนกิ ชนตัวอย่าง และชาดก รายวิชา สังคมพ้นื ฐาน รหัสวิชา ส 21101 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 น้ำหนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 5 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสำคญั (ความเข้าใจท่คี งทน) การศึกษาพทุ ธประวัติ พุทธสาวก พุทธสาวิกา โดยใชก้ ารวเิ คราะห์อย่างเป็นเหตุเปน็ ผลนั้นยอ่ มทำใหไ้ ด้ขอ้ คดิ สำคญั และคุณธรรมอนั เป็นแบบอย่างของท่าน ซึ่งเราสามารถนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัดชัน้ ปี/ผลการเรยี นรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ ส 1.1 ม.1/4 วิเคราะหแ์ ละประพฤตติ นตามแบบอย่างการดำเนินชีวิต และขอ้ คิดจากประวตั ิ สาวก ชาดก เรื่องเลา่ และศาสนิกชนตวั อย่างตามที่กำหนด 3. สาระการเรยี นรู้ ประวตั ิพทุ ธสาวก พุทธสาวิกา ทค่ี วรศกึ ษา มีดังน้ี 1. พระมหากสั สปะ 2. พระอุบาลี 3. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐี 4. นางวิสาขา 3.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge พทุ ธสาวก ศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง และชาดก ประวัติพทุ ธสาวก พุทธสาวิกา ทคี่ วรศึกษา มีดังน้ี 1. พระมหากัสสปะ 2. พระอุบาลี 3. อนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี 4. นางวิสาขา 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process ทำกจิ กรรมรายบุคคล รายกล่มุ ในการศึกษาเรยี นรู้ตามเน้อื หา 3.3 คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ : Attitude ประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชวี ติ ท่ีดีในสงั คมอยา่ งมี ความสุข 4. สมรรถนะสำคัญของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 5. คุณลกั ษณะของวิชา - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่

6. คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซ่ือสตั ย์สุจริต 3. มวี ินยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มงุ่ มั่นในการทำงาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน : 7.1 เรอ่ื ง พทุ ธสาวก ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง และชาดก ประวตั พิ ุทธสาวก พุทธสาวิกา ที่ควรศกึ ษา มีดังน้ี 1. พระมหากัสสปะ 2. พระอบุ าลี 3. อนาถบิณฑกิ เศรษฐี 4. นางวิสาขา - ใบงานท่ี 1.1 ใหศ้ ึกษาวเิ คราะหเ์ รือ่ ง ประวตั ิพุทธสาวก พุทธสาวิกา ที่ควรศึกษา (ทำหนังสอื เลม่ เลก็ ) - แบบฝกึ ทักษะท่ี 1 นำเสนอ ประวัตพิ ุทธสาวก พุทธสาวกิ า ท่คี วรศกึ ษา 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความจำเป็นท่ีเราควรเรยี นรูป้ ระวัติพทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า ได้ 2. อธบิ ายวิธีการปฏิบตั ิตนตอ่ พทุ ธสาวก พุทธสาวิกา ได้ 3. ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมคำสอนและจริยาวตั รของพทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า ได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม เข้าสู่บทเรยี น/ขนั้ ต้ังคำถาม (วิธีสอนโดยใชเ้ ทคนิคแบบหมวกหกใบ) ช่วั โมงท่ี 1 - 5 นกั เรยี นสวดมนต์บูชาพระรตั นตรัยและทำสมาธกิ ่อนเรยี น 1. ครใู หน้ กั เรียนเลา่ ประสบการณ์ด้านความรเู้ ดิมเกย่ี วกับพุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า ทเี่ คยเรียนมาแล้วในหวั ขอ้ ต่อไปนี้ 1) พุทธสาวก พทุ ธสาวิกาทน่ี กั เรียนเคยเรียนมีใครบา้ ง 2) แตล่ ะท่านมีคุณธรรมท่คี วรถือเปน็ แบบอย่างอะไรบ้าง 3) นกั เรยี นเคยปฏบิ ัติตามคุณธรรมของทา่ นอยา่ งไรบา้ ง และผลการปฏิบัติเปน็ อย่างไร 2. ครูอธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ การศกึ ษาประวัติพทุ ธสาวก พุทธสาวกิ าจะทำใหเ้ ราเข้าใจวถิ กี ารดำเนินชวี ิตของ

ท่าน และสามารถนำคุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างของท่านมาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวนั ซึ่งจะเปน็ ผลดีต่อตนเอง ซง่ึ ใน ช่วั โมงเรยี นนนี้ ักเรียนจะไดศ้ กึ ษาประวัติของพระมหากัสสปะ พระอุบาลี และอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี และนางวสิ าขา 3. ให้นกั เรียนแบง่ ออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 6 คน และใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ จบั สลากประวัติของพุทธสาวก พุทธสาวกิ า ดงั นี้ 1) ประวัตพิ ระมหากัสสปะ 2) ประวัตพิ ระอุบาลี 3) ประวัติอนาถบิณฑิกเศรษฐี 4) ประวัตนิ างวิสาขา 4. ครอู ธบิ ายวิธีการเรยี นรู้โดยใช้เทคนิคการคิดแบบหมวกหกใบ พร้อมแจกใบความรู้เรื่องเทคนคิ การคดิ แบบหมวกหกใบ ซงึ่ ประกอบดว้ ย 1) หมวกสีขาว 2) หมวกสีแดง 3) หมวกสีดำ 4) หมวกสีเหลอื ง 5) หมวกสีเขยี ว 6) หมวกสีฟ้า 5. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ อา่ นประวัติของพุทธสาวก พุทธสาวกิ า ทีจ่ ับสลากได้ 6. สมาชิกในกลุม่ แตล่ ะกลมุ่ เลอื กหมวกคนละสี จากนนั้ ให้อ่านบตั รคำส่งั และปฏิบัติตามข้นั ตอน ดงั นี้ - สมาชกิ ที่สวมหมวกสีขาว บอกเรื่องราวเก่ียวกบั ประวัติของพุทธสาวก หรือพุทธสาวกิ า - สมาชกิ ท่ีสวมหมวกสีฟา้ สรปุ ถึงคุณธรรม จริยธรรมของพุทธสาวก หรอื พทุ ธสาวกิ า - สมาชิกท่ีสวมหมวกสเี ขยี ว บอกประโยชนข์ องการนำคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของพุทธสาวก หรอื พุทธสาวิกา ไปใช้ใน การดำเนนิ ชวี ิต - สมาชิกที่สวมหมวกสเี หลือง สดี ำ สแี ดง เล่าถึงประสบการณท์ ง้ั ด้านบวก และดา้ นลบเกี่ยวกับการนำหรอื ไมน่ ำ คุณธรรม จรยิ ธรรมน้นั ๆ ไปใชใ้ นการดำเนินชีวิต จากนนั้ ใหส้ มาชกิ ทุกคนสวมหมวกสฟี ้า เพ่ือสรปุ แนวทางในการนำคุณธรรม จรยิ ธรรมนน้ั ๆ มาใช้ในการดำเนินชวี ิต 7. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ ประเด็นสำคญั เก่ียวกับประวัตพิ ทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า ตามทก่ี ลุ่มจับสลากได้ และทำ กจิ กรรมหมวกหกใบรว่ มกัน เพ่อื เตรียมนำเสนอผลงานตอ่ ชน้ั เรียน ดังน้ี - ประวัตโิ ดยย่อ - คุณธรรมทคี่ วรถือเปน็ แบบอย่าง - แนวทางการนำคณุ ธรรมของท่านไปประยุกต์ใช้ 8. ตัวแทนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงาน และให้กล่มุ อ่ืนแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติม โดยครูเป็นผชู้ ้ีแนะและตรวจสอบความ ถูกตอ้ ง ในกรณีท่บี างกลุ่มได้ศกึ ษาในเรอ่ื งเดียวกนั นั้น ให้เสนอเพ่มิ เตมิ ในส่วนท่แี ตกต่างกนั ไป 9. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ สาระสำคญั และขอ้ คดิ ท่ไี ด้จากการศึกษาประวตั ขิ องพระมหากัสสปะ พระอบุ าลี อนาถ บิณฑิกเศรษฐี นางวสิ าขา และแนวทางการนำคุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างของท่านไปปฏิบัติ

10. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นทกุ คนไปศึกษาความรู้เกยี่ วกบั ศาสนิกชนตวั อย่าง คือ พระเจา้ อโศกมหาราช พระโสณะ และพระอตุ ตระ จากหนังสือเรยี นมาลว่ งหนา้ เพือ่ เตรยี มการเรยี นใน เรอ่ื ง ศาสนกิ ชนตัวอยา่ งในช่ัวโมงเรียนตอ่ ไป 9. สื่อการเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ รายการส่ือ จำนวน สภาพการใช้สื่อ 1.หนังสือเรียน พระพทุ ธศาสนา ม.1 1 ชุด ขน้ั ตรวจสอบความร้เู ดิม 2.บตั รคำสั่ง กจิ กรรมหมวกหกใบ 1 ชุด ขั้นสำรวจและคน้ พบ 3. แบบฝกึ ทกั ษะ 1 เรอ่ื ง ประวัติพทุ ธสาวก พุทธ 1 ชดุ ข้นั ขยายความรู้ สาวิกา 10. การวดั ผลและประเมินผล เป้าหมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครื่องมือวัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน การตรวจผลงาน เกณฑก์ ารให้ การตรวจผลงาน เกณฑ์การประเมนิ ผลงาน 1.สามารถอธิบาย ใบงาน นกั เรยี น คะแนน พทุ ธสาวก พุทธ การสังเกต ผ่านระดับดขี ้ึนไป สาวิกาทนี่ ักเรยี นเคย ใบงาน เรยี นมีใครบ้าง เกณฑ์การประเมินผลงาน ผ่านระดบั ดีขึน้ ไป 2.สามารถนำเสนอ นกั เรียน ความสำคญั แตล่ ะท่าน มีคณุ ธรรมท่คี วรถอื แบบบันทึก แบบบนั ทกึ การสังเกต ผา่ นระดับดีขนึ้ ไป เป็นแบบอยา่ ง พฤตกิ รรม รายบคุ คล อะไรบา้ ง และรายกล่มุ 3.นักเรยี นเคยปฏบิ ตั ิ ตามคณุ ธรรมของ ท่านอยา่ งไร

บา้ ง และผลการ ปฏิบัติเปน็ อย่างไร 11. การบูรณาการตามจดุ เน้นของโรงเรียน (ตวั อยา่ ง) หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผู้เรียน พอเพยี ง พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ 6. ความพอประมาณ รจู้ กั ใช้เทคโนโลยมี าผลิตสื่อที่เหมาะสม มจี ติ สำนึกท่ดี ี เออื้ อาทร ประนปี ระนอม 7. ความมเี หตผุ ล และสอดคลอ้ งเน้อื หาเปน็ ประโยชน์ตอ่ นึกถงึ ประโยชนส์ ่วนรวม/กลุ่ม 8. มีภมู ิคมุ กนั ในตัวที่ดี ผู้เรยี นและพัฒนาจากภมู ปิ ญั ญาของผู้เรยี น 9. เงื่อนไขความรู้ ไม่หยุดน่งิ ทห่ี าหนทางในชีวิต หลดุ พน้ จาก - ยดึ ถือการประกอบอาชพี ดว้ ยความถกู ต้อง ความทุกข์ยาก (การคน้ หาคำตอบเพ่ือให้ 10. เง่อื นไขคุณธรรม สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน ใน หลดุ พน้ จากความไมร่ ้)ู การดำรงชีวิต ภมู ิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ระมัดระวัง ความรอบรู้ เร่อื ง งานและกำลัง ที่ ความรอบรู้ เร่อื ง งานและกำลัง กรณีท่ี เกี่ยวขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบท่จี ะนำ เกดิ งาน ปริมาณที่เกี่ยวขอ้ ง การคำนวณสตู ร ความรูเ้ หล่านัน้ มาพิจารณาให้เช่อื มโยงกนั ทีต่ อ้ งใช้ สามารถนำความรเู้ หลา่ น้นั มา เพ่อื ประกอบการวางแผน การดำเนินการจัด พิจารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกัน สามารถประยุกต์ กจิ กรรมการเรยี นร้ใู หก้ ับผู้เรียน ใช้ในชีวติ ประจำวนั มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม ซอื่ สัตย์สจุ รติ และมีความอดทน มีความเพียร ซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มคี วามเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดำเนินชีวิต ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนินชีวิต ครู ผูเ้ รยี น

งานและกำลัง งานและกำลัง งานและกำลัง - การเกดิ งานแต่ละกรณี - ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อการเกดิ งาน - ระบุปจั จัยท่ีมผี ลต่อการเกดิ งาน - การเกดิ กำลัง การได้เปรยี บ - ปริมาณท่เี กี่ยวข้องกบั การเกดิ งานและ - ทดลองเปรียบเทยี บการเกิดงานและ เชิงกล กำลัง กำลงั พร้อมคำนวณปรมิ าณท่เี ก่ยี วขอ้ ง สิง่ แวดลอ้ ม ครู ผูเ้ รยี น งานและพลงั งาน - การเลือกใชอ้ ยา่ งถกู วิธี งานและพลังงาน งานและพลงั งาน - การอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดล้อม - การเลือกใชอ้ ย่างถกู วิธี/ เทคนคิ วธิ กี าร - ยกตวั อยา่ งการใชอ้ ปุ กรณ์/เครือ่ งใช้ไฟฟ้า - กระบวนการการอนรุ ักษส์ งิ่ แวดลอ้ ม อยา่ งถูกวิธี - แสนอแนะแนวทางอนุรักษส์ งิ่ แวดลอ้ ม ลงช่อื ........... .............................ผ้สู อน (นายศรมี ูล สมบตุ ร)

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน ประเมนิ การนำเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงช่ือ ผูป้ ระเมนิ (นายศรีมลู สมบตุ ร) เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบูรณ์ชดั เจน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุม่ ช่ือกลมุ่ ช้ัน................... คำชแี้ จง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 1 การแบ่งหน้าทีก่ นั อยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมือกันทำงาน 3 การแสดงความคิดเหน็ 4 การรบั ฟงั ความคดิ เห็น 5 ความมีน้ำใจช่วยเหลอื กัน รวม ลงชือ่ ....................... .... ผู้ประเมิน (นายศรีมลู สมบุตร) เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook